95 กับความคิด ความจํา และเหตุการณท่ีไมพึงประสงคในอดีต ซํ้าแลวซ้ํา เลา วนเวียนกันไปมาไมรูจบ คลา ยกับถูกลามโซไวก ับเกาอี้รถเมล โดยมี ใครก็ไมรขู บั พาไปยงั สถานท่ีเดิม ๆ แลวไมยอมจอดใหลงจากรถตลอดกาล หากคุณไมสามารถบอกเสน ทางเดินรถใหชัดเจน แกสมองของคุณ มันก็จะแลนไปเรื่อย ๆ แบบเดาสุมไรทิศทาง ดวยอํานาจของสมองเอง หรือไมก็มีคนอื่นมาบอกเสนทางมัน ซ่ึงจะกอเหตุท่ีไมพึงประสงคตอจิตใจ อนั จะนําไปสผู ลลัพธท่ีไมพงึ ประสงคของชีวิต” นั่นหมายความวา เรามีสมองท่ีทรงประสทิ ธิภาพสูงสุดก็จริง แตเรา ตองสง่ั กดปุม มนั เหมือนทีวีกับรีโมทคอนโทล ถายังไมสงั่ กดปมุ รโี มท ทีวี ก็ยงั ไมเปด แสดงภาพ ชวี ติ ก็ตองตั้งเปาหมายใหชัดเจนวา เราตอ งการอะไร เพื่อใหจ ิตทําหนาท่ีควบคุมคอนโทล ใหชีวติ เปนไปตามทเี่ ราต้ังเปาปกธงไว ในมงคลสตู รขอที่ ๖ พระพุทธองคตรสั แนะนําวา “ใหต้ังเปาหมายชวี ิตให ตรง” หรอื “ใหตัง้ ตนไวชอบ” ดังพุทธพจนท ว่ี า “จิตของเรานหี้ ากตั้งไวผดิ ก็จะนําความเส่ือมเสยี มาใหแกต วั เอง ในทางกลับกันหากต้ังไวถูกแลว ก็จักนําความเจริญกาวหนามาใหอยาง มากมาย” ในทางจิตวิทยาจากการคนควาอยางหนักของ นโปเลียน ฮิลล ผูเขยี นหนังสืออมตะขายดีระดับโลก “The Laws Of Success” (กฎแหง ความสําเร็จ) ระบุผลการวิจัยที่ฮิลลไดสอบถามเคล็ดลับความสําเร็จของ หลังพิงตนโพธ์ิ
96 มหาเศรษฐีอันดับตน ๆ ในอเมรกิ ากวา 500 คน ซ่ึงไดสรุปออกมาเปนกฎ แหงความสําเร็จ กวาหลายขอ แตกฎขอแรกของความสาํ เร็จเหลานั้นก็คือ “การมเี ปาหมายท่ีชดั เจน” ตนแบบตง้ั เปา ประกาศศักยภาพของมนุษย ยอนกลับไปในยุคตนพุทธกาล ณ สวนลุมพินี เมื่ออดีตเจาชาย สิทธัตถะกุมาร ประสูติจากพระครรภมารดาไดครูหนึ่ง ทรงยืนไดอยาง มน่ั คงดวยพระบาทท้ังสอง แลว หันพระพักตรไ ปทางทศิ เหนอื จากนั้นทรง ดําเนินไป ๗ กาว แลว ทรงประกาศเปาปณธิ านออกมาวา “เราคือผเู ลศิ ทีส่ ดุ ในโลก เราคือผเู จริญที่สุดในโลก เราคอื ผปู ระเสริฐท่ีสดุ ในโลก ชาติน้ีเปน ชาติสดุ ทา ย บดั นีภ้ พใหมไ มมีอกี ตอ ไป” จักเห็นไดวา พระองคทรงประกาศเปาหมาย พรอมท้ังประกาศศักยภาพ ของมนุษยออกมาชัดเจน ตง้ั แตนาทแี รกทม่ี าถึงโลกใบน้ี เดล คารเนกี้ แนะนําไวบอก หยิบปากกากับกระดาษขึ้นมา แลว เขยี นลงไปวา วิธีตั้งเปาหมายตองทําแบบนี้ (ดูเพ่ิมเตมิ ในยทู ูบ พมิ พค ําวา ทาสโพธญิ าณ
97 กูเกิดมาเพ่ือชนะ...) “อันดับแรก ใหตั้งเปาหมายใหเห็นเปนภาพชัดเจน ภายใน 3 ป 5 ป หรือ 10 ป ขา งหนา คุณจะเปนอะไร?” สมคดิ ลวางกรู เลา ไวอยางชวนหัววา ธรรมชาติของการยกของน้ัน คนเรามีนํ้าหนักตัวเทาไหร เราก็จะยกของหนักไดเทานั้น สมมุติวามีเด็ก บานนอกคนหนึ่งอายุ ๑๐ ขวบ ฐานะยากจน แตเด็กคนน้ีมเี ปา หมายชวี ิต วันหน่ึงมันก็เดินเขามาท่ีรานยกน้ําหนัก(โรงยิมเพาะกาย) แลวก็ ประกาศวา “โตข้ึนหนูจะเปนนักกีฬายกน้ําหนัก หนูจะเปนนักกีฬาเขต ติดทีมชาติ หนูจะเปนแชมปโลก” แลวเปนไง? เด็กอายุสิบขวบเขามา ประกาศแบบน้ีในโรงยิม คนก็หนั มามองมันเปนตัวตลก บางคนบอก “ไอ เดก็ คนนีม้ ันบา หรือเปลา วะ ! มันเพ้ียนหรอื เปลา แหมตัวแคเน๊ยี ะ บอกจะ เปนนนู เปนน”่ี แตเด็กคนนี้ต้ังเปาหมายทุกวัน เปาหมายของเขาคืออะไร คือ หนู จะยกนาํ้ หนกั เพิ่มวนั ละ ๑ กิโลกรมั เม่ือวานยกได 40 กโิ ล วันน้ีมาถึงปุบ! ก็บอกกับทุกคนวา “วันนี้หนูจะยก 41 กิโล” พอ บอกเสร็จก็เขาไปยกนํ้าหนัก 41 กิโลกรัม ครบรอยคร้ังแลวก็วาง และก็ บอกกับทุกคนวา “หนูทําไดแลว” เสร็จแลวมันก็กลับบาน ทุกคนใน โรงยิมเห็นวา 41 กิโลเปนเรื่องธรรมดา ใคร ๆ เขาก็ยกได บางคนบอก “มันตอ งบา หรอื เพ้ยี นแน ๆ” หลังพงิ ตน โพธิ์
98 รุงเชามันก็มาใหม ทําอยางนี้ทุกวัน... กระทัง่ สป่ี ผานไป ขณะที่คน อืน่ ๆ ในโรงยมิ ยกไดเ พยี ง 47, 48, ไมเ กิน 50 กิโล แตปรากฏวาไอเด็กคน นีม้ นั ยกได 100 กโิ ล ถงึ ตรงน้คี นที่เคยดูถูกหัวเราะเยาะ หาวามนั บา ก็หัน มามองบอก “เฮย ! เกิดอะไรขน้ึ วะ ทําไมกยู กไดแ ค 47 กิโลเอง แตไอเ ด็กน้ี มันยกไดต งั้ รอยกโิ ล” ตอนนีห้ ลายคนเรมิ่ เช่ือแลววา มันพูดอะไรแลวทําได จริง!! สามปต อ มา คนอื่น ๆ ก็ยังยกไดเ พยี ง 50 กิโล แตไอเ ดก็ คนนย้ี กได 110 กิโล ติดทีมชาติ ตอนน้ีทุกคนในโรงยิมแหกันมาเปนสาวก อยากมี สวนรวมกับความสําเรจ็ ของไอเ ดก็ คนนี้ เขา มารวมเชยี รก ันเตม็ ไปหมด แลวอีกสี่ปตอมา เธอยกได 126 กิโลกรัม มากกวาคนท้ังโลก ผงาดขน้ึ ไปปก ธงอยูบนเวทีโลก ไดเหรียญทองโอลิมปก กลายเปน คนไทยท่ี เกงที่สุดในโลก ประสบความสําเร็จอยางยิ่งใหญ กลายเปนฮีโร เธอพูด อะไรคนฟง กันท้ังประเทศ ชื่อเสียงเงินทองไหลมาเทมา ร่ํารวยเปน เศรษฐี มีเงินส่ีหาสิบลานภายในพริบตา เธอคือ นองเก ประภาวดี เจริญรัต นธารากลู ไรเสน ขอบฟา ไรข ีดจาํ กดั เราทุกคนเกิดมาพรอมศกั ยภาพอนั ไรขดี จํากัด แตมันถูกโปรแกรม เอาไวใ หเช่ืออยางทคี่ นอน่ื รเู ห็น ความจรงิ ก็คือ เราเปนไดม ากกวาท่เี ราคดิ ทาสโพธญิ าณ
99 ใครเคยไปเที่ยวทะเล จะรูวาหากมองออกไปที่ทองทะเลอันเว้ิงวาง ภาพที่ ปรากฏตอสายตากค็ ือ ภาพทองฟา ตัดกับขอบน้าํ ทะเล ตาเราเหน็ อยางน้ีก็ จริง แตพอแลนเรือเขาไปดูใกล ๆ ปรากฏวาภาพท่ีเห็นน้ันไมใชความจริง ระบบประสาททางดา นการมองเหน็ ลวงเราใหเ ช่อื ไปตามภาพที่เหน็ น้ัน แต ความจริงก็คือแผนฟา กับน้ําทะเลไมเคยตดั กนั ไมมขี ีดจาํ กดั ไมมีเสน ใดมา ตัดฉากปด กั้นระหวางทองฟากบั นํา้ ทะเล ศักยภาพของเราก็ถูกลวงไวใหเช่ือในสิ่งที่ประสาทสัมผัสรับรูไดแค นั้น สิ่งสําคัญก็คือ “คุณตองกลาที่จักต้ังเปาหมาย ประกาศศักยภาพอัน ไรขดี จํากดั ออกมา” ถาวันนี้คุณยังหาเปาหมายไมเจอ ไมเปนไร แตบัณฑิต อ้ึงรังษี วาทยกรไทยคนแรก และเปนคนเดียวท่ีขึ้นไปยืนประกาศศักยภาพอยูบน เวทีโลก แนะนาํ วา “จงตามกล่ินความสขุ ของตัวเองไป” อะไรท่ีทาํ แลวเรา รกั ชอบ มคี วามสุข และมองเหน็ โอกาสท่ีซอนอยู นน่ั แหละคือเสนทางท่จี ัก นําคุณไปสคู วามสาํ เรจ็ ปก ธงตงั้ เปา ประกาศศักยภาพบนเวทีโลก หลังพงิ ตน โพธิ์
100 ๑๕ เรยี บงา ยแตทรงพลงั ในโลกที่วุนวายและเต็มไปดวยปญหา แถมมีแรงกระตุนใหตองแขงขันอยู ตลอดเวลา แมบ างคนจะไมอยากใหเ ปนเชนนั้นกต็ าม แตบางคนกลับพลวิ้ ไปในกระแสโลกได แลวผงาดขึ้นมาควาความสําเร็จเปนที่จดจํา สราง ผลลพั ธไดม ากกวา ประเดน็ ทน่ี าสนใจก็คอื พวกเขาทาํ ไดอ ยา งไร ? แนนอนวา ในภาวะท่ที ุกอยางเปลีย่ นผานรวดเรว็ ขนาดนี้ ตอใหถาม อดตี เทพแหงวงการในยุคกอน พวกทานก็จะตอบเหมือนกันวา ตอนนี้ทุก อยางมันเปล่ียนไป สูตรสําเร็จที่เคยใชไดผลในยุคกอน ใชไมไดผลแลวใน ยุคนี้ แปลวา ตอนน้ที ุกคนตองกลบั มานบั หน่งึ แลว เรียนรกู นั ใหม แนนอนวาเร่ืองนี้ยังไมมีสูตรสําเร็จ แตส่ิงหนึ่งที่พอสังเกตไดก็คือ บุคคลระดบั แถวหนาทีป่ ระสบความสาํ เร็จในแตล ะสายน้ัน เปน เพราะพวก เขาไดผลติ นวตั กรรมของตัวเองออกมา ใหม ีผลกระทบตอ คนจาํ นวนมาก ทาสโพธญิ าณ
101 นีไ่ มใชท ฤษฎี แตม นั เปนปรากฏการณทป่ี ระจักษแลววา จาํ เปน อยางยง่ิ ตอ ความสําเร็จ หากทานเปนผูหนึ่งท่ีปรารถนาความสําเร็จ นั่นแปลวา ทานตองหัน กลับมาพิจารณาดู นาทีน้ีเรากําลังทําอะไร อยูในฐานะผูผลิต หรือ ผูบริโภค เชน ถาเรารักการขับรถสปอรต ชอบดูทีวี ชอบอานหนังสือ อยางน้ีถือวาเปนผูบริโภค ไดประโยชนตนเพียงอยางเดียว และไมเกิดผล กระทบตอคนหมูมาก แตถาเราเปนผูผลิต เชน ผลิตรถยนตขาย ผลิต รายการทีวี ผลิตหนังสือ อยางน้ีถือวาเรากําลังสรางคุณคาใหกับตัวเอง เพราะมีประโยชนต อ ผอู นื่ แถมมผี ลกระทบตอ คนจํานวนมาก แตกตา ง...แตเรยี บงา ย อยา ลมื วาโลกจะยอมจายใหเรากต็ อ เมอื่ เราไดสรางคุณคาหรอื ผลิต อะไรออกมาสกั อยาง ใหมีผลกระทบตอคนจํานวนมาก เรื่องสรางนั้นเชื่อ วาใครก็ทาํ ได แคมีความรูในเรอื่ งนัน้ แตสรา งหรือผลิตออกมาใหป ง และได ตังคดวยนี่สิ แคศาสตรอยางเดียวคงไมพอ เพราะมันตองมีศิลปะเขา เกยี่ วของดวย และน่ีแหละคือกุญแจ “สตีฟ จ็อบส” อดีตซีอีโอแสนลา นผู กอต้ังบริษัท Apple เคยแนะนําเรื่องนี้ไววา “ตองแตกตาง...แตเรียบ งาย” ปรัชญาการทํางานเชน นี้ จ็อบสเปด เผยวา เขาไดรับอิทธิพลมาจาก แนวคิดแบบเซน แตเราจะไมลงลึกเรื่องเซนไปมากกวา นี้ เพราะเราจะมา โฟกัสกันท่ี “ความแตกตาง...และเรียบงา ย” หลังพงิ ตนโพธ์ิ
102 แนนอนการสรางนวัตกรรมออกมาใหแตกตาง แรก ๆ มักเจอแรง ตานที่อาจจะมาในรูปแบบคําพูดหรือการกีดกันตา ง ๆ เพราะสังคมไมคอย เปดโอกาสใหส่ิงใหมเ สนอหนา ไดงา ย แตทองแทยอมไมแ พไฟ คนจริงตอง ผานบทพิสูจนคุณคา ดังนั้นไมวาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอยาโกรธพวกเขา แตก ็ไมค วรดว นสรปุ วาสง่ิ ทเี่ ขาพูดน้ันถกู หรือผดิ เพราะคงไมม ีใครรูจริงถึง ข้ันพยากรณไดอยางแมนยําวา อนาคตมนั จะเปน อยางไร นอกจากปลอ ย ใหเ วลาเปนเครื่องตดั สิน แตท่ีแน ๆ คือ “ของดีมีคณุ คา ตอ งอยูรอดปลอดภัย ทนตอ การพิสูจน ทนตอ กาลเวลาได เพราะมันมีดเี ปน เอกลกั ษณไ มเหมือนใคร และเปนที่ยอมรบั ของมหาชนวา มนั คอื สิ่งที่คนสวนใหญจ ําเปนตองใชป ระโยชน” ตัวอยางเชน ปากกา กับ ดินสอ ไมวาโลกจะพัฒนาไปไกลเพียงใด มีระบบ เทคโนโลยีลํ้าสมัย สามารถผลิตปากกาชนดิ ตาง ๆ ออกมาไดมากมาย ไม วาจะเปน ปากกาหมึกแหง ปากกาหมึกซึม ปากกาเมจิก ปากกาเคมี แต ปากกาก็ไมสามารถดับรัศมีความสําคัญของดินสอลงได น่ันเพราะความ เรียบงาย ราคาถูก และใชไดในทุกสถานการณ ทาํ ใหปากกาไมอาจเบียด ดนิ สอใหตกขอบความจาํ เปนตอ งใชลงไปได ทาสโพธิญาณ
103 ดนิ สอบนยานอวกาศ มีเรื่องเลาขําขันจากคุณประภาส ชลศรานนท นักคิดนักเขียนแถว หนาของไทย เลา ไวอยา งคมคายชวนอา นวา... มนุษยบนยานอวกาศ ขณะท่ีลอยอยนู อกโลกน้ัน เวลาจะเขียนจะ จดอะไรกนั ที กต็ องใชปากกาหมกึ แหง ปากกาหมกึ ซมึ แตทนี ้พี อขน้ึ ไปอยู ในสภาพไรแรงดึงดูด เวลาเขียนทีหมึกกระจายลอยละลองไปทั่วยาน ไม สะดวกดวยประการท้งั ปวง ก็เลยมกี ารคิดคน ปากกาหรือเครื่องมอื ช้ินน้ขี ้ึน ไดมีการเสนอส่ิงประดิษฐนขี้ ึ้นมากันใหญ บางคนเสนอใหใชหมึกที่ มีสารผสมของเหล็ก เพ่ือเขียนบนกระดาษผสมแมเ หล็ก บางคนเสนอการ ใชปากกาท่ีตองมีแบตเตอร่ี และเขียนดวยเลเซอร บนกระดาษที่คลาย ๆ แผนฟล ม รบั แสง เสนอกันไปตาง ๆ นานา องคการนาซาเองก็ตองคอยพิจารณา หลาย ๆ ทางเลือก เพราะบางช้ินแกปญ หาเรื่องสภาวะไรแรงดึงดูดได แต นํ้าหนักมากเกินไปที่จะเปนเคร่ืองเขียน บางช้ินแกปญหาไดหมดและมี นาํ้ หนกั เบา แตร าคาหนกั เกินไปเสียอีก แกกันอยหู ลายเดือน วนั ดีคืนดีก็มโี ทรศัพทจากแมบานคนหนง่ึ โทร เขา มาทีน่ าซา และแลวปญ หาทง้ั หมดก็ถูกคลค่ี ลายลงดวยคําแนะนําท่แี สน เรียบงายจากแมบ า นทา นน้ัน เธอพดู ผา นสาย โทรศพั ทบ อก “ทาํ ไมไมลองดนิ สอดูบางละ คะ” หลงั พิงตน โพธ์ิ
104 แลวเสียงหัวเราะก็ดังล่ันไปทัว่ จักรวาล ชางงายดายและงดงามจริง ๆ เรื่อง น้สี อนใหร ูวา บางทีเร่อื งกลวย ๆ ทค่ี นมองขา มนแ่ี หละมีประสิทธภิ าพสงู สดุ ใชไ ดผล ราคาถูก แถมแกปญ หาไดจริง ดีกวา ทฤษฎียงุ เหยิงท่ีเรยี นกันอยู ในรว้ั มหาวทิ ยาลัย นอกจากความแตกตางและเรียบงายแลว กุญแจตอมาก็คือ แจ็ค หมา อดีตผูกอต้ังอาลีบาบากรุป ซึง่ ประสบความสําเรจ็ อยา งสงู ในโลกธุรกิจ ออนไลน เขาไดเปดเผยวา จากการท่ีเขาตองเดินทางไปบรรยายท่ัวโลก ทําใหเขาไดพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจช้ันนําเหลานั้นมากมาย แจ็ค หมา พบวา “ธุรกิจท่ีจะประสบความสําเรจ็ ไดน ั้นมันตองแกป ญ หาไดจริง” ภมู ิปญญาเหนือกาลสมัย แปลวา การทําธุรกิจก็คือการแกปญหาใหกับผูคนนั่นเอง ใคร แกปญหาไดจริง เด๋ียวเงินทองมันก็ตามมาเอง ถาปญหามาปญญามี เพราะฉะน้ันโปรดอยามองขามภูมิปญ ญาจากบรรพชน หรือภมู ิปญญาของ ปราชญชาวบานท่ีเรียบงาย แตใชไดจริงโดยเฉพาะจอมปราชญอยาง พระพทุ ธเจา ในสังขารปู ปต ติสูตร พระพทุ ธองคตรัสวา “ขอ ปฏบิ ัติใหสําเร็จความปรารถนา 5 ประการ คอื 1. เปน ผูมศี รทั ธา 2. เปน ผูมศี ลี 3. เปนผูมีสุตะ คือไดส ดับตรบั ฟงมาก ทาสโพธิญาณ
105 4. เปน ผูม จี าคะ คือเสียสละแบงปน 5. เปนผมู ีปญ ญา” จะไมถามวา ทา นเชื่อพระพทุ ธองคหรือไมวา คุณธรรมทงั้ ๕ ขอนี้ชวยใหผู ปฏิบัติมีชีวิตสมปรารถนาไดจริง แตจ ะถามวาทา นเชอื่ หรอื กับรอยปากกา เมจิกบนกระดานไวทบอรด ที่เขียนทฤษฎีเศรษฐศาสตรสวยหรู ซง่ึ สอนกัน อยูในช้ันเรียน จะชวยใหทานมีชีวิตประสบความสําเร็จรํ่ารวยเปนเศรษฐี หรอื สามารถแกป ญ หาความยากจนระดับชาติไดจริง ลองนึกถึงความจริงที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ขณะท่ีนิสิตสวนใหญใน มหาวิทยาลัย ยังกมหนากมตาร่ําเรียนกันอยางคร่ําเครง นอกร้ัว มหาวทิ ยาลัยกย็ ังมคี นอดอยากแรนแคน ลาํ บากยากจน ยาจกขอทาน คน จรเรรอนไรท่ีอยูอาศัย มีใหเห็นดาษดื่นเกือบทุกมุมโลก ท้ังท่ีมีผูพยายาม คิดคนทฤษฎีเหลานอ้ี อกมามากมายเพยี งใดก็ตาม แตความยากจนก็ไมเคย หมดไปจากโลกไดจริง จากคําบอกเลาของมหาเศรษฐีชั้นนําระดับโลก สวนใหญเปด เผยวา “การขายเปนเรื่องงา ย ๆ ที่ไมจาํ เปน ตองคดิ ดวยทฤษฎี และตวั เลขยงุ ยากซับซอน” วอรเรน บัฟเฟตต อภิมหาเศรษฐีอันดับตน ๆ ของโลกยืนยันวา ความจริงแลวการรํ่ารวยเปนเศรษฐีของเขานั้น ไมไดเกี่ยวของกับวิชา คณติ ศาสตรชน้ั สูงแตอยา งใด หลงั พงิ ตน โพธิ์
106 ขณะทีร่ ะบบการศึกษาบา นเรา กาํ ลังสอนอะไรท่มี ันยุงยากซบั ซอน แตใชไมไดผล เหมือนกับท่ีนาซาเคยระดมสมองนักคิดมาประดิษฐปากกา ทําไมเราไมทําอะไรงาย ๆ ดวยการลดช่ัวโมงการเรียนทฤษฎีอันยุงยาก ซบั ซอ น แลว ปลอยใหเ ดก็ ๆ ไดมีโอกาสไปอยูใกลช ดิ กบั คนเกง ๆ ทป่ี ระสบ ความสาํ เรจ็ เพอื่ ใหพ วกเขาไดมีโอกาสจับจอ ง เฝามอง สังเกต อยาลืมวาการสังเกตก็เปนการเรียนรอู ีกวิธีหน่ึง ซึ่งเราเคยใชกันมา กอนต้ังแตตอนเปนเด็ก ตอนเด็กเราเคยพูดไมได เดินไมได แตเพราะการ เรียนรูดวยวิธีสังเกต แลวพยายามเลียนแบบทําซํ้าพฤติกรรมของผูใหญ กระท่ังในทีส่ ุดเราก็พูดได กินได เดินได ไดแมก ระทัง่ ข่ีจกั รยาน ท้ังนเ้ี ปน เพราะสมองมีวิวัฒนาการมาเปน ลา น ๆ ป เพ่ือใหจดจําเปนภาพไดงายกวา แนวคิดทฤษฎีท่ยี ุงยากซับซอนวธิ ีเรียนรูจากการสงั เกต เปนวิธีท่ีเรยี บงา ย แตใชไดผลและทรงพลัง ไมตางจากเรื่องทแ่ี มบานโทรมาบอกนาซาวาให ใช “ดินสอ” นั่นแหละ อยากใหตระหนักวา การเรียนทฤษฎีเปนเพียงศาสตร แตคนท่ี ประสบความสําเร็จนั้น เขาตองมีท้ังศาสตรและศิลป คือตองมีความรู มี ทกั ษะจากการลงมือทํา ตองสะสมประสบการณมาอยา งยาวนาน กระท่ัง สามารถหลอมรวมศาสตรและศิลปเขาดวยกันเปนหน่ึงเดียวได แลวผลิต นวัตกรรมหรือสรางสรรคผลงานออกมา ไดแตกตาง...แตเรียบงาย คือ ใชงายไมยุงยากซับซอน ท่ีสําคัญคือมันเปนสิ่งที่ชวยแกปญหาใหกับ ผคู นไดจรงิ ทาสโพธิญาณ
107 ๑๖ นกั ดับเพลงิ & นักดับฝน โลกน้มี ีคนอยูสองประเภทเทาน้ันท่ีมอี ิทธิพลตอชวี ิตของเรา หน่ึงพวกทีใ่ ห กําลังใจยืนอยูขางเรา คอยเชยี รผลักดันใหเรากาวขามอุปสรรคไปได สอง พวกทข่ี ยันหาเหตุผลรอยแปดมาทําใหเราหมดกําลังใจแลว ลม เลิกความฝน ไปในทสี่ ุด แนนอนถาเลือกหรือเลี่ยงไดทุกคนก็อยากจะพบแตคนประเภท ท่ีหนึ่ง แตในความจริงแลวไมวาจะอยูในท่ีทํางาน ที่บาน บนรถ ราน กาแฟ ในหาง หองประชุม หรือแมแ ตในทีวี เราก็ตองพบเจอคนประเภท ที่สองอยดู ี แมเ ราจะไมอยากใหเ ปนเชน นั้นกต็ าม ประเด็นก็คือ ผลลัพธท่ีเขาแสดงออกมามันจะไมอาจมีอิทธิพลกับ ชีวิตของเราไดเลย หากเราไมใหความสําคัญ ไมเก็บเอามาคิด หรือไปทํา ตามคําท่ีเขาพนออกมา โลกน้ีเต็มไปดวยพลังงานท่ีส่ันสะเทือนอยู ตลอดเวลา มีทั้งพลงั งานบวกและพลังงานลบ จติ ของเราก็เปนพลงั งานอีก ชนิดหน่งึ ทรี่ ับและซึมซับไดท ้ังพลังงานบวกและพลังงานลบ ถา คําพูดบวก หลังพงิ ตน โพธ์ิ
108 ชวยยกระดับจิตใจเราใหชุมช่ืนเบิกบานได ก็แลวทําไมคําพูดลบมันจะกด ขม บบี อัดจิตใจเราใหตกต่าํ ไมไ ด ทางพทุ ธศาสนาเช่ือวา “จติ เปนนาย กายเปนบาว” ความคิดเปน เร่อื งของจิต สมองเปน เรอ่ื งของกาย แตท ้ังจิตและสมองตองทํางานรว มกนั อยา งกลมกลืน ส่งิ ใดท่ีมีผลกระทบตอ จิตใจ มนั กส็ ง ผลไปถงึ สมองดว ย ไขความลบั สมอง นักประสาทวิทยาในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไดศึกษาวิจยั มาหลาย ปเพ่อื จะไปคน ดพู ฤติกรรมของมนุษยวา ทําไมบางคนลมเหลวซํา้ ๆ บางคน ประสบความสําเร็จซ้ํา ๆ ทําไมนักกีฬาบางคนชนะตลอด แตบางคนก็ควา น้ําเหลวอยูอยางน้ัน หรือบางคนคาขายเจงแลวเจงอีก ทําแลวไมสําเร็จ ขาดทุนยอ ยยับ มันเกดิ อะไรขึ้น มคี วามลับท่ีนักประสาทวิทยาเขาไปไขดูในสมองมนุษย ก็พบวาใน สมองของมนุษยมีสิ่งหน่ึงท่ีเรียกวา “นิวรอน” ลักษณะเหมือนโครงขายใย แมงมุม มีแขนขาเปน รากเหมือนตนไม แขนขาน้เี รยี กวา “แอกซอน” อยู ในสมองมนษุ ยเปน ลา น ๆ เซลล และนิวรอนทยี่ ดื ออกมาเน๊ียะ มันเชอ่ื มตอ กนั ดวยการติดประจุไฟฟา เวลาสมองคิด เครียด ดีใจ เสียใจ ไดย ิน ได ฟงอะไรก็แลวแตไมวาจะเปนเรื่องบวกหรือลบ มันก็จะสงกระแสไฟฟา ออกไปเชื่อมตอระหวางเซลลตอเซลลในสมอง สงกันไปสงกันมา หาก ความคิดเปนบวก นิวรอนบวกก็จะยืดออกมาจับกัน แตถาความคิด ความรสู ึกเปนลบ นิวรอนฝายลบมันก็จะยืดออกไปจับกัน นานเขานวิ รอน ทาสโพธิญาณ
109 กใ็ หญขึน้ จบั กันเปน โครงขายแข็งแรง บนั ดาลใหเกดิ พฤติกรรมทาํ ซ้ําทีแ่ ต ละคนแสดงออกมา และน่ีก็คือเหตุผลทําใหค นที่คิดบวกประสบความสาํ เร็จมีชีวิตเปยม ลน ไปดวยพลัง ขณะท่ีคนคิดลบลม เหลวซอนตัวอยูในมุมมืดถอดใจยอมแพ ชีวติ ไรเ รีย่ วแรงขาดพลัง ดังนั้นคําพูดหรือการแสดงออกจากคนรอบขางจึงมีอิทธิพลตอชีวิต เพราะมันสงผลตอระบบความคิดในสมองของเราโดยตรงนั่นเอง ลองนึก ภาพนักกีฬาท่ีแขงอยูในสนาม กองเชียรมีผลตอระดับความฮึกเหิมของ นักกีฬา ถาเสียงเชียรมีผลตอจิตใจของนักกีฬา เสียงตําหนิติเตียน วิพากษว ิจารณตัดสิน ก็ยอ มสงผลตอความรสู ึกของมนษุ ยปุถุชนอยา งเราได เชนกัน พระพุทธองคทรงเห็นความสาํ คญั ของคาํ พูด พระองคจงึ แนะนาํ ให เราเลอื กใชค ําพดู ทด่ี ี มีความจรงิ เปนถอ ยคาํ ท่อี อ นหวาน ใหกาํ ลังใจ ช่ืน ชมยินดตี อ กนั คําพูดแบบนี้เปนบุญกุศล จดั อยใู นบุญกริ ิยาวตั ถสุ บิ ประการ ทา นเรยี กวา “ปตตานโุ มทนามัย” พลังแหง ถอ ยคาํ ดังน้ันอยาประเมินพลังแหงคําพูดไวต่ํา ในกรณีที่เราตองเปนฝาย พูด เพราะคําพดู มันมีพลานุภาพสรางชาติสรางบริษทั ได ในหนงั สือ Think & Grow Rich ผเู ขียนกลาวถึงวธิ ีท่ีชวยให ชารล ชะวอบ ผูบริหารระดับสูง ของบริษัทผลติ เหล็กกลา ในตลาดยักษใหญอยา งอเมริกาประสบความสําเร็จ หลงั พงิ ตน โพธิ์
110 ชะวอบไดเปดเผยเคล็ดลับนั้นวา “สิ่งสําคัญที่ชวยใหผมประสบ ความสําเร็จในฐานะผูบริหาร ท่ีตองคอยกระตุนเตือนใหพนักงาน เหลา น้นั ขยนั หม่นั เพียรอยางท่ีสุดคอื การยกยองชมเชย และใหกาํ ลงั ใจ พวกเขา” ประเด็นก็คือ จงพูดแตคําที่ดี เปนถอยคําท่ีสรางสรรค จรรโลงใจ ใหกับผูทีอ่ ยตู รงหนาเรา พดู บอย ๆ ยํ้าบอย ๆ ใหกําลังใจชื่นชมเขาบอย ๆ กับสิ่งทเี่ ราอยากใหเขาเปน ไมน านพฤติกรรมเดมิ ๆ ของเขาก็จะเปลี่ยนไป ยกตัวอยางในระดับครอบครัว “พอเช่ือลูกตองทําไดแน” “แมภูมิใจในตัว ลกู จริง ๆ” เปน ตน นีเ่ ปนกรณที ่พี อแมควรพูดกับลูกบอย ๆ แตใ นบางคร้งั บางสถานการณ หากนึกไมออกวาจะใชคําพูดอยางไร ใหเปนที่ชื่นชอบ การปดปากเงียบ ไมพดู วา กลาวอะไรออกไปก็เปนเรื่องทด่ี ีเหมือนกัน เชน ทีอ่ บั ราฮัม ลินคอลน อดีตประธานาธิบดสี หรฐั อเมรกิ า ใชเปนคติประจาํ ใจ ในชวงทาํ สงครามกลางเมือง ตอนน้ันลินคอลนตองเปลี่ยนแมทัพคนแลวคนเลา เพราะแมทัพ เหลานี้ลวนปฏิบัติหนาท่ีบกพรองทําใหเกิดความเสยี หายรายแรงตอกองทพั ความเสียหายน้ีทําใหลินคอลนถึงกับตองเดินวนเวียนไปมาบนพ้ืนหองดวย ความส้ินหวัง ประชาชนกวาครึ่งประเทศตางตําหนิแมทัพเหลานั้นอยาง ฉุนเฉียว แตลินคอลนกลับเลือกรักษาอารมณของเขาใหอยูในอาการเงียบ สงบ ตามคติประจําใจของเขาคือ “อยาตัดสินผูอื่น หากไมตองการให ผูอ ื่นตัดสินเรา” คตินี้สอดคลองกับที่หลวงปูทวดเหยียบนา้ํ ทะเลจืดแหง วัด ชา งไหส อนไว ทาสโพธิญาณ
111 “พูดมาก เสยี มาก พดู นอย เสียนอ ย ไมพ ูด ไมเ สยี นิ่งเสีย โพธิสตั ว” หกู ระทะจบั ใสกระโถน ในทางกลับกัน หากในกรณีท่ีเราตกอยูในฐานะผูฟง แลวตองฟง ถอยคําที่ทําลายพลงั งานสวนตัวอันดีงามสรา งสรรค ในกรณีนี้ถาหลกี เล่ียง ไมได ทางพระทานแนะนําวา “ใหท ําเปน หทู วนลม” คอื ฟง ก็สกั แตว า ฟง ฟงแลวไมตองเก็บมาใสใจ หรือไปตอปากตอคํา ทําเปนเหมือนหูกระทะ เพราะไมง้ันพลังงานลบน้ีมันจะไปหักลางพลังงานอนั บริสุทธ์ิภายในจิตใจเรา ดวยคาํ พดู ตาํ หนติ เิ ตียนอยา งประสงครา ย กุญแจก็คือ ตองแยกแยะใหไ ดวา เขาติเพื่อกอ หรือติเพื่อทําลาย ถาติดเพ่ือกอนั้นดี เพราะเปนเสมือนกระจกชวยสะทอนวิธีแกไขปรับปรุง ตัวเองใหกับเรา แตถาติเพื่อทําลายอันน้ีแหละคือประเด็นท่ีควรทําเปนหู ทวนลม หรือไมก็ใหจินตนาการวา สิ่งที่เขาพูดอยูนั้นมันไดรวงหลนลงใน กระโถนใบเขื่อง ท่ีเราเนรมิตขึ้นมาวางอยูท่ีพื้นตรงหนา “ติเพ่ือกอ” กับ “ติเพอ่ื ทําลาย” ก็เหมอื นกับ “นกั ดับเพลิง” กับ “นกั ดับฝน” สองคนนี้ทาํ หนา ทต่ี างกนั นักดับเพลิงเขาจะไปทันที เม่ือมคี นโทรแจง วา เกิดเพลงิ ไหมข้ึนท่ี ใด เขาจะทาํ ทุกวิถีทางเพื่อทจ่ี ะดับเพลิง ซ่ึงกําลังลุกไหมอยูนนั้ ไมใหมัน หลงั พงิ ตน โพธ์ิ
112 ลกุ ลามใหญโต แตนักดับฝนจะไมท ําเชนน้ัน เพราะเขาจะขยันหาถอยคํา มาพูดทุกอยาง เพื่อที่จะเตะตัดขา ไมใหคนท่มี ีความฝนบรรลุถึงเปาหมาย ไดงาย น่ันแหละคืองานถนัดของเขา นักดบั ฝน เขาจะเกงในเรอื่ งจับผดิ ดวย ถอยคําสารพดั ตาง ๆ นานา ตอใหสงิ่ นั้นจะดีเลิศเพียงใด พวกเขาก็จะขุด คุยหาคาํ ขนึ้ มาตาํ หนติ เิ ตยี นได กาลคร้ังนานมาแลว มีชายคนหน่ึง ชาวบานตางพากันเรียกวานาย ชาง แตการเปนชางของแกเน๊ียะ ไมใชชางไม ชางปูน หรือชางยนตนะ แกเปนคนชางติ ตไิ ดสารพัด ไมวาสิ่งน้ันจะดีเลศิ ประเสริฐศรีปานใด แกก็ ยังขุดคุย หาขอ ตําหนิมาติเตยี นได เออเอากบั แกส.ิ .. อยูมาวันหนึ่ง นายชางติก็ไปนอนเลนอยูใตตนมะมวง มองข้ึนไปก็ เห็นลูกมะมวงเต็มตนไปหมด แลวแกก็นึกตําหนิพระเจาข้ึนมาวา “โธเอย! ....พระเจา นีช่ างโงเ ขลาซะจริง ๆ สรางอะไรขึ้นมาไมเ ห็นมันจะสมดุลกันเลย ดูสมิ ะมวงตนออกใหญโต กลับสรางใหมีลูกเล็ก ๆ สวนแตงโมนะ ตนมัน เล็กนิดเดียวกลบั สรางซะใหลกู ใหญโตอยางกับบาตรพระ น่ีถาขาเปนพระ เจานะ ขาจะสรา งใหม ะมวงมลี กู ใหญโต แลว ใหแ ตงโมมลี กู เล็ก ๆ มนั จะได สมดลุ กนั ” ขณะน้ันก็มีลมพัดมาวูบหน่ึง ทนั ใดน้ันลูกมะมว งที่หอยตองแตงอยู บนตน กห็ ลนตุบลงมาทีห่ นาผากของนายชา งตพิ อดเี ปะ ! เทานน้ั แหละดาว ขึ้นระยิบระยบั เลย หนาผากแกบวมปดู อยา งกะลูกมะนาว ชางติเอามอื กุม หนา ผากรอ งโอดโอยบอก... ทาสโพธญิ าณ
113 “โอย!...ดีนะท่พี ระเจาโง หากพระเจาฉลาดอยางทข่ี าคิด ปานน้ีหัว ขา คงแหลกไปแลว ดวยลกู มะมว งใบโตเทาบาตร ซดี ..อูย!!” นิทานเร่ืองนี้สะทอนวา คนชางติ พวกนักดับฝน คนพวกน้ีเขาจะ เปนนักจับผิดโดยธรรมชาติ ตอใหเ ราทําดีแคไหน ในสายตาของนักดับฝน เขาก็จะสรรหาถอยคาํ มาตเิ ตียนได ดังนั้นสาํ หรับคนพวกนี้ เราแคท ําเปน หู ทวนลม ไมรูไมชี้ หรือไมก็จินตนาการสิ่งที่เขาพูดมามันไดหลนรวงลงใน กระโถน กจ็ บ!! ประเด็นสําคัญคือ เราตองไมกลายพันธุเปนนักจับผิดไปเสียเอง เหมอื นที่ทา น ว.วชิรเมธกี ลาววา “อยาเปนนักจบั ผิด คนท่คี อยจบั ผดิ คนอ่นื แสดงวา หลงตัวเองวาเปนคนดีกวาคนอ่ืน ไมเห็นขอบกพรองของตนเอง กิเลสฟทู วมหัวยังไมรูตัวอีก คนที่ชอบจับผิดจิตใจจะหมนหมองไมมโี อกาส จิตประภัสสร ฉะน้ันจงมองคน มองโลกในแงดี แมในสิ่งที่เปนทุกข ถา มองเปน ก็เปน สขุ ” พระพุทธองคตรัสสรรเสริญให การใชคําพูดที่ดีมีประโยชน สรางสรรค บรรจุเปนหนึ่งอยูในอริยมรรคมีองคแปด ท่ีพระองคเรียกวา “สมั มาวาจา แปลวา การเจรจาชอบ” จําไวว า ... “เสยี งเชยี รจ ากขา งสนามกีฬา มผี ลกระทบตอ จิตใจของนกั กฬี า ฉนั ใด คําขอบคุณช่นื ชมอนโุ มทนาสาธุ ก็มผี ลตอ จิตใจ ของนกั ธรรมท่มี ุงมั่นทําความดอี ยใู นสนามชวี ิต ฉันน้ัน” หลังพิงตน โพธิ์
114 อนึ่ง ถากองเชียรไมรูวาจะรองเพลงเชียรอยางไร ใหนักกีฬาเกิดความฮึก เหิม การนิ่งเงียบไวย ังจะดีเสียกวา โหรองขับไลนักกีฬาที่เลนผิดพลาดให ออกไปจากสนาม(ชีวิต) ฉะนั้นจงเปลี่ยนเสียงโหใหเปนเสียงเชียร ท่ีดัง กึกกองออกมาจากใจ ไมนานหรอกเดี๋ยวนักกีฬาคนใหมที่พรอมจะควาชัย จกั ปรากฏขึ้นพรอมกับโครงขายนิวรอนบวก ในสมองแหงพทุ ธะของเขาได เอง ทาสโพธิญาณ
115 ๑๗ เดอะคีย ติดอาวธุ ทางปญ ญา ในฐานะท่ีเกิดมาเปนมนุษย ทามกลางสังคมอันแตกตางเต็มไปดวยผูคน มากมาย ท้ังคนจนคนรวย คนแพคนชนะ คนมีอํานาจคนขาดพลัง คน สาํ เร็จคนลม เหลว เคยสงสัยไหมวา อะไรคือตัวแปรทาํ ใหผูคนตางกนั เชน นี้ ทําไมบางคนจึงสามารถผลิตผลลัพธอนั ยอดเยยี่ มของชวี ิตออกมาได ขณะท่ี บางคนแคเอาตัวรอดไปวัน ๆ เทาน้ัน ทําไมเราจึงไมมีชีวิตที่เปยมไปดวย พลงั อํานาจ มีความสุข มีฐานะ แข็งแรง และประสบความสําเร็จดวยกัน ทกุ คน ประเดน็ ก็คือ กุญแจท่จี ะไขคําตอบเหลานี้มันคอื อะไร และใครคือผู คคู วรจะใหค ําตอบเหลา น้อี ยางแทจรงิ หลงั พงิ ตน โพธ์ิ
116 จุดเรมิ่ ตนแหง พลังอํานาจ กอนทจี่ ะไปถึงสิบคือสงจรวดขึน้ สูดวงดาว เรามาเร่มิ ที่หนึ่งกนั กอน คือในยุคท่ีมนุษยยังไมมีอารยธรรมอะไรเลย เพ่ือปูพ้ืนใหเห็นภาพการ เคลอ่ื นไหวของคาํ ตอบจากเดอะคยี ในยุคโบราณพลังอาํ นาจเกดิ จากการใช รางกายเทาน้ัน ใครท่ีแข็งแกรงสุดเร็วสุดจะมีพลังอํานาจในการกําหนด ทิศทางชีวติ ของตัวเองและผูอ่นื เม่อื อารยธรรมวิวัฒนาการขึ้น พลงั อํานาจ มาจากการสืบทอดเปนมรดก กษัตริยซ่ึงมีตราสัญลักษณแหงราชวงศ ปกครองดวยอํานาจอยางเต็มที่ ตอมาในยุคอุตสาหกรรม ทุนกลายเปน อํานาจ ใครท่ีมีทุนหนาก็สามารถแผอิทธิพลออกมาครอบงําระบบการผลิต ได ปจ จบุ ันน้ีขุมพลงั อํานาจเปลี่ยนมาเปน ความรู ใช!...ความรทู ี่เจาะลึกใน ดา นใดดานหน่งึ โดยเฉพาะ เงินคือสิ่งที่ใหเชื้อเพลิงกับสังคมยุคอตุ สาหกรรม แตในสงั คมขอมูล ขาวสารเชนนี้ ความรูคือเช้ือเพลิงของพลังอํานาจ ตามกฎของธรรมชาติ สตั วทุกสปชี่สยอมมีอํานาจในการปกปอ งสายพนั ธขุ องมัน เชน งูมันตองมี พิษ ปลาไหลกต็ องมีเมือก เชนเดยี วกบั มนุษย ทหารตํารวจก็มปี น เปนอาวุธ เศรษฐีมเี งินเปนอาวธุ นักเขยี นมีปากกาเปน อาวธุ แมแตลกู เสอื ก็มีไมพลอง เปนอาวุธเชนกัน จะเห็นไดวาการมีอาวุธมันคืออํานาจ ถาเชนน้ัน“ไม พลอง” ก็คือ “อํานาจของลูกเสือ” เชนเดียวกับทหารตํารวจมีปนเปน อํานาจ สวนเศรษฐีมีเงินเปนอํานาจ น่ันก็แสดงวา “อํานาจ” มิใชสิทธ์ิ ผกู ขาดตายตัว ขึน้ อยูกบั วาเราเปน ใคร กาํ ลงั ทาํ หนา ที่อะไรตางหาก ทาสโพธญิ าณ
117 สรุปกค็ ือ นบั ต้ังแตสากกะเบอื ยันเรือรบ อะไรที่เปนอาวุธก็สามารถ บนั ดาลใหเ กิดอาํ นาจขนึ้ มาไดทั้งนน้ั เชน สากกะเบือเมื่ออยูในมอื แมคา สมตํา ก็คืออาวธุ ของแมคา สม ตาํ เปน อาํ นาจในเร่อื งความอรอย เรอื รบ เมอ่ื มาอยูในครอบครองทหารก็คอื อาวธุ ของทหารเรือ เปน อาํ นาจ แสนยานภุ าพของกองทัพเรือ เร่ืองแปลกแตจริงก็คือ หลายคนตองการอํานาจ แตแทนที่ตัวเอง จะข้ึนไปเปนผูกุมอํานาจ กลับกลายเปนทาสตกเปนเบ้ียลางใหอํานาจ หลอกใชซ ะงั้น! บางคนเปนเอามากถึงขนาดวง่ิ ไลตะครบุ ฟาดฟนคราชีวติ เบียดเบียนผูอน่ื เพียงเพอื่ แยง ชิงใหไดมาซึ่งอํานาจ โดยหารูไ มว า “อาํ นาจ ที่ยง่ิ ใหญมาพรอมกับความรับผิดชอบที่ใหญย ่ิง” เหมือนประโยคอมตะที่ “ไอแ มงมุม” ซูเปอรฮีโรแ หงฮอลลีวดู กลา วไว ตดิ อาวธุ ทางปญญา เพราะฉะน้ันกอนท่จี ะมีอํานาจ ก็ตองรูจักวิธตี ิดอาวุธ สะสมอาวุธ เตรียมอาวุธ ลับคมอาวุธใหพรอมกอน เชนเศรษฐีเม่ือทําธุรกิจประสบ ความสําเรจ็ มีเงิน นั่นเทากับวาเขาไดติดอาวุธประจาํ กายใหกับตัวเองแลว ตํารวจทหารสอบผานไดรับการบรรจุใหทําหนาท่ีพกปน คอยคุมครอง ประเทศชาติ นั่นเทากับวาพวกเขาเหลาน้ันไดติดอาวุธเปนผูรักษาความ สงบ หรือเปนร้ัวของชาตเิ รียบรอยแลว หลงั พงิ ตนโพธิ์
118 “ปญญา” เปนอาวุธช้ินสําคัญอันทรงพลังสุด ท่ีเราทุกคนตอง ชวยกนั ติดใหกับตัวเอง สังคม และประเทศชาติ อยาลมื วา ต้งั แตม นษุ ยคิด ตัวอักษรข้ึนมาได โลกก็เจริญกาวหนาไปอยางรวดเร็ว เพราะสามารถ บันทึกองคความรู สงตอภูมิปญญา ถายทอดเร่ืองราววัฒนธรรมไวเปน ตัวหนังสือ ใหแ กอนุชนชั้นหลงั ไดใชศึกษา ทําใหการคนหาความรูไมตอง กลับไปตั้งตนใหม เพียงแคศึกษาตอจากคนรุนกอนท่ีไดบันทกึ ไว เชน กา ลิเลโอ นกั ดาราศาสตรค นสําคัญของโลก ไดคนพบวา “โลกเดนิ ทางรอบดวง อาทิตย” เขาไดบันทึกความรูเกี่ยวกับดวงดาวและจักรวาล เพื่อใหคนรุน หลังสามารถคนควาตอไปไดสะดวก ถาไมมีตัวหนังสือบันทึกไว นักดารา ศาสตรรุนหลังคงตองเสียเวลากลับไปต้ังตนคนควากันใหมรํ่าไป นับวา ตัวอักษรไดยน เวลาการคนควาลงไปไดมากทเี ดียว และที่ยิ่งกวานั้นทําใหเราทราบวา พระพุทธเจามีความคิดเห็น เกี่ยวกับชีวิตอยา งไร แมพระองคจะปรินพิ พานไปแลว กวา 2,600 ปก็ตาม น่ันเพราะประโยชนของตัวอักษรที่บันทึกหลักธรรมคําสอนไว เหมือนชวย ใหคนท่ีตายไปแลวสองสามพันปม าเติมภูมิปญ ญาความรูใหกับเราได ดังท่ี พระพุทธองคตรัสไวในพระไตรปฎก เร่ือง เคร่ืองปองกันนคร 7 ประการ และหนง่ึ ในเจด็ อุบายวิธนี นั้ มีใจความดังน้ี “เคร่อื งปองกันนครอกี ประการหนงึ่ คอื ในนครของพระราชานั้น มี การสะสมอาวุธไวมาก ทั้งที่เปนอาวธุ ปลายแหลม และอาวุธมีคม น้ีเปน ทาสโพธิญาณ
119 เคร่ืองปองกันประการท่ีส่ี สําหรับคุมภัยปองกันอันตรายท้ังภายในและ ภายนอกนคร ฉนั ใด อริยสาวกผเู ปนพหูสูต ก็ฉันน้ัน เพราะความเปนผูทรงสุตะ สั่งสมสุ ตะ คือ การไดสดับตรับฟงมาก ทรงจําไว คลองปาก ข้ึนใจ แทงตลอด ดวยดีจากทิฏฐิ ซ่ึงธรรมทงั้ หลายอันงามในเบ้ืองตน งามในทามกลาง งาม ในท่ีสุด ประกาศพรหมจรรยพรอมทั้งอรรถ พรอมทั้งพยัญชนะ บริสุทธ์ิ บริบูรณสิ้นเชิง ครั้นเมื่ออริยสาวกเปนพหูสูตรไดสดับตรับฟงมากอยางน้ี เธอยอมละกรรมอนั มโี ทษ กระทําตนใหบรสิ ุทธ์ิได ฉะนน้ั ” “นคร” แปลวา “เมือง” ขณะที่เมืองไทยกําลังตกอยูทามกลาง กระแสโลกโซเชียลเน็ตเวิรค ที่กระหนํ่าถาโถมเขามาไมย้ัง ยุคของขอมูล ขาวสารเปด ฉากเร่ิมตน ขน้ึ แลว ดังน้นั ผูเสพสอ่ื และผูผลิตส่ือก็ควรวเิ คราะห ขอมูลขาวสารใหดี เพราะไมเชนนั้น การแสวงหาความรู การใหความรู หรือการติดอาวุธทางปญญาใหกับคนในชาติ อาจกลายเปนวา “ยื่นดาบให คตู อ ส”ู ไปซะ ง้ัน!! เดอะคยี คอื ‘ปญญา’ กุญแจก็คอื ปญ ญา มอี ยู ๓ ระดับ ๑. สุตมยปญญา ปญ ญาจากการ ดูอานฟง ๒. จินตามยปญญา ปญญาจากการคิดวิเคราะหตอยอด สรางสรรค ๓. ภาวนามยปญญา ปญญาจากการปฏิบัติสมาธิเจริญสติ หลังพงิ ตนโพธ์ิ
120 ภาวนา คลังแสงแหงอาวธุ ทางปญญาทั้งสามระดับนี้ หากติดใหคนในชาติ ของเราไดพรอมสรรพ อยา วาแตความสําเรจ็ อันย่ิงใหญทรงพลังระดับโลก เลย แมระดับนอกโลกชนชาติของเราก็ทําได เหมือนทด่ี ร.อาจอง ชุมสาย ณ อยธุ ยา เคยทาํ สําเรจ็ มาแลวบนดาวอังคาร ธรรมะคือธรรมชาติ คําสอนของพระพุทธเจาสอนใหเรารูสภาวะ แทจ รงิ ของธรรมชาติ ไมใชส อนใหไปรูเร่ืองหลุดโลกไกลตัว ลองคิดดูปลา ไหลเปน สัตวด ึกดําบรรพอ ีกชนดิ หน่ึง ท่ียงั มีชีวติ รอดมาถึงวันนี้ได ทัง้ ๆ ท่ี มันไมไดวิ่งเร็วเหมือนเสือ ตัวไมใหญเหมือนชาง บินไมไดเหมือนนก แต อาวุธชนิดเดียวท่ีทําใหเผา พันธขุ องมนั ดํารงอยบู นโลกน้ีได คือ เมือกลืน่ ๆ เทา น้ัน แลวมนุษยอ ยา งเราละ ถามตัวเองดูซิ เรามีดีอะไรในตัวบาง ปลา ไหลมันยงั มีเมือกเปนอาวุธ ขณะทล่ี ูกเสือที่ดีครบเครื่องตดิ อาวุธแลวก็ตอง ออกอาวุธ ประเทศชาติที่กําลังพัฒนาก็ตองเนน เรือ่ งใหคนเขียนอา นไดรับ การศึกษาพรอ มกับเปน คนดีมศี ีลธรรม ดวยระบบไตรสิกขา จะเปน ระดับ ทาน ศีล ภาวนา หรือจะเปนระดับศีล สมาธิ ปญญาก็เลือกเอา ส่ิง สําคัญที่ควรจาํ ใหขึน้ ใจคือ “เกดิ มาเปน คนท้งั ทีตองเอาดีใหได ถา แคอ าวธุ สุดทายไมตายประจาํ ตัวยงั ไมม ี อยา งน้เี หน็ ทอี ยูไปกอ็ ายปลาไหลเปลา ๆ” ทาสโพธญิ าณ
121 ๑๘ กองทพั ตอ งเดินดว ยทอ ง ในแงข องปจ จัยสี่ สงิ่ จาํ เปน ตอการดํารงชีวติ อาหารจัดเปน ปจ จยั สาํ คัญสุด ขอแรก สรรพชีวิตทุกสายพันธุบนโลก ลวนเจริญเติบโตมาไดดวยอาหาร ตอนเปนทารก อาหารของเด็กคือ นํ้านมแม โตข้ึนก็เปลี่ยนเปนขาว น้ํา ปลา ปู กุง หอย ฯลฯ ประเด็นก็คือทางวิทยาศาสตรก ลาววา “อาหาร เปนพลังงาน” ท่ีแปลงมาจากสารอาหาร ถานิยามวาอาหารเปนพลังงาน เราก็คงไมตางจากรถ เพราะรถยนตจะขับเคล่ือนได ตองมีนํ้ามันเปน เชอ้ื เพลิงเผาผลาญใหเ ครอ่ื งยนตก ลไก เกดิ พลังงานท่จี ะขบั เคลือ่ นไปได สําหรับนักรบขณะท่ีมีการรบพุงทําสงครามกัน อาหารถือเปน ส่ิงจําเปนสุด ผลแพชนะในศึกใดก็ตาม ลวนข้ึนอยูกับอาหารเปนสําคัญ ครั้งหนึ่ง นโปเลียน โบนาปารต จอมกษัตริยผูลือนามแหงฝร่ังเศส เคย กลาวไว “กองทัพตองเดินดวยทอง” เพราะถาเหลาทหารหิวโหย จะเอา เร่ยี วแรงท่ีไหนมาสรู บ หลังพงิ ตน โพธ์ิ
122 สํานวนน้ียังมีหลักฐานปรากฏวา นักรบชาวจีนโบราณก็มีกลาวไว เชนกัน ภายในหมวดปรัชญาคําคมเก่ียวกับยุทธวิธีการรบวา “กองทัพตอง เดินดวยทอง” เพราะถา “กองทัพไรซึ่งเสบียงกรัง รวมตัวกันยาก” นอกจากนี้ยังมีระบถุ ึงชัยภูมิทเี่ หมาะสม ในการเลือกทาํ เลต้งั คายประกอบ อาหาร “ตงั้ ทพั ควรใกลน้ํา เตาครวั พรอมสรรพเหมาะต้ังคา ย” ประโยคท่ีจอมทัพฝรั่งเศส หรือที่นักรบชาวจีนกลาวไว พอมาถึง เมอื งไทยกลายมาเปน ต่ิงใหม ที่เสิรช หาอา นไดต ามเฟซบุก วา “กองทพั ตอ งเดนิ ดว ยทอง พวกพอ งตองเดนิ ดวยกัน” พวกพอ งใหรูประมาณการบรโิ ภค กาลคร้ังนัน้ นานมาแลว มชี ายชาวจีนยากจนสองคน คนหนึ่งช่ือฮั้ว อีกคนช่ือกุย สองคนนี้เปนเพ่ือนรักกัน ชวนกันอพยพมาจากโพนทะเล เพ่อื มาทาํ มาหากินในเมืองไทย เมอื่ ข้นึ จากเรอื แลวก็พดู ตกลงกันวา ตา งคน ตางแยกไปทํามาหากินก็แลวกัน สุดแทแตวาสนาของใคร แตไดสัญญากัน วา “ถาใครมีเงินยังไมถึง 50 ช่ัง อยากินหมู กินเปด กินไก เปนอัน ขาด” แลวตางกล็ าจากกนั ไป ทีนี้นายฮ้ัวแกเปนคนซื่อถือความสัตย ทํามาหากินดวยความขยัน ขันแข็ง อดทนกินขาวกับเกลือ และหัวผักกาดเค็มทุกวัน ไดเงินมาก็เก็บ ทาสโพธญิ าณ
123 เล็กผสมนอย ตอมาไมน านแกก็รํา่ รวยเปดรา นคา ขายใหญโต มีครอบครัว ชีวิตมั่งค่ังสมบูรณพูนสุข มีเงินเปนรอย ๆ ช่ังแลว นายฮั้วจึงไดหันมากิน หมู กนิ เปด กนิ ไก ฝายนายกุยก็ทํามาหากินดวยความมานะพากเพียรเหมือนกัน แต ไมรูจักอดออม มีเงินยังไมถึง 50 ช่ัง หมู เห็ด เปด ไก ที่สัญญาไวกับ เพ่ือนวาจะไมกิน นายกุยก็ฟาดเรียบ! จนแลวจนรอด นายกุยก็ยังตั้งตัว ไมไดสักที ในที่สุดจึงเที่ยวสืบหาวาเพ่ือนอยูท่ีไหน จะไปขอคําปรึกษา เพราะไดข า ววาเพอ่ื นรวยแลว เมื่อนายกุยไปถึงคฤหาสนของนายฮั้ว ก็เลาความจริงใหเพื่อนฟง พรอมรับสารภาพวา ไดทําผิดขอสัญญา นายฮั้วฟง แลวไมไดวาอะไร แก ตอนรับเพ่ือนรักอยางดี พรอมจัดขาวสารกับปลาเค็มใหนายกุยไปอยู กระทอมหลังบาน ส่ังใหนายกุยกินขาวกับปลาเค็มตมใบมะขามออนจาก ตน ทอี่ ยูหลงั บานทกุ เชา เย็น แตว าใหเ ก็บใบมะขามตน เล็กกนิ กอน นายกุยก็ทําตาม เก็บใบมะขามออนจากตนเล็กตมกับปลาเค็มกิน ทุกวนั ผานไปไมกี่วันใบมะขามก็หมดตน นายกุยจึงมาบอกนายฮ้ัววา “ใบ มะขามหมดแลว เพือ่ นเอย ไมมีจะตมปลาเค็มกนิ แลว ” นายฮั้วจึงบอกใหนายกุยไปเก็บใบมะขามจากตนใหญ ตมกับปลา เค็มกินตอไป เมอื่ นายฮวั้ เหน็ วา เวลาท่ีใชกินใบมะขามตน ใหญเทากับเวลา หลงั พงิ ตน โพธ์ิ
124 ท่กี ินใบมะขามตน เลก็ แลว ก็เรยี กนายกุย มาถามวา “เก็บใบมะขามตนใหญ ตม ปลากนิ เปนยงั ไงบา งเพื่อน?” นายกุยบอกวา “เออ...คอยพอกินหนอย เก็บก่ิงนี้หมด แลว ไปเก็บ ก่งิ โนน เกบ็ กงิ่ โนนยงั ไมท นั หมด กงิ่ นีม้ นั กแ็ ตกใบออนออกมาทนั ใหเกบ็ กิน ไดแลว ดีจรงิ ๆ” นายฮ้ัวเลยพูดข้ึนวา “น่ีแหละเพื่อนเอย! จงดูใบมะขามสองตนนี้ เปนตัวอยางเถิด มะขามตนเล็กมันยังไมทันจะแตกก่ิงกานสาขาใหญโต เพื่อนก็ไปดวนริดใบมันกินเสีย ใบมันเลยงอกไมทันกิน ไมชาใบมันหมด เชนเดียวกับเพ่ือนท่ีเพิ่งจะกอรา งสรางตวั ก็ใชจายฟุมเฟอยในการกิน หา ไดไ มพอใชจ าย จึงยากจนถงึ ทุกวันน้ี สวนมะขามตนใหญนะ มันแตกกิ่งกานสาขาใหญโตบริบูรณแลว ถึงจะเก็บกินทุกวนั มนั ก็แตกใบใหมใหทันกินได เปรียบเหมอื นตัวเรา เมื่อ ม่ังมีบริบูรณ มีเงินเกนิ 50 ชัง่ ทําการคาขายไดกาํ ไรงอกงาม เหลอื พอจะ กินหมู กินเปด กนิ ไกไ ด โดยทไี่ มตองชกั เงนิ เกบ็ มาจา ย จะกินหมู เปด ไก ทุกวันก็กินได ไมข ัดสน” นายกุยไดสติ จึงลาเพ่ือนไปเร่ิมตนทํามาหากิน ไมสุรุยสุรายเร่ือง การกนิ อกี ตอไป แลวในท่สี ดุ แกก็รวยสมใจ นทิ านเรือ่ งนี้สอนใหรวู า แมแตฐานะความยากจน หรือรํ่ารวยของ คน ก็ยังหนีไมพนเรื่องอาหารการกิน ในทางธรรมมีเทคนิคการบริโภค อาหารแตพอควร ใหรางกายสามารถดํารงอยูได เพ่ือทําประโยชนในทาง ทาสโพธิญาณ
125 เจริญสติ ปญญา บําเพ็ญบุญกุศลตอไปได ไมติดขัด ภาษาธรรมะ เรียกวา “โภชเนมัตตัญุตา” แปลวา ความรูจักประมาณในการบริโภค อาหาร อาหารเสรมิ หายาก ๑๐ อยา ง เร่ืองอาหารน้ัน ทางพระมิไดมีแคอาหารปากเพียงอยางเดียว แต ยังมีอาหารเสริมชนิดอื่นที่นาปรารถนา และหาไดยากในโลกอีกตั้ง ๑๐ อยาง กลา วคอื ๑. ความขยันหม่นั เพยี ร เปน อาหารของโภคสมบัติ ๒. การประดับตกแตง เปน อาหารของผิวพรรณ ๓. การทําสิง่ ท่ีเปน สปั ปายะ เปน อาหารของความไมม ีโรค ๔. กัลยาณมติ ร เปน อาหารของศลี ๕. ความสาํ รวมอนิ ทรีย เปนอาหารของพรหมจรรย ๖. การไมแกลงกลาวคาํ เทจ็ เปนอาหารของมิตร ๗. การสาธยาย เปน อาหารของความเปน พหูสูต ๘. การฟง การสอบถาม เปนอาหารของปญญา ๙. ความเพียร การพิจารณา เปนอาหารของธรรม ๑๐. การปฏบิ ัติชอบ เปนอาหารของสวรรค นอกจากอาหารเสรมิ คือธรรมสบิ ประการน้ีแลว ก็ยังมอี าหารอันโอชะของ พวกกิเลสอีกสารพัด เชน อาหารของพวกนิวรณหาประการ หลงั พงิ ตน โพธ์ิ
126 (อุปสรรค) ดังท่ีพระพุทธเจาทรงแสดงวิธีกําจัด หน่ึงในหาของนิวรณวาย ราย ดวยใจความโดยยอ วา “ทานผูเจริญท้ังหลาย ความไมยินดี ความเกียจคราน ความเมา อาหาร ความหดหูแหง จิตมีอยู การมิไดพ ิจารณาใหมาก(อโยนิโสมนสกิ าร) ในธรรมเหลาน้ี จัดเปนอาหารเพ่ือความเกิดแหงอาการงวงซึม หดหู(ถีน มิทธะ) ที่ยังไมเ กดิ หรือเพ่อื ทําถนี มทิ ธะทเี่ กิดแลวใหก ําเรบิ เสิบสานยงิ่ ขนึ้ ในทางกลับกัน ธาตคุ ือความเพยี ร ธาตุคอื การออกพนไปจากความ เกียจคราน ธาตุคือการกาวไปขางหนามีอยู การพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ใหมากในธาตเุ หลา น้นั จัดเปนอาหารเพอื่ ความไมเ กดิ แหง ถีนมทิ ธะท่ียังไมเกิด หรอื เพอ่ื ละถนี มทิ ธะทีเ่ กดิ แลวได ดังน้ี ๑. เวน บรโิ ภคอาหารสัก ๔-๕ คํากอ นอ่ิม ๒. เปล่ียนอริ ยิ าบถ ๓. ใสใจแสงสวา ง ๔. อยกู ลางแจง ๕. เสพคบกัลยาณมิตรผมู คี วามเพยี ร ๖. พดู คยุ กันแตเรอ่ื งสัปปายะ เชน ธดุ งคขอวัตร เปนตน ธรรมทัง้ ๖ ประการนี้ ยอมเปนไปเพือ่ ละถนี มทิ ธะได” ซูน วู ปราชญชาวจีน กลา วไวในตําราพิชัยสงคราม “รเู ขา รเู รา รบรอย ครั้ง ก็ชนะรอยคร้ัง” ในเม่ือกองทัพตองเดินดวยทอง และพวกพองอีก ทาสโพธญิ าณ
127 สารพัดอาหารของพวกนิวรณเหลาน้ี มันก็มีลักษณะวิธีลําเลียงเสบียง อาหารมาตามเสนทางแบบนี้คลายกันดังนน้ั ถารูจักพจิ ารณา มีความเพียร และใชขันติความอดทน เขาสกัดตัดกําลังเร่ืองอาหารของขาศึก เม่ือศัตรู ออนกําลัง โอกาสที่จะปกธงกําชัยหรือประสบความสําเร็จในเปาหมายท่ี วางไว มันก็ไมไกลเกินเอื้อม เพียงแคไมปอนอาหารใหมัน(มาร) กินเทา นนั้ เอง หลงั พิงตนโพธ์ิ
128 ๑๙ เรือ่ งท่ไี มค วรอดทน สภาพสงั คมทเี่ รงรีบแขงขันอยูตลอดเวลา ทําใหทกุ อยางเปลี่ยนไป สงผล ใหผ คู นมรี ะดบั ความอดทนลดลง เปนตน เหตทุ าํ ใหอ ารมณห งดุ หงดิ เครียด งาย ความรูสกึ เหลา น้ี แมจะไมมีใครตองการแตกระนั้นถามนั เกิดขึ้นแลว และสะสมอยูเปนเวลานาน ก็อาจทําใหสุภาพจิตยํ่าแย กลายเปนคนเจา อารมณ กาวราว บางรายอาจถึงขนาดกลายเปนโรคซึมเศรา ซึ่งทุกอยาง ทเ่ี กิดขึ้นก็เพราะโรคขาดความอดทน ในทางพระทานถือวา ความอดทนจะนําไปสูความชนะใจตัวเอง ถาเราไมมีความอดทนอดกล้ัน เราจะไมเขาใจธรรมะอยางลึกซ้ึง คนที่ ตามใจตัวเอง ตามกิเลสตัณหา มันก็เขาไมถึงสภาวะหน่ึงที่ทานเรียกวา “เมตตา” ดงั นนั้ หากขาดความอดทนอดกล้ันเมตตาจะไมเ กิด เพราะความ อดทนอดกลน้ั เปนตบะอยางยิง่ ถาเราไมเคยชนะ ไมเ คยอดทนตอทุกข ตบะก็ไมเกิด อินทรียบารมีก็ไมแกกลา ความอดทนอดกล้ันจึงเปนตบะ อยางย่ิง ความอดทนจงึ มีคุณคายิ่งของผูทจ่ี ะบรรลุนิพพาน ผแู พใจตัวเอง แพก ิเลส ไมม ีวนั ไดนพิ พาน ทั้งหมดนีค้ อื ขอดีของความอดทน ทาสโพธญิ าณ
129 ความอดทนมขี ีดจํากดั ประเด็นท่ีนาสนใจก็คือ ความอดทนอดกลั้นของปุถุชนน้ันมี ขีดจํากัด อีกทัง้ บางอยางก็ควรอดทน แตทวาบางอยางก็ไมควรอดทน ที่ สําคัญคือความอดทนน้ันไมบริสุทธิ์เหมือนสติ ซ่ึงมีแตคุณปราศจากโทษ แตความอดทนตางจากสติ เพราะมีสองดานคือมีทั้งคุณและโทษ ถาทําไม ถูก ไมรูวิธี ขาดความขาใจ พอมีอะไรมากระทบก็อดทนตะพดึ อยางน้ีก็ จะกลายเปน คนเกบ็ กดไป ถา เชนนั้นควรจะทําอยา งไร ในเมื่อชีวิตยงั ตองดาํ เนินตอ ไป แมมัน จะไมไดโรยดวยกลีบกุหลาบก็ตาม หนําซ้ําบางทียังตองเผชิญกับสง่ิ ตาง ๆ ทนี่ า อดึ อดั ราํ คาญใจ ขณะท่ีบางอยา งเลีย่ งได แตบ างอยางก็ยากเหลือเกิน ทจ่ี ะเดินหลีกหนี น่ันเพราะคําวา ‘ภาระหนาท่ี’ หรือ ‘พันธะ’ น่ันเองทมี่ ัน ค้าํ คอ แลว กก็ ระซบิ บอกวาใหเ รา ‘อดทน’ ความอดทน ภาษาพระเรียกวา “ขนั ติ” เปนหนึ่งในบารมีสิบทศั ท่ี พระพุทธองคสรรเสริญ แตก ระนัน้ กต็ องรูจักใชใหถูกทีถ่ กู คน ไมใ ชวาเรื่อง อะไรก็กมหนากมตาแบกรับเร่ือยไป โดยเฉพาะส่ิงชั่วราย สิ่งท่ีไมเปน มงคล ความเช่ือผดิ ๆ ท่ีหลงงมงาย เหมือนพวกโยคีบําเพ็ญตบะ นอน บนหนามแหลมเพ่ือทรมานตน การกระทําแบบน้ีพระพุทธเจาไม สรรเสริญ อยางน้ีจึงไมควรอดทน แตควรหลีกออกมาใหหาง ภาวะ แบบนี้หากใครหลงติดอยูในวังวน อยางน้ีไมเรียกวา “ความอดทน” แต หลังพิงตนโพธิ์
130 เรียกวา “ความหลง” หมกมุน งมงาย จมจอม หรือยึดติดอยูกับความ เชอ่ื ผิด ๆ เชน หมกมุนอยูกับเร่อื งไรสาระ ติดอยูกับเพื่อนเสเพล จมอยูกับความ เกลียดโกรธ ระทมอยูก ับอดีตท่ีเคยทุกขใจ ซงึ่ มันก็ผา นไปแลว ความรสู ึก เหลานี้แหละท่ีไมควรอดทนเสียเวลากับมัน ที่จริงนั้นมันคือ ‘กับดัก ชีวิต’ เปนหลุมพรางที่คอยดักไวบั่นทอนแรงใจ ตัดกําลังไมใหเราเขาถึง เปาหมาย ประเด็นกค็ อื เราเพียงตองการ ‘อุบายวิธี’ หรือคําแนะนาํ ดี ๆ จากใครสักคน ซึ่งใชไ ดผลจริงกบั ชีวิตเรา ยงุ รา ยในชวี ติ และเพื่อความชัดเจน ลองนึกภาพขณะที่เรากําลังร่ืนรมยชมวิวอยู นอกบานยามเย็นที่ดวงอาทิตยใกลลับทิวไม นกกาโผบินกลับรัง ทันทีที่ แสงสีสมลับขอบฟาไป เจายุงตัวรายมันก็บินเขามาไตตอมกัดกินเลือดเรา แรก ๆ ก็คิดในใจวา “ชางมันเถอะ แคตัวเดียว เร่ืองกระจอ ย เคยบรจิ าค เลือดมามากกวาน”ี้ แลวเรากช็ มววิ ตอไปอยางไมแยแส จากน้ันมันกม็ าอกี ตัว และอีกตัว ตอ มาก็เปนฝูง คราวน้ีเราคงตอ ง หยุดดื่มด่ํากับวิวทิวทัศน ยอมจํานนยกธงขาวเขาบานไป เพราะเราไม จาํ เปนตองน่ังอดทนแบกสงั ขารบรจิ าคเลือดใหยุง ทาสโพธญิ าณ
131 เชนเดียวกับผูคนสิ่งแวดลอมรอบขาง ท่รี ังแตจะนําเร่ืองนารําคาญ พาลหงุดหงิดกวนใจมาใหเสมอ หากเปนกรณขี องยุง ถารําคาญมากทนไม ไหว เรากห็ นีเขา บา นปด ประตูมงุ ลวดกันยงุ ไดก็จบ แตทวาเรอ่ื งนาราํ คาญ ทง้ั หลายในชวี ิตคน มันไมงายอยางน้ัน ไมม ยี ากันยุง หรอื สเปรยฉ ีดยุง ทํา ใหเราตอ งทนอยูกับเรอื่ งนารําคาญตา ง ๆ ที่ถาโถมเขามาบัน่ ทอนกาํ ลังใจวัน แลววนั เลา ลองนับดซู ิวา ยุงตวั รา ยที่เขา มายุม ยา มในชวี ติ เรา มีกต่ี ัว เรากาํ ลัง ถูกมนั กัดไหม ขณะทคี่ นสว นใหญถูกสอนใหอดทน แตความอดทนของคน ก็มีขีดจํากัด หากหมดความอดทน เผลอเอามือตบมันเละตายคามือไป โทษฐานทีซ่ า นักอยากแสมากัดเรา กจ็ ะกลายเปนบาปตดิ ตัวไปอกี หรอื จะ ใหโ งทนตอไปอยางนน้ั ก็ไมใชเ รื่องท่ีนาจะทาํ ใหเ รามคี วามสขุ ไดนกั ฉะน้ัน ทางเดียวกค็ อื ‘ปดเปามันออกไป’ การปดเปาออกไปอยางน้ี หากเปนทางพุทธศาสนา น่ัน หมายถึง ใหเรารูจักสละ สลัดความรูสึกเหลานี้ออกไปจากใจ แตสวน ใหญเรามักจะคุนกบั คาํ วา “ปลง” หรือ “ปลอยวาง” คนฉลาดในอารมณ ตอ งรูจัก ‘สละ...สลดั ’ ความเกลยี ดโกรธออกไปจากใจ อยาแบก อยา ยดึ ติด หรือปลอยตัวเองใหจมอยูกับอารมณเหลาน้ี ดังท่ีดาไลลามะองคที่ ๑๔ แนะนําไว หลงั พงิ ตนโพธ์ิ
132 “ความโกรธเกลยี ดเหมือนตะขอเบ็ดชาวประมง หากตองการชีวิตท่สี ขุ สงบสันติ ควรดูใหแ นใ จวา เรามไิ ดถูกตะขอเบด็ เกย่ี วเอา” วิธีฆาความโกรธ ฮาวทูก็คือ หัดรูจักแผเมตตา ใหอภัย รูจัก‘วางใหลง ปลงให เปน ’ เพราะมันจะมปี ระโยชนอ ะไร หากเราจะเกบ็ งาํ ความหงุดหงิด ขง้ึ เคียด เกลียด โกรธ รําคาญใจ เอาไวลําพงั โดยท่คี กู รณขี องเรา เขา ไมไ ดรับรูอะไรดว ยเลย กาลคร้ังน้ันยังไมนานเทาไหร เชาของวันที่อากาศแจมใส ภายใน หอ งเรียนประถมแหง หน่ึง คุณครูตองการทดสอบทฤษฎีอะไรบางอยาง จึง ออกอุบายใหน ักเรียนเลน เกม กตกิ ามีอยูวา เด็กทุกคนตองนําถุงใสมะเขือ เทศมาโรงเรียน พรอมกับเขียนชื่อคนที่ตัวเองเกลียดลงไปในถุง โดย จาํ นวนมะเขอื เทศตอ งเทา กบั จาํ นวนคนท่เี กลยี ด วันรงุ ข้ึนเด็ก ๆ มาถึงโรงเรียนพรอมดวยถุงใสมะเขือเทศท่ีเขียนชื่อ เพ่ือน คนขางบานที่เกลียดสุด ๆ ใสลงไป บางคนมีสองผล บางคนมี มากกวา หา ผล ขณะท่ีบางคนใสมาซะเต็มถุงเลย คุณครูบอกใหนกั เรียนทกุ คนถือถุงมะเขอื เทศไปดว ยทุกที่ ไมวาพวกเธอจะไปไหน แมแ ตใ นหอ งน้าํ ก็ หา มวา งเวน ทาํ อยา งน้เี ปน เวลาหนง่ึ สัปดาห ทาสโพธิญาณ
133 สามวนั ผานไปเด็ก ๆ เร่ิมเอามือปองจมกู เพราะทนกล่ินเหมน็ ท่ีโชย ออกจากถงุ มะเขือเทศไมไ หว โดยเฉพาะเด็กทม่ี ีมะเขือเทศเต็มถงุ บน อบุ เลย ทเี ดียว เพราะเหม็นเนามากกวาเพ่อื น หน่ึงสัปดาหผานไป เด็ก ๆ คอยรูสึกโลงอกผอนคลายหายใจได สะดวก เมอ่ื ครูบอกวา เกมมนั จบแลว คุณครูถามวา “นักเรยี นรูส ึกอยา งไร ขณะท่ีถือถุงมะเขอื เทศเปนเวลาหนง่ึ สปั ดาห? ” เด็ก ๆ ตางบนกันระงม พลางระบายถึงความอัดอ้ันทีพ่ วกเขาตองห้วิ ถุงมะเขือเทศเนา ซ่ึงทง้ั เกะกะ หนัก และเหม็นติดตัวอยูตลอดเวลา ครู ไดฟงดงั นั้นก็กระหย่ิมอยใู นใจ แลว จึงไขปริศนาที่ซอนอยใู นเกมวา “เมื่อไหรก็ตามที่รูสึกเกลียดใคร เราจะรูสึกเหมือนใจเปอนเปรอะ ไปดวยส่ิงสกปรกติดตัวเราไปทุกที่ นขี่ นาดเวลาแคหน่ึงสัปดาห ยงั ทนตอ กลิ่นมะเขือเทศเนาน้ีไมได ลองคิดถึงความเกลียดที่ติดอยูในใจเราตลอด ชีวติ ดูซิ มันจะเนาเหมน็ ติดอยใู นใจเราขนาดไหน” ครูไดสรปุ ขอคิดเปนคติเตือนใจใหก ับเด็ก ๆ ตอนทา ยวา “ทิ้งความ เกลียดออกไปจากใจ เพ่ือเราจะไดไมมีความโกรธ หรือมีอคติติดตัวไป ตลอดชีวติ การยกโทษใหอ ภยั คนอนื่ คือวธิ ีท่ีดีทีส่ ดุ ในการรกั คนอ่ืน แมวา เขาจะไมชอบเรากต็ าม” “ผมไมเขาใจครับครู” นักเรียนคนหนึ่งดูทาจะฉลาดกวาเพ่ือนยก มือเอย “ก็ในเมื่อธรรมชาติสรางใหมนุษยมีอิสระในการเลือกเปนนักสะสม ไดทงั้ ของดีและไมดี แตทําไมมนษุ ยมักจะสะสมแตของไมดีเสียมากกวา รู ทัง้ รูวาเหม็น แตแทนท่ีจะสะสมความสุข กลับสะสมเอาแตความทกุ ขทับ หลงั พิงตน โพธ์ิ
134 ถมเปน ขยะกองใหญสุมไวในใจตวั เอง เหมอื นหิว้ ถงุ มะเขอื เทศเนา คือความ เกลยี ดโกรธตดิ ตัวไปตลอดนน่ั แหละครับ” ลองโยงคําพูดของเด็กคนนี้มาเทียบกับชีวิตเราดู ขณะท่ีเปาหมาย ชีวิตแทจริงของเราทุกคน ลวนตองการความสุข แตคนสวนมากกลับไป สะสมเอาแตสงิ่ ที่อยูตรงขามกับความสุข เหมือนเด็กนักเรียนหิ้วถุงมะเขือ เทศเนา ไมม ผี ดิ ในคร้ังพทุ ธกาล มเี ทวดาองคหน่งึ เกิดความสงสัย จึงเขามาทูลถาม พระพทุ ธเจาวา “บุคคลฆา อะไรเสียไดจ งึ อยเู ปน สขุ ?” พระพทุ ธองคตรัสตอบวา “บคุ คลฆาความโกรธเสียได ยอมอยูเปน สุข” และวิธีฆาความโกรธที่สุดคลาสสิกก็คือ การใหอภัย ใหความรัก ความเมตตา ปรารถนาดีตอเขา แนนอนวาการแผเมตตาเปน เรือ่ งท่เี ราตอ ง ฝกฝนใหเกิดเปนทักษะ เปนนิสัยใหมท่ีใชตอบโตกับทุกสถานการณที่มี ความกดดัน เพือ่ ยกระดับจิตวญิ ญาณตวั เองใหสงู ข้ึนเหนือกวา คูกรณี และ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเก็บกดในจิตใจจากความกดดัน กระแสเมตตาจะเปน นสิ ัยใหม เปนระบบใหมทส่ี มองยังไมคุนชนิ แตมันจะเร่ิมเปล่ียนจากความ โกรธมาเปนอาการชะงัก ทําใหเกิดสติตามรูเทาทัน เมื่อฝกทําบอย ๆ ให ติดเปนนสิ ัย ตอไปภายหนาใครจะไปรูวา ทานก็อาจเปนผูหน่ึงที่หาญกลา “ฆาความโกรธเสียได” ใครฆาความโกรธได ในทางพระยกใหเปน ‘อริยะ’ ทาสโพธญิ าณ
135 แตในระดับปุถุชนคนธรรมดาอยางเราในชวงเริ่มตน ยังไมตอง ถึงกับฆาก็ได ขอแค ‘ปลอยใหลง ปลงใหเปน’ ก็เย็นใจแลว สําหรับ ความสุขทค่ี วรด่มื ดาํ่ ในชาติปจ จบุ ัน จาํ ไวว า “อยา ปลอ ยใหยงุ กดั เราอยูฝายเดยี ว และกท็ ้งิ ถงุ มะเขือเทศเนาไปซะ!! เราสามารถปด เปาความทุกขโศก เรื่องรายในอดตี ทก่ี ดั กรอ นหัวใจ ดว ยความรัก และการใหอภยั จากจิตใจทป่ี ลอยวาง” หลงั พิงตน โพธ์ิ
136 ๒๐ กศุ โลบายปนคนใหด ขี ัน้ เทพ “ชีวิตท่ีปราศจากความดี เหมอื นโครงกระดกู เคลือ่ นทไี่ มมปี ระโยชน” หากคุณธรรมความดีเปรยี บเสมอื นกลามเนื้อ สําหรบั คนดีท่คี ุณธรรมยังไม แข็งแกรง จิตใจยังหวั่นไหว คลอนแคลน งอนแงนงาย ไปกับสิ่งย่ัวเยา ตาง ๆ ในยุคสมยั ที่พาใหใ จตกต่ํา รูอยูวามนั ไมดี แตยงั ไมม ีวิธีหรือกุศโล บายดี ๆ มาตอบโต เพ่อื เพิ่มสมรรถภาพใหม ัดกลามเน้ือความดแี ข็งแรงทรง พลัง ทานผูอานเห็นดวยไหมวา ความดีเปนโครงสรางสําคัญของชีวิต มนุษยท ุกชาติทกุ ภาษาตางปรารถนาท่จี ะเปนคนดีดวยกันทัง้ นัน้ ดังน้ันเรา จงึ ไดย นิ ไดฟงผหู ลกั ผูใหญ ครูบาอาจารย และพอแม ลวนพากนั อบรมสั่ง สอนใหเราเปนคนดี มีคุณธรรม ซื่อสัตยสุจริต น่ีคือคําสอนท่ีเราตาง คนุ เคย ทาสโพธิญาณ
137 หลายคนรูวาความดีเปนบุญกศุ ล สงผลใหช ีวติ เจริญเติบโต แตไมรู วิธีการ ไมเขาใจวาความดี ตองทําใหถูกที่ ถูกคน ถูกจังหวะ ทําอยาง ถูกตองเหมาะสม ไมงั้นแลวความดีทที่ ําก็จะไมสงผล กลายเปน หมัน ใคร ขืนดันทุรังทําไปแบบทื่อ ๆ โดยไมยอมเรยี นรู ไมเปล่ยี นวธิ ีการ เขาก็เปน คนดีทีข่ าดปญญา คือ ไมฉ ลาด ไมมีวธิ ีในการทําใหความดีเจริญงอกงาม เชน บางคนมคี วามคิดดี แตพูดไมเปน เสนอความคิดไมเปน คนจึงไมฟง ไมยอมรับเขา วิธีการทําความดีท่ีถูกตองเหมาะสม บัณฑิตเรียกวา “กุศ โลบาย” คืออบุ ายท่ีเปน กุศล ถาเปน อุบายของคนพาลอยาง “โจโฉ” ตัว แสบในตาํ นานสามกก เรียกวา กลอุบาย การทําความดกี ็ตองมีกุศโลบาย เรื่องนส้ี าํ คัญมาก พระพุทธเจาจะ เทศนสอนคน ก็ยังตองมีวิธีการสอนท่ีเหมาะสม ภาษาในปจจุบันนิยม เรียกวา “How to” การทําความดีก็เชนเดียวกัน ตองอาศัยกุศโลบาย หรอื วิธีการท่ีแยบยล ไมใ ชท ําไปแบบซีซ้ ั้ว ไมร ูจักใชอ ุบายใหเปน ประโยชน มีกุศโลบายตองใชใหเปน และใชใหถูกกาลเทศะ ครูบาอาจารยจะอบรม ศษิ ย เจานายจะช้แี นะลกู นอ ง หรอื แมแตพ อแมจะส่งั สอนบุตร ก็ตองมกี ุศ โลบาย ในการอบรมสง่ั สอน ราชาบัลลงั กกระถางเปลา กาลครั้งน้ันนานมาแลว ณ เมืองแหงหน่ึงท่ีสุขสงบมั่งคั่ง มี พระราชาองคหน่ึงทรงชราภาพมากแลว เห็นวาตนเองควรจะเกษียณจาก บัลลังกเสียที จึงตัดสินใจวาจะเลือกพระราชโอรสองคใดองคหน่ึงจาก ๔ หลังพิงตน โพธ์ิ
138 องค มาสืบทอดราชบัลลังกแทน แตวาพระองคจะเลือกเจาชายองคไหนดี ละ...? เมื่อพระราชาคิดกุศโลบาย ในการเลือกผทู ่ีจะมาสบื ทอดบลั ลังกได แลว จึงทรงโปรดใหเจาชายท้ัง ๔ เขาเฝา แลวแจกเมล็ดดอกไมให เจาชายองคละ ๑ เมล็ด โดยตรัสวาหากใครสามารถปลูกเมล็ดพืชน้ีให งอกงามออกดอกบานสะพร่ังได คนนั้นก็จะไดเปนผูสืบทอดราชบัลลังก แทนพระองค เจา ชายทัง้ สี่ไดเมล็ดพืชมาแลว ตางนาํ ไปปลกู และดแู ลเอา ใจใส เจาชายองคเล็กสดุ พระนามวา “ชายส”ี่ เมอ่ื ไดเมล็ดดอกไมมาก็ นําไปปลูกในกระถาง รดน้ําเอาใจใสอยางดีทุกวัน ผานไปนานวัน ทวา เมล็ดพชื นัน้ กย็ งั ไมแ ตกกลาออกมาสกั ที เจาชายสีร่ ูส กึ ผิดหวงั อยา งมาก วนั หน่ึง เมอ่ื ฤดูรอนยา งกรายมาถึง พระราชบดิ าจงึ กําหนดใหว ันนี้ เปนวันคัดเลือกกระถางดอกไม เจาชายทั้ง ๔ ตางอุมกระถางดอกไมที่ ออกดอกบานสะพร่ังสวยสดงดงามเขามาใหพ ระบิดาชม และรอฟง ผลการ ตัดสินคัดเลือก พระราชาเดินตรวจดอกไมท่ีสวยงามในมือของเจาชายแต ละองค ดวยสีหนาที่ไมมีแววยินดีแมแตนอย พระองคเดินตรวจไลลําดับ จากเจาชายองคโตมาถึงเจา ชายองคเล็กสดุ เม่ือเดินมาถึงเจาชายส่ี ซึง่ ยืน ถอื กระถางเปลา ทไ่ี มมีตน ไม พระราชาหยุดกกึ อยูตรงน้ัน เจาชายสี่รีบออกตัวดวยนํ้าตาไหลพราก กลาวกับพระบิดาอยาง สาํ นึกผดิ วา “เสดจ็ พอครับ ผมไมมดี อกไมมามอบใหน ะครับ” ทาสโพธญิ าณ
139 พระบิดาผูชรากลับตรัสอยางยินดีวา “ชายส่ีเอย ส่ิงท่ีเจามอบให พอ น้นั มคี า มากกวาดอกไมมากมายนัก” “อะไรครบั ?” “ความซือ่ สตั ย สจุ รติ ไง” พวกเจาชายตางพากันงวยงง พระราชบิดาจึงเปดเผยความลับวา ท่ีแทแลวเมลด็ พืชท่ีแจกใหนั้น เปนเมล็ดพืชทน่ี ําไปคั่วสกุ แลว ดังนั้น มัน จะงอกเปนตนไมผลิดอกสวยสดไดอยางไร พวกท่ีถือกระถางดอกไมซึ่งผลิ ดอกสวยงามนั้น ลวนเปนเมล็ดพืชจากที่อื่น ไมใชเมล็ดพันธุที่พอแจกให ดอกไมพวกนั้นเปนสักขีพยานไดวา “ชายสี่ เจาชายองคเล็กสุดซื่อตรง และคคู วรเปน ผสู บื ทอดราชบลั ลงั กจากพอ !!!” นิทานเรอื่ งน้ีสอนใหรูวา “ความซ่ือสัตยสุจริต เปนคุณสมบัติอัน ลํ้าคา ของคน” การทล่ี ูกจะโตมามีชีวติ ท่สี ขุ สงบ เจรญิ รงุ เรืองได สงิ่ สาํ คัญ คือคณุ ธรรมความดี เด็ก ๆ ชีวิตยังไรเดียงสาขาวสะอาด ไมตางจากเมล็ด พันธุท่ีบริสุทธ์ิ ผลผลิตท่ีผลิดอกออกผลมานั้น ลวนขึ้นอยูกับครอบครัว และสังคมรอบขางจะปลูกฝงบมเพาะพวกเขา ใหเติบโตมาเปนพันธุไม ประเภทใด ดังพุทธภาษิตท่วี า “หวานพืชเชน ใด ยอมไดรบั ผลเชนนั้น” ปลูกถ่ัวยอมไดถั่ว ปลูกงายอมไดงา ปลูกความซื่อสัตยสุจริตใหเ ขา พวก เขาก็จะเติบโตมาเปนคนดมี ีศลี ธรรม ไมคดโกงใคร แตการจะสง่ั สอนใหเ ขา เช่ือฟงไดน้ัน ก็ไมงาย พอแมตองรูจกั ใชกุศโลบาย มาเปนตัวชวยในการ อบรมบมเพาะ หลังพงิ ตน โพธ์ิ
140 ความสุจรติ ภาษาธรรมะเรียกวา “สัมมาอาชีพวะ” คือเล้ียงชีพ ดวยความถูกตอง ซื่อสัตยสุจรติ ไมคดโกงใคร เปนหน่ึงในอริยมรรคมีองค แปด ทพี่ ระพุทธองคสรรเสริญใหดําเนิน เปนเสมอื นเมล็ดพันธุที่นําความ เจริญงอกงามมาสูช ีวติ ของผปู ระพฤตปิ ฏบิ ัติ แมความสจุ รติ จะเปนคณุ ธรรม ทีม่ องไมเห็น จับตองไมไดก็จรงิ แตส่ิงทีม่ องไมเหน็ นี้ กลบั สง ผลมอี ิทธพิ ล ตอชีวติ สว นใหญ คนจีนเช่ือกันวา นอกจากความกตัญูแลว ชวี ิตโดยรวม จะรุงหรือรวง ก็ขึ้นอยูกับความซ่ือสัตยสุจริตนี่แหละเปนสําคัญ ทาน “กวนอู” หนึ่งในตํานานสามกกทีค่ นจีนและคนไทยนบั ถือ ยกยองทานให เปนเทพเจา ก็เพราะคุณธรรมเรือ่ ง ความจงรักภักดี กตัญูรูค ุณ และมี ความซ่ือสัตยสจุ รติ เปน เลศิ นแ่ี หละ รากไมแ หง ชวี ิต สมมุติวามีตนไมแหงชีวิตอยูตนหน่ึง บนตนไมมีผลไมเต็มไปหมด ในชีวติ จรงิ เราเรียกผลไมช นิดนว้ี า “ผลลพั ธ” คนเรามักจะใหความสนใจ อยูกับผลไม หรือผลลัพธเทาน้ัน แตอะไรกันแนท่ีกอใหเกิดผลไมขึ้นมา ? เมล็ดพันธุและรากไมตางหาก ท่ีทําใหตนไมผลิดอกออกผล สิ่งท่ีอยูใต พนื้ ดนิ สรางสิ่งทอี่ ยูเหนอื พ้นื ดิน นคี่ ือกฎของธรรมชาติ เปน กฎสากลแหง จักรวาล “สิ่งที่มองไมเห็น สรางสิ่งท่ีเรามองเห็น” น่ันหมายความวา ถาทานอยากเปลี่ยนแปลงผลไม ทา นจะตองเร่ิมตนเปล่ียนจากรากไม ถา ทานอยากแกไขส่ิงท่ีมองเห็น ก็จะตองเริ่มแกสิ่งที่ทานมองไมเห็น ความ ซื่อสัตยสุจริตเปนคุณสมบัติที่มองไมเห็น เพราะเปนคุณธรรมที่อยูภายใน จติ ใจ แตมนั จะแสดงออกมาเปน พฤติกรรม เปน การกระทําทสี่ งผลกระทบ ตอบุคคล สงั คม และประเทศชาติ กุญแจก็คือ “จักรวาลอยูในกระถาง ทาสโพธญิ าณ
141 ตนไม ถาคดิ วา จะดี กต็ องดีใหถ งึ ข้ันเทพ” ถาตนไมยงั แกไขได มนษุ ยก็ ตองปรบั เปล่ียนได โดยเร่มิ ตนจากตัวเราเอง ทําใหด เู ปน ตัวอยาง สุดยอดคุณพอ ตวั อยาง บายวันเสาร ที่สวนสัตวแหงหน่ึง คุณพอตัวอยางไดพาลูกชายตัว เลก็ ท้ังสองไปเท่ยี ว พวกเขาเดินไปท่ีเคานเตอรข ายต๋วั แลว ถามวา “คาเขา เทา ไหรค รับ ?” พนักงานตอบวา “ผูใหญหน่ึงรอยบาท เด็กอายุเกินหกขวบก็หนึ่ง รอ ยบาท แตถาอายุไมเกนิ หกขวบเขาฟรคี รับ แลวนองเขาอายุเทาไหรครบั ?” คุณพอ ตอบวา “หนุมนอ ยคนนสี้ ามขวบ สวนพอ หนุมคนนเ้ี จด็ ขวบ ผมตอ งจายคุณ สองรอยบาทถกู ไหม!!” พนักงานขายตั๋วพดู วา “นี่คุณ ถูกหวยมาหรือไง คุณประหยัดได ตั้งรอยบาทเชียวนะ ถาคุณบอกผมวาคนโตอายแุ คหกขวบ ผมก็ไมมที างรู หรอก” คุณพอตัวอยางตอบกลับไปวา “ท่ีคุณพูดมาก็ถูก คุณอาจจะไมรู แตล ูกผมรู” จาํ ไวว า หากอยูในสถานการณท ่ีทา ทาย เมื่อความซื่อสัตยสจุ ริตมี ความสําคัญกวาสิ่งอ่ืนใด จงทําตนใหเปนตัวอยางท่ีดีสําหรับคนที่ทาน รว มงาน หรือใชชวี ิตดว ย หลงั พงิ ตนโพธ์ิ
142 ทาสโพธญิ าณ
143 ๒๑ หยุดพัก...ลบั คม ในโลกแหงการทํางาน หลายคนมักเขาใจวา การขยันทุมเททํางานอยาง หนัก คือตัวแปรสําคัญทําใหงานดีมีคุณภาพ และสามารถผลิตผลงาน ออกมาไดเยอะ รวมถึงรางวัลตอบแทนเปนเงินกอนโต ซ่ึงไดมาจากการ ทุมเทเรย่ี วแรงหักโหม บางคนทําแบบเอาเปน เอาตาย หามรุงหามคํ่าราว กับตวั เองเปน หุนยนต ไมจาํ เปน ตองหยดุ พักผอ นคลาย เคยไดยินคํานไี้ หม “พฤติกรรมพยากรณ” การกระทําของเรานั่นแหละ คือหมอดูผูทํานาย ชะตากรรมตัวเองไดแมนยําท่ีสุด ใครทํางานดวยทาทีแบบน้ี เตรียมแพ็ค กระเปาบอกลาพกั รอ นแบบยาว ๆ ไวเลย หากยงั นกึ ภาพไมออก ก็ใหนึก ถึงสตฟี จอ บส กับตํานานการทํางานของเขา ทต่ี องแลกมาดว ยโรคมะเรง็ อยา ลืมวาสง่ิ ใดก็ตามถาเราใชไปโดยไมหยดุ พกั เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ จะชํารุดเสียหายใชการไมไดอีกตอไป ลองนึกภาพ มีดเลมหน่ึงที่คมกริบ แตเมื่อถูกใชม ากเขา ความคมยอมหมดไป ก็อยางที่รูกันอยู มีดทื่อจะตัดจะ ฟนอะไรก็ไมเขา และก็ไมมปี ระโยชนท ีจ่ ะฝน ใชง านตอไปแบบนน้ั ทางออก หลงั พงิ ตนโพธิ์
144 ก็คือ “หินลับมีด” ใชครับ! นํามีดทื่อเลมน้ันมาลับคมใหมสักพัก รับรอง วา พกั เดยี วเทา น้ันแหละ มดี ท่อื เลมนน้ั ก็จะกลบั มาคมกรบิ ใชงานไดดีดังเดิม เหมือนที่อับราฮมั ลนิ คอลน ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของอเมรกิ ากลาวไว “ถาขาพเจา มเี วลา 6 ชว่ั โมงในการตัดตนไม ขา พเจา จะใชเ วลา 4 ชว่ั โมงในการลับคมขวาน” ถึงเวลาลบั คมขวาน เรื่องงานก็เชนเดียวกัน โดยเฉพาะงานที่ตองใชคมสติปญญา ใน การวางแผนบริหารจัดการ เชน ผูบริหาร ศิลปน นักออกแบบ นัก โฆษณา หรือนักอะไรก็แลวแต อยามัวแตตัดตนไมแหงความสําเร็จกัน อยา งเดียว โดยไมหยดุ พกั ลับคมขวาน ตัวอยางเชน นักเขียน เม่ือเขียน เสรจ็ แสดงผลงานออกมาแลว ปรากฏวา ผลสะทอนกลบั เปนตรงกันขาม คือเต็มไปดวยแรงตาน เปนแรงเสียดทานไปในทางลบ แปลวาถึงเวลาที่ ควรจะพัก หยุดจอดตัวเอง ผอนคลาย วางมือจากงาน แลวหันมา ทบทวนตัวเอง หรือเปล่ยี นทา ทีไปทาํ อยางอื่นที่ตางออกไป อะไรก็ไดที่ไม คิดวาจะทําในยามปกติ ถึงเวลาน้ีเราควรเลือกทําสิ่งน้ัน ถือเปนการหยุด พักลับคมปญญาของเราไปในตัว ดังตัวอยางจากนิทานชวนอานเรื่อง ตอ ไปน้ี มคี นตัดฟนผูหน่ึงเขามาทํางานในโรงคาไม ดวยคาจา งเปนเงินกอน โต เขาจึงมุงม่ันทําหนาที่อยางแข็งขัน เริ่มงานวันแรก เขาใชขวานตัด ตน ไมได 18 ตนภายในวันเดียว “สุดยอด” เสียงหัวหนา บอก “ทําใหได อยา งนเี้ รอื่ ย ๆ นะ” ทาสโพธิญาณ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185