๘ ณ นครมัทรชนบทอันกว้างใหญ่ มีพระราชาผู้ทรงเดชานุภาพ เป็นท่ีเคารพ ยำเกรงแกบ่ รรดาหวั เมอื งนอ้ ยใหญ่ พระองค์ใส่ใจทุกขส์ ขุ ของเหลา่ ราษฎรอยา่ งท่วั ถงึ ทำให้ ราษฎรอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขเร่ือยมา พระราชาผู้เป็นท่ีรักของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน นามว่า ท้าวอศั วบดี
๙ ทา้ วอัศวบดมี ีพระมเหสีผมู้ คี วามงามเปน็ เลิศเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม นามวา่ มาลวี ทง้ั สองครองรักกนั มาหลายสิบปี แต่ก็ยังไม่มพี ระโอรสหรือพระธดิ าไว้สบื สันติวงศ์ ทำให้ทัง้ สองกลดั กลมุ้ ใจยิง่ นกั รวมทงั้ เหล่าไพรฟ่ า้ ประชาราษฎรต์ ่างกเ็ ฝา้ รอขา่ วการต้ังครรภ์ ของพระมเหสีมาลวอี ย่ทู ุกวัน
๑๐ ท้าวอัศวบดีและพระมเหสีมาลวีมีความตั้งใจท่ีจะมีบุตรให้ได้ จึงต้ังจิตอธิษฐาน สวดมนต์ภาวนาขอพรจากพระนางสาวิตรี พระมเหสแี ห่งองคพ์ ระพรหม เพื่อช่วยประทาน บุตรให้ไว้สืบราชสมบัติต่อไป หลายปีผ่านไป การสวดมนต์ภาวนาของท้าวอัศวบดีและ พระมเหสมี าลวีก็ยงั ไม่เป็นผลทจี่ ะมวี แ่ี ววการตัง้ ครรภข์ องพระมเหสมี าลวี ท้าวอัศวบดีจงึ คิดหาวธิ ีท่ีจะออกไปบำเพ็ญตบะ รกั ษาศีลในปา่ ให้เขม้ งวดกว่าน้ี บางทพี ระนางสาวติ รี อาจประทานบตุ รให้ก็เป็นได้
๑๑ วนั หนงึ่ ทา้ วอศั วบดบี อกกบั พระมเหสมี าลววี า่ ตนจะออกบวชเปน็ ฤๅษบี ำเพญ็ ตบะ สวดมนต์สรรเสริญต่อพระนางสาวิตรีเพ่ือขอพรให้พระนางประทานบุตรแก่เรา พระมเหสี มาลวีเห็นความต้ังใจของพระสวามีที่จะมีบุตรจึงไม่ขัดข้องแต่ประการใด ก่อนท้าวอัศวบดี ออกบวชมีรับส่ังให้เหล่าเสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายเข้าเฝ้าเพ่ือสั่งงานและให้ช่วยกันดูแล บา้ นเมือง
๑๒
๑๓ ทุกๆ วัน ทา้ วอศั วบดีนั่งบำเพ็ญตบะ รักษาศลี และ ปฏิบัติสมาธิอย่างเคร่งครัด เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและ พระอาทิตย์ตก พระองค์จะทำพิธีอัคนิโหตระ คือพิธีบูชาไฟ วนั ละหมน่ื ครงั้ เพอื่ สวดมนตอ์ อ้ นวอนตอ่ เทพแหง่ ไฟใหเ้ ปน็ สอื่ กลาง ในการนำพรทีพ่ ระองค์ขอมบี ตุ รไปบอกแกพ่ ระนางสาวติ รี
๑๔ ท้าวอัศวบดีบำเพ็ญตบะบูชาไฟเช่นน้ีจน ลว่ งเข้าปีทีส่ บิ แปด เช้าวนั หน่ึง ขณะท่ีทา้ วอศั วบดี กำลงั ทำพธิ บี ชู าไฟอยนู่ นั้ พระนางสาวติ รไี ดป้ รากฏ กายผุดข้ึนมาจากกลางกองไฟตรงหน้าท้าวอัศวบดี “ท้าวอัศวบดี ตลอดสิบแปดปีที่ท่านได้สวดมนต์ สรรเสริญเรา เราเห็นความเพียรพยายามในการ ประพฤติพรหมจรรย์และรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ท่านจงขอพรตามที่ท่านปรารถนาเถิด”
๑๕ ท้าวอัศวบดีเม่ือได้ยินเช่นน้ันก็กล่าวตอบด้วยความดีใจว่า “ข้าพระบาทมีความ ต้ังใจแน่วแน่ ในการบำเพ็ญตบะบูชาไฟต่อพระองค์ พรท่ีข้าพระบาทปรารถนา คือขอให้ พระองค์ได้โปรดเมตตาประทานบุตรแก่ข้าพระบาทด้วยเถิด” พระนางสาวิตรีบอกท้าว อศั วบดวี ่าจะประทานบตุ รใหภ้ ายในเรว็ วันน้ี แล้วพระนางสาวิตรีกอ็ ันตรธานหายไป
๑๖ ทา้ วอัศวบดีจงึ รบี เดินทางกลับเข้านครมทั รชนบททนั ที พระองค์เลา่ เรอ่ื งพระนาง- สาวิตรีให้พระมเหสีฟัง หน่ึงเดือนต่อมาพระมเหสีมาลวีก็ตั้งครรภ์ ท้าวอัศวบดีและเหล่า ไพรฟ่ ้าประชาราษฎร์ตา่ งปล้มื ปีติยินดีเปน็ อย่างมาก แลว้ วนั ท่ที ุกคนตา่ งเฝา้ รอคอยกม็ าถงึ เมื่อพระมเหสีมาลวีให้กำเนิดพระธิดา ท้าวอัศวบดีจึงประทานนามว่า สาวิตรี ตามชื่อ ของพระนางสาวิตรีท่เี มตตาประทานบตุ รให้
๑๗ ทา้ วอศั วบดแี ละพระมเหสมี าลวที ง้ั รกั และทะนถุ นอมสาวติ รดี งั่ ไข่ในหนิ เมื่อสาวติ รี เจรญิ วยั เปน็ สาวแรกรนุ่ มสี ริ โิ ฉมโสภา รปู รา่ งอรชรราวกบั นางอปั สรสวรรค์ ผวิ พรรณผดุ ผอ่ ง เหมือนดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ ความงดงามของสาวิตรีจึงทำให้ไม่มีชายใดในมัทรชนบทกล้า คิดอาจเอ้ือมหมายปอง
๑๘ เม่ือถึงนักขัตฤกษ์วันหนึ่ง สาวิตรีนำดอกไม้ท่ีบูชาเหล่าเทวดาไปถวายแก่ท้าว อัศวบดี พระองค์ ได้เพ่งพนิ จิ รูปโฉมของสาวิตรีแล้วคดิ วา่ เวลานสี้ าวติ รีกถ็ งึ วัยอันเหมาะสม ควรจะมีค่คู รองแลว้ แตเ่ หตใุ ดถึงยงั ไมม่ ีชายใดมาสขู่ อเลย
๑๙ ทา้ วอศั วบดจี งึ บอกกบั สาวิตรีวา่ “สาวติ รลี ูกรัก พอ่ เหน็ วา่ ถึงเวลาทล่ี กู ควรจะมีคู่ ครองแลว้ แตก่ ย็ งั ไมม่ วี แี่ วววา่ จะมชี ายใดมาเจรจาทาบทามสขู่ อลกู เสยี ที พอ่ คดิ ใครค่ รวญดแู ลว้ พ่อจะให้ลูกเลือกหาพระสวามีได้ตามใจของลูกเอง เมื่อใดท่ีลูกเจอชายที่เหมาะสมกับลูก จงแจง้ ใหพ้ อ่ ทราบ หากพอ่ เหน็ ว่าชายผู้นัน้ มีคณุ สมบตั ทิ ่ี คคู่ วรกบั ลกู ของพอ่ พอ่ จะรบี จดั พิธีแต่งงานใหล้ กู ทนั ท”ี
๒๐ สาวิตรีเมือ่ ได้ฟงั คำบอกกลา่ ว ของพระบิดากไ็ มไ่ ด้คดั คา้ นแตอ่ ย่างใด จงึ ออกเดนิ ทางพรอ้ มดว้ ยทหารองครกั ษ์ จำนวนหน่ึง ท่องเท่ียวไปตามป่าเขา เจออาศรมของบรรดาราชฤๅษี ท่ใี ดกจ็ ะแวะพักทำความเคารพ และทำบญุ บรจิ าคทานที่น้ันเรอ่ื ยไป แมห้ นทางจะ ยากลำบากเตม็ ไปด้วยอนั ตรายจากเหล่าสตั วป์ ่านอ้ ย ใหญ่ แตน่ างกห็ าได้หวัน่ เกรงตอ่ สิง่ ใด
๒๑ สามเดอื นผา่ นไป สาวติ รแี ละเหลา่ ทหารองครกั ษก์ ก็ ลบั นครมทั รชนบท ซง่ึ เปน็ เวลา เดยี วกนั กบั ทท่ี า้ วอศั วบดกี ำลงั สนทนากบั พระนารทฤๅษี ผเู้ ปน็ เทพอาศยั อยบู่ นสรวงสวรรค์ มีอาคมเกง่ กลา้ เหนือกวา่ พระฤๅษีท้ังหลาย พระนารทฤๅษีมักจะเสดจ็ ลงมาจากสรวงสวรรค์ เพื่อพูดคยุ เร่อื งหลกั ธรรมกบั ทา้ วอัศวบดอี ยเู่ สมอ
๒๒ ระหวา่ งท่ีทา้ วอัศวบดกี ำลังสนทนากบั พระนารทฤๅษีในทอ้ งพระโรงอยู่นน้ั ทหาร องครักษ์ไดเ้ ขา้ มาทูลว่า พระธิดากลบั มาแล้ว ท้าวอัศวบดีดีใจอย่างยิ่งทส่ี าวิตรเี ดนิ ทางกลับ มาอยา่ งปลอดภยั ต้ังแตน่ างออกจากพระนคร พระองคแ์ ละ พระมเหสมี าลวีเปน็ กงั วลอย่างย่ิงเกรงวา่ นางจะได้รบั อันตราย
๒๓ สาวิตรีเข้าเฝ้าท้าวอัศวบดี ก้มกราบแทบเท้าพระนารทฤๅษีและท้าวอัศวบดี พระนารทฤๅษเี ห็นสาวติ รจี งึ กลา่ วชมนางว่า งามรูปงามยศงดงามศรี อีกทง้ั มีมารยาทงามหมดสนิ้ ธรรมสถิตตดิ ใจไร้ราคิน เปน็ นารนิ เลศิ ล้วนอนั ควรชม อนั นางรูปโสภานนั้ หางา่ ย แตท่ ัง้ กายท้ังใจให้งามสม ยอ่ มหายากนักหนานา่ นิยม น่าภริ มยช์ มชื่นรื่นฤดี
๒๔ พระนารทฤๅษถี ามทา้ วอัศวบดีว่า สาวติ รีไปท่องเทยี่ ว แหง่ หนไหน แลว้ ทำไมถึงไม่หาคูค่ รองให้แกน่ าง ทา้ วอัศวบดมี ี สีหน้าเป็นกังวลจึงตอบกลับว่า “ตนไม่ได้นิ่งนอนใจเลย จึงให้นางออกไปเท่ียวชมโลกภายนอกวังและเลือกหาคู่ ครองด้วยตนเอง” ทา้ วอัศวบดีให้สาวติ รีเลา่ ใหฟ้ งั ว่า นางได้เลือกชายใดมาเปน็ ค่คู รอง
๒๕ สาวติ รเี ล่าว่า นางเดินทางเขา้ ไปแถวป่าขลงั แวะทำบุญตามอาศรมของพระฤๅษี หลายแห่ง จนกระทั่งถึงอาศรมของพระฤๅษีตนหนึ่งนามว่า ทยุมัตเสน พระองค์ เป็นกษัตริย์ปกครองนครศาลวะ มีพระมเหสีนามว่า ไสพยา ทั้งสองครององค์ด้วย ความซื่อสตั ย์ ยดึ มน่ั ในสจั จะวาจา ครั้นพระนางไสพยาให้กำเนดิ พระโอรส ทา้ วทยมุ ตั เสนจงึ ประทานนามว่า พระสัตยวาน หมายถึง ผู้รักษาคำสัตย์เป็นเลศิ
๒๖ ต่อมาท้าวทยุมัตเสนป่วยกะทันหัน จู่ๆ ดวงตาท้ังสองข้างก็มืดลง หมอหลวงต่างชว่ ยกันคิดค้นตวั ยาเพอื่ มาทำการรักษา แต่ไมว่ า่ จะสรรหายา ตามตำราใดๆ ก็ไมส่ ามารถทำการรกั ษาใหด้ วงตาของท้าวทยมุ ตั เสนกลับมา มองเห็นได้ ทำใหพ้ ระนางไสพยาและเหลา่ ขา้ ราชบริพารวติ กกังวลเป็นอยา่ งยิง่
๒๗ ข่าวการป่วยของท้าวทยุมัตเสนเป็นเหตุให้บ้านเมืองขาดผู้นำคอยปกป้องคุ้มภัย ชาวเมืองต่างหวาดระแวงเกรงวา่ จะมีข้าศึกเข้ามารกุ ราน แตผ่ ู้ที่มารุกรานหาใช่ศตั รจู ากนอก เมืองศาลวะไม่ กลับเป็นคนในท่ีมีความมักใหญ่ ใฝ่สูง ละโมบโลภมาก หวังในอำนาจและ เงนิ ตราจงึ คิดทรยศตอ่ บา้ นเมือง
๒๘ ระหวา่ งทท่ี า้ วทยุมตั เสนปว่ ย มเี สนาอำมาตย์กลมุ่ หน่ึงคดิ ตงั้ ตนเปน็ ใหญ่ จึงได้ ซอ่ งสมุ กำลงั คนและเตรยี มอาวุธอยา่ งพร้อมสรรพ เม่อื ได้โอกาสท่เี หมาะสมจึงเขา้ ปล้นราช- สมบัติ ยึดครองราชบลั ลังก์ บรรดานางสนมกำนัลกรีดร้องเสยี งดงั ว้ดี วา้ ยด้วยความตกใจ บา้ งว่ิงหนีจนชนกันเอง ล้มลุกคลุกคลานไปตามกัน ผคู้ นแตกตื่น หนีตายกันอย่างโกลาหล
๒๙ เสนาอำมาตย์ผู้จงรักภักดีจึงเข้ามาทูลให้ท้าวทยุมัตเสนทราบเร่ืองทั้งหมด แล้ว ขอร้องให้ท้าวทยุมัตเสนพาพระนางไสพยาและพระโอรสหลบหนีไป ท้าวทยุมัตเสนมิอาจ จะต่อสู้ปกป้องราชบัลลังก์ได้จึงพาพระนางไสพยาซ่ึงอุ้มพระสัตยวานไว้แนบอกหลบหนีเข้า ป่าด้วยความเศร้าใจ สงสารชาวเมืองที่ตอ้ งได้รบั ความเดอื ดร้อน พอคลายความโศกเศรา้ แล้วจึงถอดเคร่ืองทรงเปลี่ยนเป็นนุ่งห่มอย่างชาวบ้าน แล้วท้ังสามก็เดินฝ่าความมืดอย่าง ไม่รจู้ ักเหน็ดเหนอื่ ย
๓๐ ทัง้ สองพร้อมด้วยพระโอรสเรง่ ฝเี ท้าเดินด้วยความเร็วจนไม่สนใจสิง่ ต่างๆ รอบขา้ ง เม่ือเข้ามาในเขตมัทรชนบท ท้าวทยุมัตเสนคิดว่าบริเวณป่าแห่งนี้ห่างไกลจากพวกศัตรู แล้วจงึ ช่วยกันสรา้ งท่พี กั และอาศัยอย่ทู ี่ชายปา่ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
๓๑ ต่อมาท้าวทยุมัตเสนได้ออกบวชเป็นพระฤๅษีบำเพ็ญตนอยู่ในศีลธรรม ละซึ่ง กิเลสทั้งหลาย ส่วนพระนางไสพยาก็ได้นุ่งขาวห่มขาวถือศีลอยู่เป็นนิจตามอย่างท้าว- ทยมุ ัตเสน และพระสัตยวานกเ็ จริญวยั ข้นึ ในอาศรมนนั่ เอง
๓๒ สาวิตรีบอกท้าวอัศวบดีว่า ชายท่ีมีความเหมาะสมกับนางยิ่งกว่าชายใด คือ พระสัตยวานพระโอรสของทา้ วทยมุ ัตเสน พระนารทฤๅษีเม่ือได้ฟังคำบอกกล่าวของสาวิตรกี ็ตกใจ รีบกล่าวทักท้วงว่า นาง เลอื กคนผดิ เสยี แล้ว คำบอกกล่าวของพระนารทฤๅษีทำให้ ทา้ วอศั วบดแี ละสาวติ รีสงสัยยิง่ นัก
๓๓ พระนารทฤๅษจี ึงอธิบายวา่ ตั้งแต่พระสตั ยวานยงั เดก็ จนเตบิ โตเปน็ หนุ่ม พระองค์ โปรดม้าเป็นยิ่งนัก ของเล่นของพระสัตยวานแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นดินป้ันหรือภาพวาด จะต้องเป็นรูปม้าทั้งสน้ิ ท้าวทยุมตั เสนจึงประทานนามให้อกี ช่ือหน่งึ วา่ จิตราศวะ
๓๔ พระสัตยวานเปน็ หนมุ่ รปู งาม สติปัญญาฉลาดหลักแหลม จติ ใจดีงาม ชอบทำบุญ ทำทาน ชว่ ยเหลือผตู้ กทุกข์ได้ยาก ตั้งตนอย่ ูในความซือ่ สตั ยส์ จุ ริต กตัญญตู อ่ บุพการี มี คณุ สมบตั ิอนั เปน็ เลศิ เหมาะสมกับสาวติ รที จ่ี ะเลือกมาเปน็ พระสวามที ุกประการ แต่มีเหตุผลเพียงข้อเดียวท่ีลบล้างคุณสมบัติท่ีดีงามท้ังหมด นั่นคือพระสัตยวาน จะมีอายุส้ัน จะส้ินพระชนม์ภายในเวลาอีกหนึ่งปีนับจากวันน้ีเป็นต้นไป น่ันหมายถึงว่า สาวิตรีจะตอ้ งเปน็ หมา้ ยตงั้ แต่ยังสาว ขอใหน้ างคิดใครค่ รวญใหด้ เี สียก่อน
๓๕ ท้าวอัศวบดีเม่ือได้ฟังคำบอกกล่าวของพระนารทฤๅษีก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง รู้สึก สงสารพระธิดาท่ีจะต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียคนรักภายในเวลาอันรวดเร็ว และ ต้องเป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย จึงขอร้องให้สาวิตรีคิด ทบทวนเลือกคคู่ รองคนใหม่
๓๖ สาวิตรีเมื่อได้ฟังถ้อยคำขอร้องของพระบิดา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวั่นเกรงแต่อย่างใด จงึ ยกเหตผุ ลมาอธิบายใหท้ า้ วอศั วบดฟี งั วา่ โอ้วา่ พระบิดาบงั เกดิ เกศ ทรงเดชดำรัสเชน่ น้นั ได้ ลกู บาศกต์ กได้เพยี งหนเดียวไซร้ ทง้ั บตุ รยี กได้ใหห้ นง่ึ คร้งั อนึ่งลั่นวาจาวา่ ยกให้ ก็ไดเ้ พยี งครง้ั เดียวเปน็ ทตี่ ้ัง สามอยา่ งน้ที ำได้เพียงหนง่ึ ครงั้ ขอพระองค์ทรงฟงั ลกู จงดี
๓๗ สาวิตรีเป็นหญิงท่ีงดงามท้ังกายและใจ ถึงแม้ว่าสิ่งที่นางคิดและตัดสินใจจะนำมา ซ่ึงความทุกข์ระทมในภายหลังก็ไม่คิดท่ีจะถอนคำพูดแต่อย่างใด นางคิดว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เปน็ วฏั สงั สารทไี่ มม่ ีผู้ใดสามารถรอดพน้ ไปได้ จงึ ยืนยนั ทจ่ี ะแตง่ งานกบั พระสัตยวาน เจ้าชายไร้บัลลังกผ์ ้นู ่าสงสาร
๓๘ พระนารทฤๅษเี หน็ นำ้ ใจของสาวติ รที มี่ น่ั คงในความรกั จงึ บอกทา้ วอศั วบดวี า่ สาวติ รี เปน็ หญงิ ทมี่ นี ำ้ ใจประเสรฐิ อยา่ งยง่ิ ยากทจ่ี ะหาหญงิ ใดมาเทยี บ ถงึ นางจะรวู้ า่ ตอ่ ไปภายหนา้ จะตอ้ งเจอกับเร่อื งเศรา้ โศกเสยี ใจ กม็ ิไดห้ วน่ั ไหวแตป่ ระการใด ขอใหท้ ้าวอศั วบดยี กนางให้ พระสัตยวานตามความตง้ั ใจของนาง
๓๙ ท้าวอัศวบดีเห็นว่าไม่มีทางที่จะทัดทานสาวิตรีได้ จึงจำยอมคล้อยตาม คำพูดของพระนารทฤๅษี กอ่ นกลบั พระนารทฤๅษีได้กล่าวอวยพรใหส้ าวติ รแี ละ พระสัตยวานครองรักกันอย่างมีความสุข จากน้ันพระนารทฤๅษีจึงกล่าวลา ท้าวอศั วบดีแล้วกลับข้ึนไปบนสรวงสวรรค์
๔๐ เม่ือพระนารทฤๅษีกลับแล้ว ท้าวอัศวบดีสั่งให้เหล่าเสนาทหาร นางกำนัลจัด เตรียมงานอภิเษกสมรสทันที ฝ่ายพระมเหสีมาลวีช่วยส่ังการจัดเตรียมงานและดูความ เรียบร้อยด้วยตนเอง จากนั้นท้าวอัศวบดีสั่ง ให้เสนาทหารไปเชิญพราหมณ์ผู้ใหญ่ท้ัง หลายเพ่อื ไปเป็นประธานในการประกอบ พธิ ีดว้ ย
๔๑ คร้นั ได้เวลาฤกษง์ ามยามดี ขบวนเสด็จของท้าวอัศวบดที ีม่ ีทั้งเหล่าพราหมณ์ นาง กำนัลพี่เลี้ยงหลายร้อยคนช่วยกันถือพานดอกไม้พวงมาลัย ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และ บรรดาทหารองครักษต์ ามเสดจ็ คอยดแู ลท้ังสามพระองค์อย่างใกลช้ ิด แล้วทั้งหมดกเ็ คลื่อน ออกจากพระนครเดนิ ทางเขา้ ไปในปา่ ขลังทันที
๔๒ ก่อนถงึ เวลาบ่าย ขบวนเสด็จก็มาถงึ อาศรมของท้าวทยมุ ัตเสนซึ่งพระองคก์ ำลงั น่ัง บำเพญ็ เพยี รอยบู่ นอาสนะหญา้ คาใตต้ น้ รงั ใหญต่ น้ หนงึ่ ใกลก้ บั อาศรม ทา้ วทยมุ ตั เสนจงึ เชญิ ใหท้ า้ วอศั วบดนี ง่ั แลว้ ถามวา่ “ทา่ นเดนิ ทางมาไกลถงึ อาศรมของเราในปา่ ขลงั แหง่ น้ี มกี จิ ธรุ ะ อันใดหรอื ไม่”
๔๓ ท้าวอัศวบดีจึงบอกว่าจะยกสาวิตรีซึ่งเป็นพระธิดาให้แก่พระสัตยวาน เมื่อท้าว ทยุมัตเสนได้ฟังความประสงค์ของท้าวอัศวบดีจึงตอบกลับว่า “สาวิตรีเคยอยู่แต่ ในวังด้วย ความสุขกายสบายใจ ไม่เคยใช้ชีวิตอย่ ูในป่า หากนางต้องมาอย่ ูในอาศรมแห่งนี้ นางจะ สามารถทนต่อความทกุ ข์ยากลำบากในป่าไดห้ รอื ”
๔๔ “เราทราบถึงความยากลำบากที่สาวิตรีต้องพบเจอ แต่ชีวิตคนเราก็มีทั้งทุกข์และ สขุ ปะปนกันไป ขอท่านอยา่ ไดว้ ิตกกงั วลเลย เราตัง้ ใจไวแ้ ลว้ ว่าจะยกสาวิตรใี หเ้ ปน็ ลูกสะใภ้ ของทา่ น ขอทา่ นจงโปรดรบั สาวติ รไี วเ้ ปน็ ชายาของพระสตั ยวานดว้ ยเถดิ ” ทา้ วอศั วบดกี ลา่ ว ด้วยนำ้ เสยี งหนักแนน่
๔๕ ท้าวทยมุ ตั เสนเม่ือได้ฟงั ทา้ วอัศวบดี ยืนยนั เชน่ นั้นก็มิอาจจะขดั ความประสงค์ ของพระองค์ได้ จงึ ตกลงใหพ้ ระสัตยวาน เขา้ พธิ อี ภเิ ษกสมรสกบั สาวติ รีตาม ราชประเพณี เหล่าพราหมณ์สวดพระเวทอวยพรให้คู่บ่าวสาวอยู่ครองรักด้วยกันอย่างมี ความสุข เม่ือเสร็จสิ้นพิธีแล้ว ท้าวอัศวบดีมอบเส้ือผ้าอาภรณ์อย่างดีให้แก่สาวิตรี แล้วก็ ลาท้าวทยมุ ัตเสนและพระนางไสพยากลับเข้าพระนครดว้ ยความอิม่ เอมใจ
๔๖ ฝ่ายพระสตั ยวานก็ยนิ ดที ่ีได้สาวติ รซี งึ่ มคี ณุ สมบัติเพยี บพร้อมงดงามทัง้ กาย วาจา ใจมาเป็นชายา ส่วนสาวิตรีก็เป็นสุขใจยิ่งนักที่ได้พระสัตยวานบุรุษผู้เต็มเปี่ยมด้วยความ ดีงามเป็นพระสวามี หลังจากขบวนเสดจ็ ทา้ วอัศวบดเี คลอ่ื นออกจากอาศรมแล้ว สาวิตรคี ิด วา่ เสอ้ื ผ้าอาภรณ์สีสนั สวยงามทัง้ หลายเหลา่ นไี้ มเ่ หมาะที่จะนำมาใช้ในสถานท่เี ช่นน้ี จงึ เกบ็ เส้ือผ้าทั้งหมดใส่ลงในหีบ แล้วถอดเครื่องทรงเปลี่ยนเป็นนุ่งห่มตามอย่างพระนางไสพยา และพระสตั ยวาน
๔๗ ทุกๆ วนั สาวิตรีจะทำงานบา้ น จดั เตรยี มนำ้ ผงึ้ นมโค ผลไม้ และเครื่องนงุ่ หม่ ไว้ ให้ท้าวทยุมัตเสนและพระนางไสพยาด้วยความเต็มใจราวกับทาสรับใช้ผู้ซ่ือสัตย์อย่าง ไมข่ าดตกบกพรอ่ ง นางไมเ่ คยปรปิ ากบน่ หรอื แสดงความเกยี จครา้ นเลย ทำใหท้ ง้ั สองรวมถงึ พระสตั ยวานพึงพอใจเปน็ อย่างทีส่ ุด
๔๘ ตลอดระยะเวลาเกือบหน่ึงปีที่สาวิตรีครองรักอยู่กับพระสัตยวานอย่างมีความสุข เรื่อยมา พระสัตยวานเป็นพระสวามีท่ีดี มีน้ำใจช่วยเหลือทำงานบ้านไม่เคยขาด เป็นด่ัง มิตรแท้ท่ีอยู่เคียงข้างคอยดูแล พูดคุย หยอกเย้ากันตามประสา หนุ่มสาว ทำให้นางรสู้ ึกไมเ่ หงาและอา้ งวา้ ง โดดเดี่ยว กิริยาเรียบร้อย คำพูดคำจา ช่างอ่อนหวานเหมือนดั่งน้ำทิพย์ชโลม จติ ใจให้นางไดม้ ีพลังใจทีเ่ ขม้ แข็ง
๔๙ บนใบหน้าท่ีเป่ ียมด้วยความสุขของสาวิตรี แต่ภายในจิตใจนั้นเต็มไปด้วยความ ทุกข์โศก เพราะคำพูดของพระนารทฤๅษีท่ีทำนายไว้ว่าพระสัตยวานจะมีอายุเพียงหน่ึงปี นน้ั ยังมเิ คยลบเลือนไปจากใจของนาง ยามใดท่นี กึ ถงึ คำทำนายของพระนารทฤๅษีกเ็ หมอื น มีเส้ียนหนามเล็กๆ ท่ีแหลมคมคอยท่ิมแทงจิตใจให้ได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสน สาหัส สาวติ รคี ิดวา่ หากชวี ติ นางขาดพระสตั ยวานเคียงข้าง แลว้ นางจะมชี วี ติ อย่ ูในโลกน้ีได้อยา่ งไร ยง่ิ คิดสาวติ รกี ็ย่ิงปวดรวดรา้ วในจติ ใจ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121