วิชา สส. (CI) ๒๒๕๐๑ การสืบสวนสอบสวน
ตําÃÒàÃÂÕ ¹ ËÅÑ¡ÊÙμà ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹¹ÒÂÊºÔ ตําÃǨ ÇÔªÒ ÊÊ. (CI) òòõðñ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมใิ หผูหนงึ่ ผใู ดเผยแพร คดั ลอก ถอดความ หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทง้ั หมดของเอกสารนเ้ี พอ่ื การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Í×è ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ” ของขาราชการตํารวจเทาน้ัน การเปดเผยขอความแกบุคคลอ่ืนท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ¡Í§ºÞÑ ªÒ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตํา¾ÃÇ.Ȩá.òËõ§‹ ªöÒóμÔ
คาํ นาํ หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ท่ีเขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ ทักษะวิชาชีพตํารวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี จติ สํานึกในการใหบ ริการเพื่อบําบัดทกุ ขบ าํ รุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คัญ กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ ฝก อบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบญั ชาการศกึ ษา ศนู ยฝ ก อบรมตาํ รวจภธู รภาค ๑ - ๙ และกองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตําราเรียน หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ ของนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพ่ี งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส าํ หรบั ประกอบ การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม ความตอ งการอยา งแทจรงิ และมคี วามพรอมในการเขา สปู ระชาคมอาเซยี น ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด ใหคําปรึกษา คําแนะนํา ประสบการณท่ีเปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู ท่ีเปนประโยชน จนทําใหการจัดทําตําราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี ซึ่งกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดนี้คงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน การสอนและการจดั การฝกอบรมของครู อาจารย และครฝู ก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏบิ ัตงิ าน ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทําใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อม่ัน ศรัทธา และความผาสุกใหแกประชาชนไดอ ยา งแทจ รงิ พลตํารวจโท ( อภิรตั นยิ มการ ) ผูบ ัญชาการศกึ ษา
ÊÒúÑÞ Ë¹ŒÒ ÇÔªÒ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ ñ ๑ º··Õè ñ º··ÇÑè ä» ๒ ๑.๑ ความหมายการสบื สวน ๓ ๑.๒ ผมู ีอาํ นาจในการสบื สวนและเขตอํานาจของการสืบสวน ๖ ๑.๓ คุณสมบัติของผสู บื สวน ๑๐ ๑.๔ งานสืบสวนในสถานีตาํ รวจ ๑๖ ๑.๕ ประเภทและวธิ กี ารสบื สวน ñù ๑.๖ การสอบสวน ๑๙ ๒๖ º··Õè ò ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô ó÷ ๒.๑ การแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ จากการซกั ถาม ๓๗ ๒.๒ การแสวงหาขอเท็จจรงิ โดยวธิ ีการอื่น ๔๖ ๕๔ º··Õè ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ ÷÷ ๓.๑ การแสวงหาพยานหลกั ฐานจากการตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ๗๗ ๓.๒ การแสวงหาพยานหลักฐานจากการจบั /การคน /ยดึ ๘๐ ๓.๓ พยานหลกั ฐานท่ีไดจากการลอ ซ้ือ ๘๒ ø÷ º··èÕ ô °Ò¹¢ÍŒ ÁÅ٠㹡ÒÃÊº× Êǹ ๘๗ ๔.๑ ฐานขอ มูลการสบื สวนระดบั สถานีตาํ รวจ ๘๙ ๔.๒ ฐานขอมลู การสบื สวนระดับสํานักงานตํารวจแหง ชาติ ๙๑ ๔.๓ ฐานขอมลู การสืบสวนจากหนว ยงานอนื่ ๑๐๖ ๑๐๘ º··èÕ õ à·¤¹¤Ô ¡ÒÃÊº× Êǹ ๑๑๓ ๕.๑ การสังเกตจดจํา ๕.๒ การสํารวจสถานท่ี ๕.๓ การเฝา จดุ ติดตามสะกดรอย ๕.๔ การอําพราง ๕.๕ การถายภาพ ๕.๖ กลองวงจรปด (CCTV)
๕.๗ การสืบคนขอ มลู ทางอนิ เทอรเ น็ต ˹Ҍ ๕.๘ การวเิ คราะหขอ มูลโดยโปรแกรมพเิ ศษ ๑๑๕ ๕.๙ เครือ่ งมือพิเศษ ๑๑๗ º··Õè ö àÍ¡ÊÒÃสาํ ËÃºÑ ¡ÒÃÊ׺Êǹ ๑๑๘ ๖.๑ เอกสารทวั่ ไป ñòó ๖.๒ เอกสารหมายอาญา ๑๒๓ º··Õè ÷ á¹Ç·Ò§¡ÒÃÊ׺Êǹ¤´áÕ μ‹ÅлÃÐàÀ· ๑๖๔ ๗.๑ คดีประทษุ รายตอ ชีวติ รา งกาย ñ÷õ ๗.๒ คดีประทษุ รายตอทรัพย ๑๗๕ ๗.๓ คดีอาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร ๑๘๐ ๗.๔ คดยี าเสพติด ๑๘๑ º··èÕ ø ÃÐàºÕº·àÕè ¡ÕèÂǢ͌ §¡ºÑ ¡ÒÃÊº× Êǹ ๑๘๔ ๘.๑ ระเบยี บเกีย่ วกบั การสบื สวน ñøù ๘.๒ ระเบียบเกีย่ วกบั การจบั /คน /ยึด ๑๘๙ ๑๙๐
๑ º··Õè ñ º··èÇÑ ä» ñ.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¡ÒÃÊ׺Êǹ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ÁÒμÃÒ ò (ñð) “การสืบสวน หมายความถึง การแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐาน ซ่ึงพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจไดปฏิบัติไปตามอํานาจและหนาที่ เพ่ือรักษาความสงบเรียบรอย ของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอยี ดแหงความผดิ ” จากบทบัญญัติของมาตรา ๒ (๑๐) อาจจําแนกองคประกอบของการสบื สวนไดดงั น้ี ๑. เปน การแสวงหาขอ เท็จจริง ๒. เปน การแสวงหาหลักฐาน ๓. กระทําโดยเจา พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจ ๔. โดยมีอาํ นาจและหนา ท่ี ๕. เพือ่ รักษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน ๖. เพอื่ ทราบรายละเอียดแหงความผดิ จากความหมายของการสบื สวนดงั กลา วนน้ั จงึ อาจสรปุ ไดว า การสบื สวนเปน การดาํ เนนิ การ ขน้ั ตน ของพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ ไดป ฏบิ ตั ไิ ปตามอาํ นาจหนา ทเี่ พอ่ื บรรลถุ งึ วตั ถปุ ระสงค ในดานการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน และเพื่อท่ีจะทราบรายละเอียดแหงความผิดใน สาระสําคัญ ๓ ประการ อันเปนหลักสากล คือ จะตองสืบสวนใหพบไดวามีการกระทําผิดกฎหมาย เกดิ ขนึ้ จรงิ หรอื ไม ถา มกี ารกระทาํ ผดิ เกดิ ขนึ้ จรงิ แลว เปน คดอี ะไร ใครเปน ผกู ระทาํ ผดิ ในคดนี น้ั จนกระทง่ั เขา สกู ระบวนการนําตวั คนรา ยมาดําเนนิ คดีตามกฎหมาย ËÇÑ ã¨¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ
๒ ñ.ò ¼ÁÙŒ อÕ าํ ¹Ò¨ã¹¡ÒÃÊ׺ÊǹáÅÐà¢μอํา¹Ò¨¢Í§¡ÒÃÊº× Êǹ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “ÁÒμÃÒ ò (ñö) พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หมายความถึง เจาพนักงาน ซงึ่ กฎหมายใหม อี าํ นาจและหนา ทร่ี กั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน ใหร วมทง้ั พศั ดี เจา พนกั งาน กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจาทา พนักงานตรวจคนเขาเมืองและเจาพนักงานอ่ืนๆ ในเมื่อ ทาํ การอนั เกย่ี วกบั การจบั กมุ ปราบปรามผกู ระทาํ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ ตนมหี นา ทต่ี อ งจบั กมุ หรอื ปราบปราม” “ÁÒμÃÒ ñ÷ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาได” ผูท่ีจะมีอํานาจในการสืบสวนคดีอาญาไดน้ัน หากดูตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาแลว ผูมีอํานาจในการสืบสวนได คือ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจนั้นเอง ทั้งนี้ ไมจํากัดวาเปนชั้นยศใด จะเปนสิบตํารวจตรีจนถึงพลตํารวจเอก ก็มีอํานาจสืบสวนไดเชนเดียวกัน อีกท้งั เจา พนกั งานตํารวจทุกตาํ แหนง ทุกสายงาน เชน อํานวยการ จราจร มีอาํ นาจในการสืบสวน ไดท้ังส้ิน ไมจํากัดวาจะตองเปนเจาพนักงานตํารวจท่ีไดรับการแตงต้ังใหดํารงตําแหนงในสายงาน สบื สวนเทาน้นั ฎีกาที่ ๒๓๙๐/๒๕๒๗ จาสิบตํารวจประสงค รับราชการเปนตํารวจซึ่งมีหนาท่ีปฏิบัติ หนาท่รี าชการโดยไดร ับการแตงตงั้ ตามกฎหมาย ยอ มเปน เจา พนกั งาน แมข ณะเกดิ เหตุจะถูกสง ตวั ไป ชวยราชการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีตําแหนงหนาที่เปนหัวหนาชุดคุมครองตําบล ปากหมัน มีหนาที่คุมครองหมูบานและตําบล ปองกันการกระทําอันเปนคอมมิวนิสต แตโดยทั่วไป จาสิบตํารวจประสงคยังมีอํานาจสืบสวนคดีอาญาไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗ ฎกี าที่ ๑๖๗๐/๒๕๐๙ ตํารวจประจําการกองบังคับการตํารวจดับเพลิงจับกุมผูเสียหาย ฐานขายยาผิดประเภท แลวเรียกเงินเพื่อไมใหจับกุม เปนการกระทําที่ทุจริตตอหนาท่ี จะอางวา เปนตํารวจดับเพลิงมีอํานาจดับเพลิงเทานั้น ไมไดมีอํานาจหนาท่ีในการสืบสวนจับกุมผูกระทําผิด หาไดไม เพราะหนาท่ดี ับเพลิงเปนหนาทเี่ ฉพาะตามทีท่ างราชการแตง ตง้ั ใหปฏบิ ัติ แตโ ดยทั่วไปแลวจําเลย ยอมมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาไดตามกฎหมาย การท่ีจําเลยเรียกและรับเงินจากผูเสียหาย เพอ่ื ไมทาํ การจบั กมุ ยอ มมีความผิดฐานทจุ รติ ตอ หนา ท่ี ในสวนของฝายปกครองนั้นหมายความรวมถึง นายอําเภอ ปลัดอําเภอ กํานัน ผใู หญบ า น รวมถงึ เจา พนกั งานอนื่ ๆ กม็ อี าํ นาจสบื สวนไดท งั้ สน้ิ เหตทุ เ่ี ปน เชน ดงั กลา วกเ็ พราะพนกั งาน ฝายปกครองหรือตํารวจน้ัน หมายความถึงเจาพนักงาน ซ่ึงกฎหมายใหมีอํานาจและหนาที่รักษา ความสงบเรียบรอยของประชาชน ทั้งนี้ ใหรวมถึงพัศดี เจาพนักงานสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจา ทา พนกั งานตรวจคนเขา เมอื งและเจา พนกั งานอนื่ ๆ ในเมอ่ื ทาํ การเกยี่ วกบั การจบั กมุ ปราบปราม ผกู ระทาํ ผิด ซง่ึ ตนมหี นา ทีต่ อ งจับกุมหรือปราบปราม สาํ หรับในเร่ืองเขตอํานาจการสบื สวนคดีอาญาน้ัน ในประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความ อาญามไิ ดม บี ทบญั ญตั ริ ะบเุ รอื่ งเขตอาํ นาจการสบื สวนไวโ ดยเฉพาะ เชน เรอ่ื งเขตอาํ นาจการสอบสวน ดงั นนั้ ตาํ รวจจงึ มอี าํ นาจและหนา ทสี่ บื สวนคดอี าญา เหตกุ ารณท งั้ หลายทเี่ กยี่ วแกค วามสงบเรยี บรอ ย ไดทัว่ ราชอาณาจกั ร
๓ »ÃÐÁÇÅÃÐàºÂÕ º¡ÒÃตําÃǨà¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¤´Õ Å¡Ñ É³Ð ò ¡ÒÃÊ׺Êǹ º··èÕ ñ ËÅ¡Ñ ·ÇÑè ä» ¢ŒÍ ö เมอื่ กฎหมายใหอ าํ นาจพนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ มหี นา ทร่ี กั ษาความสงบ เรยี บรอยของประชาชน เชน นี้ ตาํ รวจจึงมอี าํ นาจและหนาทส่ี ืบสวนคดอี าญา และเหตกุ ารณทัง้ หลาย ท่เี ก่ยี วแกความสงบเรียบรอยไดทวั่ ราชอาณาจกั ร ฎีกาท่ี ๔๗๑๑/๒๕๔๒ จําเลยท่ี ๓ เปนเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ มีอํานาจ จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ อาญาไดท ว่ั ราชอาณาจกั ร แมข ณะเกดิ เหตจุ าํ เลยท่ี ๓ จะมหี นา ทใ่ี นการบรรเทา สาธารณภัยก็ไมทําใหอํานาจที่จําเลยท่ี ๓ มีอยูตามกฎหมายสูญสิ้นไป จําเลยท่ี ๓ ยังคงมีอํานาจ อยูโดยบริบูรณในฐานะเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูมีอํานาจหนาท่ีสืบสวนจับกุมผูกระทํา ความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา ๒(๑๖) การทจี่ ําเลยท่ี ๓ จับกมุ โจทก โดยมไิ ดรบั อนุญาตจากผูบังคับบัญชากอ นไมม ผี ลกระทบกระทงั่ ตอ อาํ นาจท่จี าํ เลยท่ี ๓ มอี ยูแลวตาม กฎหมาย ฎีกาท่ี ๑๒๕๙/๒๕๔๒ แมจาสิบตํารวจ ส.เปนเจาพนักงานตํารวจประจําสถานี ตาํ รวจนครบาลบางขุนเทยี นกต็ าม แตต าม ป.วิ.อ.มาตรา ๒ (๑๖) จาสิบตํารวจ ส.มีอาํ นาจและหนา ที่ รักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน ทําการจับกุมปราบปรามผูกระทําผิดกฎหมายได และยังมี อํานาจทําการสืบสวนคดอี าญาได ตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๑๗ อาํ นาจจับกุมผูกระทําผิดและสืบสวนคดอี าญา ดงั กลา วนี้ ไมม บี ทบญั ญตั กิ ฎหมายใด จาํ กดั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทไี่ ดเ ฉพาะในเขตทอ งทที่ เ่ี จา พนกั งานตาํ รวจ ผูนั้นประจําการอยูเทานั้น เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุมผูกระทําผิดและสืบสวน คดีอาญาไดท่ัวราชอาณาจักร ดังนั้น จาสิบตํารวจ ส.ยอมมีอํานาจที่จะไปจับกุมจําเลยที่ ๑ ซึ่งมีที่อยูใน เขตทองที่ สถานีตํารวจนครบาลวัดพระยาไกร ได เวนแตลักษณะการจับท่ีไมมีหมายจับเปนไป โดยมิชอบตาม ป.ว.ิ อ.มาตรา ๗๘, ๘๑ และ ๙๒ หรอื ไมเทา น้นั แตเขตอํานาจการสืบสวนของพนักงานฝายปกครอง มีอํานาจสืบสวนในเขตอํานาจที่อยู ในความรบั ผดิ ชอบเทา นนั้ ถา เปน กาํ นนั กเ็ ฉพาะในเขตตาํ บลทต่ี นมเี ขตพนื้ ทร่ี บั ผดิ ชอบ ถา เปน ผใู หญบ า น กเ็ ฉพาะในเขตหมบู า นเทา นนั้ เนอื่ งจากพนกั งานฝา ยปกครองมบี ทบญั ญตั ขิ องพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะ ปกครองทองที่ พ.ศ.๒๔๕๗ กาํ หนดเขตอํานาจหนาทไ่ี วโดยเฉพาะ ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ÔÅѡɳл¡¤Ãͧ·ÍŒ §·èÕ ¾.È.òôõ÷ ÁÒμÃÒ ñð ผใู หญบ านมีอาํ นาจหนาทป่ี กครองบรรดาราษฎรทีอ่ ยูในเขตหมบู า น ฎีกาที่ ๑๔๐/๒๔๙๐ ตํารวจมอี าํ นาจสืบสวนคดีอาญาไดท ่วั ราชอาณาจักร สวนพนกั งาน ฝา ยปกครองมีอํานาจสืบสวนไดอยา งจํากัด เฉพาะในเขตทอ งท่ที ่ีตนประจําอยเู ทา นัน้ ñ.ó ¤Ø³ÊÁºÑμԢͧ¼ŒÙÊº× Êǹ การเปนนักสืบนั้นเปนไดทุกคนไมวาจะเปนราษฎรหรือตํารวจทุกช้ันยศ แตทุกคนควรรูถึง เทคนิควิธีการในการสืบสวน การท่ีจะเปนนักสืบที่เกงหรือที่ดีมีประสิทธิภาพนั้นเปนเรื่องที่ยาก ตองมี ความมานะอดทนและใชความพยายามสูง บางคดีตองอดทน บางคดีตองใชเวลาสืบสวนหารองรอย เปน ระยะเวลานานมาก สาํ หรบั คณุ สมบตั ขิ องนกั สบื ทดี่ จี งึ ควรยดึ ËÅ¡Ñ ø Ã. คอื “Ã¡Ñ ÃͺÌ٠ÃàÔ ÃÁÔè ÃÇ´àÃÇç Ãͺ¤Íº ÃºÑ ¼´Ô ªÍº äÃŒÃÍ‹ §ÃÍ àÃÍè× §Ã‹Ò§¡Ò” ซ่ึงมรี ายละเอียดดงั นี้
๔ ñ. μŒÍ§ÁÕã¨ÃÑ¡ บุคคลท่ีจะเขามาเปนสายลับหรือนักสืบที่ดีไดน้ัน อันดับแรกตองมีใจ รักงานสืบสวน กลาวคือ งานใดก็ตามโดยธรรมชาติของมนุษยแลวถาไดทํางานท่ีตนเองรักและชอบ แลวยอมประสบความสําเร็จ และงานน้ันก็จะบรรลุผลตามท่ีตองการ แตถาหากถูกบังคับใหทํางานที่ ไมชอบและเปนงานท่ีไมถนัดและไมมีใจรักแลว ก็อาจกอใหเกิดปญหาในงานนั้น โดยเฉพาะงานดาน การสืบสวนเปน งานทีจ่ ะตอ งใชความอดทนอดกลัน้ และตอ งมีความขยันหม่นั เพยี ร จึงจะทาํ ใหผลงาน ออกมาอยางมีประสิทธิภาพเพราะงานสืบสวนเปนงานยากและตอเน่ือง สําหรับผูที่จะปฏิบัติงานใน ดา นน้ีคนท่จี ะมาเปน นกั สืบท่ีดนี ั้นจะตองมีความชอบ ความรัก ความเสยี สละเพ่อื งาน อกี ทงั้ ตองเตม็ ไปดวยความอดทน อดกล้นั ขยนั และกระตอื รือรน ในการทํางานอยูตลอดเวลา ò. μÍŒ §ÁÕ¤ÇÒÁÃͺÌ٠นักสบื ทด่ี ีตอ งมีความรอบรดู งั นี้ ๒.๑ ตองรูตัวบทกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง กฎ ขอบังคับระเบียบงานสารบรรณ ตลอดจนการเขยี นรายงานการสบื สวน ตอ งมกี ารศกึ ษาคน ควา อยตู ลอดเวลาเนอื่ งจากปจ จบุ นั ทง้ั ระเบยี บ คาํ สงั่ และกฎหมายบางอยา งไดเ ปลยี่ นแปลงแกไ ขใหม ถา ยดึ หลกั เกา อยกู อ็ าจจะผดิ พลาดและเกดิ ปญ หา กับระบบงาน นําความเสยี หายมาสูห นวยงานและตนเองได ๒.๒ ตองรูจักวิธีการสืบสวนกอนเกิดเหตุเปนอยางดี นักสืบท่ีดีตองรูจักคนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกประเภทและจะตองมีการสังเกตจดจําท่ีดี การสืบสวนนั้นแมวาความผิดยังไมเกิดนักสืบ ตองเสาะแสวงหา และมีความรูถึงขอมูลตางๆ ใหมากที่สุด เพ่ือที่จะใชเปนแนวทางในการสืบสวน และปอ งกนั อาชญากรรมได ความรทู ว่ั ไปในทอ งถน่ิ ตอ งรจู รงิ หลบั ตามองเหน็ ภาพตรอกซอยตา งๆ บา น บคุ คลสาํ คญั บา นนกั ธรุ กจิ บา นในยา นชมุ ชนแออดั โดยเฉพาะบา นในยา นทม่ี กี ารกระทาํ ผดิ กฎหมาย ความรูเ ก่ียวกับประวตั บิ คุ คล ไมวาจะเปนบุคคลตองหาคดีอาญาหรอื บคุ คล พนโทษบคุ คลที่เปน ภยั ตอสังคม เจามอื สถานบรกิ าร บอ นการพนนั พวกซือ้ ของเกา มอื ปน ๒.๓ รูจักแสวงหาขาวจากแหลงขาวสารจากสถานที่ตางๆ เชน รานอินเทอรเน็ต รา นตัดผม อซู อ มรถยนตตา งๆ ไนตค ลบั หญงิ บริการ หญงิ เสริ ฟอาหาร พนกั งานตอนรับ รานถายรูป รานถา ยเอกสาร พนักงานกรรมการบรษิ ัทขนสง บุรุษไปรษณีย เปน ตน บคุ คลเหลา นี้เปนแหลงขา วท่ี จําเปนสําหรับงานสืบสวนอยางมาก จึงตองรูจักบุคคลหลากหลายประเภท โดยเฉพาะชาวบานตอง สรา งความรวมมอื ใหเกดิ ขึน้ ตองใหเกยี รตแิ ละยกยอ งผูอน่ื ไมดถู กู ๒.๔ ตองมคี วามรูเรอ่ื งยทุ ธวธิ ีตํารวจ นกั สืบท่ดี จี ะตองหมัน่ ฝก ฝนหาความรเู รอ่ื ง ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจทง้ั หลาย ไมว า จะเปน ยทุ ธวธิ กี ารปด ลอ ม ตรวจคน การจบั กมุ การใชอ าวธุ และควรศกึ ษา ขอมูลของคนรายใหดกี อนวาเปน คนรายประเภทใด เมายาบา บา คลงั่ จับตัวประกนั หรือมือปนรับจาง ขอมูลเหลาน้ีจะเปนเครื่องบงชี้ในการตัดสินใจของนักสืบวาจะตองใชวิธีใดเขาทําการจับกุม เพื่อลด ความสูญเสยี ท่จี ะเกดิ ขึ้นไดตลอดเวลา
๕ ó. μŒÍ§ÁÕ¤ÇÒÁÃÔàÃèÔÁ นักสืบท่ีดีจะตองมีความคิดริเร่ิมหาแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนางานสบื สวนใหเกิดความสะดวกรวดเรว็ และมีประสทิ ธภิ าพจงึ ควรดาํ เนินการดังนี้ ๓.๑ ปรับปรุงตัวบุคคลฝายสืบสวนใหมีจํานวนเพียงพอและมีคุณภาพ มีความรู ความสามารถไดร บั การฝก อบรมใหท นั ตอ วทิ ยาการตาํ รวจแผนใหม ซงึ่ มกี ารพฒั นากา วหนา อยตู ลอดเวลา ๓.๒ ปรับปรุงพัฒนาการเก็บขอมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรมตางๆ ภาพถาย คนรา ยและขอ มลู ทอ งถน่ิ ทกุ ระดบั ใหม รี ะบบการเกบ็ รวบรวมทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ารแยกแยะประเภท ของการกระทาํ ความผิดงา ยตอ การคน หา เมือ่ ตองการและใหมกี ารแลกเปล่ียนขา วสารประสานงานกนั ระหวา งหนว ยงานเสมอ ๓.๓ นําเทคโนโลยีเขามาชวยในการสืบสวน เชน คอมพิวเตอร กลองซีซีทีวี เครอื่ งถา ยวีดีโอ โทรศพั ทม อื ถอื กลอ งถายรปู เปน ตน ô. μŒÍ§Á¤Õ ÇÒÁÃÇ´àÃÇç นักสบื ท่ีดีจะตอ งยึดหลัก รกุ รบ รวดเร็ว ทันทีทันใดเม่อื มีเหตุ หรอื คดเี กดิ ขึ้น จะตองปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ๔.๑ ตองรีบไปท่ีเกิดเหตุโดยทันที เพราะถาคนรายหลบหนีไปไมไกลสามารถ ติดตามจับกุมไดทันหรือถาคนรายหลบหนีไปแลวก็จะพบเห็นพยานหลักฐานไดมากที่สุดและทําให ชาวบานเชอ่ื ถือวา ตํารวจใหความสนใจและอาจพบปะพยานท่ีเหน็ เหตุการณอ ยบู รเิ วณท่ีเกิดเหตุ ๔.๒ ตองรกั ษาสถานท่ีเกดิ เหตเุ พอื่ ใหว ทิ ยาการมาทาํ การตรวจสถานท่เี กิดเหตุ ๔.๓ พยายามตรวจคนที่เกิดเหตุและบริเวณใกลเคียงใหละเอียดเพ่ือแสวงหา พยานหลกั ฐานท่ีคนรา ยท้งิ ไว ๔.๔ สอบถามพยานในที่เกิดเหตุเพื่อหาขอเท็จจริงเบื้องตนใหมากท่ีสุดสําหรับ ใชเปน แนวทางในการสืบสวน õ. Ãͺ¤Íº ผสู บื สวนจะตอ งมีความละเอียดรอบคอบในการทาํ งานไมว า จะเปน การ ตรวจสถานท่เี กิดเหตุ การตดิ ตามจบั กมุ คนราย การหาขา ว การสงั เกตจดจํามไี หวพริบปฏภิ าณในการ ทํางาน ไมต กใจงา ย ไมประมาท กระทําการดวยปญ ญา ดงั น้นั จงึ ตองมีการเตรียมการที่ดี ตองมีการ วางแผนลว งหนาและตองวางแผนภายในขดี จาํ กัดของหนว ยใหเกดิ ประโยชนส งู สดุ ö. ÃºÑ ¼Ô´ªÍº นกั สืบทด่ี ีจะตองรบั ผิดชอบตอตนเอง เชน มคี วามซือ่ สัตย ไมมนี ิสยั คดิ โกง ไมส รา งความเดอื ดรอ นใหก ับผอู ่ืน ไมเลน การพนนั ไมป ระพฤตผิ ดิ ลกู เมยี ผอู ่นื ไมพูดปดหรอื โกหก รบั ผดิ ชอบตอ งาน เชน มกี ารรายงานผลการปฏบิ ตั ิ ไมท งิ้ งานโดยไมม เี หตผุ ล รกั ษาความลบั ของหนว ย มคี วามจรงิ ใจตองานและเพ่อื นรวมงาน และรบั ผดิ ชอบตอ สวนรวม เชน มีความสามัคคใี นหมคู ณะ ชว ยเพ่อื นทํางาน ไมเอารดั เอาเปรยี บเหน็ แกส ว นรวมมากกวา สว นตัว เปนตน ÷. äÌËͧÃÍ นักสืบที่ดีตองทํางานโดยไรรองรอย ท้ังกอนหนาและหลังทํางานแลว ตอ งวางแผนในการสืบสวนใหร อบคอบ ๗.๑ กอนทํางานตองมีการพรางตัวหรือปลอมตัวเขาไปปฏิบัติงาน โดยไมใหผูใด เห็นรองรอยวามาทําอะไร ท่ใี ด เพือ่ เขา กบั ประชาชนและทอ งถิ่นไดอยางกลมกลืน
๖ ๗.๒ หลังทํางานตองปกปดไมใหผูใดรูวาเปนตํารวจหรือสายสืบเขาไปหาขาว เพอ่ื ความปลอดภยั ของตนเองและผูท ่ีเราเขา ไปขอขา ว ø. àÃÍ×è §ÃÒ‹ §¡Ò นกั สบื ทดี่ จี ะตอ งมกี ารฝก ฝนออกกาํ ลงั กาย เตรยี มพรอ มในเรอ่ื งกาํ ลงั ทจี่ ะทาํ งานไดท กุ สถานการณ มสี ภาพจติ ใจทเี่ ขม แขง็ อดทน โดยเฉพาะการตดิ ตามจบั กมุ คนรา ยในพน้ื ท่ี ทรุ กันดารหรือพ้นื ท่ปี า โดยสรุปนักสืบที่มีคุณภาพน้ันตองมีใจรัก มีความวิริยะอุตสาหะ มีความฉลาด ไหวพริบดีและมุงมั่นท่ีจะทํางานนั้นใหประสบผลสําเร็จไมทอถอยหรือสืบสวนเพียงครึ่งๆ กลางๆ แลวก็หยุด บางคร้ังเมื่อพบอุปสรรค ก็หมดความพยายามไมทดลองหาวิธีการสืบสวนดานอ่ืนตอไป จึงตองระลึกเสมอวาอาชญากรรมทุกประเภทตองทิ้งรองรอยหรือพยานหลักฐานไวเสมอ พยานหลักฐานน้ันพบไดในท่ีเกิดเหตุหรือบริเวณใกลเคียงน่ันเอง ขึ้นอยูกับตัวนักสืบวาสามารถที่จะ คน พบพยานหลกั ฐานดงั กลา วหรอื ไม นอกจากนนั้ จะตอ งอาศยั ความรทู างวทิ ยาการตาํ รวจเขา มาปรบั ใชใ นการสบื สวน การนําพยานหลกั ฐานท่ีไดจ ากการสืบสวนเขา มาสูส ํานวน ซ่งึ มีรายละเอยี ดในการ สบื สวนตงั้ แตก อ นเกดิ เหตจุ นสามารถจบั กมุ คนรา ยได และสามารถนาํ พยานบคุ คลมาเบกิ ความยนื ยนั การกระทําผดิ จนศาลพพิ ากษาคดีลงโทษผูก ระทําผดิ จงึ ถอื วา ไดทําหนาที่โดยครบถว นสมบรู ณแ ลว ñ.ô §Ò¹Êº× Êǹã¹Ê¶Ò¹ÕตําÃǨ ตามคําส่ัง สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๕๓๗/๒๕๕๕ เร่ือง กําหนดอํานาจหนาท่ีของ ตาํ แหนงในสถานี ไดก ําหนดอํานาจหนาท่ีของตาํ แหนงฝา ยสืบสวนในสถานตี ํารวจไว ดังตอไปน้ี ËÑÇ˹ŒÒ§Ò¹Êº× Êǹ มีหนาทดี่ งั นี้ เปน หวั หนา ผปู ฏบิ ตั งิ านสบื สวน รบั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั การวางแผน อาํ นวยการ สงั่ การ ควบคมุ กํากับ ดแู ล ตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล ตลอดจนการปฏิบตั ิงานในดานการสืบสวนท่เี กย่ี วกบั คดอี าญาทเ่ี กดิ ข้นึ รวมท้งั งานอนื่ ๆ ทมี่ ีลักษณะเกี่ยวของหรอื เปนสวนประกอบของงานน้ใี นเขตพ้นื ท่ี ของสถานีตํารวจ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานและผูกระทําความผิดอันเปนการอํานวยความยุติธรรม ใหแ กป ระชาชนในการสบื สวนคดอี าญาใหเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยจาํ แนกออกเปน งานตา ง ๆ ดงั น้ี ๑. งานสืบสวนการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัติตาง ๆ ท่ีมีโทษทางอาญา และการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ๒. งานพัฒนากําลังพล งบประมาณ วัสดุอุปกรณ เทคโนโลยี และวิทยาการตางๆ เพ่อื ใชในการสืบสวน ๓. งานสืบสวนหาขา วและระบบขอมลู อาชญากรรม ๔. งานวางระบบการงบประมาณทเ่ี กีย่ วกับงานสบื สวน ๕. งานตรวจสอบ ติดตามและประเมนิ ผล งานวิจยั และพัฒนาการปฏิบตั ติ ามนโยบาย ยุทธศาสตร แผนงานและโครงการตาง ๆ รวมทงั้ การศึกษาและเกบ็ รวบรวมสถิตขิ อ มลู ทเ่ี กย่ี วของกบั งานสืบสวนคดีอาญาทีเ่ กดิ ข้ึน
๗ ๖. งานวางแผนสืบสวน ๗. งานสบื สวนหาขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานเพอ่ื ทราบรายละเอยี ดของการกระทาํ ความผดิ ท่ีเกดิ ขน้ึ แลว ๘. งานสืบสวนภายหลงั จากรตู วั ผูกระทาํ ความผิด ทั้งทเ่ี ปน คดที ่อี ยูในความรบั ผดิ ชอบ ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอน่ื เพอื่ รแู หลง และรายละเอยี ด เพอื่ ใหม ีการจบั กุม ๙. ดําเนินการเพื่อใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพน้ื ทโ่ี ดยใกลชดิ เพอ่ื ประโยชนใ นการหาขาว ๑๐. กรณพี บการกระทาํ ความผดิ ใหพ จิ ารณาสง่ั การใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชาดาํ เนนิ การจบั กมุ หรือดาํ เนินการจับกุมดว ยตนเอง ๑๑. ปฏบิ ตั หิ นา ท่ถี วายความปลอดภยั แดองคพระมหากษัตรยิ พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่เี สดจ็ พระราชดําเนนิ เขา มาในพน้ื ทข่ี องสถานตี ํารวจ ๑๒. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ยกรณมี ี เหตุพเิ ศษตาง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชุมนุมประทวง และอืน่ ๆ ๑๓. ปฏิบัตงิ านรวมกับงานปอ งกนั ปราบปราม เพือ่ ทําการตรวจคนจบั กมุ ๑๔. งานปกปด ใหค วามคุม ครองแหลง ขา ว และพยาน ๑๕. ประสานการปฏบิ ตั งิ านกบั งานอน่ื ๆ ในสถานตี าํ รวจและหนว ยงานอนื่ ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ ง อยางใกลช ดิ จริงจงั เพือ่ ใหผลในการปองกัน ระงับ ปราบปราม กระทาํ ความผิด ๑๖. ใหคําปรึกษา แนะนํา ตลอดจนปรับปรุงแกไขการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชา ในงานสบื สวน ๑๗. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจ ทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน ความประพฤตแิ ละระเบียบวนิ ัย ๑๘. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนา ทีอ่ ่ืนไดต ามความเหมาะสม แตทง้ั น้ีตองไมเ สียหายตอ หนา ทกี่ ารงานประจาํ ๑๙. ปฏบิ ัติงานอนื่ ๆ ที่เกี่ยวของกบั งานสืบสวน ๒๐. ปฏบิ ตั ิงานอน่ื ๆ ตามทผ่ี ูบ ังคับบญั ชามอบหมาย ¼»ŒÙ ¯ºÔ μÑ §Ô Ò¹Ê׺Êǹ ÊÒÃÇÑμÃÊº× Êǹ มีหนาที่ดงั นี้ ๑. ควบคุม ตรวจสอบ ใหคําปรึกษา แนะนํา ตลอดจนปรับปรุงแกไขการปฏิบัติงานของ ผใู ตบังคบั บญั ชาในงานสืบสวน ๒. ศึกษาเกบ็ ขอ มูลในสว นท่เี กี่ยวขอ ง และนาํ วทิ ยาการตางๆ มาใชใ นการสืบสวน ๓. งานวางแผนสืบสวน
๘ ๔. สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จรงิ หลกั ฐาน รวมทง้ั ประสานการปฏบิ ตั กิ บั งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอนื่ เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน อนั ไดแ ก การปองกันเหตรุ าย เหตุรุนแรง การกระทําผดิ ตา ง ๆ ทง้ั จากแหลงขา วทว่ั ไปและแหลง ขาว ที่จดั ต้ังข้นึ ๕. สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพ่ือทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด ทเี่ กิดข้นึ แลว ๖. สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิด ทั้งท่ีเปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบ ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอนื่ หรอื หนว ยงานอน่ื เพอื่ รแู หลง และรายละเอยี ดเพือ่ ใหม ีการจบั กมุ ๗. ดําเนินการเพ่ือใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพื้นที่อยา งใกลช ิดเพอื่ ประโยชนใ นการหาขาว ๘. กรณีการกระทําความผิดใหดําเนินการจบั กุม โดยพจิ ารณาใชก าํ ลงั ตาํ รวจตามความ เหมาะสมแลว รายงานหัวหนา งานสบื สวนทราบ ๙. ปฏิบัติหนาที่ถวายความปลอดภัยแดองคพระมหากษัตริย พระราชินีและพระบรม วงศานวุ งศ ทเี่ สดจ็ พระราชดาํ เนนิ เขามาในพื้นทีข่ องสถานีตํารวจ ๑๐. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ย กรณมี ี เหตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทว ง และอื่น ๆ ๑๑. ปฏิบตั ิงานรวมกบั งานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคน จบั กมุ ๑๒. เมื่อไดรับคําส่ังไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนที่ผูบังคับบัญชา กําหนดใหป ฏิบัติอยา งหนึ่งอยางใดในการเขาระงับ ปราบปราม จบั กมุ สกดั จับ กใ็ หป ฏิบตั ิตามคําส่ัง ๑๓. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน ความประพฤตแิ ละระเบียบวินัย ๑๔. การปฏบิ ตั หิ นา ทห่ี ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนาที่อ่ืนไดตามความเหมาะสม แตทั้งน้ีตองไมเสียหายตอหนาที่การงานประจําและตองรีบ รายงานใหหัวหนางานสืบสวนทราบในทันที ๑๕. ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ทีเ่ กีย่ วของกับงานสืบสวน ๑๖. ปฏบิ ตั ิงานอื่น ๆ ตามทผ่ี บู ังคบั บญั ชามอบหมาย ÃͧÊÒÃÇÑμÃÊº× Êǹ มีหนา ที่ดังนี้ ๑. ปฏบิ ัตงิ านตามท่หี ัวหนางานสบื สวน หรอื สารวัตรสบื สวนมอบหมาย ๒. ปฏบิ ัติงานเชนเดยี วกับสารวตั รสบื สวนตามขอ ๑ – ๑๓ ๓. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนาที่อื่นไดตามความเหมาะสม แตท้ังน้ีตองไมเสียหายตอหนาท่ีการงานประจําและตองรีบ รายงานใหห ัวหนา งานสืบสวนหรือสารวัตรสืบสวนทราบในทันที
๙ ๔. ปฏบิ ัตงิ านอ่ืน ๆ ท่ีเก่ยี วขอ งกับงานสืบสวน ๕. ปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ตามที่ผูบังคับบัญชามอบหมาย ÃͧÊÒÃÇÑμà (ตาํ á˹‹§¤Çº¼ºÙŒ ѧ¤ÑºËÁÙ‹ ¶§Ö ÃͧÊÒÃÇÑμÃ) งานสบื สวน มหี นา ท่ีดงั น้ี ๑. ปฏบิ ตั งิ านในหนา ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบของตาํ แหนง ระดบั ผบู งั คบั หมทู ป่ี ฏบิ ตั อิ ยเู ดมิ โดยปฏบิ ตั หิ นา ทใ่ี นสายงานสบื สวน ภายใตก ารกาํ กบั ตรวจสอบโดยทว่ั ไป และอาจไดร บั มอบหมายให ควบคุมตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของขาราชการตาํ รวจจาํ นวนหนึง่ ๒. ตดั สินใจ วนิ จิ ฉัยส่งั การ แกไขปญ หาในงานท่ีรับผดิ ชอบใหเสรจ็ ส้ิน ณ จุดเดยี ว ๓. ปฏบิ ัตหิ นา ทีห่ วั หนาสายสบื ๔. ปฏิบัติงานดวยตนเองในลักษณะของผูมีประสบการณในงานดานสืบสวนของ หนว ยงานนน้ั ๆ ๕. ชวยเหลอื งานของขาราชการตํารวจระดบั ตาํ แหนง สารวตั รหรือเทียบเทา ๖. ปฏิบตั หิ นาทอ่ี ่นื ท่ีเกีย่ วของหรือตามทีไ่ ดร บั มอบหมายจากผูบังคบั บัญชา ¼ÙºŒ §Ñ ¤ºÑ ËÁÙ‹ Ê׺Êǹ ทาํ ˹Ҍ ·¸èÕ ÃØ ¡Òà มีหนาท่ดี งั น้ี (๑) งานธรุ การทว่ั ไปของงานสบื สวน (๒) ปฏบิ ัติหนาที่ถวายความปลอดภัยแดอ งคพระมหากษตั ริย พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่ีเสด็จพระราชดาํ เนนิ เขา มาในพื้นทีข่ องสถานีตาํ รวจ (๓) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย กรณมี เี หตพุ เิ ศษตาง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชุมนมุ ประทว ง และอ่ืน ๆ (๔) ปฏบิ ัติงานรวมกบั งานปองกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจับกมุ (๕) ปฏิบตั งิ านอน่ื ๆ ท่ีเกย่ี วของกบั งานสบื สวน (๖) ปฏบิ ตั ิงานอ่ืน ๆ ตามท่ผี ูบังคบั บญั ชามอบหมาย ·íÒ˹Ҍ ·ÕÊè ׺Êǹ มีหนาท่ดี งั นี้ (๑) สบื สวนการกระทาํ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาและการปฏบิ ตั ติ ามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (๒) เก็บรวบรวมสถิติขอมูลในสวนที่เกี่ยวของกับงานสืบสวน รายงานขอมูลสืบสวนตอ รองสารวัตรสืบสวน หรือสารวัตรสบื สวน หรอื หัวหนา งานสืบสวน (๓) สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จริง หลักฐาน รวมท้ังประสานการปฏิบัติ กบั งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอน่ื เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน อันไดแก การปองกันเหตุราย เหตุรุนแรงการกระทําผิดตางๆ ทั้งจากแหลงขาวท่ัวไปและแหลงขาว ท่จี ดั ตัง้ ขน้ึ (๔) สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพื่อทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด ทีเ่ กดิ ขึ้นแลว
๑๐ (๕) สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิดท้ังที่เปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบของ สถานีตํารวจ และกรณีจับกุมคนรายตามหมายจับของสถานีตํารวจอื่นหรือหนวยงานอื่น เพื่อรูแหลง และรายละเอียดเพอื่ ใหมีการจบั กุม (๖) ดําเนินการเพื่อใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวนโดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพ้นื ทอี่ ยางใกลช ิดเพื่อประโยชนใ นการหาขา ว (๗) ปฏิบัติหนาท่ถี วายความปลอดภยั แดองคพ ระมหากษัตริย พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่ีเสด็จพระราชดาํ เนินเขา มาในพืน้ ที่ของสถานตี ํารวจ (๘) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย กรณีมเี หตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทวง และอ่นื ๆ (๙) ปฏบิ ตั ิงานรว มกับงานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจบั กุม (๑๐) ปฏิบัติการจบั กมุ เมอ่ื พบการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดรบั คําส่ังจากผูบ ังคับบัญชา (๑๑) เมื่อไดรับคําสั่งไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนท่ีผูบังคับบัญชา กาํ หนดใหปฏิบตั ิอยา งหน่ึงอยางใดในการเขาระงบั ปราบปราม จบั กุม สกดั จับ กใ็ หปฏบิ ัติตามคําส่ัง (๑๒) งานท่ีปฏิบัติใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง ขอบังคับวาดวยเร่ืองน้ันๆ หรอื ตามทผ่ี บู งั คับบญั ชามอบหมาย (๑๓) ปฏิบตั ิงานอื่น ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ งกับงานสบื สวน (๑๔) ปฏบิ ัตงิ านอ่นื ๆ ตามที่ผูบงั คบั บัญชามอบหมาย ñ.õ »ÃÐàÀ·áÅÐÇ¸Ô ¡Õ ÒÃÊ׺Êǹ ñ. ¡ÒÃÊº× Êǹ·ÇèÑ ä» ËÃÍ× ¡ÒÃÊº× Êǹ¡Í‹ ¹à¡´Ô àËμØ คอื การสบื สวนรวบรวมขอ มลู ตา งๆ อันเปน ประโยชนในทางทจ่ี ะนาํ มาใชเ กีย่ วกบั การรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน การสืบสวน ประเภทน้ีเจาพนักงานตํารวจทุกคนตองกระทําเปนปกติเพ่ือหาทางระงับหรือหาทางปองกันมิใหมี เหตรุ า ยเกดิ ข้ึน โดยถือหลกั ดาํ เนินการสืบสวน ดงั นี้ ๑.๑ ภูมิประเทศ ตองรูจักสภาพพ้ืนท่ีในเขตท่ีตนรับผิดชอบ ตลอดจนพื้นที่ ใกลเ คยี ง เสน ทางคมนาคมทง้ั ทางบก และทางนาํ้ เสน ทางสญั จรของประชาชน ทง้ั เสน ทางหลกั ตรอก ซอกซอย เสน ทางลดั การเชอ่ื มตอ กนั ของเสน ทางตา งๆ รวมทงั้ พน้ื ทหี่ รอื เสน ทางทลี่ อ แหลมตอ การเกดิ อาชญากรรมหรอื เหตรุ ายตา ง ๆ โดยใหหม่ันไปตรวจตราและหาทางปอ งกันเหตุ ๑.๒ สถานท่ี ตองรูจักอาคารสถานท่ีสําคัญท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน สถานทูต ทีพ่ กั อาศยั ของบุคคลสาํ คญั สถานศกึ ษา โรงงาน โรงมหรสพ โรงแรม สถานบรกิ าร ธนาคาร สถานที่ ราชการหรอื สถานที่อ่ืน ซึ่งลอ แหลมตอการกอความไมสงบ วาอยูท ใ่ี ด มที างเขาออกอยางไร และใคร เปน ผดู แู ลรับผดิ ชอบ เปนตน โดยใหส ถานีตาํ รวจทุกแหง ทาํ แผนทีแ่ สดงทตี่ ้งั อาคารและสถานทต่ี างๆ ไวป ระจําสถานี และตอ งตรวจตราแกไขแผนที่ใหตรงกับความเปน จรงิ เสมอ
๑๑ ๑.๓ ประเภทและความประพฤตขิ องบคุ คล เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งรวู า ประชาชน ในพื้นท่ีรับผิดชอบผูใดประกอบอาชีพใด ผูใดเปนผูมีอิทธิพล ผูมีประวัติทางโจรกรรม เปนซองโจร รับของโจร ผทู ่เี คยตอ งโทษ ผเู สพสรุ า ยาเสพติดเปน อาจณิ ผปู ระพฤติเทีย่ วเตรไมประกอบอาชีพ และไมม ที อี่ ยเู ปน หลกั แหลง คนเหลา นที้ กุ สถานตี าํ รวจตอ งทาํ บญั ชไี วโ ดยทางลบั และสบื สวนอยา งใกลช ดิ วา คนจาํ พวกนย้ี งั ประพฤตชิ ว่ั หรอื กลบั ตนเปน คนดปี ระการใด แกไ ขเพม่ิ เตมิ บญั ชใี หต รงตามความเปน จรงิ อยูเสมอ และควรสืบสวนใหรูจักบุคคลท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน บุคคลสําคัญ ทูตานุทูต สมาชิก รัฐสภา เปนตน นอกจากน้ีควรสืบสวนถึงกิริยาเปนพิรุธหรือนาสงสัยของบุคคลอีกดวย เชน ม่ัวสุม ประชมุ เลย้ี งสรุ ากัน หรอื มีอาวธุ เทยี่ วเตร ไปมาไมม ีทอ่ี ยูเปน หลกั แหลง เพอื่ เปน แนวทางการสืบสวน ขั้นตอไปวาบุคคลเหลา นน้ั จะไปกระทาํ ผดิ หรอื ไดก ระทาํ ผิดในทางอาญาแลว หลบหนีมาหรือไม ๑.๔ บุคคลหรือสิ่งของท่ีควรสงสัย โดยมีเหตุและรายละเอียดตามสมควร เจาพนกั งานตาํ รวจตอ งสืบสวนและตรวจคน เชน คนทม่ี ีอาวธุ เปอ นคราบโลหิต และทาํ กริ ิยาซอ นเรน เปน พริ ธุ หรอื คนทม่ี สี งิ่ ของเกนิ กวา ฐานะซง่ึ บคุ คลธรรมดาไมอ าจจะมไี ดห รอื มขี อ พริ ธุ อนื่ ๆ ทนี่ า สงสยั วาไดมาโดยไมสุจริต ตองพยายามสืบสวนใหไดทราบและเก็บไวเปนขอมูล เพ่ือดําเนินการตามควร แกก รณตี อไป ò. ¡ÒÃÊº× ÊǹμÒÁàËμØ¡Òó· èàÕ ¡´Ô ¢¹Öé ËÃ×Í¡ÒÃÊ׺ÊǹËÅ§Ñ à¡´Ô àËμØ คอื การสืบสวน ในเม่ือมีเหตุเกิดขึ้นแลว เพื่อแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐานประกอบคดี เพ่ือใหไดรายละเอียดวา ความผิดเกิดขึ้นท่ีใด เมื่อใด ใครเปนผูกระทําผิด วิธีการกระทําความผิดเปนเชนใด ตลอดจนสืบสวน ถึงมลู เหตจุ งู ใจในการกระทําผิดและใหไ ดตวั ผูกระทําความผดิ ¢é¹Ñ μ͹¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ ñõ ¢Ñé¹μ͹ ǰ ๑. การแสวงหาขอเท็จจริง ๒. การแสวงหาพยานหลกั ฐานมาพิสูจนย ืนยนั ขอ เท็จจรงิ ตามขอ ๔.๑ ๓. การวเิ คราะหขอ เทจ็ จริงและพยานหลักฐาน ๔. การสรปุ ขอเทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐาน เพอื่ พิสจู นค วามผิดและคนผดิ ๕. การสงมอบพยานหลักฐานใหพนกั งานสอบสวนผูร บั ผิดชอบ
๑๒ ๖. การตดิ ตามผูกระทาํ ผิดเพอื่ จบั กมุ มาดําเนินคดี ๗. การเลือกใชวธิ กี ารจบั กมุ ท่มี ีประสิทธิภาพและปลอดภัย ๘. การซกั ถามปากคาํ ผตู อ งหาและพยานทเี่ กย่ี วขอ งเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ อกี ครง้ั หนงึ่ ๙. การแสวงหาขอเทจ็ จรงิ และพยานหลักฐานเพิม่ เตมิ ๑๐. การตรวจสอบและสรุปขอเท็จจริงพยานหลักฐานเพ่ือพิสูจนความผิดคนผิด กอ นสง ฟองศาล ๑๑. การใหค วามคุม ครองและดูแลพยานบุคคล ๑๒. การใหการเปนพยานในกระบวนการยุติธรรม นับแตช้ันพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ๑๓. การสืบสวนขยายผลใหถ ึงท่ีสุด ๑๔. การเก็บรวบรวมขอมลู ของการกระทําผิด คนผิด การสืบสวน สอบสวน ไวเ ปน แฟมคดีสบื สวนอยางเปน ระบบ ๑๕. การนาํ ขอมลู อาชญากรรมจากแฟม คดีสบื สวนไปใชป ระโยชน ñ. ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·àèÕ ¡ÂÕè ǡѺ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô เปนการแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานตาง ๆ ทุกชนิดของนักสืบท้ังกอน เกดิ เหตุ ขณะเกดิ เหตุ และหลงั เกดิ เหตุ เพอื่ นาํ ไปใชใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ย วางแผนการปอ งกนั ปราบปรามอาชญากรรม และการคลี่คลายคดี ซ่ึงนักสืบจะตองมีความรูเร่ืองพยานหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม ไดแก พยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานพฤตกิ รรมขอ เทจ็ จรงิ อกี ทัง้ นักสืบยังจะตองรูล กึ ไปอกี วา พยานหลกั ฐานทส่ี ามารถใชไ ดใ นกระบวนพจิ ารณาชน้ั ศาล พยานหลกั ฐานทใ่ี ชไ มไ ดใ นกระบวน พิจารณาช้นั ศาล พยานหลกั ฐานใดมีน้าํ หนกั ไมม นี า้ํ หนัก การกระทาํ ใดของเจาหนาทท่ี ี่จะทาํ ใหศาล ตัดพยานหลักฐานออกจากสํานวนคดี เปนตน เพราะการสืบสวนมิไดจบอยูแคนักสืบ จะตอง นาํ ขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานทแี่ สวงหาไดไ ปดาํ เนนิ การออกหมายจบั และสง ใหพ นกั งานสอบสวนรวบรวม เพอ่ื ใหพนกั งานอยั การสงฟอ งและนําตัวผูต อ งหาไปสืบพยานดาํ เนินคดชี น้ั ศาลอีกตอ ไป ¢ŒÍà·¨ç ¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·Õàè ¡èÂÕ Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ầ‹ Í͡໹š Áµn ¸ÉÁ®È Ä®o Áµn ¸¦É ¼o ¦ªo ¤¼¦r ¤µªµn ¸¦É ´¦o¼
๑๓ ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·èÕà¡ÕèÂǡѺ¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ à·‹Ò·ÕèàËç¹à·‹Ò·èÕÃÙŒ ไดแก การสืบสวน กอนเกิดเหตุ (ขอมูลทองถ่ิน, ฐานขอมูลการสืบสวน เปนตน) การสืบสวนหลังเกิดเหตุ (ส่ิงที่พบเห็น ในท่เี กดิ เหตจุ ากการตรวจสถานทีเ่ กดิ เหตุ เปน ตน) ซึ่งเปน ขอ เท็จจริงและพยานหลักฐานทน่ี กั สบื หาได ในวงรอบแรกในการสบื สวนคดี สว นขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ กย่ี วกบั การกระทาํ ผดิ ขณะเกดิ เหตนุ น้ั เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทนี่ กั สืบไมรูซ ่ึงนกั สืบจะตองหาวิธีการใหรับรใู นวงรอบการสืบสวนตอ ๆ ไป ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·èÕà¡èÕÂǡѺ¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ÁÒ¡¡Ç‹Ò·ÕèÃѺÃÙŒ ไดแก สวนขอเท็จจริง ท่ีเกี่ยวกับการกระทําผิดกอนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ และขอเท็จจริงและพยานแวดลอม กรณีทนี่ กั สืบยงั ไมรู ซ่ึงนักสบื จะตอ งหาวิธีการใหร ับรตู อ ไป เชน ๑. จุดท่ีพบศพเปนท่ีเกิดเหตุจริงหรือไม ท่ีเกิดเหตุหลัก (first crime scene) ทีเ่ กดิ เหตรุ อง (secondary crime scene) ๒. ผูตาย เปน ใคร ๓. ผตู ายตายเมอ่ื ไหร ๔. ผูต ายมาจากไหน จะไปไหน เปนตน ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨Ã§Ô ·àÕè ¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ãˤŒ ú¶ÇŒ ¹ÊÁºÃÙ ³ คอื การหาขอ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานในสว นจก๊ิ ซอวท ข่ี าดหายไปใหครบถวนสมบูรณ เชน ๑. ประวตั ภิ ูมิหลงั ผูต าย ๒. มลู เหตุการณฆาตกรรม เหตุขดั แยง ของผูต าย ๓. ขอ มลู การใชโ ทรศพั ทเ ปรยี บเทยี บยนื ยนั คาํ ใหก ารของผตู อ งหา พยาน เปน ตน ๔. ผลการตรวจพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตรจากกองพิสูจนหลักฐาน นิตเิ วชวทิ ยา เปน ตน ò. áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹¾ÊÔ Ù¨¹Â×¹Â¹Ñ ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§ เปน การหาขอ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานมายนื ยนั กบั ขอ เทจ็ จรงิ ทรี่ ทู เ่ี หน็ (เทา ทเี่ หน็ เทา ท่ีร)ู มากกวา ที่รับรูข องนกั สบื เชน การสอบพยานยนื ยันประวัตภิ มู หิ ลังของผูตาย เปนตน ó. ÇÔà¤ÃÒÐË¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹»ÃСͺ¡Ñ¹ à¾è×Í·ÃҺNjҾÄμÔ¡ÒóáË‹§ ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕá·Œ¨Ãԧ໚¹Í‹ҧäà คือ การประชุมวิเคราะหขอเท็จจริงทางคดี มีหลักปฏิบัติ ดงั นี้ ๑. ตองรับฟง เหตุผลของผูรว มประชมุ วิเคราะห ๒. หลักและเหตุผลการประชุมวิเคราะหขอเท็จจริง ตองอาศัยพยานหลักฐาน ประกอบ จงึ จะไดข อเท็จจริงทางคดี ô. ÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ à¾è×;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ เปนการสรุป ขอเท็จจริงทางคดี ซึ่งมีพยานหลกั ฐานประกอบ เพื่อพสิ จู นค วามผิด และเพ่อื ทราบตวั คนราย ๑. ไดขอเท็จจรงิ ๒. มีพยานหลักฐานประกอบพรอ ม ๓. ทราบตัวผูกระทาํ ผดิ
๑๔ õ. Ê‹§Áͺ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ¼ÙŒÃѺ¼Ô´ªÍº หลักงานสืบสวนตองทํา ควบคไู ปกบั งานสอบสวน ดงั น้ี ๑. เปน การนําพยานหลักฐานเขา สูสาํ นวนการสอบสวน ๒. รายงานการสืบสวนประกอบเอกสารท่ีเกี่ยวของ เชน เอกสารการตรวจสอบ การใชโทรศัพทของผูตาย ผูตองสงสัย ขอมูลการวิเคราะหการใชโทรศัพทของผูตองหาจากโปรแกรม Analysis link notebook (I๒) เปนตน ๓. พนักงานสอบสวนขออนุมตั ิศาลออกหมายจับ ö. Ê׺ÊǹμÔ´μÒÁ¼¡ŒÙ ÃÐทํา¼Ô´à¾×Íè ¨ºÑ ¡ÁØ ÁÒ´íÒà¹Ô¹¤´Õ ตรวจสอบตามแนวทางตอ ไปนี้ ๑. ตรวจสอบจากการใชโ ทรศัพทเคลอื่ นที่ (Cell Side Mobile Phone) ๒. ตรวจสอบจากประกนั สงั คม เพอ่ื ทราบวา ทาํ งานทีไ่ หน ๓. ตรวจสอบประกันสุขภาพ ๔. ตรวจสอบจากเครือญาติ ๕. ตรวจสอบจากบคุ คลผกู วา งขวาง ๖. ใชสายลับ ๗. ตั้งรางวัลนาํ จับ เปนตน ÷. àÅ×͡㪌ÇÔ¸Õ¡ÒèѺ¡ØÁ·èÕÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾áÅлÅÍ´ÀÑ เชน กดดันใหมอบตัว เรยี กมาแจง ขอกลาวหา เจรจาผานบุคคลผกู วา งขวางในพ้นื ท่ี เปนตน ø. «Ñ¡¶ÒÁ»Ò¡คํา¼ÙŒμŒÍ§ËÒáÅоÂÒ¹·èÕà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§à¾×èÍ·ÃÒº¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§ÍÕ¡¤Ãéѧ˹èÖ§ ในการสืบสวน ผูส ืบสวนตองมีทกั ษะและความชาํ นาญในการซกั ถาม ไดแ ก ๑. การซักถามผูตองสงสัย ตามหลักวิชาเพ่ือใหไดขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน ครบถวนสมบรู ณ เพื่อจบั ขอ พริ ธุ หรือเพ่ือขยายผลคดี เปนตน ๒. การซักถามประจักษพยาน ตามประเด็นเพ่ือใหไดประโยชนแกรูปคดี การซักถามน้ัน ผูซักถามจะวางตัวอยางไร ใหพยานเช่ือถือและวางใจที่จะใหขอเท็จจริง เปนไปตามหลกั วิชา ๓. การซักถามพยานแวดลอม เพื่อกําชับขอเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เปน ประจกั ษพ ยาน หรอื พยานนติ วิ ทิ ยาศาสตร ใหม ีความแนนแฟนมากยง่ิ ข้นึ เพื่อเปน ประโยชนตอรูปคดี การซกั ถามเพ่ิมเตมิ เพอื่ ประโยชน ดงั น้ี - เพอื่ ทราบขอเทจ็ จรงิ เพิม่ เติม ใหไดร ายละเอยี ด - เพอ่ื อดุ ชอ งวา งรายละเอียดใหส มบูรณ - เพอ่ื หาพยานหลกั ฐานเพ่ิมเตมิ ใหล ะเอยี ด ù. áÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾ÔèÁàμÔÁ ๑. เพื่อใหคดสี มบูรณ ๒. เพ่ือใหหลกั ฐานทางคดีพรอ มในการดาํ เนินคดกี ับผูตอ งหา
๑๕ ñð. μÃǨÊͺáÅÐÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾è×;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ ¡Í‹ ¹Ê§‹ ¿‡Í§ÈÒÅ ๑. ชุดสืบสวนและพนกั งานสอบสวน ชวยกนั ตรวจสอบ ๒. หัวหนาสถานีตาํ รวจควบคุมตรวจสอบกอ นมคี าํ สง่ั ทางคดี ññ. ãËŒ¤ÇÒÁ¤ŒÁØ ¤ÃͧáÅдá٠žÂÒ¹º¤Ø ¤Å ๑. ศกึ ษาดรู ะเบยี บการคมุ ครองพยาน ๒. เพ่ือความปลอดภยั ของพยานท่ีจะเบิกความตอศาล ๓. เพ่ือไมใ หพ ยานถกู ขม ขูแ ละกลบั คาํ ใหการ โดยเฉพาะพยานทีถ่ กู กนั ตวั มาจาก ผตู อ งหามาเปน พยาน ñò. ãËŒ¡ÒÃ໚¹¾Âҹ㹡Ãкǹ¡ÒÃÂØμÔ¸ÃÃÁ ¹Ñºá싪Ñé¹¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ ÍÑ¡Òà áÅÐÈÒÅ ๑. นักสืบตองอานและตรวจคําใหการอยางละเอียดกอนลงชื่อในคําใหการ เพราะสวนใหญพนักงานสอบสวนไมไดสอบตอหนา จะสอบอางอิงบันทึกการจับกุมและรายงาน การสืบสวนเพราะบางประเดน็ ซ่ึงเปนประเด็นสาํ คัญจะขาดหายไป ๒. นักสืบทจ่ี ะเบกิ ความตอ ศาล ตอ งเตรยี มตวั กอ นเบกิ ความ โดยเฉพาะพยานคู ตองเบิกความสอดคลองตรงกัน หากเบิกความขัดแยงกันในขอเท็จจริง อาจทําใหศาลยกฟองเสียรูป คดีได ในคดีสาํ คัญนกั สืบควรไปดสู ถานทเ่ี กิดเหตุอกี ครง้ั เพราะท่เี กิดเหตุทนายจาํ เลยจะใชประโยชน ในการถามคา น ๓. พยานซึ่งเปนบุคคลธรรมดา นักสืบและพนักงานสอบสวน ควรนัดมาซอม คําใหการกอนเบิกความ เพราะปจจุบันทางอัยการจะไมคอยซอมพยาน ไมใชไมเชื่อถืออัยการ แตร ะยะหลงั ฝา ยผูตอ งหาจะมกี ารวง่ิ เตน อัยการ หรือวิ่งผา นทนายความ ñó. Êº× Êǹ¢ÂÒ¼ÅãËŒ¶Ö§·èÕÊ´Ø โดยดูวา ๑. สามารถจบั กมุ ขยายผลผรู ว มกระทาํ ผดิ ท้ังหมด ครบถวนไหมหากไมครบถว น ดําเนนิ การขยายผลใหครบถว น ๒. เครอ่ื งมือเคร่อื งใช อาวุธ หรือพยานหลกั ฐานอืน่ ๆ ท่ีนา จะมีเหลอื อยเู พิม่ เตมิ ดําเนนิ การตรวจสอบใหค รบถวน ๓. ทรัพยสินของผูเสียหายท่ีถูกประทุษรายยังไมไดคืน ติดตามมาเปนของกลาง และคืนแกเจาทรัพย ซึ่งจะเปนประโยชนแกรูปคดี และสรางความศรัทธาแกประชาชนผูไดรับความ เสยี หาย ๔. สรปุ สาเหตุหรอื แรงจูงใจในการกระทําผิดสุดทายทีแ่ ทจ รงิ อกี ครั้งหนง่ึ ๕. การกระทําผิดในคดีอื่นกอนเกิดเหตุและกอนจับกุม เพื่อฟองลงโทษผูตองหา ใหม ากท่ีสุดเทา ทจี่ ะทําได
๑๖ ñô. ࡺç ÃǺÃÇÁ¢ŒÍÁÅÙ ¢Í§¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ änj໹š á¿Á‡ ¤´Õ Êº× ÊǹÍ‹ҧ໚¹Ãкº ๑. เพอื่ สบื สวนคดีตอใหส าํ เร็จ ๒. เพอ่ื ศกึ ษาวเิ คราะหค ดอี าชญากรรมและบนั ทกึ แนวทางสบื สวนไวเ ปน กรณศี กึ ษา ตอ ไป ñõ. ¹Òí ¢ÍŒ ÁÅÙ ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁ¨Ò¡á¿Á‡ ¤´ÊÕ º× Êǹä»ãª»Œ ÃÐ⪹ ในการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ การปองกันปราบปรามอาชญากรรม และการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนใหมากย่ิงขึ้น ตอไป ñ.ö ¡ÒÃÊͺÊǹ »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ ò (๑๑) “การสอบสวน หมายความถึง การรวบรวมพยานหลักฐานและการดําเนินการ ท้ังหลายอื่นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนไดทําไปเก่ียวกับความผิด ที่กลาวหาเพื่อที่จะทราบขอเท็จจริงหรือการพิสูจนความผิด และเพื่อจะเอาตัวผูกระทําผิด มาฟอ งลงโทษ” การสอบสวนจะมีไดเฉพาะกรณีหลังกระทําผิดเทาน้ัน เพราะกฎหมายบัญญัติคํานิยาม ขางตนวาเปนการรวบรวมพยานหลักฐานดําเนินการทั้งหลายอ่ืนซ่ึงพนักงานสอบสวนไดทําไป เก่ียวกับความผิดท่ีกลาวหา ดังนั้น หากยังไมมีการกลาวหา กลาวคือ ยังไมมีคํารองทุกขหรือ คาํ กลาวโทษ พนักงานสอบสวนไมมีอํานาจสอบสวน และเมื่อพนกั งานสอบสวนไมม อี ํานาจสอบสวน พนักงานอัยการก็ไมมีอํานาจฟองคดีตอศาลเพราะกฎหมายหามมิใหพนักงานอัยการยื่นฟองคดีใด ตอศาล โดยมิไดมีการสอบสวนในความผิดน้ันกอนซ่ึงแตกตางจากการสืบสวน ซ่ึงมิไดท้ังกอนการ กระทาํ ผดิ และหลงั กระทาํ ผดิ โดยทกี่ รณกี อ นการกระทาํ ผดิ เปน การทาํ ไปเพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย เชน การสง รถตาํ รวจสายตรวจออกพนื้ ทห่ี าขา วและปอ งกนั ปราบปรามจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา เปน ตน คํารองทุกข ไดแก การที่ผูเสียหายไดกลาวหาตอเจาหนาท่ีตามบทบัญญัติแหงประมวล กฎหมายนี้ วามีผูกระทําความผิดขึ้น จะรูตัวผูกระทําความผิดหรือไมก็ตาม ซึ่งกระทําใหเกิดความ เสยี หายแกผ ูเสียหาย และการกลา วหาเชนนนั้ ไดก ลาวโดยมเี จตนาจะใหผ กู ระทําความผิดไดร บั โทษ คาํ กลาวโทษ ไดแก การทบ่ี ุคคลอื่นซง่ึ ไมใ ชผเู สยี หายไดกลา วหาตอเจาหนาที่ วามบี คุ คล รตู ัวหรือไมก็ดี ไดก ระทําความผิดอยางหนึง่ ขน้ึ ผมู อี าํ นาจสอบสวนคดอี าญา กฎหมายกาํ หนดใหเ ปน หนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวนเทา นนั้ ซง่ึ ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจชนั้ ผใู หญ ปลดั อาํ เภอ และขา ราชการตาํ รวจซงึ่ มยี ศตงั้ แตช น้ั นายรอ ยตาํ รวจตรี หรอื เทยี บเทานายรอ ยตาํ รวจตรขี ้นึ ไป มอี ํานาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งไดเกิด หรอื อา ง หรอื เชอ่ื วา ไดเ กดิ ภายในเขตอาํ นาจของตน หรอื ผตู อ งหามที อ่ี ยู หรอื ถกู จบั ภายในเขตอาํ นาจ
๑๗ ของตนได ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ และจะมอี าํ นาจ สอบสวนเฉพาะภายในเขตอาํ นาจของตนเทาน้ัน แตหากมกี ฎหมายพิเศษกาํ หนดใหผูใ ดเปนพนักงาน สอบสวน ก็เปนไปตามขอยกเวนน้ันๆ เชน พ.ร.บ.ปองกันปราบปรามยาเสพติดใหโทษ พ.ศ.๒๕๑๙ ใหอ าํ นาจคณะกรรมการ ป.ป.ส. มอี าํ นาจในการสบื สวน สอบสวน และการฟอ งคดคี วามผดิ ตามกฎหมาย เกี่ยวกับยาเสพติดใหโทษ หรือ พ.ร.บ.ปองกันและปราบปรามการกระทําเปนโจรสลัด พ.ศ.๒๕๓๔ ใหอ าํ นาจเจา หนา ทท่ี หารเรอื ทาํ การสอบสวนในเบอ้ื งตน ในความผดิ ฐานโจรสลดั ในทะเลหลวง เปน ตน จากหลักเกณฑของกฎหมายดังกลาวจะเห็นไดวา การสืบสวนสอบสวนในคดีอาญานั้น แบงออกเปนงานสืบสวนและงานสอบสวนแยกจากกัน แตงานท้ังสองมีกระบวนการท่ีปฏิบัติควบคู กันไป มีความสัมพันธเชื่อมโยงเปาหมายเดียวกัน น่ันก็คือการรักษาความสงบเรียบรอยใหเกิดขึ้นใน สงั คม ซงึ่ สงั คมจะปลอดภยั ไดก ต็ อ เมอื่ มกี ารบงั คบั ใชก ฎหมายอยา งสอดลอ งและมปี ระสทิ ธภิ าพนน่ั เอง ¡ÒÃÊ׺Êǹ¡Ñº¡ÒÃÊͺÊǹ â´ÂËÅÑ¡¨ÐÁÕ¤ÇÒÁáμ¡μ‹Ò§·àèÕ Ë¹ç ä´ŒªÑ´ ó »ÃСÒà ñ. ¡ÃͺàÇÅÒ - การสบื สวน อาจจะสบื สวนไดท งั้ กอ นมกี ารกระทาํ ความผดิ เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย เชน การไปสืบหาบุคคลที่มีพฤติการณไมนาไววางใจมาบันทึกไวในฐานขอมูลเก็บไวกอน หรืออาจ สืบสวนภายหลังจากมีการกระทาํ ความผิดแลวเพื่อใหไดรายละเอยี ดของความผิด - การสอบสวน ตองกระทําภายหลังมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลวเทาน้ัน เพราะการสอบสวนเปน การรวบรวมพยานหลักฐานเพือ่ นาํ ตวั ผูกระทาํ ผิดมาลงโทษ ò. à¢μอํา¹Ò¨ - การสืบสวน มีเขตอํานาจท่ัวราชอาณาจักร ไมวาเจาหนาท่ีทองที่ใดก็มีอํานาจสืบสวน ทัง้ สน้ิ - การสอบสวน ตอ งกระทําโดยเจาหนา ท่ขี องทองท่ที ่ีมีเขตอาํ นาจ เชน ทอ งทีท่ ี่ความผดิ เกดิ เชื่อวา ไดเ กิด อางวา ไดเกิด หรือทองทที่ ีผ่ ตู องหาถกู จบั หรือผตู องหามที อี่ ยู เปน ตน ó. ¼ÁŒÙ อÕ าํ ¹Ò¨ - ผมู อี าํ นาจสบื สวน ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ ไมว า จะมชี น้ั ยศใด หรอื หนา ที่ อยา งไร กม็ ีอํานาจสบื สวนทัง้ สิ้น - ผูมีอํานาจสอบสวน ไดแก พนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจชั้นผูใหญ ปลัดอําเภอ และขาราชการตํารวจซ่ึงมียศตั้งแตชั้นนายรอยตํารวจตรีหรือเทียบเทา นายรอยตํารวจตรีข้ึนไป ซึง่ มีเขตอาํ นาจและมีหนาทส่ี อบสวน (เชน สว.จราจร สอบสวนไมได เพราะไมม ีหนาทส่ี อบสวน)
๑๘
๑๙ º··èÕ ò ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨Ã§Ô ò.ñ ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·ç¨¨ÃÔ§¨Ò¡¡Òëѡ¶ÒÁ การซกั ถามเจาทกุ ข ผเู สียหาย พยาน ผตู อ งสงสยั หรอื ผูตอ งหาเบ้อื งตนนั้น เปนการซักถาม ที่ตองรีบดําเนนิ การหลงั เกดิ เหตใุ หม ๆ เพราะ - ยงั อยใู นความจาํ ทยี่ ังไมล ืมเหตุการณท ่ีตนไดเ ห็นมา - ยงั ไมม ีผูใดมาชี้แนะวา ตองพดู อยา งไร - ยังไมมีเวลาท่ีจะคิดหรือออกความเห็นที่จะตอเติม หรือคาดคะเนวา เหตุการณนาจะ เปนอยา งนน้ั นาจะเปน อยา งนี้ หรอื ผลนาจะเปนอยางไร - ยังไมม คี วามเกรงกลวั ตออทิ ธิพลของฝายใดฝา ยหน่ึง - ยงั ไมค ิดทจ่ี ะชว ยเหลือ หรือเอนเอยี งเขา ขา งฝายใดฝา ยหน่ึง ÈÔÅ»Ð㹡Òëѡ¶ÒÁ¤´ÍÕ ÒÞÒ¤Í× ÍÐäà คอื กลวธิ ที เี่ ฉลยี วฉลาดในการซกั ถาม เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย พยาน ผตู อ งสงสยั หรอื ผตู อ งหา ดวยวิธีการตางๆ เพื่อใหผูถูกซักถามพูดความจริงตามท่ีเขาไดเห็นเหตุการณมา แลวนํามารวบรวม เปนขอมูลที่มีประโยชนในการสืบสวนหาพยานหลักฐาน และติดตามตัวผูกระทําความผิดมาดําเนินคดี และพิสูจนการกระทําความผิดของผูตองหา (และจะตองคอยประสานกับพนักงานสอบสวนทุกระยะ เพื่อใหการสืบสวนและการสอบสวนเปนไปในทิศทางเดียวกัน และรวดเร็วข้ึนในกรณีที่ผูซักถามมิได เปน พนกั งานสอบสวน) ʶҹ·ãÕè ¹¡Òëѡ¶ÒÁ¤ÇÃ໹š ÍÂÒ‹ §äà - เปน หอ งธรรมดา เงียบ ไมมเี สยี งรบกวน - ไมควรมเี สยี งวทิ ยุ โทรทัศน โทรศัพท หรือรปู ภาพตา ง ๆ ประดบั หรือติดตามผนงั - มแี สงสวางตามปกตทิ ัว่ ๆ ไป อยา ใหผิดแปลกจากทว่ั ๆ ไป - อยาใหผ ถู กู ซกั ถามเกดิ ความวิตกกงั วล หรือเกดิ ความกลัว - ทีน่ ั่ง จัดตามแบบปกติ ไมหรหู ราเกนิ ไป ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁμ‹Ò§ æ Áըش»ÃÐʧ¤·μèÕ ÍŒ §¡Ò÷ÃÒºàËμØ ö »ÃСÒà ¤×Í ๑. ใคร หมายถึง ใครเปน เจา ทุกข ผูเสยี หาย ผกู ลาวหา - ใคร หมายถึง ใครเปน เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย ผกู ลา วหา
๒๐ - คนราย ผตู อ งสงสยั หรือผูตอ งหา - พยานบอกเลา ประจกั ษพ ยานทีเ่ หน็ เหตุการณ - คนตาย คนพบศพ คนนําผบู าดเจบ็ สงโรงพยาบาล - คนจับกุมผูต อ งหา หรอื รว มกบั เจา หนา ทต่ี ํารวจจบั กุมตัวผูตองหา - เกย่ี วของเปน พอ แม สามี ภรรยา ๒. ทาํ อะไร หมายถงึ เกดิ อะไร คดเี รอ่ื งอะไร เชน ทาํ รา ยรา งกาย วง่ิ ราวทรพั ย ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย หรอื ฆา เปน ตน ๓. ทไ่ี หน หมายถึง สถานทีเ่ กิดเหตุ เหตเุ กิดท่ีไหน เชน เหตุเกดิ ทบ่ี า นเลขท.ี่ ................ ซอย...................ถนน................(ใกลก บั .............) แขวง....................... เขต.............................กทม. ๔. เมือ่ ใด หมายถึง เหตุเกดิ เม่ือใด วันอะไร วนั ทเี่ ทา ใด เดือนใด ปใด เวลาใด - จบั คนรา ยไดเ ม่อื ใด - ผูบาดเจบ็ ตายเม่ือใด - จับผตู อ งหาไดเพิ่ม หรอื ยดึ ของกลางไดเพ่มิ เมื่อใด วนั เวลาปใ ด ๕. อยา งไร หมายถงึ คดนี น้ั เกดิ อยา งไร คนรา ยใชม ดี เปน อาวธุ แทงทาํ รา ย หรอื ใชอ าวธุ ปนยิง หรือคนรายใชรถจักรยานยนตเปนพาหนะว่ิงราวทรัพยกระเปาถือสตรีไป หรือคนรายจํานวน สามคนใชอาวุธปนยงิ เจาทรพั ยตายแลว ปลน เอาทรัพยสินในบานไป เปน ตน ๖. ทาํ ไม หมายถงึ สาเหตุของคดีน้นั ซ่ึงจะหมายถึงมูลเหตุจูงใจในการกระทาํ ความผดิ เชน เร่ืองชูส าว ประสงคต อทรพั ย ขดั ผลประโยชน ววิ าทกนั คาของเถ่ือน ยาเสพตดิ บอนการพนนั เปนตน ËÅѡ㹡Òë¡Ñ ¶ÒÁãˌ䴼Œ ÅμÒÁ¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ ¡. ·ÁèÕ Ò¢Í§¢ÍŒ ÍÒŒ § ขอ อางหมายถงึ อะไร ¢ÍŒ ͌ҧ หมายถึง คําบอกเลา คําใหก ารของผูเ สยี หาย พยาน ผูตอ งหา หรอื ผตู อ ง สงสัย ที่บอกหรือตอบขอซักถาม แลวนํามาพิจารณาวาผูบอกเลาหรือผูใหการ อางหรือบอกอะไร บางอยาง ตัวอยา งเชน เมื่อวันท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ นายเอเห็นนายบีลกั นาฬก าขอ มือของนายขาว ทวี่ างอยหู ลงั ตเู ยน็ ในรา นกาแฟของนายเขียว มนี ายแดงและนายดํา เห็นเหตกุ ารณดวย ตามคาํ บอกเลา ดงั กลาวน้ี จะเห็นไดวา มีขออา งทก่ี ลา วถึงคือ - ใคร นายเอ เห็น นายบี - ทาํ อะไร ลักนาฬก าขอมอื ของนายขาว - ทีไ่ หน หลงั ตูเย็นในรานกาแฟของนายเขยี ว - เมื่อใด วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ - อยา งไร นายบหี ยบิ ไปโดยมีนายแดงและนายดําเหน็ เหตุการณ
๒๑ จากขออางดังกลาวขางตน ถือเปนขออางท่ีจะตองซักถามผูเสียหาย พยาน ผูตองหา หรือผูตองสงสัย ถาเปนเร่ืองจริง หรือเหตุการณจริง ก็จะไดคําตอบท่ีสอดคลองในทํานองเดียวกัน หมายถึงเปน หลกั ฐานท่ใี ชยืนยนั การกระทาํ ความผดิ ËÑǢ͌ ·¤Õè Çëѡ¶ÒÁ·ÑèÇä» กอนทีจ่ ะซักถามจะตองพิจารณากอนวาผูถกู ซกั ถามมคี วามรสู ึกอยา งไรขณะนัน้ ประสาท พรอ มหรอื ไม อยูในสภาวะที่จะใหขอเทจ็ จรงิ ไดหรือไม เชน กําลงั ตกใจกลัวหรือตนื่ เตนกบั เหตกุ ารณ ท่ีเห็นมาสด ๆ รอน ๆ หรือไม หรือมีความเก่ียวพันเปนญาติพ่ีนอง พรรคพวกเพ่ือนฝูง หรอื มีสว นไดเสยี กับใครหรือไม การต้ังหัวขอคําถามแตละคดีไมเหมือนกัน แลวแตประสบการณ ความชํานาญ ปฏิภาณ ไหวพริบของผูซักถาม ทจ่ี ะกลา วตอ ไปนีเ้ ปนหัวขอ หลักๆ ทสี่ ามารถใชไดเกือบทกุ สถานการณ หวั ขอที่จะซกั ถาม - มาอยางไร ตัวเขาไปมาอยางไร ทําไมจึงอยูท่ีนั่น หรือเปนเสนทางท่ีตองผาน เปน ประจาํ ผานเวลาใด ฯลฯ - เหตุใดจงึ รูเ ห็นเหตกุ ารณ ผานมาเห็นพอดี หยดุ ยนื รอรถเมล รถแท็กซ่ี หรือน่งั ดื่ม กาแฟอยทู รี่ านพอดี ฯลฯ - แสงสวางมีหรือไม ถามีเปนแสงสวางจากอะไร ท่ีใด จากหนาบาน หลังบาน หรือรานคามีเสาไฟฟาอยูตรงไหน จุดใด สวางมากนอยเพียงใด หางจากจุดท่ีเกิดเหตุเทาใด (ขอ นีห้ มายถงึ เปนเวลากลางคนื หรือในที่มืด) - อยหู างเปนระยะเทา ใด ใกล ไกล เพียงใด ขณะเหน็ เหตุการณ เพอ่ื ยนื ยันวาอยหู า ง ระยะเทาใด เห็นหนาตาชดั เจนไหม จาํ เหตุการณไดชดั เจนหรอื ไม แลวตรวจสอบจากทีเ่ กิดเหตุอกี คร้ัง วาเปนไปไดหรอื ไม - เห็นเหตุการณนานเพียงใด เห็นผานหนาแวบเดียว หรือยืนดูอยู ๓-๔ นาที เพ่ือยืนยนั วาจําหนา ตาไดแ นน อน เปน ตน) - ขณะที่เหน็ ไดท ําอยางไรบา ง (รองตะโกนใหค นทราบ รอ งใหคนเขา มาชวย ยนื ดอู ยู เฉยๆ หรอื โทรศัพทแ จงเหตุตํารวจ ฯลฯ) - หลงั จากไดร เู หน็ เหตกุ ารณแ ลว ไดท าํ อยา งไรบา ง (จดบนั ทกึ ไว เลา ใหค นอน่ื ฟง หรอื โทรศพั ทแ จงตาํ รวจ ฯลฯ) - เห็นคนรายหนีไปทางไหน มีใครตามไปบางหรือไม คนรายท้ิงอะไรไวบางหรือไม อาจมีพยานหลกั ฐานตกอยู เปนตน ¢. àÃÍè× §ÊÀÒ¾¢Í§¢ÍŒ ÍÒŒ § เมอ่ื ซกั ถามขอ อา งหลกั แลว จะตอ งซกั ถามสภาพของขอ อา ง ประกอบดว ย เพอ่ื ใหมพี ยานหลักฐานหนกั แนน ยง่ิ ข้ึน หรือเพอ่ื ตรวจสอบวาผถู ูกซกั ถามพดู ความจรงิ หรือไม เชน
๒๒ - วันเดือนปที่ผูถูกซักถามอางนั้น มีสภาพดินฟาอากาศเปนอยางไร มีฝนตก หรือไม ขา งข้นึ หรอื ขา งแรม มแี สงจันทรส วา งเวลากลางคืนหรือไม - บุคคลทีอ่ า งถึงทอ่ี ยใู นทเี่ กิดเหตนุ ัน้ แตล ะคนแตง กายอยา งไร กําลงั ทาํ อะไรอยู มีตําหนิรูปพรรณอยางไร ช่ืออะไร นามสกุลอะไรทราบหรือไม อายุเทาใด เพื่อพิจารณาวาเขาเห็น เหตุการณจ ริงหรือไม - สี ไมวาจะเปน การแตง กายของคน วัตถุสิ่งของ รถท่อี ยูใ นที่เกดิ เหตุหรือทีเ่ ขา มา เกยี่ วของ มสี อี ะไร เพื่อพิจารณาวา ผถู ูกซกั ถามอยใู นทีเ่ กดิ เหตหุ รอื ไม - เสยี ง เสยี งคน เสยี งสตั ว เสยี งรถ จาํ หรอื สงั เกตไดจ ากอะไร เสยี งมคี วามแตกตา ง กันอยา งไร รถยนต รถจกั รยานยนต ไดยนิ เสยี งจาํ เจทกุ วัน จนจาํ เสยี งไดว าเปน เสยี งรถอะไร ของใคร ที่มาจอดประจํา หรอื เสยี งบุคคลพดู คุยกัน ไดย นิ บอย ๆ ก็จะจาํ ได - กล่ิน มหี รอื ไม ถา มีกลิ่นอะไร - รส เปน รสอะไร - ตาํ หนิ ทกุ สิง่ ตองมีตาํ หนิถาสงั เกตใหดี - ขนาดไมวาจะเปน อาวธุ ปน มดี ไม รถยนต รถจกั รยานยนต รถปค อพั เปนขนาดใด - จํานวน ไมวาจะเปนฝายใด แตละฝายมีจํานวนเทาใด ใครทําอยางไร หรือมคี นรา ยจํานวนกีค่ น การแตงกายอยางไร ตําหนิรปู พรรณอยา งไร - ชนิดหรือประเภทของทุกอยาง เปนยี่หออะไร ชนิดใด ประเภทใด ถาไมทราบ ใหห าตวั อยา งขนาดหรอื ชนิด ประเภทอยางเดียวกันหรอื ใกลเคียงกนั ใหด ู ¤. ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ¢Í§¢ŒÍÍÒŒ § จากการสอบถามขออา งหลัก สภาพของขออา งแลว อาจจะ ซกั ถามถงึ สงิ่ แวดลอ มของขอ อา งเพอื่ ประกอบพยานใหห นกั แนน ยงิ่ ขน้ึ ถา ผถู กู ซกั ถามอยใู นเหตกุ ารณ จริงนอกจากจะกลาวถึงขออางแลว ยังสามารถบอกถึงสภาพของขออางและส่ิงแวดลอมของขออาง ในทเี่ กิดเหตไุ ดอกี ทาํ ใหนา เช่ือไดวา ผนู ้ันอยูในเหตกุ ารณจริง ส่งิ แวดลอ มของขอ อา งควรแยกเปน - ประเภทคน นอกจากพยานจะเห็นเหตุการณอยูแลว ยังมีคนอื่น ๆ ที่ผานมา บริเวณน้นั อกี หรือไม จาํ ไดบา งหรอื ไม มีลักษณะอยางไร อาชพี อะไร เชน มคี นงานกําลังซอมถนนอยู บรเิ วณนน้ั เปนตน - ประเภทวัตถุ มีวัตถสุ ่ิงของอยา งอืน่ อีกหรอื ไม ชนดิ ใด ใชทาํ อะไร อยตู รงนน้ั อกี หรอื จดุ ใดอกี หรือไม - ประเภทสัตว มีสัตวอะไรบางหรือไม เชน เลี้ยงนก เล้ียงสุนัข เล้ียงแมว เลี้ยง นกเขา ฯลฯ เลย้ี งไวทีจ่ ดุ ใด ใสกรงไวหรอื ไม ¡Òëѡ¶ÒÁàËμØ¼ÅáÅТ͌ ͌ҧÁËÕ ÅÑ¡´Ñ§¹Õé ผูท่ีมาใหถอยคําเกี่ยวกับคดีตางๆ เม่ือเห็นเหตุการณก็สามารถที่จะมาใหการตาม ความจรงิ แลว จะตอ งมขี อ อา งเสมอ มากนอ ยเพยี งใดขน้ึ อยกู บั สภาวะทเี่ กดิ เหตุ บางรายเหน็ เหตกุ ารณ มากกม็ ีขอ อา งมาก บางรายเหน็ เหตกุ ารณน อยก็มีนอย การซักถามจงึ ตอ ง
๒๓ ๑. ถามเรอ่ื งไปตามลาํ ดับขอ อา งอยาใหส ลับกัน จนเสรจ็ เปนขอ ๆ ๒. เอาเหตุผลท่ีหางขออางขึ้นมาถามกอน แลวถามเหตุผลที่ชิดขออาง (เหตุผลหาง ขออาง หมายถงึ หา งประเดน็ เหตุผล ชิดขอ อาง หมายถงึ เขา ประเด็น) ๓. ถามีวัตถุพยานหรือเอกสารเปนพยานหลายชิ้น เอาช้ินท่ีเปนหลักฐานแนนอน มาถามกอ น (ช้นิ ที่เปน ของกลางใชในการกระทาํ ผดิ ) ÇÔ¸Õ«Ñ¡¶ÒÁ เราทราบแลววาพยานแตล ะคนมขี ออางหลายขอ และมกี ารซักถามเปนขอๆ ดงั กลา วแลว ดงั นั้นการซักถามจงึ ตองถามเหตผุ ลท่หี า งขอ อางกอน และเขามาหาชดิ ขออา ง (การซักถามโดยละเอียดน้ี เปน เรอ่ื งของพนกั งานสอบสวนทจ่ี ะซกั ถามสอบสวนปากคาํ เพอ่ื ประโยชนใ นการพจิ ารณาคดใี นชน้ั ศาล แตสําหรับฝายสืบสวนไมจําเปนตองละเอียดถึงกับตองสอบสวน) การถามเหตุผลที่หางขออางกอน เพื่อใหผูถูกซักถามยังไมรูคุณหรือโทษของถอยคําที่จะตอบ เพราะถาเขาจะตอบขอท่ีชิดขออางกอน กจ็ ะเปน คณุ หรอื โทษทนั ที ถา เขาไมร ตู วั เขาสามารถจะพดู ไดม ากและมปี ระโยชนต อ รปู คดดี ว ย เทา กบั วา ไมใหเ ขารตู วั วา เรากําลงั จะถามใหเขา ไปถงึ จุดทีเ่ ราตองการแลว น่นั เอง ËÅѡ㹡Òëѡ¶ÒÁ ๑. ควรรีบซักถามโดยเรว็ ทสี่ ดุ ๒. ถาเขายังตื่นเตน หรือตกใจกลัวตอเหตุการณที่เกิดขึ้น ตองใหเขาพักผอนกอน จนหายต่นื เตนตกใจ หรือพรอ มท่ีจะใหก ารซกั ถามจึงลงมอื ซกั ถาม ๓. มกี ารเตรยี มการลวงหนา ๔. แสดงความเปน กนั เองกับผถู ูกซักถาม ๕. ควบคุมใหตอบตรงประเดน็ และอยาใหขดั กัน ๖. อยา ถามนําใหเ ขาตอบวา ใชหรือไมใ ช ๗. ตั้งปญ หาใหตอบทีละขอ จากขอ อางท่หี างเขามาชิดขอ อา ง ๘. ต้งั ปญหาท่ีจะซักถามใหเขาใจงายใหมาก ๙. ควรเลยี่ งคาํ ถามท่ีตอบวา ไมร ไู มเ หน็ ๑๐. ถาเขาตอบไมตรงตามเปาที่เราตั้งไวอยาโมโห หรือใชอารมณถึงกับแสดงความไม พอใจออกมา ๑๑. คาํ ตอบขอ ใดทข่ี ดั กนั ควรซกั ถามภายหลงั อกี ครง้ั เพราะบางครงั้ อาจไมพ ดู ความจรงิ àËμ¼Ø ŪԴ¢ŒÍÍÒŒ § áÅÐàËμ¼Ø ÅËÒ‹ §¢ŒÍ͌ҧ ËÁÒ¤ÇÒÁÇÒ‹ ÍÂÒ‹ §äà àËμØ¼ÅªÔ´¢ŒÍ͌ҧ ตรงกับกฎหมายใชคําวา เขาประเด็น หมายความวา เปนเหตุผล ที่ตรงตอขอ อาง หรือเปนเหตุผลโดยตรงของขอ อางมใิ ชโ ดยออม เชน เห็นนาย ก. ลักวิทยุนาย ข.
๒๔ àËμ¼Ø ÅËÒ‹ §¢ŒÍÍÒŒ § ตรงกบั กฎหมายใชคาํ วา หา งประเดน็ ซึ่งเปนเหตผุ ลท่ีหางออกไปจาก ขออางอาจจะหางมากนอยแตกตางกัน ไมสามารถช้ีไดวาหางมากเพียงใด ตองถามกอนหลัง ใหพิจารณาวาเม่ือถามแลวผูถูกซักถามจะไมรูสึกวา คําตอบน้ันมีคุณหรือโทษกับเขา เขาสามารถ พูดไดอยางสบายหรือพูดงายๆ ก็คือวา ซักถามกอนเกิดเหตุ เริ่มต้ังแตตัวผูถูกซักถามกอนมาถึง ทเี่ กดิ เหตนุ น่ั เองซ่ึงเรียกวา ¡Òëѡ¶ÒÁàËμ¼Ø Å ËÅ¡Ñ ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁàËμØ¼Å áÅТ͌ ÍÒŒ § ๑. ถามเหตุผลอดีต คือ ถามเหตุผลกอนเกิดการรูเห็นวา เหตุใดจึงมารูเห็น เพ่ือเปน พนื้ ฐานรบั รองเหตปุ จ จบุ ัน ๒. ถามเหตปุ จ จบุ นั คอื ถามถงึ เหตผุ ลขณะเกดิ เหตุ หรอื เวลาขณะเกดิ เหตวุ า ขณะรเู หน็ ไดทําอยา งไรบา ง เพื่อเปนเหตผุ ลรองรับเหตุผลอนาคต ๓. ถามเหตุผลอนาคต คือ ถามถึงเหตุผลตอนหลังจากการรูเห็นวา จากการรูเห็น มาแลว นนั้ ไดท ําอยา งไรบา ง เหตุผลท้ังสามขอ นต้ี องสอดคลอ งกัน แตใหไ ดค วามวา ใคร ทาํ อะไร ท่ีไหน เมือ่ ไร อยางไร ทําไมเชนกนั ¡‹Í¹ทาํ ¡Òëѡ¶ÒÁμŒÍ§àμÃÂÕ ÁμÇÑ ÍÂÒ‹ §äà ¡. ¹Ñ¡Ê׺¼«ÙŒ Ñ¡¶ÒÁ ๑. จะตองไปดทู ีเ่ กดิ เหตกุ อ นทุกคดี เพือ่ ทราบรายละเอียดแหง คดนี ัน้ วา - เกดิ เหตอุ ยางไร เมอื่ ไร - ในทเี่ กดิ เหตมุ พี ยานหลกั ฐานอะไรบา ง ทเี่ ปน รอ งรอยของคนรา ยทงิ้ ไว มกี าร ตอ สู หลกั ฐานสว นตัวของคนรายตกในอยูท่ีเกิดเหตุ - เวลากลางคนื มแี สงสวา งหรอื ไม จากทใ่ี ด ขนาดใด เหน็ ชดั เจนไหม หา งเทา ใด ฯลฯ ๒. เมอ่ื ดทู ีเ่ กดิ เหตแุ ลว ตอ งวางข้นั ตอนในการสืบสวนทาํ อะไรบา ง - เตรยี มตวั เตรยี มใจใหพ รอ ม ไมม นี ดั กบั ผใู ดเพอ่ื เขา มาขดั จงั หวะในการซกั ถาม ไมรับโทรศัพท ไมเขา หองนาํ้ ไมทานอาหารหรอื ไปพกั ผอ นกอ น เปนตน - สิ่งใดที่รูลวงหนา เพ่ือประโยชนในการช่ังน้ําหนักวา จริงหรือไมจริง ตอ งเตรยี มขอ มลู และขอ เทจ็ จรงิ เกี่ยวกับเร่ืองนัน้ ไวกอน ๓. เตรียมคําถามไววาควรถามอะไรบาง ต้ังคําถามใหมาก คําตอบที่มีประโยชน พยายามแยกไวพ จิ ารณาอะไรจรงิ ไมจ รงิ ควรซกั ถามขอ อา งหา งประเดน็ กอ น แตต อ งดวู า พยานนนั้ เปน พยานประเภทใดดวย ก. ประเภทประจกั ษพยาน เห็นเหตุการณต ลอด เตม็ ใจใหถ อยคํา
๒๕ ข. ประเภทเห็นเหตุการณแตไมตลอด เห็นกอนเกิดเหตุ เห็นขณะเกิดเหตุ เหน็ หลังเกดิ เหตุ มคี วามตกใจกลวั มาก หรือต่นื เตน อาจตอ เตมิ หรือมีความเห็นวา ควรจะเปน อยางนั้น อยา งนี้ ค. ประเภทรูเหตกุ ารณ แตไมเตม็ ใจใหก ารเปน พยาน เน่อื งจาก - กลัวอิทธพิ ลของคนราย จะแกแคน หรือทํารา ยคนในครอบครวั - กลัวเสียเวลาในการไปใหก ารเปนพยาน - กลัวเปน ขาวในหนา หนังสือพมิ พ - ถาเปนพวกทีร่ ว มมอื ทาํ ผดิ ดวย กลบั ใจมาใหก ารกลัวถกู จาํ คกุ ¢. ¼Œ¶Ù ¡Ù «Ñ¡¶ÒÁ¾ÃŒÍÁáÅÇŒ ËÃÍ× äÁ‹ ๑. พิจารณาวาเขามีความรูสึก หรือประสาทพรอมแลวหรือยัง กําลังตกใจกลัว ตืน่ เตน หรือไม มสี วนไดเสียกบั คนรายหรอื ไม เปน ญาติพ่ีนอ งกันหรอื ไม ๒. ใหเขาน่ังตามสบาย ชวนคยุ เรือ่ งอนื่ กอน ไมใ หเ ขาเครียดหรือมีความกงั วล à·¤¹Ô¤¡Òë¡Ñ ¶ÒÁ การซกั ถามแหลง ขาวที่ไดผ ลท่ีสดุ ๑. แหลงขาวไมรตู วั วาถกู ซกั ถาม ๒. หลีกเล่ียงการจด บนั ทึก หรอื ทําอะไรตอหนา แหลงขา วใหเ ขารูวาถกู ซกั ถาม หากตองการบันทึกการซักถาม ใหใชเคร่ืองมือพิเศษในลักษณะซอน หรืออําพราง ในการบันทกึ โดยไมใ หแ หลง ขา วทราบได ÁÕ¨μÔ ÇÔ·ÂÒ㹡Òëѡ¶ÒÁ ๑. คนจะพดู มากหลังจากประสบเหตุการณข มขืน่ มาใหมๆ ๒. คนมักจะคลอยตามความคดิ เห็น ของผูมีอาํ นาจเหนอื ตน ๓. คนมักจะใหเ หตผุ ล เม่อื ตนเองทาํ ผดิ (แกต วั ) ๔. คนมักจะตกตะลึง เม่ือเกดิ เหตกุ ารณคับขนั ๕. คนมักจะโกรธเมอื่ ถกู ลบหลูดหู มิน่ ๖. คนมกั จะชอบการยกยอปอปน ๗. คนมักจะเหน็ ความสาํ คญั ของตนเอง มากวาเหน็ ความสาํ คญั ของผูอ ื่น ๘. คนมกั จะตอบสนองความเมตตาปราณี และเห็นอกเห็นใจท่ีมผี อู ่นื มอบให Å¡Ñ É³Ðคํา¶ÒÁ ๑. ตงั้ คาํ ถามงา ยๆ ๒. ตัง้ คําถามตรงไปตรงมาไมออ มคอม ๓. ตัง้ คําถามแบบแนบเนยี น และถูกตองตามกาลเวลา
๒๖ ๔. มีคําถามมลู ฐานอยู ๖ ประการ คือ หลัก ๕ W ๑ H Who (ใคร) What (ทําอะไร) When (เมอ่ื ไหร) Where (ที่ไหน) Why (ทําไม) How (อยางไร) ÇÔ¸Õᡌ»˜ÞËÒ㹡Òëѡ¶ÒÁáËÅ‹§¢Ò‹ Ç ๑. พดู ออมคอม - อดทนฟงเขาพูดตอ ไป - คอยจับผดิ ใหไ ด - ถามยํ้าใหพดู ยนื ยันอกี ครงั้ ๒. ดอ้ื ถอื ดี หวั แข็ง - พดู แหย พดู เรว็ อยา ใหต ัง้ ตัวตดิ - พูดดถู กู ดแู คลนดาวา - พูดโอโลม แสดงเหตผุ ล ๓. โกหกเกง - ปลอยใหเขาพูดไปกอ น แลวคอ ยจับโกหกใหได - เมื่อพดู จบ ใหพดู อีกครั้งวาตรงกันหรอื ไม - หยดุ ถาม แลว เรยี กมาซกั ถามใหม ò.ò ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨ÃÔ§â´ÂÇÔ¸¡Õ ÒÃÍ×¹è ¢‹ÒÇ ¡ÒÃËÒ¢Ò‹ Ç áËÅ‹§¢Ò‹ Ç ปจจุบนั อาชญากรรมนับวา เปนปญหาทีส่ าํ คัญ ซงึ่ นบั วนั จะทวคี วามรนุ แรงมากขึน้ ตาํ รวจ ถือวาเปนเคร่ืองมือของรัฐบาลที่มีหนาที่ในการปองกันปราบปราม แตทวาความสําเร็จดังกลาวจะมี มากนอ ยเพยี งใด จงึ ตอ งพจิ ารณาในดา นการหาขา ว การทต่ี าํ รวจจะสามารถดาํ เนนิ การ วางแผนรบั มอื อาชญากรรมจําเปนตองมีขอมูลขาวสารจากแหลงตางๆ และมีการวิเคราะหอยางเปนระบบ ดังน้ัน การขา วจงึ นับไดวา มคี วามสําคญั ¢Ò‹ Ç คือ อะไร ¢Ò‹ Ç คือ ปรากฏการณท ี่เกิดขึน้ จากการได ดู อาน ฟง ¢‹ÒÇ แบงออกเปน ๓ ประเภท คอื ๑. ขาวเปด คือ ขาวที่หาไดจากสื่อมวลชนตางๆ เชน หนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ซ่งึ ไดจ ากการดู การฟง และการอาน ถือวา เปนขา ว ๙๕ เปอรเซ็นตของขา วทง้ั หมด
๒๗ ๒. ขา วกึง่ เปด กง่ึ ปด คือ ขา วที่ไมส ามารถหาซอื้ ได แตไ ดจากการตรวจสอบ จากเจาหนาที่ ทีเ่ ก่ียวของ เชน งานทะเบยี นตา งๆ หรือหนว ยงานเอกชน โดยใชห นังสอื ของทางราชการขอความรว มมอื ๓. ขาวปด คือ ขาวที่ไมมีการเปดเผย อาจหมายถึง ขาวลับ การท่ีจะใหไดมา ซ่ึงขาวดังกลาว จะตองใชวิธีอื่นๆ เชน การใชสาย การสงคนสะกดรอยติดตาม หรือการเฝาจุด ซง่ึ ตองเสียคา ใชจ า ยสูง ¡ÒÃ㪌áËŧ‹ ¢‹ÒÇËÃ×ÍÊÒÂÅѺ “แหลงขาว หรือ สายลับนั้นก็คือ บุคคลผูซึ่งยินยอมตกลงที่จะมีความสัมพันธในทางลับ ตกลงทจ่ี ะถูกควบคุมในระดบั หนึ่ง และจะเปน ผจู ดั หาขาวสารหรอื การบรกิ ารอื่นใดใหแ กเ จา หนาท่”ี องคป ระกอบของแหลง ขา วหรือสายลับนน้ั กค็ ือ (๑) มคี วามสมั พนั ธในทางลับกับเจาหนาท่ี (๒) ตกลงทีจ่ ะถูกเจาหนา ทค่ี วบคุมในระดบั หนงึ่ (๓) ตกลงทจ่ี ะจดั หาขา วสาร หรอื บริการแกเจาหนา ท่ีได ดังน้ัน “แหลงขาว หรือสายลับเพื่องานการสืบสวน” ก็คือ ผูท่ีไดตกลงท่ีจะกระทําการใด อนั เปนประโยชนตอเจาหนาที่ เพอื่ การสืบสวนปอ งกันปราบปรามอาชญากรรมน้นั เอง ซึง่ วธิ ีการ “RECRUIT” แหลงขา ว หรือสายลับนัน้ แบง ออกเปน ๒ วิธดี วยกนั คือ (๑) แบบ Positive หรือ Reward คือ มีผลประโยชนตางตอบแทน (๒) แบบ Negative หรอื Punishment คือ แบบการลงโทษ แบบที่หนึ่ง (Positive หรือ Reward) น้ัน เปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศที่เจริญแลว เชน ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฯลฯ เปนการทํางานระหวาง C/O (Case Officer) หรือ เจาหนาท่ีควบคุมกับ C/I (Case Information) หรือแหลงขาวนั้นเอง โดยตางฝายตางไดรับ ผลตอบแทนซึง่ กันและกัน คอื เจา หนา ท่ไี ดร ับขอมูลขาวสาร สว นแหลง ขา วหรอื สายลบั น้ัน จะไดรบั เปน ผลประโยชนตอบแทน เชน เงินหรอื สง่ิ ของอืน่ ใดท่ีแหลง ขา วหรือสายตอ งการ แตท ั้งนี้ตอ งอยูใน ภาวะท่ีเจาหนาท่ีผูควบคุม (C/O) น้ันสามารถใหไดโดยไมขัดตอกฎหมายและระเบียบ ตลอดจนไมเปนการกระตุนใหแหลงขาวนํา “ขอมูลไมจริง” มาใหแบบไมรับผิดชอบและอาจสงผล กระทบตอการปฏบิ ตั ิงานของผเู ก่ยี วของได แบบที่สอง (Negative ËÃ×Í Punishment) น้ันเปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศ สังคมนิยมหรือประเทศคอมมิวนิสต เน่ืองจากเปนประเทศท่ีขาดงบประมาณหรือมีงบประมาณนอย หรือชอบใชความรุนแรง เชน ในสมัยสงครามโลก พวกนาซีไดใชพวกยิวในการหาขอมูลขาวสาร หากไมทําตามท่ีไดสั่งการไวอาจถูกจับกุม หรือเปดเผยฐานะตนเองทําใหถูกฆาได วิธีนี้ปจจุบัน ยงั มีการกระทํากันอยู เนื่องจากไมต อ งลงทุนแตอยา งไร
๒๘ จะเห็นไดวา ประเทศในโลกสวนใหญมักนิยมใชแบบแรกมากกวา เนื่องจาก “แหลงขาว หรือสายลับ” นั้น จะมีประสิทธิภาพในการทํางานมากกวา มีความจริงใจในการทํางานและมีน้ําหนัก ของพยานทดี่ ีกวาแบบท่สี อง ในเมื่อแหลงขาวหรือสายลับ สวนใหญเปนระบบ (Positive หรือ Reward) เราในฐานะเปน เจา หนา ทต่ี าํ รวจ จงึ ตอ งควรอา นใหอ อกวา แหลง ขา วหรอื สายลบั ตอ งการอะไรเพอ่ื เปน แรงจูงใจในการทํางานและเปนเครื่องช้ีใหเราทราบวา แหลงขาวหรือสายลับของเราไมได ทํางานเพือ่ หวังมาทาํ ลายงานของเรา สิ่งจูงใจนน้ั ไดแ ก (๑) MONEY คอื พวกตองการเงนิ (๒) FAMILY คือ พวกตองการใหค รอบครัวเปน สุข (๓) SECURITY คอื พวกตอ งการความปลอดภัยของตนเองหรอื ครอบครัว (๔) IDEALISM คอื พวกมแี นวความคดิ หรือมอี ดุ มคติ (๕) PATRIOTISM คอื พวกรกั ชาติ (๖) EGOTISM คอื พวกท่ีชอบใหคนอนื่ ใหค วามสาํ คัญ (๗) FRIENDSHIP คือ มไี มตรจี ิตกบั เจาหนา ท่ี (๘) ADVANGER คอื พวกชอบทาํ งานตน่ื เตน เส่ยี งภยั (๙) REVENGER คือ พวกตอ งการลางแคน ดังนั้นเม่ือเจาหนาท่ีตํารวจหรือ C/O ไดทํางานกับแหลงขาวหรือสายลับประเภทตางๆ ดังท่ีกลาวมาแลว ก็ควรจะใหสิ่งจูงใจตามที่พวกเขาตองการ หากทําไดจะมีผลทําใหพวกเขาเหลานั้น มีแรงจูงใจในการทํางานมากขึ้น แตท้ังนี้จะตองควบคุมพิจารณาใหดี เพราะแหลงขาวหรือสายลับ แตละประเภทมีขอดขี อเสยี แตกตา งกนั ไป áËŧ‹ ¢‹ÒÇ การทจ่ี ะไดม าซงึ่ ขา วสารและขอ มลู ทเี่ กย่ี วกบั การกระทาํ ความผดิ ของคนรา ย จาํ เปน จะตอ ง ทราบถงึ สถานทต่ี า ง ๆ อนั จะทาํ ใหไ ดข า วสารทเ่ี ปน ประโยชนต อ การสบื สวน ซงึ่ สามารถใหค วามหมาย ของคําวา “แหลง ขาว” ไดด งั นี้ แหลงขาว หมายถึง แหลงหรือสถานท่ี ซึ่งคาดคะเนวาจะไดขาวสารที่เปนประโยชนท่ีจะ รูตัวผูกระทําผิด ไดพยานหลักฐานตลอดจนการจับกุมผูกระทําผิด แหลงหรือสถานที่ซ่ึงคาดคะเนวา จะไดขาวสารอันเปนประโยชนดังกลาวนั้นมีอยูหลายประการดวยกัน คดีใดควรจะสืบสวนจากที่ใด เพยี งแหง เดยี วหรอื หลายแหง ก็สดุ แตค วามเหมาะสมและเหตุการณซ งึ่ ท่ีสาํ คัญ ๆ มดี งั ตอไปน้ี ñ. ʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμØ นบั วา เปน หลกั ฐานสาํ คญั ขอ แรกของคดที งั้ หลายทเี่ กดิ ขนึ้ ผสู บื สวน ควรจะสนใจและถาสามารถไปดูสถานที่เกิดเหตุไดดวยตนเองก็จะเปนประโยชนอยางยิ่งแกการท่ีจะ ทําการตอไป เพราะบรรดาพยานหลักฐานทั้งหลายท่ีไดภายหลังน้ัน จะตองไมเปนการขัดกับสถานที่ เกิดเหตแุ ละเพอื่
๒๙ ก. พสิ จู นว า ไดม เี หตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ตามทกี่ ลา วหาหรอื ไม เพราะคดบี างเรอื่ ง บางรายอาจแกลงกลาวหากันได เรื่องท่ีไมจริงแลวแกลงกลาวหากัน หลักฐานหรือรองรอยตาง ๆ ยอมแสดงพิรุธ หรือไมส มเหตุผล ข. เพื่อจะทราบวามีหลักฐานรองรอย ส่ิงของ หรือส่ิงหนึ่งส่ิงใดซ่ึงเปนพยาน หรอื หลกั ฐานในการสบื สวนหาคนรา ยหรอื ผเู กย่ี วขอ งหรอื ไม ในขอ นผี้ สู บื สวนจะตอ งใชค วามรคู วามชาํ นาญ และความละเอยี ดรอบคอบในการพิจารณา เชน รองเทา ลายนิว้ มอื ปลอกกระสุน หยดโลหิต ฯลฯ ทต่ี กอยทู เ่ี กดิ เหตเุ ปน ของใคร เกยี่ วขอ งกบั คดอี ยา งไร ยอ มเปน หลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ งในเหตกุ ารณน น้ั ไดด ี ค. เพ่ือทราบสภาพหรือกิริยาอาการของสถานที่ ของบุคคล ของศพ บาดแผล หรือส่ิงของตาง ๆ ในสถานท่ีนั้นเปนอยูอยางไร ภาพของสถานที่ซึ่งถูกปลนหรือถูกลักทรัพยก็ยอม ปรากฏมีรองรอยการถูกงัดและแตกหัก หรือมีลายนิ้วมือดังกลาวมาแลว กิริยาอาการของบุคคล ซึ่งอยูที่บาน หรอื ใกลท เ่ี กิดเหตุ มพี ิรุธนาสงสัยหรอื ไม ถาหากมผี ตู ายก็ตอ งมกี ารตรวจชนั สตู รพลกิ ศพ โดยเจาพนักงานตาม ป.ว.ิ อาญา อีกสว นหนึ่ง ง. ทิศทางการเขาออกของบุคคลหรือเหตุการณท่ีเกิดขึ้นเมื่อไดตรวจสอบ ถามเหตุการณตางๆ ไดความแลวก็ควรจะตองทําแผนท่ีเกิดเหตุแสดงรายละเอียดได แผนที่น้ี เปน สงิ่ สาํ คญั ยง่ิ จะตอ งใชเ ปน พยานในชนั้ ศาลตอ ไป จะตอ งเขยี นโดยอาศยั วทิ ยาการทางแผนทปี่ ระกอบ ยิ่งใชมาตราสวนท่ีถูกไดก็ย่ิงดี ถาหากเหตุการณสับสนยุงยากหรือมีรายละเอียดมากควรทําแผนท่ี สองฉบับแสดงระยะทางติดตอระหวางท่ีเกิดเหตุกับบาน พยานท่ีรูเห็น สภาพแหงหมูบานนั้น โดยละเอียดเปนทํานองแผนผังอีกแผนหนึ่ง การตรวจติดตอชองทางเขาออกของคนรายเปน สง่ิ สาํ คญั เพราะสง่ิ ทจี่ ะเปน หลกั ฐานนน้ั อาจจะตกอยทู ที่ างเขา ออกนน้ั บา งกไ็ ด เชน พวกปลน ขนทรพั ย พาหนไี ป อาจมสี ง่ิ ของบางอยา งอยตู ามทางทห่ี นไี ปนนั้ เปน การบอกทศิ ทางทคี่ นรา ยหนี ถา คนรา ยไดร บั บาดเจ็บไปก็อาจมรี อยเลอื ด ไดติดตามตอ ไปถงึ ตัวคนรายไดโดยงาย ò. º¤Ø ¤Å·ÍèÕ Ò¨Ãˌ٠ÃÍ× ·ÃÒºàËμ¡Ø Òó บคุ คลทอี่ าจรหู รอื ทราบเหตกุ ารณม หี ลายประเภท ดว ยกนั แตจ ะกลา วเฉพาะทเี่ หน็ วา เคยไดผ ลในการสบื สวนมาแลว เปน สว นมากเทา นน้ั ซง่ึ อาจแบง แยก ออกเปน ไดด ังน้ี ก. ผูเสียหายหรือพรรคพวกของผูเสียหาย ตามปกติแลวบุคคลประเภทนี้รูเห็น เหตุการณส่ิงใด ยอมไมปกปด มักจะบอกเลาแกพนักงานเจาหนาที่เพราะเปนสวนไดเสียของตน หรือของพรรคพวกแตจะเช่ือไดเพยี งใดหรือไมจะตอ งพิจารณาตามเหตผุ ล คือ ๑) ตงั้ ใจบอกความจรงิ ตามเหตุการณท เ่ี กดิ ข้ึน แตอาจมบี างอยางทเี่ จา ทุกข หรอื ผเู สยี หายสงสยั ไมแ นใ จ แตไ มช แ้ี จงในรายละเอยี ดและมอี ปุ าทานหลงเชอ่ื และเดาวา เปน ความจรงิ อาจทําใหเกิดการจับตัวคนรายผิด โดยมีเหตุโกรธเคืองหรือโดยการคะเน และบางสิ่งบางอยาง อาจเกินความจริงไปบางโดยตองการใหคนรายถูกลงโทษอยางหนัก หรือเผ่ือเอาไวดังที่กลาวกันวา “ปลาตกนาํ้ ตวั โต” ก็อาจเปน ได
๓๐ ๒) ไมเปดเผยความจริงใหทราบท้ังหมดเพราะเจาทุกขหรือผูเสียหายน้ัน มีสวนผิดอยูดวยบาง เชน ลักลอบเลนการพนันเกิดทะเลาะทํารายกัน ในชั้นแรกคงจะเลาใหฟง แตเรื่องทํารายกัน สวนสาเหตุท่ีวาทําไมจึงทํารายกันอาจปกปดไว บางรายอาจบอกเปนความเท็จ ทง้ั ส้ิน เพื่อแกลงใสร า ยหรือแกลง กลาวทําโดยเรอื่ งมไิ ดเกดิ ขน้ึ จรงิ ๓) เจาทุกขบางคนอาจเกรงกลัวคนราย ตื่นเตนตกใจกลัวมากเกินไป สติยังไมเปนปกติหรือไมไววางใจเจาหนาท่ีซ่ึงไปทําการสอบสวนอาจยังไมบอกความจริงหรือบอก ผิดพลาด ไปไดบาง การสอบถามเจาทุกขในระยะแรก คือ ในตอนสืบสวนเพ่ือใหไดความสําหรับ การสืบสวนตอไป จึงควรจดบันทกึ เปนการสบื สวนโดยจดไวเ องเพอ่ื เตือนความจํา และควรใหเจาทุกข มีสติดีและไวว างใจเสยี กอน ๔) ในกรณีท่ีเจาทุกขผูเสียหายหรือพยานรูเห็นระบุตัวผูตองหาโดยชัดแจง เม่ือปรากฏเปนความจริงแลวจะตองรีบดําเนินการสืบสวนจับกุมผูตองหาโดยดวน มิฉะน้ันแลว อาจทาํ ใหคดีเปน ท่นี าระแวงสงสัยซงึ่ ตรงกันขามกบั ท่ีเจาทกุ ขห รอื ผูเ สียหายใหก ารวาไมร ูจกั ชอ่ื คนราย แตจําหนา ไดยอมทําใหการสบื สวนจับตวั คนรา ยเปนไปดวยความลําบาก ข. บุคคลซึ่งเกี่ยวของหรือเห็นในการกระทําผิด บุคคลท่ีรูเห็นในจํานวนน้ีมักจะ เกย่ี วขอ งไปในทางทเี่ ปน พรรคพวกของผตู อ งหาหรอื มสี ว นสมรรู ว มคดิ หรอื การทาํ ความผดิ รว มดว ยกนั กับผูต อ งหา แตภายหลงั เกิดแตกพวกกนั หรอื ทรยศกนั หรือเมอื่ ถกู จับกมุ แลว รสู กึ ผดิ และรบั สารภาพ หรือถกู พนักงานสอบสวนกนั เปน พยาน เปนตน ค. กํานัน ผูใหญบาน ผูที่กวางขวาง หรือเปนท่ีเคารพนับถือของราษฎร กํานัน ผูใหญบาน เปนท้ังเจาหนาท่ีและผูอยูใกลชิดติดตอกับราษฎร ถายิ่งเปนผูที่เคารพนับถือดวยแลว ก็ยิ่งเปนผูที่จะใหขอมูลขอเท็จจริงในคดีที่เกิดไดอยางดีท่ีสุด ผูสืบสวนมักจะไดกํานันผูใหญบาน เปน กาํ ลงั สาํ คญั ในการสบื สวนแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ ในตาํ บลใด หมบู า นใด กาํ นนั หรอื ผใู หญบ า น มเี หลย่ี ม นักเลงกวางขวาง ซื่อสัตยและทําจริง เหตุการณโจรผูรายมักจะสงบไมกลารบกวน ในเขตตําบล หรือบา นนน้ั บางทียังอาจคมุ ครองไปถงึ ตาํ บล หรือหมูบา นอน่ื อกี ดวย - ผูกวางขวางรูจักคนมาก ก็เปนประโยชนซึ่งอาจจะทราบเรื่องหรือรูเห็น เหตุการณไดดี เพราะเหตุท่ีกวางขวางอาจมีคนคุยหรือเลาใหฟง หรืออาจเก่ียวของ มีแนวทางตอไป ใหไ ดความ บางคนเปน ผูท ีเ่ คารพนบั ถือของราษฎรนน้ั ถา พวกเขารเู ร่ืองทราบขาวอะไรมักจะไมปดบัง หรือไมกอ็ าจนําเรอ่ื งนนั้ ๆ มาปรึกษาหารอื หรอื ขอความชวยเหลอื ง. ผูมีอทิ ธิพลทางนักเลง ผเู ท่ยี วเตรซ อกแซก คนขบั รถรับจา ง - ผูมีอิทธิพลในทางนักเลงยอมคบหาสมาคมติดตอกับพวกนักเลง หรือประพฤติมิชอบตางๆ จึงนับไดวา เปนบุคคลที่อาจจะรูเห็นเหตุการณไดดี อาจใกลความจริง ดียงิ่ กวา บุคคลในจาํ พวก ค.ขา งตน - ผูเที่ยวเตรซอกแซก หมายถึง คนท่ีชอบคบหาสมาคมติดตอกับคนที่ ทํามาหากินในทางมิชอบซ่ึงตนเองอาจจะไมไดรวมดวย แตเปนคนชอบสนุกหรือไมขัดคอจึงพลอย ไปกับเขาดวย บุคคลชนิดน้ียอมเปนประโยชนในการสืบสวน และอาจจะเปนสายของเจาพนักงาน ซงึ่ ปลอมแปลงเขา ไปก็ได
๓๑ - คนขับรถรับจาง ปกติยอมขับรถตระเวนรับสงคนในเวลาตางๆ กลางวัน หรือกลางคืน สถานที่ท่ีไปอาจเปนสถานท่ีที่นาสงสัย อาจรูเห็นและทราบเหตุการณตางๆ ไดดี บางคราวอาจเปนผูรับสงผูกระทําผิด เปนผูสมรูรวมคิดกับคนรายหรือเห็นเหตุการณ การกระทําผดิ ดว ย จ. บุคคลท่ีอยูในแหลงอบายมุขตางๆ เชน ซองโสเภณี รานคาจําหนายสุรา บอนการพนัน โรงรับจํานํา ตลอดจนสถานบริการตางๆ เชน อาบอบนวด คาราโอเกะ บุคคล ที่อยใู นแหลง เหลา น้ี ยอ มมีโอกาสม่ัวสุม หรอื พบปะคนรา ย ไดท ราบเหตกุ ารณต างๆ ทํานองเดยี วกบั บุคคลจําพวก ง. จะมีการแตกตางกันบางก็ดวยสถานที่เหลานี้อาจจะเปนท่ีพักพิงของคนราย หรอื เปนบอเกิดอาชญากรรมรา ยแรงเสียเอง - แหลงรับซ้ือของโจร อูรถเถ่ือน อาจเปนสถานที่ดัดแปลง หรือชําแหละ ชน้ิ สวนเพ่อื ขายเปนอะไหล - รานตัดผม เจาของรานหรือชางตัดผม อาจจะไดยินไดฟงบุคคล หลายประเภทที่มาตัดผมพูดคุยกัน ถอยคําท่ีพูดคุยอาจติดหู และอาจมีประโยชนในการสืบสวน เชน สาํ เนียงการพดู มีลักษณะมาจากภาคใด เปนตน - พอคา หรือคนขายของ อาจสังเกตเห็นลักษณะอันผิดสังเกตบางอยาง ของลูกคาที่มาซ้ือของ เชน มีเงินมากผิดปกติหรือใชจายอยางฟุมเฟอยเกินฐานะ ชวนใหสงสัยวา อาจไดมาโดยไมส จุ ริต - เจา ของสถานบรกิ ารตา งๆ หรอื พนกั งานในสถานทเ่ี หลา นี้ ยอ มรจู กั บคุ คล ทมี่ าใชบ ริการ และความเปนไปของบคุ คลน้นั ไดเปน อยางดี - รา นถา ยรปู เจา ของรา นอาจรเู รอ่ื งราวเกย่ี วกบั รปู ภาพของบคุ คลทม่ี าจา ง ถา ยรูป ลา ง อัดรปู หรือมรี ูปทีบ่ คุ คลมาถายไว - พนักงานขนของในบริษัทเดินอากาศสายการบินตางๆ บุคคลเหลาน้ี อาจรูเห็นและจดจําลักษณะพิเศษ หรือแปลกประหลาดของหีบหอ กระเปาเดินทาง หรืออาจจํา ผูโดยสารและบุคคลที่มาสงผูโดยสารได หากบุคคลหรือหีบหอดังกลาวอยูในขายแหงการสืบสวนแลว พนกั งานเหลา น้ีอาจใหความสวา งแกผ ูสบื สวนได - โรงพยาบาล คลินิกทันตกรรม แพทย พยาบาล ทันตแพทย ตลอดจน บุคคลท่ีทํางานในสถานที่ดังกลาวยอมรูเรื่องเกี่ยวกับอาการความเจ็บปวย หรือบาดแผลตางๆ ได เปน อยา งดโี ดยเฉพาะแผลอนั เกดิ จากอาวธุ ชนดิ ตา งๆ หรอื ของมคี ม เปน ตน โรงพยาบาลยอ มมขี อ มลู วนั เวลาที่บคุ คลมาทาํ การรกั ษาอยู - ผูมีอาชีพทางการขนสงเคร่ืองอุปโภคบริโภคตามบานเรือนยอมรูจัก ตัวบุคคล ท่ีอยูอาศัย ตลอดจนความเปนไปและนิสัยใจคอของบรรดาบุคคลในเขตทองที่ท่ีตนตอง ทํางานเกีย่ วขอ ง - ชางซอมประปา ไฟฟา หรือพนกั งานเก็บคา ประปา ไฟฟา บุคคลเหลา นี้ อาจเปนประโยชนใ นการใหขอ มูลทางการสืบสวนไดท้งั ส้นิ
๓๒ ๓. สิ่งของตาง ๆ ท่ีเปนวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และของกลางที่ยึดได เปนหลักฐาน อยางหนึง่ ท่สี ามารถสบื สวนใหไดมลู เหตุ หรอื รูตวั คนราย ซ่ึงวธิ สี บื สวนจากส่งิ เหลา น้ีใชได ๒ วิธี คอื ใชทางดา นวทิ ยาการเขาชวย และสบื หาจากตัวบุคคล ในที่น้ีจะกลาวแตเ ฉพาะสืบจากบคุ คล ก. ผเู คยใช ผเู คยเหน็ หรอื เก่ยี วของ ซ่งึ จําสง่ิ ของน้ันได ในขอ น้ีมักจะเปน ปญ หา สําคัญในการพิจารณาเก่ียวกับการโตเถียงกรรมสิทธิ์ในสิ่งของนั้นวาเปนของใคร และการยืนยัน ในขอท่ีวาจําได การใหการวาจําไดโดยไมมีเหตุผลยอมไมอาจรับฟงได เชน ในเร่ืองคดีลักทรัพย หรือรับของโจร ถาผูตองหาตอสูกรรมสิทธ์ิของกลางที่จับได ถาไมมีหลักฐานยืนยันในเรื่องของกลาง โดยมีเหตผุ ลทมี่ นี า้ํ หนกั แลว เปนการยากท่ีจะใหศาลลงโทษ ของกลางบางอยางมีสภาพไมเ หมือนกนั หรือมีแตเฉพาะคนบางกลุมบางพวก เชน พระเครื่อง ภาพถาย เครื่องแตงบาน ฯลฯ เปนการงายที่จะสืบหาเจาของ และมักจะไมคอยมีขอโตเถียงกรรมสิทธ์ิสิ่งของท่ีตกอยูในที่เกิดเหตุ เชน มีดพก หมวกคนราย เปนตน อาจจะสืบหาคนรายไดโดยสอบถามจากคนท่ีเคยเห็นหรือจําได โดยถอื หลกั ดังกลาวขา งตน ข. ผเู ปน เจา ของ หรอื ผปู ระดษิ ฐห รอื จดั ทาํ สง่ิ ของนน้ั บคุ คลในประเภทนยี้ อ มเปน ผูที่จะยืนยันในสิ่งของน้ันมีนํ้าหนักดีกวาการที่เคยเห็นใช เชน เส้ือผาที่ตัดจากรานเย็บเส้ือผา โดยวิธีวดั ตดั และติดช่อื หรอื ยหี่ อของรา น ผเู ยบ็ หรอื ตดั ยอ มระลกึ ไดวา เสอ้ื ทีต่ นเย็บนนั้ มีรอยตําหนิ หรือรูปลักษณพ เิ ศษอยางไร ใครเปนคนวา จา ง และมีบัญชีบันทึกขนาดของเสือ้ นัน้ ปรากฏอยู ค. แหลงหรือสํานักท่ีอาจรับหรือมีส่ิงของน้ันไว เชน โรงรับจํานําบางราน หรือบุคคลที่เคยรับซื้อของโจร การที่ติดตามส่ิงของท่ีหายไป ถาผูสืบสวนรูเบาะแสดังกลาว ยอมสกัดจับของกลางหรือจับของที่ตองการน้ันไดโดยงาย นอกจากน้ัน ยังอาจจะบอกช่ือเจาของ หรอื บุคคลซ่ึงสงสัยวา จะมีหรือใชสงิ่ ของเชนนนั้ ได áËŧ‹ ¢ŒÍÁÙÅ·èÕà¡ÕèÂÇ¡ºÑ »ÃЪҡÃáÅкؤ¤Å ในการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นนั้นภายหลังจากการตรวจที่เกิดเหตุของผูสืบสวนอาจทราบถึง ตัวคนรายหรือผูกระทําผิดในทันที การติดตามจับกุมโดยเรงรีบจะตองกระทําในเวลาน้ัน ผูสืบสวน จะตองสืบสวนซกั ถามพยานใหร ถู งึ รปู พรรณของคนราย เสือ้ ผา ทีส่ วมใสในเวลาเกิดเหตุ ความจําเปน ในการจดจํารูปรางหนาตาของคนรายไดดีที่สุดก็คือ ภาพถายของคนรายน้ันเอง การที่จะไดมา ซง่ึ ภาพถา ยของคนรา ยหรือบุคคล ผูส บื สวนจะตองรูถงึ แหลง ขอมูลทเี่ กยี่ วของกับประชากรและบุคคล ดงั นี้ ๑. กองทะเบียนประวัติอาชญากร เปนหนวยงานหน่ึงในสํานักงานตํารวจแหงชาติ เปนหนวยงานระดับกองบังคับการในสังกัด สํานักงานพิสูจนหลักฐานตํารวจเปนแหลงขอมูลชวย ในการสบื สวน เปน สถานทเี่ กบ็ รวบรวมประวตั ิ รปู ถา ย และแผนประทษุ กรรมของคนรา ย ทาํ ใหผ สู บื สวน สามารถที่จะคน หาขอ มลู บางอยา งท่ีตอ งการได
๓๓ ๒. งานทะเบยี นราษฎรและงานทะเบยี นบตั รประจาํ ตวั ประชาชนของหนว ยงานปกครอง สวนกลางและสว นทอ งถน่ิ เปนแหลง ขอ มลู ทผ่ี ูสืบสวนสามารถท่ีจะตดิ ตอ ประสาน เพอื่ ทราบถิน่ ท่อี ยู สถานะบคุ คลในครอบครวั สถานทอ่ี ยใู นปจ จบุ นั ของบคุ คล ภาพถา ยของบคุ คล สามารถใชเ ปน แนวทาง ในการติดตามบคุ คลหรือจับกมุ คนรายไค ๓. เรือนจําในสังกัดกรมราชทัณฑ เปนแหลงขอมูลเกี่ยวกับตัวผูตองขังหรือนักโทษ ในกรณีที่มีการหลบหนีจากเรอื นจําของนักโทษ การตดิ ตามจบั กุมตวั นนั้ จะกระทาํ ไดบ รรลผุ ลกจ็ ะตอ ง อาศัยขอมูลท่ีทางเรือนจําตางๆ มี เชน รูปถาย และประวัตินักโทษนั้นๆ ท่ีทางเรือนจําไดจัดทําไว ผูสบื สวนสามารถทจี่ ะประสานงานขอความรวมมือได ๔. สถานประกอบการภาครฐั และเอกชน เปน สถานทที่ อ่ี าจรบั บคุ คลเขา ทาํ งาน ในสาขา วชิ าชพี ตา งๆ ซงึ่ จะตอ งมขี อ มลู เกยี่ วกบั บคุ คล ในบางครง้ั ผสู บื สวนมคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งประสานงาน เพื่อใหไ ดข อมลู มาใชประโยชนในการตดิ ตามบคุ คลหรอื คนรา ยท่ีตอ งการไดอ ยา งมปี ระสิทธิภาพ ¡ÒÃÊÌҧáËÅ‹§¢Ò‹ Ç ¹Ñ¡Ê׺·Ø¡¹ÒÂμŒÍ§ ๑. มแี หลงขาวในแหลง และกลุม ชน ดงั น้ี ๑.๑ ทุกกลมุ อาชีพ และชน้ั ของสงั คม ๑.๒ ทกุ แหลงสถานทที่ ีเ่ ช่ือวามขี า วสารอาชญากรรม เชน ๑.๒.๑ โรงแรม ๑.๒.๒ แฟลต ๑.๒.๓ สถานบริการใหเ ชา รถ ๑.๒.๔ ยานชุมชนแออัด ๒. สรา งแหลงขาวเพ่มิ เติมและปรับปรุงใหท นั สมัยอยูเ สมอ ¡ÒäǺ¤ØÁáÅл¯ÔºμÑ μÔ Í‹ áËÅ‹§¢Ò‹ Ç ñ. ¡ÒäǺ¤ÁØ áËŧ‹ ¢Ò‹ Ç ใหจ ัดทําเอกสารควบคุมแหลง ขาวซึ่งไดแก ๑.๑ สมุดคุมแหลงขา วประจําตวั นักสืบทุกนาย เพ่ือใหน กั สบื ผูน้ันทราบวา ๑.๑.๑ ตนเองมีผูใหข า วก่ีคน อยูทใี่ ดบาง แตละคนมคี วามสามารถทางใด ๑.๑.๒ ผูใหขาวแตละคน ใหขาวเร่ืองอะไรบาง ผลของการสืบสวนในขาว แตล ะเร่อื งเปน อยา งไร เพื่อวัดความสามารถและความเชอ่ื ถือตวั ผูใหข าวคนนั้น ๑.๒ สมุดคุมแหลงขาวของหนวยงาน แยกตามประเภทของแหลงขาว เพื่อให นักสบื ไดทราบวา ๑.๒.๑ มีแหลงขาวอยูท่ีใดบางในทองที่ของตน ใครเปนผูใหขาวในแตละ แหลงขาว นักสืบผูใดมีหนาที่รับผิดชอบควบคุมแหลงขาวใดบาง เมื่อมีความจําเปนตองหาขาวจาก แหลงขา วเหลา น้ัน กส็ ามารถใชไ ดถ ูกตอง
๓๔ ò. ¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ Í‹ áËÅ‹§¢‹ÒÇ ๒.๑ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองติดตอประสานงานกับผูใหขาวตามแหลงตางๆ ท่ีตนรับผิดชอบอยูอยางสมํ่าเสมอ เพ่ือกอใหเกิดความใกลชิด ไววางใจและติดตามการแจงขาว ของผูใ หข าวอยางตอเนื่อง ๒.๒ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองกําหนดวิธีการรับ-สงขาว ระหวางตัวนักสืบ กับผูใหขา ว ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤‹Ò¢Í§áËŧ‹ ¢‹ÒÇáÅÐμÇÑ ¢Ò‹ Ç ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤‹Ò¢Í§áËÅ‹§¢‹ÒÇ ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤‹Ò¢Í§μÇÑ ¢‹ÒÇËÃÍ× à¹×Íé ËҢͧ¢Ò‹ Ç (¹‹ÒàªÍ×è ¶×Í/äÁ¹‹ ‹Òàª×Íè ¶Í× ) (¹‹Òàª×èͶ×Í/äÁ¹‹ ‹ÒàªèÍ× ¶Í× ) - ตัวแหลงขาว (สายขาว/สายลับ) มี ๖ ระดบั - การประเมิน เนอ้ื ขา ว (มี ๖ ระดบั ) ก. เช่อื ไดเต็มที่ ๑. ไดรบั การยืนยนั จากแหลงขา วอ่นื ข. เชอ่ื ถือได ๒. นาจะเปน ความจรงิ ค. พอจะเชื่อถือได ๓. อาจจะเปนความจรงิ ง. ยงั ไมควรจะเชื่อถือ ๔. สงสยั วา จะเปน ความจริง จ. เช่ือถือไมไ ด ๕. ไมนา จะเปน ไปได ฉ. ไมส ามารถกําหนดความเชอื่ ถือได ๖. ไมนา ตดั สินความจริงได - (ของตางประเทศ) - (ของตา งประเทศ) A * โดยปราศจากขอสงสัยวาเช่ือได ๑. รูวาเปนความจริงโดยปราศจาก แนน อน (ทมี่ าเช่อื มั่นไดอ ยางสมบรู ณ) ขอ สงสัย B * ทผี่ านมาเชอ่ื ถอื ไดเปน สวนใหญ ๒. ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได C * ท่ีผา นมาเช่อื ถอื ไมไ ดเ ปน สว นใหญ รายงานใหเ จาหนา ท่ี X * ไมสามารถตัดสินได (เปนแหลงท่ี ๓. ขาวไมเปนที่รูจักจากแหลงแตรูมาจาก ไมเคยใชม ากอน) ผอู ืน่ และไดม ีการบันทกึ ไวแลว ๔. ไมสามารถตัดสินได* ขาวไมสามารถ รูไดจากแหลง และผูอนื่
๓๕ μÒÃÒ§¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤Ò‹ ¡Òâҋ Ç ÁÒμäÇÒÁàªÍ×è Áèѹ¢Í§áËŧ‹ ¢Ò‹ Ç â´Â»ÃÒȨҡ ·¼èÕ Ò‹ ¹ÁÒ ·¼èÕ ‹Ò¹ÁÒ äÁÊ‹ ÒÁÒö มาตรความเที่ยงตรงของขา ว ¢ÍŒ ʧÊÑÂÇ‹Ò àªÍè× ¶Í× ä´Œ àªèÍ× ¶Í× äÁä‹ ´Œ μÑ´Ê¹Ô ä´Œ àªÍ×è 䴌ṹ‹ ͹ ໚¹Ê‹Ç¹ãËÞ‹ ໹š ÊÇ‹ ¹ãËÞ‹ A B CX รวู า เปน ความจรงิ โดยปราศจากขอ สงสยั ๑ A๑ B๑ C๑ X๑ ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได ๒ A๒ B๒ C๒ X๒ รายงานใหเจาหนา ท่ี ขาวไมเปนที่รูจักจากแหลงแตรูมา ๓ A๓ B๓ C๓ X๓ จากผอู น่ื และไดมกี ารบนั ทกึ ไวแลว ไมส ามารถตดั สนิ ได ๔ A๔ B๔ C๔ X๔ ¢Ò‹ Ç·èÕ ¹Ò‹ àªÍè× ¶Í× ·ÊèÕ Ø´ ¤×Í Añ ¢Ò‹ Ç·èÕ äÁ‹¹‹Òàª×èͶ×Í·ÕÊè Ø´ ¤Í× Xô
๓๖
๓๗ º··èÕ ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ áËÅ‹§·è¨Õ оºÇμÑ ¶Ø¾ÂÒ¹ ๑. สถานทเี่ กดิ เหตุ ซงึ่ เปน สถานทที่ เี่ กดิ เหตขุ นึ้ และเปน แหลง รวมของบรรดาวตั ถพุ ยาน สว นใหญ เชน รอยลายน้วิ มอื แฝง ปลอกกระสุนปน ศพ รองรอยคนรา ย เราถือวาสถานทเ่ี กดิ เหตคุ ือ หัวใจของการสืบสวนหรือขุมทรัพยพยานหลักฐาน คนรายจะทิ้งรองรอยไวเสมอไมมากก็นอยข้ึนกับ เจาหนาท่จี ะมีความรคู วามสามารถในการท่ีจะคน หาและเกบ็ วัตถุพยานไดม ากนอ ยเพยี งใด ๒. ทตี่ วั ของผเู สยี หาย เชน ในศพ หรอื ในกรณผี ถู กู อาวธุ ปน และมกี ระสนุ ฝง อยใู นรา งกาย หรอื คดีขม ขนื กระทําชาํ เรา ซ่งึ วัตถพุ ยานสาํ คญั เชน บาดแผล เสน ขน เน้ือเยือ่ อสจุ ิ เปนตน จะอยใู น รางกายผูเสียหาย ๓. ที่ตัวคนรา ย เพราะหากคนรายเขาไปในทเ่ี กิดเหตุแลว นา จะตองนําสิง่ ของบางอยาง หรือมสี ิ่งของบางอยางตดิ ตวั ไป เชน ทรัพยสิน เศษหิน ดนิ ทราย (ไปกบั พน้ื รองเทา) หรือทิ้งรองรอยไว เชน คราบโลหิต น้าํ ลาย ลายน้วิ มอื เปนตน ๔. ที่อื่นๆ เชน คนรายยิงคนตายแลวหลบหนีไปพรอมอาวุธปนของกลาง ระหวาง หลบหนีไดน าํ ปน ไปโยนทงิ้ แมน ํ้า เปนตน ó.ñ ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹¨Ò¡¡ÒÃμÃǨʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ สถานทีเ่ กิดเหตุ หมายถงึ สถานที่ทีม่ ีการกระทาํ ความผดิ ทางอาญาเกิดขน้ึ และสามารถหา วัตถุพยานได ทําใหผูที่เขาไปตรวจสถานท่ีเกิดเหตุสามารถอานสภาพของสถานท่ีเกิดเหตุไดวา ใครนาจะเปนผูกระทําความผิดอะไร เมื่อเวลาใด ท่ีไหน ดวยวิธีการอยางไร และประสงคตอสิ่งใด ดงั น้ันจึงเห็นวา สถานท่ีเกดิ เหตุ หมายถึง สถานท่ีที่จะพบวัตถุพยานนัน่ เอง
๓๘ เม่ือกลาวถึงสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยานส่ิงท่ีนักนิติวิทยาศาสตรท่ัวโลกใชเปนหลัก ในการตรวจสถานทีเ่ กิดเหตุ และพิสูจนค ือ กฎของโลคารด (Locard’s Principle) “Every Contact Leaves Trace” การสัมผัสทุกครั้งยอมท้ิงรองรอย การเช่ือมโยงระหวางผูเสียหาย ผูตองสงสัย วัตถุส่ิงของ และสถานท่ีเกิดเหตุ ทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกันดวยวัตถุพยาน (ทฤษฎีการเช่ือมโยง Linkage Theory) ซง่ึ ตรงกับคตขิ องนักสืบทีว่ า “äÁÁ‹ Õ¤´Õã´·¤Õè ŤèÕ ÅÒÂäÁ‹ä´Œ ÍÒªÞҡËÍÁ·éԧËͧÃÍÂàÊÁÍ” จุดมุงหมายในการตรวจสถานท่ีเกิดเหตุ คือ การจําแนก การปองกันรักษา การเก็บ วัตถพุ ยาน การแปลผล และการประมวลเหตกุ ารณท เ่ี กิดขึ้นจากวตั ถุพยานท่ไี ดจ ากสถานที่เกดิ เหตุ โดยหองปฏิบตั ิการทางนติ ิวทิ ยาศาสตร เพื่อใหขอมลู แกน กั สืบในการคล่คี ลายคดี การเช่อื มโยงบคุ คล สถานที่เกดิ เหตุและส่ิงของกบั วัตถพุ ยาน ó.ñ.ñ ¢éѹμ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·èàÕ ¡Ô´àËμØ ๑) เมื่อรับแจงเหตุ ตองไปสถานท่ีเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด การไปสถานที่เกิดเหตุ โดยเรว็ มปี ระโยชน ดงั ตอ ไปน้ี - อาจสามารถระงับเหตุไดท ันทว งที - อาจพบผูเสียหาย ประจักษพยาน บุคคลท่ีรูเห็นเหตุการณ สามารถ ซกั ถามได - คนรายอาจยงั อยใู นสถานทีเ่ กิดเหตสุ ามารถจับกมุ ตวั ได - สามารถปองกนั รักษาสถานท่เี กดิ เหตใุ หอ ยูในสภาพเดมิ ไดมากท่ีสุด - กรณพี บผูบาดเจ็บในสถานท่เี กดิ เหตุ กรณบี าดเจบ็ สาหสั ใหร บี เคลอ่ื นยา ยนาํ สง โรงพยาบาลเปน อนั ดบั แรก ถงึ แม บางคร้ังวัตถุพยานอาจถูกทําลายหรือเสียหายไป ชีวิตคนยอมสําคัญกวาแตก็ตองระมัดระวังไมทําให รอ งรอยพยานหลักฐานเสียหายไปใหม ากที่สุด
๓๙ กรณีบาดเจ็บเล็กนอย ใหบันทึกตําแหนงของผูบาดเจ็บไวกอนแลวนําสง โรงพยาบาลภายหลงั เมอื่ รถพยาบาลมาถงึ เปน หนา ทข่ี องเจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งใหค าํ แนะนาํ ถงึ เสน ทาง ในการเขา สถานทเี่ กดิ เหตุ เพอื่ หลกี เลย่ี งการทาํ ลายพยานหลกั ฐานใหน อ ยทส่ี ดุ และขณะเดยี วกนั ตอ ง บันทึกสิ่งท่ีเจาหนาท่ีพยาบาลเคล่ือนยายจับตอง และบันทึกการเคลื่อนที่ของเจาหนาท่ีพยาบาลใน สถานที่เกิดเหตุ การนําสงควรมีเจาหนาที่ตํารวจไปดวย เพราะคนเจ็บอาจพูดหรือใหการอะไรที่เปน ประโยชน อกี ทงั้ ยงั เพอื่ ตรวจหาพยานหลกั ฐานในตวั ผบู าดเจบ็ และอาจใหค าํ แนะนาํ เจา หนา ทพ่ี ยาบาล ใหหลีกเลยี่ งการทําลายวัตถุพยานจากรางกายและเสอื้ ผาของผูบ าดเจ็บได กรณีพบศพในที่เกิดเหตุ ใหรักษาสภาพเดิมของศพ หามเคล่ือนยายหรือ เปลยี่ นแปลงสภาพศพโดยเดด็ ขาด จนกวา จะไดม กี ารตรวจศพจากผชู าํ นาญ ยกเวน กรณมี คี วามจาํ เปน จรงิ ๆ เชน ศพอยใู นบรเิ วณทมี่ กี ารจราจรหนาแนน หรอื ในบรเิ วณเสน ทางเสดจ็ กรณนี ต้ี อ งมกี ารบนั ทกึ ลักษณะที่เกิดเหตุ ตําแหนงของศพ สภาพเสื้อผาเคร่ืองแตงกายโดยละเอียด โดยทําการสเก็ตชภาพ แสดงตาํ แหนง ถายภาพในทุกแงทกุ มมุ ของศพ กอ นเคลื่อนยายศพใหใ ชชอลก วาดท่พี ื้น หรือใชเ ชือก วงรอบๆ ทา ทางของศพ เพอื่ แสดงตําแหนง และลกั ษณะทาทางศพ กรณพี บอาวธุ ในสถานทเี่ กดิ เหตุ ไมค วรจบั ตอ งหรอื เคลอื่ นยา ยจากตาํ แหนง เดมิ จนกวา จะไดม กี ารตรวจโดยละเอยี ดจากผชู าํ นาญ ยกเวน ถา พจิ ารณาแลว เหน็ วา วตั ถพุ ยานอาจสญู หาย หรอื ลดคณุ คา ไปถาทง้ิ ไว ๒) ใหหัวหนาสถานีตํารวจทองที่เกิดเหตุส่ังการใหเจาหนาที่ตํารวจท่ีมีหนาที่ รับผิดชอบ รักษาสถานที่เกิดเหตุและปดก้ันสถานที่เกิดเหตุ โดยใชสายแถบก้ันสถานที่เกิดเหตุหรือ อุปกรณอื่นใดกั้นสถานท่ีเกิดเหตุไว อยาใหบุคคลที่ไมเกี่ยวของเขาไปในสถานที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเปน การทําลายหลกั ฐานทางคดแี ลว ยังเปน การเพ่ิมเติมรองรอยทม่ี ิไดเกดิ จากการ กระทําผดิ ดวย การแบงพื้นท่ีในการรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ ควรใชเทปก้ันสถานที่เกิดเหตุ (Police Line) ลอมรอบสถานทเ่ี กดิ เหตเุ ปน ๓ ชนั้ ช้ันท่ี ๑ วงรอบชั้นนอก เปนวงรอบชั้นแรกที่ใชรักษาความปลอดภัย และปองกันสถานทเ่ี กิดเหตุจากฝงู ชน จะลอ มเปนวงกวา ง ๆ ผสู อื่ ขา วสามารถอยใู นชนั้ น้ไี ด แตเ ขา ไป ในวงรอบที่ ๒ ไมไ ด ช้ันท่ี ๒ วงรอบช้นั กลาง เปน เขตหวงหามและเปน ทตี่ ้ังของศนู ยส่งั การ บริเวณนี้ หา มเจา หนา ทอ่ี น่ื ๆ ท่ไี มใ ชเจา หนา ทตี่ รวจสถานที่เกดิ เหตุเขา ไป ช้ันที่ ๓ วงรอบช้ันใน เปนวงรอบบริเวณสถานท่ีเกิดเหตุ (พื้นที่เปาหมาย) เปนบริเวณท่จี ะทาํ การตรวจทเ่ี กดิ เหตจุ ะตองมกี ารรักษาความปลอดภัยสงู สดุ
๔๐ ชั้นท่ี ๑ หา มมิใหประชาชนภายนอกเขา สื่อมวลชน ชนั้ ที่ ๓ เฉพาะเจา หนา ท่ี ทีม่ ีสวนเกย่ี วของเทานั้น ศูนยสง่ั การ ¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒʶҹ·èÕà¡Ô´àËμØ¤´Õ·ÑèÇä» ¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμ¤Ø ´ÃÕ Ðàº´Ô ¡ÒÃกํา˹´¢Íºà¢μ¡ÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ๑. สภาพภูมศิ าสตรข องสถานทเ่ี กดิ เหตุและการจราจร ๒. ชนดิ ของอาชญากรรมและลกั ษณะของสถานที่เกิดเหตุ ๓. ลักษณะของท่พี กั อาศัยทไ่ี ดรบั ความเสียหาย ๔. ชองทางเขา-ออกของคนรา ย ๕. สถานที่ซึง่ คนรา ยรอเวลากอนการกอ อาชญากรรม
๔๑ »˜¨¨Ñ·Õèทาํ ãËÊŒ ¶Ò¹·Õèà¡´Ô àËμàØ ÊÂÕ ËÒ ๑. ไทยมงุ ๒. ปดกน้ั สถานท่เี กดิ เหตุชาเกนิ ไป ๓. มีการเปล่ยี นแปลงสถานท่เี กดิ เหตุโดยความต้งั ใจของคนราย ๔. มีการเปลยี่ นแปลงรปู คดขี องคนบางคน ๕. สภาพภูมิประเทศ ๖. ความพล้งั เผลอของเจาหนา ท่ตี าํ รวจ ๓) ใหพจิ ารณาทกุ ส่งิ ทุกอยางในสถานท่ีเกดิ เหตวุ าเปนวตั ถพุ ยาน ๔) รีบแจงเจาหนาท่พี ิสูจนห ลักฐานมาตรวจสถานทเ่ี กิดเหตุ ๕) ระหวางท่ีตรวจสถานท่ีเกิดเหตุเพ่ือปองกันไมใหรองรอยพยานหลักฐาน ถูกทําราย บุคคลอ่ืนใดที่มีความจําเปนจะเขาไปในสถานท่ีปดก้ัน ตองไดรับอนุญาตจากพนักงาน สอบสวนหรอื เจา หนา ทตี่ รวจสถานทเี่ กดิ เหตขุ องสาํ นกั งานนติ วิ ทิ ยาศาสตรต าํ รวจทมี่ พี น้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบกอ น ๖) เจา หนา ทซ่ี งึ่ มหี นา ทเี่ กย่ี วขอ งทจ่ี ะเขา ไปตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตุ ตอ งมอี ปุ กรณ ปอ งกนั และระมดั ระวงั มใิ หร อ งรอยพยานหลกั ฐานถกู ทาํ ลาย หรอื ทาํ ใหเ สอ่ื มคา หรอื ไปเพม่ิ รอ งรอยขนึ้ ควรใสถงุ คลุมเทาและถุงมือหรืออุปกรณอ ืน่ ๆ ตามความจําเปน แหง คดี ๗) ในคดีท่ีไมสามารถตรวจสถานที่เกิดเหตุใหเสร็จภายในวันเดียว หรือมีเหตุ ความจาํ เปน ตอ งรกั ษาสถานทเ่ี กดิ เหตไุ วก อ น ใหเ จา หนา ทตี่ รวจสถานทเี่ กดิ เหตปุ ระสานกบั สถานตี าํ รวจ ทองที่เพื่อเฝาดูแลโดยปดกั้นสถานท่ีเกิดเหตุไวจนกวาจะหมดความจําเปนหรือเสร็จการตรวจสถานที่ เกิดเหตดุ ังกลา ว ๘) เม่ือเจาหนาที่ตํารวจพิสูจนหลักฐานคนแรกท่ีเขาไปตรวจสถานท่ีเกิดเหตุ ตองพิจารณาสถานที่เกิดเหตุวามีเหตุเกิดขึ้นอยางไรและมีรองรอยวัตถุพยานอะไรบาง วางแผนการปฏิบัติงาน เขาตรวจสถานท่ีเกิดเหตุและกําหนดทางเดินของเจาหนาท่ีชุดตางๆ โดยขอทราบขอมูลเบ้ืองตน จากพนักงานสอบสวน ๙) บนั ทกึ สถานทเี่ กดิ เหตุ ทาํ แผนที่ และถา ยภาพ โดยใชก ลอ งถา ยรปู หรอื วดี ทิ ศั น ทําการเก็บภาพเหตุการณ ลักษณะสถานที่ บริเวณโดยรอบ และส่ิงตางๆ รวมท้ังภาพผูเสียชีวิต ในมุมตางๆ และภาพรางกายสว นตางๆ ท่ีสําคัญ ๑๐) คนหาและตรวจเก็บรองรอยวัตถุพยานตางๆ ตามหลักวิชาการ เชน การเกบ็ ลายน้ิวมือแฝงตามวตั ถุตา งๆ เชน ลกู บิด ประตู หนา ตาง มือจับหนา ตา ง ในทอ งท่ีเกดิ เหตุ และหองขางเคียง เกบ็ รอ งรอยจากวัตถพุ ยานตางๆ เชน มดี ปน ไขควง คอน หรืออปุ กรณท่อี าจใชใน การฆาตกรรม รวมท้ังตรวจเก็บวตั ถพุ ยานอน่ื ๆ ท่ีเกยี่ วของในคดี เชน คราบโลหิต เสน ผม เสนขน เสน ใย ลกู กระสนุ ปน และปลอกกระสุนปน เปน ตน โดยไมยงุ เก่ยี วกบั สภาพศพ จัดเกบ็ หลักฐานใสถงุ พรอมระบุรายละเอียดและหมายเลข โดยทําบันทึกรับ-สง มอบใหพนักงานสอบสวนไปดําเนินการ ในสว นทเ่ี กย่ี วขอ งและสง เจา หนา ทก่ี องพสิ จู นห ลกั ฐานกลางหรอื ศนู ยพ สิ จู นห ลกั ฐาน ๑-๑๐ หรอื พสิ จู น หลักฐานจงั หวดั แลวแตกรณีตรวจพสิ ูจนต อไป
๔๒ ๑๑) เม่ือปฏิบัติตามข้ันตอนขางตนเสร็จส้ินแลว เจาหนาท่ีตํารวจและ ผูที่เกย่ี วของอ่นื ใดจงึ สามารถเขา ไปในสถานที่เกดิ เหตุได ๑๒) การปองกันและรกั ษาสถานทเ่ี กดิ เหตุภายในและนอกอาคาร ๑๒.๑ การปองกันและรักษาสถานท่ีเกิดเหตุภายในอาคาร ใหปดล็อก ประตูทางเขาทุกบานหรือใชเชือกหรือเทปปองกันสถานที่เกิดเหตุ (Police Line) ลอมรอบบริเวณ สถานที่เกดิ เหตุ ถาไมม อี าจใชรถยนต กระดาน เคร่อื งเรอื น เปน ตัวกน้ั พน้ื ที่แทนได
๔๓ ๑๒.๒ การปองกันและรักษาสถานที่เกิดเหตุภายนอกอาคาร ควรกั้น พนื้ ทใี่ หมขี นาดกวา งกวาบริเวณท่ีเกดิ เหตจุ รงิ โดยใชเชือก หรือใชเชอื กหรือเทปปองกนั สถานทเี่ กิดเหตุ (Police Line) และบริเวณรอบนอกสถานท่ีเกิดเหตุท่ีก้ันไวควรมีเจาหนาท่ีตํารวจรักษาการณ หรอื เดนิ ตรวจตราไปมา ó.ñ.ò ¡Ò䌹ËÒÇμÑ ¶Ø¾ÂÒ¹ หลงั จากมกี ารบนั ทกึ สภาพสถานทเ่ี กดิ เหตุ ขนั้ ตอนตอ มา คอื การคน วตั ถพุ ยาน ซึ่งผูทําหนาท่ีคนหาจะตองใชวิธีการท่ีเหมาะสมโดยทําความเขาใจเสียกอนวา ส่ิงท่ีตองการคนหา คืออะไร จํานวนเทาไหร สถานที่กวางแคบอยางไร ส่ิงที่ควรใหความสนใจในการคนหา แบงได ๓ ประเภท คอื ๑. วตั ถพุ ยานทบ่ี ง ชวี้ า มกี ารกระทาํ ผดิ เกดิ ขนึ้ แลว เปน พยานวตั ถปุ ระเภทแรก ที่จําเปน ตอ งคนหาใหพ บกอนทจ่ี ะเช่ือไดวา เกิดการกระทาํ ความผดิ ไดแลว กอ นทีด่ ําเนนิ การอยางอ่นื ตอไป เชน ถาเปนคดีฆาตกรรมหากยังไมพบศพหรือชิ้นสวนของศพก็ยังไมอาจเช่ือไดวาเกิดการ ฆาตกรรมขึ้น แตหลักใหญควรคิดใหเปนเร่ืองใหญดีกวาเร่ืองเล็ก โดยใหนึกสงสัยไวกอนวาเปนคดี ฆาตกรรมแลว คอ ยๆ พสิ ูจนข อ เท็จขอจริง ตอ ไป ๒. วัตถุพยานท่ีบงชี้วาคนรายทําความผิดดวยวิธีใด เปนพยานวัตถุจําพวก ทจ่ี ะบอกใหร ูถงึ วิธกี ารท่ีคนรา ยใชใ นการกระทําความผดิ เชน รอยบาดแผลกระสุนปน ที่ศพบงบอกวา คนรายใชอ าวุธปน ในการกระทําความผดิ รอยงดั รอยตดั รอยปน ปาย บงบอกถงึ เสน ทางที่คนรายใช เขาไปในเคหสถาน เปนตน ๓. วัตถุพยานท่ีบงชี้วาคนรายเปนใคร เปนเครื่องพิสูจนยืนยันวาคนราย เปนใครและใชบุคคลที่สงสัยหรือไม วัตถุพยานประเภทนี้แยกเปน ๒ ลักษณะคือ สิ่งที่คนรายท้ิงไว ในท่ีเกิดเหตุ เชน เสือ้ ผา ลายนิ้วมอื รอยเทา เสนผม เสนขน คราบเลอื ด DNA เปน ตน และสงิ่ ที่คนรายนําไปจากสถานท่ีเกิดเหตุที่สามารถจะโยงคนรายเขากับสถานที่เกิดเหตุและการกระทําผิดได เชน รอ งรอยบาดแผลตามเน้ือตวั ของคนรา ย เศษดนิ ในรองเทา เสน ใยตา ง ๆ เปนตน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220