ใบงานท่ี 1.1.1 เรอื่ ง สมบัตขิ องแก๊ส คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเติมคำตอบลงในช่องวา่ งให้ถกู ต้อง 1. แก๊สประกอบดว้ ยอนุภาคที่มีมวล ………… และมีขนาด ………… จนถือไดว้ ่า อนุภาคของแก๊สไม่มี…………......... 2. โมเลกุลของแก๊สอยู่ …………………… ทำให้แรงดึงดูดและแรงผลักระหวา่ งโมเลกลุ ของแก๊ส ……………………....... จนถอื ว่าไมม่ ีแรงมากระทำกนั 3. โมเลกลุ ของแก๊สเคล่ือนที่อย่าง ………… ในแนว ………… ดว้ ยอตั ราเรว็ ………… และไม่เปน็ ระเบียบ จนกระทั่ง ชนกบั โมเลกลุ อนื่ จงึ เปล่ียนทิศทาง และ ………… 4. โมเลกุลของแก๊สที่ชนกันเอง จะเกิดการถ่ายโอน ………………… ให้แก่กัน แต่พลังงานรวมของระบบมีค่า ………… เรยี กว่า การชนแบบ ……………… 5. ที่อุณหภูมิเดียวกัน โมเลกุลของแก๊สแต่ละโมเลกุลจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว ……………… แต่จะมีพลังงานจลน์ เฉลี่ย ……………… 6. รูปร่างและปริมาตรของแก๊ส ……………… ขึ้นอยู่กับ ……………………………… และแก๊สจะมีความหนาแน่น ……………… ของแข็งและของเหลว 7. แก๊สที่มีมวลโมเลกุลมาก จะมีความเร็วเฉลี่ย ……… จึงแพร่ได้ ……… ส่วนแก๊สที่มีมวลโมเลกุลน้อย จะมี ความเร็วเฉลี่ย ……… จึงแพร่ได้ ……… 8. แก๊สที่มีสมบัติเป็นไปตามทฤษฎีจลน์ของแก๊สทุกประการ เรียกว่า ……………………… หรือ ……………………… ส่วนแกส๊ ท่ไี มเ่ ปน็ ไปตามทฤษฎจี ลน์ เรียกว่า ……………………… 9. แกส๊ จริงจะมีสมบัตใิ กลเ้ คียงกบั แก๊สสมบูรณ์ เมอื่ อณุ หภูมิ ……… และความดนั ……… 10.ระบุลกั ษณะของแก๊สจริงและแกส๊ สมบรู ณ์ลงในตารางให้ถูกต้อง ลกั ษณะ แกส๊ จรงิ แกส๊ สมบรู ณ์ ขนาดของโมเลกุล ขนาดเลก็ เมื่อเทยี บกบั ระยะหา่ ง ……………………………………… ……………………………………… ปริมาตร ระหวา่ งโมเลกุล ……………………………………… แรงระหวา่ งโมเลกลุ ปริมาตรภาชนะ – ปริมาตรแกส๊ ไม่มแี รงกระทำต่อกัน ลกั ษณะการชน ……………………………………… การชนแบบยืดหยุน่ การควบแนน่ ……………………………………… ……………………………………… ไม่เกิด
ใบงานท่ี 1.1.1 เฉลย เรอื่ ง สมบตั ิของแกส๊ คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเตมิ คำตอบลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง 1. แก๊สประกอบด้วยอนุภาคที่มีมวล น้อย และมีขนาด เลก็ มาก จนถือไดว้ ่า อนภุ าคของแก๊สไม่มี ปริมาตร 2. โมเลกุลของแก๊สอยู่ ห่างกนั มาก ทำใหแ้ รงดึงดูดและแรงผลักระหว่างโมเลกุลของแก๊ส นอ้ ยมาก จนถือว่าไม่มี แรงมากระทำกัน 3. โมเลกุลของแก๊สเคล่ือนท่ีอย่าง รวดเรว็ ในแนว เส้นตรง ดว้ ยอตั ราเร็ว คงที่ และไมเ่ ป็นระเบยี บ จนกระทั่งชน กับโมเลกลุ อน่ื จึงเปล่ียนทศิ ทาง และ อัตราเร็ว 4. โมเลกุลของแก๊สท่ีชนกันเอง จะเกิดการถ่ายโอน พลังงานความร้อน ให้แก่กัน แต่พลังงานรวมของระบบมีค่า คงที่ เรยี กวา่ การชนแบบ ยดื หยุ่น 5. ที่อุณหภูมิเดียวกัน โมเลกุลของแก๊สแต่ละโมเลกุลจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว ไม่เท่ากัน แต่จะมีพลังงานจลน์ เฉล่ยี เทา่ กนั 6. รูปร่างและปริมาตรของแก๊ส ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับ ภาชนะที่บรรจุ และแก๊สจะมีความหนาแน่น ต่ำกว่า ของแขง็ และของเหลว 7. แก๊สที่มีมวลโมเลกุลมาก จะมีความเร็วเฉลี่ย ต่ำ จึงแพร่ได้ ช้า ส่วนแก๊สที่มีมวลโมเลกุลน้อย จะมีความเร็ว เฉล่ีย สูง จงึ แพรไ่ ด้ เร็ว 8. แกส๊ ที่มสี มบตั เิ ปน็ ไปตามทฤษฎีจลน์ของแก๊สทุกประการ เรยี กวา่ แก๊สสมบูรณ์ หรือ แกส๊ ในอดุ มคติ สว่ นแก๊ส ทไี่ ม่เปน็ ไปตามทฤษฎีจลน์ เรียกวา่ แกส๊ จรงิ 9. แก๊สจรงิ จะมีสมบัติใกล้เคยี งกบั แก๊สสมบรู ณ์ เมื่ออุณหภมู ิ สูง และความดนั ตำ่ 10.ระบุลกั ษณะของแกส๊ จริงและแก๊สสมบูรณ์ลงในตารางให้ถูกต้อง ลกั ษณะ แกส๊ จรงิ แก๊สสมบูรณ์ ขนาดเลก็ มาก ขนาดของโมเลกลุ ขนาดเลก็ เมื่อเทยี บกับระยะหา่ ง จนถอื ว่าไม่มปี ริมาตร เทา่ กับภาชนะที่บรรจุ ระหวา่ งโมเลกุล ไม่มีแรงกระทำต่อกนั การชนแบบยดื หยนุ่ ปรมิ าตร ปริมาตรภาชนะ – ปรมิ าตรแก๊ส ไม่เกิด แรงระหวา่ งโมเลกุล แรงแวนเดอร์วาลส์ ลักษณะการชน การชนแบบไมย่ ืดหยุ่น การควบแน่น เกิดได้ เมอ่ื ลดอณุ หภูมิ
วช-ร 06 แบบบันทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง แกส๊ และสมบตั ิของแก๊ส แผนการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง สมบตั ิของแก๊ส รายวชิ า เคมี 3 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 รหสั วชิ า ว 32203 ครูผู้สอน นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา ตำแหน่ง ครูผู้ชว่ ย เวลาท่ใี ช้ 1 ชั่วโมง ************************* ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาที่พบ แนวทางแกไ้ ข ท่มี กี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนร่วมของผู้เรียน ลงชอื่ ครผู ูจ้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา) ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 เร่อื ง แกส๊ และสมบัติของแกส๊ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง ความสัมพนั ธ์ของ ปรมิ าตร ความดนั และอณุ หภูมขิ องแกส๊ รายวชิ า เคมี 3 รหัสวชิ า ว 32203 ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 นำ้ หนักเวลาเรยี น 1.5 หน่วยกจิ เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ อธบิ ายความสมั พันธ์และคำนวณปริมาตร ความดัน หรอื อุณหภูมขิ องแกส๊ ท่ภี าวะต่าง ๆ ตามกฎของ บอยล์ กฎของชารล์ กฎของเกย์-ลสู แซก 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสมั พันธ์ของปรมิ าตร ความดนั และอุณหภูมิของแก๊ส โดยใช้ทฤษฎจี ลน์ของแก๊สได้ (K) 2. ทำการทดลองเพ่ือศึกษาผลของอณุ หภูมิและความดันท่ีมีต่อปริมาตรของแก๊สได้ (P) 3. ใชเ้ ครอื่ งมือและอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตร์ได้อย่างถกู ต้อง (P) 4. ปฏิบัติตามข้นั ตอนการทดลองได้อยา่ งถูกต้อง (P) 5. ตง้ั ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ทที่ ่ีได้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพ่ิมเตมิ สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่ พฤติกรรมของแกส๊ และความสมั พันธร์ ะหว่างปริมาตร พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา ความดนั และอณุ หภูมิของแก๊ส อธบิ ายได้ดว้ ยกฎของ บอยล์ กฎของชารล์ กฎของเกย์-ลสู แซก และกฎรวม แกส๊ ซงึ่ สามารถนำมาใช้ในการคำนวณปรมิ าตร ความ ดัน หรืออณุ หภมู ิของแก๊สทภี่ าวะตา่ ง ๆ ได้ 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ความดนั และอุณหภมู ิมีผลต่อปริมาตรของแก๊ส โดยเมือ่ อณุ หภมู แิ ละมวลของแกส๊ คงที่ ปรมิ าตรของแก๊ส จะแปรผกผนั กับความดนั และเม่อื ความดันและมวลของแก๊สคงท่ี ปริมาตรของแกส๊ จะแปรผันตรงกบั อุณหภูมิ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินัย รับผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวิเคราะห์
4) ทกั ษะการทดลอง 5) ทกั ษะการตีความหมายและลงข้อสรุป 6) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่วั โมงที่ 1 ข้ันนำ ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 วา่ “ปรมิ าตร ความดัน และอุณหภูมิหมายถงึ อะไร” ให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม จากน้นั ครูและ นกั เรียนร่วมกันอภิปราย (แนวตอบ : ปรมิ าตร หมายถึง ปรมิ าณของรูปทรงสามมติ ิซึ่งบรรจอุ ยู่ในภาชนะ ไม่ว่าจะอยูใ่ นสถานะ ใดกต็ าม ความดนั หมายถึง แรงท่ีกระทำต่อพ้นื ทห่ี นึ่งหน่วยที่ต้ังฉากกบั แรงนัน้ อุณหภมู ิ หมายถงึ ปรมิ าณทใี่ ชบ้ อกระดับความร้อน) 2. ครูถามคำถามวา่ “นักเรยี นคิดว่าปริมาตร ความดนั และอุณหภูมิของแก๊สมคี วามสมั พนั ธ์กนั หรือไม่ อย่างไร” แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันตอบคำถาม โดยครูยงั ไม่ต้องเฉลยคำตอบ 3. ครเู ปดิ ส่อื การสอนเกย่ี วกับความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าตร ความดนั และอุณหภูมขิ องแกส๊ จาก แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศใหน้ ักเรยี นดู ดังน้ี • วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกบั ความดันและปรมิ าตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=eR49g3ubTBg • วดี ิทศั นเ์ ก่ียวกับอณุ หภมู แิ ละปรมิ าตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=NplVuTrr59U • วดี ทิ ศั นเ์ ก่ียวกบั ความดนั และอณุ หภูมิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=N6DZRiSIK3s 4. เม่ือนกั เรยี นดูวดี ิทัศนจ์ บครสู นทนาซักถามนกั เรียนเกย่ี วกับวีดทิ ัศน์ที่ไดด้ ู ดังน้ี • เมื่อนำลกู โปง่ ใส่ลงไปในกระบอกฉีดยา แลว้ ปรบั กา้ นกระบอกฉีดยา ลกู โป่งมกี ารเปลย่ี นแปลง อย่างไร (แนวตอบ : เม่ือดึงกา้ นกระบอกฉีดยาขนึ้ ลกู โป่งมีขนาดเล็กลง และเม่ือกดก้านกระบอกฉีดยาลง ลูกโปง่ มขี นาดใหญข่ ้ึน) • ความดันทเ่ี ปลีย่ นไปมีผลต่อปริมาตรเม่ืออุณหภมู คิ งท่ีหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ความดนั มผี ลต่อปริมาตรของแกส๊ เมื่ออุณหภูมิคงท่ี เพราะเมื่อเพิ่มความดันให้กับ อากาศในกระบอกฉีดยาปริมาตรของอากาศลดลงทำใหล้ กู โปง่ ขนาดเลก็ ลง เมื่อลดความดันลง ปริมาตรของอากาศเพ่ิมขึ้นทำใหล้ ูกโปง่ ขนาดใหญ่ขึ้น )
• เมือ่ นำลูกโปง่ ใสล่ งไปในบีกเกอรท์ ่ีมนี ำ้ รอ้ น ลูกโปง่ มีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร (แนวตอบ : ลูกโป่งมขี นาดใหญข่ ึ้น) • เมือ่ น้ำลกู โป่งใส่ไปในตูแ้ ช่แขง็ ที่มีอุณหภมู ติ ่ำ ลูกโป่งมีการเปล่ยี นแปลงอย่างไร (แนวตอบ : ลกู โป่งมขี นาดเล็กลง) • อุณหภูมิท่ีเปลยี่ นไปมีผลตอ่ ปรมิ าตรเมื่อความดนั คงทห่ี รือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : อณุ หภูมิมีผลตอ่ ปริมาตรของแกส๊ เมือ่ ความดันคงท่ี เพราะเมื่ออุณหภมู สิ ูงข้นึ ปรมิ าตร ของอากาศจะเพ่ิมข้ึน และเม่ืออุณหภูมิต่ำลงปริมาตรของอากาศจะลดลง) • อณุ หภูมิทเี่ ปลย่ี นไปมีผลต่อความดันเม่ือปริมาตรคงที่หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : อุณหภูมิมีผลต่อความดันของแก๊สเมือ่ ปริมาตรคงที่ เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นความดนั จะเพ่มิ ขึน้ และเมือ่ อุณหภูมิตำ่ ลงความดนั จะลดลง) จากน้นั ครูให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ข้นั สอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั เรือ่ ง ความสัมพันธข์ องปรมิ าตร ความดัน และอุณหภูมิของ แก๊ส จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หรอื จาก PowerPoint เร่ือง ความสมั พนั ธ์ของปริมาตร ความดัน อุณหภมู ขิ องแกส๊ 2. ครูสุ่มตัวแทนนกั เรียน 2 คน ออกมาอธิบายสาระสำคัญของเร่ืองท่ีไดศ้ ึกษาไปให้เพ่ือนฟังหนา้ ชนั้ เรียน จนเกิดความเขา้ ใจตรงกนั (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการนำเสนอหนา้ ชัน้ ) ช่วั โมงท่ี 2 ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 3. ครูใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แลว้ ทำการทดลอง เร่ือง ผลของความดันและอุณหภูมิต่อ ปริมาตรของแก๊ส จากหนังสอื เรียนรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 4. ครใู ช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนคิ LT มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิกแต่ ละคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดังน้ี • สมาชิกคนท่ี 1 : ทำหน้าท่ีเตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการทดลอง เรอื่ งผลของความดันและ อุณหภูมิต่อปริมาตรของแก๊ส • สมาชกิ คนที่ 2 : ทำหนา้ ท่ีอ่านวธิ ีการทดลอง ทำความเข้าใจ และอธิบายใหส้ มาชกิ ในกลุ่มฟงั • สมาชิกคนท่ี 3 : ทำหนา้ ทบ่ี ันทึกผลการทดลอง • สมาชกิ คนที่ 4 และ 5 : ทำหน้าท่นี ำเสนอผลการทดลอง 5. สมาชิกทกุ คนในกลุ่มช่วยกันลงมอื ทำการทดลอง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ) ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทน (สมาชกิ คนท่ี 4 และ 5 ของกลมุ่ ) มานำเสนอผลการทดลอง (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการนำเสนอหนา้ ชนั้ ) 7. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ดงั น้ี 1) เมือ่ ปริมาตรของแกส๊ ในกระบอกฉดี ยาลดลง เพราะเหตใุ ดความดันของแก๊สจึงเพิ่มขึ้น
(แนวตอบ : เนือ่ งจากเมื่อปริมาตรของแก๊สลดลง โมเลกุลของแกส๊ จะอยู่ใกล้กนั มากขน้ึ สง่ ผลให้ โมเลกลุ ของแกส๊ ชนกันเอง และชนผนังภาชนะมากขนึ้ ความดนั ของแก๊สจึงเพม่ิ ข้ึน) 2) ถ้านำกระบอกฉดี ยาไปจุม่ ในนำ้ เดือด ปริมาตรของน้ำในกระบอกฉีดยาจะมากหรือน้อยกว่า เม่อื นำกระบอกฉดี ยาไปจมุ่ ในน้ำอณุ หภมู ิ 80 องศาเซลเซียส เพราะเหตุใด (แนวตอบ : ปรมิ าตรของน้ำในกระบอกฉีดยาจะน้อยกว่า เนื่องจากเมื่อนำกระบอกฉีดยาไปจุ่มใน น้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า จะทำให้โมเลกุลของแก๊สในกระบอกฉีดยามีความดันสูงกว่า จึงดันน้ำออก จากกระบอกฉดี ยามากกวา่ ปริมาตรของนำ้ จงึ น้อยกวา่ ) 3) จากการทดลองนี้มปี ัจจยั ใดบ้างท่ีมผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงปริมาตรของแก๊ส (แนวตอบ : ความดนั และอุณหภูมิมผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงปริมาตรของแกส๊ การทดลองตอนที่ 1 อากาศมีอุณหภูมิคงที่เท่ากับอุณหภูมิห้อง เมื่อเพิ่มความดันให้กับอากาศใน กระบอกฉีดยาปริมาตรของอากาศลดลง เมื่อลดความดันลงปริมาตรของอากาศเพ่ิมข้ึน แสดงว่า ความดนั มผี ลต่อปริมาตรของแก๊สเมือ่ อุณหภูมิคงที่ การทดลองตอนที่ 2 จากผลการทดลองพบว่าเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ปริมาตรของอากาศจะเพิ่มข้ึน และเม่ืออุณหภมู ิตำ่ ลงปริมาตรของอากาศจะลดลง ซ่ึงสังเกตได้จากการเปล่ยี นแปลงระดับของน้ำ ในกระบอกฉีดยาแสดงว่าอณุ หภมู มิ ีผลตอ่ ปรมิ าตรของแก๊สเมื่อความดันคงท)่ี (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั ในเนอื้ หา เรือ่ ง ความสมั พันธข์ องปริมาตร ความดนั และ อุณหภูมิของแก๊ส ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อจะใช้เป็นความรู้ เบอ้ื งต้นสำหรับการเรยี นในเนื้อหาตอ่ ๆ ไป 9. นักเรยี นตอบคำถามทา้ ยการทดลอง จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ขั้นสรปุ ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมนิ ผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชน้ั เรียน 2. ครวู ัดและประเมินผลจากการนำเสนอผลการทดลอง เรือ่ ง ผลของความดันและอุณหภูมิต่อปริมาตร ของแกส๊ 3. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปเก่ยี วกับความสัมพันธ์ของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊ส ดังน้ี • เม่อื อุณหภูมิและมวลของแก๊สคงที่ ปรมิ าตรของแก๊สจะแปรผกผนั กับความดัน • เมื่อความดนั และมวลของแกส๊ คงท่ี ปรมิ าตรของแก๊สจะแปรผนั ตรงกบั อุณหภมู ิ • เม่ือปรมิ าตรและมวลของแก๊สคงที่ ความดนั ของแก๊สแปรผันตรงกับอุณหภูมิ
7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) การทดลองเร่ือง - ประเมนิ การปฎบิ ัติ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 ปฎิบัติ ผ่านเกณฑ์ ผลของความดนั การ การ และอณุ หภมู ิต่อ ปรมิ าตรของแก๊ส 2) การนำเสนองาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการเสนอ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ การทำงาน การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ัย คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มัน่ ในการ ทำงาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 แก๊ส 2) PowerPoint เรอ่ื ง ความสัมพนั ธข์ องปรมิ าตร ความดนั และอณุ หภมู ขิ องแก๊ส 3) วดี ทิ ัศนเ์ กย่ี วกบั ความดันและปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=eR49g3ubTBg 4) วดี ิทัศน์เกย่ี วกบั อุณหภมู แิ ละปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=NplVuTrr59U 5) วีดทิ ศั น์เก่ียวกับความดนั และอุณหภูมิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=N6DZRiSIK3s 6) วสั ดุ-อปุ กรณ์ที่ใช้ในการทดลอง เรื่องผลของความดนั และอณุ หภมู ติ ่อปริมาตรของแก๊ส 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรยี น 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ผ้เู ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางสาวณฐั ธนัญา บุญถึง) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ลงชือ่ ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ ข้อเสนอแนะของผ้อู ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ ลงช่อื .................................................... (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
วช-ร 06 แบบบนั ทกึ หลงั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่อื หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรือ่ ง แก๊สและสมบตั ิของแกส๊ แผนการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง ความสัมพันธ์ของปรมิ าตร ความดัน และอณุ หภูมิของแกส๊ รายวิชา เคมี 3 ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 5 รหัสวชิ า ว 32203 ครูผู้สอน นางสาวกานดา วุฒิเศลา ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย เวลาทใ่ี ช้ 2 ชวั่ โมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาทีพ่ บ แนวทางแกไ้ ข ทมี่ ีการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมสี ่วนร่วมของผู้เรียน ลงชอ่ื ครผู จู้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เร่อื ง แกส๊ และสมบตั ขิ องแก๊ส แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลสู แซก รายวชิ า เคมี 3 รหสั วิชา ว 32203 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 นำ้ หนกั เวลาเรียน 1.5 หนว่ ยกิจ เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3 ชว่ั โมง 1. ผลการเรียนรู้ อธบิ ายความสัมพันธ์และคำนวณปรมิ าตร ความดนั หรืออุณหภมู ขิ องแกส๊ ท่ภี าวะตา่ ง ๆ ตามกฎของ บอยล์ กฎของชารล์ กฎของเกย์-ลสู แซก 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปรมิ าตรกบั ความดนั ของแก๊ส เมื่อมวลและอุณหภูมคิ งที่ได้ (K) 2. อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งปริมาตรกับอุณหภูมิของแก๊ส เม่ือมวลและความดนั คงทีไ่ ด้ (K) 3. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งความดันกับอุณหภมู ขิ องแก๊ส เม่อื มวลและปริมาตรคงท่ีได้ (K) 4. คำนวณหาปรมิ าตร ความดัน อุณหภมู ิ โดยใช้ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณเหลา่ น้ันตามกฎต่าง ๆ ของ แก๊สได้ (P) 5. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ รับผิดชอบต่อหนา้ ท่ที ี่ได้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เติม สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ พฤติกรรมของแก๊ส และความสัมพันธ์ระหว่าง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา ปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊ส อธิบายได้ ด้วยกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก และกฎรวมแก๊ส ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการคำนวณ ปริมาตร ความดัน หรืออณุ หภูมขิ องแก๊สทภ่ี าวะต่างๆ ได้ 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก สามารถใช้อธิบายพฤติกรรมของแก๊ส และใช้คำนวณ และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาตร ความดัน และอณุ หภูมิของแก๊สท่ภี าวะต่าง ๆ ได้ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุง่ ม่นั ในการทำงาน
2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1 ขัน้ นำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและทบทวนความรู้เก่ยี วกบั ผลของอณุ หภูมิทีม่ ีต่อปริมาตรของแก๊ส จากผลการทดลอง เรือ่ ง ผลของความดนั และอุณหภมู ิต่อปรมิ าตรของแกส๊ (แนวตอบ : จากการทดลองท่ี1 ความดันกับปริมาตรจะแปรผกผนั กนั โดยเม่ือความดนั เพิ่มข้ึน ปริมาตรแกส๊ จะลดลง และเม่ือความดันลดลง ปริมาตรแก๊สจะเพิ่มข้นึ จากการทดลองที่ 2 อณุ หภูมิกบั ปริมาตรจะแปรผันตรงกันโดยเม่ืออุณหภูมิเพ่ิมข้ึน ปรมิ าตรแก๊สจะ เพมิ่ ข้ึน และเม่ืออณุ หภูมิลดลง ปริมาตรแกส๊ จะลดลง) 2. ครูเปดิ สอื่ การสอนเกย่ี วกับความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปรมิ าตร ความดัน และอุณหภูมขิ องแกส๊ จาก แหล่งข้อมูลสารสนเทศใหน้ ักเรยี นดูอีกครัง้ ดงั น้ี • วีดิทัศน์เก่ียวกับความดันและปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=eR49g3ubTBg • วดี ิทศั น์เกย่ี วกับอณุ หภูมแิ ละปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=NplVuTrr59U • วีดิทศั น์เกี่ยวกับความดันและอุณหภูมิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=N6DZRiSIK3s 3. เมอ่ื นกั เรยี นดูวีดิทัศนจ์ บครูสนทนาถามทบทวนนกั เรยี นเกีย่ วกับวดี ิทัศน์ทไ่ี ดด้ ูดงั น้ี 1) ความดันและปริมาตรของแกส๊ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร (แนวตอบ : ความดันมีผลต่อปริมาตรของแก๊สเมื่ออุณหภูมิคงท่ี เพราะเมื่อเพิ่มความดันให้กับ อากาศในกระบอกฉีดยาปริมาตรของอากาศลดลงทำให้ลูกโป่งขนาดเล็กลง เมื่อลดความดันลง ปรมิ าตรของอากาศเพ่มิ ข้ึนทำให้เราเห็นลูกโป่งขนาดใหญ่ข้ึน) 2) อุณหภูมแิ ละปรมิ าตรของแกส๊ มีความสมั พันธก์ ันอย่างไร (แนวตอบ : อณุ หภมู มิ ผี ลต่อปรมิ าตรของแก๊สเมื่อความดนั คงท่ี เพราะเมอื่ อุณหภูมสิ ูงข้ึนปริมาตร ของอากาศจะเพิ่มขึ้นทำให้ลูกโป่งขนาดใหญ่ขึ้น และเมื่ออุณหภูมิต่ำลงปริมาตรของอากาศจะ ลดลงทำให้ลูกโป่งมขี นาดเล็กลง) 3) อณุ หภมู แิ ละความดนั ของแกส๊ มีความสัมพนั ธ์กันอย่างไร (แนวตอบ : อุณหภมู ิมีผลตอ่ ความดันของแก๊สเมื่อปริมาตรคงที่ เพราะเมอื่ อุณหภูมิสูงขึ้นความดัน จะเพม่ิ ข้ึน และเมื่ออณุ หภูมิตำ่ ลงความดันจะลดลง) (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
ขน้ั สอน ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง กฎของ บอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หรือจากPowerPoint เรื่อง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก จากน้ันให้นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายความรูท้ ี่ได้จากการศกึ ษาจนมีความเข้าใจที่ตรงกัน 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกการคำนวณเกี่ยวกับกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก จากตวั อยา่ งที่ 1.1-1.13 ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ) ชว่ั โมงท่ี 2 ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูสุ่มนักเรยี น 3 กลมุ่ ออกมาแสดงวิธีการคำนวณตวั อย่างแต่ละขอ้ หน้าชน้ั เรียนให้ถูกตอ้ งโดยครู คอยเสรมิ ความรู้ในส่วนทน่ี กั เรยี นยังไม่เข้าใจ (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการนำเสนอหน้าชั้น) 4. ครูต้ังคำถามใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ ราย เร่ือง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก เช่น 1) ถ้าเปลี่ยนความดันเปน็ หลาย ๆ ค่า ปรมิ าตรของแก๊สจะเปล่ยี นแปลงอย่างไร (แนวตอบ : เมอื่ ความดนั เปล่ียนแปลง ปริมาตรของแกส๊ ก็จะเปล่ยี นแปลงไป โดยถา้ เพิม่ ความดนั ปรมิ าตรของแกส๊ จะลดลง แตถ่ า้ ลดความดัน ปรมิ าตรของแก๊สจะเพม่ิ ขน้ึ ) 2) จากกฎของบอยล์ จะสรุปความสัมพนั ธ์ของความดันและปริมาตรของแกส๊ ไดว้ ่าอย่างไร (แนวตอบ : เมอ่ื อณุ หภมู ิและมวลของแก๊สคงท่ี ปริมาตรของแกส๊ จะแปรผกผันกบั ความดนั ) 3) ถ้าเปลี่ยนอณุ หภูมเิ ป็นหลาย ๆ คา่ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปลย่ี นแปลงอย่างไร (แนวตอบ : เมือ่ อุณหภมู เิ ปลี่ยนแปลง ปรมิ าตรของแกส๊ กจ็ ะเปลีย่ นแปลงไป โดยถ้าอุณหภมู ิสงู ขึ้น ปริมาตรของแก๊สจะเพม่ิ ข้ึน แต่ถา้ อุณหภมู ติ ่ำลง ปรมิ าตรของแก๊สจะลดลง) 4) จากกฎของชารล์ จะสรปุ ความสมั พนั ธ์ของอุณหภูมแิ ละปรมิ าตรของแก๊สได้วา่ อย่างไร (แนวตอบ : เมื่อความดันและมวลของแกส๊ คงท่ี ปรมิ าตรของแก๊สจะแปรผันตรงกับอณุ หภูมิ) 5) ถ้าเปล่ยี นอุณหภูมเิ ปน็ หลาย ๆ ค่า ความดนั ของแกส๊ จะเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร (แนวตอบ : เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ความดันของแก๊สก็จะเปลี่ยนแปลงไป โดยถ้าอุณหภูมิ สูงขึ้น ความดันของแก๊สจะเพิ่มขึ้น แตถ่ ้าอุณหภมู ติ ่ำลง ความดนั ของแกส๊ จะลดลง) 6) จากกฎของเกย์-ลูสแซก จะสรปุ ความสมั พันธข์ องความดันและปรมิ าตรของแกส๊ ไดว้ า่ อยา่ งไร (แนวตอบ : เมอื่ ปริมาตรและมวลของแกส๊ คงที่ ความดันของแกส๊ จะแปรผันตรงกบั อณุ หภูม)ิ (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ชว่ั โมงท่ี 3 ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 5. ครูยกตัวอย่างปรากฏการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลสู แซก ดงั น้ี 1) ตัวอย่างปรากฏการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับกฎของบอยล์ เช่น การใช้หลอด ฉดี ยาจะอาศยั หลกั ตามกฎของบอยล์ คอื เมอื่ ก้านหลอดฉีดยาถกู ดงึ ขนึ้ ปริมาตรในหลอดฉีดยาจะ
มากขึ้น ส่งผลให้ความดันในหลอดฉีดยาลดลง ทำให้เกิดสุญญากาศในหลอดฉีดยา และดึง ของเหลวจากภายนอกหลอดฉีดยาเข้ามาภายในหลอดฉดี ยาได้ 2) ตัวอย่างปรากฏการณห์ รือสถานการณ์ในชีวติ ประจำวันเกี่ยวกับกฎของชาร์ล เช่น การทำขนมปงั จะอาศัยหลักตามกฎของชาร์ล คอื ในการทำขนมปังจะใส่ยสี ตเ์ ข้าไปในแป้งทใี่ ชท้ ำขนมปงั ดว้ ย ซงึ่ ยีสต์ทีใ่ ส่ลงไปนัน้ จะทำให้เกิดแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ขึ้น เมื่อนำแป้งขนมปังเข้าเตาอบ อุณหภูมิ ของเตาอบที่สูงขึ้น จะทำให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในแป้งขนมปังมีปริมาตรมากขึ้น และดนั เน้อื ขนมปงั ออก ส่งผลให้ขนมปังทอี่ บไดม้ เี นือ้ นมิ่ ฟู 3) ตัวอย่างปรากฏการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับกฎของเกย์-ลูสแซก เช่น การ ทำอาหารในหม้ออัดความดันจะอาศัยหลักตามกฎของเกย์- ลูสแซก คือ ในหม้ออัดความดันจะมี ความดันท่ีสูงกว่าความดันปกติ ทำใหไ้ อน้ำในหม้ออัดความดันมีความดนั ทส่ี ูงข้ึน อุณหภูมิในหม้อ อัดความดันจึงสูงขึ้น ส่งผลให้อาหารที่ทำในหม้ออัดความดันจึงสุกได้เร็วขึ้นการเผากระป๋อง สเปรยซ์ ึง่ ทำใหเ้ กิดการระเบิด การเจาะรพู ลาสติกก่อนอ่นุ อาหารดว้ ยไมโครเวฟ 6. ครูใหน้ ักเรียนยกตวั อยา่ งกฎของบอยล์ กฎของชารล์ และกฎของเกย์-ลสู แซกท่ีพบไดใ้ น ชีวิตประจำวัน (แนวตอบ : ยกตัวอย่างกฎของบอยล์ เช่น การพองตัวของถุงอาหารเมื่ออยู่บนภูเขา อาการหูอื้อเมือ่ ขนึ้ ทีส่ ูง ยกตัวอยา่ งกฎของชารล์ เชน่ การขยายตวั ของยางรถยนต์เมือ่ วิ่งไปบนถนน การขยายตัวของบอลลนู ยกตัวอย่างกฎของเกย์- ลูสแซก เช่น การเผากระป๋องสเปรย์ซึ่งทำให้เกิดการระเบิด การเจาะรู พลาสตกิ ก่อนอนุ่ อาหารดว้ ยไมโครเวฟ) 7. ครถู ามคำถาม BIG QUESTION จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพิม่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1อกี คร้ัง ดงั นี้ • กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย-์ ลูสแซก อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรมิ าตร ความ ดนั และอุณหภมู ิของแกส๊ ไว้อยา่ งไร (แนวตอบ : กฎของบอยล์ กล่าวว่า เมื่ออุณหภูมิและมวลของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะ แปรผกผนั กบั ความดันของแก๊สนนั้ ๆ กฎของชาร์ล กล่าวว่า เมื่อความดันและมวลของแก๊สคงท่ี ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรงกับ อุณหภูมเิ คลวิน กฎของเกย์-ลูสแซก กล่าวว่า เมื่อปริมาตรและมวลของแก๊สคงที่ ความดันของแก๊สจะแปรผันตรง กับอณุ หภมู ิเคลวิน) 8. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์- ลูสแซก โดยครูคอย เสรมิ ความรู้ จนเกดิ ความเขา้ ใจท่ตี รงกัน 9. นกั เรียนทำใบงานที่ 1.3.1 เร่อื ง กฎของบอยล์ กฎของชารล์ และกฎของเกย-์ ลูสแซก 10. นกั เรียนทำแบบฝกึ หัด ในหนังสอื แบบฝึกหดั รายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ขนั้ สรุป ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนกั เรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการทำงานกลุม่
2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.3.1 เร่อื ง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหดั 4. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ เกีย่ วกับกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์- ลูสแซก ดังนี้ • เมือ่ อณุ หภมู แิ ละมวลของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแกส๊ จะแปรผกผนั กบั ความดนั • เม่อื ความดันและมวลของแกส๊ คงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรงกบั อุณหภูมิ • เมื่อปรมิ าตรและมวลของแกส๊ คงที่ ความดันของแก๊สจะแปรผันตรงกับอณุ หภูมิ 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) กฎของบอยล์ กฎ - ตรวจใบงานท่ี 1.3.1 - ใบงานท่ี 1.3.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ของชาร์ล และกฎ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ของเกย-์ ลูสแซก 2) การนำเสนองาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการเสนอ - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทำงาน การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ 8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แกส๊ 2) หนังสอื แบบฝึกหัดรายวชิ าเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 แกส๊ 3) PowerPoint เร่อื ง กฎของบอยล์ กฎของชารล์ และกฎของเกย์-ลูสแซก 4) ใบงานท่ี 1.3.1 เรื่อง กฎของบอยล์ กฎของชารล์ และกฎของเกย์-ลสู แซก 5) วดี ิทศั น์เก่ยี วกับความดันและปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=eR49g3ubTBg 6) วดี ิทัศนเ์ ก่ยี วกบั อุณหภมู ิและปริมาตร จาก https://www.youtube.com/watch?v=NplVuTrr59U 7) วดี ทิ ศั น์เกย่ี วกบั ความดันและอณุ หภมู ิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=N6DZRiSIK3s 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ผ้เู ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางสาวณฐั ธนัญา บุญถึง) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ลงชือ่ ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ ข้อเสนอแนะของผ้อู ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ ลงช่อื .................................................... (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
ใบงานท่ี 1.3.1 เร่ือง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก คำช้ีแจง : คำนวณเกย่ี วกับกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก 1. แก๊ส X มีปริมาตร 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร ถ้านำแก๊ส X ปริมาตรเท่าเดิมมาเพิ่มความดนั ให้เป็น 5 เท่าของ ความดันเดมิ ปริมาตรของแกส๊ จะเปล่ียนแปลงไปอย่างไร ถา้ อณุ หภมู ิไมเ่ ปล่ียนแปลง 2. ถ้าอากาศในหอ้ งท่มี ีขนาด 100 ลกู บาศก์เมตร ถกู ทำใหร้ อ้ นขนึ้ จากอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซยี ส เปน็ 47 องศา เซลเซียส โดยความดนั มีคา่ 1 บรรยากาศ เทา่ เดิม จะมีอากาศหายไปจากห้องก่ีกิโลกรัม (กำหนดให้ อากาศท่ี อุณหภูมิ 47 องศาเซลเซียส ความดัน 1 บรรยากาศ มีความหนาแน่น 1.15 กิโลกรมั /ลกู บาศก์เมตร)
ใบงานที่ 1.3.1 เฉลย เร่ือง กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก คำชแี้ จง : : คำนวณเกยี่ วกบั กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลสู แซก 1. แก๊ส X มีปริมาตร 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร ถ้านำแก๊ส X ปริมาตรเท่าเดิมมาเพิ่มความดันให้เป็น 5 เท่าของ ความดนั เดิม ปริมาตรของแก๊สจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ถ้าอณุ หภมู ไิ ม่เปลย่ี นแปลง ให้ P1 = x ดงั นัน้ P2 = 5x P1V1 = P2V2 x × 100 = 5x × V2 V2 = 100x 5x = 50 cm3 ปรมิ าตรของแก๊สจะลดลง 100 – 50 = 50 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร 2. ถา้ อากาศในห้องท่ีมีขนาด 100 ลกู บาศกเ์ มตร ถกู ทำใหร้ อ้ นข้นึ จากอณุ หภมู ิ 10 องศาเซลเซยี ส เป็น 47 องศา เซลเซียส โดยความดันมีคา่ 1 บรรยากาศ เทา่ เดิม จะมีอากาศหายไปจากห้องก่ีกิโลกรัม (กำหนดให้ อากาศที่ อณุ หภมู ิ 47 องศาเซลเซียส ความดนั 1 บรรยากาศ มคี วามหนาแน่น 1.15 กโิ ลกรมั /ลกู บาศก์เมตร) T1 = 273 + 10 = 283 K T2 = 273 + 47 = 320 K =V1 V2 T1 T2 =100 V2 283 320 V2 = 100 × 320 283 = 113.07 ลกู บาศกเ์ มตร นนั่ คอื อากาศหายไปจากหอ้ ง = 113.07 – 100 = 13.07 ลูกบาศก์เมตร ดังนนั้ มวลของอากาศท่ีหายไปจากห้อง = 1.15 × 13.07 = 15.03 กิโลกรมั
วช-ร 06 แบบบนั ทกึ หลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชื่อหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 เร่อื ง แกส๊ และสมบตั ขิ องแกส๊ แผนการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง กฎของบอยล์ กฎของชารล์ และกฎของเกย์-ลูสแซก รายวิชา เคมี 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 รหัสวชิ า ว 32203 ครูผู้สอน นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา ตำแหน่ง ครูผ้ชู ว่ ย เวลาทใ่ี ช้ 3 ช่วั โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหวา่ ง ปญั หาท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ที่มีการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนรว่ มของผู้เรยี น ลงชอื่ ครผู จู้ ัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา) ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 เรื่อง แกส๊ และสมบัติของแก๊ส แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 4 เรอื่ ง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแกส๊ อุดมคติ และกฎความดันยอ่ ยของดอลตนั รายวิชา เคมี 3 รหัสวิชา ว 32203 ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 นำ้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 หนว่ ยกิจ เวลาเรียน 3 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ 1. คำนวณปริมาตร ความดัน หรอื อุณหภูมิของแกส๊ ทภี่ าวะตา่ ง ๆ ตามกฎรวมแกส๊ 2. คำนวณปรมิ าตร ความดัน อณุ หภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแกส๊ จากความสมั พนั ธต์ ามกฎของอาโวกา โดร และกฎแกส๊ อุดมคติ 3. คำนวณความดนั ย่อยหรอื จำนวนโมลของแก๊สในแก๊สผสม โดยใชก้ ฎความดนั ย่อยของดอลตนั 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างปรมิ าตร ความดนั อณุ หภูมิ และจำนวนโมล หรือมวลของแก๊สได้ (K) 2. คำนวณหาปรมิ าตร ความดนั อุณหภมู ิ จำนวนโมล หรือมวล โดยใช้ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปรมิ าณเหลา่ นน้ั ตามกฎตา่ ง ๆ ของแกส๊ ได้ (P) 3. ตัง้ ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ และรับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ท่ไี ด้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ - ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าตร และจำนวนโมล หรือ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา มวลของแกส๊ อธิบายความสัมพนั ธไ์ ดด้ ้วยกฎ อาโวกาโดร สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดนั อณุ หภูมิ และจำนวนโมลของแกส๊ อธิบาย ได้ด้วยกฎแก๊สอุดมคติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการ คำนวณและการอธบิ ายการเปลยี่ นแปลงท่ีเกี่ยวข้อง กับจำนวนโมลของแก๊สท่ีภาวะต่าง ๆ ได้ - ในธรรมชาติ แก๊สส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นแก๊สผสม ในกรณีที่แก๊สในแก๊สผสมไม่ทำปฏิกิริยากัน ความ ดันของแก๊สแต่ละชนิดแปรผันตามเศษสว่ นโมลของ แกส๊ ทีม่ อี ยูใ่ นแก๊สผสมตามกฎความดนั ย่อยของ ดอลตัน
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เมื่อกฎของบอยล์และชาร์ลกล่าวเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรกับความดันและปริมาตรกับ อุณหภูมิ แต่การเปลีย่ นแปลงในธรรมชาติอาจเกิดข้ึนพร้อม ๆ กัน ดังนั้นจึงมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหวา่ ง ปริมาตร ความดนั และอณุ หภมู ิของแก๊สในขณะที่มวลคงท่แี ละตง้ั ขึ้นเปน็ กฎรวมแกส๊ กฎของอาโวกาโดรสามารถใช้คำนวณและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร และจำนวนโมล หรือ มวลของแกส๊ ทีภ่ าวะต่าง ๆ ได้ กฎแก๊สอุดมคติสามารถใช้คำนวณและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ และ จำนวนโมลของแก๊สทีภ่ าวะต่าง ๆ ได้ แก๊สผสมที่ไม่ทำปฏิกิริยากัน ความดันของแก๊สแต่ละชนิดจะแปรผันตามเศษส่วนโมลของแก๊สที่มีอยู่ใน แกส๊ ผสม ซ่ึงเปน็ ไปตามกฎความดนั ยอ่ ยของดอลตนั 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 3) ทกั ษะการวิเคราะห์ 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 5) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรปุ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงท่ี 1 ขั้นนำ ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามนักเรียนวา่ “นอกจากปริมาตรของแก๊สจะมีความสัมพันธ์กับความดันและอุณหภูมิของ แก๊ส ปรมิ าตรของแก๊สยงั มีความสัมพันธก์ ับสิ่งใดอีกหรอื ไม่” (แนวตอบ : ปริมาตรของแก๊สยังมีความสัมพนั ธ์กับจำนวนโมล หรอื มวลของแกส๊ อกี ดว้ ย) 2. จากนั้นครูเกริ่นนำว่า “การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติของแก๊สจะมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง 3 ตัว แปร คือ ปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊สขณะที่มวลมีค่าคงท่ี ซึ่งตัวแปรเหล่านี้จะมี ความสมั พนั ธ์กัน และเปน็ ไปตามกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล ซง่ึ เมื่อนำกฎท้ังสองมาพจิ ารณาร่วมกัน จะได้ความสัมพนั ธใ์ หม่ เรยี กว่า กฎรวมแกส๊ ” ขน้ั สอน ข้ันที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับกฎของอาโวกา โดร และกฎรวมแก๊ส จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หรือจาก
PowerPoint เรื่อง กฎของอาโวกาโดรและกฎรวมแก๊ส จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายความรู้ ทไี่ ด้จากการศึกษาจนมคี วามเขา้ ใจที่ตรงกนั 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกการคำนวณเกี่ยวกับกฎของอาโวกาโดรและกฎรวมแก๊ส จากตัวอย่างที่ 1.14-1.17 ในหนงั สือเรียนรายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ) ชวั่ โมงที่ 2 ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูสุ่มนักเรียน 1 กลุ่ม ออกมาแสดงวิธีการคำนวณตัวอย่างแต่ละข้อหน้าชั้นเรียนให้ถูกต้องโดยครู คอยเสรมิ ความรู้ในสว่ นท่นี ักเรยี นยงั ไม่เขา้ ใจ (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการนำเสนอหน้าชน้ั ) 4. ครูต้ังคำถามให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ ราย เรื่อง กฎของอาโวกาโดรและกฎรวมแก๊ส เชน่ 1) ถา้ อุณหภมู ิและความดนั ของแกส๊ ชนิดหน่งึ คงที่ แกส๊ นจ้ี ำนวน 1 โมล และ 2 โมล จะมปี ริมาตร แตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : แตกตา่ งกนั โดยแก๊สจำนวน 2 โมล จะมปี รมิ าตรมากกวา่ แก๊สจำนวน 1 โมล) 2) ณ สภาวะ STP แก๊สออกฺซิเจนจำนวน 1 โมล และแก๊สไนโตรเจนจำนวน 1 โมล จะมีปริมาตร แตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : ไม่แตกต่างกัน ณ สภาวะ STP แก๊สใด ๆ จำนวน 1 โมล จะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลติ ร) 3) จากกฎของเอาโวกาโดร จะสรุปความสมั พนั ธ์ของความดนั และปรมิ าตรของแก๊สไดว้ า่ อย่างไร (แนวตอบ : เมือ่ ปรมิ าตรและมวลของแกส๊ คงท่ี ความดันของแกส๊ จะแปรผันตรงกบั อณุ หภูม)ิ 4) เมื่อนำแกส๊ ท่ีบรรจุอยู่ในภาชนะปดิ ขนาด 1 ลติ ร ทอี่ ณุ หภูมิ 300 เคลวนิ ไปบรรจุในภาชนะขนาด 2 ลติ ร ที่อุณหภมู ิ 200 เคลวิน ความดันใหมข่ องแกส๊ ชนดิ นจ้ี ะเปลย่ี นแปลงไปอย่างไร (แนวตอบ : ความดันใหม่จะลดลงเป็น 3 เท่าของความดนั เดิม) 5) แก๊สชนิดหนึ่งความดัน 3 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ 150 เคลวิน ถ้าความดันเพิ่มขึ้น 1 บรรยากาศ และอุณหภูมิสูงขนึ้ 50 เคลวนิ แกส๊ ชนดิ นจ้ี ะมปี รมิ าตรเปน็ อยา่ งไรเมือ่ เทยี บกบั ปรมิ าตรเดมิ (แนวตอบ : แก๊สชนดิ นจี้ ะมีปรมิ าตรเท่าเดมิ ไม่เปลี่ยนแปลง) 6) แก๊สออกซิเจนปริมาตร 4 ลิตร ความดัน 2 บรรยากาศ ถ้านำแก๊สออกซิเจนน้ีไปไว้ที่อุณหภูมใิ หม่ ปรากฏว่า แก๊สออกซิเจนมปี ริมาตรเพม่ิ ขึ้น 2 ลติ ร และมคี วามดันเพ่ิมขนึ้ 2 บรรยากาศ อุณหภูมิ ใหมม่ ีค่าสูงกว่าหรอื ต่ำกวา่ อุณหภมู เิ ดมิ (แนวตอบ : อุณหภมู ิใหม่มีคา่ สงู กวา่ อุณหภมู ิเดมิ 3 เทา่ ) (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ชั่วโมงท่ี 3 ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับกฎแก๊สอุดมคติ และกฎความดนั ย่อยของดอลตัล จากหนงั สือเรยี นรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หรือ จาก PowerPoint เรื่อง กฎแก๊สอุดมคติและกฎความดันย่อยของดอลตัล จากนั้นให้นักเรียน ร่วมกนั อภปิ รายความร้ทู ่ไี ด้จากการศึกษาจนมคี วามเขา้ ใจทต่ี รงกัน
6. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มฝึกการคำนวณเกี่ยวกับกฎแก๊สอดุ มคติและกฎความดันย่อยของดอลตัล จาก ตวั อย่างท่ี 1.18-1.25 ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 7. ครูสุ่มนักเรียน 2 กลุ่ม ออกมาแสดงวิธีการคำนวณตัวอย่างแต่ละข้อหน้าชั้นเรียนให้ถูกต้องโดยครู คอยเสรมิ ความร้ใู นส่วนทีน่ กั เรียนยังไมเ่ ขา้ ใจ (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการนำเสนอหนา้ ชั้น) 8. ครตู ั้งคำถามให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย เรอื่ ง กฎแก๊สอดุ มคติ เช่น 1) เมื่อพิจารณาว่าโจทย์ถามหามวล หรือจำนวนโมลสามารถใช้ความสัมพันธ์ในสมการใดในการ คำนวณหาค่าต่าง ๆ (แนวตอบ : • ถ้ามวลของแกส๊ คงที่ ใหค้ ำนวณโดยใช้สตู ร PV = nRt • ถา้ มวลของแก๊สเปล่ยี นแปลง ใหค้ ำนวณโดยใชส้ ตู ร ������1������1 = ������2������2) ������1������1 ������2������2 2) เมือ่ พิจารณาวา่ โจทย์ไม่ได้ถามหามวล หรือจำนวนโมลสามารถใชค้ วามสัมพันธใ์ นสมการใดในการ คำนวณหาค่าตา่ ง ๆ (แนวตอบ : ใหค้ ำนวณโดยใช้กฎรวมแก๊ส ดงั นี้ ������1������1 = ������2������2 ������1 ������2 • ถ้าอณุ หภูมิคงท่ี ให้คำนวณโดยใช้กฎของบอยล์ ดงั น้ี P1V1 = P2V2 • ถา้ ความดันคงท่ี ให้คำนวณโดยใชก้ ฎของชาร์ล ดงั นี้ ������1 = ������2 ������1 ������2 • ถา้ ปรมิ าตรคงที่ ให้คำนวณโดยใช้กฎของเกย์-ลูสแซก ดงั นี้ ������1 = ������2) ������1 ������2 (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) 9. ครูยกตวั อย่างโจทยเ์ กีย่ วกับกฎความดันยอ่ ยของดอลตลั โดยครูเขียนโจทย์และแสดงวิธีทำใหน้ กั เรียน ดบู นกระดาน ดังนี้ ในภาชนะขนาด 2.3 ลติ ร บรรจแุ กส๊ H2 จำนวน 0.174 กรัม และแก๊ส N2 1.365 กรมั บรรจอุ ยู่ ที่ 0 องศาเซลเซียส จงคำนวณเศษส่วนโมล ความดนั ยอ่ ยของแก๊สทั้งสอง และความดนั รวม เม่ือถือ วา่ แกส๊ ทัง้ สองชนดิ เป็นแก๊สสมบรู ณ์แบบ วิธที ำ T = 273 + 0 = 273 K จาก PV = nRT จะไดว้ ่า P = nRT V 0.174 ×0.0821 ×273 PH2 = 2 ×2.3 = 0.85 atm PN2 = 1.365 ×0.0821 ×273 = 0.48 atm 28 ×2.3 Pรวม = 0.85 + 0.48 = 1.33 atm XH2 = PH2 = 0.85 = 0.64 Pรวม 1.33 XN2 = PN2 = 0.48 = 0.36) Pรวม 1.33
ดังนัน้ มวลโมเลกลุ ของ H2 และ N2 เทา่ กบั 2 และ 28 ตามลำดบั ชั่วโมงที่ 4 ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 10. ครยู กตัวอยา่ งปรากฏการณ์หรือสถานการณ์ในชวี ติ ประจำวนั เก่ยี วกับกฎของอาโวกาโดร เชน่ การสบู ลมล้อรถจกั รยานจะอาศยั หลักตามกฎของอาโวกาโดร คือ เม่ือสบู ลมเข้าไปในล้อรถจักรยาน ทำให้ใน ล้อรถจกั รยานมโี มเลกลุ ของแกส๊ เพ่ิมมากขึ้น ปรมิ าตรของแกส๊ จงึ เพม่ิ ขน้ึ ลอ้ รถจงึ หายแบน 11. ครใู ห้นักเรยี นยกตัวอย่างกฎของอาโวกาโดรท่ีพบได้ในชวี ติ ประจำวนั (แนวตอบ : ยกตัวอย่างเช่น การเป่าลูกโป่งทำให้ลูกโป่งมีขนาดใหญ่ขึ้น การหายใจมีผลต่อปริมาตร ของชอ่ งอก) 12. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับการประยุกตใ์ ช้กฎแกส๊ อดุ มคติในชวี ติ ประจำวัน เช่น • เมื่อเขย่าขวดแชมเปญสักพักหนึ่ง จากนั้นดันฝาจุกให้หลวมขึ้นเล็กน้อย จะทำให้ฝาจุกกระเด็น ออกไปได้ เนื่องจากเมื่อเขย่าขวดแชมเปญจะทำให้แก๊สที่ละลายอยูใ่ นของเหลว กลายเป็นแก๊สอยู่ เหนือของเหลวมากขึ้น ทำให้ความดันของแก๊สเหนือของเหลวมีค่ามากขึ้นด้วย ซึ่งหากเขย่าจน ปริมาณแก๊สเหนือของเหลวมากพอ จะทำให้แก๊สเหนือของเหลวมีความดันมากพอที่จะดันจุกขวด ใหก้ ระเด็นออกมาได้ • เมื่อล่ันไกปืน เข็มแทงชนวนของปืนจะกระทบเข้ากับด้านท้ายของลูกกระสุนปืน ซ่ึงจะทำให้ดินปนื ที่ถูกบรรจุอยู่ในลูกกระสุนปืนเกิดการเผาไหม้ ซึ่งทำให้เกิดแก๊สและความร้อนขึ้นเป็นจำนวนมาก ความดันที่กระทำต่อหัวกระสุนจึงมีค่าเพิ่มขึ้นมหาศาล จนดันให้หัวกระสุนแล่นออกจากกระบอก ปนื ได้ 13. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแก๊สอุดมคติ และกฎความดัน ย่อยของดอลตันโดยครูคอยเสรมิ ความร้จู นเกดิ ความเขา้ ใจท่ตี รงกัน 14. นักเรียนทำใบงานที่ 1.4.1 เรื่อง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแก๊สอุดมคติ และกฎความ ดันยอ่ ยของดอลตนั 15. นักเรียนทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื แบบฝกึ หัดรายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 16. นักเรียนทำ Topic Question จากหนังสอื เรียนรายวชิ าเพิม่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ขนั้ สรุป ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมินผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชนั้ เรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.4.1 เรือ่ ง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแกส๊ กฎแกส๊ อุดมคติ และ กฎความดนั ย่อยของดอลตัน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หดั 4. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ เกย่ี วกับกฎของอาโวกาโดร กฎรวมแกส๊ กฎแกส๊ อุดมคติ และกฎความดัน ยอ่ ยของดอลตนั ดังน้ี • ที่ความดันและอณุ หภมู ิของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผนั ตรงกับจำนวนโมเลกุลหรือจำนวน โมลของแก๊สนนั้
• ถ้ามวลของแกส๊ คงท่ี ใหค้ ำนวณโดยใช้สตู ร P1V1 = P2V2 T1 T2 • ถา้ มวลของแกส๊ ไมค่ งท่ี ให้คำนวณโดยใช้สตู ร P1V1 = P2V2 n1T1 n2T2 • สำหรับแก๊สจำนวน n โมล จะไดค้ วามสมั พันธ์ PV = nRt • เม่อื ������ มีคา่ เท่ากบั ความเข้มขน้ (C) จะได้ความสมั พันธ์ P=CRT V • เมอ่ื = ������ คอื มวลโมเลกุล จะได้ความสมั พันธ์ ������������ = ������ ������������ ������ MV 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ 7.1 ประเมินระหวา่ ง - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การเรียนรู้ ผา่ นเกณฑ์ - ระดบั คุณภาพ 2 1) กฎของอาโวกา - ตรวจใบงานที่ 1.4.1 - ใบงานที่ 1.4.1 ผ่านเกณฑ์ โดร กฎรวมแกส๊ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ กฎแก๊สอดุ มคติ - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และกฎความดัน ยอ่ ยของดอลตัน 2) การนำเสนองาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการเสนอ ผลงาน ผลงาน 3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงาน การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานกลุ่ม ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม 5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ อันพงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ และมงุ่ มนั่ ในการ อันพึงประสงค์ ทำงาน 8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 แก๊ส 2) หนังสือแบบฝึกหัดรายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แกส๊ 3) PowerPoint เร่ือง กฎของอาโวกาโดรและกฎรวมแก๊ส 4) PowerPoint เร่อื ง กฎแก๊สอุดมคติและกฎความดันย่อยของดอลตนั 5) ใบงานที่ 1.4.1 เรื่อง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแกส๊ กฎแก๊สอดุ มคติ และกฎความดนั ย่อยของ ดอลตัน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ
9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ผ้เู ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางสาวณฐั ธนัญา บุญถึง) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ลงชือ่ ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ ข้อเสนอแนะของผ้อู ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ ลงช่อื .................................................... (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
ใบงานที่ 1.4.1 เร่อื ง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแก๊สอดุ มคติ และกฎความดันยอ่ ยของดอลตนั คำช้ีแจง : คำนวณเกยี่ วกบั กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแก๊สอดุ มคติ และกฎความดันย่อยของดอลตนั 1. แก๊สจำนวนหนึ่งอยู่ในกระบอกสบู เม่ือความดันของแก๊สเพ่มิ ขึ้นเป็น 3 เทา่ ปรมิ าตรของแกส๊ จะลดลงเหลือ ครงึ่ หนึ่งของเดิม อัตราสว่ นระหว่างอุณหภมู ิของแกส๊ ครั้งหลังกับครง้ั แรกมีคา่ เทา่ ใด 2. บอลลูนที่บรรจุแก๊สไฮโดรเจน ขณะอยู่บนพื้นดิน ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส มีปริมาตร 1.5 × 10-2 ลูกบาศก์เมตร และมีความดัน 105 ปาสคาล ถ้าบอลลูนลอยขึ้นไปจนอุณหภูมิของแก๊สภายในลดลงเหลือ 15 องศาเซลเซยี ส ความดนั จะลดลงเหลือ 0.6 × 105 ปาสคาล ขณะนัน้ บอลลนู จะมีปรมิ าตรเทา่ ใด 3. แก๊สออกซิเจนปริมาตร 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่สภาวะ STP ถ้าต้องการให้แก๊สออกซิเจนนี้มีปริมาตร 3,000 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร และมคี วามดนั 460 มิลลิเมตรปรอท แก๊สน้ีจะมีอุณหภมู ิก่อี งศาเซลเซียส
4. แก๊สไฮโดรเจนบรรจุอยู่ในภาชนะปิดที่มีปริมาตร 207 ลูกบาศก์เดซิเมตร มีอุณหภูมิ 303 เคลวิน และความ ดนั 1 บรรยากาศ จงหาจำนวนโมเลกุลของแกส๊ ไฮโดรเจนในภาชนะ
ใบงานท่ี 1.4.1 เฉลย เรอ่ื ง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแกส๊ กฎแกส๊ อุดมคติ และกฎความดันยอ่ ยของดอลตัน คำช้ีแจง : คำนวณเกยี่ วกับกฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแกส๊ อุดมคติ และกฎความดันยอ่ ยของดอลตัน 1. แกส๊ จำนวนหน่ึงอยู่ในกระบอกสบู เมอ่ื ความดันของแก๊สเพ่มิ ขึ้นเป็น 3 เทา่ ปรมิ าตรของแก๊สจะลดลงเหลอื ครง่ึ หนึ่งของเดมิ อัตราสว่ นระหว่างอณุ หภมู ิของแกส๊ ครั้งหลังกับครง้ั แรกมคี ่าเทา่ ใด P2 = 3P1 V2 = V1 2 =P1V1 P2V2 T1 T2 (3P1)(������21) =P1V1 T1 T2 =T2 (3P1)(������21) = 3 T1 P1V1 2 2. บอลลูนที่บรรจุแก๊สไฮโดรเจน ขณะอยู่บนพื้นดิน ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส มีปริมาตร 1.5 × 10-2 ลูกบาศก์เมตร และมีความดัน 105 ปาสคาล ถ้าบอลลูนลอยขึ้นไปจนอุณหภูมิของแก๊สภายในลดลงเหลือ 15 องศาเซลเซียส ความดันจะลดลงเหลอื 0.6 × 105 ปาสคาล ขณะนน้ั บอลลูนจะมีปริมาตรเท่าใด T1 = 273 + 27 = 300 K T2 = 273 + 15 = 288 K =P1V1 P2V2 T1 T2 =105 × 1.5 × 10−2 0.6 × 105 × V2 300 288 V = 105 × 1.5 × 10−2 ×288 2 300 × 0.6 × 105 = 1.44 × 10-2 ลูกบาศก์เมตร 3. แก๊สออกซิเจนปริมาตร 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่สภาวะ STP ถ้าต้องการให้แก๊สออกซิเจนนี้มีปริมาตร 3,000 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร และมีความดัน 460 มิลลิเมตรปรอท แกส๊ นจ้ี ะมีอณุ หภูมิกอี่ งศาเซลเซียส สภาวะ STP คอื ความดนั 1 บรรยากาศ อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซยี ส P1 = 760 mmHg T1 = 273 + 0 = 273 K =P1V1 P2V2 T1 T2 =760 × 1000 460 × 3000 273 T2 T = 460 × 3000 × 273 2 760 × 1000 = 496 เคลวิน ดังนน้ั แกส๊ นี้จะมีอณุ หภูมิ = 496 - 273 = 223 องศาเซลเซียส
4. แก๊สไฮโดรเจนบรรจุอยู่ในภาชนะปิดที่มีปริมาตร 207 ลูกบาศก์เดซิเมตร มีอุณหภูมิ 303 เคลวิน และความ ดนั 1 บรรยากาศ จงหาจำนวนโมเลกลุ ของแกส๊ ไฮโดรเจนในภาชนะ PV = RTN 6.02 × 1023 N = 6.02 × 1023 PV RT = 6.02 × 1023 × 1 × 207 0.082 × 303 = 5 × 1024 โมเลกุล
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 เรื่อง แก๊สและสมบตั ิของแกส๊ แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง กฎของอาโวกาโดร กฎรวมแก๊ส กฎแก๊สอดุ มคติ และกฎความดันย่อยของดอลตนั รายวชิ า เคมี 3 ชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 5 รหัสวชิ า ว 32203 ครูผู้สอน นางสาวกานดา วุฒิเศลา ตำแหน่ง ครูผชู้ ่วย เวลาที่ใช้ 4 ชว่ั โมง ************************* ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปญั หาทพ่ี บ แนวทางแก้ไข ที่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรยี นรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนร่วมของผู้เรยี น ลงชื่อ ครผู ้จู ดั กิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา) ตำแหนง่ ครูผ้ชู ่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 เรอ่ื ง แกส๊ และสมบตั ขิ องแกส๊ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เรือ่ ง การแพร่ของแก๊ส รายวชิ า เคมี 3 รหสั วิชา ว 32203 ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 น้ำหนกั เวลาเรียน 1.5 หน่วยกิจ เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 3 ช่วั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายการแพรข่ องแก๊สโดยใชท้ ฤษฎีจลน์ของแกส๊ คำนวณและเปรียบเทยี บอตั ราการแพร่ของ แก๊สโดยใชก้ ฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความสัมพันธร์ ะหว่างอัตราการแพร่ของแกส๊ กบั มวลโมเลกลุ ของแกส๊ ได้ (K) 2. ทำการทดลองเพ่ือศึกษาการแพรข่ องแกส๊ ได้ (P) 3. ใช้เคร่ืองมือและอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตรไ์ ด้อย่างถูกต้อง (P) 4. ปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนการทดลองได้อยา่ งถกู ต้อง (P) 5. ต้งั ใจเรยี นรูแ้ ละแสวงหาความรู้ รับผิดชอบต่อหน้าทีท่ ่ีได้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เติม สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่ิน แก๊สสามารถแพร่ได้ การแพร่ของแก๊สอธิบายได้ด้วย พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ที่อุณหภูมเิ ดียวกันแก๊สจะแพรไ่ ด้ ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับมวลโมเลกุลของแก๊ส อัตราการ แพร่ของแก๊สเป็นสัดส่วนผกผันกับรากที่สองของมวล โมเลกุลของแก๊สสัมพันธ์กับกฎการแพร่ผ่านของเก รแฮม 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ทฤษฎีจลนข์ องแก๊สสามารถใช้อธิบายการแพรข่ องแกส๊ ไดโ้ ดยทอ่ี ุณหภูมเิ ดียวกัน อตั ราการแพรข่ องแก๊ส เป็นสัดสว่ นผกผนั กบั รากทส่ี องของมวลโมเลกุลของแก๊ส ซึง่ เป็นไปตามกฎการแพร่ผา่ นของเกรแฮม 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน 2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวเิ คราะห์
4) ทกั ษะการทดลอง 5) ทกั ษะการตคี วามหมายและลงข้อสรุป 6) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนำ ข้ันท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครถู ามคำถามกระต้นุ นักเรียน ดงั นี้ 1) นักเรยี นคิดว่าเพราะเหตุใดเราจึงได้กลนิ่ ของน้ำหอม (แนวตอบ : เนื่องจากโมเลกุลของน้ำหอมเกิดการแพร่ไปในอากาศมากระทบกับจมูก จึงทำให้ได้ กลิน่ ของนำ้ หอม) 2) นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดเมื่อเปิดขวดน้ำหอมชนิดหนึ่งจะได้กลิ่นน้ำหอมภายในเวลาไม่กี่วินาที แตเ่ มอ่ื เปดิ ขวดนำ้ หอมอกี ชนิดหนงึ่ อาจจะใชเ้ วลานานจึงจะได้กล่ิน (แนวตอบ : เนื่องจากน้ำหอมแต่ละชนิดอาจมีมวลโมเลกุล หรือความหนาแน่นไม่เท่ากัน ทำให้มี ความสามารถในการแพร่ไมเ่ ท่ากัน นำ้ หอมบางชนิดอาจแพร่ไดเ้ รว็ สว่ นนำ้ หอมบางชนิดอาจแพร่ ไดช้ ้า) 2. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 ว่า “การแพรม่ ีก่ีลักษณะ อะไรบ้าง” ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถาม จากน้ันครูและนกั เรียนอภิปราย รว่ มกัน เพอ่ื นำไปสูข่ น้ั สอนตอ่ ไป (แนวตอบ : การแพร่มี 2 ลักษณะ คือ การแพร่ เป็นการเคลื่อนที่ของแก๊สจากความเข้มข้นสูงไปยงั ความเข้มข้นต่ำ โดยโมเลกุลมีการชนกันตลอดเวลา และการแพร่ผ่าน เป็นการแพร่ของแก๊สภายใต้ ความดันในภาชนะหน่ึงหลุดผา่ นรเู ลก็ ๆ ไปยงั อกี ภาชนะหนึง่ ทีเ่ ปน็ สุญญากาศ โดยโมเลกลุ ไมช่ นกนั ) (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ขน้ั สอน ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน แล้วทำการทดลองเรือ่ ง การแพร่ของแกส๊ แอมโมเนียและแก๊ส ไฮโดรเจนคลอไรด์ จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 2. ครใู ชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบรว่ มมอื เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิกแต่ ละคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าท่ขี องตนเอง ดงั นี้ • สมาชิกคนท่ี 1 : ทำหนา้ ทเ่ี ตรียมวสั ดุ-อุปกรณต์ า่ งใชใ้ นการทดลองเรอ่ื ง การแพร่ของแกส๊ แอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ • สมาชกิ คนที่ 2 : ทำหน้าที่อ่านวิธกี ารทดลอง ทำความเข้าใจ และอธิบายใหส้ มาชิกในกลุม่ ฟัง • สมาชิกคนที่ 3 : ทำหน้าท่ีบันทึกผลการทดลอง • สมาชิกคนท่ี 4 และ 5 : ทำหนา้ ทีน่ ำเสนอผลการทดลอง 3. สมาชิกทุกคนในกลุม่ ชว่ ยกันลงมอื ทำการทดลอง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ) ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทน (สมาชิกคนท่ี 4 และ 5 ของกลุ่ม) มานำเสนอผลการทดลอง หลงั จาก นัน้ ใหน้ กั เรียนทุกคนรว่ มกันอภิปรายผลการทดลองจนมีความเข้าใจที่ตรงกัน (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการนำเสนอหน้าชั้น) 5. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ดังนี้ 1) นกั เรียนทราบไดอ้ ย่างไรวา่ แกส๊ แอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนคลอไรดส์ ามารถแพร่ได้ (แนวตอบ : เนื่องจากมีควันและสารสีขาวเกาะอยู่ที่ผิวด้านในของหลอดแก้ว จึงทำให้ทราบว่า แก๊สแอมโมเนียและแกส๊ ไฮโดรเจนคลอไรด์เกดิ การแพร่มาทำปฏกิ ริ ยิ ากันเกดิ แอมโมเนยี มคลอไรด์ เกาะท่ผี ิวดา้ นในหลอดแกว้ ) 2) นกั เรียนทราบไดอ้ ยา่ งไรว่าแกส๊ แอมโมเนียแพรไ่ ด้เร็วกวา่ แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ (แนวตอบ : เนื่องจากตำแหน่งสีขาวที่เกิดขึ้นในหลอดแก้วค่อนไปทางด้านสารละลายกรดไฮโดร คลอริกมากกว่าด้านสารละลายแอมโมเนีย แสดงว่า แกส๊ แอมโมเนียแพร่ได้เร็วกวา่ แก๊สไฮโดรเจน คลอไรด)์ (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ช่ัวโมงที่ 2 ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 6. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน โดยให้แต่ละคู่ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง การแพร่ของแก๊ส และ กฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หรอื จาก PowerPoint เรื่อง การแพร่ของแก๊สและกฎการแพร่ของเกรแฮม จากนั้นให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายความร้ทู ่ีไดจ้ ากการศึกษาจนมคี วามเข้าใจทต่ี รงกนั 7. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันฝึกการคำนวณเกี่ยวกับกฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม จากตัวอย่างท่ี 1.26-1.28 ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ) ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 8. ครสู ุ่มนักเรยี น 3 คู่ ออกมาแสดงวิธกี ารคำนวณตวั อยา่ งแตล่ ะข้อหน้าชั้นเรียนใหถ้ กู ต้อง โดยครคู อย เสรมิ ความรู้ในส่วนท่ีนักเรียนยงั ไมเ่ ขา้ ใจ 9. ครูตั้งคำถามให้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเร่ือง การแพร่ของแกส๊ และกฎการแพร่ผา่ นของเกรแฮม เช่น 1) การแพรแ่ ละการแพรผ่ ่านของแกส๊ แตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : การแพร่ของแก๊ส คือ กระบวนการที่แก๊สเคลื่อนที่จากความเข้มข้นสูงไปยังความ เขม้ ขน้ ตำ่ โดยโมเลกุลของแกส๊ เกิดการชนกันตลอดเวลา การแพร่ผ่านของแกส๊ คือ กระบวนการทแ่ี กส๊ ภายใต้ความดันคา่ หนึ่งเคล่อื นที่ออกจากภาชนะผ่าน รเู ลก็ ๆ ไปยงั สุญญากาศ โดยโมเลกลุ ของแกส๊ ไมเ่ กิดการชนกัน) 2) แกส๊ ออกซิเจนและแกส๊ ไฮโดรเจน แกส๊ ใดจะแพร่ผา่ นไดเ้ รว็ กว่ากัน เพราะเหตุใด (แนวตอบ : แกส๊ ไฮโดรเจนจะแพร่ผ่านไดเ้ รว็ กวา่ แกส๊ ออกซิเขน เพราะมมี วลโมเลกลุ น้อยกวา่ ) 10. ครูยกตัวอย่างโจทย์เกี่ยวกับกฎการแพร่ของเกรแฮม โดยครูเขียนโจทย์และแสดงวิธีทำให้นักเรียนดู บนกระดาน ดังน้ี แกส๊ ท่มี มี วลโมเลกลุ 36 จะแพร่ได้เร็วหรอื ชา้ กวา่ แก๊สท่ีมมี วลโมเลกลุ 144 ก่ีเท่า
วธิ ีทำ ������1 = √������2 ������2 √������1 = √144 = 2 √36 R1 = 2R2 ดงั นน้ั แกส๊ ที่มีมวลโมเลกลุ 36 จะแพรไ่ ด้เร็วกว่าแกส๊ ทมี่ มี วลโมเลกุล 144 2 เทา่ ชว่ั โมงท่ี 3 ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 11. ครถู ามคำถาม BIG QUESTION จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 อีก คร้ัง ดงั นี้ • ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ สามารถนำมาอธบิ ายการแพรข่ องแกส๊ ได้อยา่ งไร (แนวตอบ : ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ กลา่ ววา่ ที่อุณหภูมเิ ดียวกัน แกส๊ ทกุ ชนิดจะมีพลงั งานจลนเ์ ฉลย่ี เท่ากนั แต่มคี วามเร็วเฉลยี่ ไม่เทา่ กนั โดยทีแ่ กส๊ ทม่ี มี วลโมเลกุลมาก จะมคี วามเร็วเฉลีย่ ต่ำ จึงแพร่ ได้ช้า ส่วนแก๊สทีม่ ีมวลโมเลกุลน้อย จะมีความเรว็ เฉล่ยี สูง จึงแพรไ่ ด้เร็ว) • กฎการแพรผ่ า่ นของเกรแฮมมใี จความสำคัญวา่ อยา่ งไร (แนวตอบ : เมือ่ อุณหภูมิและความดันคงท่ี อตั ราการแพรข่ องแก๊สใด ๆ จะแปรผกผนั กบั รากที่สอง ของมวลโมเลกุล หรือความหนาแน่นของแก๊ส) 12. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามข้อสงสัยในเนอื้ หา เรื่อง การแพร่ของแกส๊ ว่ามสี ว่ นไหนท่ียงั ไมเ่ ข้าใจ และใหค้ วามรูเ้ พมิ่ เตมิ ในส่วนนั้น เพือ่ จะใชเ้ ป็นความรเู้ บ้ืองตน้ สำหรับการเรียนในเน้ือหา ต่อ ๆ ไป 13. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 1.5.1 เรื่อง การแพรข่ องแก๊ส 14. นกั เรียนทำแบบฝึกหดั ในหนงั สือแบบฝกึ หดั รายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 15. นักเรียนทำ Topic Question จากหนังสอื เรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 ขน้ั สรปุ ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคลและการทำงานกลมุ่ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.5.1 เรอื่ ง การแพรข่ องแกส๊ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหัด 4. ครูวัดและประเมินผลจากการนำเสนอผลการทดลอง เรื่อง การแพร่ของแก๊สแอมโมเนียและแก๊ส ไฮโดรเจนคลอไรด์
7. การวัดและประเมินผล รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง การจดั กิจกรรม การเรียนรู้ 1) การแพรข่ องแกส๊ - ตรวจใบงานที่ 1.5.1 - ใบงานที่ 1.5.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 2) การทดลอง - ประเมินการปฎบิ ัติ ปฎบิ ตั ิ ผา่ นเกณฑ์ การ เร่อื ง การแพร่ของ การ แก๊สแอมโมเนีย และแกส๊ ไฮโดรเจน คลอไรด์ 3) การนำเสนองาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ การทำงาน การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 6) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ยั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการ ทำงาน 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวิชาเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แกส๊ 2) หนังสือแบบฝึกหดั รายวชิ าเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 แกส๊ 3) ใบงานที่ 1.5.1 เรื่อง การแพร่ของแก๊ส 4) PowerPoint เร่ือง การแพร่ของแกส๊ และกฎการแพร่ของเกรแฮม 5) วสั ดุ-อปุ กรณ์ที่ใช้ในการทดลอง เรื่องการแพรข่ องแก๊สแอมโมเนยี และแกส๊ ไฮโดรเจนคลอไรด์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งเรยี น
9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ผ้เู ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางสาวณฐั ธนัญา บุญถึง) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ลงชือ่ ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ ข้อเสนอแนะของผ้อู ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ ลงช่อื .................................................... (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
ใบงานที่ 1.5.1 เรอ่ื ง การแพรข่ องแก๊ส คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมคำตอบลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง 1. จงเรียงลำดับอตั ราการแพรข่ องแก๊สตอ่ ไปน้ี He NH3 O2 Ne NO2 และ N2 จากเร็วไปชา้ 2. ถ้าแก๊ส A มีมวลโมเลกุล 64 เคลื่อนที่ในภาชนะได้ระยะทาง 20 เซนติเมตร ในเวลา 5 วินาที แก๊ส B มีมวล โมเลกลุ 16 จะเคลื่อนทใี่ นภาชนะเดียวกันไดร้ ะยะทางก่ีเซนติเมตร ในเวลา 3 วินาที 3. ทอ่ี ณุ หภูมิ 25 องศาเซลเซียส ความดัน 1 บรรยากาศ แกส๊ X มีความหนาแน่นเป็น 4 เท่าของแก๊ส Y ถ้าแก๊ส X แพรไ่ ด้ 40 เซนตเิ มตร ในเวลา 10 วนิ าที แก๊ส Y จะแพร่ไดเ้ ร็วก่ีเซนตเิ มตร/วินาที
ใบงานท่ี 1.5.1 เฉลย เร่ือง การแพร่ของแก๊ส คำชแี้ จง : ให้นกั เรยี นเตมิ คำตอบลงในช่องวา่ งให้ถกู ต้อง 1. จงเรียงลำดบั อัตราการแพรข่ องแก๊สต่อไปน้ี He NH3 O2 Ne NO2 และ N2 จากเรว็ ไปชา้ อตั ราการแพรข่ อง He > NH3 > Ne > N2 > O2 > NO2 2. ถ้าแก๊ส A มีมวลโมเลกุล 64 เคลื่อนที่ในภาชนะได้ระยะทาง 20 เซนติเมตร ในเวลา 5 วินาที แก๊ส B มีมวล โมเลกุล 16 จะเคลือ่ นทใี่ นภาชนะเดียวกันได้ระยะทางก่ีเซนตเิ มตร ในเวลา 3 วินาที =VA √MMAB VB = √sA × tB MB MA tA sB 20 × 3 = √16 5 sB 64 SB = 20 × 3 × 8 5 ×4 = 24 ดังนัน้ แก๊ส B จะเคลอ่ื นทใี่ นภาชนะเดียวกันได้ระยะทาง 24 เซนตเิ มตร 3. ทอ่ี ุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ความดนั 1 บรรยากาศ แกส๊ X มีความหนาแน่นเป็น 4 เท่าของแก๊ส Y ถ้าแก๊ส X แพรไ่ ด้ 40 เซนตเิ มตร ในเวลา 10 วนิ าที แก๊ส Y จะแพร่ได้เรว็ ก่ีเซนติเมตร/วินาที VX = √dY VY dX sX √dX dY tX = VY 40 10 = √4 VY 1 VY = 4 2 =2 ดังนัน้ แกส๊ Y จะแพรไ่ ดเ้ รว็ 2 เซนตเิ มตร/วินาที
วช-ร 06 แบบบันทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง แก๊สและสมบัติของแก๊ส แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 เร่อื ง การแพรข่ องแก๊ส รายวชิ า เคมี 3 ช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 5 รหัสวชิ า ว 32203 ครูผสู้ อน นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย เวลาท่ใี ช้ 3 ชั่วโมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้อคน้ พบระหวา่ ง ปญั หาที่พบ แนวทางแกไ้ ข ทม่ี ีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมสี ว่ นรว่ มของผู้เรียน ลงช่ือ ครผู ้จู ดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา) ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย
แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 7 เรอ่ื ง แก๊สและสมบตั ขิ องแก๊ส แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรือ่ ง เทคโนโลยีท่เี กย่ี วข้องกับ สมบตั ิของแก๊ส รายวิชา เคมี 3 รหสั วิชา ว 32203 ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 น้ำหนกั เวลาเรียน 1.5 หนว่ ยกจิ เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3 ช่วั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ สืบคน้ ขอ้ มลู นำเสนอตวั อยา่ ง และอธบิ ายการประยุกต์ใชค้ วามร้เู กี่ยวกับสมบัตแิ ละกฎต่าง ๆ ของแก๊สในการอธิบายปรากฏการณ์ หรอื แก้ปัญหาในชีวิตประจำวนั และในอตุ สาหกรรม 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ยกตัวอย่างเทคโนโลยที ่เี กีย่ วข้องกบั สมบัตขิ องแก๊สได้ (K) 2. อธิบายเกยี่ วกบั เทคโนโลยีท่เี กี่ยวข้องกับแก๊สโดยใช้สมบัติของแก๊สได้ (K) 3. ส่ือสารเกยี่ วกบั เทคโนโลยีทเี่ กีย่ วข้องกบั สมบัติของแกส๊ ได้ (P) 4. ตงั้ ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ รับผิดชอบต่อหนา้ ทที่ ่ีได้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน สมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สสามารถนำไปใช้อธิบาย พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา ปรากฏการณ์ หรือประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวันและใน อุตสาหกรรม 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และใน อุตสาหกรรมได้ 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 1) ทักษะการสงั เกต 2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทกั ษะการเชื่อมโยง 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั นำ ข้นั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกบั ทฤษฎจี ลนแ์ ละสมบตั ขิ องแกส๊ ดังนี้ • โมเลกุลของแก๊สมีขนาดเลก็ มากและไม่มีแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งกันและกนั เมือ่ บรรจุแก๊สไว้ใน ภาชนะใดกต็ ามแกส๊ จะแพร่กระจายเต็มภาชนะแกส๊ จึงมีรปู ร่างและปริมาตรไม่แนน่ อนข้ึนอยกู่ ับ ภาชนะทีบ่ รรจุ • โมเลกุลของแกส๊ อยหู่ า่ งกันมากแรงดงึ ดูดระหว่างโมเลกลุ จึงน้อยมากสารท่ีอย่ใู นสถานะแก๊สจงึ มี ความหนาแนน่ น้อย • ท่อี ณุ หภมู เิ ดียวกนั แกส๊ ทุกชนิดจะมีพลงั งานจลนเ์ ฉลีย่ เทา่ กัน แตจ่ ะมีความเรว็ เฉลีย่ ไม่เท่ากนั โดย แกส๊ ที่มีมวลโมเลกลุ น้อยจะมีความเร็วเฉลี่ยสูงแก๊สนน้ั จะแพร่ได้เรว็ สว่ นแกส๊ ที่มีมวลโมเลกลุ มาก จะมคี วามเรว็ เฉลย่ี น้อยแกส๊ นั้นจะแพร่ไดช้ ้า 2. ครกู ระต้นุ ความสนใจของนักเรยี นเก่ยี วกับเร่ือง เทคโนโลยที เ่ี กย่ี วข้องกับสมบัตขิ องแก๊ส โดยใช้ คำถามเพื่อกระตุ้นนกั เรียน ดังนี้ 1) ใหน้ ักเรยี นยกตัวอยา่ งการใช้ประโยชน์จากแก๊สในชีวิตประจำวนั (แนวตอบ : พจิ ารณาคำตอบของนักเรยี น โดยขึ้นอยู่กับดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน ยกตัวอย่างเชน่ แก๊สออกซิเจนในอากาศใชใ้ นการหายใจ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ใชใ้ ส่ในนำ้ อดั ลม เพื่อให้ นำ้ อดั ลมมีฟองซา่ แกส๊ ฮเี ลยี มใช้บรรจุลงในลกู โป่งหรอื บอลลนู เปน็ ตน้ ) 3. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 ว่า“สมบัติของแก๊สสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้าง” ให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นมาอภปิ รายร่วมกนั เพอื่ นำไปสู่ข้ันสอนต่อไป (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ขน้ั สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แล้วให้คนแรกศึกษาเรื่อง การทำน้ำแข็งแห้ง คนที่สองศึกษา เรื่อง การทำไนโตรเจนเหลว และคนทีส่ ามศกึ ษาเรื่อง การสกัดสารโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ท่ีอยู่ใน รูปของไหล จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 2. นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้าทำเป็นรูปแบบต่างๆตามความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม เช่น แผนภาพ แผนผัง เขยี นบรรยาย ชวั่ โมงที่ 2 ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 1 กลุ่ม ออกมาอธิบายเรื่องท่ีได้ศึกษาและผลงานการจัดทำข้อมูลของกลุ่มให้ เพอื่ นกลุ่มอนื่ ฟงั หน้าชั้นเรยี น โดยครคู อยเสรมิ ความรเู้ พิ่มเติมเพ่ือให้นักเรยี นเกิดความเข้าใจท่ีถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการนำเสนอหน้าช้นั ) 4. ครูตง้ั คำถามใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย เรอ่ื ง เทคโนโลยีท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั สมบัตขิ องแกส๊ เชน่
1) จงอธิบายหลกั ในการทำน้ำแขง็ แหง้ (แนวตอบ : นำแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์มาเพม่ิ ความดันและลดอุณหภูมิ จะได้คารบ์ อนไดออกไซด์ เหลว จากนั้นทำใหแ้ หง้ และบริสทุ ธิ์ และทำการเพิ่มความดันและลดอุณหภูมิอีกคร้ังหน่ึง แล้วอัด ผ่านรพู รุน จะไดน้ ้ำแขง็ แห้งออกมา) 2) จงอธบิ ายหลกั ในการทำไนโตรเจนเหลว (แนวตอบ : ดูดอากาศเข้าเครื่องอัดอากาศผ่านลงใน NaOH จากนั้นผ่านเข้าเครื่องกรองน้ำมัน และทำให้แห้งด้วย Al2O3 จากนั้นลดอุณหภูมิลงจนถึง -183◦C เพื่อแยกแก๊สออกซิเจนออก จากนน้ั ลดอุณหภูมิลงจนถึง -196◦C จะได้แก๊สไนโตรเจนเหลวออกมา) 3) เพราะเหตุใดจึงนิยมใชค้ ารบ์ อนไดออกไซดใ์ นรปู ของไหลสกัดกาเฟอนี จากเมล็ดกาแฟ (แนวตอบ : เนื่องจากการสกดั สารโดยใช้คาร์บอนไดออกไซดใ์ นรูปของไหลเปน็ วิธีที่ไม่ต้องใช้ความ รอ้ น จงึ ไมท่ ำใหร้ สหรอื กล่ินกาแฟเปลี่ยนแปลงไป) 4) นำ้ แข็งแหง้ และไนโตรเจนเหลวนิยมนำไปใชใ้ นอุตสาหกรรมใด (แนวตอบ : อุตสาหกรรมที่เก่ยี วข้องกบั การทำความเยน็ ) 5. นกั เรียนทำ Topic Question จากหนังสือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 1 6. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื แบบฝึกหัดรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 ช่วั โมงที่ 3 ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 7. ครูถามคำถาม BIG QUESTION จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 อีก คร้งั ดงั น้ี • สมบตั ิและกฎตา่ ง ๆ ของแก๊สสามารถนำมาประยุกตใ์ ชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อยา่ งไร (แนวตอบ : ขึ้นอยู่กับดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน ตัวอย่างเชน่ ใช้ผลิตน้ำแข็งแห้ง ผลิตไนโตรเจนเหลว สกัดสารโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในรปู ของไหล เปน็ ตน้ ) 8. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมา หากส่วนใดที่นักเรียนยังมีข้อสงสัยให้ครู อธิบายเพิ่มเตมิ เพื่อให้นักเรยี นเขา้ ใจ 9. นกั เรียนอ่าน summary ประจำหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แกส๊ เพอ่ื เป็นการทบทวนความเข้าใจในเนื้อหา ที่เรียนมา 10. นักเรียนทำ Self Check จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 เพ่ือ ตรวจสอบตนเอง 11. นักเรยี นทำ Unit Question 1 จากหนังสอื เรียนรายวชิ าเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 12. นกั เรียนทำแบบทดสอบท้าย หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ในหนงั สอื แบบฝกึ หัดรายวิชาเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 13. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน 14. ครูให้นักเรียนเขียนแผนผังมโนทัศน์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แก๊ส เพื่อเป็นการสรุปความเข้าใจที่ได้รับ จากการเรยี นแลว้ สง่ เป็นการบ้านในคาบเรยี นตอ่ ไป
ขั้นสรปุ ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมนิ ผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชั้นเรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหดั 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำ Self Check 4. ครตู รวจสอบผลจากการทำ Unit Question 1 5. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบทดสอบหลงั เรียน 7. การวัดและประเมินผล รายการวดั วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจดั กจิ กรรม การเรียนรู้ 1) เทคโนโลยีท่ี - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เกยี่ วข้องกับ สมบัติของแก๊ส 2) การนำเสนองาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ การทำงาน การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการ ทำงาน 7.2 การประเมินหลัง เรยี น - แบบทดสอบทา้ ย - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ หนว่ ยการเรียนรู้ ท่ี 1 แกส๊ - แบบทดสอบหลงั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพจริง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรยี น หน่วยการ หลังเรยี น หนว่ ยการ แก๊ส เรยี นรูท้ ี่ 1 แกส๊ เรียนร้ทู ี่ 1 แกส๊ 7.3 ประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน(รวบยอด)
รายการวดั วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน - แผนผงั มโนทัศน์ - ตรวจแผนผังมโนทศั น์ - แบบประเมนิ ช้ินงาน/ - ระดับคุณภาพ 2 หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ภาระงาน(รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ ที่ 1 แกส๊ แกส๊ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แก๊ส 2) หนงั สอื แบบฝึกหดั รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แกส๊ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ - 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วุฒิเศลา) ผ้เู ขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................... (นางสาวณฐั ธนญั า บุญถึง) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ลงช่อื ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรยี น ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ ลงช่อื .................................................... (นายอดิศร แดงเรอื น) ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31
วช-ร 06 แบบบันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 เรื่อง แก๊สและสมบตั ขิ องแกส๊ แผนการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรื่อง เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สมบตั ิของแกส๊ รายวิชา เคมี 3 ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 รหัสวชิ า ว 32203 ครผู ูส้ อน นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา ตำแหน่ง ครูผ้ชู ่วย เวลาท่ใี ช้ 3 ช่วั โมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อค้นพบระหว่าง ปัญหาท่พี บ แนวทางแก้ไข ท่มี ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ พฤตกิ รรม/การมีสว่ นร่วมของผู้เรียน ลงชือ่ ครผู จู้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา) ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย
แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. ขอ้ ความใดกลา่ วไม่ถกู ตอ้ ง 4. การทดลองในข้อใดมีอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าสงู ท่ีสดุ ท่อี ุณหภูมิ 1. พลงั งานกระตุ้นเปน็ ค่าเฉพาะของปฏิกริ ิยาหน่งึ ๆ เดยี วกัน 2. โมเลกลุ ทจ่ี ะมาชนกนั แลว้ เกดิ ปฏิกริ ยิ าคอื โมเลกลุ ที่ 1. ใสส่ งั กะสผี งละเอียด หนัก 1 กรมั ลงในกรด HCl 0.1 M มพี ลงั งานตำ่ ๆ 2. ใส่แผ่นสังกะสี 1 ชิ้น หนกั 1 กรมั ลงในกรด HCl 0.1 M 3. ในการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีโมเลกลุ ของสารต้งั ต้นตอ้ ง 3. ใสส่ ังกะสผี งละเอียด หนกั 1 กรมั ลงในกรด HCl 0.2 M ชนกันใหถ้ กู ทศิ ทาง 4. ใส่แผ่นสงั กะสี 1 ช้ิน หนกั 1 กรมั ลงในกรด HCl 0.05 M 4. ปฏิกริ ยิ าเคมีบางปฏกิ ิรยิ าอาจมขี น้ั ตอนการ 5. ใส่แผน่ สังกะสี 2 ชิ้น หนกั แผ่นละ 0.5 กรมั ลงในกรด HCl เกิดปฏิกริ ิยาหลายข้ันตอน 0.2 M 5. ปฏิกริ ิยาท่ีมพี ลงั งานกระตนุ้ ตำ่ จะมอี ตั ราการ เกิดปฏกิ ริ ยิ าสูงกวา่ ปฏกิ ิริยาทมี่ ีพลงั งานกระตุน้ สงู 5. การเตมิ ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าจะมผี ลต่อขอ้ ใด 1. ค่าคงท่สี มดุล 2. พลงั งานกอ่ กมั มันต์ของปฏกิ ริ ยิ า A + 2B → 2C 2. ปริมาณผลติ ภณั ฑ์ เทา่ กบั 260 kJ/mol และพลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ อง 3. พลังงานของปฏิกริ ยิ า ปฏกิ ริ ิยา2C → A + 2B เท่ากบั 200 kJ/mol ข้อใด 4. ปรมิ าณของสารตัง้ ต้น ถกู ต้องเก่ยี วกับปฏิกิรยิ าไปขา้ งหนา้ 5. พลงั งานกอ่ กมั มันตข์ องปฏิกริ ิยา 1. ปฏกิ ิรยิ าดดู พลงั งาน 60 kJ/mol 6. การกระทำในขอ้ ใดไมม่ ผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. ปฏิกิริยาคายพลังงาน 60 kJ/mol 1. การเติมสารกันบดู ในอาหาร 3. ปฏกิ ิริยาคายพลงั งาน 200 kJ/mol 2. การนำเนือ้ หมแู ชใ่ นชอ่ งแช่แข็ง 4. ปฏกิ ริ ยิ าดดู พลังงาน 260 kJ/mol 3. ใช้แคลเซยี มคาร์ไบด์ชว่ ยในการบ่มมะม่วง 5. ปฏกิ ิริยาคายพลงั งาน 260 kJ/mol 4. การเคย้ี วยาลดกรดชนดิ เมด็ ใหล้ ะเอียดก่อนกลนื 3. ปฏกิ ิริยา A (s) + B (aq) → C (aq) + D (g) เป็น 5. การเปลยี่ นขนาดภาชนะท่ีบรรจสุ ารละลายทท่ี ำปฏกิ ริ ยิ า ปฏิกริ ิยาคายความร้อน อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าจะ 7. ข้อใดเป็นเหตผุ ลทอ่ี ธบิ ายว่า \"เม่ือเพม่ิ ความเขม้ ข้นของสารตั้งตน้ เพิม่ ขน้ึ เมอื่ ใด อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเพิ่มขึ้น\" 1. เพ่มิ ขนาดของ A ลดความดัน เพิม่ อุณหภมู ิ 1. จำนวนอนภุ าคของสารตั้งตน้ เพมิ่ มากขึน้ เป็นการลดพลังงาน 2. ลดขนาดของ A เตมิ ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ิยา เพ่ิมอณุ หภมู ิ กระตุน้ 3. เพ่ิมขนาดของ A ลดความเข้มขน้ ของ B ลด 2. จำนวนอนภุ าคของสารตงั้ ตน้ เพม่ิ มากข้ึน เปน็ การเพ่มิ พื้นท่ผี ิว ของสารตัง้ ต้น อุณหภมู ิ 3. จำนวนอนภุ าคของสารต้งั ต้นเพม่ิ มากขน้ึ เปน็ การบังคับให้ 4. ลดขนาดของ A เพม่ิ ความเขม้ ขน้ ของ B ลด อนุภาคชนกนั ทุกทศิ ทาง 4. จำนวนอนภุ าคของสารตัง้ ต้นเพม่ิ มากขน้ึ เป็นการทำให้ อุณหภูมิ อนุภาคมีโอกาสชนกันมากขึ้น 5. ลดปรมิ าณของ A เพ่มิ ความเขม้ ข้นของ B ลด อุณหภูมิ 5. จำนวนอนุภาคของสารตง้ั ต้นเพม่ิ มากขนึ้ เป็นการทำให้ ขัน้ ตอนในการเกิดปฏกิ ิริยาเปล่ยี นแปลงไป
8. การเพิม่ อณุ หภูมมิ ผี ลทำใหอ้ ตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเร็ว ข้นึ เพราะเหตใุ ด ก. ทำให้อนภุ าคท่ีมพี ลงั งานสูงเพมิ่ ขน้ึ ข. ทำใหพ้ ลงั งานกอ่ กัมมันต์ของสารตัง้ ตน้ ลดลง ค. ทำให้อนุภาคของสารต้งั ต้นชนกนั บอ่ ยครั้งขน้ึ 1. ก. เทา่ นน้ั 2. ค. เท่าน้นั 3. ก. และ ข. 4. ก. และ ค. 5. ก. ข. และ ค. 9. จากปฏิกิริยา CO (g) + Cl2 (g) → COCl2 (g) ถา้ เพ่ิม ความดนั ของแกส๊ Cl2 เป็น 2 เท่า ข้อใดถูกตอ้ ง ก. ความเข้มขน้ ของ Cl2 เพ่มิ ขน้ึ เปน็ 2 เทา่ ข. อัตราการเกดิ สารผลติ ภณั ฑจ์ ะเพ่มิ ขนึ้ ค. อัตราการลดลงของ CO จะลดลง ง. ปรมิ าณสารผลติ ภณั ฑ์จะเพม่ิ ขน้ึ 1. ก. และ ข. 2. ค. และ ง. 3. ก. ข. และ ค. 4. ก. ข. และ ง. 5. ก. ข. ค. และ ง. 10.ปฏกิ ิรยิ าต่อไปน้ี NO2 (g) + CO (g) → NO (g) + CO2 (g) การเปล่ยี นแปลงในขอ้ ใดไม่ทำใหอ้ ัตราการ เกิดปฏิกริ ยิ าเพม่ิ ขึ้น 1. เพิ่มปริมาตร NO2 2. เพิม่ ความดัน CO 3. เติมตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ า 4. เพ่มิ อณุ หภมู ขิ องระบบ 5. เพ่มิ ความเขม้ ขน้ ของ CO เฉลย 1. 2 2. 1 3. 2 4. 3 5. 5 6. 5 7. 4 8. 4 9. 1 10. 1
แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบทถี่ ูกต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดยี ว 1. ขอ้ ความใดกล่าวถกู ตอ้ ง 4. การทดลองในขอ้ ใดมอี ตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าต่ำทส่ี ดุ ทอี่ ุณหภูมิ 1. คา่ พลงั งานกระตุ้นเปน็ คา่ เฉพาะของแต่ละปฏกิ ริ ิยา เดยี วกัน 2. โมเลกลุ ทีจ่ ะมาชนกันแลว้ เกิดปฏกิ ริ ยิ าคอื โมเลกุลที่ 1. ใส่แผ่นเหลก็ 1 ชน้ิ หนกั 2 กรมั ลงในกรด H2SO4 0.5 M มพี ลงั งานตำ่ ๆ 2. ใส่ผงเหลก็ ละเอยี ด หนกั 2 กรมั ลงในกรด H2SO4 0.5 M 3. ปฏิกริ ิยาเคมที ุกปฏกิ ิรยิ าจะมขี น้ั ตอนการ 3. ใสแ่ ผน่ เหลก็ 1 ช้นิ หนกั 2 กรัม ลงในกรด H2SO4 1.0 M เกดิ ปฏกิ ิริยาหลายขั้นตอน 4. ใส่ผงเหล็กละเอยี ด หนัก 2 กรมั ลงในกรด H2SO4 1.0 M 4. ในการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีโมเลกลุ ของสารตัง้ ต้นจะชน 5. ใสแ่ ผเ่ หล็ก 2 ชิ้น หนักแผน่ ละ 2 กรัม ลงในกรด H2SO4 0.5 กันในทศิ ทางใดก็ได้ M 5. ปฏกิ ริ ิยาท่มี พี ลงั งานกระตุน้ ตำ่ จะเกิดปฏิกริ ิยาได้ ยากกวา่ ปฏกิ ิรยิ าทม่ี ีพลังงานกระตุ้นสูง 5. การเตมิ ตัวหนว่ งปฏิกริ ยิ าจะมผี ลตอ่ ข้อใด 1. คา่ คงทีส่ มดลุ 2. พลังงานกอ่ กมั มันตข์ องปฏิกิริยา D → 2E + F 2. ปริมาณผลติ ภณั ฑ์ เท่ากบั 80 kJ/mol และพลงั งานก่อกมั มันตข์ อง 3. พลังงานของปฏกิ ริ ิยา ปฏกิ ริ ยิ า 2E + F → D เทา่ กับ 40 kJ/mol 4. ปรมิ าณของสารตง้ั ต้น ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ปฏกิ ิริยายอ้ นกลบั 5. พลงั งานกอ่ กัมมันต์ของปฏกิ ริ ยิ า 1. ปฏกิ ริ ิยาดดู พลังงาน 40 kJ/mol 6. การกระทำในข้อใดมผี ลทำใหอ้ ตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมลี ดลง 2. ปฏิกริ ยิ าคายพลังงาน 40 kJ/mol 1. การเติมวติ ามินอีลงในนำ้ มนั พชื 3. ปฏิกริ ิยาดดู พลงั งาน 80 kJ/mol 3. การบ่มผลไม้ในภาชนะทมี่ ฝี าปดิ 4. ปฏกิ ริ ิยาดคายพลังงาน 80 kJ/mol 2. การยอ่ ยแป้งของเอนไซมอ์ ะไมเลส 5. ปฏิกิริยาคายพลงั งาน 120 kJ/mol 4. การเค้ียวอาหารให้ละเอยี ดกอ่ นกลนื 3. ปฏิกริ ยิ า W (s) + X (aq) → Y (aq) + Z (g) เปน็ 5. การเติมตวั แพลทนิ ัมลงในปฏิกริ ิยาเคมบี างชนิด ปฏิกริ ิยาดูดความร้อน อัตราการเกิดปฏิกิรยิ าจะลดลง 7. ขอ้ ใดเป็นเหตผุ ลท่ีอธบิ ายวา่ \"เมอ่ื ลดความเขม้ ข้นของสารต้งั ต้น เมื่อใด อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาจะลดลง \" 1. ลดขนาดของ W เพ่มิ ความดนั ลดอณุ หภมู ิ 1. จำนวนอนภุ าคของสารต้ังต้นลดลง เปน็ การเพิ่มพลงั งาน 2. เพ่ิมขนาดของ W เตมิ ตวั หนว่ งปฏิกิรยิ า ลด กระตนุ้ 2. จำนวนอนุภาคของสารตั้งตน้ ลดลง เป็นการลดพ้ืนที่ผิวของ อณุ หภูมิ สารตั้งต้น 3. ลดขนาดของ W เพิม่ ความเข้มข้นของ X ลด 3. จำนวนอนภุ าคของสารตง้ั ต้นลดลง เป็นการบงั คบั ให้อนภุ าค ชนกันทกุ ทิศทาง อณุ หภมู ิ 4. จำนวนอนุภาคของสารตงั้ ต้นลดลง เปน็ การทำให้อนุภาคมี 4. เพ่ิมขนาดของ W ลดความเขม้ ขน้ ของ X เพิ่ม โอกาสชนกันน้อยลง 5. จำนวนอนุภาคของสารตง้ั ตน้ ลดลง เป็นการทำให้ปฏกิ ิรยิ า อุณหภมู ิ 5. ลดปรมิ าณของ W เพมิ่ ความเขม้ ข้นของ X เพ่ิม อุณหภมู ิ เกดิ ขึน้ เพยี งขั้นตอนเดยี ว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232