Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมแผนการสอน ประถม และ ม.ต้น 2/63

รวมแผนการสอน ประถม และ ม.ต้น 2/63

Published by moolkaewkaew, 2021-04-08 02:39:57

Description: รวมแผนการสอน ประถม และ ม.ต้น

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 7 กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ (อ21102) ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 1 หนวยการเรียนรทู ี่ 6 Holidays เรอ่ื ง Can / Can’t เวลา 3 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2563 สอนวนั ท่ี 27 มกราคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชว้ี ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสือ่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเรื่องท่ีฟง และอา นจากส่ือประเภทตางๆ และแสดงความคิดเห็น อยางมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอขอมลู ขา วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตางๆ โดยการ พดู และการเขียน ตวั ช้ีวัด ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอความใหส ัมพันธก ับส่ือท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ท่อี า น ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจําวนั ประสบการณ และ สงิ่ แวดลอมใกลตัว 2. สาระสาํ คัญ/ความคิดรวบยอด การอานขอ มูลเกีย่ วกับวิธพี ักอยบู นชายหาดอยางปลอดภยั การพดู อภิปรายเกยี่ วกับประโยชนข องสง่ิ ตา งๆ ท่ชี ว ยใหป ลอดภัย และส่งิ ทีต่ องทําและไมตองทาํ เม่อื อยบู นชายหาด 3. จุดประสงคก ารเรียนรู - ปฏิบัตติ ามคําแนะนํางา ยๆ ที่อาน - จบั ใจความสาํ คัญจากการอานบทอาน - สนทนา แลกเปลยี่ นขอ มลู เกย่ี วกบั ประโยชนของสงิ่ ตางๆ ท่ีชว ยใหป ลอดภัย และส่งิ ที่ตองทาํ และไมตองทาํ เม่ืออยบู นชายหาด - ใชภาษาสอื่ สารในสถานการณจริง/สถานการณจ าํ ลองที่เกิดข้นึ ในหองเรียน 4. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค

1. นักเรยี นมรี ะเบียบวนิ ยั ในการทํางาน 2. นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบ 3. นักเรียนมคี วามมุงม่นั ในการทาํ งาน 5. สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู - คาํ แนะนาํ เกีย่ วกับความปลอดภยั เมื่ออยูบนชายหาด - การจับใจความสาํ คัญ เชน ใจความสําคัญ รายละเอียดสนับสนนุ - ภาษาทใ่ี ชในการสื่อสารระหวา งบคุ คล เชน การแลกเปล่ียนขอมลู เก่ียวกับสง่ิ แวดลอมใกลตัว และสถานการณต างๆ ในชีวติ ประจาํ วัน - การใชภ าษาส่ือสารในสถานการณจริง/สถานการณจ ําลองทเี่ กิดขนึ้ ในหองเรียน - The imperative, can /can’t 7. ภาระงาน/ ชิน้ งาน - worksheet 3 - แบบฝกหัดหนงั สือหนา 120 8. กจิ กรรมการเรยี นรู กิจกรรมนําสูการเรยี น 1. ครูบอกจดุ ประสงคการเรยี นรูของ Unit 10b ใหน ักเรยี นทราบวา จะไดเ รียนรูเรื่องความปลอดภัยในการทาํ กจิ กรรมทช่ี ายหาด ประโยคคําสง่ั และการใช can / can’t 2. นกั เรยี นดบู ทอานในหนังสือเรยี น หนา 100 แลวตอบคาํ ถามใน Ex. 1a (To predict the origin of a text) วา นักเรียนสามารถเหน็ บทอานนี้ไดท ี่ไหน โดยครถู ามคาํ ถามเพ่ือนาํ เขาสูการอภปิ รายแสดงความคิดเห็น และสนบั สนุนใหน ักเรียนใหเหตุผลประกอบคาํ ตอบ Suggested Answer Key T : Do you think the text is from an email? S1 : No, I don’t because there is no address or subject line, like in emails. T : Is it from a magazine? S2 : Yes, it is probably from a magazine because it is colourful and has lots of pictures.

กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู 1. นกั เรียนทํากจิ กรรม Ex. 1b (To listen and read for gist) ในหนงั สอื เรยี น หนา 101 โดยครอู ธบิ ายให นกั เรียนฟง วา เมื่อมีคนเขียนขอ ความขึน้ มาสัก 1 ขอความ เขาจะตองมีจดุ ประสงคบางอยา ง เชน เพอ่ื ความ บันเทิง เพื่อบอกกลา ว เพ่ือประกาศ และอื่นๆ จากน้ันครูใหนักเรยี นอา นบทอา นในหนา 100 แลว บอก จดุ ประสงคของผเู ขียน หรอื ครอู าจเปด CD 2 / Track 45 ใหน กั เรยี นฟง แลวดตู ามทลี ะประโยค The author wants to give us advice on how to protect ourselves at the beach. 2. นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หนา 101 Ex. 2 (To read for specific information) และบอกวา เชอื่ หรือไมว า ส่งิ ของแตละอยางจะทําใหเราปลอดภัยเมื่ออยบู นชายหาด แลวครใู หเวลานักเรยี นอานบทอา นใน หนา 100 และเขยี นประโยคเก่ียวกับประโยชนของส่งิ ของแตละอยางในภาพ แลวครตู รวจคาํ ตอบ จากน้นั ครู เรียกนกั เรยี นหลายๆ คน อา นออกเสียงบทอาน และครูตรวจสอบการออกเสยี ง Sunglasses protect your eyes against damage from ultra violet rays. Water keeps your body cool. A hat protects your head from the sun. Flip-flops protect your feet from the hot sand and broken glass. 3. นกั เรียนทาํ กิจกรรม Ex. 3 (To practise speaking using must/mustn’t) ในหนังสอื เรียน หนา 101 ครทู บทวนการใช must / mustn’t แลวใหน ักเรยี นยกตวั อยา ง และหาประโยคท่ีใช must/mustn’t ในบท อา น หนา 100 จากนัน้ นกั เรยี นจับคผู ลดั กนั บอกสง่ิ ท่ตี องทําและตองไมท ําเม่อื อยูบนชายหาด ครูเดินสังเกต การทํากจิ กรรมของนักเรยี น แลว ตรวจคําตอบ You must drink plenty of water. You must wear flip-flops. You must wear a hat. You mustn’t swim near windsurfers. 4. นกั เรยี นศกึ ษารูปประโยคคําสั่งในหนงั สือเรยี น หนา 101 Ex. 4 (To understand the use of the imperative) โดยครเู ขียนประโยค Put on your hat! บนกระดาน และอธบิ ายวา น่ีเปนประโยคคําสง่ั รูปบอก เลา แลวครเู ขยี นประโยค Don’t eat too much! บนกระดาน และอธิบายวิธีการสรา งประโยคคาํ สงั่ รูป ปฏิเสธ โดยการเติม Don’t หนา ประโยคคาํ สั่งรูปบอกเลา แลว ใหนกั เรียนฝก พูดประโยคคําส่งั ทง้ั รูปบอกเลา และปฏเิ สธ T : Stand up! S1 : Don’t stand up! T : Sit down!

S2 : Don’t sit down! T : Don’t open your book! S3 : Open your book! จากนั้นครใู หน ักเรียนหาตวั อยางประโยคคาํ ส่งั จากบทอาน แลวครตู รวจคําตอบของนักเรียน 1. Always put sunscreen on your skin to protect it from the hot sun! 2. Always wear sunglasses! 3. Drink plenty of water! 4. Always wear flip-flops on the beach! 5. Don’t swim after eating! 6. Always wear a hat! 7. Don’t swim near windsurfers! 5. นักเรยี นทํากิจกรรมใน Ex. 5 (To understand the correct word order when using the imperative in sentence) หนังสือเรยี น หนา 101 โดยเรยี งลาํ ดบั คาํ ในประโยค 1-5 ใหเ ปน ประโยคคาํ สัง่ ที่ ถกู ตอง แลว ครตู รวจคาํ ตอบบนกระดาน 1. Wear warm clothes. 2. Always ski with a partner. 3. Be careful of rocks. 4. Stop when you feel tired. 5. Don’t ski down steep hillsides. 6. นักเรยี นปดหนงั สือ แลว ครูเขียนประโยค You can park here. You can buy clothes here. You can’t talk in class. บนกระดาน และถามนักเรยี นวาประโยคใดแสดงความเปนไปได แสดงการอนุญาต และ แสดงการหา ม จากนัน้ ใหนกั เรยี นเปดหนงั สือเรียน หนา 101 อา นการใช can / can’t ในกรอบ Ex. 6a (To understand the use of can/can’t (permission)) และใหนกั เรยี นยกตวั อยาง 7. นกั เรยี นทํากิจกรรมใน Ex. 6b (To read signs and practise can/can’t; to check understanding through translation) หนงั สือเรยี น หนา 101 โดยจบั คูส ญั ลักษณกับความหมาย แลวครเู รียกนกั เรียน หลายๆ คน บอกคาํ ตอบของตนเอง จากนน้ั ใหนกั เรยี นแปลประโยคเปน ภาษาไทย ครูเนนวาครูแปลเปน ถอ ยคําท่ใี ชใ นภาษาไทยมากกวา การแปลตรงตวั 1. e 2. b 3. a 4. c 5. d

กจิ กรรมรวบยอด 1. ครอู ธิบายสถานการณ แลวใหน กั เรยี นดูขอความในหนงั สือเรียน หนา 101 Ex. 7 (To listen for specific information) และเดาวาคําทห่ี ายไปคือคําประเภทใด จากนั้นครเู ปด CD 2 / Track 46 ใหนกั เรยี นฟง และ เตมิ คําในขอ ความ ครูเปด CD 2 ครั้ง ถาจาํ เปน เสร็จแลว ใหน ักเรยี นเปรียบเทยี บคําตอบกับเพื่อน แลว ครู ตรวจคาํ ตอบบนกระดาน 1. Ireland 3. 4th 5. £300 2. Friday, 28th 4. coach 2. นกั เรียนทาํ แบบฝกหดั ใน Teacher’s Resource Pack & Tests (Module 10) หนา 59 Ex. 3 3. นักเรยี นทําแบบฝก หัด Unit 10b ใน Workbook หนา 81 Exs. 1-4 9. การวัดและการประเมินผล 7.1ประเมนิ การทาํ แบบฝกหดั 7.2สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรูใ นชว งการทาํ กิจกรรม 7.3ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค 7.4ประเมนิ การพดู บอกส่งิ ที่ตองทาํ และตองไมท ําเมือ่ อยบู นชายหาด 10. สอ่ื / แหลงการเรียนรู 1. หนงั สือเรยี น Access ม. 1 2. แบบฝกหดั Access ม. 1 3. Access Class Audio CDs ม. 1 (ประกอบหนังสือเรียน Access ม. 1) 4. CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-2

แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 8 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ (อ21102) ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 1 หนว ยการเรยี นรูที่ 5 Holidays เรอ่ื ง Imperative เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศกึ ษา 2563 สอนวันที่ 1 กุมภาพันธ พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชว้ี ดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขาใจและตีความเร่ืองที่ฟง และอานจากสื่อประเภทตางๆ และแสดงความคดิ เห็น อยางมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอขอมลู ขา วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตา งๆ โดยการ พูดและการเขียน ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอความใหสัมพันธกบั สื่อท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ทีอ่ า น ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจาํ วนั ประสบการณ และ สงิ่ แวดลอมใกลตวั 2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด การอานจดหมาย การสนทนาแลกเปล่ียนขอมลู เกีย่ วกับแผนการที่จะทําในฤดูรอน และการเขยี น จดหมายถงึ เพื่อนเพ่ือบอกแผนการที่จะทําในวนั หยุด 3. จดุ ประสงคการเรยี นรู - ตอบคาํ ถามจากการอานบทอา น - สนทนา แลกเปลี่ยนขอ มูลเก่ียวกบั แผนการท่ีจะทําในฤดูรอ น - เขยี นจดหมายถงึ เพื่อนเพื่อบอกแผนการที่จะทาํ ในวนั หยุด - ใชภาษา นํ้าเสยี ง และกิรยิ าทาทางสุภาพ เหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจาของภาษา - ใชภ าษาสอ่ื สารในสถานการณจริง/สถานการณจ าํ ลองท่เี กิดข้นึ ในหองเรยี น 4. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค

1. นักเรยี นมีระเบยี บวินัยในการทํางาน 2. นกั เรยี นมีความรับผดิ ชอบ 3. นกั เรียนมคี วามมุงม่นั ในการทํางาน 5. สมรรถนะสําคัญของผูเ รยี น ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคดิ 6. สาระการเรียนรู - คาํ ถามเกี่ยวกบั ใจความสาํ คัญ เชน Wh-Questions - ภาษาที่ใชใ นการส่ือสารระหวา งบุคคล เชน การแลกเปลย่ี นขอ มูลเกย่ี วกับตนเอง และกิจกรรม - ประโยคและขอความท่ีใชในการบรรยายเกีย่ วกับตนเอง และสิง่ แวดลอมใกลต ัว เชน การทอ งเทย่ี ว - การใชภ าษา น้าํ เสียง และกริ ยิ าทาทางในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจาของ ภาษา - การใชภ าษาสื่อสารในสถานการณจริง/สถานการณจ าํ ลองท่ีเกดิ ข้ึนในหองเรียน 7. ภาระงาน/ ชิ้นงาน - แบบฝก หดั Unit 10b ใน Workbook หนา 81 Exs. 1-4 - แบบฝกหัดใน Teacher’s Resource Pack & Tests (Module 10) หนา 59 Ex. 3 8. กิจกรรมการเรียนรู กจิ กรรมนําสกู ารเรียน 1. ครบู อกจุดประสงคการเรยี นรใู น Unit 10c วานกั เรียนจะไดเ รียนรเู กยี่ วกับการพูดและเขยี นถึงแผนการ ในอนาคต 2. นกั เรียนอา นชื่อหนว ยการเรียนรยู อ ย Unit 10c ในหนังสอื เรยี น หนา 102 แลวบอกวา นกั เรยี นจะเหน็ ขอ ความนใ้ี นสถานการณใด (a letter to a friend, an e-mail to a friend etc) กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู 1. นกั เรยี นดบู รรทัดแรกและบรรทัดสุดทา ยของบทอานในหนังสอื เรยี น หนา 102 แลวบอกวาเปน ขอความประเภทใด จากนน้ั นักเรยี นตอบคําถามใน Ex. 1 (To identify text type) แลวครูอธิบายวา นีเ่ ปนจดหมายแบบไมเปน ทางการ (จดหมายถงึ เพื่อน) และชใ้ี หเห็นวาปกตเิ ราจะขึน้ ตนและลงทา ย จดหมายในลักษณะนี้ It is a letter. Mary is the writer.

Sue is going to read it. 2. ครูใหเวลานักเรียนอา นจดหมายในหนังสอื เรียน หนา 102 อยางเงียบๆ แลวตอบคําถามใน Ex. 2 (To read for specific information) และครูตรวจคําตอบ และเรียกนักเรียนอา นออกเสียงจดหมาย ทีละคน 1. In Madrid. 2. Two weeks. 3. Her mother and father. 4.They are going to do a lot of sightseeing, see the Palacio Real, the Opera house, the Plaza de España and the Botanic Gardens. Mary’s father is going to take them to the Prado Museum. Her mother is going to go shopping. Mary is going to taste as many local dishes as possible. 3. นกั เรยี นศึกษาเกี่ยวกบั การใชภาษาไมเปน ทางการ (informal language) ในหนงั สือเรียน หนา 102 หัวขอ Learning to learn โดยครใู หน กั เรยี นอา นขอความในกรอบ และอธบิ ายวา เมือ่ เราเขียน จดหมายถึงเพื่อน เราจะใชภ าษาและรูปแบบท่ีไมเปน ทางการ (ใชค าํ ยอ, ใชภ าษองั กฤษใน ชวี ติ ประจําวัน) 4. นักเรยี นทํากจิ กรรม Ex. 3 (To understand the use of informal language) ในหนงั สือเรยี น หนา 102โดยครูใหเวลานักเรียนอานจดหมายเรว็ ๆ และหาตวั อยางประโยคภาษาไมเ ปนทางการ จากนั้นครู ใหนกั เรยี นบอกตัวอยางทห่ี าพบ Contractions: We’re really excited. / We’re going to / I’m going to Everyday language: The place is fantastic. / There are a million things to do. / do a lot of / Mum can’t wait / Well, that’s all my news / See you 5. นกั เรียนอานขอความทคี่ ดั ลอกมาในหนังสือเรียน หนา 102 Ex. 4 (To identify and correct grammar and spelling mistakes) แลว หาขอผิดพลาดในการสะกดคําและไวยากรณ และแกไขให ถกู ตอง จากนน้ั ครใู หนักเรียนจับคอู ภิปรายและเปรยี บเทยี บขอผิดพลาดที่แกไ ขถูกตอ งแลวกบั เพือ่ น แลว ครตู รวจคําตอบ How are you? My family and I are going to Malta next week. We’re going to travel there by boat. We’re going to stay at a nice hotel near the beach. I’m going to sunbathe every day.

6. นกั เรยี นทํากิจกรรมในหนงั สอื เรยี น หนา 102 Ex. 5 (To practise talking about plans) โดยครู เขยี นหัวขอ Holiday destinations, Accommodation, Activities บนกระดาน ใหน ักเรยี นบอกคาํ ทอ่ี ยใู น แตละหวั ขอ และครูเขยี นบนกระดาน จากนัน้ ใหน กั เรียนจนิ ตนาการวาตนเองอยูในวันหยดุ แลวจบั คพู ูดถึงแผนการในฤดูรอนโดยใชขอ มูล บนกระดาน ครสู ังเกตการทาํ กิจกรรมของนักเรยี น และใหน กั เรียนหลายๆ คู ออกมาสนทนาหนาช้นั เรียน Suggested Answer Key I am in Italy with my family. We are going to stay here for three weeks. We are going to visit many places and stay in different hotels. I am going to go swimming every day. My sister is going to buy lots of souvenirs and my mother is going to do lots of shopping. My father is going to take us on a boat ride on a gondola in Venice! กิจกรรมรวบยอด 1. นักเรียนทาํ กจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา 102 Ex. 6 (To write a letter to your friend about your holiday plans) โดยใชคําตอบจาก Ex. 5 มาเขยี นจดหมายถึงเพื่อนเพื่อบอกแผนการท่ีจะทาํ ใน วนั หยุด ครูมอบหมายใหน ักเรียนทาํ เปน การบา น Suggested Answer Key Dear Sue, Hi! How are you? We arrived in Paris last night and we’re really tired. First of all, we’re going to get some rest and then see the Eiffel Tower.

Then we are going to take a boat trip on the Seine. My mother is going to shop in Lafayette’s. She really can’t wait. My dad is also going to take us to EuroDisney. As for me, I’m going to take lots of photos. That’s all my news. See you in a few weeks. Love, Stella 2. นกั เรียนทาํ แบบฝกหัด Unit10c ใน Workbook หนา 82 Exs. 1-2 9. การวัดและการประเมินผล - ประเมินการทําแบบฝก หดั - สังเกตพฤติกรรมการเรียนรใู นชวงการทาํ กิจกรรม - ประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค - ประเมินผลการเขียนจดหมายถึงเพื่อน เพ่ือบอกแผนการที่จะทาํ ในวันหยดุ 10. สอ่ื / แหลง การเรียนรู 1. หนงั สอื เรยี น New world ม. 1 2. แบบฝก หดั New world ม. 1

แผนการจดั การเรียนรทู ่ี 9 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ (อ21102) ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 1 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 6 Holidays เรอื่ ง Present Continuous Tense เวลา 2 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 2 ปการศึกษา 2563 สอนวันท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ช้ีวดั สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเรื่องที่ฟง และอานจากสื่อประเภทตางๆ และแสดงความคิดเหน็ อยา งมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอขอมูลขาวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตางๆ โดยการ พูดและการเขียน ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอความใหส ัมพันธกบั สื่อท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ทอ่ี าน ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วัน ประสบการณ และ ส่ิงแวดลอมใกลตัว 2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การเลน เกมเพ่ือทดสอบความรเู กยี่ วกบั ประเทศสกอตแลนด และการอภปิ รายแลกเปลี่ยนขอมลู เก่ยี วกบั สถานทท่ี องเทยี่ ว ประวัติศาสตร และวัฒนธรรมของประเทศไทยเพ่ือสรา งเกมกระดาน 3. จดุ ประสงคการเรยี นรู - อภิปรายแลกเปลย่ี นขอมูลเกีย่ วกบั สถานที่ทอ งเท่ียว ประวตั ศิ าสตร และวฒั นธรรมของประเทศไทย - เขา รวมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ - ใชภ าษาสือ่ สารในสถานการณจรงิ /สถานการณจ าํ ลองทีเ่ กิดขนึ้ ในหองเรียน 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค 1. นกั เรยี นมีระเบียบวนิ ัยในการทํางาน 2. นกั เรียนมีความรบั ผิดชอบ

3. นักเรยี นมีความมุงม่นั ในการทาํ งาน 5. สมรรถนะสําคญั ของผเู รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู - ภาษาทใ่ี ชในการสอื่ สารระหวางบุคคล เชน การแลกเปล่ียนขอ มลู เกีย่ วกับสิ่งแวดลอ มใกลต ัว - กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน การเลน เกม - การใชภ าษาสื่อสารในสถานการณจรงิ /สถานการณจําลองท่ีเกิดขนึ้ ในหองเรยี น 7. ภาระงาน / ช้นิ งาน เลน เกมในหนังสือเรยี น หนา 103 Ex. 1 (To learn about Scotland through playing a game) 8. กจิ กรรมการเรียนรู กจิ กรรมนาํ สูการเรยี น 1. ครูนาํ เขาสบู ทเรียนดว ยการชี้แจงใหนักเรียนทราบวา หนว ยการเรียนรยู อย Unit 10d นี้ นกั เรียนจะได เรยี นรูเกย่ี วกับสถานท่ีสาํ คญั และสถานท่ที องเทย่ี วในประเทศสกอตแลนด 2. ครบู อกขอมูลพื้นฐานของประเทศสกอตแลนดใ หนักเรียนทราบวา ประเทศสกอตแลนดอยูท างทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือของทวปี ยุโรป เปน 1 ใน 4 ประเทศ ซงึ่ มาจากสหราชอาณาจกั ร เมืองหลวงคือ เอ ดินเบริ ก ประเทศสกอตแลนดมีประชากรประมาณ 5 ลา นคน กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู 1. ครูถามนักเรยี นวารูอะไรเก่ียวกับประเทศสกอตแลนดบาง แลวครูใชแผนท่อี ธบิ ายทตี่ ้ังของประเทศ สกอตแลนด และใหนกั เรยี นคิดเกีย่ วกบั สถานท่ีทองเท่ยี ว ประวัติศาสตร และวฒั นธรรม จากน้นั ให นักเรียนอานขอ มูลเก่ียวกบั ประเทศสกอตแลนดในหนงั สอื เรยี น หนา 103 และครูอธบิ ายคาํ ศัพทท ่ี นกั เรียนไมร ู 2. ครูใหน ักเรียนเลนเกมในหนังสอื เรียน หนา 103 Ex. 1 (To learn about Scotland through playing a game) โดยครูอธบิ ายกติกาการเลน เกมวา ใหนักเรยี นโยนเหรยี ญเพ่ือดจู าํ นวนชอ งทีจ่ ะ เดนิ ในแตละครง้ั ถานักเรยี นเดนิ ไปหยดุ บนส่ีเหลีย่ มสเี ขียวใหท ําตามคําสงั่ ในส่ีเหลีย่ มน้นั สําหรบั สเ่ี หลย่ี มสีมว งเมื่อเดนิ ไปหยดุ บนนน้ั ใหนกั เรียนตอบคาํ ถาม ถานกั เรยี นตอบถูกตอง จะไดโยนเหรียญ อกี ครั้ง นกั เรียนไมสามารถเลน ไดมากกวา 2 ครงั้ ใน 1 รอบ ครูตอ งแนใจวานักเรยี นแตละคนมตี ัวเดนิ ซง่ึ ใชเ ลนเกม อาจเปนยางลบ กบเหลาดนิ สอ หรือของชิ้นเลก็ ๆ ก็ได จากนนั้ ใหนักเรยี นเลนเกมเปนคู หรอื เปนกลมุ กลุมละ 3 คน ครสู ังเกตการทํากจิ กรรมขณะนักเรยี นเลนเกม และใหค วามชว ยเหลอื ถา จาํ เปน

กจิ กรรมรวบยอด 1. นักเรียนทาํ โครงงานในหนังสือเรยี น หนา 103 Ex. 2 (To create a board game) โดยใหน กั เรยี นสรา ง เกมกระดานเกยี่ วกับประเทศไทย ครอู ธบิ ายวานกั เรยี นสามารถจาํ กัดเกมของตนเองใหอ ยูใน 1 พนื้ ท่ี / 1 เมอื ง / 1 จังหวัด หรือท้ังประเทศกไ็ ด จากนนั้ ใหนักเรียนแบงกลุมอภปิ รายเกีย่ วกบั สถานทที่ อ งเทย่ี ว ประวัติศาสตร และวฒั นธรรม แลวสรา งเกมกระดาน เสรจ็ แลว นํามาแลกเปลี่ยนกนั เลน กับกลุมอ่ืนๆ Suggested Answer Key Students’ own answers 2. นกั เรยี นทาํ แบบฝกหดั ใน Teacher’s Resource Pack & Tests (Module 10) หนา 60 Exs. 5-6, Portfolio Activities หนา 63 และเลน เกมในหนา 64 3. นกั เรียนทําแบบฝก หดั Unit 10d ใน Workbook หนา 83 Exs. 1-2 โดยใน Ex. 2 ใหน กั เรยี นฟง Access Workbook Audio CD ม. 1 / Track 20 ประกอบการทําแบบฝกหดั 9. การวดั และการประเมนิ ผล - ประเมนิ การทําแบบฝก หัด - สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรใู นชวงการทาํ กิจกรรม - ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค - ประเมินผลการอภิปรายเก่ยี วกบั สถานที่ทองเที่ยว ประวตั ศิ าสตร และวฒั นธรรมของประเทศไทย แลวนาํ ขอมูลมาสรางเกมกระดาน 10. สื่อ / แหลง การเรียนรู 1. หนังสือเรยี น New world ม. 1 2. แบบฝก หดั New world ม. 1 3. Access Workbook Audio CD ม. 1 (ประกอบแบบฝก หัด New world ม. 1 และ Teacher’s Resource Pack) 4. CD หนงั สอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-2-3 5. แผนที่

แผนการจดั การเรยี นรูท่ี 10 กลุมสาระการเรยี นรูภาษาตางประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ (อ21102) ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 1 หนว ยการเรียนรูท่ี 7 Do you have a table ? เร่อื ง Verb to have เวลา 2 ชัว่ โมง ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศึกษา 2563 สอนวันที่ 15 กุมภาพนั ธ พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพ่อื การสือ่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเรื่องที่ฟง และอา นจากสื่อประเภทตางๆ และแสดงความคิดเหน็ อยางมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอขอมูลขา วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตางๆ โดยการ พดู และการเขียน ตวั ช้ีวัด ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอความใหส ัมพันธกบั สื่อที่ไมใชความเรียง (non-text information) ทอี่ าน ต 1.3 ม.1/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วนั ประสบการณ และ สง่ิ แวดลอมใกลตวั 2. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด หนว ยการเรียนรนู ีม้ จี ุดมุงหมายใหนักเรียนเรยี นรคู ําศัพท การออกเสยี ง โครงสรางประโยค หนา ท่ีทาง ภาษาและ วฒั นธรรมเก่ยี วกบั สัตวแ ละสง่ิ ของท่ตี นเปนเจาของโดยผา นการฝกทักษะการระบปุ ระโยคใหสัมพันธ กบั ภาพ การอานออกเสียงและการอานบทสนทนาเกย่ี วกบั สิง่ ของท่ีตนเปน เจาของ 3. จดุ ประสงคการเรียนรู - นกั เรียนเรียนรคู ําศัพท การออกเสยี ง โครงสรางประโยค หนา ท่ีทางภาษาและ วัฒนธรรมเกี่ยวกับ สตั วแ ละสิ่งของทต่ี นเปน เจา ของโดยผา นการฝกทกั ษะการระบปุ ระโยคใหสมั พนั ธกับภาพ - การอานออกเสียงและการอานบทสนทนาเก่ียวกบั ส่ิงของทต่ี นเปนเจาของ การฟง บทสนทนา เกี่ยวกบั สตั วเ ล้ียง พดู ถาม-ตอบขอ มูลเกีย่ วกบั สัตวเ ล้ียงและส่งิ ของทตี่ นช่ืนชอบ - การอา นบทความเกย่ี วกับสัตวแสนรู การเขยี นบรรยายสัตวเลีย้ งของตนเอง การนําเสนอขอมลู สตั ว แสนรทู ัง้ ในประเทศกลุมอาเซียนและประเทศทั่วโลก 4. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค

1. นักเรียนมรี ะเบียบวินยั ในการทาํ งาน 2. นักเรียนมคี วามรับผดิ ชอบ 3. นักเรียนมีความมุงมัน่ ในการทํางาน 5. สมรรถนะสําคญั ของผเู รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ 6. สาระการเรียนรู - รูคาํ ศัพท การออกเสียง โครงสรา งประโยค - หนา ทที่ างภาษาและ วฒั นธรรมเกยี่ วกับสตั วและสิ่งของที่ตนเปนเจา ของโดยผานการฝก ทักษะการระบุประโยคใหสมั พนั ธกับภาพ - การอา นออกเสยี งและการอานบทสนทนาเกยี่ วกับสง่ิ ของที่ตนเปน เจาของ การฟง บทสนทนา เกยี่ วกับสัตวเล้ียง พดู ถาม-ตอบ 7. ภาระงาน / ชน้ิ งาน - ครูใหนกั เรียนทาํ แบบฝกหัด ขอ A-C ในหนังสอื แบบฝกหัด New World 1 หนา 21-22 (ดเู ฉลยทาย เลม ) หลังจากเสร็จสิ้นการทาํ กจิ กรรม Language Check ในหนงั สือเรียน หนา 33 8. กิจกรรมการเรียนรู 1. นาํ เขา สูบทเรยี น - ครูสอบถามนกั เรยี นเก่ยี วกบั ส่ิงท่ไี ดเ รียนในแผนการเรียนรูกอนหนา นี้ - ครูใหนักเรยี นชวยกันบอกคําศัพทเกย่ี วกบั สัตวเลี้ยงและสิ่งของที่นกั เรียนมีในครอบครอง - ครใู หนกั เรยี นคาดเดาสงิ่ ทีจ่ ะไดเ รียนในแผนการเรยี นรูน ี้ โดยถามนกั เรยี นวา What do you think you are going to study today? 2. แจง จุดประสงคการเรยี นรู - ครูบอกนักเรียนวาในหนวยการเรียนรนู ี้นกั เรียนจะตอ งสามารถอานออกเสียงบทสนทนาเก่ียวกับสัตว เลยี้ งและสงิ่ ของทตี่ นเปนเจาของได - ครูสอบถามนักเรียนเกี่ยวกบั ส่ิงของทนี่ กั เรียนสะสมดงั นี้ - Do you collect anything? - What do you collect? - ครูสอบถามนกั เรยี นเกี่ยวกับสัตวเลยี้ งของนักเรยี นดงั นี้ - What pets do you have at home? - What are your pets called? - What are the favorite pets in this country? - ครูอานออกเสียงชื่อหนวยการเรียนรูท่ี 5 เรือ่ ง Do You Have a Tablet? ในหนงั สอื เรยี น หนา 32 แลว ถามนกั เรยี นดังนี้ - What do you think this unit will be about?

- ครบู อกนักเรยี นวาในหนวยการเรียนรูนีน้ กั เรียนตอ งสามารถตอบคาํ ถามจากการระบุประโยคใหสัมพันธ กบั ภาพสัตวและส่ิงของได กิจกรรม New Language 1. เสริมสรา งความรดู า นคําศัพท - ครูใหน กั เรยี นดภู าพในหนังสือเรียน หนา 32-33 แลว ถามนักเรียนคนหนึ่งดังนี้ - Do you have a tablet? - Do you have a smartphone? - Do you have a parrot? - ครอู านออกเสยี งคําส่ังกจิ กรรม New Language ในหนังสือเรยี น หนา 32 แลวบอกนกั เรียนวากจิ กรรม น้ีนักเรียนตองทาํ เครื่องหมาย � หนาส่งิ ของและสัตวเ ลย้ี งทน่ี ักเรยี นมีครอบครอง - ครยู กตัวอยางการทํากิจกรรมโดยชหู นังสือแลวทําเคร่อื งหมายทีภ่ าพกีตารและจักรยานแลว พดู วา I have a guitar and a bike. - ครูใหนกั เรยี นทํากจิ กรรม New Language จากน้นั ครูสุมใหนักเรียนบอกสงิ่ ของและสัตวเลย้ี งทีน่ ักเรียน มคี รอบครอง - ครูใหน กั เรยี นบอกคาํ ศัพทท ี่นักเรยี นไมทราบความหมาย จากน้ันครูแนะนําใหนักเรยี นใชภาพเปน เคร่อื งมือในการเดาความหมายของคําศัพททนี่ ักเรียนไมท ราบความหมาย 2. ฟง การออกเสยี งคําศัพท - ครใู หนักเรียนฟงซีดีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 31 กจิ กรรม New Language ในหนงั สือเรียน หนา 32 พรอ มกบั ใหนักเรยี นชท้ี ภี่ าพสิ่งของตามลาํ ดบั ท่ไี ดย ินจากซีดบี ันทึกเสียง - ครูใหนกั เรียนฟง ซดี บี ันทึกเสียง รอบที่ 2 พรอ มกับใหนักเรียนช้ที ่ีภาพส่ิงของตามทไ่ี ดย นิ แลวสังเกตการ อานออกเสียงคาํ ศัพทเหลานั้น - ครูอานออกเสียงคาํ ศพั ทส ่งิ ของและสตั วในภาพของกจิ กรรม New Language ในหนังสอื เรียน หนา 32-33 โดยสมุ อา นแบบไมเ รียงลาํ ดับภาพ และใหน ักเรยี นชี้ที่ภาพตามคาํ ศัพทท่ีครูอาน - ครูใหนกั เรียนฟงซดี ีบันทกึ เสียง CD 1 Track 32 กิจกรรม New Language ในหนงั สือเรยี น หนา 33 พรอมกบั ใหนักเรียนชท้ี ่ภี าพสัตวเ ลย้ี งตามลําดับท่ีไดย ินจากซีดบี ันทึกเสยี ง - ครใู หน กั เรียนฟงซดี บี ันทึกเสียง รอบท่ี 2 พรอมกบั ใหนักเรยี นช้ที ่ภี าพสัตวเลีย้ งตามท่ีไดยนิ แลวสงั เกต การอานออกเสยี งคําศัพทเ หลานน้ั 3. อานออกเสียง - ครูใหน ักเรยี นฟง ซีดบี ันทกึ เสียง CD 1 Track 31 พรอมกับใหน กั เรยี นอา นออกเสียงตามซีดีบันทกึ เสยี ง ทีละคํา - ครใู หน ักเรยี นฟง ซดี บี นั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 32 พรอ มกบั ใหน กั เรียนอานออกเสยี งตามซีดีบันทึกเสยี ง ทีละคาํ - ครใู หนกั เรยี นจับคูกบั เพอื่ นแลว ใหน กั เรียนสลับกนั อา นออกเสยี งคําศัพทส ิง่ ของและสตั วของกจิ กรรม New Language แบบไมเรียงลําดับตามภาพ และใหค ูของตนช้ีภาพตามที่ตนอาน กจิ กรรม Pronunciation 1. ตรวจสอบความรเู ดมิ ดา นการออกเสยี ง - ครอู านออกเสียงคาํ สง่ั กจิ กรรม Pronunciation ในหนังสอื เรียน หนา 33 พรอมกบั อธิบายวา กจิ กรรม น้ีนักเรยี นจะไดฟ งและออกเสียงประโยคท่ีมี “does” อยูในประโยค

- ครูใหน ักเรียนอาสาสมคั รอานออกเสียงประโยคคําถามทีใ่ หมาในกจิ กรรม Pronunciation ครูยงั ไมบ อก วา นักเรียนอานออกเสียงประโยคถูกตองหรือไม 2. ฟงการออกเสยี งประโยค - ครูใหนกั เรียนฟง ซีดบี นั ทกึ เสียง CD 1 Track 33 กจิ กรรม Pronunciation พรอมกับใหนกั เรยี นสังเกต การออกเสยี ง “does” ในประโยค - ครอู ธิบายวา “does” ในประโยคคาํ ถามจะถกู ออกเสียงแบบลดเสียงเพราะเสยี งสระจะเปนเสียงท่ีไมลง เสยี งหนัก - ครใู หน กั เรียนฟง ซดี ีบันทึกเสียง รอบที่ 2 เพื่อใหนักเรยี นสังเกตการออกเสียงประโยคคําถามอีกครัง้ - ครูใหนักเรียนฟงซีดีบันทึกเสียง รอบที่ 3 ครูหยุดซีดีบันทึกเสียงเม่ือจบแตละประโยคคําถาม และให นักเรยี นออกเสียงตาม 3. เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา งของการออกเสียง - ครเู ขียนประโยคตอไปนบ้ี นกระดาน 1. Is that your video game console? นั่นใชเ ครอ่ื งเลนวดิ ิโอเกมของคุณหรือไม? 2. Do you have a smartphone? คณุ มีสมารทโฟนหรือไม? 3. Does she have a rabbit? เธอมีกระตายหรอื ไม? - ครูใหนักเรียนอาสาสมัครอานประโยคบนกระดานคนละ 1 ขอ - ครูใหนักเรียนทํางานกลุม กลุมละ 6 คน แลวใหสมาชิกในกลุมนําเสนอความคิดเห็นเก่ียวกับการออก เสียงประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยบนกระดานวามีความเหมือนหรอื แตกตา งกนั อยางไร - ครใู หนักเรยี นแตล ะกลุมออกมานําเสนอขอมูลหนาช้ันเรียน พรอมยกตัวอยางประโยคคําถามและสาธิต การอานออกเสยี ง 4. ประเมินการเปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกตางของการออกเสียง - ครูประเมินการเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตางของการออกเสียงประโยคคําถาม ภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยโดยใชเกณฑการประเมินการนาํ เสนอ และใชเกณฑผ า นระดับพอใช กิจกรรม Practice 1. ฟง การออกเสียงบทสนทนา - ครูอา นออกเสียงคาํ ส่ังกจิ กรรม Practice ในหนงั สอื เรียน หนา 33 พรอมกับอธิบายวธิ ีการทํากจิ กรรม - ครูใหนักเรียนฟงซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 34 กิจกรรม Practice บทสนทนาท่ี 1 และสังเกตการ อ อ ก เ สี ย ง บทสนทนาทั้งท่ีเปนประโยคคําถามและประโยคคําตอบโดยใหสังเกตการออกเสียง do/don’t เปน พิเศษ - ครูใหนักเรียนฟงซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 34 กิจกรรม Practice บทสนทนาท่ี 2 และสังเกตการ อ อ ก เ สี ย ง บทสนทนาท้ังทเี่ ปน ประโยคคาํ ถามและประโยคคาํ ตอบโดยใหสังเกตการออกเสยี ง does เปนพิเศษ

- ครูใหนักเรียนฟงซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 34 กิจกรรม Practice บทสนทนาที่ 3 และสังเกตการ อ อ ก เ สี ย ง บทสนทนาท้งั ทเ่ี ปน ประโยคคาํ ถามและประโยคคาํ ตอบโดยใหสังเกตการออกเสียง is เปนพิเศษ - ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วาในประโยคคําตอบเสยี งสระจะเปนเสยี งที่ไมตองออกเสยี งแบบลดเสียง เชน คําถาม Does he? เสยี ง /h/ จะเปน เสียงทีไ่ มตองออกเสียง Does she? s กับ sh จะถูกออกเสยี งแบบควบกัน 2. การอานออกเสียงบทสนทนา - ครใู หนักเรยี นฟงซดี ีบนั ทกึ เสียง CD 1 Track 34 กิจกรรม Practice บทสนทนาท่ี 1-3 ครูหยดุ ซดี ี บนั ทึกเสยี งทุกครัง้ ที่ซีดีอา นจบแตละประโยค และใหนักเรียนอานออกเสียงตาม - ครใู หนักเรยี นคนหนึ่งมาเปน คูสนทนากับครู ครูและนกั เรยี นสลบั กันรบั บทบาทเปน A และ B โดยเนน การอา นออกเสียงบทสนทนาที่กําหนดมาใหในกิจกรรม Practice บทสนทนาท่ี 1-3 อยางถกู ตองตาม หลกั การอาน 3. ตรวจสอบการอา นออกเสยี งบทสนทนา - ครใู หนักเรียนจับคกู ับเพ่ือนเพ่ือทํากิจกรรม Practice บทสนทนาท่ี 1-3 โดยใหน ักเรียนสลบั บทบาทกนั เปน A และ B - ครูเดนิ สํารวจการทํากิจกรรมของนักเรียน เม่ือนกั เรียนทํากิจกรรมเสร็จสิ้นแลว ครสู ุมใหนกั เรยี นบางคู ออกมานาํ เสนอการอานออกเสยี งบทสนทนาหนาช้ันเรียน 4. ประเมินการอานออกเสยี งบทสนทนา - ครูประเมนิ การอานออกเสยี งบทสนทนาเกี่ยวกบั สตั วเล้ยี งและสงิ่ ของท่ีตนเปนเจาของจากการทํา กิจกรรม Practice ในหนงั สือเรียน หนา 33 โดยใชแ บบประเมนิ การสนทนากิจกรรมคู และใชเกณฑ ผานระดบั พอใช - 9. การวัดและการประเมนิ ผล - ประเมนิ การทําแบบฝกหัด - สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรใู นชว งการทํากิจกรรม - ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค - ประเมินผลการอภปิ รายเกี่ยวกับสถานทที่ องเท่ยี ว ประวตั ศิ าสตร และวัฒนธรรมของประเทศไทย แลว นําขอ มูลมาสรางเกมกระดาน 10. ส่อื / แหลงการเรียนรู 1. หนงั สอื เรยี น New World 1 หนา 33 2. ซีดบี ันทกึ เสยี ง 3. เครื่องเลนซดี ี

แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 10 กลุม สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ วิชาภาษาองั กฤษ (อ21102) ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 1 หนวยการเรยี นรูท ี่ 7 Do you have a table ? เร่ือง Yes/ No Question เวลา 2 ชัว่ โมง ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศกึ ษา 2563 สอนวนั ที่ 8 มนี าคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชว้ี ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขาใจและตีความเรื่องท่ีฟง และอานจากสื่อประเภทตางๆ และแสดงความคดิ เห็น อยางมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอมูลขาวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองตางๆ โดยการ พูดและการเขียน ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและขอความใหส ัมพันธก ับสื่อท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ที่อาน ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวตั รประจําวนั ประสบการณ และ ส่ิงแวดลอมใกลตัว

2. สาระสาํ คญั /ความคดิ รวบยอด หนว ยการเรียนรนู ้ีมีจุดมุงหมายใหนักเรยี นเรียนรูคําศัพท การออกเสยี ง โครงสรา งประโยค หนา ที่ทาง ภาษาและ วฒั นธรรมเกี่ยวกับสัตวและสิ่งของที่ตนเปนเจาของโดยผานการฝกทักษะการระบปุ ระโยคใหส ัมพันธ กบั ภาพ การอา นออกเสียงและการอานบทสนทนาเก่ียวกบั สง่ิ ของท่ตี นเปนเจาของ 3. จดุ ประสงคก ารเรียนรู - นักเรียนเรียนรคู ําศัพท การออกเสียง โครงสรางประโยค หนา ท่ีทางภาษาและ วัฒนธรรมเกย่ี วกบั สัตวแ ละสิ่งของที่ตนเปน เจา ของโดยผา นการฝกทกั ษะการระบุประโยคใหสมั พนั ธกับภาพ - การอา นออกเสียงและการอานบทสนทนาเกย่ี วกับสงิ่ ของทตี่ นเปนเจาของ การฟง บทสนทนา เกีย่ วกับสัตวเ ล้ียง พดู ถาม-ตอบขอ มลู เกีย่ วกบั สตั วเลีย้ งและสงิ่ ของทต่ี นชน่ื ชอบ - การอา นบทความเก่ยี วกบั สัตวแสนรู การเขยี นบรรยายสัตวเลี้ยงของตนเอง การนาํ เสนอขอมลู สัตว แสนรูทงั้ ในประเทศกลุมอาเซียนและประเทศทว่ั โลก 4. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค 1. นักเรียนมรี ะเบยี บวนิ ยั ในการทํางาน 2. นกั เรยี นมีความรบั ผิดชอบ 3. นกั เรยี นมีความมุงมน่ั ในการทํางาน 5. สมรรถนะสําคัญของผูเ รียน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรยี นรู - รคู ําศพั ท การออกเสียง โครงสรา งประโยค - หนา ท่ที างภาษาและ วัฒนธรรมเก่ียวกับสตั วแ ละสงิ่ ของที่ตนเปน เจา ของโดยผา นการฝก ทักษะการระบุประโยคใหส มั พันธกบั ภาพ - การอานออกเสยี งและการอานบทสนทนาเก่ียวกับส่งิ ของท่ีตนเปน เจาของ การฟงบทสนทนา เก่ยี วกับสตั วเล้ยี ง พดู ถาม-ตอบ 7. ภาระงาน / ช้นิ งาน - แบบฝกหดั ขอ F ในหนงั สอื แบบฝก หดั New World 1 หนา 23 (ดูเฉลยทายเลม) หลังจากเสร็จสิน้ การ ทํากิจกรรม About the Conversation 8. กิจกรรมการเรียนรู

1. นาํ เขาสูบ ทเรียน - ครูใหนักเรียนดูสมารทโฟนของครูแลวพูดกับนักเรียนวา I have a smartphone. I don’t have a video game console. ครถู ามนกั เรียนดังนี้ - What things do you have? - What pets do you have? - ครถู ามนักเรยี นบางคนดังนี้ - Do you have a cat? - Do you have a motorcycle? - ครูสุม ถามนักเรยี นเพ่อื ใหไดคําตอบทงั้ Yes, I do. และ No, I don’t. 2. แจงจดุ ประสงคการเรยี นรู - ครบู อกนักเรียนวา ในหนว ยการเรยี นรนู ้ีนกั เรียนจะตองสามารถถาม-ตอบเก่ียวกบั สงิ่ ของทต่ี นเปน เจา ของได กจิ กรรม Grammar กิจกรรมกอนพดู 1. ทบทวนความรูเ ดมิ ดานคําศพั ท - ครูใหน ักเรียนดูภาพสัตวและส่ิงของจากกจิ กรรม Grammar B ในหนังสือเรียน หนา 36 จากน้ันครชู ีท้ ีละ ภาพตามลําดบั จากขอ 1 ถึง 6 แลวถามนกั เรียนดังนี้ - What is this? - Do you have ? (สตั วห รือส่ิงของในภาพ) 2. ทบทวนความรเู ดมิ ดานโครงสรางประโยค - ครูเขียนคําวา watch และ laptop บนกระดานแลว ใหน กั เรยี นแตงประโยคคําถามถามครู โดยใช โครงสรางประโยค Verb have ครตู อบคําถามโดยใชป ระโยคแบบสมบูรณ - ครูเขียนประโยคคาํ ถามของนักเรยี นและประโยคคาํ ตอบบนกระดาน ดังน้ี Ss: Do you have a watch? T: No, I don’t have a watch. Ss: Do you have a laptop? T: Yes, I have a laptop. - ครเู ขยี นคาํ วา Jeans, car และ blu-ray player บนกระดานแลวใหน ักเรยี นจบั คกู บั เพอื่ นเพอื่ ให นักเรยี นสลบั กนั ถาม-ตอบโดยใชโครงสรา งประโยค Verb have และใชข อมูลของนักเรยี นตามความ เปนจริงในการตอบคําถาม กจิ กรรมการพดู 1. อธบิ ายวธิ ีการทํากจิ กรรม - ครูอา นออกเสียงคําส่งั กจิ กรรม Grammar B ในหนงั สือเรียน หนา 36 ครูอธบิ ายวธิ ีการทํากิจกรรมแลว ใหน ักเรยี นอาสาสมคั ร 2 คนอา นตัวอยางบทสนทนาที่ใหม า - ครสู าธิตวิธีการทาํ กิจกรรมโดยเขยี นคาํ วา camera บนกระดาน แลวใหน ักเรียน 2 คนพูดถาม-ตอบตาม ตั ว อ ย า ง บทสนทนาทใ่ี หมาแตเ ปลย่ี นคาํ ศพั ทจาก laptop เปน camera ดงั น้ี A: Do you have a camera?

B: Yes, I do. It’s a Samsung. - ครูใหน ักเรยี นจบั คูกบั เพอ่ื นเพ่ือทาํ กจิ กรรม Grammar B ครเู ดินสาํ รวจการทํากจิ กรรมของนกั เรยี น 1. นําเขา สบู ทเรยี น - ครูใหน ักเรยี นเปด หนังสือเรยี น หนา 34 ครอู า นออกเสยี งหัวขอกจิ กรรม Listening - ครูใหนักเรียนดภู าพหญงิ วัยรุน กบั แมวในหนังสือเรียนหนาเดิมแลว ใหนักเรียนพดู บรรยายเกี่ยวกับภาพ โดย ครูใชคาํ ถามเปนตัวกระตนุ ดงั น้ี - What do you see in this picture? - ครูใหนักเรยี นคาดเดาสิ่งท่จี ะไดเ รยี นในบทเรยี นน้ี โดยถามนกั เรยี นดังน้ี - What do you think this section is about? - What do you think you are going to listen to? 2. แจง จุดประสงคการเรยี นรู - ครบู อกนักเรียนวาในหนวยการเรยี นรนู ้ีนกั เรยี นตอ งสามารถตอบคาํ ถามจากการฟงบทสนทนาเก่ยี วกับ สตั วเล้ยี งได กิจกรรม Listening กิจกรรมกอ นฟง 1. เสรมิ สรา งความรดู า นคําศัพท - ครูใหน ักเรียนอาสาสมัครอานออกเสียงคําส่งั และโจทยข องกิจกรรม Listening ในหนังสอื เรยี นหนา เดิม ครู ใหน ักเรยี นในชน้ั เรียนอา นตามในใจ - ครูอธบิ ายคําศพั ทใหมท่อี ยูในบทสนทนาเกีย่ วกบั สตั วเลย้ี งที่นักเรียนกําลังจะไดฟง คือคําวา trouble (ดู ขอ มูลดา น คําศัพท) 2. ต้งั จุดประสงคการฟง - ครูใหนักเรียนใชโ จทยข องกิจกรรม Listening เปน จุดประสงคของการฟง คอื ใหน ักเรียนฟงเพ่ือหา ขอ มลู วาประโยคในโจทยก ลาวถกู ตองหรือไม กจิ กรรมระหวางฟง 1. ฟงบทสนทนา - ครูใหนกั เรียนปดหนังสือเรยี นและใหฟ งซีดบี นั ทึกเสยี ง CD 1 Track 36 กิจกรรม Listening เพือ่ ฟง บท สนทนาในภาพรวม - ครูใหน ักเรียนเปดหนงั สือเรยี น หนา 34 จากนน้ั ครูใหน ักเรียนฟง ซดี ีบนั ทึกเสียง รอบที่ 2 พรอมกบั หา ขอ มูลท่ีคาํ ตอบโดยจดบนั ทึกเปนคําสาํ คัญลงกระดาษ กิจกรรมหลังฟง 1. ตรวจสอบความเขาใจการฟง บทสนทนา - ครใู หน ักเรียนฟง ซดี บี นั ทกึ เสียง รอบท่ี 3 พรอมกบั เขยี นคําตอบลงในชอ งวางหนา ขอคําถามของ กจิ กรรม Listening - ครูใหน ักเรียนแกไ ขประโยคท่ีนักเรียนตอบ False ใหเปน ประโยคทถี่ ูกตอ ง - ครใู หน กั เรยี นจับคูกับเพือ่ นเพื่อเปรยี บเทียบคาํ ตอบของกันและกัน

