Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 32_การสืบสวนสอบสวน

32_การสืบสวนสอบสวน

Published by bird.tent2626, 2020-04-20 04:47:12

Description: 32_การสืบสวนสอบสวน

Search

Read the Text Version

วิชา สส. (CI) ๒๒๕๐๑ การสืบสวนสอบสวน

ตําÃÒàÃÂÕ ¹ ËÅÑ¡ÊÙμà ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹¹ÒÂÊºÔ ตําÃǨ ÇÔªÒ ÊÊ. (CI) òòõðñ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมใิ หผูหนงึ่ ผใู ดเผยแพร คดั ลอก ถอดความ หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทง้ั หมดของเอกสารนเ้ี พอ่ื การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Í×è ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ” ของขาราชการตํารวจเทาน้ัน การเปดเผยขอความแกบุคคลอ่ืนท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ¡Í§ºÞÑ ªÒ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตํา¾ÃÇ.Ȩá.òËõ§‹ ªöÒóμÔ



คาํ นาํ หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ท่ีเขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ ทักษะวิชาชีพตํารวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี จติ สํานึกในการใหบ ริการเพื่อบําบัดทกุ ขบ าํ รุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คัญ กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ ฝก อบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบญั ชาการศกึ ษา ศนู ยฝ ก อบรมตาํ รวจภธู รภาค ๑ - ๙ และกองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตําราเรียน หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ ของนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพ่ี งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส าํ หรบั ประกอบ การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม ความตอ งการอยา งแทจรงิ และมคี วามพรอมในการเขา สปู ระชาคมอาเซยี น ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด ใหคําปรึกษา คําแนะนํา ประสบการณท่ีเปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู ท่ีเปนประโยชน จนทําใหการจัดทําตําราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี ซึ่งกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดนี้คงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน การสอนและการจดั การฝกอบรมของครู อาจารย และครฝู ก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏบิ ัตงิ าน ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทําใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อม่ัน ศรัทธา และความผาสุกใหแกประชาชนไดอ ยา งแทจ รงิ พลตํารวจโท ( อภิรตั นยิ มการ ) ผูบ ัญชาการศกึ ษา



ÊÒúÑÞ Ë¹ŒÒ ÇÔªÒ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ ñ ๑ º··Õè ñ º··ÇÑè ä» ๒ ๑.๑ ความหมายการสบื สวน ๓ ๑.๒ ผมู ีอาํ นาจในการสบื สวนและเขตอํานาจของการสืบสวน ๖ ๑.๓ คุณสมบัติของผสู บื สวน ๑๐ ๑.๔ งานสืบสวนในสถานีตาํ รวจ ๑๖ ๑.๕ ประเภทและวธิ กี ารสบื สวน ñù ๑.๖ การสอบสวน ๑๙ ๒๖ º··Õè ò ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô ó÷ ๒.๑ การแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ จากการซกั ถาม ๓๗ ๒.๒ การแสวงหาขอเท็จจรงิ โดยวธิ ีการอื่น ๔๖ ๕๔ º··Õè ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ ÷÷ ๓.๑ การแสวงหาพยานหลกั ฐานจากการตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ๗๗ ๓.๒ การแสวงหาพยานหลักฐานจากการจบั /การคน /ยดึ ๘๐ ๓.๓ พยานหลกั ฐานท่ีไดจากการลอ ซ้ือ ๘๒ ø÷ º··èÕ ô °Ò¹¢ÍŒ ÁÅ٠㹡ÒÃÊº× Êǹ ๘๗ ๔.๑ ฐานขอ มูลการสบื สวนระดบั สถานีตาํ รวจ ๘๙ ๔.๒ ฐานขอมลู การสบื สวนระดับสํานักงานตํารวจแหง ชาติ ๙๑ ๔.๓ ฐานขอมลู การสืบสวนจากหนว ยงานอนื่ ๑๐๖ ๑๐๘ º··èÕ õ à·¤¹¤Ô ¡ÒÃÊº× Êǹ ๑๑๓ ๕.๑ การสังเกตจดจํา ๕.๒ การสํารวจสถานท่ี ๕.๓ การเฝา จดุ ติดตามสะกดรอย ๕.๔ การอําพราง ๕.๕ การถายภาพ ๕.๖ กลองวงจรปด (CCTV)

๕.๗ การสืบคนขอ มลู ทางอนิ เทอรเ น็ต ˹Ҍ ๕.๘ การวเิ คราะหขอ มูลโดยโปรแกรมพเิ ศษ ๑๑๕ ๕.๙ เครือ่ งมือพิเศษ ๑๑๗ º··Õè ö àÍ¡ÊÒÃสาํ ËÃºÑ ¡ÒÃÊ׺Êǹ ๑๑๘ ๖.๑ เอกสารทวั่ ไป ñòó ๖.๒ เอกสารหมายอาญา ๑๒๓ º··Õè ÷ á¹Ç·Ò§¡ÒÃÊ׺Êǹ¤´áÕ μ‹ÅлÃÐàÀ· ๑๖๔ ๗.๑ คดีประทษุ รายตอ ชีวติ รา งกาย ñ÷õ ๗.๒ คดีประทษุ รายตอทรัพย ๑๗๕ ๗.๓ คดีอาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร ๑๘๐ ๗.๔ คดยี าเสพติด ๑๘๑ º··èÕ ø ÃÐàºÕº·àÕè ¡ÕèÂǢ͌ §¡ºÑ ¡ÒÃÊº× Êǹ ๑๘๔ ๘.๑ ระเบยี บเกีย่ วกบั การสบื สวน ñøù ๘.๒ ระเบียบเกีย่ วกบั การจบั /คน /ยึด ๑๘๙ ๑๙๐

๑ º··Õè ñ º··èÇÑ ä» ñ.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¡ÒÃÊ׺Êǹ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ÁÒμÃÒ ò (ñð) “การสืบสวน หมายความถึง การแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐาน ซ่ึงพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจไดปฏิบัติไปตามอํานาจและหนาที่ เพ่ือรักษาความสงบเรียบรอย ของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอยี ดแหงความผดิ ” จากบทบัญญัติของมาตรา ๒ (๑๐) อาจจําแนกองคประกอบของการสบื สวนไดดงั น้ี ๑. เปน การแสวงหาขอ เท็จจริง ๒. เปน การแสวงหาหลักฐาน ๓. กระทําโดยเจา พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจ ๔. โดยมีอาํ นาจและหนา ท่ี ๕. เพือ่ รักษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน ๖. เพอื่ ทราบรายละเอียดแหงความผดิ จากความหมายของการสบื สวนดงั กลา วนน้ั จงึ อาจสรปุ ไดว า การสบื สวนเปน การดาํ เนนิ การ ขน้ั ตน ของพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ ไดป ฏบิ ตั ไิ ปตามอาํ นาจหนา ทเี่ พอ่ื บรรลถุ งึ วตั ถปุ ระสงค ในดานการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน และเพื่อท่ีจะทราบรายละเอียดแหงความผิดใน สาระสําคัญ ๓ ประการ อันเปนหลักสากล คือ จะตองสืบสวนใหพบไดวามีการกระทําผิดกฎหมาย เกดิ ขนึ้ จรงิ หรอื ไม ถา มกี ารกระทาํ ผดิ เกดิ ขนึ้ จรงิ แลว เปน คดอี ะไร ใครเปน ผกู ระทาํ ผดิ ในคดนี น้ั จนกระทง่ั เขา สกู ระบวนการนําตวั คนรา ยมาดําเนนิ คดีตามกฎหมาย ËÇÑ ã¨¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ

๒ ñ.ò ¼ÁÙŒ อÕ าํ ¹Ò¨ã¹¡ÒÃÊ׺ÊǹáÅÐà¢μอํา¹Ò¨¢Í§¡ÒÃÊº× Êǹ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “ÁÒμÃÒ ò (ñö) พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หมายความถึง เจาพนักงาน ซงึ่ กฎหมายใหม อี าํ นาจและหนา ทร่ี กั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน ใหร วมทง้ั พศั ดี เจา พนกั งาน กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจาทา พนักงานตรวจคนเขาเมืองและเจาพนักงานอ่ืนๆ ในเมื่อ ทาํ การอนั เกย่ี วกบั การจบั กมุ ปราบปรามผกู ระทาํ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ ตนมหี นา ทต่ี อ งจบั กมุ หรอื ปราบปราม” “ÁÒμÃÒ ñ÷ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาได” ผูท่ีจะมีอํานาจในการสืบสวนคดีอาญาไดน้ัน หากดูตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาแลว ผูมีอํานาจในการสืบสวนได คือ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจนั้นเอง ทั้งนี้ ไมจํากัดวาเปนชั้นยศใด จะเปนสิบตํารวจตรีจนถึงพลตํารวจเอก ก็มีอํานาจสืบสวนไดเชนเดียวกัน อีกท้งั เจา พนกั งานตํารวจทุกตาํ แหนง ทุกสายงาน เชน อํานวยการ จราจร มีอาํ นาจในการสืบสวน ไดท้ังส้ิน ไมจํากัดวาจะตองเปนเจาพนักงานตํารวจท่ีไดรับการแตงต้ังใหดํารงตําแหนงในสายงาน สบื สวนเทาน้นั ฎีกาที่ ๒๓๙๐/๒๕๒๗ จาสิบตํารวจประสงค รับราชการเปนตํารวจซึ่งมีหนาท่ีปฏิบัติ หนาท่รี าชการโดยไดร ับการแตงตงั้ ตามกฎหมาย ยอ มเปน เจา พนกั งาน แมข ณะเกดิ เหตุจะถูกสง ตวั ไป ชวยราชการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีตําแหนงหนาที่เปนหัวหนาชุดคุมครองตําบล ปากหมัน มีหนาที่คุมครองหมูบานและตําบล ปองกันการกระทําอันเปนคอมมิวนิสต แตโดยทั่วไป จาสิบตํารวจประสงคยังมีอํานาจสืบสวนคดีอาญาไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗ ฎกี าที่ ๑๖๗๐/๒๕๐๙ ตํารวจประจําการกองบังคับการตํารวจดับเพลิงจับกุมผูเสียหาย ฐานขายยาผิดประเภท แลวเรียกเงินเพื่อไมใหจับกุม เปนการกระทําที่ทุจริตตอหนาท่ี จะอางวา เปนตํารวจดับเพลิงมีอํานาจดับเพลิงเทานั้น ไมไดมีอํานาจหนาท่ีในการสืบสวนจับกุมผูกระทําผิด หาไดไม เพราะหนาท่ดี ับเพลิงเปนหนาทเี่ ฉพาะตามทีท่ างราชการแตง ตง้ั ใหปฏบิ ัติ แตโ ดยทั่วไปแลวจําเลย ยอมมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาไดตามกฎหมาย การท่ีจําเลยเรียกและรับเงินจากผูเสียหาย เพอ่ื ไมทาํ การจบั กมุ ยอ มมีความผิดฐานทจุ รติ ตอ หนา ท่ี ในสวนของฝายปกครองนั้นหมายความรวมถึง นายอําเภอ ปลัดอําเภอ กํานัน ผใู หญบ า น รวมถงึ เจา พนกั งานอนื่ ๆ กม็ อี าํ นาจสบื สวนไดท งั้ สน้ิ เหตทุ เ่ี ปน เชน ดงั กลา วกเ็ พราะพนกั งาน ฝายปกครองหรือตํารวจน้ัน หมายความถึงเจาพนักงาน ซ่ึงกฎหมายใหมีอํานาจและหนาที่รักษา ความสงบเรียบรอยของประชาชน ทั้งนี้ ใหรวมถึงพัศดี เจาพนักงานสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจา ทา พนกั งานตรวจคนเขา เมอื งและเจา พนกั งานอนื่ ๆ ในเมอ่ื ทาํ การเกยี่ วกบั การจบั กมุ ปราบปราม ผกู ระทาํ ผิด ซง่ึ ตนมหี นา ทีต่ อ งจับกุมหรือปราบปราม สาํ หรับในเร่ืองเขตอํานาจการสบื สวนคดีอาญาน้ัน ในประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความ อาญามไิ ดม บี ทบญั ญตั ริ ะบเุ รอื่ งเขตอาํ นาจการสบื สวนไวโ ดยเฉพาะ เชน เรอ่ื งเขตอาํ นาจการสอบสวน ดงั นนั้ ตาํ รวจจงึ มอี าํ นาจและหนา ทสี่ บื สวนคดอี าญา เหตกุ ารณท งั้ หลายทเี่ กยี่ วแกค วามสงบเรยี บรอ ย ไดทัว่ ราชอาณาจกั ร

๓ »ÃÐÁÇÅÃÐàºÂÕ º¡ÒÃตําÃǨà¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¤´Õ Å¡Ñ É³Ð ò ¡ÒÃÊ׺Êǹ º··èÕ ñ ËÅ¡Ñ ·ÇÑè ä» ¢ŒÍ ö เมอื่ กฎหมายใหอ าํ นาจพนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ มหี นา ทร่ี กั ษาความสงบ เรยี บรอยของประชาชน เชน นี้ ตาํ รวจจึงมอี าํ นาจและหนาทส่ี ืบสวนคดอี าญา และเหตกุ ารณทัง้ หลาย ท่เี ก่ยี วแกความสงบเรียบรอยไดทวั่ ราชอาณาจกั ร ฎีกาท่ี ๔๗๑๑/๒๕๔๒ จําเลยท่ี ๓ เปนเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ มีอํานาจ จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ อาญาไดท ว่ั ราชอาณาจกั ร แมข ณะเกดิ เหตจุ าํ เลยท่ี ๓ จะมหี นา ทใ่ี นการบรรเทา สาธารณภัยก็ไมทําใหอํานาจที่จําเลยท่ี ๓ มีอยูตามกฎหมายสูญสิ้นไป จําเลยท่ี ๓ ยังคงมีอํานาจ อยูโดยบริบูรณในฐานะเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูมีอํานาจหนาท่ีสืบสวนจับกุมผูกระทํา ความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา ๒(๑๖) การทจี่ ําเลยท่ี ๓ จับกมุ โจทก โดยมไิ ดรบั อนุญาตจากผูบังคับบัญชากอ นไมม ผี ลกระทบกระทงั่ ตอ อาํ นาจท่จี าํ เลยท่ี ๓ มอี ยูแลวตาม กฎหมาย ฎีกาท่ี ๑๒๕๙/๒๕๔๒ แมจาสิบตํารวจ ส.เปนเจาพนักงานตํารวจประจําสถานี ตาํ รวจนครบาลบางขุนเทยี นกต็ าม แตต าม ป.วิ.อ.มาตรา ๒ (๑๖) จาสิบตํารวจ ส.มีอาํ นาจและหนา ที่ รักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน ทําการจับกุมปราบปรามผูกระทําผิดกฎหมายได และยังมี อํานาจทําการสืบสวนคดอี าญาได ตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๑๗ อาํ นาจจับกุมผูกระทําผิดและสืบสวนคดอี าญา ดงั กลา วนี้ ไมม บี ทบญั ญตั กิ ฎหมายใด จาํ กดั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทไี่ ดเ ฉพาะในเขตทอ งทที่ เ่ี จา พนกั งานตาํ รวจ ผูนั้นประจําการอยูเทานั้น เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุมผูกระทําผิดและสืบสวน คดีอาญาไดท่ัวราชอาณาจักร ดังนั้น จาสิบตํารวจ ส.ยอมมีอํานาจที่จะไปจับกุมจําเลยที่ ๑ ซึ่งมีที่อยูใน เขตทองที่ สถานีตํารวจนครบาลวัดพระยาไกร ได เวนแตลักษณะการจับท่ีไมมีหมายจับเปนไป โดยมิชอบตาม ป.ว.ิ อ.มาตรา ๗๘, ๘๑ และ ๙๒ หรอื ไมเทา น้นั แตเขตอํานาจการสืบสวนของพนักงานฝายปกครอง มีอํานาจสืบสวนในเขตอํานาจที่อยู ในความรบั ผดิ ชอบเทา นนั้ ถา เปน กาํ นนั กเ็ ฉพาะในเขตตาํ บลทต่ี นมเี ขตพนื้ ทร่ี บั ผดิ ชอบ ถา เปน ผใู หญบ า น กเ็ ฉพาะในเขตหมบู า นเทา นนั้ เนอื่ งจากพนกั งานฝา ยปกครองมบี ทบญั ญตั ขิ องพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะ ปกครองทองที่ พ.ศ.๒๔๕๗ กาํ หนดเขตอํานาจหนาทไ่ี วโดยเฉพาะ ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ÔÅѡɳл¡¤Ãͧ·ÍŒ §·èÕ ¾.È.òôõ÷ ÁÒμÃÒ ñð ผใู หญบ านมีอาํ นาจหนาทป่ี กครองบรรดาราษฎรทีอ่ ยูในเขตหมบู า น ฎีกาที่ ๑๔๐/๒๔๙๐ ตํารวจมอี าํ นาจสืบสวนคดีอาญาไดท ่วั ราชอาณาจักร สวนพนกั งาน ฝา ยปกครองมีอํานาจสืบสวนไดอยา งจํากัด เฉพาะในเขตทอ งท่ที ่ีตนประจําอยเู ทา นัน้ ñ.ó ¤Ø³ÊÁºÑμԢͧ¼ŒÙÊº× Êǹ การเปนนักสืบนั้นเปนไดทุกคนไมวาจะเปนราษฎรหรือตํารวจทุกช้ันยศ แตทุกคนควรรูถึง เทคนิควิธีการในการสืบสวน การท่ีจะเปนนักสืบที่เกงหรือที่ดีมีประสิทธิภาพนั้นเปนเรื่องที่ยาก ตองมี ความมานะอดทนและใชความพยายามสูง บางคดีตองอดทน บางคดีตองใชเวลาสืบสวนหารองรอย เปน ระยะเวลานานมาก สาํ หรบั คณุ สมบตั ขิ องนกั สบื ทดี่ จี งึ ควรยดึ ËÅ¡Ñ ø Ã. คอื “Ã¡Ñ ÃͺÌ٠ÃàÔ ÃÁÔè ÃÇ´àÃÇç Ãͺ¤Íº ÃºÑ ¼´Ô ªÍº äÃŒÃÍ‹ §ÃÍ àÃÍè× §Ã‹Ò§¡Ò” ซ่ึงมรี ายละเอียดดงั นี้

๔ ñ. μŒÍ§ÁÕã¨ÃÑ¡ บุคคลท่ีจะเขามาเปนสายลับหรือนักสืบที่ดีไดน้ัน อันดับแรกตองมีใจ รักงานสืบสวน กลาวคือ งานใดก็ตามโดยธรรมชาติของมนุษยแลวถาไดทํางานท่ีตนเองรักและชอบ แลวยอมประสบความสําเร็จ และงานน้ันก็จะบรรลุผลตามท่ีตองการ แตถาหากถูกบังคับใหทํางานที่ ไมชอบและเปนงานท่ีไมถนัดและไมมีใจรักแลว ก็อาจกอใหเกิดปญหาในงานนั้น โดยเฉพาะงานดาน การสืบสวนเปน งานทีจ่ ะตอ งใชความอดทนอดกลัน้ และตอ งมีความขยันหม่นั เพยี ร จึงจะทาํ ใหผลงาน ออกมาอยางมีประสิทธิภาพเพราะงานสืบสวนเปนงานยากและตอเน่ือง สําหรับผูที่จะปฏิบัติงานใน ดา นน้ีคนท่จี ะมาเปน นกั สืบท่ีดนี ั้นจะตองมีความชอบ ความรัก ความเสยี สละเพ่อื งาน อกี ทงั้ ตองเตม็ ไปดวยความอดทน อดกล้นั ขยนั และกระตอื รือรน ในการทํางานอยูตลอดเวลา ò. μÍŒ §ÁÕ¤ÇÒÁÃͺÌ٠นักสบื ทด่ี ีตอ งมีความรอบรดู งั นี้ ๒.๑ ตองรูตัวบทกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง กฎ ขอบังคับระเบียบงานสารบรรณ ตลอดจนการเขยี นรายงานการสบื สวน ตอ งมกี ารศกึ ษาคน ควา อยตู ลอดเวลาเนอื่ งจากปจ จบุ นั ทง้ั ระเบยี บ คาํ สงั่ และกฎหมายบางอยา งไดเ ปลยี่ นแปลงแกไ ขใหม ถา ยดึ หลกั เกา อยกู อ็ าจจะผดิ พลาดและเกดิ ปญ หา กับระบบงาน นําความเสยี หายมาสูห นวยงานและตนเองได ๒.๒ ตองรูจักวิธีการสืบสวนกอนเกิดเหตุเปนอยางดี นักสืบท่ีดีตองรูจักคนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกประเภทและจะตองมีการสังเกตจดจําท่ีดี การสืบสวนนั้นแมวาความผิดยังไมเกิดนักสืบ ตองเสาะแสวงหา และมีความรูถึงขอมูลตางๆ ใหมากที่สุด เพ่ือที่จะใชเปนแนวทางในการสืบสวน และปอ งกนั อาชญากรรมได ความรทู ว่ั ไปในทอ งถน่ิ ตอ งรจู รงิ หลบั ตามองเหน็ ภาพตรอกซอยตา งๆ บา น บคุ คลสาํ คญั บา นนกั ธรุ กจิ บา นในยา นชมุ ชนแออดั โดยเฉพาะบา นในยา นทม่ี กี ารกระทาํ ผดิ กฎหมาย ความรูเ ก่ียวกับประวตั บิ คุ คล ไมวาจะเปนบุคคลตองหาคดีอาญาหรอื บคุ คล พนโทษบคุ คลที่เปน ภยั ตอสังคม เจามอื สถานบรกิ าร บอ นการพนนั พวกซือ้ ของเกา มอื ปน ๒.๓ รูจักแสวงหาขาวจากแหลงขาวสารจากสถานที่ตางๆ เชน รานอินเทอรเน็ต รา นตัดผม อซู อ มรถยนตตา งๆ ไนตค ลบั หญงิ บริการ หญงิ เสริ ฟอาหาร พนกั งานตอนรับ รานถายรูป รานถา ยเอกสาร พนักงานกรรมการบรษิ ัทขนสง บุรุษไปรษณีย เปน ตน บคุ คลเหลา นี้เปนแหลงขา วท่ี จําเปนสําหรับงานสืบสวนอยางมาก จึงตองรูจักบุคคลหลากหลายประเภท โดยเฉพาะชาวบานตอง สรา งความรวมมอื ใหเกดิ ขึน้ ตองใหเกยี รตแิ ละยกยอ งผูอน่ื ไมดถู กู ๒.๔ ตองมคี วามรูเรอ่ื งยทุ ธวธิ ีตํารวจ นกั สืบท่ดี จี ะตองหมัน่ ฝก ฝนหาความรเู รอ่ื ง ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจทง้ั หลาย ไมว า จะเปน ยทุ ธวธิ กี ารปด ลอ ม ตรวจคน การจบั กมุ การใชอ าวธุ และควรศกึ ษา ขอมูลของคนรายใหดกี อนวาเปน คนรายประเภทใด เมายาบา บา คลงั่ จับตัวประกนั หรือมือปนรับจาง ขอมูลเหลาน้ีจะเปนเครื่องบงชี้ในการตัดสินใจของนักสืบวาจะตองใชวิธีใดเขาทําการจับกุม เพื่อลด ความสูญเสยี ท่จี ะเกดิ ขึ้นไดตลอดเวลา

๕ ó. μŒÍ§ÁÕ¤ÇÒÁÃÔàÃèÔÁ นักสืบท่ีดีจะตองมีความคิดริเร่ิมหาแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนางานสบื สวนใหเกิดความสะดวกรวดเรว็ และมีประสทิ ธภิ าพจงึ ควรดาํ เนินการดังนี้ ๓.๑ ปรับปรุงตัวบุคคลฝายสืบสวนใหมีจํานวนเพียงพอและมีคุณภาพ มีความรู ความสามารถไดร บั การฝก อบรมใหท นั ตอ วทิ ยาการตาํ รวจแผนใหม ซงึ่ มกี ารพฒั นากา วหนา อยตู ลอดเวลา ๓.๒ ปรับปรุงพัฒนาการเก็บขอมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรมตางๆ ภาพถาย คนรา ยและขอ มลู ทอ งถน่ิ ทกุ ระดบั ใหม รี ะบบการเกบ็ รวบรวมทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ารแยกแยะประเภท ของการกระทาํ ความผิดงา ยตอ การคน หา เมือ่ ตองการและใหมกี ารแลกเปล่ียนขา วสารประสานงานกนั ระหวา งหนว ยงานเสมอ ๓.๓ นําเทคโนโลยีเขามาชวยในการสืบสวน เชน คอมพิวเตอร กลองซีซีทีวี เครอื่ งถา ยวีดีโอ โทรศพั ทม อื ถอื กลอ งถายรปู เปน ตน ô. μŒÍ§Á¤Õ ÇÒÁÃÇ´àÃÇç นักสบื ท่ีดีจะตอ งยึดหลัก รกุ รบ รวดเร็ว ทันทีทันใดเม่อื มีเหตุ หรอื คดเี กดิ ขึ้น จะตองปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ๔.๑ ตองรีบไปท่ีเกิดเหตุโดยทันที เพราะถาคนรายหลบหนีไปไมไกลสามารถ ติดตามจับกุมไดทันหรือถาคนรายหลบหนีไปแลวก็จะพบเห็นพยานหลักฐานไดมากที่สุดและทําให ชาวบานเชอ่ื ถือวา ตํารวจใหความสนใจและอาจพบปะพยานท่ีเหน็ เหตุการณอ ยบู รเิ วณท่ีเกิดเหตุ ๔.๒ ตองรกั ษาสถานท่ีเกดิ เหตเุ พอื่ ใหว ทิ ยาการมาทาํ การตรวจสถานท่เี กิดเหตุ ๔.๓ พยายามตรวจคนที่เกิดเหตุและบริเวณใกลเคียงใหละเอียดเพ่ือแสวงหา พยานหลกั ฐานท่ีคนรา ยท้งิ ไว ๔.๔ สอบถามพยานในที่เกิดเหตุเพื่อหาขอเท็จจริงเบื้องตนใหมากท่ีสุดสําหรับ ใชเปน แนวทางในการสืบสวน õ. Ãͺ¤Íº ผสู บื สวนจะตอ งมีความละเอียดรอบคอบในการทาํ งานไมว า จะเปน การ ตรวจสถานท่เี กิดเหตุ การตดิ ตามจบั กมุ คนราย การหาขา ว การสงั เกตจดจํามไี หวพริบปฏภิ าณในการ ทํางาน ไมต กใจงา ย ไมประมาท กระทําการดวยปญ ญา ดงั น้นั จงึ ตองมีการเตรียมการที่ดี ตองมีการ วางแผนลว งหนาและตองวางแผนภายในขดี จาํ กัดของหนว ยใหเกดิ ประโยชนส งู สดุ ö. ÃºÑ ¼Ô´ªÍº นกั สืบทด่ี ีจะตองรบั ผิดชอบตอตนเอง เชน มคี วามซือ่ สัตย ไมมนี ิสยั คดิ โกง ไมส รา งความเดอื ดรอ นใหก ับผอู ่ืน ไมเลน การพนนั ไมป ระพฤตผิ ดิ ลกู เมยี ผอู ่นื ไมพูดปดหรอื โกหก รบั ผดิ ชอบตอ งาน เชน มกี ารรายงานผลการปฏบิ ตั ิ ไมท งิ้ งานโดยไมม เี หตผุ ล รกั ษาความลบั ของหนว ย มคี วามจรงิ ใจตองานและเพ่อื นรวมงาน และรบั ผดิ ชอบตอ สวนรวม เชน มีความสามัคคใี นหมคู ณะ ชว ยเพ่อื นทํางาน ไมเอารดั เอาเปรยี บเหน็ แกส ว นรวมมากกวา สว นตัว เปนตน ÷. äÌËͧÃÍ นักสืบที่ดีตองทํางานโดยไรรองรอย ท้ังกอนหนาและหลังทํางานแลว ตอ งวางแผนในการสืบสวนใหร อบคอบ ๗.๑ กอนทํางานตองมีการพรางตัวหรือปลอมตัวเขาไปปฏิบัติงาน โดยไมใหผูใด เห็นรองรอยวามาทําอะไร ท่ใี ด เพือ่ เขา กบั ประชาชนและทอ งถิ่นไดอยางกลมกลืน

๖ ๗.๒ หลังทํางานตองปกปดไมใหผูใดรูวาเปนตํารวจหรือสายสืบเขาไปหาขาว เพอ่ื ความปลอดภยั ของตนเองและผูท ่ีเราเขา ไปขอขา ว ø. àÃÍ×è §ÃÒ‹ §¡Ò นกั สบื ทดี่ จี ะตอ งมกี ารฝก ฝนออกกาํ ลงั กาย เตรยี มพรอ มในเรอ่ื งกาํ ลงั ทจี่ ะทาํ งานไดท กุ สถานการณ มสี ภาพจติ ใจทเี่ ขม แขง็ อดทน โดยเฉพาะการตดิ ตามจบั กมุ คนรา ยในพน้ื ท่ี ทรุ กันดารหรือพ้นื ท่ปี า โดยสรุปนักสืบที่มีคุณภาพน้ันตองมีใจรัก มีความวิริยะอุตสาหะ มีความฉลาด ไหวพริบดีและมุงมั่นท่ีจะทํางานนั้นใหประสบผลสําเร็จไมทอถอยหรือสืบสวนเพียงครึ่งๆ กลางๆ แลวก็หยุด บางคร้ังเมื่อพบอุปสรรค ก็หมดความพยายามไมทดลองหาวิธีการสืบสวนดานอ่ืนตอไป จึงตองระลึกเสมอวาอาชญากรรมทุกประเภทตองทิ้งรองรอยหรือพยานหลักฐานไวเสมอ พยานหลักฐานน้ันพบไดในท่ีเกิดเหตุหรือบริเวณใกลเคียงน่ันเอง ขึ้นอยูกับตัวนักสืบวาสามารถที่จะ คน พบพยานหลกั ฐานดงั กลา วหรอื ไม นอกจากนนั้ จะตอ งอาศยั ความรทู างวทิ ยาการตาํ รวจเขา มาปรบั ใชใ นการสบื สวน การนําพยานหลกั ฐานท่ีไดจ ากการสืบสวนเขา มาสูส ํานวน ซ่งึ มีรายละเอยี ดในการ สบื สวนตงั้ แตก อ นเกดิ เหตจุ นสามารถจบั กมุ คนรา ยได และสามารถนาํ พยานบคุ คลมาเบกิ ความยนื ยนั การกระทําผดิ จนศาลพพิ ากษาคดีลงโทษผูก ระทําผดิ จงึ ถอื วา ไดทําหนาที่โดยครบถว นสมบรู ณแ ลว ñ.ô §Ò¹Êº× Êǹã¹Ê¶Ò¹ÕตําÃǨ ตามคําส่ัง สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๕๓๗/๒๕๕๕ เร่ือง กําหนดอํานาจหนาท่ีของ ตาํ แหนงในสถานี ไดก ําหนดอํานาจหนาท่ีของตาํ แหนงฝา ยสืบสวนในสถานตี ํารวจไว ดังตอไปน้ี ËÑÇ˹ŒÒ§Ò¹Êº× Êǹ มีหนาทดี่ งั นี้ เปน หวั หนา ผปู ฏบิ ตั งิ านสบื สวน รบั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั การวางแผน อาํ นวยการ สงั่ การ ควบคมุ กํากับ ดแู ล ตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล ตลอดจนการปฏิบตั ิงานในดานการสืบสวนท่เี กย่ี วกบั คดอี าญาทเ่ี กดิ ข้นึ รวมท้งั งานอนื่ ๆ ทมี่ ีลักษณะเกี่ยวของหรอื เปนสวนประกอบของงานน้ใี นเขตพ้นื ท่ี ของสถานีตํารวจ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานและผูกระทําความผิดอันเปนการอํานวยความยุติธรรม ใหแ กป ระชาชนในการสบื สวนคดอี าญาใหเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยจาํ แนกออกเปน งานตา ง ๆ ดงั น้ี ๑. งานสืบสวนการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัติตาง ๆ ท่ีมีโทษทางอาญา และการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ๒. งานพัฒนากําลังพล งบประมาณ วัสดุอุปกรณ เทคโนโลยี และวิทยาการตางๆ เพ่อื ใชในการสืบสวน ๓. งานสืบสวนหาขา วและระบบขอมลู อาชญากรรม ๔. งานวางระบบการงบประมาณทเ่ี กีย่ วกับงานสบื สวน ๕. งานตรวจสอบ ติดตามและประเมนิ ผล งานวิจยั และพัฒนาการปฏิบตั ติ ามนโยบาย ยุทธศาสตร แผนงานและโครงการตาง ๆ รวมทงั้ การศึกษาและเกบ็ รวบรวมสถิตขิ อ มลู ทเ่ี กย่ี วของกบั งานสืบสวนคดีอาญาทีเ่ กดิ ข้ึน

๗ ๖. งานวางแผนสืบสวน ๗. งานสบื สวนหาขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานเพอ่ื ทราบรายละเอยี ดของการกระทาํ ความผดิ ท่ีเกดิ ขน้ึ แลว ๘. งานสืบสวนภายหลงั จากรตู วั ผูกระทาํ ความผิด ทั้งทเ่ี ปน คดที ่อี ยูในความรบั ผดิ ชอบ ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอน่ื เพอื่ รแู หลง และรายละเอยี ด เพอื่ ใหม ีการจบั กุม ๙. ดําเนินการเพื่อใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพน้ื ทโ่ี ดยใกลชดิ เพอ่ื ประโยชนใ นการหาขาว ๑๐. กรณพี บการกระทาํ ความผดิ ใหพ จิ ารณาสง่ั การใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชาดาํ เนนิ การจบั กมุ หรือดาํ เนินการจับกุมดว ยตนเอง ๑๑. ปฏบิ ตั หิ นา ท่ถี วายความปลอดภยั แดองคพระมหากษัตรยิ  พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่เี สดจ็ พระราชดําเนนิ เขา มาในพน้ื ทข่ี องสถานตี ํารวจ ๑๒. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ยกรณมี ี เหตุพเิ ศษตาง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชุมนุมประทวง และอืน่ ๆ ๑๓. ปฏิบัตงิ านรวมกับงานปอ งกนั ปราบปราม เพือ่ ทําการตรวจคนจบั กมุ ๑๔. งานปกปด ใหค วามคุม ครองแหลง ขา ว และพยาน ๑๕. ประสานการปฏบิ ตั งิ านกบั งานอน่ื ๆ ในสถานตี าํ รวจและหนว ยงานอนื่ ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ ง อยางใกลช ดิ จริงจงั เพือ่ ใหผลในการปองกัน ระงับ ปราบปราม กระทาํ ความผิด ๑๖. ใหคําปรึกษา แนะนํา ตลอดจนปรับปรุงแกไขการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชา ในงานสบื สวน ๑๗. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจ ทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน ความประพฤตแิ ละระเบียบวนิ ัย ๑๘. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนา ทีอ่ ่ืนไดต ามความเหมาะสม แตทง้ั น้ีตองไมเ สียหายตอ หนา ทกี่ ารงานประจาํ ๑๙. ปฏบิ ัติงานอนื่ ๆ ที่เกี่ยวของกบั งานสืบสวน ๒๐. ปฏบิ ตั ิงานอน่ื ๆ ตามทผ่ี ูบ ังคับบญั ชามอบหมาย ¼»ŒÙ ¯ºÔ μÑ §Ô Ò¹Ê׺Êǹ ÊÒÃÇÑμÃÊº× Êǹ มีหนาที่ดงั นี้ ๑. ควบคุม ตรวจสอบ ใหคําปรึกษา แนะนํา ตลอดจนปรับปรุงแกไขการปฏิบัติงานของ ผใู ตบังคบั บญั ชาในงานสืบสวน ๒. ศึกษาเกบ็ ขอ มูลในสว นท่เี กี่ยวขอ ง และนาํ วทิ ยาการตางๆ มาใชใ นการสืบสวน ๓. งานวางแผนสืบสวน

๘ ๔. สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จรงิ หลกั ฐาน รวมทง้ั ประสานการปฏบิ ตั กิ บั งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอนื่ เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน อนั ไดแ ก การปองกันเหตรุ าย เหตุรุนแรง การกระทําผดิ ตา ง ๆ ทง้ั จากแหลงขา วทว่ั ไปและแหลง ขาว ที่จดั ต้ังข้นึ ๕. สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพ่ือทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด ทเี่ กิดข้นึ แลว ๖. สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิด ทั้งท่ีเปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบ ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอนื่ หรอื หนว ยงานอน่ื เพอื่ รแู หลง และรายละเอยี ดเพือ่ ใหม ีการจบั กมุ ๗. ดําเนินการเพ่ือใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพื้นที่อยา งใกลช ิดเพอื่ ประโยชนใ นการหาขาว ๘. กรณีการกระทําความผิดใหดําเนินการจบั กุม โดยพจิ ารณาใชก าํ ลงั ตาํ รวจตามความ เหมาะสมแลว รายงานหัวหนา งานสบื สวนทราบ ๙. ปฏิบัติหนาที่ถวายความปลอดภัยแดองคพระมหากษัตริย พระราชินีและพระบรม วงศานวุ งศ ทเี่ สดจ็ พระราชดาํ เนนิ เขามาในพื้นทีข่ องสถานีตํารวจ ๑๐. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ย กรณมี ี เหตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทว ง และอื่น ๆ ๑๑. ปฏิบตั ิงานรวมกบั งานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคน จบั กมุ ๑๒. เมื่อไดรับคําส่ังไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนที่ผูบังคับบัญชา กําหนดใหป ฏิบัติอยา งหนึ่งอยางใดในการเขาระงับ ปราบปราม จบั กมุ สกดั จับ กใ็ หป ฏิบตั ิตามคําส่ัง ๑๓. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน ความประพฤตแิ ละระเบียบวินัย ๑๔. การปฏบิ ตั หิ นา ทห่ี ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนาที่อ่ืนไดตามความเหมาะสม แตทั้งน้ีตองไมเสียหายตอหนาที่การงานประจําและตองรีบ รายงานใหหัวหนางานสืบสวนทราบในทันที ๑๕. ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ทีเ่ กีย่ วของกับงานสืบสวน ๑๖. ปฏบิ ตั ิงานอื่น ๆ ตามทผ่ี บู ังคบั บญั ชามอบหมาย ÃͧÊÒÃÇÑμÃÊº× Êǹ มีหนา ที่ดังนี้ ๑. ปฏบิ ัตงิ านตามท่หี ัวหนางานสบื สวน หรอื สารวัตรสบื สวนมอบหมาย ๒. ปฏบิ ัติงานเชนเดยี วกับสารวตั รสบื สวนตามขอ ๑ – ๑๓ ๓. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา ปฏิบัติหนาที่อื่นไดตามความเหมาะสม แตท้ังน้ีตองไมเสียหายตอหนาท่ีการงานประจําและตองรีบ รายงานใหห ัวหนา งานสืบสวนหรือสารวัตรสืบสวนทราบในทันที

๙ ๔. ปฏบิ ัตงิ านอ่ืน ๆ ท่ีเก่ยี วขอ งกับงานสืบสวน ๕. ปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ตามที่ผูบังคับบัญชามอบหมาย ÃͧÊÒÃÇÑμà (ตาํ á˹‹§¤Çº¼ºÙŒ ѧ¤ÑºËÁÙ‹ ¶§Ö ÃͧÊÒÃÇÑμÃ) งานสบื สวน มหี นา ท่ีดงั น้ี ๑. ปฏบิ ตั งิ านในหนา ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบของตาํ แหนง ระดบั ผบู งั คบั หมทู ป่ี ฏบิ ตั อิ ยเู ดมิ โดยปฏบิ ตั หิ นา ทใ่ี นสายงานสบื สวน ภายใตก ารกาํ กบั ตรวจสอบโดยทว่ั ไป และอาจไดร บั มอบหมายให ควบคุมตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของขาราชการตาํ รวจจาํ นวนหนึง่ ๒. ตดั สินใจ วนิ จิ ฉัยส่งั การ แกไขปญ หาในงานท่ีรับผดิ ชอบใหเสรจ็ ส้ิน ณ จุดเดยี ว ๓. ปฏบิ ัตหิ นา ทีห่ วั หนาสายสบื ๔. ปฏิบัติงานดวยตนเองในลักษณะของผูมีประสบการณในงานดานสืบสวนของ หนว ยงานนน้ั ๆ ๕. ชวยเหลอื งานของขาราชการตํารวจระดบั ตาํ แหนง สารวตั รหรือเทียบเทา ๖. ปฏิบตั หิ นาทอ่ี ่นื ท่ีเกีย่ วของหรือตามทีไ่ ดร บั มอบหมายจากผูบังคบั บัญชา ¼ÙºŒ §Ñ ¤ºÑ ËÁÙ‹ Ê׺Êǹ ทาํ ˹Ҍ ·¸èÕ ÃØ ¡Òà มีหนาท่ดี งั น้ี (๑) งานธรุ การทว่ั ไปของงานสบื สวน (๒) ปฏบิ ัติหนาที่ถวายความปลอดภัยแดอ งคพระมหากษตั ริย พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่ีเสด็จพระราชดาํ เนนิ เขา มาในพื้นทีข่ องสถานีตาํ รวจ (๓) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย กรณมี เี หตพุ เิ ศษตาง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชุมนมุ ประทว ง และอ่ืน ๆ (๔) ปฏบิ ัติงานรวมกบั งานปองกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจับกมุ (๕) ปฏิบตั งิ านอน่ื ๆ ท่ีเกย่ี วของกบั งานสบื สวน (๖) ปฏบิ ตั ิงานอ่ืน ๆ ตามท่ผี ูบังคบั บญั ชามอบหมาย ·íÒ˹Ҍ ·ÕÊè ׺Êǹ มีหนาท่ดี งั นี้ (๑) สบื สวนการกระทาํ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาและการปฏบิ ตั ติ ามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (๒) เก็บรวบรวมสถิติขอมูลในสวนที่เกี่ยวของกับงานสืบสวน รายงานขอมูลสืบสวนตอ รองสารวัตรสืบสวน หรือสารวัตรสบื สวน หรอื หัวหนา งานสืบสวน (๓) สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จริง หลักฐาน รวมท้ังประสานการปฏิบัติ กบั งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอน่ื เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน อันไดแก การปองกันเหตุราย เหตุรุนแรงการกระทําผิดตางๆ ทั้งจากแหลงขาวท่ัวไปและแหลงขาว ท่จี ดั ตัง้ ขน้ึ (๔) สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพื่อทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด ทีเ่ กดิ ขึ้นแลว

๑๐ (๕) สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิดท้ังที่เปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบของ สถานีตํารวจ และกรณีจับกุมคนรายตามหมายจับของสถานีตํารวจอื่นหรือหนวยงานอื่น เพื่อรูแหลง และรายละเอียดเพอื่ ใหมีการจบั กุม (๖) ดําเนินการเพื่อใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวนโดยสรางความสัมพันธกับ ประชาชนในพ้นื ทอี่ ยางใกลช ิดเพื่อประโยชนใ นการหาขา ว (๗) ปฏิบัติหนาท่ถี วายความปลอดภยั แดองคพ ระมหากษัตริย พระราชินี และพระบรม วงศานวุ งศ ท่ีเสด็จพระราชดาํ เนินเขา มาในพืน้ ที่ของสถานตี ํารวจ (๘) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย กรณีมเี หตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทวง และอ่นื ๆ (๙) ปฏบิ ตั ิงานรว มกับงานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจบั กุม (๑๐) ปฏิบัติการจบั กมุ เมอ่ื พบการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดรบั คําส่ังจากผูบ ังคับบัญชา (๑๑) เมื่อไดรับคําสั่งไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนท่ีผูบังคับบัญชา กาํ หนดใหปฏิบตั ิอยา งหน่ึงอยางใดในการเขาระงบั ปราบปราม จบั กุม สกดั จับ กใ็ หปฏบิ ัติตามคําส่ัง (๑๒) งานท่ีปฏิบัติใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง ขอบังคับวาดวยเร่ืองน้ันๆ หรอื ตามทผ่ี บู งั คับบญั ชามอบหมาย (๑๓) ปฏิบตั ิงานอื่น ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ งกับงานสบื สวน (๑๔) ปฏบิ ัตงิ านอ่นื ๆ ตามที่ผูบงั คบั บัญชามอบหมาย ñ.õ »ÃÐàÀ·áÅÐÇ¸Ô ¡Õ ÒÃÊ׺Êǹ ñ. ¡ÒÃÊº× Êǹ·ÇèÑ ä» ËÃÍ× ¡ÒÃÊº× Êǹ¡Í‹ ¹à¡´Ô àËμØ คอื การสบื สวนรวบรวมขอ มลู ตา งๆ อันเปน ประโยชนในทางทจ่ี ะนาํ มาใชเ กีย่ วกบั การรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน การสืบสวน ประเภทน้ีเจาพนักงานตํารวจทุกคนตองกระทําเปนปกติเพ่ือหาทางระงับหรือหาทางปองกันมิใหมี เหตรุ า ยเกดิ ข้ึน โดยถือหลกั ดาํ เนินการสืบสวน ดงั นี้ ๑.๑ ภูมิประเทศ ตองรูจักสภาพพ้ืนท่ีในเขตท่ีตนรับผิดชอบ ตลอดจนพื้นที่ ใกลเ คยี ง เสน ทางคมนาคมทง้ั ทางบก และทางนาํ้ เสน ทางสญั จรของประชาชน ทง้ั เสน ทางหลกั ตรอก ซอกซอย เสน ทางลดั การเชอ่ื มตอ กนั ของเสน ทางตา งๆ รวมทงั้ พน้ื ทหี่ รอื เสน ทางทลี่ อ แหลมตอ การเกดิ อาชญากรรมหรอื เหตรุ ายตา ง ๆ โดยใหหม่ันไปตรวจตราและหาทางปอ งกันเหตุ ๑.๒ สถานท่ี ตองรูจักอาคารสถานท่ีสําคัญท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน สถานทูต ทีพ่ กั อาศยั ของบุคคลสาํ คญั สถานศกึ ษา โรงงาน โรงมหรสพ โรงแรม สถานบรกิ าร ธนาคาร สถานที่ ราชการหรอื สถานที่อ่ืน ซึ่งลอ แหลมตอการกอความไมสงบ วาอยูท ใ่ี ด มที างเขาออกอยางไร และใคร เปน ผดู แู ลรับผดิ ชอบ เปนตน โดยใหส ถานีตาํ รวจทุกแหง ทาํ แผนทีแ่ สดงทตี่ ้งั อาคารและสถานทต่ี างๆ ไวป ระจําสถานี และตอ งตรวจตราแกไขแผนที่ใหตรงกับความเปน จรงิ เสมอ

๑๑ ๑.๓ ประเภทและความประพฤตขิ องบคุ คล เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งรวู า ประชาชน ในพื้นท่ีรับผิดชอบผูใดประกอบอาชีพใด ผูใดเปนผูมีอิทธิพล ผูมีประวัติทางโจรกรรม เปนซองโจร รับของโจร ผทู ่เี คยตอ งโทษ ผเู สพสรุ า ยาเสพติดเปน อาจณิ ผปู ระพฤติเทีย่ วเตรไมประกอบอาชีพ และไมม ที อี่ ยเู ปน หลกั แหลง คนเหลา นที้ กุ สถานตี าํ รวจตอ งทาํ บญั ชไี วโ ดยทางลบั และสบื สวนอยา งใกลช ดิ วา คนจาํ พวกนย้ี งั ประพฤตชิ ว่ั หรอื กลบั ตนเปน คนดปี ระการใด แกไ ขเพม่ิ เตมิ บญั ชใี หต รงตามความเปน จรงิ อยูเสมอ และควรสืบสวนใหรูจักบุคคลท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน บุคคลสําคัญ ทูตานุทูต สมาชิก รัฐสภา เปนตน นอกจากน้ีควรสืบสวนถึงกิริยาเปนพิรุธหรือนาสงสัยของบุคคลอีกดวย เชน ม่ัวสุม ประชมุ เลย้ี งสรุ ากัน หรอื มีอาวธุ เทยี่ วเตร ไปมาไมม ีทอ่ี ยูเปน หลกั แหลง เพอื่ เปน แนวทางการสืบสวน ขั้นตอไปวาบุคคลเหลา นน้ั จะไปกระทาํ ผดิ หรอื ไดก ระทาํ ผิดในทางอาญาแลว หลบหนีมาหรือไม ๑.๔ บุคคลหรือสิ่งของท่ีควรสงสัย โดยมีเหตุและรายละเอียดตามสมควร เจาพนกั งานตาํ รวจตอ งสืบสวนและตรวจคน เชน คนทม่ี ีอาวธุ เปอ นคราบโลหิต และทาํ กริ ิยาซอ นเรน เปน พริ ธุ หรอื คนทม่ี สี งิ่ ของเกนิ กวา ฐานะซง่ึ บคุ คลธรรมดาไมอ าจจะมไี ดห รอื มขี อ พริ ธุ อนื่ ๆ ทนี่ า สงสยั วาไดมาโดยไมสุจริต ตองพยายามสืบสวนใหไดทราบและเก็บไวเปนขอมูล เพ่ือดําเนินการตามควร แกก รณตี อไป ò. ¡ÒÃÊº× ÊǹμÒÁàËμØ¡Òó· èàÕ ¡´Ô ¢¹Öé ËÃ×Í¡ÒÃÊ׺ÊǹËÅ§Ñ à¡´Ô àËμØ คอื การสืบสวน ในเม่ือมีเหตุเกิดขึ้นแลว เพื่อแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐานประกอบคดี เพ่ือใหไดรายละเอียดวา ความผิดเกิดขึ้นท่ีใด เมื่อใด ใครเปนผูกระทําผิด วิธีการกระทําความผิดเปนเชนใด ตลอดจนสืบสวน ถึงมลู เหตจุ งู ใจในการกระทําผิดและใหไ ดตวั ผูกระทําความผดิ ¢é¹Ñ μ͹¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ ñõ ¢Ñé¹μ͹ ǰ ๑. การแสวงหาขอเท็จจริง ๒. การแสวงหาพยานหลกั ฐานมาพิสูจนย ืนยนั ขอ เท็จจรงิ ตามขอ ๔.๑ ๓. การวเิ คราะหขอ เทจ็ จริงและพยานหลักฐาน ๔. การสรปุ ขอเทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐาน เพอื่ พิสจู นค วามผิดและคนผดิ ๕. การสงมอบพยานหลักฐานใหพนกั งานสอบสวนผูร บั ผิดชอบ

๑๒ ๖. การตดิ ตามผูกระทาํ ผิดเพอื่ จบั กมุ มาดําเนินคดี ๗. การเลือกใชวธิ กี ารจบั กมุ ท่มี ีประสิทธิภาพและปลอดภัย ๘. การซกั ถามปากคาํ ผตู อ งหาและพยานทเี่ กย่ี วขอ งเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ อกี ครง้ั หนงึ่ ๙. การแสวงหาขอเทจ็ จรงิ และพยานหลักฐานเพิม่ เตมิ ๑๐. การตรวจสอบและสรุปขอเท็จจริงพยานหลักฐานเพ่ือพิสูจนความผิดคนผิด กอ นสง ฟองศาล ๑๑. การใหค วามคุม ครองและดูแลพยานบุคคล ๑๒. การใหการเปนพยานในกระบวนการยุติธรรม นับแตช้ันพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ๑๓. การสืบสวนขยายผลใหถ ึงท่ีสุด ๑๔. การเก็บรวบรวมขอมลู ของการกระทําผิด คนผิด การสืบสวน สอบสวน ไวเ ปน แฟมคดีสบื สวนอยางเปน ระบบ ๑๕. การนาํ ขอมลู อาชญากรรมจากแฟม คดีสบื สวนไปใชป ระโยชน ñ. ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·àèÕ ¡ÂÕè ǡѺ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô เปนการแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานตาง ๆ ทุกชนิดของนักสืบท้ังกอน เกดิ เหตุ ขณะเกดิ เหตุ และหลงั เกดิ เหตุ เพอื่ นาํ ไปใชใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ย วางแผนการปอ งกนั ปราบปรามอาชญากรรม และการคลี่คลายคดี ซ่ึงนักสืบจะตองมีความรูเร่ืองพยานหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม ไดแก พยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานพฤตกิ รรมขอ เทจ็ จรงิ อกี ทัง้ นักสืบยังจะตองรูล กึ ไปอกี วา พยานหลกั ฐานทส่ี ามารถใชไ ดใ นกระบวนพจิ ารณาชน้ั ศาล พยานหลกั ฐานทใ่ี ชไ มไ ดใ นกระบวน พิจารณาช้นั ศาล พยานหลกั ฐานใดมีน้าํ หนกั ไมม นี า้ํ หนัก การกระทาํ ใดของเจาหนาทท่ี ี่จะทาํ ใหศาล ตัดพยานหลักฐานออกจากสํานวนคดี เปนตน เพราะการสืบสวนมิไดจบอยูแคนักสืบ จะตอง นาํ ขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานทแี่ สวงหาไดไ ปดาํ เนนิ การออกหมายจบั และสง ใหพ นกั งานสอบสวนรวบรวม เพอ่ื ใหพนกั งานอยั การสงฟอ งและนําตัวผูต อ งหาไปสืบพยานดาํ เนินคดชี น้ั ศาลอีกตอ ไป ¢ŒÍà·¨ç ¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·Õàè ¡èÂÕ Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ầ‹ Í͡໹š Ášµn š¸ÉÁ®Èœ Ä®o Ášµn š¸¦É ¼o ‡¦™ªo œ ­¤¼¦–r ¤µ„„ªµn š¸¦É ´¦o¼

๑๓ ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·èÕà¡ÕèÂǡѺ¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ à·‹Ò·ÕèàËç¹à·‹Ò·èÕÃÙŒ ไดแก การสืบสวน กอนเกิดเหตุ (ขอมูลทองถ่ิน, ฐานขอมูลการสืบสวน เปนตน) การสืบสวนหลังเกิดเหตุ (ส่ิงที่พบเห็น ในท่เี กดิ เหตจุ ากการตรวจสถานทีเ่ กดิ เหตุ เปน ตน) ซึ่งเปน ขอ เท็จจริงและพยานหลักฐานทน่ี กั สบื หาได ในวงรอบแรกในการสบื สวนคดี สว นขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ กย่ี วกบั การกระทาํ ผดิ ขณะเกดิ เหตนุ น้ั เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทนี่ กั สืบไมรูซ ่ึงนกั สืบจะตองหาวิธีการใหรับรใู นวงรอบการสืบสวนตอ ๆ ไป ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·èÕà¡èÕÂǡѺ¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ÁÒ¡¡Ç‹Ò·ÕèÃѺÃÙŒ ไดแก สวนขอเท็จจริง ท่ีเกี่ยวกับการกระทําผิดกอนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ และขอเท็จจริงและพยานแวดลอม กรณีทนี่ กั สืบยงั ไมรู ซ่ึงนักสบื จะตอ งหาวิธีการใหร ับรตู อ ไป เชน ๑. จุดท่ีพบศพเปนท่ีเกิดเหตุจริงหรือไม ท่ีเกิดเหตุหลัก (first crime scene) ทีเ่ กดิ เหตรุ อง (secondary crime scene) ๒. ผูตาย เปน ใคร ๓. ผตู ายตายเมอ่ื ไหร ๔. ผูต ายมาจากไหน จะไปไหน เปนตน ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨Ã§Ô ·àÕè ¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ãˤŒ ú¶ÇŒ ¹ÊÁºÃÙ ³ คอื การหาขอ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานในสว นจก๊ิ ซอวท ข่ี าดหายไปใหครบถวนสมบูรณ เชน ๑. ประวตั ภิ ูมิหลงั ผูต าย ๒. มลู เหตุการณฆาตกรรม เหตุขดั แยง ของผูต าย ๓. ขอ มลู การใชโ ทรศพั ทเ ปรยี บเทยี บยนื ยนั คาํ ใหก ารของผตู อ งหา พยาน เปน ตน ๔. ผลการตรวจพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตรจากกองพิสูจนหลักฐาน นิตเิ วชวทิ ยา เปน ตน ò. áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹¾ÊÔ Ù¨¹Â×¹Â¹Ñ ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§ เปน การหาขอ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานมายนื ยนั กบั ขอ เทจ็ จรงิ ทรี่ ทู เ่ี หน็ (เทา ทเี่ หน็ เทา ท่ีร)ู มากกวา ที่รับรูข องนกั สบื เชน การสอบพยานยนื ยันประวัตภิ มู หิ ลังของผูตาย เปนตน ó. ÇÔà¤ÃÒÐˏ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹»ÃСͺ¡Ñ¹ à¾è×Í·ÃҺNjҾÄμÔ¡ÒóáË‹§ ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕá·Œ¨Ãԧ໚¹Í‹ҧäà คือ การประชุมวิเคราะหขอเท็จจริงทางคดี มีหลักปฏิบัติ ดงั นี้ ๑. ตองรับฟง เหตุผลของผูรว มประชมุ วิเคราะห ๒. หลักและเหตุผลการประชุมวิเคราะหขอเท็จจริง ตองอาศัยพยานหลักฐาน ประกอบ จงึ จะไดข อเท็จจริงทางคดี ô. ÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ à¾è×;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ เปนการสรุป ขอเท็จจริงทางคดี ซึ่งมีพยานหลกั ฐานประกอบ เพื่อพสิ จู นค วามผิด และเพ่อื ทราบตวั คนราย ๑. ไดขอเท็จจรงิ ๒. มีพยานหลักฐานประกอบพรอ ม ๓. ทราบตัวผูกระทาํ ผดิ

๑๔ õ. Ê‹§Áͺ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ¼ÙŒÃѺ¼Ô´ªÍº หลักงานสืบสวนตองทํา ควบคไู ปกบั งานสอบสวน ดงั น้ี ๑. เปน การนําพยานหลักฐานเขา สูสาํ นวนการสอบสวน ๒. รายงานการสืบสวนประกอบเอกสารท่ีเกี่ยวของ เชน เอกสารการตรวจสอบ การใชโทรศัพทของผูตาย ผูตองสงสัย ขอมูลการวิเคราะหการใชโทรศัพทของผูตองหาจากโปรแกรม Analysis link notebook (I๒) เปนตน ๓. พนักงานสอบสวนขออนุมตั ิศาลออกหมายจับ ö. Ê׺ÊǹμÔ´μÒÁ¼¡ŒÙ ÃÐทํา¼Ô´à¾×Íè ¨ºÑ ¡ÁØ ÁÒ´íÒà¹Ô¹¤´Õ ตรวจสอบตามแนวทางตอ ไปนี้ ๑. ตรวจสอบจากการใชโ ทรศัพทเคลอื่ นที่ (Cell Side Mobile Phone) ๒. ตรวจสอบจากประกนั สงั คม เพอ่ื ทราบวา ทาํ งานทีไ่ หน ๓. ตรวจสอบประกันสุขภาพ ๔. ตรวจสอบจากเครือญาติ ๕. ตรวจสอบจากบคุ คลผกู วา งขวาง ๖. ใชสายลับ ๗. ตั้งรางวัลนาํ จับ เปนตน ÷. àÅ×͡㪌ÇÔ¸Õ¡ÒèѺ¡ØÁ·èÕÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾áÅлÅÍ´ÀÑ เชน กดดันใหมอบตัว เรยี กมาแจง ขอกลาวหา เจรจาผานบุคคลผกู วา งขวางในพ้นื ท่ี เปนตน ø. «Ñ¡¶ÒÁ»Ò¡คํา¼ÙŒμŒÍ§ËÒáÅоÂÒ¹·èÕà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§à¾×èÍ·ÃÒº¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§ÍÕ¡¤Ãéѧ˹èÖ§ ในการสืบสวน ผูส ืบสวนตองมีทกั ษะและความชาํ นาญในการซกั ถาม ไดแ ก ๑. การซักถามผูตองสงสัย ตามหลักวิชาเพ่ือใหไดขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน ครบถวนสมบรู ณ เพื่อจบั ขอ พริ ธุ หรือเพ่ือขยายผลคดี เปนตน ๒. การซักถามประจักษพยาน ตามประเด็นเพ่ือใหไดประโยชนแกรูปคดี การซักถามน้ัน ผูซักถามจะวางตัวอยางไร ใหพยานเช่ือถือและวางใจที่จะใหขอเท็จจริง เปนไปตามหลกั วิชา ๓. การซักถามพยานแวดลอม เพื่อกําชับขอเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เปน ประจกั ษพ ยาน หรอื พยานนติ วิ ทิ ยาศาสตร ใหม ีความแนนแฟนมากยง่ิ ข้นึ เพื่อเปน ประโยชนตอรูปคดี การซกั ถามเพ่ิมเตมิ เพอื่ ประโยชน ดงั น้ี - เพอื่ ทราบขอเทจ็ จรงิ เพิม่ เติม ใหไดร ายละเอยี ด - เพอ่ื อดุ ชอ งวา งรายละเอียดใหส มบูรณ - เพอ่ื หาพยานหลกั ฐานเพ่ิมเตมิ ใหล ะเอยี ด ù. áÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾ÔèÁàμÔÁ ๑. เพื่อใหคดสี มบูรณ ๒. เพ่ือใหหลกั ฐานทางคดีพรอ มในการดาํ เนินคดกี ับผูตอ งหา

๑๕ ñð. μÃǨÊͺáÅÐÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾è×;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ ¡Í‹ ¹Ê§‹ ¿‡Í§ÈÒÅ ๑. ชุดสืบสวนและพนกั งานสอบสวน ชวยกนั ตรวจสอบ ๒. หัวหนาสถานีตาํ รวจควบคุมตรวจสอบกอ นมคี าํ สง่ั ทางคดี ññ. ãËŒ¤ÇÒÁ¤ŒÁØ ¤ÃͧáÅдá٠žÂÒ¹º¤Ø ¤Å ๑. ศกึ ษาดรู ะเบยี บการคมุ ครองพยาน ๒. เพ่ือความปลอดภยั ของพยานท่ีจะเบิกความตอศาล ๓. เพ่ือไมใ หพ ยานถกู ขม ขูแ ละกลบั คาํ ใหการ โดยเฉพาะพยานทีถ่ กู กนั ตวั มาจาก ผตู อ งหามาเปน พยาน ñò. ãËŒ¡ÒÃ໚¹¾Âҹ㹡Ãкǹ¡ÒÃÂØμÔ¸ÃÃÁ ¹Ñºá싪Ñé¹¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ ÍÑ¡Òà áÅÐÈÒÅ ๑. นักสืบตองอานและตรวจคําใหการอยางละเอียดกอนลงชื่อในคําใหการ เพราะสวนใหญพนักงานสอบสวนไมไดสอบตอหนา จะสอบอางอิงบันทึกการจับกุมและรายงาน การสืบสวนเพราะบางประเดน็ ซ่ึงเปนประเด็นสาํ คัญจะขาดหายไป ๒. นักสืบทจ่ี ะเบกิ ความตอ ศาล ตอ งเตรยี มตวั กอ นเบกิ ความ โดยเฉพาะพยานคู ตองเบิกความสอดคลองตรงกัน หากเบิกความขัดแยงกันในขอเท็จจริง อาจทําใหศาลยกฟองเสียรูป คดีได ในคดีสาํ คัญนกั สืบควรไปดสู ถานทเ่ี กิดเหตุอกี ครง้ั เพราะท่เี กิดเหตุทนายจาํ เลยจะใชประโยชน ในการถามคา น ๓. พยานซึ่งเปนบุคคลธรรมดา นักสืบและพนักงานสอบสวน ควรนัดมาซอม คําใหการกอนเบิกความ เพราะปจจุบันทางอัยการจะไมคอยซอมพยาน ไมใชไมเชื่อถืออัยการ แตร ะยะหลงั ฝา ยผูตอ งหาจะมกี ารวง่ิ เตน อัยการ หรือวิ่งผา นทนายความ ñó. Êº× Êǹ¢ÂÒ¼ÅãËŒ¶Ö§·èÕÊ´Ø โดยดูวา ๑. สามารถจบั กมุ ขยายผลผรู ว มกระทาํ ผดิ ท้ังหมด ครบถวนไหมหากไมครบถว น ดําเนนิ การขยายผลใหครบถว น ๒. เครอ่ื งมือเคร่อื งใช อาวุธ หรือพยานหลกั ฐานอืน่ ๆ ท่ีนา จะมีเหลอื อยเู พิม่ เตมิ ดําเนนิ การตรวจสอบใหค รบถวน ๓. ทรัพยสินของผูเสียหายท่ีถูกประทุษรายยังไมไดคืน ติดตามมาเปนของกลาง และคืนแกเจาทรัพย ซึ่งจะเปนประโยชนแกรูปคดี และสรางความศรัทธาแกประชาชนผูไดรับความ เสยี หาย ๔. สรปุ สาเหตุหรอื แรงจูงใจในการกระทําผิดสุดทายทีแ่ ทจ รงิ อกี ครั้งหนง่ึ ๕. การกระทําผิดในคดีอื่นกอนเกิดเหตุและกอนจับกุม เพื่อฟองลงโทษผูตองหา ใหม ากท่ีสุดเทา ทจี่ ะทําได

๑๖ ñô. ࡺç ÃǺÃÇÁ¢ŒÍÁÅÙ ¢Í§¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ änj໹š á¿Á‡ ¤´Õ Êº× ÊǹÍ‹ҧ໚¹Ãкº ๑. เพอื่ สบื สวนคดีตอใหส าํ เร็จ ๒. เพอ่ื ศกึ ษาวเิ คราะหค ดอี าชญากรรมและบนั ทกึ แนวทางสบื สวนไวเ ปน กรณศี กึ ษา ตอ ไป ñõ. ¹Òí ¢ÍŒ ÁÅÙ ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁ¨Ò¡á¿Á‡ ¤´ÊÕ º× Êǹä»ãª»Œ ÃÐ⪹ ในการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ การปองกันปราบปรามอาชญากรรม และการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนใหมากย่ิงขึ้น ตอไป ñ.ö ¡ÒÃÊͺÊǹ »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ ò (๑๑) “การสอบสวน หมายความถึง การรวบรวมพยานหลักฐานและการดําเนินการ ท้ังหลายอื่นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนไดทําไปเก่ียวกับความผิด ที่กลาวหาเพื่อที่จะทราบขอเท็จจริงหรือการพิสูจนความผิด และเพื่อจะเอาตัวผูกระทําผิด มาฟอ งลงโทษ” การสอบสวนจะมีไดเฉพาะกรณีหลังกระทําผิดเทาน้ัน เพราะกฎหมายบัญญัติคํานิยาม ขางตนวาเปนการรวบรวมพยานหลักฐานดําเนินการทั้งหลายอ่ืนซ่ึงพนักงานสอบสวนไดทําไป เก่ียวกับความผิดท่ีกลาวหา ดังนั้น หากยังไมมีการกลาวหา กลาวคือ ยังไมมีคํารองทุกขหรือ คาํ กลาวโทษ พนักงานสอบสวนไมมีอํานาจสอบสวน และเมื่อพนกั งานสอบสวนไมม อี ํานาจสอบสวน พนักงานอัยการก็ไมมีอํานาจฟองคดีตอศาลเพราะกฎหมายหามมิใหพนักงานอัยการยื่นฟองคดีใด ตอศาล โดยมิไดมีการสอบสวนในความผิดน้ันกอนซ่ึงแตกตางจากการสืบสวน ซ่ึงมิไดท้ังกอนการ กระทาํ ผดิ และหลงั กระทาํ ผดิ โดยทกี่ รณกี อ นการกระทาํ ผดิ เปน การทาํ ไปเพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย เชน การสง รถตาํ รวจสายตรวจออกพนื้ ทห่ี าขา วและปอ งกนั ปราบปรามจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา เปน ตน คํารองทุกข ไดแก การที่ผูเสียหายไดกลาวหาตอเจาหนาท่ีตามบทบัญญัติแหงประมวล กฎหมายนี้ วามีผูกระทําความผิดขึ้น จะรูตัวผูกระทําความผิดหรือไมก็ตาม ซึ่งกระทําใหเกิดความ เสยี หายแกผ ูเสียหาย และการกลา วหาเชนนนั้ ไดก ลาวโดยมเี จตนาจะใหผ กู ระทําความผิดไดร บั โทษ คาํ กลาวโทษ ไดแก การทบ่ี ุคคลอื่นซง่ึ ไมใ ชผเู สยี หายไดกลา วหาตอเจาหนาที่ วามบี คุ คล รตู ัวหรือไมก็ดี ไดก ระทําความผิดอยางหนึง่ ขน้ึ ผมู อี าํ นาจสอบสวนคดอี าญา กฎหมายกาํ หนดใหเ ปน หนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวนเทา นนั้ ซง่ึ ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจชนั้ ผใู หญ ปลดั อาํ เภอ และขา ราชการตาํ รวจซงึ่ มยี ศตงั้ แตช น้ั นายรอ ยตาํ รวจตรี หรอื เทยี บเทานายรอ ยตาํ รวจตรขี ้นึ ไป มอี ํานาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งไดเกิด หรอื อา ง หรอื เชอ่ื วา ไดเ กดิ ภายในเขตอาํ นาจของตน หรอื ผตู อ งหามที อ่ี ยู หรอื ถกู จบั ภายในเขตอาํ นาจ

๑๗ ของตนได ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ และจะมอี าํ นาจ สอบสวนเฉพาะภายในเขตอาํ นาจของตนเทาน้ัน แตหากมกี ฎหมายพิเศษกาํ หนดใหผูใ ดเปนพนักงาน สอบสวน ก็เปนไปตามขอยกเวนน้ันๆ เชน พ.ร.บ.ปองกันปราบปรามยาเสพติดใหโทษ พ.ศ.๒๕๑๙ ใหอ าํ นาจคณะกรรมการ ป.ป.ส. มอี าํ นาจในการสบื สวน สอบสวน และการฟอ งคดคี วามผดิ ตามกฎหมาย เกี่ยวกับยาเสพติดใหโทษ หรือ พ.ร.บ.ปองกันและปราบปรามการกระทําเปนโจรสลัด พ.ศ.๒๕๓๔ ใหอ าํ นาจเจา หนา ทท่ี หารเรอื ทาํ การสอบสวนในเบอ้ื งตน ในความผดิ ฐานโจรสลดั ในทะเลหลวง เปน ตน จากหลักเกณฑของกฎหมายดังกลาวจะเห็นไดวา การสืบสวนสอบสวนในคดีอาญานั้น แบงออกเปนงานสืบสวนและงานสอบสวนแยกจากกัน แตงานท้ังสองมีกระบวนการท่ีปฏิบัติควบคู กันไป มีความสัมพันธเชื่อมโยงเปาหมายเดียวกัน น่ันก็คือการรักษาความสงบเรียบรอยใหเกิดขึ้นใน สงั คม ซงึ่ สงั คมจะปลอดภยั ไดก ต็ อ เมอื่ มกี ารบงั คบั ใชก ฎหมายอยา งสอดลอ งและมปี ระสทิ ธภิ าพนน่ั เอง ¡ÒÃÊ׺Êǹ¡Ñº¡ÒÃÊͺÊǹ â´ÂËÅÑ¡¨ÐÁÕ¤ÇÒÁáμ¡μ‹Ò§·àèÕ Ë¹ç ä´ŒªÑ´ ó »ÃСÒà ñ. ¡ÃͺàÇÅÒ - การสบื สวน อาจจะสบื สวนไดท งั้ กอ นมกี ารกระทาํ ความผดิ เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย เชน การไปสืบหาบุคคลที่มีพฤติการณไมนาไววางใจมาบันทึกไวในฐานขอมูลเก็บไวกอน หรืออาจ สืบสวนภายหลังจากมีการกระทาํ ความผิดแลวเพื่อใหไดรายละเอยี ดของความผิด - การสอบสวน ตองกระทําภายหลังมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลวเทาน้ัน เพราะการสอบสวนเปน การรวบรวมพยานหลักฐานเพือ่ นาํ ตวั ผูกระทาํ ผิดมาลงโทษ ò. à¢μอํา¹Ò¨ - การสืบสวน มีเขตอํานาจท่ัวราชอาณาจักร ไมวาเจาหนาท่ีทองที่ใดก็มีอํานาจสืบสวน ทัง้ สน้ิ - การสอบสวน ตอ งกระทําโดยเจาหนา ท่ขี องทองท่ที ่ีมีเขตอาํ นาจ เชน ทอ งทีท่ ี่ความผดิ เกดิ เชื่อวา ไดเ กิด อางวา ไดเกิด หรือทองทที่ ีผ่ ตู องหาถกู จบั หรือผตู องหามที อี่ ยู เปน ตน ó. ¼ÁŒÙ อÕ าํ ¹Ò¨ - ผมู อี าํ นาจสบื สวน ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ ไมว า จะมชี น้ั ยศใด หรอื หนา ที่ อยา งไร กม็ ีอํานาจสบื สวนทัง้ สิ้น - ผูมีอํานาจสอบสวน ไดแก พนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจชั้นผูใหญ ปลัดอําเภอ และขาราชการตํารวจซ่ึงมียศตั้งแตชั้นนายรอยตํารวจตรีหรือเทียบเทา นายรอยตํารวจตรีข้ึนไป ซึง่ มีเขตอาํ นาจและมีหนาทส่ี อบสวน (เชน สว.จราจร สอบสวนไมได เพราะไมม ีหนาทส่ี อบสวน)

๑๘

๑๙ º··èÕ ò ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨Ã§Ô ò.ñ ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·ç¨¨ÃÔ§¨Ò¡¡Òëѡ¶ÒÁ การซกั ถามเจาทกุ ข ผเู สียหาย พยาน ผตู อ งสงสยั หรอื ผูตอ งหาเบ้อื งตนนั้น เปนการซักถาม ที่ตองรีบดําเนนิ การหลงั เกดิ เหตใุ หม ๆ เพราะ - ยงั อยใู นความจาํ ทยี่ ังไมล ืมเหตุการณท ่ีตนไดเ ห็นมา - ยงั ไมม ีผูใดมาชี้แนะวา ตองพดู อยา งไร - ยังไมมีเวลาท่ีจะคิดหรือออกความเห็นที่จะตอเติม หรือคาดคะเนวา เหตุการณนาจะ เปนอยา งนน้ั นาจะเปน อยา งนี้ หรอื ผลนาจะเปนอยางไร - ยังไมม คี วามเกรงกลวั ตออทิ ธิพลของฝายใดฝา ยหน่ึง - ยงั ไมค ิดทจ่ี ะชว ยเหลือ หรือเอนเอยี งเขา ขา งฝายใดฝา ยหน่ึง ÈÔÅ»Ð㹡Òëѡ¶ÒÁ¤´ÍÕ ÒÞÒ¤Í× ÍÐäà คอื กลวธิ ที เี่ ฉลยี วฉลาดในการซกั ถาม เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย พยาน ผตู อ งสงสยั หรอื ผตู อ งหา ดวยวิธีการตางๆ เพื่อใหผูถูกซักถามพูดความจริงตามท่ีเขาไดเห็นเหตุการณมา แลวนํามารวบรวม เปนขอมูลที่มีประโยชนในการสืบสวนหาพยานหลักฐาน และติดตามตัวผูกระทําความผิดมาดําเนินคดี และพิสูจนการกระทําความผิดของผูตองหา (และจะตองคอยประสานกับพนักงานสอบสวนทุกระยะ เพื่อใหการสืบสวนและการสอบสวนเปนไปในทิศทางเดียวกัน และรวดเร็วข้ึนในกรณีที่ผูซักถามมิได เปน พนกั งานสอบสวน) ʶҹ·ãÕè ¹¡Òëѡ¶ÒÁ¤ÇÃ໹š ÍÂÒ‹ §äà - เปน หอ งธรรมดา เงียบ ไมมเี สยี งรบกวน - ไมควรมเี สยี งวทิ ยุ โทรทัศน โทรศัพท หรือรปู ภาพตา ง ๆ ประดบั หรือติดตามผนงั - มแี สงสวางตามปกตทิ ัว่ ๆ ไป อยา ใหผิดแปลกจากทว่ั ๆ ไป - อยาใหผ ถู กู ซกั ถามเกดิ ความวิตกกงั วล หรือเกดิ ความกลัว - ทีน่ ั่ง จัดตามแบบปกติ ไมหรหู ราเกนิ ไป ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁμ‹Ò§ æ Áըش»ÃÐʧ¤·μèÕ ÍŒ §¡Ò÷ÃÒºàËμØ ö »ÃСÒà ¤×Í ๑. ใคร หมายถึง ใครเปน เจา ทุกข ผูเสยี หาย ผกู ลาวหา - ใคร หมายถึง ใครเปน เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย ผกู ลา วหา

๒๐ - คนราย ผตู อ งสงสยั หรือผูตอ งหา - พยานบอกเลา ประจกั ษพ ยานทีเ่ หน็ เหตุการณ - คนตาย คนพบศพ คนนําผบู าดเจบ็ สงโรงพยาบาล - คนจับกุมผูต อ งหา หรอื รว มกบั เจา หนา ทต่ี ํารวจจบั กุมตัวผูตองหา - เกย่ี วของเปน พอ แม สามี ภรรยา ๒. ทาํ อะไร หมายถงึ เกดิ อะไร คดเี รอ่ื งอะไร เชน ทาํ รา ยรา งกาย วง่ิ ราวทรพั ย ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย หรอื ฆา เปน ตน ๓. ทไ่ี หน หมายถึง สถานทีเ่ กิดเหตุ เหตเุ กิดท่ีไหน เชน เหตุเกดิ ทบ่ี า นเลขท.ี่ ................ ซอย...................ถนน................(ใกลก บั .............) แขวง....................... เขต.............................กทม. ๔. เมือ่ ใด หมายถึง เหตุเกดิ เม่ือใด วันอะไร วนั ทเี่ ทา ใด เดือนใด ปใด เวลาใด - จบั คนรา ยไดเ ม่อื ใด - ผูบาดเจบ็ ตายเม่ือใด - จับผตู อ งหาไดเพิ่ม หรอื ยดึ ของกลางไดเพ่มิ เมื่อใด วนั เวลาปใ ด ๕. อยา งไร หมายถงึ คดนี น้ั เกดิ อยา งไร คนรา ยใชม ดี เปน อาวธุ แทงทาํ รา ย หรอื ใชอ าวธุ ปนยิง หรือคนรายใชรถจักรยานยนตเปนพาหนะว่ิงราวทรัพยกระเปาถือสตรีไป หรือคนรายจํานวน สามคนใชอาวุธปนยงิ เจาทรพั ยตายแลว ปลน เอาทรัพยสินในบานไป เปน ตน ๖. ทาํ ไม หมายถงึ สาเหตุของคดีน้นั ซ่ึงจะหมายถึงมูลเหตุจูงใจในการกระทาํ ความผดิ เชน เร่ืองชูส าว ประสงคต อทรพั ย ขดั ผลประโยชน ววิ าทกนั คาของเถ่ือน ยาเสพตดิ บอนการพนนั เปนตน ËÅѡ㹡Òë¡Ñ ¶ÒÁãˌ䴼Œ ÅμÒÁ¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ ¡. ·ÁèÕ Ò¢Í§¢ÍŒ ÍÒŒ § ขอ อางหมายถงึ อะไร ¢ÍŒ ͌ҧ หมายถึง คําบอกเลา คําใหก ารของผูเ สยี หาย พยาน ผูตอ งหา หรอื ผตู อ ง สงสัย ที่บอกหรือตอบขอซักถาม แลวนํามาพิจารณาวาผูบอกเลาหรือผูใหการ อางหรือบอกอะไร บางอยาง ตัวอยา งเชน เมื่อวันท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ นายเอเห็นนายบีลกั นาฬก าขอ มือของนายขาว ทวี่ างอยหู ลงั ตเู ยน็ ในรา นกาแฟของนายเขียว มนี ายแดงและนายดํา เห็นเหตกุ ารณดวย ตามคาํ บอกเลา ดงั กลาวน้ี จะเห็นไดวา มีขออา งทก่ี ลา วถึงคือ - ใคร นายเอ เห็น นายบี - ทาํ อะไร ลักนาฬก าขอมอื ของนายขาว - ทีไ่ หน หลงั ตูเย็นในรานกาแฟของนายเขยี ว - เมื่อใด วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ - อยา งไร นายบหี ยบิ ไปโดยมีนายแดงและนายดําเหน็ เหตุการณ

๒๑ จากขออางดังกลาวขางตน ถือเปนขออางท่ีจะตองซักถามผูเสียหาย พยาน ผูตองหา หรือผูตองสงสัย ถาเปนเร่ืองจริง หรือเหตุการณจริง ก็จะไดคําตอบท่ีสอดคลองในทํานองเดียวกัน หมายถึงเปน หลกั ฐานท่ใี ชยืนยนั การกระทาํ ความผดิ ËÑǢ͌ ·¤Õè Çëѡ¶ÒÁ·ÑèÇä» กอนทีจ่ ะซักถามจะตองพิจารณากอนวาผูถกู ซกั ถามมคี วามรสู ึกอยา งไรขณะนัน้ ประสาท พรอ มหรอื ไม อยูในสภาวะที่จะใหขอเทจ็ จรงิ ไดหรือไม เชน กําลงั ตกใจกลัวหรือตนื่ เตนกบั เหตกุ ารณ ท่ีเห็นมาสด ๆ รอน ๆ หรือไม หรือมีความเก่ียวพันเปนญาติพ่ีนอง พรรคพวกเพ่ือนฝูง หรอื มีสว นไดเสยี กับใครหรือไม การต้ังหัวขอคําถามแตละคดีไมเหมือนกัน แลวแตประสบการณ ความชํานาญ ปฏิภาณ ไหวพริบของผูซักถาม ทจ่ี ะกลา วตอ ไปนีเ้ ปนหัวขอ หลักๆ ทสี่ ามารถใชไดเกือบทกุ สถานการณ หวั ขอที่จะซกั ถาม - มาอยางไร ตัวเขาไปมาอยางไร ทําไมจึงอยูท่ีนั่น หรือเปนเสนทางท่ีตองผาน เปน ประจาํ ผานเวลาใด ฯลฯ - เหตุใดจงึ รูเ ห็นเหตกุ ารณ ผานมาเห็นพอดี หยดุ ยนื รอรถเมล รถแท็กซ่ี หรือน่งั ดื่ม กาแฟอยทู รี่ านพอดี ฯลฯ - แสงสวางมีหรือไม ถามีเปนแสงสวางจากอะไร ท่ีใด จากหนาบาน หลังบาน หรือรานคามีเสาไฟฟาอยูตรงไหน จุดใด สวางมากนอยเพียงใด หางจากจุดท่ีเกิดเหตุเทาใด (ขอ นีห้ มายถงึ เปนเวลากลางคนื หรือในที่มืด) - อยหู างเปนระยะเทา ใด ใกล ไกล เพียงใด ขณะเหน็ เหตุการณ เพอ่ื ยนื ยันวาอยหู า ง ระยะเทาใด เห็นหนาตาชดั เจนไหม จาํ เหตุการณไดชดั เจนหรอื ไม แลวตรวจสอบจากทีเ่ กิดเหตุอกี คร้ัง วาเปนไปไดหรอื ไม - เห็นเหตุการณนานเพียงใด เห็นผานหนาแวบเดียว หรือยืนดูอยู ๓-๔ นาที เพ่ือยืนยนั วาจําหนา ตาไดแ นน อน เปน ตน) - ขณะที่เหน็ ไดท ําอยางไรบา ง (รองตะโกนใหค นทราบ รอ งใหคนเขา มาชวย ยนื ดอู ยู เฉยๆ หรอื โทรศัพทแ จงเหตุตํารวจ ฯลฯ) - หลงั จากไดร เู หน็ เหตกุ ารณแ ลว ไดท าํ อยา งไรบา ง (จดบนั ทกึ ไว เลา ใหค นอน่ื ฟง หรอื โทรศพั ทแ จงตาํ รวจ ฯลฯ) - เห็นคนรายหนีไปทางไหน มีใครตามไปบางหรือไม คนรายท้ิงอะไรไวบางหรือไม อาจมีพยานหลกั ฐานตกอยู เปนตน ¢. àÃÍè× §ÊÀÒ¾¢Í§¢ÍŒ ÍÒŒ § เมอ่ื ซกั ถามขอ อา งหลกั แลว จะตอ งซกั ถามสภาพของขอ อา ง ประกอบดว ย เพอ่ื ใหมพี ยานหลักฐานหนกั แนน ยง่ิ ข้ึน หรือเพอ่ื ตรวจสอบวาผถู ูกซกั ถามพดู ความจรงิ หรือไม เชน

๒๒ - วันเดือนปที่ผูถูกซักถามอางนั้น มีสภาพดินฟาอากาศเปนอยางไร มีฝนตก หรือไม ขา งข้นึ หรอื ขา งแรม มแี สงจันทรส วา งเวลากลางคืนหรือไม - บุคคลทีอ่ า งถึงทอ่ี ยใู นทเี่ กิดเหตนุ ัน้ แตล ะคนแตง กายอยา งไร กําลงั ทาํ อะไรอยู มีตําหนิรูปพรรณอยางไร ช่ืออะไร นามสกุลอะไรทราบหรือไม อายุเทาใด เพื่อพิจารณาวาเขาเห็น เหตุการณจ ริงหรือไม - สี ไมวาจะเปน การแตง กายของคน วัตถุสิ่งของ รถท่อี ยูใ นที่เกดิ เหตุหรือทีเ่ ขา มา เกยี่ วของ มสี อี ะไร เพื่อพิจารณาวา ผถู ูกซกั ถามอยใู นทีเ่ กดิ เหตหุ รอื ไม - เสยี ง เสยี งคน เสยี งสตั ว เสยี งรถ จาํ หรอื สงั เกตไดจ ากอะไร เสยี งมคี วามแตกตา ง กันอยา งไร รถยนต รถจกั รยานยนต ไดยนิ เสยี งจาํ เจทกุ วัน จนจาํ เสยี งไดว าเปน เสยี งรถอะไร ของใคร ที่มาจอดประจํา หรอื เสยี งบุคคลพดู คุยกัน ไดย นิ บอย ๆ ก็จะจาํ ได - กล่ิน มหี รอื ไม ถา มีกลิ่นอะไร - รส เปน รสอะไร - ตาํ หนิ ทกุ สิง่ ตองมีตาํ หนิถาสงั เกตใหดี - ขนาดไมวาจะเปน อาวธุ ปน มดี ไม รถยนต รถจกั รยานยนต รถปค อพั เปนขนาดใด - จํานวน ไมวาจะเปนฝายใด แตละฝายมีจํานวนเทาใด ใครทําอยางไร หรือมคี นรา ยจํานวนกีค่ น การแตงกายอยางไร ตําหนิรปู พรรณอยา งไร - ชนิดหรือประเภทของทุกอยาง เปนยี่หออะไร ชนิดใด ประเภทใด ถาไมทราบ ใหห าตวั อยา งขนาดหรอื ชนิด ประเภทอยางเดียวกันหรอื ใกลเคียงกนั ใหด ู ¤. ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ¢Í§¢ŒÍÍÒŒ § จากการสอบถามขออา งหลัก สภาพของขออา งแลว อาจจะ ซกั ถามถงึ สงิ่ แวดลอ มของขอ อา งเพอื่ ประกอบพยานใหห นกั แนน ยงิ่ ขน้ึ ถา ผถู กู ซกั ถามอยใู นเหตกุ ารณ จริงนอกจากจะกลาวถึงขออางแลว ยังสามารถบอกถึงสภาพของขออางและส่ิงแวดลอมของขออาง ในทเี่ กิดเหตไุ ดอกี ทาํ ใหนา เช่ือไดวา ผนู ้ันอยูในเหตกุ ารณจริง ส่งิ แวดลอ มของขอ อา งควรแยกเปน - ประเภทคน นอกจากพยานจะเห็นเหตุการณอยูแลว ยังมีคนอื่น ๆ ที่ผานมา บริเวณน้นั อกี หรือไม จาํ ไดบา งหรอื ไม มีลักษณะอยางไร อาชพี อะไร เชน มคี นงานกําลังซอมถนนอยู บรเิ วณนน้ั เปนตน - ประเภทวัตถุ มีวัตถสุ ่ิงของอยา งอืน่ อีกหรอื ไม ชนดิ ใด ใชทาํ อะไร อยตู รงนน้ั อกี หรอื จดุ ใดอกี หรือไม - ประเภทสัตว มีสัตวอะไรบางหรือไม เชน เลี้ยงนก เล้ียงสุนัข เล้ียงแมว เลี้ยง นกเขา ฯลฯ เลย้ี งไวทีจ่ ดุ ใด ใสกรงไวหรอื ไม ¡Òëѡ¶ÒÁàËμØ¼ÅáÅТ͌ ͌ҧÁËÕ ÅÑ¡´Ñ§¹Õé ผูท่ีมาใหถอยคําเกี่ยวกับคดีตางๆ เม่ือเห็นเหตุการณก็สามารถที่จะมาใหการตาม ความจรงิ แลว จะตอ งมขี อ อา งเสมอ มากนอ ยเพยี งใดขน้ึ อยกู บั สภาวะทเี่ กดิ เหตุ บางรายเหน็ เหตกุ ารณ มากกม็ ีขอ อา งมาก บางรายเหน็ เหตกุ ารณน อยก็มีนอย การซักถามจงึ ตอ ง

๒๓ ๑. ถามเรอ่ื งไปตามลาํ ดับขอ อา งอยาใหส ลับกัน จนเสรจ็ เปนขอ ๆ ๒. เอาเหตุผลท่ีหางขออางขึ้นมาถามกอน แลวถามเหตุผลที่ชิดขออาง (เหตุผลหาง ขออาง หมายถงึ หา งประเดน็ เหตุผล ชิดขอ อาง หมายถงึ เขา ประเด็น) ๓. ถามีวัตถุพยานหรือเอกสารเปนพยานหลายชิ้น เอาช้ินท่ีเปนหลักฐานแนนอน มาถามกอ น (ช้นิ ที่เปน ของกลางใชในการกระทาํ ผดิ ) ÇÔ¸Õ«Ñ¡¶ÒÁ เราทราบแลววาพยานแตล ะคนมขี ออางหลายขอ และมกี ารซักถามเปนขอๆ ดงั กลา วแลว ดงั นั้นการซักถามจงึ ตองถามเหตผุ ลท่หี า งขอ อางกอน และเขามาหาชดิ ขออา ง (การซักถามโดยละเอียดน้ี เปน เรอ่ื งของพนกั งานสอบสวนทจ่ี ะซกั ถามสอบสวนปากคาํ เพอ่ื ประโยชนใ นการพจิ ารณาคดใี นชน้ั ศาล แตสําหรับฝายสืบสวนไมจําเปนตองละเอียดถึงกับตองสอบสวน) การถามเหตุผลที่หางขออางกอน เพื่อใหผูถูกซักถามยังไมรูคุณหรือโทษของถอยคําที่จะตอบ เพราะถาเขาจะตอบขอท่ีชิดขออางกอน กจ็ ะเปน คณุ หรอื โทษทนั ที ถา เขาไมร ตู วั เขาสามารถจะพดู ไดม ากและมปี ระโยชนต อ รปู คดดี ว ย เทา กบั วา ไมใหเ ขารตู วั วา เรากําลงั จะถามใหเขา ไปถงึ จุดทีเ่ ราตองการแลว น่นั เอง ËÅѡ㹡Òëѡ¶ÒÁ ๑. ควรรีบซักถามโดยเรว็ ทสี่ ดุ ๒. ถาเขายังตื่นเตน หรือตกใจกลัวตอเหตุการณที่เกิดขึ้น ตองใหเขาพักผอนกอน จนหายต่นื เตนตกใจ หรือพรอ มท่ีจะใหก ารซกั ถามจึงลงมอื ซกั ถาม ๓. มกี ารเตรยี มการลวงหนา ๔. แสดงความเปน กนั เองกับผถู ูกซักถาม ๕. ควบคุมใหตอบตรงประเดน็ และอยาใหขดั กัน ๖. อยา ถามนําใหเ ขาตอบวา ใชหรือไมใ ช ๗. ตั้งปญ หาใหตอบทีละขอ จากขอ อางท่หี างเขามาชิดขอ อา ง ๘. ต้งั ปญหาท่ีจะซักถามใหเขาใจงายใหมาก ๙. ควรเลยี่ งคาํ ถามท่ีตอบวา ไมร ไู มเ หน็ ๑๐. ถาเขาตอบไมตรงตามเปาที่เราตั้งไวอยาโมโห หรือใชอารมณถึงกับแสดงความไม พอใจออกมา ๑๑. คาํ ตอบขอ ใดทข่ี ดั กนั ควรซกั ถามภายหลงั อกี ครง้ั เพราะบางครงั้ อาจไมพ ดู ความจรงิ àËμ¼Ø ŪԴ¢ŒÍÍÒŒ § áÅÐàËμ¼Ø ÅËÒ‹ §¢ŒÍ͌ҧ ËÁÒ¤ÇÒÁÇÒ‹ ÍÂÒ‹ §äà àËμØ¼ÅªÔ´¢ŒÍ͌ҧ ตรงกับกฎหมายใชคําวา เขาประเด็น หมายความวา เปนเหตุผล ที่ตรงตอขอ อาง หรือเปนเหตุผลโดยตรงของขอ อางมใิ ชโ ดยออม เชน เห็นนาย ก. ลักวิทยุนาย ข.

๒๔ àËμ¼Ø ÅËÒ‹ §¢ŒÍÍÒŒ § ตรงกบั กฎหมายใชคาํ วา หา งประเดน็ ซึ่งเปนเหตผุ ลท่ีหางออกไปจาก ขออางอาจจะหางมากนอยแตกตางกัน ไมสามารถช้ีไดวาหางมากเพียงใด ตองถามกอนหลัง ใหพิจารณาวาเม่ือถามแลวผูถูกซักถามจะไมรูสึกวา คําตอบน้ันมีคุณหรือโทษกับเขา เขาสามารถ พูดไดอยางสบายหรือพูดงายๆ ก็คือวา ซักถามกอนเกิดเหตุ เริ่มต้ังแตตัวผูถูกซักถามกอนมาถึง ทเี่ กดิ เหตนุ น่ั เองซ่ึงเรียกวา ¡Òëѡ¶ÒÁàËμ¼Ø Å ËÅ¡Ñ ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁàËμØ¼Å áÅТ͌ ÍÒŒ § ๑. ถามเหตุผลอดีต คือ ถามเหตุผลกอนเกิดการรูเห็นวา เหตุใดจึงมารูเห็น เพ่ือเปน พนื้ ฐานรบั รองเหตปุ จ จบุ ัน ๒. ถามเหตปุ จ จบุ นั คอื ถามถงึ เหตผุ ลขณะเกดิ เหตุ หรอื เวลาขณะเกดิ เหตวุ า ขณะรเู หน็ ไดทําอยา งไรบา ง เพื่อเปนเหตผุ ลรองรับเหตุผลอนาคต ๓. ถามเหตุผลอนาคต คือ ถามถึงเหตุผลตอนหลังจากการรูเห็นวา จากการรูเห็น มาแลว นนั้ ไดท ําอยา งไรบา ง เหตุผลท้ังสามขอ นต้ี องสอดคลอ งกัน แตใหไ ดค วามวา ใคร ทาํ อะไร ท่ีไหน เมือ่ ไร อยางไร ทําไมเชนกนั ¡‹Í¹ทาํ ¡Òëѡ¶ÒÁμŒÍ§àμÃÂÕ ÁμÇÑ ÍÂÒ‹ §äà ¡. ¹Ñ¡Ê׺¼«ÙŒ Ñ¡¶ÒÁ ๑. จะตองไปดทู ีเ่ กดิ เหตกุ อ นทุกคดี เพือ่ ทราบรายละเอียดแหง คดนี ัน้ วา - เกดิ เหตอุ ยางไร เมอื่ ไร - ในทเี่ กดิ เหตมุ พี ยานหลกั ฐานอะไรบา ง ทเี่ ปน รอ งรอยของคนรา ยทงิ้ ไว มกี าร ตอ สู หลกั ฐานสว นตัวของคนรายตกในอยูท่ีเกิดเหตุ - เวลากลางคนื มแี สงสวา งหรอื ไม จากทใ่ี ด ขนาดใด เหน็ ชดั เจนไหม หา งเทา ใด ฯลฯ ๒. เมอ่ื ดทู ีเ่ กดิ เหตแุ ลว ตอ งวางข้นั ตอนในการสืบสวนทาํ อะไรบา ง - เตรยี มตวั เตรยี มใจใหพ รอ ม ไมม นี ดั กบั ผใู ดเพอ่ื เขา มาขดั จงั หวะในการซกั ถาม ไมรับโทรศัพท ไมเขา หองนาํ้ ไมทานอาหารหรอื ไปพกั ผอ นกอ น เปนตน - สิ่งใดที่รูลวงหนา เพ่ือประโยชนในการช่ังน้ําหนักวา จริงหรือไมจริง ตอ งเตรยี มขอ มลู และขอ เทจ็ จรงิ เกี่ยวกับเร่ืองนัน้ ไวกอน ๓. เตรียมคําถามไววาควรถามอะไรบาง ต้ังคําถามใหมาก คําตอบที่มีประโยชน พยายามแยกไวพ จิ ารณาอะไรจรงิ ไมจ รงิ ควรซกั ถามขอ อา งหา งประเดน็ กอ น แตต อ งดวู า พยานนนั้ เปน พยานประเภทใดดวย ก. ประเภทประจกั ษพยาน เห็นเหตุการณต ลอด เตม็ ใจใหถ อยคํา

๒๕ ข. ประเภทเห็นเหตุการณแตไมตลอด เห็นกอนเกิดเหตุ เห็นขณะเกิดเหตุ เหน็ หลังเกดิ เหตุ มคี วามตกใจกลวั มาก หรือต่นื เตน อาจตอ เตมิ หรือมีความเห็นวา ควรจะเปน อยางนั้น อยา งนี้ ค. ประเภทรูเหตกุ ารณ แตไมเตม็ ใจใหก ารเปน พยาน เน่อื งจาก - กลัวอิทธพิ ลของคนราย จะแกแคน หรือทํารา ยคนในครอบครวั - กลัวเสียเวลาในการไปใหก ารเปนพยาน - กลัวเปน ขาวในหนา หนังสือพมิ พ - ถาเปนพวกทีร่ ว มมอื ทาํ ผดิ ดวย กลบั ใจมาใหก ารกลัวถกู จาํ คกุ ¢. ¼Œ¶Ù ¡Ù «Ñ¡¶ÒÁ¾ÃŒÍÁáÅÇŒ ËÃÍ× äÁ‹ ๑. พิจารณาวาเขามีความรูสึก หรือประสาทพรอมแลวหรือยัง กําลังตกใจกลัว ตืน่ เตน หรือไม มสี วนไดเสียกบั คนรายหรอื ไม เปน ญาติพ่ีนอ งกันหรอื ไม ๒. ใหเขาน่ังตามสบาย ชวนคยุ เรือ่ งอนื่ กอน ไมใ หเ ขาเครียดหรือมีความกงั วล à·¤¹Ô¤¡Òë¡Ñ ¶ÒÁ การซกั ถามแหลง ขาวที่ไดผ ลท่ีสดุ ๑. แหลงขาวไมรตู วั วาถกู ซกั ถาม ๒. หลีกเล่ียงการจด บนั ทึก หรอื ทําอะไรตอหนา แหลงขา วใหเ ขารูวาถกู ซกั ถาม หากตองการบันทึกการซักถาม ใหใชเคร่ืองมือพิเศษในลักษณะซอน หรืออําพราง ในการบันทกึ โดยไมใ หแ หลง ขา วทราบได ÁÕ¨μÔ ÇÔ·ÂÒ㹡Òëѡ¶ÒÁ ๑. คนจะพดู มากหลังจากประสบเหตุการณข มขืน่ มาใหมๆ ๒. คนมักจะคลอยตามความคดิ เห็น ของผูมีอาํ นาจเหนอื ตน ๓. คนมักจะใหเ หตผุ ล เม่อื ตนเองทาํ ผดิ (แกต วั ) ๔. คนมักจะตกตะลึง เม่ือเกดิ เหตกุ ารณคับขนั ๕. คนมักจะโกรธเมอื่ ถกู ลบหลูดหู มิน่ ๖. คนมกั จะชอบการยกยอปอปน ๗. คนมักจะเหน็ ความสาํ คญั ของตนเอง มากวาเหน็ ความสาํ คญั ของผูอ ื่น ๘. คนมกั จะตอบสนองความเมตตาปราณี และเห็นอกเห็นใจท่ีมผี อู ่นื มอบให Å¡Ñ É³Ðคํา¶ÒÁ ๑. ตงั้ คาํ ถามงา ยๆ ๒. ตัง้ คําถามตรงไปตรงมาไมออ มคอม ๓. ตัง้ คําถามแบบแนบเนยี น และถูกตองตามกาลเวลา

๒๖ ๔. มีคําถามมลู ฐานอยู ๖ ประการ คือ หลัก ๕ W ๑ H Who (ใคร) What (ทําอะไร) When (เมอ่ื ไหร) Where (ที่ไหน) Why (ทําไม) How (อยางไร) ÇÔ¸Õᡌ»˜ÞËÒ㹡Òëѡ¶ÒÁáËÅ‹§¢Ò‹ Ç ๑. พดู ออมคอม - อดทนฟงเขาพูดตอ ไป - คอยจับผดิ ใหไ ด - ถามยํ้าใหพดู ยนื ยันอกี ครงั้ ๒. ดอ้ื ถอื ดี หวั แข็ง - พดู แหย พดู เรว็ อยา ใหต ัง้ ตัวตดิ - พูดดถู กู ดแู คลนดาวา - พูดโอโลม แสดงเหตผุ ล ๓. โกหกเกง - ปลอยใหเขาพูดไปกอ น แลวคอ ยจับโกหกใหได - เมื่อพดู จบ ใหพดู อีกครั้งวาตรงกันหรอื ไม - หยดุ ถาม แลว เรยี กมาซกั ถามใหม ò.ò ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨ÃÔ§â´ÂÇÔ¸¡Õ ÒÃÍ×¹è ¢‹ÒÇ ¡ÒÃËÒ¢Ò‹ Ç áËÅ‹§¢Ò‹ Ç ปจจุบนั อาชญากรรมนับวา เปนปญหาทีส่ าํ คัญ ซงึ่ นบั วนั จะทวคี วามรนุ แรงมากขึน้ ตาํ รวจ ถือวาเปนเคร่ืองมือของรัฐบาลที่มีหนาที่ในการปองกันปราบปราม แตทวาความสําเร็จดังกลาวจะมี มากนอ ยเพยี งใด จงึ ตอ งพจิ ารณาในดา นการหาขา ว การทต่ี าํ รวจจะสามารถดาํ เนนิ การ วางแผนรบั มอื อาชญากรรมจําเปนตองมีขอมูลขาวสารจากแหลงตางๆ และมีการวิเคราะหอยางเปนระบบ ดังน้ัน การขา วจงึ นับไดวา มคี วามสําคญั ¢Ò‹ Ç คือ อะไร ¢Ò‹ Ç คือ ปรากฏการณท ี่เกิดขึน้ จากการได ดู อาน ฟง ¢‹ÒÇ แบงออกเปน ๓ ประเภท คอื ๑. ขาวเปด คือ ขาวที่หาไดจากสื่อมวลชนตางๆ เชน หนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ซ่งึ ไดจ ากการดู การฟง และการอาน ถือวา เปนขา ว ๙๕ เปอรเซ็นตของขา วทง้ั หมด

๒๗ ๒. ขา วกึง่ เปด กง่ึ ปด คือ ขา วที่ไมส ามารถหาซอื้ ได แตไ ดจากการตรวจสอบ จากเจาหนาที่ ทีเ่ ก่ียวของ เชน งานทะเบยี นตา งๆ หรือหนว ยงานเอกชน โดยใชห นังสอื ของทางราชการขอความรว มมอื ๓. ขาวปด คือ ขาวที่ไมมีการเปดเผย อาจหมายถึง ขาวลับ การท่ีจะใหไดมา ซ่ึงขาวดังกลาว จะตองใชวิธีอื่นๆ เชน การใชสาย การสงคนสะกดรอยติดตาม หรือการเฝาจุด ซง่ึ ตองเสียคา ใชจ า ยสูง ¡ÒÃ㪌áËŧ‹ ¢‹ÒÇËÃ×ÍÊÒÂÅѺ “แหลงขาว หรือ สายลับนั้นก็คือ บุคคลผูซึ่งยินยอมตกลงที่จะมีความสัมพันธในทางลับ ตกลงทจ่ี ะถูกควบคุมในระดบั หนึ่ง และจะเปน ผจู ดั หาขาวสารหรอื การบรกิ ารอื่นใดใหแ กเ จา หนาท่”ี องคป ระกอบของแหลง ขา วหรือสายลับนน้ั กค็ ือ (๑) มคี วามสมั พนั ธในทางลับกับเจาหนาท่ี (๒) ตกลงทีจ่ ะถูกเจาหนา ทค่ี วบคุมในระดบั หนงึ่ (๓) ตกลงทจ่ี ะจดั หาขา วสาร หรอื บริการแกเจาหนา ท่ีได ดังน้ัน “แหลงขาว หรือสายลับเพื่องานการสืบสวน” ก็คือ ผูท่ีไดตกลงท่ีจะกระทําการใด อนั เปนประโยชนตอเจาหนาที่ เพอื่ การสืบสวนปอ งกันปราบปรามอาชญากรรมน้นั เอง ซึง่ วธิ ีการ “RECRUIT” แหลงขา ว หรือสายลับนัน้ แบง ออกเปน ๒ วิธดี วยกนั คือ (๑) แบบ Positive หรือ Reward คือ มีผลประโยชนตางตอบแทน (๒) แบบ Negative หรอื Punishment คือ แบบการลงโทษ แบบที่หนึ่ง (Positive หรือ Reward) น้ัน เปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศที่เจริญแลว เชน ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฯลฯ เปนการทํางานระหวาง C/O (Case Officer) หรือ เจาหนาท่ีควบคุมกับ C/I (Case Information) หรือแหลงขาวนั้นเอง โดยตางฝายตางไดรับ ผลตอบแทนซึง่ กันและกัน คอื เจา หนา ท่ไี ดร ับขอมูลขาวสาร สว นแหลง ขา วหรอื สายลบั น้ัน จะไดรบั เปน ผลประโยชนตอบแทน เชน เงินหรอื สง่ิ ของอืน่ ใดท่ีแหลง ขา วหรือสายตอ งการ แตท ั้งนี้ตอ งอยูใน ภาวะท่ีเจาหนาท่ีผูควบคุม (C/O) น้ันสามารถใหไดโดยไมขัดตอกฎหมายและระเบียบ ตลอดจนไมเปนการกระตุนใหแหลงขาวนํา “ขอมูลไมจริง” มาใหแบบไมรับผิดชอบและอาจสงผล กระทบตอการปฏบิ ตั ิงานของผเู ก่ยี วของได แบบที่สอง (Negative ËÃ×Í Punishment) น้ันเปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศ สังคมนิยมหรือประเทศคอมมิวนิสต เน่ืองจากเปนประเทศท่ีขาดงบประมาณหรือมีงบประมาณนอย หรือชอบใชความรุนแรง เชน ในสมัยสงครามโลก พวกนาซีไดใชพวกยิวในการหาขอมูลขาวสาร หากไมทําตามท่ีไดสั่งการไวอาจถูกจับกุม หรือเปดเผยฐานะตนเองทําใหถูกฆาได วิธีนี้ปจจุบัน ยงั มีการกระทํากันอยู เนื่องจากไมต อ งลงทุนแตอยา งไร

๒๘ จะเห็นไดวา ประเทศในโลกสวนใหญมักนิยมใชแบบแรกมากกวา เนื่องจาก “แหลงขาว หรือสายลับ” นั้น จะมีประสิทธิภาพในการทํางานมากกวา มีความจริงใจในการทํางานและมีน้ําหนัก ของพยานทดี่ ีกวาแบบท่สี อง ในเมื่อแหลงขาวหรือสายลับ สวนใหญเปนระบบ (Positive หรือ Reward) เราในฐานะเปน เจา หนา ทต่ี าํ รวจ จงึ ตอ งควรอา นใหอ อกวา แหลง ขา วหรอื สายลบั ตอ งการอะไรเพอ่ื เปน แรงจูงใจในการทํางานและเปนเครื่องช้ีใหเราทราบวา แหลงขาวหรือสายลับของเราไมได ทํางานเพือ่ หวังมาทาํ ลายงานของเรา สิ่งจูงใจนน้ั ไดแ ก (๑) MONEY คอื พวกตองการเงนิ (๒) FAMILY คือ พวกตองการใหค รอบครัวเปน สุข (๓) SECURITY คอื พวกตอ งการความปลอดภัยของตนเองหรอื ครอบครัว (๔) IDEALISM คอื พวกมแี นวความคดิ หรือมอี ดุ มคติ (๕) PATRIOTISM คอื พวกรกั ชาติ (๖) EGOTISM คอื พวกท่ีชอบใหคนอนื่ ใหค วามสาํ คัญ (๗) FRIENDSHIP คือ มไี มตรจี ิตกบั เจาหนา ท่ี (๘) ADVANGER คอื พวกชอบทาํ งานตน่ื เตน เส่ยี งภยั (๙) REVENGER คือ พวกตอ งการลางแคน ดังนั้นเม่ือเจาหนาท่ีตํารวจหรือ C/O ไดทํางานกับแหลงขาวหรือสายลับประเภทตางๆ ดังท่ีกลาวมาแลว ก็ควรจะใหสิ่งจูงใจตามที่พวกเขาตองการ หากทําไดจะมีผลทําใหพวกเขาเหลานั้น มีแรงจูงใจในการทํางานมากขึ้น แตท้ังนี้จะตองควบคุมพิจารณาใหดี เพราะแหลงขาวหรือสายลับ แตละประเภทมีขอดขี อเสยี แตกตา งกนั ไป áËŧ‹ ¢‹ÒÇ การทจ่ี ะไดม าซงึ่ ขา วสารและขอ มลู ทเี่ กย่ี วกบั การกระทาํ ความผดิ ของคนรา ย จาํ เปน จะตอ ง ทราบถงึ สถานทต่ี า ง ๆ อนั จะทาํ ใหไ ดข า วสารทเ่ี ปน ประโยชนต อ การสบื สวน ซงึ่ สามารถใหค วามหมาย ของคําวา “แหลง ขาว” ไดด งั นี้ แหลงขาว หมายถึง แหลงหรือสถานท่ี ซึ่งคาดคะเนวาจะไดขาวสารที่เปนประโยชนท่ีจะ รูตัวผูกระทําผิด ไดพยานหลักฐานตลอดจนการจับกุมผูกระทําผิด แหลงหรือสถานที่ซ่ึงคาดคะเนวา จะไดขาวสารอันเปนประโยชนดังกลาวนั้นมีอยูหลายประการดวยกัน คดีใดควรจะสืบสวนจากที่ใด เพยี งแหง เดยี วหรอื หลายแหง ก็สดุ แตค วามเหมาะสมและเหตุการณซ งึ่ ท่ีสาํ คัญ ๆ มดี งั ตอไปน้ี ñ. ʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμØ นบั วา เปน หลกั ฐานสาํ คญั ขอ แรกของคดที งั้ หลายทเี่ กดิ ขนึ้ ผสู บื สวน ควรจะสนใจและถาสามารถไปดูสถานที่เกิดเหตุไดดวยตนเองก็จะเปนประโยชนอยางยิ่งแกการท่ีจะ ทําการตอไป เพราะบรรดาพยานหลักฐานทั้งหลายท่ีไดภายหลังน้ัน จะตองไมเปนการขัดกับสถานที่ เกิดเหตแุ ละเพอื่

๒๙ ก. พสิ จู นว า ไดม เี หตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ตามทกี่ ลา วหาหรอื ไม เพราะคดบี างเรอื่ ง บางรายอาจแกลงกลาวหากันได เรื่องท่ีไมจริงแลวแกลงกลาวหากัน หลักฐานหรือรองรอยตาง ๆ ยอมแสดงพิรุธ หรือไมส มเหตุผล ข. เพื่อจะทราบวามีหลักฐานรองรอย ส่ิงของ หรือส่ิงหนึ่งส่ิงใดซ่ึงเปนพยาน หรอื หลกั ฐานในการสบื สวนหาคนรา ยหรอื ผเู กย่ี วขอ งหรอื ไม ในขอ นผี้ สู บื สวนจะตอ งใชค วามรคู วามชาํ นาญ และความละเอยี ดรอบคอบในการพิจารณา เชน รองเทา ลายนิว้ มอื ปลอกกระสุน หยดโลหิต ฯลฯ ทต่ี กอยทู เ่ี กดิ เหตเุ ปน ของใคร เกยี่ วขอ งกบั คดอี ยา งไร ยอ มเปน หลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ งในเหตกุ ารณน น้ั ไดด ี ค. เพ่ือทราบสภาพหรือกิริยาอาการของสถานที่ ของบุคคล ของศพ บาดแผล หรือส่ิงของตาง ๆ ในสถานท่ีนั้นเปนอยูอยางไร ภาพของสถานที่ซึ่งถูกปลนหรือถูกลักทรัพยก็ยอม ปรากฏมีรองรอยการถูกงัดและแตกหัก หรือมีลายนิ้วมือดังกลาวมาแลว กิริยาอาการของบุคคล ซึ่งอยูที่บาน หรอื ใกลท เ่ี กิดเหตุ มพี ิรุธนาสงสัยหรอื ไม ถาหากมผี ตู ายก็ตอ งมกี ารตรวจชนั สตู รพลกิ ศพ โดยเจาพนักงานตาม ป.ว.ิ อาญา อีกสว นหนึ่ง ง. ทิศทางการเขาออกของบุคคลหรือเหตุการณท่ีเกิดขึ้นเมื่อไดตรวจสอบ ถามเหตุการณตางๆ ไดความแลวก็ควรจะตองทําแผนท่ีเกิดเหตุแสดงรายละเอียดได แผนที่น้ี เปน สงิ่ สาํ คญั ยง่ิ จะตอ งใชเ ปน พยานในชนั้ ศาลตอ ไป จะตอ งเขยี นโดยอาศยั วทิ ยาการทางแผนทปี่ ระกอบ ยิ่งใชมาตราสวนท่ีถูกไดก็ย่ิงดี ถาหากเหตุการณสับสนยุงยากหรือมีรายละเอียดมากควรทําแผนท่ี สองฉบับแสดงระยะทางติดตอระหวางท่ีเกิดเหตุกับบาน พยานท่ีรูเห็น สภาพแหงหมูบานนั้น โดยละเอียดเปนทํานองแผนผังอีกแผนหนึ่ง การตรวจติดตอชองทางเขาออกของคนรายเปน สง่ิ สาํ คญั เพราะสง่ิ ทจี่ ะเปน หลกั ฐานนน้ั อาจจะตกอยทู ที่ างเขา ออกนน้ั บา งกไ็ ด เชน พวกปลน ขนทรพั ย พาหนไี ป อาจมสี ง่ิ ของบางอยา งอยตู ามทางทห่ี นไี ปนนั้ เปน การบอกทศิ ทางทคี่ นรา ยหนี ถา คนรา ยไดร บั บาดเจ็บไปก็อาจมรี อยเลอื ด ไดติดตามตอ ไปถงึ ตัวคนรายไดโดยงาย ò. º¤Ø ¤Å·ÍèÕ Ò¨Ãˌ٠ÃÍ× ·ÃÒºàËμ¡Ø Òó บคุ คลทอี่ าจรหู รอื ทราบเหตกุ ารณม หี ลายประเภท ดว ยกนั แตจ ะกลา วเฉพาะทเี่ หน็ วา เคยไดผ ลในการสบื สวนมาแลว เปน สว นมากเทา นน้ั ซง่ึ อาจแบง แยก ออกเปน ไดด ังน้ี ก. ผูเสียหายหรือพรรคพวกของผูเสียหาย ตามปกติแลวบุคคลประเภทนี้รูเห็น เหตุการณส่ิงใด ยอมไมปกปด มักจะบอกเลาแกพนักงานเจาหนาที่เพราะเปนสวนไดเสียของตน หรือของพรรคพวกแตจะเช่ือไดเพยี งใดหรือไมจะตอ งพิจารณาตามเหตผุ ล คือ ๑) ตงั้ ใจบอกความจรงิ ตามเหตุการณท เ่ี กดิ ข้ึน แตอาจมบี างอยางทเี่ จา ทุกข หรอื ผเู สยี หายสงสยั ไมแ นใ จ แตไ มช แ้ี จงในรายละเอยี ดและมอี ปุ าทานหลงเชอ่ื และเดาวา เปน ความจรงิ อาจทําใหเกิดการจับตัวคนรายผิด โดยมีเหตุโกรธเคืองหรือโดยการคะเน และบางสิ่งบางอยาง อาจเกินความจริงไปบางโดยตองการใหคนรายถูกลงโทษอยางหนัก หรือเผ่ือเอาไวดังที่กลาวกันวา “ปลาตกนาํ้ ตวั โต” ก็อาจเปน ได

๓๐ ๒) ไมเปดเผยความจริงใหทราบท้ังหมดเพราะเจาทุกขหรือผูเสียหายน้ัน มีสวนผิดอยูดวยบาง เชน ลักลอบเลนการพนันเกิดทะเลาะทํารายกัน ในชั้นแรกคงจะเลาใหฟง แตเรื่องทํารายกัน สวนสาเหตุท่ีวาทําไมจึงทํารายกันอาจปกปดไว บางรายอาจบอกเปนความเท็จ ทง้ั ส้ิน เพื่อแกลงใสร า ยหรือแกลง กลาวทําโดยเรอื่ งมไิ ดเกดิ ขน้ึ จรงิ ๓) เจาทุกขบางคนอาจเกรงกลัวคนราย ตื่นเตนตกใจกลัวมากเกินไป สติยังไมเปนปกติหรือไมไววางใจเจาหนาท่ีซ่ึงไปทําการสอบสวนอาจยังไมบอกความจริงหรือบอก ผิดพลาด ไปไดบาง การสอบถามเจาทุกขในระยะแรก คือ ในตอนสืบสวนเพ่ือใหไดความสําหรับ การสืบสวนตอไป จึงควรจดบันทกึ เปนการสบื สวนโดยจดไวเ องเพอ่ื เตือนความจํา และควรใหเจาทุกข มีสติดีและไวว างใจเสยี กอน ๔) ในกรณีท่ีเจาทุกขผูเสียหายหรือพยานรูเห็นระบุตัวผูตองหาโดยชัดแจง เม่ือปรากฏเปนความจริงแลวจะตองรีบดําเนินการสืบสวนจับกุมผูตองหาโดยดวน มิฉะน้ันแลว อาจทาํ ใหคดีเปน ท่นี าระแวงสงสัยซงึ่ ตรงกันขามกบั ท่ีเจาทกุ ขห รอื ผูเ สียหายใหก ารวาไมร ูจกั ชอ่ื คนราย แตจําหนา ไดยอมทําใหการสบื สวนจับตวั คนรา ยเปนไปดวยความลําบาก ข. บุคคลซึ่งเกี่ยวของหรือเห็นในการกระทําผิด บุคคลท่ีรูเห็นในจํานวนน้ีมักจะ เกย่ี วขอ งไปในทางทเี่ ปน พรรคพวกของผตู อ งหาหรอื มสี ว นสมรรู ว มคดิ หรอื การทาํ ความผดิ รว มดว ยกนั กับผูต อ งหา แตภายหลงั เกิดแตกพวกกนั หรอื ทรยศกนั หรือเมอื่ ถกู จับกมุ แลว รสู กึ ผดิ และรบั สารภาพ หรือถกู พนักงานสอบสวนกนั เปน พยาน เปนตน ค. กํานัน ผูใหญบาน ผูที่กวางขวาง หรือเปนท่ีเคารพนับถือของราษฎร กํานัน ผูใหญบาน เปนท้ังเจาหนาท่ีและผูอยูใกลชิดติดตอกับราษฎร ถายิ่งเปนผูที่เคารพนับถือดวยแลว ก็ยิ่งเปนผูที่จะใหขอมูลขอเท็จจริงในคดีที่เกิดไดอยางดีท่ีสุด ผูสืบสวนมักจะไดกํานันผูใหญบาน เปน กาํ ลงั สาํ คญั ในการสบื สวนแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ ในตาํ บลใด หมบู า นใด กาํ นนั หรอื ผใู หญบ า น มเี หลย่ี ม นักเลงกวางขวาง ซื่อสัตยและทําจริง เหตุการณโจรผูรายมักจะสงบไมกลารบกวน ในเขตตําบล หรือบา นนน้ั บางทียังอาจคมุ ครองไปถงึ ตาํ บล หรือหมูบา นอน่ื อกี ดวย - ผูกวางขวางรูจักคนมาก ก็เปนประโยชนซึ่งอาจจะทราบเรื่องหรือรูเห็น เหตุการณไดดี เพราะเหตุท่ีกวางขวางอาจมีคนคุยหรือเลาใหฟง หรืออาจเก่ียวของ มีแนวทางตอไป ใหไ ดความ บางคนเปน ผูท ีเ่ คารพนบั ถือของราษฎรนน้ั ถา พวกเขารเู ร่ืองทราบขาวอะไรมักจะไมปดบัง หรือไมกอ็ าจนําเรอ่ื งนนั้ ๆ มาปรึกษาหารอื หรอื ขอความชวยเหลอื ง. ผูมีอทิ ธิพลทางนักเลง ผเู ท่ยี วเตรซ อกแซก คนขบั รถรับจา ง - ผูมีอิทธิพลในทางนักเลงยอมคบหาสมาคมติดตอกับพวกนักเลง หรือประพฤติมิชอบตางๆ จึงนับไดวา เปนบุคคลที่อาจจะรูเห็นเหตุการณไดดี อาจใกลความจริง ดียงิ่ กวา บุคคลในจาํ พวก ค.ขา งตน - ผูเที่ยวเตรซอกแซก หมายถึง คนท่ีชอบคบหาสมาคมติดตอกับคนที่ ทํามาหากินในทางมิชอบซ่ึงตนเองอาจจะไมไดรวมดวย แตเปนคนชอบสนุกหรือไมขัดคอจึงพลอย ไปกับเขาดวย บุคคลชนิดน้ียอมเปนประโยชนในการสืบสวน และอาจจะเปนสายของเจาพนักงาน ซงึ่ ปลอมแปลงเขา ไปก็ได

๓๑ - คนขับรถรับจาง ปกติยอมขับรถตระเวนรับสงคนในเวลาตางๆ กลางวัน หรือกลางคืน สถานที่ท่ีไปอาจเปนสถานท่ีที่นาสงสัย อาจรูเห็นและทราบเหตุการณตางๆ ไดดี บางคราวอาจเปนผูรับสงผูกระทําผิด เปนผูสมรูรวมคิดกับคนรายหรือเห็นเหตุการณ การกระทําผดิ ดว ย จ. บุคคลท่ีอยูในแหลงอบายมุขตางๆ เชน ซองโสเภณี รานคาจําหนายสุรา บอนการพนัน โรงรับจํานํา ตลอดจนสถานบริการตางๆ เชน อาบอบนวด คาราโอเกะ บุคคล ที่อยใู นแหลง เหลา น้ี ยอ มมีโอกาสม่ัวสุม หรอื พบปะคนรา ย ไดท ราบเหตกุ ารณต างๆ ทํานองเดยี วกบั บุคคลจําพวก ง. จะมีการแตกตางกันบางก็ดวยสถานที่เหลานี้อาจจะเปนท่ีพักพิงของคนราย หรอื เปนบอเกิดอาชญากรรมรา ยแรงเสียเอง - แหลงรับซ้ือของโจร อูรถเถ่ือน อาจเปนสถานที่ดัดแปลง หรือชําแหละ ชน้ิ สวนเพ่อื ขายเปนอะไหล - รานตัดผม เจาของรานหรือชางตัดผม อาจจะไดยินไดฟงบุคคล หลายประเภทที่มาตัดผมพูดคุยกัน ถอยคําท่ีพูดคุยอาจติดหู และอาจมีประโยชนในการสืบสวน เชน สาํ เนียงการพดู มีลักษณะมาจากภาคใด เปนตน - พอคา หรือคนขายของ อาจสังเกตเห็นลักษณะอันผิดสังเกตบางอยาง ของลูกคาที่มาซ้ือของ เชน มีเงินมากผิดปกติหรือใชจายอยางฟุมเฟอยเกินฐานะ ชวนใหสงสัยวา อาจไดมาโดยไมส จุ ริต - เจา ของสถานบรกิ ารตา งๆ หรอื พนกั งานในสถานทเ่ี หลา นี้ ยอ มรจู กั บคุ คล ทมี่ าใชบ ริการ และความเปนไปของบคุ คลน้นั ไดเปน อยางดี - รา นถา ยรปู เจา ของรา นอาจรเู รอ่ื งราวเกย่ี วกบั รปู ภาพของบคุ คลทม่ี าจา ง ถา ยรูป ลา ง อัดรปู หรือมรี ูปทีบ่ คุ คลมาถายไว - พนักงานขนของในบริษัทเดินอากาศสายการบินตางๆ บุคคลเหลาน้ี อาจรูเห็นและจดจําลักษณะพิเศษ หรือแปลกประหลาดของหีบหอ กระเปาเดินทาง หรืออาจจํา ผูโดยสารและบุคคลที่มาสงผูโดยสารได หากบุคคลหรือหีบหอดังกลาวอยูในขายแหงการสืบสวนแลว พนกั งานเหลา น้ีอาจใหความสวา งแกผ ูสบื สวนได - โรงพยาบาล คลินิกทันตกรรม แพทย พยาบาล ทันตแพทย ตลอดจน บุคคลท่ีทํางานในสถานที่ดังกลาวยอมรูเรื่องเกี่ยวกับอาการความเจ็บปวย หรือบาดแผลตางๆ ได เปน อยา งดโี ดยเฉพาะแผลอนั เกดิ จากอาวธุ ชนดิ ตา งๆ หรอื ของมคี ม เปน ตน โรงพยาบาลยอ มมขี อ มลู วนั เวลาที่บคุ คลมาทาํ การรกั ษาอยู - ผูมีอาชีพทางการขนสงเคร่ืองอุปโภคบริโภคตามบานเรือนยอมรูจัก ตัวบุคคล ท่ีอยูอาศัย ตลอดจนความเปนไปและนิสัยใจคอของบรรดาบุคคลในเขตทองที่ท่ีตนตอง ทํางานเกีย่ วขอ ง - ชางซอมประปา ไฟฟา หรือพนกั งานเก็บคา ประปา ไฟฟา บุคคลเหลา นี้ อาจเปนประโยชนใ นการใหขอ มูลทางการสืบสวนไดท้งั ส้นิ

๓๒ ๓. สิ่งของตาง ๆ ท่ีเปนวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และของกลางที่ยึดได เปนหลักฐาน อยางหนึง่ ท่สี ามารถสบื สวนใหไดมลู เหตุ หรอื รูตวั คนราย ซ่ึงวธิ สี บื สวนจากส่งิ เหลา น้ีใชได ๒ วิธี คอื ใชทางดา นวทิ ยาการเขาชวย และสบื หาจากตัวบุคคล ในที่น้ีจะกลาวแตเ ฉพาะสืบจากบคุ คล ก. ผเู คยใช ผเู คยเหน็ หรอื เก่ยี วของ ซ่งึ จําสง่ิ ของน้ันได ในขอ น้ีมักจะเปน ปญ หา สําคัญในการพิจารณาเก่ียวกับการโตเถียงกรรมสิทธิ์ในสิ่งของนั้นวาเปนของใคร และการยืนยัน ในขอท่ีวาจําได การใหการวาจําไดโดยไมมีเหตุผลยอมไมอาจรับฟงได เชน ในเร่ืองคดีลักทรัพย หรือรับของโจร ถาผูตองหาตอสูกรรมสิทธ์ิของกลางที่จับได ถาไมมีหลักฐานยืนยันในเรื่องของกลาง โดยมีเหตผุ ลทมี่ นี า้ํ หนกั แลว เปนการยากท่ีจะใหศาลลงโทษ ของกลางบางอยางมีสภาพไมเ หมือนกนั หรือมีแตเฉพาะคนบางกลุมบางพวก เชน พระเครื่อง ภาพถาย เครื่องแตงบาน ฯลฯ เปนการงายที่จะสืบหาเจาของ และมักจะไมคอยมีขอโตเถียงกรรมสิทธ์ิสิ่งของท่ีตกอยูในที่เกิดเหตุ เชน มีดพก หมวกคนราย เปนตน อาจจะสืบหาคนรายไดโดยสอบถามจากคนท่ีเคยเห็นหรือจําได โดยถอื หลกั ดังกลาวขา งตน ข. ผเู ปน เจา ของ หรอื ผปู ระดษิ ฐห รอื จดั ทาํ สง่ิ ของนน้ั บคุ คลในประเภทนยี้ อ มเปน ผูที่จะยืนยันในสิ่งของน้ันมีนํ้าหนักดีกวาการที่เคยเห็นใช เชน เส้ือผาที่ตัดจากรานเย็บเส้ือผา โดยวิธีวดั ตดั และติดช่อื หรอื ยหี่ อของรา น ผเู ยบ็ หรอื ตดั ยอ มระลกึ ไดวา เสอ้ื ทีต่ นเย็บนนั้ มีรอยตําหนิ หรือรูปลักษณพ เิ ศษอยางไร ใครเปนคนวา จา ง และมีบัญชีบันทึกขนาดของเสือ้ นัน้ ปรากฏอยู ค. แหลงหรือสํานักท่ีอาจรับหรือมีส่ิงของน้ันไว เชน โรงรับจํานําบางราน หรือบุคคลที่เคยรับซื้อของโจร การที่ติดตามส่ิงของท่ีหายไป ถาผูสืบสวนรูเบาะแสดังกลาว ยอมสกัดจับของกลางหรือจับของที่ตองการน้ันไดโดยงาย นอกจากน้ัน ยังอาจจะบอกช่ือเจาของ หรอื บุคคลซ่ึงสงสัยวา จะมีหรือใชสงิ่ ของเชนนนั้ ได áËŧ‹ ¢ŒÍÁÙÅ·èÕà¡ÕèÂÇ¡ºÑ »ÃЪҡÃáÅкؤ¤Å ในการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นนั้นภายหลังจากการตรวจที่เกิดเหตุของผูสืบสวนอาจทราบถึง ตัวคนรายหรือผูกระทําผิดในทันที การติดตามจับกุมโดยเรงรีบจะตองกระทําในเวลาน้ัน ผูสืบสวน จะตองสืบสวนซกั ถามพยานใหร ถู งึ รปู พรรณของคนราย เสือ้ ผา ทีส่ วมใสในเวลาเกิดเหตุ ความจําเปน ในการจดจํารูปรางหนาตาของคนรายไดดีที่สุดก็คือ ภาพถายของคนรายน้ันเอง การที่จะไดมา ซง่ึ ภาพถา ยของคนรา ยหรือบุคคล ผูส บื สวนจะตองรูถงึ แหลง ขอมูลทเี่ กยี่ วของกับประชากรและบุคคล ดงั นี้ ๑. กองทะเบียนประวัติอาชญากร เปนหนวยงานหน่ึงในสํานักงานตํารวจแหงชาติ เปนหนวยงานระดับกองบังคับการในสังกัด สํานักงานพิสูจนหลักฐานตํารวจเปนแหลงขอมูลชวย ในการสบื สวน เปน สถานทเี่ กบ็ รวบรวมประวตั ิ รปู ถา ย และแผนประทษุ กรรมของคนรา ย ทาํ ใหผ สู บื สวน สามารถที่จะคน หาขอ มลู บางอยา งท่ีตอ งการได

๓๓ ๒. งานทะเบยี นราษฎรและงานทะเบยี นบตั รประจาํ ตวั ประชาชนของหนว ยงานปกครอง สวนกลางและสว นทอ งถน่ิ เปนแหลง ขอ มลู ทผ่ี ูสืบสวนสามารถท่ีจะตดิ ตอ ประสาน เพอื่ ทราบถิน่ ท่อี ยู สถานะบคุ คลในครอบครวั สถานทอ่ี ยใู นปจ จบุ นั ของบคุ คล ภาพถา ยของบคุ คล สามารถใชเ ปน แนวทาง ในการติดตามบคุ คลหรือจับกมุ คนรายไค ๓. เรือนจําในสังกัดกรมราชทัณฑ เปนแหลงขอมูลเกี่ยวกับตัวผูตองขังหรือนักโทษ ในกรณีที่มีการหลบหนีจากเรอื นจําของนักโทษ การตดิ ตามจบั กุมตวั นนั้ จะกระทาํ ไดบ รรลผุ ลกจ็ ะตอ ง อาศัยขอมูลท่ีทางเรือนจําตางๆ มี เชน รูปถาย และประวัตินักโทษนั้นๆ ท่ีทางเรือนจําไดจัดทําไว ผูสบื สวนสามารถทจี่ ะประสานงานขอความรวมมือได ๔. สถานประกอบการภาครฐั และเอกชน เปน สถานทที่ อ่ี าจรบั บคุ คลเขา ทาํ งาน ในสาขา วชิ าชพี ตา งๆ ซงึ่ จะตอ งมขี อ มลู เกยี่ วกบั บคุ คล ในบางครง้ั ผสู บื สวนมคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งประสานงาน เพื่อใหไ ดข อมลู มาใชประโยชนในการตดิ ตามบคุ คลหรอื คนรา ยท่ีตอ งการไดอ ยา งมปี ระสิทธิภาพ ¡ÒÃÊÌҧáËÅ‹§¢Ò‹ Ç ¹Ñ¡Ê׺·Ø¡¹ÒÂμŒÍ§ ๑. มแี หลงขาวในแหลง และกลุม ชน ดงั น้ี ๑.๑ ทุกกลมุ อาชีพ และชน้ั ของสงั คม ๑.๒ ทกุ แหลงสถานทที่ ีเ่ ช่ือวามขี า วสารอาชญากรรม เชน ๑.๒.๑ โรงแรม ๑.๒.๒ แฟลต ๑.๒.๓ สถานบริการใหเ ชา รถ ๑.๒.๔ ยานชุมชนแออัด ๒. สรา งแหลงขาวเพ่มิ เติมและปรับปรุงใหท นั สมัยอยูเ สมอ ¡ÒäǺ¤ØÁáÅл¯ÔºμÑ μÔ Í‹ áËÅ‹§¢Ò‹ Ç ñ. ¡ÒäǺ¤ÁØ áËŧ‹ ¢Ò‹ Ç ใหจ ัดทําเอกสารควบคุมแหลง ขาวซึ่งไดแก ๑.๑ สมุดคุมแหลงขา วประจําตวั นักสืบทุกนาย เพ่ือใหน กั สบื ผูน้ันทราบวา ๑.๑.๑ ตนเองมีผูใหข า วก่ีคน อยูทใี่ ดบาง แตละคนมคี วามสามารถทางใด ๑.๑.๒ ผูใหขาวแตละคน ใหขาวเร่ืองอะไรบาง ผลของการสืบสวนในขาว แตล ะเร่อื งเปน อยา งไร เพื่อวัดความสามารถและความเชอ่ื ถือตวั ผูใหข าวคนนั้น ๑.๒ สมุดคุมแหลงขาวของหนวยงาน แยกตามประเภทของแหลงขาว เพื่อให นักสบื ไดทราบวา ๑.๒.๑ มีแหลงขาวอยูท่ีใดบางในทองที่ของตน ใครเปนผูใหขาวในแตละ แหลงขาว นักสืบผูใดมีหนาที่รับผิดชอบควบคุมแหลงขาวใดบาง เมื่อมีความจําเปนตองหาขาวจาก แหลงขา วเหลา น้ัน กส็ ามารถใชไ ดถ ูกตอง

๓๔ ò. ¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ Í‹ áËÅ‹§¢‹ÒÇ ๒.๑ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองติดตอประสานงานกับผูใหขาวตามแหลงตางๆ ท่ีตนรับผิดชอบอยูอยางสมํ่าเสมอ เพ่ือกอใหเกิดความใกลชิด ไววางใจและติดตามการแจงขาว ของผูใ หข าวอยางตอเนื่อง ๒.๒ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองกําหนดวิธีการรับ-สงขาว ระหวางตัวนักสืบ กับผูใหขา ว ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤‹Ò¢Í§áËŧ‹ ¢‹ÒÇáÅÐμÇÑ ¢Ò‹ Ç ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤‹Ò¢Í§áËÅ‹§¢‹ÒÇ ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤‹Ò¢Í§μÇÑ ¢‹ÒÇËÃÍ× à¹×Íé ËҢͧ¢Ò‹ Ç (¹‹ÒàªÍ×è ¶×Í/äÁ¹‹ ‹Òàª×Íè ¶Í× ) (¹‹Òàª×èͶ×Í/äÁ¹‹ ‹ÒàªèÍ× ¶Í× ) - ตัวแหลงขาว (สายขาว/สายลับ) มี ๖ ระดบั - การประเมิน เนอ้ื ขา ว (มี ๖ ระดบั ) ก. เช่อื ไดเต็มที่ ๑. ไดรบั การยืนยนั จากแหลงขา วอ่นื ข. เชอ่ื ถือได ๒. นาจะเปน ความจรงิ ค. พอจะเชื่อถือได ๓. อาจจะเปนความจรงิ ง. ยงั ไมควรจะเชื่อถือ ๔. สงสยั วา จะเปน ความจริง จ. เช่ือถือไมไ ด ๕. ไมนา จะเปน ไปได ฉ. ไมส ามารถกําหนดความเชอื่ ถือได ๖. ไมนา ตดั สินความจริงได - (ของตางประเทศ) - (ของตา งประเทศ) A * โดยปราศจากขอสงสัยวาเช่ือได ๑. รูวาเปนความจริงโดยปราศจาก แนน อน (ทมี่ าเช่อื มั่นไดอ ยางสมบรู ณ) ขอ สงสัย B * ทผี่ านมาเชอ่ื ถอื ไดเปน สวนใหญ ๒. ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได C * ท่ีผา นมาเช่อื ถอื ไมไ ดเ ปน สว นใหญ รายงานใหเ จาหนา ท่ี X * ไมสามารถตัดสินได (เปนแหลงท่ี ๓. ขาวไมเปนที่รูจักจากแหลงแตรูมาจาก ไมเคยใชม ากอน) ผอู ืน่ และไดม ีการบันทกึ ไวแลว ๔. ไมสามารถตัดสินได* ขาวไมสามารถ รูไดจากแหลง และผูอนื่

๓๕ μÒÃÒ§¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤Ò‹ ¡Òâҋ Ç ÁÒμäÇÒÁàªÍ×è Áèѹ¢Í§áËŧ‹ ¢Ò‹ Ç â´Â»ÃÒȨҡ ·¼èÕ Ò‹ ¹ÁÒ ·¼èÕ ‹Ò¹ÁÒ äÁÊ‹ ÒÁÒö มาตรความเที่ยงตรงของขา ว ¢ÍŒ ʧÊÑÂÇ‹Ò àªÍè× ¶Í× ä´Œ àªèÍ× ¶Í× äÁä‹ ´Œ μÑ´Ê¹Ô ä´Œ àªÍ×è 䴌ṹ‹ ͹ ໚¹Ê‹Ç¹ãËÞ‹ ໹š ÊÇ‹ ¹ãËÞ‹ A B CX รวู า เปน ความจรงิ โดยปราศจากขอ สงสยั ๑ A๑ B๑ C๑ X๑ ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได ๒ A๒ B๒ C๒ X๒ รายงานใหเจาหนา ท่ี ขาวไมเปนที่รูจักจากแหลงแตรูมา ๓ A๓ B๓ C๓ X๓ จากผอู น่ื และไดมกี ารบนั ทกึ ไวแลว ไมส ามารถตดั สนิ ได ๔ A๔ B๔ C๔ X๔ ¢Ò‹ Ç·èÕ ¹Ò‹ àªÍè× ¶Í× ·ÊèÕ Ø´ ¤×Í Añ ¢Ò‹ Ç·èÕ äÁ‹¹‹Òàª×èͶ×Í·ÕÊè Ø´ ¤Í× Xô

๓๖

๓๗ º··èÕ ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ áËÅ‹§·è¨Õ оºÇμÑ ¶Ø¾ÂÒ¹ ๑. สถานทเี่ กดิ เหตุ ซงึ่ เปน สถานทที่ เี่ กดิ เหตขุ นึ้ และเปน แหลง รวมของบรรดาวตั ถพุ ยาน สว นใหญ เชน รอยลายน้วิ มอื แฝง ปลอกกระสุนปน ศพ รองรอยคนรา ย เราถือวาสถานทเ่ี กดิ เหตคุ ือ หัวใจของการสืบสวนหรือขุมทรัพยพยานหลักฐาน คนรายจะทิ้งรองรอยไวเสมอไมมากก็นอยข้ึนกับ เจาหนาท่จี ะมีความรคู วามสามารถในการท่ีจะคน หาและเกบ็ วัตถุพยานไดม ากนอ ยเพยี งใด ๒. ทตี่ วั ของผเู สยี หาย เชน ในศพ หรอื ในกรณผี ถู กู อาวธุ ปน และมกี ระสนุ ฝง อยใู นรา งกาย หรอื คดีขม ขนื กระทําชาํ เรา ซ่งึ วัตถพุ ยานสาํ คญั เชน บาดแผล เสน ขน เน้ือเยือ่ อสจุ ิ เปนตน จะอยใู น รางกายผูเสียหาย ๓. ที่ตัวคนรา ย เพราะหากคนรายเขาไปในทเ่ี กิดเหตุแลว นา จะตองนําสิง่ ของบางอยาง หรือมสี ิ่งของบางอยางตดิ ตวั ไป เชน ทรัพยสิน เศษหิน ดนิ ทราย (ไปกบั พน้ื รองเทา) หรือทิ้งรองรอยไว เชน คราบโลหิต น้าํ ลาย ลายน้วิ มอื เปนตน ๔. ที่อื่นๆ เชน คนรายยิงคนตายแลวหลบหนีไปพรอมอาวุธปนของกลาง ระหวาง หลบหนีไดน าํ ปน ไปโยนทงิ้ แมน ํ้า เปนตน ó.ñ ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹¨Ò¡¡ÒÃμÃǨʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ สถานทีเ่ กิดเหตุ หมายถงึ สถานที่ทีม่ ีการกระทาํ ความผดิ ทางอาญาเกิดขน้ึ และสามารถหา วัตถุพยานได ทําใหผูที่เขาไปตรวจสถานท่ีเกิดเหตุสามารถอานสภาพของสถานท่ีเกิดเหตุไดวา ใครนาจะเปนผูกระทําความผิดอะไร เมื่อเวลาใด ท่ีไหน ดวยวิธีการอยางไร และประสงคตอสิ่งใด ดงั น้ันจึงเห็นวา สถานท่ีเกดิ เหตุ หมายถึง สถานท่ีที่จะพบวัตถุพยานนัน่ เอง

๓๘ เม่ือกลาวถึงสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยานส่ิงท่ีนักนิติวิทยาศาสตรท่ัวโลกใชเปนหลัก ในการตรวจสถานทีเ่ กิดเหตุ และพิสูจนค ือ กฎของโลคารด (Locard’s Principle) “Every Contact Leaves Trace” การสัมผัสทุกครั้งยอมท้ิงรองรอย การเช่ือมโยงระหวางผูเสียหาย ผูตองสงสัย วัตถุส่ิงของ และสถานท่ีเกิดเหตุ ทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกันดวยวัตถุพยาน (ทฤษฎีการเช่ือมโยง Linkage Theory) ซง่ึ ตรงกับคตขิ องนักสืบทีว่ า “äÁÁ‹ Õ¤´Õã´·¤Õè ŤèÕ ÅÒÂäÁ‹ä´Œ ÍÒªÞҡËÍÁ·éԧËͧÃÍÂàÊÁÍ” จุดมุงหมายในการตรวจสถานท่ีเกิดเหตุ คือ การจําแนก การปองกันรักษา การเก็บ วัตถพุ ยาน การแปลผล และการประมวลเหตกุ ารณท เ่ี กิดขึ้นจากวตั ถุพยานท่ไี ดจ ากสถานที่เกดิ เหตุ โดยหองปฏิบตั ิการทางนติ ิวทิ ยาศาสตร เพื่อใหขอมลู แกน กั สืบในการคล่คี ลายคดี การเช่อื มโยงบคุ คล สถานที่เกดิ เหตุและส่ิงของกบั วัตถพุ ยาน ó.ñ.ñ ¢éѹμ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·èàÕ ¡Ô´àËμØ ๑) เมื่อรับแจงเหตุ ตองไปสถานท่ีเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด การไปสถานที่เกิดเหตุ โดยเรว็ มปี ระโยชน ดงั ตอ ไปน้ี - อาจสามารถระงับเหตุไดท ันทว งที - อาจพบผูเสียหาย ประจักษพยาน บุคคลท่ีรูเห็นเหตุการณ สามารถ ซกั ถามได - คนรายอาจยงั อยใู นสถานทีเ่ กิดเหตสุ ามารถจับกมุ ตวั ได - สามารถปองกนั รักษาสถานท่เี กดิ เหตใุ หอ ยูในสภาพเดมิ ไดมากท่ีสุด - กรณพี บผูบาดเจ็บในสถานท่เี กดิ เหตุ กรณบี าดเจบ็ สาหสั ใหร บี เคลอ่ื นยา ยนาํ สง โรงพยาบาลเปน อนั ดบั แรก ถงึ แม บางคร้ังวัตถุพยานอาจถูกทําลายหรือเสียหายไป ชีวิตคนยอมสําคัญกวาแตก็ตองระมัดระวังไมทําให รอ งรอยพยานหลักฐานเสียหายไปใหม ากที่สุด

๓๙ กรณีบาดเจ็บเล็กนอย ใหบันทึกตําแหนงของผูบาดเจ็บไวกอนแลวนําสง โรงพยาบาลภายหลงั เมอื่ รถพยาบาลมาถงึ เปน หนา ทข่ี องเจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งใหค าํ แนะนาํ ถงึ เสน ทาง ในการเขา สถานทเี่ กดิ เหตุ เพอื่ หลกี เลย่ี งการทาํ ลายพยานหลกั ฐานใหน อ ยทส่ี ดุ และขณะเดยี วกนั ตอ ง บันทึกสิ่งท่ีเจาหนาท่ีพยาบาลเคล่ือนยายจับตอง และบันทึกการเคลื่อนที่ของเจาหนาท่ีพยาบาลใน สถานที่เกิดเหตุ การนําสงควรมีเจาหนาที่ตํารวจไปดวย เพราะคนเจ็บอาจพูดหรือใหการอะไรที่เปน ประโยชน อกี ทงั้ ยงั เพอื่ ตรวจหาพยานหลกั ฐานในตวั ผบู าดเจบ็ และอาจใหค าํ แนะนาํ เจา หนา ทพ่ี ยาบาล ใหหลีกเลยี่ งการทําลายวัตถุพยานจากรางกายและเสอื้ ผาของผูบ าดเจ็บได กรณีพบศพในที่เกิดเหตุ ใหรักษาสภาพเดิมของศพ หามเคล่ือนยายหรือ เปลยี่ นแปลงสภาพศพโดยเดด็ ขาด จนกวา จะไดม กี ารตรวจศพจากผชู าํ นาญ ยกเวน กรณมี คี วามจาํ เปน จรงิ ๆ เชน ศพอยใู นบรเิ วณทมี่ กี ารจราจรหนาแนน หรอื ในบรเิ วณเสน ทางเสดจ็ กรณนี ต้ี อ งมกี ารบนั ทกึ ลักษณะที่เกิดเหตุ ตําแหนงของศพ สภาพเสื้อผาเคร่ืองแตงกายโดยละเอียด โดยทําการสเก็ตชภาพ แสดงตาํ แหนง ถายภาพในทุกแงทกุ มมุ ของศพ กอ นเคลื่อนยายศพใหใ ชชอลก วาดท่พี ื้น หรือใชเ ชือก วงรอบๆ ทา ทางของศพ เพอื่ แสดงตําแหนง และลกั ษณะทาทางศพ กรณพี บอาวธุ ในสถานทเี่ กดิ เหตุ ไมค วรจบั ตอ งหรอื เคลอื่ นยา ยจากตาํ แหนง เดมิ จนกวา จะไดม กี ารตรวจโดยละเอยี ดจากผชู าํ นาญ ยกเวน ถา พจิ ารณาแลว เหน็ วา วตั ถพุ ยานอาจสญู หาย หรอื ลดคณุ คา ไปถาทง้ิ ไว ๒) ใหหัวหนาสถานีตํารวจทองที่เกิดเหตุส่ังการใหเจาหนาที่ตํารวจท่ีมีหนาที่ รับผิดชอบ รักษาสถานที่เกิดเหตุและปดก้ันสถานที่เกิดเหตุ โดยใชสายแถบก้ันสถานที่เกิดเหตุหรือ อุปกรณอื่นใดกั้นสถานท่ีเกิดเหตุไว อยาใหบุคคลที่ไมเกี่ยวของเขาไปในสถานที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเปน การทําลายหลกั ฐานทางคดแี ลว ยังเปน การเพ่ิมเติมรองรอยทม่ี ิไดเกดิ จากการ กระทําผดิ ดวย การแบงพื้นท่ีในการรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ ควรใชเทปก้ันสถานที่เกิดเหตุ (Police Line) ลอมรอบสถานทเ่ี กดิ เหตเุ ปน ๓ ชนั้ ช้ันท่ี ๑ วงรอบชั้นนอก เปนวงรอบชั้นแรกที่ใชรักษาความปลอดภัย และปองกันสถานทเ่ี กิดเหตุจากฝงู ชน จะลอ มเปนวงกวา ง ๆ ผสู อื่ ขา วสามารถอยใู นชนั้ น้ไี ด แตเ ขา ไป ในวงรอบที่ ๒ ไมไ ด ช้ันท่ี ๒ วงรอบช้นั กลาง เปน เขตหวงหามและเปน ทตี่ ้ังของศนู ยส่งั การ บริเวณนี้ หา มเจา หนา ทอ่ี น่ื ๆ ท่ไี มใ ชเจา หนา ทตี่ รวจสถานที่เกดิ เหตุเขา ไป ช้ันที่ ๓ วงรอบช้ันใน เปนวงรอบบริเวณสถานท่ีเกิดเหตุ (พื้นที่เปาหมาย) เปนบริเวณท่จี ะทาํ การตรวจทเ่ี กดิ เหตจุ ะตองมกี ารรักษาความปลอดภัยสงู สดุ

๔๐ ชั้นท่ี ๑ หา มมิใหประชาชนภายนอกเขา สื่อมวลชน ชนั้ ที่ ๓ เฉพาะเจา หนา ท่ี ทีม่ ีสวนเกย่ี วของเทานั้น ศูนยสง่ั การ ¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒʶҹ·èÕà¡Ô´àËμØ¤´Õ·ÑèÇä» ¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμ¤Ø ´ÃÕ Ðàº´Ô ¡ÒÃกํา˹´¢Íºà¢μ¡ÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ๑. สภาพภูมศิ าสตรข องสถานทเ่ี กดิ เหตุและการจราจร ๒. ชนดิ ของอาชญากรรมและลกั ษณะของสถานที่เกิดเหตุ ๓. ลักษณะของท่พี กั อาศัยทไ่ี ดรบั ความเสียหาย ๔. ชองทางเขา-ออกของคนรา ย ๕. สถานที่ซึง่ คนรา ยรอเวลากอนการกอ อาชญากรรม

๔๑ »˜¨¨Ñ·Õèทาํ ãËÊŒ ¶Ò¹·Õèà¡´Ô àËμàØ ÊÂÕ ËÒ ๑. ไทยมงุ ๒. ปดกน้ั สถานท่เี กดิ เหตุชาเกนิ ไป ๓. มีการเปล่ยี นแปลงสถานท่เี กดิ เหตุโดยความต้งั ใจของคนราย ๔. มีการเปลยี่ นแปลงรปู คดขี องคนบางคน ๕. สภาพภูมิประเทศ ๖. ความพล้งั เผลอของเจาหนา ท่ตี าํ รวจ ๓) ใหพจิ ารณาทกุ ส่งิ ทุกอยางในสถานท่ีเกดิ เหตวุ าเปนวตั ถพุ ยาน ๔) รีบแจงเจาหนาท่พี ิสูจนห ลักฐานมาตรวจสถานทเ่ี กิดเหตุ ๕) ระหวางท่ีตรวจสถานท่ีเกิดเหตุเพ่ือปองกันไมใหรองรอยพยานหลักฐาน ถูกทําราย บุคคลอ่ืนใดที่มีความจําเปนจะเขาไปในสถานท่ีปดก้ัน ตองไดรับอนุญาตจากพนักงาน สอบสวนหรอื เจา หนา ทตี่ รวจสถานทเี่ กดิ เหตขุ องสาํ นกั งานนติ วิ ทิ ยาศาสตรต าํ รวจทมี่ พี น้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบกอ น ๖) เจา หนา ทซ่ี งึ่ มหี นา ทเี่ กย่ี วขอ งทจ่ี ะเขา ไปตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตุ ตอ งมอี ปุ กรณ ปอ งกนั และระมดั ระวงั มใิ หร อ งรอยพยานหลกั ฐานถกู ทาํ ลาย หรอื ทาํ ใหเ สอ่ื มคา หรอื ไปเพม่ิ รอ งรอยขนึ้ ควรใสถงุ คลุมเทาและถุงมือหรืออุปกรณอ ืน่ ๆ ตามความจําเปน แหง คดี ๗) ในคดีท่ีไมสามารถตรวจสถานที่เกิดเหตุใหเสร็จภายในวันเดียว หรือมีเหตุ ความจาํ เปน ตอ งรกั ษาสถานทเ่ี กดิ เหตไุ วก อ น ใหเ จา หนา ทตี่ รวจสถานทเี่ กดิ เหตปุ ระสานกบั สถานตี าํ รวจ ทองที่เพื่อเฝาดูแลโดยปดกั้นสถานท่ีเกิดเหตุไวจนกวาจะหมดความจําเปนหรือเสร็จการตรวจสถานที่ เกิดเหตดุ ังกลา ว ๘) เม่ือเจาหนาที่ตํารวจพิสูจนหลักฐานคนแรกท่ีเขาไปตรวจสถานท่ีเกิดเหตุ ตองพิจารณาสถานที่เกิดเหตุวามีเหตุเกิดขึ้นอยางไรและมีรองรอยวัตถุพยานอะไรบาง วางแผนการปฏิบัติงาน เขาตรวจสถานท่ีเกิดเหตุและกําหนดทางเดินของเจาหนาท่ีชุดตางๆ โดยขอทราบขอมูลเบ้ืองตน จากพนักงานสอบสวน ๙) บนั ทกึ สถานทเี่ กดิ เหตุ ทาํ แผนที่ และถา ยภาพ โดยใชก ลอ งถา ยรปู หรอื วดี ทิ ศั น ทําการเก็บภาพเหตุการณ ลักษณะสถานที่ บริเวณโดยรอบ และส่ิงตางๆ รวมท้ังภาพผูเสียชีวิต ในมุมตางๆ และภาพรางกายสว นตางๆ ท่ีสําคัญ ๑๐) คนหาและตรวจเก็บรองรอยวัตถุพยานตางๆ ตามหลักวิชาการ เชน การเกบ็ ลายน้ิวมือแฝงตามวตั ถุตา งๆ เชน ลกู บิด ประตู หนา ตาง มือจับหนา ตา ง ในทอ งท่ีเกดิ เหตุ และหองขางเคียง เกบ็ รอ งรอยจากวัตถพุ ยานตางๆ เชน มดี ปน ไขควง คอน หรืออปุ กรณท่อี าจใชใน การฆาตกรรม รวมท้ังตรวจเก็บวตั ถพุ ยานอน่ื ๆ ท่ีเกยี่ วของในคดี เชน คราบโลหิต เสน ผม เสนขน เสน ใย ลกู กระสนุ ปน และปลอกกระสุนปน เปน ตน โดยไมยงุ เก่ยี วกบั สภาพศพ จัดเกบ็ หลักฐานใสถงุ พรอมระบุรายละเอียดและหมายเลข โดยทําบันทึกรับ-สง มอบใหพนักงานสอบสวนไปดําเนินการ ในสว นทเ่ี กย่ี วขอ งและสง เจา หนา ทก่ี องพสิ จู นห ลกั ฐานกลางหรอื ศนู ยพ สิ จู นห ลกั ฐาน ๑-๑๐ หรอื พสิ จู น หลักฐานจงั หวดั แลวแตกรณีตรวจพสิ ูจนต อไป

๔๒ ๑๑) เม่ือปฏิบัติตามข้ันตอนขางตนเสร็จส้ินแลว เจาหนาท่ีตํารวจและ ผูที่เกย่ี วของอ่นื ใดจงึ สามารถเขา ไปในสถานที่เกดิ เหตุได ๑๒) การปองกันและรกั ษาสถานทเ่ี กดิ เหตุภายในและนอกอาคาร ๑๒.๑ การปองกันและรักษาสถานท่ีเกิดเหตุภายในอาคาร ใหปดล็อก ประตูทางเขาทุกบานหรือใชเชือกหรือเทปปองกันสถานที่เกิดเหตุ (Police Line) ลอมรอบบริเวณ สถานที่เกดิ เหตุ ถาไมม อี าจใชรถยนต กระดาน เคร่อื งเรอื น เปน ตัวกน้ั พน้ื ที่แทนได

๔๓ ๑๒.๒ การปองกันและรักษาสถานที่เกิดเหตุภายนอกอาคาร ควรกั้น พนื้ ทใี่ หมขี นาดกวา งกวาบริเวณท่ีเกดิ เหตจุ รงิ โดยใชเชือก หรือใชเชอื กหรือเทปปองกนั สถานทเี่ กิดเหตุ (Police Line) และบริเวณรอบนอกสถานท่ีเกิดเหตุท่ีก้ันไวควรมีเจาหนาท่ีตํารวจรักษาการณ หรอื เดนิ ตรวจตราไปมา ó.ñ.ò ¡Ò䌹ËÒÇμÑ ¶Ø¾ÂÒ¹ หลงั จากมกี ารบนั ทกึ สภาพสถานทเ่ี กดิ เหตุ ขนั้ ตอนตอ มา คอื การคน วตั ถพุ ยาน ซึ่งผูทําหนาท่ีคนหาจะตองใชวิธีการท่ีเหมาะสมโดยทําความเขาใจเสียกอนวา ส่ิงท่ีตองการคนหา คืออะไร จํานวนเทาไหร สถานที่กวางแคบอยางไร ส่ิงที่ควรใหความสนใจในการคนหา แบงได ๓ ประเภท คอื ๑. วตั ถพุ ยานทบ่ี ง ชวี้ า มกี ารกระทาํ ผดิ เกดิ ขนึ้ แลว เปน พยานวตั ถปุ ระเภทแรก ที่จําเปน ตอ งคนหาใหพ บกอนทจ่ี ะเช่ือไดวา เกิดการกระทาํ ความผดิ ไดแลว กอ นทีด่ ําเนนิ การอยางอ่นื ตอไป เชน ถาเปนคดีฆาตกรรมหากยังไมพบศพหรือชิ้นสวนของศพก็ยังไมอาจเช่ือไดวาเกิดการ ฆาตกรรมขึ้น แตหลักใหญควรคิดใหเปนเร่ืองใหญดีกวาเร่ืองเล็ก โดยใหนึกสงสัยไวกอนวาเปนคดี ฆาตกรรมแลว คอ ยๆ พสิ ูจนข อ เท็จขอจริง ตอ ไป ๒. วัตถุพยานท่ีบงชี้วาคนรายทําความผิดดวยวิธีใด เปนพยานวัตถุจําพวก ทจ่ี ะบอกใหร ูถงึ วิธกี ารท่ีคนรา ยใชใ นการกระทําความผดิ เชน รอยบาดแผลกระสุนปน ที่ศพบงบอกวา คนรายใชอ าวุธปน ในการกระทําความผดิ รอยงดั รอยตดั รอยปน ปาย บงบอกถงึ เสน ทางที่คนรายใช เขาไปในเคหสถาน เปนตน ๓. วัตถุพยานท่ีบงชี้วาคนรายเปนใคร เปนเครื่องพิสูจนยืนยันวาคนราย เปนใครและใชบุคคลที่สงสัยหรือไม วัตถุพยานประเภทนี้แยกเปน ๒ ลักษณะคือ สิ่งที่คนรายท้ิงไว ในท่ีเกิดเหตุ เชน เสือ้ ผา ลายนิ้วมอื รอยเทา เสนผม เสนขน คราบเลอื ด DNA เปน ตน และสงิ่ ที่คนรายนําไปจากสถานท่ีเกิดเหตุที่สามารถจะโยงคนรายเขากับสถานที่เกิดเหตุและการกระทําผิดได เชน รอ งรอยบาดแผลตามเน้ือตวั ของคนรา ย เศษดนิ ในรองเทา เสน ใยตา ง ๆ เปนตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook