แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 1 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ (อ14101) ชั้นประถมศึกษาปท่ี 1 หนวยการเรยี นรูที่ 1 : Hello! เร่อื ง Greeting / Leave taking / Giving thanks เวลา 1 ช่วั โมง สอนวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2561 ********************************************************************************** 1.สาระ มาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชีว้ ดั 1.1 มาตรฐานการเรยี นรู และตัวชว้ี ดั ชั้นป ต 1.1 ป.1/2 ระบุตัวอกั ษรและเสยี ง อานออกเสียงและสะกดคาํ งา ยๆ ถูกตอ งตามหลกั การอาน ต 1.2 ป.1/1 พูดโตตอบดวยคําสนั้ ๆ งายๆ ในการสือ่ สารระหวางบุคคลตามแบบท่ีฟง ต 2.1 ป.1/1 พูดและทาํ ทาประกอบตามวฒั นธรรมของเจา ของภาษา ต 2.1 ป.1/3 เขา รว มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทเี่ หมาะกบั วยั ต 4.1 ป.1/1 ฟง/พูดในสถานการณง ายๆ ที่เกดิ ขน้ึ ในหองเรยี น 2. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด การทักทาย การกลาวลา การพดู ขอบคุณ การพดู ขอโทษ เปน มารยาทพืน้ ฐานและเปน แบบแผนทาง วฒั นธรรม ซง่ึ ตอ งไดรบั การฝกฝนต้งั แตเ ยาววัย สําหรับการส่ือสารระหวา งบุคคล สรา งสัมพันธท ่ีดีกบั บคุ คล เชื้อชาติอ่ืน การเรยี นรตู ัวอกั ษรของชนชาติทีเ่ ราติดตอสัมพันธ เปน พื้นฐานของการฟง พดู อานและเขียน ภาษาอังกฤษ เกดิ ประโยชนท้งั การสื่อสารและการศกึ ษา 3. จดุ ประสงคการเรียนรู ( K P A) 3.1 ดา นความรู (K) 1. นกั เรยี นรูตัวอกั ษรและเสียง อานออกสียงและสะกดคาํ งา ยๆ ถูกตองตามหลักการอา น 3.2 ดานทักษะ/กระบวนการ (P) 1. พูดโตต อบดวยคําส้ันๆ งา ยๆ ในการสอื่ สารระหวา งบคุ คลตามแบบที่ฟง 2. พูดและทําทาประกอบตามวัฒนธรรมของเจา ของภาษา 3. เขา รวมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะกับวยั 4. ฟง/พูดในสถานการณง า ยๆ ที่เกดิ ข้นึ ในหองเรยี น 3.3 ดานคณุ ลกั ษณะ (A) 5. ใฝเ รยี นรู และมงุ มน่ั ในการทํางานจุดประสงคการเรยี นรู (Objectives) 3. นักเรียนสามารถพูดบทสนทนาเก่ียวกบั การทักทายและกลาวลา การพูดขอบคุณทกี่ ําหนดใหได 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. นกั เรียนมีระเบียบวนิ ัยในการทาํ งาน 2. นักเรียนมคี วามรับผิดชอบ
3. นกั เรยี นมคี วามมุงม่ันในการทํางาน 5. คุณธรรมอัตลักษณของสถานศกึ ษา มีระเบยี บวนิ ัย 6. สมรรถนะสาํ คัญของผูเรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด 7. สาระการเรียนรู ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Functions: Greeting / Leave taking / Giving thanks 2) Language Skills Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั การทักทาย กลา วคําลา กลา วคําขอบคุณ Reading: อานเพอ่ื ความเขาใจ ทักษะการคิด 1. ทักษะการรวบรวมขอมลู – รวบรวมขอมลู เกีย่ วกบั การทักทาย กลา วคาํ ลา กลาวคําขอบคุณ 8. ภาระงาน / ช้ินงาน แบบฝก หัด หนา 111 Ex. 7 แบบฝหหดั หนา 111 Ex. 8 9. กิจกรรมการเรยี นรู ขนั้ ที่ 1 Warm up 1. Warm up 1.1 ครูแนะนําหนงั สือเรยี น ช่ือผูแตง และชื่อ Mascot ของหนังสือเรยี นเลม น้ี (นกชือ่ Jip-Jip) ครูเขียน ช่ือครูบนกระดานดาํ ชต้ี วั เองพรอ มพูดแนะนาํ ตนเอง “Hello! I’m (ช่อื ครู).” 2-3 คร้งั บอกความหมาย ประโยคท่ีพดู วา Hello! เปน คําทกั ทาย และ I’m (ช่ือคร)ู . เปน ประโยคบอกชื่อของผูพูด 1.2 ครูสวมหนุ มอื นกขุนทอง (Jip-Jip) แลวชูไวขา งหนา ตัวเอง ขยบั ปากนกพรอ มพูดวา “Hello! I’m Jip-Jip.” 2-3 คร้งั นักเรยี นเดาความหมายประโยคท่ีพูด 2. Presentation 2.1 นักเรียนทาํ กิจกรรมที่ 1 Listen and repeat. ใน SB หนา 1 ครพู ดู Listen. (ครแู ตะทห่ี ู) ครู กาํ หนดประเดน็ ใหน ักเรยี นคดิ วา เมือ่ นกั เรียนพบกับเพ่ือนๆ ที่โรงเรยี น นักเรยี นจะทักเพื่อนอยา งไร ครบู อกวา ชาวตางประเทศพดู คาํ วา Hello! หรือ Hi! และจะจบั มือเขยา (shake hands) หรอื ยกมอื ทักทาย 2.2 ครูเปด CD 1 ใหน กั เรยี นฟงและพดู ตาม ครูชูหนุ มือ Jip-Jip ขยบั ปากนกตามบทพูด CD Script 1 W: 1. Listen and repeat. B: Hello! G: Hi! Jip-Jip: Hello! 2.3 ครฝู กนกั เรยี นออกเสียง Hello! และ Hi! ใหถูกตองตาม CD
2.4 ครูฝกนักเรียนออกเสยี ง /h/ ตนคํา Hello และ Hi (ดขู อมลู เพิ่มเติมสําหรับครูทายแผนการจัดการ เรียนร)ู 2.5 ครฝู กนักเรียนเนน เสยี งหนกั -เบา (stress) ในคาํ Helˈlo ข้ันท่ี 3 Practice 3.1 ครูใหน กั เรียนทีเ่ ตรียมไว 1 คู ออกมาพูดทักทายหนา ช้ัน Hello! และ Hi! พรอ มจบั มอื เขยา เบาๆ หรือยกมือทักทาย 3.2 นกั เรยี นจบั คูฝกทกั ทาย Hello! และ Hi! พรอมจบั มือเขยาเบาๆ หรือยกมือทักทาย 3.3 ครูตดิ บัตรคํา Hello! และ Hi! บนกระดานดาํ ครูชค้ี าํ ครพู ดู คาํ ศัพท นักเรยี นพูดคาํ ศัพทตาม 3.4 นักเรยี นทาํ กจิ กรรมรองเพลงใน SB หนา 1 ครแู ละนักเรียนสรา งขอ ตกลงกติกาและมารยาทในการ รว มกิจกรรมภาษาท้งั กจิ กรรมกลุม และกิจกรรมคู นักเรยี นยนื เขา แถวหนั หนาเขาหากนั ฟง เพลง Hi! Hello! จาก CD 2 นกั เรียน ฝก รอ งเพลง ปรบมือเปนจงั หวะ รองเพลงจบใหเดนิ เขาไปจับมือกนั หรือยกมอื ทกั ทายกนั 3.5 ครคู อยสังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในระหวา งทาํ กิจกรรม ดา นความมรี ะเบยี บวินยั พรอ มบนั ทกึ ลงใน แบบสงั เกตพฤติกรรมตามคุณธรรมอตั ลกั ษณ CD Script 2 Jip-Jip: Let’s sing. Hi! Hello! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hello! Hello! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hi! Hello! Hello! Hi! Hi! 4. Production นกั เรยี นเลือกทกั ทายเพื่อนที่ชอบ 3-5 คน พรอ มจับมือหรอื ยกมือทักทาย ครูสงั เกตการรว มกจิ กรรม 5. Wrap up 5.1 นักเรียนทํากจิ กรรมที่ 1 Draw, color and write. ใน WB หนา 1 นกั เรยี นวาดรูปตนเองกําลังพูด ทกั ทาย Hello! หรือ Hi! ก็ได แลว ระบายสีใหส วยงาม 5.2 นักเรียนทาํ กิจกรรมท่ี 2 Say and trace. ใน WB หนา 2 นักเรียนพดู คาํ ในแบบฝกหัดตามครูแลว ลากเสนตามเสน ประเปน คําทักทาย Hello! และ Hi! ครพู ูดแนะแนวทางการทํางานใหส ําเรจ็ 10. ส่อื /แหลงการเรียนรู 6.1 Student’s Book 1 6.2 Workbook 1 6.3 CD 1-2 6.4 หนุ มือนกขนุ ทอง (Jip-Jip) 6.5 บัตรคํา 11. กจิ กรรมเสนอแนะ/ขอมูลเพิม่ เติมสําหรับครู 7.1 กิจกรรมเสนอแนะ
- นักเรียนพดู ทกั ทายเพ่ือนดวยคาํ Hello! และ Hi! บอ ยๆ - ครูฝกออกเสยี งตวั อักษรและคาํ ศัพทใหถ ูกตอ งตาม CD กอนสอน - ครเู ขียนขอ ตกลงกติกาและมารยาทในการรวมกจิ กรรมภาษาตดิ ปายนิเทศในหองเรียน 7.2 ขอ มูลเพม่ิ เติมสําหรบั ครู - คาํ ทักทาย Hello และ Hi เปน คําทักทายแบบกันเองท่ใี ชทกั ทายเพ่ือนวัยเดียวกนั และเพื่อน สนิท ใชการ ยกมอื ทักทายกนั ได การจับมือเขยา (shake hands) ขณะทกั ทายเปน วฒั นธรรมของเจา ของ ภาษา - วิธอี อกเสยี ง /h/ ดนั ลมใหผ า นลาํ คอใหแทรกชองวางระหวา งเสนเสยี ง (glottis) ในลาํ คอ เปนเสียงไมกอง (voiceless) คลายเสยี ง ฮ ในภาษาไทย 12. การวัดและประเมินผล 12.1 การวัดผล ส่ิงทต่ี องการวัด 1. นักเรียนรตู ัวอกั ษรและเสียง อา นออกสยี งและสะกดคาํ งายๆ ถกู ตองตามหลกั การอา น 2. พดู โตตอบดวยคําสั้นๆ งายๆ ในการสือ่ สารระหวางบุคคลตามแบบท่ีฟง 3. พูดและทําทา ประกอบตามวฒั นธรรมของเจาของภาษา 4. เขารวมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกับวัย 5. ฟง/พูดในสถานการณงา ยๆ ทเี่ กิดข้นึ ในหองเรยี น 6. ใฝเรยี นรู และมุงมนั่ ในการทํางานจดุ ประสงคการเรียนรู (Objectives) 7. นกั เรียนสามารถพูดบทสนทนาเกีย่ วกับการทักทายและกลาวลา การพดู ขอบคณุ ที่กาํ หนดใหได 8. ความมีระเบียบ วินัยในการทํางาน มคี วามรับผิดชอบ และมีความมุง มนั่ ในการทาํ งาน 9. สมรรถนะสาํ คัญของผูเรียน ความสามารถดานการสือ่ สาร ความสามารถดานการคิด วธิ กี ารวัดผล 1. ตรวจงานจากแบบฝก หัด 2. ประเมิน พฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการทํางาน มีความรับผิดชอบ และมีความมุงม่ันใน การทํางาน 3. ประเมนิ สมรรถนะสาํ คัญของผูเ รยี น เครอ่ื งมือที่ใชใ นการวดั ผล 1. แบบฝก หัด 2. แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค พฤตกิ รรมความมรี ะเบยี บวนิ ัยในการทาํ งาน มีความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ ม่นั ในการทาํ งาน 3. แบบประเมนิ สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น ความสามารถดา นการสื่อสาร ความสามารถ ดา นการคดิ 11.2 เกณฑการประเมินผล 1. ไดร บั คะแนนจากแบบฝก หัดผา นเกณฑรอยละ 70 ข้ึนไป 2. ประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค พฤตกิ รรมความมรี ะเบียบวินยั ในการทาํ งาน มคี วาม รับผิดชอบ และมคี วามมงุ ม่นั ในการทํางาน ผา นเกณฑร ะดับคุณภาพ 2 (ระดบั ด)ี ขึน้ ไป 3. ประเมนิ สมรรถนะสาํ คญั ของผเู รียน ความสามารถดา นการสอ่ื สาร ความสามารถดานการคิด ผานเกณฑร ะดบั คุณภาพ 2 (ระดับดี) ขน้ึ ไป 11.3 เกณฑการประเมนิ ผล
11.3.1 เกณฑก ารประเมนิ ผล ดา นความรู วดั จากการทําแบบฝก หัด เกณฑตัดสินคะแนน ไดคะแนนรอ ยละ 80 - 100 หมายถึง ดเี ย่ยี ม ไดค ะแนนรอ ยละ 70 - 79 หมายถงึ ดี ไดค ะแนนรอ ยละ 60 - 69 หมายถึง พอใช ไดค ะแนนตาํ่ กวา รอ ยละ 59 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก ารตัดสินการผานการประเมนิ นักเรียนทถ่ี ือวาผา นเกณฑการประเมนิ ตอ งไดคะแนนรอ ยละ 70 ข้นึ ไป 11.3.2 เกณฑก ารประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค 1. ดา นความมีระเบียบวนิ ยั ในการทํางาน ระดบั คุณภาพ พฤติกรรมที่ปรากฏ 3 มีการวางแผนการทํางานตามขน้ั ตอนทีว่ างไว ทุกครัง้ รจู กั ปรบั ปรงุ พัฒนาและสรุปงานใหดีขนึ้ เสมอ 2 มกี ารวางแผนการทาํ งานตามขน้ั ตอนทว่ี างไวบ างคร้ัง ปรับปรุงพฒั นาและสรุปงานใหดีข้ึนเปน บางคร้ัง 1 ไมม ีการวางแผนการทํางานตามขัน้ ตอนท่ีวางไว ไมมีการปรับปรุงพัฒนาและสรปุ งาน 2. ดานความรบั ผิดชอบ พฤติกรรมทป่ี รากฏ ระดบั คุณภาพ มคี วามรบั ผิดชอบในงานท่ีไดรับมอบหมาย 3 และสง งานตามกาํ หนดเวลาที่นดั หมาย 2 มคี วามรบั ผดิ ชอบในงานท่ีไดรับมอบหมาย 1 สง งานชา กวา กําหนดแตมเี หตุผลรับฟง ได มีความรบั ผดิ ชอบในงานทไ่ี ดรับมอบหมายโดยอาศยั การ 3. ดานความมุง ม่นั ในการทํางาน ตกั เตอื น สง งานชา กวากาํ หนดเวลาทน่ี ัดหมาย ระดบั คุณภาพ 3 พฤติกรรมท่ีปรากฏ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการทาํ งานใหสาํ เรจ็ ทุกคร้งั ทุมเททํางาน 2 อดทนไมย อทอ ตอ ปญหาและอุปสรรค ปรบั ปรุงพัฒนาการ ทาํ งานและผลงานดว ยตนเองกระตือรอื รนและเตม็ ใจทีจ่ ะตอบ 1 คําถามเวลาเพื่อนมปี ญ หา ตัง้ ใจและรบั ผิดชอบในการทาํ งาน ทมุ เททาํ งานเปนบางคร้ัง ปรบั ปรงุ พัฒนาการทาํ งานและผลงานดวยการชี้แนะจากครูทกุ ครั้ง ไมต งั้ ใจและไมรับผิดชอบในการทาํ งาน ทุม เททํางานเปน บางครั้งปรับปรงุ พฒั นาการทํางานและผลงานดว ยการชแี้ นะจาก ครูทุกครั้ง เกณฑการประเมิน
1 – 3 คะแนน ระดบั 1 หมายถงึ พอใช 4 – 6 คะแนน ระดบั 2 หมายถึง ดี 7 – 9 คะแนน ระดับ 3 หมายถงึ ดมี าก หมายเหตุ เกณฑการผา น ไดระดับคุณภาพ 2 (ดี) ข้นึ ไป 11.3.2 เกณฑก ารประเมนิ ดานสมรรถนะสาํ คัญของนกั เรียน ประเดน็ ประเมิน เกณฑการใหคะแนน 1.ความสามารถ คณุ ภาพ (3) คณุ ภาพ (2) คณุ ภาพ (1) คณุ ภาพ (0) ในการสือ่ สาร ใชภ าษาองั กฤษใน ใชภาษาองั กฤษใน ใชภาษาอังกฤษใน ใชภ าษาอังกฤษ ดา นการอานและ ดา นการอานและ ดานการอานและ ในดา นการอาน 2. ความสามารถ การเขยี นได การเขียนได การเขียนไดเปน และการเขยี นไม ในการคิด ถูกตอง เหมาะสม ถกู ตอง เหมาะสม สวนใหญ สามารถ ถูกตองเปน สว น สามารถถายทอด สามารถถา ยทอด ถา ยทอดความรู ใหญ ไมสามารถ ความรู ความคดิ ความรู ความคิด ความคิด ความ ถา ยทอดความรู ความเขา ใจของ ความเขา ใจของ เขา ใจของตนเอง ความคิด ความ ตนเองใหผ ูอื่น ตนเองใหผูอ่นื ใหผูอ น่ื ไดใน เขา ใจของตนเอง เขา ใจไดเปนอยาง เขาใจไดใน บางครงั้ ใหผ ูอ น่ื ได ดี บางครั้ง ใชก ารคิดอยาง ใชก ารคดิ อยาง ใชการคิดอยาง ตองใหเพ่อื นคอย สรางสรรค ไม สรา งสรรค โดยให สรางสรรค โดยให ชวยเหลือตลอด ซกั ถามใคร มี เพ่อื นอธบิ ายให เพ่ือนอธบิ ายให 3 ไมมีการวาง ความสามารถใน 1–2 ครงั้ ครง้ั ข้นึ ไป มี แผนการทํา การวางแผนการ มีความสามารถใน ความสามารถใน กจิ กรรมตามแบบ ทาํ กจิ กรรมตาม การวางแผนการ การวางแผนการ ฝกทักษะ แบบฝกทักษะ ทํากจิ กรรมตาม ทาํ กิจกรรมตาม อยา งเปน ระบบดี แบบฝกทกั ษะ แบบฝกทกั ษะ มาก อยางเปน ระบบ อยางเปนระบบ บางครง้ั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมตามคณุ ธรรมอตั ลักษณ ดา นมรี ะเบยี บวินัย
เร่ือง Hello! เลข พฤติกรรมตัวบงช้ี เ ขาเรียนตรงเวลา สรปุ ผลการ ที่ ั้ตงใจเรียน ประเมิน แตงกาย ูถก ชือ่ – สกลุ รวม 12 คะแนน 1. เดก็ ชาย ศุภณัฐ เดโชชลาลยั ระ ัดบ ุคณภาพ 2. เด็กหญิง ณฐั ชยา ถาวรยศวจิ ิตร 444 ผาน ไมผ า น 3. เด็กหญิง ศรวี ไิ ล เดโชธาตุ 4 4 4 12 4 4. เด็กหญิง พรสรวง กอเผา พาณิช 4 3 4 11 4 4 3 4 11 4 4 4 4 12 4 เกณฑการประเมิน ชว งคะแนน 10-12 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 เทา กบั ดมี าก ชว งคะแนน 7-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 เทากบั ดี ชว งคะแนน 4-6 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 เทากับ พอใช ชว งคะแนน ตํ่ากวา 3 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 เทากับ ปรบั ปรุง หมายเหตุ ระดบั คุณภาพ 2 ข้ึนไป จึงถอื วา ผา นเกณฑ ลงช่ือ ………………………………………………………ผปู ระเมิน ( นางกญั ณชั ชา กนั ทาหอม ) ตาํ แหนง ครู โรงเรยี นราชประชานุเคราะห 21
ประเด็น เกณฑการใหคะแนน การประเมิน 43 2 1 1.เขา เรียนตรง มากอ นเวลาเรียน มาตรงเวลา มาสายในชวงเวลา 5 มาสายเกินกวา 5 เวลา เรียน นาที นาที 2.ตง้ั ใจเรยี น ใหความรวมมือ ใหค วามรวมมือ ใหความรวมมอื ในการ ไมใหความรว มมือใน ในการเรียนการ ในการเรยี น เรียนการสอนบา งเปน การเรียนการสอน สอนตลอดคาบ การสอนเปน บางคร้ัง เรียน สว นใหญแ ตไม ตลอดคาบเรียน 3.แตง กายถกู แตงกายถกู แตง กายถกู แตงกายถูกระเบียบไม แตง กายไมถ กู ระเบียบ ระเบียบตลอด ระเบียบเกนิ คาบเรียน คร่ึงชัว่ โมงแต ถงึ ครง่ึ ชว่ั โมง ระเบยี บมาเขา เรยี น ไมต ลอดคาบ เรยี น เกณฑก ารใหค ะแนนแบบประเมนิ พฤตกิ รรมตามคณุ ธรรมอัตลกั ษณ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี 1 กลุม สาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ (อ12101) ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี 2
หนว ยการเรียนรูท ่ี 1 : School time เร่อื ง Greetings / Introducing oneself เวลา 2 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา 2562 สอนวนั ท่ี 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ********************************************************************************** 1.สาระ มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชว้ี ดั 1.1 มาตรฐานการเรียนรู และตัวชีว้ ดั ชน้ั ป ต 1.1 ป.1/2 ระบตุ วั อกั ษรและเสียง อา นออกเสียงและสะกดคํางา ยๆ ถูกตองตามหลกั การอาน ต 1.2 ป.1/1 พดู โตตอบดวยคําสน้ั ๆ งายๆ ในการสอื่ สารระหวา งบคุ คลตามแบบที่ฟง ต 2.1 ป.1/1 พูดและทาํ ทา ประกอบตามวฒั นธรรมของเจา ของภาษา ต 2.1 ป.1/3 เขา รว มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะกบั วัย ต 4.1 ป.1/1 ฟง /พูดในสถานการณง า ยๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในหองเรยี น 2. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด การเรยี นรูเกีย่ วกบั การใชภาษาในการทักทาย ใหขอมลู งา ยๆ เก่ยี วกับตนเอง เขา ใจประโยคคาํ สงั่ รจู กั พยัญชนะ สระ และสะกดช่อื เปน ภาษาอังกฤษได จะเปน ความรูเบอ้ื งตน สําหรับการใชภาษาองั กฤษใน หอ งเรียน 3. จุดประสงคก ารเรยี นรู ( K P A) 3.1 ดานความรู (K) 1. นักเรียนรเู รยี นการใชภาษาในการทักทาย ใหขอมลู งายๆ เกี่ยวกบั ตนเอง เขาใจประโยคคําสัง่ รจู ัก พยัญชนะ สระ และสะกดชื่อเปน ภาษาองั กฤษได 3.2 ดา นทักษะ/กระบวนการ (P) 2. พดู โตตอบดวยคาํ สนั้ ๆ งายๆ ในการส่ือสารระหวา งบคุ คลตามแบบท่ีฟง 3. พูดและทําทา ประกอบตามวัฒนธรรมของเจาของภาษา 4. ฟง /พูดในสถานการณง ายๆ ที่เกดิ ข้นึ ในหองเรียน 3.3 ดานคุณลกั ษณะ (A) 5. ใฝเรยี นรู และมงุ มน่ั ในการทาํ งานจดุ ประสงคก ารเรียนรู (Objectives) 4. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1. นักเรยี นมีระเบียบวินยั ในการทํางาน 2. นักเรยี นมีความรับผิดชอบ 3. นกั เรยี นมคี วามมุงมน่ั ในการทํางาน 6. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข องสถานศกึ ษา มคี วามรบั ผิดชอบ 6. สมรรถนะสําคญั ของผูเรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด
7. สาระการเรยี นรู ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Functions: Greetings / Introducing oneself 2) Language Skills Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ยี วกับการทักทาย แนะนาํ ตวั เอง Reading: อา นเพอ่ื ความเขาใจ ทกั ษะการคิด 2. ทกั ษะการรวบรวมขอมลู – รวบรวมขอมูลเก่ยี วกบั การทักทาย แนะนําตวั เอง 8. ภาระงาน / ชน้ิ งาน แบบฝก หดั หนา 111 Ex. 7 แบบฝก หัด หนา 111 Ex. 8 9. กจิ กรรมการเรียนรู ขน้ั ท่ี 1 Warm up 1.Warm up 1.1 ครูทักทายนักเรียน และแนะนาํ ตนเองดว ยประโยค Hello, students. My name is (Kusaya). I’m your English teacher in Grade 2. และพดู ตอดวยภาษาไทยวา สวสั ดีคะ นกั เรยี น ครูชื่อ (กศุ ยา) ครเู ปน ครู สอนภาษาอังกฤษในชน้ั ป.2 ครูพูดทําความคุนเคยกับนกั เรียนพอสมควร หลังจากนั้นใหนักเรยี นแตละคนบอก ชอ่ื ตนเอง (Tell me your name, please.) (นกั เรยี นเคยเรยี นแลวในชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 1) 1.2 ครทู บทวนประโยคคําส่งั ทีน่ ักเรยี นเรยี นมาแลว โดยครพู ูดประโยค เชน Boys and girls, stand up. Boys, walk. Girls, run. Boys and girls, stop. ใหน กั เรยี นปฏิบตั ิตาม ครพู ดู ประโยค Take your seat. โดยครูเดนิ ไปน่งั ที่ ใหน ักเรยี นปฏบิ ัตติ าม และสอบถามความหมาย หลงั จากนนั้ ใหน ักเรยี นอาสาสมคั ร 3-4 คน ออกมาหนา ชน้ั เรยี นเปน ผอู อกคําสั่งแทนครู 1.3 ครูแนะนาํ หนังสือเรยี นโดยชหู นังสือเรียน และสนทนาเกี่ยวกับช่อื หนังสือและภาพท่ีเห็นบนหนาปก ใหนักเรยี นออกเสียง New Say Hello 2 ตามครู และถามตอไปวา ภาพกระตา ยท่ีเห็นนา จะเปน ตัวผูหรือตวั เมีย อาจจะไดคาํ ตอบตางๆ กัน แตในท่สี ดุ ควรสรปุ ไดวา เปนตวั ผู เพราะสงั เกตจากเคร่ืองแตงกาย ครชู แ้ี จง เพิ่มเติมวา ในช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ 2 นี้ นกั เรียนจะมีเพ่ือนเปน กระตาย แทนนก Jip-Jip ในชั้นประถมศึกษาป ที่ 1 ครชู ูหนังสือเรียนและแบบฝก หดั ใหน กั เรียนพูดคําวา Student’s Book และ Workbook ตามครู 1.4 ครเู ปดหนังสอื เรยี นพรอมกบั นกั เรียนในหนาท่ีมีตวั Mascot ของหนงั สือเรียนซ่งึ อยูกอ นหนา 1 ครูถามนักเรียนตอไปวา เห็นภาพอะไร (กระตาย) ครูพดู ตอวา Yes. A rabbit. ใหนกั เรยี นออกเสียง a rabbit พรอ มกนั หลายๆ ครง้ั ครูถามตอวา What’s its name? (กระตา ยชอ่ื อะไรคะ) นักเรียนอาจบอกได เพราะสงั เกตจากประโยคทเ่ี ขียนวา Hello! My name’s Bunny. ใหนกั เรียนเดาวา Bunny พดู วาอะไร หลงั จากนัน้ ครชู ว ยสรปุ วา Bunny ชวนนักเรียนพดู คุย รองเพลง เลน และเรียน แลว ตามดว ยภาษาองั กฤษวา Hello! My name’s Bunny. Let’s talk, sing, play and learn! ใหนกั เรยี นพูดตามพรอมกนั
2. Presentation 2.1 นกั เรยี นทํากจิ กรรมที่ 1 Listen and say. ขอ A. Listen and repeat. ใน SB หนา 1 ให นักเรยี นดูภาพ Bunny และJip-Jip กาํ ลงั สนทนากนั ครูบอกนกั เรียนวา จะไดฟง CD การสนทนาระหวางสัตว 2 ชนดิ น้ี ใหน ักเรยี นตัง้ ใจฟง ครูเปด CD 1 ใหน กั เรยี นฟง 1 ครั้ง นักเรียนไมตองพดู ตาม แตต ้งั ใจฟงเสยี ง และอานบทสนทนาตามในใจ ครเู ปด CD ครง้ั ที่ 2 ใหน ักเรียนพูดตาม ทีละประโยค ครูเปด CD ครง้ั ท่ี 3 ใหน กั เรียนพดู พรอมกับ CD CD Script 1 W: 1. Listen and say. A. Listen and repeat. Bunny: Good morning. My name’s Bunny. What’s your name? Jip-Jip: Good morning, Bunny. My name’s Jip-Jip. 2.2 ครถู ามนักเรียนวา Bunny และ Jip-Jip ทักกันวา อยา งไร จะไดคําตอบวา Good morning. ครเู ขียน คําวา Good morning. บนกระดานดํา ใหน กั เรยี นบอกความหมายในภาษาไทย (สวัสดีตอนเชา) ครูสนทนา ตอ ไปเก่ยี วกับคําทักทายทีเ่ คยเรียนมาแลว ในชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ 1 เชน Hi, Hello พรอมท้งั วธิ ใี ชค ําเหลา นัน้ ครูเขียน Hi, Hello บนกระดานดํา และบอกนักเรยี นเพ่ิมเติมวา Good morning. เปนคาํ ทกั ทายเชนเดยี วกนั แตใชเ ฉพาะเวลาเชา ถึงกอนเทีย่ งวนั ครเู ขยี น Good afternoon. และ Good evening. เพ่ิมเติม ใหนักเรยี น ออกเสียงตามและบอกนักเรยี นวา เปนคาํ ทักทายเหมือนกัน Good afternoon. ใชท ักทายในเวลาหลังเที่ยง จนถึง 6 โมงเยน็ หรือเม่ือพระอาทิตยตกดนิ และทกั ทายกนั ดวยคําวา Good evening. หลังเวลา 6 โมงเย็น 2.3 ครสู นทนาเก่ยี วกบั การทักทายบุคคลวัยตางๆ ตามวัฒนธรรมไทย ใหนกั เรียนบอกเก่ียวกบั การทักทาย เพื่อน ทักทายผูใหญ ซง่ึ จะแตกตา งกัน ทักทายผูใหญด ว ยการไหวห รอื กราบ ใหนักเรียนแสดงทาทางไหว พรอมๆ กัน แลว พดู สวสั ดคี ะ/ครับ จากนั้นเปรยี บเทยี บกบั การทักทายของชาวตา งประเทศซึ่งจะทกั ทายดวย การจบั มอื ครสู มุ เลือกนักเรยี น 2 คน ออกมาหนา ชั้นเรยี นแสดงทาทางทกั ทายกันดวยการจบั มือ 2.4 สมมตุ ใิ หนกั เรยี นทั้งหองเปน Jip-Jip และครูเปน Bunny สนทนาโตต อบกนั หลังจากนั้นแบง นกั เรยี น ออกเปน 2 กลมุ กลุมหนงึ่ พูดบทคําพดู ของ Jip-Jip อกี กลุมหนึ่งพดู บทคําพูดของ Bunny ครูคอยแกไขการ ออกเสยี งใหถ ูกตองโดยเฉพาะการออกเสียง Good /gʊd/ เพราะนักเรยี นบางคนออกเสียงเปน /gʊs/ เปรียบเทยี บเสียงตวั สะกด /d/ ของคําวา Good วา คลา ยกับเสียงสะกด “ด” ในภาษาไทย ตางกนั ท่ี /d/ เปน เสยี งกอง 33แตเสียง33 “ด” เปนเสียงไมก อง ใหน ักเรียนออกเสียงใหถ กู ตอง 3. Practice 3.1 ครูแนะนํานักเรยี นวา ในการถามชื่อบุคคลอ่ืนนั้น ตามมารยาทแลวควรบอกชอื่ ตนเองกอน แลว จงึ ถามช่ือคนอ่ืน เชน My name’s (Mary). What’s your name?
3.2 ใหนกั เรยี นจบั คทู ักทายตามแบบท่ีไดฝ กไวในขน้ั Presentation แตเปลีย่ นชอ่ื Bunny และ Jip-Jip ใหเปนชอื่ ของนักเรยี นเอง ใช Good morning. หรือ Good afternoon. ตามสถานการณจริง ให นกั เรยี นจับมือกันและกันขณะทักทาย 4. Production 4.1 นกั เรียนทํากิจกรรมท่ี 1 Listen and say. ขอ B. Listen and sing. ใน SB หนา 1 ให นักเรียนรองเพลง What’s Your Name? ทาํ นอง Cha Cha Cha มวี ิธีการทาํ กิจกรรมดังนี้ - นกั เรียนอานเน้ือเพลงตามครู - ครูซกั ถามเกี่ยวกบั เน้ือหาของเพลง ซ่งึ นักเรียนอาจตอบได เพราะเปน การถาม-ตอบชือ่ ท่ี เรยี นมาแลว - ครูเปด CD 2 ใหนกั เรียนฟง 3 ครงั้ โดยคร้งั แรกนักเรียนไมตอ งรองตาม ใหรองตามทลี ะ บรรทดั ในครั้งที่ 2 และรองพรอมกับ CD ในคร้ังท่ี 3 CD Script 2 1. Listen and say. W: WB.hLaistt’esnYoanudr Nsianmg. e? Tune: Cha Cha Cha What’s your name? Tell me, what’s your name? What’s your name? TMeyllnmame,ew’sh(aBtu’snnyoy)u.r name? หลงั จากนั้น ใหนกั เรยี นนบั 1, 2 จนครบทกุ คน แลว ใหคนทีน่ บั หมายเลข 1 จบั มือเปน วงกลม 1 วง คนทนี่ บั หมายเลข 2 จับมอื เปน วงกลมอีก 1 วง ใหวงกลม 2 วงซอนกันอยู คนทอี่ ยูวงในและวงนอกหนั หนาเขาหากนั เม่ือครเู ปดเพลง นักเรียนทอ่ี ยูตรงกนั ขามจะจับมือกัน รองเพลงถามและบอกชอื่ ตอจากนัน้ คน ท่ีอยวู งนอกเดินกา วไปดา นขวา 1 กา ว (Step to the right.) รองเพลงตามและบอกชอ่ื ทํากิจกรรมเชนนจี้ น จบเพลง ถา มเี วลาพออาจเปดเพลง 2 คร้งั ได 4.2 นักเยนทาํ กิจกรรมท่ี 1 Draw or paste your photo in the box (□). ใน WB หนา 1 ให นักเรียนวาดภาพตนเองหรอื นําภาพถา ยมาตดิ ก็ได ตกแตง ใหสวยงาม พรอ มเขียนช่ือใตภ าพ ครคู อยชวยเหลือแนะนํา ใหนักเรยี นแตละคนนาํ เสนอภาพทวี่ าดและแนะนําชื่อตนเอง (My name’s …………… .) 4.3 ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในระหวา งทํากจิ กรรม ดา นความรบั ผดิ ชอบ พรอมบันทึกลง ในแบบสงั เกตพฤติกรรมตามคุณธรรมอตั ลักษณ 5. Wrap up
5.1 ครแู ละนักเรยี นชวยกนั สรุปคาํ ทกั ทายและการถามช่อื เพ่อื น 5.2 ใหนักเรยี นบอกชอ่ื ตัวเองและถามช่อื เพ่ือน 2-3 คน เปน กิจกรรมสรปุ บทเรยี น 5.3 ครูนาํ ตัวอยางสมุดบันทกึ คําศัพทที่เรียนแลว มาใหนักเรียนดู เสนอแนะใหน กั เรยี นบนั ทึก คาํ ศัพท เพื่อการจดจํา ดงั นี้ ตัวอยา ง No. Word Meaning 1 Bird 2 Rabbit ใหนกั เรียนนาํ สมุด 1 เลม มาดวย เพ่อื ใชเ ปนสมุดบันทกึ คําศัพทใ นชั่วโมงเรยี นตอ ไป 10. สือ่ /แหลงการเรียนรู 6.1 Student’s Book 2 6.2 Workbook 2 6.3 CD 1-2 11. กจิ กรรมเสนอแนะ/ขอ มูลเพ่มิ เตมิ สาํ หรบั ครู 11.1 กจิ กรรมเสนอแนะ - เน่ืองจากเปน ชัว่ โมงแรกของชัน้ เรยี นใหม นักเรียนและครูยังไมคนุ เคยกนั จึงอาจทําให นักเรยี นบางคนไมกลา แสดงออก ครูควรสรา งบรรยากาศในชั้นเรียนใหน ักเรยี นมีความมั่นใจในตวั เอง และกลา พดู โดยไมกลัวผดิ - ใหนักเรียนทกั ทายและกลาวลาครเู ปนภาษาองั กฤษทุกครัง้ ท่มี ีการเรียนภาษาอังกฤษ 11.2 ขอ มลู เพิม่ เติมสาํ หรับครู - ในการพบกนั คร้งั แรกชาวอเมรกิ ันจะจบั มือทักทายกัน โดยเฉพาะในวงการธรุ กิจ ผูหญงิ จะเปน ฝา ยย่ืนมือกอนเสมอ วธิ ีการจับมอื (Shake hands) คือ การจบั มือกนั แนน เปน ระยะเวลา 2-3 วนิ าที แลว ปลอ ย อาจมีวิธกี ารจับมอื ในแตล ะประเทศแตกตางกัน บางประเทศอาจจะเพียงจับมอื กันเบาๆ และใชเ วลาจับ มือกนั นานกวา 2-3 วินาที
(อา งองิ จาก Deena, R. Levine and others. The Culture Puzzle. New Jersey: Prentice-Hall, 1987) - ครคู วรระวงั การออกเสยี ง Good morning /gʊd 'mɔːnɪŋ/ ใหช ัดเจนและถกู ตอง เพ่ือเปน ตัวอยา งท่ดี ีของนักเรียนทีเ่ ร่ิมเรยี น เพราะนักเรยี นจะออกเสียงเปน /gʊs/ เสมอ เสยี งตัวสะกด /d/ คลา ย เสียง ด ในภาษาไทย ตา งกันทเ่ี สียง /d/ เปน เสยี งกอง สวนเสียง ด ในภาษาไทย เปน เสียงไมกอ ง - การใช Good evening. จะใชทักทายในเวลาหลัง 6 โมงเย็นเปนตน ไป แต Good night. จะใช กลา วลาในเวลากลางคนื ไมใชในการทักทาย 12. การวดั และประเมนิ ผล 12.1 การวัดผล ส่งิ ท่ีตอ งการวดั 1. นกั เรยี นเรยี นรกู ารใชภาษาในการทักทาย ใหขอ มูลงายๆ เกยี่ วกบั ตนเอง เขาใจประโยคคาํ ส่งั รูจัก พยัญชนะ สระ และสะกดชอ่ื เปน ภาษาองั กฤษได 2. พูดโตต อบดวยคําส้นั ๆ งายๆ ในการสือ่ สารระหวางบคุ คลตามแบบที่ฟง 3. พดู และทําทาประกอบตามวฒั นธรรมของเจาของภาษา 4. ฟง/พดู ในสถานการณง ายๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ ในหอ งเรยี น 5. ใฝเ รยี นรู และมุงมนั่ ในการทํางานจุดประสงคการเรียนรู (Objectives) 6. นกั เรยี นสามารถพดู บทสนทนาเก่ียวกบั การทักทายและกลาวลา การพดู ขอบคุณท่ีกาํ หนดใหได 7. ความมรี ะเบียบ วินยั ในการทํางาน มคี วามรบั ผิดชอบ และมีความมุง มนั่ ในการทาํ งาน 8. สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น ความสามารถดา นการสอื่ สาร ความสามารถดานการคิด วิธกี ารวัดผล 1. ตรวจงานจากแบบฝก หดั 2. ประเมิน พฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการทํางาน มีความรับผิดชอบ และมีความมุงม่ันใน การทาํ งาน 3. ประเมินสมรรถนะสําคญั ของผูเรียน เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ นการวดั ผล 4. แบบฝกหดั 5. แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค พฤติกรรมความมรี ะเบยี บวินัยในการทํางาน มคี วามรับผดิ ชอบ และมคี วามมุงมัน่ ในการทาํ งาน 6. แบบประเมนิ สมรรถนะสาํ คัญของผเู รียน ความสามารถดา นการสอื่ สาร ความสามารถ ดา นการคดิ 11.4 เกณฑการประเมนิ ผล 3. ไดร บั คะแนนจากแบบฝก หดั ผานเกณฑร อ ยละ 70 ขนึ้ ไป 4. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค พฤติกรรมความมรี ะเบยี บวินัยในการทํางาน มีความ รบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ มน่ั ในการทํางาน ผา นเกณฑระดบั คุณภาพ 2 (ระดับด)ี ขนึ้ ไป 5. ประเมนิ สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรียน ความสามารถดานการสอ่ื สาร ความสามารถดา นการคิด ผา นเกณฑร ะดบั คุณภาพ 2 (ระดับดี) ขึน้ ไป
11.5 เกณฑก ารประเมินผล 11.5.1 เกณฑก ารประเมนิ ผล ดานความรู วดั จากการทาํ แบบฝกหัด เกณฑตัดสินคะแนน ไดค ะแนนรอ ยละ 80 - 100 หมายถงึ ดเี ย่ยี ม ไดคะแนนรอ ยละ 70 - 79 หมายถึง ดี ไดค ะแนนรอ ยละ 60 - 69 หมายถงึ พอใช ไดค ะแนนตํา่ กวารอยละ 59 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑการตัดสนิ การผา นการประเมิน นักเรียนท่ีถือวา ผานเกณฑก ารประเมิน ตองไดคะแนนรอ ยละ 70 ขึน้ ไป 11.3.2 เกณฑก ารประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค 1. ดานความมีระเบยี บวนิ ยั ในการทํางาน ระดบั คุณภาพ พฤติกรรมทป่ี รากฏ 3 มกี ารวางแผนการทํางานตามขน้ั ตอนท่วี างไว ทกุ คร้งั รูจ ักปรบั ปรงุ พัฒนาและสรุปงานใหดีขึ้นเสมอ 2 มกี ารวางแผนการทาํ งานตามข้นั ตอนทว่ี างไวบ างครง้ั ปรับปรงุ พฒั นาและสรุปงานใหดีขนึ้ เปน บางครั้ง 1 ไมมีการวางแผนการทํางานตามขั้นตอนท่ีวางไว ไมม ีการปรับปรุงพฒั นาและสรุปงาน 2. ดานความรับผิดชอบ พฤติกรรมทีป่ รากฏ ระดับคุณภาพ มีความรบั ผิดชอบในงานท่ีไดรับมอบหมาย 3 และสงงานตามกาํ หนดเวลาท่ีนัดหมาย 2 มีความรับผิดชอบในงานทไี่ ดรบั มอบหมาย 1 สง งานชากวา กาํ หนดแตมเี หตุผลรับฟงได มคี วามรบั ผิดชอบในงานท่ไี ดรบั มอบหมายโดยอาศัยการ ตักเตือน สง งานชา กวา กําหนดเวลาท่นี ดั หมาย 3. ดา นความมุงมน่ั ในการทํางาน พฤติกรรมทีป่ รากฏ ระดบั คุณภาพ ต้ังใจและรับผิดชอบในการทํางานใหส ําเรจ็ ทกุ ครัง้ ทมุ เททํางาน 3 อดทนไมยอทอตอ ปญหาและอปุ สรรค ปรับปรงุ พฒั นาการ ทํางานและผลงานดวยตนเองกระตือรือรน และเต็มใจทจ่ี ะตอบ 2 คําถามเวลาเพื่อนมีปญหา 1 ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทาํ งาน ทุมเททํางานเปน บางครั้ง ปรับปรงุ พฒั นาการทํางานและผลงานดว ยการชี้แนะจากครูทกุ คร้งั ไมต ้ังใจและไมรับผดิ ชอบในการทาํ งาน ทมุ เททาํ งานเปน บางคร้ังปรบั ปรุงพัฒนาการทํางานและผลงานดวยการชี้แนะจาก ครูทกุ ครั้ง
เกณฑก ารประเมนิ 1 – 3 คะแนน ระดับ 1 หมายถงึ พอใช 4 – 6 คะแนน ระดบั 2 หมายถงึ ดี 7 – 9 คะแนน ระดบั 3 หมายถึง ดีมาก หมายเหตุ เกณฑการผาน ไดระดบั คุณภาพ 2 (ดี) ขน้ึ ไป 11.5.2 เกณฑการประเมินดา นสมรรถนะสาํ คญั ของนักเรยี น ประเด็นประเมนิ เกณฑการใหคะแนน คุณภาพ (3) คณุ ภาพ (2) คณุ ภาพ (1) คุณภาพ (0) 1.ความสามารถ ใชภ าษาอังกฤษใน ใชภาษาอังกฤษใน ใชภาษาอังกฤษใน ใชภ าษาอังกฤษ ในการสอ่ื สาร ดานการอานและ ดานการอานและ ดานการอานและ ในดานการอา น การเขยี นได การเขียนได การเขยี นไดเ ปน และการเขยี นไม ถูกตอง เหมาะสม ถูกตอง เหมาะสม สว นใหญ สามารถ ถกู ตองเปนสวน สามารถถา ยทอด สามารถถายทอด ถา ยทอดความรู ใหญ ไมส ามารถ ความรู ความคิด ความรู ความคิด ความคดิ ความ ถา ยทอดความรู ความเขาใจของ ความเขา ใจของ เขาใจของตนเอง ความคดิ ความ ตนเองใหผ ูอื่น ตนเองใหผ ูอื่น ใหผ ูอ ื่นไดใน เขาใจของตนเอง เขาใจไดเปน อยาง เขาใจไดใน บางครั้ง ใหผอู ่ืนได ดี บางครงั้ 2. ความสามารถ ใชก ารคิดอยาง ใชการคดิ อยา ง ใชการคิดอยาง ตอ งใหเพอ่ื นคอย ในการคิด สรา งสรรค ไม สรางสรรค โดยให สรา งสรรค โดยให ชวยเหลือตลอด ซักถามใคร มี เพือ่ นอธิบายให เพื่อนอธิบายให 3 ไมม ีการวาง ความสามารถใน 1–2 คร้งั ครง้ั ข้ึนไป มี แผนการทาํ การวางแผนการ มคี วามสามารถใน ความสามารถใน กจิ กรรมตามแบบ ทํากิจกรรมตาม การวางแผนการ การวางแผนการ ฝกทกั ษะ แบบฝก ทักษะ ทํากจิ กรรมตาม ทาํ กิจกรรมตาม อยางเปนระบบดี แบบฝก ทักษะ แบบฝกทกั ษะ มาก อยางเปนระบบ อยา งเปนระบบ บางคร้ัง แบบสงั เกตพฤติกรรมตามคณุ ธรรมอัตลกั ษณ ดานความรับผิดชอบ เร่อื ง School time เลข พฤติกรรมตวั บงช้ี สงงาน ่ีทไดรับ สรปุ ผลการประเมนิ ที่ มอบหมาย ตรง ตอเวลา เ ขาเรียน ุทกคร้ัง รวม 12 ระ ัดบ
ช่อื – สกุล 4 44 ผาน ไมผ าน 1. เด็กชายภัคพงค วงศใ จประเสรฐิ 2. เด็กชายย่ิงเกียรติ อํารงุ สาคร 4 4 4 12 4 3. เดก็ ชายวรายุส ษมาจิตวิโรจน 4. เด็กชายสุนธยา เดโชชลาลัย 4 3 4 11 4 5. เด็กชายอาดัม นวนหนกั แนน 6. เดก็ หญงิ กชพร เดโชสรุ ิยนั 4 4 4 12 4 7. เดก็ หญิงณดา มนตราประทีป 8. เดก็ หญิงพรธรี า สขุ ศรวี ิมาน 4 4 3 12 4 9. เด็กหญงิ พิมพช นก อุทศิ สงิ ขร 4 4 4 12 4 3 3 4 10 4 4 4 4 12 4 3 4 3 10 4 4 4 4 12 4 เกณฑการประเมนิ ชว งคะแนน 10-12 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 เทา กบั ดมี าก ชว งคะแนน 7-9 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 เทา กับ ดี ชว งคะแนน 4-6 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 เทากบั พอใช ชว งคะแนน ตาํ่ กวา 3 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 เทากับ ปรับปรงุ หมายเหตุ ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป จงึ ถือวา ผานเกณฑ ลงชื่อ ………………………………………………………ผปู ระเมนิ ( นางกญั ณัชชา กันทาหอม ) ตําแหนง ครู โรงเรียนราชประชานุเคราะห 21
ประเดน็ เกณฑการใหคะแนน การประเมนิ 4 32 1 1.สงงานที่ไดร บั มอบหมาย สง กอ นเวลาที่ สง ตรงเวลาที่ สงชาหลังเวลาที่กาํ หนด สง ชา เกนิ กวากําหนด 2.ตรงตอ เวลา กําหนด กาํ หนด เขาเรียนกอนเวลา 30 นาที 1 วนั 3.เขา เรยี นทุกครงั้ เขา เรยี นทกุ ครงั้ เขา เรยี นตรงเวลา เขาเรียนสายเกิน 5 นาที เขา เรียนสายเกิน 30 ตลอดคาบเรียน นาที เขา เรียนเกินครึง่ เขาเรียนไมถึงครึ่งช่ัวโมง ไมม าเขา เรยี นเม่ือมี ช่วั โมงแตไ ม คาบเรยี น ตลอดคาบเรียน
แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 1 กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาตางประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ (อ13101) ช้ันประถมศึกษาปท่ี 3 หนวยการเรียนรูท ่ี 1 : My school เรื่อง : Describing locations in a school เวลา 1 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2563 สอนวันท่ี 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1.สาระ มาตรฐานการเรยี นรู/ ตวั ช้วี ัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู และตัวช้วี ดั ชนั้ ป 1.1 มาตรฐานการเรยี นรู และตวั ชว้ี ัดช้นั ป ต 1.1 ป.3/2 อา นออกเสยี งคาํ สะกดคํา อานกลมุ คาํ ประโยค และบทพดู เขา จงั หวะ (chant) งา ยๆ ถกู ตองตามหลักการอา น ต 1.1 ป.3/3 เลอื ก/ระบภุ าพหรอื สญั ลักษณตรงตามความหมายของกลุมคาํ และประโยคทฟี่ ง ต 1.2 ป.3/1 พูดโตต อบดว ยคําส้ันๆ งา ยๆ ในการสื่อสารระหวา งบคุ คลตามแบบท่ีฟง ต 1.2 ป.3/2 ใชคําส่ังและคาํ ขอรองงา ยๆ ตามแบบท่ีฟง ต 1.3 ป.3/3 พูดและใหขอมูลเกี่ยวกับตนเองและเรือ่ งใกลต วั 2. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด สิ่งแวดลอ มใหมของเด็ก คือ โรงเรียนและเพื่อนๆ การเรยี นรูค าํ ศพั ทภาษาอังกฤษช่ือหองเรียน ตา งๆ ในโรงเรยี น เครือ่ งเลน ในสนามเด็กเลนและปายเตือนเปน สง่ิ จําเปน ในการเรยี นรู นาํ ไปใชส่อื สารและ บูรณาการกับกลุม สาระการเรียนรูอืน่ ได 3. จุดประสงคก ารเรยี นรู ( K P A) 3.1 ดา นความรู (K) 1. นกั เรยี นรเู รียนรคู าํ ศัพทภาษาองั กฤษชอื่ หองเรียนตางๆ ในโรงเรยี น เคร่อื งเลน ในสนามเดก็ เลนและ ปา ยเตือนเปน ส่งิ จาํ เปน ในการเรยี นรู นาํ ไปใชส อ่ื สารและบรู ณาการกับกลมุ สาระการเรยี นรูอ ่นื ได 3.2 ดานทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. นักเรยี นรเู รียนรคู ําศัพทภ าษาองั กฤษชื่อหอ งเรยี นตางๆ ในโรงเรยี น เคร่ืองเลนในสนามเดก็ เลน และ ปายเตือนเปนส่งิ จาํ เปนในการเรยี นรู นาํ ไปใชสอื่ สารและบรู ณาการกับกลุมสาระการเรียนรอู ่นื ได 2. อา นออกเสยี งคาํ สะกดคาํ อา นกลมุ คาํ ประโยค และบทพูดเขาจงั หวะ (chant) งายๆ ถกู ตองตาม หลักการอา น 3. เลือก/ระบุภาพหรือสญั ลกั ษณตรงตามความหมายของกลมุ คาํ และประโยคท่ีฟง 4. พดู โตต อบดว ยคําส้ันๆ งา ยๆ ในการส่ือสารระหวางบคุ คลตามแบบท่ีฟง 5. ใชค ําส่งั และคาํ ขอรองงา ยๆ ตามแบบที่ฟง 6. พดู และใหข อมูลเกีย่ วกบั ตนเองและเร่ืองใกลตัว 3.3 ดานคุณลักษณะ (A) 7. ใฝเรยี นรู และมงุ ม่นั ในการทํางานจดุ ประสงคการเรียนรู (Objectives)
4. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค 1. นกั เรยี นมีระเบยี บวนิ ัยในการทาํ งาน 2. นักเรยี นมีความรับผดิ ชอบ 3. นักเรยี นมคี วามมุงมนั่ ในการทาํ งาน 7. คณุ ธรรมอัตลกั ษณข องสถานศกึ ษา ความพอเพยี ง 8. สมรรถนะสาํ คัญของผเู รียน ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคิด 9. สาระการเรยี นรู ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Functions: - Describing locations in a school 2) Language Skills Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ียวกับ Describing locations in a school Reading: อา นเพอื่ ความเขาใจ ทกั ษะการคดิ 3. ทักษะการรวบรวมขอมลู – รวบรวมขอ มลู เกีย่ วกบั Describing locations in a schoo ภาระงาน / ชิน้ งาน แบบฝกหัด หนา 111 Ex. 7 แบบฝห หดั หนา 111 Ex. 8 10 . กิจกรรมการเรยี นรู ขน้ั ที่ 1 Warm up 1. Warm up 1.1 ครูแนะนําตัว แนะนําหนังสือเรียน แบบฝกหัด และ Mascot ประจําเลม คือ dolphin ตัวผู ชอ่ื Flipper ตวั เมยี ชื่อ Flippy 1.2 สนทนากับนักเรียนเกย่ี วกับหอ งตา งๆ ในโรงเรยี น ใหนักเรียนบอกชื่อเปนภาษาไทย ครูเขียน ช่ือหองท้ังหมดไวบนกระดานดํา หลังจากนั้นบอกใหนักเรียนรูวาบทเรียนน้ีเราจะรูจักหองเหลานี้เปน ภาษาอังกฤษ 2. Presentation 2.1 นักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 Listen, point and repeat. ใน SB หนา 1 นักเรียนดูภาพหอง ตา งๆ นักเรยี นฟง CD 1 และพดู ตาม CD Script 1 W: 1. Listen, point and repeat.
classroom, computer room, library, music room, playground, restroom Winai is in his school. He is walking to his classroom. It is near the computer room. The computer room is next to the library. The library is near the playground. 2.2 ครูสนทนากับนักเรียนเก่ยี วกับหอ งตา งๆ ในภาพ นักเรียนชี้ภาพหอ งและบอกชือ่ หอง ครฝู ก นักเรยี นออกเสยี ง /r/ ตนคาํ room /pl/ ตน คาํ playground /br/ กลางคํา library /r/ ทายคํา near, computer 2.3 ครูฝก นักเรยี นเนนเสียงหนัก-เบา (stress) ในคาํ ˈclassroom, comˈputer, ˈlibrary, ˈmusic และ ˈplayground 2.4 ครูใหนักเรียนดูภาพหองเรียนในกิจกรรมที่ 2 Look, listen and repeat. ขอ A. Repeat and learn. ใน SB หนา 2 ฟง CD 2 และดูภาพ จากนั้นฟงครูอธิบายความหมายของ next และ near จากภาพ ฝก อานประโยคประกอบภาพ CD Script 2 W: 2. Look, listen and repeat. A. Repeat and learn. next to The computer room is next to the library. 1. near 2. The playground is near the music room. 2.5 นักเรียนทํากิจกรรมที่ 2 Look, listen and repeat. ขอ B. Listen and practice. ใน SB หนา 2 นักเรยี นดภู าพ และบอกครูวา เปนการพูดทักทายเม่ือพบกันอีกคร้ังในวันเปดภาคเรียนใหม และฟง CD 3 CD Script 3 W: 2. Look, listen and repeat. B. Listen and practice. Winai is in his classroom. Tom is his friend. 3. B1: Hello, Tom. 4. B2: Hi, Winai. 5. B1: Nice to see you. 6. B2: Nice to see you, too.
2.6 ครูฝกนักเรยี นพดู ระดบั เสียงสูง-ต่ําในประโยค (intonation) ใหถูกตองตาม CD ครูฝกนักเรียน ออกเสียง /s/ ทายคํา nice เสียง /s/ ออกเสียงคลาย ส ในภาษาไทย แตภาษาไทยเสียงของ ส เมื่อเปน ตัวสะกดจะออกเสยี งเปน แมก ด นักเรยี นมีปญหาการไมออกเสียง /s/ ทายคําภาษาอังกฤษ ครูเนนใหนักเรียน ระมัดระวงั การออกเสยี ง /s/ ทายคาํ ภาษาอังกฤษใหถ กู ตอง ครูเปด CD ใหน กั เรยี นฟง และพูดตามอกี ครั้ง 3. Practice 3.1 แบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 4 คน จับคูพูดบทสนทนาทักทายเพื่อนเกา โดยใชช่ือจริง ของนกั เรยี น และสลบั คฝู ก พดู อีกครง้ั ครเู ดนิ สังเกตการรว มกจิ กรรม 3.2 ครูชูบัตรภาพหองตางๆ ในโรงเรียนและสนามเด็กเลน นักเรียนบอกช่ือหองเหลาน้ัน และติด บตั รภาพบนกระดานดํา 3.3 นักเรียนเขากลุม กลุมละ 6 คน เขียนคําศัพทจากบัตรภาพบนกระดานดําลงในกระดาษบัตร คํา คนละ 1 บัตร วางรวมกันไว แลวผลัดกันหยิบบัตรคําชูใหเพื่อนในกลุมอานโดยใชคําสั่ง “Read, please.” ครูเดนิ สงั เกตการรว มกจิ กรรม 3.4 ครูแจกแผนผังหองตางๆ ในโรงเรียนและสนามเด็กเลน ท่ีมีการวางตําแหนงของหองแตกตาง จากภาพใน SB หนา 1 ใหนักเรียนฝกพูดบรรยายตําแหนงที่ต้ังของหองและสนามเด็กเลนตามแผนผังท่ีไดรับ ครูเดินสังเกตการรวมกิจกรรม คอยแนะนาํ และแกไข 4. Production นกั เรียนจับคพู ูดทกั ทายในสถานการณว ันแรกทพ่ี บกันในวันเปดภาคเรยี น พรอมกบั ยกมือทกั ทาย กันขณะพูด ครูสังเกตและประเมนิ การรวมกจิ กรรม 5. Wrap up 5.1 นักเรียนทํากจิ กรรมท่ี 1 Look, listen and check True or False. ใน WB หนา 1 นกั เรยี นดู ภาพผังโรงเรยี น ฟง ขอความส้ันๆ จาก CD 4 แลวเขียนเคร่ืองหมาย ใน □ หนาคําตอบ True ถาขอ ความ นน้ั บรรยายตรงตามภาพ หรือเขยี นเครือ่ งหมาย ใน □ หนา คาํ ตอบ False ถาขอ ความนัน้ บรรยายไมต รง ตามภาพ CD Script 4 W: 1. Look, listen and check True or False. 1. The music room is next to the restroom. 2. The computer room is next to the classroom. 3. The library is near the playground. 4. The classroom is near the music room. 5. The computer room is next to the playground. Answer 2. False 3. True 4. False 5. False 1. False 5.2 นักเรียนเขยี นชือ่ หอ งตางๆ และคํา playground ลงสมดุ คําศัพท
10. ส่ือ/แหลง การเรียนรู 6.1 Student’s Book 3 6.2 Workbook 3 6.3 CD 1-4 6.4 บัตรภาพหอ งตางๆ ในโรงเรยี น และสนามเด็กเลน 6.5 บัตรคําช่ือหอ งตา งๆ ในโรงเรียน และสนามเด็กเลน 6.6 แผนผงั หอ งตางๆ ในโรงเรยี นและสนามเด็กเลน 11. กิจกรรมเสนอแนะ/ขอมูลเพม่ิ เติมสาํ หรับครู 7.1 กจิ กรรมเสนอแนะ - ครแู ละนกั เรียนรว มกันสรางขอตกลง/วินัยในการรวมกจิ กรรมในหองเรยี น เขยี นบนั ทึกติดไวใ น หอ งเรยี น - ใหนักเรยี นมสี มดุ จดคาํ ศัพทเ พ่อื บนั ทกึ คําศัพทใหมแ ละคาํ ศพั ททีค่ น ควาเพ่มิ เตมิ จากส่ืออื่นๆ ตลอดปก ารศกึ ษา 12. การวดั และประเมนิ ผล 12.1 การวัดผล ส่งิ ทต่ี อ งการวดั 1. นักเรยี นรูต วั อักษรและเสียง อานออกสยี งและสะกดคํางายๆ ถูกตองตามหลกั การอาน 2. พูดโตต อบดวยคําสัน้ ๆ งา ยๆ ในการส่อื สารระหวางบคุ คลตามแบบท่ีฟง 3. พูดและทําทาประกอบตามวัฒนธรรมของเจา ของภาษา 4. เขา รว มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทีเ่ หมาะกบั วยั 5. ฟง/พดู ในสถานการณงา ยๆ ทเี่ กดิ ข้ึนในหอ งเรียน 6. ใฝเรียนรู และมุงมน่ั ในการทํางานจดุ ประสงคการเรยี นรู (Objectives) 7. นกั เรียนสามารถพดู บทสนทนาเกีย่ วกบั การทักทายและกลาวลา การพดู ขอบคณุ ท่ีกําหนดใหได 8. ความมรี ะเบยี บ วนิ ยั ในการทํางาน มีความรับผิดชอบ และมีความมงุ มั่นในการทํางาน 9. สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรยี น ความสามารถดา นการสอ่ื สาร ความสามารถดานการคิด วธิ ีการวดั ผล 1. ตรวจงานจากแบบฝก หัด 2. ประเมิน พฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการทํางาน มีความรับผิดชอบ และมีความมุงม่ันใน การทํางาน 3. ประเมนิ สมรรถนะสําคญั ของผูเรยี น เครอ่ื งมอื ท่ีใชในการวัดผล 7. แบบฝก หัด 8. แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค พฤติกรรมความมรี ะเบยี บวนิ ยั ในการทาํ งาน มีความรับผิดชอบ และมคี วามมุงมัน่ ในการทํางาน 9. แบบประเมินสมรรถนะสําคัญของผูเรียน ความสามารถดานการสอ่ื สาร ความสามารถ ดา นการคดิ 3.3 เกณฑการประเมนิ ผล
4. ไดรับคะแนนจากแบบฝกหดั ผา นเกณฑรอ ยละ 70 ขึน้ ไป 5. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค พฤติกรรมความมีระเบียบวนิ ัยในการทํางาน มีความ รับผดิ ชอบ และมคี วามมุง มั่นในการทาํ งาน ผานเกณฑร ะดับคณุ ภาพ 2 (ระดบั ดี) ขน้ึ ไป 6. ประเมนิ สมรรถนะสาํ คัญของผเู รียน ความสามารถดา นการส่ือสาร ความสามารถดานการคิด ผา นเกณฑร ะดบั คณุ ภาพ 2 (ระดับดี) ข้ึนไป 3.4 เกณฑการประเมนิ ผล 3.4.1 เกณฑก ารประเมินผล ดา นความรู วัดจากการทาํ แบบฝกหดั เกณฑต ัดสินคะแนน ไดค ะแนนรอยละ 80 - 100 หมายถึง ดเี ย่ยี ม ไดค ะแนนรอยละ 70 - 79 หมายถึง ดี ไดคะแนนรอยละ 60 - 69 หมายถึง พอใช ไดคะแนนต่าํ กวารอยละ 59 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑการตัดสนิ การผานการประเมิน นกั เรียนทีถ่ ือวา ผา นเกณฑการประเมนิ ตองไดคะแนนรอยละ 70 ขนึ้ ไป 11.3.2 เกณฑก ารประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค 1. ดานความมรี ะเบียบวินัยในการทํางาน ระดบั คุณภาพ พฤติกรรมทปี่ รากฏ 3 มีการวางแผนการทาํ งานตามขน้ั ตอนที่วางไว ทุกคร้งั รจู กั ปรบั ปรงุ พัฒนาและสรปุ งานใหด ขี ้นึ เสมอ 2 มกี ารวางแผนการทาํ งานตามข้นั ตอนท่ีวางไวบางครงั้ ปรับปรุงพฒั นาและสรุปงานใหดขี ึน้ เปนบางครั้ง 1 ไมม ีการวางแผนการทาํ งานตามขั้นตอนท่ีวางไว ไมมีการปรบั ปรงุ พฒั นาและสรุปงาน 2. ดานความรับผิดชอบ พฤติกรรมทีป่ รากฏ ระดบั คุณภาพ มีความรับผดิ ชอบในงานที่ไดรับมอบหมาย 3 และสงงานตามกําหนดเวลาที่นัดหมาย 2 มคี วามรับผิดชอบในงานทไี่ ดรบั มอบหมาย 1 สงงานชา กวากาํ หนดแตม ีเหตุผลรับฟงได มีความรบั ผิดชอบในงานท่ีไดรับมอบหมายโดยอาศัยการ 3. ดานความมงุ มัน่ ในการทํางาน ตกั เตอื น สง งานชากวา กาํ หนดเวลาท่ีนัดหมาย ระดับคุณภาพ 3 พฤติกรรมท่ีปรากฏ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทํางานใหสาํ เรจ็ ทกุ คร้ัง ทุมเททํางาน อดทนไมย อทอ ตอ ปญหาและอปุ สรรค ปรบั ปรงุ พัฒนาการ ทาํ งานและผลงานดว ยตนเองกระตือรือรน และเตม็ ใจที่จะตอบ คําถามเวลาเพ่อื นมีปญ หา
2 ต้งั ใจและรบั ผิดชอบในการทาํ งาน ทมุ เททาํ งานเปนบางคร้ัง ปรับปรงุ พัฒนาการทาํ งานและผลงานดว ยการช้ีแนะจากครูทกุ คร้งั 1 ไมต ั้งใจและไมรับผิดชอบในการทํางาน ทุม เททาํ งานเปน บางคร้งั ปรับปรงุ พัฒนาการทํางานและผลงานดว ยการช้แี นะจาก ครทู กุ ครง้ั เกณฑการประเมิน 1 – 3 คะแนน ระดบั 1 หมายถึง พอใช 4 – 6 คะแนน ระดบั 2 หมายถงึ ดี 7 – 9 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง ดมี าก หมายเหตุ เกณฑการผาน ไดระดับคุณภาพ 2 (ดี) ข้นึ ไป 3.4.2 เกณฑก ารประเมนิ ดา นสมรรถนะสาํ คัญของนักเรียน ประเดน็ ประเมิน เกณฑการใหคะแนน 1.ความสามารถ คณุ ภาพ (3) คุณภาพ (2) คุณภาพ (1) คณุ ภาพ (0) ในการส่อื สาร ใชภ าษาอังกฤษใน ใชภ าษาอังกฤษใน ใชภ าษาอังกฤษใน ใชภ าษาอังกฤษ ดา นการอานและ ดา นการอานและ ดานการอานและ ในดานการอาน 2. ความสามารถ การเขยี นได การเขียนได การเขยี นไดเ ปน และการเขยี นไม ในการคดิ ถกู ตอง เหมาะสม ถูกตอง เหมาะสม สว นใหญ สามารถ ถกู ตองเปนสว น สามารถถายทอด สามารถถายทอด ถา ยทอดความรู ใหญ ไมส ามารถ ความรู ความคิด ความรู ความคิด ความคดิ ความ ถา ยทอดความรู ความเขาใจของ ความเขา ใจของ เขาใจของตนเอง ความคิด ความ ตนเองใหผูอ่ืน ตนเองใหผ ูอน่ื ใหผอู ่ืนไดใน เขา ใจของตนเอง เขา ใจไดเปน อยา ง เขา ใจไดใน บางครง้ั ใหผ อู ื่นได ดี บางครัง้ ใชก ารคิดอยาง ใชก ารคดิ อยาง ใชก ารคดิ อยา ง ตอ งใหเพ่ือนคอย สรางสรรค ไม สรา งสรรค โดยให สรา งสรรค โดยให ชว ยเหลอื ตลอด ซกั ถามใคร มี เพือ่ นอธบิ ายให เพอื่ นอธิบายให 3 ไมม ีการวาง ความสามารถใน 1–2 ครง้ั ครง้ั ขึ้นไป มี แผนการทาํ การวางแผนการ มีความสามารถใน ความสามารถใน กิจกรรมตามแบบ ทํากจิ กรรมตาม การวางแผนการ การวางแผนการ ฝก ทักษะ แบบฝกทักษะ ทาํ กจิ กรรมตาม ทํากิจกรรมตาม อยางเปนระบบดี แบบฝก ทักษะ แบบฝกทักษะ มาก อยา งเปนระบบ อยา งเปน ระบบ บางคร้งั
แบบสังเกตพฤตกิ รรมตามคณุ ธรรมอตั ลกั ษณ ดา นความรบั ผดิ ชอบ
เรื่อง School time เลขท่ี พฤตกิ รรมตัวบงชี้ สงงาน ่ีทไดรับ มอบหมาย สรปุ ผลการประเมิน ตรงตอเวลา เ ขาเรียน ึทกครั้ง รวม 12 คะแนน ระดับ ุคณภาพ ช่ือ – สกุล 4 44 ผา น ไมผา น 4 1. เดก็ ชายภัคพงค วงศใจประเสริฐ 4 4 3 11 4 2. เด็กชายสนุ ธยา เดโชชลาลยั 3 4 4 11 4 4 3. เด็กหญงิ กชพร เดโชสุรยิ ัน 4 4 4 12 4 4 4. เดก็ หญงิ ณดา มนตราประทีป 4 4 3 11 4 4 5. เดก็ หญิงพรธรี า สขุ ศรวี มิ าน 4 4 4 12 4 6. เดก็ หญงิ พมิ พชนก อทุ ิศสงิ ขร 3 3 4 10 7. เดก็ หญงิ ณชั ธร เกียรตติ ระการตา 4 4 4 12 8. เดก็ หญิงณชั พร เกียรติตระการตา 4 4 3 11 9. เดก็ ชายตะวนั พนิ องรัมย 4 4 4 12 เกณฑการประเมนิ ชวงคะแนน 10-12 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 เทากับ ดีมาก ชว งคะแนน 7-9 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 เทากับ ดี ชว งคะแนน 4-6 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 เทา กบั พอใช ชวงคะแนน ต่าํ กวา 3 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 เทา กบั ปรบั ปรุง หมายเหตุ ระดับคุณภาพ 2 ขนึ้ ไป จึงถอื วาผา นเกณฑ ลงช่ือ …………………………………….ผูป ระเมิน ( นางกญั ณชั ชา กันทาหอม ) ตําแหนง ครู โรงเรียนราชประชานุเคราะห 21 เกณฑก ารใหค ะแนนแบบประเมนิ พฤติกรรมตามคณุ ธรรมอัตลกั ษณ
ประเด็น เกณฑก ารใหค ะแนน การประเมิน 4 3 2 1 1.ใชอุปกรณการ ใชอุปกรณในการ ใชอุปกรณในการ ใชอุปกรณในการ ใชอุปกรณในการ เรียนอยางคุมคา ปฏิบัตงิ านอยา ง ปฏิบัติงานอยาง ปฏบิ ัติงานมากกวา ปฏบิ ตั งิ านอยา ง ประหยดั เปน ประหยดั เปน ทก่ี ําหนดให ส้ินเปลอื ง ประจาํ ทกุ ครั้ง บางครัง้ 2.ดแู ลวสั ดุ ดูแลวัสดุอุปกรณ ดูแลวัสดุอุปกรณ ดแู ลวสั ดอุ ปุ กรณใน ไมดูแลวัสดุอปุ กรณ อุปกรณใน หองเรยี น ในหอ งเรียนอยาง ในหองเรียนเปน หอ งเรยี นตามท่คี รู ในหองเรียน สมํา่ เสมอ บางคร้งั ส่ัง 3.ใชเ วลาในการ ใชเ วลาในการ ใชเวลาในการ ใชเ วลาในการ ใชเ วลาในการปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิหนาท่ีใน ปฏบิ ัติหนาท่ี ปฏบิ ัติหนา ท่ี ปฏิบัติหนาทไ่ี ดร ับ หนาที่ไดร บั เวลาที่กาํ หนด ไดร ับมอบหมาย ไดร บั มอบหมาย มอบหมายเกนิ เวลา มอบหมายนอ ยกวา นอยกวา เวลาที่ ตามเวลาที่ ที่กําหนดเกนิ 10 เวลาทกี่ าํ หนด กาํ หนด กําหนด นาที มากกวา 10 นาที เกณฑการใหค ะแนนแบบประเมนิ พฤตกิ รรมตามคุณธรรมอัตลกั ษณ
2. Sara. 3. Mamma Mia. 4. Mrs Doyle’s friend. 5. Sara. 2. ครูอ่านคาํ ศพั ทท์ ี่กาํ หนดใหใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.4 ชา้ ๆ เพือ่ ใหน้ กั เรียนอ่านตาม แลว้ บอกนกั เรียนวา่ คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีคือสถานที่ท่ีอยใู่ นเมือง จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนจบั คู่คาํ ศพั ทใ์ ห้ สมั พนั ธ์ กบั ภาพท่ีใหม้ า เมื่อทาํ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน รายงานคาํ ตอบของตนเอง Answers 2. zoo 3. cinema 4. library 1. swimming pool 7. museum 5. park 6. gym 3. ครูอธิบายภาระงานวา่ ให้นกั เรียนเติมประโยคในหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.5 ใหส้ มบูรณ์ดว้ ย คาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สถานท่ีจาก Ex.4 ครูอาจทบทวนคาํ ศพั ทใ์ หน้ กั เรียนอีกคร้ัง ดว้ ยการถามคาํ ถาม ดงั น้ี - What can you do at the zoo? (See the animals.) - What can you do at a gym? (Do Judo, yoga, aerobics, play squash, lift weights.) - What can you do at a swimming pool? (Swim, dive, play water polo.) จากน้นั ใหน้ กั เรียนทาํ งาน เมื่อทาํ เสร็จ ครูตรวจคาํ ตอบดว้ ยการสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อ่านประโยค ของตนเองใหเ้ พือ่ นๆ ฟัง
Answers 2. zoo 3. theatre 4. gym 1. cinema 6. library 7. swimming pool 8. park 5. museum 4. ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคในหนงั สือเรียน หนา้ 111 หวั ขอ้ Look & Use แลว้ หาประโยคเหล่าน้ีใน บท สนทนา หนา้ 110 ครูอธิบายวา่ วลีเหล่าน้ีคือคาํ /วลีบ่งบอกเวลาท่ีใชใ้ นการบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต (past simple) Advanced classes: ครูอาจสอนคาํ /วลีบง่ บอกเวลาที่ใชใ้ นบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีตเพิ่มเติมใหน้ กั เรียน โดยศึกษาขอ้ มูลจาก http://web2.uvcs.uvic.ca/courses/elc/sample/advanced/gs/gs_05.htm 5. ครูเขียนโครงสร้างประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน When was the last time you were…? จากน้นั ครู ยกตวั อยา่ ง เช่น A: When was the last time you were at the park? B: The last time I was at the park was Saturday afternoon. ครูใหน้ กั เรียนฝึกใชโ้ ครงสร้างประโยคเหล่าน้ี ดว้ ยการให้นกั เรียนพดู ถามครู โดยใชโ้ ครงสร้างบน กระดานกบั คาํ ศพั ทช์ ่ือสถานท่ีใน Ex.4 ครูตอบโดยใชค้ าํ บ่งบอกเวลาในอดีต (past time expressions) ตอ่ มาครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.6 วา่ ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ฝึกพูดถาม-ตอบโดยใชว้ ลี ท่ีกาํ หนดใหใ้ นกรอบ และโครงสร้างประโยค When was the last time you were…? ขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม ครูเดินรอบๆ ช้นั เรียนเพอ่ื สงั เกตการทาํ กิจกรรมของนกั เรียน เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน หลายๆ คู่ ออกมาทาํ กิจกรรมอีกคร้ังใหเ้ พื่อนๆ ดูท่ีหนา้ ช้นั เรียน Advanced classes: นอกจากคาํ ถามและคาํ ตอบ ครูใหน้ กั เรียนเพ่มิ ความคิดเห็นเขา้ ไปดว้ ย เช่น It was boring!, It was exciting., etc. แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนไปเขียนประโยคใหส้ มบูรณ์เป็นการบา้ น Extra Activity: ครูเขียนตาราง 2 คอลมั นบ์ นกระดาน คอลมั นแ์ รกเขียนหวั ขอ้ Positive คอลมั น์ ท่ี 2 เขียนหวั ขอ้ Negative แลว้ ครูอธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนทบทวนคาํ คุณศพั ทท์ ี่นกั เรียนไดเ้ คยเรียนมา
ท้งั หมด ดว้ ยการใหน้ กั เรียนในช้นั พูดบอกคาํ คุณศพั ทท์ ี่เรียนมา โดยอาจเร่ิมจากในหนงั สือเรียน หนา้ 109 Ex.4 แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน ใหอ้ อกไปเขียนคาํ ศพั ทต์ ามท่ีเพ่อื นในช้นั บอก ลงในตารางโดยถา้ เป็นคาํ ศพั ทท์ ่ีมีความหมายในเชิงบวก ใหเ้ ขียนในคอลมั น์ Positive แต่ถา้ เป็นคาํ ศพั ทท์ ่ีมีความหมายใน เชิงลบ ใหเ้ ขียนคาํ ศพั ทล์ งในคอลมั น์ Negative เช่น great, funny, silly, good, nice, horrible, cool Weak classes: ใหน้ กั เรียนคดั ลอกคาํ คุณศพั ทบ์ นกระดานลงในสมุด แลว้ เขียนคาํ แปลเป็นภาษาไทย Advanced classes: ใหน้ กั เรียนคิดถึงส่ิงท่ีคิดวา่ น่าเบ่ือ น่าสนใจ ทนั สมยั ฯลฯ แลว้ เขียนประโยค บรรยายบุคคล สิ่งของ สถานที่ หรือสถานการณ์เหล่าน้นั โดยใชค้ าํ คุณศพั ทแ์ ตล่ ะคาํ จากน้นั ครู สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อ่านประโยคของตนเอง 6. ครูบอกนกั เรียนวา่ กิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.7 คลา้ ยกบั กิจกรรมที่นกั เรียนทาํ มาแลว้ ในUnit 8 เก่ียวกบั การออกเสียงสูง-ต่าํ ในประโยคคาํ ถาม จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนทบทวนเก่ียวกบั รูปแบบการออก เสียงสูง-ต่าํ ในประโยคคาํ ถามวา่ เป็นอยา่ งไร - ประโยคคาํ ถามแบบ Yes/No Questions มกั จะลงทา้ ยดว้ ยเสียงสูง - ประโยคคาํ ถามแบบ Wh-questions โดยปกติจะลงเสียงต่าํ ตอนทา้ ย จากน้นั ครูเปิ ด CD2/Track 42 ใหน้ กั เรียนฟังหลายๆ คร้ัง เพือ่ ฝึกฟังและออกเสียงตาม เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียนหลายๆ คน ใหอ้ า่ นประโยคในหนงั สือเรียนดว้ ยตนเอง ข้นั ที่ 4 Production 1. อธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.8 วา่ ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั แลว้ พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั สถานท่ีที่ อยหู่ รือไปมาเม่ือสุดสัปดาห์ท่ีผา่ นมา และอยกู่ บั ใคร จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน ใหแ้ สดงเป็น A และ B แลว้ อา่ นตวั อยา่ งคาํ ตอบในหนงั สือเรียนท่ีใหม้ า แลว้ ใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมฝึ กพูดถาม-ตอบเหมือนดงั ตวั อยา่ งที่ใหม้ า หรือครูอาจช่วยเหลือนกั เรียนดว้ ย การใหน้ กั เรียนนึกถึงวนั และช่วงเวลาตา่ งๆ เช่น Sunday at 12 o’clock แลว้ ครูเขียนบนกระดาน และใหน้ กั เรียนบอกช่ือบุคคลต่างๆ เช่น my friend Lisa, my sister, etc. แลว้ ครู เขียนบนกระดาน สุดทา้ ยใหน้ กั เรียนบอกชื่อสถานที่ในเมืองจาก Ex.4 และสถานท่ีอ่ืนๆ ที่สามารถคิดได้ เช่น school, recycling point, supermarket, etc. และครูเขียนบนกระดาน แลว้ จึงใหน้ กั เรียนฝึกพดู ถาม-
ตอบกนั โดยสามารถใชว้ ลีที่อยบู่ นกระดานได้ ครูเดินสังเกตรอบๆ ช้นั เรียน เพ่อื ให้แน่ใจวา่ นกั เรียนใช้ ภาษาองั กฤษในการพดู ถาม-ตอบกนั เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาท่ี หนา้ ช้นั เรียน Weak classes: ครูเขียนคาํ ถามและคาํ ตอบของแตล่ ะสถานที่ใน Ex.4 บนกระดาน ใหน้ กั เรียน คดั ลอกลงในสมุดของตนเอง แลว้ จบั คูก่ บั เพือ่ นเพอ่ื ฝึกพูดถาม-ตอบกนั จากน้นั ครูมอบหมายใหน้ กั เรียน แปลบทสนทนาเป็นการบา้ น Advanced classes: ครูต่อยอดกิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 111 Ex.8 ดว้ ยการสุ่มเรียกนกั เรียน 1 คู่ ออกมาพูดถาม-ตอบเหมือนอยา่ งใน Ex.8 ที่หนา้ ช้นั จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนอีก 1 คู่ ท่ีเป็นผดู้ ู ออกมาพดู ถาม-ตอบกนั เก่ียวกบั นกั เรียนคู่ก่อนหนา้ น้นั โดยใชร้ ูปเอกพจนบ์ ุรุษท่ี 3 เช่น Where was she/he on… at…? Who was she/he with? etc. 2. ครูให้นกั เรียนทาํ ชิ้นงาน Where were you…? ด้วยการวาดรูปสถานที่ท่ีนักเรียนได้เรียนมาแล้วใน บทเรียนน้ี ลงในกระดาษ A4 5 ภาพ ในแต่ละภาพใหน้ กั เรียนเขียนวนั ท่ีลงไปดว้ ย โดยกาํ หนดใหเ้ ป็ น วนั ท่ีของเม่ือวานน้ี เม่ือคืนน้ี 2 วนั ท่ีแลว้ วนั อาทิตยท์ ี่แลว้ สปั ดาห์ท่ีแลว้ จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขียนบทสนทนาส้ันๆ ใตภ้ าพ โดยใชโ้ ครงสร้าง Where were you…? I was at … Who were you with? I was with …. Today is 21st September 2012. 16th September 20012 20th September 2012 A: Where were you yesterday? A: Where were you last Sunday? B: I was at the library. B: I was at the cinema. A: Who were you with? A: Who were you with?
B: I was with my friends. B: I was with my mother. 3. ใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 86 Exs.2-3 และหนา้ 87 Exs.3-4 เป็นการบา้ น 4. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนฝึ กอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 110 Ex.1 เป็นการบา้ น เสร็จแลว้ ให้ ผปู้ กครองเซ็นช่ือรับรองวา่ นกั เรียนไดฝ้ ึกอา่ นแลว้ 5. ใหน้ กั เรียนทดสอบอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 108 หรือ 110 กบั ครูนอกเวลาเรียน 9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์ ประเมินทกั ษะการพดู แบบประเมินการพูดโตต้ อบ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการอ่านออกเสียง แบบประเมินการอา่ นออกเสียง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน Where were ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ you…? ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 10. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม. 1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม. 1 8.3 Class Audio CDs 8.4 Student’s Audio CD
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ (อ21102) ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 It was there months ago เร่ือง There was / There were เวลา 2 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 สอนวนั ท่ี 14 ธนั วาคม พ.ศ. 2563 ************************************************************************************* *********************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา่ งๆ โดยการ พูดและ การเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กบั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ท่ีอา่ น ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั 2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด
รู้และเขา้ ใจโครงสร้างประโยค ช่วยใหพ้ ดู และเขียนบรรยายเหตุการณ์ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1.นกั เรียนมีระเบียบวนิ ยั ในการทาํ งาน 2.นกั เรียนมีความรับผิดชอบ 3.นกั เรียนมีความมุง่ มน่ั ในการทาํ งาน 5. สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Grammar: be – Past simple (all forms) Past time expressions there was / there were
7. ภาระงาน / ชิ้นงาน - แบบฝึกหดั หนา้ 112 – 113 - Worksheet My town in the past 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 Warm up ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกมบิงโกคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สถานที่ ดว้ ยการใหน้ กั เรียนวาดตาราง 9 ช่อง ลงในกระดาษ และ วาดรูปง่ายๆ เกี่ยวกบั สถานที่ที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้มาในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ลงใน แต่ละช่องให้ ครบ จากน้นั ครูพูดคาํ ศพั ท์ นกั เรียนคนใดท่ีมีสถานที่ดงั กล่าวในตารางของตนเอง ให้กากบาททบั ภาพ ดงั กล่าว โดยถา้ นกั เรียนคนใดกากบาทภาพได้ 3 ภาพติดกนั แนวใดกไ็ ด้ ให้ตะโกนวา่ บิงโก ข้นั ท่ี 2 Presentation 1. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ศึกษาคาํ อธิบายเกี่ยวกบั การใช้ Past simple of verb to ‘be’ (all forms), Past time expressions และ there was / there were ในหนงั สือเรียน หนา้ 112-113 และช่วยกนั เติมขอ้ มูลใน คาํ อธิบายดงั กล่าวใหส้ มบูรณ์ 2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคาํ อธิบายการใช้ Past simple of verb to ‘be’ (all forms), Past time expressions และ there was / there were ใหเ้ พือ่ นในห้องฟัง พร้อมท้งั บอกคาํ ที่ขาดหายไปในช่องวา่ ง แลว้ ใหน้ กั เรียนในช้นั คนอ่ืนๆ ช่วยกนั ตรวจสอบวา่ คาํ ตอบของเพื่อนถูกตอ้ งหรือไม่ โดยครูทาํ หนา้ ที่ช่วย เสริมเพิม่ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากข้ึน be – Past simple Affirmative form Answers was was was Were were was
I, she / was We, they / were Questions and short answers Answers Were Was Yes, she was. / No, she wasn’t. Yes, it was. / No, it wasn’t. Yes, we were. / No, we weren’t. Yes, you were. / No, you weren’t. Yes, they were. / No, they weren’t. before full short Wh-questions
Answers before there was / there were Answers was were ข้นั ที่ 3 Practice นกั เรียนทาํ กิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 112-113 Exs.1-5 ปากเปล่าร่วมกนั ในช้นั เรียน เสร็จแลว้ ครูอาจ มอบหมายใหน้ กั เรียนกลบั ไปเขียนเป็นการบา้ นอีกคร้ัง เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน Exercise 1 Answers 1. The children were very sad. 2. Irwin’s documentaries were about animals. 3. She was married with two children. 4. It was a beautiful day. We were in the park. 5. I was hungry and thirsty! 6. You were really brave! Negative form not n’t Exercise 2 Answers 1. They weren’t in the park all afternoon. 2. Sara wasn’t at the cinema yesterday afternoon.
3. They weren’t at the theatre last night. 4. The documentary about crocodiles wasn’t very interesting. 5. We weren’t at the seaside two months ago. Exercise 3 Answers was wasn’t, was wasn’t, was wasn’t, was Exercise 4 Answers 1. Where were you last Saturday? 2. Were you with Brenda last night? 3. Was your brother at home at 11 o’clock in the evening? 4. Who was Natalie with yesterday afternoon? Exercise 5 Answers 1. Was there 2. Were there 3. Was there 4. Were there 5. Were there 6. Was there ข้นั ที่ 4 Production ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้ในบทเรียนน้ีร่วมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ช่วยกนั แต่งประโยค โดยใชโ้ ครงสร้างภาษาที่เรียน อยา่ งนอ้ ยโครงสร้างละ 5 ประโยค ครูสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คู่ ออกมานาํ เสนอที่หนา้ ช้นั เรียน
ครูใหน้ กั เรียนทาํ ชิ้นงาน My town in the past เป็นคู่ โดยใหแ้ ต่ละคู่ช่วยกนั วาดภาพเมืองของตนเองเม่ือ 10 ปี ที่แลว้ แลว้ เขียนบรรยาย โดยใช้ There was / There were ท้งั ในรูปประโยคบอกเล่าและปฏิเสธ อยา่ ง นอ้ ย 10 ประโยค ลงในกระดาษ A4 In my town 10 years ago, there wasn’t a lot of traffic. There weren’t any traffic lights. There were some old buildings. There wasn’t a theatre. There was a library. There wasn’t a gym. There were some shops. There weren’t any supermarkets. There was a park. There wasn’t a museum. เม่ือทาํ ชิ้นงานน้ีเสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ ผลดั กนั พูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั สถานที่/สิ่งที่มีหรือ ไม่ มีในเมืองท่ีนกั เรียนอาศยั อยเู่ ม่ือ 10 ปี ที่แลว้ เช่น A: Was there a lot of traffic in your town 10 years ago? B: No, there wasn’t. A: Were there traffic lights in your town 10 years ago? B: No, there weren’t. 2. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 88-89 Exs.1-9 เป็นการบา้ น 3. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 90-91 Exs.1-9 ในช้นั เรียนหรือเป็นการบา้ น
Skills (workbook pp. 90-91) ทบทวนคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สถานที่ในเมืองและคาํ คุณศพั ทท์ ี่นกั เรียนไดเ้ รียนใน Unit 12 ดว้ ยการแบง่ นกั เรียน เป็น 2 ทีม แต่ละทีมผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาเล่นเกม Spelling Bee โดยครูจะพูดคาํ ศพั ท์ แลว้ ให้ นกั เรียนสะกดคาํ ศพั ทด์ งั กล่าวใหถ้ ูกตอ้ ง ทีมที่ตวั แทนสามารถสะกดคาํ ศพั ทไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง จะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ย ทีมใดที่ไดค้ ะแนนมากท่ีสุดจะเป็นทีมท่ีชนะ Wordlist: cinema, gym, library, museum, park, swimming pool, theatre, zoo, interesting, safe, dangerous, young, old, cowardly, brave, boring Reading ครูถามนกั เรียนวา่ ชอบประวตั ิศาสตร์หรือไม่ เพราะเหตุใด ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น แลว้ ครู ทดสอบความรู้รอบตวั ของนกั เรียน ดว้ ยการใหน้ กั เรียนดูภาพในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 90 Ex.1 แลว้ บอกวา่ เป็นภาพใคร (Christopher Columbus, Charles Darwin) หรือสถานที่ใด (Australia, The Parthenon, The Myths of Mexico and Peru) และนกั เรียนรู้ขอ้ มูลอะไรบา้ งเกี่ยวกบั บุคคลและสถานท่ี เหล่าน้ี จากน้นั ใหน้ กั เรียนทาํ History Quiz เพือ่ ทดสอบความรู้ดา้ นประวตั ิศาสตร์ เม่ือทาํ เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนตรวจ คาํ ตอบดว้ ยตนเอง โดยดูเฉลยในกรอบดา้ นล่างหนา้ 90 แลว้ ครูใหน้ กั เรียนเฉลยคาํ ตอบร่วมกนั อีกคร้ัง พร้อมท้งั บอกเหตุผลประกอบคาํ ตอบดว้ ย Listening นกั เรียนทาํ กิจกรรมการฟังในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 91 Ex.2 โดยครูเปิ ด Student’s Audio CD/Track 47 ใหน้ กั เรียนฟังคาํ ถาม 2 คร้ัง แลว้ เลือกคาํ ตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุด นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึ กหดั (Workbook) หนา้ 91 Ex.3 ซ่ึงต่อเน่ืองจาก Ex.2 โดยฟัง Student’s Audio CD/Track 48 เพือ่ ตรวจคาํ ตอบของตนเองใน Ex.2 ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจคาํ ตอบ ครูอธิบายเพม่ิ เติม ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์ ประเมินชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน My town in the past ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 10. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม. 1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม. 1 8.3 Student’s Audio CD
8.4 Personal Toolkit
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ (อ21102) ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 It was there months ago เร่ือง There wasn’t / There weren’t เวลา 2 ชวั่ โมง ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 สอนวนั ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563 ********************************************************************************** 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม.1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ันๆ ถูกตอ้ ง
ตามหลกั การอ่าน ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปล่ียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาํ วนั 2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจคาํ ศพั ทแ์ ละโครงสร้างประโยค ช่วยในการเขียนบรรยายเกี่ยวกบั สิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ฃ่ 4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. นกั เรียนมีระเบียบวนิ ยั ในการทาํ งาน 2. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ 3. นกั เรียนมีความมุง่ มน่ั ในการทาํ งาน 5. สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู้ ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions Grammar: be – Past simple (all forms) Past time expressions ( Negative form ) there was not / there were not 2) Language Skills Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั อาหาร Reading: อา่ นออกเสียงบทสนทนา 7. ภาระงาน/ชิ้นงาน - Worksheet 3-5 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 Warm up ครูใหน้ กั เรียนอา่ นช่ือบทในหนงั สือเรียน หนา้ 54 จากน้นั กระตุน้ ให้นกั เรียนอภิปรายแสดงความคิดเห็น ร่วมกนั ในช้นั เรียนวา่ recycling คืออะไร (the process of changing waste materials such as newspapers and bottles so that they can be used again) ทาํ ไมกระบวนการนาํ กลบั มาใชใ้ หมห่ รือ recycling จึงมีความสาํ คญั ในโลกยคุ อุตสาหกรรม การนาํ กลบั มาใชใ้ หม่มีผลกระทบกบั สิ่งแวดลอ้ ม อยา่ งไร มีส่ิงใดบา้ งท่ีนกั เรียนคิดวา่ สามารถนาํ กลบั มาใชใ้ หม่ได้ และนกั เรียนทุกคนมีส่วนช่วยได้ อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 Presentation 1. สุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน อ่านคาํ กริยาท่ีใหม้ าในกรอบในหนงั สือเรียน หนา้ 54 Ex.1 ใหเ้ พอื่ นฟัง และแปล เป็นภาษาไทย ครูช้ีใหน้ กั เรียนเห็นวา่ คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีในภาษาองั กฤษข้ึนตน้ ดว้ ยตวั อกั ษร r ท้งั หมด โดย
ในคาํ ท่ีใหม้ าท้งั หมด จะมีคาํ ศพั ท์ 3 คาํ ท่ีกล่าวถึงการกระทาํ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การรักษาส่ิงแวดลอ้ ม ครูสุ่ม เรียกนกั เรียนอีก 1 คน ใหอ้ อกมาเขียนคาํ ตอบบนกระดานวา่ คาํ ศพั ท์ 3 คาํ น้นั คือคาํ วา่ อะไร เม่ือไดค้ าํ ตอบ ท่ีถูกตอ้ งแลว้ ครูใหน้ กั เรียนเติมคาํ ศพั ทท์ ้งั 3 คาํ ลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง Answers 2. re-use 3. recycle 1. reduce เสร็จแลว้ ครูอ่านออกเสียงประโยคที่เติมคาํ สมบูรณ์แลว้ เพื่อเป็นตน้ แบบใหก้ บั นกั เรียน แลว้ จึง สุ่ม เรียกนกั เรียนหลายๆ คน ให้อา่ นประโยคเหล่าน้ีดว้ ยตนเอง 1. ครูอธิบายความหมายง่ายๆ ของคาํ วา่ reduce, re-use, recycle อีกคร้ัง REDUCE = less rubbish (ลดขยะหรือการใชท้ ี่ไม่จาํ เป็น) RE-USE = use an item more than once (นาํ มาใชซ้ ้าํ ) RECYCLE = turn an item into another useful item (แปรสภาพและหมุนเวยี นนาํ กลบั มาใชใ้ หม)่ 2. แบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละไมเ่ กิน 5 คน (คละท้งั เด็กออ่ น เด็กเก่ง) ช่วยกนั คิดวธิ ีท่ีจะลดปริมาณขยะ (reduce) ครูอาจยกตวั อยา่ งใหน้ กั เรียน 1 ประโยค เพอื่ เป็ นตวั อยา่ ง ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั แสดง ความคิดเห็นโดยใชภ้ าษาองั กฤษง่ายๆ ซ่ึงอาจจะมีการใชโ้ ครงสร้างภาษาผดิ บา้ งกไ็ มเ่ ป็ นไร Buy only what you need. (ซ้ือแต่ของท่ีจาํ เป็น) Buy products that can be reused. (ซ้ือผลิตภณั ฑท์ ี่สามารถนาํ มาใชซ้ ้าํ ได)้ Buy products with little packaging. (ซ้ือผลิตภณั ฑท์ ่ีมีบรรจุภณั ฑไ์ ม่มาก) Sell or give away unwanted items. (ขายหรือใหข้ องที่ตนเองไม่ตอ้ งการแลว้ กบั ผอู้ ื่น) จากน้นั ครูใหแ้ ต่ละกลุ่ม พดู รายงานความคิดเห็นของกลุ่มตนเอง ครูเขียนคาํ ตอบของนกั เรียนบนกระดาน เฉพาะขอ้ มูลที่ไม่ซ้าํ กนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136