Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore eBook_compressed

eBook_compressed

Published by baningpoo, 2022-07-06 02:42:22

Description: eBook_compressed

Search

Read the Text Version

ของปุาขายในช฽วงที่ว฽างเว฾นจากฤดูไร฽นา บ฾านกลาง เป็นหมู฽บ฾านเล็กๆ ท่ีมีประชากรอาศัยอยู฽เพียง ๗๗ ครัวเรือน มีชาวบ฾านอาศัยอยู฽ไม฽ถึง ๓๐๐ คน สร฾างบ฾านเรือนอยู฽กระจัดกระจายท฽ามกลาง ไม฾ใหญ฽ท่ียืนต฾นให฾เห็นทั่วชุมชน แม฾ไม฽มีการบันทึกเป็นลายลักษณแอักษรที่สืบค฾นไปได฾ว฽า แท฾จริงแล฾ว คนบ฾านกลางเข฾ามาตั้งรกรากอยู฽อาศัยในพื้นที่ตรงนี้ตั้งแต฽สมัยใด แต฽จากคําบอกเล฽าของคนเฒ฽า คนแก฽ในหมู฽บ฾าน ทําให฾พอเห็นภาพว฽า ชุมชนบ฾านกลางตั้งอยู฽ในพื้นที่มามากกว฽า ๓๐๐ ปี หรือ ๕ - ๖ ช฽วงอายุคน โดยผู฾เฒ฽าเล฽าต฽อๆกันมาว฽าผู฾ก฽อตั้งหมู฽บ฾าน เป็นชาวกะเหรี่ยงโปวจากจังหวัด กาญจนบุรี ที่เดินทางมาค฾าขายในจังหวัดแพร฽ แล฾วเดินทางต฽อไปยังเชียงแสน โดยใช฾เส฾นทางสัน ดอยหลวง แต฽ระหว฽างทางได฾หยุดพักบริเวณห฾วยแม฽มาย และพบว฽าพื้นที่ตรงนั้นเป็นปุาอุดม สมบูรณแ และมีสัตวแปุานานาชนิดอาศัยอยู฽ ซึ่งเหมาะแก฽การอยู฽อาศัยทํากิน จึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐาน และสร฾างหมู฽บ฾านขึ้นที่นั่น ต฽อมาเริ่มมีคนเคลื่อนย฾ายมาตั้งถิ่นฐานเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็น หม฽ูบ฾านขนาดใหญ฽ ชาวบ฾านในสมัยนั้นจึงขยายพื้นที่ทํากินไปทางทิศเหนือ แล฾วตั้งหมู฽บ฾านขึ้นอีก หนึ่งหมู฽บ฾าน ซึ่งก็คือ บ฾านกลาง นั่นเอง หลักฐานสําคัญเกี่ยวกับการตั้งหมู฽บ฾าน คือ การบันทึก การเข฾ามาของศาสนาคริสตแ ซึ่งเป็นภาษากะเหรี่ยงสะกอ และอนุสาวรียแที่สร฾างขึ้นบริเวณที่ตั้ง หมู฽บ฾านเดิม เพ่ือฉลองวาระครอบรอบ ๑๐๐ ปี ของการต้ังหมู฽บ฾าน เมื่อ ๒๐ ปีที่แล฾ว ซึ่งคนในชุมชน เชื่อว฽าบ฾านกลาง เป็นหมู฽บ฾านแรกในประเทศไทยที่นับถือศาสนาคริสตแ ในแต฽ละปี ๑ ครอบครัว ทําไร฽หมุนเวียนครอบครัวละ ๕ ไร฽ ในช฽วงเวลา ๕ - ๖ ปีจะหมุนเวียนกลับมาทําซ้ําในจุดเดิม แล฾วแต฽ความอุดมสมบูรณแของพื้นที่ หรือบางพ้ืนที่อาจใช฾เวลาแค฽ ๔ ปี ก็สามารถกลับไปทําได฾ โดยภาพรวมพบว฽าชาวกะเหร่ียงตั้งบ฾านเรือนกระจายตัวอยู฽ในพื้นท่ีท้ังหมด ๕ อําเภอ ได฾แก฽ อําเภองาว อําเภอเมืองปาน อําเภอเสริมงาม อําเภอแจ฾ห฽ม และอําเภอแม฽เมาะ พบกลุ฽มกะเหร่ียง ๒ กล฽มุ กลุม฽ แรกได฾แกก฽ ล฽ุมกะเหรยี งโป อาศยั อยู฽ในอําเภองาวมากท่ีสุด และอําเภอแม฽เมาะ กล฽ุมท่ีสอง กลุ฽มกะเหร่ียงสะกอ พบอาศัยอย฽ูในอําเภอเสริมงาม อําเภอเมืองปาน และอําเภอแจ฾ห฽ม ในพ้ืนท่ี บ฾านแม฽ฮ฽าง อําเภองาว เป็นกล฽ุมกะเหรี่ยงโป ส฽วนใหญ฽นับถือศาสนาคริสตแ ยังมีการทอผ฾าด฾วยก่ีเอว ของชาวกะเหรยี่ งโปเปน็ ผา฾ ฝูายซง่ึ มีลวดลายเป็นเอกลักษณแเฉพาะตัว มีท้ังลายด้ังเดิมและลายประยุกตแ ทําให฾เกิดความสวยงามและทันสมัยมากขึ้นและเป็นหมู฽บ฾านส฽งเสริมการท฽องเที่ยวเชิงวั ฒนธรรม ของจังหวัดลําปาง สําหรับบ฾านแม฽หมีใน บ฾านแม฽หมีนอก และบ฾านจกปกเป็นหม฽ูบ฾านของชนเผ฽า กะเหรี่ยงสะกอ (ปกาเกอะญอ) อพยพโยกย฾ายมาจากเมืองคองอําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม฽ เมื่อประมาณ ๔๓๓ ปี หรือประมาณ พ.ศ. ๒๙๘๓ บ฾านแม฽หมีมีท้ังหมด ๓ หย฽อมบ฾าน คือ หย฽อมบ฾าน แม฽หมีใน มีพะตีอ฾ายยางเป็นผ฾ูนํา (หญ่ีโข฽) หย฽อมบ฾านแม฽หมีนอกมีพะตี่โคโล฽ยาง เป็นผ฾ูนํา และหย฽อม บ฾านจกปก มีพะต่ีหล฾ายางเป็นผ฾ูนํามีลํานํ้าหลักที่สําคัญของหมู฽บ฾าน ๔ ลําน้ํา คือ ลําน้ําแม฽หมีลําน้ํา ห฾วยปุาคา ลํานํ้าห฾วยก฾อม และลํานํ้าห฾วยแม฽หมีน฾อย มีน้ําไหลตลอดปี ชาวบ฾านแม฽หมีทําไร฽หมุนเวียน วัฒนธรรมประเพณีของชนเผา฽ ปกาเกอะญอดาํ รงอยไ฽ู ดด฾ ฾วยการทําไร฽ ซ่ึงไม฽เพียงแต฽ปลูกพืชต฽าง ๆ ยังนํา เมล็ดพนั ธแุมาผสมกับเมลด็ พันธขุแ า฾ วปลูกลงพร฾อมกบั ข฾าวไร฽ และได฾มกี ารปลูกพืชผักอื่น ๆ อกี มากมาย ส฽วนกลุม฽ ชาตพิ ันธแุกะเหรี่ยงท่ีบ฾านแม฽เลียงพื้นท่ีโดยท่ัวไปของบ฾านแม฽เลียงพัฒนาน้ันเป็นพ้ืนที่ ภูเขาประมาณ ๗๐% ของพืน้ ท่ีทัง้ หมด ชาวบ฾านท่ีอาศัยอย฽ูที่บ฾านแม฽เลียงพัฒนาน้ัน ส฽วนมากประกอบ อาชีพการทํานาเป็นอาชีพหลัก แต฽เมื่อผ฽านพ฾นจากช฽วงฤดูการทํานาแล฾ว ชาวบ฾านจะหันมาทําสวน เป็นพืชหมุนเวียนรวมไปถึงการรับจ฾างทํางานท่ัวไป และหาของปุาไปขายเพ่ือเป็นรายได฾เสริมให฾กับ 100

ครอบครัว ที่น฽าสนใจคือเป็นหม฽ูบ฾านที่ใช฾นามสกุลเดียวกันท้ังหม฽ูบ฾าน เพิ่งมาเปล่ียนได฾เพียง ๑ ครอบครวั ส฽วนช่ือจะนยิ มใช฾คําพยางคแเดยี ว ในอดตี ผช฾ู ายในหมบ฽ู า฾ นได฾รับการยกเว฾นไม฽ต฾องเกณฑแทหาร แต฽หลังจาก พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม฽ได฾รับการยกเว฾นอีกต฽อไป นอกจากนี้ยังเป็นหมู฽บ฾านที่คงอัตลักษณแของ ชนเผ฽ากะเหรี่ยงทง้ั ดา฾ นการกิน การแต฽งกาย บา฾ นเรอื นและภาษา ๒.๗.๒ ลักษณะโครงสร้างทางสงั คม กลุ่มเครือญาติ กลุ่มเครือญาติย่อย : สังคมกะเหร่ียงโป มีการแบ฽งแยกในการนับถือ “สกุล ของฝาุ ยมารดา” หรือเรียกอกี อยา฽ งวา฽ “การนบั ถือผี สายฝุายมารดา” แต฽ละหม฽ูบ฾านนอกจากจะมีกลุ฽ม หรือสมาชกิ ของผีสกลุ เดียวกันแล฾ว ยังมีกลุ฽มใหญ฽ - เล็ก และกลุ฽มสมาชิกของชุมชนในหมู฽บ฾านที่มิใช฽โป แท฾ ๆ อีก คือ บดิ าอาจเป็น “สะกอ” กล฽ุมสมาชิกเหล฽าน้ีถือได฾ว฽าเป็น “กลุ฽มย฽อย” ซึ่งไม฽มีอิทธิพลมาก เท฽ากับกล฽ุมสกุลฝุายมารดาท่ีเป็นกล฽ุมใหญ฽ท่ีสุด กล฽ุมศาสนาคริสตแ ผ฾ูประกาศศาสนาหรือสอนศาสนา และกล฽ุมสตรีแม฽บ฾าน เพราะในชุมชนกลุ฽มน้ี “แม฽บ฾าน” หรือ “ภรรยา” จะมีอิทธิพลในการตัดสินใจ ภายในบ฾าน ภรรยาจะเปน็ เจ฾าของบ฾านแต฽ผ฾ูเดียว และสิทธ์ิขาดเป็นของภรรยาเท฽าน้ัน “บ฾านของชุมชน กะเหรี่ยงน้ัน ถือว฽าเป็นอาณาจักรทางวิญญาณของผีบรรพบุรุษฝุายมารดา” สามีไม฽มีสิทธ์ิมาค฾างแรม หรือแม฾แต฽มากินอาหารที่บ฾านได฾ หากภรรยาไม฽อนุญาต “สตรีแม฽บ฾าน” หากมีการรวมตัวกันเป็นกลุ฽ม ก็ยอ฽ มมีอิทธิพล (แฝง) ให฾กับบา฾ นแต฽ละหลังได฾ การนับถือผู้นา : ในชุมชนกะเหรี่ยงโป มีความเช่ือและศาสนาที่มีความแตกต฽างกัน แบ฽ง ออกเป็น ๑. กล฽มุ กะเหรี่ยงโปที่นับถือพุทธศาสนา จะอาศัยในภาคกลางและภาคเหนือตอนล฽าง บุคคล สําคัญ ได฾แก฽ พระสงฆแ ด฾วยเหตุท่ีกะเหร่ียงโปมีความเคร฽งครัดทางพุทธศาสนา ดังน้ันชาวบ฾านจึงให฾ ความสําคญั ศรัทธา และความเคารพนับถือพุทธศาสนา ผู฾กระทาํ พิธที างศาสนาประจําหม฽ูบ฾านหรือผ฾ูนํา ทางศาสนา ผูเ฾ ป็นประธานในพิธที างศาสนา ซ่ึงมคี วามเชอ่ื ทางประเพณีวฒั นธรรมและประเพณีประจําปี ในหมู฽บ฾าน ฤาษี นับถือมากในทางศาสนกิจ ให฾ความเคารพเช฽นเดียวกับพระสงฆแ มีอิทธิพลเหนือ ชาวบา฾ น เพราะเชื่อกันว฽าจะเป็นผน฾ู าํ ท่จี ะทําให฾ชาวบ฾านประพฤติปฏิบัติตนในทางรักษาศีลธรรม เจ฾าวัด ซึง่ มไิ ด฾น฽ุงหม฽ เหลอื งเชน฽ พระสงฆแ แต฽เป็นผูช฾ ายซ่ึงเป็นผ฾ูนําและพิธีกรรมทางด฾านความเชื่อ บางคนมักจะ เช่อื ว฽า หมอผี หรอื บางเจา฾ วดั ก็ปฏิบัติตนเช฽นเดียวกับ พระ กลุ฽มอาวุโส ประกอบด฾วยผู฾ชายท่ีมีอายุมาก และมหี ลาย ๆ คนเป็นผก฾ู ําหนดการวินิจฉัยและการตัดสินใจบางเรื่องได฾ ๒. กลุ฽มกะเหรี่ยงโปที่นับถือผี กล฽ุมน้ีจะต้ังถิ่นฐานอย฽ูตามภาคเหนือและอย฽ูบนภูเขา ห฽างไกลจากหมู฽บ฾านคนไทยและยังเคร฽งครัดใน เรื่องจารีตประเพณี กลุ฽มนี้จะให฾ความสาํ คญั และนับถือ “หมอผี” หรือ “เซ่ีย เก็ง คู” เป็นผู฾ชาย หมอผี จะเป็นผ฾ูกําหนดงานต฽าง ๆ ท่ีเก่ียวข฾องกับความเป็นอย฽ูและความเจ็บไข฾ได฾ปุวย มีอิทธิพล ต฽อชุมชนใน เรื่องการ ทําโทษ และ ปรับไหม ต฽อผ฾ูกระทําความผิดต฽าง ๆ นอกจากนั้นยังนับถือกลุ฽มอาวุโส เป็นลักษณะหนึ่งของชุมชนกะเหร่ียงทขี่ าดมิได฾ เช฽นเดยี วกับกล฽มุ กะเหรยี่ งพทุ ธศาสนา ส่ิงศักดิส์ ิทธใิ์ นหมู่บ้าน : กะเหรี่ยงโป ได฾แก฽ วดั ศาลผปี ระจําหม฽ูบ฾าน หรือสถานท่ีท่ีเป็นที่กราบไหว฾ เคารพและบูชา ซ่งึ สงิ่ ทชี่ าวบ฾านเห็นควรกราบไหว฾เชื่อกันว฽าเป็นท่ีสิงสถิตของเทวดา ผีสาง หรือนางไม฾ ภายในหมู฽บ฾านมักจะเรียกว฽า “เป็นเขตหวงห฾าม”ซึ่งที่หวงห฾ามนั้นจะเป็นเพียงชั่วครั้งช่ัวคราว คือ มี กําหนด ๓ วัน ๓ คืน ถ฾าใครเข฾าไปหรือผ฽านเข฾าไปไม฽ว฽าจะเป็นการตั้งใจหรือไม฽ต้ังใจก็ดี ผ฾ูฝุาฝืนก็ต฾อง จา฽ ยเงนิ ท่ีเรียกวา฽ “คา฽ ปรบั ไหม” เปน็ เงินเท฽าท่ีชาวบ฾านได฾ใชจ฾ า฽ ยไป เขตท่ีวา฽ นีจ้ ะมีเคร่ืองหมายไว฾ให฾เห็น 101

เชน฽ ทบ่ี ันไดบา฾ นหนา฾ – หลงั ทีท่ างสามแพรง฽ ที่ประตทู างเข฾าหมู฽บ฾าน ทยี่ งุ ข฾าว หรือบางครั้งอาจจะเป็น ทีไ่ ร฽ เครื่องหมายนเ้ี รียกว฽า “ตะเล” หรือ “ตะแหลว” อีกสถานทีท่ ่กี ะเหรย่ี งโปนับถอื คือ บรเิ วณภายใน ตัวบ฾าน เช฽น ท่ีมุมบ฾านซ่ึงเป็นท่ีหลับนอนของพ฽อแม฽ ซ่ึงจะให฾เป็นที่ทําพิธีให฾ข฾าว นํ้า สุรา แก฽ผีบ฾านผี เรอื น หรือท่เี รยี กวา฽ “ไซบงั - ไซมึง” และอีกสถานที่หนง่ึ คอื “เตาไฟ” สถานทท่ี หี่ งุ หาข฾าวหรือประกอบ อาหาร ซง่ึ กะเหรย่ี งมีความเคารพนับถือเสมือนหน่งึ เป็น “เจ฾าแม฽เตาไฟ” เพราะสามารถและทําให฾พวก เขามีการกนิ ท่ีอิม่ เอม มารยาททางสังคม : การทักทาย กะเหรี่ยงโปทั้งพื้นท่ีราบและบนภูเขามีมารยาทที่ดีต฽อการ ทักทายปราศรัย ถือกันว฽าเป็นสิ่งที่ดีและปกติ รวมไปถึงบุคคลอ่ืน ๆ อีกด฾วย ไม฽ว฽าจะพบกันท่ีบ฾าน ในหมูบ฽ ฾าน กลางดง กลางปุา กลางดอย เมื่อเหน็ หรอื สวนทางกนั จะต฾องทักทายซงึ่ กนั และกัน และถึงแม฾ จะไม฽ร฾ูจักกันก็ต฾องทักและพูดคุยกัน หากไม฽พูดจาหรือทักทายกันแล฾ว กะเหรี่ยงถือว฽าเป็นการ “เสียมารยาทอย฽างแรง” การอําลา จากการทไ่ี ด฾พบกันกจ็ ะต฾องทักทายซึง่ กันและกันแล฾ว เมื่อมีการจาก กนั กจ็ ะตอ฾ งมกี ารกลา฽ ว “อําลา” บางครั้งผู฾ท่จี ะจากไปเป็นผู฾กล฽าวคําอําลา และบางคร้ังผู฾อยู฽ซึ่งมิได฾จาก ไปก็จะเปน็ ผ฾กู ลา฽ วคําอําลาข้นึ กอ฽ นก็ได฾ กบั ผูท฾ ่จี ะจากไป การรบั ประทานอาหาร ถือเป็นมารยาทท่ีดีและ น฽ายกยอ฽ ง ถ฾าหากเจอหนา฾ กันในขณะที่เจ฾าของบ฾านกาํ ลังทานอาหารอยู฽ หากมีแขกหรือเพ่ือนบ฾านข้ึนไป บนบา฾ นกจ็ ะถกู เชิญใหร฾ ว฽ มรับประทานอาหารด฾วย ซึ่งผถู฾ ูกเชิญน้ันถ฾าหาก “มีมารยาท” ตามธรรมเนียม ที่นิยมก็ควรท่ีจะร฽วมรับประทานอาหารกับพวกเขาอย฽างน฾อยซัก ๔ - ๕ คํา นอกเสียท฽านอ่ิมจริง ๆ “การด่ืมเหล฾า” ในสังคมกะเหร่ียงโป (ยกเว฾นกะเหร่ียงเช้ือสายไทยที่นับถือพุทธศาสนาที่ไม฽ได฾ดื่มสุรา และของมึนเมา) ซึ่งแตล฽ ะวนั แต฽ละคนื นัน้ เกย่ี วข฾องกับการดืม่ สุรามาก บางคร้ังจะด่ืมกันท้ัง ๓ วัน ๓ คืน และจากบ฾านหนึ่งไปอีกบ฾านหน่ึงเพื่อให฾ทั่วถึงทุกหลังคาด฾วย การเยี่ยมบ฾าน หรือ “การเย่ียมเยียน” ซึ่งแต฽ละบ฾านแต฽ละบุคคลถ฾าหากว฽างจากงานหรือกิจวัตรประจําวันแล฾ว ก็จะออกไปเย่ียมบ฾านซึ่งกัน และกนั ไมว฽ า฽ จะคา่ํ มดื หรอื ดึกดื่นเพียงใด โดยเฉพาะหลังจากกินอาหารคํ่าเสร็จแล฾ว แต฽การเยี่ยมเยียน ขึน้ บ฾านใดบา฾ นหนึ่งน้นั จําเปน็ อย฽างยง่ิ ที่จะตอ฾ งระมดั ระวงั ในเรอ่ื งของ “เขตหวงห฾าม” การพูดจา ในสังคมกะเหรย่ี งจะนิยมพูดส่ิงที่ดีงามไพเราะ แต฽จะแฝงไว฾ซ่ึงคําตลกโปกฮา พาให฾ หัวเราะปราศจากความเกรงใจบ฽อยครั้งท่ีจะผสมคําลามกเข฾าไป จะไม฽พูดส฽อเสียดหรือให฾ร฾ายแก฽ผู฾ใด ไมพ฽ ูดด฽าทอและเสยี งดงั ไมพ฽ ดู โกหกและกล฽าวเท็จ หากจับได฾ว฽ากระทําผิดก็อาจจะถูกลงโทษ หรือจะมี การบังคบั ใหด฾ ืม่ นํา้ สาบานจะถูกตําหนแิ ละหรือทําโทษ หรือการปรับไหมจากกลุม฽ อาวุโส ๗. การเข฾าร฽วม พธิ ีกรรม สงั คมของกะเหรี่ยงหากมกี ิจกรรม ทุกคนจะตอ฾ งมีส฽วนร฽วมเข฾าพิธีกรรมนั้น ๆ ซึ่งอาจจะมีส฽วน ในการร฽วมแรงงาน หรอื มีสว฽ นในการร฽วมเงินทองหรือส่ิงของ ในการเข฾าร฽วมพิธีกรรมนั้น ชายก็จะแยก ไปนั่งในกล฽มุ ของชาย และหญงิ ก็แยกนั่งตามกล฽ุมหญิง เร่ืองบางเรื่องของพิธีกรรมอาจจะเป็นเรื่องของ กลุ฽มชายเทา฽ น้ัน เชน฽ พิธศี พคนตาย ซง่ึ มแี ตช฽ ายเทา฽ นน้ั ท่ไี ปรว฽ ม ส฽วนหญิงจะไมไ฽ ด฾รว฽ มด฾วยเพราะเชื่อกัน ว฽าอาจจะถูกผีร฾ายหรือวิญญาณของผ฾ูตาย ทําร฾าย พิธีกรรมบางอย฽างจะอนุญาตให฾เฉพาะสมาชิกของ กลุ฽มหรอื สายผเี ดียวกันเท฽านัน้ ข้อห้ามสาคัญ : ช฾ูสาว สังคมกะเหรี่ยงโปนับว฽าเป็นเรื่องที่สําคัญมาก มีความเช่ือถือกันอย฽าง เคร฽งครัด หากใครฝุาฝืนหรือกระทําความผิดเกิดข้ึนแล฾ว จะต฾องมีการพิจารณาโทษถึงท่ีสุด เช฽น การ ปรบั ไหม การเล้ยี งผีเพอื่ การขอขมาลาโทษต฽อผเี จ฾าท่ีเจ฾าทาง ผีบรรพบุรุษ และเช่ือกันว฽าใครผู฾ใดกระทํา ความผิดในเร่ืองชู฾สาว ถึงแม฾จะไม฽เห็นจับไม฽ได฾ก็จริงแต฽ผีบ฾าน ผีเรือน ผีเจ฾าที่เจ฾าทางจะเห็น สังคม 102

กะเหร่ียงยังถอื ในเรื่องของ ผัวเดียว - เมียเดียว ๒. การเยี่ยมบ฾าน หากยังไม฽ได฾ทําพิธี ใครผู฾ใดจะข้ึนมา พกั ค฾างไม฽ได฾ แต฽จะออมชอมกันได฾หากจําเป็นจริง ๆ และจะต฾องเป็นผ฾ูชายเท฽าน้ันที่จะขึ้นมาพักค฾างคืนได฾ แขกที่จะมาพักค฾างคืนท่ีบ฾านนี้ท่ีเป็นสามี – ภรรยา ไม฽ควรอย฽างยิ่งที่จะร฽วมหลับนอนเสมือนหนึ่งเป็น บา฾ นของตนเอง ในกรณีท่เี จ฾าของบา฾ นมพี ธิ ีเล้ยี งผีและสงิ่ ของต฽าง ๆ ไม฽ว฽าจะเป็นของเจา฾ ของบ฾านเองหรือ จะเป็นส่ิงของแขกท่ีฝากไว฾ในบ฾านนั้น หากไม฽นําออกก฽อนท่ีเจ฾าของบ฾านจะเล้ียงผีแล฾ว จะนําออกอีกที หลังพิธีเลยี้ งผเี สรจ็ เป็นเวลา ๓ วนั ๓ คืน รวมถึงบุคคลหรือสมาชิกในบ฾านน้ีจะออกไปค฾างคืนภายนอก หมบ฽ู ฾านไมไ฽ ด฾ ๓. สถานทีส่ าํ คญั ในชมุ ชนหรอื บ฾านพัก หากเป็นกะเหร่ยี งพนื้ ราบท่อี ย฽ใู กลก฾ ับคนไทยก็จะมี ทีส่ ําหรบั เล้ยี งผปี ระจําหม฽บู า฾ นโดยเรียกวา฽ “ศาลผี” แต฽ถ฾าเป็นหมูบ฽ ฾านกะเหร่ียงทีน่ บั ถือพุทธศาสนาก็จะ มวี ัดซึ่งมีพระสงฆแแ ละพระพทุ ธรปู อย฽ู นอกจากน้ันยงั มอี าณาเขตทเ่ี รยี กว฽า “เขตอภัยทาน” เป็นสถานที่ สําหรบั ชาวบ฾านมาชุมนมุ แล฾วทาํ พธิ กี รรมต฽าง ๆ แต฽หากเปน็ กะเหรยี่ งโปบนภูเขา และเปน็ กลุม฽ ท่ีนับถือผี สถานที่สําคัญ ๆ ไม฽ค฽อยมี แต฽จะมีสถานท่ีท่ีห฾ามเข฾าในขณะกําลังทําพิธีเลี้ยงผี ซึ่งจะร฾ูเห็นได฾โดยมี เคร่ืองหมาย “ตะแหลว” ปใกไว฾ใหเ฾ ห็นในท่ีเดน฽ ชัด ค่านยิ มสาคญั : ไดแ฾ ก฽ ๑. การเกษตร กะเหร่ียงทกุ ทอ฾ งทีไ่ ม฽วา฽ จะอยู฽ทางภาคเหนือหรือใต฾ และ บนภูเขาหรือพื้นราบ สิ่งสําคัญในเร่ืองของการเกษตรก็คือ “การปลูกข฾าว” มีทั้งการปลูกข฾าวนา และ ข฾าวไร฽ และสง่ิ ทจี่ ะขาดมิได฾คือ “การเกษตรเพื่อปากทอ฾ ง” มากกว฽าทจี่ ะนาํ ไปขายเป็นเงินสด ความนิยม ในเรื่องของการเกษตรในชมุ ชนกะเหรีย่ ง ซึ่งนอกจากการปลกู ข฾าวแลว฾ ยังมีการปลกู พรกิ ผักตา฽ ง ๆ ไว฾ใน ไร฽ข฾าว โดยปลูกพร฾อมกันกับข฾าวไร฽ ๒. การรักษาพยาบาล จากความคุ฾นเคยในเรื่องของสภาพความ เปน็ อย฽ูดง้ั เดมิ และความไมเ฽ ชื่อเรื่องโรคภัยไข฾เจ็บ แต฽จะเชื่อในเรื่องของ “ผี” ซ่ึงจะเข฾ามาทําร฾ายบุคคล ให฾เจ็บไขไ฾ ด฾ปุวย และแม฾แต฽อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็จะโทษเรื่อง “ผีทํา” ท้ังสิ้น ถ฾าเป็นกะเหรี่ยงทางภาคใต฾ ก็จะเชื่อในเร่ืองของยาทันสมัย การฉีดยา และโรงพยาบาล แต฽ถ฾ากล฽ุมท่ีอยู฽บนภูเขามักจะกล฽าวว฽ า “โรงพยาบาลน้ันเป็นสถานที่สําหรับผู฾ที่จะไปตาย” ๓. การเซ฽นไหว฾ผี ซึ่งเป็นหน฾าที่และบทบาทของ “หมอผี” ชาวกะเหร่ียงโดยมากให฾ความสําคัญและเคารพเกรงกลัวต฽อสิ่งที่มองไม฽เห็นและสัมผัสไม฽ได฾ ได฾แก฽เรื่องของภูตผีปีศาจ เร่ืองของเทวดาและผีปุา หรือแม฽แต฽ผีเจ฾าท่ี ๔. หลักการวางตัวให฾เป็นท่ีนิยม ของชมุ ชน จะขึ้นอยู฽กับ “ตวั บคุ คล” บางคนมีความสามารถสงู แต฽บางคนไม฽สามารถทจ่ี ะทําได฾ 103

๒.๗.๓ ลกั ษณะทางวฒั นธรรม ประเพณี คา่ นยิ ม ความเชือ่ ความเชื่อเกย่ี วกับผี ขวัญ และวิญญาณของกะเหรย่ี ง : กะเหรี่ยงถอื ผีเจ฾าท่ีเจ฾าทาง “ทิคาเฉ฽คาง คงเฉ฽” เปน็ ผีทส่ี ําคัญทีส่ ุด พวกเขามีความเคารพนับถือต฽อผีตนน้ี ไม฽ว฽าจะเป็นดิน หิน น้ํา ต฾นไม฾ ไร฽ นา เหมือง ฝาย หรือโลกเราน้ี ก็ต฾องมีผีเจ฾าท่ีสิงอยู฽ พวกเขาจะต฾องมีพิธีบวงสรวงต฽อผีเจ฾าที่ปีละ ๒ ครั้ง เพือ่ ท่ีจะให฾ผเี จ฾าที่ได฾มาช฽วยสง฽ เสรมิ ให฾ผลผลติ พชื ไร฽ต฽าง ๆ เจริญงอกงามยิ่งขึ้น เช฽น พิธีอ้ังเลเข฾อะ มีขึ้น ระหว฽างฤดูฝนภายหลังการปลูกข฾าว พิธีเกซ฾างข฽ู หรือพิธีปีใหม฽ภายหลังการเก็บเก่ียวข฾าว พิธีดังกล฽าว ทําข้ึนเพื่อปูองกันมิให฾ผีมีความขุ฽นเคืองหรือโกรธ ส฽วนเรื่องผู฾ประกอบพิธีกรรมคือ หัวหน฾าหรือผ฾ูนํา ศาสนา เช่ือกนั วา฽ เขาเท฽านัน้ ท่ีจะติดต฽อสื่อสารกับผี มีพิธีกรรมที่สําคัญอีก ๒ พิธี คือพิธีเปี้ยงเคอะ เป็น พิธเี ชิญผีต฽าง ๆใหม฾ าช฽วยเหลือพชื ไรท฽ ่ยี ังอ฽อนให฾มีความเจริญเติบโต กับพิธีโก฿ะบือเร฽ หรือการเรียกขวัญข฾าว ต฽อด฾วยผีประจําตระกูลหรือผีบรรพบุรุษของสายฝุายมารดา เช่ือว฽า ผีบรรพบุรุษจะสามารถปกปูอง คม฾ุ ครองความเป็นอยข฽ู องสมาชกิ ในสายฝุายน้นั ๆ ได฾ อีกทง้ั ความเชื่อเกยี่ วกบั ขวญั หรอื เล฽ของกะเหร่ียง เชอื่ ว฽าทกุ คนมขี วญั ประจาํ ตัว ซง่ึ มที ั้งหมด ๓๓ ขวญั แต฽ขวญั ที่สําคัญมี ๖ ขวัญ คือ ศีรษะ หู คอ ข฾อมือ ขวัญต฽าง ๆจะออกจากร฽างกายได฾หากความตายเกิดข้ึนกับบุคคลผ฾ูนั้น เด็กที่เพิ่งคลอด เชื่อกันว฽าขวัญ ของรา฽ งกายยงั มิได฾เข฾ามาอย฽จู ะเหน็ ไดว฾ า฽ เม่ือเด็กเกดิ บิดาของเด็กจะรีบทาํ พิธีเรียกขวญั ข฾อแตกต฽างที่ทําให฾จําแนกระหว฽างกลุ฽มสะกอ กับโปได฾ง฽าย คือภาษาพูด โดยโครงสร฾าง ครอบครวั ชาวกะเหรยี่ งจะมีลักษณะครอบครัวเดี่ยวเปน็ ส฽วนใหญ฽ เมอ่ื ลูกชายแตง฽ งานจะไปอาศัยอย฽ูกับ พ฽อแมข฽ องฝุายภรรยาชวั่ ระยะหนึ่ง แล฾วจึงแยกครอบครัวออกมาอยใ฽ู นละแวกน้ัน การแต฽งงานจะเป็นไป ในระหว฽างเผ฽าพันธแุเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน และอย฽ูร฽วมชีวิตกันในระบบผัวเดียวเมียเดียว บ฾านทุก หลังเป็นสมบัติของฝุายหญิง วิญญาณของบรรพบุรุษฝุายหญิงคอยปกปูองคุ฾มครอง ในด฾านระบบ การศึกษา ชาวกะเหร่ียงทุกเผ฽าจะไม฽มีภาษาเขียนเป็นของตนเอง โดยกล฽ุมกะเหร่ียงท่ีอาศัยอยู฽ในพม฽า เดมิ ทมี มี ชิ ชันนารคี นหนึ่งไดค฾ ิดภาษาเขยี นของกะเหรี่ยง (หลิ - วา) ขึน้ โดยการดัดแปลงมาจากตัวอักษร พม฽า และนําภาษาเขียนเข฾ามาสู฽อาณาจักรไทยตามการอพยพข฾ามแดน ต฽อมาบาทหลวงคาทอลิกชื่อ Joseph Seguinotte ไดค฾ ดิ ภาษากะเหรี่ยง (โรเหม)฽ ข้ึน โดยเขียนตามอักษรโรมัน มีกะเหรี่ยงไม฽มากท่ี จะใชภ฾ าษาเขียนน้ไี ด฾ ในด฾านความเชื่อเร่ืองความตาย มีความเช่ือว฽าทุกสิ่งล฾วนกลับคืนส฽ูธรรมชาติ ดังน้ันหมูและไก฽ สําหรับผีของกะเหรี่ยงโป นับเป็นสัตวแเลี้ยงที่มีความหมาย ความสําคัญ และจําเป็นอย฽างย่ิงในสังคม กะเหร่ียงโป ทั้งน้ีเพราะจะต฾องใช฾เพื่อการสังเวยและทําพิธีกรรมต฽าง ๆ หากไม฽ได฾มีพิธีกรรมจะฆ฽าหมู และไก฽เพื่อบริโภคไม฽ได฾ ไข฽ไก฽ก็จะไม฽นํามาบริโภคเหมือนกัน สําหรับพันธุแหมู – ไก฽ เป็นพันธแุพื้นบ฾าน ทงั้ หมด ไม฽นิยมนําหมู – ไก฽ ทเี่ ปน็ สขี าวท้งั ตวั มาทําพธิ กี รรม ระบบการจดั การทรพั ยากร ดิน นา้ ปา่ : ในดา฾ นศักยภาพในการจัดการทรัพยากร ดนิ – นํ้า – ปุา ของชาวกะเหร่ียง ข฾อมูลพ้ืนฐานของหมู฽บ฾านท่ีศึกษา ๖ หม฽ูบ฾าน ในจังหวัดลําปาง ๔ หมู฽บ฾าน ประกอบดว฾ ย บา฾ นแม฽หมีใน แม฽หมีนอก แม฽ตเอมใน และแม฽ตเอมนอก เป็นหมู฽บ฾านขนาดเล็ก อยู฽ในเขต ตําบลหัวเมือง อําเภอเมืองปาน สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของหมู฽บ฾านท่ีศึกษา การปลูกข฾าวไร฽เพื่อการ บริโภคในครวั เรอื น มีครัวเรอื นส฽วนนอ฾ ยในแตล฽ ะหมู฽บ฾านท่มี ที ่ีนาเปน็ ของตนเอง รายไดท฾ เ่ี ป็นเงินสดส฽วน ใหญ฽ได฾จากการขายของปุา ขายสัตวแเล้ียงและออกรับจ฾างแรงงาน ความเชื่อทางศาสนา ถึงแม฾จะมี ชาวบ฾านบางส฽วนหันมานับถือศาสนาคริสตแแต฽ความเช่ือในจิตวิญญาณและสิ่งศักด์ิสิทธ์ิยังมีอิทธิพลต฽อ 104

ชีวิตของคนในชุมชนอยู฽มาก การจัดจําแนกประเภททรัพยากรดิน - น้ํา – ปุา ตามประเพณีของชาว กะเหร่ียง โดยจารตี ประเพณีของชาวกะเหร่ยี ง ปาุ กบั การทาํ กินเป็นเรอื่ งผูกพันมาโดยตลอด ชาวกะเหรีย่ ง ได฾จัดจําแนกประเภทปุาตามลักษณะการใช฾ประโยชนแ ๑. ปุาใช฾สอยรอบหมู฽บ฾าน ๒. ปุาช฾า ๓. ปุาฟน้ื ตัวจากไร฽ ๔. ปุาหวั นา เป็นพื้นท่ีปุาเหนือผืนนา ๕. ปุาขุนห฾วย มักจะอย฽ูสูงกว฽าและ ห฽างไกลจากตัวหม฽ูบ฾าน และยังจําแนกประเภทปุาตามความเชื่อ ๑. ปุา ตะ เด โดะ เป็นปุาท่ีอยู฽ใน ช฽องเขา ถือเป็นทางเดินของผี ห฾ามหักล฾างทํากิน แต฽สามารถหาอาหาร สมุนไพร และไม฾ฟืนจากปุาได฾ ๒. ปก฽า เด หม่นื เบอ เปน็ ปาุ ที่ข้ึนบนเนินลักษณแหลังเต฽า มีสายนํ้าไหลอ฾อมหรือล฾อมรอบ ถือว฽ามีผีแรง ห฾ามการหาประโยชนแใด ๆ ท้ังส้ิน ๓. ปก฽า เซ มอปู เป็นปุาน้ําซับ มีต฾นไม฾ใหญ฽และมีน้ําขังตลอดปี ถอื เป็นที่อยขู฽ องผีน้ํา ห฾ามกินน้าํ ในบริเวณน้ี ๔. ปกา฽ ที หนา จวะ คี หรอื ปุาขุนห฾วย เชือ่ ว฽ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สงิ สถติ อย฽ู ห฾ามการตดั ฟในใชป฾ ระโยชนแ ๕.ปกา ที เปุอ ถอ฽ เป็นปุาที่มีน้ําซึมออกมาเป็นบริเวณ มีน้ําไหล ตลอดปี เชื่อว฽าเป็นท่ีอยู฽ของผีน้ํา อาจตัดไม฾นําไปใช฾สอยได฾ แต฽จะต฾องห฽างออกมาจากบริเวณนํ้าซับ ๙ - ๑๐ เมตร ๖. ปกา฽ ปู ที เปุอ ถอ฽ เปน็ ปาุ ทม่ี นี ้าํ ผุด เชือ่ กนั วา฽ ผนี า้ํ ดุมาก หา฾ มรบกวนเดด็ ขาด นอกจากจะมีกฎระเบียบที่ควบคุมโดยระบบความเช่ือแล฾ว ชาวกะเหร่ียงยังมีความเช่ือในการ รักษาตน฾ ไม฾ โดยมขี อ฾ ห฾ามการตัดทําลายไม฾ประเภทตอ฽ ไปนี้ ๑. ต฾นไม฾ทถี่ ูกเลือกเป็นทแี่ ขวนสายสะดือเด็ก เกดิ ใหมแ฽ ต฽ละคน ๒. ต฾นไทรท่ีมขี นาดใหญ฽ ๓. ต฾นไมท฾ ่ใี ชแ฾ บกหามคนตาย ๔. ตน฾ ไม฾ท่ีขึ้นเป็นค฽ูใกล฾ชิดกัน ๕. ต฾นไมท฾ สี่ ว฽ นปลายโน฾มตดิ กับอีกต฾นหนึ่ง ๖. ไม฾ต฾นผ้ึง ที่มีรังผึ้งเกาะอย฽ู ๗. ต฾นไม฾ท่ีมีเถาวัลยแพันเกี่ยว ๘. ตน฾ ไม฾ท่ีขนึ้ บนจอมปลวก ส฽วนของดนิ นอกจากการเลือกทําเลในการต้ังหมู฽บ฾านแล฾ว ยังใช฾ดินในการ ทํานา ไร฽ข฾าว สวนครวั รมิ บ฾าน ในหมู฽บ฾านชาวบา฾ นสว฽ นใหญป฽ ลกู ขา฾ วไร฽มากกว฽าข฾าวนา ทั้งนี้เนื่องมาจาก พน้ื ที่ท่สี ามารถเปิดเปน็ ท่ีนา มีระบบน้าํ เข฾าหล฽อเลี้ยงได฾ มีไม฽มาก อีกทั้งการปลูกข฾าวไร฽ หมายถึง การมี พืชผักอ่ืน ๆ อีกหลายสิบชนิดไว฾บริโภคด฾วยระบบการปลูกพืชแบบผสมในไร฽ข฾าว ซึ่งไม฽สามารถจะทํา อย฽างเดยี วกนั ไดใ฾ นนาขา฾ ว ระบบการทําไร฽ของชาวกระเหร่ยี งเปน็ การทําไรแ฽ บบหมนุ เวยี นท่ีดิน 105

ความเชื่อในสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ : เป็นกฎหมายควบคุมการจัดการทรัพยากรการดํารงอยู฽ของระบบ การจดั จําแนกและการจัดการทรัพยากรเหล฽าน้ี มีความเช่ือในส่ิงศักด์ิสิทธิ์เป็นตัวควบคุม ซ่ึงแสดงออก ในรูปของพธิ ีกรรมตา฽ ง ๆ เช฽นปลูกขา฾ วไรก฽ ็พิธีกรรมท่ีเรียกรวม ๆ ว฽า “บอคี” พิธีกินข฾าวใหม฽ (เอาะ บือ ซอ) พิธีเรียกขวัญขา฾ วขน้ึ ยง฾ุ ซงึ่ เปน็ พธิ ีทีท่ ุกครัวเรือนจะต฾องกระทําท้ังส้ิน พิธีการเหล฽านี้สะท฾อนให฾เห็น สายใยความมสัมพันธแระหว฽างมนุษยแกบั ธรรมชาติ ยงั มีพิธีกรรมที่แสดงออกถึงความสัมพันธแระหว฽างคน ในชุมชนด฾วยกนั คือพิธกี รรมท่ีถือเป็นวันขึ้นปีใหม฽ เป็นการชุมนุมพบปะกันของคนท้ังชุมชน ก฽อนท่ีจะ ลงมือทํากิจกรรมในรอบปีต฽อไป พิธีผูกข฾อมือของผ฾ูคนในหม฽ูบ฾าน จะเห็นว฽าพิธีกรรมเหล฽าน้ีตอกย้ํา ให฾เห็นทัศนะที่ว฽า มนุษยแกับธรรมชาติน้ันต฾องพ่ึงพิงกัน พลวัตของการทําไร฽แบบย฾ายที่ตามจารีต ประเพณี คนโดยทั่วไปมักคิดว฽า ส่ิงท่ีเป็นกรอบความคิดและการปฏิบัติตามแบบจารีตประเพณีน้ันมี ลักษณะคงที่ ไม฽มกี ารเคลอ่ื นไหวเปลี่ยนแปลง กรณีตัวอย฽างของชาวกะเหร่ียงแสดงให฾เราเห็นว฽า ถึงอย฽างไรก็ตาม ความเป็นจารีตประเพณี ก็ไม฽อยู฽นอกกฎเกณฑแของความเป็นพลวัตว฽าแท฾จริง การปฏิบัติตามจารีตก็ได฾มีการปรับเปล่ียนตนเอง มาแล฾ว ในอดีตจากคําบอกเล฽าของผู฾อาวุโสชาวกะเหร่ียง ในสมัยท่ีการปกครองยังอยู฽ในมือเจ฾าเมือง ต฽าง ๆ น้ัน ชาวกะเหรี่ยงนิยมอยู฽รวมกันเป็นชุมชนใหญ฽ ภายใต฾การนําของ “ฮีโข฽” (หัวหน฾าบ฾าน) ก฽อนการเพาะปลูกในแต฽ละปีนั้น ฮีโข฽จะเรียกประชุมลูกบ฾านท้ังหมดเพ่ือกําหนดพ้ืนท่ีเพาะปลูกข฾าวไร฽ ของปีนั้นว฽า จะทําในบริเวณฟากใดของภูเขา ต฽อมาเม่ือการปกครองถูกรวมศูนยแอํานาจของเจ฾าเมือง ต฽าง ๆ เส่ือมโทรมลง โดยกลายเป็นอํานาจบริหารจากส฽วนกลาง สังคมกะเหรี่ยงได฾เกิดการแตกแยก ออกเปน็ ๒ ฝาุ ย คือฝาุ ยที่ยนิ ดีจะปรบั ตวั เขา฾ สร฽ู ะบบอํานาจส฽วนกลาง และฝุายที่ต฾องการหลีกเล่ียงจาก อํานาจส฽วนกลาง ซงึ่ มผี ลทําใหเ฾ กดิ การแตกตัวของชุมชนกะเหรี่ยงขนาดใหญ฽ เป็นชุมชนเล็ก ๆ มากขึ้น กระจัดกระจายกันอยู฽ลึกเข฾าไปในปุาเขา พร฾อมไปกับการเกิดโครงสร฾างชุมชนท่ีไม฽มีฮีโข฽ โดยจะมีเพียง “คอทิ” หรือผ฾ูอาวุโสที่นับถือกัน ปกครองเฉพาะชุมชนย฽อย ๆ รูปแบบการใช฾ที่ดินก็ถูกปรับเปล่ียน ตามไปด฾วย แต฽ละครัวเรือนสามารถเลือกกําหนดพ้ืนที่ไร฽ข฾าวในแต฽ละปีของตนเองได฾ โดยอาจจะยึด ตามรูปแบบการทําไร฽ในบริเวณฟากดอยเดียวกัน ร฽วมกับครัวเรือนอื่น ๆ หรือไม฽ก็ได฾ ถึงแม฾จะ ทาํ ใหด฾ ูเหมอื นวา฽ ท่ไี รเ฽ ปน็ ทรัพยสแ นิ สว฽ นตัว แตก฽ ็ยังคงยดึ ถอื ธรรมเนยี มทเี่ ปดิ ให฾มีการเจรจาขอใช฾ที่ดินกันได฾ หากผู฾ใดเคยทําอยู฽ก฽อนให฾ความยินยอม ดังน้ันลักษณะของการเป็นสมบัติกึ่งส฽วนตัว – ก่ึงส฽วนร฽วมนี้ ก็ยังคงอย฽ูในการใช฾ท่ีดินเพาะปลูกข฾าวไร฽รูปแบบนี้ จะพบเห็นในหม฽ูบ฾านขนาดเล็กเท฽านั้น ลักษณะ ก่ึงส฽วนตัว – กึ่งส฽วนรวมน้ี จะเก่ียวข฾องกับทรัพยากร ดิน – น้ํา – ปุา โดยตลอดพ้ืนที่ปลูกสร฾างบ฾าน หรือ “ต฽าโร฽” สวนริมบ฾านนั้นถูกพิจารณาว฽าเป็นของส฽วนตัวตราบเท฽าที่ผ฾ูครอบครองยังอย฽ูและยังใช฾ ประโยชนแอยู฽ แต฽เมื่อใดที่บ฾านหลังนั้นย฾ายไป พื้นที่บริเวณน้ันก็จะตกเป็นของส฽วนรวมที่ครอบครัวอ่ืน สามารถใช฾ได฾ สําหรับทนี่ า ถือว฽าการบกุ เบกิ ใชเ฾ วลาเนนิ่ นานและเปลืองแรงงาน รวมทั้งการจัดทําระบบ เหมืองฝายนําน้ําเข฾านา จึงทําให฾ที่นาได฾รับการพิจารณาว฽าเป็นทรัพยแสินส฽วนตัวถาวรที่ตกทอด สล฽ู กู หลานได฾ การทอผ้ากี่เอว : หน่ีคิ – มัดหมี่กะเหร่ียงเป็นการนําเสนอถึงกระบวนการมัดหมี่ ลักษณะ ลวดลายและการใช฾ลวดลายมัดหมข่ี องกล฽มุ ชนชาวกะเหรย่ี ง ซง่ึ เปน็ ชาวเขาเผ฽าหน่ึงของประเทศไทยที่มี ถิ่นฐานเดิมอยู฽ในพม฽า และอพยพเข฾ามาส฽ูประเทศไทยประมาณ ๔๐๐ ปีมาแล฾ว กะเหร่ียง ชนเผ฽า อนุรักษแการถักทอ ซ่ึงปรากฏเด฽นชัดทางวัฒนธรรมการแต฽งกายมีเพียง ๒ กล฽ุมคือ กล฽ุมสะกอ และ 106

กล฽ุมโป ความแตกต฽างของกะเหรี่ยง ๒ กลุ฽มน้ีสังเกตได฾จากการแต฽งกายซึ่งปรากฏให฾เห็นอย฽างชัดเจน จากการใชส฾ แี ละลวดลายตกแต฽ง แตด฽ ฾านรูปแบบ พ้ืนฐานเครื่องแต฽งกายของท้ัง ๒ กลุ฽ม ยังคงเป็นแบบ เดียวกัน คือใช฾ผ฾าหน฾าแคบเย็บประกอบเป็นเครื่องนุ฽งห฽ม โดยไม฽มีการตัดให฾โค฾งเว฾า การแต฽งกายตาม จารีตเป็นสาเหตุหนึ่งที่เอ้ืออํานวยให฾กะเหร่ียงยังคงทอผ฾าข้ึนใช฾เองในสังคม ในขณะท่ีชาวเขาเผ฽าอื่น เรม่ิ นําผ฾าทอสาํ เรจ็ รูปมาตัดเยบ็ แทนการทอข้ึนใช฾เอง ทําให฾คนรุ฽นหลงั ทอผา฾ ไม฽เป็นและไม฽ร฾ูจักการทอผ฾า ตามวิถีด้ังเดิม ผ฾ามัดหมี่ของกะเหร่ียง กลุ฽มสะกอ และโป เรียกด฾ายท่ีมัดย฾อมว฽า ล฽ูคิ หรือ หล่ือคิ และ เรียกผ฾าซิ่นที่ทอสลับลวดลายมันหม่ีว฽า หน่ีคิ หรือนิไค ฉะน้ันจึงปรากฏว฽า ลวดลายมัดหมี่ที่ใช฾ในกลุ฽ม กะเหรย่ี ง จะใช฾เพยี งประกอบในผนื ผ฾าซิ่นของหญงิ แต฽งงานแลว฾ เทา฽ นัน้ กลุ฽มสะกอนยิ มใชล฾ วดล฾ายมัดหมี่ ตกแต฽งผ฾าซิ่นมากกว฽ากระเหรย่ี งโป ท่นี ิยมใช฾มดั หมี่ทมี่ สี ีตดั กบั สพี ืน้ ของผ฾าซิ่นแทรกสลับเป็นริ้ว ๆ ความ กว฾างของแต฽ละร้ิวมขี นาดเลก็ กว฽าในกล฽มุ สะกอ สีที่ใช฾มีสีดํา และน้ําเงินหรือคราม ในสมัยก฽อน “หนี่คิ” เป็นผ฾าถุงท่ีหญิงแม฽เรือนทุกคนต฾องมีไว฾ครอบครอง โดยผืนที่สวยที่สุดและเป็นผืนแรกที่จะมีโอกาส สวมใส฽ คอื ผ฾าซิ่นทีใ่ ชใ฾ นพิธีแตง฽ งานเป็นชุดกบั เสือ้ ดาํ ปกใ ลูกเดือยลายโบราณ และผ฾าโพกหัวสีขาว ทอลาย ท่ีเชิงสองด฾านอย฽างงดงาม หลังเสร็จพิธี ชุดนี้จะเก็บรักษาไว฾ในห฽อผ฾าสีดําผูกด฾วยตอก และใส฽ไว฾ก฾น ตะกร฾าทรงสูงเสมอื นต฾เู สอ้ื ผา฾ โดยจะไม฽นาํ มาสวมใสอ฽ กี และจะถือว฽าส่ิงน้ีคือมรดกท่ีจะมอบให฾ลูกหลาน ต฽อไป (ซึ่งลูกหลานก็มักจะนําชุดน้ีมอบกลับคืนเจ฾าของเมื่อเวลาตาย ให฾นําไปใช฾ในโลกหน฾า) สําหรับ จงั หวดั ลาํ ปางลวดลายลายพ้นื ฐานของการมดั หม่ีของกะเหรย่ี ง มีเพียง ๔ ลายเท฽าน้ัน คือ ๑. ลาดคดไป คดมา เป็นลวดลายท่ีต฽อเนื่องไปได฾เร่ือยๆ ๒. ลายวงตา ลักษณะคล฾ายลายสี่เหล่ียมขนมเปียกปูน ๓. ลายปากนอก มลี กั ษณะเหมอื นลายหยกั ฟในปลา ๔. ลายปกี ผีเสือ้ การแต่งกาย: ที่เป็นเอกลักษณแมักเห็นได฾จากการแต฽งกายของผู฾หญิง ส฽วนผ฾ูชายจะสวมเสื้อ สีแดงส่ือถึงลักษณะของความเป็นชาย สวมเสื้อทรงกระสอบ คอเสื้อเป็นรูปตัววีตรง ชายเสื้อจะติดพ฽ู หอ฾ ยลงมา เส้อื สแี ดงของชายโสดจะมีพู฽หอ฾ ยยาวลงมาเลยชายเส้อื ส฽วนเสอื้ แดงของชายทแี่ ตง฽ งานแล฾วจะ ติดพู฽ห฾อยลงมาเสมอชายเสื้อ ผ฾ูชายกะเหรี่ยงจะสวมกางเกงแบบคนไทยภาคเหนือ หรือสวมโสร฽งแบบ พมา฽ นอกจากเสื้อแลว฾ ผ฾ูชายกะเหร่ียงยังใช฾ผ฾าโพกศีรษะซึ่งมีลวดลายปีกสีแดงและมีถุงย฽ามท่ีออกสีแดง ผู฾หญิงกะเหร่ียงสะกอที่ยังไม฽ได฾แต฽งงานจะใส฽ชุดทอด฾วยมือทรงกระสอบสีขาว ยาวกรอมเท฾าและมีผ฾า โพกศีรษะ ส฽วนผู฾หญิงกะเหรี่ยงท่ีแต฽งงานแล฾วจะสวมเสื้อทรงกระสอบ ตัวสั้นเลยเอว คอเป็นรูปตัววี แขนในตัว ส้ันเลยไหล฽ ประดับประดาด฾วยลูกเดือยและฝูายสี การประดิษฐแลวดลายและการใช฾สีสัน ต฽าง ๆ และสวมผ฾าซิ่น หญิงท่ีแต฽งงานแลว฾ จะตอ฾ งสวมเส้อื ที่มีลายปใกลกู เดอื ยเชอื่ กนั ว฽าถ฾าไม฽มีจะทําให฾ไม฽ มีลูก และเชื่อกนั ว฽าจะกนั ผีได฾ แต฽กะเหรีย่ งสะกอท่นี ับถอื คริสตแจะไมป฽ ใกลูกเดอื ยและจะทําลวดลายลงไป ในเสือ้ เลย สว฽ นผา฾ ซ่ินหญิงกะเหรยี่ งที่แตง฽ งานแล฾วและนับถือผีจะใส฽ผ฾าซ่ินท่ีมีลายกี่ ส฽วนหญิงที่แต฽งงาน แลว฾ และนับถือคริตสแจะไม฽มีลายก่ี ลวดลายของผ฾าซ่ินแสดงถึงความขยันหมั่นเพียรของผ฾ูทํา การย฾อม สีผ฾า ใช฾วัสดุธรรมชาติ ได฾แก฽ เปลือกไม฾สัก ไม฾แดง ไม฾ประดู฽ ส฽วนต฾นไม฾ที่ใช฾ย฾อมสีเป็นต฾นเล็ก ๆ ได฾แก฽ ตน฾ คราม ต฾นแสดหรือเงาะปุา การย฾อมสีของลายกี่จะต฾องไปเอาต฾นไม฾ชนิดหนึ่งในปุาซ่ึงมีสีอย฽างลายก่ี เวลาไปเอาจะต฾องไม฽บอกใคร เพราะจะทําใหย฾ อ฾ มไม฽ตดิ 107

การตั้งถ่ินฐานและบ้านเรือน : กะเหรี่ยงในแถบภาคเหนือและภาคตะวันออก ตั้งถ่ินฐานอยู฽ ตามหุบเขาท่ีมลี าํ ธารเล็ก ๆ ไหลผ฽าน ในขณะท่ีชาวไทยภูเขากลุ฽มอื่น ๆ เช฽น ม฾ง อาข฽า เข฾า ลีซอ มูเซอ ตงั้ ถ่นิ ฐานอยูบ฽ นเนนิ เขา บา฾ นกะเหรี่ยง สรา฾ งด฾วยวสั ดุที่หาได฾จากในท฾องถ่ิน ส฽วนมากใช฾เสาไม฾และใช฾ไม฾ ไผ฽ซง่ึ สบั และตีแผเ฽ ปน็ ฟากมาทาํ พื้นบา฾ นและฝาบา฾ น หลังคามงุ ด฾วยหญ฾าคาแห฾งเยบ็ หรอื มุงด฾วยใบตองตึง สร฾างแบบยกพื้น มีห฾องเดียวเป็นห฾องอเนกประสงคแ กลางห฾องมีเตาไฟสร฾างอย฽ูบนกระบะดิน เหนือ กระบะดนิ จะสร฾างช้นั วางของ ช้ันลา฽ งสดุ วางกระด฾งข฾าวเปลือก ช้นั เหนือขึ้นไปใช฾วางเครื่องปรุงหรืออาจ วางหมอ฾ ข฾าวหม฾อแกง อาชีพและความเป็นอยู฽ อาชีพหลัก คือปลูกข฾าวในนาดําแบบขั้นบันได และในไร฽ ขา฾ วและไร฽หมุนเวยี น อาชพี รอง คอื การหาของปาุ รับจ฾างท่วั ไป การทอเสือ้ ทอย฽ามขายเป็นรายได฾เสริม อาหารกะเหรี่ยง คือ ข฾าวกับพริกและเกลือ นิยมบริโภคอาหารเผ็ด ส฽วนพืชผักและเนื้อสัตวแที่นํามา บริโภคจะขึ้นอย฽ูกับฤดูกาล ข฾าวกะเหร่ียงนิยมบริโภคข฾าวเจ฾าซึ่งมีเมล็ดอ฾วนกลม มีอย฽ู ๒ ชนิด คือ ชนิดเมล็ดสขี าวและชนิดเมล็ดสีแดง กับข฾าวหลัก คือ นํ้าพริกและแกง อาหารพิเศษจากธรรมชาติ เช฽น เห็น สาหรา฽ ย ตะไครน฽ ้ํา แมงดา ผง้ึ ฯลฯ ของหวาน กะเหร่ียงไม฽มขี องหวานทก่ี ินหลังอาหาร แตม฽ ีขนมที่ ทาํ กนิ ในงานเลยี้ งหรอื พธิ ีกรรม เชน฽ ข฾าวปุก 108

๒.๘ กลุม่ ชาติพันธม์ุ ้งในจงั หวัดลาปาง ๒.๘.๑ ประวตั ิศาสตรค์ วามเปน็ มาของกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ และการเคลอื่ นย้าย ม฾ง Hmong เป็นกลุ฽มชาติพันธุแในภูเขาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ และมีประวัติศาสตรแอัน ยาวนาน ชาวม฾งอพยพลงมาทางใต฾ตั้งแต฽ศตวรรษท่ี ๑๘ เน่ืองจากสถานการณแที่ไม฽สงบทางการเมือง และหาพ้นื ทท่ี เ่ี หมาะสมกับการเพาะปลูก ปใจจุบันมีชาวม฾งอาศัยอย฽ูในประเทศจีน ไทย เวียดนาม ลาว และสหรัฐอเมริกา โดยชมุ ชนชาวมง฾ ทใ่ี หญท฽ สี่ ดุ ในประเทศไทยอย฽ทู ีต่ ําบลเขก็ น฾อย อําเภอเขาค฾อ จังหวัด เพชรบูรณแ สําหรับในประเทศไทยคําว฽า “แม฾ว” เป็นคําเรียกท่ีไม฽สุภาพในการเรียกกลุ฽มคนม฾ง ชาวม฾ง โดยส฽วนใหญ฽ไม฽ชอบให฾เรียกว฽าแม฾ว โดยถือว฽าเป็นการดูถูกเหยียดหยาม ระหว฽าง สงครามอินโดจีน ครงั้ ท่หี น่งึ และสงครามอินโดจนี ครั้งท่ีสอง ชาวม฾งในลาวได฾ต฽อส฾ูขบวนการปะเทดลาว ชาวม฾งหลายคน อพยพมาประเทศไทย และชาติตะวันตก ดร.ลิ ติ่ง กุย (Dr.Li Ting Gui) อ฾างโดยเลอภพ (๒๕๓๖) ได฾ สรปุ วา฽ การอพยพครัง้ ใหญ฽ ๆ ในอดีตของชนชาตมิ ง฾ ตัง้ แต฽อดีตจนถึงปจใ จบุ ันมีอยูท฽ งั้ ส้นิ ๔ ครงั้ ดว฾ ยกันคือ คร้ังท่ี ๑ อพยพออกจากบริเวณทางใต฾ของสองฝใ่งแม฽นํ้าเหลืองหรือแม฽นํ้าฮวงโห (Southern Poition of the Yellow River) ราว ๆ ๕,๐๐๐ ปีทผ่ี ฽านมา ม฾งไดอ฾ าศัยอยู฽บริเวณ ๒ ฝ่ใงทางตอนใต฾ของ แม฽นํา้ เหลือง ในขณะนัน้ ม฾งมชี ่อื เรียกว฽า จู฽ล่ี (Tyuj Liv) เป็นชนกลุ฽มแรกท่ีรู฾จักใช฾ทองสัมฤทธิ์ (Brouze) ร฾ูจกั ปลกู ข฾าว และการเล้ยี งปลาในนาขา฾ ว ประชากรทุกคนมีความผาสุขภายใต฾การปกครองของกษัตริยแ “ชิยู” (Chiyou) ในขณะเดียวกันได฾มีชนกลุ฽มหนึ่งคือ “ชาวฮั่น” (Huaj) ได฾อพยพจากทางทิศตะวันตก เข฾ามาอย฽ูในบริเวณของชนชาติจู฽ลี่ ผู฾นําของชนกล฽ุมฮั่นคือ ฮ่ันหย฽า (Hran Yuan) ท้ังสองกลุ฽มน้ีอยู฽ ด฾วยกันไม฽นานเกิดความขัดแย฾งกันจนถึงขั้นสู฾รบกัน ผลสุดท฾ายชนชาติจ฽ูล่ีพ฽ายแพ฾แก฽ชนชาติฮั่น ท้ังนี้ เพราะชนชาติฮ่ันมีประชากรเยอะกว฽า ในขณะที่ชนชาติจ฽ูล่ีเป็นเกษตรกร ชาวไร฽ ชาวนา จึงได฾ถอยร฽น ลงมาทางใตใ฾ กลก฾ บั แมน฽ ้าํ แยงซี (Tangrse River) ครั้งที่ ๒ อพยพออกจากบริเวณปกครองม฾ง (San Miao) หลังจากที่ชาวจ฽ูล่ีได฾อพยพลงมาทาง ตอนใต฾ ไดม฾ กี ารรวมกบั ชนพ้ืนเมือง “ซานเมียว” (San Miao) ข้ึน ชาวม฾งและชนพื้นเมืองมีความรักใคร฽ อย฽างแน฽นแฟูน ชาวม฾งจึงเรียกกลุ฽มนี้ว฽า “จีน” (Suay) แต฽กลุ฽มฮั่นยังคงติดตามมารุกรานคอยทําร฾าย ฆ฽าฟนใ ชาวมง฾ หรือจลู฽ อี่ ยเ฽ู รอื่ ยๆ ชาวม฾งจงึ ได฾แตกออกเป็น ๓ กล฽ุม หนีลงทางใต฾ ในปใจจุบันนี้คือ มณฑล กวางสี (Guang – ti) มณฑลกวางโจและมณฑลยูนาน (Yunnan) อกี ส฽วนหน่ึงหนีร฽นลงมาทางตะวันตก 109

ม฽ุงหน฾าไปยังซานเหวย (San Wei) ซ่ึงกลับกับประเทศมองโกเลีย และตอนหลังก็ได฾อพยพลงมาอย฽ูใน มณฑลยูนาน (Yunnan) ครั้งที่ ๓ อพยพออกจากการปกครองของกษัตริยแจู (Chou Kingdom/Chou State) ประมาณ ๑,๐๐๐ ปกี ฽อนคริสตกาลประชาชน ได฾แก฽ กล฽มุ ชน ๗ กลุม฽ ซึ่งแยกตัวเองออกเป็นประเทศปกครองและ ในจํานวน ๑ ใน ๗ ประเทศเหล฽านั้น มีม฾งเป็นประเทศหนึ่ง มีกษัตริยแชื่อว฽า “จู” ซึ่งมีอยู฽สองคนใน ตระกูลซังหรอื แซโ฽ ซ฾ง คนท่หี น่ึงช่ือ “ชงย่ี” คนทส่ี องชอ่ื “ซงจี” ปี ค.ศ. ๒๒๑ ไดม฾ ชี นกล฽ุมชิน (Chin) ได฾ เขา฾ มาตอ฽ สแ฾ู ย฽งชงิ ประเทศของกษตั ริยจแ จู นพ฽ายแพ฾ ชาวม฾งได฾แตกระส่าํ ระสายไปตามที่ตา฽ ง ๆ มีกล฽ุมหน่ึง ลกุ ข้ึนตอ฽ สู฾ อกี กลมุ฽ หนึง่ ถอยรน฽ ลงไปอย฽ูกบั กล฽มุ มง฾ ในมณฑลกวางโจ เสฉวน และมณฑลยูนาน ต฽อมาใน ปี ค.ศ. ๑๖๔๐ – ๑๙๑๙ ได฾มีชาวม฾งกล฽ุมหนึ่งอพยพลงมาอย฽ูในกล฽ุมประเทศอินโดจีน (Indochina) ทางตอนใต฾ของจีนซง่ึ ก็ได฾แก฽กลม฽ุ ประเทศเวยี ดนาม ลาว และไทย ครัง้ ที่ ๔ ค.ศ. ๑๙๗๐ – ๑๙๗๕ การอพยพออกจากประเทศลาว ระบบการปกครองคอมมิวนิสตแ ได฾แผ฽ขยายสู฽กลุ฽มประเทศอินโดจีน ทําให฾กล฽ุมม฾งในลาวต฾องแตกกระจายไปท่ัวโลก การอพยพของ ชนชาตมิ ฾งในครง้ั น้ีนับได฾ว฽ามากทส่ี ุดและอพยพไปไกลทีส่ ุดเท฽าที่เคยมีมาในประวัติศาสตรแของชนชาติม฾ง ชาวม฾งมากมายได฾อพยพย฾ายไปอาศัยอย฽ูในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา อารแเจนตินา ฝรงั่ เศส และอิตาลี สําหรับการอพยพเข฾าส฽ูประเทศไทย ชนชาติม฾งกล฽ุมแรกที่อพยพเข฾าส฽ูประเทศไทยน้ันไม฽มี หลักฐานใด ๆ บ฽งชี้ได฾ชัดเจน แต฽จากเอกสารของสถาบันวิจัยชาวเขาคาดว฽าเริ่มต฾นอพยพเข฾ามาทาง ตอนเหนือของประเทศไทย ในราวปี พ.ศ. ๒๓๘๗ – ๒๔๑๗ จุดที่ชนเผ฽าม฾งเข฾ามามีอยู฽ด฾วยกัน ๓ จุด คือ เข฾ามาทางหว฾ ยทราย – เชยี งของ อําเภอ เชียงของ จงั หวดั เชียงราย ซงึ่ อยู฽ทางทิศเหนือสุด เป็นจุดท่ี เข฾ามากอ฽ น และเข฾ามามากท่ีสุด หลังจากน้ันแยกย฾ายกระจัดกระจายไปตามแนวทางของเส฾นเขาม฽ุงไป ทางทิศตะวันตกสู฽จังหวัดเชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน ตากและสุโขทัย เข฾ามาทางไชยบุรี ปใว และท฽ุงช฾าง เขตอําเภอทุ฽งช฾าง จังหวัดน฽าน แล฾วบางกล฽ุมได฾อพยพลงสู฽ทางใต฾และทางตะวันตกเข฾าส฽ูจังหวัดแพร฽ พษิ ณโุ ลก เพชรบรู ณแ กาํ แพงเพชร และจงั หวัดตาก เข฾าทางภูคา – นาแหว฾ และด฽านซ฾าย อําเภอนาแห฾ว และอําเภอด฽านซา฾ ย จงั หวัดเลย แล฾วบางกลุม฽ ได฾เขา฾ มาส฽ูจังหวดั เพชรบูรณแในท่ีสุด (สุนทรี, ๒๕๒๔ : อ฾าง โดยประสิทธ์ิ, ๒๕๓๑) นอกจากท้ังสามจุดน้ีแล฾ว จุดหน่ึงที่ชาวม฾งได฾อพยพผ฽านมาแต฽ไม฽มีใครกล฽าวถึง คอื เขา฾ มาทางอาํ เภอฝาง จังหวัดเชียงใหม฽ โดยผา฽ นมาทางประเทศพม฽า ช฽องดอยอ฽างขาง ซึ่งเป็นที่กล฽าว ขานกนั ว฽าม฾งกลุ฽มน้คี อื กล฽ุมทหี่ ลงทางจากการอพยพจากจดุ ท่ีหนง่ึ ๒.๘.๒ ลกั ษณะโครงสรา้ งทางสังคม ระบบครอบครัวและเครือญาติ ม฾งมีสองกล฽ุมใหญ฽ ๆ ด฾วยกัน คือ ม฾งเด฾อ (ม฾งขาว) และม฾งจ้ัว (ม฾งดํา หรอื มง฾ น้าํ เงิน) มีการจดั ระบบเครือญาตติ ามตระกลู แซ฽ ซ่งึ ตระกลู แซข฽ องชาวม฾งในประเทศไทยมี ด฾วยกันมากกว฽า ๑๓ ตระกูลแซ฽ เช฽น แซ฽ย฽าง แซ฽ลี แซ฽สง แซ฽ท฽อ แซ฽เฮ฽อ แซ฽ว฽าง แซ฽ฟุา แซ฽มัว แซ฽หัน แซ฽คัง แซ฽เล฽า แซ฽วือ แซ฽จ฿ะ ฯลฯ ในแต฽ละตระกูลแซ฽จะมีผู฾นําตระกูลแซ฽เป็นหลัก จะไม฽มีการแต฽งงาน ในตระกูลแซ฽เดียวกัน เม่ือมีงานหรือกิจกรรมทางประเพณีวัฒนธรรมสมาชิกในตระกูลแซ฽ทุกคนจะมา ช฽วยเหลอื ร฽วมไม฾รว฽ มมอื กัน ปจใ จบุ ันแตล฽ ะตระกลู แซม฽ ีการจัดตั้งกองทุนเพ่ือช฽วยเหลือสมาชิกในตระกูลแซ฽ ด฾วยกันเกอื บทุกตระกลู แซ฽ 110

คาํ ว฽า “แสน” ในสังคมแม฾วแสดงถึงความเป็นญาติ แม฾วถือว฽าคนท่ีเป็นสมาชิกหรืออยู฽ในแสน เดยี วกันนบั ถอื ผีเรือนข฾างพ฽อร฽วมกันเป็นญาติกัน แม฾วเรียกญาติพี่น฾องข฾างพ฽อว฽า “กือตี้” ถือว฽าเป็นคน ในแสนเดียวกัน ส฽วนญาติพ่ีน฾องข฾างแม฽เรียกว฽า “เหน฾งจัง” เป็นคนในแสนอื่น ทั้งน้ีในแต฽ละแสนจะมี กล฽มุ ผู฾อาวโุ สเรยี กว฽า “น฽าจือเหว฽าฮูเจ” ดูแลสมาชิกในแสน สําหรับครอบครัวหนึ่งๆจะมีผ฾ูชายที่อาวุโส สุดเป็นเป็นผ฾ูนําครอบครัว บุตรชายที่แต฽งงานแล฾วจะอยู฽เรือนพ฽อแม฽จนเมื่อพ฽อแม฽เสียชีวิต บุตรชาย คนรองจึงจะแยกครอบครวั ไปปลกู เรือนของตน ส฽วนบตุ รชายคนโตจะอยูเ฽ รอื นเดิมของพอ฽ แม฽ การแต่งงาน : ชาวม฾งห฾ามคนในแสนเดียวกันแต฽งงานกัน ผู฾ชายม฾งมีภรรยาได฾หลายคนซ่ึง ภรรยาทุกคนมีฐานะเท฽ากัน พ฽อฝุายชายจะเจรจาส฽ูขอและตกลงค฽าสินสอดกับพ฽อฝายผ฾ูหญิง เมื่อตกลง กันได฾จึงจัดพิธีแต฽ง การแต฽งงานจะสมบูรณแเม่ือฝุายชายจ฽ายค฽าสินสอดให฾พ฽อแม฽ฝุายหญิงพร฾อมทั้งทํา พิธีกรรมตามประเพณี นอกจากการสู฽ขอแล฾ว การลักพาผ฾ูหญิงหนีไปแล฾วพากันกลับมาขอขมาและจ฽าย ค฽าสินสอดให฾ฝุายหญิงก็เป็นประเพณีการแต฽งงานอีกแบบหน่ึงที่ปฏิบัติในสังคมแม฾ว หลังแต฽งงานฝุาย ชายจะพาภรรยาไปอยู฽เรือนพ฽อแม฽ของตน ผู฾ชายจะหย฽าร฾างกับภรรยาได฾ในกรณีท่ีภรรยาเกียจคร฾าน ไมเ฽ ชื่อฟใงสามี และในกรณีทจ่ี บั ได฾ว฽าภรรยามชี ู฾ การแบง่ มรดก : ในกรณที ีผ่ ชู฾ ายมีภรรยาคนเดียว ทรัพยแสมบัติท้ังหมดตกเป็นของภรรยา และ ลูกสาวทย่ี งั ไม฽แต฽งงานและลูกชายทกุ คนต฾องอย฽ูกับมารดาต฽อไปยังแยกเรือนไม฽ได฾ ต฽อมาเมื่อมารดาตาย ทรพั ยแสมบัตจิ ะแบง฽ ให฾บตุ รคนละเท฽า ๆ กนั ยกเวน฾ ลกู สาวท่แี ตง฽ งานแลว฾ ไม฽มีสิทธิในมรดก แต฽ถ฾าคู฽สมรส ไมม฽ บี ุตร ทรัพยสแ มบัติจะตกเป็นของพนี่ อ฾ งรว฽ มบิดามารดาเดยี วกบั ฝาุ ยชาย โดยแบง฽ คนละเท฽า ๆ กัน ใน กรณีที่ผู฾ชายมีภรรยาหลายคน ทรัพยแสมบัติจะแบ฽งให฾ภรรยาทุกคนเท฽า ๆ กัน ถ฾าภรรยาคนใดเสียชีวิต ก฽อนสามี บุตรของภรรยาคนน้ันจะมีสิทธิในทรัพยแสินส฽วนของมารดาตน และในครอบครัวที่มีภรรยา หลายคน เม่ือหัวหน฾าครอบครัวเสียชีวิต ภรรยาแต฽ละคนจะพาบุตรคนแรกไปต้ังเรือนใหม฽ ส฽วนเรือน หลงั เดมิ เป็นของมารดาของบุตรชายทม่ี ีอายสุ ูงสดุ โครงสร้างการปกครอง การจัดการและแก฾ไขปญใ หาในชุมชนมง฾ เม่ือมขี อ฾ พิพาทเกิดข้ึนระหว฽าง สมาชิกในชุมชน แต฽ละฝุายจะหาตัวแทนจากตระกูลแซ฽ของตนซ่ึงเป็นผู฾ที่สมาชิกในตระกูลแซ฽เดียวกัน ให฾ความเคารพนับถือยําเกรงเพ่ือไปเจรจาและไกล฽เกล่ียข฾อพิพาท ณ ที่บ฾านของบุคคลท่ีท้ังสองฝุายให฾ การยอมรบั หรอื ที่บ฾านผู฾ใหญบ฽ ฾าน เพอื่ แกไ฾ ขปใญหาข฾อพิพาท ระบบการพิจารณาและตัดสินของม฾งเป็น ระบบจารีตประเพณี ไม฽มีตวั อกั ษร ดังน้ันจงึ ตอ฾ งพิจารณาจากกรณีท่ีเคยเกิดข้ึนมาก฽อนเป็นบรรทัดฐาน และมีการใชค฾ นนอก (แซ฽อ่ืน) มาช฽วยตรวจสอบข฾อมูลและบรรดาพยานหลักฐานท่ีแต฽ละฝุายอ฾างขึ้นมา บางกรณคี นนอกเหล฽านกี้ ็มีบทบาทสงู ในการชี้ขาดวา฽ ใครผดิ ใครถกู กระบวนการพจิ ารณาเม่ือเร่ิมข้ึนแล฾ว ตอ฾ งดําเนินการต฽อเนื่องเร่อื ยไปจนกวา฽ จะไดข฾ ฾อยตุ ิ บคุ คลสาํ คญั ได฾แก฽ผู฾นําทางการเมือง คือ หัวหน฾าหมู฽บ฾าน ผ฾ูช฽วยหัวหน฾า คณะกรรมการประจํา หมบ฽ู า฾ นและผ฾ูนําตามจารตี คอื ผน฾ู าํ การอพยพ ผูอ฾ าวโุ สของแต฽ละแซ฽สกุล หมอผี หมอคาถา และหมอยา สมุนไพร กล฽ุมแซ฽สกุลในระบบเครือญาติม฾ง ชาวม฾งนับถือการสืบทอดจากทางฝุายบิดา สมาชิก ครอบครัวทุกรุ฽นจะต฾องใชแ฾ ซ฽สกุลของบิดา ความสัมพันธแทางเครือญาติที่ใกล฾ชิดกันของม฾ง พิจารณาได฾ จากศัพทแ ๓ คาํ คือ คนแซ฽เดียวกนั ลูกพ่ีลกู นอ฾ ง และนับถือผีสายเดียวกัน หัวหน฾าหม฽ูบ฾าน มีคําในภาษาม฾งท่ีใช฾เรียกหัวหน฾าหม฽ูบ฾านคือ “โหล฽วย฽าว” ใช฾เรียกหัวหน฾า หมบ฽ู ฾านที่ได฾รบั เลอื กจากท่ปี ระชมุ ของหมู฽บ฾านหรอื “จือเปูเส฽งชั่วเต฽อ” ส฽วนอีกหนึ่งคําคือ “ต฿ุเฮ฽าเหย฽า” 111

เป็น คําที่ใช฾ เรี ยกผู฾ นําหม฽ูบ฾าน ท่ีไ ด฾รับแต฽ งต้ั งให฾เป็นผู฾ใหญ฽ บ฾านตามก ฎหมายลัก ษณะ ปก ครอ งท฾ อง ท่ี พ.ศ. ๒๔๕๗ การเลอื ก “โหล฽วยา฽ ว” หรอื “ตว้ั เหนง฽ โหลว฽ ” คอื ผอู฾ าวโุ สคนหน่ึงเป็นประธานการประชุม ซึ่งมักจะเป็นผู฾อาวุโสในแสนที่มีสมาชิกมากที่สุดในหมู฽บ฾าน ในการออกเสียงเลือกหัวหน฾าหม฽ูบ฾านน้ัน สมาชิกในแสนเดียวกันจะออกเสียงตามกล฽ุมผู฾อาวุโสของแสน และโดยทั่ว ๆ ไป บุตรชายของหัวหน฾า หมบ฽ู า฾ นคนก฽อนมักจะได฾รับเลอื กเพราะหัวหนา฾ คนก฽อนมกั มาจากแสนท่ีมีสมาชิกจาํ นวนมากของหมู฽บ฾าน ในการปกครองหมูบ฽ า฾ น หัวหนา฾ หมบู฽ ฾านจะมกี ล฽มุ ผูอ฾ าวุโส หรือน฽าจือเหว฽าฮูเจเป็นที่ปรึกษา น฽าจือเหว฽าฮูเจ คือกลุ฽มผู฾ชายท่ีมีอายุสูงสุดของแต฽ละแสน ทําหน฾าท่ีเป็นท่ีปรึกษาของหัวหน฾าหม฽ูบ฾าน มีอิทธิพลและ มีบทบาทสําคัญในการประชุมหม฽ูบ฾าน ทั้งยังทําหน฾าท่ีตัดสินกรณีความขัดแย฾งระหว฽างสมาชิกภายใน แสนของตนด฾วย การตัดสินข฾อพิพาทความขัดแย฾ง แม฾วจะมีกล฽ุมหรือคณะผ฾ูตัดสินตามกรณีท่ีเกิดเหตุการณแ กล฽าวคอื ในกรณีทเี่ ปน็ ข฾อพิพาทระหว฽างคนในแสนเดียวกัน การพิจารณาตดั สินความแย฾งเป็นหน฾าที่ของ “น฽าจือเหว฽าฮูเจ” หรือกลุ฽มผ฾ูอาวุโสในแสน หัวหน฾าหม฽ูบ฾านจะไม฽เข฾ามาเก่ียวข฾อง แต฽ถ฾าเป็นข฾อพิพาท ขัดแย฾งระหว฽างคนต฽างแสน การตัดสินข฾อพิพาทเป็นหน฾าท่ีของ “โหล฽วตัวเหน฽งซาโปล฾ว” หรือ คณะกรรมการตัดสิน ซึ่งมีหัวหน฾าหมู฽บ฾านเป็นประธาน ส฽วนกรรมการได฾รับการแต฽งต้ังจากหัวหน฾า หม฽บู า฾ น ซึง่ จะเป็นใครกไ็ ด฾ ยกเวน฾ คนในแสนเดยี วกับคูก฽ รณี ปกติมักเป็น “ปใ้วกะโหล฽ว” หรือผ฾ูเฒ฽าผู฾แก฽ ในหม฽ูบ฾าน และไม฽จํากัดจํานวนกรรมการ หรือคู฽กรณีจะเลือกกรรมการตัดสินเองก็ได฾ โดยแต฽ละฝุาย ต฾องเลือกจํานวนเท฽ากัน และเลือกคนในแสนเดียวกับตนไม฽ได฾ แต฽สามารถเลือกคนในแสนเดียวกับ อีกฝุายหน่งึ ได฾  ๒.๘.๓ วถิ ชี วี ิตความเปน็ อยู่ ความเชือ่ ประเพณีวฒั นธรรม การทามาหากิน อาชีพ : กลุ฽มชาติพันธแุม฾งส฽วนใหญ฽ปลูกพืชเล้ียงสัตวแ ในอดีตม฾งปลูกฝ่ิน แต฽ต฽อมามีโครงการปลูกพืชทดแทนการปลูกฝิ่นในโครงการพระบาทสมเด็จพระเจ฾าอย฽ูหัว ดังน้ันจึง เปลี่ยนมาปลูกพืชเมืองหนาว ส฽วนพืชไร฽ที่ปลูกได฾แก฽ ข฾าวโพด ข฾าวฟุาง มันเทศ ฝูาย กะหลํ่า ฟใกทอง และอ่ืนๆ ส฽งขายให฾แก฽โครงการหลวง บางส฽วนจะจะทําการค฾าขาย ทําเคร่ืองเงิน และทอผ฾า ปใกผ฾า เปน็ รายได฾หลังจากการทําเกษตรกรรม ดังนั้นอาชีพของประชากรม฾งในลําปาง โดยเฉพาะท่ีเมืองปาน สว฽ นใหญ฽ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช฽น ปลูกข฾าวโพด ทํานาข฾าว ข฾าวไร฽ ปลูกพริก ปลูกผัก ทําสวน 112

ล้ินจ่ี กาแฟ พลับ และเล้ียงสัตวแ แต฽ที่น฽าสนใจและถือเป็นรายได฾หลัก ๆ ของประชากร ได฾แก฽ ปลูก กาแฟ มปี ระมาณ ๙๐% หรือประมาณ ๑๙๐ หลังคาเรือน ผกั ปลอดภัย ไดร฾ บั การสนับสนนุ ส฽งเสริมจาก โครงการหลวง มชี าวบ฾าน ๓๐ ครวั เรือน หันมาปลกู ผกั เพ่ือส฽งขายโครงการหลวงเพ่ือเป็นรายได฾เสริมอีก ชอ฽ งทางหน่ึง ผ฾าปใก ประชากรที่เป็นชนเผ฽าม฾ง นิยมแต฽งกายด฾วยเสื้อผ฾าลายปใกอยู฽แล฾ว สมเด็จพระนาง เจา฾ สริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง ทรงสง฽ เสรมิ ให฾กลม฽ุ แม฽บา฾ นไปฝึกอบรมอาชีพ เพมิ่ เติมกบั ศนู ยศแ ลิ ปาชีพ และรบั ซือ้ ผ฾าปใกท่ชี าวบ฾านทํา การกนิ : ในอดตี นนั้ ม฾งอาศยั อยต฽ู ามภูเขาอยูต฽ ามธรรมชาติ ม฾งต฾องตรากตรําทํางานหนักอย฽ูแต฽ ในไร฽เทา฽ นัน้ ทําให฾ม฾งไมม฽ ีเวลาท่ีจะดแู ลตวั เองและครอบครัว ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู฽ของม฾งจึงเป็นแบบ เรียบง฽าย เพราะคลุกคลีกับธรรมชาติเป็นส฽วนใหญ฽เท฽าน้ัน ชีวิตประจําวันของม฾งคือ จะทําไร฽ ทําสวน และหารายได฾เล็กน฾อยเพ่ือจุนเจือครอบครัว ส฽วนเร่ืองอาหารก็จะเป็นเร่ืองเรียบง฽าย ในการกินอาหาร ม฾งนิยมใช฾ตะเกียบซึ่งรับมาจากธรรมเนียมจีน ส฽วนเหล฾าจะนิยมด่ืมกันในงานเลี้ยง ต฽าง ๆ เช฽น งานแต฽งงาน งานเล้ียงญาติ อาจเป็นญาติของภรรยาท่ีมาเยี่ยม ฝุายญาติทางสามีจะต฾องรินแก฾วเหล฾า แจก ครั้งละ ๒ แก฾ว โดยเช่อื กันวา฽ จะทําใหค฾ ฽สู ามภี รรยาอยู฽ด฾วยกันตลอดไป ก฽อนจะด่ืมเหล฾าแต฽ละคนจะ พูดว฽า “ผมจะด่ืมเพ่ือทุกคน” และจะต฾องควํ่าจอก หรือควํ่าแก฾วเมื่อหมดแล฾ว ม฾งจะนิยมดื่มเหล฾า ครงั้ เดยี วหมดแก฾ว มีการดมื่ ซ้ําวนเวียนหลายครั้ง ผท฾ู ี่มใิ ชน฽ ักดมื่ ยอ฽ มจะทนไมไ฽ ด฾ อาจขอให฾บุคคลอื่นช฽วย ดื่มแทนก็ได฾ เหล฾าจะทํากันเองในหมู฽บ฾าน ซ่ึงทําจากข฾าวโพด ข฾าว หรือข฾าวสาลี ม฾งให฾เกียรติแก฽ผ฾ูชาย เพราะฉะนั้นผ฾ูหญิงจึงรับประทานอาหารหลังผู฾ชายเสมอ การประกอบอาหารของม฾งส฽วนใหญ฽จะเป็น ในลกั ษณะการตม฾ ทอด และม฾งยังมีความสามารถในการถนอมอาหาร ซึ่งในการถนอมอาหารสามารถ ถนอมได฾หลายแบบ เช฽น การหมัก การดอง (ซึ่งปใจจุบันนี้ ม฾งส฽วนใหญ฽ไม฽ได฾ใช฾ตะเกียบในการ รับประทานข฾าวแล฾ว ส฽วนใหญ฽จะใช฾ช฾อนมากกว฽า ซ่ึงเมืองไทยแทบจะไม฽พบม฾งที่ใช฾ตะเกียบในการ ทานขา฾ ว แตม฽ ฾งทป่ี ระเทศลาวยังคงใช฾ตะเกียบในการรับประทานขา฾ วอยู)฽ ขนมแปูงดฺจั๋ว หรือ (น) หยัว : วิธีการทํา ม฾งจะนําข฾าวเหนียวนึ่ง ท่ีนึ่งจนสุกนํามาเทท่ีรางไม฾ ท่ขี ุดจากไมก฾ ว฾างประมาณหนงึ่ ฟุต ยาวสามฟุต แล฾วทุบด฾วยไม฾กระท่ังข฾าวเละเหนียว ต฽อมาก็จะปใ้นเป็น ก฾อนกลมใหญ฽กวา฽ กาํ มอื แลว฾ วางลงทใ่ี บตอง จากนนั้ ก็พับใบตองทับก฾อนแปงู จนแบน ขนมแปูงหากยังร฾อน ก็กินได฾ทันที บางคร้ังม฾งจะนําไปผิงไฟจนสุกหอมแปูงจะพองดูน฽ากิน ส฽วนบางคนจะเอาขนมแปูงดฺจั๋ว ใส฽นํา้ ตาลทราย น้ําอ฾อย หรือนมข฾น เวลากนิ เพ่อื เพ่ิมความอร฽อย ขนมแปงู เจา฾ ของบา฾ นจะใช฾เป็นของฝาก เมอ่ื มญี าตพิ น่ี อ฾ งมาเยยี่ ม 113

การเล้ยี งอาหารแขกเหร่ือที่มาร฽วมงานพิธีตฺจอผลี่ : เจ฾าภาพจะจัดเลี้ยงแขกเหร่ือที่มาร฽วมงาน และตอ฾ นรบั อย฽างเตม็ ท่ี ส฽วนญาตขิ องผู฾ลว฽ งลับท่ีค฽อนขา฾ งมีอายกุ ็จะมาน่ังร฽วมรับประทานอาหารกับแขก ด฾วยเช฽นกัน สําหรับแท฽นพิธีท่ีตั้งอย฽ูนอกตัวบ฾านจะวางเหล฾าข฾าวโพดและอาหารท่ีปรุงด฾วยเนื้อหมู ส฽วนถ฾วยเหล฾าจะเหลือเฉพาะถ฾วยกระเบ้ือง และถ฾วยเหล฾าไม฾ไผ฽จะทิ้งหลังจากท่ีทําพิธีเชิญวิญญาณ เรียบร฾อยต้ังแต฽ก฽อนเที่ยงวัน แขกท่ีมางานจะร฽วมดื่มเหล฾า พบปะพูดคุย ระหว฽างท่ีเล้ียงอาหารจะไม฽ตี กลองหรือเปุาเค฽ง สําหรับแขกที่เพิ่งมา กเาสึก็จะต฾อนรับด฾วยเหล฾าข฾าวโพด แล฾วให฾แสดงความเคารพผู฾ ลว฽ งลบั เช฽นเดยี วกับพธิ ีในชว฽ งเชา฾ ศาสนา ความเชื่อ และพธิ ีกรรม ชาวม฾งมีการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ สิ่งศักด์ิสิทธิ์เก่ียวกับธรรมชาติส่ิงแวดล฾อมที่อยู฽บนฟูา ในลาํ น้าํ ประจาํ ตน฾ ไม฾ ภเู ขา ไร฽นา ฯลฯ ชาวม฾งจะตอ฾ งเซน฽ สังเวยสง่ิ ศักด์ิสิทธ์ิต฽าง ๆ เหล฽านี้ปีละคร้ัง โดย เชื่อว฽าพิธไี สยศาสตรแเหล฽าน้จี ะชว฽ ยให฾วนิ จิ ฉัยโรคได฾ถูกต฾องและทําการรักษาได฾ผล เพราะความเจ็บปุวย ทั้งหลาย ล฾วนแต฽เป็นผลมาจากการผิดผี ทําให฾ผีเดือดดาลมาแก฾แค฾นลงโทษให฾เจ็บปุว ย จึงต฾องใช฾วิธี จดั การกับผใี ห฾คนไขห฾ ายจากโรค หากวา฽ คนทรงเจ฾ารายงานว฽าคนไขท฾ ่ลี ม฾ ปุวยเพราะขวัญหนี ก็จะต฾องทํา พิธีเรียกขวัญกลับเข฾าสู฽ร฽างของบุคคลน้ัน แต฽การท่ีจะเรียกขวัญกลับมานั้น จะต฾องมีพิธีกรรมในการ ปฏบิ ัติมากมาย บางคร้ังบางพิธกี รรมก็มีความยงุ฽ ยากในการปฏิบตั ิ แตม฽ ฾งก็ไม฽ย฽อท฾อต฽ออุปสรรคเหล฽านั้น มง฾ เชอื่ ว฽าการทีม่ รี า฽ งกายสมบรู ณแแ ข็งแรง โดยไม฽มโี รคภัยมาเบียดเบยี น นนั่ คอื ความสุขอนั ย่ิงใหญ฽ของม฾ง ฉะน้นั มง฾ จึงต฾องทาํ ทกุ อยา฽ งเพ่อื เป็นการรักษาใหห฾ ายจากโรคเหลา฽ น้ัน ซงึ่ พธิ ีกรรมในการรักษาโรคของมง฾ นน้ั มอี ยห฽ู ลายแบบ ซึ่งแต฽ละแบบก็รักษาโรคแต฽ละโรคแตกต฽างกันออกไป การท่ีจะทําพิธีกรรมการรักษา ได฾น้ันตอ฾ งดูอาการของผ฾ปู ุวยวา฽ อาการเป็นเช฽นไร แล฾วจงึ จะเลือกวธิ กี ารรักษาโดยวิธใี ดถงึ จะถูกตอ฾ ง ความเช่ือเรื่องการทาผี หรือการลงผี (การอั๊วเน้ง) เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่งของม฾ง การอั๊วเน฾ง (การทําผีหรือลงผี) มีอย฽ู ๓ ประเภท คือ การอ๊ัวเน฾งข฽อยชั๊วะ การอั๊วเน฾งเกร฽ท่ัง และการ อัว๊ เน฾งไซใย฽ ซ่งึ แต฽ละอั๊วเน฾งมีความแตกต฽างกันออกไป การรักษาก็แตกต฽างกันไปด฾วย การจะอ๊ัวเน฾งได฾ เมอื่ มีคนในครอบครวั เจบ็ ปุวยโดยไม฽รู฾สาเหตุ เป็นการรักษาอีกประเภทหน่ึง ดังนั้นม฾งมักจะนิยมอั๊วเน฾ง เพอื่ การเรียกขวญั ท่ีหายไปหรือมผี ีพาไปให฾กลบั คนื มาเทา฽ นน้ั ซ่งึ มง฾ เช่ือว฽าการเจ็บปุวยเกิดจากขวัญที่อยู฽ ในตัวหายไป มวี ิธีการรักษาดงั น้ี เวลาอ๊ัวเนง฾ หรือทาํ ผีน้ัน คนที่เป็นพอ฽ หมอจะเริม่ ไปนั่งบนเก฾าอี้ แล฾วร฽าย เวทยมแ นตแคาถาต฽าง ๆ พร฾อมกับติดต฽อสื่อสารกับผีแล฾วไปคล่ีคลายเรื่องราวต฽าง ๆ กับผี ถ฾าคล่ีคลายได฾ แล฾วจะมีการฆา฽ หมู แต฽กอ฽ นจะฆ฽าหมูนน้ั จะต฾องให฾คนไข฾ไปนงั่ อยู฽ข฾างหลงั พ฽อหมอ แล฾วผูกข฾อมือ จากน้ัน นําหมูมาไว฾ข฾างหลังคนไข฾ แล฾วพ฽อหมอจะสั่งให฾ฆ฽าหมู การที่จะฆ฽าหมูได฾น้ันจะต฾องมีคนหน่ึ งซ่ึงเป็น ตวั แทนของพ฽อหมอ และสามารถฟใงเรือ่ งราวของการอั๊วเน฾งได฾ ร฾ูวา฽ ตอนน้ีพ฽อหมอต฾องการอะไร หรือสั่ง ให฾ทําอะไร เมื่อพ฽อหมอส่ังลงมา คนที่เป็นตัวแทนต฾องบอกกับคนในครอบครัวให฾ทําตามคําบอกกล฽าว ของพ฽อหมอ เมื่อสั่งให฾ฆ฽าหมูก็ต฾องนําหมูมาฆ฽าแล฾วจะนํากัวะมาจุ฽มกับเลือดหมู พร฾อมกับมาปะท่ีหลัง คนไข฾ แลว฾ พอ฽ หมอจะเปุาเวทยมแ นตใแ ห฾ จากนัน้ จะนํากัวะไปจุม฽ เลือดหมู เพ่ือไปเซน฽ ไหวท฾ ่ผี นังที่เปน็ ที่รวม ของของบชู าเหล฽านน้ั ความเชื่อเร่ืองการรักษาคนตกใจ (การไซ่เจง) เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่งของม฾ง การไซเ฽ จงจะกระทําเม่ือมีคนปุวยที่ตัวเย็น เท฾าเย็น ใบหูเย็น มือเย็น ซ่ึงม฾งเช่ือว฽าการที่เท฾าเย็น มือเย็น หรือตัวเย็น เกิดจากขวัญในตัวคนได฾หล฽นหายไป หรือไปทําให฾ผีกลัว แล฾วผีก็แกล฾งทําให฾บุคคลน้ัน 114

ไมส฽ บาย มีวธิ ีการรกั ษาดงั น้ี พอ฽ หมอจะนําเอาขิงมานวดตามเส฾นประสาท ได฾แก฽ บริเวณปลายจมูกตรง ไปที่หนา฾ ผาก นวดแลว฾ ยอ฾ นกลบั ไปท่ีใบหู แล฾วนวดบริเวณหน฾าผากไปท่ีใบหูซ้ํา ๓ ครั้ง จากน้ันเปล่ียนเป็น การนวดท่ีเส฾นประสาทมือ คือ จะนวดที่ปลายนิ้วมือไล฽ไปที่ข฾อมือทําซํ้าทุกน้ิวมือแล฾วรวมกันท่ีข฾อมือ นวดและหมุนรอบทีข่ ฾อมอื ซึ่งขณะนวดต฾องเปุาคาถาด฾วย และบริเวณฝุาเท฾าให฾นวดเหมือนกัน ต฾องทําซํ้า กัน ๓ ครั้ง ซึ่งการรกั ษาไซ฽เจงนี้จะทาํ การรกั ษา ๓ วนั เมอ่ื เสร็จจากการรักษาแลว฾ ถา฾ อาการไม฽ดีข้ึนก็หา วธิ ีอื่นๆ มารกั ษาตอ฽ เชน฽ อ๊ัวเน฾งหรือการฮปู รี เป็นต฾น ความเชื่อเรื่องการรักษาด้วยการเป่าด้วยน้า (การเช้อแด้ะ) เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่ง ของม฾ง การเช฾อแด฾ะจะเป็นการกระทําเม่ือมีคนในครอบครัวที่ปุวยร฾องไห฾ไม฽หยุด และตกใจมาก เป็นพิเศษโดยไม฽รส฾ู าเหตุ หรอื เหมอื นวา฽ คนปวุ ยเหน็ อะไรสักอย฽างท่ที ําให฾เขากลวั มากมีวธิ กี ารรักษา ดังน้ี คนท่เี ปน็ พ฽อหมอหรอื แม฽หมอ จะใหค฾ นปุวยอาการดังกล฽าวไปนั่งใกล฾กับกองไฟหรือเตาไฟ แล฾วเอาถ฾วย หน่ึงใบใส฽น้าํ ใหเ฾ รยี บรอ฾ ยมาตัง้ ไว฾ขา฾ งๆ พ฽อหมอหรือแม฽หมอ คือ ผู฾ท่ีจะทําการรักษาจะใช฾ตะเกียบค฽ูหนึ่ง หนีบก฾อนถ฽าน ที่กําลังรุกไหมเ฾ ปน็ สีแดงขึ้นมา แล฾วเปุาก฾อนถ฽าน จากนั้นเร่ิมท฽องคาถา แล฾วนําก฾อนถ฽าน กอ฾ นนั้นไปวนบนหัวของคนปวุ ย ขณะวนนน้ั ก็สวดคาถาดว฾ ย เมื่อวนเสร็จก็จะเอาก฾อนถ฽านก฾อนน้ันไปใส฽ ในถ฾วยท่เี ตรยี มไว฾ พรอ฾ มกับปิดฝาดว฾ ย ใหท฾ ําซา้ํ กนั แบบน้ีสามรอบเมื่อเสร็จแล฾วจับมือคนปุวยข้ึนมาเปุา พร฾อมท฽องคาถา เมื่อเสร็จสิ้นแล฾ว จะเอามือชุบนํ้าที่อย฽ูในถ฾วยข้ึนมาลูบหน฾าของคนปุวย หรือลูบแขน คนปุวย เมื่อทําเสร็จแล฾วอาการของคนปุวยจะทุเลาลง ม฾งจะนําวิธีรักษาน้ีมาใช฾ในการรักษาคนไข฾ท่ี ตกใจมาก และปใจจุบันนี้ม฾งก็ยังคงยึดถือ และปฏิบัติกันอย฽ู แต฽ก็มีบ฾างที่อาการหนักมากจนไม฽สามารถ ที่จะรกั ษาใหห฾ ายขาดได฾ แลว฾ จึงจะนาํ ไปรกั ษาที่โรงพยาบาลต฽อไป ความเชอ่ื เรื่องการปัดกวาดสิ่งทไ่ี มด่ ีออกไป (การหรอื ซู้) เปน็ การรักษาอีกวิธีหนึ่งของม฾งที่จะ ปฏบิ ตั ิในชว฽ งขนึ้ ปีใหมเ฽ ทา฽ นน้ั คือในหนึ่งรอบปีที่ผ฽านมาครอบครัวจะเจอส่ิงที่ไม฽ดี ดังนั้นจึงมีการหรือซ฾ู เพื่อปดใ เปาุ หรอื กวาดส่ิงที่ไมด฽ ีให฾ออกไปจากบา฾ น และตวั บุคคลหรือเป็นการปใดเปุา กวาดโรคภัยไข฾เจ็บ ออกจากตัวบุคคล หรอื ออกจากบา฾ นใหห฾ มด เพื่อทจ่ี ะรับปีใหม฽ท่ีเข฾ามา และต฾อนรับส่ิงดีๆ ท่ีกําลังจะมา ในปีถัดไป พิธีกรรมนี้ม฾งจะทําทุกปี และคนในครอบครัวต฾องอยู฽ให฾ครบทุกคน ไม฽ให฾ขาดคนใดคนหนึ่ง (แต฽หากว฽าคนในครอบครัวน้ัน เกิดไปทํางานต฽างจังหวัดและไม฽สามารถที่จะกลับมาร฽วมพิธีกรรมนี้ได฾ ผู฾ปกครองของครอบครัวตอ฾ งนําเสือ้ ผ฾าของคนที่ไม฽อย฽ูมาร฽วมพิธีกรรมให฾ได฾ หากไม฽ได฾เข฾าร฽วมพิธีกรรมน้ี ม฾งเชอื่ วา฽ สง่ิ ทีไ่ มด฽ จี ะติดตัวไปยงั ปถี ดั ๆ ไป และทําอะไรกไ็ มเ฽ จริญ) ความเชื่อเรอ่ื งหมปู ระตูผี (อัวะบว๊ั จ๋อง) เป็นพธิ ีกรรมที่ม฾งกระทําเพื่อรักษาคนท้ังหมดในบ฾าน หลงั นน้ั ใหป฾ ราศจากโรคภัยโดยมีวิธีการรักษา ดังนี้ ซ่ึงการประกอบพิธีกรรมหมูประตูนั้นจะทําในตอน กลางคนื เทา฽ น้นั อันดับแรกคือจะมีการกล฽าวปิด และกล฽าวเปิดประตู จากนั้นจะมีการฆ฽าหมูแล฾วต฾มให฾สุก จากนนั้ ก็กลา฽ วปิดประตู แล฾วนาํ หมทู ี่ตม฾ สกุ นั้นมาหน่ั ให฾เป็นชิ้นเล็ก ๆ จัดไว฾ตามจานท่ีวางไว฾ ๙ จาน ซ่ึง แต฽ละจานจะใส฽ชิ้นเน้ือไม฽เหมือนกัน โดยจานท่ี ๑ ใส฽มือซ฾ายหมูและหัวข฾างซ฾าย จานที่ ๒ จะใส฽ขาขวา หมกู บั หวั ขา฾ งขวาจานท่ี ๓ จะใส฽ขาซ฾ายหมูกับคางซ฾ายหมู จานที่ ๔ ใส฽มือขวาหมูกับคางขวาหมู จานที่ ๕ ใส฽มือซ฾ายหมู จานท่ี ๖ ใส฽ขาขวาหมู จานท่ี ๗ ใส฽ขาขวาหมูกับใบหู ๕ ชิ้น จานท่ี ๘ ใส฽มือขวาหมู จานที่ ๙ ใส฽จมกู และหางหมู พิธีเข้ากรรม พิธีเข฾ากรรมของม฾งนั้นมีมาต้ังแต฽บรรพบุรุษม฾งเชื่อกันว฽าเคราะหแกรรมมีจริง แตม฽ ง฾ น้ันกจ็ ะสามารถหลีกเล่ียงเคราะหแกรรมนีไ้ ดโ฾ ดยการเขา฾ กรรม เข฾ากรรมของชนเผ฽าม฾ง ก็เหมือนกับ 115

การจาํ กัดบรเิ วณไม฽ให฾ออกไปไหนมาไหน หา฾ มคนอ่นื ทีไ่ ม฽ใชส฽ มาชิกในครอบครวั เข฾ามาในบ฾าน ห฾ามไม฽ให฾ พดู คุยกับคนอื่นท่ีไม฽ใช฽สมาชิกในครอบครัว ห฾ามจับต฾องของมีคม ห฾ามขี่รถ และขับรถทุกชนิด จนกว฽า พระอาทติ ยจแ ะลบั ขอบฟาู จึงจะใช฾ชีวิตได฾ตามปกติ ถ฾าในระหว฽างเข฾ากรรมอย฽ูนั้น สมาชิกคนไหนฝุาฝืน ขอ฾ หา฾ ม มักจะเกิดอบุ ัตเิ หตกุ ับคนผนู฾ ้ัน บางรายอาจจะเจ็บ มีบางรายอาจถึงแก฽ชีวิต ชนเผ฽าม฾งจึงถือกัน เคร฽งมาก ถ฾าสมาชิกคนไหนไม฽อยู฽บ฾าน ออกไปทํางานต฽างจังหวัด ท่ีไกล ๆ บ฾านก็จะนําเอาเส้ือผ฾า ของคนนั้นมามัดไว฾ที่เสากลางบ฾าน แล฾วแจ฾งให฾คน ๆ นั้น รับทราบแล฾วให฾ขอหยุดงาน ถ฾านายจ฾าง ไม฽ให฾หยุด ก็จะเลี่ยงโดยการขอทําอย฽างอ่ืน ที่มีอันตรายน฾อยท่ีสุด เคราะหแกรรมน้ัน ม฾งเช่ือว฽า มหี ลายแบบดว฾ ยกนั สามารถแกไ฾ ด฾ดว฾ ยวธิ ีการทีต่ ฽างกนั ไป เม่อื เจ฾าบ฾านเกดิ อาการไมส฽ บายใจ หรือฝในเป็น ลางรา฾ ยก็จะไปขอใหห฾ มอผีเสยี่ งทายดใู ห฾ ถา฾ มเี คราะหแ หมอผีจะเป็นคนบอกเองว฽าเราควรแก฾ด฾วยวิธีการ ไหนบ฾าง จะเข฾ากรรม จะทําพิธีเพื่อสะเดาะเคราะหแ หรืออาจจะปใดเปุาเคราะหแร฾ายให฾หลุดพ฾นไป จากตวั เองและครอบครวั อีกวิธีหนง่ึ คอื การเข฾ากรรม ส฽วนใหญ฽แล฾วเจ฾าบ฾านจะไปขอให฾หมอผีเสี่ยงทายดู แล฾วหมอผีจะบอกมาว฽าบ฾านเรามีเคราะหแ ควรจะหยุดอยกู฽ รรมกีว่ ัน ส฽วนใหญก฽ ็จะเข฾ากันหนึ่งวัน ถ฾าบ฾านไหนมีเคราะหแมากก็จะเข฾าสองถึงสามวัน ติดต฽อกันก็มี บางคร้ังเราก็ไม฽ได฾ไปขอหมอผีเส่ียงทาย แต฽หมอผีจะมาทักว฽าเราควรเข฾ากรรม บ฾านเรา ก็ต฾องเข฾า และอกี อย฽างหน่ึง คือหมอผีจะเส่ียงทายดูแล฾วจะบอกว฽าวันนี้เดือนน้ีต฾องเข฾ากรรมทั้งตระกูล เช฽น ถ฾าคนไหนเป็นแซ฽ย฽าง ถึงวันนั้นทุกคนก็ต฾องเข฾ากรรมเหมือนกันหมด แต฽จะเคร฽งไม฽เท฽ากับการเข฾า เป็นครอบครัว นาน ๆ ครั้งถึงจะมีสักครั้ง ต฽างจากการเข฾าเป็นครอบครัว เพราะจะเข฾าปีละก่ีครั้งก็ได฾ แลว฾ แต฽ว฽าบ฾านไหนจะมีเคราะหแกรรมมากหรือน฾อย ก็ไม฽ใช฽ว฽าจะต฾องเข฾าปีละคร้ังสองครั้งต฽อครอบครัว บางบ฾านท่ีไม฽มีเคราะหแก็ไม฽เข฾าเลยก็มี พิธีเข฾ากรรมของม฾งน้ัน สังเกตง฽ายๆ ถ฾าท฽านเป็นคนพ้ืนเมื อง หรือชนเผ฽าอื่น ที่ไม฽ใช฽ชนเผ฽าม฾ง คือวันที่ม฾งทําพิธีเข฾ากรรมนั้น จะมีไม฾สานเป็นตาแหลวลักษณะเป็น หกตาเสียบไว฾ หรือใบไมใ฾ บหญา฾ ปกใ ไวท฾ ห่ี น฾าบ฾าน และถ฾าเข฾าไปเห็นบ฾านไหนเข฾ากรรม เขาจะไม฽ทักทาย แขกหรอื ชักชวนแขกใหเ฾ ข฾าบา฾ น บางครั้งพอเขาเห็นคนภายนอกมาเขาต฾องรีบปิดประตูไม฽ใช฽ว฽ารังเกียจ ไม฽อยากรับแขก หรืออย฽างไรก็ตาม เราต฾องสังเกตว฽าหน฾าประตูเขามีไม฾ปใกตรงทางเข฾า มีหญ฾า หรือ สานตาแหลวเสียบไว฾อยู฽หรือเปล฽า แล฾วอย฽าพึ่งน฾อยใจ ถ฾าตะวันตกดินเมื่อไหร฽บ฾านนั้นก็จะรับแขก เหมือนเดิม ชนเผ฽าม฾งน้ัน ปกติเป็นชนเผ฽าที่ใจกว฾างและมีนํ้าใจต฽อเพ่ือนมนุษยแด฾วยกันมาก ถึงจะรู฾จัก หรือไมร฽ จู฾ ักก็ตาม แขกที่เข฾าไปก็จะขอข฾าวขอนํ้ากินได฾ เป็นธรรมเนียมปฏบิ ตั ปิ ระจําของคนชนเผ฽าทกุ ชนเผ฽า สําหรับส่ิงศักด์ิสิทธ์ิตามระบบความเชื่อ : สิ่งศักด์ิสิทธิ์ในบ฾านท่ีอย฽ูอาศัย โครงสร฾างภายใน บ฾านม฾งตามจารีตจะต฾องประกอบด฾วยพ้ืนที่สําคัญ ๕ แห฽ง คือ หิ้งผีสีกล้ัง อยู฽บริเวณฝาบ฾านด฾านท่ีอย฽ู ตรงขา฾ มกับประตูทางเข฾าออกของตัวบ฾าน ลักษณะเป็นเพียงกระดาษสีขาว สีเหล่ียมจัตุรัสขนาดไม฽เกิน ๑๒ นิ้ว จะมีขนไก฽ติดอย฽ูบนกระดาษแผ฽นนี้ ๒ – ๓ ช้ิน เสากลางบ฾าน หากยืนหันหน฾าเข฾าหาห้ิงผี ทางซา฾ ยมือบรเิ วณตรงหนา฾ ห฾องนอนของผู฾อาวุโสในบ฾านจะเป็นท่ีตั้งของเสากลางบ฾าน มีลักษณะเสาสูง ทรงเหลี่ยมหรือกลม ข฾อสําคัญเป็นเสาไม฾จริง “ผี” อย฽ูท่ีเสาต฾นน้ี ประตูหน฾าบ฾าน จะมี “ผี” สถิตอย฽ู บานประตูทางซา฾ ยมอื ท่อี ย฽ใู นแนวเดียวกับเสากลางบ฾าน เตาไฟเล็กมี “ผี” อยู฽บริเวณพื้นดินท่ีตั้งเตาไฟ โดยท่ัวไปจะเป็นเตาเหล็กสามขา เตาไฟเล็กนี้จะอย฽ูทางขวามือข฾างบานประตูอีกบานหน่ึง ซึ่งอย฽ู คนละดา฾ นกับบานประตูท่ีมี “ผี” สถิตอย฽ู เตาไฟใหญ฽มี “ผี” อย฽ูที่เตาไฟซึ่งมีขนาดใหญ฽ เป็นเตาก฽ออิฐ ฉาบปูน จะตั้งอยู฽ตรงบริเวณฝาบ฾านด฾านเดียวกับที่ติดหิ้งผี แต฽จะอยู฽มุมห฾องใกล฾กับประตูเล็ก อยู฽ทาง 116

ซ฾ายมือเช฽นเดียวกับเสากลางบ฾าน ถ฾าลําดับความสําคัญของ “ผี” ทั้ง ๕ ผีเสากลางบ฾านสําคัญท่ีสุด นอกจากนี้ยังมสี ิ่งศกั ดิส์ ิทธ์ิบริเวณหมู฽บ฾าน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจําหมู฽บ฾านม฾งแต฽ละแห฽งมีลักษณะไม฽ตายตัว แตกต฽างกันไปตามสภาพของพนื้ ทโ่ี ดยสว฽ นรวม สง่ิ ศกั ดิ์สิทธปิ์ ระจําหม฽ูบ฾านส฽วนมากจะเป็นก฾อนหินใหญ฽ หรือหน฾าผาสูง หรือต฾นไม฾ใหญ฽ท่ีมีอย฽ูในหม฽ูบ฾าน แต฽ละหม฽ูบ฾านจะมี “พื้นท่ีศักดิ์สิทธิ์” ประจําหมู฽บ฾าน เพยี งแห฽งเดียว ขอ้ หา้ มท่สี าคัญ ๑. สมาชิกที่มแี ซส฽ กลุ เดยี วกนั จะแต฽งงานกันไม฽ได฾ ถ฾าจําเป็นและประสงคแจะแต฽งงานกันจริง ๆ จะตอ฾ งใหห฾ ญงิ และชายทาํ พิธีตดั ญาติกนั กอ฽ น ๒. พฤตกิ รรมที่คบชู฾สช฽ู ายเปน็ ขอ฾ ห฾ามอย฽างเคร฽งครัด ๓. ชายและหญิงม฾งไม฽พึงควรจะแสดงออกถึงความร฾ูสึกชอบพอกัน หรือความสัมพันธแที่มี ดว฾ ยกันในทีส่ าธารณะ ต฽อหน฾าบุคคลสําคญั โดยเฉพาะพอ฽ แมท฽ างฝุายหญิง ๔. ในภาวะปกติ ห฾ามตีกลองเลน฽ ในหมบู฽ ฾านเพราะเสียงกลองเป็นเสยี งสัญญาณของงานศพ ๕. หากไม฽จําเป็นไม฽ควรยิงปืนเล฽นในหม฽ูบ฾านเพราะเสียงปืนเป็นสัญลักษณแว฽าได฾มีผ฾ูเสียชีวิต ในหมบู฽ ฾าน ๖. บุคคลภายนอกท่ีเป็นชายไมค฽ วรอยูก฽ บั หญิงม฾งเพียงตอ฽ สองในที่ลับตาคน ๗. ข฾อห฾ามในการบริโภคอาหารบางอย฽างเป็นข฾อห฾ามสําหรับชาวเขาท่ัวไป บางอย฽างเป็น ข฾อห฾ามเฉพาะแซส฽ กลุ ความเชื่อ พิธีกรรม การทานายด้วยไก่ : ขาไก฽สามารถใช฾ทํานายในกรณีใดบ฾าง งานปีใหม฽ ทํานายว฽าในปีต฽อ ๆ ไปครอบครัวอยู฽เป็นปกติสุขดีหรือไม฽ การทํามาหากินจะมีผลเป็นอย฽างไร ทํานาย การย฾ายบ฾าน ย฾ายถน่ิ ฐานไปทแ่ี ห฽งใหม฽ การเลอื กที่ทําไร฽ การคิดเดนิ ทางไปยงั หม฽ูบา฾ นอื่น ๆ การตัดสินใจ ซ้อื สัตวแเลี้ยง ดังน้ันการทําพิธีก฽อนที่จะทํานายด฾วยขาไก฽ การทําพิธีเริ่มด฾วยผ฾ูทําอุ฾มไก฽ท่ีจะฆ฽าพร฾อมท้ัง จดุ ธปู หอม ๗ ดอก เดินออกไปนอกบ฾านแล฾วนั่งกล฽าวบนบาน (กล฽าวในใจ) เรียกผีปุา ผีภูเขา ผีลําห฾วย ผปี ระจาํ หมู฽บ฾าน ให฾ผีท่ีดีมาช฽วยบอกผลการทํานาย เม่ือกล฽าวเสร็จ ผู฾ทําพิธีจะปใกธูป ๗ ดอกไว฾ตรงน้ัน เสรจ็ แลว฾ จึงอุม฾ ไก฽เข฾ามาในบ฾านพร฾อมทั้งจุดธูปอีก ๕ ดอก และกล฽าวบนบานผีประจําบ฾าน ได฾แก฽ ผีเตา ไฟเลก็ ผีเตาไฟใหญ฽ ผีเสาใหญ฽ ผปี ระตู ผสี ือกง๊ั เม่ือเสรจ็ แลว฾ จึงนําธูปทั้ง ๕ ดอกปใกไว฾ท่ีพื้นบ฾านหน฾าห้ิง ผสี ือกง๊ั จากน้ันก็นาํ ไก฽ไปฆา฽ โดยวิธีเอามีดเชือดท่คี อไก฽ ผู฾ทฆี่ า฽ ไกจ฽ ะเป็นใครก็ได฾ เม่อื ฆา฽ เสร็จจึงถอนขนไก฽ และใหล฾ วงเอาเครื่องในต฽าง ๆ ออกมาให฾หมด แต฽อาจจะทิ้งหัวใจเอาไว฾ก็ได฾ เหตุผลท่ีต฾องเอาเคร่ืองใน ออกจากตัวไก฽เพราะวา฽ เวลาต฾มไก฽ บางทีเท฾าของไกอ฽ าจจะถีบถูกไส฾หรือเคร่ืองในจะทําให฾ผลการทํานาย เสียลงทันที ตอ฽ จากน้ันจึงไก฽นําไปต฾มทั้งตัวจนกระทั่งสุกดีแล฾วจึงนําไก฽มาแกะเอาเน้ือออก นํากระดูกท่ี ต฾องใช฾ในการทํานายออกมา เพื่อให฾หมอผีที่สามารถตีความหมายของกระดูกได฾หรือบุคคลที่สามารถดู ความหมายกระดกู เปน็ ผทู฾ ํานาย การทานายจากลักษณะกะโหลกหัว : ลักษณะของกระดูกหัวกะโหลกไก฽ที่ให฾ผลการทํานายในทาง ที่ดนี น้ั สขี องกระดูกกะโหลกจะต฾องขาวสะอาด หมายถงึ จะคิดอะไรก็สมประสงคแ หากมีวงกลมสีดําอย฽ู บนกระดกู กะโหลกไก฽ทัง้ สองขา฾ งกท็ าํ นายวา฽ ให฾ผลดีเช฽นกัน หากมวี งกลมสดี ําและสขี าวเป็นบางส฽วนก็จะ ทาํ นายว฽าใหผ฾ ลสาํ เร็จพอประมาณ ในลักษณะที่ให฾ผลในทางเสียหรือไม฽สําเร็จ กระดูกกะโหลกไก฽จะมีสี ดาํ มากวา฽ สีขาว ถ฾าเปน็ สแี ดงเรอ่ื ทํานายไดว฾ า฽ ร฾ายแรงท่สี ดุ หา฾ มกระทําในสง่ิ ที่ต้งั ใจจะทาํ อย฽างเด็ดขาด 117

การทานายจากลักษณะของเทา้ ไก่ : ลักษณะของเทา฾ ไก฽ทแี่ สดงถึงผลการทํานายที่ดี คืออ฾ุงเท฾า ทั้งสองหุบเข฾าหากนั เหมือนกนั ท้ังสองขา฾ งในลกั ษณะท่ีหุบพองาม ทํานายได฾ว฽าดี จะคิดอะไรก็สําเร็จทุก ประการ ลกั ษณะเทา฾ ไก฽ทีแ่ สดงผลทํานายไมด฽ ี มีลักษณะอง฾ุ เท฾าข฾างหน่งึ ขา฾ งใดหุบชิดกันมากเกินไป หรือ อ฾งุ เทา฾ ขา฾ งหนึง่ ข฾างใดแผ฽ขยายออกมรี ูปลกั ษณะไม฽สวยงาม หากว฽าผลการดูเท฾าไก฽บ฽งว฽าไม฽ดี ก็อาจจะทํา พิธฆี า฽ ไก฽ตัวใหม฽เพ่อื ดูผลการทํานายซํ้าอีกก็ได฾ การทานายจากลักษณะของลิ้นไก่ : ล้ินไก฽มีลักษณะเป็นกระดูกอ฽อนเหมือนเขาของสัตวแ กระดูกอ฽อนโค฾งข้ึนได฾ ลักษณะสวยงามล้ินไก฽ไม฽มีตําหนิหรือมีจุด สีของล้ินไก฽แดงเร่ือ ๆ ทํานายว฽าดี กระดกู อ฽อนโคง฾ ได฾สว฽ นสัดแต฽ลนิ้ ไกม฽ ีจุดหรอื มีตําหนิ หรือมีสแี ดงเร่ือ ๆ แต฽กระดกู ออ฽ นโค฾งขึ้นมาก จัดอย฽ู ในจําพวกใหผ฾ ลการทํางาน ดปี านกลาง หากกระดูกอ฽อนเหยียดตรงหรอื บิดเกข฾างใดข฾างหนึ่ง สีของล้ินมี จุดและตาํ หนิ ผลการทํานายระบุว฽า ไมด฽ ี ตอ฾ งงดกจิ กรรมท่ีต฾องการจะทํานั้นเสีย การดูตาไก่ : จะต฾องตรวจดูลูกตาไก฽ทั้งสองข฾างว฽าปกติดีหรือไม฽ หากว฽าลูกตาข฾างใดข฾างหนึ่ง แตกจะทําให฾ผลการทาํ นายทุกอย฽างในตัวไกเ฽ สียหมด ฉะน้นั ลกู ตาไกจ฽ งึ เปน็ ส฽วนสาํ คัญในการทํานาย กวั ะ : เครอื่ งมือสือ่ สารจากคนถึงผี มีลกั ษณะเหมือนเขาควายที่ถูกตัดให฾สั้นประมาณ ๕ - ๖ นิ้ว แล฾วผ฽าซีกตามยาวแยกออกเป็นสอง ดังนี้ แต฽ละซีกจะมีด฾านหนึ่งโค฾งมนและอีกด฾านหน่ึง แบนเรียบ วสั ดุทใ่ี ชท฾ ํากวั ะอาจทําจากไม฾ทตี่ น฾ ของมันถกู ฟูาผ฽าแตกกระเด็นออกมาตกอย฽ูกบั ดนิ หรอื เป็นไม฾อะไรก็ได฾ ที่อย฽ใู นน้ํามา ๒ - ๓ ช่ัวอายุคน หรือเป็นไม฾ที่ผุดขึ้นมาจากโพรงผุ ๆ และไม฾เฉพาะอย฽าง ได฾แก฽ ต฾นเขา ควายหรอื ท่ีเรยี กว฽าตน฾ ไมด฾ าํ ต฾นจ฾อนย้ัง ตน฾ รังไก฽ และไม฾ไผ฽ขมท่ีต฾องเป็นหน฽อไม฾แคระ วัสดุอีกชนิดท่ีมา ทํากัวะ คือ เขาควายตัวเมียท่ีแก฽ตายเอง ช฽วงเวลาที่ดีที่สุดในการทํากัวะ คือในวันที่มีอาทิตยแทรงกลด การทาํ พธิ ีกวั ะนีต้ อ฾ งใช฾ไก฽ ๑ ตัว นํามาฆ฽าทําพิธีต฽อชีวิตให฾กัวะ โดยนํากัวะแตะเลือดไก฽ และขนไก฽ กัวะ เมอื่ ไม฽ใช฾จะเกบ็ ไว฾บนหิ้งผีภายในบ฾าน กัวะ คือไม฾ค฽ูเสี่ยงทาย มีความสําคัญสําหรับหมอผีเป็นอันมากใน การติดต฽อกับผี ในพิธีทําผี ลงผี หมอผีจะใช฾กัวะนี้โยนเสี่ยงทายถามหาสาเหตุของความปุวยไข฾ เม่ือ โยนกวั ะ หมอผจี ะกําหนดในใจว฽าถา฾ เปน็ อยา฽ งนัน้ อย฽างนี้ก็ขอให฾คว่ําหรือหงาย หรือคว่ําอันหงายอัน ถ฾า ผลโยนออกมาตรงกับใจท่ีกําหนด คือการตอบรับ แต฽ถ฾าไม฽ตรงกับท่ีกําหนดแสดงว฽าเป็นคําปฏิเสธ อีก บทบาทของกัวะในพิธีทาํ ผีคอื ในขณะทห่ี มอผีกาํ ลงั ทาํ พธิ จี ะมีคนหนง่ึ นํากัวะของหมอผี แตะเลือดสัตวแ ท่ใี ชใ฾ นพิธนี ํามาแตะหลังคนเจ็บและกระดาษที่จะเผาสง฽ ใหผ฾ ีเพ่ือนําไปใช฾เป็นเงินตราในเมืองผี กล฽าวโดย สรุปว฽ากวั ะจะถูกใช฾ติดตอ฽ กบั ผีในกรณที ่ีต฾องการรู฾ว฽ามาหรือไม฽มา ใช฽หรือไม฽ใช฽ รับหรือไม฽รับ ต฽อคําถาม หรอื ขอ฾ เสนอท่ยี ื่นให฾ ปใจจุบันชาวม฾งส฽วนใหญ฽ในจังหวัดลําปางหันมานับถือศาสนาคริสตแ มีกิจกรรมคือเข฾าโบถสแ ทําให฾ความเชื่อในเรื่องผีวิญญาณลดบทบาทลง ส฽งผลให฾พิธีกรรมบางอย฽าง สูญหายไป เหลือไว฾แต฽ ประเพณีท่เี ป็นอัตลักษณแแ ตส฽ ฽วนใหญ฽ถกู หยบิ ข้ึนมาเพือ่ ใชใ฾ นดา฾ นการท฾องเทยี่ วด฾วย ประเพณีการละเลน่ ที่ยังมอี ย่ใู นปจั จบุ ัน ปีใหม่ม้ง : โดยท่ัวไปแทบทุกชาติทุกภาษาจะต฾องมีพิธีฉลองปีใหม฽ อันเป็นสัญลักษณแแห฽ง ชวี ิตใหม฽ ในปตี อ฽ ไป การฆ฽าหมเู พื่อการกินเลี้ยงกอ฽ นวันปใี หม฽ ประมาณ ๑ - ๒ วนั ก฽อนท่จี ะเริ่มพิธีปีใหม฽ แต฽ละครัวเรือนจะทยอยกันฆ฽าหมู เพ่ือเชิญญาติพี่น฾องมาเล้ียงฉลองกัน และหมูท่ีฆ฽าส฽วนหนึ่งจะใช฾ เซ฽นไหวผ฾ ใี นบ฾าน หมูที่ฆ฽าในวันปีใหม฽เป็นหมูตัวผู฾ การทําขนมแปูงหยัว คือการทําขนมแผ฽นแปูง แต฽ละ ครวั เรือนจะทําขนมของตนเองไว฾กินโดยใช฾ข฾าวเหนียวนึ่งสุกแล฾วนํามาเทลงในรางไม฾แล฾วใช฾ขอนไม฾ทุบ 118

ขา฾ วเหนียวจนเละเปน็ แปงู เหนียวจากนัน้ จงึ ขดู แปงู ขา฾ วเหนยี วท่ีตําจนเละแลว฾ เอาออกจากรางไม฾เทลงใน กระด฾งแล฾วจงึ นาํ มาปใน้ เปน็ กอ฾ นกลม ๆ ขนาดใหญ฽กว฽ากําป้ในเล็กน฾อยนําวางลงบนใบตองกล฾วยที่เตรียมไว฾ พบั ใบตองหอ฽ ก฾อนแปูงใช฾มือกดให฾แบน ถ฾ายังร฾อนหรือนิ่ม ๆ อย฽ูก็กินได฾เลยหรืออาจนํามาผิงไฟอ฽อน ๆ จนแปูงเหลืองและพอง พิธีปใดรังควานในบ฾านก฽อนวันข้ึนปีใหม฽ เม่ือวันแรม ๑๕ คํ่า มาถึง พวกเขาจะ เร่ิมประกอบพิธีเล้ียงผีของแต฽ละครัวเรือน โดยหัวหน฾าครัวเรือนท่ีเป็นชายเป็นผ฾ูประกอบพิธี คือมีการ ขจัดปใดเปุาสิ่งไม฽ดีต฽าง ๆ ออกจากบ฾าน ทําความสะอาดปใดกวาดหยากไย฽ภายในบ฾าน และเชื้อเชิญผี ตา฽ ง ๆ มารบั เครือ่ งเซ฽นไหว฾  การละเล่นในพิธีปีใหม่ ได฾แก฽ การโยนลูกบอลผ฾า การเล฽นลูกข฽าง และการเปุาแคน ลูกข฽าง เปน็ ทอ฽ นไม฾กลม เสน฾ ผ฽าศนู ยกแ ลางประมาณ ๔ นิ้ว หรืออาจมากน฾อยกว฽านี้แล฾วแต฽ความพอใจและขนาด ของผู฾เล฽น ปลายข฾างหนึ่งเหลาให฾แหลมเป็นรูปกรวยใช฾ตะปูตอกเข฾าตรงจุดแหลมของรูปกรวย ลึกประมาณ ๑ น้ิว หรือมากกว฽านั้นเล็กน฾อย จึงตัดตะปูออกให฾เหลือส฽วนที่ตะปูโผล฽พ฾นออกมา เพียงเล็กน฾อย การเล฽นลูกข฽างนี้เล฽นกันเฉพาะในหม฽ูผู฾ชายทั้งเด็กและผ฾ูใหญ฽ ส฽วนใหญ฽มักจะเล฽นกัน ก฽อนหน฾าวันปีใหม฽ มีวิธีเล฽นได฾หลายวิธี คือ น฽อเหง่ียเต฽ กินมือใครมือมัน น฽อพ฽า กินร฽วมกัน น฽อช฽ง กนิ เป็นขน้ั ๆ ลกู บอลผ฾า “โคว฾ น฾า” ลกั ษณะลกู บอลผา฾ ทาํ จากผ฾าตัดเย็บเป็นลูกกลม ๆ ยัดไส฾ด฾วยเศษผ฾า ขนาดใหญ฽กว฽าลกู เทนนิสเลก็ นอ฾ ย การเล฽น ฝุายหญิงซ่ึงเปน็ โสดทั้งหมดยนื กันข฾างหน่งึ ฝาุ ยชายจะยืนอย฽ู ฟากตรงขา฾ ม หนุ฽มสาวแต฽ละคู฽จะโยนรับลูกบอลกันไปมาเฉพาะคู฽ของตน “เปุาแคน” คนโบราณถือว฽า คนใดท่ีเปุาแคนได฾เปรียบเสมือนคนท่ีมีการศึกษาในปใจจุบัน การเปุาแคนในงานปีใหม฽ชี้ให฾เป็นถึง ความเก฽งของผู฾เปุาแคน ในวันสุดท฾ายของวันกรรม ทุกครัวเรือนจะจุดธูปบอกผีทั้งหลายว฽าพิธีปีใหม฽ สิน้ สดุ แลว฾ การเลน่ ลกู ช่วง ประเพณีการเล฽นโยนลูกช฽วงซ่ึงจะไม฽พบว฽าชาวเขาเผ฽าอ่ืนใดมีการละเล฽น ในลักษณะเดียวกัน และการโยนลูกช฽วงนี้มีความสําคัญมากไปกว฽าเป็นเพียงนันทนาการที่เห็นเพียง ผิวเผิน แต฽ยังมีอิทธิพลต฽อโครงสร฾างทางสังคมของชาวเขาเผ฽าม฾ง การละเล฽นดังกล฽าวมีช่ือเรียกใน ภาษาม฾ง เป็น ๒ อย฽าง คือ “จุปฺอ” และ “ป฻อปฺอ” กล฽าวว฽าอย฽างแรกเป็นภาษาม฾งนํ้าเงินใช฾เรียก การละเล฽นนี้ มีความหมายใกล฾เคียงไปทาง “ขว฾างลูกช฽วง” คือการโยนโดยวิธีเง้ือมือขึ้นขว฾างออกไป ส฽วนอยา฽ งหลังคอื ภาษามง฾ ขาว มีความหมายใกล฾เคียงไปทาง “โยนลูกช฽วง” คือการโยนโดยวิธีเหว่ียงมือ จากล฽างข้ึนบน ปใจจุบันในทางปฏิบัติพบว฽าทั้งม฾งขาวและม฾งน้ําเงินต฽างโยนลูกช฽วงท้ังสองลักษณะ ซ่ึงหมายถึง “การโยนลกู บอลผา฾ ” เมือ่ วนั ขน้ึ ปีใหม฽มาถงึ บรรดาหนุ฽มสาวต฽างแต฽งตัวด฾วยเสื้อผ฾าสวยงาม 119

และมกั จะเปน็ ชุดทีเ่ พง่ิ ตดั เย็บขน้ึ ใหม฽ ตามปกติผ฾ูเล฽นจะต฾องเป็นหน฽ุมและสาว แต฽สําหรับชายหน฽ุมผ฾ูมา จากต฽างหมู฽บ฾านมีจํานวนไม฽น฾อยท่ีแต฽งงานแล฾วทําทีว฽าเป็นโสดเข฾าร฽วมในการละเล฽นน้ีด฾วย ช฽วงเวลา ในการเล฽นมิได฾มีกําหนดกฎเกณฑแว฽าจะต฾องเริ่มหรือเลิกเม่ือใดแต฽สถานที่เล฽นมักจะต฾องเป็นลานกว฾าง พอสมควร การเล฽นโยนลูกช฽วงนี้ ผเ฾ู ลน฽ จะแบ฽งออกเป็นสองฝุายคือ ฝาุ ยชายกับฝุายหญิง ชายหนุ฽มจะยืน อยู฽ข฾างเดียวกันเปน็ แถวหนึง่ โดยมีหญงิ สาวค฽เู ล฽นยืนอยใู฽ นแถวตรงกันข฾าม มีระยะห฽างระหว฽าง ๘ - ๑๐ เมตร โดยประมาณและอาจห฽างกว฽านี้ คู฽เล฽นแต฽ละคู฽จะโยน – รับ ลูกบอลกันไปมา และในระหว฽างนี้ มักจะมกี ารพูดจากันบางครั้งยวั่ เย฾าเกี้ยวพาราสีกันไปด฾วย มีบ฾างบางคู฽ที่ไม฽มีรู฾สึกสนุกสนานกับการเล฽น หรือไม฽พึงใจในคเ฽ู ลน฽ ของตน หลงั จากเล฽นโยน – รับ กันไปมาเป็นระยะเวลาพอสมควร ฝุายหน่ึงฝุายใด อาจจะขอตวั พกั เพราะเหตวุ า฽ ยืนนานจนเมอ่ื ย หรือเหตุผลอนื่ ๆ ทํานองเดยี วกันนี้ ต฽อมาภายหลังจึงต฽าง หาคู฽เล฽นใหม฽เปล่ียนหน฾าไป สักพักพอสมควรหลายค฽ูเริ่มเล฽นในลักษณะท฾าพนันกันถ฾ารับพลาดจะถูก คู฽เลน฽ ฝาุ ยตรงข฾ามปรบั โดนผ฾ูเล฽นฝาุ ยตรงขา฾ มจะกําหนดส่ิงของท่ีปรบั การเป่า “เค่ง” ดนตรีกลุ่มชาติพันธ์ุม้ง ดนตรีกลุ฽มชาติพันธุแม฾งเป็นดนตรีท่ีสืบทอดจาก บรรพบุรุษด฾วยวิธีมุขปาฐะ มีนักดนตรีอาวุโสเป็นผ฾ูสอนการจับเครื่องดนตรี การวางน้ิวมือ การท฽อง เนื้อเพลง และเทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี ทั้งนี้ดนตรีกล฽ุมชาติพันธแุม฾งไม฽สามารถระบุได฾แน฽นอนว฽า อย฽ูในสงั คมวฒั นธรรมมง฾ มานานแค฽ไหนไมม฽ กี ารบนั ทึกประวตั ศิ าสตรเแ กบ็ ไว฾ หากมองย฾อนประวัติศาสตรแ อนั ยาวนานสนั นิษฐานวา฽ ดนตรีคงเกดิ ช฽วงท่ีชาวม฾งอาศัยอย฽ูทางตะวันตกเฉียงใต฾ของจีน ชาวม฾งที่อาศัย อย฽ูในบริเวณราบลุ฽มแม฽น้ําแยงซีเกียง และแม฽น้ําฮวงโห (แม฽นํ้าเหลือง) เมื่อประมาณ ๒,๒๐๐ ปีก฽อน คริสตแศักราช ดนตรีจึงผูกพันอย฽ูในการดําเนินชีวิตของชาวม฾งมาเนิ่นนาน บทบาทของดนตรีต฽อกล฽ุม ชาตพิ นั ธุมแ ฾ง มีความเก่ยี วข฾องสอดคลอ฾ งกับความเช่ือ ประเพณี วิถีชีวิตของชาวม฾ง ใน ๕ ด฾านคือ ดนตรี เพ่อื ความร่นื เริงบันเทิงใจ เพ่ือการเก้ียวพาราสีกันระหว฽างหนุ฽มสาว เพื่อเป็นการระบายความสุขความ ทุกขแในใจ เพื่อส่ือสารกับวิญญาณ และสุดท฾ายการเล฽นดนตรีของชาวม฾งคือการรักษาสืบทอด ศิลปะการแสดงทางวฒั นธรรม ใหด฾ นตรมี ง฾ ไมส฽ ญู หายจากไป เค฽ง (Qeej)49 หรือแคนมง฾ เป็นเครื่องดนตรีชั้นสูงของกลุ฽มชาติพันธแุม฾ง เป็นเคร่ืองดนตรีท่ีอยู฽ ในตระกูลเคร่ืองลมประเภทท่ีมีท฽อเสียง (Aerophones) ภายในท฽อมีลิ้นทองเหลืองติดเข฾าไปกับตัวท฽อ บรรเลงโดยวิธีการเปุาเสียงและดูดเสียง บทบาทของเค฽งในสังคมวัฒนธรรมชาวม฾งถูกนํามาใช฾ ๒ ลักษณะ คือ งานศพ ซึ่งเชื่อว฽าการบรรเลงเพลงเค฽งเป็นเครื่องนําทางดวงวิญาณของผ฾ูตายไปหา บรรพบรุ ุษอกี ภพหนึ่ง บทเพลงที่บรรเลงมีเนื้อหาความหมายบอกเรื่องราวให฾ดวงวิญญาณรับร฾ู ส่ือสาร ระหวา฽ งโลกของมนุษยแกบั โลกวิญญาณ และการนําเค฽งมาบรรเลงบทเพลงทั่วไป เช฽น ช฽วงปีใหม฽ม฾งซึ่งมี  49 วารสารวัฒนธรรม ฉบบั ท่ี ๓ ปี ๒๕๖๒ http://magazine.culture.go.th/2019/3/index.html 120

เนือ้ หา และความหมายเกย่ี วกบั วิถีชีวิต ความเป็นอย฽ู การเปรียบเทียบเปรียบเปรย เช฽น เพลงเก่ียวกับ สาวสองคนทีไ่ ม฽มาหากนั มีความหมาย ๒ ลักษณะคือ ๑) ต่ืนมาตอนเช฾าๆ มีไก฽ตัวผู฾อย฽ูหน฾าบ฾าน ไก฽ขัน รอ฾ งเป็นภาษามนุษยแวา฽ อยากไดส฾ าวสวยมาเปน็ คู฽ แตส฽ าวคนนนั้ ไมม฽ าอยู฽ด฾วย เราได฾แต฽เฝูามองหาอย฽างไร กไ็ ม฽เจอ ๒) ไกต฽ ัวหนึง่ นาํ กระดง฾ ฝดใ ข฾าวมาฝใดหาดวู ฽ามสี าวอย฽ูไหม ฝดใ ไปเรื่อยๆ ก็ไม฽เจอสาว ไปหาที่ไหน กไ็ ม฽เจอ จากน้ันเดนิ เข฾าไปหาที่สวนกุหลาบ ระหวา฽ งนน้ั ไก฽ตัวผูน฾ ัน้ กโ็ ดนหนามตาํ รอ฾ งเสียงดงั ลน่ั บา฾ น เพลงและการละเล่นพื้นบ้านม้ง : ภาพสะท้อนภูมิปัญญาท้องถ่ิน ชุมชนม฾ง เป็นสังคมไม฽มี ตัวหนงั สือ ความร฾ทู กุ สิง่ ได฾บันทกึ เก็บไวด฾ ว฾ ยการจดจาํ ถา฽ ยทอดสูช฽ นร฽ุนหลัง ต฽อ ๆ กันไป ด฾วยวาจาและ การปฏิบัติให฾เห็น เพลงและการละเล฽นของชนเผ฽าม฾งในประเทศไทย เป็นวัฒนธรรมพื้นบ฾านท่ีมี กระบวนการพัฒนาในตัวเองตลอดเวลา มกี ารสืบทอดต฽อเนื่องจากผู฾ท่ีเกิดก฽อนและเรียนรู฾มาก฽อนให฾กับ ชนร฽ุนหลังด฾วยวิธีการจดจําแล฾วเล฽าส฽ูกันฟใง ไม฽มีการบันทึก เพลงพ้ืนบ฾านและการละเล฽นของม฾ง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีเกิดจากระบบการผลิตซ้ําของวัฒนธรรม และทําหน฾าท่ีเป็นส่ือดํารงรักษา ความเป็นเอกลักษณแของเผ฽าพันธแุไว฾ได฾ด฾วยระบบความสัมพันธแในกระบวนการผลิตซ้ํากับระบบ อุดมการณแของเผ฽า เพลงพ้ืนบ฾านม฾ง มี ๒ ลักษณะ คือ เพลงท่ีใช฾ร฾องประกอบพิธีกรรมงานศพ งานแต฽งงาน เร่ิมต฾นด฾วยการสวด และตามด฾วยเพลงแคนสลับกับการตีกลอง และเพลงสําหรับการ รอ฾ งเลน฽ การละเลน฽ มง฾ ๑. การเลน฽ ลกู ชว฽ ง ๒. การเล฽นลกู ขา฽ ง ๓. การรําดาบ รําแคน การแตง่ กาย ลกั ษณะการแต่งกายของม้งดาและม้งก๊ัวมะบา เอกลกั ษณแทีช่ ัดเจนทสี่ ดุ ของชาวเขาเผา฽ มง฾ คอื การแต฽งกาย จากการศึกษารูปแบบการแต฽งกาย ของแต฽ละเผ฽าพบว฽า ลวดลาย บนเสื้อผ฾า ตลอดจนเครื่องประดับของแต฽ละชนเผ฽ามีความแตกต฽างกัน โดยสามารถแยกความแตกต฽างของแต฽ละชนเผ฽าได฾จาก เส้ือผ฾าที่สวมใส฽ ซ่ึงรูปแบบของเส้ือผ฾า ลวดลาย การทอ และการตัดเย็บจะมีความแตกต฽างกัน ซึ่งเอกลักษณแท่ีเด฽นชัดที่สุดของเครื่องแต฽งกายชาวเขา เผ฽ามง฾ อยท฽ู ีล่ วดลายทปี่ ใกอยู฽บนเส้ือผา฾ โดยลายทนี่ ิยมปกใ จะมอี ยป฽ู ระมาณ ๑๒ ลาย คือ ลายก฾นหอย ลาย เท฾าช฾าง ลายหัวใจ ลายไฮ ลายดาว ลายฟในเล่ือย ลายปีก ลายดอกเย฾า ลายดอกไม฾ ลายเท฾ากา ลาย ดอกไม฾ประยุกตแ และลายก฾นหอย ผู้ชาย : เส้ือแขนยาวจรดข฾อมือ แต฽ชายเส้ือระดับเอว ปกสาบเสื้อด฾านขวาจะปูายเลยมาทับ ซีกซ฾ายของตัวเส้ือตลอดจนแนวสาบเส้ือจะใช฾ด฾ายสี และผ฾าสี ปใกลวดลายต฽าง ๆ สะดุดตา กางเกง สีเดียวกับเส้ือ มีลักษณะขากว฾างมากแต฽ปลายขาแคบลง ส฽วนที่เห็นได฾เด฽นชัดคือ เปูากางเกงจะหย฽อน ลงมาจนต่ํากว฽าระดับเข฽า รอบเอวจะมีผ฾าสีแดงพันทับกางเกงไว฾ ซ่ึงชายผ฾าทั้งสองข฾างปใกลวดลาย สวยงาม อยู฽ด฾านหน฾า และนยิ มคาดเข็มขัดทับผ฾าแดงไว฾ ผหู้ ญงิ : ปจใ จบุ ันเส้อื ม฾งเขียวหรือม฾งดําจะทําให฾มีหลากหลายสีมากข้ึนเหมือนกัน ชายเส้ือยาว จะถูกปิดด฾วยกระโปรงเวลาสวมใส฽ สาบเส้ือทั้งสองข฾างจะปใกลวดลาย หรือขลิบด฾วยผ฾าสี ตัวกระโปรง จบี เปน็ รอบ ทําเป็นลวดลายต฽าง ๆ ท้ังการปใก และย฾อม รอยผ฽าของกระโปรงอยู฽ด฾านหน฾า มีผ฾าเหลี่ยม ผนื ยาวปกใ ลวดลายปิดรอยผ฽า และมผี ฾าสแี ดงคาดเอวทับอกี ทีหนง่ึ โดยผกู ปลอ฽ ยชาย เป็นหางไว฾ด฾านหลัง สําหรับกระโปรงนี้จะใส฽ในทุกโอกาส และในอดีตนิยมพันแข฾งด฾วยผ฾าสีดําอย฽างประณีตซ฾อนเหลื่อม เป็นช้ัน ๆ ปใจจุบันก็ไม฽ค฽อยนิยมใส฽กันแล฾ว ผู฾หญิงม฾งดํานิยมพันผมเป็นมวยไว฾กลางกระหม฽อม และมีช฾องผมมวยซ่ึงทํามาจากหางม฾าพันเสริมให฾มวยผมใหญ฽ข้ึน ใช฾ผ฾าแถบเป็นตาข฽ายสีดําพันมวยผม แล฾วประดับด฾วยลูกปใดสีสวยๆ ส฽วนเคร่ืองประดับเพ่ิมเติมนั้น มีลักษณะเหมือนกับม฾งขาว แต฽ถ฾าเป็น 121

ม฾งขาวผู฾ชายจะแต฽งกายคล฾ายกันกับม฾งนํ้าเงิน แต฽มีการประดับลวดลายน฾อยกว฽า ท่ีคอสวมห฽วงเงิน รอบคอหลายห฽วง ผ฾ูหญิง ส฽วนใหญ฽จะแต฽งตัวคล฾ายกันกับม฾งน้ําเงิน เดิมนิยมสวมกระโปรงสีขาวล฾วน ไม฽มีลวดลายใด ๆ มีผ฾าผืนยาวที่ปิดทับด฾านหน฾ากระโปรงปใกลวดลาย พร฾อมท้ังมีผ฾าแถบสีแดงคาดเอว ปลอ฽ ยชายเป็นหางไวด฾ ฾านหลงั ปจใ จุบนั นุ฽งกางเกงทรงจีนสีนํ้าเงินเข฾มแทนกระโปรง พันมวยผม และกัน เชงิ ผมด฾านหนา฾ ให฾ดูมหี นา฾ ผากกว฾างขน้ึ ด฾านการแตง฽ กาย การแต฽งกายจะแบ฽งเป็น ๒ ส฽วนใหญ฽ๆด฾วยกันคือ เสื้อผ฾า และเครื่องประดับ โดยชาวเขาเผ฽าม฾งให฾ความสําคัญกับสองส่ิงน้ีเป็นอย฽างมาก เพราะท้ังเสื้อผ฾าและเคร่ืองประดับ เป็น เหมือนเคร่ืองบ฽งบอกถึงฐานะของครอบครัวน้ัน ๆ ๑. เส้ือผ฾า ลักษณะการแต฽งกายของชาวม฾ง โดยม฾ง จะแบ฽งเป็น ๒ กลุ฽มด฾วยกัน คือ ม฾งขาวและม฾งเขียว (ม฾งดํา) เนื่องจาก จังหวัดลําปางมีแต฽กลุ฽มม฾งเขียว หรือมง฾ ดํา ชุดของกลม฽ุ มง฾ เขียวจะเป็นสีดําปใกลวดลายสวยงาม ผู฾หญิงจะสวมเส้ือแขนยาวสวมทับ ด฾วย กระโปรง สาบเส้อื สองข฾างจะปกใ ด฾วยลวดลายหรือขลบิ ดว฾ ยผ฾าสี กระโปรงจีบรอบปใกเป็นลวดลายต฽าง ๆ มผี า฾ ส่ีเหลย่ี มผนื ยาว ปใกลวดลายปดิ ด฾านของกระโปรง มีผ฾าสีแดงคาดเอวทับอีกทีหนึ่งโดยการผูกปล฽อย ชายเป็นหางไวด฾ า฾ นหลัง ใช฾ผ฾าสดี ําทปี่ ระดบั ดว฾ ยลูกปใดสตี า฽ ง ๆ พันมวยผม ใส฽สายสะพายไหล฽ หรือย฽าม เฉยี งสลับกันสองขา฾ ง ผูช฾ าย สวมเสื้อแขนยาวถึงข฾อมอื ชายเสื้ออยู฽ระดับเอว ปกเส้ือด฾านขวาจะปูายเลย มาทับซีกซ฾ายของตัวเสื้อ ตรงสาบเสื้อจะใช฾ด฾ายสีปใกลวดลายต฽าง ๆ กางเกงสีเดียวกับเส้ือมีลักษณะ ขากว฾างตรงปลายขาแคบ เปูากางเกงจะหย฽อนลงมาต่ํากว฽าระดับเข฽าปลายขากางเกงปใกลวดลาย ๒. เครื่องประดับ เป็นศิลปะในการตกแต฽งร฽างกาย และเป็นวัฒนธรรมการแต฽งกายที่เด฽นชัดของชน เผา฽ มง฾ ชาวมง฾ นิยมสวมใส฽เคร่อื งเงิน ซึง่ มีความเชื่อวา฽ “โลหะเงินเป็นสัญลักษณแของความมั่นคง และสุข สวสั ดใ์ิ นชวี ิต” ดงั นั้นทุกครอบครวั จงึ ต฾องทําหรอื ซื้อหาให฾ ลกู หลานได฾ใสใ฽ นงานปีใหม฽หรืองานสําคัญของ ชนเผ฽า สําหรับรูปแบบเครื่องเงินของชนเผ฽าม฾ง แยกออกเป็น ๒ ประเภท คือ เครื่องประดับร฽างกายและ เครื่องประดับเสื้อผ฾า โดยเคร่ืองประดับร฽างกายและเคร่ืองประดับเสื้อผ฾าจะประกอบไปด฾วย กําไลคอ เดีย่ ว แผงกําไลคอ สร฾อยระย฾า กําไลข฾อมือ ต฽างหูแหวน ปิ่นปใกผม เชิงมวยผม และเหรียญเงินรูปีท่ีใช฾ สาํ หรับประดับตกแตง฽ เส้อื ผา฾ และของใช฾ ภูมิปญั ญางานหตั ถกรรม การปลูกกัญชงและการทอผ้า : กัญชง – กัญชา พืชบนท่ีสูง : ชาวเขาเผ฽าม฾ง ลีซอ และอีก฾อ เป็นกลุ฽มชาวเขาท่ีมีการปลูกฝ่ินและข฾าวโพด โดยประเพณีนอกเหนือจากการปลูกข฾าวเพ่ือบริโภคแล฾ว ชาวเขากลมุ฽ นมี้ ีความค฾ุนเคยกับการปลูกและการใช฾ประโยชนแจากต฾นกัญชงมาเปน็ ระยะเวลาอันยาวนาน ได฾มีการใช฾เส฾นใยมาทอผา฾ ตัดเย็บเสอื้ ผา฾ ทาํ ถงุ ยา฽ ม ฟน่ใ เปน็ เชอื ก กญั ชงเป็นพืชชนดิ หน่ึงในการดํารงชีวิต แบบชมุ ชน จารีตประเพณีด้ังเดิมของชาวเขาเผ฽าม฾งในอดีต กล฽าวกันว฽าพืชชนิดนี้ได฾มีการเพาะปลูกมา 122

เป็นเวลานานแล฾วกว฽า ๔,๐๐๐ ปี และได฾เข฾าส฽ูประเทศจีนประมาณ ๒๕๐๐ ปีก฽อน ชาวม฾งส฽วนใหญ฽ จะปลูกกญั ชงเป็นพ้ืนทแี่ ปลงใหญ฽แต฽กไ็ ม฽ใหญ฽มากจนมผี ลิตผลเหลือเกินกว฽าแรงงาน เม่ือตัดต฾นกัญชงแล฾ว จากนัน้ จะนาํ มาตากแดดจนแห฾งสนิทภายหลังจากที่ต฾นกัญชงแห฾งแล฾วก็จะนําไปวางกองพ้ืนทําแนวตั้ง กับพ้ืนดินภายในบริเวณบ฾านท่ีไม฽มีความช้ืน การปอกเปลือก ใช฾วิธีนําต฾นกัญชงมาหักตอนกลางลําต฾น หลาย ๆ แหง฽ ให฾ขาดจากกันแล฾วใช฾มือลอกเปลอื ก เปลือกของตน฾ กัญชงทแ่ี ห฾งสนิทจะนํามาฉกี ออกเปน็ เส฾นเล็ก ๆ จากนั้นนําเส฾นใยกัญชงลงตําใน ครกกระเดอ่ื ง เพื่อให฾เปลือกนอกท่ีหุ฾มติดกบั เส฾นใยหลดุ ออก เหลือแต฽เส฾นใยแท฾ ๆ เส฾นใยที่ผ฽านการตําแล฾ว จะถกู นําเอามาพับม฾วนเป็นก฾อนโดยใช฾เครื่องมือเฉพาะ ขณะท่ีเส฾นใยถูกนํามาม฾วนพันแกนไม฾จะมีการ ต฽อเส฾นใยแตล฽ ะเส฾นโดยใชน฾ ว้ิ มอื ขยส้ี ฽วนปลายให฾ต฽อติดเป็นเนื้อและเส฾นเดียวกันเมื่อเส฾นใยเต็มแกนก็จะ ถอดม฾วนเสน฾ ใยเก็บไว฾ หลงั จากนั้นจะนาํ เอาก฾อนเส฾นใยไปจ฽มุ นํ้าใหเ฾ สน฾ ใยอ฽อนตัว แล฾วจึงนําไปเข฾าเครื่อง กรอเสน฾ ใยแบบของม฾ง เมื่อกรอเส฾นใยเข฾าแกนจนเตม็ ก็นําเสน฾ ใยเข฾าผ฽านเคร่ืองป่ในเส฾นใยแบบม฾ง เส฾นใย แต฽ละมัดจะถูกนําไปต฾มเค่ียวในน้ําด฽าง (นํ้าขี้เถ฾า) ในกระทะใบบัว เป็นเวลาประมาณ ๕ - ๖ ช่ัวโมง แล฾วจึงนาํ ไปหมักไวใ฾ นขีเ้ ถ฾าเปยี กอกี ประมาณ ๒ - ๓ วัน เสน฾ ใยท่ีผา฽ นการหมักแล฾วจะนําไปซักล฾างน้ําให฾ สะอาด และจะถกู นาํ เอาไปเขา฾ เคร่ืองรีด หลังจากการรีดจนแน฽ใจว฽าเส฾นใยท่ีได฾อ฽อนน฽ุมตามท่ีต฾องการแล฾ว กจ็ ะนําไปซกั ล฾างดว฾ ยน้าํ อีกเป็นคร้ังสดุ ท฾าย แล฾วนาํ ไปตากแดดให฾แห฾งสนิท เส฾นใยที่ผ฽านมาถึงข้ันตอนน้ี จะถกู นาํ ไปเขา฾ เครอ่ื งปใน่ ใหเ฾ ปน็ เสน฾ ดา฾ ยเพ่อื ทอเปน็ ผา฾ ตอ฽ ไป การปักผ้า และผา้ เขียนเทยี นของผหู้ ญิงม้ง : ชนเผ฽าม฾ง เป็นชนเผ฽าชนหน่ึงท่ีมีความขยันขันแข็งมาก สมาชิกทุกคนในครอบครัวต฽างต฾อง ช฽วยกันทาํ มาหากนิ ในชวงเวลาว฽างหลงั เสรจ็ งานเกษตรกรรม เพาะปลูกในไร฽นา ผ฾ูชายชาวม฾งจะทํางาน ตีเหล็ก และเครื่องเงิน ขณะที่ฝุายผ฾ูหญิงจะเย็บปใกเสื้อผ฾าเครื่องน฽ุงห฽ม ดังท่ีมีคํากล฽าวถึงวิถีชีวิตของ ชาวม฾งต้ังแต฽โบราณว฽า “ผู฾หญิงปใกผ฾า ผู฾ชายตีมีด” ดังนั้นเส้ือผ฾าเคร่ืองแต฽งกายของชนเผ฽าม฾ง จึงนิยม สร฾างลวดลายประดับด฾วยลายปใกที่ใช฾เส฾นด฾ายสีสันสดใส ผ฾าปใกม฾งจึงมีความสําคัญที่สะท฾อนถึงวิถีชีวิต และเรื่องราวทางวัฒนธรรมของหญิงชาวม฾งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจากร฽ุนส฽ูรุ฽นนับหลายร฾อยปี การปกใ ผา฾ ม฾ง เพ่อื ใชต฾ ิดประดบั บริเวณตา฽ ง ๆ ของเสอื้ ผ฾า เป็นสิง่ ทผี่ หู฾ ญิงเผา฽ มง฾ จะต฾องทําเป็นทุกคน และ ต฾องทาํ ใส฽เอง สาํ หรับสามี และลูกชายดว฾ ย เพราะผ฾ชู ายม฾งจะไมป฽ กใ ผ฾า หญิงชาวม฾งทุกคนจึงต฾องร่ําเรียน วิชา ปใกผา฾ จากผ฾เู ปน็ มารดาของตนต้งั แต฽อายุยังไมถ฽ งึ สบิ ปีแตช฽ าวม฾งจะไม฽นิยมใช฾สีแดงประดับบนเส้ือผ฾า เพราะมคี วามเชื่อว฽า สีแดงเปน็ สรี ุนแรง เปน็ สีเก่ียวข฾องกับอุบัติเหตุ ไม฽เป็นมงคลจะใช฾เฉพาะในงานศพ เทา฽ นนั้ ศลิ ปะลวดลายบนผืนผา฾ ชนเผ฽ามง฾ มที ้ังการปกใ การเย็บ และการเขียนเทียน (การเขียนลายเทียน 123

เฉพาะในกลมุ฽ มง฾ ลาย สว฽ นกล฽ุมม฾งดํา และม฾งขาวจะไม฽เขียนเทียน) ผ฾าปใกม฾งส฽วนใหญ฽เป็นผ฾าฝูายทอมือ และผ฾าใยกัญชง เทคนิคท่ีใช฾ในการปใกผ฾าม฾งโดยหลักแล฾ว จะมี ๒ แบบคือ แบบปใกเป็นกากบาท คล฾าย ลายปใกครอสตชิ และอกี แบบหนง่ึ คอื การปใกแบบเยบ็ ปะติด เอกลักษณแลวดลายที่ปรากฏบนผืนผ฾าของ ชาวม฾งก็มีหลากหลายลักษณะ ท้ังลวดลายด้ังเดิมท่ีเป็นเอกลักษณแเฉพาะที่สืบทอดกันมาต้ังแต฽สมัย บรรพบุรุษ ลวดลายท่ีถูกสร฾างสรรคแจากจินตนาการเลียนแบบมาจากธรรมชาติสิ่งแวดล฾อมรอบตัว วถิ ชี วี ติ ลวดลายที่ไดร฾ บั อทิ ธพิ ลมาจากความเชือ่ ตาํ นาน หรือเร่ืองเล฽า และลวดลายท่ีมีการปรับประยุกตแ ใหเ฾ ขา฾ กับยคุ สมัยตามความต฾องการของกระแสความนิยมของผู฾บรโิ ภค การเขยี นเทยี น เปน็ ศิลปะการสร฾างลวดลายบนผืนผ฾าเปน็ เอกลักษณอแ กี แบบหน่ึงของชาวม฾งที่มี การทาํ กนั ในกลม฽ุ ม฾งลายเท฽านั้น เป็นภูมิปใญญาและศิลปะโบราณดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต฽บรรพบุรุษ ถ฽ายทอดสบื ตอ฽ กันมาจากรุน฽ ส฽ูร฽ุนหลายช่ัวอายุคนจนถึงปจใ จบุ ัน ผ฾าเขียนเทียนเป็นผ฾าท่ีชนเผ฽าม฾งผูกพันค฽ู มากับความเป็นชนเผา฽ ผหู฾ ญงิ ชาวม฾งลายทุกคนมคี วามสามารถในการวาดลวดลาย เขียนเทียนลงบนผืน ผ฾าที่ตระเตรยี มไวไ฾ ด฾อย฽างละเอียดซับซอ฾ น ผ฽านกระบวนการจนเสร็จส้ินเป็นผืนผ฾าสําเร็จสวยงาม ผ฾าม฾ง เขยี นเทียนจงึ เปน็ ทีร่ จ฾ู กั และนิยมกันอย฽างแพร฽หลาย สวนใหญ฽นิยมนามาใช฾ตัดเย็บเป็นกระโปรงผู฾หญิง ในอดตี ผห฾ู ญงิ ชาวมง฾ จะบรรจงวาดลวดลายเขียนเทียน แล฾วนําไปย฾อมสีและอัดกลีบแล฾วจึงนําไปตัดเย็บ กว฽าจะผ฽านกระบวนการจนแล฾วเสร็จเป็นกระโปรง ๑ ตัว อาจต฾องใช฾เวลาในการทํายาวนานถึงเกือบ ๑ ปี เพือ่ ให฾ได฾กระโปรงทห่ี ญิงสาวชาวม฾งจะใชส฾ วมใส฽ในงานสาํ คญั อย฽างสวยงามท่ีสดุ 124

๒.๙ ลีซอ (ลซี )ู ในจังหวัดลาปาง ๒.๙.๑ ประวตั ิศาสตรค์ วามเปน็ มา ชาตพิ นั ธแ์ุ ละการเคลื่อนยา้ ย ลีซู (Lisu) หมายถึง ชนผ฾ูใฝุร฾ูแห฽งชีวิต มีความหมายมาจากรากศัพทแ ๒ คํา คือคําว฽า “ลี” มา จากคําว฽าอิ๊หลี่ ซึ่งหมายถึง จารีตประเพณี วัฒนธรรม และวิถีปฏิบัติแห฽งชีวิต ส฽วนคําที่สอง คือคําว฽า “ซ”ู มีความหมายว฽า ศึกษา การเรยี นรู฾ ทงั้ การเรียนร฾ูในเชิงทฤษฏีและเชิงปฏิบัติ ลีซูเป็นกลุ฽มชาติพันธุแ ที่จัดอยู฽ในกล฽ุมธิเบต - พม฽า ของชนชาติโลโลถิ่นกําเนิดด้ังเดิมของชนเผ฽าลีซูอยู฽บริเวณต฾นนํ้าโขงและ แม฽น้ําสาละวิน อย฽ูเหนือหุบเขาสาละวินในเขตมณฑลยูนนานตะวันตกเฉียงเหนือ และตอนเหนือของ รัฐคะฉิ่น ประเทศพม฽า ชนเผ฽าลีซูส฽วนใหญ฽มีความเชื่อว฽าเมื่อ ๔,๐๐๐ ปี ท่ีผ฽านมา เคยมีอาณาจักรเป็น ของตนเอง แตต฽ อ฾ งเสียดินแดนให฾กับจีนและกลายเป็นคนไร฾ชาติ ต฽อมาชนเผ฽าลีซูจึงได฾เคล่ือนย฾ายเข฾าส฽ู รัฐฉานตอนใต฾ กระจัดกระจายอย฽ูตามภูเขาในเมืองต฽าง ๆ เช฽น เมืองเชียงตุง บางส฽วนอพยพไปอยู฽เขต เมืองซือเหมา สิบสองปในนา ประเทศจีน หลังจากน้ันได฾อพยพลงมาทางใต฾เน่ืองจากเกิดการสู฾รบกัน ระหวา฽ งชนเผา฽ อนื่ นบั เวลาหลายศตวรรษ ชนเผ฽าลีซูได฾ถอยร฽นเรื่อยลงมา จนในท่ีสุดก็แตกกระจายกัน เขา฾ สปู฽ ระเทศพมา฽ จีน อนิ เดีย แลว฾ เข฾าส฽ูประเทศไทยเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๔ กลุ฽มแรกมี ๔ ครอบครัว มาตั้งถน่ิ ฐานเปน็ ชมุ ชนคร้ังแรกอยท฽ู ี่บา฾ นหว฾ ยส฾าน อาํ เภอเมอื งเชียงราย จงั หวดั เชยี งราย อย฽ไู ด฾ประมาณ ๕ - ๖ ปี ก็มกี ารแยกกล฽มุ ไปอย฽หู มูบ฽ า฾ นดอยช฾าง ทาํ มาหากนิ อยแ฽ู ถบ ตาํ บลวาวี อาํ เภอ แม฽สรวย จังหวัด เชยี งราย จากการสอบถามคนเฒ฽าคนแก฽ชาวลีซู ถึงเร่ืองราวการอพยพว฽า ได฾อพยพมาจากหมู฽บ฾านแห฽ง หน่ึงทางตอนใต฾ ของเมืองเชียงตุงประเทศพม฽า เข฾ามาต้ังถิ่นฐานอย฽ูที่บ฾านลีซูห฾วยส฾าน อําเภอเมือง เชียงราย จังหวัดเชียงราย และโยกย฾ายไปตั้งบ฾านเรือน ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน ลําปาง ตาก พะเยา กําแพงเพชร เพชรบูรณแ แพร฽และสุโขทัย ลีซูไม฽มีภาษาเขียนของตนเองลีซู แบ฽ง ออกเป็น ๒ กลุ฽มยอ฽ ย คือ ลซี ูลายกบั ลีซดู าํ ชาวลีซูที่อย฽ใู นประเทศไทยเกือบท้ังหมดเป็นลีซูลาย ส฽วนลีซู ดาํ น้นั อย฽ู พม฽า จีน50 ในมติ กิ ารศึกษาเชงิ ประวตั ศิ าสตรทแ อ฾ งถิ่นพบวา฽ ถน่ิ ฐานด้งั เดิมและวัฒนธรรมชาติพันธแุลีซูมักจะ เป็นท่ีรับรก฾ู นั ว฽าอยูท฽ างทิศตะวันตกเฉียงใต฾ของจีน แต฽ทว฽านอกเหนือจากพ้ืนท่ีของประเทศนั้นแล฾ว ก็มี คนท่ีรู฾จักลีซูและวัฒนธรรมลีซูไม฽มากนัก อาจมีความเป็นไปได฾ว฽าสาเหตุหลักอาจเนื่องมาจากการขาด ภาษาเขียนของชาติพันธุแ ทําให฾ไม฽เคยมีการจดบันทึกประวัติศาสตรแของตัวเอง หรืออาจเป็นไปได฾อีก เชน฽ กนั ว฽าเป็นเพราะการอพยพยา฾ ยถิ่นฐานกนั บ฽อยครั้งในช฽วงห฾าศตวรรษท่ีผ฽านมา และการย฾ายถ่ินฐาน  50 ทวชิ จตุวรพฤกษ.แ เสยี งจากคนชายขอบ: ศักด์ศิ รีความเปน็ คนของชาวลีซูอาเภอ เชียงใหม:฽ เครอื ขา฽ ยชาตพิ ันธแุศกึ ษา 125

แตล฽ ะครั้งมักจะเป็นการเลย่ี งเพ่อื นบ฾านผ฾ูซึ่งมีอํานาจและมีการศึกษามากกว฽า การย฾ายถ่ินฐานบ฽อยครั้ง เช฽นนี้ก็อาจเป็นส฽วนหน่ึงที่ทําให฾ชาวลีซูร฾ูสึกถึงความไม฽จําเป็นในการบันทึกประวัติศาสตรแของตัวเอง ข้นึ มากเ็ ปน็ ได฾ ลีซู เป็นคําที่ถูกให฾ความหมายด฾วยกันหลายประการ เป็นต฾นว฽า “ลี” มาจาก อิ๊หล่ี หมายถึง จารตี ประเพณี และ “ซ”ู มาจากคําวา฽ “คน” ดงั นนั้ กรมประชาสงเคราะหจแ งึ ตคี วามว฽าลซี ู น฽าจะมายถึง กลุ฽มคนท่ีมีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และมีความภาคภูมิใจในตนเอง ผ฾ูเชี่ยวชาญด฾าน ภาษาศาสตรแได฾ให฾ความหมายว฽า ลีซู (Lisu) หมายถึงคนปุา แต฽มีความเป็นได฾เช฽นกันว฽านอกเหนือจาก ความหมายนีแ้ ลว฾ อาจยังมีความหมายอ่ืนๆ อีกก็ได฾ ท้ังนี้ คําศัพทแเก฽าของพม฽าและชาวจินปอ (inghpaw) ท่เี รียกชาติพันธุแลีซูคือ “ยอยิน” (Yawyin) เป็นคําที่กลายมาจากภาษาจีนคือคําว฽า Yeren ซึ่งหมายถึง คนปุานั่นเอง 51 อย฽างไรกต็ าม มีผูศ฾ กึ ษาชาตพิ นั ธลุแ ซี ูได฾บนั ทกึ ไว฾วา฽ ชาตพิ นั ธุแลีซสู ามารถแบ฽งออกไดเ฾ ปน็ สองกล฽ุม คือ กล฽ุมลีซูลาย (Florid/Flowery/Variegated Lisu) อาศัยอย฽ูในประเทศไทยและอินเดีย กล฽ุมลีซูดํา (Black Lisu/Independent Lisu) อาศยั อย฽ูในประเทศพม฽าและจีน โดยเฉพาะในเขตการปกครองฟูกง (Fugong) และดง฽ ฉาน (Dongshan) มณฑลยูนนาน และบางส฽วนในประเทศไทย แต฽ก็มกี ารบันทึกไว฾อีก เชน฽ กันว฽ายงั มีลีซูอกี กล฽มุ หนง่ึ คอื กล฽ุมลีซูขาว (White Lisu) ซง่ึ อาศัยอยใ฽ู นประเทศจีนเชน฽ กนั และเน่ืองจาก ลซี ถู ูกสนั นษิ ฐานว฽ามาจากประเทศจนี ชาวลีซูแตล฽ ะกลุ฽มจึงถูกเรียกด฾วยภาษาจีนดังต฽อไปน้ี ลีซูลาย คือ Hua/Hwa ลีซูดํา คือ He/Hei และลีซูขาวคือ Pai/Pe การที่ชาวจีนได฾แยกชาวลีซูออกเป็น สามกลุ฽ม เช฽นน้ีเป็นเพราะแต฽ละกลุ฽มมีความแตกต฽างกันในเรื่องของการแต฽งกาย ภาษา และระดับหรือความ เขม฾ ขน฾ ของการถูกทําให฾กลายเปน็ จีน52 ท้ังนี้การเริ่มต฾นอพยพเข฾ามาในประเทศไทยของชาติพันธุแลีซูได฾ถูกบันทึกไว฾ค฽อนข฾าง หลากหลาย บ฾างก็บันทึกไว฾ว฽าชาวลีซูกล฽ุมแรกที่เข฾ามาได฾อาศัยอยู฽ที่อําเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม฽ ก฽อน ซึ่งกค็ อื ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๘ บ฾างก็บันทึกว฽าน฽าจะราวปี พ.ศ. ๒๔๖๔ โดยส่ีครอบครัวแรกได฾เดินทางเข฾า มาเป็นผ฾กู อ฽ ตั้งหมบ฽ู า฾ นดอยชา฾ ง อําเภอแมส฽ รวย จังหวดั เชียงราย และในปีต฽อมาอีก ๑๕ ครอบครัวจึงได฾ อพยพตามเข฾ามา ประวัติศาสตรแชาติพันธแุลีซู ยกเว฾นลีซูดําได฾ถูกบันทึกว฽าแต฽เดิมอาศัยอยู฽ในมณฑลยูน นาน ทิศตะวันตกเฉยี งใตข฾ องประเทศจนี แต฽การจะระบุอย฽างชัดเจนลงไปว฽าต฾นกําเนิดของชาติพันธุแลีซู จริง ๆ มาจากท่ีใดคงเป็นไปได฾ยากอาจทําได฾ด฾วยการตั้งข฾อสันนิษฐานว฽าน฽าจะมีจุดเริ่มต฾นที่เทือกเขา หมิ าลัยทางทิศตะวนั ออกของธิเบต และกระจายออกไปทางทศิ ตะวันออกของชายแดนยูนนาน - เสฉวน (Yunnan-Szechwan) อพยพไปจนถึงเมืองติงโฉ฽ว (Tingchou) ทางตอนเหนือของคุนหมิง และไกล ออกไปจนถงึ เมอื งมติ จนี า (Myitkyina) ของรฐั คะฉ่นิ ประเทศพมา฽ การอพยพลงมาสู฽ทางใต฾ได฾นําพาชาวลีซูเข฾ามาส฽ูจังหวัดเชียงใหม฽ (โดยเฉพาะอําเภอเชียงดาว และอําเภอแม฽แตง) และจังหวดั เชยี งราย การกระจายตัวของชาติพันธแุลีซูในประเทศไทย ประมาณร฾อยละ ๔๗ อาศัยอยูใ฽ นจังหวัดเชียงใหม฽ ร฾อยละ ๒๓ ในจังหวัดเชียงราย ร฾อยละ ๑๙ ในจังหวัดแม฽ฮ฽องสอน และ อีกร฾อยละ ๑๑ กระจายอยทู฽ ั่วจังหวัดพะเยา ตาก กําแพงเพชร เพชรบูรณแ และสุโขทัย ปใจจุบัน ชาติพันธแุ  51 https://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ethnicGroups/96 เขถง 24/9/2563. 52 อยา฽ งไรก็ตาม ลีซลู ายจะเรียกตนเองเปน็ ภาษาลซี ูว฽า ลีซเู ชเช (Lisu Sha Sha) ลีซูดําจะเรียกตนเองว฽า ลีซูโลหวู฽ (Lisu Lo Wu) ส฽วนลีซู อีกกลุ฽มหน่งึ เรยี กตนเองวา฽ ลีซหู ลซ฽ู ือ (Lisu Lushi) 126

ลีซู หรือผ฾ูคนท่ีนิยามตนเองว฽า ลีซู มีอย฽ูประมาณหนึ่งล฾านกว฽าคนโดยกระจายอยู฽ตามประเทศต฽าง ๆ ในเอเชียอาคเนยแ เช฽น ประเทศจีนมีชาติพันธแุลีซูอาศัยอย฽ูราว ๘๐๐,๐๐๐ คน ประเทศพม฽าประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ คน ประเทศไทยประมาณ ๓๕,๖๒๒ คน (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของ มนุษยแ, ๒๕๖๐) และประเทศอินเดียอีกประมาณ ๔,๐๐๐ คน 53 ชาวลีซูท่ีอย฽ูในประเทศไทยเกือบ ท้ังหมด เปน็ ลซี ูลาย ส฽วนลซี ูดาํ จะอยใ฽ู นประเทศจีน พม฽า อินเดีย และไทย ในประเทศไทย มีชุมชนลีซู อาศัยอยู฽ ๙ จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน พะเยา ตาก กําแพงเพชร เพชรบูรณแ สุโขทัย และลาํ ปาง ตระกูลดั้งเดิมของชาวลีซูเดิมมี ๖ กลุ฽ม คือ น้ําผ้ึง (เบ่ียซือวี) ไม฾ (ซือผ฽า) ปลา (งัวะผ฽า) หมี แมลง ข฾าวสาลี และกญั ชง ตระกูลน้ําผึง้ ใหญท่ีสุด แตกออกเป็นอีก ๓ กลมุ฽ ยอ฽ ย มอี ย฽ู ๙ สายตระกูลจาก การแตง฽ งานข฾ามเผ฽ากับชาวจีนฮ฽อ เช฽น ลี ย฽าง ว฽าง เหยา วู เขา โฮ จู และจ฾าง ในกลุ฽มนี้ ย฽าง และลีเป็น กลม฽ุ ใหญ฽ทีส่ ุด54 สําหรบั ชาวลซี ใู นจังหวดั ลําปาง พบวา฽ เดิมทีก฽อนการอพยพเข฾าส฽ูจังหวัดลําปาง ชาวลีซอกล฽ุมนี้ เคยอาศัยอยู฽ในเขตพ้ืนที่ อําเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีชาวลีซอ จํานวน ๓๙๗ คน ต฽อมามีการ อพยพชาวบา฾ นกลม฽ุ นม้ี าอยู฽ท่ีบา฾ นวังใหม฽ ตาํ บลรอ฽ งเคาะ อาํ เภอวังเหนอื ในพืน้ ทจ่ี ัดสรรให฾เน่ืองจากการ ประกาศเขตอุทยานแห฽งชาติแม฽ส฾าน - ดอยหลวง โดยชาวลีซูอาศัยอยู฽รวมกับชาวเมี่ยน ลัวะ ซ่ึงเป็น พ้ืนที่ต้ังของชุมชนในปใจจุบันน้ี บ฾านวังใหม฽มีประชากรรวมท้ังหมด ๘๕๕ คน จํานวน ๑๖๘ ครัวเรือน จาํ แนกเปน็ เผา฽ เยา฾ จาํ นวน ๖๑๘ คน ๑๓๑ ครัวเรือน ลัวะ ๑๒ ครัวเรือน มีจํานวนประชากรรวม ๖๙ คน ลีซอ ๒๐ ครวั เรอื น มีจํานวนประชากร ๑๑๘ คน ส฽วนกล฽ุมชาวลีซูที่อาศัยอย฽ูในบ฾านห฾วยน฿อต ตําบลบ฾านโปุง อาํ เภองาว อาศัยปะปนกบั กลม฽ุ ชาตพิ ันธอแุ าข฽า ล฽าหู฽ และเม่ียน มีจํานวนประชากรไม฽มากเท฽าบ฾านวังใหม฽ ส฽วนในพื้นท่ีบ฾านแม฽แจเมปางเย฾า อําเภอเมืองปาน พบว฽าเป็นชาวลีซูท่ีแต฽งงานข฾ามเผ฽ากับชาวเม่ียนใน พ้นื ทซี่ ง่ึ เป็นคนกล฽มุ ใหญเ฽ มื่อแตง฽ งานก็พากันอพยพมาอยู฽กบั ครอบครวั ชาวเมยี่ นในบา฾ นแมแ฽ จมเ  53 ลีซูดํา (Black Lisu/Independent Lisu) เป็นกล฽ุมลีซูท่ีคงความเป็นอิสระชนอย฽างแรงกล฾าและมักจะอ฾างถิ่นกําเนิดตนเองว฽ามาจาก ประเทศธิเบต ไมใ฽ ช฽มณฑลยูนนานเหมือนลีซกู ลุม฽ อนื่ ๆ 54 สภาวัฒนธรรมอําเภอคลองลาน. (2549). วัฒนธรรมท฾องถ่ินและภูมินามหมู฽บ฾านตําบลคลองลาน อําเภอคลองลาน จังหวัด กําแพงเพชร. กาํ แพงเพชร: สภาวัฒนธรรมอาํ เภอคลองลาน. 127

๒.๙.๒ ลกั ษณะโครงสรา้ งทางสังคม ระบบครอบครัวและเครือญาติ : ครอบครัวของชาวลีซูเป็นลักษณะครอบครัวขยาย การสืบสาย ตระกลู จะถอื การสบื สายโลหติ ทางฝุายบิดาเป็นสําคัญ เมื่อบุตรชายคนโตแต฽งงานต฾องนําภรรยาเข฾ามา อยบู฽ ฾านบดิ ามารดาของตน เพราะถือวา฽ บตุ รชายเป็นผ฾ูไดร฾ ับมรดกสบื แซส฽ กุล และบุตรชายคนโตเป็นใหญ฽ ในบรรดาพี่น฾อง ถ฾าน฾องชายแต฽งงาน บุตรชายคนโตท่ีมีครอบครัวแล฾ว จะแยกเรือนออกไปอย฽ูต฽างหาก การนับญาติก็จะนับถือกันไปตามศักด์ิและอายุเป็นสําคัญ ชาวลีซูใช฾ระบบสายสกุล หรือตระกูล โดย ตระกูลท่มี อี ยใ฽ู นไทย ไดแ฾ ก฽ ตะ฿ หมิ (ตามีห่ รอื แสนมี่) หยา฽ จา (แซ฽ย฽าง) หลจี่ า (แซ฽ลี้) นุหล่ี (แซ฽ล้ี) ซญ฽อหมิ (แซม฽ ่ี) โอชอื (แมวปาุ ) จูจา (แซ฽จู) จญาจา (สินจ฾าง) งว่ั ผ฽า (เลายป่ี า) หวา฽ จา (แสนวา฽ ง) ซือผ฽า และตอจา (สีตอน) ครอบครัวและระบบเครือญาติลีซูเน฾นให฾ความสําคัญกับตระกูลของฝุายชาย เพราะฉะนั้น ลีซู หลายครอบครัวจงึ อยากมลี กู ชายไวส฾ บื สกุล ลีซมู อี ย฽ูด฾วยกันหลายตระกูล เช฽น แซ฽จู (จูจา), แมวปุา (อูชือ), แซ฽มี่ (ฉ฽อหมิ), แซ฽ย฽าง (หย฽ะจา), ตามี่หรือแสนมี่ (ต฿ะหมิ) สีตอน (ตเอจา) เลายี่ปา (งั๊วะผะ) และแซ฽ล้ี (หล่ีจา) แซ฽จาง, แซ฽จเาว, แซ฽กว฾าง นูหลี่ เบ่ียอูชือ ฯลฯ แต฽ละตระกูลมีความแตกต฽างเฉพาะด฾าน เช฽น ด฾านพิธีกรรมบางอย฽างที่บางตระกูลไม฽นิยมกระทําเพราะเช่ือว฽าเป็นลีซูแท฾ ตัวอย฽างเช฽น ตระกูล แมว ปุา โดยตระกูลน้ีจะใช฾เทียนจุดทําพิธีต฽าง ๆ แทนธูป ไม฽มีการทําพิธีกินข฾าวโพดใหม฽ และไม฽มีการเฉลิม ฉลองปใี หม฽ทีส่ องหรอื ทเ่ี รยี กว฽า “ปีใหม฽ผ฾ูชาย” เปน็ ต฾น นอกจากพิธีกรรมแล฾ว ความแตกต฽างของแต฽ละ ตระกูลยังรวมไปถึงการต้ังห้ิงบรรพบุรุษไว฾ในบ฾านด฾วย (ตระกูลและครอบครัวที่ยังนับถือความเชื่อ ด้ังเดมิ ) โดยแต฽ละตระกูลจะมจี ํานวนหิ้งและเคร่ืองเซ฽นไหว฾ต฽าง ๆ ที่จัดวางอยู฽บนหิ้งแต฽ละหิ้งไม฽เท฽ากัน หรือแม฾แต฽ตระกูลเดียวกัน จํานวนเคร่ืองเซ฽นไหว฾ที่จัดวางอยู฽บนห้ิงก็ไม฽จําเป็นต฾องเหมือนกันเช฽นกัน เนอ่ื งจากแตล฽ ะครอบครวั มจี ํานวนบรรพบุรษุ ท่ตี อ฾ งทําการเซ฽นไหว฾ไม฽เท฽ากัน และเม่ือจํานวนบรรพบุรุษ ที่ต฾องการเซ฽นไหว฾มีจํานวนเพ่ิมข้ึน ความคับแคบของพ้ืนท่ีบนหิ้งจะเริ่มข้ึน เพราะฉะน้ัน แต฽ละ ครอบครวั จะต฾องทําการขอให฾บรรพบุรุษท่ีเก฽าแก฽ที่สุดซ่ึงได฾รับการสักการะมาเป็นเวลานานพอสมควร ออกจากการสิงสถิตอยู฽บนห้ิง เชน฽ บรรพบรุ ษุ รนุ฽ เทยี ดหรือเชียด ปูทุ วด ตาทวด และยายทวด เป็นต฾น เร่ืองของแซ฽ตระกูลยังมีบทบาทในการนับญาติและความเหมาะสมสําหรับการเลือกคู฽ครอง อีกด฾วย เช฽น ลูกชายหรือลูกสาวของน฾องชายของแม฽ (น฾าชาย) สามารถแต฽งงานกับลูกสาวหรือลูกชาย ของพส่ี าวได฾ แตใ฽ นกรณที ล่ี ูกชายหรือลูกสาวของพี่สาวของแม฽ (ปูา) ไม฽สามารถแต฽งงานกับลูกสาวหรือ ลูกชายของนอ฾ งสาวได฾ ประการสําคญั เรื่องตระกลู คอื การไมเ฽ กี้ยวพาราสี ไมก฽ ระทําพฤติกรรมเชิงช฾ูสาว หรอื แต฽งงานกับคนทมี่ ีตระกูลเดยี วกัน อยา฽ งไรก็ตาม วญิ ญาณบรรพบรุ ุษไม฽จําเป็นต฾องสิงสถิตอย฽ูบนหิ้ง และมาจากฝุายชายอย฽างเดียว อาจมีการขอให฾วิญญาณบรรพบุรุษของฝุายหญิง เช฽น คุณแม฽ของฝุาย หญิง เข฾ามาอาศยั อยใู฽ นบา฾ นได฾และสามารถทาํ พธิ ีให฾กับวญิ ญาณบรรพบุรษุ ของฝุายหญิงในบางพิธีกรรม ได฾เช฽นกนั วญิ ญาณบรรพบุรุษประเภทนี้ โดยส฽วนใหญจ฽ ะไม฽ถูกกระทําพิธีกรรมบนหิ้ง แต฽อาจเป็นมุมใด มุมหน่งึ ภายในบริเวณบา฾ น ซ่ึงไม฽ไกลจากหงิ้ บรรพบุรุษ โครงสรา้ งการปกครอง : ในอดีตโครงสร฾างการปกครองท่ีไม฽เป็นทางการมีบทบาทสําคัญมาก ในชุมชน เช฽น (๑) มอื หมือผะ (ผ฾นู าํ ดา฾ นพธิ กี รรม) ทําหน฾าท่ีด฾านพิธีกรรม (๒) หนี่ผะ (หมอผี) ทําหน฾าที่ เช่ือมโยงระหว฽างโลกมนุษยแกับโลกของวิญญาณ (๓) โชโหม฽วโชตี (ผู฾อาวุโส) บุคคลที่มีอายุ และเป็นท่ี 128

เคารพนับถือของชุมชน ทําหน฾าที่ให฾คําปรึกษาในกิจกรรมหรือข฾อพิพาทต฽าง ๆ ของชุมชน ในปใจจุบัน มีโครงสร฾างการปกครองทางการเหมือนเชน฽ ชุมชนท่ัวไป ๒.๙.๓ วิถชี ีวิตความเปน็ อยู่ ความเชอ่ื ประเพณี และพธิ กี รรมต่าง ๆ การทามาหากิน : ในอดีตอาชีพของชาวลีซูในช฽วงปี พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๒๑ เป็นอาชีพท่ีเน฾น การปลูกฝนิ่ และเปน็ ยคุ เศรษฐกิจเพือ่ การยงั ชีพ ในยุคดงั กลา฽ วชาวลซี มู อี าชพี ทําไร฽หมุนเวียน ปลูกข฾าวไร฽ ข฾าวโพดและฝิ่น โดยฝ่ินถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักสําหรับขายเพ่ือให฾ได฾มาซ่ึงเงินสด เพ่ือใช฾ซ้ือส่ิงของ ท่จี ําเปน็ ในชีวิตประจําวัน กบั ใชฝ฾ นิ่ เป็นยารกั ษาโรค ทส่ี าํ คญั คอื ไร฽ฝ่ินยังเป็นพื้นท่ีสําหรับการปลูกพืชผัก เพอื่ เปน็ อาหารของมนษุ ยแและสตั วเแ ลยี้ งต฽าง ๆ กลา฽ วคือ ก฽อนทมี่ ีการปลูกฝิ่น กระบวนการปลูกข฾าวโพด ก็จะถูกเริม่ ตน฾ ก฽อนในพืน้ ทีเ่ ดยี วกัน นอกจากอาชีพทําไร฽หมุนเวียนและปลูกฝ่ินแล฾ว ลีซูยังมีการปลูกผัก พืชพันธแุต฽าง ๆ ไว฾สําหรับบริโภคเองด฾วย เช฽น ข฾าวฟุาง ขิง มันฝร่ัง พริก ถั่ว ฟใกทอง และแตงต฽าง ๆ รวมถงึ การเลี้ยงสตั วแ เชน฽ หมู ไก฽ เป็ด แพะ วัวและควาย โดยแรกเร่ิมนั้นการเล้ียงสัตวแ ยังเป็นการเล้ียง เพือ่ การบรโิ ภคในชมุ ชนมากกวา฽ แต฽ต฽อมาไดม฾ ีการเลี้ยงเพ่ือการค฾ามากข้ึน โดยเฉพาะหลังจากท่ีรัฐบาล ไทยกับหนว฽ ยงานต฽างชาติได฾เพ่มิ ระดับความเขม฾ ขน฾ ของการปราบปรามยาเสพติด55 ข฾อสังเกตข฾างต฾นท่ีมีการกล฽าวถึงอาชีพหลักของชาวลีซูในช฽วงนี้ว฽าเป็นอาชีพไร฽หมุนเวียนโดย ปลกู ข฾าวเป็นสว฽ นใหญ฽นน้ั อาจไม฽ได฾เกิดขน้ึ กับทุกชุมชนของลีซูเสมอไปเน่ืองจากแต฽ละชุมชนที่ลีซูอาศัย อย฽นู ัน้ มีความแตกต฽างกันทางภูมิศาสตรแมาก โดยเฉพาะลซี ูท่อี ยู฽ทางตอนเหนือของยูนนาน ประเทศจีน และพม฽า ซ่ึงเป็นพื้นท่ี ๆ ที่มีอากาศเย็นจัด อาจทําให฾ปลูกข฾าวไร฽ไม฽ได฾ จึงต฾องมีการปรับเปลี่ยนระบบ การเพาะปลกู เป็นข฾าวนาหรอื นาขั้นบันไดแทน การปรบั ตัวหรอื ความแตกตา฽ งในระบบการผลิตจึงข้ึนอย฽ู กบั บรบิ ทแวดลอ฾ มทางภูมิศาสตรแของแต฽ละชุมชนที่ลีซูอาศัยอย฽ูเป็นส฽วนใหญ฽ ในด฾านวิถีชีวิตและอาชีพ ของชาวลีซูในประเทศไทยถูกเปล่ียนแปลงจากระบบเศรษฐกิจเพ่ือการยังชีพเป็นระบบเศรษฐกิจ เพอื่ การตลาดระหว฽างปี พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๓๐ ทง้ั น้ี แมร฾ ัฐบาลจะประกาศให฾เลกิ เสพฝ่นิ และค฾าฝ่นิ มาต้ังแต฽ พ.ศ. ๒๕๐๒ แต฽ยงั ไม฽มีนโยบายทีช่ ดั เจนในการแกไ฾ ขปใญหาการปลกู ฝ่นิ ของเกษตรกรบนพ้ืนทีส่ ูง จนกระทั่ง ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ได฾ริเริ่มโครงการหลวงข้ึน หน฽วยงานอื่น ๆ ของภาครัฐและองคแกรระหว฽างประเทศจึงดําเนินโครงการ ส฽งเสริมพืชทดแทนฝ่ิน หลังการประกาศยกเลิกการปลูกฝิ่นไม฽เฉพาะชาวลีซูเท฽านั้นที่ต฾องปรับเปลี่ยน วธิ กี ารดํารงชีพชาติพันธุอแ ่ืน ๆ ซึ่งเคยอาศัยอยู฽บนพ้ืนท่สี ูงและเคยปลูกฝิน่ เชน฽ ม฾ง เมย่ี น ลาห฽ู และอาข฽า ต฽างต฾องปรบั เปล่ยี นวิถีชีวิตตามคําประกาศ และต฽อมาเมื่อแผนการปลูกพืชทดแทนฝ่ินเร่ิมข้ึนเร่ิมมีการ ถางท่ีดินเพิ่มมากข้ึน เพ่ือใช฾ทําการเพาะปลูกพืชเชิงพาณิชยแหรือพืชท่ีเส่ียงต฽อความไม฽มั่นคงในรายได฾ เช฽น มะเขือเทศ และกะหล่ําปลี เป็นต฾น นักมานุษยวิทยา Hutheesing (๑๙๙๐) พบว฽าหลังจากที่ระบบ เศรษฐกิจได฾ปรับเปลี่ยนไป หมู฽บ฾านชาวลีซูในหลายพื้นท่ีก็พบกับปใญหาเรื่องแหล฽งรายได฾ ชาวบ฾านได฾ พยายามปลูกพชื เชงิ พาณชิ ยแทงั้ สองชนดิ แต฽กไ็ ด฾ราคาไม฽ดหี รอื รายได฾ไมค฽ ุ฾มกับการลงทุน เนื่องจากตลาด มีความผันผวนอย฽ูตลอดเวลา นอกจากน้ียังมีปใญหาการเส่ือมโทรมของท่ีดิน เน่ืองจากท่ีดินถูกใช฾เป็น ประจํา ท้ังยังต฾องใช฾สารเคมีในเกษตรกรรมเพ่ิมมากขึ้น ปใจจุบันชาวลีซูจํานวนมากโดยเฉพาะวัยหนุ฽ม สาวไดล฾ ะท้ิงการเกษตรและมุง฽ เขา฾ ทํางานในเมอื งเพอ่ื รบั จ฾าง หรอื คา฾ ขาย  55 อะมมี ะ แซจ฽ ู นกั วิจัยอิสระ / ผดู฾ แู ลศนู ยแมรดกวฒั นธรรมลีซู 129

อาหารวัฒนธรรมการกนิ : อาหารลซี ูทไ่ี ดร฾ ับความนิยมคือนํ้าพริกมะเขือเทศ หรือ “จ฿ะส฽ู” ใน ภาษาลีซู โดยนํ้าพริกนี้จะเน฾นมะเขือเทศ กระเทียม ผักชี เกลือ ผงชูรส และพริกปุนเป็นหลัก การรับประทานอาจราดบนจานข฾าวหรอื จิ้มกับผักสดเหมือนนาํ้ พรกิ ทว่ั ไป อาหารประเภทนี้สามารถทาน ได฾ทุกมื้อ แต฽ม้ือท่ีได฾รับความนิยมมากท่ีสุดคือมื้อกลางวัน ส฽วนม้ืออื่นๆ มักเน฾นการต฾มผักกาดโดยใช฾ เนื้อหมู หรือไกเ฽ พียงน฾อยชิ้น นอกจากนํ้าพริกดังกล฽าวแล฾ว อาหารลีซูยังมีต฾มหน฽อ ลาบหมู ผักกาดดอง และหมูทอด ซ่ึงเปน็ เมนูอาหารทไ่ี ดร฾ บั ความนยิ มในช฽วงเทศกาลตา฽ ง ๆ เช฽น เทศกาลปีใหม฽ งานแต฽งงาน และงานเลี้ยงท่วั ไป เปน็ ตน฾ อย฽างไรก็ตาม แมว฾ า฽ อาหารลซี ูจะมีความเรียบง฽ายกับวิธีการปรุงอาหารและ วัตถุดิบท่ีสามารถหาได฾ง฽ายตามพื้นที่หม฽ูบ฾าน แต฽ยังมีอาหารอีกประเภทหน่ึงท่ีชาวลีซูให฾ความเอาใจใส฽ เป็นอย฽างยิ่งคือ อาหารสําหรับผู฾หญิงที่ให฾กําเนิดบุตร โดยอาหารประเภทนี้จะเน฾นอาหารท่ีสดและสุก ใหม฽ ๆ ไม฽นิยมรับประทานอาหารที่เหลือจากม้ืออ่ืน ๆ จําเป็นต฾องทานเน้ือไก฽กระดูกดํา (โดยเชื่อว฽ามี สรรพคณุ ในการบาํ รงุ กําลัง) ไข฽ไก฽ และยังต฾องนําเคร่ืองเทศต฽าง ๆ มาปรุงกับอาหารประเภทนี้เพื่อสร฾าง ภูมิคุ฾มกันให฾กับแม฽และเด็ก สําหรับอาหารที่ใช฾ในช฽วงเทศกาล หรือเวลามีพิธีกรรมอย฽ู ๓ อย฽าง ได฾แก฽ มาหว฽ูจ฿าจา฿ (ต฾มหนอ฽ ไมก฾ บั กระดูกหมู) ขวเากีกือ (ลาบหมู) และ ขว฽าลู ๆ (ทอดหมู) นอกจากน้ันลีซูยังมี การถนอมอาหารเพื่อที่จะสามารถเก็บไว฾กินในยามแล฾ง ได฾แก฽ ผักกาดดอง ผักกาดตากแห฾ง ไส฾กรอก หมรู มควนั รากหอมชูดอง เป็นตน฾ 56 การแต่งกาย เคร่ืองแต฽งกายชายลีซูสวมกางเกงขากว฾างยาวเลยเข฽าเล็กน฾อย ลักษณะสีท่ีนิยม คือ สีฟูา เขียวอ฽อน หรือสีอื่น ๆ (ที่เป็นสีโทนเย็น) ส฽วนคนสูงอายุนิยมใช฾สีดําหรือสีม฽วงเข฾ม เส้ือคล฾าย เส้ือแจค็ เก็ตสีดํา ทําดว฾ ยผา฾ ใยกัญชา (ในอดีต) หรือผ฾ากํามะหยี่ (ในปใจจุบัน) ประดับด฾วยแผ฽นโลหะเงิน รปู ครงึ่ วงกลมเยบ็ ตดิ กบั เสือ้ เรยี งเปน็ แถวทงั้ ข฾างหน฾าและขา฾ งหลงั (เสอื้ กํามะหย่นี ้จี ะสวมเฉพาะวันปีใหม฽ และวันแต฽งงานของตนเองเท฽านั้น) อีกทั้งนิยมสวมถุงน฽องเป็นผ฾าดํา และติดด฾วยแถบสีสดใส เคร่ือง แต฽งกายหญิงลีซูไม฽ว฽าจะเป็นเด็ก หญิงสาว หญิงแต฽งงานแล฾ว หรือคนชรา จะแต฽งกายเหมือนกันหมด กางเกงจะเปน็ สีดํายาวเลยเขา฽ เล็กน฾อย มีเส้ือคลุมยาว นิยมสีฟูา หรือสีโทนเย็นท่ีมีสีสดใส ตัวเสื้อต้ังแต฽ เอวลงมาจะผ฽าทั้งสองข฾าง แขนยาว ท่ีปกคอติดแถบผ฾าสีดํา ยาวประมาณ ๑ คืบ ช฽วงต฾นแขนและหน฾าอก ตกแต฽งด฾วยผ฾าหลากสีเย็บติดกันเป็นแผ฽น คาดเข็มขัดซึ่งเป็นผ฾าดําผืนใหญ฽ กว฾างขนาดฝุามือ หญิงนิยม  56 อะซามะ ฉนิ หม.ี ความซบั ซ฾อนและความลื่นไหลของอัตลักษณแทางชาติพันธุแผ฽านชีวิตของผู฾หญิงลีซูคนหนึ่ง. วิทยานิพนธแศิลปะศาตรแ มหาบัณฑิต สาขาวชิ าสตรีศกึ ษา มหาวิทยาลยั เชยี งใหม฽, 2548 130

โพกศีรษะ (จะใชผ฾ า฾ โพกศรี ษะเฉพาะในงานสําคัญ เช฽น งานแต฽งงาน ปีใหม฽) ใช฾ผ฾าพันแข฾ง ด฾วยผ฾าพื้นสี โทนรอ฾ น (แดง ชมพู ม฽วง) ปลายขอบล฽างติดแถบผ฾าหลากสีและมีลายปใกที่สวยงาม เมื่อมีพิธีกรรมหรือ งานฉลองก็จะสวมเสื้อก๊ัก ผา฾ กํามะหยี่ ซึง่ ประดบั ด฾วยแผน฽ โลหะเงินรูปครึง่ วงกลม และเหรียญรูปี เคร่ืองแต฽งกายของผู฾หญิงลีซอเป็นการแสดงให฾เห็นถึงอัตลักษณแชาติพันธแุที่ชัดเจนกว฽า เครื่อง แตง฽ กายของผู฾ชายเน่อื งจากมีสัญลักษณทแ ่เี ป็นเอกลักษณปแ ระจาํ ชาติพันธุแ คอื แถบผ฾าท่ีถูกนํามาประกอบ และตกแต฽งบริเวณต฽าง ๆ เช฽น บริเวณหัวไหล฽ หน฾าอก และหลัง ผ฾าแถบบริเวณดังกล฽าวได฾ถูก ปรับเปล่ียนในด฾านของความกว฾าง และความหลากหลายของสีสัน ความกว฾างได฾ถูกทําให฾แคบลงมา เหลือเพียงไม฽ก่ีเซนติเมตรและสีท่ีใช฾เย็บผ฾าแถบได฾ลดลงเหลือเพียงสองสีคือ สีส฾ม และสีแดง อย฽างไร ก็ตาม แม฾ว฽าลวดลาย และสีสันของชาติพันธแุได฾หายไปในช฽วง พ.ศ. ๒๕๔๐ แต฽ชาวลีซอหลายคน กลับนิยมสวมใส฽เสื้อผ฾าลีซอกันมากข้ึนกว฽าเดิมโดยเฉพาะในกล฽ุมวัยรุ฽นท่ีเคยร฾ูสึกเขินอายเวลาสวมใส฽ ชดุ ชาติพันธุแ กลบั มแี นวโนม฾ ทจี่ ะหยบิ ข้นึ มาสวมใส฽เพื่อเข฾าร฽วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมลีซอมากขึ้น และ ดว฾ ยปรากฏการณแดังกล฽าวส฽งผลให฾ธุรกิจผลิตเส้ือผ฾าสําเร็จรูปชาติพันธุแลีซอมีการแข฽งขันกัน ในปใจจุบัน เครอื่ งแต฽งกายของผู฾หญิงลซี อโดยเฉพาะสีของกางเกงเป็นการบ฽งบอกถึงความแตกต฽างระหว฽างชายกับ หญงิ โดยตามธรรมเนียมแล฾ว ผ฾ูหญิงลีซอไม฽ควรสวมใส฽กางเกงลีซอสีใด ๆ นอกจากสีดําในขณะที่ผู฾ชาย ลีซอสามารถสวมใส฽ได฾ทุกสียกเว฾นสีดํา แต฽เน่ืองจากปใจจุบัน กางเกงลีซอเหล฽าน้ีได฾ถูกผลิตข้ึนภายใต฾ ความต฾องการบริโภคความทันสมัย และแฟชั่นของเนื้อผ฾า และลายผ฾าทําให฾เยาวชนชาวลีซอ ผ฾ูหญิง หลายคนหนั มาสวมใส฽กางเกงลซี อสีอื่น ๆ มากข้ึน ในขณะที่เยาวชนผู฾ชายยังไม฽นิยมสวมใส฽กางเกงลีซอ สีดาํ และปรากฏการณกแ ารสวมใส฽สีกางเกงโดยไม฽สนใจความแตกต฽างทางเพศของเยาวชนผ฾ูหญิงน้ันได฾ สร฾างความไม฽ประทบั ใจใหก฾ ับผู฾ใหญ฽ลซี อพอสมควร เชอื กลีซอ หรือหางลีซอ หญิงลีซอยังมีความเชี่ยวชาญในการเย็บผ฾าเป็นเส฾นเล็ก ๆ สีสันสดใส เพื่อนาํ มามดั รวมกัน ติดปลายแตล฽ ะเส฾นด฾วยด฾ายไหมพรมทรงกลมเป็นกระจุกเล็ก ๆ หลากสีสวยงามท่ี เรียกวา฽ เชอื กลีซอ หรือหางลีซอซึ่งใช฾เป็นสิ่งแสดงเอกลักษณแประกอบชุดการแต฽งกายประจําชาติพันธุแ ที่โดดเด฽น โดยหญิงชาวลีซอจะนําหางลีซอนับร฾อยเส฾นน้ีไปห฾อยประดับไว฾ที่เอวติดไว฾ด฾านหน฾าของ กางเกง เชอื กลซี อนบั เปน็ เอกลกั ษณกแ ารแต฽งกายประจาํ เผ฽าทีโ่ ดดเด฽น และมีความชัดเจนการสร฾างสรรคแ ลวดลายบนผนื ผา฾ ปใกลีซอการสร฾างสรรคลแ วดลายบนผืนผ฾าปใกลซี อนัน้ สรา฾ งสรรคแขึ้นจากจนิ ตนาการท่ีได฾ จากการเลียนแบบรูปร฽าง รูปทรง ของอาวุธโบราณของชาวลีซอ โดยเรียกชื่อลวดลายจากจินตนาการ หรือจากการถ฽ายทอดบอกเลา฽ จากบรรพบุรษุ การเรียกชื่อลวดลายเอกลักษณแแทบท้ังหมดจะเป็นภาษา ลีซอ หรือหากมีความหมายในภาษาไทยก็เป็นไปตามลักษณะของสัตวแ หรือสิ่งของในชีวิตประจําวันที่ พบเห็นได฾ในวิถีชีวิต ลวดลายที่เป็นเอกลักษณแบนผืนผ฾าปใกลีซอจะสะท฾อนบุคลิก ตัวตนของชาวลีซอ อย฽างชดั เจน ท่ีแสดงถึงความกล฾าหาญ จิตใจเข฾มแข็ง การตัดสินใจท่ีเด็ดขาด สิ่งเหล฽านี้ล฾วนสะท฾อนอย฽ู บนผืนผา฾ ปกใ ลีซอ ต้ังแต฽เทคนคิ การตัดเย็บปะติด ให฾เกิดรูปร฽างเรขาคณิต ท่ีเน฾นการตัดกันของรูปทรงที่ เป็นเส฾นตรง มีการเข฾ามุมของลวดลายอย฽างชัดเจนท้ังมุมฉาก มุมแหลม ท้ังยังมีการใช฾สีตัดกันอย฽าง โดดเดน฽ รุนแรง จนเกิดเป็นเอกลักษณแ และเสนห฽ แของผา฾ ปใกลีซอ 131

เทคนคิ การสร฾างสรรคแลวดลายผ฾าปใกลีซอ ประกอบด฾วย เทคนิคหลัก คือ การเย็บ โดยจะเป็น การเย็บแถบผ฾าเล็ก ๆ สลับสี และการสร฾างลวดลายท่ีต฾องการด฾วยเทคนิคการเย็บติดผ฾าปะลงบนผืน ผา฾ แถบพื้นสตี า฽ ง ๆ ซึ่งถอื ว฽าเปน็ ทักษะ และความชาํ นาญของหญิงชาวลีซอ ซึ่งความละเอียด และความ ยากของเทคนิคนี้ขึ้นอยู฽กับการกําหนดขนาดของชิ้นผ฾าช้ินเล็ก ๆ ที่จะต฾องตัดให฾พอดีสําหรับการสร฾าง ลวดลาย ขนาดชิ้นผ฾าท่ีตัดนั้นจะต฾องไม฽ใหญ฽ หรือเล็กจนเกินไปจากผ฾าช้ินเล็ก ๆ จะถูกนํามาพับ ข้ึนรูปร฽างเปน็ ลวดลายตา฽ ง ๆ อาทิ สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม แล฾วจึงนํามาเย็บติดกันในลักษณะต฽าง ๆ ตาม รูปแบบของลวดลายน้ัน ๆ บางลวดลายอาจเป็นการเย็บต฽อกันเพียงชั้นเดียว แต฽บางลวดลายก็ จาํ เปน็ ตอ฾ งมีการเย็บช้ินผ฾าเล็ก ๆ สลับซับซ฾อนกันหลายช้ันกระบวนการเย็บติดผ฾าแต฽ละชิ้นจําเป็นต฾อง อาศยั การเว฾นระยะขนาดพนื้ ทใ่ี นสว฽ นที่เป็นชอ฽ งว฽างระหว฽างช้ินผ฾าที่เท฽ากันอย฽างสม่ําเสมอ ด฾วยสายตาท่ี แมน฽ ยาํ เทคนิคการสรา฾ งสรรคลแ วดลายเอกลกั ษณแทง้ั หมดน้ลี ฾วนตอ฾ งอาศัยความเช่ยี วชาญ ความละเอียด เปน็ อย฽างสงู บนลวดลายบนผืนผ฾าปใกลีซอ 57 ศาสนาและความเช่ือ : ศาสนาและความเชื่อท่ีชาวลีซูในประเทศไทยนับถือ คือ ผี หรือการ เคารพวิญญาณบรรพบุรุษ ศาสนาพุทธ ท้ังน้ี การเปล่ียนศาสนา โดยเฉพาะศาสนาคริสตแกําลังได฾รับ ความนิยมในบางกล฽ุมเช฽นกัน การเข฾ารับศาสนาอิสลามยังมีบางส฽วน แต฽เหตุผลมาจากการแต฽งงานกับ ฝุายชายซึ่งเป็นอิสลามมากกว฽า ส฽วนลีซูท่ีอาศัยอยู฽ในประเทศพม฽า จีนและอินเดียโดยส฽วนใหญ฽นับถือ ศาสนาคริสตแ บทบาทของศาสนาพุทธในสังคมลีซูที่ชัดเจนคือ การปฏิบัติและการมีความเชื่อเร่ืองการ เขา฾ วัดทําบุญเหมือนกบั ชาวไทยพนื้ ราบทว่ั ไป นอกจากนี้ หากหม฽ูบ฾านลีซูบ฾านใดมีวัดพุทธอย฽ูในหม฽ูบ฾าน ชาวบ฾านจะใส฽บาตรให฾กับพระในตอนเช฾าด฾วยเช฽นกัน หรือแม฾กระท่ังการส฽งลูกชายบวชเรียนตาม โรงเรียนศึกษาธรรมในจังหวัดต฽าง ๆ ลีซูที่อาศัยอย฽ูในประเทศไทยส฽วนใหญ฽ยังคงมีความเชื่อเร่ืองการ กราบไหวบ฾ รรพบุรษุ หรอื ศาสนาทใ่ี หค฾ วามสําคัญกบั วญิ ญาณบรรพบรุ ษุ “วิญญาณนิยม” รวมถึงการให฾ ความเคารพต฽อสรรพสิง่ ที่จําเปน็ ตอ฽ การดาํ เนนิ ชวี ิต เช฽น การทาํ พธิ ีเซ฽นไหวใ฾ หก฾ บั ผีน้ํา ผีเจ฾าท่ี เช฽น ท่ีดิน ปุา ไร฽ ตน฾ ไม฾ สตั วแปาุ และก฾อนหิน ฯลฯ สถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิ ในสังคมชุมชนลีซูมีสถานท่ีสําคัญ ๆ ได฾แก฽ (๑) อ๊ีด฽ามอ ซึ่งเป็นท่ีท่ีอํานาจ ศักดิ์สิทธ์ิท่ีใหญ฽ท่ีสุดอาศัยอยู฽ ซ่ึงมีหน฾าท่ีปกปูอง ค฾ุมครองทรัพยากรธรรมชาติในอาณาเขตของชุมชน ซึ่งรวมไปถงึ พื้นท่ใี นการทํามาหากินดว฾ ย และ อาปาโหมฮ฽ ี ต฾องเปน็ พื้นทป่ี าุ ท่อี ยเู฽ หนอื ชุมชน หรือสูงกว฽า  57 อะมมี ะ แซ฽จู “กระบวนการกลายเป็นสินคา฾ ของหัตถกรรมฝมี ือชาติพนั ธุแลีซู” คณะสังคมศาสตรแ (สาขาวชิ าชาตพิ ันธสุแ มั พนั ธแและการ พัฒนา) มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.฽ 2557. 132

ท่ีพักอาศัยของคนในชุมชน เป็นสถานท่ีประกอบพิธีกรรมระดับครอบครัว โดยมีผ฾ูอาวุโสที่สุดใน ครอบครัวเป็นผป฾ู ระกอบพิธี และระดับชุมชนทม่ี หี มอื หมือผะหรอื โชโหม฽วโชตี เช฽น บางคนผูกขวัญไว฾ที่ อาปาโหมฮ฽ ี ก็ต฾องประกอบพธิ กี รรมเรียกขวัญท่อี าปาโหม฽ฮี เปน็ ตน฾ พธิ กี รรมท่สี าคัญ : พิธีกรรม “ซะละฉา” หรือการสร฾างศาลา (บางครั้งเรียกทานศาลา) น้ีจะ กระทําเม่ือร฾ูสึกอ฽อนเพลีย ไม฽มีแรงหรือให฾หมอผีทําพิธีสวดและฟใงผลการสวดว฽าเป็นเพราะอะไร พธิ กี รรมนี้ได฾รับความนยิ มในกลุม฽ ผู฾อาวโุ สเน่ืองจากเป็นพิธกี รรมท่ีทําให฾พวกเขาเหล฽าน้ันอายุยืน โดยจะ กระทําทุก ๆ ๓ - ๔ ปี ในส฽วนของสถานที่ ๆ เหมาะสมสําหรับทําพิธีกรรมน้ีคือบริเวณท่ีมีคนน่ังพัก บ฽อย ๆ เช฽น บริเวณแยกต฽าง ๆ เวลาท่ีมีคนเดินทางไปไร฽ ก็จะน่ังพักศาลานี้และเวลาที่ผ฾ูคนน่ังพักแล฾ว ประทับใจ จะพูดความรู฾สึกท่ีดีออกมา และคําพูดดังกล฽าวจะส฽งผลให฾เจ฾าของศาลาร฾ูสึกสบายใจและมี แรงมากขึน้ พิธกี รรมนเี้ ป็นพธิ กี รรมระดับบคุ คล การเขา฾ ร฽วมของสมาชิกในครอบครัวสามารถยืดหย฽ุนได฾ ตามความสะดวกของสมาชิกแตล฽ ะคน พิธีกรรม “คุ๊สัว” น้ีจะกระทําหลังปีใหม฽ อาจเป็นช฽วงเดือนไหนก็ได฾แต฽ไม฽ควรรอนานเกินไป เพราะผี “คุ฿สัว” น้ีเป็นผีท่ีดุร฾ายท่ีสุดในบรรดาผีท้ังหมด หากล฽าช฾าเกินไปอาจทําให฾มีเหตุท่ีไม฽คาดคิด เกิดข้ึนได฾ เช฽น การเสียชีวิตโดยไม฽ทราบสาเหตุ ฯลฯ เหตุผลที่ต฾องกระทําพิธีกรรมดังกล฽าวเพราะ ตอ฾ งการนาํ เอาสง่ิ ไมด฽ ีออกจากบ฾าน ให฾ความโชครา฾ ยในปีที่ผ฽านมาหายไปกับส่ิงของท่ีเซ฽นไหว฾ในพิธี โดย ส่ิงของเซ฽นไหวเ฾ พอ่ื ทาํ พิธีกรรมน้ีประกอบไปด฾วยเกลือ พริก ขิง เมล็ดฟใกทอง ข฾าวโพด ๑ ฝใก ขวดแก฾ว เปลา฽ ของมคี ม ถ฾วยชามที่ไม฽ดี เทียนไข ๑ คู฽ (สมัยก฽อนไม฽มีเทียนไข ชาวลีซูใช฾นํ้ามันหมูแทน) ธูป ๑ คู฽ ลํากลว฾ ยส้ัน ๑ ลํา (พร฾อมกับแต฽งตัวให฾กับลํากล฾วยด฾วยการใส฽หมวก ใส฽เส้ือผ฾า หากมีกางเกงเด็กก็สวม กางเกงเดก็ ใหก฾ ับลํากลว฾ ยด฾วย) กระดาษที่ตัดออกมาเป็นรูปภาพคน ๓ แผ฽น เส้ือผ฾าเก฽า ผ฾าเช็ดตัว รองเท฾า ตุ฿กตา ไผ฽สาน อาหารแต฽ละประเภท เช฽น ผักกาด ผักชี หรือผักอะไรก็ตามท่ีมีอยู฽ในบ฾าน เป็นต฾น เครื่องเซ฽นไหว฾เหล฽าน้ีจะสามารถพบได฾ตามท฾ายหมู฽บ฾านของชาวลีซู พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับ ครัวเรือน มีความจําเป็นอย฽างย่ิงที่สมาชิกในครอบครัวจะต฾องเข฾าร฽วมพิธี แต฽สถานการณแปใจจุบันทําให฾ สมาชิกในครัวเรอื นแต฽ละคนต฾องแยกย฾ายและหา฽ งเหินกันออกไปเนือ่ งจากการศกึ ษาการงานและวิถีชีวิต แบบใหม฽ในประเทศและต฽างประเทศ ทําให฾ไม฽สะดวกเข฾าร฽วมพิธีได฾ ความจําเป็นในการปรับความเช่ือ และการปฏิบัตติ อ฽ พิธีกรรมต฽าง ๆ จงึ ปรับเปล่ียนและต฾องยอมรับกบั สถานการณเแ หลา฽ น้ี พิธีกรรม “ชือ แป๊ะ ก๊ัวะ” หรือพิธีกินข้าวโพดใหม่ พิธีกรรมนี้จะเริ่มขึ้นในเดือน ๗ ของลีซู ซ่งึ ตรงกบั เดือนมิถนุ ายนของไทย พิธีกรรมน้ีเป็นพิธีกรรมท่ีจะต฾องทําในแต฽ละปีโดยการเอาพืชผักท่ีเรา ปลูกหรอื พืชต฽าง ๆ มาเซ฽นไหว฾ให฾กับวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นพิธีกรรมท่ีส฽งผลให฾วิญญาณบรรพบุรุษได฾ กนิ สงิ่ ของเซ฽นไหว฾ และขอขอบคุณสง่ิ ศักดิ์สิทธท์ิ ี่ชว฽ ยดูแลพชื ผลตลอดปีทผ่ี า฽ นมา สิ่งของต฽าง ๆ ท่ีจะต฾อง นํามาทําพิธีประกอบไปด฾วย ดอกไม฾แต฽ละประเภท รวมถึงดอกแตงกวา อ฾อย ข฾าวโพดฝใกอ฽อน (ท่ียังมี ดอกข฾าวโพดตดิ อย)ู฽ ขา฾ วโพดฝกใ แก฽ (ไม฽มีดอกข฾าวโพด) สัปปะรด และผลไม฾ต฽าง ๆ จํานวนการสักการะ ของพืชผักน้นั ข้ึนอยูก฽ ับจํานวนบรรพบรุ ษุ พิธีกรรมเรียกขวัญหรือ “โชฮาคู” จะถูกจัดข้ึนเม่ือมีอาการดังตัวอย฽างต฽อไปน้ี เช฽น อารมณแ แปรปรวน หงุดหงิดง฽ายเมื่อได฾ยินคนอื่นพูด (แม฾คนอ่ืนจะพูดดีด฾วย แต฽ฟใงอย฽างไรก็ไม฽ร฾ูสึกสบอารมณแ) จิตใจไมส฽ งบ สบั สนว฽ุนวาย บางครง้ั รส฾ู ึกเหมอื นมีเสยี งออกมาจากหูหรือหูอื้อซ่ึงแสดงให฾เห็นว฽าขวัญหาย นอนละเมอและถกู ผอี ําบอ฽ ย (แสดงว฽าขวญั อยู฽กบั ผ)ี หรือฝนใ ไมด฽ บี อ฽ ยครั้ง เชน฽ ฝนใ ว฽ามีลูก ฝในถึงผีร฾าย ฯลฯ 133

ด฾วยอาการท่ีกล฽าวมาข฾างต฾น ทําให฾ต฾องมีพิธีกรรมน้ีเพ่ือเรียกขวัญกลับมาสู฽โลกมนุษยแผู฾ท่ีมีขวัญอ฽อน จะต฾องกนิ หวั ใจไกห฽ รอื หมู (แล฾วแต฽ว฽าจะเลือกสัตวแประเภทใดในการทําพิธีกรรมน้ี)หลังจากที่หมอเมือง ทาํ พิธเี สร็จส้ิน โดยมีความเชื่อว฽าระหว฽างที่หมอเมืองได฾ทําพิธีอย฽ูน้ัน ขวัญได฾กลับมาน่ังอยู฽ในหัวใจของ หมหู รือไก฽แล฾ว ผู฾ท่ีขวัญอ฽อนจะต฾องกินหัวใจสัตวแและข฾าวสวยที่อย฽ูในถ฾วยอย฽างน฾อย ๓ คํา และที่เหลือ สามารถแบ฽งให฾คนอื่นกินได฾เช฽นกัน ชาวลีซูเช่ือว฽าบุคคลคนหนึ่งไม฽ควรใช฾ชีวิตโดยปราศจากการทํา พธิ กี รรมน้นี านเกินไปเพราะอาจเกิดเหตกุ ารณไแ มค฽ าดคิดได฾ เช฽น การเสียชีวิตโดยไม฽ทราบสาเหตุ เป็นต฾น อย฽างไรกต็ าม พิธีเรียกขวญั นี้จะไดผ฾ ลดียิ่งถ฾ามคี นมารว฽ มงานเปน็ จาํ นวนมาก เพราะพวกเขาจะนําขวัญที่ แขง็ แรงของพวกเขาแบง฽ ใหก฾ บั คนทขี่ วญั อ฽อนในวันน้ัน ทั้งการให฾พรและการผูกสายสิญจนแจากพวกเขา จะช฽วยเติมพลังให฾ขวัญแข็งแรงย่ิงข้ึน พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับบุคคล การเข฾าร฽วมของสมาชิกใน ครอบครวั สามารถยืดหยน฽ุ ได฾ตามความสะดวกของสมาชิกแต฽ละคน แตส฽ ถานการณแปใจจุบันทําให฾สมาชิก ในครวั เรอื นแต฽ละคนตอ฾ งแยกยา฾ ยและห฽างเหินกันออกไปเนื่องจากการศึกษา การงานและวิถีชีวิตแบบ ใหม฽ในประเทศและต฽างประเทศ ทําให฾ไม฽สะดวกเข฾าร฽วมพิธีได฾ ความจําเป็นในการปรับความเชื่อและ การปฏบิ ัติต฽อพิธกี รรมตา฽ ง ๆ จงึ ปรบั เปลี่ยนและต฾องยอมรับกับสถานการณแเหลา฽ นี้ ประเพณีที่สาคัญ : ประเพณีเซ่นไหว้บรรพชน : ประเพณีเซ฽นไหว฾บรรพบุรุษของชาติพันธแุ เรียกว฽า “หลฮี่ ีฉา” หรอื “เช็งเม฾ง” ในภาษาจีน เป็นประเพณีท่ีปฏิบัติมานาน โดยประเพณีน้ีจะจัดขึ้น ราวเดอื นเมษายนของทกุ ปี ประเพณเี ซน฽ ไหว฾บรรพบุรุษเปน็ ประเพณีทีช่ าวลีซเู ช่ือวา฽ จะนํามาซ่ึงโชคลาภ ใหแ฾ ก฽ครอบครวั และลูกหลาน ประเพณเี ซน฽ ไหวบ฾ รรพบุรุษยังเปน็ ประเพณที ีแ่ สดงให฾เห็นถึงความกตัญโู ของลูกหลานด฾วย ประเพณีน้ี หากตัดสินใจจะเซ฽นไหว฾แล฾วจะต฾องกระทําอย฽างต฽อเนื่องเป็นเวลา ๓ ปี ติดต฽อกนั แตห฽ ากอย฽ูตา฽ งประเทศและไม฽สามารถกระทาํ พธิ ีอยา฽ งตอ฽ เนื่องได฾ก็สามารถทําได฾เช฽นกันแต฽ต฾อง มกี ารแจง฾ ใหก฾ ับผใี นวนั ท่ีทําพธิ ไี ดม฾ ีเรื่องเล฽าเกี่ยวกับประเพณีนี้จากลีซูท฽านหนึ่งว฽า “ผีบรรพบุรุษ” จะดีใจ มากเวลาทีพ่ วกเขาร฾วู ฽าประเพณีเซ฽นไหว฾บรรพบุรุษกําลังจะมาถึง พวกเขาดีใจท่ีจะได฾บ฾านใหม฽และสะอาด มีความสขุ ทีจ่ ะไดท฾ านอาหารใหม฽ ๆ ไดด฾ มื่ เหล฾าข฾าวโพด ได฾น่ังรับประทานอาหารกับครอบครัวได฾เห็นหน฾า ลูก ๆ หลาน ๆ ท่มี าทําพิธใี หก฾ ับพวกเขา พิธีกรรมน้ีมีเรือ่ งเลา฽ เกี่ยวกับตระกลู “แมวปุา” ว฽า ลูกชายของ ตระกูลแมวปุาไม฽สามารถทําพิธีเซ฽นไหว฾บรรพบุรุษได฾ แต฽หากลูกชายให฾กําเนิดลูกชายหรือลูกสาวพวก เขาสามารถกระทําพิธีกรรมนี้ได฾ อย฽างไรก็ตามในปใจจุบัน ชาวลีซูตระกูล “แมวปุา” บางคนก็ไม฽ได฾ให฾ ความสําคัญกับเรื่องเล฽าเหล฽าน้ีเท฽าไรนักยังคงทําพิธีกรรมดังกล฽าวให฾กับมารดาผู฾ล฽วงลับและได฾พบกับ ความโชคดใี นหลาย ๆ ดา฾ นหลงั จากทไี่ ด฾ทําพธิ ีกรรมน้ีให฾กับมารดาของตน58 การข้ึนปใี หม่ : ประเพณีปีใหม฽ของชาวลีซเู ปน็ ประเพณีที่แต฽ละหมู฽บ฾านจะต฾องจัดข้ึนทุกปี โดย ประเพณีปีใหม฽น้ีจะตรงกับเทศกาลตรุษจีน แต฽บางหมู฽บ฾านอาจจะจัดล฽วงหน฾าก฽อนหรือหลังเทศกาล ตรุษจีน ด฾วยเหตุน้ีจึงทําให฾ชาวลีซูจากหม฽ูบ฾านต฽าง ๆ สามารถไปเท่ียวและร฽วมเฉลิมฉลองปีใหม฽กับ หมู฽บ฾านอ่ืนๆ ได฾ ท้ังนี้ ระยะเวลาของการเฉลิมฉลองได฾ถูกปรับเปลี่ยนไปมาก โดยในอดีตประเพณี ขนึ้ ปีใหม฽เคยใช฾ระยะเวลาในการเฉลิมฉลองมากกว฽า ๑๐ วัน เนื่องจากผลผลิตฝ่ินมีราคาดี ข฾าวไร฽และ ข฾าวโพดให฾ผลผลิตสูง การจัดงานเพื่อแสดงถึงศักยภาพของครัวเรือนจะกินเวลาหลายวัน โดยปีใหม฽ที่  58 ทวชิ จตวุ รพฤกษ.แ สนุ ขั ตกอับ กติ ติศพั ทข์ องช้าง: บอ่ เกดิ ความไม่เสมอภาคทางเพศของชนเผ่าลซี ปู ระเทศไทย. เชยี งใหม฽: ศนู ยแ ศกึ ษาชาติพันธุแแ ละการพฒั นา คณะสงั คมศาสตรแ มหาวิทยาลยั เชียงใหม฽, 2560 134

ตรงกับวันตรุษจีนเรียกว฽า “ปีใหม฽ผ฾ูหญิง” และอีกปีใหม฽หน่ึงท่ีมีข้ึนหลังจากนั้น ๑ เดือน ๘ วัน คือ “ปใี หม฽ผู฾ชาย” หรือทีเ่ รียกวา฽ “เอือ้ ยปา” เปน็ ปีใหมท฽ ่ีผชู฾ ายคาดหมายว฽าจะเลือกใครเป็นค฽ูครอง กิจกรรมการเต฾นรําและการร฾องเพลงระหว฽างเฉลิมฉลองประเพณีปีใหม฽ก็ถูกเปล่ียนแปลงไป เช฽นกัน โดยในอดีตมีการร฾องเพลงโต฾ตอบและเต฾นรําจนถึงเช฾า ต฽างจากปใจจุบัน ประเพณีปีใหม฽ มักให฾ความสําคัญเฉพาะสามวันแรกเท฽านั้น โดยวันแรกจะมีการเฉลิมฉลองท่ีบ฾านของหมอเมือง วันที่ สองทบ่ี า฾ นผ฾ใู หญ฽บ฾าน และวันที่สามอาจเป็นโรงเรียน หลังจากการเต฾นรําในโรงเรียนแล฾ว หากมีชาวบ฾าน ทว่ั ไปอยากจะทาํ บุญเล้ียงชาวบ฾านกท็ ําได฾เช฽นกัน แต฽มีจํานวนน฾อยเนือ่ งจากอปุ สรรคทางการเงิน รวมถึง จํานวนคนและความหลากหลายของกลมุ฽ คนที่ร฽วมงานมีไม฽มากเหมือนกับวันแรกและวันที่สอง “ดังนั้น ในช฽วงพิธีปีใหม฽ (เริ่มต้ังแต฽วันท่ี ๑ เดือน ๑) และพิธีกินข฾าวโพดใหม฽ (เริ่มตั้งแต฽วันที่ ๑ เดือน ๗) ชาว ลีซอได฾ถือเอาช฽วงเวลาดังกล฽าวแสดงออกถึงความเสมอภาค ความอุดมสมบูรณแและความสนุกสนาน รื่นเริงในระหว฽างเทศกาลท้ังสองครั้ง พวกเขาถือว฽าไม฽มีคนรวย ไม฽มีคนจน ไม฽มีใครต฾องอดอยาก และ ไม฽มคี วามขดั แย฾ง ทุกครอบครัวมีอาหารมากมาย ทุกหลังคาเรือนมีความยินดี และร฾ูสึกเป็นเกียรติที่ได฾ ตอ฾ นรับหรอื เลยี้ งดูแขกทีม่ าเยอื นและอวยพร ด฾วยสุราและอาหารอย฽างดี และช฽วงนี้นับเป็นโอกาสพิเศษ สําหรับการประกอบพธิ ีกรรมของครัวเรอื นและบุคคล” บทสรปุ ในปใจจุบันสังคมลีซูในลําปางกําลังประสบปใญหาทางเศรษฐกิจกับวิถีชีวิตที่เป็นแปลง ไปหลังจากถูกอพยพเข฾าสู฽พ้ืนที่ใหม฽จากการประกาศเขตอุทยาน นอกจากนี้สิ่งที่น฽าสนใจประการหนึ่ง ก็คอื สาเหตขุ องการโยกยา฾ ยเดินทางเข฾ามาสจู฽ ังหวัดลาํ ปางเกดิ จากการแต฽งงานขา฾ มกลุ฽มชาติพนั ธแรุ ะหว฽าง ลีซูกับเม่ียน ดังนั้นลักษณะท่ีชุมชนชาวลีซออาศัยอยู฽จะเป็นกลุ฽มเล็กอาศัยปะปนอย฽ูกับกลุ฽มชาติพันธุแ อื่นๆ และจํานวนหนึ่งก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสตแทําให฾การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมลดความ เป็นอตั ลักษณแความเป็นกล฽ุมชาติพันธุแลีซอลง ทั้งในแง฽วิถีชีวิต ความเช่ือ ค฽านิยม ประเพณีต฽าง ๆ หรือ แมแ฾ ต฽ปใญหากรรมสิทธิ์ที่ดนิ ทํากินก็ยังไม฽ได฾รับการยอมรับในการอย฽ูอาศัย ซ่ึงเป็นปใญหาใหญ฽ในการทํา ใหช฾ นเผ฽าลซี ูตอ฾ งอพยพแรงงานส฽ภู าคเมอื ง ปใญหาต฽าง ๆ รัฐจะจงึ ควรมีสว฽ นรว฽ มในการแก฾ไขหรือผลักดัน เพอื่ ท่ีจะรักษาอตั ลักษณแของความเปน็ ลีซไู ว฾ให฾ดาํ รงอย฽ตู อ฽ ไป 135

136

บรรณานกุ รม ๑. กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษยแ “แผนแม่บทการพฒั นากลมุ่ ชาติพนั ธ์ุใน ประเทศไทย” (พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๐) ๒. กนิษฐกแ านตแ ปในแก฾ว “ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ กลมุ่ ชาติพนั ธบ์ุ ้านจาปุย อาเภอแมเ่ มาะ จงั หวัดลาปาง” วารสารการวจิ ัยเพ่ือพัฒนาชมุ ชน ปที ่ี ๑๐ ฉ.๑,๒๐๑๗. ๓. กฤษณพจนแ ศรีทารัง “ชาวลวั ะ บ้านหมันขาว : การปรบั ตวั และแนวโน้มการเปล่ยี นแปลง” วารสารวจิ ยั และพัฒนามหาวทิ ยาลัยราชภฎั เลย Vol. ๑๐ No. ๓๓ (๒๐๑๕): กรกฎาคม - กนั ยายน ๒๕๕๘. ๔. จินตนา อนิ ภักดี การศึกษาลายผา้ ปักชาวเขาเผา่ อาข่า เพ่ือถา่ ยทอดองค์ความร้สู ชู่ ุมชนบา้ นหว้ ย โป่ง ตาบลหัวชา้ ง อาเภอแม่แตง จังหวดั เชียงใหม.฽ ๒๕๖๐. ๕. จติ ร ภูมศิ ักดิ์ “ความเปน็ มาของคาสยาม ไทย ลาว และขอมและลักษณะทางสงั คมของชื่อชน ชาติ ฉบบั สมบรู ณ์ ขอ้ เท็จจรงิ ว่าด้วยชนชาติขอม” กรงุ เทพฯ : ศยาม, พิมพแครงั้ ท่ี ๕: ๒๕๔๔ ๖. ชลดา มนตรวี ัต “การสร้างความเปน็ หญงิ ชายทางสังคมและจรยิ ธรรมในชมชนลาหู่ : กรณศี ึกษา หญงิ ลาหู่” วิทยานิพนธมแ หาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชยี งใหม฽, ๒๕๔๑. ๗. ชาญชยั จีรวรรณกิจ การปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั วฒั นธรรมไทยของชาวลัวะในภาคเหนือของประเทศ ไทย วทิ ยานพิ นธแ บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร. ๒๕๒๙. ๘. นิพัทธเวช สบื แสง “ขมุ,สังคม,วัฒนธรรม,การพัฒนา,ภาคเหนอื ” สถาบันวิจยั ชาวเขา, เชียงใหม฽, ๒๕๓๙. ๙. ประชัน รักพงษแ และคณะ,การศึกษาหมบู่ า้ นไทลื้อในจงั หวดั ลาปาง,ศนู ยศแ ลิ ปวฒั นธรรม ศูนยแ วฒั นธรรมจงั หวดั ลาํ ปาง วิทยาลยั ครลู ําปาง, ๒๕๓๕ ๑๐. ทิพยสแ ุดา จนิ ดาปลกู “การเคลื่อนยา้ ยของแรงงานทาไม้ชาวขมุที่ส่งผลกระทบตอ่ สถานภาพทาง การเมอื งระหวา่ งประเทศของสยามในดนิ แดนลา้ นนา ระหวา่ ง ค.ศ.๑๘๙๓ - ๑๙๐๗” ๑๑. ฐาปนยี แ เครือระยา สาํ นกั สง฽ เสรมิ ศิลปวัฒนธรรมมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม฽ ๑๒. ทวิช จตวุ รพฤกษแ. สุนัขตกอับ กิตติศัพท์ของช้าง: บ่อเกิดความไมเ่ สมอภาคทางเพศของชนเผา่ ลซี ปู ระเทศไทย. เชียงใหม:฽ ศูนยศแ ึกษาชาตพิ นั ธุแและการพัฒนา คณะสงั คมศาสตรแ มหาวิทยาลยั เชียงใหม฽, ๒๕๖๐ ๑๓. ทวชิ จตวุ รพฤกษแ. เสียงจากคนชายขอบ: ศักดศ์ิ รีความเปน็ คนของชาวลซี อาเภอ เชยี งใหม:฽ เครอื ขา฽ ยชาตพิ ันธแุศึกษา ๑๔. ธดิ ารตั นแ ไชยยาสืบ, ชาวไทลือ้ ลาปาง ใน ฮคู้ งิ …ฮคู้ นลาปาง,ลาปาง : บรรณกิจการพิมพ.แ ๒๕๔๘. ๑๕. พอล ลวู สิ และอีเลน ลวู สิ .”หกเผ่าชาวดอย” เชียงใหม฽ : หตั ถกรรมชาวเขา, ๒๕๒๘. 137

๑๖. มาริ ซากาโมโต “การเปล่ยี นแปลงความสัมพนั ธ์ทางชาตพิ นั ธ์ุ ระหวา่ งชาวขมกุ ับไทล้อื : ศึกษา จากวฒั นธรรมผ้าทอไทลื้อในเมืองเงิน แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว” วารสารวจิ ิตรศลิ ป฼ ปีท่ี ๕ ฉ.๑ ๒๕๕๗. ๑๗. สมชัย แกว฾ ทอง “ปัจจยั ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม ภายในชมุ ชน อันเน่ืองมาจาก โครงการอพยพชาวเขา : กรณศี ึกษาบา้ นวังใหม่ อาเภอวังเหนอื จงั หวดั ลาปาง” วิทยานพิ นธแมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม฽.๒๕๔๔. ๑๘. สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย. (๒๕๔๖). อาขา่ พธิ กี รรม ความเชอื่ และความงาม กุศโล บายดารงวถิ ีแห่งชนเผา่ . กรงุ เทพฯ: สํานกั งาน สกว. สาํ นกั งานภาค. ๖ – ๗ ๑๙. เสถียร ฉนั ทะ “ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ กบั การจัดการความหลากหลายทางชีวภาพพืชสมุนไพร : กรณีศกึ ษาในวิถชี ีวิตชุมชนไทลื้อ จังหวดั เชยี งราย” ๒๕๔๗. ๒๐. สมบัติ บุญคาํ เยอื ง “ปญั หาการนยิ ามความหมายของปา่ และการอา้ งสทิ ธิเหนอื พืน้ ท่ี : กรณีศึกษาชาวลาหู่” วทิ ยานิพนธมแ หาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยเชยี งใหม฽: ๒๕๔๐. ๒๑. สาริณียแ ภาสยะวรรณ “การเมืองของการสร้างภาพตวั แทนทางชาติพันธ์ใุ นพ้นื ท่กี ารท่องเท่ียว: กรณีศึกษาโฮมส เตยช์ าวลาหู่ บ้านยะดู เชียงใหม่” : บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เชียงใหม฽, ๒๕๕๔. ๒๒. สภาวฒั นธรรมอาํ เภอคลองลาน. (๒๕๔๙). วัฒนธรรมท฾องถนิ่ และภูมินามหม฽บู ฾านตาํ บลคลองลาน อาํ เภอคลองลาน จังหวัดกาํ แพงเพชร. กําแพงเพชร: สภาวฒั นธรรมอาํ เภอคลองลาน. ๒๓. อะซามะ ฉนิ หมี. ความซบั ซ้อนและความลื่นไหลของอตั ลักษณท์ างชาตพิ ันธุผ์ า่ นชวี ิตของ ผู้หญิงลซี ูคนหนงึ่ . วทิ ยานพิ นธศแ ลิ ปศาตรมหาบัณฑิตสาขาวชิ าสตรีศึกษา มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม฽, ๒๕๔๘ ๒๔. อนุวงศแ แซ฽ตง้ั “ชุมชนบา้ นแม่หมี “ชวี ิตเหนือกาลเวลา” จังหวัดลําปางผลงานรางวัลลกู โลกสี เขยี ว ครงั้ ที่ ๑๑ ประจําปี ๒๕๕๒. 138

คณะผู้จัดทา ที่ปรกึ ษา วฒั นธรรมจงั หวดั ลาํ ปาง 1. นางลัษมา ธารีเกษ วฒั นธรรมจงั หวัดลําพูน 2. นายบพติ ร วิทยาวโิ รจนแ ผ฾ูอํานวยการศนู ยแพัฒนาราษฎรบนพ้นื ทส่ี ูงจงั หวัดลําปาง 3. นางปยิ ะนาถ พลู พิพฒั นแ ประธานสภาวฒั นธรรมจังหวดั ลําปาง 4. ดร.อดุ มศกั ดิ์ ศักด์มิ นั่ วงศแ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตรแ ศนู ยแลําปาง คณะทางาน ผ฾อู าํ นวยการกลุ฽มยทุ ธศาสตรแและเฝาู ระวังทางวัฒนธรรม 1. ผ฾ูชว฽ ยศาสตราจารยแเพ็ญศิริ พันพา ผู฾อํานวยการกลม฽ุ ส฽งเสรมิ ศาสนา ศลิ ปะ และวฒั นธรรม 2. นางอรทัย ทรงศรสี กุล ผอ฾ู ํานวยการกลมุ฽ กจิ การพเิ ศษ 3. นางเครือวลั ยแ ธรรมายอดดี นกั วชิ าการวฒั นธรรมชาํ นาญการ 4. นางสาวกศิ ยา จันแดง นักวชิ าการวัฒนธรรมชาํ นาญการ 5. นางลัดดา คดิ อา฽ น นกั วิชาการวัฒนธรรมชาํ นาญการ 6. นางกรรณิกา ศักด์มิ น่ั วงศแ นักวิชาการวฒั นธรรมชาํ นาญการ 7. นางสาววรรณกร คําสม นกั วชิ าการวฒั นธรรมชํานาญการ 8. นางพรรณทิพยแ เหล฽าวัฒนพงศแ นักวิชาการวฒั นธรรมปฏบิ ตั ิการ 9. นางสาวปทใ มา สายอปุ ราช นักพัฒนาสังคม ศูนยพแ ัฒนาราษฎรบนพืน้ ทีส่ งู จงั หวดั ลาํ ปาง 10. นางสาวมะลวิ รรณ ปนใ แกว฾ ผ฾นู ํากลม฽ุ ท฽องเทีย่ วบ฾านบ฽อส่ีเหล่ยี ม 11. นางสาวจีรพร ปอู ขว฽ ง ผู฾ใหญบ฽ ฾านบ฽อสเี่ หลี่ยม ตําบลปงเตา อําเภองาว จงั หวัดลําปาง 12. นายสทิ ธพิ งษแ ฟูุงสันตภิ าพ ผ฾ูประสานงานการทอ฽ งเท่ียวชุมชนบ฾านบ฽อส่ีเหล่ียม ตําบลปงเตา 13. นายวรวุฒิ ชัยสุขศรสี องฟาู อําเภองาว จงั หวัดลําปาง 14. นายพงษแพนั ธแุ อัญชลีอนันตกิจ เกษตรกรปราดเปร่อื ง (Young Smart Farmer) 15. นายอาแซะ อาซอง บ฾านแมฮ฽ า฽ ง อําเภองาว จังหวัดลาํ ปาง 16. นายอรณุ เยละ ผ฾ใู หญบ฽ ฾านแมฮ฽ ฽างใต฾ ตําบลนาแก อําเภองาว จงั หวัดลําปาง 17. นางอาภรณแ ศิราไพบูลยแพร ประธานกลุม฽ วสิ าหกิจชมุ ชนทอผ฾าพ้นื บา฾ นกะเหรยี่ ง 18. นางพลอย กาวโิ ล บ฾านแมฮ฽ า฽ งใต฾ ตาํ บลนาแก อําเภองาว จงั หวัดลําปาง 19. นางสริ พิ รรณ หอมแกน฽ จนั ทรแ ประธานกลุ฽มท฽องเท่ียวบ฾านโปุงน้ําร฾อน ตําบลเสริมกลาง อําเภอเสรมิ งาม จังหวดั ลาํ ปาง ประธานกลุ฽มวิสาหกิจชุมชนทอผ฾าไทล้ือ และประธานกล฽ุม การเกษตรบา฾ นกลว฾ ยหลวง ตําบลกลว฾ ยแพะ อาํ เภอเมืองลาํ ปาง จงั หวดั ลําปาง 139

140

141

142

143

144

145

146

147

148

149


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook