ที่ หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ดั เน้ือหา จำนวน (ชัว่ โมง) 5.2 การจัดทำแผน -ทศิ ทาง นโยบาย - โครงการ - ผรู้ บั ผดิ ชอบ - จดั ลำดับความสำคญั ฯลฯ 5.3 การเผยแพรส่ ู่การปฏบิ ตั ิ - การเขยี นรายงาน - การเขยี นโครงงาน ฯลฯ 6. รแู้ ละเขา้ ใจ บทบาท 6. บทบาท หน้าทขี่ องผนู้ ำ/สมาชกิ หน้าทขี่ องผ้นู ำชุมชน ทีด่ ีของชมุ ชน สงั คม 7. เปน็ ผู้นำ ผู้ตามในการ 6.1 ผู้นำ ผูต้ ามในการจดั จดั ทำและขบั เคล่ือน แผนพัฒนา ชมุ ชน สงั คม แผนพฒั นาตนเอง ครอบครวั 6.2 ผนู้ ำ ผตู้ ามในการขับเคล่ือน ชุมชนสังคม แผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 150
คำอธิบายรายวชิ าเลือกบังคบั สาระการพฒั นาสังคม มาตรฐานท่ี รหัสวชิ า ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนว่ ยกติ สค๓๒๐๒๙ รายวชิ า ๓ ๕.๑ สค๓๒๐๓๒ ๓ ๕.๑ สค32034 การเงินเพี่อชวี ิต ๓ 3 5.1 สค33034 การเรยี นรสู้ ภู้ ยั ธรรมชาติ ๓ 3 5.3 ประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย ๖ การป้องกันการทจุ ริต รวม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 151
คำอธบิ ายรายวชิ า สค๓๒๐๒๙ การเงนิ เพื่อชวี ติ ๓ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๓ หนว่ ยกิต (๑๒๐ ชัว่ โมง) มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในโลก และนำมาปรบั ใชใ้ นการดำเนินชีวติ เพอ่ื ความม่นั คงของชาติ ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเก่ียวกับเรื่องดงั ต่อไปนี้ 1. วา่ ดว้ ยเร่อื งของเงิน ความหมายและประโยชน์ ประเภทของเงิน เงินฝาก การประกันภัยและการลงทุน การชำระเงิน ทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โครงสร้างระบบสถาบนั การเงนิ ของประเทศไทย 2. การวางแผนการเงนิ ประเมนิ ฐานะการเงินของตนเอง บันทึกรายรบั -รายจ่าย เปา้ หมายการเงนิ ในชีวิต การออม 3. สินเช่ือ การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจก่อหนี้ ลักษณะของสินเชื่อรายย่อย ประเภทและ การคำนวณดอกเบยี้ เงนิ กู้ การป้องกันปัญหาหน้ี เครดติ บโู ร วิธีแก้ไขปัญหาหน้ี หน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเร่ือง วธิ ีแก้ไขปัญหาหนี้ 4. สทิ ธิและหน้าทข่ี องผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงิน สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน ๔ ประการ หน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน ๕ ประการ รู้จักศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) และหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนอื่น ๆ การเขียนหนังสือ รอ้ งเรยี นและขัน้ ตอนทเ่ี กี่ยวข้อง 5. ภัยทางการเงิน ลักษณะ การป้องกนั ตนเอง และแก้ปญั หาภัยทางการเงิน การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ๑. จัดกลุ่มอภปิ รายในเนือ้ หาทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ๒. ศึกษาจากเอกสารและสื่อทุกประเภทที่เกี่ยวข้อง เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย และเวบ็ ไซต์ของ ศคง. ๓. จดั ทำโครงการนิทรรศการฐานการเรียนรู้ ๔. เชิญวทิ ยากรผรู้ ู้มาใหค้ วามรเู้ กยี่ วกับการก่อหนอ้ี ย่างเหมาะสม และการวางแผนการเงินใน ชีวติ การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งการเรยี นรู้ 2. วดั ความรจู้ ากการทำกจิ กรรมในใบงาน 3. การวดั ผลสมั ฤทธ์ิปลายภาค หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 152
รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา สค๓๒๐๒๙ การเงินเพอ่ื ชวี ิต ๓ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๓ หนว่ ยกิต (๑๒๐ ชวั่ โมง) มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในโลก และนำมาปรบั ใช้ในการดำเนนิ ชวี ิต เพอื่ ความมน่ั คงของชาติ ท่ี หวั เร่ือง ตวั ชีว้ ัด เนอื้ หา จำนวน ๑. ว่าดว้ ยเรือ่ งของเงนิ ชว่ั โมง 1. อธบิ ายความหมายและ ๑. ความหมาย และประโยชน์ ๑.๑ ความหมายและ ประโยชน์ของเงนิ ของเงนิ ๒๔ ชม. ประโยชน์ ๒. บอกความหมาย และความ ๒. ความหมาย และความ แตกต่างของการให้เงินและการ แตกต่างของการใหเ้ งินและ ๑.๒ ประเภทของเงนิ ให้ยืมเงนิ การให้ยืมเงิน ๓. บอกความหมายของเงินเฟ้อ ๓. ความหมายของเงินเฟ้อ เงินฝืด เงินฝดื ๑. อธบิ ายวธิ กี ารตรวจสอบ ๑. เงนิ ไทย ธนบัตร - ธนบตั ร ๒. คำนวณอัตราแลกเปล่ียน - เหรยี ญกษาปณ์ เงินตราต่างประเทศ ๒. เงนิ ตราตา่ งประเทศ ๓. บอกชอ่ งทางแลกเปล่ียน - สกลุ เงนิ ของต่างประเทศ เงินตราต่างประเทศ ที่สำคัญ - อตั ราแลกเปลย่ี นและ ๔. อธบิ ายเงินเสมือน วิธีการคำนวณเงินตรา ตา่ งประเทศ - ช่องทางการแลกเปลี่ยน เงนิ ตราตา่ งประเทศ ๓. เงินเสมอื น (virtual currency) ๑.๓ เงนิ ฝาก ๑. เลอื กประเภทเงนิ ฝากท่ี ๑. ประเภท ลกั ษณะ การประกันภัย และ เหมาะสมกบั ตนเอง ประโยชน์ และขอ้ จำกดั ของ การลงทนุ การฝากเงนิ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย - บญั ชเี งินฝากออมทรัพย์ - บัญชีเงนิ ฝากประจำ หนา้ 153
ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา จำนวน ชัว่ โมง ๑.๔ การชำระเงินทาง ๒. คำนวณดอกเบ้ียเงินฝากแบบ - บัญชเี งินฝากประจำ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ทบต้น รายเดอื นปลอดภาษี ๓. อธิบายการคุ้มครองเงนิ ฝาก - บญั ชีเงนิ ฝากแบบ ๔. บอกลกั ษณะการประกนั ภัย ข้ันบนั ได แตล่ ะประเภท ๕. บอกลักษณะการลงทุนแต่ละ - สลากออมทรัพย์/สลาก ประเภท ออมสิน ๖. วิเคราะหค์ วามแตกต่างของ เงินฝาก การประกันภยั และ - ขอ้ แนะนำในการ การลงทนุ ตดั สนิ ใจเลอื กประเภทเงนิ ฝาก 1. บอกความหมาย และ ๒. ความหมายและวิธีการ ประโยชน์ของการชำระเงินทาง คำนวณดอกเบ้ยี เงนิ ฝากแบบ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ทบต้น 2. บอกลกั ษณะของบตั ร ๓. การคมุ้ ครองเงินฝาก ๔. การประกันภยั และการ ลงทนุ ๑. ความหมาย และประโยชน์ ของการชำระเงินทาง อิเล็กทรอนกิ ส์ ๒. ลักษณะของบัตร ATM ATM บัตรเดบิต บัตรเดบิต บตั รเครดติ บตั รเครดิต Internet Banking Internet Banking และ และ Mobile Banking Mobile Banking ๓. บอกกฎหมายทเ่ี ก่ียวข้องกับ ๓. กฎหมายพื้นฐานที่ ระบบการชำระเงินทาง เกย่ี วข้องกบั ระบบการชำระ อิเล็กทรอนกิ ส์ เงินทางอิเล็กทรอนกิ ส์ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 154
ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชว้ี ดั เนื้อหา จำนวน ชัว่ โมง ๑.๕ โครงสร้างระบบ สถาบันการเงินของ ๑. บอกโครงสร้างระบบสถาบัน ๑.โครงสร้างระบบสถาบนั ประเทศไทย การเงินของประเทศไทย การเงนิ ของประเทศไทย ๒. บอกบทบาทหน้าท่ีของ ๒. สถาบันการเงนิ และ สถาบันการเงนิ และหนว่ ยงานอ่ืน หน่วยงานอ่ืน ๆ ภายใต้ ๆ ภายใต้การกำกบั ดแู ลของ การกำกบั ดแู ลของธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย แหง่ ประเทศไทย ๓. บอกบทบาทหนา้ ทีข่ อง ๓. ผใู้ ห้บริการภายใต้ ผ้ใู หบ้ รกิ ารภายใตก้ ารกำกบั ดูแล การกำกับดแู ลของหนว่ ยงาน ของหน่วยงานอนื่ ๆ อ่นื ๆ ๒. การวางแผนการเงิน ๓๐ ชม. ๒.๑ ประเมินฐานะ การเงินของตนเอง ๑. อธิบายหลักการประเมินฐานะ ๑. หลักการประเมนิ ฐานะ การเงิน การเงินของตนเอง โดย ๒. คำนวณฐานะทางการเงินของ คำนวณจำนวนและอตั ราส่วน ตนเอง ดงั น้ี ๓. อธิบายลักษณะของการมี - ความมัง่ ค่งั สทุ ธิ สขุ ภาพการเงินท่ีดี - อัตราส่วนภาระหนส้ี ินต่อ รายได้ (ต่อเดือน) - จำนวนเงนิ ออมเผ่ือ ฉุกเฉิน - อัตราสว่ นเงนิ ออมตอ่ รายได้ (ต่อเดือน) ๒. การมสี ขุ ภาพการเงินทีด่ ี - ความหมาย ๔. ประเมินสุขภาพการเงนิ ของ - ลกั ษณะการมสี ุขภาพ ตนเอง การเงินท่ดี ี ไดแ้ ก่ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย - มีภาระชำระหนี้ ไม่เกนิ ๑ ใน ๓ ของรายได้ ต่อเดือน - ออมอยา่ งน้อย ๑ ใน ๔ ของรายได้ตอ่ เดอื น - มเี งนิ ออมเผ่ือฉุกเฉิน ประมาณ ๖ เท่าของรายจ่าย จำเป็นตอ่ เดือน หนา้ 155
ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เน้อื หา จำนวน ชวั่ โมง ๒.๒ บันทึกรายรบั - ๑. วเิ คราะห์ความแตกตา่ งของ ๑. ความแตกต่างของความ รายจ่าย “ความจำเป็น” และ “ความ จำเปน็ และความตอ้ งการ ตอ้ งการ” ๒. จัดลำดบั ความสำคญั ของ ๒. การจดั ลำดบั ความสำคัญ รายจา่ ย ของรายจ่าย ๓. บอกลกั ษณะของการบนั ทึก ๓. ลักษณะและประโยชน์ของ รายรับ-รายจ่าย บันทกึ รายรับ-รายจา่ ย ๔. บอกประโยชนข์ องการบนั ทึก รายรับ-รายจา่ ย ๕. จดบันทกึ รายรบั -รายจ่าย ๔. วิธีบนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย ๖. วเิ คราะหบ์ นั ทึกรายรบั - รายจา่ ย ๒.๓ เป้าหมายการเงนิ ใน ๑. บอกประโยชนข์ องการมี ๑. ประโยชนข์ องการมี ชีวิต เปา้ หมายการเงินในชีวติ เปา้ หมายการเงนิ ในชีวติ ๒. บอกเป้าหมายการเงนิ ท่ีควรมี ๒. เป้าหมายการเงนิ ที่ควรมี ในชีวติ ในชีวิต ๓. สามารถต้งั เป้าหมายการเงิน ๓. ประเภทของเป้าหมาย ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะ การเงิน ยาวตามหลัก SMART - ระยะส้ัน (ไม่เกนิ ๑ ปี) ที่เหมาะสมกับตนเอง - ระยะกลาง (๑ – ๓ ปี) - ระยะยาว (มากกวา่ ๓ ปี) ๔. วิธีการต้งั เปา้ หมายการเงิน ตามหลัก SMART ๔. วางแผนการเงนิ ของตนเอง ๕. การวางแผนการเงินให้ ทสี่ อดคล้องกับเป้าหมายในชีวิต เปน็ ไปตามเป้าหมายท่ีตงั้ ไว้ ๒.๔ การออม ๑. อธิบายความหมายและ ๑. ความหมายและประโยชน์ ประโยชน์ของการออม ของการออม ๒. ตง้ั เป้าหมายการออมที่ ๒. เปา้ หมายการออม เช่น เหมาะสมกบั ตนเอง - ออมอย่างน้อย ๑ ใน ๔ ของรายไดต้ ่อเดอื น - ควรออมเพื่ออะไรบ้าง ๓. อธิบายหลกั การออมใหส้ ำเร็จ ๓. หลักการออมให้สำเรจ็ ๔. ความรูเ้ บอื้ งตน้ เกีย่ วกบั กองทนุ การออมแหง่ ชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 156
ท่ี หวั เร่ือง ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา จำนวน ๓. สินเช่อื ช่ัวโมง ๔. สิทธิและหน้าทข่ี อง ผใู้ ชบ้ รกิ ารทางการเงิน ๔. บอกบทบาทหนา้ ทแ่ี ละ (กอช.) และกองทนุ สำรอง หลักการของกองทนุ การออม เล้ยี งชีพ แห่งชาติ (กอช.) ๕. บอกความหมายและหลกั การ ของกองทนุ สำรองเลี้ยงชีพ ๑. บอกลกั ษณะท่ีสำคญั ของ ๑. การประเมนิ ความ ๓๖ ชม. สนิ เชื่อประเภทต่าง ๆ เหมาะสมกอ่ นตัดสินใจ ก่อ หนี้ ๒. ลกั ษณะของสินเชื่อ รายย่อยและการคำนวณ ดอกเบ้ีย ๒. บอกความหมาย บทบาท ๓. เครดติ บูโร หน้าท่ี และข้อมลู ต่าง ๆ ทีส่ ำคัญ เก่ียวกบั เครดิตบูโร ๓. บอกวธิ ีการปอ้ งกันปัญหาหนี้ ๔. วิธกี ารป้องกนั ปัญหาหน้ี ๔. บอกวธิ กี ารแก้ไขปัญหาหน้ี ๕. วิธีการแก้ไขปัญหาหน้ี ๕. บอกชอ่ งทางในการให้ ๖. หนว่ ยงานท่ใี ห้คำปรกึ ษา คำปรกึ ษาวธิ แี ก้ไขปญั หาหนี้ เกี่ยวกับวธิ กี ารแก้ไขปัญหาหนี้ ๑. บอกสิทธขิ องผู้ใชบ้ ริการทาง ๑. สทิ ธขิ องผใู้ ชบ้ รกิ ารทาง ๑๐ ชม. การเงนิ การเงิน - ไดร้ บั ข้อมลู ท่ถี ูกตอ้ ง - เลือกใชผ้ ลิตภณั ฑแ์ ละ บรกิ ารได้อยา่ งอสิ ระ - ร้องเรยี นเพื่อความเปน็ ธรรม - ได้รับการพจิ ารณา คา่ ชดเชยหากเกิดความ เสียหาย ๒. บอกหนา้ ทข่ี องผู้ใชบ้ รกิ ารทาง ๒. หนา้ ทขี่ องผ้ใู ช้บริการ การเงิน ทางการเงิน - วางแผนการเงนิ - ตดิ ตามข้อมูลขา่ วสารทาง การเงนิ อย่างสม่ำเสมอ - เขา้ ใจรายละเอยี ดและ เปรยี บเทยี บข้อมลู ก่อน เลอื กใช้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 157
ท่ี หวั เรือ่ ง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา จำนวน ๕. ภยั ทางการเงิน ชว่ั โมง - ตรวจทานความถกู ต้อง ๒๐ ชม. ของธุรกรรมทางการเงนิ ทกุ ครัง้ - เม่ือเปน็ หน้ตี อ้ งชำระหนี้ ๓. บอกบทบาทหนา้ ทข่ี องศูนย์ ๓. บทบาทศนู ย์คมุ้ ครอง คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงิน (ศคง.) (ศคง.) และหนว่ ยงานทรี่ ับเรื่อง และหนว่ ยงานทีร่ บั เรื่อง รอ้ งเรียนอืน่ ๆ รอ้ งเรยี นอ่ืน ๆ ๔. บอกข้ันตอนการรอ้ งเรียน ๔. ข้นั ตอนการร้องเรยี นและ ๕. บอกหลกั การเขยี นหนังสือ การเขยี นหนงั สือร้องเรียน รอ้ งเรยี น ๑. บอกประเภทและลักษณะของ ๑. ประเภท ลกั ษณะ การ ภยั ทางการเงิน และยกตัวอย่าง ป้องกนั ตนเอง และการ ภัยทางการเงนิ ที่มีในชุมชน แกป้ ัญหาในเร่ืองภยั ทาง ๒. บอกวิธีการป้องกนั ตนเองจาก การเงนิ ภัยทางการเงนิ - หนี้นอกระบบ ๓. บอกวิธีแกป้ ญั หาท่เี กิดจาก - แชรล์ ูกโซ่ ภัยทางการเงิน - ภยั ใกลต้ วั เชน่ การ หลอกลวงให้จ่ายเบ้ยี ประกัน งวดสุดท้าย ตกทอง/ ลอ็ ตเตอรปี่ ลอม - ภัยออนไลน์ - ภัยธนาคารออนไลน์ - ภัยบตั รอเิ ลก็ ทรอนิกส์ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 158
คำอธบิ ายรายวชิ า สค32034 ประวัติศาสตร์ชาติไทย จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ มคี วามร้คู วามเขา้ ใจตระหนกั เก่ยี วกบั ภมู ิศาสตรป์ ระวตั ิศาสตร์เศรษฐศาสตร์การเมืองการปกครองใน โลก และนำมาปรับใช้ในการดำเนนิ ชีวิตเพือ่ ความมัน่ คงของชาติ ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกี่ยวกับ ความภูมิใจในความเปน็ ไทยการประยุกต์ใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์บุญคณุ ของแผน่ ดนิ มรดกไทย สมัยรตั นโกสนิ ทร์และการเปล่ียนแปลงของชาตไิ ทยสมัยรัตนโกสินทร์ การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ การจัดกระบวนการการเรียนร้ปู ระวัตศิ าสตร์ชาติไทยมงุ่ เน้นใหผ้ ู้เรียนสร้างองค์ความรเู้ กิดจิตสานกึ รัก และภาคภูมิใจในความเป็นไทยท่ีเกดิ จากการแลกเปลยี่ นเรียนรู้จากการอภิปรายกลุ่มการสอบถาม การ สมั ภาษณ์ และการสบื ค้นข้อมูล โดยใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การคน้ ควา้ อสิ ระ การ ใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน โครงงาน โครงการจากเอกสารหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ผูเ้ ชีย่ วชาญ สอื่ เทคโนโลยี และ การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ตรงโดยใช้สถานการณ์หรือเหตุการณจ์ ริงและจากแหล่งเรียนรจู้ ากทาง ประวตั ศิ าสตร์ที่เก่ียวขอ้ งกับชาติไทย การวัดและประเมนิ ผล การสอบถามการสัมภาษณ์การประเมินชิ้นงานการสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรกู้ ารน าเสนอผลงาน การรายงาน การอภิปราย แบบบันทึกการเรยี นรู้ แบบรายงานตนเองและแบบทดสอบ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 159
รายละเอยี ดคำอธิบายรายวิชา สค32034ประวัติศาสตรช์ าติไทยจำนวน 3 หนว่ ยกิต ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มคี วามรู้ความเขา้ ใจตระหนักเก่ยี วกับภูมิศาสตร์ประวตั ศิ าสตรเ์ ศรษฐศาสตรก์ ารเมืองการปกครองใน โลก และนำมาปรบั ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิตเพอื่ ความมั่นคงของชาติ ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา จำนวน (ชวั่ โมง) 1. ความภูมิใจในความเปน็ ไทย 1.อธบิ ายความหมาย 1. สถาบันหลกั ของชาติ 15 ความสำคัญของสถาบนั หลัก 1.1 ชาติ ของชาติ 1.1.1 ความหมาย 2.อธบิ ายความเปน็ มาของ ความสำคัญของชาติ ชนชาตไิ ทย 1.1.2ความเปน็ มาของ 3. บอกพระปรชี าสามารถ ชนชาตไิ ทย ของพระมหากษตั ริย์ไทยกบั 1.1.3การรวมไทยเปน็ การรวมชาติ ปึกแผ่น 4. อธิบายความสำคญั ของ 1.1.4 พระมหากษตั รยิ ์ สถาบนั ศาสนา ไทยกบั การรวมชาติ2. 5. อธิบายความสำคญั ของ ศาสนา สถาบันพระมหากษตั ริย์ 2.1ศาสนาพุทธ 6. อธบิ ายและยกตวั อย่างท่ี 2.2ศาสนาครสิ ต์ แสดงถงึ ความภาคภมู ิใจใน 2.3ศาสนาอิสลาม ความเป็นไทย 2.4ศาสนาซกิ ส์ 7. บอกบญุ คณุ ของ 2.5ศาสนาฮนิ ดู พระมหากษัตริย์ไทยตงั้ แต่ 3. พระมหากษตั รยิ ์ สมยั สโุ ขทัยอยธุ ยาธนบรุ ี 3.1องคอ์ ปุ ถมั ภ์ของ และรตั นโกสินทร์ ศาสนา 3.2การปกครอง3.3การ เสียสละ 3.4 พระปรชี าสามารถ 4. บทสรุปสถาบนั พระมหากษัตริย์เป็น ศูนย์รวมใจของคนใน ชาติ 5.บญุ คณุ ของ พระมหากษัตริยไ์ ทย ตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั อยธุ ยา หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 160
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชี้วดั เนื้อหา จำนวน 2. การประยุกต์ใชว้ ิธกี ารทาง (ชวั่ โมง) ประวตั ศิ าสตร์ ธนบรุ ีและรตั นโกสินทร์ 3. พระราชกรณยี กจิ ของ พระมหากษัตรยิ ์ไทยสมัย 5.1สมัยสโุ ขทัย5.2สมยั รตั นโกสินทร์ อยธุ ยา 5.3สมัยธนบรุ ี 5.4สมยั รตั นโกสินทร์ 1.อธบิ ายความหมาย 1.ความหมาย 36 ความสำคัญ และประโยชน์ ความสำคญั และ ของวิธกี ารทาง ประโยชน์ของวิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ 2.อธบิ ายวิธกี ารทาง 2. วธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ 3.ประยกุ ต์ใช้วิธกี ารทาง 2.1 การกาหนดหัวเร่ือง ประวตั ศิ าสตรใ์ นการศึกษา ทีจ่ ะศึกษา/การต้ัง เรอ่ื งราวทางประวัตศิ าสตรท์ ่ี ประเดน็ ทจี่ ะศึกษา สนใจ 2.2 การรวบรวม หลักฐาน/สืบคน้ และ รวบรวมข้อมลู 2.3การประเมนิ คา่ ของ หลกั ฐาน/การวเิ คราะห์ และตีความข้อมูลทาง ประวตั ศิ าสตร์ 2.4 การวิเคราะห์ สงั เคราะหแ์ ละจดั หมวดหมขู่ ้อมูล 2.5 การเรียบเรียงและน าเสนอข้อมูล 2.6ตวั อยา่ งการนำ วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ มาใชศ้ ึกษา ประวัตศิ าสตรไ์ ทย 1.อธิบายพระราชกรณยี กิจ 1. พระราชกรณียกิจ 27 ของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทย ของพระมหากษัตริยไ์ ทย สมัยรตั นโกสินทร์ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 161
ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชีว้ ัด เนื้อหา จำนวน 4. มรดกไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ (ชั่วโมง) 2. อธบิ ายคณุ ประโยชนข์ อง 2. คุณประโยชน์ของ บคุ คลสำคัญทม่ี ตี ่อการ บคุ คลสำคัญ พฒั นาชาตไิ ทย 2.1 กรมพระราชวังบวร 3. วิเคราะห์คณุ ประโยชน์ มหาสรุ สิงหนาท ของบุคคลสำคัญท่มี ีผลต่อ 2.2 ทา้ วสุรนารี การพฒั นาชาติไทย 2.3 สมเดจ็ เจา้ พระยา 4. เขยี นบรรยายคณุ ค่าที่ มหาศรีสรุ ิยวงศ์ (ช่วง ได้รบั จากการศึกษา บุนนาค) ประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย 2.4 กรมพระยาดำรงรา ชานภุ าพ 2.5กรมหลวงชุมพรเขต อุดมศักดิ์ 2.6 พระยาอนุมานราช ธน 1. อธิบายความหมายและ 1. ความหมายและ 18 ความสำญของมรดกไทย ความสำคัญของมรดก 2. ยกตัวอยา่ งมรดกไทย ไทย2. มรดกไทยสมัย สมยั รัตนโกสนิ ทรไ์ ด้อยา่ ง รัตนโกสินทร์ นอ้ ย3 เรือ่ ง 2.1 ดา้ นสถาปัตยกรรม 3. วเิ คราะหม์ รดกไทยสมัย 2.2 ด้านประตมิ ากรรม รัตนโกสินทรท์ ม่ี ีผลต่อการ 2.3 ด้านจิตรกรรม พัฒนาชาติไทย 2.4 ดา้ นวรรณกรรม 4. อธิบายความหมาย 2.5 ดา้ นดนตรี และ ความสำคญั ของการอนุรักษ์ นาฏศลิ ป์ มรดกไทย 2.6 ดา้ นประเพณี 5.ยกตวั อย่างการมสี ่วนรว่ ม 2.7ด้านการแต่งกาย ในการอนรุ ักษ์มรดกไทย และอาหาร 2.8ตวั อยา่ งการมีส่วน ร่วมการอนรุ กั ษม์ รดก ไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ 3.มรดกไทยทมี่ ผี ลตอ่ การพฒั นาชาติไทย 4. การอนรุ กั ษ์มรดกไทย 5.การมีส่วนร่วมในการ อนรุ ักษ์มรดกไทย หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 162
ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชวี้ ดั เน้ือหา จำนวน (ชัว่ โมง) 5. การเปลยี่ นแปลงของชาติไทย 1. วเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ 1. เหตกุ ารณส์ ำคญั ทาง 18 สมัยรตั นโกสินทร์ สำคัญทางประวัตศิ าสตร์ท่ีมี ประวตั ิศาสตรท์ ี่มีผลต่อ ผลต่อการพัฒนาชาตไิ ทย การพฒั นาชาติไทย 2. อภิปรายและนำเสนอ 1.1 การสถาปนา เหตุการณส์ ำคัญทาง อาณาจักรรตั นโกสินทร์ ประวัติศาสตร์ท่ีมผี ลตอ่ การ 1.2สนธสิ ญั ญาเบาว์ร่งิ พัฒนาชาตไิ ทย 1.3 การปฏิรปู การ ปกครองในสมัยรัชกาลท่ี 5 1.4 การเปลย่ี นแปลง การปกครอง 2475 1.5 ความเป็นชาติไทย สมัยจอมพล ป. พิบลู สงคราม2.ตวั อยา่ งการ วเิ คราะห์และอภปิ ราย เหตุการณ์สำคัญทาง ประวตั ศิ าสตรท์ ่ีมผี ลตอ่ การพฒั นาชาติไทย หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 163
คำอธบิ ายรายวชิ า สค๓๒๐๓๒ การเรยี นรู้สูภ้ ัยธรรมชาติ ๓ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๓ หน่วยกติ (๑๒๐ ชั่วโมง) มาตรฐานการเรียนรู้ ๕.๑ มีความรคู้ วามเขา้ ใจและตระหนักเกย่ี วกับภมู ศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการ ปกครองในโลก และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชวี ติ เพ่ือความม่ันคงของชาติ มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความร้คู วามเข้าใจและตระหนกั เก่ยี วกบั ภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื งการ ปกครองในโลกและนำมาปรับใช้ในการดำเนินชวี ิต เพื่อความมน่ั คงของชาติ ผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวงั ๑. อธิบายความหมายของภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามิ ๒. บอกประเภทของวาตภยั และไฟป่า ๓. บอกสาเหตุ และปัจจัยการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสนึ ามิ ๔. บอกผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสึนามิ ๕. ตระหนกั ถึงภัยและผลกระทบท่ีเกิดจากภัยแล้ง วาตภยั อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ ๖. บอกห้วงเวลาการเกิดภยั แล้งในประเทศไทย ๗. บอกฤดกู าลการเกิดไฟปา่ ในแต่ละพน้ื ที่ของประเทศไทย ๘. บอกพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิใน ประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๙. บอกสัญญาณบอกเหตกุ ่อนเกดิ อุทกภยั ดนิ โคลนถล่ม และสนึ ามิ ๑๐.บอกสถานการณภ์ ัยแล้ง วาตภัย อทุ กภัย ดินโคลนถล่มไฟปา่ หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสนึ ามิ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในโลก ๑๑.วิเคราะห์เปรียบเทียบสถิติการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามขิ องประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในโลกและคาดคะเนการเกิดในอนาคต ๑๒.บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การเกิดภยั แล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟ ป่า หมอกควนั แผน่ ดินไหว และสึนามิ ๑๓.บอกวิธกี ารปฏิบตั ิขณะเกดิ ภยั แล้ง วาตภยั อทุ กภยั ดนิ โคลนถล่ม ไฟปา่ หมอกควนั แผน่ ดินไหว และสึนามิ ๑๔.บอกวธิ กี ารปฏิบัติหลงั เกดิ ภยั แล้ง วาตภัย อุทกภยั ดิน ไฟโคลนถลม่ ป่า หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสึนามใิ นประเทศไทย ๑๕.เสนอแนวทางการปอ้ งกันและการแกป้ ญั หาผลกระทบทเี่ กิดจากภยั ต่าง ๆ ๑๕.ระบุบุคลากรทเี่ กยี่ วข้องกับการใหค้ วามช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาตติ า่ ง ๆ ๑๖.ระบหุ น่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยธรรมชาติต่าง ๆ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 164
ศึกษาและฝึกทักษะ ๑.สถานการณ์การเกิดภัยแลง้ วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควนั แผน่ ดนิ ไหว และสนึ า มิประเทศไทย ๒. การตรียมความพร้อมรับมือกับภยั แล้ง วาตภยั อทุ กภยั ดนิ โคลนถล่ม ไฟปา่ หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสึนามิ ๓. สัญญาณบอกเหตุกอ่ นเกดิ อทุ กภยั และดนิ โคลนถล่ม และสนึ ามิ ๔. ผลกระทบจากการเกิดภยั แลง้ วาตภยั อทุ กภยั ดนิ โคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควนั แผน่ ดนิ ไหว และสึ นามิ ๕. บุคลากรและหนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้องกบั การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาตติ า่ ง ๆ การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ๑. ศึกษาจากชัดวิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ ๓ และจากสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น เอกสาร ส่ือ อเิ ล็กทรอนิกส์ แหลง่ เรียนรใู้ นระบบออนไลน์ ฯลฯ ๒. ศึกษาจากสภาพจริงและแหลง่ เรียนรู้ ๓. ศกึ ษาจากผ้รู ู้ การเลา่ ประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้จากผปู้ ระสบภัย สรุปผลการเรียนรู้ และ นำเสนอในรูปแบบทีห่ ลากหลาย การวัดและการประเมนิ ประเมินจากแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน การสงั เกต การมสี ว่ นรว่ ม การทำกจิ กรรม การตรวจผลงาน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 165
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา สค๓๒๐๓๒ การเรียนรูส้ ภู้ ยั ธรรมชาติ ๓ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จำนวน ๓ หน่วยกิต (๑๒๐ ชัว่ โมง) มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรูค้ วามเขา้ ใจและตระหนักเกย่ี วกบั ภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื งการ ปกครองในโลกและนำมาปรบั ใช้ในการดำเนินชีวติ เพื่อความมน่ั คงของชาติ ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา เวลา ๑ ภัยแลง้ (ช่วั โมง) ๑. อธิบายความหมายของภยั แลง้ ๑. ความหมายของภยั แล้ง ๒. อธบิ ายความหมายของฝนแล้ง ๑.๑ ความหมายของภยั แลง้ ๑๕ ฝนทิง้ ช่วง ๑.๒ ความหมายของฝนแล้ง ฝนทงิ้ ชว่ ง ๓. บอกสาเหตุ และปจั จัยการเกิด ๒. ลกั ษณะการเกดิ ภยั แลง้ ภัยแล้ง ๒.๑ สาเหตุและปจั จัยการเกดิ ภัยแลง้ ๔. บอกผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้ง ๒.๒ ผลกระทบทเ่ี กดิ จากภัยแล้ง ๕. ตระหนกั ถึงภัยและผลกระทบ ๒.๓ ห้วงเวลาการเกดิ ภยั แล้ง และพนื้ ที่ ทีเ่ กดิ จากภัยแล้ง เส่ียงภยั ต่อการเกิดภัยแล้งในประเทศไทย ๖. บอกห้วงเวลาการเกิดภยั แลง้ และ และประเทศต่าง ๆ ในโลก พ้ืนทเ่ี สี่ยงภัยต่อการเกดิ ภยั แล้งใน ประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๓. สถานการณก์ ารเกดิ ภัยแล้ง ๓.๑ สถานการณ์ภัยแลง้ ในประเทศไทย ๗. บอกสถานการณ์ภยั แลง้ ในประเทศ และประเทศต่าง ๆ ในโลก ไทย และประเทศต่าง ๆ ในโลก ๓.๒ สถิตกิ ารเกดิ ภยั แล้งของประเทศต่าง ๆ ๘. วเิ คราะห์เปรยี บเทยี บสถิติการเกดิ ในโลก ภัยแลง้ ของประเทศตา่ ง ๆ ในโลกและ คาดคะเนการเกิดภยั แลง้ ในอนาคต ๔. แนวทางการป้องกันและการแกไ้ ข ปัญหาผลกระทบทเ่ี กดิ จากภยั แล้ง ๙. บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรบั ๔.๑ การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ สถานการณ์การเกิดภยั แลง้ การเกิดภยั แล้ง ๑๐. บอกวิธีการปฏบิ ัติขณะเกดิ ภัยแล้ง ๔.๒ การปฏิบตั ขิ ณะเกิดภยั แลง้ ๑๑. บอกวิธกี ารปฏบิ ตั ิตนหลงั เกิดภัย ๑.๔.๓ การปฏิบัตติ นหลงั เกดิ ภยั แล้ง แล้ง ๑๒. เสนอแนวทางการป้องกันและการ แก้ไขปัญหาผลกระทบทเ่ี กิดจากภัย แลง้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 166
ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา เวลา ๒ วาตภัย (ช่วั โมง) ๒.๑ ความหมายของวาตภัย ๓ อทุ กภัย ๑๕ ดินโคลน ๑. บอกความหมายของวาตภยั ๒.๑.๑ ความหมายของวาตภัย ถล่ม ๒๕ ๒. บอกประเภทของวาตภยั ๒.๑.๒ ประเภทของวาตภยั ๒.๒ ลักษณะการเกดิ วาตภยั ๓. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกิด ๒.๒.๑ สาเหตแุ ละปจั จยั การเกิดวาตภยั วาตภัย ๒.๒.๒ ผลกระทบท่เี กิดจากวาตภยั ๔. บอกผลกระทบทเ่ี กิดจากวาตภัย ๒.๒.๓ พน้ื ท่เี สีย่ งภยั ต่อการเกิดวาตภัยใน ๕. ตระหนกั ถึงภัยและผลกระทบท่ีเกดิ ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในโลก จากวาตภัย ๖. บอกพื้นทเี่ สย่ี งภยั ต่อการเกิดวาตภยั ในประเทศไทยและ ประเทศต่าง ๆ ในโลก ๗. บอกสถานการณ์วาตภัยในประเทศ ๒.๓ สถานการณ์วาตภยั ไทย และประเทศต่าง ๆ ในโลก ๒.๓.๑ สถานการณว์ าตภยั ในประเทศไทย ๘. วิเคราะห์เปรียบเทียบสถติ ิการเกิด และประเทศตา่ ง ๆ ในโลก วาตภยั ในประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๒.๓.๒ สถิติการเกดิ วาตภยั ในประเทศไทย ๆ ในโลกและคาดคะเนการเกิดวาตภยั และประเทศต่าง ๆ ในโลก ในอนาคต ๙. บอกวธิ กี ารเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดวาตภยั ๒.๔ แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ข ๑๐. บอกวิธีการปฏิบัตขิ ณะเกิดวาตภยั ปญั หาผลกระทบที่เกิดจากวาตภัย ๑๑. บอกวิธกี ารปฏิบตั ิตนหลงั เกดิ ๒.๔.๑ การเตรียมความพร้อมรับ วาตภยั สถานการณ์การเกิดวาตภัย ๑๒. เสนอแนวทางการปอ้ งกันและ ๒.๔.๒ การปฏิบตั ขิ ณะเกดิ วาตภยั การแก้ไขปัญหาผลกระทบทเ่ี กดิ จาก ๒.๔.๓ การปฏิบัติตนหลังเกิดวาตภยั วาตภยั ๑. อธิบายความหมายของอุทกภยั และ ๓.๑ ความหมายของอุทกภัย และดิน ดินโคลนถล่ม โคลนถลม่ ๒. บอกสาเหตุ และปจั จยั การเกิด - ความหมายของอุทกภยั และดินโคลน อทุ กภยั และดนิ โคลนถลม่ ถล่ม ๓. บอกผลกระทบทเ่ี กิดจากอุทกภัย ๓.๒ ลักษณะการเกดิ อุทกภัย และดิน และดินโคลนถลม่ โคลนถล่ม ๔. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบทเ่ี กิด ๓.๒.๑ สาเหตแุ ละปัจจยั การเกิดอุทกภัย จากอทุ กภยั และดนิ โคลนถล่ม และดนิ โคลนถล่ม ๕. บอกสญั ญาณบอกเหตุก่อนเกดิ ๓.๒.๒ ผลกระทบท่เี กิดจากอุทกภัย และ อทุ กภัย และดินโคลนถล่ม ดินโคลนถลม่ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 167
ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชวี้ ัด เน้ือหา เวลา (ชว่ั โมง) ๖. บอกพน้ื ทีเ่ สย่ี งภัย ๓.๒.๓ สญั ญาณบอกเหตุก่อนเกิดอุทกภัย ตอ่ การเกดิ อทุ กภยั และดนิ โคลนถล่ม และดินโคลนถล่ม ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ๓.๒.๔ พน้ื ทีเ่ สย่ี งภัยตอ่ การเกิดอุทกภยั ในโลก และดินโคลนถลม่ ในประเทศไทยและ ๖. บอกสถานการณอ์ ุทกภยั และดนิ ประเทศต่าง ๆ ในโลก โคลนถลม่ ในประเทศไทย และประเทศ ๓.๓ สถานการณอ์ ุทกภัย และดนิ โคลน ตา่ ง ๆ ในโลก ถล่ม ๗. วิเคราะห์เปรียบเทียบสถติ ิการเกิด ๓.๓.๑ สถานการณ์อทุ กภยั และดนิ โคลน อุทกภัย และดนิ โคลนถลม่ ในประเทศ ถลม่ ในประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ ไทย และประเทศต่าง ๆ ในโลก และ ในโลก คาดคะเนการเกดิ แผ่นดนิ ไหวในอนาคต ๓.๓.๒ สถิติการเกิดอุทกภัย และดนิ โคลน ๘. บอกวิธกี ารเตรยี มความพร้อมรบั ถลม่ ในประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ สถานการณ์การเกิดอุทกภัย และดิน ในโลก โคลนถลม่ ๓.๔ แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ข ๙. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิขณะเกดิ อุทกภยั ปญั หาผลกระทบที่เกดิ จากอุทกภยั และ และดนิ โคลนถล่ม ดินโคลนถลม่ ๑๐. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ติ นหลงั เกดิ ๓.๔.๑ การเตรยี มความพรอ้ มรับ อทุ กภัย และดนิ โคลนถลม่ สถานการณ์การเกิดอุทกภยั และดินโคลน ๑๑. เสนอแนวทางการป้องกันและการ ถลม่ แก้ไขปัญหาผลกระทบท่เี กดิ จาก ๓.๔.๒ การปฏิบตั ิขณะเกิดอุทกภัย และดิน อทุ กภัย และดนิ โคลนถล่ม โคลนถล่ม ๓.๔.๓ การปฏบิ ตั ติ นหลงั เกิดอุทกภัย และ ดนิ โคลนถลม่ ๔ ไฟปา่ ๔.๑ ความหมายของไฟป่า ๑๕ - ความหมายของไฟป่า ๑. บอกความหมายของไฟป่า ๔.๒ ลกั ษณะการเกดิ ไฟป่า ๔.๒.๑ สาเหตุและปัจจัยการเกดิ ไฟป่า ๒. บอกสาเหตุ และปัจจัยการเกดิ ไฟ ๔.๒.๒ ชนิดของไฟป่า ป่า ๔.๒.๓ ผลกระทบที่เกดิ จากไฟปา่ ๓. บอกชนิดของไฟปา่ ๔.๒.๔ ฤดกู าลการเกดิ ไฟปา่ ในแต่ละพน้ื ท่ี ๔. บอกผลกระทบที่เกิดจากไฟปา่ ของประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๕. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบท่เี กดิ จากไฟป่า ๔.๓ สถานการณไ์ ฟปา่ ๖. บอกฤดกู าลการเกิดไฟป่าในแตล่ ะ พ้ืนทขี่ องประเทศไทยและประเทศ ตา่ ง ๆ ในโลก หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 168
ที่ หัวเรอื่ ง ตัวชวี้ ัด เน้อื หา เวลา (ชัว่ โมง) ๔.๓.๑ สถานการณไ์ ฟป่าในประเทศไทย ๗. อธบิ ายสถานการณ์ไฟปา่ ในประเทศ และประเทศต่าง ๆ ในโลก ไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๔.๓.๒ สถิติการเกิดไฟป่าของประเทศตา่ ง ๘. วเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบสถิติการเกดิ ๆ ในโลก ไฟป่าของประเทศตา่ ง ๆ ในโลกและ ๔.๔ แนวทางการป้องกนั และการแก้ไข คาดคะเนการเกดิ ไฟป่าในอนาคต ปญั หาผลกระทบท่ีเกดิ จากไฟปา่ ๙. บอกวธิ ีการเตรยี มความพร้อมรับ ๔.๔.๑ การเตรียมความพรอ้ มรับ สถานการณ์การเกิดไฟป่า สถานการณ์การเกิดไฟปา่ ๑๐. บอกวิธีการปฏบิ ตั ิขณะเกิดไฟป่า ๔.๔.๒ การปฏบิ ตั ิขณะเกิดไฟป่า ๑๑. บอกวธิ ีการปฏิบัติตนหลงั เกดิ ไฟ ๔.๔.๓ การปฏบิ ตั ิตนหลังเกดิ ไฟป่า ป่า ๑๑. เสนอแนวทางการป้องกันและการ แก้ไขปัญหาผลกระทบทเี่ กดิ จากไฟป่า ๕ หมวกควนั ๕.๑ ความหมายของหมอกควัน ๑๕ ๑. บอกความหมายของหมอกควัน - ความหมายของหมอกควัน ๕.๒ ลักษณะการเกิดหมอกควนั ๒. บอกสาเหตุ และปัจจัยการเกิด ๕.๒.๑ สาเหตแุ ละปจั จัยการเกิดหมอกควนั หมอกควัน ๕.๒.๒ ผลกระทบทเ่ี กิดจากหมอกควัน ๓. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากหมอกควัน ๕.๒.๓ พืน้ ทีท่ ีไ่ ด้รบั ผลกระทบจากหมอก ๔. ตระหนักถึงภยั และผลกระทบท่ีเกิด ควนั ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ใน จากหมอกควนั โลก ๕. บอกพนื้ ที่พน้ื ท่ีที่ได้รบั ผลกระทบ จากหมอกควนั ในประเทศไทยและ ประเทศต่าง ๆ ในโลก ๕.๓ สถานการณห์ มอกควนั ๖. บอกสถานการณห์ มอกควัน ๕.๓.๑ สถานการณ์หมอกควนั ในประเทศ ในประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ในโลก ๕.๓.๒ สถติ กิ ารเกิดหมอกควันในประเทศ ๗. วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บสถิติการเกิด ไทยและประเทศต่าง ๆ ในโลก หมอกควันในประเทศไทยและประเทศ ๕.๔ แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ข ต่าง ๆ ในโลกและคาดคะเนการเกิด ปัญหาผลกระทบท่เี กิดจากแผ่นดินไหว หมอกควนั ในอนาคต ๕.๔.๑ การเตรียมความพรอ้ มรับ ๘. บอกวธิ กี ารเตรียมความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดหมอกควัน สถานการณ์การเกิดหมอกควัน ๕.๔.๒ การปฏบิ ตั ขิ ณะเกิดหมอกควัน ๙. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ขิ ณะเกดิ หมอก ๕.๔.๓ การปฏิบัตติ นหลังเกดิ หมอกควนั ควัน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 169
ที่ หัวเรื่อง ตัวชวี้ ดั เนอ้ื หา เวลา (ช่ัวโมง) ๑๐. บอกวิธีการปฏบิ ัติตนหลงั เกดิ หมอกควัน ๑๑. เสนอแนวทางการป้องกันและ การแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกดิ จาก หมอกควนั ๖ แผน่ ดินไหว ๑. อธิบายความหมายของแผ่นดนิ ไหว ๖.๑ ความหมายของแผ่นดนิ ไหว ๑๕ ๒. บอกสาเหตุ และปจั จยั การเกดิ - ความหมายของแผน่ ดนิ ไหว แผ่นดนิ ไหว ๖.๒ ลกั ษณะการเกดิ แผน่ ดินไหว ๓. บอกผลกระทบทีเ่ กิดจาก ๖.๒.๑ สาเหตแุ ละปจั จัยการเกดิ แผ่นดินไหว แผ่นดนิ ไหว ๔. ตระหนกั ถึงภยั และผลกระทบทเี่ กดิ ๖.๒.๒ ผลกระทบท่ีเกดิ จากแผน่ ดินไหว จากแผ่นดนิ ไหว ๖.๒.๓ พ้ืนทเ่ี ส่ยี งภัย ๕. บอกพื้นท่เี ส่ียงภัย ตอ่ การเกดิ แผ่นดินไหวในประเทศไทยและ ต่อการเกดิ แผน่ ดินไหวในประเทศไทย ประเทศตา่ ง ๆ ในโลก และประเทศต่าง ๆ ในโลก ๖. บอกสถานการณแ์ ผ่นดินไหว ๖.๓ สถานการณ์แผน่ ดนิ ไหว ในประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ ๖.๓.๑ สถานการณแ์ ผน่ ดนิ ไหวในประเทศ ในโลก ไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๗. วเิ คราะห์เปรียบเทยี บสถิติการเกดิ ๖.๓.๒ สถิติการเกดิ แผน่ ดินไหวของ แผน่ ดนิ ไหวของประเทศไทยและ ประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ประเทศตา่ ง ๆ ในโลกและคาดคะเน ๖.๔ แนวทางการปอ้ งกนั และการแกไ้ ข การเกิดแผน่ ดินไหวในอนาคต ปัญหาผลกระทบทีเ่ กดิ จากแผน่ ดนิ ไหว ๘. บอกวธิ กี ารเตรียมความพร้อมรบั ๖.๔.๑ การเตรยี มความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหว สถานการณ์การเกิดแผ่นดนิ ไหว ๙. บอกวิธีการปฏบิ ัติขณะเกิด ๖.๔.๒ การปฏบิ ตั ิขณะเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินไหว ๖.๔.๓ การปฏบิ ตั ติ นหลงั เกดิ แผ่นดินไหว ๑๐. บอกวิธกี ารปฏบิ ัติตนหลงั เกดิ ๗ สนึ ามิ แผ่นดินไหว ๗.๑ ความหมายของสนึ ามิ ๑๕ ๑๑. เสนอแนวทางการปอ้ งกันและ - ความหมายของสนึ ามิ การแก้ไขปญั หาผลกระทบท่เี กิดจาก ๗.๒ ลักษณะการเกิดสึนามิ แผน่ ดนิ ไหว ๗.๒.๑ สาเหตุและปจั จยั การเกิดสึนามิ ๑. บอกความหมายของสนึ ามิ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 170
ท่ี หัวเรื่อง ตัวชี้วัด เนอ้ื หา เวลา (ชั่วโมง) ๒. บอกสาเหตุ และปจั จัยการเกิด ๗.๒.๒ สัญญาณบอกเหตกุ ่อนเกิดสึนามิ สนึ ามิ ๗.๒.๓ ผลกระทบที่เกิดจากสึนามิ ๓. บอกสญั ญาณบอกเหตุก่อนเกดิ ๗.๒.๔ พน้ื ท่ีเสีย่ งภยั ตอ่ การเกิดสนึ ามิใน สนึ ามิ ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในโลก ๔. บอกผลกระทบที่เกดิ จากสึนามิ ๕. ตระหนักถงึ ภยั และผลกระทบทเี่ กิด จากสนึ ามิ ๗.๓ สถานการณ์สนึ ามิ ๖. บอกพน้ื ที่เสยี่ งภัย ๗.๓.๑ สถานการณส์ นึ ามใิ นประเทศไทย ต่อการเกดิ สนึ ามใิ นประเทศไทยและ และประเทศต่าง ๆ ในโลก ประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๖.๓.๒ สถติ กิ ารเกิดสึนามิของประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ๗. บอกสถานการณส์ ึนามิในประเทศ ไทย และประเทศต่าง ๆ ในโลก ๗.๔ แนวทางการปอ้ งกนั และการแกไ้ ข ๘. วิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บสถิติการเกดิ ปัญหาผลกระทบทเ่ี กิดจากสึนามิ สนึ ามขิ องประเทศตา่ ง ๆ ในโลกและ ๗.๔.๑ การเตรยี มความพรอ้ มรบั คาดคะเนการเกิดสึนามิในอนาคต สถานการณ์การเกิดสึนามิ ๗.๔.๒ การปฏิบัติขณะเกดิ สึนามิ ๗.๔.๓ การปฏบิ ัตติ นหลงั เกดิ สึนามิ ๙. บอกวิธกี ารเตรยี มความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดสนึ ามิ ๑๐. บอกวธิ กี ารปฏบิ ัติขณะเกิดสนึ ามิ ๑๑. บอกวิธกี ารปฏิบตั ติ นหลงั เกดิ สึนา มิ ๑๑. เสนอแนวทางการปอ้ งกันและ การแก้ไขปัญหาผลกระทบทีเ่ กดิ จากสึ นามิ ๘ บุคลากร ๑๒. ระบบุ ุคลากรที่เกย่ี วข้องกบั การให้ ๘.๑ บุคลากรทีเ่ กี่ยวข้องกับการให้ความ ๕ และหนว่ ย ความชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัยธรรมชาติ ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภัยธรรมชาตติ า่ ง ๆ งานท่ี ต่าง ๆ ๘.๒ หนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องกับการใหค้ วาม เก่ียวข้อง ๑๓. ระบุหน่วยงานที่เกยี่ วขอ้ งกบั การ ชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั ธรรมชาตติ ่าง ๆ กับการให้ ใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภัย ความชว่ ย ธรรมชาติต่าง ๆ เหลือการ ประสบภัย ธรรมชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 171
คำอธิบายรายวิชา สค32036 การปอ้ งกันการทจุ รติ จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ดำเนนิ ชวี ติ ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย กฎระเบียบของประเทศต่าง ๆ ในโลก 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจหลักการพฒั นาชมุ ชน สงั คม สามารถวิเคราะห์ข้อมลู และเป็นผู้นำผตู้ าม ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพการเปล่ยี นแปลงของเหตุการณป์ จั จุบนั ศึกษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การป้องกนั การทุจรติ ดังต่อไปน้ี 1.การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม 2.ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ 3.STRONG / จิตพอเพียงต้านการทจุ รติ 4.พลเมอื งกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ ศกึ ษาจากสอื่ เอกสาร ส่ืออนิ เทอรเ์ น็ต คลปิ วิดีโอต่าง ๆ วเิ คราะห์จากกรณีศึกษาและสภาพปัญหาต่าง ๆ ท่ี เกี่ยวกบั การทจุ รติ ท่เี กิดขนึ้ ในประเทศ/โลก ทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ จากใบงาน การแสดงบทบาทสมมติ การ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ การวดั และประเมนิ ผล ประเมินจากสภาพจรงิ และจากผลการเรยี นรู้ โดยใช้แบบใหค้ ะแนน แบบสังเกตพฤติกรรม แบบทดสอบ แบบประเมนิ การบนั ทึกกิจกรรม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 172
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา สค32036 การป้องกนั การทุจรติ จำนวน 3 หนว่ ยกิต ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ดำเนินชวี ติ ตามวิถปี ระชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศต่าง ๆ ในโลก 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจหลกั การพัฒนาชุมชน สงั คม สามารถวิเคราะห์ข้อมลู และเป็นผู้นำผู้ตาม ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม ให้สอดคล้องกับสภาพการเปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณป์ ัจจุบนั ที่ หวั เรอื่ ง ตัวช้ีวัด เนอื้ หา จำนวน (ช่วั โมง) 1 การคิดแยกแยะระหวา่ ง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 30 ผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ผลประโยชนส์ ว่ นรวม 1. อธิบายสาเหตุของ 1.สาเหตุของการทจุ รติ และทิศทาง การ การทจุ ริตและทศิ ทาง ปอ้ งกนั การทจุ รติ ในประเทศไทย การปอ้ งกันการทจุ รติ ในประเทศไทย 2. ทฤษฎี ความหมายและรปู แบบของ 2. อธิบายทฤษฎี ความหมาย การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วน และรปู แบบของการขดั กัน ตนและผลประโยชน์สว่ นรวม (โลก) ระหว่างผลประโยชน์ ส่วนตนและผลประโยชน์ 3. กฎหมายทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการขดั กัน สว่ นรวม (โลก) ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั 3. อธบิ ายกฎหมายที่ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม เกี่ยวข้องกบั การขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วน ตนกบั ผลประโยชน์ 4. การคดิ เป็น ส่วนรวม 4. คดิ วเิ คราะห์กระบวนการ 5.บทบาทของรัฐ/เจา้ หน้าท่ีของรฐั “คิดเปน็ ” 5. อธิบายบทบาทของรัฐ/ เจา้ หน้าท่ีของรัฐท่ีเกยี่ วข้อง กับการป้องกัน ปราบปราม 6.กรณีตวั อย่างทเี่ กยี่ วข้อง เกีย่ วกับการทุจริต 6.สรปุ ผลกรณีตัวอยา่ ง 7. กจิ กรรมท่เี กยี่ วข้อง ที่เก่ยี วข้อง - ใบงานการคดิ แยกแยะระหวา่ ง 7.สามารถคดิ วเิ คราะห์ ผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ในการทำกิจกรรม ผลประโยชนส์ ว่ นรวม (โลก) ท่ีเก่ียวข้อง - ใบงานเกีย่ วกบั การคดิ เป็น เก่ยี วกับประโยชน์ทับซ้อน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 173
ที่ หวั เร่อื ง ตัวช้วี ดั เนื้อหา จำนวน (ชั่วโมง) 2 ความละอายและความ 1. อธบิ ายเกีย่ วกบั - ความแตกต่างระหวา่ ง จริยธรรม ไม่ทนต่อการทุจริต รายละเอียดการทจุ ริตของ และการทุจรติ (โลก) 25 ประเทศไทย/โลกได้ - ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ สว่ นรวม - ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น และรูปแบบ (โลก) - การขดั กันระหวา่ งประโยชน์ ส่วนตน และผลประโยชน์สว่ นรวม (โลก) ความละอายและความไม่ทนตอ่ การ ทุจริต 1. การทจุ รติ - ความหมายของการทจุ รติ - รปู แบบการทจุ รติ - สาเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กดิ การทุจริต - ระดบั การทจุ ริตในประเทศไทย - สถานการณ์การทุจรติ ของโลก - ผลกระทบของการทจุ รติ ต่อ การพัฒนาประเทศ - ทศิ ทางการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริต 2. อธิบายความละอาย และ - กรณตี วั อย่างผลทเ่ี กดิ จาก ความไม่ทนต่อการทจุ รติ การทจุ ริต ได้ 2. ความละอายและความไม่ทน 3. สามารถคิด วิเคราะห์ ต่อการทุจริต ในการทำกจิ กรรมที่ - ความหมายของความละอายและ เกยี่ วขอ้ งได้ถูกต้อง ความไม่ทนต่อความทจุ ริต - ลกั ษณะของความละอายและ ความไม่ทนต่อการทจุ ริต - การลงโทษทางสงั คม - กรณีตวั อย่างความละอายและ ความไม่ทนต่อความทจุ รติ 3. กิจกรรมท่ีเกย่ี วข้อง - การทำการบา้ น ชิ้นงาน - การทำเวร ความสะอาด หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 174
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวชว้ี ัด เน้ือหา จำนวน 3 STRONG/จิตพอเพียง (ชวั่ โมง) - การสอบ ตอ่ ต้านการทุจริต 25 - กจิ กรรมในห้องเรยี น 4 พลเมอื งกบั ความ 40 รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม - การรจู้ ักกาลเทศะ (การแตง่ กาย การเข้าคิว) - การเลือกต้ัง - ความซอื่ สตั ย์ ความมีวนิ ยั การตรงต่อเวลา และความ รับผดิ ชอบในการทำงาน STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการ ทจุ รติ 1. อธบิ ายเกีย่ วกับจิต 1. จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทุจริต พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต - ความหมายของ “STRONG” และปรชั ญาของเศรษฐกิจ จิตพอเพียงต้านทจุ ริต พอเพียง - ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. อธิบายแบบอยา่ งความ 2. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร พอเพยี งของ มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช แบบอย่าง พระบาทสมเดจ็ พระ ในเรื่องความพอเพยี ง ปรมนิ ทรมหาภมู ิพล - นาฬกิ าบนข้อพระกร อดุลยเดช - ดนิ สอทรงงาน - หลอดยาสฟี ันพระทนต์ - รถยนตพ์ ระท่นี ง่ั - หอ้ งทรงงาน - เครือ่ งประดับ 3. สามารถคิด วเิ คราะหใ์ น 3. กิจกรรมทเี่ กย่ี วข้อง การทำกจิ กรรมท่เี ก่ียวข้อง - ความพอเพยี ง ประสานเสยี ง ได้ถูกตอ้ ง ต้านทุจรติ - ความโปรง่ ใส ใจสะอาดต้านทจุ รติ - ความตืน่ รู้ ตา้ นทจุ ริต - การมงุ่ ไปข้างหน้า - ความเอื้ออาทร - การเรียนรู้เท่าทนั ป้องกนั การทุจรติ พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม 1. อธบิ ายความหมายและ 1.ความหมายและทมี่ าของคำศัพท์ ท่ีมาของคำศัพทท์ ่ี ทีเ่ ก่ยี วข้องกับพลเมือง เกยี่ วขอ้ งกบั พลเมอื ง หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 175
ที่ หัวเร่ือง ตวั ช้วี ดั เน้ือหา จำนวน (ชว่ั โมง) 2. อธบิ ายความหมายและ 2.ความหมายและแนวคดิ เกีย่ วกับ แนวคิดเกีย่ วกบั การศึกษา การศกึ ษาเพ่อื สรา้ งความเปน็ พลเมือง เพื่อสรา้ งความเป็นพลเมือง 3.องค์ประกอบของการศึกษาความเป็น 3. อธบิ ายองค์ประกอบของ พลเมือง การศึกษาความเป็นพลเมือง 4.แนวทางการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดี 4. บอกแนวทางการปฏิบตั ิ ตนการเปน็ พลเมอื งดีได้ 5.แนวทางการสรา้ งเสรมิ สำนึกความ 5. อธบิ ายแนวทางการสร้าง เปน็ พลเมือง : กรณศี ึกษาประเทศ เสรมิ สำนกึ ความเปน็ ไทย พลเมือง : กรณีศกึ ษา ประเทศไทย 6.การศกึ ษาเกี่ยวกับความเป็นพลเมอื ง 6. บอกผลการศกึ ษาเก่ยี วกบั ในบริบทตา่ งประเทศ ความเปน็ พลเมืองในบริบท ต่างประเทศ 7. กจิ กรรมทีเ่ กี่ยวข้อง 7. สามารถคดิ วเิ คราะห์ใน - การเคารพสทิ ธิหนา้ ทีต่ นเองและ การทำกิจกรรมทีเ่ ก่ยี วข้อง ผอู้ ่ืน - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผดิ ชอบต่อตนเองและ ผู้อื่น/สงั คม/โลก - ความเป็นพลเมืองของประเทศ/ โลก - แนวทางการปฏิบัตติ นเปน็ พลเมือง ทด่ี ี - พลโลกที่มีความรับผดิ ชอบต่อการ ปอ้ งกันการทจุ รติ - การยกย่องเชิดชูกับคนท่ีทำความดี หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 176
วิธีการจดั การเรยี นรู้ การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีวิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้ ผู้เรียนได้เลือกวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับความต้องการ สอดคล้องกับวิถีชีวิต และการทำงานของผู้เรียน ได้แก่ ๑. การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนกำหนดแผนการเรียนรู้ของ ตนเอง ตามรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนโดยมีผู้สอนเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการศึกษาหาความรู้ด้วย ตนเองจากภมู ิปัญญา ผู้รู้ และสื่อต่าง ๆ ๒. การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดให้ผู้เรียนมาพบกันโดยมี ผสู้ อนเปน็ ผู้ดำเนนิ การใหเ้ กดิ กระบวนการกลุ่มเพื่อใหม้ ีการอภปิ ราย แลกเปลีย่ นเรียนรูแ้ ละหาข้อสรุปร่วมกนั ๓. การเรียนรูแ้ บบทางไกล เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้จากสื่อต่าง ๆ โดยที่ผู้เรียน และผู้สอน จะสือ่ สารกันทางอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ ๔. การเรียนรู้แบบชั้นเรียน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่สถานศึกษากำหนดรายวิชา เวลา เรยี น และสถานทีท่ ช่ี ัดเจน ซ่งึ วิธีการจัดการเรียนรนู้ ้ีเหมาะสำหรับผเู้ รยี นทมี่ เี วลามาเขา้ ช้ันเรียน ๕. การเรียนรู้ตามอัธยาศัย เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความ ตอ้ งการ และความสนใจ จากสื่อเอกสาร ส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรือจากการฝึกปฏบิ ัตติ ามแหล่งเรยี นรู้ตา่ ง ๆ แล้ว นำความรู้และประสบการณ์มาเทียบโอนเข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๖. การเรยี นรจู้ ากการทำโครงงาน เป็นวิธีการจัดการเรียนร้ทู ่ีผู้เรียนกำหนดเรอื่ งโดยสมัคร ใจตามความสนใจ ความต้องการ หรือสภาพปัญหา ทจ่ี ะนำไปสกู่ ารศึกษาค้นควา้ ทดลองและลงมอื ปฏิบัติจริง โดยมีผ้สู อนเปน็ ผใู้ หค้ ำปรึกษา แนะนำ อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ และกระตนุ้ เสริมแรงให้เกิดการ แลกเปลย่ี นเรียนรรู้ ่วมกนั ๗. การเรียนรู้รูปแบบอื่น ๆ สถานศึกษาสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ อน่ื ๆ ไดต้ ามความต้องการของผู้เรียน วธิ ีการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวข้างต้นสถานศึกษา และผู้เรียนรว่ มกันกำหนดวธิ ีเรียน โดยเลือก เรียนวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีได้ตามความต้องการ ซึ่งขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหา และสอดคล้องกับ วิถีชีวิต และการทำงานของผู้เรียน แต่ทั้งนี้ ให้เป็นการเรียนรู้แบบชั้นเรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ให้บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 177
การจัดกระบวนการเรยี นรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ ตามปรัชญาพื้นฐานของการศึกษา นอก โรงเรียน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ และสร้างองค์ความรู้สำหรับ ตนเอง และชุมชน สังคม จึงกำหนดรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน.หรือ ONIE MODEL ซึ่งเป็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ทจี่ ัดข้ึนอย่างเปน็ ระบบตามปรชั ญา “คดิ เปน็ ” ประกอบด้วย ๔ ขนั้ ตอน ดังนี้ ซ่ึง กำหนดรูปแบบการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ดังนี้ 1. ข้นั กำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 2. ข้ันแสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้ (N : New ways of Leaning) 3. ข้นั ปฏิบัตแิ ละนำไปประยุกต์ใช้ (I : Implementation) 4. ขัน้ ประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) ข้นั ที่ ๑ กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) เป็นการเรียนรู้จากสภาพ ปัญหา หรือความต้องการของผูเ้ รียน และชมุ ชน สังคม โดยให้ เชื่อมโยงกบั ประสบการณ์เดมิ และสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรขู้ องหลักสูตร ขั้นตอนการเรียนรู้ ๑. ครแู ละผ้เู รียนรว่ มกนั กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ ซงึ่ อาจจะได้จาก สถานการณ์ในขณะนน้ั หรือเปน็ เรอื่ งทเี่ กิดขึ้นในชวี ติ จรงิ หรือเปน็ ประเดน็ ทีก่ ำลงั ขัดแยง้ และกำลังอยใู่ น ความสนใจของชุมชน ซง่ึ จะชว่ ยกระตนุ้ ให้ผู้เรยี นกระตอื รือรน้ ที่คดิ จะแสวงหาทางออกของปัญหา หรอื ความ ต้องการนนั้ ๆ ๒. ทำความเข้าใจสภาพ ปัญหา ความต้องการในสง่ิ ที่ต้องการเรียนรู้ โดยดึงความรู้และ ประสบการณเ์ ดิมของผเู้ รยี น เน้นการมสี ว่ นรว่ ม มีการแลกเปล่ียนเรียนรูส้ ะท้อนความคิดและอภิปราย โดยให้ เช่ือมโยงกบั ความรใู้ หม่ ๓. วางแผนการเรยี นรทู้ เี หมาะสม โดยกิจกรรมการเรยี นรู้ที่กำหนดสามารถเห็นแนวทางใน การค้นพบความรหู้ รือคำตอบได้ด้วยตนเอง ข้ันที่ ๒ ขนั้ แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of Leaning) การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ โดยศึกษา คน้ คว้าหาความรู้ และรวบรวมข้อมูลของ ตนเอง ข้อมูลของชุมชน สังคม และข้อมลู ทางวชิ าการ จากส่ือและแหลง่ ความรู้ทีห่ ลากหลายมีการระดมความ คิดเหน็ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ข้อมลู และสรปุ เปน็ ความรู้ ข้ันตอนการเรียนรู้ ๑. ผู้เรียนแสวงหาความรตู้ ามแผนการเรยี นรู้ที่กำหนดไว้ โดยการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง การ เรยี นร้ผู ่านประสบการณ์ กระบวนการกล่มุ ศึกษาจากผรู้ ู/้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวธิ อี ่ืน ๆ ท่เี หมาะสม ๒. ครแู ละผ้เู รยี นรว่ มกันแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และสรปุ ความรูเ้ บื้องตน้ โดยใชค้ ำถามปลายเปดิ ในการชวนคิด ชวนคุย เป็นเครอื่ งมือ ด้วยกระบวนการระดมสมอง สะทอ้ นความคดิ และอภปิ ราย ซึ่งจะได้ ความรใู้ หม่ ๆ เพื่อใช้ปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ใช้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 178
๓. ผู้เรยี นนำความรู้ที่ได้ไปตรวจสอบความถูกต้อง เพ่ือประเมนิ ความเป็นไปได้โดยวธิ ีต่าง ๆ เช่น การทดลอง การทดสอบ การตรวจสอบกับผรู้ ู้ และสงั คม ขั้นที่ ๓ การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ต์ใช้ (I : Implementation) การนำไปใช้ นำความรทู้ ีไ่ ด้ไปปฏิบตั ิ และประยกุ ตใ์ ช้ใหส้ อดคล้องกบั สถานการณ์ เหมาะสมกบั วัฒนธรรม ขั้นตอนการเรียนรู้ ๑. ผู้เรียนนำความรไู้ ปปฏิบัตใิ หส้ อดคล้องกับวิถชี วี ติ โดยสงั เกตปรากฏการณ์ จดบนั ทกึ ผล ๒. ปฏิบตั กิ ารแกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง สรุป จดั ทำรายงานและรวบรวมไวใ้ นแฟ้มสะสมผลงาน ขนั้ ที่ ๔ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) ประเมิน ทบทวน แก้ไขข้อบกพร่อง ผลจากการนำความรู้ไปประยุกตใ์ ชแ้ ล้วสรุปเป็นความรู้ ใหม่พร้อมกับเผยแพร่ผลงาน ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ๑. ครู และผ้เู รียนนำแฟ้มสะสมงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏบิ ัตมิ า สรุปเป็นองคค์ วามรู้ ใช้ เปน็ สารสนเทศ เพื่อนำเสนอตอ่ สาธารณชน โดยประเมินคุณภาพการเรยี นรู้ ได้แก่ ประเมินผลการเรียนรู้ กระบวนการปฏิบัตงิ าน แหล่งเรยี นรู้ และสารสนเทศท่ีนำมาใช้ ๒. ครแู ละผเู้ รียนร่วมกันสรา้ งเกณฑ์การประเมินคุณภาพการเรียนรู้ ๓. ครู ผู้เรยี น และผ้เู กย่ี วข้องรว่ มกันประเมิน พฒั นาการเรยี นรใู้ ห้เป็นไปตามเกณฑค์ ุณภาพ การเรยี นรู้ ทั้ง ๔ ขน้ั ตอนดังกลา่ วข้างตน้ เป็นวงจรของกระบวนการเรียนรู้ ตามปรัชญาคดิ เป็น ซง่ึ สถานศึกษาสามารถนำหลกั การ การจัดกระบวนการเรียนรู้ทง้ั ๔ ขัน้ ตอน ใชเ้ ป็นหลกั ในการจัดแผนการเรยี นรู้ โดยปรบั ใช้ข้นั ตอนการเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามสภาพรายวชิ า หรือเงือ่ นไขอื่น ๆ ตามความต้องการของ ผู้เรียน ส่ือการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้เน้นใหผ้ ู้เรยี นแสวงหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยการใชส้ ื่อการเรียนรู้ ท่ี หลากหลาย ได้แก่ สือ่ สง่ิ พิมพ์ ส่ืออเิ ล็กทรอนคิ ส์ ส่ือบุคคล ภูมิปัญญา แหลง่ เรียนรทู้ มี่ ีอยู่ในทอ้ งถนิ่ ชมุ ชน และ แหล่งเรียนร้อู ื่น ๆ ผู้เรยี น และผู้สอน สามารถพฒั นาสือ่ การเรยี นรู้ข้นึ เอง หรือนำสอ่ื ต่าง ๆ ท่มี ีอยู่ใกลต้ ัว และ ข้อมลู สารสนเทศที่เกี่ยวขอ้ ง มาใชใ้ นการเรยี นรู้ โดยใชว้ จิ ารณญาณในการเลอื กใช้สือ่ ต่าง ๆ ซงึ่ จะชว่ ยส่งเสริม ให้การเรยี นร้เู ปน็ ไปอยา่ งมีคุณคา่ นา่ สนใจ ชวนคิด ชวนตดิ ตาม เข้าใจงา่ ย เปน็ การกระตุน้ ให้ผู้เรยี นร้จู กั วธิ ีการ แสวงหาความรู้ เกิดการเรียนรูอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ลกึ ซ้งึ และต่อเน่ืองตลอดเวลา หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 179
การเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของ ผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมินเป็นส่วนหน่ึง ของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยกำหนด วธิ ีการเทียบโอน ดังน้ี การเทียบโอนผลการเรียนมี ๒ วิธี คอื วธิ ที ี่ ๑ การพิจารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษา 1.1 การพิจารณาหลักฐานการศึกษาจากหลักสตู รที่จัดเป็นระดับการศึกษา เป็นการ ตรวจสอบหลักฐานผลการเรียนในรายละเอียดเกี่ยวกับระดับหรือชั้นปีที่เรียนจบมา รายวิชาที่เรียน ผลการเรียน ความถูกต้องของหลักฐาน โดยหลักฐานการศึกษาที่นำมาเทียบโอนผลการเรียนต้องเป็นหลักฐานที่ออกโดย สถานศกึ ษาของรัฐหรือเอกชนที่ไดร้ ับการรับรองมาตรฐานหรือวทิ ยฐานะทางการศึกษา 1.2 การพิจารณาหลักฐานจากการศึกษาต่อเนื่อง เป็นการตรวจสอบรายละเอียด เกี่ยวกับหลักสูตร เนื้อหาวิชาที่ศึกษา จำนวนชั่วโมง หน่วยงานที่จัด เพื่อพิจารณาเทียบโอน ให้สอดคล้องกับ รายวชิ าตามหลกั สูตร ต้องไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น วิธีที่ ๒ การประเมินความรู้และประสบการณ์ เป็นการวัดและตรวจสอบผลการเรียนรู้และ ประสบการณข์ องผูเ้ รียนท่ีเกิดจากการประกอบอาชพี การทำงาน จากการเรียนร้ตู ามอัธยาศยั โดยใชเ้ คร่ืองมือ ประเมินที่หลากหลาย เชน่ แบบทดสอบ แบบสมั ภาษณ์ การปฏิบัติจรงิ เปน็ ตน้ การวดั และประเมินผลผู้เรียน เป็นการประเมินเพ่ือทราบความก้าวหนา้ ท้ังด้านความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ อนั เป็นผลมาจาก การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษาในแต่ละรายวิชา ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การ สัมภาษณ์ ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ประเมินการปฏิบัติ (Performance Evaluation) ประเมินการปฏิบัติ จริง (Authentic Assessment) ทดสอบย่อย (Quiz) ประเมินจากกิจกรรม โครงงาน หรือแบบฝึกหัด เป็นตน้ โดยเลือกให้สอดคลอ้ งและเหมาะสมกับธรรมชาติของรายวชิ า ควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน การ วัดและประเมินผลมี ๒ ระดับ คอื ๑. การประเมินผลในระดับสถานศึกษา ซง่ึ สถานศึกษาตอ้ งดำเนินการวดั และประเมนิ ผู้เรียน ในเร่ืองต่อไปน้ี ๑.๑ การวดั และประเมนิ ผลเปน็ รายวชิ า ประกอบดว้ ย 1) การวดั และประเมนิ ผลกอ่ นเรียน 2) การวดั และประเมนิ ผลระหว่างภาคเรยี น 3) การวดั และประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น การกำหนดคะแนนระหว่างภาคเรียนและปลายภาคเรียนให้เปน็ ไปตามเกณฑ์ทีส่ ำนักงาน กศน. กำหนด โดยการวัดผลระหว่างภาคเรียนสถานศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับการวัดผลปลายภาคเรียน ให้เปน็ ไปตามทส่ี ำนักงาน กศน. กำหนด ๑.๒การประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) ผู้เรียนทุกคนต้องทำกิจกรรม พัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ชั่วโมง ตาม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 180
เกณฑ์การประเมินที่สถานศึกษากำหนด โดยประเมินจากโครงการ หรือกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต และให้ ผเู้ กีย่ วขอ้ งมีส่วนร่วมในการประเมิน ๑.๓ การประเมินคุณธรรมเบื้องต้น ผู้เรียนทุกคนต้องได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนด จึงจะไดร้ ับการพจิ ารณาให้จบหลักสูตรในแต่ละระดับการศึกษา โดยคณะกรรมการการวัด และประเมินผลของสถานศึกษาพิจารณาคุณธรรมเบื้องต้นที่สำนักงาน กศน. กำหนด ทั้งนี้ สถานศึกษา สามารถกำหนดเพิ่มเติมได้ โดยเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา และประกาศให้ ผู้เกย่ี วขอ้ งรับทราบในการประเมิน ๒. การประเมินคุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ สถานศกึ ษาจะต้องให้ผ้เู รยี นทุกคนท่ี เรียนในภาคเรียนสุดท้ายของทุกระดับการศึกษา ได้เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ ตามท่ีสำนกั งาน กศน. กำหนด โดยไมม่ ผี ลตอ่ การไดห้ รอื ตกของผู้เรยี น สถานศึกษาต้องจัดทำระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา สำหรับให้ ผู้เกี่ยวข้องรับรู้และถือปฏิบัตเิ ป็นแนวเดียวกัน เพื่อให้การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษามีความถูกต้อง ยุตธิ รรม และมผี ลการดำเนินงานท่นี ่าเช่ือถอื เปน็ ทย่ี อมรับของสังคม สถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลการเรียนของผู้เรียน เป็นรายบุคคล ราย กลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเอง ผู้สอนใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษาของ สถานศกึ ษา ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผลตามจุดหมายของหลักสตู ร สถานศกึ ษาต้องจดั ใหม้ ีการพฒั นาผู้เรียนที่ไม่ผา่ นการประเมินรายวชิ า โดยวิธีการท่ีเหมาะสม เชน่ การสอนเสรมิ มอบหมายให้ทำรายงานเพม่ิ เติม การเขา้ ร่วมกจิ กรรม หรืออ่นื ๆ แลว้ จดั ให้ผูเ้ รียนเขา้ รับการ สอบซ่อมตามทีส่ ถานศึกษากำหนด การกำกบั ติดตาม และประเมนิ ผลการเรียน สถานศึกษาจะต้องมีการวางแผน กำกับ ติดตามและตรวจสอบการดำเนินการประเมินผลการ เรียน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ และสามารถปรับปรงุ แก้ไขข้อบกพร่องทีเ่ กิดขึ้นได้ทนั เหตุการณ์ โดยให้มผี รู้ บั ผิดชอบดำเนนิ การกำกับ ตดิ ตามในเรื่องตา่ ง ๆ เช่น 1. มกี ารประเมินผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังในแตล่ ะรายวิชา 2. มกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และบนั ทกึ ผล หลงั การเรียนท่ีจบเน้อื หาในแตล่ ะเรอื่ งทุกคร้ัง แล้วนำผลการประเมนิ มาปรบั ปรุงพฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ ปจั จบุ ัน 3. มีการตรวจผลงานผู้เรียน พร้อมใหข้ อ้ เสนอแนะ เพื่อการปรับปรุงผลงานผู้เรยี น การจบหลกั สูตร ผู้เรียนทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มี เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรในแต่ละระดับการศึกษา ดงั น้ี ๑. ผ่านเกณฑ์การประเมินการเรียนรู้รายวิชาในแต่ละระดับการศึกษาตามโครงสร้าง หลกั สตู ร คือ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 181
๑.๑ ระดับประถมศึกษา ไม่น้อยกวา่ ๔๘ หนว่ ยกติ แบ่งเป็นวิชาบังคับ ๓๖ หน่วยกิต และวชิ าเลือกไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๒ หนว่ ยกิต ๑.๒ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า ๕๖ หน่วยกิต แบ่งเป็นวิชาบังคับ ๔๐ หน่วยกติ และวชิ าเลอื กไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๖ หน่วยกติ ๑.๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่น้อยกว่า ๗๖ หน่วยกิต แบ่งเป็นวิชาบังคับ ๔๔ หน่วยกติ และวชิ าเลอื กไม่นอ้ ยกว่า ๓๒ หน่วยกติ ๒. ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) ไม่นอ้ ยกวา่ ๒๐๐ ช่วั โมง ๓. ผา่ นการประเมินคณุ ธรรม ในระดับพอใชข้ นึ้ ไป ๔. เข้ารบั การประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ การจัดทำเอกสารหลักฐานการศกึ ษา สถานศึกษาจะต้องจัดทำเอกสารแสดงข้อมูลและสถานสภาพทางการศึกษาของผู้เรียน เพื่อ ใช้สำหรบั ตรวจสอบ ส่อื สาร ส่งต่อ และรับรองผลการเรียนของผเู้ รยี น หลกั ฐานการศกึ ษาที่สถานศึกษาจะต้อง จดั ทำ แบง่ เปน็ ๒ ลกั ษณะ คือ 1. เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคมุ และบงั คบั แบบ ประกอบดว้ ย 1.1ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (กศน.๑) 1.2ประกาศนียบตั ร (กศน.๒) 1.3แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (กศน.๓) 1.4แบบบันทกึ ผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน (กศน.๔) ๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดำเนินการเอง เช่น แบบอนุมัติผลการจบ หลกั สตู รแบบรายงานสรุปผลการเรียน (กศน.๕) แบบรายงานแสดงผลการเรียนเฉลยี่ GPA การบริหารหลักสูตรเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของสถานศึกษา โดยสถานศึกษาและ ผู้เกี่ยวข้องต้องวางแผน และกำหนดรายละเอียดในแต่ละกิจกรรมตั้งแต่การวางแผนทางด้านบุคลากร งบประมาณ เอกสาร สอื่ และอื่น ๆ ที่เกย่ี วข้อง การพัฒนาบคุ ลากร การประชาสมั พนั ธ์ การประสานความ ร่วมมือกับเครือข่าย การรับสมัครผู้เรียน การแนะแนวการเรียน การเทียบโอน การวางแผนการเรียน การ ลงทะเบียนเรียน การดำเนินการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียน และการจบหลักสูตร ซึ่งใน แตล่ ะขนั้ ตอนมีรายละเอียดเฉพาะ ดังนั้นสถานศกึ ษาจะต้องศึกษาเอกสารตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ได้แก่ สาระและ มาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง ๕ สาระ แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา แนวทางการวัดแล ะประเมินผล แนวทางการเทียบโอน แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต แนวทางการ ประเมินคุณธรรม และคมู่ อื การดำเนนิ งาน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 182
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183