- ครูใหนกั เรียนฟง ซีดบี ันทกึ เสยี ง รอบที่ 4 เพื่อตรวจทานคําตอบ - ครูใหน ักเรียนอาสาสมัครบอกคําตอบและออกมาเขียนแกไขประโยคทตี่ อบ False ใหเปน ประโยคทีถ่ ูกตอง บนกระดาน (ดูเฉลยทายเลม) 9. การวดั และการประเมนิ ผล - ประเมินการทําแบบฝก หดั - สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรใู นชวงการทาํ กจิ กรรม - ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค - ประเมินผลการอภปิ รายเกย่ี วกบั สถานท่ีทองเที่ยว ประวัตศิ าสตร และวฒั นธรรมของประเทศไทย แลว นําขอ มูลมาสรา งเกมกระดาน 10. สือ่ / แหลงการเรยี นรู 1. หนงั สือเรยี น New World 1 หนา 33 2. ซีดบี ันทึกเสยี ง 3. เคร่อื งเลนซีดี แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 10 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ (อ21102) ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 1 หนวยการเรยี นรทู ่ี 7 Do you have a table ? เร่ือง Short form เวลา 2 ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศึกษา 2563 สอนวันท่ี 15 มีนาคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้ีวัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเรื่องที่ฟง และอานจากส่ือประเภทตางๆ และแสดงความคิดเห็น อยางมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอขอมูลขา วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา งๆ โดยการ พูดและการเขยี น ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอความใหสัมพันธก ับส่ือท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ท่ีอาน ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจําวัน ประสบการณ และ ส่ิงแวดลอมใกลต วั 2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด

หนว ยการเรียนรนู ีม้ จี ุดมุงหมายใหน ักเรยี นเรยี นรูคําศัพท การออกเสยี ง โครงสรางประโยค หนาท่ีทาง ภาษาและ วัฒนธรรมเก่ยี วกบั สัตวและส่ิงของท่ีตนเปน เจา ของโดยผานการฝกทักษะการระบปุ ระโยคใหส ัมพันธ กับภาพ การอานออกเสียงและการอานบทสนทนาเกยี่ วกับสิ่งของท่ีตนเปน เจา ของ 3. จุดประสงคการเรียนรู - นักเรยี นเรยี นรูคําศัพท การออกเสียง โครงสรา งประโยค หนาที่ทางภาษาและ วฒั นธรรมเกีย่ วกับ สัตวและสง่ิ ของทตี่ นเปน เจาของโดยผานการฝก ทกั ษะการระบุประโยคใหสัมพันธกบั ภาพ - การอา นออกเสียงและการอานบทสนทนาเก่ยี วกับสง่ิ ของทต่ี นเปน เจา ของ การฟงบทสนทนา เก่ียวกบั สตั วเล้ียง พดู ถาม-ตอบขอ มูลเกีย่ วกบั สัตวเล้ยี งและสง่ิ ของทีต่ นช่นื ชอบ - การอา นบทความเก่ียวกับสัตวแสนรู การเขยี นบรรยายสัตวเ ล้ยี งของตนเอง การนาํ เสนอขอมลู สตั ว แสนรทู ้งั ในประเทศกลมุ อาเซียนและประเทศทั่วโลก 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค 1. นักเรยี นมีระเบียบวินยั ในการทํางาน 2. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ 3. นกั เรยี นมีความมุงมน่ั ในการทํางาน 5. สมรรถนะสําคญั ของผูเรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู - รูคาํ ศัพท การออกเสยี ง โครงสรา งประโยค - หนาท่ีทางภาษาและ วัฒนธรรมเกย่ี วกับสัตวแ ละส่งิ ของที่ตนเปนเจา ของโดยผา นการฝก ทกั ษะการระบปุ ระโยคใหสัมพันธก ับภาพ - การอานออกเสียงและการอานบทสนทนาเก่ยี วกบั ส่ิงของที่ตนเปนเจาของ การฟง บทสนทนา เกีย่ วกับสตั วเ ลย้ี ง พูดถาม-ตอบ 7. ภาระงาน / ชน้ิ งาน - พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั สง่ิ ของที่ตนเป็นเจา้ ของจากการทาํ กิจกรรม Grammar B ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 36 โดยใชแ้ บบ ประเมินการสนทนากิจกรรมคู่ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู 1. นําเขา สบู ทเรยี น - ครสู ุมถามนักเรยี นบางคนเกี่ยวกับสัตวเ ลย้ี งและส่งิ ของทีน่ ักเรียนชื่นชอบดังน้ี - Do you have a pet?

- What is it? - What is its name? - What is your favorite animal? - Why don’t you have a pet? - Do you have a laptop? - What is your favorite possession? 2. แจง จุดประสงคการเรยี นรู - ครูบอกนักเรียนวาในหนวยการเรียนรูนี้นักเรียนตองสามารถสนทนาโตตอบขอมูลเก่ียวกับสัตวเล้ียงตัว โปรดและสิ่งของทีต่ นชื่นชอบได กิจกรรม Speaking กจิ กรรมกอ นพดู 1. ทบทวนความรดู า นคาํ ศัพท - ครถู ามนักเรียนเกยี่ วกบั สัตวเ ลย้ี งท่ีผูคนนยิ มนํามาเล้ยี งดังนี้ - What are people’s favorite pets? - ครูใหน กั เรียนชวยกันบอกเปนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครูเขียนคําศัพทเกี่ยวกับสัตวเลี้ยงที่นักเรียนบอก บนกระดาน - ครถู ามนักเรยี นเก่ยี วกบั สิง่ ที่ผูคนนิยมเปนเจา ของดังนี้ - What are people’s favorite possessions? - ครูใหน ักเรยี นชว ยกนั บอกเปน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครเู ขยี นคําศัพทเกี่ยวกับสงิ่ ของทน่ี ักเรียนบอก บนกระดาน 2. ชแ้ี จงการทาํ กจิ กรรม - ครูใหนักเรยี นอาสาสมัครอา นออกเสยี งคาํ สั่งและคําถามของกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หนา 36 แลว ใหน กั เรยี นชวยกันบอกวธิ กี ารทํากิจกรรม - ครแู บง นกั เรียนออกเปน กลุม กลุม ละ 6 คน เพือ่ ใหทํากจิ กรรม Speaking โดยการสนทนาโตตอบกับ สมาชิกภายในกลุมเกี่ยวกับสัตวเ ล้ยี งตัวโปรดและสิง่ ของท่ีตนชืน่ ชอบ - ครูอธิบายเพ่ิมเติมวาเม่ือนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมเสร็จสิ้นแลวใหแตละกลุมสรุปผลการถาม-ตอบ ขอ มูลวามสี ตั วและสงิ่ ของแตล ะชนิดจํานวนเทา ไร ครูยกตวั อยา งโดยเขยี นประโยคตอไปนบี้ นกระดาน - In our group, the favorite pet of 4 students is a dog, and the favorite pet of 2 students is a cat. เปนตน 3. ทบทวนความรูเดิมดา นคาํ ศพั ท - ครูใหน ักเรียนดภู าพสัตวแ ละส่ิงของจากกจิ กรรม Grammar B ในหนังสือเรียน หนา 36 จากนั้นครชู ้ีทีละ ภาพตามลําดับจากขอ 1 ถึง 6 แลวถามนักเรียนดงั น้ี - What is this? - Do you have ? (สตั วห รอื สิง่ ของในภาพ) 4. ทบทวนความรเู ดมิ ดา นโครงสรางประโยค - ครูเขยี นคําวา watch และ laptop บนกระดานแลว ใหน กั เรียนแตง ประโยคคาํ ถามถามครู โดยใช โครงสรา งประโยค Verb have ครูตอบคาํ ถามโดยใชป ระโยคแบบสมบรู ณ - ครูเขยี นประโยคคาํ ถามของนักเรียนและประโยคคําตอบบนกระดาน ดังน้ี

Ss: Do you have a watch? T: No, I don’t have a watch. Ss: Do you have a laptop? T: Yes, I have a laptop. - ครเู ขยี นคําวา Jeans, car และ blu-ray player บนกระดานแลวใหน ักเรยี นจับคกู บั เพอื่ นเพ่อื ให นกั เรียนสลับกันถาม-ตอบโดยใชโ ครงสรางประโยค Verb have และใชขอมลู ของนักเรียนตามความ เปน จริงในการตอบคาํ ถาม ครูใหน กั เรยี นอาสาสมคั รอา นออกเสียงคาํ ส่ังและคําถามของกิจกรรม Speaking ในหนังสอื เรียน หนา 36 แลวใหนักเรยี นชว ยกนั บอกวิธีการทํากิจกรรม - ครแู บงนกั เรียนออกเปน กลมุ กลมุ ละ 6 คน เพอื่ ใหทํากจิ กรรม Speaking โดยการสนทนาโตตอบกับ สมาชกิ ภายในกลุม เกย่ี วกบั สัตวเลย้ี งตวั โปรดและสง่ิ ของที่ตนชน่ื ชอบ - ครูอธิบายเพ่ิมเติมวาเมื่อนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมเสร็จส้ินแลวใหแตละกลุมสรุปผลการถาม-ตอบ ขอมลู วา มีสตั วและสง่ิ ของแตละชนดิ จํานวนเทาไร ครยู กตวั อยา งโดยเขียนประโยคตอ ไปน้ีบนกระดาน - In our group, the favorite pet of 4 students is a dog, and the favorite pet of 2 students is a cat. เปน ตน 9. การวัดและการประเมินผล - ประเมนิ การทําแบบฝกหดั - สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรูใ นชวงการทาํ กจิ กรรม - ประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค 10. ส่อื / แหลงการเรียนรู 1. หนังสอื เรยี น New World 1 หนา 45 2. ซดี ีบนั ทกึ เสยี ง 3. เคร่ืองเลน ซดี ี

แผนการจดั การเรยี นรูท่ี 11 กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาตา งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ (อ21102) ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 1 หนวยการเรยี นรูท่ี 8 Who’s that? เรอ่ื ง Adjective describe people เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศกึ ษา 2563 สอนวันท่ี 22 มนี าคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู/ ตวั ชีว้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเรื่องท่ีฟง และอา นจากส่ือประเภทตางๆ และแสดงความคิดเหน็ อยางมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอมูลขา วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตางๆ โดยการ พูดและการเขยี น ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอความใหส ัมพันธกบั สื่อท่ีไมใชค วามเรยี ง (non-text information) ทีอ่ า น ต 1.3 ม.1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วัน ประสบการณ และ ส่งิ แวดลอมใกลตัว 2. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด การอานจดหมาย การสนทนาแลกเปลี่ยนขอมูลเกยี่ วกับแผนการทจี่ ะทําในฤดรู อน และการเขียน จดหมายถงึ เพื่อนเพ่ือบอกแผนการท่ีจะทําในวนั หยุด 3. จดุ ประสงคการเรยี นรู

- ตอบคําถามจากการอา นบทอา น - สนทนา แลกเปลี่ยนขอมลู เกีย่ วกับแผนการที่จะทําในฤดูรอ น - เขียนจดหมายถึงเพือ่ นเพื่อบอกแผนการท่ีจะทําในวนั หยุด - ใชภาษา นํ้าเสยี ง และกิริยาทาทางสุภาพ เหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจาของภาษา - ใชภาษาสอ่ื สารในสถานการณจริง/สถานการณจําลองทเี่ กิดขึ้นในหองเรียน 4. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1. นักเรยี นมรี ะเบียบวนิ ยั ในการทํางาน 2. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ 3. นกั เรยี นมีความมุงมั่นในการทาํ งาน 5. สมรรถนะสาํ คัญของผูเรียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรยี นรู - คาํ ถามเกยี่ วกับใจความสําคัญ เชน Wh-Questions - ภาษาที่ใชในการส่ือสารระหวางบคุ คล เชน การแลกเปลีย่ นขอมูลเกี่ยวกบั ตนเอง และกิจกรรม - ประโยคและขอความท่ใี ชในการบรรยายเกีย่ วกบั ตนเอง และสิง่ แวดลอ มใกลตวั เชน การทองเทย่ี ว - การใชภ าษา น้ําเสยี ง และกิริยาทา ทางในการสนทนา ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจาของ ภาษา - การใชภาษาสื่อสารในสถานการณจริง/สถานการณจ ําลองทเ่ี กิดข้ึนในหองเรยี น 7. ภาระงาน/ ชิน้ งาน - แบบฝกหดั Unit 10b ใน Workbook หนา 81 Exs. 1-4 - แบบฝก หดั ใน Teacher’s Resource Pack & Tests (Module 10) หนา 59 Ex. 3 8. กจิ กรรมการเรยี นรู 1. นําเขาสบู ทเรียน - ครใู หนกั เรียนบอกชื่ออาชพี บุคคลทเี่ รียนในแผนการเรียนรูกอนหนา นี้ - ครใู หนกั เรียนบอกคาํ บรรยายบุคคลทเ่ี รียนในแผนการเรียนรกู อนหนา น้ี 2. แจง จดุ ประสงคการเรยี นรู

- ครบู อกนักเรยี นวาในหนวยการเรียนรนู ี้นกั เรียนจะไดเรียนรูก ารลงเสียงหนักในคํา ฝก ถาม-ตอบวาบุคคล น้ันคือใคร ถาม-ตอบเก่ียวกับอาชีพของบุคคล และเลนเกมบอกใบ (pantomime game) เก่ียวกับ อาชพี กิจกรรม Pronunciation 1. พูดออกเสยี งคํา - ครใู หนกั เรียนทาํ กิจกรรม Pronunciation ในหนงั สอื เรยี น หนา 27 ครูเปดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 26 ใหน กั เรียนฟง และชท้ี ่คี าํ ท่ไี ดย นิ - ครเู ปดซดี ีบันทกึ เสียง CD 1 Track 26 อีกครัง้ หน่งึ ใหน ักเรียนออกเสียงคาํ พรอมกันกับเสยี งที่ไดย นิ จาก ซดี ีบนั ทึกเสียง - ครใู หนกั เรียนจับคูกนั และอา นออกเสยี งคําในกิจกรรม Pronunciation ครตู รวจสอบการออกเสียงขอ นักเรียนในช้นั เรยี น กิจกรรม Practice 1. ถาม-ตอบวาบคุ คลคือใคร - ครใู หนักเรียนทํากจิ กรรม Practice ในหนงั สือเรยี น หนา 27 ครเู ปด ซดี บี ันทกึ เสยี ง CD 1 Track 27 บทสนทนาที่ 1 ใหนักเรยี นฟง และเปด ซดี บี นั ทึกเสยี งซาํ้ อกี ครั้งหน่งึ คร้งั นีใ้ หน ักเรียนฟงและพูดตาม - ครใู หน ักเรียนจบั คูกนั พูดโตตอบตามบทสนทนาที่ 1 - ครเู ขียน Is he/she ____________? บนกระดาน และบอกนักเรยี นวานค่ี ือ Yes/No Question และ เขยี นคาํ ตอบ บนกระดานคือ Yes, he/she is. หรือ No, he/she isn’t. - ครชู ี้ที่ภาพ Mrs. Tran ในหนังสอื เรียน หนา 26 และถามนกั เรียนวา Who’s that? นกั เรยี นตอบวา Mrs. Tran ครูช้ีทภี่ าพ Mrs. Tran อีก และถามวา Is she a teacher? นกั เรยี นตอบวา Yes, she is. - ครูเขยี นโครงบทพดู โตต อบบนกระดานดังนี้ A: Who’s that? B: That’s ____________. (person’s name) A: Is he/she a ______________? (occupation) B: Yes, he/she is. หรือ No, he/she isn’t. - ครูทบทวนช่ืออาชีพที่นักเรียนไดเรยี นไปแลว - ครใู หนักเรียนอาสาสมัครอานตัวอยางประโยค Question Word: Who ทีใ่ หม าในกจิ กรรม Grammar ใน หนงั สือเรยี น หนา 29 แลวอธบิ ายวา Who คือ Question Word ที่ใชเ พื่อตัง้ คาํ ถามเม่ือผถู ามตองการรู คาํ ตอบเปน บุคคล - ครใู หน กั เรียนจบั คูกัน ผลดั กันชท้ี ภี่ าพบคุ คลในหนังสือเรยี น หนา 26-27 ใชโครงบทพดู บนกระดานเปน แนวทางในการพูดโตตอบกัน 2. ประเมนิ การพูดถาม-ตอบวาบุคคลคือใคร - ครูประเมินการพูดถาม-ตอบวาบุคคลคือใครของนักเรียนแตละคูโดยใชแบบประเมินการสนทนา กิจกรรมคู และใชเ กณฑผ า นระดับพอใช 3. ถาม-ตอบเกยี่ วกับอาชีพของบุคคล - ครูใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม Practice ในหนังสอื เรียน หนา 27 ครเู ปด ซีดบี นั ทึกเสียง CD 1 Track 27 บทสนทนาที่ 2 ใหน ักเรียนฟง และเปดซดี บี นั ทึกเสยี งซ้าํ อกี คร้งั หนึ่ง ครงั้ น้ีใหนักเรยี นฟงและพดู ตาม - ครใู หนักเรียนจบั คูกนั พดู โตตอบกนั ตามบทสนทนาท่ี 2

- ครูเขียน Are they _______? บนกระดาน บอกนักเรียนวานี่คือ Yes/No Question และคําตอบคือ Yes, they are. หรือ No, they aren’t. - ครูเขียน Are they famous? Yes, they are. บนกระดาน และขีดเสนใตคําวา famous ครบู อก นกั เรียนวา famous เปน adjective ซ่งึ ใชบ รรยายบคุ คล - ครใู หนกั เรียนหา Adjectives อนื่ ๆ ในคาํ บรรยายภาพในหนงั สือเรียน หนา 26-27 และเขียนรายการ Adjectives เหลานีบ้ นกระดาน popular, handsome, rich, good-looking, pretty, beautiful, fall, thin ครูบอกนักเรียนใหใชคําเหลานี้แทนที่ “famous” ในบทสนทนาท่ี 2 - ครูเขียนโครงบทสนทนาตอ ไปนีบ้ นกระดาน A: What’s his/her occupation? B: He/She is a _____________. (occupation) A: Is he/she _____________? (descriptive word) B: Yes, he/she is. - ครใู หนกั เรียนจบั คูกนั ผลัดกันชท้ี ่ภี าพบคุ คลในหนังสือเรียน หนา 26-27 ใชโครงบทพดู บนกระดานเปน แนวทางในการพดู โตตอบกนั 4. ประเมินการพูดถาม-ตอบเก่ยี วกบั อาชีพ - ครูประเมินการพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับอาชีพของบุคคลของนักเรียนแตละคูโดยใชแบบประเมินการ สนทนากจิ กรรมคู และใชเกณฑผา นระดับพอใช 5. เลน เกมบอกใบ (pantomime game) - ครูใหนกั เรยี นรว มกจิ กรรมทางภาษาโดยเลนเกมบอกใบ ครูแบงนักเรยี นเปน 2 ทมี นักเรียนแตละคน เลอื กอาชีพและทาํ ทาทางบอกใบอาชีพใหแกทีมของตน ทีมทที่ าย เดาอาชีพได 2 คร้ัง ถาทายถูกได 1 คะแนน ทีมท่ีไดคะแนนมากท่ีสดุ เปน ผูชนะ 9. การวดั และการประเมนิ ผล - ประเมินการทําแบบฝก หัด - สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรูใ นชว งการทาํ กจิ กรรม - ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค 10. สื่อ / แหลง การเรียนรู 1. หนังสอื เรียน New World 1 หนา 50 2. ซดี บี ันทึกเสยี ง 3. เครอ่ื งเลนซดี ี

แผนการจัดการเรยี นรูที่ 12 กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาตางประเทศ วิชาภาษาองั กฤษ (อ21102) ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 1 หนวยการเรยี นรทู ี่ 8 Who’s that? เร่ือง Occupations เวลา 2 ช่วั โมง ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2563 สอนวันท่ี 29 มีนาคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา ใจและตีความเร่ืองที่ฟง และอานจากสื่อประเภทตางๆ และแสดงความคิดเห็น อยา งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอมูลขาวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองตา งๆ โดยการ พดู และการเขยี น ตัวช้ีวดั ต 1.1 ม.1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและขอความใหส ัมพันธก ับส่ือที่ไมใชค วามเรียง (non-text information) ทอี่ าน ต 1.3 ม.1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจําวัน ประสบการณ และ สง่ิ แวดลอมใกลตวั 2. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด การเลนเกมเพ่ือทดสอบความรเู ก่ยี วกับประเทศสกอตแลนด และการอภปิ รายแลกเปลีย่ นขอมูลเกี่ยวกับ สถานที่ทองเทีย่ ว ประวตั ิศาสตร และวฒั นธรรมของประเทศไทยเพ่ือสรางเกมกระดาน

3. จดุ ประสงคการเรียนรู - อภปิ รายแลกเปลย่ี นขอ มูลเกยี่ วกับสถานท่ีทองเที่ยว ประวตั ิศาสตร และวัฒนธรรมของประเทศไทย - เขา รว มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ - ใชภ าษาสื่อสารในสถานการณจริง/สถานการณจําลองท่เี กิดขน้ึ ในหองเรยี น 4. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. นกั เรียนมีระเบยี บวนิ ยั ในการทํางาน 2. นกั เรยี นมคี วามรับผิดชอบ 3. นกั เรียนมีความมุงมัน่ ในการทํางาน 5. สมรรถนะสําคญั ของผูเรยี น ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู - ภาษาทใี่ ชใ นการสื่อสารระหวา งบุคคล เชน การแลกเปล่ียนขอมลู เกยี่ วกบั สงิ่ แวดลอมใกลตัว - กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน การเลน เกม - การใชภาษาส่ือสารในสถานการณจ ริง/สถานการณจาํ ลองทีเ่ กดิ ข้นึ ในหองเรยี น 7. ภาระงาน / ชนิ้ งาน เลนเกมในหนงั สือเรียน หนา 103 Ex. 1 (To learn about Scotland through playing a game) 8. กจิ กรรมการเรยี นรู 1. นําเขา สบู ทเรียน - ครูเขยี นประโยคตอ ไปนบี้ นกระดาน - Mrs. Tran is a teacher. She’s a good teacher. Her students are happy. - ครูใหนักเรียนอาสาสมัครคนหน่ึงออกมาขดี เสนใต Verb be ในประโยคบนกระดาน และใหน ักเรยี นคน อ่ืน ๆ ตรวจสอบ ความถกู ตอง Verb be ที่ขีดเสนใตม ีดังนี้ - Mrs. Tran is a teacher. She’s a good teacher. Her students are happy. - ครูใหนักเรียนอาสาสมคั รอีกคนหนง่ึ ออกมาขีดเสนใต 2 เสนใต Possessive Adjectives ท่ีมีอยใู นประโยค บนกระดาน และใหน กั เรยี นคนอื่น ๆ ตรวจสอบความถกู ตอง Possessive Adjectives ทขี่ ดี เสนใตมี ดังนี้ - Mrs. Tran is a teacher. She’s a good teacher. Her students are happy.

- ครใู หนักเรยี นอาสาสมคั รอกี คนหนง่ึ ออกมาเขยี นวงรอบ Adjectives ทใ่ี ชบ รรยายบคุ คลในประโยคบน กระดาน และใหน ักเรยี นคนอื่น ๆ ตรวจสอบความถกู ตอ ง Adjectives ท่เี ขยี นวงลอมรอบมีดงั น้ี - Mrs. Tran is a teacher. She’s a good teacher. Her students are happy. 2. แจงจดุ ประสงคการเรยี นรู - ครูบอกนักเรยี นวา ในหนวยการเรียนรนู ้นี ักเรียนจะไดเรยี นรูหลักการใช Verb be, Present tense ใน ประโยคบอกเลา คําถามประเภท Yes/No Question และประโยคตอบรับและการปฏเิ สธ ทบทวนการ ใช Possessive Adjectives และ Adjectives ทีใ่ ชบ รรยายบุคคล เพ่ือท่ีจะใชไวยากรณเหลานี้ในการพูด โตตอบเกีย่ วกับบคุ คลที่เปนเปาหมายของการสนทนา กิจกรรม Grammar 1. อธบิ ายหลักการใช Present tense ของ Verb be - ครเู ขยี นประโยคตอไปนบ้ี นกระดานเพื่อใหนักเรียนเหน็ อีกรูปกรยิ าหนึง่ ของ be คอื am, is และ are I am famous You are He is She is It is We are They are - ครใู หนักเรียนผลดั กันพดู ประโยคคําถามของประโยคบนกระดาน โดยสลับท่ีประธานและกริยาของประโยค ดงั ตวั อยา งตอไปน้ี - Am I famous? - Are you famous? - Is he famous? - ครูใหนักเรียนตรวจสอบประโยคคําถามที่นักเรียนพูดกับประโยคคําถามในคอลัมนบนซายใน กรอบ Grammar ในหนงั สอื เรียน หนา 29 - ครูใหนักเรียนดูประโยคตอบรับและตอบปฏิเสธแบบส้ันในคอลัมนบนตรงกลางและขวาใน กรอบ Grammar ในหนงั สอื เรียน หนา 29 และอธบิ ายเพ่ิมเติมโดยเขียนบนกระดาน แสดงใหเห็นวาใน การตอบปฏิเสธแบบสั้น นอกจากใชรูปประโยคแบบที่มีอยูในหนังสือเรียนแลว ยังอาจตอบปฏิเสธได ดังน้ี - No, he’s not. - No, she’s not. - No, it’s not. - No, we’re not.

- No, you’re not. - No, they’re not. - ครใู หนักเรียนปด หนงั สือเรียน บอกนกั เรียนวาครูจะถามคาํ ถามในคอลัมนบ นซา ย และใหสญั ญาณตอบ Yes โดยผงกศีรษะ ครูถามและชี้ใหนกั เรยี นตอบทีละคนดงั น้ี T: Am I famous? (ส่นั ศรี ษะ) S: No, you aren’t. T: Is she famous? (ผงกศีรษะ) S: Yes, she is. T: Are they famous? (ส่นั ศีรษะ) S: No, they’re not. ฯลฯ ในกรณีท่ีตอบปฏเิ สธ ครูขอใหน กั เรียนฝก ใชท้งั 2 รปู ประโยคปฏเิ สธ - ครใู หน ักเรียนทาํ กิจกรรม Grammar A ในหนังสอื เรียน หนา 29 ครูอานออกเสียงคําสัง่ และใหน กั เรยี น อานในใจตาม ครอู า นออกเสียงประโยคคําถามและคําตอบขอ 1 ซ่ึงเปนประโยคตวั อยาง ใหนกั เรียน อานในใจตามและทําความเขาใจวา ทําไมจึงตองตอบปฏเิ สธ - นกั เรียนจบั คูกนั เปรียบเทียบคําตอบ และครใู หนักเรยี นผลดั กนั อา นออกเสียงคําถามและคําตอบ (ดู เฉลยทายเลม ) 2. อธิบายหลักการใช Possessive Adjectives - ครใู หน ักเรยี นชี้ Possessive Adjectives ในขอ ความบรรยายบุคคลที่ครเู ขียนไวบนกระดาน - Mrs. Tran is a teacher. She’s a good teacher. Her students are happy. - ครูใหนักเรยี นดู Possessive Adjectives ที่อยตู อนกลางของกรอบ Grammar ในหนงั สอื เรียน หนา 29 ชใ้ี หน กั เรยี นดู Possessive Adjectives ทเ่ี ปนรูป Singular และ Plural - ครใู หนักเรยี นดูรปู ภาพบุคคลดา นบนของกจิ กรรม Grammar B ในหนังสือเรยี น หนา 30 ซงึ่ เปนภาพที่ ใชเปนตัวอยางการทํากจิ กรรมมีคําวา “she” - ครใู หนักเรียนคูหน่ึงอานออกเสียงตัวอยางบทสนทนาทีก่ ําหนดให - ครูใหนกั เรยี นขีดเสน ใตคําวา “she” และ “her” ในบทสนทนา แลวเนนย้าํ ใหน ักเรียนใช Possessive Adjectives ใหส ัมพันธกบั Pronouns - ครชู ท้ี ภี่ าพในขอ 1 ใหนักเรียนถามถึงอาชีพของผชู ายในภาพ ดังน้ี - What’s his occupation? - ครชู ี้ที่ภาพ 2, 3 และตอ ๆ ไปจนครบ 6 ภาพ เพื่อใหน ักเรียนถามถึงอาชีพของแตละบุคคลโดยใช Possessive Adjectives - ครใู หนกั เรยี นจับคูกันทํากจิ กรรม Grammar B ในหนังสือเรยี น หนา 30 แตละคนพูดโตต อบกันโดยใช บทพดู โตต อบในหนังสือเรียนเปน แบบอยางและสลับบทบาทกนั ดวย - ครูใหนักเรียนแตละคูผลัดกันออกมาพูดโตตอบตามภาพท่ีเปนตัวกระตุนแตละภาพ นักเรียนคน อืน่ ๆ ในช้นั เรียนชว ยกนั ตรวจสอบความถูกตอง (ดูเฉลยทา ยเลม) 3. พูดขอและใหข อมูลเก่ียวกับบุคคล - ครใู หนกั เรียนจบั คูกนั ทํากจิ กรรม Grammar C ใหน ักเรียนนําคาํ ที่กําหนดใหไ ปเตมิ ลงในชองวางในบท สนทนา - ครูใหนักเรียนแตละคูจับคูกับอีกคูหนึ่งเพื่อเปรียบเทียบคําตอบกัน และรวมอภิปรายเกี่ยวกับความ เหมาะสมของคําในชองวา งแตละชอง

- ครใู หน กั เรยี นคูห น่ึงออกมาอานออกเสยี งบทสนทนาทีเ่ ตมิ คําลงในชอ งวางเรยี บรอยแลว (ดเู ฉลยทา ย เลม) กจิ กรรมนาํ สกู ารเรยี น 1. นาํ เขา สูบ ทเรียน - ครูเขียนคาํ ตอไปนี้บนกระดาน teacher happy favorite good-looking - ครูออกเสียงคําโดยเนน การลงเสยี งหนกั ในคํา ใหนักเรยี นพูดตามซ้ําหลาย ๆ ครงั้ 2. แจง จดุ ประสงคการเรยี นรู - ครบู อกนกั เรียนวาในหนวยการเรียนรูน้ีนักเรียนตองสามารถอานออกเสียงบทสนทนาเก่ียวกับอาชีพครู ถกู ตอ งตามหลักการอา นไดแ ละสามารถระบุประโยคบรรยายลกั ษณะบุคคลใหส มั พันธกับภาพได กิจกรรม Conversation 1. อา นออกเสยี ง - ครูเปดซีดบี นั ทึกเสียง CD 1 Track 28 กจิ กรรม Conversation ใหน กั เรียนฟง อีกครั้งหน่ึง หยุดซดี ี บันทกึ เสียงเม่ือจบคําพูดของแตละบคุ คล ใหนักเรยี นพูดตามเบา ๆ - ครูใหน ักเรียนอาสาสมัคร 2 คน ออกมาอานออกเสียงบทสนทนาหนาชั้นเรียน - ครูใหน กั เรียนจบั คูกันฝกอานออกเสยี งบทสนทนาและอา นออกเสียงใหครูฟง เมอื่ พรอมแลว 2. ประเมนิ การอานออกเสียง - ครูประเมินการอานออกเสยี งบทสนทนาเก่ียวกับอาชีพครูที่ถกู ตองตามหลักการอานจากการทํากจิ กรรม 9. การวัดและการประเมินผล - ประเมนิ การทําแบบฝกหัด - สังเกตพฤติกรรมการเรียนรูในชว งการทํากจิ กรรม - ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค 10. สือ่ / แหลง การเรยี นรู 1. หนังสอื เรียน New World 1 หนา 56 2. ซดี ีบนั ทกึ เสยี ง 3. เครื่องเลน ซีดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook