Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศูนย์เรียนรู้ daycare นมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ สุทธาเวช คณะแพทย์ มสค

ศูนย์เรียนรู้ daycare นมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ สุทธาเวช คณะแพทย์ มสค

Published by sirapornbellagio, 2020-06-04 07:40:25

Description: ศูนย์เรียนรู้ daycare นมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ สุทธาเวช คณะแพทย์ มสค

Keywords: Daycare 3 เดือน 3 ปี

Search

Read the Text Version

เริ่มตน้ อยา่ งไร ทำ� อะไรกันบ้างแลว้ “The Learning Center for Child Development, Breastfeeding Promotion and Integrated Learning 3 mo.- 3yr.” ศนู ย์เรยี นรู้สถานพฒั นาเด็กเลก็ นมแม่และการเรยี นร้แู บบบูรณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม





ค�ำน�ำ “เร่ิมต้นอย่างไร ท�ำอะไรกันบ้างแล้ว” เป็นความพยายามของทีมงาน โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ในการรวบรวม ประสบการณ์การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้สถานพัฒนาเด็กเล็ก อายุ 3 เดือน – 3 ปี ทตี่ อ้ งการเน้นการใหก้ ารเล้ยี งดู ดูแลเด็กเลก็ อย่างมคี ุณภาพ โดยการสนบั สนนุ ให้ ไดร้ บั นมแมแ่ ละอาหารตามวยั ทเี่ หมาะสม มกี ารเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ อยา่ งมคี วามหมาย เพ่อื ใหเ้ กดิ การเหน็ การซมึ ซับพฤติกรรมดๆี โดยอาศยั แนวทาง การบรู ณาการ ปรัชญา และ วิธีการเลี้ยงดูเด็กต่างๆ ทั้งของต่างประเทศและในประเทศ การบูรณาการขบวนการเลี้ยงดูท่ีเน้นการเสริมทักษะ ความสามารถหลากหลาย ในการด�ำรงชีวิตต่อไป เช่น การได้รับอาหารคุณภาพอย่างเพียงพอ การเลือก กนิ อาหารลดปญั หา NCD ( Non Communicable Diseasess) การมพี ฒั การมที กั ษะ การเคลื่อนไหว แก้ไขปัญหาฉุกเฉิน ทักษะทางภาษา ทักษะเทคโนโลย่ี ฯลฯ เพื่อให้เด็กได้รบั ฐานแรกของชีวติ ท่ีแขง็ แรง นำ� สู่การต่อยอดเด็กไทยคณุ ภาพ และ คนไทยคุณภาพในศตวรรษที่ 21 (คนไทย4.0) จากนโยบายมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (พ.ศ. 2560) ท่ตี อ้ งการผลิตบณั ฑติ พันธุใ์ หม่ที่มคี วามพร้อม มที ักษะในการดำ� รงชวี ติ อยา่ งมีคุณภาพในศตวรรษที่ 21 ในขณะท่ี ข้อมูล ส�ำนักงานสถิติจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2560-61 พบว่า เด็กปฐมวัยอายุต่�ำกว่า 5 ปีมีจ�ำนวน 39,272 ในจ�ำนวนน้ีมีพัฒนาการล่าช้าถึง รอ้ ยละ 36.29 ซงึ่ สงู กวา่ ขอ้ มลู เฉลยี่ ของประเทศทม่ี ปี ระมาณ รอ้ ยละ 30 ครอบครวั มกี ารหย่าร้าง ประมาณ 1 ใน 3 มีครวั เรอื นทีอ่ ย่ใู นภาวะลำ� บาก มคี วามบกพรอ่ ง มีปญั หาสขุ ภาพ ในภาพรวม จ�ำนวน 44,912 ครวั เรอื น คิดเป็นประมาณรอ้ ยละ 17 ของครวั เรอื นทง้ั หมดในจงั หวดั และทส่ี ำ� คญั มากคอื ขอ้ มลู วชิ าการทย่ี ำ้� ถงึ ความ

ส�ำคัญของวัยเร่ิมต้นปฐมวัยต่อทุนชีวิตในวัยผู้ใหญ่และการท่ีจังหวัดมหาสารคาม มีนโยบาย จังหวัดไอโอดนี ย่งั ยนื มงุ่ สู่เด็กตักศิลา 4.0 ( Smart Kids Taksila 4.0) โรงพยาบาลสทุ ธาเวช โดยกลมุ่ งานเวชกรรมสงั คมและกลมุ่ งานกมุ ารเวชกรรม จงึ ไดเ้ สนอจัดตั้ง ศนู ย์เรยี นรู้ “สถานพฒั นาเด็กเล็ก สง่ เสรมิ นมแม่และการเรียนรู้ แบบบูรณาการ” เน้นทอ่ี ายุ 3 เดอื น—3 ปี จากสถานการณ์ครวั เรอื น เด็กบ้านเรา มคี วามเส่ียงสงู ต่อการไมไ่ ด้รบั การเล้ียงดทู ่มี คี ุณภาพ จากข้อมูลวิชาการท่ีปจั จุบนั ยืนยันถึงการเจริญเติบโตของสมองเด็กที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมากสุด โดยเฉพาะในระยะ 3 ขวบปีแรก จากการทส่ี ถานพฒั นาเด็กเลก็ ยังมีน้อยแห่งมาก ท่ีจะให้การดูแลเด็กกลุ่มน้ี และจากนโยบายจังหวัดท่ีมีความสอดคล้องกัน เน้นแนวทางดังกล่าวข้างต้น ในการจัดท�ำเป็นหนังสือเล่มนี้ ได้รับการสนับสนุน ทัง้ ด้านความรู้ และงบประมาณ จากเครือข่ายหลายภาคส่วน ดังนี้ 1. คุณศุภชัย - คณุ สงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย 2. คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม 3. มูลนิธศิ ูนย์นมแมแ่ หง่ ประเทศไทย 4. ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) 5. ส�ำนกั งานหลกั ประกนั สุขภาพเขต 7 6. คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม คณะท�ำงานศนู ย์เรยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเลก็ นมแมแ่ ละการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ 3 เดือน-3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

สารคณบดี ความเปล่ียนแปลงทางสังคมที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาวะทาง เศรษฐกจิ สงั คม เทคโนโลยที พี่ ฒั นาไปอยา่ งกา้ วกระโดด ลว้ นมผี ลกระทบตอ่ ระบบ ครอบครัวที่จะเอือ้ หนุนการดแู ลสมาชกิ ในครอบครวั ทง้ั ในดา้ นเวลาและคณุ ภาพ การเลี้ยงดู ดีใจกับเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครองท่ีมีบุตรหลานอยู่ในช่วง ปฐมวยั และภมู ใิ จทจี่ งั หวดั เรามศี นู ยเ์ รยี นรสู้ ถานพฒั นาเดก็ เลก็ สง่ เสรมิ นมแมแ่ ละ การเรยี นร้แู บบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี (สถานพฒั นาเด็กเลก็ โรงพยาบาลสุทธา เวช) แหง่ นี้เกิดข้นึ ผมต้องขอบพระคุณทา่ น ศาสตราจารยส์ ัมพันธ์ ฤทธเิ ดช อดตี อธกิ ารบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ท่ีมอบนโยบายให้แต่ละคณะจัดกิจกรรมส่งเสริมการ สรา้ งบณั ฑติ พนั ธใ์ุ หม่ ทมี่ ศี กั ยภาพนำ� พาประเทศชาตไิ ปสคู่ วามเจรญิ อยา่ งมคี วาม สขุ และขอบพระคุณ ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ พลตรีหญงิ แพทยห์ ญิงวณิช วรรณ พฤกษ์ อดตี คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ท่ีให้การสนบั สนุนโรงพยาบาลสทุ ธาเวชใน การด�ำเนินการเรื่องนี้ การสรา้ งพลเมอื งพันธุใ์ หม่ ต้องเริ่มกนั ตงั้ แต่ปฐมวัย สถานพัฒนาเด็กเล็กโรงพยาบาลสุทธาเวช น่าจะเป็นแหล่งช่วยเพาะบ่มเด็กๆ ปฐมวยั ของเราใหเ้ ตบิ โตสมวยั มีศักยภาพรอบดา้ น โดยมีนมแม่เป็นทนุ สมอง มคี รู พ่ีเลี้ยงเป็นผู้น�ำพา มีครอบครัวและชุมชนเป็นผู้เก้ือหนุน เพ่ือเติมเต็มสังคมแห่ง การเรียนรใู้ หก้ บั เด็กปฐมวยั ของเรา ขอขอบคณุ คณะทำ� งาน คณะทป่ี รกึ ษา โดยเฉพาะคณะผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ ทไ่ี ดร้ เิ รม่ิ และทมุ่ เททำ� สงิ่ นเี้ พอ่ื ลกู หลานชาวมหาสารคามและลกู หลานไทยของเรา หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ หนงั สอื เลม่ นใ้ี นมอื ทา่ น จะจดุ ประกายขยายผลใหเ้ กดิ การเรยี น รกู้ ระบวนการเล้ยี งดเู ด็กปฐมวัยทีม่ ีเปี่ยมคุณค่าร่วมกนั ผศ. นพ.เทพลักษ์ ศิริธนะวุฒิชยั คณบดคี ณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

สารผอู้ �ำนวยการโรงพยาบาลสทุ ธาเวช โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ภมู ใิ จ ทไี่ ดม้ สี ว่ นรว่ มในการพฒั นาศนู ยเ์ รยี นรสู้ ถานพฒั นาเดก็ เลก็ สง่ เสรมิ นมแมแ่ ละการ เรียนรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี (สถานพฒั นาเดก็ เลก็ โรงพยาบาลสุทธาเวช) แหง่ นข้ี นึ้ เพอื่ ใหก้ ารบรกิ ารแกบ่ ตุ รหลานบคุ ลากร และประชาชนทวั่ ไป โดยมงุ่ หวงั ทจี่ ะขับเคลอื่ น ขยายผล และตอ่ ยอดการดำ� เนินงานกบั สถานพัฒนาเด็กเล็กอน่ื ๆ ที่มีอย่ใู นจงั หวัดมหาสารคาม ผมไดเ้ ห็นถงึ ความพยายาม ความมงุ่ ม่นั ตั้งใจของทีมงาน คณะท่ีปรึกษา ผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ และผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งทกุ ทา่ น ทที่ มุ่ เทเวลา แรงกาย แรงใจ ความ คิด และประสบการณ์ต่างๆ เพื่อหลอมรวมให้เกิดศูนย์เรียนรู้แห่งน้ีด้วยประกาย ความหวังที่จะร่วมกันพัฒนาศักยภาพของสถานพัฒนาเด็กเล็กในท้องถ่ินให้เป็น พลงั สำ� คญั เคยี งขา้ งพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ในการกอ่ รา่ งสรา้ งเดก็ ไทยพนั ธใ์ุ หมท่ จ่ี ะกา้ ว ขึน้ มาเปน็ อนาคตของชาติ นบั เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั ในเบอ้ื งตน้ ทพี่ วกเราทกุ คนจะตอ้ งชว่ ยกนั ขยายผลเรอ่ื ง นไ้ี ปยงั สถานพฒั นาเดก็ เลก็ ทง้ั ในจงั หวดั มหาสารคาม ในการรองรบั ใหเ้ ดก็ ทพ่ี อ่ แม่ ผู้ปกครองไม่สามารถมีเวลา หรือไม่สามารถให้การดูแลเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพได้ เป็นการชว่ ยในการสนับสนุนการขบั เคล่ือน จังหวัดไอโอดีนยั่งยืนมุ่งส่เู ด็กตักศลิ า 4.0 ( Smart Kids Taksila 4.0) ขอขอบคณุ ทมี งาน คณะทป่ี รกึ ษา ผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ ทเี่ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ในเรอื่ งน้ี และหวงั เป็นอยา่ งยิ่งวา่ หนังสอื “เริ่มต้นอยา่ งไร ทำ� อะไรกนั บา้ งแล้ว” เลม่ น้ี จะกอ่ ให้เกดิ การต่อยอดยงั ประโยชนต์ ่อสถานพัฒนาเด็กเลก็ อ่ืนๆ ในท้อง ถิน่ จงั หวัดมหาสารคาม และทัว่ ประเทศได้ ผศ. นพ. เกรียงไกร โกวิทางกูร ผอู้ ำ� นวยการโรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

บรรณาธิการ ตัง้ ใจต้ังชือ่ “เรม่ิ ต้นอย่างไร ท�ำอะไรกนั บ้างแลว้ ” เปน็ ชื่อหนงั สือ เพราะ อยากเนน้ วา่ เปน็ เรอ่ื งของการบนั ทกึ ความเปน็ มาของการจดั ตง้ั ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถาน พัฒนาเด็ก ส่งเสริมนมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ รพ.สุทธาเวช กอง บรรณาธกิ าร คอื ทมี ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ งานของการจดั ตงั้ ศนู ยด์ งั กลา่ ว ยอมรบั วา่ เราเรมิ่ ต้นการจัดต้ัง จากต้นทุนท่ีน้อยมาก ท้ังด้านความรู้และประสบการณ์ แต่เมื่อได้ เรยี นรจู้ ากการประชุม การแลกเปลย่ี น การศึกษาดูงาน จากหลาย วทิ ยากร และ สถานท่ี แลว้ ค่อยเปน็ คอ่ ยไป เรยี นผิด เรยี นถูก จึงน�ำสู่ หนังสอื เลม่ นี้ ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร คณะท่ีปรึกษา คณะผู้ให้การสนับสนุน กอง บรรณาธิการ หวังวา่ หนงั สือจะไดถ้ กู น�ำไปใชป้ ระโยชน์ ในการเรียนรู้ ตอ่ ยอด เพือ่ ชว่ ยกนั ยกระดบั คณุ ภาพเดก็ ชาวมหาสารคาม ดว้ ยกนั ตอ่ ไป กองบรรณาธกิ ารทราบ วา่ หนังสอื เล่มนี้ยังเปน็ เพียงจดุ เร่ิมต้น การจะกา้ วสูศ่ ูนย์เรยี นรู้ เราคงตอ้ งช่วยกัน ตอ่ ยอด พัฒนาหลักสตู รตา่ งๆท่เี กยี่ วขอ้ งต่อไป ถ้ามขี ้อผดิ พลาดประการใด โปรด กรุณาให้ความเห็นและแจ้ง ตามช่องทางติดต่อด้านหลังหนังสือ ทีมงานกอง บรรณาธิการขอนอ้ มรบั ด้วยความขอบพระคุณ ปาลิตา พูลเพมิ่ สริ นิ ธร นิลวรรณาภา ปติ ิพร เบญจจนิ ดา สนุ สิ า โสภาอทุ ก ชนั ณิชา ดสี ม



สารบญั 16 บทที่ 1 ความส�ำคัญของการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ภาคท่ี 1 20 บทที่ 2 ทำ� ไมต้องมี วยั ทองของการพัฒนา 0 - 3 ปี นับวันย่ิงร้วู า่ ส�ำคัญ ศนู ย์เรียนรู้ สถานพัฒนา 24 บทท่ี 3 จุดเริม่ ต้นการจดั ตั้งศนู ยเ์ รียนรู้สถานพฒั นาเด็กเลก็ เด็กเล็ก 32 บทท่ี 4 ภาคท่ี 2 “นมแม่” จก๊ิ ซอว์สำ� คญั รากฐานการพัฒนาเดก็ 0 - 3 ปี องค์ความรู้ ท่ีสำ� คัญสำ� หรบั 38 บทท่ี 5 บูรณาการการ เรียนร้สู รา้ งประสบการณพ์ ัฒนาชวี ิต พฒั นาเด็กเลก็ ผา่ นการเลน่ แบบบูรณาการ และนมแม่

ภาคที่ 3 56 บทท่ี 6 การจัดต้งั และ การบริหารและ การบรหิ ารจดั การ การจดั ตัง้ ศูนย์เรียนรู้ 60 บทท่ี 7 การจดั สง่ิ แวดลอ้ มและ สถานพัฒนาเดก็ เล็ก กจิ กรรมในศนู ย์เรียนรู้ ภาคที่ 4 86 ตวั อย่างกิจกรรม ภาคที่ 5 การสร้างประสบการณ์เรยี นรู้ สำ� หรบั เด็กเลก็ 3 เดอื น - 3 ปี 126 ต่อยอดขยายแนวทาง สู่สถานพัฒนาการเด็กเล็ก ในจงั หวดั มหาสารคาม ภาคผนวก 132 DAYCARE STORY จากใจครพู ่ีเลย้ี ง ร่วมฝนั “ก่อรา่ งสรา้ งเด็ก”

ภาคที่ 1 ท�ำไมตอ้ งมี ศนู ยเ์ รียนรู้ สถานพฒั นา เด็กเล็ก 14 ศูนย์เรียนรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแม่และการเรียนรแู้ บบบูรณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

บทที่ 1 ความสำ�คัญของการพฒั นาเด็กปฐมวัย บทที่ 2 วัยทองของการพฒั นา 0 - 3 ปี นับวนั ยิง่ รวู้ า่ สำ�คญั บทที่ 3 จุดเริ่มตน้ การจดั ตัง้ ศูนย์เรยี นรสู้ ถานพัฒนาเดก็ เลก็ เรม่ิ ตน้ อย่างไร ทำ� อะไรกนั บา้ งแล้ว 15

บทท่ี 1 ความส�ำ คัญของ การพัฒนาเด็กปฐมวยั 16 ศนู ย์เรยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแมแ่ ละการเรียนรูแ้ บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

สถานการณส์ ำ� คัญทเี่ กิดขึ้นกับเดก็ ไทยในยุค 4.0 ช่วงวัยเด็กเล็ก เป็นช่วงวัยท่ีต้องการความเอาใจใส่ ให้ความส�ำคัญในการ เลยี้ งดอู ยา่ งมคี ณุ ภาพ เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดอ้ ยใู่ นสง่ิ แวดลอ้ มทสี่ ง่ เสรมิ การมตี น้ ทนุ สขุ ภาพ พัฒนาการและมีทักษะการจัดการความคิดท่ีดี เพ่ือสามารถต่อยอดพัฒนาสู่การ เป็นผ้ใู หญ่สุขภาพดี เป็นคนดี มีความสขุ มคี วามสามารถ ท่สี ่งผลให้เกดิ ผลลพั ธ์ การอย่รู ่วมกนั ท�ำงานเปน็ ทมี กับผอู้ นื่ ได้อย่างดี มีความคดิ สรา้ งสรรค์ และทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง ตามเปา้ หมายของประเทศในการสร้าง “คนไทย 4.0” ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบวา่ ในเดก็ อายตุ �ำ่ กว่า 5 ปที ั่ว ประเทศซง่ึ มีประมาณ 3.5 ล้านคน มีจำ� นวน ¼ คอื ประมาณ 9 แสนคน ที่ใชบ้ ริการสถานรับเล้ียงเด็กหรอื ศูนย์พัฒนาเดก็ เล็ก ซึ่งมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปน็ เจ้าภาพหลกั ในการจดั ระบบ เริ่มต้นอย่างไร ทำ� อะไรกนั บา้ งแลว้ 17

ข้อมูลการส�ำรวจ สถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2555 จดั โดยสำ� นกั งานสถิติแห่งชาติ ด้วยการสนบั สนนุ ของยนู เิ ซฟ พบว่า ศนู ย์พฒั นา เดก็ เล็กท่วั ประเทศรวมภาคเอกชนมปี ระมาณ 20,000 กว่าแห่ง แตม่ เี พียงรอ้ ยละ 67 เท่าน้ันทีผ่ ่านเกณฑ์ และส่วนใหญเ่ ปน็ ศนู ยท์ ี่ให้การดแู ลเดก็ อายุ 2 – 3.5 ปี ผลสำ� รวจพัฒนาการของเด็กไทย ใน พ.ศ. 2542-2557 พบเด็กมีพัฒนาการล่าช้า สูงถึงประมาณร้อยละ 30 ซึ่งใน จ�ำนวนน้ีร้อยละ 20 เกิดจากการเลี้ยงดูท่ีไม่เหมาะสม และ ร้อยละ 10 มีพัฒนาการล่าช้าจากความผิดปกติทางชีวภาพ ของเด็กเอง เช่น ดาวนซ์ นิ โดรม ออทิสตกิ ฯลฯ ปี พ.ศ. 2556 กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า เด็กช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 จ�ำนวนร้อยละ 10-15 อ่านไมอ่ อก เขยี นไม่ได้ 18 ศนู ย์เรยี นรู้ สถานพฒั นาเด็กเลก็ นมแมแ่ ละการเรียนรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

ปี พ.ศ. 2557 ส�ำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพ เยาวชน (สสค.) ไดร้ ายงานผลการวจิ ยั อนั ดบั ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั (IMD World Competitiveness) พบวา่ ไทยอยใู่ นอนั ดบั ท่ี 29 จาก 60 ประเทศ ซง่ึ ลดลงจากอันดบั ท่ี 27 ในปี 2556 จากข้อมูลเหล่านี้จะเห็นได้ว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันของคนไทยด้อยลง และยังอยู่ ในระดบั ท่ตี �่ำเมอ่ื เทียบกับประเทศอ่ืนๆ ในโลก จึงเป็นทีน่ า่ เปน็ ห่วงว่าทรัพยากรบุคคลของเรายังด้อย ในด้านความรู้ ความสามารถการคิดวิเคราะห์ ความสามารถการจัดการความรู้ และการมีนวัตกรรม ซงึ่ เป็นตวั ชว้ี ัดส�ำคัญในการจดั อนั ดับขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั กับประเทศตา่ งๆ จากขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ ว รฐั บาลตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ทจ่ี ะตอ้ งพฒั นาระบบการดแู ลเดก็ ปฐมวยั อย่างจริงจัง เพราะเป็นรากฐานส�ำคัญในการพัฒนาพลเมืองของประเทศให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ท่ีมี คณุ ภาพ ภาครฐั โดยกระทรวงสาธารณสขุ จงึ ไดร้ เิ รมิ่ จดั ทำ� โครงการสง่ เสรมิ พฒั นาการเดก็ เฉลมิ พระเกยี รติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารีเน่ืองในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 มเี ปา้ หมายเพ่อื ปรบั ปรงุ พฒั นาการเด็กอยา่ งเปน็ ระบบ เพอื่ แกป้ ญั หาเดก็ ไทยมีพฒั นาการและ ระดบั เชาวนป์ ญั ญาลา่ ชา้ ทง้ั ยงั เปน็ สว่ นเสรมิ ในการพฒั นาคณุ ภาพศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ วางระบบโรงเรยี น พอ่ แม่ แนวทางการโภชนาการ ระบบการตดิ ตามเฝา้ ระวงั ประเมนิ และสง่ เสรมิ พฒั นาการของเดก็ แรกเกดิ ถงึ 5 ปี โดยไดผ้ ลติ คมู่ ือเฝา้ ระวงั และส่งเสรมิ พัฒนาการเด็กปฐมวยั (Developmental Surveillance and Promotion Manual, DSPM) และคมู่ อื ประเมินและส่งเสรมิ พฒั นาการเด็กกลมุ่ เสีย่ ง (Developmental Assessment for Intervention Manual, DAIM) เพอ่ื ใชต้ ดิ ตามผลจากการเลยี้ งดู ทงั้ ดา้ นการศกึ ษา สขุ ภาพ และพฒั นาการ นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2562 รฐั บาลยังไดป้ ระกาศใชม้ าตรฐานสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ เพอื่ ใหเ้ ป็นแนวทางในการพฒั นาบริการสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ทัว่ ประเทศ โดยศูนย์เรียนรู้สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ 3 เดือน-3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ไดย้ ดึ เกณฑม์ าตรฐานดงั กลา่ ว เหล่านีใ้ นการบูรณาการแนวทางบรหิ ารจัดการมาอย่างต่อเน่อื ง เรม่ิ ตน้ อยา่ งไร ท�ำอะไรกันบา้ งแลว้ 19

บทท่ี 2 วัยทองของการพัฒนา 0 – 3 ปี นบั วนั ยิ่งรวู้ ่าส�ำ คัญ 20 ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแม่และการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

12 at 3 yr. 3 85% Source: Center on the Develloping Child, Harvard Univerrsity 1. การสรา้ งสว่ นเชอ่ื มสมอง (Synapse) ของสมอง แรกเกิดถึง 3 ปวี ยั สำ� คญั ทีส่ ุดของชวี ติ 2. การฝอ่ ของสว่ นเชอื่ มตอ่ (Synapse) ช่วงแรกเกดิ ถงึ 3 ปี เปน็ ช่วงสำ� คัญที่สุดของชีวติ เพราะเป็นช่วงท่มี ีอัตรา ของเซลล์สมองเม่ือไม่ไดใ้ ช้งาน การเจริญเติบโตสูงสุดท้ังทางด้านร่างกายและสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง 3. การเจรญิ เตบิ โตและขนาดของสมอง ในช่วงวยั นส้ี มองจะสรา้ งสว่ นเชอื่ มตอ่ (synapse) ระหว่างเซลล์สมอง (neuron) ถงึ ตามอายุ 1 ลา้ นสว่ นเชอ่ื มตอ่ /วนิ าที ไปเปน็ จำ� นวนรวมสงู สดุ ประมาณ 1,000 ลา้ นลา้ นสว่ น เชื่อมต่อเม่ือเด็กอายุประมาณ 3 ปี หลังจากนั้นจะลดลงไปเร่ือยๆ จนเมื่อเป็น ผูใ้ หญ่จะมีจ�ำนวนสว่ นเช่อื มต่อประมาณ 100 - 500 ล้านลา้ นส่วนเชื่อมตอ่ คือ เหลือเพียง 10% - 50% เทา่ นนั้ ส่วนจ�ำนวนเซลลส์ มองนนั้ ไม่ไดเ้ พิม่ มากในชว่ ง เติบโตจากเดก็ เป็นผใู้ หญ่ นอกจากน้ี สมองของเด็กอายุ 3 ปกี ม็ ีขนาดถงึ ประมาณ 85% ของขนาดของสมองผใู้ หญ่แล้ว เรมิ่ ตน้ อย่างไร ท�ำอะไรกนั บ้างแลว้ 21

Source: Ceter on the Develloping Child, Harvard Univerrsity, Alberta Family Wellness Initiative โครงสรา้ งสมองคือรากฐานสำ� คญั ของชวี ติ สว่ นเชอื่ มตอ่ จำ� นวนมากเหลา่ นเี้ ชอื่ มโยงกนั เปน็ วงจร (circuit) หรอื เครอื ขา่ ย (network) กลายเป็นสถาปัตยกรรมหรือโครงสร้างของสมอง (brain architecture) โดยที่เครือข่ายท่ีง่ายจะถูกสร้างข้ึนมาก่อน ส่วนเครือข่ายที่ซับซ้อนจะถูกสร้างใน ภายหลังบนเครือข่ายท่งี า่ ยนน้ั เป็นล�ำดบั ชนั้ ข้ึนไป โครงสรา้ งสมองนม้ี คี วามสำ� คญั เหมอื นฐานรากของบา้ นหรอื อาคาร ตวั บา้ น หรอื อาคารจะสำ� เรจ็ มนั่ คงหรอื ไมข่ น้ึ อยกู่ บั ฐานรากของบา้ นหรอื อาคารนน้ั ทำ� นอง เดียวกันโครงสร้างสมองก็เป็นฐานรากท่ีส�ำคัญของการเรียนรู้ (learning) สุขภาพ กายและใจ (physical and mental health) พฤตกิ รรม (behavior) และความสำ� เรจ็ ของชวี ติ (life success) ตลอดช่วั ชวี ติ ของคนเรา ดังนั้นการสรา้ งโครงสร้างสมองที่ ดีตั้งแตแ่ รกเกิดหรือตงั้ แต่เรม่ิ ตั้งครรภ์จึงมคี วามสำ� คญั ยิ่ง 1. การสรา้ งโครงสร้างของสมอง 2. พฒั นาการของโครงสรา้ งสมองของเด็กเปน็ รากฐานส�ำหรบั การเรียนรู้ สุขภาพ พฤตกิ รรม และความส�ำเรจ็ ในชีวติ อนาคต 22 ศนู ย์เรยี นรู้ สถานพฒั นาเด็กเลก็ นมแม่และการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

ผลตอบแทนในการลง ุทนของ ุทนท ัรพยากรม ุนษ ์ย ผลตอบแทนของการลงทนุ << การดแู ลเดก็ ปฐมวัย << การศกึ ษาระดบั อนบุ าล << การศกึ ษาระดับประถม • มธั ยม • อุดมศึกษา << การฝึกอบรม กอ่ นคลอด 0.3 4.5 โรงเรียน หลงั จบการศึกษา Heckman, james J. (2008). “Schools, Skills and Synapses,” Economic Inquiry, 46 (3): 289-324 การลงทุนดแู ลเดก็ กอ่ นคลอดและช่วง 0-3 ปี ให้ผลตอบแทนสงู สดุ การให้การศึกษาและดูแลที่มีคุณภาพแก่เด็กปฐมวัย (quality ECEC) โดยเฉพาะเดก็ ชว่ งวยั 0 - 3 ปี อยา่ งทว่ั ถงึ จงึ สำ� คญั และเปน็ ประโยชนย์ ง่ิ จากมมุ มอง ของการพฒั นาด้านสมอง การเรียนรู้ สุขภาพ พฤตกิ รรม และความส�ำเร็จในชวี ิต อีกท้ังยังเป็นการลงทุนท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุดและเท่าเทียมจากมุมมอง ด้านเศรษฐศาสตร์ เรม่ิ ต้นอย่างไร ทำ� อะไรกันบา้ งแล้ว 23

บทท่ี 3 จดุ เรม่ิ ตน้ การจัดต้ัง ศูนย์เรยี นรู้สถานพัฒนาเด็กเล็ก 24 ศูนยเ์ รียนรู้ สถานพัฒนาเด็กเลก็ นมแม่และการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

จากนโยบายของอดตี อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั มหาสารคาม มอบหมายใหแ้ ตล่ ะคณะจดั ทำ� โครงการ สนบั สนนุ บณั ฑติ พนั ธใ์ุ หม่ ทมี่ สี ขุ ภาพดที ง้ั กายใจ และมศี กั ยภาพพรอ้ มในการดำ� รงชวี ติ คณุ ภาพในศตวรรษ ท่ี 21 คณะแพทยศาสตรน์ ำ� โดย ศ. พญ.พลโท วณชิ วรรณพฤกษ์ จงึ ไดใ้ หแ้ นวคดิ กบั โรงพยาบาลสทุ ธาเวช ในการจัดท�ำโครงการท่ีจะสนบั สนนุ นโยบายดังกล่าว โรงพยาบาลสทุ ธาเวช โดยกลมุ่ งานเวชกรรมและกลมุ่ งานกมุ ารเวชกรรม จงึ ไดจ้ ดั ตงั้ ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้ขึ้น เพราะเด็กวัยน้ีเป็นวัยส�ำคัญ เป็นหน้าต่างแห่งโอกาส (window of opportunities) ซึ่งในระยะ 3 ปีแรก สมองของเด็กมีการเจริญเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ ถึงรอ้ ยละ 85 ของสมอง ผู้ใหญ่ การเลี้ยงดูและให้ประสบการณ์ที่มีความหมายต่อการเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็ก ในช่วงวัยนี้เพ่ือให้เติบโตพร้อมรับการเปล่ียนแปลงต่างๆ ท่ีถาโถมเข้ามาในศตวรรษท่ี 21 จึงเป็น ความท้าทายท่เี ราจะตอ้ งช่วยกันผ่าทางตนั ของปญั หาทปี่ ระเทศเรามีมาอย่างตอ่ เนื่อง กว่า 15 ปีในการส�ำรวจสถานการณ์พัฒนาการเด็กไทย (พ.ศ. 2542-2557) พบว่า เด็กกว่าร้อยละ 30 มีพัฒนาการล่าช้า โดย 2 ใน 3 ของเด็กกลุ่มน้ีมี พฒั นาการชา้ จากผลของการเลยี้ งดู การใหอ้ าหารไมเ่ หมาะสม เดก็ ขาดสารอาหาร หรอื ได้รบั อาหารมากไปจนมปี ญั หาโรคอว้ น การเล้ยี งดูตามใจเด็ก เดก็ ไม่สามารถ ชว่ ยเหลอื ตวั เองได้ ตดิ โทรศพั ทม์ อื ถอื การใหฝ้ กึ เขยี นและทอ่ งเพอ่ื สอบเขา้ โรงเรยี น อนุบาลดๆี ฯลฯ เรมิ่ ต้นอย่างไร ทำ� อะไรกันบา้ งแลว้ 25

http://nwnt.prd.go.th/centerweb/News/ https://www.sarakham360.com/ไอโดดนี -มหาสารคาม/ NewsDetail?NT01_NewsID=TNSOC6108230010063 ขอ้ มลู สำ� นกั งานสถติ จิ งั หวดั มหาสารคาม พ.ศ. 2560-61 พบวา่ เดก็ ปฐมวยั อายตุ ำ่� กวา่ 5 ปมี จี ำ� นวน 39,272 คนในจำ� นวนนม้ี พี ฒั นาการลา่ ชา้ ถงึ รอ้ ยละ 36.29 ซง่ึ สงู กวา่ ขอ้ มลู เฉลย่ี ของประเทศทม่ี ปี ระมาณ รอ้ ยละ 30 ครอบครวั มกี ารหยา่ รา้ ง ประมาณ 1 ใน 3 มคี รวั เรอื นทอ่ี ยใู่ นภาวะลำ� บาก มคี วามบกพรอ่ ง มปี ญั หาสขุ ภาพ ในภาพรวมจำ� นวน 44,912 ครวั เรอื น คดิ เปน็ ประมาณรอ้ ยละ 17 ของครวั เรือน ทง้ั หมดในจงั หวดั และทส่ี ำ� คญั มากคอื ขอ้ มลู วชิ าการทยี่ ำ้� ถงึ ความสำ� คญั ของวยั เรมิ่ ตน้ ปฐมวยั ตอ่ ทนุ ชวี ติ ในวยั ผใู้ หญ่ และการทจ่ี งั หวดั มหาสารคามมนี โยบาย จงั หวดั ไอโอดีนยัง่ ยนื มงุ่ สู่เด็กตักศิลา 4.0 ( Smart Kids Taksila 4.0) พ.ศ. 2560-2561 ต้นทุนครอบครัว- ครัวเรือน ชาวมหาสารคาม พบว่า “มหาสารคาม” เปน็ จังหวดั ยากจนอนั ดบั ที่ 13 ประชากร 827,494 คน เด็กอายุ ตำ่� กว่า 5 ปี ประมาณ 39,272 คน จำ� นวนครัวเรือน 265,161 ครวั เรอื น เดก็ 1 ใน 3 อยู่ในครอบครัวท่ีหย่าร้าง มีครอบครัวอยู่ในภาวะล�ำบาก บกพร่อง มีปัญหาสุขภาพ 44,912 ครอบครัว ( ร้อยละ 17)ครอบครัวมีการใช้ internet ร้อยละ 50.47 เด็กมพี ัฒนาการช้า สูงกว่าระดับประเทศ คือสูงถึงร้อยละ 36.29 26 ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถานพฒั นาเด็กเล็กนมแม่และการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

จากนโยบายมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ( พ.ศ. 2560) ขอ้ มลู ส�ำนักงานสถติ ิจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2560-61 ขอ้ มลู วชิ าการทย่ี ำ�้ ถงึ ความสำ� คญั ของวยั เรม่ิ ตน้ ปฐมวยั ตอ่ ทนุ ชวี ติ ในวยั ผใู้ หญ่ จังหวัดมหาสารคามมนี โยบาย จังหวัดไอโอดีนย่ังยืน มุ่งส่เู ด็กตกั ศิลา 4.0 (Smart Kids Taksila 4.0) การจัดต้ังศูนย์เรียนรู้สถานพัฒนาเด็กเล็กน้ี มีความต้ังใจในการพัฒนา กระบวนการเลยี้ งดตู งั้ แตก่ ารใหอ้ าหารเหมาะตามวยั อยา่ งเพยี งพอ ดว้ ยการกนิ นม แม่อย่างเดียวในระยะ 6 เดือนแรก ต่อด้วยนมแม่และอาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกว่านนั้ ใหเ้ ด็กได้อยูใ่ นกระบวนการเลยี้ งดทู ่ีมีคุณภาพ quality early education and care เสรมิ สรา้ งทกั ษะหลากหลาย ทั้งด้านสุขภาพกาย สขุ ภาพใจ ทกั ษะภาษา ทกั ษะสงั คม จริยธรรม เทคโนโลยี และทกั ษะจ�ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 ในสภาพของความจรงิ ที่ พอ่ แมผ่ ปู้ กครองไมส่ ามารถใหก้ ารเลยี้ งดไู ดเ้ พราะ ไม่มีเวลาต้องท�ำงาน หรือมีเวลาแต่ไม่รู้แนวทางหรือปฏิบัติไม่ได้ถ้าเลี้ยงเดี่ยว โครงการจึงมีความพยายามหาวิธี และม่ันใจว่าการบูรณาการวิธีการและแนวคิด การศึกษาและดูแลเด็กที่เป็นท่ีนิยมและมีประสิทธิภาพ อาทิ Montessori, High Scope, Brain-based Learning, การเล้ยี งดแู บบภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินไทย แนวทาง ของกรมอนามัย และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ที่ลว้ นมเี ป้าหมายคือ การเนน้ นักเรียนเป็นศนู ยก์ ลาง (student-centered) และเป็นแบบ active learning จะเป็นคำ� ตอบ การให้การศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัย (Early Childhood Education and Care, ECEC) แบบบรู ณาการถอื เปน็ เรอื่ งใหม่ ซง่ึ กำ� ลงั ไดร้ บั ความสนใจมาก ทงั้ ในอเมรกิ าเหนอื ยโุ รป เอเชยี และองคก์ รระหวา่ งประเทศ หากเราสามารถบรู ณาการ แนวทางตา่ งๆ ใชอ้ ปุ กรณเ์ ครอื่ งมอื ตามบรบิ ททอ้ งถนิ่ นำ� มาจดั เปน็ กจิ กรรมใชฝ้ กึ ฝน ประจ�ำวันในสถานพัฒนาเด็กเล็ก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพ เร่มิ ต้นอย่างไร ท�ำอะไรกันบ้างแลว้ 27

พลานามยั แขง็ แรง โดยเรม่ิ ตน้ จากนมแมไ่ ด้ จะยง่ิ สง่ เสรมิ พฒั นาการทางสมองของ เด็กได้อย่างเตม็ ที่ การมเี ป้าหมายใหเ้ ป็น “ศนู ยเ์ รียนรู”้ เพื่ออนาคตต่อไปจะสามารถผลิตงาน วชิ าการมาพฒั นาเปน็ แนวทางปฏิบัติท่ีดี (best practice) ผลติ หลักสตู ร และผลติ บุคลากรผู้ดูแลเด็ก รวมท้ังการขยายผลการน�ำไปใช้ในสถานพัฒนาเด็กแห่งอ่ืนๆ ในจังหวดั มหาสารคามและในจงั หวัดอ่นื ๆ ตอ่ ไป สอดคลอ้ งกับรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 ไดก้ ำ� หนดไว้ ในมาตรา 54 และมาตรา 258 จ. ด้านการศกึ ษา (1) วา่ ให้รฐั มหี น้าทีด่ ำ� เนินการ ให้เด็กปฐมวยั (นบั ตั้งแต่เป็นทารกในครรภม์ ารดา – อายุ 7 ปี ตามนิยามของรา่ ง พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย) ได้รับการดูแลและพัฒนาเพ่ือการพัฒนา รา่ งกาย จติ ใจ วินยั อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญาใหส้ มกบั วัย โดยคณะกรรมการ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั แหง่ ชาติ (ก.พ.ป.) เหน็ ชอบใหค้ ณะอนกุ รรมพฒั นาคณุ ภาพเดก็ ปฐมวัย จดั ท�ำมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาตขิ ึ้น และประกาศใชใ้ นปี พ.ศ. 2562 เป็นมาตรฐานกลางให้ทุกหน่วยงานใช้ร่วมกันในการประเมิน เพื่อ พัฒนาคุณภาพการบริการดูแลพัฒนาและจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด - กอ่ นเขา้ ประถมศกึ ษา ซงึ่ ถอื เปน็ การวางรากฐานการพฒั นามนษุ ย์ สรา้ งรากฐาน ท่ีแขง็ แรงของพลเมืองคณุ ภาพตอ่ ไป 28 ศนู ยเ์ รียนรู้ สถานพฒั นาเด็กเลก็ นมแม่และการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

ศูนย์เรียนรู้ฯ คาดหวังที่จะส่งต่อและขยายผลแนวทางในระยะแรกคือ ภายในจงั หวดั มหาสารคามบรู ณาการสถานพฒั นาเดก็ เลก็ นไ้ี ปยงั สถานพฒั นา เด็กเล็กในท้องถ่ิน ซ่ึงมีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) เป็นหน่วยงาน สำ� คญั ในการกำ� กบั ดแู ล รว่ มพฒั นาเดก็ ไทยในทอ้ งถนิ่ ใหม้ ตี น้ ทนุ เปน็ พลเมอื ง ทม่ี ีศักยภาพที่จะพฒั นาทอ้ งถ่นิ และประเทศชาตติ ่อไป เรม่ิ ตน้ อยา่ งไร ท�ำอะไรกนั บ้างแล้ว 29

ภาคท่ี 2 องค์ความรู้ ทีส่ ำ� คัญ ส�ำหรบั บูรณาการ พัฒนาเดก็ เลก็ และนมแม่ 30 ศนู ยเ์ รียนรู้ สถานพฒั นาเด็กเลก็ นมแม่และการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

บทท่ี 4 “นมแม่” จ๊ิกซอวส์ ำ�คญั รากฐานพฒั นาการเดก็ 0 – 3 ปี บทท่ี 5 เรยี นรู้สรา้ งประสบการณพ์ ฒั นาชวี ิตผา่ นการเลน่ แบบบรู ณาการ เริ่มตน้ อย่างไร ท�ำอะไรกนั บ้างแล้ว 31

บทที่ 4 “นมแม่” จิ๊กซอว์ส�ำ คัญ รากฐานพัฒนาการเดก็ 0 – 3 ปี 32 ศูนยเ์ รียนรู้ สถานพฒั นาเดก็ เลก็ นมแม่และการเรียนรูแ้ บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

นับเป็นความท้าทายในการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ของมหาวิทยาลัย มหาสารคาม ด้วยการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพ่ือรังสรรค์การเรียนรู้แบบ บรู ณาการ ชว่ งอายุ 3 เดอื น - 3 ปี ในศูนย์เรียนรูส้ ถานพัฒนาเดก็ เลก็ สง่ เสรมิ นมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ “Learning Center Daycare for Child Development : Breastfeeding Promotion and Integrated Learning” ทจี่ ดั ขึ้น โดยกลุ่มงานเวชกรรมสังคมและกลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพ่ือตอบโจทย์การพัฒนาคนและ การสร้างบณั ฑติ ใหม่โดยเร่มิ ตัง้ แตร่ ากฐานปฐมวยั การเล้ยี งลูกด้วยนมแม่ เป็นปจั จัยส�ำคญั ท่ีช่วยพฒั นาการเรยี นรู้ของเดก็ ใน ชว่ งปฐมวยั สารอาหารทเี่ หมาะสมและสมบรู ณท์ ส่ี ดุ สำ� หรบั ทารกตงั้ แตแ่ รกเกดิ อยู่ ในนมแม่ เพ่ือช่วยการเจริญเติบโตของร่างกาย สมอง เนื้อเย่ือประสาทและจอ ประสาทตา การกอดสมั ผสั และเรมิ่ ตน้ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมภ่ ายในชว่ั โมงแรกหลงั เกดิ ชว่ ยจดุ ประกายการการทำ� งานของสมอง ยง่ิ ไดน้ มแมอ่ ยา่ งเดยี วตงั้ แตแ่ รกเกดิ ถงึ 6 เดอื น และยงั คงได้นมแมต่ ่อเนือ่ ง ควบคกู่ บั อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่าน้ัน ย่ิงช่วยส่งเสริมการพัฒนาสมอง ความเฉียบคมของสายตา รวมทง้ั การสอ่ื ภาษา การสรา้ งความเขา้ ใจ และการแกป้ ญั หาในกระบวนการเรยี นรู้ อย่างต่อเน่ืองในวัยเรียน ผลงานวิจัยยืนยันว่าเด็กที่ได้นมแม่และอาหารตามวัย ท่ีมีคุณภาพอย่างเต็มที่ จะมีความฉลาดทางอารมณ์ มีบุคลิกภาพท่ีดีในอนาคต เร่มิ ต้นอย่างไร ท�ำอะไรกนั บา้ งแลว้ 33

มีระดับสติปัญญาหรือไอคิวดีกว่าเด็กที่ได้รับนมผสม หรือเด็กท่ีกินนมแม่ไม่ถึง 6 เดอื น ศูนย์เรียนรู้ “สถานพัฒนาเด็กเล็กส่งเสริมนมแม่และการเรียนรู้แบบ บูรณาการ” จึงมุ่งเน้นส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีระเบียบการรับสมัครเด็ก อายุต่�ำกว่า 1 ปี ต้องไดร้ ับนมแม่อยา่ งน้อย 6 เดือน โดยสรา้ งความเขา้ ใจกับพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และจดั “มมุ นมแม”่ ไวบ้ รกิ ารภายในศนู ยฯ์ พรอ้ มชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ การให้นมแมแ่ กเ่ ด็กท่อี ย่ใู นความดูแล เพื่อสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมีพัฒนาการอย่างเต็มท่ี “นมแม่” ส�ำคญั ตอ่ พัฒนาการสมองของลูก สมองส่วนบนหน้าสุด (prefrontal cortex) ท่ีเก่ียวข้องกับพัฒนาการด้าน การเรยี นรู้ จะโตเรว็ มากในชว่ ง 6 เดอื นแรกหลงั เกดิ ทารกทไ่ี ดน้ มแมอ่ ยา่ งเดยี ว 6 เดือนเต็ม โดยเฉพาะการดูดนมแม่บ่อยคร้ังตามความต้องการของลูก จะมี สมองส่วนบนด้านหน้าสุดหนากว่าสมองทารกที่ได้นมแม่บางส่วนหรือไม่ได้รับ นมแม่เลย 34 ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแมแ่ ละการเรยี นรูแ้ บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

นมแม่มีโปรตีนเวย์ที่ย่อยง่ายและ รา่ งกายน�ำไปใชอ้ ย่างเต็มท่ี จึงชว่ ยการ เจรญิ เตบิ โตทางรา่ งกายและสมองอยา่ ง เต็มศกั ยภาพ นมแมเ่ ปน็ แหลง่ อดุ มสมบรู ณข์ อง กรดไขมันไมอ่ ิ่มตวั เช่น DHA ซง่ึ จ�ำเปน็ ในการเคลื่อนเซลล์ประสาทและใช้ใน จดุ เชอ่ื มโยงของเซลลป์ ระสาททเ่ี พม่ิ ขนึ้ อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเจริญของ เนือ้ เยื่อจอประสาทตา การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลด ภาวะเครียดของทารก เพ่ิมพัฒนาด้าน การเรียนรู้ (Cognitive development) ท้ังในระยะส้ันและระยะยาวได้สูงกว่า กว่าการเลี้ยงด้วยนมผสม ทารกท่ีกิน นมแมม่ ี IQ เพม่ิ ข้ึน 7-10 จุด มคี วาม ฉลาดทางด้านอารมณ์ (Emotional Quotient : EQ) สงู กวา่ ทารกทไ่ี ดน้ มผสม ซึ่งสมรรถนะในการเรยี นรขู้ ัน้ สงู ขึน้ กับ ระยะเวลาของการเลย้ี งลูกดว้ ยนมแม่ เร่ิมต้นอย่างไร ท�ำอะไรกนั บ้างแลว้ 35

อย่างไรก็ดี ระดับสติปัญญาของลกู ไม่ได้ขน้ึ กบั การไดร้ ับ นมแม่และอาหารตามวยั เพียงอย่างเดยี ว แต่ยงั ข้นึ กับปจั จัย ด้านการเลย้ี งดู โดยเฉพาะการเสริมสร้างประสบการณ์ให้เหมาะ กับวยั ความอบอนุ่ ในครอบครัว รวมทั้งส่ิงแวดลอ้ มทเ่ี อื้อ ต่อพัฒนาการดา้ นการเรียนรู้ แนวปฏิบตั กิ ารเล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่ในสถานพัฒนาเดก็ เลก็ แม่หลายคนยังต้องการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ แม้จะน�ำลูกมาฝากเลี้ยงที่สถาน พัฒนาเด็กเล็ก ครูพ่ีเลี้ยงต้องสร้างความมั่นใจว่าแม่ยังคงให้นมลูกได้ด้วยตนเอง หรือมีมุมให้ลูกดูดนมจากเต้าในสถานพัฒนาเด็กเล็กได้ การจัดเตรียมการเก็บนม แม่ที่บีบไว้ต้องแตกต่างจากการเก็บนมผสมหรือนมชนิดอื่น เพื่อให้คงคุณค่าสาร อาหารภมู คิ มุ้ กนั โรค และสารชวี ภาพนานาชนดิ ไวใ้ หม้ ากทส่ี ดุ แมแ่ ละครพู เี่ ลยี้ งควร ทำ� ความเข้าใจอุปกรณ์ท่ีใช้บบี นมแม่ การบบี นมดว้ ยมืออยา่ งมีประสิทธิภาพ การ เก็บและการแช่น้�ำนมด้วยตู้เย็นที่แตกต่างกันตามระยะเวลาที่ต้องการเก็บ รู้จักวิธี การน�ำนมท่ีแช่แข็งออกมาใช้ เข้าใจเทคนิคการป้อนนมแม่อย่างถูกต้องและได้ ปรมิ าณท่ีเพียงพอกับความต้องการของทารก เน้นการป้อนนมแมใ่ หเ้ ดก็ แต่ละคน ด้วยนมแม่ของเดก็ ตนน้ันเท่านนั้ 36 ศนู ย์เรียนรู้ สถานพัฒนาเดก็ เล็กนมแมแ่ ละการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

คณะกรรมการวิชาการกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Pediatrics : AAP) ได้เสนอแนะใน ค.ศ 2011 ในการดูแลและ การใหก้ ารศกึ ษาแกเ่ ด็กเลก็ ดงั น้ี 1. จัดหลักสูตรการฝึกอบรม ท่ีครอบคลุมคู่มือการช่วยเหลือมารดาที่ เล้ียงลูกด้วยนมแม่ และวิธีการบีบนมแม่ การเก็บตุนน�ำนมและการน�ำนมแม่ท่ี แชแ่ ข็งออกมาใช้ 2. บันได 10 ข้ันท่ีเป็นมิตรกับการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ในศูนย์เด็กเล็ก เพอื่ พฒั นานโยบายและการจดั สงิ่ แวดลอ้ มที่เอ้อื ตอ่ มารดาท่เี ลี้ยงลูกดว้ ยนมแม่ 3. แนวปฏิบัติการให้อาหารทารกและเด็กเล็กและการจัดเตรียมอาหาร สำ� หรบั ทารกทกี่ ำ� ลงั กนิ นมแม่ 4. วธิ ีการจดั เก็บน้�ำนมแมแ่ ละการนำ� นมแมอ่ อกมาใช้อยา่ งถูกวิธี เริม่ ต้นอย่างไร ท�ำอะไรกนั บา้ งแลว้ 37

บทท่ี 5 เรยี นรสู้ รา้ งประสบการณ์ พัฒนาชีวติ ผา่ นการเล่น แบบบูรณาการ 38 ศนู ยเ์ รียนรู้ สถานพัฒนาเด็กเลก็ นมแม่และการเรียนรู้แบบบูรณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

เพือ่ ตอบโจทยก์ ารสรา้ งบัณฑิตพันธใ์ุ หม่ สรา้ งคนไทย 4.0 การดแู ลเด็กเลก็ วัย 3 เดือน- 3 ปี ศนู ยเ์ รยี นรู้ “สถานพฒั นาเดก็ เลก็ สง่ เสรมิ นมแมแ่ ละการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ” จงึ บรู ณาการ ปรัชญา แนวคิด ทฤษฎี และแนวทางวิธีตา่ งๆ เก่ียวกับการจัดประสบการณ์ การอบรมเลีย้ งดู เดก็ ปฐมวยั อายุ 0-3 ปี ซง่ึ เปน็ ทนี่ ยิ มไดก้ ารยอมรบั และประสบผลสำ� เรจ็ จากนานาประเทศ ไดแ้ ก่ การจดั ประสบการณต์ ามแนวคดิ มอนเตสซอรี (Montessori) การเรยี นรตู้ ามหลกั การพฒั นาสมอง (Brain-based Learning : BBL) แนวคิดการสอนแบบไฮสโคป (High Scope) การพัฒนาทักษะ สมองที่ใช้ในการควบคุมความคดิ อารมณ์ และการกระทำ� ( Executive Function : EF) โดยน�ำ จดุ เดน่ แต่ละวธิ กี ารมารวมกันและปรับใหเ้ หมาะกบั ช่วงวยั 3 เดอื น-3 ปี ภายใตบ้ รบิ ทสงั คมไทย เพ่ือไปให้ถึงเป้าหมายที่ตนเองก�ำหนดได้ที่มุ่งเน้นตรงกันคือ เด็กเป็นศูนย์กลาง รายละเอียด แต่ละแนวคดิ มีดงั น้ี เริ่มต้นอย่างไร ท�ำอะไรกันบา้ งแล้ว 39

เ กิ ด จ า ก แ น ว คิ ด ข อ ง ดร.มาเรีย มอนเตสซอรี (Maria Montessori) แพทย์ หญิงชาวอิตาลีท่ีมีความ เชื่อว่า “การใหก้ ารศกึ ษากบั เดก็ ในวัยเร่ิมต้น ไม่ใช่การน�ำ ความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควร เป็นการปลูกฝังให้เด็กได้ เจริญเติบโตไปตามความ ต ้ อ ง ก า ร ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ ของเขา” http://pracob.blogspot.com/2015/11/montessori-education.html 1. การจดั ประสบการณต์ ามแนวคิดมอนเตสซอรี (Montessori) เปน็ การจดั การเรยี นรทู้ เี่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั ใหค้ วามสนใจกบั ความตอ้ งการ ตามธรรมชาตขิ องนักเรียน สง่ เสรมิ พฒั นาการทางสมองและทักษะทางสงั คม โดย มีครูเป็นผู้จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์ได้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ให้การ แนะนำ� ใหก้ ารสนบั สนนุ ใหเ้ สรภี าพแกเ่ ดก็ ใหค้ ำ� ปรกึ ษาและสง่ เสรมิ กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ เรียนรู้ศึกษาด้วยตนเองอย่างอิสระ คิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยใชจิตของตนใน การซึมซับส่ิงแวดลอมรอบๆ ตัว เกิดความอยากรูอยากเห็น และแสวงหาความรู้ อย่างมีสมาธิ มีวินัยในตนเอง ซ่ึงท�ำให้เด็กเรียนรู้เต็มศักยภาพทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปญั ญา การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรสี ามารถ พัฒนาเด็กตั้งแตวัยทารกจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งเด็กพิเศษและ เด็กปกติ 40 ศนู ยเ์ รยี นรู้ สถานพฒั นาเด็กเล็กนมแมแ่ ละการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

มอนเตสซอรีเร่ิมต้นน�ำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กท่ีมีพัฒนาการทางสติ ปัญญาล่าช้าพัฒนามาสู่เด็กปกติ ด้วยการประดิษฐ์ส่ือวัสดุอุปกรณ์ซึ่งเป็น หวั ใจสำ� คญั ในการเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดค้ น้ พบสง่ิ ตา่ งๆ ดว้ ยตวั เอง โดยเนน้ การฝกึ ฝน ทางด้านประสาทสัมผัสจับต้อง บิดหรือหมุนด้วยมือ เพ่ือให้สมองท�ำหน้าท่ี ตอบสนองได้ เดก็ ๆ จะได้เรยี นรคู้ วามส�ำเร็จ ความล้มเหลว รู้จักแก้ไขขอ้ ผดิ พลาด ด้วยตัวเอง เกิดแรงผลักดันท่ีเด็กท�ำให้เกิดข้ึนเอง และมีระเบียบวินัยที่เกิดจาก ความเป็นอิสระของเด็ก โดยไม่จ�ำเป็นต้องมีค�ำติชมของผู้ใหญ่ หรือการให้รางวัล และการลงโทษ เริม่ ต้นอยา่ งไร ทำ� อะไรกันบา้ งแล้ว 41

ด ร . ม า เ รี ย ม อ น เ ต ส ซ อ รี ได้กล่าวถึงเด็กในช่วง 0-3 ปี ว่า “เป็นตัวอ่อนทางจิตวิญญาณ” เ ป ็ น ช ่ ว ง ส�ำ คั ญ ใ น ก า ร ก�ำ ห น ด ลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล การเรียนรู้ทางสังคม และการ พฒั นาแกน่ แทข้ องจิตวิญญาณ https://sites.google.com/site/nwathkrrmkarsuksapthmway/home/hlaksutr-kar-sxn-baeb-mxn-tes-sx-ri รปู แบบการจดั การเรยี นรหู้ รอื ประสบการณใ์ หก้ บั เดก็ 0 - 3 ปี 1. จัดสภาพแวดล้อมท่ีหลากหลายอย่างเหมาะสมกับสภาพบริบทและ ท้องถ่ินทีเ่ ด็กอาศัยอยู่ 2. ใช้วัตถุของจริง หรือของจริงที่จ�ำลองขนาดเล็กส�ำหรับเด็ก เรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์จริง สถานการณ์จริง เพ่ือสร้างประสบการณ์ตรง ไม่ควร มีส่อื ท่เี ปน็ พลาสติก 3. ให้เด็กได้ฝึกฝนการท�ำงานประสานกันของกล้ามเนื้อและระบบ ประสาทสมั ผสั ต่าง ๆ 4. ให้โอกาสเด็กได้เลือกท�ำงานด้วยตัวเอง เช่น เลือกชุดสวมใส่ และ เปิดโอกาสให้เดก็ ได้มสี ว่ นในการปฏิบัติดว้ ยตวั เขาเอง ใหร้ ูจ้ กั การพง่ึ พา ตนเอง 5. เรียนรู้ด้านภาษาด้วยส่ิงท่ีอยู่รอบตัว โดยมีผู้ใหญ่เป็นต้นแบบ อธิบาย น�ำเสนอให้ลองท�ำ ย่ิงเป็นเด็กเล็กย่ิงต้องใช้ค�ำพูดส้ันๆ ส่ือสารผ่าน เพลง ค�ำคล้องจอง บทกลอน บทกวี ด้วยสหี น้าท่าทาง ทสี่ นกุ ให้เดก็ มองทใ่ี บหนา้ ดตู า ดปู ากขณะทพ่ี ดู กบั เดก็ อยา่ งชา้ ๆ ชดั เจน ปลอ่ ยชว่ ง เวลาใหเ้ ดก็ คิด และลงมอื ท�ำ 6. ตรวจสอบความเขา้ ใจของเดก็ เชิญชวน โนม้ นา้ วใหท้ ำ� ซ�ำ้ 42 ศูนย์เรียนรู้ สถานพฒั นาเด็กเล็กนมแม่และการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรชี ่วงแรกเกิด - 3 ปี เด็กๆ จะเรยี นรู้ ผ่านจติ ซึมซบั และรับเอามาสู่ตวั เขา ผ่านประสาทรับรแู้ ละขอ้ มูลตา่ งๆ รอบตวั ช่วยสร้างและพัฒนาร่างกายของเขาเป็นตัวตนของเขา ขับเคล่ือนให้เด็กท�ำ กิจกรรมต่างๆ ผ่านมือ สอ่ื และอุปกรณ์ของจริง เดก็ เรยี นรูไ้ วดา้ นภาษา การ เคล่ือนไหว เพ่ือพัฒนาตนเอง สติปัญญาพัฒนาภาษาผ่านสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กๆ มองเห็นรอบตัวและรับเอาสิ่งต่างๆ เหล่าน้ันมาโดยการ เลยี นแบบ ผา่ นการสำ� รวจคน้ หาจากการมองและการฟงั ตอ่ จากนน้ั กช็ มิ รสชาติ ทุกอยา่ ง 2. การจดั ประสบการณ์ ตามแนวคดิ การจดั การเรยี นรู้ แบบ Brain-based Learning (BBL) เปน็ แนวคดิ ในการจดั เรยี นรสู้ ำ� หรบั เดก็ ทสี่ อดคลอ้ งกบั พฒั นาการทางสมอง งานวิจัยจากประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) ชว่ ยใหเ้ ราทราบว่า ในวยั แรก เกิด-3 ปี เป็นช่วงท่ีสมองเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด ทั้งด้านประสาทสัมผัส ภาษา และการคิด การกระตุ้นเดก็ ด้วยกจิ กรรมต่างๆ เช่น อ่านหนังสือให้ฟงั ท�ำกิจกรรม เข้าจังหวะ การเล่นกับส่ิงของ หรือการเล่นเคลื่อนไหวร่างกาย ล้วนท�ำให้เกิดการ เช่ือมโยงระหว่างเซลสมอง เป็นวงจรใหม่ๆ และการท�ำซ�้ำย้�ำทวน จะท�ำให้วงจร สร้างใหม่เหล่าน้ีแข็งแรงข้ึน เราเรียกการพัฒนาแบบน้ีว่า การพัฒนาที่ขึ้นกับ ประสบการณ์ (experience-dependent development) หมายความวา่ ถา้ เดก็ ได้รับ การกระตนุ้ ดว้ ยประสบการณเ์ หลา่ นี้ เซลสมองจะเพมิ่ ความหนาแนน่ มากขนึ้ สรา้ ง วงจรใหม่มากขึ้น ส่งผลให้เด็กมีพฒั นาการท่ีดีขน้ึ ในด้านท่เี ก่ยี วข้อง ในทางกลับกนั ถา้ เดก็ ไมไ่ ดร้ บั การกระตนุ้ ทเี่ หมาะสม ถกู ปลอ่ ยใหอ้ ยใู่ นสง่ิ แวดลอ้ มทแ่ี หง้ แลง้ หรอื ถกู ทอดทงิ้ สมองกจ็ ะตดั เซลทไี่ มใ่ ชท้ ง้ิ ไป สร้างวงจรใหมๆ่ นอ้ ยกว่าเดก็ ปกติ นำ� ไป สพู่ ฒั นาการลา่ ชา้ หรอื มีปญั หาในทสี่ ดุ ดว้ ยเหตนุ ้ี แนวคดิ BBL สำ� หรบั เดก็ แรกเกดิ -3 ปี จงึ ตอ้ งการสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ ม ทเ่ี ดก็ ไดร้ บั ประสบการณท์ หี่ ลากหลายและมคี ณุ ภาพ (rich environment) ทงั้ ในดา้ น เรม่ิ ต้นอยา่ งไร ทำ� อะไรกนั บ้างแล้ว 43

สมั ผัส ภาษา และการคดิ เพอ่ื พฒั นาสมองเด็กในวัย 0-3 ขวบ การจัดกจิ กรรมใน สถานพฒั นาเดก้ เลก็ จงึ ควรมบี ทบาทในการจดั ประสบการณ์ และกระตนุ้ พฒั นาการ ใน 3 ด้านท่ีสำ� คัญต่อไปน้ี ไดแ้ ก่ 1. พัฒนาการด้านประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ (sensory-motor development) สมองสว่ นทเี่ ตบิ โตเรว็ ทส่ี ดุ ในวยั นคี้ อื สมองสว่ นรบั ภาพ เสยี ง สมั ผสั และเคลอ่ื นไหว มหี ลกั การทำ� งานของสมองทว่ี า่ ภาพ เสยี ง สมั ผสั คอื จดุ เรม่ิ ตน้ ของ การเรยี นรทู้ งั้ หมด เดก็ จะตอ้ งสามารถรบั ภาพ เสยี ง สมั ผสั ประมวลผลและตคี วาม ได้อย่างถูกต้อง จึงจะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดี ดังน้ัน เด็กในวัยนี้ควรได้ท�ำ กจิ กรรมทมี่ สี มั ผสั หลากหลาย เชน่ ไดส้ มั ผสั ผา้ ทมี่ พี นื้ ผวิ หลายแบบ ไดเ้ ลน่ ของเลน่ ท่ีมีหลายรูปทรง ฟังเสียงดนตรีหลายๆแบบ เล่นฟองสบู่ เล่นกับแบบรูปของสี เป็นต้น ถ้าเด็กได้รับประสบการณ์เหล่านี้ สมองท่ีท�ำหน้าที่รับข้อมูลผ่านทาง ประสาทสัมผัส ก็จะท�ำงานเป็นปกติ ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ทุกชนิดในภายหลัง นอกจากนี้ เดก็ ควรได้ทำ� กจิ กรรมเคลอื่ นไหวกลางแจ้ง (outdoor play) เคลอ่ื นไหว ประกอบดนตรี (Brain exercise) และจะดีที่สุดถ้าเป็นกิจกรรมแบบกลุ่ม (group activites) เพราะเด็กจะไดพ้ ัฒนาทักษะ EF ควบคู่ไปด้วย (ดคู �ำอธิบายขอ้ 3 เกีย่ ว กับ EF) 2. กระตนุ้ พฒั นาการทางภาษา (language development) หนงั สอื นทิ าน บทคล้องจอง บทเพลง เร่ืองเล่า และบทสนทนาท่ีผู้ใหญ่พูดกับเด็ก นับเป็นการ กระตุ้นวงจรภาษาของเด็กทั้งสิ้น เด็กรับรู้เสียงของแม่ต้ังแต่อยู่ในท้อง สามารถ แยกแยะคำ� และหนา้ ทข่ี องคำ� ตา่ งๆ ทไี่ ดย้ นิ ตงั้ แตข่ วบแรก เดก็ จะเรมิ่ สะสมคำ� ศพั ท์ และลกั ษณะประโยคผ่านการฟงั แมว้ ่าจะยงั ไม่สามารถพูดออกมาได้ และจะเรยี น รู้ได้ดีมากถ้าประสบการณ์น้ันเป็นปฏิสัมพันธ์แบบ “ส่ง-รับ” (serve & return) ประสบการณ์เหล่าน้ีท�ำให้สมองคุ้นเคยกับภาษา และประมวลผลข้อมูลอย่างมี ประสิทธิภาพมากขน้ึ กล่าวคอื สมองแตล่ ะสว่ นจะเริ่มท�ำงานท่เี ฉพาะทาง รวดเรว็ และแม่นยำ� มากข้ึน งานวจิ ยั พบวา่ ยงิ่ เด็กรูค้ ำ� ศัพท์มากในวัยน้ี ก็จะย่งิ มีทกั ษะการ ฟงั พูดอา่ นเขียนทดี่ ีเมอ่ื อายุ 10 ปี 3. พัฒนาการดา้ นการคิดและการควบคุมตัวเอง (executive function & self-regulation) สมองสว่ นนมี้ คี วามสำ� คญั อยา่ งยงิ่ ตอ่ ความสามารถในการเรยี น รขู้ องเดก็ เพราะเปน็ สมองทที่ ำ� หนา้ ทค่ี วามจำ� ขณะคดิ สมาธิ การจดจอ่ การควบคมุ ตัวเอง ความยืดหยุ่นในการคิด และการคิดวิเคราะห์ใช้เหตุผล เด็กสามารถเริ่ม 44 ศูนยเ์ รียนรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแมแ่ ละการเรียนร้แู บบบูรณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

พฒั นาทักษะเหล่าน้ตี งั้ แต่วัยทารก ผา่ นกจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ การเลน่ จะ๊ เอ๋ ซ่อนของ บทบาทสมมตุ ิ เลน่ เลยี นแบบ เลน่ เกมทใ่ี ชม้ อื เพลงตา่ งๆ และเกมปรศิ นาอยา่ งงา่ ย กิจกรรมเหล่านี้จะได้ผลสูงสุดเมื่อมีการท�ำอย่างต่อเนื่อง มีความท้าทายและยาก เลก็ นอ้ ยสำ� หรบั เดก็ เปน็ กจิ กรรมทเ่ี ดก็ สนใจ ปจั จบุ นั ในประเทศไทยพบวา่ เดก็ เกอื บ 1 ใน 3 มพี ฒั นาการ EF ท่ลี ่าช้า ซ่งึ อาจทำ� ใหเ้ กดิ ปัญหาการปรบั ตัวและเรยี นรู้ใน ช้นั อนุบาล ไปจนถึงชัน้ ประถมได้ การเน้นพัฒนา EF ในช่วงปฐมวยั จงึ ย่งิ มีความ ส�ำคญั หลักการทำ� งานของสมอง (BBL Key Principles) สมองต้องการ ท้ังอาหารกาย และอาหารใจ สมองเรยี นรู้และ สมองเรียนรู้ จดจำ�ผา่ นการลงมอื จากการสมั ผัสตรง ทางตา หู จมูก ลิ้น ปฏิบตั จิ ริง แลว้ กายสัมผสั และใจ ฝึกฝนจนเกิดทกั ษะ ความชำ�นาญ และคน้ พบตนเอง สมองเรยี นรู้ สมองรยี นรแู้ ละ จากของจริง จดจำ�ได้ดเี มอ่ื สมอง ไปหาสัญลกั ษณ์ จากงา่ ยไปยาก ส่วนอารมณ์ Limbic system เปิด สมองมีวงจรหลกั สำ�หรับ การเรียนรู้ 2 วงจร คือ แบบต้งั ใจและไมต่ งั้ ใจ เรม่ิ ต้นอย่างไร ท�ำอะไรกันบา้ งแลว้ 45

จุดเนน้ การจัดประสบการณ์ กระตนุ้ พฒั นาการ 3 ด้านส�ำคัญ BBL 1 2 3 พฒั นาการ กระตุ้นพฒั นาการ พัฒนาการด้านการคิด ด้านประสาทสมั ผัส ทางภาษา และการควบคุมตัวเอง (language (executive function & และกล้ามเนอ้ื (sensory-motor development) self-regulation) development) 3. ไฮสโคป (High Scope) แนวคิดการสอนแบบไฮสโคป (High Scope) ทีม่ าจากโรงเรียนการสอนแบบ ไฮสโคป High Scope โดย ดร.ไวคารต์ (Dr.David Weikart) ประธานมูลนธิ วิ จิ ยั การ ศึกษาไฮสโคป (High Scope Educational Research Foundation) เปน็ ผู้รเิ ริม่ และ พฒั นารว่ มกับคณะ นกั วิชาการและนกั วิจยั อาทิ แมรี่ โฮแมน (Marry Hohmann) และ ดร.ชไวฮาร์ต (Dr.Larry Schweinhart) จากโครงการเพอรี่ พรี สคูล (Perry PreSchool Project) ตัง้ แต่ พ.ศ.2505 เป็นรูปแบบการสอนทเ่ี น้นการเรียนรูแ้ บบ ลงมือท�ำผ่านมุมเล่นท่ีหลากหลาย จัดห้องเรียนท่ีเหมาะกับการเรียนรู้ของเด็ก ด้วยส่ือและกิจกรรมท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่าง กระตือรือร้น โดยให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่างๆ อย่างอิสระ เด็กจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงท�ำให้เกิดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และร้จู ักลงมอื แกป้ ัญหาด้วยตนเอง 46 ศนู ย์เรียนรู้ สถานพัฒนาเด็กเล็กนมแม่และการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ 3 เดอื น – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

แนวการสอนแบบไฮสโคป (High Scope) ใช้หลักปฏบิ ตั ิ 3 ประการ คือ 1. การวางแผน (Plan) คือ การ ผลที่ได้ เด็กมีโอกาสเลือกและ ก�ำหนดแนวทางการปฏิบัติ ซ่ึง ตัดสินใจ ช่วยส่งเสริมความรู้สึก เปน็ การสนบั สนนุ ความคดิ การเลอื ก เช่ือม่ันในและความรู้สึกในการ และการตัดสินใจของเด็กทชี่ ัดเจน วา่ ควบคมุ ตนเอง ทำ� ใหเ้ ดก็ สนใจการ จะทำ� อะไร อยา่ งไร เล่นที่ตนเองได้วางแผนไว้ 2. การปฏิบตั ิ (Do) คอื การลงมือท�ำ ผลท่ีได้ เด็กมีการพัฒนาการพูด กิจกรรมตามแผนท่วี างไว้ เปน็ ส่วนที่ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหาร่วมกัน เดก็ แตล่ ะคนมวี ธิ กี ารคดิ ใชเ้ หตผุ ล อย่างมีจุดมุ่งหมาย ได้เรียนรู้ตาม และใช้ความรู้ในการแก้ปัญหา ประสบการณ์ ค้นพบความคิดใหม่ๆ หลากหลายแบบ รู้จักตัดสินใจ และท�ำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตาม เวลาที่ก�ำหนด โดยมีครูเป็นผู้ให้ ค�ำแนะน�ำ อํานวยความสะดวก สนับสนุน และช่วยเหลือในจังหวะท่ี เหมาะสม 3. การทบทวน (Review) เดก็ ๆ จะ ผลที่ได้ เด็กได้เช่ือมโยงแผนการ เลา่ ถงึ ผลงานทต่ี นเองไดล้ งมอื ทำ� เพอื่ ปฏบิ ัตงิ านกับผลงานที่ท�ำ ทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงาน ชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ฝึกการเล่าเรื่อง การ ตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการ บรรยาย ฝึกความสามารถในการ เปลี่ยนแปลงอย่างไร แสดงใหผ้ ูอ้ ่นื เหน็ เขา้ ใจประสบการณ์ของตนเอง ทําให้เด็กนึกย้อนไปยังเป้าหมาย เดมิ ท่ตี งั้ ไว้ เริม่ ต้นอยา่ งไร ทำ� อะไรกนั บา้ งแลว้ 47

การไดเ้ ลน่ ของเดก็ คอื ความตอ้ งการทจ่ี ะสาํ รวจ ทดลอง ประดษิ ฐ์ สรา้ งสรรค์ และเลยี นแบบ ดงั นนั้ เมอื่ เดก็ ไดว้ างแผน การเลน่ หรอื กจิ กรรมนนั้ จงึ มลี กั ษณะ ท้ังการทํางานที่จริงจังและการเล่นที่มีความสนุกสนาน สร้างสรรค์อย่างเป็น ธรรมชาติ 4. Executive Functions (EF) ชุดทกั ษะเพ่อื การทำ� หน้าท่กี ารงานให้ส�ำเร็จ Executive Function : EF คอื กระบวนการทางจติ ทีท่ ำ� ให้เราสามารถท�ำสง่ิ ตอ่ ไปน้ไี ดส้ �ำเรจ็ • วางแผนการงานลว่ งหน้าและบรรลุเปา้ หมาย • ควบคมุ ตนเอง • เพ่งความสนใจ แมจ้ ะมีสิ่งรบกวน • จำ� คำ� สัง่ ข้ันตอนต่างๆ ของงาน แมจ้ ะถูกขดั จงั หวะ • สับเปลย่ี นงานหลายๆ งาน 48 ศูนยเ์ รยี นรู้ สถานพัฒนาเด็กเลก็ นมแม่และการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ 3 เดือน – 3 ปี โรงพยาบาลสทุ ธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

EF ประกอบด้วยทักษะพืน้ ฐาน 3 ทักษะคอื 1. ความจ�ำขณะท�ำงาน (working memory) คือความ สามารถในการจ�ำข้อมูลในใจช่ัวขณะ แล้วใช้ข้อมูลนั้นเพ่ือ ทำ� งานบางอยา่ งตวั อยา่ งเชน่ เดก็ จำ� หมายเลข ลำ� ดบั การสรา้ ง โมเดลบ้าน แลว้ มาท�ำชนิ้ งานสำ� เรจ็ 2. ความยดื หยนุ่ ในการรจู้ ำ� (cognitive flexibility) คอื ความ สามารถในการคดิ ถงึ เรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ มากกวา่ 1 วธิ ี หรอื ความ สามารถในการเรยี นรเู้ รอื่ งใหมโ่ ดยไมล่ ำ� บาก ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ สามารถเลือกเดินเครอื่ งเล่นไดห้ ลายทาง 3. การควบคุมเชิงยับย้ัง (inhibitory control) คือ ความ สามารถในการเพิกเฉยต่อสิ่งท่ีท�ำให้ไขว้เขวและอดทนต่อ ส่ิงเย้ายวน ตัวอย่างเช่น เด็กใช้ทักษะนี้ในการไม่พูดโพล่ง ค�ำตอบออกมาในห้องแม้ตัวเองจะรู้ก็ตาม ทักษะนี้ช่วยให้ เดก็ ควบคมุ อารมณต์ นเองและหลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมทม่ี ลี กั ษณะ หนุ หนั พลนั แลน่ ผลวิจยั หลายแห่งระบวุ ่า เด็กท่ีมี EF ดี จะมคี วามพรอ้ มทางการเรียนมากกวา่ เดก็ ท่ี EF ไม่ดี และประสบความส�ำเร็จได้ในการเรียนทุกระดับ จนกระท่ังในการท�ำงาน เด็กท่ีหยุดได้ ไตรต่ รองเปน็ ไมห่ นุ หนั พลนั แลน่ มเี ปา้ หมาย และทำ� ตามเปา้ หมายใหส้ ำ� เรจ็ จะทำ� ใหเ้ ขาประสบ ความส�ำเร็จเม่ือโตขึ้น หากผู้ใหญ่เข้าใจในการเรียนรู้ของเด็ก ผู้ใหญ่จะสามารถวางแผน และ ประเมินเพอื่ จดั ประสบการณ์ ทีส่ ง่ เสริมพฒั นาการของเดก็ ไดอ้ ย่างเหมาะสม เรม่ิ ต้นอย่างไร ทำ� อะไรกันบา้ งแลว้ 49