Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Description: กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Search

Read the Text Version

สมาคมซอฟทบ อลสมคั รเลน แหง ประเทศไทย

สารบญั หนา เน้ือหา ก คํานาํ 1 หลักเกณฑใ นการจดั ทาํ กติกาซอฟทบอล พ.ศ. 2554 19 19 หมวด 1 คาํ จํากดั ความ (DEFINITIONS) 19 หมวด 2 สนามแขงขัน (THE PLAYING FIELD) 20 22 กติกาเฉพาะสนาม 22 สนามแขง ขันมาตรฐาน 23 ผงั สนามแขง ขัน 23 หมวด 3 อปุ กรณ (EQUIPMENT) 24 ไมตแี ขง ขนั 24 ไมตีวอรม 24 ลกู บอลแขงขัน 26 โกลฟและมิตต 26 รองเทา 27 อุปกรณปอ งกนั 28 อุปกรณบนพืน้ สนาม 28 เคร่ืองแตง กาย 29 อปุ กรณทกุ ชนดิ 29 หมวด 4 ผฝู กสอน ผูเลน และผเู ลน สํารอง 30 (COACHES, PLAYERS, AND SUBSTITUTES) 30 ผฝู ก สอน 32 ใบแสดงลําดบั การข้ึนตีและบัญชีรายชือ่ 32 ผเู ลน 34 ผเู ลนเร่ิมตน 35 ผูเลนแทน (ดีพี) 36 การกลบั เขา มาแขงขนั ใหม 36 ผูเลนสาํ รอง / ผูเลน ที่ผิดกตกิ า 36 ฝายรกุ ทาํ ผดิ กติกา 38 ฝายรับทําผิดกติกา 38 การไมยอมรับผลการตดั สนิ 38 การปฏบิ ตั ิในเขตทีพ่ ักของทีม การใชผูเ ลนแทนชวั่ คราวในกรณีผูเลนเลอื ดออก หมวด 5 การแขงขัน (THE GAME) การเลือกเปนฝายรุกหรือฝา ยรบั กอ น ความเหมาะสมของสภาพสนาม

-2- หนา เนอ้ื หา 38 หมวด 5 (ตอ ) การแขงขันทีส่ มบรู ณ 39 ผูชนะการแขง ขัน 39 กตกิ ากรณคี ะแนนตางกันมาก 40 การเลน ไทเบรก 40 การไดคะแนน 40 ขอเวลานอก (ชารจคอนเฟอเรนซ) 42 หมวด 6 การพิตช (ประเภทฟาสตพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS) 42 (Fast Pitch Only) 42 ขอปฏบิ ัติเบ้ืองตนกอนการพิตช 42 การเร่มิ ตน การพิตช 43 การพิตชท ี่ถกู กติกา 44 ตําแหนงของผูเลนฝา ยรับ 44 สารแปลกปลอม 44 แคตเชอร 45 การขวา งไปทเี่ บส 46 เบสออนบอลโดยเจตนา 46 การซอมพิตช 47 โนพติ ช 47 ลูกบอลหลุดจากมอื 48 พิตเชอรท ผี่ ดิ กติกา 53 หมวด 6 การพติ ช (ประเภทโมดิฟายดพิตช) (PITCHING REGULATIONS) 58 (Modified Pitch Only) 58 หมวด 6 การพติ ช (ประเภทสโลวพติ ช) (PITCHING REGULATIONS) 58 (Slow Pitch Only) 60 หมวด 7 การตี (BATTING) 60 ผเู ลน รอขน้ึ ตี 61 ลําดับการขึ้นตี 62 การเขา สูเขตผตู ี 64 ผูตัดสินเพลตขานสไตรค 64 ผตู ดั สนิ เพลตขานบอล 66 ผูตเี อาต หมวด 8 ผูว่ิงแรกเริม่ และผวู ิง่ (BATTER – RUNNER AND RUNNER) ผตู ีเปน ผวู งิ่ แรกเริ่ม ผวู งิ่ แรกเร่มิ เอาต

-3- หนา เนื้อหา 68 ผวู ิ่งแรกเริม่ ไมเอาต 69 การแตะเบสตามลาํ ดับโดยถูกกติกา 69 หมวด 8 (ตอ) ผวู ง่ิ มีสทิ ธิ์เคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทาํ เอาตได 70 ผวู ง่ิ อาจถูกทําเอาตได 70 ผวู ิ่งมสี ิทธิเ์ คล่อื นไปขางหนา ไดโดยถกู ทาํ เอาตไมได 74 ผวู ิ่งตอ งกลบั เบสเดิม 75 ผวู ง่ิ เอาต 79 ผวู ง่ิ ไมเอาต 81 หมวด 9 เดดบอลและบอลอินเพลย (DEAD BALL – BALL IN PLAY) 81 เดดบอล 82 บอลอินเพลย 84 ดเี ลยเ ดดบอล 85 หมวด 10 ผูตดั สนิ (UMPIRES) 85 อํานาจและหนาท่ี 85 ขอ มูลทวั่ ไปสําหรบั ผตู ดั สนิ 86 ผูตัดสินเพลต 87 ผตู ัดสินเบส 87 ความรบั ผิดชอบของผูตัดสนิ เม่ือทาํ หนาทเ่ี พียงคนเดียว 87 การเปล่ยี นผตู ัดสนิ 87 ดุลพินจิ ของผตู ดั สิน 88 สัญญาณตาง ๆ 88 การหยดุ การเลน ชั่วขณะ 89 การละเมดิ กติกาและการลงโทษ 90 หมวด 11 การประทว ง (PROTESTS) 90 การประทวงทไ่ี มรับพจิ ารณา 90 การประทวงที่รับพิจารณา 91 การประทว งที่เกี่ยวกบั ความถูกตองของการใชด ลุ พินจิ ของผูตัดสนิ 91 และการตีความกตกิ า 91 การแสดงความจํานงจะประทวง 91 กําหนดเวลาท่ีตอ งยน่ื เอกสารประทว ง 92 ขอ มลู ท่ีตองระบุในเอกสารประทว ง ผลการประทว ง

-4- หนา เนอ้ื หา 93 หมวด 12 การบนั ทึกผล (SCORING) 93 ผูบันทึกผล 93 ชองบันทกึ ผล 95 ไมใ หบันทึกจํานวนครงั้ ในการทําเบสฮติ 96 ตีฟลายบอลเสียสละ 96 หมวด 12 (ตอ) รันแบตเตด็ อิน หรือ RBI 96 พิตเชอรผ ชู นะ 96 พติ เชอรผ ูแพ 96 สรปุ ผลการแขง ขนั 97 จาํ นวนเบสท่ีขโมยได 97 สถติ ิของการแขง ขันทม่ี ีการปรบั เปน แพ 98 ภาคผนวก 1 ก OFFICIAL DIMENSIONS FOR SOFTBALL DIAMONDS 99 ภาคผนวก 1 ข BASE, PLATE AND BATTER’S BOX MEASUREMENTS 100 ภาคผนวก 1 ค ผังสนามแขง ขัน สว นอนิ ฟลด ระยะเบส 60 ฟตุ 101 ภาคผนวก 1 ง ผังสนามแขงขันโดยภาพรวม 102 ภาคผนวก 2 ตารางแสดงระยะตาง ๆ 104 ภาคผนวก 3 การทําสนามแขง ขนั 105 ภาคผนวก 4 ขอ กําหนดเกี่ยวกับลูกซอฟทบอลบอล 106 ตารางแสดงมาตรฐานลกู ซอฟทบ อล 107 ภาคผนวก 5 ขอกําหนดเก่ียวกับโกลฟ

ก หลักเกณฑใ นการพจิ ารณาจดั ทํากติกาซอฟทบ อลฉบบั ภาษาไทยป พ.ศ. 2554 แปลและเรยี บเรยี งจาก ISF OFFICIAL RULES OF SOFTBALL 2010 - 2013 -------------------------------------------------------------- 1. การจัดทํากติกาคร้ังนี้ เพื่อเปนการเผยแพรตอสโมสรสมาชิกของสมาคมซอฟทบอลสมัครเลนแหง ประเทศไทย สถาบันการศึกษา ผูมีสวนเกี่ยวของกับทีม และผูสนใจท่ัวไป ซ่ึงมีความรู ความเขาใจ และประสบการณเกี่ยวกับกีฬาซอฟทบอลท่ีแตกตางกันอยูบาง จึงไมใชการแปลจากกติกาตนฉบับ ภาษาอังกฤษของสหพันธซอฟทบอลนานาชาติ ป ค.ศ. 2010 – 2013 (ISF OFFICIAL RULES OF SOFTBALL 2010 – 2013) โดยตรงอาจมีการปรับปรุงหรือเพ่ิมเติมบางสวน เพ่ือใหผูอานท่ีอาจ จะมีพน้ื ฐานเกยี่ วกบั ซอฟทบ อลไมม ากนักสามารถไดรบั ประโยชนจากกติกาฉบบั น้ดี ว ยเชน กนั 2. ขอความตอนใดที่ไมเกี่ยวของกับประเภทฟาสตพิตช (เกี่ยวของกับประเภทโมดิฟายดพิตชและหรือ สโลวพิตชเทา น้นั ) จะแสดงดว ยพื้นหลงั สเี ทา 3. กติกากีฬาซอฟทบอลมีสถานภาพคลายกับกฎหมาย เพียงแตมีผลบังคับใชในวงจํากัด เฉพาะผูเขารวม กิจกรรมกีฬาซอฟทบอลเทานั้น ดังน้ันลักษณะการใชภาษาในกติกาควรมีผลบังคับใช ในลักษณะ คลา ยคลึงกันกับภาษากฎหมาย 4. การใชคาํ ทบั ศัพท เครือ่ งหมายวรรคตอน และเครื่องหมายอ่นื ๆ 4.1 การใชคําทับศัพท ยึดหลักเกณฑวิธที ับศพั ทท่ัวๆ ไป และหลักเกณฑการทับศัพทภาษาอังกฤษตาม ประกาศของราชบัณฑิตยสถาน ยกเวน คําวา Softball (ซึ่งตามหลักเกณฑ ควรเปน ซอฟตบอล) จะใชค ําทับศัพทว า ซอฟทบอล ตามชื่อจดทะเบียนของสมาคมท่ีใชมาต้งั แต เร่ิมจดทะเบียนจัดต้ัง สมาคม และยงั ไมม กี ารเปล่ียนแปลงชือ่ แตอ ยา งใด 4.2 การใชเคร่ืองหมายวรรคตอน และเครื่องหมายอื่น ๆ ยึดตามหลักเกณฑการใชเครื่องหมาย วรรคตอน และเคร่ืองหมายอื่น ๆ หลักเกณฑการเวนวรรค หลักเกณฑการเขียนคํายอ ของราชบัณฑติ ยสถาน 4.3 ศัพทเ ทคนคิ ท่ีผตู ัดสนิ ใชในการตดั สิน จะใชค าํ ทับศัพทตามหลักเกณฑใน ขอ 4.1 5. การใชหัวขอยอย จะใชพยัญชนะภาษาไทยแทนภาษาอังกฤษเปนหัวขอยอย ตามท่ีโปรแกรม Microsoft Word 2003 สราง ซึง่ ไมใชพ ยญั ชนะ “ฃ” “ฅ” และ “ฆ” ผูแปลและเรยี บเรยี ง นายยทุ ธนา นํ้าเงนิ คณะผูต รวจ นายวชิ ชา วัชระวรากรณ นายกาํ ธร งทู ิพย นายปานศิริ ใจดี

กตกิ าซอฟทบอล ของ สมาคมซอฟทบ อลสมคั รเลนแหงประเทศไทย พ.ศ. 2554 ─────────────── หมวด 1 คําจํากัดความ (DEFINITIONS) ขอ 1 ไมต ดี ัดแปลง (ALTERED BAT) ใหถือวาเปนไมตีดัดแปลง เม่ือมีการทําใหโครงสรางทางกายภาพของไมตีท่ีถูกกติกาเปลี่ยนแปลง ตัวอยา งของการดดั แปลงไมต ี ไดแก - การเปลีย่ นดามจบั ของไมตีชนดิ โลหะดวยดา มจับท่ีเปน ไมหรือวัสดุอน่ื - การใสว ัสดุใดๆ เขาไปในไมต ี - การพนั ดามจบั หนาเกนิ ไป (มากกวา 2 ชน้ั ) หรอื - การทาสที ่ปี ลายไมตี (barrel end) หรอื โคนไมตี (knob end) ซึ่งมีวตั ถุประสงคอน่ื นอกเหนือไปจากการแสดงความเปนเจาของ การเปล่ียนดามจับไมตีดวยวัสดุที่ถูกกติกา ไมถือวาเปนการ ดดั แปลงไมตี ไมต ที ี่มดี า มจับผายออก หรือเปน ทรงกรวย ใหพิจารณาวาเปน ไมตีดดั แปลงดวย การสลักเคร่ืองหมายเพ่อื แสดงความเปน เจา ของ - บรเิ วณโคนไมตชี นดิ โลหะ ไมเปน การดัดแปลงไมต ี - บรเิ วณปลายไมต ชี นดิ โลหะ เปน การดดั แปลงไมตี การใชเลเซอรท าํ เคร่ืองหมายเพ่ือแสดงความเปนเจาของไมว าบรเิ วณใดบนไมตี ไมเปนการดดั แปลง ไมต ี ขอ 2 การเลนตอ งอุทธรณ (APPEAL PLAY) การเลนตองอุทธรณ หมายถึง การเลนหรือสถานการณซ่ึงผูตัดสินไมสามารถตัดสินได ถาผูจัดการ ทีม ผูฝกสอน หรือผเู ลนของทีมที่ไมไ ดกระทาํ ผิดไมข ออุทธรณต อ ผูตัดสิน การขออุทธรณส ามารถกระทําไดไมวา ในขณะทีเ่ ปนบอลอนิ เพลยห รอื เปนเดดบอล ผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนจะขออุทธรณไดเฉพาะในขณะท่ีเปนเดดบอล และหลังจากเขาไปในเขต สนามแขง ขันแลวเทานนั้ กรณีที่ผูเลนฝายรับขออุทธรณผูเลนนั้นตองอยูในอินฟลด ขณะท่ีขอผูเลนฝายรับไมสามารถขอ อุทธรณไ ดห ลงั จากเกดิ เหตุการณใ ดเหตกุ ารณหน่งึ ตอไปนี้ ก. มีการพิตชท ีถ่ ูกกตกิ าหรือมีการขานเปนการพิตชท ผี่ ิดกติกาแลว

2 ขอยกเวน 1. การใชผเู ลน สํารองที่ผิดกติกา การกลับเขา มาแขง ขันใหมท่ีผิดกตกิ า การใชผเู ลนแทน ช่ัวคราวหรอื ผูเ ลนตอ งพัก (ไมว าจะเปนการเขา หรือออก ตามกตกิ าผูเลนเลือดออก) โดยไมแจง ผูตดั สนิ เพลต ขออุทธรณเ ม่ือใดก็ได ขณะที่ผูเลน ทผี่ ดิ กติกาน้ันยงั อยใู นการ แขง ขนั 2. การอุทธรณผ วู ิ่งสลับตําแหนงบนเบสที่ครอบครองขออุทธรณเม่ือใดก็ไดจ นกวา ผูวิ่ง ทีส่ ลับตําแหนง น้ันทกุ คนออกไปอยใู นเขตที่พักของทีมหรอื ครึ่งอินนิงน้นั ส้ินสดุ ลง ก. พติ เชอร และผเู ลนของทีมฝายรับทุกคนออกพนเขตแฟรไปแลว ข. การแขงขันสิ้นสดุ และผูตัดสินทกุ คนออกนอกสนามแขงขันไปแลว กรณีตอ ไปนเ้ี ปนการเลน ตองอทุ ธรณ ก. การแตะเบสพลาด ข. การออกจากเบสกอนผเู ลน ฝายรบั สมั ผัสฟลายบอลครัง้ แรก (กรณีรบั ฟลายบอลได) ค. การขนึ้ ตผี ดิ ลําดบั ง. การที่ผูว่งิ แรกเร่มิ พยายามเคล่ือนตอไปยังเบสสอง หลังจากแตะเบสหนง่ึ แลว จ. การเปล่ียนผเู ลนสาํ รองทผ่ี ดิ กติกา ฉ. การใชผ ูเลนตามกติกาผูเลนเลือดออก โดยไมแ จง ผูตัดสนิ เพลต ช. การกลบั เขา มาแขง ขันใหมทผ่ี ดิ กตกิ า ซ. การใชผูเ ลน ตามกตกิ าผเู ลน แทน โดยไมแจงผตู ัดสินเพลต ฌ. ผวู ิ่งสลับตาํ แหนง บนเบสทคี่ รอบครอง ขอ 3 แรงบีบอดั ลกู บอล (BALL COMPRESSION) แรงบีบอัดลูกบอล หมายถึง แรง มีหนวยเปนกิโลกรัม (หรือปอนด) ที่ตองใชเพื่อบีบลูกบอลให เล็กลงกวาเดิม 6.5 มิลลิเมตร (0.25 น้ิว) เมื่อวัดตามวิธีทดสอบของเอเอสทีเอ็ม (สมาคมวัสดุและการ ทดสอบแหงอเมริกา) ขอ 4 คาซโี ออารข องลูกบอล (BALL COR) คาซีโออารของลูกบอล หมายถึง คาที่ใชวัดการคืนสภาพของลูกบอล เม่ือวัดตามวิธีทดสอบของ เอ เอส ที เอม็ (สมาคมวสั ดแุ ละการทดสอบแหง อเมริกา) ขอ 5 เสน แนวเบส (BASE LINE) เสน แนวเบส หมายถงึ เสน ตรงจากเบสหนึง่ ไปยงั อีกเบสหน่งึ ขอ 6 เบสออนบอล (BASE ON BALLS) (ประเภทฟาสตพ ิตชและสโลวพิตช) เบสออนบอล หมายถึง การที่ผตู ไี ดสิทธค์ิ รอบครอง เบสหน่ึง ผูตัดสินเพลตจะใหผูตีไดเบสออนบอลเม่ือการพิตชเปน “บอล” 4 ครั้ง (รวมถึงการพิตชท่ีผิดกติกาดวย) บางคร้ังเรยี ก “เบสออนบอล” วา วอลค (WALK) (ประเภทฟาสตพติ ช) เปนบอลอนิ เพลย (ประเภทสโลวพิตช) เปนเดดบอล

3 ขอ 7 ทางว่งิ (BASE PATH) ทางวิ่ง หมายถึง แนวเสนตรงระหวางเบสกับตําแหนงที่ผูว่ิงเคลื่อนท่ีอยู ในขณะที่ผูเลนฝายรับ พยายาม (หรอื กําลงั พยายาม) แตะผูวิง่ ขอ 8 ลูกบอลทีถ่ ูกตี (BATTED BALL) ลกู บอลที่ถูกตี หมายถงึ ลูกบอลซ่งึ กระทบกับไมตีหรือไมตีกระทบลูกบอล และลูกบอลนัน้ ตกถึงพ้ืน ในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ไมว า จะต้งั ใจตหี รือไมก ็ตาม ขอ 9 ผตู ี (BATTER) ผูตี หมายถึง ผูเลนของทีมฝายรุกซึ่งเขาไปอยูภายในเขตผูตี โดยมีเจตนาชวยใหทีมไดคะแนนจะ เปน ผตู ไี ปจนกระท่งั ถกู ผตู ัดสินขานเอาตห รอื เปน ผูวิ่งแรกเริ่ม ขอ 10 เขตผูต ี (BATTER’S BOX) เขตผูตี หมายถงึ พืน้ ที่เฉพาะทีผ่ ูตตี องเขา ไปยืนอยูภายใน เพื่อชวยใหท ีมของตนเองทําคะแนนได เสน แสดงเขตผตู ถี อื วารวมอยใู นเขตผตู ีดวย ขอ 11 ผวู งิ่ แรกเรม่ิ (BATTER-RUNNER) ผวู งิ่ แรกเร่ิม หมายถงึ ผเู ลนซึ่งสนิ้ สุดรอบขนึ้ ตีแลว แตยงั ไมถ ูกทําเอาต และยงั ไมไดครอบครอง เบส หน่งึ ขอ 12 ลําดับการข้นึ ตี (BATTING ORDER) ลําดับการขึ้นตี หมายถึง รายชื่อผูเลนอยางเปนทางการของผูเลนตามลําดับท่ีจะเขามาเปนผูตี ขณะที่เปน ฝา ยรกุ ในใบแสดงลําดบั การขึน้ ตี ตอ งระบุตาํ แหนงของผูเลน แตล ะคนในขณะที่เปน ฝายรบั ดวย ขอ 13 บลอ กบอล (BLOCKED BALL) บลอกบอล หมายถงึ ลกู บอลที่ถกู ตี ถูกขวาง หรอื ถูกพิตชซ ่ึง ก. ตดิ อยใู นรว้ั ก้นั ข. ถูกแตะ หยดุ หรือจบั ตองไวโดยบคุ คลท่ีไมเ กีย่ วของกับการแขง ขนั ค. สัมผัสกบั วัตถุอืน่ ใดทีไ่ มใชส ว นใดสวนหนึ่งของอปุ กรณหรอื สนามแขง ขนั ง. สัมผัสกบั ผูเ ลน ฝายรับซ่ึงขณะนนั้ สมั ผสั กบั พ้นื นอกสนามแขงขัน ลูกบอลท่ีขวางมาโดนผูฝกสอน (ไมวาอยูในเขตหรือนอกเขตผูฝกสอน) โดยไมเจตนาไมเปน บลอกบอล ขอ 14 บนั ต (BUNT) บันต หมายถึง ลูกบอลท่ีถูกตีซ่ึงผูตีไมเหว่ียงไมตี โดยต้ังใจใหไมตีกระทบลูกบอลแลวลูกบอลกล้ิง อยางชา ๆ อยภู ายในอนิ ฟล ด ขอ 15 การรบั (CATCH) การรับ หมายถึง ลูกบอลท่ีรับไวไดโดยถูกกติกา เกิดขึ้นเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลท่ีถูกตี หรือ ถกู ขวา งดว ยมอื หรอื โกลฟ

4 ก. การรบั ทีส่ มบรู ณน ั้น ใหผเู ลนฝายรบั ถอื ลกู บอลไวน านพอทจี่ ะแสดงวา ควบคมุ ลกู บอลไวได โดยสมบรู ณแ ละหรือการปลอ ยลกู บอลออกจากมือ หรือโกลฟน้นั เปน ไปโดยสมัครใจ และ เจตนา ถา ผูเลน ทําลกู บอลหลุดมอื หลงั จากลูกบอลเขา ไปในโกลฟแลวพยายามจะเอา ลูกบอลออกมาหรอื ในขณะท่อี ยใู นทาขวาง ใหถอื วา เปนการรบั ทสี่ มบูรณ ข. ถาลูกบอลเพียงแตถ กู หนีบเอาไวดวยแขน หรือปอ งกนั ไวไ มใ หตกถึงพนื้ โดยใชส วนใด สว นหน่ึงของรา งกาย อุปกรณ หรอื เสื้อผา ของผูเ ลนฝา ยรับ ใหถอื วา ยงั เปนการรบั ท่ี ไมส มบูรณจ นกวา จะจับดว ยมอื หรอื โกลฟ ค. เทาของผูเลน ฝายรบั ใหพ จิ ารณาดงั นี้ 1. กรณีผูเลนอยูในเขตสนามแขง ขนั เคลอ่ื นไปถงึ เสนแสดงเขตสนามแขง ขนั รบั ลูกบอลแลว ออกนอกสนามแขง ขัน) (ก) เทา ตองอยภู ายในสนามแขง ขัน ขณะรับลกู บอล (ข) เทา สมั ผัสเสน แสดงเขตสนามแขงขัน ขณะรบั ลกู บอล (ค) เทาทง้ั 2 ขางลอยจากพ้นื ในสนามแขง ขัน ขณะรบั ลกู บอลจึงถอื เปน การรบั ลูกบอลได โดยถกู กติกา ถา ผเู ลนควบคมุ ลกู บอลไดเ ม่ือลงสพู ้นื นอกเขตสนามแขงขัน ถือเปนการรับลกู บอลไดโ ดยถกู กติกา 2. ผูเ ลน ซงึ่ ออกไปนอกเขตสนามแขงขนั และเคล่อื นกลบั เขา มาในสนามแขงขนั เทา ทงั้ สองขา งตอ งสมั ผสั พืน้ สนามแขงขันกอนสัมผสั ลูกบอล จงึ ถือเปนการรบั ลูกบอลได โดยถกู กตกิ า ก. ไมถอื วา เปน การรบั ไดโ ดยถูกกตกิ า ถาผเู ลน ฝา ยรับ (ซงึ่ กาํ ลงั ควบคุมลกู บอล) ชนกบั ผูเ ลนอื่น หรอื ผูตดั สิน หรือชนรวั้ ก้ัน หรือลม ลงบนพนื้ แลว ทาํ ใหลกู บอลตกถึงพนื้ ข. ลกู บอลถูกตที ่ีกระทบกับส่ิงอนื่ ใดนอกเหนือจากผเู ลน ฝา ยรบั ในขณะท่ยี งั ลอยอยูน้นั ใหถือวา ลูกบอลนั้นกระทบพน้ื ขอ 16 เขตแคตเชอร (CATCHER’S BOX) เขตแคตเชอร หมายถึง พ้นื ทเ่ี ฉพาะทแี่ คตเชอรตอ งอยภู ายในนั้น ก. (ประเภทฟาสตพิตช) จนกวาลูกบอลจะถกู ปลอยออกจากมือพติ เชอร ข. (ประเภทสโลวพิตช) จนกวาลูกบอลที่ถูกพิตชออกมาจะถูกตี สัมผัสพื้น หรือโฮมเพลต หรือ ผตู ี หรือไปถงึ เขตแคตเชอร เสนแสดงเขตถอื วา อยูภ ายในเขตแคตเชอรดว ย ใหถือวาแคตเชอรอยูในเขต ยกเวนในกรณีทีแ่ คตเชอรส มั ผัสพ้ืนสว นทอ่ี ยนู อกเขตแคตเชอร ขอ 17 ชารจคอนเฟอเรนซ (CHARGED CONFERENCE) ชารจคอนเฟอเรนซ เกดิ ขน้ึ เมื่อ ก. (ชารจคอนเฟอเรนซของทีมฝายรุก) ทีมฝายรุกขอใหหยุดการแขงขันช่ัวขณะ เพ่ือให ผูจดั การทีม หรอื ตัวแทนของทีมคนอืน่ ๆ พดู คุยกับสมาชิกของทีมคนใดคนหน่งึ

5 ข. (ชารจคอนเฟอเรนซข องทีมฝายรับ) ทมี ฝายรบั ขอใหห ยดุ การแขง ขนั ช่ัวขณะ และ 1. ผแู ทนของทีมฝา ยรบั เขาไปในสนามแขงขนั และสื่อสารกบั ผูเลนฝายรับคนใดคนหน่ึง 2. ผูเลนฝายรับออกจาก (ตําแหนงใน) สนาม ไปยังเขตท่ีพัก ซ่ึงผูตัดสินพิจารณาแลววา เปนการรับคาํ แนะนาํ /คาํ สอน หมายเหตุ ไมเปน ชารจ คอนเฟอเรนซถาผูจ ัดการทีมหรอื ผูฝก สอนแจงผตู ัดสนิ เพลตเปลีย่ น พิตเชอร ไมวา กอนหรอื หลังจากพูดคยุ กับพิตเชอร ขอ 18 ชอ็ ปบอล (CHOPPED BALL) (ประเภทสโลวพติ ช) ช็อปบอล หมายถึง การตีลูกบอลที่ผูตีเหวี่ยงไมตีในลักษณะเฉียงลง เพ่ือใหลูกบอลกระดอนสูงขึ้น ไปในอากาศ ขอ 19 ผฝู กสอน (COACH) ก. ผฝู กสอน คือ บคุ คลท่ีรบั ผิดชอบการกระทําของทมี ในสนามแขงขนั และเปนตัวแทนของทมี ใน การพูดคุยสือ่ สารกับผูตัดสนิ และทีมคูแขงขนั ผูเลนจะไดรับแตงตั้งใหเปนผูฝก สอนได ในกรณีทผี่ ูฝก สอนไม มาหรอื ผเู ลน นนั้ เปนผูฝ ก สอนดวย (playing coach) ข. ตามความหมายของกติกานี้ ใหถือวาผจู ดั การทมี เปนหวั หนาผฝู ก สอน ขอ 20 โครวฮ็อป (CROW HOP) (ประเภทฟาสตพติ ช) โครวฮ็อป หมายถึง การพิตชของพิตเชอรที่ไมไดถีบเทาหลักออกจากพิตเชอรเพลต เพ่ือปลอย ลูกบอล ถาพิตเชอรกาวออกจากพิตเชอรเพลต สรางแรงสงคร้งั ที่ 2 (หรอื สรางจุดเร่ิมตนใหม) ถีบเทาหลัก ออกจากจุดเริ่มตน ทส่ี รา งข้นึ มาใหมแ ลว ทําการปลอยลกู บอลจนสมบูรณ เปนการกระทําที่ผิดกตกิ า หมายเหตุ พติ เชอรก ระโจนออกจากพติ เชอรเพลตได แลว ลงสูพนื้ พรอมกับปลอยลกู บอลไปยงั โฮมเพลตดว ยการเคลื่อนทอ่ี ยา งตอ เนือ่ ง เทา หลักจะกาวสงแรงตามพรอมกบั การเคล่ือนท่ี ตอเนื่องน้ีก็ได การกระทําในลกั ษณะนไ้ี มถือเปน โครวฮอ็ ป ขอ 21 เดดบอล (DEAD BALL) เดดบอล หมายถึง สถานการณการแขง ขันซงึ่ ก. ลกู บอลสัมผัสวตั ถใุ ดๆ ซง่ึ ไมใ ชสวนของอปุ กรณ หรือพ้นื ท่แี ขงขนั ที่เปน ทางการ หรอื สัมผสั ผูเ ลนหรอื ผูท ไ่ี มม สี ว นเกย่ี วขอ งกบั การแขง ขนั ข. ลกู บอลตดิ อยใู นอปุ กรณข องผูต ดั สนิ หรอื ชดุ แขงขันของผเู ลนฝายรุก ค. ผูต ดั สนิ ขานเปน เดดบอล ขอ 22 ทีมฝา ยรบั (DEFENSIVE TEAM) ทีมฝายรับ หมายถึง ทีมทอ่ี ยใู นสนามแขง ขัน ขอ 23 ดีเลยเดดบอล (DELAYED DEAD BALL) ดเี ลยเ ดดบอล หมายถงึ สถานการณของการแขงขันซึ่งยังคงเปนบอลอินเพลย จนการเลน สิ้นสุดลง ตอจากน้ัน ใหผ ูตดั สนิ ขานเดดบอลและนํากติกาทเี่ หมาะสมมาบังคับใช (กตกิ าหมวด 9 ขอ 3)

6 ขอ 24 ผเู ลนแทน หรือ ดีพี (DESIGNATED PLAYER or DP) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ผเู ลนแทน หรอื ดีพี หมายถึง ผูเลนเริ่มตนซึ่งมีรายช่ือเปนผูตีแทนผูเลนเฟล็กซใ นขณะทเี่ ปนฝายรุก โดยที่ผูเ ลน เฟลก็ ซจะมรี ายชือ่ เปนลําดบั ท่ี 10 ในใบแสดงลาํ ดบั การขน้ึ ตี ขอ 25 เบสเคลื่อน (DISLODGED BASE) เบสเคล่ือน หมายถึง เบสที่หลดุ ออกไปจากตาํ แหนงปกติ ขอ 26 ดับเบิลเพลย (DOUBLE PLAY) ดับเบิลเพลย หมายถึง การเลนของทีมฝายรับซ่ึงสามารถทําใหผูเลนฝายรุกเอาตได โดยถกู กติกา 2 คนจากการเลนทีต่ อเนือ่ งกัน ขอ 27 เขตท่ีพกั (DUGOUT) เขตท่ีพัก หมายถึง พื้นที่ในเขตเดดบอลซ่ึงจัดไวใหเฉพาะผูเลน ผูฝกสอน ผูเก็บไมตี และผูแทน อยางเปน ทางการของทมี หา มสบู บหุ รีภ่ ายในบริเวณน้ี ขอ 28 การไลออกจากการแขงขนั (EJECTION FROM THE GAME) การไลออก หมายถึง การกระทําของผูตัดสินตอผูเลน หรือเจาหนาท่ี หรือสมาชิกของทีมคนใด คนหนึ่งที่ละเมิดกติกา มีผลใหบุคคลน้ันตองออกจากการแขงขันและออกนอกสนามแขงขัน ตลอดการ แขงขนั เกมน้ัน ขอ 29 แฟรบ อล (FAIR BALL) แฟรบอล หมายถงึ ก. ลูกบอลทถี่ กู ตีโดยถกู กตกิ า ซึง่ หยุด หรือถูกแตะบนหรือเหนือเขตแฟรระหวางโฮมเพลตกับ เบสหนง่ึ หรือโฮมเพลตกับเบสสาม ข. ลกู บอลท่ีถกู ตโี ดยถูกกติกาซง่ึ กระดอนผา นเบสหนึ่งหรือเบสสาม บนหรือเหนือเขตแฟร ไมว า ลกู บอลจะกระทบพ้นื ทใี่ ดหลงั จากกระดอนผา นเบสแลว ค. ลกู บอลทถ่ี กู ตโี ดยถูกกติกาซง่ึ สมั ผัสเบสหนึ่ง เบสสอง หรอื เบสสาม ง. ลกู บอลทีถ่ ูกตโี ดยถูกกติกาซึ่งถูกรา งกายหรือเสื้อผา ของผูต ดั สนิ หรือผูเ ลน ขณะอยบู น หรือเหนือเขตแฟร จ. ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดยถูกกตกิ าซ่ึงกระทบพืน้ ครง้ั แรกในเขตแฟรท ี่อยเู ลยเบสหนึ่งและเบสสาม ฉ. ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดยถกู กตกิ าซงึ่ ผา นออกนอกเขตสนามแขงขนั เลยรั้วกนั้ ดานนอกออกไปขณะ ที่อยเู หนอื เขตแฟร ช. ลูกบอลทถ่ี ูกตโี ดยถกู กติกาซ่ึงถกู เสาแสดงเสน เขตฟาวลขณะลอยอยใู นอากาศ หมายเหตุ 1. การตัดสนิ แฟรบอลที่เปน ฟลายบอล ใหดูจากตําแหนง ของลูกบอลเทียบกับเสน เขตฟาวล รวมท้งั เสาแสดงเสนเขตฟาวล โดยไมคํานึงวาผเู ลน ฝายรบั อยูในเขตแฟรหรือเขตฟาวลขณะที่สมั ผัสลกู บอล ไมว าลูกบอลกระทบพน้ื ครงั้ แรกในเขตแฟรห รือเขตฟาวล หากลกู บอลนัน้ ไมก ระทบกับสิง่ อื่นใดที่ไมใ ชสภาพ สนามตามปกติในเขตฟาวล และสอดคลอ งกบั ทีไ่ ดร ะบไุ ว ถือวา เปน แฟรบ อล

7 2. การตดั สนิ วา ลกู บอลทถี่ กู ตีเปนแฟรบอลหรอื ฟาวลบ อล กรณีมกี ารรบกวน ใหพิจารณา จากตําแหนง ของลกู บอลขณะทเี่ กิดการรบกวน ไมวาลกู บอลน้นั กลิ้งไปหยุดอยใู นเขตแฟรห รอื เขตฟาวล ขอ 30 เขตแฟร (FAIR TERRITORY) เขตแฟร หมายถึง พื้นท่ีของสนามแขงขันซ่ึงอยูภายในเสนเขตฟาวล (รวมเสนเขตฟาวลดวย) ทางดานเบสหน่ึงและเบสสามที่ลากจากโฮมเพลตไปจนถึงดานลางของร้ัวกั้นดานนอก รวมถึงบริเวณที่อยู เหนอื พืน้ ทีด่ งั กลาวดว ย ขอ 31 การหลอกแตะตวั (FAKE TAG) การหลอกแตะตัว หมายถึง การขัดขวางผูว่ิงลักษณะหน่ึง ในขณะท่ีผูว่ิงกําลังเคลื่อนไปขางหนา หรือยอนกลับมายังเบส โดยผูเลนฝายรับท่ีไมมีลูกบอล ซ่ึงหนวงเหน่ียวหรือกีดขวางการเคล่ือนที่ของผูว่ิง โดยการหนวงเหนี่ยวหรือกีดขวางนั้น ผูว่ิงไมจําเปนตองหยุดหรือสไลด เพียงแตถูกทําใหชาลง เม่ือมีการ หลอกแตะตัว ถือวาเปนการขดั ขวางแลว ขอ 32 ผเู ลน ฝา ยรบั (FIELDER) ผูเลนฝายรับ หมายถงึ ผเู ลนของทีมฝา ยรับทอ่ี ยใู นสนามแขงขนั ขอ 33 ฟลายบอล (FLY BALL) ฟลายบอล หมายถงึ ลูกบอลท่ถี กู ตีข้นึ ไปในอากาศ ขอ 34 ผเู ลนเฟล็กซ (FLEX PLAYER) (ประเภทฟาสตพ ิตช) ผูเลนเฟล็กซ หมายถึง ผูเลนเร่ิมตนซ่ึงผูเลนแทนหรือดีพีเปนผูตีแทนเม่ือทีมเปนฝายรุก ผเู ลน เฟล็กซจ ะมรี ายช่อื เปน ลาํ ดบั ที่ 10 ในใบแสดงลําดับการขึน้ ตี ขอ 35 ฟอรซ เอาต (FORCE OUT) ฟอรซเอาต หมายถึง เอาตซึ่งสามารถทําไดเฉพาะในกรณีที่ผูว่ิงเสียสิทธ์ิในเบสท่ีครอบครองอยู เนอื่ งจากผตู เี ปนผวู ิง่ แรกเริม่ และผูวิ่งแรกเริ่ม หรอื ผวู ง่ิ ที่ตามมายังไมถ กู ทําเอาต ในกรณีการเลนตองอุทธรณ ฟอรซเอาตกําหนดโดยสถานการณในขณะขออุทธรณ ไมใชขณะ มีการละเมิดกติกา เชน ถามีการทําใหผูว่ิงที่ตามมาเอาต สภาพเบสบังคับหมดไปกอนขออุทธรณ ไมเปน ฟอรซเอาต ขอ 36 การปรบั เปน แพ (FORFEIT) การปรับเปนแพ หมายถึง การกระทําของผูตัดสินเพลตในการส่ังใหการแขงขันยุติลง โดยประกาศ ใหทมี ทไี่ มไดก ระทําผดิ เปน ฝา ยชนะการแขงขนั ขอ 37 ฟาวลบอล (FOUL BALL) ฟาวลบ อล หมายถงึ ก. ลูกบอลที่ถูกตโี ดยถกู กตกิ าซง่ึ หยดุ อยใู นเขตฟาวลร ะหวางโฮมเพลตกับเบสหนง่ึ หรือโฮมเพลต กับเบสสาม ข. ลกู บอลทถ่ี กู ตโี ดยถูกกติกาซ่งึ กระดอนผา นเบสหนึ่งหรอื เบสสามบนหรอื เหนือเขตฟาวล ค. ลกู บอลท่ีถกู ตโี ดยถูกกติกาซงึ่ กระทบพน้ื ครั้งแรกในเขตฟาวลซ่งึ อยูเลยเบสหน่ึงหรือเบสสาม

8 ง. ลูกบอลที่ถูกตโี ดยถูกกตกิ าซึ่งถูกรางกายหรอื เส้ือผาของผตู ัดสิน ผูเลน หรือวสั ดุอนื่ ซึง่ ไมใช สวนใดสว นหนงึ่ ของสนามตามปกติ ขณะทีอ่ ยบู นหรอื เหนือเขตฟาวล จ. ลกู บอลท่ถี กู ตโี ดยถกู กตกิ าซ่ึงถูกรา งกายผูตี หรือไมต ีในมือของผตู ีเปนครง้ั ท่ี 2 ขณะที่อยูใน เขตผตู ี ฉ. ลกู บอลทถ่ี กู ตีโดยถูกกตกิ าซ่ึงแฉลบจากไมตี ในระดบั ไมสูงกวา ศีรษะของผูตี ไปถูกสว นใดสว น หนง่ึ ของรางกายหรอื อุปกรณข องแคตเชอร แลว รับไวไ ดโ ดยผเู ลน ฝายรบั คนใดคนหนึง่ ช. ลกู บอลท่ีถกู ตีโดยถูกกติกาซ่ึงสมั ผัสกบั พิตเชอรเ พลต และไมถ ูกผูเ ลนคนใด กล้งิ ไปอยใู น เขตฟาวลกอนถงึ เบสหน่งึ หรอื เบสสาม หมายเหตุ 1. การตดั สนิ ฟาวลบ อลท่ีเปน ฟลายบอล ดูจากตําแหนง ของลูกบอลเทยี บกบั เสน เขตฟาวล รวมทง้ั เสาแสดงเสน เขตฟาวล โดยไมคาํ นงึ วาผูเลนฝา ยรับอยใู นเขตแฟรหรือเขตฟาวลขณะทสี่ ัมผัสลูกบอล 2. การตัดสนิ วา ลกู บอลทีถ่ ูกตีเปนแฟรบ อลหรอื ฟาวลบอลกรณีมีการรบกวน ใหพจิ ารณา จากตําแหนง ของลกู บอลขณะที่เกิดการรบกวน ไมว า ลูกบอลนน้ั กล้งิ ไปหยดุ อยูในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ขอ 38 เขตฟาวล (FOUL TERRITORY) เขตฟาวล หมายถงึ พนื้ ที่ของสนามแขงขนั ที่อยูนอกเขตแฟร ขอ 39 ฟาวลทปิ (FOUL TIP) ฟาวลท ิป หมายถงึ ก. ลกู บอลที่ถูกตีซ่งึ แฉลบจากไมตไี ปสูม ือหรือโกลฟ/มติ ตของแคตเชอรโ ดยตรง ข. ลกู บอลท่ีถกู ตซี ึ่งแฉลบไปในระดบั ไมส งู กวา ศรี ษะของผตู ี ค. ลูกบอลทถ่ี กู ตซี ึ่งแคตเชอรรบั ไวไ ดโดยถกู กตกิ า หมายเหตุ - ไมเ ปน ฟาวลท ิปถาแคตเชอรรบั ลกู บอลไวไ มได ฟาวลทิปนบั เปน สไตรค (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เปนบอลอนิ เพลย - (ประเภทสโลวพิตช) เปน เดดบอล - ไมถ อื วา เปน การรับ ถา ลกู บอลถกู สวนใดสว นหนึ่งของรางกายแคตเชอรแลว กระดอน เวนแตล ูกบอลถูกมอื หรอื โกลฟของแคตเชอรค รัง้ แรก ขอ 40 หมวกปองกัน (HELMET) ก. หมวกปอ งกนั จะตอ งมที ปี่ อ งกนั หู 2 ขาง และตองเปนชนดิ ทีใ่ หความปลอดภัยไดไ มน อ ยกวา หมวกปองกันชนดิ พลาสติกทงั้ ใบซึง่ มีนวมรองอยูดา นใน หมวกปอ งกันชนดิ ปอ งกันเฉพาะสวน หูไมถกู ตองตามขอ กาํ หนดในกตกิ าน้ี ข. หมวกปอ งกนั ของแคตเชอรจะเปนชนดิ ครอบศรี ษะซงึ่ ไมมีที่ปอ งกนั หูก็ได ค. หมวกปอ งกันทผี่ เู ลนฝายรับอืน่ (นอกจากแคตเชอร) สวม ไมจ ําเปน ตองมที ี่ปองกันหู ง. หมวกปองกันทร่ี าว แตก เปน รอยบุบ หรอื ถูกดดั แปลง ใหผ ูตดั สนิ ประกาศเปน หมวกปอ งกัน ท่ผี ิดกติกา และใหนาํ ออกจากการแขงขนั

9 ขอ 41 ทีมเหยา (HOME TEAM) ทีมเหยา หมายถึง ทีมท่ีเปนเจาของสนามท่ีใชในการแขงขันคร้ังนั้น ถาแขงขันในสนามที่เปนกลาง ใหกําหนดวาทีมใดจะเปนทมี เหยาโดยการตกลงกันเอง หรือโยนเหรยี ญเลอื กสิทธิ์ ขอ 42 ไมต ที ่ผี ิดกตกิ า (ILLEGAL BAT) ไมตีทีผ่ ดิ กติกา หมายถึง ไมต ซี ง่ึ ไมสอดคลองกบั ลักษณะทกี่ ําหนดไวต ามกติกาหมวด 3 ขอ 1 ขอ 43 ผูเลนพิเศษท่ีผิดกตกิ า (ILLEGAL EXTRA PLAYER) (ประเภทสโลวพิตช) ผูเลนพเิ ศษที่ผิดกติกา คือ ผทู ีล่ ะเมิดกติกาหมวด 4 ขอ 6 ขอ 44 พติ เชอรท ่ีผิดกติกา (ILLEGAL PITCHER) พิตเชอรที่ผิดกติกา หมายถึง ผูเลนที่สามารถเขาแขงขันไดโดยถูกกติกา แตจะเปนผูเลนใน ตาํ แหนง พิตเชอรไ มได ก. เนอื่ งจากผูตัดสนิ หรอื ผูจ ัดการทีม ใหพ น จากตาํ แหนงพิตเชอร เพราะมกี ารขอชารจ คอนเฟอเรนซเ กนิ จํานวนท่กี ําหนด ข. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เน่อื งจากผูต ดั สนิ ใหพนจากตําแหนง พติ เชอรเพราะพิตชดว ยความเร็ว ทมี่ ากเกินไปหลงั จากทผ่ี ตู ัดสินไดเตอื นแลว ขอ 45 ผเู ลน ทีผ่ ิดกติกา (ILLEGAL PLAYER) ผูเลนที่ผิดกติกา หมายถึง ผูเลนซึ่งไดลงแขงขันแลว ไมวาจะเปนในขณะที่ทีมเปนฝายรุกหรือ ฝายรบั โดยไมไ ดแจงผูตัดสนิ เพลต กรณตี อไปนเ้ี ปนผเู ลน ทผ่ี ิดกติกา ก. ผเู ลน แทนช่วั คราว ตามกตกิ าผเู ลนเลือดออก เขา มาแขง ขนั โดยไมไดแ จงผตู ัดสินเพลต ข. ผูเลนตองพกั ตามกติกาผเู ลนเลอื ดออก กลบั เขา มาแขง ขนั โดยไมไ ดแจง ผตู ดั สนิ เพลต ขอ 46 การกลบั เขา มาแขง ขันใหมโ ดยผิดกตกิ า (ILLEGAL RE-ENTRY) การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมโ ดยผิดกตกิ า เกิดขน้ึ เม่ือ ก. ผูเลน เร่มิ ตนกลบั เขา มาแขง ขนั อกี หลงั จากไดม กี ารเปลย่ี นออกไปแลว 2 ครงั้ ข. ผูเลนเรมิ่ ตนกลับเขามาแขง ขนั อกี หลงั จากถกู เปลยี่ นออกไปแลว แตไมไ ดก ลบั เขา มาในลาํ ดบั การข้นึ ตเี ดมิ ค. ผูเลนสํารองท่ีเขามาแขงขันโดยถกู กตกิ า กลบั เขา มาแขงขนั อีกหลงั จากถูกเปลย่ี นออกโดยผูเ ลน เร่มิ ตนคนเดมิ หรอื ผเู ลน สาํ รองอ่ืน ง. (ประเภทฟาสตพิตช) ดีพีเรม่ิ ตน หรอื ผเู ลนสํารองทีเ่ ขามาแทนไมไ ดกลับเขา มาเปน ผตู ีในลําดบั การขึน้ ตีเดิม จ. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูเลน เฟล็กซซ ง่ึ เขามาเปนผูตใี นลาํ ดับการขึน้ ตีอ่นื ที่ไมใชลําดบั การขน้ึ ตี ของดพี ีเรม่ิ ตน

10 ขอ 47 ผเู ลนสาํ รองทีผ่ ิดกตกิ า (ILLEGAL SUBSTITUTE) ผเู ลน สาํ รองที่ผดิ กตกิ า หมายถึง ผเู ลน ท่ลี งแขงขนั โดยไมไ ดแจงผูต ัดสนิ เพลต โดยอาจจะเปน ก. ผูเลน สํารองท่ีไมอ ยูใ นการแขง ขนั ข. ผูเลน ทผ่ี ิดกตกิ า ค. ผูเ ลน ทถี่ กู ประกาศเปน ผูเลนที่พนสภาพ ง. ผูเ ลนทก่ี ลับเขามาแขงขันใหมโ ดยผดิ กตกิ า จ. (ประเภทฟาสตพติ ช) ผเู ลนแทนหรือดีพี หรอื ผูเลน เฟลก็ ซทผี่ ิดกติกา (ประเภทสโลวพ ิตช) อพี ี ทผี่ ดิ กตกิ า ฉ. ผเู ลน แทนช่วั คราวซ่ึงยังคงอยใู นการแขงขันในฐานะผูเลน สาํ รองทไี่ มไ ดแ จง ผูตดั สินเพลต ในกรณที ี่ผูเลนตองพกั ไมไ ดก ลบั เขามาแขงขนั ภายในเวลาท่กี ําหนดตามกติกาผูเลน เลือดออก ขอ 48 ลูกบอลท่ีถูกตีโดยผิดกตกิ า (ILLEGALLY BATTED BALL) ลูกบอลท่ีถูกตีโดยผิดกติกา เกิดข้ึนเมื่อผูตีตีลูกบอล (ไมวาลูกบอลท่ีถูกตีนั้นจะเปนแฟรบอลหรือ ฟาวลบอล) และเขาลักษณะใดลักษณะหน่งึ ตอไปน้ี ก. เทา ของผตู สี ัมผสั พน้ื นอกเขตผตู ที งั้ เทา ขณะไมตีกระทบลกู บอล ข. สวนใดสว นหน่งึ ของเทา ของผตู ีสมั ผัสโฮมเพลตขณะไมต ีกระทบลูกบอล ค. ผตู ใี ชไ มตที ่ีผดิ กตกิ า หรอื ไมต ีที่ไมไดร บั การรับรอง หรือไมตีดดั แปลง กระทบลูกบอล ง. ผตู ีกาวเทา ออกนอกเขตผตู ที ง้ั เทา แลว กาวกลับเขามาอยภู ายในเขตผตู ีขณะไมตกี ระทบ ลูกบอล ขอ 49 ลกู บอลท่รี ับโดยผิดกติกา (ILLEGALLY CAUGHT BALL) ลูกบอลท่ีรับโดยผิดกติกา เกิดข้ึนเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลท่ีถูกขวาง ถูกตี หรือถูกพิตชมา ดวยหมวก หนา กาก โกลฟ หรอื สวนใดสวนหนงึ่ ของชุดแขงขนั ทไ่ี มไดอยูใ นตาํ แหนง ปกติ ขอ 50 ผูเลนทพ่ี น สภาพ (INELIGIBLE PLAYER) ผูเลนที่พนสภาพ หมายถึง ผูเลนที่จะเขารวมการแขงขันโดยถูกกติกาไมไดอีกตอไป เนื่องจาก ผูตัดสินเพลตลงโทษใหออกจากการแขงขัน ผูเลนที่พนสภาพจะเขารวมการแขงขันในฐานะผูเลนไมไดอีก แตเ ปน ผฝู กสอนได ขอ 51 ผูเลน แทนชั่วคราวทพี่ น สภาพ (INELIGIBLE REPLACEMENT PLAYER) ผูเลนแทนช่ัวคราวที่พนสภาพ หมายถึง ผูเลนท่ีไมสามารถจะเขามาแขงขันแทนผูเลนตองพัก ตามกติกาผเู ลนเลอื ดออกได ก. เน่ืองจากผูเ ลนนั้นทําผิดกติกา และถูกผตู ดั สินใหอ อกจากการแขง ขันหรอื ไลออกจากการแขงขนั ข. เนือ่ งจากผูเลน น้นั เปนผเู ลนทม่ี ีรายช่อื ในลําดบั การขน้ึ ตีขณะน้ัน ขอ 52 ยงั ลอยอยู (IN FLIGHT) ยังลอยอยู หมายถึง ลักษณะของลูกบอลที่ถูกตี ถูกขวาง หรือถูกพิตชมาซ่ึงยังไมกระทบพื้น หรือวสั ดอุ ืน่ ใดนอกจากผเู ลน ฝายรบั

11 ขอ 53 อยูในภาวะลอแหลม (IN JEOPARDY) อยูในภาวะลอแหลม หมายถงึ สถานการณซง่ึ เปนบอลอนิ เพลย และผูเลน ฝายรกุ อาจถูกทําเอาตได ขอ 54 อินฟลด (INFIELD) อินฟล ด หมายถึง พ้ืนท่ีสวนหน่ึงของสนามแขงขันในเขตแฟร ซ่ึงรวมถงึ พ้นื ทตี่ างๆ ท่ีปกติ ผูเลน อินฟลดควบคมุ อยู ขอ 55 ผเู ลน อนิ ฟล ด (INFIELDER) ผูเลนอินฟลด หมายถึง ผูเลนฝายรับ (รวมทั้งพิตเชอรและแคตเชอร) ซ่ึงตามปกติแลวจัดตําแหนง ยืนของตนเองใกลหรือภายในทางว่ิง ผูเลนซึ่งปกติเลนในบริเวณเอาตฟลดจะถือวาเปนผูเลนอินฟลดได ถาเคลอ่ื นเขามาอยูภายในบรเิ วณซึ่งปกตผิ ูเลนอินฟล ดร บั ผดิ ชอบอยู ขอ 56 อนิ ฟลดฟ ลาย (INFIELD FLY) อินฟลดฟ ลาย หมายถึง ฟลายบอลที่อยูเหนือเขตแฟร (ไมรวมลูกพุงหรือบนั ต) ซึ่งผูเลนอินฟลด สามารถรบั ไดดวยการเลนปกติ ในขณะท่ีฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาต และมีผูวิ่งอยูบนเบสหนึ่งและเบสสอง หรอื บนเบสหนึ่ง เบสสอง และเบสสาม พิตเชอร แคตเชอร และผูเลนเอาตฟลดท ่ีเคล่ือนเขา มาอยูในอนิ ฟลดเพ่ือรับลูกบอล ใหถือวาเปน ผูเลน อินฟล ดต ามกติกาน้ี หมายเหตุ 1. เมอ่ื เห็นไดชัดวา ลกู บอลท่ีถูกตจี ะเปน อินฟล ดฟลาย ใหผูต ดั สนิ ขานวา “อินฟล ดฟลาย อีฟแฟร แบตเตอรอีสเอาต” โดยทนั ทีเพอ่ื ประโยชนตอผูวิ่ง 2. อินฟล ดฟ ลายเปน บอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคล่อื นไปขา งหนาโดยเส่ยี งตอการทีผ่ ูเ ลน ฝา ยรับ รับลูกบอลนั้นไวได หรือกลับมาแตะเบสอีกคร้ังหน่ึงและเคล่ือนไปขางหนาหลังจากผูเลนฝายรับสัมผัส ลูกบอลครั้งแรกแลวเชนเดียวกับกรณีฟลายบอลก็ได ถาลูกบอลที่ถูกตีครั้งนั้นเปนฟาวลบอล ใหปฏิบัติ เชน เดยี วกบั กรณฟี าวลบอลอ่ืนๆ 3. หลังจากผูตดั สินขานเปน อนิ ฟล ดฟลาย ลูกบอลตกถงึ พื้นในเขตแฟรโดยไมส ัมผสั ผเู ลนฝา ยรบั คนใด หรอื สงิ่ อน่ื ใด แลว กระดอนสูเขตฟาวลก อนท่จี ะผา นเบสหนึง่ หรอื เบสสาม เปนฟาวลบ อล 4. หลังจากผตู ัดสนิ ขานเปน อนิ ฟลดฟ ลาย ลกู บอลตกถงึ พ้ืนในเขตฟาวลโ ดยไมส มั ผัสผูเลน ฝา ยรับ คนใด หรอื ส่งิ อืน่ ใด แลว กระดอนไปยังเขตแฟรกอนผา นเบสหน่ึง หรอื เบสสาม เปน อินฟล ดฟลาย ขอ 57 อนิ นิง (INNING) อินนิง หมายถึง ชวงเวลาหน่ึงของการแขงขันซึ่งแตละทีมสลับกันเปนฝายรุกและฝายรับโดยจะ เปลี่ยนจากทีมฝายรับเปนทีมฝายรุก เมื่อทีมฝายรับสามารถทําใหผูเลนของทีมฝายรุกเอาตได 3 เอาต อินนงิ ใหมเ ริม่ ตน ทันทหี ลงั จากเอาตส ุดทายของอนิ นงิ กอ น ขอ 58 เบสออนบอลโดยเจตนา (INTENTIONAL BASE ON BALLS) เบสออนบอลโดยเจตนา หมายถึง การท่ีทีมฝายรับประสงคใหผูตีไปครอบครองเบสหนึ่ง โดยไมตอ งการพติ ชเปน บอล 4 คร้ัง เรยี กวา วอลคโดยเจตนาก็ได เปน เดดบอล

12 ขอ 59 ฟลายบอลที่ปลอ ยใหต กถึงพืน้ โดยเจตนา (INTENTIONALLY DROPPED FLY BALL) ฟลายบอลที่ปลอยใหตกถึงพื้นโดยเจตนา หมายถึง ฟลายบอลในเขตแฟร รวมท้ังลูกพุงและบันต ในขณะท่ีทมี ฝายรุกมผี ูวิ่งอยูที่เบสหนึ่ง และมีเอาตนอยกวา 2 เอาต ซึง่ ผูเลน อินฟลดส ามารถรับไดดว ยการ เลน ปกติ แตผเู ลนอนิ ฟลดเ จตนาปลอยใหลูกบอลตกถึงพืน้ หลงั จากควบคมุ ลกู บอล ไวไดด วยมอื หรอื โกลฟ แทร็ปบอลหรือฟลายบอลท่ปี ลอยใหก ระดอนพืน้ ไมถอื วา เปนฟลายบอลทปี่ ลอ ยใหตกถึงพื้นโดยเจตนา ขอ 60 การรบกวน (INTERFERENCE) การรบกวน หมายถงึ ก. การกระทาํ ของผเู ลน หรอื สมาชิกอ่นื ของทีมฝา ยรกุ ซงึ่ กีดขวาง หนว งเหนี่ยว หรอื ทาํ ใหผูเลน ฝา ยรบั ที่พยายามเลนลกู บอลเกิดความสบั สน ค. การกระทําของผูตัดสินในการกดี ขวางแคตเชอรซงึ่ พยายามขวางลกู บอลไปทําใหผูว่งิ ทไี่ มไ ด อยูท เ่ี บสเอาต ค. การกระทําของผตู ดั สนิ โดยลกู บอลท่ีถกู ตีเปนแฟรบ อลมาโดนรา งกาย กอ นผานผเู ลน อินฟล ดไมรวมพิตเชอร ง. การกระทาํ ของผูชมซึง่ ลาํ้ เขา มาในสนามแขงขนั และกีดขวางผูเลนฝา ยรบั ท่ีพยายามเลน ลกู บอล หรือสัมผัสกับลกู บอลท่ีผูเ ลนฝา ยรบั พยายามเลน ขอ 61 การกระโจน (LEAPING) (ประเภทฟาสตพติ ช) การกระโจน หมายถึง การกระทําของพิตเชอรท่ีถีบเทาออกจากพิตเชอรเพลต จนโมเมนตัม ซง่ึ เกดิ จากการเคลื่อนตัวไปขางหนาของพิตเชอร ทําใหทัง้ ตัวของพิตเชอรรวมทั้งเทาหลัก และเทาที่ใชกาว ลอยอยูในอากาศในขณะเดียวกัน และมีทิศทางไปยังโฮมเพลตขณะท่ีการปลอยลูกบอลเปนไปโดยสมบูรณ การกระโจนเปนการกระทําท่ีถกู กตกิ า ขอ 62 การแตะท่ีถกู กตกิ า (LEGAL TOUCH (TAG)) การแตะที่ถูกกติกา หมายถงึ การกระทําของผูเ ลนฝา ยรบั ในลักษณะตอไปนี้ ก. แตะผูวง่ิ หรือผูว ิ่งแรกเริม่ ซึ่งไมไ ดอยูบนเบส ดวยลกู บอลที่ถอื อยูในมือหรอื โกลฟของผูเลน ฝายรับอยางม่นั คง ไมนับวา เปน การถอื ลกู บอลไวอยางม่ันคง ถา ลกู บอลกระดอนออกมา จากมือหรือโกลฟของผูเลน หรอื ตกถึงพืน้ หลงั จากที่แตะผูวงิ่ แลว เวนแตผ ูว ิง่ เจตนาชนให ลูกบอลหลดุ ออกจากมือ หรอื โกลฟของผูเ ลนฝา ยรบั ตอ งแตะผูว่ิงดว ยมอื หรือโกลฟทีถ่ ือ ลูกบอล ข. แตะเบสดว ยลูกบอลทถี่ ืออยูในมอื หรอื โกลฟของผเู ลน ฝา ยรับอยางมัน่ คง จะแตะเบสโดยใช สวนใดสวนหน่งึ ของรา งกายกไ็ ด เชน ใชเ ทา มอื นั่งบนเบส ใชก ับการทําฟอรซเอาตหรือ การเลนตองอทุ ธรณ ขอ 63 ลูกบอลท่รี บั ไดโ ดยถกู กตกิ า (LEGALLY CAUGHT BALL) ลูกบอลที่รับไดโดยถูกกติกา เกิดขึ้นเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลที่ถูกตี ถูกขวาง หรือถูกพิตชมา โดยไมใชหมวกแกป หมวกปองกัน หนากาก อุปกรณปองกันลําตัว กระเปากางเกง หรือสวนอ่ืนๆ ของชุด แขงขนั ตองเปน การรบั และถือไวอ ยางม่ันคงดว ยมือหรือโกลฟ

13 ขอ 64 ลูกพงุ (LINE DRIVE) ลูกพงุ หมายถงึ ลกู บอลทถี่ ูกตีแลว พุง ตรงเขาไปในสนามแขงขันอยา งรวดเรว็ และยังลอยอยู ขอ 65 ใบแสดงลาํ ดบั การข้ึนตี (LINE-UP AND LINE-UP CARD) ใบแสดงลําดับการขนึ้ ตี หมายถึง รายช่ือผูเลนท่ีเก่ียวขอ งกับการเลน เปนทีมฝา ยรุกและทีมฝายรับ ในการแขง ขนั ขณะนน้ั ซ่งึ รวมทัง้ - (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ดพี ีและเฟล็กซ - (ประเภทสโลวพ ติ ช) อีพี ใบแสดงลําดับการขน้ึ ตี ประกอบดวย 1. ชือ่ - นามสกุล ตาํ แหนง และหมายเลขเสื้อของผูเ ลน เรม่ิ ตน 2. ช่อื - นามสกุล และหมายเลขเสื้อของผเู ลน สํารองซึ่งอยูท ่สี นามแขง ขนั ในขณะนัน้ 3. ชือ่ - นามสกุล ของผจู ัดการทมี หมายเหตุ ถาหมายเลขเสอื้ ในใบแสดงลําดับการข้ึนตีไมถูกตอ ง ทาํ การแกไ ขใหถ กู ตอ งและดาํ เนินการ แขงขันตอไปไดโดยไมมีการลงโทษ ถาผูเลนสวมเสื้อท่ีมีหมายเลขไมถูกตอง ทําผิดกติกา ขออื่นตองลงโทษผูเลนเสียกอน หลังจากลงโทษแลวถาผูเลนน้ันยังอยูในการแขงขัน ใหแกไขหมายเลขใหถกู ตอ ง แลวจึงแขง ขันตอ ไป ขอ 66 การขัดขวาง (OBSTRUCTION) การขัดขวาง หมายถงึ ก. การกระทําของผเู ลน หรือสมาชิกของทมี ฝายรบั ท่ีกีดขวาง หรอื ปอ งกันไมใ หผูตีตลี ูกบอลท่ี ถกู พติ ชมา ข. การกระทาํ ของผเู ลนฝา ยรับท่กี ดี ขวางการเคลอื่ นไปขางหนาของผูวงิ่ หรอื ผูวง่ิ แรกเรมิ่ ซ่ึง เคลือ่ นไปครอบครองเบสโดยถูกกตกิ า 1. ผเู ลนฝายรบั นนั้ ไมม ลี ูกบอลอยใู นครอบครอง 2. ผเู ลนฝา ยรับน้ันไมอ ยใู นขณะทจี่ ะรบั ลูกบอลทถี่ ูกตีมา 3. ผูเลนฝายรบั นน้ั ทําการหลอกแตะโดยไมม ลี ูกบอลอยูในครอบครอง 4. ผเู ลนฝา ยรบั นนั้ มลี ูกบอลอยูในครอบครอง ผลกั ผูวงิ่ ใหห ลดุ ออกจากเบส 5. ผูเลนฝายรบั น้ันมีลกู บอลอยใู นครอบครอง แตไ มอ ยูในลกั ษณะท่ีจะเลนกบั ผวู ิ่งซงึ่ ตนเอง เจตนากีดขวาง ในขณะที่ผวู งิ่ น้นั พยายามเคลอ่ื นไปครอบครองเบสโดยถกู กตกิ า ขอ 67 ผเู ลนเฉพาะรกุ (OFFENSIVE PLAYER ONLY) (ประเภทฟาสตพติ ช) ผูเลนเฉพาะรุกหรือโอพีโอ หมายถึง ผูเลนคนหน่ึงในลําดับการข้ึนตีซึ่งไมใชเฟล็กซ โอพีโอยังคง เลนเมอ่ื ทีมเปน ฝา ยรกุ แตไ มไดล งเลนเปน ฝา ยรบั โดยใหด ีพเี ลนแทน ขอ 68 ทมี ฝา ยรุก (OFFENSIVE TEAM) ทมี ฝายรุก หมายถงึ ทมี ที่เปนฝายข้ึนตี

14 ขอ 69 อปุ กรณท ่เี ปนทางการ (OFFICIAL EQUIPMENT) อุปกรณท่ีเปนทางการ หมายถึง อุปกรณใดๆ ซึ่งทีมฝายรุกหรือทีมฝายรับใชอยูในขณะน้ัน อปุ กรณฝ า ยรบั (เชน โกลฟ เปนตน) ซ่งึ ทีมที่เปน ฝา ยรกุ ท้ิงไวบ นพื้นสนามไมถือเปนอปุ กรณทีเ่ ปน ทางการ ขอ 70 ผเู ลน รอข้ึนตี (ON-DECK BATTER) ผูเลนรอขน้ึ ตี หมายถึง ผเู ลนฝายรกุ ทม่ี ชี ือ่ ตอจากช่อื ของผตู ตี ามใบแสดงลาํ ดับการขึน้ ตี ขอ 71 เขตผูเ ลน รอขึ้นตี (ON-DECK CIRCLE) เขตผูเลนรอขึ้นตี หมายถึง พ้ืนที่ที่อยูใกลเขตท่ีพักของทีมที่สุด ซ่ึงผูเลนรอข้ึนตีจะเขาไปอยูภายใน เพ่อื ซอมเหว่ียงไมตไี ด ในระหวา งรอท่จี ะเขา ไปในเขตผูตเี ม่อื ถึงรอบขนึ้ ตี ขอ 72 เสนหน่งึ เมตร (สามฟตุ ) (ONE METER (THREE FOOT) LINE) เสน หนึ่งเมตร (สามฟุต) หมายถงึ พ้ืนทีต่ งั้ แตครึ่งระยะทางระหวางโฮมเพลตกับเบสหนึ่งมาทางดา น เบสหนึ่ง (หางจากเสนแนวเบสสามฟุต) ซึ่งผูว่ิงแรกเร่ิมตองใชในการเคล่ือนไปครอบครองเบสหนึ่งเพ่ือ หลีกเลี่ยงไมใหถูกขานเอาต เนื่องจากรบกวนลูกบอลที่ถูกขวางจากบริเวณโฮมเพลต หรือรบกวนผูเลนฝาย รบั ที่พยายามขวา งลูกบอล ขอ 73 ออปชันเพลย (OPTION PLAY) ออปชันเพลย หมายถึง การเลนท่ีผูจัดการทีม หรือผูฝกสอนของทีมฝายรุก มีสิทธิ์เลือกที่จะใหใช บทลงโทษของการกระทาํ ทผี่ ดิ กติกา หรือใหคงผลของการเลน ทเ่ี กิดขนึ้ ในกรณีตอ ไปน้ี : ก. การขดั ขวางของแคตเชอร ข. การใชโ กลฟทผ่ี ิดกติกา ค. การเปลย่ี นผเู ลน สาํ รองทีผ่ ดิ กติกา ง. การพิตชท ี่ผิดกตกิ า จ. พิตเชอรทผี่ ิดกติกากลบั เขามาเลนใหมแ ละทําการพติ ชแลว ฉ. (ประเภทสโลวพ ิตชแบบทีมผสม) ผตู ีหญิงไดไปครอบครองเบสหนงึ่ (“วอลค”) ในขณะที่ ทมี ฝา ยรกุ มี 2 เอาตแ ลว ขอ 74 เอาตฟล ด (OUTFIELD) เอาตฟลด หมายถึง พ้ืนท่ีสวนหนึ่งของสนามแขงขันท่ีอยูนอกรูปส่ีเหลี่ยมซ่ึงเกิดจากเสนแนวเบส ตางๆ หรือหมายถึงพื้นท่ีซึ่งโดยปกติแลวไมอยูในความรับผิดชอบของผูเลนอินฟลด และอยูภายในเสนเขต ฟาวลท ่เี ลยไปจากเบสหนึ่ง และเบสสามกับเสน เขตสนาม ขอ 75 โอเวอรส ไลด (OVER-SLIDE) โอเวอรสไลด หมายถึง การท่ีผูวิ่งเคล่ือนผานเลยจากเบสท่ีพยายามครอบครองออกไป โดยปกติ แลวเกิดขึ้นจากการท่ีโมเมนตัมของผูว่ิงน้ัน ทําใหไมสามารถครอบครองเบสเอาไวไดจึงทําใหผูว่ิงนั้นอยูใน ภาวะลอ แหลม ผูวงิ่ แรกเรม่ิ ทาํ โอเวอรสไลดทเี่ บสหนึ่งไดโ ดยไมอยูในภาวะลอ แหลมถา กลับมายังเบสนั้นทนั ที

15 ขอ 76 โอเวอรโธรว (OVERTHROW) โอเวอรโ ธรว หมายถึง การขวางลูกบอลจากผเู ลนฝา ยรับคนหนง่ึ ไปยงั อกี คนหนง่ึ เปน ผลให ก. ลกู บอลออกนอกเสนเขตสนาม ข. ไมส ามารถนําลูกบอลนนั้ มาเลนตอ ไปได (เปนบลอ กบอล) ขอ 77 พาสดบ อล (PASSED BALL) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) พาสดบอล หมายถึง ลูกบอลท่ีถกู พิตชมา ซึ่งแคตเชอรควรจะรับหรือควบคุมเอาไวไดดวยการเลน ตามปกติ ขอ 78 การพติ ช (PITCH) การพิตช หมายถงึ การกระทําของพิตเชอรในการปลอยลกู บอลไปยังผูต ี ขอ 79 เขตพติ เชอร (PITCHER’S CIRCLE) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เขตพิตเชอร หมายถึง พ้ืนท่ีภายในระยะ 2.44 เมตร(8 ฟุต) รอบพิตเชอรเพลต ใหถือวาเสนแสดง เขตอยภู ายในเขตดว ย ขอ 80 เทา หลัก (PIVOT FOOT) เทาหลัก หมายถึง ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เทาขา งท่ีพติ เชอรใ ชส ง ตัวออกจากพิตเชอรเพลต ข. (ประเภทสโลวพิตช) เทาขางทพี่ ิตเชอรวางสัมผสั อยูกับพติ เชอรเ พลตโดยตลอดจนกระท่งั ลกู บอลถกู ปลอ ยออกจากมือ ขอ 81 “เพลยบ อล” (PLAY BALL) “เพลยบอล” เปน คําที่ผูตดั สินเพลตขานเพ่ือแสดงวาการเลนเรม่ิ ตนขน้ึ หรือเร่มิ ขนึ้ ใหมอีกคร้ังหนึ่ง ในกรณตี อ ไปน้ี ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เมือ่ พิตเชอรมลี กู บอลอยใู นความครอบครอง และอยูในเขตพิตเชอร ข. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เม่อื พิตเชอรมลี ูกบอลอยใู นความครอบครอง และอยบู นหรือใกล พติ เชอรเ พลต ผเู ลน ฝายรับทุกคนตอ งอยูในเขตแฟร (ยกเวนแคตเชอรซ ่ึงตองอยูภ ายในเขตแคตเชอร) ขอ 82 การประชุมกอนเรม่ิ การแขงขนั (PRE-GAME MEETING) การประชุมกอนเริ่มการแขงขัน หมายถึง การประชุมระหวางผูตัดสินกับผูจัดการทีม หรือหัวหนา ผฝู ก สอน หรือผแู ทนของทงั้ สองทมี บรเิ วณโฮมเพลต ตามกําหนดเวลาท่ีระบไุ ว การประชุมฯ มวี ตั ถุประสงคด งั นี้ ก. เพ่ือยืนยันและรับรองใบแสดงลําดับการข้ึนตีของแตละทีมท่ีสงมา และมอบสําเนาใหแก ทีมคแู ขงขนั ข. เพ่ือชแี้ จงและทบทวนประเด็นตางๆ ทน่ี อกเหนือจากทร่ี ะบุไวในกตกิ า (ถา ม)ี

16 ขอ 83 การประทวง (PROTESTS) การประทวง ใชใ นกรณที ี่แตกตางกบั การอุทธรณ การประทว ง หมายถงึ การกระทําของทีมฝา ยรับหรอื ทมี ฝา ยรุกท่ีมขี นึ้ เพอื่ คดั คานในกรณีตอ ไปนี้ ก. การตคี วามหรือการใชก ตกิ าของผูตดั สนิ ข. คณุ สมบตั ิของสมาชิกทมี ตามบญั ชรี ายชอ่ื ขอ 84 การพิตชกลบั เรว็ (QUICK RETURN PITCH) การพิตชกลับเร็ว หมายถึง การพิตชซ่ึงพิตเชอรกระทําข้ึนโดยเห็นไดชัดวาพยายามใหผูตีเสีย การทรงตัว โดยเปนการพิตชกอนที่ผูตีจะเขาไปอยูในเขตผูตีตามตําแหนงท่ีตองการหรือในขณะท่ียังเสีย การ ทรงตวั อยูจากการพติ ชครั้งกอน ขอ 85 การกลบั เขา มาแขง ขันใหม (RE-ENTRY) การกลับเขามาแขงขันใหม หมายถึง การกระทําของผูเลนเร่ิมตนคนใดคนหน่ึง ท่ีกลับเขามา แขง ขนั ใหมหลังจากถูกเปลี่ยนออก ไมว าจะถกู หรือผิดกตกิ า ขอ 86 การใหอ อกจากการแขง ขนั (REMOVAL FROM THE GAME) การใหออกจากการแขงขัน หมายถึง การที่ผูตัดสินประกาศใหผูเลนที่ทําผิดกติกาเปนผูเลนท่ี พน สภาพ จะเขารวมการแขง ขันตอ ไปไมได หมายเหตุ ผูเ ลนทถ่ี กู ใหออกจากการแขงขนั อยใู นเขตท่พี ักของทีมตอ ไปได แตเ ขา รวมการแขง ขัน ในฐานะผูเลน ไมไ ดอกี ยกเวน ในฐานะผฝู ก สอน ขอ 87 ผูเลน แทนช่ัวคราว (REPLACEMENT PLAYER) ผูเลนแทนชั่วคราว หมายถึง ผูเลนที่ถูกสงเขาไปแขงขันชั่วระยะเวลาหนึ่งแทนผูเลนตองพักตาม กติกาผเู ลน เลือดออก ก. ผเู ลน แทนชัว่ คราวเปนผูเลน ตามกรณใี ดกรณีหน่งึ ตอ ไปน้ี 1. ผเู ลนสํารองตามรายชอื่ ทรี่ ะบุไว ซง่ึ ยงั ไมลงแขง ขนั 2. ผูเลนสํารองตามรายช่ือท่ีระบุไว ซ่ึงลงแขงขันแลว แตตอมาถูกเปลี่ยนออกจาก การแขง ขนั 3. ผเู ลน เรม่ิ ตนซงึ่ ไมอยใู นลําดบั การข้ึนตี และไมสามารถกลับเขามาแขงขนั ใหมไ ดอีก ข. ผูเลนแทนชวั่ คราวไมถ ือวาเปนผเู ลน สาํ รอง แตต องแจงผูต ัดสินเพลต ขอ 88 ผูว ิ่ง (RUNNER) ผวู ง่ิ หมายถงึ ผูเ ลน ของทีมท่ีเปนฝายรกุ ซง่ึ สิ้นสุดรอบข้ึนตีแลว ไปถึงเบสหน่งึ และยงั ไมถกู ทาํ เอาต ขอ 89 สแลป็ ฮติ (SLAP HIT) (ประเภทฟาสตพติ ช) สแล็ปฮิต หมายถึง การตีลูกบอลในลกั ษณะท่ีผูตีเง้ือไมตีแลวเหวย่ี งไมตีส้ันๆ แทนการตีเต็มวงปกติ ใชเพือ่ ควบคมุ ทิศทางและเปาหมายของลูกบอลตี โดยทัว่ ไปมี 2 ลักษณะ ก. ลักษณะที่ผูตีอยูในทาท่ีจะทําบันต แลวตีอยางรวดเร็วใหลูกบอลลงพ้ืน หรือกระแทกลูกบอล ใหลอยขามผเู ลนอนิ ฟลด

17 ข. ลักษณะท่ีผตู ีเคลอ่ื นท่ีไปยงั ดานหนา ภายในเขตผูตแี ลวเหวยี่ งไมต ีไปกระทบลูกบอล หมายเหตุ สแล็ปฮติ ไมถอื เปนบนั ต ขอ 90 สควซี เพลย (SQUEEZE PLAY) (ประเภทฟาสตพติ ช) สควีซเพลย หมายถึง การเลนที่ทีมฝายรุกกระทําในขณะที่มีผูว่ิงอยูบนเบสสาม โดยใหผูตีพยายาม นาํ ไมตไี ปกระทบลูกบอลเพ่อื ใหผ ูว ่ิงมโี อกาสทําคะแนนได ขอ 91 ผูเลนเร่ิมตน (STARTING PLAYERS) ผเู ลน เรม่ิ ตน หมายถึง ผเู ลนตามรายช่อื ท่ีปรากฏในใบแสดงลําดบั การขน้ึ ตีทยี่ ่นื ตอประธาน ผตู ดั สิน หรือผูต ัดสนิ เพลต ขอ 92 การขโมยเบส (STEALING) การขโมยเบส หมายถึง การกระทําของผูวิ่งที่พยายามเคลื่อนไปขางหนาในระหวางการพิตชหรือ หลังจากการพิตชไ ปยงั ผูต ี (ประเภทสโลวพ ติ ช) ไมอ นญุ าตใหม ีการขโมยเบส ขอ 93 สไตรคโ ซน (STRIKE ZONE) ก. (ประเภทฟาสตพิตช) สไตรคโซน หมายถึง พื้นที่สมมติเหนือโฮมเพลตซ่ึงอยูระหวางรักแร และเหนือหัวเขา ของผตู ี เมื่อผูตีอยใู นทา ยืนตปี กติ ข. (ประเภทสโลวพิตช) สไตรคโซน หมายถึง พ้ืนที่สมมติเหนือโฮมเพลตซึ่งอยูระหวางหัวไหล และหวั เขา ของผตู ี เมอ่ื ผูตีอยูใ นทา ยนื ตปี กติ ขอ 94 ผูเลน สาํ รอง (SUBSTITUTE) ผูเลนสํารอง หมายถึง ผูเลนท่ีมีช่ืออยูในใบแสดงลําดับการขึ้นตี และเปนไปตามกรณีใดกรณีหน่ึง ดังน้ี ก. ผเู ลนทีไ่ มใ ชผ เู ลน เรม่ิ ตน ยงั ไมไดลงแขง ขนั เวนแตเปนผเู ลนแทนชั่วคราว ข. ผูเลนเรม่ิ ตนซึ่งออกจากการแขงขันแลว และกลับเขามาแขง ขนั ใหมโ ดยถกู กติกา หมายเหตุ 1. การกระทาํ นี้ เรยี กวา การกลบั เขามาแขง ขนั ใหม 2. ผูเลน จะกลับ เขาม าแขงขัน ให มเฉพ าะใน ตํ าแห น งเดิม ของตน ตาม ที่ ระบุ ไวใน ใบแสดงลาํ ดบั การขึ้นตีเทา นน้ั ขอ 95 การแตะเบสรอ (TAGGING UP) การแตะเบสรอ หมายถึง การกระทําของผูวิ่งในการกลับไปที่เบสหรืออยูบนเบสนั้นตั้งแตเริ่มตน จนกระท่งั ผเู ลน ฝา ยรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ผูว ง่ิ จงึ จะเริม่ เคลือ่ นไปขางหนา ไดโ ดยถกู กตกิ า อยา สับสนกบั การกระทาํ ของผเู ลน ฝายรับในการแตะเบส หรอื แตะผวู ่ิงเพ่อื ทําเอาต ขอ 96 สมาชิกทีม (TEAM MEMBER) สมาชกิ ทีม หมายถงึ บคุ คลทไี่ ดร ับอนุญาตใหอยใู นเขตท่ีพกั ของทมี

18 ขอ 97 การขวาง (THROW) การขวา ง หมายถงึ การกระทาํ ของผเู ลนฝา ยรบั คนหนง่ึ เพ่ือสง ลกู บอลไปยังผเู ลนฝา ยรบั อกี คนหนงึ่ ขอ 98 ไทม (TIME) ไทม หมายถงึ คําทผ่ี ูตัดสินใชเพ่อื สัง่ หยดุ การแขงขันชวั่ ขณะ ในระหวางนเ้ี ปนเดดบอล ขอ 99 แทรป็ บอล (TRAPPED BALL) แทร็ปบอล หมายถึง ก. ฟลายบอล หรอื ลกู พงุ ทีถ่ ูกตอี อกไปโดยถูกกติกา ซง่ึ กระทบพน้ื หรอื ร้ัวก้นั กอ นจะถูกรบั ไวได ข. ฟลายบอลที่ถูกตีออกไปโดยถูกกติกา ซึ่งถูกรับไวไดท่ีร้ัวก้ันดวยโกลฟหรือมือเปลา โดยมี ลกู บอลอยรู ะหวา งกลาง ค. ลูกบอลท่ีถูกขวางไปที่เบสใดๆ เพ่ือทําฟอรซเอาต ซึ่งถูกรับไวไดโดยมีโกลฟอยูเหนือลูกบอล ซง่ึ อยูบนพื้น แทนท่โี กลฟจะอยใู ตลกู บอล ง. (ประเภทฟาสตพิตช) ลกู บอลท่ถี กู พิตชมาเปน สไตรค และกระทบพืน้ กอ นที่แคตเชอรจ ะรบั ได ขอ 100 ทรเิ ปลเพลย (TRIPLE PLAY) ทริเปลเพลย หมายถึง การเลนของทีมฝายรับท่ีสามารถทําใหผูเลนฝายรุกเอาตไดโดยถูกกติกา 3 คน จากการเลนท่ตี อ เนื่องกัน ขอ 101 รอบข้ึนตี (TURN AT BAT) รอบขึ้นตี เร่ิมตนเมื่อผูเลน เร่ิมเขาไปในเขตผูตีและดําเนินไปจนกระทั่งผูตีน้ันถกู ทําเอาต หรอื เปน ผูวงิ่ แรกเริ่ม ขอ 102 ไวลดพิตช (WILD PITCH) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ไวลดพ ติ ช หมายถงึ ลูกบอลทีถ่ ูกพิตชมา แตสูงเกินไป ตํ่าเกินไป หรือหางจากโฮมเพลต จนกระท่ัง แคตเชอรไมส ามารถหยุดและควบคมุ เอาไวไดด วยการเลน ตามปกติ ขอ 103 ไวลดโ ธรว (WILD THROW) ไวลดโธรว หมายถึง การเลนลูกบอลของผูเลนฝายรับ โดยลูกบอลถูกขวางจากผูเลนฝายรับ คนหน่ึงไปยังผูเ ลนฝายรับคนอืน่ หน่งึ และไมสามารถรับหรือควบคมุ ไวได แตไมเปนบลอ กบอล ยงั คงเปนบอลอินเพลย ขอ 104 ผูเ ลนตอ งพกั (WITHDRAWN PLAYER) ผูเลนตองพัก หมายถึง ผูเลนท่ีถูกกําหนดใหตองออกจากการแขงขันชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตามกติกา ผเู ลน เลือดออก

หมวด 2 สนามแขงขนั (THE PLAYING FIELD) (ดูภาคผนวก 1 ก – 1 ง ประกอบ) ขอ 1 สนามแขง ขัน ก. เปนพน้ื ทที่ ี่ใชแขงขนั ไดอยา งถูกกติกา หมายเหตุ ถือวา ลกู บอลอยูน อกสนามแขงขัน ถา เปน ไปตามขอใดขอหนงึ่ ตอ ไปนี้ – เม่ือลกู บอลกระทบพนื้ ท่ีอยูนอกบริเวณสนามแขงขนั – เมือ่ ลกู บอลสมั ผัสบคุ คลที่อยูบนพ้นื ท่ีอยนู อกบริเวณสนามแขง ขนั – เมอ่ื ลูกบอลกระทบวัตถุทอี่ ยูนอกบรเิ วณสนามแขง ขัน ข. ใหมีพืน้ ที่วางซง่ึ ไมม ีสิง่ กีดขวางใดๆ อยรู ะหวางเสน ฟาวลทั้งสองและร้วั กั้นดานนอก (outfield fence) โดยใหร วั้ กน้ั ดานนอก (outfield fence) อยหู า งจากโฮมเพลตตามตาราง แสดงระยะ ตา งๆ ในภาคผนวก 2 ค. ใหมีพ้ืนท่ีวางไมมีส่ิงกีดขวางใด ๆ อยูดานนอกเสนฟาวลทั้งสองไปถึงร้ัวก้ันดานขาง และ แบกสต็อป (backstop) ตามผงั สนามแขงขนั ในภาคผนวก 1 ก ง. ควรมีเขตเตือนผูเ ลน ถา มเี ขตเตอื นผูเ ลน ใหเ ปน ไปตามขอกาํ หนดดังนี้ 1. เปนพนื้ ทภ่ี ายในสนามแขงขนั และอยชู ิดกบั รั้วกั้นถาวรดา นนอก (outfield fence) และ ดา นขาง 2. มีระยะจากรวั้ ก้ันไมนอยกวา 3.65 เมตร (12 ฟุต) แตไมเกิน 4.57 เมตร (15 ฟุต) 3. ตอ งมรี ะดบั เดยี วกนั กับพ้นื ผิวของสนามแขงขนั แตทาํ ดว ยวสั ดุทีแ่ ตกตางกัน เชน ดนิ กรวด เปน ตน เพ่อื ใหผเู ลน ทราบวากาํ ลงั เคลือ่ นเขาใกลร ัว้ กน้ั ถาวร หมายเหตุ ไมจําเปนตองสรา งเขตเตือนผเู ลน กรณที ี่ใชรวั้ กนั้ ชว่ั คราว เชน แขง ขนั ประเภทฟาสตพติ ชใน สนามทสี่ รา งไวส ําหรบั การแขงขันประเภทสโลวพ ิตช ขอ 2 กตกิ าเฉพาะสนาม กรณีท่ีสนามแขงขันไมเปนไปตามมาตรฐาน โดยมีแบกสต็อป รั้วก้ัน อัฒจันทร ยานพาหนะ ผูชม หรือส่ิงกีดขวางอ่ืนไมเปนไปตามระยะที่ระบุไวในขอ 1 จะกําหนดเปนกติกาเฉพาะสนาม โดยไดรับความ เหน็ ชอบจากคณะกรรมการจดั การแขง ขนั หรือทีมคแู ขง ขนั ก็ได ก. ส่ิงกดี ขวางใดๆที่อยบู นเขตแฟร และอยูภายในระยะตามตารางแสดงระยะตา งๆ ในภาคผนวก 2 ใหท ําเคร่ืองหมายไวใ หผตู ดั สนิ สงั เกตเหน็ ไดช ดั เจน ข. ถาใชส นามเบสบอลเปนสนามแขง ขนั ตองนําเนนิ ขวาง (mound) ของพิตเชอรอ อกและ ปรบั ระยะหา งระหวางโฮมเพลตถงึ แบก สต็อปใหเปนไปตามทก่ี ําหนดไว ขอ 3 สนามแขงขนั มาตรฐาน ใหมรี ะยะระหวา งเบส ระยะพิตช และระยะร้วั ก้ัน ตามตารางแสดงระยะตา งๆ ในภาคผนวก 2

20 หมายเหตุ ในระหวา งการแขง ขนั ถา พบวาระยะระหวางเบส หรอื ระยะพติ ชไมถ ูกตอง ตามที่กาํ หนดไว ใหแ กไ ขใหถูกตองเมื่อจะเร่มิ อินนิงใหม แลวดาํ เนินการแขง ขนั ตอ ไปตามปกติ ขอ 4 ผังสนามแขง ขนั การทาํ สนามแขงขันใหอางอิงกับภาพประกอบแสดงระยะตาง ๆ ของสนามแขงขันมาตรฐาน ในภาคผนวก 1 ก - 1 ง คาํ อธิบายโดยละเอียดในการวางผงั สนามแขงขนั ท่ีมีระยะระหวา งเบส 18.29 เมตร (60 ฟตุ ) และ ระยะพติ ช 14.02 เมตร (46 ฟตุ ) ปรากฏในภาคผนวก 3 ขนาดและระยะของสงิ่ ท่รี ะบุไวด า นลา งนี้ ปรากฏในภาคผนวก 2 ก. เสน หนง่ึ เมตร (สามฟตุ ) โดยเริ่มตนลากเสน น้ที ี่กง่ึ กลางระหวา งโฮมเพลตกบั เบสหน่งึ ต้งั ฉากออกมาเปนระยะ 0.91 เมตร (3 ฟตุ ) แลวลากขนานเสน แนวเบสไปจนเสมอเบสหนึง่ ข. เขตผูเลน รอขน้ึ ตี อยูถดั จากเขตทพ่ี ักของทีมมาทางดานใกลโ ฮมเพลต ค. เขตผูตี อยูขา งโฮมเพลตดา นละเขต เสนแสดงเขตถือวาอยใู นเขตผตู ีดวย ง. เขตแคตเชอร อยูดานหลังเขตผตู ี จ. เขตผฝู กสอน อยขู นานเสนแนวเบสดา นเบสหนง่ึ และเบสสาม เริม่ จากจดุ เสมอเบสหนึง่ และ เบสสามไปทางดา นโฮมเพลต ฉ. โฮมเพลต ตองทาํ มาจากยางมีลักษณะเปนรปู 5 เหลีย่ ม ดานขางขนานกับเสนเขตผูตี ช. พติ เชอรเพลต ตอ งทํามาจากยาง 1. ผิวดา นบนของพติ เชอรเพลตตอ งอยูในระดับเดยี วกับพน้ื สนามแขง ขนั 2. ขอบหนา ของพติ เชอรเ พลตอยหู างจากมุมแหลมของโฮมเพลตเปน ระยะตามตารางแสดง ระยะตางๆ ในภาคผนวก 2 3. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ใหม ีเขตพิตเชอรเปน วงกลม ตามทรี่ ะบใุ นภาคผนวก 1 ก และ ภาคผนวก 1 ข หมายเหตุ เสน แสดงเขตถือเปนสวนหน่ึงของเขตพิตเชอรด ว ย ซ. เบส เบสแตล ะเบส (ไมร วมโฮมเพลต) มขี นาดตามท่ีระบุไวในภาคผนวก 1 ข และ 1 ง ทําจากผา ใบหรือวัสดอุ ื่นทีเ่ หมาะสม เบสควรยดึ ติดอยกู ับพน้ื สนามแขงขนั อยางม่ันคง 1. ใหใ ชด ับเบลิ เบสท่ีเบสหนึ่งมขี นาดตามทีร่ ะบไุ วใ นภาคผนวก 1 ข ทาํ จากผาใบหรือ วัสดอุ ่ืนที่เหมาะสม สว นหนึ่งของเบสอยใู นเขตแฟร อกี สว นหนึง่ (ซึง่ มสี ีแตกตา งกนั ) อยใู นเขตฟาวล หมายเหตุ กตกิ าการใชด บั เบิลเบส มดี ังน้ี (ก) ลกู บอลท่ถี ูกตีไปกระทบเบสสวนท่ีอยูในเขตแฟร เปนแฟรบอล ถา ลูกบอลท่ถี ูกตี ไปกระทบเฉพาะสวนท่อี ยูในเขตฟาวล เปนฟาวลบ อล

21 (ข) เมื่อผูตีตีลูกบอลเขา ไปในสนาม และผูเลนพยายามทาํ เอาตทเ่ี บสหนึ่ง หรอื (ประเภทฟาสตพ ติ ช) แคตเชอรทําลกู บอลตกพ้ืนในสไตรคที่ 3 ผูวงิ่ แรกเร่มิ เคลื่อนไปแตะเบสเฉพาะสวนท่ีอยใู นเขตแฟร ผูเ ลนฝายรบั ขวางลูกบอลไปที่ เบสหน่ึงแลวขออุทธรณโ ดยถูกกติกากอนผวู ่งิ แรกเรม่ิ กลบั มาทเ่ี บสหนึ่ง ผวู ่ิง แรกเรม่ิ ถูกขานเ23อ23าต หมายเหตุ ถือเปนกรณีเดียวกบั การแตะเบสพลาด (ค) ผูเลน ฝา ยรบั ตองใชเฉพาะเบสสวนทอ่ี ยใู นเขตแฟรเ ทา นั้น ขอยกเวน กรณีผเู ลน ฝา ยรบั ขวา งลูกบอลจากเขตฟาวลทางดา นเบสหน่ึงไปท่ีเบสหนึ่ง ขณะทเี่ ปน บอลอนิ เพลย ทง้ั ผูว่งิ แรกเรมิ่ และผูเลนฝายรบั จะใชเบสสวนใดก็ได เมอื่ ผเู ลน ฝายรับ ใชเ บสสว นทีอ่ ยูในเขตฟาวล ผวู ิง่ แรกเริ่มสามารถวงิ่ ในเขตแฟรไ ด ถาลูกบอลที่ถกู ขวาง มาจากเขตฟาวลท างดา นเบสหนึ่งโดนรางกายผวู ง่ิ แรกเรม่ิ ไมถอื เปน รบกวน แตถ า ผวู ่งิ แรกเรม่ิ เจตนารบกวนจะถูกขานเอาต หมายเหตุ กรณีฝา ยรบั ขวางลูกบอลจากเขตฟาวลทางดานเบสหนึ่ง ใหถือเสมือนมเี สน หนงึ่ เมตรอยู ในเขตแฟรเ ชน เดียวกบั เสนหนึง่ เมตรในเขตฟาวล (ง) หลังจากว่ิงผานเบสหนึ่งแลวผวู ิ่งแรกเร่ิมตองกลับมาแตะเบสสว นท่อี ยูใ นเขตแฟร (จ) ผตู ตี ีลกู บอลออกไปยงั เอาตฟลด และไมมกี ารพยายามทาํ เอาตท่เี บสหนง่ึ ผวู งิ่ แรกเรมิ่ จะแตะเบสสว นใดกไ็ ด (ฉ) การแตะเบสรอกรณเี ปนฟลายบอล ผวู งิ่ ตองใชเบสสว นทอ่ี ยูใ นเขตแฟรเทาน้นั (ช) (ประเภทฟาสตพติ ช) กรณีผูเลนฝายรับพยายามทําเอาตผูว่ิงบนเบสหนง่ึ ที่ พยายามขโมยเบส ถาผวู ิ่งกลับมายงั เบสหนง่ึ ตองใชเบสสวนทอ่ี ยใู นเขตแฟร (ซ) เมอ่ื ผวู ิ่งกลับมาครอบครองเบสสว นทอี่ ยใู นเขตแฟรแลว ถาผูวิ่งอยบู นเบส สว นท่ี อยใู นเขตฟาวลเทา นนั้ ถอื วาผูวง่ิ ไมส ัมผัสเบส และจะถกู ขานเอาตในกรณีตอไปน้ี 1. ฝายรบั นาํ ลกู บอลมาแตะผวู ิง่ นั้น 2. ผวู ิ่งเคลอ่ื นออกจากเบสสวนท่ีอยใู นเขตฟาวล ขณะที่พิตเชอรปลอย ลกู บอล

หมวด 3 อปุ กรณ (EQUIPMENT) ขอ 1 ไมตีแขงขัน ก. ทําดวยวัสดุชิ้นเดียว หลายชิ้นที่ประกอบเขาดวยกันอยางถาวร หรือ 2 ชิ้นที่เปลี่ยนแทนกันได ถาไมต ีถกู ออกแบบมาเปน 2 ชนิ้ ที่เปลย่ี นแทนกันได ตอ งเปนไปตามเกณฑด ังน้ี 1. ชน้ิ ทีป่ ระกอบเขาดวยกันตองมสี ลักพเิ ศษยดึ เพื่อปอ งกันไมใหมีการประกอบเขากับอุปกรณ ทีไ่ มไดร บั การรับรอง ในสนามแขง ขนั 2. ทกุ ชิ้นตองไดม าตรฐาน เม่ือประกอบเขาดวยกนั แลว เสมือนเปน ไมต ีช้นิ เดียว หรอื สวนของ ไมตีชิน้ เดียวถา แยกออกจากกัน ข. ทําดวยไมเนื้อแข็งชิ้นเดียว หรือประกอบดวยไมต้ังแต 2 ช้ินขึ้นไปยึดติดเขาดวยกัน ใชนํ้ายา เปนตัวประสาน โดยใหล ายของไมทกุ ชิ้นขนานไปตามความยาวของไมต ี ค. ทําดวยโลหะ ไมไผ พลาสติก กราไฟต คารบอน แมกนีเซียม ไฟเบอรกลาส เซรามิก หรือวัสดุ อนื่ ที่สหพันธซ อฟทบ อลนานาชาติ (คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ) รับรอง ง. สามารถประกอบเปนชั้นๆ ได แตตองประกอบดวยเฉพาะไมหรือน้ํายาประสาน และนํ้ายา เคลือบไมอยา งใส (ถา มี) จ. ใหม รี ปู รางกลมและมีผิวเรยี บ ฉ. ไมยาวกวา 86.4 เซนตเิ มตร (34 นิ้ว) หรอื หนักกวา 1,077.0 กรมั (38 ออนซ) ช. เสน ผา นศูนยกลางสว นที่ใหญทีส่ ดุ ไมใ หเกนิ 5.7 เซนติเมตร (2 1/4 น้วิ ) อนญุ าตใหไมต มี ี ขนาดใหญก วาคาสูงสดุ (เนอ่ื งจากการขยายตวั ) ไดไมเกนิ 0.80 มลิ ลิเมตร (1/32 นิว้ ) ซ. ถาเปน ไมตีทีท่ าํ ดวยโลหะ ดามจับของไมต ีจะมีลกั ษณะงอก็ได ฌ. ไมใหมีหมุด สลัก ผิวขรุขระ หรือแหลมคม หรือตัวยึดภายนอกอ่ืนใดย่ืนออกมาในลักษณะท่ี จะกอ ใหเกดิ อันตรายได ไมต ีโลหะตอ งไมมีสว นที่หยาบ และรอยแตกรา ว ญ. ถาเปนไมต ีทท่ี าํ ดวยโลหะ ไมใ หม ดี า มจับเปนไม ฎ. ใหมีการพันดามจับดวยคอรก เทป (ซ่ึงไมใชเทปพลาสติกแบบเรียบ) หรือวัสดุอ่ืนตองพัน ดามจับยาวไมนอยกวา 25.4 เซนติเมตร (10 นิ้ว) และไมเกิน 38.1 เซนติเมตร (15 น้ิว) เม่ือวัดจากโคนดามจับอนุญาตใหใชเรซิน (resin), ยางสน (pine tar) หรือสารฉีดพน (spray substances) เคลือบบนดา มจับเพ่ือความกระชับได หมายเหตุ เทปท่ีใชส ําหรบั พันดามจับจะตองพนั เปน เกลยี วตอเน่อื ง และจะตองพนั ไมเ กินกวา 2 ช้นั ฏ. ถาเปนไมตีที่ทําดวยโลหะและวัสดุท่ีปดปลายไมตีไมใชโลหะชิ้นเดียวกันกับตัวไมตี ใหใชวัสดุ ปดปลายไมตีซึ่งทําดวยยาง พลาสติก หรือวัสดุ ที่ไดรับการรับรองจากคณะกรรมการ มาตรฐานอปุ กรณข องสหพนั ธฯ ยึดตดิ กบั ไมต ีอยางมน่ั คง 1. วัสดุปดปลายไมตี ใหผนึกอยางแนนหนาและถาวรเพ่ือไมใหบุคคลอื่นใดนอกจากผูผลิต สามารถถอดออกไดโ ดยไมทาํ ใหว สั ดุปด หรอื ไมต เี สียหาย 2. ไมตตี อ งไมม เี สียงขณะใช 3. ไมตตี อ งไมม รี อ งรอยการเปลยี่ นแปลงโดยไมถูกตอง

23 หมายเหตุ - ไมตีทมี่ เี สียงขณะใช ใหถือเปนไมต ที ่ผี ิดกติกา - ไมตีที่มรี อ งรอยการเปล่ียนแปลงโดยไมถ กู ตอ งใหถอื เปนไมตีดัดแปลง ฐ. ใหมีสวนนูนรอบโคนไมเพื่อความปลอดภัยในการใชไมตี นูนออกจากดามจับในแนวต้ังฉาก เปนระยะไมนอยกวา 0.6 เซนติเมตร (1/4 นิ้ว) สวนนูนนี้จะทําขึ้นดวยการหลอ กลึง เชื่อม หรือขันตดิ แนน ถาวร ก็ได หมายเหตุ ไมต ที ีม่ ดี า มจบั เปน ทรงกรวยหรอื ผายออก เปน ไมต ีดัดแปลง ฑ. ใหมีขอความ “OFFICIAL ISF APPROVED SOFTBALL“ หรือขอความอื่นที่แสดงใหเห็น เดนชัดวาไดรับการรับรองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ถาขอความ ดงั กลาวลบเลอื นไป เนื่องจากการสึกกรอนของไมตี อนุญาตใหใชไมตีดังกลาวในการแขงขัน ตอไปไดถ าไมข ดั กับขออื่นๆ ทร่ี ะบุไว ฒ. นํา้ หนัก การกระจายของนํ้าหนัก หรือความยาวของไมตีตองถูกกําหนดแนนอนในขณะท่ีผลิต และจะดัดแปลงใดๆ ไมไ ดอกี เวนแตทไ่ี ดระบุไวโ ดยเฉพาะในกตกิ าหมวด 3 ขอ 1 ณ. หามเปนไมตีดัดแปลง นํ้าหนัก การกระจายของนํ้าหนัก หรือความยาวของไมตีตองถูก กําหนดแนนอนในขณะที่ผลิต และจะดัดแปลงใดๆ ไมไดอีก เวนแตท่ีไดระบุไวโดยเฉพาะใน กติกาหมวด 3 ขอ 1 หรือขอกําหนดที่ไดรับการรับรองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณ ของสหพันธฯ ขอ 2 ไมต วี อรม ไมต ีวอรมตองทําจากวสั ดุชิ้นเดียว และมีสวนนูนรอบโคนไมตแี ละการพันดามจบั เพอื่ ความปลอดภัย เชนเดียวกับไมตีแขงขัน รวมทั้งตองมีคําวา “WARM-UP“ ขนาด 3.2 เซนติเมตร (1 1/4 น้ิว) ท่ีปลายไมตี และปลายไมต ีตอ งมีขนาดเสนผา นศูนยก ลาง ไมเ กนิ 5.7 เซนตเิ มตร (2 1/4 นิ้ว) ขอ 3 ลูกบอลแขง ขนั ก. ใหมีผวิ เรียบ ตะเข็บเรยี บ และซอนดายเยบ็ เอาไว ข. ใหมีแกนกลางที่ทําดวยเสนใยนุนชนิดยาวคุณภาพช้ัน 1 ทําดวยสวนผสมของคอรกกับยาง ทําดวยสวนผสมของโพลียูรีเทน หรือวัสดุอื่นท่ีคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ใหการรบั รอง ค. จะพันดายชนิดคุณภาพดีทับรอยแกนกลางดวยมือ หรือดวยเคร่ืองจักรก็ได แลวผนึกดวย กาวลาเทก็ ซ หรอื กาวยาง ง. ใหห มุ ดวยวัสดุท่ียดึ อยูกบั ลกู บอลโดยการทากาวที่ดา นในของวสั ดุหอ หุมน้ัน แลวเย็บดวย ดา ย ท่ีเปนฝายหรือลินิน หรือวัสดุที่หลอข้ึนมายึดติดกับแกนกลาง หรือหลอรวมเขากับแกนกลาง และมีลักษณะรอยเย็บเชน เดียวกัน และไดรบั การรับรองโดยคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณ ของสหพนั ธฯ จ. ใหมีวัสดุหอหุมทําดวยหนังมา หรือหนังวัวคุณภาพดีที่สุด วัสดุสังเคราะห หรือวัสดุอ่ืนท่ี คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ใหการรับรอง

24 ฉ. ลูกบอลสําหรับใชในการแขงขันท่ีสหพันธฯ จัดขึ้นตองไดมาตรฐานท่ีกําหนด และตองมี ขอความท่ีไดรับอนุญาตใหใชโดยประทับตราฟาสตพิตชหรือสโลวพิตช และอนุมัติโดย คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพนั ธฯ ที่ลกู บอล ตามภาคผนวก 4 ขอ 4 โกลฟและมิตต โกลฟจะสวมโดยผูเลนตําแหนง ใดก็ได แตม ิตตใชไดเฉพาะแคตเชอรแ ละผเู ลนเบสหน่งึ เทา นัน้ ก. โกลฟหรือมิตตซ่ึงสวมโดยผูเลนเบสหน่ึงหรือแคตเชอร หรือโกลฟท่ีสวมโดยผูเลนตําแหนงอื่น ตาขา ยระหวางนวิ้ หวั แมม อื กับนิว้ ชีไ้ มใหเ กนิ กวา 12.7 เซนติเมตร (5 น้ิว) ข. โกลฟที่ผูเลน สวมจะมีสีเดียวหรอื หลายสกี ไ็ ด ถา ไมมสี ใี ดเปนสเี ดยี วกบั สลี ูกบอล ค. โกลฟท่ีมีวงกลมสีขาว สีเทา หรือสีเหลือง (yellow optic) ท่ีดานนอกท่ีทําใหดูเสมือนเปน ลกู บอล ถอื วา เปนโกลฟที่ผดิ กตกิ า ขอ กาํ หนดอนื่ เก่ียวกับโกลฟ ดไู ดจากภาคผนวก 5 ขอ 5 รองเทา ผูเลนทุกคนตองสวมรองเทา และรองเทาที่ใชในการแขงขันใหทําดวย ผาใบ หนังหรือวัสดุอ่ืนท่ี คลา ยคลึงกัน ก. พน้ื รองเทา จะเปน แบบเรียบหรอื มีครบี ยางอยา งแข็งหรืออยา งออนก็ได ข. โดยปกติจะใชรองเทาท่ีมีแผนโลหะติดอยูท่ีพื้นหรือสนรองเทาก็ได ถาความยาวของปุมหรือ ครีบโลหะยาวไมเกิน 1.9 เซนติเมตร (3/4 น้ิว) รองเทาชนิดท่ีมีปุมโลหะกลมเปนรองเทาที่ ผดิ กตกิ า ค. ไมใหใชรองเทาท่ีมีพลาสติกแข็ง ไนลอน หรือโพลียูรีเทน ซ่ึงคลายกับแผนโลหะติดอยูที่พ้ืน หรือสน รองเทา ในการแขงขนั ทกุ ประเภทและทุกระดับ ง. ไม ให ใช ร อ ง เท า ช นิ ด มี ค รี บ ที่ ถ อ ด ได ซ่ึ ง อุ ป ก ร ณ ยึ ด ค รี บ พ น พ้ื น ร อ ง เท า ถาเปน รองเทาชนิดมคี รบี ทีถ่ อดไดซ ึง่ อุปกรณยึดครีบไมพนพ้ืนรองเทา ออกมา ใหใชได ไมอนุญาตใหใชรองเทาทม่ี ีครีบโลหะหรือครีบที่ถอดไดในการแขง ขนั ประเภทสโลวพิตชทีมผสม ประเภทโมดฟิ ายดพิตช และการแขงขันระดับเยาวชน ผล ถา ผเู ลนไมป ฏิบตั ติ ามที่ระบุไวใ นขอ 5 หลงั จากผูต ัดสินเตอื นแลว ใหไลผ ูเลนน้นั ออกจากการ แขง ขนั ขอ 6 อปุ กรณปอ งกนั ก. หนากาก (ประเภทฟาสตพิตช) แคตเชอรตองสวมหนากาก อุปกรณปองกันลําคอ และ หมวกปองกนั หมายเหตุ แคตเชอร หรือสมาชิกคนอ่ืนของทีมฝายรับ ตองสวมหนากาก อุปกรณปองกันลําคอ และ หมวกปองกัน ขณะรับลูกบอลจากการซอมพิตช ไมวาจะในสนามแขงขันหรือบริเวณที่จัดไว ใหซอ มพติ ช จะใชห นา กากที่มลี วดย่นื ออกมาปอ งกนั ลําคอแทนหนากากแบบแยกชิ้นที่ตองใช อุปกรณป อ งกันลาํ คอประกอบเขาไปก็ได ข. หนากาก (ประเภทสโลวพิตช) แคตเชอรในระดับเยาวชนตองสวมหนากาก และหมวกปองกัน สว นแคตเชอรในระดับทวั่ ไปควรสวมหนา กาก และหมวกปองกัน

25 หมายเหตุ ขอ ก และ ข แคตเชอรใชหนา กากแบบท่ีใชในการแขง ขนั ฮอกกีน้ ้ําแข็งแทนกไ็ ด (ประเภทฟาสตพิตช) ถา หนากากทีแ่ คตเชอรใ ช ไมใชแบบท่ผี ลติ ขึ้นมาโดยมอี ุปกรณปองกนั ลําคอยื่นออกมาดวยอยูแลว ตองติดอุปกรณปองกันลําคอแบบแยกช้ินเขากับหนากากกอน จึงจะนําไปใชไดโ ดยถกู กติกา ค. หนา กากชนดิ แนบใบหนา ผเู ลนฝายรบั และฝายรุกสามารถสวมหนา กากพลาสตกิ ชนิดแนบ ใบหนาท่ผี า นการรับรองได หนากากชนดิ แนบใบหนาทีแ่ ตก ยบุ หรอื ยางรองชาํ รดุ หรือหายไป หา มนํามาใชแ ละตองนําออกจากการแขง ขัน หมายเหตุ (ประเภทฟาสตพ ติ ช) แคตเชอรจ ะใชห นา กากพลาสติกชนดิ แนบใบหนา แทนหนากากปกติ ทมี่ อี ปุ กรณป อ งกนั ลาํ คอไมได ง. อปุ กรณปองกนั ลําตัว (ประเภทฟาสตพ ิตช) แคตเชอรทกุ คนตองสวมอปุ กรณปองกนั ลาํ ตัว (ประเภทสโลวพติ ช) แคตเชอรห ญิงจะสวมอุปกรณป องกนั ลาํ ตวั ก็ได จ. อปุ กรณป องกนั หนาแขง (ประเภทฟาสตพติ ช) แคตเชอรทุกคนตอ งสวมอุปกรณป อ งกัน หนา แขง ซงึ่ มีท่ปี องกันสะบา หวั เขา ดวย ฉ. หมวกปอ งกัน (ประเภทฟาสตพ ติ ช) หมายเหตุ หมวกปอ งกันทแี่ ตก มรี อยราว บบุ หรอื ถูกดดั แปลง หา มนาํ มาใชและตอ งนําออกจากการ แขงขัน 1. ผูเลนฝายรับจะสวมหมวกแกป หรือหมวกปองกันท่ีไดรับการรับรองซ่ึงมีสีเดียวกับ สหี มวกของทีมก็ได 2. สมาชิกของทีมฝายรุก ซ่ึงไดแก ผูตี, ผูเลนรอข้ึนตี, ผูวิ่งแรกเร่ิม, ผูว่ิง, ผูเลนระดับ เยาวชนที่เขาไปอยูในเขตผูฝกสอนทางดานเบสหน่ึงและเบสสาม และสมาชิกของทีม ท่ีเปนเยาวชนซ่ึงทําหนาที่เก็บไมตี ทั้งขณะอยูในสนามแขงขันและในเขตท่ีพักของทีม ตอ งสวมหมวกปอ งกัน ผล ขอ 6 ฉ 2 1) ผเู ลน ทผ่ี ตู ัดสนิ ใหสวมหมวกปอ งกัน ไมป ฏิบัติตาม จะถูกขานเอาต ขอยกเวน ผูเลนรอขึ้นต,ี ผเู ลน ระดบั เยาวชนที่อยใู นเขตผฝู ก สอน ถา ไมสวม หมวกปองกัน หลังจากไดมกี ารเตอื นแลว จะถูกไลออกจากการแขง ขนั 2) ถาผูเลนเจตนาสวมหมวกปองกันไมถูกตองตามตําแหนงท่ีควรจะเปน หรือถอด หมวกปอ งกันออกในระหวางเปนบอลอนิ เพลย (ยกเวนโฮมรนั ที่ถูกตขี ามรัว้ ออกไป) และผูตัดสินเห็นวาเปนการกระทําโดยเจตนาแลวใหขานผูเลนนั้นเอาตทันที ยังคง เปน บอลอนิ เพลย ขอยกเวน ถาลูกบอลทีถ่ ูกตี หรือถูกขวาง มาโดนหมวกปอ งกนั ทผี่ เู ลนเจตนาถอดออกเปน เดดบอล ผวู ่งิ ตอ งกลบั ไปยงั เบสสดุ ทายทีค่ รอบครองขณะลูกบอลโดนหมวกปองกนั หมายเหตุ การขานผูว ิ่งเอาตเ นอ่ื งจากเจตนาถอดหมวกปองกนั ไมม ีผลใหย กเลกิ เบสบังคบั แตอ ยางใด 3) ถาหมวกปองกันหลุดออกจากศีรษะของผูตี ผูว่ิงแรกเร่ิม หรือผูว่ิงโดยไมไดต้ังใจ ไมม ีการลงโทษ ยงั คงเปนบอลอนิ เพลย

26 4) ถาลูกบอลทถี่ ูกตี หรอื ถูกขวางมาโดนหมวกปอ งกันท่ีหลุดออกจากศีรษะผูเลน และ การโดนน้ันเปนการรบกวนการเลน หรือถาผูเลนฝายรับมาโดนหมวกปองกัน ขณะที่อยูบนพน้ื และทําใหผเู ลนคนนนั้ ไมสามารถเลนลูกบอลไดเปนเดดบอลใหขาน ผูเลนที่ทําหมวกปองกันหลุดนั้นเอาต ถึงแมวาจะเคล่ือนไปแตะโฮมเพลตไดก็ให ยกเลิกไป ถอื วา ไมไดค ะแนน ขอ 7 อุปกรณบ นพ้ืนสนาม ไมใหว างอปุ กรณซงึ่ ไมเ ปน อปุ กรณทเี่ ปน ทางการบนพื้นสนาม ไมว าในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ผล เปน เดดบอล ถา ลูกบอลสมั ผัสกบั อุปกรณน้ัน ก. ถาอปุ กรณของทมี ฝายรุกทาํ ใหเกิดบลอ กบอล (เปนการรบกวน) ใหข านผูเลน นนั้ เอาต ข. ถาผูตัดสินเห็นวาไมนาจะมีการเลน (ที่ทําใหเกิดเอาต) ได ไมมีผูวิ่งคนใดถูกขานเอาต ใหผูวิ่ง ทุกคนกลบั ไปยังเบสสุดทา ยทีค่ รอบครองอยขู ณะทีผ่ ูตดั สนิ ขานเดดบอล ค. ถาอุปกรณข องทีมฝายรบั ทาํ ใหเ กิดบลอกบอล (1) ถาเกิดกับลูกบอลท่ีถูกพิตชมา ใหผูว่ิงไดเคลื่อนไปขางหนา 1 เบส จากเบสที่ ครอบครองเมอื่ เรมิ่ การพติ ช (2) ถาเกิดกับลูกบอลท่ีถูกขวางมา ใหผูว่ิงไดเคล่ือนไปขางหนา 2 เบส จากเบสท่ี ครอบครองขณะขวา งลูกบอล (3) ถาเกิดกับลูกบอลที่ถูกตีเปนแฟรบอล ใหผูว่ิงไดเคลื่อนไปขางหนา 2 เบส จากเบสที่ ครอบครองเมือ่ เร่ิมการพติ ช ขอ 8 เครือ่ งแตง กาย ผูเ ลนทุกคนในทีมตอ งสวมชุดแขงขันท่ีมีสีเดียวกัน, แถบ และรูปแบบเหมอื นกนั สําหรับเครอื่ งแตง กายของผฝู ก สอนระบไุ วในกตกิ าหมวด 4 ขอ 1 ข ขอ ยกเวน จะอนญุ าตใหผ ูฝกสอนและผูเลน สวมเครื่องแตง กายและสงิ่ ที่ใชค ลมุ ศรี ษะเปนการ เฉพาะ ซงึ่ แตกตางจากที่กําหนดไว ดวยเหตผุ ลทางศาสนา กไ็ ด โดยไมมกี ารลงโทษ ก. หมวกแกป 1. ผูเลน ชายตอ งสวมหมวกแกป เหมอื นกัน และสวมอยางถูกตอ งตามทีค่ วรจะเปน 2. ผูเลนหญิงจะเลือกสวมหมวกแกป, หมวกชนิดที่มีแตกะบังหนา, สายคาดศีรษะ หรือสวมคละกันก็ได หากมีการสวมคละกัน ตองมีสีและรูปแบบเดียวกันในแตละชนิด ไมอ นญุ าตใหใ ชห มวกชนดิ ท่ีมีแตก ะบงั หนาซึง่ ทําดว ยพลาสตกิ หรือวสั ดุแขง็ ขอ ยกเวน ถา ผูเลน ฝา ยรับเลอื กจะสวมหมวกปองกันทีไ่ ดร ับการรบั รองแลวซึง่ มีสเี ดียวกบั สหี มวกของทีม กก็ ระทาํ ไดโ ดยไมตองสวมหมวกแกป อีก ข. เสือ้ ตวั ใน ผเู ลนจะสวมเส้ือตวั ในทีเ่ ปนสพี ้นื กไ็ ด ไมบ ังคับใหทุกคนตอ งสวมเสื้อตัวใน แตถา สวม มากกวา 1 คนแลวเส้อื ตัวในทสี่ วมตองเหมือนกัน ผเู ลน ตองไมส วมเส้ือตวั ในทีม่ สี ภาพ ไมเ รยี บรอย เชน ขาดวิ่น หลดุ ลยุ มรี อยตัดหรอื ฉกี

27 ค. กางเกง/กางเกงสําหรับสไลด กางเกงของผูเลนตองเหมือนกันท้ังทีม ไมวาจะเปนขายาวหรือขาส้ันก็ตาม ผูเลนจะสวม กางเกงสําหรบั สไลดที่เปนสีพื้นอีกตัวหนึ่งก็ได ไมบังคับใหทุกคนตองสวมกางเกงสําหรับสไลด แตถาสวมมากกวา 1 คนแลว กางเกงสําหรับสไลดที่สวมตองเหมือนกัน เวนแตเปนชุดซึ่งใช ส ว ม ทั บ เ ป น ค ร้ั ง ค ร า ว (temporary, snap-on or Velcro sliding pads) ผูเลนตองไมสวม กางเกงสําหรับสไลดที่อยูในสภาพที่ไมเรียบรอย เชน ขาดวิ่น, หลุดลุย, มรี อยตัดหรอื ฉีก ง. หมายเลขเสื้อ ตองมีหมายเลขอยูดานหลังเส้ือแขงขันทุกตัว เปนเลขอารบิก มีขนาดความสูงไมนอยกวา 15.2 เซนติเมตร (6 นิ้ว) มีสีตัดกับสีเส้ือ ผูจัดการทีม, ผูฝกสอน และผูเลนในทีมเดียวกัน จะสวมเส้ือท่ีมีหมายเลขเดียวกันไมได (เชน หมายเลข 1 กับ 01 ถือวาเปนหมายเลขเดยี วกัน) ใหใ ชเลขจาํ นวนเต็มต้ังแต 01 ถงึ 99 เทา น้ัน ผูเลน ทีส่ วมเส้อื ไมม ีหมายเลขเส้อื จะไมไดรับ อนุญาตใหเ ขา รว มการแขง ขัน จ. ชือ่ จะมีช่อื ของผเู ลน อยูเ หนือหมายเลขดา นหลงั ของเสื้อแขงขันก็ได ฉ. วัสดุหลอ วัสดุหลอท้ังหลาย ไมวาจะเปนปูนปลาสเตอร, โลหะ หรือสารแข็งอ่ืนๆ ผูเลนจะสวมหรือ นาํ ลงไปแขงขนั ดวยไมได หมายเหตุ โลหะที่เปดเผย (ไมใชโลหะหลอ) ถามีการหอหมุ ดวยวัสดุนุมอยางเพียงพอ โดยใชเทปยดึ เอาไว ไดผานการตรวจสอบและรบั รองจากผูตัดสนิ แลว ถอื วาถกู กติกาและใหใ ชได ช. เครอ่ื งประดับ เครือ่ งประดับทกุ ประเภท จะสวมลงไปแขงขันไมไ ด ยกเวนสรอยคอ หรือสรอย/กําไลขอมือ ซ่ึงใชดวยเหตุผลทางการแพทย ไมถือวาเปน เครือ่ งประดับ แตต องใชเทปยึดติดไวกับรา งกายอยางเหมาะสม ผล ขอ 8 ก-ช ถาผเู ลน ไมป ฏิบัติตาม จะถกู ลงโทษโดยใหอ อกจากการแขงขนั ขอ 9 อปุ กรณท กุ ชนิด สหพันธซอฟทบอลนานาชาติขอสงวนสิทธ์ิที่จะระงับการใช หรือถอดถอนการรับรองอุปกรณใด ๆ ท่กี อ ใหเ กิดการเปล่ียนแปลงที่สาํ คัญตอ รปู แบบของการแขง ขัน, มผี ลกระทบตอความปลอดภัยของผเู ขารวม การแขง ขนั หรือผูชม หรอื ทาํ ใหถ ูกมองวาผลงานมาจากอุปกรณม ากกวา ความสามารถของผเู ลน

หมวด 4 ผูฝกสอน ผูเ ลน และผูเลนสํารอง (COACHES, PLAYERS AND SUBSTITUTES) ขอ 1 ผูฝก สอน ก. หัวหนา ผฝู ก สอนมหี นา ทร่ี ับผดิ ชอบในการเซน็ ชื่อในใบแสดงลําดับการข้ึนตี ข. ผฝู กสอนตองแตงกายใหเรียบรอย รวมถึงการสวมรองเทาที่เหมาะสม หรอื สวมชดุ แขง ขนั ท่ีมี สีเดียวกับสีของทีม ถาผูฝกสอนสวมหมวกจะตองเปนหมวกที่ไดรับอนุญาตจากผูตัดสินเพลต ผฝู กสอนชายตองสวมหมวก ค. ผูฝกสอนของทีมฝายรุก (ผูฝกสอนประจําเบส) เปนสมาชิกท่ีถูกกติกาของทีม โดยตองอยู ภายในเขตผฝู ก สอน 1. อนุญาตใหมีผูฝกสอนได 2 คน เพ่ือใหคําปรึกษา แนะนํา และควบคุมสมาชิกทีมของ ตนเองในขณะขนึ้ ตี 2. ผฝู ก สอนดา นเบสหนงึ่ และผูฝก สอนดานเบสสาม ตอ งอยูภายในเขตผูฝ ก สอนเทานัน้ ขอ ยกเวน ผูฝกสอนออกจากเขตผฝู ก สอนได ในกรณตี อ ไปน้ี - ใหสัญญาณผวู ง่ิ สไลด - ใหสญั ญาณผวู ่ิงเคลือ่ นไปขา งหนา - ใหส ัญญาณผวู ง่ิ กลบั ไปทเ่ี บส - เคล่อื นใหพน จากวถิ ีการเลนของผูเลน ฝา ยรบั ตราบเทา ทไี่ มเปนการรบกวน การเลนเกมนน้ั 3. ผฝู ก สอนประจาํ เบสจะปรกึ ษา พูดคยุ หรอื สื่อสารไดก ับสมาชิกทีมของตนเองเทานนั้ 4. ผูฝกสอนที่อยูในเขตผูฝกสอนแตละคนมีอุปกรณไดเฉพาะสมุดบันทึกผล ปากกาหรือ ดินสอ และอุปกรณชวยนับ (Indicator) อุปกรณท้ังหมดตองมีไวเพื่อเก็บขอมูลและ บนั ทึกผลการแขง ขนั เทานั้น ง. ผูฝกสอน หรือผูจัดการทีมของทีมฝายรับเปนสมาชิกที่ถูกกติกาของทีม ซ่ึงอาจเปนผูฝกสอน ที่อยูในเขตที่พักของทีม หรือเปนทั้งผูเลนและผูฝกสอนซึ่งอยูในสนามแขงขันดวย ผูฝกสอน จะใหคาํ ปรึกษา แนะนาํ และชว ยเหลือทมี ของตนเองในขณะท่เี ปน ฝา ยรบั จ. ผูฝก สอนตอ งไมใชว าจาทีไ่ มเหมาะสม และมีผลในทางลบตอ ผเู ลน ผูตัดสิน หรอื ผูช ม ฉ. หามใชอุปกรณใ นการส่ือสาร 1. ระหวางผฝู ก สอนภายในสนามแขงขัน 2. ระหวางผูฝกสอนกบั เขตท่พี ักของทีม 3. ระหวา งผูฝ กสอนกับผูเลนคนใดคนหน่งึ 4. ระหวา งบริเวณของผชู มกับสนามแขงขัน เขตทพ่ี กั ของทีม ผูฝก สอน และผูเลน ผล ขอ 1 ข – ฉ หากกระทําผิดเกมแรก ใหเตือนถาผูฝกสอนหรอื ผูจดั การทีมนั้นกระทําผดิ ซํ้า ใหไ ลห ัวหนาผฝู กสอนออกจากการแขง ขนั

29 ขอ 2 ใบแสดงลาํ ดบั การขน้ึ ตีและบัญชีรายชอื่ ก. ใบแสดงลาํ ดับการขึ้นตีอยางเปนทางการตองสมบูรณ และสงใหผูบันทึกผล หรอื ผูตัดสินเพลต กอ นเรม่ิ การแขงขัน ใหผูตัดสินเพลตเก็บใบแสดงลาํ ดับการขึ้นตีไวตลอดเวลาของ การแขงขัน เกมน้นั 1. หามมีช่ือผูเลนในรายช่ือผูเลนเริ่มตน ถาผูเลนน้ันยังไมปรากฏตัวอยูในบริเวณเขตที่พัก ของทมี และอยูในชดุ แขงขนั แลว 2. ใหเขียนช่ือ นามสกุล และหมายเลขเสื้อของผูเลนสํารองทั้งหมดในเขตที่พักของทีมที่ พรอ มแขงขนั 3. สามารถเพิ่มรายชื่อผูเลน สํารองจากบญั ชีรายชอ่ื เขา สใู บแสดงลาํ ดบั การขึ้นตีไดตลอดเวลา ของการแขงขัน 4. ตอ งระบชุ ่ือของหัวหนาผูฝ ก สอน หรอื ผูจดั การทีมในใบแสดงลําดบั การข้นึ ตี ข. บัญชีรายชื่อผูเลนชายตองมีแตผูเลนชายเทานั้น และบัญชีรายช่ือผูเลนหญิงตองมีแตผูเลน หญิงเทา นัน้ ขอ 3 ผเู ลน ก. ในแตล ะทมี ใหป ระกอบดว ยผเู ลนในตาํ แหนง ดงั ตอไปนี้ : 1. ประเภทฟาสตพิตช มีผูเลนจํานวน 9 คน ประกอบดวย พิตเชอร (F1), แคตเชอร (F2), ผูเลนเบสหนึ่ง (F3), ผูเลนเบสสอง (F4), ผูเลนเบสสาม (F5), ชอรตสต็อป (F6), เลฟตฟลเดอร (F7), เซน็ เตอรฟลเดอร (F8) และไรตฟ ลเดอร (F9) 2. ประเภทฟาสตพิตช ท่ีมีการใชผูเลนแทน (ดีพี) มีผูเลนจํานวน 10 คน ประกอบดวย ผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทฟาสตพิตชท่ีมีผูเลนจํานวน 9 คน แลวเพ่ิม ตําแหนง ผเู ลนแทน (ดพี )ี 3. ประเภทสโลวพิตช ท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน ประกอบดวย พิตเชอร (F1), แคตเชอร (F2), ผูเลนเบสหน่ึง (F3), ผูเลนเบสสอง (F4), ผูเลนเบสสาม (F5), ชอรตสต็อป (F6), เลฟตฟลเดอร (F7), เลฟตเซ็นเตอรฟลเดอร (F8), ไรตเซ็นเตอรฟลเดอร (F9) และ ไรตฟ ลเดอร (F10) 4. ประเภทสโลวพิตชที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อีพี) มีผูเลนจํานวน 11 คน ประกอบดวย ผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทสโลวพิตชท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน แลวเพิ่ม ผเู ลนพิเศษ (อพี )ี ซง่ึ เปนผตู อี ีกคนหนึง่ ในใบแสดงลําดับการขึน้ ตี 5. ประเภทสโลวพิตชทีมผสม มีผูเลนจํานวน 10 คน เปนชาย 5 คน หญิง 5 คน ประกอบดวย ชาย 2 คนและหญิง 2 คน เลนท้ังตําแหนงอินฟลดและตําแหนงเอาตฟลด ชาย 1 คนและหญงิ 1 คนเลนตําแหนง พติ เชอรห รอื แคตเชอร 6. ประเภทสโลวพิตชทีมผสมที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อีพี) มีผูเลนจํานวน 12 คน เปนชาย 5 คน หญิง 5 คนประกอบดวยผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทสโลวพิตชทีม ผสมท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน แลวเพ่ิมผูเลนพิเศษ (อีพี) ซึ่งเปนผูตีอีก 2 คนในใบแสดง ลาํ ดบั การข้ึนตี

30 หมายเหตุ ผูเลนของทมี ฝายรับจะอยบู รเิ วณใดก็ไดภ ายในเขตแฟร เวน แตแคตเชอรต องอยใู นเขต แคตเชอร และพติ เชอรต องอยใู นตาํ แหนง การพิตชท ่ีถกู กติกาเมื่อเร่ิมการพิตชแตละครัง้ หรอื (ประเภทฟาสตพ ติ ช) อยภู ายในเขตพิตเชอร เม่ือจะเร่ิมการเลนใหม ข. แตละทีมตองมีผูเลนตามจํานวนที่กําหนดในขอ ก. เพื่อเริ่มการแขงขันหรือดําเนินการแขงขัน ตอไป ผล ขอ ข ทีมท่ที ําผิดกตกิ าจะถูกปรบั เปนแพ ขอ 4 ผเู ลนเริม่ ตน ใหถือวาผูเลนนั้นเปนผูเลนเริ่มตนท่ีถูกกติกา เม่ือใบแสดงลําดับการข้ึนตีไดรับการตรวจสอบและ รับรองโดยผูต ดั สินเพลตและผูแทนทีมขณะมกี ารประชุมกอนเรมิ่ การแขง ขนั ก. จะสง ใบแสดงลําดบั การขนึ้ ตีอยางเปน ทางการ กอนการประชุมกไ็ ด ข. ถาผูเลนบาดเจ็บหรอื ปว ยผูแทนทีมแจงผูตัดสินเพลตเพ่ือขอเปลย่ี นรายชื่อผูเลน เร่มิ ตน ไดข ณะ มกี ารประชมุ กอ นเริ่มการแขง ขัน และใหถอื วาผเู ลนทเ่ี ปลยี่ นเขาไปแทนนี้ เปนผูเ ลนเร่ิมตน ค. ผเู ลน ทถ่ี ูกเปล่ียนออกในขณะมีการประชุมกอนเร่ิมการแขงขันใหเปนผเู ลน สํารอง จะเขาไปทํา การแขง ขันเมื่อใดก็ได ขอ 5 ผเู ลน แทน (ประเภทฟาสตพิตช) ก. “ผูเลนแทน” หรือ “ดีพี” จะใชเปนผูตีสําหรับกับผูเลนฝายรับคนใดก็ได หากไดแจงไวตั้งแต กอนเร่ิมการแขงขัน และมีรายชื่ออยูในใบแสดงลําดับการขึ้นตี และอยูลําดับใดลําดับหน่ึง ระหวาง 1 - 9 ในใบแสดงลําดับการขน้ึ ตี ข. ดีพีเริ่มตน จะถูกเปล่ียนออกโดยผูเลนสํารอง และกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกคร้ัง ซึ่งตอง กลับเขา มาในลําดบั การข้ึนตีเดิม ค. ชื่อของผูเลนฝายรับ ซ่ึงดีพีเปนผูตีแทน ใหอยูในลําดับท่ี 10 ในใบแสดงลําดับการข้ึนตี ผูเ ลนนเ้ี รียกวา ผเู ลนเฟล็กซ หรือ (เรียกสนั้ ๆวา ) เฟล็กซ ง. ผูเ ลน เร่มิ ตน ทเ่ี ปน ดพี ีตอ งอยใู นลําดบั การขน้ึ ตเี ดมิ ทุกคร้ังที่อยใู นการแขงขันเกมน้นั จ. ดีพแี ละผเู ลนสํารองท่ีเขามาแทน จะเลน เปนผา ยรกุ พรอมกนั ไมได ฉ. จะเปลย่ี นผเู ลนสํารองเขามาแทนดีพีเม่ือใดกไ็ ด ไมวาจะเปน ผูตี หรอื ผูว่ิง หรอื เฟล็กซอาจเขา มาแทนดีพกี ็ได หมายเหตุ เฟล็กซเขา มาแทนดพี ไี มถอื เปน การเปลีย่ นผูเ ลน สาํ รอง แตตองแจงผูตัดสนิ เพลต การท่ี เฟล็กซ (หรือผูเลนสํารองที่เขามาแทนเฟล็กซ) เขามาแทนดีพี ใหถือวาดีพีออกจาก การแขง ขันแลว 1. จํานวนผเู ลนลดลงจาก 10 คนเปน 9 คน 2. ถาดีพีไมกลับเขามาแขงขันใหม การแขงขันจะดําเนินไปจนส้ินสุดการแขงขันดวยผูเลน 9 คนก็ได 3. ถาดีพีกลับเขามาแขงขันใหม จะเปนท้ังผูเลนฝายรับและฝายรุก (แขงขันตอไปดวยผูเลน 9 คน) หรือจะเปนผูตีในลําดับการขึ้นตีเดิมและเฟล็กซกลับไปอยูในลําดับการข้ึนตีที่ 10 เลนเปน ผเู ลน ฝา ยรบั เทานัน้ อกี ครง้ั หน่งึ กไ็ ด

31 ผล ขอ 5 ก - ฉ การกลับเขามาแขงขันใหมของดีพีโดยไมอยูในลําดับการข้ึนตีเดิม เปนการกลับเขามาแขงขัน ใหมทผ่ี ิดกติกา ใหลงโทษท้ังผจู ัดการทมี หรือผูฝกสอน (มีช่ือปรากฏในใบแสดงลาํ ดับการขนึ้ ตี) และดพี ี (หรอื ผเู ลนสํารองท่ีเขามาแทนดพี ี) โดยไลออกจากการแขงขนั ช. ดีพีจะเปนผูเลนฝายรับตําแหนงใดก็ได ถาดีพีเปนผูเลนฝายรับตําแหนงอ่ืนท่ีไมใชเฟล็กซ ผูเลนน้ันยังคงข้ึนตีตอไปตามลําดับการขึ้นตีขณะที่ทีมเปนฝายรุก แตไมลงเลนขณะท่ีทีมเปน ฝายรับ ไมถอื วาผเู ลนนนั้ ออกจากการแขงขัน ผูเลนซงึ่ ดพี ีเลน แทนขณะทีมเปนฝา ยรับ เรยี กวา ผูเลน เฉพาะรกุ หรือ โอพีโอ ซ. ดีพีจะเปนผูเลนฝายรับแทนเฟล็กซก็ได และถือวาเฟล็กซออกจากการแขงขันแลว จํานวน ผเู ลนจะลดลงเปน 9 คน หมายเหตุ ดีพเี ปนผูเ ลน ฝา ยรบั แทนเฟล็กซไมถือวาเปน การเปลี่ยนผเู ลน สํารอง แตต องแจงผูตัดสนิ เพลต ฌ. จ ะ เ ป ล่ี ย น ผู เ ล น สํ า ร อ ง ที่ ถู ก ก ติ ก า เ ข า ม า แ ท น เ ฟ ล็ ก ซ เ มื่ อ ใ ด ก็ ไ ด เฟล็กซเร่ิมตนจะกลับเขามาแขงขันใหมอีกคร้ังหนึ่งก็ได ไมวาจะในลําดับการขึ้นตีของดีพีหรือ ลาํ ดับท่ี 10 ในใบแสดงลาํ ดบั การข้นึ ตี 1. ถากลับเขามาแขงขันใหมในลําดับท่ี 10 จะเลนเฉพาะในขณะท่ีทีมเปนฝายรับ แตจะ เลนในตําแหนงใดก็ได 2. ถากลับเขามาแขงขันใหมในลําดับการขึ้นตีของดีพี จะเลนทั้งในขณะที่ทีมเปนฝายรุก และฝา ยรับ โดยมีจาํ นวนผูเลน 9 คน ผล ขอ 5 ช - ฌ ใหใชรวมกับกติกาหมวด 4 ขอ 8 และบทลงโทษการละเมิดกติกาดังกลาวดวย การกลับเขามาแขงขันใหมของเฟล็กซ โดยไมอยูในลําดับการขึ้นตีของดีพีเร่ิมตนหรือลําดับ การข้ึนตีท่ี 10 ใหลงโทษทั้งผูจัดการทีมหรือผูฝกสอน (ซึ่งมีช่ือในใบแสดงลําดับการข้ึนตี) และเฟลก็ ซ (หรอื ผูเลน สํารองทเี่ ขา มาแทนเฟล็กซ) โดยไลอ อกจากการแขงขนั ขอ 6 ผเู ลน พิเศษ (ประเภทสโลวพิตช) ก. “ผูเลนพิเศษ” หรือ “อีพี” จะเลือกใชหรือไมก็ได ถามีการใช จะตองแจงผูตัดสินเพลต กอนเริ่มการแขงขัน และมีรายชื่ออยูในใบแสดงลําดับการข้ึนตี เปนผูตี 1 ใน 11 คน ในใบแสดงลาํ ดบั การขนึ้ ตี ข. ถา มีการใช อพี ี จะตองใชต ลอดการแขงขนั เกมน้นั หมายเหตุ ถา ไมสามารถใช อีพี ตลอดการแขงขัน ใหปรับเปน แพ ค. ถามีการใช อีพี ผูเลนท้ัง 11 คนตองเปนผูตี แตลงเลนเปนผูเลนฝายรับเพียง 10 คน ตําแหนงในการเลนเปนผูเลนฝายรับสามารถเปล่ียนได แตลําดับการข้ึนตีของผูเลนนั้นในใบ แสดงลาํ ดบั การข้ึนตตี อ งคงเดิม ง. (ประเภทสโลวพติ ช) ถา มีการใชอพี ี 2 คน ใหผ ูเลน ลงแขงขันดังน้ี - เมอื่ เปนฝา ยรุก ผเู ลน ท้ัง 12 คนตอ งเปน ผูตี

32 - เม่ือเปนฝายรับ ใชผูเลน 10 คน โดยตองเปนชาย 5 คน หญิง 5 คน ตําแหนงใน การเลนเปนผูเลนฝายรับสามารถเปล่ียนได แตตองสอดคลองกับ ท่ีระบุไวในกติกา หมวด 4 ขอ 3 ก 5 ลาํ ดบั การข้นึ ตขี องผเู ลนทุกคนในใบแสดงลาํ ดับการขึน้ ตีตอ งคงเดมิ จ. อีพี ตองอยูลาํ ดับการตีเดมิ ในใบแสดงลาํ ดับการขน้ึ ตีตลอดการแขงขันเกมน้ัน ฉ. อีพีเริ่มตน ท่ีถูกเปล่ียนออกแลว จะกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกครั้ง โดยตองกลับมาอยูใน ลําดับการขน้ึ ตเี ดียวกับขณะทถ่ี กู เปลย่ี นออก เวนแตเขามาเปน ผเู ลนแทนช่ัวคราว ผล ขอ 6 ก - ฉ บทลงโทษสําหรับการใช อพี ี ผดิ กตกิ า คือ การไลผ เู ลน นน้ั ออกจากการแขง ขัน ขอ 7 การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหม ก. ผูเลนเริ่มตน เม่ือถูกเปลี่ยนออกไปแลว จะกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกครั้งหน่ึง โดยตองอยู ในลําดับการขน้ึ ตีเดมิ ขอยกเวน ผเู ลนเริม่ ตนซ่ึงขณะนนั้ ไมมรี ายชือ่ เปน ผเู ลน เขา มาเปนผเู ลนแทนชั่วคราว หมายเหตุ ผูเลน เรมิ่ ตนและผูเลนสํารองทเี่ ปลี่ยนเขาไปไมส ามารถลงเลนในเวลาเดียวกันได ข. ถาผจู ัดการทีม หรือผฝู ก สอนเปล่ียนผเู ลนสาํ รองออก แลวเปลยี่ นผเู ลน นัน้ กลบั เขา มา แขง ขันใหม เปน การกลับเขามาแขง ขันใหมท ่ผี ดิ กติกา ขอ ยกเวน เมอื่ มกี ารใชผเู ลนสาํ รองเปนผูเ ลนแทนชวั่ คราว ค. เม่ือผเู ลนเร่ิมตนกลับเขามาแขงขนั ใหมใ นลําดับการขึ้นตีอนื่ ที่ไมใชล ําดับการข้นึ ตีเดมิ เปนการ กลบั เขามาแขงขันใหมทีผ่ ิดกตกิ า ผล ขอ 7 ก – ค 1. การทําผิดกติกาการกลับเขามาแขงขันใหมเปนการเลนตองอุทธรณ ซ่ึงจะขออุทธรณ เมอื่ ใดกไ็ ดต ราบเทาทผี่ ูเลนสาํ รองทผ่ี ดิ กตกิ ายังอยใู นการแขงขนั เกมน้นั 2. ไมจําเปนตองทําการอุทธรณกอนการพิตชครั้งตอไป อยางไรก็ตามใหคงผลการเลน ทุกอยา งทเ่ี กิดขึน้ ในขณะทผ่ี ูเลน สํารองท่ผี ดิ กติกายังอยูในการแขง ขัน 3. บทลงโทษสําหรับการกลับเขามาแขงขันใหมท่ีผิดกติกา คือ ไลทั้งผูจัดการทีม หรือ ผูฝกสอน (ท่ีมีชื่ออยูในใบแสดงลําดับการตี) และผูเลนสํารองท่ีทําผิดกติกาออกจาก การแขง ขนั หมายเหตุ ถา การกลบั เขามาแขงขันใหมก ระทาํ โดยไมไดแ จงผูตดั สินเพลต ใหน าํ บทลงโทษสาํ หรบั การทาํ ผดิ กติกาดังกลา ว (กตกิ าหมวด 4 ขอ 8 ช) มาบงั คบั ใชดวย 4. ตองแจงชื่อผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนคนใหมที่ทําหนาที่รับผิดชอบควบคุมทีม ตอผูต ัดสนิ เพลต ขอ 8 ผูเลนสํารอง/ผเู ลนทผ่ี ิดกติกา ผูเลนสํารองจะเขาไปเลนแทนผูเลนที่มีช่ืออยูในใบแสดงลําดับการข้ึนตี โดยปฏิบัติตามขอบังคับ ตอไปน้ี :

33 ก. ใหผ ูฝก สอนหรือผูแทนของทีมที่จะเปล่ยี นผูเลนสํารองแจงผูต ัดสนิ เพลตทันทที ่ีผูเลนสํารองเขา แขงขัน ใหผูตัดสินเพลตแจงใหผูบันทึกผลทราบ ถือวาผูเลนสํารองเปนผูเลนในการแขงขัน เกมนัน้ เม่อื มกี ารพิตชหรือการเลน เกดิ ข้ึน หมายเหตุ (ประเภทฟาสตพ ิตช) ถาดพี ีเลน เปนฝา ยรบั แทนเฟล็กซหรือเฟล็กซเ ปน ฝายรุกแทน ดีพี ตองแจง ผตู ดั สนิ เพลต การลงโทษ ถา ไมแ จง เปน การเปล่ียนผูเ ลนสํารอง/ผเู ลน ทผี่ ดิ กตกิ าโดยไมแจงผตู ัดสินเพลต ข. ถาผูเลนสํารองเขาแขงขันโดยไมแจงผูตัดสินเพลต และมีการพิตชหรือการเลนเกิดขึ้นแลว ใหประกาศวาเปนผเู ลนทพ่ี นสภาพทนั ทที ี่ตรวจพบการกระทําผิด ผูเลนสํารองท่ีไมแจงผูตัดสินเพลต ผูเลนสํารองที่ผิดกติกา ผูเลนแทนชั่วคราวท่ีไมแจง ผตู ดั สินเพลต หรอื ผูเลนตองพักกลบั เขามาแขง ขัน (ตามกตกิ าผเู ลน แทนชั่วคราว) โดยไมแจงผู ตัดสินเพลต เปนการเลนตองอุทธรณ โดยทีมที่ไมไดกระทําผิดตองขออุทธรณในขณะที่ผูเลน นั้นยังอยูในการแขงขัน ถาผูจัดการทีมหรือผูเลนท่ีกระทําผิดแจงผูตัดสินเพลต กอนทีมคู แขง ขันขออุทธรณ ไมมีการลงโทษ ไมวาจะเขาแขงขนั โดยผดิ กติกามานานเทาใดก็ตาม ผลการ เลนทุกอยางที่เกิดข้ึนกอนตรวจพบถือวาถูกตอง ถาทีมที่กระทําผิดไมมีผูเลนสํารองท่ีจะเขา แขง ขันแทนผเู ลน ทพี่ นสภาพ ใหป รับเปน แพ ขอยกเวน ขอ 8 ข 1. ถาการเปลี่ยนผูเลนสํารองโดยไมแจงผูตัดสินเพลตเปนกรณีท่ีฝายรุกกระทําผิดกติกา ผูเลนสํารองน้ันตีและว่งิ ไปครอบครองเบสหน่งึ ไดแลว และมีการตรวจพบและขออทุ ธรณ กอนมีการพิตชใหผูตีคนตอไปหรือ (ในกรณีสิ้นสุดการแขงขัน) กอนผูตัดสินออกพน สนามแขงขัน ผูว่ิงทุกคน รวมทั้งผูตี ตอ งกลับไปยังเบสท่ีครอบครองเม่อื เร่ิม การพิตช ใหขานผูเลนสํารองน้ันเอาตและประกาศเปนผูเลนที่พนสภาพ เอาตท่ีเกิดขึ้นจากการ เลนนน้ั ใหค งไว 2. ถาผูเลนสาํ รองเปนผูเลน ทผ่ี ิดกตกิ า จะถูกลงโทษตามความผิดนนั้ หมายเหตุ การใชผเู ลน สํารองที่ผดิ กติกา ผเู ลน แทนช่วั คราวที่ไมแจงผูต ัดสนิ เพลต การกลับเขามาแขง ขัน ของผเู ลนตองพกั ตามกตกิ าผเู ลน เลอื ดออก โดยไมแ จงผูต ดั สนิ เพลต เปนการเลน ตอ งอทุ ธรณ ซ่ึงตองขออุทธรณ ในขณะท่ีผูท ี่กระทาํ ผดิ ยงั อยใู นการแขงขัน ค. จะเปล่ียนผูเลน สาํ รองเขา แขงขันแทนผเู ลนใดกไ็ ดใ นระหวา งที่เปน เดดบอล ง. ถาเกิดการบาดเจ็บกับผูวิ่งแรกเร่ิมหรือผูว่ิงทําใหไมสามารถเคลื่อนไปครอบครองเบสขางหนา ไดตามสิทธ์ิ และเปนเดดบอล จะเปลี่ยนผูเลนสํารองเขามาแทนได โดยผูตัดสินจะอนุญาตให เคลื่อนไปครอบครองเบสไดตามสิทธิ์ ซึ่งตองแตะเบสทุกเบส (ทั้งเบสที่แตะพลาดหรือไมได แตะกอ นหนาน้ี และเบสท่ไี ดส ทิ ธิ์) โดยถกู ตอ งตามกตกิ า จ. หามผูเลน ท่ถี กู เปล่ยี นออกไปแลว กลับเขา รว มการแขง ขนั เกมน้นั อีก เวน แตเปนผูฝก สอน ขอ ยกเวน ผเู ลนเร่มิ ตนกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมไ ดอ กี คร้ังหนึง่ ฉ. การเปลี่ยนผูเลนตอเนื่องในลําดับการตีเดียวกันสามารถทําไดในกรณีท่ีผูเลนนั้นเปนผูเลน เริ่มตน สวนผูเลนสํารองเม่ือเปล่ียนออกไปแลวไมสามารถกลับเขามาแขงขันใหม ยกเวน เปน ผูเลน แทนช่ัวคราว

34 หมายเหตุ ไมใชก ตกิ าหมวด 4 ขอ 8 กับกรณผี ูเ ลน แทนชวั่ คราว เวน แตมกี ารขออุทธรณ โดยถูกกตกิ า เนอื่ งจากไมแจงผูต ัดสินเพลต (กติกาหมวด 4 ขอ 11) ช. ผูเลนที่ผิดกติกาหมายถึงผูเลนที่ลงแขงขันแลว ไมวาจะเปนฝายรุกหรือฝายรับ โดยไมมีสิทธิ์ แขงขนั ในตําแหนง น้ันอยา งถกู ตองตามกติกา ผูเลนยงั ไมท ําผิดกติกาขอน้ีจนกวาจะมีการพิตช หรือมกี ารเลนเกิดขึน้ แลว ผล ขอ 8 ช ผเู ลนท่ีผิดกตกิ า มีดงั ตอไปนี้ 1. พติ เชอรท่ผี ดิ กติกา พิตเชอรที่ผิดกติกาหมายถึงผูเลนที่กลับมาพิตชหลังจากผูตัดสินใหพนจากตําแหนง พติ เชอรแลว การลงโทษ เมื่อพบการกระทําผดิ ใหไ ลพ ติ เชอรท ่ผี ดิ กตกิ าออกจากการแขง ขนั หมายเหตุ พิตเชอรท ถี่ กู สง่ั ใหพนจากตาํ แหนงพติ เชอร - เน่ืองจากทีมฝายรบั ขอชารจ คอนเฟอเรนซเ กินสทิ ธิ์ หรือ - (ประเภทสโลวพ ิตช) เนอ่ื งจากพติ เชอรพติ ชด วยความเร็วมากเกนิ ไป กลบั เขามา แขง ขันใหมไ ด แตจ ะเปน พิตเชอรไ มไ ด 2. ผตู ีทีผ่ ิดกตกิ า (ประเภทฟาสตพิตช) การใชเฟลก็ ซเ ปนผูตีในลําดับการข้นึ ตอี ่นื ไมใชล าํ ดบั การขน้ึ ตขี องดพี เี ริ่มตน 3. ผูว ิ่งทผี่ ิดกตกิ า เกิดข้นึ เมอ่ื ทีมฝา ยรุกใหผูเลนซึ่งมีช่ืออยใู นลําดบั การขึ้นตีขณะนน้ั เปนผู ว่ิงแทนผูวงิ่ อกี คนหนงึ่ (ประเภทฟาสตพิตช) ถือวาเฟล็กซเปนผูว่ิงทีผิดกติกาถาเปนผูว่ิงใหผูเลนในลําดับการ ข้ึนตีอ่นื ไมใ ชด ีพเี ริ่มตน (หรือผเู ลน สาํ รองทเี่ ขา มาแทน) 4. การกลับเขามาแขงขันใหมที่ผิดกติกา/ผูเลนสํารองท่ีไมไดแจงผูตัดสินเพลต เกิดขึ้นใน กรณีตอไปนี้ (ก) ผูเลนเริ่มตนกลับเขามาแขงขันใหมเปนครั้งที่ 2 หลังจากออกจากการแขงขันแลว 2 ครง้ั (ข) ผเู ลน เรมิ่ ตนกลับเขา มาแขงขันใหม แตไ มอยใู นลาํ ดบั การข้ึนตีเดมิ ขอยกเวน (ประเภทฟาสตพิตช) เฟล็กซจะกลับเขามาแขงขันใหมในลําดับการข้ึนตีของดีพี หรือในลาํ ดับท่ี 10 เดมิ ก็ได ผล ขอ 8 ช 2 - 4 ผลทเ่ี กิดขนึ้ ในระหวา งทผ่ี เู ลนทผ่ี ดิ กตกิ า / ผูเลน สาํ รองท่ไี มไดแ จง ผตู ดั สนิ เพลตอยใู นการแขงขัน ใหพ ิจารณาดังน้ี ฝา ยรกุ ทําผดิ กติกา (ก) ถาทีมฝายรับตรวจพบขณะท่ีเปน ผูตีอยูในรอบข้ึนตี ประกาศใหผูเลนน้ันเปนผูเลน ท่ีพนสภาพ ใหนับจํานวนบอลและสไตรคของผูที่เปล่ียนเขามาแทนโดยถูกกติกา ตอจากท่ีเปนอยู การเคลื่อนไปขางหนาของผูว่ิงขณะผูเลนที่ผิดกติกาอยูในรอบ ขึ้นตีถอื วา ถกู ตอ ง

35 (ข) ถาทีมฝายรับตรวจพบเมื่อส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และกอนมีการพิตชคร้ังตอไป, กอนทีมฝายรับออกพนสนามแขงขัน หรือกอนผูตัดสินออกพนสนามแขงขัน ขานผูเลนท่ีผิดกติกาเอาต และประกาศใหเปนผูเลนที่พนสภาพ การเคลื่อนไป ขางหนาของผวู ิ่งเนอ่ื งจากผูเลนท่ผี ดิ กติกาเปนผูวิง่ แรกเริม่ ใหยกเลิก เอาตท่ีเกิดจาก การเลน คร้ังนน้ั ใหคงไว (ค) ถาทีมฝายรับตรวจพบเม่ือส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และหลังจากมีการพิตชคร้ังตอไป หรือหลังจากทีมฝายรับออกพนสนามแขงขันแลว ประกาศใหผูเลนนั้นเปนผูเลน ท่ีพนสภาพ ถา ยังเปนผวู ่ิงบนเบส ผูเลนสาํ รองท่ถี ูกกติกาจะเปนผูวง่ิ บนเบสนัน้ แทน การเคล่ือนไปขางหนาของผูว่ิงเนื่องจากผูเลนที่ผิดกติกาเปนผูว่ิงแรกเริ่ม ถือวา ถูกตอง (ง) ถาทีมฝายรับตรวจพบวาผูเลนท่ีผิดกติกาโดยเขามาเปนผูว่ิง และกอนมีการพิตช ครัง้ ตอไปหรอื มีการเลนเกิดขึ้น แกไขใหถกู ตอ งได (จ) ถา ทีมฝา ยรบั ตรวจพบวาผูเลน ท่ีผดิ กติกาโดยเขามาเปนผวู ิ่งและหลังจากมีการพิตช คร้ังตอไปหรือมีการเลนเกิดขึ้นแลว ประกาศใหผูเลนนั้นเปนผูเลนท่ีพนสภาพ ผูเลนสํารองที่ถูกกติกาจะเปนผูวิ่งบนเบสนั้นแทน การเคลื่อนไปขางหนาของผูวิ่ง ถอื วาถกู ตอง หมายเหตุ ฝา ยรบั ทาํ ผิดกตกิ า (ก) ถาทีมฝายรุกตรวจพบหลังจากผูเลนน้ันทําการเลนแลว และกอนมีการพิตชคร้ัง ตอไป กอนฝายรับออกพนสนามแขงขัน หรือกอนผูตัดสินออกพนสนามแขงขัน ประกาศใหผ เู ลนนน้ั เปนผเู ลน ทพี่ น สภาพ ทีมฝายรุกมีสิทธ์เิ ลือก (1) ใหค งผลการเลน ท่เี กดิ ข้ึน (2) ใหผูตีกลับไปตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับท่ีมีอยูกอนตรวจพบ ผูเลนที่ผิดกติกา ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสที่ครอบครองอยูกอนการเลน ครงั้ นนั้ (ข) ถาทีมฝายรุกตรวจพบหลังจากผูเลนน้ันทําการเลนแลว และหลังจากมีการพิตช ครั้งตอ ไป ประกาศใหผูเ ลน นั้นเปน ผเู ลนท่พี นสภาพ ใหค งผลการเลน ท้งั หมดไว (1) กติกาหมวด 4 ขอ 8 ไมนํามาบังคับใชในกรณีการใชผูเลนแทนชั่วคราว เวนแตมีการ ขออุทธรณโดยถูกตอง สําหรับการที่ผูเลนน้ันเขามาแขงขันโดยไมแจงผูตัดสินเพลต (ตามกติกาหมวด 4 ขอ 11) (2) ถา ผเู ลนทพี่ น สภาพกลบั เขา มาแขง ขนั อกี ใหปรับทมี นน้ั เปนแพ (3) หลังจากการขออุทธรณการใชผูเลนสํารองที่ไมแจงผูตัดสินเพลต หรือการกลับเขามา แขง ขันใหมท ี่ผดิ กติกาเปนผล ถอื วา ผูเลน เรม่ิ ตนหรอื ผูเ ลน สํารองออกจากการแขงขนั

36 ขอ 9 การไมยอมรับผลการตัดสิน ถา สมาชิกทีมโตแยงหรือไมยอมรบั ผลการตดั สินท่ีเกี่ยวกับดุลพินิจของผูตดั สิน คร้ังแรกใหเตือนทีม ถามกี ารโตแ ยงหรือไมย อมรับผลการตัดสินซํ้าอกี ใหล งโทษผกู ระทําผดิ โดยไลอ อกจากการแขง ขนั ขอ 10 การปฏิบตั ิในเขตที่พกั ของทีม ก. หามผูฝกสอน ผูเลน ผูเลนสํารอง หรือบุคคลอื่นออกจากเขตที่พักของทีม ยกเวนเปนไปตาม กติกาหรอื ผตู ดั สนิ พิจารณาเห็นสมควร หมายเหตุ ทัง้ นี้รวมถงึ ผเู ลนอ่นื นอกจากผูเลน รอข้นึ ตี (ซ่งึ ตอ งอยภู ายในเขตผูเ ลน รอขน้ึ ตี) ขณะเริ่มการ แขง ขัน ระหวางอินนงิ หรอื ขณะทพี่ ิตเชอรก ําลงั ซอ มพิตชใ นสนามแขงขนั ข. หามสูบบหุ รี่ภายในเขตท่พี ักของทมี ผล ขอ 10 เม่ือกระทําผดิ ครงั้ แรกใหเตือนทมี หากมกี ารกระทาํ ผดิ ซา้ํ อกี ใหล งโทษผูก ระทําผิด โดยไลออกจากการแขง ขัน ขอ 11 การใชผูเลน แทนช่ัวคราวในกรณีผูเ ลน เลอื ดออก ในกรณีที่ผูเลนเลือดออกในระหวางการแขงขัน ผูเลนน้ันตองพักจากการแขงขัน ถาไมสามารถ หามเลือดไดใ นเวลาท่ีสมควร หรือชุดแขงขันเปอนเลอื ด หามผูเลนนั้นกลับเขา รวมการแขงขันจนกวาเลือด จะหยุดไหล พ้ืนสนามบริเวณท่ีเปอนเลือดไดมีการทําความสะอาดเรียบรอย และผูเลนนั้นไดเปล่ียน ชดุ แขงขันแลว (ถาจาํ เปน ) หมายเหตุ ถาจําเปน ตองมีการเปลีย่ นหมายเลขเสือ้ เน่ืองจากมกี ารเปล่ียนชดุ แขง ขนั ควรแจง ใหผ ตู ัดสนิ ทราบวาเปล่ยี นไปใชหมายเลขใด ไมมกี ารลงโทษ ก. ใหผเู ลนแทนชว่ั คราวเขา มาแขง ขันแทนผเู ลนตองพกั โดยจะแขงขันแทนผูเลน ตองพกั ไป จนจบอนิ นิงที่กําลงั แขง ขนั อยู และอกี หนงึ่ อนิ นิงถัดไปได ข. ตอ งแจง ผูตัดสนิ เพลตวา มกี ารใชผ ูเ ลน แทนช่วั คราว ผล ขอ 11 ก - ข 1. การใชผ เู ลน แทนชั่วคราวท่ีขาดคุณสมบัติ เปน การกลบั เขามาแขงขนั ใหมท ผี่ ดิ กติกา 2. การไมแจงผูตัดสินเพลต ถามีการขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหผูเลนนั้นอยูภายใตกติกา การเปลีย่ นผเู ลนสาํ รองโดยไมแ จง ผูต ดั สนิ เพลต ค. อนุญาตใหผูเ ลนแทนชัว่ คราวแขงขันเปนผูเลนฝายรกุ และเปนผูเลนฝา ยรับแทนผูเลนตองพัก ในทุกกรณี ง. ผูเลนตองพักจะกลับเขารวมการแขงขันเม่ือใดก็ได ในระหวางเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก โดยไมถ ือเปน การเปลย่ี นผูเ ลน สํารอง จ. เม่ือผูเลน ตองพักจะกลับเขามาแขงขนั ใหม ใหแ จงและขออนุญาตตอ ผูตดั สนิ เพลตกอน ผล ขอ 11 ง - จ 1. ถาผูเลนตองพักไมสามารถกลับเขามาแขงขันภายในเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก ใหถือวา ผูเลน แทนชว่ั คราวเปนผเู ลนสํารองตามกตกิ าการเปล่ยี นผูเลน สาํ รอง 2. ถาผูเลนแทนช่ัวคราวเปนผูเลนสํารองท่ีไดลงแขงขันแลว ตองเปลี่ยนผูเลนสํารองท่ีถูก กตกิ าซึ่งยงั ไมไ ดล งแขงขันเกมน้นั เขา มาแทน

37 3. ถา ทมี น้นั ไมม ีผูเลน สาํ รองท่ถี กู กติกาเหลืออยู ใหปรบั เปน แพ 4. การไมแจงผูตัดสินเพลต ถามีการขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหผูเลนนั้นอยูภายใตกติกา การเปล่ียนผูเลนสํารองโดยไมแ จง ผตู ัดสินเพลต ฉ. ผูเลนตองพัก จะกลับเขามาแขงขันใหมหลังจากพนเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก ได ตามกติกา การกลับเขา มาแขงขันใหม ช. (ประเภทสโลวพ ิตชทีมผสม) เมือ่ มกี ารใชผเู ลนแทนชว่ั คราวตอ งเปน เพศเดยี วกบั ผเู ลนตองพัก ซ. การใชผูเลนแทนชั่วคราวไมถือวาอยูภายใตกติกาการเปล่ียนผูเลนสํารอง (เวนแตไมแจง ผตู ดั สนิ เพลต) เมอ่ื ผูเ ลน ตอ งพกั นนั้ กลบั เขามาแขง ขันภายในเวลาท่รี ะบุไว

หมวด 5 การแขงขนั (THE GAME) ขอ 1 การเลือกเปน ฝา ยรุกหรือฝายรับกอ น ใหเลือกเปนฝายรุกกอนหรือฝายรับกอนโดยการโยนเหรียญเลือกสิทธิ์ เวนแตระเบียบการแขงขัน ระบุไวเปนอยา งอน่ื ขอ 2 ความเหมาะสมของสภาพสนาม ใหผ ตู ัดสินเพลตเปน ผเู ดียวที่มสี ทิ ธิ์ตัดสนิ ใจวา สภาพสนามเหมาะสมที่จะใชแขงขนั ไดหรือไม ขอ 3 การแขง ขนั ที่สมบูรณ การแขงขันทส่ี มบูรณ ใหแขง ขนั 7 อินนงิ ก. ไมจําเปนตองแขงขันจนครบ 7 อินนิง ถาทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลวจาก การเแขง ขัน 6 อนิ นงิ ทผ่ี า นมา หรือกอ นเอาตท่ี 3 ของอนิ นิงที่ 7 ข. เม่ือแขงขันครบ 7 อินนิงแลวผลเสมอกัน ใหแขงขันตอไปคร้ังละ 1 อินนิง จนกระท่ังฝายใด ฝายหน่ึงไดคะแนนมากกวาเมื่อครบอินนิง หรือทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลว กอนเอาตท ่ี 3 ของอนิ นงิ นัน้ ค. การแขงขันที่ผูตัดสินส่ังยุติ เปนการแขงขันท่ีสมบูรณ ถาไดแขงขันครบต้ังแต 5 อินนิง เปนตนไปหรือถาทีมที่เปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลวจากการแขงขันต้ังแต อินนิงที่ 5 เปนตนไป ผูตัดสินเพลตมีอํานาจส่ังยุติการแขงขันเม่ือใดก็ไดดวยสาเหตุจาก ความมดื ฝนตก ไฟไหม การจลาจล เปนตน ซงึ่ จะทําใหผ ูเลนหรือผทู ่เี กยี่ วขอ งเกิดอันตราย ง. ใหผูตดั สินเพลตประกาศวา เปน การแขง ขันท่ีสมบูรณซงึ่ มีผลเสมอกัน เมื่อท้ังสองทมี ไดคะแนน เทากัน ในขณะที่ผูตัดสินยุติการแขงขัน หลังจากแขงขันครบต้ังแต 5 อินนิงเปนตนไป หรือ ขณะที่ทีมทเ่ี ปนฝา ยรกุ ทีหลงั กําลังเปน ฝายรกุ อยู จ. ไมใ ชบทบัญญัติเหลานี้ในกรณีทีผ่ ูเลนหรอื ผูชมกระทําการใดๆ ที่ทําใหผ ูตดั สินเพลตตัดสินใหมี การปรบั เปนแพ เชน สมาชิกของทมี หรือผชู มทํารา ยรางกายผูตดั สนิ ฉ. ใหผตู ดั สนิ เพลตประกาศปรบั ทมี ทีก่ ระทําผดิ เปน แพ ในกรณีตอ ไปน้ี 1. ทีมนั้นไมมาท่ีสนามแขงขัน หรือมาถึงสนามแตปฏิเสธท่ีจะเร่ิมทําการแขงขันตามเวลา ท่ีกาํ หนด หรอื ภายในเวลาทรี่ ะบไุ ววาใหป รบั เปนแพ 2. หลังจากเร่ิมการแขงขันแลว ทีมน้ันปฏิเสธท่ีจะแขงขันตอ เวนแตผูตัดสินสั่งหยุดการ แขงขนั ช่ัวขณะ หรือสงั่ ยตุ กิ ารแขงขัน 3. หลังจากผูตัดสินสั่งหยุดการแขงขันช่ัวขณะแลว ทีมน้ันไมพรอมท่ีจะแขงขันตอภายใน 2 นาทีนับจากผตู ดั สนิ เพลตขาน “เพลยบอล” 4. ทีมน้ันใชก ลวิธีในการเรงหรอื ถวงเวลาการแขง ขนั 5. ทมี นน้ั ตัง้ ใจละเมดิ กติกาซ้าํ หลังจากผตู ดั สินเตือนแลว 6. หลังจากผูตัดสินลงโทษสมาชิกของทีมโดยใหออกหรือไลออกจากการแขงขันแลวไม ปฏบิ ัตติ ามภายใน 1 นาที 7. หลังจากผูตัดสินลงโทษผูเลนโดยใหออกหรือไลออกจากการแขงขัน หรือดวยเหตุผลอื่น และทําใหทมี นนั้

39 – เหลือผเู ลน นอยกวา 9 คนในการแขง ขันประเภทฟาสตพติ ช – เหลือผูเลนนอยกวา 10 คนในการแขงขันประเภทฟาสตพิตชท่ีมีการใชผูเลนแทน (ดพี ี) – เหลอื ผูเ ลนนอ ยกวา 10 คนในการแขงขันประเภทสโลวพ ติ ช – เหลือผูเลนนอยกวา 11 คนในการแขงขันประเภทสโลวพิตช ที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อพี )ี 8. หลังจากผูตัดสินประกาศใหเปนผูเลนที่พนสภาพแลว ผูเลนนั้นกลับเขามาแขงขันอีก และมกี ารพติ ชไ ปแลว 9. หลงั จากผูตดั สินลงโทษผูจ ัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลน โดยไลออกจากการแขงขันแลว พบวา ผูน ้นั กลบั มามสี ว นรว มกบั การแขง ขนั อีก ช. การแขงขันท่ียตุ ลิ ง โดยมลี กั ษณะดงั น้ี 1. ไมเปน การแขงขนั ที่สมบูรณ 2. เปน การแขงขันที่สมบรู ณซ่ึงมผี ลเสมอกัน ใหมกี ารแขงขันใหมต งั้ แตต น โดยจะเปลีย่ นแปลงลาํ ดับการขึ้นตใี หมก ไ็ ด ขอ 4 ผชู นะการแขงขัน ในการแขง ขันทส่ี มบรู ณ ใหทีมทไ่ี ดค ะแนนมากกวา เปนผชู นะการแขงขัน ก. ผลของการแขงขันที่สมบูรณ ใหถือเอาคะแนนเมื่อส้ินสดุ อินนิงสุดทายที่สมบูรณ เวนแตทีมท่ี เปนฝายรุกทีหลังทําคะแนนไดมากกวาแลว ในกรณีน้ีใหถือเอาคะแนนน้ันเปนผลของการ แขงขัน ข. เมื่อการแขงขันท่ีสมบูรณยุติลงโดยที่ทั้งสองทีมมีคะแนนเทากัน ใหถือเปนผลของการแขงขัน ที่สมบูรณซ่งึ มีผลเสมอกนั และใหมีการแขงขนั ใหม ค. ในกรณที มี่ กี ารปรบั เปน แพ ใหทมี ทไ่ี มไดก ระทําผดิ ชนะดว ยคะแนน 7 ตอ 0 ขอ 5 กติกากรณีคะแนนแตกตางกนั มาก ก. ใหใ ช “กติกากรณคี ะแนนแตกตางกนั มาก” ในการแขงขันทุกรายการ 1. (ประเภทฟาสตพ ิตช) – หลังจากแขงขนั ครบ 3 อินนงิ แลว จํานวนรนั ตางกนั ต้ังแต 15 รนั ขนึ้ ไป – หลังจากแขงขนั ครบ 4 อนิ นิงแลว จาํ นวนรันตา งกันตง้ั แต 10 รนั ขึน้ ไป – หลงั จากแขง ขนั ครบ 5 อนิ นิงหรอื มากกวาแลว จาํ นวนรันตางกันต้ังแต 7 รนั ขนึ้ ไป 2. (ประเภทสโลวพติ ช) – หลงั จากแขง ขนั ครบ 4 อนิ นิงแลว จาํ นวนรนั ตา งกนั ต้ังแต 20 รันขนึ้ ไป – หลังจากแขงขนั ครบ 5 อนิ นิงหรอื มากกวา แลว จํานวนรันตางกนั ต้งั แต 15 รันขนึ้ ไป ข. ตองทําการแขงขันจนครบอินนิง เวนแตทีมที่เปนฝายรุกทีหลังทําคะแนนไดตามท่ีระบุ กรณีทีมท่ีเปนฝายรุกกอนทําคะแนนไดตามที่ระบุ ตองใหทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังมีโอกาสข้ึนตี เพอื่ ทาํ คะแนนดวย

40 ขอ 6 การเลนไทเบรก เริ่มตั้งแตอินนิงท่ี 8 และทุกครึ่งอินนิงตอจากน้ัน ใหทีมฝายรุกสงผูท่ีมีรายชื่ออยูในลําดับการตี สดุ ทา ย ไดแ ก – ผูเลน ท่มี ีรายชอ่ื อยูใ นลาํ ดบั การข้นึ ตที ี่ 9 (ประเภทฟาสตพติ ช) – ผูเลน ที่มีรายช่ืออยใู นลําดบั การขึ้นตที ี่ 10 (ประเภทสโลวพ ติ ช) – ผูเลน ท่ีมีรายช่อื อยใู นลาํ ดบั การขึน้ ตที ี่ 11 (ประเภทสโลวพ ติ ชท ีม่ ีการใช อีพ)ี – ผูเลนที่มีรายชื่ออยใู นลําดับการขึ้นตีท่ี 12 (ประเภทสโลวพ ติ ชทมี ผสมทม่ี ีการใช อพี )ี เปนผูว่ิงบนเบสสอง แลวเริ่มรอบข้ึนตีไปตามปกติ สามารถเปล่ียนผูเลนสํารองเขามาเลนแทน ผวู ่ิงนไี้ ดตามกติกาการเปล่ยี นผเู ลน สาํ รอง หมายเหตุ ถามีการนาํ ผเู ลนในลาํ ดับการขน้ึ ตอี น่ื ผดิ จากที่ระบไุ ว ไปเปนผูว ิ่งที่เบสสอง ใหแกไ ขใหถูกตอง ทันทที ต่ี รวจพบความผิดพลาด โดยไมมีการลงโทษ ขอ 7 การไดคะแนน ก. ใหไดคะแนน 1 รันทุกคร้ังท่ีผูวิ่งแตะเบสหน่ึง เบสสอง เบสสาม และโฮมเพลตโดยถูกกติกา และกอ นเอาตท่ี 3 ในอนิ นงิ นัน้ ขอยกเวน เม่อื ใชการเลน ไทเบรก ผวู ิ่งทเี่ รม่ิ ตน อยบู นเบสสองไมต อ งแตะเบสหนง่ึ เพอ่ื ใหเปนการได คะแนนโดยถกู กตกิ าตามทรี่ ะบุไวข า งตน ข. ไมใ หไ ดคะแนน ถาเอาตท่ี 3 และหรอื เอาตส ดุ ทายของอนิ นิงเกิดข้นึ เน่ืองจาก 1. ผวู ่ิงแรกเริ่มถูกทาํ เอาตก อ นแตะเบสหน่งึ โดยถูกกติกา 2. ผูว ิง่ ถูกทําฟอรซเอาต (รวมถงึ กรณีการเลนตอ งอทุ ธรณดว ย) เนอื่ งจากผตู เี ปนผวู ง่ิ แรกเริม่ 3. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูว่ิงไมไดแตะเบสท่ีมีสิทธิ์ครอบครองไวจนกระท่ังพิตเชอรปลอยลูก บอลจากมอื โดยถูกกติกา 4. (ประเภทสโลวพิตช) ผูว่ิงไมไดแตะเบสที่มีสิทธ์ิครอบครองไวจนกระทั่งลูกบอลที่พิตชโดย ถูกกติกาถูกตีหรอื ไปถึงโฮมเพลต 5. ผูว่ิงคนหนาถกู ขานเอาต ค. จะขออุทธรณเ พอ่ื ทาํ เอาตเ พิม่ หลงั จากเอาตท่ี 3 กไ็ ด ถาทาํ เพอ่ื ไมใ หฝ า ยรุกไดคะแนน ขอ 8 ชารจ คอนเฟอเรนซ ก. ชารจ คอนเฟอเรนซข องทีมฝายรกุ แตล ะอนิ นิงมสี ิทธิ์ขอได 1 ครัง้ หมายเหตุ 1. ชารจคอนเฟอเรนซ ใหค รอบคลุมถงึ การที่ผูต ี ผวู ่งิ ผเู ลนรอขน้ึ ตี หรือผูฝก สอน ปรึกษาหารือกนั 2. ไมเปน ชารจ คอนเฟอเรนซ ในกรณีตอไปนี้ (ก) พิตเชอรกําลังสวมเส้อื วอรม ขณะอยูบนเบส (ข) ทมี ฝายรุกปรึกษาหารือกัน ในขณะท่ีทมี ฝายรับขอชารจคอนเฟอเรนซ ถาทมี ฝา ยรกุ พรอมที่จะแขง ขนั เมือ่ ทีมฝายรับพรอม 3. หามผูตดั สินอนญุ าตใหมีชารจคอนเฟอเรนซเ กินกวา 1 คร้ังในแตละอนิ นงิ

41 ผล ขอ 8 ก ใหลงโทษผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนที่พยายามขอชารจคอนเฟอเรนซเกินสิทธ์ิ โดยไลออกจากการแขง ขัน ข. ชารจคอนเฟอเรนซของทีมฝายรับ ในการแขงขันซ่ึงปกติแขงขันกัน 7 อินนิง ใหมีสิทธ์ิขอ ชารจคอนเฟอเรนซไดไมเกิน 3 คร้ัง กรณีท่ีแขงขันเกิน 7 อินนิง ใหมีสิทธิ์ขอชารจ คอนเฟอเรนซไ ดอ นิ นงิ ละ 1 ครั้ง หมายเหตุ 1. ชารจคอนเฟอเรนซใหครอบคลุมถึงการที่ผูเลนในสนามออกพนจากตําแหนง ไปยังเขตที่พักของทีมเพ่ือรับฟงคําแนะนําหรือคําสอน โดยไมคํานึงวาจะมีการ ขอ “ไทม” หรอื ไม 2. ถาผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนจากเขตท่ีพักของทีมแจงผูตัดสินเพลต ขอเปล่ียน พิตเชอรไมวาจะแจงกอนหรือหลังจากพูดคุยกับพิตเชอรไมเปนการชารจ คอนเฟอเรนซ 3. ชารจคอนเฟอเรนซสิ้นสุดลง เมื่อผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนขามเสนเขตฟาวล ออกมาเพือ่ กลับไปยังเขตท่พี ักของทมี 4. เวลาที่ใชสําหรับชารจคอนเฟอเรนซดาํ เนินตอ เนื่องกัน จะไมเร่ิมตน จับเวลาใหม เมอ่ื มีการเปลยี่ นพิตเชอรใ หมเ ขามาแขง ขัน 5. ถาขอชารจคอนเฟอเรนซไมครบ 3 คร้ังตามสิทธิ์ในการแขงขัน 7 อินนิง ไม สามารถโอนไปใชในการแขงขันสวนท่ีเกิน 7 อินนิงได โดยสิทธิ์ในการขอชารจ คอนเฟอเรนซส ําหรบั อนิ นิงท่ี 8 เปนตน ไป จะมไี ดเพียงอินนงิ ละ 1 คร้ังเทานนั้ 6. ไมเ ปนชารจ คอนเฟอเรนซ ในกรณตี อ ไปนี้ (ก) ทีมฝายรับปรึกษาหารือกัน ในขณะที่ทีมฝายรุกขอชารจคอนเฟอเรนซ ถา ทีมฝายรบั พรอมทจี่ ะแขง ขนั เม่ือทีมฝายรุกพรอม (ข) การตะโกนสอนจากเขตทีพ่ ักของทีม (ค) ผูจ ัดการทีมซงึ่ เปนผูเลนในการแขงขันเกมนั้นดวย ปรึกษาหารือกับผูเลน คนใดคนหนึ่ง อยางไรก็ตาม ผูตัดสินควบคุมการปรึกษาหารือระหวาง ผูเลน (ซึ่งเปนผูจัดการทีมดวย) กับพิตเชอรได โดยครั้งแรก ใหลงโทษ ดวยการเตือน ถากระทําอีก ใหลงโทษผูเลน (ซึ่งเปนผูจัดการทีมดวย) ดวยการไลออกจากการแขง ขัน ผล ขอ 8 ข การขอชารจคอนเฟอเรนซเ กินสิทธ์ิแตละครั้ง ใหผูตัดสินลงโทษผูทีเ่ ปนพิตเชอร ขณะท่ีมีการขอชารจคอนเฟอเรนซเกินสิทธิ์ครั้งนั้น โดยประกาศเปนพิตเชอรที่ผิดกติกา ซง่ึ จะเลนในตําแหนง พติ เชอรอีกไมไ ดตลอดการแขง ขันเกมนั้น หมายเหตุ พิตเชอรท่ีผูตัดสินประกาศเปนพิตเชอรท่ีผิดกติกาสามารถเลนเปนผูเลน ฝายรับในตาํ แหนง อน่ื ได แตจะเปนพติ เชอรอ กี ไมไ ด ค. ไมเปนชารจคอนเฟอเรนซ ถาการปรึกษาหารอื กันเกิดข้ึนในระหวางท่ผี ูตัดสินหยุดการแขง ขัน ชั่วขณะ

หมวด 6 การพติ ช (ประเภทฟาสตพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS (Fast Pitch Only)) หมายเหตุ ผลของการละเมดิ กติกาขอ 1-7 ดูไดจากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอ ปฏิบัติเบื้องตน กอนเริ่มตนการพิตช ก. พติ เชอรท่ไี มม ลี กู บอลในครอบครอง จะยนื อยูใกลห รอื บนพติ เชอรเ พลตไมไ ด ข. ไมถือวาพิตเชอรอยูในตําแหนงพิตช เวนแตแคตเชอรอยูในตําแหนงพรอมที่จะรับลูกบอล จากการพติ ช ค. พิตเชอรตองวางเทาทั้งสองบนพื้น ภายในระยะความยาว 61.0 เซนติเมตร (24 น้ิว) ของ พิตเชอรเพลต ใหสะโพกทั้งสองขางอยูในแนวเสนตรงระหวางเบสหน่ึงและเบสสาม เทาทั้ง สองขา งตอ งสัมผัสกับพติ เชอรเ พลต ง. พิตเชอรตองรับสัญญาณหรือทําทาเสมือนกําลังรับสัญญาณจากแคตเชอรในขณะท่ียืน บนพิตเชอรเพลต มีลกู บอลอยใู นมือหรือโกลฟ โดยมือทงั้ สองแยกออกจากกัน จ. หลังจากรับสัญญาณแลว ใหพิตเชอรรวมมือทั้งสองขางท่ีดานหนาของลําตัว โดยมีลูกบอล อยูภายใน ลําตัวตองหยุดน่ิงโดยสมบูรณอยางนอย 2 วินาทีแตไมเกิน 5 วินาที กอนเร่ิมตน การพติ ช หมายเหตุ การถือลูกบอลดวยมือท้ังสองท่ีดานขางของลําตัว ใหถือวาเปนการถือลูกบอล ทด่ี านหนาของลําตัว ขอ 2 การเรมิ่ ตนการพิตช การพิตชเริ่มตนเมื่อมือขางที่ถือลูกบอลแยกออกมาจากโกลฟ หรือพิตเชอรมีการเคล่ือนไหวใดๆ ซึง่ เปน สวนหนงึ่ ของการควงแขน ขอ 3 การพติ ชท ถี่ กู กติกา ก. พติ เชอรตอ งไมข ยับตวั กอ นเร่มิ การพติ ช โดยไมป ลอยลกู บอลไปยงั ผูตที ันที ข. หลงั จากอยใู นตาํ แหนงพิตช และมลี ูกบอลอยูในมือท้ังสอง พิตเชอรตองไมขยบั ตวั กอนเรม่ิ ตน การพิตช โดยแยกมอื ขางทถ่ี ือลูกบอลออกจากโกลฟ ควงแขนไปทางดานหลัง แลวยอนกลับ มาทางดานหนา รวมมอื ทงั้ สองขางท่ดี า นหนาลาํ ตวั อีก ค. แขนของพติ เชอรทคี่ วงมาดานหนา แลว หา มหยดุ หรอื ควงยอนกลับ ง. การพิตชแบบควงแขน พิตเชอรตองไมควงแขน 2 รอบ จะปลอยแขนลงมาดานขางและ ดานหลังลาํ ตวั กอ นเริม่ ตนการควงแขนกไ็ ด ในกรณีนี้อนญุ าตใหแขนผานสะโพกได 2 คร้งั จ. การปลอยลูกบอลตองเปนการปลอยจากดานลาง โดยใหมือตํ่ากวาสะโพกและขอมือไมหาง ลาํ ตวั เกนิ กวาขอศอก ฉ. การปลอยลกู บอล การสงแรงของแขนและขอ มอื ตองผา นแนวลาํ ตัวตรงไปทางดา นหนา

43 ช. เทาท้ังสองขางตองสัมผัสกับพิตเชอรเพลต และเทาหลักตองไมเคลื่อนที่ตลอดเวลากอนเริ่ม การพิตช ซ. เทาหลกั ตองสมั ผัสกับพติ เชอรเ พลตตลอดเวลากอนลากไปขางหนา กระโจน หรอื ฮ็อป ฌ. ในการปลอยลูกบอลนั้น พิตเชอรกาวเทาท่ีไมใชเทาหลักไปขางหนาได 1 กาว พรอมกับ ปลอยลูกบอลออกจากมือ ใหกาวเทาไปขางหนาตรงไปยังผูตี และอยูภายในระยะความยาว 61.0 เซนตเิ มตร (24 น้ิว) ของพิตเชอรเพลต หมายเหตุ ขอ 3 ซ-ฌ 1. ไมถือวาเปนการกาวเทา ถาพิตเชอรเ ลอ่ื นเทาไปตามความยาวของพิตเชอรเพลต และ ยงั คงสัมผสั อยูกับพติ เชอรเพลต และเทาอกี ขา งหนึ่งไมเคลื่อนไปดา นหลัง 2. การยกเทาหลักออกจากพิตเชอรเ พลต แลววางกลับลงไปที่พิตเชอรเพลต เปนการพิตช ท่ีผดิ กตกิ า ญ. เทาหลักยังคงสัมผัสกับพิตเชอรเพลต หรือจะถีบเทาสงตัวและลากออกจากพิตเชอรเพลต หรือลอยอยูกไ็ ด กอ นทเี่ ทา ขา งท่ีใชก าวสมั ผสั พ้นื หมายเหตุ - พิตเชอรจ ะลากเทา กระโจน หรอื ฮอ็ ปแลวลงสพู ืน้ พรอมกับปลอยลูกบอลได โดยถกู กตกิ า ถา เริม่ จากพติ เชอรเพลต - เปนการพิตชท ่ผี ิดกตกิ า ถาพิตเชอรกา วเทาหลกั ออกจากพิตเชอรเพลต แลวจึงลากเทา กระโจน หรอื ฮ็อป แลวลงสูพนื้ พรอ มกบั ปลอ ยลูกบอล ฎ. พิตเชอรต อ งไมถบี เทาหลกั ออกจากทีอ่ น่ื ใดนอกจากพิตเชอรเพลตกอนแยกมือออกจากกัน ฏ. พิตเชอรตอ งไมควงแขนขน้ึ ดา นบนอีกหลังจากปลอ ยลูกบอล ฐ. พิตเชอรต อ งไมเจตนาทําใหล ูกบอลตกพน้ื กลง้ิ หรอื กระดอน เพื่อปอ งกันไมใ หผูต ีตีลูกบอล ฑ. พิตเชอรม ีเวลา 20 วนิ าที ในการพิตชค ร้งั ตอไปหลังจากรบั ลูกบอลจากแคตเชอร หรอื หลังจากผูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ขอ 3 ฑ ใหผูตีไดบอลเพม่ิ อกี 1 ครั้ง ขอ 4 ตําแหนง ของผูเลน ฝา ยรับ ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสั.ย ของนกั กฬี าเพือ่ ทําใหผูตีเสยี สมาธิ หมายเหตุ ใหล งโทษผทู ่กี ระทําผิดโดยไลอ อกจากการแขง ขัน โดยไมจําเปนตองมีการพิตช ค. เม่อื ผูว่งิ บนเบสสามพยายามทําคะแนนโดยการทําสควีซเพลย หรือการขโมยเบส 1. หามผูเลนฝา ยรบั ท่ไี มม ีลกู บอลกา วไปบนโฮมเพลต หรือดานหนาของโฮมเพลต 2. หามผูเ ลน ฝา ยรับสมั ผสั กบั ผตู ี หรือไมต ี บทลงโทษ เปนเดดบอล ผตู ีไดสทิ ธ์คิ รอบครองเบสหนึง่ เนอ่ื งจากการขดั ขวาง และผวู ิ่งทุกคนได เคล่อื นไปขางหนา 1 เบสเนื่องจากการพิตชท ีผ่ ิดกติกา

44 ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขงขัน หามสมาชิกของทีมฝายรับใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล พิตเชอรที่ใชน้ิว แตะน้าํ ลาย ตอ งเช็ดนิ้วใหแ หง กอนสัมผัสกับลูกบอล หมายเหตุ ถายงั มีสมาชิกของทีมฝา ยรบั คนใดใชส ารแปลกปลอมบนลูกบอล ใหไลพ ิตเชอรออกจากก การแขง ขนั ข. การใชเรซิน (resin) บนลูกบอล หรือในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําท่ีผิดกติกา ใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใช ไวบนพ้ืนสนามดานหลัง พิตเชอรเพลต ค. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพ่ือชวยใหมือแหงได ภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผตู ดั สิน หมายเหตุ ผา ซงึ่ มเี ฉพาะเรซิน (resin) แทรกในเน้อื ผา และผลิตโดยไดรับการรบั รอง อนุญาตใหใ ชได ง. หามพิตเชอรสวมเทปบนนิ้วมือ แถบรัดขอมือ กําไลขอมือ หรือวัตถุอ่ืนใดในลักษณะ เดียวกนั บนขอ มอื หรอื แขนขางทใี่ ชพิตช หมายเหตุ ถา พิตเชอรจาํ เปน ตอ งสวมแถบรัดขอมือไวบนแขนขา งที่ใชพติ ช เนือ่ งจากอาการบาดเจบ็ ควรสวมเสือ้ ตวั ในทม่ี ีแขนยาวเพ่ือปดแขนทั้ง 2 ขางไว ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภ ายในเขตแคตเชอรจนกวา พิตเชอรจ ะปลอยลูกบอล ข. ใหค นื ลกู บอลกบั พิตเชอรโดยตรงหลงั จากการพิตชแ ตล ะครั้ง รวมทัง้ หลังจากฟาวลบอลดวย หมายเหตุ ใหผ ูตไี ดบ อลเพิม่ อีก 1 ครั้ง ขอยกเวน ไมใ ชกตกิ าขอนี้ ในกรณตี อไปนี้ : 1. หลงั จากสไตรคเ อาต 2. เมื่อผูตเี ปนผวู ิ่งแรกเรม่ิ 3. เมอ่ื มีผวู ิ่งบนเบส 4. เมื่อแคตเชอรรบั ฟาวลบอลใกลเ สน เขตฟาวล แลวขวางไปท่เี บสใดเบสหน่ึงเพื่อทําเอาต 5. เมอ่ื แคตเชอรข วา งลูกบอลไปท่ีเบสหนง่ึ เพื่อทําใหผ ูวิ่งแรกเริม่ เอาต ในกรณีทแี่ คตเชอร ไมมั่นใจวาผูตีเหวี่ยงไมตีหรือไม (เช็คสวิง) และเปนสไตรคที่ 3 ลูกบอลตกถึงพื้น (แคตเชอรร บั ลกู บอลไวไ มไ ด) ขอ 7 การขวา งไปทเ่ี บส เมอ่ื พิตเชอรอ ยูในตาํ แหนงพิตช และขณะนั้นเปนบอลอนิ เพลย หา มพิตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบส ขณะท่ีเทา ยงั สมั ผสั กับพิตเชอรเ พลต ถาการขวางนก้ี ระทาํ ในระหวา งที่มกี ารขออุทธรณขณะที่เปนบอลอนิ เพลย ใหยกเลิกการขออุทธรณ หมายเหตุ พิตเชอรจ ะเคลื่อนออกจากตําแหนงพิตชไ ด โดยการกาวถอยหลังออกจากพติ เชอรเ พลตแลว จึงแยกมอื ท้ังสองออกจากกัน การกาวไปดา นหนา หรอื ไปดา นขา ง เปนการพติ ชท ผี่ ดิ กติกา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook