Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

Published by Mussaya Hongsibpad, 2021-09-08 15:49:24

Description: วิทยาการคำนวณ ป.3 ปีการศึกษา 1/2564

Search

Read the Text Version

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ม่งุ มั่นในการทางาน 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรือ่ ง โปรแกรมของฉนั 6. กำรวดั และกำรประเมนิ ผล รำยกำรวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ ประเมินตามสภาพจริง 6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบ กอ่ นเรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบประเมนิ ใบงาน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ก่อนเรียน ที่ 1.1.1 เรือ่ ง การแก้ปัญหาโดยใช้ เร่ือง การเขียนโปรแกรม แนวคดิ เชิงคานวณ อย่างง่าย - ใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง การแกป้ ัญหาโดยใช้ 6.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัด แนวคิดเชิงคานวณ กจิ กรรม - แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การแกป้ ัญหาโดยใช้ 1) การเขยี นโปรแกรมสง่ั - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 แนวคิดเชิงคานวณ ใหต้ วั ละครทางาน เขยี นคาสง่ั ขัน้ ตอน การนับเหรียญ - ตรวจแบบฝกึ หัด หน้า 21 - 25 (การ เขียนโปรแกรมสั่งให้ ตวั ละครทางานซา้ ไมม่ ี ส้ินสุด) - ประเมินการนาเสนอ เรื่อง โปรแกรมช่วยให้ ชีวิตงา่ ยขึน้

รำยกำรวัด วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์กำรประเมิน 2) การตรวจสอบและ ระดับคุณภาพ 2 - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - แแบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ การแก้ไขข้อผิดพลาด ท่ี 2, 3 กิจกรรมฝึกทกั ษะ จากการเขยี นโปรแกรม - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ การตรวจสอบหา ระดับคุณภาพ 2 ท่ี 3 ผา่ นเกณฑ์ 3) คุณลักษณะ - ช้ินงาน/ภาระงาน ขอ้ ผดิ พลาดของ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ โปรแกรม (รวบยอด) โปรแกรม - แบบประเมิน 6.3 การประเมนิ หลังเรียน ของฉนั 1) แบบทดสอบหลังเรยี น กิจกรรมฝกึ ทักษะ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง การเขยี นโปรแกรม ท่ี 3 อย่างง่าย - แบบประเมิน ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรม ของฉัน - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ คุณลกั ษณะ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ หลงั เรยี น หลังเรียน 2) การประเมินช้ินงาน/ - ตรวจช้ินงาน/ - แบบประเมนิ ช้ินงาน/ - ระดับคุณภาพ 2 ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ เรอ่ื ง โปรแกรมของฉนั 7. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย

8. ส่อื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สอื่ กำรเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 2) หนงั สือแบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 3) ใบงานที่ 2.1.1 เขยี นคาส่งั ข้ันตอนการนับเหรียญ 4) ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรือ่ ง โปรแกรมของฉัน 5) วดี ทิ ัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8 8.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เทอร์เน็ต

แบบทดสอบ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การเขียนโปรแกรมคาสั่งลูป ตอ้ งการให้โปรแกรมทาอะไร 7. จากคาตอบในขอ้ 6. โปรแกรมท่ีถูกตอ้ งตรงกบั ขอ้ ใด ก. ทางานซ้า ข. เร่ิมทางาน ก. เดนิ ไปข้างหนา้ 2 คร้ัง หนั ขวา แลว้ เดินไปข้างหนา้ ค. ทางานเพยี งครั้งเดียว 4 ครั้ง 2. ข้อใดเปน็ กิจกรรมทไ่ี ม่เหมำะสมในการใช้คาสง่ั การทางาน ข. เดินไปข้างหน้า 1 คร้ัง แล้วหันขวา ทาแบบนี้ 7 ครั้ง วนซ้า ค. เดนิ ไปขา้ งหนา้ หันขวา 2 ครงั้ จากน้ันเดินไป ก. การนับจานวนนกั เรียน จานวน 100 คน ข. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จานวน 5 สถานท่ี ขา้ งหน้า 4 ครั้ง ค. การชงกาแฟสูตรหวานนอ้ ยจานวน 50 แก้ว 8. จากภาพคาสง่ั โปรแกรม สามารถเขยี นคาส่งั แบบวนซา้ ไดต้ ามข้อใด 3. ถ้าหากต้องการเขยี นโปรแกรมสาหรับปลูกตน้ ไม้ แต่ ก. ข. ค. ผลลพั ธไ์ ม่ถูกตอ้ งตามที่ต้องการ ข้อผดิ พลาดนเ้ี รียกวา่ อะไร ก. บ๊ัก (bug) 9. จากคาตอบในขอ้ 8. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกีย่ วกับคาสงั่ ในโปรแกรม ข. ลปู (loop) ก. ซอมบเ้ี ดนิ ไปข้างหนา้ 3 ครง้ั ค. ดบี ก๊ั (debug) ข. ซอมบเี้ ดินไปขา้ งหน้า 5 ครง้ั ค. ซอมบี้เดินไปขา้ งหน้า 6 ครั้ง และหนั ขวา 2 คร้งั 4. ขอ้ ใดเรียงลาดับการต้มไขไ่ ดถ้ กู ตอ้ งทีส่ ุด ก. ปลอกเปลอื กไข่ ต้มน้าใหเ้ ดือด นาไขล่ งไปต้ม 10. ข้อใดอธิบายความหมายของคาสง่ั และ ล้างเปลอื กไข่ ข. ลา้ งเปลอื กไข่ ตม้ น้าให้เดอื ด นาไข่ลงไปต้ม ไดถ้ ูกตอ้ งที่สดุ ปลอกเปลอื กไข่ ค. นาไข่ลงไปต้ม ตม้ น้าให้เดือด ลา้ งเปลือกไข่ ปลอกเปลือกไข่ 5. จากภาพถ้าต้องการให้นกแดงเดนิ ทางไปหาหมูเขยี วไดส้ าเรจ็ ตอ้ งใชค้ าสัง่ ใด ก. ข. ค. ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครั้ง และเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไม่สน้ิ สดุ 6. จากภาพคาสั่งโปรแกรม สามารถเขยี นคาส่งั แบบวนซา้ ได้ ตามขอ้ ใด ข. เดินไปข้างหน้า 99 คร้ัง และเดินไปข้างหน้าจนกว่า จะถงึ ดอกทานตะวนั ค. เดินไปข้างหน้ามากกวา่ 99 คร้ัง และเดินไปข้างหน้า เรอ่ื ย ๆ ไม่สิ้นสดุ ก. ข. ค. เฉลย 1. ก 2. ข 3. ก 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ข

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ 1 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 2 กำรเขยี นโปรแกรมอยำ่ งง่ำย เวลำ 8 ช่ัวโมง เร่ือง กำรเขยี นโปรแกรมสัง่ ใหต้ ัวละครทำงำน เวลำ 4 ชั่วโมง รำยวิชำ วิทยำกำรคำนวณ กล่มุ สำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 3 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด สำระที่ 4 เทคโนโลยี มำตรฐำน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมจี รยิ ธรรม ตัวชีว้ ัด ป.3/2 เขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือส่ือ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ โปรแกรม 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธิบายขั้นตอนการเขยี นโปรแกรมและการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ ส่ังให้ตวั ละครทางานใน สถานการณ์ท่กี าหนดได้ (K) 2. แสดงขั้นตอนการเขียนโปรแกรมส่ังใหต้ ัวละครทางานซา้ ไม่สน้ิ สดุ ได้ (P) 3. เหน็ ประโยชนข์ องการใชค้ าสัง่ ลูปในการทางานแบบวนซ้าได้ (A) 3. สำระสำคัญ การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชุดคาสงั่ ด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์ เพ่ือแสดงลาดับขั้นตอนให้ คอมพิวเตอร์ โดยการเขียนโปรแกรม ควรมีลาดับการเขียนท่ีเรียงลาดับชัดเจน เพ่ือให้คอมพิวเตอร์ทางาน ตามที่ส่ัง และตามเงื่อนไขที่กาหนดได้อย่างถูกต้อง โดยเรามักเรียกข้ันตอนการเขียนโปรแกรมว่า การโค้ดดิ้ง (Coding) การเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทางานซ้าไม่สิ้นสุด โดยท่ัวไปการทางานของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะทางานเรียงตามลาดับ ตง้ั แต่คาสง่ั แรกไปถงึ คาสัง่ สุดทา้ ย แต่เราสามารถให้คอมพวิ เตอร์ ทางานซา้ ๆ ทีช่ ดุ คาส่งั ใดก็ได้ โดยใช้คาสั่งควบคมุ ใหท้ างานซ้า เรยี กวา่ คาส่ังลปู (Loop) 4. สำระกำรเรียนรู้ 1) การเขยี นโปรแกรม 2) การเขียนโปรแกรมสัง่ ให้ตัวละครทางานซ้าไมส่ ้ินสดุ

5. รปู แบบกำรสอน/วิธกี ำรสอน 1) วิธีการสอนแบบสาธิต 2) วธิ กี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) 6. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ทกั ษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill) ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ซ่ือสตั ย์ สุจรติ  รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  ใฝเ่ รียนรู้  มวี นิ ัย  มุ่งม่ันในการทางาน  มีจติ สาธารณะ  อย่อู ยา่ งพอเพียง  รกั ความเป็นไทย 9. กำรจดั กระบวนกำรเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ข้ันนำ 1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย เพื่อเป็นการวัดพื้นฐานความรู้ ก่อนเรียน กระต้นุ ความสนใจ (20 นาท)ี 2. นักเรียนทากจิ กรรมลองทาดู ในแบบฝึกหัดรายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 หน้า 18 เพ่ือเปน็ การทบทวนความร้เู ดมิ ก่อนเขา้ สู่บทเรยี น

3. ครนู านักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เรื่อง การเขียนคาสั่งให้โปรแกรมทางานอย่างเป็นลาดับขนั้ ตอน (Algorithm) โดยเปิดวดี ทิ ศั น์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8 ใหน้ กั เรียนดูและรว่ มกันสรุปความรทู้ ี่ไดจ้ ากวดี ีโอว่า “ในการทเี่ ราจะเขยี นคาสง่ั ใหค้ อมพวิ เตอร์ทางาน ได้นั้น เราจาเปน็ อยา่ งย่ิงท่ีจะต้องเขยี นลาดับขั้นตอนการทางาน หรือ อัลกอริทึม (Algorithm) ออกมา ใหช้ ดั เจน เพอ่ื ลดปญั หาหรอื การทางานทผี่ ดิ พลาด อัลกอริทึมที่ดคี วรมลี าดบั ข้ันตอนการทางาน ทงั้ กอ่ นและหลังทีช่ ัดเจน เข้าใจลาดบั ข้ันตอนงา่ ยและไมก่ ากวม” 4. ครถู ามคาถามประจาหวั ขอ้ การเขยี นโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทางาน หนา้ 27 ในหนังสือเรยี น รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 วา่ “การเขียนโปรแกรมมีประโยชน์ ในชวี ิตประจาวันอย่างไรบ้าง” ขั้นสอน สารวจค้นหา (20 นาที) 5. ครนู านกั เรยี นศึกษาเนอื้ หาในหนังสอื เรยี น รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมส่งั ใหต้ วั ละครทางาน หนา้ 27–28 โดย การเขยี น โปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชุดคาสั่งด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เพ่ือแสดงลาดบั ข้ันตอนให้คอมพวิ เตอร์ หรอื ตวั ละครทางานตามที่ออกแบบไว้ เรียกขนั้ ตอนการเขียนโปรแกรมน้วี า่ การโค้ดดง้ิ (Coding) 6. แบง่ กล่มุ นกั เรียนในห้องเรียน ออกเป็น 2 กล่มุ ครเู ตรียมบัตรคาสัง่ (ไปข้างหน้า 20 แผน่ หนั ซ้าย 10 แผ่น หนั ขวา 10 แผน่ หรอื ตามจานวนนกั เรียน) โดยแบ่งบตั รคาส่งั ใหก้ ล่มุ ละเทา่ ๆ กัน ให้นกั เรียน แบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม จากนนั้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มวางโปรแกรมคาสัง่ เพื่อสง่ั ให้เจา้ ซอมบเี้ ดินไปเก็บดอก ทานตะวัน จากสถานการณต์ ัวอยา่ งตามภาพท่ี 2.3 หนา้ 29 ในหนงั สือเรียน โดยมบี ัตรคาส่ังดงั น้ี 7. ครชู ใ้ี หน้ กั เรยี นเหน็ ว่า วางบัตรคาส่ังแบบไหนถูกต้อง จากนน้ั ครบู อกกับนักเรยี นวา่ “เราสามารถ ตรวจคาตอบได้อกี วธิ หี น่ึงคือ การลองทาในเว็บไซต์ Code.org” อธบิ ายความรู้ (20 นาท)ี 8. ครใู ห้นกั เรียนเปดิ เวบ็ ไซต์ Code.org เพ่ือเข้าสู่ระบบ แล้วเขา้ ไปที่รายการหลกั สูตร โดยเลือก คอร์ส 3 อายุ 8–18 ปี มีบทเรียน 21 บทเรียน

9. ครูนานกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ ัวละครทางาน (1.1ข้นั ตอนการ เขียนโปรแกรม) หน้า 29 – 30 และครูช้แี จงในสว่ นของเกรด็ นา่ รใู้ ห้นักเรยี นฟงั ในหน้า 30 ควบคู่ กบั การสอนเขยี นโปรแกรมในเวบ็ Code.org ไปพรอ้ ม ๆ กัน ในสว่ นน้ใี หค้ รูนานักเรียนเขียน โปรแกรมไปถงึ บทที่ 2 เขาวงกต ตอนท่ี 4 10. ครนู านักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรุปความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการจัดกจิ กรรม ตวั อย่างประเด็นการอภิปราย - ถา้ ตอ้ งการสง่ั ให้ซอมบี้เดินไปขา้ งหน้า 5 คร้งั จะต้องวางคาสัง่ อย่างไร (แนวคาตอบ / วางคาส่งั ไปขา้ งหน้า จานวน 5 บล็อก) - แตถ่ ้านักเรียนตอ้ งการวางคาส่ังไปข้างหนา้ 100 ครง้ั นักเรยี นกต็ ้องเสยี เวลาในการวางคาสั่งไป ขา้ งหนา้ จานวน 100 บล็อก แตใ่ นทางการเขียนโปรแกรมแลว้ มีคาสั่งโดยการใช้บล็อก \"ทาซา้ (Loop)\" เพ่ือช่วยใหส้ ามารถแก้ปญั หาได้อย่างรวดเรว็ ยงิ่ ข้ึน 11. นักเรียนทาแบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการ เรียนรูท้ ่ี 2 หน้า 19-20 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมสงั่ ให้ตัวละครทางาน หรือครอู าจให้นกั เรยี นทา เปน็ การบ้าน ชัว่ โมงท่ี 2 ขนั้ สอน อธบิ ายความรู้ (20 นาท)ี 1. ครนู านักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เดิมในเร่ือง การเขียนโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทางาน (1.1 ขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรม) ในคาบที่ผา่ นมา 2. นกั เรียนทาใบงานท่ี 2.1.1 เขยี นคาส่งั ขัน้ ตอนการนับเหรียญ จากน้นั ใหเ้ พื่อนรว่ มชน้ั ทาตามคาสงั่ ท่ี ตนเองเขยี นเพ่ือเปน็ การตรวจคาสั่งวา่ ถกู ตอ้ งและชดั เจนหรือไม่ และใหน้ กั เรยี นอธบิ ายข้นั ตอนการ เขียนโปรแกรมจากสถานการณ์ที่กาหนดให้ 3. ครสู ่มุ นักเรยี น 3–5 คน มาอธบิ ายแนวคดิ ในการเขยี นคาสั่งควบคมุ การนับเหรยี ญจากใบงานที่ 2.1.1 4. ครูช้ีให้นักเรียนเหน็ ว่า “เม่ือมีการใช้บลอ็ กคาส่งั แบบเดิมซา้ กนั ในลักษณะเรียงต่อกัน ควรเปล่ียนมาใช้ บล็อกคาสั่งทางานซ้าแทน โดยการกาหนดตัวเลขตามจานวนรอบทีท่ าซ้าจะชว่ ยให้การเขียนโปรแกรม งา่ ยและสะดวกมากยง่ิ ขึน้ ” ขยายความเขา้ ใจ (40 นาที) 5. ครนู านกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมสง่ั ใหต้ วั ละครทางาน (1.1การเขยี น โปรแกรม)หน้า 31 ควบคูก่ บั การสอนเขยี นโปรแกรมในเว็บ Code.org ไปพร้อม ๆ กนั ในส่วนนี้ให้ ครูนานักเรียนเขยี นโปรแกรมไปถึงบทที่ 2 เขาวงกต ตอนที่ 5 ไปจนถงึ บทท่ี 3 ศิลปิน

6. นกั เรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ ในหนังสือเรยี น รายพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 32-33 7. ครูนานกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง การเขียนโปรแกรมสัง่ ให้ตวั ละครทางาน (1.2 ตัวอยา่ งการเขียนโปรแกรม สั่งใหต้ ัวละครทางานซ้าไมส่ ิ้นสุด) หนา้ 34 –35 โดยครตู ั้งคาถามท้าทายการคดิ ข้ันสูงกบั นกั เรยี นว่า “เม่อื โปรแกรมท่ีเขียนคาสง่ั เกิดข้อผิดพลาด ทาให้การส่ังงานไมเ่ ป็นไปตามที่ต้องการ นักเรยี นมวี ิธใี น การแก้ปัญหานี้อยา่ งไร” 8. ครูนานักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้ทีไ่ ด้จากการจดั กจิ กรรม ตวั อย่างประเด็นการอภปิ ราย  คาสงั่ ลปู (Loop) คืออะไร (แนวคาตอบ / คาสั่งควบคมุ ให้ทางานซา้ ในส่วนทเี่ รากาหนด)  ให้นักเรยี นดูภาพปริศนาและชว่ ยกนั เขยี นคาส่ัง โดยใชบ้ ล็อกคาสง่ั ท่กี าหนดให้ (แนวคาตอบ ภาพด้านลา่ ง) 9. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 หนา้ 21-22 เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมส่ังใหต้ ัวละครทางานซา้ ไม่มสี ้ินสดุ หรอื ครูอาจให้นักเรยี นทาเปน็ การบ้าน

ชัว่ โมงที่ 3 ข้ันสอน ขยายความเข้าใจ (60 นาที) 1. ครนู านักเรยี นสนทนาทบทวนความรู้เดมิ ในเรื่อง การเขียนโปรแกรมสัง่ ใหต้ ัวละครทางาน (1.2ตัวอย่างการเขียนโปรแกรมสัง่ ให้ตวั ละครทางานซ้าไม่ส้นิ สดุ ) ในคาบทผี่ า่ นมา 2. นักเรียนเขยี นโปรแกรมในเว็บ Code.org จากบทท่ี 5 ศิลปนิ : Functions ไปจนถงึ บทที่ 13 ผง้ึ : ลปู ซอ้ นลปู (Nested Loops) ในระหวา่ งน้ีครูอาจจะแทรกความรู้ในเรื่อง เง่ือนไข คือ ข้อกาหนด ขอ้ บังคบั หรือกฏเกณฑ์ที่ใช้ร่วมกัน 3. นกั เรยี นทากิจกรรมฝกึ ทักษะ ในหนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 หน้า 36 ลงในสมุด 4. ครูสุ่มนกั เรยี น 3 –5 คน มาอธบิ ายแนวคิดในการเขียนคาสงั่ เพ่อื พาซอมบี้เดนิ ทางไปยังดอกทานตะวนั จากในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ในหน้า 36 5. ครูนานกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตัวอย่างประเด็นการอภปิ ราย  ใหน้ กั เรียนยกตัวอย่างเงื่อนไข ที่พบเห็นในชีวิตประจาวัน (แนวคาตอบ / เงอื่ นไขในการเล่น เกม เช่น เล่นเกมไมเ่ กินวนั ละ 5 นาที จะได้รับเพชร จานวน 10 เม็ด, เงื่อนไขในการเข้าใช้ งาน Facebook ตอ้ งมีอายุไม่ตา่ กวา่ 13ปี เปน็ ต้น)  ครเู ปดิ ประเดน็ กับนักเรยี นว่า “ครใู หน้ กั เรยี นลองนาความร้เู ก่ียวกบั การเขียนโปรแกรม โดย นาคาสงั่ ลปู และเงื่อนไข มาประยกุ ต์ใช้ในการแกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวันว่าจะสามารถเขียน โปรแกรมแก้ปัญหาใดได้บ้าง แล้วคาบต่อไปมาพูดคุยแลกเปล่ยี นกนั ” 6. นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 23-25 (การเขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ ัวละครทางานซา้ ไม่มสี ้ินสุด) หรอื ครอู าจ ใหน้ กั เรยี นทาเป็นการบ้าน ชว่ั โมงที่ 4 ขนั้ สอน ขยายความเข้าใจ (40 นาท)ี 1. ครูนานกั เรียนสนทนาทบทวนความรเู้ ดิม จากคาบที่แลว้ ทค่ี รูเปิดประเด็นกับนกั เรียนวา่ “ครใู ห้ นักเรียนลองนาความรเู้ กยี่ วกับการเขียนโปรแกรม โดยนาคาส่ังลูป และเง่ือนไข มาประยุกต์ใชใ้ นการ แกป้ ญั หาในชวี ติ ประจาวันว่าจะสามารถเขียนโปรแกรมแก้ปัญหาใดได้บ้าง” 2. ใหน้ กั เรียนศึกษาสถานการณ์ทกี่ าหนด จากกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 1 โปรแกรมช่วยใหช้ วี ติ ง่ายข้นึ ใน แบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 หน้า 29 หรือครอู าจจะให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3–5 คน โดยใหน้ กั เรียนเขียนคาสัง่ ช่วยคดั แยก เส้ือผา้ จานวน 100 ชน้ิ ในรูปแบบแผนผงั โดยใหป้ ระยุกต์ใช้ความรทู้ ่ีเรยี นมาในการเขียนโปรแกรมน้ี

และบอกประโยชนข์ องการใช้คาส่ังลปู ในการทางานแบบวนซ้าได้ แลว้ ออกมานาเสนอแนวคิด โปรแกรมของกล่มุ ตนเอง มเี วลาการนาเสนอกลุ่มละ 5–7 นาที ขน้ั สรปุ ตรวจสอบผล (20 นาท)ี 1. ครนู านกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรุปความรู้ท่ีไดจ้ ากการจัดกจิ กรรม ตัวอย่างประเด็นการอภปิ ราย ให้ นักเรยี นชว่ ยยกตัวอยา่ งถึงเหตุการณ์หรือรูปแบบของปัญหาท่พี บเจอในชีวติ ประจาวันที่จะนามาเขียน โปรแกรมเพื่อแก้ไขปญั หา หรือชว่ ยให้การทางานสะดวกสบายมากย่ิงขึ้น 10. ส่ือแหลง่ กำรเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 2) แบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 3) วีดทิ ัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8 4) ใบงานท่ี 2.1.1 เขียนคาสัง่ ขั้นตอนการนบั เหรียญ 11. กำรวดั และกำรประเมนิ ผล 11.1 กำรประเมนิ ระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วิธกี ำรประเมิน เครื่องมอื กำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมิน 1.อธิบายขนั้ ตอนการ ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เขียน แบบประเมนิ ใบงานท่ี นักเรยี นเขียนอธบิ าย เขียนโปรแกรมและการ คาส่งั ข้ันตอนการนบั เหรียญ 2.1.1 ลาดับข้ันตอนการทางาน เขียนโปรแกรมแบบวน ของโปรแกรมได้ในระดับ ซ้าสั่งใหต้ ัวละครทางาน คณุ ภาพ พอใช้ข้นึ ไป ถือ ในสถานการณท์ ่ี วา่ ผ่าน กาหนดใหไ้ ด้ (K) 2.แสดงข้นั ตอนการเขยี น ตรวจแบบฝกึ หัดหนา้ 21 - แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั นักเรยี นแสดงขั้นตอนการ โปรแกรมส่ังให้ตัวละคร 25 (การเขียนโปรแกรมสง่ั (การเขียนโปรแกรมสั่งให้ ใชค้ าสั่งการทางานซา้ ได้ใน ทางานซา้ ไม่ส้ินสุดได้ (P) ใหต้ วั ละครทางานซา้ ไม่มี ตัวละครทางานซา้ ไมม่ ี ระดบั คุณภาพ พอใช้ขึ้นไป ส้ินสุด) สนิ้ สุด) ถอื ว่าผา่ น 3.เหน็ ประโยชน์ของการ ประเมนิ การนาเสนอ เรื่อง แบบประเมนิ การ นกั เรยี นบอกประโยชนข์ อง ใชค้ าสง่ั ลปู ในการทางาน โปรแกรมชว่ ยใหช้ ีวติ งา่ ยขนึ้ นาเสนอ การใช้คาสง่ั ลูปในการทางาน แบบวนซ้าได้ (A) แบบวนซา้ ได้ ในระดบั คณุ ภาพ พอใช้ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน

11.2 แบบประเมนิ ใบงำนที่ 2.1.1 เรือ่ ง เขียนคำส่งั ขั้นตอนกำรนบั เหรียญ ประเดน็ ในกำรประเมิน 3 เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 1 2 1.ความถูกต้องของ เน้ือหาถูกตอ้ ง มี เน้อื หาถูกตอ้ ง แตม่ ี เนอ้ื หาถูกตอ้ ง แต่มี เนอ้ื หา รายละเอยี ดครบถว้ นทุก รายละเอียดไม่ถูกต้อง รายละเอยี ดไม่ถูกต้อง ประเด็นตามสถานการณ์ 1 ตาแหน่ง 2 ตาแหนง่ ขน้ึ ไป ทกี่ าหนด 2.ความชดั เจนในคาส่งั เขยี นข้นั ตอนคาสัง่ เขียนขน้ั ตอนคาส่ัง เขยี นขัน้ ตอนคาสงั่ ควบคุมการทางาน ควบคมุ การทางาน โดยมี ควบคุมการทางาน โดยมี ควบคมุ การทางาน โดยมี การเรียงลาดับถูกต้อง การเรยี งลาดับถูกต้อง การเรียงลาดบั ถูกต้อง ชัดเจนมาก เม่ือ เมือ่ แลกเปลี่ยนกบั เพือ่ น เมื่อแลกเปลย่ี นกับเพอื่ น แลกเปล่ยี นกับเพือ่ นแลว้ แลว้ เพ่อื นสามารถทาตาม แล้วเพ่ือนสามารถทาตาม เพ่ือนสามารถทาตาม ขนั้ ตอนไดบ้ างสว่ นตอ้ ง ขัน้ ตอนได้บางสว่ นต้อง ข้ันตอนได้ครบถว้ น นากลบั มาแก้คาส่งั ใหม่ 1 นากลับมาแก้คาส่ังใหม่ 2 รอบ รอบข้นึ ไป 3.การอธิบายแนวคิดการ อธิบายแนวคิดการเขียน อธิบายแนวคิดการเขียน อธบิ ายแนวคดิ การเขียน เขยี นโปรแกรมและการ โปรแกรมและการใช้ โปรแกรมและการใช้ โปรแกรมได้ แต่ไม่ เขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า คาสง่ั ให้ทางานวนซ้าใน คาส่ังให้ทางานวนซ้าใน สามารถอธบิ ายได้ว่า การเขยี นโปรแกรม การเขียนโปรแกรม ให้ เมอ่ื ใดควรมีการใชค้ าส่ัง พร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผล เหตุผลประกอบไดเ้ พียง ให้ทางานวนซ้าในการ ประกอบอยา่ ง บางสว่ น เขยี นโปรแกรม สมเหตุสมผล เกณฑ์การตัดสนิ /ระดบั คุณภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถึง ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 5 หมายถึง

11.3 แบบตรวจประเมนิ แบบฝกึ หัด (กำรเขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต้ วั ละครทำงำน ้ำไม่มีส้ินสดุ ) ประเด็นในกำรประเมิน 3 เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 1 2 1.ความถูกต้องของ เนื้อหาถูกต้อง มี เนื้อหาถูกต้อง แตม่ ี เน้ือหาถูกตอ้ ง แต่มี เน้ือหา รายละเอียดครบถว้ นทุก รายละเอียดบางสว่ นไม่ รายละเอียดบางส่วนไม่ ประเดน็ ตามสถานการณ์ ถูกต้อง 1 จุด ถกู ต้อง 2 จุดขึ้นไป ทกี่ าหนด 2.การเลอื กใช้คาสง่ั เลอื กใช้คาส่งั ควบคุมการ เลือกใช้คาสง่ั ควบคุมการ เลือกใช้คาสง่ั ควบคุมการ ควบคมุ การทางานแบบ ทางานแบบวนซา้ ได้ ทางานแบบวนซา้ ได้ ทางานแบบวนซ้าได้แต่ยัง วนซ้า ถกู ต้อง และใชบ้ ลอ็ ก ถกู ต้อง แตย่ งั สามารถ ไม่ถูกตอ้ งท้งั หมด คาสงั่ ไดน้ ้อยที่สุด เลอื กใช้บลอ็ กคาสง่ั ได้ นอ้ ยกว่าทเี่ ขียนมา 3.ความชดั เจนในการ เขียนขัน้ ตอนคาสั่ง เขยี นขน้ั ตอนคาสั่ง เขียนข้นั ตอนคาสง่ั เขยี นคาสัง่ ควบคุมการ ควบคุมการทางานถกู ต้อง ควบคุมการทางานถกู ต้อง ควบคมุ การทางานถูกต้อง ทางาน ชดั เจนท้งั หมด ชดั เจน แตม่ ีบางส่วนต้อง ชัดเจน แต่มีบางส่วนต้อง นากลับมาแกค้ าสง่ั ใหม่ 1 นากลับมาแกค้ าส่งั ใหม่ 2 รอบ รอบขนึ้ ไป เกณฑ์การตดั สนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ต่ากว่า 5 หมายถงึ

11.4 แบบประเมนิ กำรนำเสนอ คุณภำพผลงำน 4321 รำยกำรประเมิน 1. รปู แบบโปรแกรมถูกต้องตามที่โจทย์กาหนด 2. อธิบายลาดบั ขั้นตอนการทางานของโปรแกรมไดอ้ ย่างเขา้ ใจ 3. บอกถงึ ประโยชนข์ องการใชค้ าสงั่ ลปู ในการทางานแบบวนซ้า 4. ควบคมุ เวลาในการนาเสนอได้อย่างเหมาะสม 5. การมสี ว่ นร่วมการทางานในกลุ่ม รวม เกณฑ์การตดั สิน /ระดบั คณุ ภาพ หมายถึง ดมี าก คะแนน 18 – 20 หมายถึง ดี คะแนน 14 – 17 หมายถึง พอใช้ คะแนน 10 – 13 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ต่ากว่า 10

ใบงำนที่ 2.1.1 เรื่อง เขียนคำสง่ั ขัน้ ตอนกำรนับเหรียญ คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเขยี นคาสัง่ ขน้ั ตอนการนบั เหรยี ญ จากนัน้ ใหเ้ พือ่ นรว่ มชั้นทาตามคาสัง่ ท่ตี นเองเขยี น เพอื่ เปน็ การตรวจคาสั่งว่าถูกต้องและชัดเจนหรอื ไม่ คาสัง่ ขน้ั ตอนการนบั เหรียญ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................

ใบงำนที่ 2.1.1 เฉลย เร่ือง เขียนคำสงั่ ขั้นตอนกำรนบั เหรยี ญ คาช้ีแจง : ให้นักเรียนเขียนคาสงั่ ขนั้ ตอนการนับเหรียญ จากน้ันใหเ้ พ่ือนรว่ มชนั้ ทาตามคาสัง่ ทีต่ นเองเขยี น เพ่อื เป็นการตรวจคาสง่ั วา่ ถูกตอ้ งและชดั เจนหรอื ไม่ คาสง่ั ข้ันตอนการนับเหรยี ญ ...1.....เ..ร..ม่ิ ...ต...้น....ม...ีเ.ง..ิน.....0....บ...า..ท................................................................................... ................................................. ...2......ห...ย...ิบ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ส..บิ...บ...า...ท....อ...อ...ก..ม...า....แ..ล...ะ...น..ับ...จ...า..น...ว. .น...เ.ห...ร...ีย..ญ....ท...่หี ...ย..บิ...อ...อ...ก...ม..า....=....2.....เ.ห...ร..ีย...ญ............................... ...3......แ...ป...ล...ง..ค..า่...จ..า..น...ว...น...เ.ง..นิ....1...0....+...1...0....=....2..0....บ...า...ท....จ...า..ก...น...้นั ...เ.ข...ยี ..น...จ...า..น...ว..น...เ.ง..นิ...ไ..ว..้ .2...0....บ...า..ท.................................. ...4......ห...ย...บิ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ห...้า..บ...า..ท.....อ..อ...ก...ม...า...แ...ล...ะ..น...บั...จ...า..น...ว..น...เ.ห...ร...ยี ..ญ....ท...ห่ี...ย..บิ...อ...อ...ก...ม..า....=....3..เ..ห...ร..ยี...ญ................................. ...5......แ...ป...ล...ง..ค..า่...จ..า..น...ว...น...เ.ง..ิน....5...+...5..+...5....=.....1..5... .บ...า..ท.....จ..า..ก...น...ัน้ ...เ.ข...ีย...น...จ..า..น...ว...น...เ.ง..นิ ...ไ..ว..้ .1...5....บ...า..ท................................... ...6......ห...ย...ิบ...เ.ห...ร...ีย..ญ....ส..อ...ง..บ...า..ท.....อ...อ..ก...ม...า....แ..ล...ะ..น...บั...จ...า..น...ว..น...เ..ห...ร..ีย..ญ....ท...่หี ...ย...ิบ...อ..อ...ก...ม...า. ..=....2....เ.ห...ร...ีย..ญ.............................. ......978.............แแห......ปปย......บิลล......งงเ..ห..คค....ร่่าา......ียจจ....ญาา....นน....บ..วว....า..นน..ท....เเ..งง....อิินน....อ....12..ก....++..ม....12า....+....=แ..1....ล..+4..ะ...1...นบ.....=.ับา.....ท.จ..4..า....จ.น.บ...า..ว.า..ก..นท..น....เ..ห้นั..จ....ราเ...ข.ีย.ก...ยี..ญน....น..นั้.ท...จ..เ.ี่ห..ขา....ยน.ยี....ิบ.ว.น....นอ.จ.....อเา..ง...นก.ิน....มว..ไ...น.วา....้.เ...=4ง....นิ ....บ4..ไ...วา...เ.ท.้ ห..4....ร....บ.ีย.....ญา.....ท..................................................................... ...1...0......น...า..จ...า..น...ว..น...ท...่ีเ.ข...ีย...น...ไ.ว...ม้ ..า...ร..ว..ม...ก...นั ......2..0...+...1..5...+..4...+...4....=....4...3....บ...า..ท.................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................

