Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิเคราะห์หลักสูตร ป.4 ปี 65

วิเคราะห์หลักสูตร ป.4 ปี 65

Published by kroofontutor1, 2022-08-26 05:01:35

Description: วิเคราะห์หลักสูตร ป.4 ปี 65

Search

Read the Text Version

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน - เสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตาม ห ม า ะ ส ม เ ช ่ น ก า ร บ อ ก เ ล่ า ายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ ช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาใน ะจำวัน เช่น การสำรวจเมนูอาหาร ดยใช้ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถาม ข้อมูล ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานเพื่อ ผลข้อมูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ งโภชนาการและสร้างรายการอาหาร ๕ วัน ใช้ซอฟต์แวร์นำเสนอผลการ ายการอาหารที่เป็นทางเลือก และ นโภชนาการ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของ น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งใหผ้ ูอ้ ื่น ความเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยการส่ง อความลูกโซ่ ส่งต่อโพสต์ที่มีข้อมูล องผู้อื่น ส่งคำเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึง นตัวหรือการบ้านของบุคคลอื่นโดย นญุ าต ไมใ่ ช้เคร่อื งคอมพิวเตอร์/ ช่ือ ผูอ้ ื่น การวิเคราะหห์ ลักสตู ร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4

รหสั ตัวช้วี ัด ตวั ชี้วดั - การสื่อส - การปกป ระบบเมื่อ เลขประจำ

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิ่น - สารอยา่ งมมี ารยาทและรู้กาลเทศะ ป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจาก อเลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผ่าน ไม่บอก ำตัวประชำชน การวิเคราะหห์ ลกั สูตร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

วเิ คราะห กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ล สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องส่งิ มชี วี ติ หนว่ ยพืน้ ฐานของสง่ิ มีชวี ติ การล ตา่ งๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ี่ทางานสัมพนั ธก์ ัน ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ที่ขอ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 1. บรรยายหน้าที่ ของ - ส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอกทำหน้า ราก ลำต้น ใบและดอก แตกตา่ งกัน ของพชื ดอกโดยใช้ข้อมูล - รากทำหน้าที่ดูดน้ำและธา ท่รี วบรวมได้ อาหารขึ้นไปยังลำต้น - ลำตน้ ทำหนา้ ท่ลี ำเลียงนำ้ ต่อไ ยังส่วนตา่ ง ๆ ของพืช - ใบทำหน้าท่ีสร้างอาหาร อาหา ที่พืชสร้างขึ้น คือ น้ำตาลซึ่งจ เปลยี่ นเปน็ แป้ง - ดอกทำหน้าที่สืบพัน ประกอบด้วย สว่ นประกอบตา่ ง ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกส เพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซ ส่วนประกอบแต่ละส่วนของดอ ทำหนา้ ท่แี ตกต่างกนั

หห์ ลกั สูตร ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสมั พันธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าที่ของระบบ องอวยั วะตา่ งๆ ของพืชทที่ ำงานสัมพนั ธ์กัน รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผเู้ รยี นเมอ่ื เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นรู้อยา่ งไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทักษะ ดา้ นจติ พสิ ยั าท่ี - น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ - นักเรียนมีความตรง บรรยายหน้าที่ ของราก ต่อเวลาและความ าตุ ลำต้น ใบและดอกของพืช รับผิดชอบในการ ด อ ก โ ด ย ใ ช ้ ข ้ อ ม ู ล ที่ ทำงาน รวบรวมได้ ไป าร จะ ธ์ุ ๆ สร ซึ่ ง อก การวิเคราะห์หลักสูตร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษ ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ฒั นาการ ของสิง่ มีชีวิต รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 1. จำแนกสิ่งมีชวี ติ โดย - ส่งิ มีชวี ิตมีหลายชนดิ สามารถจ ใช้ความเหมือนและ กลุ่มได้ โดยใช้ความเหมือนแล ค ว า ม แ ต ก ต ่ า ง ข อ ง ความแตกต่างของลักษณะต่าง ลักษณะของสิ่งมีชีวิต เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหารเองไ ออกเป็น กลุ่มพืช กลุ่ม และเคล่ือนทีด่ ว้ ยตนเองไม่ได้ กล สัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืช สัตว์กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหา และสัตว์ และเคลื่อนที่ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่พ และสัตว์ เช่น เห็ด รา จุลนิ ทรยี ์ 2. จำแนกพืชออกเป็น - การจำแนกพืช สามารถใช้การ พืชดอกและพืชไมม่ ดี อก ดอกเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ไ โดยใช้การมีดอกเป็น เป็นพชื ดอกและพชื ไมม่ ดี อก เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่ รวบรวมได้

ณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ีผลต่อส่ิงมีชีวิต โยชน์ ผู้เรียนเมือ่ เรียนแลว้ จะเกิดผลการเรยี นรู้อยา่ งไรบา้ ง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นจติ พิสัย จัด - นักเรียนสามารถจำแนก - นักเรียนมีความตรง ละ สิ่งมีชีวิตโดยใช้ความ ต่อเวลาและความ ๆ รับผิดชอบในการ ได้ เหมือนและความแตกต่าง ทำงาน ลุ่ม ของลักษณะของสิง่ มชี วี ติ าร ออกเป็น กลุ่มพืช กลุ่ม พืช สัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืช และสตั ว์ รมี - นักเรยี นสามารถจำแนก ได้ พืชออกเป็นพืชดอกและ พืชไม่มีดอก โดยใช้การมี ดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ การวิเคราะหห์ ลกั สตู ร วิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 3. จำแนกสัตว์ออกเป็น - การจำแนกสตั ว์ สามารถใช้การ สัตว์มีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ในกา และสัตว์ไม่มีกระดูกสัน จำแนก ได้เป็นสัตว์มีกระดูกส หลงั โดยใชก้ ารมีกระดูก หลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหล สันหลังเป็นเกณฑ์ โดย - สัตว์มีกระดูกสันหลังมหี ลายกล ใช้ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ ได้แก่ กลมุ่ ปลากลุม่ สตั ว์สะเทินน สะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลา 4. บรรยายลัก ษ ณะ กลุ่มนก และกลุ่มสัตวเ์ ลยี้ งลูกด้ว เฉพาะที่สังเกตได้ของ น้ำนม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีลักษณ สัตว์มีกระดูกสันหลังใน เฉพาะท่ีสงั เกตได้ กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินน้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม และ ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตใน แตล่ ะกลมุ่

ผเู้ รียนเม่อื เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรียนรูอ้ ย่างไรบา้ ง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะ ด้านจิตพิสยั รมี - นักเรียนสามารถจำแนก - นักเรียนมีความตรง าร ส ั ต ว ์ อ อ ก เ ป ็ นสัตว์มี ต่อเวลาและความ สัน กระดกู สันหลังและสัตว์ไม่ รับผิดชอบในการ ลัง มีกระดูกสันหลัง โดยใช้ ทำงาน ลุ่ม การมีกระดูกสันหลังเป็น น้ำ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่ าน รวบรวมได้ วย - น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ ณะ บรรยายลักษณะ เฉพาะท่ี สังเกตได้ข อ งส ัต ว ์ มี ก ร ะ ด ู ก ส ั น ห ล ั ง ใ น ก ลุ่ ม ปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้า ส ะ เ ท ิ น บ ก ก ลุ่ ม สัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุม่ สัตวเ์ ลย้ี งลูกด้วย น้ำนม และยกตัวอย่าง สง่ิ มชี ีวติ ในแต่ละกลมุ่ ได้ การวิเคราะหห์ ลกั สูตร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4

สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพัน ธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิร มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 1. เปรียบเทียบสมบัติ - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทา ทางกายภาพ ด้านความ กายภาพแตกต่างกันวัสดุท่ีมีควา แข็ง สภาพยืดหยุ่น การ แข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุท นำความร้อน และการ สภาพยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปล นำไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้ รูปร่างเมื่อมีแรงมากระทำแล หลักฐานเชิงประจักษ์ กลับสภาพเดิมได้ วัสดุที่นำควา จากการทดลองและระบุ ร้อนจะร้อนได้เร็วเมื่อได้รับควา การนำสมบัติเรื่องความ ร้อน และวัสดุที่นำไฟฟา้ ได้ จะใ แข็ง สภาพยืดหยุ่น การ กระแสไฟฟ้าผ่านได้ ดังนั้นจึงอา นำความร้อน และการ นำสมบัตติ ่าง ๆ มาพิจารณาเพ่อื ใ นำไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ใน ใน ชีวิตประจำวัน ผ่าน กระบวนการออกแบบ ช้ินงาน

นธ์ระหว่างสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนุภาค หลักและ รยิ าเคมี ผ้เู รียนเม่ือเรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นร้อู ย่างไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นจติ พิสยั าง - นักเรียนสามารถ - นักเรียนมีความตรง าม เปรียบเทียบสมบัติทาง ต่อเวลาและความ ที่มี กายภาพ ด้านความแข็ง รับผิดชอบในการ ลง สภาพยืดหยุ่น การนำ ทำงาน ละ ความร้อน และการนำ าม ไฟฟ้าของวัสดุโดย ใ ช้ าม หลกั ฐานเชิงประจักษ์จาก ให้ การทดลองและระบุการ าจ นำสมบัติเรื่องความแข็ง ใช้ สภาพยืดหยุ่น การนำ ความร้อน และการนำ ไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน ผ่าน กระบวนการออกแบบ ช้นิ งาน การวเิ คราะห์หลกั สตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 2. แลกเปลี่ยนความคิด - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทา กบั ผ้อู น่ื โดยการอภิปราย กายภาพแตกต่างกันวัสดุที่มีควา เกี่ยวกับสมบัติทางกาย แข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุท ภาพของวสั ดุอย่างมีเหตุ สภาพยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปล ผลจากการทดลอง รูปร่างเมื่อมีแรงมากระทำแล กลับสภาพเดิมได้ วัสดุที่นำควา ร้อนจะร้อนได้เร็วเมื่อได้รับควา ร้อน และวัสดุที่นำไฟฟา้ ได้ จะใ กระแสไฟฟ้าผ่านได้ ดังนั้นจึงอา นำสมบัติต่าง ๆ มาพจิ ารณาเพ่ือใ ใน 3. เปรียบเทียบสมบัติ - วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลแล ของสสารท้ัง 3 สถานะ ต้องการที่อยู่สสารมีสถานะเป จากข้อมูลที่ได้จากการ ของแข็ง ของเหลว หรือแก สังเกตมวล การต้องการ ของแขง็ มีปรมิ าตรและรูปรา่ งคง ท่ีอยู่ รูปรา่ งและปรมิ าตร ของเหลวมีปริมาตรคงที่ แต ของสสาร รูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชน เฉพาะส่วนที่บรรจุของเหลว ส่ว แก๊สมีปริมาตรและรูปร่า เปล่ยี นไปตามภาชนะท่บี รรจุ

ผูเ้ รยี นเมื่อเรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรียนรูอ้ ยา่ งไรบ้าง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ ด้านจิตพิสยั าง - นักเรียนสามารถ - นักเรียนมีความตรง าม แลกเปล่ยี นความคิดกับ ต ่ อ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม ที่มี ผู้อื่นโดยการอภิปราย ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร ลง เกี่ยวกับสมบัติทางกาย ทำงาน ละ ภาพของวัสดุอย่างมี าม เหตุผลจากการทดลอง าม ได้ ให้ าจ ใช้ ละ - นักเรียนสาม า ร ถ ป็น เปรียบเทียบสมบัติของ ก๊ส สสารทั้ง 3 สถานะ จาก งท่ี ข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกต ่มี มวล การต้องการที่อยู่ นะ รูปร่างและปริมาตร ของ วน สสาร าง การวิเคราะห์หลกั สตู ร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 4. ใช้เครื่องมือเพื่อวัด - วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลแล มวล และปริมาตรของ ต้องการที่อยู่สสารมีสถานะเป สสารท้ัง 3 สถานะ ของแข็ง ของเหลว หรือแก ของแขง็ มปี รมิ าตรและรูปรา่ งคง ของเหลวมีปริมาตรคงที่ แต รูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชน เฉพาะส่วนที่บรรจุของเหลว ส่ว แก๊สมีปริมาตรและรูปร่า เปล่ยี นไปตามภาชนะที่บรรจุ

ผู้เรียนเมือ่ เรียนแล้วจะเกิดผลการเรียนร้อู ยา่ งไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นจิตพสิ ัย ละ - นักเรียนสามารถใช้ - นักเรียนมีความตรง ป็น เครื่องมือเพื่อวัดมวล ต ่ อ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม ก๊ส และปริมาตรของสสาร ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร งท่ี ทั้ง 3 สถานะได้ ทำงาน ่มี นะ วน าง การวิเคราะห์หลกั สตู ร วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4

สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระท มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 1. ระบุผลของแรงโน้ม - แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแร ถ่วงที่มีต่อวัตถุจาก ด ึ ง ด ู ด ท ี ่ โ ล ก ก ร ะ ท ำ ต หลักฐานเชิงประจกั ษ์ วัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางโล และเป็นแรงไม่สัมผัส แรงดึงดูด 2. ใช้เครื่องชั่งสปริงใน โลกกระทำกับวัตถุหนึ่ง ๆ ทำใ การวดั น้ำหนักของวตั ถุ วตั ถุตกลงส่พู ื้นโลก และทำให้วัต มีน้ำหนักวัดน้ำหนักของวัตถุไ จากเครื่องชั่งสปริง น้ำหน ของวัตถุข้ึนกับมวลของวัตถุ โด วัตถุที่มีมวลมากจะมีน้ำหนักมา วตั ถทุ ่ีมีมวลนอ้ ยจะมนี ้ำหนกั นอ้ ย

ทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคลือ่ นทแี่ บบ ต่างๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผู้เรียนเมือ่ เรียนแลว้ จะเกดิ ผลการเรยี นรู้อย่างไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นจติ พสิ ยั รง - นกั เรยี นสามารถระบุผล - นักเรียนมีความตรง ต่ อ ของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อ ต่อเวลาและความ ลก วัตถุจากหลักฐาน เชิ ง รับผิดชอบในการ ดท่ี ประจักษ์ได้ ทำงาน ให้ - นักเรียนสามารถใช้ ตถุ เครื่องชั่งสปริงในการ ได้ วัดน้ำหนกั ของวัตถุได้ นั ก ดย าก ย การวิเคราะห์หลักสตู ร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 3. บรรยายมวลของวัตถุ - มวล คือ ปริมาณเนื้อของสสา ที่มีผลต่อการเปลี่ยน ทั้งหมดทีป่ ระกอบกันเป็นวัตถุ ซ แปลงการเคลื่อนที่ของ มีผลต่อความยากง่ายในกา วัตถุจากหลักฐานเชิง เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัต ประจักษ์ วัตถุที่มีมวลมากจะเปลี่ยนแปล การเคลื่อนที่ได้ยากกว่าวัตถุที มวลน้อย ดังนั้นมวลของวัต นอกจากจะหมายถึงเนื้อทั้งหม ของวัตถุนั้นแล้วยังหมายถึงกา ตา้ นการเปลีย่ นแปลงการเคลื่อน ของวตั ถุนน้ั ด้วย

