Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ebook สันทนากร

Ebook สันทนากร

Published by จิณณะ สอนอุ่น, 2022-04-03 15:07:47

Description: Ebook นี้ทำไว้ใช้ส่วนตัว ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นดูนะครับ

Search

Read the Text Version

บัดด้ี บัดเดอร์ วตั ถปุ ระสงค์ ผ้เู ขียนมกั เรยี กว่า เป็นการใสร่ หสั เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รว่ มหยดุ หรือสร้างพลงั งานร่วม วิธีการทำ�กิจกรรม 1. กระบวนกรอธิบายวา่ ” เมื่อไหรก่ ต็ ามท่ีได้ยินคำ�วา่ บัดดี้ ให้ปรบมือ แลว้ พดู ว่าเย้ หนง่ึ คร้ัง” 2. เมอื่ ไหรก่ ็ตามได้ยินคำ�วา่ “บดั เดอร์ ให้ ปรบมอื เพอื่ นแล้วพูดวา่ ฮา อีก หนึง่ ครั้ง” ค�ำ แนะน�ำ สามารถเปลย่ี นจากค�ำ ว่า บัดดี้ บดั เดอร์ เป็นคำ�อน่ื ๆ เชน่ ตวั ย่อขององคก์ ร แต่ ไมค่ วรเกิน 3 พยางค์ ความส�ำ คญั คือ การใช้รหสั นี้ตลอดการอบรมเพ่อื ให้ผเู้ ข้ารว่ มรับรโู้ ดย อตั โนมัตวิ ่า เมอ่ื ไดย้ ินคำ�นีแ้ ลว้ เขาจะตอ้ งท�ำ อะไรบ้าง 1 5 1อาวธุ ลบั กระบวนกร

กิจกรรม นไ่ี มใ่ ช่นี้คอื วัตถปุ ระสงค์ เตรียมความพร้อมและความคดิ สรา้ งสรรค์ ขนั้ ตอนการทำ�กิจกรรม 1. หาสง่ิ ของหนึ่งอยา่ ง ตวั อยา่ งเช่น ไมบ้ รรทดั 2. เริ่มทำ�กจิ กรรมแรกโดยวิธีการเล่นคอื 3. ใหห้ ยิบสง่ิ ของ เช่นไมบ้ รรทัด แลว้ พูดวา่ “นี่ไม่ใช้ไม้บรรทัด นี่คือมดี ” คนต่อไป “น่ไี มใ่ ช่ มีด นคี่ ือไม้เรียว” และคนต่อ ๆ ไปเรอื่ ย ๆ 1 5 2 อาวุธลับกระบวนกร

กิจกรรม เข่า เขา่ มือ วตั ถุประสงค์ เตรยี มความพรอ้ ม ฝึกสติ จ�ำ นวนไมจ่ ำ�กัด วธิ ีการทำ�กจิ กรรม กจิ กรรมนจ้ี ะตอ้ งพดู เป็นจังหวะ และให้ผเู้ ข้าร่วมท�ำ ตาม 1. วธิ กี ารพดู คอื 2. “เขา่ เข่า มือ. เขา่ เข่า มอื . เขา่ เข่า มอื . มอื . ศอก. ศอก. มอื ” 3. “เข่า เขา่ มอื . เขา่ เข่า มอื . เข่า เขา่ มอื . มอื . หวั . หัว. มอื ” 4. “เขา่ เข่า มอื . เข่า เขา่ มือ. เข่า เขา่ มือ. มอื . ไหล.่ ไหล่. มอื ” 5. เราสามารถเปล่ยี น ทขี่ ีดเสน้ ไว้ เป็นอย่างอนื่ ได้ ค�ำ แนะน�ำ ในขณะทเ่ี ลน่ ผู้นำ�กิจกรรม อาจให้ผเู้ ข้าร่วมจ้องมาที่ตัวเองแลว้ ทำ�ท่าหลอกลอ่ ให้ เกดิ ความสับสน 1 5 3อาวุธลบั กระบวนกร

. . . แค่จำ� ก็ท�ำ ได้ . . . 1 5 4 อาวุธลับกระบวนกร

กจิ กรรม สำ�เรจ็ รูป 1 5 5อาวธุ ลบั กระบวนกร

กจิ กรรมสำ�เร็จรูป กจิ กรรมเหลา่ น้ี ผ้เู ขยี นนำ�มารอ้ ยเรียงเพอ่ื ให้สามารถนำ�ไปใช้ไดท้ ันที ซึ่งเป็น set กจิ กรรมทผ่ี ูเ้ ขียนมักจะรอ้ ยเรยี งและจดั อยเู่ สมอ Set ท่ี 1 : เปดิ ประตูนอก เป้าหมายของ set ที่ 1 น้ี ผเู้ ขียนเรยี กมนั ว่า เป็นกจิ กรรมเปดิ ประตู นอกจากจะ ใช้ในตอนแรกของการทำ�กจิ กรรม เป็นกจิ กรรมละลายพฤตกิ รรมที่ท�ำ ในตอนแรกของการ อบรม โดยจะเริม่ ไล่ระดับความใกล้ชิดและปฏสิ ัมพนั ธข์ องผู้เขา้ รว่ ม ใน Set น้ี กิจกรรมหลัก คอื ประตมิ ากรรมมนษุ ย์ เพราะต้องการให้ผ้เู ขา้ รว่ มเรม่ิ ร้จู กั กันและทำ�งานรว่ มกัน อีกทงั้ ยงั สามารถน�ำ เข้าสปู่ ระเด็นตามที่ตอ้ งการได้หลายประเดน็ ( Set น้ีผู้เขียนมักจะเลน่ ไปตาม ลำ�ดบั ) 1. บัดดี้ บัดเดอร์ (ใส่รหสั ) 2. สวัสดีรอบโลก 3. Lucky number 4. กระรอกเปลย่ี นโพรง 5. ประตมิ ากรรมมนษุ ย์ Set ท่ี 2 : เปิดประตดู ้านใน Set ใหญ่น้ี เป็นกจิ กรรมทผี่ เู้ ขียนมักจะทำ�ในตอนเริม่ เช่นกัน แตเ่ ป็นในรูปแบบของ กระบวนการจติ ตปัญญาศึกษา ซึง่ ไม่เน้นเล่น แต่เน้นไปท่กี ารทำ�ความเข้าใจและแบง่ บนั เรอ่ื ง ราวการเรียนรู้ประสบการณ์ของแตล่ ะคน ซงึ่ กจิ กรรมลกั ษณะน้ี ขน้ึ อยกู่ บั การต้งั ค�ำ ถามและ Being ของกระบวนกรว่าจะสามารถนำ�พาผูเ้ รยี นเข้าไปสมั ผสั กบั เร่ืองดา้ นในได้ลึกแค่ไหน โดยกิจกรรมหลกั ท่ี คอื บารอมเิ ตอร์ เป็นการแบง่ ปันและฝกึ เรอ่ื งการฟังอีกด้วย (Set น้ีผู้ เขยี นมกั จะเลน่ ไปตามลำ�ดับ) 1 5 6 อาวุธลบั กระบวนกร

1. Check In 2. Socio-matrix 3. Common ground 4. Barometer Set ท่ี 3 : น่งั เล่น กจิ กรรม set นีเ้ น้นไปท่กี ารเลน่ โดยทไ่ี มต่ ้องเคร่ือนท่ี ไมต่ อ้ งเครอ่ื นไหว เพราะ เนื่องจากในหลาย ๆ คร้งั ผเู้ ขียนมกั ถกู ถามวา่ หากไม่สามารถเครือ่ นทไี่ ด้ สามารถเลน่ กิจกรรมอะไรได้บ้าง กิจกรรม Set ไม่จำ�เป็นจะต้องเล่นทง้ั หมด แต่ผูเ้ ขยี นรวบรวมเพือ่ ใหเ้ ห็น ว่า หากผู้เขา้ รว่ มไม่สามารถเคลอื่ นที่ไดน้ ้ัน จะสามารถเลน่ กจิ กรรมอะไรบา้ ง โดยสว่ นมาก จะเน้นไปทก่ี ิจกรรมระดับเบาของนนั ทนาการ ตัวอยา่ งเช่น (Set เลือกอยา่ งใดอย่างหน่ึง) 1. ตบมอื 1234 2. ปลารา้ ปลาทู 3. ลกั กี้ นมั เบอร์ 4. เสรจ็ ฉันละเธอ 5. เลขมรณะ Set ที่ 4 : ลอ้ มวงเลน่ กจิ กรรมเตรียมความพรอ้ มในขณะท่ีผเู้ ข้าร่วมนั่งเป็นวงกลมนนั้ ผู้เขยี นเมอื่ ตอ้ ง ท�ำ กิจกรรมท่ีเป็นกระบวนการและมผี ู้เขา้ รว่ มไม่เกนิ 30 คนกม็ กั จะตอ้ งหากิจกรรมที่เตรียม ความพร้อมของผู้เข้าร่วมท่ีรอบวง ดงั นนั้ กิจกรรมทีเ่ หมาะท่จี ะนงั่ เลน่ เป็นวงกลมทผ่ี ้เู ขยี นพอ จะรวบรวมไว้ไดค้ ือ 1. นบั 1-100 2. ปรบมือเรยี กชอ่ื 3. นบั เลขเดาใจ 1 5 7อาวธุ ลบั กระบวนกร

ตกผลกึ ประสบการณ์ เสน้ ทางสายกระบวนกรของผู้เขียน ตัวอย่างวธิ ีคิดการจัดกจิ กรรมให้กบั กลุ่มนกั ศึกษาจำ�นวน 100 คน ระยะเวลา 2 ชว่ั โมง ผมได้มีโอกาสไดจ้ ดั กจิ กรรมรบั น้องให้กับกลุม่ นอ้ ง ๆ นักศึกษาโดยสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ตดิ ต่อเขา้ มาโดยให้โจทย์ผมวา่ ตอ้ งการทำ�กิจกรรมละลายพฤติกรรม ให้กบั เด็ก ๆ จำ�นวน 100 คน โดยตอ้ งการให้ทกุ คนได้ทำ�ความรู้จักกัน ทั้งรุ่นพี่รุ่นนอ้ ง ดงั นนั้ เม่ือผมรบั โจทย์มาแล้ว ผมจึงจะตอ้ งมาวางเปา้ หมายว่า “ท�ำ ใหน้ ้อง ๆ ได้ร้จู กั กนั มากขึ้นเน้น ท่กี ล่มุ สมั พันธ์” เมอ่ื มีเปา้ หมายแล้ววา่ ผมต้องจดั โดยมเี ปา้ หมายอะไร สง่ิ หนงึ่ ที่ผมจะตอ้ ง คำ�นงึ ถงึ คอื สถานท่ี เป็นอยา่ งไร ไมคด์ ังไหม และมีอปุ กรณอ์ ะไรเตรยี มไวบ้ ้าง เมอ่ื ทราบขอ้ มูลทั้งหมดแล้วว่า นอ้ ง ๆ เป็นเดก็ ใหมท่ มี่ ีพลงั เยอะมาก ดงั นน้ั กจิ กรรม จะต้องทำ�ให้นอ้ ง ๆ รูส้ ึกเตม็ ท่ีกบั กจิ กรรม เนือ่ งจากคนเยอะและสถานที่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ดงั น้นั จะต้องเป็นกิจกรรมทีเ่ ล่นให้จบภายในห้องเทา่ นนั้ และเปา้ หมายส�ำ คญั คือ ท�ำ ให้นอ้ ง ๆ ได้ ปฏสิ ัมพนั ธก์ ันและกนั ซงึ่ ผมเป็นกระบวนกรแนวจติ ตปัญญา สง่ิ หนงึ่ ที่ผมสัมผัสไดว้ ่าท�ำ ให้ เราไดร้ ู้จักกันมากขนึ้ คอื การรับฟังเรือ่ งราวของกันและ ผมจงึ ออกแบบกิจกรรมไว้ดังนี้ กจิ กรรมแรกทีท่ ำ�คอื บดั ด้ี บดั เดอร์ เนอ่ื งจาก น้อง ๆ มีกันเยอะ การใส่รหัส ท�ำ ให้ งา่ ยตอ่ การควบคมุ กจิ กรรมท่ี 2 คอื สวัสดีรอบโลก เมื่อเลน่ กจิ กรรมนแี้ ล้ว นอ้ ง ๆ จะไดเ้ วียนไปเจอกับ หลาย ๆ คน ได้ปฏิสมั พันธก์ นั ทัง้ ท่าทางและการสมั ผัสเบา ๆ หลังจากเล่นไปสกั พัก เมื่อเหน็ วา่ บรรยากาศกำ�ลังเรม่ิ สนกุ โดยผมจะฟังจากเสยี งของผเู้ ขา้ ร่วม กิจกรรมท่ี 3 คอื Lucky number เพื่อทจ่ี ะสรา้ งบรรยากาศของการแข่งขันเล็ก ๆ หลังจากเลน่ เกมนร้ี อบแรก จะมเี สยี งของผู้เขา้ รว่ มทชี่ นะออกมา นอ้ ง ๆ เรม่ิ ตนื่ เตน้ และตนื่ ตวั กนั มากขึ้นผมจะสังเกตพอใหร้ ะดับความต่ืนเต้นเร่มิ คงท่ี เล่นไปสักประมาณ 3-4 รอบ รอบ สุดทา้ ยใหเ้ ลน่ กัน 3 คน เม่ือคนทีต่ กเลขลกั กี้ ใหค้ น ๆ นัน้ อยู่ตรงกลาง 1 5 8 อาวธุ ลับกระบวนกร

แลว้ จากน้ัน ผมกจ็ ะเปลยี่ นเป็น กจิ กรรมที่ 4 คือ กระรอกเปลี่ยนโพรง กจิ กรรมนี้ นอกจากความสนุกแล้วเปา้ หมาย ของผมคือ เลน่ เพ่ือแบง่ กลมุ่ เพื่อไปเล่นกิจกรรมหลักของช่วงแรกคอื ประตมิ ากรรมมนษุ ย์ รอบสุดท้ายผมมคี ำ�ส่งั ว่า “โพรงแตก ให้จับกลมุ่ กนั 10 คน” จากนน้ั เขา้ สู่ กจิ กรรมที่ 5 คอื ประตมิ ากรรมมนษุ ย์ เป็นกิจกรรมทผี่ มเล่นเพอ่ื ให้นอ้ ง ๆ ได้ รูจ้ ักกนั ปฏสิ มั พันธก์ ันและพูดคุยกนั ตอนนน้ั น้องช่วยเหลือทำ�ออกมาไดอ้ ย่างน่าสนใจ โดย เฉพาะโจทยส์ ุดทา้ ยทผี่ มให้ท�ำ เป็นอนสุ าวรยี ป์ ระชาธปิ ไตย ทำ�ใหเ้ หน็ วา่ นอ้ ง ๆ มีมมุ มองเร่ือง นี้กนั อย่างไร รวม ๆ กิจกรรมเหลา่ น้ปี ระมาณ 1 ช่วั โมง จะสังเกตวา่ กิจกรรมแรก ๆ จะเน้นไป ทีฐ่ านกายและฐานหัวเกิดความสนุกและการปฏิสัมพนั ธ์ทางกายกันมากขน้ึ ต่อมากจิ กรรมที่ ผมท�ำ คือ กจิ กรรมท่ี 6 คือ สายธารชีวิต วาดตามโจทย์ “หากจะอธิบายตัวเองเป็นอะไร สกั อยา่ ง ท่ไี ม่ใช่รูปคน อะไรสอื่ ถึงความเป็นตัวเอง” จากนนั้ ให้นอ้ ง ๆ วาด เป็นการกลบั มา ใคร่ครวญและอย่กู บั ตัวเอง เมอ่ื วาดเสร็จ ให้จบั กลุม่ แบง่ ปันและแชร์กนั ในระหว่างท่ีแชร์ เรา จะเห็นไดเ้ ลยว่า มนั ลงลึกหรือไม่ ซง่ึ การที่ได้รบั ฟังเรื่องราวของกนั และกัน นอ้ ง ๆ ต่างให้ความ สนใจกันอย่างมาก โดยก่อนท่ีจะฟังก็มีการให้เทคนิคการฟังเล็กน้อย พอเป็นกตกิ า และเมือ่ ถงึ เวลา ก็ใหล้ อ้ มเป็นวงกลม และทำ�การเดนิ จบั มอื กนั เพอื่ ทกั ทายกนั ทกุ คน พร้อมเปิดเพลง เบา ๆ เป็นอันจบลงด้วยความสขุ ครบเวลาพอดี สิง่ ทต่ี ้องเจอเมื่อต้องอยหู่ นา้ เวที ผู้เข้าอบรมไมใ่ ห้ความรว่ มมอื ครง้ั หนงึ่ ผมไปจดั กจิ กรรมใหก้ บั องค์กรหนึง่ ซงึ่ มีผอู้ าวโุ สมากมายและผู้ท่เี ขา้ ร่วม กิจกรรมน้นั เป็นระดบั ดร.กันหลายคน ตอนทเ่ี หน็ รายชอื่ ใจผมก็เรม่ิ หว่ันๆแลว้ ว่า จะออก มาอย่างไรกัน ในขณะทผี่ มกำ�ลงั เรม่ิ กิจกรรม สิง่ ท่เี หน็ คอื กลมุ่ ผูเ้ ขา้ รว่ มจะแบ่งออกเป็น สองกลุ่มใหญๆ่ คือ วัยรุ่น กับผู้ใหญ่ กลุม่ ผูใ้ หญ่นัง่ ในวง กอดอก และแสดงทา่ ทีเหมอื นไม่ 1 5 9อาวุธลับกระบวนกร

อยากท�ำ กิจกรรมอยา่ งชัดเจน พอผมบอกให้ขอใหท้ กุ คนลุกขึ้น ทุกคนค่อย ๆ ขยบั ตัวลุก ขึน้ ผใู้ หญห่ ลายคนนัง่ อยทู่ ีเ่ ดิม จังหวะนนั้ ผมจงึ บอกว่า ขอให้ทุกคนนั่งเหมือนเดิม เม่ือผม นบั 123 ให้ทกุ คนลุกขึ้นจบั คใู่ นทนั ที (การให้ค�ำ สงั่ เร็ว ๆ คอื การท�ำ ใหผ้ เู้ ข้าร่วมมีเวลาสัน้ ลงในการคิดวา่ ดหี รือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ แตก่ ็ไม่ควรใช่บ่อยต้องอ่านกลุ่มให้ดี) ส่งิ ที่เกิด ข้นึ คอื ผใู้ หญ่ หลาย ๆ ทา่ นทไ่ี มย่ อมลกุ คอ่ ย ๆ ลกุ ขึ้น เพราะกลุ่มวัยรุ่นทลี่ ุก ตอ้ งว่งิ หาคู่ เมอ่ื ทำ�ให้ลกุ ขึน้ ไดผ้ มจงึ ค่อย ๆ ให้ท�ำ กจิ กรรม เร่มิ จากเบา ๆ ไปจนเกมสดุ ท้ายก่อนจบช่วง แรก คือเกมเปา่ ยงิ ฉุบสปีชสี ์ และคนท่ีดเู หมอื นจะสนุกทส่ี ุดคือ กลมุ่ ผู้ใหญ่ท่นี ั่งอยู่นั่นเอง ไมอ่ ุ้ม ไมท่ ้ิง ไม่รอ สิ่งส�ำ คัญคือ เราตอ้ งไมอ่ ุ้มผ้ทู ีไ่ มป่ รารถนาจะเข้ารว่ ม หากเราไปสนใจและใหน้ �้ำ หนกั เขามากเกนิ ไปจะทำ�ใหเ้ ราเสียโอกาสทีจ่ ะมอบสิ่งดีๆ ให้กบั คนตรงหน้าทพี่ ร้อมจะเลน่ และท�ำ กจิ กรรมไปกับเรา แตใ่ นขณะเดยี วกันเราจะไม่ทิ้งผู้ทป่ี รารถนาจะไมเ่ ล่น หรือทำ�กจิ กรรมเช่น กนั โดยการใหเ้ ขาอยู่ในจุดทีเ่ ขาสบายใจ ให้พ้นื ท่ีและอสิ รภาพต่อผ้เู ขา้ ร่วมว่าจะเล่นหรอื ไม่ เลน่ ก็ได้ (แตไ่ มต่ ้องพูดออกไปเพราะจะเปิดชอ่ งมากเกินไป) และแน่นอนว่าเราจะไม่รอ เรา เดนิ หน้าต่อไปในกจิ กรรมของตัวเองอยา่ งเต็มที่ เราจะเปิดโอกาสให้ผเู้ ขา้ รว่ มสามารถเขา้ ออก อยา่ งเต็มที่ แตเ่ มอ่ื เข้ามาแลว้ เราจะท�ำ ใหเ้ ขาไมอ่ ยากออกดว้ ยการดงึ เขาเขา้ มาเป็นคนสำ�คญั ของเรา ดังนัน้ ไม่อุ้ม ไมท่ ง้ิ ไมร่ อ จึงเป็นสง่ิ ท่สี ำ�คัญมาก ๆ ในการนำ�กจิ กรรมทุกกจิ กรรม กิจกรรมซ�ำ้ ....เคยเล่นแล้ว กระบวนกรมือใหมห่ ลาย ๆ คน หรอื แม้กระทัง่ ผม จะหวาดกลัวค�ำ น้มี าก ๆ มัน เหมือนกบั พงั ทลายความมั่นใจของเราออกไปครงึ่ หนึ่งเลย “เอาไงตอ่ ดวี ะ” แลว้ ก็ย้มิ แหง้ ๆ ผม มกั จะเจอคำ�นี้กับการไปเล่นกจิ กรรมใหก้ บั เด็ก ๆ ซึ่งสารภาพตามตรงเลยว่า อยากจะเขา้ ไป เขกกะโหลกเด็กคนนนั้ สักที ข้อหาทำ�ลายความม่ันใจ เม่อื มากลับมานึกย้อนดู เพราะเราคาด หวังวา่ กจิ กรรมของเราจะสดใหม่และทำ�ให้ต่ืนเต้น เราอยใู่ นสงั คมใหค้ วามส�ำ คญั กบั เวอร์จิน เอามาก ๆ อยากให้เป็นครั้งแรกท่ีทกุ คนไดท้ ำ�หรือไดเ้ ล่น พอได้ยนิ ค�ำ นีแ้ ล้วเราจะหาวธิ เี ปลี่ยน 1 6 0 อาวุธลบั กระบวนกร

เพราะคดิ ว่า มนั จะไม่สนุกแน่เลย เพราะเดก็ ๆ เลยเล่นแล้ว ผมจงึ อยากให้ยอ้ นกลับ ไปดูว่าเด็กๆ เล่นซ่อนหากบั ว่งิ ไล่จบั มากร่ี อ้ ยก่ีพันรอบ เขายงั สนกุ อยเู่ ลย ดงั นั้น ซ�ำ้ หรอื ไม่ซ้�ำ ไมใ่ ช่เรอื่ งส�ำ คัญ แต่ส่งิ ที่สำ�คัญคอื ความม่นั ใจของผู้น�ำ เล่น หากกระบวนกร หรือคนนำ�เล่นไม่ สนุกไม่มที างที่ผ้เู ล่นจะสนุก จากประสบการณ์ของผมแล้ว เลน่ ไปเถอะครับ... แค่ไดเ้ ล่นคน ก็สนกุ แลว้ ปล. อยา่ ไปถามผเู้ ข้ารว่ มนะครบั ว่า เคยเล่นหรือยัง อย่าหาเรอ่ื งท�ำ ลายความมั่นใจ ตวั เอง เมื่อเกดิ ความผดิ พลาด อยา่ แกต้ ัว จงยอมรบั ดว้ ยความที่ผมคอ่ นข้างเป็นคนที่ขห้ี ลงข้ีลมื มีความซุม่ ซา่ มอยู่หนอ่ ย ๆ เวลานำ� กิจกรรม หลาย ๆ ครงั้ มกั จะพดู ผิดหรือพูดไมช่ ัด จนผเู้ ขา้ ร่วมแย้งขึ้นมาว่า “ตกลงจะเอายัง ไง เม่อื กี้ยงั บอกแบบนอี้ ยู่” ซึ่งในหวั ผมตอนนนั้ คือ “หะ๊ เมื่อก้พี ดู อะไรไปนะจ�ำ ไมไ่ ด้เลย” ใน ช่วงแรก ผมจะทำ�อยสู่ องอย่างคือ พยายามเถยี งเพอ่ื เอาชนะ กบั พยายามปลอ่ ยผ่าน ตัวอย่าง เชน่ มีอยคู่ รง้ั หนึง่ ผมไปจดั กจิ กรรมให้กับนักศกึ ษา แลว้ ผมเป็นคนท่พี ดู ค�ำ ว่า “ฉะเชิงเทรา ” ไม่คอ่ ยได้ มนั คอ่ ยจะไป ซะเซงิ เซา ไปซะทุกครง้ั พอผมพดู ไปแลว้ โดนนักศกึ ษาหวั เราะ สง่ิ ท่อี ยูใ่ นหัวผมตอนน้นั คอื จะพยายามเถยี งดไี หม แตก่ ็คงไม่ เพราะหลกั ฐานชัดเจนเกนิ ไป หรอื จะหนที ำ�เป็นไมส่ นใจ ผมเลยตดั สนิ ใจ พดู คำ�นั้นออกไปอีกครั้ง “ซะเซิงเซา” ยิง่ ทำ�ให้ นกั ศกึ ษาหัวเราะผมหนักขนึ้ ผมจงึ ฉวยโอกาสของบรรยากาศตอนน้นั ท�ำ เป็นมกุ และขยบั ความสมั พนั ธ์ของผมเขา้ ไป ดว้ ยการขย้ีและตบทา้ ยดว้ ยมกุ สนกุ สนานมากยิ่งข้นึ สงิ่ ที่ผมได้เรียนรูจ้ ากเรือ่ งนี้ คอื ผ้เู ขา้ ร่วมไมไ่ ดค้ าดหวังใหค้ ณุ เป็นคนท่ีสมบรู ณ์ แบบเขาตอ้ งการคนธรรมดาทีจ่ ะทำ�ใหเ้ ขามคี วามสุข ดังนั้นความผิดพลาดทีเ่ กดิ ขนึ้ ขณะท�ำ กจิ กรรม ผู้เข้าร่วมพร้อมทีจ่ ะให้อภยั คุณเสมอ มีแตค่ ณุ เทา่ น้นั ทค่ี าดหวงั ความสมบูรณ์แบบ ในตวั เอง และผมค้นพบอย่างหน่ึงวา่ ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ กน็ ่ารกั ดี ยิง่ หากเราตอ้ ง ทำ�หนา้ ท่ีเป็น นนั ทนากร หรือคนน�ำ เลน่ การผิดพลาดเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ เหล่าน้ัน เมื่อเรายอมรบั เราจะเหมือนกบั มอบอ�ำ นาจให้ผู้กบั ผเู้ ข้ารว่ ม ทำ�ให้เราและผเู้ ขา้ ร่วมเท่าเทียมกัน และเราจะ เขา้ ไปน่ังในหัวใจของผู้เข้ารว่ มอยา่ งรวดเร็ว 1 6 1อาวธุ ลบั กระบวนกร

มีเรือ่ งไหนไหม ทีเ่ ราไม่ควรพลาด สิง่ หน่งึ ทผี่ มจะต้องระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษคอื ผมจะไมแ่ ซวหรอื นำ�ข้อดอ้ ยของผ้เู ขา้ รว่ มน�ำ มาล้อเล่นในกลางวง โดยเฉพาะเรอ่ื งของรปู ลกั ษณ์ภายนอกทัง้ หมด ไมว่ ่าจะเป็น อ้วน ผอม สงู ดำ� ขาว รวย จน สงั คมไทยเป็นสงั คมทก่ี ารบูลลเ่ี ป็นเรื่องตลก มอี ย่คู รั้งหนึ่งผมเป็น พธิ กี รคกู่ บั ผหู้ ญิงคนหนง่ึ ซงึ่ ตลอดการอบรม ผมมักจะโยนมกุ ใหก้ บั ผหู้ ญิงคนนี้ ซง่ึ เป็นเพอ่ื น ผมเอง มกุ ท่ผี มเลน่ มักจะดึงเอาภาพลักษณภ์ ายนอกของเขา หรือพดู ตรง ๆ ก็คอื ผมแซวเขา วา่ อว้ นนนั่ เอง ในขณะท�ำ กิจกรรม ผมรสู้ ึกว่ามันตลก และสนกุ แตเ่ มื่อกิจกรรมเสร็จและผม ร้ตู วั ว่า ผมก�ำ ลังท�ำ ผดิ พลาดอยา่ งร้ายแรง เพราะผมสังเกตว่าเขาไม่โอเค และเมอ่ื ผมรสู้ กึ ตวั ผมยิ่งรู้สกึ ไม่โอเคกับตัวเองทีไ่ ม่ระวังในเร่อื งนี้ ผมเข้าไปขอโทษและสารภาพอยา่ งซือ่ ตรงวา่ ที่ ทำ�ไปเพราะอะไร อันที่จรงิ ไม่มเี หตุผลใดท่ีสมควรท�ำ แบบนน้ั เลยดว้ ยซ�ำ้ มนั เป็นความรูส้ กึ ตวั ช้าของตัวเอง แตถ่ งึ อย่างไรกย็ งั ดี ทผ่ี มรู้ทนั ได้เร็วและเขา้ ไปขอโทษเพอื่ นคนนัน้ อยา่ งซือ่ ตรง สิ่งที่ผมไดเ้ รยี นรจู้ ากเร่ืองน้คี อื กระบวนกรหรือไม่วา่ ใครก็ตามไมค่ วรลดคณุ คา่ ของ ใครทง้ั น้ัน และเม่อื เหน็ ว่าผดิ พลาด จงเร็วท่จี ะแก้ไขมัน เพราะมันอาจจะสายไปเลยก็ได้ สิ่งท่ี กระบวนกรและผู้น�ำ กิจกรรมจะตอ้ งตระหนกั ให้ไดข้ ณะ อยู่หน้าเวทคี ือ เราจะตอ้ งไมบ่ น่ั ทอน คณุ คา่ ใคร หรอื ตัดสนิ ว่าสิ่งไหนดหี รอื ไมด่ ดี ้วยมาตรฐานของเราเอง และอกี อยา่ งทีส่ �ำ คญั นอกจากเรือ่ งรปู ลักษณภ์ ายนอกที่จะต้องใหค้ ุณคา่ วิทยากรหรอื กระบวนกรจะต้องไมด่ ถู กู หรอื ตดั สนิ วา่ ค�ำ ตอบของผู้เข้ารว่ มผิดหรือเป็นเรือ่ งตลก สำ�หรับผม สิง่ นี้เป็นส่งิ ท่ีส�ำ คัญมาก การหวั เราะกับความคิดเห็นหรอื ความเชื่อของคนอ่นื คอื การไม่ให้เกยี รติคนอ่นื เชน่ กนั แล้วถ้าจะแซว...เรอื่ งไหนท่แี ซวได้บา้ ง จากประสบการณส์ ว่ นตวั ผมไม่ไดต้ ่อต้านเรือ่ งการแซวเพื่อความสนกุ สนาน หรือ เป็นการสรา้ งการปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระบวนกรกับผู้เขา้ ร่วม และผมยังเห็นว่ามนั ส�ำ คญั ด้วย ซ้ำ� มันทำ�ใหเ้ กดิ บรรยากาศที่ผ่อนคลายและสนุก คำ�ถามคอื แลว้ จะแซวตอนไหนละ่ สำ�หรบั ผมตามประสบการณ์คือ แซวไปที่พฤตกิ รรม ขณะท�ำ กจิ กรรมนั้น ๆ แซวอาการหรือความผดิ พลาดเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ทีเ่ กิดข้นึ ซ่ึงมันจะเกิดข้นึ ขณะท�ำ กจิ กรรม ผมเรยี กมนั วา่ “จดุ ขย้ี” ซ่งึ 1 6 2 อาวธุ ลับกระบวนกร

ในแตล่ ะกิจกรรมจะจุดขยอ้ี ยู่ หากวทิ ยากรด�ำ รงอยกู่ ับวงหรอื กลมุ่ ขณะเลน่ กจิ กรรม จะเห็น “จดุ ขยี”้ นไ้ี ด้อยา่ งชัดเจน มนั เป็นจุดทผ่ี ู้เขา้ ร่วม ทำ�ใหเ้ กดิ ขน้ึ หลายๆครั้งเกดิ จากทผี่ ู้เขา้ ร่วม ขยี้กันเอง แล้วเราดึงมาขยต้ี อ่ หรือเป็นจุดเล็กๆ ทเี่ ราเหน็ ว่า มันเป็นพฤติกรรมหรือผลท่มี า จากกิจกรรม สง่ิ สำ�คญั คือ เม่ือเราด�ำ รงอยู่ในสนามพลังงานตรงน้นั เราจะเห็นวา่ จดุ สนกุ ทท่ี ุกคน มีประสบการณร์ ว่ ม เป็นจดุ ไหน แลว้ เรานำ�มาเล่าหรือน�ำ มาให้ทกุ คนได้เห็นและหวั เราะพร้อม กัน ซง่ึ ผมมองว่า มันขน้ึ อยู่กบั ธรรมชาตขิ องผู้น�ำ กิจกรรมหรือวทิ ยากร ว่ามีเอกลกั ษณ์แบบ ไหน พดู ไม่เก่ง ไมก่ ล้าแสดงออกจะสามารถเป็นกระบวนกรน�ำ นนั ทนาการกิจกรรมได้ไหม? ผมขออนุญาตเล่าเรือ่ งของตวั ผมเล็กน้อย ตั้งแตส่ มยั ผมเป็นเดก็ ผมเรยี นไม่เกง่ เลย ผมสอบได้อันดับสดุ ท้ายกับรองสุดท้ายมาโดยตลอด โดยในห้องเรียนผมแบง่ เดก็ ออก เป็นเดก็ 3 ประเภท ประเภทที่ 1 เด็กเรยี นดี พฤตกิ รรมเด่น โดยมากจะเป็นเดก็ ผู้หญงิ ซ่ึงครกู ็จะให้ ความส�ำ คัญและความรกั กบั เดก็ กล่มุ นี้เป็นพเิ ศษ ประเภทท่ี 2 เดก็ หลงั หอ้ ง เรียนไมด่ ี เนน้ ตกี บั ตอ่ ย เป็นเด็กหลังหอ้ งท่ดี อื้ อยา่ งโดด เด่น ครูก็จะหนกั ใจและดูแลกลุ่มนี้เป็นพิเศษ ดว้ ยไม้เรียวและการลงโทษตา่ ง ๆ ประเภทที่ 3 เดก็ เรยี นไม่ดี แต่ไมด่ ือ้ พวกนจ้ี ะอย่กู ลาง คอื จะอยู่กับเด็กประเภทท่ี 1 ก็ไม่ได้ เพราะเรยี นไมเ่ กง่ จะอยูก่ บั เดก็ ประเภทที่ 2 ก็ไม่ได้ เพราะไม่ดอ้ื เทา่ ไหร่ ไมส่ ดุ สัก อย่าง เด็กประเภทน้จี ึงเป็นคนกลาง ๆ ทคี่ รมู ักไม่คอ่ ยให้ความสนใจ เพราะแมจ้ ะเรยี นไม่เก่ง แตก่ ็ไมด่ ื้อ กเ็ ลยไม่ต้องดูแลอะไรมาก เดก็ ประเภทน้ีจะอยูเ่ หมอื นไมอ่ ยใู่ นหอ้ งเรียน ซึ่งผม เป็นเดก็ ประเภทที่ 3 ตั้งแต่เด็กเลยผมจงึ เป็นเดก็ ทไ่ี มค่ อ่ ยพูด เป็นเหมือนหมอกทีล่ อ่ งลอยอยูใ่ น ห้องเรียน ไมก่ ลา้ แสดงความคดิ เหน็ ไม่กล้าแสดงความสามารถเพราะไม่มีอะไรให้แสดง เสยี ง 1 6 3อาวุธลับกระบวนกร

เบา ๆ อย่คู นเดียว ปลอบใจตวั เองว่าเข้ากบั ใครก็ได้ แต่ไม่มีเพ่ือนสนทิ หรอื ไมม่ ีกลมุ่ ทุกคร้ัง ทจี่ บั ไมค์ เหมือนกบั เอาผมไปฆา่ หวั ใจเตน้ แรงจนหนา้ มืด มอี ยูค่ รงั้ หนงึ่ สมัยมธั ยมปลาย อาจารยใ์ หอ้ อกไปน�ำ เสนอหน้าห้องเรียน ผมจ�ำ ความ รู้สกึ ตอนนนั้ ได้วา่ หวั ใจมนั เตน้ แรงจนไดย้ นิ มาทห่ี ขู ณะทีจ่ ับไมค์ ขณะท่พี ดู ออกไป เหมอื นรมิ ฝีปากแหง้ อยู่ตลอดเวลา และอาการทเี่ ป็นคอื “หน้ามดื หดู บั ” ผมมองไม่เหน็ ใครเลย และ ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป พอพดู จบ ก็กลับมานัง่ ทแ่ี บบ งง ๆ สงิ่ น้เี ป็นประสบการณอ์ ย่าง หนึ่งท่ผี มมีในตอนเด็ก แล้วผมเร่ิมทจี่ ะข้ึนมาพูดหน้าเวทไี ด้อยา่ งไร มีอย่ชู ว่ งหน่งึ ทผ่ี มเรม่ิ สนใจการเป็นพระวิทยากร และรสู้ กึ วา่ ผม “อยากมีตวั ตน” ผมจงึ เรม่ิ เข้าสูว่ งการ เป็นพระวทิ ยากร โดยการอาศัยหดั เล่านทิ านให้เด็กฟัง ตอนเป็นพ่เี ลย้ี ง ตอนนั้นยังไม่ไดข้ ้ึนเวที แตก่ อ่ นที่พอ่ แม่เดก็ จะมารับ ผมบอกกบั ตวั เองวา่ “ผมไม่พึงพอใจ กบั ตวั เองในตอนน้ี และผมตอ้ งการจะเปลีย่ นมัน” ผมจะเร่ิมฝกึ เล่านทิ านใหเ้ ดก็ ๆ กอ่ นกลับ บ้าน และคอ่ ยๆ จบั ไมค์เล่น พูดตอนไม่มคี นอยู่ ฝกึ ยืนอยู่หนา้ เวที จนตดั สินใจสมคั รเป็นพระ วิทยากร อย่ทู ีค่ า่ ยวยั ใส อยา่ งจรงิ จงั ส่งิ ท่ผี มไดค้ น้ พบคือ การท่ีเราไม่กล้าพูด หรอื กล้านำ�กจิ กรรม น้นั มหี ลายสาเหตุ แต่ สาเหตหุ ลกั คือ “ความกลัว” กลวั อะไร “กลวั ท�ำ ไม่ได้ กลวั ผดิ พลาด” ทำ�ไมถงึ กลัวผดิ พลาด “เพราะถา้ ผิดพลาดจะถกู ตดั สนิ วา่ เป็นคนไมเ่ กง่ ” ทำ�ไมถงึ กลวั ถกู มองว่าไมเ่ ก่ง “เพราะกลวั ว่าจะไมไ่ ดร้ ับการยอมรบั ” ท�ำ ไมถงึ กลัวว่าจะไม่ไดร้ บั การยอมรับ “เพราะกลวั ว่าจะไมม่ ีตัวตน หรือคุณค่ากบั ใคร” ส่งิ เหลา่ นฝ้ี ังลกึ อยู่ในความคดิ ความเชอ่ื ของเรา อันท่ีจริงก็มันเป็นเร่ืองที่ พน้ื ฐานมากๆ ว่าหากต้องการออกหน้าเวที หรอื กล้าพูดตอ่ หนา้ คนเยอะ ๆ จะทำ�อย่างไร ตอบ แบบกำ�ปันทุบดินคือ กต็ ้องกลา้ ไง ผมมองว่า ความกลา้ แค่ 3 นาที จะเปลี่ยนชวี ิตของเราเยอะ มาก ตวั อย่างเช่น ครั้งแรกท่ผี มจะตอ้ งนำ�เลน่ กิจกรรมให้กับเด็กนักเรยี นเป็นรอ้ ยคน โดยพระอาจารย์ 1 6 4 อาวุธลับกระบวนกร

ทเี่ ป็นหัวหน้าค่ายได้มอบโอกาส ตอนนั้นมนั มีความกลัวขน้ึ มากอ่ นและความกลัวก�ำ ลังจะ บอกใหผ้ มพูดคำ�ว่า “ผมยงั ไม่พรอ้ มครับพระอาจารย”์ แตผ่ มมองวา่ ผมจะตอ้ งพูดแบบนน้ั ไปนานแคไ่ หน คือกอ่ นหน้านีก้ ็ปฏเิ สธมาหลายครั้งแลว้ ผมจงึ ใชค้ วามกล้าเพียงแว๊ปหนึ่งตอบ ตกลงวา่ “ครับพระอาจารย”์ หลงั จากน้นั ก็กลบั ไปอยู่กับความกลัวตอ่ แตท่ ่เี ปลย่ี นไปคอื ความกลัวของผมเปล่ยี นจากความกลวั ว่าทำ�ไม่ได้ ไม่กลา้ รบั งาน เป็นกลวั ว่าจะทำ�กิจกรรม อะไรดี จะเลน่ อยา่ งไรดี พอท�ำ เข้าจรงิ ๆ ขณะท่ีทำ�ก็มีความกลัวอยู่ตลอดเวลา เด็กจะสนุก ไหม ผมจ�ำ ไดว้ า่ ตอนน้นั เหมือนเด็กแสดงทา่ ทีวา่ ไมส่ นกุ ผมเปลี่ยนเกม เปลยี่ นเกมไปเรอื่ ย ๆ ร้ตู วั อีกที ภายในหนงึ่ ช่ัวโมง ผมเลน่ ไปเกือบ 10 กจิ กรรมจนหมดคลงั กจิ กรรม แม้ผลจะออก มาไมด่ ี แต่ก็เป็นจุดเร่มิ ต้นของผมเชน่ กัน และสง่ิ หนึ่งทส่ี ำ�คัญทผี่ มมน่ั ใจวา่ หากคณุ อา่ นหนังสือเล่มนี้แลว้ จะท�ำ ใหค้ ณุ มั่นใจ ไดค้ อื เมอ่ื ต้องนำ�กจิ กรรมแลว้ ความกลวั นัน้ หลาย ๆ คร้ังมาจาก เราไม่รู้จะพดู หรอื จะท�ำ อะไร อยา่ งนอ้ ย ๆ เม่ือคุณอ่านหนังสอื เลม่ น้ี และทดลองเล่นจนพอจะเขา้ ใจ จะทำ�ใหค้ ุณมน่ั ใจที่จะ กล้ามากข้ึนอย่างแน่นอน เมือ่ ไม่มีเวที ให้สร้างเวที ตอนทผี่ มเป็นพระวิทยากรมอื ใหม่น้นั หน้าท่ีหลักของผมคอื จดั สถานที่ ท�ำ เอกสาร พาผูเ้ ข้าอบรมกินข้าว และพานอน ผมท�ำ แบบนอ้ี ยเู่ กือบ 3 เดือน เพราะประสบการณ์หนา้ เวที นนั้ จะมพี ระวทิ ยากรมอื อาชพี ท�ำ ใหอ้ ยู่แลว้ และมีพระวิทยากรฝึกหดั ท่ีมากอ่ น ผมตอ้ งคอ่ ย ๆ ฝึกจากจดั สถานท่ี มาเป็นฝา่ ยเอกสาร สวสั ดิการ ปกครอง น�ำ ท�ำ วตั ร น�ำ นันทนาการ บรรยาย กจิ กรรมเลก็ ๆ บรรยายกจิ กรรมหลัก และเป็นหวั หนา้ คา่ ย ตามล�ำ ดับ ซ่งึ ในสามเดือนแรกนนั้ ผมใช้วิธกี าร “ครูพกั ลกั จ�ำ ” เป็นวธิ กี ารเรยี นรขู้ องวทิ ยากรทด่ี ีท่สี ุด เพราะเร่ืองเหล่าน้มี นั บอก กันแบบตรง ๆ ได้ยาก ผมจึงเริม่ จ�ำ เทคนคิ วธิ ีการ น�ำ มาทดลองเล่นในจินตนาการ จนสามารถ จดจำ�วิธกี ารเล่นได้ และส่ิงที่ผมท�ำ มากกวา่ นน้ั คอื ผมหาเวที ทจ่ี ะลองท�ำ กิจกรรม เช่น ไปคา่ ย เล็ก ๆ ทีไ่ มร่ จู้ กั ผม หรือหาโอกาสเสนอตัวเองนำ�กจิ กรรมเวลาไปคา่ ยอาสา เพราะในค่ายหลัก นั้น กวา่ จะไปถงึ ขั้นนำ�กิจกรรมนันทนาการขึ้นไปได้นั้น อาจต้องใชร้ ะยะเวลาเป็นปี หรือหลาย 1 6 5อาวุธลบั กระบวนกร

ปี เพราะมีพระวทิ ยากรที่รอควิ ฝึกกันอยู่เยอะ ผมจ�ำ ได้วา่ เวทีแรกที่ผมฝึกคือการออกไปจดั อบรมตามโรงเรยี นวถิ พี ุทธ แบบ ออกไปคนเดียว แคโ่ รงเรียนละ 3 ชัว่ โมง ผมเสนอตวั ออกไปเพราะพระวิทยากรขาดแคลน ประสบการณ์ ในครงั้ น้ันท�ำ ให้ผมค่อย ๆ พฒั นาตัวเองและได้ทดลองทำ�ในสิ่งทีไ่ ม่เคยท�ำ เร่ิม หดั บรรยาย ในตอนแรกอา่ นเอาตามสคริปอย่างเดียวเลย หลงั จากนั้นเริ่มหาแนวทางของตัว เอง เรม่ิ อาสาไปชว่ ยและหาเวทีทไี่ ม่มีพระวิทยากรหลักจนเรมิ่ เป็นช�ำ นาญมากขนึ้ และในตอนทผี่ มฝึกการเป็นกระบวนกร ผมใชเ้ วลาในการเรยี นรอู้ ยู่ 1 ปเี ตม็ ๆ ก่อน ทจี่ ะเร่ิมท�ำ งานด้านกระบวนกรฝึกหัด โดยอาศัยพ่ี ๆ จิตตปัญญาชกั ชวนและสอนผมเตบิ โต เพราะโดยธรรมชาติของกระบวนกรจิตตปัญญาจะมีการสะท้อนและคอยให้โอกาสและพื้นที่ ในการฝึกอยูเ่ สมอ สงิ่ หนง่ึ ผมชอบวิถีกระบวนกรจติ ตปัญญามาก ๆ คือ รุน่ พจ่ี ติ ตปัญญาจะ ใหโ้ อกาสเราในการท�ำ กจิ กรรมอยู่เสมอ โดยจะถามว่าอยากฝกึ อะไร อยากพฒั นาดา้ นไหน และค่อย ๆ เรยี นรูแ้ ละอยู่ข้าง ๆ จนเราสามารถทจี่ ะน�ำ กจิ กรรมไดบ้ า้ งในบางชว่ งของกิจกรรม และทกั ษะกระบวนกรนน้ั จะตอ้ งคอ่ ย ๆ ถกู หลอ่ หลอมมากขึ้น บางทพี ื้นท่สี �ำ หรับการฝกึ นนั้ หาไม่ง่ายนกั และหากไม่แสวงหาก็ยากทจี่ ะเกดิ พน้ื ที่ เหล่านนั้ สำ�หรับผมมองวา่ เมอ่ื ไหร่ทีไ่ มม่ เี วทีหรอื พน้ื ท่ีนั้น ใหส้ รา้ งพืน้ ทีข่ องตัวเราเองขึน้ มา เลย มนั จะเป็นเลก็ ๆ น้อย ๆ ก็ได้ แตม่ นั ต้องสร้าง เพราะไมอ่ ย่างนนั้ พน้ื ทเี่ ราเราต้องการกย็ าก ทจี่ ะปรากฏขน้ึ อยา่ งไมม่ ีเหตุผล อกี เทคนิคหนึ่งทผ่ี มสร้างพื้นทีข่ องตวั เองคอื ทำ�ให้คนอ่นื ร้วู ่า ผมกำ�ลังสนใจและก�ำ ลังฝึกเรื่องนอ้ี ยู่ ซึ่งเป็นเหมือนประกาศให้โลกรวู้ า่ เอาเรอ่ื งนม้ี าใหผ้ มได้ นะ ผมรออยู่ จติ ตปัญญากับนันทนาการ ผมเป็นพระวิทยากรมาก่อน ท�ำ ใหผ้ มได้ทักษะการเล่นกจิ กรรมนนั ทนาการตดิ ตัว มาประกอบกบั ผมไดเ้ ข้ามาเรียนในศูนยจ์ ติ ตปัญญาศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหิดล ซ่ึงผมเรยี น แผน ข คอื การเป็นกระบวนกร และทำ�วจิ ยั เร่ือง การพฒั นาการสอนธรรมะ ดว้ ยกระบวนการ จิตตปัญญาศกึ ษา ทำ�ให้ผมได้เขา้ มาสกู่ ระบวนการจติ ตปัญญาในช่วงตงั้ แต่ปี 2559 เป็นต้น 1 6 6 อาวธุ ลับกระบวนกร

มา สำ�หรบั ผมเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ของตวั เอง นัน้ คือการท่ีนำ�กระบวนการจิตตปัญญาศกึ ษา กับกิจกรรมนันทนาการเขา้ มาผสมผสานกัน จิตตปัญญาศึกษานั้นเป็นการเรียนรู้ท่ีเน้นการกลับมาใคร่ครวญตัวเองเป็นหลัก โดยตัวกจิ กรรมหรือกระบวนการนน้ั เป็นเพียงเครอ่ื งมือเทา่ น้นั และเคร่ืองมอื ที่จิตตปัญญาให้ ความส�ำ คัญเป็นพเิ ศษคือเรอ่ื งของการการภาวนา คอื การเสริมความแขง็ แรงจากภายใน เพื่อ ให้มีพลังเพียงพอตอ่ การกลบั ไปยอ้ นใครค่ รวญตวั เองและท�ำ ให้ เปดิ ออก ยอมรับตัวตนของ ตวั เองและผอู้ นื่ ในฐานะมนุษยท์ เ่ี ทา่ เทียมมากที่สุด ณ ปัจจบุ นั ผมเรียกตัวเองว่าเป็นผ้อู ยู่ใน วธิ ีการการเป็นกระบวนกร กระบวนการจิตตปัญญาเน้นไปทีก่ ารกลบั มาเข้าใจและรับฟังชีวิตในทกุ ๆ มิติ ซ่งึ ใน สมยั ก่อนนัน้ มนั เป็นเพียงหลกั การ หรอื กิจกรรมเท่านั้น สำ�หรบั ผมเอง ในตอนทเ่ี ป็นวทิ ยากร ผมมงุ่ เนน้ ไปหาหลักการดี ๆ คำ�พูดดๆี หรอื ทักษะดี ๆ เพ่ือทีจ่ ะน�ำ มาบอกสอน เพ่ือให้คนเกิด แรงบนั ดาลใจ ดงั น้ันผมจะมีข้นั ตอน กจิ กรรมและค�ำ ตอบมามอบให้กับผเู้ ขา้ ร่วม โดยทผ่ี ม ไม่ต้องมาน่งั รบั ฟังอะไรเลย หรือจะพดู อยา่ งตรงไปตรงมาวา่ ผมมาเป็นผใู้ ห้ พวกคุณมหี น้าท่ี เป็นผู้รบั แตผ่ มให้ในสิง่ ทีผ่ มมี หรอื ทอ่ งจำ�มาเท่านั้นนะ อนั น้ีหมายถงึ ตวั ผมเองเทา่ นัน้ นะครบั ไมไ่ ด้เหมารวมกับวทิ ยากรทา่ นอ่ืน เพราะผมตอนนัน้ ทำ�ได้เพียงแค่จดจ�ำ ค�ำ ตอบดี ๆ มาใหผ้ ู้ เขา้ รว่ มเท่านัน้ และผมก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดยี วกบั เนอื้ หาที่ผมสอนเลยแม้แตน่ อ้ ย มนั ทำ�ใหผ้ ม รจู้ กั กระอักกะอว่ มทุกครงั้ ที่ตอ้ งพูดอะไรท่ไี มใ่ ชต่ ัวเองออกไป โดยหวงั ว่ามันอาจจะสรา้ งการ เปลยี่ นแปลงให้คนอน่ื ทไี่ ม่ใช่ผม ผมไมไ่ ด้หมายถึงการสอนแบบเดิมของผมผดิ นะครบั ผมกำ�ลังจะสื่อว่า การสอน แบบเดิมของผมเป็นขัน้ ตอนการเติบโตของการทำ�งานด้านนีข้ องผมเอง จนกระทั่งการเข้ามา สกู่ ารเป็นกระบวนกร ซ่งึ ผมไดเ้ ห็นวา่ มันเร่ิมจากการทำ�งานด้านในของตวั เองกอ่ น การท่ีได้ ท�ำ กจิ กรรมและกลับมาเชอื่ มโยงกลับตวั เอง ทัง้ ในมิติภายนอกและมิตภิ ายใน ผ่านเครื่องมือ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เกมส์ กจิ กรรม ศลิ ปะ หรอื การภาวนา ทำ�ให้เหน็ ว่า กระบวนการเรียนรู้ น้นั มหี ลากหลายมาก โดยทกั ษะทีต่ ้องฝึกเพิ่มมากข้นึ น้นั มหี ลากอย่าง ตวั อยา่ งเชน่ ทักษะ การออกแบบกจิ กรรม ทักษะการฟัง ทกั ษะการจับประเดน็ ทักษะการตง้ั ค�ำ ถาม ทักษะเหล่าน้ี เป็นทกั ษะใหม่ ท่ีจำ�เป็นจะตอ้ งใช้ระยะเวลาในการเรียนรูแ้ ละฝกึ ฝนอยเู่ สมอ 1 6 7อาวธุ ลบั กระบวนกร

ผมเห็นวา่ นนั ทนาการนั้นไมใ่ ช่เพียงการเล่นสนกุ เพอ่ื ฆ่าเวลาหรอื เตรยี มความพร้อม เท่านัน้ โดยรูปลกั ษณ์ภายนอกการเล่นนนั ทนาการเป็นเหมอื นกบั การใช้รา่ งกายและท�ำ ให้ ความสนกุ สนาน และการเรยี นรู้จะต้องจริงจงั เลน่ ไม่ได้ แตเ่ ปล่าเลย กจิ กรรมนนั ทนาการนน้ั สามารถนำ�เป็นเครอ่ื งมือเพ่ือเรียนรแู้ ละพฒั นาในมิตภิ ายในได้เป็นอย่างดี การเปดิ ด้วยความ สุขและการกลับไปสำ�รวจภายในน้ัน กิจกรรมจะเป็นเหมอื นเครื่องมือทจี่ ะนำ�พาให้เราได้มา คน้ พบตวั ตนและคุณค่าบางอยา่ งด้านในอย่างมากมาย เพยี งแตก่ ระบวนกร หรือวทิ ยากรนัน้ จะตอ้ งมีมิติภายในเพิ่มเข้ามาดว้ ยเชน่ กนั กล่าวโดยสรปุ แม้หนังสือเลม่ นจี้ ะเนน้ ไปท่กี ิจกรรมนนั ทนาการ แต่ส่ิงสำ�คัญนนั้ หา ได้อยทู่ เ่ี คร่ืองมอื หรืออาวธุ ไม่ แต่สงิ่ ส�ำ คัญคอื ผู้ใช้อาวธุ ต่างหาก การฝึกตวั เอง ไมว่ า่ จะเป็น ทักษะไหนกต็ าม BEING หรอื ตวั ตนของกระบวนกรหรอื วิทยากรน้ันสำ�คญั มาก ตวั อยา่ งเช่น ในนวนิยายจีน จอมยทุ ธ์ กอ่ นท่ีจะเป็นจอมยทุ ธ์ไดน้ ัน้ จะต้องออกแสวงหา รำ�่ เรียน ฝกึ ฝน กอ่ นที่จะไปตอ่ สกู้ ับใคร และในเคล็ดวิชาทีเ่ ป็นสดุ ยอดกระบวนท่าคือ เกา้ กระบเี่ ดยี วดาย (ต๊กโกวเกาเกีย่ ม) สุดยอดวิชากระบ่ีของนยิ ายกมิ ย้ง คิดค้นข้นึ โดย ต๊กโกวค้ิวปา่ ย คำ�วา่ ไรก้ ระบวนท่า ไม่ไดห้ มายถึงไม่มีกระบวนทา่ แต่กระบวนท่าที่ใชน้ ้นั ข้ึนอยกู่ ับค่ตู อ่ สทู้ อ่ี ยู่ ตรงหน้า เปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนทา่ ของศตั รู ยง่ิ ขณะตอ่ สู้ ยงิ่ ต้องลมื เคล็ดวิชา สิ่งน้ี ส�ำ คัญมากๆ เมอ่ื เรามีกระบวนการและฝึกฝนเครือ่ งมอื ของเราจนช�ำ นาญ และสามารถเข้าไป สัมผัสกับแกน่ แทข้ องตวั ตนของตวั เองได้ จนเป็นหนึ่งเดยี วกับเคล็ดวิชา เมอื่ นน้ั กจิ กรรมหรอื กระบวนการของเราจะพอเหมาะและพอดกี บั คนทีอ่ ยตู่ รงหนา้ เปล่ียนแปลงและสอดคลอ้ ง กบั ธรรมชาติของผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ ดงั น้ันเคลด็ ลับส�ำ คัญคอื ความเข้าใจ ไม่ใชจ่ ดจำ� หากเราเข้าใจตัวเอง เขา้ ใจผู้อ่ืน เขา้ ใจแก่นของการท�ำ กจิ กรรม เรากจ็ ะสามารถเข้าถงึ สภาวะ ของเคล็ดวิชา ไรก้ ระบวนท่าได้อย่างเป็นหนึง่ เดยี ว องค์ประกอบสำ�คญั สองอย่าง ท่ีจะทำ�ให้เติบโต งานวจิ ัยของผมคอื พฒั นาทักษะสอนธรรมผ่านกระบวนการจิตตปัญญาศกึ ษา โดย เน้นไปท่กี ารฝึกพระวิทยากรให้มีทกั ษะกระบวนกร สิ่งหน่ึงทีเ่ ป็นหลกั ธรรมสำ�คัญของเน้อื หา 1 6 8 อาวุธลับกระบวนกร

งานวิจัยชิ้นนีข้ องผมเองคอื หลกั การพฒั นาชีวติ ทีเ่ รียกวา่ เสยี งภายนอกและเสยี งภายใน. เสยี งภายนอกเรียก ปรโตโฆสะ คือ กลั ยาณมิตร เสียงภายในคอื โยนิโสมนสกิ าร กลั ยาณมิตรหมายถึง เพือ่ นทช่ี กั ชวนให้เราเกิดการพฒั นาท้งั มิติภายในและมติ ิ ภายนอก ไมว่ า่ จะเป็นพ่อแม่ ครู เพ่อื น หนงั สอื หนังหรือแมก้ ระทั่งตวั เอง การหากลั ยาณมติ ร สกั คนจึงเป็นเรอ่ื งทสี่ ำ�คญั ในรายวิชาหนึ่งของจติ ตปัญญาคอื “ตามครุ ุ” ซึง่ เป็นรายวิชา ท่ีอาจารยใ์ ห้ออกไปตามหาครู(ที่ไม่ใช่อาจารย์ในศนู ย์) ทเ่ี ป็นต้นแบบใหก้ ับเราในการ เรียนรู้ ซ่ึงผมสนใจการเป็นกระบวนกรจึงเลือกตดิ ตามครทู ีท่ �ำ งานเรอื่ งน้คี อื พี่เล็ก หรือปรดี า เรืองวิชาธร แหง่ เสมสิกขาลยั และไดม้ ีโอกาสตดิ ตาม พูดคยุ อีกทงั้ ไดเ้ รยี นหลักสตู ร กระบวน กรท่พี ่ีเลก็ สอนอีกด้วย ท�ำ ใหเ้ ห็นถึงเปา้ หมายและเสน้ ทางการเป็นกระบวนกรได้ชัดเจนมาก ข้ึน หากเราต้องการเป็นคนแบบไหน สิง่ สำ�คญั คอื เราตอ้ งหาให้เจอวา่ คนแบบนนั้ “เป็น” อยา่ งไร และเอาตัวเองไปอยู่ใกลค้ นแบบน้นั หรือสังคมแบบนนั้ ให้ได้ ในปีแรกที่ผมเริ่มไปช่วยรุ่นพี่ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับหน่วยงานหน่ึง ซ่ึงเป็นงานแรกท่ผี มไดท้ �ำ งานในฐานะกระบวนกรผชู้ ว่ ย ทำ�หน้าทอ่ี ำ�นวยความสะดวกและผม อาสาท�ำ กิจกรรมนันทนาการ คร้งั แรก เมอ่ื ท�ำ กจิ กรรมเสร็จแลว้ ในตอนกลางคอื พๆี่ จดั รอบ วงกนั และสะท้อนการท�ำ งานของแต่ละคน โดยแต่ละคนจะต้องให้ของขวัญคอื Feedback วา่ วนั น้ีเขาเห็นอะไรในตัวของเราบ้าง โดยเรม่ิ จากชื่นชมวา่ ผมเป็นอยา่ งไรบา้ งท้ังในเรือ่ งของการ ท�ำ งานร่วมกันหรอื เรอื่ งของการจดั กจิ กรรม การสะท้อน อย่างซ่ือตรงของพี่ ๆ ท่บี อกว่าเราทำ� สง่ิ ไหนไดด้ ี และสิ่งไหนทตี่ ้องพัฒนาให้ดีกวา่ เดิม สิง่ ไหนตอ้ งระวงั หรอื แก้ไข เอาจริง ๆ ตอน ฟังนน้ั มนั เจ็บปวดและสะเทือนเอามาก ๆ เพราะตอ้ งโดนทุกคนใหข้ องขวญั แตน่ น่ั ทำ�ใหผ้ ม เตบิ โตและพฒั นาจุด ๆ นนั้ ได้เรว็ มากยิง่ ขน้ึ มันเลยท�ำ ใหผ้ มรสู้ ึกได้ว่า บทสะทอ้ นอยา่ งซอ่ื ตรง จากคนทหี่ วงั ดจี ากเราหรอื ไม่กต็ าม จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เรา และบทสะทอ้ นไหนทเ่ี จ็บ ปวด จุดนั้นคือจดุ ทต่ี ้องรักษา แก้ไข ไมใ่ ช่โกรธแค้น ซ่ึงเราไมจ่ ำ�เป็นจะต้องโดนครงั้ เดยี ว และ ทส่ี ำ�คญั กัลยาณมติ ร ไม่ใชค่ นที่พดู ในสิ่งที่เราอยากฟัง เป็นคนทีป่ รารถนาจะเห็นเราเติบโตแม้ จะต้องแลกดว้ ยการเสี่ยงที่จะถกู เราเกลยี ดกต็ าม โยนิโสมนสิการ การใครค่ รวญดว้ ยหวั ใจ จะเรียกได้ว่าเป็นแกน่ ของการเรียนรูก้ ว็ ่า ได้ เพราะชวี ิตทป่ี ราศจากการใครค่ รวญคอื ชีวติ ไร้ซึ่งคณุ ภาพและตกไปสู่สายธารแห่งการไหล 1 6 9อาวธุ ลบั กระบวนกร

ของสภาพสังคมรอบตัว โยสโิ สมนสิการ จงึ เป็นหลักในการกลับมามองใคร่ครวญตวั เองอย่าง ซ่ือตรง ดงั นนั้ การเรยี นรทู้ ก่ี ลับมาเชอ่ื มโยงกบั ตัวเองผา่ นกิจกรรมหรอื เคร่ืองมือตา่ งๆ จะ ทำ�ให้เราไดท้ ัง้ อาวุธ หรือทักษะ และไดค้ วามเป็นหรอื ความเข้าใจ ทเี่ ป็นเนอ้ื เดยี วกนั กับตัวเอง วทิ ยากร กระบวนกร นวตั กร มีครทู ่านหน่ึงทีผ่ มนบั ถือ คอื ศวิ กานท์ ปทมุ สูติ ไดอ้ ธิบายและให้ความหมายคำ�ว่า นวตั กรใหก้ ับผมวา่ “นวตั กร” ในความหมายของครนู ั้นสำ�คญั มาก ขอกลา่ วถงึ นัยของคำ�พอ สงั เขป ดังน้ี “นวตั กร” คือ ผู้สร้างสรรค์สง่ิ ใหม่ หรอื สรา้ งอัตลัษณใ์ หม่ เป็นผทู้ ่สี ามารถ ออกแบบและสร้างสรรคส์ ่งิ ใหม่ ๆ ได้ ทง้ั ออกแบบการทำ�งาน ออกแบบการแกป้ ัญหา ออกแบบ อาชพี ออกแบบชวี ติ ออกแบบสงั คม และออกแบบทางเลอื กอน่ื ๆ สามารถนำ�พาทำ�หรอื ช้ีทาง ใหผ้ ้อู นื่ ทำ�ได้ กระทั่งสรา้ งสรรคค์ วามเปล่ยี นแปลง เปลย่ี นผา่ นไปสู่สง่ิ ท่ีดีกวา่ ซึ่งผูท้ จี่ ะเป็นเชน่ น้ันได้ ต้องไมม่ ีขอ้ แมใ้ ด ๆ กับชวี ิต ต้องมุ่งมั่นท�ำ ในสิ่งที่ “ ใช่” อยา่ งไม่ย่อทอ้ ความสำ�เร็จจะเกดิ ข้นึ และมีอยตู่ ลอดรอยทาง บคุ คลท่จี ะเป็นนวตั กรได้ดี จะตอ้ งมจี ติ วิญญาณขบถ มีความใฝ่เรยี นใฝร่ ู้ ไมย่ ึด ติดกับชดุ ความคดิ และความรู้เดมิ ๆ จนตกจม จนติดกับชดุ นยิ ามความดี ความชวั่ ความถกู ความผิด โดยไมย่ อมเปิดประตเู รียนร้สู จั จะที่กว้างไกลกวา่ ลึกซงึ้ กวา่ หรอื ความจรงิ ทจี่ ริงกว่า นัน่ เอง อกี คณุ ลกั ษณะสำ�คัญ คือ จะตอ้ งเป็นคนรักการอ่านและอา่ นเป็น ทั้งอา่ นหนังสือ อ่านชีวิต อา่ นสังคม อา่ นโลก อา่ นปรากฏการณ์ อา่ นนวตั กรรมใหมๆ่ ทปี่ รากฏขนึ้ ในยคุ สมยั กระทัง่ อา่ นสภาวธรรม สภาวธรรมทีม่ ิไดผ้ ูกตรึงกับลทั ธิความเชอื่ และศาสนาใด ๆ 1 7 0 อาวธุ ลบั กระบวนกร

จากนนั้ ครูไดจ้ �ำ แนกคำ�ทเี่ ป็นเครอื เถากนั เสยี เลย โดยลำ�ดบั ดังนี้ ประชากร - หมู่ชนทวั่ ไป กระบวนกร – ผจู้ ัดกิจกรรมเรยี นรู้ใหป้ ระชากร (ผ่านกระบวนการเรียนรู้ท่ี เช่อื ม่นั ในศกั ยภาพความเป็นมนษุ ย-์ ผู้เขยี น) วทิ ยากร - ผูเ้ ชยี่ วชาญท่สี ามารถถา่ ยทอดความร้สู ่มู วลประชากร ด้วยเร่ือง ใดเรอ่ื งหนง่ึ หรือหลากหลายเรอ่ื ง และหมายรวมถงึ ผสู้ ามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ ประชากรผู้ใฝ่เรียนรู้และพัฒนาตนดว้ ย นวัตกร - ผ้สู ามารถออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การแก้ปัญหา การ สรา้ งสรรคท์ างเลือก และการสรา้ งสรรคต์ ่างๆ ผูอ้ อกแบบชวี ิต สงั คม การศกึ ษา อาชีพ และอน่ื ๆ ครกู านท์ 29.12.2563 ครไู มไ่ ดห้ มายถงึ วา่ อย่างไหนสงู หรือเป็นล�ำ ดบั ขั้นท่จี ะต้องไปถงึ แต่ในแต่ละคำ�เหล่า นนั้ คอื การเลือกทจ่ี ะมีวิถีชีวติ แบบไหน เลือกทีจ่ ะใช้ หรอื เลือกท่จี ะเป็น การใหน้ ามสมมติ ของการเป็นสง่ิ ๆ น้นั ท�ำ ให้เราเข้าใจและเลือกไดว้ ่า เราอยากมวี ถิ ีชีวติ แบบไหน เราตอ้ งเป็น ส่ิง ๆ น้นั ท�ำ สงิ่ ๆ นน้ั คิดสิง่ ๆ น้นั หรือแมก้ ระทั่งพดู เป็นภาษาเดียวกบั สง่ิ ๆ นัน้ ดว้ ยเช่นกนั แล้วคุณละ อยากมีวิถแี บบไหน 1 7 1อาวุธลบั กระบวนกร

TIME NARES SAWIKA 1 7 2 อาวุธลบั กระบวนกร

.เอ.า.คควนาอมน่ืลจบั ะมมาอเปงวดิ า่ เผผมยไหมนะ เป็นเหมอื นนกั เฉลยมายากลหรอื เปลา่ . . . 1 7 3อาวธุ ลบั กระบวนกร

บทสง่ ทา้ ย บันทึกของผู้เขยี น การเขยี นหนงั สือเป็นเป้าหมายชีวติ อย่างหนึ่งของตวั เอง การที่ผมลุกข้ึนมาเขยี น หนงั สือ 50 เกมนนั ทนาการ และทำ�สัมมนา The body play ทง้ั สองอย่างเป็นเหมือน สญั ลักษณค์ วามกล้าของตัวเอง ท่ีจากคนทไี่ มม่ น่ั ใจในตวั เองจนสามารถลุกขึน้ มาทำ�ส่ิงเหล่า นี้ได้ การเขยี นและเรยี บเรียงหนังสือเล่มนี้ ทำ�ให้ผมเผชญิ กับความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความกลวั ว่าจะไม่มคี นสนใจ ความกลวั วา่ จะเขียนไมร่ ูเ้ รอ่ื ง และการนำ�กิจกรรมเหล่านอ้ี อก มาท�ำ คนในสายงานจะบอกวา่ เราเอาความลบั มาเปดิ เผยไหมนะ เหมอื นกบั นักเฉลยมายากล ความคิดความรู้สึกเหล่าน้ี เกดิ ข้ึนจากการคดิ เองทัง้ นั้น การเขยี นหนงั สอื ทำ�ใหเ้ รากลับมา อยกู่ ับความจรงิ ตรงหน้า และส่ิงทเ่ี ป็นแรงขับเคล่ือนของตัวเองในการเขยี น คือ “ผมจะต้อง เสียดายหากวันหน่ึงผมอายุมากขึ้นและหนังสือเล่มน้ียังกลายเป็นเพียงแค่ความคิดและความ ต้องการอย่”ู ผมจึงเร่ิมและเขยี นมัน และหวงั วา่ หนังสอื เลม่ นีจ้ ะส่งต่อและมอบประโยชน์ให้ กับใครสักคน ขอบคุณตวั เองท่ีกลา้ หาญ แมจ้ ะมีความกลัวเดินอยู่เคยี งขา้ ง ผมไดเ้ ขยี นบทกลอน บทหนึง่ ไว้ แม้ไมไ่ ด้เป็นบทกลอนท่ลี กึ ซงึ้ แตเ่ ป็นกลอนท่ีผม แตง่ ข้ึนมาหลังจากท�ำ คอร์ส “การอ่านเพื่อการเปลยี่ นแปลงภายใน” และต้องเผชิญกบั ปัญหา ตา่ ง ๆ จนคอร์สน้ันออกมาประสบความส�ำ เร็จและทำ�ใหผ้ มได้เรยี นรู้มากมาย และผมไดล้ อง กลนั่ ออกมาจากเสยี งภายในของตวั เอง TARM NARES SAWIKA 1 7 4 อาวธุ ลับกระบวนกร

เสียงเพรยี กแห่งข้า เสยี งเพรยี กจากปา่ ภายใน ขบั เคลือ่ นหัวใจเดนิ ทาง กา้ วขา้ มยึดตดิ เรือจา้ ง กระโจนให้กระจา่ ง มา่ นตวั ตน ผมจะท�ำ ได้ไหมครู ครใู หร้ ูผ้ า่ นมรรคผล เพียงออกเดินทางตามใจตน จักหลุดพน้ หรือไม่ ใชป่ ระเดน็ เธอยนื อยู่ตรงนนั้ นานไปแลว้ บทกวีครูแว่ว มาใหเ้ หน็ เราจะเป็นอยา่ งท่ีเราเป็น หรือจะเป็นเราทด่ี กี ว่าเดมิ ฉนั เหน็ ความกลวั ในความกล้าของตัวเอง ฉนั เหน็ ความเกรงในความฮกึ เหิม ฉันเหน็ ความอยากใหม้ นั ดีกวา่ เดิม ฉนั เหน็ ความเกนิ จากความขาดแคลน ฉนั รวู้ ่าตอ้ งออกเดินทาง ตามศรัทธาแหง่ การออกแสวง ไม่คดิ หยุดแม้แสงหิ่งหอ้ ยเริ่มหมดแรง หากหมดแสงจะสร้างแสงจากตวั ตน ไมม่ ใี ครหยุดฉันไดห้ ากฉันไมย่ นิ ยอม เว้นแตว่ ่าฉนั พรอ้ มใหโ้ ชคชะตาไดก้ ดขม่ ฉนั จึงต้องมจี ติ วิญญาณแห่งอิสระชน เพ่ือหลดุ พน้ แรงเหว่ยี งแห่งโชคชะตา 1 7 5อาวุธลับกระบวนกร

นเรศ เสวิกา วุฒกิ ารศกึ ษาทางธรรม นกั ธรรมเอก มหาเปรยี ญ 3 ประโยค วุตกิ ารศกึ ษาทางโลก 1. ปรญิ ญาตรี วทิ ยายาลัยศาสนศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหดิ ล 2. ปรญิ าโท จติ ตปัญญาศกึ ษา ทำ�วจิ ัยเรื่อง การพัฒนาการสอนธรรม ผ่านกระบวนการ จติ ตปัญญาศกึ ษา เส้นทางการทำ�งาน 2556 พระวิทยากรค่ายวยั ใส 2558 อาจารย์สอนโรงเรียนพระปริยตั ิธรรมวดั กฤษณเวฬุพุทธาราม 2561 ทำ�งานในองคก์ ร Transformagent แผนก training 2562 กระบวนกรอสิ ระ 2563 พนกั งานในองคก์ ร Masterpiece hospital แผนก Organization Development ปัจจบุ ัน นกั ออกแแบบกระบวนการจัดการเรยี นรู้จติ ตปัญญาอิสระ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผลงานด้านจัดอบรม 1. การจัดกระบวนการใหพ้ ฒั นามติ ิภายใน ดว้ ยกระบวนการจติ ตปัญญาศกึ ษา 2. วิทยากรค่ายคุณธรรมจรยิ ธรรม 3. Team building ใหก้ ับหน่วยงานและองค์กรทวั่ ไป 4.ค่ายสมั มนาการพัฒนาทกั ษะการใชช้ ีวติ ผลงานดา้ นจิตอาสา 1. ออกแบบค่ายปดิ เทอม เปิดธรรม ทบี่ า้ นพีส่ อนนอ้ ง 2. พานอ้ งชาวเขาลงมาเท่ยี วในเมอื งในโครงการ “พาน้องเท่ียว” 3.จิตอาสาสร้างพื้นทเี่ รยี นรู้ ทีบ่ า้ นพีส่ อนนอ้ ง ติดต่อ โทร: 0954196551 ไอดีไลน์ : tarmcrs Facebook : Time Nares Sawika FB Page : Timeshare วิทยากรกระบวนการ 1 7 6 อาวธุ ลบั กระบวนกร

THE BODY PLAY ฝกึ ทักษะการจดั กิจกรรมนันทนาการ ทไี่ มต่ ้องรอ้ งเพลงและใช้อปุ กรณ์ คอร์สน้ีผมออกแบบมาดว้ ยความคดิ และความเชอ่ื วา่ กจิ กรรมเหล่าน้นี ้ัน หากไมม่ ี ประสบการณม์ ากอ่ นกย็ ากท่จี ะเขา้ ใจหรือเห็นภาพ อกี หนง่ึ ทกั ษะส�ำ คญั ของการเป็นกระบวนกรหรือ วทิ ยากรคือ ทกั ษะครพู ักลักจ�ำ มนั จะต้องสังเกตวา่ เขาพูดแบบไหน ใชก้ ิจกรรมอะไร และหากไมม่ ี โอกาสใหท้ �ำ ก็ยากทจ่ี ะเหน็ ภาพหรอื เขา้ ใจ ดังนนั้ ผมจงึ ออกแบบพืน้ ท่ี เพอ่ื ทจ่ี ะได้ทดลองทำ�กจิ กรรม เหลา่ นี้ โดยใชช้ ่ือคอร์สว่า The body play เพอ่ื ใหค้ นท่ีสนใจและตอ้ งการฝกึ ทกั ษะการเป็นกระบวน หรือหรือวิทยากร เข้ามาเพ่อื เรียนรู้ รูจ้ กั และทดลองทำ� โดยเป็นพน้ื ที่เปิดให้มปี ระสบการณ์ตรงกบั สิง่ ๆนนั้ โดยผมจะผสมผสานกระบวนการจิตตปัญญาศกึ ษาและกิจกรรมนันทนาการเข้าด้วยกนั ท�ำ ให้ผู้ทเี่ ขา้ มาเรยี นในคอร์สนอกจากจะไดบ้ ม่ เพราะในเรอ่ื งของทกั ษะแล้ว ยงั ไดก้ ลับมาสะทอ้ นและ เรยี นรู้เร่ืองด้านในของตวั เองอีกดว้ ย เนื้อหา 1. วิธีคิดส�ำ หรับการออกแบบกิจกรรม 2. หลักการของการเรยี นรใู้ นรปู แบบจติ ตปัญญา 3. เทคนิคการจัดกระบวนการจติ ตปัญญาและกิจกรรมนนั ทนาการรว่ มกัน 4. วิธกี ารทำ�กิจกรรมนนั ทนาการ 5. องคป์ ระกอบของการเลน่ และการร้อยเรยี งกจิ กรรม หลกั การในการเรียนรู้ 1. ทำ�ให้ดู 2. ทำ�ดว้ ยกัน 3. ให้ทำ�เอง 1 7 7อาวธุ ลับกระบวนกร

สิ่งที่จะเกดิ ขึ้นในคอรส์ อบรม TheBody play • ผู้เขา้ รว่ มจะไดห้ นังสอื อาวุธลบั กระบวนกร เป็นแผนทีใ่ นการเรียนรู้ • ผเู้ ข้าร่วมจะไดเ้ รียนหลกั การและวิธีคิดในการออกแบบกิจกรรม • การผสมผสานกระบวนการจติ ตปัญญากบั กจิ กรรมนนั ทนาการ • เทคนคิ และหลักการการเป็นกระบวนกรเบือ้ งตน้ • การไดท้ ำ�กจิ กรรมผา่ นประสบการณ์ตรง • ผูเ้ ข้าร่วมจะไดฝ้ กึ การน�ำ กจิ กรรมนนั ทนาการและได้รบั บทสะท้อนจากเพอื่ นในคอรส์ อบรม • การไดพ้ บกัลยาณมิตรท่ีสนใจท่จี ะพฒั นาเร่ืองเดียวกนั • เทคนคิ การอยหู่ น้าเวทแี บบ one man show ระยะเวลา 2-5 วัน 1 7 8 อาวธุ ลบั กระบวนกร

1 7 9อาวุธลับกระบวนกร

เขียนและเรียบเรียงโดย นเรศ เสวกิ า ภาพโดย ไพลนิ รัตน์ คลอ่ งวรภัค ตรวจสอบ พระครูสังฆภารพิสิฐ (พระอาจารยม์ าโนช) ดร. สิรนิ นั ท์ นลิ วรางกรู 1 8 0 อาวุธลับกระบวนกร

1 8 1อาวุธลับกระบวนกร

1 8 2 อาวุธลับกระบวนกร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook