Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

Published by Mussaya Hongsibpad, 2021-09-08 15:40:29

Description: วิทยาการคำนวณ ป.1 ปีการศึกษา 1/2564

Search

Read the Text Version

5. สญั ลกั ษณข์ ั้นตอนการแกป้ ัญหา จดุ เร่ิมต้นหรอื สน้ิ สุด ค. ก. ข. 6. ข้อใดเปน็ การใช้สญั ลักษณ์แทนความหมายว่า เลี้ยวขวา ก. ข. ค. 7. กาหนดให้ =1 =2 ถา้ ก. 1 1 1 ข. 2 8. สงั เกตภาพ ค. 3 จดุ แตกตา่ งของภาพทง้ั สอง มีกจี่ ดุ ก. 4 จุด ข. 5 จุด ค. 6 จุด

9. จากภาพ นักเรียนจะพาลิงไปกินกล้วยไดอ้ ยา่ งไร โดยใชค้ าสั่งดงั น้ี เดนิ เดิน ซำ้ ย ขวำ เดิน เดนิ ข้นึ ลง ก. ค. ข. ค. 9. อุปกรณใ์ ดท่ไี มค่ วรจดั ใส่กระเป๋านกั เรยี น ก. ข. เฉลย 1.ก 2.ค 3.ข 4.ค 5.ก 6.ก 7.ค 8.ข 9.ข 10.ค

แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 กำรแก้ปญั หำอย่ำงเป็นขั้นตอน เวลำ 10 นำที คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นวง  ลอ้ มรอบตัวอกั ษร ก,ข และ ค หนา้ คาตอบที่ถูกตอ้ ง 1. จากภาพ ภาพใดเปน็ ภาพทป่ี ระกอบกนั แล้ว จะมีลักษณะเหมอื นภาพเตม็ น้ี 1. ข. ค. 2. จากภาพด้านล่าง ภาพใดแตกต่างจากภาพอ่ืน ก. ข. ค. 3. จากภาพ ภาพใดมขี นาดเท่ากบั ภาพน้ี ก. ข. ค. ค. โมโห 4. สัญลกั ษณ์นี้ แสดงถึงอารมณ์ใด ก. เสียใจ ข. ดีใจ

5. สัญลักษณ์ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา ปฏิบตั ิ ค. ก. ข. 6. ข้อใดเปน็ การใชส้ ญั ลกั ษณ์แทนความหมายว่า เลี้ยวซ้าย ก. ข. ค. 7. กาหนดให้ =1 =2 ถ้า ก. 1 1ข. 2 ค. 3 8. สงั เกตภาพ จุดแตกต่างของภาพท้ังสอง มกี จี่ ุด ข. 5 จดุ ค. 6 จดุ ก. 4 จดุ

9. จากภาพ นักเรียนจะพาผ้ึงกลับรังไดอ้ ย่างไร โดยใชค้ าสั่งดงั น้ี เดนิ เดนิ ซำ้ ย ขวำ เดิน เดิน ขึ้น ลง ค. ก. ข. ค. 10. อุปกรณ์ใดท่ีไม่ควรจัดใส่กระเปา๋ นักเรยี น ก. ข. เฉลย เฉลย 1.ข 2.ค 3.ก 4.ก 5.ค 6.ก 7.ค 8.ข 9.ข 10.ค

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง วิธีกำรแก้ปัญหำ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 2 กำรแก้ปญั หำอย่ำงเป็นข้ันตอน ระยะเวลำ 2 ชว่ั โมง กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ (เทคโนโลยีวทิ ยำกำรคำนวณ) ช้ันประถมศึกษำปที ่ี 1 1. มำตรฐำน/ตวั ชว้ี ดั 1.1 ตัวช้วี ดั ว 4.2 ป.1/1 แก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชก้ ารลองผิดลองถูก การเปรยี บเทียบ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. แกป้ ัญหาโดยใชก้ ารลองผิดลองถูกได้ (K) (P) 2. เปรยี บเทียบโดยการสังเกตวัสดทุ ม่ี ีความแตกต่างกันได้ (P) 3. ยกตวั อยา่ งวิธกี ารแกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวันได้ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ การแกป้ ัญหาให้ประสบความสาเรจ็ ทาได้โดยใชข้ ั้นตอนการแก้ปญั หา 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ปัญหาแตล่ ะปัญหามีวธิ ีการแก้ทแี่ ตกต่างกัน การลองผิดลองถูกและการเปรียบเทียบเป็นวิธีการหน่ึงท่ีนาไปสู่ การแก้ปัญหา 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 1) ทักษะการคิดเชิงคานวณ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทกั ษะการสือ่ สาร 4) ทักษะการทางานร่วมกนั 5) ทักษะการนาความรู้ไปใช้ 6) ทกั ษะการแก้ปัญหา

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรียนรู้  แนวคดิ /รปู แบบกำรสอน/วธิ กี ำรสอน/เทคนิค : กำรลองผดิ ลองถกู ช่วั โมงท่ี 1 ขนั้ นำ 20 นำที 1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื งการแก้ปญั หาอย่างเป็นข้ันตอน จานวน 10 ข้อ 3 ตวั เลือก เวลา 10 นาที 2. ครใู ห้นักเรียนเลน่ กิจกรรมที่ 1 โดยครชู ี้แจงกตกิ าดังนี้ 2.1 ให้นักเรยี นจบั ลูกบอลในกล่อง แลว้ ดสู ขี องลกู บอลทีต่ นเองจบั ได้ 2.2 ใหน้ ักเรยี นนาลูกบอลไปใสใ่ นกล่องให้ตรงตามสที ่ตี นเองจับได้ โดยให้เดินผา่ นทางเดนิ ทกี่ าหนดให้ 2.3 นกั เรียนเลือกเส้นทางการเดนิ ทางเอง โดยมีเงอ่ื นไขวา่ ให้เดินไดเ้ ฉพาะชอ่ งทม่ี รี อยเท้า 2.4 ถา้ นักเรยี นเดินเหยยี บระเบดิ ใหย้ อ้ นกลับมาท่จี ุดเร่ิมตน้ 3. ครูให้นกั เรียนออกมา 5 คนเพือ่ เลน่ เกมในรอบที่ 1 ครูให้นกั เรียนส่มุ หยบิ ลกู บอล แล้วนาไปวางใส่กล่อง จากนั้น ให้ไปยืนอย่ขู า้ งหลงั กลอ่ ง 4. เมอ่ื นกั เรียนเลน่ เกมครบทุกคน ครูใหน้ กั เรยี นจัดกลุ่ม โดยแบง่ ตามสลี กู บอลท่ีนักเรียนจบั ได้ ขนั้ สอน 40 นำที 1. ครูใหน้ ักเรียนเขา้ ตามกลมุ่ ครูชีแ้ จงกจิ กรรมที่ 2 ว่า ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาส่ิงของต่างๆ ในตะกร้าไปใส่ลงใน กล่องให้ครบทกุ ชนิ้ 2. ครชู แี้ จงกติกาการทากจิ กรรมดงั นี้ 2.1ผู้เลน่ คนที่ 1 ของทีม หยบิ วตั ถุ 1 ชน้ิ 2.2 นาวัตถุไปใส่ในกล่องของกลุ่มตวั เอง โดยมีเง่อื นไขว่าใหเ้ ดนิ ผา่ นชอ่ งทีม่ ีรอยเท้าเทา่ นนั้ 2.3 ถา้ นกั เรยี นเดนิ ไปช่องท่มี ีระเบดิ ต้องย้อนกลับมาท่จี ดุ เร่ิมต้น

2.4 เม่อื ผ้เู ลน่ คนท่ี 1 นาวัตถุใสล่ งไปในกลอ่ งซงึ่ กลอ่ งจะมีช่องที่มีลักษณะแตกต่างกัน ให้นักเรียนหา ชอ่ งทสี่ ามารถใสว่ ตั ถุนัน้ ลงไปในกล่องให้ได้ 2.5 เม่ือผู้เลน่ คนท่ี 1 ใส่วัตถลุ งในกลอ่ งเรยี บร้อย ให้เดนิ กลับมา โดยเดินผ่านช่องที่เป็นรอยเท้า เพ่ือ มาแตะมือกบั ผเู้ ลน่ คนที่ 2 2.6 ผู้เล่นคนท่ี 2 ก็ทาเชน่ เดนิ กลบั ผ้เู ลน่ คนที่ 1 และทาไปเร่ือยๆ จนถึงผ้เู ล่นคนสดุ ทา้ ย 2.7 ทมี ไหนใส่วัตถคุ รบทุกชิน้ เปน็ ทีมแรก ถือวา่ เป็นผชู้ นะ 3. ครูใหน้ ักเรียนลงมือปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 4. เม่ือนักเรียนทากิจกรรมครบเรียบร้อยแล้ว ครูจึงถามคาถามกับกลุ่มที่ชนะว่า นักเรียนใช้วิธีการอย่างไร จึงทา ให้นาวัตถุไปใส่กลอ่ งได้ครบในเวลาท่ีรวดเรว็ (แนวคำตอบ พจิ ำรณำคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน) 5. ครสู ุม่ ถามนักเรยี นวา่ นกั เรียนใช้เวลาเดนิ จากจุดเรมิ่ ต้น ในกิจกรรมที่ 1กบั กจิ กรรมที่ 2 แตกต่างกันหรอื ไม่ (แนวคาตอบ แตกต่างกัน เพราะรอบแรกใช้เวลานานกว่าเนื่องจากยังไม่รเู้ สน้ ทาง รอบท่ี 2 เดนิ ไดเ้ ร็วข้ึนเพราะรู้ เสน้ ทางการเดิน) 6. ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ ว่าเพราะรอบแรกนักเรียนยังไม่ทราบเสน้ ทางเลยทดลองเดนิ ไปหลายทางอาจเดนิ ถูกทางบ้าง ผิดทางบ้างหรือเดินเหยยี บระเบดิ บา้ ง จงึ ทาให้ใชเ้ วลานาน แต่รอบที่ 2 นักเรยี นได้เรยี นรู้จากรอบแรกแล้ว นกั เรียน ทราบเส้นทางทจ่ี ะเดินแลว้ ทาใหเ้ ดินไดเ้ ร็วขน้ึ 7. ครถู ามนักเรยี นวา่ นักเรียนสามารถนาวัตถุใส่กล่องได้อย่างไร (แนวคาตอบ ลองใส่วัตถลุ งไปในช่องตา่ งๆ ใส่ไปเร่ือยๆ จนกวา่ จะเจอช่องท่ีพอดแี ละใสว่ ตั ถนุ ้นั ลงไปได้ 8. ครถู ามนักเรียนวา่ ใครคดิ ว่าตวั เองใส่วัตถุลงไปในกล่องใชเ้ วลานานทสี่ ดุ และเพราะอะไรจึงใชเ้ วลานาน (ครใู ห้ นักเรยี นยกมือ สมุ่ ตอบคาถาม2 - 3 คน) (แนวคาตอบ พิจารณาคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู ้สู อน) 9. ครเู ทวตั ถุออกจากล่องลงตะกร้า แล้วให้นกั เรยี นหยิบวตั ถชุ นิ้ เดิมหรือลกั ษณะเหมือนเดมิ ท่ตี นเองจบั ใสก่ ล่องใน รอบ 10. ครใู ห้นกั เรียนนาวตั ถุใส่ลงไปในกลอ่ งนัน้ อกี รอบ 11. ครสู ่มถามนักเรียน 2-3 คนท่ตี อบคาถามว่าตนเองนาวตั ถลุ งใสใ่ นกล่องชา้ วา่ รอบนน้ี ักเรียนนักเรยี นใส่วัตถุ ไดเ้ ร็วขน้ึ หรอื ไม่ และเพราะอะไร (แนวคาตอบ ได้เรว็ ข้ึนเพราะว่าเคยใสไ่ ปแลว้ เลยจาไดว้ ่าใสไ่ ปทชี่ อ่ งไหน ไม่ตอ้ งทดลองหลายๆ คร้ังเหมือนรอบ แรก

12. ครใู ห้นักเรยี น ดภู าพที่ 2.2 การลองผดิ ลองถูก หน้า 25 หนังสือเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.1 13. ครูสนทนากับนักเรยี นว่า จากภาพจะเห็นว่า มีวัตถุ 2 ชน้ิ และชอ่ ง 2 ช่องทมี่ ีลักษณะตา่ งกนั เขาต้องทดลอง หลายครงั้ กว่าจะสามารถใส่วัตถุให้ลงไปพอดชี ่องได้ เช่นเดียวกบั ที่เรานาวตั ถใุ ส่ลงไปในกลอ่ งบางคร้ังเราต้องทดลอง หลายครง้ั กว่าจะใส่ได้ วิธกี ารนค้ี อื การลองผิดลองถูก ซึง่ เป็นการแก้ปัญหา 14. ครอู ธิบายจากหนงั สือเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.1 หน้า 25 ว่า การลองผิดลองถกู คือการแกป้ ญั หา โดยการทดลอง เหมาะสาหรับปญั หาทย่ี งั ไม่ทราบแนช่ ัดถึงวธิ กี ารแกป้ ัญหา อาจตอ้ งใชเ้ วลาในการทดลองหาวิธี แก้ปญั หาหลายๆ วิธี จนกว่าจะประสบความสาเรจ็ ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั สอน (ต่อ) 50 นำที 1. ครูทบทวนความรู้เดิมชั่วโมงที่แล้วโดยถามว่า หากนักเรยี นเจอปัญหาแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงวิธีการแก้ปัญหา นกั เรยี นจะใช้วิธกี ารแก้ปัญหาอยา่ งไร พรอ้ มบอกเหตุผล (แนวคำตอบ แกป้ ญั หำโดยกำรลองผดิ ลองถูก เพรำะเป็นกำรแกป้ ญั หำทีต่ ้องทดลองหำวธิ ีแก้ปัญหำหลำยๆ วธิ ี จนกว่ำจะประสบควำมสำเร็จ) 2. ครนู าบัตรภาพ 3 ภาพตดิ ไว้หน้ากระดาน ได้แกภ่ าพกลว้ ย แตงโม ส้ม ครใู หน้ ักเรียนสังเกตภาพ 3. ครูถามนกั เรยี นดังน้ี 3.1 แตงโมกบั ส้มเหมอื นกนั อยา่ งไร (แนวคำตอบ เปน็ ผลไมเ้ หมือนกัน รูปร่ำงทรงกลมเหมือนกัน) 3.2 แตงโมกบั สม้ ตา่ งกนั อยา่ งไร (แนวคำตอบ สม้ สสี ้มแตงโมสีเขียว แตงโมลูกใหญ่กวำ่ ส้ม) 3.3 กล้วยกบั แตงโมเหมือนกันอย่างไร (แนวคำตอบ เป็นผลไม้เหมือนกนั ) 3.4 กลว้ ยกับแตงโมตา่ งกนั อย่างไร (แนวคำตอบ แตงโมรปู ร่ำงทรงกลม กล้วยรปู รำ่ งทรงรียำว) 3.5 ถ้าครใู ห้นักเรยี นเปรียบเทียบผลไม้ทง้ั 3 ชนดิ นกั เรยี นคิดว่าผลไมช้ นิดไหนรปู ร่างแตกตา่ งจากชนดิ อื่น และเพราะอะไร

(แนวคำตอบ กลว้ ย เพรำะจำกกำรสังเกตกลว้ ยมีรปู ร่ำงรยี ำว สว่ นสม้ กับแตงโมมีรปู รำ่ งกลมเหมือนกัน) 4. ครใู หน้ กั เรยี นจบั กลมุ่ ละ 3-4 คน และครแู จกใบงาน เรื่อง การเปรยี บเทียบ 5. ครใู หน้ ักเรียนสังเกตภาพต่างๆ ทีอ่ ยู่ในใบงาน ให้นักเรียนโยงเสน้ จบั คูภ่ าพเงาให้ถูกต้อง 6. นกั เรียนลงมอื ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในใบงาน 7. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง 8. ใหน้ ักเรียนทากิจกรรมตอนท่ี 2 โดยครูช้ีแจงกิจกรรมวา่ ใหน้ ักเรียนสังเกตภาพ แลว้ วงกลมลอ้ มภาพที่นักเรยี น คดิ ว่าแตกต่างจากข้ออ่นื 9. ครูและนกั เรียนรว่ มกันเฉลยแบบฝกึ หดั โดยครใู ห้แต่ละกลมุ่ บอกคาตอบของกลุ่มตนเอง พร้อมเหตผุ ลว่าเพราะ อะไรถงึ คดิ ว่าภาพนีแ้ ตกต่างจากข้ออ่นื หากนกั เรยี นอธิบายเหตผุ ลยังไมค่ รบถ้วนครูอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ มากข้นึ ขั้นสรปุ 10 นำที 1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ พฤติกรรมและครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ การแกป้ ัญหาแบบน้ีคอื การแกป้ ัญหาแบบ เปรยี บเทยี บ โดยการเทียบเคียงของสิ่งของ 2 ส่ิงขึน้ ไป เพื่อใหเ้ หน็ ลกั ษณะที่คล้ายคลงึ กนั เหมือนกัน หรอื แตกต่างกนั โดยอาศัยการสังเกต 2. ครสู นทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับนกั เรยี นว่า จากปัญหาท่คี รูให้นกั เรยี นหาภาพที่เหมือนหรอื แตกตา่ งกัน นกั เรียนคิดว่า วิธีการแกป้ ัญหาทีน่ กั เรียนใช้แก้ปัญหา เปน็ การแก้ปญั หาแบบใดบา้ ง (แนวคำตอบกำรแกป้ ัญหำแบบลองผิดลองถกู และกำรแก้ปัญหำแบบเปรียบเทียบ) 3. ครูถามคาถามดังนี้ - หากนักเรียนเจอปญั หาหรือเหตกุ ารณบ์ างอยา่ งที่ตอ้ งแก้ไข อนั ดบั แรกนักเรียนควรทาอย่างไร (แนวคำตอบวิเครำะห์ปัญหำ และทำควำมเข้ำใจปญั หำ) - เมื่อเรารู้ปัญหาแล้วว่าคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร เราต้องการแก้เรื่องไหน ข้ันตอนต่อไปท่ีเรา ควรทาอย่างไร (แนวคาตอบ การวางแผนแก้ปญั หา ว่าเราจะแก้ปญั หาโดยวธิ ีไหน จะทาอยา่ งไรบ้าง) - เมื่อเรารปู้ ัญหา รวู้ ธิ กี ารทจี่ ะแกไ้ ข เราควรทาขั้นตอนไหนต่อไป (แนวคำตอบ ลงมือแกป้ ญั หำ)

ครูอธบิ ายเพิ่มเติมว่า เม่ือเราลงมอื แก้ปัญหาแล้วเราต้องตรวจสอบผล บางครง้ั การแก้ปญั หาของเราอาจไม่ ประสบผลสาเร็จ เรากต็ อ้ งย้อนกลับไปดูวิธีการแกป้ ญั หา ว่าเราทาถูกวธิ ีหรอื ไม่ เลือกวธิ แี ก้ปัญหาถูกต้องไหมและลง มือแก้ปัญหาจนสาเร็จ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกระบวนการแก้ปัญหาว่ามี 4 ข้ันตอนจากหนังสือเรียนเทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ป.1 หนา้ 23 ดังนี้ มี 4 ข้ันตอน 1. วเิ คราะห์และทาความเขา้ ใจกับปญั หา 2. วางแผนการแก้ปญั หา 3. ลงมือแก้ปญั หา 4. ตรวจสอบผลการแกป้ ัญหา 5. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ว่า ถ้าครูไปตลาดเพ่ือไปซื้อรองเท้า แต่ว่ารองเท้าวางกองรวมกันอยหู่ ลายคู่ จนครู เจอรองเท้าที่ถกู ใจ แต่ได้มาเพียงข้างเดยี ว นักเรยี นช่วยคุณครูคิดไดไ้ หวค่ะ ว่าครจู ะหารองเทา้ อกี ขา้ งเจอได้อย่างไร (แนวคำตอบ พจิ ำรณำคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครูผ้สู อน) 7. กำรวดั และประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธีกำร แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 10 ข้อ รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ ทดสอบก่อนเรยี น ใบงาน เรื่องการเปรียบเทยี บ รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงาน เรอ่ื งการเปรียบเทียบ แบบสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี ผา่ น เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล แบบประเมินผลงาน คุณภาพอยู่ในระดับ ดี ผา่ น ตรวจผลงานและกระบวนการทางาน เกณฑ์ เร่ือง วิธีการแก้ปัญหา 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. กล่อง 5 สี ได้แก่ เขียว แดง ฟ้า เหลือง ชมพู 2. ลกู บอล 5 สี ไดแ้ ก่ เขยี ว แดง ฟ้า เหลือง ชมพู 3. วตั ถรุ ปู ทรงต่างๆ 4. บตั รภาพ เร่ือง เปรียบเทียบความแตกตา่ งของภาพ 5. ใบงานเรื่อง การเปรยี บเทียบ 6. สไี ม้

 ตัวอยำ่ งกิจกรรมที่ 2 กลอ่ งและวัตถรุ ปู ทรงตำ่ งๆ คาชี้แจง ให้นกั เรยี นนาวตั ถใุ ส่ลงไปในกล่อง ตวั อยา่ งกล่อง ตวั อย่างวัตถรุ ูปทรงต่างๆ

ตวั อย่ำงแผนที่ทำงเดินเทำ้

บตั รภำพ เปรียบเทยี บควำมแตกต่ำงของ  คาช้แี จง จากภาพดา้ นลา่ งภาพใดแตกตา่ งจากภภาพำพอน่ื *ครูนำบตั รภำพนี้ ตดิ ไวท้ ห่ี นำ้ กระดำน

ใบงำนเรื่อง กำรเปรียบเทยี บ ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรียนโยงเส้นจับคูก่ ับภาพให้ถกู ต้อง 1. 2.

ตอนท่ี 2 ให้สังเกตภำพแลว้ วงกลมล้อมรอบภำพที่แตกต่ำงจำกภำพอืน่ 1 2 3 4 5

เฉลย ใบงำนเร่ือง กำรเปรยี บเทยี บ ตอนท่ี 1 ให้นักเรยี นโยงเสน้ จบั คกู่ บั ภาพใหถ้ กู ต้อง 1. เฉลย ใบงำนเร่อื ง กำรเปรยี บเทยี บ 2.

ตอนท่ี 2 ให้สังเกตภำพแลว้ วงกลมล้อมรอบภำพที่แตกต่ำงจำกภำพอืน่ 1 2 3 4 5

แบบประเมนิ ผลงำน ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เร่อื ง วิธีกำรแกป้ ญั หำ วชิ ำ เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) หน่วยที่ 2 กำรแก้ปัญหำอยำ่ งเป็นขน้ั ตอน คำชีแ้ จง : โปรดแสดงความคิดเหน็ ของทา่ น และทาเครื่องหมาย () ลงในชอ่ งว่าง ระดบั คะแนน 3 21 ขอ้ ท่ี เกณฑก์ ำรวัดและประเมินผล 1. การหาวธิ ีในการแก้ปัญหา 2. อธบิ ายวธิ ีการแก้ปญั หาด้วยการลองผิดลองถูก 3. ความร่วมมือของสมาชกิ ในกลุ่ม ในการหาวิธกี ารแกป้ ัญหา 4. นาความรูไ้ ปใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ติ ประจาวนั ได้ รวม เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 10-12 ดีมาก 7-9 ดี 5-6 พอใช้ ตา่ กว่า 5 ปรับปรุง

เกณฑก์ ำรแบบประเมินผลงำนของนักเรยี น หวั ข้อประเมิน เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 321 1. การหาวิธีในการแกป้ ญั หา นักเรยี นกระตอื รอื รน้ มี นักเรยี นมีการลองผดิ ลอง นกั เรียนไม่กระตอื รอื ร้นใน การลองผดิ ลองถูก หา ถกู หาวธิ ตี า่ งๆ เพ่ือให้ การหาวิธีแกป้ ัญหา หลายๆ วธิ เี พอื่ ใหส้ ามารถ สามารถหาเสน้ ทางเดิน ครูผสู้ อนต้องคอยกระตุ้น หาเสน้ ทางเดินและนาวตั ถุ และนาวตั ถุใส่กล่องได้ นกั เรียน ใสก่ ลอ่ งไดส้ าเร็จและ รวดเรว็ 2. อธิบายวิธกี ารแกป้ ญั หาดว้ ยการลองผดิ สามารถอธิบายวิธกี ารลอง สามารถอธบิ ายวิธีการลอง สามารถอธบิ ายวิธีการลอง ลองถกู ผดิ ลองถกู ในการใช้ ผิดลองถกู ในการใช้ ผิดลองถกู ในการใช้ แกป้ ญั หาทย่ี ังไมท่ ราบวธิ ี แกป้ ัญหาทีย่ ังไม่ทราบวิธี แก้ปัญหาไดไ้ ม่ถูกต้อง แนช่ ัดไดถ้ ูกต้องชัดเจน แนช่ ดั ได้ และเลอื กใช้ เทา่ ทคี่ วรและเลือกใช้ และเลอื กใช้วิธกี าร วธิ ีการแกป้ ัญหาได้ วธิ ีการแกป้ ญั หาไมค่ อ่ ย แก้ปัญหาไดเ้ หมาะสมกับ เหมาะสมกบั ปญั หานนั้ เหมาะสมกบั ปญั หานั้น ปัญหานนั้ 3. ความร่วมมอื ของสมาชิกในกล่มุ ในการหา สมาชิกทกุ คนในกล่มุ ให้ สมาชิกส่วนใหญ่ในกลมุ่ ให้ สมาชิกในกลมุ่ บางคน วิธกี ารแกป้ ญั หา ความรว่ มมือในกจิ กรรม ความร่วมมือในกิจกรรม ไม่ให้ความร่วมมอื ใน และมสี ว่ นแสดงความ และมสี ่วนแสดงความ กจิ กรรม และไมม่ สี ่วน คิดเหน็ ในการหาวธิ ีตา่ งๆ คิดเห็นในการหาวิธีตา่ งๆ แสดงความคดิ เห็นในการ เพื่อแกป้ ญั หา เพือ่ แก้ปญั หา หาวธิ ีตา่ งๆ เพ่ือแกป้ ัญหา ต้องไดร้ บั คาแนะนาจาก ครู 4. นาความรไู้ ปใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ิตประจาวัน นักเรยี นสามารถบอก นกั เรียนสามารถบอก นกั เรยี นยงั ไมส่ ามารถบอก ได้ วิธกี ารแก้ปัญหาใน วิธีการแกป้ ัญหาใน วธิ ีการแก้ปญั หาใน ชวี ิตประจาวนั ได้ถูกต้อง ชีวติ ประจาวันได้ แต่ยังไม่ ชีวติ ประจาวันได้ เหมาะสม และสามารถ เหมาะสมเท่าที่ควร และ นาไปใชไ้ ดจ้ ริง อาจนาไปใชไ้ ด้จริงไมไ่ ด้

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ป.1 ช่อื ............................................................เลขที่................ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี 1 หอ้ ง.................... คำชแี้ จง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด √ ลงในช่องท่ตี รงกับระดบั คะแนน ขอ้ กำรสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน ระดับควำมคิดเหน็ 321 มีวนิ ัย 1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่าเสมอ 2 ปฏบิ ตั ิตามคาตักเตือนของครู 3 ทางานที่ไดร้ ับมอบหมายอยา่ งต้ังใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 รว่ มทากจิ กรรมต่างๆ ท่ีครจู ัดให้อย่างตงั้ ใจ 5 หมน่ั ซกั ถาม เมื่อเกดิ ขอ้ สงสยั 6 เอาใจใส่งานที่ได้รบั มอบหมาย มงุ่ มั่นในกำรทำงำน 7 สนใจทากจิ กรรมกับเพ่อื นอย่างกระตือรือร้น 8 ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่างตั้งใจ 9 ส่งงานอย่างสม่าเสมอ เกณฑ์ใหค้ ะแนน เกณฑก์ ำรตดั สนิ คณุ ภำพ ปฎบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 2 คะแนน ปฎบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง(70%) ให้ 1 คะแนน 23-27 ดมี าก ปฎบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ (50%) ให้ 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ตา่ กว่า 13 ปรบั ปรุง

แบบบันทึกหลงั แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้  ด้านความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน  ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)  ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข ลงชอ่ื ..............................................ผู้บนั ทกึ ควำมเหน็ ของผู้บริหำรสถำนศึกษำหรือผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมำย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่ือ................................................ (................................................) ตาแหน่ง.................................................

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง กำรแสดงข้ันตอนกำรแก้ปญั หำ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 2 กำรแกป้ ัญหำอยำ่ งเปน็ ข้ันตอน ระยะเวลำ 2 ชว่ั โมง กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ (เทคโนโลยวี ิทยำกำรคำนวณ) ชั้นประถมศึกษำปที ี่ 1 1.มำตรฐำน/ตัวชวี้ ดั 1.1. ตวั ชี้วัด ว 4.2 ป.1/2 แสดงลาดับขัน้ ตอนการทางาน หรือการแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพสญั ลกั ษณ์ หรอื ขอ้ ความ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. บอกวธิ กี ารแก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรือข้อความได้ (K) 2. เขียนขอ้ ความ วาดภาพ หรือสัญลักษณแ์ สดงลาดบั ข้นั ตอนการแก้ปัญหาได้ (P) 3. ตอบคาถามการแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ได้ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ แสดงลาดบั ขนั้ ตอนการทางาน หรือการแก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การแกป้ ัญหาใหป้ ระสบความสาเร็จทาได้โดยใชข้ ัน้ ตอนการแกป้ ัญหาอย่างง่ายโดยใชส้ ญั ลักษณ์ หรือขอ้ ความ 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน 1) ทักษะการคดิ เชงิ คานวณ 2) ทักษะการสังเกต 3) ทักษะการส่อื สาร 4) ทักษะการทางานรว่ มกนั 5) ทักษะการนาความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้  แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : การแก้ปัญหา (Problem Solving Method) ช่ัวโมงท่ี 1 ขั้นนำ1.ข้นั กำหนดปัญหำ 20 นำที 1. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์มาเล่าให้นักเรียนฟังว่า มีเด็กผู้ชายคนหน่ึง ชื่อก้านกล้วยอายุ 7 ขวบ เขาอยู่บ้าน กบั พสี่ าว และ คุณพอ่ คุณแม่ มอี ยู่วนั หน่งึ คณุ พอ่ กับคุณแมไ่ มอ่ ยูบ่ า้ น ทัง้ สองหิวข้าวมากก้านกล้วยจึงอาสาไปเก็บไข่ไก่ ที่เล้าเพื่อจะมาทอด แต่ไข่ไก่อยู่บนที่สูงมาก เขาจึงต้องปีนขึ้นไป แต่ทีน้ีเขาเจอปัญหาว่า เขาจะเอาไข่ลงไปข้างล่าง อย่างไร เพราะถ้าใช้มือถือไข่ เขาก็จะตกบันได ใส่ถุงกางเกงไข่ก็อาจแตกได้ เขามองไปรอบๆ มีแค่กระดาษ หนังยาง ฟองน้า กิง่ ไม้ เขาคิดไม่ออกเลยวา่ จะทาอยา่ งไร จึงจะนาไข่ลงไปข้างล่างได้โดยท่ีไข่ไม่แตก 2. ครถู ามสนทนากับนักเรียนวา่ วนั นีเ้ รามาชว่ ยก้านกล้วยใหส้ ามารถนาไข่ไปทากบั ขา้ วกันดกี วา่ 3. แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่มละ 4-5 คน ข้ันสอน 40 นำที ขน้ั ระบุปญั หำ 1. ครูถามนักเรยี นวา่ จากสถานการณ์ทีเ่ ลา่ มา ปญั หาท่กี า้ นกลว้ ยเจอคืออะไรบ้าง (แนวคาตอบ พ่อแม่ไมอ่ ยู่ หิวขา้ ว ตอ้ งปีนไปเอาไข่ เอาไขล่ งมาไม่ได้) 2. ครูถามนกั เรยี นว่า สง่ิ ท่กี า้ นกลว้ ยตอ้ งการแกป้ ญั หาอนั ดบั แรกคือเขาต้องทาสง่ิ ใด (แนวคาตอบ หาวิธโี ยนไข่ลงมาไม่ใหไ้ ข่แตก) ข้นั สำรวจและคน้ คว้ำขอ้ มลู 3. ครแู จกอปุ กรณค์ ือ กระดาษ หนังยาง ฟองน้า ก่ิงไม้ ให้นักเรียนศึกษาดูว่าของแต่ละอย่างมีคุณสมบัติอย่างไร (ครชู ว่ ยอธิบายขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรียน)

ขน้ั กำหนดทำงเลอื ก 4. ครใู หน้ ักเรียนในกลุม่ เสนอความคดิ เหน็ วา่ จะทาอยา่ งไรใชว้ ธิ ีการไหนดี ทกุ คนในกลมุ่ แลกเปล่ียนความคิดเห็น กัน 5. โดยครูมีอุปกรณใ์ ห้ดงั นี้ กระดาษ หนงั ยาง ฟองน้า กง่ิ ไม้ นกั เรียนคิดวธิ ีการตา่ งๆ ในการหอ่ ไข่ 6. นกั เรยี นในกล่มุ ระดมความคิด และลงความเหน็ ว่าจะใชอ้ ปุ กรณ์อะไรบา้ งในการหอ่ ไข่ จะเริม่ ตน้ ห่ออย่างไร ชั่วโมงที่ 2 ข้ันสอน (ตอ่ ) 40 นำที ข้นั ออกแบบวธิ กี ำรแกป้ ญั หำและลงมอื ทำ 7. ครทู บทวนเรื่องท่ีเรยี นมาช่ัวโมงทแ่ี ลว้ ว่า จากสถานการณ์ท่ีครูเล่าให้ฟังในช่ัวโมงที่แล้ว ปัญหาท่ีเราต้องแก้ไข อนั ดบั แรกคืออะไร (แนวคาตอบ หาวิธีโยนไขล่ งมาไมใ่ หแ้ ตก) 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนสนทนาภายในกลุ่มตัวเองว่าชั่วโมงท่ีแล้ว กลุ่มของนักเรียนใช้วิธีการ อยา่ งไรที่จะโยนไขไ่ ม่ใหแ้ ตก 9. ครสู นทนาเกีย่ วกบั การแสดงข้ันตอนการแกป้ ญั หากบั นกั เรียนวา่ มวี ิธกี ารใดบา้ ง โดยครูให้นักเรียนเปดิ หนังสือ หนา้ 29-31 ครูอธบิ ายเกยี่ วกับการแสดงขนั้ ตอนการแก้ปัญหา และให้นกั เรียนถามคาถามหรอื ข้อเสนอแนะกับครใู น เรอ่ื ง การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หา 10. ครแู จกใบงาน เรื่อง ไขต่ กไม่แตก ให้นักเรียนกล่มุ ละ 1 แผ่น 11.ให้นกั เรยี นเขยี นหรอื วาดภาพ แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ว่าจะทาอย่างไรบ้าง เร่ิมต้นจากทาอะไร ข้ันต่อไป คอื อะไร 12.เมื่อนกั เรียนสามารถเขยี นหรือวาดภาพขั้นตอนการแก้ปญั หาได้แลว้ ครจู ึงอธบิ ายเพิ่มเติมจากหนังสือหน้า 33 วา่ นอกจากวธิ ีการเขียนหรือวาดภาพ แสดงขน้ั ตอนการแก้ปัญหาแล้ว เรายังสามารถใช้สญั ลกั ษณแ์ ทนได้ 13. ครอู ธิบายความหมายของสญั ลักษณด์ งั น้ี

สญั ลกั ษณ์ แทนควำมหมำย เรม่ิ ตน้ หรอื ส้นิ สุด ปฏิบตั ิ ตดั สินใจ ทิศทาง 14. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกลาดับขั้นตอนการแก้ปัญหา ครูเขียนคาตอบของนักเรียนลงหน้ากระดาน เป็น ข้อๆ 15. ครูถามนักเรียนว่าเริ่มต้นควรใช้สัญลักษณ์ใด เม่ือจะไปต่อข้ันที่ 2 ใช้สัญลักษณ์อันไหน เมื่อกิจกรรมนี้เป็น ปฏิบัตคิ วรใชส้ ัญลกั ษณอ์ ันไหน เม่ือสิน้ สุดใชส้ ญั ลักษณอ์ ันไหน โดยท่นี ักเรยี นในหอ้ งช่วยกันแสดงความคดิ เห็น 16. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ลงมอื ปฏิบัตติ ามท่ีไดว้ างแผนไว้ 17. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทน 1 คนเพอ่ื ทดสอบการโยนไข่ 18. ครูให้ตวั แทนโยนไข่ขึน้ สงู ๆ เมอื่ ไขต่ กครจู ะแกะดูวา่ ไข่ว่าแตกหรือไม่ ข้นั สรปุ 20 นำที 1. ครถู ามนักเรยี นบางกลุ่มวา่ ไข่ทน่ี ักเรยี นโยนข้นึ ไปแตกหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ พจิ ารณาคาตอบของนักเรยี น ตามดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน) 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า บางกลุ่มท่ีไข่แตก เกิดจากข้อผิดพลาดในขั้นตอนไหน นักเรียนทราบหรือไม่ การท่ีเรา เขียนการแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอน ตรงท่ีนักเรียนสามารถย้อนกลับมาดูได้ว่าทาผิดพลาดข้ันตอนไหนบ้าง หรืออาจ ปรับเปล่ียนข้ันตอนวิธีการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เขียนขั้นตอนชัดเจน เพ่ือไม่ให้เสียเวลา หลงทาง และสับสน วิธกี ารแก้ปญั หาแต่ละวธิ มี คี วามเหมาะสมกบั งานแตกต่างกนั ไป 3. นกั เรียนสามารถแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหาได้หลากหลายรปู แบบ เช่นอะไรบ้าง (แนวคำตอบ เชน่ กำรเขียน วำดรปู ใช้สญั ลกั ษณ)์ 4. ครูตั้งประเดน็ ปัญหาขึ้นว่า ครูไปซ้อื ไข่ไก่ทต่ี ลาด โดยแม่ค้านาไข่ไก่ไปวางในถุงกระดาษบางๆ ระหว่างทาง กลบั บ้าน ปรากฏวา่ มไี ขแ่ ตก แลว้ ทาให้ถงุ ขาด ไข่ท้ังหมดเลยร่วงลงจากถุง ถ้าครูกลับไปซ้ือไขใ่ หม่อีกรอบ ครคู วรทา อย่างไรดี ไข่ถึงจะไม่แตกเหมือนเดิม (แนวคำตอบพจิ ำรณำคำตอบของนักเรยี น ตำมดุลยพินิจของครูผสู้ อน)

7. กำรวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ำร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจคาตอบ ใบงาน เรอื่ ง ไข่ตกไม่ ใบงาน เรือ่ ง ไข่ตกไมแ่ ตก ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ แตก แบบสังเกตพฤติกรรม คุณภาพอยู่ในระดับ ดี ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตรวจผลงานและกระบวนการ แบบประเมินผลงาน คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผา่ นเกณฑ์ ทางาน เรอื่ ง การแสดงขั้นตอนการ แก้ปญั หา 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. ใบงาน เรือ่ ง ไข่ตกไมแ่ ตก 2. ไข่ไกห่ รอื ไข่นกกระทาดิบ 3. กระดาษ 4. หนังยาง 5. ฟองน้า 6. กิ่งไมห้ รอื ตะเกยี บ

กลมุ่ ที่.......... ให้นกั เรียนเขยี นหรือวาดภาพ วิธีการหรือขั้นตอนการโยนไขล่ งบนพนื้ ไมแ่ ตก อปุ กรณ์ทใี่ ช้มดี งั น้ี - กระดาษ - ฟองนา้ - หนังยาง - กิง่ ไม้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน คะแนนท่ไี ด้ ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป

กลมุ่ ที.่ ......... ให้นกั เรยี นเขียนหรอื วาดภาพ วธิ กี ารหรือข้ันตอนการโยนไขล่ งบนพื้นไม่แตก อปุ กรณท์ ใ่ี ชม้ ดี ังน้ี - กระดาษ - ฟองน้า - หนังยาง - หลอดดูดน้า 1.เตรยี มไข่ 2.นาฟองน้าหอ่ ไข่ 3.ใชก้ ระดาษห่อ 4.หนงั ยางรดั 5.ใชห้ ลอดดูดห่อ และรดั หนงั ยาง

แบบประเมนิ ผลงำน วชิ ำ เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) ระดับช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 1 หนว่ ยท่ี 2 กำรแกป้ ัญหำอยำ่ งเป็นขั้นตอน เรอื่ ง กำรแสดงขั้นตอนกำรแกป้ ัญหำ คำช้ีแจง : โปรดแสดงความคดิ เหน็ ของทา่ น และทาเครื่องหมาย () ลงในช่องวา่ ง ระดบั คะแนน 321 ข้อที่ เกณฑ์กำรวัดและประเมนิ ผล 1. ระบปุ ญั หา 2. วางแผนการแกป้ ัญหา 3. แสดงวิธกี ารแกป้ ัญหาโดยการเขียนหรอื วาดภาพ 4. การมีส่วนร่วมเสนอความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั การแสดงขนั้ ตอนการแกป้ ัญหา 5. สามารถบอกข้อดี ข้อผดิ พลาดของแต่ละขน้ั ตอนการแกป้ ัญหา 6. ตอบคาถามการแกป้ ญั หาในชีวิตประจาวันได้ รวม เกณฑ์กำรตดั สนิ คณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 15-18 ดมี าก 11-14 ดี 7-10 พอใช้ ต่ากว่า 7 ปรับปรงุ

เกณฑ์กำรแบบประเมนิ ผลงำนของนกั เรียน หัวข้อประเมนิ 3 เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 1 สามารถระบปุ ัญหาได้ 2 ยังไม่สามารถระบุ 1. ระบปุ ญั หาวเิ คราะห์และทาความ ถูกต้องชัดเจน โดยการ ปญั หาได้ ต้องไดร้ ับ เขา้ ใจปัญหา วเิ คราะหแ์ ละทาความ สามารถระบุปัญหาได้ คาแนะนาจากครูผสู้ อน เข้าใจปัญหา แตย่ งั ไม่ชดั เจน โดย การวิเคราะห์และทา ความเขา้ ใจปัญหา 2. วางแผนการแก้ปัญหา สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ แกป้ ญั หาได้อย่างเปน็ แกป้ ัญหาได้อย่างเปน็ แกป้ ญั หาได้ แตย่ งั เป็น 3. แสดงวิธกี ารแกป้ ัญหาโดยการ ลาดบั ข้นั ตอน ลาดบั ขน้ั ตอน ลาดบั ข้ันตอน ต้อง เขียนหรอื วาดภาพ เหมาะสมและ เหมาะสมแต่อาจ ไดร้ ับคาแนะนาจาก แกป้ ญั หาไดจ้ ริง แกป้ ญั หาไม่ได้จรงิ ครผู สู้ อน 4. การมีสว่ นรว่ มเสนอความคิดเห็น แสดงวิธีการแกป้ ัญหา แสดงวิธกี ารแกป้ ัญหา แสดงวธิ กี ารแกป้ ัญหา เกี่ยวกบั การแสดงขัน้ ตอนการ โดยการเขยี นหรือวาด โดยการเขียนหรอื วาด โดยการเขียนหรอื วาด แกป้ ัญหา ภาพ ได้เข้าใจ ถกู ต้อง ภาพ ได้เขา้ ใจ แต่ยงั ไม่ ภาพได้ แตย่ งั ไม่ถูกต้อง ชดั เจน ชดั เจน สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มมี สมาชกิ ส่วนใหญใ่ น สมาชกิ ในกลุ่มไม่คอ่ ยมี สว่ นร่วมเสนอความ กล่มุ มีส่วนร่วมเสนอ ส่วนร่วมเสนอความ คิดเห็นเก่ยี วกบั การ ความคิดเหน็ เก่ียวกบั คิดเหน็ เกี่ยวกับการ แสดงข้นั ตอนการ การแสดงขน้ั ตอนการ แสดงข้นั ตอนการ แก้ปญั หา แกป้ ัญหา แก้ปัญหา

หวั ข้อประเมิน เกณฑก์ ำรให้คะแนน 5. สามารถบอกข้อดี ข้อผิดพลาดของ 321 สามารถบอกไดว้ ่า สามารถบอกข้อดีได้ สามารถบอกข้อดีได้ แตล่ ะขน้ั ตอนการแก้ปัญหา ข้นั ตอนไหนสง่ ผลให้ วา่ ขน้ั ตอนไหนสง่ ผล วา่ ขั้นตอนไหนส่งผล ประสบผลสาเร็จ และ ใหป้ ระสบผลสาเร็จ ให้ประสบผลสาเรจ็ 6.ตอบคาถามการแก้ปัญหาใน หาผดิ พลาดของ และหาผดิ พลาดของ และไมส่ ามารถหา ชวี ิตประจาวันได้ ข้ันตอนที่ทาให้ ข้ันตอนที่ทาให้ ผิดพลาดว่าผดิ พลาด แกป้ ัญหาไมส่ าเรจ็ ได้ แก้ปญั หาได้ไมส่ าเร็จ ขั้นตอนไหน อยา่ งชดั เจนถูกตอ้ ง แต่ยงั ไมส่ ามารถแก้ไข สามารถยอ้ นกลบั ไป ขนั้ ตอนน้ันได้ แกไ้ ขขั้นตอนนั้น เพ่อื ใหแ้ ก้ปัญหาได้ สาเร็จ นกั เรยี นสามารถบอก นกั เรยี นสามารถบอก นกั เรยี นยงั ไมส่ ามารถ วธิ ีการแกป้ ญั หาใน วธิ ีการแก้ปญั หาใน บอกวธิ ีการแกป้ ัญหา ชีวติ ประจาวนั ได้ ชีวติ ประจาวนั ได้ แต่ ในชีวติ ประจาวนั ได้ ถกู ต้องเหมาะสม ยงั ไมเ่ หมาะสม และสามารถนาไปใช้ เทา่ ที่ควร และอาจ ไดจ้ ริง นาไปใชไ้ ด้จรงิ ไม่ได้

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน ป.1 ช่อื ............................................................เลขที่................ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 หอ้ ง.................... คำชแี้ จง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด √ ลงในช่องท่ตี รงกับระดบั คะแนน ขอ้ กำรสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน ระดับควำมคิดเหน็ 321 มีวนิ ัย 1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่าเสมอ 2 ปฏบิ ตั ิตามคาตักเตือนของครู 3 ทางานที่ไดร้ ับมอบหมายอยา่ งต้ังใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 รว่ มทากจิ กรรมต่างๆ ท่ีครจู ัดให้อย่างตงั้ ใจ 5 หมน่ั ซกั ถาม เมื่อเกดิ ขอ้ สงสยั 6 เอาใจใส่งานที่ได้รบั มอบหมาย มงุ่ มั่นในกำรทำงำน 7 สนใจทากจิ กรรมกับเพ่อื นอย่างกระตือรือร้น 8 ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่างตั้งใจ 9 ส่งงานอย่างสม่าเสมอ เกณฑ์ใหค้ ะแนน เกณฑก์ ำรตดั สนิ คณุ ภำพ ปฎบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 2 คะแนน ปฎบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง(70%) ให้ 1 คะแนน 23-27 ดมี าก ปฎบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ (50%) ให้ 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ตา่ กว่า 13 ปรบั ปรุง

แบบบันทึกหลังแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)  ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงช่อื ..............................................ผู้บนั ทกึ (................................................) ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรอื ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมำย ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ................................................ (................................................) ตาแหนง่ .................................................

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง กำรแกป้ ัญหำ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 2 กำรแก้ปญั หำอยำ่ งเปน็ ขน้ั ตอน ระยะเวลำ 3 ชวั่ โมง กล่มุ สำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ (เทคโนโลยวี ิทยำกำรคำนวณ) ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 1. มำตรฐำน/ตวั ช้วี ัด 1.1. ตวั ช้วี ดั ว 4.2 ป.1/1 แกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใชก้ ารลองผดิ ลองถกู การเปรยี บเทยี บ ป.1/2 แสดงลาดับขน้ั ตอนการทางาน หรอื การแกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ หรือข้อความ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. บอกวิธีการแก้ปัญหาได้ (K) 2. วางแผนการจดั กระเปา๋ นกั เรียนอย่างเป็นข้นั ตอนได้ (K) 3. เขียนเสน้ ทางการเดนิ เขาวงกตได้ (P) 4. หาจุดแตกต่างของภาพโดยการสังเกตได้ (P) 5. ยกตวั อยา่ งการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ ปัญหาอย่างง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ การจดั หนงั สอื ใสก่ ระเป๋า 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกทักษะ การคดิ เชิงคานวณ การคิดวิเคราะห์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณการแสดงข้ันตอนการแก้ปัญหา สามารถทา ได้โดยการเขยี นบอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใช้สญั ลักษณ์การแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหาสามารถ ฝึกฝนผ่านเกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ และการจัดกระเป๋านักเรียนได้ ทาให้สามารถแก้ปัญหาท่ี พบในชีวติ จริงไดอ้ ยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน 1) ทกั ษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทักษะการสอื่ สาร 4) ทักษะการทางานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการแก้ปญั หา 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้  แนวคิด/รูปแบบกำรสอน/วิธีกำรสอน/เทคนิค : กระบวนกำรคิดคำนวณ Computational Thinking Process ช่วั โมงท่ี 1 ขัน้ นำ 10 นำที 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมทเี่ รยี นมาในชวั่ โมงทแ่ี ลว้ ว่า การแสดงข้นั ตอนของปัญหามีอะไรบ้าง ใหน้ ักเรยี นภายใน ห้องชว่ ยกนั ตอบคาถามร่วมกัน (แนวตอบ มี 3 ขนั้ ตอน คือ กำรเขียนบอกเล่ำ กำรวำดภำพ และกำรใช้สัญลักษณ)์ 2. ครูถามนกั เรยี นว่า นักเรยี นเคยเล่นเกมอะไรกันมาบา้ ง และใช้วิธีในการชนะเกมนัน้ อย่างไร (แนวคำตอบ พิจำรณำคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)

3. ครูเล่าสถานการณ์ให้นักเรียนฟังโดยบอกว่า มีผึ้งน้อยท่ีหิวโหยออกไปหาน้าหวานท่ีในป่าและเขาพบว่า น้าหวานทเี่ ขาตามหาอยใู่ นดอกไม้ท่อี ยใู่ นเขาวงกต นักเรยี นจะมีวธิ พี าผึ้งน้อยตวั นี้เดนิ ทางเข้าไปยังเขาวงกตเพ่ือไปเก็บ นา้ หวานดอกไม้ให้สาเร็จไดอ้ ยา่ งไร 4. ครแู บ่งกล่มุ ใหน้ ักเรยี นกล่มุ ละ 4-5 คน ขั้นสอน 50 นำที ขน้ั แยกแยะและระบปุ ญั หำ 1. ครูถามนกั เรยี นว่า ผ้งึ น้อยตวั น้พี บปญั หาในเรอ่ื งใดบ้าง (แนวคำตอบ - ผงึ้ น้อยหำนำ้ หวำนจำกดอกไม้ - ผึ้งน้อยตอ้ งเดนิ ทำงผำ่ นเขำวงกต ) ขน้ั ใชเ้ หตุผลในกำรจัดกำรขอ้ มลู 2. ครูใหน้ ักเรียนทจ่ี บั คู่แลกเปลี่ยนสนทนากันว่าจะทาอยา่ งไรดี 3. ครูถามนักเรียนวา่ 3.1 นักเรยี นจะพาผงึ้ น้อยไปท่ีดอกไม้เพ่ือกินนา้ หวาน แล้วนกั เรียนจะไปถงึ ดอกไม้ได้อยา่ งไร (แนวคาตอบ เดินผา่ นเขาวงกต) 3.2 การท่ีนักเรียนจะไปกินน้าหวานได้ ต้องผ่านเขาวงกต ดังน้ันสิ่งท่ีนักเรียนต้องแก้ปัญหาอันดับแรก คือต้องทาอยา่ งไร (แนวคาตอบ หาวธิ ีเดนิ ผ่านเขาวงกต เพอ่ื หาทางออกไปกินนา้ หวานจากดอกไม)้ 4. ครูให้นักเรียนในกลุ่มช่วยกันคิดว่าจะทาอย่างไรให้เดินออกจากเขาวงกตนี้ได้ โดยครูแจกแผนท่ีเขาวงกตให้ แลว้ ใหน้ ักเรียนศึกษาเส้นทาง ขน้ั ออกแบบและจดั ลำดับขนั้ ตอน 5. ครูแจกใบงาน เกมเขาวงกต โดยให้นักเรียนเขียน วาดภาพ หรือสัญลักษณ์แสดงข้ันตอนลาดับท่ีจะพาผึ้ง นอ้ ยไปหานา้ หวานดอกไมใ้ ห้สาเร็จ 6. ให้นกั เรียนใช้สดี าระบายทบั เส้นทางท่ีนกั เรยี นจะพาผ้ึงน้อยไปเกบ็ นา้ หวานจากดอกไม้ 7.ให้นักเรียนวางหุ่นยนต์จ๋ิว จากชุดส่ือ โอโซบอต (Ozobot) วางท่ีจุดเร่ิมต้น แล้วปล่อยให้เคลื่อนที่ตามเส้นที่ ลากไปจนถึงจุดหมาย ทดลองเดนิ 3 ครัง้ ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง 8. ครตู ้ังเงอื่ นไขเพมิ่ ว่า ใหไ้ ปเกบ็ น้าหวานจากดอกไม้ 2 ดอก

9. ครูแจกภารกิจที่ 2 ให้นักเรียนในกลุ่มระดมสมอง และกาหนดทิศทางการเดินของหุ่นยนต์จิ๋วเพื่อไปเก็บ ดอกไมใ้ ห้ครบตามภารกจิ ที่ไดร้ บั 10. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง 11. ครูสมุ่ ถามนักเรียน 2-3 คน วา่ ใชว้ ิธกี ารอยา่ งไร เจอปัญหาอะไรบา้ ง กวา่ จะพาผง้ึ นอ้ ยไปเกบ็ น้าหวานได้ (แนวคำตอบ พจิ ำรณำคำตอบของนักเรียน โดยให้อย่ใู นดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน) 12. ครถู ามว่าจากกิจกรรมเกมเขาวงกตทนี่ กั เรยี นเล่นไปแล้วน้นั นักเรียนคดิ วา่ เราใชว้ ิธกี ารแก้ปัญหาแบบใด (แนวคำตอบ แบบลองผดิ ลองถกู ) ชัว่ โมงท่ี 2 ข้นั สอน (ต่อ) 60 นำที 1. ครูถามนักเรยี นว่า ชว่ั โมงที่แลว้ ทากจิ กรรมอะไร (แนวคาตอบ กิจกรรมเขาวงกต พาผงึ้ นอ้ ยไปกินน้าหวานจากดอกไม)้ 2. ครูถามนกั เรียนต่อวา่ แลว้ จากกจิ กรรมทที่ านักเรียนได้เรียนร้อู ะไรมา (แนวคาตอบ ไดร้ วู้ ่าควรแก้ปัญหาส่ิงใดก่อน การเลือกวธิ ีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกบั ปัญหา รวมถึงรูว้ ิธกี าร แก้ปญั หาแบบลองผดิ ลองถูก) 3. ครนู าภาพทม่ี ีจดุ แตกตา่ งกัน 2 ภาพตดิ ไว้หน้ากระดาน ให้นกั เรียนสงั เกตภาพทัง้ สอง 4.ครถู ามนักเรียนว่า นกั เรียนเหน็ อะไรในภาพทงั้ 2 (แนวคาตอบ เห็นภาพท่คี ลา้ ยกัน แต่มีบางสว่ นไม่เหมือนกัน) 5.ครแู บ่งกล่มุ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่มละ 3 – 4 คน ขั้นแยกแยะและระบปุ ญั หำ (Breaking Problem Into Part) 6.ครถู ามนกั เรียนว่า นกั เรียนคิดวา่ จากภาพท้ังสองทีค่ รใู ห้ กจิ กรรมวันนี้ของเรานกั เรยี นจะตอ้ งทาอะไร (แนวคาตอบ พิจารณาคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครูผู้สอน) 7. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปวา่ จากภาพ2 ภาพท่ใี ห้มา ใหห้ าจดุ แตกตา่ งของภาพทง้ั สอง ขั้นกำหนดรปู แบบ 8.เม่ือนกั เรียนได้ภาพครจู ึงถามนกั เรียนวา่ จะทาอยา่ งไรจึงจะหาจุดแตกต่างของภาพได้ (แนวคาตอบ พิจารณาคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)

9.ครูให้นักเรียนหาจุดแตกต่างของภาพที่ 1 ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนหาจุดแตกต่างภาพเจออย่างไร ใช้ เวลานานแคไ่ หน และคดิ ว่ามวี ิธกี ารทีห่ าจุดแตกตา่ งของภาพไดเ้ รว็ กวา่ นีห้ รือไม่ (แนวคาตอบ พจิ ารณาคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของครผู ู้สอน) ขั้นใชเ้ หตุผลในกำรจัดกำรข้อมูล 10.ครูและนักเรียนร่วมกันหา วิธีการท่ีจะหาความแตกต่างของภาพโดยที่ศึกษาข้อมูลจากหนังสือเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณหนา้ 38) โดยให้นกั เรียนดภู าพและครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ ข้นั ออกแบบและจดั ลำดับข้นั ตอน 11. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามว่า การท่ีนักเรียนจะหาจุดแตกต่างของภาพได้นักเรียนต้องเริ่มจากทาสิ่งใด ตามลาดับ โดยครเู ขียนคาตอบของนกั เรยี นไวห้ น้ากระดาน (แนวคาตอบ ขั้นตอนการหาจุดแตกต่างของภาพมีดังนี้ 1. แบง่ ภาพออกเปน็ 4 ส่วน 2. มองภาพดา้ นซา้ ยของช่องบนซา้ ย 3. มองภาพด้านขวาของช่องบนซา้ ย 4. พบจดุ แตกตา่ งภาพ 5. วงลอ้ มรอบจุดท่มี คี วามแตกตา่ ง 6. ทาซ้าแบบน้ีในส่วนของบนขวา ล่างซ้าย และลา่ งขวา) 12. นักเรียนลงมอื ปฏิบัติกิจกรรมหาจุดแตกตา่ งของภาพหน้า 39 หนังสอื เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)ป.1 13. ครตู รวจสอบความถูกต้อง 14. ครูถามนักเรียนว่า การแกป้ ัญหาจดุ แตกตา่ งของภาพเป็นการแก้ปัญหาโดยนักเรียนใช้วธิ ีการแก้ปัญหา อย่างไร (แนวคำตอบ กำรแกป้ ญั หำแบบกำรเปรยี บเทยี บมำใช้เพื่อแก้ปญั หำ) ชั่วโมงท่ี 3 ขนั้ สอน (ตอ่ ) 20 นำที ข้ันแยกแยะและระบุปัญหำ (Breaking Problem Into Part)

1. ครูถามนาภาพ 2 ภาพติดหนา้ กระดาน แลว้ ถามนักเรยี นว่า เหน็ อะไรในภาพบ้าง (แนวคำตอบ พิจำรณำคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน นักเรียนบอกจุดแตกต่ำงของ ภำพ) 2. นักเรียนบอกจุดแตกต่างภาพได้ทันที ครูจึงถามว่า ชั่วโมงท่ีแล้วนักเรียนเรียนรู้เรื่องนี้ไปแล้วจึงทาให้รอบนี้ นักเรียนสามารถเลอื กวิธกี ารแก้ปัญหาและลงมอื แกป้ ัญหาได้ทนั ที 3. ครถู ามนกั เรียนต่อว่า นักเรยี นใช้วธิ ีไหนในการหาจดุ แตกต่างจากภาพ และทาอยา่ งไร (แนวคำตอบ วิธีกำรเปรยี บเทีย่ บ โดยแบ่งภำพออกเปน็ สว่ นๆ แลว้ หำจุดแตกต่ำงทลี ะสว่ น) 4. ครเู ลา่ เหตุการณ์ให้นักเรียนฟังว่า ลิตาเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ลิตามาโรงเรียนสายทุกวัน ลิตาไม่ ค่อยชอบจดั กระเป๋า ทาใหบ้ างวิชาเขาก็ไมไ่ ดเ้ ตรียมมา การบ้านก็ไม่สง่ วิชาทไี่ ม่มีเรยี นเขากับเอามา ทาให้ลิตาเรียนไม่ ทันเพื่อน มีงานคา้ งหลายวิชา ลติ าตอ้ งนอนดกึ ทกุ คนื เพราะต้องทางานค้างในเวลาเรียนและยังต้องทาการบ้านอีก เขา เลยตนื่ สาย 5. ครูถามนกั เรยี นว่า ถา้ นกั เรยี นเจอสถานการณแ์ บบลติ า นกั เรียนจะทาอยา่ งไร (แนวคาตอบ พจิ ารณาคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของครูผู้สอน) 6.ครูถามคาถามกับนักเรียนดงั นี้ 6.1 ทาไมลติ าถึงมาโรงเรยี นสาย (แนวคาตอบ เพราะลติ าตน่ื สายและนอนดกึ ) 6.2 ทาไมลติ าถึงนอนดึก (แนวคาตอบ เพราะต้องทางานคา้ งและการบ้าน) 6.3 เพราะอะไรลิตาถึงมีงานค้าง (แนวคำตอบ ลิตำไม่ได้จัดตำรำงเรียน ทำให้บำงคร้ังไม่ได้หยิบสมุด หนังสือวชิ ำทม่ี เี รยี นในวนั นน้ั ไป เขำจึงต้องทำงำนทีค่ รใู ห้ทำในเวลำเรยี นมำทำเปน็ กำรบ้ำนดว้ ย) 6.4 นักเรียนคดิ ว่าถา้ นักเรียนเป็นลิตา นักเรียนจะตอ้ งทาส่ิงใดเปน็ อนั ดับแรก (แนวคาตอบ จัดกระเป๋านกั เรยี น) ขั้นใชเ้ หตผุ ลในกำรจดั กำรขอ้ มลู (Organize Data Logically) 7. ครูถามนักเรียนว่า อุปกรณ์ใดบ้างที่ควรจัดใส่กระเป๋านักเรียน ให้นักเรียนทากิจกรรมหน้า 41 หนังสือ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 หรอื หนงั สอื แบบฝึกหัด หนา้ 25 ขอ้ ท่ี 3 ขัน้ กำหนดรปู แบบ (Inter Pattern) 8. นักเรียนมีวิธีจดั กระเป๋าอย่างไร (แนวคาตอบ จัดตามตารางเรยี น ใส่เครื่องเขยี น สมดุ จดการบา้ น)

ข้ันออกแบบและจัดลำดับข้นั ตอน (Design Algorithm) 9. ให้นกั เรียนวางแผนการจดั กระเปา๋ มาโรงเรียนในวันพรงุ่ น้ี (วนั พฤหสั บด)ี โดยกาหนดตารางเรยี นดงั น้ี วัน ชั่วโมงท่ี 1 ช่วั โมงท่ี 2 ชว่ั โมงท่ี 3 พกั กลำงวนั ช่วั โมงท่ี 4 ชั่วโมงท่ี 5 จนั ทร์ ไทย คณติ คณติ สงั คม P.E. องั คำร วิทย์ ไทย สงั คม ศลิ ปะ การงาน พุธ วิทย์ องั กฤษ คอมฯ ไทย Scout พฤหสั บดี คณติ จนี สขุ ศึกษา คณิต คัดลายมือ ศุกร์ องั กฤษ คณิต ดนตรี ไทย กิจกรรม * ใชต้ ารางเรยี นจรงิ ของนกั เรียน 10. ใหน้ ักเรยี นเขียนวาดภาพหรอื ใชส้ ัญลกั ษณแ์ สดงขัน้ ตอนการจัดกระเป๋ามาโรงเรียนของนักเรียน ในหน้า 29 หนงั สือแบบฝกึ หัดเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 11. ครูให้การบา้ น โดยให้นักเรียนจัดกระเปา๋ มาเรยี นตามขน้ั ตอนการจัดกระเปา๋ ทนี ักเรียนเขยี นไว้ สรปุ 40 นำที 12. ครถู ามนักเรยี นเพอ่ื สรุปให้เข้าใจตรงกันว่า นักเรียนจัดกระเป๋าเตรียมมาโรงเรียน นักเรียนคิดว่าจะต้องทา อยา่ งไรบ้าง (แนวคาตอบ ลาดบั การจดั กระเปา๋ นกั เรียนมีดงั น้ี 1. เปิดตารางเรยี นวันพรุ่งน้ี 2. เลือกหนงั สือสมดุ วิชาทต่ี อ้ งเรยี น 3. นาหนงั สอื และสมดุ ใสใ่ นกระเป๋า 4. เลือกอปุ กรณ์การเรียน 5. นาอุปกรณก์ ารเรียนใส่กระเป๋า 6. ปิดกระเป๋านักเรียน) 13. ครูถามนักเรยี นว่า ถา้ ลิตาจดั กระเป๋ามาโรงเรียนลิตา จะแกป้ ญั หาทีเ่ ขามาโรงเรยี นสายไดห้ รอื ไม่ (แนวคาตอบ ได้ พราะถ้าลิตาจัดกระเป๋ามาเรียน ลิตาจะมีสมุดหนังสือเรียนทาให้ทางานในเวลาเรียนได้ เวลา กลางคืนกท็ าเพยี งแค่การบ้านท่ีครูสัง่ ลติ าก็ไมต่ ้องนอนดึก จึงไมต่ ่ืนสายทาให้มาโรงเรียนไดเ้ ช้าขนึ้ )

14. ครสู ่มุ นักเรียนมา 1 คนให้นกั เรยี นเล่าสถานการณ์หรอื ปญั หาของตนเองมา 1 เร่ือง (แนวคาตอบ พจิ ารณาคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของครูผูส้ อน) 15. ครใู หน้ ักเรียนภายในหอ้ งเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา ท่นี กั เรียนเล่ามาขา้ งต้น 16. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน 10 ข้อ 3 ตัวเลือก ใชเ้ วลา 10 นาที 7. กำรวดั และประเมินผล วธิ ีกำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบก่อนเรียน 10 ข้อ ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์ ตรวจกิจกรรมหาจุดแตกต่างของ กิจกรรมหาจุดแตกตา่ งของภาพหน้า ภาพหน้า 39 หนังสือเทคโนโลยี 39 หนังสือเทคโนโลยี (วิทยาการ ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ (วิทยาการคานวณ) ป.1 คานวณ) ป.1 ตรวจกิจกรรมหน้า 41 หนังสือ กิจกรรมหน้า 41 หนังสือเทคโนโลยี ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 ตรวจกจิ กรรมในแบบฝึกหัด กิจกรรมในแบบฝกึ หดั เทคโนโลยี ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 (วิทยาการคานวณ)ป.1 หนา้ 29 หน้า 29 สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรม คุณภาพอยูใ่ นระดบั พอใช้ ผา่ น เกณฑ์ ตรวจผลงานและกระบวนการ แบบประเมินผลงาน คุณภาพอยูใ่ นระดับ พอใช้ ผา่ น ทางาน เกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การแก้ปัญหาอย่างเป็น ข้นั ตอน 2. หนงั สอื แบบฝกึ หัด รายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง การแก้ปัญหาอย่างเป็น ขัน้ ตอน 3. ใบงานเรอื่ ง เกมเขาวงกต 4. ชุดส่ือโอโซบอท (Ozobot) 5. บตั รภาพ เกมจุดแตกต่างของภาพ

ชื่อ................................................................................... ชั้น................................ เลขท่.ี .................... คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนใช้สีดำระบำยทับเส้นทำงท่จี ะใหผ้ ้ึงน้อยเคล่ือนทไ่ี ปเก็บนำหวำนจำกดอกไมใ้ หส้ ำเรจ็ ภำรกจิ ท่ี 1 พาผง้ึ น้อยเดินผา่ นเขาวงกตเพอ่ื ไปเก็บนา้ หวานจากดอกไม้ พำผ้ึงไปเกบ็ น้ำหวำนจำกดอกไม้

ภำรกจิ ที่ 2 พาผ้งึ น้อยเดนิ ผา่ นเขาวงกตเพอ่ื ไปเก็บนา้ หวานจากดอกไม้ท้ัง 2 ดอก พำผ้ึงไปเกบ็ น้ำหวำนจำกดอกไม้ 2 ดอก

คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นใช้สดี ำระบำยทับเส้นทำงทจ่ี ะให้ผึ้งน้อยเคลอ่ื นที่ไปเก็บนำหวำนจำกดอกไมใ้ หส้ ำเรจ็ ภำรกจิ ท่ี 1 พาผ้งึ น้อยเดินผา่ นเขาวงกตเพอ่ื ไปเก็บนา้ หวานจากดอกไม้

ภำรกจิ ที่ 2 พาผ้งึ น้อยเดนิ ผ่านเขาวงกตเพ่อื ไปเก็บนา้ หวานจากดอกไม้ท้งั 2 ดอก

บตั รภำพจุดแตกต่ำงของภำพ นักเรยี นสงั เกตภาพที่ 1และภาพที่ 2 ทีละส่วน เพื่อหาจุดแตกต่างของภาพ ให้วงล้อม จุดแตกต่างใน ภาพท่ี 2 

ภำพท่ื 1 ภำพท่ี 2 บตั รภำพจุดแตกต่ำงของภำพ 

แบบประเมินผลงำน วชิ ำ เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) ระดบั ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 1 หน่วยท่ี 2 กำรแก้ปญั หำอยำ่ งเป็นขัน้ ตอน เรอ่ื ง กำรแกป้ ญั หำ คำชแ้ี จง : โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทาเครื่องหมาย () ลงในชอ่ งวา่ ง ข้อท่ี เกณฑ์กำรวัดและประเมินผล ระดบั คะแนน 3 21 1. หาประเด็นปัญหาและวิธีการแกไ้ ขปญั หา 2. การเขียนเส้นทางการเดนิ เขาวงกต 3. การหาจดุ แตกต่างของภาพโดยการสังเกต 4. การวางแผนการจัดกระเป๋าอย่างเป็นข้ันตอน 5. ยกตัวอย่างการแก้ปญั หาในชีวติ ประจาวัน รวม เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-15 ดมี าก 10-12 ดี 7-9 พอใช้ ต่ากว่า 7 ปรบั ปรุง

เกณฑ์กำรแบบประเมนิ ผลงำนของนักเรยี น หัวข้อประเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน 321 ด้ำนผลงำน 1. หาประเด็นปัญหาและวิธกี ารแกไ้ ข สามารถทาความเขา้ ใจ สามารถทาความเขา้ ใจ สามารถทาความเขา้ ใจ ปญั หา ปญั หาจนหาประเดน็ ปัญหาจนหาประเด็น ปญั หาไดบ้ ้าง แต่หา ปญั หาได้อยา่ งถูกต้อง ปัญหาได้ ใชว้ ิธีการ ประเด็นปญั หาไดไ้ ม่ และใช้วิธกี ารแกป้ ัญหา แก้ปัญหาท่ยี ังไม่ ชดั เจน และใช้วธิ ีการ ที่เหมาะสมกบั ปัญหา เหมาะสมกับปญั หา แกป้ ญั หาทย่ี ังไม่ เท่าท่คี วร เหมาะสมกบั ปัญหา 2. การเขยี นเสน้ ทางการเดนิ เขาวงกต สามารถหาเส้นทางเดนิ สามารถหาเส้นทางเดิน สามารถหาเสน้ ทางเดนิ ไปเขาวงกตได้ถกู ต้อง ไปเขาวงกตได้ ท้ัง 2 ไปเขาวงกตได้ แตต่ ้อง ทั้ง 2 ภารกจิ โดยไม่มี ภารกิจแต่มีการแก้ไข ไดร้ บั คาแนะนาจาก การแก้ไขเสน้ ทาง เส้นทาง บางเส้นทาง คณุ ครจู ึงสามารถทา ภารกิจสาเรจ็ 3. การหาจุดแตกต่างของภาพโดยการ หาจุดแตกตา่ งของภาพ หาจุดแตกตา่ งของภาพ หาจุดแตกตา่ งของภาพ สงั เกต ท้งั 5 จดุ ครบ ได้ 3- 4 จุด ไดน้ ้อยกวา่ 3 จุด 4. การวางแผนการจดั กระเป๋าอย่าง นักเรียนสามารถวาง นักเรยี นสามารถวาง นักเรยี นสามารถวาง เป็นข้ันตอน แผนการจัดกระเปา๋ ได้ แผนการจดั กระเป๋าได้ แผนการจดั กระเปา๋ ได้ อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนที่ อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนท่ี แตไ่ มเ่ ปน็ เป็นข้ันตอนท่ี 5. ยกตัวอย่างการแก้ปญั หาใน ถูกต้องตามหลักการ ถกู ต้องตามหลักการ ถกู ต้องตามหลักการ ชวี ติ ประจาวนั และจดั อปุ กรณ์การ และแต่จัดอุปกรณก์ าร เรียนครบ เรยี นไมค่ รบ สามารถยกตัวอยา่ ง สามารถยกตัวอย่าง สามารถยกตวั อยา่ ง ปัญหาใน ปญั หาใน ปญั หาใน ชวี ติ ประจาวัน และแต่ ชีวติ ประจาวนั และ ชวี ติ ประจาวนั และ ไม่สามารถบอกแนว บอกแนวทางการ บอกแนวทางการ ทางการแก้ปัญหาได้ แกป้ ัญหาไดถ้ ูกต้อง แกป้ ญั หาได้ แตย่ งั ม่ เหมาะสม และสามารถ เหมาะสม และอาจ นาไปใชไ้ ด้จรงิ นาไปใชไ้ ดจ้ ริง