สมาคมซอฟทบ อลสมคั รเลน แหง ประเทศไทย
สารบญั หนา เน้ือหา ก คํานาํ 1 หลักเกณฑใ นการจดั ทาํ กติกาซอฟทบอล พ.ศ. 2554 19 19 หมวด 1 คาํ จํากดั ความ (DEFINITIONS) 19 หมวด 2 สนามแขงขัน (THE PLAYING FIELD) 20 22 กติกาเฉพาะสนาม 22 สนามแขง ขันมาตรฐาน 23 ผงั สนามแขง ขัน 23 หมวด 3 อปุ กรณ (EQUIPMENT) 24 ไมตแี ขง ขนั 24 ไมตีวอรม 24 ลกู บอลแขงขัน 26 โกลฟและมิตต 26 รองเทา 27 อุปกรณปอ งกนั 28 อุปกรณบนพืน้ สนาม 28 เคร่ืองแตง กาย 29 อปุ กรณทกุ ชนดิ 29 หมวด 4 ผฝู กสอน ผูเลน และผเู ลน สํารอง 30 (COACHES, PLAYERS, AND SUBSTITUTES) 30 ผฝู ก สอน 32 ใบแสดงลําดบั การข้ึนตีและบัญชีรายชือ่ 32 ผเู ลน 34 ผเู ลนเร่ิมตน 35 ผูเลนแทน (ดีพี) 36 การกลบั เขา มาแขงขนั ใหม 36 ผูเลนสาํ รอง / ผูเลน ที่ผิดกตกิ า 36 ฝายรกุ ทาํ ผดิ กติกา 38 ฝายรับทําผิดกติกา 38 การไมยอมรับผลการตดั สนิ 38 การปฏบิ ตั ิในเขตทีพ่ ักของทีม การใชผูเ ลนแทนชวั่ คราวในกรณีผูเลนเลอื ดออก หมวด 5 การแขงขัน (THE GAME) การเลือกเปนฝายรุกหรือฝา ยรบั กอ น ความเหมาะสมของสภาพสนาม
-2- หนา เนอ้ื หา 38 หมวด 5 (ตอ ) การแขงขันทีส่ มบรู ณ 39 ผูชนะการแขง ขัน 39 กตกิ ากรณคี ะแนนตางกันมาก 40 การเลน ไทเบรก 40 การไดคะแนน 40 ขอเวลานอก (ชารจคอนเฟอเรนซ) 42 หมวด 6 การพิตช (ประเภทฟาสตพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS) 42 (Fast Pitch Only) 42 ขอปฏบิ ัติเบ้ืองตนกอนการพิตช 42 การเร่มิ ตน การพิตช 43 การพิตชท ี่ถกู กติกา 44 ตําแหนงของผูเลนฝา ยรับ 44 สารแปลกปลอม 44 แคตเชอร 45 การขวา งไปทเี่ บส 46 เบสออนบอลโดยเจตนา 46 การซอมพิตช 47 โนพติ ช 47 ลูกบอลหลุดจากมอื 48 พิตเชอรท ผี่ ดิ กติกา 53 หมวด 6 การพติ ช (ประเภทโมดิฟายดพิตช) (PITCHING REGULATIONS) 58 (Modified Pitch Only) 58 หมวด 6 การพติ ช (ประเภทสโลวพติ ช) (PITCHING REGULATIONS) 58 (Slow Pitch Only) 60 หมวด 7 การตี (BATTING) 60 ผเู ลน รอขน้ึ ตี 61 ลําดับการขึ้นตี 62 การเขา สูเขตผตู ี 64 ผูตัดสินเพลตขานสไตรค 64 ผตู ดั สนิ เพลตขานบอล 66 ผูตเี อาต หมวด 8 ผูว่ิงแรกเริม่ และผวู ิง่ (BATTER – RUNNER AND RUNNER) ผตู ีเปน ผวู งิ่ แรกเริ่ม ผวู งิ่ แรกเร่มิ เอาต
-3- หนา เนื้อหา 68 ผวู ิ่งแรกเริม่ ไมเอาต 69 การแตะเบสตามลาํ ดับโดยถูกกติกา 69 หมวด 8 (ตอ) ผวู ง่ิ มีสทิ ธิ์เคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทาํ เอาตได 70 ผวู ง่ิ อาจถูกทําเอาตได 70 ผวู ิ่งมสี ิทธิเ์ คล่อื นไปขางหนา ไดโดยถกู ทาํ เอาตไมได 74 ผวู ิ่งตอ งกลบั เบสเดิม 75 ผวู ง่ิ เอาต 79 ผวู ง่ิ ไมเอาต 81 หมวด 9 เดดบอลและบอลอินเพลย (DEAD BALL – BALL IN PLAY) 81 เดดบอล 82 บอลอินเพลย 84 ดเี ลยเ ดดบอล 85 หมวด 10 ผูตดั สนิ (UMPIRES) 85 อํานาจและหนาท่ี 85 ขอ มูลทวั่ ไปสําหรบั ผตู ดั สนิ 86 ผูตัดสินเพลต 87 ผตู ัดสินเบส 87 ความรบั ผิดชอบของผูตัดสนิ เม่ือทาํ หนาทเ่ี พียงคนเดียว 87 การเปล่ยี นผตู ัดสนิ 87 ดุลพินจิ ของผตู ดั สิน 88 สัญญาณตาง ๆ 88 การหยดุ การเลน ชั่วขณะ 89 การละเมดิ กติกาและการลงโทษ 90 หมวด 11 การประทว ง (PROTESTS) 90 การประทวงทไ่ี มรับพจิ ารณา 90 การประทวงที่รับพิจารณา 91 การประทว งที่เกี่ยวกบั ความถูกตองของการใชด ลุ พินจิ ของผูตัดสนิ 91 และการตีความกตกิ า 91 การแสดงความจํานงจะประทวง 91 กําหนดเวลาท่ีตอ งยน่ื เอกสารประทว ง 92 ขอ มลู ท่ีตองระบุในเอกสารประทว ง ผลการประทว ง
-4- หนา เนอ้ื หา 93 หมวด 12 การบนั ทึกผล (SCORING) 93 ผูบันทึกผล 93 ชองบันทกึ ผล 95 ไมใ หบันทึกจํานวนครงั้ ในการทําเบสฮติ 96 ตีฟลายบอลเสียสละ 96 หมวด 12 (ตอ) รันแบตเตด็ อิน หรือ RBI 96 พิตเชอรผ ชู นะ 96 พติ เชอรผ ูแพ 96 สรปุ ผลการแขง ขนั 97 จาํ นวนเบสท่ีขโมยได 97 สถติ ิของการแขง ขันทม่ี ีการปรบั เปน แพ 98 ภาคผนวก 1 ก OFFICIAL DIMENSIONS FOR SOFTBALL DIAMONDS 99 ภาคผนวก 1 ข BASE, PLATE AND BATTER’S BOX MEASUREMENTS 100 ภาคผนวก 1 ค ผังสนามแขง ขัน สว นอนิ ฟลด ระยะเบส 60 ฟตุ 101 ภาคผนวก 1 ง ผังสนามแขงขันโดยภาพรวม 102 ภาคผนวก 2 ตารางแสดงระยะตาง ๆ 104 ภาคผนวก 3 การทําสนามแขง ขนั 105 ภาคผนวก 4 ขอ กําหนดเกี่ยวกับลูกซอฟทบอลบอล 106 ตารางแสดงมาตรฐานลกู ซอฟทบ อล 107 ภาคผนวก 5 ขอกําหนดเก่ียวกับโกลฟ
ก หลักเกณฑใ นการพจิ ารณาจดั ทํากติกาซอฟทบ อลฉบบั ภาษาไทยป พ.ศ. 2554 แปลและเรยี บเรยี งจาก ISF OFFICIAL RULES OF SOFTBALL 2010 - 2013 -------------------------------------------------------------- 1. การจัดทํากติกาคร้ังนี้ เพื่อเปนการเผยแพรตอสโมสรสมาชิกของสมาคมซอฟทบอลสมัครเลนแหง ประเทศไทย สถาบันการศึกษา ผูมีสวนเกี่ยวของกับทีม และผูสนใจท่ัวไป ซ่ึงมีความรู ความเขาใจ และประสบการณเกี่ยวกับกีฬาซอฟทบอลท่ีแตกตางกันอยูบาง จึงไมใชการแปลจากกติกาตนฉบับ ภาษาอังกฤษของสหพันธซอฟทบอลนานาชาติ ป ค.ศ. 2010 – 2013 (ISF OFFICIAL RULES OF SOFTBALL 2010 – 2013) โดยตรงอาจมีการปรับปรุงหรือเพ่ิมเติมบางสวน เพ่ือใหผูอานท่ีอาจ จะมีพน้ื ฐานเกยี่ วกบั ซอฟทบ อลไมม ากนักสามารถไดรบั ประโยชนจากกติกาฉบบั น้ดี ว ยเชน กนั 2. ขอความตอนใดที่ไมเกี่ยวของกับประเภทฟาสตพิตช (เกี่ยวของกับประเภทโมดิฟายดพิตชและหรือ สโลวพิตชเทา น้นั ) จะแสดงดว ยพื้นหลงั สเี ทา 3. กติกากีฬาซอฟทบอลมีสถานภาพคลายกับกฎหมาย เพียงแตมีผลบังคับใชในวงจํากัด เฉพาะผูเขารวม กิจกรรมกีฬาซอฟทบอลเทานั้น ดังน้ันลักษณะการใชภาษาในกติกาควรมีผลบังคับใช ในลักษณะ คลา ยคลึงกันกับภาษากฎหมาย 4. การใชคาํ ทบั ศัพท เครือ่ งหมายวรรคตอน และเครื่องหมายอ่นื ๆ 4.1 การใชคําทับศัพท ยึดหลักเกณฑวิธที ับศพั ทท่ัวๆ ไป และหลักเกณฑการทับศัพทภาษาอังกฤษตาม ประกาศของราชบัณฑิตยสถาน ยกเวน คําวา Softball (ซึ่งตามหลักเกณฑ ควรเปน ซอฟตบอล) จะใชค ําทับศัพทว า ซอฟทบอล ตามชื่อจดทะเบียนของสมาคมท่ีใชมาต้งั แต เร่ิมจดทะเบียนจัดต้ัง สมาคม และยงั ไมม กี ารเปล่ียนแปลงชือ่ แตอ ยา งใด 4.2 การใชเคร่ืองหมายวรรคตอน และเครื่องหมายอื่น ๆ ยึดตามหลักเกณฑการใชเครื่องหมาย วรรคตอน และเคร่ืองหมายอื่น ๆ หลักเกณฑการเวนวรรค หลักเกณฑการเขียนคํายอ ของราชบัณฑติ ยสถาน 4.3 ศัพทเ ทคนคิ ท่ีผตู ัดสนิ ใชในการตดั สิน จะใชค าํ ทับศัพทตามหลักเกณฑใน ขอ 4.1 5. การใชหัวขอยอย จะใชพยัญชนะภาษาไทยแทนภาษาอังกฤษเปนหัวขอยอย ตามท่ีโปรแกรม Microsoft Word 2003 สราง ซึง่ ไมใชพ ยญั ชนะ “ฃ” “ฅ” และ “ฆ” ผูแปลและเรยี บเรยี ง นายยทุ ธนา นํ้าเงนิ คณะผูต รวจ นายวชิ ชา วัชระวรากรณ นายกาํ ธร งทู ิพย นายปานศิริ ใจดี
กตกิ าซอฟทบอล ของ สมาคมซอฟทบ อลสมคั รเลนแหงประเทศไทย พ.ศ. 2554 ─────────────── หมวด 1 คําจํากัดความ (DEFINITIONS) ขอ 1 ไมต ดี ัดแปลง (ALTERED BAT) ใหถือวาเปนไมตีดัดแปลง เม่ือมีการทําใหโครงสรางทางกายภาพของไมตีท่ีถูกกติกาเปลี่ยนแปลง ตัวอยา งของการดดั แปลงไมต ี ไดแก - การเปลีย่ นดามจบั ของไมตีชนดิ โลหะดวยดา มจับท่ีเปน ไมหรือวัสดุอน่ื - การใสว ัสดุใดๆ เขาไปในไมต ี - การพนั ดามจบั หนาเกนิ ไป (มากกวา 2 ชน้ั ) หรอื - การทาสที ่ปี ลายไมตี (barrel end) หรอื โคนไมตี (knob end) ซึ่งมีวตั ถุประสงคอน่ื นอกเหนือไปจากการแสดงความเปนเจาของ การเปล่ียนดามจับไมตีดวยวัสดุที่ถูกกติกา ไมถือวาเปนการ ดดั แปลงไมตี ไมต ที ี่มดี า มจับผายออก หรือเปน ทรงกรวย ใหพิจารณาวาเปน ไมตีดดั แปลงดวย การสลักเคร่ืองหมายเพ่อื แสดงความเปน เจา ของ - บรเิ วณโคนไมตชี นดิ โลหะ ไมเปน การดัดแปลงไมต ี - บรเิ วณปลายไมต ชี นดิ โลหะ เปน การดดั แปลงไมตี การใชเลเซอรท าํ เคร่ืองหมายเพ่ือแสดงความเปนเจาของไมว าบรเิ วณใดบนไมตี ไมเปนการดดั แปลง ไมต ี ขอ 2 การเลนตอ งอุทธรณ (APPEAL PLAY) การเลนตองอุทธรณ หมายถึง การเลนหรือสถานการณซ่ึงผูตัดสินไมสามารถตัดสินได ถาผูจัดการ ทีม ผูฝกสอน หรือผเู ลนของทีมที่ไมไ ดกระทาํ ผิดไมข ออุทธรณต อ ผูตัดสิน การขออุทธรณส ามารถกระทําไดไมวา ในขณะทีเ่ ปนบอลอนิ เพลยห รอื เปนเดดบอล ผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนจะขออุทธรณไดเฉพาะในขณะท่ีเปนเดดบอล และหลังจากเขาไปในเขต สนามแขง ขันแลวเทานนั้ กรณีที่ผูเลนฝายรับขออุทธรณผูเลนนั้นตองอยูในอินฟลด ขณะท่ีขอผูเลนฝายรับไมสามารถขอ อุทธรณไ ดห ลงั จากเกดิ เหตุการณใ ดเหตกุ ารณหน่งึ ตอไปนี้ ก. มีการพิตชท ีถ่ ูกกตกิ าหรือมีการขานเปนการพิตชท ผี่ ิดกติกาแลว
2 ขอยกเวน 1. การใชผเู ลน สํารองที่ผิดกติกา การกลับเขา มาแขง ขันใหมท่ีผิดกตกิ า การใชผเู ลนแทน ช่ัวคราวหรอื ผูเ ลนตอ งพัก (ไมว าจะเปนการเขา หรือออก ตามกตกิ าผูเลนเลือดออก) โดยไมแจง ผูตดั สนิ เพลต ขออุทธรณเ ม่ือใดก็ได ขณะที่ผูเลน ทผี่ ดิ กติกาน้ันยงั อยใู นการ แขง ขนั 2. การอุทธรณผ วู ิ่งสลับตําแหนงบนเบสที่ครอบครองขออุทธรณเม่ือใดก็ไดจ นกวา ผูวิ่ง ทีส่ ลับตําแหนง น้ันทกุ คนออกไปอยใู นเขตที่พักของทีมหรอื ครึ่งอินนิงน้นั ส้ินสดุ ลง ก. พติ เชอร และผเู ลนของทีมฝายรับทุกคนออกพนเขตแฟรไปแลว ข. การแขงขันสิ้นสดุ และผูตัดสินทกุ คนออกนอกสนามแขงขันไปแลว กรณีตอ ไปนเ้ี ปนการเลน ตองอทุ ธรณ ก. การแตะเบสพลาด ข. การออกจากเบสกอนผเู ลน ฝายรบั สมั ผัสฟลายบอลครัง้ แรก (กรณีรบั ฟลายบอลได) ค. การขนึ้ ตผี ดิ ลําดบั ง. การที่ผูว่งิ แรกเร่มิ พยายามเคล่ือนตอไปยังเบสสอง หลังจากแตะเบสหนง่ึ แลว จ. การเปล่ียนผเู ลนสาํ รองทผ่ี ดิ กติกา ฉ. การใชผ ูเลนตามกติกาผูเลนเลือดออก โดยไมแ จง ผูตัดสนิ เพลต ช. การกลบั เขา มาแขง ขันใหมทผ่ี ดิ กตกิ า ซ. การใชผูเ ลน ตามกตกิ าผเู ลน แทน โดยไมแจงผตู ัดสินเพลต ฌ. ผวู ิ่งสลับตาํ แหนง บนเบสทคี่ รอบครอง ขอ 3 แรงบีบอดั ลกู บอล (BALL COMPRESSION) แรงบีบอัดลูกบอล หมายถึง แรง มีหนวยเปนกิโลกรัม (หรือปอนด) ที่ตองใชเพื่อบีบลูกบอลให เล็กลงกวาเดิม 6.5 มิลลิเมตร (0.25 น้ิว) เมื่อวัดตามวิธีทดสอบของเอเอสทีเอ็ม (สมาคมวัสดุและการ ทดสอบแหงอเมริกา) ขอ 4 คาซโี ออารข องลูกบอล (BALL COR) คาซีโออารของลูกบอล หมายถึง คาที่ใชวัดการคืนสภาพของลูกบอล เม่ือวัดตามวิธีทดสอบของ เอ เอส ที เอม็ (สมาคมวสั ดแุ ละการทดสอบแหง อเมริกา) ขอ 5 เสน แนวเบส (BASE LINE) เสน แนวเบส หมายถงึ เสน ตรงจากเบสหนึง่ ไปยงั อีกเบสหน่งึ ขอ 6 เบสออนบอล (BASE ON BALLS) (ประเภทฟาสตพ ิตชและสโลวพิตช) เบสออนบอล หมายถึง การที่ผตู ไี ดสิทธค์ิ รอบครอง เบสหน่ึง ผูตัดสินเพลตจะใหผูตีไดเบสออนบอลเม่ือการพิตชเปน “บอล” 4 ครั้ง (รวมถึงการพิตชท่ีผิดกติกาดวย) บางคร้ังเรยี ก “เบสออนบอล” วา วอลค (WALK) (ประเภทฟาสตพติ ช) เปนบอลอนิ เพลย (ประเภทสโลวพิตช) เปนเดดบอล
3 ขอ 7 ทางว่งิ (BASE PATH) ทางวิ่ง หมายถึง แนวเสนตรงระหวางเบสกับตําแหนงที่ผูว่ิงเคลื่อนท่ีอยู ในขณะที่ผูเลนฝายรับ พยายาม (หรอื กําลงั พยายาม) แตะผูวิง่ ขอ 8 ลูกบอลทีถ่ ูกตี (BATTED BALL) ลกู บอลที่ถูกตี หมายถงึ ลูกบอลซ่งึ กระทบกับไมตีหรือไมตีกระทบลูกบอล และลูกบอลนัน้ ตกถึงพ้ืน ในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ไมว า จะต้งั ใจตหี รือไมก ็ตาม ขอ 9 ผตู ี (BATTER) ผูตี หมายถึง ผูเลนของทีมฝายรุกซึ่งเขาไปอยูภายในเขตผูตี โดยมีเจตนาชวยใหทีมไดคะแนนจะ เปน ผตู ไี ปจนกระท่งั ถกู ผตู ัดสินขานเอาตห รอื เปน ผูวิ่งแรกเริ่ม ขอ 10 เขตผูต ี (BATTER’S BOX) เขตผูตี หมายถงึ พืน้ ที่เฉพาะทีผ่ ูตตี องเขา ไปยืนอยูภายใน เพื่อชวยใหท ีมของตนเองทําคะแนนได เสน แสดงเขตผตู ถี อื วารวมอยใู นเขตผตู ีดวย ขอ 11 ผวู งิ่ แรกเรม่ิ (BATTER-RUNNER) ผวู งิ่ แรกเร่ิม หมายถงึ ผเู ลนซึ่งสนิ้ สุดรอบขนึ้ ตีแลว แตยงั ไมถ ูกทําเอาต และยงั ไมไดครอบครอง เบส หน่งึ ขอ 12 ลําดับการข้นึ ตี (BATTING ORDER) ลําดับการขึ้นตี หมายถึง รายชื่อผูเลนอยางเปนทางการของผูเลนตามลําดับท่ีจะเขามาเปนผูตี ขณะที่เปน ฝา ยรกุ ในใบแสดงลําดบั การขึน้ ตี ตอ งระบุตาํ แหนงของผูเลน แตล ะคนในขณะที่เปน ฝายรบั ดวย ขอ 13 บลอ กบอล (BLOCKED BALL) บลอกบอล หมายถงึ ลกู บอลที่ถกู ตี ถูกขวาง หรอื ถูกพิตชซ ่ึง ก. ตดิ อยใู นรว้ั ก้นั ข. ถูกแตะ หยดุ หรือจบั ตองไวโดยบคุ คลท่ีไมเ กีย่ วของกับการแขง ขนั ค. สัมผัสกบั วัตถุอืน่ ใดทีไ่ มใชส ว นใดสวนหนึ่งของอปุ กรณหรอื สนามแขง ขนั ง. สัมผัสกบั ผูเ ลน ฝายรับซ่ึงขณะนนั้ สมั ผสั กบั พ้นื นอกสนามแขงขัน ลูกบอลท่ีขวางมาโดนผูฝกสอน (ไมวาอยูในเขตหรือนอกเขตผูฝกสอน) โดยไมเจตนาไมเปน บลอกบอล ขอ 14 บนั ต (BUNT) บันต หมายถึง ลูกบอลท่ีถูกตีซ่ึงผูตีไมเหว่ียงไมตี โดยต้ังใจใหไมตีกระทบลูกบอลแลวลูกบอลกล้ิง อยางชา ๆ อยภู ายในอนิ ฟล ด ขอ 15 การรบั (CATCH) การรับ หมายถึง ลูกบอลท่ีรับไวไดโดยถูกกติกา เกิดขึ้นเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลท่ีถูกตี หรือ ถกู ขวา งดว ยมอื หรอื โกลฟ
4 ก. การรบั ทีส่ มบรู ณน ั้น ใหผเู ลนฝายรบั ถอื ลกู บอลไวน านพอทจี่ ะแสดงวา ควบคมุ ลกู บอลไวได โดยสมบรู ณแ ละหรือการปลอ ยลกู บอลออกจากมือ หรือโกลฟน้นั เปน ไปโดยสมัครใจ และ เจตนา ถา ผูเลน ทําลกู บอลหลุดมอื หลงั จากลูกบอลเขา ไปในโกลฟแลวพยายามจะเอา ลูกบอลออกมาหรอื ในขณะท่อี ยใู นทาขวาง ใหถอื วา เปนการรบั ทสี่ มบูรณ ข. ถาลูกบอลเพียงแตถ กู หนีบเอาไวดวยแขน หรือปอ งกนั ไวไ มใ หตกถึงพนื้ โดยใชส วนใด สว นหน่ึงของรา งกาย อุปกรณ หรอื เสื้อผา ของผูเ ลนฝา ยรับ ใหถอื วา ยงั เปนการรบั ท่ี ไมส มบูรณจ นกวา จะจับดว ยมอื หรอื โกลฟ ค. เทาของผูเลน ฝายรบั ใหพ จิ ารณาดงั นี้ 1. กรณีผูเลนอยูในเขตสนามแขง ขนั เคลอ่ื นไปถงึ เสนแสดงเขตสนามแขง ขนั รบั ลูกบอลแลว ออกนอกสนามแขง ขัน) (ก) เทา ตองอยภู ายในสนามแขง ขัน ขณะรับลกู บอล (ข) เทา สมั ผัสเสน แสดงเขตสนามแขงขัน ขณะรบั ลกู บอล (ค) เทาทง้ั 2 ขางลอยจากพ้นื ในสนามแขง ขัน ขณะรบั ลกู บอลจึงถอื เปน การรบั ลูกบอลได โดยถกู กติกา ถา ผเู ลนควบคมุ ลกู บอลไดเ ม่ือลงสพู ้นื นอกเขตสนามแขงขัน ถือเปนการรับลกู บอลไดโ ดยถกู กติกา 2. ผูเ ลน ซงึ่ ออกไปนอกเขตสนามแขงขนั และเคล่อื นกลบั เขา มาในสนามแขงขนั เทา ทงั้ สองขา งตอ งสมั ผสั พืน้ สนามแขงขันกอนสัมผสั ลูกบอล จงึ ถือเปนการรบั ลูกบอลได โดยถกู กตกิ า ก. ไมถอื วา เปน การรบั ไดโ ดยถูกกตกิ า ถาผเู ลน ฝา ยรับ (ซงึ่ กาํ ลงั ควบคุมลกู บอล) ชนกบั ผูเ ลนอื่น หรอื ผูตดั สิน หรือชนรวั้ ก้ัน หรือลม ลงบนพนื้ แลว ทาํ ใหลกู บอลตกถึงพนื้ ข. ลกู บอลถูกตที ่ีกระทบกับส่ิงอนื่ ใดนอกเหนือจากผเู ลน ฝา ยรบั ในขณะท่ยี งั ลอยอยูน้นั ใหถือวา ลูกบอลนั้นกระทบพน้ื ขอ 16 เขตแคตเชอร (CATCHER’S BOX) เขตแคตเชอร หมายถึง พ้นื ทเ่ี ฉพาะทแี่ คตเชอรตอ งอยภู ายในนั้น ก. (ประเภทฟาสตพิตช) จนกวาลูกบอลจะถกู ปลอยออกจากมือพติ เชอร ข. (ประเภทสโลวพิตช) จนกวาลูกบอลที่ถูกพิตชออกมาจะถูกตี สัมผัสพื้น หรือโฮมเพลต หรือ ผตู ี หรือไปถงึ เขตแคตเชอร เสนแสดงเขตถอื วา อยูภ ายในเขตแคตเชอรดว ย ใหถือวาแคตเชอรอยูในเขต ยกเวนในกรณีทีแ่ คตเชอรส มั ผัสพ้ืนสว นทอ่ี ยนู อกเขตแคตเชอร ขอ 17 ชารจคอนเฟอเรนซ (CHARGED CONFERENCE) ชารจคอนเฟอเรนซ เกดิ ขน้ึ เมื่อ ก. (ชารจคอนเฟอเรนซของทีมฝายรุก) ทีมฝายรุกขอใหหยุดการแขงขันช่ัวขณะ เพ่ือให ผูจดั การทีม หรอื ตัวแทนของทีมคนอืน่ ๆ พดู คุยกับสมาชิกของทีมคนใดคนหน่งึ
5 ข. (ชารจคอนเฟอเรนซข องทีมฝายรับ) ทมี ฝายรบั ขอใหห ยดุ การแขง ขนั ช่ัวขณะ และ 1. ผแู ทนของทีมฝา ยรบั เขาไปในสนามแขงขนั และสื่อสารกบั ผูเลนฝายรับคนใดคนหน่ึง 2. ผูเลนฝายรับออกจาก (ตําแหนงใน) สนาม ไปยังเขตท่ีพัก ซ่ึงผูตัดสินพิจารณาแลววา เปนการรับคาํ แนะนาํ /คาํ สอน หมายเหตุ ไมเปน ชารจ คอนเฟอเรนซถาผูจ ัดการทีมหรอื ผูฝก สอนแจงผตู ัดสนิ เพลตเปลีย่ น พิตเชอร ไมวา กอนหรอื หลังจากพูดคยุ กับพิตเชอร ขอ 18 ชอ็ ปบอล (CHOPPED BALL) (ประเภทสโลวพติ ช) ช็อปบอล หมายถึง การตีลูกบอลที่ผูตีเหวี่ยงไมตีในลักษณะเฉียงลง เพ่ือใหลูกบอลกระดอนสูงขึ้น ไปในอากาศ ขอ 19 ผฝู กสอน (COACH) ก. ผฝู กสอน คือ บคุ คลท่ีรบั ผิดชอบการกระทําของทมี ในสนามแขงขนั และเปนตัวแทนของทมี ใน การพูดคุยสือ่ สารกับผูตัดสนิ และทีมคูแขงขนั ผูเลนจะไดรับแตงตั้งใหเปนผูฝก สอนได ในกรณีทผี่ ูฝก สอนไม มาหรอื ผเู ลน นนั้ เปนผูฝ ก สอนดวย (playing coach) ข. ตามความหมายของกติกานี้ ใหถือวาผจู ดั การทมี เปนหวั หนาผฝู ก สอน ขอ 20 โครวฮ็อป (CROW HOP) (ประเภทฟาสตพติ ช) โครวฮ็อป หมายถึง การพิตชของพิตเชอรที่ไมไดถีบเทาหลักออกจากพิตเชอรเพลต เพ่ือปลอย ลูกบอล ถาพิตเชอรกาวออกจากพิตเชอรเพลต สรางแรงสงคร้งั ที่ 2 (หรอื สรางจุดเร่ิมตนใหม) ถีบเทาหลัก ออกจากจุดเริ่มตน ทส่ี รา งข้นึ มาใหมแ ลว ทําการปลอยลกู บอลจนสมบูรณ เปนการกระทําที่ผิดกตกิ า หมายเหตุ พติ เชอรก ระโจนออกจากพติ เชอรเพลตได แลว ลงสูพนื้ พรอมกับปลอยลกู บอลไปยงั โฮมเพลตดว ยการเคลื่อนทอ่ี ยา งตอ เนือ่ ง เทา หลักจะกาวสงแรงตามพรอมกบั การเคล่ือนท่ี ตอเนื่องน้ีก็ได การกระทําในลกั ษณะนไ้ี มถือเปน โครวฮอ็ ป ขอ 21 เดดบอล (DEAD BALL) เดดบอล หมายถึง สถานการณการแขง ขันซงึ่ ก. ลกู บอลสัมผัสวตั ถใุ ดๆ ซง่ึ ไมใ ชสวนของอปุ กรณ หรือพ้นื ท่แี ขงขนั ที่เปน ทางการ หรอื สัมผสั ผูเ ลนหรอื ผูท ไ่ี มม สี ว นเกย่ี วขอ งกบั การแขง ขนั ข. ลกู บอลตดิ อยใู นอปุ กรณข องผูต ดั สนิ หรอื ชดุ แขงขันของผเู ลนฝายรุก ค. ผูต ดั สนิ ขานเปน เดดบอล ขอ 22 ทีมฝา ยรบั (DEFENSIVE TEAM) ทีมฝายรับ หมายถึง ทีมทอ่ี ยใู นสนามแขง ขัน ขอ 23 ดีเลยเดดบอล (DELAYED DEAD BALL) ดเี ลยเ ดดบอล หมายถงึ สถานการณของการแขงขันซึ่งยังคงเปนบอลอินเพลย จนการเลน สิ้นสุดลง ตอจากน้ัน ใหผ ูตดั สนิ ขานเดดบอลและนํากติกาทเี่ หมาะสมมาบังคับใช (กตกิ าหมวด 9 ขอ 3)
6 ขอ 24 ผเู ลนแทน หรือ ดีพี (DESIGNATED PLAYER or DP) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ผเู ลนแทน หรอื ดีพี หมายถึง ผูเลนเริ่มตนซึ่งมีรายช่ือเปนผูตีแทนผูเลนเฟล็กซใ นขณะทเี่ ปนฝายรุก โดยที่ผูเ ลน เฟลก็ ซจะมรี ายชือ่ เปนลําดบั ท่ี 10 ในใบแสดงลาํ ดบั การขน้ึ ตี ขอ 25 เบสเคลื่อน (DISLODGED BASE) เบสเคล่ือน หมายถึง เบสที่หลดุ ออกไปจากตาํ แหนงปกติ ขอ 26 ดับเบิลเพลย (DOUBLE PLAY) ดับเบิลเพลย หมายถึง การเลนของทีมฝายรับซ่ึงสามารถทําใหผูเลนฝายรุกเอาตได โดยถกู กติกา 2 คนจากการเลนทีต่ อเนือ่ งกัน ขอ 27 เขตท่ีพกั (DUGOUT) เขตท่ีพัก หมายถึง พื้นที่ในเขตเดดบอลซ่ึงจัดไวใหเฉพาะผูเลน ผูฝกสอน ผูเก็บไมตี และผูแทน อยางเปน ทางการของทมี หา มสบู บหุ รีภ่ ายในบริเวณน้ี ขอ 28 การไลออกจากการแขงขนั (EJECTION FROM THE GAME) การไลออก หมายถึง การกระทําของผูตัดสินตอผูเลน หรือเจาหนาท่ี หรือสมาชิกของทีมคนใด คนหนึ่งที่ละเมิดกติกา มีผลใหบุคคลน้ันตองออกจากการแขงขันและออกนอกสนามแขงขัน ตลอดการ แขงขนั เกมน้ัน ขอ 29 แฟรบ อล (FAIR BALL) แฟรบอล หมายถงึ ก. ลูกบอลทถี่ กู ตีโดยถกู กตกิ า ซึง่ หยุด หรือถูกแตะบนหรือเหนือเขตแฟรระหวางโฮมเพลตกับ เบสหนง่ึ หรือโฮมเพลตกับเบสสาม ข. ลกู บอลท่ีถกู ตโี ดยถูกกติกาซง่ึ กระดอนผา นเบสหนึ่งหรือเบสสาม บนหรือเหนือเขตแฟร ไมว า ลกู บอลจะกระทบพ้นื ทใี่ ดหลงั จากกระดอนผา นเบสแลว ค. ลกู บอลทถ่ี กู ตโี ดยถูกกติกาซง่ึ สมั ผัสเบสหนึ่ง เบสสอง หรอื เบสสาม ง. ลกู บอลทีถ่ ูกตโี ดยถูกกติกาซึ่งถูกรา งกายหรือเสื้อผา ของผูต ดั สนิ หรือผูเ ลน ขณะอยบู น หรือเหนือเขตแฟร จ. ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดยถูกกตกิ าซ่ึงกระทบพืน้ ครง้ั แรกในเขตแฟรท ี่อยเู ลยเบสหนึ่งและเบสสาม ฉ. ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดยถกู กตกิ าซงึ่ ผา นออกนอกเขตสนามแขงขนั เลยรั้วกนั้ ดานนอกออกไปขณะ ที่อยเู หนอื เขตแฟร ช. ลูกบอลทถ่ี ูกตโี ดยถกู กติกาซ่ึงถกู เสาแสดงเสน เขตฟาวลขณะลอยอยใู นอากาศ หมายเหตุ 1. การตัดสนิ แฟรบอลที่เปน ฟลายบอล ใหดูจากตําแหนง ของลูกบอลเทียบกับเสน เขตฟาวล รวมท้งั เสาแสดงเสนเขตฟาวล โดยไมคํานึงวาผเู ลน ฝายรบั อยูในเขตแฟรหรือเขตฟาวลขณะที่สมั ผัสลกู บอล ไมว าลูกบอลกระทบพน้ื ครงั้ แรกในเขตแฟรห รือเขตฟาวล หากลกู บอลนัน้ ไมก ระทบกับสิง่ อื่นใดที่ไมใ ชสภาพ สนามตามปกติในเขตฟาวล และสอดคลอ งกบั ทีไ่ ดร ะบไุ ว ถือวา เปน แฟรบ อล
7 2. การตดั สนิ วา ลกู บอลทถี่ กู ตีเปนแฟรบอลหรอื ฟาวลบ อล กรณีมกี ารรบกวน ใหพิจารณา จากตําแหนง ของลกู บอลขณะทเี่ กิดการรบกวน ไมวาลกู บอลน้นั กลิ้งไปหยุดอยใู นเขตแฟรห รอื เขตฟาวล ขอ 30 เขตแฟร (FAIR TERRITORY) เขตแฟร หมายถึง พื้นท่ีของสนามแขงขันซ่ึงอยูภายในเสนเขตฟาวล (รวมเสนเขตฟาวลดวย) ทางดานเบสหน่ึงและเบสสามที่ลากจากโฮมเพลตไปจนถึงดานลางของร้ัวกั้นดานนอก รวมถึงบริเวณที่อยู เหนอื พืน้ ทีด่ งั กลาวดว ย ขอ 31 การหลอกแตะตวั (FAKE TAG) การหลอกแตะตัว หมายถึง การขัดขวางผูว่ิงลักษณะหน่ึง ในขณะท่ีผูว่ิงกําลังเคลื่อนไปขางหนา หรือยอนกลับมายังเบส โดยผูเลนฝายรับท่ีไมมีลูกบอล ซ่ึงหนวงเหน่ียวหรือกีดขวางการเคล่ือนที่ของผูว่ิง โดยการหนวงเหนี่ยวหรือกีดขวางนั้น ผูว่ิงไมจําเปนตองหยุดหรือสไลด เพียงแตถูกทําใหชาลง เม่ือมีการ หลอกแตะตัว ถือวาเปนการขดั ขวางแลว ขอ 32 ผเู ลน ฝา ยรบั (FIELDER) ผูเลนฝายรับ หมายถงึ ผเู ลนของทีมฝา ยรับทอ่ี ยใู นสนามแขงขนั ขอ 33 ฟลายบอล (FLY BALL) ฟลายบอล หมายถงึ ลูกบอลท่ถี กู ตีข้นึ ไปในอากาศ ขอ 34 ผเู ลนเฟล็กซ (FLEX PLAYER) (ประเภทฟาสตพ ิตช) ผูเลนเฟล็กซ หมายถึง ผูเลนเร่ิมตนซ่ึงผูเลนแทนหรือดีพีเปนผูตีแทนเม่ือทีมเปนฝายรุก ผเู ลน เฟล็กซจ ะมรี ายช่อื เปน ลาํ ดบั ที่ 10 ในใบแสดงลําดับการขึน้ ตี ขอ 35 ฟอรซ เอาต (FORCE OUT) ฟอรซเอาต หมายถึง เอาตซึ่งสามารถทําไดเฉพาะในกรณีที่ผูว่ิงเสียสิทธ์ิในเบสท่ีครอบครองอยู เนอื่ งจากผตู เี ปนผวู ิง่ แรกเริม่ และผูวิ่งแรกเริ่ม หรอื ผวู ง่ิ ที่ตามมายังไมถ กู ทําเอาต ในกรณีการเลนตองอุทธรณ ฟอรซเอาตกําหนดโดยสถานการณในขณะขออุทธรณ ไมใชขณะ มีการละเมิดกติกา เชน ถามีการทําใหผูว่ิงที่ตามมาเอาต สภาพเบสบังคับหมดไปกอนขออุทธรณ ไมเปน ฟอรซเอาต ขอ 36 การปรบั เปน แพ (FORFEIT) การปรับเปนแพ หมายถึง การกระทําของผูตัดสินเพลตในการส่ังใหการแขงขันยุติลง โดยประกาศ ใหทมี ทไี่ มไดก ระทําผดิ เปน ฝา ยชนะการแขงขนั ขอ 37 ฟาวลบอล (FOUL BALL) ฟาวลบ อล หมายถงึ ก. ลูกบอลที่ถูกตโี ดยถกู กตกิ าซง่ึ หยดุ อยใู นเขตฟาวลร ะหวางโฮมเพลตกับเบสหนง่ึ หรือโฮมเพลต กับเบสสาม ข. ลกู บอลทถ่ี กู ตโี ดยถูกกติกาซ่งึ กระดอนผา นเบสหนึ่งหรอื เบสสามบนหรอื เหนือเขตฟาวล ค. ลกู บอลท่ีถกู ตโี ดยถูกกติกาซงึ่ กระทบพน้ื ครั้งแรกในเขตฟาวลซ่งึ อยูเลยเบสหน่ึงหรือเบสสาม
8 ง. ลูกบอลที่ถูกตโี ดยถูกกตกิ าซึ่งถูกรางกายหรอื เส้ือผาของผตู ัดสิน ผูเลน หรือวสั ดุอนื่ ซึง่ ไมใช สวนใดสว นหนงึ่ ของสนามตามปกติ ขณะทีอ่ ยบู นหรอื เหนือเขตฟาวล จ. ลกู บอลท่ถี กู ตโี ดยถกู กตกิ าซ่ึงถูกรา งกายผูตี หรือไมต ีในมือของผตู ีเปนครง้ั ท่ี 2 ขณะที่อยูใน เขตผตู ี ฉ. ลกู บอลทถ่ี กู ตีโดยถูกกตกิ าซ่ึงแฉลบจากไมตี ในระดบั ไมสูงกวา ศีรษะของผูตี ไปถูกสว นใดสว น หนง่ึ ของรางกายหรอื อุปกรณข องแคตเชอร แลว รับไวไ ดโ ดยผเู ลน ฝายรบั คนใดคนหนึง่ ช. ลกู บอลท่ีถกู ตีโดยถูกกติกาซ่ึงสมั ผัสกบั พิตเชอรเ พลต และไมถ ูกผูเ ลนคนใด กล้งิ ไปอยใู น เขตฟาวลกอนถงึ เบสหน่งึ หรอื เบสสาม หมายเหตุ 1. การตดั สนิ ฟาวลบ อลท่ีเปน ฟลายบอล ดูจากตําแหนง ของลูกบอลเทยี บกบั เสน เขตฟาวล รวมทง้ั เสาแสดงเสน เขตฟาวล โดยไมคาํ นงึ วาผูเลนฝา ยรับอยใู นเขตแฟรหรือเขตฟาวลขณะทสี่ ัมผัสลูกบอล 2. การตัดสนิ วา ลกู บอลทีถ่ ูกตีเปนแฟรบ อลหรอื ฟาวลบอลกรณีมีการรบกวน ใหพจิ ารณา จากตําแหนง ของลกู บอลขณะที่เกิดการรบกวน ไมว า ลูกบอลนน้ั กล้งิ ไปหยดุ อยูในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ขอ 38 เขตฟาวล (FOUL TERRITORY) เขตฟาวล หมายถงึ พนื้ ที่ของสนามแขงขนั ที่อยูนอกเขตแฟร ขอ 39 ฟาวลทปิ (FOUL TIP) ฟาวลท ิป หมายถงึ ก. ลกู บอลที่ถูกตีซ่งึ แฉลบจากไมตไี ปสูม ือหรือโกลฟ/มติ ตของแคตเชอรโ ดยตรง ข. ลกู บอลท่ีถกู ตซี ึ่งแฉลบไปในระดบั ไมส งู กวา ศรี ษะของผตู ี ค. ลูกบอลทถ่ี กู ตซี ึ่งแคตเชอรรบั ไวไ ดโดยถกู กตกิ า หมายเหตุ - ไมเ ปน ฟาวลท ิปถาแคตเชอรรบั ลกู บอลไวไ มได ฟาวลทิปนบั เปน สไตรค (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เปนบอลอนิ เพลย - (ประเภทสโลวพิตช) เปน เดดบอล - ไมถ อื วา เปน การรับ ถา ลกู บอลถกู สวนใดสว นหนึ่งของรางกายแคตเชอรแลว กระดอน เวนแตล ูกบอลถูกมอื หรอื โกลฟของแคตเชอรค รัง้ แรก ขอ 40 หมวกปองกัน (HELMET) ก. หมวกปอ งกนั จะตอ งมที ปี่ อ งกนั หู 2 ขาง และตองเปนชนดิ ทีใ่ หความปลอดภัยไดไ มน อ ยกวา หมวกปองกันชนดิ พลาสติกทงั้ ใบซึง่ มีนวมรองอยูดา นใน หมวกปอ งกันชนดิ ปอ งกันเฉพาะสวน หูไมถกู ตองตามขอ กาํ หนดในกตกิ าน้ี ข. หมวกปอ งกนั ของแคตเชอรจะเปนชนดิ ครอบศรี ษะซงึ่ ไมมีที่ปอ งกนั หูก็ได ค. หมวกปอ งกันทผี่ เู ลนฝายรับอืน่ (นอกจากแคตเชอร) สวม ไมจ ําเปน ตองมที ี่ปองกันหู ง. หมวกปองกันทร่ี าว แตก เปน รอยบุบ หรอื ถูกดดั แปลง ใหผ ูตดั สนิ ประกาศเปน หมวกปอ งกัน ท่ผี ิดกติกา และใหนาํ ออกจากการแขงขนั
9 ขอ 41 ทีมเหยา (HOME TEAM) ทีมเหยา หมายถึง ทีมท่ีเปนเจาของสนามท่ีใชในการแขงขันคร้ังนั้น ถาแขงขันในสนามที่เปนกลาง ใหกําหนดวาทีมใดจะเปนทมี เหยาโดยการตกลงกันเอง หรือโยนเหรยี ญเลอื กสิทธิ์ ขอ 42 ไมต ที ่ผี ิดกตกิ า (ILLEGAL BAT) ไมตีทีผ่ ดิ กติกา หมายถึง ไมต ซี ง่ึ ไมสอดคลองกบั ลักษณะทกี่ ําหนดไวต ามกติกาหมวด 3 ขอ 1 ขอ 43 ผูเลนพิเศษท่ีผิดกตกิ า (ILLEGAL EXTRA PLAYER) (ประเภทสโลวพิตช) ผูเลนพเิ ศษที่ผิดกติกา คือ ผทู ีล่ ะเมิดกติกาหมวด 4 ขอ 6 ขอ 44 พติ เชอรท ่ีผิดกติกา (ILLEGAL PITCHER) พิตเชอรที่ผิดกติกา หมายถึง ผูเลนที่สามารถเขาแขงขันไดโดยถูกกติกา แตจะเปนผูเลนใน ตาํ แหนง พิตเชอรไ มได ก. เนอื่ งจากผูตัดสนิ หรอื ผูจ ัดการทีม ใหพ น จากตาํ แหนงพิตเชอร เพราะมกี ารขอชารจ คอนเฟอเรนซเ กนิ จํานวนท่กี ําหนด ข. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เน่อื งจากผูต ดั สนิ ใหพนจากตําแหนง พติ เชอรเพราะพิตชดว ยความเร็ว ทมี่ ากเกินไปหลงั จากทผ่ี ตู ัดสินไดเตอื นแลว ขอ 45 ผเู ลน ทีผ่ ิดกติกา (ILLEGAL PLAYER) ผูเลนที่ผิดกติกา หมายถึง ผูเลนซึ่งไดลงแขงขันแลว ไมวาจะเปนในขณะที่ทีมเปนฝายรุกหรือ ฝายรบั โดยไมไ ดแจงผูตัดสนิ เพลต กรณตี อไปนเ้ี ปนผเู ลน ทผ่ี ิดกติกา ก. ผเู ลน แทนช่วั คราว ตามกตกิ าผเู ลนเลือดออก เขา มาแขง ขนั โดยไมไดแ จงผตู ัดสินเพลต ข. ผูเลนตองพกั ตามกติกาผเู ลนเลอื ดออก กลบั เขา มาแขง ขนั โดยไมไ ดแจง ผตู ดั สนิ เพลต ขอ 46 การกลบั เขา มาแขง ขันใหมโ ดยผิดกตกิ า (ILLEGAL RE-ENTRY) การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมโ ดยผิดกตกิ า เกิดขน้ึ เม่ือ ก. ผูเลน เร่มิ ตนกลบั เขา มาแขง ขนั อกี หลงั จากไดม กี ารเปลย่ี นออกไปแลว 2 ครงั้ ข. ผูเลนเรมิ่ ตนกลับเขามาแขง ขนั อกี หลงั จากถกู เปลยี่ นออกไปแลว แตไมไ ดก ลบั เขา มาในลาํ ดบั การข้นึ ตเี ดมิ ค. ผูเลนสํารองท่ีเขามาแขงขันโดยถกู กตกิ า กลบั เขา มาแขงขนั อีกหลงั จากถูกเปลย่ี นออกโดยผูเ ลน เร่มิ ตนคนเดมิ หรอื ผเู ลน สาํ รองอ่ืน ง. (ประเภทฟาสตพิตช) ดีพีเรม่ิ ตน หรอื ผเู ลนสํารองทีเ่ ขามาแทนไมไ ดกลับเขา มาเปน ผตู ีในลําดบั การขึน้ ตีเดิม จ. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูเลน เฟล็กซซ ง่ึ เขามาเปนผูตใี นลาํ ดับการขึน้ ตีอ่นื ที่ไมใชลําดบั การขน้ึ ตี ของดพี ีเรม่ิ ตน
10 ขอ 47 ผเู ลนสาํ รองทีผ่ ิดกตกิ า (ILLEGAL SUBSTITUTE) ผเู ลน สาํ รองที่ผดิ กตกิ า หมายถึง ผเู ลน ท่ลี งแขงขนั โดยไมไ ดแจงผูต ัดสนิ เพลต โดยอาจจะเปน ก. ผูเลน สํารองท่ีไมอ ยูใ นการแขง ขนั ข. ผูเลน ทผ่ี ิดกตกิ า ค. ผูเ ลน ทถี่ กู ประกาศเปน ผูเลนที่พนสภาพ ง. ผูเ ลนทก่ี ลับเขามาแขงขันใหมโ ดยผดิ กตกิ า จ. (ประเภทฟาสตพติ ช) ผเู ลนแทนหรือดีพี หรอื ผูเลน เฟลก็ ซทผี่ ิดกติกา (ประเภทสโลวพ ิตช) อพี ี ทผี่ ดิ กตกิ า ฉ. ผเู ลน แทนช่วั คราวซ่ึงยังคงอยใู นการแขงขันในฐานะผูเลน สาํ รองทไี่ มไ ดแ จง ผูตดั สินเพลต ในกรณที ี่ผูเลนตองพกั ไมไ ดก ลบั เขามาแขงขนั ภายในเวลาท่กี ําหนดตามกติกาผูเลน เลือดออก ขอ 48 ลูกบอลท่ีถูกตีโดยผิดกตกิ า (ILLEGALLY BATTED BALL) ลูกบอลท่ีถูกตีโดยผิดกติกา เกิดข้ึนเมื่อผูตีตีลูกบอล (ไมวาลูกบอลท่ีถูกตีนั้นจะเปนแฟรบอลหรือ ฟาวลบอล) และเขาลักษณะใดลักษณะหน่งึ ตอไปน้ี ก. เทา ของผตู สี ัมผสั พน้ื นอกเขตผตู ที งั้ เทา ขณะไมตีกระทบลกู บอล ข. สวนใดสว นหน่งึ ของเทา ของผตู ีสมั ผัสโฮมเพลตขณะไมต ีกระทบลูกบอล ค. ผตู ใี ชไ มตที ่ีผดิ กตกิ า หรอื ไมต ีที่ไมไดร บั การรับรอง หรือไมตีดดั แปลง กระทบลูกบอล ง. ผตู ีกาวเทา ออกนอกเขตผตู ที ง้ั เทา แลว กาวกลับเขามาอยภู ายในเขตผตู ีขณะไมตกี ระทบ ลูกบอล ขอ 49 ลกู บอลท่รี ับโดยผิดกติกา (ILLEGALLY CAUGHT BALL) ลูกบอลท่ีรับโดยผิดกติกา เกิดข้ึนเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลท่ีถูกขวาง ถูกตี หรือถูกพิตชมา ดวยหมวก หนา กาก โกลฟ หรอื สวนใดสวนหนงึ่ ของชุดแขงขนั ทไ่ี มไดอยูใ นตาํ แหนง ปกติ ขอ 50 ผูเลนทพ่ี น สภาพ (INELIGIBLE PLAYER) ผูเลนที่พนสภาพ หมายถึง ผูเลนที่จะเขารวมการแขงขันโดยถูกกติกาไมไดอีกตอไป เนื่องจาก ผูตัดสินเพลตลงโทษใหออกจากการแขงขัน ผูเลนที่พนสภาพจะเขารวมการแขงขันในฐานะผูเลนไมไดอีก แตเ ปน ผฝู กสอนได ขอ 51 ผูเลน แทนชั่วคราวทพี่ น สภาพ (INELIGIBLE REPLACEMENT PLAYER) ผูเลนแทนช่ัวคราวที่พนสภาพ หมายถึง ผูเลนท่ีไมสามารถจะเขามาแขงขันแทนผูเลนตองพัก ตามกติกาผเู ลนเลอื ดออกได ก. เน่ืองจากผูเ ลนนั้นทําผิดกติกา และถูกผตู ดั สินใหอ อกจากการแขง ขันหรอื ไลออกจากการแขงขนั ข. เนือ่ งจากผูเลน น้นั เปนผเู ลนทม่ี ีรายช่อื ในลําดบั การขน้ึ ตีขณะน้ัน ขอ 52 ยงั ลอยอยู (IN FLIGHT) ยังลอยอยู หมายถึง ลักษณะของลูกบอลที่ถูกตี ถูกขวาง หรือถูกพิตชมาซ่ึงยังไมกระทบพื้น หรือวสั ดอุ ืน่ ใดนอกจากผเู ลน ฝายรบั
11 ขอ 53 อยูในภาวะลอแหลม (IN JEOPARDY) อยูในภาวะลอแหลม หมายถงึ สถานการณซง่ึ เปนบอลอนิ เพลย และผูเลน ฝายรกุ อาจถูกทําเอาตได ขอ 54 อินฟลด (INFIELD) อินฟล ด หมายถึง พ้ืนท่ีสวนหน่ึงของสนามแขงขันในเขตแฟร ซ่ึงรวมถงึ พ้นื ทตี่ างๆ ท่ีปกติ ผูเลน อินฟลดควบคมุ อยู ขอ 55 ผเู ลน อนิ ฟล ด (INFIELDER) ผูเลนอินฟลด หมายถึง ผูเลนฝายรับ (รวมทั้งพิตเชอรและแคตเชอร) ซ่ึงตามปกติแลวจัดตําแหนง ยืนของตนเองใกลหรือภายในทางว่ิง ผูเลนซึ่งปกติเลนในบริเวณเอาตฟลดจะถือวาเปนผูเลนอินฟลดได ถาเคลอ่ื นเขามาอยูภายในบรเิ วณซึ่งปกตผิ ูเลนอินฟล ดร บั ผดิ ชอบอยู ขอ 56 อนิ ฟลดฟ ลาย (INFIELD FLY) อินฟลดฟ ลาย หมายถึง ฟลายบอลที่อยูเหนือเขตแฟร (ไมรวมลูกพุงหรือบนั ต) ซึ่งผูเลนอินฟลด สามารถรบั ไดดวยการเลนปกติ ในขณะท่ีฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาต และมีผูวิ่งอยูบนเบสหนึ่งและเบสสอง หรอื บนเบสหนึ่ง เบสสอง และเบสสาม พิตเชอร แคตเชอร และผูเลนเอาตฟลดท ่ีเคล่ือนเขา มาอยูในอนิ ฟลดเพ่ือรับลูกบอล ใหถือวาเปน ผูเลน อินฟล ดต ามกติกาน้ี หมายเหตุ 1. เมอ่ื เห็นไดชัดวา ลกู บอลท่ีถูกตจี ะเปน อินฟล ดฟลาย ใหผูต ดั สนิ ขานวา “อินฟล ดฟลาย อีฟแฟร แบตเตอรอีสเอาต” โดยทนั ทีเพอ่ื ประโยชนตอผูวิ่ง 2. อินฟล ดฟ ลายเปน บอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคล่อื นไปขา งหนาโดยเส่ยี งตอการทีผ่ ูเ ลน ฝา ยรับ รับลูกบอลนั้นไวได หรือกลับมาแตะเบสอีกคร้ังหน่ึงและเคล่ือนไปขางหนาหลังจากผูเลนฝายรับสัมผัส ลูกบอลครั้งแรกแลวเชนเดียวกับกรณีฟลายบอลก็ได ถาลูกบอลที่ถูกตีครั้งนั้นเปนฟาวลบอล ใหปฏิบัติ เชน เดยี วกบั กรณฟี าวลบอลอ่ืนๆ 3. หลังจากผูตดั สินขานเปน อนิ ฟล ดฟลาย ลูกบอลตกถงึ พื้นในเขตแฟรโดยไมส ัมผสั ผเู ลนฝา ยรบั คนใด หรอื สงิ่ อน่ื ใด แลว กระดอนสูเขตฟาวลก อนท่จี ะผา นเบสหนึง่ หรอื เบสสาม เปนฟาวลบ อล 4. หลังจากผตู ัดสนิ ขานเปน อนิ ฟลดฟ ลาย ลกู บอลตกถงึ พ้ืนในเขตฟาวลโ ดยไมส มั ผัสผูเลน ฝา ยรับ คนใด หรอื ส่งิ อืน่ ใด แลว กระดอนไปยังเขตแฟรกอนผา นเบสหน่ึง หรอื เบสสาม เปน อินฟล ดฟลาย ขอ 57 อนิ นิง (INNING) อินนิง หมายถึง ชวงเวลาหน่ึงของการแขงขันซึ่งแตละทีมสลับกันเปนฝายรุกและฝายรับโดยจะ เปลี่ยนจากทีมฝายรับเปนทีมฝายรุก เมื่อทีมฝายรับสามารถทําใหผูเลนของทีมฝายรุกเอาตได 3 เอาต อินนงิ ใหมเ ริม่ ตน ทันทหี ลงั จากเอาตส ุดทายของอนิ นงิ กอ น ขอ 58 เบสออนบอลโดยเจตนา (INTENTIONAL BASE ON BALLS) เบสออนบอลโดยเจตนา หมายถึง การท่ีทีมฝายรับประสงคใหผูตีไปครอบครองเบสหนึ่ง โดยไมตอ งการพติ ชเปน บอล 4 คร้ัง เรยี กวา วอลคโดยเจตนาก็ได เปน เดดบอล
12 ขอ 59 ฟลายบอลที่ปลอ ยใหต กถึงพืน้ โดยเจตนา (INTENTIONALLY DROPPED FLY BALL) ฟลายบอลที่ปลอยใหตกถึงพื้นโดยเจตนา หมายถึง ฟลายบอลในเขตแฟร รวมท้ังลูกพุงและบันต ในขณะท่ีทมี ฝายรุกมผี ูวิ่งอยูที่เบสหนึ่ง และมีเอาตนอยกวา 2 เอาต ซึง่ ผูเลน อินฟลดส ามารถรับไดดว ยการ เลน ปกติ แตผเู ลนอนิ ฟลดเ จตนาปลอยใหลูกบอลตกถึงพืน้ หลงั จากควบคมุ ลกู บอล ไวไดด วยมอื หรอื โกลฟ แทร็ปบอลหรือฟลายบอลท่ปี ลอยใหก ระดอนพืน้ ไมถอื วา เปนฟลายบอลทปี่ ลอ ยใหตกถึงพื้นโดยเจตนา ขอ 60 การรบกวน (INTERFERENCE) การรบกวน หมายถงึ ก. การกระทาํ ของผเู ลน หรอื สมาชิกอ่นื ของทีมฝา ยรกุ ซงึ่ กีดขวาง หนว งเหนี่ยว หรอื ทาํ ใหผูเลน ฝา ยรบั ที่พยายามเลนลกู บอลเกิดความสบั สน ค. การกระทําของผูตัดสินในการกดี ขวางแคตเชอรซงึ่ พยายามขวางลกู บอลไปทําใหผูว่งิ ทไี่ มไ ด อยูท เ่ี บสเอาต ค. การกระทําของผตู ดั สนิ โดยลกู บอลท่ีถกู ตีเปนแฟรบ อลมาโดนรา งกาย กอ นผานผเู ลน อินฟล ดไมรวมพิตเชอร ง. การกระทาํ ของผูชมซึง่ ลาํ้ เขา มาในสนามแขงขนั และกีดขวางผูเลนฝา ยรบั ท่ีพยายามเลน ลกู บอล หรือสัมผัสกับลกู บอลท่ีผูเ ลนฝา ยรบั พยายามเลน ขอ 61 การกระโจน (LEAPING) (ประเภทฟาสตพติ ช) การกระโจน หมายถึง การกระทําของพิตเชอรท่ีถีบเทาออกจากพิตเชอรเพลต จนโมเมนตัม ซง่ึ เกดิ จากการเคลื่อนตัวไปขางหนาของพิตเชอร ทําใหทัง้ ตัวของพิตเชอรรวมทั้งเทาหลัก และเทาที่ใชกาว ลอยอยูในอากาศในขณะเดียวกัน และมีทิศทางไปยังโฮมเพลตขณะท่ีการปลอยลูกบอลเปนไปโดยสมบูรณ การกระโจนเปนการกระทําท่ีถกู กตกิ า ขอ 62 การแตะท่ีถกู กตกิ า (LEGAL TOUCH (TAG)) การแตะที่ถูกกติกา หมายถงึ การกระทําของผูเ ลนฝา ยรบั ในลักษณะตอไปนี้ ก. แตะผูวง่ิ หรือผูว ิ่งแรกเริม่ ซึ่งไมไ ดอยูบนเบส ดวยลกู บอลที่ถอื อยูในมือหรอื โกลฟของผูเลน ฝายรับอยางม่นั คง ไมนับวา เปน การถอื ลกู บอลไวอยางม่ันคง ถา ลกู บอลกระดอนออกมา จากมือหรือโกลฟของผูเลน หรอื ตกถึงพืน้ หลงั จากที่แตะผูวงิ่ แลว เวนแตผ ูว ิง่ เจตนาชนให ลูกบอลหลดุ ออกจากมือ หรอื โกลฟของผูเ ลนฝา ยรบั ตอ งแตะผูว่ิงดว ยมอื หรือโกลฟทีถ่ ือ ลูกบอล ข. แตะเบสดว ยลูกบอลทถี่ ืออยูในมอื หรอื โกลฟของผเู ลน ฝา ยรับอยางมัน่ คง จะแตะเบสโดยใช สวนใดสวนหน่งึ ของรา งกายกไ็ ด เชน ใชเ ทา มอื นั่งบนเบส ใชก ับการทําฟอรซเอาตหรือ การเลนตองอทุ ธรณ ขอ 63 ลูกบอลท่รี บั ไดโ ดยถกู กตกิ า (LEGALLY CAUGHT BALL) ลูกบอลที่รับไดโดยถูกกติกา เกิดขึ้นเม่ือผูเลนฝายรับรับลูกบอลที่ถูกตี ถูกขวาง หรือถูกพิตชมา โดยไมใชหมวกแกป หมวกปองกัน หนากาก อุปกรณปองกันลําตัว กระเปากางเกง หรือสวนอ่ืนๆ ของชุด แขงขนั ตองเปน การรบั และถือไวอ ยางม่ันคงดว ยมือหรือโกลฟ
13 ขอ 64 ลูกพงุ (LINE DRIVE) ลูกพงุ หมายถงึ ลกู บอลทถี่ ูกตีแลว พุง ตรงเขาไปในสนามแขงขันอยา งรวดเรว็ และยังลอยอยู ขอ 65 ใบแสดงลาํ ดบั การข้ึนตี (LINE-UP AND LINE-UP CARD) ใบแสดงลําดับการขนึ้ ตี หมายถึง รายช่ือผูเลนท่ีเก่ียวขอ งกับการเลน เปนทีมฝา ยรุกและทีมฝายรับ ในการแขง ขนั ขณะนน้ั ซ่งึ รวมทัง้ - (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ดพี ีและเฟล็กซ - (ประเภทสโลวพ ติ ช) อีพี ใบแสดงลําดับการขน้ึ ตี ประกอบดวย 1. ชือ่ - นามสกุล ตาํ แหนง และหมายเลขเสื้อของผูเ ลน เรม่ิ ตน 2. ช่อื - นามสกุล และหมายเลขเสื้อของผเู ลน สํารองซึ่งอยูท ่สี นามแขง ขนั ในขณะนัน้ 3. ชือ่ - นามสกุล ของผจู ัดการทมี หมายเหตุ ถาหมายเลขเสอื้ ในใบแสดงลําดับการข้ึนตีไมถูกตอ ง ทาํ การแกไ ขใหถ กู ตอ งและดาํ เนินการ แขงขันตอไปไดโดยไมมีการลงโทษ ถาผูเลนสวมเสื้อท่ีมีหมายเลขไมถูกตอง ทําผิดกติกา ขออื่นตองลงโทษผูเลนเสียกอน หลังจากลงโทษแลวถาผูเลนน้ันยังอยูในการแขงขัน ใหแกไขหมายเลขใหถกู ตอ ง แลวจึงแขง ขันตอ ไป ขอ 66 การขัดขวาง (OBSTRUCTION) การขัดขวาง หมายถงึ ก. การกระทําของผเู ลน หรือสมาชิกของทมี ฝายรบั ท่ีกีดขวาง หรอื ปอ งกันไมใ หผูตีตลี ูกบอลท่ี ถกู พติ ชมา ข. การกระทาํ ของผเู ลนฝา ยรับท่กี ดี ขวางการเคลอื่ นไปขางหนาของผูวงิ่ หรอื ผูวง่ิ แรกเรมิ่ ซ่ึง เคลือ่ นไปครอบครองเบสโดยถูกกตกิ า 1. ผเู ลนฝายรบั นนั้ ไมม ลี ูกบอลอยใู นครอบครอง 2. ผเู ลนฝา ยรับน้ันไมอ ยใู นขณะทจี่ ะรบั ลูกบอลทถี่ ูกตีมา 3. ผูเลนฝายรบั นน้ั ทําการหลอกแตะโดยไมม ลี ูกบอลอยูในครอบครอง 4. ผเู ลนฝา ยรบั นนั้ มลี ูกบอลอยูในครอบครอง ผลกั ผูวงิ่ ใหห ลดุ ออกจากเบส 5. ผูเลนฝายรบั น้ันมีลกู บอลอยใู นครอบครอง แตไ มอ ยูในลกั ษณะท่ีจะเลนกบั ผวู ิ่งซงึ่ ตนเอง เจตนากีดขวาง ในขณะที่ผวู งิ่ น้นั พยายามเคลอ่ื นไปครอบครองเบสโดยถกู กตกิ า ขอ 67 ผเู ลนเฉพาะรกุ (OFFENSIVE PLAYER ONLY) (ประเภทฟาสตพติ ช) ผูเลนเฉพาะรุกหรือโอพีโอ หมายถึง ผูเลนคนหน่ึงในลําดับการข้ึนตีซึ่งไมใชเฟล็กซ โอพีโอยังคง เลนเมอ่ื ทีมเปน ฝา ยรกุ แตไ มไดล งเลนเปน ฝา ยรบั โดยใหด ีพเี ลนแทน ขอ 68 ทมี ฝา ยรุก (OFFENSIVE TEAM) ทมี ฝายรุก หมายถงึ ทมี ที่เปนฝายข้ึนตี
14 ขอ 69 อปุ กรณท ่เี ปนทางการ (OFFICIAL EQUIPMENT) อุปกรณท่ีเปนทางการ หมายถึง อุปกรณใดๆ ซึ่งทีมฝายรุกหรือทีมฝายรับใชอยูในขณะน้ัน อปุ กรณฝ า ยรบั (เชน โกลฟ เปนตน) ซ่งึ ทีมที่เปน ฝา ยรกุ ท้ิงไวบ นพื้นสนามไมถือเปนอปุ กรณทีเ่ ปน ทางการ ขอ 70 ผเู ลน รอข้ึนตี (ON-DECK BATTER) ผูเลนรอขน้ึ ตี หมายถึง ผเู ลนฝายรกุ ทม่ี ชี ือ่ ตอจากช่อื ของผตู ตี ามใบแสดงลาํ ดับการขึน้ ตี ขอ 71 เขตผูเ ลน รอขึ้นตี (ON-DECK CIRCLE) เขตผูเลนรอขึ้นตี หมายถึง พ้ืนที่ที่อยูใกลเขตท่ีพักของทีมที่สุด ซ่ึงผูเลนรอข้ึนตีจะเขาไปอยูภายใน เพ่อื ซอมเหว่ียงไมตไี ด ในระหวา งรอท่จี ะเขา ไปในเขตผูตเี ม่อื ถึงรอบขนึ้ ตี ขอ 72 เสนหน่งึ เมตร (สามฟตุ ) (ONE METER (THREE FOOT) LINE) เสน หนึ่งเมตร (สามฟุต) หมายถงึ พ้ืนทีต่ งั้ แตครึ่งระยะทางระหวางโฮมเพลตกับเบสหนึ่งมาทางดา น เบสหนึ่ง (หางจากเสนแนวเบสสามฟุต) ซึ่งผูว่ิงแรกเร่ิมตองใชในการเคล่ือนไปครอบครองเบสหนึ่งเพ่ือ หลีกเลี่ยงไมใหถูกขานเอาต เนื่องจากรบกวนลูกบอลที่ถูกขวางจากบริเวณโฮมเพลต หรือรบกวนผูเลนฝาย รบั ที่พยายามขวา งลูกบอล ขอ 73 ออปชันเพลย (OPTION PLAY) ออปชันเพลย หมายถึง การเลนท่ีผูจัดการทีม หรือผูฝกสอนของทีมฝายรุก มีสิทธิ์เลือกที่จะใหใช บทลงโทษของการกระทาํ ทผี่ ดิ กติกา หรือใหคงผลของการเลน ทเ่ี กิดขนึ้ ในกรณีตอ ไปน้ี : ก. การขดั ขวางของแคตเชอร ข. การใชโ กลฟทผ่ี ิดกติกา ค. การเปลย่ี นผเู ลน สาํ รองทีผ่ ดิ กติกา ง. การพิตชท ี่ผิดกตกิ า จ. พิตเชอรทผี่ ิดกติกากลบั เขามาเลนใหมแ ละทําการพติ ชแลว ฉ. (ประเภทสโลวพ ิตชแบบทีมผสม) ผตู ีหญิงไดไปครอบครองเบสหนงึ่ (“วอลค”) ในขณะที่ ทมี ฝา ยรกุ มี 2 เอาตแ ลว ขอ 74 เอาตฟล ด (OUTFIELD) เอาตฟลด หมายถึง พ้ืนท่ีสวนหนึ่งของสนามแขงขันท่ีอยูนอกรูปส่ีเหลี่ยมซ่ึงเกิดจากเสนแนวเบส ตางๆ หรือหมายถึงพื้นท่ีซึ่งโดยปกติแลวไมอยูในความรับผิดชอบของผูเลนอินฟลด และอยูภายในเสนเขต ฟาวลท ่เี ลยไปจากเบสหนึ่ง และเบสสามกับเสน เขตสนาม ขอ 75 โอเวอรส ไลด (OVER-SLIDE) โอเวอรสไลด หมายถึง การท่ีผูวิ่งเคล่ือนผานเลยจากเบสท่ีพยายามครอบครองออกไป โดยปกติ แลวเกิดขึ้นจากการท่ีโมเมนตัมของผูว่ิงน้ัน ทําใหไมสามารถครอบครองเบสเอาไวไดจึงทําใหผูว่ิงนั้นอยูใน ภาวะลอ แหลม ผูวงิ่ แรกเรม่ิ ทาํ โอเวอรสไลดทเี่ บสหนึ่งไดโ ดยไมอยูในภาวะลอ แหลมถา กลับมายังเบสนั้นทนั ที
15 ขอ 76 โอเวอรโธรว (OVERTHROW) โอเวอรโ ธรว หมายถึง การขวางลูกบอลจากผเู ลนฝา ยรับคนหนง่ึ ไปยงั อกี คนหนง่ึ เปน ผลให ก. ลกู บอลออกนอกเสนเขตสนาม ข. ไมส ามารถนําลูกบอลนนั้ มาเลนตอ ไปได (เปนบลอ กบอล) ขอ 77 พาสดบ อล (PASSED BALL) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) พาสดบอล หมายถึง ลูกบอลท่ีถกู พิตชมา ซึ่งแคตเชอรควรจะรับหรือควบคุมเอาไวไดดวยการเลน ตามปกติ ขอ 78 การพติ ช (PITCH) การพิตช หมายถงึ การกระทําของพิตเชอรในการปลอยลกู บอลไปยังผูต ี ขอ 79 เขตพติ เชอร (PITCHER’S CIRCLE) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เขตพิตเชอร หมายถึง พ้ืนท่ีภายในระยะ 2.44 เมตร(8 ฟุต) รอบพิตเชอรเพลต ใหถือวาเสนแสดง เขตอยภู ายในเขตดว ย ขอ 80 เทา หลัก (PIVOT FOOT) เทาหลัก หมายถึง ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เทาขา งท่ีพติ เชอรใ ชส ง ตัวออกจากพิตเชอรเพลต ข. (ประเภทสโลวพิตช) เทาขางทพี่ ิตเชอรวางสัมผสั อยูกับพติ เชอรเ พลตโดยตลอดจนกระท่งั ลกู บอลถกู ปลอ ยออกจากมือ ขอ 81 “เพลยบ อล” (PLAY BALL) “เพลยบอล” เปน คําที่ผูตดั สินเพลตขานเพ่ือแสดงวาการเลนเรม่ิ ตนขน้ึ หรือเร่มิ ขนึ้ ใหมอีกคร้ังหนึ่ง ในกรณตี อ ไปน้ี ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เมือ่ พิตเชอรมลี กู บอลอยใู นความครอบครอง และอยูในเขตพิตเชอร ข. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เม่อื พิตเชอรมลี ูกบอลอยใู นความครอบครอง และอยบู นหรือใกล พติ เชอรเ พลต ผเู ลน ฝายรับทุกคนตอ งอยูในเขตแฟร (ยกเวนแคตเชอรซ ่ึงตองอยูภ ายในเขตแคตเชอร) ขอ 82 การประชุมกอนเรม่ิ การแขงขนั (PRE-GAME MEETING) การประชุมกอนเริ่มการแขงขัน หมายถึง การประชุมระหวางผูตัดสินกับผูจัดการทีม หรือหัวหนา ผฝู ก สอน หรือผแู ทนของทงั้ สองทมี บรเิ วณโฮมเพลต ตามกําหนดเวลาท่ีระบไุ ว การประชุมฯ มวี ตั ถุประสงคด งั นี้ ก. เพ่ือยืนยันและรับรองใบแสดงลําดับการข้ึนตีของแตละทีมท่ีสงมา และมอบสําเนาใหแก ทีมคแู ขงขนั ข. เพ่ือชแี้ จงและทบทวนประเด็นตางๆ ทน่ี อกเหนือจากทร่ี ะบุไวในกตกิ า (ถา ม)ี
16 ขอ 83 การประทวง (PROTESTS) การประทวง ใชใ นกรณที ี่แตกตางกบั การอุทธรณ การประทว ง หมายถงึ การกระทําของทีมฝา ยรับหรอื ทมี ฝา ยรุกท่ีมขี นึ้ เพอื่ คดั คานในกรณีตอ ไปนี้ ก. การตคี วามหรือการใชก ตกิ าของผูตดั สนิ ข. คณุ สมบตั ิของสมาชิกทมี ตามบญั ชรี ายชอ่ื ขอ 84 การพิตชกลบั เรว็ (QUICK RETURN PITCH) การพิตชกลับเร็ว หมายถึง การพิตชซ่ึงพิตเชอรกระทําข้ึนโดยเห็นไดชัดวาพยายามใหผูตีเสีย การทรงตัว โดยเปนการพิตชกอนที่ผูตีจะเขาไปอยูในเขตผูตีตามตําแหนงท่ีตองการหรือในขณะท่ียังเสีย การ ทรงตวั อยูจากการพติ ชครั้งกอน ขอ 85 การกลบั เขา มาแขง ขันใหม (RE-ENTRY) การกลับเขามาแขงขันใหม หมายถึง การกระทําของผูเลนเร่ิมตนคนใดคนหน่ึง ท่ีกลับเขามา แขง ขนั ใหมหลังจากถูกเปลี่ยนออก ไมว าจะถกู หรือผิดกตกิ า ขอ 86 การใหอ อกจากการแขง ขนั (REMOVAL FROM THE GAME) การใหออกจากการแขงขัน หมายถึง การที่ผูตัดสินประกาศใหผูเลนที่ทําผิดกติกาเปนผูเลนท่ี พน สภาพ จะเขารวมการแขง ขันตอ ไปไมได หมายเหตุ ผูเ ลนทถ่ี กู ใหออกจากการแขงขนั อยใู นเขตท่พี ักของทีมตอ ไปได แตเ ขา รวมการแขง ขัน ในฐานะผูเลน ไมไ ดอกี ยกเวน ในฐานะผฝู ก สอน ขอ 87 ผูเลน แทนช่ัวคราว (REPLACEMENT PLAYER) ผูเลนแทนชั่วคราว หมายถึง ผูเลนที่ถูกสงเขาไปแขงขันชั่วระยะเวลาหนึ่งแทนผูเลนตองพักตาม กติกาผเู ลน เลือดออก ก. ผเู ลน แทนชัว่ คราวเปนผูเลน ตามกรณใี ดกรณีหน่งึ ตอ ไปน้ี 1. ผเู ลนสํารองตามรายชอื่ ทรี่ ะบุไว ซง่ึ ยงั ไมลงแขง ขนั 2. ผูเลนสํารองตามรายช่ือท่ีระบุไว ซ่ึงลงแขงขันแลว แตตอมาถูกเปลี่ยนออกจาก การแขง ขนั 3. ผเู ลน เรม่ิ ตนซงึ่ ไมอยใู นลําดบั การข้ึนตี และไมสามารถกลับเขามาแขงขนั ใหมไ ดอีก ข. ผูเลนแทนชวั่ คราวไมถ ือวาเปนผเู ลน สาํ รอง แตต องแจงผูต ัดสินเพลต ขอ 88 ผูว ิ่ง (RUNNER) ผวู ง่ิ หมายถงึ ผูเ ลน ของทีมท่ีเปนฝายรกุ ซง่ึ สิ้นสุดรอบข้ึนตีแลว ไปถึงเบสหน่งึ และยงั ไมถกู ทาํ เอาต ขอ 89 สแลป็ ฮติ (SLAP HIT) (ประเภทฟาสตพติ ช) สแล็ปฮิต หมายถึง การตีลูกบอลในลกั ษณะท่ีผูตีเง้ือไมตีแลวเหวย่ี งไมตีส้ันๆ แทนการตีเต็มวงปกติ ใชเพือ่ ควบคมุ ทิศทางและเปาหมายของลูกบอลตี โดยทัว่ ไปมี 2 ลักษณะ ก. ลักษณะที่ผูตีอยูในทาท่ีจะทําบันต แลวตีอยางรวดเร็วใหลูกบอลลงพ้ืน หรือกระแทกลูกบอล ใหลอยขามผเู ลนอนิ ฟลด
17 ข. ลักษณะท่ีผตู ีเคลอ่ื นท่ีไปยงั ดานหนา ภายในเขตผูตแี ลวเหวยี่ งไมต ีไปกระทบลูกบอล หมายเหตุ สแล็ปฮติ ไมถอื เปนบนั ต ขอ 90 สควซี เพลย (SQUEEZE PLAY) (ประเภทฟาสตพติ ช) สควีซเพลย หมายถึง การเลนที่ทีมฝายรุกกระทําในขณะที่มีผูว่ิงอยูบนเบสสาม โดยใหผูตีพยายาม นาํ ไมตไี ปกระทบลูกบอลเพ่อื ใหผ ูว ่ิงมโี อกาสทําคะแนนได ขอ 91 ผูเลนเร่ิมตน (STARTING PLAYERS) ผเู ลน เรม่ิ ตน หมายถึง ผเู ลนตามรายช่อื ท่ีปรากฏในใบแสดงลําดบั การขน้ึ ตีทยี่ ่นื ตอประธาน ผตู ดั สิน หรือผูต ัดสนิ เพลต ขอ 92 การขโมยเบส (STEALING) การขโมยเบส หมายถึง การกระทําของผูวิ่งที่พยายามเคลื่อนไปขางหนาในระหวางการพิตชหรือ หลังจากการพิตชไ ปยงั ผูต ี (ประเภทสโลวพ ติ ช) ไมอ นญุ าตใหม ีการขโมยเบส ขอ 93 สไตรคโ ซน (STRIKE ZONE) ก. (ประเภทฟาสตพิตช) สไตรคโซน หมายถึง พื้นที่สมมติเหนือโฮมเพลตซ่ึงอยูระหวางรักแร และเหนือหัวเขา ของผตู ี เมื่อผูตีอยใู นทา ยืนตปี กติ ข. (ประเภทสโลวพิตช) สไตรคโซน หมายถึง พ้ืนที่สมมติเหนือโฮมเพลตซึ่งอยูระหวางหัวไหล และหวั เขา ของผตู ี เมอ่ื ผูตีอยูใ นทา ยนื ตปี กติ ขอ 94 ผูเลน สาํ รอง (SUBSTITUTE) ผูเลนสํารอง หมายถึง ผูเลนท่ีมีช่ืออยูในใบแสดงลําดับการขึ้นตี และเปนไปตามกรณีใดกรณีหน่ึง ดังน้ี ก. ผเู ลนทีไ่ มใ ชผ เู ลน เรม่ิ ตน ยงั ไมไดลงแขง ขนั เวนแตเปนผเู ลนแทนชั่วคราว ข. ผูเลนเรม่ิ ตนซึ่งออกจากการแขงขันแลว และกลับเขามาแขง ขนั ใหมโ ดยถกู กติกา หมายเหตุ 1. การกระทาํ นี้ เรยี กวา การกลบั เขามาแขง ขนั ใหม 2. ผูเลน จะกลับ เขาม าแขงขัน ให มเฉพ าะใน ตํ าแห น งเดิม ของตน ตาม ที่ ระบุ ไวใน ใบแสดงลาํ ดบั การขึ้นตีเทา นน้ั ขอ 95 การแตะเบสรอ (TAGGING UP) การแตะเบสรอ หมายถึง การกระทําของผูวิ่งในการกลับไปที่เบสหรืออยูบนเบสนั้นตั้งแตเริ่มตน จนกระท่งั ผเู ลน ฝา ยรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ผูว ง่ิ จงึ จะเริม่ เคลือ่ นไปขางหนา ไดโ ดยถกู กตกิ า อยา สับสนกบั การกระทาํ ของผเู ลน ฝายรับในการแตะเบส หรอื แตะผวู ่ิงเพ่อื ทําเอาต ขอ 96 สมาชิกทีม (TEAM MEMBER) สมาชกิ ทีม หมายถงึ บคุ คลทไี่ ดร ับอนุญาตใหอยใู นเขตท่ีพกั ของทมี
18 ขอ 97 การขวาง (THROW) การขวา ง หมายถงึ การกระทาํ ของผเู ลนฝา ยรบั คนหนง่ึ เพ่ือสง ลกู บอลไปยังผเู ลนฝา ยรบั อกี คนหนงึ่ ขอ 98 ไทม (TIME) ไทม หมายถงึ คําทผ่ี ูตัดสินใชเพ่อื สัง่ หยดุ การแขงขันชวั่ ขณะ ในระหวางนเ้ี ปนเดดบอล ขอ 99 แทรป็ บอล (TRAPPED BALL) แทร็ปบอล หมายถึง ก. ฟลายบอล หรอื ลกู พงุ ทีถ่ ูกตอี อกไปโดยถูกกติกา ซง่ึ กระทบพน้ื หรอื ร้ัวก้นั กอ นจะถูกรบั ไวได ข. ฟลายบอลที่ถูกตีออกไปโดยถูกกติกา ซึ่งถูกรับไวไดท่ีร้ัวก้ันดวยโกลฟหรือมือเปลา โดยมี ลกู บอลอยรู ะหวา งกลาง ค. ลูกบอลท่ีถูกขวางไปที่เบสใดๆ เพ่ือทําฟอรซเอาต ซึ่งถูกรับไวไดโดยมีโกลฟอยูเหนือลูกบอล ซง่ึ อยูบนพื้น แทนท่โี กลฟจะอยใู ตลกู บอล ง. (ประเภทฟาสตพิตช) ลกู บอลท่ถี กู พิตชมาเปน สไตรค และกระทบพืน้ กอ นที่แคตเชอรจ ะรบั ได ขอ 100 ทรเิ ปลเพลย (TRIPLE PLAY) ทริเปลเพลย หมายถึง การเลนของทีมฝายรับท่ีสามารถทําใหผูเลนฝายรุกเอาตไดโดยถูกกติกา 3 คน จากการเลนท่ตี อ เนื่องกัน ขอ 101 รอบข้ึนตี (TURN AT BAT) รอบขึ้นตี เร่ิมตนเมื่อผูเลน เร่ิมเขาไปในเขตผูตีและดําเนินไปจนกระทั่งผูตีน้ันถกู ทําเอาต หรอื เปน ผูวงิ่ แรกเริ่ม ขอ 102 ไวลดพิตช (WILD PITCH) (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ไวลดพ ติ ช หมายถงึ ลูกบอลทีถ่ ูกพิตชมา แตสูงเกินไป ตํ่าเกินไป หรือหางจากโฮมเพลต จนกระท่ัง แคตเชอรไมส ามารถหยุดและควบคมุ เอาไวไดด วยการเลน ตามปกติ ขอ 103 ไวลดโ ธรว (WILD THROW) ไวลดโธรว หมายถึง การเลนลูกบอลของผูเลนฝายรับ โดยลูกบอลถูกขวางจากผูเลนฝายรับ คนหน่ึงไปยังผูเ ลนฝายรับคนอืน่ หน่งึ และไมสามารถรับหรือควบคมุ ไวได แตไมเปนบลอ กบอล ยงั คงเปนบอลอินเพลย ขอ 104 ผูเ ลนตอ งพกั (WITHDRAWN PLAYER) ผูเลนตองพัก หมายถึง ผูเลนท่ีถูกกําหนดใหตองออกจากการแขงขันชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตามกติกา ผเู ลน เลือดออก
หมวด 2 สนามแขงขนั (THE PLAYING FIELD) (ดูภาคผนวก 1 ก – 1 ง ประกอบ) ขอ 1 สนามแขง ขัน ก. เปนพน้ื ทที่ ี่ใชแขงขนั ไดอยา งถูกกติกา หมายเหตุ ถือวา ลกู บอลอยูน อกสนามแขงขัน ถา เปน ไปตามขอใดขอหนงึ่ ตอ ไปนี้ – เม่ือลกู บอลกระทบพนื้ ท่ีอยูนอกบริเวณสนามแขงขนั – เมือ่ ลกู บอลสมั ผัสบคุ คลที่อยูบนพ้นื ท่ีอยนู อกบริเวณสนามแขง ขนั – เมอ่ื ลูกบอลกระทบวัตถุทอี่ ยูนอกบรเิ วณสนามแขง ขัน ข. ใหมีพืน้ ที่วางซง่ึ ไมม ีสิง่ กีดขวางใดๆ อยรู ะหวางเสน ฟาวลทั้งสองและร้วั กั้นดานนอก (outfield fence) โดยใหร วั้ กน้ั ดานนอก (outfield fence) อยหู า งจากโฮมเพลตตามตาราง แสดงระยะ ตา งๆ ในภาคผนวก 2 ค. ใหมีพ้ืนท่ีวางไมมีส่ิงกีดขวางใด ๆ อยูดานนอกเสนฟาวลทั้งสองไปถึงร้ัวก้ันดานขาง และ แบกสต็อป (backstop) ตามผงั สนามแขงขนั ในภาคผนวก 1 ก ง. ควรมีเขตเตือนผูเ ลน ถา มเี ขตเตอื นผูเ ลน ใหเ ปน ไปตามขอกาํ หนดดังนี้ 1. เปนพนื้ ทภ่ี ายในสนามแขงขนั และอยชู ิดกบั รั้วกั้นถาวรดา นนอก (outfield fence) และ ดา นขาง 2. มีระยะจากรวั้ ก้ันไมนอยกวา 3.65 เมตร (12 ฟุต) แตไมเกิน 4.57 เมตร (15 ฟุต) 3. ตอ งมรี ะดบั เดยี วกนั กับพ้นื ผิวของสนามแขงขนั แตทาํ ดว ยวสั ดุทีแ่ ตกตางกัน เชน ดนิ กรวด เปน ตน เพ่อื ใหผเู ลน ทราบวากาํ ลงั เคลือ่ นเขาใกลร ัว้ กน้ั ถาวร หมายเหตุ ไมจําเปนตองสรา งเขตเตือนผเู ลน กรณที ี่ใชรวั้ กนั้ ชว่ั คราว เชน แขง ขนั ประเภทฟาสตพติ ชใน สนามทสี่ รา งไวส ําหรบั การแขงขันประเภทสโลวพ ิตช ขอ 2 กตกิ าเฉพาะสนาม กรณีท่ีสนามแขงขันไมเปนไปตามมาตรฐาน โดยมีแบกสต็อป รั้วก้ัน อัฒจันทร ยานพาหนะ ผูชม หรือส่ิงกีดขวางอ่ืนไมเปนไปตามระยะที่ระบุไวในขอ 1 จะกําหนดเปนกติกาเฉพาะสนาม โดยไดรับความ เหน็ ชอบจากคณะกรรมการจดั การแขง ขนั หรือทีมคแู ขง ขนั ก็ได ก. ส่ิงกดี ขวางใดๆที่อยบู นเขตแฟร และอยูภายในระยะตามตารางแสดงระยะตา งๆ ในภาคผนวก 2 ใหท ําเคร่ืองหมายไวใ หผตู ดั สนิ สงั เกตเหน็ ไดช ดั เจน ข. ถาใชส นามเบสบอลเปนสนามแขง ขนั ตองนําเนนิ ขวาง (mound) ของพิตเชอรอ อกและ ปรบั ระยะหา งระหวางโฮมเพลตถงึ แบก สต็อปใหเปนไปตามทก่ี ําหนดไว ขอ 3 สนามแขงขนั มาตรฐาน ใหมรี ะยะระหวา งเบส ระยะพิตช และระยะร้วั ก้ัน ตามตารางแสดงระยะตา งๆ ในภาคผนวก 2
20 หมายเหตุ ในระหวา งการแขง ขนั ถา พบวาระยะระหวางเบส หรอื ระยะพติ ชไมถ ูกตอง ตามที่กาํ หนดไว ใหแ กไ ขใหถูกตองเมื่อจะเร่มิ อินนิงใหม แลวดาํ เนินการแขง ขนั ตอ ไปตามปกติ ขอ 4 ผังสนามแขง ขนั การทาํ สนามแขงขันใหอางอิงกับภาพประกอบแสดงระยะตาง ๆ ของสนามแขงขันมาตรฐาน ในภาคผนวก 1 ก - 1 ง คาํ อธิบายโดยละเอียดในการวางผงั สนามแขงขนั ท่ีมีระยะระหวา งเบส 18.29 เมตร (60 ฟตุ ) และ ระยะพติ ช 14.02 เมตร (46 ฟตุ ) ปรากฏในภาคผนวก 3 ขนาดและระยะของสงิ่ ท่รี ะบุไวด า นลา งนี้ ปรากฏในภาคผนวก 2 ก. เสน หนง่ึ เมตร (สามฟตุ ) โดยเริ่มตนลากเสน น้ที ี่กง่ึ กลางระหวา งโฮมเพลตกบั เบสหน่งึ ต้งั ฉากออกมาเปนระยะ 0.91 เมตร (3 ฟตุ ) แลวลากขนานเสน แนวเบสไปจนเสมอเบสหนึง่ ข. เขตผูเลน รอขน้ึ ตี อยูถดั จากเขตทพ่ี ักของทีมมาทางดานใกลโ ฮมเพลต ค. เขตผูตี อยูขา งโฮมเพลตดา นละเขต เสนแสดงเขตถือวาอยใู นเขตผตู ีดวย ง. เขตแคตเชอร อยูดานหลังเขตผตู ี จ. เขตผฝู กสอน อยขู นานเสนแนวเบสดา นเบสหนง่ึ และเบสสาม เริม่ จากจดุ เสมอเบสหนึง่ และ เบสสามไปทางดา นโฮมเพลต ฉ. โฮมเพลต ตองทาํ มาจากยางมีลักษณะเปนรปู 5 เหลีย่ ม ดานขางขนานกับเสนเขตผูตี ช. พติ เชอรเพลต ตอ งทํามาจากยาง 1. ผิวดา นบนของพติ เชอรเพลตตอ งอยูในระดับเดยี วกับพน้ื สนามแขง ขนั 2. ขอบหนา ของพติ เชอรเ พลตอยหู างจากมุมแหลมของโฮมเพลตเปน ระยะตามตารางแสดง ระยะตางๆ ในภาคผนวก 2 3. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ใหม ีเขตพิตเชอรเปน วงกลม ตามทรี่ ะบใุ นภาคผนวก 1 ก และ ภาคผนวก 1 ข หมายเหตุ เสน แสดงเขตถือเปนสวนหน่ึงของเขตพิตเชอรด ว ย ซ. เบส เบสแตล ะเบส (ไมร วมโฮมเพลต) มขี นาดตามท่ีระบุไวในภาคผนวก 1 ข และ 1 ง ทําจากผา ใบหรือวัสดอุ ื่นทีเ่ หมาะสม เบสควรยดึ ติดอยกู ับพน้ื สนามแขงขนั อยางม่ันคง 1. ใหใ ชด ับเบลิ เบสท่ีเบสหนึ่งมขี นาดตามทีร่ ะบไุ วใ นภาคผนวก 1 ข ทาํ จากผาใบหรือ วัสดอุ ่ืนที่เหมาะสม สว นหนึ่งของเบสอยใู นเขตแฟร อกี สว นหนึง่ (ซึง่ มสี ีแตกตา งกนั ) อยใู นเขตฟาวล หมายเหตุ กตกิ าการใชด บั เบิลเบส มดี ังน้ี (ก) ลกู บอลท่ถี ูกตีไปกระทบเบสสวนท่ีอยูในเขตแฟร เปนแฟรบอล ถา ลูกบอลท่ถี ูกตี ไปกระทบเฉพาะสวนท่อี ยูในเขตฟาวล เปนฟาวลบ อล
21 (ข) เมื่อผูตีตีลูกบอลเขา ไปในสนาม และผูเลนพยายามทาํ เอาตทเ่ี บสหนึ่ง หรอื (ประเภทฟาสตพ ติ ช) แคตเชอรทําลกู บอลตกพ้ืนในสไตรคที่ 3 ผูวงิ่ แรกเร่มิ เคลื่อนไปแตะเบสเฉพาะสวนท่ีอยใู นเขตแฟร ผูเ ลนฝายรบั ขวางลูกบอลไปที่ เบสหน่ึงแลวขออุทธรณโ ดยถูกกติกากอนผวู ่งิ แรกเรม่ิ กลบั มาทเ่ี บสหนึ่ง ผวู ่ิง แรกเรม่ิ ถูกขานเ23อ23าต หมายเหตุ ถือเปนกรณีเดียวกบั การแตะเบสพลาด (ค) ผูเลน ฝา ยรบั ตองใชเฉพาะเบสสวนทอ่ี ยใู นเขตแฟรเ ทา นั้น ขอยกเวน กรณีผเู ลน ฝา ยรบั ขวา งลูกบอลจากเขตฟาวลทางดา นเบสหน่ึงไปท่ีเบสหนึ่ง ขณะทเี่ ปน บอลอนิ เพลย ทง้ั ผูว่งิ แรกเรมิ่ และผูเลนฝายรบั จะใชเบสสวนใดก็ได เมอื่ ผเู ลน ฝายรับ ใชเ บสสว นทีอ่ ยูในเขตฟาวล ผวู ิง่ แรกเริ่มสามารถวงิ่ ในเขตแฟรไ ด ถาลูกบอลที่ถกู ขวาง มาจากเขตฟาวลท างดา นเบสหนึ่งโดนรางกายผวู ง่ิ แรกเรม่ิ ไมถอื เปน รบกวน แตถ า ผวู ่งิ แรกเรม่ิ เจตนารบกวนจะถูกขานเอาต หมายเหตุ กรณีฝา ยรบั ขวางลูกบอลจากเขตฟาวลทางดานเบสหนึ่ง ใหถือเสมือนมเี สน หนงึ่ เมตรอยู ในเขตแฟรเ ชน เดียวกบั เสนหนึง่ เมตรในเขตฟาวล (ง) หลังจากว่ิงผานเบสหนึ่งแลวผวู ิ่งแรกเร่ิมตองกลับมาแตะเบสสว นท่อี ยูใ นเขตแฟร (จ) ผตู ตี ีลกู บอลออกไปยงั เอาตฟลด และไมมกี ารพยายามทาํ เอาตท่เี บสหนง่ึ ผวู งิ่ แรกเรมิ่ จะแตะเบสสว นใดกไ็ ด (ฉ) การแตะเบสรอกรณเี ปนฟลายบอล ผวู งิ่ ตองใชเบสสว นทอ่ี ยูใ นเขตแฟรเทาน้นั (ช) (ประเภทฟาสตพติ ช) กรณีผูเลนฝายรับพยายามทําเอาตผูว่ิงบนเบสหนง่ึ ที่ พยายามขโมยเบส ถาผวู ิ่งกลับมายงั เบสหนง่ึ ตองใชเบสสวนทอ่ี ยใู นเขตแฟร (ซ) เมอ่ื ผวู ิ่งกลับมาครอบครองเบสสว นทอี่ ยใู นเขตแฟรแลว ถาผูวิ่งอยบู นเบส สว นท่ี อยใู นเขตฟาวลเทา นนั้ ถอื วาผูวง่ิ ไมส ัมผัสเบส และจะถกู ขานเอาตในกรณีตอไปน้ี 1. ฝายรบั นาํ ลกู บอลมาแตะผวู ิง่ นั้น 2. ผวู ิ่งเคลอ่ื นออกจากเบสสวนท่ีอยใู นเขตฟาวล ขณะที่พิตเชอรปลอย ลกู บอล
หมวด 3 อปุ กรณ (EQUIPMENT) ขอ 1 ไมตีแขงขัน ก. ทําดวยวัสดุชิ้นเดียว หลายชิ้นที่ประกอบเขาดวยกันอยางถาวร หรือ 2 ชิ้นที่เปลี่ยนแทนกันได ถาไมต ีถกู ออกแบบมาเปน 2 ชนิ้ ที่เปลย่ี นแทนกันได ตอ งเปนไปตามเกณฑด ังน้ี 1. ชน้ิ ทีป่ ระกอบเขาดวยกันตองมสี ลักพเิ ศษยดึ เพื่อปอ งกันไมใหมีการประกอบเขากับอุปกรณ ทีไ่ มไดร บั การรับรอง ในสนามแขง ขนั 2. ทกุ ชิ้นตองไดม าตรฐาน เม่ือประกอบเขาดวยกนั แลว เสมือนเปน ไมต ีช้นิ เดียว หรอื สวนของ ไมตีชิน้ เดียวถา แยกออกจากกัน ข. ทําดวยไมเนื้อแข็งชิ้นเดียว หรือประกอบดวยไมต้ังแต 2 ช้ินขึ้นไปยึดติดเขาดวยกัน ใชนํ้ายา เปนตัวประสาน โดยใหล ายของไมทกุ ชิ้นขนานไปตามความยาวของไมต ี ค. ทําดวยโลหะ ไมไผ พลาสติก กราไฟต คารบอน แมกนีเซียม ไฟเบอรกลาส เซรามิก หรือวัสดุ อนื่ ที่สหพันธซ อฟทบ อลนานาชาติ (คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ) รับรอง ง. สามารถประกอบเปนชั้นๆ ได แตตองประกอบดวยเฉพาะไมหรือน้ํายาประสาน และนํ้ายา เคลือบไมอยา งใส (ถา มี) จ. ใหม รี ปู รางกลมและมีผิวเรยี บ ฉ. ไมยาวกวา 86.4 เซนตเิ มตร (34 นิ้ว) หรอื หนักกวา 1,077.0 กรมั (38 ออนซ) ช. เสน ผา นศูนยกลางสว นที่ใหญทีส่ ดุ ไมใ หเกนิ 5.7 เซนติเมตร (2 1/4 น้วิ ) อนญุ าตใหไมต มี ี ขนาดใหญก วาคาสูงสดุ (เนอ่ื งจากการขยายตวั ) ไดไมเกนิ 0.80 มลิ ลิเมตร (1/32 นิว้ ) ซ. ถาเปน ไมตีทีท่ าํ ดวยโลหะ ดามจับของไมต ีจะมีลกั ษณะงอก็ได ฌ. ไมใหมีหมุด สลัก ผิวขรุขระ หรือแหลมคม หรือตัวยึดภายนอกอ่ืนใดย่ืนออกมาในลักษณะท่ี จะกอ ใหเกดิ อันตรายได ไมต ีโลหะตอ งไมมีสว นที่หยาบ และรอยแตกรา ว ญ. ถาเปนไมต ีทท่ี าํ ดวยโลหะ ไมใ หม ดี า มจับเปนไม ฎ. ใหมีการพันดามจับดวยคอรก เทป (ซ่ึงไมใชเทปพลาสติกแบบเรียบ) หรือวัสดุอ่ืนตองพัน ดามจับยาวไมนอยกวา 25.4 เซนติเมตร (10 นิ้ว) และไมเกิน 38.1 เซนติเมตร (15 น้ิว) เม่ือวัดจากโคนดามจับอนุญาตใหใชเรซิน (resin), ยางสน (pine tar) หรือสารฉีดพน (spray substances) เคลือบบนดา มจับเพ่ือความกระชับได หมายเหตุ เทปท่ีใชส ําหรบั พันดามจับจะตองพนั เปน เกลยี วตอเน่อื ง และจะตองพนั ไมเ กินกวา 2 ช้นั ฏ. ถาเปนไมตีที่ทําดวยโลหะและวัสดุท่ีปดปลายไมตีไมใชโลหะชิ้นเดียวกันกับตัวไมตี ใหใชวัสดุ ปดปลายไมตีซึ่งทําดวยยาง พลาสติก หรือวัสดุ ที่ไดรับการรับรองจากคณะกรรมการ มาตรฐานอปุ กรณข องสหพนั ธฯ ยึดตดิ กบั ไมต ีอยางมน่ั คง 1. วัสดุปดปลายไมตี ใหผนึกอยางแนนหนาและถาวรเพ่ือไมใหบุคคลอื่นใดนอกจากผูผลิต สามารถถอดออกไดโ ดยไมทาํ ใหว สั ดุปด หรอื ไมต เี สียหาย 2. ไมตตี อ งไมม เี สียงขณะใช 3. ไมตตี อ งไมม รี อ งรอยการเปลยี่ นแปลงโดยไมถูกตอง
23 หมายเหตุ - ไมตีทมี่ เี สียงขณะใช ใหถือเปนไมต ที ่ผี ิดกติกา - ไมตีที่มรี อ งรอยการเปล่ียนแปลงโดยไมถ กู ตอ งใหถอื เปนไมตีดัดแปลง ฐ. ใหมีสวนนูนรอบโคนไมเพื่อความปลอดภัยในการใชไมตี นูนออกจากดามจับในแนวต้ังฉาก เปนระยะไมนอยกวา 0.6 เซนติเมตร (1/4 นิ้ว) สวนนูนนี้จะทําขึ้นดวยการหลอ กลึง เชื่อม หรือขันตดิ แนน ถาวร ก็ได หมายเหตุ ไมต ที ีม่ ดี า มจบั เปน ทรงกรวยหรอื ผายออก เปน ไมต ีดัดแปลง ฑ. ใหมีขอความ “OFFICIAL ISF APPROVED SOFTBALL“ หรือขอความอื่นที่แสดงใหเห็น เดนชัดวาไดรับการรับรองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ถาขอความ ดงั กลาวลบเลอื นไป เนื่องจากการสึกกรอนของไมตี อนุญาตใหใชไมตีดังกลาวในการแขงขัน ตอไปไดถ าไมข ดั กับขออื่นๆ ทร่ี ะบุไว ฒ. นํา้ หนัก การกระจายของนํ้าหนัก หรือความยาวของไมตีตองถูกกําหนดแนนอนในขณะท่ีผลิต และจะดัดแปลงใดๆ ไมไ ดอกี เวนแตทไ่ี ดระบุไวโ ดยเฉพาะในกตกิ าหมวด 3 ขอ 1 ณ. หามเปนไมตีดัดแปลง นํ้าหนัก การกระจายของนํ้าหนัก หรือความยาวของไมตีตองถูก กําหนดแนนอนในขณะที่ผลิต และจะดัดแปลงใดๆ ไมไดอีก เวนแตท่ีไดระบุไวโดยเฉพาะใน กติกาหมวด 3 ขอ 1 หรือขอกําหนดที่ไดรับการรับรองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณ ของสหพันธฯ ขอ 2 ไมต วี อรม ไมต ีวอรมตองทําจากวสั ดุชิ้นเดียว และมีสวนนูนรอบโคนไมตแี ละการพันดามจบั เพอื่ ความปลอดภัย เชนเดียวกับไมตีแขงขัน รวมทั้งตองมีคําวา “WARM-UP“ ขนาด 3.2 เซนติเมตร (1 1/4 น้ิว) ท่ีปลายไมตี และปลายไมต ีตอ งมีขนาดเสนผา นศูนยก ลาง ไมเ กนิ 5.7 เซนตเิ มตร (2 1/4 นิ้ว) ขอ 3 ลูกบอลแขง ขนั ก. ใหมีผวิ เรียบ ตะเข็บเรยี บ และซอนดายเยบ็ เอาไว ข. ใหมีแกนกลางที่ทําดวยเสนใยนุนชนิดยาวคุณภาพช้ัน 1 ทําดวยสวนผสมของคอรกกับยาง ทําดวยสวนผสมของโพลียูรีเทน หรือวัสดุอื่นท่ีคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ใหการรบั รอง ค. จะพันดายชนิดคุณภาพดีทับรอยแกนกลางดวยมือ หรือดวยเคร่ืองจักรก็ได แลวผนึกดวย กาวลาเทก็ ซ หรอื กาวยาง ง. ใหห มุ ดวยวัสดุท่ียดึ อยูกบั ลกู บอลโดยการทากาวที่ดา นในของวสั ดุหอ หุมน้ัน แลวเย็บดวย ดา ย ท่ีเปนฝายหรือลินิน หรือวัสดุที่หลอข้ึนมายึดติดกับแกนกลาง หรือหลอรวมเขากับแกนกลาง และมีลักษณะรอยเย็บเชน เดียวกัน และไดรบั การรับรองโดยคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณ ของสหพนั ธฯ จ. ใหมีวัสดุหอหุมทําดวยหนังมา หรือหนังวัวคุณภาพดีที่สุด วัสดุสังเคราะห หรือวัสดุอ่ืนท่ี คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพันธฯ ใหการรับรอง
24 ฉ. ลูกบอลสําหรับใชในการแขงขันท่ีสหพันธฯ จัดขึ้นตองไดมาตรฐานท่ีกําหนด และตองมี ขอความท่ีไดรับอนุญาตใหใชโดยประทับตราฟาสตพิตชหรือสโลวพิตช และอนุมัติโดย คณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณของสหพนั ธฯ ที่ลกู บอล ตามภาคผนวก 4 ขอ 4 โกลฟและมิตต โกลฟจะสวมโดยผูเลนตําแหนง ใดก็ได แตม ิตตใชไดเฉพาะแคตเชอรแ ละผเู ลนเบสหน่งึ เทา นัน้ ก. โกลฟหรือมิตตซ่ึงสวมโดยผูเลนเบสหน่ึงหรือแคตเชอร หรือโกลฟท่ีสวมโดยผูเลนตําแหนงอื่น ตาขา ยระหวางนวิ้ หวั แมม อื กับนิว้ ชีไ้ มใหเ กนิ กวา 12.7 เซนติเมตร (5 น้ิว) ข. โกลฟที่ผูเลน สวมจะมีสีเดียวหรอื หลายสกี ไ็ ด ถา ไมมสี ใี ดเปนสเี ดยี วกบั สลี ูกบอล ค. โกลฟท่ีมีวงกลมสีขาว สีเทา หรือสีเหลือง (yellow optic) ท่ีดานนอกท่ีทําใหดูเสมือนเปน ลกู บอล ถอื วา เปนโกลฟที่ผดิ กตกิ า ขอ กาํ หนดอนื่ เก่ียวกับโกลฟ ดไู ดจากภาคผนวก 5 ขอ 5 รองเทา ผูเลนทุกคนตองสวมรองเทา และรองเทาที่ใชในการแขงขันใหทําดวย ผาใบ หนังหรือวัสดุอ่ืนท่ี คลา ยคลึงกัน ก. พน้ื รองเทา จะเปน แบบเรียบหรอื มีครบี ยางอยา งแข็งหรืออยา งออนก็ได ข. โดยปกติจะใชรองเทาท่ีมีแผนโลหะติดอยูท่ีพื้นหรือสนรองเทาก็ได ถาความยาวของปุมหรือ ครีบโลหะยาวไมเกิน 1.9 เซนติเมตร (3/4 น้ิว) รองเทาชนิดท่ีมีปุมโลหะกลมเปนรองเทาที่ ผดิ กตกิ า ค. ไมใหใชรองเทาท่ีมีพลาสติกแข็ง ไนลอน หรือโพลียูรีเทน ซ่ึงคลายกับแผนโลหะติดอยูที่พ้ืน หรือสน รองเทา ในการแขงขนั ทกุ ประเภทและทุกระดับ ง. ไม ให ใช ร อ ง เท า ช นิ ด มี ค รี บ ที่ ถ อ ด ได ซ่ึ ง อุ ป ก ร ณ ยึ ด ค รี บ พ น พ้ื น ร อ ง เท า ถาเปน รองเทาชนิดมคี รบี ทีถ่ อดไดซ ึง่ อุปกรณยึดครีบไมพนพ้ืนรองเทา ออกมา ใหใชได ไมอนุญาตใหใชรองเทาทม่ี ีครีบโลหะหรือครีบที่ถอดไดในการแขง ขนั ประเภทสโลวพิตชทีมผสม ประเภทโมดฟิ ายดพิตช และการแขงขันระดับเยาวชน ผล ถา ผเู ลนไมป ฏิบตั ติ ามที่ระบุไวใ นขอ 5 หลงั จากผูต ัดสินเตอื นแลว ใหไลผ ูเลนน้นั ออกจากการ แขง ขนั ขอ 6 อปุ กรณปอ งกนั ก. หนากาก (ประเภทฟาสตพิตช) แคตเชอรตองสวมหนากาก อุปกรณปองกันลําคอ และ หมวกปองกนั หมายเหตุ แคตเชอร หรือสมาชิกคนอ่ืนของทีมฝายรับ ตองสวมหนากาก อุปกรณปองกันลําคอ และ หมวกปองกัน ขณะรับลูกบอลจากการซอมพิตช ไมวาจะในสนามแขงขันหรือบริเวณที่จัดไว ใหซอ มพติ ช จะใชห นา กากที่มลี วดย่นื ออกมาปอ งกนั ลําคอแทนหนากากแบบแยกชิ้นที่ตองใช อุปกรณป อ งกันลาํ คอประกอบเขาไปก็ได ข. หนากาก (ประเภทสโลวพิตช) แคตเชอรในระดับเยาวชนตองสวมหนากาก และหมวกปองกัน สว นแคตเชอรในระดับทวั่ ไปควรสวมหนา กาก และหมวกปองกัน
25 หมายเหตุ ขอ ก และ ข แคตเชอรใชหนา กากแบบท่ีใชในการแขง ขนั ฮอกกีน้ ้ําแข็งแทนกไ็ ด (ประเภทฟาสตพิตช) ถา หนากากทีแ่ คตเชอรใ ช ไมใชแบบท่ผี ลติ ขึ้นมาโดยมอี ุปกรณปองกนั ลําคอยื่นออกมาดวยอยูแลว ตองติดอุปกรณปองกันลําคอแบบแยกช้ินเขากับหนากากกอน จึงจะนําไปใชไดโ ดยถกู กติกา ค. หนา กากชนดิ แนบใบหนา ผเู ลนฝายรบั และฝายรุกสามารถสวมหนา กากพลาสตกิ ชนิดแนบ ใบหนาท่ผี า นการรับรองได หนากากชนดิ แนบใบหนาทีแ่ ตก ยบุ หรอื ยางรองชาํ รดุ หรือหายไป หา มนํามาใชแ ละตองนําออกจากการแขง ขัน หมายเหตุ (ประเภทฟาสตพ ติ ช) แคตเชอรจ ะใชห นา กากพลาสติกชนดิ แนบใบหนา แทนหนากากปกติ ทมี่ อี ปุ กรณป อ งกนั ลาํ คอไมได ง. อปุ กรณปองกนั ลําตัว (ประเภทฟาสตพ ิตช) แคตเชอรทกุ คนตองสวมอปุ กรณปองกนั ลาํ ตัว (ประเภทสโลวพติ ช) แคตเชอรห ญิงจะสวมอุปกรณป องกนั ลาํ ตวั ก็ได จ. อปุ กรณป องกนั หนาแขง (ประเภทฟาสตพติ ช) แคตเชอรทุกคนตอ งสวมอุปกรณป อ งกัน หนา แขง ซงึ่ มีท่ปี องกันสะบา หวั เขา ดวย ฉ. หมวกปอ งกัน (ประเภทฟาสตพ ติ ช) หมายเหตุ หมวกปอ งกันทแี่ ตก มรี อยราว บบุ หรอื ถูกดดั แปลง หา มนาํ มาใชและตอ งนําออกจากการ แขงขัน 1. ผูเลนฝายรับจะสวมหมวกแกป หรือหมวกปองกันท่ีไดรับการรับรองซ่ึงมีสีเดียวกับ สหี มวกของทีมก็ได 2. สมาชิกของทีมฝายรุก ซ่ึงไดแก ผูตี, ผูเลนรอข้ึนตี, ผูวิ่งแรกเร่ิม, ผูว่ิง, ผูเลนระดับ เยาวชนที่เขาไปอยูในเขตผูฝกสอนทางดานเบสหน่ึงและเบสสาม และสมาชิกของทีม ท่ีเปนเยาวชนซ่ึงทําหนาที่เก็บไมตี ทั้งขณะอยูในสนามแขงขันและในเขตท่ีพักของทีม ตอ งสวมหมวกปอ งกัน ผล ขอ 6 ฉ 2 1) ผเู ลน ทผ่ี ตู ัดสนิ ใหสวมหมวกปอ งกัน ไมป ฏิบัติตาม จะถูกขานเอาต ขอยกเวน ผูเลนรอขึ้นต,ี ผเู ลน ระดบั เยาวชนที่อยใู นเขตผฝู ก สอน ถา ไมสวม หมวกปองกัน หลังจากไดมกี ารเตอื นแลว จะถูกไลออกจากการแขง ขนั 2) ถาผูเลนเจตนาสวมหมวกปองกันไมถูกตองตามตําแหนงท่ีควรจะเปน หรือถอด หมวกปอ งกันออกในระหวางเปนบอลอนิ เพลย (ยกเวนโฮมรนั ที่ถูกตขี ามรัว้ ออกไป) และผูตัดสินเห็นวาเปนการกระทําโดยเจตนาแลวใหขานผูเลนนั้นเอาตทันที ยังคง เปน บอลอนิ เพลย ขอยกเวน ถาลูกบอลทีถ่ ูกตี หรือถูกขวาง มาโดนหมวกปอ งกนั ทผี่ เู ลนเจตนาถอดออกเปน เดดบอล ผวู ่งิ ตอ งกลบั ไปยงั เบสสดุ ทายทีค่ รอบครองขณะลูกบอลโดนหมวกปองกนั หมายเหตุ การขานผูว ิ่งเอาตเ นอ่ื งจากเจตนาถอดหมวกปองกนั ไมม ีผลใหย กเลกิ เบสบังคบั แตอ ยางใด 3) ถาหมวกปองกันหลุดออกจากศีรษะของผูตี ผูว่ิงแรกเร่ิม หรือผูว่ิงโดยไมไดต้ังใจ ไมม ีการลงโทษ ยงั คงเปนบอลอนิ เพลย
26 4) ถาลูกบอลทถี่ ูกตี หรอื ถูกขวางมาโดนหมวกปอ งกันท่ีหลุดออกจากศีรษะผูเลน และ การโดนน้ันเปนการรบกวนการเลน หรือถาผูเลนฝายรับมาโดนหมวกปองกัน ขณะที่อยูบนพน้ื และทําใหผเู ลนคนนนั้ ไมสามารถเลนลูกบอลไดเปนเดดบอลใหขาน ผูเลนที่ทําหมวกปองกันหลุดนั้นเอาต ถึงแมวาจะเคล่ือนไปแตะโฮมเพลตไดก็ให ยกเลิกไป ถอื วา ไมไดค ะแนน ขอ 7 อุปกรณบ นพ้ืนสนาม ไมใหว างอปุ กรณซงึ่ ไมเ ปน อปุ กรณทเี่ ปน ทางการบนพื้นสนาม ไมว าในเขตแฟรห รือเขตฟาวล ผล เปน เดดบอล ถา ลูกบอลสมั ผัสกบั อุปกรณน้ัน ก. ถาอปุ กรณของทมี ฝายรุกทาํ ใหเกิดบลอ กบอล (เปนการรบกวน) ใหข านผูเลน นนั้ เอาต ข. ถาผูตัดสินเห็นวาไมนาจะมีการเลน (ที่ทําใหเกิดเอาต) ได ไมมีผูวิ่งคนใดถูกขานเอาต ใหผูวิ่ง ทุกคนกลบั ไปยังเบสสุดทา ยทีค่ รอบครองอยขู ณะทีผ่ ูตดั สนิ ขานเดดบอล ค. ถาอุปกรณข องทีมฝายรบั ทาํ ใหเ กิดบลอกบอล (1) ถาเกิดกับลูกบอลท่ีถูกพิตชมา ใหผูว่ิงไดเคลื่อนไปขางหนา 1 เบส จากเบสที่ ครอบครองเมอื่ เรมิ่ การพติ ช (2) ถาเกิดกับลูกบอลท่ีถูกขวางมา ใหผูว่ิงไดเคล่ือนไปขางหนา 2 เบส จากเบสท่ี ครอบครองขณะขวา งลูกบอล (3) ถาเกิดกับลูกบอลที่ถูกตีเปนแฟรบอล ใหผูว่ิงไดเคลื่อนไปขางหนา 2 เบส จากเบสที่ ครอบครองเมือ่ เร่ิมการพติ ช ขอ 8 เครือ่ งแตง กาย ผูเ ลนทุกคนในทีมตอ งสวมชุดแขงขันท่ีมีสีเดียวกัน, แถบ และรูปแบบเหมอื นกนั สําหรับเครอื่ งแตง กายของผฝู ก สอนระบไุ วในกตกิ าหมวด 4 ขอ 1 ข ขอ ยกเวน จะอนญุ าตใหผ ูฝกสอนและผูเลน สวมเครื่องแตง กายและสงิ่ ที่ใชค ลมุ ศรี ษะเปนการ เฉพาะ ซงึ่ แตกตางจากที่กําหนดไว ดวยเหตผุ ลทางศาสนา กไ็ ด โดยไมมกี ารลงโทษ ก. หมวกแกป 1. ผูเลน ชายตอ งสวมหมวกแกป เหมอื นกัน และสวมอยางถูกตอ งตามทีค่ วรจะเปน 2. ผูเลนหญิงจะเลือกสวมหมวกแกป, หมวกชนิดที่มีแตกะบังหนา, สายคาดศีรษะ หรือสวมคละกันก็ได หากมีการสวมคละกัน ตองมีสีและรูปแบบเดียวกันในแตละชนิด ไมอ นญุ าตใหใ ชห มวกชนดิ ท่ีมีแตก ะบงั หนาซึง่ ทําดว ยพลาสตกิ หรือวสั ดุแขง็ ขอ ยกเวน ถา ผูเลน ฝา ยรับเลอื กจะสวมหมวกปองกันทีไ่ ดร ับการรบั รองแลวซึง่ มีสเี ดียวกบั สหี มวกของทีม กก็ ระทาํ ไดโ ดยไมตองสวมหมวกแกป อีก ข. เสือ้ ตวั ใน ผเู ลนจะสวมเส้ือตวั ในทีเ่ ปนสพี ้นื กไ็ ด ไมบ ังคับใหทุกคนตอ งสวมเสื้อตัวใน แตถา สวม มากกวา 1 คนแลวเส้อื ตัวในทสี่ วมตองเหมือนกัน ผเู ลน ตองไมส วมเส้ือตวั ในทีม่ สี ภาพ ไมเ รยี บรอย เชน ขาดวิ่น หลดุ ลยุ มรี อยตัดหรอื ฉกี
27 ค. กางเกง/กางเกงสําหรับสไลด กางเกงของผูเลนตองเหมือนกันท้ังทีม ไมวาจะเปนขายาวหรือขาส้ันก็ตาม ผูเลนจะสวม กางเกงสําหรบั สไลดที่เปนสีพื้นอีกตัวหนึ่งก็ได ไมบังคับใหทุกคนตองสวมกางเกงสําหรับสไลด แตถาสวมมากกวา 1 คนแลว กางเกงสําหรับสไลดที่สวมตองเหมือนกัน เวนแตเปนชุดซึ่งใช ส ว ม ทั บ เ ป น ค ร้ั ง ค ร า ว (temporary, snap-on or Velcro sliding pads) ผูเลนตองไมสวม กางเกงสําหรับสไลดที่อยูในสภาพที่ไมเรียบรอย เชน ขาดวิ่น, หลุดลุย, มรี อยตัดหรอื ฉีก ง. หมายเลขเสื้อ ตองมีหมายเลขอยูดานหลังเส้ือแขงขันทุกตัว เปนเลขอารบิก มีขนาดความสูงไมนอยกวา 15.2 เซนติเมตร (6 นิ้ว) มีสีตัดกับสีเส้ือ ผูจัดการทีม, ผูฝกสอน และผูเลนในทีมเดียวกัน จะสวมเส้ือท่ีมีหมายเลขเดียวกันไมได (เชน หมายเลข 1 กับ 01 ถือวาเปนหมายเลขเดยี วกัน) ใหใ ชเลขจาํ นวนเต็มต้ังแต 01 ถงึ 99 เทา น้ัน ผูเลน ทีส่ วมเส้อื ไมม ีหมายเลขเส้อื จะไมไดรับ อนุญาตใหเ ขา รว มการแขง ขัน จ. ชือ่ จะมีช่อื ของผเู ลน อยูเ หนือหมายเลขดา นหลงั ของเสื้อแขงขันก็ได ฉ. วัสดุหลอ วัสดุหลอท้ังหลาย ไมวาจะเปนปูนปลาสเตอร, โลหะ หรือสารแข็งอ่ืนๆ ผูเลนจะสวมหรือ นาํ ลงไปแขงขนั ดวยไมได หมายเหตุ โลหะที่เปดเผย (ไมใชโลหะหลอ) ถามีการหอหมุ ดวยวัสดุนุมอยางเพียงพอ โดยใชเทปยดึ เอาไว ไดผานการตรวจสอบและรบั รองจากผูตัดสนิ แลว ถอื วาถกู กติกาและใหใ ชได ช. เครอ่ื งประดับ เครือ่ งประดับทกุ ประเภท จะสวมลงไปแขงขันไมไ ด ยกเวนสรอยคอ หรือสรอย/กําไลขอมือ ซ่ึงใชดวยเหตุผลทางการแพทย ไมถือวาเปน เครือ่ งประดับ แตต องใชเทปยึดติดไวกับรา งกายอยางเหมาะสม ผล ขอ 8 ก-ช ถาผเู ลน ไมป ฏิบัติตาม จะถกู ลงโทษโดยใหอ อกจากการแขงขนั ขอ 9 อปุ กรณท กุ ชนิด สหพันธซอฟทบอลนานาชาติขอสงวนสิทธ์ิที่จะระงับการใช หรือถอดถอนการรับรองอุปกรณใด ๆ ท่กี อ ใหเ กิดการเปล่ียนแปลงที่สาํ คัญตอ รปู แบบของการแขง ขัน, มผี ลกระทบตอความปลอดภัยของผเู ขารวม การแขง ขนั หรือผูชม หรอื ทาํ ใหถ ูกมองวาผลงานมาจากอุปกรณม ากกวา ความสามารถของผเู ลน
หมวด 4 ผูฝกสอน ผูเ ลน และผูเลนสํารอง (COACHES, PLAYERS AND SUBSTITUTES) ขอ 1 ผูฝก สอน ก. หัวหนา ผฝู ก สอนมหี นา ทร่ี ับผดิ ชอบในการเซน็ ชื่อในใบแสดงลําดับการข้ึนตี ข. ผฝู กสอนตองแตงกายใหเรียบรอย รวมถึงการสวมรองเทาที่เหมาะสม หรอื สวมชดุ แขง ขนั ท่ีมี สีเดียวกับสีของทีม ถาผูฝกสอนสวมหมวกจะตองเปนหมวกที่ไดรับอนุญาตจากผูตัดสินเพลต ผฝู กสอนชายตองสวมหมวก ค. ผูฝกสอนของทีมฝายรุก (ผูฝกสอนประจําเบส) เปนสมาชิกท่ีถูกกติกาของทีม โดยตองอยู ภายในเขตผฝู ก สอน 1. อนุญาตใหมีผูฝกสอนได 2 คน เพ่ือใหคําปรึกษา แนะนํา และควบคุมสมาชิกทีมของ ตนเองในขณะขนึ้ ตี 2. ผฝู ก สอนดา นเบสหนงึ่ และผูฝก สอนดานเบสสาม ตอ งอยูภายในเขตผูฝ ก สอนเทานัน้ ขอ ยกเวน ผูฝกสอนออกจากเขตผฝู ก สอนได ในกรณตี อ ไปน้ี - ใหสัญญาณผวู ง่ิ สไลด - ใหสญั ญาณผวู ่ิงเคลือ่ นไปขา งหนา - ใหส ัญญาณผวู ง่ิ กลบั ไปทเ่ี บส - เคล่อื นใหพน จากวถิ ีการเลนของผูเลน ฝา ยรบั ตราบเทา ทไี่ มเปนการรบกวน การเลนเกมนน้ั 3. ผฝู ก สอนประจาํ เบสจะปรกึ ษา พูดคยุ หรอื สื่อสารไดก ับสมาชิกทีมของตนเองเทานนั้ 4. ผูฝกสอนที่อยูในเขตผูฝกสอนแตละคนมีอุปกรณไดเฉพาะสมุดบันทึกผล ปากกาหรือ ดินสอ และอุปกรณชวยนับ (Indicator) อุปกรณท้ังหมดตองมีไวเพื่อเก็บขอมูลและ บนั ทึกผลการแขง ขนั เทานั้น ง. ผูฝกสอน หรือผูจัดการทีมของทีมฝายรับเปนสมาชิกที่ถูกกติกาของทีม ซ่ึงอาจเปนผูฝกสอน ที่อยูในเขตที่พักของทีม หรือเปนทั้งผูเลนและผูฝกสอนซึ่งอยูในสนามแขงขันดวย ผูฝกสอน จะใหคาํ ปรึกษา แนะนาํ และชว ยเหลือทมี ของตนเองในขณะท่เี ปน ฝา ยรบั จ. ผูฝก สอนตอ งไมใชว าจาทีไ่ มเหมาะสม และมีผลในทางลบตอ ผเู ลน ผูตัดสิน หรอื ผูช ม ฉ. หามใชอุปกรณใ นการส่ือสาร 1. ระหวางผฝู ก สอนภายในสนามแขงขัน 2. ระหวางผูฝกสอนกบั เขตท่พี ักของทีม 3. ระหวา งผูฝ กสอนกับผูเลนคนใดคนหน่งึ 4. ระหวา งบริเวณของผชู มกับสนามแขงขัน เขตทพ่ี กั ของทีม ผูฝก สอน และผูเลน ผล ขอ 1 ข – ฉ หากกระทําผิดเกมแรก ใหเตือนถาผูฝกสอนหรอื ผูจดั การทีมนั้นกระทําผดิ ซํ้า ใหไ ลห ัวหนาผฝู กสอนออกจากการแขง ขนั
29 ขอ 2 ใบแสดงลาํ ดบั การขน้ึ ตีและบัญชีรายชอื่ ก. ใบแสดงลาํ ดับการขึ้นตีอยางเปนทางการตองสมบูรณ และสงใหผูบันทึกผล หรอื ผูตัดสินเพลต กอ นเรม่ิ การแขงขัน ใหผูตัดสินเพลตเก็บใบแสดงลาํ ดับการขึ้นตีไวตลอดเวลาของ การแขงขัน เกมน้นั 1. หามมีช่ือผูเลนในรายช่ือผูเลนเริ่มตน ถาผูเลนน้ันยังไมปรากฏตัวอยูในบริเวณเขตที่พัก ของทมี และอยูในชดุ แขงขนั แลว 2. ใหเขียนช่ือ นามสกุล และหมายเลขเสื้อของผูเลนสํารองทั้งหมดในเขตที่พักของทีมที่ พรอ มแขงขนั 3. สามารถเพิ่มรายชื่อผูเลน สํารองจากบญั ชีรายชอ่ื เขา สใู บแสดงลาํ ดบั การขึ้นตีไดตลอดเวลา ของการแขงขัน 4. ตอ งระบชุ ่ือของหัวหนาผูฝ ก สอน หรอื ผูจดั การทีมในใบแสดงลําดบั การข้นึ ตี ข. บัญชีรายชื่อผูเลนชายตองมีแตผูเลนชายเทานั้น และบัญชีรายช่ือผูเลนหญิงตองมีแตผูเลน หญิงเทา นัน้ ขอ 3 ผเู ลน ก. ในแตล ะทมี ใหป ระกอบดว ยผเู ลนในตาํ แหนง ดงั ตอไปนี้ : 1. ประเภทฟาสตพิตช มีผูเลนจํานวน 9 คน ประกอบดวย พิตเชอร (F1), แคตเชอร (F2), ผูเลนเบสหนึ่ง (F3), ผูเลนเบสสอง (F4), ผูเลนเบสสาม (F5), ชอรตสต็อป (F6), เลฟตฟลเดอร (F7), เซน็ เตอรฟลเดอร (F8) และไรตฟ ลเดอร (F9) 2. ประเภทฟาสตพิตช ท่ีมีการใชผูเลนแทน (ดีพี) มีผูเลนจํานวน 10 คน ประกอบดวย ผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทฟาสตพิตชท่ีมีผูเลนจํานวน 9 คน แลวเพ่ิม ตําแหนง ผเู ลนแทน (ดพี )ี 3. ประเภทสโลวพิตช ท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน ประกอบดวย พิตเชอร (F1), แคตเชอร (F2), ผูเลนเบสหน่ึง (F3), ผูเลนเบสสอง (F4), ผูเลนเบสสาม (F5), ชอรตสต็อป (F6), เลฟตฟลเดอร (F7), เลฟตเซ็นเตอรฟลเดอร (F8), ไรตเซ็นเตอรฟลเดอร (F9) และ ไรตฟ ลเดอร (F10) 4. ประเภทสโลวพิตชที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อีพี) มีผูเลนจํานวน 11 คน ประกอบดวย ผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทสโลวพิตชท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน แลวเพิ่ม ผเู ลนพิเศษ (อพี )ี ซง่ึ เปนผตู อี ีกคนหนึง่ ในใบแสดงลําดับการขึน้ ตี 5. ประเภทสโลวพิตชทีมผสม มีผูเลนจํานวน 10 คน เปนชาย 5 คน หญิง 5 คน ประกอบดวย ชาย 2 คนและหญิง 2 คน เลนท้ังตําแหนงอินฟลดและตําแหนงเอาตฟลด ชาย 1 คนและหญงิ 1 คนเลนตําแหนง พติ เชอรห รอื แคตเชอร 6. ประเภทสโลวพิตชทีมผสมที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อีพี) มีผูเลนจํานวน 12 คน เปนชาย 5 คน หญิง 5 คนประกอบดวยผูเลนตําแหนงตางๆ เหมือนกับประเภทสโลวพิตชทีม ผสมท่ีมีผูเลนจํานวน 10 คน แลวเพ่ิมผูเลนพิเศษ (อีพี) ซึ่งเปนผูตีอีก 2 คนในใบแสดง ลาํ ดบั การข้ึนตี
30 หมายเหตุ ผูเลนของทมี ฝายรับจะอยบู รเิ วณใดก็ไดภ ายในเขตแฟร เวน แตแคตเชอรต องอยใู นเขต แคตเชอร และพติ เชอรต องอยใู นตาํ แหนง การพิตชท ่ีถกู กติกาเมื่อเร่ิมการพิตชแตละครัง้ หรอื (ประเภทฟาสตพ ติ ช) อยภู ายในเขตพิตเชอร เม่ือจะเร่ิมการเลนใหม ข. แตละทีมตองมีผูเลนตามจํานวนที่กําหนดในขอ ก. เพื่อเริ่มการแขงขันหรือดําเนินการแขงขัน ตอไป ผล ขอ ข ทีมท่ที ําผิดกตกิ าจะถูกปรบั เปนแพ ขอ 4 ผเู ลนเริม่ ตน ใหถือวาผูเลนนั้นเปนผูเลนเริ่มตนท่ีถูกกติกา เม่ือใบแสดงลําดับการข้ึนตีไดรับการตรวจสอบและ รับรองโดยผูต ดั สินเพลตและผูแทนทีมขณะมกี ารประชุมกอนเรมิ่ การแขง ขนั ก. จะสง ใบแสดงลําดบั การขนึ้ ตีอยางเปน ทางการ กอนการประชุมกไ็ ด ข. ถาผูเลนบาดเจ็บหรอื ปว ยผูแทนทีมแจงผูตัดสินเพลตเพ่ือขอเปลย่ี นรายชื่อผูเลน เร่มิ ตน ไดข ณะ มกี ารประชมุ กอ นเริ่มการแขง ขัน และใหถอื วาผเู ลนทเ่ี ปลยี่ นเขาไปแทนนี้ เปนผูเ ลนเร่ิมตน ค. ผเู ลน ทถ่ี ูกเปล่ียนออกในขณะมีการประชุมกอนเร่ิมการแขงขันใหเปนผเู ลน สํารอง จะเขาไปทํา การแขง ขันเมื่อใดก็ได ขอ 5 ผเู ลน แทน (ประเภทฟาสตพิตช) ก. “ผูเลนแทน” หรือ “ดีพี” จะใชเปนผูตีสําหรับกับผูเลนฝายรับคนใดก็ได หากไดแจงไวตั้งแต กอนเร่ิมการแขงขัน และมีรายชื่ออยูในใบแสดงลําดับการขึ้นตี และอยูลําดับใดลําดับหน่ึง ระหวาง 1 - 9 ในใบแสดงลําดับการขน้ึ ตี ข. ดีพีเริ่มตน จะถูกเปล่ียนออกโดยผูเลนสํารอง และกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกคร้ัง ซึ่งตอง กลับเขา มาในลําดบั การข้ึนตีเดิม ค. ชื่อของผูเลนฝายรับ ซ่ึงดีพีเปนผูตีแทน ใหอยูในลําดับท่ี 10 ในใบแสดงลําดับการข้ึนตี ผูเ ลนนเ้ี รียกวา ผเู ลนเฟล็กซ หรือ (เรียกสนั้ ๆวา ) เฟล็กซ ง. ผูเ ลน เร่มิ ตน ทเ่ี ปน ดพี ีตอ งอยใู นลําดบั การขน้ึ ตเี ดมิ ทุกคร้ังที่อยใู นการแขงขันเกมน้นั จ. ดีพแี ละผเู ลนสํารองท่ีเขามาแทน จะเลน เปนผา ยรกุ พรอมกนั ไมได ฉ. จะเปลย่ี นผเู ลนสํารองเขามาแทนดีพีเม่ือใดกไ็ ด ไมวาจะเปน ผูตี หรอื ผูว่ิง หรอื เฟล็กซอาจเขา มาแทนดีพกี ็ได หมายเหตุ เฟล็กซเขา มาแทนดพี ไี มถอื เปน การเปลีย่ นผูเ ลน สาํ รอง แตตองแจงผูตัดสนิ เพลต การท่ี เฟล็กซ (หรือผูเลนสํารองที่เขามาแทนเฟล็กซ) เขามาแทนดีพี ใหถือวาดีพีออกจาก การแขง ขันแลว 1. จํานวนผเู ลนลดลงจาก 10 คนเปน 9 คน 2. ถาดีพีไมกลับเขามาแขงขันใหม การแขงขันจะดําเนินไปจนส้ินสุดการแขงขันดวยผูเลน 9 คนก็ได 3. ถาดีพีกลับเขามาแขงขันใหม จะเปนท้ังผูเลนฝายรับและฝายรุก (แขงขันตอไปดวยผูเลน 9 คน) หรือจะเปนผูตีในลําดับการขึ้นตีเดิมและเฟล็กซกลับไปอยูในลําดับการข้ึนตีที่ 10 เลนเปน ผเู ลน ฝา ยรบั เทานัน้ อกี ครง้ั หน่งึ กไ็ ด
31 ผล ขอ 5 ก - ฉ การกลับเขามาแขงขันใหมของดีพีโดยไมอยูในลําดับการข้ึนตีเดิม เปนการกลับเขามาแขงขัน ใหมทผ่ี ิดกติกา ใหลงโทษท้ังผจู ัดการทมี หรือผูฝกสอน (มีช่ือปรากฏในใบแสดงลาํ ดับการขนึ้ ตี) และดพี ี (หรอื ผเู ลนสํารองท่ีเขามาแทนดพี ี) โดยไลออกจากการแขงขนั ช. ดีพีจะเปนผูเลนฝายรับตําแหนงใดก็ได ถาดีพีเปนผูเลนฝายรับตําแหนงอ่ืนท่ีไมใชเฟล็กซ ผูเลนน้ันยังคงข้ึนตีตอไปตามลําดับการขึ้นตีขณะที่ทีมเปนฝายรุก แตไมลงเลนขณะท่ีทีมเปน ฝายรับ ไมถอื วาผเู ลนนนั้ ออกจากการแขงขัน ผูเลนซงึ่ ดพี ีเลน แทนขณะทีมเปนฝา ยรับ เรยี กวา ผูเลน เฉพาะรกุ หรือ โอพีโอ ซ. ดีพีจะเปนผูเลนฝายรับแทนเฟล็กซก็ได และถือวาเฟล็กซออกจากการแขงขันแลว จํานวน ผเู ลนจะลดลงเปน 9 คน หมายเหตุ ดีพเี ปนผูเ ลน ฝา ยรบั แทนเฟล็กซไมถือวาเปน การเปลี่ยนผเู ลน สํารอง แตต องแจงผูตัดสนิ เพลต ฌ. จ ะ เ ป ล่ี ย น ผู เ ล น สํ า ร อ ง ที่ ถู ก ก ติ ก า เ ข า ม า แ ท น เ ฟ ล็ ก ซ เ มื่ อ ใ ด ก็ ไ ด เฟล็กซเร่ิมตนจะกลับเขามาแขงขันใหมอีกคร้ังหนึ่งก็ได ไมวาจะในลําดับการขึ้นตีของดีพีหรือ ลาํ ดับท่ี 10 ในใบแสดงลาํ ดบั การข้นึ ตี 1. ถากลับเขามาแขงขันใหมในลําดับท่ี 10 จะเลนเฉพาะในขณะท่ีทีมเปนฝายรับ แตจะ เลนในตําแหนงใดก็ได 2. ถากลับเขามาแขงขันใหมในลําดับการขึ้นตีของดีพี จะเลนทั้งในขณะที่ทีมเปนฝายรุก และฝา ยรับ โดยมีจาํ นวนผูเลน 9 คน ผล ขอ 5 ช - ฌ ใหใชรวมกับกติกาหมวด 4 ขอ 8 และบทลงโทษการละเมิดกติกาดังกลาวดวย การกลับเขามาแขงขันใหมของเฟล็กซ โดยไมอยูในลําดับการขึ้นตีของดีพีเร่ิมตนหรือลําดับ การข้ึนตีท่ี 10 ใหลงโทษทั้งผูจัดการทีมหรือผูฝกสอน (ซึ่งมีช่ือในใบแสดงลําดับการข้ึนตี) และเฟลก็ ซ (หรอื ผูเลน สํารองทเี่ ขา มาแทนเฟล็กซ) โดยไลอ อกจากการแขงขนั ขอ 6 ผเู ลน พิเศษ (ประเภทสโลวพิตช) ก. “ผูเลนพิเศษ” หรือ “อีพี” จะเลือกใชหรือไมก็ได ถามีการใช จะตองแจงผูตัดสินเพลต กอนเริ่มการแขงขัน และมีรายชื่ออยูในใบแสดงลําดับการข้ึนตี เปนผูตี 1 ใน 11 คน ในใบแสดงลาํ ดบั การขนึ้ ตี ข. ถา มีการใช อพี ี จะตองใชต ลอดการแขงขนั เกมน้นั หมายเหตุ ถา ไมสามารถใช อีพี ตลอดการแขงขัน ใหปรับเปน แพ ค. ถามีการใช อีพี ผูเลนท้ัง 11 คนตองเปนผูตี แตลงเลนเปนผูเลนฝายรับเพียง 10 คน ตําแหนงในการเลนเปนผูเลนฝายรับสามารถเปล่ียนได แตลําดับการข้ึนตีของผูเลนนั้นในใบ แสดงลาํ ดบั การข้ึนตตี อ งคงเดิม ง. (ประเภทสโลวพติ ช) ถา มีการใชอพี ี 2 คน ใหผ ูเลน ลงแขงขันดังน้ี - เมอื่ เปนฝา ยรุก ผเู ลน ท้ัง 12 คนตอ งเปน ผูตี
32 - เม่ือเปนฝายรับ ใชผูเลน 10 คน โดยตองเปนชาย 5 คน หญิง 5 คน ตําแหนงใน การเลนเปนผูเลนฝายรับสามารถเปล่ียนได แตตองสอดคลองกับ ท่ีระบุไวในกติกา หมวด 4 ขอ 3 ก 5 ลาํ ดบั การข้นึ ตขี องผเู ลนทุกคนในใบแสดงลาํ ดับการขึน้ ตีตอ งคงเดมิ จ. อีพี ตองอยูลาํ ดับการตีเดมิ ในใบแสดงลาํ ดับการขน้ึ ตีตลอดการแขงขันเกมน้ัน ฉ. อีพีเริ่มตน ท่ีถูกเปล่ียนออกแลว จะกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกครั้ง โดยตองกลับมาอยูใน ลําดับการขน้ึ ตเี ดียวกับขณะทถ่ี กู เปลย่ี นออก เวนแตเขามาเปน ผเู ลนแทนช่ัวคราว ผล ขอ 6 ก - ฉ บทลงโทษสําหรับการใช อพี ี ผดิ กตกิ า คือ การไลผ เู ลน นน้ั ออกจากการแขง ขัน ขอ 7 การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหม ก. ผูเลนเริ่มตน เม่ือถูกเปลี่ยนออกไปแลว จะกลับเขามาแขงขันใหมไดอีกครั้งหน่ึง โดยตองอยู ในลําดับการขน้ึ ตีเดมิ ขอยกเวน ผเู ลนเริม่ ตนซ่ึงขณะนนั้ ไมมรี ายชือ่ เปน ผเู ลน เขา มาเปนผเู ลนแทนชั่วคราว หมายเหตุ ผูเลน เรมิ่ ตนและผูเลนสํารองทเี่ ปลี่ยนเขาไปไมส ามารถลงเลนในเวลาเดียวกันได ข. ถาผจู ัดการทีม หรือผฝู ก สอนเปล่ียนผเู ลนสาํ รองออก แลวเปลยี่ นผเู ลน นัน้ กลบั เขา มา แขง ขันใหม เปน การกลับเขามาแขง ขันใหมท ่ผี ดิ กติกา ขอ ยกเวน เมอื่ มกี ารใชผเู ลนสาํ รองเปนผูเ ลนแทนชวั่ คราว ค. เม่ือผเู ลนเร่ิมตนกลับเขามาแขงขนั ใหมใ นลําดับการขึ้นตีอนื่ ที่ไมใชล ําดับการข้นึ ตีเดมิ เปนการ กลบั เขามาแขงขันใหมทีผ่ ิดกตกิ า ผล ขอ 7 ก – ค 1. การทําผิดกติกาการกลับเขามาแขงขันใหมเปนการเลนตองอุทธรณ ซ่ึงจะขออุทธรณ เมอื่ ใดกไ็ ดต ราบเทาทผี่ ูเลนสาํ รองทผ่ี ดิ กตกิ ายังอยใู นการแขงขนั เกมน้นั 2. ไมจําเปนตองทําการอุทธรณกอนการพิตชครั้งตอไป อยางไรก็ตามใหคงผลการเลน ทุกอยา งทเ่ี กิดขึน้ ในขณะทผ่ี ูเลน สํารองท่ผี ดิ กติกายังอยูในการแขง ขัน 3. บทลงโทษสําหรับการกลับเขามาแขงขันใหมท่ีผิดกติกา คือ ไลทั้งผูจัดการทีม หรือ ผูฝกสอน (ท่ีมีชื่ออยูในใบแสดงลําดับการตี) และผูเลนสํารองท่ีทําผิดกติกาออกจาก การแขง ขนั หมายเหตุ ถา การกลบั เขามาแขงขันใหมก ระทาํ โดยไมไดแ จงผูตดั สินเพลต ใหน าํ บทลงโทษสาํ หรบั การทาํ ผดิ กติกาดังกลา ว (กตกิ าหมวด 4 ขอ 8 ช) มาบงั คบั ใชดวย 4. ตองแจงชื่อผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนคนใหมที่ทําหนาที่รับผิดชอบควบคุมทีม ตอผูต ัดสนิ เพลต ขอ 8 ผูเลนสํารอง/ผเู ลนทผ่ี ิดกติกา ผูเลนสํารองจะเขาไปเลนแทนผูเลนที่มีช่ืออยูในใบแสดงลําดับการข้ึนตี โดยปฏิบัติตามขอบังคับ ตอไปน้ี :
33 ก. ใหผ ูฝก สอนหรือผูแทนของทีมที่จะเปล่ยี นผูเลนสํารองแจงผูต ัดสนิ เพลตทันทที ่ีผูเลนสํารองเขา แขงขัน ใหผูตัดสินเพลตแจงใหผูบันทึกผลทราบ ถือวาผูเลนสํารองเปนผูเลนในการแขงขัน เกมนัน้ เม่อื มกี ารพิตชหรือการเลน เกดิ ข้ึน หมายเหตุ (ประเภทฟาสตพ ิตช) ถาดพี ีเลน เปนฝา ยรบั แทนเฟล็กซหรือเฟล็กซเ ปน ฝายรุกแทน ดีพี ตองแจง ผตู ดั สนิ เพลต การลงโทษ ถา ไมแ จง เปน การเปล่ียนผูเ ลนสํารอง/ผเู ลน ทผี่ ดิ กตกิ าโดยไมแจงผตู ัดสินเพลต ข. ถาผูเลนสํารองเขาแขงขันโดยไมแจงผูตัดสินเพลต และมีการพิตชหรือการเลนเกิดขึ้นแลว ใหประกาศวาเปนผเู ลนทพ่ี นสภาพทนั ทที ี่ตรวจพบการกระทําผิด ผูเลนสํารองท่ีไมแจงผูตัดสินเพลต ผูเลนสํารองที่ผิดกติกา ผูเลนแทนชั่วคราวท่ีไมแจง ผตู ดั สินเพลต หรอื ผูเลนตองพักกลบั เขามาแขง ขัน (ตามกตกิ าผเู ลน แทนชั่วคราว) โดยไมแจงผู ตัดสินเพลต เปนการเลนตองอุทธรณ โดยทีมที่ไมไดกระทําผิดตองขออุทธรณในขณะที่ผูเลน นั้นยังอยูในการแขงขัน ถาผูจัดการทีมหรือผูเลนท่ีกระทําผิดแจงผูตัดสินเพลต กอนทีมคู แขง ขันขออุทธรณ ไมมีการลงโทษ ไมวาจะเขาแขงขนั โดยผดิ กติกามานานเทาใดก็ตาม ผลการ เลนทุกอยางที่เกิดข้ึนกอนตรวจพบถือวาถูกตอง ถาทีมที่กระทําผิดไมมีผูเลนสํารองท่ีจะเขา แขง ขันแทนผเู ลน ทพี่ นสภาพ ใหป รับเปน แพ ขอยกเวน ขอ 8 ข 1. ถาการเปลี่ยนผูเลนสํารองโดยไมแจงผูตัดสินเพลตเปนกรณีท่ีฝายรุกกระทําผิดกติกา ผูเลนสํารองน้ันตีและว่งิ ไปครอบครองเบสหน่งึ ไดแลว และมีการตรวจพบและขออทุ ธรณ กอนมีการพิตชใหผูตีคนตอไปหรือ (ในกรณีสิ้นสุดการแขงขัน) กอนผูตัดสินออกพน สนามแขงขัน ผูว่ิงทุกคน รวมทั้งผูตี ตอ งกลับไปยังเบสท่ีครอบครองเม่อื เร่ิม การพิตช ใหขานผูเลนสํารองน้ันเอาตและประกาศเปนผูเลนที่พนสภาพ เอาตท่ีเกิดขึ้นจากการ เลนนน้ั ใหค งไว 2. ถาผูเลนสาํ รองเปนผูเลน ทผ่ี ิดกตกิ า จะถูกลงโทษตามความผิดนนั้ หมายเหตุ การใชผเู ลน สํารองที่ผดิ กติกา ผเู ลน แทนช่วั คราวที่ไมแจงผูต ัดสนิ เพลต การกลับเขามาแขง ขัน ของผเู ลนตองพกั ตามกตกิ าผเู ลน เลอื ดออก โดยไมแ จงผูต ดั สนิ เพลต เปนการเลน ตอ งอทุ ธรณ ซ่ึงตองขออุทธรณ ในขณะท่ีผูท ี่กระทาํ ผดิ ยงั อยใู นการแขงขัน ค. จะเปล่ียนผูเลน สาํ รองเขา แขงขันแทนผเู ลนใดกไ็ ดใ นระหวา งที่เปน เดดบอล ง. ถาเกิดการบาดเจ็บกับผูวิ่งแรกเร่ิมหรือผูว่ิงทําใหไมสามารถเคลื่อนไปครอบครองเบสขางหนา ไดตามสิทธ์ิ และเปนเดดบอล จะเปลี่ยนผูเลนสํารองเขามาแทนได โดยผูตัดสินจะอนุญาตให เคลื่อนไปครอบครองเบสไดตามสิทธิ์ ซึ่งตองแตะเบสทุกเบส (ทั้งเบสที่แตะพลาดหรือไมได แตะกอ นหนาน้ี และเบสท่ไี ดส ทิ ธิ์) โดยถกู ตอ งตามกตกิ า จ. หามผูเลน ท่ถี กู เปล่ยี นออกไปแลว กลับเขา รว มการแขง ขนั เกมน้นั อีก เวน แตเปนผูฝก สอน ขอ ยกเวน ผเู ลนเร่มิ ตนกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมไ ดอ กี คร้ังหนึง่ ฉ. การเปลี่ยนผูเลนตอเนื่องในลําดับการตีเดียวกันสามารถทําไดในกรณีท่ีผูเลนนั้นเปนผูเลน เริ่มตน สวนผูเลนสํารองเม่ือเปล่ียนออกไปแลวไมสามารถกลับเขามาแขงขันใหม ยกเวน เปน ผูเลน แทนช่ัวคราว
34 หมายเหตุ ไมใชก ตกิ าหมวด 4 ขอ 8 กับกรณผี ูเ ลน แทนชวั่ คราว เวน แตมกี ารขออุทธรณ โดยถูกกตกิ า เนอื่ งจากไมแจงผูต ัดสินเพลต (กติกาหมวด 4 ขอ 11) ช. ผูเลนที่ผิดกติกาหมายถึงผูเลนที่ลงแขงขันแลว ไมวาจะเปนฝายรุกหรือฝายรับ โดยไมมีสิทธิ์ แขงขนั ในตําแหนง น้ันอยา งถกู ตองตามกติกา ผูเลนยงั ไมท ําผิดกติกาขอน้ีจนกวาจะมีการพิตช หรือมกี ารเลนเกิดขึน้ แลว ผล ขอ 8 ช ผเู ลนท่ีผิดกตกิ า มีดงั ตอไปนี้ 1. พติ เชอรท่ผี ดิ กติกา พิตเชอรที่ผิดกติกาหมายถึงผูเลนที่กลับมาพิตชหลังจากผูตัดสินใหพนจากตําแหนง พติ เชอรแลว การลงโทษ เมื่อพบการกระทําผดิ ใหไ ลพ ติ เชอรท ่ผี ดิ กตกิ าออกจากการแขง ขนั หมายเหตุ พิตเชอรท ถี่ กู สง่ั ใหพนจากตาํ แหนงพติ เชอร - เน่ืองจากทีมฝายรบั ขอชารจ คอนเฟอเรนซเ กินสทิ ธิ์ หรือ - (ประเภทสโลวพ ิตช) เนอ่ื งจากพติ เชอรพติ ชด วยความเร็วมากเกนิ ไป กลบั เขามา แขง ขันใหมไ ด แตจ ะเปน พิตเชอรไ มไ ด 2. ผตู ีทีผ่ ิดกตกิ า (ประเภทฟาสตพิตช) การใชเฟลก็ ซเ ปนผูตีในลําดับการข้นึ ตอี ่นื ไมใชล าํ ดบั การขน้ึ ตขี องดพี เี ริ่มตน 3. ผูว ิ่งทผี่ ิดกตกิ า เกิดข้นึ เมอ่ื ทีมฝา ยรุกใหผูเลนซึ่งมีช่ืออยใู นลําดบั การขึ้นตีขณะนน้ั เปนผู ว่ิงแทนผูวงิ่ อกี คนหนงึ่ (ประเภทฟาสตพิตช) ถือวาเฟล็กซเปนผูว่ิงทีผิดกติกาถาเปนผูว่ิงใหผูเลนในลําดับการ ข้ึนตีอ่นื ไมใ ชด ีพเี ริ่มตน (หรือผเู ลน สาํ รองทเี่ ขา มาแทน) 4. การกลับเขามาแขงขันใหมที่ผิดกติกา/ผูเลนสํารองท่ีไมไดแจงผูตัดสินเพลต เกิดขึ้นใน กรณีตอไปนี้ (ก) ผูเลนเริ่มตนกลับเขามาแขงขันใหมเปนครั้งที่ 2 หลังจากออกจากการแขงขันแลว 2 ครง้ั (ข) ผเู ลน เรมิ่ ตนกลับเขา มาแขงขันใหม แตไ มอยใู นลาํ ดบั การข้ึนตีเดมิ ขอยกเวน (ประเภทฟาสตพิตช) เฟล็กซจะกลับเขามาแขงขันใหมในลําดับการข้ึนตีของดีพี หรือในลาํ ดับท่ี 10 เดมิ ก็ได ผล ขอ 8 ช 2 - 4 ผลทเ่ี กิดขนึ้ ในระหวา งทผ่ี เู ลนทผ่ี ดิ กตกิ า / ผูเลน สาํ รองท่ไี มไดแ จง ผตู ดั สนิ เพลตอยใู นการแขงขัน ใหพ ิจารณาดังน้ี ฝา ยรกุ ทําผดิ กติกา (ก) ถาทีมฝายรับตรวจพบขณะท่ีเปน ผูตีอยูในรอบข้ึนตี ประกาศใหผูเลนน้ันเปนผูเลน ท่ีพนสภาพ ใหนับจํานวนบอลและสไตรคของผูที่เปล่ียนเขามาแทนโดยถูกกติกา ตอจากท่ีเปนอยู การเคลื่อนไปขางหนาของผูว่ิงขณะผูเลนที่ผิดกติกาอยูในรอบ ขึ้นตีถอื วา ถกู ตอ ง
35 (ข) ถาทีมฝายรับตรวจพบเมื่อส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และกอนมีการพิตชคร้ังตอไป, กอนทีมฝายรับออกพนสนามแขงขัน หรือกอนผูตัดสินออกพนสนามแขงขัน ขานผูเลนท่ีผิดกติกาเอาต และประกาศใหเปนผูเลนที่พนสภาพ การเคลื่อนไป ขางหนาของผวู ิ่งเนอ่ื งจากผูเลนท่ผี ดิ กติกาเปนผูวิง่ แรกเริม่ ใหยกเลิก เอาตท่ีเกิดจาก การเลน คร้ังนน้ั ใหคงไว (ค) ถาทีมฝายรับตรวจพบเม่ือส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และหลังจากมีการพิตชคร้ังตอไป หรือหลังจากทีมฝายรับออกพนสนามแขงขันแลว ประกาศใหผูเลนนั้นเปนผูเลน ท่ีพนสภาพ ถา ยังเปนผวู ่ิงบนเบส ผูเลนสาํ รองท่ถี ูกกติกาจะเปนผูวง่ิ บนเบสนัน้ แทน การเคล่ือนไปขางหนาของผูว่ิงเนื่องจากผูเลนที่ผิดกติกาเปนผูว่ิงแรกเริ่ม ถือวา ถูกตอง (ง) ถาทีมฝายรับตรวจพบวาผูเลนท่ีผิดกติกาโดยเขามาเปนผูว่ิง และกอนมีการพิตช ครัง้ ตอไปหรอื มีการเลนเกิดขึ้น แกไขใหถกู ตอ งได (จ) ถา ทีมฝา ยรบั ตรวจพบวาผูเลน ท่ีผดิ กติกาโดยเขามาเปนผวู ิ่งและหลังจากมีการพิตช คร้ังตอไปหรือมีการเลนเกิดขึ้นแลว ประกาศใหผูเลนนั้นเปนผูเลนท่ีพนสภาพ ผูเลนสํารองที่ถูกกติกาจะเปนผูวิ่งบนเบสนั้นแทน การเคลื่อนไปขางหนาของผูวิ่ง ถอื วาถกู ตอง หมายเหตุ ฝา ยรบั ทาํ ผิดกตกิ า (ก) ถาทีมฝายรุกตรวจพบหลังจากผูเลนน้ันทําการเลนแลว และกอนมีการพิตชคร้ัง ตอไป กอนฝายรับออกพนสนามแขงขัน หรือกอนผูตัดสินออกพนสนามแขงขัน ประกาศใหผ เู ลนนน้ั เปนผเู ลน ทพี่ น สภาพ ทีมฝายรุกมีสิทธ์เิ ลือก (1) ใหค งผลการเลน ท่เี กดิ ข้ึน (2) ใหผูตีกลับไปตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับท่ีมีอยูกอนตรวจพบ ผูเลนที่ผิดกติกา ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสที่ครอบครองอยูกอนการเลน ครงั้ นนั้ (ข) ถาทีมฝายรุกตรวจพบหลังจากผูเลนน้ันทําการเลนแลว และหลังจากมีการพิตช ครั้งตอ ไป ประกาศใหผูเ ลน นั้นเปน ผเู ลนท่พี นสภาพ ใหค งผลการเลน ท้งั หมดไว (1) กติกาหมวด 4 ขอ 8 ไมนํามาบังคับใชในกรณีการใชผูเลนแทนชั่วคราว เวนแตมีการ ขออุทธรณโดยถูกตอง สําหรับการที่ผูเลนน้ันเขามาแขงขันโดยไมแจงผูตัดสินเพลต (ตามกติกาหมวด 4 ขอ 11) (2) ถา ผเู ลนทพี่ น สภาพกลบั เขา มาแขง ขนั อกี ใหปรับทมี นน้ั เปนแพ (3) หลังจากการขออุทธรณการใชผูเลนสํารองที่ไมแจงผูตัดสินเพลต หรือการกลับเขามา แขง ขันใหมท ี่ผดิ กติกาเปนผล ถอื วา ผูเลน เรม่ิ ตนหรอื ผูเ ลน สํารองออกจากการแขงขนั
36 ขอ 9 การไมยอมรับผลการตัดสิน ถา สมาชิกทีมโตแยงหรือไมยอมรบั ผลการตดั สินท่ีเกี่ยวกับดุลพินิจของผูตดั สิน คร้ังแรกใหเตือนทีม ถามกี ารโตแ ยงหรือไมย อมรับผลการตัดสินซํ้าอกี ใหล งโทษผกู ระทําผดิ โดยไลอ อกจากการแขง ขนั ขอ 10 การปฏิบตั ิในเขตที่พกั ของทีม ก. หามผูฝกสอน ผูเลน ผูเลนสํารอง หรือบุคคลอื่นออกจากเขตที่พักของทีม ยกเวนเปนไปตาม กติกาหรอื ผตู ดั สนิ พิจารณาเห็นสมควร หมายเหตุ ทัง้ นี้รวมถงึ ผเู ลนอ่นื นอกจากผูเลน รอข้นึ ตี (ซ่งึ ตอ งอยภู ายในเขตผูเ ลน รอขน้ึ ตี) ขณะเริ่มการ แขง ขัน ระหวางอินนงิ หรอื ขณะทพี่ ิตเชอรก ําลงั ซอ มพิตชใ นสนามแขงขนั ข. หามสูบบหุ รี่ภายในเขตท่พี ักของทมี ผล ขอ 10 เม่ือกระทําผดิ ครงั้ แรกใหเตือนทมี หากมกี ารกระทาํ ผดิ ซา้ํ อกี ใหล งโทษผูก ระทําผิด โดยไลออกจากการแขง ขัน ขอ 11 การใชผูเลน แทนช่ัวคราวในกรณีผูเ ลน เลอื ดออก ในกรณีที่ผูเลนเลือดออกในระหวางการแขงขัน ผูเลนน้ันตองพักจากการแขงขัน ถาไมสามารถ หามเลือดไดใ นเวลาท่ีสมควร หรือชุดแขงขันเปอนเลอื ด หามผูเลนนั้นกลับเขา รวมการแขงขันจนกวาเลือด จะหยุดไหล พ้ืนสนามบริเวณท่ีเปอนเลือดไดมีการทําความสะอาดเรียบรอย และผูเลนนั้นไดเปล่ียน ชดุ แขงขันแลว (ถาจาํ เปน ) หมายเหตุ ถาจําเปน ตองมีการเปลีย่ นหมายเลขเสือ้ เน่ืองจากมกี ารเปล่ียนชดุ แขง ขนั ควรแจง ใหผ ตู ัดสนิ ทราบวาเปล่ยี นไปใชหมายเลขใด ไมมกี ารลงโทษ ก. ใหผเู ลนแทนชว่ั คราวเขา มาแขง ขันแทนผเู ลนตองพกั โดยจะแขงขันแทนผูเลน ตองพกั ไป จนจบอนิ นิงที่กําลงั แขง ขนั อยู และอกี หนงึ่ อนิ นิงถัดไปได ข. ตอ งแจง ผูตัดสนิ เพลตวา มกี ารใชผ ูเ ลน แทนช่วั คราว ผล ขอ 11 ก - ข 1. การใชผ เู ลน แทนชั่วคราวท่ีขาดคุณสมบัติ เปน การกลบั เขามาแขงขนั ใหมท ผี่ ดิ กติกา 2. การไมแจงผูตัดสินเพลต ถามีการขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหผูเลนนั้นอยูภายใตกติกา การเปลีย่ นผเู ลนสาํ รองโดยไมแ จง ผูต ดั สนิ เพลต ค. อนุญาตใหผูเ ลนแทนชัว่ คราวแขงขันเปนผูเลนฝายรกุ และเปนผูเลนฝา ยรับแทนผูเลนตองพัก ในทุกกรณี ง. ผูเลนตองพักจะกลับเขารวมการแขงขันเม่ือใดก็ได ในระหวางเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก โดยไมถ ือเปน การเปลย่ี นผูเ ลน สํารอง จ. เม่ือผูเลน ตองพักจะกลับเขามาแขงขนั ใหม ใหแ จงและขออนุญาตตอ ผูตดั สนิ เพลตกอน ผล ขอ 11 ง - จ 1. ถาผูเลนตองพักไมสามารถกลับเขามาแขงขันภายในเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก ใหถือวา ผูเลน แทนชว่ั คราวเปนผเู ลนสํารองตามกตกิ าการเปล่ยี นผูเลน สาํ รอง 2. ถาผูเลนแทนช่ัวคราวเปนผูเลนสํารองท่ีไดลงแขงขันแลว ตองเปลี่ยนผูเลนสํารองท่ีถูก กตกิ าซึ่งยงั ไมไ ดล งแขงขันเกมน้นั เขา มาแทน
37 3. ถา ทมี น้นั ไมม ีผูเลน สาํ รองท่ถี กู กติกาเหลืออยู ใหปรบั เปน แพ 4. การไมแจงผูตัดสินเพลต ถามีการขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหผูเลนนั้นอยูภายใตกติกา การเปล่ียนผูเลนสํารองโดยไมแ จง ผตู ัดสินเพลต ฉ. ผูเลนตองพัก จะกลับเขามาแขงขันใหมหลังจากพนเวลาที่ระบุไวในขอ 11 ก ได ตามกติกา การกลับเขา มาแขงขันใหม ช. (ประเภทสโลวพ ิตชทีมผสม) เมือ่ มกี ารใชผเู ลนแทนชว่ั คราวตอ งเปน เพศเดยี วกบั ผเู ลนตองพัก ซ. การใชผูเลนแทนชั่วคราวไมถือวาอยูภายใตกติกาการเปล่ียนผูเลนสํารอง (เวนแตไมแจง ผตู ดั สนิ เพลต) เมอ่ื ผูเ ลน ตอ งพกั นนั้ กลบั เขามาแขง ขันภายในเวลาท่รี ะบุไว
หมวด 5 การแขงขนั (THE GAME) ขอ 1 การเลือกเปน ฝา ยรุกหรือฝายรับกอ น ใหเลือกเปนฝายรุกกอนหรือฝายรับกอนโดยการโยนเหรียญเลือกสิทธิ์ เวนแตระเบียบการแขงขัน ระบุไวเปนอยา งอน่ื ขอ 2 ความเหมาะสมของสภาพสนาม ใหผ ตู ัดสินเพลตเปน ผเู ดียวที่มสี ทิ ธิ์ตัดสนิ ใจวา สภาพสนามเหมาะสมที่จะใชแขงขนั ไดหรือไม ขอ 3 การแขง ขนั ที่สมบูรณ การแขงขันทส่ี มบูรณ ใหแขง ขนั 7 อินนงิ ก. ไมจําเปนตองแขงขันจนครบ 7 อินนิง ถาทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลวจาก การเแขง ขัน 6 อนิ นงิ ทผ่ี า นมา หรือกอ นเอาตท่ี 3 ของอนิ นิงที่ 7 ข. เม่ือแขงขันครบ 7 อินนิงแลวผลเสมอกัน ใหแขงขันตอไปคร้ังละ 1 อินนิง จนกระท่ังฝายใด ฝายหน่ึงไดคะแนนมากกวาเมื่อครบอินนิง หรือทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลว กอนเอาตท ่ี 3 ของอนิ นงิ นัน้ ค. การแขงขันที่ผูตัดสินส่ังยุติ เปนการแขงขันท่ีสมบูรณ ถาไดแขงขันครบต้ังแต 5 อินนิง เปนตนไปหรือถาทีมที่เปนฝายรุกทีหลังไดคะแนนมากกวาแลวจากการแขงขันต้ังแต อินนิงที่ 5 เปนตนไป ผูตัดสินเพลตมีอํานาจส่ังยุติการแขงขันเม่ือใดก็ไดดวยสาเหตุจาก ความมดื ฝนตก ไฟไหม การจลาจล เปนตน ซงึ่ จะทําใหผ ูเลนหรือผทู ่เี กยี่ วขอ งเกิดอันตราย ง. ใหผูตดั สินเพลตประกาศวา เปน การแขง ขันท่ีสมบูรณซงึ่ มีผลเสมอกัน เมื่อท้ังสองทมี ไดคะแนน เทากัน ในขณะที่ผูตัดสินยุติการแขงขัน หลังจากแขงขันครบต้ังแต 5 อินนิงเปนตนไป หรือ ขณะที่ทีมทเ่ี ปนฝา ยรกุ ทีหลงั กําลังเปน ฝายรกุ อยู จ. ไมใ ชบทบัญญัติเหลานี้ในกรณีทีผ่ ูเลนหรอื ผูชมกระทําการใดๆ ที่ทําใหผ ูตดั สินเพลตตัดสินใหมี การปรบั เปนแพ เชน สมาชิกของทมี หรือผชู มทํารา ยรางกายผูตดั สนิ ฉ. ใหผตู ดั สนิ เพลตประกาศปรบั ทมี ทีก่ ระทําผดิ เปน แพ ในกรณีตอ ไปน้ี 1. ทีมนั้นไมมาท่ีสนามแขงขัน หรือมาถึงสนามแตปฏิเสธท่ีจะเร่ิมทําการแขงขันตามเวลา ท่ีกาํ หนด หรอื ภายในเวลาทรี่ ะบไุ ววาใหป รบั เปนแพ 2. หลังจากเร่ิมการแขงขันแลว ทีมน้ันปฏิเสธท่ีจะแขงขันตอ เวนแตผูตัดสินสั่งหยุดการ แขงขนั ช่ัวขณะ หรือสงั่ ยตุ กิ ารแขงขัน 3. หลังจากผูตัดสินสั่งหยุดการแขงขันช่ัวขณะแลว ทีมน้ันไมพรอมท่ีจะแขงขันตอภายใน 2 นาทีนับจากผตู ดั สนิ เพลตขาน “เพลยบอล” 4. ทีมน้ันใชก ลวิธีในการเรงหรอื ถวงเวลาการแขง ขนั 5. ทมี นน้ั ตัง้ ใจละเมดิ กติกาซ้าํ หลังจากผตู ดั สินเตือนแลว 6. หลังจากผูตัดสินลงโทษสมาชิกของทีมโดยใหออกหรือไลออกจากการแขงขันแลวไม ปฏบิ ัตติ ามภายใน 1 นาที 7. หลังจากผูตัดสินลงโทษผูเลนโดยใหออกหรือไลออกจากการแขงขัน หรือดวยเหตุผลอื่น และทําใหทมี นนั้
39 – เหลือผเู ลน นอยกวา 9 คนในการแขง ขันประเภทฟาสตพติ ช – เหลือผูเลนนอยกวา 10 คนในการแขงขันประเภทฟาสตพิตชท่ีมีการใชผูเลนแทน (ดพี ี) – เหลอื ผูเ ลนนอ ยกวา 10 คนในการแขงขันประเภทสโลวพ ติ ช – เหลือผูเลนนอยกวา 11 คนในการแขงขันประเภทสโลวพิตช ที่มีการใชผูเลนพิเศษ (อพี )ี 8. หลังจากผูตัดสินประกาศใหเปนผูเลนที่พนสภาพแลว ผูเลนนั้นกลับเขามาแขงขันอีก และมกี ารพติ ชไ ปแลว 9. หลงั จากผูตดั สินลงโทษผูจ ัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลน โดยไลออกจากการแขงขันแลว พบวา ผูน ้นั กลบั มามสี ว นรว มกบั การแขง ขนั อีก ช. การแขงขันท่ียตุ ลิ ง โดยมลี กั ษณะดงั น้ี 1. ไมเปน การแขงขนั ที่สมบูรณ 2. เปน การแขงขันที่สมบรู ณซ่ึงมผี ลเสมอกัน ใหมกี ารแขงขันใหมต งั้ แตต น โดยจะเปลีย่ นแปลงลาํ ดับการขึ้นตใี หมก ไ็ ด ขอ 4 ผชู นะการแขงขัน ในการแขง ขันทส่ี มบรู ณ ใหทีมทไ่ี ดค ะแนนมากกวา เปนผชู นะการแขงขัน ก. ผลของการแขงขันที่สมบูรณ ใหถือเอาคะแนนเมื่อส้ินสดุ อินนิงสุดทายที่สมบูรณ เวนแตทีมท่ี เปนฝายรุกทีหลังทําคะแนนไดมากกวาแลว ในกรณีน้ีใหถือเอาคะแนนน้ันเปนผลของการ แขงขัน ข. เมื่อการแขงขันท่ีสมบูรณยุติลงโดยที่ทั้งสองทีมมีคะแนนเทากัน ใหถือเปนผลของการแขงขัน ที่สมบูรณซ่งึ มีผลเสมอกนั และใหมีการแขงขนั ใหม ค. ในกรณที มี่ กี ารปรบั เปน แพ ใหทมี ทไ่ี มไดก ระทําผดิ ชนะดว ยคะแนน 7 ตอ 0 ขอ 5 กติกากรณีคะแนนแตกตางกนั มาก ก. ใหใ ช “กติกากรณคี ะแนนแตกตางกนั มาก” ในการแขงขันทุกรายการ 1. (ประเภทฟาสตพ ิตช) – หลังจากแขงขนั ครบ 3 อินนงิ แลว จํานวนรนั ตางกนั ต้ังแต 15 รนั ขนึ้ ไป – หลังจากแขงขนั ครบ 4 อนิ นิงแลว จาํ นวนรันตา งกันตง้ั แต 10 รนั ขึน้ ไป – หลงั จากแขง ขนั ครบ 5 อนิ นิงหรอื มากกวาแลว จาํ นวนรันตางกันต้ังแต 7 รนั ขนึ้ ไป 2. (ประเภทสโลวพติ ช) – หลงั จากแขง ขนั ครบ 4 อนิ นิงแลว จาํ นวนรนั ตา งกนั ต้ังแต 20 รันขนึ้ ไป – หลังจากแขงขนั ครบ 5 อนิ นิงหรอื มากกวา แลว จํานวนรันตางกนั ต้งั แต 15 รันขนึ้ ไป ข. ตองทําการแขงขันจนครบอินนิง เวนแตทีมที่เปนฝายรุกทีหลังทําคะแนนไดตามท่ีระบุ กรณีทีมท่ีเปนฝายรุกกอนทําคะแนนไดตามที่ระบุ ตองใหทีมท่ีเปนฝายรุกทีหลังมีโอกาสข้ึนตี เพอื่ ทาํ คะแนนดวย
40 ขอ 6 การเลนไทเบรก เริ่มตั้งแตอินนิงท่ี 8 และทุกครึ่งอินนิงตอจากน้ัน ใหทีมฝายรุกสงผูท่ีมีรายชื่ออยูในลําดับการตี สดุ ทา ย ไดแ ก – ผูเลน ท่มี ีรายชอ่ื อยูใ นลาํ ดบั การข้นึ ตที ี่ 9 (ประเภทฟาสตพติ ช) – ผูเลน ที่มีรายช่ืออยใู นลําดบั การขึ้นตที ี่ 10 (ประเภทสโลวพ ติ ช) – ผูเลน ท่ีมีรายช่อื อยใู นลาํ ดบั การขึน้ ตที ี่ 11 (ประเภทสโลวพ ติ ชท ีม่ ีการใช อีพ)ี – ผูเลนที่มีรายชื่ออยใู นลําดับการขึ้นตีท่ี 12 (ประเภทสโลวพ ติ ชทมี ผสมทม่ี ีการใช อพี )ี เปนผูว่ิงบนเบสสอง แลวเริ่มรอบข้ึนตีไปตามปกติ สามารถเปล่ียนผูเลนสํารองเขามาเลนแทน ผวู ่ิงนไี้ ดตามกติกาการเปล่ยี นผเู ลน สาํ รอง หมายเหตุ ถามีการนาํ ผเู ลนในลาํ ดับการขน้ึ ตอี น่ื ผดิ จากที่ระบไุ ว ไปเปนผูว ิ่งที่เบสสอง ใหแกไ ขใหถูกตอง ทันทที ต่ี รวจพบความผิดพลาด โดยไมมีการลงโทษ ขอ 7 การไดคะแนน ก. ใหไดคะแนน 1 รันทุกคร้ังท่ีผูวิ่งแตะเบสหน่ึง เบสสอง เบสสาม และโฮมเพลตโดยถูกกติกา และกอ นเอาตท่ี 3 ในอนิ นงิ นัน้ ขอยกเวน เม่อื ใชการเลน ไทเบรก ผวู ิ่งทเี่ รม่ิ ตน อยบู นเบสสองไมต อ งแตะเบสหนง่ึ เพอ่ื ใหเปนการได คะแนนโดยถกู กตกิ าตามทรี่ ะบุไวข า งตน ข. ไมใ หไ ดคะแนน ถาเอาตท่ี 3 และหรอื เอาตส ดุ ทายของอนิ นิงเกิดข้นึ เน่ืองจาก 1. ผวู ่ิงแรกเริ่มถูกทาํ เอาตก อ นแตะเบสหน่งึ โดยถูกกติกา 2. ผูว ิง่ ถูกทําฟอรซเอาต (รวมถงึ กรณีการเลนตอ งอทุ ธรณดว ย) เนอื่ งจากผตู เี ปนผวู ง่ิ แรกเริม่ 3. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูว่ิงไมไดแตะเบสท่ีมีสิทธิ์ครอบครองไวจนกระท่ังพิตเชอรปลอยลูก บอลจากมอื โดยถูกกติกา 4. (ประเภทสโลวพิตช) ผูว่ิงไมไดแตะเบสที่มีสิทธ์ิครอบครองไวจนกระทั่งลูกบอลที่พิตชโดย ถูกกติกาถูกตีหรอื ไปถึงโฮมเพลต 5. ผูว่ิงคนหนาถกู ขานเอาต ค. จะขออุทธรณเ พอ่ื ทาํ เอาตเ พิม่ หลงั จากเอาตท่ี 3 กไ็ ด ถาทาํ เพอ่ื ไมใ หฝ า ยรุกไดคะแนน ขอ 8 ชารจ คอนเฟอเรนซ ก. ชารจ คอนเฟอเรนซข องทีมฝายรกุ แตล ะอนิ นิงมสี ิทธิ์ขอได 1 ครัง้ หมายเหตุ 1. ชารจคอนเฟอเรนซ ใหค รอบคลุมถงึ การที่ผูต ี ผวู ่งิ ผเู ลนรอขน้ึ ตี หรือผูฝก สอน ปรึกษาหารือกนั 2. ไมเปน ชารจ คอนเฟอเรนซ ในกรณีตอไปนี้ (ก) พิตเชอรกําลังสวมเส้อื วอรม ขณะอยูบนเบส (ข) ทมี ฝายรุกปรึกษาหารือกัน ในขณะท่ีทมี ฝายรับขอชารจคอนเฟอเรนซ ถาทมี ฝา ยรกุ พรอมที่จะแขง ขนั เมือ่ ทีมฝายรับพรอม 3. หามผูตดั สินอนญุ าตใหมีชารจคอนเฟอเรนซเ กินกวา 1 คร้ังในแตละอนิ นงิ
41 ผล ขอ 8 ก ใหลงโทษผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนที่พยายามขอชารจคอนเฟอเรนซเกินสิทธ์ิ โดยไลออกจากการแขง ขัน ข. ชารจคอนเฟอเรนซของทีมฝายรับ ในการแขงขันซ่ึงปกติแขงขันกัน 7 อินนิง ใหมีสิทธ์ิขอ ชารจคอนเฟอเรนซไดไมเกิน 3 คร้ัง กรณีท่ีแขงขันเกิน 7 อินนิง ใหมีสิทธิ์ขอชารจ คอนเฟอเรนซไ ดอ นิ นงิ ละ 1 ครั้ง หมายเหตุ 1. ชารจคอนเฟอเรนซใหครอบคลุมถึงการที่ผูเลนในสนามออกพนจากตําแหนง ไปยังเขตที่พักของทีมเพ่ือรับฟงคําแนะนําหรือคําสอน โดยไมคํานึงวาจะมีการ ขอ “ไทม” หรอื ไม 2. ถาผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนจากเขตท่ีพักของทีมแจงผูตัดสินเพลต ขอเปล่ียน พิตเชอรไมวาจะแจงกอนหรือหลังจากพูดคุยกับพิตเชอรไมเปนการชารจ คอนเฟอเรนซ 3. ชารจคอนเฟอเรนซสิ้นสุดลง เมื่อผูจัดการทีมหรือผูฝกสอนขามเสนเขตฟาวล ออกมาเพือ่ กลับไปยังเขตท่พี ักของทมี 4. เวลาที่ใชสําหรับชารจคอนเฟอเรนซดาํ เนินตอ เนื่องกัน จะไมเร่ิมตน จับเวลาใหม เมอ่ื มีการเปลยี่ นพิตเชอรใ หมเ ขามาแขง ขัน 5. ถาขอชารจคอนเฟอเรนซไมครบ 3 คร้ังตามสิทธิ์ในการแขงขัน 7 อินนิง ไม สามารถโอนไปใชในการแขงขันสวนท่ีเกิน 7 อินนิงได โดยสิทธิ์ในการขอชารจ คอนเฟอเรนซส ําหรบั อนิ นิงท่ี 8 เปนตน ไป จะมไี ดเพียงอินนงิ ละ 1 คร้ังเทานนั้ 6. ไมเ ปนชารจ คอนเฟอเรนซ ในกรณตี อ ไปนี้ (ก) ทีมฝายรับปรึกษาหารือกัน ในขณะที่ทีมฝายรุกขอชารจคอนเฟอเรนซ ถา ทีมฝายรบั พรอมทจี่ ะแขง ขนั เม่ือทีมฝายรุกพรอม (ข) การตะโกนสอนจากเขตทีพ่ ักของทีม (ค) ผูจ ัดการทีมซงึ่ เปนผูเลนในการแขงขันเกมนั้นดวย ปรึกษาหารือกับผูเลน คนใดคนหนึ่ง อยางไรก็ตาม ผูตัดสินควบคุมการปรึกษาหารือระหวาง ผูเลน (ซึ่งเปนผูจัดการทีมดวย) กับพิตเชอรได โดยครั้งแรก ใหลงโทษ ดวยการเตือน ถากระทําอีก ใหลงโทษผูเลน (ซึ่งเปนผูจัดการทีมดวย) ดวยการไลออกจากการแขง ขัน ผล ขอ 8 ข การขอชารจคอนเฟอเรนซเ กินสิทธ์ิแตละครั้ง ใหผูตัดสินลงโทษผูทีเ่ ปนพิตเชอร ขณะท่ีมีการขอชารจคอนเฟอเรนซเกินสิทธิ์ครั้งนั้น โดยประกาศเปนพิตเชอรที่ผิดกติกา ซง่ึ จะเลนในตําแหนง พติ เชอรอีกไมไ ดตลอดการแขง ขันเกมนั้น หมายเหตุ พิตเชอรท่ีผูตัดสินประกาศเปนพิตเชอรท่ีผิดกติกาสามารถเลนเปนผูเลน ฝายรับในตาํ แหนง อน่ื ได แตจะเปนพติ เชอรอ กี ไมไ ด ค. ไมเปนชารจคอนเฟอเรนซ ถาการปรึกษาหารอื กันเกิดข้ึนในระหวางท่ผี ูตัดสินหยุดการแขง ขัน ชั่วขณะ
หมวด 6 การพติ ช (ประเภทฟาสตพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS (Fast Pitch Only)) หมายเหตุ ผลของการละเมดิ กติกาขอ 1-7 ดูไดจากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอ ปฏิบัติเบื้องตน กอนเริ่มตนการพิตช ก. พติ เชอรท่ไี มม ลี กู บอลในครอบครอง จะยนื อยูใกลห รอื บนพติ เชอรเ พลตไมไ ด ข. ไมถือวาพิตเชอรอยูในตําแหนงพิตช เวนแตแคตเชอรอยูในตําแหนงพรอมที่จะรับลูกบอล จากการพติ ช ค. พิตเชอรตองวางเทาทั้งสองบนพื้น ภายในระยะความยาว 61.0 เซนติเมตร (24 น้ิว) ของ พิตเชอรเพลต ใหสะโพกทั้งสองขางอยูในแนวเสนตรงระหวางเบสหน่ึงและเบสสาม เทาทั้ง สองขา งตอ งสัมผัสกับพติ เชอรเ พลต ง. พิตเชอรตองรับสัญญาณหรือทําทาเสมือนกําลังรับสัญญาณจากแคตเชอรในขณะท่ียืน บนพิตเชอรเพลต มีลกู บอลอยใู นมือหรือโกลฟ โดยมือทงั้ สองแยกออกจากกัน จ. หลังจากรับสัญญาณแลว ใหพิตเชอรรวมมือทั้งสองขางท่ีดานหนาของลําตัว โดยมีลูกบอล อยูภายใน ลําตัวตองหยุดน่ิงโดยสมบูรณอยางนอย 2 วินาทีแตไมเกิน 5 วินาที กอนเร่ิมตน การพติ ช หมายเหตุ การถือลูกบอลดวยมือท้ังสองท่ีดานขางของลําตัว ใหถือวาเปนการถือลูกบอล ทด่ี านหนาของลําตัว ขอ 2 การเรมิ่ ตนการพิตช การพิตชเริ่มตนเมื่อมือขางที่ถือลูกบอลแยกออกมาจากโกลฟ หรือพิตเชอรมีการเคล่ือนไหวใดๆ ซึง่ เปน สวนหนงึ่ ของการควงแขน ขอ 3 การพติ ชท ถี่ กู กติกา ก. พติ เชอรตอ งไมข ยับตวั กอ นเร่มิ การพติ ช โดยไมป ลอยลกู บอลไปยงั ผูตที ันที ข. หลงั จากอยใู นตาํ แหนงพิตช และมลี ูกบอลอยูในมือท้ังสอง พิตเชอรตองไมขยบั ตวั กอนเรม่ิ ตน การพิตช โดยแยกมอื ขางทถ่ี ือลูกบอลออกจากโกลฟ ควงแขนไปทางดานหลัง แลวยอนกลับ มาทางดานหนา รวมมอื ทงั้ สองขางท่ดี า นหนาลาํ ตวั อีก ค. แขนของพติ เชอรทคี่ วงมาดานหนา แลว หา มหยดุ หรอื ควงยอนกลับ ง. การพิตชแบบควงแขน พิตเชอรตองไมควงแขน 2 รอบ จะปลอยแขนลงมาดานขางและ ดานหลังลาํ ตวั กอ นเริม่ ตนการควงแขนกไ็ ด ในกรณีนี้อนญุ าตใหแขนผานสะโพกได 2 คร้งั จ. การปลอยลูกบอลตองเปนการปลอยจากดานลาง โดยใหมือตํ่ากวาสะโพกและขอมือไมหาง ลาํ ตวั เกนิ กวาขอศอก ฉ. การปลอยลกู บอล การสงแรงของแขนและขอ มอื ตองผา นแนวลาํ ตัวตรงไปทางดา นหนา
43 ช. เทาท้ังสองขางตองสัมผัสกับพิตเชอรเพลต และเทาหลักตองไมเคลื่อนที่ตลอดเวลากอนเริ่ม การพิตช ซ. เทาหลกั ตองสมั ผัสกับพติ เชอรเ พลตตลอดเวลากอนลากไปขางหนา กระโจน หรอื ฮ็อป ฌ. ในการปลอยลูกบอลนั้น พิตเชอรกาวเทาท่ีไมใชเทาหลักไปขางหนาได 1 กาว พรอมกับ ปลอยลูกบอลออกจากมือ ใหกาวเทาไปขางหนาตรงไปยังผูตี และอยูภายในระยะความยาว 61.0 เซนตเิ มตร (24 น้ิว) ของพิตเชอรเพลต หมายเหตุ ขอ 3 ซ-ฌ 1. ไมถือวาเปนการกาวเทา ถาพิตเชอรเ ลอ่ื นเทาไปตามความยาวของพิตเชอรเพลต และ ยงั คงสัมผสั อยูกับพติ เชอรเพลต และเทาอกี ขา งหนึ่งไมเคลื่อนไปดา นหลัง 2. การยกเทาหลักออกจากพิตเชอรเ พลต แลววางกลับลงไปที่พิตเชอรเพลต เปนการพิตช ท่ีผดิ กตกิ า ญ. เทาหลักยังคงสัมผัสกับพิตเชอรเพลต หรือจะถีบเทาสงตัวและลากออกจากพิตเชอรเพลต หรือลอยอยูกไ็ ด กอ นทเี่ ทา ขา งท่ีใชก าวสมั ผสั พ้นื หมายเหตุ - พิตเชอรจ ะลากเทา กระโจน หรอื ฮอ็ ปแลวลงสพู ืน้ พรอมกับปลอยลูกบอลได โดยถกู กตกิ า ถา เริม่ จากพติ เชอรเพลต - เปนการพิตชท ่ผี ิดกตกิ า ถาพิตเชอรกา วเทาหลกั ออกจากพิตเชอรเพลต แลวจึงลากเทา กระโจน หรอื ฮ็อป แลวลงสูพนื้ พรอ มกบั ปลอ ยลูกบอล ฎ. พิตเชอรต อ งไมถบี เทาหลกั ออกจากทีอ่ น่ื ใดนอกจากพิตเชอรเพลตกอนแยกมือออกจากกัน ฏ. พิตเชอรตอ งไมควงแขนขน้ึ ดา นบนอีกหลังจากปลอ ยลูกบอล ฐ. พิตเชอรต อ งไมเจตนาทําใหล ูกบอลตกพน้ื กลง้ิ หรอื กระดอน เพื่อปอ งกันไมใ หผูต ีตีลูกบอล ฑ. พิตเชอรม ีเวลา 20 วนิ าที ในการพิตชค ร้งั ตอไปหลังจากรบั ลูกบอลจากแคตเชอร หรอื หลังจากผูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ขอ 3 ฑ ใหผูตีไดบอลเพม่ิ อกี 1 ครั้ง ขอ 4 ตําแหนง ของผูเลน ฝา ยรับ ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสั.ย ของนกั กฬี าเพือ่ ทําใหผูตีเสยี สมาธิ หมายเหตุ ใหล งโทษผทู ่กี ระทําผิดโดยไลอ อกจากการแขง ขัน โดยไมจําเปนตองมีการพิตช ค. เม่อื ผูว่งิ บนเบสสามพยายามทําคะแนนโดยการทําสควีซเพลย หรือการขโมยเบส 1. หามผูเลนฝา ยรบั ท่ไี มม ีลกู บอลกา วไปบนโฮมเพลต หรือดานหนาของโฮมเพลต 2. หามผูเ ลน ฝา ยรับสมั ผสั กบั ผตู ี หรือไมต ี บทลงโทษ เปนเดดบอล ผตู ีไดสทิ ธ์คิ รอบครองเบสหนึง่ เนอ่ื งจากการขดั ขวาง และผวู ิ่งทุกคนได เคล่อื นไปขางหนา 1 เบสเนื่องจากการพิตชท ีผ่ ิดกติกา
44 ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขงขัน หามสมาชิกของทีมฝายรับใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล พิตเชอรที่ใชน้ิว แตะน้าํ ลาย ตอ งเช็ดนิ้วใหแ หง กอนสัมผัสกับลูกบอล หมายเหตุ ถายงั มีสมาชิกของทีมฝา ยรบั คนใดใชส ารแปลกปลอมบนลูกบอล ใหไลพ ิตเชอรออกจากก การแขง ขนั ข. การใชเรซิน (resin) บนลูกบอล หรือในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําท่ีผิดกติกา ใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใช ไวบนพ้ืนสนามดานหลัง พิตเชอรเพลต ค. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพ่ือชวยใหมือแหงได ภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผตู ดั สิน หมายเหตุ ผา ซงึ่ มเี ฉพาะเรซิน (resin) แทรกในเน้อื ผา และผลิตโดยไดรับการรบั รอง อนุญาตใหใ ชได ง. หามพิตเชอรสวมเทปบนนิ้วมือ แถบรัดขอมือ กําไลขอมือ หรือวัตถุอ่ืนใดในลักษณะ เดียวกนั บนขอ มอื หรอื แขนขางทใี่ ชพิตช หมายเหตุ ถา พิตเชอรจาํ เปน ตอ งสวมแถบรัดขอมือไวบนแขนขา งที่ใชพติ ช เนือ่ งจากอาการบาดเจบ็ ควรสวมเสือ้ ตวั ในทม่ี ีแขนยาวเพ่ือปดแขนทั้ง 2 ขางไว ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภ ายในเขตแคตเชอรจนกวา พิตเชอรจ ะปลอยลูกบอล ข. ใหค นื ลกู บอลกบั พิตเชอรโดยตรงหลงั จากการพิตชแ ตล ะครั้ง รวมทัง้ หลังจากฟาวลบอลดวย หมายเหตุ ใหผ ูตไี ดบ อลเพิม่ อีก 1 ครั้ง ขอยกเวน ไมใ ชกตกิ าขอนี้ ในกรณตี อไปนี้ : 1. หลงั จากสไตรคเ อาต 2. เมื่อผูตเี ปนผวู ิ่งแรกเรม่ิ 3. เมอ่ื มีผวู ิ่งบนเบส 4. เมื่อแคตเชอรรบั ฟาวลบอลใกลเ สน เขตฟาวล แลวขวางไปท่เี บสใดเบสหน่ึงเพื่อทําเอาต 5. เมอ่ื แคตเชอรข วา งลูกบอลไปท่ีเบสหนง่ึ เพื่อทําใหผ ูวิ่งแรกเริม่ เอาต ในกรณีทแี่ คตเชอร ไมมั่นใจวาผูตีเหวี่ยงไมตีหรือไม (เช็คสวิง) และเปนสไตรคที่ 3 ลูกบอลตกถึงพื้น (แคตเชอรร บั ลกู บอลไวไ มไ ด) ขอ 7 การขวา งไปทเ่ี บส เมอ่ื พิตเชอรอ ยูในตาํ แหนงพิตช และขณะนั้นเปนบอลอนิ เพลย หา มพิตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบส ขณะท่ีเทา ยงั สมั ผสั กับพิตเชอรเ พลต ถาการขวางนก้ี ระทาํ ในระหวา งที่มกี ารขออุทธรณขณะที่เปนบอลอนิ เพลย ใหยกเลิกการขออุทธรณ หมายเหตุ พิตเชอรจ ะเคลื่อนออกจากตําแหนงพิตชไ ด โดยการกาวถอยหลังออกจากพติ เชอรเ พลตแลว จึงแยกมอื ท้ังสองออกจากกัน การกาวไปดา นหนา หรอื ไปดา นขา ง เปนการพติ ชท ผี่ ดิ กติกา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113