12. ควำมเหน็ ของผู้บริหำรสถำนศึกษำหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมำย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังกำรสอน  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข



แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 2 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 2 กำรเขียนโปรแกรมอยำ่ งงำ่ ย เวลำ 8 ชว่ั โมง เร่อื ง กำรตรวจสอบข้อผดิ พลำดของโปรแกรม เวลำ 4 ชั่วโมง รำยวิชำ วิทยำกำรคำนวณ กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี 3 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สำระที่ 4 เทคโนโลยี มำตรฐำน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หาทพี่ บในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รู้เทา่ ทันและมีจริยธรรม ตัวชีว้ ดั ป.3/2 เขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื สือ่ และตรวจหาข้อผิดพลาดของ โปรแกรม 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 4. ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้ (K) 5. แกไ้ ขข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมได้ (P) 6. นาความรู้และประโยชน์ทไี่ ด้รับเก่ยี วกับเร่อื ง การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม มาประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวันได้ (A) 3. สำระสำคญั การเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพวิ เตอรท์ างานตามข้นั ตอนท่ีได้ออกแบบไวน้ ัน้ บางครงั้ จะเกิดปัญหา ซง่ึ ปัญหาที่เกิดขน้ึ จากการเขียนโปรแกรมในแตล่ ะขั้นตอนของคาสงั่ น้ัน เราเรียกวา่ ข้อผดิ พลาด (Bug) ส่วนการ ตรวจสอบข้อผิดพลาดและแก้ไขข้อผดิ พลาดที่เกิดขน้ึ นัน้ เราจะเรียกวา่ Debugging คาสง่ั จะแจ้งเตือน ข้อผดิ พลาดท่เี กิดขึ้น เพื่อให้มีการทบทวนแกไ้ ขข้อผดิ พลาดนนั้ พร้อมทั้งแนะนาวธิ ีการแกไ้ ขก่อนทจ่ี ะ ดาเนนิ การต่อไป 4. สำระกำรเรียนรู้ 1) การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม 2) การตรวจสอบการทางานทีละคาสัง่ 5. รปู แบบกำรสอน/วิธีกำรสอน 1) วธิ กี ารสอนแบบสาธติ 2) วิธกี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4 Cs ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ซื่อสัตย์ สุจรติ  รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ใฝเ่ รียนรู้  มวี นิ ัย  มุ่งมน่ั ในการทางาน มีจิตสาธารณะ  อยู่อย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย 9. กำรจดั กระบวนกำรเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระตุ้นความสนใจ (20 นาท)ี 1. ครูให้นกั เรยี นทากจิ กรรม “ชว่ ยตรวจคาตอบใหห้ น่อยนะ” โดยครเู ขยี นโจทยแ์ ละคาตอบข้นึ บน กระดาน จานวน 5 ข้อ ดงั นี้ 26 + 30 = 50 35 + 35 = 70 54 - 24 = 34 19 - 4 = 14 10 x 2 = 20 2. นกั เรยี นชว่ ยตรวจคาตอบว่ามีขอ้ ใดถกู ข้อใดผิดบ้าง และข้อท่ีผิด ผดิ ตรงไหน จะแก้ให้ถูกได้อยา่ งไร โดยครูรอฟังคาตอบจากนักเรียน และแสดงวิธีทาในข้อที่ผิดอย่างละเอยี ดทีละขั้นตอนเพื่อหาจุดทผี่ ดิ และแก้ไขใหถ้ กู ตอ้ ง ดังนี้

26 + 30 = 50 (ผดิ คาตอบที่ถูกตอ้ งคือ 56) 35 + 35 = 70 (ถูกต้อง) 54 - 24 = 34 (ผดิ คาตอบทถี่ ูกต้องคือ 30) 19 - 4 = 14 (ผดิ คาตอบที่ถูกตอ้ งคือ 15) 10 x 2 = 20 (ถูกต้อง) 3. ครูนานกั เรยี นสนทนาเพื่อกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี น “จากในชีวิตประจาวัน หรอื การเรียน การ ทาการบา้ น การทาข้อสอบ เรากอ็ าจจะเจอกบั ความผดิ พลาดที่เกดิ ขึ้นได้ แตเ่ ราจะมีวธิ ีทาอยา่ งไรท่จี ะ ลดความผดิ พลาดได้บ้าง” (แนวคาตอบ การคดิ อยา่ งรอบคอบ, การตรวจสอบให้ถว้ นถี่ เปน็ ตน้ ) 4. ครูกล่าวเพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สู่บทเรียนวา่ “แม้กระทงั่ ในการเขียนโปรแกรม เขียนคาสง่ั ใหโ้ ปรแกรมหรอื คอมพิวเตอร์ทางาน เราเองก็อาจจะพบเจอกับความผิดพลาดทเี่ กิดขน้ึ ได้ เชน่ บางทีคนเขียน โปรแกรมอาจจะต้ังใจทาไว้แบบนี้ แตโ่ ปรแกรมท่ีแสดงออกมาไมเ่ ป็นอยา่ งที่คาดหวงั เอาไว้ หรอื ผลลพั ธ์ไม่ได้เป็นอยา่ งทค่ี ิดเอาไว้ สิ่งทเี่ กดิ ขนึ้ น้ี เราเรยี กวา่ ข้อผดิ พลาด (bug) 5. ครูตงั้ คาถามประจาเร่ืองกับนักเรยี นวา่ “เพราะเหตใุ ด จงึ ต้องมีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของ โปรแกรม” ขัน้ สอน สารวจค้นหา (40 นาที) 6. ครนู านกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม (2.1 การตรวจสอบคาส่งั ขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม) หนา้ 37-39 ครเู นน้ ประเดน็ สาคญั ในเรือ่ งน้ี คอื เม่ือเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์เรยี บรอ้ ยแล้ว จะต้องทาการตรวจสอบโปรแกรมวา่ ทางานไดต้ รงตามความตอ้ งการ หรือไม่ หากโปรแกรมไมส่ ามารถทางานตามทตี่ ้องการได้ ให้กลับไปแกไ้ ขและทดสอบใหม่ ทาจนกวา่ จะได้ผลลพั ธต์ ามท่ีต้องการ 7. นกั เรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะท่ี 2 วาดภาพตามคาสั่ง ในแบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 หนา้ 30-31 8. ครูนานักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรุปความรู้ที่ไดจ้ ากการจดั กจิ กรรม “จากกจิ กรรม วาดภาพตามคาสง่ั ท่ี นักเรยี นไดท้ าน้ัน จะเห็นได้ว่าการเขยี นคาสั่ง หรอื การแสดงขั้นตอนการทางาน (Algorithm) ท่ชี ดั เจน จะยิ่งทาให้ไดผ้ ลลพั ธ์ที่ถูกต้องตามความต้องการ ดงั นั้น อัลกอริทมึ ที่ดีควรจะต้องไม่มีข้อผดิ พลาด (bug) ” 9. นักเรยี นทาแบบฝึกหัดรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนา้ 26-27 (การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม) หรือครูอาจใหน้ ักเรยี นทา เป็นการบ้าน

ชั่วโมงที่ 2 ข้นั สอน อธบิ ายความรู้ (60 นาที) 1. ครูนานักเรียนสนทนาทบทวนความรเู้ ดิมในเร่ือง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ในคาบท่ี ผ่านมา (2.1 การตรวจสอบคาสง่ั ข้ันตอนการทางานของโปรแกรม) 2. ครชู ี้ให้นกั เรียนเห็นวา่ “เราสามารถตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม และแก้ไขในจุดท่ีบกพร่อง ของโปรแกรมได้ โดยสามารถทาในเวบ็ ไซต์ Code.org บทที่ 14 ผง้ึ : การดีบั๊ก” 3. จากนั้นครสู ุ่มนักเรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคิดในการตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม และ แกไ้ ขในจุดที่บกพร่องของโปรแกรม ในเวบ็ Code.org 4. นกั เรยี นทากจิ กรรมฝึกทกั ษะ ในหนงั สือเรียน รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 หนา้ 40 5. ครูนานกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปความรู้ท่ีได้จากการจัดกิจกรรม ตัวอย่างประเดน็ การอภิปราย  บ๊ัก (bug) คอื อะไร (แนวคาตอบ ข้อผิดพลาดท่ีเกดิ ข้นึ )  ดบี ๊กั (debugging) คืออะไร (แนวคาตอบ การแก้ไขจุดบกพร่องทเ่ี กดิ ข้ึน)  ให้นกั เรยี นดูภาพและช่วยกนั ดูคาสั่งว่าถูกหรือไม่ ถา้ ไม่ถูกจะแก้อยา่ งไรใหถ้ ูก โดยใชบ้ ลอ็ ก คาสงั่ ท่กี าหนดให้ (แนวคาตอบ ภาพดา้ นลา่ ง) 6. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 หน้า 28 (การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม) เปน็ การบา้ น

ชวั่ โมงที่ 3 ขั้นสอน อธบิ ายความรู้ (50 นาที) 1. ครนู านักเรยี นสนทนาทบทวนความรเู้ ดิมในเร่ือง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม (2.1 การ ตรวจสอบคาสั่งทแ่ี จ้งขอ้ ผดิ พลาด) 2. ครูนานกั เรยี นศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (2.2 การนาแนวคดิ เชิงคานวณมาใช้ในการตรวจสอบขอ้ ผิดพลาด) หนา้ 41–42 คอื การตรวจสอบการทางานของ โปรแกรมทลี ะคาสั่ง ทีละขั้นตอน โดยใช้แนวคดิ การแยกส่วนประกอบ คาส่งั ของโปรแกรมออกเปน็ ย่อย ๆ หรือเรยี กว่า (Decomposition) และพูดคยุ แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ในกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ หน้า43 3. นกั เรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะที่ 3 แกไ้ ขอย่างไรดี ในแบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 32-33 4. ครสู ุ่มนักเรยี น 3–5 คน มาอธิบายแนวคดิ การตรวจสอบการทางานทลี ะคาสง่ั และการแก้ไขคาสงั่ ให้ ถูกต้องจากกิจกรรมฝึกทักษะที่ 3 ขยายความเข้าใจ (10 นาท)ี 5. ครูนานกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรปุ ความรทู้ ่ีได้จากการจดั กิจกรรมวา่ “การเขยี นโปรแกรมทกุ ครัง้ จะตอ้ งทาการตรวจสอบ ทดสอบเพ่ือหาข้อผิดพลาด และเม่ือพบขอ้ ผิดพลาด จะต้องทาการแกไ้ ข โปรแกรมใหไ้ ด้ผลลัพธ์ทีถ่ กู ตอ้ ง” ชว่ั โมงท่ี 4 ขั้นสอน ขยายความเข้าใจ (40 นาท)ี 1. ครูนานักเรยี นสนทนาทบทวนความรู้เดิม “จากความรู้ทเ่ี ราไดเ้ รยี นมาเกยี่ วกบั เร่ือง การเขียน โปรแกรมอย่างง่าย ครูอยากใหน้ ักเรยี นลองนาความรูท้ ี่ได้ เช่น การใชค้ าสั่งวนซา้ (loop) การตรวจสอบหาข้อผิดพลาด (bug) และการแก้ไขข้อผิดพลาด (debugging) มาประยกุ ต์ใช้ในการ เขยี นโปรแกรมเพอื่ แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวัน ลงในชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉนั ” 2. ให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 3–5 คน ทาชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรมของฉัน เมือ่ เขยี น โปรแกรมเสรจ็ แล้วแลกเปล่ยี นกบั เพื่อนระหว่างกลุ่มเพอ่ื เป็นการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของ โปรแกรม และนากลบั มาทาการแก้ไขโปรแกรมให้สมบูรณแ์ ละนาเสนอแนวคิดและขัน้ ตอนหน้าชน้ั เรียน เวลาการนาเสนอกลมุ่ ละ 5–7 นาที 3. นกั เรียนทาแบบทดสอบทา้ ยบท ประจาหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 หนา้ 34-37 ในแบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 เพ่อื เป็นการตรวจสอบความรู้ท่ีได้หลังเรยี น

ข้นั สรุป ตรวจสอบผล (20 นาที) 1. นกั เรียนตรวจสอบตนเอง หลังจากเรยี นจบหน่วยน้ี ในหนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 หนา้ 43 2. ครนู านักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการเรยี นรเู้ รือ่ ง การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดย สรปุ สาระสาคญั ในหนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 หนา้ 44 3. นกั เรียนทากิจกรรมเสรมิ สรา้ งการเรียนรู้ ในหนังสือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 หนา้ 45 10. ส่ือแหล่งกำรเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 2) แบบฝึกหัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 3) ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง โปรแกรมของฉัน 11. กำรวัดและกำรประเมินผล 11.1 กำรประเมินระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วธิ กี ำรประเมิน เคร่อื งมอื กำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมิน 1.ตรวจสอบข้อผิดพลาดของ ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ แบบประเมินกิจกรรมฝกึ นกั เรยี นหาข้อผิดพลาด โปรแกรมได้ (K) 2, 3 ทักษะการตรวจสอบหา ของโปรแกรมได้ในระดับ ขอ้ ผดิ พลาดของ คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไป โปรแกรม ถือว่าผา่ น 2.แกไ้ ขข้อผิดพลาดจากการ ตรวจกิจกรรมฝกึ ทักษะที่ แบบประเมินกิจกรรมฝกึ นักเรียนแก้ไขข้อผดิ พลาด เขยี นโปรแกรมได้ (P) 3 ทกั ษะที่ 3 จากการเขียนโปรแกรม โดย แสดงขัน้ ตอนได้ในระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น 3.นาความรู้และประโยชนท์ ่ี ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบ แบบประเมินชิ้นงาน/ นกั เรียนนาความรู้และ ไดร้ ับเกยี่ วกับเรื่อง การ ยอด) เรอ่ื ง โปรแกรม ภาระงาน (รวบยอด) ประโยชน์ท่ีไดร้ บั มา ตรวจสอบข้อผิดพลาดของ ของฉัน โปรแกรมของฉัน ออกแบบโปรแกรมเพื่อ โปรแกรม มาประยกุ ตใ์ ชใ้ น ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ชีวิตประจาวันได้ (A) ไดใ้ นระดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไป ถือว่าผา่ น

11.2 แบบประเมนิ กจิ กรรมฝึกทกั ษะกำรตรวจสอบหำข้อผิดพลำดของโปรแกรม ประเด็นในกำรประเมนิ 3 เกณฑ์กำรให้คะแนน 1 2 1.การตรวจสอบหา หาคาสั่งทผ่ี ดิ พลาด หรอื หาคาสงั่ ท่ีผิดพลาด หรอื หาคาสั่งทีผ่ ดิ พลาด หรือ ข้อผดิ พลาดของ คาสั่งที่ทาใหโ้ ปรแกรมไม่ คาสั่งทที่ าใหโ้ ปรแกรมไม่ คาสง่ั ที่ทาใหโ้ ปรแกรมไม่ โปรแกรม สามารถทางานได้ตาม สามารถทางานไดต้ าม สามารถทางานไดต้ าม ผลลพั ธท์ ่คี าดหวังไว้ ผลลพั ธ์ที่คาดหวังไว้ ผลลัพธท์ ีค่ าดหวงั ไว้ ครบถว้ นทกุ ตาแหน่ง บางสว่ นยงั ไม่ครบถว้ นขาด บางสว่ นยงั ไมค่ รบถว้ นขาด 1 ตาแหนง่ 2 ตาแหน่งข้นึ ไป 2.ความชดั เจนในคาสัง่ เขยี นขนั้ ตอนคาสั่งควบคุม เขียนขน้ั ตอนคาส่งั ควบคมุ เขียนขั้นตอนคาส่ังควบคมุ ควบคุมการทางาน การทางานถกู ต้องชัดเจน การทางานถูกต้องชัดเจน การทางานถกู ต้องชัดเจน มาก เม่ือแลกเปลยี่ นกบั เม่อื แลกเปลย่ี นกับเพอื่ น เมอื่ แลกเปลีย่ นกับเพื่อน เพื่อนแลว้ เพ่อื นสามารถทา แล้ว เพ่อื นสามารถทาตาม แลว้ เพื่อนสามารถทาตาม ตามข้ันตอนได้ครบถ้วน ข้นั ตอนไดบ้ างสว่ นต้องนา ข้ันตอนไดบ้ างส่วนตอ้ งนา กลับมาแก้คาสง่ั ใหม่ 1 กลับมาแกค้ าสง่ั ใหม่ 2 รอบ รอบข้ึนไป 3.การอธิบายแนวคิดของ อธบิ ายแนวคดิ ของรูปแบบ อธิบายแนวคิดของรูปแบบ อธบิ ายแนวคิดการเขยี น รปู แบบโปรแกรมท่ีเขียน โปรแกรมที่เขียนด้วย โปรแกรมที่เขียนด้วย โปรแกรมได้ แต่ไมบ่ อกว่า ดว้ ยตนเอง และจากที่ ตนเอง และจากท่ี ตนเอง และจากท่ี การดาเนินการของ กาหนดให้ กาหนดให้ โดยบอกได้ตาม กาหนดให้ แต่ยงั ขาด โปรแกรมนนั้ มีรูปแบบและ ประเด็นดังนี้ ประเด็นใดประเด็นหน่งึ ไป ผลลพั ธ์ทจี่ ะออกมาเป็น 1)โปรแกรมมรี ูปแบบ อยา่ งไร อย่างไร 2)โปรแกรมน้นั มีผลลพั ธ์ อย่างไร 3)ให้เหตผุ ลประกอบอย่าง สมเหตสุ มผล เกณฑ์การตดั สิน /ระดับคณุ ภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 5 หมายถงึ

11.3 แบบประเมนิ กจิ กรรมฝึกทักษะที่ 3 ประเดน็ ในกำรประเมิน 3 เกณฑ์กำรให้คะแนน 1 2 หาคาส่งั ท่ผี ดิ พลาด หรือ 1.การตรวจสอบหา หาคาส่งั ทีผ่ ิดพลาด หรอื คาสง่ั ที่ทาให้โปรแกรมไม่ หาคาสงั่ ที่ผิดพลาด หรือ สามารถทางานไดต้ าม ขอ้ ผดิ พลาดของ คาสงั่ ท่ที าใหโ้ ปรแกรมไม่ คาสงั่ ทท่ี าใหโ้ ปรแกรมไม่ ผลลัพธ์ทค่ี าดหวังไว้ สามารถทางานได้ตาม บางส่วนยงั ไม่ครบถว้ นขาด โปรแกรม สามารถทางานไดต้ าม ผลลพั ธ์ทค่ี าดหวังไว้ 2 ตาแหนง่ ข้ึนไป บางส่วนยังไม่ครบถว้ นขาด แก้ไขขนั้ ตอนคาส่งั ควบคุม ผลลัพธ์ที่คาดหวงั ไว้ 1 ตาแหน่ง การทางานทีผ่ ิดพลาดให้ แกไ้ ขขน้ั ตอนคาสั่งควบคมุ ถกู ต้อง แต่บางสว่ นยงั ไม่ ครบถ้วนทุกตาแหน่ง การทางานท่ผี ดิ พลาดให้ ครบถว้ นขาด 2 ตาแหนง่ ถูกต้อง แตบ่ างสว่ นยังไม่ ขนึ้ ไป 2.การแก้ไขข้อผิดพลาด แกไ้ ขข้ันตอนคาสัง่ ควบคมุ ครบถว้ นขาด 1 ตาแหน่ง อธบิ ายแนวคิดการเขยี น จากการเขียนโปรแกรม การทางานท่ผี ดิ พลาดให้ โปรแกรมได้ แต่ไม่บอกวา่ ถกู ต้อง และชัดเจน อธบิ ายแนวคดิ ของรูปแบบ การดาเนนิ การของ ครบถ้วนทกุ ตาแหน่ง โปรแกรมท่เี ขยี นด้วย โปรแกรมนน้ั มรี ปู แบบและ ตนเอง และจากท่ี ผลลพั ธท์ จี่ ะออกมาเปน็ 3.การอธบิ ายแนวคดิ ของ อธิบายแนวคดิ ของรูปแบบ กาหนดให้ แต่ยังขาด อยา่ งไร ประเด็นใดประเดน็ หนึง่ ไป รปู แบบโปรแกรมทีเ่ ขยี น โปรแกรมที่เขียนด้วย ด้วยตนเอง และจากที่ ตนเอง และจากท่ี กาหนดให้ กาหนดให้ โดยบอกได้ตาม ประเดน็ ดงั นี้ 1)โปรแกรมมีรูปแบบ อย่างไร 2)โปรแกรมนั้นมีผลลพั ธ์ อยา่ งไร 3)ใหเ้ หตุผลประกอบอย่าง สมเหตุสมผล เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรบั ปรงุ ตา่ กว่า 5 หมายถึง

11.4 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่อง ทีต่ รงกับระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ด้ำน 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาตแิ ละร้องเพลงชาตไิ ด้ กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดองและเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี น 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ียวกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทโี่ รงเรียนจดั ข้ึน 2. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ตอ้ งและเปน็ จริง 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ที่ถกู ต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์และนาไปปฏิบัติได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชือ่ ฟงั คาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง 4.4 ต้งั ใจเรียน 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและส่ิงของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรคู้ ุณค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงิน 6. มุง่ มัน่ ในการทางาน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่ือให้งานสาเรจ็ 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8.2 รูจ้ กั การดูแลรกั ษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน และโรงเรียน ลงช่อื ..................................................ผปู้ ระเมิน ............/.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภำพ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี ำก พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตบิ างครั้ง 30-40 พอใช้ ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 30

11.5 แบบประเมนิ ช้นิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) เรื่อง โปรแกรมของฉัน รำยกำรประเมิน คุณภำพผลงำน 4321 6. รปู แบบโปรแกรมถูกต้องตามท่ีโจทยก์ าหนด 7. อธบิ ายลาดบั ขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรมได้อยา่ งเข้าใจ 8. นาความรแู้ ละประโยชน์จากการเรยี น คาสง่ั ลปู การตรวจสอบหา ข้อผดิ พลาดและการแกไ้ ขโปรแกรม มาประยกุ ต์ใชใ้ นโปรแกรม 9. ควบคมุ เวลาในการนาเสนอได้อย่างเหมาะสม 10. การมสี ว่ นร่วมการทางานในกลมุ่ รวม เกณฑ์การตดั สนิ /ระดบั คณุ ภาพ หมายถงึ ดีมาก คะแนน 18 – 20 หมายถงึ ดี คะแนน 14 – 17 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 10 – 13 หมายถึง ปรับปรุง ต่ากวา่ 10

ช้ินงำน/ภำระงำน (รวบยอด) เร่อื ง โปรแกรมของฉัน คาชีแ้ จง : ออกแบบคาสัง่ ใหโ้ ปรแกรมทางาน โดยนาความรูม้ าประยกุ ตใ์ ชใ้ นให้ครบถ้วน จากนัน้ แลกเปลี่ยน กบั เพ่ือนเพ่ือเป็นการตรวจสอบหาขอ้ ผิดพลาดของคาสง่ั และนากลับมาทาการแก้ไขคาสง่ั ใหส้ มบรู ณ์ ปญั หาท่พี บเจอและอยากแกไ้ ข ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .............................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................................................................ ............................... .................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ...................................................................................................................................................................... . ชอื่ โปรแกรม.......................................................................................................................................................... โปรแกรมทาอะไรได้บา้ ง....................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) เฉลย เรอ่ื ง โปรแกรมของฉัน คาช้แี จง : ออกแบบคาสงั่ ใหโ้ ปรแกรมทางาน โดยนาความรูม้ าประยุกต์ใชใ้ นใหค้ รบถว้ น จากนนั้ แลกเปล่ียน กับเพ่ือนเพื่อเป็นการตรวจสอบหาข้อผดิ พลาดของคาสั่ง และนากลับมาทาการแก้ไขคาสัง่ ให้สมบรู ณ์ ปัญหาที่พบเจอและอยากแกไ้ ข ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................. .......................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................................ ........... ........................................................................................................................ ............................................... ...................................................................................................................................................................... . ช่อื โปรแกรม.......................................................................................................................................................... โปรแกรมทาอะไรได้บ้าง....................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เขยี นแผนผงั คาสั่งใหโ้ ปรแกรมทางานลงในน้ี เร่มิ ต้น สิน้ สดุ คำสัง่ มขี ้อผดิ พลำดหรอื ไม่ ไม่มี มี แก้ไข เขียนคาสัง่ ทผ่ี ิดพลาด / แก้ไข ลงในนี้ คาส่งั ทผ่ี ดิ พลาด

เขยี นแผนผงั คาสั่งใหโ้ ปรแกรมทางานลงในน้ี เร่มิ ต้น สิน้ สดุ คำสัง่ มขี ้อผดิ พลำดหรอื ไม่ ไม่มี มี แก้ไข เขียนคาสัง่ ทผ่ี ิดพลาด / แก้ไข ลงในนี้ คาส่งั ทผ่ี ดิ พลาด

12. ควำมเหน็ ของผู้บริหำรสถำนศึกษำหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมำย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังกำรสอน  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 3

อนิ เทอร์เนต็ และเทคโนโลยีสำรสนเทศ เวลำ 2 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทางานและการแก้ปญั หาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม ว 4.2 ป.3/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ ว 4.2 ป.3/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการใช้ อินเทอรเ์ นต็ 2. สำระกำรเรียนรู้ 2.1 สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง 1) อินเทอรเ์ น็ตเปน็ เครือข่ายขนาดใหญช่ ่วยใหก้ ารตดิ ต่อส่อื สารทาไดส้ ะดวกและรวดเรว็ และ เปน็ แหล่งขอ้ มลู ความรู้ที่ชว่ ยในการเรียนและการดาเนนิ ชีวิต 2) เวบ็ เบราวเ์ ซอรเ์ ป็นโปรแกรมสาหรบั อ่านเอกสารบนเว็บเพจ 3) การสบื ค้นข้อมลู บนอินเทอรเ์ นต็ ทาไดโ้ ดยใช้เว็บไซตส์ าหรับสบื ค้น และต้องกาหนดคาค้น ทเ่ี หมาะสมจึงจะได้ข้อมูลตามต้องการ 4) ข้อมลู ความรู้ เชน่ วิธีทาอาหาร วธิ พี บั กระดาษเปน็ รปู ตา่ ง ๆ ข้อมลประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย (อาจเปน็ ความรูใ้ นวชิ าอ่ืน ๆ หรอื เร่ืองทีเ่ ปน็ ประเดน็ ท่สี นใจในช่วงเวลาน้นั ) 5) การใช้อนิ เทอร์เนต็ อยา่ งปลอดภัยควรอยใู่ นการดูแลของครู หรือผูป้ กครอง 6) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ ปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตัว 7) ขอความช่วยเหลอื จากครูหรือผู้ปกครอง เม่ือเกดิ ปญั หาจากการใชง้ าน เม่ือพบขอ้ มลู หรือบคุ คล ที่ทาให้ไม่สบายใจ 8) การปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ตจะทาให้ไม่เกิดความเสยี หายตอ่ ตนเองและผู้อน่ื เชน่ ไมใ่ ชค้ าหยาบ ล้อเลียน ดา่ ทอ ทาให้ผอู้ ื่นเสยี หายหรือเสียใจ 9) ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 2.2 สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิน่ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) 3. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด อินเทอรเ์ นต็ คือ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ท่ีเชือ่ มตอ่ กนั ครอบคลุมไปท่ัวโลก และเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ท่ี

ช่วยในการเรียนและดาเนินชีวิต การใช้อินเทอร์เนต็ ในการสบื คน้ ขอ้ มลู จากเวบ็ เบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดย การใชค้ าค้นหา(Keyword) ทีต่ รงประเด็นและกระชบั เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ทีร่ วดเรว็ และตรงตามความต้องการ และยงั ต้องคานึงถึงขอ้ ตกลงในการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) คอื การใชง้ านเทคโนโลยี ใช้จดั เกบ็ ประมวลผล แลกเปลย่ี น หรือเผยแพร่ในรปู แบบตา่ ง ๆ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย และข้อดีข้อเสยี จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง อินเทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ 6. กำรวดั และกำรประเมินผล รำยกำรวดั วิธีวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ำรประเมิน - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 6.1 การประเมินก่อนเรียน ก่อนเรยี น รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบฝึกหดั เรอ่ื ง อินเทอรเ์ น็ต หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ก่อนเรยี น เรอื่ ง อนิ เทอรเ์ น็ตและ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 6.2 การประเมนิ ระหว่างการจัด กจิ กรรม 1) อนิ เทอรเ์ น็ต - ตรวจแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง อินเทอรเ์ นต็ - ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 เรื่อง คน้ หาพารจู้ กั กิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ผา่ นเกณฑ์

รำยกำรวัด วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 2) เทคโนโลยสี ารสนเทศ - ตรวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง เร่อื ง ค้นหาพารูจ้ กั 3) คณุ ลักษณะ การใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ - แบบฝกึ หดั เร่ือง อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบฝกึ หัดเร่ือง การใชอ้ ินเทอร์เน็ต 6.3 การประเมนิ หลังเรียน 1) แบบทดสอบหลังเรยี น ข้อตกลงในการใช้ - แบบฝึกหดั เร่อื ง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง อินเทอร์เน็ตและ อนิ เทอร์เน็ต ขอ้ ตกลงในการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) การประเมนิ ชิน้ งาน/ อินเทอรเ์ น็ต ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง อนิ เทอร์เน็ตและ - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมินการ ระดับคุณภาพ 2 เทคโนโลยสี ารสนเทศ กลมุ่ เสนอกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง - แบบฝึกหดั เร่อื ง เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ - แบบประเมิน ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) โปรแกรม ของฉนั - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่นั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ หลงั เรียน หลังเรยี น - ตรวจช้นิ งาน/ - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ระดับคุณภาพ 2 ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ 7. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรื่อง อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ 8. สือ่ /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สอื่ กำรเรียนรู้

1) หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เร่ือง อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) หนงั สอื แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่ือง อินเทอร์เนต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ 3) ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด เรื่อง อินเทอร์เนต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ 4) สอ่ื วดี ีโอ https://www.youtube.com/watch?v=NFFRH86O40Q 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เทอร์เนต็ แบบทดสอบ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 3

คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดให้ความหมายของอนิ เทอรเ์ น็ตไม่ถกู ต้อง 6. บคุ คลใดไม่ได้ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ก. ใช้ในการสบื หาข้อมลู ตา่ ง ๆ ก. โบวส์ ง่ ข้อความหาเพือ่ นทางเฟซบุ๊ก ข. ทาให้การสือ่ สารสะดวกรวดเรว็ ข. เบนเขยี นรายงานลงในกระดาษสง่ ครู ค. ใชใ้ นการติดต่อสื่อสารไดเ้ ท่านั้น ค. บวิ โทรเลา่ ข่าวที่ฟังตอนเชา้ ใหโ้ บว์ฟัง 2. ข้อใดไม่ใช่เว็บไซต์ 7. ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศตา่ งจากพวก ก. Bing ข. Yahoo ก. ส่งขอ้ มูลรายงานให้เพือ่ น ค. Internet Explorer ข. ใช้คอมพวิ เตอร์เล่นเกมตอ่ สู้ ค. ครูเปดิ คลิปการทางานของร่างกายใหน้ ักเรยี นดู 3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ประเภทของการสบื ค้นข้อมลู โดยใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต 8. ขอ้ ใดใช้เทคโนโลยีสารสนเทศโดยไม่มคี วามปลอดภัย ก. เสยี ง ก. ติดต้งั โปรแกรมปอ้ งกันไวรัส ข. กลนิ่ ข. ออกจากระบบทุกคร้ังหลังใช้งาน ค. รูปภาพ ค. ต้งั รหสั ผา่ น 1234 เพอื่ ปอ้ งกนั การลมื 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 4. การค้นหาใดได้ผลลัพธ์ท่ตี รงตามความต้องการทส่ี ุด ก. ปว่ ยจากการตากฝนเพื่อไปเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ก. ฝนต้องการภาพดอกคูณจงึ พมิ พ์คาว่าดอกคนู ข. ถูกหลอกลวงจากข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือ ข. แนนต้องการไปทะเลทจี่ งั หวัดกระบี่ จึงพิมพ์คาวา่ ค. ถูกขโมยขอ้ มูลจากการเขา้ ใชง้ านแลว้ ไมอ่ อกจากระบบ ทะเล 10. การใช้ GPS ในการคน้ หาเสน้ ทางไปโรงพยาบาลเปน็ การใช้ ค. ปลาต้องการไปเทยี่ วใกลบ้ ้านจงึ พมิ พ์คาวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศในดา้ นใด สถานทท่ี ่องเที่ยว ก. ดา้ นการศกึ ษา ข. ด้านความบนั เทิง 5. ใครไม่ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงการใช้อินเทอร์เน็ต ค. ดา้ นการคมนาคม ก. จอยใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ค้นหาขอ้ มูลทารายงาน ข. ปลาใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตส่อื สารกับเจนให้เช็คขา่ ว กอ่ นเผยแพร่ ค. เจนเผยแพร่ขา่ วน้าศักดสิ์ ทิ ธ์ชิ ว่ ยคนตาบอดให้ กลบั มามองเหน็ เฉลย 1. ค 2. ข 3. ข 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ค 9. ก 10. ค

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 1 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ 3 อนิ เทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยีสำรสนเทศ เวลำ 2 ชว่ั โมง เรอ่ื ง อนิ เทอรเ์ น็ต เวลำ 1 ชั่วโมง รำยวิชำวิทยำกำรคำนวณ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษำปีที่ 3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วดั สำระท่ี 4 เทคโนโลยี มำตรฐำน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ติ จริงอย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการ แก้ปัญหาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ตัวชี้วัด ป.3/3 ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ ป.3/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการใช้ อินเทอร์เนต็ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สามารถประยุกตใ์ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในการคน้ หาความรู้ ข้อมูลทก่ี าหนดได้ (K) 2. สืบคน้ ขอ้ มูลจากการใช้อนิ เทอรเ์ น็ตได้ (P) 3. ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ตได้ (A) 3. สำระสำคญั อินเทอร์เน็ตคือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่เี ชื่อมต่อกนั ครอบคลุมไปทัว่ โลก และเปน็ แหลง่ ขอ้ มูลที่ชว่ ยในการเรียนและดาเนินชวี ติ การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการสืบคน้ ขอ้ มลู จากเวบ็ เบราว์เซอร์ตา่ ง ๆ โดยการใช้คาค้นหา(Keyword) ที่ตรงประเดน็ และกระชับ เพอื่ ให้ได้ผลลพั ธ์ท่ี รวดเรว็ และตรงตามความตอ้ งการและยังตอ้ งคานึงถงึ ข้อตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ต 4. สำระกำรเรยี นรู้ 1. อินเทอรเ์ น็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ช่วยในการติดต่อสอื่ สารทาไดส้ ะดวกและรวดเรว็ เป็นแหล่งข้อมลู ความร้ทู ่ีช่วยในการเรียนและดาเนนิ ชีวิต 2. เว็บเบราว์เซอร์เป็นโปรแกรมสาหรบั อ่านเอกสารบนเว็บเพจ 3. การสบื ค้นขอ้ มลู บนอินเทอรเ์ นต็ ทาไดโ้ ดยใชเ้ ว็บไซต์สาหรบั สืบคน้ และต้องกาหนดคาค้นหาที่ เหมาะสมจึงจะได้ข้อมูลตามตอ้ งการ

5. รูปแบบกำรสอน/วิธีกำรสอน 1. วธิ ีการสอน การจัดการเรยี นร้แู บบกระบวนการกลมุ่ (Group Process) 2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชิงคานวณ 6. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4 Cs  ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)  ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill)  ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ซอื่ สตั ย์ สุจริต  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  ใฝเ่ รยี นรู้  มีวินัย  มงุ่ มัน่ ในการทางาน  อยู่อยา่ งพอเพยี ง  มีจิตสาธารณะ  รักความเป็นไทย 9. กำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ - นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่อื ง อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ขน้ั นำ 1. ครสู อบถามนักเรยี นวา่ ถ้านักเรียนอยากไปเทยี่ ว นกั เรียนสามารถหาข้อมลู ต่างๆของสถานทีเ่ ทีย่ วได้ อยา่ งไร (แนวการตอบ : ตามดลุ ยพินิจของนกั เรยี น) 2. ครอู ธิบายวา่ นอกจากแหล่งข้อมูลทนี่ ักเรยี นไดต้ อบมา ยังมีแหล่งขอ้ มลู ทีเ่ ป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ คือ อินเทอรเ์ น็ต นกั เรียนรู้จกั อินเทอรเ์ น็ตหรือไม่ แลว้ อินเทอรเ์ นต็ ใช้งานอยา่ งไร

3. ครใู ห้นักเรียนจับคู่ ให้แต่ละคู่เขยี นขอ้ มูลสถานที่ท่องเท่ยี วทอ่ี ยากไปมาคลู่ ะ 1 สถานท่แี ละเขียน ข้อมูลของสถานท่ีที่เลือกลงในกระดาษ ครูใหเ้ วลา 5 นาที 4. เม่อื หมดเวลาครูสุ่มถามนักเรียนวา่ เลือกที่ไหนและมขี ้อมลู อะไรบ้าง ข้อมูลท่ีไดค้ รบเพียงพอและ ถกู ต้องหรอื ไม่ 5. นักเรยี นรู้หรือไม่ว่า หากเราใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมลู จะช่วยให้การหาข้อมูลตา่ ง ๆ ง่าย สะดวก และรวดเรว็ ยง่ิ ขึน้ ขน้ั สอน 6. ครถู ามนักเรียน รู้หรือไมว่ ่า อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทเี่ ชอื่ มกันทั่วโลก ทาให้การ ตดิ ต่อสอื่ สารมคี วามสะดวก รวดเร็วมากขนึ้ และเรายังสามารถใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการค้นหาขอ้ มูล ตา่ ง ๆ ท่ตี อ้ งการทราบอีกด้วย และถามคาถามประจาหน่วยวา่ อนิ เทอร์เน็ตมีสว่ นชว่ ยให้นักเรียนรู้ อะไรบา้ ง หน้า 46 7. นักเรยี นศึกษาเร่ืองการใชอ้ ินเทอร์เน็ต และการสืบค้นข้อมลู โดยการใชบ้ ริการอนิ เทอรเ์ น็ตจาก หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ ป.3) หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง การสืบค้นข้อมูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็ หน้า 47 และถามคาถามประจาหัวข้อว่า นักเรยี นคดิ วา่ การกาหนดคาคน้ มผี ลต่อการค้นหาข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งไร 8. ให้นกั เรยี นเขา้ ใช้งานอนิ เทอร์เน็ตโดยมกี ารสืบคน้ 2 แบบคอื การสืบค้นแบบIndex Directory และการสบื ค้นแบบSearch Engine ใหน้ ักเรยี นเลอื กใช้การสบื ค้นแบบSearch Engine หนา้ 48 9. นกั เรียนเขา้ ใช้งานอนิ เทอร์เนต็ จากหนงั สอื เรยี นโดยเปดิ เวบ็ เบราว์เซอร์ และเข้าใชง้ านเว็บไซตท์ ่ี ให้บริการในการสบื ค้น หนา้ ท่ี 49 และปฏิบตั ติ ามข้ันตอนการค้นหาผลลัพธ์จากหนังสือเรียน 10. จากน้ันแลกเปลย่ี นกับเพ่ือนว่าขอ้ มูลที่ได้รบั ต่างกนั หรอื ไม่อย่างไร ถ้าต่างกนั นักเรียนคิดว่าเพราะ เหตใุ ดผลลัพธ์ทีไ่ ด้จึงต่างกัน(แนวการตอบ : เกดิ จากคาที่ใชใ้ นการคน้ หาตา่ งกัน) 11. ครเู สริมเกร็ดน่ารู้หน้า 50 วา่ การใช้คาคน้ หาท่ีแตกต่างกัน จะทาให้ไดผ้ ลลพั ธจ์ ากการคน้ หาที่ แตกตา่ งกนั ดงั น้นั ควรใช้คาค้นหาทต่ี รงประเดน็ และกระชับ เพื่อให้ไดผ้ ลลพั ธท์ ่รี วดเร็วและตรงตาม ความตอ้ งการ 12. ครูให้นักเรยี นทากิจกรรมฝกึ ทกั ษะหนา้ 51 บนั ทกึ ลงสมุดเพ่ือทบทวนความรู้ 13. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นถามข้อสงสัยและสอนเรอ่ื ง ข้อตกลงในการใช้งานอินเทอรเ์ นต็ ว่าหลงั จาก การใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ แลว้ นกั เรียนตอ้ งรูจ้ ักข้อตกลงในการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตทถ่ี กู วิธีด้วย จาก หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ)ป.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง ข้อตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ต หนา้ 52 14. นกั เรียนทากจิ กรรมฝึกทักษะ หนา้ 53 เรื่องขอ้ ตกลงในการใชง้ านอินเทอร์เน็ต บนทึกลงในสมุด 15. จากนน้ั ครูใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะ จากหนังสือแบบฝึกหัดรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน้า 42 เรือ่ ง ค้นหาพารจู้ ัก ใหน้ ักเรียนทกุ คนจบั กลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน หวั ขอ้ ดังนด้ี งั น้ี

ตอนที่ 1 ใหน้ กั เรยี นสืบคน้ โดยใชค้ าค้นหาที่กาหนดให้ และบนั ทึกผลลัพธ์ ตอนท่ี 2 ครใู หน้ ักเรียนแขง่ กนั โดยครูกาหนดภาพผลลัพธม์ าให้ ตาม ใหห้ าคาค้นหา ให้สอดคล้องตามรปู (ครสู ามารถยกตัวอยา่ งภาพอืน่ เพ่อื ใหเ้ ด็กได้ ความร้ทู ีห่ ลากหลายนอกเหนือจากกิจกรรมฝกึ ทักษะ กลุม่ ไหนหาคาตอบไดก้ ่อน ยก มือตอบและอธิบายวธิ กี ารคน้ หาให้เพ่ือนฟงั ครใู ห้คะแนนกลมุ่ ท่ีค้นหาได้เรว็ ทีส่ ดุ และถูกตอ้ ง ตอนท่ี 3 ตอบคาถามเรอื่ ง ใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาความรู้ในหอ้ งเรียนและส่งทา้ ย คาบ ข้นั สรุป 1. ครสู ุ่มถามนักเรียนเกีย่ วกับเร่ือง อนิ เทอร์เนต็ เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ และสรปุ เสริมความร้ใู ห้ นกั เรยี นเพม่ิ เติมว่า นักเรยี กสามารถสืบค้นขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ได้ท้ังข้อมูลตวั หนังสอื รูปภาพ วีดโิ อ และ อื่น ๆ อกี มากมายจากการเข้าใชอ้ นิ เทอร์เนต็ เพราะอินเทอร์เนต็ เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอรท์ ี่ เช่อื มต่อกันทั่วโลก ทาให้การติดต่อสอ่ื สารสะดวก รวดเร็ว และการสบื ค้นข้อมลู ถา้ ต้องการสบื ค้น ข้อมลู ให้ไดผ้ ลลัพธต์ ามต้องการ นักเรียนจะตอ้ งใช้คาค้นหาท่ตี รงประเดน็ ชัดเจน 2. นอกจากนักเรยี นจะเข้าใช้อินเทอรเ์ นต็ เปน็ แลว้ นกั เรียนต้องปฏิบัติตามข้อตกลงของการใช้ อินเทอรเ์ น็ตดว้ ย 3. ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรมลองทาดู และแบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ ) ป.3หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง อินเทอรเ์ น็ต หนา้ 38-39 เพ่ือสง่ ในคาบถดั ไป 10. สอ่ื /แหล่งกำรเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการ เรียนร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง อินเทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. หนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการ เรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. กจิ กรรมฝึกทักษะจากหนังสือแบบฝึกหัดรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ

11. กำรวดั และกำรประเมินผล 11.1 กำรประเมนิ ระหวำ่ งกำรจดั กิจกรรม จุดประสงค์ วธิ ีกำรประเมิน เครอ่ื งมือกำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมนิ 1.สามารถตอบคาถามใน 1.สามารถประยุกต์ใช้ 1.ตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง 1.แบบฝึกหดั เรื่อง แบบฝกึ หัดได้ถูกต้องตาม หลักการการ อยู่ในเกณฑ์ อินเทอร์เน็ตในการค้นหา อินเทอรเ์ นต็ อนิ เทอรเ์ นต็ 50 % ขึน้ ไป 1.สามารถสบื คน้ ข้อมูล ความรู้ ข้อมลู ท่ีกาหนดได้ จากคาคน้ หาที่ได้ ถูกต้อง อยใู่ นเกณฑ์พอใชข้ ้นึ ไป (K) 2. สามารถตอบคาถามใน แบบฝึกหัดได้ถกู ต้องตาม 2.สบื คน้ ข้อมลู จากการใช้ 1.ตรวจกิจกรรมฝกึ ทักษะ 1.แบบประเมินกจิ กรรม หลกั การการ อยใู่ นเกณฑ์ 50 % ขึ้นไป อนิ เทอร์เนต็ ได้ (P) เร่ือง ค้นหาพารู้จัก ฝึกทักษะ เร่อื ง คน้ หาพา 1.สามารถตอบคาถามใน แบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องตาม 2. ตรวจแบบฝึกหดั เรอื่ ง รู้จัก หลักการการ อยู่ในเกณฑ์ 50 % ข้นึ ไป การใช้อนิ เทอร์เนต็ 2.แบบฝึกหดั เรื่อง การ ใช้อนิ เทอร์เน็ต 3.ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงใน 1.ตรวจแบบฝกึ หัดเรอื่ ง 1. แบบฝกึ หดั เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตได้ (A) ขอ้ ตกลงในการใช้ ขอ้ ตกลงในการใช้ อินเทอร์เน็ต อินเทอรเ์ น็ต

11.2 กำรประเมนิ กิจกรรมฝึกทักษะ ประเด็นกำรประเมิน คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ / ระดบั คะแนน ช้ินงำน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรบั ปรุง (1 คะแนน) 1.สบื ค้นขอ้ มูลครบถ้วน สบื คน้ ขอ้ มูลครบทุก สบื ค้นข้อมลู จากหัวข้อได้ สบื คน้ ข้อมลู จากหวั ข้อได้ ตามหวั ขอ้ หวั ข้อ เพยี งบางส่วน (มากกว่า 50 นอ้ ย (น้อยกวา่ 50 % ) %) 2.ความถกู ต้องของเนอื้ หา เนื้อหาถูกตอ้ ง เนอื้ หาถูกตอ้ งครบถ้วน เนือ้ หาถูกต้องไม่ครบถ้วน ครบถว้ นสมบูรณ์ สมบูรณ์ สามารถตอบ สมบรู ณ์ สามารถตอบ สามารถตอบคาถาม คาถามได้บางส่วน (มากกว่า คาถามได้น้อย (น้อยกว่า ไดถ้ ูกตอ้ งทุกขอ้ 50 % ) 50 % ) 3. ประเมินความ สามารถแยกแยะ สามารถแยกแยะ และ สามารถแยกแยะ และ นา่ เชอื่ ถือของข้อมูลที่ และประเมินความ สบื คน้ น่าเชื่อถือของข้อมูล ประเมนิ ความน่าเช่ือถือของ ประเมินความนา่ เชือ่ ถือ ข่าวสารทีไ่ ด้รบั จาก อินเทอรเ์ น็ตได้ ขอ้ มลู ข่าวสารท่ีไดร้ บั จาก ของข้อมูล ขา่ วสารที่ไดร้ บั ท้ังหมด อนิ เทอรเ์ นต็ ได้บางสว่ น จากอนิ เทอร์เนต็ ไดน้ ้อย (มากกวา่ 50 % ) (นอ้ ยกวา่ 50 % ) เกณฑ์กำรตดั สนิ คณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 8-9 ดี 5-7 ต่ากวา่ 5 พอใช้ ปรบั ปรงุ

12. ควำมเหน็ ของผู้บริหำรสถำนศึกษำหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมำย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังกำรสอน  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 2 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 อนิ เทอร์เน็ตและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ เวลำ 2 ชว่ั โมง เร่อื ง เทคโนโลยสี ำรสนเทศ เวลำ 1 ช่วั โมง รำยวิชำวิทยำกำรคำนวณ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี 3 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด สำระที่ 4 เทคโนโลยี มำตรฐำน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางานและการแกป้ ญั หาได้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ร้เู ท่าทัน และมจี รยิ ธรรม ตัวช้ีวดั ป.3/5 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการใช้ อนิ เทอรเ์ นต็ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถเปรียบเทียบขอ้ ดแี ละข้อเสียจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (K) 2. นักเรยี นสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยได้ และปฎิบตั ิตามข้อตกลงในการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศได้ (P, A) 3. สำระกำรเรียนรู้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology) คือ การใชง้ านเทคโนโลยี ใช้จดั เกบ็ ประมวลผล แลกเปล่ียน หรือเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และข้อดขี ้อเสยี จากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 4. สำระสำคัญ 1. การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั 2. ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร 5. รปู แบบกำรสอน/วธิ ีกำรสอน 1. วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการกลมุ่ (Group Process) 2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชิงคานวณ 3. วิธสี อนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)

6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น  ซอ่ื สัตย์ สุจรติ  ความสามารถในการส่อื สาร  ใฝ่เรียนรู้  ความสามารถในการคดิ  มุ่งมั่นในการทางาน  ความสามารถในการแก้ปัญหา  มจี ิตสาธารณะ  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4 Cs  ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)  ทักษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)  ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์  มวี ินัย  อยู่อย่างพอเพียง  รกั ความเปน็ ไทย 9. กำรจดั กำรเรยี นรู้ ข้ันนำ 1. ครนู าเสนอขา่ วภยั ร้ายเก่ียวกับการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (เช่น ยกตัวอยา่ งจากรายการเรอ่ื งเลา่ เช้าน้ี เรอื่ ง ผเู้ สยี หายถกู มจิ ฉาชพี อา้ งเป็น พนกั งานธนาคาร หลอกเอาขอ้ มูลบัตร ATM โอนเงินออกเกอื บหมดบญั ชี ) https://www.youtube.com/watch?v=NFFRH86O40Q ไมต่ ้องดจู นจบคลิป ใหด้ ูแค่ส่วนทเ่ี ปน็ เนื้อหาการต้ังคาถามหรือครสู ามารถหาขา่ วที่พบเจอได้ 2. ครตู ง้ั คาถามประจาหวั ข้อวา่ นกั เรยี นมีแนวทางในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศให้ปลอดภัยได้ อยา่ งไร (แนวการตอบ : ตามดลุ ยพินิจของนักเรยี น) 3. ครตู ้ังคาถามต่อว่า จากข่าวนกั เรียนคิดว่า เรามีโอกาสโดนหลอกเหมือนในข่าวนหี้ รือไม่ถ้าเกิด เหตุการณ์แบบน้ขี ้ึนจะปฏิบตั ิอยา่ งไร (แนวการตอบ : ตามดุลยพินิจของนักเรยี น ) 4. ครูเสนอว่า ในชัว่ โมงนเ้ี ราจะมาหาวิธีป้องกันเพื่อไมใ่ ห้เกิดภัยร้ายจากการใช้เทคโนโลยี

ข้นั สอน 5. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่มให้ได้ทั้งหมด 7 กลมุ่ เพ่อื จัดทีมนักขา่ ว นกั เรยี นจะตอ้ งจาลองตวั เองเป็นนกั ขา่ ว เพอ่ื หาข้อมลู มานาเสนอ 6. ครแู นะนาเรื่องการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ในหนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ปลอดภัย หน้า 54-55 7. ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ หนา้ 56 เร่ือง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั หรอื ไม่ จากสถานการณท์ ่ีกาหนดบันทึกลงในสมดุ เพ่ือทบทวนความรู้ 8. ครูอธบิ ายตอ่ หลังจากทเ่ี รารจู้ กั เทคโนโลยีสารสนเทศกันแลว้ เราตอ้ งร้จู กั วิธีใช้อยา่ งปลอดภยั และรู้ ข้อดีข้อเสียจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หนา้ 57 9. และถามคาถามท้าทายการคิดขั้นสูงวา่ ถา้ นักเรยี นตอ้ งการสืบคน้ ข้อมลู ตา่ งๆ ระหว่างสืบคน้ จาก หนังสือกับสืบค้นโดยใชค้ อมพิวเตอร์ นักเรยี นจะเลือกใชส้ ่อื ชนดิ ใดในการสืบคน้ พรอ้ มอธบิ าย เหตผุ ลประกอบ หน้า 57 10. นกั เรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะ หนา้ 59 เพ่ือแลกเปลยี่ นความคิดเห็นเหน็ เกย่ี วกับข้อดีและข้อเสยี ของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารท่สี มาชิกแต่ละคนเคยไดร้ ับ หรอื พบเหน็ ใน ชีวิตประจาวัน 11. จากนัน้ ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ จาลองตัวเองเปน็ นักข่าว ทาข่าวในหัวขอ้ ที่ได้รับโดยครูให้นักเรยี น จับฉลากหัวข้อดังน้ี 1) ไมเ่ ปดิ เผยขอ้ มูลส่วนตัวมวี ิธีการอย่างไรบ้าง 2) กาหนดรหสั ผ่านอย่างไรให้ปลอดภัย 3) ออกจากระบบทกุ คร้งั หลังใช้งานหรอื ไม่ และผลทีต่ ามมาหากไมอ่ อกจากระบบหลงั ใช้งาน จะเป็นอยา่ งไร 4) ตดิ ตั้งโปรแกรมปอ้ งกนั ไวรสั ได้ดว้ ยวธิ ไี หนบา้ ง 5) มวี ิธีขอความช่วยเหลอื เม่อื เกิดปญั หาจากบคุ คลใด 6. ขอ้ ดีของการใช้ของเทคโนโลยีสารสนเทศ 7. ข้อเสยี ของการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 12. เมือ่ แตล่ ะทีมได้หวั ข้อข่าวในการทาขา่ วแล้วให้แบง่ หน้าทีก่ ันภายในทีม 1) ผนู้ าเสนอขา่ วของทีม 2) ผ้หู าข้อมูลเพื่อนาเสนอ 13. ครูใหเ้ วลา 15 นาที ในการให้ ผู้ท่ที าหน้าท่หี าข้อมูล สอบถามข้อมลู กบั เพื่อนกลุ่มอนื่ จากหัวข้อที่ ได้รบั เชน่ ได้หวั ขอ้ ไม่เปิดเผยข้อมลู สว่ นตวั ผทู้ ี่ทาหน้าท่หี าข้อมูลจะต้องสอบถามเพอ่ื น ๆ ทีม อนื่ ๆ วา่ การไมเ่ ปดิ เผยข้อมูลของเพ่ือนแต่ละคนมวี ิธอี ยา่ งไรบา้ งที่พบเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน เกบ็ รวบรวมข้อมลู ใหไ้ ด้มากท่ีสุดจนหมดเวลา

14. ทุกกลมุ่ หาขอ้ มลู เรยี บร้อยแลว้ ใหใ้ นกล่มุ วางแผนกันนาเสนอวา่ จะมกี ารนาเสนออยา่ งไรให้เพ่ือนฟัง 15. ครูตั้งโตะ๊ หน้าห้องเรียน 2 ตัว จาลองเปน็ ห้องข่าวเพ่อื ใหน้ กั เรยี นขน้ึ มานาเสนอ 16. ให้ทุกกลุ่มนาเสนอข้อมลู ที่รวบรวมมาหนา้ ช้นั เรียน 17. ให้นักเรียน ซกั ถามในประเดน็ ทีส่ งสยั โดยมคี รชู ว่ ยเพิ่มเตมิ เนอื้ หาให้ ข้นั สรปุ 1. ครสู รุปความรู้ 2 ประเดน็ คือ - ประเด็นที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั อธิบายเพิม่ เตมิ ในส่วนทน่ี ักเรียน นาเสนอไม่ครบถ้วน - ประเดน็ ที่ 2 ให้ข้อคิดและสรปุ เนื้อหาเร่ือง ผลดแี ละผลเสยี ของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ครูใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรมฝึกทกั ษะและกิจกรรมลองทาดูจาก หนังสือแบบฝึกหัดรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวน)ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง เทคโนโลยสี ารสนเทศ หนา้ 40,41,44,45 3. ทาแบบฝึกหัดจากหนงั สือแบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยท่ี 3 เร่ือง เทคโนโลยสี ารสนเทศ) ในชั่วโมงถดั ไป 4. ใหน้ ักเรียนทาช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด และกิจกรรมเสรมิ สร้างการเรียนรู้ หน้า 61 เปน็ การบา้ น ส่งในคาบถัดไป 5. ครูสรปุ สาระสาคัญ หนา้ 60 ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปราย และซักถามข้อสงสยั 6. นกั เรยี นตรวจสอบตนเองจากหนงั สือแบบฝกึ หดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง เทคโนโลยีสารสนเทศ หน้า 59 10. ส่ือ/แหล่งกำรเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 เรอื่ ง อินเทอร์เนต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. แบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 เร่ือง อินเทอร์เนต็ และ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. สือ่ วดี โี อ https://www.youtube.com/watch?v=NFFRH86O40Q 4. ชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด เร่ือง อินเทอร์เนต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