ด้าน การวเิ คราะหต์ ัวชี้วดั ชนั้ ม.๑ วตั ถปุ ระสงค์ ชน้ิ งาน/ สมรรถนะ ทักษะการคดิ รยี นเรียนร้อู ะไร/ทำอะไรได้) ภาระงานท่ไี ด ้ ตกตา่ งของความคาดหวงั ทมี่ ตี ่อกนั มสัมพนั ธแ์ บบเพอ่ื นกบั เพอ่ื น ครูกับ การสอ่ื สาร คิดอยา่ งมเี หตผุ ล 47 แม่กบั ลูก การคดิ คดิ อยา่ งมี ๓ ข้อที่ทำใหเ้ กดิ ความขัดแย้งระหว่าง ทักษะชวี ติ วิจารณญาณ สรปุ ตวั ช้วี ดั และแผนการเรยี นร้ ู การแก้ไข ดการทต่ี นเอง เลอื กใชเ้ พอื่ ลดความขดั แยง้ ปญั หา นยิ มทางเพศมีความหลากหลาย และเปน็ คล การสอ่ื สาร คิดอย่างมเี หตผุ ล ความแตกตา่ งของเพศสรีระ (Sex) และ การคิด คิดอย่างม ี รอื บทบาททางเพศ (Gender) ที่กำหนด ทกั ษะชีวิต วจิ ารณญาณ การแกไ้ ข ปัญหา อที่ผดิ ๆ เก่ียวกับผตู้ ดิ เชือ้ เอชไอว ี การสอ่ื สาร คิดอยา่ งมเี หตุผล ชวี ติ รว่ มกับผ้ตู ิดเช้อื โดยเข้าใจวา่ การ การคดิ คิดอยา่ งมี ำวนั ไมส่ ามารถทำให้เกิดการตดิ เช้ือได ้ ทักษะชวี ิต วิจารณญาณ การแก้ไข ปัญหา มายของ “แฟชั่น” และ “กระแสนิยม” การสื่อสาร คิดอยา่ งมเี หตผุ ล ทบทม่ี ีตอ่ วัยรนุ่ ได ้ การคดิ คดิ อยา่ งม ี ร้างการยอมรับจากเพ่ือน โดยไมจ่ ำเปน็ ทกั ษะชวี ิต วจิ ารณญาณ วเหมอื นกนั การแก้ไข พ่อื เปรียบเทียบ “การเท่าทนั ” กระแส ปัญหา “การทำตามกระแส”
การจดั การเรยี นรเู้ พศศึกษารอบด แผน ตวั ช้วี ัด หลัก เพ่มิ เติม* (นกั เร ๑. เข้าใจวา่ ภาพ ๙. พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน พ๒.๑ม๑/๑ อธิบายวธิ ีการปรบั ตัว สร้างข้นึ และเ ฉนั เปน็ การพัฒนาตนเองใหเ้ จรญิ เตบิ โต ตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย ๒. บอกถึงผลกร ฉันเอง สมวัย จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง รา่ งกาย เพศอย่างเหมาะสม ๑. ระบุลักษณะข พ๒.๑ม๑/๑ อธบิ ายวิธกี ารปรบั ตัว กัน ๑๐. พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน ต่อการเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกาย ๒. บอกวิธีการป ทำตามสั่ง การพฒั นาตนเองให้เจรญิ เติบโต จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง และกัน สมวัย เพศอย่างเหมาะสม ๑. ยกตวั อย่างค พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน เป็นการทำร้า ๑๑. พ๒.๑ม๑/๑ อธิบายวิธีการปรับตัว การพฒั นาตนเองใหเ้ จริญเติบโต ๒. ระบุวธิ แี สดงค เบอื่ ต่อการเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกาย สมวยั ผูอ้ ื่นด้วยคำพ คนแซว จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง เพศอย่างเหมาะสม 48 คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนร ู้ เพศศึกษา สำหรบั นกั เรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
ดา้ น การวเิ คราะห์ตวั ชว้ี ัด ช้ัน ม.๑ วัตถุประสงค์ ช้นิ งาน/ สมรรถนะ ทกั ษะการคิด รยี นเรียนร้อู ะไร/ทำอะไรได้) ภาระงานทไ่ี ด้ พลักษณท์ ี่เป็นกระแสนยิ มในสงั คม ถกู เปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมยั การสือ่ สาร การหาความเชื่อ ระทบจากการดดั แปลงเสรมิ แตง่ อวยั วะ การคดิ พ้นื ฐาน ทักษะชวี ติ การใหเ้ หตุผล ของรูปแบบความสมั พันธ์ทีไ่ มเ่ ท่าเทียม ปฏบิ ัติตอ่ ผู้อน่ื ที่แสดงถงึ การเคารพกนั การส่ือสาร การเปรยี บเทียบ คำพดู กริ ิยา หรือพฤตกิ รรมทแี่ สดงว่า การคดิ การใหเ้ หตุผล ายความรู้สึกผอู้ น่ื ทักษะชีวติ ความรบั ผิดชอบเมอ่ื ทำร้ายความรสู้ ึก พูด การส่ือสาร การให้เหตุผล การคดิ ทักษะชีวติ
การจดั การเรียนรเู้ พศศึกษารอบด แผน ตัวชี้วดั หลัก เพ่มิ เตมิ * (นักเร ๑. แยกแยะได้วา่ ๑๒. พ๒.๑ม๑/๒ แสดงทกั ษะการ พ๒.๑ม๑/๑ อธบิ ายวธิ กี ารปรับตัว ทางเพศ และ สัมผสั ดี ปฏิเสธเพื่อปอ้ งกันตนเองจากการ ตอ่ การเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกาย แอบแฝง สัมผสั ไม่ดี ถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง ๒. บอกวิธกี ารหา เพศอย่างเหมาะสม ทางเพศ ๓. บอกวธิ ปี อ้ งก ทางเพศ ๑. แสดงความม พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน ของตนเอง แ ๑๓. พ๒.๑ม๑/๑ อธิบายวธิ กี ารปรบั ตัว การพัฒนาตนเองใหเ้ จริญเติบโต ๒. ระบุค่านิยมเร ขา้ งหลงั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย สมวัย ทางเพศของค ภาพ จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง เพศอยา่ งเหมาะสม ๑. ระบุคุณสมบัต พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน และราบร่ืน ๑๔. พ๒.๑ม๑/๑ อธิบายวธิ ีการปรับตวั การพฒั นาตนเองใหเ้ จริญเตบิ โต ๒. บอกวธิ ีการเร แฟนฉนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกาย สมวยั จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทาง เพศอย่างเหมาะสม
ด้าน การวิเคราะหต์ ัวช้ีวดั ชั้น ม.๑ วัตถปุ ระสงค์ ชิน้ งาน/ สมรรถนะ ทักษะการคดิ รียนเรียนรู้อะไร/ทำอะไรได)้ ภาระงานทีไ่ ด ้ าสมั ผัสแบบใดเป็นการจงใจล่วงละเมดิ ะแบบใดคอื สัมผสั ธรรมดาทีไ่ มม่ เี จตนา การส่ือสาร การคดั แยก 49 การคิด การนำความร ู้ ากเจอการกระทำท่สี อ่ เจตนาล่วงละเมดิ ทกั ษะชีวติ ไปใช ้ สรปุ ตวั ช้วี ดั และแผนการเรยี นร้ ู การแก้ไข กนั เหตุการณ์ทอ่ี าจนำไปสู่การล่วงละเมดิ ปัญหา มั่นใจในการสอื่ สารเพอ่ื บอกความคดิ เห็น และเปดิ ใจรบั ฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ ่นื รอื่ งเพศ ๒ เรอ่ื งท่สี ง่ ผลตอ่ พฤติกรรม การสือ่ สาร การใหเ้ หตผุ ล คนในสงั คม การคดิ การหาความเชือ่ ติและอปุ นิสัยทที่ ำให้สัมพันธภาพย่งั ยนื ทกั ษะชีวิต พน้ื ฐาน รยี นร้ลู กั ษณะนิสยั ของคนท่ีเราคบด้วย การสอ่ื สาร คดิ คล่อง การคิด การให้คำจำกดั ทกั ษะชีวิต ความ
การจัดการเรยี นรู้เพศศึกษารอบด แผน ตวั ช้ีวัด หลัก เพ่ิมเติม* (นกั เร ๑. บอกไดว้ า่ การ ๑๕. พ๒.๑ม๑/๒ แสดงทกั ษะการ ทางเพศ รู้ทนั ปฏิเสธเพื่อปอ้ งกนั ตนเองจากการ ๒. ระบโุ อกาสทีน่ ปอ้ งกนั ได ้ ถูกลว่ งละเมิดทางเพศ วัยรุ่น ๓. บอกแนวทาง ละเมดิ ๑. บอกเป้าหมาย วิธกี ารทจี่ ะไป ๑๖. พ๑.๑ม๑/๔ แสวงหาแนวทางใน ๒. วิเคราะห์ปจั จ นบั จาก การพฒั นาตนเองใหเ้ จริญเติบโต เป้าหมาย วันน้ี สมวยั 50 คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนรู ้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
ดา้ น การวเิ คราะห์ตวั ช้วี ัด ช้ัน ม.๑ วัตถปุ ระสงค์ ช้นิ งาน/ สมรรถนะ ทกั ษะการคิด รยี นเรยี นรู้อะไร/ทำอะไรได)้ ภาระงานท่ไี ด้ รกระทำแบบใดถือวา่ เป็นการล่วงละเมดิ การสือ่ สาร กระบวนการคดิ นำไปสกู่ ารลว่ งละเมดิ ทางเพศสำหรับ การคดิ อย่างม ี งในการหาความชว่ ยเหลอื เม่ือถูกล่วง ทักษะชีวิต วจิ ารณญาณ การแก้ไข การนำความร้ ู ยในชวี ติ อย่างน้อย ๑ เรอื่ ง พรอ้ มบอก ปญั หา ไปใช้ ปถึงเป้าหมาย จัยทีอ่ าจเปน็ อปุ สรรคในการทำตาม บนั ทึกสง่ิ ทไ่ี ด้เรียนรู้ การส่ือสาร การนำความรู้ จากช่วั โมงเพศศกึ ษา การคดิ ไปใช้ ทกั ษะชีวิต
การวดั และประเมนิ ผล 51 การจดั การเรียนรู้เพศศกึ ษารอบด้าน การวดั และประเมนิ ผลการจดั การเรยี นร้เู พศศกึ ษารอบดา้ น การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษารอบด้าน มีเป้าหมายสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ คือการเสรมิ สร้างเยาวชนใหส้ ามารถดำรงชีวิตอยูใ่ นสังคมอยา่ งเปน็ สขุ การ จัดการเรียนรู้เพศศึกษาจึงเป็นกระบวนการพัฒนาเยาวชน ให้ลดความเสี่ยงอันเน่ืองจากพฤติกรรม ทางเพศ เสริมสร้างคุณภาพความสัมพันธ์ และพัฒนาความสามารถในการคิด ตัดสินใจ และการ ส่ือสารที่จะช่วยให้ผู้เรียนดำเนินชีวิตอย่างเท่าทันตนเอง สามารถรับผิดชอบ และมีความสุขกับสิ่งท่ี ตนเองเลือก แนวทางการวัดและประเมินผลผู้เรียน อยู่บนหลักการสำคัญคือการวัดและประเมินผลตาม สภาพจริงของผู้เรียน ซ่ึงสอดคล้องกับวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การวัดและ ประเมินผลต้องวัดให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ เจตคติ ทักษะและกระบวนการ ซ่ึงผู้จัดการเรียนรู้ ควรจัดเก็บข้อมูลที่สะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และนำผลท่ีได้มาปรับปรุง กระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง รวมท้ังพัฒนาเคร่ืองมือการวัดและประเมินผลให้มีความ หลากหลายได้ โดยอาศยั เกณฑ์ เนอื้ หา/สาระสำคัญในแต่ละด้าน และเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ซ่งึ กำหนดไวเ้ ปน็ แนวทางเบ้ืองต้น ดังน ี้
แนวทางการวัดและประเมนิ ผล การจัดการเรยี นรูเ้ พศศกึ ษารอบด้าน สำหรับผ้เู รียนระดบั ชนั้ ม.๑ เครือ่ งมือวดั และประเมิน ส ิ่งทวี่ ดั เน้ือหา/สาระสำคญั จากการเรียนร ู้ ๑. ความรู้ • การเปล่ยี นแปลงและพฒั นาการทงั้ ๕ ด้าน เม่ือย่าง ๑. คำถามท้ายบท เขา้ สวู่ ัยรุ่น ๒. ชิ้นงาน • วิธกี ารดแู ลรักษาสุขอนามัย และสรีระร่างกายทถี่ ูกตอ้ ง “บอร์ดนิทรรศการ” • ความแตกตา่ งของบคุ คล ๓. แบบประเมนิ ทักษะ • ช่องทางการตดิ ต่อของเชอื้ เอชไอวี และการทำงานกล่มุ • แยกแยะพฤตกิ รรมการลว่ งละเมิดทางเพศ • วธิ ีการจัดการข้อขดั แย้งกับเพอ่ื น ผ้ใู หญ่ ๒. เจตคติ • ใหค้ วามสำคญั และไม่เขินอายทจ่ี ะแสวงหาข้อมูล เพื่อดแู ลสุขอนามยั ทางเพศของตนเอง • มน่ั ใจในการยืนยนั บอกความต้องการ ปฏเิ สธในสิ่งที่ ตนเองไมต่ อ้ งการ • ใหค้ วามสำคัญกับการรกั ษาสัมพนั ธภาพกบั เพอื่ น ผใู้ หญ ่ • ยอมรับผดิ ต่อการกระทำของตนเอง 52 คมู่ ือการจัด กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
เน้อื หา/สาระสำคัญจากการเรียนร ู้ เคร่ืองมือวดั และประเมนิ ส ่ิงทีว่ ดั • ให้ความสำคัญกบั การปรบั ปรุงตัวเองเพอ่ื ปรบั ตัว ใหเ้ ขา้ กบั ผู้อ่ืนได ้ 53 • เคารพความแตกตา่ งของบคุ คล • ไมร่ งั เกยี จผตู้ ดิ เชือ้ คนรกั เพศเดยี วกนั แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้เพศศกึ ษารอบดา้ นสำหรบั ผ้เู รียนระดับช้นั ม.๑ • ให้ความสำคัญกับการไม่ใชส้ นิ คา้ ฟุ่มเฟือย • การคดิ วเิ คราะห ์ ๓. ทกั ษะ • การตดั สินใจ • การประเมนิ ความเส่ียง • การส่ือสารเพอ่ื จดั การความสมั พนั ธ ์ • การทำงานเป็นกลุ่ม
เกณฑก์ ารให้คะแนน คำถามทา้ ยบทและชน้ิ งาน ๑. ความถกู ต้องของขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริง ๒. การให้เหตผุ ลประกอบ ทีเ่ ป็นการสะทอ้ นทศั นคตขิ องผ้เู รยี นที่มตี อ่ ประเดน็ น้นั เกณฑ ์ ระดับคะแนน/ตัวบง่ ช ี้ เน้อื หาจากคำตอบ และการให้เหตผุ ล ๓ (ดมี าก) ตอบถกู ต้อง มีเหตุผลสนับสนุน / เหตุผลสอดคล้อง ๒ (ดี) ตอบถกู ต้อง ไมม่ เี หตผุ ลสนบั สนุน / เหตุผลไมส่ อดคล้อง ๑ (ผา่ น) ตอบถูกตอ้ งแต่ไมค่ รบถ้วน ไมม่ เี หตุผลสนับสนุน / เหตผุ ลไมส่ อดคล้อง ๐ (ไมผ่ ่าน) ไม่ตอบ / ตอบไมต่ รงประเดน็ / ตอบไมถ่ กู 54 คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทักษะและการทำงานกลุ่ม ทักษะ ระดับคะแนน/เกณฑ์หรอื ตัวบ่งชี้ ๓ (ดมี าก) ๒ (ดี) ๑ (ผา่ น) ๐ (ไม่ผา่ น) ๑. ทกั ษะการคดิ การแยกแยะ การแยกแยะ การแยกแยะข้อมลู / ไมส่ ามารถ 55 วเิ คราะห ์ ข้อมูล/ข้อเท็จจรงิ ขอ้ มูล/ข้อเท็จจรงิ ขอ้ เท็จจริงได้ จำแนกขอ้ มูล/ ได้ถกู ตอ้ ง ได้ถกู ต้อง ข้อเท็จจริง หรือ การเชอ่ื มโยง การเชือ่ มโยงเพ่อื การเชือ่ มโยงเพ่ือให้ เชอ่ื มโยงเพอื่ ให้ เกณฑ์การใหค้ ะแนนคำถามทา้ ยบทและช้นิ งาน เพ่อื ให้เหตผุ ล ใหเ้ หตุผล เหตุผลประกอบการ เหตผุ ลในการ ประกอบการตอบ ประกอบการตอบ ตอบคำถามได้ แต่ ตอบคำถามได ้ คำถามได้อยา่ ง คำถามถกู ตอ้ ง ไมช่ ดั เจนนกั ครบถว้ น หรอื ครบถ้วน เพียงบางสว่ น ๒. การตดั สนิ ใจ ระบุปญั หาได้ ร ะบุปัญหาได้ ระบปุ ญั หาได ้ ไม่สามารถระบุ ถกู ต้อง ถ กู ตอ้ ง มกี ารประเมินหรือ ปญั หา หรือ มีการประเมนิ มีการประเมนิ วเิ คราะหท์ างเลอื ก วเิ คราะห์ทาง หรือวิเคราะห์ หรือวเิ คราะห์ ได้บางส่วน เลือก หรือ ทางเลือกอย่าง ทางเลอื กได้ พิจารณาผล ร อบคอบ บ างสว่ น การพิจารณาผล กระทบด้านบวก/ การพิจารณาผล การพจิ ารณาผล กระทบดา้ นบวก/ลบ ลบในการแกไ้ ข กระทบด้านบวก/ กระทบด้านบวก/ ปัญหา ลบในการแก้ไข ลบในการแกไ้ ข ในการแกไ้ ขปญั หา ปญั หาอยา่ ง ปัญหาไดบ้ างส่วน ยังไมช่ ดั เจน รอบคอบ
ทกั ษะ ระดับคะแนน/เกณฑ์หรอื ตัวบ่งช้ี ๓. การประเมิน ๓ (ดมี าก) ๒ (ด)ี ๑ (ผา่ น) ๐ (ไม่ผ่าน) ความเส่ียง ไม่มีขอ้ เท็จจริง แสวงหาขอ้ เทจ็ แสวงหาขอ้ เท็จ แสวงหาข้อเทจ็ จรงิ และการพจิ ารณา จรงิ หรอื ขอ้ มูลที่ จรงิ หรือขอ้ มูลท่ี หรอื ขอ้ มูลทีจ่ ำเปน็ ความเปน็ ไปได้ ๔. การส่ือสาร จำเปน็ ได้ จำเป็นได้ ได ้ และแนวทาง เพอ่ื จดั การ ค รบถ้วน ค รบถ้วน แกไ้ ขปัญหา ความสมั พนั ธ ์ การชง่ั นำ้ หนัก การชงั่ น้ำหนกั การช่งั น้ำหนักหรือ หรือพจิ ารณา หรอื พิจารณา พจิ ารณา ความเป็น ความเปน็ ไปได้ ความเปน็ ไปได้ยงั ไปได้ไมช่ ดั เจน ระบุความ 56 อย่างรอบคอบ ไ ม่รอบคอบ ตอ้ งการหรอื มีแนวทางการ มีแนวทางการ มีแนวทางการแกไ้ ข เป้าหมาย แต่ไม่ คมู่ ือการจดั แกไ้ ขปัญหาที่อาจ แกไ้ ขปญั หาทอ่ี าจ ปัญหาท่ีอาจเกดิ ข้นึ สามารถใชภ้ าษา กระบวนการเรียนรู้ เกดิ ข้นึ ชัดเจน เกดิ ขึ้นอาจไม่ ไม่ชัดเจน หรอื สือ่ ความ ชัดเจน ตอ้ งการของ เพศศึกษา ระบุความ ตนเองได้ หรอื สำหรับนกั เรียนชนั้ ระบคุ วาม ระบุความต้องการ อาจเกิดความ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ตอ้ งการหรอื เป้า ตอ้ งการหรือเปา้ หรือเป้าหมายได้ ขดั แย้งได้ ห มายไดช้ ัดเจน ห มายได้ชัดเจน การใชภ้ าษาหรอื การใช้ภาษาหรือ การใช้ภาษาหรือคำ ค ำพูดเหมาะสม คำพดู เหมาะสม พดู ยังต้องปรบั ปรุง ส่อื ความหมายได้ ส่อื ความหมายได้ สื่อความหมายได้ ถ กู ตอ้ ง ถ ูกตอ้ ง รบั ฟังหรอื เข้าใจ รับฟังหรอื เข้าใจ ไมร่ บั ฟงั หรอื ไม่ เหตผุ ลและความ เหตผุ ลและความ เขา้ ใจเหตุผลและ ต้องการของอกี ตอ้ งการของอีก ความต้องการของ ฝ่ายไดด้ ี ฝา่ ยได้บ้าง อีกฝ่าย
ทกั ษะ ระดบั คะแนน/เกณฑ์หรอื ตวั บง่ ช ี้ ๕. การทำงาน ๓ (ดมี าก) ๒ (ดี) ๑ (ผา่ น) ๐ (ไม่ผา่ น) เปน็ กลมุ่ ทำใหเ้ กิดผลที่ ทำให้เกิดผลที่ ตอ้ งปรบั ปรงุ เพอื่ 57 เปน็ ความพึง เป็นความพึง ทำให้เกดิ ผลท่ีเปน็ พอใจทั้งสองฝา่ ย พอใจทัง้ สองฝา่ ย ความพงึ พอใจทง้ั เกณฑ์การใหค้ ะแนนคำถามทา้ ยบทและช้นิ งาน สองฝา่ ย การแบง่ หน้าท่ี การแบง่ หน้าท่ี การแบง่ หนา้ ที่ และ ไมม่ ีการแบ่ง และมอบหมาย และมอบหมาย มอบหมายงานไม่ หน้าที่ และมอบ งานชดั เจน มกี าร งาน ไม่มกี าร ชัดเจน หมายงาน สลับเวยี นหนา้ ที่ สลับบทบาท ดำเนนิ การ ร บั ผดิ ชอบ ห นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบ ไมค่ รบทกุ ขน้ั ตอน ชแี้ จง ดำเนินงานตาม ดำเนินการตาม และการเกบ็ ขอ้ มลู วัตถปุ ระสงค์ ขัน้ ตอน แตม่ ี ขัน้ ตอน แตข่ าด ขาดประเดน็ และ เตรยี มความ ความบกพร่อง ความชดั เจน หรอื มีสมาชกิ เพียง พร้อมกอ่ นลงมอื เพยี งเลก็ น้อยใน บกพรอ่ งเป็น บางคนหรอื มี ปฏบิ ัติงาน บางขนั้ ตอน ส่วนใหญ่ จำนวนนอ้ ยให้ ตดิ ตามงาน ความรว่ มมอื แ ละสรปุ ร่วมกัน หรอื แสดง เกบ็ ขอ้ มลู ได้ครบ เกบ็ ขอ้ มูลไดแ้ ต่ เกบ็ ข้อมลู ไดบ้ ้าง ความเหน็ ต้งั ใจ ถ้วนตามประเดน็ ไม่ครบถว้ น ปฏิบัตงิ าน ทก่ี ำหนด สมาชิกใหค้ วาม สมาชิกใหค้ วาม สมาชกิ ใหค้ วามร่วม รว่ มมอื แสดง รว่ มมือ แสดง มอื แสดงความคิด ความคดิ เห็น ความคดิ เห็น เหน็ ตง้ั ใจปฏบิ ัติ ต้ังใจปฏบิ ัตงิ าน ตง้ั ใจปฏบิ ัตงิ าน งานมจี ำนวนเพยี ง ตามมอบหมาย เพียงบางสว่ น เล็กน้อย
การประเมินเพือ่ สรุปผลการเรียน ผู้จัดการเรียนรู้สามารถพิจารณาจากการประเมินแต่ละกิจกรรมและงานท่ีมอบหมายใน อัตราส่วนตามความเหมาะสมของแต่ละกิจกรรมหรืองานท่ีมอบหมายให้ดำเนิน และกำหนดการ ผา่ นเกณฑโ์ ดยให้คะแนนตามนี้ (หรอื ปรบั ปรงุ แก้ไขไดต้ ามความเหมาะสม) งานหรือกิจกรรมท่ีประเมนิ คะแนน การตอบคำถามท้ายบท ๓๐ คะแนน ทักษะและการทำงานกลุม่ ๓๐ คะแนน ชน้ิ งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ๔๐ คะแนน รวม ๑๐๐ คะแนน เกณฑ์การประเมิน “ผา่ น” และ “ไมผ่ ่าน” กรณี “ผ่าน” หมายถึง นักเรียนมีผลการประเมินผ่านผลการเรียนรู้ของหลักสูตรไม่ต่ำกว่า ๖๐ คะแนน ของผลการเรยี นรูต้ ามกลมุ่ สาระเพ่มิ เตมิ สุขศึกษา ในหลักสูตรเพศศกึ ษารอบดา้ น กรณี “ไม่ผา่ น” ครผู สู้ อนสามารถเสริมดว้ ยกิจกรรมและวธิ ีการทเ่ี หมาะสมเพือ่ ซอ่ มให้ นกั เรียนผ่านตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด 58 คู่มอื การจัด กระบวนการเรียนร ู้ เพศศกึ ษา สำหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
ข้อคดิ ในเรื่องการจัดการเรียนร ู้ 59 ผู้จดั การเรยี นรู้ควรออกแบบ และสร้างการเรยี นรแู้ ก่ผู้เรยี น โดยกระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นนำ สิ่งท่ีเป็นประสบการณ์ของผู้เรียน และการตั้งข้อสังเกตจากประสบการณ์ของผู้อื่นท่ีได้เคย พบเห็น มาผนวกกับความคิดเห็น และความรู้สึกของผู้เรียน และส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ จากการเห็นแบบอย่างของพฤติกรรม การกระทำ ความแตกต่างหลากหลายทัศนะ และ มุมมองทม่ี ีตอ่ เรอื่ งเดยี วกัน จงึ จะทำใหผ้ เู้ รียนฝกึ คดิ เปรียบเทยี บ แยกแยะสิ่งทตี่ นกระทำ หรอื เชื่อ กบั ความคิด ความเชอ่ื แบบอ่ืนๆ จนสามารถเรยี นรู้ และเข้าใจตนเองถอ่ งแทข้ ึน้ การเรียนรู้จะลึกซึ้ง ย่ังยืนเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าผู้เรียนจะมีโอกาสได้คิด วิเคราะห์ ใคร่ครวญ และเปรียบเทียบประสบการณ์ของตนกับผู้อ่ืน ท้ังในโรงเรียน บ้าน ที่ทำงาน และ กลุ่มเพ่ือนหรือเครือข่ายทางสังคมได้กว้างขวางเพียงไร และคนเรามักจะเรียนรู้ได้ลึกซึ้งมาก ขึ้นเม่ือข้อมูลใหม่ ความคิดใหม่ และทักษะใหม่ๆ เหล่าน้ัน สอดรับ และตอบสนองต่อความ ตอ้ งการ หรอื ชว่ ยคลคี่ ลายปญั หาทผี่ เู้ รยี นเผชญิ อยู่ ซงึ่ จะทำใหเ้ กดิ การลองนำไปใช้ และส่งผล ตอบกลบั ให้เป็นการเรียนรู้ใหมไ่ ด้ ต้องไม่ลืมว่า การศึกษาในห้องเรียน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เพื่อท่ีจะเกิด การเปล่ียนแปลงตัวเองของผู้เรียน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมขึ้นอยู่กับ ปัจจัยและเง่ือนไขที่หลากหลาย เงื่อนไขบางอย่างต้องมีข้ึนก่อนท่ีบุคคลจะเปล่ียนแปลงตนเอง (predispose) อาทิเช่น ต้องมีความรู้ หรือทัศนะบางอย่างต่อเร่ืองน้ัน ที่เอ้ือต่อการเกิด พฤติกรรม นอกจากน้ันยังต้องอาศัยการเก้ือหนุน หรือการเข้าถึงของทรัพยากร อุปกรณ์ หรือบริการ ที่จำเป็นต่อการสร้างพฤติกรรมนั้น และท่ีสำคัญต้องมีส่ิงแวดล้อม หรือบุคคล แวดลอ้ มท่คี อยส่งเสรมิ ตอกยำ้ ให้เกดิ การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมโดยสม่ำเสมอ เปน็ ต้น
ข้อเตือนใจเกย่ี วกบั กระบวนการเรียนรู้ของมนุษย ์ ๑. เราเรยี นรู้ท่จี ะทำได้ ก็ต่อเม่อื ไดล้ องลงมอื ทำ ๒. เราเรียนรูท้ จ่ี ะทำส่ิงนี้ได้ ก็ตอ่ เม่อื ไดล้ องทำสง่ิ น ี้ ๓. เม่ือไม่พร้อมที่จะเรียน การเรียนรู้ก็ไม่เกิด การยัดเยียดให้เรียนโดยไม่พร้อมอาจเกิด ผลรา้ ยมากกวา่ ด ี ๔. หากไมม่ แี รงจงู ใจ ก็อาจไมเ่ กดิ การเรียนร ู้ ๕. ถ้าจะให้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีปฏิกิริยาตอบรับกับสิ่งท่ีผู้เรียน แสดงออกมาในระหวา่ งการเรยี นอย่างทนั ทว่ งที ๖. หากสาระทีเ่ รยี นนนั้ มีความหมายต่อผเู้ รียน การเรียนรยู้ ่อมย่ังยนื กวา่ เรื่องราวทีไ่ มม่ ี ความหมายแกต่ ัวผู้เรยี น ๗. ถ้าต้องการให้การเรียนรู้เกิดการนำไปปฏิบัติ ควรจัดวางการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ การนำไปใชใ้ นชีวติ จริง ๘. ผู้เรียนจะสนองตอบต่อการเรียนรู้อย่างไร มักข้ึนอยู่ว่าเขารับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ นั้นๆ อย่างไร ๙. ผู้เรียนจะสนองตอบกับการเรียนรู้ได้ดีเพียงไร ขึ้นอยู่กับบรรยากาศของการจัดการ เรยี นรู้น้นั ๆ ๑๐. คนเรามักตอบสนอง โดยการแสดงออกตามสิ่งท่ีตนกระทำได้ หรือเคยทำ ตาม เง่ือนไขทางกายภาพ ภูมิหลงั ทีต่ นมี และตามแรงกระต้นุ ท่ีไดร้ บั ในขณะนัน้ 60 ค่มู อื การจดั กระบวนการเรียนรู้ เพศศกึ ษา สำหรบั นักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
จดุ มงุ่ หมายของเพศศึกษา 61 เมื่อเราคำนึงถึงผลลัพธ์สุดท้ายท่ีเราต้องการคือ การสร้างเยาวชนที่มีคุณลักษณะที่พึง แนวคิดและแนวทางปฏบิ ตั ิในการเปน็ ผู้จดั การเรยี นร้เู พศศกึ ษาที่รอบดา้ นและยดึ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ประสงค์ทีจ่ ะนำไปส่สู ุขภาวะทางเพศ จดุ มงุ่ หมายของเพศศกึ ษาควรครอบคลุมถึงเรอ่ื งตอ่ ไปน ้ี แผนการ เพ่ือให้ข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านเกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ สุขภาพทางเพศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล ทกั ษะสว่ นบุคคล สงั คมและวฒั นธรรมที่เกี่ยวข้อง เรียนรเู้ พศศึกษา เพ่ือจัดโอกาสทเ่ี ปดิ กว้างและปลอดภัยทีผ่ ู้เรยี นจะไดซ้ ักถาม แลกเปลยี่ นความคดิ และ “กา้ วยา่ ง ประเมินทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองเพศ เพื่อบ่มเพาะทัศนคติ สร้างความตระหนักถึงคุณค่าของตน อย่างเขา้ ใจ” และมีความสัมพนั ธไ์ ดก้ บั ทุกเพศอยา่ งรู้จักรับผดิ ชอบทงั้ ตอ่ ตัวเองและผู้อ่นื ระดบั มัธยมศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้แก่ ทักษะการส่ือสาร การตัดสินใจ การบอก ยืนยันความคิดเห็น การต่อรอง การสร้างสัมพันธไมตรีที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ และการแก้ปัญหารวมท้ัง ปีท่ี ๑ การหาความชว่ ยเหลอื
แผนการเรียนรเู้ พศศกึ ษา “กา้ วย่างอย่างเขา้ ใจ” ระดับมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ แผนการ ชื่อแผน สาระสำคัญ วตั ถุประสงค ์ หมวด เรียนรูท้ ี่ ๑. อธบิ ายพฒั นาการทางเพศของ พัฒนาการ ทางเพศ ๑ ยา่ งส ู่ พฒั นาการเมือ่ เข้าสวู่ ยั รุน่ หญิงชายเมอ่ื เขา้ สวู่ ัยร่นุ ทัง้ ดา้ น วยั หนมุ่ สาว ของหญงิ ชาย และการเข้าสู่ รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ ์ สังคม ภาวะเจรญิ พนั ธุ์ ซง่ึ หากชาย และพฤตกิ รรม หญงิ มเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไม่ ๒. ระบถุ งึ สญั ญาณความพร้อมทาง ป้องกนั กอ็ าจนำไปส่กู ารต้ัง รา่ งกายของหญงิ ชายทีเ่ ข้าสู่ ครรภ์ได้ ภาวะการเจรญิ พันธุ ์ สขุ ภาพ ๑. บอกวธิ ีการดแู ลสขุ อนามยั ทาง ทางเพศ เพศท่ถี กู วธิ แี ละปลอดภัย ๒ สะอาด สดใส การดูแลสุขอนามัยทางเพศ ๒. เขา้ ใจถึงความสำคญั ของการ ปลอดภัย อยา่ งถกู วธิ ี รวมทั้งอวัยวะ ค้นหาความรใู้ นเร่อื งการดูแล สืบพันธุเ์ ปน็ ส่ิงจำเป็น และ สขุ อนามัย สมั พนั ธภาพ ไมใ่ ช่เรอื่ งน่าอาย ๑. อธบิ ายคณุ ลกั ษณะสำคญั ของ บุคคลท่ีคนสว่ นใหญ่อยากเปน็ เพอื่ นดว้ ย ๓ ประกาศ “เพอื่ น” มีบทบาทสำคัญ ๒. บอกวิธกี ารในการสร้างและ รบั เพ่ือนใหม ่ ตลอดชีวิตของเรา การรักษา รกั ษาสัมพันธภาพ อย่างน้อย ความเปน็ เพือ่ นต้องเรียนรทู้ ง้ั ๓ วิธี การเป็นผ้ใู หแ้ ละผู้รับ ไมเ่ อา เปรยี บกนั และเคารพตัวตน ของกันและกัน 62 คู่มือการจดั กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑
แผนการ ชือ่ แผน สาระสำคญั วัตถุประสงค ์ หมวด เรยี นรทู้ ี่ เราควรเรยี นรูท้ จ่ี ะปฏิบัติต่อ ๑. บอกความแตกตา่ งระหวา่ งสงิ่ ที่ ทักษะส่วน ๔ เรื่องของ บคุ คลอ่ืนด้วยความเคารพ เป็นขอ้ เทจ็ จรงิ กับความคิดเหน็ บุคคล ชดิ ชนก และไมค่ วรแสดงออกให้ผอู้ ื่น ได้ รสู้ กึ ดอ้ ยคา่ และตอ้ งกลา้ หาญ ๒. ระบวุ ธิ กี ารแสดงความรบั ผดิ ชอบ 63 ทจ่ี ะขอโทษและรับผิดชอบ เม่อื ทำใหผ้ อู้ ่ืนเสยี หาย เสียใจ ในสงิ่ ท่ตี นเองก ระทำ แผนการเรียนร้เู พศศกึ ษา “ก้าวยา่ งอยา่ งเขา้ ใจ” ระดบั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๕ เรามกั มคี วามคาดหวังต่อคน ๑. บอกความคาดหวังทม่ี ตี อ่ กนั สัมพันธภาพ ท่เี รามีความสมั พนั ธ์ด้วย ระหวา่ งความสมั พนั ธ์แบบเพือ่ น ความคาดหวังทีม่ ตี ่อกนั กบั เพอ่ื น ครูกับนกั เรยี น พ่อแม่ อาจไม่ตรงกนั ซึง่ อาจนำไป กับลกู ส่คู วามขดั แยง้ ได้ การพดู คยุ ๒. ระบุปัจจยั ๓ ข้อท่ีทำใหเ้ กิด ๖ สือ่ สาร จะช่วยให้เขา้ ใจและ ความขัดแยง้ ระหว่างบุคคล ปรบั ตัวเขา้ หาก นั ไดม้ ากขึ้น ๓. บอกวิธกี ารจดั การท่ตี นเองเลือก ใชเ้ พื่อลดควา มขดั แย้ง การรักเพศเดียวกัน ๑. เขา้ ใจว่ารสนยิ มทางเพศมีความ พฤตกิ รรม เปน็ รสนยิ มทางเพศแบบหนึ่ง หลากหลาย และเปน็ เรื่องสว่ น ทางเพศ ซ่ึงไมใ่ ช่เรื่องผิดปกติหรอื บคุ คล เบ่ยี งเบน แต่สงั คมบางส่วน ๒. ตระหนกั ถึงความแตกตา่ งของ ๗ ยังยึดถือกบั การแบ่งเพศตาม เพศสรรี ะ (Sex) และเพศสภาพ สรรี ะ และไม่ใหก้ ารยอมรับ หรือบทบาททางเพศ (Gender) คนท่มี รี สนยิ มทางเพศท ี่ ทก่ี ำหนดโดยส งั คม แตกตา่ ง ผ้ตู ิดเช้ือเอชไอวยี ังสามารถ ๑. ระบุความเชอื่ ท่ผี ดิ ๆ เกยี่ วกบั สขุ ภาพทาง ดำเนินชวี ติ ได้ตามปกต ิ ผูต้ ิดเชือ้ เอชไอว ี เพศ และการใช้ชวี ิตประจำวัน ๒. มั่นใจท่ีจะใช้ชวี ติ ร่วมกับผู้ติด รว่ มกับผตู้ ิดเช้ือเอชไอวี ไม่ เชือ้ โดยเขา้ ใจวา่ การใชช้ วี ติ สามารถทำใหเ้ กดิ การติดเชื้อ ประจำวันไมส่ ามารถทำให้เกิด ได้ การติดเชือ้ ได้
แผนการ ชือ่ แผน สาระสำคญั วัตถุประสงค ์ หมวด เรยี นร้ทู ี่ สงั คมและ วฒั นธรรม ๘ ไมม่ ี ไม่เท ่ การเท่าทนั เรือ่ งกระแสนิยม ๑. บอกความหมายของ “แฟชัน่ ” ทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงอย่าง และ “กระแสนยิ ม” และผล รวดเรว็ จะช่วยใหว้ ยั รุน่ กระทบทมี่ ีตอ่ วยั ร่นุ ได ้ สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ๒. ระบุวธิ ีการสร้างการยอมรับจาก และไม่ตามกระแสจนเกิดผล เพอื่ น โดยไม่จำเปน็ ตอ้ งปฏบิ ัติ กระทบตอ่ ตนเองและคนรอบ ตวั เหมอื นกัน ข้าง ๓. ยกตัวอย่างเพ่ือเปรยี บเทียบ “การเทา่ ทัน” กระแสแฟชนั่ พฒั นาการ และ “การทำ ตามกระแส” ทางเพศ ๙ ฉนั เป็นฉันเอง บคุ คลแต่ละคนมลี กั ษณะ ๑. เข้าใจว่าภาพลักษณ์ท่ีเป็น เฉพาะตนท่ีแตกต่างกัน ท้งั กระแสนยิ มในสงั คม ถกู สรา้ ง เรือ่ งขนาด รปู ร่าง สผี ิว ขนึ้ และเปลย่ี นแปลงไดต้ ามยุค ซงึ่ เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตน สมยั ในขณะทค่ี า่ นยิ มในเรอื่ ง ๒. บอกถงึ ผลกระทบจากการ สมั พนั ธภาพ ความงามของสังคมแปร ดัดแปลง เสริมแตง่ อวัยวะ เปล่ียนไปตาม ยคุ สมยั รา่ งกาย ๑๐ ทำตามส่ัง ความสมั พนั ธ์ระหว่างบคุ คล ๑. ระบุลกั ษณะของรูปแบบความ ควรอย่บู นพืน้ ฐานของการ สัมพันธ์ทีไ่ มเ่ ทา่ เทียมกัน เคารพ ให้เกียรติกัน ไมใ่ ช้ ๒. บอกวธิ กี ารปฏบิ ัติต่อผ้อู นื่ ที่ ทักษะสว่ น อำนาจบีบบงั คับต่อกนั แสดงถึงการเคารพซึ่งกนั และ บคุ คล กนั ๑๑ เบอื่ คนแซว การสือ่ สารอาจนำไปสู่การ ๑. ยกตัวอยา่ งคำพดู กิรยิ า เข้าใจผิด หรือทำร้ายความ พฤตกิ รรมทเี่ ปน็ การทำรา้ ย รสู้ ึกของอกี ฝ่ายได้ การ ความรู้สกึ ผ้อู ืน่ แสดงความรับผดิ ชอบตอ่ ส่ิง ๒. ระบุวธิ ีแสดงความรบั ผดิ ชอบ ท่ตี นเองกระทำ จะช่วยให้ เมอ่ื ได้ทำร้ายความรสู้ ึกผอู้ น่ื ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ ดว้ ยคำพดู 64 คูม่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
แผนการ ชื่อแผน สาระสำคญั วัตถุประสงค์ หมวด เรียนรทู้ ี ่ ๑๒ สัมผัสดี การสัมผัสร่างกายอาจเกดิ ๑. แยกแยะไดว้ า่ สมั ผสั แบบใด พฤตกิ รรม สัมผสั ไมด่ ี ขน้ึ จากเจตนาหลายแบบ เปน็ การจงใจลว่ งละเมิดทาง ทางเพศ วยั รนุ่ จึงควรเรยี นรูว้ ่าการ เพศ และแบบใดคอื สมั ผัส สมั ผสั แบบใดเปน็ สิ่งทีก่ ระทำ ธรรมดาที่ไม่มเี จตนาแอบแฝง 65 ได ้ และแบบใดทคี่ วรหลกี ๒. บอกวธิ จี ดั การ หากเผชญิ กับ เลยี่ งและป้องกัน การกระทำทส่ี ่อเจตนาลว่ ง แผนการเรียนร้เู พศศกึ ษา “ก้าวยา่ งอยา่ งเขา้ ใจ” ระดบั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ละเมดิ ทางเพศ ๓. บอกวธิ ปี อ้ งกันสถานการณท์ ี่ อาจนำไปส่กู ารลว่ งละเมิดทาง ๑. เแพสศด งความ มนั่ ใจในการสื่อสาร ทักษะส่วน ๑๓ ข้างหลังภาพ ทัศนะและพฤติกรรมของ บุคคลอาจแตกตา่ งกันตาม เพอ่ื บอกความคดิ เห็นของ บุคคล กระบวนการหลอ่ หลอมและ ตนเอง และเปิดใจรบั ฟงั ความ ประสบการณ์ เราจึงไมค่ วร คดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ด่วนตดั สินคนที่คิดต่างจาก ๒. ระบุคา่ นยิ มเรื่องเพศ ๒ เรอื่ งที่ เรา ส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศของ คนในสังคม ๑๔ แฟนฉนั สมั พันธภาพทีด่ รี ะหวา่ งคน ๑. ระบุคุณสมบตั แิ ละอปุ นิสัยท่ที ำ สมั พันธภาพ สองคนขน้ึ อยกู่ บั อปุ นิสัย ใหส้ ัมพันธภาพยั่งยนื และราบ และการเรยี นรรู้ ะหวา่ งกัน รืน่ และกนั ของท้งั สองฝ่าย มาก ๒. บอกวธิ กี ารเรียนร้ลู กั ษณะนสิ ัย กวา่ รูปลกั ษณภ์ ายนอก ของคนท่เี ราค บด้วย
แผนการ ช่ือแผน สาระสำคัญ วตั ถุประสงค์ หมวด เรียนร้ทู ่ี ๑๕ ร้ทู นั การล่วงละเมิดทางเพศใน ๑. บอกได้วา่ การกระทำแบบใดถอื สุขภาพทาง ป้องกนั ได้ ปจั จบุ นั มหี ลายรปู แบบ วยั รนุ่ เป็นการลว่ งละเมิดทางเพศ เพศ ควรเรยี นร้ถู งึ สิทธใิ นเนอื้ ตัว ๒. ระบโุ อกาสท่นี ำไปสู่การล่วง รา่ งกายทผี่ ู้อื่นจะละเมิดมิได้ ละเมดิ ทางเพศสำหรับวัยร่นุ และรู้วา่ การกระทำแบบใดท่ี ๓. บอกแนวทางในการหาความ เขา้ ข่ายการล่วงละเมิด ช่วยเหลือเม่ือถกู ลว่ งละเมดิ ทาง ทางเพศ เพือ่ หาทางปอ้ งกัน เพศ และรแู้ หลง่ ชว่ ยเหลอื หากพบ ปัญหา ๑๖ นบั จากวันน้ี การมีเปา้ หมายในชวี ติ จะ ๑. บอกเป้าหมายในชวี ิต อยา่ ง ทักษะสว่ น ชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ มีแรงจูงใจใน นอ้ ย ๑ เรือ่ ง พร้อมวธิ ีการทจ่ี ะ บุคคล การดำเนินชวี ิตอย่าง ไปถึงเป้าหมาย รอบคอบและเตรยี มพรอ้ มท่ี ๒. วิเคราะห์ปัจจยั ทอี่ าจเปน็ จะรบั มอื กบั อุปสรรคท่ีอาจมี อปุ สรรคในการทำตามเป้า ได ้ หมาย 66 คูม่ ือการจดั กระบวนการเรียนรู ้ เพศศึกษา สำหรับนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๑ ยา่ งส ู่ วัยหนุม่ สาว
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑ ยา่ งสวู่ ัยหนมุ่ สาว สาระสำคญั พัฒนาการตามธรรมชาติของมนุษย์เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นทั้งหญิงและชายมีการ เปล่ยี นแปลงหลายด้านท้ังทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และพัฒนาการทาง เพศ การเปล่ียนแปลงท่ีส่งสัญญาณการเป็นหนุ่มสาวคือ ผู้ชายมีการฝันเปียก และผู้หญงิ มปี ระจำเดือน ซึ่งหมายถงึ การเขา้ สู่ภาวะเจรญิ พนั ธ์ุ ซึง่ หากชายหญงิ มี เพศสัมพนั ธ์โดยไมป่ ้องกนั กอ็ าจนำไปสู่การตง้ั ครรภไ์ ด้ การเข้าใจพฒั นาการและ การเปลย่ี นแปลงท่เี กิดขึ้น จะชว่ ยใหบ้ ุคคลสามารถดแู ลตนเองและดำรงตนในชว่ ง วัยรนุ่ ได้อยา่ งปกตสิ ขุ และมีสขุ ภาวะทางเพศทดี่ ี จุดประสงค ์ ๑. อธิบายพัฒนาการทางเพศของหญิงชายเมอ่ื เขา้ สวู่ ัยรนุ่ ท้ังดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และพฤตกิ รรม ๒. ระบุถึงสัญญาณความพร้อมทางร่างกายของหญิงชายท่ีเข้าสู่ภาวะการ เจรญิ พนั ธ์ุ 68 คมู่ อื การจัด กระบวนการเรยี นรู้ เพศศกึ ษา สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
อปุ กรณ์ และสือ่ 69 ๑. โมเดลอวัยวะสบื พันธุ์ หรือแผ่นใส / ภาพอวยั วะสืบพันธ ์ุ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๑ ยา่ งสู่วยั หน่มุ สาว ๒. ใบความรู้ (สำหรับนักเรยี นทกุ คน หรอื ทำเป็นแผ่นขนาดใหญส่ ำหรับติดไว้ที่ห้อง) • ใบความรู้ ๑ - อวยั วะสบื พนั ธ์เุ พศชาย • ใบความรู้ ๒ - อวยั วะสืบพนั ธภ์ุ ายนอกเพศหญงิ • ใบความรู้ ๓ - อวยั วะสบื พนั ธภุ์ ายในเพศหญิง • ใบความรู้ ๔ - วงจรการเกิดประจำเดอื น ๓. กระดาษฟลปิ ชาร์ท ปากกาเคมี กระดาษกาว ข้ันตอนการดำเนนิ กิจกรรม ๑. ผู้ดำเนินกิจกรรมชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียนรู้กิจกรรม “ย่างสู่วัยหนุ่มสาว” ว่า เป็นกิจกรรมท่ี ต้องการให้ผู้เรียนเข้าใจธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงเม่ือเข้าสู่วัยรุ่นทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และความรู้สึก และเข้าใจความหมายและความสัมพันธ์กันระหว่างการมีประจำเดือน การฝันเปยี ก การมีเพศสัมพันธ์ และการตัง้ ครรภ์ (๕ นาที) ๒. แบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็นกลุ่มชายล้วน หญิงล้วน (กลุ่มละไม่เกิน ๗ คน) พร้อมแจกกระดาษ ฟลิปชารท์ และปากกาเคมีให้กลุ่มละ ๑ ชุด ให้เวลาระดมสมอง ๑๕ นาที โจทย์สำหรบั กลุ่มหญงิ • เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น มีการเปล่ียนแปลงอะไรบ้างท้ังทางร่างกายและจิตใจที่ทำให้รู้ว่า “เป็นสาวแลว้ ” • ยกตวั อย่างพฤติกรรม การใชช้ ีวติ ในวัยสาวทีต่ ่างไปจากวัยเดก็
โจทย์สำหรับกลุ่มชาย • เม่ือเข้าสู่วัยรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างท้ังทางร่างกายและจิตใจท่ีทำให้รู้ว่า “เปน็ หนมุ่ แล้ว” • ยกตัวอยา่ งพฤติกรรม การใช้ชีวิตในวัยหนุ่มทต่ี า่ งไปจากวยั เด็ก ๓. หลังจากหมดเวลา ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอ กลุ่มละ ๒ นาที โดยแต่ละกลุ่มให้เลือก ประเดน็ ท่ีไม่ซำ้ กับกล่มุ แรก (๑๐ - ๑๕ นาที) ๔. ผู้ดำเนินกิจกรรมทบทวนประเด็นหลักๆ ที่แต่ละกลุ่มเสนอ และชวนคุยโดยใช้คำถามชวนคิด ดังนี้ (๒๐ นาท)ี คำถามชวนคิด • การเปลย่ี นแปลงท่เี กดิ ขึ้นมผี ลต่อวัยรุ่นอยา่ งไร • วัยร่นุ หญิงสามารถตง้ั ครรภไ์ ดห้ รอื ไม่ มีปัจจัยใดเกย่ี วข้องบ้าง • วัยรนุ่ ชายสามารถทำให้ผหู้ ญงิ ตั้งครรภไ์ ดห้ รือไม่ มีปจั จัยใดเกี่ยวข้องบ้าง • วธิ ีการจดั การอารมณ์เพศของหญิงชายทเ่ี คยไดย้ นิ มีอะไรบา้ ง • วัยรุ่นมีความกังวลใจต่อการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง และมีวิธี จัดการแกไ้ ขความกังวลใจอย่างไร ๕. ผู้ดำเนินกิจกรรมสรุปการเรียนรู้ โดยอาจเพ่ิมเติมบางประเด็นท่ีไม่ปรากฏในการนำเสนอ (๕ นาท)ี 70 • การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงวัยรุ่น เกิดจากฮอร์โมนเพศ (โดยใช้โมเดลหรือ ภาพอวัยวะสืบพันธุ์ประกอบการอธิบาย และ/หรือ แจกใบความรู้เรื่องอวัยวะสืบพันธ์ุ คมู่ อื การจัด ของชาย หญงิ และวงจรการเกิดประจำเดอื น) กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
• ด้านจิตใจ ทั้งวัยรุ่นชายและวัยรุ่นหญิงจะเร่ิมมีความสนใจในคนพิเศษ และมีความ 71 รสู้ กึ ทางเพศเกดิ ขึน้ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๑ ยา่ งสู่วยั หน่มุ สาว • การมีประจำเดือนในผู้หญิง และการฝันเปียกในผู้ชาย เป็นสัญญาณการบ่งบอกถึง ภาวะร่างกายที่พร้อมเจริญพันธ์ุ หมายถึงหากหญิงชายมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่มีการ ปอ้ งกัน จะทำใหเ้ กิดการต้ังครรภไ์ ด ้ • การช่วยตัวเองถือเป็นเร่ืองปกติ และเป็นทางออกหน่ึงของหญิงชายในการผ่อนคลาย ความตอ้ งการทางเพศท่ปี ลอดภัย ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ดำเนนิ กจิ กรรม ผดู้ ำเนินกจิ กรรมต้องสรา้ งบรรยากาศการเรียนรูท้ ี่ไว้วางใจกนั ควรย้ำกตกิ าการเรยี นรู้ เพ่อื ไม่ให้เกิดการล้อเลียนกันในห้อง และควรทำให้ผู้เรียนเข้าใจว่า คำถามทุกคำถามมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและก้าวสู่ความเป็นวัยรุ่นอย่างปลอดภัย ท้ังนี้ คนที่ต้ังคำถามไม่ได้ หมายความวา่ เป็นคนทีม่ ปี ระสบการณ์มาแล้ว การวัดและประเมินผล สงั เกตการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมกลมุ่ และการอภปิ รายแลกเปลย่ี น คำถามท้ายบท • อธิบายลกั ษณะสำคญั หรือการเปลย่ี นแปลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
ข้อมูลเพ่ิมเติม สำหรับผู้ดำเนินกจิ กรรม วัยร่นุ ช่วงอายรุ ะหวา่ ง ๘ - ๑๘ ปี เปน็ วัยท่ีรา่ งกายเปลีย่ นจากเดก็ ไปเปน็ ผใู้ หญ่ เรยี ก ว่า วัยรุ่นหรือวัยเจริญพันธ์ุ มีการเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนหลายอย่างทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยมีฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้น การที่จะบอกให้แน่ชัดลงไปว่า เด็กชายและเด็กหญิงเข้าส ู ่ วัยรุ่นเม่ือใดนั้น เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะเด็กท้ังสองเพศนอกจากจะแตกเนื้อหนุ่มสาว ไม่พร้อมกันแล้ว คนแต่ละคนในเพศเดียวกันก็ยังแตกเนื้อหนุ่มสาวไม่พร้อมกันอีกด้วย แต่พอจะกล่าวโดยทั่วไปได้วา่ เด็กหญิงจะเข้าสวู่ ัยรุ่นในอายุระหว่าง ๑๓ - ๑๕ ปี และเด็ก ชายจะเร่ิมเมือ่ อายุ ๑๕ ปี โดยเด็กหญิงจะมอี ตั ราการเจริญเติบโตทางด้านรา่ งกายในชว่ งนี้ เร็วกว่าเด็กชายประมาณ ๑ - ๒ ปี แต่ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับลักษณะหรือแบบแผนการเจริญเติบโต ของแตล่ ะคน ฮอร์โมนเพศ หญิงและชายเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ต่อมไฮโปเตลามัส (Hypothalamus) ซ่ึงเป็นต่อมเล็กๆ ในสมอง เริ่มส่งสัญญาณผ่านต่อมใต้สมองพิทูอิตารี (Pituitary gland หรือ Master gland) ซ่ึงเป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญท่ีสุดของร่างกาย เพราะมีหน้าที่ผลิต ฮอร์โมนท่ีแตกต่างกัน เพ่ือไปกระตุ้นและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ รวมถึง อวัยวะที่เกี่ยวกับเพศ คือ รังไข่สำหรับผู้หญิงในการผลิตฮอร์โมนเพศ เอสโทรเจน (Estrogen) และลูกอัณฑะสำหรับผู้ชายผลติ ฮอรโ์ มนเพศ เทสทอสเทอโรน (Testosterone) 72 คู่มือการจดั กระบวนการเรยี นร้ ู เพศศึกษา สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
ฮอรโ์ มนเอสโทรเจน และฮอรโ์ มนเทสทอสเทอโรน ซง่ึ เปน็ ฮอรโ์ มนเพศนี้ ทำใหร้ า่ งกายวยั รนุ่ 73 เจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ มไี ขมนั และกลา้ มเนอ้ื เพมิ่ ขน้ึ ตวั สงู ขนึ้ มขี นขนึ้ บรเิ วณอวยั วะเพศ รกั แร้ และสว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย มีกลิน่ ตวั มสี ิว ผหู้ ญงิ จะมสี ะโพกผาย ตน้ ขา หน้าอก แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว และก้นใหญข่ น้ึ และมปี ระจำเดอื น สว่ นผชู้ าย เสยี งจะแตกหา้ ว ฝันเปยี ก และทง้ั หญงิ ชาย จะเรม่ิ มีความรู้สึกตอ้ งการทางเพศ หรือมอี ารมณ์เพศ นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว วัยรุ่นหญิงชายยังมีการเปล่ียนแปลงทางด้าน จิตใจ อารมณ์และความรู้สึก โดยเริ่มมีความสนใจ หรือความรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษต่อ บางคนทอี่ าจเป็นทั้งเพศเดยี วกันและต่างเพศ วัยรุ่นเป็นวัยท่ีร่างกายมีความพร้อมในการผลิตเซลล์เพศเพ่ือการ สืบพันธุ์ คนทั่วไปจึงตัดสินการเข้าสู่วัยรุ่น โดยพิจารณาจากการมีประจำเดือนครั้งแรก (เด็กหญิงราว ๑๓ ปี) และการหล่ังน้ำอสุจิครั้งแรก (เด็กชายอายุประมาณ ๑๑ ปี) แต่ ปรากฎการณ์ท้ังสองไม่ค่อยแน่นอนนัก เช่น การหล่ังน้ำอสุจิอาจเกิดช้ากว่าการ เปล่ียนแปลงทางร่างกายด้านอ่ืนๆ สำหรับการมาของประจำเดือนคร้ังแรกของเด็กหญิงก็ เชน่ กนั การสุกของไข่ (ไขต่ ก) ในบางคนอาจไมม่ คี วามสมั พันธ์กับการมปี ระจำเดอื นเสมอ ไป และการตกไขฟ่ องแรกๆ อาจไมท่ ำใหเ้ กดิ ประจำเดอื นกเ็ ปน็ ได้ รวมทงั้ การมปี ระจำเดอื น ครั้งแรกอาจเกิดข้ึนก่อนหรือหลังการเปล่ียนแปลงของร่างกายส่วนอื่นๆ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ไดเ้ ปน็ เวลานาน
การมีประจำเดือนครั้งแรก ขณะแรกคลอด รังไข่ของเด็กหญิงจะมีไข่ท่ียังไม่เจริญ อยู่แล้วหลายพันใบ เม่ือนับจากช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป ทุกๆ ๒๘ วันจะมีไข่ ๑ ใบที่เจริญ เตม็ ทแ่ี ล้วหลุดออกมาเข้าสทู่ ่อนำไข่ เรยี กว่า การตกไข่ ขณะเดยี วกัน เย่อื บุโพรงมดลูกจะ มหี ลอดเลอื ดงอกมาหลอ่ เลย้ี งมากมาย เพอื่ เตรยี มรบั ไขท่ ผี่ สมกบั อสจุ ิ หากไมไ่ ดร้ บั การผสม เย่ือบุโพรงมดลูกจะลอกหลุดออกมาเป็นเศษเนื้อเยื่อและเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด เรยี กว่า ประจำเดือน อายุของเด็กหญงิ ทปี่ ระจำเดอื นมาคร้งั แรกย่อมแตกตา่ งกนั สว่ นมาก จะมีอายุ ๑๒ - ๑๓ ปี แต่บางคนอาจเร่ิมต้งั แต่อายุ ๑๐ ปี บางคนก็ลา่ ช้าไปถึง ๑๖ ปี ซึ่งยัง ไม่นับวา่ เปน็ เรื่องผิดปกต ิ การฝันเปียก การหลั่งน้ำอสจุ ินน้ั จะเร่มิ เกดิ ขึน้ ในช่วงอายปุ ระมาณ ๑๑ ปี แตก่ อ็ าจเกดิ ขึ้นเร็วหรือช้ากว่าน้ีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ข้ึนอยู่กับแต่ละคน การฝันเปียกเป็นลักษณะ ทางธรรมชาติของเดก็ ผชู้ ายท่ีแตกเน้อื หนมุ่ เมือ่ รา่ งกายผลติ น้ำอสุจแิ ละเก็บสะสมไว้ เมอื่ มี ปริมาณมากเกินไป ร่างกายจะขับออกมาตามกลไกธรรมชาติ มักเกิดข้ึนในช่วงที่กำลังฝัน โดยอาจนึกถึงสิ่งท่ีกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เม่ือตื่นข้ึนมาก็พบว่ามีของเหลวเปียกชื้นตรงเป้า กางเกงนอน หรือเป้ือนบนท่ีนอน จึงเรียกว่า “ฝันเปียก” หรืออีกกรณีการเล่นต่อสู้กับ เพ่ือนๆ อาจปลกุ เรา้ และกระตุ้นองคชาตได้ จะทำใหน้ ้ำอสจุ เิ ลด็ ลอดออกมาตามธรรมชาติ ท่ีเรียกว่า “การหลั่งอย่างไม่รู้ตัว” ท้ังน้ี เด็กชายแต่ละคนอาจมีความถี่ในการฝันเปียก แตกตา่ งกัน ต้งั แต่ไม่เคยฝนั เปยี กเลยจนกระทง่ั สัปดาหล์ ะหลายๆ ครงั้ จงึ ไม่ควรถือเรือ่ งนี้ เป็นเร่อื งความผิดปกตทิ างเพศของวัยรุ่นชาย น้ำอสุจิ เป็นของเหลวสีขาวขุ่น ประกอบด้วยตัวอสุจิและสารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมาก และต่อมพักตัวอสุจิ ซ่ึงจะถูกขับออกมาพร้อมกันผ่านทางท่อนำอสุจิ ในน้ำอสุจิเพียงหยด 74 เดียวจะมีสเปิร์มหรือตัวอสุจิประมาณ ๑,๕๐๐ ตัว ขณะท่ีผู้ชายถึงจุดสุดยอด จะหล่ัง คู่มอื การจดั กระบวนการเรยี นรู้ เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑
น้ำอสจุ อิ อกมาประมาณ ๑ ช้อนชา ซ่งึ มีอสุจอิ ยู่ถึง ๓๐๐ ลา้ นตวั และเช้ืออสจุ ิเพียงหนงึ่ ตัวก็ 75 สามารถเข้าไปผสมกับไข่ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ วัยรุ่นชายจะมีอสุจิที่สมบูรณ์เมื่อ อายุราว ๑๓ - ๑๔ ปี แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว การจัดการอารมณ์เพศ หรือการช่วยตัวเอง วัยรุ่นหญิงชายต่างก็เริ่มมีความรู้สึก หรืออารมณ์ทางเพศเพ่ิมมากขึ้นตามลำดับ (วัยรุ่นเป็นวัยท่ีมีความรู้สึกทางเพศสูงสุด) การ ช่วยตัวเอง เป็นวิธีการจัดการเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เพศ ซึ่งเป็นเร่ืองปกติธรรมดาของท้ัง หญิงและชาย โดยการลบู คลำอวยั วะเพศของตนเองจนถึงจดุ สดุ ยอด แต่ละคนอาจมวี ธิ กี าร แตกต่างกันไป การตัง้ ครรภ์ เกิดขึ้นจากการมเี พศสัมพนั ธ์ระหว่างชายและหญงิ เมื่อมกี ารหล่ังน้ำอสุจิ ในช่องคลอด ตัวอสุจิจะว่ายเข้าไปในมดลูกจนถึงท่อนำไข่ และพบไข่ของฝ่ายหญิงพอดี ก็ จะเกิดการผสมระหว่างอสุจิกับไข่หรือที่เรียกว่า “การปฏิสนธิ” แต่ถ้าไม่มีไข่ อสุจิจะตาย ไปเองภายในเวลา ๒ - ๓ วนั
เอกสารอ้างองิ นาโอะฮเิ ดะ ยามาโมโตะ และชฮิ ารุ คิฮาระ. ก้าวสูว่ ยั หนมุ่ สาว: หนงั สือชดุ เพศศกึ ษาสำหรับเดก็ . ผแู้ ปล. สณุ ีพร นุรกั ษ.์ กรงุ เทพฯ: บริษทั ซเี อด็ ยเู คชนั่ จำกดั (มหาชน), ๒๕๔๗. สุชาติ โสมประยูร และคณะ. เพศศึกษา หนังสือค้นคว้าสำหรับระดับมัธยมศึกษา และระดับ อุดมศึกษา. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช จำกัด, ๒๕๔๗. องค์การแพธ โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ อ้างอิง วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๐ จาก www.teenpath.net Rogers, Kirsteen, and Henderson, Corinne. เจาะลกึ รา่ งกายมนุษย์. ผ้แู ปล. อภชิ ัย ชัยดรุณ. พิมพค์ รงั้ ที่ ๓. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คพบั ลเิ คช่ันส์, ๒๕๔๗. 76 ค่มู อื การจัด กระบวนการเรียนร้ ู เพศศกึ ษา สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
ใบความรู้ ๑ อวยั วะสบื พนั ธ์ุเพศชาย 77 องคชาต ลักษณะเป็นท่อนยาว อยู่ภายนอกร่างกายของเพศชาย ตรงบรเิ วณหวั หน่าวทำ แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว หน้าท่ีเป็นทางผ่านของปัสสาวะและน้ำกาม ประกอบไปด้วยกล้ามเน้ือที่ยืดหดตัวได้ ภายในมีหลอดเลือดมากมายคล้ายฟองน้ำ ๑ คู่ และท่อปัสสาวะบางส่วน กล้ามเนื้อ ลักษณะคล้ายฟองน้ำน้ี ทำหน้าท่ีในการกักเก็บเลือดเม่ือมีอารมณ์ทางเพศ ทำให้เกิดการ แข็งตัวขององคชาต เพือ่ ให้สามารถสอดใสอ่ งคชาตเขา้ ไปภายในชอ่ งคลอดของเพศหญิง ที่ ปลายองคชาตเปน็ จุดรวมของเสน้ ประสาท ซง่ึ ไวตอ่ การกระตนุ้ ความรสู้ กึ ทางเพศ ซึง่ สว่ นนี้ เ ปรียบไดก้ ับคลิตอริสของเพศหญงิ ลูกอัณฑะ มีลักษณะคล้ายไข่ใบเล็ก มี ๒ ข้างซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน มีหน้าที่ในการ ผลิตตวั อสจุ ิ และฮอร์โมนเพศชาย (Androgen และ Testosterone) อยภู่ ายในถุงอัณฑะท่ี ห้อยอยู่ภายนอกร่างกาย ผิวของถุงอัณฑะนี้จะบางและเป็นรอยย่น เพ่ือปรับอุณหภูมิให้ต่ำ กวา่ ในช่องท้อง ๓ - ๕ องศาเซลเซียสซงึ่ เปน็ อุณหภมู ิท่เี หมาะกับการเจรญิ เตบิ โตของอสจุ ิ ก้านอณั ฑะ มลี กั ษณะเปน็ ท่อเล็กๆ ขดไปมาอยใู่ นลกู อณั ฑะ เป็นที่พักชัว่ คราวของอสุจิ ทเ่ี จริญเต็มที่ ซ่งึ ผลติ จากอณั ฑะกอ่ นทจ่ี ะเดินทางไปยงั ท่อนำอสุจิ
ท่อนำอสจุ ิ มี ๒ ทอ่ อยถู่ ัดจากก้านอัณฑะ ทอ่ น้จี ะผา่ นเขา้ สู่ชอ่ งท้องแล้วออกมารวมกับ ถุงน้ำอสุจิ ผ่านต่อมลูกหมากออกไปต่อกับท่อปัสสาวะ สำหรับนำอสุจิออกสู่ภายนอก ซ่ึง การทำหมันชายจะผกู ทอ่ นำอสจุ ิจากอัณฑะทั้ง ๒ ขา้ งไว้ ถงุ เกบ็ นำ้ อสจุ ิ เปน็ ถงุ เลก็ ๆ ๒ ถงุ อยรู่ ะหวา่ งกระเพาะปสั สาวะและทวารหนกั ทำหนา้ ที่ ในการสร้างอสุจิและน้ำกาม ที่เป็นเมือกสีขาวขุ่นและข้น น้ำกามที่สร้างน้ีจะทำให้อสุจิ เ คลอ่ื นไหวได้ ต่อมลูกหมาก ทำหน้าท่ีสร้างสารที่เป็นด่างอย่างอ่อน เพ่ือปรับความเป็นกรดด่างเม่ือ ผ่านเข้าภายในช่องคลอด เพื่อรวมกับน้ำอสุจิที่มีลักษณะข้นเหลวสีขาว เพ่ือช่วยให้ตัวอสุจิ แข็งแรง และเคลื่อนไหวว่องไว เข้าไปในท่อปัสสาวะปนกับน้ำเลี้ยงอสุจิ น้ำอสุจิท่ีหล่ังออก มาแตล่ ะคร้งั ประมาณ ๑ ชอ้ นโตะ๊ จะมีตวั อสจุ ิประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ ลา้ นตวั ต่อมขบั เมอื ก เปน็ ต่อมทม่ี รี ูปรา่ งกลมเท่าเมด็ ถ่วั มอี ยู่ ๒ ตอ่ ม มที อ่ ไปคกู่ บั ท่อนำอสจุ ิ โดยอย่ตู อนล่างของตอ่ มลูกหมากและจะมีรเู ลก็ ๆ เปิดเข้าสผู่ นงั ของท่อปสั สาวะ มีหนา้ ที่ใน การขับน้ำหล่อลื่น เป็นเมือกใสๆ ไปยังองคชาตเมื่อมีความรู้สึกทางเพศ ทำให้ไม่เป็น อุปสรรคในการมีเพศสัมพันธ์ และยังทำหน้าท่ีในการชำระล้างกรดในท่อปัสสาวะ เพื่อไม่ ใหเ้ ปน็ อนั ตรายตอ่ อสจุ ิ ก ระเพาะปัสสาวะ ทำหนา้ ทบี่ รรจุปัสสาวะ ท่อปสั สาวะ เปน็ ทอ่ ตอ่ ออกจากกระเพาะปัสสาวะ และยงั เปน็ ทอ่ ขบั นำ้ อสจุ ดิ ้วย โดยมี ล้ินปิดเปดิ ได้เมอ่ื มกี ารปัสสาวะหรอื หลง่ั นำ้ อสุจิ ทวารหนกั เป็นทางออกของอุจจาระ 78 คูม่ อื การจดั กระบวนการเรยี นร้ ู เพศศกึ ษา สำหรบั นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
ใบความรู้ ๒ อวัยวะสบื พนั ธภุ์ ายนอกเพศหญงิ 79 อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพศหญิง เป็นส่วนของอวัยวะสืบพันธ์ุที่อยู่ภายนอกและสามารถ แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว มองเห็นได้ มขี นาดและรูปรา่ งแตกตา่ งกนั ตามบุคคลและเช้ือชาต ิ เนินอวัยวะเพศ หรือเนินหัวหน่าว เป็นส่วนที่ต้ังอยู่หน้ากระดูกหัวหน่าวใต้บริเวณท้อง น้อยส่วนนอกเป็นผิวหนัง ภายในเป็นไขมัน มีลักษณะเป็นรูปสามเหล่ียมโดยมีฐานอยู่ด้าน บนและยอดอยดู่ ้านลา่ ง เมอื่ เรม่ิ เขา้ สู่วยั รุ่นจะมขี นออกมาปกคลุม แคมนอก มีลักษณะเป็นกลีบเน้ือนูนข้างละกลีบ ต่อจากเนินหัวหน่าว ปกคลุมด้วย ผิวหนังมีขน ใต้ลงไปประกอบด้วยไขมันจำนวนมาก และมีกล้ามเน้ือเรียบ เส้นประสาท เส้นโลหิตมาเลี้ยงมากมาย แคมนอกปิดบริเวณปากช่องคลอดเพื่อป้องกันอวัยวะต่างๆ ที่ ละเอยี ดออ่ นภายใน กลบี ทงั้ สองข้างนจี้ ะเรยี วลงชิดทฝ่ี ีเย็บ
แคมใน อยู่ด้านในของแคมนอกบางกว่าแคมนอก และมีผิวอ่อนนุ่มไม่มีขน ตอนบนจะ บรรจบกันและล้อมคลิตอริสไว้ สีสันของแคมนอกจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ต้ังแต่ สชี มพอู ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม และผู้หญงิ บางคนอาจมแี คมในห้อยออกมาใตแ้ คมนอกกไ็ ด้ คลิตอรสิ เป็นตง่ิ เน้ือเลก็ ๆ รูปร่างคลา้ ยกา้ นพลู มผี วิ หนังโอบหมุ้ อยู่สว่ นบนของแคมใน ที่มาบรรจบกัน ประกอบด้วยเน้ือแข็งตัวข้ึนได้ มีเส้นเลือด เส้นประสาทมาเลี้ยงมากมาย จึงเป็นจุดท่ไี วตอ่ ความรู้สกึ ซึง่ เทียบได้กับองคชาตของผู้ชาย เย่ือพรหมจรรย์ เป็นเนือ้ เย่อื สชี มพูปดิ ปากช่องคลอด ยืดหดได้มีรอู ยตู่ รงกลาง เพ่อื ให้ ประจำเดอื นผา่ น เยื่อพรหมจรรย์นี้อาจฉกี ขาดไดจ้ ากการเล่นกีฬา การคลอดบตุ ร หรอื การ มีเพศสมั พนั ธ์ ปากชอ่ งคลอด เปน็ ทางออกของเลือดประจำเดือน เป็นบรเิ วณทร่ี องรับการสอดใส่ของ องคชาตขณะมีเพศสัมพันธ์ และเป็นช่องทางออกของทารกหากคลอดตามธรรมชาต ิ ช่องปัสสาวะ อยู่ด้านหลังคลิตอริส ใกล้ปากช่องคลอด หากมีการติดเชื้อที่ช่องคลอด เชอ้ื อาจลามมาตดิ ช่องปสั สาวะ 80 คมู่ ือการจัด กระบวนการเรียนร้ ู เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
ใบความรู้ ๓ อวัยวะสบื พนั ธุภ์ ายในผหู้ ญงิ 81 แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว ช่องคลอด เปน็ ท่อยาวประมาณ ๓ - ๔ น้ิว จากปากช่องคลอดถงึ ปากมดลูกอย่รู ะหวา่ ง ท่อปัสสาวะและทวารหนัก มีความยืดหยุ่นได้ดี สามารถยืดหดตัวได้ตามแนวกว้างและ แนวยาว ช่องคลอดเป็นทางออกของประจำเดือน เป็นทางผ่านของเช้ืออสุจิเข้าสู่ภายใน เป็นบริเวณท่ีรองรับการสอดใส่ขององคชาตขณะมีเพศสัมพันธ์ และเป็นทางผ่านของเด็ก ตอนคลอด มดลกู มีรปู ร่างคลา้ ยชมพขู่ นาดเทา่ กำป้ัน โดยส่วนใหญจ่ ะอยูข่ ้างบน ส่วนเลก็ จะอย่ขู ้าง ลา่ งตดิ ต่อกับชอ่ งคลอด มหี น้าที่สำคญั คอื ทำใหเ้ กิดประจำเดือนและเป็นทฝ่ี งั ตวั ของไขแ่ ละ เล้ียงตัวอ่อน (เมื่อไข่ผสมกับอสุจิ) เพ่ือการเจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป และเมื่อมี การตง้ั ครรภ์ มดลกู จะขยายตามขนาดของทารกท่เี จริญเติบโตในครรภด์ ้วย
ปกี มดลูกหรือทอ่ นำไข่ มีอยู่ ๒ ขา้ ง ขวา - ซ้าย ออกจากตอนบนของมดลกู ทอด ออกไปทางด้านข้างยาวประมาณ ๓ น้ิว ตรงปลายมีรูปร่างคล้ายน้ิวมือกางออก ไข่จะ เคลื่อนตัวผ่านเข้ามาทางท่อนำไข่ ถ้ามีอสุจิเข้าไปในท่อจะเกิดการปฏิสนธิกันในบริเวณน้ี จากนั้นไข่ท่ีถูกอสุจิผสมแล้วจะเคล่ือนไปฝังตัวท่ีเยื่อบุมดลูกในโพรงมดลูก ส่วนไข่ท่ีไม่รับ การผสมจะหลดุ ลอกออกไปพร้อมกับเยื่อบุด้านในของผนังมดลูกกลายเปน็ ประจำเดอื น รังไข่ มีลักษณะคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ ๑ นิ้ว อยู่ ๒ ข้างขวา - ซ้าย ของมดลูก และมเี ยื่อบางยึดรังไขใ่ หต้ ิดกับมดลูกทางด้านหนา้ ด้านหลังตดิ กบั ผนงั ชอ่ งทอ้ ง ด้านนอกอยู่ชิดกับปากท่อรังไข่ ในรังไข่จะมีไข่เล็กๆ จำนวนมาก เมื่อเข้าสู่วัยสาวไข่จะ เจริญเต็มท่ีจะค่อยๆ แตกปริออกและปล่อยไข่ให้ตกออกมาเดือนละ ๑ ฟองเรียกว่าระยะ ไขต่ ก ซึ่งจะตรงกบั วันที่ ๑๔ ของรอบประจำเดอื น นอกจากน้รี ังไขย่ ังมีหน้าท่ีผลิตฮอร์โมน เพศหญิง ท่ีทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูกให้มีสภาพท่ีเหมาะสมสำหรับการฝังตัว ของไข่ทไ่ี ดร้ บั การผสมแล้ว ปากมดลูก เป็นส่วนท่ีเล็กที่สุดของมดลูก มีลักษณะเป็นแท่งเนื้อท่ีมีโพรงเล็กมากเรียก ว่าช่องปากมดลูกความยาวประมาณ ๑ - ๑.๕ น้ิว ที่ปลายสุดมีรูเปิดติดต่อกับช่องคลอด โดยปกติแล้วจะมีเย่ือมูกจุกอยู่ตลอดเวลา และมูกนี้จะเปล่ียนแปลงตามระดับฮอร์โมนของ รงั ไข่ ในระยะเวลาใกลไ้ ขส่ กุ มกู นจ้ี ะใสกวา่ ปกติ และจะหลดุ ลอกออกเฉพาะตอนมปี ระจำเดอื น ดงั นน้ั จึงตอ้ งระวงั การติดเชอื้ ขณะมปี ระจำเดือน มกู น้ีจะเกิดข้นึ จากต่อมต่างๆ ภายในของ ปากมดลูก ส่วนปลายบนสุดของช่องปากมดลูกติดต่อกับโพรงมดลูก ซ่ึงเวลาปกติจะปิด และจะเปดิ เมือ่ มีประจำเดือนและเวลาคลอดเท่าน้นั 82 คู่มือการจดั กระบวนการเรยี นร้ ู เพศศึกษา สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
โพรงมดลกู เปน็ ชอ่ งทอี่ ยตู่ รงกลางมดลกู ในโพรงมดลกู มเี นอื้ ทป่ี ระมาณ ๓ - ๔ ลกู บาศก ์ 83 เมตร แต่ในเวลาตง้ั ครรภ์โพรงมดลูกสามารถขยายได้ถงึ ๓,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตร แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ ยา่ งส่วู ัยหนุ่มสาว เย่ือบุมดลูก มีลักษณะบางๆ ประกอบไปด้วยต่อมต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมี เส้นเลือดฝอยมาเลี้ยง เมื่อเย่ือบุมดลูกถูกทำลาย จะมีการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยทำให้ เลอื ดไหลออกมาเปน็ ประจำเดอื น และจะมีการเจรญิ งอกขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าเกดิ การต้ังครรภ์ เย่ือบมุ ดลกู จะหนาขนึ้ กว่าเดิมหลายเทา่ เพอื่ ให้ตัวออ่ นเจริญเติบโตต่อไป
ใบความรู้ ๔ วงจรการเกดิ ประจำเดอื น 84 คูม่ ือการจัด กระบวนการเรยี นรู้ เพศศึกษา สำหรับนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑
แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๒ สะอาด สดใส ปลอดภัย
แผนการเรยี นรู้ท่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภัย สาระสำคญั การดูแลสุขอนามัยทางเพศอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะท่ีเกี่ยวข้องกับระบบอวัยวะ สืบพันธ์ุเป็นส่ิงจำเป็น และไม่ใช่เร่ืองน่าอายที่จะนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และเรยี นรูว้ ิธกี ารปฏบิ ัติที่ถูกต้อง จุดประสงค ์ ๑. บอกวธิ ีการดูแลสุขอนามยั ทางเพศที่ถกู วธิ ีและปลอดภัย ๒. เข้าใจถงึ ความสำคญั ของการค้นหาความรใู้ นเร่อื งการดูแลสขุ อนามัย อปุ กรณ์ และส่ือ ๑. ปากกาเคมสี แี ดงและสดี ำ ๒. กระดาษฟลปิ ชาร์ท กระดาษกาว ๓. ภาพวาดโครงร่างร่างกายหญิงชายพร้อมอวัยวะภายนอกทุกส่วน แบ่งเป็น ๓ ท่อนๆ ละแผน่ (ท่อนบน ทอ่ นกลาง และทอ่ นลา่ ง) รวม ๖ แผ่น ติดไว ้ 86 รอบๆ ห้อง ก่อนเริ่มช้ันเรียน คู่มอื การจัด กระบวนการเรยี นร้ ู เพศศึกษา สำหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปที ่ี ๑
ขน้ั ตอนการดำเนินกจิ กรรม 87 ๑. ผู้ดำเนินกิจกรรมช้ีแจงว่า กิจกรรมวันนี้เป็นเรื่องอวัยวะเพศ และการดูแลสุขอนามัยที่ถูกวิธี แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั ถามผเู้ รยี นวา่ • รู้สกึ อยา่ งไร ถ้าเราจะคยุ กนั เรื่องอวัยวะเพศชายและอวยั วะเพศหญิง หรอื “จู๋” กับ “จิ๋ม” • มีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรบ้างที่เก่ียวกับจู๋กับจิ๋ม (ผู้ดำเนินกิจกรรมจดคำถามท่ีผู้เรียนถาม ไวบ้ นกระดาน) ๒. ผู้ดำเนินกิจกรรมอธิบายว่า การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอวัยวะเพศ อาจทำให้บางคนรู้สึกกระดาก อาย ไม่สะดวกใจ หรืออึดอัด แต่อวัยวะเพศก็เป็นส่วนหน่ึงของร่างกายของเราที่จำเป็นต้องได้ รบั การดูแลเอาใจใสเ่ หมือนสว่ นอืน่ ๆ และช่วั โมงเพศศกึ ษาก็เป็นโอกาสทผ่ี ูเ้ รยี นจะไดเ้ รียนรูแ้ ละ ทำความเข้าใจดว้ ยกนั เพ่ือรู้จกั และรู้วธิ ีดแู ลตวั เอง ๓. แบ่งผู้เรียนออกเป็น ๖ กลุ่ม แจกปากกาสองสี (สีแดง และสีดำ) ให้แต่ละกลุ่มแยกย้ายไป ประจำภาพแต่ละภาพ และใหร้ ะดมความคดิ เห็นของกลุม่ ดังน้ี • ใชป้ ากกาสีดำ เขยี นวธิ ีดูแลรกั ษาอวัยวะต่างๆ ทอ่ี ย่ใู นภาพ • ใช้ปากกาสแี ดง เขียนคำถามหรอื ขอ้ สงสยั ของกลุ่มที่มตี ่ออวัยวะนัน้ ๆ ๔. ให้เวลา ๓ นาที ต่อภาพ เม่ือครบกำหนดเวลาให้ผู้ดำเนินกิจกรรมส่งสัญญาณให้เปลี่ยนกลุ่ม จนครบท้ัง ๖ กล่มุ ๕. เม่ือหมดเวลา ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอภาพสุดท้ายและข้อความพร้อมกับคำถาม บนภาพของกลุม่ กลุม่ ละ ๓ นาที ผดู้ ำเนนิ กจิ กรรมต้ังขอ้ สังเกตและชวนผู้เรยี นคุยโดยเนน้ • แก้ไขขอ้ มูลทีไ่ ม่ถูกต้องเกีย่ วกับวิธีการดแู ลรักษาอวยั วะส่วนตา่ งๆ (หากมี) • กระตนุ้ ให้ผ้เู รยี นร่วมกันตอบคำถามท่รี ะดมไวใ้ นแตล่ ะภาพ ๖. เม่ือทุกกลุ่มนำเสนอครบแล้ว ให้นำภาพมาต่อกันให้เป็นโครงร่างหญิงชายที่สมบูรณ์ และติดไว้ บนกระดานหรอื ผนัง จากน้ัน ผู้ดำเนินกจิ กรรมชวนผูเ้ รียนคยุ โดยใช้คำถาม ดงั น้ี
คำถามชวนคิด • เมื่อเปรยี บเทียบขอ้ มลู / คำถาม ทีม่ ตี อ่ อวัยวะเพศ และอวัยวะสว่ นอ่นื ๆ มี ความแตกตา่ งกันหรอื ไม่อยา่ งไร • ขอ้ มูลเร่อื งการดแู ลทำความสะอาดรา่ งกาย รวมท้ังอวัยวะเพศ เราเรียนร้มู าจากทใี่ ดบา้ ง • เราจะรู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ เปน็ ขอ้ มลู ที่ถูกตอ้ ง หรือเปน็ เพียงความเช่ือ • เราสามารถหาคำตอบใหก้ ับคำถามตา่ งๆ ในเร่ืองเพศไดจ้ ากแหลง่ ใดบ้าง • เราจะรไู้ ด้อยา่ งไรวา่ แหล่งข้อมลู ใดมีความนา่ เช่ือถอื ๗. ผู้ดำเนนิ กจิ กรรมสรปุ ประเด็นสำคัญ ดังน้ี • ปจั จบุ นั มแี หลง่ ขอ้ มลู มากมายทว่ี ยั รนุ่ สามารถเขา้ ถงึ ได้ รวมทงั้ เวบ็ ไซตต์ า่ งๆ บนอนิ เทอรเ์ นต็ ท่เี ป็นแหลง่ ข้อมูลเพื่อค้นหาคำตอบทเี่ ก่ยี วกบั เรือ่ งเพศและอวัยวะสบื พนั ธ์ุ แต่ขอ้ มลู เหล่านัน้ อาจมที ง้ั ขอ้ มูลที่ไม่ถกู ต้องหรือเป็นความเชอ่ื เป็นการโฆษณาซ่งึ สร้างความเข้าใจผิด และม ี ทั้งทีเ่ ปน็ วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ ดงั นัน้ วยั รนุ่ จงึ จำเปน็ ต้องรู้จักแยกแยะขอ้ มลู ทไี่ ดร้ ับมาว่า มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด เพราะหากนำข้อมูลที่ได้รับไปปฏิบัติโดยไม่พิจารณาให ้ รอบคอบกอ่ นอาจสง่ ผลตอ่ สุขภาพของตนเองได ้ • หากวยั รนุ่ รจู้ กั ผใู้ หญ่ หรอื บคุ คลทมี่ คี วามรู้ ทยี่ นิ ดใี หข้ อ้ มลู และสามารถพดู คยุ กนั อยา่ งเปดิ ใจ จะทำให้มีโอกาสสอบถาม แลกเปลี่ยน และช่วยกันตรวจสอบข้อมูลในเร่ืองเพศท่ีรับรู้มา หรือท่ีปรากฏในส่ือต่างๆ ทั้งนี้เพ่ือเราจะมีข้อมูลท่ีถูกต้อง รอบด้าน และนำไปสู่การดูแล ตนเองอยา่ งปลอดภัยต่อไป 88 คู่มือการจดั กระบวนการเรยี นรู ้ เพศศึกษา สำหรับนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
การวดั และประเมินผล 89 สงั เกตการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมกล่มุ และการอภปิ รายแลกเปลย่ี น แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั คำถามทา้ ยบท • ถา้ มอี าการผดิ ปกตบิ รเิ วณอวัยวะเพศ นกั เรียนจะทำอย่างไร
ขอ้ มูลเพิม่ เติม สำหรบั ผู้ดำเนนิ กจิ กรรม เร่ืองเก่ยี วกบั องคชาต ในบรรดาเว็บไซต์ลามกและเว็บไซต์ที่โฆษณาขายสินค้าที่เก่ียวกับการเพ่ิมขนาด องคชาต แทบไมม่ กี ารให้ความรู้ ขอ้ มูลทถ่ี ูกต้องเลย มเี พยี งเรอื่ งความเชื่อวา่ ขนาดใหญจ่ ะ สร้างความพึงพอใจทางเพศมากกว่าเท่าน้ัน วัยรุ่นที่ได้ข้อมูลเหล่านี้ จึงขาดข้อมูลที่ถูกต้อง และการรับรู้เกี่ยวกับขนาดอวัยวะเพศตามปกตินั้นมีความสัมพันธ์กับความสูงและน้ำหนัก ของแต่ละบุคคล ดังน้ันการพยายามเพิ่มขนาดองคชาตจึงเป็นเรื่องค่านิยมในหมู่ผู้ชายโดย เฉพาะในชว่ งวยั รุ่นและวยั หนมุ่ การวัดองคชาต เมอ่ื พดู ถงึ การวดั องคชาต คนทว่ั ไปมกั นกึ ถงึ ขนาดขององคชาตตอนทแ่ี ขง็ ตวั เตม็ ท่ี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การวัดขนาดองคชาตตอนแข็งตัวเต็มที่โดยผู้วัดคนเดียวกันทำได้ยาก มากๆ เพราะปญั หาคอื เมือ่ ไหร่จะแขง็ ตัวเต็มที่ เพราะถา้ ไม่แขง็ ตวั เต็มที่ ขนาดก็ย่อมเลก็ กว่าเล็กนอ้ ย แล้วยังมปี ญั หาอกี ว่าจะทำให้องคชาตแข็งตัวตอ่ หน้าผวู้ ัดไดอ้ ยา่ งไร ส่วนการวัดในเวลาอ่อนตัวก็มีปัญหาอีก เน่ืองจากข้ึนอยู่กับอุณหภูมิและอารมณ์ เปน็ อยา่ งมาก ค่าการวดั ตามวธิ ที ี่แพทย์ยอมรบั กันวา่ ใช้ไดด้ ี ใกลเ้ คียง และมีความสมั พันธ์ กับขนาดองคชาตแข็งตัวเต็มที่คือ การดึงองคชาตยืดออกมาเต็มท่ี และทำการวัดจาก 90 หัวหน่าวไปจนถึงปลาย คมู่ ือการจัด กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
อีกค่าหนึ่งที่นิยมใช้กันคือ ความหนาของช้ันไขมันที่หัวหน่าว เนื่องจากถ้าช้ันน้ี 91 หนามาก จะทำใหอ้ งคชาตสนั้ ลงได ้ แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั ขนาดองคชาตมาตรฐาน จากการศกึ ษาหลายๆ แห่ง สรุปไดว้ ่า องคชาตขณะออ่ นตัวมีความเฉล่ียระหวา่ ง ๘.๖ - ๑๐.๗ ซม. และเมือ่ ยืดใหต้ ึง จะมคี วามยาวประมาณ ๑๒.๕ ซม. และความยาวแข็ง ตัวประมาณ ๑๒.๙ - ๑๔.๕ ซม. แต่องคชาตของคนไทยและคนเอเชียมีแนวโน้มจะส้ันกว่า มาตรฐานน้ีประมาณ ๒ ซม. คอื มีความยาวแข็งตวั ประมาณ ๑๑ - ๑๒.๕ ซม. ความยาวขณะแขง็ ตัวจะมีความสัมพนั ธก์ ับความยาวทยี่ ดื ให้ตงึ ในขณะออ่ นตวั แต่ ไม่สมั พันธก์ บั น้ำหนัก สว่ นสงู และดชั นมี วลกาย ชายและหญงิ กับความเชือ่ เรือ่ งขนาดขององคชาต การศึกษาในชายเกาหลี ๑๒๓ ราย เพื่อวัดขนาดองคชาต และทัศนคติที่มีต่อ ขนาดองคชาตของตนเองพบว่า ร้อยละ ๖๙.๙ คิดว่าขนาดขององคชาตของตนเองปกติ ร้อยละ ๒๓.๖ คิดวา่ ขนาดองคชาตของตนเองเลก็ ร้อยละ ๐.๘ คิดว่าเลก็ มาก รอ้ ยละ ๔.๙ คดิ ว่าใหญก่ ว่าปกติ และร้อยละ ๐.๘ คิดว่าใหญม่ าก เมื่อถามความเห็นฝ่ายหญิงถึงความสำคัญของขนาดองคชาต จากการศึกษาหญิง เนเธอร์แลนด์หลังคลอดพบว่า ร้อยละ ๒๑ บอกว่าความยาวมีความสำคัญ ร้อยละ ๗๘ ไม่คิดว่ามีความสำคัญ เมื่อถามถึงเส้นรอบวงขององคชาต ร้อยละ ๓๓ บอกว่ามีความ สำคัญ ร้อยละ ๖๗ ไม่คิดว่ามีความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าทัศนคติของผู้หญิงที่มีต่อขนาด ขององคชาตแตกตา่ งกบั ฝา่ ยชายมาก หากใช้เกณฑ์ของ Wessells และคณะ ที่แนะนำว่าควรใช้ค่าองคชาตอ่อนตัวน้อย กว่า ๔ ซม. และองคชาตยดื ตวั นอ้ ยกว่า ๗.๕ ซม. เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน จากการศึกษา
ชาย ๖๗ คนที่มาขอผ่าตัดเพิ่มขนาดขององคชาต อายุเฉล่ีย ๒๗ ปี จะไม่พบว่าชายที่มา ผา่ ตดั เหลา่ นม้ี อี งคชาตเลก็ กวา่ เกณฑเ์ ลย ที่น่าสนใจคือ คำถามว่าชายท่ีมาขอผ่าตัดเพ่ิมขนาดขององคชาต ต้องการให้ องคชาตตนเองใหญ่ตอนอ่อนตัว เพื่อไว้โชว์เวลาปัสสาวะหรือขณะเปลี่ยนเส้ือผ้า หรือ ต้องการให้ใหญ่ขณะแข็งตัว เพ่ือให้ฝ่ายหญิงมีความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์กันแน่ จากการศึกษาในชาย ๖๗ รายที่ประเทศอิตาลีพบว่า ร้อยละ ๖๕.๗ ต้องการให้ใหญ ่ ในขณะที่อ่อนตวั มีเพยี งรอ้ ยละ ๑.๕ เท่านน้ั ท่ีตอ้ งการให้ใหญ่ขณะแข็งตวั ส่วนอกี รอ้ ยละ ๓๒.๘ ต้องการให้องคชาตตนเองใหญ่ทั้งในขณะอ่อนและแข็งตัว จึงแสดงให้เห็นว่าเป็น ปญั หาเรื่องความอบั อายในขณะออ่ นตัวมากกวา่ คนไขส้ ว่ นใหญท่ มี่ าพบแพทยเ์ พอ่ื ขอแกไ้ ขขนาดองคชาตนนั้ มเี พยี งรอ้ ยละ ๑๐ - ๒๐ เท่าน้ัน ที่มีขนาดองคชาตเล็กกว่ามาตรฐานจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มท่ีองคชาตมีขนาด ปกติ แต่ต้องการเพิ่มขนาดขององคชาตด้วยเหตุผลต่างๆ หรือเชื่อว่าขนาดของตนเองเล็ก กว่าปกติ ซ่ึงเป็นผลมาจากการรับรู้ข้อมูลจากหนังโป๊ หนังสือโป๊ นิตยสารท่ีมักใช้ขนาด องคชาตท่ีใหญ่เกินมาตรฐานมาเป็นแบบ เพื่อทำให้ผู้อ่านหลงเข้าใจผิดว่าของตนเล็กกว่า มาตรฐานมาก การใช้ปั๊มสูญญากาศ เพื่อทำให้องคชาตยืดยาวออก จะทำให้ความยืดหยุ่นของ องคชาตเสียไป สาเหตุที่องคชาตขณะแข็งตัวมีขนาดโตข้ึนเน่ืองจากเลือดเข้าไปสะสมใน องคชาตได้มากข้ึนขณะท่ีมีการแข็งตัว แต่ความแข็งขององคชาตขณะแข็งตัวจะลดลงได้ จึงไม่สามารถเพิ่มขนาดได้จริง และยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ว่าการใช้ยาต่างๆ สมุนไพร วติ ามิน เกลอื แร่ หรือการบริโภคอวยั วะของสัตวต์ ่างๆ จะทำใหอ้ งคชาตโตข้ึน การเพ่ิมขนาดองคชาต แบ่งเป็นการเพิ่มความยาวขององคชาต และการ เพมิ่ ขนาดของเสน้ รอบวง 92 คูม่ ือการจัด กระบวนการเรียนรู้ เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑
การเพ่ิมความยาว ทำได้โดย 93 • ใชเ้ ครื่องยืดขยายองคชาต แผนการเรียนร้ทู ่ี ๒ สะอาด สดใส ปลอดภยั • เพิม่ ผวิ หนังขององคชาตดา้ นบน เพื่อให้ผวิ หนงั เลอื่ นมาอยู่ทอี่ งคชาตมากขึ้น • ใช้การผ่าตดั • ใช้การดูดไขมัน (เหมาะกับผทู้ ี่อ้วนมากๆ) การเพม่ิ เส้นรอบวง ทำไดโ้ ดย • ฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง (ที่นิยมฉีดกันมากในเมืองไทยคือ น้ำมัน มะกอก) • ผ่าตัดโดยใช้เนือ้ เยื่อมาปะแทน การผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดองคชาตยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์มากนัก เน่อื งจาก • ต้องมกี ารประเมนิ โดยจติ แพทย์กอ่ น • ยงั ไม่มขี ้อสรุปเรอ่ื งขนาดท่ตี ำ่ กวา่ เกณฑม์ าตรฐานจะใช้ตัวเลขใด เพราะแตกต่างกันไป ตามเชอื้ ชาติ • มขี ้อสงั เกตว่า เวลาท่มี ององคชาตคนอืน่ ในห้องเปล่ียนเส้ือผ้าน้ัน เรามองจากทางด้าน ข้าง แต่เวลามององคชาตของตนเอง เรามองจากด้านบน จึงทำให้มองเห็นองคชาต ตนเองวา่ เล็กกวา่ ของคนอืน่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302