เนื้อเร่ือง คมั ภีร์ฉันทศาสตร์ \" อนึ่งท่ำนได้กล่ำวถำม อย่ำกล่ำวควำมบงั อำจอำ เภอใจว่ำตนจำ เพศไข้นีอ้ ันเคย ยำ ใช่โรคสิ่งเดียวดำย จะพลนั หำยในโรคำ ต่ำงเนือ้ กต็ ่ำงยำ จะชอบโรคอันแปรปรวน บำงทีกย็ ำชอบ แต่เครำะห์ครอบจ่ึงหันหวน หำยคลำยแล้วทบทวน จะโทษยำกผ็ ดิ ที อวดยำคร้ันให้ยำ เห็นโรคำไม่ถอยหนี กลบั กล่ำวว่ำแรงผี ท่ีแท้ทำไม่รู้ทำ เห็นลำภจะ ใคร่ได้ นิยมใจไม่เกรงกรรม รู้น้อยบงั อำจทำ โรคระยำเพรำะแรงยำ โรคนั้นคือโทโส จะภิยโยเร่งวฒั นำ แพทย์เร่งกระหนำ่ ยำ กย็ ่ิงยบั ระยำเยิน…” เม่ือคนไขก้ ล่าวถาม อยา่ พดู ขอ้ ความเพราะหลงตวั เองไม่ฟังความคิดเห็นของผอู้ ่ืน ตนจาไข้ลกั ษณะน้ีเพราะเคยให้ยา ไม่ใช่โรคจะมีชนิดเดียวที่จะทาให้หายจากโรคทนั ที ลกั ษณะประจาตวั ต่างกนั ก็ให้ยาต่างกนั จะถูกกบั โรคที่เปล่ียนไปจากลกั ษณะเดิม บางทีก็ให้ ยาถูกกบั โรค แต่มีส่ิงร้ายเกิดข้ึน โรคจึงเป็นข้ึนอีกหายทุเลาลงไปแลว้ เกิดเป็นกลบั ข้ึนมาใหม่ จะว่ายาไม่ดีก็ไม่ถูก จะโทษเป็ นเพราะผีร้ายก็ไม่ใช่ แท้จริ งแล้วเพราะไม่รู้ควรทา อยา่ งไร โรคจะหนกั ข้ึนหรือเบาลงกข็ ้ึนอยกู่ บั วธิ ีรักษาวธิ ีใหย้ า
๖ คาศัพท์ ความหมาย ความใคร่ ความอยาก คาศัพท์ ชีวโกมารภทั ร แพทยผ์ ไู้ ดร้ ับการยกยอ่ งเป็นบิดาแห่งการแพทย์ กาเม เคยเป็นแพทยห์ ลวงพระเจา้ พมิ พิสารแห่งแควน้ มคธ กมุ ารภจั ขา้ ว เขา้ ครุกรรม บาปหนกั ครูพกั การเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีจาจากบุคคล ท่ีไม่ไดร้ ับผเู้ รียนเป็นศิษย์ จกั ขุ จาเนียร สายตา ดาน ตรีโทษ ในท่ีน้ีหมายถึง เชี่ยวชาญ แขง็ อาการไขห้ นกั มาก อยใู่ นระยะท่ีเลือด ลม เสมหะบงั เกิดเป็นพษิ ข้ึนพร้อมกนั ในร่างกาย
คาศัพท์ ความหมาย คาศัพท์ ลน้ ข้ึนมา ทน้ ทบั อาการของโรคชนิดหน่ึงซ่ึงเป็นแทรกซอ้ นโรคอื่นท่ีเป็นอยู่ ก่อน ทิฏฐิมาโน มาจากศพั ท์ ทิฏฐิ+มานะ ธาตุพิการ (ทิฏฐิ = ความเห็น, มานะ = ความถือตวั ) บรรจุถ่าย ยาประจุ ธาตุท้งั ๔ ในร่างกายผนั แปรผดิ ปกติไป ทาใหเ้ กิดโรคต่างๆ เบียนบ่อน ตามกองธาตุเหล่าน้นั วติ กั โก ยาท่ีขบั พิษ ถ่ายพษิ รบกวนโดยกดั กินอยขู่ า้ งใน ความนึกคิด วติ กั กา คือ ความนึกคิดท่ีไม่ดี ในความวา่ วติ กั โก น้นั บทหน่ึงใหต้ ดั ซ่ึงวตั กั กา
๗ บทวิเคราะห์ ๗.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑.) รูปแบบ คมั ภีร์ฉนั ทศาสตร์ เป็นชื่อตาราหน่ึงที่รวบรวมความรู้หลากหลาย จากตาราอื่นๆ ในชุดแพทยส์ าสตร์สงเคราะห์เอาไว้ เน้ือหาแบ่งเป็นตอนๆ ๑๙ ตอน ผแู้ ต่งเลือกใชค้ าประพนั ธใ์ นการนาเสนอเน้ือหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดว้ ย เน้ือหาท่ีมีคุณค่า เช่น สอนจรรยาแพทย์ ขอ้ ควรปฏิบตั ิสาหรับแพทย์ ความรู้ เกี่ยวกบั โรคและการรักษาโรคของแพทยแ์ ผนไทย
คุณค่าด้านเนื้อหา ๒.) องค์ประกอบของเร่ือง ๒.๑.) สาระ ส่วนที่คดั เลือกมาให้เรียนเป็ นการกล่าวถึงความสาคญั ของแพทยแ์ ละคุณสมบตั ิที่แพทยพ์ ึงมี ซ่ึงจะช่วยให้รักษาโรคได้ผลมากกว่ารู้ เร่ืองยาเพียงอยา่ งเดียว ๒.๒.) โครงเร่ือง การลาดบั เน้ือความเร่ิมตน้ ดว้ ยบทไหวพ้ ระรัตนตรัย ไหวเ้ ทพเจา้ ของพราหมณ์ไหวห้ มอชีวกโกมารภจั และไหวค้ รูแพทยโ์ ดยทว่ั ไป เน้ือหาต่อมากล่าวถึงความสาคญั ของแพทยแ์ ละจรรยาบรรณ ซ่ึงเป็นคุณสมบตั ิท่ี แพทยพ์ ึงมี และตอนทา้ ยกล่าวถึง ทบั ๘ ประการ
คุณค่าด้านเนื้อหา ๒.๓) กลวิธีการแต่ง คมั ภีร์ฉนั ทศาสตร์เป็นหนงั สือท่ีจดั เป็นตารา มีเน้ือหาเฉพาะด้าน การนาเสนอใช้โวหารอธิบายเป็ นส่วนใหญ่ แต่เมื่อ กล่าวถึงเร่ืองที่เป็นนามธรรมผูเ้ ขียนจะเลือกใชอ้ ุปมาโวหาร ซ่ึงช่วยใหผ้ อู้ ่าน เขา้ ใจความหมายไดง้ ่ายและทาใหเ้ ห็นภาพ ดงั ตวั อยา่ ง จะกล่ำวคัมภรี ์ฉัน ทศำสตร์ บรรพ์ท่ีครูสอน เสมอดวงทินกร แลดวงจันทร์ กระจ่ ำงตำ
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.) การสรรคา ผแู้ ต่งไดเ้ ลือกใชค้ าที่สื่อความคิด ความเขา้ ใจ ดงั น้ี ๑.๑) การใช้ถ้อยคาทเี่ หมาะกบั เนื้อเร่ืองและบุคคลในเร่ือง กวเี ลือกใชค้ าที่ สามารถถ่ายทอดความรู้ใหเ้ ขา้ ใจไดอ้ ยา่ งตรงไปตรงมา ดงั ตวั อยา่ ง บำงหมอกก็ ล่ำวคำ มสุ ำซำ้ กระหนำ่ ควำม ยกตนว่ำตนงำม ประเสริฐย่ิงในกำรยำ ท่ีพวกอันแพทย์รักษำ บำงหมอกเ็ กียจกัน เขำเจบ็ น้อยว่ำมำกครัน บำงกล่ำวเปนมำรยำ แก่คนไข้น้ันหลำยพนั ด้วยเช่ือถ้อยอำตมำ บำงกล่ำวอุบำยให้ หลงั ลำภจะเกิดพลนั
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.๒) การใช้สานวนไทย มีการใชส้ านวนไทยประกอบการอธิบาย ช่วยให้ เขา้ ใจเน้ือความไดช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึน ดงั ตวั อยา่ ง เรียนรู้คมั ภีร์ไสย สุขมุ ไวอ้ ยา่ แพร่งพราย ควรกล่ำวจ่ึงขยำย อย่ำย่ืนแก้วแก่วำนร
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.) การใช้โวหาร มีการใชถ้ อ้ ยคาในการเปรียบเทียบเพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจ ความหมายและเห็นภาพไดช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน ตวั อยา่ งเช่น อุทธัจจังอย่ำอุทธัจ เห็นถนัดในโรคำ ให้ตั้งตนดงั พระยำ ไกรสรรำชเข้ำรำวี
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ๑.) สะท้อนให้เห็นความเชื่อของสังคมไทย ฉนั ทศาสตร์น่าจะมีความหมายว่า ตารา(ศาสตร์) ท่ีแต่งเป็นสูตร(ฉนั ท)์ ตามอยา่ งตาราการแพทยใ์ นคมั ภีร์อาถรรพเวท และ ดว้ ยเหตุท่ีว่าคมั ภีร์อาถรรพเวท มีเรื่องราวเกี่ยวกบั ไสยศาสตร์ดว้ ย จึงมกั เรียกวา่ “คมั ภีร์ ไสย”์ ดงั ปรากฏขอ้ ความในบทประพนั ธก์ ล่าวถึงคมั ภีร์ไสยไ์ วว้ า่ เรี ยนร้ ูให้ เจนจัด จบจังหวดั คัมภรี ์ไสย์ ตั้งต้นปฐมใน ฉันทศำสตรดงั พรรณำ
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ๒.) สะท้อนให้เห็นคุณค่าเร่ืองแพทย์แผนไทย ถา้ จะพินิจใน ส่วนท่ีพรรณนาถึงทบั ๘ ประการ เราจะปฏิเสธไม่ไดว้ ่าการแพทยแ์ ผน ไทยเป็นการรักษาอีกวธิ ีหน่ึง เป็นแพทยท์ างเลือกที่ยงั จาเป็น เราจะคิดวา่ เป็นเร่ืองลา้ สมยั ไม่ได้ ซ่ึงปัจจุบนั การคน้ ควา้ วจิ ยั ทางการแพทย์ ก็กลบั มา ให้ความสาคญั ต่อคุณสมบตั ิของพืชสมุนไพรในแต่ละทอ้ งถ่ิน โดยถือ เป็นทางเลือกหน่ึงในการบาบดั รักษาโรคใหก้ บั คนไข้
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ๓.) สะท้อนข้อคดิ เพื่อนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต ซ่ึงสามารถนาไปปรับใชไ้ ด้ กบั ทุกวิชาชีพ เพราะไม่ว่าจะเป็ นบุคคลในอาชีพใด ถา้ ไม่มีความประมาท ความอวดดี ความริษยา ความเห็นแก่ตวั ความโลภ และมีศีลธรรมประจาใจ ยอ่ มไดร้ ับการยกยอ่ งจาก บุคคลต่างๆ โดยเฉพาะอาชีพแพทย์ ตอ้ งเป็นผรู้ อบรู้จริง ต้งั แต่การวนิ ิจฉยั สมมติฐานของ โรค การใชย้ า ดว้ ยความรอบคอบไม่ประมาท โดยนาคาสอนในพระพทุ ธศาสนามาเป็น แนวทางดงั ตวั อยา่ ง ศีลแปดแลศีลห้ ำ เร่ งรั กษำสมำทำน ทรงไว้เปนนิจกำล ทั้งไตรรัตน์สรณำ อย่ำหำญหักด้วยมำรยำ เห็นลำภอย่ำโลภนัก อุบำยกล่ ำวให้ พึงกลวั ไข้น้อยว่ำไข้หนำ
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ๔.) ให้ความรู้เรื่องศัพท์ทางการแพทย์แผนโบราณ เช่น คาว่า “ธาตุพิการ” หมายถึง ธาตุท้งั ๔ ในร่างกายผนั แปรผิดปกติไป ทาใหเ้ กิด โรคต่างๆ ข้ึนตามกองธาตุเหล่าน้ัน คาว่า “กาเดา” หมายถึง อาการไข้ อยา่ งหน่ึงเกิดจากหวดั เรียกวา่ “ไขก้ าเดา” อาการของโรคจะมีเลือดออก ทางจมูกเรียกว่า เลือดกาเดา คาว่า “ปวดมวน” หมายถึง อาการปวด ป่ันป่ วนในทอ้ ง เป็นตน้
๕หน่วยการเรียนรู้ที่ โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็ นเสมยี น บทความเร่ืองโคลนติดลอ้ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน เป็นพระราชนิพนธ์ร้อยแกว้ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ปัญหาท่ีคนมี การศึกษาสูงนิยมแต่จะเป็นเสมียน ไม่ยอมกลบั ภูมิลาเนาของตนไปทาอาชีพเกษตรกรรม ท่ีมี ประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกวา่ ซ่ึงบทความน้ียงั ไม่ลา้ สมยั ไปตามกาลเวลา
๑ ความเป็ นมา บทความเรื่ อง โคลนติดล้อ เป็ นหนังสือรวบรวม บทความแสดงความคิด พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระ มงกุฏเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว โดยทรงใชพ้ ระนามแฝงว่า อศั วพาหุ ทรง พระราชนิพนธ์เป็ นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เม่ือ พ.ศ ๒๔๕๘ เพ่ือพิมพล์ งในหนังสือพิมพช์ ื่อ หนังสือพิมพ์ไทย ซ่ึง ต่อมา หนังสือพมิ พ์สยามออบเซอร์เวอร์ ไดน้ าบทความเหล่าน้ี มาลงพิมพไ์ วอ้ ีกคร้ัง
ความเป็ นมา เร่ืองโคลนติดล้อ แบ่งออกเป็ น ๑๒ บท ดงั นี้ บทท่ี ๑. การเอาอยา่ งโดยไม่ตริตรอง บทท่ี ๗. ความจนไม่จริง บทท่ี ๒. กรทาตนใหต้ ่าตอ้ ย บทที่ ๘. แต่งงานชวั่ คราว บทท่ี ๓. การบูชาหนงั สือจนเกินเหตุ บทที่ ๙. ความไม่รับผดิ ชอบของบิดา บทที่ ๔. ความนิยมเป็นเสมียน มารดา บทที่ ๕. ความเห็นผดิ บทท่ี ๑๐. การคา้ หญิงสาว บทท่ี ๖. ถือเกียรติยศไม่มีมูล บทที่ ๑๑. ความหยมุ หยมิ บทที่ ๑๒. หลกั ฐานไม่มนั่ คง
๒ ประวตั ิผู้แต่ง พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั มีพระนามเดิมว่าสมเด็จเจา้ ฟ้ามหา วชิราวุธ เป็ นพระราชโอรสองค์ท่ี ๒๙ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์ ทรงมี ผลงานพระราชนิพนธ์ท้ังร้อยแก้ว ร้อยกรองกว่า ๒๐๐ เรื่องเช่น เร่ือง ศกนุ ตลา รามเกียรต์ิ บทละครเรื่องเวนิสวานิส เป็นตน้
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ โคลนติดลอ้ ตอน ความนิยมเป็นเสมียร เป็นบทความร้อยแก้ว แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ค่านิยมของคนไทยท่ีนิยมอาชีพเสมียน
๔ เรื่องย่อ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงแสดงทรรศนะ เก่ียวกบั ปัญหาสังคมและปัญหาบา้ นเมืองในขณะน้ัน โดยเฉพาะคน ห นุ่ ม ส า วที่ มี ค วาม รู ้ สู งแ ต่ ก ลับ ไม่ นิ ย ม ท างานใ นภาค เกษ ต ร กร ร ม พระองคท์ รงวิเคราะห์สาเหตุแห่งปัญหาเพื่อให้คนในชาติร่วมมือร่วม ใจกนั ปรับปรุงแกไ้ ข
๕ เนื้อเรื่อง โคลนตดิ ล้อ : ความนิยมเป็ นเสมียน เดก็ ทุกๆ คนซึ่งเล่ำเรียนสำเร็จออกมำจำกโรงเรียน ล้วนแต่มี ควำมหวังฝังอยู่ว่ำจะได้มำเป็ นเสมียน หรือเป็ นเลขำนุกำร และจะได้ เลื่อนยศเล่ือนตำแหน่งขึน้ เร็วๆ เป็นลำดับไป เดก็ ที่ออกมำจำกโรงเรียน เหล่ำนี้ ย่อมเห็นว่ำกิจกำรอย่ำงอื่นไม่สมเกียรตินอกจำกกำรเป็นเสมยี ร ข้ำพเจ้ำเองได้เคยพบเห็นพวกหนุ่มๆ ชนิดนี้ หลำยคนเป็ นคนฉลำดและ ว่องไวและถ้ำหำกเขำท้ังหลำยนั้นไม่มคี วำมกระหำยจะทำอย่ำงที่พวกเขำเรียกกันว่ำ “งำนออฟฟิ ศ” มำกีดขวำงอย่แู ล้ว เขำกอ็ ำจจะทำประโยชน์ได้มำก กำรที่จะบอกให้ เขำเหล่ำนีก้ ระทำตัวของเขำให้เป็นประโยชน์ โดยกลับไปบ้ำนและช่วยบิดำมำรดำ เขำทำกำรเพรำะปลกู นั้นเป็นกำรป่ วยกล่ำวเสียเวลำ...
เนื้อเร่ือง นึกไปกน็ ่ำประหลำดที่สุดที่คนจำพวกนีส้ ู้อดทนต่อควำมลำบำกเพ่ือ แสวงหำและรักษำตำแหน่งเสมียนของเขำ ในเงินเดือน ๑๕ บำทนี้ พ่อเสมียนยัง อุตส่ ำห์ จำหน่ำยจ่ำยทรัพย์ได้ต่ำงๆ เช่ น นุ่งผ้ำม่วงสี ใส่ เสื้อขำว สวมหมวก สักหลำด และในเวลำที่กลับจำกออฟฟิ ศแล้วกต็ ้องสวมกำงเกงแพรจีนด้วย และ จะต้องไปดูหนังอีกอำทิตย์ละ ๒ คร้ังเป็ นอย่ำงน้อย ต้องไปกินข้ำวตำมกุ๊กช็อป แล้วยงั มิหนำซำ้ จะต้องเสียค่ำเช่ำห้องอีกด้วย... เม่ือไรหนอ พวกหน่มุ ๆ ของเรำจึงจะเข้ำใจได้บ้ำงว่ำ กำรเป็นชำวนำ ชำวสวน หรือคนทำงำนกำรอื่นๆ นั้น กม็ ีเกียรติยศเท่ำกับท่ีจะเป็ นผู้ทำนด้วยปำกกำเหมือนกัน? เม่ือไรจะบังเกิดควำมรู้สึกเกียรติยศแห่งกำรงำนอ่ืนๆ นอกจำกงำนที่ทำด้วยปำกกำและ พิมพ์ดีด?
เนื้อเร่ือง ... คนเรำท่ีปล่อยให้ชีวิตล่วงไปโดยทำกำรเป็นเสมียนเสียนำนแล้ว จะไป ทำงำนกำรอะไรอ่ืนกไ็ ม่สำมำรถจะทำได้ ถ้ำเขำเป็นคนท่ีทำประโยชน์ได้อยู่ เขำกค็ ง จะได้เล่ือนขึน้ ไปตำแหน่งอ่ืนไม่ต้องถูกคัดออก กเ็ ช่นน้ันเขำจะไปทำอะไรเล่ำ? เขำ จะเป็ นชำวนำไม่ได้ด้วยเหตุหลำยประกำร ประกำร ๑ ก็เพรำะควำมหย่ิงอันหำมูล มิได้ของเขำนั้นเอง เขำเห็นว่ำไม่สมเกียรติยศท่ีจะไปหำกำรงำนทำกับชำวนำ ซึ่งเขำ เห็นว่ำเป็นคนชั้นตำ่ และสำมญั .... ดงั น้นั จะไม่เป็ นการสมควรแลว้ หรือ ท่ีเราจะสอนให้พวกหนุ่มๆ ของเรา ปรารถนาหาการงานอื่นๆ อนั พึงหวงั ประโยชน์ไดด้ ีกว่าการเป็นเสมียน ถา้ เราจะสอน เขาท้งั หลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผูเ้ พาะความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อคา้ และช่างต่างๆ จะไม่ดีกว่าหรือ? ท่านเช่ือหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทาประโยชนใ์ หแ้ ก่บา้ นเมืองโดยทางเป็นเสมียนมากกวา่ ทางอ่ืนๆ ?....
เนื้อเรื่อง ท่ำนทั้งหลำยจะช่วยได้เป็นอันมำกด้วยควำมเห็นของท่ำน เพรำะว่ำ ถึงแม้พวกหนุ่มๆ นั้นจะมีควำมคิดเห็นว่ำตัวสำคัญปำนใดก็คงจะต้องฟัง ควำมเห็นของผู้อ่ืน ถ้ำควำมเห็นของสำธำรณชนเห็นว่ำชำวนำ ชำวสวน พ่อค้ำ และช่ำงต่ำงๆ มีเกียรติยศเสมอเสมียน และไม่ยกเสมียนขึน้ ลอยไว้ในที่อันสูง เกินกว่ำควร กจ็ ะเป็นประโยชน์ช่วยเหลือได้มำก เพรำะฉะนั้นท่ำนจะไม่ช่วยกันในทำงนีบ้ ้ำงหรือ?
๖ คาศัพท์ ความหมาย ภตั ตาคาร มาจากคาวา่ cook shop คาศัพท์ เรียกคนท่ีเป็นชาวไร่ชาวนาอยนู่ อกกรุง ก๊กุ ชอ็ ป ผา้ นุ่งแบบโจงกระเบนของขา้ ราชการสมยั ก่อน บา้ นนอกขอกนา พดู อยา่ งสุภาพ ผา้ ม่วง เดิน พดู อยา่ งละม่อม คนทวั่ ไป ยาตรา หมวกท่ีตดั เยบ็ ดว้ ยผา้ สกั หลาด สาธารณชน สานกั งาน หมวกสกั หลาด ออฟฟิ ศ
๗ บทวเิ คราะห์ ๗.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑.) รูปแบบ เป็นงานเขียนประเภทร้อยแกว้ ท่ีใหท้ ้งั ความรู้และ ความคิด มีเน้ือหาสร้างสรรคท์ รงคุณค่า ซ่ึงเป็นการใชร้ ูปแบบงานเขียนได้ อยา่ งเหมาะสมกบั เน้ือหา ๒.) สาระ เป็นการแสดงแนวความคิดเรื่องค่านิยมเกี่ยวกบั อาชีพท่ี คนทวั่ ไปมกั นิยมยกยอ่ งขา้ ราชการและผทู้ ่ีทางานในสานกั งาน จนมองขา้ ม ความสาคญั ของอาชีพอ่ืน เสมือนโคลนที่ติดลอ้ รถ
คุณค่าด้านเนื้อหา ๒.๒) โครงเรื่อง มีการลาดบั เร่ืองตามลกั ษณะของการเขียน บทความ ซ่ึงมีองคป์ ระกอบ ๓ ส่วน ดงั น้ี ส่วนหน้ำ มีการใชข้ อ้ ความท่ีต่อเน่ืองจากบทท่ี ๓ เร่ืองการบูชา หนงั สือจนเกินเหตุ เนือ้ เร่ือง มีการแบ่งออกเป็นยอ่ หนา้ ท้งั หมด ๗ ยอ่ หนา้ แต่ละเรื่อง โยงกนั เป็นลาดบั ต้งั แต่การต้งั ความหวงั ในอนาคตเม่ือเรียนจบโดยลืมดูพ้นื ความหลงั ทางวฒั นธรรมวา่ สงั คมไทยเป็นสงั คมเกษตรกรรม ส่วนท้ำย ผปู้ ระพนั ธ์ไดก้ ล่าวถึงหนทางการแกป้ ัญหาและใชก้ ลวธิ ี การปิ ดเรื่องโดยใชค้ าถามในบรรทดั สุดทา้ ยวา่ “เพรำะฉะนั้นท่ำนจะไม่ ช่วยกันบ้ำงหรือ?”
คุณค่าด้านเนื้อหา ๒.๓) กลวธิ ีการแต่ง ผปู้ ระพนั ธ์มีกลวิธีการเขียนที่ชวนอ่าน น่าติดตาม มีการลาดบั เน้ือหาเป็ นข้นั ตอน อ่านเขา้ ใจง่าย โดยแบ่งยอ่ หนา้ ยาวส้ันสลบั กนั ไป รวม ๑๑ ยอ่ หนา้ แต่ละยอ่ หนา้ มีประเดน็ สาคญั มีเน้ือหาสาระน่าสนใจ ในส่วนของเน้ือหาที่นาเสนอแต่ละยอ่ หนา้ ผูป้ ระพนั ธ์ไดอ้ ธิบาย เน้ือความสาคญั แสดงเหตุผล ใชต้ วั อยา่ งประกอบไดอ้ ยา่ งชดั เจน บางคร้ังมี การกระตุน้ ใหผ้ อู้ ่านคิดโดยใชค้ าถามที่ไม่ตอ้ งการคาตอบ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.) การสรรคา เรื่องโคลนติดลอ้ ใชส้ านวนภาษาที่เรียบง่ายแต่แฝง ไปดว้ ยศิลปะการใชภ้ าษา ทาใหบ้ ทความน่าอ่านและน่าติดตาม ดงั ต่อไปน้ี ๑.๑) การใช้ถ้อยคาเรียบง่าย สื่อความตรงไปตรงมา มีการใชค้ าทบั ศพั ท์ ภาษาองั กฤษบา้ ง ดงั ตวั อยา่ ง ...ข้ำพเจ้ำเองได้เคยพบเห็นพวกหน่มุ ๆ ชนิดนี้ หลำยคนเป็นคน ฉลำดว่องไว และถ้ำหำกเขำท้ังหลำยนั้นไม่มคี วำมกระหำยจะทำงำนอย่ำงที่ พวกเขำเรียกกนั ว่ำ “งานออฟฟิ ศ” มำกีดขวำงอย่แู ล้ว เขำกอ็ ำจจะทำประโยชน์ ได้มำก...”
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.๒) การซ้าคา เพื่อเนน้ ย้าและแสดงความหนกั แน่นของความ ทาให้ ผอู้ ่านเกิดอารมณ์คลอ้ ยตาม เช่น “...ไม่มใี ครเห็น ไม่มใี ครรู้จัก ไม่มใี ครรัก ไม่มใี ครอำลยั เป็นกำรลงเอยอย่ำง มืด แห่งชีวิตท่ีมืดไม่มสี ำระ!..”
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.) การใช้โวหาร ทาให้ผูอ้ ่านเห็นภาพ เขา้ ใจชดั เจนยง่ิ ข้ึน เช่น ช่ือ เร่ือง บทความ “โคลนติดล้อ” เป็ นการใชภ้ าพพจน์ประเภทอุปลกั ษณ์โลคน หมายถึง ปัญหาและอุปสรรค์ท่ีกีดขวางความเจริญของประเทศชาติ เหมือน โคลนที่ติดลอ้ รถทาใหร้ ถเคลื่อนไปไดไ้ ม่สะดวก นอกจากน้ียงั มีการใช้ภาพพจน์ประเภทอุปมา เป็ นการใช้ความ เปรียบใหผ้ อู้ ่านเกิดความรู้สึกคลอ้ ยตาม ดงั ตวั อยา่ ง “ถ้ำจะเปรียบพืชที่เขำได้ทำให้งอก ต้องนับว่ำน้อยกว่ำผลท่ีเขำได้กินเข้ำไป...”
คุณค่าด้านสังคม ๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ๑.) สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับสังคมไทย สะท้อนให้เห็นถึงสภาพ สังคมและค่านิยมในสมยั รัชกาลท่ี ๖ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ช่น ค่านิยมของสังคมท่ียก ยอ่ งการเป็นขา้ ราชการ ดงั ตวั อยา่ ง “...เขำตอบว่ำเขำเป็นผ้ทู ่ีได้รับกำรศึกษำมำจำกโรงเรียนแล้ว ไม่ควร จะเสียเวลำไปทำงำนชนิดซึ่งคนที่ไม่รู้หนังสือกท็ ำได้ และเพรำะเขำไม่อยำกจะ ลืมวิชำที่เขำได้เรียนรู้มำจำกโรงเรียนน้ันด้วย เพรำะเหตุนีเ้ ขำสู้สมัครอดอยำก อย่ใู นกรุงเทพฯ...”
คุณค่าด้านสังคม ค่านิยมผิดๆ ของผูท้ ี่นิยมเป็ นเสมียนซ่ึงส่งผลให้ตอ้ ง อดทนต่อความลาบาก คือ มกั มีสภาพความเป็นอยเู่ กินฐานะ โดยเฉพาะการใช้ จ่ายอยา่ งสุรุ่ยสุร่าย ดงั ตวั อยา่ งเช่น “... ในเงินเดือน ๑๕ บำทนี้ พ่อเสมยี นยงั อุตส่ำห์จำหน่ำยจ่ำยทรัพย์ ได้ต่ำงๆ เช่น นุ่งผ้ำม่วงสี ใส่เสื้อขำว สวมหมวกสักหลำด และในเวลำท่ีกลับ จำกออฟฟิ ศแล้วกต็ ้องสวมกำงเกงแพรจีนด้วย และจะต้องไปดูหนังอีกอำทิตย์ ละ ๒ ครั้งเป็นอย่ำงน้อย...”
คุณค่าด้านสังคม ๒.) สะท้อนข้อคิดเพ่ือนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต บทความเร่ือง โคลนติดลอ้ ให้คติขอ้ คิดแก่คนในสังคมไทยอยา่ งดี ว่าไม่ควรลืมรากฐานของ ตน ไม่ดูถูกอาชีพเกษตรกรรม ไม่ควรใชจ้ ่ายเกินรายไดแ้ ละฐานะทางเศรษฐกิจ ของตน ท่ีสาคญั ก็คือควรรู้จกั ใช้ความรู้ความสามารถของตนสร้างประโยชน์ ใหแ้ ก่สงั คมไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183