ผู้เรยี นเม่ือเรียนแลว้ จะเกิดผลการเรยี นร้อู ยา่ งไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นจติ พิสยั าร - นักเรียนสาม า ร ถ - นักเรียนมีความตรง ซึ่ง บรรยายมวลของวัตถุที่มี ต่อเวลาและความ าร ผลต่อการเปลี่ยน แปลง รับผิดชอบในการ ตถุ การเคลือ่ นท่ขี องวัตถุจาก ทำงาน ลง หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ได้ ่มี ตถุ มด าร นที่ การวิเคราะหห์ ลักสูตร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4

สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการ ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวม มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 1 . จ ำ แ น ก ว ั ตถ ุเป็น - เมื่อมองสิ่งต่าง ๆ โดยมีวัตถตุ ่า ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลาง ชนิดกนั มากั้นแสงจะทำให้ลักษณ โปร่งแสง และวัตถุทึบ การมองเห็นส่ิงนั้น ๆ ชัดเจ แสง จากลักษณะการ ต่างกัน จึงจำแนกวัตถุที่มาก มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่าน ออกเป็นตัวกลางโปร่งใส ซึ่งทำใ วัตถนุ น้ั เปน็ เกณฑ์โดยใช้ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจ หลักฐานเชิงประจักษ์ ตวั กลางโปร่งแสงทำให้มองเห็นส ต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน และวัตถุท แสงทำให้มองไม่เห็นส่ิงตา่ ง ๆ น้นั

รถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจาวัน มทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผูเ้ รียนเมื่อเรียนแลว้ จะเกิดผลการเรียนรูอ้ ย่างไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านจิตพิสยั าง - นกั เรียนสามารถจำแนก - นักเรียนมีความตรง ณะ วัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ต่อเวลาและความ จน ตัวกลางโปร่งแสง และ รับผิดชอบในการ กั้น วัตถุทึบแสง จากลักษณะ ทำงาน ให้ การมองเห็นสิ่งต่าง ๆ จน ผ่านวัตถุนั้นเป็นเกณฑ์ ส่ิง โ ด ย ใ ช ้ ห ล ั ก ฐ า น เ ชิ ง ทึบ ประจักษ์ได้ น การวิเคราะหห์ ลักสตู ร วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4

สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นา สุรยิ ะทีส่ ่งผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกาศ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.1 1 . อ ธ ิ บ า ย แ บ บ รู ป - ดวงจันทร์เป็นบริวารของโล เส้นทางการขึ้น และตก โดยดวงจันทร์หมนุ รอบตวั เองขณ ของ ดวงจันทร์ โดยใช้ โ ค จ รรอ บ โ ล ก ข ณะ ท ี ่ โ ลก หลกั ฐานเชิง ประจักษ์ หมุนรอบตัวเองด้วยเช่นกัน กา หมุนรอบตัวเองของโลกจากท ตะวันตกไปทิศตะวันออกใ ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมอ จากขวั้ โลกเหนอื ทำใหม้ องเห็นดว จันทร์ปรากฏขึ้นทางด้า ทิศตะวันออกและตกทางด้านท ตะวนั ตกหมุนเวยี นเป็นแบบรูปซ ๆ

าการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสรุ ิยะ รวมทัง้ ปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบ ผู้เรยี นเม่อื เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรียนรู้อยา่ งไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ลก - นกั เรยี นสามารถอธิบาย - นักเรียนมีความตรง ณะ แบบรูป เส้นทางการข้ึน ต่อเวลาและความ ก็ และตกของ ดวงจันทร์ รับผิดชอบในการ าร โ ด ย ใ ช ้ ห ล ั ก ฐา น เชิง ทำงาน ทิศ ประจักษ์ได้ ใน อง วง น ทิศ ซ้ำ การวเิ คราะหห์ ลกั สูตร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

มาตรฐาน ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.1 2. สร้างแบบจำลองท่ี - ดวงจนั ทรเ์ ปน็ วัตถุที่เป็นทรงกล อธิบายแบบรูป การ แตร่ ปู ร่างของดวงจันทร์ท่ีมองเห เปลี่ยนแปลง รูปร่าง หรือรูปร่างปรากฏของดวงจันท ปรากฏของดวงจันทร์ บนท้องฟ้าแตกต่างกนั ไปในแตล่ และพยากรณ์รูป ร่ าง วันโดยในแต่ละวันดวงจันทร์จะ ปรากฏของดวงจนั ทร์ รูปร่างปรากฏเป็นเสี้ยวที่มีขนา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มดว จากนั้นรูปร่างปรากฏของดว จันทร์จะแหว่งและมีขนาดลดล อย่างต่อเนื่องจนมองไม่เห ดวงจันทร์ จากนั้นรูปร่างปราก ของดวงจันทร์จะเป็นเสี้ยวใหญ่ข จนเต็มดวงอีกครั้งการเปลี่ย แปลงเช่นนี้เป็นแบบรูปซ้ำกันท เดือน

ผเู้ รียนเมอื่ เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นรู้อย่างไรบ้าง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ ด้านจิตพิสัย ลม - นักเรยี นสามารถสร้าง - นักเรียนมีความตรง ห็น แบบจำลองที่ อธิบาย ต ่ อ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม ทร์ แบบรูปการเปลี่ยน ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร ละ แปลง รูปร่างปรากฏ ทำงาน ะมี ของดวงจันทร์ และ าด พยากรณ์รปู ร่างปรากฏ วง ของดวงจนั ทร์ได้ วง ลง ห็น กฏ ขึ้น ยน ทุก การวิเคราะหห์ ลักสตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.1 3. สร้างแบบจำลอง - ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดว แสดงองค์ประกอบ ของ อาทติ ย์เปน็ ศนู ย์กลางและมีบริวา ระบบสุริยะ และอธิบาย ประกอบดว้ ย ดาวเคราะห์แปดดว เปรียบเทียบคาบ การ และบริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ล โคจรของ ดาวเคราะห์ ดวงมีขนาดและระยะห่างจากดว ต่าง ๆ จากแบบจำลอง อาทิตย์แตกต่างกัน และย ประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคร ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง แล วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ โคจรอ รอบดวงอาทติ ย์ วัตถุขนาดเล็กอ ๆ เมื่อเข้ามาในชั้นบรรยากา เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโล ทำให้เกิดเป็นดาวตกหรือผีพุ่งไ และอุกกาบาต

ผู้เรยี นเมือ่ เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นรอู้ ยา่ งไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นจิตพสิ ัย วง - นกั เรยี นสามารถสร้าง - นักเรียนมีความตรง าร แบบจำลอง แสดง ต่อเวลาและค วาม วง อ ง ค ์ ป ระ ก อ บ ข อ ง ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร ละ ร ะ บ บ ส ุ ร ิ ย ะ แ ล ะ ทำงาน วง อธิบาย เปรียบเทียบ ยัง คาบ การโคจรของ ดาว ระ เคราะห์ต่าง ๆ จาก ละ แบบจำลองได้ อยู่ อ่ืน าศ ลก ไต้ การวเิ คราะห์หลกั สตู ร วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในช การเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทันและมจี ริยธรร มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ - การใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะเป็นกา ในการแก้ปัญหา การ นำกฎเกณฑ์ หรือเงื่ อน ไ ข อธิบายการทำงาน การ ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณ คาดการณ์ผลลัพธ์ จาก ในการแก้ปัญหา การอธิบายกา ปัญหาอย่างงา่ ย ทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพ - สถานะเริ่มต้นของการทำงาน แตกตา่ งกนั จะใหผ้ ลลพั ธ์ท่ีแตกต่า กัน - ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม O โปรแกรมที่มีการคำนวณ โปรแกรมที่มีตัวละครหลายต และมีการสั่งงานที่แตกต่างหรือ การสื่อสารระหว่างกัน กา เดินทางไปโรงเรียน โดยวิธีกา ตา่ ง ๆ

ชีวิตจริงอยา่ งเป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใน รม ผเู้ รยี นเมอ่ื เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นรูอ้ ย่างไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย าร - นักเรียนสามารถ ใช้ - นักเรียนมีความตรง ที่ เหตุผลเชิงตรรกะในการ ต่อเวลาและความ ณา แก้ปัญหา การอธบิ ายการ รับผิดชอบในการ าร ทำงาน การคาดการณ์ ทำงาน พธ์ ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่าง นท่ี งา่ ยได้ าง OX ณ ตัว อมี าร าร การวิเคราะห์หลกั สตู ร วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 2. ออกแบบ และเขียน - การออกแบบโปรแกรมอย่างง โปรแกรมอย่างง่าย โดย การออกแบบโดยใช้ storyboa ใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ื อ การออกแบบอลั กอริทึม และตรวจหาข้อผิดพลาด - การเขียนโปรแกรมเป็นการสร และแก้ไข ของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ ขอ้ ผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำง คำสง่ั เมือ่ พบจดุ ท่ที ำใหผ้ ลลพั ธไ์ ม ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ผ ถกู ต้อง - ตัวอย่างโปรแกรมที่มีเรื่องร นิทานที่มี การโต้ตอบกับผู้ใช้ กา เล่ากจิ วัตรประจำวนั ภาพ เคลอ่ื น - การฝึกตรวจหาข้อผิดพล โปรแกรมของผู้อื่นจะช่วยพัฒน การหาสาเหตุของปญั หาได้ดียิง่ ข้ึน - ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโป เช่น Scratch, logo

ผเู้ รยี นเม่อื เรียนแลว้ จะเกิดผลการเรียนรูอ้ ย่างไรบ้าง ดา้ น (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นจติ พสิ ยั ง่าย เช่น - นักเรียนสามารถ - นักเรียนมีความตรง ard หรือ ออกแบบ และเขียน ต่อเวลาและความ ร้างลำดับ น เพื่อให้ โปรแกรมอย่างงา่ ย โดย ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร ร หากมี งานทีละ ใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ ทำงาน ม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ และตรวจหาข ้ อ ผิ ด พลาดและแก้ไขได้ ราว เช่น าร์ตูนสน้ั นไหว ลาดจาก นาทักษะ น ปรแกรม การวิเคราะห์หลักสูตร วชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4

มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 3. ใชอ้ ินเทอร์เน็ตค้นหา - การใช้คำค้นที่ตรงประเด ความรู้ และประเมิน กระชับ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ ความน่าเชื่อถือของ รวดเร็วและตรงตามความต้องการ ข้อมูล - การประเมินความน่าเชื่อถือขอ ข้อมูล เช่น พิจารณาประเภทขอ เว็บไซต์ (หน่วยงานราชการสำน ขา่ ว องค์กร) ผูเ้ ขยี น วันทเ่ี ผยแพ ข้อมลู การอ้างอิง - เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการจา เว็บไซต์ตา่ ง ๆ จะตอ้ งนำเน้อื หาม พิจารณา เปรียบเทียบ แล้วเลือ ข้อมูลที่มีความสอดคล้องแล สัมพนั ธก์ นั - การทำรายงานหรือการนำเสน ข้อมลู จะตอ้ งนำขอ้ มลู มาเรยี บเรีย สรุป เป็นภาษาของตนเอง เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแล วิธีการนำเสนอ (บรู ณาการกับวิช ภาษาไทย)

ผู้เรยี นเมื่อเรียนแล้วจะเกิดผลการเรียนรู้อยา่ งไรบ้าง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ด้านจติ พสิ ัย ด็น - นักเรียนสามารถใช้ - นักเรียนมีความตรง ท่ี อินเทอร์เน็ตค้นหา ต ่ อ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม ร ความรู้ และประเมิน ร ั บ ผ ิ ด ช อ บ ใ น ก า ร อง ความน่าเชื่อถือของ ทำงาน อง ขอ้ มูลได้ นัก พร่ าก มา อก ละ นอ ยง ท่ี ละ ชา การวเิ คราะห์หลักสูตร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 4. รวบรวม ประเมิน - การรวบรวมข้อมูล ทำได้โ นำเสนอข้อมูลแ ละ กำหนดหัวข้อ ที่ต้องการ เตรี ส า รส น เ ท ศ โ ด ย ใ ช้ อุปกรณ์ในการจดบนั ทึก ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย - การประมวลผลอย่างง่าย เช เ พ ื ่ อ แ ก ้ ป ั ญ ห า ใ น เปรียบเทียบ จัดกลุ่ม เรียงลำด ชวี ิตประจำวัน การหาผลรวม - วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือ เป็นไปได้ประเมินทางเลือ (เปรยี บเทยี บ ตดั สิน) - การนำเสนอข้อมูลทำได้หล ลักษณะตามความเหมาะสม เช การบอกเล่า เอกสารรายง โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ - การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหา ชีวิตประจำวัน เช่น การสำร เมนูอาหารก ล างวั นโ ดย ใ ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถามและเ ข้อมูล ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานเ ประมวลผลข้อม รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าท โภชนาการและสรา้ งรายการอาหาร

ผเู้ รยี นเมอื่ เรียนแล้วจะเกดิ ผลการเรยี นรอู้ ย่างไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านจิตพิสัย ดย - น ั ก เ รี ย น ส า ม า รถ - นักเรียนมีความตรง ยม ร ว บ ร ว ม ป ร ะ เ มิ น ต ่ อ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม นำเสนอข้อมูลและ รับผิดชอบในการ ช่น สารสนเทศ โดยใ ช้ ทำงาน ดับ ซอฟต์แวร์ ที ่ ห ล าก หลาย เพอื่ แก้ปัญหาใน อกที่ ชวี ติ ประจำวัน อก าย ช่น าน าใน วจ ใ ช้ ก็บ พ่ื อ มู ล ทาง การวเิ คราะห์หลกั สตู ร วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 สำหรับ ๕ วัน ใช้ซอฟ นำเสนอผลการสำรวจรายการอ เป็นทางเลอื กและขอ้ มลู ดา้ นโภชน 5 . ใ ช ้ เ ท ค โ น โ ล ยี - การใช้เทคโนโลยีสารสนเท ส า ร ส น เ ท ศ อ ย ่ า ง ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าท ปลอดภัย เข้าใจ สิทธิ เคารพในสิทธิของผู้อื่น เช่น ไ แ ล ะ ห น ้ า ท ี ่ ข อ ง ตน ข้อความเทจ็ และสง่ ใหผ้ ู้อ่นื ไมส่ ร เคารพใน สิทธิของผู้อื่น เดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยการส แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบ ข้อความลูกโซ่ ส่งต่อโพสต์ที่ ข้อมูลหรือบุคคลที่ ไม่ ส่วนตัวของผู้อื่นส่งคำเชิญเล่น เหมาะสม เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือการบ บุคคลอื่นโดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต ไมใ่ คอมพวิ เตอร/์ ชื่อบญั ชขี องผ้อู ่ืน - การสื่อสารอย่างมีมารยาท กาลเทศะ - การปกปอ้ งขอ้ มูลส่วนตวั เชน่ จากระบบเมือ่ เลกิ ใช้งาน ไม่บอกร ไมบ่ อกเลขประจำตวั ประชาชน

ผูเ้ รยี นเมอื่ เรียนแลว้ จะเกดิ ผลการเรียนรูอ้ ยา่ งไรบา้ ง ด้าน (K P A) K (Knowledge) P (Process) A (Attitude) ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านจติ พิสัย ต ์ แ ว ร์ - นักเรียนมีความตรง อาหารท่ี นาการ ต่อเวลาและความ ทศอย่าง รับผิดชอบในการ ที่ของตน ไม่สร้าง - นักเรียนสามารถใช้ ทำงาน ร้างความ ส่งสแปม เทคโนโลยี สารสนเทศ มีข้อมูล นเกม ไม่ อย่าง ปลอดภัย เขา้ ใจ บ้านของ ใชเ้ ครอ่ื ง สิทธิและหน้าที่ ของ ตน เคารพใน สิทธิของ ผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้อง เ ม ื ่ อ พ บ ข ้ อ ม ู ล ห รื อ บุคคลที่ ไม่เหมาะสม ได้ ท และ รู้ การออก รหสั ผ่าน การวิเคราะหห์ ลักสตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

ส่วนที่ ๒ โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นอนบุ าลลำพนู เป็นโรงเรียนจัดการเรยี นการสอนตั้งแต่ชนั้ อนบุ าลปีที่ ๑ ถงึ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ นน้ั โรงเรยี นได้ ดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยได้กำหนดรายละเอียด ของรหัสวิชา ชื่อวิชา และ โครงสรา้ งรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนอนบุ าลลำพูน ไว้ ดงั นี้ การวเิ คราะห์หลกั สูตร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4

โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลลำพูน โครงสรา้ งเวลาเรียนหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลลำพูน (ห้องเรียนปกติ ) กลุม่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน(ชัว่ โมง/ป)ี ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม 80 80 80 120 120 120 ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ 80 80 80 ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชพี ภาษาตา่ งประเทศ 40 40 40 40 40 40 รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) 120 120 120 ๘๐ ๘๐ ๘๐  รายวิชาเพ่ิมเตมิ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ หนา้ ท่ีพลเมือง ภาษาอังกฤษเพือ่ การสอื่ สาร 40 40 40 40 40 40 ภาษาองั กฤษเพ่ิมเติม Phonics ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สนกุ คดิ กับวิทยาศาสตร์ 40 40 40 40 40 40 ทกั ษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ การศกึ ษาเพื่อการเรียนรู้ (KI) 40 40 40 รวมเวลาเรยี น (เพ่มิ เตมิ ) 40 40 40  กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน 40 40 40 กจิ กรรมแนะแนว 160 160 160 200 200 200 กิจกรรมนกั เรยี น - กิจกรรมลูกเสอื /ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ชุมนมุ กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ รวมเวลาเรียน (กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมเวลาเรียนทงั้ หมด ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑,120 ช่ัวโมง/ปี 1,160 ช่วั โมง/ปี *หลกั สูตรต้านทจุ ริตไดบ้ ูรณาการในสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม * การจดั กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร (ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้)ไดจ้ ดั กิจกรรมเพ่มิ เตมิ ดงั น้ี การวิเคราะหห์ ลกั สตู ร วิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4

สำหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ นนั้ จากการประเมินผลระดับโรงเรยี น ระดบั ทอ้ งถ่ิน และ ระดับชาติ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู ร คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน มีมติร่วมกนั ใหจ้ ัดทำโครงการ สอนเสริมประสบการณพ์ ิเศษเพื่อเพ่ิมศักยภาพนักเรียน ตง้ั แต่ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ -๖ โดยไม่นำคะแนน และระดับผลการเรียน ในรายวชิ าสอนเสริมไปคดิ รวมและตัดสินการเล่อื นชั้นของนักเรยี น ในโครงสร้างของ หลกั สูตรระดับประถมศึกษา ช้นั ปที ี่ 1-3 จำนวนชัว่ โมง 120 ชวั่ โมง และ ระดับประถมศึกษา ช้นั ปที ่ี 4-6 จำนวนชั่วโมง 80 โรงเรยี นอนุบาลลำพนู ปีการศึกษา ๒๕๖3 มรี ายวชิ าและจำนวนช่ัวโมง ดังนี้ โครงการสอนเสรมิ ประสบการณ์พิเศษเพอ่ื เพมิ่ ศกั ยภาพนกั เรียน ช้นั ป.๑-๓ จำนวน 3 ช่ัวโมง / สัปดาห์ ๑. กจิ กรรมจดุ เน้นภาษาไทย จำนวน ๑ ชัว่ โมง / สปั ดาห์ 1 ชวั่ โมง / สัปดาห์ ๒. กิจกรรมจดุ เน้นคณิตศาสตร์ จำนวน ๑ ชว่ั โมง / สปั ดาห์ ๓. คอมพิวเตอร์พ้นื ฐาน จำนวน โครงการสอนเสรมิ ประสบการณ์พิเศษเพื่อเพม่ิ ศกั ยภาพนักเรียน ชั้น ป.๔-๖ จำนวน 2 ช่วั โมง / สัปดาห์ ๑. คอมพิวเตอร์พน้ื ฐาน จำนวน 1 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ ๑ ชว่ั โมง / สัปดาห์ ๒. กิจกรรมจุดเน้นวิทยาศาสตร์บูรณาการสะเตม็ ศกึ ษา จำนวน การวิเคราะห์หลกั สตู ร วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4

โครงสรา้ งหลักสูตรช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นอนบุ าลลำพูน (ห้องเรียนปกติ) รหัส กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรยี น(ชม./ป)ี ท ๑4๑๐๑ ภาษาไทย 4 ๑๖๐ ค ๑4๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 4 ๑๖๐ ว ๑4๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 4 120 ส ๑4๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 4 ๘๐ ส ๑4๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 4 ๔๐ พ ๑4๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 4 ๘๐ ศ ๑4๑๐๑ ศิลปะ 4 ๘๐ ง ๑4๑๐๑ การงานอาชีพ 4 40 อ ๑4๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 4 ๘๐ รายวชิ าพ้นื ฐาน (๘๔๐) ส ๑๔๒๓๔ หน้าท่ีพลเมือง ๔ 40 อ ๑2๒๐๑ ภาษาองั กฤษสอ่ื สาร 4 ๔๐ KI 14201 การศึกษาเพื่อการเรยี นรู้ 1 40 อ 11204 ภาษาองั กฤษเพ่ิมเตมิ Phonics 4 40 ค14202 ทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ 1 40 รวมรายวชิ าเพ่ิมเตมิ (200) ๔๐ แนะแนว กจิ กรรมนกั เรยี น ๓๐ ๔๐ • ลูกเสือ เนตรนารี ๑๐ • ชมุ นมุ (๑๒๐) กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณะประโยชน์ รวมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น รวมเวลาทัง้ หมด 1,160 ชว่ั โมง * หลักสตู รตา้ นทุจริตไดบ้ ูรณาการในสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม * โครงการสอนเสรมิ ประสบการณพ์ เิ ศษเพื่อเพม่ิ ศกั ยภาพนักเรยี น ชั้น ป.๔-๖ จำนวน 2 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ ๑. คอมพิวเตอร์พื้นฐาน จำนวน 1 ช่ัวโมง / สัปดาห์ ๒. กจิ กรรมจดุ เนน้ วทิ ยาศาสตร์บูรณาการสะเต็มศึกษา จำนวน ๑ ช่ัวโมง / สปั ดาห์ การวเิ คราะห์หลกั สตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4

โครงสร้างหลกั สูตรช้ันปี ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพ้นื ฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑ รหัสวิชา ว๑๑๑๐๑ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ 8๐ ช่ัวโมง/ปี 6๐ ช่ัวโมง/ปี ประกอบด้วย วทิ ยาศาสตร์ 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๒๐ ชั่วโมง/ปี วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ๑ ชัว่ โมง/สัปดาห์ 8๐ ชว่ั โมง/ปี 6๐ ชั่วโมง/ปี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๒๐ ชั่วโมง/ปี วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒ รหสั วิชา ว๑๒๑๐๑ 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ 8๐ ชว่ั โมง/ปี 6๐ ช่ัวโมง/ปี ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๒๐ ช่ัวโมง/ปี วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลย(ี วทิ ยาการคำนวณ) ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ๑๒๐ ช่วั โมง/ปี ๘๐ ชว่ั โมง/ปี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ๔๐ ชว่ั โมง/ปี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ รหัสวิชา ว๑๓๑๐๑ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ๑๒๐ ช่ัวโมง/ปี ๘๐ ช่วั โมง/ปี ประกอบดว้ ย วทิ ยาศาสตร์ 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๔๐ ชั่วโมง/ปี วิทยาศาสตร์เทคโนโลย(ี วิทยาการคำนวณ) ๑ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ๑๒๐ ช่วั โมง/ปี ๘๐ ชั่วโมง/ปี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๔๐ ชัว่ โมง/ปี วิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ รหสั วชิ า ว๑๔๑๐๑ ๓ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ ๒ ช่วั โมง/สปั ดาห์ วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕ วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕ รหัสวชิ า ว๑๕๑๐๑ ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ ประกอบดว้ ย วทิ ยาศาสตร์ ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลย(ี วทิ ยาการคำนวณ) ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖ รหสั วชิ า ว๑๖๑๐๑ ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ ๒ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลย(ี วทิ ยาการคำนวณ) ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ การวเิ คราะห์หลกั สตู ร วชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4

โครงสรา้ งรายวิชาพนื้ ฐาน รายวชิ า วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๑๒๐ ชัว่ โมง / ปี รหสั วชิ า ว๑๔๑๐๑ ลำดบั ท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ จำนวน นำ้ หนัก การเรยี นรู้ การเรียนรู/้ (ชัว่ โมง) (คะแนน) ตัวช้ีวัด 1 การเรียนรสู้ ิ่ง - ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดจาก 9 5 ความสงสัยของมนุษย์ จึงหา 18 12 ต่างๆ รอบตัว คำตอบด้วยวิธีการสืบเสาะหา ความรู้ โดยใช้ทักษะกระบวนการ 12 8 2 สิง่ มีชวี ิต ว.1.3 ป.4/1, ทางวทิ ยาศาสตร์ ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ส่งิ มชี วี ิตมหี ลายชนดิ สามารถใช้ ว.1.2 ป.4/1 เกณฑ์ในการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และ 3 แรงและพลังงาน ว 2.2 ป.4/1, กลุ่มที่ไม่ใชพ่ ืช ในการจำแนกสัตว์ ป.4/2, ป.4/3 ใช้การมีกระดูกสันหลังของสัตว์ ว 2.3 ป.4/1, เป็นเกณฑ์ สัตว์มีกระดูกสันหลัง แบ่งออกได้ 5 กลุ่ม การจำแนก พืชสามารถใช้ลักษณะการมีดอก ของพืชเปน็ เกณฑ์ พืชดอกมีส่วน ต่าง ๆ ทส่ี ำคญั ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ ดอก ผลและเมล็ด ซึ่งจะทำ หนา้ ทต่ี ่างกันไป แรงโน้มถ่วงของโลก เป็นแรง ดึงดูดที่โลกกระทำต่อมวลของ วัตถุ มีทศิ ทางเขา้ สู่ศูนย์กลางของ โลก ทำให้วัตถุมีน้ำหนักและตก ลงสู่พื้นโลก สามารถวัดน้ำหนัก ของวัตถุได้โดยใช้เครื่องชั่งสปริง มวลของวตั ถุมีผลต่อการเคลื่อนที่ ของวัตถุ เมื่อมีวัตถุต่างชนิดมา กน้ั แสง จะทำใหม้ องเห็นแตกต่าง กันไป จึงจำแนกได้เป็นตัวกลาง โปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และ วัตถุทึบแสง การวเิ คราะหห์ ลักสูตร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4

ลำดับท่ี ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคัญ จำนวน นำ้ หนัก 4 การเรยี นรู้ การเรยี นรู้/ (ช่วั โมง) (คะแนน) อลั กอรทิ ึมและ ตัวชว้ี ัด - การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะเป็นการ 5 3 การแก้ปญั หาเชงิ นำกฎเกณฑ์ หรือเงื่อ นไข ท่ี 14 7 ตรรกะ ว 4.2 ป.4/1 ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณา ในการแก้ปัญหาการอธิบายการ 2 15 5 การออกแบบและ ว 4.2 ป.4/2 ทำงาน หรือการคาดกา รณ์ 26 15 เขียนโปรแกรม ผลลัพธ์ - สถานะเร่มิ ต้นของการทำงานที่ สอบกลางปี แตกต่างกันจะให้ผลลพั ธ์ ทีแ่ ตกต่างกนั 6 วสั ดุและสสาร ว 2.1 ป.4/1, - การออกแบบโปรแกรมอย่าง ป.4/2, ป.4/3, ง่าย เช่น การออกแบบโดยใช้ ป.4/4 storyboard หรือการออกแบบ อลั กอริทึม - การเขียนโปรแกรมเป็นการ ส ร ้ า ง ล ำ ด ั บ ข อ ง ค ำ ส ั ่ ง ใ ห้ คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ ผลลพั ธต์ ามความตอ้ งการ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบ การทำงานทีละคำสั่งเม่ือพบจุดที่ ทำใหผ้ ลลัพธไ์ มถ่ ูกต้อง ใหท้ ำการ แ ก ้ ไ ข จ น ก ว ่ า จ ะ ไ ด ้ ผ ล ล ั พ ธ ์ ท่ี ถูกตอ้ ง วัสดตุ า่ ง ๆ มสี มบตั ิทางกายภาพ แตกต่างกันไป เช่น ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน การนำไฟฟา้ เป็นตน้ เราสามารถ นำวสั ดุท่ีมสี มบตั ิทางกายภาพมา ใช้ประโยชน์ได้ต่างกัน สสารใน ชีวติ ประจำวันมหี ลายชนิด แตล่ ะ ชนิดอาจอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ซึ่งมีสมบัติ บางประการอาจจะเหมือนกัน หรอื ต่างกนั การวเิ คราะห์หลกั สูตร วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4

ลำดบั ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ จำนวน นำ้ หนกั การเรียนรู้ การเรียนรู้/ (ช่วั โมง) (คะแนน) 7 โลกและอวกาศ ตัวชี้วดั ดวงจันทร์โคจรรอบโลกพร้อมกับ 13 10 ว 3.1 ป.4/1, หมุนรอบตัวเอง ในขณะที่โลก 8 3 8 การค้นหาข้อมูล ป.4/2, ป.4/3, หมุนรอบตัวเองจะทำให้ เรา ม องเห็ น ด ว งจ ั น ท ร ์ ป ร า ก ฏ ข้ึ น ว 4.2 ป.4/3 ทางด้านทิศตะวันออกและตก ว 4.2 ป.4/5 ทางดา้ นทศิ ตะวันตกซึ่งหมนุ เวียน เป็นแบบรูปซ้ำ ๆ ดวงจันทร์เป็น ทรงกลม แต่รูปร่างของดวงจันทร์ ที่ปรากฏในแต่ละวันจะแตกต่าง กนั ระบบสรุ ยิ ะมีดวงอาทิตย์เป็น ศูนยก์ ลาง และมดี าวบรวิ ารต่างๆ โคจรอยู่โดยรอบ ประกอบด้วย ดาวเคราะห์ 8 ดวง รวมทั้งดวง จันทร์บริวารของ ดาวเคราะห์ ต่างๆ ดาวเคราะห์แคระ ดาว เคราะห์น้อย ดาวหาง และวัตถุ ขนาดเลก็ อืน่ ๆ โคจรอยู่รอบดวง อาทิตย์ - การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ท่ี รวดเร็วและตรงตามความ ตอ้ งการ - การประเมินความนา่ เชอื่ ถือของ ขอ้ มลู - เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการจะต้อง นำเน้ือหามาพิจารณาปรียบเทียบ แล้วเลือกข้อมูลที่มีความ สอดคล้องและสัมพนั ธก์ นั - การนำเสนอข้อมูลจะต้องนำ ข้อมูลมาเรียบเรียง สรุป เป็น ภาษาของตนเองที่เหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมายและวิธีการ นำเสนอ - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและ การวเิ คราะหห์ ลักสตู ร วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4

ลำดบั ท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ จำนวน นำ้ หนัก การเรยี นรู้ การเรียนรู้/ (ชว่ั โมง) (คะแนน) ตัวชี้วดั หน้าที่ของตน เคารพในสิทธขิ อง ผ้อู ื่น - การส่ือสารอย่างมมี ารยาทและ ร้กู าลเทศะ - การปกป้องขอ้ มูลส่วนตัว - การนำเสนอข้อมูลจะต้องนำ ข้อมูลมาเรียบเรียง สรุป เป็น ภาษาของตนเองที่เหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมายและวิธีการ นำเสนอ 9 การประมวลผล ว 4.2 ป.4/4 - การรวบรวมข้อมูล ทำได้โดย 11 7 และนำเสนอ ขอ้ มูล กำหนดหัวข้อที่ต้องการเตรียม อปุ กรณใ์ นการจดบันทกึ - การประมวลผลอยา่ งงา่ ย เช่น เปรียบเทียบ จัดกลุ่ม เรียงลำดบั การหาผลรวม - วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือก ที่เป็นไปได้ ประเมินทางเลือก (เปรียบเทยี บ ตัดสนิ ) - การนำเสนอข้อมูลทำได้หลาย ลักษณะตามความเหมาะสม เช่น การบอกเล่า รายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ - การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแกป้ ัญหา ในชีวติ ประจำวนั รวมระหวา่ งปี 118 85 ปลายปี 2 15 รวม 120 100 การวเิ คราะห์หลกั สูตร วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4

ส่วนท่ี ๓ คำอธิบายรายวิชา ในสว่ นของการจดั ทำคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ นัน้ โรงเรยี นไดด้ ำเนินการกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยเขยี นในลกั ษณะความเรยี งระบอุ งค์ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะอัน พงึ ประสงค์ตามธรรมชาติของวิชาเป็นการเขยี นในภาพรวมท่ตี ้องการให้เกิดกับผู้เรียนและสะท้อนตัวช้ีวัดใน รายวชิ าพ้ืนฐานหรอื ผลการเรียนรู้ในรายวชิ าเพิ่มเตมิ คำอธบิ ายรายวชิ าจงึ ประกอบดว้ ยสว่ นประกอบดงั ต่อไปนี้ - รหัสวชิ า - ชือ่ รายวชิ า - กลุม่ สาระการเรียนรู้ - ช้นั ปี - จำนวนเวลาเรียน การวิเคราะหห์ ลกั สตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4

คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว๑4101 รายวิชา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๑๒๐ ชว่ั โมง ............................................................................................................................................................. ศกึ ษา เรยี นรู้ ลักษณะและหน้าท่ีของราก ลำตัน ใบ ดอก ของพืชดอกและพืชไม่มีดอก การจำแนก สิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มไม่ใชพ่ ืชและสัตว์ ลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลงั และไม่มี กระดูกสนั หลงั สมบัตขิ องสสารท้ังสามสถานะในดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความรอ้ น การนำไฟฟ้า การใช้เครื่องมือวัดมวลและปริมาตรของสสาร แรงโน้มถ่วงและการใช้เครื่องชั่งสปริ งวัดน้ำหนักของวัตถุ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวัตถทุ ึบแสง การสร้างแบบจำลองการขนึ้ ตกของดวงจันทร์และระบบ สรุ ยิ ะ การนำเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใช้ซอฟแวร์ทห่ี ลากหลาย การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่าง ง่าย การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การใช้อินเทอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูล การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ อยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องตน เคารพในสิทธิของผูอ้ ่ืน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สำรวจ ตรวจสอบ สืบค้นขอ้ มลู สงั เกต อภปิ ราย บันทึก จำแนก จดั กล่มุ ขอ้ มูล วิเคราะห์ เปรียบเทยี บ สรปุ สร้าง แบบจำลอง เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนำเสนอ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรมู้ ีความสามารถใน การตดั สนิ ใจ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทีพ่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ สงิ่ มชี ีวติ ในทอ้ งถิ่นทงั้ กล่มุ พชื กลุม่ สตั ว์ และกลุ่มไม่ใชพ่ ชื และสตั ว์ รหัสตัวชีว้ ัด วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว ๑.๒ ป.๔/๑ มาตรฐาน ว ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ มาตรฐาน ว ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๔/๑ มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒, ป.๔/๓ วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ รวม ๒๑ ตัวชี้วดั การวเิ คราะหห์ ลักสตู ร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4

สว่ นที่ ๔ การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสำคัญของการวัดและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตาม มาตรฐานการเรียนรู้ /ตวั ช้ีวดั ของหลักสูตร นำผลไปปรับปรุงพฒั นาการจดั การเรียนรแู้ ละใชเ้ ป็นข้อมูลสำหรับ การตัดสินผลการเรียน โดยมีองค์ประกอบของการวัดผลและประเมินการเรียนรู้ที่หลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ได้กำหนดจุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และมาตรฐานการเรียนรไู้ ว้เป็นเป้าหมายและกรอบทศิ ทางในการพัฒนาผู้เรียนใหเ้ ปน็ คนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กำหนดให้ผู้เรียนได้เรี ยนรู้ตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด ที่กำหนดในสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ มีความสามารถดา้ นการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน มีคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงคแ์ ละเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น แนวทางการวดั และประเมินผล การวัดและประเมินผลกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ผู้สอนวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ผู้เรียน ตามตวั ช้ีวัดในรายวิชาพ้นื ฐาน ตามทกี่ ำหนดไวใ้ นหน่วยการเรยี นรู้ ใชว้ ธิ ีการวดั และประเมนิ ผลที่หลากหลาย จากแหลง่ ข้อมูลหลายๆ แหลง่ เพอื่ ให้ได้ผลการประเมนิ ท่ีสะท้อนความรู้ความสามารถทแี่ ทจ้ ริงของผู้เรียนโดย การวัดและประเมินผลการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการจดั การเรยี นการสอนโดยสังเกตพัฒนาการและ ความประพฤติของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกจิ กรรม การประเมินตามสภาพจริง เช่นการ ประเมินการปฏิบัตงิ าน การประเมินจากโครงงาน การประเมินจากแฟม้ สะสมงาน เป็นตน้ ควบคู่กับการใช้ การทดสอบแบบต่างๆ อย่างสมดุลและครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านเจตคติ โดยให้ ความสำคญั กับการประเมนิ ผลระหว่างเรยี นมากกว่าการประเมนิ ปลายปี/ปลายภาค และใช้เป็นข้อมูลเพื่อการ ประเมินการเล่ือนช้ันและการจบการศกึ ษา และเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมปี ระสิทธิภาพผู้สอนต้องตรวจสอบความรู้ความสามารถท่ีแสดง พัฒนาการของผ้เู รียนอยา่ งสมำ่ เสมอและต่อเนอ่ื ง และผู้เรยี นตอ้ งรับผดิ ชอบและตรวจสอบความกา้ วหน้าของ ตนเองอย่างสม่ำเสมอเช่นกนั หน่วยการเรียนรู้เป็นส่วนทีผ่ ้สู อนและผู้เรียนใชต้ รวจสอบยอ้ นกลับว่าผู้เรียนเกิด การเรียนรู้หรือยัง การประเมินในระดับชั้นเรียนต้องอาศัยทั้งผลการประเมินย่อยเพื่อพัฒนา และการ ประเมนิ ผลรวมเพ่อื สรุปผลการเรียนรเู้ ม่อื จบหนว่ ยการเรยี นรู้และจบรายวชิ า การวิเคราะหห์ ลักสูตร วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4

วิธีการวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้ การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ให้บรรลผุ ลตามเปา้ หมายของการเรียนร้ทู ี่วางไวค้ วรมีแนวทาง ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ตอ้ งวดั ท้ังความรู้ ความคิด ความสามารถ ทักษะกระบวนการ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม รวมทง้ั โอกาสในการเรียนของผู้เรียน ๒. วิธกี ารวัดผลและประเมินผล ตอ้ งสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ช้ีวดั / ผลการเรียนร้ทู ี่ กำหนดไว้ ๓. ต้องเก็บข้อมูลท่ีไดจ้ ากการวดั ผลและประเมนิ ผลตามความเป็นจรงิ และตอ้ งประเมนิ ผลภายใต้ ข้อมลู ท่ีมีอยู่ ๔. ผลการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผูเ้ รียนตอ้ งนำไปสู่การแปลผลและลงข้อสรปุ ทส่ี มเหตุสมผล ๕. การวดั ผลตอ้ งเที่ยงตรงและเปน็ ธรรม ท้ังดา้ นของวธิ ีการวดั โอกาสของการประเมิน การวัดและประเมนิ ผลจากสภาพจริง กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนมีหลากหลาย เช่น กิจกรรมสำรวจภาคสนาม กิจกรรมการสำรวจ ตรวจสอบ การทดลอง กจิ กรรมศึกษาค้นคว้า กจิ กรรมศึกษาปญั หาพิเศษหรือโครงงานวิทยาศาสตร์ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ในการทำกจิ กรรมเหล่านี้ต้องคำนึงว่าผู้เรยี นแตล่ ะคนมีศักยภาพแตกต่างกัน ผ้เู รียนแต่ละคนจึง อาจทำงานชิ้นเดียวกันได้เสร็จในเวลาที่แตกต่างกัน และผลงานที่ได้ก็อาจแตกต่างกันด้วย เมื่อผู้เรียนทำ กจิ กรรมเหล่านี้แล้วก็จะต้องเก็บรวบรวมผลงาน เชน่ รายงาน ชิน้ งาน บนั ทกึ และรวมถึงทักษะปฏิบัติต่างๆ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ ความรัก ความซาบซึ้ง กิจกรรมที่ผู้เรียนได้ทำและผลงาน เหลา่ น้ตี ้องใช้วิธีประเมนิ ทม่ี ีความเหมาะสมและแตกต่างกนั เพ่ือช่วยใหส้ ามารถประเมินความรู้ความสามารถ และความรูส้ ึกนกึ คดิ ท่ีแทจ้ ริงของผู้เรยี นได้ การวัดและประเมินผลจากสภาพจรงิ จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเม่ือมี การประเมนิ หลายๆ ด้าน หลากหลายวิธี ในสถานการณ์ต่างๆ ท่สี อดคลอ้ งกับชวี ิตจรงิ และตอ้ งประเมินอย่าง ตอ่ เน่ือง เพอ่ื จะได้ขอ้ มลู ท่มี ากพอทจี่ ะสะทอ้ นความสามารถท่ีแทจ้ ริงของผเู้ รยี นได้ ลกั ษณะสำคัญของการวัดและประเมินผลจากสภาพจริง ๑. การวัดและประเมินผลจากสภาพจริงมีลักษณะที่สำคัญคือใช้วิธีการประเมินกระบวนการคิดที่ ซบั ซอ้ น ความสามารถในการปฏิบตั ิงาน ศักยภาพของผู้เรียนในด้านของผผู้ ลติ และกระบวนการท่ีได้ผลผลิต มากกวา่ ท่จี ะประเมินว่าผู้เรยี นสามารถจดจำความรอู้ ะไรได้บา้ ง ๒. เป็นการประเมนิ ความสามารถของผู้เรียน เพื่อวินจิ ฉัยผเู้ รยี นในสว่ นที่ควรส่งเสรมิ และสว่ นทีค่ วรจะ แกไ้ ขปรับปรงุ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนไดพ้ ฒั นาอย่างเต็มศักยภาพตามความสามารถ ความสนใจและความตอ้ งการของ แต่ละบุคคล ๓. เปน็ การประเมินทีเ่ ปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนไดม้ ีส่วนร่วมประเมินผลงานของทั้งตนเองและของเพ่อื นร่วม หอ้ ง เพ่ือสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นรจู้ ักตัวเอง เชอ่ื มนั่ ในตนเอง สามารถพัฒนาตนเองได้ ๔. ข้อมูลที่ได้จากการประเมินจะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเรียนการสอนและการวางแผนการ สอนของผู้สอนว่าสามารถตอบสนองความสามารถ ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคลได้ หรือไม่ การวิเคราะหห์ ลกั สูตร วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook