Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูโรงเรียนอนุบาลนครนายก

คู่มือครูโรงเรียนอนุบาลนครนายก

Published by renu_sa-bai-dee, 2022-05-21 06:39:21

Description: คู่มือครูโรงเรียนอนุบาลนครนายก

Search

Read the Text Version

คำนำ คู่มอื ครโู รงเรียนอนุบาลนครนายก เลม่ น้ี จัดทาขนึ้ เพอ่ื ใหค้ รูและบุคลากรภายในโรงเรียนใช้เปน็ แนวทาง ในการปฏิบัติงานท่ไี ด้รับคาส่ังแตง่ ต้ังใหป้ ฏิบัติงานในหน้าที่ต่าง ๆ ทง้ั ในดา้ นการสอนและงานตามโครงสรา้ งการ บรหิ ารงานของโรงเรยี น เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารและการจัดการศึกษาของโรงเรยี นเกิดประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล ตามมาตรฐานการศกึ ษาของโรงเรียน และมาตรฐานการศกึ ษาของตน้ สงั กัด ขอขอบคุณครแู ละบุคลากรทุกท่านท่ไี ด้มสี ่วนรว่ มในการจัดทาคู่มือครเู ลม่ น้จี นสาเร็จและหวังเป็นอยา่ งย่งิ วา่ คมู่ อื ครูเลม่ นจ้ี ะถูกใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือในการพัฒนางานตา่ ง ๆ ของโรงเรียนใหม้ คี ณุ ภาพย่งิ ขึ้นต่อไป ฝ่ายบริหารงานบคุ คล โรงเรียนอนบุ าลนครนายก

ระเบียบแนวปฏบิ ตั ขิ องครู 1. กำรปฏบิ ตั หิ น้ำทร่ี ำชกำร 1.1 มาถึงโรงเรยี นกอ่ นเวลา 07.00 น. (โรงเรยี นเข้าเวลา 07.40 น.) และกลบั หลังเวลา 16.30 น. 1.2 ครูปฏบิ ตั ิหนา้ ทเ่ี วรประจาวันมากอ่ นเวลา 06.30 น. -กรณที ีไ่ ม่สามารถมาปฏิบัตหิ น้าท่ีตามเวลาท่กี าหนด ใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังน้ี 1.1.1 แจ้งหวั หน้าผ้คู วบคุมเวรประจาวัน 1.1.2 เมื่อมีธุระจาเป็นให้บนั ทึกเสนอผ้อู านวยการลว่ งหน้า 1 วนั ถ้าเป็นเรอ่ื งฉกุ เฉิน เช่น ปว่ ยกะทันหัน อุบตั เิ หตุ ให้โทรศพั ทแ์ จ้งผู้อานวยการ โรงเรียน ก่อนเวลา 06.30 น. และประสานงานหวั หน้าเวรเพ่ือจดั ครทู าหน้าท่ีแทน 2. กำรลำกิจ - ต้องสง่ ใบลาเพือ่ ขออนุญาตลว่ งหน้าอย่างน้อย 3 วัน และเมอื่ ไดร้ บั อนุญาตแลว้ จึงหยุดได้ ถ้าเปน็ กจิ ที่จาเป็นเร่งดว่ นให้ขออนุญาตทนั ทีและประสานงานแจ้งฝ่ายบรหิ ารงานบุคคลเพื่อ บันทึกขอ้ มลู การลา แล้วส่งใบลาในวันท่มี าปฏบิ ัติราชการ 3. กำรลำปว่ ย - โทรศพั ทแ์ จ้งให้ผอู้ านวยการทราบและประสานงานแจ้งฝา่ ยบริหารงานบุคคลเพอื่ ลงบนั ทึก ข้อมลู การลา และส่งใบลาในวนั ที่มาปฏิบัติราชการ กรณที ่ีลาปว่ ยเปน็ ระยะเวลานาน ใหส้ ่งใบลาพรอ้ มใบรบั รองแพทยก์ อ่ นมาปฏบิ ัติหน้าที่ 4. กำรแต่งกำย ครหู ญิง - แต่งกายสุภาพ สะอาด เรยี บร้อย เหมาะสมกับความเปน็ ครู กระโปรงสัน้ คลมุ เขา่ เสื้อมีแขน - แต่งเครือ่ งแบบโรงเรยี นที่ถูกตอ้ งตามขอ้ ตกลง ทุกวันจันทร์ วนั พธุ วนั ศกุ ร์และวนั ทไ่ี ดร้ บั คาส่ังเปน็ กรณีพิเศษ - รวบผม สุภาพ ไมป่ ลอ่ ยยาวในวันจันทรท์ ีส่ วมเครอื่ งแบบชดุ ตรวจการ (กากี) ครูชำย - แต่งกายสุภาพ สะอาด เรยี บรอ้ ย เหมาะสมกบั ความเปน็ ครู ไมส่ วมเสือ้ โปโลและกางเกงยีน - ไวท้ รงผมสุภาพ ไมไ่ ว้ผมยาวเกินไป - แตง่ เครื่องแบบโรงเรียนทีถ่ ูกต้องตามข้อตกลง ทกุ วนั จันทร์ วนั พุธ วนั ศกุ ร์ และวันท่ีได้รับ คาส่ัง เปน็ กรณพี ิเศษ 5. กำรอบรมนกั เรยี น 5.1 ครปู ระจาชัน้ และครูผู้สอนควรวางระเบียบใหน้ กั เรียนทราบและเขา้ ใจอยา่ งชัดเจนตง้ั แต่ เริ่มแรก โดยยึดแนวปฏบิ ตั ติ ามคู่มอื นักเรียน

5.2 ครปู ระจาชนั้ จัดอบรมนกั เรยี นตามหวั ขอ้ อบรมของโรงเรยี น โดยไมอ่ ่านใหน้ กั เรียนฟงั แตใ่ ช้วิธพี ดู แบบการอบรม และควรแบง่ เวลาในช่วั โมงทีส่ อนอบรมทกุ หัวข้อที่โรงเรยี นกาหนดให้ นอกจากน้ีให้อบรมเร่อื งอ่นื ๆดว้ ยเมอื่ เห็นวา่ นกั เรยี นยังบกพร่องในเรอื่ งน้นั ๆ การอบรมใหพ้ ูดเชิงบวก กับนกั เรียน 5.3 ขอใหค้ รูผสู้ อนทุกคนช่วยกันตกั เตือนนักเรยี น และส่งั สอนนกั เรียนให้ปฏิบัตติ ามระเบยี บ ของโรงเรยี น 5.4 ครปู ระจาช้ันควรตดิ ตามผลการอบรมทุกสปั ดาห์ โดยการสงั เกตนกั เรียน สอบถาม นกั เรยี นและครผู ู้สอน 5.5 ครูทุกคนควรคานงึ ไว้เสมอว่าการปฏิบัตติ นเป็นตัวอยา่ งท่ีดนี น้ั เปน็ ส่งิ ทีด่ ีที่สุด (ตัวอยา่ งท่ี ดมี คี า่ มากกว่าคาสอน) 6. กำรปฏบิ ัติในชั่วโมงสอน 6.1 เข้าสอนและออกจากหอ้ งเรยี นใหต้ รงเวลา 6.2 ไม่ใชเ้ คร่ืองมือสอื่ สารออนไลนน์ อกเหนือจากการเรียนการสอนหากได้รับการตกั เตือน เกิน 2 คร้ัง อาจไมไ่ ด้รบั การพิจารณาเป็นกรณพี ิเศษ 6.3 ให้นกั เรยี นบอกทาความเคารพโดยหัวหนา้ ห้องกล่าวคาวา่ “นกั เรยี นทั้งหมดตรง” เมอ่ื นักเรียนยนื เรียบรอ้ ยแลว้ ให้หัวหน้าหอ้ งกลา่ วคาว่า “ทาความเคารพ” นักเรยี นจึงน้อมไหว้ 6.4 พจิ ารณาความเรียบร้อยของนักเรยี น และความสะอาดของหอ้ งเรยี น ถา้ พบข้อบกพร่อง ให้ตกั เตือนและอบรมด้วยเหตุผล 6.5 ตรวจนับจานวนนักเรยี นและบันทกึ ขอ้ มูลลงในสมดุ ประจาหอ้ งเรียน ถ้าพบวา่ มนี ักเรียน หายไปจากห้องเรียนใหบ้ นั ทกึ ชือ่ นักเรยี น และเหตุผลที่หายไปลงในชอ่ งหมายเหตขุ องสมดุ ประจา หอ้ งเรยี น 6.6 ดาเนนิ การสอนตามกาหนดการสอนและแผนการจดั การเรียนรู้ โดยสอนอย่างเตม็ ท่ีและ ตอบคาถามเมอื่ นักเรียนมขี อ้ สงสยั 6.7 นักเรยี นไมต่ ้งั ใจเรยี นให้ตักเตือนสาหรับครั้งท่ี 1 และครง้ั ท่ี 2 ถ้าไมเ่ ชอื่ ฟังใหท้ าบันทกึ และส่งนักเรียนมาให้ผูอ้ านวยการ ครไู ม่ควรทาโทษนักเรียนด้วยการไล่นกั เรียนออกนอกห้อง หรอื ตี นักเรียน 6.8 ไม่ควรน่ังสอนยกเวน้ มคี วามจาเปน็ เช่น เจบ็ ป่วย ตั้งครรภ์ เป็นต้น 6.9 ไมน่ ัง่ บนโตะ๊ ขณะทาการสอน 6.10 ในกรณที ี่มคี วามจาเปน็ ตอ้ งนานกั เรียนออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นจากทก่ี าหนดไว้ใน ตารางสอน ใหบ้ นั ทึกขออนญุ าตจากผอู้ านวยการ 6.11 ในกรณีทไี่ ด้รบั คาสั่งให้สอนแทน ใหป้ ฏบิ ัตเิ หมอื นครูผ้สู อนประจาวชิ า ไม่ให้ท้ิงหอ้ ง สอน 6.12 ตักเตือนนักเรียนเมอ่ื พบนักเรียนทาส่ิงไมถ่ ูกตอ้ ง เชน่ เข้าหอ้ งเรยี นสาย ดมื่ น้า รับประทานขนมในขณะทค่ี รกู าลงั สอน

6.13 ตอ้ งสารวจเวลาเรยี นรวมของนักเรียนอยา่ งสมา่ เสมอ การขาดเรียนทกุ ครั้งให้บันทึกไว้ เปน็ หลกั ฐาน 6.14 เลือกใช้วิธีการสอนที่หลากหลายเหมาะสมกบั เนอ้ื หา 6.15 หากครไู ด้รบั คาสงั่ จากหนว่ ยงานอนื่ หรอื หนว่ ยงานตน้ สังกัดใหไ้ ปชว่ ยราชการ ให้ถอื เปน็ การรบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่ในโรงเรียน และหนว่ ยงานท่ีร้องขอ โดยไม่ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ การเรียน ของนกั เรยี นท่ีรบั ผิดชอบ หากมผี ลเสยี หายเกิดขึ้นจากการที่ตอ้ งละทิ้งหอ้ งเรียนครูผ้นู ัน้ จะตอ้ งยอมรบั ผลการพจิ ารณาของฝ่ายบริหาร 6.16 ในกรณีทีม่ คี วามจาเป็นไมส่ ามารถเข้าสอนตามปกติได้ ให้แจ้งผู้อานวยการทราบ ล่วงหน้า โดยใช้บนั ทกึ ขอแลกช่ัวโมงสอน และให้ครูผู้สอนแทนในแตล่ ะชั่วโมงลงช่ือรับทราบพรอ้ มกับ แจง้ ใหน้ กั เรียนทราบเพ่ือจะไดเ้ ตรยี มตวั ในการเรียนดว้ ย 7. กำรปฏบิ ตั ติ นเปน็ ตวั อยำ่ งทดี่ แี กน่ กั เรยี น 7.1 ปฏิบัติหนา้ ทร่ี าชการอย่างเต็มท่แี ละเต็มเวลา 7.2 ปฏิบัติตามกฎและขอ้ ตกลงของโรงเรยี น หากมีบางเรอื่ งท่ไี มเ่ หน็ ดว้ ยควรเสนอ ผูอ้ านวยการเพอื่ ให้การปฏบิ ัตเิ ปน็ ไปในแนวเดียวกนั 7.3 มีความซื่อสตั ยต์ ่อหนา้ ที่ มีคณุ ธรรม จริยธรรม ต้ังใจปฏิบตั ิหน้าที่ 7.4 พฒั นาตนเองเพ่ือใหท้ นั สมัยทงั้ ทางดา้ นวิชาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพือ่ ใหเ้ ป็นที่ เลือ่ มใสแก่นกั เรยี น 7.5 ตงั้ ใจปฏิบัตหิ น้าทีท่ ่ีได้รับมอบหมายอย่างเตม็ ที่ 7.6 ใช้ถ้อยคาที่สภุ าพทัง้ ตอ่ ครูและนกั เรียน 7.7 ไม่สูบบุหรี่ หรอื ดืม่ สรุ าให้นักเรียนเห็นหรือรบั รใู้ นขณะปฏิบัตริ าชการ 7.8 ศึกษาและปฏบิ ัติตามกฎระเบียบที่โรงเรียนกาหนดอยา่ งเคร่งครดั ศกึ ษากฎระเบยี บของ นักเรยี นเพอื่ จะได้อบรมนกั เรียนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 7.9 รักษาวฒั นธรรมอันดงี ามของโรงเรียน เช่น การทกั ทายดว้ ยการสวสั ดี ใช้คาพดู สุภาพ เคารพผูอ้ าวโุ ส 7.10 ไม่ปกปอ้ งนักเรยี นทีท่ าความผดิ 8. กำรประชมุ ประจำเดอื น 8.1 การประชมุ ครขู องโรงเรยี น มกี ารประชุม PLC ของโรงเรียนสปั ดาห์ละครง้ั หรอื ตาม ภารกจิ ที่จาเป็น มเี รอื่ งสาคญั แจง้ ใหท้ ราบ เปน็ หนา้ ที่ของครูทุกคนทจ่ี ะตอ้ งเข้ารว่ มประชมุ เมื่อขาด ประชมุ ต้องแจ้งผู้อานวยการ 8.2 การประชมุ ของกลุม่ สาระการเรยี นรู้จะไมเ่ บียดบังเวลาเรยี นของนกั เรียนจะประชมุ นอก เวลาเรียน หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นร้จู ะซักซอ้ มการทางานกบั ครภู ายในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนการสมั มนาเกี่ยวกบั วิชาทส่ี อน เพอ่ื แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นเกยี่ วกับเน้อื หาวชิ า วธิ ีการสอน และอนื่ ๆ นอกจากนี้กจ็ ะมกี ารเชญิ วทิ ยากรผู้ทรงคณุ วฒุ ิบรรยายใหค้ วามรู้เสรมิ แก่ครู เพอ่ื งานของ กลมุ่ สาระการเรยี นรจู้ ะได้สัมฤทธ์ิผลตามเปา้ หมาย

9. กำรอนญุ ำตใหน้ กั เรยี นออกนอกบริเวณโรงเรียน 9.1 นกั เรียนเขียนใบลาโดยใช้แบบฟอรม์ ของโรงเรียน และให้ผู้ปกครองเซ็นชอื่ รบั รองสง่ ใบลาให้ครปู ระจาชัน้ ตรวจลายเซ็นผู้ปกครองวา่ ถกู ต้องแลว้ เสนอผอู้ านวยการพิจารณา 9.2 เมือ่ นกั เรยี นป่วย ถา้ จาเป็นต้องกลับบา้ น ครูประจาช้ันเป็นผ้พู านกั เรยี นสง่ กลับบา้ นหรอื ผตู้ ดิ ต่อใหผ้ ูป้ กครองมารบั ตัวกลับบ้าน และใหผ้ ปู้ กครองนักเรียนลงชื่อรบั นักเรียนก่อนเวลาในสมุด บนั ทึกของทางโรงเรียน หากนักเรียนประสบอบุ ตั ิเหตุจาเปน็ ตอ้ งส่งโรงพยาบาลให้ครูประจาชนั้ และ ครพู ยาบาลพานกั เรียนสง่ โรงพยาบาล 10. กำรติดตำมดแู ลแกไ้ ขควำมประพฤตนิ กั เรยี น 10.1 ครทู กุ ท่านต้องสนใจกวดขนั ให้นกั เรียนประพฤติปฏบิ ัติตามระเบียบข้อบงั คับของ โรงเรยี นโดยเคร่งครัดและปฏิบัตใิ หเ้ สมอกนั ทกุ คน 10.2 ครตู อ้ งเหน็ ความสาคญั ของการปลกู ฝังคุณธรรมแก่นกั เรียนให้เทา่ กับวิชาการ 10.3 ให้ครปู ระจาช้ันควบคุมความประพฤติของนกั เรยี น เพ่อื ปลูกฝงั จติ สานึกในความเป็น นกั เรยี นโรงเรยี นอนุบาลนครนายก 10.4 เมื่อครูประจาช้นั พบว่านักเรยี นกระทาความผดิ รา้ ยแรง ตอ้ งรีบรายงานให้ผ้อู านวยการ ทราบทนั ที 11. กำหนดเปดิ – ปดิ อำคำรเรยี น กำรประหยัดไฟ 11.1 เปิดอาคารเรียนตอนเช้า เวลา 06.30 น.หากไมจ่ าเปน็ ไม่เปดิ ไฟในห้องเรียน 11.2 ปดิ อาคารเรยี นตอนเยน็ เวลา 16.30 น.ครูประจาชน้ั หรือครูประจาวิชาตรวจตราให้ นักเรยี นปดิ ไฟ และเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าทกุ ชนดิ กอ่ นออกหอ้ งเรยี น 11.3 หลังเลิกเรยี นวันสดุ สัปดาห์ หรือวนั หยุดยาว ควรตรวจตราดูความเรียบร้อยของประตู หนา้ ตา่ ง หากพบการชารุดใหแ้ จง้ ฝ่ายอาคารสถานที่ให้ซ่อมแซม 12. กำรส่งเสรมิ ทำงด้ำนวชิ ำกำร 12.1 เม่อื มคี วามจาเป็นตอ้ งสอนนักเรยี นในวนั หยุดหรือหลังเวลาราชการ ให้ทาหนังสือแจ้ง ผู้ปกครอง 12.2 ให้ครูประจาชนั้ ส่งเสรมิ นกั เรียนทเ่ี กง่ และชว่ ยทบทวนวชิ าให้นกั เรยี นท่เี รียนออ่ น 13. หน้ำทคี่ รปู ระจำชัน้ 13.1 ในวนั เปิดภาคเรียนครปู ระจาชน้ั ตอ้ งชีแ้ จงระเบียบแบบแผนตา่ งๆอยา่ งละเอียด ติดตามดแู ลใหน้ กั เรยี นปฏิบัติตามระเบียบพร้อมท้งั แนะนาเร่ืองอาคารสถานท่ภี ายในโรงเรยี นที่ นกั เรยี นต้องทราบ เช่น ห้องสมุด ห้องพยาบาล เป็นต้น 13.2 จดั ใหม้ ีการเลือกหัวหนา้ ชั้นและรองหัวหนา้ ชัน้ ภายในสปั ดาหท์ ี่ 2 หลังเปิดภาคเรียนท่ี 1 และมอบหมายงานของหวั หนา้ ชั้น เชน่ สารวจจานวนนักเรยี น รวบรวมเอกสารทะเบียน ฯลฯ จัดแบง่ นกั เรยี นเป็นเวรลบกระดาน ทาความสะอาดห้องเรยี น โตะ๊ ครู สง่ และรับสมดุ แบบฝกึ หัดจาก ครผู ูส้ อน เป็นต้น

13.3 ทาสมดุ รายงาน ครูประจาช้นั ต้องลงความเห็นเกย่ี วกับพฤตกิ รรมของนกั เรยี นตาม สภาพความเปน็ จริงด้วยภาษาท่ีสรา้ งสรรค์ในสมดุ รายงาน 13.4 ดูแลอบรมนกั เรยี นอย่างสมา่ เสมอในชวั่ โมงโฮมรมู ตามหัวข้อท่ที างโรงเรียนได้ มอบหมายให้และดูแลการสวดมนต์ประจาสัปดาหใ์ ห้เปน็ ไปด้วยความเรยี บรอ้ ย สง่ เสริมพฤตกิ รรม นกั เรียนเชงิ บวก และปรบั แกพ้ ฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ ึงประสงค์ 13.5 แนะนาและตกั เตือนให้นกั เรียนปฏบิ ตั ิตนอยูใ่ นระเบียบวนิ ัยของโรงเรยี น เชน่ ความ ประพฤติและการแต่งกาย 13.6 ประสานงานกับครผู ้สู อนในแตล่ ะวชิ า และผูป้ กครองนกั เรยี น เพ่อื รับทราบปญั หา และ รว่ มกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาท่เี กิดข้ึน 13.7 ให้ครปู ระจาชั้นศกึ ษาข้อมูลของนกั เรียนอยา่ งละเอยี ด เพือ่ นาไปสกู่ ระบวนการใน ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน 13.8 เมื่อไดร้ ับขอ้ มลู เกีย่ วกบั นักเรียนท่ีประพฤตผิ ดิ ระเบียบ ครูประจาชั้นแจ้งผู้อานวยการ เพ่ือแจ้งผปู้ กครอง 13.9 ควบคมุ ดูแลนกั เรยี นในชั้นท่ีรับผิดชอบในการทากจิ กรรมหน้าเสาธงและเข้าหอ้ งประชุม ประจาสปั ดาหร์ ่วมกับครูพเิ ศษในสายชน้ั 13.10 ควบคุมดแู ลการรบั ประทานอาหารกลางวันของนักเรียนในห้องเรียนของตนเอง 14. หน้ำทค่ี รเู วร 14.1 ครเู วรรกั ษาการณ์ 14.1.1 เวลาปฏบิ ัติหน้าที่ 06.00 – 18.00 น. และ 18.00 – 06.00 น. ของวนั ถดั ไป 14.1.2 ข้อปฏบิ ัตใิ นขณะปฏิบัติหน้าท่เี วร ได้แก่ การตรวจบริเวณ การตอ้ นรบั ผู้มา ติดตอ่ กับทางโรงเรยี น การดูแลความเรยี บรอ้ ยของนกั เรียน การบันทึกเวร การรายงานผบู้ งั คับบัญชา เม่อื มเี หตกุ ารณ์ เป็นตน้ 14.1.3 การขอแลกเปลีย่ นเวร เม่ือมเี หตขุ ดั ขอ้ งไมส่ ามารถมาปฏบิ ัติหน้าท่ีได้ เช่น มกี จิ ธุระหรือเจบ็ ป่วยกอ่ นวนั ปฏิบตั ิหน้าที่เวร ใหป้ ฏบิ ตั ิดงั น้ี - เม่ือทราบล่วงหน้าให้สง่ คาร้องขอเปลยี่ นเวร เสนอขออนญุ าตผูอ้ านวยการ - ถ้ามีเหตุจาเปน็ หรอื เจ็บป่วยกะทันหนั ซ่ึงไมอ่ าจทาบนั ทึกขออนญุ าตผอู้ านวยการได้ ลว่ งหน้า ให้โทรศพั ทแ์ จ้งโดยเร็วและทาบันทกึ ชแี้ จงผู้อานวยการ 14.1.4 การไมม่ าปฏิบัติหนา้ ท่ีเวรโดยไม่แจง้ ฝ่ายใด (ขาดเวร) ถอื เปน็ ความบกพรอ่ ง ในหน้าที่ ให้ปฏบิ ัติดงั นี้ -ทารายงานชแ้ี จงเหตผุ ลตอ่ ผูอ้ านวยการในวันแรกทม่ี าปฏบิ ัตหิ น้าทรี่ าชการ หลงั ขาดเวรไป 14.1.5 หากไมม่ าปฏบิ ตั หิ นา้ ที่เวร และเกิดความเสียหาย ครูเวรต้องรบั ผดิ ชอบท้ัง

ทางวินยั และทางกฎหมายบา้ นเมือง 15. ครเู วรประจำวัน 15.1 เวลาปฏบิ ตั ิหน้าท่ีรับนกั เรยี น และดแู ลนกั เรียนตอนเช้าเวลา 06.30 – 07.40 น. และดูแลนักเรยี นกลบั บา้ นตอนเยน็ เวลา 15.30 -16.30 น. (หากเลกิ เรียนเวลา 15.30 น.) และ เวลา 16.30 – 17.30 น. (หากเลิกเรยี นเวลา 16.30 น.) หลังเวลาทีก่ าหนดให้สง่ มอบนกั เรียนท่ี ยงั ไม่ไดก้ ลับบ้านใหค้ รเู วรรักษาการณ์ประจาวัน 15.2 ดูแลความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยของนักเรยี นในเรอื่ งเคร่อื งแตง่ กาย ทรงผม เคร่อื งประดบั ตลอดจนกิริยามารยาท และพฤติกรรมของนกั เรยี น ตักเตือนเมอื่ นักเรียนกระทา ความผดิ หากเห็นว่าต้องรายงานใหท้ างโรงเรียนทราบให้จดช่อื ลงในแบบฟอรม์ บนั ทึกการประพฤติผิด ระเบยี บของนกั เรียน เสนอผ้อู านวยการ เพื่อสง่ ให้ครูประจาชนั้ ต่อไป 15.3 ดูแลอย่าให้นกั เรียนออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต 15.4 ถ้ามเี หตกุ ารณ์พเิ ศษให้รายงานผอู้ านวยการทนั ที 15.5 ปฏิบตั หิ น้าทีข่ องครูเวรเมื่อนกั เรยี นมาสาย นกั เรยี นทีม่ าสายขณะที่กาลงั เชญิ ธงชาตถิ อื ว่ามาสาย ให้ครดู ูแลใหน้ ักเรียนเขา้ แถวรอ้ งเพลงชาติ สวดมนต์ และฟงั ประกาศของโรงเรยี น 15.6 บนั ทกึ การปฏิบตั หิ นา้ ที่ในสมุดเวรในเวลา 09.00 น. ทีฝ่ า่ ยบริหารงานบคุ คล เม่ือ เสรจ็ หน้าทเ่ี วรภายในเวลา 16.30 น. (ผู้นาหนา้ ทพี่ ธิ ีกรหลักฝ่ังประถมทาหน้าท่บี ันทกึ เวร) 15.7 ครเู วรตรวจอาหารบันทึกข้อมลู การตรวจรับในสมดุ ไม่เกินเวลา 08.30 น. ท่ีฝา่ ย บริหารงานบคุ คล 15.8 เมอื่ มบี คุ คลภายนอกผูม้ าติดต่อกับนักเรยี นใหไ้ ปติดตอ่ ที่ฝา่ ยบรหิ ารงานทว่ั ไป 15.9 ทาบันทึกข้อบกพรอ่ งของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คลลงในแบบฟอร์มบนั ทึกการประพฤติ ผิดระเบยี บของนกั เรียน 15.10 ตรวจดูความสะอาดของอาหารว่ามีสิ่งปกปดิ อาหารเรียบร้อยถกู สุขลกั ษณะหรือไม่ อาหารมีคณุ คา่ เหมาะสมกับนักเรยี นหรือไม่ หากเหน็ ว่าไม่เหมาะสมใหบ้ ันทึกแจง้ หวั หนา้ ฝา่ ย โภชนาการทราบเพือ่ ดาเนนิ การตอ่ ไป 15.11 แจง้ นดั หมายนกั เรียนควบคุมดแู ลนักเรียนเตรียมตวั กลับบา้ นและดูแลจนกระทั่ง นักเรียนออกจากโรงเรยี น

พระรำชบญั ญตั ิระเบยี บข้ำรำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ พ.ศ. ๒๕๔๗ *************************************************************** หมวด ๖ วนิ ัยและกำรรกั ษำวนิ ยั *********************************** มำตรำ ๘๒ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาตอ้ งรักษาวินัยท่ีบญั ญัตเิ ป็นข้อห้าม และข้อปฏบิ ตั ิไว้ ในหมวดนีโ้ ดยเครง่ ครดั อยเู่ สมอ มำตรำ ๘๓ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยดว้ ยความบรสิ ุทธใ์ิ จและมีหนา้ ที่ วางรากฐานใหเ้ กดิ ระบอบการปกครองเชน่ วา่ น้นั มำตรำ ๘๔ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต้องปฏิบตั หิ น้าทรี่ าชการด้วยความซอ่ื สัตย์สจุ รติ เสมอภาคและเท่ยี งธรรม มีความวริ ิยะ อุตสาหะ ขยนั หมั่นเพียร ดแู ลเอาใจใส่ รกั ษาประโยชน์ของทางราชการ และตอ้ งปฏิบัตติ นตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเครง่ ครดั หา้ มมิให้อาศัยหรอื ยอมให้ผูอ้ ื่นอาศยั อานาจและหน้าทร่ี าชการของตน ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรอื ทางออ้ ม หาประโยชนใ์ ห้แก่ตนเองหรือผู้อ่นื การปฏิบัตหิ รือละเวน้ การปฏิบตั หิ นา้ ทรี่ าชการโดยมิชอบ เพ่ือให้ตนเองหรือผอู้ ื่นได้รบั ประโยชน์ที่มคิ วรได้ เปน็ การทุจริตต่อหนา้ ทีร่ าชการ เป็นความผดิ วินัยอย่างรา้ งแรง มำตรำ ๘๕ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งปฏบิ ัตหิ น้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรฐั มนตรี หรือนโยบายของรฐั บาลโดยถือ ประโยชน์สูงสดุ ของผู้เรยี น และไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายแกท่ างราชการ การปฏิบตั หิ น้าท่รี าชการโดยจงใจไมป่ ฏิบัตติ ามกฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการและ หนว่ ยงานการศึกษา มตคิ ณะรัฐมนตรหี รือนโยบายของรฐั บาล ประมาทเลินเลอ่ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวัง รักษาประโยชนข์ องทางราชการ อนั เป็นเหตใุ ห้เกิดความเสยี หายแก่ราชการอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอยา่ ง รา้ ยแรง มำตรำ ๘๖ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งปฏบิ ตั ิตามคาส่งั ของผบู้ ังคับบญั ชาซง่ึ สั่งใน หนา้ ที่ราชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบยี บของทางราชการ โดยไมข่ ัดขนื หรือหลีกเล่ยี งแตถ่ ้าเห็นว่า การ ปฏบิ ัติตามคาสั่งนัน้ จะทาให้เสียหายแกร่ าชการ หรือจะเปน็ การไมร่ กั ษาประโยชน์ของทางราชการจะเสนอ ความเหน็ เป็นหนังสอื ภายในเจ็ดวนั เพื่อให้ผู้บงั คบั บัญชาทบทวนคาส่งั น้ันก็ได้และเมื่อเสนอความเห็นแล้ว ถ้า ผู้บงั คับบัญชายนื ยนั เปน็ หนังสอื ให้ปฏบิ ัติตามคาส่ังเดิม ผู้อยู่ใต้บังคบั บญั ชาจะต้องปฏบิ ตั ติ าม การขัดคาสั่งหรอื หลกี เล่ียงไมป่ ฏบิ ัติตามคาส่ังของผู้บงั คับบัญชา ซึง่ สั่งในหน้าท่ีราชการโดยชอบดว้ ย กฎหมายและระเบียบของทางราชการ อนั เป็นเหตุใหเ้ สียหายแก่ราชการอยา่ งรา้ ยแรง เป็นความผิดวินัยอย่าง ร้ายแรง มำตรำ ๘๗ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องตรงตอ่ เวลา อุทิศเวลาของตนใหแ้ ก่ ทาง ราชการและผู้เรยี น จะละทงิ้ หรือทอดท้ิงหนา้ ทรี่ าชการโดยไมม่ ีเหตุผลอันสมควรมไิ ด้

การละท้งิ หนา้ ท่ีหรือทอดทง้ิ หน้าท่รี าชการโดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควร เป็นเหตุใหเ้ สียหายแกร่ าชการอย่าง รา้ ยแรง หรอื การละท้ิงหนา้ ที่ราชการตดิ ตอ่ ในคราวเดยี วกันเป็นเวลาเกนิ กว่าสิบห้าวัน โดยไมม่ เี หตุผลอันสมควร หรอื โดยมีพฤติการณอ์ นั แสดงถึงความจงใจไมป่ ฏิบัติตามระเบยี บของทางราชการเปน็ ความผิดวินยั อยา่ งรา้ ยแรง มำตรำ ๘๘ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตอ้ งประพฤติเป็นแบบอยา่ งที่ดแี กผ่ ู้เรยี น ชมุ ชน สงั คม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี ชว่ ยเหลือเกื้อกูลต่อผูเ้ รียนและระหว่างข้าราชการดว้ ยกนั หรอื ผู้ รว่ มปฏบิ ัตริ าชการ ตอ้ นรบั ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมแกผ่ ู้เรยี นและประชาชนผมู้ าติดต่อราชการ การกลน่ั แกล้ง ดูหมน่ิ เหยยี ดหยาม กดข่ี หรือขม่ เหงผเู้ รียน หรือประชาชนผู้มาตดิ ต่อราชการ อย่าง ร้ายแรง เป็นความผดิ วินัยอยา่ งร้ายแรง มำตรำ ๘๙ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งไมก่ ล่นั แกล้ง กลา่ วหาหรอื ร้องเรียนผ้อู นื่ โดย ปราศจากความเป็นจรงิ การกระทาตามวรรคหนึง่ ถา้ เปน็ เหตุให้ผอู้ น่ื ได้รบั ความเสียหายอย่างรา้ ยแรงเป็นความผดิ วนิ ยั อย่าง ร้ายแรง มำตรำ ๙๐ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต้องไมก่ ระทาการหรอื ยอมให้ผ้อู ื่นกระทาการหา ประโยชนอ์ ันอาจทาให้เสือ่ มเสียความเทย่ี งธรรมหรือเสือ่ มเสยี เกียรติศักด์ใิ นตาแหน่งหนา้ ท่รี าชการของตน การกระทาตามวรรคหนึ่ง ถา้ เป็นการกระทาโดยมีความมงุ่ หมายจะใหเ้ ปน็ การซอื้ ขาย หรือใหไ้ ดร้ บั แต่งต้งั ให้ดารงตาแหนง่ หรอื วิทยฐานะใดโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื เป็นการกระทาอนั มลี ักษณะเปน็ การให้ หรอื ได้มา ซง่ึ ทรพั ย์สนิ หรือสทิ ธิประโยชน์อืน่ เพ่อื ให้ตนเองหรือผ้อู น่ื ไดร้ ับการบรรจแุ ละแต่งตง้ั โดยมชิ อบ หรือเสอื่ มเสยี ความ เทย่ี งธรรม เปน็ ความผดิ วนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง มำตรำ ๙๑ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาตอ้ งไม่คัดลอกหรือลอกเลยี นผลงานทางวชิ าการของ ผู้อ่นื โดยมชิ อบ หรอื นาเอาผลงานทางวชิ าการของผ้อู ่นื หรือจา้ ง วาน ใช้ผู้อ่ืนทาผลงานทางวิชาการเพอ่ื ไปใชใ้ น การเสนอขอปรับปรงุ การกาหนดตาแหน่ง การเล่ือนตาแหนง่ การเลือ่ นวทิ ยฐานะหรือการให้ไดร้ บั เงนิ เดือนใน ระดบั ทส่ี ูงข้นึ การฝา่ ฝนื หลกั การดังกลา่ วนี้ เป็นความผิดวินัยอยา่ งรา้ ยแรง ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาที่ร่วมดาเนินการคัดลอกหรือลอกเลยี นผลงานของผอู้ ่ืนโดยมิ ชอบ หรือรับจดั ทาผลงานทางวชิ าการไม่วา่ จะมคี ่าตอบแทนหรอื ไม่ เพอื่ ให้ผูอ้ นื่ นาผลงานนน้ั ไปใช้ประโยชนใ์ นการ ดาเนนิ การตามวรรคหน่ึง เปน็ ความผิดวินยั อยา่ งรา้ ยแรง มำตรำ ๙๒ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งไม่เป็นกรรมการผจู้ ดั การ หรือผจู้ ัดการ หรือ ดารงตาแหน่งอื่นใดทมี่ ลี ักษณะงานคลา้ ยคลงึ กันนน้ั ในห้างห้นุ ส่วนหรือบริษทั มำตรำ ๙๓ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต้องวางตนเปน็ กลางทางการเมอื งในการปฏิบัติ หน้าที่ และในการปฏิบัตกิ ารอ่ืนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ประชาชน โดยตอ้ งไมอ่ าศัยอานาจและหน้าที่ราชการของตนแสดง การฝกั ใฝ่ สง่ เสรมิ เกื้อกูล สนบั สนุนบุคคล กลมุ่ บุคคล หรอื พรรคการเมอื งใด ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาตอ้ งไมเ่ ข้าไปเกี่ยวข้องกับการดาเนนิ การใดๆ อันมลี กั ษณะเป็น การทุจรติ โดยการซอื้ สทิ ธิหรอื ขายเสียงในการเลือกตง้ั สมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นผูบ้ ริหารท้องถ่นิ หรือการ เลอื กตัง้ อ่นื ที่มลี กั ษณะเปน็ การสง่ เสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยรวมท้ังจะตอ้ งไมใ่ ห้การสง่ เสริม

สนับสนนุ หรอื ชกั จูงใหผ้ อู้ น่ื กระทาการในลกั ษณะเดียวกนั การดาเนนิ การทีฝ่ ่าฝนื หลักการดังกลา่ วนี้ เปน็ ความผิด วินยั อยา่ งรา้ ยแรง มำตรำ ๙๔ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งรักษาชื่อเสียงของตนและรกั ษาเกียรติศกั ดิ์ของ ตาแหน่งหนา้ ทีร่ าชการของตนมิให้เส่อื มเสีย โดยไม่กระทาการใดๆ อนั ได้ชื่อวา่ เป็นผู้ประพฤตชิ วั่ การกระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคกุ หรอื โทษทหี่ นักกวา่ จาคุก โดยคาพพิ ากษาถงึ ทส่ี ุด ให้จาคุก หรอื ให้รบั โทษทหี่ นักกว่าจาคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรบั ความผดิ ทไ่ี ด้กระทาโดยประมาท หรือความผิด ลหโุ ทษ หรอื กระทาการอื่นใดอันไดช้ อื่ ว่าเปน็ ผปู้ ระพฤติชวั่ อย่างร้ายแรง เป็นความผดิ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรง ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทเี่ สพยาเสพตดิ หรือสนับสนุนให้ผู้อ่ืนเสพยาเสพตดิ เลน่ การ พนันเป็นอาจิณ หรอื กระทาการล่วงละเมดิ ทางเพศตอ่ ผ้เู รยี นหรอื นกั ศึกษา ไมว่ า่ จะอยูใ่ นความดแู ลรับผดิ ชอบของ ตนหรอื ไม่ เปน็ ความผดิ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรง มำตรำ ๙๕ ให้ผู้บงั คับบญั ชามหี น้าที่เสริมสรา้ งและพฒั นาให้ผ้อู ยู่ใต้บังคบั บัญชามวี ินัย ปอ้ งกัน มใิ ห้ผูอ้ ยู่ ใตบ้ งั คับบญั ชากระทาผดิ วนิ ัย และดาเนนิ การทางวนิ ยั แกผ่ อู้ ยูใ่ ต้บังคับบัญชาซง่ึ มีกรณีอนั มีมูลที่ควรกลา่ วหาวา่ กระทาผิดวนิ ยั การเสริมสรา้ งและพัฒนาใหผ้ ูอ้ ยใู่ ต้บงั คับบญั ชามีวนิ ัย ให้กระทาโดยการปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี การ ฝึกอบรม การสร้างขวัญและกาลังใจ การจูงใจ หรือการอื่นใดในอนั ที่จะเสริมสร้างและพัฒนาเจตคติ จติ สานึก และพฤติกรรมของผอู้ ยู่ใตบ้ งั คบั บัญชาให้เปน็ ไปในทางทม่ี วี นิ ัย การปอ้ งกันมใิ หผ้ ูอ้ ยูใ่ ตบ้ ังคบั บัญชากระทาผดิ วินยั ให้กระทาโดยการเอาใจใส่ สงั เกตการณแ์ ละขจัดเหตุท่ี อาจกอ่ ใหเ้ กดิ การกระทาผิดวินัย ในเรื่องอนั อยู่ในวสิ ัยทจ่ี ะดาเนินการปอ้ งกันตามควรแกก่ รณไี ด้ เม่ือปรากฏกรณีมมี ลู ที่ควรกลา่ วหาว่าข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาผู้ใดกระทาผิดวนิ ัยโดยมี พยานหลักฐานในเบือ้ งตน้ อยู่แลว้ ให้ผ้บู ังคบั บัญชาดาเนินการทางวินัยทันที เมื่อมกี ารกลา่ วหาโดยปรากฏตวั ผกู้ ล่าวหาหรือกรณีเปน็ ท่สี งสยั วา่ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ศึกษาผู้ใดกระทาผดิ วนิ ยั โดยยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้ผู้บงั คับบญั ชารบี ดาเนนิ การสบื สวนหรอื พิจารณา ใน เบ้ืองตน้ ว่ากรณมี มี ลู ท่ีควรกล่าวหาวา่ ผนู้ นั้ กระทาผดิ วินยั หรอื ไม่ ถ้าเห็นวา่ กรณไี ม่มมี ลู ทค่ี วรกล่าวหาว่ากระทาผดิ วนิ ยั จงึ จะยุตเิ รอื่ งได้ ถา้ เห็นวา่ กรณมี มี ูล ทีค่ วรกล่าวหาว่ากระทาผิดวนิ ัยกใ็ หด้ าเนินการทางวนิ ยั ทันที การดาเนนิ การทางวินัยแก่ผอู้ ยู่ใต้บงั คับบัญชาซึง่ มีกรณีอนั มีมลู ทีค่ วรกล่าวหาวา่ กระทาผิดวินัย ให้ ดาเนินการตามท่บี ัญญัตไิ ว้ในหมวด ๗ ผู้บงั คบั บญั ชาผู้ใดละเลยไมป่ ฏิบัตหิ นา้ ทต่ี ามมาตรานแ้ี ละตามหมวด ๗ หรือมีพฤติกรรมปกป้อง ช่วยเหลือเพอ่ื มใิ หผ้ ู้อยู่ใตบ้ ังคบั บัญชาถูกลงโทษทางวินยั หรอื ปฏบิ ตั ิหน้าทดี่ งั กล่าวโดยไมส่ ุจริตใหถ้ ือวา่ ผูน้ ัน้ กระทาผดิ วินัย มำตรำ ๙๖ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาผใู้ ดฝา่ ฝืนขอ้ หา้ มหรือไม่ปฏบิ ัติตามข้อปฏิบตั ิทาง วินยั ตามทบ่ี ัญญตั ไิ วใ้ นหมวดน้ี ผู้นัน้ เป็นผกู้ ระทาผดิ วนิ ยั จกั ต้องได้รบั โทษทางวนิ ัยเว้นแตม่ เี หตอุ นั ควรงดโทษ ตามท่ีบัญญตั ิไว้ในหมวด ๗ โทษทางวนิ ัยมี ๕ สถาน คือ (๑) ภาคทณั ฑ์ (๒) ตัดเงนิ เดือน (๓) ลดข้ันเงินเดอื น (๔) ปลดออก (๕) ไล่ออก ผใู้ ดถกู ลงโทษปลดออก ให้ผนู้ ้นั มีสิทธิไดร้ บั บาเหน็จบานาญเสมือนว่าเป็นผู้ลาออกจากราชการ

มำตรำ ๙๗ การลงโทษขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้ทาเป็นคาสั่ง วิธีการออกคาส่งั เกีย่ วกบั การลงโทษให้เป็นไปตามระเบียบของ ก.ค.ศ. ผูส้ ัง่ ลงโทษต้องสั่งลงโทษใหเ้ หมาะสมกับความผิดและมิให้เปน็ ไปโดย พยาบาท โดยอคตหิ รือโดยโทสะจริต หรอื ลงโทษผู้ท่ไี ม่มีความผิด ในคาส่ังลงโทษใหแ้ สดงว่าผู้ถกู ลงโทษกระทาผิด วินยั ในกรณใี ด ตามมาตราใด และมีเหตุผลอย่างใดในการกาหนดสถานโทษเชน่ นั้น มำตรฐำนวชิ ำชพี ครู (ประกาศ ศธ. 29 ก.พ. 43 สานักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา) เกณฑ์มาตรฐาน-วิชาชพี ครู มาตรฐานท่ี 1 ปฏิบัตกิ ิจกรรมทางวชิ าการเกีย่ วกับการพฒั นาวชิ าชีพครอู ยเู่ สมอ มาตรฐานท่ี 2 ตัดสินใจปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ โดยคานึงถึงผลที่จะเกดิ กบั ผูเ้ รียน มาตรฐานท่ี 3 มงุ่ มั่นพฒั นาผูเ้ รยี นใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพ มาตรฐานที่ 4 พฒั นาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติไดเ้ กดิ ผลจรงิ มาตรฐานที่ 5 พฒั นาสอื่ การเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธิภาพอยูเ่ สมอ มาตรฐานท่ี 6 จดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรท่ีเกิดแก่ผู้เรียน มาตรฐานที่ 7 รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียนได้อยา่ งมรี ะบบ มาตรฐานที่ 8 ปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอย่างทดี่ แี ก่ผ้เู รียน มาตรฐานที่ 9 ร่วมมอื กบั ผู้อน่ื ในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานที่ 10 ร่วมมอื กบั ผู้อ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ในชุมชน มาตรฐานท่ี 11 แสวงหาและใช้ขอ้ มลู ขา่ วสารในการพฒั นา มาตรฐานที่ 12 สร้างโอกาสให้ผ้เู รียนไดเ้ รยี นรู้ในทุกสถานการณ์

คำอธบิ ำยมำตรฐำนที่ 1 การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางวชิ าการเกี่ยวกบั การพฒั นาวชิ าชพี ครู หมายถึง การศึกษาคน้ ควา้ เพ่ือพัฒนา ตนเอง การเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ และ การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางวิชาการทอี่ งคก์ ารหรือหนว่ ยงาน หรือ สมาคมจดั ขึ้น เชน่ การประชุม การอบรม การสัมมนา และการประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร เปน็ ตน้ ท้ังนีต้ ้องมีผลงานหรอื รายงานทปี่ รากฏชัดเจน คำอธิบำยมำตรฐำนท่ี 2 การตัดสินใจปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานึงถงึ ผลทจ่ี ะเกดิ กับผู้เรียน หมายถงึ การ-เลือกอย่างชาญฉลาด ด้วยความรกั และหวงั ดีตอ่ ผเู้ รยี น ดังนน้ั ในการเลือกกิจกรรมการเรยี นการสอนและกจิ กรรมอน่ื ๆ ครตู ้องคานึงถงึ ประโยชน์ทีจ่ ะเกดิ แกผ่ ู้เรยี นเป็นหลัก คำอธบิ ำยมำตรฐำนที่ 3 การมุ่งมน่ั พฒั นาผู้เรยี น หมายถึง การใช้ความพยายามอย่างเตม็ ความสามารถของครูทจ่ี ะให้ผู้เรยี นเกิด การเรยี นรู้ให้มากทสี่ ุด ตามความถนดั ความสนใจ ความต้องการ โดยวิเคราะห์ วินิจฉยั ปัญหาความต้องการที่ แทจ้ รงิ ของผเู้ รียน ปรับเปล่ยี นวิธกี ารสอนที่จะให้ไดผ้ ลดีกว่าเดมิ รวมท้ังการส่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นต่าง ๆ ตาม ศกั ยภาพของผเู้ รียนแต่ละคนอยา่ งเป็นระบบ คำอธิบำยมำตรฐำนที่ 4 การพัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง หมายถงึ การเลอื กใช้ ปรบั ปรุง หรือสรา้ ง แผนการสอน บันทึกการสอน หรือ เตรียมการสอนในลกั ษณะอ่นื ๆ ทส่ี ามารถนาไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการ สอนใหผ้ ู้เรียนบรรลุวตั ถุประสงคข์ องการเรียนรู้ คำอธิบำยมำตรฐำนที่ 5 การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มปี ระสทิ ธิภาพ หมายถงึ การประดิษฐค์ ดิ ค้น ผลติ เลือกใช้ ปรับปรุง เครอ่ื งมืออุปกรณ์ เอกสารสง่ิ พิมพ์ เทคนิควธิ ีการต่าง ๆ เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุ จดุ ประสงคข์ องการเรยี นรู้ คำอธิบำยมำตรฐำนที่ 6 การจดั การเรียนการสอนโดยเนน้ ผลถาวร หมายถึง การจัดการเรยี นการสอนทมี่ ุ่งเน้นให้ผู้เรยี นประสบ ผลสาเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพความแตกตา่ งของบุคคล ดว้ ยการปฏบิ ัตจิ ริง และสรุปความรทู้ งั้ หลายได้ ด้วยตนเอง ก่อให้เกดิ ค่านยิ มและนิสยั ในการปฏิบัตจิ นเปน็ บุคลกิ ภาพถาวรติดตวั ผ้เู รียนตลอดไป คำอธิบำยมำตรฐำนท่ี 7 การรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี นได้อย่างเป็นระบบ หมายถึง การรายงานผลการพัฒนา ผ้เู รยี นท่ีเกดิ จากการปฏบิ ตั กิ ารเรียนการสอนให้ครอบคลมุ สาเหตุ ปัจจยั และ การดาเนินงานท่เี กย่ี วข้อง โดยครู นาเสนอรายงานการปฏิบัตใิ นรายละเอียด ดังน้ี 1. ปัญหาความต้องการของผู้เรียนท่ตี ้องการไดร้ บั การพัฒนาและเปา้ หมายของการพัฒนาผเู้ รยี น 2. เทคนิค วิธีการ หรอื นวัตกรรมการเรยี นการสอนทน่ี ามาใช้เพื่อการพัฒนาคณุ ภาพ ของผู้เรียน และ ขน้ั ตอนวธิ ีการใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารหรือนวัตกรรมนน้ั ๆ 3. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามวิธีการทีก่ าหนดที่เกิดกบั ผเู้ รียน 4. ข้อเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรับปรงุ และพัฒนาผูเ้ รยี นใหไ้ ดผ้ ลดยี ิ่งข้นึ คำอธบิ ำยมำตรฐำนท่ี 8 การปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่างท่ีดี หมายถึง การแสดงออก การประพฤตแิ ละปฏบิ ตั ิในดา้ นบคุ ลิกภาพท่วั ไป การแตง่ กาย กิรยิ า วาจา และจริยธรรมทเี่ หมาะสมกับความเปน็ ครูอย่างสมา่ เสมอ ทีท่ าให้ผู้เรียนเลื่อมใสศรทั ธา และถือเป็นแบบอย่าง

คำอธบิ ำยมำตรฐำนท่ี 9 การร่วมมอื กับผู้อ่ืนในสถานศึกษาอยา่ งสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนกั ถึงความ-สาคญั รับฟังความ คดิ เห็น ยอมรบั ในความรู้ความสามารถ ให้ความร่วมมือในการปฏิบตั ิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของเพอ่ื นร่วมงานด้วยความ เต็มใจ เพื่อใหบ้ รรลุเปา้ หมายของสถานศึกษา และ ร่วมรับผลท่เี กดิ ข้ึนจากการกระทาน้นั คำอธิบำยมำตรฐำนท่ี 10 การรว่ มมอื กบั ผอู้ ่ืนอย่างสร้างสรรคใ์ นชุมชน หมายถึง การตระหนักในความสาคญั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ยอมรับในความร้คู วามสามารถของบคุ คลอื่นในชุมชน และรว่ มมือปฏิบัติ-งานเพือ่ พฒั นางานของสถานศึกษา ให้ ชุมชนและสถานศกึ ษามีการยอมรับซึ่งกันและกัน และปฏิบตั ิงานร่วมกนั ดว้ ยความเต็มใจ คำอธบิ ำยมำตรฐำนที่ 11 การแสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา หมายถึง การคน้ หา สังเกต จดจา และรวบรวมข้อมลู ขา่ วสารตามสถานการณ์ของสงั คมทกุ ดา้ น โดยเฉพาะ สารสนเทศเก่ยี วกับวิชาชพี ครู สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ อย่างมีเหตผุ ล และใช้ขอ้ มูลประกอบการแก้ปญั หาพฒั นาตนเอง พัฒนางาน และพฒั นาสังคมได้อยา่ งเหมาะสม คำอธบิ ำยมำตรฐำนท่ี 12 การสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้ หมายถึง การสรา้ งกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยการนาปัญหาหรอื ความ จาเปน็ ในการพฒั นาต่าง ๆ ท่ีเกดิ ข้นึ ในการเรยี น และ การจดั กจิ กรรมอ่ืน ๆ ในโรงเรียนมากาหนดเปน็ กิจกรรมการ เรียนรู้ เพือ่ นาไปสู่การพฒั นาของผู้เรียนทีถ่ าวร เป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาของครูอีกแบบหน่ึง ทจ่ี ะนาเอาวกิ ฤติ ตา่ ง ๆ มาเปน็ โอกาสในการพัฒนา ครูจาเปน็ ตอ้ งมองมุมต่าง ๆ ของปญั หา แล้วผันมมุ ของปัญหาไปในทางการ พัฒนา กาหนดเป็นกจิ กรรมในการพฒั นาของผู้เรียน ครจู งึ ตอ้ งเป็นผูม้ องมุมบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ กลา้ ท่ีจะ เผชิญปัญหาตา่ ง ๆ มีสติในการแก้ปัญหา มิไดต้ อบสนองปัญหาตา่ ง ๆ ด้วยอารมณ์หรอื แงม่ ุมแบบตรงตวั ครู สามารถมองหักมุมในทกุ ๆ โอกาส มองเห็นแนวทางที่นาสผู่ ลก้าวหนา้ ของผู้เรียน

จรรยำบรรณในวชิ ำชีพครู จรรยำบรรณตอ่ อำชีพ ผูท้ อ่ี ยู่ในวงวิชาชีพจะตอ้ งยึดถอื จรรยาบรรณ ในการดารงวชิ าชีพให้เปน็ ท่ียอมรบั ดงั น้ี 1. ศรทั ธำตอ่ วชิ ำชพี ผู้ท่อี ยูใ่ นวงการวชิ าชพี ครู ตอ้ งมีความรักและศรัทธาตอ่ วชิ าชพี ครู เห็นว่าอาชพี ครู เปน็ อาชพี ทมี่ คี ุณค่า มปี ระโยชน์ต่อประเทศชาติ ในฐานะท่เี ปน็ อาชีพทีส่ ร้างคนให้มีความร้คู วามสามารถ และเปน็ คนท่พี ึงประสงคข์ องสังคม ผอู้ ยใู่ นวชิ าชพี จะต้องม่ันใจ ในกาประกอบวิชาชพี น้ดี ้วยความรัก และชนื่ ชมใน ความสาคญั ของวชิ าชีพ 2. ธำรงและปกปอ้ งวชิ ำชพี สมาชกิ ของสงั คมวิชาชพี ต้องมีจติ สานกึ ในการธารง ปกป้อง และรกั ษา เกยี รตภิ ูมิของวิชา ไมใ่ ห้ใครมาดหู มิ่นดูแคลน หรอื เหยียบยา่ ทาให้สถานะของวชิ าชีพต้องตกตา่ หรือ มัวหมองการ ธารงปกป้องต้องกระทาทนั ทีเมื่อเกดิ เหตกุ ารณท์ ไี่ มพ่ ึงปรารถนาหรอื ตอ้ งมีการแก้ไขขา่ วหรอื ประท้วงหากมขี ่าว คราวอันก่อให้เกิดความเสียหายตอ่ วิชาชพี 3. พฒั นำองค์ควำมรูใ้ นวิชำชีพ หนา้ ท่ีของสมาชิกในวงการวิชาชีพคือ การท่ีตอ้ งรับผิดชอบในการศกึ ษา คน้ ควา้ วิจยั สร้างความรูแ้ ละเผยแพรค่ วามรู้ เพ่ือทาให้วทิ ยาการในศาสตรส์ าขาวิชาชพี ครกู า้ วหน้าทันสงั คมทนั เหตกุ ารณ์ ก่อประโยชนต์ ่อประชาชนในสังคม ทาให้คนเกง่ และฉลาดขนึ้ โดยวิธกี ารเรยี นการสอนท่ีกระตุ้นให้ ผเู้ รียนรกั เรียน ใฝ่รู้ ช่างคดิ ทีวจิ ารณญาณ มบี ุคลิกภาพท่ีพึงประสงค์ มากขนึ้ 4. สรำ้ งองคก์ รวชิ ำชีพให้แขง็ แกรง่ สมาชกิ ในวงวชิ าชีพตอ้ งถือเป็นหน้าที่ที่จะตอ้ งสร้างองคก์ รวชิ าชพี ให้คงมนั่ ธารงอยไู่ ดด้ ว้ ยการเปน็ สื่อกลางระหว่างสมาชกิ และเปน็ เวทใี ห้คนในวงการได้แสดง ฝีมอื และ ความสามารถทางการสร้างรูปแบบใหม่ของการเรียนการสอนตลอดจนการเผยแพร่ผลงานทางดา้ นการสร้าง แบบเรยี นใหม่ ๆ การเสนอแนวความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งของการพฒั นาคน การเรียนการสอน และการประเมนิ ผล 5. ร่วมมือในกิจกรรมขององค์กรวิชำชีพ สมาชิกในสังคมวิชาชพี ตอ้ งร่วมมือกันในการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ เพอื่ ใหเ้ กิดการเคลอ่ื นไหวในเรื่องของความคดิ หรือการจดั ประชุม สมั มนา แลกเปล่ยี นแนวความคิดเพ่อื กระตนุ้ ให้ เกดิ การเปลี่ยนแปลง กิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร หากไม่ไดร้ ับความสนับสนนุ จากสมาชิกแล้ว ทาให้องค์กรวิชาชพี ขาดความสาคัญลงและไม่สามารถดาเนนิ ภารกิจขององค์กรวชิ าชีพตอ่ ไปได้บทบาทของการธารงมาตรฐานและการ ส่งเสรมิ ความก้าวหนา้ ทางวชิ าการกย็ ่อมจะลดลงด้วย ถ้าไม่มปี รมิ าณสมาชิกทีส่ นบั สนุนเพียงพอ จรรยำบรรณต่อผเู้ รยี น ครูจะต้องมคี วามประพฤติปฏบิ ัติตอ่ ผเู้ รียน 9 ประการ ดังนี้ 1. ต้งั ใจถำ่ ยทอดวิชำกำร บทบาทของครตู ้องพยายามทีจ่ ะทาให้ลูกศษิ ยเ์ รยี นดว้ ยความสุข เรียนด้วย ความเข้าใจ และเกิดความมานะพยายามทจี่ ะรูใ้ นศาสตร์นน้ั ครจู งึ ตอ้ งต้ังใจอยา่ งเตม็ ทีท่ ่ีจะศึกษาวชิ าการทง้ั ทาง ศาสตร์ที่จะสอน ศาสตร์ที่จะถ่ายทอดหรือวธิ กี ารสอน ครตู ้องพยายามท่จี ะหาวธิ ีการใหม่ ๆ มาลองทดลองสอน 2. รกั และเข้ำใจศิษย์ ครตู ้องพยายามศึกษาธรรมชาติของวยั รุน่ วา่ มปี ัญหามีความไวต่อความรู้สกึ (sensitive) และอารมณไ์ ม่ม่นั คง ครูจงึ ควรใหอ้ ภัย เขา้ ใจ และหาวธิ กี ารใหศ้ ิษยป์ รบั เปลย่ี นพฤติกรรมอันไม่พงึ ประสงคค์ รตู ้องพยายามทาให้ลูกศิษยร์ กั และไว้ใจเพื่อท่ีจะได้กล้าปรกึ ษาในส่ิงตา่ งๆแล้วครกู ็จะสามารถ ชว่ ยให้ ศิษย์ประสบความสาเร็จในการเรยี น และการดารงชวี ติ ได้อย่างถูกต้อง

3.สง่ เสริมกำรเรยี นรู้ ปจั จุบนั การสง่ เสริมให้ผู้เรียนคน้ คว้าหาคาตอบด้วยตนเองหรือการเรียนร้จู ากการ ช่วยเหลือกันในกลุ่มอาจจะทาใหผ้ ู้เรียนมวี ิธีการหาความรู้จากแหลง่ ต่าง ๆ ด้วยตนเองมากข้ึนมากกวา่ จะคอยให้ ครูบอกใหแ้ ต่ฝ่ายเดียว ครจู ึงจาเป็นตอ้ งช้ีชอ่ งทางให้ผู้เรียนหาวิธีการศกึ ษาหาความรดู้ ้วยตนเองมากขึ้น 4. ยุติธรรม อาชีพครเู ป็นอาชพี ที่จะตอ้ งฝึกฝนตนเองให้เปน็ คนซอื่ สัตย์ ยตุ ิธรรม ไมม่ อี คติลาเอยี งต่อลูก ศิษย์ ไม่เห็นว่าคนทีม่ ปี ัญหาเปน็ คนน่ารงั เกยี จ หรือพอใจแตเ่ ฉพาะศิษย์ทีเ่ รียนเก่ง ไมส่ ร้างปญั หาเท่าน้ัน ครตู อ้ งมี ความเป็นธรรมในการให้คะแนน และพรอ้ มทีจ่ ะอธบิ ายวิธกี ารให้คะแนน และการตดั เกรดได้ ครูตอ้ งรอบคอบใน การกรอกคะแนน เพราะถา้ ผิดพลาดแล้วบางครัง้ กจ็ ะทาให้ผู้เรยี นทีค่ วรได้คะแนนดี ๆ กลบั ได้คะแนนเกือบจะ สอบตกไป 5. ไมแ่ สวงหำประโยชนจ์ ำกผู้เรียน ลกั ษณะของครูจะต้องเป็นผไู้ มแ่ สวงหาอามิสสินจ้าง เงนิ ไม่ใช่สิ่งท่ี สร้างความสขุ เสมอไป ครูจงึ จะต้องมคี วามระมดั ระวงั เปน็ พิเศษในการกระทาใด ๆ อันจะก่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจได้ ว่า ครูกาลังหาประโยชน์จากศิษย์อยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม 6. ทำตนเป็นแบบอยำ่ งท่ีดี ครูมอี ิทธิพลต่อศษิ ย์ทงั้ ด้านวาจา ความคดิ บคุ ลกิ ภาพ และความประพฤติ ครูจึงจะตอ้ งพฒั นาตนเองอยู่เสมอ เพอื่ ใหล้ ูกศิษย์ไดซ้ ึมซับสงิ่ ทท่ี าจากตัวครูไป เมือ่ ศษิ ย์เกดิ ศรทั ธาใน ความสามารถของครู ศิษย์อาจจะเลยี นแบบความประพฤติของครูไปอยา่ งไมไ่ ดเ้ จตนา เชน่ การตรงต่อเวลา การ พดู จาชัดเจน การแสดงความคดิ เหน็ ท่ตี รงไปตรงมาสุภาพเรียบรอ้ ย เปน็ ต้น 7. ใหเ้ กียรติผู้เรยี น การยกยอ่ งให้เกยี รติผ้เู รียน ทาให้ผเู้ รียนเกดิ ความพึงพอใจ และเกรงใจผ้สู อน ครูไม่ ควรใช้อานาจในทางทผ่ี ิด เช่น พูดจาข่มขู่ ใชค้ าพูดไมส่ ุภาพ เปลีย่ นช่ือผูเ้ รียน เยาะหยนั หรือดถู ูกผู้เรียน การ เคารพผูเ้ รยี นในฐานะปัจเจกบคุ คลเป็นสิ่งท่ีทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจ และการเรียนรทู้ ่ีดี เม่อื ผู้เรียนได้รบั การปฏิบตั ิ อย่างดี ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กิดพลังในการศกึ ษาต่อไป 8. อบรมบม่ นิสยั ม.ล. ปนิ่ มาลากลุ อดีตรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการได้สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหค้ รมู ี บทบาทหนา้ ทใ่ี นการอบรมบ่มนสิ ัยเดก็ โดยท่านเชอื่ ว่า “การอบรมบ่มนิสยั ใคร ๆนัน้ เพียงแคว่ ันละนาทีกด็ ีถม” ดงั นัน้ ครคู วรแบ่งเวลาในการอบรมบม่ นสิ ัยผู้เรียน เช่น กอ่ นการสอนแต่ละช่วั โมงอาจชแ้ี นะหรอื ให้ความคดิ ท่ดี ีแก่ ผเู้ รยี นได้ ครูควรถอื เป็นหน้าทท่ี ่ีจะตอ้ งสอนคนให้เป็นคนดี 9.ช่วยเหลือศษิ ย์ ผ้เู รยี นมาอย่ใู นสถานศึกษาพรอ้ มด้วยประสบการณ์และปญั หาทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป ดังนั้นครจู งึ มหี นา้ ท่ีทจี่ ะต้องสังเกตความผดิ ปกติหรือขอ้ บกพรอ่ งของศษิ ย์ และพร้อมที่จะให้การช่วยเหลอื ได้อย่าง ทันทว่ งที ไม่ใหศ้ ิษยต์ อ้ งกา้ วถลาลึกลงไปในพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ จรรยำบรรณตอ่ ตนเอง ครูจะต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลาเพอื่ ใหม้ ีลกั ษณะพฤตกิ รรม ดงั น้ี 1.ประพฤตชิ อบ ครูต้องต้งั ตนไวใ้ นที่ถกู ทค่ี วรสามารถบังคับตนเองใหป้ ระพฤตแิ ต่สงิ่ ที่ดงี ามถกู ต้อง 2.รับผิดชอบ ครูต้องฝึกความรับผิดชอบ โดยตั้งใจทางานใหส้ าเรจ็ ลลุ ่วง มคี วามผดิ พลาดน้อย 3.มเี หตุผล ครูตอ้ งฝึกถามคาถามตนเองบ่อย ๆ ฝึกความคิดวิเคราะหห์ าเหตุหาผล หาขอ้ ดขี ้อเสียของ ตนเอง และเรอื่ งตา่ ง ๆ เพอ่ื ทาให้ตนเองเป็นคนมีเหตุผลที่ดี 4.ใฝร่ ู้ การติดตามขา่ วสารขอ้ มูลอยู่เสมอ ๆ ทาให้ครมู นี ิสยั ใฝ่รู้ อยากทราบคาตอบในเร่อื งตา่ ง ๆ ครูควร มีความรู้รอบตวั อย่างดที ั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เพอื่ ให้ครูดารงชพี ในสังคมไดอ้ ย่างเป็นสุข ปรบั ตัว เขา้ กบั สถานการณต์ ่าง ๆ ได้ และชแ้ี นะสิง่ ทถี่ กู ต้องให้ศษิ ยไ์ ด้ 5.รอบคอบ ครตู ้องฝกึ ฝนตนเองใหเ้ ป็นคนรอบคอบ ละเอยี ดและประณตี ในการดาเนินกจิ การตา่ ง ๆ การทากจิ กรรม เช่น ควบคุมบญั ชีการเงินต้องรอบคอบ ตอ้ งเหน็ ตัวเลขชัดเจนไมต่ กหลน่ ทาใหเ้ กิดการผดิ พลาดที่ เปน็ ผลร้ายทง้ั ของตนเองและผอู้ ืน่

6.ฝกึ จติ การพัฒนาจติ ทาใหค้ รอู ยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ และสง่ ผลทาให้ครูทางานไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพมากข้ึนครูจึงตอ้ งหมั่นฝึกจิตของตนให้สูงสง่ สูงกว่ามาตรฐาน ระงบั อารมณไ์ ม่ดี คิดอะไรได้สูงกวา่ มาตรฐานและคิดเป็นบวก มากกว่าคิดลบหรือคดิ รา้ ย 7.สนใจศิษย์ การสนใจพฒั นาการของผ้เู รียน เปน็ ส่วนหนงึ่ ท่จี ะทาให้วชิ าชีพครูกา้ วหนา้ เพราะถา้ ไมม่ ี ผ้เู รยี นกไ็ ม่มีวิชาชีพครู ครูจงึ จาเป็นตอ้ งศึกษาหาความรู้เกยี่ วกับลกั ษณะธรรมชาติผู้เรียน การแกป้ ญั หาผูเ้ รียน การส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ จรรยำบรรณครู พ.ศ. 2539 1. ครูตอ้ งรกั และเมตตาศิษย์ โดยใหค้ วามเอาใจใส่ช่วยเหลอื สง่ เสริม ใหก้ าลังใจในการศึกษาเลา่ เรยี นแก่ ศิษย์โดยเสมอหนา้ 2. ครตู ้องอบรม สั่งสอน ฝกึ ฝน สร้างเสริมความรู้ ทกั ษะและนิสัย ท่ีถูกตอ้ งดงี าม ให้เกดิ แก่ศษิ ย์ อยา่ ง เตม็ ความสามารถดว้ ยความบริสุทธิ์ใจ 3. ครตู ้องประพฤติ ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่างท่ดี ีแกศ่ ษิ ย์ท้ังทางกาย วาจา และจติ ใจ 4. ครูตอ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏิปกั ษ์ตอ่ ความเจรญิ ทางกาย สติปญั ญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์ 5. ครตู ้องไมแ่ สวงหาประโยชนอ์ นั เปน็ อามสิ สนิ จา้ งจากศษิ ย์ ในการปฏิบัติหนา้ ที่ตามปกติ และไมใ่ ช้ให้ ศษิ ยก์ ระทาการใด ๆ อันเปน็ การหาผลประโยชน์ ให้แก่ตนโดยมิชอบ 6. ครยู อ่ มพัฒนาตนเองทั้งทางด้านวชิ าชีพ ด้านบุคลิกภาพและวสิ ัยทัศนใ์ ห้ทนั ต่อการพัฒนาทาง วทิ ยาการ เศรษฐกิจสงั คม และการเมอื งอยู่เสมอ 7. ครยู ่อมรกั และศรทั ธาในวชิ าชพี ครูและเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพครู 8. ครูพึงช่วยเหลอื เกอ้ื กูลครแู ละชมุ ชนในทางสร้างสรรค์ 9. ครพู งึ ประพฤติ ปฏบิ ตั ติ น เป็นผนู้ าในการอนรุ กั ษ์ และพฒั นาภมู ปิ ัญญา และวฒั นธรรมไทย

คุณธรรม 4 ประกำร (พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวพระราชทานแกป่ ระชาชนชาวไทย) 1. การรักษาความสจั ความจริงใจตอ่ ตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งทเี่ ป็นประโยชนแ์ ละเปน็ ธรรม 2. การรู้จกั ขม่ ใจตนเอง ให้ประพฤติปฏบิ ัติอยใู่ นความสัจ ความดี 3.การอดทน อดกล้ัน และอดออม ทจี่ ะไมป่ ระพฤตลิ ว่ งความสจั สุจรติ ไม่ว่าจะดว้ ยเหตปุ ระการใด 4. การรจู้ กั ละวางความช่ัว และร้จู กั สละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชนส์ ว่ นใหญ่ของ คา่ นยิ มสรา้ งสรรค์ 5 ประการ 1. กล้ายืนหยัดทาในส่งิ ท่ีถูกต้อง - ยึดมน่ั ในความถูกตอ้ งดีงาม ชอบธรรม - เสียสละ - พรอ้ มทจี่ ะเปลีย่ นแปลงเพื่อการพฒั นา - ยดึ หลักวิชาและจรรยาวชิ าชีพ - ไม่ยอมโอนอ่อนตามอทิ ธิพลใด 2. ซอี่ สตั ย์ และมคี วามรับผดิ ชอบ -ปฏบิ ัตหิ น้าทอ่ี ย่างตรงไปตรงมา -แยกเรื่องสว่ นตวั ออกจากหน้าที่การ - มคี วามรับผิดชอบตอ่ การปฏิบัติงานในหน้าท่ี ต่อประชาชน ต่อผลการปฏบิ ตั งิ าน ต่อองค์กร และต่อการพฒั นาปรับปรุงราชการ 3. โปร่งใสตรวจสอบได้ -สรา้ งกลไกและวธิ กี ารทางานขององคก์ ารให้ชดั เจน ประชาชนสามารถตรวจสอบความถกู ต้องได้ -เปิดเผยขอ้ มลู ขา่ งสารภายใต้กรอบของกฎหมาย 4. ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ -บริการประชาชนดว้ ยความเสมอภาค เน้นความสะดวกรวดเรว็ ประหยดั -ปฏิบตั ิตอ่ ผรู้ บั บรกิ ารด้วยความเมตตา เออื้ เฟื้อถูกตอ้ ง และมีน้าใจ 5. มุง่ ผลสมั ฤทธ์ิของงาน -ทางานใหแ้ ล้วเสร็จตามวตั ถุประสงค์เกดิ ผลดีตอ่ หน่วยงาน และส่วนรวม -ใชท้ รัพยากรของราชการให้คมุ้ ค่า -เน้นการทางานที่ยึดผลลพั ธ์เป็นหลกั มกี ารประเมินผลตามตวั ชีว้ ัดของงาน

หลกั สาคัญของการบรหิ ารกจิ การบ้านเมืองท่ดี แี ละสังคมท่ีดี 6 ประการ 1. หลักนิตธิ รรม หมายถึง การตรากฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คับต่างๆ ใหท้ ันสมัยและเป็นธรรมเปน็ ท่ี ยอมรับของสังคมและสังคมยนิ ยอม พรอ้ มใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ข้อบงั คับเหล่านัน้ โดยถอื ว่าเปน็ การปกครอง ภายใต้กฎหมาย มิใช่ตามอาเภอใจหรอื อานาจขอตวั บคุ คล 2. หลกั หลกั คุณธรรม หมายถึง การยึดมัน่ ในความถกู ตอ้ งดีงาน โดยรณรงคใ์ หเ้ จ้าหน้าท่ีของรัฐยึดถือ หลกั น้ีในการปฏิบัติหน้าที่ให้เปน็ ตัวอย่างแก่สงั คม และส่งเสริมสนบั สนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อมกนั เพ่ือให้คนไทย มีความซอ่ื สัตย์ จรงิ ใจ ขยัน อดทน มรี ะเบยี บวนิ ัย ประกอบอาชีพสุจริต จนเป็นนสิ ัยประจาชาติ 3. หลกั ควำมโปร่งใส หมายถึง การสร้างความไว้วางใจซง่ึ กนั และกันของคนในชาติ โดยปรับปรงุ กลไก การทางานของทกุ วงการใหม้ โี ปร่งใส มีการเปดิ เผยขอ้ มูลขา่ วสาร ท่ีเป็นประโยชนอ์ ย่างตรงไปตรงมา 4. หลักกำรมีส่วนร่วม หมายถงึ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนรับรู้ และเสนอความเห็นในการ ตัดสนิ ใจปัญหาสาคญั ของประเทศ ไม่ว่าการแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพจิ ารณ์ การแสดง ประชามติ หรืออ่ืนๆ 5. หลักควำมรบั ผดิ ชอบ หมายถึง การตระหนกั ในสิทธหิ น้าที่ความสานกึ ในความรบั ผิดชอบต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบา้ นเมือง และการกระตือรือร้น ในการแก้ปัญหาตลอดจนการเคารพในความคดิ เหน็ ที่แตกต่าง และความ กล้าท่จี ะยอมรับผล จากการกระทาของตน 6. หลักควำมคุ้มค่ำ หมายถึง การบริหารจัดการ และใช้ทรพั ยากรที่มีจากัด เพอื่ ให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด แก่สว่ นรวม โดยรณรงค์ให้คนไทยมคี วามประหยดั ใชข้ องคุม้ คา่ สร้างสรรคส์ ินค้าและบริการท่มี คี ุณภาพ และ รักษาทรัพยากรธรรมชาติใหส้ มบูรณ์ยง่ั ยนื

สมรรถนะในกำรปฏิบัตงิ ำน 1. สมรรถนะหลัก (Core Competency) สมรรถนะท่ี 1 การมุ่งผลสัมฤทธ์ิในการปฏิบัติงาน (Working Achievement Motivation) หมายถึง ความมงุ่ มนั่ ในการปฏิบัตงิ านในหนา้ ที่ให้มคี ณุ ภาพ ถูกต้อง ครบถ้วนสมบรู ณ์ มคี วามคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ โดยมีการวางแผน กาหนดเปา้ หมาย ติดตามประเมินผลการปฏิบตั ิงาน และปรบั ปรงุ พัฒนา ประสทิ ธิภาพและผลงานอยา่ งต่อเนื่อง สมรรถนะ ตวั บง่ ช้ี รำยกำรพฤติกรรม 1.1 ความสามารถในการวางแผน กำรม่งุ ผลสัมฤทธ์ิ การกาหนดเป้าหมาย การวเิ คราะห์ 1.วเิ คราะห์ภารกิจงานเพ่ือวาง ในกำรปฏิบัติงำน สังเคราะหภ์ ารกจิ งาน แผนการแก้ปญั หาอย่างเป็น (Working Achievement ระบบ Motivation) 1.2 ความมุง่ มน่ั ในการปฏิบตั หิ น้าท่ี 2. กาหนดเป้าหมายในการ ใหม้ คี ุณภาพ ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน ปฏิบตั ิงานทุกภาคเรียน สมบรู ณ์ 3. กาหนดแผนการปฏิบตั ิงาน และการจัดการเรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ 1.3 ความสามารถในการตดิ ตาม ขน้ั ตอน ประเมิน ผลการปฏบิ ตั งิ าน 1.4 ความสามารถในการพฒั นา 1. ใฝ่เรยี นรเู้ กย่ี วกบั การจดั การ การปฏบิ ัตงิ านใหม้ ปี ระสิทธิภาพอย่าง เรยี นรู้ ต่อเนื่องเพ่ือใหง้ านประสบความสาเร็จ 2. รเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ในการ พฒั นาการจดั การเรียนรู้ 3. แสวงหาความรู้ท่เี กย่ี วกบั วชิ าชีพใหม่ ๆ เพ่อื การพฒั นา ตนเอง 1. ประเมินผลการปฏิบตั ิงานของ ตนเอง 1. ใชผ้ ลการประเมินการ ปฏบิ ตั ิงานมาปรบั ปรงุ / พัฒนาการทางานใหด้ ยี ง่ิ ข้นึ 2. พฒั นาการปฏิบัติงานเพอ่ื ตอบสนองความต้องการของ ผเู้ รียน ผปู้ กครอง และ ชมุ ชน

สมรรถนะที่ 2 กำรบรกิ ำรท่ดี ี (Service Mind) หมายถึง ความตัง้ ใจและความเต็มใจในการใหบ้ ริการ และการปรบั ปรุงระบบบรกิ ารใหม้ ีประสทิ ธภิ าพอย่างต่อเน่อื ง เพ่ือตอบสนองความต้องการของผูร้ ับบรกิ าร สมรรถนะ ตัวบง่ ช้ี รำยกำรพฤติกรรม 2.1 ความต้ังใจและเตม็ ใจใน กำรบรกิ ำรทดี่ ี 1. ทากจิ กรรมต่างๆ เพ่อื (Service Mind) การให้บรกิ าร ประโยชน์ส่วนรวมเมอื่ มโี อกาส 2. เตม็ ใจ ภาคภมู ิใจ และมี 2.2 การปรับปรุงระบบบริการใหม้ ี ความสุขในการให้บริการแก่ ประสิทธิภาพ ผูร้ ับบรกิ าร 1. ศึกษาความต้องการของ ผู้รับบรกิ าร และนาขอ้ มูลไปใช้ ในการปรบั ปรุง 2. ปรับปรุงและพัฒนาระบบ การใหบ้ ริการให้มปี ระสิทธิภาพ สมรรถนะที่ 3 กำรพฒั นำตนเอง (Self- Development) หมายถงึ การศึกษาค้นควา้ หาความรู้ ตดิ ตามและแลกเปล่ยี นเรยี นรอู้ งค์ความรู้ใหมๆ่ ทางวชิ าการและวิชาชพี มกี ารสรา้ งองคค์ วามรู้และนวัตกรรม เพือ่ พฒั นาตนเอง และพฒั นางาน สมรรถนะ ตัวบง่ ช้ี รำยกำรพฤตกิ รรม กำรพัฒนำตนเอง 3.1 การศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ 1. ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ ม่งุ มน่ั (Self- Development) ติดตามองคค์ วามร้ใู หม่ๆ ทางวชิ าการ และแสวงหาโอกาสพฒั นาตนเอง และวชิ าชีพ ดว้ ยวิธกี าร ท่ีหลากหลาย เชน่ การ เข้ารว่ มประชุม/สมั มนา การศึกษา ดูงาน การค้นคว้า ดว้ ยตนเอง 3.2 การสร้างองค์ความรูแ้ ละนวตั กรรม 1. รวบรวม สังเคราะห์ข้อมลู ในการพัฒนาองคก์ รและวิชาชีพ ความรู้ จดั เป็นหมวดหมู่ และ ปรับปรุงให้ทันสมัย 2. สร้างองคค์ วามรู้และนวัตกรรม เพื่อพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ องค์กรและวชิ าชพี 3.3 การแลกเปล่ียนความคิดเห็น และ 1. แลกเปลี่ยนเรยี นร้กู ับผู้อ่ืนเพือ่ สรา้ งเครอื ข่าย พัฒนาตนเอง และพัฒนางาน 2.ใหค้ าปรึกษา แนะนา นเิ ทศ และ ถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ทาง วชิ าชพี แก่ผอู้ นื่ 3. มกี ารขยายผลโดยสรา้ ง เครือขา่ ยการเรยี นรู้

สมรรถนะที่ 4 กำรทำงำนเป็นทีม (Team Work) หมายถงึ การให้ความรว่ มมอื ชว่ ยเหลือ สนบั สนนุ เสริมแรงใหก้ าลงั ใจแก่เพอื่ นร่วมงาน การปรับตวั เขา้ กบั ผอู้ นื่ หรือทมี งาน แสดงบทบาทการเป็นผนู้ าหรอื ผูต้ ามได้ อยา่ งเหมาะสมในการทางานรว่ มกับผู้อ่ืน เพื่อสร้างและดารงสมั พันธภาพของสมาชิก ตลอดจนเพ่อื พัฒนาการจดั การศึกษาให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามเป้าหมาย สมรรถนะ ตัวบง่ ชี้ รำยกำรพฤติกรรม 1. การวเิ คราะห์ กำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์ 1. สารวจปัญหาเกีย่ วกับนักเรียนท่ีเกิดข้ึนใน และกำรวิจัยเพือ่ พฒั นำ ช้นั เรียนเพ่ือวางแผนการวิจัยเพอ่ื พฒั นา ผ้เู รยี น ผู้เรยี น 2. วิเคราะหส์ าเหตขุ องปญั หาเกยี่ วกับ (Analysis & Synthesis นักเรยี นท่เี กิดขน้ึ ในชั้นเรียนเพื่อกาหนด ทางเลือกในการแกไ้ ขปญั หาระบสุ ภาพ & Classroom ปจั จบุ นั Research) 3. มีการวิเคราะหจ์ ุดเดน่ จดุ ด้อย อปุ สรรค และโอกาสความสาเร็จของการวิจัยเพื่อ 2. การสังเคราะห์ แก้ไขปญั หาท่ีเกดิ ขึน้ ในชั้นเรยี น 3. การวิจัยเพอื่ พัฒนาผูเ้ รียน 1. รวบรวม จาแนกและจดั กลุ่มของสภาพ ปัญหาของผู้เรยี น แนวคิดทฤษฎีและวิธีการ แก้ไขปัญหาเพ่อื สะดวกตอ่ การนาไปใช้ 2. มกี ารประมวลผลหรอื สรปุ ขอ้ มูล สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไข ปญั หาในช้นั เรยี นโดยใช้ข้อมลู รอบด้าน 1. จดั ทาแผนการวิจัย และดาเนิน กระบวนการวจิ ัย อยา่ งเป็นระบบตามแผน ดาเนนิ การวจิ ยั ทก่ี าหนดไว้ 2. ตรวจสอบความถูกต้องและความ น่าเช่ือถอื ของผลการวิจยั อยา่ งเปน็ ระบบ 3. มกี ารนาผลการวจิ ยั ไปประยุกตใ์ ช้ใน กรณีศกึ ษาอ่ืน ๆ ทีม่ บี รบิ ทของปญั หาท่ี คล้ายคลงึ กัน

สมรรถนะท่ี 5 ภำวะผ้นู ำครู (Teacher Leadership) หมายถึง คุณลกั ษณะและพฤตกิ รรมของครทู ี่ แสดงถึงความเกีย่ วขอ้ งสัมพนั ธ์ส่วนบคุ คล และการแลกเปล่ียนเรยี นร้ซู ึง่ กันและกันท้ังภายในและภายนอก ห้องเรยี นโดยปราศจากการใชอ้ ิทธพิ ลของผู้บริหารสถานศึกษา กอ่ ให้เกดิ พลงั แหง่ การเรยี นรู้เพื่อพฒั นาการจดั การ เรยี นรู้ใหม้ ีคุณภาพ สมรรถนะ ตวั บ่งชี้ รำยกำรพฤติกรรม ภำวะผนู้ ำครู (Teacher Leadership) 1. วุฒภิ าวะความเป็นผู้ใหญ่ 1. พิจารณาทบทวน ประเมินตนเองเกีย่ วกบั ทเ่ี หมาะสมกับความเป็นครู พฤติกรรมท่แี สดงออกตอ่ ผู้เรียนและผ้อู น่ื (Adult Development) และ มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและ สว่ นรวม 2.การสนทนาอยา่ งสร้างสรรค์ 2. เหน็ คุณค่า ให้ความสาคัญในความคิดเห็น (Dialogue) หรือผลงาน และให้เกียรตแิ ก่ผู้อื่น 3. กระตุน้ จงู ใจ ปรับเปลี่ยนความคดิ และ 3. การเป็นบุคคลแหง่ การกระทาของผอู้ ่ืนให้มีความผกู พนั และ มุ่งมั่นตอ่ เป้าหมายในการทางานร่วมกัน การเปลีย่ นแปลง (Change Agency) 1. มีปฏิสัมพนั ธใ์ นการสนทนา มบี ทบาท และมสี ว่ นรว่ มในการสนทนาอย่าง สร้างสรรคก์ บั ผอู้ นื่ โดยมุ่งเนน้ ไปท่ีการเรยี นรู้ ของผู้เรยี นและการพัฒนาวิชาชีพ 2. มีทกั ษะการฟัง การพดู และการตั้ง คาถาม เปิดใจกว้าง ยดื หยุ่น ยอมรับทัศนะท่ี หลากหลาย ของผู้อน่ื เพอ่ื เปน็ แนวทาง ใหมๆ่ ในการปฏิบตั งิ าน 3. สืบเสาะข้อมลู ความรู้ทางวชิ าชพี ใหมๆ่ ทส่ี รา้ งความทา้ ทายในการสนทนาอยา่ ง สรา้ งสรรค์ กับผู้อนื่ 1. ให้ความสนใจตอ่ สถานการณ์ตา่ งๆ ทีเ่ ป็น ปจั จุบนั โดยมกี ารวางแผนอยา่ งมีวสิ ัยทัศน์ ซึ่ง เช่อื มโยงกับวิสยั ทัศน์ เปา้ หมาย และ พันธกจิ ของโรงเรียนรว่ มกบั ผู้อ่ืน 2. ริเรมิ่ การปฏิบัติที่นาไปสู่การเปลยี่ นแปลง และการพฒั นานวตั กรรม 3. กระตุ้นผูอ้ ื่นให้มีการเรยี นร้แู ละความ รว่ มมือในวงกว้างเพอ่ื พัฒนาผู้เรียน สถานศึกษา และวชิ าชีพ 4. ปฏบิ ัติงานร่วมกบั ผู้อน่ื ภายใตร้ ะบบ/ ขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้

สมรรถนะ ตัวบ่งช้ี รำยกำรพฤตกิ รรม 4. การปฏิบตั งิ านอย่างไตร่ตรอง ภำวะผนู้ ำครู (Reflective Practice) 1. พจิ ารณาไตร่ตรองความสอดคล้อง (Teacher Leadership) ระหวา่ งการเรียนรู้ของนักเรยี น และการ 5. การมงุ่ พฒั นาผลสัมฤทธิ์ จดั การเรยี นรู้ ผเู้ รียน 2. สนบั สนนุ ความคิดรเิ รมิ่ ซึ่งเกิดจากการ (Concern for improving พิจารณาไตรต่ รองของเพื่อนร่วมงาน และมี pupil achievement) ส่วนร่วมในการพัฒนานวตั กรรมตา่ งๆ 3. ใช้เทคนิควิธกี ารหลากหลายในการ ตรวจสอบ ประเมินการปฏิบตั งิ านของ ตนเอง และ ผลการดาเนนิ งานสถานศึกษา 1. กาหนดเป้าหมายและมาตรฐานการ เรยี นร้ทู ี่ทา้ ทายความสามารถของตนเองตาม สภาพจรงิ และปฏิบัติใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ได้ 2. ให้ขอ้ มลู และข้อคดิ เห็นรอบด้านของ ผเู้ รยี นตอ่ ผ้ปู กครองและผู้เรียนอยา่ งเปน็ ระบบ 3. ยอมรับขอ้ มลู ปอ้ นกลบั เก่ียวกบั ความ คาดหวังดา้ นการเรียนรู้ของผู้เรยี นจาก ผู้ปกครอง 4. ปรบั เปล่ยี นบทบาทและการปฏบิ ัตงิ าน ของตนเองใหเ้ อื้อตอ่ การพฒั นาผลสัมฤทธิ์ ผู้เรยี น 5. ตรวจสอบขอ้ มูลการประเมินผู้เรียนอย่าง รอบด้าน รวมไปถงึ ผลการวิจัย หรอื องค์ ความรตู้ า่ งๆ และนาไปใช้ในการพฒั นา ผลสัมฤทธ์ิผูเ้ รยี นอย่างเปน็ ระบบ

สมรรถนะที่ 6 การสรา้ งความสมั พันธแ์ ละความร่วมมอื กับชมุ ชนเพือ่ การจดั การเรยี นรู้ (Relationship & Collaborative – Building for Learning Management) หมายถึง การประสานความรว่ มมือ สรา้ ง ความสมั พนั ธ์ที่ดี และเครือข่ายกับผปู้ กครอง ชุมชน และองคก์ รอนื่ ๆ ทงั้ ภาครัฐและเอกชน เพ่ือสนับสนุนสง่ เสริม การจัดการเรียนรู้ สมรรถนะ ตวั บง่ ช้ี รำยกำรพฤตกิ รรม กำรสร้ำงควำมสัมพนั ธ์ 1. การสรา้ งความสัมพันธแ์ ละ 1. กาหนดแนวทางในการสรา้ ง และควำมร่วมมือกับชุมชน ความรว่ มมอื กับชมุ ชน ความสมั พันธ์ท่ีดี และความร่วมมือกับ เพอ่ื กำรจดั กำรเรียนรู้ เพื่อการจดั การเรยี นรู้ ชมุ ชน (Relationship & 2. ประสานให้ชุมชนเข้ามามีสว่ นรว่ มใน Collaborative for กจิ กรรมตา่ งๆ ของสถานศกึ ษา Learning) 3. ใหค้ วามรว่ มมอื ในกิจกรรมตา่ งๆ ของ ชุมชน 2. การสรา้ งเครือข่าย 4. จัดกจิ กรรมที่เสริมสร้าง ความสมั พนั ธ์ ความรว่ มมอื เพอื่ การจัด และความร่วมมือกบั ผปู้ กครอง ชมุ ชน การเรียนรู้ และองคก์ รอ่ืนๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน เพื่อการจดั การเรียนรู้ 1. สร้างเครอื ขา่ ยความรว่ มมือระหวา่ งครู ผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรอ่นื ๆ ทั้ง ภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนส่งเสริม การจัดการเรยี นรู้

ฝำกไว้เตอื นใจ

พระบรมรำโชวำทพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อย่หู ัว รชั กำลท่ี 9 ในกำรปฏิบตั ริ ำชกำรนัน้ ขอใหท้ ำหน้ำท่ีเพื่อหนำ้ ทีอ่ ย่ำนึกถงึ บำเหน็จรำงวลั หรือผลประโยชน์ใหม้ ำก ขอให้ถอื วำ่ กำรทำหนำ้ ท่ไี ด้สมบูรณ์เป็นทง้ั รำงวลั และประโยชนอ์ ยำ่ งประเสริฐ จะทำใหบ้ ้ำนเมอื งอยูเ่ ยน็ เป็น สุขและมน่ั คง (เนื่องในวนั ขา้ ราชการพลเรอื น 1 เมษายน 2533) ………………………………………… กำรดำรงชีวติ ที่ดจี ะตอ้ งปรบั ปรุงตัวตลอดเวลำ กำรปรบั ปรงุ ตัวจะดอ้ งมคี วำมเพียร และควำมอดทน เปน็ ท่ีต้งั ถ้ำคนเรำไมห่ ม่นั เพยี ร ไม่มคี วำมอดทน ก็จะทอ้ ใจไปโดยง่ำย เม่อื ท้อใจไปแลว้ ไม่มที ำงที่จะมีชีวิต เจริญรงุ่ เรืองแนๆ่ (พระราชทานแก่ครแู ละนกั เรยี นโรงเรยี นจติ รลดา 27 มีนาคม 2523) .................................................................. กำรปิดทองหลังพระนนั้ เมอ่ื ถงึ ครำวจำเป็นกต็ อ้ งปดิ วำ่ ท่จี ริงแล้วคนโดยมำกไม่คอ่ ยชอบปดิ ทองหลงั พระกนั มำกนกั เพรำะนกึ ว่ำไมม่ ใี ครเห็น แตถ่ ำ้ ทุกคนพำกันปดิ ทองแต่ข้ำงหนำ้ ไม่มใี คร ปดิ ทองข้ำงหลงั พระ เลย พระจะเปน็ พระท่งี ำมบรบิ รู ณ์ไมไ่ ด้ (ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั 25 กรกฎาคม 2506) .................................................................. ในกำรปฏบิ ัตงิ ำนนนั้ ยอ่ มมีปัญหำต่ำงๆ เกิดขน้ึ ได้เสมอ เมอ่ื ปัญหำเกดิ ขนึ้ ต้องแก้ไข อย่ำทง้ิ ไว้จน พอกพูนลกุ ลำมแกย้ ำก ขอให้ทุกคนระลึกวำ่ ปญั หำทกุ อยำ่ งมีทำงแกไ้ ขได้ ถ้ำแก้คนเดยี วไมไ่ ด้ก็ช่วยกนั คิด ช่วยกนั แก้หลำยๆคน หลำยๆทำง ด้วยควำมร่วมมอื ปรองดองกัน (ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั 13 กรกฎาคม 2533) .................................................................... กำรจะทำงำนให้มีประสทิ ธผิ ล และให้ดำเนินไปได้โดยรำบรน่ื จำเป็นอย่ำงย่ิงที่จะตอ้ งทำดว้ ยควำม รับผดิ ชอบสูง ไม่บดิ เบอื นขอ้ เทจ็ จรงิ ไมบ่ ิดเบอื นจุดประสงค์ท่ีแท้จริงของงำน สำคญั ท่สี ดุ ต้องเข้ำใจ ควำมหมำยของคำวำ่ ควำมรับผิดชอบใหถ้ กู ตอ้ ง (ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 16 กรกฎาคม 2519) ...................................................................... เมือ่ มโี อกำส และมีงำนใหท้ ำ ควรเตม็ ใจทำโดยไมจ่ ำเป็นตอ้ งตั้งข้อแม้หรอื เง่ือนไขอนื่ ใด ไว้เปน็ เคร่อื ง กีดขวำง คนท่ีทำงำนได้จริงๆน้ัน ไม่วำ่ จะจบั งำนส่ิงใดย่อมทำได้เสมอ ถำ้ ยิง่ มีควำมเอำใจใส่ มีควำมขยัน ซือ่ สตั ย์สจุ รติ ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเรจ็ ในงำนท่ที ำสงู ข้นึ (ในพิธีพระราชทาน ปรญิ ญาบัตรของวิทยาลยั เทคโนโลยีและอาชวี ศึกษา 8 กรกฎาคม 2530)

ขอ้ บงั คับคุรุสภำ วำ่ ด้วยมำตรฐำนวิชำชีพ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 256๒ โดยท่เี ป็นการสมควรแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ขอ้ บงั คับครุ ุสภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕6 ในสว่ นของ วิชาชีพครเู พือ่ ให้สอดคลอ้ งกับการเปลยี่ นแปลงและทศิ ทางการศึกษาของชาติ อาศัยอานาจตามความในมาตรา 9 (๑) และ (๑๑) (๔) และมาตรา ๔๙ แหง่ พระราชบัญญตั สิ ภาครูและ บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบกบั มติคณะกรมการคุรุสภา ในการประชมุ ครั้งที่ 13/2561 เมอ่ื วนั ท่ี 17 ธนั วาคม ๒๕61 ครุ สุ ภาโดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร จึงออก ข้อบังคบั คุรุสภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี ไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ 1 ข้อบังคบั นเี้ รียกว่า \"ข้อบงั คับคุรสุ ภา วา่ ด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2562 ขอ้ 2 ขอ้ บงั คบั น้ีให้ใช้บงั คับต้งั แต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตันไป ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ความในบทนิยามคาว่า “มาตรฐานความร้แู ละประสบการณว์ ิชาชพี ” “มาตรฐานการ ปฏบิ ัตงิ าน” และ \"มาตรฐานการปฏิบตั ิตน\" ในข้อ ๔ แหง่ ขอ้ อบงั คับครุ ุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๕6 และใหใ้ ช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายความว่า ข้อกาหนดเก่ยี วกับความรู้ และประสบการณ์ ในการจัดการเรียนรู้ หรือการจดั การศกึ ษา ซง่ึ ผูป้ ระกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา รวมทัง้ ผู้ตอ้ งการประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา ต้องมีเพียงพอทสี่ ามารถนาไปใชใ้ นการประกอบวิชาชีพได้” “มาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน หมายความว่า ข้อกาหนดเก่ยี วกับคุณลกั ษณะ หรอื การแสดงพฤตกิ รรมการ ปฏบิ ตั งิ านและการพฒั นางาน ซง่ึ ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา รวมทัง้ ผตู้ ้องการประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ต้องปฏิบัติตาม เพอ่ื ใหเ้ กิดผลตามวัตถุประสงค์ และเปา้ หมายกาวเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา รวมท้ังต้องฝกึ ฝน พฒั นาตนเองใหม้ ที กั ษะ หรือความชานาญสงู ขึน้ อย่างตอ่ เนอ่ื ง” “มาตรฐานการปฏิบตั ิตน หมายความว่า จรรยาบรรณชองวชิ าชพี ที่กาหนดข้นึ เปน็ แบบแผน ในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ น ซ่ึงผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมทงั้ ผู้ต้องการประกอบวชิ าชีพทางกรศกึ ษา ต้องยึดถือปฏบิ ตั ติ าม เพือ่ รกั ษาและส่งเสริมเกยี รติคณุ ชอื่ เสียง และฐานะของผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ให้เป็นทีเ่ ชอื่ ถือศรัทธาแกผ่ ้รู ับบริการและสังคม อันจะนามาซึ่งเกียรติ และศักดิศ์ รแี หง่ วชิ าชพี ” ขอ้ ๔ ให้ยกเลิกความในขอ้ ๖ แหง่ ข้อบังคับครุ สุ ภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ พศ. ๒๕๕6 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “ขอ้ ๖ ผปู้ ระกอบวิชาชีพครู ตอ้ งมคี ณุ วฒุ ิไมต่ า่ กวา่ ปรญิ ญาตรีทางการศึกษาหรอื เทียบเทา่ หรือ มคี ุณวุฒอิ น่ื ท่คี รุ ุสภารับรอง โดยม์ มี าดรฐานความรแู้ ละประสบการณ์วชิ าชีพ ดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) มาตรฐานความรู้ ต้องมีความรอบรแู้ ละเข้าใจในเรื่อง ดังตอ่ ไปนี้ (๑) การเปล่ยี นแปลงบรบิ ทของโลก สังคม และแนวคดิ ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง (๒) จิตวทิ ยาพัฒนาการ จิตวิทยาการศกึ ษา และจิตวิทยาให้คาปรึกษาในการวเิ คราะห์ และพัฒนาผเู้ รียนตามศกั ยภาพ (๓) เน้ือหาวชิ าทสี่ อน หลักสูตร ศาสตร์การสอน และเทคโนโลยีดจิ ิทัลในการจัดการ เรียนรู้ (๔) การวัด ประเมนิ ผลการเรียนรู้ และการวิจยั เพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรยี น (๕) การใชภ้ าษาไทย ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่อื สาร และการใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพื่อ การศึกษา (๖) การออกแบบและการดาเนินการเกยี่ วกับงานประกันคุณภาพการศกึ ษา

(ข) มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชีพ ผ่านการปฏบิ ัติการสอนในสถานศกึ ษาตามหลักสตู รปรญิ ญา ทางการศกึ ษาเปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่าหนึ่งปี และผา่ นเกณฑก์ ารประเมินปฏิบตั ิ การสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เง่อื นไขท่ีคณะกรรมการคุรุสภากาหนด ดงั ต่อไปนี้ (๑) การฝึกปฏิบัติวชิ าชพี ระหวา่ งเรียน (๒) การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาในสาขาวิซาเฉพาะ ข้อ ๕ ใหย้ กเลกิ ความในข้อ ๑๐ แห่งข้อบงั คบั ครุ สุ ภา วา่ ด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ ความต่อไปนีแ้ ทน “ขอ้ ๑0 รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณว์ ิชาชีพใหเ้ ปน็ ไปตามที่ คณะกรรมการครุ ุสภากาหนด” ข้อ ๖ ใหย้ กเลิกความในข้อ ๑๑ แห่งข้อบงั คบั คุรุสภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวิชาชพี พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ ความตอ่ ไปนแี้ ทน “ข้อ ๑๑ ผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู ต้องมีมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน ดงั น้ี (ก) การปฏิบตั หิ นา้ ท่คี รู (๑) มุ่งมนั่ พัฒนาผเู้ รียน ด้วยจิตวิญญาณความเปน็ ครู (๒) ประพฤติตนเปน็ แบบอย่างทด่ี ี มคี ุณธรรม จริยธรรม และมีความเปน็ (๓) ส่งเสรมิ การเรียนรู้ เอาใจใส่ และยอมรบั ความแตกต่างของผเู้ รียนแตล่ ะบคุ คล (๔) สร้างแรงบนั ดาลใจผู้เรียนให้เป็นผู้ใฝ่เรยี นรู้ และผสู้ รา้ งนวตั กรรม (๕) พัฒนาตนเองให้มคี วามรอบรู้ ทนั สมัย และทันต่อการเปลี่ยนแปลง (ข) การจัดการเรียนรู้ (๑) พัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา การจัดการเรยี นรู้ ส่ือ การวดั และประเมนิ ผล การเรยี นรู้ (๒) บูรณาการความรู้และศาสตรก์ ารสอนในการวางแผนและจดั การเรยี นรู้ ท่สี ามารถ พัฒนาผ้เู รยี นใหม้ ปี ญั ญารู้คิด และมคี วามเป็นนวัตกร (๓) ดแู ล ชว่ ยเหลอื และพัฒนาผ้เู รียนเป็นรายบคุ คลตามศักยภาพ สามารถรายงานผล การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนไดอ้ ย่างเป็นระบบ (๔) จัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรยี นรู้ให้ผู้เรียนมีความสขุ ในการเรียนโดย ตระหนักถึงสุขภาวะของผู้เรยี น (5) วิจัย สร้างนวัตกรรม และประยุกใช้เทคโนโลยีดิจทิ ัลใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การเรยี นรู้ ของผู้เรียน (๖) ปฏิบัติงานร่วมกับผอู้ ่ืนอย่างสร้างสรรคแ์ ละมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมการพฒั นาวซิ าชพี (ค) ความสัมพนั ธ์กบั ผปู้ กครองและชมุ ชน (๑) รว่ มมือกับผู้ปกครองในการพัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรยี นให้มคี ุณลักษณะที่พึง ประสงค์ คณุ ภาพของผเู้ รยี น (๒) สรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมือกับผปู้ กครองและชมุ ชน เพ่ือสนับสนนุ การเรียนร้ทู ่มี ี วฒั นธรรม (๓) ศึกษา เขา้ ถงึ บริบทของชมุ ชน และสามารถอยู่ร่วมกนั บนพน้ื ฐานความแตกต่างทาง

(๔) สง่ เสรมิ อนุรกั ษ์วฒั นธรรม และภูมิปัญญาท้องถน่ิ ข้อ ๗ ขอ้ บังคับฉบับนไี้ มก่ ระทบสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของผไู้ ดร้ บั และผ้ขู อรบั ใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี ครทู ใ่ี ช้ มาตรฐานวชิ าชพี ตามขอ้ บังคบั คุรสุ ภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ ทแี่ ก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑

มำตรฐำนตำแหน่งและมำตรฐำนวิทยฐำนะของข้ำรำชกำรครแู ละบุคลำกรทำงกำรศึกษำ (ส่งพรอ้ มหนงั สอื สานกั งาน ก.ค.ศ. ที่ 0206.4/ว 3 ลงวนั ที่ ๒6 มกราคม ๒๕6๔) _______________________________ โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ ศ. ๒๕๔๗ กาหนดให้ ก.ค.ศ.จัดทามาตรฐานตาแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะ และมาตรฐานตาแหน่งทางวิซาการของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาไวเ้ ป็นบรรทัดฐานทุกตาแหน่ง ทุกวิทยฐานะ เพ่อื ใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ าน อาศัยตามความในมาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๔6 แหง่ พระราชบญั ญัติระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ ศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. จึงกาหนดมาตรฐานตาแหน่งและมาตรฐานวทิ ยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาใหม่ ให้เหมาะสม เพ่ือยกระดับคุณภาพของชาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในอันท่ีจะ สง่ ผลต่อการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนใหด้ ีขึ้น ไว้ดงั น้ี ประเภท ผู้สอนในหน่วยงำนกำรศกึ ษำ สำยงำน กำรสอน ชอื่ ตาแหน่ง ครูผู้ช่วย ครู ชอ่ื วิทยฐานะ ครชู านาญการ ครูชานาญการพเิ ศษ ครูเชีย่ วชาญ ครเู ชีย่ วชาญพิเศษ ประเภท ผู้บริหำรสถำนศกึ ษำและผูบ้ รหิ ำรกำรศึกษำ สำยงำน บรหิ ำรสถำนศึกษำ ชอ่ื ตาแหน่ง รองผ้อู านวยการสถานศกึ ษา ผู้อานวยการสถานศึกษา ชื่อวทิ ยฐานะ รองผู้อานวยการชานาญการ รองผ้อู านวยการชานาญการพิเศษ รองผอู้ านวยการเช่ียวชาญ ผอู้ านวยการชานาญการ ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ ผอู้ านวยการเชี่ยวชาญ ผอู้ านวยการเชย่ี วชาญพิเศษ

สำยงำน บรหิ ำรกำรศึกษำ ชื่อตาแหน่ง รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษา ชอ่ื วทิ ยฐานะ รองผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาชานาญการพิเศษ รองผู้อานวยการสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาเช่ียวชาญ ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาเชยี่ วชาญ ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาเชยี่ วชาญพิเศษ ชื่อตาแหน่ง รองผ้อู านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวดั /กรุงเทพมหานคร ชื่อวิทยฐานะ ผอู้ านวยการสานักงาน กศน. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร รองผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวัด/กรงุ เทพมหานครชานาญการพิเศษ รองผู้อานวยการสานกั งาน กศน.จังหวดั /กรุงเทพมหานครเชีย่ วชาญ ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานครเชย่ี วชาญ ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานครเชี่ยวชาญพเิ ศษ ชื่อตาแหนง่ ผู้อานวยการสานกั งานการศึกษาเอกชนอาเภอ ชอื่ วทิ ยฐานะ รองผอู้ านวยการสานักงานการศึกษาเอกชนจงั หวดั ผอู้ านวยการสานักงานการศกึ ษาเอกชนจงั หวัด ผ้อู านวยการสานกั งานการศกึ ษาเอกชนอาเภอชานาญการพิเศษ ผู้อานวยการสานกั งานการศกึ ษาเอกชนอาเภอเชย่ี วชาญ รองผอู้ านวยการสานกั งานการศึกษาเอกชนจงั หวดั ชานาญการพิเศษ รองผู้อานวยการสานักงานการศกึ ษาเอกชนจังหวดั เช่ียวชาญ ผู้อานวยการสานกั งานการศึกษาเอกชนจงั หวัดเช่ียวชาญ ผอู้ านวยการสานักงานการศกึ ษาเอกชนจังหวัดเช่ียวชาญพิเศษ ประเภท บคุ ลำกรทำงกำรศึกษำอ่ืน สำยงำน นเิ ทศกำรศึกษำ ชอ่ื ตาแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ ชื่อวิทยฐานะ ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการ ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ ศกึ ษานเิ ทศกเ์ ชยี่ วชาญ ศกึ ษานิเทศกเ์ ชี่ยวชาญพเิ ศษ

มำตรฐำนตำแหนง่ และมำตรฐำนวทิ ยฐำนะ ประเภท ผสู้ อนในหน่วยงำนกำรศกึ ษำ สำยงำน กำรสอน ลักษณะงำนโดยทั่วไป สายงานการสอน มีลักษณะงานท่ีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการ เรยี นรเู้ พือ่ พฒั นาผูเ้ รยี น รวมทง้ั พฒั นาตนเองและวิชาชพี และปฏบิ ตั งิ านอนื่ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย ชอ่ื ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย ครู ช่ือวิทยฐำนะ ครูชานาญการ ครชู านาญการพเิ ศษ ครเู ชย่ี วชาญ ครูเชยี่ วชาญพเิ ศษ

มำตรฐำนตำแหนง่ ช่อื ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย หนำ้ ทีแ่ ละควำมรบั ผิดชอบ มหี นา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบหลักในการจัดการเรยี นรู้ ส่งเสรมิ และสนับสนนุ การจัดการเรยี นรู้เพ่ือพัฒนา ผู้เรยี น เตรียมความพรอ้ มและพัฒนาอย่างเขม้ พฒั นาตนเองและวิชาชพี และปฏิบัตงิ านอน่ื ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย ลักษณะงำนท่ปี ฏิบัติ การปฏิบัตงิ านของครผู ู้ชว่ ย ตอ้ งมกี ารบรู ณาการงานทั้ง ๓ ดา้ น ใหเ้ ชอ่ื มโยงและสอดคล้องกนั ดังน้ี ๑. ด้ำนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๑.๑ นาผลการวเิ คราะห์หลกั สตู ร มาจดั ทารายวชิ าและหน่วยการเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกับมาตรฐานการ เรียนรู้ และตัวช้ีวัดหรือผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้ เต็มตาม ศกั ยภาพ ๑.๒ ปฏิบตั กิ ารสอนโดยออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ทักษะ คณุ ลักษณะประจาวชิ า คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะทีส่ าคัญ ตามหลักสูตร ๑.๓ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ และส่งเสริมผู้เรียน ได้พัฒนาเต็มตาม ศักยภาพเรียนรแู้ ละทางานร่วมกัน ๑.๔ เลอื กและใชส้ ่ือ เทคโนโลยี และแหล่งเรยี นรู้ ท่สี อดคล้องกบั กิจกรรมการเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนมที กั ษะ การคิด ๑.๕ วัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูด้ ้วยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เหมาะสม และสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการ เรยี นรใู้ หผ้ เู้ รยี นพฒั นาการเรยี นร้อู ย่างตอ่ เนื่อง ๑.๖ จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทางาน ทักษะการเรียนรู้และนวตั กรรม ทกั ษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี 1.๗ อบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมความ เป็นไทยที่ดีงาม

๒. ด้ำนกำรส่งเสรมิ และสนบั สนนุ กำรจดั กำรเรียนรู้ ๒.๑ จัดทาข้อมลู สารสนเทศของผู้เรยี นและรายวิชา เพ่อื ใช้ในการส่งเสริมสนบั สนนุ การเรียนรู้และพัฒนา คุณภาพผ้เู รียน ๒.๒ คาเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับผู้เรียนรายบุคคลและ ประสานความรว่ มมือกบั ผู้มสี ่วนเก่ียวขอ้ ง เพอ่ื พฒั นาและแก้ปัญหาผูเ้ รยี น ๒.๓ ร่วมปฏิบตั ิงานทางวิชาการ และงานอนื่ ๆ ของสถานศึกษา เพื่อยกระดบั คุณภาพการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ๒๔ ประสานความร่วมมอื กับผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้อง เพือ่ รว่ มกันพฒั นาผเู้ รียน ๓. ดำ้ นกำรพฒั นำตนเองและวชิ ำชพี ๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะ อย่างย่ิงการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษา สมรรถนะ ทางวชิ าชพี ครคู วามรอบรู้ในเน้อื หาวชิ าและวิธกี ารสอน ๓.๒ มสี ว่ นร่วมในการแลกเปลยี่ นเรียนรทู้ างวชิ าชีพ เพื่อพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ ๓.๓ นาความรู้ ความสามารถ ทักษะท่ีได้จากการพัฒนาตนเองและวชิ าชีพมาใชใ้ นการพฒั นาการจดั การ เรียนรู้ และการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น วนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยำบรรณวิชำชีพ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง มีจิตวิญญาณความเป็นครู มีจิตสานึกความรับผิดชอบในวิชาชีพครู และมีจรรยาบรรณของ วิชาชพี คุณสมบตั เิ ฉพำะสำหรบั ตำแหน่ง 1. มีวฒุ ิปรญิ ญาทางการศึกษาหรือปรญิ ญาอน่ื ท่ี ก.ค.ศ. รบั รองเป็นคณุ สมบัติเฉพาะสาหรบั ตาแหน่งนี้ ๒. มใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชีพครู หรือ หลักฐานท่ีครุ สุ ภาออกใหส้ าหรบั ปฏิบัติหน้าที่สอน ควำมรู้และสมรรถนะทีจ่ ำเป็นสำหรบั ตำแหนง่ ๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับรายวชิ า กลุม่ สาระการเรียนรู้ หรอื หลักสตู ร ทรี่ บั ผิดชอบ ๒. มีสมรรถนะทจี่ าเปน็ สาหรบั การปฏบิ ัตงิ านในตาแหนง่

มำตรฐำนตำแหนง่ ชอื่ ตำแหน่ง ครู หน้ำที่และควำมรับผิดชอบ มีหนา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบหลักในการจัดการเรยี นรู้ ส่งเสริมและสนบั สนุนการจัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนา ผู้เรยี น รวมทงั้ พฒั นาตนเองและวชิ าชพี และปฏิบัตงิ านอ่นื ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ลักษณะงำนทป่ี ฏบิ ัติ การปฏิบตั ิงานของครู ตอ้ งมีการบรู ณาการงานทัง้ ๓ ตา้ น ให้เช่อื มโยงและสอดคล้องกัน ดงั นี้ ๑. ดำ้ นกำรจัดกำรเรียนรู้ ๑.๑ สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร โดยจัดทารายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั มาตรฐาน การเรียนรู้ และตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้เต็มตาม ศกั ยภาพ ๑.๒ ปฏิบัติการสอนโดยออกแบบการรดั การเรยี นรโู้ ดยเนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ ใหผ้ ูเ้ รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ คณุ ลักษณะประจาวิชา คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และสมรรถนะทสี่ าคัญ ตามหลกั สตู ร ๑.๓ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ และส่งเสริมผู้เรียน ได้พัฒนาเต็มตาม ศกั ยภาพเรียนรแู้ ละทางานรว่ มกนั ๑.๔ สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ ท่ีสอดคล้องกับกิจกรรมการ เรียนรู้ใหผ้ เู้ รยี นมที ักษะการคดิ และสามารถสร้างนวัตกรรมได้ ๑.๕ วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้วยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานการ เรยี นรูใ้ หผ้ ูเ้ รยี นพฒั นาการเรียนรอู้ ยา่ งตอ่ เนื่อง ๑.๖ ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และหรือวิจัย เพื่อแกป้ ญั หาหรอื พฒั นาการเรียนรทู้ สี่ ง่ ผลต่อคุณภาพ ผู้เรียน ๑.๗ จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทางาน ทกั ษะการเรียนรูแ้ ละนวตั กรรม ทกั ษะด้านสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี ๑.๘ อบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมความ เปน็ ไทยท่ีดงี าม ๒. ดำ้ นกำรส่งเสรมิ และสนับสนนุ กำรจดั กำรเรยี นรู้ ๒.๑ จัดทาข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา เพ่ือใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้และ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ๒.๒ ดาเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนรายบุคคล และประสานความร่วมมอื กบั ผูม้ สี ่วนเกีย่ วขอ้ ง เพื่อพฒั นาและแก้ปัญหาผเู้ รยี น

2.3 ร่วมปฏิบัตงิ านทางวิชาการ และงานอื่น ๆ ของสถานศกึ ษา เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการของ สถานศกึ ษา 2.4ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่าย และหรือสถานประกอบการ เพื่อร่วมพัฒนา ผู้เรียน ๓. ด้ำนกำรพัฒนำตนเองและวิชำชพี ๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพ่ือให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษา สมรรถนะ ทางวิชาชีพครคู วามรอบรู้ในเน้ือหาวชิ าและวธิ ีการสอน ๓.๒ มีส่วนรว่ ม และเป็นผ้นู าในการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ทางวชิ าชพี เพ่อื พฒั นาการจดั การเรยี นรู้ ๓.๓ นาความรู้ ความสามารถ ทักษะท่ีได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนา การ จดั การเรยี นรู้ การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน รวมถึงการพฒั นานวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ วนิ ยั คุณธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชพี มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง มีจิตวิญญาณความเป็นครู มีจิตสานึกความรับผิดชอบในวิชาชีพครู และมีจรรยาบรรณของ วิชาชพี คุณสมบัติเฉพำะสำหรับตำแหนง่ ๑. มวี ฒุ ปิ ริญญาทางการศึกษาหรอื ปริญญาอนื่ ที่ ก.ค.ศ. รับรองเป็นคณุ สมบัติเฉพาะสาหรบั ตาแหนง่ นี้ 2. มีใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครู 3. ดารงตาแหนง่ ครูผชู้ ่วยเปน็ เวลา ๒ ปี และผา่ นการประเมินการเตรยี มความพรอ้ มและพฒั นาอย่างเข้ม ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่ ก.ค.ศ. กาหนด หรือ เปน็ ผู้ที่ ก.ค.ศ. อนุมัตสิ ัง่ บรรจุและแต่งต้ังให้ดารงตาแหนง่ ครู ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารที่ ก.ค.ศ. กาหนด ตามมาตรา ๕๑ หรือ ดารงตาแหนง่ อ่นื ท่ี ก.ค.ศ. เทยี บเท่า ควำมรแู้ ละสมรรถนะทจี่ ำเปน็ สำหรบั ตำแหน่ง 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ หรอื หลกั สตู ร ท่รี บั ผดิ ชอบ ๒. มสี มรรถนะทีจ่ าเปน็ สาหรับการปฏิบตั ิงานในตาแหนง่

มำตรฐำนวทิ ยฐำนะ ชื่อวิทยฐำนะ ครชู ำนำญกำร หน้ำท่ีและควำมรับผดิ ชอบ มีหน้าท่ีและความรับผิดขอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตาแหน่งครู และมีภาระงานสอน ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด คุณภำพกำรปฏิบตั งิ ำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการ จัดการเรียนรู้ โดยแสดงให้เห็นว่าเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีกระบวนการคิด คันพบองค์ความรู้ด้วยตนเองสรา้ งแรง บันดาลใจ วดั และประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามสภาพจริง เพอื่ แกไ้ ขปัญหาการจดั การเรยี นรู้ พัฒนาตนเอง พฒั นาวิชาชีพ นาความรู้ ความสามารถทักษะท่ีได้จากการพฒั นาตนเองและพฒั นาวิชาชีพมาใช้ใน การจดั การเรียนร้ทู ่ีมผี ลตอ่ คณุ ภาพผู้เรยี น วนิ ัย คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวิชำชพี มีวนิ ัย คณุ ธรรม จริยธรรม ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างทด่ี ี ดารงชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มจี ติ วญิ ญาณความเปน็ ครู มีจติ สานกึ ความรับผดิ ชอบในวชิ าชพี ครู และมจี รรยาบรรณของวิชาชีพ คณุ สมบตั เิ ฉพำะสำหรบั วทิ ยฐำนะ ๑. ดารงตาแหน่งครู ไม่น้อยกว่า ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเงื่อนไขท่ี กค.ศ. กาหนดและผา่ นการประเมินตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่ ก.ค.ศ. กาหนด หรือ เป็นผู้ที่ ก.ค.ศ. อนุมตั สิ ง่ั บรรจแุ ละแต่งตั้งใหด้ ารงตาแหน่งครู ที่มวี ทิ ยฐานะครชู านาญการ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด ตามมาตรา ๕๑ หรือ ๒. ดารงตาแหนง่ อนื่ ที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่า หรือ ๓. ดารงตาแหน่งอื่นท่ีมวี ิทยฐานะชานาญการ

มำตรฐำนวิทยฐำนะ ชื่อวทิ ยฐำนะ ครูชำนำญกำรพิเศษ หนำ้ ที่และควำมรับผดิ ชอบ มีหน้าที่และความรับผิดชอบและลักษณะงานท่ีปฏิบัติตามมาตรฐานตาแหน่งครู และมีภาระงานสอน ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด คณุ ภำพกำรปฏบิ ัติงำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานต้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการ จัดการเรียนรู้ โดยแสดงให้เห็นวา่ เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ มีกระบวนการคิด ค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง สร้างแรง บันดาลใจ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง เพ่ือแก้ไขปัญหา ริเริ่ม คิดคัน และพัฒนานวัตกรรม ให้คุณภาพการจดั การเรียนรูส้ งู ข้นึ พฒั นาตนเอง พฒั นาวชิ าชพี นาความรู้ ความสามารถ ทักษะท่ไี ด้จากการพัฒนาตนเองและพัฒนาวิซาชีพ มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ทีม่ ผี ลตอ่ คุณภาพผ้เู รียน สามารถเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ี วนิ ัย คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชพี มวี ินัย คุณธรรม จริยธรรม ประพฤติปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา่ งที่ดี ดารงชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มจี ติ วิญญาณความเป็นครู มีจิตสานึกความรับผดิ ชอบในวชิ าชีพครู และมีจรรยาบรรณของวชิ าชพี คณุ สมบัติเฉพำะสำหรบั วทิ ยฐำนะ ๑. ดารงตาแหน่งครู ท่ีมีวิทยฐานะครูชานาญการ ไม่น้อยกว่า ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเงือ่ นไขท่ี ก.ค.ศ. กาหนด และผ่านการประเมนิ ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารที่ ก.ค.ศ. กาหนด หรอื เป็นผู้ท่ี ก.ค.ศ. อนุมัติส่ังบรรจุและแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะครูชานาญการพิเศษตามหลักเกณฑ์ และวิธกี ารที่ ก.ค.ศ. กาหนด ตามมาตรา ๕๑ หรือ ๒. ดารงตาแหน่งอืน่ ที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่า หรือ ๓. ดารงตาแหนง่ อน่ื ทีม่ วี ิทยฐานะชานาญการพเิ ศษ

มำตรฐำนวิทยฐำนะ ชอื่ วทิ ยฐำนะ ครเู ชีย่ วชำญ หน้ำทแ่ี ละควำมรบั ผิดชอบ มีหน้าที่และความรับผิดชอบและลักษณะงานท่ีปฏิบัติตามมาตรฐานตาแหน่งครู และมีภาระงานสอน ตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด คณุ ภำพกำรปฏบิ ตั งิ ำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการ จัดการเรียนรู้ โดยแสดงให้เห็นว่าเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีกระบวนการคิด คันพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง สร้างแรง บันดาลใจ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง เพ่ือแก้ไขปัญหา ริเริ่ม คิดค้น พัฒนา และปรับเปล่ียน นวตั กรรมใหค้ ุณภาพการจัดการเรยี นรูส้ ูงขึน้ พัฒนาตนเอง พัฒนาวิชาชีพ นาความรู้ ความสามารถทักษะที่ได้จากกรพัฒนาตนเองและพัฒนาวิซาชีพ มาใช้ในการจดั การเรียนรทู้ มี่ ผี ลตอ่ คุณภาพผู้เรยี น สามารถเปน็ แบบอย่างทีด่ ี และให้คาปรึกษากบั ผูอ้ ่นื วินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชพี มีวินยั คณุ ธรรม จริยธรรม ประพฤติปฏบิ ัตติ นเปน็ แบบอย่างทีด่ ี ดารงชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มีจติ วิญญาณความเปน็ ครู มจี ติ สานกึ ความรบั ผดิ ชอบในวชิ าชีพครู และมีจรรยาบรรณของวิชาชีพ คณุ สมบตั เิ ฉพำะสำหรับวทิ ยฐำนะ ๑. ดารงตาแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ ไม่น้อยกว่า ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเงอ่ื นไขที่ ก.ค.ศ. กาหนด และผ่านการประเมินตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด หรือ เป็นผู้ที่ ก.ค.ศ. อนุมัติสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้ดารงตาแหนง่ ครู ที่มีวิทยฐานะครูเช่ียวซาญตามหลักเกณฑ์ และวธิ ีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด ตามมาตรา ๕๑ หรอื ๒. ดารงตาแหนง่ อ่ืนท่ี ก.ค.ศ. เทยี บเท่า หรือ ๓. ดารงตาแหน่งอนื่ ทีม่ ีวทิ ยฐานะเช่ียวชาญ

มำตรฐำนวิทยฐำนะ ช่อื วทิ ยฐำนะ ครเู ช่ียวชำญพเิ ศษ หน้ำท่แี ละควำมรบั ผดิ ชอบ มีหน้าที่และความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตาแหน่งครู และมีภาระงานสอน ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด คณุ ภำพกำรปฏบิ ตั งิ ำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการ จัดการเรียนรู้ โดยแสดงให้เห็นวา่ เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ มีกระบวนการคิด ค้นพบองค์ความรดู้ ้วยตนเอง สร้างแรง บันดาลใจ วัดและประเมินผลการเรยี นรตู้ ามสภาพจริง เพอื่ แก้ไขปัญหา ริเริม่ คดิ คัน พัฒนา ปรับเปลย่ี น เผยแพร่ และขยายผลนวัตกรรมและงานวจิ ัยจนนาไปสู่การเปล่ียนแปลงในวงวชิ าชีพ พัฒนาตนเอง พัฒนาวิชาชีพ นาความรู้ ความสามารถทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและพัฒนา วิชาชีพมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน สามารถเป็นแบบอย่างที่ดี ให้คาปรึกษากับผู้อ่ืน และ เป็นผู้นา วนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวิชำชพี มีวนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ประพฤตปิ ฏิบัติตนเปน็ แบบอย่างทด่ี ี ดารงชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มจี ติ วญิ ญาณความเป็นครู มีจิตสานกึ ความรับผิดชอบในวิชาชีพครู และมจี รรยาบรรณของวิชาชพี คุณสมบตั เิ ฉพำะสำหรบั วทิ ยฐำนะ ๑. ดารงตาแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ ไม่น้อยกว่า ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเงอ่ื นไขที่ ก.ค.ศ. กาหนด และผา่ นการประเมนิ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารท่ี ก.ค.ศ.กาหนด หรอื เปน็ ผทู้ ่ี ก.ค.ศ. อนมุ ัติสง่ั บรรจุและแตง่ ตัง้ ใหด้ ารงตาแหนง่ ครู ที่มีวิทยฐานะครูเชย่ี วชาญพเิ ศษ ตาม หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด ตามมาตรา ๕๑ หรอื ๒. ดารงตาแหนง่ อน่ื ที่ ก.ค.ศ. เทยี บเท่า หรือ ๓. ดารงตาแหนง่ อื่นทีม่ ีวทิ ยฐานะเชี่ยวชาญพเิ ศษ ๔. ผา่ นการพฒั นากอ่ นแต่งต้งั ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด

มำตรฐำนตำแหน่งและมำตรฐำนวทิ ยฐำนะ ประเภท ผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำและผบู้ ริหำรกำรศึกษำ สำยงำน บริหำรสถำนศกึ ษำ ลกั ษณะงำนโดยทว่ั ไป สายงานบริหารสถานศึกษา มีลักษณะงานที่ปฏิบัติเก่ียวกับการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นาทาง วิชาการ บริหารจัดการสถานศึกษา บริหารการเปล่ียนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมบริหารงานชุมชนและ เครอื ข่าย รวมท้ังพฒั นาตนเองและวิชาชพี และปฏิบัตงิ านอืน่ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย ชื่อตำแหนง่ รองผอู้ านวยการสถานศึกษา ช่ือวิทยฐำนะ ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา รองผอู้ านวยการชานาญการ รองผอู้ านวยการชานาญการพเิ ศษ รองผ้อู านวยการเช่ียวชาญ ผอู้ านวยการชานาญการ ผู้อานวยการชานาญการพเิ ศษ ผู้อานวยการเชยี่ วชาญ ผอู้ านวยการเช่ยี วชาญพเิ ศษ

มำตรฐำนตำแหน่ง ชอื่ ตำแหนง่ รองผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ หน้ำท่แี ละควำมรบั ผดิ ชอบ มีหน้าท่ีและความรับผิดชอบหลักในการบังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและ บคุ ลากร ในสถานศกึ ษารองจากผอู้ านวยการสถานศกึ ษา และช่วยปฏิบตั ริ าชการเก่ียวกับการบริหารวิชาการและ ความเป็นผู้นาทางวิชาการ บริหารจัดการสถานศึกษา บริหารการเปล่ียนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม บรหิ ารงานชุมชนและเครอื ข่าย รวมทัง้ พัฒนาตนเองและวิชาชพี และปฏิบัตงิ านอืน่ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย ลักษณะงำนท่ีปฏิบตั ิ การปฏิบัติงานของรองผู้อานวยการสถานศึกษาเป็นการช่วยปฏิบัติงานของผู้อานวยการสถานศึกษาซ่ึง ต้องมกี ารบรู ณาการงานท้ัง 4 ต้าน ใหเ้ ชือ่ มโยงและสอดคล้องกัน ดังนี้ 1. ด้ำนกำรบริหำรวิชำกำรและควำมเป็นผนู้ ำทำงวชิ ำกำร ๑.๑ พฒั นามาตรฐานการเรียนรู้ วางแผน ตรวจสอบ ทบทวน จัดทา และพฒั นาหลกั สูตร ประสานงาน วิชาการ และนาหลกั สูตรไปใช้ ใหผ้ ู้เรยี นไดพ้ ัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้เต็มตามศกั ยภาพ ๑.๒ ปฏิบัติการสอน พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ วัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีความพร้อมในการดารงชีวิตในปัจจบุ นั และอนาคต ๑.๓ ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนา หรือ การนาส่ือ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา มาใช้ ในการจดั การเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีทกั ษะการคดิ และสร้างนวตั กรรมได้ ๑.๔ นิเทศ กากับ ติดตาม และประเมินผล การจัดการเรียนรู้ของครู โดยส่งเสริมกระบวนการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวชิ าชีพ ใหเ้ กิดการเรยี นรูร้ ่วมกนั สร้างและสนับสนุนให้สถานศกึ ษาเปน็ ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ ทางวชิ าชีพ ๑.๕ ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา เพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษา ของสถานศกึ ษา ๑.๖ จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เพ่ือปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศกึ ษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง

๒. ดำ้ นกำรบริหำรจัดกำรสถำนศกึ ษำ ๒.๑ บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และบุคลากร ในสถานศึกษา และบริหาร กิจการของสถานศึกษา ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ บงั คบั ๒.๒ บริหารงานบุคคล บริหารงบประมาณ และบริหารท่ัวไปของสถานศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั นโยบาย และเป็นไปตามหลกั บรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งท่ดี ี ๒.๓ ส่งเสริมและพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ให้มีสมรรถนะเต็ม ตามศักยภาพ โดยเน้นทักษะการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น และทักษะการใช้ เทคโนโลยีดิจิทลั ด้วยวิธีการตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม ๒.๔ บริหารกิจการผ้เู รียน จดั กจิ กรรมส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี น ให้ผู้เรยี นมสี มรรถนะและคณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ ๒.๕ จัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้มีโอกาสและความเสมอภาค ทางการศกึ ษา ลดความเหล่อื มลา้ ๓. ด้ำนกำรบรหิ ำรกำรเปลีย่ นแปลงเชงิ กลยทุ ธ์และนวตั กรรม ๓.๑ กาหนดนโยบาย แผน กลยุทธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาร่วมกับครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน และเครือข่าย โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐาน เพื่อเป็นแนวทางเชิงรุกในการพัฒนา สถานศึกษา และคุณภาพผเู้ รยี น ๓.๒ นานโยบาย แผน กลยทุ ธใ์ นการพฒั นาสถานศึกษาไปปฏิบัติ สง่ เสริม สนับสนนุ กากบั และตดิ ตาม ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ตามแผนทก่ี าหนด ๓.๓ สร้างหรือนานวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาและผู้เรียน ส่งเสริม สนับสนนุ ใหผ้ เู้ รียนมีสมรรถนะและสามารถดารงชวี ติ ไดอ้ ย่างมีคุณภาพในอนาคต ๓.๔ สร้างการมีส่วนร่วม การทางานเป็นทีม ในการบริหารการเปล่ียนแปลงและนวัตกรรมใน สถานศกึ ษา ให้เกิดการพฒั นาสถานศึกษาอยา่ งย่งั ยืน ๔. ดำ้ นกำรบริหำรงำนชมุ ชนและเครอื ขำ่ ย ๔.๑ สร้างและพัฒนาความรว่ มมอื อยา่ งสรา้ งสรรค์กับผู้เรยี น ครู คณะกรรมการสถานศึกษาผปู้ กครอง ผู้เกี่ยวข้อง ชุมชนและเครือข่าย เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม การดูแลช่วยเหลือและ พัฒนาคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ๔.๒ จดั ระบบการให้บรกิ ารในสถานศึกษา ประสานความรว่ มมอื กับชุมชนและเครือข่าย ในการระดม ทรัพยากรเพื่อการศึกษา ให้บริการด้านวิชาการแก่ชุมชน และงานจิตอาสา เพ่ือสร้างเครือข่ายในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาให้แกผ่ ูเ้ รียน สถานศกึ ษา และชุมชน และเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมท้องถนิ่

๕. ด้ำนกำรพัฒนำตนเองและวชิ ำชีพ ๕.๑ พัฒนาตนเองอย่างเปน็ ระบบและตอ่ เนื่อง เพ่ือใหม้ คี วามรู้ ความสามารถ ทกั ษะ โดยเฉพาะอยา่ ง ย่ิงการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษาสมรรถนะทาง วชิ าชีพผบู้ ริหารสถานศกึ ษา และความรอบรใู้ นการบริหารงานให้สูงขนึ้ ๕.๒ มสี ่วนร่วมและเป็นผู้นาในการแลกเปล่ียนเรยี นรทู้ างวชิ าชพี เพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนรแู้ ละการ จัดการศึกษา ๕.๓ นาความรู้ ความสามารถ ทักษะท่ีได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการ บรหิ ารจัดการสถานศกึ ษา รวมถงึ กรพฒั นานวัตกรรมการจดั การเรยี นร้ทู ีส่ ง่ ผลตอ่ คุณภาพครูและผเู้ รียน ๕.๔ สร้างและสนับสนุนชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยำบรรณวิชำชีพ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มีจิตสานึกความรบั ผดิ ชอบในการบรหิ ารสถานศกึ ษาและมีจรรยาบรรณของวิชาชีพ คณุ สมบัติเฉพำะสำหรบั ตำแหนง่ 1. มใี บอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บรหิ ารสถานศึกษา ๒. ดารงตาแหนง่ หรือ เคยดารงตาแหน่งอย่างใดอย่างหน่งึ ต่อไปนี้ 1.1 ตาแหน่งครู ทม่ี วี ิทยฐานะไม่ตา่ กว่าครชู านาญการ ๑.๒ ตาแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ ท่ีมีวิทยฐานะไมต่ ่ากวา่ ศึกษานิเทศก์ชานาญการ ๑.๓ ตาแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอ่นื ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) ที่มีระดับตาแหน่งไมต่ ่ากว่าชานาญการ มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า ๓ ปี 1.๔ ตาแหนง่ อื่นท่ี ก.ค.ศ. เทยี บเทา่ ควำมรู้และสมรรถนะท่จี ำเปน็ สำหรบั ตำแหน่ง ๑. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การบรหิ ารงานในหน้าท่ี กฎหมาย ระเบยี บ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับการปฏิบัตงิ าน และมีความรอบรู้ทว่ั ไป ๒. มีสมรรถนะท่ีจาเป็นสาหรับการปฏบิ ตั งิ านในตาแหนง่

มำตรฐำนตำแหน่ง ชอ่ื ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ หน้ำท่แี ละควำมรบั ผิดชอบ หน้าที่และความรับผิดชอบหลักในการบังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลาก รทางและบุคลากรใน สถานศึกษา และปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นาทางวิชาการบริหารจัดการ สถานศึกษา บริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม บริหารงานชุมชนและเครือข่าย รวมทั้งพัฒนา ตนเองและวชิ าชีพ และปฏบิ ัติงานอื่นตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย ลักษณะงำนทป่ี ฏบิ ตั ิ การปฏิบัตงิ านของผ้อู านวยการสถานศกึ ษาตอ้ งมกี ารบูรณาการงานท้งั ๕ ด้าน ให้เช่ือมโยงและสอดคลอ้ ง กัน ดงั นี้ 1. ดำ้ นกำรบริหำรวิชำกำรและควำมเปน็ ผู้นำทำงวชิ ำกำร ๑.๑ พัฒนามาตรฐานการเรียนรู้ วางแผน ตรวจสอบ ทบทวน จัดทา และพฒั นาหลักสูตรประสานงาน วชิ าการ และนาหลักสูตรไปใช้ ให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาสมรรถนะและการเรยี นรู้เตม็ ตามศกั ยภาพ ๑.๒ ปฏิบัติการสอน พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู วัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีความพร้อมในการดารงชีวิตในปัจจบุ ัน และอนาคต 1.3 เสริม สนับสนุน การพัฒนา หรือ การนาส่ือ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษาในการ จัดการเรยี นรู้ ให้ผ้เู รยี นมีทกั ษะการคิดและสร้างนวัตกรรมได้ ๑.๔ นิเทศ กากับ ติดตาม และประเมินผล การจัดการเรียนรู้ของครู โดยส่งเสริมกระบวนการ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ทางวชิ าชีพ ใหเ้ กดิ การเรยี นรรู้ ่วมกัน สรา้ งและสนับสนุนใหส้ ถานศกึ ษาเปน็ ชุมชนแห่งการเรยี นรู้ ทางวิชาชพี ๑.๕ ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษา ๑.๖ จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาอย่างตอ่ เน่ือง

๒. ดำ้ นกำรบรหิ ำรจัดกำรสถำนศกึ ษำ ๒.1 บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรในสถานศึกษา และบริหาร กจิ การของสถานศกึ ษา ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ บังคบั ๒.๒ บริหารงานบุคคล บริหารงบประมาณ และบริหารทั่วไปของสถานศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั นโยบาย และเปน็ ไปตามหลักบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ดี ี ๒.๓ ส่งเสริมและพัฒนาข้าราชการครูและบุคคลกรทางการศึกษาในสถานศึกษา ให้มีสมรรถนะ เต็มตามศักยภาพ โดยเน้นทักษะการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษหรือต่างประเทศอ่ืน และทักษะใช้เทคโนโลยี ดิจทิ ัล ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม ๒.๔ บริหารกิจการผูเ้ รียน จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ใหผ้ ู้เรยี นมีสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ 2.5 จัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้มีโอกาสและความเสมอภาค ทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้า ๒.๖ ดาเนินการตามอานาจหน้าทข่ี องกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการสถานศึกษา 3. ดำ้ นกำรบริหำรกำรเปลีย่ นแปลงเซง็ กลยทุ ธ์และนวัตกรรม 3.๑ กาหนดนโยบาย แผน กลยุทธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาร่วมกับครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน และเครือข่าย โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐาน เพ่ือเป็นแนวทางเชิงรุกในการพัฒนา สถานศกึ ษา และคณุ ภาพผ้เู รียน 3.๒ นานโยบาย แผน กลยุทธ์ในการพฒั นาสถานศึกษาไปปฏบิ ตั ิ ส่งเสรมิ สนับสนนุ กากับและตดิ ตาม ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ตามแผนท่กี าหนด 3.3 สร้างหรือนานวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาและผู้เรียน ส่งเสริม สนบั สนนุ ให้ผ้เู รียนมสี มรรถนะและสมารถดารงชีวติ ได้อยา่ งมคี ุณภาพในอนาคต ๓.๔ สร้างการมีส่วนร่วม การทางานเป็นทีม ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมใน สถานศึกษา ใหเ้ กิดการพฒั นาสถานศึกษาอย่างยั่งยนื ๔. ดำ้ นกำรบรหิ ำรงำนชมุ ชนและเครอื ขำ่ ย ๔.๑ สร้างและพัฒนาความร่วมมีออย่างสร้างสรรค์กับผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผ้ปู กครอง ผูเ้ ก่ยี วข้อง ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย เพอื่ พฒั นาการเรยี นรู้ เสริมสรา้ งคุณธรรม จรยิ ธรรม การดแู ลช่วยเหลือ และพัฒนาคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รียน ๔.2 จดั ระบบการใหบ้ ริการในสถานศึกษา ประสานความรว่ มมอื กับชุมชนและเครือข่าย ในการระดม ทรัพยากรเพ่ือการศึกษา ให้บริการด้านวิชาการแก่ชุมชน และงานจิตอาสา เพ่ือสร้างเครือข่ายในการพัฒนา การศึกษาให้แกผ่ เู้ รยี น สถานศึกษา และชุมชน และเสรมิ สร้างวัฒนธรรมท้องถนิ่

๕. ด้ำนกำรพัฒนำตนเองและวชิ ำชพี 5.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและตอ่ เนอ่ื ง เพื่อให้มคี วามรู้ ความสามารถ ทกั ษะ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษาสมรรถนะทาง วิชาชีพผ้บู รหิ ารสถานศึกษา และความรอบรใู้ นการบรหิ ารงานให้สูงข้ึน ๕.2 มีส่วนร่วม และเป็นผู้นาในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนรู้และ การจดั การศกึ ษา ๕.๓ นาความรู้ ความสามารถ ทักษะท่ีได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการ บรหิ ารจัดการสถานศึกษา รวมถงึ การพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรยี นรทู้ ีส่ ่งผลต่อคณุ ภาพครู และผเู้ รยี น ๕.๔ สรา้ งและสนับสนุนชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี วนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชีพ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มจี ติ สานกึ ความรบั ผดิ ชอบในการบรหิ ารสถานศกึ ษา และมจี รรยาบรรณของวิชาชีพ คุณสมบตั ิเฉพำะสำหรบั ตำแหน่ง ๑. มใี บอนุญาตประกอบวชิ าชพี ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ๒. ดารงตาแหน่ง หรอื เคยดารงตาแหน่ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ตอ่ ไปน้ี ๒.๑ ตาแหน่งรองผูอ้ านวยการสถานศึกษา มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 6 ปี และมีวิทยฐานะไมต่ า่ กว่า รอง ผู้อานวยการชานาญการ ๒.๒ ตาแหน่งครู ท่ีมีวิทยฐานะไม่ต่ากว่าครูชานาญการพิเศษ และมีประสบการณ์การบริหาร ไม่ต่า กว่า หัวหน้ากลุม่ มาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี ๒.๓ ตาแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ ที่มีวทิ ยฐานะไม่ต่ากว่าศกึ ษานเิ ทศกช์ านาญการพิเศษ และมีประสบการณ์ การบรหิ ารไม่ต่ากวา่ หัวหนา้ กลมุ่ หัวหนา้ หน่วย หรือผอู้ านวยการกลุ่ม มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า ๒ ปี ๒.๔ ตาแหน่งอนื่ ท่ี ก.ค.ศ. เทยี บเท่า ควำมรแู้ ละสมรรถนะทีจ่ ำเป็นสำหรบั ตำแหนง่ ๑. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การบริหารงานในหน้าท่ี กฎหมาย ระเบยี บ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การปฏบิ ตั งิ าน และมคี วามรอบรู้ทวั่ ไป ๒. มีสมรรถนะท่ีจาเป็นสาหรับการปฏิบัตงิ านในตาแหน่ง

มำตรฐำนวิทยฐำนะ ชอื่ วิทยฐำนะ รองผ้อู ำนวยกำรชำนำญกำร หน้ำทแ่ี ละควำมรับผดิ ชอบ มีหน้าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบและลักษณะงานที่ปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานตาแหน่งรองผ้อู านวยการสถานศึกษา มกี ารปฏิบตั ิการสอนและมภี าระงานบริหารจัดการสถานศึกษา ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด คณุ ภำพกำรปฏิบตั งิ ำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏบิ ัติงานด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นาทางวชิ าการด้าน การบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม ด้านการบริหารงาน ชุมชนและเครือข่าย โดยแสดงให้เห็นว่า มีการริเร่ิมดาเนินการและแก้ไขปัญหาการบริหารงานทุกด้าน มีการ บริหารงานทันต่อการเปล่ียนแปลง อย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของ สถานศกึ ษา พัฒนาตนเอง พัฒนาวชิ าชีพ นาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ทไ่ี ด้จากการพฒั นาตนเองและวชิ าชพี มาใช้ ในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา วนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชพี มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มีจติ สานึกความรับผิดชอบในการบรหิ ารสถานศึกษา และมจี รรยาบรรณวิชาชพี คุณสมบตั ิเฉพำะสำหรับวิทยฐำนะ ๑. ดารงตาแหน่งรองผู้อานวยการสถานศึกษา ไม่น้อยกวา่ ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเงื่อนไขที่ ก.ค.ศ. กาหนด และผ่านการประเมินตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด หรือ ๒. ดารงตาแหนง่ อ่นื ที่ ก.ค.ศ. เทยี บเทา่ หรอื 3. ดารงตาแหน่งอนื่ ทม่ี ีวิทยฐานะชานาญการ

มำตรฐำนวทิ ยฐำนะ ชือ่ วิทยฐำนะ รองผ้อู ำนวยกำรชำนำญกำรพิเศษ หนำ้ ท่ีและควำมรับผิดชอบ มหี นา้ ที่และความรบั ผดิ ชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตาแหนง่ รองผอู้ านวยการสถานศึกษา มี การปฏิบตั ิการสอนและมภี าระงานบริหารจัดการสถานศกึ ษา ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด คณุ ภำพกำรปฏบิ ตั งิ ำน มีความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นาทางวิชาการด้าน การบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านการบริหารการเปล่ียนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมด้านการบริหารงาน ชุมชนและเครือข่าย โดยแสดงให้เห็นว่า มีการริเร่ิมดาเนินการ แก้ไขปัญหาและพัฒนาการบริหารงานทุกด้าน มี การนานวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษามีการบริหารงานทันต่อการ เปลี่ยนแปลง อย่างเป็นระบบ ถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของ สถานศึกษาให้สงู ข้ึน พัฒนาตนเอง พฒั นาวิชาชีพ นาความรู้ ความสามารถ ทักษะ ทไ่ี ดจ้ ากการพัฒนาตนเองและวชิ าชพี มาใช้ ในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดี วนิ ยั คุณธรรม จริยธรรม และจรรยำบรรณวชิ ำชพี มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มีจิตสานึกความรับผิดชอบในการบริหารสถานศกึ ษา และมจี รรยาบรรณวิชาชีพ คุณสมบัติเฉพำะสำหรบั วิทยฐำนะ ๑. ดารงตาแหนง่ รองผู้อานวยการสถานศกึ ษา ท่ีมีวทิ ยฐานะรองผู้อานวยการชานาญการ ไม่นอ้ ยกว่า ๔ ปี หรือ ลดระยะเวลาจาก ๔ ปี เหลือ ๓ ปี ตามเง่ือนไขท่ี ก.ค.ศ. กาหนด และผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์และ วิธีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด หรอื ๒. ดารงตาแหน่งอนื่ ท่ี ก.ค.ศ. เทยี บเทา่ หรือ ๓. ดารงตาแหน่งอ่ืนท่ีมวี ทิ ยฐานะชานาญการพเิ ศษ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook