Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 05B01 ผอ.ผู้บริหารสถานศึกษา

05B01 ผอ.ผู้บริหารสถานศึกษา

Published by สาวิตรี ชื่นอารมณ์, 2021-03-01 15:02:56

Description: 05B01 ผอ.ผู้บริหารสถานศึกษา

Search

Read the Text Version

ลาดบั ท่ี สารบัญ 1 ผอ.ผู้บริหารสถานศึกษา 2 3 ********************* 4 5 ชื่อเรื่อง 6 7 ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั การบริหารการศึกษา 8 แนวข้อสอบผู้บริหารสถานศึกษา ชุด 3 9 การบริหารและจดั การศึกษา ชุดที่ 1 การบริหารและจดั การศึกษา ชุดท2ี่ 10 การบริหารและจัดการศึกษา ชุดที่ 3 แนวข้อสอบ พรบ.การจัดการศึกษาสาหรับคนพกิ าร พ.ศ.2551 11 แนวข้อสอบ พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 แนวข้อสอบ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 12 แนวข้อสอบ พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร 13 ทางการศึกษา พ.ศ.2547 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เติม แนวข้อสอบ พรบ.ระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เติม แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแี่ ก้ไขเพมิ่ เตมิ สรุปสาระสาคญั ของประชาคมอาเซียน สรุปข่าวเด่น และแนวข้อสอบ ความรู้ทว่ั ไป-เกย่ี วกบั สังคม- เศรษฐกจิ -การเมือง-การกฬี า เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั การบริหารการศึกษา ความหมายของการบริหารการศึกษา ( Education Administration ) การบริหารการศึกษา แยกออกเป็ น 2 คาํ คือ การบริหาร คาํ หน่ึง และ การศึกษา อีกคาํ หน่ึง ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ท้ังคล้ายๆกันและแตกต่างกัน ขอ ยกตวั อยา่ งสัก 6 ความหมาย ดงั น้ี การบริหาร คือ ศิลปะของการทาํ งานใหส้ าํ เร็จโดยใชบ้ ุคคลอ่ืน การบริหาร คือ การทํางานของคณะบุคคล ต้ังแต่ 2 คนข้ึนไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุ เป้าหมายร่วมกนั การบริหาร คือ การท่ีบุคคลต้งั แตส่ องคนข้ึนไปร่วมกนั ทาํ งาน เพ่ือจุดประสงคอ์ ยา่ งเดียวกนั การบริหาร คือ กิจกรรมที่บุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไปร่วมกนั ดาํ เนินการ ให้บรรลุจุดประสงคร์ ่วมกนั การบริ หาร คือ การใช้ศาสตร์และศิลปะนําทรัพยากรการบริ หาร (Administrative resource) มา ประกอบการตามกระบวนการบริหาร (Process of administration ) ให้บรรลุวตั ถุประสงค์ที่กาํ หนดไว้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ การบริหาร คือศิลปะในการทําให้ส่ิงต่างๆได้รับการกระทาํ จนเป็ นผลสําเร็จ หมายความว่า ผบู้ ริหารไม่ใช่ผปู้ ฏิบตั ิ แตใ่ ชศ้ ิลปะทาํ ให้ผปู้ ฏิบตั ิงานทาํ งานจนเป็ นผลสาํ เร็จตรงตามจุดหมายขององคก์ าร หรือตรงตามจุดหมายท่ีผบู้ ริหารตดั สินใจเลือกแลว้ จากความหมายของ “การบริหาร” ท้งั 6 ความหมายน้ี พอสรุปไดว้ ่า “การดําเนินงานของกลุ่ม บุคคลเพื่อให้บรรลจุ ุดประสงค์ทวี่ างไว้” ส่วนความหมายของ “การศึกษา” มีผใู้ หค้ วามหมายไวค้ ลา้ ยๆกนั ดงั น้ี การศึกษา คือ การงอกงาม หรือ การจดั ประสบการณ์ให้เหมาะสมแก่ผเู้ รียน เพื่อผูเ้ รียนจะไดง้ อก งามข้ึนตามจุดประสงค์ การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ท้งั ร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ใหช้ ีวติ การศึกษา คือ เคร่ืองมือท่ีทาํ ใหเ้ กิดความเจริญงอกงามทุกทางในตวั บุคคล จากความหมายของ “การศึกษา” ขา้ งบนน้ีพอสรุปไดว้ ่า “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ท้ังความรู้ ความคดิ ความสามารถ และความเป็ นคนด”ี เมื่อนาํ ความหมายของ “การบริหาร” มารวมกบั ความหมายของ “การศึกษา” ก็จะได้ความหมาย ของ “การบริหารการศึกษา” ว่า “การดําเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ท้ังความรู้ ความคดิ ความสามารถ และความเป็ นคนด”ี ซ่ึงมีส่วนคลา้ ยกบั ความหมายของ “การบริหารการศึกษา” ท่ีมีผใู้ หไ้ ว้ ดงั น้ี การบริหารการศึกษา คือ กิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมมือกนั ดาํ เนินการ เพื่อพฒั นาเด็ก เยาวชน ประชาชน หรือสมาชิกของสงั คมในทุกๆดา้ น เช่น ความสามารถ ทศั นคติ พฤติกรรม ค่านิยม หรือ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

คุณธรรม ท้ังในด้านการสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ เพื่อให้บุคคลดังกล่าวเป็ นสมาชิกท่ีดีและมี ประสิทธิภาพของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ท้งั ที่เป็นระเบียบแบบแผน และไม่เป็นระเบียบแบบแผน การบริหารการศึกษา คือ กิจกรรมต่างๆท่ีบุคคลหลายคนร่วมมือกนั ดาํ เนินการ เพื่อพฒั นาสมาชิก ของสังคมในทุกๆดา้ น นบั ต้งั แตบ่ ุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ พฤติกรรมและคุณธรรม เพ่ือใหม้ ีคา่ นิยม ตรงกนั กบั ความตอ้ งการของสังคม โดยกระบวนการต่างๆที่อาศยั การควบคุมสิ่งแวดลอ้ มให้มีต่อบุคคล เพ่ือใหบ้ ุคคลพฒั นาตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนดาํ รงชีวติ อยู่ ดงั น้นั จึงสรุปความหมายของ “การบริหารการศึกษา” ไดว้ ่า “การดําเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อ พฒั นาคนให้มคี ุณภาพ ท้งั ความรู้ ความคดิ ความสามารถ และความเป็ นคนด”ี จากสรุปความหมายของ “การบริหารการศึกษา” ขา้ งบนน้ี อธิบายขยายความไดว้ า่ ท่ีหมายถึงการ ดําเนินงานของกลุ่มบุคคล ซ่ึงอาจเป็ นการดําเนินงานของครูใหญ่ร่วมกับครูน้อยในโรงเรียน หรือ อธิการบดีร่วมกบั อาจารยใ์ นมหาวิทยาลยั หรือรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการร่วมกบั อธิบดีกรมตา่ งๆและ ครูอาจารยใ์ นสถาบนั การศึกษาต่างๆ และกลุ่มบุคคลเหล่าน้ีต่างร่วมมือกนั พฒั นาคนให้มีคุณภาพท้งั สิ้น การจะพฒั นาคนให้มีคุณภาพได้น้ัน จะตอ้ งมีการดาํ เนินการในการเรียนการสอน การจดั กิจกรรม การ วดั ผล การจดั อาคารสถานที่และพสั ดุครุภณั ฑ์ การสรรหาบุคคลมาดําเนินการหรือมาทาํ การสอนใน สถาบนั การศึกษา การปกครองนกั เรียนเพ่อื ใหน้ กั เรียนเป็ นคนดีมีวนิ ยั และอื่นๆ ซ่ึงการดาํ เนินงานเหล่าน้ี รวมเรียกวา่ “ภารกิจทางการบริหารการศึกษา”หรือ“งานบริหารการศึกษา” นน่ั เอง ขอบข่ายของการบริหาร ขอบขา่ ยของการบริหารแบง่ ออกเป็น 3 แขนงใหญ่ๆดว้ ยกนั คือ 1.การบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ (Publiic Administration) หรือเรียกกนั ทวั่ ๆไปวา่ “การบริหาร ราชการแผน่ ดิน” หรือ “การบริหารรัฐกิจ” เป็ นการบริหารกิจการของรัฐ เพ่ือให้ประชาชนอยูด่ ีมีสุข ไม่ได้ หวงั ผลกาํ ไรเป็ นเงิน เป็ นการบริหารงานต้งั แต่ระดบั ชาติ จงั หวดั อาํ เภอ ตาํ บล จนถึงหมู่บา้ น มีการเรียน การสอนกนั ในคณะรัฐศาสตร์ และ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นตน้ 2.การบริหารธุรกิจ (Business Administration) เป็ นการบริหารกิจการของเอกชน เช่น สถาน ประกอบการ ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม บริษทั ร้านคา้ เพื่อมุ่งหวงั ผลกาํ ไรเป็นเงิน มีการเรียน การสอนกนั ในคณะบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์ เป็นตน้ 3.การบริหารการศึกษา (Education Administration) เป็ นการบริหารกิจการต่างๆเพ่ือพฒั นาคน ให้มีคุณภาพ ให้เป็ นคนเก่งคนดีมีความสุข คือให้มีท้งั ความรู้ ความสามารถ ความคิดและความเป็ นคนดี ไม่ไดห้ วงั ผลกาํ ไรเป็ นเงินเช่นเดียวกบั การบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ มีการเรียนการสอนกนั ในคณะ ศึกษาศาสตร์ คณะครุศาสตร์ เป็นตน้ ความแตกต่างของการบริหารท้งั 3 แขนง โดยวเิ คราะห์จากทฤษฎี 4 Ps ซ่ึงประกอบดว้ ย 1. Purpose (ความมุง่ หมายหรือวตั ถุประสงค)์ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

2. People (บุคคล) 3. Process (กรรมวธิ ีในการดาํ เนินงาน) 4. Product (ผลผลิต) 1.Purpose (ความมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์) การบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ มีความมุ่งหมาย เพ่ือให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีถนนหนทาง มีไฟฟ้ามีน้าํ ประปาใช้ มีคลองส่งน้าํ มีบริการทางสุขภาพ มี บริการจดั หางานอาชีพ การจดั บริการไม่หวงั ผลกาํ ไรเป็นเงิน การบริหารธุรกิจ มีความมุง่ หมายเพ่ือตอ้ งการ ผลกาํ ไรเป็ นเงิน แต่ การบริหารการศึกษา มีความมุ่งหมายเพื่อพฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพ ใหเ้ ป็ นคนเก่งคนดีมี ความสุข คือให้เป็นคนที่มีท้งั ความรู้ ความสามารถ ความคิดและความเป็นคนดี โดยไมห่ วงั ผลกาํ ไรเป็ นตวั เงิน 2.People (บุคคล) แบ่งออกเป็ นผู้ให้บริการ กบั ผู้รับบริการ 2.1 ผู้ให้บริการ บุคคลท่ีเป็ นผใู้ ห้บริการในการบริหารการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ ผูอ้ าํ นวยการ โรงเรียน อธิการบดี ตลอดจนผูบ้ ริหารการศึกษาตอ้ งเป็ นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็ นคนดี เป็ นคนเก่ง และเป็ น บุคคลที่เป็ นตวั อยา่ งแก่ผูร้ ับบริการ นกั เรียน นิสิต นกั ศึกษา หรือเป็ นบุคคลที่เรียกกนั โดยทวั่ ไปวา่ เป็ น “ปู ชนียบุคคล” คือเป็ นบุคคลที่น่าเคารพนับถือ ซ่ึงเป็ นบุคคลท่ีแตกต่างไปจากผูบ้ ริหารหรือบุคคลท่ีเป็ นผู้ ให้บริการในการบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ และ การบริหารธุรกิจ เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ผูว้ ่าราชการจงั หวดั นายอาํ เภอ กาํ นัน ผูใ้ หญ่บ้าน ผูจ้ ดั การใหญ่ นายธนาคาร ผจู้ ดั การโรงงาน เป็นตน้ 2.2 ผู้รับบริการ บุคคลท่ีเป็ นผูร้ ับบริการในการบริหารการศึกษา ส่วนมากเป็ นผูเ้ ยาว์ หรือเป็ น เด็กที่ยงั ไม่มีรายได้ ตอ้ งพฒั นาให้เป็ นบุคคลที่มีคุณภาพต่อไป และจะตอ้ งพฒั นาใหเ้ ป็ นคนเก่งคนดีเพื่อจะ ไดเ้ ป็ นผูใ้ หญ่ที่ดีในภายหนา้ เรียกกนั วา่ “ไมอ้ ่อนดดั ง่าย” จึงจาํ เป็ นอย่างย่ิงท่ีเด็กจะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นา แต่บุคคลท่ีเป็ นผูร้ ับบริการในการบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ และ การบริหารธุรกิจ ส่วนมากเป็ นบุคคลที่ บรรลุนิติภาวะหรือเป็นผใู้ หญ่แลว้ เป็นผมู้ ีรายไดแ้ ลว้ 3.Process (กรรมวิธีในการดําเนินงาน) การบริหารการศึกษา มีกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อน ในการ พฒั นาคนให้มีคุณภาพให้เด็กเป็ นคนเก่งคนดีและมีความสุข ซ่ึงมีกรรมวิธีที่หลากหลายและละเอียดอ่อน เช่น การเรียนการสอน การฝึ กอบรม การจดั กิจกรรม การวดั และประเมินผลการสอน ท้งั ยงั แตกต่างกบั กรรมวธิ ีของการบริหารรัฐประศาสนศาสตร์ และการบริหารธุรกิจอยา่ งสิ้นเชิง นอกจากน้นั การรบริหารรัฐ ประศาสนศาสตร์ และการบริหารธุรกิจจะนาํ กรรมวธิ ีทางการบริหารการศึกษาไปใชไ้ มไ่ ดอ้ ีกดว้ ย 4.Product (ผลผลิต) ผลผลิตทางการบริหารการศึกษา คือไดค้ นท่ีมีคุณภาพซ่ึงเป็ นนามธรรม คือ เม่ือเด็กเขา้ โรงเรียนแลว้ สําเร็จการศึกษาออกไป จะไดเ้ ด็กที่มีคุณภาพ มีความรู้ มีความคิด มีความสามารถ และเป็ นคนดี ซ่ึงจะมองเห็นได้ยากเพราะเป็ นนามธรรม จึงเป็ นเร่ืองที่ละเอียดอ่อน แต่ผลผลิตทาง การ บริหารรัฐประศาสนศาสตร์ เป็ นรูปธรรมที่มองเห็นไดง้ ่าย เช่น มีถนนหนทาง มีคลองระบายน้าํ มีไฟฟ้ามี น้ําประปาใช้ มีผลผลิตทางการเกษตร มีบริการจดั หางานให้ประชาชน ส่วนการบริหารธุรกิจ ก็เป็ น เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

รูปธรรมที่มองเห็นไดง้ ่ายเช่นกนั เช่น มีผลกาํ ไรเป็ นตวั เงิน มีผลผลิตที่เห็นเป็ นรูปธรรม เช่นเมื่อนาํ ผลไม้ เหลก็ ไม้ เขา้ ไปในโรงงานจะไดผ้ ลผลิตที่ออกจากโรงานเป็นผลไมก้ ระป๋ อง วทิ ยุ โทรทศั น์ โตะ๊ ตู้ เป็นตน้ ภารกจิ ทางการบริหารการศึกษา หรือ งานบริหารการศึกษา เพื่อให้ผูท้ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั การบริหารการศึกษาไดท้ ราบภารกิจทางการบริหารการศึกษา หรือ งาน บริหารการศึกษา จะพบจากการท่ีมีผแู้ บง่ ไวค้ ลา้ ยๆกนั ดงั น้ี Edward W. Smith กบั คณะ ไดแ้ บ่งงานของผบู้ ริหารการศึกษาไว้ 7 ประการ ดว้ ยกนั คือ 1. งานวชิ าการ 2. งานบุคคล 3. งานกิจการนกั เรียน 4. งานการเงิน 5. งานอาคารสถานที่ 6. งานสร้างความสมั พนั ธ์กบั ชุมชน 7. งานธุรการ นิสิตภาควิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั และนิสิตภาควิชาการ บริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ได้ทาํ วิทยานิพนธ์ เก่ียวกบั งานบริหารการศึกษา ไดจ้ าํ แนกงานบริหารการศึกษา ออกเป็ น 5 ประเภท (โดยนาํ งานการเงิน งานอาคารสถานที่ และงานธุรการ ท่ี Edward W Smith แบง่ ไวม้ ารวมอยใู่ นประเภทเดียวกนั ) ซ่ึงมีดงั น้ี 1.งานวชิ าการ 2. งานบริหารบุคคล 3. งานบริหารกิจการนกั เรียน 4. งานธุรการ การเงินและบริการ 5. งานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน จึงกล่าวไดว้ า่ ภารกิจในการบริหารการศึกษา หรืองานบริหารการศึกษา โดยทว่ั ไปจาํ แนกออกเป็น 5 ประเภท ดว้ ยกนั คือ 1. การบริหารงานวชิ าการ 2. การบริหารงานธุรการ 3. การบริหารงานบุคคล 4. การบริหารกิจการนกั เรียน 5. การบริหารงานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน ขออธิบายขยายความงานบริหารการศึกษา ท้งั 5 ประเภท ดงั น้ี 1.การบริหารงานวชิ าการ เป็นการดาํ เนินงานที่เกี่ยวกบั การเรียนการสอน ซ่ึงครอบคลุมเก่ียวกบั การนําหลักสูตรไปใช้ การทําแผนการสอน การปรับปรุงการเรียนการสอน การใช้สื่อการสอน การ ประเมินผลการวดั ผล และการนิเทศการสอน เป็ นตน้ การบริหารการศึกษาเป็ นการดาํ เนินงานของกลุ่ม เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

บุคคลเพื่อพฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพ คนจะมีคุณภาพคือมีความรู้ ความสามารถ ความคิด และความเป็ นคนดี ได้ จะตอ้ งมีการเรียนการสอนหรือจะตอ้ งมีการบริหารงานวิชาการ นน่ั เอง การบริหารงานวชิ าการจึงถือวา่ เป็ นหวั ใจของการบริหารการศึกษา คงไม่ผิดนกั ในสถาบนั การศึกษา ท้งั มหาวิทยาลยั หรือโรงเรียนต่างๆ จะมีฝ่ ายวิชาการดว้ ย ซ่ึงจะเรียกช่ือต่างๆกนั ไป เช่น รองอธิการบดีฝ่ ายวิชาการ, รองคณบดีฝ่ ายวิชาการ, ผชู้ ่วยผอู้ าํ นวยการการฝ่ ายวชิ าการ หรือผชู้ ่วยอาจารยใ์ หญฝ่ ่ ายวชิ าการ เป็นตน้ 2.การบริหารงานธุรการ เป็ นการดาํ เนินงานที่เกี่ยวกบั งานการเงิน วสั ดุครุภณั ฑ์ อาคารสถานท่ี งานสารบรรณ งานรักษาพยาบาล และงานบริการต่างๆ เป็ นตน้ ซ่ึงงานเหล่าน้ีเป็ นงานที่สนบั สนุนงาน วิชาการอย่างมาก เช่น งานวิชาการจะประสบความสําเร็จได้ต้องมีอาคารสถานท่ี มีห้องเรียน มี หอ้ งปฏิบตั ิการ มีโต๊ะเกา้ อ้ี มีส่ือการสอนตา่ งๆ มีงานบริการใหค้ วามสะดวกตา่ งๆ ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีเป็นบทบาท ของการบริหารงานธุรการ น่นั เอง การบริหารงานธุรการ จึงมีส่วนช่วยให้การพฒั นาคนให้มีคุณภาพได้ อยา่ งมาก เช่นกนั บุคลากรที่ทาํ หนา้ ที่ฝ่ ายธุรการในมหาวิทยาลยั มกั จะใชช้ ่ือวา่ รองอธิการบดีฝ่ ายบริหาร, รองคณบดีฝ่ ายบริหาร ( ถา้ ใช้ “ฝ่ ายธุรการ” น่าจะถูกตอ้ งมากกวา่ ) ส่วนในโรงเรียนทวั่ ๆไป มกั ใช้ชื่อวา่ ผชู้ ่วยผอู้ าํ นวยการฝ่ ายธุรการ หรือผชู้ ่วยอาจารยใ์ หญฝ่ ่ ายธุรการ เป็นตน้ 3.การบริหารงานบุคคล เป็ นการดาํ เนินงานท่ีเกี่ยวกับบุคคล เริ่มต้งั แต่ การสรรหาบุคคลมา ทาํ งานหรือมาเป็ นครู การจดั บุคคลเขา้ ทาํ งาน การบาํ รุงรักษาและการสร้างเสริมกาํ ลงั ใจในการทาํ งาน การพฒั นาบุคคล และการจดั บุคคลให้พน้ จากงาน เป็ นตน้ การบริหารงานบุคคลเป็ นงานที่มีส่วนในการ พฒั นาบุคคลให้มีคุณภาพอยา่ งมาก เช่นกนั เพราะในการสรรหาบุคคลมาทาํ งาน ถา้ สรรหาบุคคลที่เป็ นคน เก่งคนดีมาเป็ นครู จดั ครูเขา้ สอนตามความรู้ความสามารถและความถนดั ของเขา มีการพฒั นาครูใหเ้ ก่งให้ เป็ นคนดีย่ิงข้ึนไป ย่อมจะสอนนักเรียนให้มีคุณภาพยิ่งข้ึน ถือว่ามีส่วนในการพฒั นาคนให้มีคุณภาพ นน่ั เอง ในมหาวทิ ยาวิทยาลยั บางแห่งมกั จะมีบุคลากรที่ทาํ หนา้ ที่เก่ียวกบั งานบุคคล คือผอู้ าํ นวยการกอง การเจา้ หนา้ ท่ี ซ่ึงข้ึนกบั รองอธิการฝ่ ายบริหาร ในโรงเรียนต่างๆ ผชู้ ่วยฝ่ ายวชิ าการ และผชู้ ่วยฝ่ ายธุรการจะ ร่วมกนั บริหารงานบุคคล เช่นการสรรหาบุคคลมาทาํ งาน การจดั บุคคลเขา้ ทาํ งาน การพิจารณาความดี ความชอบ และการพฒั นาบุคคล เป็นตน้ 4.การบริหารกิจการนักเรียน เป็ นการดาํ เนินงานที่เกี่ยวกบั นกั เรียน เช่น การปฐมนิเทศนกั เรียน การปกครองนกั เรียน การจดั บริการแนะแนว การบริการเกี่ยวกบั สุขภาพนกั เรียน การจดั กิจกรรม และการ บริการต่างๆ เป็ นตน้ การบริหารกิจการนกั เรียนถือวา่ เป็ นการพฒั นาบุคคลให้เป็ นคนดี คนเก่ง ไดอ้ ย่าง มากเช่นกนั เช่น การปกครองใหเ้ ด็กมีระเบียบวนิ ยั การจดั กิจกรรม กีฬา กิจกรรมทางศาสนา กิจกรรมทาง วิชาการ การจดั บริการแนะแนว เหล่าน้ีลว้ นทาํ ให้นกั เรียนเป็ นคนดี คนเก่ง ย่ิงข้ึน ในมหาวิทยาลยั จะมี บุคลากรที่ทาํ หน้าท่ีน้ีโดยตรง คือ รองอธิการบดีฝ่ ายนิสิต หรือรองอธิการบดีฝ่ ายนกั ศึกษา ในโรงเรียน ทวั่ ๆไปจะมี ผูช้ ่วยผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายปกครอง หรือ ผูช้ ่วยอาจารยใ์ หญ่ฝ่ ายปกครอง ถา้ หากจะเปล่ียนมาใช้ “ฝ่ ายกิจการนกั เรียน” กน็ ่าจะตรงกบั การบริหารงานกิจการนกั เรียน อยา่ งยง่ิ 5.การบริหารงานด้านความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน เป็นการบิหารงานท่ีเก่ียวกบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน เช่น การสอนใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้ท่ีเรียนไปใชท้ ี่บา้ นที่ชุมชน และเผยแพร่แก่คนรอบขา้ งคนในชุมชนดว้ ย เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

การช่วยแกป้ ัญหาในชุมชน การให้นกั เรียนเขา้ ไปเรียนหรือฝึ กงานในชุมชน การเชิญผูเ้ ชี่ยวชาญสาขาวิชา ต่างๆในชุมชนมาให้ความรู้แก่นักเรียน เป็ นต้น การบริหารงานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนน้ี จะช่วย พฒั นานกั เรียนให้มีคุณภาพไดเ้ ช่นกนั เพราะการให้นกั เรียนนาํ ความรู้ไปใช้ท่ีบา้ นและในชุมชน จะมี คุณภาพดีกวา่ การเรียนเพ่ือรู้อยา่ งเดียว การเชิญผเู้ ช่ียวชาญสาขาวชิ าต่างๆในชุมชนมาใหค้ วามรู้แก่นกั เรียน หรือการให้นักเรียนเขา้ ไปเรียนหรือฝึ กงานในชุมชน ย่อมจะทาํ ให้นักเรียนมีความรู้และประสบการณ์ กวา้ งขวางยิ่งข้ึน แสดงว่า การบริหารงานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน มีส่วนพฒั นาคนให้มีคุณภาพดว้ ย เช่นกนั ส่วนบุคลากรที่ดาํ เนินงานด้านน้ี ย่อมมีหลายฝ่ ายด้วยกนั ท้งั ฝ่ ายวิชาการ ฝ่ ายธุรการ และฝ่ าย กิจการนกั เรียน งานวจิ ัยเกย่ี วกบั งานการบริหารการศึกษาท้งั 5 ประเภท มีผูท้ าํ การวิจยั เก่ียวกบั งานการบริหารการศึกษาท้งั 5 ประเภทน้ีไวม้ ากพอสมควร จึงขอนํามา ยกตวั อยา่ งไวด้ งั น้ี จากการวิจัยเรื่อง “ปัญหาการบริหารงานในโรงเรียนโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา ข้ัน พื้นฐานที่รับนักเรียนชาวเขา สังกัดสํานักการประถมศึกษาจังหวัด : การศึกษาเฉพาะกรณีจังหวัดน่าน” ของ กุลเชษฐ์ แกว้ วี พบวา่ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่รับนกั เรียนชาวเขา สังกดั สาํ นกั งานการ ประถมศึกษาจงั หวดั น่าน มีปัญหาการบริหารงานท้งั 6 ดา้ น ปัญหาที่มีผูร้ ะบุไวส้ ูงสุดและรองลงมา 2 อนั ดบั มีดงั น้ี 1) ปัญหาการบริหารงานวชิ าการ ไดแ้ ก่ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนต่าํ ส่ือไม่เพียงพอและ ไดร้ ับชา้ และการจดั การเรียนการสอนทาํ ไดไ้ ม่เตม็ ท่ี กบั หนงั สือเรียนไดร้ ับชา้ 2) ปัญหาการบริหารงานกิจการนักเรียน ไดแ้ ก่ นักเรียนออกกลางคนั นักเรียนขาดเรียน และ นกั เรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 3) ปัญหาการบริหารงานบุคลากร ไดแ้ ก่ขาดครูในภาพรวม ขาดแคลนครูบางสาขา และครูขาด ความมนั่ ใจในการสอน 4) ปัญหาการบริหารงานธุรการและการเงิน ไดแ้ ก่ ไดร้ ับครุภณั ฑ์ล่าช้า ไดร้ ับไม่ครบ ครุภณั ฑ์ ไมไ่ ดม้ าตรฐานและไม่ตรงกบั ความตอ้ งการการเบิกจา่ ยเงินล่าชา้ และงานธุรการมีมากเกินไป 5) ปัญหาการบริหารงานอาคารสถานที่ ไดแ้ ก่ จาํ นวนหอ้ งเรียนและหอ้ งพิเศษไม่เพียงพอ อาคาร เรียนและหอ้ งเรียนมีขนาดเลก็ ไม่เหมาะสมกบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษา หอ้ งน้าํ หอ้ งส้วมไมเ่ พียงพอ และไม่ มีสนามกีฬา 6) ปัญหาการบริหารงานความสัมพนั ธ์ระหว่างโรงเรียนกบั ชุมชน ไดแ้ ก่ ผูป้ กครองไม่สนใจ การศึกษาของนกั เรียน ชาวบา้ นไม่ให้ความร่วมมือ ผูบ้ ริหารไม่มีเวลาอยูโ่ รงเรียน และการติดต่อสื่อสาร ลาํ บากยุง่ ยาก (งานวิจยั เรื่องน้ี แยกการบริหารอาคารสถานท่ีออกจากการบริหารงานธุรการ งานบริหาร การศึกษาจึงมี 6 ดา้ น) เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

จากวิทยานิพนธ์ท่ีศึกษางานบริหารการศึกษาของวิทยาลัยครูตามภาคต่างๆ คือ งานบริหาร การศึกษาของวิทยาลัยครูในภาคใต้ ของ ธงชัย มาศสุพงศ์ ในภาคกลาง ของ สุชาดา รัตนวิจิตร, ใน กรุงเทพมหานคร ของ สัญญา สุรพนั ธุ์, ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ของนอ้ ย สุปิ งคลดั พบวา่ ผูบ้ ริหาร ในวทิ ยาลยั ครูต่างๆค่อนขา้ งจะเห็นแตกต่างกนั ขอ้ ที่ตรงกนั คือ งานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน งานน้ีทาํ มากเป็ นอนั ดบั ห้า ซ่ึงเป็ นอนั ดบั ท่ีนอ้ ยท่ีสุดในจาํ นวนงานท้งั หลาย เก่ียวกบั งานวชิ าการ ผูบ้ ริหารวิทยาลยั ครูค่อนขา้ งจะเห็นตรงกันอยู่มาก คือ งานน้ีทาํ มากเป็ นอนั ดบั สาม ส่วนอาจารย์ในวิทยาลยั ครูต่างๆมี ความเห็นตรงกนั ในสามอนั ดบั แรก คือผูบ้ ริหารทาํ งานธุรการและการเงินมากเป็ นอนั ดบั หน่ึง ทาํ งาน กิจการนกั ศึกษามากเป็นอนั ดบั สอง และทาํ งานวชิ าการมากเป็นอนั ดบั สาม จากการวิจัยเร่ือง “งานบริหารการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตศึกษาท้ัง 12 เขต และ กรุงเทพมหานคร” ของนิสิตภาควิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั พบว่า งานบริหารการศึกษาของโรงเรียนมธั ยมศึกษาท้งั 12 เขต และกรุงเทพมหานคร ให้ความสําคญั ต่อการ บริหารงานธุรการการเงินและบริการ เป็ นอนั ดบั ท่ีหน่ึง ถึง 6 เขต รองลงมาคือ การบริหารงานบุคคล เป็ น อนั ดบั หน่ึง 5 เขต การบริหารกิจการนกั เรียนเป็ นอนั ดบั หน่ึง 3 เขต ส่วนการบริหารงานวิชาการ ไม่มี อนั ดบั หน่ึงเลย และการบริหารงานด้านความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนเป็ นอนั ดบั ห้าท้งั 13 เขต จึงเห็นไดว้ ่า โรงเรียนมธั ยมศึกษา 13 เขต ให้ความสาํ คญั ต่องานบริหารการศึกษาเรียงลาํ ดบั คือ การบริหารงานธุรการ การเงิน และบริการ การบริหารงานบุคคล การบริหารกิจการนกั เรียน การบริหารงานวชิ าการ และการ บริหารงานดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ชุมชน จากการวิจัยเร่ือง “การใช้เวลาในการบริหารของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตศึกษา 11” ของ สมชาย สุขชาตะ นิสิตภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบวา่ การใชเ้ วลาของผูบ้ ริหารในการบริหารงานท้งั 5 ดา้ น ตามลาํ ดบั จากมากไปหานอ้ ย คือ งานบริหาร ดา้ นวิชาการ (26.81%) งานบริหารด้านธุรการ การเงินและอาคารสถานท่ี (22.11%) งานบริหารบุคคล (21.67%) งานบริหารดา้ นกิจการนกั เรียน (15.74%) งานบริหารดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน (13.66%) จากการวจิ ยั เร่ือง “งานบริหารการศึกษาโรงเรียนประถมศึกษาสงั กดั กรมสามญั ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในภาคใต”้ ของ เฉลิม แช่มช้อย พบว่า ผูบ้ ริหารการศึกษาท่ีดาํ รงตาํ แหน่งครูใหญ่มีความคิดเห็นว่า โรงเรียนไดป้ ฏิบตั ิงานในเกณฑ์มาก 3 ประเภท คือ งานธุรการ การเงิน และบริการไดร้ ับการปฏิบตั ิมาก ท่ีสุด รองลงมาไดแ้ ก่ งานวชิ าการ และงานบุคคล ตามลาํ ดบั ส่วนงานกิจการนกั เรียนน้นั ไดร้ ับการปฏิบตั ิ นอ้ ย และงานดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ชุมชนไดร้ ับการปฏิบตั ินอ้ ยที่สุด จากการวิจัยเรื่อง “การปฏิบัติงานของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสํานักงานการ ประถมศึกษาจังหวดั นครราชสีมา” ของ กนกพร ทองเจือ พบวา่ ในการบริหารการศึกษา 6 ดา้ น คือ งาน วชิ าการ, บุคลากร, งานธุรการและการเงิน, งานอาคารสถานที่, งานกิจการนกั เรียน และงานความสัมพนั ธ์ กบั ชุมชน ครูมีความเห็นต่อการปฏิบตั ิงานของผูบ้ ริหารโรงเรียน โดยส่วนรวมท้งั 6 ดา้ น อยใู่ นระดบั ปาน กลาง ยกเวน้ การปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการและการเงินอยใู่ นระดบั มาก เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

จากตัวอย่างงานวิจัยท้ังหมดนี้ ในภาพรวมจะพบว่า การบริหารงานธุรการจะได้รับการปฏิบัติ มากทส่ี ุด ส่วนการบริหารด้านความสัมพนั ธ์กับชุมชนจะได้รับการปฏิบัติน้อยทส่ี ุด อนั ท่ีจริงการบริหาร การศึกษาเก่ียวกบั งานท้งั 5 ดา้ นน้ีควรไดร้ ับการปฏิบตั ิใหเ้ ท่าเทียมกนั เพราะการบริหารการศึกษา เป็ นการ ดําเนินงานของกลุ่มบุคคลเพ่ือพัฒนาคนให้มีคุณภาพ การที่จะพัฒนาคนให้มีคุณภาพได้น้ัน การ บริหารงานวชิ าการเป็นการจดั การเก่ียวเรียนการสอน ซ่ึงมีส่วนในการพฒั นาคนใหม้ ีความรู้ ความสามารถ มีความคิดและเป็ นคนดี หรือพฒั นาคนใหเ้ ป็ นคนที่มีคุณภาพไดน้ ้นั จะตอ้ งมีการบริหารงานอีก 4 ดา้ นมา ช่วยดว้ ย เช่น การบริหารงานธุรการ คือจดั หาพสั ดุครุภณั ฑ์ จดั อาคารสถานท่ี และอื่น ๆเพ่ือช่วยให้การ เรียนการสอนคล่องตวั ข้ึน การบริหารงานบุคคล ก็ตอ้ งสรรหาครูท่ีมีคุณภาพมาสอน ตอ้ งพฒั นาครูให้มี คุณภาพยง่ิ ๆข้ึนไป เพราะครูตอ้ งมีคุณภาพ จึงจะพฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพได้ ส่วนการบริหารกิจการนกั เรียน ก็คือการปกครองนกั เรียนให้เป็ นคนดีมีวนิ ยั การจดั กิจกรรมเสริมให้นกั เรียน มีความรู้ ความสามารถและ เป็ นคนดีย่ิงข้ึน สําหรับการบริหารงานดา้ นความสัมพนั ธ์กบั ชุมชน ก็มีส่วนช่วยพฒั นาคนเช่นกนั เช่น การให้นกั เรียนฝึ ก งานในชุมชน การช่วยแก้ปัญหาในชุมชน การเชิญบุคลากรมาให้ความรู้แก่นักเรียน การประสานงานกบั ผูป้ กครองให้สนใจการศึกษาของนกั เรียน เป็ นตน้ จึงเห็นไดว้ า่ การบริหารงานท้งั 5 ดา้ นตอ้ งสมั พนั ธ์กนั ตอ้ งดาํ เนินการไปพร้อมๆกนั และเท่าเทียมกนั การพฒั นาคนจึงจะมีคุณภาพ การบริหารทรัพยากรทางการศึกษา (Educational Resources Management) ความหมายและขอบข่ายของการบริหารทรัพยากรการศึกษา ทรัพยากร หมายถึง สิ่งท่ีเป็ นตวั กลาง ซ่ึงอาจจะอยู่ในรูปของคน วสั ดุ เงิน หรืออื่นๆที่จะเป็ น เคร่ืองช่วยในการดาํ เนินงานขององคก์ ารสาํ เร็จได้ ทรัพยากรในการบริหาร ที่สําคญั คือ 4 Ms ไดแ้ ก่ คน (Man) เงิน (Money) วสั ดุส่ิงของ (Materials) และ การจดั การ (Management) ทรัพยากรการศึกษา ก็คือ คน (Man) เงิน (Money) วสั ดุสิ่งของ (Materials) และ การจดั การ (Management) ท่ีนาํ มาใชใ้ นการจดั การศึกษา การบริหารทรัพยากรการศึกษา คือการพยายามใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและเกิด ประสิทธิผลสูงสุดแก่สถานศึกษา ขอบข่ายของการบริหารทรัพยากรการศึกษา แนวคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์ แบ่งทรัพยากรเพื่อการดาํ เนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจออกเป็ น 4 ประเภท คือ 1.ทรัพยากรมนุษย์ 2.ทรัพยากรทางกายภาพ ประกอบดว้ ย ที่ดิน เครื่องอาํ นวยความสะดวก เคร่ืองมือ และ วสั ดุ/หรือ พลงั งาน เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

3.ทรัพยากรการเงิน 4.ขอ้ สนเทศ เช่น ขอ้ มูล ความรู้ Software Hardware แนวคิดทางการบริหาร มีแนวคิดท่ีแตกตา่ งกนั 3 แนวคิด คือ แนวคิดท่ีหน่ึง มี 4 ประการ เรี ยกว่า “4 Ms” ได้แก่ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่ งของ (Materials) และ การจดั การ (Management) แนวคิดท่ีสอง มี 3 ประการ เรียกว่า “3 Ms” ได้แก่ คน (Men) เงิน (Money) และ การจดั การ (Management) แนวคิดที่สาม มี 6 ประการ เรี ยกว่า “6 Ms” ได้แก่ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่ งของ (Materials) วธิ ีการ (Method) ตลาด (Market) และ เครื่องจกั รกล (Machine) ความสําคญั ของทรัพยากรการศึกษา 1.ทาํ ให้สถานศึกษาดาํ เนินการเรียนการสอนหรือพฒั นาคนให้มีคุณภาพ และไดผ้ ลตามความมุ่ง หมายของการจดั การศึกษา 2.เป็นการช่วยส่งเสริมงานวชิ าการใหม้ ีคุณภาพ 3.เป็นการช่วยส่งเสริมการดาํ เนินงานดา้ นอื่นๆในสถานศึกษา 4.เป็นตวั กลางหรือตวั กระตุน้ ท่ีทาํ ใหก้ ิจกรรมของสถานศึกษาดาํ เนินไปได้ 5.มีบทบาทตอ่ กิจกรรมหรือการดาํ เนินภารกิจของสถานศึกษาท้งั ดา้ นของปริมาณและคุณภาพ แหล่งทรัพยากรทางการศึกษา 1.งบประมาณแผน่ ดิน เช่น หมวดเงินเดือนคา่ จา้ ง หมวดท่ีดินและสิ่งก่อสร้าง 2.เงินนอกงบประมาณ รายไดข้ องสถานศึกษา เช่น เงินบาํ รุงการศึกษา เงินบริจาค ขายผลิตผลของ สถานศึกษา 3.เงินจากการลงทุน สถานศึกษาเอกชนไดจ้ ากเจา้ ของกิจการลงทุน อาจเป็นเอกชน มูลนิธิ สมาคม 4.ทรัพยากรจากชุมชน เช่น บุคคล ภูมิปัญญาชาวบา้ น องคก์ รต่างๆ เช่น บริษทั ธนาคาร สมาคม มูลนิธิ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผลิตภณั ฑ์ บทบาทหน้าทข่ี องผู้บริหารในการบริหารทรัพยากรทางการศึกษา 1.การกําหนดนโยบาย และแผนของสถานศึกษา โดยจดั ใหม้ ีการทาํ แผนงานของสถานศึกษาของ ตนข้ึน เพื่อจะไดท้ ราบวา่ จะตอ้ งทาํ กิจกรรมอะไรบา้ ง 2.กาํ หนดทรัพยากรทตี่ ้องการ โดยรวบรวมความตอ้ งการดา้ นทรัพยากรจากแผนงาน มีการจาํ แนก เป็นหมวดหมู่ท่ีตอ้ งการอยา่ งชดั เจน 3.การแสวงหาทรัพยากร โดยแสวงหาจากแหล่งทรัพยากรต่างๆ เช่น งบประมาณ เงินรายได้ เงิน บริจาค ทรัพยากรจากชุมชน 4.การจัดสรรทรัพยากร โดยจดั เรียงลาํ ดบั ความสาํ คญั หรือความพร้อมของโครงการท่ีจะทาํ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

5.การใช้ทรัพยากร โดยมีการวางแผนการใช้ เช่นจะใชก้ ระดาษในกิจกรรมใด เพื่อมิใหเ้ ก็บไวโ้ ดย เปล่าประโยชน์ และควบคุมการใชอ้ ยา่ งประหยดั และมีประสิทธิภาพ 6.การประเมินการใช้ เช่นประเมินผลประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความเพียงพอ ปัญหาและ อุปสรรค คําถาม ให้วิเคราะห์แหล่งทรัพยากรทางการศึกษาในหน่วยงานของท่านว่าไดจ้ ากแหล่งใดบา้ ง อธิบาย และยกตวั อยา่ งประกอบดว้ ย และไดจ้ ากแหล่งใดมากที่สุด อธิบายและใหเ้ หตุผลประกอบดว้ ย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human resource) ความหมายของทรัพยากรมนุษย์และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรมนุษย์ หมายถึงอุปทานของแรงงานและผปู้ ระกอบการซ่ึงจะมีจาํ นวนมากนอ้ ยเพียงใด ข้ึนอยู่กบั การเกิด การตาย และการยา้ ยถิ่น คุณภาพของทรัพยากรมนุษยข์ ้ึนอยู่กบั สุขภาพของร่างกาย การศึกษาอบรม ความสามารถทางดา้ นบริหาร ตลอดจนมีทศั นคติและส่ิงจูงใจท่ีเหมาะสม ทรัพยากรมนุษย์ เป็ นบุคคลซ่ึงมีความพร้อม มีความจริงใจ และสามารถที่จะทาํ งานให้บรรลุ เป้าหมายขององคก์ าร หรือเป็ นบุคคลในองค์การท่ีสามารถสร้างคุณค่าของระบบการบริหารงานให้บรรลุ วตั ถุประสงคท์ ี่ตอ้ งการได้ ดงั น้นั องคก์ ารจึงมีหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ปฏิบตั ิงานจน บรรลุวตั ถุประสงค์ขององคก์ าร ซ่ึงตอ้ งใช้การวางแผนเชิงกลยุทธ์ดา้ นการบริหารทรัพยากรมนุษยเ์ ขา้ มา ช่วย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็ นการพยายามใช้ทรัพยากรมนุษยใ์ นหน่วยงานให้เกิดประโยชน์ สูงสุด นบั ต้งั แตก่ ่อนเขา้ ทาํ งาน ขณะทาํ งาน และเมื่ออกจากงาน การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็ นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมนุษยข์ ององค์กรเพื่อให้บรรลุ วตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็ นนโยบายและการปฏิบตั ิในการใช้ทรัพยากรมนุษยข์ ององค์กร เพอื่ ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นกิจกรรมท่ีออกแบบเพอ่ื จดั หาความร่วมมือกบั ทรัพยากรมนุษยข์ ององคก์ ร การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็ นหนา้ ที่หน่ึงขององคก์ รซ่ึงทาํ ใหเ้ กิดประสิทธิผลสูงสุดจากการใชพ้ นกั งาน เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้าหมายขององคก์ รและเป้าหมายเฉพาะบุคคล ความสําคญั ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารทรัพยากรมนุษยม์ ีความสําคญั ต่อผูบ้ ริหาร เพราะผบู้ ริหารทุกคนไม่ตอ้ งการให้มีความ ผดิ พลาดเกิดข้ึนในการบริหารงาน ซ่ึงความผดิ พลาดท่ีผบู้ ริหารงานไมต่ อ้ งการมีดงั น้ี 1.การจา้ งคนไมเ่ หมาะสมกบั งาน 2.อตั ราการออกจากงานสูง 3.การพบวา่ พนกั งานไม่ต้งั ใจท่ีจะทาํ งานใหด้ ีท่ีสุด เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

4.การเสียเวลากบั การสัมภาษณ์ท่ีไม่ไดป้ ระโยชน์ 5.ทาํ ใหบ้ ริษทั ตอ้ งข้ึนศาลเนื่องจากความไมเ่ ป็นธรรมของผบู้ ริหาร 6.ทาํ ใหอ้ งคก์ รถูกฟ้องจากการจดั สภาวะแวดลอ้ มการทาํ งานที่ไม่ปลอดภยั 7.การทาํ ใหพ้ นกั งานคิดวา่ เงินเดือนท่ีเขาไดร้ ับไม่ยตุ ิธรรม 8.ไม่ยอมใหม้ ีการฝึกอบรมและการพฒั นา ซ่ึงเป็นการทาํ ลายประสิทธิภาพและประ สิทธิผลของหน่วยงาน 9.การกระทาํ ที่ไม่ยตุ ิธรรมและความสมั พนั ธ์ท่ีตึงเครียดกบั พนกั งาน หลกั ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 1.ระบบอุปถัมภ์ (patronage system) หรือในชื่ออ่ืนว่า ระบบชุบเล้ียง เล่นพวก สืบสายโลหิต แลกเปลี่ยน ชอบพอเป็นพเิ ศษ 2.ระบบคุณธรรม (merit system) มีเรียกหลายชื่อ เช่น ระบบคุณคุณวุฒิ ระบบคุณความดี ระบบ ความรู้ความสามารถ ระบบคุณธรรม มีหลกั สาํ คญั 4 ประการ 1) หลกั ความเสมอภาค คือ ความเสมอภาคในโอกาสเขา้ ทาํ งาน ความเสมอภาคในค่าตอบแทน ความเสมอภาคในการปฏิบตั ิงานในเกณฑม์ าตรฐานเดียวกนั 2) หลกั ความสามารถ 3) หลกั ความมน่ั คง 4) หลกั ความเป็นกลางทางการเมือง การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ เป็ นการยกระดบั คุณภาพของทรัพยากรมนุษยท์ างดา้ นการศึกษา การฝึ กอบรม และดา้ นสุขภาพ อนามยั เพือ่ เตรียมกาํ ลงั คนท้งั ทางดา้ นปริมาณและคุณภาพ มีแนวคิดดงั น้ี 1.การพฒั นาทรัพยากรมนุษยต์ อ้ งมีการวางแผนเพื่อเตรียมกาํ ลงั คนท้งั ทางดา้ นปริมาณและคุณภาพ จะตอ้ งมีการลงทุนท้งั ภาครัฐและเอกชน 2.รัฐและเอกชนกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ภาครัฐพฒั นาทรัพยากรมนุษย์โดยตรงและ สนบั สนุนใหภ้ าคเอกชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ ซ่ึงครอบคลุมท้งั 3 ดา้ น คือ 2.1 การจดั การศึกษา 2.2 การจดั การดา้ นสาธารณสุขหรือการสาธารณามยั 2.3 การจดั การดา้ นสวสั ดิการสังคม 2.1 การจดั การศึกษา เป็ นการจดั การศึกษาการฝึ กอบรม ท้งั การศึกษาระบบโรงเรียนและนอก ระบบโรงเรียน เช่น วดั โรงเรียน มหาวิทยาลยั ศูนยก์ ารศึกษานอกโรงเรียน กรมแรงงาน กลุ่มบุคคลที่ จดั การในชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอยการ ฯลฯ เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

2.2 การจดั การดา้ นสาธารณสุขหรือการสาธารณามยั เช่น การป้องกนั โรคภยั ไขเ้ จ็บ การแพทย์ การรักษาพยาบาล การรณรงคใ์ หค้ นบริโภคอาหารท่ีถูกสุขลกั ษณะ ปลอดสารพิษ การมีสุขภาพจิตดี ซ่ึงจะ ทาํ ใหท้ รัพยากรมนุษยม์ ีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ 2.3 การจดั การดา้ นสวสั ดิการสังคม เช่น จดั ให้มีศูนยด์ ูแลเด็กและผูส้ ูงอายุ สถานสงเคราะห์เด็ก คนชรา และคนทุพลภาพ จดั ต้งั สํานกั ปฏิบตั ิธรรม จดั ต้งั อาสาสมคั รป้องกนั ภยั และโจรกรรมในหมู่บา้ น ฯลฯ เนื่องจากความเส่ือมโทรมทางดา้ นจิตใจของสถาบนั ครอบครัวและสภาพสังคม เช่น เด็ก คนชรา คนทุพลภาพถูกทอดทิ้ง คนติดยาเสพติด ความไม่ปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ินมีมากข้ึน แนวโน้มการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์เพื่อความเป็ นเลิศทางการศึกษา 1.การจัดการศึกษาและฝึ กอบรมให้ท่ัวถึงและมากขึ้น จะก่อให้เกิดความรู้ ความชาํ นาญ และ ปลูกฝังสาํ นึกและค่านิยมท่ีเหมาะสมแก่ประชาชน รัฐเป็นผจู้ ดั การและส่งเสริมใหภ้ าคเอกชนจดั การศึกษาต้งั แต่อนุบาลถึงอุดมศึกษา 2.การจัดการด้านสาธารณภัย เป็ นเร่ืองของการอนามยั การป้องกนั รวมท้งั เรื่องของการแพทยแ์ ละ การรักษาพยาบาล รัฐสนบั สนุนใหภ้ าคเอกชนต้งั โรงพยาบาล คลินิก สนามกีฬา สถานออกกาํ ลงั กายมากข้ึน ในชนบทจดั ใหม้ ี ผสส. อสม.อยา่ งทว่ั ถึงทุกตาํ บลหมู่บา้ น 3.การพัฒนาด้านสังคมอื่นๆ ท้งั ภาครัฐและภาคเอกชนจดั ต้งั ศูนยด์ ูแลเด็กและผูส้ ูงอายุ ส่งเสริม และเผยแพร่ศาสนาให้คนในประเทศมีคุณธรรมจริยธรรมมากข้ึน เช่น มีศูนยป์ ฏิบตั ิธรรม สนบั สนุนให้ ขา้ ราชการและเจา้ หนา้ ท่ีปฏิบตั ิธรรมโดยไมถ่ ือเป็นวนั ลา คาํ ถาม การบริหารทรัพยากรมนุษยม์ ีความสําคญั ต่อผบู้ ริหาร เพราะผบู้ ริหารทุกคนไม่ตอ้ งการให้มีความ ผิดพลาดเกิดข้ึนในการบริหารงาน ซ่ึงความผิดพลาดท่ีผูบ้ ริหารงานไม่ตอ้ งการน้ันมีอยู่ 9 ขอ้ ให้ท่าน วเิ คราะห์หน่วยงานของท่าน (อาจเป็ นโรงเรียน วดั หรือบริษทั ) วา่ ตรงกบั ขอ้ ใดบา้ ง อธิบายและยกตวั อยา่ ง ในแต่ขอ้ ประกอบดว้ ย การบริหารบุคลากรทางการศึกษา การบริหารบุคลากรทางการศึกษา หมายถึงการดําเนินการเกี่ยวกับตัวบุคคลในองค์กรหรือ หน่วยงานทางการศึกษา นบั ต้งั แต่การสรรหาบุคคลมาปฏิบตั ิงาน การบรรจุและแต่งต้งั การพฒั นาบุคคล การประเมินผลการปฏิบตั ิงานไปจนถึงการพิจารณาใหบ้ ุคคลพน้ จากงาน ขอบข่ายการบริหารบุคลากร โดยทว่ั ๆไปแบ่งเป็น 4 ขอ้ ใหญ่ๆ คือ 1.การวางแผนและการกาํ หนดอตั รากาํ ลงั 2.การสรรหาและเลือกสรรบุคลากรทางการศึกษา เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

3.การนิเทศงานและพฒั นาบุคลากรทางการศึกษา 4.การประเมินผลการปฏิบตั ิงานและการใหบ้ ุคคลพน้ จากงาน 1.การวางแผนและการกําหนดอัตรากําลัง เป็ นการกาํ หนดปริมาณและคุณภาพของกาํ ลงั คนท่ี ตอ้ งการในอนาคต เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั การขยายตวั ของปริมาณงาน หรือเป็นการคาํ นวณ การคาดการณ์ การกาํ หนดตาํ แหน่งที่ตอ้ งการ และทาํ คูม่ ือตาํ แหน่งกาํ ลงั คน ข้นั ตอนการวางแผนและการกาํ หนดอตั รากาํ ลงั มี 3 ข้นั ตอน คือ 1.1 ข้นั หาขอ้ มูลจากสภาพการณ์ปัจจุบนั วา่ ขาดบุคลากรดา้ นใดบา้ ง จาํ นวนเท่าใด 1.2 ข้นั แสวงหาความตอ้ งการกาํ ลงั คนในระยะเวลาที่บ่งเฉพาะในอนาคต โดยพิจารณา ความ ชาํ นาญงาน ระดบั การศึกษาและประสบการณ์ของกาํ ลงั คนท่ีตอ้ งการ 1.3 ข้นั การวางแผนปฏิบตั ิการเฉพาะ เป็นข้นั การเขียนแผนงานเพอื่ เช่ือมโยงข้นั ที่ 1 และข้นั ท่ี 2 2.การสรรหาและเลือกสรรบุคลากรทางการศึกษา 2.1 การประกาศรับสมคั ร กรมแรงงาน ก.พ. น.ส.พ. วทิ ยุ โทรทศั น์ อินเตอร์เน็ต 2.2 การรับสมคั ร ใหก้ รอกใบสมคั ร มี ประวตั ิ การศึกษา ประสบการณ์ อาจส่งทางอีเมล์ 2.3 การสัมภาษณ์เบ้ืองตน้ รับสมคั รแลว้ สัมภาษณ์เบ้ืองตน้ ก่อน ถา้ ไม่ตรงจะไดต้ ดั ออกไม่ให้ สมคั ร 2.4 การสอบ เป็นการสอบความรู้ความสามารถ เป็นสอบขอ้ เขียนอาจเป็นขอ้ สอบปรนยั หรืออตั นยั และสอบปฏิบตั ิ เช่น ใชค้ อมพวิ เตอร์ สอนในช้นั เรียน 2.5 การสอบสัมภาษณ์ สอบหลงั จากผา่ นการสอบในขอ้ 2.4 แลว้ 2.6 การตรวจสอบภูมิหลงั อาจตรวจสอบจากสถานการศึกษา ท่ีทาํ งานเดิมของผสู้ มคั ร 2.7 การคดั เลือกข้นั สุดทา้ ย เป็นการประเมินจากข้นั ตอนท่ีแลว้ 2.8 การบรรจุแตง่ ต้งั เขา้ ทาํ งาน อาจใหเ้ ลือกหน่วยงานตามลาํ ดบั ของผลการสอบ 3.การนิเทศงานและพฒั นาบุคลากรทางการศึกษา 3.1 การปฐมนิเทศ แนะนาํ บุคคล สถานท่ี ระเบียบขอ้ บงั คบั 3.2 การจดั ใหท้ าํ งาน จดั ตามความรู้ความสามารถ วชิ าเอกท่ีเรียนมา 3.3 การนิเทศงาน แนะนาํ การทาํ งาน การสอน 3.4 การบาํ รุงรักษา จดั สวสั ดิการ บริการ เช่นหอ้ งพกั ค่ารักษาพยาบาล ความเป็นกนั เอง ยกยอ่ ง ชมเชย 3.5 การประเมินการปฏิบตั ิงาน มีความต้งั ใจทาํ งาน ขยนั ซ่ือสตั ย์ การสอน 3.6 การพิจารณาความดีความชอบ ผลการประเมินนาํ มาพิจารณาความดีความชอบ การข้ึน เงินเดือน การปรับตาํ แหน่ง 3.7 การพฒั นาบุคคลดา้ นการฝึ กอบรม เชิญวทิ ยากรมาฝึ กอบรม ไปรับการฝึ กอบรมที่สถาบนั อ่ืนจดั 3.8 การพฒั นาบุคคลดา้ นการศึกษาต่อ สนบั สนุนใหไ้ ปศึกษาตอ่ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

3.9 การพฒั นาบุคคลดา้ นการศึกษาดูงาน จดั ไปศึกษาดูงานสถาบนั อ่ืน 3.10 การพฒั นาบุคคลดา้ นการสัมมนา จดั ประชุมสมั มนาท้งั ในและนอกสถานท่ี 3.11 การพฒั นาบุคคลดา้ นการจดั การประชุมเชิงปฏิบตั ิการ เชิญวิทยากรมาบรรยายแลว้ ฝึ ก ปฏิบตั ิจริง 4.การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านและการให้บุคคลพ้นจากงาน 4.1 การประเมินผลการปฏิบตั ิงาน เป็ นการประเมินผลการปฏิบตั ิงานเพ่ือพิจารณาการโอนยา้ ย การลงโทษ ใหล้ าออก ลดจาํ นวนบุคคล 4.2 การโอนยา้ ย เพ่อื เปล่ียนโรงเรียน อาจมีตาํ แหน่งเทา่ เดิมหรือสูงข้ึน 4.3 การลงโทษทางวินยั เม่ือมีความผดิ อาจภาคทณั ฑ์ ตดั เงินเดือน ลดข้นั เงินเดือน ใหอ้ อก ปลด ออก ไล่ออก 4.4 การลาออก เน่ืองจากมีปัญหาเร่ืองสุขภาพ การทาํ งาน การเดินทางและอื่นๆ 4.5 การลดจาํ นวนบุคคลลน้ งาน มีงานนอ้ ยแต่มีคนมาก บางโรงเรียนมีนกั เรียนนอ้ ยลง ตอ้ งลด จาํ นวนครู 4.6 เกษียณ มีท้งั เกษียณก่อนกาํ หนด และเกษียณอายรุ าชการตามกาํ หนด 4.7 ทุพพลภาพ ไดร้ ับอุบตั ิเหตุ หรือเจบ็ ป่ วยจนทุพลภาพ เจบ็ ป่ วยนานเกินกาํ หนดวนั ลา 4.8 ถึงแก่กรรม อาจถึงแก่กรรมขณะทาํ งานหรือออกจากงานแลว้ องค์กรบริหารบุคลากรทางการศึกษา สถาบันพัฒนาครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) เป็ นหน่วยงานที่ข้ึนกับ ปลดั กระทรวงศึกษาธิการโดยตรง มีบทบาทและหนา้ ที่ดงั น้ี 1.เป็ นศูนยก์ ลางในการประสานงานการพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาสําหรับ หน่วยงานทางการศึกษา ท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน 2.จดั ทาํ นโยบาย แผนและแนวทางในการพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อ นาํ เสนอคณะรัฐมนตรีเพอื่ พจิ ารณาอนุมตั ิ 3.ใหค้ าํ แนะนาํ ติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิของหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งเพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามแผน และแนวทางในการพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 4.ส่งเสริมการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมและส่ือที่ใชใ้ นการพฒั นา 5.พฒั นาระบบและมาตรฐานการฝึกอบรม 6.จดั ทาํ ฐานขอ้ มูลในการพฒั นา 7.ประสานการระดมทรัพยากรและแสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงาน ท้งั ภาครัฐ และภาคเอกชน ท้งั ภายในและภายนอกประเทศ 8.ดาํ เนินการเกี่ยวกบั การพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาในส่วนที่เป็ นการทดลอง นาํ ร่องหรือการพฒั นา เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

9.ปฏิบตั ิงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นหน่วยงานที่ข้ึนกบั ปลดั กระทรวงศึกษาธิการโดยตรง มีอาํ นาจหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบดงั น้ี 1. เป็นเจา้ หนา้ ที่เกี่ยวกบั การดาํ เนินงานในหนา้ ที่ของ ก.ค.ศ. 2. วิเคราะห์และวจิ ยั เก่ียวกบั การบริหารงานบุคคลสําหรับขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และการจดั ระบบบริหารราชการในหน่วยงานการศึกษา 3. ศึกษา วิเคราะห์เก่ียวกบั มาตรฐาน หลกั เกณฑ์และวธิ ีการบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา 4. พฒั นาระบบขอ้ มูล และจดั ทาํ แผนกาํ ลงั คนสาํ หรับขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 5. ศึกษา วเิ คราะห์ เสนอแนะนโยบาย ประสานงานและดาํ เนินการเกี่ยวกบั การพฒั นาขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา 6. ศึกษา วิเคราะห์ วิจยั และบริหารเงินทุน ตลอดจนสวสั ดิการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา 7. กาํ กบั ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ีของหน่วยงานการศึกษาและ เขตพ้ืนท่ีการศึกษา 8. จดั ทาํ รายงานประจาํ ปี เกี่ยวกบั การบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เสนอ ก.ค.ศ. 9. ปฏิบตั ิหนา้ ที่อื่นตามที่บญั ญตั ิไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิน้ี กฎหมายอ่ืน หรือตามท่ี ก.ค.ศ. มอบหมาย คําถาม ใหว้ เิ คราะห์การบริหารบุคลากรทางการศึกษาในหน่วยงานของท่านตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1.การวางแผนและการกาํ หนดอตั รากาํ ลงั 2.การสรรหาและเลือกสรรบุคลากรทางการศึกษา 3.การนิเทศงานและพฒั นาบุคลากรทางการศึกษา 4.การประเมินผลการปฏิบตั ิงานและการใหบ้ ุคคลพน้ จากงาน การบริหารงบประมาณเพ่ือการศึกษา ความหมายของ “งบประมาณ” ในมุมมองของนักวชิ าการ นักเศรษฐศาสตร์ จะมองงบประมาณในลักษณะของการมุ่งใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่จาํ กัดให้ได้ อรรถประโยชน์สูงสุด นักบริหาร จะมองงบประมาณในลกั ษณะของกระบวนการหรือการบริหารงบประมาณให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

งบประมาณ หมายถึงแผนงานที่แสดงออกในรูปของตวั เงิน สําหรับระยะเวลาหน่ึงอนั แน่นอน เกี่ยวกบั โครงการดาํ เนินงานของรัฐบาล งบประมาณ คือ แผนเบ็ดเสร็จซ่ึงแสดงออกในรูปของตวั เงิน แสดงโครงการดาํ เนินงานท้งั หมดใน ระยะเวลาหน่ึง แผนน้ีจะรวมถึงการกะประมาณ บริการ กิจกรรม โครงการ และค่าใช้จ่าย ตลอดจน ทรัพยากรที่จาํ เป็ นในการสนบั สนุนในการดาํ เนินงานใหบ้ รรลุตามแผนน้ี ยอ่ มประกอบดว้ ยการกระทาํ 3 ข้นั ดว้ ยกนั คือ 1) การจดั เตรียม 2) การอนุมตั ิ และ 3) การบริหาร งบประมาณ มกั เขา้ ใจวา่ คืองบประมาณแผน่ ดินที่รัฐจดั ให้ แทจ้ ริงงบประมาณคือแผนการเงินของ หน่วยงานทุกระดับ ท่ีกําหนดข้ึนเป็ นแผนความต้องการในเรื่องบุคลากร พัสดุ และเงินที่ใช้ในการ ดาํ เนินงาน การบริหารงบประมาณ หมายถึงการควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็ นไปตามรายการและ แผนงาน หรืองานท่ีฝ่ ายบริหารไดร้ ับอนุมตั ิงบประมาณมาใช้จ่ายจากรัฐสภา เพื่อป้องกนั การรั่วไหลของ เงินงบประมาณแผ่นดิน โดยวิธีการอนุมตั ิเงินประจาํ งวด การเบิกจ่ายเงิน การตรวจสอบ การใช้จ่ายเงิน รวมตลอดถึงการรายงานผลต่างๆ ท่ีใชเ้ พ่ืองานน้นั ๆ การจัดสรรงบประมาณเพ่ือการศึกษา 1.นโยบายรัฐบาลในดา้ นการศึกษาในทุกยคุ ทุกสมยั ใหค้ วามสาํ คญั ต่อการศึกษา 2.การจดั สรรงบประมาณเพอ่ื การศึกษามีความสาํ คญั สูง เป็นลาํ ดบั หน่ึงเกือบตลอดมา เม่ือเทียบกบั งบประมาณดา้ นอื่นๆ เช่น ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นอุตสาหกรรม ดา้ นเกษตร ดา้ นคมนาคม ฯลฯ งบประมาณสถานศึกษา คือแผนงานท่ีสถานศึกษาจดั ทาํ ข้ึน เพื่อประมาณการตวั เลขรายรับและรายจ่าย ในการดาํ เนิน กิจการต่างๆ ของสถานศึกษา เพอ่ื ใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายในช่วงเวลาที่กาํ หนด งบประมาณสถานศึกษา ประกอบดว้ ยงานท่ีสาํ คญั 3 ประการ คือ 1.การประมาณรายรับรายจ่ายไวล้ ่วงหนา้ 2.การกาํ หนดงานหรือโครงการท่ีจะจดั ทาํ ท้งั หมด 3.การระบุช่วงเวลาที่ชดั เจนวา่ วงเงินท่ีประมาณการไวใ้ นขอ้ 1 เพ่ือดาํ เนินงานตามขอ้ 2 จะใชเ้ วลา เทา่ ไร เช่น คร่ึงปี หน่ึงปี หรือหา้ ปี ความสําคญั ของงบประมาณสถานศึกษา สถานศึกษาเป็ นองค์กรท่ีผลิตคนให้มีคุณภาพ โดยอาศยั ทรัพยากรที่มีอยู่หรือแสวงหาเพ่ิมเติม งบประมาณเป็นแผนการใชจ้ า่ ยทรัพยากรของสถานศึกษา จึงมีความสาํ คญั ดงั น้ี 1.ใช้เป็ นเคร่ืองมือในการบริหารสถานศึกษา ท้งั งานวิชาการ งานธุรการ งานกิจการนกั เรียน งาน บุคลากร งานชุมชน จาํ เป็นตอ้ งใชเ้ งินท้งั สิ้น เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

2.ช่วยให้สามารถจดั สรรทรัพยากรท่ีมีอยจู่ าํ กดั ใหเ้ กิดประสิทธิภาพยิ่งข้ึน วธิ ีการของงบประมาณ จะเป็ นเคร่ืองมือในการใช้จ่าย หรือจัดสรรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คือมีการวางแผนการใช้จ่ายให้ สอดคลอ้ งกบั รายรับ รวมท้งั มีการจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของงาน โครงการ กิจกรรมต่างๆ 3.เป็ นประโยชน์ในการตรวจสอบดูแลการปฏิบตั ิงาน ว่าผลงานกบั เงินที่ใช้จ่ายสอดคลอ้ งกัน หรือไม่ เนื่องจากงบประมาณสถานศึกษาเกี่ยวขอ้ งกบั งานอื่น เช่น กิจการนกั เรียนในเรื่องการนาํ นกั เรียน ไปศึกษานอกสถานท่ี ตอ้ งใชเ้ งินจากงบประมาณ ในดา้ นวชิ าการตอ้ งอาศยั เงินงบประมาณในการจดั ซ้ือส่ือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน อยา่ งไรก็ตามการบริหารงานดา้ นธุรการ การเงิน และ พสั ดุของผูบ้ ริหารโรงเรียน ถา้ บริหารผิดพลาดจะเก่ียวขอ้ งกบั ระเบียบวินยั กองวินัยไดร้ วบรวมขอ้ งมูล สถิติการทาํ ผิดวินยั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานธุรการ การเงิน และพสั ดุ ซ่ึงลว้ นแต่เป็ นผูบ้ ริหารท้งั สิ้น มี การลงโทษ ต้งั แต่ตดั เงินเดือน ภาคฑณั ฑ์ และวา่ กล่าวตกั เตือน ประเภทของงบประมาณสถานศึกษา มีอยู่ 2 ประเภท คือ 1.งบประมาณแผ่นดนิ เป็นเงินรายรับจากงบประมาณแผน่ ดิน มี 2 ลกั ษณะ 1.เงนิ งบกลาง เบิกจ่ายจากกรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั เช่น เงินช่วยเหลือค่าเล่าเรียน บุตร เงินค่ารักษาพยาบาล เงินบาํ เหน็จบาํ นาญ เงินช่วยค่าครองชีพ 2.เงินรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็ นรายจ่ายที่รัฐบาลจดั สรรให้แก่ส่วน ราชการ และรัฐวสิ าหกิจ แบ่งเป็น 11 หมวด คือ 1.หมวดเงินเดือน เงินที่จา่ ยใหแ้ ก่ขา้ ราชการเป็นรายเดือน 2.หมวดค่าจา้ งประจาํ เงินท่ีจ่ายใหแ้ ก่ลูกจา้ งประจาํ 3.หมวดค่าจา้ งชว่ั คราว เงินที่จา่ ยเป็นค่าแรงสาํ หรับการทาํ งานปกติของแก่ลูกจา้ งชว่ั คราว 4.หมวดค่าตอบแทน เงินท่ีจ่ายตอบแทนให้แก่ผูป้ ฏิบัติงานให้ทางราชการ เช่น ค่าเช่าบ้าน คา่ อาหารทาํ งานนอกเวลา ค่าสอนพเิ ศษ 5.หมวดค่าใชส้ อย คา่ เบ้ียเล้ียง ค่ายานพาหนะ ค่าที่พกั คา่ ซ่อมแซมอาคารสถานที่และครุภณั ฑ์ 6.หมวดคา่ สาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าน้าํ ประปา 7.หมวดค่าวสั ดุ คา่ ใชจ้ า่ ยซ้ือส่ิงของต่างๆ เช่น กระดาษ หลอดไฟ 8.หมวดค่าครุภณั ฑ์ รายจา่ ยเพื่อซ้ือส่ิงของที่คงทน ใชไ้ ดน้ าน เช่น คอมพิวเตอร์ โตะ๊ เกา้ อ้ี 9.หมวดคา่ ท่ีดินและสิ่งก่อสร้าง รายจา่ ยเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงท่ีดินและส่ิงก่อสร้าง 10.หมวดเงินอุดหนุน เงินที่จ่ายเพ่ือช่วยเหลือบุคคลหรือองคก์ ร เช่น ช่วยเด็กที่ขาดแคลน ช่วย บูรณะวดั ช่วยมูลนิธิต่างๆ 11.หมวดรายจ่ายอ่ืน รายจ่ายท่ีไมเ่ ขา้ ลกั ษณะของหมวดใดหมวดหน่ึง เช่น ราชการลบั 2.เงินนอกงบประมาณ เงินที่สถานศึกษาไดร้ ับนอกเหนือจากเงินงบประมาณแผน่ ดิน เช่น เงินบริจาค เงินท่ีได้จากการขายผลผลิตของสถานศึกษา เงินทุนจากหน่วยงานหรือบุคคลมอบให้เป็ น ทุนการศึกษา เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

คุณสมบตั ขิ องผู้ทท่ี าํ หน้าทเี่ กย่ี วกบั การเงนิ ควรมีคุณสมบตั ิดงั น้ี 1.ซ่ือสตั ยส์ ุจริตในหนา้ ท่ีการงาน 2.มีความรู้ความสามารถในงานการเงิน เช่นสาํ เร็จการศึกษาทางบญั ชี หรือการเงินการธนาคาร 3.มีความละเอียดรอบคอบ 4.ไมม่ ีหน้ีสินลน้ พน้ ตวั 5.มีมนุษยส์ มั พนั ธ์ดี 6.มีอารมณ์มน่ั คง 7.มีความรับผดิ ชอบสูง ปัญหาเกยี่ วกบั การบริหารงบประมาณ 1.ปัญหาท่ีพบคือ บุคลากรท่ีทาํ หน้าที่ทางการเงินไม่มีความรู้เกี่ยวกบั งานการเงินและบญั ชีของ โรงเรียน รวมท้งั ขาดการนิเทศดา้ นการบริหารงานงบประมาณ 2.การบริหารดา้ นการเงินและการบญั ชี สาํ นกั งานตรวจเงินแผน่ ดินไดต้ รวจสอบ พบวา่ สถานศึกษาบางแห่งไดแ้ ตง่ ต้งั เจา้ หนา้ ท่ีใหร้ ับผดิ ชอบท้งั ดา้ นการเงินและการบญั ชีในคนเดียวกนั จึงเกิดปัญหาการทุจริตข้ึน 3.ชว่ั โมงสอนของครูผูป้ ฏิบตั ิงานดา้ นธุรการ การเงินมาก ทาํ ให้ครูผูน้ ้นั ทาํ หน้าที่ในงานธุรการ การเงินไดไ้ ม่เตม็ ท่ีและถูกตอ้ ง 4.งบประมาณการศึกษาส่วนใหญ่เป็นหมวดเงินเดือน ทาํ ใหส้ ัดส่วนงบประมาณสาํ หรับการพฒั นา ดา้ นคุณภาพมีนอ้ ย 5.สถิติการทาํ ความผดิ วนิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั การเงินลว้ นแตเ่ ป็นผบู้ ริหารท้งั สิ้น วเิ คราะห์การบริหารงบประมาณในหน่วยงาน ให้นกั ศึกษาวเิ คราะห์การบริหารงบประมาณในหน่วยงานของท่านประเด็นใดประเด็นหน่ึง เพียง ประเด็นเดียว เช่น การจดั สรรงบประมาณ ความสาํ คญั ของงบประมาณ คุณสมบตั ิของผูท้ ี่ทาํ หนา้ ที่ทางการ เงิน ปัญหาเก่ียวกบั การเงินในหน่วยงาน หรืออื่นๆท่ีท่านประสบพบเห็นในหน่วยงานของท่าน อธิบายและ ยกตัวอย่างประกอบ และทา่ นมีข้อเสนอแนะในประเด็นน้นั อยา่ งไรบา้ ง การใช้ทรัพยากรในท้องถ่ิน เน่ืองจากสถานศึกษาไดร้ ับงบประมาณจากรัฐบาลไม่เพียงพอ การระดมทรัพยากรทอ้ งถิ่นมาช่วย สนบั สนุนงบประมาณสถานศึกษาจึงเป็นยทุ ธศาสตร์ทางการบริหารงบประมาณท่ีผบู้ ริหารตอ้ งนาํ มาใช้ ขอบข่ายของทรัพยากรท้องถิ่น แบง่ เป็นประเภทใหญๆ่ 4 ประเภท ดงั น้ี 1.เงิน อาจเป็ น เงินบริจาค เงินบริจาคโดยมีวตั ถุประสงค์ เงินที่ได้จากการจาํ หน่ายผลผลิตของ สถานศึกษา 2.แรงงาน แรงงานจากบุคคลตา่ งๆ วทิ ยากร ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ภูมิปัญญาชาวบา้ น ผใู้ ชแ้ รงงาน 3.ทด่ี นิ และวสั ดุสิ่งของ เช่น ที่ดิน วสั ดุก่อสร้าง พชื ผกั ผลไม้ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

4.อื่นๆ ได้รับความช่วยเหลือในรูปของการให้คาํ ช้ีแจง แนะนาํ การให้ความรู้ การช่วยเหลือทาง วชิ าการ ฯลฯ ซ่ึงสามารถตีคา่ เป็นเงินไดท้ ้งั น้นั ถา้ ไมม่ ีผชู้ ่วยเหลือก็ตอ้ งจา่ ยค่าจา้ ง แหล่งทรัพยากรในท้องถิ่น ท่ีสามารถให้การสนบั สนุนงบประมาณสถานศึกษาในรูปแบบต่างๆ แยกไดด้ งั น้ี 1.บุคคล คือผทู้ ี่ใหค้ วามช่วยเหลือสถานศึกษา อาจแบง่ ไดเ้ ป็น 2 พวก คือ 1.1.ผทู้ ่ีมีส่วนไดร้ ับผลประโยชน์จากโรงเรียนโดยตรง ไดแ้ ก่ ผูท้ ่ีทาํ งานเก่ียวขอ้ งกบั โรงเรียน เช่น ครู พระภิกษุ นกั เรียน ผปู้ กครองนกั เรียน ผใู้ ชบ้ ริการของโรงเรียนอยเู่ ป็นประจาํ 1.2 ผูท้ ี่ไม่มีส่วนไดร้ ับผลประโยชน์จากโรงเรียนโดยตรง คือผทู้ ่ีมุ่งช่วยเหลือเพราะศรัทธาต่อ บุคลากร หรือการดาํ เนินกิจการของโรงเรียน คือผูม้ ีจิตกุศลท้งั หลาย เช่น พระภิกษุ อาสาสมคั รในชุมชน ภูมิปัญญาชาวบา้ น ปราชญช์ าวบา้ น 2.มูลนิธิ สมาคม ชมรม เช่นมูลนิธิช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน มูลนิธิไทยรัฐ สมาคมครู- ผปู้ กครองนกั เรียน สมาคมศิษยเ์ ก่า ชมรมผสู้ ูงอายุ ฯลฯ 3.องค์กรต่างๆ แบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ คือ 3.1 องค์กรภาคเอกชน เช่น บริษทั ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ กลุ่มแมบ่ า้ น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแปรรูปผลิตภณั ฑ์ 3.2 องค์กรภาครัฐ เช่น หน่วยงานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ เช่น โรงเรียน วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศูนยก์ ารศึกษานอกโรงเรียน วดั อาํ เภอ จงั หวดั สภาวฒั นธรรม เทศบาล อ.บ.ต. ข้อสังเกตเกยี่ วกบั การใช้ทรัพยากรในท้องถน่ิ 1.โรงเรียนมีคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็ นผูน้ าํ ชุมชน ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น และผปู้ กครองนกั เรียน ซ่ึงเป็นผมู้ ีความรู้ความสามารถ 2.การถ่ายทอดภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินจึงเกิดข้ึนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี โดยภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นเป็ นแหล่งความรู้ที่ อยใู่ กลช้ ิดกบั โรงเรียนมากท่ีสุด การนาํ มาใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนและพฒั นาหลกั สูตร จึงสอดคลอ้ ง กบั วถิ ีชีวติ ความเป็นอยขู่ องนกั เรียนในชุมชนน้นั ๆ อยา่ งแทจ้ ริง 3.ควรมีการเสริมสร้างองค์ความรู้และทกั ษะในการนาํ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินในการบริหารโรงเรียน เช่น การจดั ทาํ หลกั สูตรสถานศึกษา มีการประสานงานและสร้างความร่วมมือกบั ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นอยู่ เสมอ วเิ คราะห์หน่วยงานในการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น ให้วิเคราะห์หน่วยงานของนักศึกษาว่าไดใ้ ช้ทรัพยากรในท้องถ่ินเพ่ือประโยชน์ในการบริหาร การศึกษาบ้าง อธิบาย และยกตวั อย่างประกอบสัก 2 ข้อ และท่านควรแนะนําให้หน่วยงานของท่านใช้ ทรัพยากรในท้องถน่ิ ใดได้อีกบา้ ง อธิบายและใหเ้ หตุผลประกอบสัก 2 ขอ้ เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

การบริหารวสั ดุ อุปกรณ์การศึกษา ความหมาย วัสดุ คือวสั ดุสิ้นเปลือง เปลี่ยนสลายตัวได้ในเวลาอนั ส้ัน หรือวตั ถุท่ีนํามาใช้เพ่ือการสร้าง ซ่อมแซม บาํ รุงรักษาทรัพยส์ ิน อุปกรณ์ หมายถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องช่วย เครื่องประกอบ เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยในการเรียน การสอน ไดแ้ ก่ กระดานดาํ คอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์อื่นรวมถึงครุภณั ฑส์ าํ นกั งาน เช่น โตะ๊ เกา้ อ้ี เป็นตน้ การบริหารวัสดุอุปกรณ์การศึกษา หมายถึงกระบวนการที่นาํ มาใช้กบั การดาํ เนินการตามวงจร พสั ดุ เช่นนาํ กระบวนการบริหาร (การวางแผน การกาํ หนดระบบงาน การกาํ หนดผรู้ ับผิดชอบ การควบคุม งาน ฯลฯ) มาใช้ เพ่อื การจดั ซ้ือจดั หา เพ่ือการใช้ เพอ่ื การบาํ รุงรักษา และเพอ่ื การจาํ หน่าย เป็นตน้ เป็ นที่สังเกตว่าค่าใช้จ่ายของวสั ดุอุปกรณ์การศึกษาแต่ละปี ของสถานศึกษามกั จะสูงรองๆจาก หมวดเงินเดือน แหล่งทม่ี าของวสั ดุอปุ กรณ์การศึกษา 1.งบประมาณแผ่นดนิ ส่วนใหญ่ราคาสูง 2.เงินบํารุงการศึกษาหรือเงินบริจาค 3.การบริจาค มี 2 วธิ ี 3.1 การไดร้ ับบริจาคเป็นตวั เงิน ผบู้ ริจาคเจาะจงใหซ้ ้ือวสั ดุอุปกรณ์การศึกษา 3.2 การบริจาควสั ดุอุปกรณ์ 4.ผู้สอนจัดหาเอง ราคาไม่แพง เช่น รูปภาพ ตวั อยา่ งพืชสตั วแ์ มลง การบริหารวสั ดุอปุ กรณ์การศึกษา 1.การจดั หา การจดั จา้ ง-ซ้ือ 2.การใช้ 3.การบาํ รุงรักษา 4.การควบคุมและการจาํ หน่าย 1.การจัดหา การซื้อ การจ้าง การซ้ือ การจ้างทําโต๊ะเก้าอ้ี จา้ งประกอบคอมพิวเตอร์ การจ้าง ซ่อมแซมอุปกรณ์การศึกษา 2.การใช้ การดูแลการใช้อยา่ งประหยดั การแนะนาํ การใชใ้ ห้ถูกวิธี การระมดั ระวงั การใชไ้ ม่ให้ ชาํ รุดเสียหาย 3.การบาํ รุงรักษา การทาํ ความสะอาดหลงั จากการใช้ การซ่อมแซมวสั ดุอุปกรณ์ต่างๆท่ีชาํ รุด 4.การควบคุมและการจําหน่าย การควบคุม คือการนาํ ลงบญั ชีหรือทะเบียนเพ่ือควบคุมวสั ดุอุปกรณ์ การตรวจสอบให้ตรงกบั บญั ชีหรือทะเบียน เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

การจําหน่าย การขาย การแจกจา่ ย การแปรสภาพเม่ือชาํ รุดหรือทาํ ลาย ปัญหาการบริหารวสั ดุอุปกรณ์การศึกษา 1.การจดั ทาํ ทะเบียนวสั ดุไม่ถูกตอ้ งตามระเบียบ และไมเ่ ป็นปัจจุบนั 2.ปัญหาการขาดแคลนเจา้ หนา้ ท่ีวสั ดุที่มีความรู้ ความเขา้ ใจ มีความสามารถ มีทกั ษะ มีบุคลิกภาพ ท่ีดี และมีคุณสมบตั ิท่ีเหมาะสม 3.การจดั สรรวสั ดุไม่สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของโรงเรียนท่ีเสนอขอในแต่ละปี การศึกษา ทาํ ใหม้ ีปัญหาการขาดแคลนวสั ดุที่จาํ เป็นตอ้ งใชใ้ นโรงเรียน 4.วสั ดุอุปกรณ์การศึกษาจดั ซ้ือมาแลว้ ไมไ่ ดใ้ ชห้ รือใชน้ อ้ ยมาก 5.ไม่มีการซ่อมแซมวสั ดุอุปกรณ์การศึกษาที่ชํารุด ท้ังๆที่ซ่อมแซมได้ ทาํ ให้สูญเสียโดยเปล่า ประโยชน์ 6.ขาดอุปกรณ์การศึกษาประเภทคอมพิวเตอร์และเคร่ืองมือส่ือสาร และวสั ดุอุปกรณ์ท่ีจาํ เป็ นตอ้ ง ใช้ วเิ คราะห์หน่วยงานเกยี่ วกบั การบริหารวสั ดุอปุ กรณ์การศึกษา การบริหารวสั ดุอุปกรณ์การศึกษาในหน่วยงานของท่านมีปัญหาอย่างไรบ้าง อธิบายและ ยกตัวอย่างประกอบดว้ ย และท่านมีขอ้ เสนอแนะในการแกป้ ัญหาอยา่ งไรบา้ ง การนําเทคโนโลยไี ปใช้ในการบริหารทรัพยากรการศึกษา เทคโนโลยี ครอบคลุมสื่อการเรียนการสอนประเภทท่ีเป็ นวสั ดุอุปกรณ์ เช่น โทรทศั น์ วีดิทศั น์ คอมพวิ เตอร์ เครื่องบนั ทึกเสียง เคร่ืองฉายสไลด์ โทรศพั ทไ์ ร้สาย เครื่องรับส่งโทรสาร ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นเทคโนโลยีท่ีเก่ียวกับเผยแพร่สารสนเทศ รวมท้ังเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยสี ื่อสารโทรคมนาคมท่ีมีการทาํ ใหข้ อ้ มูลเชื่อมต่อกนั ไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเร็ว เทคโนโลยีสารสนเทศเป็ นสิ่งที่จาํ เป็ นและสําคญั ท่ีช่วยให้ผูบ้ ริหารปฏิบัติภารกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยมุ่งการพฒั นาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในระดบั โรงเรียนได้สนับสนุนในด้าน บุคลากร ด้านงบประมาณ ด้านวสั ดุครุภณั ฑ์ และด้านการจดั การศึกษาที่มีความจาํ เป็ น การนิเทศ การ ประเมินผลเพอื่ ระบบสารสนเทศที่เป็นกระบวนการในดา้ นคุณภาพการบริหาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นกระบวนการดาํ เนินงานดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศในการเสาะ แสวงหา การวิเคราะห์ การจดั เก็บ การจดั การ และการเผยแพร่ข้อมูลเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ ในการ บริหารงานท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต สถานศึกษาควรจะใช้คอมพิวเตอร์ให้มีศักยภาพเพ่ือการจดั ระบบสารสนเทศที่เป็ นระบบท่ี ครบถว้ นถูกตอ้ งและเรียกใชไ้ ดท้ นั เวลาในทุกสถานการณ์ การมีขอ้ มูลและสารสนเทศท่ีมีคุณภาพจะทาํ ให้ กระบวนการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในด้านต่างๆ ดาํ เนินไปได้อย่างมีคุณภาพ การ จดั ระบบสารสนเทศในสถานศึกษาจึงมีความสาํ คญั และเป็นประโยชน์สาํ หรับบุคลากรในทุกองคก์ ร เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ประเดน็ ทผี่ ู้บริหารจะต้องคาํ นึงถึงในการนําเทคโนโลยไี ปใช้ 1.มีความจาํ เป็นท่ีจะตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยใี นการบริหารทรัพยากรหรือไม่ ถา้ ไมจ่ าํ เป็นกไ็ มค่ วรใช้ 2.ควรตดั สินใจเลือกส่ือโดยคาํ นึงถึงวา่ เป็ นสื่อชนิดใด และนาํ ไปใช้ทาํ อะไร เลือกสื่อมาไดแ้ ลว้ นําไปใช้ได้หรือไม่ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วิดิทัศน์ เครื่องฉายสไลด์ กล้องถ่ายรูป เครื่อง บนั ทึกเสียง โทรศพั ทไ์ ร้สาย เคร่ืองรับส่งโทรสาร แผน่ ซีดี 3.ผูบ้ ริหารควรคาํ นึงถึงวา่ ใครจะเป็ นผูใ้ ชเ้ ทคโนโลยี เช่นหัวหน้ากลุ่มสาระวิชา หรือครูอาจารย์ หรือนกั เรียน 4.เทคโนโลยีที่จดั หามาจะใช้ในเร่ืองใด เช่น ใช้คน้ ควา้ หาขอ้ มูล ใช้ติดต่อสื่อสาร ใช้ทาํ ส่ือการ สอน ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน 5.จะนําเทคโนโลยีเพ่ือการบริหารทรัพยากรไปใช้อย่างไร เช่น ครูใช้ทาํ ส่ือการสอน ครูใช้ ประกอบการเรียนการสอน ใหน้ กั เรียนคน้ ควา้ หาขอ้ มูล ปัญหาการนําเทคโนโลยไี ปใช้ในการบริหารทรัพยากรการศึกษา 1.ผบู้ ริหารขาดความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เทคโนโลยใี หม่ๆ 2.ผบู้ ริหารไม่ใหค้ วามสาํ คญั ในการเตรียมบุคลากรใชเ้ ทคโนโลยี 3.ผบู้ ริหารขาดความสามารถในการสื่อสารใหผ้ เู้ กี่ยวขอ้ งเห็นประโยชน์และความจาํ เป็ นในการใช้ เทคโนโลยี 4.ครูขาดความรู้ความเขา้ ใจและความสามารถในการนาํ เทคโนโลยีไปใช้ คือไม่ไดร้ ับการศึกษา อบรมมาก่อน 5.ครูไมช่ อบการเปลี่ยนแปลงจึงทาํ ใหก้ ารรับเทคโนโลยที าํ ไดย้ ากข้ึน 6.ครูอาจารยส์ ่วนใหญ่เป็ นครูสายปฏิบตั ิการสอน ไม่เคยผา่ นการอบรมในดา้ นการใชค้ อมพิวเตอร์ มาก่อน 7.สถานที่ใชเ้ ทคโนโลยโี ดยไมเ่ หมาะสม ผิดวตั ถุประสงค์ และไม่คุม้ ค่า เช่นใชเ้ ล่นเกมส์ ฟังเพลง แทนท่ีจะใชค้ น้ ควา้ เพอ่ื เตรียมสอน ฉายเทปโทรทศั น์โดยไมว่ างแผนก่อนวา่ จะใหน้ กั เรียนเรียนรู้เร่ืองอะไร 8.ขาดสาธารณูปโภคท่ีจาํ เป็นต่อการใชเ้ ทคโนโลยี เช่นไม่มีไฟฟ้า 9.อาคารสถานท่ีไมเ่ หมาะสม หอ้ งคบั แคบ ไม่มีหอ้ งเกบ็ อุปกรณ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ราคาแพง การแก้ปัญหาของผู้บริหารในการนําเทคโนโลยไี ปใช้ 1.ผบู้ ริหารตอ้ งปรับปรุงตนเองใหม้ ีความรู้ความสามารถ เขา้ ใจในเร่ืองเทคโนโลยี 2.ผูบ้ ริหารจะตอ้ งส่ือสารให้ผูร้ ่วมงานตลอดจนชุมชนตระหนกั ถึงความเคล่ือนไหวเปลี่ยนแปลง ดา้ นเทคโนโลยี และความจาํ เป็นที่จะตอ้ งมีการนาํ เทคโนโลยมี าใช้ 3.ผบู้ ริหารจะตอ้ งเตรียมความพร้อมใหบ้ ุคลากรไดร้ ับการฝึกอบรม และมีการนิเทศภายใน 4.ผบู้ ริหารจะตอ้ งพยายามใหม้ ีเทคโนโลยใี นรูปแบบของวสั ดุอุปกรณ์ที่จาํ เป็นให้เพยี งพอ เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

5.ผบู้ ริหารจะตอ้ งพยายามสร้างคุณธรรมจริยธรรมใหเ้ กิดแก่บุคลากรในความรับผดิ ชอบของตน ปัญหาอื่นๆคือปัญหาการจดั ระบบสารสนเทศในโรงเรียนมีขอ้ มูลสารสนเทศไม่เพียงพอหรือให้ ขอ้ มูลไม่ทนั ต่อการใช้งาน และปัญหาอีกอย่างหน่ึงคือ บุคลากรขาดความรู้ความเขา้ ใจในการจดั ระบบ สารสนเทศ ปัญหาขาดบุคลากรทาํ หนา้ ที่จดั ระบบสารสนเทศโดยเฉพาะ งบประมาณดา้ นวสั ดุครุภณั ฑใ์ นการ จดั ซ้ืออุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศไม่เพียงพอ เทคโนโลยีส่ือสารส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์และไม่มี เครือข่ายขอ้ มูลสําหรับเชื่อมโยงการใชข้ อ้ มูลสารสนเทศภายในโรงเรียน การใชข้ อ้ มูลทาง internet ส่วน ใหญ่มีการใช้ขอ้ มูลสารสนเทศในการวางแผนและการตดั สินใจในงานวชิ าการ ปัญหาท่ีสาํ คญั ของการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ ขาดงบประมาณและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และทกั ษะในการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ขาดวสั ดุอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ซ่ึงผบู้ ริหารโรงเรียนมีความคิดเห็นว่า มีความตอ้ งการส่ิงเหล่าน้ีเป็นอยา่ งมาก อาจารยส์ ่วนใหญเ่ ป็นครูสายปฏิบตั ิการสอน มีความรู้เฉพาะในเน้ือหาที่ตนสอน ไม่เคยผา่ น การอบรมในด้านเทคนิคและวิธีวิเคราะห์ระบบสารสนเทศมาก่อน เมื่อผูบ้ ริหารต้องการเก็บขอ้ มูลก็ มอบหมายให้ครู-อาจารยด์ งั กล่าวดาํ เนินการ จึงทาํ ใหผ้ ลปฏิบตั ิงานไม่ดีเท่าท่ีควร สารสนเทศท่ีผลิตไดจ้ าก ระบบไมส่ นองวตั ถุประสงคข์ องโรงเรียน ข้อเสนอแนะในการนําเทคโนโลยไี ปใช้ 1.ด้านบริหารบุคลากร ควรส่งเสริมในดา้ นความรู้ความสามารถและทักษะการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และเทคโนโลยสี ื่อสารให้ผูบ้ ริหารและบุคลากรที่รับผิดชอบสารสนเทศเกิดทกั ษะ มีความรู้ ความชํานาญในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และควรสร้างขวญั กาํ ลังใจให้บุคลากร เกิดความ พยายาม ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ภารกิจเกิดผลดีต่อการบริหารองคก์ ร 2.ดา้ นงบประมาณ ควรไดร้ ับการสนับสนุนในการจดั ซ้ือวสั ดุครุภณั ฑ์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี สื่อสาร สนบั สนุนการซ่อมแซมบาํ รุงครุภณั ฑ์ ในการสร้างหอ้ งปฏิบตั ิการขอ้ มูลสารสนเทศ 3. การปฏิบตั ิงานสารสนเทศเพ่ือการบริหารโรงเรียน ควรใชเ้ ทคโนโลยที ี่ทนั สมยั มาช่วยในทุกๆ ด้าน จะช่วยให้การปฏิบัติงานสารสนเทศเกิดความถูกต้อง รวดเร็ว ข้อมูลเป็ นปัจจุบันและช่วยให้ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของฝ่ ายตา่ งๆ เพ่มิ มากข้ึนอีกดว้ ย วเิ คราะห์หน่วยงานในการนําเทคโนโลยไี ปใช้ ปั ญหาการนําเท คโนโลยีมาใช้ในหน่ วยงานของท่านมี ประเด็นใดที่สํ าคัญเร่ งด่ วนควรแก้ ไข อธิบาย และใหเ้ หตุผล ประกอบ และทา่ นมีขอ้ เสนอแนะในการแกป้ ัญหาดงั กล่าวอยา่ งไรบา้ ง การบริหารอาคารสถานที่ อาคารและสถานท่ีเป็ นปัจจยั สําคญั ท่ีเอ้ืออาํ นวยให้การเรียนการสอนเกิดประโยชน์สูงสุด เพ่ือให้ ไดโ้ รงเรียนท่ีดี การวางแผนพฒั นาอาคารและส่ิงแวดลอ้ มจึงเป็นส่ิงจาํ เป็นอยา่ งยง่ิ เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

นกั การศึกษาปัจจุบนั มองภาพรวมของโรงเรียนเป็ นอุทยานทางการศึกษา โดยเป็ นท่ีเก็บเก่ียววิชา ความรู้และเป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นในท่ามกลางความสะดวกสบาย ความงดงาม คลา้ ยสวนสาธารณะ การบริหารอาคารสถานทปี่ ระกอบด้วย 5 งาน คือ 1.งานการจัดอาคารสถานท่ี การวางแผนก่อสร้าง การควบคุมดูแลการก่อสร้าง 2.งานการใช้อาคารสถานท่ี การจดั ใหห้ น่วยงาน ครูอาจารย์ บุคลากร นกั เรียนใชอ้ าคารสถานท่ี 3.งานการบํารุงรักษาอาคารสถานที่ การทาํ ความสะอาด การซ่อมแซมเมื่อชาํ รุด การดูแลรักษา ความปลอดภยั การพฒั นาใหด้ ีข้ึน 4.งานการควบคุมดูแลอาคารสถานท่ี ดูวา่ ใชม้ ากนอ้ ยเพียงไร นกั เรียนเขา้ ใชม้ ากนอ้ ยเพียงไร บาง หอ้ งจาํ นวนนกั เรียนท่ีใชน้ อ้ ยมาก 5.งานการประเมินผล การใช้อาคารสถานที่ ประเมินขอ้ ดี ขอ้ เสีย และปัญหาที่พบ ขอบข่ายหน้าทค่ี วามรับผดิ ชอบของผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารอาคารสถานท่ี มีดงั น้ี 1.จดั สาํ นกั งานใหม้ ีความคล่องตวั ในการบริหารและการเรียนการสอน 2.จดั บรรยากาศในอาคารเรียนและอาคารประกอบ 3.จดั บรรยากาศบริเวณโรงเรียน 4.จดั บาํ รุงรักษา ซ่อมแซมและพฒั นาอาคารสถานท่ี 5.จดั เวรยามรักษาความปลอดภยั ของโรงเรียน 6.แต่งต้งั กรรมการรับผดิ ชอบอาคารสถานที่และทรัพยส์ ินของโรงเรียน 7.ดาํ เนินการและควบคุมงานก่อสร้างเม่ือมีการก่อสร้างอาคาร 8.สาํ รวจและเกบ็ ขอ้ มูลหาสาเหตุของปัญหาเก่ียวกบั อาคารสถานท่ี เพ่อื ปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นา สภาพของอาคารสถานทท่ี ดี่ ี ที่ผบู้ ริหารควรคาํ นึงถึง 1.ทต่ี ้งั ไม่ไกลจากชุมชน เป็ นท่ีดอนน้าํ ไม่ท่วม สิ่งแวดลอ้ มดี ห่างไกลจากแหล่งอบายมุข โรงงาน อุตสาหกรรม มีสาธารณูปโภคสะดวกพอควร 2.อาคารเรียน พอเหมาะกบั จาํ นวนนกั เรียน สร้างถูกทิศทางลม ไม่หนั หนา้ ไปทางตะวนั ออกหรือ ตะวนั ตก มีทางเดินติดต่อระหวา่ งอาคาร มีเครื่องดบั เพลิง 3.ห้องเรียน เน้ือที่เพียงพอกบั นกั เรียน ขนาดหอ้ งเรียน 8.00 X 8.00 เมตร สาํ หรับนกั เรียน 45 คน และหอ้ งเรียนควรถูกสุขลกั ษณะท้งั อากาศและแสงสวา่ ง 4. อาคารประกอบ ควรมีอาคารฝึกงาน พลศึกษา หอ้ งสมุด โรงอาหาร มีหอ้ งสุขาเพียงพอ 5.บริเวณโรงเรียน ควรมีเพียงพอ มีบริเวณพกั ผ่อน บริเวณกีฬา บริเวณที่พกั อาศยั ของครูและ คนงาน บริเวณปลูกตน้ ไม้ ดอกไม้ มีร้ัวรอบ 6.สิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น สีทาอาคารควรเป็ นอ่อน เยน็ ตา ไม่เป็ นสีฉูดฉาดหรือสดใสเกินไป ไม่มี เสียงรบกวน หอ้ งเรียนมีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนเกินไป ไม่มีกลิ่นรบกวน มีหนา้ ต่างพอสมควร การรักษาความปลอดภยั เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

1.การให้ความรู้เก่ียวกับความปลอดภัย การให้ความรู้ในการใช้ประโยชน์ของอาคาร เช่น ราว บนั ได กนั สาด แผงสวทิ ชร์ วมไฟฟ้า บานประตูกระจกใส การใหค้ วามรู้เก่ียวกบั แผน่ ดินไหว 2.สิ่งที่อาจเป็ นภัยแก่นักเรียน เช่นในสนามกีฬา โรงฝึ กงาน ห้องเรียนคหกรรมศิลป์ ห้อง วทิ ยาศาสตร์สาขาเคมี 3.การป้องกันภัยจากการจราจร ภายในบริเวณโรงเรียนที่กวา้ งขวางมีถนนมีอาคารเรียนมีหลาย หลงั ควรจดั ระบบจราจรใหป้ ลอดภยั รวมท้งั การข้ึนรถลงเรือและการเดินขา้ มถนนหนา้ โรงเรียน 4.การป้องกนั เพลงิ ไหม้ ใหน้ กั เรียนมีส่วนในการป้องกนั เพลิงไหม้ การให้นกั เรียนมีความรู้ในการ ดบั เพลิง การหดั หนีมือเกิดเพลิงไหม้ ปัญหาการบริหารอาคารสถานท่ี 1.ขาดการวางแผนการใช้อาคารสถานที่ มักใช้ไม่เต็มที่ เนื่องจากขาดการวางแผนการใช้ท่ี เหมาะสม 2.ขาดการบํารุงรักษาท้ังในด้านความสะอาด การซ่อมแซมส่วนทีชํารุด อาจเป็ นเพราะขาด บุคลากรและงบประมาณ 3.ขาดการประเมินผลและรายงานการใชอ้ าคาร วเิ คราะห์หน่วยงานในการบริหารอาคารสถานท่ี โรงเรียนที่ท่านสอนหรือเคยเรียนมามีขอ้ บกพร่องในประเด็นใดบา้ ง ถา้ ท่านเป็ นผบู้ ริหาร ท่านจะ ปรับปรุงแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง อธิบายและยกตัวอย่างประกอบดว้ ย การบริหารเวลา เวลาเป็ นทรัพยากรทแี่ ตกต่างไปจาก คน เงิน วสั ดุอุปกรณ์ และการจัดการ คือ 1.ไม่สามารถซ้ือ ขาย เช่า หยิบยืม เก็บรักษาไว้ ทาํ ให้มากข้ึน สร้างข้ึนมาใหม่ หรือเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราทาํ ไดก้ บั เวลากค็ ือการใชเ้ วลา 2.ทรัพยากรอื่นๆ ถา้ หากเราไม่ใช้ ก็อาจคงอยู่ต่อไป แต่ทรัพยากรเวลาน้ันหากเราไม่ใช้ เวลาจะ หมดไปเอง 3.คุณภาพของทรัพยากรเวลาข้ึนอยกู่ บั เราใชเ้ วลาคุม้ ค่าหรือไม่ 4.หากเราตอ้ งซ้ือเวลา เราอาจตอ้ งใชเ้ วลาแตกตา่ งจากที่เป็นอยขู่ ณะน้ีก็ได้ 5.เวลาใหค้ วามเทา่ เทียมและเสมอภาคแก่ทุกคน คือมีเวลาเท่ากนั วนั ละ 24 ช.ม. 6.แมเ้ ราใชเ้ วลาดีอยา่ งไร เราก็ไมไ่ ดร้ ับเวลาเพ่มิ เติม 7.การกระทาํ ทุกอยา่ งตอ้ งใชเ้ วลา 8.การที่บุคคลทุ่มเทเวลาให้กบั งาน แต่ไม่มีเวลาใหก้ บั ครอบครัว แลว้ สรุปวา่ คนน้ีรักครอบครัว คง เป็นการสรุปท่ีไมส่ มเหตุผลนกั เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

9.การบริหารเวลาเป็ นการกระทาํ สิ่งต่างๆ ภายในเวลาท่ีเรามีอยู่ การบริหารเวลาก็คือการบริหาร ตนเอง ความหมายของการบริหารเวลา การบริหารเวลา หมายถึงการจดั การกบั กิจกรรมหรือภารกิจต่างๆ ที่เราเกี่ยวขอ้ งในช่วงเวลาท่ีเรามี อยู่ การบริหารเวลา หมายถึงการบริหารตนเองในการทาํ กิจกรรมต่างๆ การบริหารเวลา หมายถึงการใชเ้ วลาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อก่อให้เกิดประสิทธิผลในการบรรลุ เป้าหมายท่ีสาํ คญั การใช้เวลาของผู้บริหาร จากงานวจิ ยั เรื่องหน่ึง พบวา่ ในสปั ดาห์หน่ึงผบู้ ริหารใชเ้ วลาโดยเฉลี่ย ดงั น้ี 1.งานดา้ นวชิ าการ ใชเ้ วลา 10 ชว่ั โมง 2.งานดา้ นธุรการ ใชเ้ วลา 9 ชว่ั โมง 3.งานดา้ นบุคลากร ใชเ้ วลา 5 ชว่ั โมง 4.งานดา้ นกิจการนกั เรียน ใชเ้ วลา 4 ชว่ั โมง 5.งานดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ชุมชน ใชเ้ วลา 4 ชว่ั โมง จากการวิจัยเร่ือง “การใช้เวลาในการบริหารของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตศึกษา 11” ของ สมชาย สุขชาตะ นิสิตภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั พบวา่ การใชเ้ วลาของผบู้ ริหารในการบริหารงานท้งั 5 ดา้ น ตามลาํ ดบั จากมากไปหานอ้ ย คือ 1.งานบริหารดา้ นวชิ าการ ร้อยละ 26.81 2.งานบริหารดา้ นธุรการ การเงินและอาคารสถานที่ ร้อยละ 22.11 3.งานบริหารบุคคล ร้อยละ 21.67 4.งานบริหารดา้ นกิจการนกั เรียน ร้อยละ 15.74 5.งานบริหารดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ชุมชน ร้อยละ 13.66 จากงานวจิ ัยอกี เรื่องหนึ่ง พบวา่ ผบู้ ริหารใชเ้ วลาในภารกิจตา่ งๆ ดงั น้ี 1.งานดา้ นวชิ าการ ร้อยละ 42.96 2.งานดา้ นธุรการและการเงิน ร้อยละ 21.80 3.งานดา้ นกิจการนกั เรียน ร้อยละ 13.78 4.งานดา้ นความสมั พนั ธ์กบั ชุมชน ร้อยละ 7.15 5.งานดา้ นอาคารสถานที่ ร้อยละ 6.33 จากการวิจัยอีกเร่ืองหนึ่ง พบวา่ สาเหตุที่สําคญั ท่ีทาํ ให้เกิดความเครียดของผูบ้ ริหารโรงเรียน คือ ความกดดนั เร่ืองเวลาหรือการหยอ่ นประสิทธิภาพในการบริหารเวลา ประกอบกบั เวลาเป็นทรัพยากรท่ีมีค่า ย่ิง ทุกคนมีเวลาเท่ากนั แต่ในเวลาเท่ากนั น้ีบางคนทาํ งานไดม้ ากมาย แต่บางคนทาํ งานไดเ้ พียงน้อยนิด เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ชนิดหรือประเภทของภารกิจท่ีจะต้องปฏิบัติกับระยะเวลาท่ีใช้ในการปฏิบตั ิภารกิจน้ันๆ จาํ เป็ นตอ้ ง สอดคล้องกนั และเวลาเป็ นทรัพยากรที่แตกต่างจากทรัพยากรบริหารอื่นๆ จึงจาํ เป็ นที่ผูบ้ ริหารจะตอ้ ง เขา้ ใจในวิธีการของการบริหารเวลา เพ่ือลดความเครียดในการทาํ งานการบริหารเวลาที่ดี ยอ่ มก่อให้เกิด ประโยชนน์ านาประการ เช่น 1.ทาํ ใหช้ ีวติ ไม่ยงุ่ เหยงิ 2.ลดความเครียด มีความเครียดนอ้ ยลง 3.ลดความวติ กกงั วล 4.เพิ่มประสิทธิภาพในการทาํ งาน 5.เพิ่มประสิทธิผลในการทาํ งาน 6.เพิ่มผลผลิตหรือผลงานใหก้ บั ตนเองและหน่วยงาน 7.เพิม่ ความพงึ พอใจในการทาํ งาน 8.มีเวลาที่เป็นของตวั เอง เวลาท่ีจะใชส้ าํ หรับครอบครัวและเพื่อนฝงู ข้ันตอนในการบริหารเวลา การบริหารเวลาประกอบไปดว้ ยข้นั ตอน 5 ข้นั ตอนคือ 1.ตระหนกั 2.วเิ คราะห์ 3.ขจดั 4.จดั ลาํ ดบั 5.จดั ระบบ 1.ตระหนัก เราต้องทราบว่าอะไรคืองานสําคญั หรือเรื่องสําคัญเกี่ยวกับตัวเรา เช่น เราต้องมี เป้าหมาย ตอ้ งทราบนิสัยของเรา ความรับผดิ ชอบของเรา 2.วิเคราะห์ ตอ้ งวิเคราะห์วา่ เราใชเ้ วลาอยา่ งไร แต่ละวนั เราใชเ้ วลาทาํ อะไรบา้ ง เราใช้เวลากบั คน อ่ืนมากนอ้ ยเพยี งใด 3.ขจัด มีหลายส่ิงหลายอยา่ งที่เราเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เราควรขจดั ส่ิงท่ีทาํ ให้เสียเวลา ออกไป เช่น มีโทรศัพท์มาถึงขณะท่ีเราทํางานสําคัญ ปฏิเสธคนไม่เป็ น การทํางานชักช้าหรื อ ผลดั วนั ประกนั พรุ่ง ขาดทกั ษะในการมอบหมายงาน 4.จัดลําดับ จดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของงาน เพื่อจะไดท้ ราบวา่ งานใดควรจะทาํ ก่อน และงานใดควร จะทาํ หลงั 5.จัดระบบ เป็นการจดั ระบบการใชเ้ วลาของเรา เราตอ้ งตดั สินใจวา่ เราจะทาํ อะไรบา้ ง เราจะทาํ เม่ือไร เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

เครื่องช่วยในการจดั ระบบเวลาคือบนั ทึกลงในสมุดบนั ทึกวา่ ในแต่ละสัปดาห์เราจะทาํ อะไรบา้ ง จะเร่ิมทาํ เมื่อไร โดยแยกประเภทของงานและประเมินดว้ ยดงั น้ี งานท่ีจะตอ้ งทาํ ทาํ เสร็จทุกงานหรือไม่ งานท่ีควรจะทาํ มีเวลาทาํ มากนอ้ ยเพียงไร งานที่อาจทาํ ก็ได้ มีเวลาเหลือที่จะทาํ บา้ งหรือไม่ หลกั สําคัญในการบริหารเวลา 1.มีเป้าหมายในการทาํ งาน 2.จดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของงานที่ทาํ 3.จดั สรรเวลาใหแ้ ก่งานที่สาํ คญั มาก-นอ้ ยแตกต่างกนั 4.แบ่งเวลาวา่ เวลาใดควรทาํ อะไร 5.วางแผนการใชเ้ วลาตามลกั ษณะความสาํ คญั ของงาน 6.มีเทคนิคในการขจดั หรือลดตวั การท่ีทาํ ใหเ้ สียเวลา 7.ติดตามผลการใชเ้ วลา ปัญหาการใช้เวลา อาจเกิดจากสาเหตุดงั น้ี 1.ขาดประสบการณ์ ผูท้ ่ีขาดประสบการณ์หรือมีประสบการณ์น้อยมักจะทํางานช้ากว่าผู้มี ประสบการณ์มาก 2.ไม่จัดระบบการใช้เวลา ถา้ จดั ตารางการใชเ้ วลา หรือจดบนั ทึกการใชเ้ วลา จะทาํ ให้ใชเ้ วลาไดด้ ี ข้ึน 3.ธรรมชาติของงานท่ีทํา งานบางอยา่ งละเอียด บางอย่างตอ้ งหาขอ้ มูลเพ่ิมเติม ทาํ ให้เกิดปัญหา การใชเ้ วลา 4.ไม่กระจายความรับผดิ ชอบ มกั ทาํ คนเดียว ไม่ทาํ เป็ นทีม ถา้ กระจายความรับผดิ ชอบยอ่ มช่วยให้ งานเร็วข้ึน 5.ตวั การทที่ าํ ให้เสียเวลา เช่น ทาํ งานหลายๆอยา่ งในเวลาเดียวกนั ประมาณเวลาผดิ พลาด ผลดั วนั ประกนั พรุ่ง ปฏิเสธคนไม่เป็น หรือไม่กลา้ ปฏิเสธ ชอบทาํ อะไรดว้ ยตวั เอง โตะ๊ ทาํ งานไม่เป็นระเบียบ หรือกรุงรัง มอบงานใหค้ นอ่ืนทาํ แตไ่ ม่มอบอาํ นาจให้ คําถาม เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

1.ท่ีกล่าวว่า “เวลาเป็ นทรัพยากรท่ีแตกต่างไปจาก คน เงิน วสั ดุอุปกรณ์ และการจดั การ” ท่าน เขา้ ใจวา่ อยา่ งไร อธิบายและยกตัวอย่างประกอบดว้ ย 2.ตวั การที่ทาํ ให้เสียเวลาในการทาํ งานของท่านมีอะไรบา้ ง อธิบายและยกตัวอย่าง และท่านจะ ขจัดหรือป้องกนั ส่ิงเหล่าน้นั อยา่ งไร การนําทรัพยากรอ่ืนๆในท้องถิ่นไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์กบั การศึกษา แหล่งทรัพยากรในท้องถิน่ ที่สามารถใหก้ ารสนบั สนุนงบประมาณสถานศึกษา มี 1.บุคคล คือผูท้ ี่ให้ความช่วยเหลือสถานศึกษา เช่น ครู พระภิกษุ นักเรียน ผูป้ กครองนักเรียน อาสาสมคั รในชุมชน ภูมิปัญญาชาวบา้ น ปราชญช์ าวบา้ น 2.มูลนิธิ สมาคม ชมรม เช่นมูลนิธิช่วยเหลือนักเรียนท่ีขาดแคลน มูลนิธิไทยรัฐ สมาคมครู- ผปู้ กครองนกั เรียน สมาคมศิษยเ์ ก่า ชมรมผสู้ ูงอายุ ฯลฯ 3.องค์กรต่างๆ แบ่งเป็ น 2 ลักษณะ คือ องค์กรภาคเอกชน เช่น บริษัท ธนาคาร โรงงาน อุตสาหกรรม สถานประกอบการ กลุ่มแม่บา้ น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแปรรูปผลิตภณั ฑ์ องค์กรภาครัฐ เช่น หน่วยงานของรัฐบาลและรัฐวสิ าหกิจ เช่น โรงเรียน วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศูนยก์ ารศึกษานอกโรงเรียน วดั อาํ เภอ จงั หวดั สภาวฒั นธรรม เทศบาล อ.บ.ต. ทรัพยากรอ่ืนๆในท้องถ่นิ ทจี่ ะนําไปใช้ในการศึกษา 1.ธรรมชาติ เช่น แม่น้าํ คลอง หนอง บึง ทะเล ปะการัง ภูเขา น้าํ ตก ป่ าไม้ ตน้ ไม้ สัตวป์ ่ า นก ปลา แมลง 2.ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น พระภิกษุ เกษตรกร (ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน) กลุ่มแม่บา้ น แพทยแ์ ผน ไทย แพทยป์ ระจาํ ตาํ บล อสม ช่างก่อสร้าง ช่างจกั สาน ช่างทอผา้ ช่างตดั ผม ช่างทาํ ผม ช่างตดั เส้ือ ช่างทอ ผา้ นกั แสดงละคร นกั ดนตรี สมาคมและชมรมต่างๆ พอ่ คา้ ฯลฯ 3.หัตถกรรมพื้นบ้านเกี่ยวกับเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เครื่องจกั สานเป็ นกระชอน ตะกร้า ตะแกรง กระบุง กระจาด กระดง้ ครุ ฝาชี เครื่องเบญจรงค์ 4.หัตถกรรมพื้นบ้านเก่ียวกับเครื่องมือจับสัตว์นํ้า เช่น แห อวน ข่าย ลอบ ไซ ตุม้ ลนั ส้อมแทง ปลาไหล ฉมวก เหล็กเกร็ดปลาหลด เบด็ สุ่ม ขอ้ ง อีจู้ อีแอบ 5.หัตถกรรมพื้นบ้านเก่ียวกับเครื่องมือเคร่ืองใช้ในการทํานา เช่น กระแสวิดน้าํ ชงโลงหรือชงั โลง วี กระชุ เกวยี น ลอ้ เลื่อน คนั ไถ หางยาม หวั หมู คอม แอกนอ้ ย คนั ฉาย กระดานชกั ขา้ ว สีฝัด คราด พอ้ มใส่ ขา้ ว ฯลฯ 6.สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน เช่น เรือนไทย เรือนคหบดี กุฏิสงฆ์ เรือนร้านคา้ ริมน้าํ เรือนแพ เรือน ร้านคา้ ริมทาง เรือนเคร่ืองผกู เรือนกาแล หอระฆงั ฯลฯ 7.เรือพืน้ บ้าน เช่น เรือหมู เรือสาํ ป้ัน เรือบด เรือเขม็ เรือแข่ง เรือโปง เรือไพมา้ ฯลฯ 8.อาหารพืน้ บ้าน เช่น แกงบอน แกงอ่อม กะปิ ควั่ ขนมกรวย ขนมขยุ หนู ขนมกง ฯลฯ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

9.ยาพื้นบ้าน เช่น ยาท่ีทาํ จากสมุนไพรต่างๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร ขมิ้น มะขามป้อม พืชผกั ผลไม้ ตา่ งๆ 10.เพลงพื้นบ้ าน เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงเก่ียวข้าว เพลงระบําบ้านไร่ เพลงเรื อ เพลง ประกอบการเล่นของเดก็ ฯลฯ 11.ภาษาพืน้ บ้าน ภาษาถ่ิน เช่น ภาษาของชนกลุ่มนอ้ ย เช่น ลาวพวน ลาวโซ่ง 12.นิทานพื้นบ้าน วรรณกรรมพื้นบ้าน หรือ “วรรณกรรมมุขปาฐะ” เช่น นางสิบสอง สังข์ทอง ไกรทอง ศรีธนนไชย 13.การละเล่นพื้นบ้าน เช่น ผลี ิงลม การเล่นมะหาบ การเล่นสะบา้ มอญซ่อนผา้ ข่ีมา้ ส่งเมือง ต่ี จบั ชกั คะเยอ่ ลูกช่วง ตะกร้อ ฯลฯ 14.ปริศนาคําทาย ปริศนาคาํ ทายท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยคาํ วา่ “อะไรเอย่ ” เช่น มีสี่หู สี่ขา ตานบั บ่ถว้ น (ยอ) นกมีหูหนูมีปี ก (คา้ งคาว) ปากกดั กน้ ตอ่ ย มีเป็นร้อยเป็นพนั (มด) ผกั อะไรบวชได้ (ผกั ชี) ฯลฯ 15.ขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น การแข่งเรือยาว ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีบวชนาค ประเพณี การแตง่ งาน 16.คุณธรรม จริยธรรม เช่น การแต่งกาย ความประพฤติ กิริยามารยาท การเคารพผใู้ หญ่ การไหว้ การกราบ การประหยดั การใชโ้ ทรศพั ท์ ฯลฯ 17.ชื่อหมู่บ้าน ตําบล เช่น คลองหลวง คลองหา้ สามโคก บึงตะเคียน (คลองเจ็ด) บางหวาย (คลอง เจด็ ) บางขนั 18.วดั เช่น วดั เจดียห์ อย วดั สิงห์ วดั พระธรรมกาย วดั ไผล่ อ้ ม 19 สถานทตี่ ่างๆ เช่น องคก์ ารพิพิธภณั ฑ์วทิ ยาศาสตร์แห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระ เกียรติ พพิ ธิ ภณั ฑข์ องเก่าของวดั เจดียห์ อย พิพิธภณั ฑก์ ารเกษตรเฉลิมพระเกียรติ วเิ คราะห์การนําทรัพยากรอื่นๆในท้องถนิ่ ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์กบั การศึกษา ท่านคิดวา่ โรงเรียนหรือหน่วยงานของทา่ นจะนําทรัพยากรใดในทอ้ งถิ่นมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนก์ บั การศึกษาหรือกบั หน่วยงานของทา่ นไดบ้ ้าง อธิบายและยกตวั อย่างประกอบดว้ ย วเิ คราะห์ปัญหาการบริหารทรัพยากรการศึกษา การบริหารทรัพยากรการศึกษาในหน่วยงานของท่านมีปัญหาทีเ่ ร่งด่วนควรรีบแก้ปัญหาคือปัญหา เกี่ยวกบั อะไร พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบดว้ ยวา่ เป็ นปัญหาท่ีเร่งด่วนอยา่ งไร ให้ตอบเพียง 1 ปัญหา (อาจ เป็ นปัญหาการบริหารบุคลากร ปัญหาการบริหารงบประมาณ ปัญหาการบริหารวสั ดุอุปกรณ์การศึกษา ปัญหาการบริหารอาคารสถานท่ี หรือปัญหาการบริหารเวลาก็ได)้ และท่านมีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา อยา่ งไร เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

แนวข้อสอบผ้บู ริหารสถานศึกษา 1. โครงการท่ีสานกั งานคณะกรรมการศึกษาข้นั พ้ืนฐานดาเนินการเพ่ือสนองนโยบายรัฐบาล รัฐบาลดา้ นสิทธิและโอกาส ก. โครงการครูต้นแบบ ข. โครงการแลกเปลยี่ นนักเรียน ค. โครงการพฒั นาคุณภาพโรงเรียนขนาดเลก็ ง. โครงการเยาวชนสู้งานประสบการณ์วยั เรียน 2. บุคคลที่มีอานาจในการแกไ้ ขวนั เดือนปี เกิดของนกั เรียนในสถานศึกษาสงั กดั สานกั งาน เขตพ้นื ที่การศึกษาซ่ึงไม่ใช่เกิดจากการเขียนผดิ พลาดหรือเขียนตกหล่นของสถานศึกษา ก. ครูผ้รู ับผดิ ชอบงานทะเบียน ข. ผ้อู านวยการสถานศึกษา ค. ผ้อู านวยการสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ง. ผ้ทู ผี่ ้อู านวยการสานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามอบหมาย 3. หากพิจารณาตามระเบียบแลว้ สถานศึกษาสามารถเรียกเกบ็ คา่ ธรรมเนียมการออกใบสุทธิ หนงั สือรับรองความรู้ไดฉ้ บบั ละไม่เกินก่ีบาท ก. 5 บาท ข.10 บาท ค. 20 บาท ง.100 บาท 4. กลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีไมเ่ ขา้ พวกเมื่อพจิ ารณาตามนโยบายการใชห้ ลกั สูตรการศึกษาขนั พ้นื ฐาน ก. ภาษาไทย ข. คณติ ศาสตร์ ค.ดนตรี ง.คอมพวิ เตอร์ 5. ปลูกฝังใหเ้ ป็นคนดีมีคุณธรรม ต่อตา้ นการทุจริต คิดมิชอบ ก. การงานอาชีพ ข. ศิลปะ ค.สุขศึกษา ง.สังคมศึกษา 6. ออกใบประกาศใหผ้ จู้ บการศึกษา ท่ีพน้ กาหนด 10 ปี เป็ นอานาจใคร เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ก. ผู้อานวยการสถานศึกษา ข. ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ท่ี ค. เลขาธิการ กพฐ. ง. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 7. คณะกรรมการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจดั การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มีกี่คน ก. 9 คน ข. 15 คน ค. 19 คน ง. 23 คน 8. ใครลงนามแต่งต้งั คณะกรรมการติดตามตรวจสอบนิเทศและประเมินผลการศึกษาของ เขตพ้ืนที่การศึกษา ก. ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ข. ประธานกรรมการเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ค. ผอ.สพท.ในนามเลขาธิการ กพฐ. ง. ประธานคณะกรรมการ กพฐ. 9. จะลงชื่อตาแหน่งผบู้ ริหารสถานศึกษาในหนงั สือราชการวา่ อยา่ งไร ก. ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านแง้ม ข. ผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านแง้ม ค. ผ้อู านวยการสถานศึกษาบ้านแง้ม ง. ผ้อู านวยการสถานศึกษา 10. ขอ้ ใดหมายถึงการศึกษาข้นั พ้นื ฐานตามที่กาหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ก. การศึกษาภาคบังคบั ข. การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน 12 ปี ค. การศึกษาประถมศึกษาถงึ มัธยมศึกษาตอนปลาย ง. การศึกษาก่อนระดบั อดุ มศึกษา 11. บุคคลใดไมใ่ ช่เป็นผปู้ ระเมินติดตามตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของสถาน ศึกษาซ่ึงเป็นการประกนั คุณภาพภายนอก ก. ผู้บริหารการศึกษา ข. สานักงานประเมนิ มาตรฐานและประเมนิ คุณภาพ ค. หน่วยงานภายนอกทสี่ านักงานรับรอง เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ง. หน่วยงานภายนอกทส่ี านักงานรับรอง 12. ขอ้ ใดไมใ่ ช่บุคลากรวชิ าชีพทางการศึกษา ก. ครู ข. คณาจารย์ ค. ผ้บู ริหารสถานศึกษา ง. ผ้บู ริหารการศึกษา 13. ขอ้ ใดไมใ่ ช่รูปแบบการจดั การศึกษาตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ ก. การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ข. การศึกษาในระบบ ค. การศึกษานอกระบบ ง. การศึกษาตามอธั ยาศัย 14. ตามแนวทางจดั การศึกษาในพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ใคร ท่ีมีความสาคญั ท่ีสุด ก. ผู้เรียน ข. ครู ค. ผ้บู ริหารการศึกษา ง. ครอบครัว ชุมชน ท้องถ่นิ 15. มีหนา้ ท่ีพฒั นากระบวนการเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธิภาพรวมท้งั การส่งเสริมใหผ้ สู้ อน สามารถวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาผเู้ รียนอยเู่ สมอ ก. สถานศึกษา ข. ครูบุคลากรทางการศึกษา ค. นักบริหารการศึกษา ง. ถูกทกุ ข้อ 16. ขอ้ ใดคือคณะกรรมการระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษา ก. คณะกรรมการเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ข. คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ค. คณะกรรมการนิเทศ ติดตาม ประเมนิ ผลการจัดการศึกษา ง. ถูกทกุ ข้อ 17. ขอ้ ใดคืองบประมาณแผน่ ดินท่ีมีความสาคญั สูงสุดในการพฒั นาประเทศ ก. งบประมาณเพ่ือพฒั นาประเทศ ข. งบประมาณเพื่อการสาธารณสุข ค. งบประมาณเพ่ือการศึกษา เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ง. งบประมาณเพ่ือการอตุ สาหกรรม 18. ขอ้ ใดคือกฎหมายแมบ่ ทในการบริหารจดั การศึกษาอบรม ก. แผนการศึกษาแห่งชาติ ข. แผนการศึกษา ค. แผนพฒั นาการศึกษา ง. พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ 19. ขอ้ กาหนดท่ีเกี่ยวกบั คุณลกั ษณะคุณภาพท่ีพึงประสงคแ์ ละมาตรฐานการศึกษาท่ีตอ้ งการให้ เกิดในสถานศึกษาทุกแห่งหมายถึงขอ้ ใด ก. มาตรฐานการศึกษา ข. คุณภาพมาตรฐานการศึกษา ค. การประกนั คุณภาพ ง. การรับรองคุณภาพมาตรฐาน 20. คณะกรรมการขอ้ มูลขา่ วสารของราชการมีจานวนก่ีคน ก. 13 คน ข. 23 คน ค. อย่างน้อย 13 คน ง. อย่างน้อย 23 คน 21. ขอ้ มูลของทางราชการตามขอ้ ใดไม่สามารถเปิ ดเผยได้ ก. ข้อมูลส่วนบุคคล ข. ข้อมูลเก่ยี วกบั รายงานการแพทย์ ค. ข้อมูลทเี่ ปิ ดเผยแล้วทาให้เสียความสัมพนั ธ์กบั ต่างประเทศ ง. ข้อมูลท่เี ปิ ดเผยแล้วเป็ นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษตั ริย์ 22. คณะกรรมการตามขอ้ ใดตอ้ งมีอยา่ งนอ้ ยคนละ 3 คน ก. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ข. คณะกรรมการพจิ ารณาข้อมูลข่าวสารของราชการ ค. คณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร ง. คณะอนุกรรมการพจิ ารณาวนิ ิจฉัยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ 23. เม่ือไดร้ ับเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการตอ้ งพจิ ารณาเร่ืองใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน ก่ีวนั นบั ต้งั แต่ไดร้ ับเรื่องน้นั ก. ภายใน 30 วนั ข. ภายใน 45 วนั ค. ภายใน 60 วนั เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ง. ภายใน 90 วนั 24. ขอ้ ใดเป็นหนา้ ที่ของหน่วยงานของรัฐตอ้ งดาเนินการ เก่ียวกบั ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ก. พมิ พ์ทอี่ ย่สู ถานทต่ี ดิ ต่อ หรือรายละเอยี ดทจี่ าเป็ นอ่ืน ๆ ในราชกจิ จานุเษกษา ข. จัดข้อมูลให้กบั ผ้ปู ระสงค์กรณที เ่ี ปิ ดเผยได้ ค. แนะนาให้ความร่วมมือกบั ผู้ขอดูข้อมูลข่าวสาร ง. ถูกทกุ ข้อ 25. ขา้ ราชการท่ีรับผดิ ชอบขอ้ มูลข่าวสารของราชการระดบั ใดข้ึนไปสามารถเปิ ดเผยขอ้ มูลของ หน่วยราชการน้นั ๆ ได้ ก. ระดับ 3 ข. ระดบั 6 ค. ระดบั 7 ง. ระดับ 10 26. คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐานมีจานวนมากท่ีสุดคือขอ้ ใด ก. 7 คน ข. 5 คน ค. 12 คน ง. 15 คน 27. คณะกรรมการสถานศึกษาแห่งหน่ึงที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ก. 12 คน ข. 9 คน ค. 7 คน ง. 6 คน 28. ขอ้ ใดคือวาระการดารงตาแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ก. เท่ากบั วาระของ ส.ส. ข. เท่ากบั วาระของ ส.ว. ค. เท่ากบั ครึ่งหนึ่งของวาระ ส.ว. ง. เท่ากบั วาระของ ส.ส.แต่เป็ นไปได้ไม่เกนิ 2 สมยั 29. ขอ้ ใดไม่ใช่สดั ส่วนหรือองคป์ ระกอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ก. แดงเป็ นครูในโรงเรียนน้ันแต่บุตรไม่ได้เข้าเรียนท่ีโรงเรียนแห่งนี้ ข. สมาชิกเป็ นตวั แทนรับเหมาในเขตทห่ี มู่บ้านซ่ึงเป็ นเขตบริการของโรงเรียน ค. สายสมรเป็ นปลดั อบต. ตาบลซ่ึงเป็ นทข่ี องโรงเรียน เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ง. น้องน้อยเป็ นศิษย์เก่าโรงเรียนนีแ้ ต่บดั นีย้ ้ายไปอยู่กบั เอกชนทต่ี ่างจังหวดั ซ่ึงขณะสมัครยงั ไม่ แต่งงาน 30. \"เป็นผบู้ ริหารตอ้ งมีมนุษยธรรมถึงจะทาใหห้ น่วยงานเจริญ\" หมายถึงธรรมตามขอ้ ใด ก. ศีล 5 ข. หลกั ธรรม ค. สัปปรุ ิสธรรม ง. อริยมคั ร 8 31. ธรรมที่ทาใหง้ านในหนา้ ท่ีของผอู้ านวยการสถานศึกษาบรรลุตามอยา่ งมีประสิทธิภาพ ก. ขนั ติ โสรัจจะ ข. หิริ โอตตปั ปะ ค. สติ สัมปชัญญะ ง. กตัญญู กตเวที 32. ผอู้ านวยการสงั่ ลงโทษคุณครูเทิดทูนฐานะมีภรรยาแลว้ ไปจีบครูอตั ราจา้ งซ่ึงตนเองแอบรัก อยแู่ สดงวา่ อาจารยใ์ หญ่ขาดคุณธรรมขอ้ ใด ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. โมหาคติ ง. พยาคติ 33. ขอ้ ใดหมายถึง ไตรสิกขา ก. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข. ศีล สมาธิ ปัญญา ค. อนิจจัง ทกุ ชัง อนัตตา ง. พระวนิ ัย พระสูตร พระอภิธรรม 34. ขอ้ ใดคือภาพลกั ษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี (คนปัจจุบนั ) ก. อาชวะ ข. มัทวะ ค. อวหิ งิ สา ง. อวโิ รจะ 35. คุณธรรมของพระมหาชนกตรงกบั สุภาษิตตามขอ้ ใด ก. ฝนท้งั ให้เป็ นเข็ม ข. เหยยี บเรือสองแคว ค. ซื่อกนิ ไม่หมด คดกนิ ไม่นาน เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ง. เป็ นผู้น้อย 36.\"โรงเรียนบา้ นฉางเมยมุง่ ท่ีจะพฒั นาใหม้ ีความเป็ นเลิศทางวชิ าการภายในปี 2560\" ขอ้ ความน้ีหมายถึงขอ้ ใด ก. วสิ ัยทศั น์ ข. ภารกจิ ค. เป้าหมาย ง. วตั ถุประสงค์ 37. \"การจดั การศึกษาของไทยตอ้ งเป็นไปตามมาตรสากลภายในปี 2550\" ขอ้ ความน้ีเป็ น วสิ ัยทศั น์ระดบั ใด ก. ตนเองมองภาพอนาคต ข. ตนเองมองภาพอนาคตตนเอง ค. ตนเองมองภาพอนาคตองค์กร ง. การมองภาพองค์กรระดับสากล 38. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบของแผนยทุ ธศาสตร์ ก. วสิ ัยทศั น์ ข. ภารกจิ ค. ยุทธศาสตร์ ง. งบประมาณ 39. จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค กิจกรรมดงั กล่าวเกี่ยวขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากที่สุด ก. การวางแผนองค์กร ข. การกาหนดงบประมาณขององค์กร ค. การประเมนิ องค์กรก่อนวางแผน ง. การปฏริ ูปองค์กรแนวใหม่ 40. ขอ้ ใดเกี่ยวขอ้ งแผนยทุ ธศาสตร์มากท่ีสุด ก. กระบวนการ ซี ไอ เอ ข. กระบวนการ ซี เอ ไอ ค. กระบวนการ เอ ไอ ซี ง. กระบวนการ ไอ เอ ซี 41. การ เทียบเคียงผลงาน เกี่ยวขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากท่ีสุด ก. โคชซิ่ง ข. เบนซ์มารด์ดง่ิ ค. ฟอร์โรวง่ิ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ง. แพนน่ิง 42. การบริการจดั การแนวใหม่เนน้ ใหค้ วามสาคญั กบั มาตรการหรือขอ้ มูลตามขอ้ ใด ก. ปัจจัย ข. กระบวนการ ค. ผลผลติ ง. ผลติ ภัณฑ์ 43.ทกั ษะของผบู้ ริหารทุกระดบั ควรมีไกลเ้ คียงกนั ไดแ้ ก่ทกั ษะใด ก. ทกั ษะความคิดรวบยอด ข. ทกั ษะการสื่อสาร ค. ทกั ษะปฏิบัติงาน ง. ทกั ษะมนุษย์สัมพนั ธ์ 44. สิ่งที่เป็นพ้นื ฐานในการตดั สินใจวนิ ิจฉยั สงั่ งานของผอู้ านวยการสถานศึกษาคือขอ้ ใด ก. ภูมิปัญญาอาจารย์ใหญ่ ข. ข้อมูลสารสนเทศ ค. ประสบการณ์ ง. นโยบายรัฐบาล 45. ทา่ นควรใหค้ วามสนใจในเร่ืองใดก่อน ก. ครูไม่สอนเอาแต่คุยกนั ข. ผู้ปกครองนักเรียนจมนา้ ตายทเ่ี ข่ือน ค. สปอ.แจ้งให้รายงานวันลาประจาเดือน ง. ชาวบ้านร้องเรียนครูต้นข่มขืนลกู ศิษย์ซ่ึงอยู่ใกล้ห้องอาจารย์ใหญ่ 46. งานสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโรงเรียนกบั ชุมชน ถือวา่ เป็นเรื่องที่เก่ียวกบั ผอู้ านวยการดา้ นขอ้ ใด ก. วสิ ัยทศั น์ ข. ภารกจิ ค. บทบาท ง. สิ่งทค่ี วรดาเนินการ 47. ท่านในฐานะอาจารยใ์ หญ่ไปราชการจะมอบหมายให้ผชู้ ่วยรับทาภารกิจแทนจะเขียน สมุดหมายเหตุอยา่ งไร ก. ให้ปฏบิ ตั หิ น้าทแี่ ทน ข. ให้ทาหน้าทแี่ ทน ค. ให้รักษาการแทน เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ง. ให้รักษาในตาแหน่ง 48. ส่ิงท่ีผอู้ านวยการสถานศึกษาไม่ตอ้ งวนิ ิจฉยั เลยไดแ้ ก่งานในขอ้ ใด ก. การบนั ทึกสมุดรายเหตุรายวนั ข. การรายงานกรณีทนี่ ักเรียนตกนา้ ตายต่อหน.ปอ. ค. การทอ่ี งค์กรต่าง ๆ ขอรับบริจาคเงินจากนักเรียน ง. การลงนามรับทราบวนั ประชุมรายเดือนของผู้บริหาร 49.\"ชอบ มองผชู้ ่วย\" ไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ งกบั เรื่องใด ก. การวางแผน ข. การวนิ ิจฉัยสั่งการ ค. การมอบหมายงาน ง. การนิเทศให้คาปรึกษา 50.ท่านจะแตง่ ต้งั ใครเป็ นผปู้ ระสานงานในโรงเรียน ก. ทุเรียนพูดมาก ปากไม่ร้ายเท่าหนามทเุ รียน ข. โต้งมุทะลดุ ุดนั ชอบเกาทคี่ นั ของอาจารย์ใหญ่ ค. จ๋อมรวย หมวย ขาวเจ้านา้ ตาม ยาครูมีเมยี ง. สายสมรป้อนคาหวาน งานรู้สึกนึกถึงส่วนร่วม 51. ทาไม่เมื่อผูอ้ านวยการมอบหมายงานใหค้ รูทาแลว้ จึงกากบั ติดตาม นิเทศและประเมิน ก. เพราะน้ันแหละคือหน้าทเ่ี ขาหล่ะ ข. กลวั ว่ามอบไปแล้วเขาจะไม่ทาหรือทาไม่ดี ค. อย่างไร ๆ กไ็ ม่พ้นความรับผดิ ชอบอาจารย์ใหญ่ ง. เพื่อให้งานบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ 52. สถานศึกษาข้นั พ้นื ฐานที่เป็นโรงเรียนเป็นองคก์ รระบบใด ก. องค์กรอสิ ระ ข. องค์กรมหาชน ค. หน่วยงานทางการศึกษา ง. องค์กรนิติบุคคล 53. ขอ้ ใดคือเป้าหมายสูงสุดของการนิเทศการศึกษา ก. เพื่อพฒั นาการเรียนการสอน ข. เพ่ือพฒั นาคุณภาพนักเรียน ค. เพ่ือให้ครูจัดกจิ กรมการเรียนการสอนได้ดีขนึ้ ง. เพ่ือให้ทุกฝ่ ายได้ช่วยเหลือ 54. การแยกสิ่งที่ไม่ไดใ้ ชอ้ อกไป เป็นกิจกรรมใดของหลกั การ 5 ส. เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ก. สะสาง ข. สะดวก ค. สะอาด ง. สุขลกั ษณะ 55. ปัจจุบนั กระทรวงศึกษาธิการจะมีอายทุ ้งั หมดก่ีปี ก. 118 ปี ข. 119 ปี ค. 120 ปี ง. ยงั สรุปแน่นอนไม่ได้ 56.การปฏิรูประบบบริหารภาครัฐมีกี่ดา้ น ก. 3 ด้าน ข. 4 ด้าน ค. 5 ด้าน ง. 6 ด้าน 57. ขอ้ ใดไมใ่ ช่รูปแบบการบริหารจดั การภาครัฐแนวใหม่ ก. แผนการปรับเปลย่ี นบทบาทภารกจิ ภาครัฐ ข. แผนปรับเปลยี่ นงบประมาณเป็ นงบอดุ หนุน ค. แผนปรับเปลย่ี นระบบบริหารงานบุคคล ง. แผนปรับเปลยี่ นวฒั นธรรมค่านิยมการทางาน 58. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ยทุ ธศาสตร์ในการปฏิรูปการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ ก. การปฏริ ูปกระบวนการเรียนการสอน ข. การกระจายอานาจให้อบต. ค. การมสี ่วนร่วม ง. การประกันคุณภาพ 59. เป้าหมายสูงสุดของการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ก. คุณภาพนักเรียน ข. คุณภาพการเรียนการสอน ค. สิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเอื้อต่อการบริการ ง. ชุมชนมสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษา 60. เป้าหมายตามโครงการการเรียนรู้ตามรอยยคุ ลบาทอยทู่ ่ีบุคคลกลุ่มใด ก. ข้าราชการ ข. ศิษย์เก่า เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ค. ประชาชนทวั่ ไป ง. ถูกทุกข้อ 61. ลาป่ วยต้งั แตก่ ี่วนั ข้ึนไปตอ้ งมีใบรับรองแพทยแ์ นบใบลาเสมอ ก. 1 วนั ข. 30 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 62. เม่ือทา่ นไดร้ ับการบรรจุแต่งต้งั เป็ นขา้ ราชการครูตามกฎหมายครูใหม่ท่านจะไดร้ ับเงินเดือน ในระดบั ใด ก. ครูผู้ช่วย ข. คศ. 1 ค. คศ.2 ง. คศ.3 63. การนบั วนั ลาของขา้ ราชการครูตามระเบียบการลาใหน้ บั อยา่ งไร ก. ตามปี ปฏทิ นิ ข. ตามปี งบประมาณ ค. ตามรอบปี ทแ่ี ล้วมา ง. ตามปี การศึกษา 64. ขา้ ราชการครูจะลาอุปสมบทตอ้ งยนื่ ใบลาต่อผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั ใดเป็นผอู้ นุญาต ก. ผู้อานวยการโรงเรียน ข. ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ค. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ง. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 65.ใครไม่สามารถเขา้ รับราชการเป็นขา้ ราชการครูได้ ก. เทดิ ทูนมบี ดิ ามารดาเป็ นคนจีนแต่โอนสัญชาติเป็ นไทยมาแล้ว 5 ปี ข. ประสงค์มีหนีส้ ินมากมายจนเจ้าหนีห้ ลายรายฟ้องร้อง ค. บุญสงค์เคยถูกศาลส่ังให้เป็ นบุคคลล้มละลาย ง. วริ ะยูรมอี ายคุ รบ 18 ปี บริบูรณ์ในวนั สอบบรรจุพอดี 66. ในปัจจุบนั หากอยากทราบวา่ เมื่อทา่ นสอบไดท้ า่ นไดร้ ับเงินเดือนอนั ดบั ใดใหด้ ูตามขอ้ ใด ก. พรบ.เงินเดือน เงินวทิ ยฐานะฯ ข. กฎ ก.ค. ฉบบั ท่ี 13 ค. กฎ ก.ค. ฉบบั ท่ี 14 เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ง. ถูกทุกข้อ 67. การทดลองปฏิบตั ิราชการ มีกาหนดระยะเวลาตามขอ้ ใด ก. 3 เดือน ข. 6 เดือน ค. 12 เดือน ง. 1 ปี 68. กฎ ก.ค. ฉบบั สุดทา้ ยคือขอ้ ใด ก. กฎ ก.ค. ฉบบั ที่ 20 ข. กฎ ก.ค. ฉบับที่ 22 ค. กฎ ก.ค. ฉบบั ท่ี 24 ง. กฎ ก.ค. ฉบับที่ 25 69.กรณีใดต่อไปน้ีเป็ นความผดิ ทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ก. การทุจริตต่อหน้าทร่ี าชการ ข. การประมาทเลนิ เล่อในหน้าทรี่ าชการ ค. การละทงิ้ หน้าที่ราชการโดยไม่มเี หตุอนั สมควร ง. ถูกทกุ ข้อ 70.การเพม่ิ พนู ความรู้ ความชานาญหรือประสบการณ์ดว้ ยการเรียน หมายถึงขอ้ ใด ก. การศึกษา ข. การฝึ กอบรม ค. การศึกษาต่อ ง. การศึกษาอบรม 71. ขออนุญาตลาไปศึกษาตอ่ ระดบั ปริญญาโท ท่ีมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น จานวน 2 ปี การศึกษา ก. การศึกษาต่อภาคปกติ ข. การศึกษาต่อภาคนอกเวลาราชการ ค. การศึกษาต่อภาคฤดูร้อน ง. ทุกกรณขี ้างต้น 72. ขอ้ ใดไม่ใช่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ก. สงขลา ข. ยะลา ค. ปัตตานี ง. นราธิวาส 73. การแกไ้ ขปัญหาและส่งเสริมการศึกษาในพ้นื ท่ีจงั หวดั ชายแดนภาคใตเ้ นน้ นโยบายดา้ นใด เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ก. ด้านสังคมจิตวทิ ยา ข. ด้านศาสนา ค. ด้านการปกครอง ง. ด้านพฒั นาคุณภาพชีวติ 74. NGO หมายถึงขอ้ ใด ก. องค์กรอสิ ระ ข. องค์กรเอกชน ค. มูลนิธิ ง. องค์กรการกศุ ล 75. หน่วยงานใดท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาคุณภาพการศึกษาของนกั เรียนนอ้ ยท่ีสุด ก. กระทรวงมหาดไทย ข. กระทรวงสาธารณสุข ค. กระทรวงวฒั นาธรรม ง. กระทรวงยุตธิ รรม 76. แผนงานปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการแผนงานใดส่งเสริมให้เกิดความมน่ั คง ในชาติมากท่ีสุด ก. การส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ข. การส่งเสริมการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ค. การปฏริ ูปทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ง. การปฏริ ูปกระบวนการเรียนรู้ 77. ขอ้ ใดไม่ใช่วตั ถุประสงคห์ ลกั ในการส่งเสริมและการสร้างความเขม้ แขง็ ใหช้ ุมชน ก. เพ่ือส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน ข. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจวางแผนดาเนินงานแก้ปัญหาด้วย ชุมชนเอง ค. เพื่อให้ชุมชนเป็ นการพฒั นาแบบองค์รวมทมี่ คี นเป็ นศูนย์กลาง ง. เพ่ือให้ประเทศชาติเกดิ การพฒั นาอย่างมั่งคงและย้งั ยืน 78. ขอ้ ใดคือเป้าหมายสูงสุดของการสร้างความเขม้ แขง็ ใหช้ ุมชน ก. เพ่ือพฒั นาประเทศชาตใิ ห้เจริญเท่าเทยี มอารยประเทศ ข. เพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน ค. เพ่ือให้ชุมชนท้องถิ่นบริหารจัดการด้วยตนเอง ง. เพื่อให้ชุมชนมีและสร้างกระบวนการทศั น์ในการพฒั นาตนเอง 79. โรงเรียนมีแนวทางในการสร้างความเขม้ แขง็ ใหช้ ุมชนไดอ้ ยา่ งไร เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดที่ www.งานราชการไทย.com

ก. ส่งเสริมสนับสนุนให้เกดิ กจิ กรรมในสังคมหรือกระบวนการชุมชน ข. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนทส่ี ่งผลต่อการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ค. จัดสถานศึกษาให้เป็ นโรงเรียนชุมชน ง. ถูกทกุ ข้อ 80. ขอ้ ใดคือคุณลกั ษณะของครูในการจดั การเรียนการสอนเชื่อมโยงความรู้สู่ทอ้ งถ่ิน ก. ศรัทธาในคุณค่าและความสาคัญของท้องถนิ่ ทม่ี ตี ่อการพฒั นาชีวติ ข. ศึกษาเด็กเป็ นรายบุคคล รู้จักศักยภาพของ ผู้เรียน ค. เป็ นผู้ประสานงานและผ้อู านวยความสะดวก ต่อการเรียนรู้ ง. ถูกทุกข้อ 81. พฤติกรรมที่ควรปลูกฝังใหน้ กั เรียนอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ก. ตดิ ตามข่าวสารปัญหาสิ่งแวดล้อม ข. รู้จักประหยดั พลงั งาน ค. รู้จักนาของทใี่ ช้แล้วมาใช้อกี ง. ดารงชีวติ ทแ่ี วดล้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทสี่ วยงาม 82. Geenhouse effet เกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองใด ก. อณุ หภูมิของโลกสูงขนึ้ ข. อากาศช้ันโอโซนถูกทาลาย ค. เกดิ จากการสะสมของสร ซี เอฟ ซี ง. มูลพษิ ทางอากาศ 83. ป่ าไม้ สัตวป์ ่ าถือวา่ เป็นส่ิงแวดลอ้ มตามขอ้ ใด ก. Biotic Enaroment ข. Abiotic ค. Physlcal ง. Soueal 84. ขอ้ ใดไม่ใช่ปัญหาที่สาคญั ของทรัพยากรดิน ก. ความต้องการใช้ประโยชน์จากดนิ มมี าขนึ้ ข. การพงั ทะลายของดนิ ค. การสูญเสียหน้าดิน ง. การเส่ือมโทรมของดินหรือดินขาดความ อดุ มสมบูรณ์ 85. ปัญหาเกี่ยวกบั น้าตามขอ้ ใดท่ีมีผลกระทบต่อมนุษยม์ ากท่ีสุด ก. เกดิ ผลเสียต่อสุขภาพ เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ข. เกดิ ความสูญเสียทางเศรษฐกจิ ค. เป็ นแหล่งเพาะพนั ธ์และแพร่เชื้อโรค ง. เกดิ ความสกปรกไม่น่าดู 86. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง ก. ประสิทธิผล = ผลผลติ + ผลลทั ธ์ ข. ประสิทธิภาพ = ผลผลติ + ผลลทั ธ์ ค. ผลสัมฤทธ์ิ = ผลผลติ + ผลลทั ธ์ ง. ผลสัมฤทธ์ิ = ประสิทธิผล + ประสิทธิภาพ 87. การเปิ ดเผยขอ้ มูลท่ีเป็นประโยชน์สามารถตรวจสอบได้ คือหลกั การใดของการบริหารประเทศ ก. ความโปร่งใส ข. ความคุ้มค่า ข. ความรับผดิ ชอบ ง. ความมสี ่วนร่วม 88. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลท่ีคาดหวงั ของการปฏิรูประบบการศึกษา ก.โครงสร้างระบบบริหารของหน่วยงานในสังกดั ทกุ ระดบั สามารถบริหารงานการศึกษาตาม ภารกจิ ได้อย่างมปี ระสิทธิผล ข. การให้บริการทางการศึกษาทท่ี ว่ั ถงึ และเป็ นเลศิ เท่าเทยี มประเทศอื่น ค. จัดการศึกษาสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ง. เด็กทจี่ บการศึกษามีคุณภาพดารงชีวติ อยู่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข 89. \"เรามุ่งมนั่ จะสอนศิษยใ์ หเ้ ป็นคนดีใหไ้ ด\"้ คากล่าวน้ีเป็นเร่ืองใด ก. วสิ ัยทศั น์ ข. ภารกจิ ค. พนั ธกจิ ง. สมรรถนะ 90. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั การในการจดั โครงสร้าง องคก์ รตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา ก. เอกภาพด้านนโยบาย หลากหลายใน การปฏิบตั ิ ข. การกระจายอานาจสู่เขตพื้นทก่ี ารศึกษา สถานศึกษา ค. การมีส่วนร่วมของบุคลากรทางการศึกษาทกุ ฝ่ าย ง. คานึงถึงความประหยดั คุ้มค่าเกนิ ประหยดั สูงสุด 91. หากนกั เรียนในหอ้ งของคุณครูซุกซนไม่สนใจทางานหรือการบา้ นที่ครูมอบให้ คุณครูจะ อ่านบทความเรื่องใดก่อน ก. หลกั สูตรสถานศึกษา เปิ ดติวออนไลน์และติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ข. เทคนิควธิ ีสอน ค. จิตวทิ ยาการเรียนรู้ ง. ปรัชญาการศึกษา 92 . \"ดิฉนั ส่งลูกมาเขา้ ท่ีโรงเรียนน้ีเพราะเพอื่ นๆบา้ นบอกวา่ โรงเรียนน้ีดี ดูแลเอาใจใส่กบั นกั เรียน ท่านคิดวา่ คาพดู ดงั กล่าวเกิดจากกระบวนการในขอ้ ใด ก. การวดั และประเมินผลการเรียน ข. ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษา ค. การบริหารจัดการแนะแนว ง. การวจิ ัยเพ่ือพฒั นาคุรภาพการศึกษา 93. จากขอ้ 2 เป็นบทบาทของใคร ก. กรรมการสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ข. ผู้บริหารสถานศึกษา ค. คณะครู ง. ถูกทกุ ข้อ 94. \"คุณครูตอ้ งทาวจิ ยั เป็นนะท้งั น้ีเพอ่ื พฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาของเรา\" ขอ้ ความ น้ีทา่ นผอู้ านวยการโรงเรียนตอ้ งการใหท้ ากิจกรรมใดก่อน ก. เกบ็ รวบรวมข้อมูล วเิ คราะห์ข้อมูล ข. วางแผนแก้ปัญหา พฒั นา ค. จัดกจิ กรรมแก้ปัญหา ง. วเิ คราะห์ปัญหา พฒั นา 95. ผลลพั ธ์สูงสุดท่ีไดจ้ ากการท่ีครูทาการวจิ ยั ในช้นั เรียน ก. ครูได้ฝึ กกระบวนการทางานวจิ ัยควบคู่ไปกบั การสอน ข. ครูได้ทาตามแนวทางการจัดการเรียนรู้แนวทางใหม่ ค. ได้ผลงานทางวชิ าการเพ่ือขอกาหนดตาแหน่ง ง. คุณภาพของนักเรียนดีขึน้ 96. \"ใช้ t-test เพอ่ื วเิ คราะห์ความแตกต่างของนกั เรียนท้งั สองกลุ่ม\" จดั อยใู่ นกระบวน การวจิ ยั ในช้นั ขอ้ ใด ก. วางแผนแก้ปัญหา ข. จัดกจิ กรรมแก้ปัญหา ค. เกบ็ รวบรวมข้อมูล วเิ คราะห์ข้อมูล ง. สรุปผลการแก้ปัญหา 97. หากคุณครูตอ้ งการใหน้ กั เรียนสามารถหาความรู้ดว้ ยตนเองได้ จะใชว้ ธิ ีการวจิ ยั ในขอ้ ใด เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ก. การวจิ ัยเพ่ือพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของผ้เู รียน ข. การวจิ ัยเพ่ือพมั นากระบวนการจัดการเรียนรู้ของผ้สู อน ค. การวจิ ัยเพื่อพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษา ง. ถูกทุกข้อ 98. หากทา่ นไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ป็นครูแนะแนวของโรงเรียน และใหน้ าเสนอท่ีประชุมครู ทา่ นจะพดู เร่ืองใดก่อน ก. การประสานงานกบั ผู้ปกครองนักเรียนเพ่ือดาเนินงานกิจกรรมแนะแนว ข. บทบาทหน้าทขี่ องครูทต่ี ้องช่วยกนั ค. ประโยชน์ของงานแนะแนว ง. ระบบการจัดบริการแนะแนว 99. จดั เพื่อป้องกนั แกไ้ ขและส่งเสริมพฒั นาผูเ้ รียน ก. ระบบงานแนะแนว ข. ประเภทงานแนะแนว ค. วตั ถุประสงค์งานแนะแนว ง. จุดเน้นงานแนะแนว 100. ขอบข่ายงานแนะแนวในสถานศึกษาใดที่เนน้ แกป้ ัญหาเฉพาะดา้ นเฉพาะกลุ่ม ก. งานศึกษารวบรวมข้อมูล ข. งานสารสนเทศ ค. งานให้คาปรึกษา ง. งานตดิ ตามประเมนิ ผล เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

เปิ ดติวออนไลนแ์ ละติวทางไปรษณีย์ รายละเอียดท่ี www.งานราชการไทย.com

ก กก 1 1. ! . ก \"#ก$ % !. \". 2542 )* ก+ # ,- . / 0ก 1 !.\". 2540 34 ก. 43 . 81 . 289 . 336 . 81 2. 341 3 ) ก 04ก \"ก# $ ! . ก \"#ก$ % 2542 ก.ก \"ก# $ 3 9 ก . ก \"ก# $ - \" . ก \"ก# $ ก 9 . ก \"#ก$ 3 9 ก. ก ก ก \"! 3. 34 1) ก: 1 ;ก ! .ก \"ก# $ % !.\". 2542 ก.3 ก \"#ก$ < 9 )= .ก 04ก \"ก# $ ! , ) 9ก 4 ก 04ก \"ก# $ # 1 ก 12 )= .ก \"ก# $ < 9 )= :9ก 04ก \"#ก$ ! , 12 )= 09 4> % < 3 )= 2545 )* . ก \"ก# $ 94 4 \"#ก$ 94 94 > ก ) .% . :9 94 ) %.. #. ก ก $ # %# 9 '( ก ก ก ) *+) , 12 '( \" % . $ '( 2545 '1 2 % \" 4. 04 ก 04ก \"#ก$ ! .ก \"ก# $ % !.\". 2542 34 ก. /- . /- :9ก 9 ก . ก9 ก :9 / ก . /- ก 9 ก :9 / ก 9 ก. #3 #\"! 2!#45 5. ! . ก \"#ก$ % !.\". 2542 ก> 43 ก 9 ก 90 > 03 4 34 ก. % : ) 9 / % 04ก :9 % 1) . % ก % : ) 9 / :9ก . % ก ) 9 / % : :9ก % 1) . ) 9 / % :ก :9ก % 1) #. 3 ก % ' 4 ## ก 36' http://www.testthai1.com E-BOOK กก Line : testthai1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook