Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่ 1

แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by arms0827784830, 2021-07-05 06:30:38

Description: แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่ 1

Search

Read the Text Version

เ อกสารอ้างองิ พัฒน์ มหาโชคเลิศวัฒนา และ สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ (บรรณาธิการ), รู้ทันปัญหาวัยรุ่น ยุคใหม.่ กรุงเทพฯ: ชมรมสขุ ภาพวยั รุ่น, ๒๕๔๙. 94 คู่มอื การจัด กระบวนการเรยี นร้ ู เพศศกึ ษา สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

เรอ่ื งน่ารู้เก่ียวกบั การทำความสะอาดอวยั วะเพศหญงิ 95 เรียบเรียงจากบทความของนายแพทย์พนั ธศ์ ักด์ิ ศุกระฤกษ์ นติ ยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ ปที ่ี ๑๓ ฉบบั ที่ ๖๐๙ ภายในชอ่ งคลอดของผหู้ ญงิ นนั้ จะมแี บคทเี รยี ทเ่ี ปน็ มติ รตอ่ มนษุ ยอ์ าศยั อยู่ มชี อ่ื วา่ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั ‘แลคโตแบซิลลสั ’ แบคทีเรยี ชนดิ น้ี จะทำหน้าทเี่ หมือนทหารยาม คอยปกป้องไมใ่ ห้เช้อื โรค จากภายนอกรุกรานเข้าไปทำอันตราย โดยการปรับสภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดให้เป็น กรดอ่อนๆ โดยมีค่าความเป็นกรดด่างอยู่ท่ีประมาณ ๓.๕ ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อ การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื รา หรอื เชอื้ แบคทเี รยี ทเ่ี ปน็ อนั ตรายอนื่ ๆ การรบั ประทานยาปฏชิ วี นะ ท่ีออกฤทธ์ิครอบคลุมอย่างกว้างเป็นเวลานานๆ จะไปทำลายแบคทีเรียแลคโตแบซิสลัสท่ี เป็นมิตรให้หมดไป จนเช้ือโรคประเภทเชื้อราฉวยโอกาส เข้ามาทำให้เกิดการอักเสบได้ เช่นเดียวกับการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำหรือน้ำยาฆ่าเช้ือ นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยงั จะไปทำลายแบคทเี รียที่เป็นมิตรซึ่งทำหนา้ ทป่ี ้องกันโรคท่ีอาศัยอยู่ภายในชอ่ งคลอดด้วย ปกตชิ อ่ งคลอดของผหู้ ญงิ นนั้ รจู้ กั ทำความสะอาดภายในตวั เองอยแู่ ลว้ โดยขบั ออก มาเป็นตกขาว ซ่ึงบางคร้ังอาจจะมาก บางเวลาก็อาจจะน้อย การชะล้างเพียงภายนอกให้ ตกขาวทอี่ อกมาเปรอะเปอื้ นใหห้ มดไป กเ็ พยี งพอแลว้ ทจ่ี ะรกั ษาสขุ อนามยั ของอวยั วะเพศสตรี • ขนอ่อนๆ ภายนอกนั้น ธรรมชาติมีไว้นอกจากเพ่ือความสวยงามแล้ว ยังช่วยป้องกัน ไม่ให้กลิ่นต่างๆ ท่ีอับชื้นระเหยออกมา จึงไม่ควรที่จะถอนท้ิงหรือดึงเล่นแต่อย่างใด รวมทั้งไมค่ วรจะโกน หรอื ยอ้ มสดี ้วย หากต้องการตกแตง่ ก็เพยี งแคเ่ ล็มๆ ตัดแต่งให้ สวยงามเทา่ นัน้

• บริเวณซอกหลืบและรอยพับของกลีบเน้ือ ถ้ามีคราบไคลมาหมักหมม ก็ให้ชะล้างออก ด้วยน้ำอุ่นๆ ถ้าไม่สะอาดหรือหลุดลอกออกยาก การใช้น้ำยาอนามัยหรือโฟมอนามัย เฉพาะที่ ทมี่ คี วามเป็นกรดดา่ ง ใกล้เคยี งกบั ผวิ หนังบรเิ วณดงั กลา่ ว คอื ประมาณ ๕.๕ ก็จะช่วยให้มีความรู้สึกว่าสะอาดดีขึ้นได้ การใช้สำลีที่ปลายไม้ชุบน้ำอุ่นๆ ช่วยเช็ดก็ จะทำให้ชะลา้ งได้สะอาดขนึ้ • ไม่ควรและไม่ต้องสวนล้างช่องคลอด ไม่ว่าจะด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเช้ืออย่าง เด็ดขาด เพราะจะไปทำให้สภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดเปลี่ยนไป จนอาจเกิดการ ตดิ เชอ้ื ไดง้ ่ายข้ึน แทนทจี่ ะสะอาด • ช่วงเวลาที่มีประจำเดือน ควรเปล่ียนผ้าอนามัยบ่อยๆ อย่ารอจนผ้าอนามัยชุ่มเลือด แล้วจึงเปลี่ยน เพราะเลือดท่ีชุ่มอยู่น้ัน อาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดเกิด การระคายเคอื ง และเปน็ ผน่ื แพไ้ ดง้ า่ ย ควรทำความสะอาดอวยั วะเพศอยา่ งนอ้ ย ๒ ครงั้ ในตอนเช้าและเย็น เพ่ือความสะอาด และการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดเพื่อความสะดวก บางประการนนั้ ควรเลอื กใชช้ นดิ ทสี่ ะอาดปลอดภยั ไดม้ าตรฐาน รวมทง้ั ไมเ่ กบ็ ผา้ อนามยั ไวใ้ นทอี่ บั ชน้ื เชน่ ตามซอกตู้ ใตอ้ า่ งนำ้ หรอื ตามหลบื ลนิ้ ชกั เพราะจะทำใหเ้ ปน็ เชอ้ื รา ไดง้ า่ ย • หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดอวัยวะเพศจนรู้สึกสะอาดแล้ว ควรซับด้วยผ้าเช็ดตัวที่ เป็นผ้าฝ้าย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ที่แห้ง ไม่ควรเช็ดถูอย่างรุนแรง แค่ซับๆ ก็พอแล้ว และ ควรจะตากผ้าเช็ดตัวให้แห้งในแสงแดดทุกวัน ไม่ควรเก็บตากไว้ในห้องน้ำ เพราะจะ อับชนื้ และเปน็ เชื้อราไดง้ า่ ย กางเกงในหรือชุดชั้นในของสตรีที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นเช่น ประเทศไทย ควรจะเป็นผ้าฝ้ายที่มีเนื้อผ้าบางเบา อากาศถ่ายเทสะดวก เป็นการลดความ อับชื้นของอวัยวะเพศ และควรจะซักแล้วตากให้โดนแสงแดดก่อนนำมาใช้ เพราะจะช่วย 96 ฆ่าเช้ือราได้ ถ้าไม่สะดวก อย่างน้อยก็จะต้องใช้ความร้อนรีดทับให้แห้งสนิทก่อนนำไป คมู่ อื การจดั เกบ็ ไว้ใช้งาน และไมค่ วรใชก้ างเกงในรว่ มกับคนอ่ืน กระบวนการเรียนร้ ู เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑

เรื่องนา่ รู้เก่ียวกับการทำความสะอาดอวยั วะเพศชาย 97 (ข้อมลู จาก www.teenpath.net) แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั • เวลาอาบน้ำ ให้ฟอกสบู่บริเวณอวัยวะเพศเหมือนกับส่วนอ่ืนๆ ของร่างกายเป็นประจำ ทกุ วัน • ข้ีเปียก เป็นส่วนผสมของเซลล์ที่ตายแล้วและมูกเมือกซึ่งมักจะติดอยู่บริเวณคอคอดใต้ ผิวหนังองคชาตและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น จึงควรทำความสะอาด ดว้ ยการดงึ หนงั หมุ้ องคชาตใหร้ น่ ขนึ้ มาจนถงึ คอคอดและใชส้ บถู่ ใู หค้ ราบขเ้ี ปยี กหลดุ ออก และล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือจะทำความสะอาดไปพร้อมกบั การอาบนำ้ ทกุ ครั้งกไ็ ด ้ • การรูดหนังหุ้มปลายองคชาตขึ้นลงบ่อยๆ เพ่ือทำความสะอาดส่วนคอคอดน้ี จะช่วย ให้คนท่ีมีหนังหุ้มปลายเล็ก สามารถลดปัญหาการเจ็บเวลาท่ีอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ (จนอาจทำให้หนังหุ้มปลายฉีกขาด) ได้ การรูดดังกล่าวอาจช่วยได้บ้าง แต่ถ้าช่วยไม่ ไดจ้ รงิ ๆ ควรไปพบแพทย ์ • การขลิบอวัยวะเพศ คือการตัดส่วนของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออกท้ังหมด ซ่ึงจะ ชว่ ยแกป้ ญั หาการเจบ็ ใหก้ บั คนทม่ี หี นงั หมุ้ ปลายอวยั วะเพศไมเ่ ปดิ เมอ่ื อวยั วะเพศแขง็ ตวั และยังชว่ ยในเรือ่ งการทำความสะอาดอวยั วะเพศไดเ้ ปน็ อย่างดอี กี ด้วย ฉะนั้นถ้าหากมี ปัญหาเกี่ยวกับหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่เปิดหรือค่อนข้างตึงมากๆ หรือสนใจขลิบ อวยั วะเพศควรปรกึ ษาแพทย์และให้แพทย์เป็นผู้ทำใหม้ ากกวา่ • เกือบครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มท่ัวโลก จะได้รับการขลิบอวัยวะเพศมาแล้วตามหลักความ เชื่อทางศาสนา เช่น เด็กชายชาวยิวและมุสลิมจะได้รับการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ ต้ังแต่ยังเด็กๆ วิธีการนี้ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างในเร่ืองความสามารถของผู้ชาย ในการใหห้ รอื รบั ความสขุ ทางเพศเลย

ภาพวาดโครงร่างชาย 98 คู่มอื การจัด กระบวนการเรยี นรู้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

ภาพวาดโครง ่รางหญิง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั 99

“เอกสารหลักสูตรและหนงั สือเรยี น เปน็ เพยี ง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ของการขบั เคลือ่ นการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ขั้นตอนท่ีสำคญั อยา่ งยง่ิ คอื การนำหลักสตู รไปใช้ ในระดบั ชนั้ เรยี น ผ่านการจัดทำหนว่ ยการเรียนรทู้ ม่ี ีการออกแบบ ใหเ้ หมาะสมกับสภาพพน้ื ฐานของนกั เรยี นและชุมชนทีน่ ักเรียนอยู่ จงึ จะสามารถตอ่ ยอด หรือยกระดับนักเรียนให้ ไปถึงมาตรฐาน การเรยี นรู้ท่กี ำหนดไว้ ได้ เมื่อสภาพการณเ์ ปลี่ยนไป นกั เรียนเปลย่ี นไป การจดั การเรียนร้กู ย็ ่อมเปลย่ี นแปลงตามไปด้วย การจดั การเรียนรูจ้ ึงไมอ่ าจเป็นสตู รสำเร็จตายตวั ความสำเรจ็ ของการใช้หลักสูตรอยทู่ คี่ รูเปล่ยี นแปลงการเรียนการสอน และนักเรยี นเกิดคณุ ภาพไดจ้ ริง และนน่ั เปน็ การเปลยี่ นแปลงทีส่ ำคัญ ของหลักสตู รใหมท่ ี่ต้องใชท้ ั่วประเทศในปี ๒๕๕๓ ...” ดร.เบญจลักษณ์ นำ้ ฟ้า ผู้อำนวยการสำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

แผนการเรียนรู้ที่ ๓ ประกาศ รบั เพือ่ นใหม ่

แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๓ ประกาศรับเพอ่ื นใหม่ สาระสำคญั “เพอ่ื น” มบี ทบาทสำคัญตลอดชวี ิตของคนเราโดยเฉพาะในช่วงวยั รนุ่ การพัฒนา ความสัมพันธ์ให้เกิดมิตรภาพและรักษาความเป็นเพ่ือนให้คงอยู่และแน่นแฟ้นขึ้น น้ันเป็นทักษะท่ีต้องเรียนรู้ท้ังการเป็นผู้ให้และผู้รับ การปรับตัวเข้าหากันโดยเป็น ความสัมพันธ์ที่พร้อมแบ่งปัน ไม่เอาเปรียบกัน รวมทั้งการเคารพตัวตนของกัน และกนั จดุ ประสงค ์ ๑. อธบิ ายคุณลกั ษณะสำคัญของบคุ คลท่คี นสว่ นใหญ่อยากเปน็ เพอื่ นด้วย ๒. บอกวิธกี ารในการสรา้ งและรกั ษาสมั พนั ธภาพ อย่างน้อย ๓ วิธ ี อปุ กรณ์ และสอื่ ๑. แผน่ ตวั อยา่ ง “ประกาศรับเพ่ือนใหม”่ ๒. ใบประเมิน “เพื่อนใหม”่ 102 ๓. กระดาษฟลปิ ชารท์ ตัดคร่ึง กระคบู่มวนอื กกาารรเจ รัดยี นรู ้ ๔. กระดาษกาว ปากกาเคม ี สำหรเพับศนศกั ึกเรษยี าน ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ขัน้ ตอนการดำเนินกิจกรรม 103 ๑. ผดู้ ำเนินกจิ กรรมนำเข้าสู่บทเรยี น โดยถามผูเ้ รียนดงั น้ี (๒ นาท)ี แผนการเรียนรู้ท่ี ๓ ประกาศรบั เพื่อนใหม ่ • แต่ละคนมเี พอ่ื นสนทิ หรือไม่ • ส่งิ ท่ีเราชอบในตวั เพือ่ นสนทิ ของเราคอื อะไร • คดิ วา่ เพอ่ื นสนทิ ของเราชอบอะไรในตวั เรา ๒. ผู้ดำเนินกิจกรรมติดแผ่นตัวอย่าง “ประกาศรับเพ่ือนใหม่” ไว้บนกระดาน และอธิบายว่า กิจกรรมท่ีจะเรียนรู้ในวันน้ี เป็นการช่วยกันค้นหา “คุณลักษณะสำคัญของเพ่ือนที่เราอยากได้” จากนั้น เม่ือได้คุณลักษณะของเพ่ือนท่ีต้องการแล้ว ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันจัดทำโปสเตอร์ เพ่ือ ประกาศหาเพ่อื นท่จี ะมาเปน็ “เพื่อนใหม่” (๒ นาท)ี ๓. แบ่งกล่มุ ผ้เู รยี นออกเป็นกลุม่ ยอ่ ย กล่มุ ละไมเ่ กนิ ๗ คน โดยให้มกี ลมุ่ หญงิ ล้วน ๑ กลมุ่ และ กลุม่ ชายลว้ น ๑ กลมุ่ กลุ่มท่ีเหลอื ใหค้ ละเพศ จากน้ันแจกกระดาษฟลปิ ชารท์ ตัดคร่ึงให้กลมุ่ ละ ๑ แผ่น พร้อมปากกา ให้เวลาแต่ละกลุ่มระดมความเห็นและเขียนประกาศรับสมัครเพ่ือนใหม่ (๑๐ นาที) ๔. เมื่อหมดเวลา ให้ทุกกลุ่มนำใบประกาศของกลุ่มไปติดไว้ที่หน้าห้อง และให้ตัวแทนแต่ละกลุ่ม อ่านขอ้ ความบนโปสเตอรใ์ หก้ ลุ่มใหญ่ฟัง ๕. ระหว่างท่ีแต่ละกลุ่มนำเสนอ ให้ผู้ดำเนินกิจกรรมจดบันทึกคุณลักษณะที่ตรงกันของทุกกลุ่ม และสังเกตความแตกต่าง ความเหมือน ระหว่างกลุ่มหญิงล้วน ชายล้วน และกลุ่มคละเพศ เพ่ือนำมาแลกเปลีย่ นกบั ผเู้ รยี น ๖. ผู้ดำเนินกิจกรรมใช้คำถามชวนคิด เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นหลังจากทุกกลุ่มนำเสนอ (๑๐ นาท)ี

คำถามชวนคดิ • มีคุณลักษณะข้อใดบา้ งทที่ ุกกลมุ่ ต้องการเหมือนกนั หรือคลา้ ยกัน (เขียนแยกไวบ้ นกระดาน) • คณุ ลกั ษณะท่ีคนสว่ นใหญ่ต้องการจากเพ่ือน คดิ ว่าหาไดย้ าก หรืองา่ ยในคนๆ หนงึ่ เพราะอะไร • คุณลักษณะที่ทุกกลุ่มต้องการให้เพ่ือนคนใหม่มีนั้น เป็นคุณลักษณะที่ สามารถสร้างข้นึ ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร • คิดว่าตัวเราเองสามารถทำตัวให้เป็นคนที่มีคุณลักษณะตามที่ประกาศไว้ได้ ง่ายหรอื ยาก เพราะเหตุใด ๗. หลังจากนัน้ ผูด้ ำเนินกิจกรรมแจกใบประเมิน “เพ่อื นใหม”่ ให้ผู้เรยี นทกุ คน พรอ้ มท้ังอธิบายวา่ ให้ทกุ คนตอบคำถามในแบบประเมนิ (๓ นาที) ๘. เม่ือตอบเสร็จ ให้ทุกคนส่งแบบประเมินคืน จากนั้น ผู้ดำเนินกิจกรรมสรุปประเด็นสำคัญของ การเรยี นรู้ ดังนี้ • เพื่อนมีบทบาทสำคญั ตอ่ ชวี ติ เรามากโดยเฉพาะในชว่ งวยั รนุ่ เนอื่ งจากเปน็ ธรรมชาตขิ องวยั รนุ่ ทกุ คนทต่ี อ้ งการการยอมรบั จากเพอ่ื นในกลมุ่ • คณุ ลกั ษณะพน้ื ฐานของการเปน็ เพอ่ื นทท่ี กุ คนอยากได้ เปน็ ทกั ษะทเ่ี ราสามารถพฒั นาใหเ้ กดิ ขน้ึ ไดด้ ว้ ยตวั เอง • การสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพอื่ น ตอ้ งตงั้ อยบู่ นพน้ื ฐานของการรจู้ กั “ให”้ และ “รบั ” จงึ จะ ทำให้สัมพันธภาพน้ันเป็นไปด้วยดี เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจความต้องการของตนเอง ความคาดหวังท่ีเรามีต่อผู้อ่ืน และท่ีผู้อื่นมีต่อเรา การเรียนรู้ท่ีจะยอมรับผู้อ่ืนและการทำให ้ 104 ผู้อืน่ ยอมรบั ตนเอง กระคบมู่วนือกกาารรเจ รัดีย นรู้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ขอ้ เสนอแนะสำหรับผูด้ ำเนินกจิ กรรม 105 • ผูด้ ำเนนิ กจิ กรรมควรระมัดระวงั บรรยากาศการพูดคยุ อภิปราย ที่อาจสง่ ผลกระทบต่อผเู้ รยี น แผนการเรียนรู้ท่ี ๓ ประกาศรบั เพื่อนใหม ่ บางคนท่ีกำลังมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับเพ่ือน เพราะอาจทำให้ผู้น้ันเสียความมั่นใจมาก ขึน้ • หากคุณลักษณะของกลุ่มหญิงล้วน ชายล้วน มุ่งไปที่ลักษณะท่ีต้องการจากเพ่ือนเพศเดียวกัน อาจสะทอ้ นว่าผเู้ รยี นไมไ่ ด้คดิ ถงึ การมเี พอ่ื นต่างเพศ ควรชี้ให้เห็นวา่ แมจ้ ะต่างเพศกัน แตเ่ รา ก็สามารถเป็นเพือ่ นกันได้ เพราะคณุ สมบตั ริ ว่ มของความเปน็ เพ่ือนนั้นมอี ยูใ่ นทุกเพศ การวดั และประเมนิ ผล สังเกตการมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมกลุ่ม และการอภปิ รายแลกเปลย่ี น คำถามท้ายบท • นกั เรยี นจะปรบั ปรงุ หรอื เปลยี่ นแปลงตนเองในเรอ่ื งใด เพอื่ ใหส้ มั พนั ธภาพกบั เพอื่ นเปน็ ไปดว้ ยดี • หากเพ่อื นท่นี ักเรยี นคบอยใู่ นปัจจบุ ันมนี ิสยั บางอย่างที่นกั เรยี นไมช่ อบ นักเรยี นจะทำอย่างไร

“ป ระกาศรบั เพือ่ นใหม”่ ถา้ คณุ เป็นคนแบบน ้ี • xxx • xxx • xxx • xxx อย่าช้า...ติดต่อ xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx ใบประเมินเพ่ือนใหม่ • ฉนั มคี ณุ สมบตั ขิ อ้ ใดบา้ งทตี่ รงกบั “ประกาศรบั เพอื่ นใหม”่ ทฉี่ นั เหน็ ในวนั น ี้ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... • สำหรบั ฉนั สามสง่ิ ทส่ี ำคญั สำหรบั ความเปน็ เพอื่ นคอื ๑.......................................................................................................................................... ๒.......................................................................................................................................... ๓.......................................................................................................................................... • มคี ณุ สมบตั คิ วามเปน็ เพอื่ นขอ้ ใดบา้ ง ทฉ่ี นั คดิ วา่ ฉนั อยากใหต้ วั เองม ี หรอื มมี ากขนึ้ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 106 คมู่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑

แผนการเรยี นรู้ที่ ๔ 107แผนการเรียนรู้ท่ี ๓ ประกาศรบั เพื่อนใหม ่ เรอ่ื งของ ชิดชนก

แผนการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรื่องของชดิ ชนก สาระสำคญั เราควรเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อบุคคลอื่นด้วยความเคารพ และไม่ควรแสดงออกให ้ ผอู้ น่ื รสู้ กึ ดอ้ ยคา่ เสยี ความรสู้ กึ หรอื กอ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจผดิ กบั คนอนื่ ๆ ไมว่ า่ ดว้ ย คำพูดหรือการกระทำ หากตระหนักว่าตนได้กระทำการดังกล่าว ต้องกล้าหาญที่ จะขอโทษและรับผิดชอบในสิ่งท่ีตนเองกระทำ ในทำนองเดียวกัน หากมีผู้ปฏิบัติ เชน่ นั้นต่อเรา ก็ต้องกล้าบอกถึงความไม่พอใจ และพรอ้ มให้อภัยหากอกี ฝ่ายหน่ึง ขอโทษหรือแสดงความรบั ผดิ ชอบ จดุ ประสงค ์ ๑. บอกความแตกตา่ งระหว่างสิง่ ทเ่ี ปน็ ข้อเท็จจรงิ กบั ความคดิ เห็นได้ ๒. ระบวุ ธิ กี ารแสดงความรับผดิ ชอบเม่ือทำให้ผู้อ่ืนเสียหาย เสยี ใจ อปุ กรณ์ และส่ือ ๑. กระดาษฟลิปชาร์ท 108 ๒. ปากกาเคมี กระดาษกาว กระคบู่มวนอื กกาารรเจ รัดีย นร้ ู ๓. แผ่นกรณศี กึ ษา “เรอ่ื งของชิดชนก” สำหรเพับศนศักกึ เรษีย าน ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

ก รณศี ึกษา เร่ืองของชดิ ชนก 109 ชิดชนกทำกระเป๋าสตางค์หายในห้องเรียน สุกมล เพื่อนของเธอบอกเธอว่า อุทิศ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔ เร่อื งของชดิ ชนก เป็นคนสุดท้ายท่ีอยู่ในห้องเรียนและน่ังอยู่ใกล้โต๊ะตัวที่ชิดชนกคิดว่าเธอลืมกระเป๋าสตางค์ ท้งิ ไว้ ชิดชนกจึงไปฟอ้ งครู โดยบอกว่าเธอคิดวา่ อุทศิ เป็นคนขโมยกระเปา๋ สตางคข์ องเธอ ครเู รยี กอทุ ศิ มาถาม แตอ่ ทุ ศิ ปฏเิ สธวา่ ไมร่ เู้ รอ่ื ง แมส้ กุ มลจะเปน็ พยานวา่ เหน็ เขาทโ่ี ตะ๊ ชดิ ชนก ครูบอกให้อทุ ิศกลับไปนอนคิดแลว้ พรงุ่ นจ้ี ะคุยกนั ใหม่ วันรุ่งข้ึน ชิดชนกพบว่าเธอลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในเป้ของเธอเอง แต่รู้สึกเสียหน้า และอาย รวมทั้งกลัวครูจะเอาผิดท่ีเธอสะเพร่า ชิดชนกคิดว่าเป็นความผิดของสุกมลที่ ทำใหเ้ ธอโทษอุทิศ นกั เรียนคิดวา่ - “อทุ ศิ ” รู้สกึ อย่างไร และ - “ชดิ ชนก” ควรทำอยา่ งไร ข้นั ตอนการดำเนนิ กิจกรรม ๑. แบ่งผเู้ รียนเปน็ กลุ่มย่อย กลุ่มละไม่เกิน ๗ คน แจกกรณีศึกษา “เรอื่ งของชดิ ชนก” ให้กลมุ่ ละ ๑ แผ่น โดยให้แต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนความเห็นและตอบคำถามลงบนกระดาษฟลิปชาร์ท (ก. อุทิศกำลังร้สู กึ อยา่ งไร และ ข. ชิดชนกควรทำอย่างไร) ๒. ให้เวลากลมุ่ ย่อย ๑๕ นาท ี ๓. ขอกลุ่มที่อาสาสมัครนำเสนอ ๑ กลุ่ม จากน้ัน ถามกลุ่มอื่นๆ ให้ช่วยกันเสนอความคิดเห็นที่ แตกตา่ งจากกลุ่มแรก ๔. ผู้ดำเนินกจิ กรรมใช้คำถามต่อไปนเ้ี พ่ือกระตนุ้ ให้เกดิ การแลกเปล่ียน

คำถามชวนคิด • ชิดชนกใช้อะไรเป็นการสรุปว่ากระเป๋าหาย สิ่งที่ใช้นั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือ ความคดิ เห็น • ในกรณีของชดิ ชนก หากไมม่ ีใครยอมรับผิด ไมม่ ีใครยอมขอโทษ นกั เรยี น คิดวา่ จะเกดิ อะไรขึ้นไดบ้ ้าง • ส่วนใหญ่เวลาที่เราทำผิด และรู้ว่าควรขอโทษ แต่เราลังเลท่ีจะเอ่ยปากขอ โทษ เปน็ เพราะเหตุใด • ถ้านักเรียนเป็นฝ่ายถูกเข้าใจผิดเหมือนอุทิศ และได้รับการขอโทษจาก เพอ่ื น นักเรยี นจะรู้สึกอย่างไร ๕. ผ้ดู ำเนินกิจกรรมสรุปประเดน็ สำคญั ของกจิ กรรม • ความเข้าใจผิดเป็นเรื่องที่เกิดข้ึนได้ แต่การพิจารณาสืบสาวราวเรื่อง จำเป็นต้องแยกแยะ ข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น (ในกรณีของชิดชนก ข้อเท็จจริงคือ “เห็นอุทิศยืนอยู่ท ่ี โตะ๊ ” สว่ น “เขาอาจเปน็ ขโมย” นน้ั คอื ความคดิ เหน็ ) • ในการฟัง เราต้องฝึกแยกแยะคำพูดที่บอกข้อเท็จจริงและความคิดเห็นออกจากกัน เช่น คำวา่ “ฉนั เหน็ เขาทำ” กบั “ฉนั คดิ วา่ เขาทำ” วา่ มนี ำ้ หนกั ความนา่ เชอ่ื ถอื ตา่ งกนั • คุณสมบัติข้อหน่ึงของการเป็นเพื่อนท่ีดีคือ การกล้าพูดคำว่าขอโทษ เพราะเป็นการแสดง ความรับผิดชอบคำพูด การกระทำของตน ทำให้เราเป็นคนน่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ ดังน้ัน หากเราเข้าใจผิดและกล่าวโทษคนอื่นด้วยคำพูด การกระทำ ก็ต้องกล้ากล่าวขอโทษ เพื่อ แสดงความรบั ผดิ ชอบ 110 • คนสว่ นใหญท่ ที่ ำผิดแล้วไม่ขอโทษ เพราะกลัวเสียหน้า กลัวถูกต่อว่า กลัวจะไม่ได้รับ การให้อภัย แต่การไว้เน้ือเช่ือใจเป็นเหมือนการออมทรัพย์ในธนาคาร เราคือ คู่มอื การจัด ธนาคารที่ต้องส่ังสมความไว้เน้ือเช่ือใจจากเพอ่ื นเราทลี ะเลก็ ละนอ้ ย หากเกดิ ความ กระบวนการเรยี นร ู้ เพศศกึ ษา สำหรบั นักเรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑

ผดิ พลาดใดๆ ข้นึ มา ตัวเราตอ้ งรบี แกไ้ ข เพอื่ แสดงถึงความรบั ผดิ ชอบ และทำให้ความเชื่อ 111 ม่ันยังคงอยู่ แต่หากเราไม่รับผิดชอบ ย่อมแสดงถึงความไม่ซ่ือสัตย์ ไม่ตรงไปตรงมา ย่ิง ทำให้ความนา่ เชอื่ ถอื เราลดลงไปเร่อื ยๆ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔ เร่อื งของชดิ ชนก ขอ้ เสนอแนะสำหรับผู้ดำเนนิ กิจกรรม หากมผี เู้ รยี นทเ่ี หน็ ใจ “อทุ ศิ ” และแสดงปฏกิ ริ ยิ าตอ่ “ชดิ ชนก” หรอื “สกุ มล” ในเชงิ ตอ่ ว่า อย่างรุนแรง หรือไม่ยอมยกโทษให้ อาจทำให้ผู้เรียนคนอ่ืนลังเล และเห็นว่าควรเลือกวิธีปล่อยให้ เร่ืองน้ีผ่านไปดีกว่าการแสดงความรับผิดชอบ ผู้ดำเนินกิจกรรมควรชี้ให้เห็นถึงผลที่จะเกิดจากการ กระทำทั้งสองแบบว่าแบบไหนจะช่วยให้สามารถดำรงหรือรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้มากกว่า ระหว่าง ก) การขอโทษ / ปิดปากเงียบ กับ ข) การให้อภัย / ผูกใจเจ็บ การวดั และประเมินผล สงั เกตการมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมกลมุ่ และการอภปิ รายแลกเปลยี่ น คำถามทา้ ยบท • กรณีท่ีนักเรียนได้ยินข่าวว่าเพ่ือนคนหน่ึงในกลุ่มขโมยของเพื่อนรักในกลุ่มไป นักเรียนจะทำ อยา่ งไร • ถา้ เพื่อนๆ เขา้ ใจผดิ และไมพ่ ดู กับนักเรียน นกั เรียนจะทำอย่างไร

ครตู อ้ งฟงั เดก็ ให้เท่าๆ กับ ทอ่ี ยากให้เด็กฟังเรา แล้วจึงคยุ กนั ดว้ ยเหตุผล และข อ้ มูล อ.เชิดศกั ด์ิ สมศรี โรงเรียนเกษมสีมาวทิ ยาคาร จ.อบุ ลราชธาน ี (จากงานประชุมวชิ าการเพศศกึ ษาครั้งท่ี ๑ เดอื นตลุ าคม ๒๕๔๗)

แผนการเรียนรู้ท่ี ๕ เบื่อ คนบ่น

แผนการเรียนรู้ท่ี ๕ เบอื่ คนบ่น สาระสำคัญ คนเรามักมีความคาดหวังต่อคนที่เรามีความสัมพันธ์ด้วยเสมอ แต่หลายคร้ังเรา อาจลมื วา่ เรากค็ าดหวงั กบั คนอ่ืนๆ เหมอื นท่คี นอน่ื คาดหวังต่อเรา ความคาดหวัง ที่มีต่อกัน อาจไม่ตรงกันเสมอไป ซ่ึงอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ การพูดคุย สื่อสารให้เข้าใจถึงความคาดหวังท่ีมีต่อกัน จะช่วยให้สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ มากข้นึ และทำให้ความสัมพนั ธ์ดำเนนิ ไปไดอ้ ยา่ งราบรนื่ จุดประสงค ์ ๑. บอกความแตกต่างของความคาดหวังที่มีต่อกันระหว่างความสัมพันธ์แบบ เพอื่ นกบั เพื่อน ครกู บั นักเรยี น พ่อแมก่ ับลูก ๒ ระบปุ จั จัย ๓ ข้อทีท่ ำใหเ้ กดิ ความขัดแยง้ ระหวา่ งบุคคล ๓. บอกวธิ กี ารจดั การทตี่ นเองเลอื กใช้เพ่อื ลดความขัดแยง้ อุปกรณ์ และส่ือ 114 ๑. กระดาษฟลปิ ชาร์ท กระคบูม่วนือกกาารรเจ รดั ีย นร ู้ ๒. ปากกาเคม ี สำหรเพบั ศนศกั กึเรษีย าน ชน้ั ๓. กระดาษกาว มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ข้ันตอนการดำเนนิ กิจกรรม 115 ๑. ชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้เรื่อง “เบื่อคนบ่น” ว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงความคาดหวัง แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๕ เบื่อคนบน่ ของบุคคลที่เก่ียวข้องกับเราในบทบาทต่างๆ เพ่ือวิเคราะห์และระบุวิธีจัดการกับความขัดแย้ง เม่อื ความคาดหวังไมต่ รงกัน ๒. ผู้ดำเนินกิจกรรมเกร่ินนำเพื่อเข้าสู่บทเรียนโดยถามผู้เรียนว่า เรามักถูกใครบ่นบ้าง และถูกบ่น ด้วยเร่ืองอะไร เขยี นคำตอบข้นึ บนกระดาน ใช้เวลาไม่เกนิ ๕ นาท ี ๓. ขออาสาสมัคร ๑ - ๒ คน เล่าสถานการณ์ที่ตัวเองถูกบ่นให้เพื่อนในห้องฟังว่าถูกใครบ่น บ่น เร่ืองอะไร (คนละ ๒ นาที) ๔. แบ่งผู้เรยี นเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย ๖ กลุ่ม และแบง่ หัวขอ้ ใหแ้ ลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ดงั น้ี (๑ หัวขอ้ ต่อ ๒ กลุม่ ) • เรอ่ื งทเ่ี พอื่ นบน่ ฉนั • เรอ่ื งทคี่ รบู น่ ฉนั • เรอ่ื งทพี่ อ่ แมบ่ ่นฉัน ๕. ใหเ้ วลา ๑๐ นาทใี นการแลกเปลย่ี นความเห็นตามหัวขอ้ ทไี่ ด้รับวา่ มีเร่ืองอะไรบ้างทถ่ี ูกบ่น รูส้ ึก อย่างไรเม่ือถูกบ่น และช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุของการบ่นเรื่องเหล่านั้น รวมถึงวิธีการท่ีจะ ไม่ใหถ้ ูกบน่ บันทกึ ลงกระดาษฟลิปชาร์ท เร่อื งท่ถี ูกบน่ รสู้ กึ อยา่ งไร สาเหตุท ่ี วธิ ีจัดการ เพือ่ น / ครู / พ่อแม่ บ่น เพ่อื ไมใ่ หถ้ ูกบน่ อกี

๖. เมอื่ หมดเวลา ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนนำเสนอตอ่ กล่มุ ใหญ่ (กล่มุ ละ ๒ นาท)ี ๗. ผู้ดำเนินกิจกรรมทวนประเด็นจากทุกกลุ่ม โดยช่วยสรุปให้เห็น ก) เร่ืองที่เรามักถูกบ่น ข) ความรู้สึกท่ีมีเม่ือถูกบ่น ค) สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คนเหล่าน้ันบ่นเรา และ ง) วิธีจัดการท่ี กลุ่มนำเสนอ จากนนั้ ชวนแลกเปลย่ี น ตามคำถามต่อไปน ้ี คำถามชวนคดิ • เรารหู้ รอื ไมว่ า่ เรอื่ งไหนทำแลว้ จะถกู บน่ หากรู้ เหตใุ ดจงึ ยงั คงทำเรอื่ งนนั้ ๆ • ความคาดหวังของคนรอบขา้ งท่ีมีต่อเรา ส่งผลต่อตัวเราอยา่ งไรบ้าง • การจัดการกับเรื่องที่ถูกบ่นตามท่ีแต่ละกลุ่มเสนอมาน้ัน คิดว่าวิธีใดบ้างที่ ช่วยทำใหท้ ง้ั ฝา่ ยบน่ และฝา่ ยถกู บน่ พอใจหรอื ตกลงกันได ้ • หากเราเลือกใช้วิธีละเลยไม่ใส่ใจกับความคาดหวังของผู้ที่บ่นเรา คิดว่าจะ สง่ ผลอยา่ งไรบ้างต่อความสมั พันธท์ ี่ม ี • จากกิจกรรมนี้ มีวิธีจัดการอะไรบ้างเม่ือเผชิญกับความขัดแย้ง เพื่อยังคง ความสมั พนั ธ์ที่ดีต่อกนั ไวไ้ ด้ ๘. ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมสรปุ ประเดน็ สำคญั รว่ มกบั ผเู้ รยี นในการทำกจิ กรรมน้ี และเพมิ่ เตมิ ประเดน็ ตอ่ ไปน ้ี • มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น จึงเป็นธรรมดาที่จะมีความคาดหวังต่อคนที่ม ี ความสัมพันธ์ดว้ ย โดยเฉพาะผทู้ ี่เรามีความสมั พันธใ์ กลช้ ดิ • หากความคาดหวังไม่ได้รับการตอบสนอง อาจกลายเป็นความขัดแย้งและนำไปสู่ความไม่ เขา้ ใจกนั ดงั นน้ั เราจำเปน็ ตอ้ งเรยี นรคู้ วามคาดหวงั ของตนเองทมี่ ตี อ่ คนอน่ื และของคนอนื่ ที่ มตี อ่ เรา • ความคาดหวังที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกและการแสดงออก 116 โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในชว่ งวยั รนุ่ ซง่ึ เปน็ วยั ทกี่ ำลงั โตเปน็ ผใู้ หญใ่ นความรสู้ กึ ของตนเอง แตก่ ย็ งั เปน็ เดก็ ในสายตาของผใู้ หญ ่ คู่มอื การจดั กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑

• การหันหน้าพูดคุยเพ่ือส่ือสารบอกความต้องการของกันและกัน ความคาดหวังท่ีมีต่อกัน 117 จะช่วยให้เกิดความเขา้ ใจ และช่วยใหห้ าทางแก้ปญั หาไดม้ ากกว่าการหลบเล่ียงหรือเพิกเฉย แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๕ เบื่อคนบน่ ขอ้ เสนอแนะสำหรับผ้ดู ำเนนิ กจิ กรรม ความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่กับเด็กท่ีเน้นให้ผู้อ่อนวัยกว่าเคารพเช่ือฟังและปฏิบัติตาม อาจ ทำให้ผู้เรียนคิดว่าการพูดคุยกับผู้ใหญ่เป็นเรื่องยาก เพราะผู้ใหญ่จะคิดว่าเด็กเถียงและไม่ยอมฟัง ผูเ้ รียนอาจจะคดิ วธิ จี ัดการแบบหลบเลีย่ งมากกว่าจะหนั หนา้ เขา้ คุยกนั ครูควรชใ้ี หเ้ ห็นถงึ โอกาสและ ท่าทีในการส่ือสารท่ีจะช่วยให้เกิดการยอมรับจากผู้ใหญ่ หรือถามผู้เรียนถึงข้อเสนอหรือ ประสบการณท์ ี่เคยใชแ้ ละได้ผล การวัดและประเมินผล สังเกตการมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมกล่มุ และการอภปิ รายแลกเปลย่ี น คำถามทา้ ยบท • เมอ่ื ถกู พ่อแม่บ่น นกั เรียนจะมวี ิธีการจดั การหรอื เผชญิ กับสถานการณอ์ ย่างไร

ยุคสมัยน้ี โลกเปล่ียนไป ถา้ สอนใหเ้ ด็กเรยี บรอ้ ยวา่ งา่ ย เด็กจะไม่ทันเพอ่ื น การสอนเด็กให้ร้จู ักเปา้ หมายชีวิต เป็นสง่ิ สำคญั แต่การเดนิ ทางไปสเู่ ป า้ หมายมีได้หลายวิธ ี อ.มยุรี ทบั ทมิ หนิ โรงเรยี นเวตะวันวิทยา จ.อุบลราชธานี (จากงานประชมุ วชิ าการเพศศกึ ษาคร้งั ที่ ๑ เดอื นตลุ าคม ๒๕๔๗)

แผนการเรียนรู้ที่ ๖ หลากรส หลายแบบ

แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๖ หลากรสหลายแบบ สาระสำคญั การรักเพศเดียวกัน เป็นรสนิยมทางเพศแบบหนึ่ง ซ่ึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือ เบ่ียงเบน แต่สังคมบางส่วนยังยึดถือกับการแบง่ เพศตามสรรี ะ (Sex) คอื เพศชาย และเพศหญิง และถือการรักต่างเพศเป็นบรรทัดฐาน และไม่ให้การยอมรับคนที่มี รสนยิ มทางเพศทแี่ ตกต่างไป จดุ ประสงค ์ ๑. เข้าใจวา่ รสนิยมทางเพศมคี วามหลากหลาย และเปน็ เรอื่ งส่วนบุคคล ๒. ตระหนักถึงความแตกต่างของเพศสรีระ (Sex) และเพศสภาพหรือบทบาท ทางเพศ (Gender) ทีก่ ำหนดโดยสงั คม อุปกรณ์ และสอ่ื ๑. บตั รบทบาทสมมติ ๔ ใบ ๒. กระดาษฟลิปชาร์ท 120 ๓. ปากกาเคมี กระดาษกาว กระคบู่มวนอื กกาารรเจ รัดีย นรู้ เพศศกึ ษา สำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ขน้ั ตอนการดำเนินกจิ กรรม 121 ๑. ผู้ดำเนินกิจกรรมช้ีแจงวตั ถปุ ระสงคว์ า่ กจิ กรรมหลากรสหลายแบบ เปน็ การเรยี นรเู้ รอื่ งรสนยิ มทาง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๖ หลากรสหลายแบบ เพศทห่ี ลากหลาย ๒. จากนนั้ ขออาสาสมคั ร ๔ คน ผชู้ าย ๑ คน ผหู้ ญงิ ๓ คน เพอื่ แสดงบทบาทสมมติ และใหผ้ เู้ รยี นท่ี เหลอื เปน็ ผสู้ งั เกตการณก์ ารแสดงบทบาทสมมติ พรอ้ มทง้ั เตรยี มแสดงความเหน็ หลงั จากไดช้ ม ๓. แจกบตั รบทบาทสมมตใิ หอ้ าสาสมคั รทง้ั ๔ คน ใหเ้ วลาอาสาสมคั รอา่ นบทและเตรยี มตวั ๓ นาท ี ๔. กอ่ นเรม่ิ แสดง ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมอา่ นบทนำของเรอื่ งใ หผ้ เู้ รยี นทงั้ หอ้ งฟงั จากนน้ั ใหอ้ าสาสมคั รออก มาแสดงทลี ะค ู่ ๕. หลงั จากแสดงจบทง้ั ๒ คู่ ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมถามความรสู้ กึ ของผแู้ สดงวา่ รสู้ กึ อยา่ งไร ๖. จากนน้ั แบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นเปน็ ๖ กลมุ่ ยอ่ ย โดย ๓ กลมุ่ แรก ใหแ้ ลกเปลย่ี นเรอื่ ง ออ๋ - แกว้ สว่ น ๓ กลุ่มหลังแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องของหนุ่ม - สาว โดยให้ตอบคำถามต่อไปน้ีลงในกระดาษ ฟลิปชาร์ท (๑๐ นาท)ี กลมุ่ “อ๋อ - แกว้ ” (๓ กล่มุ ) • ถา้ เราเปน็ อ๋อ จะบอกความจรงิ ใหแ้ กว้ รหู้ รอื ไม่ เพราะอะไร • ถา้ เราเปน็ แกว้ จะรสู้ กึ อยา่ งไร • คดิ วา่ แกว้ ควรจะปฏบิ ตั กิ บั ออ๋ อยา่ งไร กลมุ่ “หนมุ่ - สาว” (๓ กลุ่ม) • ถา้ เราเปน็ หนมุ่ จะเปดิ เผยใหส้ าวรหู้ รอื ไมว่ า่ เรารกั เพศเดยี วกนั • ถา้ เราเปน็ สาว เราจะรสู้ กึ อยา่ งไร • คดิ วา่ สาวควรจะปฏบิ ตั กิ บั หนมุ่ อยา่ งไร ๗. เมอ่ื หมดเวลา ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอความเหน็ ตอ่ กลมุ่ ใหญ่ (กลมุ่ ละ ๒ นาท)ี ๘. ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมชวนคยุ โดยใชค้ ำถามดังน้ ี

คำถามชวนคิด • คดิ วา่ คนท่ีมพี ฤติกรรมเหมอื น “อ๋อ” (หญิงรักหญิง) และ “หน่มุ ” (ชายรัก ชาย) เปน็ คนปกตหิ รือไม่ เพราะอะไร • ถ้า “อ๋อ” และ “หนุ่ม” เป็นเพื่อนเรา เราจะยังคบกับท้ังสองคนหรือไม่ หากรวู้ ่าทงั้ สองคนเปน็ คนรกั เพศเดยี วกนั เพราะอะไร • ทง้ั “ออ๋ ” และ “หนมุ่ ” ควรแสดงตวั ตนทางเพศทแ่ี ทจ้ รงิ ใหเ้ พอื่ น ครอบครวั และคนรอบข้างรับรู้หรือไม่ เพราะอะไร คิดว่าคนที่อยู่ในครอบครัวและ เพอื่ นๆ จะยอมรบั รสนยิ มทางเพศของทัง้ สองคนได้หรอื ไม่ เพราะอะไร • นกั เรยี นคดิ วา่ ในปจั จบุ นั คนรกั เพศเดยี วกนั ไดร้ บั การปฏบิ ตั จิ ากคนรอบขา้ ง และสงั คม อย่างไร ๙. ผู้ดำเนินกิจกรรมสรุปประเด็นสำคัญดังนี้ และเพิ่มเติมข้อมูลเร่ืองความหมายของเพศสรีระ บทบาททางเพศ และอัตลักษณท์ างเพศ • การแบ่งเพศ ที่เห็นโดยส่วนใหญ่เป็นการแบ่งตามสรีระ ซ่ึงเป็นการแบ่งโดยดูจากอวัยวะท่ี ติดตัวเรามาแต่กำเนิด แบ่งเป็นเพศชายและเพศหญิง นอกจากนั้น สังคมยังมีการกำหนด บทบาททางเพศขน้ึ ซงึ่ อาจเหมอื นหรอื แตกตา่ งไปตามความคาดหวงั และวฒั นธรรมของแตล่ ะ สงั คม • ในความเป็นจริง แม้คนส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง และเพศชาย แต่รสนิยมทางเพศมีความ หลากหลายมากกวา่ นน้ั เราจะพบวา่ ในสงั คมมที งั้ คนทรี่ กั คนตา่ งเพศ (Heterosexual) คนรกั เพศเดยี วกนั (Homosexual) และคนทร่ี กั ไดท้ ง้ั สองเพศ (Bisexual) รสนยิ มทางเพศแตกตา่ ง 122 กนั ไปในแตล่ ะบคุ คล ไมต่ า่ งจากการเลอื กกนิ อาหาร ซง่ึ แตล่ ะคนกม็ คี วามชอบตา่ งกนั ไป แมจ้ ะชอบกนิ กว๋ ยเตย๋ี วเหมอื นกนั แตบ่ างคนกช็ อบกนิ เสน้ เลก็ ขณะทหี่ ลายๆ คนกิน คู่มือการจดั แตเ่ ส้นใหญ่ เป็นต้น กระบวนการเรียนรู ้ เพศศึกษา สำหรับนักเรยี นชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

• รสนิยมทางเพศเป็นเรื่องสว่ นตวั ไมส่ ามารถใชว้ ดั ความเปน็ คนดหี รอื ไมด่ ี การยอมรบั ตวั ตน 123 ทางเพศของแตล่ ะคน เปน็ พน้ื ฐานสำคญั อกี ประการหนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยใหท้ กุ คนอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม ไดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๖ หลากรสหลายแบบ • ในแตล่ ะสงั คม มกี ฎ ขอ้ หา้ ม การอนญุ าตใหค้ นแสดงตวั ตนทางเพศทแี่ ทจ้ รงิ ตา่ งกนั ไป บาง ประเทศถอื วา่ เปน็ เรอ่ื งถกู กฎหมายทคี่ นรกั เพศเดยี วกนั จะแตง่ งานกนั แตม่ อี กี หลายประเทศ ยงั ไมย่ อมรบั ขณะทหี่ ลายประเทศถึงกับแสดงอาการรังเกียจเพราะเชื่อว่าคนรักเพศเดียวกัน เป็นคนผิดปกติ จงึ ทำใหค้ นเปน็ จำนวนมากไมก่ ลา้ แสดงความรสู้ ึกท่ีแทจ้ ริงออกมา ขอ้ เสนอแนะสำหรับผดู้ ำเนินกิจกรรม ผู้ดำเนินกิจกรรมต้องระมัดระวังในการชวนคุย เพราะอาจมีผู้เรียนท่ีเป็นคนรักเพศเดียวกัน ในขณะทผี่ เู้ รยี นบางสว่ นอาจมคี วามเชอ่ื วา่ คนเราควรมคี นรกั ทตี่ า่ งเพศเทา่ นน้ั ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมจงึ ควร ยำ้ กตกิ าและวตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมใหช้ ดั เจน เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ บรรยากาศอดึ อดั หรอื ลอ้ เลยี นในเรอ่ื งน ี้ การวัดและประเมนิ ผล สังเกตการมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมกลุ่ม และการอภปิ รายแลกเปลยี่ น คำถามทา้ ยบท • หากนกั เรยี นรวู้ า่ เพอื่ นสนทิ ของนักเรยี นเปน็ คนรักเพศเดยี วกนั นกั เรียนจะทำอย่างไร ก. คบเหมอื นเดมิ เพราะ............. ข. เลกิ คบ เพราะ................... ค. ลอ้ เลยี น เพราะ........................ ง. แนะนำให้ไปหาหมอรกั ษา เพราะ...........................

ขอ้ มลู เพิ่มเตมิ สำหรับผู้ดำเนินกิจกรรม เพศสรีระ (Sex) หมายถึง สิ่งที่บ่งบอกว่าเราเกิดมาเป็นหญิง หรือชาย โดยดูจากโครโมโซม ฮอรโ์ มน และอวัยวะของระบบสบื พนั ธุ์ในร่างกายในตอนแรกคลอด ดงั นั้น เพศสรรี ะจึงเป็น สง่ิ ท่ีตดิ ตวั เรามาแตก่ ำเนดิ เพศสภาพ (Gender) หมายถงึ บทบาทความเปน็ หญงิ ความเปน็ ชาย ซงึ่ ถกู กำหนดขนึ้ ตามความคาดหวงั ของสังคม เช่น เป็นผู้ชายตอ้ งเข้มแข็ง ผ้หู ญิงต้องอ่อนหวาน ทง้ั นี้ เพศสภาพเปลย่ี นแปลง ได้ตามเง่ือนไขภายนอก โดยอาจเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัย และยังแตกต่างกันไปใน แต่ละสงั คมและวัฒนธรรม อตั ลักษณท์ างเพศ (Gender Identity) หมายถึง สำนึกทางเพศท่ีแต่ละคนรู้สึกต่อตนเอง เช่น บางคนเกิดมามีเพศสรีระ เป็นชาย แตก่ ลับรูส้ กึ ในใจเสมอวา่ ตนเองเปน็ ผหู้ ญิง เป็นต้น 124 กระคบู่มวนือกกาารรเจรัดยี นร้ ู เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑

บตั รบทบาทสมมติ 125 บทนำสำหรับผ้ดู ำเนินกจิ กรรมอา่ นก่อนจะเริ่มแสดง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๖ หลากรสหลายแบบ คอู่ ๋อ - แกว้ อ๋อกับแก้ว เป็นเพ่ือนหญิงท่ีสนิทกัน วันน้ี อ๋อมาหาแก้วท่ีบ้าน บอกว่าม ี เรอ่ื งจะคุยด้วย ค่หู นุ่ม - สาว หนมุ่ เปน็ ผชู้ าย และสนทิ กบั สาวมาก หนมุ่ มเี รอ่ื งสว่ นตวั ทอ่ี ยากบอกใหส้ าวรู้ วันนี้ สาวขอเบอร์ทบ่ี ้านหนุ่ม บอกว่าจะโทรไปคยุ ดว้ ยตอนค่ำๆ บทบาทของ “อ๋อ” อ๋อ เป็นเพื่อนสนิทของแก้ว อ๋อรู้ตัวว่าตัวเองรักแก้วแบบแฟน ไม่ใช่แบบเพื่อน อ๋อไม่อยากปิดบังแก้วอีกต่อไปแล้ว จึงอยากสารภาพความรู้สึก และแสดงความรู้สึก ท่แี ทจ้ รงิ ให้แก้วรู้ วันนี้ อ๋อต้งั ใจจะไปหาแกว้ ทบี่ ้านเพอื่ บอกความจริง บทบาทของ “แกว้ ” แกว้ เป็นเพอ่ื นกบั ออ๋ ทง้ั คู่สนทิ กนั มาก แก้วรูว้ ่าอ๋อรกั แก้วมากกวา่ เพื่อนคนอ่นื ๆ และแก้วก็พอใจที่ได้เป็นเพ่ือนอ๋อ ท้ังยังบอกอ๋อว่าอยากมีแฟนท่ีคอยดูแล ตามใจแบบ ท ีอ่ ๋อทำให้แกว้ วนั นี้ อ๋อบอกไวล้ ่วงหน้าแลว้ ว่าจะมาหาแก้วทีบ่ า้ น บทบาทของ “สาว” สาวเป็นวัยรุ่นหน้าตาดี มีผู้ชายมาสนใจหลายคน แต่สาวรู้ตัวว่าตัวเองรักหนุ่ม ซึ่งเป็นเพ่ือนสนิทมานานแล้ว สาวตัดสินใจว่าจะเปิดเผยความรู้สึกให้หนุ่มรู้ จึงขอ เ บอรโ์ ทรศพั ทท์ ีบ่ า้ นหนุม่ และบอกวา่ มเี ร่อื งสำคญั คนื นจี้ ะโทรไปคยุ ด้วย บทบาทของ “หนมุ่ ” หนมุ่ เปน็ คนเรยี บรอ้ ย หนา้ ตาดี ใครๆ ก็ชอบล้อวา่ หนุม่ เปน็ แฟนกบั สาว เพราะ เห็นท้ังคู่สนิทกันมากและไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ หนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองชอบผู้ชายแต่ ไม่เคยบอกใหใ้ ครรู้ หนมุ่ กำลงั คดิ อยู่ว่าจะบอกความจรงิ ใหส้ าวรู้ว่าตวั เองชอบผชู้ าย

ผู้สอนเพศศกึ ษาตอ้ งใหเ้ วลา ให้โอกาสแก่เดก็ อย่ายึดมนั่ ในกตกิ ามากเกนิ ไป ต้องร้จู ักใชท้ ้ังไม้นวม ไมแ้ ข็ง เด็กๆ ต้องการความสนใจจากครู และทุกคนกย็ นิ ดที ีจ่ ะพดู คยุ ถงึ ปญั หาของตัวเอง ข้ึนอยกู่ บั วธิ ีการทคี่ รจู ะใช้ เพอื่ ทำใหเ้ ดก็ วางใจ อ.ธารทิพย์ ไทรทอง วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช (จากงานประชุมวชิ าการเพศศกึ ษาคร้ังที่ ๑ เดอื นตุลาคม ๒๕๔๗)

แผนการเรยี นรู้ท่ี ๗ อยูร่ ่วมกนั ... ฉนั กบั เธอ

แผนการเรียนรูท้ ี่ ๗ อยูร่ ่วมกนั ...ฉนั กับเธอ สาระสำคัญ ผู้ตดิ เชื้อเอชไอวี เป็นผ้ทู ม่ี ีเชื้อเอชไอวอี ย่ใู นรา่ งกาย แต่ไมป่ รากฏอาการใดๆ และ ยงั คงมสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง และยงั ดำเนนิ ชวี ติ ไดต้ ามปกติ การใชช้ วี ติ ประจำวนั ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไม่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่การมีข้อมูลที่ไม่ รอบด้าน ความเช่ือทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และทศั นะทม่ี ีต่อผู้ติดเช้อื เอชไอวีในทางลบ ทำให้ เกิดการรังเกียจและเลอื กปฏบิ ัตติ ่อผู้ติดเชื้อ จุดประสงค ์ ๑. ระบุความเช่ือท่ีผิดๆ เกี่ยวกับผ้ตู ิดเชือ้ เอชไอว ี ๒. มั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเช้ือ โดยเข้าใจว่าการใช้ชีวิตประจำวันไม ่ สามารถทำให้เกดิ การติดเชอื้ ได้ อุปกรณ์ และสอ่ื ๑. กระดาษเอสจ่ี ำนวนเทา่ ผเู้ รียน 128 ๒. ปากกาเคมี สเี ทยี น หรอื สีเมจกิ กระคบมู่วนอื กกาารรเจ รดั ีย นรู้ ๓. กระดาษฟลปิ ชารท์ สำหรเพบั ศนศกั ึกเรษยี.า น ช้ัน ๔. กระดาษกาว มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ข้ันตอนการดำเนินกจิ กรรม 129 ๑. ผ้ดู ำเนินกิจกรรมถามผูเ้ รยี นวา่ เคยได้ยินเร่อื งเอดสม์ าอยา่ งไรบา้ ง เขยี นคำตอบขน้ึ กระดาน (๕ แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๗ อยู่รว่ มกัน...ฉนั กับเธอ นาท)ี ๒. จากนน้ั แจกกระดาษเอสใี่ หท้ ุกคน พรอ้ มท้งั บอกให้วาดภาพคนทเ่ี รารกั มากทส่ี ุดในชวี ติ ๑ คน พร้อมระบุในภาพว่าเป็นใครหรือมีความสมั พันธก์ ับเราอยา่ งไร ให้เวลา ๕ นาที ๓. แบง่ ผูเ้ รยี นเป็นกลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ละ ๕ - ๗ คน ใหแ้ ลกเปลย่ี นในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี และเขยี นคำตอบ ของกลมุ่ ลงในกระดาษฟลปิ ชารท์ • ถา้ พบวา่ คนในภาพติดเช้อื เอชไอวี เราจะรูส้ กึ อยา่ งไร • ความสัมพนั ธ์ท่มี ี จะเปล่ยี นไปหรอื ไม่ อยา่ งไร • เมอ่ื รเู้ ร่อื งการตดิ เชอ้ื ของคนน้ันแล้ว เรามคี วามกงั วลใจหรอื ไม่ เรือ่ งอะไรบา้ ง ๔. ใหเ้ วลากลมุ่ ยอ่ ย ๑๐ นาที จากน้ัน ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนมานำเสนอ กลุ่มละไมเ่ กิน ๓ นาท ี ๕. ผู้ดำเนินกิจกรรมสรุปคำตอบของทกุ กลมุ่ เพอื่ ใหเ้ หน็ ในประเดน็ ตอ่ ไปน ้ี • ความรสู้ กึ ที่เกดิ ข้นึ และลักษณะความสัมพนั ธห์ ลงั จากทีร่ ู้วา่ คนท่ีเรารักตดิ เชือ้ และ ชวนคยุ ดงั น้ี คำถามชวนคิด • คิดว่าคนๆ น้นั รสู้ กึ อย่างไร และคดิ วา่ เขาอยากให้เราปฏบิ ัตกิ บั เขาอย่างไร • หากเราปฏบิ ัติกับคนๆ นัน้ ไม่เหมือนเดมิ คดิ วา่ เขาจะรูส้ กึ อย่างไร • ถ้าเราพบว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในตัว เราจะรู้สึกอย่างไร และอยากให้ คนอน่ื ปฏบิ ตั ิกับเราอยา่ งไร

• ความกงั วลใจทผ่ี เู้ รยี นมี เกยี่ วกับการท่ีคนทีร่ กั ตดิ เชอ้ื เอชไอวี และชวนคยุ ดงั น้ี คำถามชวนคดิ • คิดวา่ คนทม่ี เี ชอ้ื จะมคี วามกังวลในเร่ืองอะไรบ้าง • เมื่อเปรียบเทียบความกังวลของตัวเรา กับของคนท่ีเรารักแล้ว มีข้อสังเกต อยา่ งไรบา้ ง • จะมวี ิธีการจดั การความกงั วลอย่างไรบา้ ง ๖. ผู้ดำเนินกิจกรรมควรตอบคำถาม ในกรณีท่ีมีความกังวลของผู้เรียนในเร่ืองการติดต่อ และให้ ความมัน่ ใจวา่ ในการใชช้ ีวิตประจำวันรว่ มกนั ไมส่ ามารถทำให้เกดิ การตดิ เช้อื เอชไอวีได้ ๗. ผดู้ ำเนนิ กิจกรรมสรุปประเดน็ สำคัญ ดังน ี้ • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ต่างจากผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อเป็นผู้ที่มีเช้ือเอชไอวีในร่างกาย ไม่มีอาการ แสดง และยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จงึ ไมม่ คี วามจำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั ติ วั กบั ผตู้ ดิ เชอื้ ใหแ้ ตกตา่ งจากคนอนื่ • ในประเทศไทยคนส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ ๘๐ ติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ท่ีไม ่ ปอ้ งกนั มบี างสว่ นตดิ จากการใชเ้ ขม็ ฉดี ยาเสพตดิ รว่ มกนั และมเี ดก็ ๆ จำนวนหนงึ่ ทตี่ ดิ เชอ้ื จากแม่ที่มีเช้ือตั้งแต่คลอด นอกจากน้ีแล้ว ยังไม่เคยปรากฏว่ามีใครติดเช้ือจากการอยู่บ้าน เดยี วกนั กนิ ขา้ ว ดม่ื นำ้ พดู คยุ หรอื ใชช้ วี ติ ประจำวนั กบั ผตู้ ดิ เชอื้ เลย • สง่ิ สำคญั ทจี่ ะชว่ ยใหผ้ ตู้ ดิ เชอื้ มสี ขุ ภาพท่ีแข็งแรงคือ ความเข้าใจและการเปิดโอกาสให้เขาได ้ ใชช้ วี ติ ตามปกติเชน่ คนอน่ื • ปัจจุบัน ยังมีความเขา้ ใจผดิ ๆ เกยี่ วกบั การตดิ เชอ้ื เอชไอวี ทำให้เกิดความคดิ รังเกยี จผตู้ ิด 130 เชอ้ื รวมถงึ คนในครอบครวั ดงั นน้ั การจะเปลยี่ นความเชอื่ ทผ่ี ดิ ๆ ได้ เราจำเปน็ ตอ้ งมี ความรู้ ข้อมูลท่ีถูกต้อง ชัดเจน ซ่ึงเราสามารถหาข้อมูล และขอความรู้ได้จาก คมู่ อื การจัด หน่วยงานทที่ ำงานเรอ่ื งเอดส์ หรอื หนว่ ยงานสุขภาพท่อี ยู่ในชมุ ชน กระบวนการเรยี นรู้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

ข้อเสนอแนะสำหรบั ผู้ดำเนนิ กจิ กรรม 131 • ผู้ดำเนินกิจกรรมควรทบทวนเร่ือง ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการติดเช้ือเอชไอวี แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๗ อยู่รว่ มกัน...ฉนั กับเธอ หรือท่ีเรียกโดยย่อว่า QQR โดยพิจารณา ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ ท่ีอยู่ของเช้ือ (Source) ปริมาณและคุณภาพของเช้ือ (Quality and Quantity) และช่องทางการติดต่อ (Route of Transmission) เพ่ือเตรียมตัวหากต้องอธิบายเร่ืองช่องทางการติดต่อของเชื้อเอชไอวีให้ผู้เรียน เข้าใจ • ควรเตรียมข้อมูลล่วงหน้าว่ามีหน่วยงานท่ีให้คำปรึกษาแก่ผู้ติดเช้ือซ่ึงอยู่ในชุมชนของผู้เรียน อยา่ งไรบ้าง เพ่อื เปน็ ขอ้ มูลแกผ่ เู้ รยี นสำหรับการขอคำปรึกษา การวดั และประเมนิ ผล สังเกตการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมกลุ่ม และการอภปิ รายแลกเปล่ียน คำถามท้ายบท • นักเรยี นจะปฏิบตั ติ วั ต่อผตู้ ิดเชื้ออย่างไร • นกั เรียนมีโอกาสตดิ เชือ้ เอชไอวีจากพฤตกิ รรมเหล่านี้หรือไม่ ก. เลน่ กฬี ากบั เพ่ือนทตี่ ดิ เชอื้ มโี อกาส ไมม่ โี อกาส ข. ดมื่ นำ้ แกว้ เดยี วกนั กบั เพอื่ นทตี่ ดิ เชอ้ื มโี อกาส ไมม่ ีโอกาส ค. นงั่ ตดิ กนั กบั เพอื่ นทต่ี ดิ เชอ้ื มีโอกาส ไมม่ ีโอกาส ง. จบั มอื เพอ่ื นทต่ี ดิ เชอื้ มโี อกาส ไมม่ ีโอกาส

ข้อมลู เพ่ิมเตมิ สำหรบั ผดู้ ำเนนิ กิจกรรม การทีค่ นจะรบั เชอ้ื เอชไอวเี ขา้ สูร่ า่ งกายได้ ต้องประกอบด้วย ๓ ปัจจัย ดงั น ้ี ๑. แหล่งที่อยู่ของเชื้อ (Source) เชื้อเอชไอวีจะอยู่ในคนเท่านั้น โดยจะเกาะอยู่กับเม็ด เลือดขาว ซึ่งอยู่ในสารคัดหลั่งบางอย่าง เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด น้ำนม แม่ ๒. ปริมาณและคุณภาพของเชื้อ (Quality and Quantity) ต้องมีจำนวนเชื้อเอชไอวี ในปริมาณที่มากพอ เชื้อต้องมีคุณภาพพอ กล่าวคือ เช้ือเอชไอวีไม่สามารถมีชีวิตอยู่ นอกร่างกายคนได้ สภาพในร่างกายและสภาพแวดล้อมบางอย่างมีผลทำให้เช้ือไม่ สามารถอยู่ได้ เช่น กรดในน้ำลาย กระเพาะอาหาร สภาพอากาศร้อน ความแห้ง นำ้ ยาต่างๆ ๓. ชอ่ งทางการติดต่อ (Route of transmission) เช้ือเอชไอวีจะต้องถูกส่งผ่านจากคน ท่ีติดเช้ือไปยังอีกคนหนึ่ง เชื้อจะต้องตรงเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ท่ีรับเช้ือ โดยผ่านการ มีเพศสัมพนั ธ์ทีไ่ มป่ อ้ งกัน การใชเ้ ขม็ ฉีดยาเสพติดรว่ มกัน และจากแม่สลู่ กู 132 เอกสารอ้างองิ คมู่ อื การจัด สมวงศ์ อุไรวัฒนา, “เอดส์ เข้าใจได้ไม่ยาก,” ๒๐ ปีท่ีรู้จักกัน: เรื่องเล่าและบทเรียนการ กระบวนการเรยี นร ู้ ทำงานเอดส,์ กรงุ เทพฯ: ดอกเบย้ี , ๒๕๔๘, หน้า ๑๐ - ๒๑. เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

แผนการเรียนรู้ท่ี ๘ ไมม่ ี ไมเ่ ท่

แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๘ ไม่มี ไม่เท่ สาระสำคญั ความต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน ด้วยการทำอะไรที่เหมือนๆ กัน รวมทั้ง ความรู้สึกต้องการตามแฟช่ัน เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ในช่วงวัยรุ่น แต่ขณะ เดียวกันวัยรุ่นก็ควรเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง และสร้างการยอมรับจากเพ่ือน โดยไมใ่ ช้เพยี งวัตถเุ ป็นตัวแทนการเปน็ พวกเดียวกนั เท่าน้นั นอกจากน้นั วยั รุน่ ยัง ควรเท่าทันเรื่องแฟช่ันว่าเป็นกระแสนิยม ท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว การ พยายามตามกระแส โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม อาจส่งผลกระทบทั้งต่อ ตนเองและคนรอบขา้ ง จุดประสงค ์ ๑. บอกความหมายของ “แฟชนั่ ” และ “กระแสนยิ ม” และผลกระทบทมี่ ตี อ่ วยั รนุ่ ได ้ ๒. ระบวุ ธิ กี ารสรา้ งการยอมรบั จากเพอ่ื น โดยไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ วั เหมอื นกนั ๓. ยกตวั อยา่ งเพ่ือเปรียบเทียบ “การเท่าทัน” กระแสแฟช่ัน และ “การทำตาม กระแส” 134 คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนร ู้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

อปุ กรณ์ และสอ่ื 135 ๑. “ของฮติ ” ในอดตี ของแตล่ ะคน แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๘ ไมม่ ี ไมเ่ ท ่ ๒. แผน่ กจิ กรรม “ความในใจของแม”่ การเตรียมการ • ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมแจง้ ลว่ งหน้าเพอ่ื ให้ผเู้ รียนเตรยี มนำ “ของฮติ ” มาในวันท่ีเรียนกิจกรรมน้ี โดย ย้ำให้เลือกของทเี่ คยชอบในอดตี แต่ปจั จบุ ันไม่ชอบหรอื ไมใ่ ช้แล้ว • เตรียมแผ่นกิจกรรมเท่าจำนวนผู้เรียน หรือหากไม่ถ่ายเอกสาร ให้เขียน “ความในใจของแม่” พรอ้ มคำถาม ลงบนกระดาษฟลปิ ชาร์ทขนาดใหญ่ เพ่ือติดไวห้ น้าห้อง ขัน้ ตอนการดำเนนิ กิจกรรม ก. กิจกรรม “ของฮติ ในอดีต” ๑. ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมขอให้แต่ละคนนำ “ของฮติ ในอดตี ” มาจัดแสดงรวมกันไวท้ ห่ี น้าห้อง ๒. ผดู้ ำเนินกิจกรรมสุม่ หยิบของขน้ึ มา ๑ - ๒ ชน้ิ โดยอาจเลือกชน้ิ ทซ่ี ้ำกนั มากทสี่ ุด ชิน้ ท่แี ตกต่าง จากช้ินอ่ืนๆ ขึน้ มา และถามเจา้ ของวา่ • ได้ของชน้ิ นัน้ มาไดอ้ ย่างไร • รสู้ กึ อยา่ งไรทตี่ วั เรามขี องชน้ิ นน้ั ในชว่ งทข่ี องดงั กลา่ วเปน็ ทน่ี ยิ มในชว่ งเวลานน้ั • มเี หตกุ ารณป์ ระทบั ใจอะไรเกยี่ วกบั ของชน้ิ น้ีบา้ ง ๓. ถามผเู้ รียนวา่ สนใจหรืออยากรคู้ วามเปน็ มาของของชน้ิ ใดอกี บ้าง (ให้เวลาคยุ อีกประมาณ ๒ - ๓ ชิ้น) ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมถามตามคำถามในขอ้ ๒ ๔. จากนนั้ ผู้ดำเนนิ กิจกรรมชวนกลมุ่ ใหญ่คุย ดังน ้ี

คำถามชวนคิด • ในชว่ งน้นั กล่มุ เพื่อนของเรา ทกุ คนมีของฮติ น้นั หรอื ไม่ • ของฮิตนัน้ เป็นของแบบเดยี วกันท้ังกลุ่มหรอื ไม่ • ร้สู กึ อยา่ งไรกบั เพอื่ นทีไ่ มม่ ขี องดงั กล่าวในชว่ งนัน้ • ถ้าเราเปน็ ฝ่ายไมม่ ีของฮติ ในขณะที่เพอื่ นๆ มี เราจะรู้สกึ อยา่ งไร • ของฮติ เหลา่ นน้ั ยังคงเป็นของฮิตในตอนนีส้ ำหรบั เราหรือไม่ เพราะอะไร • มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดกับการที่เราต้องมีของฮิตตามยุคสมัย เหมอื นเพอื่ นในกลมุ่ ๕. ผู้ดำเนินกิจกรรมสรุปถึงความรู้สึกอยากมี อยากได้ และพยายามจะมีของที่เป็นที่นิยมในช่วง หน่ึงๆ น้ัน เป็นเรื่องของ “กระแสนิยม” เน่ืองจากเป็นความนิยมตามกระแส เม่ือเวลาผ่านไป ความนิยมก็จะเปลี่ยนไปด้วย ดังตัวอย่างของที่ผู้เรียนนำมาพูดคุยในวันนี้ กระแสนิยมอาจมี อิทธพิ ลตอ่ เราได้ไมน่ อ้ ย โดยเปรียบเทียบจากการสะทอ้ นความรู้สึกของผทู้ ีม่ ขี องฮติ กบั ผูท้ ี่ไมม่ ี ของฮติ วา่ รู้สกึ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร ๖. ถามผเู้ รียนว่า • เป็นไปได้หรือไม่ท่ีเราจะเกิดความรู้สึกภมู ใิ จ ดใี จกบั สงิ่ อนื่ ๆ ทไ่ี มใ่ ช่ “ของฮติ ตามยคุ สมยั ” ถา้ เกดิ ได้ ขอใหย้ กตวั อยา่ ง วา่ เปน็ เรอ่ื งอะไรบา้ ง • ความรสู้ กึ ตอ่ เรอ่ื งนนั้ ๆ จะเปลยี่ นไปหรอื หมดไปไดห้ รอื ไม่ และเปลย่ี นแปลงไดช้ า้ หรอื เรว็ กวา่ เมอื่ เทยี บกบั ความภมู ใิ จทไี่ ดม้ ขี องฮติ แบบทเี่ พื่อนมี 136 ค่มู อื การจดั กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑

ข. กจิ กรรม “ความในใจของแม่” 137 ๗. แจกแผ่นกิจกรรม “ความในใจของแม่” ให้ผู้เรียนทุกคน บอกให้ทุกคนอ่านเร่ือง และตอบ แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๘ ไมม่ ี ไมเ่ ท ่ คำถามในแผน่ กจิ กรรมโดยไม่ตอ้ งลงช่อื แต่ให้ระบเุ พศ ให้เวลา ๕ นาที ๘. เมื่อหมดเวลา ผู้ดำเนินกิจกรรมเก็บแผ่นกิจกรรมคืนจากผู้เรียนทุกคน และขออาสาสมัคร ๓ คนช่วยกันนับคำตอบ โดยแยกตามเพศ และความคิดเห็น และเขียนคะแนนข้ึนกระดาน ดัง ตัวอยา่ ง ผตู้ อบ เหน็ ดว้ ยกับ แม ่ น้อง รวม ผ ู้หญงิ ผู้ชาย รวม ๙. ขอฟังเหตผุ ลจากทง้ั กลุ่มทเ่ี ห็นดว้ ยกบั แม่ และกลุม่ ทเี่ หน็ ด้วยกบั น้อง ๑๐. ผูด้ ำเนินกจิ กรรมชวนผเู้ รียนแลกเปลี่ยนตามประเด็นดงั นี ้ คำถามชวนคิด • มีความร้สู กึ อยา่ งไร ตอ่ ความในใจของแม ่ • ใครคดิ ว่า พ่อหรอื แมข่ องตัวเอง อาจเคยมีความรู้สกึ อย่างนีเ้ หมอื นกนั ขอ อาสาสมคั รเลา่ ประสบการณ ์ • ในกรณีที่คนอยากได้ของเป็นเรา และได้รู้ความรู้สึกของแม่ เราจะทำ อยา่ งไร • นักเรียนได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมวันน้ี และจะนำส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในวันน้ี ไปใช้อยา่ งไรบา้ ง

๑๑. ผ้ดู ำเนินกจิ กรรมสรุปประเดน็ สำคญั • “แฟช่ัน” กับ “วัยรุ่น” เป็นคำที่คู่กันมาทุกยุคทุกสมัย และน่ันคือเหตุผลท่ีทำให้เจ้าของ สนิ ค้าตา่ งๆ ต่างสนใจผลติ สินคา้ ออกมาหลากหลายเพอื่ ทำให้วัยรุ่นรู้สึกว่า “นี่คอื แฟชน่ั ” • วัยรุ่นเป็นวัยท่ีต้องการการยอมรับจากเพื่อนในกลุ่ม ขณะเดียวกัน ก็ต้องการมีเอกลักษณ์ เป็นของตนเอง วัยรุ่นจึงมักรวมกลุ่มเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของกลุ่ม และเป็นช่วงวัยที่มักเป็น ไปตามกระแสนยิ ม และเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ ความรสู้ กึ นอ้ ยหนา้ หรอื แตกตา่ งจากเพอ่ื นในกลมุ่ วยั รนุ่ สว่ นใหญจ่ ึงต้องพยายามหาสิ่งของต่างๆ ให้เหมือนเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งมักจะมีการเปล่ียนไป เรอ่ื ยๆ และเปล่ยี นอยา่ งรวดเรว็ ตามแฟชัน่ • การต้องมี “ของใหม่” เสมอ หมายถงึ การเพมิ่ รายจา่ ยของตนเองและครอบครัว ในขณะที่ เรายงั หารายได้เองไม่ได้ ซงึ่ ยอ่ มส่งผลต่อผ้เู ปน็ พ่อแม่หรือผปู้ กครองซงึ่ เป็นคนดแู ลเรา • เมื่อเปรียบเทียบปัจจัยสำคัญที่ทำให้มิตรภาพในกลุ่มยั่งยืนระหว่างการเอ้ืออาทรซ่ึงกันและ กันในกลุม่ กบั การมขี ้าวของเครอื่ งใชท้ เี่ หมอื นกัน ประการแรกยอ่ มมีความสำคญั กว่า • แม้สอื่ จะมอี ทิ ธพิ ลสร้างค่านยิ มในเรอ่ื งแฟชัน่ และ “ของฮติ ” ได้ แต่หากเรารู้เทา่ ทัน เราก ็ สามารถเป็นตัวของเราเองโดยไม่ต้องตามแฟช่ัน หรือต้องเหมือนเพ่ือนในกลุ่ม และเลือก สร้างความสุข และคุณค่าของมิตรภาพใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้โดยไม่ต้องพง่ึ วตั ถุ ข้อเสนอแนะสำหรบั ผูด้ ำเนินกจิ กรรม หากมีผู้เรียนบางคนที่ไม่มี “ของฮิต” ที่สามารถนำมาได้ ผู้ดำเนินกิจกรรมอาจเปล่ียน เปน็ การให้เล่าถงึ ของชนิ้ นั้น หรอื ของในบา้ นมาบอกเลา่ แทนได้ การวดั และประเมนิ ผล สังเกตการมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมกล่มุ และการอภิปรายแลกเปล่ยี น 138 คู่มอื การจัด กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศกึ ษา สำหรับนักเรยี นช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑

คำถามท้ายบท แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๘ ไมม่ ี ไมเ่ ท ่ • เห็นด้วยหรือไม่กับประโยคที่ว่า “การเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันต้องทำตามกัน และไม่ควรยอมรับ ผทู้ ไ่ี มย่ อมทำตามมตขิ องกล่มุ ” เพราะอะไร 139 ความในใจของ “แม”่ ลูกสาวคนกลางชอบรบเร้าอยากมีน่ันมีโน่นแบบเพื่อนบ้านหรือตามอย่างท่ีเพื่อน เขามี ตอนน้ีทำท่าอยากได้โทรศัพท์มือถือท่ีถ่ายรูปได้อีกแล้ว ทำยังไงหนอลูกถึงจะลด “ความอยากได้” ลงบ้าง จะพูดยังไงให้เขาเข้าใจวา่ พอ่ แมไ่ ม่ได้มสี ตางคม์ าก และการอยาก โนน่ นี่นน่ั ไม่จบส้นิ มนั น่ารำคาญสำหรบั คนทีไ่ ดย้ ิน และนา่ เหนอ่ื ยใจสำหรับคนท่หี าเงนิ คุณแมล่ ูกสาม คำถาม ๑. หากเราเปน็ พ่ขี องน้องสาวคนน้ี เราจะเลือกอยขู่ า้ งนอ้ งสาว หรืออย่ขู ้างแม่ เพราะเหตใุ ด ๒. เราจะมีวิธีพูดอย่างไร เพื่อให้อีกฝ่ายท่ีเราไม่ได้เข้าข้าง เข้าใจและยอมรับความคิดเห็น และการตัดสินใจของเรา

การจะสอนเร่อื งเพศศกึ ษาให้สนุก และบรรลวุ ัตถุประสงคท์ ต่ี ้งั ไว้ ครตู ้องมีการเตรยี มตัวพอสมควร ทงั้ อปุ กรณแ์ ละเนือ้ หาท่จี ะพูดคุย ถา้ เปดิ หนังสืออ่านระหวา่ งสอน กจ็ ะทำใหเ้ ด็กขาดความเชือ่ ถือ ขณะเดียวกัน ครูกต็ ้องใจกวา้ งเข้าใจเด็ก หากเดก็ ตอบไม่ตรงประเดน็ หรอื ถามไม่ตรงต ามท่คี รเู ตรยี มไว ้ อ.ระเบยี บ ปฎิทศั น์ โรงเรยี นวดั พงั ตรุ จ.กาญจนบุรี (จากงานประชมุ วชิ าการเพศศึกษาครง้ั ท่ี ๑ เดอื นตลุ าคม ๒๕๔๗)

แผนการเรียนรู้ที่ ๙ ฉันเปน็ ฉนั เอง

แผนการเรยี นรู้ที่ ๙ ฉันเป็นฉนั เอง สาระสำคญั บุคคลแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตน และมีความแตกต่างกันไปทั้งเรื่องขนาด รปู รา่ ง สผี วิ ในขณะทแี่ ตล่ ะสงั คมกม็ กี ารนยิ ามตอ่ “ความงาม” แตกตา่ งกนั อกี ทงั้ ค่านิยมในเรื่องความสวยงามยังแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย การเรียนรู้ในเร่ืองนี้ จะช่วยให้วัยรุ่นเข้าใจว่าแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์ฉพาะตน เพื่อนำไปสู่การ ยอมรับและพึงพอใจในรปู ลกั ษณต์ นเอง จุดประสงค ์ ๑. เข้าใจว่าภาพลักษณ์ท่ีเป็นกระแสนิยมในสังคม ถูกสร้างข้ึนและเปลี่ยนแปลง ได้ตามยุคสมัย ๒. บอกถงึ ผลกระทบจากการดดั แปลง เสริมแต่งอวยั วะรา่ งกาย อุปกรณ์ และสื่อ ๑. ภาพหญิง ชาย ท่ีเป็นที่ช่ืนชอบในแต่ละยุคสมัย เช่น ภาพหญิงอ้วนยุคกรีก 142 กะเหรี่ยงคอยาว ผู้หญิงผิวดำ นักกล้าม ดารา - นักร้องสมัยก่อน ดารา - นักร้องปจั จุบัน ฯลฯ คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนร ู้ เพศศึกษา สำหรับนักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

หมายเหตุ ภาพที่จดั ไว้ใหเ้ ป็นเพียงตัวอยา่ ง ผดู้ ำเนนิ กิจกรรมสามารถค้นหาภาพ 143 จากส่ือต่างๆ เพิ่มเติม โดยเลือกภาพที่สะท้อนค่านิยมต่อภาพลักษณ์บุคคลใน สังคม/ชมุ ชนทอ่ี ยแู่ ตล่ ะยคุ สมยั แผนการเรียนร้ทู ่ี ๙ ฉนั เป็นฉนั เอง ๒. กระดาษเอสี่ จำนวนเทา่ ผเู้ รียน ๓. ปากกาเคมี ข้ันตอนการดำเนินกิจกรรม ๑. ผู้ดำเนินกิจกรรมช้ีแจงวัตถุประสงค์กิจกรรมว่า ต้องการให้ผู้เรียนสำรวจสิ่งที่มีอิทธิพลต่อ ภาพลกั ษณ์ของเราแต่ละคน และเราจะทำอยา่ งไรทจ่ี ะพอใจและม่นั ใจกับส่งิ ทีเ่ ราเปน็ ๒. ผู้ดำเนินกิจกรรมแจกกระดาษให้ผู้เรียนทุกคน เพื่อให้วาดภาพอวัยวะในร่างกายส่วนท่ีชอบมาก ทีส่ ุดของตวั เอง พร้อมใหเ้ หตุผลวา่ ชอบเพราะอะไร (๕ นาที) ๓. ขออาสาสมคั ร ๕ คน ออกมาเล่าภาพที่ตนวาดใหก้ ล่มุ ใหญ่ฟงั (คนละ ๒ นาที) ๔. หลังจากอาสาสมัครเล่าครบทั้ง ๕ คน ผู้ดำเนินกิจกรรมให้ทุกคนนึกในใจว่า มีอวัยวะส่วนใด ในรา่ งกายบ้างทีเ่ ราไม่ชอบหรอื ไมพ่ อใจมากท่ีสดุ ให้นกึ ไว้คนละ ๑ อย่าง ๕. ขออาสาสมัครใหม่ ๕ คนเพ่ือเปน็ หุ่น และแบ่งผู้เรียนออกเป็น ๕ กลมุ่ จับคแู่ ตล่ ะกล่มุ กบั หนุ่ ๑ ตวั ๖. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสำรวจดหู ุน่ ของตัวเอง และให้ช่วยกนั บอกส่วนที่ตนเองชน่ื ชอบมากทส่ี ุด ๑ อย่าง ในหนุ่ แต่ละตัว (ให้เวลา ๑๐ นาที) ๗. จากน้ัน ผู้ดำเนินกิจกรรมถามหุ่นแต่ละตัวว่า อวัยวะส่วนที่ตนเองคิดไว้ในใจว่าไม่ชอบคืออะไร และรู้สึกอยา่ งไรหากเปน็ ส่วนเดยี วกับท่ีเพอ่ื นๆ บอกว่าชอบ ๘. ผ้ดู ำเนินกจิ กรรมชวนกลุ่มคุย (๑๐ นาที) • รู้สึกอย่างไร เมื่อส่วนท่ีเราไม่ชอบในตัวเอง แต่คนรอบข้างกลับบอกว่าสวย หรือเป็นปกติ สำหรบั เขา • เม่ือได้ฟังว่าอวัยวะส่วนท่หี ุ่นไมช่ อบแต่กลับเปน็ สว่ นทเี่ พอ่ื นๆ ชอบ เราคดิ อย่างไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook