ข้อสอบใบขบั ขห่ี มวดท่ี 1 - กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 1. ในขณะขบั รถผ้ขู ับข่ีต้องมเี อกสารใดใช้คู่กบั ใบอนุญาตขับรถ ก. บตั รประจำตวั ประชำชน ข. สำเนำทะเบียนบำ้ น ค. สาเนาภาพถ่ายใบคู่มอื จดทะเบยี นรถ ง. บตั รประกนั สงั คม 2. ผู้ขับรถกระทาผดิ ตามกฎหมายจราจรทางบกและได้รับใบส่ังจากเจ้าพนักงานจราจรต้องไปตดิ ต่อชาระค่าปรับภายในก่ี วนั ก. 10 วนั ข. 7 วนั ค. 15 วนั ง. 30 วนั 3. เมอ่ื ใบอนุญาตขบั รถสูญหายหรือชารุดต้องยนื่ ขอรับใบแทนต่อนายทะเบยี นภายในกวี่ นั ก. 20 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 45 วนั 4. ผู้ขบั รถไม่มใี บอนุญาตขบั รถ มคี วามผดิ อย่างไร ก. จำคุกไมเ่ กิน 1 ปี ข. จาคุกไม่เกนิ 1 เดอื น หรือปรับไม่เกนิ 1,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ ค. ปรับไมเ่ กิน 2,000 บำท ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บำท 5. ใบอนุญาตขบั รถชนิดช่ัวคราวมอี ายกุ ป่ี ี ก. 2 ปี ข. 1 ปี ค. 3 ปี ง. 4 ปี 6. ผ้ขู บั รถใช้ใบอนุญาตขบั รถทสี่ ิน้ อายุมคี วามผดิ อย่างไร ก. ปรับไม่เกินหำ้ พนั บำท ข. จำคุกไมเ่ กินสำมเดือน ค. ปรับไม่เกนิ สองพนั บาท ง. จำคุกไมเ่ กินหน่ึงเดือน
7. รถทไ่ี ม่เสียภาษีประจาปี ภายในกาหนดจะต้องเสียเงนิ เพม่ิ เท่าใด ก. ร้อยละ 1 ต่อเดอื น ข. ร้อยละ 1 ต่อปี ค. ร้อยละ 10 ต่อเดือน ง. ร้อยละ 20 ตอ่ ปี 8. การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบยี นภายในกว่ี นั ก. 15 วนั ข. 45 วนั ค. 20 วนั ง. 30 วนั 9. การเปลยี่ นสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบยี นภายในกว่ี นั ก. 7 วนั ข. 10 วนั ค. 15 วนั ง. 20 วนั 10. การต่ออายใุ บอนญุ าตขบั รถส่วนบุคคล (5 ปี ) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้เท่าใด ก. 3 เดอื น ข. 4 เดือน ค. 6 เดือน ง. 5 เดือน 11. รถยนต์ทม่ี อี ายุครบกปี่ ี ต้องนาไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษปี ระจาปี ก. 5 ปี ข. 6 ปี ค. 3 ปี ง. 7 ปี 12. การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกว่ี นั ก. 30 วนั ข. 15 วนั ค. 25 วนั ง. 20 วนั
13. รถจกั รยานยนต์ทมี่ อี ายุครบกปี่ ี ต้องนาไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษปี ระจาปี ก. 1 ปี ข. 3 ปี ค. 2 ปี ง. 5 ปี 14. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 \"รถ\" หมายความว่า ก. รถยนต์ รถจกั รยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอน่ื ทกี่ าหนดในกฎกระทรวง ข. รถยนต์ รถจกั รยำนยนต์ รถพว่ ง ค. รถยนต์ รถจกั รยำนยนต์ รถพว่ ง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ ง. รถยนต์ รถจกั รยำนยนต์ รถพว่ ง รถแทรกเตอร์ 15. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 \"รถยนต์\" หมายความว่า ก. รถสำธำรณะ รถยนตบ์ ริกำร และรถยนตส์ ่วนบุคคล รถแทก็ ซี่ ข. รถสำธำรณะ รถยนตบ์ ริกำร และรถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คล ค. รถจกั รยำนยนตส์ ำธำรณะ รถยนตบ์ ริกำร และรถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคล ง. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล 16. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 \"รถจกั รยานยนต์\" หมายความว่า ก. รถทเี่ ดนิ รถกาลงั เคร่ืองยนต์หรือกาลงั ไฟฟ้ าและมลี ้อไม่เกนิ สองล้อ ถ้ามถี ่วงข้างมลี ้ออกี ไม่เกนิ หน่งึ ล้อ ข. รถที่เดินรถกำลงั เครื่องยนตห์ รือกำลงั ไฟฟ้ ำและมีลอ้ ไม่เกินสองลอ้ ค. รถท่ีเดินรถกำลงั เคร่ืองยนตม์ ีลอ้ ไมเ่ กินสองลอ้ ง. รถที่เดินรถกำลงั เคร่ืองยนตห์ รือกำลงั ไฟฟ้ ำและมีลอ้ เกินสองลอ้ 17. ข้อใดไม่ใช่ \"รถยนต์รับจ้างสาธารณะ\" ก. รถแท็กซี่ ข. รถจกั รยานยนต์ส่วนบุคคล ค. รถจกั รยำนยนตร์ บั จำ้ งสำธำรณะ ง. รถสำมลอ้ รับจำ้ งสำธำรณะ 18. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 \"รถยนต์บริการ\" หมายความว่า ก. รถยนตใ์ หเ้ ช่ำซ่ึงบรรทุกคนโดยสำรไมเ่ กินเจด็ คน ข. รถยนตบ์ รรทุกคนโดยสำรซ่ึงบรรทุกคนโดยสำรไม่เกินเจด็ คน ค. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซ่ึงบรรทกุ คนโดยสารไม่เกนิ เจด็ คน ง. รถยนตบ์ รรทุกคนโดยสำรหรือใหเ้ ช่ำซ่ึงบรรทุกคนโดยสำรเกินเจด็ คน
19. ข้อใดคอื \"รถยนต์ส่วนบุคคล\" ก. รถจกั รยานยนต์ส่วนบุคคล ข. รถแท็กซี่ ค. รถสำมลอ้ รับจำ้ งสำธำรณะ ง. รถยนตป์ ้ ำยแดง 20. รถทนี่ ามาใช้บนถนนต้องมลี กั ษณะอย่างไร ก. รถที่โคมไฟหนำ้ ไม่ติด ข. รถท่ีมีเสียงดงั 90 เดซิเบล A ค. รถท่ีมีควนั ดำ 55 เปอร์เซ็นต์ ง. รถทจี่ ดทะเบยี นและชาระภาษเี รียบร้อยแล้ว 21. รถทสี่ ามารถนามาจดทะเบียนต้องมลี กั ษณะอย่างใด ก. รถต้องมอี ปุ กรณ์ส่วนควบถูกต้องและผ่านการตรวจสภาพรถ ข. รถตอ้ งมีอปุ กรณ์ส่วนควบถกู ตอ้ ง ค. รถที่ซ้ือจำกศูนยจ์ ำหน่ำยรถทวั่ ไป ง. รถท่ีผำ่ นกำรตรวจสภำพรถ จำกสภำนตรวจภำพรถเอกชน 22. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบยี น ก. รถของวดั ข. รถของมูลนิธิ ค. รถสาหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ง. รถของผบู้ ญั ชำกำรทหำรสูงสุด 23. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน ก. รถของวดั ข. รถของกรมตารวจทจี่ ดทะเบยี นและมเี คร่ืองหมายตามระเบยี บทอ่ี ธิบดกี าหนด ค. รถของสภำกำชำดไทย ง. รถของมลู นิธิเพ่อื นพ่งึ ภำยำมยำก 24. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน ก. รถของสำนกั พระรำชวงั ท่ีจดทะเบียนและมีเคร่ืองหมำยตำมระเบียบที่เลขำธิกำรพระรำชวงั กำหนด ข. รถสำหรับเฉพำะพระองคพ์ ระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั ค. รถของกรมตำรวจท่ีจดทะเบียนและมีเครื่องหมำยตำมระเบียบท่ีอธิบดีกำหนด ง. ทกุ ข้อถูกต้อง
25. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน ก. รถทเี่ จ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ ข. รถยนตน์ ำเขำ้ ค. รถสำมลอ้ ส่วนบุคคล ง. รถจกั รยำนยนตน์ ำมำใชใ้ นหมบู่ ำ้ น 26. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน ก. รถทผี่ ้ผู ลติ หรือประกอบเพอื่ จาหน่ายหรือทผี่ ้นู าเข้าเพอื่ จาหน่าย ผลติ ประกอบหรือนาเจ้า และยงั มไิ ด้จาหน่ายให้แก่ผู้อน่ื ข. รถสำมลอ้ ส่วนบุคคล ค. รถจกั รยำนยนตน์ ำมำใชใ้ นหมบู่ ำ้ น ง. รถของวดั 27. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนยี มเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบยี นรถ ก. รถยนตร์ ับจำ้ ง ข. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คล ค. รถดบั เพลงิ ง. รถตสู้ ่วนบุคคล 28. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถพยาบาลทม่ี ใิ ช่เป็ นรถสาหรับรับจ้าง ข. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคล ค. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คล ง. รถตสู้ ่วนบุคคล 29. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนยี มเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถตสู้ ่วนบุคคล ข. รถของมูลนิธิ ค. รถของวดั ง. รถของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจงั หวดั สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมอื งพทั ยา และราชการ ส่วนท้องถนิ่ ทเ่ี รียกช่ืออย่างอนื่ ท้งั นี้ เฉพาะรถทมี่ ไิ ด้ใช้ในทางการค้าหรือกาไร 30. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนยี มเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถบดถนนของเอกชน ข. รถบดของรัฐวสิ าหกจิ ค. รถแทรกเตอร์ของเอกชน ง. รถแทรเตอร์ส่วนบุคคล
31. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบยี นรถ ก. รถแทรกเตอร์ของเอกชน ข. รถแทรกเตอร์ของรัฐวสิ าหกจิ ค. รถบดถนนของเอกชน ง. รถบดถนนของผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั 32. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถของสภากาชาดไทย ข. รถของมูลนิธิร่วมกตญั ญู ค. รถของวดั ง. รถของมลู นิธ่สำยใจไทย 33. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ข. รถของมลู นิธิร่วมกตญั ญู ค. รถของวดั ง. รถของมูลนิธิสำยใจไทย 34. รถต่อไปนไี้ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนยี มแผ่นป้ ายทะเบียนรถ ก. รถดบั เพลงิ ของ อบต. ข. รถตูส้ ่วนบุคคล ค. รถตรู้ ับจำ้ ง ง. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คล 35. ประสงค์จดทะเบยี นรถต้องยน่ื คาขอทใ่ี ด ก. ยนื่ คำขอต่อนำยทะเบียนที่สำนกั งำนขนส่งจงั หวดั ทุกแห่ง ข. ยน่ื คาขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องทท่ี ตี่ นมภี ูมลิ าเนา ค. ยน่ื คำขอต่อนำยทะเบียนที่กรมกำรขนส่งทำงบก ง. ยน่ื คำขอตอ่ นำยทะเบียนตำมสถำนที่ต้งั ท่ีจำหน่ำยรถน้นั ๆ 36. รถทจี่ ดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลยี่ นสีรถต้องดาเนินการอย่างไร ก. ดำเนินกำรเปล่ียนสีไดท้ นั ที ข. แจง้ นำยทะเบียนภำยใน 15 วนั ค. แจง้ นำยทะเบียนภำยใน 30 วนั ง. แจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วนั
37. หากประสงค์เปลยี่ นแปลงตวั ถังรถต้องดาเนนิ การอย่างไร ก. เปล่ียนแปลงแลว้ จึงจะมำดำเนินกำรที่สำนกั งำนขนส่ง ข. ขออนุญาตนายทะเบยี น ตามภูมลิ าเนาทจ่ี ดทะเบยี นรถ ค. ตอ้ งแจง้ เปลี่ยนแปลงภำยใน 15 วนั ง. ไม่ตอ้ งแจง้ กำรเปล่ียนแปลงเพรำะไม่ใช่สำระสำคญั ของตวั รถ 38. ผ้ตู รวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คอื ใคร ก. เจ้าหน้าทกี่ รมการขนส่งทางบก ทร่ี ัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งต้งั ข. เจำ้ หนำ้ ที่กรมกำรขนส่งทำงบก ค. เจำ้ หนำ้ ท่ี บริษทั ขนส่ง จำกดั ง. เจำ้ หนำ้ ที่กรมกำรขนส่งทำงบก. และเจำ้ หนำ้ ท่ีตำรวจ 39. หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในกว่ี นั ก. 30 วนั ข. 7 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั 40. กรณีเจ้าของรถมภี ารกจิ ไม่สามารถมาดาเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบยี นภายในเวลาทก่ี ฎหมายกาหนด ข้อใดถูกต้อง ก. มคี วามผดิ ต้องชาระค่าปรับแจ้งย้ายเกนิ กาหนด ข. ไมเ่ สียคำ่ ปรับ เนื่องจำกจำเป็ น ค. รถไม่สำมำรถแจง้ ยำ้ ยได้ ง. ผดิ ทุกขอ้ 41. หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบยี นภายในกวี่ นั ก. 60 วนั ข. 25 วนั ค. 30 วนั ง. 15 วนั 42. กรณีเจ้าของรถมภี ารกจิ ไม่สามารถมาดาเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบยี นภายในเวลาทก่ี ฎหมายกาหนด ข้อใดถูกต้อง ก. ไมเ่ สียคำ่ ปรับ เนื่องจำกจำเป็ น ข. มคี วามผดิ ต้องชาระค่าปรับโอนเกนิ กาหนด ค. รถไมส่ ำมำรถแจง้ ยำ้ ยได้ ง. ผิดทุกขอ้
43. ข้อใดผดิ ก. รถยนต์ส่วนบุคคล นามาใช้รับจ้างได้ ข. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคล หำ้ มนำมำใชใ้ นกำรรับจำ้ งบรรทุกผโู้ ดยสำร ค. รถจกั รยำนยนตส์ ำธำรณะ ใชเ้ พื่อกำรรับจำ้ งบรรทุกผโู้ ดยสำร ง. รถจกั รยำนยนตส์ ำธำรณะ ใชใ้ นกิจกำรส่วนตวั ได้ 44. นาย ก. นารถจกั รยานยนต์สาธารณะของตนเองรับส่งภรรยาไปตลาดได้หรือไม่อย่างไร ก. ได้ เพรำะภรรยำนำย ก. เป็ นคนในครอบครัว ข. ได้ เพราะรถจกั รยานยนต์สาธารณะสามารถนามาใช้กจิ การส่วนตวั ของเจ้าของรถได้ ค. ไม่ได้ เพรำะรถจกั รยำนยนตส์ ำธำรณะตอ้ งนำมำรับจำ้ งเท่ำน้นั ง. ไม่ได้ เพรำะ รถจกั รยำนยนตส์ ำธำรณะหำ้ มใชใ้ นกิจกำรส่วนบุคคลของเจำ้ ของรถ 45. รถประเภทใดต่อไปนใี้ ช้รับจ้างบรรทกุ คนโดยสารได้ ก. รถจกั รยานยนต์สาธารณะ ข. รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคล ค. รถยนตส์ ่วนบุคคล ง. รถตสู้ ่วนบุคคล 46. รถยนต์ ไว้เพอื่ ขายหรือเพอื่ ซ่อม (ป้ ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขบั ได้ในช่วงเวลาใด ก. ขบั ไดต้ ้งั แตเ่ วลำ 08.00 น. ถึง 16.00 น. ข. ขบั ไดต้ ลอดเวลำ ค. หำ้ มขบั เพรำะยงั ไมไ่ ดเ้ สียภำษี ง. ขับได้ระหว่างพระอาทติ ย์ขนึ้ จนถงึ พระอาทติ ย์ตก 47. รถทไ่ี ม่ได้เสียภาษภี ายในเวลาทก่ี าหนดต้องชาระเงนิ เพมิ่ ร้อยละเท่าใด ก. ร้อยละ 1 บาทต่อเดอื น ข. ร้อยละ 1 บำทตอ่ ปี ค. ร้อยละ 10 บำทต่อเดือน ง. ร้อยละ 10 บำทต่อปี 48. รถทคี่ ้างชาระภาษปี ระจาปี ตดิ ต่อกนั ครบสามปี จะมผี ลตามกฎหมายอย่างใด ก. ทะเบยี นระงบั ข. สำมำรถนำรถไปตรวจสภำพและตอ่ ภำษีประจำปี ได้ ค. สำมำรถกระทำไดต้ ำมขอ้ 1 และ 2 ง. สำมำรถนำรถไปแจง้ ไม่ใชต้ ลอดไปและจดทะเบียนใหม่ได้
49. ข้อใดถูกต้อง ก. รถยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 5 ปี ประสงคจ์ ะต่อภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจท่ีสถำนตรวจสภำพเอกชน ข. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษปี ระจาปี ต้องนารถไปตรวจทส่ี ถานตรวจสภาพเอกชน ค. รถจกั รยำนยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 7 ปี ประสงคจ์ ะต่อภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจที่สถำนตรวจสภำพเอกชน ง. รถยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 10 ปี ประสงคจ์ ะต่อภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจที่สถำนตรวจสภำพเอกชน 50. ข้อใดถูกต้อง ก. รถจกั รยานยนต์อายกุ ารใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจาปี ต้องนารถไปตรวจทสี่ ถานตรวจสภาพเอกชน ข. รถยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 5 ปี ประสงคจ์ ะตอ่ ภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจที่สถำนตรวจสภำพเอกชน ค. รถจกั รยำนยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 7 ปี ประสงคจ์ ะตอ่ ภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจท่ีสถำนตรวจสภำพเอกชน ง. รถยนตอ์ ำยกุ ำรใชง้ ำนครบ 10 ปี ประสงคจ์ ะต่อภำษีประจำปี ตอ้ งนำรถไปตรวจท่ีสถำนตรวจสภำพเอกชน 51. ข้อใดถูกต้องในขณะขบั รถ ก. ผขู้ บั รถตอ้ งมีสำเนำใบอนุญำตขบั รถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ ข. ผขู้ บั รถตอ้ งมีใบอนุญำตขบั รถ และใบคูม่ ือจดทะเบียนรถ ค. ผ้ขู ับรถต้องมใี บอนุญาตขับรถ และสาเนาภาพถ่ายใบคู่มอื จดทะเบียนรถ ง. ผขู้ บั รถตอ้ งมีสำเนำใบอนุญำตขบั รถ และสำเนำใบคู่มือจดทะเบียนรถ 52. ข้อใดถูกต้อง ก. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคลได้ ข. ใบอนุญาตขบั รถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนญุ าตขบั รถยนต์ส่วนบุคคลได้ ค. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ ส่วนบุคคลได้ ง. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ สำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คลได้ 53. ข้อใดถูกต้อง ก. ใบอนุญาตขับรถจกั รยานยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนญุ าตขบั รถจกั รยานยนต์ส่วนบุคคลได้ ข. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ สำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบคุ คลได้ ค. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคลได้ ง. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ ส่วนบุคคลได้ 54. ข้อใดถูกต้อง ก. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ สำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคลได้ ข. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำมลอ้ ส่วนบุคคลได้ ค. ใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะ ใชแ้ ทน ใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตส์ ่วนบุคคลได้ ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขบั รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
55. ใบอนญุ าตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมอี ายกุ ปี่ ี ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 3 ปี ง. 5 ปี 56. หากประสงค์จะเปลย่ี นประเภทใบอนุญาตขบั รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็ นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี ข้อใดถูกต้อง ก. สำมำรถเปลี่ยนไดล้ ว่ งหนำ้ 30 วนั ข. สามารถเปลยี่ นได้ล่วงหน้า 60 วนั ค. สำมำรถเปล่ียนไดล้ ว่ งหนำ้ 1 เดือน ง. สำมำรถเปล่ียนไดล้ ่วงหนำ้ 3 เดือน 57. ใบอนุญาตขบั รถส่วนบุคคลชนดิ 5 ปี ต่ออายลุ ่วงหน้ากเ่ี ดอื น ก. 1 เดือน ข. 3 เดอื น ค. 4 เดือน ง. 6 เดือน 58. นาย ก. เกดิ ทจ่ี งั หวดั เชียงใหม่ ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขบั รถยนต์ส่วนบุคคลช่ัวคราว จะต้องไปดำเนินกำรท่ีใด ก. สานักงานขนส่งจงั หวดั และสานักงานขนส่งจงั หวดั สาขา ทกุ แห่ง ข. สำนกั งำนขนส่งจงั หวดั เชียงใหม่ ยกเวน้ กรุงเทพมมหำนคร ค. สำนกั งำนขนส่งจงั หวดั เชียงใหม่ ยกเวน้ สำนกั งำนขนส่งจงั หวดั ยะลำ สำขำอำเภอเบตง ง. ผดิ ทุกขอ้ 59. ผ้ขู อรับใบอนุญาตขบั รถยนต์ช่ัวราวต้องมอี ายุกป่ี ี ก. ไม่ต่ำกวำ่ 15 ปี บริบูรณ์ ข. ไมต่ ่ำกวำ่ 16 ปี บริบูรณ์ ค. ไมต่ ่ำกวำ่ 17 ปี บริบูรณ์ ง. ไม่ตา่ กว่า 18 ปี บริบูรณ์ 60 นายชาย พกิ ารไม่มนี ิว้ มอื ข้างซ้าย ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขบั รถยนต์ช่ัวคราวได้หรือไม่ ก. ไมไ่ ด้ เพรำะ นำยชำยเป็ นผมู้ ีร่ำงกำยพกิ ำร ข. ไม่ได้ เพรำะ ขดั ตอ่ ระเบียบกรมกำรขนส่งทำงบก ค. ได้ เพรำะ หำกนำยชำยมีบตั รผพู้ กิ ำร ง. ได้ เพราะ ไม่เป็ นผู้มรี ่างกายพกิ ารจนเป็ นทเี่ หน็ ได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
61. บุคคลในข้อต่อไปนบี้ ุคคลใดสามารถขอรับใบอนุญาตขบั รถได้ ก. นายชาย ไม่เป็ นผู้มรี ่างกายพกิ ารจนเป็ นทเ่ี ห็นได้ว่าไม่สามารถขบั รถได้ ข. นำงหญิงเป็ นบคุ คลวกิ ลจริตหรือจิตฟ่ันเฟื อน ค. นำยดำ เป็ นผอู้ ยรู่ ะหวำ่ งถกู ยดึ ใบอนุญำต ง. นำงแดง เป็นวณั โรค 62. นายแดง ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขบั รถยนต์สาธารณะ ข้อใดถูกต้อง ก. นำยแดง ไมเ่ ป็ นบคุ คลวกิ ลจริตหรือจิตฟ่ันเฟื อน ข. นำยแดงตอ้ งไดร้ ับใบอนุญำตขบั รถมำแลว้ ไมน่ อ้ ยกวำ่ 1 ปี ค. นำยแดง ไมเ่ ป็นผมู้ ีร่ำงกำยพกิ ำรจนเป็ นท่ีเห็นไดว้ ำ่ ไม่สำมำรถขบั รถได้ ง. ถูกทกุ ข้อ 63. ผ้ขู อรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องมคี ณุ สมบตั อิ ย่างไร ก. ต้องรู้จกั ถนนและทางหลวงในจงั หวดั ทข่ี อรับใบอนญุ าตขับรถพอสมควร ข. อำยคุ รบ 20 ปี บริบูรณ์ ค. มีประสบกำรณ์ในกำรขบั รถมำแลว้ อยำ่ งนอ้ ย 5 ปี ง. ตอ้ งมีใบอนุญำตขบั รถจกั รยำนยนตแ์ ละใบอนุญำตขบั รถยนต์ 64. ข้อใดถูกต้อง ก. มีสญั ชำติไทย ข. ตอ้ งรู้จกั ถนนและทำงหลวงในจงั หวดั ที่ขอรับใบอนุญำตขบั รถพอสมควร ค. ไม่เป็ นผตู้ ิดสุรำยำเมำหรือยำเสพติดใหโ้ ทษ ง. ถูกทกุ ข้อ 65. หากปรากฏภายหลงั ว่าเป็ นผ้ขู าดคุณสมบัตใิ นการขอรับใบอนญุ าตขบั รถ ท่านจะปฏิบตั อิ ย่างไร ก. แจ้งให้นายทะเบียนเพอ่ื เพกิ ถอนใบอนุญาตและนาใบอนุญาตขบั รถทถี่ ูกเพกิ ถอนส่งคนื กรมการขนส่งทางบก ข. แจง้ ใหน้ ำยทะเบียนเพอื่ เพิกถอนใบอนุญำต ค. ใชใ้ บอนุญำตขบั รถน้นั ตอ่ ไป ง. นำใบอนุญำตขบั รถท่ีถกู เพิกถอนส่งคืน 66. กรณถี ูกพกั ใช้ใบอนุญาตขบั รถมสี ิทธิอทุ ธรณ์ได้ภายในกว่ี นั ก. 30 วนั ข. 15 วนั ค. 45 วนั ง. 60 วนั
67. กรณีถูกเพกิ ถอนใบอนญุ าตขบั รถมสี ิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกว่ี นั ก. 45 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั 68. กรณีถูกพกั ใช้หรือเพกิ ถอนใบอนุญาตขับรถมสี ิทธอิ ทุ ธรณ์ได้ภายในกวี่ นั ก. 15 วนั ข. 30 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 69. ผ้ไู ด้รับใบอนุญาตขบั รถทถี่ ูกสั่งเพกิ ถอนใบอนุญาตขบั รถต้องส่งคนื ใบอนุญาตขับรถให้แก่นายทะเบียนภายในกวี่ นั ก. 30 วนั ข. 15 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 70. ใบอนุญาตขับรถสูญหายต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกวี่ นั นับแต่วนั ทราบเหตนุ ้นั ก. 15 วนั ข. 30 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 71. ใบอนุญาตขบั รถชารุดในสาระสาคญั ต้องแจ้งนายทะเบยี นภายในกวี่ นั นบั แต่วนั ทราบเหตนุ ้นั ก. 30 วนั ข. 15 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 72. เมอื่ กระทาผดิ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคาสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตวั ผู้ขับรถจะตอ้ งไปรำยงำน ตวั ตอ่ นำยทะเบียนภำยในกี่วนั ก. 7 วนั ข. 3 วนั ค. 10 วนั ง. 15 วนั
73. กรณใี ดผ้ขู ับรถยนต์สาธารณะสามารถปฎเิ สธไม่รับจ้างบรรทกุ คนโดยสารได้ ก. ผโู้ ดยสำรเป็ นบคุ คลวกิ ลจริต ข. ผโู้ ดยสำรเมำสุรำ ค. ผโู้ ดยสำรนำทุเรียนส่งกล่ินข้ึนมำบนรถ ง. ถูกทุกข้อ 74. ผ้ขู ับรถยนต์สาธารณะต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. พาผู้โดยสารไปยงั สถานทที่ ว่ี ่าจ้างตามเส้นทางทต่ี กลงกนั ไว้ ข. ไม่พำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนที่ที่วำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงที่ส้นั ท่ีสุด ค. ไม่พำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนที่ที่วำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงที่เร็วท่ีสุด ง. พำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนท่ีที่วำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงที่ออ้ ม 75. ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. พาผู้โดยสารไปยงั สถานทที่ ว่ี ่าจ้างตามเส้นทางทสี่ ้ันทส่ี ุด ข. ไมพ่ ำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนที่ท่ีวำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงท่ีตกลงกนั ไว้ ค. ไมพ่ ำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนท่ีที่วำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงที่เร็วท่ีสุด ง. พำผโู้ ดยสำรไปยงั สถำนที่ที่วำ่ จำ้ งตำมเสน้ ทำงที่ออ้ ม 76. ผ้ขู ับรถผู้ขบั รถสาธารณะต้องปฏบิ ตั ติ นอย่างไร ก. ปฎิเสธผโู้ ดยสำรในเสน้ ทำงท่ีจรำจรตดิ ขดั ข. ไม่สูบบุหรี่ ค. ใชใ้ บอนุญำตขบั รถยนตส์ ่วนบคุ คลแทนเมื่อใบอนุญำตขบั รถยนตส์ ำธำรณะขำดอำยุ ง. เปิ ดวทิ ยเุ สียงดงั เพือ่ ใหผ้ โู้ ดยสำรฟังแกเ้ ครียด 77. ผ้ขู ับรถสาธารณะต้องปฏบิ ัตติ นอย่างไร ก. เปิ ดวทิ ยเุ สียงดงั เพอ่ื ใหผ้ โู้ ดยสำรฟังแกเ้ ครียด ข. พดู คุยเสียงดงั รบกวนผอู้ ่ืน ค. ไม่ทาตนน่าราคาญ ง. สูบบุหร่ีแกเ้ ครียดเวลำรถติด 78. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร ก. สูบบุหร่ีแกเ้ ครียดเวลำรถติด ข. พดู คุยเสียงดงั ค. ใส่เส้ือยดื ขบั รถ ง. ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี
79. ผู้ขบั รถสาธารณะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร ก. ไม่ก้าวร้าว ดูหมนิ่ ผ้โู ดยสาร ข. พดู คุยเสียงดงั ค. ใส่เส้ือยดื ขบั รถ ง. สูบบุหรี่แกเ้ ครียดเวลำรถติด 80. ในขบั รถผ้ขู ับรถสาธารณะต้องปฏบิ ตั ติ นอย่างไร ก. สูบบุหร่ีแกเ้ ครียดเวลำรถติด ข. ตกั เตือนผโู้ ดยสำรเมื่อแตง่ กำยไม่สุภำพ ค. ใส่เครื่องแบบพนกั งำนขบั รถในเสน้ ทำงที่เจำ้ หนำ้ ที่ต้งั ด่ำนตรวจประจำ ง. ไม่เสพสุราของมนึ เมา 81. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร ก. เปิ ดวทิ ยเุ สียงดงั เพอ่ื ใหผ้ โู้ ดยสำรฟังแกเ้ ครียด ข. ไม่เสพยาเสพตดิ ให้โทษ ค. จอดรถตำมควำมตอ้ งกำรขอ้ งผดู้ ดยสำร ง. สูบบุหรี่แกเ้ ครียดเวลำรถติด 82. ผ้ขู บั รถสาธารณะต้องปฏบิ ัตติ นอย่างไร ก. ไม่เสพวตั ถุออกฤทธ์ิต่อจติ ประสาท ข. ขบั ดว้ ยควำมเร็วเมื่อผโู้ ดยสำรเร่งรีบ ค. ตำมใจผโู้ ดยสำรเพ่ือใหถ้ ึงจุดหมำยใหเ้ ร็วท่ีสุด ง. สูบบุหร่ีแกเ้ ครียดเวลำรถติด 83. ผ้ขู บั รถสาธารณะต้องปฏิบัตติ นอย่างไร ก. ชวนผโู้ ดยสำรคุยเพือ่ ควำมเป็นกนั เอง ข. เมื่อง่วงกข็ ออนุญำตผโู้ ดยสำรจอดนอน ค. ไม่ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ ง. แจกหมำยเลขโทรศพั ทเ์ พ่อื หำลกู คำ้ 84. ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขบั รถมโี ทษอย่างไร ก. จาคกุ ไม่เกนิ 1 เดอื น หรือปรับไม่เกนิ 1,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ ข. ปรับไมเ่ กิน 1,000 บำท ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรบั ไม่เกิน 1,000 บำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ ง. ปรับไมเ่ กิน 2,000 บำท
85. ผ้ใู ดขับรถโดยใบอนุญาตขบั รถสิ้นอายุมโี ทษอย่างไร ก. ปรับไม่เกิน 1,000 บำท ข. จำคุกไมเ่ กิน 1 เดือน หรือปรบั ไม่เกิน 1,000 บำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรบั ไม่เกิน 1,000 บำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ ง. ปรับไม่เกนิ 2,000 บาท 86. นาย ก. ใช้รถยนต์มาแล้วเป็ นปี ที่ 6 ประสงค์จะเสียภาษรี ถประจาปี ต้องใช้เอกสารใดในการชาระภาษีรถ ก. ใบรับรองกำรผำ่ นตรวจสภำพเอกชน , พ.ร.บ. คุม้ ครองผปู้ ระสบภยั จำกรถ, คูม่ ือจดทะเบียนรถ ข. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. ค้มุ ครองผ้ปู ระสบภัยจากรถ ค. ใบรับรองกำรผำ่ นตรวจสภำพเอกชน, คู่มือจดทะเบียนรถ ง. ใบรับรองกำรผำ่ นตรวจสภำพเอกชน , พ.ร.บ. คุม้ ครองผปู้ ระสบภยั จำกรถ, สำเนำคูม่ ือจดทะเบียนรถ 87. เมอื่ รถทะเบยี นระงบั หากประสงค์จะจดทะเบียนรถใหม่ต้องนารถไปตรวจสภาพรถทใี่ ด ก. สานกั งานขนส่งจงั หวดั ในภูมลิ าเนาทปี่ ระสงค์จดทะเบียนรถ ข. สถำนตรวจสภำพเอกชนในภูมิลำเนำท่ีประสงคจ์ ดทะเบียนรถ ค. สำนกั งำนขนส่งจงั หวดั หรือสำขำในภูมิลำเนำท่ีประสงคจ์ ดทะเบียนรถ ง. ไมส่ ำมำรถจดทะเบียนรถไดเ้ น่ืองจำกทะเบียนระงบั แลว้ 88. ประกนั ภัยชนดิ ใดใช้ประกอบการต่ออายุภาษปี ระจาปี ก. ประกนั ภยั ชนิด 1 ข. ประกนั ภยั ชนิด 2 ค. ประกนั ภยั ชนิด 3 ง. ประกนั ภยั ชนิด ค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ
ข้อสอบใบขบั ขหี่ มวดท่ี 2 – กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก 1. การขบั รถผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ปฏบิ ตั ติ ามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ข. เม่ือพบป้ ายเตือนทางร่วมทางแยกใหข้ บั รถดว้ ยความเร็วปกติ ค. หากไม่มีสญั ญาณไฟจราจร ใหร้ ถคนั ท่ีใหญก่ วา่ ผา่ นทางร่วมทางแยกไปก่อน ง. เมื่อพบป้ ายเตือนสญั ญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกใหข้ บั รถไปตามปกติ 2. ผ้ขู บั ขต่ี ้องการเลยี้ วรถต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ชะลอรถและเปิ ดไฟเลยี้ วก่อนถึงทางเลยี้ วไม่น้อยกว่า 30 เมตร ข. เปิ ดไฟเล้ียวก่อนถึงทางเล้ียว 20 เมตร ค. หยดุ รถเพื่อเตรียมตวั เล้ียว ง. เร่งความเร็วก่อนเล้ียว 3. การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขบั ขต่ี ้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ยดุ ทบั เสน้ แนวหยดุ ข. หยุดหลงั เส้นแนวหยุด ค. หยดุ เลยเสน้ แนวหยดุ ง. หยดุ เลยป้ ายหยดุ 4. บริเวณใดห้ามแซง ก. ทางตรง ข. ทางที่ปลอดภยั ค. ทางโล่ง ง. ทางโค้งรัศมแี คบ
5. การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกนิ กเ่ี ซนตเิ มตร ก. ห่างไมเ่ กิน 35 เซนติเมตร ข. ห่างไมเ่ กิน 30 เซนติเมตร ค. ห่างไม่เกนิ 25 เซนตเิ มตร ง. ห่างไม่เกิน 40 เซนติเมตร 6. การขบั รถแซงรถคนั หน้าต้องแซงด้านขวามอื ยกเว้นกรณีใดทส่ี ามารถแซงด้านซ้ายมอื ได้ ก. เมอื่ รถทจ่ี ะถูกแซงกาลงั เลยี้ วขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลยี้ วขวา ข. แซงรถคนั อื่นทางดา้ นซา้ ยในทางเดินรถช่องทางเดียว ค. แซงรถคนั อ่ืนในช่องทางขวาของรถที่ถูกแซง ง. แซงรถคนั อื่นทางดา้ นซา้ ยขณะรถวงิ่ บนสะพาน 7. รถในข้อใดทส่ี ามารถนามาใช้ในทางได้ ก. รถที่ไม่ติดแผน่ ป้ ายทะเบียนของทางราชการกาหนด ข. รถทจี่ ดทะเบยี นและเสียภาษแี ล้ว ค. รถที่ขาดต่อภาษี ง. รถท่ีแจง้ เลิกใชต้ ลอดไป 8. รถในข้อใด ห้ามนามาใช้ในทาง ก. รถทมี่ สี ภาพไม่มนั่ คงแขง็ แรง ข. รถท่ีติดแผน่ ป้ ายทะเบียนของทางราชการกาหนด ค. รถท่ีจดทะเบียนและเสียภาษีแลว้ ง. รถที่อปุ กรณ์ส่วนควบครบถว้ น
9. เขตปลอดภยั หมายความว่าอย่างไร ก. พ้นื ท่ีมีเคร่ืองหมายแสดงไวใ้ หผ้ ขู้ บั ข่ีเห็นวา่ ปลอดภยั ขบั ตอ่ ไปได้ ข. เขตที่ผขู้ บั ขี่สามารถนารถผา่ นเขา้ ไปได้ ค. พนื้ ทใี่ นทางเดนิ รถทมี่ เี คร่ืองหมายแสดงไว้ให้เหน็ ได้ชัดเจนทกุ เวลาสาหรับให้คนเดนิ เท้าทข่ี ้ามทางหยุดรอ หรือให้คนท่ี ขึน้ หรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป ง. เขตท่ีคนเดินเทา้ สามารถขา้ มทางไดโ้ ดยไมต่ อ้ งหยดุ รอ 10. รถในข้อใดทส่ี ามารถนามาใช้ในทางเดนิ รถได้ ก. รถที่มีเสียงดงั กวา่ เกณฑท์ ่ีทางราชการกาหนด ข. รถท่ีมีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ ค. รถท่ีมีลอ้ ไมใ่ ช่ยาง ง. รถทม่ี เี สียงเคร่ืองยนต์ดงั ในระดบั 80 เดซิเบล 11. สัญญาณจราจรไฟสีแดงทที่ าเป็ นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนอื ช่องเดนิ รถ ห้ามมใิ ห้ผ้ขู ับขข่ี บั รถอย่างไร ก. จอดรถในช่องเดินรถน้นั ข. หยดุ และจอดรถในช่องเดินรถน้นั ค. ขบั รถในช่องเดนิ รถน้ัน ง. หยดุ รถในช่องเดินรถน้นั
12. เมอื่ พนกั งานจราจรยนื และเหยยี ดแขนซ้ายออกไปเสมอระดบั ไหล่ ผ้ขู ับขซี่ ่ึงขบั รถมาจากทางด้านไหนของพนกั งาน จราจรจะต้องหยดุ รถ ก. ดา้ นขา้ ง ข. ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ค. ด้านหลงั ง. ดา้ นหนา้ 13. เมอื่ พนกั งานจราจรยนื และเหยยี ดแขนขวาท่อนล่างต้งั ฉากกบั แขนท่อนบนและต้งั ฝ่ ามอื ขนึ้ ผ้ขู บั ข่ซี ึ่งขบั รถมาจาก ทางด้านไหนของพนกั งานจราจรจะต้องหยุดรถ ก. ดา้ นหลงั ข. ด้านหน้าและด้านหลงั ค. ดา้ นหนา้ ง. ดา้ นขา้ งและดา้ นหลงั
14. การขบั รถผ่านทางร่วมทางแยกทมี่ สี ัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง ผ้ขู บั ขี่ต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. หยดุ รถหลงั เส้นให้รถหยดุ เมอื่ เหน็ ว่าปลอดภัยและไม่เป็ นการกดี ขวางการจราจรจงึ ให้ขบั รถต่อไปด้วยความระมดั ระวงั ข. ลดความเร็วของรถลงและผา่ นทางเดินรถน้นั ไปดว้ ยความระมดั ระวงั ค. จอดรถดว้ ยความระมดั ระวงั ง. เพิ่มความเร็วของรถและผา่ นทางเดินรถน้นั ไปโดยเร็ว 15. การขบั รถผ่านทางร่วมทางแยกทมี่ สี ัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลอื ง ผู้ขบั ข่ตี ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดนิ รถน้นั ไปด้วยความระมดั ระวงั ข. หยดุ รถหลงั เสน้ ใหร้ ถหยดุ เม่ือเห็นวา่ ปลอดภยั และไมเ่ ป็ นการกีดขวางการจราจรจึงขบั รถต่อไปดว้ ยความระมดั ระวงั ค. จอดรถ ง. เพ่มิ ความเร็วของรถและผา่ นทางเดินรถน้นั ไปโดยเร็ว 16. ผ้ขู บั ขีต่ ้องขบั รถในทางเดนิ รถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีใดสามารถเดนิ รถทางขวาหรือ ลา้ กงึ่ กลางของทางเดนิ รถได้ ก. ไม่มีรถสวนทางมา ข. ทางเดินรถกวา้ งมาก ค. ด้านซ้ายของทางเดนิ รถมสี ่ิงกดี ขวาง ง. ทางเดินรถมีน้าท่วมขงั
17. การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขยี่ นื่ แขนขวาตรงออกไปนอกตวั รถเสมอระดบั ไหล่และโบกมอื ขึน้ ลงหลายคร้ัง หมายถึงผ้ขู บั ข่นี ้นั ต้องการอะไร ก. หยดุ รถ ข. เล้ียวขวา ค. จะลดความเร็วของรถ ง. จอดรถ 18. ผู้ขับข่ตี ้องขบั รถให้ห่างจากรถคนั หน้าเท่าไร ก. ในระยะทจ่ี ะสามารถหยดุ รถได้โดยปลอดภัยเมอ่ื มคี วามจาเป็ น ข. ไม่นอ้ ยกวา่ 2 เมตร ค. ไม่นอ้ ยกวา่ 1 เมตร ง. ไม่นอ้ ยกวา่ 3 เมตร 19. ผ้ขู ับขีต่ ้องการจะเลยี้ วซ้ายต้องขบั รถในช่องเดนิ รถด้านซ้ายก่อนถงึ ทางเลยี้ วกเี่ มตร ก. ไมน่ อ้ ยกวา่ 15 เมตร ข. ไม่นอ้ ยกวา่ 20 เมตร ค. ไมน่ อ้ ยกวา่ 25 เมตร ง. ไม่น้อยกว่า 30 เมตร
20. ผู้ขับขี่ต้องเปิ ดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคนั อน่ื เหน็ ได้ในระยะไม่น้อยกว่าเท่าใด ก. 150 เมตร ข. 100 เมตร ค. 60 เมตร ง. 120 เมตร 21. ในการขบั รถสวนทางกนั ผู้ขบั ขตี่ ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. แซงเขา้ ไปในช่องเดินรถประจาทางได้ ข. ให้ขับรถชิดด้านซ้าย ค. ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยขู่ า้ งหนา้ ไม่ตอ้ งหยดุ รอใหร้ ถท่ีสวนมาผา่ นไปได้ ง. ในทางแคบท่ีไมอ่ าจสวนกนั ได้ ผขู้ บั รถคนั ท่ีเลก็ กวา่ ตอ้ งหยดุ ชิดดา้ นซา้ ยใหร้ ถคนั ท่ีใหญ่กวา่ ไปก่อน 22. ห้ามมใิ ห้ผู้ขบั ขรี่ ถแซงเพอ่ื ขนึ้ หน้ารถคนั อน่ื ขณะทม่ี หี มอก ฝ่ ุน ฝน หรือควนั จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ เท่าใด ก. 60 เมตร ข. 90 เมตร ค. 70 เมตร ง. 80 เมตร 23. บริเวณใดห้ามขบั รถแซงรถคนั อนื่ ก. ทางโค้งรัศมแี คบ ข. ในกรณีที่ทางเดินรถดา้ นซา้ ยมีสิ่งกีดขวาง ค. 150 เมตร จากทางร่วมทางแยก ง. แซงดา้ นซา้ ยในขณะที่มีรถรอเล้ียวขวา
24. บริเวณใดสามารถกลบั รถได้ ก. ทางเดินรถท่ีมเี คร่ืองหมายหา้ มกลบั รถ ข. บริเวณบนสะพาน ค. ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน ง. เขตปลอดภยั 25. เมอื่ ผ้ขู บั ขีพ่ บเคร่ืองหมาย \"เลยี้ วซ้ายผ่านตลอด\" ผู้ขบั ขี่ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร? ก. ลดความเร็วของรถลงและเล้ียวซา้ ยผา่ นไปไดท้ นั ที ข. หยดุ รอจนกวา่ จะไดร้ ับสญั ญาณไฟเขียวจึงเล้ียวซา้ ยไปได้ ค. หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถทม่ี าจากทางด้านขวามอื ขับผ่านไปก่อนแล้วจงึ เลยี้ วซ้ายผ่านไป ง. เล้ียวซา้ ยผา่ นไปไดท้ นั ที 26. ผ้ใู ดไม่มหี น้าทใ่ี ห้สัญญาณจราจรตามพระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ.2522 ก. ผขู้ บั ข่ีรถยนต์ ข. พนกั งานจราจร ค. ผขู้ บั ข่ีรถจกั รยานยนต์ ง. คนเดนิ เท้า 27. ผ้ขู บั ขปี่ ฏิบตั ติ ามข้อใดไม่ถูกต้อง ก. ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวยี น ข. ลดความเร็วเมื่อถึงท่ีคบั ขนั ค. จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก ง. ลดความเร็วเมื่อเห็นคนกาลงั ขา้ มทาง
28. บริเวณใดแซงได้ ก. ทางร่วมทางแยก ข. สะพานเดินรถทางเดียว ค. ทางโคง้ รัศมีแคบ ง. บนพนื้ ทางทมี่ เี ครื่องหมายจราจรให้แซงได้ 29. เมอื่ จะเปลยี่ นช่องทางหรือแซงรถทกุ คร้ังต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. รีบเปล่ียนช่องทางโดยเร็ว ข. ต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร ค. แซงข้ึนหนา้ แลว้ เหยยี บเบรกทนั ที ง. รีบเร่งเคร่ืองแซงโดยเร็ว 30. บริเวณใดจอดรถได้ ก. ท่ีมีป้ ายหา้ มหยดุ รถ ข. ในอุโมงค์ ค. ทางร่วมทางแยก ง. ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า 31. การขบั รถตามข้อใดปฏบิ ตั ไิ ด้ถูกต้อง ก. ขบั รถลกั ษณะผิดปกติวสิ ยั ข. แซงรถในอุโมงค์ ค. ขบั รถในลกั ษณะกีดขวางการจราจร ง. ขับรถเร็วไม่เกนิ อตั ราทก่ี ฎหมายกาหนด
32. เมอ่ื ถงึ ทางรถไฟและมรี ถไฟกาลงั แล่นผ่าน ผ้ขู บั ขต่ี ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. หยดุ รถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร ข. ขบั รถผา่ นไปโดยเร็ว ค. ใหเ้ สียงสญั ญาณแตรเตือนและขบั ผา่ นไปได้ ง. หยดุ รอสญั ญาณไฟและเปิ ดไฟฉุกเฉิน 33. บริเวณใดใช้สัญญาณเสียงแตรได้ ก. โรงเรียน ข. สถานที่ราชการ ค. สวนสาธารณะ ง. โรงพยาบาล 34. เมอื่ เกดิ อบุ ัตเิ หตุผ้ขู บั ขหี่ ลบหนีจะมผี ลอย่างไร ก. ไมม่ ีผล เพราะไมใ่ ช่ฝ่ ายผดิ ข. ให้สันนษิ ฐานว่าผ้นู ้นั เป็ นผ้กู ระทาผดิ ค. มีผลใหเ้ ป็ นฝ่ ายถกู ง. จะไดร้ ับการกนั ไวเ้ ป็ นพยาน 35. สัญญาณเสียงแตรใช้ได้เมอื่ ใด ก. ใชไ้ ดเ้ มื่อรถคนั หนา้ ขบั ชา้ ข. ใชไ้ ดต้ ามสะดวก ค. ใชต้ ลอดเวลา ง. ใช้ได้เมอื่ จาเป็ นเพอ่ื ป้ องกนั อบุ ตั เิ หตุ
36. ขณะขบั ขรี่ ถต้องเว้นระยะห่างรถคนั หน้าเท่าใด ก. ในระยะทป่ี ลอดภยั ข. 13 เมตร ค. 50 เมตร ง. 3 ช่วงตวั รถ 37. ก่อนเลยี้ วรถต้องเข้าช่องทางทจ่ี ะเลยี้ วและเปิ ดไฟเลยี้ วก่อนเลยี้ วรถไม่น้อยกว่ากเี่ มตร ก. 3 เมตร ข. 30 เมตร ค. 10 เมตร ง. 15 เมตร 38. ผ้ขู บั รถทดี่ ม่ื สุราเมอื่ วดั ระดบั แอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกนิ เท่าใด ก. ไมเ่ กิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ข. ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ค. ไม่เกนิ 50 มลิ ลกิ รัมเปอร์เซ็น ง. ไมเ่ กิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น 39. ขณะขบั รถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกนิ กว่าทก่ี ฎหมายกาหนดมโี ทษอย่างไร ก. จาคุกไมเ่ กิน 3 เดือนหรือปรับต้งั แต่ 1,000 ถึง 50,000 บาท ข. จาคกุ ไม่เกนิ 1 ปี หรือปรับต้งั แต่ 5,000 ถงึ 20,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
40. ในเขตกรุงเทพ เขตเมอื งพทั ยา หรือเขตเทศบาล ต้องขบั รถด้วยความเร็วเท่าไร ก. ไมเ่ กิน 90 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง ข. ไม่เกนิ 80 กโิ ลเมตรต่อช่ัวโมง ค. ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชว่ั โมง ง. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง 41. นอกเขตกรุงเทพ เขตเมอื งพทั ยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร ก. ไมเ่ กิน 120 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง ข. ไมเ่ กิน 80 กิโลเมตรต่อชว่ั โมง ค. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง ง. ไม่เกนิ 90 กโิ ลเมตรต่อช่ัวโมง 42. ในการให้สัญญาณไฟเลยี้ ว จะต้องให้ผู้ขบั รถคนั อนื่ เหน็ ได้ในระยะเท่าไร ก. ไม่นอ้ ยกวา่ 10 เมตร ข. ไมน่ อ้ ยกวา่ 15 เมตร ค. ไม่น้อยกว่า 60 เมตร ง. ไม่นอ้ ยกวา่ 30 เมตร 43. ผู้ขับขซ่ี ึ่งจะเลยี้ วรถจะต้องให้สัญญาณมอื อย่างไร ก. ใหส้ ญั ญาณมือดว้ ยมือซา้ ยเท่าน้นั ข. ใหส้ ญั ญาณมือไดท้ ้งั มือซา้ ยและมือขวา ค. ไม่ตอ้ งใหส้ ญั ญาณมือใด ๆ ท้งั สิ้น ง. ให้สัญญาณมอื ด้วยมอื ขวาเท่าน้นั
44. บริเวณทางร่วมทางแยกและมเี ครื่องหมายห้ามกลบั รถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลบั รถได้ผ้ขู บั ข่ี ต้องปฏบิ ตั ิ อย่างไร ก. กลบั รถได้ ข. กลบั รถไดถ้ า้ ไม่มีเครื่องหมายหา้ มกลบั รถ ค. กลบั รถไมไ่ ด้ ง. กลบั รถไดถ้ า้ ไม่ใช่ทางร่วมทางแยก 45. ผู้ขบั ขต่ี ้องการกลบั รถต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถช่องทางไหนกไ็ ด้ ข. ดูป้ ายจราจรทอ่ี นุญาตให้กลบั รถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง ค. เขา้ ช่องทางท่ีมีลกุ ศรบนพ้นื ถนนใหต้ รงไป ง. กลบั รถท่ีบริเวณเสน้ ทะแยงเหลือง 46 ข้อใดปฏบิ ัตถิ ูกต้อง ก. รถจกั รยานยนต์ต้องขับในช่องเดนิ รถด้านซ้ายสุด ข. รถบรรทุกคนโดยสารตอ้ งขบั ในช่องเดินรถดา้ นขวาสุด ค. รถบรรทุกสิ่งของตอ้ งขบั ในชอ่ งเดินรถดา้ นขวาสุด ง. การเปล่ียนช่องเดินรถไปทางดา้ นขวาหรือซา้ ยไมต่ อ้ งดูกระจกดา้ นซา้ ยหรือขวา 47. ในช่องทางเดนิ รถต้งั แต่สองช่องทางขึน้ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั ผ้ขู บั ขี่รถจกั รยานยนต์ ต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ตอ้ งขบั รถชิดดา้ นขวาสุด ข. ต้องขบั รถชิดด้านซ้ายสุด ค. ตอ้ งขบั รถคลอ่ มเสน้ แบ่งช่องทางเดินรถ ง. ตอ้ งขบั รถอยใู่ นช่องทางท่ีใหข้ บั ตรงไป
48. ผ้ใู ดได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนริ ภัยขณะโดยสารรถจกั รยานยนต์ ก. ภกิ ษุ สามเณร ข. คนโดยสาร ค. เด็ก ง. คนขบั รถ 49. ข้อใดเปิ ดไฟฉุกเฉินได้ถูกต้อง ก. รถเสียหรือรถเกดิ อุบตั เิ หตุ ข. เปิ ดไดต้ ลอดเวลา ค. มีหมอก ง. ผา่ นทางแยก 50. ในการบรรทกุ ส่ิงของ ผ้ขู ับขต่ี ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. บรรทุกไดก้ วา้ งกวา่ ความกวา้ งของตวั รถขา้ งละ 1 เมตร ข. บรรทุกยนื่ พ้นตวั รถด้านหลงั ไม่เกนิ 50 เมตร ค. บรรทุกสูงโดยวดั จากส่ิงของท่ีบรรทุกไดเ้ กิน 5 เมตร ง. บรรทุกยน่ื พน้ ตวั รถดา้ นหนา้ ไม่เกิน 50 เมตร 51. การลากจูงรถทไี่ ม่สามารถใช้พวงมาลยั หรือเบรกได้ควรทาอย่างไร ก. ใชค้ นดนั ไป ข. ใชร้ ถดนั ไป ค. ใชส้ ายพว่ งลากจูงไป ง. ใช้วธิ ีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป
52. รถทมี่ คี วามเร็วช้า ผู้ขบั ขจ่ี ะต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถไดท้ ้งั ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา ข. ขบั รถชิดขอบดา้ นขวา ค. ขบั รถท่ีบริเวณไหลท่ าง ง. ขบั รถชิดขอบด้านซ้าย
ข้อสอบใบขบั ขหี่ มวดที่ 3 – เคร่ืองหมายพนื้ ทาง 1. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู ับข่ีควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร? ก. เพิ่มความระมดั ระวงั แลว้ หยดุ รถ ข. เพิ่มความระมดั ระวงั เขตหยดุ รับ-ส่ง ค. ขับรถให้ช้าลงถ้าเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยต่อรถคนั อน่ื หรือคนเดนิ เท้าในทางข้างหน้า ต้องหยดุ รถก่อนถึงเส้นให้ทาง ง. เพ่มิ ความระมดั ระวงั แลว้ จอดรถ 2. เครื่องหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร? ก. เส้นชะลอความเร็ว ข. ใหเ้ ล้ียวรถได้ ค. หา้ มเล้ียวรถ ง. ใหจ้ อดรถได้ 3. เมอื่ พบเคร่ืองหมายนี้ ผู้ขับข่ีควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร? ก.ใหผ้ ขู้ บั ขี่ชะลอความเร็วลงและรีบเร่งเคร่ืองไปก่อน ข. ขบั รถให้ช้าลงหากเหน็ รถคนั อนื่ หรือคนเดนิ เท้าในทางขวางหน้า ต้องหยุดรถก่อนถงึ แนวเส้นให้ทาง ค. ใหผ้ ขู้ บั ขี่ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว ง. ใหผ้ ขู้ บั ข่ี ขบั รถใหช้ า้ ลงแลว้ แซงได้
4. เมอ่ื พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู ับขีค่ วรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถภายในช่องจราจร ห้ามแซงห้ามขบั รถผ่านหรือคร่อมเส้นโดยเดด็ ขาด ข. ขบั รถใหช้ า้ ลงใหเ้ ล้ียวขวา ค. ขบั รถไปทางดา้ นขวา ใหเ้ ล้ียวซา้ ย ง. เพ่ิมความระมดั ระวงั หา้ มเล้ียวซา้ ย 5. เมอ่ื พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู ับข่คี วรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. เพม่ิ ความระมดั ระวงั และหา้ มแซง ข. ขบั รถในช่องการจราจร ห้ามคร่อมเส้น แต่แซงได้ ค. เพิม่ ความระมดั ระวงั หา้ มเปล่ียนช่องการจราจร ง. ขบั รถใหช้ า้ ลงขบั รถคร่อมเสน้ ได้ 6. เครื่องหมายนี้ หมายความว่าอย่างไร ก. ห้ามหยุดรถทกุ ชนิดภายในกรอบเส้นทแยงห้ามหยดุ รถยกเว้นรถทห่ี ยดุ รอเพอ่ื เลยี้ วขวา ข. รถยนตท์ ุกชนิด จอดรถได้ ค. รถยนตท์ ุกชนิด หยดรถได้ ง. รถยนตท์ ุกชนิด กลบั รถได้
ข้อสอบใบขบั ขหี่ มวดท่ี 4 – ป้ ายบังคบั 1. เมอื่ พบเคร่ืองหมายนี้ ผู้ขับข่ีต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ใหข้ บั รถแซงคนั อ่ืนไดเ้ ลย ในเขตที่มเี คร่ืองหมายน้ี ข. ใหท้ างแก่รถคนั อ่ืนก่อน ในเขตท่ีมีเคร่ืองหมายน้ี ค. ใหห้ ยดุ รถก่อน ในเขตท่ีมีเคร่ืองหมายน้ี ง. ห้ามขับรถแซงขนึ้ หน้ารถคนั อนื่ ในเขตทางทต่ี ดิ ต้งั ป้ าย 2. เมอ่ื พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู ับขี่ต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ห้ามขบั รถทกุ ชนิดเข้าไปในทศิ ทางทตี่ ดิ ต้งั ป้ าย ข. ใหค้ นเดินเขา้ ไป ในเขตที่ติดต้งั ป้ าย ค. ใหเ้ ฉพาะรถเก๋งเขา้ ไป ในเขตที่ติดต้งั ป้ าย ง. ใหร้ ถเขา้ ไปได้ ในเขตที่ตดิ ต้งั ป้ าย 3. เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ห้ามกลบั รถไปทางขวา ข. หา้ มกลบั รถไปทางซา้ ย ค. ใหก้ ลบั รถไปทางซา้ ย ง. ใหก้ ลบั รถไปทางขวา
4. เครื่องหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ใหก้ ลบั รถไปทางซา้ ย ข. หา้ มกลบั รถไปทางขวา ค. ห้ามกลบั รถไปทางซ้าย ง. ใหก้ ลบั รถไปทางขวา 5. เครื่องหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ใหก้ ลบั รถไปทางซา้ ย ข. ใหก้ ลบั รถไปทางขวา ค. ห้ามเลยี้ วซ้าย ง. หา้ มกลบั รถไปทางซา้ ย 6. เครื่องหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ใหก้ ลบั รถไปทางซา้ ย ข. ใหก้ ลบั รถไปทางขวา ค. หา้ มกลบั รถไปทางซา้ ย ง. ห้ามเลยี้ วขวา
7. เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ห้ามเปลยี่ นช่องเดนิ รถไปทางขวา ข. ใหเ้ ปล่ียนช่องเดินรถไปทางขวา ค. หา้ มเปล่ียนช่องเดินรถไปทางซา้ ย ง. ใหเ้ ปล่ียนช่องเดินรถไปทางซา้ ย 8. เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ห้ามเลยี้ วขวาหรือกลบั รถ ข. ใหเ้ ล้ียวซา้ ยหรือกลบั รถ ค. ใหเ้ ล้ียวขวาหรือกลบั รถ ง. หา้ มเล้ียวซา้ ยหรือกลบั รถ 9. เคร่ืองหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ห้ามเลยี้ วซ้ายหรือกลบั รถ ข. ใหเ้ ล้ียวซา้ ยหรือกลบั รถ ค. ใหไ้ ปทางซา้ ยหรือทางขวา ง. หา้ มไปทางซา้ ยหรือทางขวา
10. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ใหร้ ถยนตท์ ุกชนิดผา่ นเขา้ ไปในเขตที่ตดิ ต้งั ป้ าย ข. ห้ามรถยนต์ทกุ ชนิดผ่านเข้าไปในเขตทตี่ ดิ ต้งั ป้ าย ค. หา้ มเฉพาะรถยนตผ์ า่ นเขา้ ไปในเขตท่ีติดต้งั ป้ าย ง. ใหร้ ถยนตจ์ อด และหยดุ รับ-ส่งไดใ้ นเขตท่ีติดต้งั ป้ าย 11. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ห้ามรถบรรทกุ ทุกชนิดผ่านเข้าออกในเขตทางทตี่ ดิ ต้งั ป้ าย ข. ใหร้ ถบรรทุกผา่ นเขา้ ไปในเขตที่ติดต้งั ป้ าย ค. หา้ มรถยนตท์ ุกชนิดผา่ นเขา้ ไปในเขตท่ีติดต้งั ป้ าย ง. ใหร้ ถยนตท์ ุกชนิดผา่ นเขา้ ไปในเขตท่ีติดต้งั ป้ าย 12. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. หา้ มรถบรรทุกทุกชนิดผา่ น ข. ห้ามรถจกั รยานยนต์ผ่าน ค. หา้ มรถยนตท์ ุกชนิดผา่ น ง. ใหร้ ถยนตท์ ุกชนิดผา่ น
13. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. หา้ มรถยนตผ์ า่ นเขา้ ไปในเขตที่ติดต้งั ป้ าย ข. หา้ มรถยนตจ์ อด แตห่ ยดุ รับ-ส่งไดใ้ นเขตท่ีติดต้งั ป้ าย ค. ใหร้ ถยนตท์ ุกชนิดผา่ นเขา้ ไปในเขตที่ติดต้งั ป้ าย ง. ห้ามรถจกั รยานยนต์และรถยนต์ทกุ ชนิดผ่านเข้าออก 14. เคร่ืองหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. หา้ มจอดรถ ข. หา้ มหยดุ รถ ค. ห้ามใช้เสียง ง. ใหใ้ ชเ้ สียงได้ 15. เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ใหห้ ยดุ รถ ข. ห้ามจอดรถทกุ ชนดิ ค. ใหแ้ ซงได้ ง. ใหท้ าง
16. เครื่องหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ใหล้ อ้ เล่ือนลากเขน็ จอด ข. ใหร้ ถจกั รยานจอด ค. ใหร้ ถจกั รยานยนตจ์ อด ง. ห้ามหยดุ หรือจอดรถทกุ ชนิด 17. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. หา้ มคนผา่ น ข. ทางขา้ ม ค. บริเวณคนขา้ มถนน ง. เฉพาะคนเดนิ 18. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ใหใ้ ชน้ ้าหนกั ไมเ่ กิน 50 กก. ข. หา้ มใชเ้ สียงเกิน 50 เดซิเบล A ค. ห้ามใช้ความเร็วเกนิ กว่าทกี่ าหนดเป็ น \"กโิ ลเมตรต่อช่ัวโมง\" ตามจานวนตวั เลขทร่ี ับในป้ ายน้นั ๆ ง. ใหใ้ ชค้ วามเร็วเกิน 50 กม./ชม.
19. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. หา้ มรถกวา้ งเกินกาหนด ข. หา้ มรถยาวเกินกาหนด ค. ห้ามรถบรรทกุ ชนิดทม่ี นี า้ หนกั เกนิ กว่าทกี่ าหนดเป็ น \"ตนั \" ตามจานวนตวั เลขทร่ี ะบุในป้ ายน้นั ๆ ผ่านเข้าออก ง. จากดั ความเร็ว 20. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผู้ขบั ขตี่ ้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. หา้ มหยดุ รถทุกชนิด ข. ใหข้ บั รถไปไดเ้ ฉพาะรถเก๋งเพราะเป็ นทางเอก ค. ใหล้ ดความเร็วลงและขบั ตอ่ ไปชา้ ชา้ ง. ต้องหยดุ ให้รถและคนเดนิ เท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมอื่ เห็นว่าปลอดภยั แล้ว จงึ ขบั รถต่อไปได้ 21. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ให้ทางแก่รถหรือคนเดนิ เท้าบนทางขวางข้างหน้าผ่านไปก่อน ข. หา้ มกลบั รถไปทางซา้ ย ค. หา้ มกลบั รถไปทางขวา ง. ใหก้ ลบั รถไปทางขวา
22. เมอื่ พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู บั ขต่ี ้องปฏิบัตอิ ย่างไร ก. หา้ มขบั รถยนตผ์ า่ น ข. ต้องหยุดรถตรงตาแหน่งทต่ี ดิ ต้งั ป้ ายและให้รถทก่ี าลงั สวนทางมาผ่านไปก่อน ค. ใหล้ ดความเร็วแลว้ ขบั รถเบ่ียงไปทางดา้ นซา้ ย ง. ใหล้ ดความเร็วแลว้ ขบั รถเบ่ียงไปทางดา้ นขวา 23. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ไม่ขบั รถตรงไป ข. ต้องขบั รถตรงไปตามทศิ ทางทป่ี ้ ายกาหนดเป็ นทางเดนิ รถทางเดยี วเท่าน้นั ค. ไมข่ บั รถเขา้ ไป ง. ใหข้ บั รถไปทางซา้ ย 24. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางข้างหน้าเป็ นทางบงั คบั ให้เดนิ รถทางเดยี วไปทางซ้ายเท่าน้นั ข. ไปไดเ้ ฉพาะทางขวาเท่าน้นั ค. หา้ มขบั รถไปทางขวา ง. ใหข้ บั รถไปทางขวาเท่าน้นั
25. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ใหข้ บั รถตรงไปอยา่ งเดียว ข. ขบั รถไปทางซา้ ยไดอ้ ยา่ งเดียว ค. หา้ มขบั รถไปทางขวา ง. ผ้ขู ับขี่ต้องขบั รถผ่านไปทางด้านขวาของป้ าย 26. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ใหเ้ ล้ียวซา้ ย ข. ใหเ้ ล้ียวขวา ค. ใหช้ ิดขวา ง. ผู้ขบั ข่ีต้องขบั รถผ่านไปทางด้านซ้ายของป้ าย 27. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ผ้ขู ับขตี่ ้องขบั รถผ่านไปทางด้านขวาของป้ าย ข. ใหช้ ิดซา้ ย ค. ใหเ้ ล้ียวซา้ ย ง. ใหเ้ ล้ียวขวา
28. เครื่องหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. หา้ มไปทางซา้ ยหรือทางขวา ข. ให้ชิดซ้ายหรือชิดขวา ค. ใหช้ ิดขวาอยา่ งเดียว ง. ใหช้ ิดซา้ ยอยา่ งเดียว 29. เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. หา้ มเล้ียวซา้ ย ข. หา้ มเล้ียวขวา ค. ให้เลยี้ วซ้าย ง. ใหเ้ ล้ียวขวา 30. เครื่องหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. หา้ มเล้ียวซา้ ย ข. หา้ มเล้ียวขวา ค. ใหเ้ ล้ียวซา้ ย ง. ให้เลยี้ วขวา
31. เครื่องหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ให้เลยี้ วซ้ายหรือเลยี้ วขวา ข. หา้ มเล้ียวทางซา้ ยหรือทางขวา ค. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวซา้ ย ง. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวขวา 32. เครื่องหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ใหต้ รงไปแตห่ า้ มเล้ียวซา้ ย ข. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวซา้ ย ค. ให้ตรงไปหรือเลยี้ วซ้าย ง. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวขวา 33 เคร่ืองหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ให้ตรงไปหรือเลยี้ วขวา ข. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวซา้ ย ค. หา้ มตรงไปหรือเล้ียวขวา ง. ใหต้ รงไปหรือเล้ียวซา้ ย
34. เมอื่ พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู บั ขต่ี ้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ใหร้ ถยนตข์ บั รถทางเดียวดา้ นซา้ ย ข. ใหร้ ถทุกชนิดเดินวนดา้ นขวาของวงเวยี น ค. ใหข้ บั รถแทรกหรือตดั หนา้ รถคนั อ่ืนในวงเวยี นได้ ง. ผู้ขับขร่ี ถทุกชนิดต้องขบั รถวนทางซ้ายของวงเวยี นและหยุดรอให้รถทแี่ ล่นอยู่ในทางรอบบริเวณวงเวยี น ผ่านไปก่อน 35. เมอ่ื พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู บั ขต่ี ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถเขา้ ช่องเดินรถยนตแ์ ละรถจกั รยานยนต์ ข. ห้ามแซงลา้ เข้าไปในช่องเดนิ รถประจาทาง ค. ใหข้ บั รถตรงไปหรือเล้ียวขวา ง. หา้ มขบั รถตรงไปหรือเล้ียวขวา 36. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผู้ขบั ขต่ี ้องปฏิบัตอิ ย่างไร ก. รถมคี นนงั่ ไม่น้อยกว่า 3 คน สามารถใช้ช่องเดนิ รถนไี้ ด้ ข. รถมีคนนง่ั 1 คน เขา้ ไปในช่องเดินรถน้ีได้ ค. หา้ มรถมีคนเกิน 3 คน เขา้ ไปในช่องเดินรถน้ี ง. รถมีคนนงั่ 2 คน เขา้ ไปในช่องเดินรถน้ีได้
37. เครื่องหมายนี้ คอื เคร่ืองหมายอะไร ก. ช่องเดนิ รถจกั รยานยนต์ ข. ช่องเดินรถมวลชน ค. ช่องเดินรถจกั รยาน ง. เฉพาะคนเดิน 38. เคร่ืองหมายนี้ คอื เครื่องหมายอะไร ก. ใหเ้ ล้ียวซา้ ย ข. หา้ มเล้ียวขวา ค. สุดเขตบังคบั ง. ใหใ้ ชค้ วามเร็ว
ข้อสอบใบขบั ขหี่ มวดท่ี 5 – ป้ ายเตอื น 1. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขต่ี ้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ให้ขบั รถช้าลง และระมดั ระวงั คนงานกาลงั ทางาน อาจมวี สั ดอุ ุปกรณ์วางบนผดิ จราจร ข. ใหข้ บั รถชา้ ลง และระมดั ระวงั คนงานกาลงั สารวจทาง ค. ใหข้ บั รถชา้ ลง และระมดั ระวงั เครื่องจกั รกาลงั ทางาน ง. ใหข้ บั รถชา้ ลง และระมดั ระวงั คนงานกาลงั สารวจสิ่งก่อสร้าง 2. เมอ่ื พบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ควรขับรถให้ช้าลงและระมดั ระวงั ทางข้างหน้ากาลงั มงี านสารวจอยู่บนผวิ จราจรหรือทางเดนิ รถ ข. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพิ่มความระมดั ระวงั คนกาลงั ทางาน ค. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพม่ิ ความระมดั ระวงั เคร่ืองจกั รกาลงั ทางาน ง. ขบั รถใหช้ า้ ลง เพ่ิมความระมดั ระวงั สารวจสิ่งก่อสร้าง 3. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู บั ขคี่ วรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพิ่มความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ มีคนทางาน ข. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพ่ิมความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ มีรถไฟผา่ น ค. ขบั รถใหช้ า้ ลง เพ่ิมความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ สารวจทาง ง. ควรขบั รถให้ช้าลง
4. เมอื่ พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู ับขีค่ วรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพม่ิ ความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ มีสะพานแคบ ข. ขบั รถใหช้ า้ ลง เพมิ่ ความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็ นทางลงลาดชนั ค. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพม่ิ ความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็นทางข้ึนลาดชนั ง. ขบั รถให้ช้าลง และเพมิ่ ความระมดั ระวงั ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบ่ยี งด้านซ้าย 5. เมอ่ื พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู บั ขี่ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถใหช้ า้ ลง เพ่มิ ความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็ นทางข้ึนลาดชนั ข. ขบั รถให้ช้าลง และเพมิ่ ความระมดั ระวงั ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบี่ยงด้านขวา ค. ขบั รถอยา่ งรวดเร็ว เพมิ่ ความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็นทางลงลาดชนั ง. ขบั รถใหช้ า้ ลง เพ่ิมความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ มีสะพานแคบ 6. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู บั ข่ีควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ใหข้ บั รถชา้ ลง ทางขา้ งหนา้ เป็นทางโคง้ ไปทางซา้ ย ข. ขบั รถให้ช้าลง และเพม่ิ ความระมดั ระวงั ค. ใหข้ บั รถชา้ ลง ทางขา้ งหนา้ เป็นทางโคง้ รัศมีแคบไปทางขวา ง. ใหข้ บั รถชา้ ลง ทางขา้ งหนา้ เป็นทางโคง้ ไปทางขวา
7. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผู้ขบั ขค่ี วรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ใหข้ บั รถดว้ ยความเร็ว เพ่อื เขา้ โคง้ จะไดไ้ ม่เสียการทรงตวั ข. ใหข้ บั รถชา้ ลง ทางขา้ งหนา้ เป็นทางโคง้ ไปทางซา้ ย ค. ใหข้ บั รถชา้ ลง และใหข้ บั รถชิดดา้ นซา้ ยดว้ ยความระมดั ระวงั ง. ขับรถให้ช้าลง ทางข้างหน้าเป็ นทางโค้งรัศมแี คบไปทางขวา 8. เมอื่ พบเครื่องหมายนี้ ผ้ขู บั ขี่ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ใหข้ บั รถชา้ ลง และชิดขวา ขบั รถไปตามทางโคง้ กลบั รัศมีแคบเริ่มซา้ ย ข. ขับรถให้ช้าลง และเพมิ่ ความระมดั ระวงั ค. ใหข้ บั รถชา้ ลง และชิดซา้ ย ขบั รถไปตามทางโคง้ กลบั รัศมีแคบเริ่มขวา ง. ใหข้ บั รถชา้ ลง และชิดขวา ขบั รถไปตามทางคดเค้ียวเร่ิมซา้ ย 9. เมอ่ื พบเคร่ืองหมายนี้ ผ้ขู บั ขี่ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขับรถให้ช้าลง และเพม่ิ ความระมดั ระวงั ทางข้างหน้ามที างโทแยกไปทางซ้าย ข. ใหข้ บั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็ นทางโทตดั กบั ทางโทรูปตวั ที ค. ใหข้ บั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็ นทางเอกตดั กนั รูปตวั ที ง. ใหข้ บั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางขา้ งหนา้ เป็ นทางเอกตดั กนั รูปตวั วาย ( Y )
10. เมอ่ื พบเคร่ืองหมายนี้ ผู้ขบั ขคี่ วรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขับรถให้ช้าลง และเพม่ิ ความระมดั ระวงั ทางข้างหน้ามที างโทแยกไปทางขวา ข. ขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางเอกแยกทางเอกทางขวา ค. ขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางโทแยกทางโททางขวา ง. ขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ทางเอกแยกทางเอกทางซา้ ย 11. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางเอกตดั กนั รูปตวั วาย ข. ทางเอกตดั กนั รูปตวั ที ค. ทางเอกตดั ทางโทรูปตวั วาย ง. ทางโทแยกทางเอกเยอื้ งกนั เร่ิมซ้าย 12. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางโทแยกทางเอกเยอื้ งกนั เร่ิมขวา ข. ทางเอกตดั กนั รูปตวั วาย ค. ทางเอกตดั กนั รูปตวั ที ง. ทางเอกตดั ทางโทรูปตวั วาย
13. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางเอกตดั ทางโทรูปตวั ที ข. ทางเอกตดั กนั รูปตวั วาย ค. ทางโทเช่ือมทางเอกจากซ้าย ง. ทางเอกตดั กนั รูปตวั ที 14. เคร่ืองหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางโทเช่ือมทางเอกจากขวา ข. ทางโทเช่ือมทางเอกจากซา้ ย ค. ทางโทเช่ือมทางโทจากซา้ ย ง. ทางเอกเช่ือมทางเอกจากซา้ ย 15. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร ก. ทางเอกแยกทางเอกจากซา้ ย รูปตวั วาย ข. ทางโทแยกทางเอกจากซ้าย รูปตวั วาย ค. ทางโทแยกทางโทจากซา้ ย รูปตวั วาย ง. ทางโทแยกทางเอกจากขวา รูปตวั วาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153