Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore PPธรรมวิภาค นักธรรมโท

PPธรรมวิภาค นักธรรมโท

Description: PPธรรมวิภาค นักธรรมโท

Search

Read the Text Version

วิชาธรรมวิภาค 1

หมวด ๒ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 2 ราม

อริยบคุ คล คือ บุคคลที่ประเสริฐ ปราศจากกเิ ลส เปน็ ผรู้ ักษาศลี ได้สมบูรณ์ มีสมาธิและปญั ญาพอประมาณ มี ๒ จาพวก คือ  พระเสขะ พระผู้ยังต้องศึกษา หมายถงึ ศึกษาในเรือ่ งไตรสิกขา ศึกษา เรือ่ งการประพฤติปฏบิ ตั ใิ ห้พฒั นาจิตให้สมบรู ณ์ ภมู ิของพระเสขะมี 7 คือ โสดาปัตติมรรค,โสดาปัตติผล,สกทาคามิมรรค,สกทาคามิผล,อนาคามี มรรค,อนาคามีผล และอรหตั ตมรรค  พระอเสขะ พระท่ไี ม่ตอ้ งทาการศึกษาแล้ว เจรญิ ศีลสมาธปิ ัญญาให้ เตม็ ท่แี ละละสงั โยชน์ ๕ ได้แก่ รปู ราคะ,อรปู ราคะ,มานะ,อทุ ธจั จะ และ อวชิ ชา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 3 ราม

กมั มฏั ฐาน แปลว่า การงานท่คี วรทาในด้านจิตใจ เปน็ ที่ต้ังแห่งการปฏิบัติ ธรรม แบ่งเปน็ ๒ คือ  สมถกรรมฐาน คือกรรมฐานฝกึ จิตใจใหผ้ ่องใส เปน็ วิธีการปฏิบตั ิ ให้จิตใจสงบจากนวิ รณ์ ๕ ด้วยการบริกรรม  วิปัสสนากรรมฐาน คือกรรมฐานเปน็ อบุ ายใหเ้ กิดปญั ญา วิปสั สนา กมั มัฏฐาน เปน็ วิธีการปฏิบตั โิ ดยการใช้ปญั ญา พิจารณาดูธรรม พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 4 ราม

กาม หมายถึง ความรัก ความใคร ความพึงพอใจ หรือความต้องการ ได้แก่  กิเลสกาม เป็นกเิ ลสท่อี ยู่ในจติ ใจทาให้เกดิ ความอยากได้ เชน่ ราคะ โลภะ อจิ ฉา อสิ สา อรติ  วัตถุกาม คือวัตถุอนั นา่ ใคร่ อันไดแ้ ก่ กามคุณ 5 รูป เสียง กลิน่ รส สมั ผสั วัตถุกามกบั กเิ ลสกาม เปน็ ของเกย่ี วเนื่องกันคือกเิ ลสกามเป็นตัวใคร่ วัตถกุ าม เปน็ ตัวที่ถกู ใคร่ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 5 ราม

ทิฏฐิ คือ ความคดิ เหน็ ในทีก่ ล่าวถงึ คือเกีย่ วกับการเวียนวา่ ยตายเกิด ทีไ่ ม่ ถูกต้อง คือ  สัสสตทิฏฐิ เหน็ ว่าเที่ยง ทกุ สิ่งเปน็ ของย่งั ยืน ตายแล้วกจ็ ะกลบั มาเกดิ เหมือนอย่างเดิมอีก  อุจเฉททิฏฐิ ความเหน็ ว่าขาดสญู คือ ตายแล้วกห็ ายไปไม่กลับมาเกิดอีก ซ่งึ ทั้งสองความเห็นขดั แยง้ กับกฎของทางพุทธศานา คือ สสั สตทิฏฐิ ขัดแย้ง กับกฏไตรลกั ษณ์ คืออนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา ทกุ อย่างล้วนมกี ารเปล่ยี นแปลง และไม่เทีย่ งแท้ ส่วนอุจเฉททิฏฐิ ขัดแย้งตรงที่ว่า สตั ว์โลกเมื่อไม่สาเร็จอรหนั ต์ยังต้องมาเกิด อีก พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 6 ราม

เทสนา หมายถึง การชแี้ จง อธิบายให้เหน็ แจ้งเป็นการเผยแผ่ศาสนาอย่าง หนึ่ง มี 2 วิธี คือ  ปุคคลาธิฏฐานา การแสดงทีย่ กบคุ คลเปน็ ทต่ี ั้งเพือ่ ประกอบการอธบิ าย ธรรม โดยยกรูปธรรมหรือตัวบคุ คลก่อนเพือ่ อธบิ ายนามธรรม เหมาะ สาหรับผู้ไม่เคยฟังธรรมมาก่อน  ธัมมาธิฏฐานา การแสดงธรรมเป็นที่ตั้งไม่มีการยกบุคคลขึ้นประกอบ แต่ ขยายเนื้อหาของธรรม โดยอธิบายขยายเป็นโหมด หมวดตามลาดับไป พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 7 ราม

นิพพาน คือ สภาวะความดับสนิทแห่งกเิ ลสและกองทกุ ข์ สภาวะนิพพานมี ๒ ประเภท คือ  สอุปาทิเสสนพิ พาน คือ ผู้บรรลมุ รรคผลอรหนั ต์แต่ยังคงขันธ์ 5 ไว้ คือ ยงั ทรงชีพอยู่และยงั ต้องพบกับสง่ิ ทีเ่ ปน็ โลกธรรม  อนปุ าทิเสสนิพพาน คือ อรหนั ต์ทด่ี ารงชพี จนถงึ วันนิพพานและขนั ธ์ 5 ดบั สนิทแล้ว พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 8 ราม

 อามิสบชู า บูชาด้วยอามิส คือ สิ่งของ หมายถึงการให้สง่ิ ของมี, ดอกไม้, ของหอม, อาหาร และวตั ถุอื่นๆ ให้แกค่ นท่ตี นเคารพนับถือแต่ในที่น้ี ทา่ น หมายเอาการถวายแกพ่ ระพทุ ธเจา้ และพระสงฆ์สาวก  ปฏิบตั บิ ูชา บูชาด้วยปฏบิ ตั ติ าม หมายถึงการปฏิบตั ิตามคาสอนของทา่ น ไม่ลว่ งละเมิดข้อทท่ี า่ นบัญ ญัติไว้ การประพฤติปฏิบตั ิเชน่ น้ี พระพทุ ธองค์ ทรงสรรเสริญ เพราะสามารถดารงพระศาสนาไว้ได้ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 9 ราม

 ธรรม ได้แก่ คาสอนทีม่ งุ่ ขดั เกลาจริตของบุคคลให้มคี วามประณตี ยิง่ ขนึ้ ธรรมนี้มอี ยู่ก่อนแล้ว แต่พระพุทธเจา้ ทรงคน้ พบแล้วนามาแจกแจง แยกแยะ แล้วสอนให้เวไนยสตั ว์ปฏบิ ตั ติ าม ธรรมนี้ไมใ่ ช่บทบญั ญตั ทิ ี่จะไป ลงโทษแกผ่ ู้ลว่ งละเมิด แต่ว่าเมือ่ บุคคลปฏิบตั ิตามหรือลว่ งละเมิดกจ็ ะ ได้ผลด้วยตนเอง  วินัย ได้แก่ ข้อบัญญัตทิ ีพ่ ระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ไิ ว้ และอภิสมาจารถือ มารยาททค่ี วรประพฤติ ทรงวางไว้เพื่อควบคุมการประพฤติปฏิบตั ิของ พุทธบริษัท ให้ดาเนนิ ไปในทางที่ถกู ตอ้ ง พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 10 ราม

 เจโตวิมุตติ ความหลดุ พ้นด้วยอานาจใจ หมายถึงความท่จี ิตหลุดพ้นจาก อานาจของกเิ ลสด้วยการฝึกจิต เรียกวา่ “สมถกรรมฐาน”  ปญั ญาวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยอานาจแห่งปญั ญา หมายถึงความหลดุ พ้นจากกเิ ลสด้วยการใชป้ ญั ญาพจิ ารณาด้วยการปฏิบตั วิ ิปัสสนากรรมฐาน พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 11 ราม

 อุปาทินนกสังขาร สังขารมีใจครอง ได้แก่สง่ิ มีชีวติ ทง้ั หลาย สังขารมีใจ ครองสามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ  อนุปาทินนกสงั ขาร สังขารไม่มใี จครอง ไดแ้ ก่ส่งิ ไม่มชี วี ิตทั้งหลาย เชน่ กรวด หิน ดิน ทรายบ้านเรือน ตลอดถงึ รถ เรือ ยานพาหนะต่างๆ เป็นต้น พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 12 ราม

 อุปจารสมาธิ สมาธิแบบเฉียดๆ ได้แก่การทาจิตให้สงบชั่วขณะหนึง่ อาจ เปน็ ๓นาที ๕นาที  อปั ปานาสมาธิ สมาธิกนั แนว่ แน่ ได้แก่จิตที่ตั้งมน่ั สนิทแลว้ เป็นสมาธิ ฌาน พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 13 ราม

 กายิกสขุ สุขทางกาย ได้แกก่ ารทีร่ า่ งกายของคนเราไม่มคี วามทุกข์ ไม่มี โรค ไม่มีภยั เบยี ดเบียน  เจตสกิ สขุ สุขทางใจ จิตที่ประสบกับอารมณท์ ี่น่าปรารถนา ทาให้เกดิ ความสบายใจ แชม่ ชืน่ ใจ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 14 ราม

 อามิสปฏิสันถาร ปฏิสนั ถารด้วยอามิส ไดแ้ ก่การต้อนรบั ดว้ ยสิง่ ของ เชน่ ให้น้าดืม่ หรือแม้กระทัง่ การให้ทีพ่ ักอาศัย การให้ข้าวปลาอาหาร เป็นตน้ โดยสมควรแก่ฐานะของแขกผู้มาเยือน  ธัมมปฏิสนั ถาร ปฏสิ ันถารโดยธรรม ได้แกก่ ารกล่าวแนะนาแขกในทางที่ ดี เพื่อให้เขาได้ถือเอาไปปฏิบัติ หรือได้แก่การต้อนรบั โดยความสมควรแก่ ฐานะของแขกผมู้ า ว่าใครควรจะลกุ ขนึ้ ยืนรบั ใครควรจะไหว้ เปน็ ตน้ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 15 ราม

 อริยปริเยสนา แสวงหาอย่างประเสริฐ หมายถงึ การประกอบอาชพี เล้ียงชีวติ ถกู ต้องตามกฎหมายและศลี ธรรม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ ตนเองและผู้อื่น อกี ความหมายหนึ่ง หมายถงึ การแสวงหาธรรมเครือ่ งดับ กเิ ลสและกองทกุ ข์  อนริยปริเยสนา แสวงหาอย่างไม่ประเสริฐ หมายถงึ การประกอบ อาชพี เล้ียงชีวติ ในทางผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม สร้างความเดือดร้อน ให้แก่ตนเองและผู้อื่น ตรงข้ามกับอรยิ ปริเยส อนง่ึ สมั มาอาชีวะ เปน็ อริยปริเยสนา มิจฉาอาชวี ะ เป็นอนริยปริเยสนานา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 16 ราม

หมวด ๓ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 17 ราม

อกศุ ลวติ ก หมายถึง ความดาริ ริตรองนึกคดิ ไปในทางไม่ดงี ามตา่ ช้า มี ๓ ประเภท คือ  กามวิตก ความตริในทางกาม  พยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท  วิหงิ สาวิต ความตริในทางเบยี ดเบียน อกุศลวิตก ๓ นี้ - กามวติ ก มีราคะ และโลภะ เปน็ มูล - พยาบาทวิตก มีโทสะ เป็นมลู - วิหงิ สาวิตก มีโมหะ เปน็ มลู พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 18 ราม

กศุ ลวิตก หมายถงึ ความดาริ ริตรองนึกคดิ ไปในทางดีงาม คิดแต่เรื่องไม่ สร้างความเดือดร้อนให้แกต่ นเองและผู้อื่น มี ๓ ประเภท คือ  เนกขัมมวิตก ความตริในทางพรากจากกาม  อพยาบาทวิตก ความตริในทางไม่พยาบาท  อวิหิงสาวิตก ความตริในทางไม่เบยี ดเบียน พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 19 ราม

ไฟ เป็นความร้อนโดยธรรมชาติ ในที่นีห้ มายถึง กเิ ลสท่เี ผาผลาญจิตให้เร่า ร้อน มี ๓ กอง คือ  ราคคั คิ ไฟคือราคะ  โทสัคคิ ไฟคือโทสะ  โมหคั คิ ไฟคือโมหะ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 20 ราม

อัตถะ หมายถึง ประโยชน์ ได้แก่ผลที่ได้ตามต้องการ เหตทุ ี่ทาแล้วได้รบั ผล เป็นประโยชน์ มี ๓ ประการ คือ  ทิฏฐธมั มิกัตถะ ประโยชน์ในภพน้ี  สมั ปรายิกตั ถะ ประโยชน์ในภพเจา้  ปรมตั ถะ ประโยชน์อย่างยอด (คือพระนิพพาน) พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 21

อธปิ เตยยะ หมายถึง ความเป็นใหญ่ เป็นความต้องการมีอานาจสงู สุดในการ กระทา มี ๓ อย่าง คือ  อตั ตาธปิ เตยยะ ความมีตนเป็นใหญ่  โลกาธิปเตยยะ ความมีโลกเปน็ ใหญ่  ธมั มาธิปเตยยะ ความมีธรรมเป็นใหญ่ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 22 ราม

อนตุ ตรยิ ะ หมายถึง ภาวะอันยอดเยีย่ มนาผลอนั วิเศษมาให้ มี ๓ ประเภท คือ  ทัสสนานตุ ตริยะ ความเห็นอันเยีย่ ม  ปฏิปทานุตตริยะ ความปฏิบัติอันเยีย่ ม  วิมตุ ตานตุ ตรยิ ะ ความพ้นอันเยีย่ ม พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 23 ราม

อภสิ งั ขาร หมายถึง สภาพผู้ปรุงแต่ง คือเจตนาทเ่ี ป็นตัวสั่งการในการทา กรรม ดีบา้ ง เลวบา้ ง ตามกรรมที่ทา มี ๓ ประเภท คือ  ปุญญาภิสังขาร อภสิ ังขารคือบญุ  อปุญญาภสิ ังขาร อภสิ งั ขารคือบาป  อเนญชาภิสงั ขาร อภสิ งั ขารคืออเนญชา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 24 ราม

อาสวะ หมายถึง สิง่ ที่ถกู หมกั หมมหรือดองอยู่เปน็ เวลานาน มี ๓ อย่าง คือ  กามาสวะ อาสวะเป็นเหตุอยากได้  ภวาสวะ อาสวะเป็นเหตอุ ยากเป็น  อวชิ ชาสวะ อาสวะคืออวชิ ชาความเขลา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 25 ราม

กรรม หมายถงึ กริ ิยาทีท่ า หรือความจงใจที่จะกระทาของบคุ คล เปน็ การ กระทาดีหรือชัว่ ต้องดูที่เจตนาเป็นเหตุทากรรมน้ันว่าเป็นสจุ ริต จัดตามกริ ิยาที่ ทาได้ ๓ อย่างคือ  กายกรรม กรรมทาด้วยกาย  วจีกรรม กรรมทาด้วยวาจา  มโนกรรม กรรมทาด้วยใจ. พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 26 ราม

ญาณ หมายถึง ปัญญา ความรู้ คือกาหนดรู้ถงึ เหตุและผลได้อย่างชัดเจน จริง มีการได้รับผลตามเหตุที่ทามี ๓ อย่าง คือ  อตตี งั สญาณ ญาณในส่วนอดีต  อนาคตังสญาณ ญาณในส่วนอนาคต  ปจั จปุ ปนั นังสญาณ ญาณในปจั จบุ นั พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 27 ราม

ทวาร หมายถงึ ชอ่ งทาง ทางเข้า ทางผ่าน หรือประตู หรือชอ่ งทางแห่งกรรม ทั้ง ๓ นั้น มี ๓ อย่าง คือ  กายทวาร ทวารคือกาย  วจีทวาร ทวารคือวาจา  มโนทวาร ทวารคือใจ. พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 28 ราม

ญาณ ในที่นหี้ มายถึง ปรีชาอันกาหนดรู้อรยิ สจั ๔ ผู้ประกอบดว้ ยญาณทงั้ ๓ นี้ ถึงจะเรียกวา่ ตรสั รู้อริยสัจได้อย่างสมบูรณ์  สจั จญาณ ปรีชาหยงั่ รู้อริยสจั  กจิ จญาณ ปรีชาหยง่ั รู้กิจอนั ควรทา  กตญาณ ปรีชาหยัง่ รู้กิจอนั ทาแล้ว พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 29 ราม

ตณั หา หมายถงึ ความทะยานอยาก ความยึดติด มี อยู่ ๓ ประการ คือ  กามตณั หา ตณั หาในกาม  ภวตณั หา ตณั หาในภพ  วิภวตัณหา ตณั หาในปราศจากภพ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 30 ราม

ทิฏฐิ หมายถึง ความเห็น หรือความคิดเหน็ ของใจทีเ่ ห็นผดิ มี อยู่ ๓ ประเภท คือ  อกิริยทิฏฐิ ความเหน็ ว่าไม่เป็นอนั ทา  อเหตกุ ทฏิ ฐิ ความเหน็ ว่าหาเหตุมิได้  นัตถกิ ทิฏฐิ ความเห็นว่าไมม่ ี พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 31 ราม

ธรรมนิยาม หมายถึง ความกาหนดแห่งธรรมดา เปน็ ภาวะทีแ่ นน่ อนของ สังขาร และความเปน็ ระเบยี บตามธรรมชาติ มี ๓ ประการ คือ  สังขารท้ังปวง ไม่เท่ยี ง  สงั ขารทั้งปวง เป็นทุกข์  ธรรมทั้งปวง เป็นอนตั ตา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 32 ราม

นิมติ หมายถึง เครือ่ งหมาย เครือ่ งกาหนด มนที่น้หี มายถงึ เครื่องหมายทีถ่ ูก ยึดดึงมาเป็นการบาเพ็ญเพยี รทางจิต มี อยู่ ๓ อย่าง คือ  ปริกัมมนิมติ ต์ นิมติ ในบริกรรม  อุคคหนิมติ ต์ นิมติ ติดตา  ปฏิภาคนิมติ ต์ นิมติ เทยี บเคยี ง พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 33 ราม

เทพ หมายถึง ผู้รงุ่ เรืองด้วยสิริของตน ผู้เปน็ ทพิ ย์ มี ๓ ระดบั คือ  สมมติเทพ เทวดาโดยสมมติ  อุปปัตติเทพ เทวดาโดยกาเนิด  วิสทุ ธิเทพ เทวดาโดยความบริสุทธ.์ิ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 34 ราม

ภาวนา หมายถึง การอบรม การบาเพ็ญ การเจริญ กลา่ วในทางปฏิบตั ิคือ การบาเพญ็ กมั มัฏฐาน มุ่งเฉพาะส่วนทเ่ี ปน็ สมถะ มี ๓ คือ  ปริกัมมภาวนา ภาวนาในบริกรรม  อุปจารภาวนา ภาวนาเป็นอปุ จาร  อปั ปนาภาวนา ภาวนาเป็นอปั ปนา พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 35 ราม

ปริญญา หมายถึง ธรรมชาติหรือปัญญาเป็นเครือ่ งกาหนดรู้ มี ๓ อย่าง คือ  ญาตปริญญา กาหนดรู้ด้วยการรู้  ตีรณปริญญา กาหนดรู้ด้วยการพิจารณา  ปหานปริญญา กาหนดรู้ด้วยการละเสยี พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 36 ราม

ปหาน หมายถงึ การละ คือการละจากกิเลสหรือบาปธรรมท้ังปวง มี อยู่ ๓ วิธี คือ  ตทังคปหาน การละช่ัวคราว  วิกขนั ภนปหาน การละด้วยการสะกดไว้  สมจุ เฉทปหาน การละด้วยตดั ขาด พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 37 ราม

ปาฏิหาริยะ หมายถึง ความอศั จรรย์ สิ่งที่เกดิ ขึนแบบไม่นา่ เชือ่ เปน็ ความ อศั จรรย์ทค่ี นทาให้เกดิ มอี ยู่ ๓ อย่าง คือ  อทิ ธปิ าฏิหาริยะ ฤทธเิ์ ปน็ อศั จรรย์  อาเทสนาปาฏิหาริยะ ดกั ใจเป็นอศั จรรย์  อนสุ าสนีปาฏิหาริยะ คาสอนเปน็ อัศจรรย์ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 38 ราม

ปิฎก หมายถึง ตะกรา้ หรอื คมั ภรี ์ ในท่นี ีห้ มายถงึ ตาราหรอื คมั ภีรท์ ่รี วบรวมพระ ธรรมวินยั ของพระพทุ ธเจา้ แบง่ ออกเป็น ๓ คมั ภีรใ์ หญ่ๆ คอื  พระวินยั ปิฎก หมวดพระวนิ ยั  พระสตุ ตนั ตปิฎก หมวดพระสตุ ตนั ตะ (หรอื พระสตู ร)  พระอภิธรรมปิฎก หมวดพระอภิธรรม พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 39 ราม

พทุ ธจริยา หมายถึง พระจริยาวัตรของพระพทุ ธเจา้ ที่ทรงประพฤตติ ่อเวไนย สตั ว์ทุกทวั่ หน้าโดยตรง มี ๓ พระจริยวัตร คือ  โลกัตถจริยา ทรงประพฤตเิ ป็นประโยชนแ์ ก่โลก  ญาตัตถจริยา ทรงประพฤตเิ ปน็ ประโยชนแ์ ก่พระญาตหิ รือโดยฐานเป็น พระ ญาติ  พทุ ธัตถจริยา ทรงประพฤตปิ ระโยชน์ โดยฐานเปน็ พระพทุ ธเจา้ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 40 ราม

ภพ หมายถึง โลกที่เกดิ หรือโลกทีเ่ ปน็ อยู่ มีทงั้ หมด ๓๑ ภมู ิ แบ่งเป็นภพได้ ๓ ภพ คือ  กามภพ ได้แก่ ภพเปน็ กามาวจร  รปู ภพ ได้แก่ ภพเป็นรปู าวจร  อรุปภพ ได้แก่ ภพเปน็ อรูปาวจร พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 41 ราม

โลก แปลว่า สิ่งทีย่ ่อยยับหรือแตกดบั ไปในทส่ี ดุ ในทีน่ ีห้ มายรวมเอาท้ัง แผ่นดิน และสิง่ ทีอ่ ยู่อาศยั อยู่บนโลกท้ังหมด มี ๓ ประเภท คือ  สังขารโลก โลกคือ สงั ขาร  สตั วโลก โลกคือ หมู่สัตว์  โอกาสโลก โลกคือ แผ่นดิน พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 42 ราม

โลก ในที่นี้ หมายถงึ สถานท่ที ีอ่ ยู่อาศยั ของสัตว์โลกทง้ั หลายท้ังท่เี ปน็ มนุษย์ เทวดาและพรหม มี ๓ โลก คือ  มนษุ ยโลก ได้แก่ โลกที่เราอาศัยอยู่นี้  เทวโลก ได้แก่ สวรรคก์ ามาพจร ๖ ชน้ั  พรหมโลก ได้แก่ สวรรคช์ น้ั รูปพรหม ๑๖ ชน้ั พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 43 ราม

วฏั ฏะ หมายถงึ วน คือการหมนุ เวียนอยู่ในสังสารวฏั เวยี นตายอยู่ในภพของ สัตวโลก ตราบเทา่ ทีต่ ัดวัฏฏะ ๓ อย่างนีไ้ ม่ได้ คือ  กเิ ลสวัฏฏะ วน คือ กเิ ลส  กัมมวฏั ฏะ วน คือ กรรม  วิปากวฏั ฏะ วน คือ วิบาก พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนา 44 ราม

วิชชา หมายถึง ความรู้อย่างแจ่มแจ้ง ในที่นีห้ มายถึง พระปรีชาหย่งั รู้ของ พระพุทธเจา้  ปุพเพนวิ าสานสุ สติญาณ รู้จกั ระลึกชาติได้  จตุ ปู ปาตญาณ รู้จักกาหนดจุติและเกิด  อาสวกั ขยญาณ รู้จดั ทาอาสวะให้สิน้ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 45 ราม

วิโมกข์ หมายถึง ความพน้ ความหลุดพ้นจากกเิ ลส ด้วยการพจิ ารณารปู นามในขันธ์ ๕ ตามกฎของไตรลักษณ์ มีอยู่ ๓ ประการ คือ  สญุ ญตวิโมกข์  อนมิ ิตตวโิ มกข์  อปั ปณหิ ิตวิโมกข์ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนา 46 ราม

สมาธิ หมายถึง สภาวะทจ่ี ิตตงั้ มั่น ในที่นหี้ มายถึง สมาธิขั้นวปิ สั สนา คือรู้ แจ้งเห็นชัดในขันธ์ ๕ ตามกฎของไตรลกั ษณ์ มี อยู่ ๓ ลักษณะ คือ  สุญญตสมาธิ  อนมิ ิตตสมาธิ  อปั ปณหิ ิตสมาธิ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 47 ราม

วิเวก หมายถงึ ความสงดั คือ ปราศจากสิง่ ทีม่ ารบกวนให้เกดิ ความฟุ้งซา่ น ราคาญ มี ๓ ประการ คือ  กายวิเวก สงัดกาย  จิตตวเิ วก สงดั จิต  อปุ ธิวเิ วก สงัดกเิ ลส พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 48 ราม

สงั ขตลักษณะ หมายถงึ สิ่งที่ปัจจยั ปรงุ แตง่ ด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ  ความเกิดขนึ้ ปรากฏ  ความดับ ปรากฏ  เมื่อยงั ต้ังอยู่ ความแปร ปรากฏ พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนา 49 ราม

สงั ขาร หมายถึง ปรงุ แต่ง ในที่นีห้ มายถึง สภาพผู้ปรุงแต่งอุปาทินนกิ สงั ขาร ซง่ึ มีสิ่งปรุงแต่งอยู่ ๓ อย่าง คือ  กายสงั ขาร สภาพอันแต่งกาย  วจีสังขาร สภาพอนั แต่งวาจา  จิตตสงั ขาร สภาพอนั แต่งจิต พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนา 50 ราม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook