Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการจัดกระบวนการเรียนการสอน ม.ปลาย

คู่มือการจัดกระบวนการเรียนการสอน ม.ปลาย

Published by siwakorn099, 2021-05-22 06:55:44

Description: คู่มือการจัดกระบวนการเรียนการสอน ม.ปลาย ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2563

Search

Read the Text Version

คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ ได้ดำเนินการจัดทำ คู่มือการจัด กระบวนการเรยี นรู้ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา ๒๕63 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อสำหรับใช้ในการเป็นคู่มือครู ในการจัดกระบวนการเรียนการสอนในรายวิชาที่ลงทะเบียนตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้น พน้ื ฐานพทุ ธศักราช 2551 โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือให้ครูใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ตามแผนวชิ าที่ลงทะเบียนของ กศน.อำเภอลำทับ เพอ่ื ให้เป็นไปในรูปแบบเดยี วกัน โดยครสู ามารถนำไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรม มี สติปัญญาและ ศักยภาพ ในการประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ ในครอบครัว ชุมชน สังคม ไดอ้ ยา่ งมีความสุข ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือเล่มน้ีจะเป็น ประโยชน์ ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามสมควร หากมีข้อเสนอแนะ ประการใด ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอลำทับ ขอน้อมรับไวด้ ้วยความขอบคณุ ยิ่ง

สารบญั เรือ่ ง หนา้ ๑ รายวิชาท่ลี งทะเบยี น ปฏทิ นิ การจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ แผนการจดั การเรียนการสอนรายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ครั้งท่ี ๓ ครั้งที่ ๔ ครง้ั ที่ ๕ คร้ังที่ ๖ ครง้ั ท่ี ๗ ครง้ั ที่ ๘ ครง้ั ที่ ๙ ครง้ั ที่ ๑๐ คร้ังท่ี ๑๑ ครง้ั ท่ี ๑๒ ครั้งท่ี ๑๓ ครั้งท่ี ๑๔ ครั้งท่ี ๑๕ ครั้งท่ี ๑๖ ครั้งท่ี ๑๗ ครั้งที่ ๑๘ กจิ กรรมการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง(กรต)

รายวชิ าลงทะเบียนเรียน ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำปกี ารศึกษา ๒๕63 กศน.อำเภอลำทับ ท่ี รหัสรายวชิ า รายวชิ า หนว่ ยกิต จำนวนการพบกลุม่ (ครัง้ ) 1 พท31001 ภาษาไทย 5 4 2 พต31001 ภาษาอังกฤษเพื่อชวี ติ และสังคม 5 3 ทช31001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง 1 4 4 ทช31002 สขุ ศกึ ษา พลศึกษา 2 5 ทช31003 ศิลปศึกษา 2 1 6 พว32023 การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ในชีวติ ประจำวัน 3 2 7 พว32024 วสั ดุศาสตร์ 3 2 2 2

ปฏิทินการพบกลุ่ม ประจำภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน. อำเภอลำทบั คร้งั ที่ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ปฐมนเิ ทศนักศกึ ษาระดับตำบล 2 วิชา ภาษาไทย พท31001 3 วิชา ภาษาไทย พท31001 4 วิชา ภาษาไทย พท31001 5 วชิ า ภาษาไทย พท31001 6 วชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชวี ติ และสังคม พต31001 7 วิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสงั คม พต31001 8 วิชา ภาษาองั กฤษเพ่ือชวี ิตและสงั คม พต31001 9 วิชา ภาษาองั กฤษเพื่อชวี ติ และสงั คม พต31001 10 วชิ า เศรษฐกจิ พอเพียง ทช31001 11 วชิ า สุขศกึ ษา พลศึกษา ทช31002 12 วชิ า สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา ทช31002 13 วิชา ศลิ ปศกึ ษา ทช31003 14 วชิ า ศิลปศกึ ษา ทช31003 15 วิชา การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าในชีวติ ประจำวนั 3 พต32023 16 วชิ า การใช้พลงั งานไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน3 พต32023 17 วชิ า วัสดุศาสตร์ 3 พว32024 18 วชิ า วัสดศุ าสตร์ 3 พว32024

แผนการจัดการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คร้งั ที่ ๑ วันท่ี……………………………………………………………….. วชิ า เรอ่ื งการปฐมนิเทศนักศึกษาแตล่ ะตำบล / พร้อมตรวจสขุ ภาพ จำนวน 3 ชว่ั โมง สถานทพี่ บกลมุ่ กศน............................................................ ตัวชว้ี ดั 1. รู้และเขา้ ใจหลักสูตร / วิธเี รียน /การจดั การเรยี นการสอน 2. รู้และเขา้ ใจ การทำกิจกรรม กพช. 3. อธบิ ายกระบวนการการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 เน้ือหา - หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 - วธิ เี รียน - กระบวนการจัดการเรียนการสอน - การวดั ผลประเมินผล คณุ ธรรม ความซ่ือสัตย์ การตรงตอ่ เวลา การจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครูพูดคยุ เกยี่ วกับการเข้ามาเรียน กศน. ๒. ครยู กตวั อย่างกรณีศกึ ษาเก่ยี วกบั ความซ่ือสตั ย์ต่อตนเอง ให้ผเู้ รียนรว่ มกนั แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครู แนะนำตนเอง แนะนำสถานศกึ ษา หน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ งและภารกจิ กศน.ตำบลคลองพนและ การ ละลายพฤติกรรมผเู้ รียน ๒. อธิบายรายละเอยี ดการเรียนรูด้ ว้ ยหลักสตู ร กศน. ๒๕๕๑ แก่นกั ศึกษา กศน. เชน่ แบบตนเอง พบกลุ่ม ทางไกล ฯลฯ และแนะแนวการประเมินผลการเรียน รวมถึงขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมร่วมกบั ภาคีเครือข่ายในชมุ ชน สงั คม ๓. ครแู ละผู้เรียนร่วมกันจัดทำข้อตกลงการอยู่ร่วมกันในการเรียนการสอน ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๕9 ๔. ครอู ธบิ ายช้แี จงช่องทางการส่อื สารกบั ผเู้ รยี น เช่น อีเมล์ เว็บไซต์ โทรศัพท์ SMS ไปรษณยี ์ และชอ่ งทาง อ่นื ๆ ท่ีผเู้ รียนต้องการ ๕. ครใู ห้ผเู้ รยี นคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาเปน็ ประธานกลุม่ รองประธาน อาสาสมคั ร กศน.ตำบล เพอื่ ปฏบิ ัตงิ านก่อนและหลังการพบกล่มุ แต่ละสัปดาห์ รวมทั้งอธบิ ายหน้าทแ่ี ละภารกจิ ด้านต่าง ๆ ข้ันสรุป - ครูและผ้เู รยี นสรปุ สาระสำคญั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

ส่อื และแหล่งเรียนรู้ ๑. คมู่ ือนักศึกษา / เอกสารปฐมนเิ ทศ ๒. ปฏิทนิ การเรียนรู้ ๓. ตารางการลงช่ือพบกลุ่มรายสัปดาห์ การวัดและประเมินผล - การมีสว่ นร่วมของผเู้ รยี นต่อกจิ กรรมต่างๆ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ........................................ผู้เสนอแผนการจดั การเรียนรู้ ประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้ (นายพรพล พุทธวโิ ร) พจิ ารณาแลว้ .............................................. ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวิโร) ................/............................./................... ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแล้ว ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทับ ................/....................................../...................

แผนการเรียนรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ครง้ั ที่ 2 วนั ที.่ .............................................................. วชิ า พท 31001 ภาษาไทย จำนวน 4 หนว่ ยกติ เรือ่ ง การวเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เห็น และสรปุ ความ จำนวน 3 ช่ัวโมง สถานท่พี บกลุ่ม............................................................... ตวั ช้วี ัด 1. พจิ ารณาความน่าเช่ือถือของเน้อื หาที่ได้จากสอื่ ในการฟังได้ 2. วิเคราะหข์ อ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็นท่ไี ด้จากการฟังและดูได้ 3. วเิ คราะหเ์ น้ือหาจากเรอ่ื งได้ เน้อื หา 1. การวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อคิดเหน็ และสรุปความ 1.1 การวิเคราะหแ์ ละจบั ประเดน็ จากเร่ืองท่ีฟังและดู 1.2 การวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ จากเร่ืองทฟ่ี งั และดู คุณธรรม ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเลา่ เรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ นำ - ครูและผู้เรียนร่วมกนั พดู คุยแลกเปลย่ี นประสบการณ์ทม่ี ีเกย่ี วกบั การฟงั การดใู นชีวิตประจำวัน - รวบรวมปัญหาตา่ ง ๆ ที่พบจากการฟังการดใู นชีวติ ประจำวนั ขนั้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - ครแู ละผเู้ รียนร่วมกันแลกเปล่ยี นเรียนร้เู ก่ียวกบั การฟงั การดูรวมถงึ มารยาทในการฟังการดู - ครูมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาเลือกบทความทางอินเตอร์เน็ตมาอ่าน โดยให้เพื่อนในชั้นเรียนฟังแล้วให้สรุป ประเดน็ จากเร่ืองทฟี่ งั ตามหลักการท่ไี ด้ศึกษาจากนน้ั ใหว้ เิ คราะห์ขอ้ เท็จจริงนำเสนอ ขน้ั สรปุ ครูผู้สอนสรปุ เนอ้ื หาและเติมเตม็ องค์ความรพู้ ร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศกึ ษาดว้ ยตนเองเพิ่มเตมิ สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ - หนงั สือเรียนภาษไทย - บทความจากอินเตอรเ์ น็ต - .ห้องสมุดประชาชน - กศน.ตำบล - แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

การวัดผลและประเมินผล ๑. สังเกต ๒. บนั ทึกการเรียนรู้ ๓. ใบงาน ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจดั การเรยี นรู้ ประเมินแผนการจดั การเรียนรู้ (นายศิวกร แสงแกว้ ) พิจารณาแล้ว .............................................. ตำแหนง่ ครผู ูช้ ่วย ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวโิ ร) ................/............................./................... ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา พิจารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบงานที่ 1 วิชา ภาษาไทย พท 31001 เร่ือง การฟงั การดู ชื่อ..................................................... รหสั นกั ศกึ ษา ......................................กศน.ตำบล/ศรช............................. 1.คำวา่ “ฟงั ไม่ได้ศพั ท์ จบั ไปกระเดยี ด” มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 2. คำว่า “ฟงั หู ไวห้ ”ู มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร ......................................................... ............................................................................................................ .................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 3. การฟงั หมายถึง ......................................................................................................................................................................................... ......................................................... .............................................................................................................. .................. ......................................................................................................................................................................................... 4. การดู หมายถงึ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................... ................................................................................................................. ............... 5. การฟงั และการดมู ีความสำคญั อยา่ งไร ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 6. หลักการฟงั และการดูท่ีดีมีอะไรบา้ ง ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................

แผนการเรียนรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ครั้งท่ี 3 วนั ท.ี่ .............................................................. วชิ า พท 31001 ภาษาไทย จำนวน 4 หน่วยกติ เร่อื ง การพดู จำนวน 3 ชว่ั โมง สถานทพี่ บกลุ่ม............................................................... ตวั ชี้วดั 1. วเิ คราะห์เน้อื หาการพูดแสดงความคดิ เหน็ ได้ 2. วิเคราะหก์ ารใชภ้ าษาพดู ของสื่อต่าง ๆ ได้ 3. วิเคราะหก์ ารใชภ้ าษาพดู ของบุคคลในโอกาสต่าง ๆ ได้ เนอื้ หา 1. หลกั การแสดงความคิดเหน็ 1.1 ความหมายของการพูด 1.2 ความสำคญั ของการพูด 1.3 การพดู แสดงความคิดเห็น 2. ประเภทของการพูด คุณธรรม ใฝห่ าความรู้ หมนั่ ศกึ ษาเล่าเรียนทงั้ ทางตรง และทางออ้ ม การจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นนำ - ครูและผ้เู รยี นรว่ มกันพูดคยุ แลกเปลี่ยนประสบการณท์ ่ีมเี ก่ียวกับการพดู ในชวี ิตประจำวนั - รวบรวมปญั หาตา่ ง ๆ ทพี่ บจากการพูดในชวี ิตประจำวัน ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ - ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้เกยี่ วกับการพูดรวมถึงมารยาทในการพูด - ครแู ละผ้เู รยี นร่วมกันกำหนดคุณสมบตั ินักพดู ทด่ี แี ละมารยาทในการพดู ในสถานการณต์ า่ ง ๆ - ครูมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาเลือกบทความทางอินเตอร์เน็ตมาอ่าน โดยให้เพื่อนในชั้นเรียนฟังแล้วให้สรุป ประเด็นจากเรื่องทฟี่ งั ตามหลกั การท่ไี ด้ศึกษาจากนัน้ ใหว้ เิ คราะห์ข้อเท็จจรงิ นำเสนอ ขั้นสรุป ครูผสู้ อนสรปุ เนอ้ื หาและเติมเตม็ องคค์ วามรู้พร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศกึ ษาดว้ ยตนเองเพิ่มเติม ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 1.หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ 4. internet

การวัดผลและประเมินผล ๑. สังเกต ๒. บนั ทึกการเรียนรู้ ๓. ใบงาน ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจดั การเรยี นรู้ ประเมินแผนการจดั การเรียนรู้ (นายศิวกร แสงแกว้ ) พิจารณาแล้ว .............................................. ตำแหนง่ ครผู ูช้ ่วย ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวโิ ร) ................/............................./................... ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา พิจารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบงานที่ 2 วชิ า ภาษาไทย พท 31001 เร่อื ง การพดู ชื่อ..................................................... รหัสนกั ศกึ ษา ......................................กศน.ตำบล/ศรช............................. 1.การพูดมคี วามสำคัญอยา่ งไร ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................... ..................................................... ................................................................................................. ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ 2.จงบอกมารยาทในการพูดอยา่ งน้อย 5 ขอ้ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................... ..................................................... ......................................................................................... ................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ 3. การเตรยี มตวั ในการพูดมีวิธีการเตรยี มตวั อยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ 4. การพูดแสดงความคิดเห็นในท่ีประชมุ ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................... ..................................................... ................................................................................................................ ........................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................

แผนการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คร้งั ท่ี 4 วนั ท.ี่ .............................................................. รายวชิ า พท31001 ภาษาไทย จำนวน 4 หนว่ ยกิต เรอื่ ง หลักการวเิ คราะห์ วิจารณ์ และประเมนิ ค่าวรรณคดี วรรณกรรม จำนวน 3 ชัว่ โมง สถานทีพ่ บกลุ่ม............................................................... ตวั ชี้วดั 1. วิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของเรอื่ งทีอ่ า่ นได้ 2. สรปุ แนวคดิ สำคัญของวรรณคดี วรรณกรรมท่อี า่ นได้ 3. วิเคราะห์คณุ คา่ ของเน้อื หาในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และ วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ได้ เนอื้ หา 1. วรรณกรรมปัจจุบนั 2. วรรณกรรมท้องถนิ่ 3. การมมี ารยาทในการอ่าน คณุ ธรรม - ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศึกษาเลา่ เรยี นทงั้ ทางตรง และทางอ้อม - มศี ีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดีตอ่ ผู้อืน่ เผอ่ื แผแ่ ละแบง่ ปนั การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขั้นนำ - ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกันพูดคยุ แลกเปลยี่ นประสบการณท์ ี่มีเกี่ยวกับการอ่านประโยชนข์ องการอ่านใน ปัญหาต่าง ๆ ที่พบจากการฟงั การดูและการพดู ในชีวิตประจำวนั ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ - ครูและผู้เรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับอ่านตีความ แปลความ ขยายความ ความหมายของภาษา ถ่นิ สำนวน สภุ าษติ องคป์ ระกอบ ของการประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน และวรรณกรรมท้องถ่ิน ตลอดจนมารยาทในการอ่าน - ครูมอบหมายให้ผ้เู รียนรว่ มกันบอกมารยาทท่ีดใี นการอา่ น - ครูมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาเลือกบทความทางอินเตอร์เน็ตมาอ่าน โดยให้เพื่อนในชั้นเรียนฟังแล้วให้สรุป ประเด็นจากเร่ืองท่ฟี งั ตามหลกั การทไ่ี ด้ศกึ ษาจากน้นั ใหว้ ิเคราะห์ข้อเทจ็ จรงิ นำเสนอ - ครูและผู้เรียนร่วมกนั ตอบคำถามและเฉลยแบบฝึกหดั ท้ายบท ขนั้ สรปุ ครผู สู้ อนสรุปเน้อื หาและเตมิ เต็มองคค์ วามรพู้ ร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเติม สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ 1.ห้องสมุดประชาชน 2. กศน.ตำบล

3. แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 4. internet 5. หนงั สือเรียนภาษาไทย การวัดผลและประเมินผล ๑. สงั เกต ๒. บันทกึ การเรียนรู้ ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจดั การเรยี นรู้ ประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้ (นายศิวกร แสงแกว้ ) พจิ ารณาแลว้ .............................................. ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวิโร) ................/............................./................... ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศึกษา พิจารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวงั ) ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทับ ................/....................................../...................

แบบทดสอบ เรอ่ื ง หลักการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ ค่าวรรณคดี วรรณกรรม คำชแ้ี จง จงเลอื กคำตอบที่ถูกตอ้ งเพยี งคำตอบเดยี ว 1. การอ่านเชงิ วเิ คราะห์ คือ การอ่านอย่างไร ก. อา่ นเพ่ือประเมนิ ค่าของงานเขยี น ข. อ่านอยา่ งละเอียดรอบคอบทกุ ตวั อักษร ค. อา่ นเพ่ือแยกแยะรายละเอียดและสว่ นประกอบต่าง ๆ ของงานเขยี น ง. อ่านอยา่ งละเอยี ดเพ่ือตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในงานเขยี น 2. การอ่านเชงิ วเิ คราะห์มคี วามสำคญั อย่างไร ก. เป็นขั้นแรกของการคดิ วิพากษว์ ิจารณ์ ข. เป็นขนั้ ตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยหาใจความสำคัญและรายละเอียด ค. นำไปสูก่ ารประเมนิ ค่าของงานเขียน ง. ถกู ทกุ ข้อ 3. การอา่ นเพ่ือทำความเข้าใจอยา่ งกวา้ ง ๆ สามารถทำได้อยา่ งไร ก. เก็บเน้ือเรื่องท่ีสำคญั ข. เกบ็ ข้อมูลความรูส้ ำคัญ ค. เกบ็ แนวคดิ หรอื ทรรศนะของผเู้ ขยี น ง. จบั ประเดน็ ทีละย่อหน้าแล้วสรปุ เรียบเรียงใจความสำคัญ 4. ข้อใด ไม่ใช่ หลักการอ่านจับใจความ ก. สรุปใจความท้งั หมด ข. เขา้ ใจในเจตนาของผเู้ ขยี น ค. คดิ หาเหตุผลใครค่ รวญอย่างรอบคอบ ง. เข้าใจลกั ษณะที่เป็นใจความสำคญั และใจความย่อย 5. การอา่ นตคี วาม ต้องพยายามหาความหมายทแี่ ท้จริงซง่ึ แฝงอยู่ โดยสังเกตจากอะไร ก. เจตนาของผู้เขียน ค. อารมณ์ของผู้เขยี น ข. บรบิ ทของข้อความ ง. ถกู ทกุ ขอ้

6. ข้อใดกลา่ วถงึ หลักการอ่านตีความ ไม่ถกู ต้อง ก. ขณะอ่านต้องพยายามคิดหาเหตผุ ล ข. ใช้เหตุผลของผูอ้ า่ น ซงึ่ ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับผู้อืน่ ค. ตอ้ งพยายามทำความเข้าใจถ้อยคำ โดยดบู ริบท ง. อา่ นเรอ่ื งท่ีจะตีความอย่างคราวๆ เพือ่ ทำความเข้าใจกวา้ ง ๆ 7.การอา่ นเชงิ วจิ ารณ์ เป็นการอ่านเพ่ือข้อใด ก. ประเมินค่า ข. ตรวจสอบข้อมลู ค. จบั ประเดน็ สำคัญ ง. หาความหมายของข้อเขยี น 8. ไม่ใช่ หลักในการอ่านเชงิ วิจารณ์ ก. พิจารณาอย่างถี่ถว้ น เพ่ือให้เขา้ ใจจดุ ประสงค์ของผเู้ ขยี น ข. แยกข้อดขี ้อบกพร่องให้ชดั เจน ค. ควรมีความรูเ้ กยี่ วกับประเภทหรอื ลกั ษณะของงานเขียนทจี่ ะวิจารณ์ ง. เปรียบเทียบงานวิจารณ์ของผู้อ่านกับคนอืน่ ๆ 9. กระบวนการอา่ นเชงิ วจิ ารณต์ ้องพจิ ารณาสว่ นประกอบใดของงานเขยี น ก. เน้ือหา ข.กลวธิ กี ารประพันธ์ ค. ทรรศนะของผู้เขียน ง. ถกู ทกุ ข้อ 10. ข้อใดท่ผี อู้ า่ นได้รับจากการอา่ นนวนิยาย ก. ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ข. ความรู้ความเขา้ ใจในศาสตรต์ ่าง ๆ ค. ความรูค้ วามคดิ และความเพลิดเพลนิ ง. ข้อเทจ็ จรแิ ละความคิดเห็นในเร่ืองใดเรอ่ื งหนงึ่

แบบทดสอบ เร่อื ง หลักการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมินคา่ วรรณคดี วรรณกรรม 1.ค 2.ง 3.ง 4.ค 5.ง 6.ง 7.ก 8.ง 9.ง 10.ก

แบบทดสอบ แผนการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ครัง้ ท่ี 5 วันท่ี............................................................... รายวิชา พท31001 ภาษาไทย จำนวน 5 หน่วยกิต เรือ่ ง วรรณคดี และวรรณกรรม จำนวน 3 ชว่ั โมง สถานท่พี บกลุ่ม............................................................... ตวั ชว้ี ดั 1. วเิ คราะห์คณุ คา่ ของเนือ้ หาในวรรณคดีวรรณกรรมได้ 2. สรปุ ความรสู้ กึ ของตวั ละคร หรอื ผู้ประพันธว์ รรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ันได้ เน้ือหา 1. หลกั การศึกษาคณุ ค่าของวรรรณคดีและวรรณกรรม 1.1 คณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์ 1.2 คุณคา่ ด้านสงั คม คณุ ธรรม - ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเล่าเรียนทงั้ ทางตรง และทางออ้ ม - มศี ีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวังดตี อ่ ผู้อ่นื เผ่อื แผ่และแบ่งปนั การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ นำ - ครูผสู้ อนพดู คุยเกี่ยวกับวรรณกรรมของไทย ขั้นจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - ครูและผเู้ รียนแลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ กยี่ วกบั เก่ยี วกบั วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งถิ่น และ ร่วมกนั สรุปคุณคา่ คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ คณุ คา่ ดา้ นสงั คม - ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามและเฉลยแบบฝึกหัดทา้ ยบท ขนั้ สรุป ครผู ู้สอนสรุปเน้ือหาและเติมเต็มองคค์ วามรูพ้ ร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศกึ ษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเติม สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ 1.หอ้ งสมุดประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. หนังสือเรยี นภาษาไทย

ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจดั การเรยี นรู้ ประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ (นายศวิ กร แสงแกว้ ) พิจารณาแลว้ .............................................. ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวิโร) ................/............................./................... ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

เรือ่ ง วรรณคดี และวรรณกรรม คำช้ีแจง จงเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องเพียงคำตอบเดยี ว 1.ข้อใดจดั ว่าเป็นวรรณคดีทางพุทธศาสนาทั้ง ๒ เร่ือง ก.ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ลลิ ิตพระลอ ข.ไตรภมู ิพระรว่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก ค.สุภาษิตสอนหญิง ราชาธิราช ง. อศิ รญาณภาษิต โคลงโลกนิต 2.ข้อใดคือความเหมอื นกนั ระหวา่ งวรรณคดีและวรรณกรรม ก. รปู แบบการเขยี นซ่งึ มีทั้งรอ้ ยแก้วและร้อยกรอง ข. เนือ้ หาสาระของเร่ืองท่ีนำเสนอเร่ืองท่ีมที ี่มาจากเรื่องจริง ค. ระยะเวลาท่ีแต่ง โดยกำหนดวา่ ตอ้ งแตง่ เกิน ๒๐ ปี ขน้ึ ไป ง. ผ้แู ต่ง ต้องมีความสามารถอยา่ งยิง่ จนเรยี กว่ากวี 3.ขอ้ ใดหมายถึงวรรณกรรมปัจจบุ นั ก. เรอื่ งทเ่ี ขียนขึ้นมาจากข้อเทจ็ จริงที่เกดิ ขึ้นในปจั จบุ ัน ข. เรอ่ื งทเ่ี ขียนข้นึ ในช่วงระยะเวลาหลังสงครามโลกครงั้ ที่ ๒ ค. เรื่องท่กี วีหรือผเู้ ชียนยงั มีชวี ติ อยู่ในปจั จบุ ัน ง. เร่อื งที่มเี ชียนขนึ้ มาจากแนวคดิ ของการเปล่ียนแปลงทางสภาพสงั คม 4.บทร้อยกรองที่จดั เปน็ วรรณกรรมปัจจุบนั แตกตง่ จากบทรอ้ ยกรองในวรรณคดอี ย่างไร ก. ไมม่ ีฉันทลักษณท์ ่แี น่นอน มกี ารปรบั เปลี่ยนจากฉนั ทลักษณ์แบบเดิมอยเู่ สมอ ข. เน้นเน้อื หาท่เี ก่ียวกบั การเมอื ง การปกครองเป็นส่วนใหญ่ ค. ขนาดส้นั ลง ไม่นยิ มแตง่ เป็นเรื่อง แตน่ ยิ มแตง่ เพอ่ื แสดงความร้หู รอื อารมณ์ ง. กวหี รอื ผ้แู ตง่ มกั ป็นนกั คิดหรือนกั วิชาการเป็นส่วนใหญ่ 5.ข้อใดกลา่ วถึวรรณกรรมท้องถิ่นไม่ถกู ต้อง ก. ผแู้ ตง่ วรรณกรรมท้องถน่ิ มักเปน็ คนในท้องถ่ินนนั้ ๆ ข. ภาษาที่ใชใ้ นการถ่ายทอดวรรณกรรมท้องถ่ินมกั เปน็ ภาษาถ่ิน ค. การถา่ ยทอดนิยมถา่ ยทอดโดยการเลา่ ตอ่ ๆกนั มารุ่นต่อรุ่น ง. เน้อื หาสาระวรรณกรรมขอท้องถน่ิ ได้มาจากวรรณกรรมแบบฉบบั นน่ั เอง

6.วรรณกรรมท้องถน่ิ มสี ว่ นเหมือนกับวรรณกรรมปัจจุบนั ตามขอ้ ใด ก. รปู แบบทีน่ ำเสนอมกั อยใู่ นรปู แบบของบทร้อยกรอง ข. การยกยอ่ งสถาบนั พระมหากษัตริย์ ค. การใช้ภาษาในการแต่ง มีการใช้คำในภาษาบาลีและสันสกฤตอยูม่ าก ง. จุดประสงค์ในการแตง่ เพ่ือความสนกุ สนาน บนั เทิงใจเท่าน้นั 7.ข้อใดหมายถึงคำวา่ แนวคิด ก. ลกั ษณะอนั เปน็ วิสยั ทปี่ น็ ธรรมดาและธรรมชาติของโลกทีก่ วีหรอื ผ้แู ต่งไดเ้ ห็น ได้รู้สกึ และ ต้องการจะนำเสนอถ่ายทอดไปยังผอู้ ่าน ข. ความคดิ ของผูเ้ ขียนท่ีมีตสภาพสงั คมและสิ่งแวดล้อมทีต่ ้องการนำเสนอต่อผอู้ ่าน ค. ความรสู้ กึ สว่ นตัวที่ผู้เขียนมีตอ่ สิไดสง่ิ หน่งึ ท่ผี เู้ ขียนต้องการนำเสนอตอ่ ผู้อ่าน ง. อารมณ์ตง่ ๆ ของผู้เขียนที่ตอ้ งการถ่ายทอดผา่ นตวั อักษร 8. คำประพนั ธต์ อ่ ไปนแ้ี สดงค่านิยมเร่อื งใค \"ลกู ผูช้ ายลายมอื นั้นคือยศ เจ้าจงอตุ สา่ หท์ ำสม่ำเสมียน\" ก. การเป็นลูกผู้ชาย ข. การเขียนหนง้ สือดว้ ยลายมอื ที่สวยภาม ค. ความมานะพยายาม ง. การทำอาชีพท่สี จุ รติ 9. ขอ้ ใดมกี ารเลน่ คำ ก. เลบ็ มอื นางกางกลบี กะทัดรัด เหมอื นมือเจ้าปรนนบิ ตั ิพัดวีผวั ข. ถึงเถาวลั ยพ์ นั เก่ียวท่ีเลี้ยวลด ก็ไมค่ ดเหมือนหนึ่งในนำ้ ใจคน ค. พระจันทรจรแจ่มกระจ่างแจ้ง สอ่ งแสงช่อชดู ูไสว ง. จึงชีช้ วนวนั ทองน้องพี่อา เจา้ ดพู รรณบุปผานา่ ยวนใจ 10.คำประพันธต์ ่อไปน้ีไหค้ ณุ คา่ ทางด้านใด มา่ นนี้ฝมี อื วันทองทำ จำได้ไมผ่ ิดนัยน์ตาพี่ เส้นไหมแมน้ เขียนแนบเนยี นดี ส้ินฝีมอื แลว้ แต่นางเดยี ว เจ้าปกั เปน็ ปา่ พนาเวศ ขอบเขตเชาคล้มุ ชะอุ่มเขียว รกุ ขชาตคิ าดใบระบัดเรียว พริ้งเพรียวดอกดกระดะดวง ก. ดา้ นดา่ นยิ ม ข. ด้านแนวคดิ ค. ด้านวรรณศิลป์ ง. ดา้ นสงั คม

เฉลย แบบทดสอบ เร่อื ง วรรณคดี และวรรณกรรม 1.ข 2.ก 3.ง 4.ค 5.ง 6.ค 7.ก 8.ข 9.ก 10.ง

แผนการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คร้ังท่ี 6 วนั ท.่ี .............................................................. 5 หนว่ ยกติ รายวชิ า พต31001 ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม จำนวน เร่ือง Everyday English จำนวน 3 ช่วั โมง สถานทพี่ บกลุ่ม............................................................... ตวั ชว้ี ัด ตคี วามหมายจากน้ำเสียงของผูอ้ ื่นและรจู้ ักใชน้ ำ้ เสยี งในการแสดงความรสู้ ึกระหวา่ งการสนทนา ไดแ้ ก่ ดีใจ เสียใจ พงึ พอใจ ไม่พึงพอใจ ซาบซึ้ง ผิดหวัง ปรารถนาดี ชื่นชมและเหน็ ใจ สาระสำคัญ การตคี วามหมายจากนำ้ เสียงของผู้อื่นว่ามคี วามร้สู ึกดีใจ เสียใจ พงึ พอใจ ไมพ่ ึงพอใจซาบซ้ึง ผิดหวงั ปรารถนาดี ชืน่ ชมหรอื เหน็ ใจ และการใช้นำ้ เสียงแสดงความรสู้ ึกของตัวเองในโอกาสต่าง ๆ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั ศึกษาสามารถตีความจากน้ำเสียงของและรูจ้ ักใช้น้ำเสียงในการแสดงความรูส้ ึกระหวา่ งการสนทนา ได้แก่ ดใี จ เสียใจ พึงพอใจ ไมพ่ ึงพอใจ ซาบซ้งึ ผิดหวงั ปรารถนาดี ชนื่ ชมและเห็นใจ สาระการเรยี นรู้ 1. การออกเสียงพยญั ชนะต้นคำ -ทา้ ยคำ 1.1ทบทวนการออกเสียง พยญั ชนะตน้ คำที่ยาก เชน่ เสยี ง s z ch sh 1.2การอา่ นออกเสยี งท้ายคำท่ีถูกตอ้ ง 2. การออกเสียงหนกั -เบา (Stress) วธิ กี ารออกเสยี ง หนัก-เบา ของคำในลักษณะตา่ ง ๆ เชน่ คำเดยี่ ว คำประสม ในลักษณะตา่ ง ๆ เป็นต้น วา่ คำประเภทใดจะต้องออกเสยี งเน้นทพ่ี ยางค์แรก พยางค์กลางหรอื พยางคห์ ลงั 3. การออกเสยี งตามระดบั เสียงสงู -ตำ่ (Intonation) วิธกี ารออกเสยี งของประโยคลักษณะตา่ ง ๆ ซึ่งจะต้องออกเสียง สงู -ต่ำ ใหถ้ กู ต้องเพอ่ื ให้สื่อความหมายที่ผู้พดู ต้องการ ประโยคประเภทเดยี วกนั ถา้ ออกเสยี งสูง-ตำ่ ต่างกันจะให้ ความรู้สกึ ทีต่ า่ งกนั 4. การออกเสยี งเช่ือมโยง (Linking Sound) วิธกี ารอ่านออกเสยี งเช่ือมโยงระหวา่ งคำในภาษาอังกฤษท่ีถูกตอ้ งตาม กฎเกณฑ์ของภาษาองั กฤษ 5. การแสดงความดใี จ/เสียใจ การใช้คำ วลีและรูปประโยคที่จะนำมาใชใ้ นการแสดงความดใี จและเสยี ใจในโอกาสต่างๆได้ถกู ต้อง เชน่ แสดงความ ดีใจทไ่ี ด้พบกนั อีกคร้งั หรือแสดงความเสียใจที่ทำผดิ เป็นต้นตวั อย่าง คำวลี และรูปประโยค 6. การแสดงความพอใจ/ไมพ่ อใจ ใหร้ จู้ ักคำ วลี และรูปประโยคทีจ่ ะท่จี ะนำมาใชใ้ นการแสดงความพอใจ/ไม่พอใจใน โอกาสต่างๆได้ถูกต้อง เช่น แสดงความพอใจ/ไม่พอใจในการรบั บรกิ ารเปน็ ต้น ตวั อยา่ งคำ วลี และรปู ประโยค

7. การแสดงความปรารถนา/ เหน็ ใจและการตอบรับ การใช้ คำ วลี และรปู ประโยคทจี่ ะนำมาใชใ้ น การแสดง ความปรารถนาดี/เหน็ ใจในโอกาสต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง เชน่ การแสดงความระลึกถงึ การแสดงความเหน็ ใจเม่ือผู้อนื่ ประสบปัญหา เป็นตน้ ตัวอย่างคำ วลี และรปู ประโยค เชน่ 8. การแสดงความตอ้ งการการเสนอ/ใหค้ วามช่วยเหลอื /บรกิ าร รวมทั้งการตอบรบั /ปฏิเสธ การ ให้ความ ช่วยเหลอื /บรกิ าร การใชค้ ำ วลี และรปู ประโยคเพ่ือแสดงความต้องการ การเสนอ/ให้ความชว่ ยเหลือ/บรกิ าร รวมทัง้ การตอบรบั /ปฏิเสธในการให้ความช่วยเหลอื /บริการในโอกาสและสถานท่ตี ่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ได้แก่ การ ซื้อสนิ คา้ /บริการในรา้ น การส่ังจองตว๋ั เครื่องบิน/รถไฟ/ภาพยนตร/์ การบริการในบริษัททวั ร์ การจองโรงแรม/ ที่พัก การใชบ้ รกิ ารใน ท่ีทำการไปรษณีย์/ธนาคาร/รา้ นอนิ เตอร์เนต็ ตัวอย่าง คำ วลี และรปู ประโยค คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่รู้ใฝเ่ รียน ศกึ ษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มีวินยั ทำงานตามที่ครูมอบหมายได้ทนั เวลา 3. ขยนั มุ่งมัน่ ในการทำงาน ทำใบงาน ทำกจิ กรรมกลุ่ม 4. มคี วามสามัคคี มีน้ำใจ มคี วามรบั ผดิ ชอบ ชว่ ยเหลือกนั ทำกิจกรรมกลมุ่ ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น - ครพู ดู ถึงความจำเปน็ ของภาษาอังกฤษทีม่ ีในชวี ิตประจำวัน ขั้นสอน - ผูเ้ รียนเรยี นรดู้ ว้ ยการสอนเสรมิ จากครูในระบบโรงเรยี น หรอื เรยี นรจู้ ากหนังสือแบบเรียน สอ่ื , แหลง่ เรยี นรู้อ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้อง - ผเู้ รยี นศึกษาใบความรู้ - ครูมอบหมายให้ผเู้ รียนฝกึ ปฏบิ ัตดิ ว้ ยการทำแบบฝกึ หดั ขั้นสรปุ ครผู ้สู อนสรุปเนื้อหาและเตมิ เตม็ องค์ความรู้พรอ้ มมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาด้วยตนเองเพ่มิ เตมิ สอื่ การเรยี นการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนงั สอื แบบเรยี น 3. ซดี ี 4. ใบงาน

การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัด 1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วัดความรจู้ ากการทำกิจกรรมในใบงาน เครื่องมือ 1. ใบงาน เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล 1. นักศกึ ษามีผลคะแนนในการทดสอบไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50 2. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมกลมุ่ แหลง่ การเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพิ่มเตมิ 1. ห้องสมุดประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. internet ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจัดการเรยี นรู้ ประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้ (นางวิรมล ชูโลก) พิจารณาแลว้ .............................................. ตำแหน่ง ครกู ศน.ตำบล ................................................ ........./ ............. / ........................./ ............. / (นายพรพล พทุ ธวิโร) ................ ................/............................./................... ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา พิจารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวงั ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบงาน 1. BOY: Hello, this is 375-1717. BEE : _______________ BOY : Yes, speaking. a. Can Tim speak, please? b. May I speak to Tim, please? c. Will Tim speak English? d. Should Tim and I speak? 2. Cat: ______________________ Nina: It is Nina Jaidee. a. Who's speaking, please? b. Is that Nina Jaidee? c. Are you Nina Jaidee? d. Do you know Nina Jaidee? 3. ประโยคใดเหมาะสมสำหรับการบอกให้ผ้ทู โี่ ทรศัพทเ์ ขา้ มาถอื สายรอ a. Please get the phone. b. Please take a minute. c. Wait for me, please. d. Please hold the line. 4. ในการรบั ฝากข้อความประโยคใดที่ใช้แทน \"Can I take a message?\" a. Can I tell her a message? b. Will you leave a message? c. May you take my message? d. Do you know the message? 5. \"nine-five-four-oh-double two-six\" คือคำอ่านหมายเลขโทรศพั ท์ในข้อใด a. 954-0026 b. 954-0266 c. 954-0226 d. 950-4226

6. A: Can I take a message? B: ____________ a. Yes, if you would like to. b. Please take this message today. c. Yes, you can take this message. d. Yes, please ask him to call Tom today. 7. ขอ้ ใดเปน็ การสงั่ ฝากข้อความทางโทรศัพท์ a. Hold on a minute, please. b. Will you leave a message? c. Sorry, I dialed wrong number. d. Please tell Pat that Jim called.

แผนการเรียนรู้ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ครงั้ ที่ 7 วนั ท่.ี .............................................................. 5 หนว่ ยกิต รายวชิ า พต31001 ภาษาอังกฤษเพือ่ ชวี ิตและสงั คม จำนวน เรื่อง What should you do? สถานทีพ่ บกลุ่ม............................................................... ตวั ชีว้ ดั อา่ นและทำตามคำแนะนำในการใช้คู่มือ ปา้ ย คำแนะนำ วิธีการปรงุ ขอ้ ควรระวงั และ ป้ายประกาศ สาระสำคัญ การใชค้ มู่ ือ ปา้ ย คำแนะนำ วธิ กี ารปรุง ขอ้ ควรระวงั และ ปา้ ยประกาศ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นกั ศึกษาสามารถอา่ นและทำตามคำแนะนำในการใช้คู่มือ ปา้ ย คำแนะนำ วิธกี ารปรงุ ขอ้ ควรระวังและ ป้ายประกาศ สาระการเรยี นรู้ 1. การใชพ้ จนานุกรม (Dictionary) 1.1ทบทวนการคา้ หาความหมายของคำศัพท์โดยเรียงตามตวั อักษรของคำศัพทท์ ่ีค้นหาจาก a ถงึ z 1.2ให้อา่ นวธิ ีการใชพ้ จนานุกรมและข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในสว่ นหน้า (คำชแี้ จงในการใช้) ของ Dictionary ใหเ้ ข้าใจ 1.3เมื่อค้นหาคำศัพท์พบแลว้ ให้ศึกษาวิธีการอ่านออกเสียงหน้าทีข่ องคำ ความหมายและตัวอย่างในการใช้ (ซงึ่ คำ บางคำอาจจะทำหน้าที่ไดห้ ลายอย่าง) และคำท่ีมคี วามหมายใกล้เคียงกนั เชน่ drug (ดรัก) n. ยา ผลิตภณั ฑย์ า ยาเสพติด สินค้าทเี่ กย่ี วกับสุขภาพท่ขี ายในร้านขายยา vt. drugged, drugging ผสมกับยา ทำให้ติดยา ทำให้ได้รับพษิ จากยา drug on the market สนิ คา้ ที่มี มากเกินความต้องการ ในตลาด 2. การวิเคราะหศ์ ัพทแ์ ละรูปประโยคทใ่ี ช้ในสญั ลกั ษณ์ ป้ายประกาศ/คำแนะนำในการใช/้ คำแนะนำ/คำเตอื นต่าง ๆ 2.1การวิเคราะห์ศพั ท์โดยการร้จู ักส่วนทีเ่ ปน็ รากศัพท์ (Root) อปุ สรรค หรอื ท่ีคำเตมิ ไปข้างหน้า (Prefix) และ ปัจจยั หรือคำทเ่ี ติม ขา้ งหลงั (Suffix) โดยทราบความหมายของสว่ นประกอบของคำศัพท์ตา่ ง ๆ เหลา่ น้นั ก็จะ ทราบความหมายของศัพท์ได้ 2.2 รปู ประโยคทใ่ี ช้ในสัญลกั ษณ์/ป้ายประกาศ/คำแนะนำในการใช้/คำแนะนำ/คำเตือนต่าง ๆ ซึง่ จะ ใช้รปู ประโยคคำส่ัง (Imperative Sentence) ท้ังในลกั ษณะบอกเลา่ และปฏิเสธ

3. สญั ลักษณแ์ ละป้ายประกาศต่าง ๆ (Signs & Notices) ร้จู ักความหมายของสญั ลักษณ์และป้ายประกาศท่ีพบใน ชีวิตประจำวันและการประกอบอาชพี เชน่ การปฏบิ ัตติ นในแหลง่ ท่องเทย่ี ว โรงแรม พิพิธภณั ฑ์ โรงงาน สำนักงาน ยานพาหนะ เปน็ ตวั อยา่ ง เช่น 4. สลากยาและค่มู ือในการใชอ้ ุปกรณ์ต่าง ๆ (Instructions) การอ่าน ทำความเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามคำแนะนำใน การใช้ยาและอปุ กรณต์ ่าง ๆท่ีใช้ในชีวิตประจำวนั เชน่ หม้อหุงขา้ วไฟฟา้ เครื่องซกั ผ้า คอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ ือถือ เปน็ ต้น โดยใหเ้ ขา้ ใจสำนวนหรอื โครงสรา้ งของประโยคที่มักใช้ 5. คำแนะนำและคำเตอื นต่าง ๆ (Tips and Warning) รู้จกั วิธกี ารอา่ นและตคี วามคำแนะนำ คำช้ีแจง และ คำอธิบายตา่ ง ๆ เช่น พยากรณอ์ ากาศ ประกาศ เตอื นภัย คำแนะนำในการเข้าไปในสถานทต่ี า่ ง ๆ คำอธบิ าย สินค้าและสว่ นประกอบหรือเครือ่ งปรงุ วิธกี ารปรุงอาหาร เปน็ ต้น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝร่ ู้ใฝ่เรียน ศกึ ษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มวี นิ ยั ทำงานตามท่ีครมู อบหมายได้ทันเวลา 3. ขยนั มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงาน ทำกิจกรรมกลุม่ 4. มีความสามัคคี มีน้ำใจ มคี วามรบั ผิดชอบ ช่วยเหลือกนั ทำกิจกรรมกลุ่ม ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขัน้ นำเขา้ ส่บู ทเรียน - ครพู ูดถงึ ป้ายสญั ลักษณ์ภาษาอังกฤษที่พบเห็นในชวี ติ ประจำวนั ขนั้ สอน - ผเู้ รียนเรยี นรดู้ ว้ ยการสอนเสรมิ จากครูในระบบโรงเรียน หรอื เรยี นร้จู ากหนังสือแบบเรียน ส่ือ, แหลง่ เรียนรอู้ น่ื ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง - ผู้เรยี นศึกษาใบความรู้ - ครูมอบหมายใหผ้ เู้ รียนฝกึ ปฏิบตั ิด้วยการทำแบบฝกึ หัด ขน้ั สรปุ ครผู ู้สอนสรปุ เนือ้ หาและเติมเต็มองคค์ วามรู้พร้อมมอบหมายงานให้ไปศกึ ษาด้วยตนเองเพิม่ เติม ส่ือการเรยี นการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนังสือแบบเรยี น

3. ตวั อยา่ งป้าย 4. ใบงาน การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัด 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรจู้ ากการทำกิจกรรมในใบงาน เครอื่ งมือ 1. ใบงาน เกณฑ์การวดั ผลประเมินผล 1. นกั ศกึ ษามีผลคะแนนในการทดสอบไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 2. การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมกลุ่ม แหลง่ การเรยี นร/ู้ สืบคน้ ข้อมูลเพ่มิ เติม 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. internet ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจดั การเรียนรู้ ประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้ (นางวริ มล ชโู ลก) ตำแหน่ง ครกู ศน.ตำบล พจิ ารณาแล้ว .............................................. ........./ ............. / ........................./ ............. / ................................................ ................ (นายพรพล พทุ ธวิโร) ................/............................./................... ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา พิจารณาแลว้ ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทับ ................/....................................../...................

ใบงาน คำส่ัง ให้นกั ศึกษาเติมบทสนทนาต่อไปนีเ้ พ่ือให้ประโยคสมบูรณข์ ึ้น A: Good morning ………………………………. B: Yes, I have an appointment with Mr. Montree Sangsri at 10.00 a.m. A: All right . ………………………………………….. B: Peter Jackson from B K K. A: Please have a seat . I’ll tell him that you’ve arrived. B: Thank you. A: ………………………………. B:……………………………….. A : Good bye

แผนการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ครง้ั ที่ 8 วันท.่ี .............................................................. รายวชิ า พต31001 ภาษาอังกฤษเพือ่ ชวี ิตและสงั คม จำนวน 5 หนว่ ยกิต เรื่อง Hello, could you tell me..........? จำนวน 3 ชั่วโมง สถานทพ่ี บกลุ่ม............................................................... ตัวช้ีวดั ติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ได้คลอ่ งแคล่ว สาระสำคัญ การพูดส่ือสารทางโทรศพั ท์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นกั ศึกษาสามารถพูดตดิ ต่อสื่อสารทางโทรศพั ทไ์ ด้ สาระการเรียนรู้ 1. การติดตอ่ ทางโทรศพั ท์กับผู้ทีค่ นุ้ เคย รูจ้ กั วธิ ีการพดู โต้ตอบทางโทรศัพทก์ ับเพอ่ื นญาติ พ่นี ้องและผู้ทีค่ ุ้นเคยในเรือ่ งตา่ ง ๆ โดยใชส้ ำนวน และภาษาทีเ่ หมาะสม 2. การติดตอ่ ทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมูลตา่ ง ๆ รูปประโยคขอรอ้ ง / การใชส้ ำนวนภาษาท่ีใชพ้ ดู ทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลตา่ ง ๆ ท่ีต้องการทราบโดยใช้ ขอร้องอย่างสภุ าพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคำถามลกั ษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและการขอบคุณ เช่น การสอบถามเสน้ ทางการเดินทางไปทต่ี ่าง ๆ สอบถามตาราง รถไฟ เครือ่ งบิน สอบถามข้อมลู ดา้ นการคุ้มครองผูบ้ ริโภค/ สขุ ภาพอนามยั / พยากรณอ์ ากาศ เป็นตน้ 3. การติดตอ่ ทางโทรศัพท์เพ่ือการประกอบอาชพี วธิ กี ารพูดโตต้ อบทางโทรศัพท์ เพอ่ื ถาม-ใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั การประกอบอาชีพ โดยใชส้ ำนวนและภาษาที่เหมาะสมใน การสอบถามข้อมลู เก่ียวการสมัครงาน การซ้อื -ขายสนิ ค้า การใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั คณุ ภาพและราคาของสนิ ค้า การ สง่ เสรมิ การขาย การต่อรองราคา การรับและส่งของตัวอยา่ งประโยคท่ีใช้ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่รใู้ ฝเ่ รยี น ศึกษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มีวินัย ทำงานตามท่ีครูมอบหมายไดท้ ันเวลา 3. ขยนั มุง่ มั่นในการทำงาน ทำใบงาน ทำกจิ กรรมกลมุ่

4. มคี วามสามัคคี มนี ้ำใจ มคี วามรบั ผิดชอบ ช่วยเหลือกันทำกจิ กรรมกลุ่ม ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน - ครพู ดู ถงึ ความจำเป็นในการสนทนาโตต้ อบทางโทรศัพท์ในชีวิตประจำวัน ขัน้ สอน - ผู้เรยี นเรยี นรดู้ ว้ ยการสอนเสริมจากครใู นระบบโรงเรยี น หรอื เรียนรจู้ ากหนงั สือแบบเรียน สือ่ , แหล่งเรยี นรูอ้ ่นื ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง - ผเู้ รยี นศกึ ษาใบความรู้ - ครูมอบหมายให้ผู้เรยี นฝึกปฏิบตั ิด้วยการทำแบบฝกึ หัด ข้นั สรุป ครผู สู้ อนสรปุ เนอื้ หาและเตมิ เต็มองค์ความรู้พรอ้ มมอบหมายงานใหไ้ ปศกึ ษาด้วยตนเองเพิม่ เติม สอ่ื การเรยี นการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนังสือแบบเรยี น 3. ใบงาน การวัดผลประเมนิ ผล วิธีการวดั 1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรจู้ ากการทำกจิ กรรมในใบงาน เคร่ืองมือ 1. ใบงาน เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล 1. นักศึกษามีผลคะแนนในการทดสอบไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 2. การมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลุม่

แหล่งการเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพม่ิ เตมิ 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. internet ...........................เสนอแผนการจดั การเรียนรู้ ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ (นางวิรมล ชโู ลก) พจิ ารณาแลว้ .............................................. ตำแหน่ง ครกู ศน.ตำบล ................................................ ........./ ............. / ........................./ ............. / (นายพรพล พุทธวิโร) ................ ................/............................./................... ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศึกษา พิจารณาแล้ว ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบงาน คา ส่งั ให้นักศึกษาฝึกพดู และเขยนี บทสนทนา โดยกำหนดสถานการณ์ A : เป็นคนขับรถรบั จ้าง และ B : ผโู้ ดยสารกรณีถามวา่ ตอ้ งการไปที่ไหน A: Good morning , sir . B: …………………………………. A …………………………………. B: To Srikhomkam Temple , Please. A: Please get in. B: ………………………………….. คำสง่ั ให้ นกั ศึกษาบอกความหมายของประโยคท่ีกำหนดให้ 1. I beg your pardon. ……………………………………………… 2. I ’m sorry. ……………………………………………… 3. Did you bring the book I borrowed you yesterday ? ……………………………………………… 4. Can you have dinner with us tonight ? ……………………………………………… 5. Are you free next Sunday evening ? ………………………………………………

แผนการเรียนรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย คร้ังที่ 9 วนั ท่.ี .............................................................. รายวชิ า พต31001 ภาษาอังกฤษเพอ่ื ชวี ิตและสงั คม จำนวน 5 หน่วยกติ เรื่อง Cultural Difference จำนวน 3 ชว่ั โมง สถานที่พบกลุ่ม............................................................... ตัวชวี้ ัด 1. ปฏบิ ัตติ นตามมารยาท วฒั นธรรมและประเพณตี ่าง ๆ ไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. เปรียบเทยี บความแตกต่างระหวา่ งวฒั นธรรมองั กฤษกบั วฒั นธรรมไทย สาระสำคญั มารยาท วฒั นธรรม ประเพณีตา่ งๆสากล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักศกึ ษาสามารถปฏิบตั ิตนตามมารยาท วัฒนธรรมและประเพณตี ่าง ๆ ได้อย่างถกู ต้อง 2. นกั ศกึ ษาสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมอังกฤษกับวฒั นธรรมไทย สาระการเรยี นรู้ 1. การใชภ้ าษาในการสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมตามมารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา การใชภ้ าษา นำ้ เสียงและภาษาทา่ ทางได้อยา่ งเหมาะสมกบั บุคคล เวลา สถานท่ีและโอกาส เช่น การสมั ผสั มอื การ โบกมือ การใช้สหี นา้ ทา่ ทาง และนำ้ เสียงประกอบการพูด การแนะนำตัวเองการแสดงความรสู้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ การ แตง่ กาย การรับประทานอาหาร รว่ มงานงานเล้ียง งานสังสรรค์ และกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ 2. ความเชอื่ และขนบธรรมเนยี ม ประเพณขี อง เจ้าของภาษา ความเป็นมาของความเชอื่ ขนบธรรมเนยี มและประเพณีต่าง ๆ ในสังคมของเจ้าของภาษา การทำกิจกรรมตามความเชื่อ ขนบธรรมเนยี มและประเพณตี ่าง ๆ ในดา้ น บทเพลง การแต่งกาย อาหาร เครื่องดืม่ และการประกอบพิธกี รรมทเ่ี กีย่ วข้อง ได้แก่ วนั ครสิ ตม์ าส วนั ขอบคุณพระเจา้ วนั วาเลนไทน์ และวันพอ่ 3. การเปรียบเทียบโครงสรา้ งภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ เปรยี บเทียบลักษณะคำท่ีมาของคำความหมายและการประยุกต์คำในภาษาอังกฤษใชใ้ นภาษาไทยและคำใน ภาษาไทย ทีน่ ำไปในภาษาอังกฤษ ตวั อย่าง เชน่ - ศพั ทข์ องภาษาไทยสว่ นใหญ่มาจากภาษาบาลี/สันสกฤตในขณะที่ศัพท์ของภาษาองั กฤษ สว่ นใหญ่จากภาษากรีก และโรมนั - คำในภาษาองั กฤษทนี่ ำมาใชใ้ นภาษาไทย เช่น กิโลกรมั กโิ ลเมตร เซนติเมตร คำในภาษาไทยทีน่ ำไปใชใ้ น ภาษาอังกฤษ เชน่ Tom Yam Kung, Muai Thai เปน็ ตน้ - โครงสรา้ งของประโยคต่างๆ 4. เปรยี บเทยี บ สำนวน คำพังเพย สุภาษติ บทกลอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝร่ ูใ้ ฝเ่ รียน ศึกษาใบความรู้ จากแบบเรียน

2. มีวนิ ัย ทำงานตามที่ครูมอบหมายไดท้ ันเวลา 3. ขยนั มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ทำใบงาน ทำกจิ กรรมกลมุ่ 4. มีความสามคั คี มนี ้ำใจ มคี วามรับผิดชอบ ชว่ ยเหลือกนั ทำกิจกรรมกลุม่ ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น - ครพู ดู ถงึ ความจำเป็นในการสนทนาโตต้ อบทางโทรศพั ทใ์ นชีวติ ประจำวนั ข้นั สอน - ผ้เู รียนเรียนรู้ดว้ ยการสอนเสริมจากครูในระบบโรงเรียน หรอื เรยี นรู้จากหนังสอื แบบเรยี น ส่ือ, แหล่งเรียนร้อู นื่ ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง - ผเู้ รียนศกึ ษาใบความรู้ - ครูมอบหมายให้ผูเ้ รยี นฝกึ ปฏิบตั ดิ ว้ ยการทำแบบฝึกหัด ข้นั สรุป ครูผสู้ อนสรุปเน้อื หาและเตมิ เต็มองคค์ วามรู้พรอ้ มมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาด้วยตนเองเพ่ิมเตมิ สอ่ื การเรียนการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนงั สือแบบเรียน 3. ใบงาน การวัดผลประเมินผล วิธีการวดั 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนรแู้ ละกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรจู้ ากการทำกิจกรรมในใบงาน เครือ่ งมือ 1. ใบงาน เกณฑก์ ารวดั ผลประเมนิ ผล 1. นักศึกษามีผลคะแนนในการทดสอบไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 50 2. การมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลุ่ม

แหล่งการเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพม่ิ เติม 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตำบล 3. internet ...........................เสนอแผนการจดั การเรยี นรู้ ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ (นางวิรมล ชโู ลก) พจิ ารณาแลว้ .............................................. ตำแหน่ง ครกู ศน.ตำบล ................................................ ........./ ............. / ........................./ ............. / (นายพรพล พุทธวิโร) ................ ................/............................./................... ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาแล้ว ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวงั ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบงาน คำส่ัง น.ศ อยใู่ นสถานการณ์ ต่าง ๆจงเขยี นประโยคคำสัง่ หรอื ขอร้องตามสถานการณ์ทีก่ ำหนดให้ 1. You are very busy and have no time to send a letter . So you ask David to send น.ศ. ควรเขยี นประโยคขอรอ้ งหรือคำสง่ั ไดอ้ ยา่ งไร ………………………………………………………………………………………..............................................…. 2. You can not open the door because you carry a lot of books. น.ศ. ควรเขยี นประโยคขอร ้ องหรือคา สัง่ ได้อย่างไร ………………………………………………………………………………………..............................................…. 1. เมอ่ื คณุ ต้องการใหค้ นชงกาแฟให ้ ควรพูดวา่ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………..............................................…. 2. เม่ือ น.ศ ตอ้ งการให้คนช่วยแปลประโยค ภาษาองั กฤษ ควรพูดวา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………..............................................…. 3. เมอื่ คุณต้องการถามคนรอบขา้ งวา่ จะรังเกียจไหมถา้ จะสูบบุหรีค่ วรพูดอย่างไร ………………………………………………………………………………………..............................................…. คำสั่ง จงแปลประโยค ต่อไปนี้ 1. Don ’ feed the animal ……………………………………........……............................................... 2. Please come in ……………………………........................……………............................................... 3. Buy some paper clips please ………………………………………..............................................… 4. Keep of the grass ………………………………………....................................................................… 5. Don ’ t worry about apology ………………………...............................................................……

แผนการเรียนรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย คร้งั ที่ 10 วันท.่ี .............................................................. รายวิชา พช31001 เศรษฐกจิ พอเพียง จำนวน 1 หนว่ ยกิต เร่ือง การแก้ปัญหาชุมชน , สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง และสถานการณ์โลกกับความพอเพียง จำนวน 3 ช่ัวโมง สถานทีพ่ บกลุ่ม............................................................... ตวั ชี้วดั การแกป้ ัญหาชมุ ชน 1.สํารวจและวเิ คราะห์ปัญหาของชมุ ชนดา้ นสังคมเศรษฐกจิ สงิ่ แวดล้อมและวฒั นธรรม-พ้ืนฐานของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2.อธบิ ายแนวทางพัฒนาชมุ ชนดา้ นสังคม เศรษฐกจิ ส่งิ แวดล้อมและวัฒนธรรมตามหลักแนวคดิ ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงได้ 3.เสนอแนวทางและมีสว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาหรือพัฒนาชมุ ชนด้านสงั คมเศรษฐกิจ สง่ิ แวดล้อมและ วัฒนธรรมโดยใชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4.มีส่วนรว่ มในการสง่ เสริมเผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบัติตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของบุคคล ชุมชนท่ปี ระสบผลสําเรจ็ สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง 1.อธิบายและวเิ คราะหก์ ารพัฒนาประเทศตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.ประยกุ ตใ์ ช้ในการดําเนินชวี ิตอย่างสมดุลและพร้อมรบั ตอ่ การเปล่ียนแปลงของประเทศชาติ สถานการณโ์ ลกกบั ความพอเพียง 1. วิเคราะหส์ ถานการณ์ของโลก ประเทศในการการพัฒนาประเทศให้กา้ วหนา้ ไปได้อยา่ งสมดุลภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ 2.ตระหนักในความสาํ คัญของการพัฒนาประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตนแ์ ละเลือกแนวทางหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกต์ใช้ในการดําเนนิ ชวี ติ อย่างสมดุลและพร้อมรบั ต่อการเปล่ียนแปลงของ ประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์ เน้อื หา 1. ปัญหาของชุมชนด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมพื้นฐานของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 2. การพัฒนาชุมชนด้านสังคมเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมตามหลักแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 3. การมีส่วนร่วมแก้ปัญหาหรือพัฒนาชุมชนด้านสังคม เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมโดยใช้ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง 4. การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของบุคคลชุมชนที่ ประสบผลสาํ เร็จ

๕. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของประเทศโดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง เช่นสถานการณ์ของประเทศที่ เก่ียวข้อง กบั ผเู้ รียน(ภาวะเงินเฟ้อ ราคาผลผลติ ตกตํา่ คา่ ครองชีพสูง ฯลฯ) ๖.การเลือกแนวทางการดําเนินชีวิตภายใตส้ ถานการณข์ องประเทศโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ๗. วเิ คราะห์สถานการณ์ของโลกประเทศในการการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปได้อย่างสมดุลภายใต้กระแส โลกาภวิ ตั น์ ๘. ตระหนักในความสําคัญของการพัฒนาประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และเลือกแนวทางหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งมา ประยกุ ตใ์ ช้ในการดําเนินชวี ิตอยา่ งสมดุลและพรอ้ มรบั ต่อการเปลย่ี นแปลงของประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์ ขนั้ ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขน้ั นำ - ครูและผูเ้ รยี นรว่ มกันสนทนาเกยี่ วกบั เรื่องความหมาย ความสาํ คัญ องค์ประกอบของ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ ดวู ่าผเู้ รียนมีความรเู้ ดิมมากนอ้ ยเพยี งใด - ครูตั้งคําถามแบบปลายเปิดเกีย่ วกับการแกป้ ัญหาของชมุ ชน สถานการณ์ของประเทศ และโลกกบั ความพอเพยี ง ใหน้ กั ศึกษาได้ตอบคําถามและแสดงความคิดเหน็ ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ - ครใู หผ้ ูเ้ รยี นศึกษาใบความรู้ - ผู้เรียนได้แบง่ กล่มุ ออกเป็นกลมุ่ ละ 4-6 คน - ผู้เรยี นทําแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) ตามหวั ข้อที่ได้รบั มอบหมาย - การแก้ปญั หาชมุ ชนตามหลกั แนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง - แนวทางการดาํ เนนิ ชีวติ ภายใต้สถานการณข์ องประเทศโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง - แนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดําเนินชีวิตอย่างสมดุล และพร้อมรับต่อการ เปลี่ยนแปลงของประเทศ ภายใต้กระแสโลกาภวิ ตั น์ - ผเู้ รียนอภปิ ราย / แลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ หนา้ ชัน้ เรยี น - ครูรว่ มอภิปรายเพ่มิ เติมในหัวข้อท่เี น้อื หาไมส่ มบรู ณ์ ข้นั สรุป - ครูและผู้เรยี นรว่ มสรุปองค์ความรู้ - ผเู้ รยี นนําความรไู้ ปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจําวัน สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ - หนังสอื เรียน - ใบความรู้ - ใบงาน - อินเตอร์เนต็ - ห้องสมดุ กศน.ตําบล - แหลง่ เรยี นรชู้ ุมชน

- แบบทดสอบออนไลน์ - คลปิ วดิ โี อเสรมิ ความรู้ การวัดและประเมนิ ผล - การสงั เกต - การชกั ถาม - การมีส่วนรว่ ม - การตรวจผลงาน - บนั ทกึ การเรยี นรู้ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ (นายเสริมวิทย์ มณโี ชติ) พิจารณาแลว้ .............................................. ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวโิ ร) ................/............................./................... ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พจิ ารณาแล้ว ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวงั ) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

แผนการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ครั้งท่ี 11 วันท่ี............................................................... รายวชิ า ทช 31002 สขุ ศึกษา พลศึกษา จำนวน 2 หน่วยกติ เรอ่ื ง ปัญหาเพศศึกษา จำนวน 3 ชว่ั โมง สถานที่พบกลุ่ม.................................................. ............. ตัวช้ีวดั 1. อธบิ ายข้ันตอนการสอื่ สารเพอื่ ขอความชว่ ยเหลอื เกยี่ วกับปญั หาทางเพศ 2. อธบิ ายวิธีการจัดการกับอารมณ์และความต้องการทางเพศได้อยา่ งเหมาะสม 3. วิเคราะหส์ ถานการณส์ มมติเก่ยี วกับปัญหาทางเพศท่ีไดร้ ับอทิ ธิพลจากสอ่ื ตา่ งๆได้ 4. ระบกุ ฎหมายท่เี กี่ยวข้องกับการลว่ งละเมดิ ทางเพศและกฎหมายค้มุ ครองเด็กและสตรี เนื้อหา 1. การสอื่ สาร/การต่อรองและการขอความช่วยเหลอื เกยี่ วกบั ปัญหาทางเพศ 2. การจัดการกับอารมณ์และความต้องการทางเพศ 3. ความเช่ือผดิ ๆ เร่ืองเพศที่สง่ ผลต่อสุขภาพทางเพศ 4. อทิ ธิพลของสื่อตา่ ง ๆ ที่ส่งผลใหเ้ กิดปัญหาทางเพศ 5. กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกบั การลว่ งละเมนิ ทางเพศและกฎหมายคมุ้ ครองเด็กและสตรี คุณธรรม การตรงเวลา สอื่ สัตว์ มวี ินัย การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ➢ขนั้ นำ 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และเปดิ ประเดน็ การทำแท้งของวัยร่นุ ➢ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 2.3 ครูทบทวนความรู้ โดยครูพดู คยุ กบั นกั ศกึ ษาเกยี่ วกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นในปัจจุบนั โดยยกปัญหา วัยรุ่นหญิงแต่งกายไม่เหมาะสม เช่น สายเดีย่ ว กางเกงเอวตำ่ เสือ้ คับ ฯลฯ 2.4 แบ่งกลุ่มผเู้ รียนออกเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย จำนวน 5 กลุ่ม ศกึ ษาเรือ่ งทคี่ รูกำหนดให้ ➢ข้นั การปฏิบัติและการนำไปใช้ 3.3 ใหต้ ัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลงานที่คน้ คว้าให้กล่มุ อืน่ ฟัง 3.4 ครูและผู้เรยี นช่วยกนั สรุปเนื้อหาสาระสำคญั ของเร่ืองและจดสาระสำคญั ของเรื่อง ขนั้ ท่ี 4 การประเมินผล 4.1 แบบทดสอบ ใบงาน สังเกตการณ์มสี ่วนร่วม ➢ขั้นสรุป -ทำแบบฝึกหดั ท้ายบทในหนังสือเรียนพร้อมกัน

- ครูเฉลยแบบฝึกหัดพร้อมในการฟังและการดู สื่อและแหล่งเรียนรู้ - หนงั สือเรยี นสุขศึกษา - ใบความรู้ - รายการข่าว/สารคดีทางวทิ ยหุ รอื โทรทศั น์ การวดั และประเมินผล - ใบงาน - งานทีม่ อบหมาย(กรต.) - แบบทดสอบ ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ...........................เสนอแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ (นายสุวทิ ย์ แสงศรี) พจิ ารณาแล้ว .............................................. ตำแหน่ง ครกู ศน.ตำบล ................................................ ........./ ............. / ................ (นายพรพล พุทธวิโร) ................/............................./................... ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา พจิ ารณาแล้ว ................................................................. .................................................................. (นางโสภา สมหวัง) ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทบั ................/....................................../...................

ใบความรู้ เรอื่ ง คนยคุ ใหม่ใสใ่ จเรื่องเพศ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานไดใ้ ห้ความหมายของคำวา่ “เพศ” หมายถงึ “รูปทแ่ี สดงใหร้ ้วู ่า หญิงหรือชาย ท่วั ไป คำวา่ “เร่อื งเพศ” หรอื ในภาษาองั กฤษเรยี กว่า เซก็ ส์ (sex) หมายถึง ลักษณะทางกายภาพ ท่ีบอกว่าเปน็ เพศชาย หรือหญิง บางคร้งั หมายถึงแรงขับหรอื สญั ชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษยท์ ี่แสดงออกเป็น พฤติกรรม บางครั้งหมายถึงพฤตกิ รรมทางเพศ หรอื การมเี พศสมั พันธ์ เพศศึกษา หมายถึง กระบวนการเรยี นรู้ทจี่ ะทำให้ผูเ้ รยี นมีความรูค้ วามเข้าใจ และมีพฤตกิ รรมทางเพศอย่าง ถูกต้อง การจัดการเรียนรูเ้ พศศกึ ษารอบด้าน หมายถงึ การจดั การเรียนรูท้ ่มี ีลกั ษณะดังนี้ 1.สอนใหเ้ ห็นวา่ เร่อื งเพศเป็นเรอื่ งธรรมชาติ ความต้องการทางเพศเป็นเรอ่ื งปกติ และเปน็ ส่วนหนึ่งของชีวติ ที่มสี ขุ ภาวะ 2.สอนใหเ้ หน็ วา่ การไม่มีเพศสัมพันธ์ คือ วธิ ที ่ไี ด้ผลทส่ี ุดต่อการป้องกันการตง้ั ครรภไ์ ม่พึงประสงค์ โรคตดิ ต่อ ทางเพศสัมพนั ธ์ รวมทัง้ เอดส์ 3.สอนใหต้ ระหนกั ถงึ การใหค้ ุณคา่ และตระหนักถึงส่ิงท่ีตนเองใหค้ ุณค่าควบคู่ไปกบั ความเขา้ ใจวา่ ครอบครัว และชมุ ชนทีเ่ ราอยู่ให้คุณคา่ ต่อสง่ิ น้นั อย่างไร 4.ให้สาระทีห่ ลากหลายเก่ยี วกับเร่อื งเพศ ไมว่ ่าจะเปน็ พัฒนาการ ธรรมชาตใิ นเร่อื งเพศของมนษุ ย์ สัมพนั ธภาพ ทกั ษะส่วนบุคคล การแสดงออกในเรอื่ งเพศ สขุ ภาพทางเพศ มติ ิดา้ นสงั คมวัฒนธรรมของเรือ่ งเพศ 5.ให้ข้อเทจ็ จรงิ ตรงไปตรงมาไม่ปิดบงั ในเร่ืองการทำแท้ง การสำเรจ็ ความใคร่ด้วยตนเอง ความพึงพอใจ และ รสนยิ มทางเพศแบบต่างๆ 6.ใหข้ ้อมลู ทางบวกเกยี่ วกบั เรื่องเพศ การแสดงออกทางเพศ ควบคูไ่ ปกบั ผลดีของการรักษาพรหมจรรย์ 7.สอนให้ร้วู า่ การใช้ถุงยาง และสารหลอ่ ลน่ื อยา่ งถูกต้อง จะทำให้สามารถลดความเสีย่ งต่อการต้ังครรภ์ไม่พึง ประสงค์ และการเกดิ โรคตดิ ทางเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่ประกันความเส่ยี งได้ 100% 8.สอนใหร้ ู้ว่า การใช้วิธีการคุมกำเนดิ สมยั ใหมส่ ามารถปอ้ งกนั การต้ังครรภไ์ ม่พึงประสงค์ไดอ้ ย่างไร 9.ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้องชัดเจนเก่ียวกับโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ และเอดส์ รวมทัง้ การหลกี เลีย่ งความเสย่ี งได้ อยา่ งไรบ้าง 10.สอนใหต้ ระหนักวา่ คำสอน และคณุ ค่าทางศาสนาทีบ่ ุคคลยดึ ถอื มีสว่ นกำหนดการดำเนินชีวติ และการ แสดงออกทางเพศของบุคคลอยา่ งไร และให้โอกาสผ้เู รียนไดส้ ำรวจความคดิ ความเชื่อของตน และครอบครวั ต่อเร่ืองน้ี 11.สอนให้เห็นว่า เมื่อเด็ก/วัยรนุ่ หญงิ ต้ังครรภ์ไม่ตงั้ ใจ และไม่พร้อมมีทางเลอื กไม่ว่าจะเปน็ การอุ้มครรภ์จน ครบกำหนดคลอด และเลี้ยงดูทารก หรอื เมอื่ คลอดแล้วหาทางให้ทารกแกผ่ ู้อุปถมั ภ์อ่นื หรอื ยุติการตั้งครรภ์ด้วยการทำ แท้งหากไม่พรอ้ มจรงิ ๆ การวางตัวต่อเพศตรงขา้ ม

การวางตัวต่อเพศตรงขา้ ม หมายถงึ การทช่ี ายหรือหญิงประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ่อกัน เพ่อื สรา้ งสัมพันธภาพทีด่ ี ระหว่างกนั ในแบบเพื่อน แบบพ่ีนอ้ ง หรือแบบครู่ ักภายใตส้ ภาพแวดล้อมตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและ วฒั นธรรมใน สังคมน้ัน ๆ การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อน การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพ่ือน บุคคลควรปฏบิ ตั ิต่อเพศตรงข้ามในดา้ นการพูด การแสดงกิริยาท่าทาง และความประพฤติอนื่ ๆ ทใี่ ห้เกยี รติซง่ึ กนั และกัน เชน่ ฝา่ ยชายไม่ลว่ งเกนิ ฝา่ ยหญงิ หรือท่ีเรยี กว่า แต๊ะอ๋งั เพราะ ธรรมชาตขิ องผูช้ ายแล้วมักถกู เนอ้ื ต้องตัวผหู้ ญงิ ซ่งึ บางครง้ั ผหู้ ญิงจะคดิ ไมถ่ ึง การพดู คำสุภาพต่อกนั ควรชว่ ยเหลอื กนั ในสิง่ ท่พี อจะช่วยกนั ได้ รู้จกั แสดงความขอบคุณเมื่อได้รบั ความช่วยเหลือจากเพศตรงข้าม ไม่ทำใหเ้ พ่ือนอบั อาย เพราะเราไมเ่ อาเปรยี บซ่ึงกันและกันเป็นท่ปี รึกษาซง่ึ กนั และกัน มคี วามจริงใจตอ่ กัน ไมน่ ินทากนั ลบั หลงั มคี วามหว่ งใย และเอ้ืออาทรต่อกัน เปน็ ต้น ถ้าปฏบิ ัตติ ่อกันไดเ้ ช่นน้ีจะทำให้มีสมั พนั ธภาพท่ีดีระหว่างเดียวกันและ เพศตรงขา้ ม การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มแบบพนี่ อ้ ง มที งั้ ฝ่ายชายเปน็ พฝี่ า่ ยหญิงเปน็ นอ้ งและฝ่ายชายเป็นนอ้ งฝา่ ยหญงิ เป็นพซ่ี ่งึ การปฏิบัติ โดย ทัว่ ไปกเ็ หมือน ๆ กบั การ วางตวั แบบเพือ่ น แตค่ นเปน็ พ่ีต้องเสยี สละมากกว่า มีความเอ็นดูต่อน้อง ปกป้องน้อง ชว่ ยเหลอื นอ้ ง ให้คำแนะนำสงั่ สอนนอ้ งตามสมควร ทำตวั เป็นแบบอยา่ งท่ดี ีแก่น้อง วางตวั ใหเ้ ปน็ ทเี่ คารพนบั ถือของน้อง สำหรบั คนท่เี ป็นนอ้ งก็ต้อง ใหค้ วามเคารพนับถือพ่ี เชือ่ ฟังช่วยเหลือพ่ีเม่ือมีโอกาสนอกจากนี้แลว้ ยังมกี ารคบกนั แบบคูร่ กั ทแี่ ฝงมาในคราบของพ่ี นอ้ ง ซึ่งฝ่ายหนงึ่ อาจไม่รูว้ ่าอกี ฝ่ายหน่งึ ไม่ได้คดิ แบบพนี่ ้อง หรอื อาจจะร้กู นั ท้ังสองฝ่าย แต่บอกว่าเป็นพนี่ ้องเพื่อปิดบงั ผใู้ หญ่ แต่การคบกันแบบพน่ี ้องหรือแบบคู่รกั นนั้ ผู้ใหญ่จะมองออกเพราะพฤติกรรมที่ แสดงออกต่อกนั น้นั จะมีความ แตกตา่ งกนั อย่างชดั เจน การวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามแบบครู่ กั การคบกนั แบบค่รู ักอาจจะเร่ิมตน้ มาจากการคบกนั แบบเพอ่ื นหรือการคบกนั แบบพนี่ ้อง มาก่อน แล้วก็ แปรเปล่ียนมาเปน็ แบบค่รู ัก หรืออาจจะคบกนั แบบครู่ ักเลยก็ได้ อาจจะชอบพร้อม ๆ กัน หรอื ฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดเป็นฝ่าย ชอบกอ่ น แตส่ ว่ นมากฝ่ายชายมกั จะแสดงออกก่อน เพราะมคี วามกล้ามากกวา่ ฝ่ายหญิง แตใ่ นสงั คมปจั จบุ ันเริม่ แปร เปล่ยี นไปมากแลว้ เพราะฝา่ ยหญงิ มีความกล้าขึ้น ความเขินอายนอ้ ยลง ซ่ึงถือเปน็ สง่ิ ท่ีไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการ ทำลายจารตี ประเพณีอันดงี ามของสงั คมไทย การวางตัวโดยท่ัวไปกจ็ ะเหมือนกับการวางตัวแบบเพื่อน แต่ก็จะมีความพเิ ศษ ความละเอียดลกึ ซง้ึ เพม่ิ ข้นึ ไป เช่น ชว่ ยเหลือต่อกันมากขนึ้ เสยี สละตอ่ กนั มากข้ึน หว่ งใยเอ้อื อาทรกันมากขึน้ คำนึงถงึ ความรู้สกึ ของอีกฝ่ายหน่ึงมาก ขน้ึ เปน็ ต้น การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย 1. ขนาดและความสูง : ในวยั เดก็ ท้ังเดก็ ผหู้ ญิงและเดก็ ผูช้ ายจะมคี วามกวา้ งของไหล่และสะโพกใกล้ เคียง กัน แต่ เมอื่ เข้าสู่วยั รนุ่ ผู้ชายจะมอี ัตราเรว็ ในการเจรญิ เติบโตของไหลม่ ากทส่ี ุด ทำให้วัยร่นุ ผู้ชายจะมีไหล่กว้างกวา่ ในขณะทีว่ ยั รุ่นผู้หญงิ มีอัตราการเจริญเตบิ โตของสะโพกมาก กว่าผชู้ าย นอก จากนก้ี ารที่วัยนี้มกี ารเจริญเตบิ โตสงู ใหญ่ได้รวดเรว็ โดยเฉพาะที่ คอ แขน ขา มากกวา่ ท่ลี ำตวั จะทำใหว้ ัยรุ่นรู้สกึ ว่าตัวเองมรี ูปร่างเกง้ กา้ งน่ารำคาญ และ การเจริญเติบโตหรอื การขยายขนาดของร่างกายในแตล่ ะส่วน อาจเกดิ ขน้ึ ไม่พรอ้ มกนั หรือไมเ่ ป็นไปตามข้นั ตอน เช่น

ร่างกายซีกซา้ ยและซีกขวาเจริญเตบิ โตมีขนาดไม่เทา่ กนั ในระยะแรกๆ ซง่ึ เปน็ เหตุทำใหเ้ ดก็ ตกอยู่ในความวติ กกังวลสูง ได้ จงึ ควรให้ความมั่นใจกับวัยน้ี 2. ไขมนั และกล้ามเน้ือ : เด็กผชู้ ายและเดก็ ผหู้ ญงิ มีความหนาของไขมนั ท่ีสะสมอยู่ใต้ผิวหนังใกลเ้ คียงกนั จนกระทง่ั อายุประมาณ 8 ปี จะเรมิ่ มีการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ วยั รุ่นชายจะมกี ำลงั ของกล้ามเน้ือมากกวา่ วยั รนุ่ ผหู้ ญงิ พละกำลงั ของกล้ามเนอ้ื จะแข็งแรงขนึ้ หลัง จากนนั้ วยั รุ่นชายจะมีไขมันใตผ้ วิ หนงั บางลง พรอ้ มๆกับมีกล้ามเนื้อเพิ่ม มากขึ้นและแข็งแรงข้นึ ซึ่งจะทำใหว้ ยั รุ่นชายดผู อมลงโดยเฉพาะที่ขา น่อง และแขน สำหรับ วยั รุ่นหญิงถงึ แมว้ า่ จะมี การเพ่ิมข้ึนของกล้ามเน้ือ แต่ขณะเดียวกนั จะมีการสะสมของไขมนั ใตผ้ วิ หนงั เพิม่ ข้นึ อีกโดยท่นี ้ำหนกั จะ เพิม่ ได้ถึงรอ้ ย ละ 25 ของน้ำหนัก โดยเฉพาะไขมันที่สะสมท่เี ตา้ นมและสะโพก ประมาณร้อยละ 50 ของ วยั ร่นุ หญิงจะรู้สึกไม่พอใจ ในรูปลกั ษณ์ของตน และมักคิดวา่ ตัวเอง \"อ้วน\" เกนิ ไป มวี ยั รนุ่ หลายคนท่พี ยายามลดนำ้ หนกั จนถงึ ข้ันทีม่ ีรูปรา่ งผอม แหง้ 3. โครงสรา้ งใบหนา้ ช่วงนีก้ ระดกู ของจมูกจะโตขึ้น ทำใหด้ ้ังจมูกเปน็ สันข้ึน กระดูกขากรรไกลบนและ ขากรรไกรลา่ งเติบโตเร็วมากในระยะน้ี เช่นเดยี วกับกล่องเสียง ลำคอ และกระดูกอัยลอยด์ และพบว่าในวัยร่นุ ชายจะ เจรญิ เตบิ โตเรว็ กวา่ วยั รุน่ หญิงชัดเจน เป็นเหตใุ ห้วัยร่นุ ชายเสียงแตก 4. การเปลย่ี นแปลงของระดับฮอรโ์ มน ทง้ั ฮอรโ์ มนการเติบโต (growth hormone) และ ฮอร์โมนจาก ต่อมธัยรอยด์มี อทิ ธิพลต่อการเจรญิ เติบโต รวมทงั้ ฮอร์โมนทางเพศ นอกจากระดับฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงต่อการเจริญเตบิ โตทาง รา่ งกาย และอวัยวะเพศในวัยรุน่ แล้ว ตัวของมนั เองยงั สง่ ผลถงึ ความรสู้ ึกทางอารมณ์และจติ ใจ ปฏิกิริยาการเรียนรู้ ฯลฯ ในวยั รนุ่ อีกดว้ ย วัยรนุ่ ทีจ่ ะผา่ นชว่ งวิกฤตน้ไี ด้ นอกจากจะต้องปรบั ตวั ให้เข้ากับสภาพรา่ งกายทีเ่ ปลีย่ นไปแลว้ ยงั ตอ้ งเข้าใจและควบคมุ อารมณ์ความรู้สึกท่ีพลงุ่ พล่านขึน้ จากการเปลยี่ นแปลงของระดบั ฮอรโ์ มนต่างๆ อกี ด้วย โดยเฉพาะต่อมไขมนั ใตผ้ ิวหนัง และต่อมเหง่ือจะทำหน้าทเ่ี พ่มิ มากขึ้น เปน็ สาเหตุทำใหเ้ กิดปัญหาเร่ือง \"สิว\" และ \"กลิ่นตวั \" แต่เน่ืองจากวยั นีจ้ ะใหค้ วามสนใจเกยี่ วกับร่างกายทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว และมคี วามระแวดระวงั ตัวเองมาก จงึ ทำให้วยั รนุ่ พยายามท่ีจะรักษา \"สวิ \" อยา่ งเอาเปน็ เอาตาย ทั้งๆที่ \"สวิ \" จะเป็นปัญหาในช่วงวัยน้แี ค่ระยะ สั้นๆ เทา่ น้ัน 5. การเปลย่ี นแปลงของอวัยวะเพศ วยั รุ่นหญงิ มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเร็วในช่วงระยะ 1 ปี กอ่ นท่ี จะมี ประจำเดอื น โดยเฉพาะการเจรญิ เติบโตของเต้านม ซงึ่ เร่ิมมกี ารขยายในขนาดเมื่ออายุประมาณ 8-13ปี และจะใช้ เวลา 2-2 ปีครึ่ง จึงจะเจริญเตบิ โตเต็มที่ ในช่วงอายุ 11-13 ปี วัยรนุ่ หญิงส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 80) จะ มรี ปู รา่ งเป็น สาวเตม็ ตวั ดงั นัน้ ในชั้นประถมตอนปลายหรือมธั ยมต้น จะเหน็ วา่ วัยรุน่ สาวจะมรี ูปร่างสงู ใหญ่เปน็ สาวนอ้ ยแรกรุ่น ในขณะท่ีพวกผชู้ ายยังดเู ปน็ เดก็ ชายตัวเลก็ ๆ ทั้งๆ ที่เดก็ ผู้หญงิ เคยตัวเลก็ กวา่ เด็กผูช้ ายมาตลอด ทำใหเ้ ด็กสบั สนและ เปน็ กังวลกบั สภาพร่างกายได้ การมรี อบเดือนครงั้ แรก จะมเี มอ่ื อายุประมาณ 12-13 ปี การทีม่ ีประจำเดือนแสดงใหเ้ ห็นว่า มดลกู และชอ่ งคลอดได้ เจริญเตบิ โตเตม็ ที่ แต่ในระยะ 1-2 ปี แรกของการมีประจำเดอื น มกั จะเป็นการมปี ระจำเดือนโดยไม่มไี ขต่ ก รอบเดอื น ในชว่ งปแี รกจะมาไม่สม่ำเสมอ หรือขาดหายไปได้ และเมื่อมปี ระจำเดอื นแลว้ พบว่าเด็กผหู้ ญงิ ยังสงู ต่อไปอีกเล็กน้อย ไปได้อีกระยะหน่ึง และจะเติบโตเตม็ ทีเ่ มื่อประมาณอายุ 15-17 ปี การมีรอบเดือนคร้งั แรกอาจทำใหร้ สู้ กึ พอใจและ ภูมิใจท่ีเปน็ ผูห้ ญงิ เต็มตัว หรืออาจจะรสู้ กึ ในทางลบ คือ หวนั่ ไหว หวาดหวัน่ หรือตกใจไดเ้ ช่นกนั โดยทวั่ ไปการมรี อบ

เดอื นครั้งแรกจะเพ่ิมความใกล้ชดิ ระหว่างวัยรุ่นหญงิ กบั มารดาถา้ เคยไวว้ างใจกันมาก่อน แต่วยั รุ่นหญงิ บางคนจะ ปกปดิ ไม่กลา้ บอกใคร เพราะเขา้ ใจไปวา่ อวยั วะเพศฉีกขาด หรือเป็นแผลจากการสำรวจตัวของวัยรุ่นเอง ใน ช่วงนี้ วยั ร่นุ จะกงั วลหมกมุ่นกบั รูปร่างหนา้ ตา และมกั ใชเ้ วลาอยู่หนา้ กระจกนานๆ เพ่ือสำรวจรปู ร่าง ส่วนเว้าสว่ นโค้งหรือใช้ กระจกสง่ ดบู ริเวณอวัยวะเพศด้วยความอยากรู้ อยากเห็น ซ่ึงก็ไมใ่ ช่พฤตกิ รรมท่ีผิดปกติแตอ่ ย่างใด สำหรบั วยั ร่นุ ชาย ซึ่งจะเรมิ่ มีการเจรญิ เติบโตของลูกอัณฑะ เม่ือเข้าสู่ช่วงอายุ 10-13 ปี ครึ่ง และจะใช้เวลานาน 2 - 4 ปี กวา่ ที่จะเตบิ โตและทำงานไดอ้ ย่างสมบูรณ์ ในขณะท่ีรูปร่างภายนอกจะมีการเจริญเตบิ โตเปล่ยี นแปลงชา้ กวา่ วยั รนุ่ หญงิ ประมาณ 2 ปี คือ ประมาณอายุ 12-14 ปี ในขณะทเ่ี พื่อนผู้หญงิ ทเี่ คยตัวเล็กกวา่ กลับเจรญิ เตบิ โตแซง หน้า ทำให้วัยรนุ่ ชายมีความวิตกกงั วลเกย่ี วกับรูปร่าง ความสงู ได้มาก เม่ือเติบโตเข้าสวู่ ยั รนุ่ ตอนกลางช่วงวยั 14-16 ปี ลกู อณั ฑะเจรญิ เตบิ โตและทำงานได้เตม็ ทจี่ ึงสามารถพบภาวะฝนั เปียกได้ บางคนเขา้ ใจผิดคิดวา่ ฝันเปียกเกดิ จาก การสำรวจความใครด่ ว้ ยตัวเอง หรอื เป็นความผดิ อย่างแรง หรอื ทำให้สภาพจิตผิดปกติ หรอื บางรายวิตกกงั วลไปกบั จินตนาการหรือความฝนั เพราะบางคร้ังจะเป็นความคิด ความฝันเก่ียวข้องกบั คนในเพศเดยี วกนั ซงึ่ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่อง ท่ีผิดปกติอยา่ งใด การเปลย่ี นแปลงทางอารมณ์ สงั คม ผลจากการเปลย่ี นแปลงทางร่างกายจะทำใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ อารมณ์และจิตใจได้อย่าง ตรงไปตรงมา ทง้ั ความวติ กกงั วล หงุดหงดิ หมกมุน่ ไม่พอใจในรูปรา่ งทเ่ี ปลย่ี นไป 1. ความวิตกกงั วลเกยี่ วกบั การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เด็กผชู้ ายท่ีเขา้ สู่วัยรนุ่ ช้า จะมคี วามวิตกกังวลสูง เก่ียวกบั ความแข็งแรงของรา่ งกาย ซง่ึ อาจจะไม่มนั่ ใจในความเป็นชาย รู้สกึ ว่าตวั เองไม่สมบรู ณ์มักลูกล้อเลียน กลัน่ แกล้งจากเพื่อนๆ ทร่ี ปู ร่างใหญโ่ ตกว่า มีความภาคภูมิใจในตนเองในระดบั ต่ำและรสู้ กึ วา่ ตวั เองมีปมดอ้ ยฝังใจไปไดอ้ ีก นาน วยั ร่นุ หญงิ ท่ีโตเร็วกว่าเพ่ือในวยั เดียวกัน (early mature) มกั จะรสู้ กึ อึดอัดและรู้สกึ เคอะเขนิ ประหม่าอายตอ่ สายตาและคำพดู ของเพศตรงข้าม ในขณะท่สี ภาพอารมณ์ จิตใจยังเปน็ เด็ก 2. ความวติ กกังวลกับอารมณ์เพศที่สูงข้ึน การ เปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนทางเพศ ซง่ึ จะสง่ ผลทำ ใหว้ ัยร่นุ เกิดอารมณ์เพศข้นึ มาได้บอ่ ย วยั รุ่นหลายคนท่ีมีกิจกรรมส่วนตวั ทเี่ บีย่ งเบนความสนใจ ทำให้สามารถควบคมุ อารมณ์ได้อย่างดี โดยเฉพาะในวัยรนุ่ ทชี่ อบเล่นกีฬากลางแจง้ เปน็ ประจำวยั นจ้ี ะมีความสนใจ อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว เปน็ ทนุ และเม่ือมาผสมกับการท่มี ีระดบั ฮอร์โมนทางเพศเพิ่มสงู ขึน้ จะทำใหเ้ ด็กเรียนรู้ทจี่ ะหดั สำเร็จความใครด่ ว้ ย ตนเอง อยากรู้อยากเหน็ กจิ กรรมทางเพศผู้ใหญ่ควรเขา้ ใจถึงความรู้สกึ นึกคดิ รว่ มกับ ความอยากรู้อยากเหน็ ของวัยรุ่น ควรใหค้ วามร้ใู นเร่ืองเพศท่ีถูกตอ้ ง และถือวา่ ความรู้สกึ ในวัยน้ีเปน็ เรอ่ื งธรรมดา เปน็ ธรรมชาติอย่างหน่ึงการทว่ี ยั รนุ่ จะ สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองนัน้ ไมม่ ีอนั ตรายต่อรา่ งกาย และไมถ่ ือว่าเป็นเรือ่ งที่ผิดศีลธรรม ถ้ากระทำอย่างระมดั ระวัง เป็นสว่ นตวั และไมท่ ำใหผ้ อู้ ืน่ เดอื ดรอ้ น เป็นตน้ 3. ความวิตกกงั วลกลวั การเป็นผใู้ หญ่ วัย น้ีจะมคี วามคดิ วติ กกงั วล กลวั จะไม่เป็นที่ยอมรับจากคนรอบ ข้าง มักจะ กลวั ความรับผิดชอบ ซง่ึ จะร้สู ึกว่าเป็นภาระทห่ี นกั หนา ยงุ่ ยาก บางครงั้ อยากจะเป็นเด็ก อยากแสดง อารมณส์ นุกสนาน ร่าเริง เบกิ บาน 4. ความวิตกกงั วลในความงดงามทางรา่ งกาย ไม่ ว่าวัยร่นุ หญิงหรอื ชายก็จะมีความรูส้ กึ ต้องการให้ คนรอบข้าง ช่ืนชมเกีย่ วกับรปู ลกั ษณภ์ ายนอกของตน สมเพศ สมวัย น่ันเป็นเพราะว่าเด็กจะสำนกึ ว่าความสวยงามทาง

กายเป็นแรงจงู ใจ ทำให้คนยอมรบั ทำให้เพ่ือนยอมรับเขา้ ไปในกลุม่ ได้งา่ ย เปน็ วิถีทางหน่งึ ทจ่ี ะเข้าสูส่ งั คมและเป็นที่ ดงึ ดูดใจของเพศตรงข้าม ชว่ งน้จี ะเห็นวา่ วยั รนุ่ จะสนอกสนใจ พิถีพิถนั ในการเลือกเส้อื ผ้า การหวีผม เอาใจใสต่ ่อการ ออกกำลังกาย สนใจคุณค่าทางอาหาร เคร่ืองประดบั สุขภาพอนามยั การวางตัวให้สมบทบาททางเพศ การวางตวั ใน สังคม และความสนใจในแตล่ ะเรอ่ื งอาจอยไู่ ด้ไม่นาน การเปลีย่ นแปลงทางจิตใจ 1.ความรักและความหว่ งใย ความ ร้สู กึ อยากที่จะถูกรัก และยงั อยากไดร้ ับความเอาใจใส่ หว่ งใยจากบุคคล ทมี่ คี วามสำคญั ต่อเด็ก แต่มกั จะมีข้อแมว้ ่าจะต้องไม่ใชก่ ารแสดงออกของพ่อแม่ที่ทำกบั เขาราวกบั เด็ก เล็กๆ ไม่ ตอ้ งการความเจา้ ก้ีเจ้าการ ไม่ตอ้ งการให้แสดงความห่วงใยอยู่ตลอดเวลา 2. เป็นอสิ ระอยากทำอะไรได้ด้วยตัวของตวั เอง อยาก ทำในส่งิ ท่ตี ัวเองคิดแล้วว่าดี อยากมีส่วนในการ ตัดสินใจ อยากท่จี ะทำตัวหา่ งจากพ่อแม่ ห่างจากคำสั่งการเจรญิ เตบิ โตในการทำงานของสมอง ทำให้เด็กวัยน้เี ริ่มมี ความคิดอ่านเปน็ ของตนเอง เริ่มมีความคดิ แบบนามธรรม (abstract thinking) การแยกจากพ่อแม่ในเกือบทุก รปู แบบ บางครั้งอาจทำให้วัยรุน่ เกิดความรสู้ ึกสับสน สองจิตสองใจ และอาจมีความรูส้ กึ \"สญู เสีย\" ในความรกั ความ เอาใจใส่จากพ่อแม่ แตถ่ า้ พวกเขายอมรับการดูแลหรอื ยอมทำตามคำสัง่ ของพ่อแม่ ก็จะไปขดั กบั ความตอ้ งการทจ่ี ะ เป็นเดก็ โต เป็นอสิ ระของตนเองท่ีต้องการพึ่งพาตนเอง การให้การเลย้ี งดจู งึ ต้องอาศยั ความเข้าใจ และเคารพในสทิ ธิ ส่วนบคุ คลด้วย 3. ตอ้ งการเปน็ ตวั ของตัวเอง ความ ต้องการท่ี ยอมรับในสิง่ ท่ีมาจากตวั ของตัวเขาทำใหพ้ วกเขามั่นใจในตัวเอง พ่อ แม่คงต้องสง่ เสรมิ ให้เดก็ ได้ช่วยเหลือตัวเองให้มากท่สี ดุ เทา่ ทจี่ ะทำได้ ตามวยั เพราะในการฝึกเด็กนั้น นอกจากจะทำ ใหเ้ ดก็ ได้ใช้มือได้อย่างคล่องแคล่วแลว้ ยังช่วยทำใหเ้ ดก็ ได้หัดคิด หดั ตดั สินใจในการกระทำสง่ิ ต่างๆ ด้วย 4. อยากร,ู้ อยากเหน็ , อยากลอง การ ลองผิดลองถูก และคอยสงั เกตดจู ากปฏิกิริยาของคนรอบข้าง เพื่อตัดสนิ ว่า สง่ิ ทีท่ ำนั้น ดีเลวเปน็ อยา่ งไรวัยที่โตขน้ึ เม่อื ความสามารถเพิ่มข้นึ ร่างกายเจริญเตบิ โตขึน้ มา ส่งิ รอบตวั ตา่ งๆ ที่ นา่ สนใจ และท้าทายความสามารถก็จะเรม่ิ เข้ามาเพื่อทดลองการสนบั สนนุ สง่ เสรมิ เด็กใหค้ ง สภาพอยากรู้ อยากเหน็ อยากลองและได้มโี อกาสทดลองสง่ิ แปลกๆ ใหม่ๆ ในขอบเขตท่เี หมาะสมเพ่ิมขนึ้ ตามวัย จะทำให้เด็กก้าวเขา้ ส่วู ยั รนุ่ ดว้ ยความภาคภูมิใจที่ตนเองเคยมีประสบการณ์ ตา่ งๆ มาบ้างสิง่ เหล่านีจ้ ะมาเสริมความภาคภมู ใิ จในตนเองดงั น้นั จะ เหน็ วา่ การฝกึ สอน และให้โอกาสเด็กได้ทดลองทำในส่งิ ทถ่ี ูกต้อง ควรฝกึ สอนมาตงั้ แตเ่ ด็ก และควรค่อยๆ สอนถงึ อันตรายในหลายสิง่ หลายอย่างทมี่ ีอยู่ในสังคม และวิธีการแก้ไข เรยี นรทู้ ั้งส่งิ ที่ดีและเลว การฝกึ ใหเ้ ด็กได้ลองในสงิ่ ทนี่ ่า ลอง แตส่ นอให้หัดยัง้ ตัวเองในสงิ่ ทีอ่ นั ตรายจึงเป็นวธิ ีทสี่ ำคัญมาต้ังแต่วยั เรียน แต่ ในทางตรงกันขา้ มในกลุ่ม วยั รุน่ ท่ีไมเ่ คยถกู ฝกึ ให้ลองคดิ ลองทำก่อน จะเกิดความสบั สน วนุ่ วายใจขาดความรู้ ขากทกั ษะ ขาดการฝกึ ฝน ขาด การลองทำผิดทำถูกมากอ่ น จึงทำให้กลุม่ นี้ตกอยู่ในกลุ่มทม่ี ีอันตรายสูง และในกลมุ่ เด็กวัยรุน่ ท่ีพอ่ แม่ปล่อยปละละเลย หรือไม่เคยสอนใหย้ ับยั้งชั่งใจมาก่อน นกึ อยากทำอะไรก็จะทำ ไมเ่ คยตอ้ งผิดหวงั ไม่เคยสนใจวา่ การกระทำของตัวจะ สง่ ผลกระทบต่อผ้คู นรอบข้างอย่างไร พฤติกรรม อยากลองของ มักจะมสี งู สุดในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง เปน็ เด็กก็ไม่ใช่ เป็นผู้ใหญ่กไ็ มเ่ ชิง แนวความคิดและการยับยง้ั ตัวเองมีไม่มากพอ 5. ความถูกต้อง ยตุ ธิ รรม โดยเฉพาะเมื่อเข้าสวู่ ัยรนุ่ ตอนกลาง มักจะถือวา่ ความยตุ ธิ รรมเป็นลกั ษณะหนงึ่ ของความ เป็นผใู้ หญ่ วยั รนุ่ จึงให้ความสำคัญอยา่ งจริงจังกบั ความถูกต้อง ยตุ ธิ รรมตามทัศนะของตนเป็นอยา่ งย่ิง และอยากจะทำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook