ก คำนำ กรมกำรพัฒนำชุมชนได้ดำเนินโครงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 โดยมีกิจกรรมดังน้ี กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้ำงและพัฒนำกลไกขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ 1.1 สร้ำงแกนนำขับเคล่ือนหมู่บ้ำนเศรษฐกจิ พอเพียง กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 2 เสริมสรำ้ งกระบวนกำรบรหิ ำรจัดกำร ชุมชน 2.1 สัมมนำกำรเรียนรู้วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง 2.2 กำรจัดทำแผนพัฒนำวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง 2.3 กำรขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนำวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง 2.4 กิจกรรมกำรพัฒนำศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่ รูปแบบ “โคก หนอง นำ โมเดล” กิจกรรมย่อยท่ี 3 ประเมินผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง 3.1 ประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิกำรถอดบทเรียนและประเมนิ ผลกำรพัฒนำหมบู่ ้ำน 3.2 จดั ทำส่ือเผยแพร่และขยำยผล กำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ท้ังน้ี สถำบันกำรพัฒนำชุมชนได้รับมอบหมำยให้ศูนย์ศึกษำและพัฒนำ ชุมชน 11 แห่ง ดำเนินโครงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้ำงและพัฒนำกลไกขับเคล่ือนในระดับพ้ืนท่ี กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สร้ำงแกนนำขับเคล่ือน หมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจในหลักกำรแนวทำงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนตำมหลักปรัชญำ ของเศรษฐกิจพอเพียง สำมำรถขับเคลื่อนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบร่วมกันของชุมชน โดยกำรส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนกำรเรียนรู้ รวมท้ังกำรฝึกปฏิบัติให้สำมำรถพ่ึงพำตนเองได้ นำไปสู่ กำรสร้ำงควำมม่ันคง ม่ังค่ังให้กับครอบครัว ปลูกและกระตุ้นจิตสำนึกในกำรมีน้ำใจเอื้ออำรีย์ และมีจิตอำสำ เพอ่ื ช่วยดแู ลสงั คม และชมุ ชนใหเ้ ข้มแขง็ ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำง ได้จัดทำเอกสำรรำยงำนผลกำรฝึกอบรมโครงกำรพัฒนำ หมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้ำงและพัฒนำกลไก ขับเคลื่อนในระดับพ้ืนที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้ำงแกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ ผู้เกี่ยวข้องได้ทรำบผลกำรดำเนินงำน คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำ เอกสำรผลกำรดำเนินงำนเล่มน้ีจะเป็น ประโยชน์ต่อกำรปฏบิ ัติงำนของหนว่ ยงำนที่เก่ียวข้อง และผู้สนใจได้ใช้ประโยชน์ในกำรพัฒนำและต่อยอดงำน ต่อไป ศูนยศ์ กึ ษำและพฒั นำชุมชนลำปำง พฤษภำคม 2564
ข หนำ้ ก สำรบัญ ข ง คำนำ สำรบญั 1 บทสรุปผู้บริหำร 1 สว่ นที่ 1 1 2 บทนำ 2 1.1 ควำมเปน็ มำ 2 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 1.3 กล่มุ เปำ้ หมำย 3 1.4 ขั้นตอนและวิธีกำรดำเนินงำน 3 1.5 ขอบเขตเนอื้ หำของหลักสตู ร 4 1.6 ระยะเวลำดำเนนิ กำร 4 1.7 สถำนทีด่ ำเนินกำร 1.8 งบประมำณดำเนนิ กำร 5 1.9 ผลทคี่ ำดวำ่ จะไดร้ ับ 11 1.10 ตัวช้วี ัดควำมสำเร็จ 22 สว่ นที่ 2 สรปุ เนื้อหำวิชำกำร กิจกรรมและผลกำรดำเนนิ กิจกรรม 28 2.1 วชิ ำ กจิ กรรมกลุม่ สัมพนั ธ์ 35 2.2 วชิ ำ เรียนร้ตู ำรำบนผนื ดินกิจกรรมเดินชมพื้นที่ 42 2.3 วชิ ำ เขำ้ ใจ.. เข้ำถงึ .. พฒั นำ..ศำสตร์พระรำชำ..กบั กำรพฒั นำที่ยง่ั ยืน 48 2.4 วชิ ำ กำรแปลงปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียงสู่กำรปฏิบัตแิ บบเปน็ ข้ันเปน็ ตอน 71 2.5 วชิ ำ ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎีบนั ได 9 ขั้นสูค่ วำมพอเพยี ง\"” 2.6 วชิ ำ หลกั กสกิ รรมธรรมชำติ 2.7 วชิ ำ กำรแบง่ กล่มุ ฝึกปฏิบตั ิฐำนเรียนรู้ 2.8 วชิ ำ ถอดบทเรยี นผ่ำนส่ือ “วิถีภมู ปิ ญั ญำไทยกับกำรพึ่งตนเองในภำวะวกิ ฤต”
ค หน้ำ 82 สำรบัญ (ตอ่ ) 90 98 2.9 วชิ ำ ฝกึ ปฏิบตั ิจิตอำสำพัฒนำชุมชน เอำมือสำมัคคี พัฒนำพ้ืนทีต่ ำมหลกั ทฤษฎีใหม่ 105 2.10 วชิ ำ กำรออกแบบเชงิ ภูมศิ ำสตร์สังคมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภูมสิ งั คมอย่ำงยัง่ ยืน 112 117 เพื่อพง่ึ ตนเองและรองรับภยั พิบตั ิ 123 2.11 วชิ ำ ฝกึ ปฏิบัตกิ ำรสร้ำงหนุ่ จำลอง(กระบะทรำย)กำรจดั กำรพ้ืนท่ีตำมหลัก 127 131 ทฤษฎีใหมป่ ระยุกต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล 137 2.12 วชิ ำ Team Building ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ำรบริหำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ “หำอยู่ หำกิน” 2.13 วชิ ำ กำรขับเคลือ่ นสบื สำนศำสตร์พระรำชำกลไก 3 5 7 149 2.14 วชิ ำ แผนปฏิบตั กิ ำร “ยุทธศำสตร์กำรขบั เคล่ือนปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง 151 สู่กำรปฏบิ ัติ” 157 กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร 158 วชิ ำ สขุ ภำพพึ่งตนพฒั นำ 3 ขมุ พลัง 159 วชิ ำ กตญั ญตู ่อสถำนท่ี พัฒนำจิตใจ ทำบญุ ตักบำตร 172 กจิ กรรม “ในหลวง ในดวงใจ” สว่ นท่ี 3 กำรประเมนิ โครงกำร 3.1 รปู แบบและวธิ กี ำรประเมนิ 3.2 กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.3 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู 3.4 เกณฑก์ ำรประเมิน 3.5 ผลกำรประเมนิ ส่วนท่ี 4 ข้อคิดเห็นเสนอแนะของศนู ย์ศึกษำและพฒั นำชมุ ชน 4.1 ปญั หำ/อปุ สรรคในกำรดำเนินงำน 4.1 ข้อเสนอแนะในกำรแก้ปัญหำ 4.2 ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบำย (กำรพฒั นำหลักสูตร และกำรบริหำรโครงกำร) ภำคผนวก ภำพกิจกรรม ภำพกำรทบทวนหลงั กำรปฏิบัตงิ ำนประจำวัน ตำรำงฝึกอบรม ทะเบยี นรำยช่อื ผู้เขำ้ อบรม แบบประเมนิ โครงกำร
ง บทสรุปสำหรบั ผู้บรหิ ำร กรมกำรพัฒนำชุมชน มีภำรกิจหลักในด้ำนกำรส่งเสริมกระบวนกำรเรียนรู้ และกำรมีส่วนร่วม ส่งเสรมิ กำรพฒั นำเศรษฐกจิ ฐำนรำกให้มคี วำมมน่ั คงและมีเสถยี รภำพ ซ่ึงกรมกำรพัฒนำชุมชน ประกำศ ขับเคล่ือนยุทธศำสตร์กรมกำรพัฒนำชุมชน ปี พ.ศ. 2560-2565 โดยมีเป้ำหมำยเศรษฐกิจฐำนรำกม่ันคง และชมุ ชนพึ่งตนเองได้ภำยในปี 2565 โดยประเดน็ กำรพัฒนำ ยุทธศำสตร์ท่ี 1 สร้ำงสรรคช์ ุมชนพงึ่ ตนเองได้ โดยกำรน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงมำประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน กรมกำรพัฒนำชุมชน มอบหมำยให้สถำบันกำรพัฒนำชุมชน พัฒนำขีดสมรรถนะบุคลำกรกรมกำรพัฒนำชุมชน และประชำชน กลุ่มเป้ำหมำย ให้มีควำมพร้อมด้ำนองค์ควำมรู้ และมีทักษะด้ำนกำรปฏิบัติงำน รวมท้ังปลูกฝังทัศนคติท่ีดีใน กำรทำงำน ตำมนโยบำยของรัฐบำลและยุทธศำสตรก์ รมกำรพฒั นำชมุ ชน เพอื่ ใหบ้ รรลผุ ลอยำ่ งเปน็ รูปธรรม กรมกำรพัฒนำชมุ ชน โดยสถำบันกำรพฒั นำชุมชน ได้มอบหมำยให้ศนู ยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชนลำปำง ดำเนินโครงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้ำงและพัฒนำกลไกขับเคล่ือนในระดับพื้นที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้ำงแกนนำขับเคล่ือนหมู่บ้ำน เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจในหลักกำรแนวทำงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนตำมหลักปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง สำมำรถขับเคลื่อนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบร่วมกันของชุมชน โดยกำรส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนกำรเรียนรู้ รวมท้ังกำรฝึกปฏิบัติให้สำมำรถพ่ึงพำตนเองได้ นำไปสู่ กำรสร้ำงควำมมั่นคง มั่งค่ังให้กับครอบครัว ปลูกและกระตุ้นจิตสำนึกในกำรมีน้ำใจเอื้ออำรีย์ และมีจิตอำสำ เพ่ือชว่ ยดูแลสังคม และชุมชนใหเ้ ขม้ แขง็ กลมุ่ เป้ำหมำยเป็นผู้แทนครัวเรือนพฒั นำพ้นื ที่เรยี นรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” ปี 2564 ในพืน้ ที่ 3 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จงั หวัดลำพูน จงั หวัดแพร่ และจงั หวดั ลำปำง รวมทั้งสิน้ 369 คน กำหนดดำเนินกำรโครงกำรฯ ระหว่ำงวันที่ 15 กุมภำพันธ์ 2564 ถึง 5 มีนำคม 2564 จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 5 วัน ณ ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำง งบประมำณท่ีได้รับจัดสรรทั้งส้ิน จำนวน 1,660,500 บำท กำรใช้จำ่ ยงบประมำณทงั้ สนิ้ จำนวน 1,622,250 บำท คงเหลือ 38,250 บำท กระบวนกำรฝกึ อบรมจำนวน 5 วัน หัวขอ้ วชิ ำ ได้แก่ 1.) กจิ กรรมกลุ่มสัมพันธ์ 2.) เรยี นรู้ตำรำบนดิน กิจกรรมเดนิ ชมพนื้ ท่ี 3.) “เข้ำใจ เข้ำถงึ พฒั นำ ศำสตรพ์ ระรำชำกับกำรพฒั นำที่ยั่งยืน” 4.) กำรแปลงปรัชญำ เศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติแบบเป็นข้ันเป็นตอน 5.) ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง“ทฤษฎีบันได 9 ข้ัน สู่ควำมพอเพยี ง 6.) หลักกสิกรรมธรรมชำติ 7.) กำรแบ่งกลมุ่ ฝึกปฏิบตั ิกำรฐำนเรยี นรู้ 9 ฐำน 8.) ถอดบทเรียนผ่ำนส่ือ “วิถีภูมิปัญญำไทย กับกำรพ่ึงตนเองในภำวะวิกฤติ” 9.) ฝึกปฏิบัติ “จิตอำสำพัฒนำ ชุมชน เอำม้ือสำมัคคี พัฒนำพ้ืนที่ตำมหลักทฤษฎีใหม่” 10.) กำรออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตำมหลักกำร พัฒนำภูมิสังคมอย่ำงยั่งยืนเพื่อกำรพึ่งตนเองและรองรับภัยพิบัติ/ฝึกปฏิบัติกำรสร้ำงหุ่นจำลองกำรจัดกำร พื้นที่ตำมหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคกหนองนำโมเดล/ นำเสนองำนสร้ำงหุ่นจำลองกำรจัดกำรพื้นที่ฯ 11.) Team Building ฝึกปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ“หำอยู่ หำกิน” /สรุปบทเรียนฯ 12.) กำรขับเคล่ือนสืบสำนศำสตร์พระรำชำ กลไก 3 5 7 13.) ยุทธศำสตร์กำรขับเคล่ือนปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติ นำเสนอแผนปฏิบัติกำรขับเคล่ือนปรัชญำของเศรษกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติ 14.) ในหลวงในดวงใจ (เทดิ ทนู สถำบันพระมหำกษัตริย์) กำรประเมินผลโครงกำร ใช้แนวทำงกำรประเมินผลที่สถำบันกำรพัฒนำชุมชน กรมกำรพัฒนำชุมชน กำหนดให้เป็นเคร่ืองมือในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลจำกกลุ่มผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม ซึ่งใช้แบบสอบถำมประเมิน ภำพรวมของโครงกำร จำแนกเป็น 3 ส่วนสรุปตำมลำดับ ได้ดังนี้ คือ ในภำพรวมผู้รับกำรฝึกอบรมจำนวน
จ 356 คน ตอบแบบสอบถำมท้ังสิ้น 314 คน คิดเป็นร้อยละ 88.20 ของผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม แบ่งออกเป็น เพศชำย 198 คน คิดเป็นร้อยละ 63 และเพศหญิง 116 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 37 ชว่ งอำยุเฉลี่ย 50 ปี กำรบรรลุวัตถุประสงค์โครงกำร จำกผลกำรประเมิน อยู่ในระดับมำก ค่ำเฉลี่ย 4.44 โดยก่อนเข้ำรับ กำรฝึกอบรม ผู้เข้ำร่วมโครงกำรมีควำมเข้ำใจรำยวิชำในภำพรวม ระดับมำก ค่ำเฉลี่ย 3.83 และหลังเข้ำรับ กำรฝึกอบรม ผู้เข้ำร่วมโครงกำรมีควำมรู้ควำมเข้ำใจรำยวิชำในภำพรวม ระดับมำก ค่ำเฉล่ีย 4.49 โดยวิชำ ที่มีระดับคะแนนสูงท่ีสุด 3 ลำดับ ได้แก่ (1.) วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติแบบเป็น ขั้นเป็นตอน” ระดับมำกที่สุด ค่ำเฉลี่ย 4.53 (2.) วิชำ เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ ศำสตร์พระรำชำกับกำรพัฒนำ ท่ีย่ังยืน ระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉล่ีย 4.52 และ (3.) วิชำ “กำรแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติฐำนเรียนรู้” ระดับมำกท่ีสุด คำ่ เฉลี่ย 4.52 ในส่วนข้อเสนอแนะของผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมในเชิงนโยบำย เสนอให้ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชน ลำปำง ขยำยผลใหต้ ่อเนื่อง หลำกหลำย ประสำนหนว่ ยงำนภำครัฐเชื่อมโยงเครือข่ำย กำรใช้สอื่ /เทคโนโลยีใน งำนดำ้ นเกษตรกรรม
๑ สว่ นท่ี 1 บทนำ 1.1 หลกั กำรและเหตผุ ล สถำนกำรณ์โลกในปัจจุบัน มีควำมผันแปรสูงท้ังในด้ำนเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง และเทคโนโลยี ซึ่งลว้ นสง่ ผลถงึ ประเทศไทยที่เร่ิมเปลย่ี นจำกสงั คมเกษตรสสู่ ังคมอุตสำหกรรม อกี ท้ัง ประเทศไทยเปน็ ประเทศ ทมี่ ีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด กำรคำ้ ระหว่ำงประเทศจึงมีบทบำทสำคัญในฐำนะกลไกในกำรพัฒนำและนำควำม เจรญิ รุ่งเรอื งมำสปู่ ระเทศ รวมทัง้ มสี ว่ นสำคญั ในกำรผลกั ดันใหเ้ ศรษฐกิจของประเทศขยำยตัวอยำ่ งรวดเร็ว ซ่ึงเศรษฐกิจและกำรค้ำของไทยในระยะที่ผ่ำนมำขยำยตัวในอัตรำท่ีสูงมำก แต่จำกสถำนกำรณ์ เศรษฐกิจและกำรค้ำของโลกท่ีกำลังเปลี่ยนแปลงไป ได้มีกำรนำมำตรกำรใหม่ๆ มำเป็นข้ออ้ำงในกำรกีดกัน กำรค้ำมำกขึ้น ผูท้ ีส่ ำมำรถเขำ้ ถึงทรัพยำกรได้มำกกว่ำ ก็สำมำรถสรำ้ งควำมมั่งคง่ั ไดม้ ำกกว่ำ กล่ำวคอื “คนรวย ก็รวยข้ึน คนจนก็จนลง” เกิดเป็นปัญหำควำมเหล่ือมล้ำด้ำนรำยได้ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ท้ังในส่วนของ เศรษฐกิจ สงั คม และกำรเมือง ยุทธศำสตร์ชำติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ที่มุ่งเน้นกำรพัฒนำประเทศไทยให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศมีควำมมั่นคง ม่ังคั่ง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนำแล้ว ด้วยกำรพัฒนำตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง” จึงเป็นกำรพัฒนำให้ประชำชนคนไทยมีคุณภำพชีวิตท่ีดี มีควำมสุข สร้ำงพ้ืนฐำนกำรพึ่งตนเองลด ควำมเหล่ือมล้ำในระดับครัวเรือน ชุมชน และส่งผลให้ประเทศมีควำมเข้มแข็ง ในกำรใช้ควำมสำมำรถบริหำร จดั กำรชวี ิตและบริหำรจดั กำรชุมชน ส่งเสรมิ กำรสร้ำงรำยได้ พฒั นำเศรษฐกิจฐำนรำก สง่ เสรมิ ควำมเสมอภำค และเป็นธรรม ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกำรน้อมนำแนวพระรำชดำรัสในพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำ ธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร ไปสู่กำรปฏิบัติ เพื่อกำรพัฒนำท่ีสมดุลเป็นธรรมและมี ภูมิคุ้มกัน กับผลกระทบกำรเปล่ียนแปลงทั้งจำกภำยในชุมชน ประเทศและภำยนอกจำกสังคมโลกที่จะส่งผล ตอ่ ครอบครัว กำรเตรยี มควำมพร้อมแต่ละครัวเรือนให้ไดร้ ับกำรพฒั นำ อย่ำงบรู ณำกำรตำมแนวทำงเศรษฐกิจ พอเพียงและศำสตร์พระรำชำ โดยสอดคล้องกับภูมิสังคมท่ีแต่ละพ้ืนท่ีมีควำมแตกต่ำงกันของปัจจัยพื้นฐำน ด้ำนศักยภำพ วิถีชีวิต วัฒนธรรมและอัตลักษณ์ ตัวอย่ำงเช่น กำรบริหำรจัดกำรน้ำและพื้นที่กำรเกษตรด้วย “โคก หนอง นำ โมเดล” ด้ำนกำรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตำมแนวเศรษฐกิจพอเพียงมำใช้บริหำรจัดกำรน้ำและ พน้ื ที่กำรเกษตร ผสมผสำนกบั ภูมิปญั ญำพืน้ บำ้ นได้อยำ่ งสอดคลอ้ งกนั ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำง ได้รับมอบหมำยจำกกรมกำรพัฒนำชุมชนให้ดำเนินโครงกำร พัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้ำงและพัฒนำกลไก ขบั เคลื่อนในระดับพ้ืนที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้ำงแกนนำขบั เคล่ือนหมู่บำ้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือใหม้ คี วำมรู้ ควำมเข้ำใจในหลักกำรแนวทำงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง สำมำรถขับเคล่ือน กำรพัฒนำหมู่บ้ำนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบร่วมกันของชุมชน โดยกำรส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนกำร เรียนรู้ รวมทั้งกำรฝึกปฏิบัติให้สำมำรถพ่ึงพำตนเองได้ นำไปสู่กำรสร้ำงควำมม่ันคง ม่ังคั่งให้กับครอบครัว ปลูกและกระตุ้นจิตสำนึกในกำรมีน้ำใจเอ้ืออำรีย์ และมีจิตอำสำ เพ่ือช่วยดูแลสังคม และชุมชนให้เข้มแข็ง กลุ่มเป้ำหมำยเป็นผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพ้ืนที่เรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” ปี 2564 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำพูน จังหวัดแพร่ และจังหวัดลำปำง รวมทั้งส้ิน 369 คน กำหนดดำเนินกำรโครงกำรฯ
๒ ระหว่ำงวันท่ี 15 กุมภำพันธ์ 2564 ถึง 5 มีนำคม 2564 จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 5 วัน ณ ศูนย์ศึกษำและ พฒั นำชุมชนลำปำง 1.2 วตั ถุประสงค์ 2.1 เพ่ือให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจในหลักกำรแนวทำงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี ง สำมำรถขับเคล่อื นกำรพฒั นำหม่บู ้ำนให้เป็นแหลง่ เรียนรตู้ น้ แบบรว่ มกนั ของชุมชน 2.2 เพ่ือให้เกิดผู้นำพัฒนำ (Change Leader) ท่ีอยู่ในชุมชน และนำกำรพัฒนำ ให้สอดคล้องกับบริบท ชมุ ชน และนำไปสสู่ ิง่ ท่ีชมุ ชนต้องกำร 1.3 กล่มุ เปำ้ หมำย รวมทงั้ ส้ิน จำนวน 369 คน ประกอบด้วย 3.1 ผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพ้ืนท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” จังหวัดแพร่ ครัวเรือน 1 ไร่ 101 คน, ครวั เรอื น 3 ไร่ 24 คน รวม 125 คน 3.2 ผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพื้นท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” จังหวัดลำปำง ครัวเรือน 1 ไร่ 76 คน, ครวั เรือน 3 ไร่ 27 คน รวม 103 คน 3.3 ผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพ้ืนท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” จังหวัดลำพูน ครัวเรือน 1 ไร่ 131 คน, ครัวเรอื น 3 ไร่ 10 คน รวม 141 คน โดยกำหนดดำเนินกำรฝึกอบรม จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 5 วัน เริ่มดำเนินกำรฝึกอบรมฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภำพันธ์ 2564 ถึง 5 มีนำคม 2564 1.4 วธิ ดี ำเนนิ งำน 4.1 จัดประชมุ ช้ีแจงและรับทรำบนโยบำย รวมทง้ั ทศิ ทำงกำรดำเนนิ งำนของโครงกำร 4.2 จัดทำโครงกำร แผนกำรดำเนนิ งำน และขออนุมัติดำเนินงำนตำมโครงกำรฯ 4.3 แจ้งแผนกำรฝึกอบรมฯ ให้สถำบันกำรพัฒนำชุมชน เพื่อแจ้งจังหวัดทรำบ และประสำนงำน กลุ่มเปำ้ หมำยเข้ำรว่ มกำรฝกึ อบรมตำมแผนทก่ี ำหนด 4.4 จัดประชุมเพ่ือซักซ้อมควำมเข้ำใจเน้ือหำ/หลักสูตรของกำรฝึกอบรม แบ่งงำน และมอบหมำย ภำรกจิ ควำมรบั ผิดชอบ รวมทัง้ กำรจัดทำแผนกำรเรียนกำรสอน 4.5 เตรยี มทมี วทิ ยำกร ครพู ำทำ และประสำนเชิญวิทยำกรภำยนอก ตำมตำรำงกำรฝกึ อบรมฯ และ จดั ทำคำส่งั มอบหมำยภำรกิจให้กับบคุ ลำกร 4.6 ดำเนินกำรฝกึ อบรมตำมแผนฯ 4.7 สรุปและประเมินผลกำรฝึกอบรม รำยวิชำ และภำพรวมของหลักสูตร เป็นรำยรุ่น และสรุป ประเมินผลโครงกำร รำยงำนเบ้ืองต้น และจดั ทำสรปุ ผลกำรดำเนินโครงกำรเป็นรปู เลม่ สง่ สถำบนั กำรพฒั นำชมุ ชน 4.8 อภิปรำยผล แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และนำผลกำรดำเนนิ งำนไปใชป้ ระโยชน์ 1.5 หลกั สตู รกำรฝึกอบรม ฝึกอบรม หลักสูตรกำรพัฒนำกสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นำ โมเดล จำนวน 5 วัน ดงั นี้ วันที่ 1 เพ่ือสร้ำงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เข้ำฝึกอบรมและเสริมสร้ำงทักษะควำมรู้เบ้ืองต้น ในสำระสำคัญ ดังนี้ - กระบวนกำรควำมคำดหวัง/กล่มุ สมั พันธ์/ฝำกตำแหนง่ อำยุ รบั ผ้ำสี เลอื กผ้นู ำ
๓ - เรยี นรู้ตำรำบนดนิ กจิ กรรมเดนิ ชมพื้นท่ี - เข้ำใจ เขำ้ ถงึ พัฒนำ ศำสตร์พระรำชำกบั กำรพฒั นำทย่ี ่ังยืน - กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง สู่กำรปฏบิ ตั ิแบบเป็นข้นั เป็นตอน วนั ที่ 2 เพ่อื สร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจหลกั กสกิ รรมธรรมชำติ และฝกึ ปฏิบตั ฐิ ำนเรียนรู้ ใหเ้ ขำ้ ถงึ กำร นอ้ มนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งไปปรับใช้ในชวี ิตประจำวนั ในสำระสำคญั ดงั นี้ - ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “ทฤษฎบี นั ได 9 ข้นั สู่ควำมพอเพียง” - หลักกสิกรรมธรรมชำติ - ฝึกปฏิบัติฐำนเรียนรู้ - ถอดบทเรยี นผำ่ นสอื่ “วถิ ีภูมปิ ัญญำไทยกบั กำรพ่งึ ตนเองในภำวะวิกฤต” วันท่ี 3 เพื่อสร้ำงทักษะกำรใช้ชวี ิตบนพ้ืนฐำนของควำมเป็นไทย เรียนรู้กำรแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ ในรูปแบบกำรแลกเปลี่ยนแรงงำน กำรเอำมอื้ สำมคั คี ในสำระสำคัญ ดังนี้ - จติ อำสำพฒั นำ “เอำมอ้ื สำมัคค”ี พัฒนำพน้ื ทตี่ ำมหลักทฤษฎใี หม่ วันที่ 4 เพือ่ เรยี นรูก้ ำรออกแบบพืน้ ทีเ่ ชิงภมู ิสงั คม โคก หนอง นำ โมเดล และสำมำรถ นำ ควำมรู้ไปใช้ในกำรออกแบบพื้นท่ีโคก หนอง นำ โมเดลของตนเองได้อย่ำงเหมำะสม และกำรดำรงตนในภำวะ วกิ ฤต ในสำระสำคัญ ดังน้ี - กำรออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย ตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงย่ังยืน เพ่ือกำรพึ่งตนเองและ รองรับภัยพบิ ตั ิ - ฝึกปฏิบัติกำรสร้ำงหุ่นจำลอง กำรจดั กำรพืน้ ทต่ี ำมหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สโู่ คกหนองนำโมเดล - Team Building ฝกึ ปฏบิ ัติกำรบรหิ ำรจดั กำรในภำวะวิกฤต หำอยู่ หำกิน วนั ท่ี 5 เพอ่ื สรำ้ งควำมรู้ ควำมเข้ำใจ กลไก 3 5 7 ในกำรขบั เคลื่อนศำสตรพ์ ระรำชำ และสำมำรถ จัดทำแผนปฏิบัติกำรขับเคลื่อนยุทธศำสตร์กำรขับเคล่ือนปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติ ในสำระสำคญั ดังน้ี - กำรขบั เคลอื่ นสืบสำนศำสตรพ์ ระรำชำ กลไก 3 5 7 - ยทุ ธศำสตร์กำรขบั เคล่ือนปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่กำรปฏิบัติ - ในหลวงในดวงใจ ถวำยปณธิ ำน 1.6 ระยะเวลำดำเนนิ กำร กำหนดดำเนินโครงกำรฯ วนั ท่ี 15 กมุ ภำพันธ์ - 5 มีนำคม 2564 จำนวน 3 รนุ่ ดังน้ี รุน่ ที่ 1 ระหวำ่ งวันที่ 15 - 19 กมุ ภำพนั ธ์ 2564 รนุ่ ที่ 2 ระหวำ่ งวันที่ 21 - 25 กมุ ภำพนั ธ์ 2564 รุ่นที่ 3 ระหวำ่ งวันที่ 1 - 5 มีนำคม 2564 1.7. สถำนทีด่ ำเนินกำร ณ ศูนย์ศกึ ษำและพัฒนำชมุ ชนลำปำง 1.8 งบประมำณ งบประมำณทีไ่ ด้รับกำรอนุมัติ จำนวน 1,660,500 บำท (หน่ึงลำ้ นหกแสนหกหมื่นหำ้ รอ้ ยบำทถ้วน)
๔ 1.9 ผลท่คี ำดว่ำจะได้รับ ครัวเรือนพัฒนำพื้นทีเ่ รียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” มีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจหลกั กำรแนวทำงกำรพัฒนำ หมู่บ้ำนตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง และสำมำรถเป็นแกนนำในกำรขับเคล่ือนกำรน้อมนำหลัก ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง และทฤษฎใี หมป่ ระยุกตส์ กู่ ำรปฏิบัตใิ นรปู แบบ “โคก หนอง นำ โมเดล” ใน พืน้ ทีเ่ ป้ำหมำยได้ 1.10 ตวั ชว้ี ัดผลสำเรจ็ ของโครงกำร จำนวนผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพื้นที่เรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” ที่ได้รับกำรพัฒนำ จำนวน 369 คน
๕ สว่ นที่ 2 สรปุ เนอ้ื หำวชิ ำกำร กจิ กรรมและผลกำรดำเนนิ กจิ กรรม 1. วชิ ำ กจิ กรรมกลมุ่ สมั พนั ธ์ วทิ ยำกร นำยชำญณรงค์ จริ ขจรกลุ นกั ทรัพยำกรบุคคล และทีมวทิ ยำกร ศพช.ลำปำง วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือสร้ำงควำมสมั พันธ์ระหว่ำงกลุ่มเป้ำหมำยดว้ ยกนั และทีมวิทยำกรเพื่อให้เกิดบรรยำกำศ ทดี่ ใี นกำรเรยี นรู้ 2. เพอ่ื แบง่ กลมุ่ ในกำรร่วมดำเนนิ กจิ กรรมในแตล่ ะรำยวชิ ำ ระยะเวลำ จำนวน 1 ช่ัวโมง ขอบเขตเนอ้ื หำ 1. กำรแนะนำตนเองและทำควำมรู้จักกัน 2. กำรสรำ้ งสญั ลักษณ์รว่ ม 3. กำรปรบั ฐำนกำรเรยี นรู้ ละลำยพฤตกิ รรม 4. กำรสรำ้ งผู้นำกลุ่ม/ผู้นำรุ่น 5. กำรรบั ผ้ำพนั คอ 6. กำรมอบหมำยภำรกจิ กลุ่ม/บทบำทหน้ำท่ี 7. ควำมคำดหวัง เทคนคิ /วธิ กี ำร 1. ละลำยพฤติกรรมด้วยวิธีกำร “ถอดหัวโขน” ลดอำยุให้เหมำะสมแก่กิจกรรม โดยใช้หลัก 3ค (คึกคัก คล่องแคล่ว ครน้ื แครง) 2. แบง่ กลมุ่ ใหค้ ละกนั (ช/ญ) จำนวนเทำ่ ๆกัน คัดเลือกผู้นำกลุ่ม (ผใู้ หญ่บ้ำน) สมำชกิ กลุ่มพรอ้ มตำแหนง่ 3. ผนู้ ำกลุม่ (ผใู้ หญ่บ้ำน)คัดเลอื กผนู้ ำรนุ่ กำรอบรม (กำนนั ) 4. พิธีรบั มอบ ผ้ำสมี อบภำรกิจดูแลพน้ื ท่ี (กว.ประจำวนั /รับผิดชอบ) ขน้ั ตอน/กำรดำเนนิ กำร ทีมวิทยำกร ศพช.ลำปำง เร่ิมต้นสร้ำงควำม คึกคัก ครื้นเครง ด้วยเพลงสร้ำงบรรยำกำศ จำกนั้นส่ง ให้วทิ ยำกรหลกั แนะนำตนเอง และเร่มิ กจิ กรรมกำรถอดหัวโขน พูดคุยพบปะ สร้ำงบรรยำกำศให้เกดิ ควำมผ่อน คลำย สร้ำงควำมคุ้นเคย หลังจำกน้ันวทิ ยำกรให้ผูเ้ ข้ำรับกำรฝึกอบรมยกมือขวำข้ึน พร้อมกับจินตนำกำรวำ่ กำลังถอดหัวโขน (ยศ/ตำแหน่ง/อื่น ๆ) แล้วเขวี้ยงออกไปยังหม้อดินท่ีวิทยำกรถืออยู่หน้ำเวที เพื่อใ ห้เกิด ควำมรู้สึกว่ำทุกคนมีควำมเท่ำเทียมกัน เกิดควำมเป็นกันเองมำกข้ึน จำกน้ันวิทยำกรจะสอบถำมอำยุ ดำเนนิ กำรลดอำยผุ ู้เข้ำร่วมอบรมให้มีอำยุเท่ำกันทุกคน เพือ่ ให้เหมำะสมกับกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ โดยใช้ หลัก 3ค (คกึ คัก คล่องแคล่ว ครื้นเครง)
๖ วิทยำกรเข้ำสู่กระบวนกำรสร้ำงควำมพร้อม 1. เริ่มต้นด้วยกิจกรรมเพลง “หำกว่ำเรำกำลังสบำยจง ปรบมือพลัน” (กิจกรรมเรียกควำมพร้อม) 2. ปรบมือตำมจำนวนคร้ังของวิทยำกร ด้วยกำรเพิ่มจำนวนคร้ังไป เรื่อย ๆ (1 คร้ัง,2 ครั้ง,3 คร้ัง, ......... ,10+ คร้ัง)จนผู้เข้ำอบรมปรบมือพร้อมกันท้ังห้อง (กิจกรรมเรียกควำม พร้อม) 3. เพลง “ปรบมอื 5 คร้ัง” (ยกั ไหล่ 5 ที,กระทบื เทำ้ 5 คร้ัง) “ปรบมอื 5 คร้งั (1 2 345 ) ปรบให้ดัง กว่ำน้ี(1 2 345 ) ปรบใหม่อีกที(1 2 345 ) ปรบให้ดังกว่ำเดิม(1 2 345 )” (กิจกรรมเข้ำจังหวะ) 4. ปรบมือ +(บวก) –(ลบ) วิทยำกรเร่ิมด้วยกำร +(บวก) ให้ผู้เข้ำอบรมเพ่ิมจำนวนกำรปรบมืออีก 1 คร้ังจำก คำส่ังของวิทยำกร เช่น ส่ังปรบมือ 1 คร้ังให้ผู้เข้ำอบรมปรบมือ 2 คร้ัง เป็นต้น และวิทยำกรบอก –(ลบ) ให้ผู้ เขำ้ อบรมลดจำนวนกำรปรบมอื 1 คร้ังจำกคำสงั่ ของวิทยำกร เชน่ คำส่งั ปรบมือ 6 ครัง้ ให้ผเู้ ข้ำอบรมปรบมือ 5 คร้ัง เปน็ ตน้ (กจิ กรรมเรียกสติ สมำธิ) จำกนัน้ วิทยำกรสร้ำงกระบวนกำรครน้ั เครง กจิ กรรม “เกม 5 เฮ” เปน็ กำรแสดงทำ่ ทำงประกอบเสยี ง 1. วทิ ยำกรมีคำส่ังว่ำ “1 (หนง่ึ )” ใหผ้ เู้ ข้ำอบรมแสดงท่ำทำงดว้ ยกำร “ชมู ือขวำข้ึนมำ พร้อมร้องวำ่ เฮ” 2. วทิ ยำกรมีคำสงั่ วำ่ “2 (สอง)” ให้ผู้เขำ้ อบรมแสดงทำ่ ทำงด้วยกำร “ชูมอื ซ้ำยข้นึ มำ พรอ้ มรอ้ งว่ำ เฮ” 3. วทิ ยำกรมคี ำส่ังว่ำ “3 (สำม)” ใหผ้ เู้ ขำ้ อบรมแสดงท่ำทำงด้วยกำร “ชมู ือไขว้กัน(เป็นลักษณะกำกบำท) ขน้ึ มำ พร้อมรอ้ งว่ำ เฮ” 4. วิทยำกรมีคำส่ังว่ำ “4 (ส่ี)” ให้ผู้เข้ำอบรมแสดงท่ำทำงด้วยกำร “ชูมือทั้งสองข้ำงขึ้นมำ พร้อมร้องว่ำ เฮ เฮ” 5. วิทยำกรมีคำส่ังว่ำ “1 (หนึ่ง) 2 (สอง) 3 (สำม) 4 (ส่ี)” ให้ผู้เข้ำอบรมแสดงท่ำทำงต้ังแต่คำสั่งท่ี 1 ถึง คำสั่งท่ี 4 ด้วยกำร “ชูมือขวำขึ้นมำ พร้อมร้องว่ำ เฮ,ชูมือซ้ำยขึ้นมำ พร้อมร้องว่ำ เฮ,ชูมือไขว้กัน(เป็นลกั ษณะ กำกบำท)ขนึ้ มำ พร้อมร้องวำ่ เฮ,ชมู อื ทง้ั สองข้ำงขน้ึ มำ พร้อมรอ้ งว่ำ เฮ เฮ” เขำ้ สู่กระบวนกำรแบ่งกลุ่มโดยให้ผู้เข้ำอบรมเข้ำแถวตอนแยกผู้เขำ้ อบรมตำมเพศชำย-หญิง และผู้เข้ำ อบรมครัวเรอื น-พักพฒั นำพ้นื ที่ต้นแบบ(นพต.) โดยเรยี งลำดับตำม พ.ศ.เกิด จำกก่อนไปหลงั วทิ ยำกรให้ผู้เข้ำ รับกำรอบรมนับ 1 ถึง 4 ทั้งฝ่ังชำยและหญิง เพ่ือแยกสมำชิกออกเป็น 4 กลุ่ม ซ่ึงแต่ละกลุ่มจะมีสมำชิกคละ กันทั้งชำยและหญิงในปริมำณที่ใกล้เคียงกันทุกกลุ่ม วิทยำกรให้แต่ละกลุ่มนั่งประจำกลุ่มเพื่อให้สมำชิกทำ ควำมรู้จักกันในเบอื้ งตน้ สมุ่ 1 - 2 กลมุ่ ใหพ้ ูดชื่อสมำชกิ ในกลุม่ เรียงลำดับพรอ้ มกนั ทกุ คน วิทยำกรนำเข้ำส่กู ระบวนกำรคัดเลือกผู้นำ บ้ำน โดยให้ทุกคนยกมือชูนิ้วช้ีขึ้นด้ำนบน วิทยำกร ใช้ คำสั่งว่ำ “ให้ช้ีไปหำคนในกลุ่มตนเองท่ีคิดว่ำ เหมำะสมจะเป็นผู้ใหญ่บ้ำนของกลุ่ม หลังจำกนับ 1 2 3” ให้ผู้ที่โดนเพื่อนช้ีมำกท่ีสุดได้รับเลือกเป็น ผู้ใหญ่บ้ำนประจำกลุ่ม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน และ เลขำนุกำรบำ้ น จำกนั้นให้ชว่ ยกันเลือกบทบำทให้กับ สมำชิกกลุ่ม และวิทยำกรช้ี แจงหน้ำที่ควำม รับผิดชอบ ผู้ใหญ่บ้ำน - เตรียมควำมพร้อมของบ้ำน ทุกกิจกรรม และก่อนเร่ิมเข้ำสู่วิชำต่ำง ๆ และนำกล่ำวใส่รหัส สวัสดี/ขอบคุณ วิทยำกรประจำวิชำหรือฐำน
๗ เรียนรู้ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน – สนับสนุนและปฏิบัติหน้ำที่แทนผู้ใหญ่บ้ำนกรณีผู้ใหญ่บ้ำนไม่อยู่/ติดภำรกิจอ่ืน เลขำนกุ ำรบำ้ น – สนับสนนุ กำรทำงำนของผู้ใหญบ่ ้ำนและผูช้ ่วยผใู้ หญ่บ้ำนและคอยจดบันทึกข้อมลู ต่ำง ๆ เจ้ำหน้ำท่ีแจกกระดำษฟลิบชำร์ตพร้อมปำกกำเคมีสองหัว เพื่อให้แต่ละกลุ่มตั้งช่ือบ้ำน สโลแกน พร้อมท่ำประกอบ เพื่อนำไปใช้เร่ิมต้นในกำรทำกิจกรรมฐำนเรียนรู้ทุกครั้ง จำกน้ันให้แต่ละกลุ่มนำเสนอช่ือ บำ้ น สโลแกน พรอ้ มทำ่ ประกอบ พร้อมนำเสนอ วิทยำกรให้ทุกกลุ่มมำน่ังเป็นแถวตอน 2 ถึง 3 แถว โดยให้ผู้ใหญ่บ้ำน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนน่ังหน้ำ สุด แล้วให้ผู้ใหญ่บ้ำนทั้ง 4 กลุ่ม พูดคุยปรึกษำกันเพ่ือเลือกกำนัน(ผู้นำรุ่น) จำกน้ันให้กำนันเลือกสำรวัตร กำนันจำนวน 1 คน วิทยำกรบอกหน้ำที่ควำมรับผิดชอบ กำนัน - เตรียมควำมพร้อมลูกบ้ำนท้ังหมดก่อนเข้ำสู่ วิชำ หลังจำกท่ีผู้ใหญ่บ้ำนเตรียมควำมพร้อมของลูกบ้ำนตัวเองแล้ว และนำกล่ำวใส่รหัสสวัสดี/ขอบคุณ วิทยำกรประจำวิชำหรือฐำนเรียนรู้ สำรวัตรกำนัน - คอยช่วยเหลือสนับสนุนกำนัน และทำหน้ำที่แทนกำนัน กรณกี ำนันติดภำรกิจ เข้ำสู่กำรสร้ำงสัญลักษณ์ร่วมกันด้วยกำรปรบมือโดยมีคำส่ังว่ำ “ใส่รหัส...(คำสั่ง) สำม สอง หน่ึง” จำกน้ันให้ผู้เข้ำอบรมปรบมือหลังส้ินคำสั่งเป็นจังหวะ สำม สำม เจ็ดต่อด้วย (คำส่ัง) (ปรบมือ 123 123 1234567 ตำมด้วยคำส่ัง) ทดสอบโดยให้ผู้เข้ำอบรมทำตำมคำสั่ง จำกน้ันให้ผู้ใหญ่บ้ำนทดสอบคำส่ังกับ ลกู บำ้ นของตนเอง และให้กำนันออกคำสง่ั ลูกบ้ำนทัง้ หมด เขำ้ สกู่ ระบวนกำรรบั ผำ้ สี โดยใหท้ ุกคนอยใู่ นควำมสงบ จำกน้นั วิทยำกรให้เจำ้ หนำ้ ที่เชิญกลอ่ งสลำก สี เพ่อื ใหผ้ ใู้ หญ่บ้ำนจับสลำกสีประจำบ้ำน แลว้ ให้ผใู้ หญ่บำ้ นบอกลกู บ้ำนว่ำกลุม่ ตนเองไดส้ ีอะไร โดยไม่สง่ เสียง ดงั วิทยำกรนำสู่กระบวนกำรรับผ้ำสีโดยให้ผู้แทนของแต่ละกลุ่มสี (ผู้ใหญบ่ ้ำน) เป็นผูเ้ ขำ้ รับ จำกนั้น วิทยำกร เชิญเจ้ำหน้ำที่เชิญพำนผ้ำสี เพ่ือนำไปวำงไว้หน้ำพระบรมฉำยำลักษณ์ของ ร.9 และ ร.10 ต่อจำกนั้นเข้ำสู่ กระบวนกำรรับผ้ำสี เมื่อผู้แทนรับผ้ำสีแล้ว ให้กลับมำน่ังท่ี และส่งต่อผ้ำสีให้ลูกบ้ำน โดยส่งต่อ ๆ กัน ให้ ลกู บ้ำนรับไว้คนละหน่ึงผืน(ห้ำมคลผี่ ้ำออก) เม่อื ผูเ้ ข้ำอบรมได้รับผ้ำครบแล้ว วิทยำกรใหน้ ำผ้ำวำงไว้บนฝ่ำมือ ขวำ และวำงมือไว้บนหน้ำตักขวำ จำกนั้นหลับตำเพื่อรำลึกถึงพระรำชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ จำกนั้น วทิ ยำกรให้ลืมตำ และนำกลำ่ วคำปฏญิ ำณตนตำมวิทยำกร คำปฏญิ ำณตน “ข้ำพเจ้ำ จะต้ังในฝึกอบรมศำสตรพ์ ระรำชำ เพอื่ นำไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวันของข้ำพเจ้ำ ครอบครวั ของข้ำพเจ้ำ ชมุ ชนของข้ำพเจ้ำ ตลอดจนประเทศชำติ อย่ำงสุดควำมสำมำรถ” เมื่อกล่ำวจบ วิทยำกรแนะนำพี่เลี้ยงกลุ่มสี และสอนวิธีกำร ผูกผ้ำสี เม่ือผูกเสร็จแล้ว วิทยำกรแนะนำภำรกิจ กำรดูแล พ้ืนท่ีของแต่ละกลุ่มสี โดยให้ดูตำมตำรำงภำรกิจ และบอกกฎกติกำกำรเข้ำหอ้ งอบรม โดยกำรเข้ำหอ้ งอบรม ทุกครั้ง จะมีกำรเปิดเพลงคืนชีวิตให้แผ่นดิน หลังจบเพลงคืนชีวิตให้แผ่นดิน ผู้เข้ำรับกำรอบรมจะต้องอยู่ใน หอ้ งอบรมครบทุกคน และผู้ใหญ่บำ้ นต้องเตรยี มควำมพรอ้ มของลกู บำ้ น
๘ วิทยำกรนำเข้ำสู่กำรเขียนควำมคำดหวังท่ีเข้ำร่วมกำรฝึกอบรม และกำรหำข้อตกลงร่วมกันใน ระหว่ำงกำรอบรมตลอดระยะเวลำ 5 วัน 4 คืนกำรใช้เพลงเพื่อกระตุ้นเข้ำกระบวนกำรในแต่ละคร้ังหลังจำก กำรพกั เบรกในแต่ละช่วงเวลำโดยใช้เพลง “คืนชวี ติ ให้แผน่ ดิน” ผลกำรเรยี นรโู้ ดยสรปุ ผู้เข้ำรับกำรอบรมส่วนใหญ่ให้ควำมร่วมมือ และสนใจตลอดจนต่ืนตัวกับกระบวนกำรเรียนรู้ ไดเ้ ครอื ขำ่ ยกลุ่มสัมพันธผ์ ่ำนกระบวนกำรละลำยพฤติกรรมและกระบวนกำรแบง่ กลุ่มสี ร่นุ ที่ 1 ได้ชือ่ บ้ำนดังน้ี บ้ำนแกงโฮ๊ะโมเดล บ้ำนร่มเย็น บ้ำนหนึ่งฝัน บ้ำนโคกพัฒนำ รุ่นท่ี 2 ได้ช่ือบ้ำนดังน้ี บ้ำนโคกสวรรค์ บ้ำนหรรษำ บ้ำนสุขใจ บ้ำนพัฒนำสำมัคคี และรุ่นที่ 3 ได้ชื่อบ้ำนดังน้ี บ้ำนเรำชนะ บ้ำนโคกเจริญ บ้ำน เกษตรสมบรู ณ์ บำ้ นรวมใจ และกระบวนกำรภำวะผู้นำโดยได้ผู้นำกลุ่ม(ผู้ใหญบ่ ้ำน)และผู้ช่วย ท้งั 4 บำ้ น และ ผู้นำรุ่น(กำนัน) 1 ตำบล ผู้เข้ำรับกำรอบรมเกิดกำรแลกเปล่ียนกันในระหว่ำงกิจกรรมและทำควำมรู้จักกัน เข้ำใจถึงกระบวนกำรกลุ่มท่ีต้องมีภำรกิจรับผิดชอบตลอดจนบทบำทของผู้ใหญ่บ้ำนและกำนันท่ีต้องทำหน้ำที่ ในแต่ละวันตลอดกระบวนกำรเรียนรู้วิทยำกรได้ใช้หลัก 3ค (คึกคัก คล่องแคล่ว คร้ืนเครง) เป็นกำรเตรียม ควำมพรอ้ มสำหรับกำรเรียนรตู้ ลอดกำรฝึกอบรม ก ำ ร เ ขี ย น ค ว ำ ม ค ำ ด หวังต่อ โครงกำรอบรมในครั้งนี้ เพ่ือได้มำซึ่งควำม คำดหวังผู้เข้ำรับกำรอบรมนั้นนำมำปรับใน กระบวนกำรเรียนรู้ตลอดระยะเวลำกำร อบรม และกำรหำข้อตกลงร่วมกันของผู้เข้ำ รบั กำรอบรม โดยให้ผู้เข้ำรบั กำรอบรมเสนอ และหำมติร่วมกันประมำณ 4 ถึง 5 ข้อ ทั้ง 3 รุ่น นั้นได้รับกำรตอบสนองข้อเสนอ กำร มีส่วนร่วม จึงได้เป็นข้อตกลงร่วมกันในแต่ ละร่นุ
๙ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำ วชิ ำ กจิ กรรมกลุม่ สัมพันธ์ ชือ่ วิทยำกร นำยชำญณรงค์ จริ ขจรกลุ นักทรัพยำกรบุคคล และทีมวิทยำกร ศพช.ลำปำง ส่วนที่ ๑ ควำมคดิ เหน็ เกี่ยวกับเนอื้ หำวชิ ำ หัวข้อ ระดับควำมคิดเห็น คำ่ เฉลยี่ กำร แปลผล ๑.กำรบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องรำยวิชำ มำกท่สี ุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยที่สุด 4.27 มำก 114 157 30 0 0 (36.4%) (0.00%) (50.2%) (9.6%) (0.00%) ๒.ควำมชัดเจนของเน้อื หำวิชำ 126 152 23 0 0 4.34 มำก (40.3%) (48.6%) (7.3%) (0.00%) (0.00%) ๓.ควำมรู้ ทกั ษะ ทไ่ี ดร้ บั เพิ่มเตมิ จำก 121 154 27 0 0 4.31 มำก วิชำนี้ (38.7%) (49.2%) (8.6%) (0.00%) (0.00%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ 118 153 30 0 0 4.29 มำก (37.7%) (48.9%) (9.6%) (0.00%) (0.00%) ภำพรวม 4.30 มำก จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก คำ่ เฉล่ยี 4.30 โดยแยกพจิ ำรณำได้ ดงั นี้ 1. กำรบรรลุวตั ถุประสงคข์ องรำยวชิ ำ ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 4.27 2. ควำมชัดเจนของเนอ้ื หำวชิ ำ ระดับมำก คำ่ เฉล่ยี 4.34 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ท่ีได้รบั เพิ่มเติมจำกวิชำนี้ ระดบั มำก ค่ำเฉล่ยี 4.31 ๔. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 4.29 ส่วนที่ ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หวั ข้อ ระดับควำมพงึ พอใจ ค่ำเฉล่ีย กำร 4.37 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/ มำกที่สดุ มำก ปำนกลำง นอ้ ย นอ้ ยท่ีสดุ 4.33 บรรยำย 4.29 มำก ๒.เทคนคิ และวิธกี ำรที่ใช้ในกำรถำ่ ยทอด 138 148 21 1 0 4.28 ควำมรู้ (44.1%) (0.0%) 4.39 มำก ๓.กำรเปดิ โอกำสให้ซักถำม แสดงควำม (47.3%) (6.7%) (๐.3%) คดิ เห็น 0 4.33 มำก ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ 126 159 23 0 (0.0%) มำก ๕.บุคลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ทำ่ ทำง (40.3%) (50.8%) (7.3%) (0.00%) 0 น้ำเสยี ง ฯลฯ) (๐.0%) มำก 122 158 26 2 1 มำก (39%) (50.5%) (8.3%) (0.6%) (๐.3%) 123 153 30 1 0 (39.3%) (48.9%) (9.6%) (0.3%) (๐.0๐%) 145 138 24 0 (46.3%) (44.1%) (7.7%) (0.00%) ภำพรวม
๑๐ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยภำพรวมอยู่ในระดบั มำก คำ่ เฉลี่ย 4.33 โดยแยกพิจำรณำเป็นรำยประเดน็ ได้ดงั นี้ 1.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/บรรยำย ระดับมำก ค่ำเฉล่ยี 4.37 2.เทคนิคและวิธกี ำรท่ใี ช้ในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำก คำ่ เฉลีย่ 4.33 ๓.กำรเปดิ โอกำสให้ซักถำม แสดงควำมคิดเห็น ระดบั มำก ค่ำเฉลยี่ 4.29 4.กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 4.28 5.บคุ ลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ท่ำทำง นำ้ เสียง ฯลฯ) ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.39 สงิ่ ทท่ี ำ่ นประทบั ใจในวทิ ยำกรทำ่ นน้ีคอื - มีควำมคล่องแคลว่ และชัดเจน - คยุ สนุก พดู เขำ้ ใจงำ่ ย สภุ ำพ - กิจกรรเคลอ่ื นไหวไม่งว่ ง - ควำมเขม้ แข็งในน้ำเสยี ง - สื่อสำรไดค้ รบถว้ น ถำ่ ยทอดกระบวนกำรไดด้ ี - กำรสรำ้ งควำมครน้ื เครง สง่ิ ทว่ี ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - ควรกระชบั เนอื้ หำ - บำงครง้ั พูดคอ่ ยไม่ไดย้ ิน ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ อน่ื ๆ - กำรบริหำรเวลำ ต้องบริหำรเวลำท้ังผู้เขำ้ อบรมและวทิ ยำกร
๑๑ 2. วชิ ำ กำรเรยี นรตู้ ำรำบนดนิ วทิ ยำกร นำยชำญณรงค์ จริ ขจรกุล นกั ทรัพยำกรบคุ คล และทีมวทิ ยำกร ศพช.ลำปำง วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ สำรวจและศึกษำเรียนรูต้ ำรำจำกผนื ดินในพ้นื ท่ีต้นแบบ/พื้นท่ีศูนย์ศกึ ษำและพฒั นำชุมชน 2. เพ่อื วเิ ครำะห์และนำเสนอส่งิ ท่ีสงั เกตเหน็ และสง่ิ ท่ไี ดจ้ ำกกำรลงพน้ื ทใ่ี นกำรเรยี นรู้ ระยะเวลำ จำนวน 1 ชวั่ โมง ขอบเขตเนอ้ื หำ 1. ศกึ ษำสำรวจพื้นที่ 2. บนั ทกึ ผลกำรเรียนรตู้ ำมประเด็นตำ่ ง ๆ 3. แลกเปลย่ี นเรียนรู้เติมเต็ม เทคนคิ /วธิ กี ำร 1. มอบภำรกิจให้แต่ละสีในกำรสำรวจพ้ืนท่ี โดยให้บันทึกผลกำรเรียนรู้ตำมประเด็นต่ำง ๆ (มีวทิ ยำกรประจำกลมุ่ พำไปสำรวจในพื้นทแี่ ต่ละโซน พร้อมอธบิ ำยให้เขำรวู้ ่ำในพ้นื ทนี่ ั้นมีอะไรบำ้ ง) 2. กอ่ นปล่อยให้ไปพื้นท่ี เน้นยำ้ “อยำ่ ดว่ นตดั สินใจ ไม่แนะนำ ไม่คิดช่วยแก้ไขปญั หำ” - ทำ่ นเห็นอะไร จำกกำรสำรวจ - ท่ำนไดเ้ รยี นร้อู ะไร จำกกำรสำรวจ - ให้ทำ่ น นำ/หยบิ ส่ิงของจำกกำรสำรวจมำ 1 ชิน้ เพื่อนำมำเสนอให้กับผเู้ ข้ำร่วมอบรม (ใหก้ ลับมำ ก่อนเวลำ เพอ่ื พูดคยุ เตรียมนำเสนอ) 3. ให้ส่งตวั แทนกลุม่ นำเสนอจำมโจทยท์ ีไ่ ด้รบั มอบหมำย 4. วทิ ยำกรเตมิ เต็ม ขั้นตอน/กำรดำเนนิ กำร วิทยำกรหลักแบ่งทีมกำรศึกษำเรียนรู้พ้ืนท่ีต้นแบบของศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำงออกเป็น 2 ทมี โดยมวี ทิ ยำกรหลักนำเดนิ ศึกษำพน้ื ท่ี 2 ทำ่ น และช้ีแจงกระบวนกำรศึกษำเรียนรู้โดยมอบโจทย์ 3 ขอ้ คือ - ทำ่ นเห็นอะไร จำกกำรสำรวจ - ท่ำนไดเ้ รียนรอู้ ะไร จำกกำรสำรวจ - ใหท้ ำ่ น นำ/หยิบ สิง่ ของจำกกำรสำรวจมำ 1 ชนิ้ เพ่ือนำมำเสนอให้กับผู้เข้ำรว่ มอบรม โดยมีประเด็นสำคัญในระหว่ำงกำรเดินเรยี นรู้ คือ “อย่ำด่วนตดั สนิ ใจ ไม่แนะนำ ไม่คิดแทน ไม่ช่วย แก้ไขปัญหำ” จำกน้ันวิทยำกรเร่ิมนำผู้เข้ำอบรมเดินศึกษำพื้นท่ีตำมท่ีได้แบ่งทีมกันไว้ โดยกำรเรียนรู้ในพื้นท่ี ของ ศพช.ลำปำง เพ่ือให้เห็นถึงบริบทของพื้นท่ีและกำรปรับพื้นท่ีตำมภูมิสังคม กำรพัฒนำด้วยกำรแก้ไข ปรับปรุงคณุ ภำพของ คน ดนิ นำ้ ปำ่ อยำ่ งเปน็ ระบบตำมแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่ง กำรเรียนรู้เป็นกิจกรรมฐำนเรียนรู้จำนวน 9 ฐำนเรียนรู้ ซ่ึงจะสืบเน่ืองกับกำรเรียนรู้วิชำกำรฝึกปฏิบัติในฐำน เรียนรู้ในวันถัดไป และกำรสำรวจพื้นที่กำรดำเนินงำนกิจกรรม โคก หนอง นำ โมเดล ของ ศพช.ลำปำง ซึ่งมี
๑๒ เนื้อที่ประมำณ 6 ไร่ และจะเป็นจุดท่ีจะดำเนินกิจกรรมในวิชำจิตอำสำพัฒนำชุมชน เอำมื้อสำมัคคีฯ ในระหวำ่ งกำรเดนิ ศกึ ษำเรยี นรู้พืน้ ทว่ี ิทยำกรคอยเนน้ ย้ำถงึ โจทยท์ ี่ไดร้ ับมอบหมำย ฐำนเรยี นร้ศู นู ย์ศกึ ษำและพัฒนำชมุ ชนลำปำง จำนวน 9 ฐำนเรียนรู้ ดงั นี้ 1.ฐำนฅนรักษ์ป่ำ: นำยชำญณรงค์ จิรขจรกุล นักทรัพยำกรบุคคล วิทยำกรครูพำทำ กำรเรียนรู้ แนวคิดและทฤษฎีในพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวในด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ “ปลูกป่ำ ๓ อย่ำง ประโยชน์ ๔ อย่ำง” ป่ำอย่ำงที่๑ ป่ำไม้ใช้สอย เป็นป่ำที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น สร้ำงท่ีอยู่อำศัย ป่ำอย่ำงท่ี ๒ ป่ำไม้ผล เป็นป่ำป่ำปลูกเพื่อบริโภค ป่ำอย่ำงท่ี ๓ ป่ำไม้พลังงำน เช่นไม้โตเร็ว ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือไม้ท่ี นำไปใช้เปน็ พลังงำนทดแทน เม่ือปลูกปำ่ ทั้ง ๓ อยำ่ งแล้ว จะไดป้ ระโยชนอ์ ยำ่ งท่ี๔ เป็นของแถมคอื กำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรดินและนำ้ วิธีกำรปลูกป่ำเปียกกันไฟ มีด้วยกัน ๖ วิธีกำร วิธีกำรท่ี ๑ ทำระบบป้องกันไฟไม้ป่ำ โดยทำแนวคลองส่งน้ำ และ แนวพืช ชนิดต่ำง ๆ ปลูกตำมแนวคลอง วิธีกำรที่ ๒ สร้ำงระบบกำรควบคุมไฟป่ำด้วยแนวป้องกันไฟป่ำ เปียก โดยอำศัยน้ำชลประทำนและน้ำฝน วิธีกำรที่ ๓ โดยกำรปลูกต้นไม้โตเร็วคลุมร่องน้ำ เพื่อให้ควำมชุ่มช้ืน ค่อย ๆ ทวีข้ึนและแผ่ขยำยออกท้ังสองด้ำนของร่องน้ำ วิธีกำรท่ี ๔ โดยกำรสร้ำงฝำยชะลอควำมชุ่มช้ืน วิธีกำร ท่ี ๕ กำรสูบน้ำไปในระดับสูงท่ีสุดเท่ำท่ีจะทำได้แล้วค่อย ๆ ปล่อยน้ำลงมำ เรียกว่ำ “ภูเขำป่ำ” ให้กลำยเป็น “ป่ำเปยี กทส่ี ำมำรถป้องกันไฟป่ำได้” วธิ ีกำรท่ี ๖ ปลูกตน้ กลว้ ยเป็นแนวกันไฟ กำรสรำ้ งฝำยชะลอควำมชุ่มช้ืน และกำรปลูกปำ่ ในใจคนหลกั กำรและ วิธีกำรปลูกป่ำ ๕ ระดับ กำรปลูกป่ำ ๓ อย่ำง ประโยชน์ ๔ อย่ำง ประกอบด้วยต้นไม้หลำกหลำยท้ังชนิดพันธุ์ ช่วงอำยุ ลักษณะนิสัยและขนำดควำมสูง โดยเรำสำมำรถจัดแบ่งตำมระดับช่วงควำมสูงและระบบนิเวศได้ ๕ ระดบั อนั ไดแ้ ก่ ๑. ไมส้ ูง เป็นกลุ่มต้นไมเ้ รอื นยอดสงู สุดและอำยยุ ืนไม้ในระดับนี้ เช่นตะเคยี น ยำงนำ เตง็ รัง ฯลฯ
๑๓ ๒. ไม้กลำง เป็นกลุ่มต้นไม้ท่ีไม่สูงนัก ไม้ในระดับนี้ได้แก่บรรดำไม้ผลที่เก็บกินได้ เช่น มะม่วง ขนุน มงั คุดกระทอ้ น ไผ่ สะตอ ฯลฯ ๓. ไมเ้ ตยี้ เปน็ กล่มุ ต้นไม้พุ่มเต้ยี ไม้ในระดับนี้ เช่น พริก มะเขือ กะเพรำผักหวำนบ้ำน ตว้ิ ฯลฯ ๔. ไมเ้ รย่ี ดิน ไมใ้ นระดบั นเ้ี ป็นตระกลู ไม้เลอ้ื ย เชน่ พรกิ ไทย รำงจดื ฯลฯ ๕. ไมห้ วั ใต้ดนิ ไมใ้ นระดับนี้เช่น ขงิ ขำ่ มนั มือเสือ บกุ กวำวเครอื ฯลฯ กจิ กรรมท่ีใช้สำหรบั กำรเรียนรู้ ไดแ้ ก่ กำรขดุ คลองไส้ไก่ , กำรสร้ำงฝำยชะลอควำมชุ่มช้นื , กำร ขุดหลุมขนมครก , กำรทำหัวคันนำทองคำ และกำรปลูกหญ้ำแฝก พืชในพระรำชดำริ “กำแพงท่ีมีชีวิต ใน กำรอนุรกั ษ์และคนื ชวี ิตสธู่ รรมชำติ” 2. ฐำนฅนมีไฟ : นำยเกรียงไกร สิงห์แก้ว นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร วิทยำกรครูพำทำ กำรเรียนรู้กำรนำพลังงำนทดแทน ต่ำง ๆ พลังงำน หมำยถึง พลังงำนท่ี ใช้ทดแทนพลังงำนจำกฟอสซิล เช่น ถ่ำนหิน,ปโิ ตรเลยี มและแกส๊ ธรรมชำติ ซง่ึ ปลอ่ ยคำร์บอนไดออกไซด์มหำศำล อันเป็นสำเหตุโลกร้อน ตัวอย่ำง พ ลั ง ง ำ น ท ด แ ท น ที่ ส ำ คั ญ เ ช่ น พลังงำนลม , พลังงำนแสงอำทิตย์ , พลังงำนเช้ือเพลิง , พลังงำนคล่ืน , พลงั งำนควำมรอ้ นใต้พภิ พ , เชอ้ื เพลิง ชีวภำพ พลังงำนน้ำมันดิบ น้ำมัน ปำล์ม พลังงำนน้ำมันพืช เป็นต้น มำใช้ให้เกิดประโยชน์ ซ่ึงแบ่งเป็น2 ประเภท คือ พลังงำนทดแทนจำกแหล่ง ท่ีใช้แล้วหมดไป อำจเรียกว่ำ พลังงำนสิ้นเปลือง ได้แก่ ถ่ำนหิน ก๊ำซธรรมชำติ นิวเคลียร์ หินน้ำมัน และทรำย น้ำมัน เป็นต้นและพลังงำนทดแทนอีกประเภทหน่ึงเป็นแหล่งพลังงำนท่ีใช้แล้วสำมำรถหมุนเวียนมำใช้ได้อีก
๑๔ เรียกว่ำ พลังงำนหมุนเวียน ได้แก่ แสงอำทิตย์ ลม ชีวมวล น้ำ และ ไฮโดรเจน เป็นต้นจึงนำพลังงำน ดั ง ก ล่ ำ ว ม ำ ท ำ ก ำ ร ผ ลิ ต แ ล ะ ใ ช้ ประโยชน์ในรูปพลังงำนทดแทน เช่น พลังงำนน้ำ พลังงำนลม เทคโนโลยี กังหันลมกำรแปรรูปขยะมูลฝอยไป เป็นพลังงำนควำมร้อนโดยใช้เตำเผำ (Incineration)เทคโนโลยีเตำเผำขยะ มู ล ฝ อ ย พ ลั ง ง ำ น ถ่ ำ น หิ น พ ลั ง ง ำ น ชีวมวลก๊ำซชีวภำพโรงไฟฟ้ำพลังงำน นิวเคลียร์แก๊สโซฮอล์ไบโอดีเซล เป็นต้น ซึ่งในแต่ละพลังงำนนั้นมีประโยชน์และผลกระทบ ท่ีเกิดข้ึนแตกต่ำง กันเรำควรที่จะทำกำรศึกษำอยำ่ งละเอยี ดก่อนกำรนำมำใช้ประโยชน์ 3. ฐำนฅนรักษ์น้ำ : นำงอัญชลี ป่งแก้ว นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร วิทยำกรครูพำทำ น้ำคือ..ชีวิต .พลังชีวิตคือ..กำรแบ่งปัน..ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำง..ร่วมกันสรรค์...ร่วมกันสร้ำง.. กิจกรรมรักษ์น้ำ... รักษ์ปลำ..รักษ์สิ่งแวดล้อม... เพื่อพัฒนำพ้ืนท่ีต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตตำมหลัก ทฤษฎใี หม่ ประยุกต์สู่“โคก หนอง นำ โมเดล” ให้เป็นแหลง่ เรียนรู้ในกำรบริหำรจัดกำรน้ำด้วยกำรทำกิจกรรม บ้ำนปลำ แซนด์วิชปลำให้เป็นแหล่งอำหำรและที่อยู่อำศัยของปลำ ในหนอง ในสระ ทำน้ำหมักจุลินทรีย์ สังเครำะห์แสง สำหรับปรับปรุงน้ำ บำรุงพืช และเป็นส่วนผสมในกำรทำจุลินทรีย์บอล กิจกรรมทำจุลินทรีย์ บอลจำกจำวปลวก..เพ่ือบำบัดบำรุงรักษำน้ำ และเป็นแหล่งอำหำรของปลำ จำลองระบบบำบัดน้ำดีไล่น้ำเสีย จำกสระใหญ่ มำเป็นระบบสำธิตใช้น้ำดไี ลน่ ำ้ เสีย จัดทำตะบันน้ำสำธิต ซ่ึงเหมำะสำหรบั กำรประยุกต์ใช้ในพ้ืนที่ สูงของภำคเหนอื ต่อไป กิจกรรมท่ีขับเคลื่อน..ในฐำนฅนรักษ์น้ำได้แก่ กำรใช้น้ำดีไล่น้ำเสียด้วยท่อพีวีซี , กำรบำบัดน้ำเสีย ด้วยจุลินทรีย์บอล , กำรทำน้ำหมักชีวภำพจุลินทรีย์สังเครำะห์แสง , กำรทำแซนวิชปลำ , กำรทำแซนวิชปลำ ลอยนำ้ จำกส่มุ ไก่ , กำรทำอำหำรปลำนลิ ลดตน้ ทนุ , กำรทำอำหำรเม็ดปลำนลิ ลดตน้ ทุน และกำรทำตะบนั น้ำ 4.ฐำนฅนรักษ์แม่ธรณีและฐำนน้ำหมักรักษ์โลก : นำงอรุณศรี เดชะเทศ นักทรัพยำกรบุคคล ชำนำญกำร วิทยำกรครูพำทำ สืบเนื่องจำกในช่วงระยะเวลำเกือบ 30 ปีที่ผ่ำนมำ กำรเพ่ิมผลผลิตและรำยได้
๑๕ ของประเทศ มำจำกกำรขยำยพ้ืนที่กำรเพำะปลูกมำกกว่ำ กำรเพ่ิมผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่ จนถึงขณะน้ีประมำณได้ว่ำ พ้ืนท่ีท่ีเหมำะสมต่อ กำรเกษตรกรรมได้ใช้ไปจนเกือบหมด และพยำยำมหำพ้ืนท่ีชดเชยด้วยกำรอพยพ โยกย้ำย เข้ำไป ในเขตป่ำสงวนแห่งชำติ พ้ืนท่ีป่ำไม่ถูกทำลำยเพ่ิมมำกข้ึน เพรำะกำรใช้ดินกันอย่ำงขำดควำมระมัดระวังและไม่มีกำร บำรุงรกั ษำ ซ่งึ ทำใหเ้ กดิ ควำมเส่ือมโทรม ดนิ เปน็ ทรพั ยำกรธรรมชำติท่ีมีควำมสำคัญอย่ำงยิ่งต่อสิง่ มชี วี ิต เพรำะคนเรำใช้ทรัพยำกรดนิ เป็นท้ัง ที่อย่อู ำศยั เป็นแหลง่ สร้ำงอำหำร เคร่ืองนงุ่ หม่ และยำรกั ษำโรค แถมยงั ใชเ้ ป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อกำรอุปโภค บริโภคจึงกล่ำวได้ว่ำ ดินเป็นทรัพยำกรขั้นมูลฐำน เป็นตัวกำรให้มนุษย์เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จำกทรัพยำกร อ่ืน ๆได้เพิ่มมำกขึ้นอย่ำงมหำศำล กำรเกษตรที่ไม่ทำลำยธรรมชำติ ไม่ทำลำยดิน ไม่ใช้สำรเคมีที่เป็นอันตรำย ตอ่ ดิน และให้ควำมสำคัญกับกำรปรับปรงุ ดนิ เป็นหวั ใจสำคญั ทจ่ี ะรักษำดนิ เอำไว้ได้ กำร “ห่มดิน” หรือ “คลุมดิน” โดยใช้ฟำง เศษหญ้ำ หรือใบไม้ท่ีสำมำรถย่อยสลำยได้เองตำม ธรรมชำติ และใสอ่ ำหำรใหแ้ กด่ นิ ด้วยกำรใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ชวี ภำพลงไป เพ่อื ใหอ้ ำหำรแก่ดิน แลว้ ดินจะปลอ่ ยธำตุ อำหำรให้พชื โดยกระบวนกำรย่อยสลำยของจลุ ินทรีย์เรียกหลกั กำรนี้ว่ำ “เล้ยี งดิน ใหด้ ินเลี้ยงพชื ” กำรปฏิบัติ เชน่ น้ี จะทำใหด้ ินกลบั มำมีชวี ติ เป็นกำร “คืนชีวิตใหแ้ ผ่นดนิ ” (คำถำเลี้ยงดิน :เล้ียงดิน ให้ดินเล้ยี งพืช...feed the soil and letthe soil feed the plan…เจียมได๋ ออยได๋ เจยี มตะนำ…เลยี่ งเทะ อดึ เทะ เล่ยี งละชิว…เลี้ยงแม่ธรณี ให้แมธ่ รณี เลีย้ งแม่โพสพ) กำรเรียนรู้กำรปรับปรุงดิน กำรอนุรักษ์ดิน ไม่ให้ไถหรือลอกหน้ำดินทิ้งไป ไม่ให้มีกำร ปลอกเปลือกเปลือยดิน เพ่ือกำรรักษำดินให้มีควำมอุดมสมบูรณ์และเก็บรักษำควำมชุมช้ืนของ ผืนดิน กิจกรรมท่ีใช้สำหรับกำรเรียนรู้ ได้แก่ กำรห่มดิน , กำรผ่ำท้องช้ำงหรือเพอร์มำคัลเจอร์ , กำรทำปุ๋ยหมักชีวภำพแบบแห้ง , กำรทำน้ำหมักชีวภำพ 7 รส และกำรทำน้ำมะพร้ำวเทียม เพื่อกระตุ้นจุลินทรีย์ในน้ำหมัก 5. ฐำนฅนเอำถ่ำน : นำงสำวณัฐกฤตำ ชัยตูม นักทรัพยำกรบุคคลปฏิบัติกำร วิทยำกรครูพำทำ ไม้ เป็นแหล่งพลังงำนที่มีควำมจำเป็นต่อกำรดำรงชีวิตประจำวัน เป็นกำรนำทรัพยำกรธรรมชำติมำใช้ให้เกิด ประโยชน์อย่ำงสูงสุด โดยกำรนำเอำไม้ท่ัว ๆ ไป เช่น ไม้กระถินณรงค์ ไม้ไผ่ ไม้สักฯลฯ ที่มีกำรตัดแต่งกิ่ง ภำยในศพช.ลำปำง และภำยในฐำนฅนรักษ์ป่ำ มำ ผ่ำนกระบวนกำรเผำไหม้เพ่ือให้เกิดเป็นพลังงำน เช้อื เพลงิ รวมถึงกำรใชป้ ระโยชน์พลงั งำนจำกไม้อย่ำง มีประสิทธิภำพและให้เป็นรูปธรรม นั่นคือ กำรสร้ำง เตำเผำถ่ำนเพ่ือให้เกิดเป็นพลังงำนเชื้อเพลิง น่ันคือ “ถ่ำน” ท่ีจะช่วยในเรื่องของกำรพ่ึงพำตนเองได้ ประหยดั คำ่ ใช้จำ่ ย จงึ ทำใหเ้ กิดฐำนเรียนรู้ “ฐำนคนเอำถำ่ น” ข้นึ มำ
๑๖ โดยภำยในฐำนมกี จิ กรรมกำรเรยี นรู้ คือ 1. เตำเผำไหมส้ มบรู ณแ์ บบ พัฒนำมำจำกเตำดนิ และเตำอิฐ ให้ผลผลิตถ่ำนออกมำคุณภำพดี สำมำรถรองรับควำมร้อนได้มำกถึง 1,000 องศำเซลเซียส 2. เตำเผำถ่ำน 200 ลิตรแบบไร้ควัน เป็นทำงเลือก ท่ีสร้ำงได้ง่ำย ลงทุนน้อย สำมำรถเคล่ือนย้ำยได้ เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม และ กำรปั้นถ่ำนในรูปแบบต่ำง ๆ ซึ่งให้ควำมร้อนสูง ต่อเนื่อง และยำวนำนซ่ึงกิจกรรมกำรเผำถ่ำนด้วยถัง 200 ลติ รนัน้ เม่ือได้ถ่ำนจำกกำรเผำแล้ว ศพช.ลำปำง นำถ่ำนที่ได้มำประกอบในกิจกรรม “หำอยู่ หำกิน” เพ่ือใช้ในกำร หุงต้ม ประกอบอำหำรต่ำง ๆ แสดงใหเ้ ห็นถงึ กำรนำผลิตผลทีเ่ กดิ ข้ึนมำใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ ริง 6. ฐำนฅนรกั ษ์สขุ ภำพ : นำงสำวศรัญยำ ปำปลูก นักทรัพยำกรบุคคลปฏิบัติกำร วิทยำกรครูพำทำ ร่ำงกำยของคนเรำน้ัน ธรรมชำติสร้ำงมำสำหรับให้ออกแรงใชง้ ำน มิใช่ให้อยู่เฉย ๆ ถ้ำใช้แรงให้พอเหมำะพอดี โดยสม่ำเสมอ ร่ำงกำยกเ็ จริญแข็งแรง คลอ่ งแคลว่ และคงทนยั่งยืน ถ้ำไม่ใช้แรงเลยหรือใช้ไมเ่ พียงพอ รำ่ งกำย ก็จะเจริญแข็งแรงอยู่ไม่ได้ แต่จะค่อย ๆ เส่ือมไปตำมลำดับ ดังนั้น เรำต้องดูแลร่ำงกำยและจิตใจให้มีสุขภำพ ท่ีดีอยู่เสมอ กิจกรรมใน ศพช.ลำปำง ได้แก่ กิจกรรมกำรพอกหน้ำ เพ่ือดูดสำรพิษตกข้ำง , กิจกรรมกำรแช่มอื แช่เทำ้ ดว้ ยสมนุ ไพร เพอื่ ผอ่ นคลำยกลำ้ มเน้ือและเพื่อสุขภำพ , กำรทำน้ำป่ันเพื่อสุขภำพ , กำรทำน้ำใบย่ำนำง ใบเตย และกำรทำ/ดืม่ น้ำคลอโรฟลิ ล์ 7. ฐำนฅนมีน้ำยำ : ว่ำที่ ร.ต.ชัยณรงค์ บัวคำ นักทรัพยำกรบุคคล วิทยำกรครูพำทำ เน่ืองจำกในกำรดำเนินชีวิตบนวิถีแหงเศรษฐกิจพอเพียงน้ันกำรลด รำยจำยของครอบครัวเปนหน่ึงส่ิงที่สำคัญ โดยเฉพำะรำยจำย สำหรับซ้ือน้ำยำหรือสำรทำควำมสะอำด เชน สบู น้ำยำลำงจำน น้ำยำซกั ผัก หรือทำควำมสะอำด ตำง ๆ น้นั เปนรูรั่วทำงกำรเงิน ที่สำคัญ ซึ่งทำใหแตละบำนตองจำยเงินไปเปนจำนวนไมนอย กำร ทำน้ำยำ เอนกประสงคดวยวิธีกำรท่ีงำยดำยเพื่อใชเองและอุดรูรั่ว
๑๗ ทำงกำรเงินของครอบครัวด วยผลผลิตเหลือกินเหลือใช และ หำไดงำยในทองถ่ินจงึ ถือเปนทำงเลือกแห่งวิถีกำรพึ่งตนเองท่ี ชำญฉลำดของครอบครวั ยุคใหม่ กิ จ ก ร ร ม ก ำ ร เ รี ย น รู้ ไ ด้ แ ก่ ก ำ ร ท ำ น้ ำ ย ำ อเนกประสงค์ , กำรทำสบู่เหลวมะขำมน้ำผึ้งบำรุงผิว , กำร ทำตะไคร้หอมไล่ยุง และกำรทำน้ำหมักรสเปร้ียวจำกผลไม้ ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมสำหรับกำรทำน้ำยำอเนกประสงค์ น้ำท่ีได้ จำกกำรหมักผลไม้รสเปร้ียวมีฤทธ์ิเป็นกรด ช่วยสลำยไขมัน หรอื ครบสกปรกได้ดี และยงั มีกลนิ่ หอมของผลไมห้ รือกลิ่นหอมจำกเปลือกผลไมท้ ใ่ี ช้หมักอีกดว้ ย 8. ฐำนฅนติดดิน : นำยณัฐนิช รักขติวงศ์ นักวิชำกำรพัฒนำชุมชนชำนำญกำร วิทยำกรครูพำทำ กำรนำดินที่มีอยู่ท่ัวไปตำมธรรมชำติมำใช้ในกำรสร้ำงบ้ำนดิน กำรสร้ำงบ้ำนดิน เป็นอีกหน่ึงทำงเลือกสำหรับ คนอยำกมีบ้ำนที่ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมหำศำล ก็สำมำรถสร้ำงบ้ำนของตัวเองได้ ขอเพียงมีท่ีดิน กำลังกำย และกำลงั ใจ กำรสร้ำงบ้ำนดิน คือบ้ำนจำกธรรมชำติท่ีสำมำรถหำ วัสดุจำกรอบข้ำงนำมำสร้ำงเป็นบ้ำน ท่ำนอำจจะใช้ดินที่อยู่ข้ำง บ้ำนผสำนกับแรงกำย ค่อยๆ ลงแรงสร้ำง จนกลำยเป็นบ้ำน คุณภำพโดยใช้แรงทุนเพียงเล็กน้อย บ้ำนดินจึงเหมำะสำหรับ กำรลงแรงชว่ ยกนั สร้ำง อำจใชเ้ วลำวำ่ งในช่วงวนั หยดุ มำรว่ มด้วย ช่วยกัน กำรทำบ้ำนดินหน่ึงหลังยังช่วยสร้ำงบรรยำกำศกำร ทำงำนรว่ มกันให้อบอ่นุ อกี ด้วย เทคนิคกำรสร้ำงบ้ำนดนิ มี 6 ชนดิ แบบป้นั (cob) ใช้ดินเหนียวผสมกบั ฟำงขำ้ ว ปั้นหรือก่อเปน็ ผนังขึน้ เรอ่ื ย ๆ แบบอิฐดิบ (adobe brick) ใช้ดินผสมกับเส้นใย เช่น แกลบ เศษหญ้ำ หรือฟำงข้ำว นำมำผสม กบั โคลน แล้วปนั้ เป็นอฐิ ดิน กอ่ นก่อเป็นฝำผนงั บ้ำน โดยใช้โคลนเป็นตวั ประสำน แบบโครงไม้(wattle & daub) ทำโครงสรำ้ งเปน็ ไม้ สำนกันเป็นตำรำง และนำฟำงชุบด้วยโคลนโปะ เปน็ ฝำผนัง แบบใช้ดินอัด (rammed earth) ก่อสร้ำงผนัง โดยทำแบบพิมพ์ แล้วนำดินเหนียวอัดเป็นฝำผนัง (ไมค่ อ่ ยเห็นวธิ นี ีใ้ นเมืองไทย) แบบใช้ท่อนไม้หรือหิน (cord wood & stones) สร้ำงฝำผนังโดยกำรนำเศษไม้หรือหินมำก่อเป็น ฝำผนงั บำ้ น ใชด้ นิ เปน็ ตวั ประสำน และฉำบดว้ ยดนิ อกี ช้นั หน่ึง แบบกระสอบทรำย (sand bag) ใชก้ ระสอบทรำยใสท่ รำย ใหเ้ ตม็ นำมำวำงเรียง อำจจะใช้ลวดหนำม เป็นตวั ช่วยยึด ไม่ให้กระสอบเลื่อนไหล และฉำบดว้ ยดนิ อีกคร้งั
๑๘ 9. ฐำนฅนรักษแ์ ม่โพสพ : นำงกรรณิกำร์ ก๋ำวิตำ นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร วิทยำกรครูพำทำ “ข้ำวเป็นพืชที่หล่อเล้ียงเผ่ำพันธ์ุคนไทยมำนับต้ังแต่ โบรำณกำล” มีกำรค้นพบหลักฐำนท่ีชี้ว่ำ ได้เกิดภูมิ ปั ญ ญ ำ ก ำ ร ป ลู ก ข้ ำ ว ด้ ว ย ก ำ ร ปั ก ด ำ ใ น วั ฒ น ธ ร ร ม บ้ำนเชียงซึ่งมีอำยุไม่ต่ำกว่ำ 5,000 ปี และจำกำร ตรวจพบเมล็ดข้ำวเก่ำแก่อำยุมำกกว่ำ 6,000 ปี ผสม อยู่ในภำชนะดินเผำที่โนนทำนก จังหวัดขอนแก่น คนไทยผูกพัน นับถือและบูชำข้ำวนำมเรียกขำนว่ำ “แม่โพสพ” เทพธิดำประจำต้นข้ำว ซ่ึงเชื่อว่ำคอย ช่วยเหลือชำวนำให้สำมำรถทำนำได้พอกินและพอ สำหรับจุนเจือเพ่ือนมนุษย์ จำกำรทำนำในอดีตที่แทบ จะไม่ต้องใช้เงินทุน ช่วงระยะเวลำท่ีผ่ำนมำถึงปัจจุบัน ต้นทนุ กำรผลติ ข้ำวเฉลี่ยเพมิ่ สงู ขนึ้ ท้ังคำ่ ปุ๋ยและคำ่ ยำ จำกคำกลำ่ วท่วี ่ำ “ในน้ำมีปลำ ในนำมีขำ้ ว” กลบั กลำยเป็นผืนนำที่แหง้ แล้งไร้ซึ่งชวี ิตภำพของชำวนำทีเ่ คยถูกยกย่องวำ่ เปน็ “กระดูกสันหลังของชำติ” กลับเป็น ภำพของผทู้ ่เี ป็นหน้สี นิ ล้นตวั ข้ำวทเี่ รำกนิ ทุกวันน้ยี งั เรียกว่ำ “ขำ้ วไทย” อยู่หรอื ไม่ กิจกรรมฐำนฅนรักษ์แม่โพสพศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำงได้สนับสนุนกำรทำ “นำอินทรีย์” เป็นกิจกรรมท่ีดำเนินกำรแล้วเห็นผลได้จริง ได้ผลผลิตข้ำวท่ีปลอดสำรพิษ , กำรคัดเมล็ดพันธุ์ข้ำว ซึ่งเป็นกำร ลดต้นทุนกำรผลิต , กำรทดสอบควำมงอกเมล็ดพันธ์ุข้ำว ชำวนำจะได้เมล็ดพันธ์ุข้ำวท่ีมีเปอร์เซ็นต์ควำมงอก ไม่ต่ำกว่ำ 80% ไปหว่ำนลงในนำ , กำรทำข้ำวกล้องงอกไร้มอดเป็นกำรแปรรูปข้ำวกล้องงอก เพ่ือเพิ่มมูลค่ำ ของข้ำวกล้อง , เพ่ิมคุณค่ำของข้ำวกล้องงอกให้มีสำร GABA เพิ่มขึ้น และเพ่ือให้สำมำรถเก็บรักษำข้ำวกล้อง งอกได้นำน ไม่มีมอดมำรบกวน ไม่มีกล่ินหืน และสำมำรถเก็บรักษำได้ง่ำย ใช้ถุงพลำสติกธรรมดำปิดให้สนิท ไม่ตอ้ งใช้ถงุ สุญญำกำศ ผลกำรเรยี นรโู้ ดยสรปุ ผู้เข้ำรับกำรอบรมได้เรียนรู้และเห็น ถึงสภำพพ้ืนท่ีกำรปรับกิจกรรมในแต่ละภูมิ สงั คม รวมถงึ เกิดกระบวนกำรเรยี นรู้ ถำม ตอบ กับวิทยำกรประจำฐำนเรียนรู้ในแต่ละฐำน เกิด เป็นองค์ควำมรู้ให้กับคณะผู้เข้ำรับกำรอบรม และเกิดผลตอบรับที่ดีในกำรให้ผู้เข้ำรับกำร อบรมลงพื้นท่ีศึกษำดูงำนเรียนรู้ตำรำบนผืนดิน จำกพ้ืนท่ีต้นแบบ ศพช.ลำปำง ซ่ึงจะสำมำรถ นำไปปรบั ใช/้ ต่อยอดในพนื้ ทีข่ องแต่ละคนได้
๑๙ ผู้เข้ำอบรมนำเสนอแต่ละกลุ่มนำเสนอผลจำกกำรสำรวจและวัตถุที่หยิบมำจำกพ้ืนท่ีกำรได้เรียนรู้ จำกกิจกรรมฐำนเรียนรู้ทั้ง 9 ฐำน เช่น กำรนำเศษวัสดุจำกธรรมชำติมำใช้ให้เกิดประโยชน์ในกำรห่มดินหรือ นำมำทำปุ๋ยหมักซ่ึงนำไปใช้ต่อยอดในกำรห่มดิน กำรนำเศษก่ิงไม้ท่ีเกิดจำกกำรตัดแต่งต้นไม้ไปประกอบเป็น วัตถุดิบกำรเผำถ่ำนและยังนำมำใช้ต่อในกำรหุง ต้ม ประกอบอำหำรได้อีกด้วย กำรทำนำในรูปแบบกสิกรรม ธรรมชำติ เพื่อทำให้เกิดคำกล่ำวที่ว่ำ “ในน้ำมีปลำ ในนำมีข้ำว” ข้ึนมำอีกคร้ัง กำรปลูกไม้ 5 ระดับและ กำรปลูกป่ำ 3 อย่ำง ประโยชน์ 4 อย่ำงตำมแนวคิดและทฤษฎีในพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ร.9 ในด้ำนกำร อนุรักษ์ทรัพยำกรธ รร มช ำ ติ กำรบริหำรจัดกำรดินและน้ำ(ขุดคลองไส้ไก่) ทำให้เกิดกำรกระจำยน้ำและกำรกักเก็บน้ำ ในพื้นที่ได้ดีขึ้น กำรเรียนรู้แหล่งที่มำของพลังงำน ท ด แ ท น ร ว ม ถึ ง ก ำ ร ใ ช้ พ ลั ง ง ำ น ท ด แ ท น แ ล ะ สำมำรถทำข้ึนเองได้ กำรดูแลสุขภำพตนเองและ กำรทำน้ำยำอเนกประสงค์เพ่ือลดต้นทุนให้ กับครัวเรือน กำรสร้ำงบ้ำนดินท่ีสำมำรถทำขึ้น เองและใช้วัสดุจำกธรรมชำติเป็นองค์ประกอบ และกำรได้ศึกษำเรียนรกู้ ำรนำเกษตรทฤษฎีใหม่กำรบริหำรจัดกำรดินและน้ำประยกุ ต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล ในพ้ืนที่ต้นแบบของ ศพช.ลำปำง ซ่ึงมีกำรแบ่งพื้นท่ีทำโคก หนอง นำ โมเดลตำมแบบมำตรฐำนในรูปแบบ 1 ไร่ และมำตรฐำนรูปแบบ 3 ไร่ กำรอนรุ ักษ์ดนิ และกำรอนุรักษน์ ำ้ และใชป้ ระโยชน์สูงสุดในพื้นทต่ี น้ แบบของ ศพช.ลำปำง (โคก หนอง นำ โมเดล) โดยกำรหยิบวัตถุสิ่งที่ได้จำกกำรเดินสำรวจมำแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้ัง 3 รุ่น น้ัน มีดังนี้ ในรุ่นท่ี 1 ได้นำ ฟำง ใบไม้แห้ง และถ่ำน ในรุ่นท่ี 2 ได้นำ หญ้ำแฝก ฟำง และใบไม้แห้ง ในรุ่นที่ 3 นำ ฟำง ก้อนดิน(ทำ บ้ำนดิน) และใบไม้แห้ง ซ่ึงนำเสนอถึงกำรมีอยู่จำนวนมำกในพ้ืนท่ีเรียนรู้และนำใช้ให้เกิดประโยชน์กำรทำปุ๋ย หมักและกำรห่มดิน แทนจำกกำรเผำทำลำยซ่ึงจะสร้ำงมลพิษทำงอำกำศ และ“ดิน” ซ่ึงใช้สำหรับกำรป้ันบำ้ น ดนิ ในฐำนเรยี นร้ฅู นติดดนิ นอกเสียจำกกำรบำรุงดนิ แลว้ สำมำรถนำดินมำใชป้ ระโยชน์สงู ประหยัดสุด
๒๐ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วชิ ำ เรียนร้ตู ำรำบนผืนดนิ ชื่อวทิ ยำกร นำยชำญณรงค์ จริ ขจรกลุ นักทรัพยำกรบุคคล และทมี วทิ ยำกร ศพช.ลำปำง ส่วนที่ ๑ ควำมคดิ เห็นเกี่ยวกบั เนื้อหำวิชำ หัวข้อ ระดบั ควำมคิดเห็น ค่ำเฉลี่ย กำร มำกท่สี ดุ มำก ปำนกลำง น้อย น้อยท่สี ุด แปลผล ๑.กำรบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของรำยวิชำ 120 158 28 0 0 4.30 มำก (38.3%) (50.5%) (8.9%) (0.0%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเนื้อหำวิชำ 131 154 20 1 0 4.35 มำก (41.9%) (49.2%) (6.4%) (0.3%) (0.0%) ๓.ควำมรู้ ทักษะ ทไ่ี ดร้ บั เพ่มิ เติมจำก 116 165 25 0 0 4.29 มำก วิชำน้ี (37.1%) (52.7%) (8%) (0.0%) (๐.0%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ 127 151 27 0 0 4.32 มำก (40.6%) (48.2%) (8.6%) (0.0%) (0.0%) ภำพรวม 4.32 มำก จำกตำรำงที่ ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับเน้ือหำวิชำ เรียนรู้ตำรำบนผืนดิน โดยภำพรวมอยู่ในระดบั มำก คำ่ เฉลยี่ 4.32 โดยแยกพจิ ำรณำได้ ดงั น้ี 1. กำรบรรลวุ ตั ถุประสงคข์ องรำยวชิ ำ ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 4.30 2. ควำมชดั เจนของเน้อื หำวิชำ ระดบั มำก ค่ำเฉล่ีย 4.35 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ทไ่ี ด้รบั เพม่ิ เตมิ จำกวิชำน้ี ระดับมำก ค่ำเฉลี่ย 4.29 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ ระดับมำก ค่ำเฉล่ีย 4.32 ส่วนท่ี ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หวั ขอ้ ระดบั ควำมพงึ พอใจ คำ่ เฉล่ีย กำร 4.38 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/ มำกท่สี ดุ มำก ปำนกลำง น้อย น้อยทีส่ ดุ บรรยำย มำก ๒.เทคนคิ และวิธีกำรทใ่ี ชใ้ นกำรถ่ำยทอด 140 145 20 1 0 ควำมรู้ (44.7%) (0.0%) ๓.กำรเปดิ โอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำม (46.3%) (6.4%) (๐.3%) คดิ เหน็ ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 127 157 20 1 0 4.34 มำก (0.0%) ๕.บุคลกิ ภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง (40.6%) (50.2%) (6.4%) (0.3%) น้ำเสยี ง ฯลฯ) 122 149 31 2 0 4.28 มำก (๐.0%) (39%) (47.6%) (9.9%) (0.6%) 132 147 25 1 0 4.34 มำก (42.2%) (47%) (8%) (0.3%) (๐.0%) 136 144 23 0 0 4.37 มำก (43.5%) (46%) (7.3%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม ๔.34 มำก
๒๑ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ เรียนรู้ตำรำบนผืนดิน โดยภำพรวมอย่ใู นระดับ มำก ค่ำเฉลย่ี 4.34 โดยแยกพิจำรณำเปน็ รำยประเดน็ ไดด้ ังน้ี 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/บรรยำย ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.38 2. เทคนิคและวธิ ีกำรท่ใี ชใ้ นกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ระดับมำก คำ่ เฉลี่ย 4.34 3. กำรเปดิ โอกำสให้ซักถำม แสดงควำมคดิ เหน็ ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.28 4. กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ ระดบั มำก ค่ำเฉล่ีย 4.34 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง นำ้ เสยี ง ฯลฯ) ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 4.37 สง่ิ ทท่ี ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนคี้ อื - อธิบำยเข้ำใจงำ่ ย พดู ชดั เจน สือ่ สำรครบถว้ น - ถ่ำยทอดกระบวนกำรได้ดี - ชัดเจนในฐำนทุกฐำน - มคี วำมอดทน เดนิ เหนอ่ื ยแลว้ ต้องอธิบำยประกอบอีก - สอนสนกุ มคี วำมพรอ้ ม - ทำให้เกดิ ควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเพมิ่ ขน้ึ - มปี ระสบกำรณ์ - กันเองมมี นษุ ย์สัมพันธภำพดีเสียงชัดเจนเขำ้ ใจงำ่ ย สงิ่ ทวี่ ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - ระยะเวลำกำรบรรยำย ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ อนื่ ๆ - ให้พัฒนำตอ่ ไป - ลงภำคสนำมให้มำก ๆ - ขอเอกสำรมำก ๆ
๒๒ 3. วชิ ำ เขำ้ ใจ.. เขำ้ ถงึ .. พฒั นำ..ศำสตรพ์ ระรำชำ..กบั กำรพฒั นำทยี่ ัง่ ยนื วทิ ยำกร นำงอัญชลี ปง่ แก้ว นักทรพั ยำกรบุคคลชำนำญกำร วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้ผู้เข้ำอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง หลักกำรทรงงำน “เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ” ของ ร.9 และมีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ เร่ือง โคก หนอง นำ โมเดล ระยะเวลำ จำนวน 2 ชวั่ โมง ขอบเขตเนอื้ หำ 1. ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง 2. หลกั กำรทรงงำน “เข้ำใจ เข้ำถงึ พัฒนำ ของ รัชกำลที่ 9 3. ศำสตรพ์ ระรำชำเพื่อกำรพัฒนำประเทศอย่ำงย่ังยืน 4.กำรบรหิ ำรจัดกำรนำ้ และพื้นที่ด้วยโคกหนองนำโมเดล เทคนคิ /วธิ กี ำร 1. บรรยำยประกอบสื่อ PowerPoint และคลิปวีดีโอ เข้าใจ.. เข้าถงึ .. พฒั นา.. 2. แบ่งกลุ่มระดมสมอง ศาสตร์พระราชา.. 3. นำเสนอ แลกเปลย่ี น สรุปผลเรียนรู้ กบั การพฒั นาทยี่ งั่ ยืน ขนั้ ตอน/กำรดำเนนิ กำร วิทยำกรแนะนำตัว เตรยี มควำมพร้อมในกำรเรยี นรู้ ผ่ำนกำรขยบั มอื ฝึกสมองซีกซ้ำยขวำ ทำขอ้ ตกลง ในกำรเรยี นรรู้ ว่ มกนั โดยยดึ หลกั สุ จิ ปุ ลิ บอกวตั ถปุ ระสงค์ของวิชำและกระบวนกำร ทบทวนควำมรคู้ วำม เข้ำใจ หลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง โดยเปิดคลปิ วีดโี อของแฝดจุม๋ จิ๋มให้ชม วิทยำกรให้ดูคลิปวีดีโอคืนชีวิตให้แผ่นดินเพ่ือพ่อของเรำ เพื่อบอกถึงที่มำของปรัชญำเศรษฐกิจ พอเพียงและหลกั กำรทรงงำนของในหลวงรชั กำลที่ 9 เมอื่ จบกำรดูวดิ ที ศั น์ ไดต้ ง้ั คำถำมชวนคยุ แลกเปลี่ยนเพ่ือ ทบทวนประเด็นกำรเรียนรู้ สรุปรว่ มกันควำมเปน็ มำของปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงและหลักกำรทรงงำน เขำ้ ใจ เข้ำถึง พัฒนำ
๒๓ บรรยำย ด้วยสื่อ Power Point ถึงสถำนกำรณ์วิกฤตต่ำงๆท่ีเกิดขึ้นบนโลก ส่งผลกระทบถึงประเทศ หมู่บ้ำนและชุมชน ยกตัวอย่ำงประกอบ เร่ืองภัยแล้งจำกประเทศจีน กำรสร้ำงเข่ือนที่ส่งผลต่อภูมิภำคลุ่มน้ำ โขงทั้งหมด กำรตัดไม้ทำลำยป่ำ ท่ีส่งผลต่อกำรเกิดวิกฤตภัยแล้ง น้ำท่วมในประเทศไทย ปัญหำเร่ืองฝุ่น ละออง และ โรคภยั ตำ่ งๆที่คนไทยตอ้ งเผชิญอยู่ในปจั จบุ นั รวมท้ังเรอ่ื ง covid 2019 วิทยำกรนำเสนอ ส.ค.ส. พระรำชทำนสวัสดีปีใหม่ของรัชกำลท่ี 9 ท่ีเป็นกำรเตือนประชำชนคน ไทยถงึ วกิ ฤต 4 ดำ้ น และทรงเตอื นใหค้ นไทยยึดหลกั สำมคั คเี ปน็ พลังคำ้ จนุ แผ่นดนิ ไทย วิทยำกรใชส้ ่อื PowerPoint ใหเ้ หน็ ภำพกำรทรงงำน ของรัชกำลท่ี 9 ตลอด 70 ปี ที่ครองรำชย์ เกดิ โครงกำรพระรำชดำริ กวำ่ 4,000 โครงกำร บทเรยี นควำมรู้นวตั กรรมต่ำง ๆทร่ี ชั กำลที่ 9 ได้ทรงทดลองคิดคน้ เป็นตัวอย่ำงให้ประชำชนคนไทย วทิ ยำกรตั้ง คำถำมใหค้ ิดในขณะทที่ ัว่ โลกตำ่ งยอมรบั เหน็ ควำมสำคญั ของ ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียงและนำไปสูก่ ำรปฏบิ ัติ ทรงได้รบั รำงวลั กวำ่ 20 รำงวัลระดับโลก ทำไมเรำไม่ถอดบทเรียนจำกส่งิ ทร่ี ัชกำลท่ี9 พระรำชทำนและสร้ำงตวั อย่ำงควำมสำเร็จด้วยกำรลงมอื ทำ วิทยำกรนำพระรำชดำรัสของในหลวงรัชกำลท่ี 9 เร่ือง ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง ให้ผ้เู ข้ำอบรมทกุ คนอำ่ นพระบรมรำโชวำทและ พระรำชดำริ ในเรื่องของกำรพัฒนำประเทศและทฤษฎีใหม่พร้อมกัน อธิบำยควำมหมำยของศำสตร์พระรำชำ และทฤษฎีใหม่ พร้อมยกตัวอย่ำง เปรียบเทียบระหว่ำงทฤษฎีใหม่และทฤษฎีเก่ำในเรื่องกำรบริหำรจัดกำรน้ำ ตวั อย่ำงกำรจัดกำรลุ่มน้ำจำกภูผำสู่มหำนที ทฤษฎบี นั ได 9 ขั้น หลักกำรออกแบบพื้นท่ีด้วยภูมสิ งั คม เชอื่ มโยง ถงึ กำรประยุกต์เกษตรทฤษฎีใหม่ สู่โคกหนองนำโมเดล วิทยำกรอธิบำยควำมหมำยของโครงกำรโคกหนองนำโมเดลและกำรบริหำรจัดกำรพ้ืนที่ด้วย หลักกำรโคกหนองนำโมเดล อธิบำยถึงปัจจัยหลัก 5 อย่ำง สำคัญที่ต้องคำนึงถึงในกำรจัดกำรพื้นที่โคกหนอง นำโมเดล เร่ืองดินน้ำลมไฟและคน พร้อมตัวอย่ำงประกอบ กำรเลือกตำแหน่งหนองน้ำ กำรจัดกิจกรรมที่ต้อง
๒๔ คำนึงถึงทิศทำงลมและดวงอำทิตย์ ตลอดถึงกำรออกแบบพื้นท่ีให้เหมำะสมกับควำมต้องกำรของคนหรือ เจ้ำของแปลงและเหมำะสมกับจำนวนคนท่อี ยู่อำศยั เปิดคลิปวีดีโอเรื่องกำรบริหำรจัดกำร น้ำด้วยโคกหนองนำโมเดล ที่เล่ำเรื่องโดย อำจำรย์ยักษ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธำน มูลนิธิกสิกรรมธรรมชำติ แล้วมอบประเด็นสรุป บทเรียน 2 ข้อ 1. ท่ำนได้เรียนรู้อะไร อย่ำงไร 2. ท่ำนจะนำควำมรู้ที่ได้ไปปรับใช้อย่ำงไรบ้ำง (กับตัวเองครอบครัวหมู่บ้ำนชุมชน) ให้กลุ่มสี ระดมสมองสรุปในกระดำษ ฟลิปชำร์ท ในเวลำ 15 นำทแี ละนำเสนอกล่มุ ละ 5 นำที วิทยำกรสรุปเติมเต็มเชื่อมโยงเน้ือหำ วิชำทั้งหมดด้วยส่ือ PowerPoint ในประเด็นเรื่องปรัชญำ เศรษฐกิจพอเพียงแนวคิดและทฤษฎีกำรพัฒนำของ ร. 9 และพระรำชดำรัส เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษำ วันศุกร์ท่ี 4 ธันวำคม 2541 เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎใี หม่สองอย่ำงนี้ จะทำควำมเจรญิ แกป่ ระเทศได้แต่ ต้อง มคี วำมเพียรแล้ว ต้องอดทน ตอ้ งไมใ่ จรอ้ น ตอ้ งไมพ่ ูดมำก และตอ้ งไม่ทะเลำะกัน สรปุ ผลกำรเรยี นรู้ จำกกำรแบ่งกลุ่มระดมสมอง แลกเปลี่ยนของผู้เข้ำรับกำรอบรมแต่ละกลุ่ม พบว่ำให้ควำมสนใจใน กระบวนกำรกลุ่ม โดยมีผู้นำกลุ่มและให้สมำชิกในกลุ่มช่วยกันแสดงควำมคิดเห็น ช่วยกันสรุปผลตำมประเด็น กำรเรียนรู้ หลำยกลุ่มใช้กระบวนกำรมีส่วนร่วม เขียนสรุปผ่ำนกระดำษ post it และมอบหมำยตัวแทน นำเสนอผล
๒๕ สรปุ ผลกำรเรยี นรแู้ ละกำรประยุกต์ใช้ สรปุ ประเดน็ กำรเรยี นรู้ สรปุ กำรนำไปประยกุ ต์ใช้ - เรียนรู้กำรบริหำรจัดกำรท่ีอยอู่ ำศัย - นำไปปรับวิธีคิด ทฤษฎีเก่ำ ทฤษฎีใหม่เพื่อนำไป - กำรบริหำรจัดกำรน้ำและสิ่งแวดล้อม ประโยชน์ ปฏบิ ตั ปิ รับในพืน้ ทตี่ ำมภูมิศำสตรส์ ังคม เกือ้ กลู ดนิ น้ำ ลม ไฟ มนุษย์ - นำหลักปรัชญำลงสู่กำรปฏิบัติโดยใช้ทฤษฎีบันได 9 - ศำสตรพ์ ระรำชำเข้ำใจเขำ้ ถงึ พัฒนำ ขัน้ - กำรออกแบบพ้ืนทต่ี ำมหลกั กสิกรรม - ใช้ในกำรประยุกต์ให้เหมำะสมกับพ้ืนที่ของตนเอง - ภูมศิ ำสตร์ ภมู สิ งั คม โดยใช้หลักภูมิศำสตร์หลกั ภูมิสงั คม โดยทำด้วยวธิ ีของ - กำรบรหิ ำรจัดกำรน้ำให้ตรงกบั สภำพพน้ื ท่ี คนจนไมเ่ น้นกำรลงทุน - กำรอำศยั ธรรมชำติหลกั กำรของธรรมชำติ - นำควำมรู้ไปปรับใช้ตำมสภำพบรบิ ทพ้ืนที่ มำประยุกต์ใช้โดยใช้สังคมนำหนำ้ ภูมศิ ำสตร์ - บรหิ ำรจัดกำรน้ำ - กำรเกษตรทฤษฎใี หมต่ ำมศำสตร์พระรำชำ - กำรออกแบบพื้นที่ - บนั ได 9 ขัน้ โคกหนองนำโมเดล - ปลกู ทกุ อยำ่ งท่กี นิ กินทกุ อยำ่ งทป่ี ลกู - น้ำคือชีวิต - ต่อยอดในชมุ ชน - เกษตรทฤษฎีใหม่ บันได 9 ขั้นสู่ควำมพอเพียง - - แก้ไขปญั หำเรื่องต่ำง ๆเชน่ เร่ืองดิน เรอื่ งนำ้ หลกั กำรทรงงำนเขำ้ ใจเขำ้ ถึงพัฒนำ - สำมำรถถ่ำยทอดแก่ชุมชนเพื่อควำมม่ันคงมั่งคั่ง - ควำมสำคัญของภูมศิ ำสตร์สงั คม ดินนำ้ ลมไฟคน ยัง่ ยนื - กำรพออยพู่ อกินพอใช้พอประมำณ - นำควำมร้ไู ปปรบั ใชก้ บั ครอบครวั และชมุ ชน - เรียนร้หู ลักปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง - เพ่อื อนรุ กั ษ์สภำพแวดลอ้ มดินนำ้ ลมไฟ - กำรเตรียมควำมพร้อมมีภูมิคุ้มกัน ต้องทำให้ - เพ่ือให้เกิดควำมม่ันคงและยั่งยืนในครอบครัวและ มั่นคงก่อนแล้วค่อยพัฒนำไปในข้ันตอนอ่ืน ๆ สงั คม อย่ำงเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน - ปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจำวันครอบครวั และชุมชน - กำรปรับใชท้ รัพยำกรที่เหลอื ใช้มำใชป้ ระโยชน์ - เร่ืองกำรอนุรักษ์ป่ำดินน้ำป่ำให้เข้ำกับพ้ืนที่ของเรำ - หลักกำรทำงำนแบบทฤษฎีใหม่ เอง - กำรกักเกบ็ นำ้ - กำรจดั กำรพืน้ ทจ่ี รงิ ของตนเองลงมอื ทำโดยใช้ศำสตร์ - กำรอนรุ ักษด์ นิ และนำ้ ของรัชกำลท่ี 9 - กำรใช้ชีวติ อย่ำงพอเพยี ง - ถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้ ให้กับชุมชนและเครือข่ำย - ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งทฤษฎใี หม่ทฤษฎเี กำ่ - กำรจัดกำรพ้ืนท่ีของตนเอง ลงมือทำ โดยใช้ ศำสตร์พระรำชำของรัชกำลท่ี 9
๒๖ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ เขำ้ ใจ.. เข้ำถงึ .. พฒั นำ..ศำสตรพ์ ระรำชำ..กบั กำรพฒั นำท่ีย่ังยนื ช่ือวทิ ยำกร นำงอญั ชลี ปง่ แก้ว นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร สว่ นที่ ๑ ควำมคดิ เหน็ เกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ หัวขอ้ มำกทส่ี ุด ระดับควำมคดิ เหน็ นอ้ ยท่ีสุด ค่ำเฉล่ีย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง นอ้ ย ๑.กำรบรรลุวัตถุประสงคข์ องรำยวชิ ำ 133 149 23 0 0 4.36 มำก (42.5%) (47.6%) (7.3%) (0.0%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเนอื้ หำวิชำ 137 148 20 0 0 4.38 มำก (43.8%) (47.3%) (6.4%) (0.0%) (0.0%) ๓.ควำมรู้ ทักษะ ที่ได้รบั เพ่มิ เติมจำก 122 164 19 0 0 4.33 มำก วิชำนี้ (39%) (52.4%) (6.1%) (0.0%) (๐.0%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 141 140 22 0 0 4.39 มำก (45%) (44.7%) (7%) (0.0%) (0.0%) ภำพรวม 4.36 มำก จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ ศำสตร์พระรำชำกับกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉล่ีย 4.36 โดยแยกพิจำรณำได้ ดงั นี้ 1. กำรบรรลวุ ตั ถุประสงค์ของรำยวิชำ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.36 2. ควำมชดั เจนของเนอ้ื หำวิชำ ระดบั มำก คำ่ เฉลี่ย 4.38 3. ควำมรู้ ทักษะ ทไ่ี ด้รับเพ่ิมเตมิ จำกวชิ ำนี้ ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.33 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ ระดับมำก ค่ำเฉล่ีย 4.39 ส่วนที่ ๒ ควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร หวั ขอ้ ระดับควำมพึงพอใจ ค่ำเฉลยี่ กำร 4.34 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ มำกทีส่ ดุ มำก ปำนกลำง น้อย นอ้ ยทส่ี ดุ บรรยำย มำก 128 154 22 0 0 (40.9%) (0.0%) (49.2%) (7%) (๐.0%) ๒.เทคนคิ และวิธกี ำรท่ใี ชใ้ นกำรถำ่ ยทอด 123 159 23 0 0 4.32 มำก ควำมรู้ (39.3%) (50.8%) (7.3%) (0.0%) (0.0%) ๓.กำรเปิดโอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำม 125 151 30 0 0 4.31 มำก คิดเหน็ (39.9%) (48.2%) (9.6%) (0.0%) (๐.0%) ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ 122 154 28 1 0 4.30 มำก (39%) (49.2%) (8.9%) (0.3%) (๐.0%) ๕.บุคลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ท่ำทำง 123 151 23 0 0 4.33 มำก นำ้ เสยี ง ฯลฯ) (39.3%) (48.2%) (7.3%) (๐.0%) (๐.0%) ภำพรวม ๔.32 มำก
๒๗ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ ศำสตรพ์ ระรำชำกับกำรพัฒนำอยำ่ งยง่ั ยืน โดยภำพรวมอยใู่ นระดับ มำก ค่ำเฉลีย่ 4.32 โดยแยกพจิ ำรณำเป็น รำยประเดน็ ได้ดังน้ี 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/บรรยำย ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.34 2. เทคนคิ และวธิ ีกำรท่ีใชใ้ นกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำก คำ่ เฉลยี่ 4.32 3. กำรเปดิ โอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำมคิดเหน็ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 3.31 4. กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ ระดับมำก คำ่ เฉลีย่ 4.30 5. บุคลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ทำ่ ทำง น้ำเสยี ง ฯลฯ) ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.33 สิ่งที่ทำ่ นประทับใจในวทิ ยำกรทำ่ นนค้ี ือ - อธบิ ำยชัดเจนเข้ำใจง่ำย พดู ตรงประเดน็ - เป็นกันเองเข้ำใจและเข้ำถงึ สภุ ำพ - มคี วำมเข้ำใจในปรชั ญำทีส่ ่ือสำรไดด้ ี - มีกำรถำมผู้เขำ้ อบรม เปดิ โอกำสใหอ้ อกควำมเหน็ - วิทยำกรมีควำมเข้ำใจนะรู้เก่ียวกับเร่ืองโคกหนองนำโมเดลมำกและสอบถำมตอบคำถำมได้ถูกต้อง ตำมควำมเขำ้ ใจ - ใหค้ วำมรแู้ บบมืออำชีพ - ชดั เจนมีภำพประกอบ หำกไม่มีภำพประกอบให้นำเสนอตอบคำถำม สิ่งทว่ี ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - ยม้ิ บำ้ งสรำ้ งบรรยำกำศ - เสยี งพดู คอ่ ยไปนดิ ไมค่ ่อยได้ยินชัด ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ อน่ื ๆ - พดู กระชบั อีกหน่อย
๒๘ 4. วชิ ำ กำรแปลงปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง สกู่ ำรปฏบิ ตั แิ บบเป็นขน้ั เปน็ ตอน วทิ ยำกร นำยสำยันต์ ฉตั รแกว้ หวั หน้ำสำนักปลัด อบต.บ่อแกว้ ผรู้ บั ผดิ ชอบวชิ ำ วำ่ ที่ ร.ต.ชยั ณรงค์ บัวคำ นกั ทรพั ยำกรบุคคล วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมได้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ แนวกำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง สู่กำร ปฏบิ ตั ิแบบเปน็ ขั้นเปน็ ตอน สำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ในพื้นทกี่ ำรทำงำนได้ ระยะเวลำ 2 ช่วั โมง ขอบเขตเนอื้ หำ - ควำมเป็นมำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - กำรแปลงปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง สู่กำรเปน็ ปฏิบัติ - กระบวนกำรในกำรทำแบบเปน็ ข้นั เป็นตอน เทคนคิ /วธิ กี ำร - บรรยำยประกอบ Power Point - แลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ บั ผู้เขำ้ อบรมดว้ ยกำรถำม-ตอบ ข้ันตอน/กำรดำเนนิ กำร วิทยำกรบรรยำยแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ กำรขับเคล่ือนงำนโดยนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง มำปรับใช้ในพ้ืนที่ตำบลวอแก้ว โดยกำรแปลงจำกทฤษฎีสู่กำรปฏิบัติแบบเป็นขั้นเป็นตอน และ ยกตัวอย่ำงประกอบ กรณีศึกษำของพื้นท่ีองค์กำรบริหำรส่วนตำบลวอแก้ว อำเภอห้ำงฉัตร จังหวัดลำปำง ประเด็นเน้อื หำ ในกำรบรรยำยและเลำ่ ประสบกำรณ์ ดังนี้ ศึกษำพ้ืนฐำนบริบทเดิมของพื้นที่ตำบลวอแก้ว(ค้นหำทุนตัวเอง) บริบทของพ้ืนที่ตำบลวอแก้วเป็น พื้นที่เกษตรกรรม มีกำรทำเกษตรเต็มพื้นที่ 100 % และยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธำร อยู่ติดพ้ืนท่ีป่ำอุทยำน แห่งชำติดอยขุนตำล คนวัยแรงงำนส่วนใหญ่ที่เคยออกไปทำงำนนอกพ้ืนที่ สุดท้ำยจะกลับบ้ำนเพื่อมำทำ กำรเกษตร ปัญหำท่ีเกิดขึ้นในพื้นที่ เดิมเป็นกำรทำกำรเกษตรเชิงเด่ียว มีต้นทุนในกำรผลิตสูง ปัจจัยกำรผลิต ทั้งหมดเช่น เมล็ดพันธ์ุ ปุ๋ย ยำฆ่ำแมลง ต้องซื้อจำกร้ำนค้ำทุกอย่ำง ผลผลิตท่ีได้ต้องนำไปจำหน่ำยใหก้ ับพ่อคำ้ คนกลำง เกษตรไม่สำมำรถกำหนดรำคำเองได้ เกิดปัญหำคือ เกษตรกรไม่เคยคิดถึงต้นทุนกำรทำกำรเกษตร เชิงเดี่ยว วิทยำกรยกตัวอย่ำงเช่น รำคำกล้วยท่ีขำยปลีกในร้ำนสะดวกซ้ือ ในรำคำ 9 บำท ซึ่งแท้จริงแล้ว เกษตรกรขำยได้ในรำคำ ใบละ 1.6 บำท หักต้นทุน 1.1 บำท คงเหลือใบละ 50 สตำงคเ์ ทำ่ น้ัน
๒๙ เปดิ เวทคี น้ หำปัญหำ ควำมตอ้ งกำรของประชำชนในพน้ื ท่ี องค์กำรบริหำรส่วนตำบลวอแก้ว ใช้วธิ กี ำรเก็บข้อมลู คิดต้นทุน ในกำรทำกำรเกษตรเชิงเดี่ยว และคืนข้อมูลให้กับเกษตรกรได้ทรำบ ทำให้เกษตรกรเห็นวงจรหนี้สินท่ีเกิดขึ้น ส่งผลให้เข้ำสู่กระบวนกำร เรียนรแู้ บบใหม่ ปรบั กำรทำกำรเกษตรแบบใชส้ ำรเคมเี ป็นเกษตรอินทรีย์ ซึง่ เปน็ เรื่องทคี่ ่อนขำ้ งยำก วเิ ครำะหป์ ัญหำ / สำเหตขุ องปัญหำ กำรวิเครำะห์ปัญหำท่ีเกิดขึ้นในพ้ืนท่ี และสำเหตุของปัญหำนั้น ใช้วิธีกำรเปิดเวทีพูดคุยแบบไม่เป็นทำงกำร เพ่ือค้นหำปัญหำ ควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นที่โดยตรง จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง และน่ำเช่ือถือ ซึ่งปัญหำส่วนใหญ่ ได้แก่ ต้นทุนกำรผลิตมีรำคำสูง(เมล็ดพันธ์ุ ปุ๋ย ยำฆ่ำแมลง) รำคำผลผลิตตกต่ำ ถูกพ่อค้ำคนกลำงกดรำคำรับซ้ือผลผลิต ไม่มีตลำดรองรองรับ และแหล่ง น้ำไม่เพยี งพอ เป็นต้น กำหนดแนวทำงกำรแกไ้ ขปัญหำ หลังจำกเก็บข้อมูล วิเครำะห์ปัญหำ/สำเหตุของปัญหำที่เกิดข้ึนในพ้ืนที่ นำมำกำหนดแนวทำงกำร แก้ไขปญั หำโดยอง๕กำรบรหิ ำรส่วนตำบลวอแก้ว ไดก้ ำหนด วสิ ยั ทัศน์องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลวอแกว้ ประชำชนมสี ขุ ภำพท่ีดี บนวถิ ีเกษตรอนิ ทรีย์ มุ่งสู่ตำบลสุขภำวะอยำ่ งย่ังยนื พันธกจิ องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลวอแกว้ 1. พฒั นำด้ำนโครงสร้ำงพื้นฐำนใหไ้ ด้มำตรฐำน 2. พัฒนำตำบลให้เปน็ ตำบลน่ำอยู่ 3. ส่งเสริมเศรษฐกจิ ตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. พัฒนำองค์กรให้ก้ำวไปสอู่ งค์กรแห่งธรรมำภิบำล
๓๐ นโยบำยกำรบรหิ ำรงำน คำนึงถึงกำรมีสุขภำพ พลำนมัย และกำรได้อยู่ในสภำพแวดล้อมที่ดีของประชำชน โดยให้ประชำชน ทุกภำคส่วนเขำ้ มำมสี ว่ นร่วม รว่ มคิด รว่ มทำ รว่ มรับประโยชน์ ดว้ ยควำมโปร่งใส สำมำรถตรวจสอบได้ จัดทำแผนงำนโครงกำรเพื่อแกไ้ ขปญั หำ องค์กำรบริหำรส่วนตำบลวอแก้ว กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ในกำรร่วมสร้ำงกำรพัฒนำกำรประกอบ อำชพี ขอประชำชนไว้อยำ่ งชัด มีเปำ้ หมำย มแี ผนงำนโครงกำรที่ดำเนินงำนอย่ำงต่อเน่ือง เชน่ 1. โครงกำรส่งเสริมและพัฒนำควำมรู้แก่ประชำชนโครงกำรส่งเสริมกำรทำนำข้ำวอินทรีย์ต้นทุนต่ำ/ ผลผลิตสงู 2. โครงกำรสง่ เสรมิ กำรแปรรูปผลผลิตทำงกำรเกษตร 3. โครงกำรส่งเสรมิ กำรเลยี้ งโคเนอ้ื ตำบลวอแกว้ 4. กำรส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ตำบลวอแกว้ โดยเฉพำะข้ำวอินทรยี ์ ผกั อนิ ทรยี ์ 5. สนับสนุนกำรเช่อื มโยงตลำดสินคำ้ เกษตร อบต.วอแก้ว ทำหน้ำที่ในกำรประสำนกับ สกต. ลำปำงในกำรทำ MOU ขำยข้ำวอินทรีย์ให้กับ สหกรณ์ กำรเกษตร ในรำคำทส่ี ูงกว่ำท้องตลำด และวำงแผนกำรรวบรวมผลผลิตเพ่ือควำมสะดวกในกำรขนส่งสนิ ค้ำ 6. โครงกำรสบู นำ้ พลังงำนแสงอำทติ ย์สู้ภัยแลง้ 7. โครงกำรพัฒนำน้ำบำดำลเพอ่ื กำรเกษตร 8. ส่งเสรมิ อำชพี กำรแปรรูปขำ้ วกล้องงอก 9. สง่ เสรมิ กำรปลกู ผกั อินทรยี ์ ในโรงเรือน และคดั กรองแสง กำรแปลงปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียงส่กู ำรปฏิบตั ิแบบเป็นขนั้ เปน็ ตอน เศรษฐกิจพอเพียงเปรียบเหมือนกับบ้ำนที่แข็งแรงต้องอยู่ท่ีฐำนรำกหรือเสำเข็ม คนเรำจึงควรจะมี เสำเขม็ พงึ่ ตนเองเป็นพนื้ ฐำน กำรไปสู่ควำมพอเพียง ตำมแนวทำงศำสตร์พระรำขำ เน้นกำรเร่ิมต้นท่ีกำรทำเพื่อพอกินพอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น โดยเร่ิมที่ตัวเรำเอง \"พอ\" ก่อน ต่อเมื่อมีเหลือแล้วจึงขยำยต่อไป แบ่งเป็นข้ันพ้ืนฐำน ๔ ช้ัน และขั้นก้ำวหนำ้ อีก ๕ ชน้ั รวมเปน็ บันไต ๙ ชัน้ สคู่ วำมพอเพียงท่ีย่งั ยืน เศรษฐกิจพอเพยี งขน้ั พื้นฐำน ขั้นที่ 1 พอกิน ข้นั ท่ี 2 พอใช้ ข้นั ท่ี 3 พออยู่ ขน้ั ที่ 4 พอร่มเย็น เศรษฐกิจพอเพียงขน้ั กำ้ วหนำ้ ขน้ั ที่ 5 บุญ ขัน้ ท่ี 6 ทำน ขั้นที่ 7 เกบ็ ขนั้ ที่ 8 ขำย ขนั้ ที่ 9 ขำ่ ย
๓๑ 1. ขนั้ ต้นน้ำ 2. ขนั้ กลำงนำ้
๓๒ 3. ขน้ั ปลำยนำ้ กำรกำ้ วเดนิ ในแนวทำงตำบลเกษตรอนิ ทรยี ข์ องตำบลวแกว้ ภำยใตแ้ นวคดิ 1. ฉันอยำกทำ 6. ฉนั ทำได้ดี 2. ฉนั เรียนวธิ ที ำ 7. ฉนั ขยันทำ 3. ฉันทำได้บ้ำงไม่ได้บำ้ ง 8. ฉนั เชี่ยวชำญ 4. ฉันเรยี นรูเ้ พมิ่ เตมิ 9. ฉันประสบควำมสำเรจ็ 5. ฉันคดิ ค้นพฒั นำ 10. ฉันแบ่งปนั องค์ควำมร้ใู ห้ผ้อู ่นื ผลกำรเรยี นรู้ ตั้งแต่เร่ิมขับบเคลื่อนโครงกำรส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ตำบลวอแก้ว ในปี 2559 จนถึง ปัจจุบัน มีครัวเรือนท่ีเจ้ำร่วมโครงกำรเพ่ิมมำกขึ้น มีพ้ืนท่ีเกษตรอินทรีย์เพิ่มมำกข้ึน และสำมำรถสร้ำงรำยได้ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ตำบลวอแก้วเพ่ิมมำกข้ึน และที่สำคัญ คนตำบลวอแก้วมีอำหำรที่ปลอดภัย มีควำมสุข มีสขุ ภำพท่ีแขง็ แรง ครอบครัวมีควำมอบอุน่ และเปน็ แหลง่ เรยี นร้ดู ำ้ นเกษตรอินทรีย์ให้กับผู้ท่ีสนใจ
๓๓ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏบิ ัติอย่ำงเปน็ ข้นั ตอน ชอื่ วิทยำกร นำยสำยนั ต์ ฉตั รแกว้ หวั หนำ้ สำนักปลัด อบต.บอ่ แกว้ ผรู้ บั ผิดชอบ ว่ำที่ ร.ต.ชัยณรงค์ บัวคำ นกั ทรัพยำกรบุคคล สว่ นที่ ๑ ควำมคดิ เห็นเกีย่ วกับเนอื้ หำวิชำ หวั ขอ้ มำกทีส่ ดุ ระดับควำมคดิ เห็น นอ้ ยท่สี ุด คำ่ เฉลี่ย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง น้อย ๑.กำรบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของรำยวิชำ 127 152 21 0 0 4.35 มำก (40.6%) (48.6%) (6.7%) (0.0%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเน้ือหำวิชำ 131 147 18 0 0 4.38 มำก (41.9%) (47%) (5.8%) (0.0%) (0.0%) ๓.ควำมรู้ ทักษะ ที่ได้รบั เพ่ิมเติมจำก 126 152 23 0 0 4.34 มำก วิชำน้ี (40.3%) (48.6%) (7.3%) (0.0%) (๐.0%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ 139 139 23 0 1 4.37 มำก (44.4%) (44.4%) (7.3%) (0.0%) (0.3%) ภำพรวม 4.36 มำก จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับเน้ือหำวิชำ กำรแปลงปรัชญำ เศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติอย่ำงเป็นขั้นตอน โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลี่ย 4.36 โดยแยก พิจำรณำได้ ดงั น้ี 1. กำรบรรลุวตั ถุประสงค์ของรำยวิชำ ระดับมำก ค่ำเฉล่ีย 4.35 2. ควำมชดั เจนของเนอื้ หำวชิ ำ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.38 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ทไ่ี ดร้ ับเพ่ิมเติมจำกวิชำนี้ ระดับมำก คำ่ เฉลีย่ 4.34 4. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ ระดับมำก คำ่ เฉล่ีย 4.37 ส่วนที่ ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หัวขอ้ มำกที่สดุ ระดบั ควำมพึงพอใจ น้อยที่สุด คำ่ เฉลี่ กำร ย แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/ 137 มำก ปำนกลำง น้อย 0 บรรยำย (43.8%) (0.0%) ๒.เทคนคิ และวธิ ีกำรท่ีใช้ในกำรถำ่ ยทอด 148 17 0 4.39 มำก ควำมรู้ 133 (47.3%) (5.4%) (๐.0%) 0 ๓.กำรเปดิ โอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำม (42.5%) (0.0%) 4.37 มำก คิดเห็น 151 20 0 ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ 139 (48.2%) (6.4%) (0.0%) 0 (44.4%) (๐.0%) 148 16 0 4.40 มำก 121 0 (38.7%) (47.3%) (5.1%) (0.0%) (๐.0%) 152 27 2 4.29 มำก (48.6%) (8.6%) (0.6%)
๓๔ ๕.บคุ ลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ท่ำทำง 126 153 21 0 0 4.35 มำก นำ้ เสยี ง ฯลฯ) (40.3%) (48.9%) (6.7%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม 4.36 มำก จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 313 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ กำรแปลงปรัชญำ เศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติอย่ำงเป็นข้ันตอน โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉล่ีย 4.36 โดยแยก พิจำรณำเป็นรำยประเด็น ไดด้ ังนี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.39 2. เทคนคิ และวธิ กี ำรท่ีใช้ในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำก ค่ำเฉลีย่ 4.37 3. กำรเปิดโอกำสให้ซักถำม แสดงควำมคิดเห็น ระดบั มำก คำ่ เฉลีย่ 4.40 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.29 5. บคุ ลกิ ภำพ (กำรแตง่ กำย ทำ่ ทำง นำ้ เสียง ฯลฯ) ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.35 ส่ิงที่ทำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนีค้ ือ - อธิบำยเห็นภำพจริง - เข้ำใจได้ ใหค้ วำมรู้ดี - นำ่ นำเอำไปเปน็ เยี่ยงอยำ่ งครบั - พูดบรรยำยเขำ้ ใจง่ำย เป็นกนั เอง - ชดั เจนในเรอื่ งกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ - มองเหน็ ภำพไดก้ ว้ำงข้ึนเขำ้ ไดด้ ี - วทิ ยำกรอธิบำยเข้ำใจรู้เรือ่ งหมดเร็วระยะเวลำกำรอบรม - ถ่ำยทอดจำกประสบกำรณจ์ ริง สง่ิ ทว่ี ิทยำกรควรปรับปรงุ คือ - ไมม่ ี ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ อืน่ ๆ - ขอศึกษำในพื้นท่ี - ขอเอกสำรเพ่ิม
๓๕ 5. วชิ ำ ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง “ทฤษฎบี นั ได 9 ขน้ั สคู่ วำมพอเพียง” วทิ ยำกร นำงกรรณิกำร์ ก๋ำวิตำ นกั ทรัพยำกรบคุ คลชำนำญกำร วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมได้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักคิดปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎี ใหม่ กำรบริหำรจัดกำรตำมขั้นตอนเศรษฐกิจพอเพียงมำปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และสำมำรถ นำไปปฏบิ ตั ิจนเปน็ วถิ ชี วี ิต 2. เพ่อื ใหผ้ ้เู ขำ้ รับกำรฝึกอบรมได้มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ ทฤษฎีบันได 9 ขนั้ สูค่ วำมพอเพียง ระยะเวลำ 3 ชัว่ โมง ขอบเขตเนือ้ หำ 1. หลกั คิดปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. กำรประยกุ ตใ์ ชห้ ลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับ บคุ คล กลุ่ม องค์กร ชุมชน และสังคม 3. ทฤษฎบี ันได 9 ขัน้ สูค่ วำมพอเพยี ง เทคนคิ /วธิ กี ำร 1. วิทยำกรช้ีแจงประเด็นท่จี ะดำเนินกจิ กรรม และข้อตกลงในกระบวนกำรเรยี นรู้ร่วมกัน 2. วทิ ยำกรบรรยำยประกอบสือ่ ด้วยกำรเลำ่ ประสบกำรณ์และยกตวั อย่ำงประกอบ 3. แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ขัน้ ตอน/กำรดำเนนิ กำร วทิ ยำกรบรรยำยกรเล่ำประสบกำรณแ์ ละยกตวั อย่ำงประกอบ ประเด็นเน้อื หำ ในกำรบรรยำยและเลำ่ ประสบกำรณ์ มีดงั นี้ ศนู ยภ์ มู ริ กั ษธ์ รรมชำติ ต้ังอยู่ในจงั หวดั นครนำยก มีพื้นที่ ประมำณ 14 ไร่ เป็นที่ดนิ ของพระ เจ้ำอยหู่ ัว ในหลวงรชั กำลที่ 9 ท่ีใช้พระรำชทรัพยส์ ว่ นพระองค์ซ้ือไว้ เดิมเป็นที่นำ ทด่ี ินเป็นดนิ เปรย้ี วมกี รดจัด แต่ในหลวงร.9 ทรงอยำกจะพิสูจน์วำ่ แนวคดิ ของพระองค์ท่ำนสำมำรถฟื้นฟูพ้นื ที่ได้ ดินท่ีอยู่ตรงน้นั ชำวบ้ำนส้นิ หวงั ปล่อยท้ิงรำ้ ง เพรำะวำ่ เป็นกรดจัด 3.1 เปน็ ดินเปรย้ี วจดั แต่พระองค์ทรงบอกว่ำ ฉนั จะทำให้ดู ที่ดนิ ที่เคย ส้นิ หวัง ไมส่ ำมำรถปลูกปำ่ เพำะปลูกได้ ฉนั จะใช้แนวคิดของฉนั ปรับปรุงใหส้ ำมรถปลูกปำ่ ให้ได้ ปัจจุบันที่ศนู ย์ ภมู ิรักษ์ธรรมชำตเิ ป็นศูนย์ท่ีแสดงแนวคิดและทฤษฎีกำรพัฒนำท่เี รียกว่ำ จำกภผู ำส่มู หำนที ซง่ึ อำจำรย์ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) ออกแบบไว้ ซ่ึงนับว่ำศูนยภ์ มู ิรักษธ์ รรมชำติเปน็ โคกหนองนำ แห่งแรกท่ีอำจำรย์ยักษ์ได้ ออกแบบ ปี 2546 มโี คก มหี นอง มีนำ แสดงแนวคิดและทฤษฎกี ำรพัฒนำของพระเจำ้ อยู่หัวรชั กำลที่ 9 ที่ เรยี กว่ำ จำกภผู ำสูม่ หำนที ปหี นึ่งมคี นมำศกึ ษำดูงำนหลำยหม่นื คน เปน็ ศนู ย์ท่ีฝกึ อบรมข้ำรำชกำรบรรจใุ หม่ ของกระทรวงเกษตร และอีกหลำยกระทรวง ก่อนจะแลกเปล่ียนเกย่ี วกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพยี ง วทิ ยำกรตง้ั คำถำมใหเ้ ขียนคำจำกดั ควำมสัน้ ๆ 1. ตงั้ คำถำม ระบอบทุนนิยม คืออะไร เขำ้ ใจว่ำอยำ่ งไร 2. ต้ังคำถำม ระบอบสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์) คืออะไร เข้ำใจว่ำ อย่ำงไร 3. ต้งั คำถำม เศรษฐกิจพอเพียง คอื อะไร เขำ้ ใจวำ่ อยำ่ งไร
๓๖ ผเู้ ข้ำอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1. ระบอบทุนนยิ ม คอื ระบบทม่ี ีกำรขบั เคลื่อนเศรษฐกจิ ภำยใต้กำรแข่งขันกันอย่ำงเสรี ลกั ษณะทนุ ใหญ่ กลืน กินทนุ เลก็ ทนุ เล็กจะล้มหำยไปในอนำคต 2. ระบอบสังคมนยิ ม(คอมมวิ นสิ ) คือระบบเศรษฐกิจทวี่ ่ำดว้ ยควำมเสมอภำค ทนุ เปน็ ของทุกคน ผลกำไรเฉลย่ี เปน็ ของทกุ คน เปน็ กำรบริหำรจัดกำรโดยภำครัฐ รัฐจะเป็นผูจ้ ัดสรรผลประโยชนใ์ ห้กับทุกคนอย่ำงเท่ำเทียมกัน 3. เศรษฐกจิ พอเพียง คือเป็นหลกั สมดุลของชวี ติ ไมม่ ำกไปไม่นอ้ ยไป อยู่ได้อย่ำงยัง่ ยนื วทิ ยำกรบรรยำยประกอบสื่อ ด้วยกำรเลำ่ ประสบกำรณ์และยกตัวอย่ำงประกอบ พร้อมกับแลกเปล่ยี น เรียนร้กู ับผ้รู ว่ มอบรม ระบอบทนุ นยิ ม เม่ือ 300 กวำ่ ปที ่ีแล้ว Adam Smit ชำวอังกฤษ บอกว่ำตอ้ งปล่อยใหม้ นษุ ย์แข่งขันกันอย่ำงเสรี โดย มีเปำ้ หมำยคือ เงนิ และวตั ถุ เมื่อมนุษย์มีเป้ำหมำยเปน็ เงนิ และวตั ถุ 1. มนษุ ย์จะเขำ้ สู่กำรทำลำยธรรมชำติ ทั้งทำลำยป่ำไม้ เพ่ืออำ ปำ่ มำสรำ้ งควำมม่งั คงั่ ทำลำยดนิ ทำลำยนำ้ ทำลำยอำกำศ เพื่อให้ไดป้ ระโยชนส์ งู สุด มกี ำไรสงู ที่สุด 2. มนุษยเ์ ร่ิมเอำปรยี บกนั มีกำรผกู ขำด มีกำรจัดอันดับบุคลท่ี รำ่ รวยท่ีสดุ ในโลก 3 คนทมี่ ีทรพั ยส์ ินรวมกันเทำ่ กับคนจนครึ่ง โลก ได้แก่ 1. เจำ้ ของกิจกำรอเมซอน Jeff Bezos (ขำย ออนไลน์) 2. เจำ้ ของกิจกำรไมโครซอฟ Bill Gates 3. เจ้ำของ กจิ กำรอสงั หำริมทรัพย์ Warren Buffett 3. โกง เกดิ กำรโกง ตอ้ งมกี ฎหมำยควบคุม เพอื่ แย่งชิงเงนิ และ วตั ถุ 4. อกตญั ญู เกิดแนวคิดระบอบทุนนิยม เข้ำมำในประเทศไทย ปี 2504 โดยกำรจัดทำแผนพัฒนำเศรษฐกิจแห่งชำติ ฉบับท่ี 1 สมัยรฐั บำลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยจ้ำงผู้เชย่ี วชำญฝร่ังมำ ช่วยในกำรเขียนแผนพัฒนำเศรษฐกิจแห่งชำติ ฉบับท่ี 1 ซึ่งมี กำรต้ังคำขวัญ ว่ำ “งำนคือเงิน เงินคืองำน บันดำลสุข” ได้ เปลี่ยนแนวควำมคิด คนไทยเกี่ยวกับเรื่องเงิน เน้นควำมสำคัญ ของเงนิ ถำ้ ไมม่ ีเงินไมม่ ีควำมสขุ แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 3 ทำให้ เกิดกำรเปล่ียนแปลงคร้ังใหญ่ โดยรัฐไม่ส่งเสริมให้ทำเกษตร ผสมผสำน ทำงภำคอีสำนเรียกว่ำไร่นำสวนผสม ภำคกลำง เรียกว่ำเกษตรผสมผสำนให้เปล่ียนเป็นกำรทำเกษตรเชิงเด่ียว ปลูกอย่ำงเดียว ทำแล้วจะรวย ในกำรทำเกษตรเชิงเด่ียว ถ้ำ อยำกได้ผลผลิตมำก ๆ ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ยำฆ่ำหญ้ำ ยำฆ่ำแมลง เกิดจำกระบบทนุ ในหลวงรชั กำลท่ี 9 เรยี กเศรษฐกิจแบบน้ีว่ำ “เศรษฐกิจของคนตำโต” อยำกมีอยำกได้ โดยไม่สนใจว่ำจะ ทำลำยธรรมชำติ สงั คม หรือคนอื่นเปน็ ยังไม่ ขอใหต้ นเอง รวยก็พอ
๓๗ ปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก (ต้มยำกุ้ง) ปัญหำ เล่นหุ้นแล้วจะรวย ธนำคำรก็เอำเงินไป เลน่ หุ้น กเู้ งนิ จำกต่ำงประเทศมำเลน่ ห้นุ จอร์จ โซรอส (George Soros) โจมตคี ำ่ เงนิ บำท ทำใหล้ ม้ ทั้งระบบ ระบอบสงั คมนิยม (คอมมิวนิสต์) เมื่อ 100 กว่ำปีที่แล้ว Karl Mark ชำวเยอรมัน มีกรอบวิธีคิดและมองระบบทุนนิยมว่ำเกิดอะไรขึ้น มีกำรสะสมทรัพย์สินเพื่อรวยเป็นอันดับ 1 ของโลก ระบอบสังคมนิยมจึงคิดว่ำทรัพย์สินต้องเป็นของรัฐ เอกชนไม่สำมำรถสะสมทรัพย์สนิ ได้ ต้องมีกำรยึดทรัพย์ ยึดกิจกำรต่ำง ๆเป็นของรัฐ และไม่เอำควำมเจริญ มี กำรกระจำยรำยได้ ซึ่งในหลวงรัชกำลที่ 9 เรียกเศรษฐกิจแบบนี้วำ่ “เศรษฐกจิ ของคนหลงั เขำ” เป็นไปไม่ได้ ที่จะทำแบบนี้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ในปี 2517 ในหลวงรัชกำลที่ 9 ทรงได้รับสั่งเร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง เรื่องพออยู่ พอกิน เนื่องด้วย ประเทศไทยขณะน้ันอยู่ในอิทธิพลของตะวันตก ตัวแทนคืออเมริกำ ที่มำตั้งฐำนทัพในไทย แต่อีกฝั่งหน่ึง เวียดนำม ลำว เขมร เป็นคอมมิวนิสต์ เหมือนประเทศไทยกำลังอยู่ตรงกลำงระหว่ำ 2 ลัทธิ ระหว่ำงทุนนิยม และสังคมนิยม(คอมมวิ นสิ ต์) พระเจ้ำอยหู่ ัวทรงเลง็ เห็นวำ่ เรำมีภัยอยู่ 2 ฝง่ั จึงประกำศเรื่อง พออยู่ พอกนิ เศรษฐกจิ พอเพียงเปรียบเหมือนกับบ้ำน กำรสร้ำงบ้ำนให้ม่ันคงแขง็ แรงต้องอยู่ทฐี่ ำนรำกหรือเสำเข็ม คนเรำจึงควรจะมีเสำเข็มพึ่งตนเองเป้นพ้ืนฐำน เศรษฐกิจพอเพียงตำมแนวทำงกสิกรรมธรรมชำติ จึงแปรเรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ บนั ได 9 ขน้ั กำรไปสู่ควำมพอเพียง ตำมแนวทำงศำสตร์พระรำขำ เน้นกำรเริ่มต้นที่กำรทำเพ่ือพอกินพอใช้ พออยู่ และพอรม่ เย็น โดยเร่ิมท่ตี ัวเรำเอง \"พอ\" กอ่ น ตอ่ เม่อื มีเหลือแลว้ จึงขยำยต่อไป แบง่ เป็นขน้ั พน้ื ฐำน ๔ ช้นั และ ข้ันก้ำวหนำ้ อีก ๕ ชนั้ รวมเปน็ บันไต ๙ ชัน้ สู่ควำมพอเพียงท่ีย่งั ยนื เศรษฐกจิ พอเพียงขน้ั พ้ืนฐำน ขน้ั ท่ี 1 พอกิน ขัน้ ท่ี 2 พอใช้ ข้นั ท่ี 3 พออยู่ ขั้นท่ี 4 พอร่มเย็น เศรษฐกิจพอเพยี งขน้ั ก้ำวหนำ้ ขั้นที่ 5 บุญ ขนั้ ท่ี 6 ทำน ขน้ั ท่ี 7 เก็บ
๓๘ ขน้ั ท่ี 8 ขำย ขั้นท่ี 9 ขำ่ ย บนั ไดขั้นที่ ๑-๔ คือ เศรษฐกิจพอเพียงขนั้ พ้นื ฐำน ข้ันท่ี ๑ พอกิน พ้ืนฐำนท่ีสุดของมนุษย์ คือ ควำมต้องกำรปัจจัย ๔ และประกำรสำคัญที่สุดของปัจจัย ๔คือ อำหำร ข้ันที่ 1 ของแนวทำงแก้ปัญหำที่ย่ังยืนคือ ตอบคำถำมให้ได้ว่ำ \"ทำอย่ำงไรจึงจะพอกิน\" โดยให้ควำมสำคัญกับข้ำวปลำ อำหำร ไม่ให้ควำมสำคัญกับเงิน ซ่ึงเป็นเพียงแค่ \"ตัวกลำง\" ในกำรแลกเปลี่ยนตำมมำตรฐำนสำกล โดยยืดหลักว่ำ \"เงินทองเป็นของมำยำ ข้ำวปลำสิของจริง\" เกษตรกรต้องเริ่มจำกกำรอยู่ให้ได้โดย ไม่ใช้เงิน มีอำหำรพอมี พอกิน ด้วยกำรปลูกพืช ผัก ผลไม้ ซำวนำต้อง เก็บข้ำวไว้ให้เพียงพอสำหรบั กำรมีกินท้ังปี ไม่ขำยข้ำวเปลือกเพ่ือนำเงินไปซ้ือข้ำวสำร นอกจกน้ัน หัวใจสำคัญ ของ \"พอกิน\" ยังมีควำมหมำยรวมไปถึงควำมปลอดภัยในอำหำร กินอย่ำงไรให้มีสุขภำพดี ไม่สะสมเอำควำม เจ็บไข้ไดป้ ่วยไว้ในรำ่ งกำย นคี่ ือควำมหมำยของบนั ไดขน้ั ที่ ๑ ที่เกษตรกรตอ้ งกำ้ วข้ำมให้ได้ ขั้นท่ี ๒-๔ พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น เกิดข้ึนได้พร้อมกัน ด้วยคำตอบเดียวคือ \"ปลูกป่ำ ๓ อย่ำง ประโยชน์ ๔ อย่ำง\" ซึ่งป้จจัย ๓ อย่ำงจะให้ทั้ง อำหำร เครื่องนุ่งห่ม สมุนไพรสำหรับรักษำโรค ทั้งโรคคน โรค พืช โรคสัตว์ ใหไ้ มส้ ำหรับทำบนพกั ท่ีอยู่อำศัย และให้ควำมรม่ เยน็ กับบ้ำน กับชมุ ชนกบั โลกใบน้ี ซึ่งเปน็ แนวทำ ในกำรแก้ปัญหำควำมยำกจนของเกษตรกรไทย ซ่ึงได้รับกำรพิสูจน์แล้วว่ำสำมำรถแก้ปัญหำได้จริง และยัง สำมำรถย้อนกลบั ไปแก้ไขปญั หำหนีส้ ินซึ่งสะสมพอกพนู จำกกำรทำเกษตรเชิงเด่ียว ปัญหำควำมเสือ่ มโทรมของ ทรัพยำกร ปัญหำควำมขำดแคลนน้ำ ภัยแล้ง ทั้งหมดล้วนแก้ไขได้จำกแนวคดิ ป่ำ ๓ อย่ำง ประโยชน์ ๔ อย่ำง ขององคพ์ ระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ ัวฯ บันไดขัน้ ที่ ๕-๙ คือ เศรษฐกจิ พอเพยี งขั้นกำ้ วหน้ำ ขน้ั ที่ ๕-๖ บญุ และทำน เครือข่ำยเศรษฐกิจพอเพียง เช่ือม่ันสังคมไทยเป็นสังคมบุญ สังคมทำน ไม่เน้นกำรแลกเปล่ียนทำง กำรค้ำ แต่เน้นกำรทำบุญ ไม่เน้นกำรสะสมเป็นของส่วนตัว แต่เน้นกำรให้ทำนและสะสมโดยมอบให้เป็น ทรัพย์สินส่วนรวมโดยวัด หรือศำสนสถำนตำมแต่ละ ศำสนำเป็นศูนย์กลำง เป็นกำรฝึกจิตใจ ควำมโลภ และ กเิ ลสในกำรอยำกได้ ใครม่ ี ลดปญั หำช่องว่ำงระหว่ำงชนช้ัน ตำมควำมหมำยของคำ \"Our Loss is our Gain\" หรือ \"ยิ่ง ทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี\" กำรให้ไปคือได้มำ และเช่ือม่ันในฤทธ์ิ ของทำนว่ำ ทำนมีฤทธ์ิจริง และจะส่งผลกลับมำเป็นเพื่อน เป็นกัลยำณมิตร เป็นเครือข่ำยท่ีช่วยเหลือกันในทุก สถำนกำรณ์ แม้ในวนั ท่ีโลกน้ีประสบกับวกิ ฤตกำรณ์ ขั้นท่ี ๗ เกบ็ รักษำ
๓๙ ข้ันต่อไปหลังจกสำมำรถพึ่งตนเองได้ พอมี พอเหลือทำบุญ ทำทำนแล้ว คือกำรรู้จักเก็บรักษำ ซ่ึงเป็น กำรตั้งอยู่ในควำมไม่ประมำท และกำรรู้จักเก็บรักษำ ยังเป็นกำรสร้ำงรำกฐำน กำรเอำตัวรอดในเวลำเกิด วิกฤตกำรณ์ โดยยืดแนวทำงตำมวิถีชีวิตชำวนำสมัยก่อนซ่ึง เก็บรักษำข้ำวไว้ในยุ้งฉำงเพ่ือให้พอมีกินข้ำมปี คัดเลือกและ เก็บรักษำ \"ข้ำวพันธุ์\" ไว้สำหรับเป็นพันธุ์ข้ำวในปีต่อไป ซ่ึงผิด กบั วิถชี ำวนำในปัจจุบันท่ีใชว้ ิธีกำรขำยข้ำวท้ังหมด แลว้ นำเงิน ท่ีขำยได้ไปซื้อพันธุ์ข้ำวเพื่อปลูกในปีต่อไป ส่งผลให้เกิดกำร ขำดควำมมั่นคงและเปรียบเสมือนกำรใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทำง สำยควำมประมำท เพรำะหำกเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ผลผลิต ไม่ได้ตำมท่ีตั้งใจไว้ ย่อมหมำยถึงปัญหำหน้ีสินและกำรขำด แคลนพันธ์ุข้ำวสำหรับปลูกในปีต่อไป นอกจำกเก็บพันธุ์ข้ำว แล้ว ยังเน้นให้รู้จักวิธีกำรถนอมอำหำร กำรสะสมอำหำรไว้กินในยำมหน้ำแล้ง กำรแปรรูปอำหำรหลำกชนิด อำทิ ปลำรำ้ ปลำแหง้ มะขำมเปียก พรกิ แหง้ หอม กระเทยี ม เพื่อเกบ็ ไวก้ ินในอนำคต ขนั้ ที่ ๘ ขำย เน่ืองจำกเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจกำรค้ำ แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจหลังเขำ กำรค้ำขำยสำมำรถทำ ได้ แต่ทำภำยใต้กำรรู้จักตนอง รู้จักพอประมำณ และทำไปตำมลำดับ โดยของท่ีขำยคือ ของท่ีเหลือจำกทุกข้นั แลว้ จึงนำมำขำย เช่น ทำนำอนิ ทรยี ์ ปลกู ข้ำวปลอดสำรเคมี ไม่ทำลำยธรรมชำติไดผ้ ลผลิตก็ไว้พอกิน เกบ็ ไว้ทำ พันธุ์ ทำบุญ ทำทำน แล้วจึงนำมำขำยด้วยควำมรู้สึกของกำร \"ให้\" อยำกท่ีจะให้ส่ิงดี ๆ ท่ีเรำปลูกเอง เผื่อแผ่ ให้กับคนอื่น ๆ ได้รับส่ิงดี ๆ น้ันด้วย กำรค้ำขำยตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นกำรขำยที่มองกลับดำ้ น\" เพรำะรกั คุณจึงอยำกใหค้ ุณได้รับในสิ่งดี ๆ\" พอเพียงเพือ่ อุม้ ชู เผ่ือแผ่ แบง่ ปัน ไปดว้ ยกนั ขน้ั ที่ ๙ (เครือ) -ขำ่ ย กองกำลงั เกษตรโยธิน คือกำรสร้ำงกองกำลังเกษตรโยธิน หรือกำรสร้ำงเครือข่ำยเช่ือมโยงท้ังประเทศ เพื่อขยำยผล ควำมสำเร็จตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพียง กำรปฏิวตั แิ นวคดิ และวิถกี ำรดำเนนิ ชีวิตของคนในสังคม ในชมุ ชน เพ่ือกำรแกป้ ญั หำวกิ ฤต ๔ ประกำร อนั ได้แก่ 1. วิกฤตกำรณ์สิ่งแวดลอ้ ม ภัยธรรมชำติ (Envronmental Crisis ) 2. วิกฤตกำรณ์โรคระบำดทั้งในคน สัตว์ พีช (Epidemic Cia) 3. วิกฤตกำรณ์เศรษฐกิจ ข้ำวยำกหมำกแพง (Economic Crsis) 4. วกิ ฤตกำรณ์ควำมขัดแยง้ ทำงสงั คม/สงครำม (Poltical/social Crisis)
๔๐ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียง ทฤษฎบี ันได 9 ขั้น สูค่ วำมพอเพียง ชอื่ วิทยำกร นำงกรรณิกำร์ ก๋ำวติ ำ นกั ทรัพยำกรบคุ คลชำนำญกำร ส่วนท่ี ๑ ควำมคดิ เหน็ เกีย่ วกบั เน้อื หำวชิ ำ หัวข้อ มำกท่ีสดุ ระดับควำมคิดเหน็ นอ้ ยท่ีสุด คำ่ เฉลี่ย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง น้อย ๑.กำรบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของรำยวิชำ 179 132 17 1 0 4.48 มำก (54.1%) (39.9%) (5.1%) (๐.3%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเนอ้ื หำวชิ ำ 190 123 16 0 1 4.51 มำก (57.4%) (37.2%) (4.8%) (0.0%) (0.3%) ทส่ี ดุ ๓.ควำมรู้ ทักษะ ท่ีไดร้ บั เพิม่ เติมจำก 173 140 16 2 0 4.46 มำก วิชำนี้ (52.3%) (42.3%) (4.8%) (0.6%) (๐.0%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 181 129 20 0 0 4.48 มำก (54.7%) (39%) (6%) (0.0%) (0.0%) ภำพรวม 4.48 มำก จำกตำรำงที่ ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 331 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ ปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง ทฤษฎีบันได 9 ขั้น สู่ควำมพอเพียง โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลี่ย 4.48 โดยแยกพิจำรณำ ได้ ดังนี้ 1. กำรบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องรำยวชิ ำ ระดับมำก คำ่ เฉลี่ย 4.48 2. ควำมชดั เจนของเนอ้ื หำวิชำ ระดบั มำกที่สดุ คำ่ เฉลยี่ 4.51 3. ควำมรู้ ทักษะ ท่ีไดร้ บั เพม่ิ เติมจำกวชิ ำนี้ ระดับมำก คำ่ เฉล่ีย 4.46 4. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับมำก คำ่ เฉลี่ย 4.48 ส่วนที่ ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หัวข้อ ระดับควำมพงึ พอใจ นอ้ ยที่สดุ ค่ำเฉลี่ย กำร 4.51 แปลผล มำกท่สี ดุ มำก ปำนกลำง น้อย 0 4.51 (0.0%) มำก ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ 189 126 15 1 ทส่ี ดุ 0 บรรยำย (57.1%) (38.1%) (4.5%) (๐.3%) (0.0%) มำก ทส่ี ุด ๒.เทคนคิ และวธิ กี ำรทใี่ ชใ้ นกำรถ่ำยทอด 185 133 12 1 ควำมรู้ (55.9%) (40.2%) (3.6%) (0.3%) ๓.กำรเปดิ โอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำม 179 133 17 1 0 4.48 มำก (๐.0%) คิดเห็น (54.1%) (40.2%) (5.1%) (๐.3%) ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 176 137 15 2 0 4.47 มำก (๐.0%) (53.2%) (41.4%) (4.5%) (0.6%) ๕.บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง 186 125 18 0 0 4.51 มำก นำ้ เสียง ฯลฯ) (๐.0%) ทสี่ ดุ (56.2%) (37.8%) (5.4%) (๐.0%) ภำพรวม ๔.50 มำก
๔๑ จำกตำรำงท่ี 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 331 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ ปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง ทฤษฎีบันได 9 ข้ัน สู่ควำมพอเพียง โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลี่ย 4.50 โดยแยกพิจำรณำ เป็นรำยประเด็น ไดด้ ังนี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดบั มำกที่สุด คำ่ เฉลย่ี 4.51 2. เทคนิคและวธิ ีกำรท่ใี ชใ้ นกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำกท่ีสุด คำ่ เฉลย่ี 4.51 3. กำรเปดิ โอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำมคดิ เหน็ ระดับมำก ค่ำเฉลยี่ 4.48 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.47 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ทำ่ ทำง น้ำเสยี ง ฯลฯ) ระดบั มำกทสี่ ุด ค่ำเฉลีย่ 4.51 สิ่งทที่ ำ่ นประทับใจในวทิ ยำกรทำ่ นน้คี ือ - มคี วำมตง้ั ใจถำ่ ยทอดควำมรู้ - มีควำมชัดเจนของเนอ้ื หำ - ทำให้เรยี นรู้ส้กู ำรปฏิบตั ิได้ - พูดไดเ้ น้อื หำสำระ - ให้โอกำสชักถำม - จดั บรรยำกำศดี - เน้นคำพดู ทีส่ ำคญั แบบสองภำษำ มันแน่นใจด๋ ี - จดั กจิ กรรมได้แข็งแรงดีส่อื สำรให้เห็นควำมสำคญั และประโยชนท์ ่ีจะนำไปใช้ - เทคนิคกำรพดู ออ่ นโยน - ตอบขอ้ สงสัยไดด้ ี ส่งิ ทีว่ ิทยำกรควรปรบั ปรุงคือ - สือ่ บรรยำยไมต่ รงกบั ตำรำทำใหต้ ำมเนื้อหำประกอบไม่ทนั - เพมิ่ เทคนิคกำรนำเสนอให้บรรยำกำศนำ่ ตนื่ เตน้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม อืน่ ๆ - ระยะเวลำในกำรถ่ำยถอดข้อมูลมสี ้ันเกินไป - อยำกให้มภี ำคปฏบิ ัติมำกกวำ่ กำรน่งั ฟัง
๔๒ 6. วชิ ำ หลกั กสกิ รรมธรรมชำติ วทิ ยำกร นำงกรรณิกำร์ กำ๋ วติ ำ นกั ทรัพยำกรบคุ คลชำนำญกำร วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขำ้ รับกำรฝึกอบรมได้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลกั กสิกรรมธรรมชำติ ระยะเวลำ 3 ช่ัวโมง ขอบเขตเนอ้ื หำ หลกั กสิกรรมธรรมชำติ เทคนคิ /วธิ กี ำร 1.วทิ ยำกรช้แี จงประเด็นทจ่ี ะดำเนินกจิ กรรม และข้อตกลงในกระบวนกำรเรียนรูร้ ว่ มกัน 2. วิทยำกรบรรยำยประกอบส่อื ด้วยกำรเลำ่ ประสบกำรณ์และยกตัวอยำ่ งประกอบ 3. แลกเปล่ียนเรียนรู้ ข้นั ตอน/กำรดำเนนิ กำร วทิ ยำกรบรรยำยกรเล่ำประสบกำรณ์และยกตวั อย่ำงประกอบ ประเด็นเนือ้ หำ ในกำรบรรยำยและเล่ำ ประสบกำรณ์ มดี ังนี้ กสกิ รรม – เกษตรกรรม เกตรกรรม หมำยถงึ กำรใช้ประโยชนท์ ี่ดิน กำรเพำะปลกู พชื ต่ำง ๆ กำรป่ำไม้ รวมทง้ั กำรเลี้ยงสัตวแ์ ละ กำรประมงด้วย (agriculture) เป็นแนวคดิ ตะวนั ตก (ทนุ นิยม) ซึง่ ทำเพื่อใหไ้ ดผ้ ลผลิตสงู ท่สี ดุ ในต้นทุนที่ตำ่ เพ่อื ให้ได้เงินกำไรสูงที่สุด กสิกรรม หมำยถงึ กำรทำไร่ไถนำ (Farming) กำรเพำะปลูก เลย้ี งสัตว์ ทไี่ ม่รวมถงึ กำรประมงหรือปำ่ ไม้ กสิ หมำยถงึ กำรไถ หวำ่ น จึงหมำยถงึ ผ้ทู ำกำรปลกู ข้ำว ท่ีพง่ึ ตนเอง พึ่งธรรมชำติ ไม่ทำลำย และมี ควำมเคำรพต่อธรรมชำติ เชอื่ มเกิดมิติทำงควำมเช่ือและจิตวิญญำณเป็นท่ีมำแห่งวิถวี ัฒนธรรมไทย เชน่ พิธจี รด พระนังคลั แรกนำขวัญ ประเพณีลอยกระทง ประเพณีทำขวัญข้ำว ทำขวญั ควำย ประเพณีกำรขอฝน เป็นต้น
๔๓ เกษตรสมยั ใหม่ กำรทำกำรเกษตรสมัยใหม่ ซงึ่ เชอื่ มโยงกบั แนวคดิ ตำมแบบทนุ นิยม ท่ีตอ้ งกำรผลกำไรสงู ทสี่ ดุ ใน ต้นทุนต่ำทส่ี ดุ สง่ ผลให้ มีกำรควบคมุ ปจั จัยกำรผลติ ในด้ำน ตำ่ ง ๆ 1.กำรดดั แปลงพนั ธกุ รรมพชื และสตั ว(์ พชื /สตั วเ์ ชิงเดย่ี ว) 2.ใชเ้ ทคโนโลยีและเครือ่ งจักรในกำรผลติ 3.ใช้ปุ๋ย/ยำฆ่ำแมลง/สำรเคมี/และฮอรโ์ มน 4.ทำแบบครบวง จรเพ่ือสรำ้ งระบบผกู ขำด 5.ใชก้ ลไกลกำรตลำดเปน็ ตวั ควบคมุ รำคำ 6.เปลี่ยนกำรผลติ เป็นเกษตรอตุ สำหกรรม ผลกระทบต่อต่อเกษตรกร 1.สำรพษิ สะสมในตัวเกษตรกร(80%) 2.สุขภำพอ่อนแอเสีย่ งต่อกำรเปน็ โรครำ้ ยแรง 3.สดุ ท้ำยหมดตวั จำกกำรปว่ ยไข้ ผลกระทบต่อผู้บรโิ ภค 1.บรโิ ภคอำหำรมีสำรพิษและฮอรโ์ มนตกคำ้ ง 2.เส่ียงต่อโรคร้ำยแรง 3.อำยุสั้นตำยก่อนวยั อันควร หลักกสกิ รรมธรรมชำติ หวั ใจสำคญั ของ... “หลักกสกิ รรมธรรมชำติ” มีหลักปรชั ญำพ้นื หลังของแนวคิดคอื “เล้ยี งดนิ ใหด้ ินเลย้ี งพชื ” คำถำเลย้ี งดนิ เลย้ี งดิน ใหด้ ิน เลยี้ งพชื Feed the soil and let the soil feed the plant. เจ็มเดิย ออยเดิย เจ็มตะนัม เลี่ยงเทะ๊ อึด๊ เท๊ะ เล่ียงละชิว เลย้ี งแม่ธรณี ให้แมธ่ รณี เลี้ยงแม่โพสพ จำกพระรำชดำรัสในหลวง “อย่ำปอกเปลอื กเปลอื ยดนิ ” ถำ้ จะทำใหด้ นิ ดี “ใหห้ ม่ ดนิ ”
๔๔ เรำจึงไม่เผำ ไม่ทำลำยหน้ำดิน ไมป่ อกเปลือกเปลือยดิน แตจ่ ะนำเศษไม้ ใบหญำ้ เศษฟำง มำห่มดนิ ไว้ สร้ำงควำมอบอุ่นให้ “แม่ธรณี” ใส่ปยุ๋ หมักแห้ง และ รดด้วยน้ำหมักรสจืด อัตรำส่วน 1 : 200 (เทคนิค แห้งชำม น้ำชำม) แล้วปล่อยให้จุลินทรีย์ทำหน้ำท่ี ของมนั นัน่ คอื หลักกำรคนื ชวี ติ ใหแ้ ผน่ ดนิ เพรำะดนิ มันตำยแล้ว ดินตำยหมำยถึง ในดินไม่มีสิ่งมีชีวิต หลงเหลือ ไม่มีจุลินทรีย์ ไม่มีไส้เดือน ไม่มีแมลงเล็ก ๆ ผลเพรำะกำรใชส้ ำรเคมี ใชย้ ำฆ่ำแมลง ยำฆ่ำหญ้ำ มำอย่ำงหนัก สะสมเคมี สำรพิษมำยำวนำน จนดิน ตำยหมดสน้ิ เรำจงึ ตอ้ ง “คนื ชีวิตใหแ้ ผน่ ดนิ ” ผลจำกกำรห่มดินด้วยฟำง หรือเศษหญ้ำ ไอน้ำที่ระเหยจำกดินในเวลำกลำงคืนจะขึ้นมำติดอยู่กับเศษ ซำกใบไม้ และฟำงท่ีห่มไว้ กลำยเป็นน้ำ เป็นควำมช้ืนท่ีเพียงพอ สำหรับพืชได้อยู่รอด แต่ต้องเป็นพืชที่เล้ียง แบบธรรมชำติ ปลูกแบบธรรมชำติ ไม่ปรนเปรอด้วยน้ำ ด้วยปุ๋ย จนอ่อนแอ หำกินเองไม่เป็น รำกพืชท่ี เพำะปลูกแบบธรรมชำติ จะยำวและแข็งแรงต้องหำอำหำรต้องกำรเอำชีวิตตัวเองให้รอด พืชจึงแกร่งพอท่ีจะ รอดจำกอำกำศทแ่ี ห้งแล้ง แปรปรวน แต่เรำตอ้ งช่วยคอื ชว่ ยปรับสภำพแวดล้อมท่ีเรำทำลำยลงไปจนหมดควำม สมดุล ให้กลับสู่ควำมสมดุล โดยคืน จุลินทรีย์ดี ให้กลับสู่พ้ืนดินซ่ึงจุลินทรีย์น้ันก็อยู่ในน้ำหมัก ปุ๋ยหมักที่เรำ หมักจำกเศษใบไม้ และเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ลงไป หรือเก็บจุลินทรีย์ตำมธรรมชำติมำเลี้ยงให้เพ่ิมจำนวน แล้ว จุลินทรีย์ก็จะไปทำหน้ำที่ย่อยฟำง ย่อยใบไม้ ซ่ึงเป็นปุ๋ยช้ันดีของพืช ปุ๋ยจึงมำจำกเศษซำกพืช ซำกสัตว์ ขี้วัว ขคี้ วำย ตำ่ ง ๆ ทเี่ รำใส่เขำ้ ไป จำกน้นั จุลนิ ทรียป์ ลำยรำกของต้นไม้แตล่ ะชนดิ จะได้มำย่อยเอำไปเปน็ อำหำรตำม ควำมชอบของพืชแต่ละต้นในแต่ละช่วงเวลำ จะ เติมฮอร์โมนให้เขำในเวลำท่ีพืชตั้งท้องก็ได้ ก็ เหมือนเรำบำรุงครรภ์ก็ต้องเพ่ิมอำหำรดี ๆ น่ันคือ หลักกำรทำกสิกรรมธรรมชำติ ง่ำยๆ แต่ต้องรู้จัก ธรรมชำติ และให้อำหำรพืชท่ีเป็นธรรมชำติ จึง ปฏิเสธปุ๋ยเคมี และยำฆ่ำแมลงทุกชนิด เพรำะจะ ไปฆ่ำแมลงดี ๆท่ีมำกินแมลงตัวร้ำยตำยไปด้วย และปฏิเสธเคมีท่ีมำในรูปของกำกขยะน้ำมัน N P K ทุกชนิด เพรำะเรำไม่จำเป็นต้องซื้อ เรำสร้ำง อำหำรพชื ได้ด้วยตัวเอง ประหยัด พงึ่ ตนเองได้ ถ้ำ เรำเร่ิมปลูกจำกกำรเผำ ทำลำย เรำก็จะสลำย อำหำรพชื ท่ีดีที่สุดไปด้วยไฟ ถ้ำเรำเรม่ิ ปลูกจำกกำรฆำ่ เรำกเ็ รม่ิ ต้นวงจร “ระบบนิเวศอำหำร” ดว้ ยกำรทำลำย อย่ำงไม่มีท่ีส้ินสุดถ้ำเรำเร่ิมปลูกจำกกำร “ให้” ใหจ้ ำกใจเรำเอง ใหก้ ับธรรมชำติ ให้กบั โลก เรำก็จะอยู่ในโลกน้ี ได้อย่ำงย่ังยืนถ้ำทุกคนเริ่มจำกตนเอง ด้วยกำรมีคุณธรรม อันเป็นพื้นฐำนของควำมพอ เรำก็จะมีเครือข่ำย มี เพื่อน มีมิตรท่ีคอยดูแลกันไปตลอดชีวิต วงจรแห่งควำมเจริญจึงเร่ิมต้นได้จำกจุดเล็ก ๆในใจของเรำ และ แบ่งปันไปยังมิตรสหำย ท่ีมองเห็นควำมเชือ่ มโยงของทุกสรรพส่ิงบนโลกนี้ และเมตตำต่อกัน ต่อ ๆ กันไป จำก หลักกสิกรรมธรรมชำติ“เล้ียงดิน ให้ดินเล้ียงพืช” จึงสำมำรถสร้ำงแหล่งอำหำรเล้ียงดูผู้คน และสร้ำงแหล่งพัก พิงด้วยใจของคนที่เต็มไปด้วยเมตตำ และกำรให้ อันเป็นแก่นของปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงที่เชื่อว่ำ “Our
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182