Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

1

Published by Pakkanai Chumchana, 2022-05-29 16:21:14

Description: 1

Search

Read the Text Version

ชุดฝึกอบรมด้วยตนเองแบบออนไลน์ การจดั การเรยี นการสอนวิทยาการคานวณ สาหรบั ครผู สู้ อนระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เล่มที่ 1 หลกั สตู รและการจดั การเรียนรู้วทิ ยาการคานวณ นางสาวภัคนัย ชุม่ ชะนะ ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการ สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 2 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

ก คำชแี้ จง ชุดฝึกอบรมด้วยตนเองแบบออนไลน์ การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณสำหรับ ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ เล่มที่ 1 หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ เป็นชุด ฝึกอบรมให้ครูได้ศึกษาด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดความรู้ความข้าใจและเกิดแนวคิดในการจัดประสบการณ์ ในห้องเรียนใหแ้ ก่ผู้เรียน ได้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 อันจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติจริง ทุกชุดฝึกอบรมมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและต่อเนื่องกัน ผู้ฝึกอบรมควรทำความเข้าใจโดยศึกษาเอกสารให้ละเอียด พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ชุดฝึก ด้วยตนเองแบบออนไลน์ ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปน้ี แผนภาพการใชช้ ดุ ฝกึ อบรม

ข คำแนะนำ

ค วตั ถปุ ระสงค์ เม่อื ศกึ ษาชุดฝกึ อบรมด้วยตนเองแบบออนไลนน์ แ้ี ล้ว ผศู้ กึ ษาสามารถ 1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั สตู รวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. สามารถวเิ คราะหห์ ลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ด้ 3. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั การออกแบบการจดั การเรยี นรวู้ ิทยาการคำนวณระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 4. บอกวิธกี าร ขั้นตอนการจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ วิทยาการคำนวณระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ได้ 5. เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้วทิ ยาการคำนวณระดบั ชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์หลักสตู ร หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 จากหลกั สูตร ส่มู าตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความสำคญั ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป้าหมายของหลักสตู รวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) แนวทางการจัดการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ตอนที่ 2 การจดั การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนร้ขู องกล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศกึ ษาคำอธบิ ายรายวชิ า การจัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ การวางแผนการจัดการเรียนรู้ แนวทางการเขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ ลกั ษณะของแผนการจัดการเรยี นรทู้ ีด่ ี แบบประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนรูแ้ บบเชิงรุก (Active Learning) การจัดการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรูห้ รอื วฏั จกั รการเรียนรู้ 5 E การจดั การเรยี นรู้ที่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั

ง แนวคดิ การพัฒนาครูโดยชุดฝึกอบรมด้วยตนเองแบบออนไลน์ ใช้แนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Construction Knowledge) ครเู ปน็ ผูศ้ กึ ษาเรยี นรู้และลงมอื ทำกิจกรรมการเรียนร้ดู ้วยตนเอง (Learning by Doing) ไมม่ วี ิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้ การปฏบิ ัติกจิ กรรมเปน็ ไปตามขนั้ ตอนทอ่ี อกแบบไว้ เปน็ การสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเองตามกระบวนการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เริ่มจากการทบทวนความรู้เดิม ในเรื่องที่จะเรียนรู้ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากชุดฝึกอบรมแบบออนไลน์แล้วนำความรู้เดิมไปเชื่อมโยง กับความรู้ใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ก่อนที่จะสรุปความรู้ ความเข้าใจของตนเอง เป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้น ผู้ศึกษาเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยเ ริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมในเรื่องที่จะเรียนรู้การศึก ษา หาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆนำความเข้าใจข้อมูลเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่แล กเปลี่ยน เรียนรูก้ ่อนทีจ่ ะสรปุ องคค์ วามรแู้ ละทำความเข้าใจด้วยตนเอง สาระสำคญั การจดั การเรยี นรู้เปน็ กระบวนการสำคัญในการพัฒนาผ้เู รียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้ ดำรงอยู่ในสังคมท่ีมี การเปลย่ี นแปลงอยูต่ ลอดเวลาไดใ้ ห้ผ้เู รยี นสามารถแก้ปญั หาและนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน เพ่อื บรรลุมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด ของหลักสูตรแกนกลางพุทธศักราช 2551 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นเป้าหมาย สำคญั ผ้เู รียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรยี นร้ทู หี่ ลากหลายเป็นเครอื่ งมือที่จะนำพาตนเอง ทค่ี รเู ปน็ ผูอ้ อกแบบ จัดทำหน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ เพื่อการดำรงชวี ติ ในศตวรรษท่ี 21 (21st century skills) โดย ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคน มีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียน มีความสำคัญที่สุด รวมถึงจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ มีความรู้และทักษะด้าน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยรี วมทง้ั ความรซู้ ึง่ รูปแบบการจัดการเรยี นรู้มีหลายรูปแบบ เช่น การสอนแบบทดลอง หรือแบบปฏิบตั กิ าร การเรยี นรแู้ บบโครงงาน การจัดการเรียนรแู้ บบสะเต็มศึกษา การจดั การเรียนรู้แบบเชิงรุก การจัดการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ เปน็ ตน้

จ แบบทดสอบกอ่ นศกึ ษาชดุ ฝกึ อบรม คำชแี้ จง โปรดเลอื กคำตอบทีถ่ กู ท่สี ุดเพยี งคำตอบเดียว 1. ทำไมจงึ ต้องมีการวิเคราะห์หลักสูตร ก. เพอื่ ใหก้ ารจดั การเรียนรบู้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ ข. เพ่ือใหก้ ารจดั การเรยี นรเู้ ป็นไปตามหลกั สูตร ค. เพื่อใหก้ ารจัดการเรยี นรสู้ มั พันธส์ อดคลอ้ งกบั หลักสตู ร ง. เพ่อื ใหก้ ารจดั การเรียนรสู้ มั พันธส์ อดคล้องกบั หลักการ และจุดหมายในหลกั สูตร 2. ข้อใดเรยี งลำดับไดถ้ ูกต้อง ก. จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ กำหนดเวลาเรยี น จดั ทำคำอธิบายรายวชิ า ข. จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ จัดทำคำอธิบายรายวชิ า กำหนดเวลาเรยี น ค. จดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ า จดั ทำแบบการจัดการเรียนรู้ จดั ทำหนว่ ยการเรยี นรู้ ง. จดั ทำคำอธิบายรายวชิ า จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้ จดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้ 3. ขอ้ ใดเป็นสว่ นประกอบของคำอธิบายรายวชิ า ก. เน้อื หา กิจกรรม จุดประสงค์ ข. เน้อื หา กจิ กรรม จดุ ประสงคป์ ลายทาง ค. เนอ้ื หา กิจกรรม จุดประสงค์นำทาง ง. เนอ้ื หา จุดประสงค์ กจิ กรรม การวัดและประเมินผล 4. มาตรฐาน ว 2.1 หมายถึงขอ้ ใด ก. วิทยาศาสตรม์ าตรฐานการเรียนรู้ช่วงช้ันสาระท่ี 1 และมาตรฐานการเรียนรรู้ ายการท่ี 2 ข. วิทยาศาสตรม์ าตรฐานการเรียนรชู้ ว่ งชน้ั สาระที่ 2 และมาตรฐานการเรียนรู้รายการที่ 1 ค. วิทยาศาสตร์มาตรฐานการเรยี นรรู้ ายการท่ี 1 และมาตรฐานการเรียนรูช้ ่วงช้นั สาระท่ี 2 ง. วิทยาศาสตรม์ าตรฐานการเรยี นรู้รายการท่ี 2 และมาตรฐานการเรยี นรชู้ ่วงชนั้ สาระท่ี 1 5. ข้อใดคือเปา้ หมายสำคญั ในการจดั การเรยี นการสอนการคิดวิเคราะหใ์ นสถานศึกษา ก. มคี วามยดื หยนุ่ หลากหลาย ข. เช่อื มโยงเนอื้ หา แนวคิดหลกั และกระบวนการทเี่ ปน็ สากล ค. พฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการตามความสามารถในการแก้ปญั หา และการจดั การทักษะ ในการสื่อสาร และความสามารถในการตดั สินใจ ง. ใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา ในการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรด์ ้วยการลงมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ

ฉ 6. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ทีด่ ี ก. สามารถนำไปสอนได้จริง ข. ส่งเสริมให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ และมีคณุ สมบัตติ ่าง ๆ ตามท่หี ลักสูตรตอ้ งการ ค. การบันทึกผลหลงั การใชแ้ ผนควรมีการคำนงึ ถึงความเหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ ม หรือชวี ิตจริง เพอ่ื ใหม้ คี วามหมายต่อผเู้ รยี น ง. เน้ือหาสอดคล้องกบั สาระสำคัญ จดุ ประสงค์ กิจกรรมสอดคล้องกับจดุ ประสงค์ เหมาะสมกบั เนื้อหา การวัดประเมนิ ผลสอดคลอ้ งกับกิจกรรม 7. ข้อใดแสดงวา่ นกั เรยี นมเี จตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ ก. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ นื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ข. เหน็ คุณค่าและประโยชนข์ องวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ค. มีความสนใจใฝร่ ู้ หรอื ความอยากรู้ อยากเห็น ง. ร่วมแสดงความคิดเหน็ และรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อน่ื 8. การจดั การเรยี นรู้ให้บรรลุวัตถุประสงคค์ วรคำนึงถึงสง่ิ ใด ก. เป้าหมาย วสิ ยั ทศั น์ ของหลักสูตร และการวัดผลประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้ ข. ควรมุ่งเน้นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพยี งอย่างเดยี วเพอื่ ใหเ้ กิดความแมน่ ยำในเนื้อหา ค. นกั เรียนเป็นผู้ลงมอื ทำกิจกรรม โดยครูเปน็ ผแู้ นะนำ ควบคมุ และจัดการใหเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ ง. วสั ดุ อุปกรณ์ทีใ่ ช้ควรมรี าคาแพง เพ่ือให้การทดลองไมเ่ กิดความคลาดเคลอื่ นและเกดิ ประสิทธภิ าพสงู สดุ 9. องค์ประกอบทีส่ ำคญั ในการจดั การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์คือขอ้ ใด ก. หลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ข. วธิ ีการในการจัดการเรยี นรู้ และการลงมอื ปฏบิ ัติจรงิ ในการเรยี นรู้ ค. สภาพแวดล้อม ทกั ษะกระบวนการเรยี นรู้ บรรยากาศท่ีเอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ ง. การมุ่งเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดป้ ฏบิ ตั ิจรงิ เนน้ นกั เรยี นเป็นศูนยก์ ลาง และพัฒนาเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ วทิ ยาศาสตร์ 10. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ต้อง ก. กิจกรรมการเรยี นรู้ เปน็ กจิ กรรมหรอื กระบวนการขัน้ ตอน ข. สาระสำคญั เปน็ ความคิดรวบยอดของเรอื่ งทตี่ ้องการใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ ค. จุดประสงค์การเรยี นรู้ เป็นเสมอื นเขม็ ทิศทจี่ ะชีบ้ อกว่าครสู อนอะไร นักเรยี นเกดิ การเรยี นรู้อย่างไร ระดบั ใด ง. การวัดและประเมินผลการจดั การเรียนรู้ เป็นการตคี ่า สรุปผล จากการจดั กิจกรรม การเรียนร้วู า่ นักเรียนเกดิ การเรียนร้หู รอื ไมร่ ะดับใด ซึง่ ควรเน้นการประเมินด้านความรู้ ความจำ และการลงมือ ปฏิบัติในการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เฉลย 1. ข 2. ง 3. ก 4. ข 5. ค 6. ค 7. ข 8. ค 9. ก 10. ง

1 ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 22 ระบวุ ่า การจดั การศึกษาต้องยึดหลักว่า ผเู้ รียนทกุ คนมคี วามสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเอง ได้ และถือวา่ ผ้เู รียนมีความสำคญั ท่ีสดุ กระบวนการจดั การศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ ในมาตรา 23 เน้นการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตาม อัธยาศัย ให้ความสำคญั ของการบูรณาการ ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ตามความเหมาะสม ของระดับการศึกษา ในส่วนของการเรียนรูด้ า้ นวิทยาศาสตร์นั้น ต้องให้เกิดทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ ดา้ นวิทยาศาสตร์ รวมท้งั ความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ เร่ืองการจดั การ การบำรงุ รกั ษา และการ ใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอยา่ งสมดุลยัง่ ยนื คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เพื่อพัฒนาไปสู่หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยนำข้อมูลที่ได้จากการศกึ ษาวิจัย และข้อมูลจาก แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) มาใชใ้ นการพฒั นาหลักสูตร ใหม้ คี วามเหมาะสมชัดเจนยงิ่ ข้นึ ทง้ั เปา้ หมายในการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน และกระบวนการนำหลักสูตร ไปสู่การปฏิบัติ ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด โครงสร้างเวลา เรยี นของแต่ละกลมุ่ สาระการเรียนรู้ในแต่ละช้ันปี ตลอดจนเกณฑก์ ารวดั ประเมินผลให้มีความสอดคล้อง กับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนำไปปฏิบัติ เพื่อใช้เป็นทศิ ทางในการจัดทำหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิม่ เตมิ ได้ตามความพรอ้ มและจดุ เนน้

2 วสิ ัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็น มนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็น พลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีคว ามรู้ และทักษะพืน้ ฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวติ โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ได้เตม็ ตามศักยภาพ หลักการ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน มหี ลกั การท่สี ำคญั ดงั น้ี 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสำหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความ เป็นไทยควบคกู่ บั ความเป็นสากล 2. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาเพื่อปวงชน ทป่ี ระชาชนทุกคนมโี อกาสได้รบั การศกึ ษาอย่างเสมอภาค และมคี ณุ ภาพ 3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิน่ 4. เปน็ หลักสตู รการศึกษาที่มีโครงสรา้ งยดื หย่นุ ท้งั ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้ 5. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาที่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคญั 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์

3 จดุ หมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมาย เพื่อให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ดงั น้ี 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหาการใช้ เทคโนโลยี และมีทกั ษะชีวิต 3. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ท่ีดี มีสขุ นิสัย และรกั การออกกำลังกาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพสโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข 5. มีจิตสำนกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพฒั นาสิง่ แวดล้อม มจี ิตสาธารณะทมี่ งุ่ ทำประโยชน์และสร้างส่ิงทด่ี งี ามในสงั คม และอยูร่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดนั้น จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังน้ี 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถา่ ยทอดความคดิ ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเองเพอ่ื แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัด และลดปัญหาความขดั แย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารทม่ี ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสงั คม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ หรือสารสนเทศเพ่อื การตดั สนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม

4 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ งๆ ท่ีเผชิญ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคมแสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาและมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการตา่ งๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวันการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกัน ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสมการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ มและการรู้จักหลกี เลี่ยง พฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ่สี ่งผลกระทบต่อตนเองและผูอ้ น่ื 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถอย่รู ่วมกับผอู้ นื่ ใน สังคมได้อย่างมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ 3. มวี ินัย 4. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 6. มุง่ ม่ันในการทำงาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ

5 มาตรฐานการเรยี นรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน จงึ กำหนดใหผ้ ู้เรยี นเรยี นรู้ 8 กล่มุ สาระการเรียนรู้ ดงั น้ี 1. ภาษาไทย 2. คณติ ศาสตร์ 3. วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 5. สุขศึกษาและพลศกึ ษา 6. ศิลปะ 7. การงานอาชพี 8. ภาษาตา่ งประเทศ ในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสำคญั ของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และ ค่านิยมที่พึงประสงค์ ที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้น มาตรฐาน การเรียนรู้ ยังเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบเพราะมาตรฐาน การเรียนรู้ จะสะทอ้ นให้ทราบว่า ตอ้ งการอะไร ตอ้ งสอนอะไร จะสอนอย่างไรและประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือ ในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษา โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายใน และการ ประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษาและการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสะท้อนภาพการจัดการศึกษา วา่ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคณุ ภาพตามทีม่ าตรฐานการเรียนร้กู ำหนดเพียงใด

6 ตัวช้ีวัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับช้ัน ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรมนำไปใช้ในการกำหนด เนื้อหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัดประเมินผล เพอ่ื ตรวจสอบคณุ ภาพผู้เรียน 1. ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ (ประถมศึกษาปที ่ี 1 - มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3) 2. ตัวชี้วัดช่วงชั้น เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึ กษาตอนปลาย (มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6) หลักสูตรได้มกี ารกำหนดรหสั กำกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ดั เพอ่ื ความ เข้าใจ และใหส้ อ่ื สารตรงกัน ดังน้ี สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ดังน้ี ภาษาไทย : ความรู้ ทักษะและวัฒนธรรมการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ความชื่นชม การเห็น คุณค่า ภูมปิ ญั ญาไทยและภูมใิ จในภาษาประจำชาติ

7 คณิตศาสตร์ : การนำความรู้ ทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา การดำเนินชีวติ และศึกษาต่อ การมีเหตุผล มีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ พัฒนาการคิดอย่างเปน็ ระบบ และสรา้ งสรรค์ วทิ ยาศาสตร์ : การนำความรูแ้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใชใ้ นการศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ และแกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบ การคิดอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล คิดวเิ คราะหค์ ิดสร้างสรรค์และจิตวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม : การอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และสังคมโลกอย่างสันติสุข การเป็นพลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนา การเห็นคุณค่าของทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม ความรักชาติ และภมู ใิ จในความเป็นไทย สขุ ศึกษาและพละศกึ ษา : ความรู้ ทักษะและเจตคตใิ นการสร้างเสริมสุขภาพพลานามัยของตนเอง และผูอ้ ่ืน การป้องกันและปฏบิ ตั ติ อ่ สง่ิ ตา่ ง ๆ ทีม่ ผี ลต่อสุขภาพอยา่ งถูกวี และทักษะในการดำเนนิ ชีวติ ศลิ ปะ : ความรแู้ ละทักษะในการคิดรเิ ร่ิม จนิ ตนาการ สรา้ งสรรค์งานศิลปะ สนุ ทรยี ภาพ และการ เหน็ คุณคา่ ทางศิลปะ การงานอาชพี และเทคโนโลยี : ความรู้ ทกั ษะ และเจตคตใิ นการทำงาน การจัดการ การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ ทักษะ เจตคติ และวัฒนธรรมการใช้ภาษาต่างประเทศ ในการส่ือสาร การแสวงหาความรู้ และการประกอบอาชพี กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้าน เพ่ือความเปน็ มนุษย์ที่สมบรู ณ์ ท้งั รา่ งกาย สดปิ ัญญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สรา้ งให้เป็นผู้มีศีลธรรม จรยิ ธรรม มีระเบยี บวนิ ยั ปลกู ฝงั และสรา้ งจติ สำนกึ ของการทำประโยชน์เพ่อื สงั คม สามารถจดั การตนเอง ได้ และอยู่ร่วมกับผ้อู ืน่ อย่างมีความสขุ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน แบ่งเปน็ 3 ลักษณะดงั นี้ 1. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียนและอาชีพ สามารถ ปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียนทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือ และให้คำปรกึ ษาแกผ่ ปู้ กครองในการมีสว่ นร่วมพัฒนาผเู้ รยี น

8 2. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัยความเป็นผู้นำผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้ออาทรและสมานฉัน โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผเู้ รยี น ให้ผเู้ รยี นได้ปฏิบัตดิ ้วยตนเองในทกุ ขัน้ ตอน ไดแ้ ก่ การศกึ ษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกับวฒุ ิภาวะของผ้เู รยี น บริบทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถ่ิน กจิ กรรมนกั เรียนประกอบด้วย 2.1 กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหาร 2.2 กิจกรรมชุมนุม ชมรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน บำเพ็ญตน ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึง ความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรคส์ งั คม ระดับการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน จัดระดับการศึกษาเปน็ 3 ระดบั ดังนี้ 1. ระดับประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 6) การศึกษาระดับนเี้ ป็นชว่ งแรกของการศึกษา ภาคบังคับ มุ่งเน้นทักษะพื้นฐาน ด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดต่อส่ือสาร กระบวนการเรียนรูท้ างสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชวี ติ อย่างสมบูรณ์และสมดุลทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเน้นการ จดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการ 2. ระดับมัธยมศึกษาตอนตัน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3) เป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษา ภาคบงั ดับ มุ่งเนน้ ใหผ้ ้เู รยี นได้สำรวจความถนดั และความสนใจของตนเอง ส่งเสรมิ การพฒั นาบุคลิกภาพ ส่วนตน มีทักษะในการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณคิดสร้างสรรค์ และแก้ปัญหา มีทักษะในการดำเนินชีวิต มีทักษะการใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือเปน็ เครอื่ งมือในการเรยี นรู้ มีความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม มคี วามสมดุลทัง้ ดา้ น ความรู้ ความคิดความดีงาม และมีความภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนใช้เป็นพื้นฐานในการ ประกอบอาชพี หรือการศกึ ษาตอ่

9 3. ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6) การศึกษาระดบั นี้เน้นการเพ่ิมพูน ความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน ทงั้ ดา้ นวชิ าการและวชิ าชพี มที กั ษะในการใชว้ ทิ ยาการ และเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคิดขั้นสงู สามารถ นำความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและประเทศ ตามบทบาทของตน สามารถเป็นผูน้ ำ และผูใ้ ห้บริการชุมชนในด้านตา่ ง ๆ การจดั เวลาเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานสำหรับ กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมได้ ตามความพรอ้ มและจดุ เนน้ โดยสามารถปรบั ให้เหมาะสมตามบริบทของสถานศกึ ษาและสภาพของผู้เรียน ดงั นี้ 1. ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียน วันละไม่เกนิ 5 ชว่ั โมง 2. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค มีเวลา เรียนวันละไมเ่ กนิ 6 ชั่วโมง คิดน้ำหนกั ของรายวชิ าที่เรยี นเป็นหน่วยกติ ใชเ้ กณฑ์ 4 ชว่ั โมงต่อภาคเรียน มคี า่ นำ้ หนกั วชิ าเท่ากบั 1 หน่วยกิต (นก.) 3. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค มเี วลาเรยี นวันละไม่นอ้ ยกว่า 6 ชวั่ โมง คดิ นำ้ หนกั ของรายวิชาทเี่ รียนเป็นหนว่ ยกิต ใช้เกณฑ์ 50 ชั่วโมง ต่อภาคเรียน มคี า่ น้ำหนกั วชิ าเทา่ กับ 1 หน่วยกิต (นก.) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551

10 โครงสร้างเวลาเรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กำหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรยี น ดงั นี้ กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ เวลาเรยี น กจิ กรรม ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ม.ปลาย ม.4-6 ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 • กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 240 (6 นก.) คณติ ศาสตร์ 200 200 200 160 160 160 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 240 (6 นก.) วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 80 80 120 120 120 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 240 (6 นก.) สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 120 120 120 120 120 120 160 (4 นก.) 160 (4 นก.) 160 (4 นก.) 320 (8 นก.) - ประวตั ิศาสตร์ 40 40 40 40 40 40 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) 80 (2 นก.) - ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม 80 80 80 80 80 80 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 240 (6 นก.) และการดำเนนิ ชวี ติ ในสังคม - เศรษฐศาสตร์ - ภมู ศิ าสตร์ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 80 80 80 80 80 80 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 120 (3 นก.) ศลิ ปะ 80 80 80 80 80 80 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 120 (3 นก.) การงานอาชีพ 40 40 40 40 40 40 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 120 (3 นก.) ภาษาต่างประเทศ 40 40 40 80 80 80 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 120 (3 นก.) 240 (6 นก.) รวมเวลาเรยี น (พ้ืนฐาน) 840 840 840 840 840 840 880 (22 นก.) 880 (22 นก.) 880 (22 นก.) 1,640 (41 นก.) • กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 120 120 120 120 120 120 120 120 120 360 • รายวชิ า/กจิ กรรมที่ ปลี ะไมน่ อ้ ยกว่า 40 ชั่วโมง ปีละไม่น้อยกว่า 200 ชวั่ โมง ไม่นอ้ ยกวา่ สถานศึกษาจัดเพ่มิ เติม 1,600 ชว่ั โมง ตามความพร้อมและจุดเนน้ รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด ไมน่ อ้ ยกวา่ 1,000 ชวั่ โมง/ปี ไมน่ อ้ ยกวา่ 1,200 ชวั่ โมง/ปี รวม 3 ปี ไมน่ อ้ ยกวา่ 3,600 ชวั่ โมง หมายเหตุ โครงสร้างเวลาเรยี นแกไ้ ขตามคำสัง่ สพฐ. 683/2552 ลงวนั ท่ี 13 พฤษภาคม 2552 และ คำสัง่ สพฐ. 110/2555 ลงวนั ท่ี 25 มกราคม 2555 *** โครงสรา้ งเวลาเรียนปรับปรงุ ลา่ สุด ตามคำสง่ั สพฐ.ที่ 921/2561 ลงวนั ที่ 3 พฤษภาคม 2561 และ คำส่ัง สพฐ.ท่ี 922/2561 ลงวนั ท่ี 3 พฤษภาคม 2561 ***

11 จากหลกั สตู ร สมู่ าตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดำเนินการทบทวน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยนำข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 มาใช้เปน็ กรอบและทิศทางในการพฒั นาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิง่ ขึ้น ในระยะสั้นได้ปรับปรงุ หลักสูตรในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยปรบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สำหรับ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไดก้ ำหนดสาระออกเปน็ 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ สาระที่ 4 เทคโนโลยี โดยกำหนดให้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้ในปีการศึกษา 2561 หลักสูตรดังกล่าวมีความสำคัญ ต่อการพัฒนาประเทศและเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมี เหตุผลเปน็ ระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยที ี่เหมาะสม ในการบูรณาการกับความรู้ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่นำไปสู่การคิดค้นส่ิงประดษิ ฐ์ หรือสร้างนวัตกรรมต่างๆที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณ ความรู้ ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมี ประสิทธิภาพเพื่อนำไปสู่การจัดการและปรับใช้ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างสร้างสรรค์ การใช้โปรแกรมสำหรับการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์เป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ในการ พัฒนาขีดความสามารถด้าน ICT ให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นของผู้เรียน ในศตวรรษที่ 21 (21St century skills) จะทำให้ผู้เรียนมีการคิดแบบมีเหตุผลเป็นระบบ มีความคิด สรา้ งสรรค์ สามารถนำไปใชใ้ นการแก้ไขปญั หา การสรา้ งงานที่ดีและดำรงชีวิตอย่ไู ด้ในปัจจุบันทั้งเกิดการ เรียนร้แู บบยั่งยืนในอนาคต หลักสูตร คือ มวลประสบการณ์ทีจ่ ัดให้ผู้เรียนไดเ้ กิดการเรียนรู้ และพัฒนา เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ เจตคติ และพฤตกิ รรมตามจุดหมายท่ีกำหนดไว้

12 ความสำคญั ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสนิ ใจโดยใช้ขอ้ มลู หลากหลายและประจักษพ์ ยานทต่ี รวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรม ของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งความรู้ (Knowledge based society) ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับ การพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ (Scientific literacy for all) เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจโลกธรรมชาติ และเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น และนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม ความรู้ วิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่นำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ยังช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ การดูแลรักษา ตลอดจนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มขีด ความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันกบั นานาประเทศและดำเนนิ ชีวติ อยรู่ ว่ มกนั ในสังคม โลกไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ดังนั้น การจัดให้ผูเ้ รียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน เป็นการเรียนรู้เพือ่ เข้าใจ ซาบซึ้งและเหน็ ความสำคัญของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลก สิ่งแวดล้อม ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการเรียนรู้และสื่อสาร ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ สามารถเชื่อมโยงองค์ประกอบทั้งหมด แบบองคร์ วม สรา้ งความร้เู ปน็ ของตนเอง เพอื่ สรา้ งความเขม้ แขง็ ให้ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการคิดอย่าง มีเหตุผล สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ โดยอาศัยความรู้วิทยาศาสตร์ จินตนาการและศาสตร์อื่นๆ ร่วมด้วย สามารถตดั สินใจอย่างมเี หตผุ ล สามารถนำความรไู้ ปใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต และร่วมกัน ดูแลรักษาโลกธรรมชาติอยา่ งย่ังยนื แนะนำหลักสตู รวิทยาการคำนวณ

13 หลกั การ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ดำเนินการตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีหลักการท่สี ำคญั ดังนี้ 1. เป็นหลกั สตู รการศึกษาเพอ่ื ความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้ เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความ เป็นไทยควบคูก่ ับสากล 2. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาเพอื่ นักเรียน ท่ีทกุ คนมโี อกาสไดร้ บั การศึกษาอย่างเสมอภาคและมีคณุ ภาพ 3. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาท่ีส่งเสริมให้สังคมมสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษาใหส้ อดคล้องกับ สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ 4. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาที่มโี ครงสร้างยืดหย่นุ ทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และกระบวนการ การจดั การเรียนรู้ 5. เปน็ หลักสตู รการศึกษาที่เน้นผูเ้ รียนเปน็ สำคัญ สง่ เสรมิ กระบวนการคดิ ข้ันสูง 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยครอบคลุม ทกุ กลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนการเรียนรู้ และประสบการณใ์ นโอกาสตอ่ ไป การจดั หลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จงึ ไดย้ ดึ หลกั การดงั กลา่ วน้ี จดุ หมาย หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ มุ่งพัฒนาผู้เรยี นใหเ้ ปน็ คนดี มปี ัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบ การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ดังนี้ 1. ผู้เรียนมคี วามเปน็ เลศิ ทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในสาขาวิชาเคมี ชวี วิทยา ฟสิ กิ ส์ และ วิทยาศาสตร์โลก 2. ผู้เรียนมีทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีกระบวนการคิดข้ันสูง สามารถสร้างองค์ความรูโ้ ดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ผเู้ รยี นรูค้ ุณค่าการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ มและพลงั งาน 4. ผเู้ รยี นทเ่ี รียนวิทยาศาสตรจ์ ะมีคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยมทีพ่ ึงประสงคเ์ หมาะสมกบั สังคม เศรษฐกิจ สงิ่ แวดล้อม และรคู้ ุณค่าของภูมิปัญญาไทย

14 เปา้ หมายของวทิ ยาศาสตร์ ในการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรม์ ุง่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนได้ค้นพบความรู้ดว้ ยตนเองมากท่ีสุดเพ่ือให้ได้ ทั้งกระบวนการและความรจู้ ากวิธีการสงั เกตการสำรวจตรวจสอบการทดลอง แลว้ นำผลท่ีได้มาจัดระบบ เป็นหลักการแนวคิด และองคค์ วามร้กู ารจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์จึงมเี ป้าหมายทีส่ ำคัญดังน้ี 1. เพื่อใหเ้ ขา้ ใจหลักการ ทฤษฎี และกฎทีเ่ ปน็ พื้นฐานในวิชาวทิ ยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษาวิชา วิทยาศาสตร์ 3. เพ่อื ให้มีทักษะทีส่ ำคญั ในการศกึ ษาค้นคว้าและคดิ คน้ ทางเทคโนโลยี 4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มวลมนุษย์และ สภาพแวดล้อมในเชงิ ท่มี อี ทิ ธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5. เพอ่ื นำความรู้ ความเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ต่อสังคมและ การดำรงชีวติ 6. เพอื่ พฒั นากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการความสามารถในการแก้ปญั หาและการจัดการทักษะ ในการส่ือสารและความสามารถในการตดั สินใจ 7. เพื่อให้เป็นผูท้ ีม่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์ เรยี นรูอ้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวงั ให้ผู้เรยี นได้เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้ กับกระบวนการมีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะ หาความรู้และแก้ปัญหาที่หลากหลายให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกขั้นตอนมีการทำกิจกรรม ดว้ ยการลงมอื ปฏิบัตจิ ริงอย่างหลากหลายเหมาะสมกบั ระดบั ชั้น โดยกำหนดสาระสำคญั ดังน้ี

15 ❖ การดำรงชวี ติ ของมนุษย์และสัตวก์ ารดำรงชีวติ ของพืชพันธุกรรมความหลากหลายทางชีวภาพ และ ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชวี ติ ❖ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสารการเปลี่ยนแปลงของสารการเคลื่อนท่ี พลังงานและคลืน่ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ เรยี นรู้เกีย่ วกับองค์ประกอบของเอกภพปฏิสัมพันธ์ภายใน ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลม ฟ้าอากาศและผลตอ่ สิ่งมีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม ❖ เทคโนโลยี • การออกแบบและเทคโนโลยี เรยี นรู้เกีย่ วกบั เทคโนโลยีเพ่อื การดำรงชวี ิตในสังคมที่มีการ เปลยี่ นแปลงอย่างรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื เพ่อื แก้ปัญหา หรือพัฒนางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และส่ิงแวดล้อม • วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ขั้นตอนและเป็นระบบประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการ สอื่ สารในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชีวิตจรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ คุณภาพผเู้ รียน จบชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3  เข้าใจลกั ษณะท่วั ไปของสง่ิ มชี วี ติ และการดำรงชีวิตของส่งิ มีชวี ติ รอบตัว  เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวสั ดทุ ี่ใช้ทำวัตถุและการเปลี่ยนแปลง ของวัสดรุ อบตวั  เข้าใจการดึงการผลัก แรงแม่เหล็ก และผลของแรงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี ของวัตถพุ ลังงานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ การเกดิ เสียง แสงและการมองเห็น  เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์และดาวปรากฏการณ์ข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลกั ษณะและความสำคัญของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม

16  ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ สังเกตสำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจ ตรวจสอบด้วยการเขยี นหรอื วาดภาพ และสอื่ สารส่ิงท่เี รียนร้ดู ว้ ยการเล่าเรอ่ื ง หรือด้วยการแสดง ท่าทาง เพอ่ื ให้ผอู้ ืน่ เข้าใจ  แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และการส่ือสารเบือ้ งต้น รักษาข้อมูลสว่ นตวั  แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามทก่ี ำหนดใหห้ รือตามความสนใจ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ น่ื  แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบประหยัด ซือ่ สตั ย์ จนงานลลุ ่วงเป็นผลสำเร็จและทำงานร่วมกับผูอ้ น่ื อย่างมคี วามสขุ  ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ศกึ ษาหาความร้เู พมิ่ เตมิ ทำโครงงานหรอื ช้นิ งานตามทก่ี ำหนดให้หรือตามความสนใจ จบชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6  เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของ สิง่ มีชวี ิตในแหลง่ ที่อยู่ การทำหน้าทีข่ องส่วนตา่ ง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์  เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสารการละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลย่ี นแปลงทผ่ี นั กลับไดแ้ ละผนั กลับไมไ่ ด้ และการแยกสารอย่างง่าย ผลของ แรงต่างๆ ผลที่เกิดจากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดัน หลักการที่มีต่อวัตถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณเ์ บอื้ งตน้ ของเสียงและแสง  เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของ เทคโนโลยีอวกาศ  เข้าใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง หยาดนำ้ ฟา้ กระบวนการเกิดหนิ วฏั จักรหิน การใชป้ ระโยชน์หนิ และแร่ การเกิด ซากดกึ ดำบรรพ์ การเกิด ลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบ ของปรากฏการณ์เรือนกระจก

17  ค้นหาข้อมูลอย่างมปี ระสิทธิภาพและประเมินความน่าเชือ่ ถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผล เชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและ หนา้ ท่ีของตน เคารพสทิ ธิของผอู้ ่นื  ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมติฐานที่สอดคลอ้ งกบั คำถามหรอื ปญั หาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและสำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เหมาะสม ในการ เก็บรวบรวมข้อมูล ทง้ั เชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ  วเิ คราะห์ข้อมลู ลงความเห็น และสรปุ ความสัมพนั ธ์ของข้อมลู ทีม่ าจากการ สำรวจตรวจสอบ ในรปู แบบทีเ่ หมาะสม เพอื่ สือ่ สารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมีเหตุผลและหลักฐานอ้างอิง  แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลกั ฐานอ้างอิง และรับฟัง ความคิดเห็นผ้อู ื่น  แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบประหยัด ซอ่ื สัตย์ จนงานลุล่วงเปน็ ผลสำเรจ็ และทำงานร่วมกับผอู้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์  ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงาน ของผู้คิดค้น และศึกษา หาความรเู้ พ่มิ เตมิ ทำโครงงานหรอื ช้นิ งานตามทก่ี ำหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ  แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษา ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมอยา่ งรคู้ ณุ คา่ จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3  เข้าใจลักษณะและองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์สิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของการทำงาน ของระบบ ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม และตัวอย่างโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ ปฏิสัมพันธ์ ขององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศและการถา่ ยทอดพลังงานในสงิ่ มีชีวติ  เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารผสม หลักการแยกสาร การเปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมี และสมบัตทิ างกายภาพ และการใช้ประโยชน์ของวสั ดุประเภทพอลเิ มอร์ เซรามกิ และวัสดผุ สม

18  เข้าใจการเคล่อื นท่ี แรงลพั ธแ์ ละผลของแรงลพั ธ์กระทำตอ่ วตั ถุ โมเมนตข์ องแรง แรงท่ีปรากฏ ในชีวิตประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการ อนุรักษ์พลังงาน การถ่ายโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ความสัมพันธ์ของปริมาณทางไฟฟ้า การต่อ วงจรไฟฟา้ ในบา้ น พลงั งานไฟฟา้ และหลกั การเบ้อื งตน้ ของวงจรอิเล็กทรอนิกส์  เข้าใจสมบัติของคลื่น และลักษณะของคลื่นแบบต่าง ๆ แสง การสะท้อน การหักเหของแสง และทัศนอุปกรณ์ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคลื่อนที่ ปรากฏ ของดวงอาทิตย์ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง ประโยชน์ ของเทคโนโลยอี วกาศ และความกา้ วหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ  เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิด และผลกระทบของพายุฟา้ คะนอง พายหุ มุนเขตรอ้ น การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลก กระบวนการเกดิ เชื้อเพลิงซากดกึ ดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ ประโยชน์ ลักษณะโครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะ ชั้นหน้าตัดดิน กระบวนการเกิดดิน แหล่งน้ำผิวดิน แหล่งน้ำใต้ดิน กระบวนการเกิดและผลกระทบ ของภัยธรรมชาติ และธรณพี บิ ตั ิภัย  เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ วิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจเพ่ือเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบ ต่อชีวติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหา ในชีวติ ประจำวนั หรือการประกอบอาชพี โดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม รวมทั้งเลอื กใช้วสั ดุ อุปกรณ์ และเครอ่ื งมอื ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม ปลอดภัย รวมทั้งคำนึงถึงทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา  นำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จริงและเขียนโปรแกรมอย่าง งา่ ยเพือ่ ชว่ ยในการแกป้ ัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารอย่างรเู้ ทา่ ทันและรับผดิ ชอบต่อสังคม  ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ ที่มีการกำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สามารถนำไปสู่ การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม เลือกใช้ เครื่องมือและเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทไ่ี ดผ้ ลเทย่ี งตรงและปลอดภยั

19  วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบ จากพยานหลักฐาน โดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงข้อสรุป และสื่อสารความคิด ความรู้ จากผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพือ่ ให้ผู้อ่ืนเข้าใจไดอ้ ย่างเหมาะสม  แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้มีความคิด สร้างสรรค์เกย่ี วกับเรอ่ื งทจ่ี ะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เคร่อื งมอื และวิธกี ารท่ีใหไ้ ดผ้ ลถูกตอ้ ง เช่ือถือได้ ศึกษาคันควา้ เพิ่มเติมจากแหล่งความรตู้ ่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเอง รบั ฟงั ความคิดเห็น ผู้อื่น และยอมรับการเปลี่ยนแปลงความรู้ที่คันพบ เมื่อมีขอ้ มูลและประจักษ์พยานใหมเ่ พิม่ ขึ้นหรือโต้แยง้ จากเดิม  ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวันใช้ความรู้ และกระบวนการทงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพแสดงความชืน่ ชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบของการพัฒนา ทางวิทยาศาสตร์ต่อสิ่งแวดล้อมและต่อบริบทอื่น ๆ และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือ สร้างช้ินงานตามความสนใจ  แสดงถงึ ความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ยี วกับการดูแลรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชวี ภาพ จบชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6  เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกัน ในรา่ งกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภมู คิ ุ้มกนั การใช้ประโยชนจ์ ากสารต่าง ๆ ท่ีพืชสร้างข้ึน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการ ที่ทำให้เกิด ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ความสำคัญและผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม แทนที่ในระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรกั ษ์ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม  เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการ ของธาตุการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสาร ที่มีความสัมพันธ์กับแรงยึดเหนี่ยว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์การเกิดปฏิกิริยาเคมี ปจั จัยที่มผี ลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ละการเขยี นสมการเคมี

20  เข้าใจปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่งผล ของความเร่งที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ ระหว่าง สนามแมเ่ หลก็ และกระแสไฟฟ้า และแรงภายในนวิ เคลยี ส  เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทน เป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบนและการรวมคล่ืน การได้ยินปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง สีกับการมองเห็นสี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และประโยชน์ ของคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า  เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลกสาเหตุและรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ที่สัมพันธ์กับการเกิดลกั ษณะธรณสี ณั ฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ระเบิด สึนามิ ผลกระทบแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภัย  เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิสที่มี ต่อการ หมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มตี อ่ ภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ ของการหมุนเวยี นของอากาศ และการหมนุ เวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมทุ ร และผลต่อลักษณะลม ฟา้ อากาศ ส่ิงมีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ มปัจจัยตา่ ง ๆ ท่ีมผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลง ภูมอิ ากาศโลก และแนวปฏิบัติ เพื่อลดกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมาย สญั ลักษณล์ มฟ้าอากาศทสี่ ำคัญจากแผนทอี่ ากาศและขอ้ มูลสารสนเทศ  เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐาน ที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดและการสร้างพลังงาน ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส่องสว่างของ ดาวฤกษ์ และความสมั พันธ์ ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัม ของ ดาวฤกษ์ วิวฒั นาการและการเปล่ยี นแปลงสมบตั ิบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบ สรุ ยิ ะ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ลักษณะของดาวเคราะหท์ ีเ่ ออื้ ต่อการดำรงชวี ิต การเกดิ ลมสรุ ยิ ะ พายุสุริยะและผลท่ีมีตอ่ โลก รวมทั้งการสำรวจอวกาศและ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ระบุปัญหา ตั้งคำถาม ที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวแปรต่าง ๆ สืบค้นข้อมูล จากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานท่เี ป็นไปไดห้ ลายแนวทางตัดสนิ ใจเลอื ก ตรวจสอบสมมติฐานที่เปน็ ไปได้  ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทาง วิทยาศาสตร์ ที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ การใชค้ วามคิดระดบั สูงท่สี ามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้า ได้อย่างครอบคลุม และ เชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่การสำรวจ ตรวจสอบออกแบบ

21  วิธีการสำรวจตรวจสอบตามสมมตฐิ านทกี่ ำหนดไวไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม มหี ลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการในการสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้อง ทั้งในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ และบันทกึ ผลการสำรวจตรวจสอบอยา่ งเป็นระบบ  วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปเพื่อตรวจสอบ กับสมมติฐานที่ตั้งไว้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำข้อมูล และนำเสนอ ข้อมูลด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสมสื่อสารแนวคิด ความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ ให้ผอู้ ่ืนเข้าใจโดยมีหลักฐานอา้ งองิ หรือมีทฤษฎีรองรบั  แสดงถงึ ความสนใจ ม่งุ ม่ัน รับผิดชอบ รอบคอบ และซ่ือสัตย์ในการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้ เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้องเชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อาจมกี ารเปล่ียนแปลงได้  แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณคา่ ในการคน้ พบความรู้ พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ ทำงาน ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบเกี่ยวกับผล ของการพัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผูอ้ ื่น  เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยี ต่อชีวิตสังคมและสิ่งแวดล้อมตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ใช้ ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการ ดำรงชีวิต และการประกอบอาชพี แสดงความชืน่ ชม ภูมใิ จ ยกยอ่ ง อ้างอิงผลงาน ชิน้ งานที่เป็นผลมาจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทำโครงงานหรือสร้าง ชนิ้ งานตามความสนใจ  แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรูค้ ุณค่า เสนอตวั เองร่วมมอื ปฏิบตั ิกับชมุ ชนในการปอ้ งกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ของท้องถิ่นวิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อน การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือ คณิตศาสตร์ วิเคราะห์เปรียบเทียบและตัดสินใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรเพื่อออกแบ บสร้างหรือพัฒนา ผลงาน สำหรบั แก้ปญั หาที่มีผลกระทบต่อสงั คม โดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ใชซ้ อฟตแ์ วร์

22 ช่วยในการออกแบบและนำเสนอผลงาน เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ปลอดภัย รวมทัง้ คำนงึ ถึงทรัพยส์ ินทางปัญญา  ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพือ่ รวบรวมขอ้ มลู ในชีวิตจรงิ จากแหล่งต่าง ๆ และความรูจ้ ากศาสตร์อน่ื มาประยุกต์ใช้ สร้างความรู้ใหม่ เข้าใจ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพสังคม วัฒนธรรม และใช้ อย่างปลอดภัย มีจริยธรรม เป้าหมายของหลกั สตู รวิทยาการคำนวณ การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาการคำนวณ มีเป้าหมายที่สำคญั ในการพฒั นาผู้เรียน ดงั นี้ 1. เพอ่ื ใชท้ ักษะการคดิ เชงิ คำนวณในการคิดวเิ คราะห์ แกป้ ญั หาอย่างเปน็ ขนั้ ตอนและเป็นระบบ 2. เพื่อให้มที กั ษะในการค้นหาข้อมูลหรอื สารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำ สารสนเทศไปใช้ในการแก้ปญั หา 3. เพื่อประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง หรือสงั คม 4. เพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบ มีจรยิ ธรรม สาระการเรียนรู้เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) สาระการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ โดยได้กำหนดสาระสำคัญดงั นี้ วิทยาการคอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การบูรณาการกบั วิชาอื่น การเขียนโปรแกรมการคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหาข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือพัฒนาโครงงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตจรงิ

23 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การประเมินผล การนำเสนอข้อมูลหรือสารสนเทศเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง การค้นหาข้อมูลและแสวงหาความรู้ บนอนิ เทอร์เนต็ การประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล การเลอื กใชซ้ อฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เน็ต ข้อตกลงและข้อกำหนดในการใช้สอ่ื หรือแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ หลักการทำงานของคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยี การสื่อสาร การรู้ดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การรู้เท่าทันสื่อ กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรมนวัตกรรมและ ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารต่อการดำเนนิ ชีวติ อาชีพ สงั คม และวฒั นธรรม มาตรฐานการเรยี นรูว้ ิทยาการคำนวณ ว 4.2 เข้าใจ และใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ติ จริงอย่างเป็นขั้นตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรกู้ ารทำงาน และการแก้ปญั หา ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม โครงสร้างเวลาเรยี นวทิ ยาการคำนวณ สถานศึกษาสามารถนำหลักสูตรนี้ไปจัดการเรียนรู้โดยกำหนดจำนวนชั่วโมงได้ตามความ เหมาะสมและความพร้อมของสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้มีเวลาในการศึกษาเนื้อหาฝึกทักษะและ สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างเพียงพอ จนสามารถบรรลุตัวชี้วัดตามเป้าหมายของหลักสูตร ควรจดั จำนวนชว่ั โมงข้นั ตำ่ ดังนี้ ชว่ งชัน้ เวลาเรียนจำนวนช่วั โมงตอ่ ปี 1 20 2 40 3 40 4 40 * ทงั้ น้ี สามารถเพิ่มหรือลดชวั่ โมงไดต้ ามจุดเนน้ และบรบิ ทของสถานศกึ ษา

24 คุณภาพผ้เู รยี นวิทยาการคำนวณ จบชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใชข้ ั้นตอนการแกป้ ัญหา มีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารเบือ้ งต้น รักษาข้อมลู ส่วนตัว จบชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เขา้ ใจ สทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องตน เคารพสิทธขิ องผ้อู ่นื จบชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 นำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สารสนเทศได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงและเขียน โปรแกรมอย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างรู้เท่าทันและ รับผดิ ชอบตอ่ สังคม จบช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ใช้ความรู้ทางดา้ นวิทยาการคอมพิวต้ิง สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อรวบรวมข้อมูลในชีวติ จริงจากแหล่งต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อื่น มาประยุกต์ใช้สร้างความร้ใู หม่ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคมวัฒนธรรม และใช้ อยา่ งปลอดภัย มีจรยิ ธรรม ภาพรวมหลกั สตู รวิทยาการคำนวณ รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณมธั ยมศกึ ษา

25 ตอนท่ี 2 การจดั การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) โครงสร้างและมาตรฐานการเรยี นรูว้ ทิ ยาการคำนวณระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 สาระ มาตรฐาน ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้ สาระท่ี 4 มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ ม.1/1 ออกแบบอัลกอริทมึ ท่ใี ช้ • แนวคดิ เชงิ นามธรรม เปน็ การ เทคโนโลยี คำนวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชีวติ จริง แนวคิดเชิงนามธรรม ประเมนิ ความสำคัญ ของ อย่างเปน็ ข้ันตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื อธบิ าย รายละเอียดของปัญหา แยกแยะ การทำงาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม การทำงานทีพ่ บในชวี ติ จริง ส่วนทเ่ี ปน็ สาระสำคัญออกจาก ส่วนท่ไี ม่ใช่สาระสำคญั • ตัวอยา่ งปญั หา เช่น ต้องการ ปูหญ้าในสนาม ตามพนื้ ท่ที ่ีกำหนด โดยหญา้ หน่ึงผืนมีความกว้าง 50 เซนตเิ มตร ยาว 50 เซนติเมตร จะใชห้ ญา้ ทง้ั หมดกผ่ี ืน ม.1/2 ออกแบบและเขยี น • การออกแบบและเขยี นโปรแกรม โปรแกรมอย่างง่าย ท่ีมกี ารใช้ตัวแปร เง่อื นไขวนซ้ำ เพ่อื แก้ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ • การออกแบบอัลกอรทิ มึ หรอื วิทยาศาสตร์ เพอ่ื แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งงา่ ย อาจใช้ แนวคดิ เชิงนามธรรมในการ ออกแบบเพื่อใหก้ ารแกป้ ัญหา มีประสทิ ธภิ าพ • การแก้ปญั หาอย่างเป็นข้นั ตอน จะช่วยให้แกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมี ประสิทธิภาพ • ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ช้ในการเขยี น โปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c • ตวั อย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรม สมการการเคลื่อนที่ โปรแกรม

26 สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้ คำนวณหาพื้นท่ี โปรแกรมคำนวณ ดัชนมี วลกาย ม.1/3 รวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ • การรวบรวมขอ้ มลู จาก ประมวลผล ประเมินผล แหล่งข้อมูลปฐมภมู ปิ ระมวลผล นำเสนอข้อมูล และสารสนเทศ สร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล จะทำให้ ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ ไดส้ ารสนเทศเพื่อใช้ในการ ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบน แกป้ ญั หาหรือการตดั สนิ ใจได้ อินเทอรเ์ นต็ ทห่ี ลากหลาย อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ • การประมวลผลเป็นการกระทำ กบั ขอ้ มลู เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ่ีมี ความหมายและมีประโยชนต์ ่อการ นำไปใช้งาน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น คำนวณอัตราสว่ น คำนวณ คา่ เฉลี่ย • การใชซ้ อฟต์แวร์หรือบรกิ ารบน อนิ เทอร์เนต็ ท่หี ลากหลายในการ รวบรวม ประมวลผล สรา้ ง ทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยใหแ้ ก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ • ตวั อยา่ งปัญหา เนน้ การบูรณา การกับวิชาอ่ืน เชน่ ต้มไขใ่ ห้ตรง กบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคค่าดชั นี มวลกายของคนในท้องถน่ิ การสร้างกราฟผลการทดลองและ วเิ คราะหแ์ นวโนม้ ม.1/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ • ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง อย่างปลอดภยั ใช้สื่อ และ ปลอดภยั เชน่ การปกป้อง แหล่งขอ้ มูลตามขอ้ กำหนดและ ความเปน็ ส่วนตวั และอัตลักษณ์ ข้อตกลง • การจัดการอัตลักษณ์ เชน่ การต้งั รหัสผา่ น การปกปอ้ งขอ้ มูล สว่ นตวั

27 สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้ • การพจิ ารณาความเหมาะสมของ เน้ือหา เชน่ ละเมดิ ความเป็น ส่วนตัวผูอ้ ่นื อนาจาร วิจารณ์ ผูอ้ ่ืนอย่างหยาบคาย • ขอ้ ตกลง ขอ้ กำหนดในการใชส้ ่ือ หรอื แหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เช่น Creative commons ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 สาระ มาตรฐาน ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ ม.2/1 ออกแบบอลั กอรทิ ึมทใี่ ช้ • แนวคิดเชิงคำนวณ เทคโนโลยี คำนวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตจรงิ แนวคิดเชิงคำนวณในการ • การแก้ปญั หาโดยใช้แนวคิดเชิง อย่างเปน็ ข้ันตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ แกป้ ญั หา หรอื การทำงานท่ีพบ คำนวณ การทำงาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมี ในชวี ิตจรงิ • ตัวอย่างปญั หา เชน่ การเขา้ แถว ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตามลำดบั ความสงู ให้เรว็ ท่ีสุด จัดเรยี งเส้ือให้หาไดง้ า่ ยท่สี ดุ ม.2/2 ออกแบบและเขียน • ตวั ดำเนนิ การบลู นี โปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟังกช์ นั • ฟังกช์ นั ในการแกป้ ัญหา • การออกแบบและเขียนโปรแกรม ทมี่ ีการใชต้ รรกะและฟังก์ชนั • การออกแบบอลั กอรทิ มึ เพอื่ แก้ปัญหาอาจใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณ ในการออกแบบ เพอ่ื ให้ การแก้ปญั หามปี ระสิทธภิ าพ • การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอน จะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ • ซอฟต์แวร์ท่ใี ชใ้ นการเขยี น โปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c

28 สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้ • ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรม ตัดเกรดหาคำตอบท้งั หมดของ อสมการหลายตัวแปร ม.2/3 อภปิ รายองคป์ ระกอบ • องค์ประกอบและหลักการทำงาน และหลักการทำงานของระบบ ของระบบคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีการ • เทคโนโลยีการส่อื สาร สอื่ สารเพ่อื ประยกุ ต์ใชง้ านหรอื • การประยกุ ต์ใช้งานและการ แก้ปัญหาเบ้ืองตน้ แก้ปญั หาเบ้ืองตน้ ม.2/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ • ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัย มคี วาม อย่างปลอดภัย โดยเลอื กแนวทาง รับผิดชอบ สรา้ งและแสดงสิทธิ ปฏบิ ัติเมอ่ื พบเนอ้ื หาที่ไมเ่ หมาะสม ในการเผยแพร่ผลงาน เช่นแจ้งรายงานผู้เก่ยี วขอ้ ง ปอ้ งกัน การเขา้ มาของข้อมูลท่ไี มเ่ หมาะสม ไม่ตอบโต้ไมเ่ ผยแพร่ • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง มคี วามรับผิดชอบ เชน่ ตระหนกั ถงึ ผลกระทบในการเผยแพร่ขอ้ มูล • การสร้างและแสดงสทิ ธิ์ความเป็น เจ้าของผลงาน • การกำหนดสิทธกิ ารใช้ข้อมลู ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ ม.3/1 พัฒนาแอปพลเิ คชนั ท่มี ี • ขนั้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั เทคโนโลยี คำนวณในการแกป้ ัญหาท่พี บในชีวิตจรงิ การบูรณาการกบั วชิ าอ่ืน • Internet of Things (IoT) อย่างเปน็ ขัน้ ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ อยา่ งสรา้ งสรรค์ • ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ช้ในการพฒั นาแอป การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี พลิเคชนั เช่น Scratch, python, ประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม java, c, App Inventor

29 สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้ • ตวั อย่างแอปพลเิ คชนั เชน่ โปรแกรมแปลง สกลุ เงนิ โปรแกรม ผันเสียงวรรณยกุ ต์โปรแกรม จำลองการแบง่ เซลล์ระบบรดน้ำ อัตโนมัติ ม.3/2 รวบรวมข้อมูล • การรวบรวมขอ้ มลู จาก ประมวลผล ประเมนิ ผล เสนอ แหลง่ ข้อมลู ปฐมภูมิและทตุ ยิ ภูมิ ข้อมูลและสารสนเทศตาม ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก วตั ถปุ ระสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์ ประเมนิ ผลจะทำใหไ้ ด้สารสนเทศ หรือบริการบนอนิ เทอรเ์ นต็ เพ่อื ใชใ้ นการแก้ปญั หาหรอื การ ท่หี ลากหลาย ตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ • การประมวลผลเป็นการกระทำ กบั ขอ้ มูล เพอื่ ให้ไดผ้ ลลพั ธ์ที่มี ความหมายและมีประโยชนต์ ่อการ นำไปใช้งาน • การใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบรกิ าร บนอินเทอรเ์ นต็ ทห่ี ลากหลายในการ รวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ จะชว่ ยให้ แกป้ ญั หาได้อยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และแมน่ ยำ • ตัวอยา่ งปัญหา เช่น การเลือก โปรโมชนั โทรศัพทใ์ หเ้ หมาะกับ พฤตกิ รรมการใชง้ าน สินค้าเกษตร ท่ีตอ้ งการและสามารถปลกู ได้ใน สภาพดินของทอ้ งถิน่ ม.3/3 ประเมินความน่าเช่ือถือ • การประเมนิ ความน่าเชื่อถือของ ของขอ้ มูล วเิ คราะหส์ ื่อ และ ข้อมูล เชน่ ตรวจสอบและยนื ยนั ผลกระทบจากการให้ขา่ วสารท่ี ข้อมลู โดยเทียบเคยี งจากขอ้ มูล ผิด เพอื่ การใช้งานอย่างรเู้ ทา่ ทนั หลายแหลง่ แยกแยะข้อมูลทเ่ี ป็น ขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ หรอื ใช้ PROMPT

30 สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้ • การสบื ค้น หาแหลง่ ตน้ ตอของ ขอ้ มลู • เหตุผลวิบตั ิ (logical fallacy) • ผลกระทบจากข่าวสารที่ ผดิ พลาด • การรู้เทา่ ทันสือ่ เชน่ การวเิ คราะห์ ถงึ จุดประสงค์ของขอ้ มูลและผู้ให้ ข้อมลู ตีความ แยกแยะเนือ้ หา สาระของสอ่ื เลือกแนวปฏิบตั ิได้ อย่างเหมาะสมเมื่อพบข้อมูลตา่ ง ๆ ม.3/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภยั และมีความ อยา่ งปลอดภัย เช่น การทำธุรกรรม รบั ผิดชอบตอ่ สังคม ปฏบิ ตั ิ ออนไลน์การซ้ือสนิ ค้า ซอื้ ซอฟต์แวร์ ตามกฎหมายเกี่ยวกับ ค่าบรกิ ารสมาชกิ ซ้ือไอเท็ม คอมพวิ เตอรใ์ ช้ลิขสิทธข์ิ อง • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ผูอ้ ่นื โดยชอบธรรม อยา่ งมคี วามรับผดิ ชอบเชน่ ไมส่ รา้ งขา่ วลวง ไม่แชรข์ อ้ มลู โดยไม่ตรวจสอบขอ้ เท็จจริง • กฎหมายเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ • การใชล้ ิขสทิ ธิ์ของผ้อู ่นื โดยชอบธรรม (fair use) ตวั อย่างโครงสรา้ งหลักสูตร โครงสร้างเวลาเรยี นและคำอธบิ ายรายวิชา >> https://bit.ly/3LqpNfB ตัวอยา่ งหลักสูตรวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี >> https://bit.ly/38ATYTU

31 คำอธบิ ายรายวิชา คำอธิบายรายวิชา เป็นองค์ความรู้ทักษะ/กระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีสำคัญ เพอ่ื นำไปสู่การจดั การเรียนร้ใู ห้แก่ผ้เู รียนในแตล่ ะกล่มุ สาระการเรยี นรหู้ รอื รายวชิ า ใหบ้ รรลตุ ามมาตรฐาน การเรียนรู้และตวั ชี้วดั ของหลกั สูตร ซง่ึ เป็นองค์ประกอบ ทีส่ ำคัญของหลกั สตู รสถานศึกษา มไี วเ้ พื่อ 1. เพื่อสร้างความเขา้ ใจวา่ ในรายวชิ านัน้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้องค์ความรู้ ฝึกทักษะ/กระบวนการ และมคี ุณลักษณะอันพึงประสงคท์ ่สี ำคัญอะไรบ้าง 2. เพอ่ื เปน็ แนวทางให้ผู้สอนนำไปออกแบบการจัดการเรยี นรู้ คำอธิบายรายวิชามีลักษณะเป็นความเรียงที่ประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำอธิบายรายวิชาของรายวิชาพื้นฐานให้วิเคราะห์จากตัวชี้วัดและสาระ การเรียนรู้แกนกลางที่หลักสูตรแกนกลางฯ กำหนด และรายวิชาเพิ่มเติม ให้วิเคราะห์จากผลการเรียนรู้ ที่สถานศึกษากำหนดขึ้น คำอธิบายรายวิชาเขียนเป็นรายปีสำหรับระดับประถมศึกษา และเป็นราย ภาคเรยี นสำหรบั ระดับมธั ยมศึกษา คำอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน เป็นรายวิชาที่สอนให้ผู้เรียนบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 การเขยี นคำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ครูผู้สอนวเิ คราะห์ตัวชี้วัดชั้นปีและสาระการเรียนรู้แกนกลางตามทีห่ ลักสูตรแกนกลางฯ กำหนด สำหรับภาคเรียนที่ 1 แต่ละตัวชี้วัดว่ามีคำ หรือข้อความสำคัญ (Key words) ใดที่เป็น “ความรู้(K)” “ทกั ษะ/กระบวนการ (P)” และ “คณุ ลักษณะ (A)” (เป็นคณุ ลักษณะของรายวชิ าท่ีปรากฏตามตัวชี้วัด อาจจะไม่ตรงกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่หลักสูตรแกนกลางฯ กำหนดก็ได้) จัดแยกไว้เป็นส่วน ๆ ให้ครบทุกตัวช้วี ดั ของภาคเรียนนัน้ โดยอาจจะใชแ้ บบฟอร์มขา้ งล่างนำขอ้ ความทว่ี เิ คราะหไ์ ว้ (ดา้ นความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ และคุณลกั ษณะ) มาสงั เคราะห์หรอื รอ้ ยเรียงเขยี นเปน็ คำอธิบายรายวิชา โดยอาจจะ ให้ข้อความทั้ง 3 ส่วนที่วิเคราะห์ไว้ผสมกลมกลืนหรือเขียนแยกส่วนของความรู้ทักษะ/กระบวนการ และคุณลักษณะไว้คนละย่อหน้าก็ได้และย่อหน้าสุดท้ายของคำอธิบายรายวิชา ต้องระบุด้วยว่า วิชานี้ มตี ัวชีว้ ัดอะไรบ้าง โดยเขยี นเป็นรหสั กำกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ไว้ดว้ ย

32 คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เตมิ รายวิชาเพิม่ เตมิ เป็นรายวิชาทีโ่ รงเรียนกำหนดข้นึ ตามจุดเนน้ ความตอ้ งการของโรงเรียน หรอื ทอ้ งถน่ิ การเขยี นคำอธิบายรายวชิ าเพ่มิ เติม 1.กำหนดผลการเรียนร้ซู ่งึ โรงเรียนเปน็ ผูก้ ำหนดขึ้นเอง 2.กำหนดสาระการเรียนรทู้ ีส่ อดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ 3.จัดกลุ่มผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ที่มีความเชื่อมโยงสมั พันธก์ ันเพื่อหลอมรวมและเรียบ เรียง เขียนเป็นความเรียง ให้เห็นสิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียน มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะใน รายวชิ านนั้ 4. เขยี นรายละเอียดตามองค์ประกอบของคำอธิบายรายวชิ า องค์ประกอบสำคัญของคำอธิบายรายวชิ า องคป์ ระกอบสำคัญของคำอธิบายรายวิชา จำแนกได้ 3 ส่วน ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 ประกอบดว้ ย ➢ รหสั วิชา ➢ ช่อื รายวชิ า ➢ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ➢ ช้นั ปี ➢ จำนวนชั่วโมงหรือหนว่ ยกติ ส่วนท่ี 2 เนอ้ื หาซึง่ ประกอบด้วย ➢ องค์ความร้ทู กั ษะ/กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยมีแนวการเขียนท่สี ำคญั ดงั น้ี 1. ผ้เู รียนได้เรียนรูอ้ ะไรบา้ ง 2. ผู้เรียนสามารถทำอะไรไดบ้ ้าง 3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอังพึงประสงค์อะไรบ้าง ตามหลักสูตรแกนกลาง และ ตามธรรมชาติของวิชา ส่วนที่ 3 ระบุรหัสตวั ชี้วดั หรอื ผลการเรยี นร้ทู งั้ หมดในรายวิชานนั้

33 คำแนะนำการเขียนคำอธิบายรายวชิ า ใช้ตารางวิเคราะหต์ วั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ตามหลักสตู ร 1. ดตู ัวชี้วัด / ผลการเรยี นรูจ้ ากหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 อ่านในส่วนกลุ่มสาระของตนเอง รายวิชาท่ีสอนเป็นของช้ันใด เลือกเฉพาะชั้นน้ัน มีตัวชีว้ ัดก่ตี วั ลอกลงในตาราง ชอ่ ง “ผลการเรียนร”ู้ ให้ครบทกุ ตัวช้วี ัดตามหลักสตู ร รายวชิ าพ้ืนฐาน ใช้คำวา่ ตวั ชว้ี ดั รายวิชาเพิ่มเตมิ ใชค้ ำว่า ผลการเรียนรู้ (ไม่ต้องมี “ทีค่ าดหวงั ”) 2. จากตัวชี้วัด วิเคราะห์สาระการเรียนรู้โดยแยกแยะส่วนที่เป็นตัวความรู้ (เนื้อหาที่จะเรียนร)ู้ ทักษะ/กระบวนการ (นกั เรียนทำอะไร) และคุณลกั ษณะ (นกั เรียนจะทำเช่นน้ันได้เพราะเขามีลกั ษณะอย่างไร) 3. ในช่อง “สาระสำคญั ” ใสร่ ายละเอยี ดของเนือ้ หา แสดงให้เหน็ ว่านกั เรียนจะเรยี นเรอื่ งอะไร 4. ในช่องสมรรถนะสำคัญ ดวู ่าเมือ่ นกั เรียนบรรลตุ ามตวั ชี้วัดตัวน้ี นักเรยี นมีสมรรถนะด้านใด ตามทีห่ ลกั สูตรกำหนด 5. เมื่อทำจนครบทุกตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้แล้ว จึงสรุปเป็นคำอธิบายรายวิชา โดยรวบกริยา เดยี วกนั ไว้ด้วยกัน การจดั ทำคำอธิบายรายวิชาและหนว่ ยการเรียนรู้ หลักสตู รฯมาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ัด

34 - ตวั อยา่ งคำอธบิ ายรายวชิ า – รหสั วชิ า ว21104 รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ศึกษาการออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงนามธรรม เพื่อแก้ปัญหาหรืออธิบายการทำงาน ท่ีพบในชวี ติ จรงิ ออกแบบการสร้างผงั เมืองเพอ่ื แก้ปญั ที่เกิดข้นึ ในชมุ ชน การออกแบบและเขยี นโปรแกรม ที่มีการใช้ตัวแปร เงื่อนไข วนซ้ำ การออกแบบอัลกอริทึม เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อย่างง่าย การเขียนโปรแกรมโดยใช้ซอฟต์แวร์ scratch, python, java และ C เป็นต้น ศึกษา การรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู ปฐมภูมปิ ระมวลผล สร้างทางเลือก ประมวลผลตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ใช้สื่อและ แหลง่ ข้อมูลตามขอ้ กำหนดและขอ้ ตกลงอยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning) และการ เรียนรู้แบบใช้โครงงานเปน็ ฐาน(Project-based learning) เพื่อเนน้ ให้ผู้เรียนได้ลงมอื ปฏิบัติ ฝึกทักษะ การคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอ ผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพอื่ ใหเ้ กดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทยป์ ญั หา จนสามารถนำเอาแนวคดิ เชงิ คำนวณมาประยกุ ตใ์ ช้ในการสรา้ งโครงงานได้ เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบ ในชีวิตจริง และเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย เพอ่ื ชว่ ยในการแกป้ ญั หา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร อย่างรู้เทา่ ทันและรับผิดชอบสังคม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจิตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ รหสั ตวั ชว้ี ดั ว 4.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4 รวมทงั้ หมด 4 ตวั ชวี้ ดั

35 - ตวั อยา่ งคำอธบิ ายรายวชิ า – รหสั วชิ า ว22104 รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ศึกษาการออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา หรือการทำงานที่พบ ในชีวิตจริง การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา การเขียนโปรแกรม โดยใชซ้ อฟต์แวร์ Scratch, python, java และ c อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการส่ือสารเพ่ือประยุกต์ใช้งานหรือแก้ปัญหาเบือ้ งต้น ตลอดจนใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีความรบั ผดิ ชอบ สร้างและแสดงสิทธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) และการ เรยี นร้แู บบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project-based Learning) เพอ่ื เนน้ ให้ผเู้ รียนได้ลงมอื ปฏิบัติ ฝกึ ทักษะ การคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอ ผา่ นการทำกจิ กรรมโครงงาน เพื่อให้เกดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะในการวเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหา จนสามารถนำเอาแนวคิดเชิงคำนวณมาประยุกต์ใช้ในการสร้างโครงงานได้ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภมู เิ ข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ วเิ คราะห์ ประเมนิ นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม อย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารอย่างรู้เท่าทันและรบั ผดิ ชอบ ตอ่ สังคม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหา และมีทักษะในการสื่อสาร มีความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์ รหัสตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4 รวมท้งั หมด 4 ตัวชี้วัด

36 - ตวั อยา่ งคำอธบิ ายรายวชิ า – รหสั วชิ า ว23104 รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ศึกษาขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of Things (IoT) การเขียนโปรแกรม เพื่อพัฒนา แอปพลิเคชัน ข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือก และประเมินผล ซอฟต์แวร์ หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล การประเมินความ นา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล การสืบค้นหาแหล่งต้นตอของข้อมูล เหตผุ ลวิวัติ ผลกระทบจากขา่ วสารที่ผิดพลาด การรเู้ ท่าทนั ส่ือ กฎหมายทีเ่ ก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ การใช้ลิขสิทธ์ขิ องผ้อู ืน่ โดยชอบธรรม รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิหรือทุติยภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก และนำเสนอการตัดสินใจ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ออกแบบและเขยี นโปรแกรม เพอ่ื พฒั นาแอปพลิเคชันทมี่ กี ารบูรณาการกบั วิชาอ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งร้เู ท่าทัน และมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม รหสั ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4 รวมทั้งหมด 4 ตัวชี้วัด

37 การจดั ทำโครงสรา้ งรายวิชา ➢ โครงสรา้ งรายวชิ าคอื อะไร โครงสร้างรายวิชา เป็นการกำหนดขอบข่ายของรายวิชาที่จะจัดสอนเพื่อช่วยให้ผู้สอนและ ผู้เกีย่ วข้อง เห็นภาพรวมของแต่ละรายวชิ าว่า ประกอบด้วย หน่วยการเรยี นรู้ จำนวนเท่าใด เรื่องใดบ้าง แต่ละหน่วยพัฒนาให้ผู้เรียนบรรลุตัวช้ีวัดใด เวลาที่ใช้จัดการเรียนการสอน และสัดส่วนการเกบ็ คะแนน ของรายวชิ าน้นั เปน็ อยา่ งไร ➢ ทำไมจงึ ตอ้ งจัดทำโครงสร้างรายวชิ า การจัดทำโครงสร้างรายวิชาจะช่วยให้ครูผู้สอนเหน็ ความสอดคล้องเชื่อมโยงของลำดบั การเรียนรู้ ของรายวิชาหน่ึง ๆ ว่าครูจะสอนอะไร ใช้เวลาสอนเรื่องน้ันเทา่ ไร และจัดเรยี งลำดับสาระการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ อย่างไร ทำใหม้ องเห็นภาพรวมของรายวิชาอยา่ งชัดเจน ➢ โครงสร้างรายวิชาประกอบด้วยอะไรบ้าง โครงสรา้ งรายวชิ า มอี งค์ประกอบหลกั ๆ ดงั น้ี - มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด ที่เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนสำหรับหน่วยนั้น ๆ ซึ่งอาจมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน มาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด อาจมีการสอนหรือฝึกซ้ำให้เกิดความชำนาญ และมีความรู้กว้างขวางข้ึน ในหน่วย การเรยี นร้มู ากกว่า 1 หนว่ ยได้ - สาระสำคญั เปน็ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจท่ีลึกซึ้ง หรือความรูท้ ่เี ป็นแก่น เป็นหลักการของ เรอ่ื งใดเร่อื งหนงึ่ ท่เี กิดจากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัดในหนว่ ยการเรียนรู้ - ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ จะตอ้ งสะท้อนให้เหน็ สาระสำคญั ของหน่วยการเรียนรู้ นา่ สนใจ เหมาะสม กับวยั มีความหมายและสอดคลอ้ งกับชวี ิตจรงิ ของผเู้ รยี น - เวลา การกำหนดเวลาเรียนควรมีความเหมาะสมและเพียงพอกับการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาให้นกั เรียนมีความสามารถตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด และควรพิจารณา ในภาพรวมของทกุ หน่วยการเรยี นรู้ในรายวชิ าน้นั ๆ อย่างเหมาะสม - น้ำหนักคะแนน การกำหนดน้ำหนักคะแนนเป็นส่วนช่วยให้เห็นทิศทาง การจัดเวลา การจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ และการประเมนิ ผลใหส้ อดคลอ้ งกับความสำคญั ของมาตรฐาน / ตวั ชี้วัด ในหน่วย การเรียนรู้นั้นว่าเป็นมาตรฐาน / ตัวชี้วัด ที่เป็นความรู้ / ประสบการณ์พื้นฐาน ในการต่อยอดความรู้ หรอื พัฒนาการเรียนรู้ในเร่ืองอน่ื ๆ หรอื พิจารณาจากศกั ยภาพผู้เรียน ธรรมชาตวิ ิชา ฯลฯ

38 คำชแ้ี จง จงวิเคราะห์คำอธิบายรายวิชาต่อไปน้ีพร้อมท้ังตรวจสอบ ตวั อยา่ งคำอธบิ ายรายวชิ า คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน สาระที่ 4 เทคโนโลยี วิชา ว21103 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 (ภาคเรียนที่ 1) เวลา 20 คาบ/สปั ดาห์ จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคณุ ลักษณะท่ีจำเป็นต่อการแก้ปัญหา ขั้นตอนการแกป้ ญั หา การเขียนรหัสลำลองและผังงาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายที่มีการใช้งานตวั แปร เงื่อนไขและ การวนช้ำเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัยการจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความเหมาะสม ของเนอื้ หา ขอ้ ตกลงและขอ้ กำหนดการใช้สอ่ื และแหลง่ ข้อมลู นำแนวคิดเชิงนามธรรมและข้ันตอนการแก้ปัญหาไปประยกุ ต์ใช้ในการเขียนโปรแกรมหรือการแก้ปัญหา ในชีวิตจริง รวบรวมข้อมูลและสร้างทางเลือกในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและตระหนักถึงการใช้งาน เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เกดิ ประโยชนต์ อ่ การเรยี นรู้ และไมส่ ร้างความเสียหายใหแ้ กผ่ อู้ ่นื ตวั ชี้วัด ว 4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 2560: 121-123) ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบอัลกอริทีมที่ใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรืออธิบายการทำงานที่พบ ในชวี ิตจริง ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย เพอื่ แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตรห์ รือวทิ ยาศาสตร์ ว 4.2 ม. 1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงค์โดยใชช้ อฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ท่ีหลากหลาย ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ใช้ส่ือและแหล่งขอ้ มลู ตามขอ้ กำหนดและข้อตกลง รวมทัง้ หมด 4 ตวั ชว้ี ัด

39 แบบตรวจสอบคำอธบิ ายรายวชิ า ผลการดำเนนิ การ แนวทางการพฒั นา/ ขอ้ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั และคำอธบิ ายรายวชิ า ดำเนินการ ไมด่ ำเนนิ การ ขอ้ เสนอแนะ 1 มกี ารระบรุ หัสวชิ า ชอ่ื รายวิชา และชือ่ กลุ่ม สาระการเรยี นร้ไู ว้อย่างถูกตอ้ งชดั เจน 2 มกี ารระบุรหสั วชิ า ชือ่ รายวชิ า และชอ่ื กลุม่ สาระการเรียนรไู้ ว้อย่างถูกตอ้ งชดั เจน 3 การเขียนคำอธิบายรายวชิ า เขยี นเปน็ ความ เรียงโดยระบุ องคค์ วามรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลักษณะหรอื เจตคติท่ีตอ้ งการ 4 การจดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน ครอบคลุมตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 5 มกี ารระบรุ หสั ตวั ชว้ี ัด ในรายวชิ าพืน้ ฐาน และจำนวนรวมของตัวช้ีวดั 6 มีการเพ่ิมมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด สาระเทคโนโลยลี งในคำอธบิ ายรายวชิ า ครบถ้วน

40 - ตวั อยา่ งโครงสรา้ งรายวชิ า - รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ 1 รหสั วชิ า ว21104 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ หนว่ ย ชอื่ หนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ตวั ชว้ี ดั 1 การออกแบบและการ ว 4.2 ม.1/1 อลั กอริธมึ คอื ลำดับข้ันตอนวธิ ีในการทำงานของ 6 17 เขยี นอลั กอริทมึ ว 4.2 ม.1/2 โปรแกรมเพอ่ื แก้ปญั หาใดปญั หาหน่ึง ซ่ึงถ้าปฏบิ ัติ ตามขนั้ ตอนอย่างถูกตอ้ งแลว้ จะตอ้ งสามารถชว่ ย แก้ปัญหาหรือประมวลผลตามความตอ้ งการได้สำเร็จ ในการเขียนอธิบายอลั กอริธมึ นั้น เราสามารถ คิดอัลกอริธึมเพื่อมาแกป้ ัญหาไดห้ ลายแบบ 2 การออกแบบและการ ว 4.2 ม.1/2 เมอ่ื ปัญหาได้รบั การออกแบบด้วยอัลกอริทมึ 8 22 เขียนโปรแกรม ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเปน็ ทีเ่ รยี บรอ้ ย ขนั้ ตอนใน เบ้อื งต้น ลำดบั ถัดไปก็คอื การเขยี นโปรแกรม ซงึ่ จะพบวา่ ปัจจบุ นั มภี าษาเพ่อื การเขียนโปรแกรมอยมู่ ากมาย ให้เลือกใช้ แต่ในการเลอื กใชภ้ าษาโปรแกรม จะพิจารณาจากคุณสมบตั ิและความเหมาะสม เป็นสำคัญ 3 การจดั ขอ้ มลู ว 4.2 ม.1/3 การจัดการสารสนเทศ เป็นขนั้ ตอนหรอื กจิ กรรม 4 11 สารสนเทศ ในการดำเนนิ การเพ่อื สรา้ งสารสนเทศด้วยการ รวบรวมขอ้ มลู ตรวจสอบข้อมูล ประมวลผล ขอ้ มูล และดแู ลรักษาขอ้ มลู เพ่อื ใหข้ อ้ มูลสารสนเทศ เกิดประโยชนใ์ นการนำไปใช้ใหม้ ากท่ีสดุ รวม 18 50 กลางภาค 1 20 ปลายภาค 1 30 รวมทง้ั สน้ิ 20 100

41 - ตวั อยา่ งโครงสรา้ งรายวชิ า - รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ 2 รหสั วชิ า ว22104 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ หนว่ ย ชอื่ หนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ตวั ชว้ี ดั 1 แนวคิดเชิงคำนวณ ว4.2 ม.2/1 แนวคดิ เชงิ คำนวณ 2 25 การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ 2 การเขียนโปรแกรม ว4.2 ม.2/2 ตัวดำเนนิ การบูลีน 11 25 เบอ้ื งตน้ ฟังกช์ ัน การออกแบบและเขียน โปรแกรมทมี่ กี ารต้ รรกะและฟงั กช์ ัน การออกแบบอัลกอรทิ มึ เพ่ือแกป้ ญั หา อาจใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการ ออกแบบเพือ่ ให้การออกแบบการ แก้ปัญหามปี ระสทิ ธิภาพ ซอฟต์แวรท์ ่ใี ช้ ในการเขยี นโปรแกรมเชน่ Scratch, python, java, c 3 ระบบคอมพิวเตอร์ ว4.2 ม.2/3 องค์ประกอบและหลกั การทำงานของ 4 25 ระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟตแ์ วร์และ การใชง้ าน เทคโนโลยีการส่ือสาร 4 เทคโนโลยีการ สือ่ สาร ว4.2 ม.2/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย 3 25 โดยเลอื กแนวทางการปฏบิ ตั เิ มอ่ื พบ เน้ือหาท่ีไมเ่ หมาะสม การสร้างและแสดง สทิ ธิการเปน็ เจ้าของผลงาน การกำหนด สทิ ธิก์ ารใชข้ ้อมูล รวม 18 50 กลางภาค 1 20 ปลายภาค 1 30 รวมทง้ั สนิ้ 20 100

42 - ตวั อยา่ งโครงสรา้ งรายวชิ า - รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ 3 รหสั วชิ า ว23104 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 20 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ หนว่ ย ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 การพัฒนา แอปพลเิ คชัน ตวั ชวี้ ดั ขัน้ ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั 2 10 2 การสร้างสรรค์ ผลงาน ว4.2 ม.3/1 ซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ในการพฒั นา 6 10 ว4.2 ม.3/1 แอปพลเิ คชนั เชน่ Scratch, python, ดว้ ย Scratch java, c, AppInventor 2 10 การประมวลผลเป็นการกระทำกับ 3 การประมวลผล ขอ้ มลู ว4.2 ม.3/2 ข้อมูลเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ทม่ี คี วามหมาย และมปี ระโยชน์ตอ่ การนำไปใช้งาน การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รือบรกิ ารบน อินเทอร์เน็ตทห่ี ลากหลายในการ รวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้ แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ถูกต้อง และแม่นยำ การรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งข้อมูล ปฐมภูมแิ ละทตุ ิยภมู ิ ประมวลผล สรา้ งทางเลอื กประเมนิ ผล จะทำใหไ้ ด้ สารสนเทศเพ่ือใชใ้ นการแกป้ ญั หา หรอื การตดั สนิ ใจได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ การประมวลผลเป็นการ กระทำกับข้อมูลเพอ่ื ให้ไดผ้ ลลัพธ์ ท่ีมีความหมายและมปี ระโยชน์ ตอ่ การนำไปใชง้ านการใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตที่ หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล

43 หนว่ ย ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ (ชว่ั โมง) คะแนน ตวั ชวี้ ดั 4 อนิ เทอรเ์ นต็ ของ สรรพสง่ิ ว4.2 ม.3/1 สร้างทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ 2 10 จะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาไดอ้ ย่างรวดเร็ว 5 การใช้เทคโนโลยี ว4.2 ม.3/3, ถูกต้องและแม่นยำ 6 10 อินเทอร์เน็ตของสรรพสิง่ หรอื ไอโอที สารสนเทศอย่าง รูเ้ ท่าทนั ม.3/4 (Internet of Things : IoT) เป็นการ 18 50 เชื่อมโยงอปุ กรณ์ตา่ งๆ เชน่ อุปกรณ์ 1 20 ไฟฟ้า ตวั ตรวจวดั เข้ากับโครงข่าย 1 30 อนิ เทอร์เนต็ ทำใหส้ ามารถส่งข้อมลู 60 100 ตรวจวัดจากสภาพแวดล้อมไปยังเคร่อื ง คอมพวิ เตอร์และอุปกรณๆ์ ทีเ่ ช่อื มอยู่ กับอินเทอร์เนต็ ได้ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง ปลอดภัยเชน่ การทำธุรกรรม อิเล็กทรอนิกส์ การซ้อื สนิ คา้ ซ้อื ซอฟต์แวร์ ค่าบริการสมาชกิ ซอ้ื ไอเทม็ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างมีความรับผิดชอบ เชน่ ไมส่ รา้ ง ข่าวลวง ไมแ่ ชรข์ ้อมลู โดยไม่ตรวจสอบ ข้อเท็จจรงิ รวม กลางภาค ปลายภาค รวมทงั้ สน้ิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook