Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore eBook_compressed

eBook_compressed

Published by baningpoo, 2022-07-06 02:42:22

Description: eBook_compressed

Search

Read the Text Version

คานา กลุ฽มชาติพันธแุต฽าง ๆ ล฾วนมีอัตลักษณแชาติพันธุแที่แตกต฽างกันไปตามลักษณะกล฽ุมชนของตน แต฽สิ่งที่น฽าสนใจก็คือ กล฽ุมชาติพันธุแท่ีอาศัยอย฽ูในจังหวัดลําปางมีลักษณะวิถีชีวิตความเป็นอยู฽ ที่มีความแตกต฽างจากพ้ืนท่ีอื่น ทั้งน้ีสืบเนื่องมาจากการปรับตัวตามปใจจัยแวดล฾อมทั้งลักษณะพ้ืนท่ี การอพยพเคลื่อนย฾ายและการต้ังถ่ินฐาน แต฽ถึงอย฽างไรก็ตามงานชาติพันธแุศึกษาในลําปางกลับมี นักวชิ าการ สนใจทําการศึกษาไว฾จํานวนไม฽มากนัก และมีการศึกษาลงลึกในระดับพ้ืนท่ีน฾อยกว฽าท่ีควร ทําให฾ยังขาดการรวบรวมฐานข฾อมูล องคแความรู฾ ลักษณะเฉพาะหรืออัตลักษณแท่ีสําคัญและประเด็น การศึกษาท่ีหลากหลาย นอกจากน้ียังพบว฽าฐานข฾อมูลบางอย฽าง ทําการสํารวจมานานมากกว฽าสิบปี ขึ้นไป ทําให฾สถานะองคแความร฾ูเก่ียวชาติพันธุแศึกษาในลําปางยังขาดข฾อมูลใหม฽ท่ีทัน ต฽อเหตุการณแ ในปใจจุบนั แต฽ในขณะเดียวกันการพัฒนาในระดับจังหวัด โดยเฉพาะประเด็นการพัฒนาการท฽องเที่ยว ทอี่ งิ ฐานวัฒนธรรมทอ่ี าศัยความเป็นอัตลักษณแ กลับมีบทบาทสําคัญมากขึ้นในฐานะทุนทางวัฒนธรรม โดยกลุ฽มชาติพันธุแส฽วนใหญ฽เป็นผ฾ูมีบทบาทสําคัญในการขับเคล่ือนการท฽องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และความเปน็ ชาติพันธุแ ใน ข ณ ะ ที่ ทุ น วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ก ลุ฽ ม ช าติ พั น ธุแ ก ล า ย เป็ น ส฽ ว น ห นึ่ ง ขอ ง ก า ร พั ฒ น า ต฽ อ ย อ ด สร฾างรายได฾นั้น พบว฽าจังหวัดลําปางมีข฾อมูลท่ีเป็นองคแความร฾ูทั้งในมิติ สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู฽ ทุนทางสังคมที่จะนํามาใช฾ต฽อยอดในการพัฒนาน฾อยมาก ดังนั้น จึงเป็นที่มาของ ความร฽วมมือระหว฽าง ศูนยแมานุษยวิทยาสิรินธร (องคแการมหาชน) สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดลําปาง ศูนยแพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดลําปาง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรแ ศูนยแลําปาง ในการจัดทํา หนงั สอื ข฾อมลู กลุ฽มชาติพันธใแุ นพื้นทีจ่ งั หวดั ลาํ ปาง โดยการสํารวจ และรวบรวมองคแความร฾ูด฾านต฽าง ๆ ท่ี เกี่ยวข฾องกับกล฽ุมชาติพันธแุ จัดทําฐานข฾อมูล และทําการเผยแพร฽แก฽ผ฾ูสนใจ หรือใช฾เป็นข฾อมูลของ หนว฽ ยงานตา฽ ง ๆ ที่เกี่ยวข฾อง เพ่อื ใช฾ประโยชนใแ นการทํากิจกรรมการพฒั นาทั้งในด฾านอัตลักษณแชาติพันธุแ การอนรุ ักษแ ฟื้นฟู ประเพณีวฒั นธรรม การดํารงวถิ ีชีวติ ของกลุม฽ ชาติพันธแุ การปลกุ จิตสํานึกให฾ตระหนัก ถึงคุณค฽าทางวัฒนธรรม เกิดความรัก และหวงแหนต฽อทรัพยากรอันมีค฽าตลอดจนการดําเนินกิจกรรม การพัฒนาที่เหมาะสมต฽อไป สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดลําปาง หวังเป็นอย฽างยิ่งว฽า หนังสือ “กลุ฽มชาติพันธแุในพื้นท่ี จงั หวดั ลําปาง” เล฽มน้ี จักเป็นประโยชนแแก฽นกั เรยี น นักศกึ ษา หน฽วยงานตา฽ ง ๆ รวมถึงประชาชนผู฾สนใจ ทวั่ ไป และใชเ฾ ปน็ แนวทางในการดําเนนิ งานที่เกีย่ วข฾องกับกลมุ฽ ชาตพิ ันธแุไดอ฾ ย฽างเหมาะสมต฽อไป (นางลัษมา ธารีเกษ) วฒั นธรรมจังหวัดลาํ ปาง กนั ยายน 2563 3

สารบญั หน้า 9 บทท่ี ๑5 ส่วนที่ ๑ ขอ้ มลู ทว่ั ไป ๑8 ๓7 - ทบทวนงานชาติพันธุแลําปางศึกษา ๔9 - ฐานข฾อมูลประชากร แหลง฽ ทต่ี ้งั ชุมชน ๕7 - ขอ฾ มูลภาพรวมทางสังคมวฒั นธรรม 70 สว่ นที่ ๒ ขอ้ มูลรายกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ ๙ กลมุ่ ชาติพันธใ์ุ นจังหวัดลาปาง 80 - กล฽ุมชาติพันธแุอาขา฽ ๘7 - กล฽ุมชาตพิ ันธแุไทลอื้ 98 - กล฽มุ ชาติพันธุแลาหู฽ ๑09 - กล฽มุ ชาติพันธุลแ ัวะ (ละว฾า) ๑25 - กล฽ุมชาติพนั ธแุขมุ (“ลาวเทิง”) - กลุม฽ ชาตพิ ันธุแอิวเมยี่ น (เย฾า) - กลุ฽มชาติพนั ธุแกะเหรี่ยง - กลมุ฽ ชาตพิ นั ธมุแ ฾ง - กลุ฽มชาติพนั ธลแุ ซี อ (ลีซ)ู 4

สารบัญแผนภมู แิ ละตาราง หนา้ ๑6 แผนภูม/ิ ตาราง ๑7 ๑. ตารางแสดงจาํ นวนประชากรจาํ แนกตามกลมุ฽ ชาติพนั ธแแุ ละพ้ืนที่ ๑8 ๒. แผนภูมแิ สดงขอ฾ มูลประชากร ๙ กลุ฽มชาติพนั ธใุแ นจงั หวดั ลําปาง 20 ๓. ตารางแสดงสถานะทางสังคมและการไดร฾ ับสัญชาติ 21 ๔. แผนท่แี สดงการตงั้ ถิ่นฐานของ ๙ กลุ฽มชาติพันธใุแ นจงั หวัดลําปาง 22 ๕. แผนทแี่ สดงการเคล่ือนย฾ายจากพนื้ ท่ีตน฾ ทางสู฽อําเภอต฽าง ๆ ในจังหวดั ลําปาง ๖. ตารางฐานข฾อมลู ๙ กลมุ฽ ชาตพิ นั ธแุในจงั หวดั ลาํ ปาง 5

6

สว่ นท่ี ๑ ขอ้ มลู ทวั่ ไป สว่ นที่ ๑ ข้อมูลทว่ั ไป 7

8

๑.๑ ทมี่ า ความสาคัญ และการทบทวนวรรณกรรม กล฽มุ ชาตพิ ันธเแุ ป็นกล฽มุ ชนท่มี คี วามสืบเนือ่ งทางประวัติศาสตรแร฽วมกบั สังคมไทยมาต้ังแต฽อดีตมา เป็นระยะเวลายาวนานมากกว฽าร฾อยปี และมีความแตกต฽างจากล฽ุมชนอ่ืน ๆ มีวัฒนธรรมประเพณีของ ตนเอง โดยอาศัยตงั้ ถ่ินฐานกระจายอยูต฽ ามภมู ภิ าคต฽าง ๆ ใน ๖๗ จังหวดั จํานวน ๕๖ กล฽ุม มีประชากร รวมประมาณ ๖,๑๐๐,๐๐๐ คน หรือร฾อยละ ๙.๖๘ ของประชากรประเทศ จําแนกพ้ืนที่ตามลักษณะ การต้งั ถ่นิ ฐานได฾ ๔ ลักษณะ คือ กลม฽ุ ตั้งถ่นิ ฐานบนพน้ื ทส่ี ูงหรือชนชาวเขา (ปใจจุบันเปล่ียนเป็นกลุ฽มชน บนพื้นทีส่ งู หรือกลุม฽ ชาตพิ นั ธุแบนพ้ืนที่สงู ) กล฽ุมตั้งถ่ินฐานบนพ้ืนท่ีราบ กล฽ุมชาวเล และกล฽ุมอาศัยในปุา วิถชี วี ติ ของกลมุ฽ ชาติพนั ธใแุ นประเทศไทยมีความหลากหลาย มีวถิ ชี วี ิตทคี่ ล฾ายคลึงและแตกต฽างกันไป โดย สภาพเศรษฐกิจสังคมตามจารีตประเพณีเป็นการปรับตัวเข฾ากับฐานทรัพยากรธรรมชาติและสภาพภูมิ สังคมที่ต้ังถิ่นฐานอย฽ู โดย “กล฽ุมชาติพันธแุบนพ้ืนท่ีสูง” จะตั้งถ่ินฐานตามแนวเทือกเขาบนพ้ืนท่ีสูงทาง ภาคเหนือ เปน็ สังคมเกษตรกรรมที่พงึ่ พาอาศยั ปาุ เป็นหลัก “กลุ฽มชาติพันธแุบนพื้นที่ราบ” เป็นกล฽ุมชาติ พนั ธแุกลม฽ุ ใหญท฽ ่ีมวี ิถกี ารดาํ รงชีวติ กลมกลนื กบั คนไทยท่วั ไป มอี าชพี เกษตรกรรมเป็นหลักโดยมีแนวโน฾ม เปลยี่ นแปลงไปสสู฽ ังคมเมืองมากข้นึ แต฽ยังคงอัตลักษณแ และวัฒนธรรมของตนเองอย฽ูสําหรับ “กลุ฽มชาติ พันธุแทตี่ ้ังถ่ินฐานตามหมู฽เกาะหรือชายฝง่ใ ทะเล” เรียกว฽า “ชาวเล” มีวิถีชีวิตอย฽ูท้ังบนเกาะ และในท฾อง ทะเล มีอาชีพประมง เป็นหลัก นอกจากน้ียังมีกล฽ุมชาติพันธุแกลุ฽มเล็กที่ชอบอาศัยในปุา ดํารงชีวิตด฾วย การล฽าสตั วแ และเก็บของปุา ตลอดระยะเวลากว฽า ๕๐ ปีที่ผ฽านมา ประเทศไทยเร่ิมการพัฒนากล฽ุมชาติพันธแุท่ีตั้งถิ่นฐานบน พื้นท่ีสูงก฽อนเป็นกล฽ุมแรกด฾วยสาเหตุสําคัญคือประเด็นเรื่อง “ความมั่นคง” บริเวณพ้ืนที่ชายแดน การแก฾ไขปใญหายาเสพติด ปใญหาการตัดไม฾ทําลายปุา การทําไร฽เล่ือนลอย และการลดอัตราการเพ่ิม ประชากร โดยใช฾ “นโยบายรวมพวก” เป็นหลกั เพ่ือให฾กลมุ฽ ชาตพิ นั ธุแเป็นพลเมืองไทยที่ดี และสามารถ ช฽วยเหลือตนเองได฾ มีการตั้ง “คณะกรรมการสงเคราะหแชาวเขา” ข้ึนในปี ๒๕๐๒ และต฽อมาได฾บรรจุ เปน็ แนวทางการพัฒนาประเทศครงั้ แรกในช฽วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห฽งชาติฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๒๙) ในการพัฒนากลุ฽มชาติพันธุแบนพื้นที่สูง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา ภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเรียกประชาชนกลมุ฽ นี้ว฽า “ชนชาวเขา” ซึ่งหมายถึง “เป็น คนไทยแต฽อย฽ูบนเขา” พระองคแได฾พระราชทานความช฽วยเหลือในการสงเคราะหแและพัฒนาในด฾าน การศึกษาตั้งแตป฽ ี ๒๕๐๖ เป็นตน฾ มาและในปี ๒๕๑๒ มพี ระราชดําริให฾จัดต้ัง “โครงการหลวง” ขึ้นเพ่ือ ช฽วยเหลือชนชาวเขาในด฾านมนุษยธรรม การแก฾ไขปใญหายาเสพติด การส฽งเสริมการทําการเกษตรที่ ถูกต฾อง และเพื่อการจัดต้งั ถิน่ ฐานถาวรเปน็ หลกั แหล฽ง และช฽วยรักษาปุา ต฽อมาได฾มีกิจกรรมดําเนินงาน พัฒนาช฽วยเหลือกล฽ุมชนบนพ้ืนท่ีสูงและกล฽ุมชาติพันธุแอื่น ๆ ตามแนวพระราชดําริอีกหลายโครงการ กระจายอยู฽ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศถึงปใจจุบัน การพัฒนากลุ฽มชาติพันธแุบนพื้นท่ีสูงของรัฐ ได฾มีการ ดําเนินงานอย฽างเป็นรูปธรรมเม่ือคณะรัฐมนตรีได฾มีมติเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธแ ๒๕๓๒ และวันท่ี ๑๑ กุมภาพันธแ ๒๕๓๕ เร่ือง นโยบายแก฾ไขความมั่นคงของชาติเก่ียวกับชาวเขาและการปลูกพืชเสพติด ม฽ุงเน฾นในการจัดต้ังถ่ินฐานถาวร การสํารวจสถานะบุคคล การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะ ผ฾ูด฾อยโอกาส การอนรุ ักษแและพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติและการแกไ฾ ขปญใ หายาเสพตดิ 9

โดยมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นรับผิดชอบ มีการสํารวจข฾อมูลชุมชนพ้ืนท่ีสูงตามมติ คณะรัฐมนตรใี นปี ๒๕๓๖ จัดทําแผนแมบ฽ ทในระดบั ชาตแิ ละระดบั จังหวัด และมีการดําเนินงานร฽วมกัน ของหน฽วยงานต฽าง ๆ สง฽ ผลใหก฾ ารดาํ เนนิ งานประสบผลสําเร็จในระดับหน่ึง แต฽เน่ืองจากได฾มีการปฏิรูป ระบบราชการในปี ๒๕๔๕ โครงสร฾างการบริหารงานของหน฽วยงานต฽าง ๆ ได฾เปล่ียนแปลงไป ส฽งผลให฾ ขาดหนว฽ ยงานรับผดิ ชอบทชี่ ัดเจน การพัฒนากล฽ุมชาตพิ นั ธแุบนพ้ืนท่ีสูงจึงมีลักษณะเป็นงานประจําปกติ ในขณะท่ีการแก฾ไขปใญหายังคงมุ฽งเน฾นเร่ืองท่ีส฽งผลกระทบต฽อความมั่นคงของชาติโดยเน฾นการควบคุม และปกครองเป็นหลัก ซึ่งทําให฾ปใญหาอื่น ๆ ของกล฽ุมชาติพันธแุไม฽ได฾รับการแก฾ไข เช฽น ปใญหาเร่ือง สญั ชาติ กรรมสิทธิใ์ นทีด่ ินทาํ กิน ปญใ หาปุาไมท฾ ด่ี นิ ทําใหต฾ ฽อมากล฽ุมชาติพันธุแได฾รวมตัวกันเรียกร฾องเรื่อง สทิ ธิในสญั ชาติ การยา฾ ยถน่ิ และการแก฾ไขปใญหายาเสพติด ตามหลักปฏิญญาสหประชาชาติว฽าด฾วยสิทธิ ชนพนื้ เมือง พ.ศ.๒๕๕๐ ผลการพัฒนากล฽ุมชาติพันธแุโดยรวมในระยะท่ีผ฽านมา แม฾ว฽าจะส฽งผลให฾ความ เป็นอยู฽ และคุณภาพชีวิตของประชาชนกล฽ุมชาติพันธุแดีข้ึน แต฽การเปล่ียนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การปกครอง และสภาพภูมิอากาศ รวมท้ังการบริหารจัดการที่หลากหลายขาดความชัดเจน ซ่ึงปใญหา ตา฽ ง ๆ ของกล฽ุมชาติพันธแุจึงยังคงอยู฽ โดยเฉพาะเรื่องการกําหนดสถานะบุคคล การจัดตั้งถ่ินฐานถาวร และการได฾รับการยอมรับในฐานะคนไทย ซึ่งจากปใญหาดังกล฽าวนอกจากจะส฽งผลกระทบต฽อคุณภาพ ชีวติ สทิ ธิความเป็นพลเมอื ง ยังสง฽ ผลตอ฽ การเปลย่ี นแปลงวิถีชวี ติ สงั คม วัฒนธรรมตามมาอกี ดว฾ ย ในด฾านสถานการณแ และความเส่ียงในการพัฒนากล฽ุมชาติพันธแุพบว฽ามีประเด็นปใญหาหลักท่ี คล฾ายคลึงกันทุกพื้นท่ี คือ ๑) ปใญหาการขาดสิทธิ และความไม฽แน฽นอนในท่ีอยู฽อาศัย และที่ดินทํากิน ลักษณะภูมิประเทศในการตั้งถิ่นฐานของกลุ฽มชาติพันธุแส฽วนใหญ฽ ตั้งห฽างไกล ทุรกันดาร การคมนาคม ไม฽สะดวก และห฽างไกลศูนยแกลางอํานาจรัฐ ขาดความชัดเจนเร่ืองสิทธิในที่ดินเพ่ืออย฽ูอาศัยทํากิน เนื่องจากขาดระบบฐานข฾อมูลท่ีชัดเจนในการสํารวจการใช฾ประโยชนแท่ีดิน และข฾อมูลพ้ืนท่ีอนุรักษแ รวมทง้ั ความขัดแยง฾ เชงิ นโยบายระหวา฽ งการพฒั นาและการอนรุ กั ษแธรรมชาติ และขาดกลไกการบริหาร จัดการที่มีประสิทธิภาพ ๒) การขาดสิทธิในสถานะบุคคลทางกฎหมาย กล฽ุมชาติพันธุแในประเทศไทย มีความหลากหลาย โดยการสํารวจและกาํ หนดสถานะบุคคล ทางกฎหมายลา฽ ชา฾ ยงั ไม฽แล฾วเสร็จทําให฾เสีย สทิ ธแิ ละขาดโอกาสในการพฒั นาหลายด฾าน และไมส฽ ามารถเขา฾ ถงึ บรกิ ารพื้นฐานของรัฐซึ่งส฽งผลกระทบ ตอ฽ การสร฾างจติ สาํ นกึ การเปน็ พลเมืองไทยและการยอมรับในสงั คม ๓) การขาดความสมดุลม่ันคงในการ ดาํ รงชวี ติ ประชาชนกลุ฽มชาติพันธุแส฽วนใหญ฽ยังมีสภาพยากจนและมีความเหลื่อมลํ้าในการกระจายรายได฾ โดยสว฽ นใหญ฽ทําการเกษตรแบบดั้งเดิมอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก แต฽ขาดภูมิคุ฾มกันในอาชีพเกษตรกรรม โดยมีปใญหาและข฾อจํากัดเรื่องที่ดินทํากิน ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม และขาดแคลนน้ําเพื่อการเกษตร ตลอดจนแนวโน฾มการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยพิบัติบ฽อยครั้ง และส฽งผลกระทบต฽อพื้นท่ี การเกษตร รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมสู฽ความทันสมัยมากข้ึน ทําให฾วิถีการดําเนินชีวิต เปลยี่ นแปลงอยา฽ งรวดเร็ว ขณะท่ีประชาชนบางส฽วนปรับตัวไม฽ทันและประสบปใญหาต฽าง ๆ ๔) จุดอ฽อน ด฾านการบริหารจัดการ การพัฒนากลุ฽มชาติพันธแุหลังปฏิรูประบบราชการในปีพ.ศ. ๒๕๔๕ ขาดการ กําหนดผ฾ูรับผิดชอบท่ีชัดเจน ระบบข฾อมูลขาดความสมบูรณแและทันสมัยขาดเคร่ืองมือและกลไกการ ดําเนินงานโดยขาดแผนแม฽บท กฎระเบียบต฽าง ๆ มีความหลากหลายไม฽เป็นปใจจุบัน ขาดกระบวนการ มีส฽วนร฽วมของฝาุ ยตา฽ ง ๆ และขาดบคุ ลากรท่ีมปี ระสบการณใแ นการปฏิบตั ิงาน1  1 แผนแมบ฽ ทการพฒั นากลม฽ุ ชาตพิ ันธแุในประเทศไทย (พ.ศ.2558 - 2560) กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่ันคงของมนุษยแ 10

สาํ หรับจังหวัดลําปางเป็นจังหวัดหนึ่งในแถบภาคเหนือตอนบนท่ีมีร฽องรอย และปรากฏการณแ การเคล่ือนย฾ายและต้ังถ่ินฐานของกล฽ุมชาติพันธแุต฽าง ๆ ในพ้ืนท่ีมาต้ังแต฽อดีตจนถึงปใจจุบันซ่ึงมีทั้งกลุ฽ม ชนด้ังเดิม และกลุ฽มชาติพันธแุที่อพยพเคลื่อนย฾ายเข฾ามาตั้งถิ่นฐานอย฽ูใหม฽ นอกจากนี้ด฾วยลักษณะทาง ภมู ิศาสตรแแ ละภมู วิ ัฒนธรรมพื้นท่ีจังหวัดลําปางน้ัน มีเขตแดนติดต฽อกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือของ ไทยท่มี กี ารเคล่ือนย฾ายและต้ังถ่ินฐานของกลุ฽มชาติพันธแุอย฽ูกระจัดกระจายตามรอยต฽อบนพื้นที่สูง เช฽น พ้ืนที่ด฾านทิศเหนือติดกับจังหวัดเชียงราย พะเยา ส฽วนทิศใต฾ติดกับจังหวัดตาก และจังหวัดสุโขทัย ซ่ึงรอยต฽อระหว฽างจังหวัดเหล฽านี้เป็นเสมือนพ้ืนที่ในการเคลื่อนย฾ายของกลุ฽มชนไปมาตั้งแต฽อดีตถึง ปใจจุบัน ในขณะท่ีจังหวัดลําปางถือว฽าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งท่ีมีกล฽ุมชาติพันธแุอพยพเคล่ือนย฾ายเข฾ามา หลากหลายกลุม฽ เชน฽ กลมุ฽ ชาติพันธุอแ า฽ ขา฽ ทอี่ พยพเขา฾ มาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดลําปางจากการสืบค฾นข฾อมูล พบว฽ามีการอพยพเคลื่อนย฾ายมาสองกลุ฽มใหญ฽ โดนกลุ฽มแรกอพยพมาจากจังหวัดเชียงรายเข฾ามา ต้ังบ฾านเรือนอาศัยอยู฽ในพ้ืนที่อําเภองาว ส฽วนกลุ฽มที่สองเป็นกล฽ุมอาข฽าที่เดินทางเข฾ามาหลังปี พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยข฾ามมาจากประเทศพม฽าแล฾วตรงไปท่ีอําเภองาว จังหวัดลําปาง ผ฽านกล฽ุมเครือข฽าย เครือญาตทิ อ่ี าศัยอยู฽ในพ้นื ท่ีอยู฽กอ฽ นแล฾ว นอกจากน้ีข฾อมูลการสํารวจสถานะของกล฽มุ ชาติพันธุแในจังหวดั ลาํ ปางโดยศนู ยพแ ัฒนาราษฎรบน พน้ื ทีส่ ูงจงั หวัดลําปาง ยังพบวา฽ ในพื้นที่จังหวัดลําปางมีพ่ีน฾องชนเผ฽าท้ังส้ินรวม ๘ ชนเผ฽า ประกอบด฾วย เผา฽ เมี่ยน เผ฽ามง฾ เผา฽ อาขา฽ เผา฽ ลาห฽ู เผา฽ ลซี ู เผ฽าลวั ะ เผา฽ ขมุ และ เผ฽ากะเหร่ียง โดยอาศัยกระจายตัวอยู฽ ในพื้นท่ีอําเภอต฽าง ๆ ๗ อําเภอ ได฾แก฽ งาว เมืองปาน เสริมงาม แม฽เมาะ แจ฾ห฽ม วังเหนือ เมืองลําปาง กล฽ุมชาติพันธแุท่ีมีจํานวนประชากรมากที่สุดท่ีอาศัยอย฽ูในจังหวัดลําปาง คือ กล฽ุมชาติพันธุแเม่ียน (เย฾า) กระจายตัวอยู฽ใน ๒๒ หมู฽บ฾าน ใน ๕ อําเภอ คือ งาว เมืองปาน แจ฾ห฽ม วังเหนือ แม฽เมาะ รองลงมาคือ กลุ฽มชาติพนั ธแุกะเหร่ียง กระจายตวั อยใู฽ น ๒๑ หมบ฽ู า฾ น ใน ๕ อําเภอ คือ งาว เมืองปาน เสริมงาม แม฽เมาะ แจห฾ ฽ม โดยมีพน้ื ท่ีเปาู หมายตามแผนแม฽บทการพฒั นากลุ฽มชาติพันธุแในประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๐) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนษุ ยแ ๕ หม฽ูบา฾ น ดงั น้ี ๑. เขตพัฒนาราษฎรบนพนื้ ทสี่ งู อาํ เภองาว ๒. เขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง อาํ เภอแมเ฽ มาะ ๑) บ฾านแม฽สา฾ น ๓. เขตพฒั นาราษฎรบนพื้นท่ีสงู อาํ เภอเมืองปาน ๒) บา฾ นแมแ฽ จเม ๓) บ฾านแมห฽ มีนอก ๔) บา฾ นแม฽ตอเ ม ๔. เขตพฒั นาราษฎรบนพื้นที่สงู อาํ เภอแจห฾ ฽ม ๕) บ฾านแมแ฽ มะ ๕. เขตพัฒนาราษฎรบนพืน้ ทส่ี ูง อาํ เภอวังเหนือ ๖. เขตพฒั นาราษฎรบนพ้นื ทส่ี งู อาํ เภอเสรมิ งาม ทงั้ น้ีกลุม฽ ชาติพนั ธุแตา฽ ง ๆ ลว฾ นมอี ตั ลักษณแชาตพิ นั ธแุท่แี ตกตา฽ งกันไปตามลักษณะกล฽ุมชนของตน แตส฽ ่ิงทน่ี า฽ สนใจกค็ ือ กลุ฽มชาติพันธุแท่ีอาศัยอยู฽ในจังหวัดลําปางมีลักษณะวิถีชีวิต ความเป็นอย฽ูที่มีความ แตกต฽างจากพืน้ ท่อี ื่น ท้ังนีส้ บื เนอ่ื งมาจากการปรับตัวตามปใจจัยแวดล฾อมตามพื้นที่การต้ังถิ่นฐานแต฽ถึง กระนั้น งานชาตพิ ันธุศแ กึ ษาในจงั หวัดลาํ ปางกลับมีการทําการศึกษาไว฾จํานวนไม฽มากและไม฽มีการศึกษา ลงลึกในระดับพ้ืนที่ ยังขาดการรวบรวมฐานข฾อมูล องคแความร฾ู ลักษณะเฉพาะที่สําคัญ นอกจากนี้ยัง พบวา฽ ฐานขอ฾ มลู บางอย฽างสาํ รวจมานานมากกวา฽ ๑๐ ปี ทําใหส฾ ถานะองคแความรู฾เกย่ี วกับชาติพันธแุศึกษา 11

ในจงั หวดั ลําปางมขี ฾อมูลนอ฾ ยมาก แต฽ในขณะเดยี วกันการพัฒนาในระดับจงั หวัด โดยเฉพาะประเด็นการ พฒั นาการทอ฽ งเทยี่ วที่อา฾ งอิงฐานวฒั นธรรมที่อาศัยความเป็นอัตลักษณแ กลับมีบทบาทสําคัญมากข้ึนใน ฐานะทุนทางวัฒนธรรม โดยกล฽มุ ชาติพนั ธุแส฽วนใหญ฽เป็นผมู฾ บี ทบาทสําคัญในการขับเคลื่อนการท฽องเที่ยว เชงิ วัฒนธรรมและความเปน็ ชาติพนั ธแุ ในขณะท่ีทุนวฒั นธรรมชาติพนั ธกแุ ลายเป็นสว฽ นหน่ึงของการพฒั นา แต฽ทผี่ า฽ นมาเรากลับมีข฾อมูล ที่เป็นองคแความร฾ูทั้งในมิติ สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต ทุนทางสังคม ที่จะนํามาใช฾ต฽อยอดในการพัฒนา น฾อยมาก ดังนัน้ จากความสาํ คัญทก่ี ล฽าวมาในข฾างต฾น จงึ เปน็ ทม่ี าของการสาํ รวจสถานะ องคแความร฾ู และ มิติการพัฒนาเพ่ือจัดทําฐานข฾อมูลกลุ฽มชาติพันธแุในจังหวัดลําปาง โดยจะทําการสํารวจ รวบรวม องคแความร฾ูด฾านต฽าง ๆ ที่เก่ียวกับกลุ฽มชาติพันธุแในจังหวัดลําปาง จัดทําฐานข฾อมูล และทําการเผยแพร฽ แก฽ผู฾สนใจ หรือใช฾เป็นข฾อมูลของหน฽วยงานต฽าง ๆ ท่ีเกี่ยวข฾อง เพื่อใช฾ประโยชนแในการทํากิจกรรม การพัฒนา ไม฽ว฽าจะเปน็ เรอ่ื งคณุ ภาพชวี ติ ของกล฽ุมชาติพันธุแ การอนุรักษแ ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม และการ ดาํ รงชีพตามวถิ ชี วี ิตของชนเผา฽ ธํารงไว฾ซึ่งอัตลกั ษณแขององคคแ วามร฾ู ภูมิปใญญา และคุณค฽าทางวิถีชุมชน ที่ดีงาม ปลุกจิตสํานึกให฾ทุกคนได฾เห็นคุณค฽าทางวัฒนธรรม เกิดความรัก และหวงแหนต฽อทรัพยากร อันมีคา฽ ในท฾องถ่นิ ตลอดจนการพัฒนาการจัดการท฽องเท่ยี วทเี่ หมาะสมแกท฽ ฾องถ่นิ ต฽อไป สําหรับประเด็นเรื่องงานเอกสาร หรืองานชาติพันธแุศึกษาในจังหวัดลําปางพบว฽าปใญหาสําคัญ ประการหนึ่งสําหรับผู฾ที่สนใจงานชาติพันธุแลําปางศึกษาต฾องพบเจอก็คือ เร่ืองของการขาดการเข฾าถึง ฐานข฾อมูลพ้ืนฐานท่ีมีผ฾ูศึกษาหรือจัดทําไว฾น฾อยมาก หรือหากมีการศึกษาก็เป็นงานท่ีทําไว฾หลายสิบปี มาก฽อน ส฽วนมากเป็นงานวิจัยที่จัดทําโดยหน฽วยงานข฾อมูลที่ได฾ก็จะเกี่ยวข฾องกับประเด็นการทํางาน ขององคแกรน้ัน ๆ เช฽น ข฾อมูลด฾านอนามัยเจริญพันธุแ ข฾อมูลการเจ็บปุวยการปูองกันโรค ข฾อมูลด฾าน คณุ ภาพชวี ิต เปน็ ต฾น ทาํ ให฾เน้ือหาในมติ อิ น่ื ในระดับพื้นท่ีแทบไมป฽ รากฏ ดงั นน้ั ผศ฾ู กึ ษาจึงทําการค฾นคว฾า รวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวข฾องท่ีค฽อนข฾างใหม฽ และมีเนื้อหาลงไปในรายละเอียดระดับพื้นที่ โดยมีชิ้นงาน ดังตอ฽ ไปนี้ ในงานศกึ ษาเรอ่ื ง “ปจใ จยั ทม่ี ผี ลต฽อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ภายในชุมชน อันเน่ืองมาจาก โครงการอพยพชาวเขา : กรณศี กึ ษาบ฾านวังใหม฽ อาํ เภอวังเหนือ จังหวัดลําปาง” 2 ของสมชัย แก฾วทอง ที่ทําการเก็บข฾อมูลต้ังแต฽ปี ๒๕๔๔ โดยม฽ุงศึกษาถึงการเปล่ียนแปลงทางสังคมภายในชุมชน อันเน่ืองมาจากโครงการอพยพชาวเขา ในประเด็นเร่ืองปใจจัยท้ังภายใน และภายนอกท่ีก฽อให฾เกิด การเปลี่ยนแปลงภายในชุมชน ท่ีมีผลต฽อคุณภาพชีวิตและส่ิงแวดล฾อมในชุมชนชนบ฾านวังใหม฽ หลังจาก ท่ีอพยพมาอยู฽ในพ้ืนที่ปใจจุบัน ซึ่งผลการศึกษาพบว฽าการเปล่ียนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมท่ีเกิดจาก ปใจจัยท้ังภายนอกและภายในนั้นประกอบไปด฾วยปใจจัยภายนอก ได฾แก฽ นโยบายการพัฒนา เมื่อได฾รับ ความช฽วยเหลือจากทางภาครัฐ มีหลายหน฽วยงานเข฾ามาส฽งเสริมอาชีพให฾แก฽ชาวเขา จากท่ีเคยแต฽ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีพ้ืนท่ีไว฾ทําไร฽ แต฽ปใจจุบันไม฽ต฾องใช฾พื้นที่ทําการเกษตรเหมือนแต฽ก฽อนแล฾ว เพราะพวกเขาหนั มาประกอบอาชพี ตามทภ่ี าครัฐไดส฾ ง฽ เสริมให฾ทํา ในด฾านการสํารวจความต฾องการขั้นพ้ืนฐานในการพัฒนาชุมชนของกลุ฽มชาติพันธุแ ได฾มีหลาย หน฽วยงานดําเนินการเก็บข฾อมูลเบื้องต฾น โดยจากการค฾นคว฾าพบว฽ามีข฾อมูลดังน้ี ในพื้นท่ีอําเภองาว มีชนเผ฽าในเขตตําบล บ฾านร฾อง หลายหม฽ูบ฾าน เช฽น ชาวปกาเกอะญอ และชนเผ฽าอาข฽า บ฾านแม฽คําหล฾า  2 สมชัย แก฾วทอง “ปใจจัยท่ีมีผลต฽อการเปล่ียนแปลงทางสังคม ภายในชุมชน อันเน่ืองมาจากโครงการอพยพชาวเขา : กรณีศึกษา บา฾ นวังใหม฽ อาํ เภอวังเหนอื จงั หวดั ลาํ ปาง” วทิ ยานพิ นธมแ หาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.฽ 2544. 12

และ บ฾านบอ฽ ส่เี หล่ียม ทางจังหวัดลําปางได฾จัดโครงการส฽งเสริมพืชเมืองหนาวให฾งบประมาณปี ๒๕๖๒ และ ๒๕๖๓ ส฽วนบ฾านแม฽ฮ฽างใต฾ เป็นหม฽ูบ฾านที่มีเผ฽าอาข฽า และ กะเหร่ียง ต฾องการพันธุแทุเรียนเพราะมี คนในหมบู฽ ฾านปลกู แล฾วไดผ฾ ลดีจงึ อยากได฾ต฾นพันธแุปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจสร฾างรายได฾ ขณะเดียวกันอยากให฾ ส฽งเสริมการท฽องเท่ียวในหม฽ูบ฾าน มีการแสดงอาข฽า กะเหร่ียง การทอผ฾า และนาข้ันบันได จุดชมวิว สวยงาม จึงอยากให฾ประชาสัมพันธแหรือพัฒนาการท฽องเท่ียว วิถีชนเผ฽าในอนาคต สําหรับพ้ืนท่ีอําเภอ เมอื งลาํ ปาง มีชาวไทยลื้อ ตําบลกล฾วยแพะ อําเภอแม฽ทะ ๕ หม฽ูบ฾าน เสนอให฾หน฽วยงานรัฐช฽วยส฽งเสริม การทอ฽ งเที่ยวเชงิ วฒั นธรรม เพราะในหม฽บู ฾านมวี ิถีไทลื้อทีช่ ดั เจน ท้งั การกนิ มกี ลุ฽มทอผา฾ ๒ - ๓ หม฽ูบ฾าน และยงั มวี ดั พระธาตุดอยม฽วงคําเปน็ ที่รวมใจของชาวไทลือ้ และมตี ํานานท฾องถิน่ “หมาขนคํา” นอกน้ียัง อยากไดร฾ บั การสนับสนนุ กจิ กรรมตลาดเก฽า เสารแ - อาทติ ยแ ทเ่ี ลกิ ไปแล฾วไดก฾ ลบั มาเปิดอีกครัง้ บา฾ นโปงุ นํ้าร฾อน อําเภอเสริมงาม ชาวปกาเกอะญอ มีความต฾องการ โปรโมทนํ้าตก และนํ้าพุร฾อน ธรรมชาติ ทีม่ ใี นหม฽ูบ฾าน แต฽ยังติดปใญหาพัฒนาไม฽ได฾มากเพราะเป็นพื้นที่ปุาสงวนให฾เป็นที่รู฾จักมากขึ้น อยากได฾รับการชว฽ ยเหลืออาชีพเกษตรท่ีสามารถทาํ รายได฾ระยะสัน้ เช฽น เลี้ยงไก฽ หรือ ปลูกผักท่ีมีรายได฾ ทุกวัน สาํ หรับพื้นท่ีอําเภอเมืองปาน มีศักยภาพด฾านสินค฾าเกษตร และวิถีชนเผ฽า ชาวเมี่ยน (เย฾า) บ฾าน แม฽แจเม ตําบลแจ฾ซ฾อน ต฾องการจุดศูนยแรวมสินค฾าของแต฽ละชนเผ฽า เป็นซ฾ุมขายสินค฾าโดยให฾ชนเผ฽า แตง฽ ตวั เพื่อให฾ลกู คา฾ ไดถ฾ ฽ายรปู ด฾วย และหากนกั ทอ฽ งเทย่ี วมีความต฾องการเข฾าไปสัมผัสหมู฽บ฾านใดก็ติดต฽อ ประสานงานทศ่ี นู ยแดงั กล฽าวได฾ และ ชาวมง฾ บ฾านใหม฽พัฒนา เสนอขอรับการสนับสนุนการจัดงานปีใหม฽ “ม฾ง” ชว฽ งตน฾ เดือน มกราคม ๒๕๖๒ ทง้ั นี้ จังหวัดลาํ ปางขอใหช฾ มุ ชนเสนอแผนดาํ เนินงานให฾ชัดเจนและ มีประโยชนแสงู สุด นอกจากนี้ กนิษฐกแ านตแ ปในแก฾ว ยังได฾ทําการศึกษาภูมิปใญญาท฾องถิ่นกลุ฽มชาติพันธุแบ฾านจําปุย อาํ เภอแมเ฽ มาะ จังหวัดลาํ ปาง โดยมุ฽งศึกษาบริบทชุมชนและภูมิปใญญาท฾องถิ่นกล฽ุมชาติพันธุแบ฾านจําปุย และการพัฒนาฐานข฾อมูลภูมิปใญญาท฾องถ่ินของกล฽ุมชาติพันธุแบ฾านจําปุย และพัฒนาศูนยแการเรียนร฾ู ภมู ปิ ใญญาท฾องถิน่ กลุม฽ ชาติพนั ธแุบ฾านจาํ ปยุ ขึน้ มา จากการศึกษาพบวา฽ บา฾ นจําปุยมีสภาพเป็นพ้ืนท่ีราบสูง อดุ มไปดว฾ ยทรัพยากรธรรมชาติ ปุาไม฾ และสตั วปแ าุ นานาชนิด มีจํานวนครัวเรือนทั้งสิ้น ๑๒๔ ครัวเรือน ส฽วนใหญ฽จะประกอบอาชพี เกษตรกรรม โดยมีกล฽ุมชาติพันธแุอาศัยอย฽ูรวมกัน ๔ กลุ฽ม คือ เม่ียน (เย฾า) ปกา เกอะญอ (กะเหรีย่ ง) ขมุ และคนพื้นเมือง บ฾านจําปุยมีภูมิปใญญาที่โดดเด฽นแตกต฽างกัน เช฽น ภูมิปใญญา ของเมย่ี น จะโดดเด฽นในเร่ือง การปลูกข฾าวดอย (ชุงิม) การทอชุดอ้ิวเม่ียน (ชุดประจําเผ฽า) และการถัก ตะกร฾อใส฽ไข฽แดงสําหรับแจกในปีใหม฽ ภูมิปใญญาของปกาเกอะญอ จะโดดเด฽นในเรื่องการทอผ฾าก่ีเอว การสานฝใกมีดพร฾า ส฽วนขมุมีภูมิปใญญาท่ีโดดเด฽น คือ การทอผ฾าเพ่ือนําไปทําชุดแต฽งกายประจําเผ฽า ยาสมุนไพรแก฾ไอ โดยผ฾ูศึกษาได฾นําข฾อค฾นพบที่ได฾จากการวิจัยร฽วมกับชุมชนท฾องถ่ินมาใช฾ในการพัฒนา และจัดทาํ ศนู ยเแ รียนร฾ชู าติพันธขแุ นึ้ ท่ีบ฾านจาํ ปยุ 3 งานศกึ ษาอกี ชิ้นที่นา฽ สนใจคอื งานของ อนวุ งศแ แซต฽ ั้ง4 ซ่งึ เขยี นหนงั สือเรื่อง “ชุมชนบ฾านแม฽หมี ชีวติ เหนอื กาลเวลา” ขนึ้ มาจากประสบการณแการทํางานในพื้นท่ีมาอย฽างยาวนาน โดยเน้ือหาสรุปภาพ ความเป็นชมุ ชนให฾ผูอ฾ ฽านได฾เหน็ ซ่ึงชุมชนบ฾านแม฽หมีประกอบด฾วย ๓ ปฺอกบ฾าน คือ บ฾านแม฽หมีใน บ฾าน  3 กนิษฐแกานตแ ปในแก฾ว “ภูมิปใญญาท฾องถ่ินกลุ฽มชาติพันธุแบ฾านจําปุย อําเภอแม฽เมาะ จังหวัดลําปาง” วารสารการวิจัยเพ่ือพัฒนาชุมชน ปีที่ 10 ฉ.1,2017. 4 อนวุ งศแ แซ฽ตง้ั “ชมุ ชนบา฾ นแม฽หมี ชีวิตเหนือกาลเวลา” จังหวัดลาํ ปางผลงานรางวัลลูกโลกสเี ขยี ว คร้งั ท่ี 11 ประจาํ ปี 2552. 13

แม฽หมีนอก และบ฾านจกปก มีประชากร ๒๕๐ คน อาศัยอยู฽ในท่ีราบในหุบเขาริมห฾วยแม฽หมี ผ฾ูคนที่นี่ ตงั้ รกรากมานานกว฽า ๑๖๙ ปีแล฾ว โดยอพยพมาจากตําบลเมืองคอง อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม฽ ต฽อมาพ่ีน฾องปกาเกอะญอ จากแจ฾ซ฾อน อําเภอเมืองปาน จังหวัดลําปาง และจากอําเภอเวียงปุาเปูา จังหวัดเชยี งราย ก็เข฾ามาสมทบ ในด฾านวถิ ีชีวิตของชาวบ฾านแม฽หมีท่ีห฽างไกลผ฾ูคนดําเนินไปอย฽างสงบสุข ท฽ามกลางธรรมชาตอิ นั อดุ มสมบูรณแ แมจ฾ ะเผชิญกับการสมั ปทานปุาถึง ๓ คร้ัง แต฽ปุาก็สามารถฟื้นตัวได฾ อยา฽ งรวดเรว็ ด฾วยวถิ ขี องชนเผ฽าพี่นอ฾ งปกาเกอะญอบา฾ นแม฽หมียังคงทําไร฽หมุนเวียนไปพร฾อมกับการดูแล ผืนปุาร฽วมกับเจ฾าหน฾าที่ ประเพณีวัฒนธรรมด้ังเดิมยังคงมีอย฽ู เด็กสาวร฽ุนใหม฽ยังสวม “เชวา” (ชุดยาว สขี าวสําหรบั หญิงสาวทีย่ ังไมอ฽ อกเรอื น) ยนื เหยียบครกกระเดอื่ งตําข฾าวอย฽ูใต฾ถุนบ฾าน เส้ือผ฾าหลากสีของ ผู฾คนท้ังหมู฽บ฾านมาจากทอมือและย฾อมสีธรรมชาติในพื้นท่ีจังหวัดลําปาง ชุมชนบ฾านแม฽หมี ถือว฽าเป็น ชุมชนแรกทมี่ ีการจดั การเร่ืองปุาชมุ ชน ไดร฾ บั การยอมรับวา฽ ท่นี ่คี ือต฾นแบบ และมีหลายพนื้ ที่นําไปพัฒนา ตอ฽ ยอดตอ฽ ไป จะเหน็ ไดว฾ ฽างานท่ถี ูกหยิบยกมาจะเป็นงานวิจัยทั้งหมดยกเว฾นงานสํารวจปใญหาความต฾องการ ของกลุ฽มชาตพิ ันธทแุ ี่เกดิ จากการรวบรวมความคดิ เห็นในเวทีระดมความเห็น ความต฾องการในการพัฒนา กล฽ุมชาติพันธุแในจังหวัดลําปาง ท่ีดําเนินการโดยสํานักงานการท฽องเท่ียวแห฽งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลําปาง และสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดลําปาง พร฾อมด฾วยตัวแทนกลุ฽ม ชาตพิ นั ธุแเมื่อวันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ นีค่ ือข฾อมูลลา฽ สุดที่มกี ารรวบรวมเก่ยี วกบั ชาติพันธลแุ าํ ปาง 14

๑.๒ ฐานขอ้ มลู ประชากร แหลง่ ทีต่ ั้งชุมชน และลกั ษณะทางสังคมวัฒนธรรม ๑.๒.๑ ข้อมลู ประชากร สาํ หรบั ข฾อมูลดา฾ นประชากรกล฽มุ ชาติพนั ธุแในจังหวดั ลาํ ปางได฾มีการสํารวจในทุก ๆ ๕ ปี ทําการ สํารวจโดยศูนยแพัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสูงจังหวัดลําปาง และศูนยแอนามัยกลุ฽มชาติพันธุแ ชายขอบ และ แรงงานข฾ามชาติ ซงึ่ นอกจากข฾อมลู จาํ นวนประชากร ส฽วนใหญ฽เป็นข฾อมูลด฾านคุณภาพชีวิต และอนามัย บนพนื้ ท่ีสูง สาํ หรับข฾อมูลประชากรกล฽มุ ชาตพิ นั ธุแในปี ๒๕๖๓ สามารถนําเสนอเปน็ ตาราง ดงั นี้ 15

16 ลาดับ อาเภอ จานวนประชากรจาแนกตามกล่มุ ชาตพิ นั ธ์แุ ละพื้นที่ ๑ งาว เมี่ยน กะเหรี่ยง อาข่า ลาหู่ มง้ ลัวะ ขมุ ลีซู พ้นื ราบ รวม ๒ เมอื งปาน ๓ แจห้ ่ม ๒,๙๖๕ ๑,๐๖๖ ๑,๔๗๐ ๑๒๐ ๔๐๒ - ๑๔๔ ๓๐ ๑,๕๑๓ ๗,๗๑๐ ๔ แม่เมาะ ๒,๙๓๘ ๕ เสริมงาม ๖๑ ๗๒๕ - ๖๓๗ ๗๓๓ - - ๔ ๗๗๘ ๒,๒๘๔ ๖ วังเหนือ ๑,๖๑๗ ๗ เมือง ๕๗๖ ๒๑๓ ๘๗ ๔๕๐ ๑๗๑ - - - ๗๘๗ ๑,๔๘๔ รวม ๗ อาเภอ ๒,๒๙๖ ๑๐๖ ๘๒๕ ๑๘๒ - - - ๗๒ - ๔๓๒ ๑๕๗ - ๑,๔๘๔ - - - - - - - ๑๘,๔๘๖ ๑,๑๙๓ - - - - ๔๕๕ - ๒๖๕ ๓๘๓ ๑๕๗ - - - - - - - - ๕,๐๕๘ ๔,๓๑๓ ๑,๗๓๙ ๑,๒๐๗ ๑,๓๖๐ ๔๕๕ ๒๑๖ ๒๙๙ ๓,๘๙๓ อ้างองิ : ขอ฾ มลู ประชากรบนพน้ื ท่ีสูงจงั หวัดลําปาง ปี ๒๕๖๓ จดั ทําโดยศนู ยพแ ฒั นาราษฎรบนพืน้ ท่สี งู จังหวัดลาํ ปาง

จากข฾อมูลการสํารวจข฾อมูลประชากรบนพ้ืนท่ีสูง จังหวัดลําปาง ปี ๒๕๖๓ ซึ่งจัดทําโดยศูนยแ พัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสูงจังหวัดลําปาง พบว฽ากล฽ุมชาติพันธุแท่ีอาศัยอยู฽ในจังหวัดลําปางที่มีประชากร มากท่ีสุดคือกลุ฽มชาติพันธแุอิวเม่ียน ซ่ึงมีประชากรเมี่ยนอย฽ูราว ๕,๐๕๘ คน อาศัยอย฽ูหนาแน฽นในพ้ืนท่ี อาํ เภองาว มีจํานวนประชากรราว ๒,๙๖๕ คน รองลงมา คอื พ้นื ท่ีอําเภอวังเหนอื มีประชากรเมี่ยนราว ๑,๑๙๓ คน กลุ฽มชาติพันธุแที่มีจํานวนมากเป็นอันดับสอง คือ กล฽ุมชาติพันธุแกะเหรี่ยง ซ่ึงแบ฽งเป็นสอง กลุ฽มย฽อยคือกะเหรีย่ งโป และกะเหร่ยี งสะกอ มีประชากรรวมกันท้ังหมด จํานวน ๔,๓๑๓ คน อาศัยอย฽ู หนาแน฽นในพ้ืนท่ีอําเภอเสริมงาม จํานวนประชากรราว ๑,๔๘๔ คน รองลงมาคือพื้นท่ีอําเภองาวมี ประชากรราว ๑,๐๖๖ คน อันดบั สาม คือ กล฽มุ ชาตพิ นั ธแุอาขา฽ ประชากรอาขา฽ ในจังหวดั ลําปางมีท้ังหมด ราว ๑,๗๓๙ คน พบอาศัยหนาแนน฽ ในพื้นท่ีอาํ เภองาว จํานวน ๑,๔๗๐ คน อันดับสี่ กล฽ุมชาติพันธแุม฾งมี ประชากรท้งั หมดราว ๑,๓๖๐ คน พบอาศัยหนาแนน฽ ในพ้ืนที่อําเภอเมอื งปาน จาํ นวน ๗๓๓ คน อําเภอ งาว ๔๐๒ คน อันดบั ห฾ากลุ฽มชาตพิ ันธแุลาหมู฽ ปี ระชากรทงั้ สน้ิ ๑,๒๐๗ คน อาศัยหนาแน฽นในพ้ืนท่ีอําเภอ เมอื งปาน จํานวนประชากร ๖๓๗ คน อําเภอแจ฾ห฽ม ๔๕๐ คน อันดับหก กล฽ุมชาติพันธแุลัวะ มีจํานวน ประชากร ๔๕๕ คน พบอาศยั อยใู นอําเภอวงั เหนือทัง้ หมด อันดับเจ็ด กลุม฽ ชาติพนั ธแลุ ซี ู มีประชากร ราว ๒๙๙ คน อาศัยอยใู฽ นพืน้ ท่วี งั เหนอื ๒๖๕ คน อนั ดับแปด กลุม฽ ชาติพันธขแุ มุ มจี ํานวนประชากรที่เปิดเผย ตวั เอง ๒๑๖ คน สว฽ นใหญอ฽ าศยั อยใู฽ นพนื้ ที่อําเภองาว และมีกล฽ุมเล็ก ๆ ในพ้ืนที่รอยต฽อ งาว - แม฽เมาะ บริเวณประตูผา ส฽วนกลุ฽มชาติพันธแุไทล้ือ ด฾วยความเป็นกล฽ุมชนที่อย฽ูอาศัยในพ้ืนที่มานานทําให฾ผสม กลมกลืนกับคนเมืองคนพื้นราบจนแทบแยกไม฽ออกทั้งวิถีชีวิต ประเพณีการกิน จะแตกต฽างคือภาษา ทําให฾คนไทล้ือในลําปางถูกนับรวมไปกับคนเมืองคนพ้ืนราบไม฽ได฾ทําการสํารวจกลุ฽มประชากรแยก ออกมาเหมือนกลุ฽มชาตพิ ันธอแุ น่ื ๆ จากขอ฾ มลู ประชากรดังกลา฽ วสามารถนําเสนอเป็นแผนภมู ไิ ด฾ ดังนี้ อ้างองิ : ข฾อมูลประชากรบนพื้นที่สูงจังหวัดลําปาง ปี ๒๕๖๓ จัดทําโดยศูนยแพัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสูง จงั หวดั ลําปาง 17

๑.๒.๒ ขอ้ มูลภาพรวมทางสงั คมวฒั นธรรมของ ๙ กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ ในจังหวดั ลาปางแหลง่ ทตี่ งั้ และการกระจายตวั ในพนื้ ที่ จังหวัดลําปางเป็นจังหวัดหนึ่งในแถบภาคเหนือตอนบนท่ีมีร฽องรอยและปรากฏการณแ การเคลื่อนยา฾ ยและตัง้ ถิน่ ฐานของกล฽ุมชาตพิ ันธแตุ ฽าง ๆ ในพืน้ ทมี่ าตัง้ แต฽อดีตจนถึงปใจจุบัน เกิดข้ึนหลาย ระรอก หลายเงื่อนไข หลายปใจจัย มีทั้งกลุ฽มชนด้ังเดิม และกลุ฽มชาติพันธแุที่อพยพเคลื่อนย฾ายเข฾ามา ต้ังถ่ินฐานอย฽ูใหม฽ ส฽งผลให฾สถานะทางสังคมแตกต฽างกัน การยอมรับการเปิดเผยตนเอง การปรับตัว การคงอัตลักษณแทางชาติพันธุแแตกต฽างกันตามเง่ือนไขของการเข฾ามาแต฽ละกลุ฽มชาติพันธแุ นอกจากนี้ ด฾วยลกั ษณะของภมู ิศาสตรแแ ละภูมวิ ฒั นธรรมท่ีจังหวัดลําปางมีเขตติดต฽อกับจังหวัดอ่ืน ๆ ในภาคเหนือ ของไทยที่มีการเคลื่อนย฾ายและต้ังถ่ินฐานของกล฽ุมชาติพันธุแอยู฽กระจัดกระจายตามพื้นท่ีสูง เช฽น ด฾านทิศเหนือติดกับจังหวัดเชียงใหม฽ เชียงราย พะเยา ส฽วนทิศใต฾ติดต฽อกับจังหวัดตาก และ จงั หวดั สุโขทยั จังหวัดลําปางจงึ ถอื วา฽ เป็นอกี จงั หวดั หนึ่งท่มี กี ลุ฽มชาติพันธแุอาศยั อยูห฽ ลากหลาย ตารางแสดงสถานะตัวตนสญั ชาตขิ องกลุ่มชาติพนั ธ์ุจังหวดั ลาปาง กล่มุ ชาติพันธุ์ สัญชาตไิ ทย ระบุสญั ชาติ ไมท่ ราบ กลม฽ุ ชาติพันธุแเม่ยี น (เย฾า) ๕,๔๓๒ คน ไม่มสี ัญชาติ ๓๓๕ คน ๑๖๒ คน ๘๒๕ คน ๑๒๕ คน ๑๘๘ คน กลุม฽ ชาตพิ นั ธกแุ ะเหร่ียง ๔,๒๐๑ คน ๓๔ คน ๑๐๓ คน ๙๗ คน กลุ฽มชาตพิ นั ธอแุ าข฽า ๒,๘๖๔ คน ๖๕ คน ๘๖ คน ๑๐๙ คน กล฽ุมชาตพิ นั ธลุแ าหู฽ ๒,๘๐๓ คน ๖๔ คน ๔๘ คน ๔๓๔ คน กลม฽ุ ชาตพิ นั ธมุแ ฾ง ๑,๖๔๗ คน ๒๔ คน กลม฽ุ ชาตพิ นั ธุลแ ัวะ ๗๘๐ คน ๗๕๗ คน กลม฽ุ ชาติพันธุแขมุ ๘๐๓ คน ๓๙ คน กลม฽ุ ชาติพนั ธลแุ ีซอ / ลีซู ๑,๑๑๐ คน ๗๘๒ คน กลุ฽มชาติพันธแุไทลื้อ ๒๑๐ คน ๓๒ คน กลม฽ุ ไทยพนื้ ราบ ๕,๑๓๑ คน ๘๒๒ คน จากการสํารวจโดยสํานักกิจการชาติพันธุแ และศูนยแพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดลําปาง หรือหน฽วยงานที่เกี่ยวข฾องหลายหน฽วยงานพบว฽า ในพ้ืนท่ีจังหวัดลําปางมีพี่น฾องกลุ฽มชาติพันธุแ ประกอบด฾วย กะเหร่ียง เมี่ยน ม฾ง อาข฽า ลาหู฽ ลีซู ลัวะ ขมุ และชาวไทลื้อที่ผสมกลมกลืนอาศัยอย฽ู ร฽วมกับคนพ้ืนราบเป็นส฽วนใหญ฽ โดยกล฽ุมชาติพันธุแต฽าง ๆ จะอาศัยกระจายตัวอย฽ูตามพ้ืนท่ีต฽าง ๆ โดย พ้ืนท่ี ท่ีมปี ระชากรกลุม฽ ชาติพันธแุอาศัยอยู฽หนาแน฽นคือแถบตอนบนของจังหวัดที่มีรอยต฽อติดกับจังหวัด 18

เชียงใหม฽ เชียงราย และพะเยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพ่ือนบ฾านทําให฾ มีการ เคลอ่ื นย฾ายของกล฽ุมชาติพนั ธแุไปมาตามตามเสน฾ ทางเทือกเขาท่ีมีเขตแดนติดต฽อกัน จากการศึกษาพบว฽า กลุ฽มชาติพันธทุแ ี่อพยพเข฾าส฽อู ําเภอวังเหนือ ส฽วนใหญ฽มีสาเหตุมาจากทางราชการอพยพชาวบ฾านท่ีอย฽ูใน เขตอุทยานแห฽งชาติดอยหลวง - แม฽ส฾าน ออกจากพ้ืนท่ีหลังจากประกาศเขตอุทยานแห฽งชาติในปี ๒๕๓๗ โดยจัดสรรที่ดินบริเวณพ้ืนที่ปุาเต็งรังให฾เป็นท่ีอยู฽อาศัยและท่ีทํากินคนละ ๑๐ ไร฽ ส฽วนกลุ฽มที่ อพยพเข฾ามาทางพื้นทอี่ ําเภองาว พบว฽าเป็นกลุ฽มชาติพันธุแจากจังหวัดเชียงรายท่ีติดตามเจ฾าหน฾าท่ีปุาไม฾ เข฾ามารับจ฾างโครงการปลูกปุามาก฽อน ส฽วนในพื้นที่เมืองปาน และแจ฾ซ฾อนเป็นกล฽ุมชาติพันธแุที่เดินทาง มาจากเชียงใหม฽ บางส฽วนติดตามกล฽ุมเครือญาติเข฾ามาบุกเบิกพื้นที่ และผลิตสินค฾าการเกษตร ใหก฾ บั โครงการหลวง 19

20 แผแนผถนี่แถสีแ่ ดสงดกงการากรกรระจะจาายยตตัววั ขขอองงกกลลุ่ม่มุ ชชาาตติพพิ ันันธธ์ใุ น์ุในจงัจหังวหดั วลดั าลปาาปงาง

แผนแถผี่แนสถดี่แงสเดสง้นเถส้นางถกางากรอารพอยพพยพเคเคลลอื่ ่ือนนยยา้ ้ายยขของกลลุ่มุ่มชชาาตติพิพันันธุ์สธูุ่ส์จงัู่จหงั วหดั วลัดาลปางปาง 21

22 ตารางฐานขอ้ มลู ๙ กลุม่ ชาติพันธ์ุในจังหวัดลาปาง กล่มุ ชาติพนั ธ์ุ พน้ื ที่ / ที่ตัง้ ของชมุ ชน ลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม อัตลกั ษณ์ทางชาตพิ นั ธ์ุ ๑. ชาติพันธก์ุ ะเหร่ียง พบต้งั บ฾านเรอื นกระจายตัว  บ฾านแม฽ฮ฽าง ยังมีการทอผ฾าด฾วยกี่เอวของชาวกะเหรี่ยงโป  การแต฽งกาย ย฽าม อยู฽ในพ้ืนที่ทง้ั หมด ๕ อําเภอ เป็นผ฾าฝูายซึ่งมีลวดลายเป็นเอกลักษณแเฉพาะตัว มีทั้งลาย  การทอผา฾ กี่เอว ได฾แก฽ ด้ังเดิมและลายประยุกตแ ทําให฾เกิดความสวยงามและทันสมัย  อาหาร ข฾าวเบ฿อะ น้ําพริก หมกปลา ๑. อาเภองาว มากข้ึนและเป็นหมู฽บ฾านส฽งเสริมการท฽องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ไก฽ การอาศยั อยูร฽ ฽วมกับธรรมชาติ จํานวนตําบลทง้ั ส้ิน ๓ ตาํ บล ของจังหวัดลาํ ปาง  การอพยพย฾ายถ่ินหรือทํางานออก ได฾แก฽ ตําบลบ฾านอ฾อน ตําบล  ชมุ ชนบา฾ นสันติสุข เปน็ หมูบ฽ ฾านชาวอาขา฽ และกะเหร่ียงท่ีอาศัย นอกชมุ ชนนอ฾ ยมาก ค฽อนข฾างตดิ ท่ี บา฾ นร฾อง ตาํ บลนาแก อยูร฽ ว฽ มกนั นับถอื ศสานาครสิ ตนแ กิ ายคาทอลกิ  ปลูกข฾าวไร฽แบบขั้นบันไดและทําไร฽ จํานวนชุมชนทั้งสน้ิ ๖ ชมุ ชน  ภมู ปิ ญใ ญาของชาวบา฾ นหว฾ ยมง ส฽วนใหญจ฽ ะเป็นด฾านการจักสาน หมนุ เวียน ไดแ฾ ก฽ บ฾านขุนอ฾อนพฒั นา ผู฾นําพิธีต฽าง ๆ การทอผ฾า ซอพ้ืนเมือง นิทาน รําดาบ และการ  การปลกู กาแฟท่ีได฾รับการส฽งเสริมให฾ บ฾านขวัญศรี บา฾ นแมล฽ งึ ใน ทําสมุนไพร ภูมิปใญญาหัตถกรรมชาวบ฾านโดยส฽วนใหญ฽จะทํา เป็นท่ีรู฾จักคือกาแฟดอยแม฽ส฾าน บ฾านแม฽ฮา฽ งใต฾ บ฾านแม฽คิง การจักสาน ทําไม฾กวาด ทอผ฾า สานขันโตกสานกระด฾ง รวมถึงเป็นแหล฽งปลูกมะแขว฽นท่ีมี บา฾ นสนั ตสิ ขุ และตเี หล็ก ช่ือเสยี ง ๒. อาเภอเมอื งปาน  สาํ หรบั บ฾านแมห฽ มีใน บ฾านหมีนอก และบ฾านจกปกเป็นหม฽ูบ฾าน  ความเชื่อเปล่ียนแปลงตามการ จํานวนตําบลท้ังสนิ้ ๒ ตําบล ของชนเผ฽ากะเหร่ียงสะกอ (ปกาเกอะญอ) อพยพโยกย฾ายมา นับถือศาสนาแต฽มีการผสมผสาน ไดแ฾ ก฽ ตาํ บลแจซ฾ ฾อนตาํ บลหัวเมอื ง จากเมืองคองอําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม฽เม่ือประมาณ ความเชอ่ื เดิม จํานวนชุมชนท้ังสน้ิ ๘ ชุมชน ๔๓๓ ปี หรือประมาณ พ.ศ. ๒๙๘๓ บ฾านแม฽หมีมีทั้งหมด  ภาษายังใช฾ภาษากะเหร่ียงส่ือสาร ได฾แก฽ บา฾ นห฾วยมง บา฾ นแมย฽ าง ๓ หยอ฽ มบ฾าน คือ หย฽อมบ฾านแม฽หมีใน มีพะตีอ฾ายยางเป็นผู฾นํา ในครอบครัว บ฾านห฾วยโปงุ บ฾านแม฽หมใี น (หญี่โข฽) หย฽อมบ฾านแม฽หมีนอกมีพะต่ีโคโล฽ยางเป็นผ฾ูนํา และ  ชาวบ฾ านแม฽หมีทําไร฽หมุนเวียน บา฾ นแมห฽ มีนอก บา฾ นจกปก หย฽อมบ฾านจกปก มีพะตี่หล฾ายางเป็นผู฾นํามีลํานํ้าหลักท่ีสําคัญ ในวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ฽า บา฾ นแมต฽ เอมใน บ฾านแมต฽ อเ มนอก ของหมู฽บ฾าน ๔ ลําน้ํา คือ ลํานํ้าแม฽หมีลําน้ําห฾วยปุาคา ลําน้ํา ปกาเกอะญอดํารงอยู฽ได฾ด฾วยการ ๓. อาเภอเสริมงาม หว฾ ยก฾อมและลํานํ้าห฾วยแม฽หมีนอ฾ ยมนี ้าํ ไหลตลอดปี ทําไร฽ ซ่ึงไม฽เพียงแต฽ปลูกพืชต฽าง ๆ จํานวนตําบลท้งั สน้ิ ๒ ตาํ บล  บ฾านแม฽เลียงพัฒนา สภาพพ้ืนที่โดยท่ัวไปเป็นภูเขาประมาณ มาผสมกับเมล็ดพันธุแข฾าวปลูกลง

กล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ พืน้ ที่ / ทต่ี ั้งของชุมชน ลักษณะทางสังคมและวฒั นธรรม อัตลกั ษณท์ างชาตพิ ันธ์ุ ไดแ฾ ก฽ ตําบลเสรมิ งาม ตาํ บลเสรมิ ขวา ๗๐% ของพื้นที่ทั้งหมด ชาวบ฾านส฽วนใหญ฽ประกอบอาชีพ พร฾อมกับข฾าวไร฽ และได฾มีการปลูก จํานวนชมุ ชนทั้งส้นิ ๓ ชุมชน การทํานาเป็นอาชีพหลัก แต฽เมื่อผ฽านพ฾นจากช฽วงฤดูการทํานา พืชผักอน่ื ๆ อีกมากมาย ได฾แก฽ บ฾านโปงุ นํ้ารอ฾ น ชาวบ฾านจะหันมาทาํ สวนเปน็ พืชหมุนเวียนรวมไปถึงการรับจ฾าง  มีภูมิปใญญาช าวบ฾านคือ ทอผ฾า บ฾านกลางสันโปงุ ทํางานทั่วไปและหาของปุาไปขายเพ่ือเป็นรายได฾เสริมให฾กับ พ้ืนเมือง การ ตัดเย็บเสื้อ ย฽าม บ฾านแม฽เลยี งพฒั นา ครอบครัว ที่แสดงอัตลกั ษณแของเผ฽า 4. อาเภอแจห้ ่ม บ฾านแม฽เลียงเป็นหมู฽บ฾านที่ใช฾นามสกุลเดียวกันท้ังหม฽ูบ฾าน จาํ นวน 1 ตาํ บล คือ เพ่งิ มาเปลีย่ นได฾เพียง ๑ ครอบครัว ส฽วนชื่อจะนิยมใช฾คําพยางคแ ตําบลทง฽ุ ผง้ึ บ฾านแม฽จอกฟูา เดียว ในอดีตผ฾ูชายในหม฽ูบ฾านได฾รับการยกเว฾นไม฽ต฾องเกณฑแ 5. อาเภอแม่เมาะ ทหารแต฽หลังจาก พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม฽ได฾รับการยกเว฾นอีกต฽อไป จาํ นวน 1 ตําบล ได฾แก฽ นอกจากน้ียังเป็นหม฽ูบา฾ นท่ีคงอตั ลักษณขแ องชนเผ฽ากะเหรี่ยงทั้ง ตาํ บลบ฾านดง 3 ชมุ ชน คือ ด฾านอาหาร การแตง฽ กาย บา฾ นเรอื นและภาษา บา฾ นห฾วยตาด บา฾ นกลาง และ บ฾านแมส฽ า฾ น *** ในจงั หวดั ลาํ ปางพบว฽ามีกล฽มุ ชาวกะเหรย่ี ง ๒ กลุม฽ กล฽ุมแรก คอื กล฽ุมกะเหรียงโป ส฽วนใหญ฽ อาศัยอยูใ฽ นอําเภองาว กล฽มุ ที่ สอง กล฽ุมกะเหร่ียงสะกอ (ปะกาเกอะญอ) พบอาศัยอยู฽ ในอําเภอเสรมิ งาม อาํ เภอ เมอื งปาน และอําเภอแจ฾ห฽ม 23

24 กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ พ้นื ที่ / ท่ตี ั้งของชุมชน ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม อตั ลักษณ์ทางชาติพนั ธ์ุ ๒.กลุม่ ชาตพิ นั ธุ์มง้ พบตั้งบา฾ นเรอื นกระจายตัวอยู฽  บ฾านใหม฽พัฒนา หมู฽ท่ี ๘ ตําบลแจ฾ซ฾อน อําเภอเมืองปาน  ประเพณีวฒั นธรรม ภายในพ้นื ที่ท้งั หมด ๓ อําเภอ ไดแ฾ ก฽ จังหวัดลําปาง ตั้งอยู฽ทางทิศเหนือของตําบลแจ฾ซ฾อน ประชากรบ฾านใหม฽พัฒนา มี ๒ อําเภอเมืองปาน อําเภอแจห฾ ฽ม และ ประกอบด฾วยบ฾าน ๓ ปฺอก (กลุ฽มบ฾าน) คือบ฾านใหม฽พัฒนา ชนเผ฽า ทําให฾มีประเพณีวัฒนธรรม อําเภองาว บา฾ นแมแ฽ วน และบ฾านห฾วยมง แต฽เดิมชาวบ฾านอาศัยอย฽ูท่ีบ฾าน เกิดความแตกต฽าง และหลากหลาย ๑. อาเภอเมอื งปาน ห฾วยเหม้ียง และได฾อพยพย฾ายถิ่นฐานมาก฽อตั้งหมู฽บ฾านใหม฽ การแต฽งกายของชนเผ฽าม฾ง จะนิยม จาํ นวนตําบลทงั้ สิน้ ๑ ตาํ บล บริเวณลุ฽มน้ําแมก฽ านอ฾ ย เม่อื ปี ๒๕๑๗ โดยใช฾ชอ่ื ว฽า บ฾านแม฽กา แต฽งกายด฾วยเส้ือผ฾าลายปใก ส฽วน ได฾แก฽ ตําบลแจซ฾ ฾อน น฾อย ซึ่งขณะน้ันรวมหม฽ูบ฾านกับบ฾านท฽ุง ต฽อมาในปี๒๕๓๓ ชนเผ฽ากะเหรี่ยงจะนิยม แต฽งกาย จํานวนชุมชนทัง้ สิน้ ๓ ชมุ ชน ศูนยพแ ัฒนาและสงเคราะหชแ าวเขาจงั หวัดลําปางเข฾ามาทําการ ด฾วยผ฾าทอมือ และภาษา ชนเผ฽าม฾ง ไดแ฾ ก฽ บ฾านใหม฽พัฒนา วางผังหมู฽บ฾านและกระทรวงมหาดไทยได฾ประกาศให฾มีการ และกะเหร่ยี ง มีภาษาท่แี ตกตา฽ งกนั บา฾ นแมแ฽ วน และบ฾านแมก฽ าเ แยกหมู฽บ฾าน และบ฾านแม฽กาน฾อย จึงแยกตัวออกจาก  ประเพณี ๒. อาเภอแจ้หม่ บ฾านท฽ุง และได฾เปล่ียนชื่อมาเป็นบ฾านใหม฽พัฒนา ประชากร ชนเผ฽าม฾ง มีประเพณีกินข฾าวใหม฽ จาํ นวนตําบลทง้ั ส้นิ ๑ ตาํ บล ส฽วนใหญ฽ของหมบ฽ู า฾ นเป็นกลุ฽มชาติพนั ธแมุ ง฾ โดยบา฾ นใหม฽พัฒนา ประเพณีตั้งช่ืออาวุโส ประเพณี คือ ตําบลเมืองมาย มีจํานวนประชากรท้ังหมดโดยประมาณ ๑,๑๙๘ คน ๒๑๗ ปีใหม฽ม฾ง ส฽วนชนเผ฽ากะเหร่ียง จํานวนชมุ ชน ๑ ชมุ ชน ไดแ฾ ก฽ หลังคาเรือน ๙๐% ของประชากรเป็นชนเผ฽าม฾ง และอีก มปี ระเพณปี ใี หม฽กะเหร่ยี ง บ฾านแมก฽ าเ ๑๐% เป็นชนเผ฽ากะเหรี่ยง และ ๙๕% ของประชากรนับถือ  ผ้าปกั ๓. อาเภองาว ศาสนาครสิ ตแ ประชากรท่ีเป็นชนเผ฽าม฾ง นิยม พบว฽ามีการอาศยั อยู฽ของกลุ฽ม  อาชพี ๙๕% ของประชากร ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช฽น แ ต฽ ง ก า ย ด฾ ว ย เ สื้ อ ผ฾ า ล า ย ปใ ก ชาติพันธมุแ ฾ง ใน ตาํ บลปงเตา ปลูกข฾าวโพด ทํานาข฾าว ข฾าวไร฽ ปลูกพริก ปลูกผัก ทําสวน อ ย฽ู แ ล฾ ว ต฽ อ ม า ศู น ยแ ศิ ล ป า ชี พ ตาํ บลบ฾านหวด บรเิ วณพ้ืนท่ี ล้ินจี่ กาแฟ พลับ และเลี้ยงสัตวแ แต฽ที่น฽าสนใจ และถือเป็น ได฾เข฾ามาส฽งเสริมให฾กล฽ุมแม฽บ฾าน ชุมชน ได฾แกช฽ มุ ชนบ฾านขุนแหง รายได฾หลักของประชากรมาจากการปลูกกาแฟ ประมาณ ไปฝึกอ บร มอา ชีพเพ่ิ ม เติมกั บ บา฾ นแม฽พร฾าว บ฾านหว฾ ยทาก ๑๙๐ หลงั คาเรือน คิดเป็น ๙๐ % ศูนยแศิลปาชีพ และรับซ้ือผ฾าปใก  การปลกู ผกั ปลอดภัย ได฾รบั การสนบั สนุนส฽งเสรมิ จากโครงการ ท่ีชาวบ฾านทําสําหรับบ฾านพร฾าว หลวง มชี าวบา฾ น ๓๐ ครัวเรือน หันมาปลูกผักเพอ่ื สง฽ ขายโครง ชุ ม ช น ส฽ ว น ใ ห ญ฽ มี อ า ชี พ ทํ า ไ ร฽

กล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ พ้นื ที่ / ท่ตี ั้งของชมุ ชน ลักษณะทางสังคมและวฒั นธรรม อัตลักษณ์ทางชาติพันธ์ุ การหลวง เป็นรายได฾อกี ช฽องทางหนง่ึ ข฾าวโ พด ลิ้นจี่ ขิง ข฾าวกํ่า ส฾ม  บา฾ นแม฽พร฾าว หมท฽ู ่ี ๕ ตําบลบา฾ นหวด อาํ เภองาว ตั้งอย฽ูในเขต อาชีพเสริม คือ การล฽าสัตวแ รับจ฾าง อุทยานแห฽งชาติถ้ําผาไท การเดินทางยากลําบากโดยมีภูเขา ในเมือง และปใกผ฾าในกล฽ุมแม฽บ฾าน สลับซับซ฾อน กล฽ุมชาวม฾งที่อาศัยอย฽ูเป็นกล฽ุมม฾งขาว อพยพ รวมถึงการหาของปุาตามฤดูกาล มาจากบ฾านห฾วยม฽วง จังหวัดเชียงใหม฽ มาตั้งถ่ินฐานอยู฽ท่ีบ฾าน เช฽น หาหน฽อไม฾หก หน฽อ ไร฽ กเง แมก฽ าเ บน อาํ เภอแจ฾ห฽ม จังหวัดลําปาง ในปี พ.ศ.๒๔๙๐ และ ตัดไม฾ไผห฽ าสมุนไพร ฯลฯ นอกจากน้ี ต฽อมาได฾มีการอพยพมาต้ังถ่ินฐานที่บ฾านแม฽พร฾าว ลป.๘ ภ า ย ใ น ชุ ม ช น ยั ง มี ศู น ยแ ก า ร เ รี ย น จํานวน ๓ - ๔ ครวั เรอื น ต฽อมาก็ไดย฾ า฾ ยกลับไปอย฽ูท่ีบ฾านแม฽กเา ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม฽ฟูาหลวง” โดยย฾ายไปย฾ายมา ๒ – ๓ คร้ังจนได฾มีการมาตั้งถ่ินฐานถาวร ด฾านศาสนา ชาวม฾งส฽วนใหญ฽เปล่ียน ณ บ฾านแม฽พร฾าว ในปี ๒๕๐๕ โดยการนําของนายกั๋ว แซ฽ลี มานับถือศาสนาคริสตแ มีการผสม โดยยดึ อาชพี ทําไร฽จนถึงปใจจบุ นั กล มกลืนกับวัฒนธรร มดั้ง เดิม ป ร ะ เ พ ณี บ า ง อ ย฽ า ง ยั ง ห ล ง เ ห ลื อ เ พื่ อ ค ง อั ต ลั ก ษ ณแ ช า ติ พั น ธแุ เ อ า ไ ว฾ เชน฽ งานปใี หม฽มง฾ การละเล฽น อาหาร แตข฽ ณะเดยี วกันก็เข฾าโบสถแสวดมนตแ ทุ ก วั น อ า ทิ ต ยแ แ ล ะ เ ลิ ก พิ ธี ก ร ร ม เก่ยี วกับผีบางพธิ ีกรรมไป 25

26 กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ พืน้ ท่ี / ทีต่ ง้ั ของชุมชน ลักษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม  อตั ลกั ษณ์ทางชาติพันธ์ุ ๓. กล่มุ ชาตพิ ันธลุ์ าหู่ พบต้งั บ฾านเรือนกระจายตัวอย฽ูภายใน  บ฾านปุาคา หมู฽ที่ ๑ ตําบลแจ฾ซ฾อน อําเภอเมืองปาน เป็น  ชาวลาห฽ูในอําเภอเมืองปาน และ พ้นื ทีท่ ้ังหมด ๓ อําเภอ ได฾แก฽ อาํ เภอ ชมุ ชนชาวลาหู฽ ชาวบา฾ นมอี าชีพปลกู กาแฟ แมคคาเดเมีย แจ฾หม฽ เปลีย่ นมานับถือศาสนาคริสตแ เมอื งปาน อาํ เภองาว และอาํ เภอแจห฾ ม฽ ผลไม฾ เมอื งหนาว ซงึ่ กาแฟบา฾ นปุาคามีอัตลักษณแโดดเด฽น นิกายโปรเตสแตนตแ แต฽ยังคงรักษา ๑. อาเภอเมอื งปาน มีความ หอม มัน เน่ืองจากปลูกใต฾ต฾นแมคคาเดเมีย ประเพณีบางอย฽างไว฾ เช฽น การจัด ในด฾านประเพณีวัฒนธรรม ชุมชนนี้ยังมีการสืบทอด งานปีใหม฽ การเต฾นจะคึ การแต฽งกาย พบได฾ ๑ ตาํ บล คอื ตาํ บลแจ฾ซ฾อน งานประเพณีปีใหม฽ ชาวลาหูเ฽ รียกว฽างาน “กนิ วอ” โดยจะ ชุดประจาํ เผา฽ จํานวนชุมชนท้ังสิ้น ๓ ชุมชน ได฾แก฽ จัดข้ึนทุกปี ชาวบ฾านในหม฽ูบ฾านจะพากันแต฽งกายด฾วยชุด งานหัตถกรรม เช฽น การทําเครื่อง บา฾ นปุาคาบา฾ นปางม฽วงและบ฾านม฽อนวดั ประจาํ เผ฽าสวยงามพร฾อมพาญาติพี่น฾องมาร฽วมงานปีใหม฽ จกั สาน กระบุง ปลอกมีด ๒. อาเภองาว โดยจะมารวมตัวกันในหมู฽บา฾ น รบั ประทานอาหารร฽วมกัน พบได฾ใน ๖ ตําบล ได฾แก฽ ตําบลบา฾ น กอ฽ นจะมีการแสดงเปุาแคน นํ้าเต฾า หรือท่ีเรียกว฽า “นอ” อ฾อน ตาํ บลบา฾ นรอ฾ ง ประกอบการเต฾น “จะคึ” ซ่ึงท฽าเต฾นของผ฾ูหญิงประกอบ ตาํ บลบา฾ นหวด ตําบลนาแก ตําบล ไปด฾วยการแสดงท฽าทางการเพาะปลูก การหว฽านเมล็ด หลวงใต฾ และตาํ บลบา฾ นโปุง การดแู ลรักษา และ การเกบ็ เกย่ี ว ซ่งึ การแสดงบ฽งบอกถึง มจี าํ นวนชุมชนท้งั ส้นิ ๗ ชมุ ชน วิถชี ีวติ ความเป็นอยู฽ของชนเผ฽าได฾เป็นอย฽างดี นอกจากนี้ ไดแ฾ ก฽ บ฾านห฾วยหก บา฾ นแมง฽ าวใต฾ ยงั ร฽วมกนั ขบั ร฾องเพลงต฾อนรบั ปีใหมร฽ ว฽ มกันซง่ึ ความหมาย บา฾ นแม฽คาํ หล฾า บ฾านปางหละ ในเพลงแปลว฽า เมอ่ื เสร็จส้ินฤดูการเก็บเก่ียวแล฾ว ขอเชิญ บ฾านแมฮ฽ ฽างใต฾ บ฾านดงและ ญาติพ่ีน฾องมิตรสหาย มาร฽วมพบปะสังสรรคแและ บา฾ นหว฾ ยน฿อต สรรเสริญพระเจ฾าด฾วยกัน (นิกายโปรเตสแตนตแ) สําหรับ ๓. อาเภอแจ้หม่ วิถีชุมชนชนเผา฽ ลาหู฽ท่ีบ฾านปาุ คา ตําบลแจ฾ซอ฾ นกาํ ลังได฾รับ พบได฾ใน ๓ ตําบล ไดแ฾ ก฽ การส฽งเสริมให฾เป็นหม฽ูบ฾านท฽องเที่ยวพร฾อมเปิดหมู฽บ฾านให฾ บา฾ นมูเซอไร฽ บา฾ นใหม฽สามคั คี นักท฽องเทยี่ วได฾มาสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอย฽ู และเรียนร฾ู บ฾านแม฽หล฾า จํานวนชุมชนทัง้ สิน้ วถิ ีชีวิตวัฒนธรรม ๓ ชมุ ชน ไดแ฾ ก฽ บ฾านมูเซอไร฽ บ฾านใหมส฽ ามคั คี และบา฾ นแมห฽ ล฾า

กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ พ้ืนท่ี / ท่ตี ้ังของชมุ ชน ลักษณะทางสังคมและวฒั นธรรม อตั ลกั ษณ์ทางชาติพันธุ์ ๔. กลุ่มชาติพันธุอ์ าขา่ ชาวอาข฽าทอี่ าศัยอย฽ูในจังหวัดลําปางพบว฽าท้ังหมดอพยพ  อัตลักษณแของชาวอาข฽าในจังหวัด พบการต้งั บ฾านเรอื นกระจายตัวอย฽ู  มาจากจังหวัดเชียงราย ซ่ึงเป็นกลุ฽มอาข฽าที่ติดตาม ลําปางเปลี่ยนแปลงไป และผสม เจ฾าหน฾าที่ปุาไม฾เข฾ามารับจ฾างปลูกปุา และกลับไปพา กลมกลืนกับวัฒนธรรมเมืองทําให฾ ภายในบริเวณพืน้ ที่ท้งั หมด ๓ อําเภอ ครอบครัวมาต้ังที่อย฽ูอาศัยในพื้นท่ี ซ่ึงต฽อมามีการชักชวน อั ต ลั ก ษ ณแ ดั้ ง เ ดิ ม ค ง เ ห ลื อ อ ย฽ู ได฾แก฽ อําเภอแมเ฽ มาะ อาํ เภองาว และ เครือญาตใิ หย฾ า฾ ยตามกันมาเพมิ่ ข้ึน นอ฾ ยมาก ท้ังเงอื่ นไขสภาพความเป็น อาํ เภอแจ฾หม฽ ส฽วนชาวอ฽าข฽าอีกกลุ฽มที่อพยพเข฾ามาหลังปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ชุมชน การเปลี่ยนศาสนา แต฽จุดที่ยัง ๑. อาเภอแม่เมาะ เป็นกล฽ุมท่ีข฾ามมาจากประเทศพม฽าแล฾วตรงไปพื้นท่ีเลย รั ก ษ า วั ฒ น ธ ร ร ม บ า ง อ ย฽ า ง ไ ว฾ ไ ด฾ พบวา฽ มีการอาศัยอยขู฽ องกลม฽ุ ชาติ  โดยชาวอาข฽ากลุ฽มนี้มีญาติหรือคนรู฾จักอาศัยอย฽ูในพื้นที่อยู฽ เนื่องจาก ชาวอาข฽าที่อพยพมาทั้ง พนั ธุแอาขา฽ ในพน้ื ท่ชี ุมชนบ฾านทาน กอ฽ นแลว฾ สองกล฽มุ ลว฾ นเป็นญาตพิ ่ีน฾องกัน ตําบลจางเหนอื นอกจากนี้ยังพบว฽ากล฽ุมชาวอ฽าข฽าท่ีอาศัยอย฽ูในจังหวัด  ใ นแ ต฽ล ะ ปี มัก มีก าร ไ ป มา ห า สู฽ ๒. อาเภองาว ลําปาง แบง฽ ได฾เปน็ ๓ กล฽มุ คอื กล฽ุมหนา฽ ค฿า กล฽ุมอโ฽ู ล฾ และ เท่ยี วหากนั หรือแต฽งงานขา฾ มจังหวัด พบได฾ใน ๖ ตาํ บล ไดแ฾ ก฽ ตําบลบ฾าน  กล฽ุมลอเมี๊ญะ อาศัยปะปนกันโดยกระจายตัวอย฽ูใน ๓ ก็มี อ฽าข฽าในจังหวัดลําปางในด฾าน โปงุ ตําบลบ฾านร฾อง ตาํ บลปงเตา อําเภอ คอื อําเภองาว แจ฾ห฽ม และแม฽เมาะ ความเชื่อด้งั เดิมยังคงหลงเหลือเพียง ตาํ บลบ฾านหวด ตําบลนาแก และ ประชากรคนอ฽าข฽าในจงั หวัดลําปาง มีประมาณ ๗ % ของ น฾อยนิด และนับวันใกล฾สูญหายไป ตาํ บลหลวงใต฾ จาํ นวนประชากรอ฽าข฽าท้งั ประเทศไทย อาศัยอย฽ูหนาแน฽น เพราะชาวอ฽าข฽าในจังหวัดลําปาง จาํ นวนชุมชนทัง้ สิน้ ๑๐ ชุมชน  ในพื้นท่ีอําเภองาวมากที่สุด และกระจายไปอยู฽อําเภอ หนั ไปนับถือศาสนาครสิ ตแมากข้ึน ได฾แก฽ บ฾านห฾วยน฿อต บา฾ นแมง฽ าวใต฾ อ่นื ๆ เชน฽ อาํ เภอแจห฾ ม฽ และอําเภอแม฽เมาะเพียงเลก็ นอ฾ ย  พบว฽าผ฾ูนําชุมชนที่เคยมีตําแหน฽ง บา฾ นแมค฽ าํ หล฾า บ฾านขุนแหง อําเภองาวเป็นอีกอําเภอหนึ่งท่ีชาวอ฽าข฽าอย฽ูเป็นกล฽ุมใหญ฽ ทางวัฒนธรรมได฾ละทิ้งความเชื่อ บา฾ นห฾วยน้ําตื้น บ฾านห฾วยทาก อาศัยอย฽ูใน ๓ ตําบล คือ ตําบลนาแก บ฾ านร฾อง ดั้งเดิมไปเป็นศิษยาจารยแหรือผู฾นํา บ฾านแม฽ฮ฽างใต฾ บ฾านห฾วยจอน  และปงเตา การอย฽ูกนั ของชาวอา฽ ขา฽ ในจังหวัดลาํ ปางไม฽ได฾ ศาสนา ทําการสอนเผยแผ฽ศาสนา แบง฽ เป็นกลุ฽มอาข฽าย฽อยเหมือนกับท่ีจังหวัดเชียงราย และ ร วม ถึง ก าร ป ฏิบั ติตน ในฐ าน ะ บา฾ นสนั ติสขุ ปาุ กล฾วย และบ฾านดง จังหวัดเชียงใหม฽ เพราะการอพยพต฽างช฽วงเวลา คริสตแศาสนิกชน ดังนั้นหากใคร ๓. อาเภอแจ้ห่ม ต฽างเง่ือนไขกัน และมารวมตัวกันสร฾างชุมชนขึ้นมาใหม฽ ต฾ อ ง ก า ร ศึ ก ษ า วั ฒ น ธ ร ร ม ดั้ ง เ ดิ ม พบวา฽ มกี ารอาศัยอย฽ขู องกลมุ฽ ทํ า ใ ห฾ มี ช า ว อ า ข฽ า ห ล า ย ก ล฽ุ ม ผ ส ม ป ะ ป น กั น ภ า ย ใ น สามารถศึกษาได฾ท่ีชุมชนบ฾านแม฽คํา ชาติพนั ธแอุ าข฽าในพนื้ ที่ชุมชน หนึ่งชุมชน หล฾าซงึ่ ยังพอหลงเหลือให฾ศกึ ษาได฾ บ฾านหว฾ ยคอน ตําบลปงดอน 27

28 กลุ่มชาติพันธุ์ พื้นท่ี / ทีต่ ัง้ ของชุมชน ลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม อตั ลักษณท์ างชาตพิ นั ธ์ุ ๕.กล่มุ ชาติพนั ธเ์ุ ม่ียน  สําหรบั ในตาํ บลบ฾านรอ฾ งมีกลุ฽มอ฽าข฽าอยู฽กลุ฽มหนึ่งท่ีมีความ โดดเด฽น คือ กลุ฽มหน฽าค฿า ที่บ฾านแม฽คําหล฾า ซึ่งอพยพมา จากบ฾านพนาเสรี ตําบลท฽าก฿อ อําเภอแม฽สรวย จังหวัด เชยี งราย เป็นกลม฽ุ ทยี่ ังพยายามรักษาอัตลกั ษณดแ ้ังเดิมของ กล฽มุ ชนไว฾ เชน฽ การแต฽งกาย ประเพณี และการละเล฽นที่ สําคัญ พบการตัง้ บา฾ นเรอื นกระจายตวั อย฽ู  หมู฽บ฾านห฾วยน฿อต เป็นหมู฽บ฾านท่ีมีกล฽ุมชาติพันธุแหลัก คือ  การปกใ ผ฾าเมี่ยน ภายในบรเิ วณพืน้ ท่ีทั้งหมด ๖ อําเภอ กลุม฽ ชาตพิ นั ธุอแ ฽าขา฽ ท้งั นี้ยังมีกล฽ุมชาติพันธุแอื่น ๆ คือ กล฽ุม  การปลูกผลไม฾เมืองหนาว ไดแ฾ ก฽ อําเภองาว อาํ เภอวังเหนือ อําเภอ ชาติพันธุแลาหู฽ เมี่ยน (เย฾า) และลีซอ / ลีซู ชาวบ฾านโดย  มีภาษาพูดและเขียนเป็นของตนเอง เมืองปาน อาํ เภอแจห฾ ม฽ อําเภอเมือง สว฽ นใหญ฽ นับถอื ศาสนาครสิ ตแ และศาสนาพทุ ธ คล฾ายจนี กวางต฾ุง ลาํ ปาง และอาํ เภอแมเ฽ มาะ  ลักษณะภูมิประเทศท่ีต้ังชุมชนเป็นพ้ืนที่ภูเขาสูงความสูง  ยังให฾ความสําคัญบางของขงจื้อ เช฽น ๑. อาเภองาว จากระดับนํ้าทะเล ๒๘๐ เมตรข้ึนไป เขตลุ฽มน้ําหลัก คือ ความกตัญโู การเคารพบรรพบรุ ุษ พบใน ๖ ตําบล ไดแ฾ ก฽ ตําบล แม฽นํ้ายมล฽ุมนาํ้ ยอ฽ ย คอื แมน฽ า้ํ แม฽งาว  ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ทํ า น า ย บา฾ นโปงุ ตําบลบา฾ นอ฾อน  อาชพี หลกั ในชุมชน คือ เกษตรกรรม และงานหัตถกรรม โ ช ค ช ะตา จ ากศ าส ต รแเดิมขอ ง ตาํ บลปงเตา ตําบลบา฾ นแหง อาชพี เสริมในชุมชน คือ หาของปุาและรับจ฾าง พืชหลักท่ี ชาวเมี่ยนที่ถ฽ายทอดผ฽านตําร า ตําบลบ฾านหวด และตําบลหลวงใต฾ ปลูกในชมุ ชน คือ ข฾าวโพด ปใญหาหลักและความต฾องการ บันทึก ๒. อาเภอวังเหนือ ของชุมชน คือ ประชาชนไมม฽ ที ่ีดนิ ทาํ กนิ และไมม฽ ีสญั ญาชาติ  ความร฾ูด฾านการรักษาแผนเก฽า และ พบไดใ฾ นพื้นท่ี ๒ ตาํ บล ได฾แก฽  ชุมชนบ฾านวังใหม฽ เป็นหม฽บู า฾ นของชนเผ฽าต฽าง ๆ มาอาศัย การใชส฾ มุนไพร ตาํ บลรอ฽ งเคาะ และตําบลท฽ุงฮ้ัว อยร฽ู วมกัน ได฾แก฽ เมยี่ น (เย฾า) ลัวะ และลีซอ ซ่ึงเป็นผลมา  เป็นหม฽ูบ฾านท฽องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม จาํ นวนชมุ ชนทง้ั สิ้น ๑8 ชมุ ชน จากการอพยพชาวบ฾านที่ดํารงชีวิตแบบเกษตรกรรมใน ผ าปใ ก ธง ศ าล เจ฾ าพ฽อป ร ะตูผ า ไดแ฾ ก฽ บา฾ นห฾วยน฿อต บ฾านห฾วยหก เขตภูเขาลงมาส฽ูพ้ืนราบหลังประกาศเขตอุทยาน โดย ภาพเขียนสีโบราณ ผ฾าปใกชาวเมี่ยน บ฾านแมแ฽ ก฾ บ฾านแมก฽ วัก พนื้ ที่ทีร่ ฐั จัดสรรให฾เป็นพนื้ ท่ไี มส฽ ามารถทําการเพราะปลูก ร฾านค฾าสมุนไพรทอ฾ งถิ่น บ฾านแม฽ออ฾ น บา฾ นชนแดน ได฾ ชาวบ฾านจาํ นวนหนง่ึ จึงยา฾ ยถิน่ ฐานออกนอกชุมชนเพื่อ  มีน้ําตกและถํ้าท่ีสวยงามคือนํ้าตก บ฾านขุนแหง บา฾ นสามเหลยี่ ม หางานทาํ ทงั้ ในและต฽างประเทศ แมแ฽ ก฾ นํา้ ตาํ เกาฟุ และถา้ํ ราชคฤหแ

กล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ พ้ืนที่ / ท่ตี ้ังของชมุ ชน ลักษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม อัตลักษณท์ างชาตพิ ันธ์ุ บา฾ นบ฽อส่ีเหล่ียม บ฾านหว฾ ยโปุง  ชาวเมี่ยนในตําบลแจ฾ซ฾อน อําเภอเมืองปาน ส฽วนใหญ฽ บา฾ นปางหละ บา฾ นขนุ แม฽หวด หม฽บู ฾าน ทตี่ ัง้ อยู฽ในเส฾นทางท฽องเท่ียวของอุทยานแห฽งชาติ บา฾ นคอนไชย บา฾ นดง บ฾านผาชอ฽ แจซ฾ อ฾ น มไี รเ฽ หมี้ยง กาแฟ แมคคาดีเมยี และสเตอรแเบอรแร่ี บ฾านแมอ฽ ฾อ บา฾ นวงั ใหม฽ และ มีน้าํ ตกปางเย฾า เป็นนํ้าตกในหมู฽บ฾านจึงได฾รับการส฽งเสริม บา฾ นผาแดง ในดา฾ นการทอ฽ งเทยี่ ว ๓. อาเภอเมอื งปาน  ชุมชนบ฾านห฾วยปง เป็นหม฽ูบ฾านของกลุ฽มชาติพันธุแเม่ียน พบว฽ามกี ารอาศัยอยข฽ู องกลม฽ุ ชาวบ฾านสว฽ นใหญ฽จะนบั ถือศาสนาคริสตแ และศาสนาพุทธ ชาตพิ ันธเุแ ม่ียน (เยา฾ ) ภายในพ้ืนที่ ลกั ษณะพ้ืนท่ขี องหมูบ฽ ฾านเป็นพ้ืนท่ีภูเขาสงู เชิงเขา และปุา ชมุ ชนบา฾ นแมแ฽ จเมปางเยา฾ ไม฾เบญจพรรณ ความสูงจากระดับน้ําทะเล ๔๔๕ เมตร ตําบลแจซ฾ อ฾ น เขตล฽ุมนํ้าหลัก คือ แม฽นํ้าวัง เขตลุ฽มน้ําย฽อย คือ แม฽น้ําวัง ๔. อาเภอแจห้ ่ม ตอนบน อาชีพหลักในชมุ ชน คอื ปกใ ผา฾ ชนเผ฽า พบไดใ฾ นพ้ืนที่ ๒ ตําบล ได฾แก฽  ชุมชนบ฾านเลาสู หม฽ูที่ ๘ ตําบลปงดอน อําเภอแจ฾ห฽ม ตําบลปงดอน และตําบลเมืองมาย เป็นชาวบ฾านเผ฽าลัวะเม่ียน (เย฾า) อพยพมาจากจังหวัด จาํ นวนชมุ ชนท้งั ส้นิ ๔ ชมุ ชน ไดแ฾ ก฽ เชียงราย เมื่อประมาณ ๕๐ ปี ท่ีผ฽านมาได฾ตั้งรกรากที่ บา฾ นหว฾ ยปง บา฾ นแมต฽ าสามัคคี บรเิ วณผาดอกในปใจจุบนั แต฽เน่อื งจากมีเสือออกอาละวาด บ฾านเลาสู และบ฾านแมห฽ ล฾า กัดสัตวแที่ชาวบ฾านเล้ียงไว฾ จึงย฾ายมาอยู฽บริเวณปใจจุบัน ๕. อาเภอเมอื ง เดิมมีราษฎรแต้ังบ฾านเรือนจํานวน ๕ ครัวเรือน นําโดย พบว฽ามกี ารอาศยั อยูข฽ องกล฽ุม นายเลาสู แซ฽จเาว จึงเรียกหมู฽บ฾านว฽า บ฾านเลาสู ปใจจุบัน ชาติพันธุแเม่ียน (เย฾า) ภายในพื้นที่ บ฾านเลาสูมี ๒ ค฾ุม คือคุ฾มบ฾านเลาสู และค฾ุมบ฾านอาข฽า ชมุ ชนบ฾านผาลาด ตาํ บลพระบาท (ชาวเขาอกี เผ฽าหนงึ่ ) มจี าํ นวน ๑๖ ครัวเรือน ซง่ึ ทั้งสองค฾ุม ๖. อาเภอแมเ่ มาะ อย฽หู า฽ งกนั ประมาณ ๓ กิโลเมตร พบวา฽ มกี ารอาศัยอยข฽ู องกลม฽ุ ชาติ พันธแุเมี่ยน (เยา฾ ) ภายในพื้นที่ชุมชน บ฾านจําปุย ตาํ บลบา฾ นดง 29

30 กลมุ่ ชาติพันธ์ุ พน้ื ที่ / ทต่ี ง้ั ของชมุ ชน ลกั ษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม อัตลักษณ์ทางชาตพิ นั ธ์ุ ๖. กล่มุ ชาติพนั ธล์ุ วั ะ พบวา฽ มีการอาศยั อยข฽ู อง กล฽มุ ชาตพิ นั ธแุลวั ะในบริเวณพื้นท่ี  ชุมชนบ฾านวังใหม฽ หม฽ูที่ ๑๒ ตําบลร฽องเคาะ อําเภอวังเหนือ  ปใจจุบันในด฾านสังคมชาวลัวะที่ถูก ชมุ ชนบา฾ นวังใหม฽ ตําบลร฽องเคาะ ต้ังอย฽ูระหว฽างกิโลเมตรที่ ๗๗ - ๗๘ ของทางหลวงหมายเลข อพยพมาจากห฾วยส฾าน หลังจากมา อาํ เภอวงั เหนอื ๑๐๓๕ (ลําปาง-แจ฾ห฽ม-วังเหนือ) เป็นหม฽ูบ฾านชนเผ฽า ปลูกสร฾างบ฾านเรือนในพื้นท่ีจัดสรร ประกอบด฾วย เผ฽าเย฾า เผ฽าลีซอ เผ฽าล้ัวะ และเผ฽ามูเซอ โดยได฾ พบวา฽ ทท่ี าํ กินที่รัฐมอบใหไ฾ ม฽สามารถ ย฾ายถ่นิ ฐานตามมติ ครหมู฽ที่ จากเขตต฾นนํ้า (๑A) หรืออุทยาน ทํากา ร เพ าะป ลูกได฾ ช า วลัว ะ แห฽งชาติดอยหลวงมายังพ้ืนท่ีรองรับซ่ึงก็คือหม฽ูบ฾านวังใหม฽ ในชุมชนบ฾านวังใหม฽ จึงเดินทาง ในปใจจุบัน ออกนอกชุ มช นเพื่อ ไปรับจ฾า ง  ในการอพยพ กรมปุาไม฾ได฾จัดสรรพื้นที่ส฽วนหนึ่งให฾ชาวบ฾าน หารายได฾เลี้ยงชีพ ในครอบครัว ทํากิน แต฽พื้นท่ีดังกล฽าวไม฽สามารถใช฾การใด ๆ ได฾ เพราะเป็น มีเพียงเด็กและผู฾สูงอายุ หลังจากที่ ดินปนหิน ทําให฾ชาวบ฾านจํานวนมากอพยพไปทํางานรับจ฾าง ทุกสิ่งทุกอย฽างเกิดการเปล่ียนแปลง ในเมืองเป็นจํานวนมาก ภายในหมู฽บ฾านเหลือเพียงเด็กและ ทั้งหมด ทั้งวิถีชีวิต ความเป็นอยู฽ คนชรา ขณะท่ีผ฽านมาชาวบ฾านจํานวนมากพยายามเรียกร฾อง ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ ร ว ม ทั้ ง ขอท่ีดินทํากินท่ีเหมาะสมจากรัฐ แต฽ข฾อเรียกร฾องเหล฽าน้ีไม฽มี วัฒนธรรม ทําให฾ในปใจจุบันชาวลัวะ การตอบสนองใด ๆ ใ น ชุ ม ช น บ฾ า น วั ง ใ ห ม฽ ป รั บ ตั ว ผ ส ม ก ล ม ก ลื น กั บ ค น พื้ น ร า บ จนอัตลกั ษณแชาติพนั ธุแไม฽มีหลงเหลือ ทั้ง การ แต฽ง กา ย การ กิน แล ะ ประเพณี

กลุ่มชาติพันธ์ุ พื้นที่ / ที่ต้ังของชมุ ชน ลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม อตั ลักษณ์ทางชาตพิ นั ธ์ุ ๗. กลุ่มชาตพิ นั ธข์ุ มุ พบการต้ังบ฾านเรือนกระจาย  ชาวขมุในจงั หวัดลําปางตามประวตั ศิ าสตรสแ ันนิษฐานว฽าเดินทางจากลาวเข฾า  เป็นกลุม฽ ชาตพิ นั ธแทุ ่ชี อบอาศัย ตัวอย฽ูภายในบริเวณพื้นท่ี มาพรอ฾ มกับบริษทั ต฽างชาติท่ีเข฾ามาทําสัมปทานไม฾ในจังหวัดลําปางในฐานะ อย฽ูกับปุา รักสงบ แต฽ขยัน ทั้งหมด ๒ อําเภอ ได฾แก฽ แรงงานในปางไม฾ตั้งแต฽เมื่อครั้งยุคอาณานิคม ทํางานและซ่ือสัตยแ ชาวขมุใน อําเภองาว และอําเภอแม฽  ทั้งน้ีในอดีตแรงงานขมุเป็นที่นิยมเพราะมีความขยัน อดทน ซื่อสัตยแ และ จังหวดั ลําปาง ไมค฽ ฽อยเปิดเผย เมาะ เช่ียวชาญปุา ต฽อมาเมื่อหมดยุคการทําไม฾ แรงงานขมุไม฽ได฾เดินทางกลับ ตั ว เ อ ง จ น ภ า ย ห ลั ง มี ๑. อาเภองาว ภูมิลําเนาแต฽ตั้งรกรากปลูกสร฾างบ฾านเรือนอย฽ูอาศัยในพื้นที่ที่เข฾าไปทําไม฾ หน฽วยงานเข฾าไปส฽งเสริมเรื่อง พบว฽ามีการอาศัยอย฽ูของ ต฽อมาคนในพ้ืนราบยังคงใช฾แรงงานชาวขมุในการดูแลสวน พืชไร฽ นาข฾าว การส฽งเสริมอัตลักษณแชาติ ก ล฽ุ ม ช า ติ พั น ธุแ ข มุ ใ น และยาสบู ซึ่งเปน็ พืชเศรษฐกจิ ทเี่ ร่มิ เขา฾ มาปลกู เชิงพาณิชยแในลาํ ปาง พันธุแเพ่ือใช฾ในการท฽องเที่ยว บริเวณพ้ืนที่ชุมชนบ฾าน  ดังนั้นในปใจจุบันเราจึงพบชุมชนชาวขมุต้ังบ฾านเรือนอย฽ูในบริเวณรอยต฽อ วัฒนธรรม มีการจัดตั้งศูนยแ แม฽พร฾าวขมุ ตําบลบ฾าน ระหว฽างประตูผา แอ฽งแม฽เมาะ และเมืองงาว ซ่ึงเดิมทีบริเวณน้ีเป็นพ้ืนที่ เรยี นรู฾ชุมชนบ฾านจําปุย มีการ หวด ศูนยแกลางการทําไมใ฾ นอุตสาหกรรมปุาไม฾ภาคเหนือ สําหรับพื้นท่ีท่ีมีชาวขมุ จัดที่พกั แบบโฮมสเตยแ ๒. อาเภอแมเ่ มาะ อาศัยอย฽ูเป็นกลุ฽มก฾อนได฾แก฽ ชุมชนบ฾านกลาง บ฾านจําปุย อําเภอแม฽เมาะ  โดยเปิดโอกาสให฾พี่น฾องชาว พบว฽ามีการอาศัยอย฽ูของ และอยู฽อาศัยกระจดั กระจายปะปนกบั กลมุ฽ ชาติพันธุแอ่ืนในพ้นื ที่บ฾านแม฽พร฾าว ขมุ มีส฽วนร฽วมในการจัดการ ก ล฽ุ ม ช า ติ พั น ธแุ ข มุ ใ น อาํ เภองาว มี ก า ร รื้ อ ฟื้ น ใ น เ ร่ื อ ง แ ห ล฽ ง บริเวณพ้ืนท่ีชุมชนบ฾าน เรียนรู฾เรื่องสมุนไพร การทอ จาํ ปุย และบา฾ น ห฾วยตาด ผ฾า การทําจักสาน อัตลักษณแ ซ่ึ ง ทั้ ง ส อ ง ชุ ม ช น อ ย฽ู ท่ีโดดเด฽น คือ ภาษา เป็น ภ า ย ใ น เ ข ต พ้ื น ท่ี ตํ า บ ล ภาษาลาวเทงิ และยังคงใช฾ชีวิต บ฾านดง แบบเรยี บง฽าย 31

32 กลุ่มชาตพิ ันธุ์ พน้ื ที่ / ทีต่ ้ังของชุมชน ลกั ษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม  อัตลกั ษณท์ างชาติพันธ์ุ ๘. กลุ่มชาตพิ ันธ์ลุ ซี ู พบการตั้งบ฾านเรือนกระจายตัวอย฽ู  ชมุ ชนหม฽บู ฾านวงั ใหม฽ เปน็ หม฽ูบ฾านของชาวเขาเผ฽าต฽าง ๆ ได฾แก฽  ปรับตัวรับวัฒนธรรมเมี่ยน ผสม ภายในบริเวณพ้ืนที่ทั้งหมด ๓ เมย่ี น (เย฾า) ลัวะ และลีซอ / ลีซู ท้ังนี้หมู฽บ฾านวังใหม฽ยังมีศูนยแ  กลมกลืนกับคนพ้ืนราบ ชาวลีซู อําเภอ ได฾แก฽ อําเภอวังเหนือ พัฒนาชีวิตเด็กบ฾านวังใหม฽ ตั้งอยู฽ที่ หมู฽ ๑๒ ตําบลร฽องเคาะ ในลําปางมีจํานวนไม฽มาก ส฽วนหน่ึง อาํ เภองาว และอําเภอเมืองปาน อําเภอวังเหนือ เน่ืองจากการอพยพชาวบ฾านที่ดํารงชีวิตแบบ ถกู อพยพมาจากการประกาศอุทยาน ๑. อาเภอวงั เหนอื เกษตรกรรมในเขตภเู ขาลงมาสูพ฽ ื้นราบ ซ่งึ เป็นพื้นที่ไม฽สามารถ แห฽งชาติดอยหลวงแม฽ส฾าน ลงมาอยู฽ เพาะปลูกได฾ ผู฾ปกครองเด็กจึงย฾ายถิ่นเพื่อหางานทําท้ังในและ ร฽วมกับกลุ฽มชาติพันธแุอ่ืนในท่ีดินท่ีรัฐ พบว฽ามีการอาศัยอยู฽ของกล฽ุม ตา฽ งประเทศ จัดสรรให฾ ชาติพันธุแลีซอ / ลีซู ภายใน ชุมชนบ฾านห฾วยน฿อต เป็นหมู฽บ฾านท่ีมีกล฽ุมชาติพันธุแหลัก คือ ชาวลีซูประสบปใญหาเร่ืองการทํา บริเวณพนื้ ทีช่ มุ ชนบ฾านวังใหม฽  กลุ฽มชาติพันธุแอ฽าข฽าท้ังน้ียังมีกล฽ุมชาติพันธแุอ่ืน ๆ คือ กล฽ุมชาติ ก า ร เ ก ษ ต ร ไ ม฽ ไ ด฾ เ ห มื อ น ก ล฽ุ ม อ่ื น ตําบลร฽องเคาะ พันธแุลาหู฽ เมี่ยน และลีซอ / ลีซู ชาวบ฾านโดยส฽วนใหญ฽นับถือ ทํ า ใ ห฾ ลี ซู จํ า น ว น ห น่ึ ง เ ดิ น ท า ง ไ ป ๒. อาเภองาว ศาสนาครสิ ตแ และศาสนาพุทธ มีลกั ษณะภมู ปิ ระเทศพืน้ ทภ่ี เู ขา ทํ า ง า น น อ ก ชุ ม ช น ไ ป ทํ า ง า น พบว฽ามีการอาศัยอยู฽ของกล฽ุม ความสูงจากระดับนํ้าทะเล ๒๘๐ เมตรเขตลุ฽มน้ําหลัก คือ ต฽างประเทศ การสืบทอดประเพณี ชาติพันธแุลีซอ / ลีซู ภายใน แมน฽ าํ้ ยมลุ฽มนํา้ ย฽อม คอื แม฽นํ้าแม฽งาว พิธีกรรมแบบด้ังเดิมแทบไม฽พบแล฾ว บ ริ เ ว ณ พื้ น ที่ ชุ ม ช น บ฾ า น อาชพี หลกั ในชุมชน คอื เกษตรกรรม อาชีพเสริมในชุมชน คือ ในพ้ืนที่จังหวัดลาํ ปาง ห฾วยน฿อต ตาํ บลบ฾านโปงุ  หาของปุาและรับจ฾าง พืชหลักท่ีปลูกในชุมชน คือ ข฾าวโพด ประชากรส฽วนใหญ฽ของที่หม฽ูบ฾าน ๓. อาเภอเมอื งปาน ปใญหาหลัก และความต฾องการของชุมชน คือ ประชาชนไม฽มี แม฽แจเมปางเย฾าส฽วนใหญ฽เป็นเมี่ยน พบว฽ามีการอาศัยอย฽ูของกล฽ุม ทดี่ นิ ทํากนิ และไม฽มีสญั ญาชาติ หรือเย฾า ทั้งนี้ที่หมู฽บ฾านนี้เปิดโอกาส ชาติพันธุแลีซอ / ลีซู ภายใน ให฾มีการแต฽งงานข฾ามชาติพันธุแจึงทํา บ ริ เ ว ณ พื้ น ท่ี ชุ ม ช น บ฾ า น ใ ห฾ เ ม่ี ย น ก ล฽ุ ม ห นึ่ ง แ ต฽ ง ง า น กั บ ลี ซู แม฽แจเมปางเย฾า ทําให฾ มีชาวลีซูอาศัยอย฽ูในบ฾าน แมแ฽ จเมปางเย฾ารว฽ มกบั เมย่ี นดว฾ ย

กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ พื้นที่ / ท่ตี ้ังของชุมชน ลักษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม อตั ลกั ษณท์ างชาตพิ นั ธุ์ ๙. ชาตพิ ันธไ์ุ ทลื้อ ไทล้อื กลุ่มดั้งเดิมของจังหวัดลาปาง  ชาวไทล้ือในลาปางพบมี ๒ กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ล้ือด้ังเดิม  ไทลอื้ ที่ตาบลกล้วยแพะ อาเภอเมือง จ ะ ต้ั งชุ ม ชนอยู่ อา ศั ย ท่ีต า บ ล ท่ีอพยพมาต้ังแต่ยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” กลุ่มนี้ ลาปาง และทบี่ ้านแม่ปงุ บ้านฮ่องห้า กล้วยแพะ ซึ่งมีอยู่ ๕ หมู่บ้าน คือ ถูกยกครัวมาจากเง่ือนไขของการสู้รบในยุคปลดแอกล้านนา อาเภอแมท่ ะ อพยพมาจากเมืองยอง บ้านกล้วยหลวง หมู่ท่ี ๑ เป็น จากการปกครองของพม่าราว พ.ศ. ๒๓๔๘ โดยอพยพมาจาก ยอมรับกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเอง หมู่บ้านแห่งแรกท่ีไทลื้ออพยพ เมืองยอง และหัวเมืองลื้อในสิบสองปันนา กลุ่มท่ีสอง ว่าเป็น \"คนลื้อ\" ไม่เรียกตนเองว่า เข้ามาต้ังถิ่นฐาน (ปี พ.ศ. ๒๓๔๘) ถูกเคลื่อนย้ายมาจากบ้านแม่ส้าน ดอยหลวง จังหวัดเชียงราย คนยอง เหมือนกับทางลาพูน แต่ใน และขยายชุมชนออกมาเป็นบ้าน ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ขณะเดียวกัน ถ้าหากมีบุคคลท่ีไม่ใช่ กล้วยแพะ หมู่ที่ ๒ บ้านม่วง หมู่ท่ี  เก่ียวกับประวัติความเป็นมาและการตั้งถ่ินฐาน ชีวิตความ ล้ือด้วยกันมาเรียกว่า คนลื้อ หรือ ๓ บ้านหัวฝาย หมู่ท่ี ๔ บ้านกล้วย เป็นอยู่ ประเพณีและความเช่ือ เอกลักษณ์ ทางภาษา ลักษณะ พวกล้ือ จะถอื ว่าเป็นการดูถูกเหยียด กลาง หมู่ท่ี ๕ ยังมีไทล้ืออีก ๒ ทางสังคม ได้แก่ ระบบครอบครัว เครือญาติ การแต่งงาน หยาม ดังน้ัน ไทลื้อจึงเป็นกลุ่มที่รัก หมู่บ้านในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ ศาสนา การศึกษา สภาพเศรษฐกิจของหมู่บ้าน อาชีพ พวกพ้องมาก จะเห็นได้ว่ามีใครมา บ้านแม่ปุง และบ้านฮ่องห้า อยู่ใน ความสัมพันธ์ภายในชุมชน ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนไทล้ือ ทาความเดือดร้อนหรือกระทบ เขตตาบลน้าโจ้ อาเภอแม่ทะ กับชุมชนอื่น จากการศึกษาพบว่าไทล้ือมีประเพณีและ ผลประโยชน์ของสมาชิกในสังคม สาหรับไทล้ือกลุ่มท่ี ๒ เป็นกลุ่มที่ วัฒนธรรมส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับชาวพื้นเมืองโดยทั่วไป เช่น พวกเขาจะรวมตัวกันต่อต้านทันที อ พ ย พ ม า จ า ก ก า ร ป ร ะ ก า ศ วัฒนธรรมการบริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก นับถือพุทธ ทง้ั ๆ ท่ีไม่ใช่เรื่องของตนเองโดยตรง เขตอุทยานแหง่ ชาติ แม่สา้ น - ดอย ศาสนา แต่อย่างไรก็ตาม มีประเพณีและพิธีกรรมบางอย่าง ไทลื้อ และไทยอง ความจริงเป็น หลวง จังหวัดเชียงราย กลุ่มนี้พบ ที่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มของชาติพันธุ์ โดยเฉพาะด้าน ภาษาท่ีมีความคล้ายคลึงกันมากท้ัง ต้ังบ้านเรือนในบริเวณอาเภองาว ภาษาพูด ยังใช้สาเนียงภาษาไทลื้อ ประเพณีการแต่งกาย เร่ืองเสียง คาและประโยค จนอาจ โดยกระจายตัวอยู่ภายในพื้นที่ พิธีกรรมการเลี้ยงผีประจาหมู่บ้าน สิ่งท่ีน่าสนใจ ได้แก่ ไทล้ือ กล่าวได้ว่าเป็นภาษาเดียวกัน ความ บา้ นขนุ แหง ตาบลปงเตา และบ้าน มีความขยันขันแข็ง มานะอดทน มัธยัสถ์ อดออม เพ่ือสร้าง แตกต่างระหว่างภาษาไทลื้อกับไทย ห้วยโป่ง ตาบลบา้ นแหง ฐานะให้ม่นั คง ปัจจุบันเร่ิมมีการเปล่ียนแปลงวิถีชีวิตจากสังคม องมีไม่มากพอท่ีจะแยกเป็นคนละ เกษตรกรรมมาเป็นสังคมท่ีมีการผสมผสานเกษตรกรรมเข้ากับ ภาษา เพียงแตกต่างกันในระดับที่ การลงทนุ คา้ ขายและรับจา้ ง เป็นภาษาย่อย (Dialects) ของกัน และกนั 33



สว่ นท่ี ๒ สขว่อ้ นมทูล่ีท๑างขสอ้ ังมคลูมทว่วัฒไนปธรรมและ การเปลี่ยนแปลงรายกลมุ่ ชสาตว่ิพนันธทุ์ ี่ ๒ ข้อมูลรายกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ ๙ กลุ่มชาตพิ ันธ์ุ ในจงั หวดั ล�ำปาง 35

36

๒.๑ กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุอาข่า (Akha) ในจงั หวัดลาปาง ๒.๑.๑ ประวตั ิศาสตรค์ วามเปน็ มาและการเคลื่อนยา้ ย อาข฽ามีต฾นกําเนิดในมณฑลยูนนานของจีน (ซ่ึงปใจจุบันก็ยังคงตั้งถิ่นฐานกันอยู฽) และค฽อยๆ ทยอยกนั อพยพลงใต฾มาในระยะหลายศตวรรษ โดยในราวกลางครสิ ตแศตวรรษท่ี ๑๙ มีอาข฽าจํานวนมาก เข฾าไปอาศัยอย฽ูในแคว฾นเกงตุง ซึ่งเป็นชายแดนตะวันออกของรัฐฉานของพม฽า ปใจจุบันนี้มีประชากร อาข฽าอาศยั อย฽ูกว฽า ๑๘๐,๐๐๐ คน ในขณะที่บางส฽วนอพยพเข฾าไปอยู฽ในประเทศลาว และเวียดนาม ส฽วน ชาวอาข฽าท่เี ดินทางเข฾ามาอยใ฽ู นประเทศไทยเปน็ กลม฽ุ ทอ่ี พยพมาจากประเทศพม฽า โดยหม฽ูบ฾านอาข฽าแห฽ง แรกในประเทศไทยตั้งขึน้ ในราวปี พ.ศ. ๒๔๔๖ บริเวณลานหินแตกใกล฾ชายแดนพม฽า และได฾เร่ิมมีชาว อาข฽าอพยพเข฾ามาในไทยเพ่ิมขึ้นเรื่อย ๆ จากราว ๒,๕๐๐ คน หลังส้ินสุดสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ในปี ๒๕๐๗ เพ่มิ ขนึ้ อย฽างตอ฽ เนือ่ ง จนล฽าสุดในปี ๒๕๔๕ สํารวจพบว฽ามจี าํ นวนประชากรอาข฽าในประเทศไทย ท้งั สิ้น ๖๘,๖๕๓ คน หรือคดิ เป็นรอ฾ ยละ ๗.๔๓ จากจํานวนประชากรชาวเขาของประเทศไทย แบ฽งเป็น ชาย ๒๐,๙๔๘ คน เป็นหญิง ๒๑,๘๗๖ คน และเด็กอีก ๒๕,๘๒๙ คน โดยจะกระจายตัวอย฽ูในบริเวณ ๗ จงั หวดั คือ เชียงราย เชยี งใหม฽ ตาก เพชรบูรณแ แพร฽ ลําปาง และพะเยา ซ่ึงมากท่ีสุดในพ้ืนท่ีจังหวัด เชียงราย (๕๙,๗๘๒ คน)5 ชาวอาข฽าเป็นกลุ฽มชนที่จัดอยู฽ในกล฽ุมตระกูลธิเบต - พม฽า เรียกตนเองว฽า “อาข฽า” แต฽คนไทย และลาวมักเรียกชนเผ฽าน้ีว฽า “อีก฾อ” หรือ “ก฾อ” หรือ “ข฽าก฾อ” ในขณะท่ีชาวจีนและเวียดนามเรียก ชนเผ฽านี้วา฽ “ฮานี” ภาษาของอาข฽าจดั อย฽ูในสาขา “ยิ” หรอื โล - โล ทแี่ ยกกลมุ฽ มาจากตระกูลพม฽า - ธิเบต โดย “จือโก” คือ สําเนียงที่คนอาข฽าในไทยใช฾ซึ่งเป็นสําเนียงเดียวกับท่ีใช฾กันอยู฽ส฽วนใหญ฽ในหม฽ูอาข฽าท่ี ตงั้ รกรากอยใ฽ู นแคว฾นเกงตุง พม฽า แถบตะวันตกเฉียงใต฾ของยูนนาน จีน และตะวันออกเฉียงเหนือของ ลาว เปน็ ภาษาทคี่ ลา฾ ยกบั ภาษาลาหูแ฽ ละลีซอ ซงึ่ เป็นเพียงภาษาพดู ไม฽มตี ัวอกั ษรท่ีใช฾เขียน จึงเขียนเป็น  5 เขา฾ ถึง http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title (Akha) วนั ที่ 25 กนั ยายน 2563. 37

ภาษาองั กฤษหรอื ภาษาไทยแทนในการสะกดตัวอักษร6 และเนื่องด฾วยประเทศจีนมีชาวอ฽าข฽ากลุ฽มย฽อย ๆ อีกหลายกล฽ุม7 รัฐบาลจีนได฾จําแนกกลุ฽มชาติพันธแุอ฽าข฽าต฽าง ๆ รวมไว฾ภายใต฾ช่ือกลุ฽มฮานี (Hani) มีเขต ปกครองตนเองของชาวฮานีอยู฽บริเวณแม฽น้ําแดงในเขตเมืองหงเหอ และ หยวนหยาง (Hong He – Yuanyang) และรับรองภาษาฮานีให฾เป็นภาษาทางการสําหรับกล฽ุมชาติพันธุแ อ฽าข฽า-ฮานี ทั้งหมด ในประเทศจีน ซ่ึงเป็นภาษาเขียนระบบอักษรโรมัน คล฾ายระบบเขียนแบบพินยิน (pin yin) ของภาษา จนี กลาง ขณะทใ่ี นประเทศไทยและประเทศพมา฽ ระบบการเขยี นภาษาอา฽ ข฽าถกู สรา฾ ง และพฒั นาขึ้นจาก อกั ษรโรมัน โดยกลมุ฽ มชิ ชนั นารีท่เี ขา฾ มาเผยแพร฽ศาสนาคริสตแ ทั้งนิกายโรมันคาทอลิก และนิกายแบบติสตแ โดยมศี ูนยกแ ลางอยู฽ทีเ่ มอื งเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม฽า และได฾แพร฽ขยายเข฾ามาถึงประเทศไทย เฉพาะใน ประเทศไทยระบบภาษาเขยี นท่ีมิชชันนารีได฾ประดิษฐแไว฾ให฾นี้มีระบบท่ีแตกต฽างกันไปประมาณเกือบสิบ ระบบ และนําไปใชใ฾ นกิจกรรมทางศาสนาคริสตแของกล฽ุมโบสถแต฽าง ๆ ที่กระจายตัวอยู฽ตามชุมชน อ฽าข฽า ทงั้ ในประเทศไทยและในรัฐฉานของประเทศพม฽า ชาวอ฽าข฽าท่ีหันไปนับถือศาสนาคริสตแจึงเป็นกล฽ุมท่ีมี โอกาสใช฾ภาษาเขียน และสวดพระคัมภีรแ ในขณะที่ชาวอ฽าข฽าท่ียังคงยึดถือแบบแผนวัฒนธรรมด้ังเดิม ไม฽มีโอกาสได฾เรยี นรูภ฾ าษาเขียนเหลา฽ น้ี  6 สมชัย แก฾วทอง ปจใ จัยทมี่ ผี ลต฽อการเปล่ยี นแปลงทางสังคม ภายในชุมชน อันเน่ืองมาจากโครงการอพยพชาวเขา : กรณีศึกษาบ฾านวังใหม฽ อําเภอ วังเหนอื จังหวดั ลาํ ปาง วทิ ยานพิ นธแ บนั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยเชียงใหม฽ 2544. 7 อา฽ ข฽าในประเทศไทยมีอยู฽ 8 กลุ฽ม คือ อู฽โล฾ Uq Lor, ลอมี้ Law mir, อู฽ บยา Uq byaq , หน฽าคะ Naq Kar อาเคอะ Ar Ker, อาจ฾อ Ar Jawr , อู฽พี Uq Pi และ เปยี ะ Pyavq 38

สําหรับอาข฽าในจังหวัดลําปาง ด฾วยความที่ลําปางเป็นจังหวัดหนึ่งของไทยท่ีไม฽มีพื้นท่ีติดกับ ประเทศเพื่อนบ฾าน ไม฽ว฽าจะเป็นประเทศพม฽า หรือลาว แต฽จังหวัดลําปางติดต฽อกับจังหวัดอ่ืน ๆ ท่ีเป็น พ้นื ทีช่ ายแดนของประเทศไทย เช฽น ในทิศเหนือน้ันติดต฽อกับจังหวัดเชียงราย พะเยา ส฽วนทิศใต฾ติดต฽อ กับจังหวัดตาก และจังหวัดสุโขทัย จังหวัดลําปางถือว฽าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีกล฽ุมชาติพันธแุอาศัย หลากหลาย ไมว฽ า฽ จะเป็นกระเหรี่ยง ม฾ง อ้ิวเมี่ยน อ฽าข฽า ลาห฽ู ลีซู ลัวะ ไทยล้ือ และพ่ีน฾องขมุ ชาวอาข฽า ที่อาศัยอย฽ูในจังหวัดลําปางพบว฽า ท้ังหมดอพยพมาจากจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นกลุ฽มอาข฽าท่ีติดตาม เจ฾าหนา฾ ท่ีปุาไม฾เข฾ามารับจ฾างปลูกปุา และกลับไปพาครอบครัวมาตั้งที่อยู฽อาศัยในพื้นที่ ต฽อมามีสมาชิก ท่ีเป็นเครือญาติท่ีย฾ายตามกันมาเพ่ิมขึ้น ต฽อมามีชาวอ฽าข฽าอีกกล฽ุมท่ีอพยพเข฾ามาหลังปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งข฾ามมาจากประเทศพม฽าแล฾วตรงไปท่ีจังหวัดลําปางก็มี เพราะมีญาติหรือคนร฾ูจักอาศัยอยู฽ท่ีนั่น กลุ฽มอ฽าข฽าท่ีอาศัยอยู฽ในจังหวัดลําปาง แบ฽งได฾เป็น ๓ กลุ฽ม นั่นคือกลุ฽มหน฽าค฿า อ฽ูโล฾ และลอเม๊ีญะ กระจายอย฽ูใน ๓ อําเภอ คืออําเภองาว แจ฾ห฽ม และแม฽เมาะ อาศัยอยู฽ใน ๖ ตําบล คือตําบลนาแก บา฾ นร฾อง ปงเตา บ฾านโปงุ ปงดอน และจางเหนือ ประชากรคนอ฽าข฽าในจังหวัดลําปาง มีประมาณ ๗ % ของจํานวนประชากรอ฽าขา฽ ท้ังประเทศไทย อาศัยอยู฽หนาแน฽นในพื้นที่อําเภองาวมากที่สุด และกระจาย ไปอยู฽อาํ เภออ่ืน ๆ เชน฽ แจ฾หม฽ และแม฽เมาะเพยี งเล็กน฾อย8 อาํ เภองาวเป็นอีกอําเภอหนึง่ ที่ชาวอา฽ ขา฽ อยเ฽ู ปน็ กล฽ุมใหญ฽ อาศัยอยู฽ใน ๓ ตําบลคือ ตําบลนาแก บ฾านร฾อง และปงเตา การอย฽ูกันของชาวอ฽าข฽าในจังหวัดลําปางไม฽ได฾แบ฽งเป็นกลุ฽มอาข฽าย฽อยอย฽างเช฽นท่ี จังหวัดเชยี งราย และจังหวัดเชียงใหม฽ เพราะการอพยพต฽างช฽วงเวลาต฽างเง่ือนไขกัน และมารวมตัวกัน สร฾างชุมชนข้ึนมาใหม฽ ทําให฾มีหลายกล฽ุมผสมปะปนกันภายในหนึ่งชุมชน แต฽ก็พบว฽าส฽วนใหญ฽เป็นกล฽ุม อาข฽าหน฽าคา฿ อา฽ ข฽าลอเมี๊ญะ และอาขา฽ อ฽ูโล฾ผสมกัน สําหรับในตําบลบ฾านร฾องมีกลุ฽มอ฽าข฽าอยู฽กล฽ุมหน่ึงที่มี ความโดดเด฽น คือกล฽ุมหน฽าค฿า ท่ีบ฾านแม฽คําหล฾า ซ่ึงอพยพมาจากบ฾านพนาเสรี ตําบลท฽าก฿อ อําเภอ แม฽สรวย จังหวัดเชียงราย สองพ้ืนที่น้ีจึงล฾วนแต฽เป็นญาติพี่น฾องกัน ในแต฽ละปีมักมีการไปมาหาส฽ู เที่ยวหากัน หรือแต฽งงานข฾ามจังหวัดก็มี อ฽าข฽าในจังหวัดลําปางในด฾านประเพณีความเช่ือดั้งเดิม หลงเหลอื เพียงน฾อยนิดและนับวันใกล฾สูญหายไป เพราะชาวอ฽าข฽าในจังหวัดลําปางหันไปนับถือศาสนา คริสตแนิกายคาทอลิกมากขึ้น ผ฾ูนําชุมชนท่ีเคยมีตําแหน฽งทางวัฒนธรรมได฾ละทิ้งความเชื่อด้ังเดิมไป เป็นศิษยาจารยแ หรือผ฾ูนําศาสนาทําการสอนเผยแผ฽ศาสนารวมถึงการปฏิบัติศาสนกิจในฐานะ คริสตแศาสนกิ ชน ดงั นั้นหากใครต฾องการศึกษาวัฒนธรรมดั้งเดิมสามารถศึกษาได฾ท่ีชุมชนบ฾านแม฽คําหล฾า ซ่งึ ทย่ี ังพอหลงเหลอื ใหศ฾ ึกษาได฾ ๒.๑.๒ ลักษณะโครงสรา้ งทางสงั คมในอดตี โครงสร้างการปกครอง : ในอดีตชนเผ฽าอ฽าข฽า มีรูปแบบการปกครองเป็นของตนเอง ผู฾นําก็คือ หัวหน฾าหมู฽บ฾าน ทําหน฾าท่ีควบคุมดูแลชุมชนให฾อยู฽ในกฎระเบียบธรรมเนียมที่ดีงามของสังคม ร฽วมกับ คณะผ฾อู าวุโสตดั สนิ คดีข฾อพพิ าทและรว฽ มในพธิ ีกรรมตา฽ ง ๆ การสืบทอดตําแหน฽งเป็นการสืบต฽อตามสาย บรรพบรุ ุษ นอกจากนีย้ ังมีคณะกรรมการหมูบ฽ า฾ น ซึ่งประกอบดว฾ ยหวั หน฾าหมบ฽ู า฾ น ผู฾ช฽วยหัวหน฾าหมู฽บ฾าน หัวหนา฾ พิธกี รรม ชา฽ งตเี หล็ก หมอผี ผู฾รู฾ และผ฾ูอาวุโส คณะกรรมการดังกล฽าวมีหน฾าท่ีพิจารณาตัดสินใจ ในกิจกรรมต฽าง ๆ ของชุมชน เช฽น การจัดกิจกรรมประจําปี การย฾ายหม฽ูบ฾าน การพิจารณาความผิด  8 เข฾าถึง https://sites.google.com/site/yinditxnrabsucheiynghim/laphun/klum-chati-phanth 26 กันยายน 2563. 39

ของชาวบ฾าน อํานาจเด็ดขาดไม฽ได฾ข้ึนอย฽ูกับคณะกรรมการหม฽ูบ฾านเพียงฝุายเดียว บางคร้ัง สมาชิก หมูบ฽ ฾านมีสิทธ์ิท่ีจะโต฾แย฾งแสดงความคิดเห็นได฾เช฽นกัน ปใจจุบันระบบการปกครองของชุมชนอ฽าข฽าเป็น การปกครองแบบผสมผสานระหว฽างการปกครองแบบจารตี ประเพณีและแบบทางการ ผู้นา/บุคคลสาคัญ : ประกอบด฾วย หัวหน้าพิธีกรรม (หย่ือมะ) เป็นบุคคลท่ีสําคัญที่สุด หมู฽บ฾านอาข฽าถ฾าไม฽มีหย่ือมะ จะต้ังเป็นหมู฽บ฾านไม฽ได฾ หย่ือมะมีหน฾าที่ประกอบพิธีกรรมของชุมชน ทุกพธิ ีกรรม และยงั มหี น฾าทร่ี ักษาขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละพธิ กี รรมของชมุ ชนให฾คงอยสู฽ ืบไปด฾วย หมอผี ๑. หมอผีใหญ่ (ผมิ ะ) มหี น฾าท่ปี ระกอบพิธกี รรมและเป็นผ฾ชู ว฽ ยหยื่อมะ นอกจากน้ียังทําหน฾าที่ รกั ษาพยาบาลผเ฾ู จบ็ ปวุ ย โดยการทาํ พิธีบวงสรวงขอขมาผตี ามความเชือ่ ของอาข฽า ๒. หมอผีเล็ก (ผิยะ) ทาํ หน฾าท่ีรักษาความเจ็บปุวยโดยการทําพิธีเล้ียงผีตามประเพณีเดิมของ อาข฽า ช่างตีเหล็ก (บะจี หรือ ปู่จี) มีหน฾าที่ทําอุปกรณแในการเกษตรบริการแก฽สมาชิกชุมชน เปน็ บุคคลที่มคี วามสําคัญหนึง่ ทีช่ ุมชนใหก฾ ารยอมรบั นบั ถอื การทําอุปกรณแให฾แก฽สมาชิกชุมชนน้ีจะไม฽คิด คา฽ แรงใด ๆ ท้งั สนิ้ แต฽ชาวบ฾านจะตอบแทนบญุ คณุ ช฽างตเี หล็กดว฾ ยการไปช฽วยงานในไรข฽ า฾ ว หมอยา (ยากา๊ ซยิ ะ) เปน็ หมอยาสมนุ ไพรประจาํ หมบ฽ู า฾ น ในหมบู฽ ฾านจะมกี ่ีคนก็ได฾ คณะผู้อาวุโส (อะบอ เชอะหม่อ) เป็นกล฽ุมผ฾ูทรงคุณวุฒิของหมู฽บ฾าน มีหน฾าที่บริหารชุมชน ในกิจการต฽าง ๆ เป็นกล฽ุมบุคคลที่มีความสําคัญทั้งทางด฾านการปกครองชุมชน การประกอบพิธีกรรม และการตดั สินคดีความตา฽ ง ๆ ของชุมชนด฾วย หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นบุคคลที่เป็นผ฾ูนําในการอพยพไปตั้งหมู฽บ฾าน ในหม฽ูบ฾านท่ีไม฽มีการแต฽งต้ัง ผ฾ูใหญ฽บ฾านอย฽างเป็นทางการ หัวหน฾าหมู฽บ฾านก็จะเป็นผ฾ูใหญ฽บ฾านไปในตัวด฾วยแต฽ถ฾าหมู฽บ฾านไหนมีการ แตง฽ ตง้ั ผ฾ใู หญ฽บา฾ นอยา฽ งเป็นทางการ หัวหนา฾ หม฽บู า฾ นก็ยงั ถอื ว฽าเปน็ ผ฾ูนาํ คนหน่ึงของหมบ฽ู ฾านดว฾ ย ซงึ่ ในปจใ จบุ นั ผ฾นู าํ จะแบง฽ เปน็ ผู฾นําทางการได฾แกพ฽ อ฽ หลวงบ฾าน (ผ฾ูใหญ฽) และผู฾นําทางจิตวิญญาณ หรือผ฾ูนําศาสนา คือ ศิษยาจารยแ และหันมาปฏิบัติศาสนกิจแทนความเชื่อเดิม เช฽น การไปสวดมนตแ ที่โบสถแ การร฾องเพลงสรรเสริญพระเจ฾า การจัดงานวันครสิ ตมแ าส การจัดพิธแี ต฽งงานแบบคาทอลิก เปน็ ต฾น ระบบครอบครัวและเครือญาติ : ครอบครัว สังคมอาข฽าเป็นสังคมท่ีสืบสายข฾างบิดา เรียกว฽า “อิจ”ิ หมายถึงตระกลู ชาตกิ ําเนิดตน มคี รอบครัวแบบขยาย ผ฾ูหญิงแต฽งงานเข฾ามาอยู฽ในบ฾านพ฽อแม฽ของ ฝาุ ยชาย ตัดขาดจากตระกูล ตัวเองมาอยต฽ู ระกูลฝาุ ยชาย ผู฾อาวุโสสดุ ในครอบครัวเป็นหัวหน฾าครอบครัว มีอํานาจสูงสุด และบุตรชายคนโตมีอํานาจรองลงมา สังคมอาข฽าให฾ความสําคัญและต฾องการบุตรชาย ไว฾สืบตระกูล และทําพิธีกรรม ถ฾าภรรยาไม฽มีบุตรชาย สามีสามารถแต฽งงานใหม฽เพ่ือให฾ได฾บุตรชาย ในอดีตภายในครอบครัวมีการแบ฽งบทบาทหน฾าท่ีกันคือ ผู฾ชายรับผิดชอบงานไร฽ หาของปุา ค฾าขาย ต฾อนรับแขกและประกอบพิธีกรรรม ส฽วนผ฾ูหญิงมีหน฾าท่ีทําอาหาร ดูแลงานบ฾าน เล้ียงสัตวแ เพาะปลูก และกําจัดวัชพืชในไร฽ นอกจากหน฾าท่ีดังกล฽าวแล฾ว อาข฽ายังแบ฽งหน฾าท่ีการอบรมดูแลลูกสาว ลูกชาย หลงั จากการหย฽านมแม฽ ลูกชายจะแยกไปนอนกับพ฽อ พ฽อจะดูแลอบรมลูกชาย ส฽วนลูกสาวนอนกับแม฽ และอย฽ูในการอบรมดูแลของแม฽ เมื่อหัวหน฾าครัวเรือนตายไป บุตรชายคนโตจะเป็นหัวหน฾าครัวเรือน และรับหน฾าท่ีดแู ลห้งิ ผบี รรพบรุ ษุ ต฽อ ในกรณีท่ีบุตรชายคนโตยังเด็ก ภรรยาของหัวหน฾าครัวเรือนที่ตาย จะทําหน฾าที่หัวหน฾า ดังน้ันการที่สังคมอาข฽าถือสายผ฾ูชายเป็นใหญ฽เพราะเป็นผ฾ูสืบสายวงศแตระกูล 40

จึงมีการสืบทอดอย฽างหนึ่งคือการนับลําดับช่ือบรรพบุรุษเรียกว฽า “จึ” ทําให฾การขยายครอบครัวของ อาขา฽ เปน็ การขยายออกทางบิดา ฉะน้ันผ฾ูชายในครอบครัวอาข฽าจึงมีความจําเป็นท่ีต฾องเรียนรู฾ลําดับช่ือ ของบรรพบรุ ุษผา฽ นการทอ฽ งจาํ ตลอดจนพิธีกรรมประเพณีของครอบครัว เพื่อจะได฾สบื สานและถ฽ายทอด ให฾กับน฾องหรอื ลูกหลานต฽อไป ความสําคัญในการถือสายโลหิตของชนเผ฽าอาข฽าน้ัน เม่ือตายแล฾วทุกคน ต฾องไปอยู฽ร฽วมกับบรรพบุรุษที่ล฽วงลับไปแล฾ว ซ่ึงถือเป็นข฾อกําหนด ห฾ามแต฽งงานในตระกูลที่เหมือนกัน (สายโลหติ ท่ีใกล฾กัน) กล฽าวคือ สายโลหิตต฾องห฽างกัน ๗ ชั่วโคตร ถึงจะแต฽งงานกันได฾ แต฽ในกรณีที่สามี ภรรยาแตง฽ งานแลว฾ ไม฽มีบุตรชายในการสืบสายตระกูล กม็ คี วามจาํ เปน็ ทต่ี อ฾ งแตง฽ งานใหม฽ เพื่อให฾กําเนิด บุตรชายในการสืบสายตระกลู ต฽อไป9 ซึง่ ในปจใ จบุ นั ครอบครัวชาวอาข฽าในจังหวัดลําปางมีขนาดหดเล็กลง กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว เพิ่มมากข้ึน และจํานวนบุตรโดยเฉล่ียครอบครัวละ ๓ - ๔ คน ลดลงจากเดิมท่ีเคยมีครอบครัวละ ๗ - ๘ คน การเปลี่ยนแปลงจํานวนบุตรนี้เนื่องมาจากที่ดินเพาะปลูกจํากัด และคุณภาพดินเส่ือม ความต฾องการ แรงงานในครัวเรือนจึงลดลง พร฾อมกับมีการยอมรับการวางแผนครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้สมาชิก ครอบครัววัยหนุ฽มสาวออกไปทํางานนอกหม฽ูบ฾านรวมถึงการเดินทางไปทํางานต฽างประเทศ ทําให฾แบบ แผนปฏิบัติในครอบครัวมีความเข฾มข฾นน฾อยลงและดําเนินชีวิตตามแบบแผนครอบครัวของคนในเมือง แทบจะไม฽แตกตา฽ งกนั แทน ๒.๑.๓ วถิ ชี ีวิตความเปน็ อยู่ ความเชอื่ และประเพณวี ัฒนธรรม อาชีพการทามาหากิน/ระบบเศรษฐกจิ : เดิมทีตามตํานานของเผ฽าอาข฽าแบบดั้งเดิม ไม฽ว฽าจะ ทําอะไรก็ตาม ผู฾ชายจะเป็นคนเร่ิมต฾นทําก฽อน จากน้ันก็ให฾ผ฾ูหญิงเป็นผู฾ดูแลรักษา ทําการเกษตรเพ่ือ ยังชีพ คือ ปลูกไว฾กินเอง และที่เหลือก็ส฽งขาย อาชีพหลักของอาข฽าคือการปลูกพืชไร฽ อาข฽ามีการ จัดเตรียมพื้นท่ีทําไร฽เพื่อการปลูกพืชต฽าง ๆ โดยอยู฽ไกลจากชุมชนไม฽น฾อยกว฽า ๓ - ๕ กิโลเมตร จะไม฽มี การใชท฾ ีด่ นิ บรเิ วณปาุ ชุมชนเพ่อื การเพาะปลูกพชื ไร฽ ทั้งน้หี ากมีการปลูกพืชไร฽ใกล฾ชุมชน และมีสัตวแเลี้ยง เข฾าไปทําลายก็จะไม฽มีการชดใช฾ ซ่ึงประเด็นน้ีเป็นกฎของชุมชน นอกจากน้ีอาข฽ายังนิยมปลูก ผัก พริก ถ่วั ในบริเวณทใี่ กล฾แหลง฽ แมน฽ า้ํ หรอื บริเวณรั้วบ฾านของตน ทั้งน้เี วลาตอ฾ งการผักสดเป็นการยากที่จะเดิน ไปเก็บที่ไร฽ เพราะว฽าไรอ฽ ยไ฽ู กล จงึ เก็บทรี่ ว้ั บา฾ นของตนท่ปี ลูกเอาไว฾ ส฽วนเวลาไปไร฽ตอนเย็นๆ ก็จะเก็บผัก จากท่ีไร฽กลับมายังบ฾านของตน ชายอาข฽าส฽วนมากจะทําไร฽ด฾วย และถ฾าว฽างๆ ก็จะไปล฽าสัตวแ เพื่อนํามา ประกอบเป็นอาหาร ส฽วนงานบ฾าน ผ฾ูหญิงจะเป็นผู฾รับผิดชอบ เช฽น หุงข฾าวปลาอาหาร และทําสวน เล็กๆ นอ฾ ย ๆ อาชีพที่นิยมทํากัน ไดแ฾ ก฽ ทําไรข฽ ฾าว สว฽ นมากจะปลูกไว฾กินเอง เพราะว฽าชาวอาข฽าจะอย฽ูรวมกัน เป็นเครือญาติเป็นจํานวนมาก จึงต฾องทําไร฽เป็นเน้ือที่กว฾างๆ เพื่อให฾ทุกคนพอกิน ทําไร฽ ข฾าวโพด โดยทั่วไปชาวอาข฽าจะปลูกเพ่ือกินเอง และใช฾ในการเล้ียงสัตวแ นอกจากน้ันยังนํามาทําเป็น ยาสมุนไพร เพ่ือนํามาใช฾ในครัวเรือน พ้ืนท่ีในการทํานาทําไร฽ จะปลูกผัก และข฾าวสลับกันไป โดยส฽วนใหญน฽ ิยมปลกู ข฾าวมากกว฽า และในพ้ืนท่ีหน่ึงจะปลูกผักหลายๆ อย฽างรวมกัน และยังนิยมเลี้ยง สตั วแจาํ พวก หมู เปด็ ไก฽ แพะ สุนขั เปน็ ตน฾ เพ่ือใช฾บรโิ ภคและใช฾ในพธิ กี รรมทางศาสนา ส฽วนสัตวแที่เลี้ยง  9 จิราวรรณ ชัยยะ “การเปล่ียนแปลงและปรับตัวทางสังคมของชาวเขาเผ฽าอีก฾อ(อาข฽า) บ฾านผาหมี อําเภอแม฽สาย จังหวัดเชียงราย ” วิทยานิพนธมแ หาบัญฑติ ไทยคดศี ึกษา มหาวิทยาลยั นเรศวร.พษิ ณโุ ลก.2540. 41

ไวใ฾ ชง฾ าน ไดแ฾ ก฽ วัว ควาย ม฾า นอกจากน้ียังมีอาชีพรับจ฾างทั่วไป ในปใจจุบันชาวอาข฽าขาดท่ีทํากิน หรือ ท่ีทํากินไม฽พอเพียงกับจํานวนประชากรจึงทําให฾หลายครอบครัวต฾องหารายได฾ โดยการเข฾าไปรับจ฾าง ทาํ งานในตวั เมือง รบั จ฾างท่ัวไป หรือรบั จา฾ งทํางานให฾กับกรมปุาไม฾ เช฽น ปลูกปุา หรือเดินทางไปทํางาน ตา฽ งประเทศ เชน฽ ไต฾หวัน เกาหลีใต฾ เปน็ ตน฾ การกิน : ชาติพันธุแอ฽าข฽ามีอาหารเพียงไม฽ก่ีประเภท อาหารที่เป็นหลัก คือ ข฾าว ผัก และเนื้อ ชาวอา฽ ข฽ารับประทานขา฾ วจ฾าวทเ่ี ปน็ ข฾าวดอย ลกั ษณะเมล็ดสั้นปูอมมีสีข฽ุนลายแดงด฽าง เวลาหุงสุกจะมียาง เหนียวเลก็ น฾อย ชาวอ฽าขา฽ ไม฽นยิ มรับประทานข฾าวเหนียว กบั ขา฾ วที่เปน็ หลัก คือ ผักและเนื้อ ผักท่ีบริโภค มีหลายชนดิ ทงั้ ที่ปลูกเองและเกบ็ เอาจากปุา เช฽น ผักกาดไร฽ แตงกวา ฟใกทอง ฟใกเขียว มะเขือ หน฽อไม฾ ผกั กดู ผกั หนาม ชะอม ผกั กาด ผักกวางตุง฾ กระเทียม ฯลฯ ผักเหลา฽ น้ีจะนาํ มาแกง ต฾ม ผัด แอ็บ ปรุงรส ดว฾ ย เกลือ ชูรส และพรกิ ตามต฾องการ การบริโภคเนื้อสัตวแมเี ป็นคร้ังคราว เช฽น กรณีการเล้ียงประกอบ พธิ ีกรรมตา฽ ง ๆ งานแต฽งงาน งานศพ หรือมแี ขกพิเศษมาเยีย่ มเยือน หรอื ในกรณที มี่ กี ารหุน฾ กนั ซอื้ หมู วัว ควาย มาท้ังตัวมาฆ฽าและแบง฽ ปนใ กนั ในกรณีที่มีการล฽าสัตวแปุามาได฾ เช฽น นก ไก฽ปุา หมูปุา กระรอก หนู อีเก฾ง เม฽น อีเห็น หมี กวาง ฯลฯ หรือหาหนอนแมลงได฾มา เช฽น หนอนไม฾ไผ฽ แมลง ปลา ก฾ุงฝอย ชาวอาข฽าจะนําวัตถุดิบ เหล฽าน้ีมาปรุงอาหาร โดยมีวิธีการ ต฾ม ผัด ทอด แอ็บ ย฽าง น่ึง แล฾วปรุงรสโดย เกลือ พริก ชูรส การได฾มาของอาหารหรือวัตถุดิบ ในอดีตชาวอ฽าข฽าส฽วนใหญ฽สามารถผลิตหรือหามาได฾เอง มีเพียง ส฽วนน฾อยที่ต฾องซื้อจากภายนอกชุมชน ชาวอ฽าข฽าปลูกข฾าวเองเพ่ือการบริโภคภายในครัวเรือน ส฽วนอาหารประเภทผักได฾มาโดย ๓ วิธี คือ ปลูกเองในสวนครัวบริเวณบ฾าน หรือปลูกตามฤดูกาล ในไร฽ข฾าว ผักท่ีนิยมปลูก ได฾แก฽ หอมชู ผักกาดดอย ผักชีฝร่ัง ย่ีหร฽า ตะไคร฾ ขิง ผักกาด กระเทียม ฟใกเขียว ฟกใ ทอง แตง งา ถัว่ เหลอื ง ถว่ั ลสิ ง กล฾วย มันเทศ เผือก เป็นต฾น ผักบางชนิดหาได฾จากปุา เช฽น หน฽อไม฾ หยวกกล฾วยปาุ ผกั กูด ผกั หนาม เห็ด เปน็ ต฾น ชาวอา฽ ข฽าจะบริโภคอาหารตามฤดกู าลที่พชื ผกั ออก 42

การถนอมอาหาร ชาวอ฽าข฽ามีวิธีการถนอมอาหาร ๓ วิธี คือ การดอง หมักและรมควัน ผักท่ีนิยมนํามาดอง คือผักกาดเขียวไร฽ ผักก฽ุม ผักหนาม และหน฽อไม฾ วิธีดองก็ทําอย฽างง฽าย ๆ คือ ดองใสเ฽ กลือ (บางคนนิยมใส฽พรกิ และขา฾ วสารลงไปเล็กนอ฾ ยด฾วย) ในภาชนะกระบอกไม฾ไผ฽ใช฾ใบกล฾วยปุา ทําเป็นจุกปิดไว฾ หรือดองในโอ฽งกระเบื้องเคลือบขนาดกลาง ผักเหล฽าน้ันเม่ือดองทิ้งไว฾ประมาณ ๕-๑๐ วนั ก็สามารถรับประทานได฾ และสามารถเก็บไว฾ได฾เป็นเวลานาน ๆ หลายเดือน ชาวอ฽าข฽าร฾ูจักนํา ถั่วเหลืองต฾มสุกมาหมักกับเกลือคล฾ายเต฾าเจ้ียว เมื่อได฾ท่ีแล฾วก็นํามาสับให฾ละเอียดปรุงรสด฾วย ขิง พริก เกลอื ชูรส แลว฾ ทาํ เป็นแผ฽น ๆ ขนาดฝาุ มือผึง่ แดดให฾แหง฾ เรยี กวา฽ \"ถ่วั เน฽าแผ฽น\" เก็บไว฾สําหรับปรุงอาหาร หรือตาํ เปน็ นาํ้ พรกิ สําหรับจมิ้ ผัก นอกจากการดอง และหมักแล฾วชาวอ฽าข฽ายังมีวิธีการเก็บเน้ือ และปลา ท่เี หลอื จากบรโิ ภคโดยวิธกี รมควัน ชาวอ฽าข฽าไม฽รู฾จักการทําเน้ือเค็ม ปลาเค็ม ปลาร฾า ปลาเจ฽า แต฽จะเอา เนื้อหรอื ปลาไปแขวนหรือวางไว฾บนห้ิงเหนือเตาไฟ เพื่อให฾ได฾รับความร฾อนและควันไฟ ซ่ึงจะทําให฾เนื้อ แห฾งและเกบ็ ไว฾ได฾นานไมเ฽ นา฽ เป่อื ย (บางครงั้ อาจนาํ ไปนึง่ หรือต฾มให฾ใหส฾ ุกก฽อนแลว฾ นําไปไว฾บนหง้ิ ) ศาสนา พธิ กี รรม ความเชื่อ : ในอดตี ชาวอาข฽าอาข฽าไม฽มีคําว฽า “ศาสนา” แต฽มีคําว฽า “บัญญัติ อาขา฽ ” ซง่ึ ครอบคลุมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีและพิธีการทุกอย฽างในการดําเนินชีวิต มีความเช่ือ ในเรื่องผี โชคลาง และการเส่ียงทาย เป็นท่ีสุด ผีหรือ “แหนะ” ได฾เข฾ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของชาว อาข฽า มีผีดี เช฽น ผีบรรพบุรุษคอยให฾ความค฾ุมครอง ส฽วนผีร฾าย มักจะเป็นผีตายทั้งกลม ผีตายโหง ผีปุา และผีนํ้า ซึ่งชอบทําให฾คนเจ็บปุวย เหตุนี้เองอาข฽าจึงไม฽นิยมต฽อนํ้าเข฾าหม฽ูบ฾าน และไม฽ชอบอาบน้ํา ส฽วนผีปุาน้ันจะชอบหลอกหลอนคน และทําร฾ายคนในปุา พิธีกรรมของอาข฽ามีอยู฽ด฾วยกัน ๙ พิธี ได฾แก฽ พธิ ีข้นึ ปใี หม฽ พิธีเก่ยี วกบั การเกษตรก฽อนลงมือทําไร฽ พิธีทําประตูหมู฽บ฾าน พิธีบวงสรวงผีใหญ฽ พิธีเลี้ยงผี บ฽อนํา้ เพอ่ื ความอดุ มสมบูรณแของพืชไร฽ พิธีโล฾ชิงช฾า เพื่อระลึกถึงเทพธิดาผู฾ประทานความอุดมสมบูรณแ ให฾แก฽พืชผลท่ีกําลังงอกงาม พิธีกินข฾าวใหม฽จัดข้ึนเพื่อฉลองรวงข฾าวสุกและขอบคุณต฽อผีไร฽ พิธีไล฽ผี ออกจากหม฽บู า฾ น พธิ ีเลย้ี งผีบรรพบุรษุ แม฾อ฽าข฽าไม฽มีภาษาเขียน แต฽มีพิธีกรรมและประเพณี ที่อ฽าข฽าเรียกว฽า “แดะย฾อง ซี้ย฾อง” Daevq Zanr Xir Zanr ไม฽น฾อยกว฽า ๒๑ พิธีกรรม เป็นเครื่องมือดํารงชีพ มีสุภาษิต คําสอน เรียกว฽า “อ฽าข฽า ด฽อด฽า” Aqkaq Dawq daq มีกฎระเบียบ ข฾อบัญญัติ (กฎหมาย) เรียกว฽า “ย฿อง” Zanr ซึ่ง ทง้ั หมดเปน็ ท่มี าของการมศี าสนา ที่เรียกว฽า “อ฽าข฽ายอ฿ ง” Aqkaq Zanr ถือเปน็ คัมภีรแ ของชนเผ฽าอ฽าข฽า โดยมี ความเช่ือ ที่เรียกว฽า “นือ จอง” Nee Jan และนับถือองคแเทพต฽าง ๆ หลายองคแ อาทิเช฽น เทพ 43

แห฽งดิน เทพแห฽งน้ํา เทพแห฽งภูเขา ฯลฯ โดยมีองคแเทพสูงสุดเรียกว฽า “อ฽าเผ฽ว หมี่แย฾” Aq Poeq Miq Yaer เป็นท่เี คารพกราบไหว฾บชู ามาจนถึงปใจจุบัน10 ประเพณีของ ชนเผ฽าอ฽าข฽ามีความผูกพันเก่ียวโยงกับธรรมชาติและ สิ่ง แว ดล฾อมแทบท้ัง ส้ิน ประเพณีท่เี ปน็ ทร่ี ฾ูจักของบคุ คลทัว่ ไป ได฾แก฽ ประเพณี “ข่มึ สึ ข่ึมมี้ อ฽า เผ฽ว” (Khmq seevq khmq mir aq poeq) หรือประเพณีชนไข฽แดงเป็นการส฽งท฾ายปีเก฽าต฾อนรับปีใหม฽ และยังเป็นวันคล฾ายวันเด็กของ อ฽าข฽าอีกด฾วย มีขึ้นในช฽วงกลางเดือนเมษายน ประเพณี “แย฾ ขู฽ อ฽าเผ฽ว” (Year kuq aq poeq) หรือ ประเพณีโล฾ชิงช฾าเป็นการเฉลิมฉลองและขอพรจากเทพเจ฾าให฾พืชพันธุแธัญญาหารอุดมสมบูรณแ มขี นึ้ ในช฽วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต฾นเดอื นกนั ยายน ประเพณี “คะ ท฿อง อ฽าเผ฽ว”( Kar tanr aq poeq) หรือ “ปีใหม฽ลูกข฽าง” คือ พิธีเฉลิมฉลองการเปลี่ยนฤดูกาลทํามาเล้ียงชีพ มีขึ้นเป็นประจําทุกเดือน ธนั วาคมของทกุ ปี ท้ังน้ีการที่ชาวอาข฽าเป็นกล฽ุมชาติพันธุแท่ีมีพิธีกรรมเป็นจํานวนมาก จึงทําให฾ชาวอาข฽า ในบางพื้นท่ีเปล่ียนมานับถือศาสนาคริสตแ ซึ่งทําให฾ไม฽สามารถเข฾าร฽วมพิธีกรรมของชาวอาข฽า ได฾ อยา฽ งไรกต็ าม การมีความเชื่อ และศาสนาท่ีแตกต฽างกันกําลังเป็นสิ่งท่ีท฾าทายกับการสืบทอดวัฒนธรรม อาข฽า อย฽างในหม฽ูบ฾านแม฽ฮ฽างใต฾ อําเภองาว ชาวอาข฽ามีความเชื่อท่ีแตกต฽างกันแต฽ไม฽ก฽อให฾เกิด ความขัดแย฾ง โดยยังเป็นการช฽วยเหลือซึ่งกันและกันบนฐานความสัมพันธแเครือญาติ แต฽มีกฎท่ีปฏิบัติ แตกต฽างออกไป เช฽น ชาวอาข฽าท่ีเป็นคริสตแ เม่ือมีการประกอบพิธีกรรมช฽วงวันอาทิตยแแต฽สมาชิก ไม฽สามารถเข฾าร฽วมกิจกรรมได฾ ชาวอาข฽าคริสตแจะต฾องชดเชยเป็นอย฽างอื่น เช฽น ทํางานในช฽วงวันอ่ืน ทดแทนการที่ไม฽สามารถเขา฾ รว฽ มพิธีกรรมทโี่ บสถไแ ด฾ ในอดีตการประกอบพิธีกรรมของชาวอาข฽าในรอบปีมีจํานวนมาก แต฽ในปใจจุบันมีการลด พิธีกรรมต฽าง ๆ ลงเน่ืองจากภาวะทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการเปลี่ยนมานับถือศาสนา ครสิ ตแ โดยในอดตี จะมปี ระเพณีท่ีสาํ คัญดงั น้ี  ประเพณีปใี หม฽ลกู ข฽าง (คา฿ ทอ฾ ง อาเผ฽ว) ต฾นเดือนมกราคม  ประเพณไี ข฽แดง (ขึม่ สึขึ่มมี้ อาเผ฽วหรอื วนั เด็กชนเผาอาข฽า) ช฽วงเดอื นเมษายน (ยังคงมีพิธีนี้ อยใ฽ู นทุกชมุ ชน)  พิธีปลกู ประตูหมูบ฽ า฾ น (ล฾อ ข฽อง ดู฽-เออ) ชว฽ งเดอื นเมษายน  พธิ ีบชู าศาลพระภมู ิเจ฾าท่ี (ม้ีซอ฾ ง ล฾อ-เออ) ตน฾ เดอื นพฤษภาคม  การปลกู ขา฾ วครั้งแรก (แช฾ คา อาเผ฽ว) ปลายเดอื นพฤษภาคม  อยู฽กรรมให฾สตั วใแ นดนิ (บ฽เู ด฿ แจะ ลอง เออ) เดอื นมิถนุ ายน  อย฽กู รรมการกาํ จัดศตั รูขา฾ ว (เบว฽ โก฿ะ ลองเออ) เดอื นกรกฎาคม  ประเพณบี าํ รงุ ขวญั ข฾าว (ขึ่มผลี องเออ) เดอื นกรกฎาคม  ประเพณโี ลช฾ ิงชา฾ (แย฾ ข฽ู อาเผว฽ ) เดือนสงิ หาคม (ยังมอี ย฽ูในชมุ ชนแต฽วตั ถุประสงคแเปลี่ยนมา ใช฾ประโยชนใแ นด฾านการท฽องเที่ยวไม฽ใชเ฽ พ่อื การประกอบพธิ กี รรม)  ประเพณไี หวค฾ รขู องผ฾นู ําอาข฽า (ยอ ละ อาเผ฽ว) เดือนกนั ยายน  พิธีถอนขนไก฽ (ยา จจิ ิอาเผ฽ว) เดือนตุลาคม  10 สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. (2546). อาข฽า พิธีกรรม ความเช่ือ และความงาม กุศโลบายดํารงวิถีแห฽งชนเผ฽า. กรุงเทพฯ: สํานักงาน สกว. สาํ นักงานภาค. 44

 ประเพณีไลผ฽ ี (คา฿ แยะ อาเผ฽ว ) เดอื นตุลาคม  พธิ อี ยก฽ู รรมตัก๊ แตน (แจ บ฿อง ลอง เออ) เดอื นพฤศจิกายน  ประเพณีกินข฾าวใหม฽ (ยอพู นองหม่ือ เช฾ เออ) เดือนพฤศจิกายน(ยังคงมีพิธีน้ีอย฽ูในทุก ชุมชน)  พิธีทํากระบอกเหลาพธิ ี (แชส฾ ึ จ้บี า฽ ฉลี่ อ฾ เออ) เดอื นธนั วาคม  พธิ ีเกี่ยวข฾าวสุดท฾าย (บ฽อเยว แปยะ เออ) เดอื นธนั วาคม ประเพณีไข่แดง (ข่ึมสึ ข่ึมมี๊อ่าเผ่ว) : มีข้ึนภายหลังจากที่มีการอย฽ูกรรมจากการเผาไฟในไร฽ ช฽วงกลางเดือนเมษายน ตรงกับเดือนอาข฽า “ขึ่มสึ บาลา” อาข฽าจะประกอบพิธี “ข่ึมสึ ข่ึมมี้ อาเผ฽ว” เป็นประเพณีการส฽งท฾ายปีเก฽าต฾อนรับปีใหม฽ หรือเรียกอีกอย฽างว฽า ประเพณีปีใหม฽ชนไข฽ เนื่องจาก ประเพณีน้ีมีการนําไข฽มาใช฾ประกอบพิธี เด็ก ๆ จะมีการเล฽นชนไข฽ โดยการย฾อมเปลือกไข฽ให฾เป็นสีแดง และใสต฽ ะกร฾าหอ฾ ยไปมา เปน็ ประเพณีทมี่ ีมาช฾านาน ประเพณโี ลช้ ิงช้า (แย้ข่อู า่ เผว่ ) : ในอดีตจะมีการจดั ขึ้นทุก ๆ ปี ประมาณปลายเดือนสิงหาคม ถึงต฾นเดือนกันยายน ซ่ึงจะตรงกับช฽วงที่ผลผลิตกําลังงอกงาม และพร฾อมท่ีจะเก็บเกี่ยวในอีกไม฽ก่ีวัน ในระหว฽างน้ีอาขา฽ จะดายหญ฾าในไร฽ข฾าวเปน็ คร้ังสุดท฾าย หลังจากดายหญ฾าแล฾วก็รอการเก็บเกี่ยว ตรงกับ เดือนของอาข฽าคือ “ฉ฽อลาบาลา” ชนเผ฽าอาข฽าถือว฽าประเพณีน้ีเป็นพิธีกรรมท่ีมีคุณค฽ามากด฾วย ภูมิปใญญาท่ีใช฾ในการส฽งเสริมความร฾ูแล฾ว ยังเกี่ยวพันกับการดํารงชีวิตประจําวันของชนเผ฽าอาข฽า อีกมากมาย ท้ังยังเป็นประเพณีท่ีให฾ความสําคัญกับผู฾หญิง ผู฾หญิงอาข฽าจะพร฾อมใจกันแต฽งกายด฾วย เครื่องทรงตา฽ ง ๆ อยา฽ งสวยงามเป็นกรณีพิเศษในเทศกาลน้ี เพือ่ ยกระดบั ชน้ั วยั สาวตามข้นั ตอน แสดงให฾ คนในชมุ ชนไดเ฾ หน็ พร฾อมทงั้ ขน้ึ โล฾ชิงช฾า และรอ฾ งเพลงทงั้ ลักษณะเดี่ยวและคู฽ ในการจัดประเพณีโล฾ชิงช฾า แต฽ละปีของอาข฽า จะต฾องมีฝนตกลงมา ถ฾าปีไหนเกิดฝนไม฽ตก อาข฽าถือว฽าไม฽ดี ผลผลิตที่ออกมาจะไม฽ งอกงาม ซึ่งในปใจจุบันในชุมชนชาวอาข฽าที่ถือคริสตแจะไม฽ได฾ประกอบพิธีกรรมนี้แล฾ว แต฽ยังมีการสร฾าง ชิงช฾าเพือ่ ใชจ฾ ดั แสดงใหแ฾ ก฽นักทอ฽ งเที่ยวและผ฾มู าเยยี่ มเยอื น ปีใหม่ลูกข่าง (ค๊าท้องอ่าเผ่ว) : เป็นประเพณีเปลี่ยนฤดูกาลทํามาเล้ียงชีพ จัดขึ้นประมาณ เดือนธนั วาคมของทกุ ปี ตรงกบั เดอื นอาข฽า คือ “ท฾องลาบาลา” คนทั่วไปนิยมเรียกประเพณีนี้ว฽า ปีใหม฽ ลูกข฽าง ประเพณีน้ีมีประวัติเล฽ากันมาว฽า เป็นประเพณีท่ีแสดงให฾เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลทํามาหากิน ซึ่งภายหลังจากท่ีมีการเก็บเกี่ยวพืชพันธุแจากท฾องไร฽นาเสร็จแล฾ว ก็จะเข฾าส฽ูฤดูแห฽งการพักผ฽อน ถือเป็น 45

ประเพณีของผูช฾ าย โดยผ฾ูชายท้ังเด็ก และผู฾ใหญ฽ จะมีการทําลูกข฽าง “ฉ฽อง” แล฾วมีการละเล฽นแข฽งตีกัน เพื่อฉลองการเปลี่ยนแปลงวัยท่ีมีอายุมากขึ้น พร฾อมท้ังชุมชนแต฽ละครัวเรือน ก็จะมีการแลกเปลี่ยน ด่ืมเหล฾ากันในชุมชน ดังสุภาษิตที่ว฽า “ค฿าท฾องจ้ีฉี่” แปลว฽า ประเพณียกเหล฾า ฉะน้ัน ในประเพณีนี้ ถ฾าหากมีคนเมาเหล฾าก็ถือว฽าเป็นเร่ืองปกติ และเป็นการเริ่มต฾นกินข฾าวที่เก็บไว฾ในฉางข฾าว ส฽วนผู฾หญิง ก็จะมกี ารเล฽นสะบา฾ ในลานชุมชน ความเช่ือ สงิ่ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิในหมบู่ า้ นในอดตี ประกอบด฾วย ประตหู ม฽บู ฾าน (ลกข฽อ) เป็นประตูทางเข฾าหมู฽บ฾านทั้งด฾านหน฾าและด฾านหลัง ประตูหมู฽บ฾านหรือ ประตูผีน้ีเป็นส่ิงศักดิ์สิทธ์ิท่ีสุดประจําหมู฽บ฾านอาข฽า ห฾ามจับหรือแตะต฾องท้ังคนนอกเผ฽าหรือคนในเผ฽า ยกเวน฾ วนั ที่สร฾างประตูหม฽บู า฾ นซ่ึงประตูหม฽ูบ฾านน้ีจะจดั ทําเพม่ิ ข้ึนใหม฽ทุก ๆ ปี ศาลผี (หมิซา ลอเอ฿อะ) จะตั้งอย฽ูในปุาใกล฾หม฽ูบ฾าน แต฽อย฽ูนอกเขตประตูหม฽ูบ฾าน ชาวบ฾าน สรา฾ งไว฾เพื่อเปน็ ทีพ่ กั อาศยั ของผปี าุ เพอื่ ปอู งกนั ไม฽ให฾ผปี ุาเข฾าไปพกั อาศยั ในหมู฽บา฾ น ชงิ ช฾า (หละซา) เป็นเอกลักษณะเฉพาะเผ฽าอาข฽า ชิงข฾าจะตั้งอย฽ูใกล฾ ๆ ประตูหมู฽บ฾าน สร฾างขึ้น เพ่อื บชู าเทพเจ฾าท่ปี ระทานความอดุ สมบรู ณใแ หแ฾ กห฽ มู฽บ฾าน ทุก ๆ ปีจะมีพิธีโล฾ชิงช฾าเพ่ือบวงสรวงเทพเจ฾า ปีละครัง้ ระหวา฽ งเดอื นสงิ หาคมถึงเดอื นกันยายน บอ฽ น้าํ ประจาํ หม฽ูบา฾ น (หละด฽ู) เป็นบอ฽ นํ้าศักด์ิสิทธิ์ ทกุ หมูบ฽ า฾ นจะต฾องมีบ฽อน้ําอย฽างน฾อยหม฽ูบ฾าน ละ ๑ บอ฽ เพอ่ื ทาํ พธิ ีเล้ยี งผบี อ฽ น้าํ กอ฽ นลงมือทําไรท฽ กุ ๆ ปี ความเช่ือจากการเส่ียงทายกระดูกสัตว์ : กล฽าวถึงความเช่ือเร่ืองโชคลางและการทํานายของ กล฽ุมชาติพนั ธแุอาขา฽ วา฽ หากเป็นหมจู ะทํานายโดยการสังเกตดูตับ หากเป็นไก฽จะดูกระดูก การทํานายจะ ทําโดยผ฾ูอาวุโสที่มีความร฾ูเท฽าน้ัน เช฽น การดูตับหมูในพิธีแต฽งงาน เพื่อทํานายว฽าค฽ูสามีภรรยาจะอย฽ู ร฽วมกันอย฽างราบรื่นหรือขัดแย฾ง ลูกหลานเป็นอย฽างไร มีความเจริญรุ฽งเรืองหรือไม฽ หรือกรณีคนเดิน ทางไกลจะทาํ พิธีฆา฽ ไก฽ และดูกระดกู ขาไก฽ กระดูกกรามไก฽ ถ฾าหากผลการทํานายไม฽ดีจะงดการเดินทาง ทันที อาจกล฽าวได฾ว฽าวัฒนธรรมในการดํารงชีวิตของกลุ฽มชาติพันธแุอาข฽าระหว฽างคนกับสัตวแที่ถ฽ายทอด ผ฽านเรอื่ งเลา฽ ของกล฽มุ ชาติพนั ธแุอาข฽า ท่ีเห็นได฾ชัดเจนที่สุดก็คือเร่ืองการเลี้ยงสัตวแ โดยเฉพาะไก฽ และหมู ถือเปน็ วัตถุดบิ ในการประกอบอาหาร เป็นเครือ่ งเซ฽นไหว฾ในพิธีกรรม อีกท้ังยงั แสดงถึงความเชื่อและการ ทาํ นายได฾ 11 งานหัตถกรรมปกั ผา้ : การปใกผ฾าของชาวอาข฽าได฾จนิ ตนาการลวดลายมาจากวิถีชีวิตประจําวัน ของตนเอง และอีกสว฽ นหน่ึงไดร฾ ับการถา฽ ยทอดวธิ กี ารปกใ ผ฾ามาจากบรรพบุรุษ ชาวอาข฽าส฽วนใหญ฽จะปใก ผ฾าเพ่ือสวมใส฽เอง เนื่องจากการปใกผ฾าเป็นงานฝีมือ ต฾องใช฾เวลาในการปใกนาน ลายปใกมีความละเอียด ประณีต จึงทําให฾มีราคาแพง ผ฾ูหญิงจะปใกเสื้อผ฾าให฾คนในครอบครัว และปใกเพื่อสวมใส฽เอง ชาวอาข฽า ให฾ความสําคัญกับชุดประจําเผ฽า ประกอบไปด฾วย เส้ือกระโปรง หรือกางเกง ผ฾ารัดน฽อง เข็มขัด และหมวก ซ่งึ หมวกจะนิยมใช฾เพยี งใบเดียวตลอดช่ัวชีวิต โดยเฉพาะหมวกทที่ ําจากเครอ่ื งเงินแท฾ มีราคา แพง และไม฽สามารถประเมินราคาได฾ ในปใจจุบันผู฾หญิงอาข฽าไม฽ได฾ปใกผ฾าใช฾เองเน่ืองจากต฾องใช฾เวลา ส฽วนใหญ฽ในการทําไร฽ ทําสวน จึงไม฽มีเวลาปใกผ฾า และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ เสื้อผ฾าท่ีซ้ือมีราคาถูกกว฽า เย็บเอง จงึ ซือ้ ลายที่ปกใ สําเร็จมาใช฾และตกแต฽งวสั ดุอื่น ๆ เพิม่ เตมิ เพือ่ ให฾เกิดความสวยงาม  11 ชนเผา฽ ชาวดอย. (2554). สบื ค฾นเมื่อ 28 กนั ยายน 2563, จาก http://akha.hilltribe.org/thai/ 46

ลวดลายผ฾าปใกท่ีเป็นเอกลักษณแของชาวอาข฽าแบ฽งออกเป็น ๓ ประเภท ได฾แก฽ ลายพ้ืนฐาน ลายปใกแบบด้ังเดิม และลายปใกแบบประยุกตแ ซ่ึงลายพื้นฐานเป็นลายปใกสําหรับผ฾ูท่ีฝึกหัดปใกผ฾าขั้นต฾น ท่จี ําเป็นต฾องเรียนรู฾ ได฾แก฽ ลายเสน฾ ตรง ลายกากบาท ลายก฾างปลา ลายซิกแซกรูปสามเหล่ียมชี้ขึ้น และ ลายซิกแซกรูปสามเหลี่ยมช้ีลง ส฽วนลายปใกแบบด้ังเดิมเป็นลวดลายที่ได฾สืบทอดวิธีการปใกมาจาก บรรพบุรุษ ได฾แก฽ ลายปีกผีเส้ือ ลายปีกผีเส้ือข฾างเดียว และลายหนวดผีเส้ือ ซึ่งกลุ฽มลายประเภทนี้ ใช฾เทคนิคการปใกเฉพาะ ส฽วนลายแบบด้ังเดิมอ่ืน ๆ ใช฾เทคนิคการปใกแบบครอสติส ได฾แก฽ ลายภูเขา ลายหนวดผเี ส้ือแบบปใก ลายดอกดาวเรือง ลายสามเหล่ียมชนกัน และลายสามเหลี่ยม สําหรับลายปใก แบบประยุกตแ เป็นลวดลายที่ผสมผสานระหว฽างลวดลายเดิมและลวดลายใหม฽ ท่ีพัฒนาขึ้นมาจากส่ิงที่ พบเห็นในชีวิตประจําวัน ได฾แก฽ ลายสามเหล่ียมใบพัด ลายดอกไม฾ ลายลูกศร ลายรอยเท฾าสุนัข ลายใบเฟริ แน ลายก฾นกบ ลายหวั ใจ และลายหมวกผชู฾ ายอาข฽า การเลือกใช฾สีในการปใกผ฾า ชาวอาข฽านิยม ใช฾สีแดงเป็นสีหลัก เนื่องจากสีแดงเป็นสีตัดกันกับผ฾าสีดําท่ีเป็นผ฾าพื้น อย฽างไรก็ตามลวดลายและสีสัน ของผ฾าปใกอาข฽าอาจมีผิดเพี้ยนจากในอดีตบ฾างเล็กน฾อย ท้ังนี้ข้ึนอย฽ูกับวัสดุแต฽ละชนิดที่ผ฾ูปใกนํามาปใก ลวดลาย12 ซงึ่ สันนษิ ฐานวา฽ สาเหตุของการนําลวดลายอ่ืนมาปใกร฽วม เน่ืองจากสังคมปใจจุบันมีการผสม กลมกลืนทางวัฒนธรรม ก฽อใหเ฾ กิดความเปล่ยี นแปลงแบบแผนวัฒนธรรมด้ังเดิมในทส่ี ุด13 มรดกทางวัฒนธรรม : ชนเผา฽ อ฽าขา฽ เป็นชนเผา฽ หนงึ่ ท่มี มี รดกทางวัฒนธรรมท่ีดีงามและมีคุณค฽า ทัง้ ทีเ่ ปน็ รปู ธรรม และนามธรรม ในรูปแบบของแนวคิด และแนวทางปฏิบัติมากมาย เช฽น ศาสนสถาน โครงสร฾างการปกครอง ความเชื่อในการจัดตั้งชุมชน การสร฾างบ฾านเรือน การเลือกพ้ืนท่ีเพาะปลูก การเลอื กคูค฽ รอง กระบวนการผลิตเครอื่ งน฽ุงหม฽ ศิลปะการแสดง ศลิ ปะในการปรงุ อาหาร การรักษาและ บําบัดโรคด฾วยสมุนไพรและพิธีกรรม ภาษา และการแต฽งกาย ฯลฯ โดยมีการสืบทอดถ฽ายทอดจากร฽ุน สรู฽ ฽ุนผ฽านกระบวนการเรยี นรตู฾ ามวิถชี วี ติ สรุปการดาํ รงรักษาไว฾ซึง่ วัฒนธรรมของอ฽าข฽าทีด่ ีงามนั้น นับวนั ยิ่งยากมากขึ้น ด฾วยปใจจัยต฽าง ๆ มากมาย ที่ทําให฾เกิดการเปล่ียนแปลง เช฽น การเปล่ียนแปลงทางสังคม การศึกษา กฎหมาย ค฽านิยม ศาสนา และความเช่ือ ฯลฯ ส่ิงเหล฽านี้สง฽ ผลกระทบท้ังทางบวกและทางลบต฽อการเปลี่ยนแปลงและการ สูญสลายของวิถีชีวิต องคแความร฾ูภูมิปใญญา และวัฒนธรรม เช฽น คนร฽ุนใหม฽ได฾รับการศึกษาท่ีสูงขึ้น  12 จินตนา อินภกั ดี “การศึกษาลายผ้าปักชาวเขาเผ่าอาข่า เพ่ือถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนบ้านห้วยโป่ง ตาบลหัวช้าง อาเภอแม่แตง จังหวัด เชียงใหม่”. 2560. http://www.research.cmru.ac.th/research59 13 ทพิ วลั ยแ อนิ นนั ทนานนทแ “วัฒนธรรมชนเผา่ อาขา่ กับเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์” วารสารศิลปะศาสตรวแ ชิ าการ,2557. 47

ได฾เข฾าถึงความเจริญมากข้ึน แต฽ในทางกลับกันองคแความรู฾ภูมิปใญญา ความเป็นอัตลักษณแตัวตนกลับ ลดลง ทาํ ให฾วฒั นธรรมชนเผ฽าแบบเดิมที่เคยมีมาได฾เริ่มเลือนหายไปพร฾อมกับชนร฽ุนหลังท่ีพัฒนาตนเอง กลายเป็นคนเมืองมีวิถีชีวิตแบบคนเมือง จนปใจจุบันชาวอาข฽าได฾ผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมแทบจะ ไม฽แตกต฽างจากคนในเมอื งเลย 48

๒.๒ กลุม่ ชาติพันธ์ุไทลอ้ื ในจงั หวัดลาปาง ๒.๒.๑ ประวตั คิ วามเป็นมาและการเคลื่อนย้าย เดมิ ชาวลื้อ หรือไทล้อื มถี นิ่ ที่อยู่บรเิ วณ เมืองล้ือหลวง จีนเรียกว่า “ลือแจง” ต่อมาได้เคล่ือนย้าย ลงมาอยบู่ รเิ วณเมอื งหนองแส หรือที่เรียกว่าคุนหมิงในปัจจุบัน แล้วย้ายลงมาสู่ลุ่มน้าน้าโขง สิบสองปันนา ในปัจจบุ ัน ประมาณศตวรรษท่ี ๑๒ จึงเกิดมีวรี บุรุษชาวไทลื้อช่ือ เจ้าเจ๋ืองหาญ ได้รวบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ในสิบสองปันนาปัจจุบันตง้ั เปน็ อาณาจกั รแจล่ ือ้ (เซอล่)ี โดยได้ตงั้ ศนู ยอ์ า้ นาจการปกครองปกครองเอาไว้ ที่หอค้าเชียงรุ่ง ระยะเวลานาน ๗๙๐ ปี ต่อมาถึงสมัยเจ้าอิ่นเมืองครองราชในปี ค.ศ. ๑๕๗๙ - ๑๕๘๓ (พ.ศ. ๒๑๒๒ - ๒๑๒๖) ได้แบ่งเขตการปกครองเป็นสิบสองหัวเมือง แต่ละหัวเมืองให้มีที่ท้านา ๑,๐๐๐ หาบข้าว (เชื้อพันธ์ุข้าว) ต่อนาหน่ึงท่ี/หน่ึงหัวเมือง (ที่มาของค้าว่าสิบสองพันนาอ่านออกเสียงเป็น “สิบสองปนั นา”)14 จึงเป็นทม่ี าจนถึงปจั จุบัน ชาวไทล้ืออาศัยอยู่สองฝ่ังแม่น้าโขง คือ ด้านตะวันออกและตะวันตกของแม่น้า มีเมืองต่าง ๆ ดงั น้ี ภาษาไทล้ือ ได้กล่าวไว้ว่า ห้าเมิงตะวันตก หกเมิงตะวันออก รวมเจงฮุ่ง (เชียงรุ่ง) เป็น ๑๒ ปันนา และทัง้ ๑๒ ปนั นานน้ั ประกอบด้วยเมอื งใหญน่ ้อยต่าง ๆ เช่น  ฝั่งตะวันตก : เชียงรุ่ง, เมืองฮ้า, เมืองแช่, เมืองลู, เมืองออง, เมืองลวง, เมืองหุน, เมือง พาน, เมอื งเชียงเจิง, เมอื งฮาย, เมืองเชียงลอ และเมืองมาง  ฝ่ังตะวันออก : เมืองล่า, เมืองบาน, เมืองแวน, เมืองฮิง, เมืองปาง, เมืองลา, เมืองวัง, เมอื งพง, เมืองหย่วน, เมอื งมาง และเมอื งเชียงทอง การขยายตัวของชาวไทลื้อสมัยรัชกาลที่ ๒๔ เจ้าอินเมืองได้เข้าตีเมืองแถน เชียงตุง เชียงแสน และ ล้านช้าง กอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น พร้อมท้ังต้ังหัวเมืองไทลื้อเป็นสิบสองเขต เรียกว่า สิบสองปันนา และในยุคนี้ได้มีการอพยพชาวไทล้ือบางส่วนเพ่ือไปตั้งบ้านเรือนปกครองหัวเมืองประเทศราชเหล่านั้น จึงท้าให้เกิดการกระจายตัวของชาวไทล้ือ ในลุ่มน้าโขงตอนกลาง (รัฐฉานปัจจุบัน) อันประกอบด้วย 14 ประชนั รกั พงษ์ และคณะ,การศกึ ษาหมบู่ า้ นไทลื้อในจังหวดั ล้าปาง,ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ศนู ยว์ ฒั นธรรมจังหวัดล้าปาง วทิ ยาลยั ครลู า้ ปาง,2535. 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook