Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore eBook_compressed

eBook_compressed

Published by baningpoo, 2022-07-06 02:42:22

Description: eBook_compressed

Search

Read the Text Version

เมืองยู฾ เมอื งยอง เมืองหลวย เมืองเชยี งแขง เมืองเชียงลาบ เมอื งเลน เมืองพะยาก เมืองไฮ เมืองโก และ เมืองเชียงทอง หรือ หลวงพระบาง (ล฾านช฾าง) เมืองแถน (เดียนเบียนฟู) ซึ่งบางเมืองในแถบนี้เป็นถ่ิน ทอ่ี ย฽ขู องชาวไทลือ้ อยแ฽ู ลว฾ เช฽น อาณาจกั รเชยี งแขง ซึ่งประกอบด฾วย เมืองเชียงแขง เมืองยู฾ เมืองหลวย เมอื งเชียงกก เมอื งเชยี งลาบ เมอื งกลาง เมืองลอง เมอื งอาน เมอื งพเู ลา เมืองเชียงดาว เมอื งสิง เป็นต฾น15 ชาวไทลื้อบางส฽วนได฾อพยพหรือถูกกวาดต฾อนออกจากเมืองเหล฽านี้เมื่อประมาณหน่ึงร฾อยถึง สองร฾อยปีที่ผา฽ นมา แลว฾ ลงมาตั้งถนิ่ ฐานใหมใ฽ นประเทศตอนลา฽ ง เชน฽ พม฽า, ลาว และไทย ในสมัยรัชกาล ท่ี ๑ เจา฾ ฟาู อัตถวรปใญโญ (เจ฾าผ฾คู รองนครน฽าน) และเจ฾าสุมนเทวราช (เจ฾าผ฾ูครองนครน฽าน) ยกกองทัพ ข้ึนไปกวาดต฾อนชาวไทลอื้ จากสิบสองปนใ นามายงั เมืองน฽าน และเมืองบางส฽วนในประเทศลาว และต฽อมา ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ เจ฾าสุริยะพงษแ (เจ฾าผ฾ูครองนครน฽าน) ก็ได฾ยกกองทัพขึ้นไปกวาดต฾อนชาวไทลื้อจาก สบิ สองปนใ นามายังเมืองนา฽ น สําหรบั ไทลื้อในจังหวัดลําปาง พบก฽อตั้งบ฾านเรือนชุมชนอย฽ูในตําบลกล฾วยแพะ อําเภอเมืองลําปาง จังหวัดลําปาง มี ๕ หมู฽บ฾านได฾แก฽ บ฾านกล฾วยหลวง บ฾านกล฾วยแพะ บ฾านกล฾วยม฽วง บา฾ นกลว฾ ยกลาง บา฾ นกลว฾ ยฝาย และบางส฽วนในอําเภอแม฽ทะ จงั หวัดลาํ ปาง กล฽าวกนั ว฽าการเคล่อื นยา฾ ยระลอกตา฽ ง ๆ เข฾าส฽ูดินแดนลา฾ นนา ระลอกแรก ๆ เขา฾ มาสมัยล฾านนา มีการระบุว฽า มีชาวไทลื้อเคลื่อนย฾ายเข฾ามาสู฽เชียงใหม฽บริเวณ ตําบลลวงเหนือ อําเภอดอยสะเก็ด ในตงั้ แต฽สมัยพระเจ฾าสามฝใ่งแกน (พ.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๘๔) ระลอกที่สอง ยุคเก็บผักใส฽ซ฾า เก็บข฾าใส฽เมือง ราว พ.ศ. ๒๓๔๘ พระเจ฾ากาวิละไดน฾ าํ กองทัพไปตีเมืองยองและหัวเมืองล้ือในสิบสองปในนา ในช฽วงน้ัน ยังไม฽ได฾ฟ้ืนฟูต้ังเมืองลําพูนขึ้นมา หลังจากพาเจ฾าเมืองประเทศราชดังกล฽าวไปเฝูารัชกาลที่ ๑ ทรงมี พระราชกระแสรับสั่งให฾เจ฾าคําฝ้ใน อุปราชเมืองเชียงใหม฽ และเจ฾าศรีบุญมา อุปราชเมืองนครลําปาง ร฽วมกับชาวไทลื้อเมอื งยอง ไปฟ้ืนเมืองลําพูน[๙] ครอบครัวชาวยองส฽วนใหญ฽จึงม฽ุงไปลําพูน อีกส฽วนได฾ เข฾าสู฽เมืองนครลําปาง ระลอกท่ีสาม ยุคลี้ภัยการเมืองคอมมิวนิสตแ เข฾ามาในสมัยหลัง ๆ เพ่ือแสวงหา พ้ืนที่ทํากินที่เหมาะสม ส฽ูเมืองนครลําปาง ในช฽วงเวลาที่ชาวไทล้ือเคล่ือนย฾ายมาตั้งถิ่นอยู฽ท่ีเมือง นครลาํ ปางนน้ั ตรงกบั สมยั พระเจ฾าดวงทิพยแ เป็นเจ฾าผ฾ูครองนครลําปาง (พ.ศ.๒๓๓๗ - ๒๓๖๘) ซึ่งก็ให฾ อนุญาตอย฽ูในเมืองระยะหน่ึง ก฽อนที่จะขอย฾ายไปตั้งทําเลใหม฽ในบริเวณที่ตั้งปใจจุบัน มีคําบอกเล฽าถึง บรรยากาศการเคลื่อนย฾ายดังกล฽าวจากผ฾ูสูงอายุในทํานองว฽า ครอบครัวมาจากเมืองยอง เม่ือมาถึง เชียงรายแลว฾ แยกกนั มา ๗ ครอบครัว มาพักอย฽ูทเ่ี มืองนครลําปาง โดยท่ีเจา฾ หลวงทดลองใจดู โดยท้ิงเงิน ทองของมีค฽าไว฾ แต฽ปรากฏว฽าไม฽มีใครแตะต฾อง ต฽อมามีการถามความสมัครใจหมู฽บ฾านต฽าง ๆ ในการรับ ชาวไทล้ือไปอยด฽ู ว฾ ย แควน฽ (ผู฾นําหมู฽บ฾าน) ตําบลนาคต ยินดีที่รับไปอยู฽ด฾วย แต฽ระหว฽างการเดินทางนั้น ไดม฾ าเจอหนองบวั ใกล฾ ๆ ห฾วยแมป฽ ุง ดทู ฽าทางมีการกินสมบูรณแ สองฝใ่งของลําห฾วยมีปุากล฾วยขนาดใหญ฽ ขนึ้ งอกงามจึงตดั สินใจต้ังบ฾านเรอื นท่นี ี่ เรมิ่ ต฾นจากบ฾านกล฾วยหลวงน่นั เอง16 โดยพ้ืนท่ีที่ถูกเลือกในการสร฾างชุมชน ผู฾นําจะเลือกลักษณะพ้ืนที่เป็นที่ราบสูงมีต฾นไม฾ใหญ฽จะ ปลกู ในบริเวณหมู฽บ฾าน จึงทําให฾มองเหน็ หมูบ฽ ฾านอย฽ูรวมกันเป็นกลุ฽ม ๆ อย฽างชัดเจน ล฾อมรอบด฾วยทุ฽งนา และปุาละเมาะ เช฽นเดียวกับหมู฽บ฾านในภาคเหนือของไทย ตําบลกล฾วยแพะ มีภูเขาอย฽ูทางด฾าน ตะวัน ออก ช่ือวา฽ ดอยม฽วงคาํ เปน็ ตน฾ กําเนิดของหว฾ ยแมป฽ งุ ซึ่งไหลผ฽านหมู฽บ฾านไทล้ือ เรือนพักอาศัยของไทล้ือ มลี กั ษณะรูปทรงเหมือนบ฾านเรือนในภาคเหนือโดยทั่วไป ซึ่งแบ฽งออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ เรือนร฽ุนเก฽า  15 ชาวลอ้ื https://th.wikipedia.org/wiki 16 ธิดารตั นแ ไชยยาสบื , ชาวไทล้ือลาํ ปาง ใน ฮ฾ูคงิ …ฮคู฾ นลําปาง,ลาํ ปาง : บรรณกิจการพมิ พแ. 2548. 50

โดยทวั่ ไปจะเป็นเรอื นไม฾สกั ใต฾ถุนสูง หลังคาจวั่ จะหันหน฾าจั่วไปในแนวทิศเหนือหรือใต฾ตัวเรือนจะมี ๑ หรือ ๒ หอ฾ งนอน ถา฾ เป็นเรอื นไมข฾ นาดใหญ฽จะมชี านโลง฽ มีท่นี ง่ั พักผอ฽ นและรับแขก เรยี กว฽า เติ๋น อยู฽ทาง ทิศเหนือหรือใต฾ของห฾องนอน มีชานอย฽ูระหว฽างเต๋ินและครัวใช฾เป็นท่ีซักล฾าง ส฽วนใหญ฽จะอยู฽ทางทิศ ตะวันตกของเรือน ลกั ษณะของเรอื นเหน็ ไดช฾ ดั ว฽าไดร฾ ับอิทธิพลจากเรือนทางภาคเหนือท่ัวไป แต฽พัฒนา เต๋ิน หรือระเบียงท่ีมีหลังคาปิดคลุมให฾มีผนังปิดกั้นมิดชิดขึ้นเพื่อปูองกันทรัพยแสิน เรือนแบบเก฽าท่ี ปรากฏอยใ฽ู นปจใ จบุ นั พบทีบ่ า฾ นกล฾วยกลาง ตาํ บลกล฾วยแพะ อาํ เภอเมืองลาํ ปาง จังหวัดลําปาง มีจํานวน ๓ หลงั อายุประมาณ ๗๐ ปีขน้ึ ไป ลักษณะเด฽นของเรือนดังกล฽าวได฾แก฽การก฽อสร฾างใช฾เทคนิคแบบโบราณ ใช฾เดือยและล่ิมยึด เป็นส฽วนใหญ฽ ไม฽ใช฾น็อตหรือตะปู เรือนร฽ุนปใจจุบัน เป็นเรือนพักอาศัยของไทล้ือตําบลกล฾วยแพะ ท่ีปรากฏในปใจจุบัน ยังคงรูปทรงเรือนปใ้นหยาเดิมของไทล้ือ แต฽ได฾นํามาผสมผสานกับลักษณะ เรือนลา฾ นนาของทอ฾ งถ่ิน สรา฾ งดว฾ ยไมส฾ กั ทงั้ หลงั ไมน฽ ยิ มทาสี จะโชวแสีของไมส฾ ักหรืออาจจะทาน้ํามันเพ่ือ รกั ษาเนือ้ ไมเ฾ ทา฽ น้ัน เสาใชเ฾ สาคอนนกรีตเสริมเหล็กแทนไม฾ทั้งต฾น เรือนมักจะสร฾างขนาดใหญ฽ฝาปิดทึบ และมีหน฾าตา฽ งโดยรอบตามความจาํ เปน็ บันไดหรือทางข้ึนลงจะอยู฽นอกตัวเรือน ชายคาตรงบันไดนิยม ทาํ ไมต฾ ใี นแนวตั้งห฾อยลงมา ทําเป็นลายฉลุประดับทางข้ึนเรือน เรือนไทล้ือร฽ุนหลังจะแบ฽งแยกระหว฽าง ภายในเรือนกับภายนอกเรือนออกจากกันค฽อนข฾างชัดเจน ต฽างจากเรือนล฾านนาโบราณ ทั้งน้ีก็เพ่ือ ปอู งกันทรัพยแสิน การก฽อสรา฾ งสว฽ นใหญ฽เปน็ เรือนใต฾ถุนสูง จะเปิดโล฽งไว฾เพื่อทําร฾านไว฾พักผ฽อนในฤดูร฾อน หรือมกี จิ กรรมทีเ่ ป็นอาชพี เสริม ปใจจบุ นั ชมุ ชนใหญข฽ องไทล้อื ในจงั หวัดลําปาง จะอยู฽ที่ตําบลกล฾วยแพะ ซึ่งมีอย฽ู ๕ หมู฽บ฾าน คือ บา฾ นกลว฾ ยหลวง หม฽ทู ่ี ๑ เปน็ หม฽บู ฾านแห฽งแรกท่ีไทลอ้ื อพยพเข฾ามาต้ังถิ่นฐาน อย฽ูห฽างจากตัวเมืองลําปาง ประมาณ ๘ กิโลเมตร ปใจจุบนั มี ๖๘๗ ครัวเรือน มปี ระชากร ๒,๗๕๒ คน บ฾านกล฾วยแพะ หม฽ูที่ ๒ เป็น หมบู฽ า฾ นท่ขี ยายตวั ออกไปภายหลงั อยู฽ทางทิศใตข฾ องบ฾านกลว฾ ยหลวงราว ๒ กิโลเมตร ตดิ กับอําเภอแม฽ทะ มี ๕๔๘ หลังคาเรือน มปี ระชากร ๒,๔๖๑ คน เป็นท่ีตั้งของท่ีทําการกํานัน ตําบลกล฾วยแพะ บ฾านม฽วง หมู฽ท่ี ๓ เป็นหม฽ูบ฾านที่แยกไปจากบ฾านกล฾วยกลางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต฾ อยู฽ห฽างจากบ฾านกล฾วยหลวงไป ประมาณ ๓ กโิ ลเมตร มี ๓๒๔ หลงั คาเรือน มีประชากร ๑,๒๕๕ คน บ฾านหัวฝาย หม฽ูที่ ๔ เป็นหม฽ูบ฾าน ท่แี ยกไปต้งั หมบ฽ู า฾ นจากบ฾านกล฾วยหลวงไปทางทิศตะวันออก เปน็ ท่ตี ้งั ของฝายน้ําแม฽ปุง มี ๔๐๙ หลังคา เรือน มีประชากร ๑,๗๓๗ คน นายสะอาด อินนันไชย เป็นผู฾ใหญ฽บ฾าน บ฾านกล฾วยกลาง หม฽ูที่ ๕ ตั้งอยู฽ ตรงกลางระหวา฽ งหมูบ฽ ฾านกลว฾ ยหลวง บ฾านม฽วง และบ฾านกล฾วยแพะ อย฽ูห฽างจากบ฾านกล฾วยหลวง ๑ กิโลเมตร ปใจจบุ ันมจี ํานวน ๓๐๖ หลงั คาเรอื น มีประชากร ๑,๒๐๖ คน มีผใู฾ หญ฽บา฾ นช่ือ นายตาม หอมแก฽นจันทรแ นอกจากนี้ ยังมีไทลื้ออีก ๒ หมู฽บ฾านในบริเวณใกล฾เคียงกัน คือ บ฾านแม฽ปุง และบ฾านฮ฽องห฾า อยู฽ในเขต ตําบลนํ้าโจ฾ อําเภอแม฽ทะ อย฽ูห฽างไปจากชุมชนใหญ฽ของไทล้ือตําบลกล฾วยแพะไปทางทิศใต฾ราว ๓ กโิ ลเมตร มปี ระชากรราว ๒,๖๕๐ คน ๒.๒.๒ ระบบโครงสร้างทางสังคม ระบบครอบครัวเครือญาติ : เป็นสิ่งที่สร฾างความสัมพันธแข้ันพื้นฐานระหว฽างบุคคลในสังคม ระบบเครือญาตแิ บ฽งออกเป็น ๒ ประเภทใหญ฽ ๆ คือ เครือญาติทางสายโลหิต และเครือญาติเก่ียวดอง ที่มาจากการสมรส ซ่ึงเป็นญาติของฝุายสามีหรือภรรยา สังคมไทลื้อจะให฾ความสําคัญทั้งญาติของ 51

ฝาุ ยชายและฝาุ ยหญงิ แต฽ในระยะ ๓ ปีแรก ต฾องไปอยูร฽ วมท่บี า฾ นพอ฽ แม฽ของภรรยา หลังจากนั้นอีก ๓ ปี กก็ ลับมาอยูท฽ ่ีบา฾ นของพอ฽ แมส฽ ามี ญาตขิ องทางฝาุ ยชายจึงมีความสัมพันธกแ ันมากขึ้น เมื่อแยกครอบครัว ออกไป จึงมีความสัมพันธแท่ีดีกับญาติทั้งฝุายภรรยาและฝุายสามี ดังน้ัน ในระบบสังคมของไทล้ือจึงมี ส฽วนสาํ คญั ในการสร฾างความเปน็ ปกึ แผ฽นใหก฾ ับครอบครัว ซ่ึงมีค฽านิยมมผี ัวเดียวเมียเดียว ไม฽นิยมหย฽าร฾าง และการมีภรรยาหลายคน17 ลักษณะความสมั พนั ธแทางครอบครัวและเครอื ญาติ จะมีระบบอาวโุ ส การปฏิบัติกิจกรรมต฽าง ๆ ข้ึนอยู฽กับคําแนะนําของครอบครัว และผ฾ูอาวุโส ครอบครัวไทล้ือเป็นครอบครัวขยาย ( Extension family) เมอ่ื มกี ารแต฽งงาน ฝุายชายต฾องย฾ายเข฾าไปอย฽ใู นบา฾ นของครอบครวั ฝุายหญงิ เพ่ือไปเปน็ แรงงาน ในชุมชนไทล้ือมกี ลุ฽มองคแกรทางสังคมต฽าง ๆ ไดแ฾ ก฽ กลุม฽ เหมืองฝาย คอยจัดการจดั จา฽ ยการใช฾น้ําเพ่ือการ บริโภคและการผลิต กล฽ุมทอผ฾า เป็นการรวมกลุ฽มเครือญาติและเพื่อนบ฾านเพื่อป่ในฝูาย ใช฾ในงาน ประเพณี “แอ฽วสาวหรือการลงข฽วง” ปจใ จุบนั เรม่ิ สญู หายไป กลุม฽ แม฽บ฾านมกี ารรวมตัวกันแบบกึ่งทางการ เพ่ือช฽วยเหลือในกิจกรรมต฽าง ๆ เช฽นงานศพ งานขึ้นบ฾านใหม฽ กลุ฽มผู฾สูงอายุ เป็นกลุ฽มผู฾อาวุโสเดิม มบี ทบาทในช฽วงประกอบพิธกี รรมตา฽ ง ๆ และหมอพืน้ บา฾ น เป็นกลุ฽มในระบบเครือญาติ เพื่อนบ฾าน และ รกั ษาความเจ็บปวุ ยใหค฾ นในชุมชน18 ระบบการปกครอง : หม฽ูบ฾านในตําบลกล฾วยแพะ เป็นไปตามท่ีทางราชการกําหนด คือ ใช฾ระบบ คณะกรรมการหม฽ูบา฾ น (กหม฽ูท่ี) โดยมผี ู฾ใหญบ฽ า฾ นเป็นประธาน กรรมการหม฽ูบ฾านมาจากการเลือกตั้งของ ราษฎรในหมู฽บ฾าน ซ่ึงมีบทบาทในการทํางานส฽วนรวมของหม฽ูบ฾านและประสานงานการทํางานระดับ ตาํ บลกบั หมบ฽ู ฾านอ่ืน เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว฽างสมาชิกสภาผู฾แทนราษฎรกับประชาชนผ฾ูมี สิทธิเลือกต้ัง ช฽วยให฾คําแนะนําแก฽ลูกบ฾านเรื่องการแจ฾งเกิด แจ฾งตาย หรือย฾ายที่อยู฽ช฽วยไกล฽เกลี่ยข฾อ พิพาทในหม฽บู ฾าน เช฽น เรื่องร฾องทุกขแจากคู฽สามี - ภรรยา หรือช฽วยดูแลความสงบในชุมชน แก฾ไขปใญหา เฉพาะหนา฾ ตา฽ ง ๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ ๒.๒.๓ วถิ ชี ีวิตความเปน็ อยู่ ระบบความเชอื่ ประเพณีวัฒนธรรม การทามาหากิน : โดยพ้นื ฐานแล฾วไทลอื้ เป็นกลม฽ุ คนท่ีรกั สงบ ขยัน มัธยัสถแ และอดทน จึงเป็น เรอ่ื งงา฽ ยทไ่ี ทลื้อจะปรบั ตัวใหเ฾ ขา฾ กบั การพัฒนาจากสังคมเกษตรไปส฽ูระบบการผลิตแบบทุน เพ่ือพัฒนา ตัวเองไปเป็นนักธุรกิจระดับหมู฽บ฾านและชุมชน โดยเฉพาะการประกอบอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ในหม฽ูบ฾านท่ีใช฾วัตถุดิบในท฾องถิ่น ไทล้ือมีขนบธรรมเนียม ประเพณีส฽วนใหญ฽ที่คล฾ายคลึงกับสังคมไทย ในภาคเหนือ นยิ มบริโภคข฾าวเหนยี วและพืชผักซ่ึงปลูกเอง หรือหาของปุา เช฽น หน฽อไม฾ เห็ด ไข฽มดแดง มาเป็นอาหารประจําวัน อาหารโดยท่ัวไปจะไม฽ค฽อยมีส฽วนผสมของไขมันมากนัก ส฽วนอาหารประเภท เน้ือและปลา จะมีรับประทานเป็นบางโอกาส มีสภาพความเป็นอยู฽ที่เรียบง฽าย สมถะ และประหยัด อาหารแตล฽ ะมอ้ื จะทาํ กบั ข฾าวเพยี งอย฽างเดียวเทา฽ น้ัน อาชีพค฾าขาย เริ่มเปล่ียนแปลงจากการทําเกษตรกรรมไปส฽ูอาชีพค฾าขาย และเป็นที่นิยม แพรห฽ ลายราวปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เรมิ่ ต฾นจากการสะสมทุนได฾จากการทําไร฽ยาสูบ กระเทียม ถั่วลิสง ถั่วเหลือง  17 ประชัน รกั พงษแ และคณะ “การศกึ ษาหมู่บา้ นไทลื้อในจังหวัดลาปาง” ศูนยแศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูลําปาง สหวิทยาลัยล฾านนา 2535. 18 เสถียร ฉันทะ “ภูมิปญใ ญาท฾องถ่ินกับการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพพืชสมุนไพร : กรณีศึกษาในวิถีชีวิตชุมชนไทล้ือ จังหวัดเชียงราย” 2547. 52

และเลี้ยงหมู ซึ่งปีหน่ึงจะมีรายได฾ประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท เก็บสะสมไว฾ ๑ - ๓ ปี ก็สามารถนําไปซ้ือ รถยนตแมาใช฾ทํามาค฾าขายได฾ ในแต฽ละหมูบ฾านจะมีพ฽อค฾าเพ่ิมขึ้นเป็น ๓๐ - ๔๐ ราย ลักษณะของการ ลงทนุ คา฾ ขายในจังหวัดลําปาง จะแข฽งขันกันแบบใช฾ระบบกลไกตลาด แข฽งขันกันหาตลาดเองตามหมู฽บ฾าน ตา฽ ง ๆ เม่ือเข฾าไปขายบ฽อย ๆ กจ็ ะมีขาประจําที่รับซ้ือสินค฾า บางหม฽ูบ฾านพ฽อค฾า ชาวบ฾านกล฾วยจะเข฾าไป เจาะตลาดเอง โดยการให฾คําแนะนําแก฽ชาวบ฾าน ถึงสินค฾าบางอย฽างที่ไม฽มีขายในหมู฽บ฾าน ทดลองเปิด ตลาด เพ่ือทําการค฾าขาย ส฽วนการไปค฾าขายในต฽างจังหวัดจะไปกันเป็นกลุ฽ม ๆ ละ ๓ - ๔ คัน มีการ ลงทุนร฽วมกันในเครือญาติและบุคคลใกล฾ชิด ตอนขากลับก็จะซื้อสินค฾าจากจังหวัดนั้น ๆ มาขายใน หมูบ฽ ฾านตัวเอง อาชีพเกษตรกรรม ไทลือ้ ท่ตี าํ บลกลว฾ ยแพะ มีอาชพี ทาํ นาข฾าวเหนียวเป็นหลัก ข฾าวท่ีได฾จะเก็บ ไวบ฾ รโิ ภค ถ฾าเหลือจงึ จะขาย หรือใชแ฾ ลกเปล่ียนส่ิงของจากหม฽บู า฾ นอื่น ส฽วนเร่ืองกรรมสิทธิ์ในที่ดินทํากิน ส฽วนใหญ฽มีท่ีดินเป็นของตนเอง แต฽ละครอบครัวจะมีท่ีนาแปลงเล็ก ๆ แยกกันอยู฽หลาย ๆ แห฽ง โดยเฉล่ีย แลว฾ จะมที ี่นาครอบครวั ละประมาณ ๒ - ๔ ไร฽ ลกั ษณะท่ีนาแบง฽ ออกเปน็ ๒ ส฽วน คือ นานํ้าฟูา เป็นนาท่ี ต฾องอาศยั น้าํ ฝนแตเ฽ พียงอยา฽ งเดียว เช฽น นาที่อยู฽ในบรเิ วณท฽ุงหลวง ซึ่งอย฽ูระหว฽างบ฾านกล฾วยหลวง บ฾าน กลว฾ ยแพะ และบ฾านกล฾วยฝาย มพี ้ืนที่ประมาณ ๓,๐๐๐ ไร฽ โดยมีบางพื้นที่อาศัยนํ้าจากฝายห฾วยแม฽ปุง ซึ่งผลผลติ ไมแ฽ นน฽ อน จะข้นึ อย฽กู บั สภาพดนิ ฟูาอากาศ ซ่งึ ตามปกติ ๒ - ๓ ปี จงึ จะสามารถทาํ ได฾คร้ังหน่ึง และนาที่อยใ฽ู นเขตชลประทานอย฽ูทางด฾านตะวันตกของตําบลกล฾วยแพะสามารถทําได฾ทุกปี หลังฤดูทํานา จะปลูกพชื อื่นอกี หลายชนิด เช฽น ถัว่ เหลอื ง ถวั่ ลิสง กระเทียม ยาสูบ และพืชผักเมืองหนาว ผลผลิตท่ีได฾ พอ฽ ค฾าคนกลางในหมู฽บ฾านจะรับไปขายตอ฽ ในเมอื งและท฾องถน่ิ อนื่ อาชพี รบั จา฾ ง แบง฽ ออกเปน็ ๒ ประเภท คือ ๑. กรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรม ๒. รับจ฾างทํา งานโยธา ผทู฾ ี่ทํางานรับจ฾างส฽วนมากไม฽มีทีด่ นิ ทาํ กิน หรือมนี านํา้ ฟาู บางคนมนี านอ฾ ย เสร็จจากทํานาก็ไป รับจ฾าง ส฽วนผ฾ูหญิงและคนแก฽ จะรับงานมาทําท่ีบ฾าน เป็นรายได฾เสริมให฾แก฽ครอบครัว ดังนั้น สภาพ เศรษฐกิจของไทลื้อ ตําบลกลว฾ ยแพะ จึงดีกว฽าหม฽ูบ฾านอื่น ๆ อย฽างเห็นได฾ชัด เพราะทุกคนในครอบครัว จะชว฽ ยกันทํางานและมรี ายไดเ฾ สรมิ ตลอดทัง้ ปี ทําให฾เกอื บทกุ ครอบครวั มีกนิ มีใช฾และสามารถเก็บออมไว฾ ซ้ือรถยนตแกะบะไว฾สําหรับค฾าขาย และรับจ฾างบรรทุกคนโดยสาร แต฽มีข฾อน฽าสังเกตอย฽างหน่ึงว฽ามีการ ใช฾จา฽ ยเงนิ ทเ่ี ป็นไปในทางฟุมเฟือย เช฽น การแข฽งขันกันประดับรถยนตแ เช฽น แอรแ ล฾อแม็กซแ เคร่ืองเสียง ราคาแพง ซึ่งทําให฾ขาดการอดออม และมีผลกระทบต฽อการขยายตัวด฾านการลงทุนทางการค฾าของตน ในอนาคต 53

ประเพณี : ไทลื้อมปี ระเพณีตา฽ ง ๆ มากมาย ส฽วนใหญเ฽ ปน็ ประเพณีท่ีเก่ยี วขอ฾ งกับวถิ กี ารดําเนิน ชีวิตของตนเอง เริ่มตั้งแต฽เกิดจนตาย ซึง่ วัตถปุ ระสงคขแ องการประกอบพิธีส฽วนใหญ฽จะเป็นการให฾มีขวัญ และกําลงั ใจ ทง้ั แก฽ตนเองและครอบครวั รวมไปถึงเครอื ญาติ และประเพณีต฽าง ๆ ที่ประพฤติปฏิบัตินั้น ส฽วนใหญ฽ก็จะคล฾ายคลึงกับประเพณีพ้ืนบ฾านของคนไทยภาคเหนือท่ัวไป เช฽น เรียกขวัญ , ส฽งเคราะหแ, สืบชะตา, ปุูจาเตียน หรือบูชาเทียน, ปุูจา (บูชา) ข฾าวหลีกเคราะหแ, ปฺกเฮิน คือ ประเพณีปลูกบ฾านของ ไทลื้อ, ขึ้นเฮนิ ใหม฽ คือประเพณขี ึ้นบ฾านใหมข฽ องหมบู฽ า฾ นไทล้ือ, ประเพณกี ารอย฽ูข฽วง เป็นประเพณี แอ฽วสาว เพ่ือแสวงหาเนื้อค฽ูของหนุ฽มไทล้ือ, ประเพณีการแต฽งงาน, ประเพณีปีใหม฽ของไทล้ือ คือ วันสงกรานตแของ ไทย, เก็บขวญั ขา฾ ว, แหพ฽ ระอุปคุต, ส฽ขู วัญควาย, แฮกนา, ตานขา฾ วใหมแ฽ ละกินข฾าวใหม฽, ประเพณีการตาย ความเช่อื : ความเชือ่ ของไทล้ือลําปาง แบง฽ ได฾เป็น ๒ ลกั ษณะใหญ฽ ๆ คือ 1. ความเชื่อที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณแอักษร คือเช่ือตามบทบัญญัติของพระธรรมคัมภีรแ ต฽าง ๆ ท้ังท่ีมาจากวัด โดยมากเป็นคัมภีรแใบลาน คําสอนต฽าง ๆ ซึ่งเป็นบทบัญญัติชี้ให฾เห็นถึงบาป บุญคุณโทษ ส฽วนที่มีอย฽ูตามบ฾านของผ฾ูรู฾ในหม฽ูบ฾านจะเป็นสมุดไทยหรือท่ีเรียกตามภาษาพื้นบ฾าน ว฽า “ป๊ใปหนังสา” ก็จะเป็นแหล฽งความร฾ูในเร่ืองของพิธีกรรม ตําราทางโหราศาสตรแ ตําราพื้นบ฾าน ตลอดจนลายแทงต฽าง ๆ โดยมากเป็นเรื่องทางโลกเก่ียวกับวิถีชีวิตของคนในสังคม ผู฾ร฾ูเหล฽านี้ จะมีบทบาทในการนําชาวบ฾านใหม฾ ีความเชือ่ ทเ่ี ป็นผลต฽อการดํารงชีวติ ไม฽น฾อยทเี ดียว ๒. ความเช่ือที่เป็นมุขปาฐะ คือเช่ือโดยการจดจําหรือบอกเล฽าต฽อ ๆ กันมา โดยไม฽ได฾มีการ จดบันทึกเป็นลายลักษณแอกั ษรไว฾ สว฽ นมากจะเปน็ วถิ ีชีวติ ประจําวนั ต้ังแตเ฽ กิดจนตาย หรือสิ่งท่ีเป็นจารีต ประเพณี วัฒนธรรมต฽าง ๆ ที่ได฾สั่งสมไว฾ ปฏิบัติสืบต฽อกันมาหลายชั่วอายุคน จนเป็นกรอบของสังคม ที่มีผลตอ฽ วถิ ีชีวติ ของไทลื้อ ทงั้ ทางตรงและทางอ฾อม19 จากความเช่ือขา฾ งต฾นล฾วนเป็นปทัสถานในการดาํ เนนิ ชีวิตของไทลือ้ ตาํ บลกล฾วยแพะ ผสมผสาน กับความวิริยะอุตสาหะ ไม฽ย฽อท฾อต฽ออุปสรรค งานหนักเอาเบาสู฾ เป็นผลให฾ชาวบ฾านกล฾วยแพะมีฐานะ ทางเศรษฐกิจค฽อนข฾างดี ประชาชนมีทอี่ ย฽อู าศยั ที่มน่ั คง มีเครือ่ งอาํ นวยความสะดวกตา฽ ง ๆ จํานวนมาก  19 เขา฾ ถงึ วันท่ี 30 กันยายน 2563. http://www.sri.cmu.ac.th/~lelc/index.php/2015-11-18-16-02-20 54

การนับถือศาสนา : ไทลอื้ ท่ตี ําบลกลว฾ ยแพะส฽วนใหญ฽นับถือพุทธศาสนา มีนับถือคริสตแศาสนา เพียง ๒-๓ ครอบครัว แต฽ละหมู฽บ฾านมีวัดประจํา วัดบ฾านกล฾วยหลวงเป็นวัดแห฽งแรกของหม฽ูบ฾าน ไทล้ือ สร฾างขึ้นภายหลังจากการตั้งหมู฽บ฾านโดยพระสงฆแท่ีมาจากเมืองยอง ปใจจุบันยังมีพระภิกษุสามเณร จากเมืองยองมาพักอาศัยและจําพรรษาอย฽ูที่วัดแห฽งนี้ วัดเป็นศูนยแกลางของหมู฽บ฾าน ใช฾เป็นสถานที่ ประกอบพิธีทางศาสนา ในเทศกาลงานบุญต฽าง ๆ และใช฾เป็นสถานที่ประชุมพบปะเพื่อทํากิจกรรม ตา฽ ง ๆ ของหม฽บู า฾ น ไทลอื้ มีความศรทั ธาในพระพุทธศาสนามาก ในวันสําคัญทางศาสนาจะมีประชาชน ไปรว฽ มประกอบพธิ ีจํานวนมาก โดยเฉพาะการทําบญุ ในเทศกาลสงกรานตแในวันพญาวัน (๑๕ เมษายน) และวันปากปี (๑๖ เมษายน) การทําบุญตานกเวยสลาก ตานข฾าวใหม฽ ประเพณีย่ีเป฻ง (เพ็ญเดือน ๑๒) จะไปทาํ บญุ กันเกอื บทกุ ครอบครัว การทอผ้าฝ้ายไทล้ือ : ไทล้ือจะมีเอกลักษณแท่ีโดดเด฽นในเรื่องการทอผ฾า โดยเฉพาะชุดไทล้ือ ของอําเภอเชียงคําจะเป็นอตั ลักษณแ มีเส้ือปใ๊ด ผ฾าถุงลายผักแว฽น นํ้าไหลผักแว฽นเป็นชุดที่เป็นเอกลักษณแ ของชาวไทยลื้อเชยี งคาํ ทอด฾วยเทคนิคเกาะมีลายประกอบทอด฾วยเทคนิคขิด เสื้อผ฾าของชาวไทล้ือจะมี การทอลวดลายทีบ่ ง฽ บอกถึงฐานะทางสงั คมของผู฾ส฽วมใส฽ โดยผ฾าของไทลื้อแยกออกเป็น ๒ ประเภท คือ ผ฾าท่ใี ช฾ในพิธีกรรมและผ฾าสําหรับใช฾ในครัวเรือนผา฾ ทีใ่ ช฾ในครัวเรอื น เช฽น“ผ฾าห฽มต่ําก฾าว” ที่ปใจจุบันหาคน ทําไม฽ได฾แล฾ว ตํ่าก฾าวเป็นภาษาลื้อมี ๒ ความหมาย คือ ๑.เป็นชื่อลาย ๒.เป็นวิธีการทํา “ต่ํา” แปลว฽า การทอ “กา฾ ว” แปลว฽า การง฾างไมเ฾ พื่อทจ่ี ะใสล฽ ายขน้ึ แลว฾ สอดใหเ฾ กดิ ลวดลาย ผ฾าห฽มลายตาราง เรียกกัน ว฽า “ผ฾าห฽มตาแสง” หรือ “ผ฾าห฽มส่ีแป” หรือเรียกอีกอย฽างว฽า “ผ฾าห฽มตาโก฾ง” เป็นผ฾าฝูายทอยกดอก สที ่นี ิยมคอื สีดํา แดงขาว ทอให฾เกดิ เป็นลายตารางส่เี หลี่ยมขนาดใหญ฽ลวดลายมีขนาดเล็กสี่เหล่ียมขนม เปยี กปนู เปน็ การทอท่ยี ากลายใหญ฽ซบั ซอ฾ นราคาแพง ปใจจุบนั ไมน฽ ยิ มใช฾ แต฽กย็ ังคงมีการทออย฽ูบ฾าง ทาง ศนู ยแไดน฾ าํ เอาลวดลายมาประยกุ ตแใช฾ในผา฾ แบบตา฽ ง ๆ การแต่งกาย: ผู้ชาย สวมเสื้อคล฾ายเส้ือหม฾อห฾อม ลักษณะเป็นเส้ือแขนยาวสีดําหรือสีคราม บางตัวอาจมีเอวลอย แขนเสื้อขลิบด฾วยแถบผ฾าสีต฽าง ๆ มีผืนผ฾าต฽อจากสายหน฾าปูายมาติดกระดุมเงิน บริเวณใกล฾รักแร฾และเอว กางเกงเป็นกางเกงก฾นลึก เรียกว฽า “เต฽ว ๓ ดูก” สีเสื้อผ฾าของผู฾ชายไทล้ือ ส฽วนใหญ฽จะเป็นสีเทา สีดํา ถ฾ามีงานบุญจะใส฽สีขาว หรือสีดํา ผ฾าขาวม฾าคาดพุง ผ฾าโพกศีรษะด฾วยผ฾า สีนาํ้ ตาล สีขาว สีดาํ ผู้หญิง สวมเส้ือท่ีมีลักษณะเฉพาะเรียกว฽าเส้ือปใ๊ด แขนยาวตัดเสื้อเข฾ารูป เอวลอยมีสายหน฾า เฉียงผูกติดกันด฾วยด฾ายฟ่ในหรือแถบผ฾าเล็ก ๆ ที่มุมซ฾ายหรือขาวของลําตัว ชายเส้ือนิยมยกลอยขึ้นท้ัง สองข฾าง สาบเสอื้ ขลบิ ด฾วยแถบผ฾าสตี ฽าง ๆ ประดับดว฾ ยกระดมุ เมด็ เล็กเรียงกัน สวมซิ่นไทล้ือที่มีลวดลาย 55

กลางตวั ซิ่น สว฽ นหัวซนิ่ เปน็ ผ฾าฝาู ยสดี าํ หรือสีน้ําตาล ขาว ส฽วนตีนซิ่นเป็นผ฾าพ้ืนสีดํา สีเส้ือผ฾าของผ฾ูหญิง ไทลื้อจะใช฾ในโอกาสท่ีแตกต฽างกันออกไป เช฽น ถ฾ามีงานบุญจะใส฽เสื้อปใ๊ดสีขาว โพกหัวด฾วยผ฾าสีขาว ส฽วนเส้ือผา฾ สดี ําจะสวมใสใ฽ นงานประเพณหี รืองานแต฽งงาน การกิน : ชาวไทลอื้ เป็นกล฽ุมชาติพันธุแที่ทานข฾าวเหนียวเป็นหลัก เช฽นเดียวกับกลุ฽มชาติพันธุแไท อน่ื ๆ อาหารทนี่ ิยมรบั ประทานมักจะเปน็ แกงผกั ประกอบจากผักหรือพืชพรรณธรรมชาติ หรืออาหาร ทีห่ าได฾ง฽าย เช฽น เห็ด หนอ฽ ไม฾ ไข฽มดแดง สาหร฽ายน้ําจดื ส฽วนพืชผักสวนครัวทัว่ ไปมักจะปลูกตามข฽วงบ฾าน ใช฾พรกิ แกงเป็นเครื่องปรุงหลักประกอบด฾วย พริก ตะไคร฾ หอม กระเทียม ปลาร฾า หากเป็นอาหารประเภท หน฽อไม฾จะใส฽นํ้าปู฻ลงไปด฾วย เช฽น ยําหน฽อไม฾ แกงหน฽อไม฾ เป็นต฾น อาหารของ ชาวไทล้ือจะไม฽ค฽อยมี สว฽ นผสมของไขมัน ในอดีตชาวไทลื้อลําปางเรยี กคนเมืองว฽า อิ้ว (ซึ่งหมายถึงคนที่ไม฽ใช฽ลื้อ) บางทีก็เรียกว฽า บ฽าเจ฾า กอนท่หี มายถึงคนเมืองลําปาง และจะไมพ฽ อใจหากมีใครมาเรียกตนเองว฽า ล้ือ หรือ บ฽าลื้อ เม่ือเทียบกับ ชาวยองที่ลําพูนแล฾วนับได฾ว฽าสถานะของชุมชนไทลื้อท่ีลําปางมีความแตกต฽างกันมากสาเหตุหนึ่งก็ เนอื่ งจากชาวยองลาํ พนู นนั้ เป็นคนหม฽มู าก ขณะท่ชี าวไทลื้อลําปางเป็นคนกลุ฽มน฾อยกว฽า นอกจากนั้นใน บางยุคสมัยชุมชนไทล้ือบางแหง฽ เป็นหย฽อมบ฾านของผ฾ูเป็นโรคเรื้อน ท่ีคนเมืองเรียก “ขี้ต฾ูด” อันเป็นโรค ท่ีน฽าเกลียดน฽ากลัว กล฽าวกันว฽าความรังเกียจ ดังกล฽าวมากจนถึงขนาดว฽า คนลําปางไม฽ยอมซื้อผลิตผล ทางการเกษตร จากชาวไทลอ้ื เลยกม็ ี ดงั น้ันจึงไมแ฽ ปลกทช่ี าวไทลื้อมกั จะไม฽เปิดเผยตัวต฽อคนทั่วไปว฽าตน เป็นใครมักจะเลยี่ งตอบเม่ือมีคนถาม แต฽อยา฽ งไรกต็ ามในทางกลับกนั ชาวไทลอ้ื มีสาํ นึกของตัวตนท฾องถ่ิน สูงมาก ที่เหน็ ได฾ชดั กค็ ือการรกั ษาวัฒนธรรมภาษาพูดในถิ่นของตน ส่ิงท่ีน฽าสนใจก็คือว฽าด฾วยแรงกดดัน ดังกล฽าวทําให฾ชาวไทล้ือลําปางมีความรักและสามัคคีในหม฽ูพวกพ฾องสูง ถึงแม฾ปใจจุบันไ ทลื้อในจังหวัด ลาํ ปางจะปรับตัวผสมกลมกลืนกับคนเมืองจนแทบแยกไม฽ออก แต฽สิ่งหนึ่งที่ยังสะท฾อนตัวตนของความ เป็นลื้อก็คือการจัดต้ังศูนยแเรยี นรวู฾ ัฒนธรรมลือ้ ขนึ้ มาเพื่อสืบสานวัฒนธรรมลอ้ื ตอ฽ ไป 56

๒.๓ กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ (LAHU) ในจงั หวดั ลาปาง ๒.๓.๑ ประวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มาและการเคลือ่ นยา้ ย กล฽ุมชาติพันธุแที่เรียกตัวเองว฽า “ลาหู฽” หรือ ละห฽ู (Lahu) ซ่ึงแปลว฽า “คน” เป็นกล฽ุมชนท่ีสืบ เชอ้ื สายมาจากกลุ฽มโลโล ซ่ึงเคยเจริญร฽ุงเรือง อาศัยอย฽ูบนที่ราบสูงทิเบต - ชิงไห฽ ภาษาลาหู฽หรือภาษา มูเซออย฽ูตระกูลภาษาจีน - ทิเบต ตระกูลภาษาย฽อยทิเบต - พม฽า สาขาพม฽า - โลโล สาขาย฽อยโลโล มีผพ฾ู ดู ทัง้ หมด ๕๗๗,๑๗๘ คน พบในจีน ๔๑๑,๔๗๖ คน (พ.ศ. ๒๕๓๓) ในเขตปกครองตัวเองลานชาง ลาฮู ทางตะวันตกเฉยี งใตข฾ องยูนนาน เป็นภาษาท่ีมีผ฾ูพูดมากในจีน ชนบางกลุ฽มใช฾ภาษาลาฮูเป็นภาษา ที่สอง ส฽วนใหญ฽เข฾าใจภาษาจีน บางส฽วนใช฾ภาษาไทล้ือ ภาษาอาข฽า ภาษาบลัง ภาษาว฾า หรือภาษายิ เป็นภาษาท่ีสองพบในลาว ๘,๗๐๒ คน (พ.ศ. ๒๕๓๘) ในบ฽อแก฾ว พบในพม฽า ๑๒๕,๐๐๐ คน (พ.ศ. ๒๕๓๖) ในรัฐฉาน และพบในไทย ๓๒,๐๐๐ คน (พ.ศ. ๒๕๔๔) ในจังหวัดเชียงใหม฽ เชียงราย แม฽ฮ฽องสอน ลําปาง ตาก ภาษาพูดมีหลายสําเนียงคือ ภาษามูเซอดํา มูเซอแดง มูเซอดําเชเล มูเซอ เหลอื งบาเกยี ว มเู ซอเหลืองบ฾านลาน ชาวมูเซอไมน฽ ิยมเรียนภาษาอ่นื ในขณะทคี่ นพูดภาษาอ่ืนหลายเผ฽า เรยี นภาษามเู ซอ ทําใหภ฾ าษามูเซอเปน็ ภาษากลางในเขตภูเขาของจังหวัดเชียงใหม฽และเชียงรายรวมถึง ลาํ ปางดว฾ ย ในอดีตชาวลาห฽ูได฾รับการยอมรับจากจีนให฾จัดการปกครองตนเองได฾อย฽างอิสระ บริเวณ ตอนกลางและตอนใต฾ของมณฑลยูนนานก฽อนที่ชนชาติไทใหญ฽และจีนจะเข฾าไปครอบครอง ต฽อมาได฾มี การอพยพเคล่อื นยา฾ ยถ่ินไปมาในแถบประเทศจีน พม฽า ลาว และไทย คนจีนในมณฑลยูนนานเรียกชน กลุ฽มนีว้ า฽ “หลอเหย” ส฽วนท่ีมาของคําว฽า “มูเซอ” น้ัน Frank M. Lebar สันนิษฐานว฽าเป็นคําที่มาจาก ภาษาไทใหญ฽ในรัฐฉานมีความหมายว฽า “นายพราน” ขณะท่ี จิตร ภูมิศักดิ์20 อธิบายไว฾ว฽า “อันท่ีจริง  20 จติ ร ภูมศิ กั ด์ิ “ความเปน็ มาของคําสยาม ไทย ลาว และขอมและลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ ฉบับสมบูรณแ ข฾อเท็จจริงว฽าด฾วยชนชาติขอม ” กรุงเทพฯ : ศยาม, พิมพคแ ร้ังที่ 5: 2544. 57

คําว฽า มูเซอ ท่ีแปลว฽าพรานปุานั้น มิใช฽ภาษาไทใหญ฽ หากเป็นคําท่ีไทใหญ฽ขอยืมมาจากภาษาพม฽า ซงึ่ เรียกนายพรานว฽า “มกโซ” แต฽ในวิถชี ีวติ จรงิ เม่อื คนพมา฽ พูดถึงนายพรานจะออกเสียงว฽า “มูเซ” เมื่อ คนไทใหญ฽เรียกช่ือชนกลุ฽มนี้ตามอย฽างคนพม฽าจึงอาจจะออกเสียงเป็น “มูเซอ” หลังจากที่ชาวมูเซอ ยอมรับการอย฽ูใต฾อํานาจของจักรพรรดิจีน ต฽อมาจีนได฾มีการเปล่ียนแปลงการปกครองและทําการ ควบคมุ ชนกลม฽ุ น฾อยโดยส฽งเจ฾าหนา฾ ที่จากส฽วนกลางเข฾าไปปกครองชนเผ฽าต฽าง ๆ ในดินแดนทางตะวันตก เฉียงใตข฾ องจีนในแถบมณฑลยนู นาน ซึง่ เปน็ ทีอ่ ย฽ูอาศยั ของชาวลาห฽ูสว฽ นใหญ฽21 ผลของการเปลยี่ นแปลง ทําให฾ชาวลาหู฽ส฽วนหนึ่งเกิดความไม฽พอใจพากันต฽อต฾านอํานาจการปกครองของจีน ในท่ีสุดผู฾นําทาง ศาสนาคนหนึ่งได฾รวบรวมผ฾คู นก฽อการกบฏผีบุญจับอาวุธขึ้นต฽อสู฾ และมีการบันทึกไว฾ว฽าชาวลาหู฽ พร฾อม ดว฾ ยอาวุธซ่งึ ประกอบไปดว฾ ยหนา฾ ไม฾และลกู ธนอู าบยาพิษ ไดท฾ าํ การตอ฽ ตา฾ นทหารจนี อย฽างเข฾มแข็ง แต฽ใน ทสี่ ุดกไ็ มส฽ าํ เรจ็ ชาวลาหส฽ู ฽วนใหญจ฽ าํ ยอมอยู฽ภายใตอ฾ าํ นาจการปกครองของจนี และยอมผสมกลมกลืนกับ วัฒนธรรมจนี ทแี่ ผ฽ขยายเขา฾ มาพร฾อมกับอาํ นาจทางการเมืองจนกลายเป็นชาวจีนในที่สุด แต฽ก็ยังมีลาห฽ู อีกส฽วนหน่ึงที่ปฏิเสธการครอบงําทางวัฒนธรรม และไม฽ยอมถูกกดข่ีได฾พากันอพยพลงมาทางใต฾ของ ประเทศจนี และตั้งหลักแหลง฽ อาศัยอยูใ฽ นมณฑลยนู นานตอนล฽างลงไปถึงแคว฾นเชียงตุงของพม฽า ซ่ึงในปี ๒๕๒๕ มีการสาํ รวจตวั เลขประชากรที่แสดงให฾เห็นว฽ามีจํานวนชาวลาหู฽อย฽ูถึง ๔๗๔,๐๐๐ คน กระจาย ตัวอย฽ูตามพื้นท่ีจีนตอนใต฾ พม฽าตอนบน และภาคเหนือของไทย รวมไปถึงลาวและเวียดนาม (สมาคม IMPECT, ๒๕๔๕) เม่ือชาวลาห฽ูเข฾ามาอยู฽ในเขตเชียงตุง ประเทศพม฽า ก็พบกับปใญหาสําคัญอีกหลายประการ โดยเฉพาะกับความพยายามของกล฽ุมหมอสอนศาสนาชาวอังกฤษ ซึ่งพยายามโน฾มน฾าวให฾ลาหู฽ละท้ิง ขนบธรรมเนียมประเพณีด้ังเดิมแล฾วหันไปนับถือศาสนาคริสตแ ซึ่งชาวลาห฽ูผู฾มีความศรัทธาต฽อศาสนา ด้ังเดิมไม฽ปรารถนาเช฽นนั้น ทําให฾เกิดการรวมกลุ฽มขึ้นโดยมีผู฾นําศาสนาด้ั งเดิมคนหนึ่งชื่อ “มะแฮ” ได฾ตั้งตนขึ้นเป็นตนบุญเพื่อรวบรวมบริวารต฽อต฾านการครอบงําจิตสํานึกของฝุายคริสตจักรอังกฤษ จึงทําให฾ชาวลาหู฽จากท่ีต฽าง ๆ เดินทางไปแสวงบุญและมอบตัวเป็นศิษยานุศิษยแกับปูุจองมะแฮ เป็นจาํ นวนมาก เม่ือมีกําลังคนผ฾ูนําตนบุญจึงคิดวางแผนยึดเอาเมืองสาต (Hsat) เพื่อตั้งเป็นศูนยแกลาง ของอาณาจกั รลาห฽ูข้ึน ในทสี่ ดุ ฝุายอังกฤษซึ่งปกครองพม฽าอยู฽ก็ต฾องส฽งกําลังเข฾าปราบปราม แต฽ฝุายของ ปจุู องมะแฮกเ็ ตรียมรบั มืออยา฽ งแข็งขนั ด฾วยการขดุ คู ปใกไม฾ไผเ฽ สยี้ มปลายแหลมไวร฾ อบ ๆ ท่ีม่ัน และสร฾าง ขวัญกําลังใจให฾แก฽บริวารด฾วยการแจกเทียนศักดิ์สิทธ์ิซ่ึงปุูจองมะแฮกล฽าวว฽าเป็นตัวแทนแห฽งอํานาจ ของพระเจ฾าที่จะช฽วยปกปูองบริวารมิให฾ได฾รับอันตรายจากอาวุธของฝุายตรงกันข฾าม แต฽เมื่อการส฾ูรบ ผา฽ นไป ศรัทธาและความเช่อื ถือของบริวารทั้งหลายกค็ อ฽ ยๆ เสอ่ื มถอย เพราะทุกอยา฽ งไม฽ได฾เป็นไปตามที่ ผู฾นําบอกกล฽าว สดุ ทา฾ ยเมอ่ื ฝุายอังกฤษบุกเขา฾ ถึงท่ีมั่นสุดท฾ายชาวลาห฽ูท่เี หลือรวมท้ังปุูจองมะแฮก็ได฾พ฽าย แพถ฾ อยลน฽ เขา฾ สูป฽ ระเทศไทยเม่ือประมาณ ๒๐๐ กว฽าปีทแ่ี ลว฾ 22 ตอ฽ มาไดเ฾ กิดการอพยพครั้งใหญ฽ของชาวลาห฽ูอีกระลอกหนึ่งเมื่ออังกฤษคืนเอกราชให฾พม฽าเพื่อ เปดิ โอกาสใหจ฾ ัดต้งั รัฐบาลปกครองตนเอง แต฽ชาวลาห฽ูในพม฽ากลับต฾องเผชิญกับปใญหาในการดํารงชีวิต จากแรงกดดันของรฐั บาลพมา฽ ที่มนี โยบายกระทาํ ตอ฽ ชนกล฽มุ น฾อยเผ฽าต฽าง ๆ ใหอ฾ ยูใ฽ นอํานาจปกครองของ  21 ศาสตราจารยตแ ฾วน ลี เชงิ นักมานษุ ยวิทยามหาวิทยาลยั ปใกกิ่ง ไดใ฾ ห฾ขอ฾ มลู เพม่ิ ไวว฾ ฽า ในปี 2525 มีลาห฽ู 320,000 คน อยู฽ในเขตอําเภอล฾านช฾างถึง 154,000 คน ฉะนั้นจึงสันนิษฐานได฾วา฽ ชุมชนใหญ฽ของลาห฽ูอยท฽ู ีอ่ ําเภอลา฾ นชา฾ ง ในแควน฾ สบิ สองปในนา มณฑลยนู นาน 22 อา฾ งแล฾วใน สมาคม IMPECT 58

รัฐบาลพม฽า แรงกดดันจากการดําเนินนโยบายดังกล฽าวก฽อให฾เกิดการรวมตัวของลาห฽ูอีกครั้งหน่ึงโดยมี “ปจูุ องจะฟู” ผน฾ู าํ ทางศาสนาคนสาํ คญั คนหน่ึงของชาวลาหู฽ ได฾ต้ังตนขน้ึ เป็นตนบุญใช฾ชื่อว฽า “เหมาะนะ - โตโบ” หรือ “ฤาษีลงิ ดาํ ” (โดยท่ัวไปจะร฾ูจักกนั ในช่อื วา฽ “ปุูจองหลวง”) ขึ้นท่ีดอยลาง เขตเมืองเชียง ตุง มีการกระจายข฽าวลือไปยังลาห฽ูทั้งที่อยู฽ในเขตพม฽าและเขตไทยว฽า ได฾มีพระเจ฾าจากสวรรคแลงมา ประทานข฾าวทพิ ยแ อาหารทิพยแแก฽ชาวลาห฽ูทุกคน ขอให฾คนท่ีอยากได฾ข฾าวทิพยแ อาหารทิพยแ เดินทางไป “เฝาู พระเจา฾ ” ทด่ี อยลางการเฝูาพระเจ฾าในที่น้ีคือการนําเงินหรือส่ิงของมีค฽าอื่นไปเซ฽นไหว฾เหมาะนะ - โตโบ ซ่ึงถือเปน็ รา฽ งทรงหรือเปน็ ตัวแทนของพระเจ฾า เพ่ือขอพรหรือเพื่อรักษาโรคภัยไข฾เจ็บต฽าง ๆ การ ตอ฽ ตา฾ นครั้งนี้ชาวลาห฽ูสามารถรวบรวมผู฾คนและทรัพยแสินเพื่อสะสมอาวุธได฾เป็นจํานวนมาก เน่ืองจาก ชาวลาหู฽มีศรัทธาต฽อตัวผ฾ูนําศาสนาของตนเป็นอย฽างมาก แต฽การต฽อต฾านคร้ังนี้ก็ไม฽ประสบผลสําเร็จ เหมาะนะ - โตโบ จงึ ต฾องพาบริวารหนเี ขา฾ เขตประเทศไทย และไดต฾ ัง้ หลกั แหล฽งอยู฽บริเวณ บ฾านต฾นนํ้าแม฽ มาว ตําบลม฽อนป่ิน อําเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม฽ และแถบบริเวณเขตติดต฽อระหว฽าง จังหวัดเชียงใหม฽ และจังหวัดเชยี งราย จนกระทง่ั เสยี ชีวิตทอี่ ําเภอฝางเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ การอพยพ ครั้งน้ี ถือว฽าเป็นคร้ัง สําคัญ หลังจากน้ันกม็ ีการอพยพเข฾ามาส฽ูประเทศไทยแบบประปราย สาเหตุก็เน่ืองมาจากนโยบายการ ปราบปรามของรฐั บาลพม฽า การชกั นาํ ของหมอสอนศาสนา และการชกั ชวนของญาติพ่นี ฾อง23 หลังจากทชี่ าวลาหถ฽ู อยรน฽ ลงสู฽ประเทศพม฽า ลาว และไดเ฾ คล่ือนย฾ายเข฾าส฽ูประเทศไทย ทางบ฾าน ตน฾ น้าํ แม฽มาว ตําบลมอ฽ นปนิ่ อําเภอฝาง จงั หวดั เชยี งใหม฽ ในปใจจุบันมีการกระจายอยู฽ใน ๗ จังหวัดของ ประเทศไทย ได฾แก฽ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม฽ ลําปาง แม฽ฮ฽องสอน ตาก กําแพงเพชร และเพชรบูรณแ มจี ํานวนประชากรประมาณ ๑๐๒,๒๘๗ คน แบ฽งออกเปน็ ๔ กลุ฽ม คือ ลาหู฽แดง มีจํานวนมากสุด เรียก ตัวเองว฽า ลาห฽ูนะ ลาหดู฽ าํ มจี าํ นวนเป็นท่ีสองรองจากลาหู฽แดง เรียกตัวเองว฽า ลายูนะหรือลาหู฽ คนไทย ภาคเหนอื และไทยใหญ฽เรียก ลาห฽ูดํา ลาหู฽เซเล มีจํานวนเป็นอันดับสามรองจากลาห฽ูดํา เรียกตัวเองว฽า ลาหนู฽ าเมีย้ ว ลาห฽ูซิ มจี ํานวนน฾อยท่สี ดุ คนไทยเรียก ลาห฽ูกุยหรือลาหู฽เหลือง มี ๒ เช้ือสาย คือ เชื้อสาย บาเกียว และบาลาน24 ในด฾านประวัติการตั้งถ่ินฐานของชาวลาห฽ูในประเทศไทยมีที่มาแตกต฽างกัน ตามแต฽ละกลม฽ุ อาทิ หมู฽บ฾านยะดู จังหวดั เชียงราย เริ่มข้ึนเมื่อประมาณ ๔๐ กว฽าปีก฽อนหรือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๗ มจี ุดเร่มิ ตน฾ จากกลุ฽มชาวลาหู฽จํานวน ๕ ครอบครัว ตัดสินใจเลือกเดินทางเคล่ือนย฾ายร฽วมกับ ชาวเขากลุ฽มอ่ืน ๆ ในการหลบหลีกหนีภัยอํานาจทหารจีนคณะชาติ จากดอยแม฽สะลองและเลือกตั้ง ถ่ินฐาน ณ บริเวณผืนปุาดอยยาว เขตอําเภอเมืองเชียงราย ให฾เป็นพ้ืนท่ีต้ังถ่ินฐานแห฽งแรก การอย฽ู ร฽วมกันระหว฽างชาวลาห฽ู ชาวเมี่ยน ชาวกะเหรี่ยง และคนเมืองในครั้งนั้นสังคมมีความสงบสุข เพราะ หม฽ูบา฾ นเรมิ่ มคี วามสงบเนอ่ื งจากหมูบ฽ ฾านต้ังห฽างไกลจากการถูกรกุ รานของทหารจนี คณะชาติ อีกท้ังยังมีผืน ปาุ ขนาดใหญ฽ทมี่ ีพนื้ ท่ีเพียงพอต฽อการหมุนเวียนทําไร฽ เมื่อเวลาผ฽าน ๕ ปี หนึ่งในสมาชิกชาวลาห฽ูได฾ก฽อ เหตฆุ า฽ สองผัวเมียคนเมอื งท่อี าศัยบรเิ วณนํ้าตก ทําให฾กลุ฽มชาวลาหท฽ู ั้ง ๕ ครอบครัว ถูกมองจากคนเมือง พ้นื ราบวา฽ เป็นกลม฽ุ คนทโี่ หดรา฾ ยและใจอํามหติ หนึ่งสมาชิกชาวลาหู฽ ๕ ครอบครัว ได฾ตัดสินใจเลือกพ้ืน ทต่ี ้งั หมูบ฽ ฾านปใจจุบันเปน็ ทหี่ ลกี ภยั และเป็นท่ีทาํ กินสาํ หรบั ครอบครัวตน  23 สมบตั ิ บญุ คําเยอื ง “ปญใ หาการนิยามความหมายของปาุ และการอ฾างสิทธเิ หนือพื้นท่ี : กรณีศึกษาชาวลาห฽ู” วิทยานิพนธแมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม฽: 2540. 24 ชลดา มนตรีวัต,ธันยา พรหมบุรมยแ และวิสุทธร จิตอารี, 2550.(เข฾าถึง https://www.sac.or.th/databases/ethnic- groups/ethnicGroups/95) 59

สําหรบั ชาวลาห฽ูในจังหวัดลําปางพบต้ังบ฾านเรือนกระจายตัวอยู฽ภายในพื้นที่ทั้งหมด ๓ อําเภอ ได฾แก฽ อําเภอเมืองปาน อําเภองาว และอําเภอแจ฾ห฽ม ชุมชนลาหู฽ที่เป็นที่ร฾ูจักอยู฽ท่ีบ฾านปุาคา หม฽ูท่ี ๑ ตําบลแจ฾ซอ฾ น อําเภอเมอื งปาน จงั หวัดลาํ ปาง ท่ีชุมชนแห฽งนี้ยังมีงานประเพณีปีใหม฽ชาวเขาชนเผ฽าลาห฽ู ทย่ี ังมีการสืบทอด โดยจะจัดข้นึ ทุกปีชาวบ฾านในหม฽ูบ฾านจะพากันแต฽งกายชุดชนเผ฽าลาห฽ู พาญาติพี่น฾อง มารว฽ มงานปีใหม฽โดยจะมารวมตัวกันในหมู฽บ฾านและฉลองปีใหม฽ตามประเพณีที่สืบทอดกันมานานและ เปน็ วิถีที่ดีงามสืบทอดกันมานานตั้งแต฽สมัยบรรพบุรุษ ร฽วมกันประกอบอาหารชนเผ฽าและรับประทาน อาหารร฽วมกนั ก฽อนจะมกี ารแสดงเปาุ แคนน้ําเต฾าท่ีเรียกว฽า “นอ” ประกอบการเต฾น “จะคึ” ซึ่งท฽าเต฾น ของผ฾ูหญิงประกอบไปด฾วยการแสดงท฽าทางการเพาะปลกู การหว฽านเมล็ด การดูแลรักษาและการเก็บเก่ียว ซ่งึ การแสดง บ฽งบอกถึงวถิ ชี ีวิตความเป็นอยู฽ของชนเผ฽าได฾เป็นอย฽างดี นอกจากนี้ยังร฽วมกันขับร฾องเพลง ต฾อนรับปีใหม฽รว฽ มกนั ซึง่ ความหมายในเพลงแปลว฽า เมอื่ เสรจ็ สิ้นฤดูการเก็บเก่ียวแล฾ว ขอเชิญญาติพี่น฾อง มติ รสหาย มารว฽ มพบปะสังสรรคแและสรรเสริญพระเจ฾าด฾วยกัน (นิกายโปรเตสแตนตแ) สําหรับวิถีชุมชน ชนเผ฽าลาหู฽กําลังได฾รับการส฽งเสริมเป็นหม฽ูบ฾านท฽องเที่ยวพร฾อมเปิดหมู฽บ฾านให฾นักท฽องเที่ยวได฾มาสัมผัส วิถีชีวิต ความเป็นอยู฽ของพ่ีน฾องชนเผ฽าให฾เป็นการท฽องเที่ยวท่ีย่ังยืน แต฽ไม฽ทําลายวิถีชุมชน สําหรับ บ฾านปุาคา ตําบลแจ฾ซ฾อน อําเภอเมืองปาน จังหวัดลําปาง ตั้งอยู฽ในหุบเขา อากาศเย็นตลอดท้ังปี ชาวบ฾านมีอาชีพปลูกกาแฟ และต฾นแมคคาเดเมียร฽วมกัน ทําให฾กาแฟมีอัตลักษณแคือความหอมมัน เน่ืองจากปลูกใต฾ต฾นแมคคาเดเมีย นอกจากนี้ชุมชนยังได฾รับการส฽งเสริมให฾เป็นชุมชนท฽องเท่ียวทําให฾ นกั ทอ฽ งเที่ยวท่ชี นื่ ชอบธรรมชาตสิ ามารถมาเท่ียวชมวิถีชีวิตชนเผ฽าลาห฽ู ชิมกาแฟ แมคคาเดเมีย สดจาก ไร฽ได฾ตลอดทั้งปี ปใจจุบันชาวลาห฽ูในอําเภอเมืองปานและแจ฾ซ฾อน เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสตแนิกา ย โปเตสแตนตแ แต฽ยังคงรักษาประเพณีบางอย฽างไว฾ เช฽น การจัดงานปีใหม฽ การเต฾นจะคึ การแต฽งกาย ชุดประจําเผ฽า ยังคงมีการผลิตงานหัตถกรรม เช฽น เคร่ืองจักสาน กระบุง ปลอกมืด เพ่ือใช฾เป็นสินค฾า ในอตุ สาหกรรมท฽องเทย่ี ว ๒.๓.๒ ระบบโครงสรา้ งทางสงั คม ครอบครัวและระบบเครือญาติ : ระบบครอบครัวลาห฽ูมีลักษณะเป็นครอบครัวเดียว ภายใน ครอบครัวหน่ึงจะมีสมาชิกอยู฽หลายคน คือ พ฽อ แม฽ ลูกชาย ลูกสาว หลานและผ฾ูเฒ฽าผู฾แก฽ด฾วย ถ฾ ามี เหตกุ ารณแรา฾ ยเกิดขนึ้ ในครวั เรือน หรือกับสมาชิกคนใดคนหนึ่ง สมาชิกทุกคนในครัวเรือนจะช฽วยแก฾ไข ปใญหาร฽วมกัน และถ฾าหากในครัวเรือนมีงานแต฽งงานเกิดข้ึน ไม฽ว฽าของบุตรชายหรือบุตรสาว หัวหน฾า ครวั เรือนคอื พ฽อต฾องจัดงานแต฽งงานตามระบบจารีตประเพณขี องลาห฽ู โครงสร้างทางสังคม : โครงสร฾างทางสังคมลาห฽ูในหมู฽บ฾านหน่ึงๆจะมีองคแประกอบสําคัญ ๓ ประการ ซ่งึ ชาวลาหเู฽ รยี กว฽า “แซะ คอื แซะ หละ” หมายถึงก฾นเส฾าทีม่ ี ๓ ขา ๓ มือ จึงจะสามารถต้ังขึ้น อย฽างม่ันคงได฾ คือ อาดอ, คะแซ หรือผู฾ใหญ฽บ฾าน (ชาย) โตโบ หรือ นักบวช พระ (ชาย) จาหลี หรือ ช฽างตีเหล็ก ผลิตและซ฽อมแซมอุปกรณแการเกษตร (ชาย) ชาวลาหู฽เช่ือว฽าในหมู฽บ฾านหนึ่งๆ จะต฾อง ประกอบด฾วยองคแประกอบ ๓ อยา฽ งน้ี หากหมู฽บ฾านใดไม฽มีก็จะถือว฽าไม฽สมบูรณแ หากขาดส฽วนใดส฽วนหนึ่งแล฾ว ชาวลาห฽ถู อื ว฽าไมค฽ รบองคปแ ระกอบของการจัดต้ังหม฽ูบ฾านและจะล฽มสลายในท่ีสุด ในปีหนึ่งๆ ทุกหลังคา 60

เรอื นจะตอ฾ งไปชว฽ ยทํางานให฾แกบ฽ คุ คลทั้งสามคนนี้ เปน็ การตอบแทนบุญคณุ ท่ที ําหนา฾ ท่ีให฾เกิดความสงบ ร฽มเยน็ สงบสขุ มีกนิ มีใช฾ในหมู฽บ฾าน25 โครงสรา้ งการปกครองและสงั คม : โครงสร฾างสงั คมชนเผ฽าลาหู฽จะประกอบด฾วย ๓ ส฽วน ได฾แก฽ สว฽ นท่ีหนง่ึ อาดอ (คะแซ) คอื ผูน฾ าํ หมบ฽ู า฾ น สว฽ นท่ีสอง โตโบ คือ พระหรอื นักบวชทําหน฾าที่ส่ังสอนคนให฾ เป็นคนดี และสว฽ นที่สาม จาหลี๋ คอื ชา฽ งตเี หล็ก มีหนา฾ ทผี่ ลติ เคร่ืองมือการเกษตร ชนเผ฽าลาหู฽เชื่อว฽าหาก หมู฽บ฾านใดไม฽มี ๓ ส฽วนดังกล฽าว ถือว฽าเป็นหม฽ูบ฾านที่ยังไม฽สมบูรณแ ไม฽สามารถเป็นหม฽ูบ฾านท่ีใหญ฽และ ม่นั คงต฽อไปได฾ ชนเผ฽าลาหูใ฽ ห฾ความนบั ถือผู฾อาวุโสทั้ง ๓ ส฽วนนี้มาก และทุกปีคนในหมู฽บ฾านทุกครัวเรือน จะไปทํางานให฾ครอบครวั ของผอ฾ู าวโุ สทงั้ ๓ ส฽วนน้ี เพอ่ื เป็นการตอบแทนที่ช฽วยดูแลให฾เกิดความสงบสุข ในหม฽ูบ฾าน ด฾านการปกครองชนเผ฽าลาหู฽จะใช฾รูปแบบของจารีตประเพณี เช฽น เมื่อมีการร฾องเรียนหรือ ข฾อพพิ าท ผู฾นําหมูบ฽ า฾ นจะเชญิ หวั หน฾าครอบครัวทุกหลงั คาเรอื นมาประชุมเพื่อช้ีแจง ปรึกษา และตัดสิน คดขี อ฾ พพิ าท ถา฾ หากผลการตัดสินเกิดความขัดแยง฾ ขึน้ จะเชญิ ผน฾ู าํ หมบู฽ ฾านกบั ผอู฾ าวโุ สจากหม฽ูบ฾านอ่ืนที่มี ความเป็นกลางมาวา฽ ความ และตัดสินใจช้ีขาดเสมือนผ฾ูนําในหม฽ูบ฾าน ถ฾าเป็นการกระทําผิดที่ไม฽ร฾ายแรง จะมีโทษเพียงปรับเป็นเงินตามอัตรากฎจารีต ของหม฽ูบ฾านที่ได฾มีการตกลงกันไว฾ หากเป็นความผิด ร฾ายแรงผ฾กู ระทาํ ความผดิ อาจได฾รับโทษปรบั ตามกฎจารีตแลว฾ ถกู ขบั ไลอ฽ อกจากหมู฽บา฾ น เป็นต฾น ผ้นู าหมบู่ ้านและบทบาทหนา้ ท่ี : ผ฾นู ําหมบ฽ู า฾ นมีอํานาจหน฾าท่ีในการปกครอง ดูแล หม฽ูบ฾านให฾ เกดิ ความสงบสุข และปูองกนั ให฾เกดิ ความปลอดภัย ชักจูงให฾ลูกบ฾านร฽วมปฎิบัติงานของส฽วนรวม อบรม สั่งสอนให฾ลูกบ฾านปฏิบัติตามหลักความเช่ือศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมท่ีสืบทอดกันมาเป็นคน ตัดสินคดีความตา฽ ง ๆ ระหว฽างชาวบา฾ น สั่งสอนตักเตือน และปรับไหมตามกฎจารีตประเพณีที่ชาวลาหู฽ เรียกว฽า “อ฽อหิ – อ฽อก฽อ” ที่ได฾ปฏิบัติสืบต฽อกันมาช฾านานจนเป็นประเพณีถึงทุกวันนี้ ในหม฽ูบ฾านลาห฽ู นอกจากมีผนู฾ ําหรอื ผูใ฾ หญ฽บา฾ นแลว฾ ยังมีบคุ คลท่ชี าวบา฾ นใหค฾ วามเคารพนับถือดังน้ีคอื ๑. คะ แซ หรือ อาดอ (ผใู฾ หญบ฽ า฾ น) เป็นผูน฾ ําหมูบ฽ า฾ นในด฾านการปกครอง สบื ทอดทางสายโลหิต หรือเครือญาติเดียวกัน ถ฾าคะแซไม฽มีลูกชาย หรือลูกชายไม฽มีความร฾ูความสามารถด฾านนี้ และไม฽สนใจ การปกครอง จะต฾องเลือกหาคะแซข้ึนมาใหม฽ โดยเอาผ฾ทู มี่ ีความร฾ูความสามารถด฾านการปกครอง จารีต ประเพณี วฒั นธรรม มคี วามประพฤตดิ ี เปน็ ผ฾ูท่ียอมรับนับถือของชาวบ฾าน และมีความสนใจข้ึนมาเป็น คะแซ หรือ อาดอแทน ถ฾าวงศาคณาญาติท่ีไม฽เคยเป็นคะแซก็ห฾ามเป็นคะแซ เพราะเช่ือว฽าถ฾าเป็นแล฾ว อาจจะทําให฾ครอบครัวมีฐานะแย฽ลง เจ็บปุวยไม฽สบาย หรือเสียชีวิตได฾ คะแซไม฽จําเป็นต฾องเป็นผู฾ชาย เสมอ และหากผูห฾ ญงิ มคี วามรูค฾ วามสามารถมากกว฽าก็สามารถเปน็ ไดเ฾ ช฽นกนั คะแซจะมีผ฾ูช฽วย ๓ คน คือ ปูหุ มน่ื ปูุแส ปุูลา ๒. โต โบ เป็นตําแหน฽งผู฾นําศาสนาสูงสุดของลาห฽ู ทําหน฾าท่ีประกอบพิธีกรรม ติดต฽อสื่อสาร ระหวา฽ งคนกบั พระเจา฾ รกั ษาโรคภัยไข฾เจ็บ บําบัดรักษาผ฾ูติดยาเสพติด และอบรมสั่งสอนคนในหมู฽บ฾าน ให฾เป็นคนดี ร฾จู ักขนบธรรมเนียมประเพณี ตาํ แหน฽งโตโบนั้นจะเป็นของผู฾ชายเท฽านั้น และมีการสืบทอด ตําแหนง฽ ทางสายโลหิต หรือวงศาคณาญาติ ต฾องเป็นผ฾ูท่ีมีความรู฾เกี่ยวกับกฎจารีตประเพณีเป็นอย฽างดี สามารถสวดมนตไแ ด฾ ถา฾ ในครอบครัวตามสายโลหติ หรอื ตามสายเครือญาติน้ันไม฽มีคนมีความรู฾และความ สามารถในด฾านน้ี กจ็ ะเป็นโตโบไม฽ได฾ ตอ฾ งทําการเลือกโตโบคนใหม฽ โดยเลือกผ฾ูท่ีมีความรู฾ความสามารถ  25 ลาเคละ จะทอ “การตอ่ สู้เร่ืองสัญชาติของผู้หญิงชนเผ่า : กรณีศึกษาชีวิตจริงของผู้หญิงลาหู่คนหนึ่ง” วิทยานิพนธแมหาบัณฑิต สตรศี ึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม.฽ 2548. 61

เก่ยี วกบั ประเพณพี ธิ กี รรมของลาห฽ู และเป็นผท฾ู ีม่ ีความประพฤติอย฽ใู นศลี ธรรม ไมก฽ ระทาํ ความผิด เป็นท่ี ยอมรับนบั ถอื ของคนในชมุ ชนโตโบ จะมีผู฾ชว฽ ยผูอ฾ าวโุ ส หรือมีความร฾ดู ฾านกฎจารีตประเพณี หรือผู฾ที่ต฾อง ทาํ งานร฽วมกันคอื สา฽ หลา฽ อาจา ฟูกวาง ตาลา และ คะซอ฾ มา – อาจา เป็นตําแหน฽งของผ฾ูชายลาห฽ู ท่ีทํา หนา฾ ที่เป็นผตู฾ ิดตอ฽ ประสานงาน แลกเปล่ียน เผยแพรศ฽ าสนา ส฽วนการตดั สนิ คดีความหรอื เรื่องราวตา฽ ง ๆ ในสมัยกอ฽ นการตัดสินคดีความหรือเร่ืองราวต฽าง ๆ จะเป็นหน฾าท่ขี องผ฾นู าํ หมบ฽ู า฾ นและผอู฾ าวุโสในการตัดสิน และเม่ือมีกรณีทะเลาะวิวาทในหมู฽บ฾าน วิธีการ ตัดสินคือผ฾ูนําหมู฽บ฾านจะต฾องเชิญผู฾อาวุโสมาไกล฽เกลี่ยหาข฾อตกลง ผ฾ูอาวุโสจะถามท้ังสองฝุายอธิบาย เหตุการณแที่เกิดข้ึน ผ฾ูอาวุโสรับฟใงเหตุการณแจากทั้งสองฝุายจะรับรู฾ว฽าคนไหนถูกหรือผิด ผ฾ูนําหม฽ูบ฾าน และผ฾อู าวโุ สจะตัดสนิ โดยเด็ดขาดเลยวา฽ ใครผดิ ใครถกู ท้งั สองฝุายจะตอ฾ งยอมรับการตัดสินของผู฾นําและ ผ฾อู าวโุ ส ปจใ จบุ ัน การตดั สนิ คดคี วามหรือเรอื่ งราวตา฽ ง ๆ สว฽ นมากเปน็ ไปตามกฎหมายของรฐั บาล ในปใจจุบัน ระบบการปกครองจะขึ้นอยู฽กับการปกครองของบ฾านเมือง คนที่มีบทบาทสําคัญ จะเป็นแกนนําของระบบทางราชการ คือ ผู฾ช฽วยผู฾ใหญ฽บ฾าน และสมาชิกองคแการบริหารส฽วนตําบล แต฽ชาวบ฾ านยัง คง ให฾ความ เคารพ นับถือผ฾ูนํ าทาง จิต วิญ ญ าณข อง ตนท่ี ทํา หน฾าที่ ในการจั ดบทบา ท ควบคมุ ดูแลความสงบสุขของคนในชุมชน โดยแบง฽ บทบาทหนา฾ ทีอ่ ย฽างชดั เจน ๒.๓.๓ วถิ ีชวี ติ ความเปน็ อยู่ ความเช่ือ ประเพณี วิถชี ีวิต การทามาหากนิ และวิถีการผลิตพ้ืนบ้าน : ด฾านวิถีชีวิตของชนเผ฽าลาหู฽น้ัน โดยปกติ แล฾วชนเผ฽าลาห฽ูชอบอาศัยอยู฽บนท่ีสูง และเป็นชนเผ฽าที่ไม฽ชอบความว฽ุนวาย มีวิถีชีวิตความเป็นอย฽ูท่ี เรียบง฽าย เป็นชนเผ฽าท่ีสามารถปรับตัวเข฾ากับผู฾คนได฾เป็นอย฽างดี ถึงแม฾ว฽าจะยังชีพด฾วยการเป็นชาวนา ปลูกข฾าว และข฾าวโพด เพ่ือการบริโภคในครัวเรือน ลาห฽ูก็ยังภูมิใจกับการเป็นนักล฽าสัตวแ นอกจากน้ี พวกเขายงั เคร฽งครัดกับกฎระเบียบของความถูกและผิด ทุกๆ คนจะตอบคําถามในพ้ืนฐานเดียวกับคน รุ฽นเก฽า ชาวลาหูเ฽ ขม฾ แขง็ ต฽อการยดึ ม่นั ต฽อความเป็นนาํ้ หน่งึ ใจเดียวกัน และทํางานด฾วยกันเพ่ือยังชีพ ลาห฽ู อาจเปน็ กล฽มุ คนทีม่ ีความเท฽าเทียมทางด฾านเพศมากท่สี ุดในโลก ดา฾ นอัตลกั ษณแท่สี าํ คัญของชาวลาห฽ูคือ “ข฾าวปุก” มีวิถีการผลิตและการกินที่มีความเกี่ยวข฾อง กับพิธกี รรมและความเช่ือ ความสัมพันธแทางสังคม จริยธรรม และสุขภาพ ดังจะเห็นจากการผลิตและ การบริโภคข฾าวปกุ มีความเช่อื เกี่ยวกบั ความเปน็ สิรมิ งคล ความเชื่อเกยี่ วกบั ความเจรญิ ร฽ุงเรือง ความเชื่อ เก่ียวกับวิญญาณบรรพบุรุษและพระเจ฾า ก฽อให฾เกิดความสัมพันธแภายในครอบครัวและเครือญาติ แล฾วขยายออกเป็นความสัมพันธแภายในชุมชนและนอกชุมชน กล฽าวโดยสรุป ชาวลาห฽ูทําอาชีพ เกษตรกรรม เชน฽ ทําไร฽ ทาํ สวน ปลูกข฾าว ขา฾ วโพด ผลไม฾ และพืชหมุนเวยี นเพ่อื การบริโภคในครอบครัว และเพอ่ื ขาย นอกจากทําการเกษตร ชาวลาหู฽ยังนิยมการเล้ียงสัตวคแ วบคูไ฽ ปดว฾ ย เชน฽ หมู และไก฽ ซ่ึงจะมี การเลี้ยงไว฾แทบทุกบ฾านเพ่ือขายและใช฾ประกอบพิธีกรรม รองลงมาคือการรับจ฾างในเมือง ทําก฽อสร฾าง ในช฽วงท่ีพักจากฤดูทําไร฽ ทําสวน หมู฽บ฾านท่ีอย฽ูพ้ืนท่ีราบมีชาวบ฾านหลายรายท่ีประกอบอาชีพค฾าขาย เปน็ พ฽อคา฾ คนกลาง รับซ้อื ผลติ ผลทางการเกษตรจากภายในหมบู฽ ฾านต฽าง ๆ แลว฾ นําไปขายต฽อให฾กับพ฽อค฾า ในเมอื ง โรงงานและโรงสี รายไดส฾ ฽วนใหญม฽ าจากการขายขา฾ ว ขา฾ วโพด และมพี อ฽ ค฾าคนกลางมารบั ซื้อ ส฽วนหมู฽บ฾านบนภูเขา ชาวบ฾านฐานะจะไม฽ค฽อยดีนัก เกือบทุกบ฾านจะมีหนี้สินในการก฾ูยืม เพื่อนํามาลงทุนซ้ือปุ฻ย ยาฆ฽าแมลง และเมล็ดพันธุแ รวมถึงภาระค฽าใช฾จ฽ายในการเช฽าท่ีดินทํากิน 62

นอกจากนั้น ท่ีดินส฽วนใหญ฽ถูกนายทุนเข฾ามาซ้ือ จํานวนมาก จึงทําให฾หลายครอบครัวต฾องไปรับจ฾าง ทํางานในไร฽ รับจ฾างเก็บชา และสวนส฾ม เป็นต฾น ปใจจุบันวัฒนธรรม องคแความรู฾ภูมิปใญญาของชนเผ฽า ลาหู฽ เริ่มมีการสูญสลายเหมือนชนเผ฽าอื่น ๆ ด฾วยข฾อจํากัดและปใจจัยหลายประการ อาทิ การศึกษา ศาสนา ความเชื่อ วิถีชีวิต ค฽านิยม และระบบเศรษฐกิจ เป็นต฾น รวมถึงในปใจจุบันเนื่องจากมีข฾อจํากัด ในเรื่องที่ดนิ จึงได฾มีการปรับเปล่ียนรูปแบบ เป็นการผลิตท่ีมุ฽งเน฾นเพ่ือการค฾ามากข้ึน นอกจากน้ันแล฾ว ยงั มีการเล้ียงสัตวไแ ว฾ใชง฾ านและใชป฾ ระกอบในพิธีกรรมต฽าง ๆ ได฾แก฽ ไก฽ สกุ ร มา฾ และลอ฽ เปน็ ต฾น การแต่งกาย : ลักษณะการแต฽งกายของชนเผ฽าลาหู฽ หรือมูเซอ ชาวลาห฽ูในแต฽กลุ฽มมีเคร่ืองแต฽ง กายทเ่ี ป็นลักษณะเฉพาะตวั ในดา฾ นสสี นั และผ฾าของลาหใู฽ ช฾ผ฾าสดี าํ หรอื ผ฾าสฟี ูาและสแี ดง ซ่ึงขึ้นอย฽ูกับว฽า ลาห฽ูกล฽มุ ใด และตกแต฽งด฾วยผ฾าหลายสีเป็นลวดลายสวยงาม รูปแบบของเส้ือลาห฽ูจึงแตกต฽างกันไปตาม กล฽ุม แตท฽ กุ กล฽มุ จะนง฽ุ ซน่ิ เช฽นเดียวกัน รูปแบบของเส้ือผู฾หญิง จะเป็นเส้ือแขนยาวตัวส้ันแค฽เอว ตกแต฽ง ด฾วยผ฾าหลากสีและเคร่ืองเงิน สําหรับเสื้อผ฾าของผู฾ชายลาห฽ู ทั้งเส้ือและกางเกงจะใช฾ผ฾าสีดําและใช฾ผ฾าสี ต฽าง ๆ ลวดลายทส่ี วยงามเหมือนของผู฾หญิงชาวลาหใู฽ นสมัยกอ฽ นเวลามีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ก็จะมกี ารสวมใส฽ชดุ ประจําเผา฽ เสมอ แตม฽ าถึงปใจจุบนั การใส฽ชุดประจําเผ฽าในชนเผ฽าลาหู฽เร่ิมหาดูได฾ยาก เนอื่ งจากการพัฒนาของสังคมเมือง ทําให฾ค฽านิยมในการใส฽เส้ือเปลี่ยนไป หันไปใส฽เส้ือผ฾าแบบสมัยใหม฽ เช฽นกางเกงยนี สแ เส้ือยีนสแ เป็นต฾น เพราะว฽ามีการวางขายตามร฾านทั่วไป ส฽วนชุดชนเผ฽าหาได฾ยาก และ สังคมไม฽ยอมรับ เมื่อใส฽ชุดชนเผ฽าเข฾าในเมือง กลับถูกมองเหมือนตัวประหลาดตัวหน่ึง จึงทําให฾เด็กรุ฽น ใหม฽ไม฽ชอบใส฽ชุดประจําเผ฽ากัน เพราะว฽าอายคนในเมืองและ บางคนคิดว฽าเขามีการพัฒนาพอท่ีจะ แยกแยะออกวา฽ ควรใส฽ช฽วงเวลาไหนและไมค฽ วรใส฽ช฽วงเวลาไหน26 ลักษณะการแต฽งกายของผ฾ูชาย โดยจะสวมใส฽เสื้อแขนยาวสีดํา ประดับด฾วยเม็ดโลหะเงินและ ลายปใกต฽าง ๆ ส฽วนกางเกงใช฾สีดํา สีเขียว สีฟูา เย็บปใกด฾วยมือท่ีสวยงาม มูเซอแดง : จะสวมเส้ือสีดํา  26 ธนั ยา พรหมบรุ มยแ “การศึกษาความเป็นไปไดใ฾ นการพฒั นาหตั ถกรรมทอ฾ งถนิ่ และการตลาดในพื้นที่โครงการหลวง : กรณีศึกษาผ฾าทอ ชาติพันธแลุ าหู฽” มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม฽. คณะบรหิ ารธุรกิจ 2549. 63

ผ฽าอกกลาง กระดมุ โลหะเงิน หรือกระดุมเปลอื กหอย กางเกงจีนสดี ําหลวมๆ ยาวลงไปแค฽เข฽าหรือใต฾เข฽า เลก็ น฾อย มเู ซอดาํ : จะสวมกางเกงขากว฿ ยสีดํา เส้อื สีนาํ้ เงินแขนยาวผา฽ หน฾าปาู ยขา฾ ง สน้ั แคบ฽ น้ั เอว ลักษณะการแตง฽ กายของผห฾ู ญิงจะสวมใส฽เสือ้ แขนยาว สวมผา฾ ถุงยาวถึงขอ฾ เท฾า ตกแต฽งด฾วยแถบ ผ฾าสี และมเี มด็ อลูมิเนยี มเยบ็ ติดเสือ้ มลี วดลายสวยงามแปะตดิ ไว฾ด฾านหน฾า และด฾านหลังอย฽างสวยงาม มูเซอ แดง : จะสวมเส้ือตัวสั้นสีดํา แขนยาว ผ฽าอก ติดแถบผ฾าสีแดงที่สาบเสื้อ รอบชายเส้ือและแขน ตกแต฽ง เสอ้ื ด฾วยกระดุมเงิน ส฽วนผ฾าซิ่นใช฾สีดําเป็นพื้น มีลายสีต฽าง ๆ สลับกันอยู฽ท่ีเชิงผ฾าโดยเน฾นสีแดงเป็นหลัก มูเซอดํา : จะแต฽งกายด฾วยเส้ือแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงคร่ึงน฽อง ผ฽ากลางตลอดตัวขลิบชายเส้ือและตก แต฽งตัวเสื้อด฾วยผ฾าสีขาว น฽ุงกางเกงขาก฿วยสีดํา โพกศีรษะด฾วยผ฾าดํายาว และปล฽อยชายผ฾าห฾อยไปข฾าง หลงั ยาวประมาณ ๑ ฟตุ ปใจจุบนั ใชผ฾ า฾ เช็ดตัวโพกศีรษะแทน และใช฾ผา฾ สีดําพนั แขง฾ ศาสนา ความเช่อื และพิธกี รรม : ชาวลาหู฽นับถือผี มีบรรพบุรุษและสิ่งศักด์ิสิทธ์ิเป็นหลัก แต฽ ปใจจุบันก็มีการนับถือศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสตแมากขึ้น มีความเชื่อที่มีพิธีกรรมเข฾ามาเกี่ยวข฾องใน การดํารงชีวิต การเกิด เจ็บ ตาย บุคคลที่มีอิทธิพลในหม฽ูบ฾านมากที่สุด ได฾แก฽ พ฽อครู หรือปุูจอง การ ตดั สนิ เรอ่ื งสําคญั ๆ ของหมูบ฽ า฾ น หัวหน฾าหมบู฽ า฾ นและทกุ คนจะต฾องฟใงความคิดเห็นของพ฽อครู เป็นหลัก ซึ่งหวั หนา฾ หมบู฽ า฾ นกับพ฽อครูอาจจะเป็นคนเดียวกัน ท่ีเป็นผู฾นําทางพิธีกรรมเป็นผู฾ทํานายทายทัก รักษา อาการเจบ็ ปวุ ยด฾วยสมุนไพรหรือภูมิปใญญาท฾องถิ่น พื้นฐานความเช่ือของลาหู฽นี้จะนับถือพระเจ฾า หรือ (อื่อซา) ชาวลาห฽มู คี วามเช่อื เรื่องภูต ผี ขวัญ วิญญาณ ผสมผสานไปดว฾ ยกัน ความเชื่อเรื่องพระเจ฾า (อ่ือซา) ถือเป็นผ฾ูยิ่งใหญ฽ ผู฾ให฾กําเนิดโลกและความดีท้ังปวง การบูชา สวดอ฾อนวอน อ่ือซา ถือเป็นสิ่งสําคัญ เพราะจะบันดาลให฾ทุกคนสมบูรณแพูนสุข ข฾าวปลาอาหารอุดม สมบูรณแ อย฽างเชน฽ เทศกาลปใี หม฽ หรือกินวอ (เขาะจาเว) ช฽วงปลายเดือนมกราคม หรือเดือนกุมภาพันธแ ของทุกปี ทุกหลังคาเรือน ทุกกล฽ุมบ฾าน หรือหม฽ูบ฾านก็ต฾องทําการบูชา และสวด ผลผลิตท่ีได฾ในรอบปี น้ัน ๆ ใหก฾ บั อ่อื ซา เพ่อื ไดร฾ ับประทาน และได฾รับรู฾ รับทราบ บวกกับขอโชคลาภในปีต฽อไป เช฽น ในปีนี้ ผลผลิตได฾เท฽านี้ทําถวายให฾ท฽านอ่ือซา หนึ่งถ฾วย - จาน ท฽านอ่ือซารับประทาน และได฾รับร฾ู ปีหน฾า ขอผลผลิตใหไ฾ ด฾ เก฾าเทา฽ เก฾าถว฾ ย - จาน เปน็ ตน฾ ความเชื่อเร่ืองผี ชาวลาหเู฽ ชอ่ื วา฽ ผีมีอย฽ูท่ัวไปแต฽มีท้ังผีดี และร฾าย ต้ังแต฽ในเรือนไปจนทั่วบริเวณ หมู฽บ฾าน เช฽น ผหี มู฽บ฾าน ผเี รือน เป็นผที ีค่ อยใหค฾ วามคม฾ุ ครอง สว฽ นผนี ้ํา ผีปุา ผีดอยและผีอ่ืน ๆ ที่อย฽ูนอก บ฾าน ถือเป็นผรี ฾ายที่ใหโ฾ ทษต฽อคน ตวั อย฽าง เช฽น ผีบ฾าน ผีเรือน ท่ีชาวไทยเรียกว฽าศาลพระภูมิ หรือเจ฾าท่ี 64

ในหม฽บู ฾านกช็ ว฽ ยคุ฾มครองสมาชกิ ในครอบครัวน้ัน ๆ เช฽นเดียวกับชาวไทยพุทธ ผีปุา หรือ เจ฾าที่เจ฾าทาง ในปาุ เหมอื นกนั ในเมื่อคนเขา฾ ไปทําสิ่งไม฽ดีให฾กับสถานที่ ๆ นั้น หรือที่ชาวไทยเรียกว฽าลบหลู฽ผีปุา ผีเขา หรือเจ฾าปุา เจ฾าเขา เจ฾าท่ี ที่แห฽งนั้น มันก็จะทําคนคนนั้นมีอันเป็นไป และถ฾าคนคนน้ันร฾ูตัวเองว฽าได฾ กระทําผิดไว฾ แล฾วไดไ฾ ปลบหลูท฽ ่แี หง฽ นน้ั แลว฾ กจ็ ะไปหาหมอผีมาแก฾บน หรือทําพิธีตามความเช่ือชาวลาหู฽ เกยี่ วกบั ผี ความเชือ่ เรอื่ งวิญญาณ หรือขวัญ เชื่อว฽าเป็นภาคจิตของร฽างกาย คล฾ายกับความเช่ือทางไสยศาสตรแ ของคนไทย หากวิญญาณออกจากร฽าง หรือถูกผีร฾ายกระทํา เจ฾าของร฽างกายจะเจ็บปุวย ความเช่ือชาว ลาห฽ู ขวัญ วิญญาณ คอื ชว฽ งที่คนไม฽ค฽อยมีแรง ไมส฽ บายบอ฽ ย ๆ ครงั้ น้นั ชาวลาหกู฽ ็จะไปหาโตโบ ซ่ึงที่เป็น ผ฾ูนาํ ทางศาสนา ทําพิธีไสยศาสตรแจุดเทียนแล฾วสวดกล฽าวตามวิธีโตโบ โตโบทําเสร็จพิธี และร฾ูว฽าจะต฾อง ทาํ อะไรซงึ่ ผ฾ูปวุ ยกถ็ ามว฽า จะทาํ อย฽างไร และจะตอ฾ งแก฾ในดา฾ นไหน แลว฾ โตโบก็จะตอบ และบอกตามจริง ท่ไี ดร฾ บั คาํ สงั่ จากเบอ้ื งบนให฾กับคนทีไ่ ม฽สบาย รับรู฾ และให฾กลบั ไปแก฾ตามจริงทโ่ี ตโบบอก เช฽น ช฽วงน้ีบุญ มไี มม฽ ากแลว฾ นะ และขวัญหาย วิญญาณไมอ฽ ยก฽ู ับเน้อื กับตัว ถ฾าเปน็ อย฽างนี้แลว฾ ผู฾ปวุ ยหรอื ผไู฾ มส฽ บายก็ต฾อง รบี หาหมอผี ทําพธิ แี กส฾ ่งิ เหล฽าน้ี การทําพิธมี ดี งั น้ี พธิ ีเล็ก ๆ ทําพิธหี าบุญก็จะมีไก฽ก็ได฾ หมูก็ได฾ พิธีเล็ก ๆ กไ็ ก฽ พิธใี หญๆ฽ ก็หมไู ด฾ นาํ หมู - ไกม฽ าฆา฽ เลย้ี งให฾กับสมาชกิ ในหมบู฽ า฾ น เพอื่ ที่จะขอบุญคนในหม฽ูบ฾าน และ คนในหมบู฽ า฾ นกผ็ ูกขอ฾ มือ และอวยพรใหก฾ บั คนไมส฽ บายคน ๆ นน้ั ความเชอื่ เร่อื งขวญั ถา฾ ขวญั หายชาวลาหูก฽ ็จะมีวธิ ี เชน฽ ชาวลาหรู฽ ฾ูว฽าขวัญหาย ก็จะหาไก฽หนึ่งตัว เพ่อื ทีจ่ ะนาํ มาทําพธิ เี รียกขวัญตามวธิ ชี าวลาห฽ู ขวญั กลบั มาหรอื ยังอย฽างไรนั้นตอ฾ งฆา฽ ไก฽ ตวั ทีท่ าํ พธิ แี ล฾วก็ มาทํา กินกันเองในกล฽ุมหมอผี หรือผู฾เฒ฽าเพียงไม฽ก่ีคนเท฽าน้ัน พอกินเสร็จหมอผี หรือผู฾เฒ฽า ผู฾แก฽ก็จะดูท่ี กระดูกไก฽ กจ็ ะรว฾ู ฽าขวัญกลบั มาหรอื ยงั ก็จะรท฾ู นั ที ความเชื่ออ่ืน ๆ เช฽น ไม฽ควรนําผ฾าถุงของผ฾ูหญิงติดไป ในการไปล฽าสัตวแ เพราะจะทําให฾เกิดการมั่ว และยิงคนผิดได฾ ห฾ามผู฾หญิงจับอาวุธ เช฽น อุปกรณแล฽าสัตวแ ต฽าง ๆ ของผ฾ูชาย เพราะจะทาํ ใหอ฾ าวธุ นน้ั ไมแ฽ ม฽นเวลาไปลา฽ สัตวแ การละเล่น เครือ่ งดนตรี : เครื่องดนตรลี าหู฽ เช฽น กลอง ฉ่งิ ฆ฾อง แคน ลาหู฽มีความชํานาญในเรอื่ งพวกนมี้ าก ใชใ฾ นช฽วงเทศกาลปีใหม฽ หรอื ชว฽ งมีการเต฾นรําในหมู฽บ฾าน และใช฾ในวันศลี เครื่องดนตรีประเภทดีด ซึง (เต฽อสื้อโก฽ย) : หน฽ุมๆ มักเล฽นในช฽วงอย฽ูท่ีบ฾าน หนุ฽มจะดีดเป็น เสยี งเพลง แล฾วสาวๆ ได฾ยินเสียงเพลงไพเราะก็จะมาหาหน฽ุม แล฾วสาวนั่งฟใงอย฽างลึกซึ้งจากเสียงเพลง ของหนมุ฽ เล฽นได฾ตลอดไม฽เกีย่ วกับพธิ ี และประเพณีใด เคร่ืองดนตรีประเภทตี กลอง (จะโก) : จะใช฾ตีในเฉพาะพิธีกรรมเท฽าน้ัน เช฽น ใช฾ตีช฽วงปีใหม฽ เปน็ ส฽วนใหญ฽ และรองลงมากใ็ ชใ฾ นวนั ศีลชาวลาหู฽จะมวี ันศีลเดอื นละ ๒ ครั้ง คือ ในเดอื นข้ึน กับเดือนลง หรอื ขึ้น ๑๕ ค่ํา และแรม ๑๕ คาํ่ ทุกเดอื น เครือ่ งดนตรีประเภทเปาุ แคน (หนอ฽ ) : ส฽วนใหญแ฽ ล฾วมักใช฾ในงานปีใหม฽ แตก฽ ใ็ ชเ฾ ปาุ ทวั่ ไปดว฾ ย จ๊ิงหน฽อง (อ฾าทา) : จิ๊งหน฽องมีลักษณะเช฽นเดียวกันกับขล฽ุย เล฽นได฾ทุกเวลา ไม฽จําเป็นต฾องเล฽น ในช฽วงเทศกาล ขลุ฽ยไม฾ไผ฽ (แล฾กาช฽ุย) : ทําข้ึนได฾อย฽างง฽ายจากไม฾ไผ฽ จากใช฾เปุาในช฽วงไปทําไร฽ หรือในช฽วง เดนิ ทางไปเท่ียวตามหมบู฽ า฾ น เช฽น ไปเที่ยวสาวๆ ขลุย฽ ของลาห฽ูแบ฽งออกเป็น ๔ ชนิด คือ แบบ ๑ รู, ๒ ร,ู ๔ รู และ ๕ รู 65

ขล฽ุยต฾นข฾าว (แล฾ลู) : แลดจู ะคล฾ายกบั การทําแล฾กาชุ฽ย แต฽ต฽างกันตรงท่ีวัตถุดิบ ซ่ึงแล฾ลูจะใช฾ต฾น ขา฾ วทําแทนไม฾ โดยต฾นข฾าวจะตอ฾ งมขี อ฾ ต฽อของตน฾ ขา฾ วตดิ มาด฾วย ๑ ข฾อ และจะต฾องทําล้ินด฾วยเพื่อให฾เกิด เสียงจะมเี ล฽นกช็ ฽วงฤดูกาลเกบ็ เกย่ี วขา฾ วเท฽านนั้ ทจ่ี ะมใี ห฾เลน฽ กนั เปุาใบไม฾ (อ฾าผะเม฾อเว) : ใบไมช฾ นดิ นี้เปุาเป็นเสียงเพลงได฾ หน฽ุมสาวจะเล฽นในช฽วงก฽อนเทศกาล ฉลองปใี หม฽ หรือโอกาสอนื่ ๆ เสียง (อ฾าถ฽า) เป็นเพลงแสดงถึงความสนใจฝุายตรงกันข฾าม เปุาได฾ทุกเมื่อ ถา฾ มีความสามารถในทางดา฾ นเปาุ ใบไมก฾ เ็ ลน฽ ได฾ ไม฽เก่ยี วกับพิธกี รรมใด27 การละเล฽นเปน็ อีกวฒั นธรรมหนึง่ ของชนเผ฽าลาห฽ูที่นิยมเล฽นกันยามที่ว฽างจากการทําไร฽ ทําสวน และช฽วงท่ีมีพิธีกรรมทางศาสนา หรือประเพณี ซ่ึงเด็กหรือผู฾ใหญ฽จะมารวมตัวกันบริเวณรางที่กว฾าง ๆ พรอ฾ มจดั กล฽ุมแล฾วก็เล฽น เป็นการละเล฽นเพ่ือความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และจะเน฾นการเล฽นเป็นกล฽ุม เพ่อื ให฾เกดิ ความสมัครสมานสามัคคีกันภายในกลุ฽ม เป็นการใช฾ภูมิปใญญาของชาวบ฾านในการนําส่ิงของ ต฽าง ๆ มาประดิษฐเแ ปน็ ของเล฽น โดยการใช฾วัสดุธรรมชาติ ที่หาได฾ง฽ายและไม฽ได฾ใช฾ต฾นทุนเยอะ และเป็น การนาํ ของทอ฾ งถิ่นมาดัดแปลง และทาํ เป็นของเลน฽ ในยามท่ไี ปไร฽ไปสวน ระหวา฽ งทางก็จะเด็ดใบไม฾นํามา มาเปุาให฾เกิดเป็นเสียงเพลง ซ่ึงจะทําให฾เกิดความสุขในการเดินทาง และการเปุาใบไม฾หน฽ุมๆ ยังใช฾เปุา ในการจีบสาว ซึ่งจะเป็นการเปุาเพลงที่ค฽อนข฾างเศร฾า และมีความหมายอันลึกซึ้ง ถือได฾ว฽าเป็นวิธีการ ในการหาค฽ูของหนุ฽มสาวอีกวธิ ีหนึ่ง การละเล฽นของชนเผ฽าลาหูแ฽ บ฽งได฾เปน็ ๒ ประเภท ไดแ฾ ก฽ การละเลน฽ ในพิธีกรรม : จะเล฽นเฉพาะ ในช฽วงท่ีมพี ิธีกรรมหรือประเพณเี ทา฽ น้นั ซง่ึ ชาวลาหูท฽ ้งั หญิงและชายจะแต฽งกายดว฾ ยชดุ ประจําเผ฽าเต็มยศ แลว฾ จะมาเล฽นกัน อันได฾แก฽ การเต฾น “จะคึ” และประกอบด฾วยการเล฽นสะบ฾า (หมะยี้สื่อต฽อดะเว) เล฽น ลูกข฽าง (ข฽อสือบ฽าดะเว) โยนผ฾า (แข฽ปุกส่ือเหล฽ดะเว) ซ่ึงหนุ฽มสาวจะนิยมเล฽นกันมากที่สุด ในช฽วงที่มี พิธกี รรม หรือกนิ วอ เป็นเวลาวา฽ งท่มี ีค฽ามากสําหรับหน฽มุ สาว การเต้นจะคึ (ปอย เต เว) เป็นการบ฽งบอกถึงความหลากหลายของการทํามาหากิน จะเต฾น ในช฽วงท่ีมีงานประเพณี (กินวอ) เต฾นเพื่อเฉลิมฉลองในงานประเพณี และเป็นการกล฽าวขอบคุณแขก ที่มาร฽วมในงานพิธีกรรม อาจมาจากต฽างหมู฽บ฾าน หรือต฽างท฾องถิ่น การเต฾นจะคึ จะเป็นการเต฾นเป็น จงั หวะ ตามเสียงกลอง (เจะโข฽) ฉิ่งฉาบ (แซ) และฆ฾อง (โบโลโก฽) โดยจะมีท฽าทางประกอบหลากหลาย ท฽าอย฽างพร฾อมเพรียงกัน เช฽น ท฽าเก่ียวข฾าว ท฽าตักข฾าว และ ท฽าตีข฾าว เป็นต฾น การเต฾นจะคึ จะมีอีก หลากหลายท฽า คือ ท฽าสวัสดี ท฽าขอบคุณ และยินดีต฾อนรับ ก็จะมี อย฽ูในตัว ท฽าสวัสดี และยินดีต฾อนรับ นนั้ จะอย฽ูในจังหวะเดียวกัน ช฽วงปีใหม฽ หรือกินวอ จะมีแขกจากบ฾านอ่ืนมาเที่ยว และชาวลาหู฽จะมีการ เตน฾ จะคึ เพอ่ื เป็นการตอ฾ นรบั แขกทม่ี ารว฽ มในงาน28 การละเล่นลูกข่าง (ค่อซือ) เป็นการละเล฽นของชนเผ฽าลาห฽ู จะนิยมเล฽นกันในช฽วงปีใหม฽ กินวอ ของลาห฽ู ลูกข฽างนั้นทําจากไม฾เนื้อแข็ง วิธีการเล฽น มีดังนี้ อย฽างแรก ทําเชือกสําหรับเหว่ียงลู กข฽าง  27 เจตชรินทรแ จิรสันติธรรม“ดนตรีชาวเขาเผ฽ามูเซอ กรณีศึกษาหม฽ูบ฾านห฾วยหลวง อําเภอแม฽อาย จังหวัดเชียงใหม฽”ศูนยแมานุษยวิทยา สิรินธร 2545. 28 สนุ ษิ า สุกนิ . (2552).การเต฾นจะคึของลาห฽ูนะ (มูเซอดํา) กรณีศึกษา ตําบลด฽านแม฽ละเมา อําเภอแม฽สอด จังหวัดตาก. วิทยา นิพนธแ ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต (นาฏยศิลปไ฼ ทย). จฬุ าลงกรณแมหาวทิ ยาลัย. 66

แล฾วมัดกับด฾ามไม฾ พอเสร็จก็พันลูกข฽างแล฾วโยนไปยังเปูาหมาย แล฾วดึงเชือกคืนไวๆ ก็จะทําให฾ลูกข฽าง หมนุ และถา฾ ลูกขา฽ งของเราไปโดนของคูต฽ อ฽ สู฾ ถือวา฽ เราเป็นฝาุ ยชนะ การโยนผา้ (แขป่ ุกสื่อบา่ ดะเว) เปน็ ชนดิ หน่งึ ท่ีหนุ฽ม สาว จะเล฽นนิยมเล฽นกันมาก แต฽หนุ฽ม สาว มกั จะเลน฽ ช฽วงปีใหม฽ หรือ กนิ วอ วิธีการเล฽นก็จะมีการแบ฽งฝาุ ยเป็น ๒ ฝุายหนุ฽ม ๆ ก็จะอยู฽ฝุายหน่ึง และ สาวๆ ก็จะอย฽ูอีกฝุายหนึ่ง แล฾วมีกติกาว฽าถ฾าหนุ฽ม ๆ โยนผ฾าให฾ฝุายสาว ๆ แล฾วสาว ๆ รับไม฽ได฾และรับ ไมท฽ นั ทําใหต฾ กสพู฽ ้ืน ๓ ครั้ง หรือ ๓ ที แล฾วแต฽จะตั้งกติกากี่ที หรือก่ีคร้ังก็แล฾วแต฽ ที่จะตั้งกันเองในกลุ฽ม จะมีการยึดสิ่งของต฽าง ๆ เช฽น สร฾อย นาฬิกา ข฾อมือ ฯลฯ จากฝุายท่ีแพ฾มา แต฽ก็จะคืนให฾กันหลังจาก เสรจ็ การกินวอกนั การละเล฽นเพ่ือความสนุกสนาน : เรียกว฽า ก฽า เคอะ เว โดยมีอุปกรณแที่ใช฾ คือ น฽อ หรือ แคน โดยผทู฾ ีม่ ีความชํานาญในเร่ืองของแคน จะเป็นคนเปุาแล฾วเต฾น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในงานประเพณี ให฾เทวราช หรือ หง่ือซา รับทราบว฽าถึงเวลาแล฾วท่ีชาวลาห฽ูจะเฉลิมฉลองให฾กับท฽าน และขอให฾ท฽าน เทพเจ฾าลงมาอวยพร ให฾กบั คนในชุมชนดว฾ ย ประเพณที โ่ี ดดเดน่ ประเพณีกินวอ : หรือประเพณีขึ้นปีใหม฽ของชาวลาหู฽ คือ งานปีใหม฽ของชาวลาห฽ูนอกจากน้ี ยังเป็นวันเซ฽นไหวผ฾ ีหลวงประจาํ ดอย ผเี มืองประจาํ หม฽ูบา฾ น และวญิ ญาณของบรรพบรุ ษุ การเฉลิมฉลอง ปีใหม฽ ในภาษาลาหู฽ (มูเซอ) เรียกว฽า ประเพณีเขาะเจ฿าเว ซึ่งแปลว฽า “ปีใหม฽การกินวอ” ซ่ึงจะเป็น ชว฽ งเวลาทบี่ รรดาญาติมิตร ไดก฾ ลับมาร฽วมงานกนั ท่ีบา฾ นอย฽างพร฾อมเพรียงเรียงหน฾า ไม฽ว฽าจะอย฽ูใกล฾ไกล เม่ือทราบว฽าทางหม฽ูบ฾านตัวเองจะจัดงานดังกล฽าวก็จะกลับมารวมกัน เทศกาลของลาหู฽ค฽อนข฾างจะมี เอกลกั ษณแเปน็ ของตัวเอง แตกต฽างจากชนเผา฽ อ่ืน ๆ ซ่งึ ปีใหมห฽ รือการกินวอนี้ มีความสําคัญต฽อชาวลาห฽ู อยา฽ งย่ิง เพราะเป็นประเพณีที่เก่ียวเนื่องกับวิถีชีวิตความเป็นอย฽ูของเผ฽าเสียเป็นส฽วนมาก ในงานเลี้ยง วันปใี หมข฽ อง ลาหู฽ จะมีการใช฾ หมดู ํา เปน็ หลกั ในการสงั เวยและการเลยี้ งกนั กลา฽ วคือ จะมีการฆ฽าหมูดํา แลว฾ เอาส฽วนทเ่ี ปน็ เนื้อหมูและหัวของหมู นําไปเซ฽นสังเวยต฽อ “เทพเจ฾าอ้ือซา” พร฾อมกับข฾าวเหนียวนึ่ง ท่นี งึ่ แล฾วมาตําให฾เหนยี ว เมื่อเสรจ็ แล฾วก็ป้ในให฾เป็นกอ฾ นกลมๆ เรยี กวา฽ “อ฽อผ”ุ บางท่ีจะได฾ยินเรียกกันว฽า “ขา฾ วปฺุก” แล฾วจึงนาํ เนอื้ หมูดังกลา฽ ว มาปรุงหรือทาํ เป็นอาหารเลีย้ งกนั อย฽างเตม็ ที่ ช฽วงตง้ั แต฽หัวคํ่าข้ึนไป กจ็ ะมีการแสดง การเต฾นราํ ของชาวมูเซอ คอื การเตน฾ “จะคึ” พิธีนจ้ี ะมีไปจนถงึ รง฽ุ สาง 67

ประเพณี การแต฽งงาน การแต฽งงานของชาวลาหู฽เกิดจากการรักใคร฽ชอบพอกันของหน฽ุมสาว ยึดถือผัวเดียวเมียเดียว แต฽ถ฾าต฾องการมีคู฽ใหม฽ต฾องหย฽าจากค฽ูเดิมเสียก฽อน หากผ฾ูใดฝุาฝืนจะถูกลงโทษ ตามประเพณี เช฽น ปรับ ไล฽ออกจากหม฽ูบ฾านการมีเพศสัมพันธแก฽อนแต฽งงานไม฽ถือเป็นเร่ืองเสียหาย แต฽ควรให฾มิดชิดรอดพ฾นสายตาผู฾ใหญ฽โดยเฉพาะผ฾ูนําทางศาสนา หากถูกจับได฾อาจถูกลงโทษ เพราะ ถอื ว฽าทําผดิ ประเพณี หากตง้ั ครรภแทั้งค฽ูจะต฾องถูกปรับและฆ฽าหมูประกอบพธิ ีเล้ยี งผีหมู฽บ฾าน เพราะถือว฽า อาจจะทําให฾เกดิ เจ็บไขไ฾ ด฾ปุวย การปลูกพชื ตา฽ ง ๆ อาจลม฾ เหลวได฾ การเกิด ในอดีตมูเซอคลอดบุตรในบ฾านของตน โดยชาวบ฾านหรือสามีมาช฽วยทําคลอดในกรณี ท่ีไม฽มหี มอตาํ แย เม่อื คลอดแลว฾ จะนํารกไปล฾างแล฾วนําไปฝใงไว฾ใต฾บันไดข้ึนบ฾าน ก฽อนฝใงหมอผี จะทําพิธี จุดเทียนขี้ผึ้งสวดคาถาพร฾อมกลบดินให฾แน฽นทับด฾วยไม฾ปูองกันสัตวแมา ค฾ุยเขี่ย เชื่อว฽าที่ฝใงรกเป็นชีวิต ของเด็ก เม่ือไม฽สบายก็จะเอานํ้าร฾อนไปราดที่หลุมฝใงรกเพื่อกระต฾ุน เตือนให฾ไปช฽วยปกปูองรักษาเด็ก มีเฉลวผกู ติดปลายไม฾ปกใ ไว฾ท่ีเชงิ บันไดปอู งกนั ผีรา฾ ยตา฽ ง ๆ หรือห฾ามบุคคลภายนอกเข฾าบ฾านในระหว฽างท่ี มีการอยไู฽ ฟ หลังคลอดแมต฽ ฾องอยูไ฽ ฟ ๑๒ วัน และกนิ แตไ฽ กต฽ ฾มเท฽าน้นั เชื่อว฽าจะทําให฾มีน้ํานมมาก การเปลี่ยนแปลงทางสงั คมวฒั นธรรม ประเด็นการสูญเสียพื้นท่ีทํากินของชาวบ฾าน ทําให฾ชาวลาหู฽บางหมู฽บ฾านในจังหวัดเชียงราย ไม฽สามารถปลกู พืชไร฽รวมทั้งขา฾ วไรไ฽ ด฾อีกตอ฽ ไป เพราะพน้ื ทเ่ี หลา฽ นถ้ี กู ยึดไปเป็นพื้นที่ปลูกปุาแทบทั้งหมด ชาวบา฾ นต฾องดิ้นรนเพอ่ื ใหไ฾ ดม฾ าซึ่งของใช฾ท่จี ําเปน็ เหลา฽ น้ี เพือ่ จะดํารงชีวิตอยู฽ต฽อไปได฾ น่ันคือออกไปเป็น ลกู จ฾างในโครงการหลวงต฽าง ๆ มากขน้ึ ซ่งึ ทแี รก ชาวบ฾านยงั ไม฽ค฾ุนเคยกับระบบการรับจ฾างในลักษณะนี้ เท฽าใดนัก นอกจากการสูญเสยี พืน้ ทที่ าํ กนิ ดงั กล฽าว ชาวบ฾านยังมีความร฾ูสึกว฽าพวกเขาสูญเสียวัฒนธรรม ทส่ี ืบทอดกนั มานานหลายช฽วงอายคุ นไป เชน฽ วฒั นธรรมการมอบพชื ผลไม฾ใหม฽ให฾แก฽ครอบครัวที่พวกเขา เคารพนับถือ เช฽น ลูก ๆ เม่ือแยกครัวเรือนออกไปแล฾วและมีไร฽ของตนเอง โดยทั่วไปพวกเขาจะปลูก พืชผักผลไม฾ต฽าง ๆ ตลอดจนข฾าวไร฽ เมื่อพืชผักเหล฽าน้ันสุกและกินได฾แล฾ว ก฽อนท่ีพวกเขาและเด็ก ๆ ในครอบครัวจะเก็บมากิน พวกเขาจะต฾องนําไปให฾พ฽อแม฽ ปุู ย฽า ตา ยาย หรือผู฾ใหญ฽ท่ีพวกเขาเคารพ นับถือก฽อน เพื่อเป็นการแสดงถึงการให฾เกียรติและไม฽ลืมบุญคุณของพวกเขาที่มีให฾มาตลอด หากครอบครัวใดได฾มอบให฾ผ฾ูใหญ฽ แต฽นํามากินเองก฽อน ชาวบ฾านเชื่อว฽าจะทําให฾เป็นโรคคอพอก ฉะนั้น ชาวลาหูม฽ คี วามคิดวา฽ ผ฾ทู เ่ี ป็นโรคคอพอกคือผ฾ูท่ีไม฽รู฾จักเคารพผู฾ใหญ฽และไม฽ร฾ูจักมอบพืชผลใหม฽แก฽ผ฾ูใหญ฽ กอ฽ นทพ่ี วกเขาจะกิน29 ส฽วนปใจจัยภายนอกที่ส฽งผลต฽อระบบวัฒนธรรมลาห฽ูด้ังเดิม ได฾แก฽ ระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ระบบการศึกษาและวัฒนธรรมจากภายนอกชุมชน ได฾แก฽ ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นปใจจัยท่ีส฽งผลกระทบอย฽างรุนแรงต฽อการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจและสั งคมภายในชุมชน ลาหู฽ ปใจจุบนั พน้ื ที่ทาํ กินของชาวลาหบู฽ างหมบ฽ู า฾ นถกู นายทุนซื้อไปเกอื บหมด นอกจากนั้น ยังมีการก฾ูยืม เงนิ ทเ่ี พ่ิมขึน้ การรบั จ฾างบนทดี่ นิ ของนายทนุ แต฽ใชจ฾ า฽ ยในส่งิ ทีไ่ ม฽จําเป็นมากข้ึน ส่ิงเหล฽าน้ีอาจทําให฾ชาว ลาหู฽ร฽นุ ใหมเ฽ หน็ ความสาํ คัญของ “มูลค฽า” ของวัตถุมากกว฽า “คุณค฽า” ทางวัฒนธรรมลาห฽ูด้ังเดิม ระบบ การปกครองจากส฽วนกลาง ระบบการปกครองสมัยใหม฽ มีความเป็นราชการจึงเป็นระบบที่มีกฎหมาย  29 ชลดา มนตรีวัต “การสรา฾ งความเปน็ หญิงชายทางสังคมและจริยธรรมในชมชนลาหู฽ : กรณีศึกษาหญิงลาหู฽” วิทยานิพนธแมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั เชียงใหม฽ , 2541. 68

รองรับและมีการบังคับใช฾ มีผลกระทบอย฽างมากต฽อระบบการปกครองดั้งเดิมของชุมชนลาหู฽ ตัวอย฽าง เช฽น การแตง฽ ตัง้ ผู฾ใหญ฽บ฾านอย฽างเป็นทางการ ทําให฾มีผ฾ูนําในหม฽ูบ฾านทั้งทางราชการและตามวัฒนธรรม บางหมูบ฽ ฾านโครงสรา฾ งทีเ่ ป็นทางราชการจะมอี าํ นาจเหนือกว฽าโครงสร฾างแบบด้ังเดิม และพยายามทําให฾ โครงสร฾างตามจารีตประเพณีเดมิ คอ฽ ยๆ หายไป ระบบการศึกษา มคี วามสําคัญอย฽างมากต฽อการพัฒนาคนทัง้ ด฾านความรู฾ จิตวิญญาณคุณธรรม จริยธรรม กายภาพ และดา฾ นสงั คม ปจใ จบุ นั ระบบการศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐานจากส฽วนกลางมีการ ยึดโยงด฾วยวัฒนธรรม และค฽านิยมของคนท฾องถิ่นน฾อยมาก ความร฾ูที่ได฾รับภายในชุมชนกับความรู฾ ภายนอกชุมชนเป็นคนละชุดความคิด มีความแตกต฽างและหักล฾างกันอย฽างส้ินเชิงทําให฾เย าวชน ไม฽สามารถผูกโยงเข฾ากับบริบทเดิมของตนเองได฾ และเส่ือมศรัทธาต฽อความเชื่อด้ังเดิมในวัฒนธรรม ค฽านิยม และจิตวิญญาณของชาวลาหู฽ ในปใจจุบันศาสนาและความเช่ือ ชาวลาห฽ูจํานวนไม฽น฾อยมีการ เปล่ียนแปลงทางศาสนา บางกลุ฽มไม฽ค฽อยเคร฽งครัดต฽อการปฏิบัติศาสนพิธี การเปล่ียนแปลงศาสนา จึงเปรยี บเสมือนการเปล่ยี นแปลงความเช่ือถือศรัทธาทั้งระบบ ไดแ฾ ก฽ วฒั นธรรม ค฽านิยม พธิ ีกรรม จารีต และวถิ ปี ฏิบตั ิตา฽ ง ๆ ของคนลาหู฽ด฾วยเชน฽ กัน การรวมกลุ฽มและสร฾างเครือข฽ายในปใจจุบัน : ด฾วยบริบทของพื้นที่การต้ังถ่ินฐานของหม฽ูบ฾าน ชาวลาหู฽โดยส฽วนใหญ฽มีลักษณะเป็นภูเขาท่ีอุดมด฾วยธรรมชาติและปุาเขา มีกล฽ุมชาวเขาต้ังถิ่นฐาน อนั หลากหลายกล฽ุมชาติพนั ธุแ และเป็นพ้ืนที่ที่ถูกละเลยการพัฒนาจากรัฐ แต฽อีกด฾านหนึ่งกลับเป็นพ้ืนที่ แห฽งการพัฒนาท่ีมีองคแกรพัฒนาเอกชนเข฾ามาช฽วยเหลือ ดังนั้น ในบางหมู฽บ฾าน จึงถูกผนวกให฾เป็น ส฽วนหน่ึงของการท฽องเที่ยวทั้งในมิติการแสวงหาผลประโยชนแทางด฾านธุรกิจและในมิติของการพัฒนา ดังเหน็ จากประวตั ขิ องชุมชนท่มี กี ารเคล่อื นเปลย่ี นตามการเขา฾ มาสัมพนั ธแของการทอ฽ งเท่ียว ไม฽ว฽าจะเป็น “บา฾ น” หรือ “ตวั ชาวลาห”฽ู ล฾วนถูกดงึ ให฾เปน็ ส฽วนหน่งึ ของการทอ฽ งเทีย่ วแทบท้ังส้นิ 30  30 30 สาริณียแ ภาสยะวรรณ. (2554). การเมืองของการสร฾างภาพตัวแทนทางชาติพันธแุในพ้ืนท่ีการท฽องเท่ียว: กรณีศึกษาโฮมสเตยแชาว ลาห฽ู บ฾านยะดู. วิทยานิพนธแศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต (พฒั นาชุมชน). มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.฽ 69

๒.๔ ชาติพันธุ์ลวั ะ (ละว้า) ในจังหวัดลาปาง ๒.๔.๑ ความเปน็ มาและการเดนิ ทางของกลมุ่ ชาติพนั ธุ์ ลวั ะ หรอื ละวา฾ หรือ ละเวือะ คือชนเผา฽ พืน้ เมืองดัง้ เดมิ ทอ่ี ยูอ฽ าศยั มากอ฽ นชาติพันธแุไท และเป็น เจ฾าของพ้นื ทดี่ ้ังเดิมก฽อนการสรา฾ งชาติรัฐล฾านนา ในอดีตลัวะเคยมวี ิวฒั นาการที่เจริญรุ฽งเรือง มีการสร฾าง บ฾านแปงเมือง มีระบอบการปกครอง วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตเป็นอัตลักษณแเป็นของตนเอง เม่ือถูกชาติพันธแุไทรุกรานจึงถอยร฽นสู฽ท่ีราบเชิงเขาและสันเขา ปใจจุบันตั้งถ่ินฐานอาศัยอยู฽ในรัฐฉาน สหภาพพม฽า ตอนเหนือของลาว และทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยกระจัดกระจายอยู฽ในพ้ืนที่ จังหวัดเชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน เชียงราย น฽าน ลําพูน ลําปาง เป็นต฾น31 ซึ่งหากย฾อนกลับไปในยุค ประวัติศาสตรแประมาณ ๑,๓๐๐ ปีมาแล฾ว ก฽อนท่ีพวกมอญจะนําความเจริญรุ฽งเรืองมาส฽ูเขตล฽ุมนํ้าปิง บรรพบุรุษของลัวะได฾ตัง้ ถน่ิ ฐานอย฽กู ฽อนแล฾ว โดยชาวลัวะเองมีความเช่ือว฽าบรรพบุรุษของเขาเคยอาศัย อยใ฽ู นเชยี งใหม฽ และเปน็ ผสู฾ ร฾างวดั เจดียหแ ลวงก฽อนที่ไทยจะเดนิ ทางเขา฾ สด฽ู ินแดนแถบน้ี ตามตํานานกล฽าว ขานว฽าในอดีตลัวะมีกษัตริยแของตนเอง และองคแสุดท฾ายคือขุนหลวงวิลังก฿ะ ซึ่งถูกพระนางจามเทวี กษัตริยแแห฽งนครหริกุญชยั (ลาํ พนู ) ตแี ตกพ฽ายถอยร฽นไปอยู฽บนปุาเขา อาณาจักรลัวะจึงถึงกาลล฽มสลาย ลงประมาณปี พ.ศ. ๑๒๐๐ ในขณะที่ชาญชัย จิรวรรธนกิจ32 ได฾ทําการศึกษาเรื่อง “การปรับตัวให฾เข฾ากับวัฒนธรรมไทย ของชาวลัวะในภาคเหนือของประเทศไทยทห่ี มูบ฽ า฾ นเมืองก฿ะ โดยระบุว฽าชาวบ฾านท่ีอาศัยอยู฽ในหม฽ูบ฾านนี้ เปน็ “ชาวลวั ะ” และลัวะบ฾านเมืองก฿ะเรียกตนเองวา฽ “ลเวอื ะ” ดังน้ันการที่คนภายนอกเรียกว฽า “ลัวะ” และชาวบา฾ นก็เรียกตนเองวา฽ “ลัวะ” น้นั คาดวา฽ เรม่ิ ตน฾ เมื่อราว ๕๐ ปีก฽อน หรือราวทศวรรษท่ี ๑๙๗๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓) เพราะงานวิจัยรุ฽นแรกๆ ท่ีศึกษาเรื่อง “พะล็อก” ก็มีปรากฏในช฽วงเวลานั้นเช฽นกัน งานชิ้นสําคัญคอื งานของ Gebhard Flatz ซ่ึงศกึ ษาชาวบ฾านท่ีบ฾านปางไฮ บ฾านคา และบ฾านลัก ซ่ึงเรียก ตนเองว฽า “พะล็อก” (Phalok) กลุ฽มบ฾านข฾างต฾นถือเป็นเครือญาติกันกับบ฾านเมืองก฿ะ โดยชาวบ฾านเล฽า เสมอว฽ามสี ายสัมพนั ธทแ างเครือญาตอิ าศยั อยูต฽ ามหมูบ฽ ฾านดังกลา฽ ว ซง่ึ หลงั จากช฽วงปี ๑๙๗๐ ไม฽ก่ีปีพบว฽า  31 ฐาปนียแ เครอื ระยา สํานักส฽งเสริมศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม฽ 32 ชาญชัย จีรวรรณกิจ(2529)การปรับตัวให฾เข฾ากับวัฒนธรรมไทยของชาวลัวะในภาคเหนือของประเทศไทย วิทยานิพนธแ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร 70

ไมม฽ ีงานศึกษาทเ่ี รยี กชาวบ฾านกลมุ฽ นว้ี า฽ “พะล็อก” อกี เลยแตเ฽ ปลยี่ นมาใชช฾ ือ่ เป็นลวั ะท้งั สิน้ ดังนั้นจึงเป็น เร่ืองยากทจ่ี ะหาสาเหตุของการเปล่ียนแปลงจากช่ือเรียก “พะล็อก” มาเป็น “ลัวะ” แต฽อาจเกี่ยวข฾อง กับพน้ื ทท่ี างสงั คม ตัวอย฽างทเี่ ห็นได฾ชดั คอื ในพ้ืนทสี่ าธารณะ เช฽น อนุสาวรียแขุนหลวงวิลังคะซ่ึงต้ังอยู฽ใน หม฽บู า฾ นเมืองก฿ะ และในงานพิธีกรรมไหว฾ขุนหลวงวิลังคะผู฾นําชนชาวลัวะที่ยังมีการกล฽าวถึงพะล็อกอย฽ู ดังน้ัน แสดงว฽าเป็นพะล็อกหรือลัวะจึงขึ้นอยู฽กับเง่ือนไขเร่ืองเวลาและพ้ืนท่ีในการแสดงเช฽นพิธี ไหวผ฾ ีหลวง เปน็ ต฾น ในแงข฽ องการเรียกช่ือตนเองในบ฾านเมอื งก฿ะนั้นพบว฽าผ฾ูอาวุโสในหม฽ูบ฾านท่ีมีอายุราว ๕๐-๘๐ ปี เทา฽ นั้น ที่จะทราบว฽าตนเองเป็นพะล็อก ส฽วนชาวบ฾านท่ีอายุน฾อยกว฽าน้ีมักรับรู฾ว฽าตนเองเป็น ลวั ะ ท้งั นเี้ พราะคนเฒา฽ คนแกไ฽ ม฽ได฾อธบิ ายเกย่ี วกับเรอื่ งพะล็อกให฾ฟใง นอกจากในเขตเชียงใหม฽ยังพบว฽า ในประเทศพม฽าคําว฽า “พะโลก” (Parauk) เป็นชื่อหน่ึงท่ีทางการใช฾เรียก “ว฾า” (Wa) ซึ่งมีประชากร ประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ คน อาศยั อย฽ใู นเขตตะวันออกเฉยี งเหนือและตะวันออกของรัฐฉาน และทางตอน เหนือของแม฽น้ําสาละวิน รัฐเชยี งตงุ โดยมีสาํ เนยี งย฽อยประมาณ ๗๐ สําเนียง ซึ่งอาจแสดงให฾เห็นว฽าอาจ มคี วามสมั พันธกแ นั บางอย฽างกบั คาํ เรียกพะลอ็ กทเ่ี มอื งก฿ะ33 ลัวะนั้นเป็นชนกล฽ุมด้ังเดิมท่ีตั้งถ่ินฐานอย฽ูในอาณาจักรล฾านนามาก฽อนการต้ังเมืองเชียงใหม฽ ในสมยั ของขุนหลวงวลิ ังคะ ผน฾ู าํ คนสดุ ทา฾ ยของชาวลัวะ ปจใ จุบันพบลัวะ ในจังหวดั คอื ลําปาง อุทัยธานี สุพรรณบุรี เชียงราย เชียงใหม฽ ตาก น฽าน และแม฽ฮ฽องสอน หมู฽บ฾านลัวะที่ใหญ฽ที่สุด อย฽ูท่ีบ฾านบ฽อหลวง อําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม฽ ชนเผ฽าลัวะอาศัยอยู฽ใน ๙ ลัวะจังหวัด ๒๑ อําเภอ ๗๑ หม฽ูบ฾าน จํานวน หลังคาเรือน ๓,๓๒๒ หลงั คาเรอื น ประชากรรวม ๑๗,๖๓๗ คน (ทําเนียบชุมชนฯ ๒๕๔๐, น.๕๐) การ ตงั้ ถ่นิ ฐานของลัวะ เป็นการตั้งถาวร บ฾านยกพนื้ สูง มุงหลังคาด฾วยหญา฾ มีระเบยี ง และห฾อง ๑ ห฾องใต฾ถุน บ฾านใช฾เป็นที่เลี้ยง สัตวแ ย฾ุงข฾าวแยกอย฽ูต฽างหาก (Lebar and others ๑๙๖๔, p.๑๒๐) ชานหน฾าบ฾าน สาํ หรบั ใช฾นัง่ ป่ในฝูายกรอด฾าย ทอผ฾าภายในห฾องมีเตาไฟ สุมไฟไว฾ตลอดเวลา ใช฾เสื่อไม฾ปูนอน หมอนทํา ดว฾ ยทอ฽ นไม฾ ไมน฽ ิยมนอนบนท่ีนอนครอบครวั สําหรับชาวลวั ะในจังหวัดลาํ ปางอาศัยอย฽ูที่บ฾านวังใหม฽ ต้ังอย฽ูหมู฽ท่ี ๑๒ ตําบลร฽องเคาะ อําเภอ วังเหนือ จงั หวดั ลําปาง ซง่ึ ประชากรในหมู฽บ฾านวังใหม฽เป็นหมู฽บ฾านของหลายกลุ฽มชาติพันธุแ ได฾แก฽ เมี่ยน (เย฾า) ล๊ัวะ และลีซอ เน่ืองจากเป็นพื้นที่รองรับการอพยพชาวบ฾านที่ดํารงชีวิตแบบเกษตรกรรมในเขต ภเู ขาลงมาสพู฽ น้ื ราบอนั เป็นผลมาจากการประกาศเขตอุทยานดอยหลวง เดิมทีชาวก฽อนอพยพมาอยู฽ใน พ้นื ที่จงั หวัดลาํ ปางเคยอาศัยอยู฽ในพื้นที่บ฾านแม฽ส฾าน ผาแดง ซ่ึงอยู฽ติดกับดอยหลวง เมื่อมีการประกาศ เขตอุทยานชาวลัวะจึงถูกอพยพออกมาพรอ฾ มกับกลุ฽มชาติพันธแุอื่น โดยมาปลูกสร฾างบ฾านเรือนในพ้ืนที่ที่ รฐั จดั สรรไว฾ให฾ในตาํ บลรอ฽ งเคาะ อําเภอวังเหนือ ซ่ึงหลังจากอพยพย฾ายลงมาอยู฽ในพื้นที่ ท่ีรัฐจัดสรรให฾ ชาวบ฾านต฾องประสบปใญหา คือ พ้ืนที่ท่ีได฾รับการจัดสรรไม฽สามารถเพาะปลูกได฾ ทําให฾คนในชุมชน โดยเฉพาะคนหน฽ุมสาววัยแรงงานตอ฾ งย฾ายถ่ินเพอ่ื หางานทําทั้งในและต฽างประเทศเพื่อหาเงินส฽งกลับมา จุนเจือครอบครัว ซึ่งแน฽นอนว฽าชาวลัวะในลําปางได฾สูญเสียอัตลักษณแดั้งเดิมและปรับตัวผสมกลมกลืน จนกลายเปน็ เมอื งในท่ีสุด  33 ศรีศักร วัลลโิ ภดหมูท฽ ี่ “ลวั ะ ละว฾า และ กะเหร่ียง: ชนเผ฽าบนท่ีสูงกับความสัมพันธแทางเศรษฐกิจ-การเมืองกับรัฐในท่ีราบ”, วารสาร เมอื งโบราณ ปที ี่ 1 ฉบบั ท่ี 12 (มกราคม - มนี าคม 2529) 71

๒.๔.๒ ลกั ษณะโครงสรา้ งทางสังคม ภาษา : ชาวลัวะมีภาษาเป็นของตนเอง คือ ภาษาลัวะ เป็นภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก กล฽ุมมอญ - เขมร แต฽เดิมมีการนับถือผี โดยเฉพาะผีเส้ือบ฾าน และผีบรรพบุรุษ โดยเมื่อแต฽งงานแล฾ว ฝาุ ยหญิงจะนบั ถอื สายผตี ามสามี และบุตรชายคนเล็กจะได฾สทิ ธ์ิในการรับมรดกและดูแลสายผี ภายหลัง เม่ือมีปฏิสัมพันธแกับคนพื้นราบ จึงได฾มีการนับถือพระพุทธศาสนาควบค฽ูไปกับความเชื่อด้ังเดิม และ ซึมซับรับวัฒนธรรมจากกลุ฽มชาติพันธุแไทเข฾าไปใช฾ในชีวิตประจําวัน ภาษาของลัวะมีแตกต฽างกันหลายกล฽ุม แต฽แบ฽งเป็นกลุ฽มใหญ฽ๆได฾ ๒ กล฽ุม คือกลุ฽ม วาวู ใช฾พูดกันในหม฽ูลัวะ เขตลุ฽มน้ําปิง เช฽น บ฾านบ฽อหลวง อีกกล฽ุมหน่ึง คือ กล฽ุมอังกา ใช฾พูดกันในเขตตะวันตก ในเขตพื้นท่ีอําเภอแม฽สะเรียง จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ความแตกต฽างกนั ของภาษานี้ จะต฽างกันไปตามหม฽ูบ฾านท่ีอย฽ูห฽างกัน แต฽สามารถเข฾าใจกันได฾ นอกจากนี้ ยังนําคําในภาษาไทยพืน้ เมอื งทางเหนือไปใช฾เป็นจํานวนมาก ทง้ั ยงั สามารถพูดภาษาไทยไดด฾ ฾วย สาํ หรับตัวหนังสอื ที่ใชส฾ าํ หรับเขยี นน้นั จะได฾รบั อิทธผิ ลจากมิชันนารีท่ีมาเผยแพร฽ศาสนา ซึ่งจะ มกี ารนาํ หลกั คําสอนมาเผยแพร฽โดยใช฾ตวั เขียนแบบภาษาเขยี นจากตวั หนังสอื ตะวันตกมาสอน แต฽ต฽อมา ชนเผา฽ ลเวือะเริ่มมกี ารเรียนรู฾ตัวเขียนแบบภาษาไทยมากข้ึนจึงได฾มีการเขียนภาษาพูดโดยใช฾ภาษาไทย เป็นแบบ ซ่งึ ปจใ จุบนั ก็มกี ารใชถ฾ ึงปจใ จบุ ันนี้ ตวั หนังสอื ของชนเผ่าลเวือะ ตวั พยัญชนะ k อ฽านวา฽ กอกะ kh อ฽านวา฽ คอโคะ g อา฽ นว฽า ฆอฆิ ng อา฽ นวา฽ งองอ c อ฽านวา฽ จอจกั ch อา฽ นวา฽ ฉอฉา ny อ฽านวา฽ ญอเญือะ t อ฽านว฽า ตอตะ th อ฽านว฽า ทอทอง d อา฽ นว฽า ดอดกั n อา฽ นวา฽ นอนา p อา฽ นว฽า ปอปงใ ph อา฽ นว฽า พอเพือ b อา฽ นว฽า บอโบง฽ m อ฽านวา฽ มอมะ y อ฽านว฽า ยอเยือม r อา฽ นว฽า ลอรืาฮ l อา฽ นวา฽ ลอเลีจ v อา฽ นว฽า วอวอม s อา฽ นว฽า ซอซงั h อา฽ นวา฽ ฮอแฮ f อา฽ นวา฽ ฟอเฟอื ะ j อ฽านว฽า ฌอไฌม ตัวสระ a อ฽านว฽า อา i อ฽านวา฽ อี e อา฽ น เอ x อ฽านว฽า แอ z อา฽ นวา฽ อื q อ฽านวา฽ เออ u อา฽ นว฽า อู o อ฽านวา฽ โอ aw อ฽านวา฽ ออ สาํ หรับตวั เขยี นท่ีใช฾ภาษาเขียนแบบภาษาไทยน้ันก็จะมีรูปแบบเหมือนการเขียนภาษาไทยแต฽ จะมีการอา฽ นออกเสยี งเปน็ สาํ เนียงของภาษาลเวือะตัวอย฽าง เช฽น ดัฮ ฮอยจ เญือะ เอะ /กืา กอ/ ซ ปุย นึง เบรือม การแต่งกาย : ชาวลวั ะมีขนบธรรมเนียมเครื่องแตง฽ กายตา฽ งกับชาวเหนอื ผชู฾ ายนงุ฽ ผ฾าพื้น โจงกระเบน หรือโสรง฽ ผ฾หู ญิงสวมเส้ือสีดําผ฽าอกแขนยาว ปใกเป็นแผ฽นใหญ฽ท่ีหน฾าอกตามแถวกระดุม และแถวรังดุม รอบคอ ปกใ ทีช่ ายแขนเสอ้ื ตรงข฾อมอื ทง้ั สองข฾างและที่ใต฾ตะโพกรอบเอวด฾วยด้ินเลื่อม ไหมเงินคล฾ายเส้ือ ขนุ นางไทยโบราณ ผ฾าซิ่นตดิ ผา฾ ขาวสลับดําเลก็ ๆ ตอนกลางเปน็ ริ้วลาย ชายซนิ่ ตดิ ผา฾ สีดํากว฾างประมาณ ๑ ศอก ตามปกติผหู฾ ญงิ อย฽บู ฾านไม฽คอ฽ ยสวมเสื้อชอบเปดิ อกเห็นถนั ถ฾าเข฾าไปในเมอื งกจ็ ะสวมเสอื้ แต฽งกาย อย฽างชาวเหนือ ถ฾าออกไปหาผักตามปุาจะเอาผ฾าขาวโพกศีรษะและสะพายกระบุงก฾นลึกโดยเอาสาย 72

เชือกคล฾องศีรษะตรงเหนือหน฾าผาก ใส฽คาดคอรองรับนํ้าหนักอีกชั้นหนึ่ง ไม฽สวมเส้ือ แต฽ดึงผ฾าซ่ินข้ึนไป เหนบ็ ปิดเหนือถนั แบบนง฽ุ ผ฾ากระโจมอก เวลาเดินน฽ากลัวผ฾าซิ่นหลุด แต฽ไม฽เคยปรากฎเพราะเหน็บแน฽น ไปไหนถือกล฾องยาทําด฾วยรากไม฾ไผ฽เป็นประจํา เส้ือของผู฾ชายอย฽างเดียวกันกับผ฾ูหญิง แต฽ไม฽ปใกดอก ลวดลายท่ีคอเส้ือและชายเส้ือ เคร่ืองแต฽งกาย ดังกล฽าวนี้ปใจจุบันไม฽ใช฾กันแล฾ว หันมานิยมเสื้อเชิ้ตแขน ยาวผา฽ อกกลาง กางเกงจีนธรรมดา แตผ฽ ช฾ู ายท่นี ุง฽ ผา฾ โจงกระเบนยงั มีอยบ฽ู า฾ ง โครงสรา้ งครอบครัว : เดิมทีชาวลัวะมีระบบการแต฽งงานแบบผัวเดียวเมียเดียว โดยฝุายหญิง จะเข฾าไปอย฽บู ฾านฝุายชายและนับถือผีบรรพบุรุษฝุายชาย บุตรท่ีเกิดมาอย฽ูในสายเครือญาติของฝุายพ฽อ ในครัวเรอื นหนึ่ง ๆ โดยท่ัวไปประกอบด฾วยสามี ภรรยา บุตร บุตรชายคนโตต฾องไปสร฾างบ฾านใหม฽ เมื่อ แต฽งงาน บุตรชายคนสุดท฾ายจะตอ฾ งเป็นผู฾ทไี่ ด฾รับมรดกและเล้ียงดพู อ฽ แม฽ตลอดชีวิตหน฾าท่ีในครัวเรือนจะ แบ฽งออกตามอายุ และเพศ กล฽าวคอื ผ฾ูหญิงมีหน฾าที่รับผิดชอบหาฟืน ตักน้ํา ตําข฾าว ทําอาหาร และทอ ผ฾า ผ฾ูชายมีหน฾าที่ซ฽อมแซมบ฾าน ทําร้ัว ไถนา และล฽าสัตวแ ส฽วนงานในไร฽เป็นหน฾าท่ีของท้ังสองฝุายต฾อง ช฽วยกนั ทาํ รวมทั้งสมาชกิ วยั แรงงานทุกคนในครอบครัวด฾วย งานด฾านพิธีกรรมถือเป็นหน฾าท่ีรับผิดชอบ ของผ฾ูชายเกือบท้ังหมด แต฽กระบวนการเตรียมของสําหรับทําพิธีกรรมในครัวเรือนส฽วนมากจะเป็นฝุาย หญงิ เปน็ ผเ฾ู ตรียม34 ลูกต฾องเลยี้ งดูพ฽อ - แม฽ ของตนเอง : กฎเกณฑขแ อ฾ ปฏิบัติข฾อน้ีเป็นข฾อท่ีสําคัญท่ีสุดที่คนในชุมชน ยึดถือปฏิบัติกันอย฽างเข฾มแข็ง ซึ่งถือว฽าลูกทุกคนต฾องเลี้ยงดูพ฽อแม฽ของตนในยามที่ท฽านแก฽ชราลงและ ถือว฽าเป็นความรับผิดชอบที่จะต฾องปฏิบัติต฽อพ฽อแม฽ของตนเองแบบหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ โดยเฉพาะลูกคน สดุ ท฾องทเ่ี ปน็ ฝุายชายจะต฾องอยู฽บ฾านเดียวกันกับพ฽อแม฽รับผิดชอบดูแลเล้ียงดูพ฽อแม฽ให฾ได฾รับความสบาย ตามฐานะและความเป็นอยู฽ และถ฾าลูกคนใดขาดความรับผิดชอบในกฎเกณฑแข฾อนี้ก็จะสร฾างความ เดอื ดร฾อนให฾กับคนในชุมชนและพ฽อแม฽ที่ถูกลูกทอดท้ิงจะต฾องเป็นภาระให฾กับคนในชุมชน จะถูกคนใน ชุมชนประณาม พ฽อแม฽ต฾องเล้ียงดูลูก : กฎเกณฑแข฾อปฏิบัติที่ยึดถือปฏิบัติกันอย฽างเคร฽งครัด โดยถือเป็นหน฾าที่ ของพ฽อแมท฽ ี่ต฾องทาํ กบั ผ฾ูทีต่ นเองเปน็ ผสู฾ รา฾ งขึ้นมา จะโยนความรับผิดชอบตรงน้ีไปให฾ผู฾อื่นไม฽ได฾เด็ดขาด ตอ฾ งอบรมส่งั สอนใหล฾ กู ของตนเอง ได฾มีความรู฾ขนบธรรมเนียมประเพณีตลอดจนถึงกฎเกณฑแข฾อปฏิบัติ ขอ฾ หา฾ มตา฽ ง ๆ ส่งิ ใดควรสิ่งใดไมค฽ วรและต฾องควบคุมดูแลให฾ลูกของตนปฏิบัติตัวให฾อยู฽ในกรอบจารีตท่ีดี งามเหลา฽ นน้ั รวมทัง้ ต฾องเลี้ยงดูให฾ได฾รับความสุขตามควรและส฽งเสริมให฾ได฾รับการศึกษาที่เหมาะสมกับ ฐานะของตน มีสามีภรรยาได฾คนเดียว : สําหรับกฎเกณฑแข฾อปฏิบัติข฾อน้ีถือว฽าค฽อนข฾างท่ีจะมีความสําคัญ ในชุมชนลัวะมาก ซ่ึงจะมีการยึดถืออย฽างเคร฽งครัดถ฾ามีผ฾ูใดฝุาฝืนละเมิดในชุมชนถือว฽าร฾ายแรง คนในชุมชนรับไม฽ได฾จะตอ฾ งลงโทษต฾องถูกประณามจากคนในชุมชนอย฽างรุนแรง และจะต฾องเสียผีให฾กับ ชมุ ชนและถกู ปรับดว฾ ยควายและเงนิ อีกจาํ นวนหน่งึ ผู฾เฒ฽าผู฾แกพ฽ ฽อแม฽จะพร่ําสอนลูกหลานของตนเองว฽า ถ฾าแต฽งงานแล฾วอย฽าคิดนอกใจสามีภรรยาอย฽าไปคบชู฾ หรือแบ฽งใจให฾กับชายอ่ืนหญิงอื่นต฾องผัวเดียว เมียเดียวเทา฽ นั้น สว฽ นใหญ฽จะไมค฽ อ฽ ยได฾พบเห็นชาวลัวะจะมีแต฽กรณีที่มีสามีหรือภาริยาที่ตายแล฾วมีบ฾างที่ แตง฽ งานใหม฽ หลังแตง฽ งานผ฾ชู ายจะนําภรรยามาอยูบ฽ า฾ นของตน จนกระท่งั ลูกชายคนต฽อไปแต฽งงานก็แยก ไปปลกู เรือนเปน็ ของตัวเองต฽างหาก บางแห฽งเช฽นท่ีบ฾านช฽างหม฾อ อําเภอแม฽สะเรียง จังหวัดแม฽ฮ฽องสอน  34 https://impect.or.th/?p=14999 เข฾าถึงวันที่ 27 กนั ยายน 2563. 73

หลังแต฽งงานผ฾ูชายต฾องมาอย฽ูบ฾านผู฾หญิง ผ฾ูชายมีโอกาสนําภรรยากลับไปบ฾านบิดามารดาของตนได฾ ก็ต฽อเมอื่ มีบตุ รดว฾ ยกนั 35 ถา฾ ผหู฾ ญิงไปอย฽บู า฾ นฝุายชายต฾องไปนบั ถือผีทางฝุายชาย การจัดการมรดก : ทรพั ยแสินท้ังหมดของบิดามารดาจะตกเป็นของลูกชายท้ังหมดไม฽ว฽าจะมีลูก ชายก่ีคนจะต฾องแบ฽งเท฽า ๆ กัน แต฽ลูกคนสุดท฾องจะได฾ทรัพยแสมบัติมากกว฽าพ่ีคนอ่ืน ๆ นิดหนึ่งตรงท่ี จะตอ฾ งรับภาระเล้ียงดูพ฽อแม฽ด฾วย สําหรับลูกหญิงนั้นถ฾าเป็นบ฾านท่ีรํารวยจะให฾ในลักษณะท่ีเป็นสิ่งของ เช฽น เงิน ทอง เป็นหลัก ส฽วนท่ีทํากินวัวควาย ลูกผู฾หญิงจะไม฽ได฾รับ สําหรับลูกผ฾ูหญิงน้ันลัวะจะถือว฽า จะเปน็ ฝาุ ยออกเรือนไปอยู฽บา฾ นสามจี ะต฾องไปรบั มรดกของบ฾านสามีต฽อไป โครงสร้างการปกครอง : ในอดีตชาวลัวะมีการปกครอง ๒ ลักษณะ คือผ฾ูนําตามทางการ กบั ผูน฾ าํ ตามลัทธิธรรมเนียมเดิม สําหรับผ฾ูนําทางการจะทําหน฾าท่ีรักษาความสงบเรียบร฾อย ตัดสินกรณี พพิ าท และรกั ษากฎระเบยี บของหมู฽บา฾ นโดยตรงผูน฾ ําตามลัทธิธรรมเนยี มเดิมเป็นการแต฽งต้ังในสายของ ตระกูลสะมังซ่ึงเป็นชนชั้นขุนชองลัวะซ่ึงเป็นชนช้ันสูงที่สืบทอดมาจากอดีตถึงปใจจุบัน และปใจจุบันก็ ยงั มีบทบาทหน฾าที่อยแู฽ ต฽ก็ไมม฽ าก เช฽นให฾ “สมัง” เปน็ ผม฾ู ีหนา฾ ที่กระทาํ พธิ กี ารต฽าง ๆ ในนามของหมู฽บ฾าน ต้ังแต฽การเลือกที่ดินทําไร฽ของหม฽ูบ฾านว฽าดีหรือไม฽ก฽อนท่ีจะตกลงตัดไม฾ การตัดสินกรณีแก฽งแย฽งต฽าง ๆ ในชมุ ชนจะเป็นหน฾าท่ีของผู฾นําทางการ ผู฾นําตามลัทธิธรรมเนียมร฽วมกับ “ลํา” เป็นผู฾ช฽วยกันไกลเกล่ีย กล฽าวคือผ฾ูนําทางการทําหน฾าที่รับผิดชอบในการบริหารและปกครองท฾องถ่ิน แต฽หากชุมชนมีการ ประกอบพธิ กี รรมใดขน้ึ ผนู฾ าํ ทางการจะตอ฾ งเคารพเชือ่ ฟงใ ผูน฾ าํ ตามลทั ธิธรรมเนยี มเดิม ๒.๔.๓ วิถชี ีวติ ความเปน็ อยู่ ความเช่ือ และประเพณีวฒั นธรรม การทามาหากิน และวิถกี ารผลติ พืน้ บ้าน : ชาวลวั ะ มอี าชีพทางกสกิ รรม ทํานา ไร฽ สวน เลี้ยง สัตวแจาํ พวกววั ควาย หมู ไก฽ หมูของเขาปล฽อยให฾หากินตามบริเวณบ฾าน ถ฾าฤดูข฾าวเหลืองจึงนํามาขังไว฾ ในคอกเวลาวา฽ งก็ทอผา฾ ตําข฾าว จกั สาน เช฽น กระบุง ตะกรา฾ ฯลฯ ฤดูแล฾งชอบเข฾าปุาล฽าสัตวแ เมื่อได฾สัตวแ ปุามาหนึง่ ตัวผล฾ู า฽ แบง฽ เอาไว฾ครงึ่ หนงึ่ อกี ครึ่งหน่งึ นาํ ไปมอบให฾แก฽ผ฾ูใหญ฽บ฾าน ผ฾ูใหญ฽บ฾านตีเกราะสัญญาณ เรียกชาวบ฾านมาแบ฽งกันไปจนท่ัวทุกหลังคาเรือน การปลูกสร฾างบ฾านเรือนชาวบ฾านช฽วยกันทั้งหม฽ูบ฾าน ไม฽ตอ฾ งจา฾ ง การนบั วนั เดอื นปขี องชาวลวั ะ ผิดกับชาวเหนือและไทยภาคกลาง คือเดือน ๔ ของลัวะเป็น เดือน ๕ ของไทย แตช฽ าวเหนอื ถือเปน็ เดือน ๖ การนบั เดอื นของลัวะอยา฽ งเดยี วกันกับชาวไทยใหญ฽ และ ชาวหลวงพระบาง ชาวลัวะมีนิยายประวัติประจําชาติ ซึ่งได฾ทราบจากปากคําท฽านผู฾เฒ฽าชาวลัวะ บ฾าน ลัวะ ตาํ บลบัวสี อําเภอเมอื งเชียงราย จังหวดั เชยี งราย ว฽าเดิมพญาลัวะกับพญาไตเพื่อนเกลอกัน ต฽อมา พญาไตยกกองทพั ไปรบกบั พญาแมนตาตอก ซึ่งเป็นพญาอันยิ่งใหญ฽ของบรรดาผีปีศาจท้ังปวง พญาไต พ฽ายแพต฾ ฽ออิทธฤิ ทธิ์ของพญาแมนตาตอก จงึ มาหลบซ฽อนตัวอยก฽ู บั พญาลวั ะ พญาแมนตาตอกติดตามหา จนไปถึงบ฾านลวั ะ แต฽ถกู พญาลวั ะกลา฽ วปฏิเสธว฽า ไม฽พบเห็นพญาไต พญาไตจึงเป็นหน้ีบุญคุณพญาลัวะ ลัวะกบั ไตจึงเปน็ ชนชาตคิ ฽ูเคียงกนั นบั ตัง้ แตน฽ ้ันมา ดังน้ันในอดีตลัวะมีเศรษฐกิจแบบยังชีพ ข้ึนอยู฽กับการทําไร฽เล่ือนลอยแบบหมุนเวียนโดยจะ ปลกู ขา฾ วเจ฾าเปน็ พืชหลกั ลัวะนยิ มบริโภคข฾าวเจ฾ามากกว฽าข฾าวเหนียว และนิยมด่ืมเหล฾าที่ทําจากข฾าวเจ฾า อีกด฾วย พืชอนื่ ๆ ทปี่ ลูกแซมในไร฽ขา฾ วสาํ หรบั ไวเ฾ ป็นอาหารและใชส฾ อย ได฾แก฽ ข฾าวโพด ถั่ว แตงกวา พริก ฝูายผักต฽าง ๆ ส฽วนสัตวแเลี้ยง ได฾แก฽ วัว ควาย หมู ไก฽ สุนัข เป็นต฾น ซ่ึงสัตวแเลี้ยงเหล฽านี้บางชนิดก็ฆ฽า  35 อา฾ งแลว฾ ใน บุญชว฽ ย 2560. 74

สําหรับใช฾เล้ียงผี ผลิตผลทางเศรษฐกิจของลัวะ มีประมาณเพียงพอสําหรับบริโภคและขายในหม฽ูบ฾าน ใกล฾เคียงได฾บ฾างเศรษฐกิจมีลักษณะพอมีพอกินเล้ียงตนเองได฾ไม฽เดือดร฾อน ในปใจจุบันมาตรฐานการ ครองชีพของลัวะอย฽ูในระดับปานกลางในอดี ตปลูกข฾าวเป็นรายได฾ เช฽น ปลูกท฾อ เสาวรส ผกั กาด กะหลํา่ ปลี มะเขือเทศ ถวั่ แดง ถวั่ ลันเตา ทําให฾มีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว฽าเดิม บ฾านท่ีเคยมุง หลังคาด฾วยหญ฾าคาหรือใบตองตึงปใจจุบันเปล่ียนมาเป็นมุงด฾วยกระเบื้องหรือสังกะสีกันมากแล฾ว ส฽วนสัตวแเลี้ยงก็ยังคงเล้ียงไว฾เพ่ือใช฾ในพิธีกรรมโดยการฆ฽าแล฾วนําไปเซ฽นไหว฾ผี เช฽น พิธีด฾านการเกษตร พิธแี ต฽งงาน พิธีไหวผ฾ ีตา฽ ง ๆ เป็นตน฾ ดงั นน้ั จงึ ทาํ ใหล฾ วั ะไม฽มีสตั วเแ ลีย้ งเหลือสาํ หรับขาย36 การใช้ทด่ี ิน : ท่ีไร่ จะใช฾เนือ้ ทีต่ ามไหลเ฽ ขาเปน็ ที่สาํ หรบั การเพาะปลูก และพืชผักสวนครัว โดย การปลูกพืชผักสวนครัวจะปลกู พรอ฾ มกับการหว฽านขา฾ ว ทาํ การผสมเมล็ดพันธไุแ มร฾ วมทงั้ ดอกไม฾ เช฽น ดอก ดาวเรือง ดอกบานไม฽ร฾ูโรย ดอกบานช่ืน เป็นต฾น มาใส฽รวมกับเมล็ดข฾าวท่ีหยดลงดิน นอกจากนี้ยังมี จาํ พวก พริก แตงกวา ประเภทฟกใ ต฽าง ๆ ขา฾ วโพด ยาสบู ฯลฯ พืชไร฽จะใชน฾ าํ้ ฝนเท฽านน้ั กอ฽ นที่จะทําการ เพาะปลกู ได฾น้นั ชาวลัวะจะต฾องทําการฟในไร฽ ถางปุาเสียก฽อน การเพาะปลูกในไร฽น้ันเป็นการเพาะปลูก ระบบหมุนเวียน เช฽น หากมีพ้ืนที่สําหรับการทาํ ไร฽มี ๘ แหง฽ จะต฾องทาํ การหมุนเวียนสลับไปทําที่ไร฽แต฽ละ แหง฽ ใหค฾ รบทง้ั ๘ แหง฽ เมื่อครบแลว฾ จงึ วนกลบั มาทาํ พื้นทีเ่ ดมิ อกี ครั้ง การปลูกพืชไร฽จะเริ่มประมาณต฾นเดือนกุมภาพันธแ โดยสะมัง (ผ฾ูนําทางพิธีกรรม) จะเตรียม ฟนใ ไร฽ หลังจากทีไ่ ด฾ตกลงกนั วา฽ ใครจะทาํ กนิ บนท่ีดนิ บริเวณใด มใี ครขาดแคลนอะไรบ฾าง หลังจากนั้นจะ ทําพิธีเปิดทํากินซึ่งเป็นไร฽ บอกผีเจ฾าท่ีว฽าพวกเขาจะมาทํากินในพ้ืนที่ดังกล฽าวขอเจ฾าท่ีไปอาศัยอยู฽ท่ีอ่ืน ก฽อน และขอพรจากเจ฾าที่ใหช฾ ว฽ ยปกปอู งค฾มุ ครองดแู ล ใหป฾ ลูกข฾าวได฾ผลผลติ ที่ดีผักสวยงาม ชาวลัวะจะมี พธิ ีการเสยี่ งทายดูผลโดยการผา฽ อกไกด฽ ูว฽านา้ํ เต็มหรือไม฽ หากน้ําในดีไก฽สมบูรณแก็จะทําพ้ืนที่นั้นเป็นท่ีทํา กนิ ต฽อไป แตห฽ ากดไี กแ฽ หง฾ ถือวา฽ เป็นสัญญาณไม฽ดีต฾องทําการเปล่ียนท่ที ํากนิ การทาํ การเสีย่ งทายดังกล฽าว ชาวลัวะเรียกกันว฽า “ดีคัย” จากนั้นทําการเลี้ยงผีทางเดิน (โนกต฿ะกยะ) ร฽ุงขึ้นจะมีการประชุม เพ่ือจัดแบ฽งพื้นท่ีในการทํากิน และเฉล่ียเงินค฽าไก฽และเหล฾าท่ีใช฾ในการเล้ียงผีต฿ะกยะ (ยกเว฾นศาสนา คริสตแ) และหากปีท่ีผ฽านมามีไฟปุาเกิดข้ึน คนที่ไปดับไฟจะได฾ค฽าดับไฟน้ันจากชาวบ฾าน เฉลี่ยเงินกัน ทุกหลังคาเรอื นไม฽ว฽าจะนับถือศาสนาใดกต็ าม จากนัน้ จงึ เลือก สทิ ธิการเลอื กทีท่ าํ กินแบง฽ ตาลาํ ดับความสําคญั ดงั น้ี ๑. สะมังสูงสดุ ๒. ตระกูลสะมัง ๓. ปูลามหลักของหมบู฽ ฾าน ๔. ผชู฾ ฽วยปูลุ าม ๕. กํานันผู฾ใหญบ฽ า฾ น ๖. ชาวลัวะอนื่ ๆ ทีน่ า หลังจากปลกู ขา฾ วไร฽เสรจ็ แล฾วประมาณ ๒ เดือน ชาวบ฾านท่ีมีนาจะเริ่มทําการปลูก หว฽าน ไถ ลกั ษณะทน่ี าของชาวลวั ะมกั จะอยร฽ู ะหวา฽ งหุบเขาเปน็ พ้ืนราบมีลําธารไหลผ฽านซ่ึงจะเป็นนาข้ันบันได ทําการขดุ คลอง ทาํ ทางระบายน้าํ จากต฾นน้ําลาํ ธารเข฾ามาทน่ี า หรอื บางครงั้ อาจจะใชไ฾ ม฾ไผท฽ ่ีเป็นปล฽องมา ทําเป็นทางเดินนํ้า เม่ือไม฽ใช฾ก็จะทําการปิดทางเดินนํ้า แต฽เม่ือต฾องการระบายนํ้าเข฾านาก็จะเปิดช฽อง ระบายน้ําออก หลังจากการเก็บเกี่ยวที่นาแล฾วชาวลัวะจะใช฾พ้ืนที่นาในการปลูกผักในช฽วงฤดูแล฾ง ปใจจุบันบางครอบครัวที่ไม฽ทําไร฽ ก็จะทําสวนในพื้นท่ีนาแทน โดยชาวลัวะจะนิยมปลูกผักหลายชนิด  36 บุญช฽วย ศรสี วัสด์ิ “30 ชาติในเชยี งราย” พิมพแครัง้ ที่ 2. กรงุ เทพฯ : ศยาหม฽ทู ่ี2547. 75

ในแปลงเดียวกัน เม่ือผักโตพอรับประทานได฾ก็จะเก็บมาใช฾ในครัวเรือน และแบ฽งขายกับหม฽ูบ฾าน ข฾างเคยี ง และในการทาํ นาถอื วา฽ เป็นการปลกู ข฾าวทไี่ ดผ฾ ลผลิตแนน฽ อนและมขี ฾าวเพียงพอมากกว฽า การทอผา้ ชาวลัวะทกุ คนเรมิ่ สอนให฾ลกู สาวของตนเองทอผา฾ ตั้งแตย฽ ังเป็นเด็ก การทอผ฾าเป็นวิถี ชวี ติ ของลกู ผู฾หญงิ ลวั ะทุกคนตัง้ แต฽อดตี มาจนถึงปใจจุบัน การทอผ฾าเป็นเพียงการทอเพื่อใช฾ในครอบครัว ตนเองเท฽านัน้ ซง่ึ เป็นผลสืบเนื่องมาจากอดีต ชาวลัวะเป็นชนท่ีพ่ึงตนเองตลอดเพราะว฽าอาศัยอย฽ูในถิ่น ทุรกันดาร การคมนาคมสู฽โลกภายนอกการเดินทางไม฽สะดวกอยู฽ห฽างไกลความเจริญ ชาวบ฾านต฾อง ช฽วยเหลือตนเองโดยการปลูกฝูาย ทอฝูายใช฾เอง ผ฾าซ่ินของชนเผ฽าลัวะจึงเป็นผ฾าทอท่ีมีลักษณะขนาด หน฾าแคบมาก เพียงประมาณ ๓๐ - ๔๐ เซนติเมตร ด฾วยเป็นผ฾าท่ีทอด฾วยก่ีเอว จึงต฾องนําผ฾าที่ทอ เหมอื นกันสองผืนมาเยบ็ เพลาะต฽อเข฾าด฾วยกันจึงจะเพียงพอเป็นผ฾าซ่ินสําหรับสวมใส฽ ในอดีตผ฾าซ่ินของ ผ฾ูหญงิ ชนเผา฽ ลวั ะจะเยบ็ เปน็ ทรงกระบอกแบบพอดีตัวเวลาน฽งุ จะดึงให฾สงู พน฾ สะโพกขน้ึ มา และใช฾กระดูก เชงิ กรานของผูน฾ ฽ุงเป็นเคร่ืองพยุงให฾ผ฾าซ่นิ นัน้ ยดึ ตดิ อยูบ฽ นรา฽ งกายโดยท่ีไม฽ต฾องปูายหรือเหน็บชายผ฾าเลย (แต฽ในปใจจุบันผ฾าซิ่นของชนเผ฽าลัวะจะมีขนาดหน฾ากว฾างข้ึนกว฽าในอดีต แต฽ก็ยังคงทอด฾วยก่ีเอวแบบ ชนเผ฽า ผ฾ูหญิงลัวะในปใจจุบันจึงมักใช฾การนุ฽งปูายและเหน็บชายคล฾ายกับชนเผ฽ากะเหรี่ยง) ผ฾าซ่ินล๊ัวะ มีเอกลักษณแพิเศษที่สีพ้ืนของผ฾ามักเป็นสีดําหรือสีน้ําเงินเข฾มเกือบดํา ตกแต฽งลวดลายบนผืนผ฾าด฾วย กรรมวิธีมัดหม่ี ลักษณะลวดลาย จะมีลักษณะลายค่ันเป็นแถบในแนวนอนขวางตัวซิ่นที่เกิดจากการ 76

มัดหม่ีเป็นลายขนาดต฽าง ๆ เป็นสีน้ําเงินแซมขาว ผ฾าซิ่นล๊ัวะในอดีตนิยมย฾อมด฾วยสีธรรมชาติ คือ สนี า้ํ เงนิ จากห฾อม สดี ําจากมะเกลือ และสีแดงจากคร่ัง ส฽วนตอนบนและตอนล฽างของผ฾าซิ่นจะเป็นแถบ ใหญ฽สแี ดงซงึ่ ถือเปน็ สจี ารตี ของชนเผ฽าลวั ะทยี่ ังคงพบเห็นไดใ฾ นปจใ จบุ ันนี้ การตเี หล็ก ช฽างตีเหล็กซึ่งมีมาต้ังแต฽อดีต ดังจะเห็นได฾จากการศึกษาของ Kunstudter พบว฽า ในอดีตชาวลัวะเคยมีเหมืองแร฽และขายเคร่ืองเหล็ก เช฽น สามารถทําปืนแก฿บ หอก ดาบ ใช฾เองได฾เมื่อ เหตุการณแบ฾านเมืองมีความสงบชาวบ฾านซ่ึงมีอาชีพเกษตรกรได฾เอาเหล็กมาทําเครื่องมือในการเกษตร เช฽น จอบ เสียม มีด ผานไถนา คราดเหล็ก สําหรับวัตถุดิบใช฾ในการทําเครื่องมือเหล฽านี้ชาวบ฾าน สมยั โบราณได฾ไปเอาแรเ฽ หลก็ จากบ฽อเหลก็ บนภเู ขามาทําเป็นเคร่อื งมอื การเกษตร การตีเงิน สําหรับเครื่องเงินนั้นเป็นวิชาชีพหรือภูมิปใญญาท่ีบรรพบุรุษกล฽ุมชนชาวละว฾าได฾ กระทํามานาน จะสังเกตเคร่ืองประดับ เช฽น สร฾อยคอ กําไล ป่ินปใกผม และฝใกมีด มีส฽วนประกอบของ เงินทั้งสิ้น ชาวลัวะเป็นกลุ฽มท่ีรักสวยรักงามชอบการแต฽งกายและนิยมประดับเคร่ืองเงินไม฽ว฽าจะเป็น ผ฾ูหญงิ หรอื ผชู฾ าย สําหรับผ฾ูชายนยิ มประดบั กายดว฾ ยมดี ดา฾ มงาช฾างและฝใกเงิน ส฽วนผู฾หญิงจะประดับด฾วย สรอ฾ ยเงิน ตา฽ งหูเงนิ กาํ ไลขอ฾ มือข฾อเท฾าเงิน ป่ินปใกผม ถ฾าหญิงสาวคนไหนมีเครื่องประดับเงินมากถือว฽า เป็นคนมฐี านะดใี นหมู฽บ฾าน37 ความเชอ่ื และการนับถอื ศาสนา : เดมิ ท่ีเชื่อกันว฽า ลัวะนับถือพุทธศาสนาควบค฽ูกับการนับถือ ดัง้ เดมิ มาแตเ฽ ดมิ เหมอื นคนไทย ลัวะมคี วามเชอ่ื ว฽าบรรพบุรษุ ของตนเป็นผ฾ูสร฾างวัดเจดียแหลวง ในจังหวัด เชยี งใหม฽ และเสาอนิ ทขลิ คือทส่ี ิงสถิตของผบี รรพบรุ ุษของพวกตน เม่ือลวั ะถกู ขับไลไ฽ ปอย฽ูบนภเู ขาซ่ึงไม฽ มีพระและวัด ชีวิตประจําวันขึ้นอยู฽กับสภาพทางธรรมชาติมากขึ้น ความเชื่อในเร่ืองพระพุทธศาสนาก็ เร่ิมจางลงและหันไปนับถือผีแทน โดยลัวะเช่ือเร่ืองผีว฽ามีทั้งผีดีและผีร฾ายสิงสถิตอยู฽ตามสถานท่ีต฽าง ๆ เชน฽ ผีบา฾ น ผเี รือน ผีฟูา ผีปาุ ผีภูเขา ผีเข฾าประตูหม฽ูบ฾าน ซ่ึงบางครั้งผีอาจจะเป็นสาเหตุก฽อความเจ็บปุวย ใหแ฾ กค฽ นได฾ การติดตอ฽ กับผีจะตดิ ตอ฽ โดยการเซ฽นไหว฾ดว฾ ยอาหารท่ผี ปี ระเภทน้ัน ๆ ชอบ โดยมีผู฾ทําพิธีคือ “ลํา” และ “สมงั ” หรือคนทีม่ ีคาถาอาคม จะมีการเชิญผีมากนิ อาหาร การฆ฽าสัตวแเลี้ยงผีจะตัดส฽วนต฽าง ๆ ของสตั วใแ หผ฾ อี ยา฽ งละเลก็ น฾อย สัตวแทใ่ี ช฾เซ฽นผมี ี ไก฽ หมู วัว ควาย และสุนัข นอกจากนั้นชาวลัวะยังเช่ือ เรอื่ งวญิ ญาณหรือขวญั คลา฾ ยกับคนไทยทางภาคเหนอื โดยเช่อื ว฽าคนมขี วญั ๓๒ ขวัญอยู฽ในตัว ถ฾าขวัญใด  37 http://www.hugchiangkham.com เข฾าถึงวันที่ 21 กันยายน 2563 77

ออกจากตัวจะทําใหเ฾ กดิ การเจ็บปวุ ย ตอ฾ งเรียกขวญั กลบั มาสู฽ร฽าง โดยการผูกข฾อมือด฾วยเส฾นด฾ายขาวเพ่ือ ปูองกนั ขวญั หายและใหม฾ สี ุขภาพดี ขณะท่ใี นตํานานเสาหลกั เมอื งเชยี งใหมเ฽ ลา฽ วา฽ เดมิ บริเวณเมืองเชียงใหม฽ เป็นที่อย฽ูของลัวะหรือ ลัวะ นบั ถอื ปีศาจ เมือ่ เจ็บปวุ ยหรอื มเี หตกุ ารณอแ ย฽างไร กเ็ ซน฽ บชู าผีต฽าง ๆ ดว฾ ยไก฽ สกุ ร โค กระบือเสมอ ลวั ะนบั ถือผกี ันมาก คือผลี ะมาง แบ฽งออกเป็น ๒ อย฽าง คือ ผีละมางอยู฽กับบ฾านเรือน และผีละมางบิดา มารดา ซึ่งถึงแก฽กรรม ไปแล฾ว ผีละมางอยู฽กับบ฾าน ถือเป็นผีเรือน คอยค฾ุมครองรักษาปูองกันภัยให฾แก฽ สมาชิกในครอบครัว ส฽วนผีละมาง ดวงวิญญาณบิดามารดา เรียกว฽า ผีละมางพ฽อแม฽ การเซ฽นผีนี้ เมื่อมี คนภายในบ฾านไมส฽ บาย ผอี นื่ ๆ ได฾แก฽ ผีหลวง ลัวะจะสร฾างเรอื นประทบั ผหี ลวงไวต฾ ฽างหาก มีไม฾แกะสลัก สูงราว ๑๒ ฟุต ขนาบด฾วยเสาไม฾สูง ๒ เมตร ในเรือนมีกลองหนึ่งใบ สําหรับตีเพ่ือเรียกผีหลวงมารับ เคร่ืองเซ฽นและตเี วลาเกิดโรคภัยรา฾ ยแรง แตอ฽ ย฽างไรก็ตามชาวลวั ะยงั มีการนบั ถอื ศาสนาพทุ ธควบคู฽ไปกับ การนับถือผี มกี ารถอื ผเี สือ้ บ฾าน ส฽งเคราะหแ ผูกเสน฾ ด฾ายข฾อมือถอื ขวัญ เวลาเจบ็ ปุวยใช฾ยารากไม฾สมุนไพร เสกเปุา และทาํ พิธฆี ฽าไกเ฽ ซน฽ ผี ถ฾าตายก็จะทําพิธีอย฽างชาวเหนือ มีพระสงฆแสวดมนตแ บังสุกุล เอาศพไป ปุาช฾า ฝใงมากกว฽าเผา แต฽ถ฾าตายอย฽างผิดธรรมดาก็เผาให฾สิ้นซากไปในวันงานพิธีเล้ียงผีเส้ือบ฾าน (ผหี มู฽บา฾ น) โดยจะทาํ ซุม฾ ประตูสานไม฾เป็นรูปรัศมี ๘ แฉกตดิ ไว฾เพื่อห฾ามไม฽ให฾คนต฽างถิ่นเข฾าส฽ูเขตหม฽ูบ฾าน เครื่องหมายน้ีชาวเหนอื เรยี กว฽า “ตาแหลว” ซงึ่ ชาวไทยกลางเรยี ก “เฉลว” เขาปิดบ฾านทําพิธีเล้ียงผีเสื้อ บ฾าน ๑ วนั ถา฾ เดนิ ทางไปพบเครอื่ งหมายเฉลวนแ้ี ลว฾ ต฾องหยุดอย฽ู มธี ุระอะไรก็ตะโกนเรียกชาวบ฾านให฾ไป พูดกันทตี่ รงนน้ั เชน฽ ขอด่ืมน้ําหรือเดินหลงทางมา ถ฾าขืนเดินล฽วงล้ําเขตหม฽ูบ฾านของเขาจะถูกปรับเป็น เงนิ ๕ บาท ถ฾าไมย฽ อมให฾ปรบั เขาบังคับให฾ค฾างแรม ๑ คืน เวลาเกิดมีโรคสัตวแระบาด หรือไข฾ทรพิษเกิดขึ้น แก฽คนภายในหมบ฽ู ฾านของเขา เขาจะปิดเฉลว หรือเคร่ืองหมายห฾ามเข฾าหมู฽บ฾านเช฽นเดียวกัน ในปใจจุบัน ชาวลวั ะในจังหวัดลําปางโดยเฉพาะบ฾านวังใหม฽ส฽วนใหญ฽นับถือศาสนาคริสตแ นิกายคาทอลิก เข฾าโบสถแ ปฏิบตั ิศาสนกจิ เหมอื นศาสนิกชนอน่ื ๆ ดงั นั้นการนับถือผจี งึ ปรากฏอย฽เู ฉพาะในกลม฽ุ ทีน่ ับถอื พุทธเทา฽ น้นั มรดกวฒั นธรรม : ประกอบด฾วยอาหาร โดยอาหารพื้นบ฾านของชนเผ฽าลัวะจะอาศัยทรัพยากร ในชุมชนมาประกอบเป็นอาหารหลัก ตามฤดูกาลของพืชผักต฽าง ๆ ท่ีมีอยู฽ในชุมชน และอาหารท่ีเป็น เอกลักษณแของชนเผ฽าลัวะ คือ สะเบ๊ือก ส฽วนด฾านการแต฽งกายของลัวะ ผู฾หญิงสวมเสื้อสีดํามีขลิบผ฾าสี แดงทีป่ ลายแขน นงุ฽ ผ฾าสนั้ ทรงกระบอกสีดําลายแดง สวมเส้ือสีขาวทั้งชายและหญิงนิยมเจาะหูให฾เป็นรู โตเอาใบลาน หรือแผ฽นทองเหลืองม฾วนกลมยัดใส฽ไว฾ เอาด฾ายทําเป็นพ฽ูห฾อยลงมาผู฾หญิงประดับคอด฾วย สร฾อยลูกปใด ลูกเดือยหิน สวมกําไลข฾อมือเงินขดเป็นเกลียว หญิงชาวลัวะนิยมใช฾กล฾องยาสูบเป็น เคร่ืองประดับและมวยผมประดับป่ินและขนเม฽นท่ีศีรษะ ผู฾ชายมีมีดเหน็บเอว (บุญช฽วย ๒๕๐๖) งาน ช฽างฝีมือ ที่เห็นโดดเด฽น ได฾แก฽ การสานส่ือ กระบุง ย฽าม ทอผ฾า ทําเคร่ืองเงิน กําไลแขน กล฾องยาสูบ ตีเหล็ก เป็นต฾น ด฾านการแสดงศิลปะและการละเล฽นของชนเผ฽าลัวะ ประกอบด฾วยการรําดาบในช฽วง เทศกาลตา฽ ง ๆ ของชุมชน ส฽วนการละเล฽น เชน฽ การยิงหนังสติ๊กลวั ะ การเลน฽ ไม฾ตอ฽ ขา และการเล฽นสะบ฾า (เรอเกฮะ) ภาษา เปน็ เปน็ ภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก กลุ฽มมอญ - เขมร โดยอย฽ูในสาขาย฽อยของ ปะหล฽อง - ล฾าอีกทหี น่ึง ลักษณะท่ีเห็นไดช฾ ัดเจนวา฽ ภาษาเป็นภาษาที่อย฽ูร฽วมกันในตระกูลกับภาษามอญ - เขมร คือ การที่ภาษาลัวะไม฽มีระบบเสียง นอกจากนี้ชนเผ฽าลัวะยังมีสถานที่ศักด์ิสิทธ์ิท่ีชนเผ฽าลัวะให฾ ความเคารพยาํ เกรง ซึ่งได฾แก฽ โู฽ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของหม฽ูบ฾านซึ่งจะทําข้ึนเป็นประจําทุกปี โดยมีเสาอินทขิลเป็นสัญลักษณแ โู฽ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมตามฤดูกาล เช฽น ก฽อนเริ่มการ 78

เพาะปลูกทางการเกษตร และหลังเก็บเก่ียวผลผลิต ซ่ึงในหมู฽บ฾านจะมี ๓ จุด และโม เป็นปุาอนุรักษแ ท่ีใช฾ไมส฾ าํ หรบั ทาํ โลงศพ ห฾ามนาํ ไปใชอ฾ ย฽างอืน่ ปใจจุบันชาวลัวะได฾มีการปรับตัวตามสภาพการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยน แปลงไป มีการปรบั ตัวไปตามบทบาทหน฾าทเ่ี พ่ือการดํารงอยูข฽ องชมุ ชนแบบพงึ่ พาอาศัย ปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ด฾านวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ให฾เหมาะสมกับยุคสมัย ปรับลดองคแประกอบของ พิธีกรรมตาม ความเหมาะสม ปใจจัยที่สําคัญคือ ปใจจัยทางด฾านเศรษฐกิจ การศึกษา ค฽านิยม ความเช่ือ ความเจริญ ก฾าวหน฾าทางวิทยาศาสตรแเทคโนโลยี และอุดมการณแของคนในสังคม ปใจจัยต฽าง ๆ ท่ีทําให฾เกิดการ เปลี่ยนแปลงเพื่อให฾ตอบสนองต฽อสภาพสังคมที่เปล่ียนไป ในส฽วนของพิธีกรรมก็อาจมีการปรับเปล่ียน เพ่อื ให฾สอดคล฾องกับการดาํ รงชวี ติ และตามความเหมาะสมของสถานะทางเศรษฐกิจแตล฽ ะครอบครัว38  38 กฤษณพจนแ ศรีทารัง ชาวลัวะ บา฾ นหมนั ขาว : การปรับตัวและแนวโน฾มการเปลย่ี นแปลง 79

๒.๕ กล่มุ ชาติพันธ์ขุ มุ (“ลาวเทิง”) ในจงั หวดั ลาปาง ๒.๕.๑ ความเปน็ มาและการเดนิ ทางของกลมุ่ ชาติพนั ธุ์ ชาตพิ นั ธขุแ มุ ถือวา฽ เป็นกลุ฽มชาติพันธุแกล฽ุมหนึ่งท่ีมีเอกลักษณแทางวัฒนธรรม ไม฽ว฽าจะเป็นภาษา พดู การแตง฽ กาย ระบบภมู ปิ ญใ ญา ประเพณี เป็นของตนเอง คําว฽าขมุ มีความหมายแปลว฽า “คน” เป็น คําที่ชาวขมุใช฾เรียกตัวเอง ในขณะท่ีในประเทศลาวซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีท่ีมีชาวขมุอาศัยอย฽ูเป็นจํานวนมาก ชาวลาวจะเรยี กชาวขมุว฽า ข฽ามุ ข฽า หรือ “ลาวเทิง” (ลาวบนที่สูง) โดยภาษาขมุถูกจัดอยู฽ในกลุ฽มภาษา ออสโตรเอเซยี ตคิ สาขามอญ-เขมร สาขาย฽อยขมุอิค ท้ังนี้เดิมทีชาวขมุมีถ่ินอาศัยกระจายตัวอย฽ูในแถบ ตอนเหนือของประเทศลาวบริเวณสองฝ่ใงแม฽นํ้าทา แม฽น้ําแบ฽ง แม฽นํ้าอู แม฽นํ้าเสือง ในแขวงหัวพัน หลวงพระบาง และไชยะบุรี (บุญชว฽ ย ๒๕๐๖, น.๑๙๙) สําหรับประเด็นการเดินทางของชนชาติขมุที่เดินทางเข฾าสู฽ไทยซึ่งปรากฏอย฽ูในงานศึกษาของ ทิพยแสุดา จินดาปลูก39 ได฾ศึกษาถึง “การเคล่ือนย฾ายของแรงงานทําไม฾ชาวขมุท่ีส฽งผลกระทบต฽อ สถานภาพทางการเมืองระหว฽างประเทศของสยามในดินแดนล฾านนา ระหว฽าง ค.ศ.๑๘๙๓ - ๑๙๐๗” พบวา฽ “การเคลอื่ นย฾ายของชาวขมจุ ากหลวงพระบางทีเ่ ขา฾ มารับจ฾างเปน็ แรงงานทาํ ไม฾ในดินแดนล฾านนา ระหว฽าง ปี ค.ศ. ๑๘๙๓ ถึง ค.ศ. ๑๙๐๗ ซ่ึงเป็นช฽วงเวลาท่ีจักรวรรดินิยมอังกฤษ ฝรั่งเศส และสยาม ต฽างหยิบยกเอาสถานการณแดังกล฽าวมาเป็นประเด็นเจรจาต฽อรองทางการเมืองและผลประโยชนแทาง เศรษฐกิจของตน จากการศึกษาพบวา฽ นบั แตค฽ รสิ ตศแ ตวรรษที่ ๑๙ ชาวขมุจากหลวงพระบางดินแดนใน อาณานิคมของฝร่ังเศสนบั เปน็ แรงงานกลุ฽มหลักที่เข฾ามารับจ฾างทําไม฾ในดินแดนล฾านนาของสยาม ทั้งยัง เปน็ แรงงานสาํ คัญทีข่ บั เคล่ือนกิจการอนั เป็นผลประโยชนขแ ององั กฤษ ดงั นั้นการเคลอ่ื นย฾ายของแรงงาน ชาวขมจุ ึงถกู ทําใหก฾ ลายเปน็ ประเด็นปใญหาระหว฽างประเทศจนเกิดการเจรจาต฽อรองหลายครั้ง กระท่ัง ไดข฾ อ฾ ยุติในปี ค.ศ. ๑๙๐๗ กลา฽ วได฾ว฽าปใญหาเก่ยี วกับชาวขมนุ บั เปน็ ส฽วนหนึ่งท่ีช฽วยให฾เกิดการริเริ่มแก฾ไข ปใญหาสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขตของสยาม และช฽วยยุติข฾อพิพาทระหว฽างฝร่ังเศสและสยามบนดินแดน  39 ทพิ ยแสดุ า จนิ ดาปลูก “การเคลื่อนย฾ายของแรงงานทาํ ไม฾ชาวขมุทีส่ ง฽ ผลกระทบต฽อสถานภาพทางการเมืองระหว฽างประเทศของสยามในดนิ แดน ล฾านนา ระหวา฽ ง ค.ศ. 1893-1907” 80

ล฾านนาได฾สําเร็จ หลังจากสถานการณแคล่ีคลายลง แรงงานชาวขมุยังคงเป็นท่ีต฾องการสําหรับกิจการ สัมปทานปุาไม฾สักอย฽างต฽อเนื่องและกลายเป็นแรงงานเสรีจากภายนอกที่มีบทบาทสําคัญสุดต฽อการ ขับเคล่ือนกจิ การแบบทุนนิยมตะวันตกให฾ดําเนินต฽อไปได฾ในยุคท่ีเศรษฐกิจ – สังคมของดินแดนล฾านนา ทกี่ ําลงั เปล่ียนผา฽ นไปสย฽ู ุคสมยั ใหม฽ แรงงานชาวขมจุ ากดินแดนภายใตก฾ ารปกครองของหลวงพระบาง โดยเฉพาะกล฽มุ ทม่ี ีถ่นิ ฐานอย฽ู ในเขตล฽ุมนํา้ เบง็ นํา้ ทา และนา้ํ อู อนั เป็นสาขาของแมน฽ า้ํ โขงทางฝ่ใงหลวงพระบาง คือ แรงงานกลุ฽มใหญ฽ ท่ีเข฾ามารับจ฾างทําไม฾ให฾แก฽กลุ฽มทุนกิจการสัมปทานปุาไม฾สักในล฾านนาตลอดช฽วงปลายคริสตแศตวรรษ ท่ี ๑๙ ถึงต฾นคริสตศแ ตวรรษท่ี ๒๐ เน่อื งจาก ชาวขมจุ ากหลวงพระบางเป็นกล฽ุมคนท่ีมีภูมิปใญญาสําหรับ การดํารงชีวิตภายในปุา จึงมีความค฾ุนเคยกับการใชช฾ ีวติ ภายในปุา ประกอบกับเส฾นทางระหว฽างบ฾านเกิด ของแรงงานชาวขมใุ นหลวงพระบางกับปาุ สมั ปทานในลา฾ นนาลว฾ นอยใ฽ู นภูมปิ ระเทศทเ่ี ต็มไปด฾วยภูเขาสูง สลับซับซอ฾ นและหา฽ งไกลตอ฾ งมคี นนาํ ทางทาํ ให฾แรงงานชาวขมุท่ีมารับจ฾างทาํ ไมใ฾ นลา฾ นนาไม฽สามารถออก เดินทางกลับไปยังบ฾านเกดิ ตามลาํ พงั หรือตามอําเภอใจได฾ จาํ เป็นต฾องอยูท฽ าํ งานจนครบตามกําหนด เพ่ือ รอจนกว฽านายฮ฾อยนําทาง จะมารบั กลับไป (Évrard, ๒๐๑๑, p. ๙๐ – ๙๓)40 จึงเปน็ เง่อื นไขท่ีบีบรัดให฾ แรงงานชาวขมุตัดขาดจากวิถชี ุมชนในหลวงพระบาง แต฽สามารถทํางานในปุาต฽อเน่ืองกันเป็นเวลานาน จนกวา฽ จะครบรอบกาํ หนดการทําไม฾คราวหน่ึงๆ” น่ีคือเหตุผลที่ชาวขมุจํานวนหน่ึงไม฽เดินทางกลับลาว และอยต฽ู ้งั รกรากในเขตทาํ ไมข฾ องไทย จากงานศึกษาดังกล฽าวจึงสามารถกล฽าวอ฾างได฾ว฽าชาวขมุในประเทศไทยเริ่มเข฾ามาตั้งถิ่นฐาน บ฾านเรือนอยู฽อาศัยในบริเวณภาคเหนือตอนบนในเขตพื้นที่ทํากิจการไม฾สักเป็นหลั กได฾แก฽เมืองลําปาง พะเยา ส฽วนจงั หวัดนา฽ นและเชยี งรายเป็นหัวเมอื งติดชายแดนลาวกม็ ีชาวขมุเดินทางเข฾ามาเช฽นกัน เราจึง พบชาวขมุในพ้ืนท่ี อําเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อําเภอทุ฽งช฾าง อําเภอปใว จังหวัดน฽าน และ นอกจากนยี้ งั มีบางสว฽ นกระจัดกระจายลงสู฽จงั หวดั ภาคกลาง เช฽น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี เปน็ ตน฾ สาํ หรบั ชาวขมุในจังหวัดลาํ ปางตามประวตั ิศาสตรสแ นั นษิ ฐานวา฽ เดินทางจากลาวเข฾ามาพร฾อมกับ บริษัทต฽างชาติที่เข฾ามาทําสัมปทานไม฾ในจังหวัดลําปางในฐานะแรงงานในปางไม฾ตั้งแต฽เมื่อคร้ังยุค อาณานิคม ทงั้ น้ีในอดตี แรงงานขมุเป็นท่นี ยิ มเพราะมีความขยัน อดทน ซือ่ สัตยแ และเชย่ี วชาญปุา ต฽อมา เมอ่ื หมดยุคการทําไม฾แรงงานขมุไม฽ได฾เดินทางกลับภูมิลําเนาแต฽ตั้งรกรากปลูกสร฾างบ฾านเรือนอย฽ูอาศัย ในพ้ืนท่ี ท่ีเขา฾ ไปทําไม฾ ซึง่ ต฽อมาคนในพื้นราบยังคงใช฾แรงงานชาวขมุในการดูแลสวน พืชไร฽ นาข฾าว และ ยาสูบซึ่งเป็นพชื เศรษฐกิจทเี่ รมิ่ เขา฾ มาปลกู เชงิ พาณชิ ยแในลาํ ปาง ดงั น้นั ในปจใ จุบนั เราจงึ พบชุมชนชาวขมุ ต้งั บา฾ นเรือนอยูใ฽ นบริเวณรอยตอ฽ ระหวา฽ งประตูผา แอ฽งแม฽เมาะ และเมอื งงาว ซง่ึ เดิมทีบริเวณนีเ้ ป็นพื้นท่ี ศูนยกแ ลางการทําไม฾ในอุตสาหกรรมปุาไม฾ภาคเหนือ สําหรับพื้นท่ีท่ีมีชาวขมุอาศัยอยู฽เป็นกล฽ุมก฾อนได฾แก฽ ชมุ ชนบา฾ นกลาง บ฾านจําปยุ อาํ เภอแม฽เมาะ และอยู฽อาศัยกระจัดกระจายปะปนกับกลุ฽มชาติพันธุแอ่ืนใน พ้นื ท่ีบา฾ นแม฽พร฾าว อาํ เภองาว ๒.๕.๒ โครงสร้างสงั คม ภาษา : ภาษาขมุหรือภาษากํามุ (Khmu) เป็นภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติก กลุ฽มมอญ - เขมร กล฽ุมย฽อยขมุ มีผู฾พูดทั้งหมด ๔๗๙,๗๓๙ คน พบในลาว ๓๘๙,๖๙๔ คน (พ.ศ. ๒๕๒๘) กระจายอยู฽  40 อ฾างใน ทพิ ยแสดุ า จินดาปลกู 81

ทางเหนือของหลวงพระบาง หัวพัน พงสาลี เวียงจันทนแ สายะบุรี น้ําทา ปากแบง และห฾วยทราย สําเนียงในแต฽ละท฾องถิ่นจะต฽างกัน พบในจีน ๑,๖๐๐ คน (พ.ศ. ๒๕๓๓) ในสิบสองปในนา ในประเทศ ไทย ๓๑,๔๐๓ คน (พ.ศ. ๒๕๔๓) มผี พ฾ู ูดทจี่ งั หวัดเชยี งรายและนา฽ น พะเยาและกระจายตัวอยู฽ในจังหวัด อ่ืน ๆ ในภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคอีสาน พบในเวียดนาม ๕๖,๕๔๒ คน (พ.ศ. ๒๕๔๒) และ อาจจะมีในพม฽า มพี ยัญชนะทั้งหมด ๑๗ เสียง เปน็ ตัวสะกดได฾ ๑๕ เสยี ง สระมี ๒๒ เสียง เป็นสระเด่ียว ๑๙ เสียง สระประสม ๓ เสียง มีความแตกต฽างระหว฽างสระเสียงสั้นและสระเสียงยาว ไม฽มีเสียง วรรณยกุ ตแแตม฽ ลี ักษณะนา้ํ เสียง ๒ แบบ คือ เสยี งทม฾ุ ใหญ฽กบั เสียงเบาแหลม ลกั ษณะนิสยั และค่านยิ ม : ชาวขมเุ ป็นผทู฾ ่ีรกั ความสงบ ไมช฽ อบทะเลาะววิ าทหรือตีรันฟในแทง หรือกล่ันแกล฾งใคร มีนิสัยขยัน อดทน ซื่อสัตยแ และรับคําส่ัง ชอบมีเพื่อนฝูง มีการกินข฾าวกินเหล฾า ร฽วมกัน ชาวขมุ จะให฾ความเคารพผ฾ูเฒ฽าผ฾ูแก฽และญาติผู฾ใหญ฽ของตนอย฽างเคร฽งครัด ถ฾าปฏิบัติตน ไม฽เหมาะสม จะถือว฽าทาํ ผดิ ประเพณีและถกู ปรบั ไหม โครงสรา้ งพ้ืนฐานทางสงั คม : กลมุ฽ ตระกูลข฾างฝาุ ยหญงิ ประกอบดว฾ ยครอบครัวท่ีถือผีเดียวกัน โดยฝาุ ยชายจะเปลย่ี นมานับถอื ผบี รรพบุรษุ ของภรรยาหลังจากการแตง฽ งานและลูกจะสืบผีของแม฽ต฽อไป คู฽สมรสจะเข฾าไปอยู฽กับครอบครัวของฝุายหญิงช่ัวคราวหลังจากการแต฽งงาน แต฽ไม฽นานก็จะแยก ครัวเรือนออกมา อย฽างไรก็ตาม มีข฾อยกเว฾นหากเป็นลูกผ฾ูหญิงคนสุดท฾อง ก็ต฾องอยู฽ดูแลพ฽อแม฽ใน ครวั เรอื นเดิมตอ฽ ไป หรือหากพ฽อแม฽ฝุายชายไม฽มีลูกสาวเลย ฝุายหญิงก็ต฾องเข฾าไปอยู฽กับพ฽อแม฽ฝายชาย อีกลักษณะหนึ่งของครอบครัวขมุ ส฽วนใหญ฽เป็นครอบครัวเดี่ยว และมีขนาดเล็ก สําหรับการสืบสาย ตระกูลมี ๒ ลักษณะคอื “แบบยาว” หรืออาจเรียกได฾ว฽าเป็นแบบกว฾าง ซึ่งคนในสายตระกูลเช่ือว฽าร฽วม ตระกลู เดยี วกันซึ่งอาจเรียกช่อื เป็นพืช เช฽น ผักกูด แม฾ว฽าไม฽อาจจะสืบย฾อนไปได฾ว฽าเป็นญาติร฽วมตระกูล ทางใด แต฽ละกลุ฽มตระกูลขมุเรียกว฽า “ตมอยฮอก” การนับตระกูลอีกลักษณะหนึ่งเป็นการรับร฾ูร฽วม ตระกลู โดยดูการสืบเชอื้ สายจากทวดเดียวกัน การนบั แบบน้ีจะดจู ากการสบื สายเลือด หรือเชื้อสายเป็น สําคัญ ไม฽มีสัญลักษณแแต฽มีข฾อห฾ามการแต฽งงานของผู฾ที่สืบเช้ือสายจากทวดเดียวกัน ทั้งครอบครัวและ 82

กลุ฽มสายตระกูลมีความสําคัญต฽อชีวิตสังคมและเศรษฐกิจของขมุ41 ในขณะท่ีครอบครัว มีขนาด ครัวเรือนขนาดเล็ก สมาชิกน฾อย ระบบเครือญาติของขมุเป็นระบบท่ีซับซ฾อน ให฾ความสําคัญทั้งพ฽อแม฽ ฝุายชายและหญิง กฎการแต฽งงานในหมู฽ญาติ ลูกชายสามารถแต฽งงานกับลูกพี่ลูกน฾องได฾ ส฽วนลูกหญิง จะต฾องแตง฽ กบั ผ฾อู ่นื โครงสร้างอานาจและการปกครอง : เน่ืองจากสังคมขมุเป็นสังคมที่ยอมรับระบบอาวุโส โครงสร฾างอํานาจในสังคมจึงประกอบไปด฾วยตัวแทนของทุกสายตระกูล หรือคณะผู฾อาวุโส ซึ่งเป็นผ฾ูที่ เข฾าถึงท่ีมาของอํานาจสําคัญในชุมชน และมีบทบาทในการตัดสินใจแทนคนในชุมชนได฾ นอกจากกล฽ุม ผ฾ูอาวุโสในระดับที่เป็นกลุ฽ม ในสังคมขมุยังมีผู฾นําในระดับปใจเจกบุคคล ได฾แก฽ ขะจ้ํา หมอผี หมอคาถา หมอเมื่อ และล฽าม เป็นผ฾ูท่ีมีความสามารถเฉพาะบุคคลในด฾านการประกอบพิธีกรรมสําคัญในชุมชน ซ่ึงเปน็ ทยี่ อมรบั นับถือวา฽ เปน็ บุคคลสาํ คญั การตัดสินใจหรอื มติของคณะผอ฾ู าวโุ สเป็นส่งิ ทที่ ุกคนในชุมชน จะตอ฾ งปฏบิ ตั ิตาม กระทั่งต฽อมาเมื่อทางภาครัฐได฾จัดระเบียบการปกครองในชุมชนชาวเขาใหม฽ โดยให฾ เป็นไปตามกฎหมายปกครอง จงึ เกิดองคแกรปกครองที่เป็นทางการขน้ึ กลา฽ วคอื มผี ูใ฾ หญบ฽ ฾าน ผ฾ูช฽วย และ คณะกรรมการหมู฽บ฾าน จึงมีผลทําให฾เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร฾างอํานาจแบบใหม฽ จากรูปแบบเดิม ที่เคยประกอบด฾วยตัวแทนของทุกสายตระกูลหรือคณะผู฾อาวุโส เป็นบุคคลท่ีมีอํานาจในการตัดสินใจ แทนคนในชุมชนได฾ มาเป็นการปกครองอย฽างเป็นทางการซึ่งมีโครงสร฾างแบบลําดับชั้น ก฽อให฾เกิดความ สบั สนในอาํ นาจการตัดสินใจของชมุ ชน สงั คมขมุยังมลี กั ษณะการจัดองคแกรเป็นแบบช่ัวคราว (ad hoc) คอื เป็นกลม฽ุ ความร฽วมมอื ในแบบตา฽ ง ๆ ซ่ึงเกดิ ข้ึนและสลายตัวในระยะเวลาหนึ่ง ซ่ึงเป็นการรวมตัวกัน ของสมาชิกด฾วยความสมัครใจโดยมีจุดประสงคแ เพื่อแสดงบทบาทหน฾าท่ีเฉพาะ เช฽น กล฽ุมแลกเปล่ียน แรงงาน กลม฽ุ ลา฽ สตั วแ กลม฽ุ ประกอบพธิ ีกรรมตา฽ ง ๆ ซงึ่ มีอยูม฽ ากในชมุ ชนขมุ ในสังคมขมรุ ะบบความเชื่อเร่ืองผี และอํานาจเหนือธรรมชาติมีความสัมพันธแกับวิถีชีวิตของขมุ อย฽างแนบแนน฽ และสอดแทรกอย฽ูในทุกสถาบันทางสังคมนับต้ังแต฽ ครอบครัว การปกครอง การอบรม สั่งสอน การบําบัดโรคภัยไข฾เจ็บ ตลอดจนการประกอบอาชีพ และยังคงมีอิทธิพลต฽อวิธีคิดของขมุมา จนถึงปใจจุบัน ความสัมพันธแระหว฽างมนุษยแกับผีในความเชื่อของขมุมีลักษณะไม฽เท฽าเทียม ผีมีอํานาจ ดลบนั ดาลทง้ั คุณและโทษใหแ฾ ก฽มนษุ ยแขึน้ อยก฽ู บั การประพฤติปฏิบัติของมนุษยแท่ีมีต฽อผีและขมุยังมีความ เช่อื เรือ่ งอาํ นาจเหนอื ธรรมชาติ ๒ ชนิดคือ ขวัญ และคุณไสย ในฐานะท่ีเป็นสารัตถะของชีวิตและพลัง อาํ นาจท่ีสามารถนํามาใช฾ให฾เกิดประโยชนแได฾ นอกจากนั้น ขมุยังใช฾การนับถือผีเป็นเกณฑแในการจําแนก กล฽ุมทางสังคม ทําให฾บุคคลมีกรอบของความสัมพันธแทางสังคมในขอบเขตและระดับต฽าง ๆ กัน เช฽น บุคคลภายนอกทไี่ มไ฽ ด฾นับถือผเี รอื นเดยี วกันจะมีข฾อห฾ามบางประการเม่ือข้ึนไปบนเรือน หรือการนับถือ ผีบรรพบรุ ษุ ร฽วมกัน เพอื่ ใช฾ควบคมุ พฤติกรรมของคนท่อี ยใู฽ นสายตระกูลเดียวกัน ในระดับที่กว฾างข้ึน คือ การนับถอื ผีหมบ฽ู ฾าน ซ่ึงจะเป็นความผูกพันของคนในหลายตระกูลในฐานะท่ีต้ังถิ่นฐานในพื้นที่เดียวกัน มีการใช฾ทรัพยากรธรรมชาติร฽วมกัน รู฾สึกว฽าเป็นกลุ฽มพวกเดียวกัน นับเป็นการกําหนดขอบเขตของคน ในชุมชนกับบุคคลภายนอก ในขอบเขตท่ีกว฾างกว฽า เป็นการนับถือผีหลวง ที่มีหมู฽บ฾านมากกว฽าหน่ึง หมู฽บ฾าน นับถือผีร฽วมกัน ซ่ึงมักอยู฽ในรูปแบบการประกอบพิธีกรรมเซ฽นไหว฾ผีหลวงร฽วมกัน หรือทํา กจิ กรรมทางสงั คมร฽วมกัน  41 นิพทั ธเวช สบื แสง “ขมุ,สงั คม,วัฒนธรรม,การพฒั นา,ภาคเหนือ” สถาบันวจิ ัยชาวเขา, เชียงใหม฽, 2539. 83

๒.๕.๓ วถิ ชี ีวติ ความเปน็ อยู่ ความเชอื่ และประเพณวี ฒั นธรรม ลักษณะบ้านเรอื น : ชาวขมุจะต้งั ถนิ่ ฐานอย฽ูบนพน้ื ท่ีสูง ชอบสร฾างบา฾ นอย฽ูตามชายเขา ระดับสูง จากน้ําทะเลประมาณ ๒,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ ฟุต บ฾านเรอื นสิ่งปลกู สรา฾ งจะสรา฾ งด฾วยไม฾ไผ฽ ยกเว฾นเสาและข่ือ รองรับหลังคาใช฾ไม฾แผ฽นประกอบ หลังคาใช฾ใบจาก ฝาบ฾านใช฾แฝก มีระเบียงและชานหน฾า บันไดข฾างมี เพียงห฾องเดียว ไม฽มีหน฾าต฽าง เตาไฟอยู฽ตรงกลางใช฾ทําอาหาร ที่นอนใช฾เสื่อนอนรอบเตาไฟ ข฾างฝามี เครื่องใช฾ เช฽น จอบ เสียม หน฾าไม฾ มีด ใต฾ถุนบ฾านเป็นท่ีเก็บฟืน เล฾าไก฽ เล้ียงหมู เป็นต฾น ปใจจุบันบ฾านที่ ฐานะดีจะเปลี่ยนจากไม฾ไผ฽เป็นไม฾แผ฽น ใต฾ถุนบ฾านจะเป็นที่เก็บฟืนและสัตวแเลี้ยง เช฽น ไก฽ หมู เป็นต฾น บริเวณจันทันจะใช฾เปน็ ทเ่ี กบ็ ของ เชน฽ ตะกรา฾ อาหารแห฾ง กับดักสัตวแ เมลด็ พนั ธแุพืชและส่งิ มคี า฽ อนื่ ๆ การกิน : อาหารชาตพิ นั ธุแขมมุ ีเอกลักษณดแ า฾ นรสชาติท่ีแตกต฽างไปจากชาติพันธแุพื้นเมือง ซ่ึงแม฾ จะมีวัตถุดิบท่ีคล฾ายคลึงกัน แต฽การใช฾เครื่องปรุงรสมีความแตกต฽างกัน โดยชาวขมุจะไม฽นิยมใส฽ เครื่องปรุงรสสมัยใหม฽ เช฽น ปลาร฾า กะปิ ผงชูรส รสดี เป็นต฾น ส฽วนวัตถุดิบที่นํามาประกอบอาหาร จะเป็นวัตถุดิบที่ได฾จากธรรมชาติ เช฽น ไก฽ ปลา หมู (นิยมใช฾หมูดํา) หนูนา สัตวแน้ําตามลําห฾วย ผักกาด หนอ฽ ไม฾ ผักกูด (กึรซรู ) ทีห่ าได฾จากชมุ ชน และผืนปุา ชาวขมุรับประทานข฾าวเหนียวเป็นหลัก และกินเนื้อสัตวแและผักทุกชนิด อาหารประจําวัน ส฽วนใหญ฽จะเปน็ จาํ พวกพืชผกั ต฽าง ๆ ทง้ั ที่ปลูกไวใ฾ นไร฽ และพืชผกั สวนครวั บางสว฽ นได฾มาจากจากการล฽า สตั วแ หาของปาุ อาหารจําพวกหมู ไก฽ จะใช฾เฉพาะในพิธีกรรม การประกอบอาหารส฽วนใหญ฽จะใช฾พริก เกลือ ผงชูรส และมักใส฽ผักขี้อ฾น (กล฾ูช) เพื่อให฾มีกลิ่นหอมและมีรส เป็นแกงผักนํ้าใส อาหารที่ชาวขมุ ชอบคือ หมกปลา (กุบกะ) หมกลูกอ฿อด (กุบยุบ) ชาวขมุ จะหมักเหล฾าไว฾ใช฾เอง เหล฾าของชาวขมุ เปน็ เหลา฾ อุเรยี กวา฽ “ ปูจ” ไว฾ตอ฾ นรับแขกผู฾มาเยอื น และในการเซ฽นไหว฾ผี อาหารในงานพิธีกรรมเป็นส฽วนหนึ่งของการดํารงชีวิตของชาวขมุที่ยังคงนับถือผี และได฾ให฾ ความสําคญั อย฽างมากเพราะในแตล฽ ะชว฽ งชวี ติ มพี ธิ กี รรมเขา฾ มาเก่ียวข฾องต้ังแต฽การต้ังครรภแ การเกิด การ แต฽งงาน การเจบ็ ปุวย และการเสยี ชวี ิต โดยพิธีกรรมต฽าง ๆ ที่เกิดข้ึนในครอบครัว หรือชุมชนจะมีหมอ พนื้ บา฾ นหรอื หมอผี เปน็ ผกู฾ ําหนดว฽าจะตอ฾ ง ใช฾สัตวแอะไรเปน็ การเซน฽ ไหว฾ 84

การแตง่ กาย : ชาวขมุไม฽มีวัฒนธรรมในการทอผ฾าเอง จะมีเฉพาะในกลุ฽มขมุลื้อเท฽าน้ัน เราจึง พบวา฽ ชาวขมุจึงหยิบยืมและเลือกใช฾เคร่ืองแต฽งกายไทลื้อมาใช฾ในการสร฾าง “อัตลักษณแ” ของตนเอง42 ชาวขมุบางกลม฽ุ จะนิยมเสื้อผา฾ สีดํา หรือสีคลํ้าเข฾ม ผู฾หญิงไว฾ผมมวยเกล฾าไว฾ข฾างหลัง เจาะรูหู ใส฽ลานเงิน หรอื ต฾ุมหู ใช฾ซนิ่ ลายขวางแบบไทลื้อ สวมเส้อื ผ฾าหนาสนี า้ํ เงินเขม฾ ตัวส้ัน ตกแต฽งด฾วยผ฾าด฾ายสีและเหรียญเงิน ใส฽กําไลเงินที่คอ และกําไลข฾อมือ โพกผ฾าสีขาว หรือสีแดง สําหรับผู฾ชายปใจจุบันมีการแต฽งกายท่ีไม฽ต฽าง จากคนเมือง และในบางหมู฽บา฾ นจะไม฽พบการแตง฽ กายประจําเผ฽าเลย ดังน้ัน “อัตลักษณแ” ของชาวขมุที่ แสดงออกผ฽านเครื่องแต฽งกายท่ียังปรากฏให฾เห็นในปใจจุบันมักจะแต฽งกันเฉพาะในงานประเพณีสําคัญ เช฽น ช฽วงเทศกาลปีใหม฽ที่จัดขึ้นในช฽วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปีเป็นพื้นท่ีทางสังคมของชาวขมุท่ี สามารถขนเอาวฒั นธรรมดัง้ เดิมที่เป็นอย฽ูและเลือกที่จะแสดงออกมาบางสถานการณแเพื่อเป็นการส฽งเสริม ให฾เกดิ ความสามัคคีและการไม฽ลืมรากเหงา฾ ตวั ตนของตวั เอง อาชพี : ทาํ การเกษตรเป็นหลกั แบบยงั ชีพ ปลกู ข฾าว เผือก มัน และเคร่ืองปรุงรสอาหารต฽าง ๆ พชื ไร฽และไมย฾ นื ต฾นมีเล็กน฾อย ได฾แก฽ ข฾าว ข฾าวโพด กล฾วย อ฾อย ถ่ัว พริก ยาสูบ ส฽วนใหญ฽ปลูกไว฾บริโภค ภายในครัวเรือน หากมีเหลือก็จะแบ฽งปในให฾ญาติพี่น฾อง นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตวแ เช฽น หมู ไก฽ วัว ควาย สว฽ นใหญ฽เลย้ี งไว฾เพือ่ ใช฾ประกอบพิธีกรรม นอกจากนั้นยังเก็บของปุา ล฽าสัตวแ ดักสัตวแ รายได฾ของ ชาวขมุ ได฾มาจากการเป็นแรงงานรบั จา฾ งในไร฽นา เคร่ืองดนตรี : เคร่ืองดนตรีชาวขมุมีหลายชนิด ทั้งใช฾ในพิธีกรรม ความบันเทิง สนุกสนาน ในปใจจุบันเคร่ืองดนตรีเก฽าแก฽สูญหายไปหมดแล฾ว เช฽น สมัยก฽อนจะมีกลองมโหระทึก หรือ ภาษาขมุ เรียกว฽า “ยาน” เป็นเครื่องดนตรีท่ีใช฾ประกอบ ในพิธีกรรมงานมงคลหรืองานรื่นเริง เช฽น งานต฾อนรับ ปีใหม฽ งานขึ้นบ฾านใหม฽ และงานที่ไม฽มงคล เช฽น งานศพ ฉาบ หรือภาษาขมุเรียกว฽า แชรง เป็นเคร่ือง ดนตรปี ระเภทตีใหจ฾ ังหวะ ประกอบการบรรเลงใช฾คู฽กับกลอง (ปรีง) ในขณะที่มีเครื่องดนตรีหลายชนิด ท่ีชาวขมุเล฽นเพื่อความเพลิดเพลินยามว฽างสามารถประดิษฐแง฽าย ๆ โดยทําจากไม฾ไผ฽เป็นส฽วนใหญ฽ หลายชนิดทําจากไม฾ไผ฽สด เล฽นแล฾วท้ิงไป เช฽น “ โท฾รแ” เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทตี เคาะเพ่ือให฾จังหวะ ประกอบการรอ฾ งเต้ิมในงานร่นื เริง มกี ารเปาุ แคนท่เี รียกว฽า “โรง฾ ” ซ่ึงทําจากเหรียญทองแดง ใช฾ปากเปุา และมือดดี มีการเปุาขล฽ุย เรียกวา฽ “ ซู฾ล” และตรึเวลิ มีการตีฆ฾องทองเหลือง ตีกลองซ่ึงมีลักษณะคล฾าย มา฾ นง่ั กลมแตข฽ งึ ด฾วยหนงั ววั หนังควาย เปน็ ตน฾ ความเชอื่ และพธิ กี รรม : ในอดตี ชาวขมดุ ้ังเดมิ จะนับถอื ผี (โร฾ย) มีพิธีเซ฽นไหว฾ด฾วย หมู ไก฽ ข฾าว เหล฾า และจะเลยี้ งผีในพธิ ีสําคัญๆ ต฽าง ๆ มที ง้ั ผีปาุ ผีบ฾าน ผีน้ํา ผีหมู฽บ฾าน ทุกบ฾านจะมีผีเรือน (โร฾ยกาง) ซึ่งเชอ่ื ว฽าผีจะอยู฽ในบรเิ วณเตาหุงขา฾ วเวลามีพิธีเลี้ยงผีจะมีการติด “เฉลว” (ตแล฾) ไว฾ เป็นเคร่ืองหมายท่ี ปฏบิ ัตมิ าแตโ฽ บราณ พิธกี รรมที่สาํ คัญของชาวขมุจะใช฾ในการรักษาความเจ็บปุวย โดยจัดพิธีเล้ียงผีด฾วย ไก฽และหมู (ซ฾ู ฮเอี้ยร ซู฾ เซ้ือง) พิธีการการฆ฽าควาย (ซังพ฾านตร฾าก) เพื่อรักษาผ฾ูปุวยหนัก พิธีผูกข฾อมือ (ตกุ฿ ติ)้ ปใจจุบันชาวขมุในลําปางได฾ปรับเปลี่ยนมายึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีบนความเช่ือ ๒ รปู แบบ คอื ความเชอ่ื เก่ียวกับบรรพบุรุษหรือส่ิงเหนือธรรมชาติ นับเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวขมุ  42 มาริ ซากาโมโต “การเปล่ยี นแปลงความสัมพันธแทางชาตพิ ันธุแ ระหวา฽ งชาวขมกุ บั ไทลื้อ : ศึกษาจากวัฒนธรรมผา฾ ทอไทลื้อในเมืองเงิน แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว” วารสารวจิ ิตรศลิ ป฼ ปีที่ 5 ฉ.1 2557. 85

ซ่ึงสามารถจาํ แนกออกเปน็ ๓ ดา฾ น ไดแ฾ ก฽ (๑) ความเชอ่ื ในวรี บรุ ุษของชาวขมุเก่ยี วกับพญาเจือง วีรบุรุษ ผ฾ูกล฾าหาญของชนชาติพันธแุสองฝใ่งโขง โดยจะมีการประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวกับการเซ฽นไหว฾ในช฽วง เทศกาลปใี หม฽ขมุ (๒) ความเชื่อในเรื่องของจิตวญิ ญาณบรรพบุรุษในระดับครอบครัว เช฽น ผีปูุ ผี ย฽า ซึ่ง ชาวขมุเชื่อว฽ามีอิทธิพลท่ีจะช฽วยคุ฾มครองลูกหลาน สมาชิกในครอบครัว จึงมีการ แสดงออกผ฽านการ เซ฽นไหว฾ ในยามทสี่ มาชกิ ในครอบครวั เกดิ การเจ็บปุวย และ (๓) ความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ซ่ึงจะมี การประกอบพิธกี รรม การเรยี กขวัญ การสูข฽ วัญ การเลี้ยงผตี น฾ นาํ้ เป็นต฾น ดังนั้นในปใจจุบันชาวขมุในลําปางจึงหันมายอมรับนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสตแมากขึ้น และลดการประกอบพธิ ีกรรมรปู แบบเดิม ทีก่ ฽อนหน฾านนั้ เวลาที่มกี ารเจบ็ ปุวยเกิดข้ึนมักจะมีการซอื้ ควาย มาเลยี้ งเพ่อื เซน฽ ไหว฾ ทาํ ให฾ปจใ จุบันความเช่ือของชาวขมุมีลักษณะท่ีผสมผสานกัน เช฽น เม่ือมีการข้ึนบ฾านใหม฽ จะมีการเชิญพระสงฆแและปูจุ าเ น (มัคนายก หรือผ฾ูนําประกอบพิธีกรรมทางศาสนา) ในหม฽ูบ฾านใกล฾เรือน เคียงหรอื ที่ตนร฾จู ักมาประกอบพธิ ีกรรม การไปโบสถแเพอ่ื ปฏิบตั ิศาสนกจิ ในฐานะครสิ ตศแ าสนิกชนเปน็ ตน฾ ขวัญ และการทาขวญั : เปน็ พิธกี รรมท่ีมีความสําคัญอยา฽ งมากต฽อชาวขมุ เพราะชาวขมุเช่ือว฽า การมีชีวิตอยู฽ได฾ล฾วนประกอบมาจากขวัญในร฽างกาย หากขวัญผิดปรกติจะส฽งผลต฽อชีวิตของผู฾เป็น เจ฾าของเรอื น การเรียกขวญั จึงเป็นพิธีกรรมเก่ียวกับการเจบ็ ปวุ ย เมื่อมีสมาชิกในครอบครัวเจ็บปุวยโดย หาสาเหตไุ มไ฽ ด฾หรือเจ็บปุวยเป็นระยะเวลาต฽อเนื่องยาวนานไปรักษาด฾วยการแพทยแแผนไทยแล฾วอาการ ยังไม฽ดขี ้นึ ชาวขมจุ ะมคี วามเช่ือวา฽ มสี าเหตุมาจากสง่ิ ศักดิ์สิทธิ์หรือบรรพบรุ ษุ ของตน ตอ฾ งมีการประกอบ พิธีกรรมเพือ่ เซ฽นไหว฾ และมีการใชค฾ วาย หมู และไก฽ เปน็ เครือ่ งเซน฽ ไหว฾เป็น หลัก นอกจากนั้นยังมีเหล฾า และดา฾ ยสายสิญจนแทใ่ี ชใ฾ นการประกอบพิธีกรรม โดยในการ ประกอบพิธีกรรมนั้นจะมี ๓ ระดับข้ึนอย฽ู กับอาการของผู฾ปุวยว฽าเป็นหนักเพียงใด และฐานะของครอบครัวว฽าจะสามารถจัดหาส่ิงของใดมา เซน฽ ไหว฾ ได฾แก฽ พิธีกรรมสู฽ขวัญโดยใช฾ควายจะเกิดขึ้นเม่ือมีสมาชิกในครอบครัวปุวยหนัก และยาวนานน่ัน สะท฾อนวา฽ บรรพบรุ ษุ ที่วนเวียนอย฽ใู นบ฾านต฾องการให฾บุตรหลานเซ฽นไหว฾ และผู฾นําครอบครัวก็จะต฾องหา ซ้ือควายเพื่อมาประกอบพิธีในการเซ฽นไหว฾จํานวน ๑ ตัว ราคาของควายน้ัน ประมาณตัวละสองหม่ืน บาท และมีไก฽ ๑ ตัว พิธีกรรมส฽ูขวัญ โดยใช฾หมูจะ เกิดข้ึน เมื่อมีสมาชิกใน ครอบครั วปุวยแต฽อาการไ ม฽ค฽อยหนัก โดยผ฾ูนําครอบครัวจะให฾หมอพ้ืนบ฾านหรือหมอผีคํานวณว฽าจะใช฾หมูและไก฽ตัวผ฾ูหรือตัวเมีย โดยในการ ประกอบพธิ กี รรมน้นั จะมกี ารใชห฾ มู ๑ ตวั และไก฽ ๑ ตัว หลังจากน้ันผู฾ประกอบพิธีจะนําเอาเลือดมาทํา สญั ลักษณไแ วท฾ ห่ี วั เข฽าของคนปวุ ยเพ่อื ให฾สิง่ ศักด์ิสิทธิห์ รือบรรพบุรุษให฾ความคมุ฾ ครอง พิธีกรรมสูข฽ วญั โดยใชไ฾ กจ฽ ะเกดิ ข้นึ เม่ือมีสมาชิกในครอบครัวเกดิ ความเจ็บปวุ ยไมม฽ ากนัก ซึ่งชาว ขมุเชอื่ ว฽ามสี าเหตจุ ากการถูกผีสางหรือบรรพบุรษุ มาทกั ทายทาํ ให฾ขวญั ของผ฾ูเจ็บปวุ ยสะด฾ุง และต฾องการ ใหบ฾ ุตรหลานเซ฽นไหว฾ ผู฾นาํ ครอบครัวก็จะหาไก฽ ๑ ตัวเพ่ือมาประกอบพิธีกรรมมาเซ฽นไหว฾และผูกข฾อมือ คนปวุ ยและสมาชิกครอบครวั 86

๒.๖ กลุ่มชาติพันธ์ุอิวเมี่ยน (เย้า) ในจังหวัดลาปาง ๒.๖.๑ ประวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มาและการเคลอ่ื นย้าย ชาวเมยี่ น ในเอกสารบันทึกของจีนสมัยราชวงศแถัง ได฾รับการจัดให฾อย฽ูในเชื้อชาติมองโกลอยดแ ตระกลู จนี ธิเบต โดยปรากฏในชอื่ “ม฽อเย฾า” มีความหมายว฽าไม฽อยู฽ใต฾อํานาจของผู฾ใด โดยเม่ือประมาณ ๒๐๐๐ กวา฽ ปีมาแล฾วบรรพชนไดต฾ งั้ ถน่ิ ฐานอย฽ทู ่รี าบรอบทะเลสาบต฾งถิง แถบแม฽น้ําแยงซี ไม฽ยินยอมอย฽ู ภายใต฾การบังคบั กดขีข่ องรัฐ จึงได฾ทําการอพยพเข฾าไปในปุาลึกบนภูเขาสูง ได฾ต้ังถิ่นฐานสร฾างที่อยู฽อาศัย เพื่อปกปูองเสรีภาพ จึงถูกขนานนามว฽า “ม฽อเย฾า” ต฽อมาในสมัยราชวงศแซ฽ง คําเรียกนี้ถูกยกเลิกไป เหลือแต฽คําว฽า “เย฾า” เท฽านั้น ต฽อมาคําว฽า “เย฾า” ปรากฎในเอกสารจีน เมื่อประมาณศตวรรษท่ี ๕ ก฽อนคริสตแศักราช ซึ่งมีความหมายว฽า ปุาเถ่ือน หรือคนปุา ในประเทศจีนชนชาติเย฾า มีคําเรียกขาน ช่อื ของตนเองแตกตา฽ งกนั ถึง ๒๘ ชอ่ื แต฽คนเย฾าในประเทศไทย เรยี กตัวเองว฽า เม่ียน หรือ อ้ิวเมี่ยน ซ่ึงมี ความหมายว฽า “มนุษยแ” ภาษาท่ีใช฾ในปใจจุบันเป็นภาษาถ่ินมี ๓ ภาษา คือภาษาเม่ียน ภาษาปูนูและ ภาษาลักจา ความเป็นมาของชนเผ฽า “เมีย่ น” หรือทเี่ รียกตัวเองว฽า “อิวเมย่ี น” มปี ระวัติความเปน็ มาเริ่มต฾น จากตอนกลางของประเทศจีน ประมาณสองพันกว฽าปี เม่ียนเป็นชนชาติที่มีประวัติความเป็นมาช฾านาน นับตั้งแต฽สมัยสงครามกลางเมือง เมื่อสองพันกว฽าปีแล฾วบรรพบุรุษของเม่ียน มีการเคลื่อนไหวอยู฽แถบ ล฽ุมแม฽นํ้าฉางเจียงและฮ่ันเจียง ตอนกลางของประเทศจีน เมี่ยนมีชื่อเรียกต฽าง ๆ กัน เช฽น ม฽อ, หมาน, มอเย฾า, จิงหมาน ส฽วนคําว฽า “เย฾า” นั้นได฾เริ่มใช฾เรียกกันในสมัยราชวงศแซ฾อง คําน้ีมาจากคําว฽ามอเย฾า ซง่ึ มีความหมายวา฽ ไม฽อยใ฽ู ตอ฾ ํานาจของใคร เยา฾ ในประเทศจีนน้ัน แยกได฾เป็น ๔ กล฽ุม แต฽กลุ฽มเย฾า เผ฽าเบี้ยน มปี ระชากรมากทส่ี ุด และเป็นกลุ฽มท่ีอพยพโยกย฾ายอย฽ูตลอดเวลาเป็นระยะทางไกลและกระจายกันอย฽ู ในอาณาบริเวณท่ีกว฾างขวางทีส่ ุดดว฾ ย ตอ฽ มาเมยี่ นกลมุ฽ นไี้ ด฾อพยพเข฾าสู฽ภาคเหนือของเวียดนาม ในราวศตวรรษที่ ๑๕ – ๑๖ ต฽อจากน้ัน กอ็ พยพเข฾าสป฽ู ระเทศลาว เมยี นมารแ และประเทศไทย สาเหตุท่ีชนเผ฽าเม่ียนอพยพน้ันมีสามประการคือ ประการแรก ชนเผา฽ เม่ียนเปน็ ชนชาติที่ทําไร฽เล่ือนลอยจึงต฾องอพยพโยกย฾ายอยู฽เสมอ ประการที่สอง คือ ถูกกดขข่ี ฽มเหงทางชนช้นั จากชนชาติที่ปกครอง และประการสุดท฾ายเกิดจากภัยธรรมชาติและโรคภัยไข฾ เจ็บ ประชากรและการขยายตวั ของชาวเมย่ี น กอรดแ อน ยงั นักมานษุ ยวทิ ยาชาวอเมริกันได฾เขียนบันทึก 87

เป็นรายงานไวเ฾ ม่อื พ.ศ. ๒๕๐๓ วา฽ มหี มบ฽ู า฾ นชาวเขาเผา฽ เย฾าเพียง ๗๔ หม฽ูบ฾าน ประชากร ๑๐,๒๐๐ คน ตั้งหม฽ูบ฾านกระจัดกระจายอย฽ูในเขตภาคเหนือของจังหวัดน฽าน ภาคตะวันออกของจังหวัดเชียงราย (ซึ่งรวมเขตจังหวัดพะเยาในปใจจุบันน้ีด฾วย) และเขตอําเภอฝางจังหวัดเชียงใหม฽ ข฾อมูลข้ันสุดท฾ายท่ี สถาบันวิจัยชาวเขารวบรวมไว฾ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เย฾าในประเทศไทยมี ๑๗๓ หมู฽บ฾าน ๖,๖๙๒ หลังคา เรือน ประชากร ๔๔,๐๑๗ คน อาศัยอย฽ูในจังหวัดต฽าง ๆ ดังน้ีคือ เชียงราย น฽าน พะเยา ลําปาง กาํ แพงเพชร สุโขทัย เชยี งใหม฽ ตาก และเพชรบรู ณแ คดิ เปน็ รอ฾ ยละ ๕.๕๙ ของประชากรชาวเขาทั้งหมด ทมี่ ีอยูใ฽ นประเทศไทย การตั้งบ฾านเรือน การตั้งหม฽ูบ฾านของเย฾า มักจะเป็นการรวบรวมกันระหว฽างกลุ฽ม แซต฽ ระกูลหรือกล฽ุมญาตพิ น่ี ฾อง โดยจะเลือกตงั้ หมบ฽ู ฾านอยบู฽ นท่ีราบตามไหล฽เขา บริเวณต฾นน้ําลําธารหรือ บรเิ วณหุบเขาในระดบั ความสูง ๑,๐๐๐ – ๑,๓๐๐ เมตร จากระดับน้ําทะเลและจะต฾องเป็นบริเวณที่มี น้ําอุดมสมบูรณแสามารถนาํ มาใชใ฾ นหมบู฽ ฾านได฾43 สําหรับชาวอิวเมี่ยนในจังหวัดลําปางพบอาศัยอยู฽หนาแน฽นในอําเภองาว ได฾แก฽ชุมชน บ฽อสี่เหลี่ยม บ฾านห฾วยน฿อต ชาวบ฾านโดยส฽วนใหญ฽นับถือศาสนาคริสตแและศาสนาพุทธ มีลักษณะ ภูมิประเทศพ้ืนท่ีภูเขาสูงเชิงเขาความสูงจากระดับน้ําทะเล ๒๘๐ เมตร เขตลุ฽มน้ําหลักคือแม฽นํ้ายม ลม฽ุ น้ํายอ฽ ยคือแม฽นํา้ แม฽งาว อาชีพหลกั ในชมุ ชน คือ เกษตรกรรม อาชีพเสรมิ ในชุมชน คือ หาของปุาและ รบั จ฾าง พชื หลกั ทป่ี ลกู ในชมุ ชน คอื ขา฾ วโพด ปญใ หาหลักและความตอ฾ งการของชุมชน คือ ประชาชนไม฽มี ท่ีดินทํากิน และไม฽มีสัญญาชาติ มีนํ้าตกและถํ้าท่ีสวยงามคือน้ําตกแม฽แก฾ นํ้าตําเกาฟุ และถํ้าราชคฤหแ โดยน้ําตกเกาฟุได฾รับการดูแลรักษาจากชาวเมี่ยนเป็นอย฽างดี ในด฾านอําเภอวังเหนือได฾แก฽ บ฾านผาแดง บ฾านวงั ใหม฽ เนือ่ งจากเป็นพ้ืนทจ่ี ดั สรรใหช฾ าวบ฾านท่ีอพยพมาจากพ้ืนที่อุทยานดอยหลวง ผาแดงแม฽ส฾าน ทําใหส฾ ฽งผลต฽อดาํ รงชีวิตแบบเกษตรกรรมในเขตภเู ขาลงมาส฽ูพ้ืนราบ ซงึ่ เปน็ พน้ื ที่ไม฽สามารถเพาะปลูกได฾ ชาวบา฾ นจึงย฾ายถ่นิ เพือ่ หางานทําทั้งในและตา฽ งประเทศจาํ นวนมาก ชาวเม่ียนในพ้ืนท่ีอําเภอเมืองปาน ได฾แก฽ บ฾านแม฽แจเมปางเย฾าเป็นหมู฽บ฾านท่ีต้ังอยู฽ในเส฾นทาง ท฽องเทีย่ วของอทุ ยานแหง฽ ชาตแิ จ฾ซอ฾ น มีไร฽เหมย้ี ง กาแฟแมคคาดีเมีย และสตรอเบอรแร่ี มีน้ําตกปางเย฾า เปน็ น้าํ ตกในหมูบ฽ า฾ น สว฽ นบ฾านหว฾ ยปงแจซ฾ อ฾ น ชาวบา฾ นสว฽ นใหญ฽จะนับถอื ศาสนาคริสตแ และศาสนาพุทธ ลักษณะพ้ืนที่ของหมู฽บ฾านเป็นพื้นท่ีภูเขาสูงเชิงเขา และปุาไม฾เบญจพรรณ ความสูงจากระดับน้ําทะเล ๔๔๕ เมตร เขตลุ฽มนํ้าหลัก คือ แม฽น้ําวัง เขตลุ฽มนํ้าย฽อย คือ แม฽น้ําวังตอนบน อาชีพหลักในชุมชน คือ ปใกผ฾าชนเผา฽ พืชหลักท่ีปลูกในชุมชน คือข฾าวโพด และข฾าวไร฽ ปใญหาหลักและความต฾องการของชุมชน คือ ชาวบ฾านไม฽มีที่ดินทํากิน และมีรายได฾น฾อย สําหรับชาวเมี่ยนอําเภอแม฽เมาะได฾แก฽บ฾านจําปุย เป็นหม฽บู า฾ นเปาู หมายพัฒนาการทอ฽ งเท่ยี ว ชาวเมยี่ นไดร฾ ับการส฽งเสรมิ ในเร่อื งวฒั นธรรมมีการจัดตั้งศูนยแ เรยี นรู฾ชมุ ชนจัดทาํ โฮมสเตยแแ ละการทอ฽ งเทย่ี วชมุ ชน สุดท฾ายคือชาวอิวเม่ียนในเขตเทศบาลเมืองเขลางคแนคร ซ่ึงจากการบอกเล฽าของคนในชุมชน กล฽าวว฽าเป็นกลุ฽มชนเผ฽าที่สืบเช้ือสายมาจากบรรพบุรุษชาวมองโกลดแในธิเบตและมณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยชาวเมี่ยนท่ีเข฾ามาอาศัยอย฽ูในจังหวัดลําปางระรอกน้ีมี ๒ กลุ฽ม คือที่ผาลาด ในเขต เทศบาลเมืองเขลางคแนคร และกล฽ุมท่ีอําเภองาว โดยชาวเมี่ยนที่ผาลาดเข฾ามาอย฽ูตั้งแต฽ปี  43 จนั ทรบูรณแ สุทธิ, สมเกียรติ จาํ ลอง และ ทวิช จตุวรพฤกษแ “วถิ เี ย้า” .เชียงใหม฽ : สถาบนั วิจยั ชาวเขา กรมประชาสงเคราะหแ กระทรวง แรงงานและสวัสดกิ ารสงั คหมู฽ท่ี2539. 88

๒๕๒๙ ปใจจบุ ันมจี ํานวน ๕๐ ครอบครัว ๒๔๕ คน มนี ายสิทธิพงษแ ฟูุงสันติภาพ ดํารงตําแหน฽งประธาน ชุมชนอ่ิวเมี่ยนผาลาดจบการศึกษาระดับปริญญาโท ชาวเม่ียนที่นี่นับเป็นชาวเม่ียนหัวก฾าวหน฾าที่ได฾ พัฒนาศักยภาพของตนเองสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เมี่ยนถือว฽าตนเองเป็นชนชาติท่ีมี วฒั นธรรมสงู กวา฽ กล฽ุมชาติพันธุแอื่น ๆ ในขณะท่ียังคงรักษาอัตลักษณแด้ังเดิมของตนเอาไว฾ได฾เป็นอย฽างดี และชาวเมี่ยนที่ผาลาดได฾เปล่ียนจากการนับถือผีตามอย฽างบรรพบุรุษมานับถือศาสนาคริสตแ อาศัยอย฽ู รวมกนั บนท่ดี ินของโบสถพแ ระชนนีเจา฾ โดยไม฽มกี ารถือครองทีด่ ิน และยังคงรักษาวถิ ีชีวิตชาวเมี่ยนด้ังเดิม ท้ังภาษาที่มีรากภาษามาจากภาษาจีนกลาง (แต฾จ๋ิว) มีเครื่องแต฽งกายเฉพาะของชนเผ฽าท่ีสวยงาม ปใกดว฾ ยมอื สมาชกิ ในชมุ ชนอาศัยอย฽รู ว฽ มกันด฾วยความรักความมีเมตตาต฽อกันและให฾ความเคารพนับถือ ผใ฾ู หญ฽ในชุมชนและมีผูน฾ าํ ชุมชนทเ่ี ปน็ ที่ปรึกษาเม่ือมีปใญหาและช฽วยเหลอื แก฾ไขปใญหารว฽ มกนั ตามวิถีชีวิต ดัง้ เดมิ ตามอยา฽ งบรรพบุรุษ ๒.๖.๒ ลกั ษณะโครงสร้างทางสงั คม ระบบครอบครัว : ครอบครัวเย฾ามีท้ังแบบครอบครัวขยายและแบบครอบครัวเด่ียวโดยปกติ แล฾วครอบครัวเย฾าขยายออกทางบิดามารดาของฝุายชาย คือเม่ือผู฾ชายแต฽งงานแล฾วจะนําภรรยามาอย฽ู กับบิดามารดาของตน บ฾านหลังหนึ่งอาจมีหลายครอบครัว ซึ่งมีความสัมพันธแการเป็นพี่น฾องร฽วม สายเลือดเดียวกัน และเย฾านิยมซื้อเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมอีกด฾วย ส฽วนครอบครัวขยายทางฝุาย บิดาหรือมารดาของภรรยานัน้ เกิดข้ึนไดจ฾ ากประเพณีท่ียินยอมให฾ผู฾ชายท่ีต฾องการจะแต฽งงาน กับผู฾หญิง แตไ฽ ม฽มเี งนิ ทองท่ีจะจ฽ายค฽าตัวเจ฾าสาว จึงต฾องไปช฽วยทํางานอยู฽ท่ีบ฾านของบิดามารดาของฝุายหญิงตาม กําหนดเวลาท่ไี ดต฾ กลงกันไว฾ก฽อนท่ีจะมพี ธิ แี ตง฽ งาน แต฽ในกรณีทบ่ี ดิ ามารดาของฝุายหญิง มีบุตรเพียงคน เดียว อาจตกลงกันก฽อนว฽าหลังแต฽งงานแล฾วให฾ฝุายชายอย฽ูกับฝุายหญิงตลอดไปในกรณีที่ฝุายหญิงต฾อง เปน็ คนออกคา฽ ใช฾จ฽ายในการหมัน้ และการแตง฽ งานดว฾ ย44 ในครอบครัวขยายผู฾อาวุโสฝุายชายมีอํานาจสูงสุดในครัวเรือน บุตรชายมีอํานาจลดหล่ันลงมา จากพ฽อแม฽ หน฾าทหี่ ลักของฝาุ ยชายคอื ตัดไม฾ ผ฽าฟนื ล฽าสตั วแ ซอ฽ มแซมบ฾าน และสร฾างบ฾าน ตลอดจนการ ติดต฽อกับบุคคลภายนอก ผ฾ูหญิงมีหน฾าท่ีช฽วยฝุายชายในการทํามาหากินเตรียมอาหารสําหรับสมาชิก ในครัวเรือน และให฾อาหารแก฽สัตวแเล้ียง บุตรชายอาจแยกไปต้ังครอบครัวของตนเองใหม฽ในแบบ ครอบครัวเดี่ยวได฾ต฽อเม่ือน฾องชายได฾แต฽งงาน แล฾วนําภรรยามาอย฽ูกับบิดามารดาของตน หรือเมื่อมีคน เลี้ยงดบู ิดามารดาแทน  44 https://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ethnicGroups/85 เขา฾ ถึงวนั ที่ 5 กนั ยายน 2563. 89

ในสภาพปจใ จบุ นั นี้ ครอบครวั เย฾ามีแนวโน฾มทจี่ ะเป็นครอบครัวแบบเดย่ี วเพ่มิ ขึน้ เพราะต฾องการ ความเป็นอิสระและเพอ่ื สรา฾ งฐานะของตัวเอง เย฾าให฾ความนับถือเช้ือสายฝุายชายซึ่งรวมถึงการนับถือผี บรรพบรุ ษุ ดว฾ ย ในการแต฽งงานนัน้ ฝาุ ยหญงิ จะตอ฾ งทาํ พธิ ีออกจากผตี น (แชะ เมี้ยน ตู)฾ กอ฽ น แล฾วจะต฾องทํา พิธขี อเข฾าผีบรรพบรุ ษุ ของฝาุ ยชาย (ทม่ิ เมย้ี น ตู฾) หากสามตี ายหรือหย฽ารา฾ ง ฝาุ ยภรรยาก็จะต฾องนับถือผี บรรพบุรษุ ของสามีต฽อไป นอกจากวา฽ บดิ ามารดาของสามีมีผ฾ูสืบทอดผีบรรพบุรุษหลายคนก็อาจยินยอม ให฾ลูกสะใภอ฾ อกไปถอื ผขี องคนอ่นื ได฾ หรอื อนญุ าตให฾ไปแตง฽ งานใหม฽ และนบั ถือบรรพบรุ ุษของสามีใหมไ฽ ด฾ แต฽ถ฾าบิดามารดาของฝุายชายหาผู฾สืบทอดผีบรรพบุรุษไม฽ได฾ ก็อาจขอชายอื่นมาแต฽งงานกับลูกสะใภ฾ ของตนและสามีใหม฽ต฾องนับถือผีบรรพบุรุษของฝุายสามีเดิมด฾วย การนับถือผีของบรรพบุรุษของ ฝุายหญิงจะเกิดข้นึ ได฾เม่ือบดิ ามารดาของฝุายหญิงมีบุตรคนเดียว ก็จะต฾องขอให฾ฝุายชายเข฾ามานับถือผี บรรพบรุ ุษของฝาุ ยชายดว฾ ยก็ได฾ ในกรณที ่ฝี ุายชายมาชว฽ ยทํางานทบี่ า฾ นฝาุ ยหญงิ น้นั ฝาุ ยชายยงั คงนับถือ ผบี รรพบรุ ุษของตนได฾ แตถ฽ ฾าบุตรเกิดในบ฾านฝุายใดก็จะให฾นับถือผีบรรพบุรุษของฝุายนั้น แต฽จะนิยมให฾ เด็กเกิดในบ฾านของฝุายบิดา ส฽วนบุตรท่ีเกิดข้ึนก฽อนแต฽งงาน และไม฽มีใครอ฾างกรรม สิทธิ์ว฽าเป็นพ฽อ ของเดก็ เด็กก็ตอ฾ งนับถอื ผบี รรพบุรุษของฝาุ ยมารดาและถือว฽าเปน็ ลูกผีให฾ ซึ่งเย฾าไม฽รังเกียจเพราะถือว฽า ไดแ฾ รงงานในครอบครัวเพม่ิ ขนึ้ การปกครอง : ชาวเมี่ยนไม฽มีหัวหน฾าเผ฽าท่ีมีอํานาจสูงสุดในการปกครอง แต฽ละหมู฽บ฾านจะมี หัวหน฾าหมู฽บ฾านต฾าวเมี่ยน หมอผีประจําหมู฽บ฾านเจ้ียเจียว และคณะผู฾อาวุโสร฽วมกันปกครองหมู฽บ฾าน แตล฽ ะฝุายจะมีทีม่ า และอํานาจในการปกครองโดยหัวหน฾าหมบ฽ู ฾านมาจากการเลือกตั้งของคนในหมู฽บ฾าน แตใ฽ นทางปฏบิ ัตผิ ฾ทู ่ีไดร฾ บั การเลือกมาเป็นหวั หนา฾ หม฽ูบ฾านนัน้ มักจะมาจากกลุ฽มแซ฽ที่ใหญ฽ที่สุดในหม฽ูบ฾าน หรือมาจากกลุ฽มผ฾ูที่ก฽อตั้งหมู฽บ฾าน หัวหน฾าหมู฽บ฾านนี้อาจได฾รับการแต฽งตั้งจากทางราชการให฾เป็นผ฾ูใหญ฽ หรอื ผ฾ชู ฽วยผ฾ูใหญ฽บา฾ นดว฾ ยก็ได฾ หวั หน฾าหมูบ฽ า฾ นมหี น฾าทีห่ ลักในการติดต฽อประสานงานกบั ทางราชการหรือ บุคคลภายนอก นอกจากนี้ยังมีหน฾าที่ร฽วมกับผ฾ูนําอ่ืน ๆ ในการปกครองหม฽ูบ฾านด฾วยหมอผี โดยหมอผี เป็นผู฾ประกอบพิธีกรรมต฽าง ๆ ตามประเพณีให฾แก฽ชาวบ฾านเริ่มต้ังแต฽เกิดจนตาย และประเพณีของ สว฽ นรวมดว฾ ย หมอผีจะต฾องเป็นผ฾ูท่ีสามารถอ฽านและเขียนภาษาจีนได฾ เพ่ือท่ีจะได฾อ฽านตําราและบันทึก เร่ืองราวท่ีเกี่ยวกับประเพณีและพิธีกรรมต฽าง ๆ ต฾องฝึกฝนตัวเอง เมื่อมีความร฾ูและความสามารถ พอที่จะประกอบพธิ กี รรมไดก฾ ็จะเขา฾ พธิ ีรับการถา฽ ยทอดเปน็ หมอผี หมอผีเม่ียนจะแบ฽งออกเป็นหมอผีใหญ฽และหมอผีเล็ก หมอผีใหญ฽ประกอบพิธีทุกอย฽างต้ังแต฽ เกดิ จนตาย รวมทั้งพิธีของหมบ฽ู ฾านด฾วย ส฽วนหมอผีเล็กประกอบพิธีกรรมย฽อย ๆ เท฽าน้ัน เช฽น เรียกขวัญ เล้ียงผีบ฾าน หมอผีมีอํานาจทจ่ี ะใหค฾ ําแนะนําตักเตือนชาวบ฾านได฾และร฽วมกับผู฾นําอื่น ๆ ในการปกครอง หม฽บู ฾านด฾วย ผ฾ูอาวโุ ส เมี่ยนถอื ว฽าผอ฾ู าวุโสเป็นผู฾ท่ีมีประสบการณแแ ละมคี วามรูค฾ วามสามารถในด฾านต฽าง ๆ จึงได฾รับการเคารพและนับถือจากคนในหมู฽บ฾านแต฽ละกลุ฽มสายแซ฽สกุลและมีผ฾ูอาวุโสของตนคอยดูแล และปกครองลูกหลานของตน ผู฾อาวุโสแต฽ละกล฽ุมแซ฽สกุลน้ีจะรวมตัวกันอย฽างหลวม ๆ เม่ือมีงานหรือ เร่ืองราวสําคัญ คณะผู฾อาวุโสก็จะมาชุมนุมหรือประชุมร฽วมกัน ในกรณีที่มีผ฾ูกระทําความผิด หรือมีข฾อ ขัดแยง฾ ระหวา฽ งคนในหมบ฽ู า฾ น หวั หน฾าหมู฽บา฾ นจะเชิญหมอผีประจําหม฽บู ฾านและคณะผ฾ูอาวุโสของหม฽ูบ฾าน มาร฽วมปรึกษาหารือกันในเร่ืองการตัดสินความและการลงโทษซ่ึงมีทั้งการว฽ากล฽าวตักเตือนและ ปรบั สินไหม ถา฾ เปน็ เรื่องเล็ก ๆ น฾อย ๆ ส฽วนโทษที่เกินความสามารถในการตัดสิน คณะผู฾ปกครองก็จะ 90

ส฽งให฾ทางราชการเป็นผ฾ูพิจารณาตัดสิน ในการปกครองและพัฒนาหม฽ูบ฾านนั้น หัวหน฾าหมู฽บ฾าน จะปรกึ ษาหารือกับหมอผีและคณะผูอ฾ าวโุ สในหม฽ูบ฾าน45 ๒.๖.๓ วถิ ีชวี ติ ความเปน็ อยู่ ศาสนาความเช่อื ประเพณพี ิธกี รรม ภาษา : ภาษาเมย่ี นมคี วามสัมพันธแใกลช฾ ิดกับภาษาม฾ง มากกว฽าภาษาชาวเขาอ่ืนๆ ภาษาเขียน เมยี่ นได฾รบั อทิ ธิพลจากจีนมาก เปน็ คาํ เดยี วโดด ๆ ไมม฽ ภี าษาเขียนเปน็ ของตนเอง (ขจัดภัย ๒๕๓๘, น.๕๐) เม่ียนที่อยู฽ในเมืองไทยส฽วนใหญ฽พูดภาษาไทยเหนือหรือคําเมืองพอร฾ูเร่ืองบางคนพูดภาษาไทยกลางได฾ คนท่ีมอี ายุพดู ภาษาจนี กลาง แต฾จิว๋ และจนี ฮ฽อได฾ การแต่งกาย : การแต฽งกายของชาวเม่ียน ผ฾ูหญิงน฽ุงกางเกงด฾วยผ฾าสีน้ําเงินปนดํา ด฾านหน฾า จะปใกลวดลาย ใส฽เสื้อคลุมสีดํายาวถึงข฾อเท฾า ผ฽าด฾านหน฾าตลอด ติดไหมพรมสีแดงท่ีอกเสื้อรอบคอ ลงมาถงึ หนา฾ ทอ฾ ง ผ฽าด฾านข฾าง อกเสือ้ กลดั ตดิ ดว฾ ยแผ฽นเงินสเี่ หลีย่ ม ทาผมด฾วยข้ีผ้ึง พันด฾วยผ฾าสีแดง และ พันทับด฾วย ผ฾าสีนํ้าเงินปนดํา ส฽วนผู฾ชายนุ฽งกางเกงสีดําขายาว ขลิบขอบขากางเกง ด฾วยไหมสีแดง สวมเสอ้ื ดาํ อกไขว฾แบบเสื้อคนจนี ตดิ กระดุมคอและรกั แร฾เปน็ แนวลงไปถงึ เอว เส้อื ยาวคลมุ เอว ปใจจุบัน ชาวเมีย่ นเรมิ่ แต฽งกายคล฾ายคนไทยพ้ืนราบมากข้นึ อาชพี การทามาหากนิ : ชาวเมีย่ นในอดีต ทํามาหากินโดยการทําไร฽ พืชหลักท่ีปลูกได฾แก฽ ฝิ่น ข฾าว ขา฾ วโพด มันฝร่ัง พรกิ ฝาู ย มันเทศ เป็นตน฾ ไรข฽ า฾ วของเมย่ี นจะไม฽มตี ฾นไมใ฾ หญเ฽ หมือนพวกกะเหรี่ยง ไรข฽ ฾าวจะอย฽รู อบหมบ฽ู า฾ นในรศั มีเดนิ ไมเ฽ กินสองชั่วโมง ฤดูปลูกข฾าว เริ่มปลูกปลายเดือนพฤษภาคม และ มิถุนายน ข฾าวท่ีเก่ียวและนวดแล฾วจะเก็บไว฾ในยุ฾งในไร฽ ไม฽นิยมนํากลับมาบ฾าน นอกจากเพาะปลูกแล฾ว ชาวเมี่ยนยังเล้ียงสัตวแ เช฽น ม฾า หมูและไก฽ ม฾าใช฾สําหรับขี่ เดินทางหรือต฽างของ หมูและไก฽เลี้ยงไว฾เพื่อ เซ฽นสงั เวยผีในพิธีกรรม (ขจัดภัย ๒๕๓๘, น.๕๙) ชาวเม่ียนยังมีฝีมือในการทําเครื่องประดับเคร่ืองเงิน เย็บปใกถักร฾อย ทํามีด จอบ ขวาน เคียว เป็นต฾น อาชีพทางการเกษตร ชาวเม่ียนมีความเช่ือว฽าจะไม฽ ทํางานที่เก่ียวกับการเพาะปลูกทุกอย฽างในวันกรรม เม่ียนจะกําหนดวันกรรมตามปฏิทินของจีน ซึ่งใน รอบหน่ึงปีมีวันกรรม ๒๒ วัน งานท่ีเกี่ยวกับการเพาะปลูกเป็นงานท่ีทั้งผ฾ูชายและผ฾ูหญิงร฽วมกัน รับผิดชอบและช฽วยกันทํา แต฽งานท่ีต฾องใช฾แรงงานมากเป็นหน฾าที่ผู฾ชาย การหยอดข฾าวเป็นหน฾าที่ของ ผ฾ูหญิงทําซึ่งจะทําไปพร฾อมกับที่ผู฾ชายใช฾ไม฾ท่ิมเจาะหลุม ในการปลูกข฾าวไร฽ ผู฾หญิงจะผสมเมล็ดพืชไร฽ ลงไปด฾วย การเลี้ยงสัตวแ เม่ียนเล้ียงหมูและไก฽เพ่ือเพ่ือใช฾ในการเซ฽นไหว฾เลี้ยงผีตามความเช่ือ แต฽การ เซ฽นไหว฾จะใช฾เฉพาะสัตวแตัวผู฾พันธุแพื้นเมืองเท฽าน้ัน การให฾อาหารสัตวแเป็นหน฾าที่ของฝุายหญิง ส฽วนการ สรา฾ งเล฾าหมแู ละเล฾าไกเ฽ ป็นหนา฾ ทขี่ องฝาุ ยชาย สว฽ นสัตวแเล้ยี งชนิดอ่ืนที่ต฾องนําไปเลี้ยง เช฽น ม฾า วัว ควาย เปน็ หนา฾ ท่ขี องฝุายชาย การรักษาพยาบาล : เมย่ี นมที งั้ การรักษาตามจารีตประเพณี และการรักษาพยาบาลสมัยใหม฽ ในสังคมเมี่ยนผ฾ูหญิงจะมคี วามรเู฾ รอื่ งการเตรียมและการใช฾ยาสมุนไพรมากกว฽าผู฾ชาย การเซ฽นไหว฾เล้ียงผี เมย่ี นเป็นชนชาตทิ ่มี ีประวัติความเป็นมาชา฾ นานประมาณสองพันกว฽าปีมาแล฾ว บรรพชนของเม่ียนมีถิ่น ฐานอย฽ตู อนกลางของประเทศจีน และมีการอพยพย฾ายถ่ินอยู฽เสมอ จึงทําให฾เมี่ยนได฾รับอิทธิพลในด฾าน ความเช่ือต฽าง ๆ จากจีนหลายลัทธิ ซึ่งทําให฾เมยี่ นมกี ารเซ฽นไหว฾เลยี้ งผีต฽าง ๆ ตามความเช่ือ การเซ฽นไหว฾  45 ประสิทธ์ิ ลีปรีชา, ยรรยง ตระการธํารง และวิสุทธ์ิ เหล็กสมบูรณแ (2547) “เม่ียน หลากหลายชีวิตจากขุนเขาสู฽เมือง” . เชียงใหม:฽ สถาบนั วจิ ยั สงั คม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม฽ 91

เลี้ยงผีบรรพบุรุษ เมื่อบรรพบุรุษตายไปแล฾ว เมี่ยนจะทําบุญเพ่ือให฾วิญญาณบริสุทธ์ิปีละคร้ังเป็นเวลา ๓ ปี จึงเชญิ มาสงิ สถิตอยบู฽ นห้ิงผี เพ่ือทําหน฾าที่คอยดูแลปกปูองและคมุ฾ ครองลูกหลาน ความเช่อื : ตามหลักฐานท่ีปรากฏ เยา฾ ได฾เรม่ิ เอาลัทธิเตเามาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเม่ือครั้ง อพยพทางเรือในช฽วงคริสตแศตวรรษท่ี ๑๓ แต฽อย฽างไรก็ตามเย฾าก็ยังปฏิบัติตามแนวความเช่ือของตนท่ี เคยยึดถือ และปฏิบัติกันมาก฽อนท่ีจะมีการอพยพทางเรือ ซ่ึงความเช่ือเหล฽าน้ีได฾แก฽ความเชื่อเร่ืองผี ดังน้ัน จึงกล฽าวได฾ว฽าความเชื่อถือของเย฾าจึงเป็นการผสมผสานกันระหว฽างความเชื่อท่ีได฾รับอิทธิพลมา จากลัทธิเตเากับการเชื่อถือผี เย฾าท่ีนับถือพุทธน้ันยังมีการนับถือผีอย฽ู แต฽พวกที่นับถือศาสนาคริสตแนั้น ไม฽มีการเล้ียงผี ความเช่อื ถอื มดี งั น้ีคอื ผบี รรพบุรษุ เยา฾ นบั ถอื ผีบรรพบรุ ษุ ของคนท่ีตายไปแลว฾ เพยี ง ๔ รุ฽น เท฽านน้ั โดยเช่ือวา฽ เมอ่ื บรรพบรุ ษุ ของตนตายไปแล฾วก็จะสิงสถิตอย฽ูบนสวรรคแและจะคอยดูแลปกปูอง ลกู หลานของตน ผบี รรพบุรุษยังทําหน฾าท่เี ป็นตวั แทนติดตอ฽ ระหว฽างคนที่มีชีวิตกับเทวดาหรือผีใหญ฽ของ ตนเองดว฾ ย นอกจากนี้ เยา฾ ยังนบั ถือ และเซ฽นไหว฾บูชาเบี้ยนฮู ซึ่งถือว฽าเป็นผ฾ูให฾กําเนิดเย฾าซึ่งมีกําเนิดมา ตั้งแตป฽ ระมาณ ๒,๐๐๐ ปี กอ฽ นคริสตศแ กั ราช เมื่อมกี ารประกอบพธิ กี รรมต฽าง ๆ กจ็ ะเชญิ บรรพบุรุษของ ตนมาสิงสถิตอย฽ูในบ฾านและจะเชิญเบ้ียนฮูมาในพิธีที่สําคัญ ๆ เช฽น งานศพ งานแต฽งงาน เม่ือเสร็จพิธี ก็จะเชญิ กลบั ไป การเซ฽นไหวผ฾ บี รรพบรุ ุษนย้ี ฽อมได฾รับความปกปูองค฾ุมครองจากผีบรรพบุรุษเป็นอย฽างดี และในทางตรงกันข฾ามหากทีฝ่ งใ ศพหรอื กระดูกของบรรพบุรุษถูกรบกวนหรือขาดการเซ฽นไหว฾ก็จะทําให฾ ลกู หลานเจบ็ ปุวยดว฾ ยผีฟาู ซง่ึ เยา฾ ถอื ว฽าเป็นฑูตสวรรคแ ผีใหญ฽ (จุ ซ฾ง เมี้ยน) เย฾าไดบ฾ นบานต฽อผีใหญ฽ไว฾เมือ่ ครงั้ อพยพทางเรอื และเม่ือข้ึนฝ่ใงได฾จึงทําการ เล้ียงผีใหญ฽มาตลอด การนับถือผีใหญ฽น้ีเย฾าได฾รับอิทธิพลมาจากลัทธิเตเา ผีใหญ฽ท่ีเย฾านับถือน้ีเป็น ภาพวาดของเทวดาซึ่งมีท้งั หมด ๑๗ ภาพ บางชดุ อาจมีภาพบรรพบุรุษของตนอีกภาพหนึ่งรวมเป็น ๑๘ ภาพ เทวดาในภาพแต฽ละภาพน้นั มอี ํานาจหนา฾ ที่ ท่ีแตกต฽างกนั ท้ังในสวรรคแแ ละนรก แต฽ภาพท่ีสําคัญน้ัน มเี พียง ๓ ภาพ เรยี กวา฽ ฟามซงิ หรือผสี ามดาว ซ่ึงถือวา฽ มอี าํ นาจสงู สุด โดยปกติแลว฾ เย฾าจะม฾วนเก็บภาพ เหล฽าน้ีไว฾ในห฽อผ฾าท่ีเรียกว฽า เม้ียนดับ และจะนํามาแขวนในพิธีทําบุญ (กว฽า ตั้ง) พิธีโตโซและพิธีศพ เท฽านั้น ผีท่ัวไปเย฾าเช่ือว฽าทุกหนทุกแห฽งมีผี เช฽น ผีปุา ผีนํ้า ผีภูเขา เป็นต฾น ผีเหล฽านี้มีท้ังผีดี และผีร฾าย ผีท่ดี จี ะสิงสถติ อยบ฽ู นสวรรคแ ส฽วนผีที่ช่ัวร฾ายมักจะอยู฽ตามต฾นไม฾และมักจะทําอันตรายผู฾อื่น เย฾าจึงมีการ ประกอบพิธีกรรมที่เก่ียวกับผีเหล฽านี้ เช฽น การเลี้ยงผีท฾องถ่ิน (ซิบ ต฽า ปูุง เมี้ยน) การไล฽ผี ชั่วร฾าย (ช฽ุน ปูาย) เปน็ ตน฾ 46 ขวัญ : เย฾าเช่ือว฽าในร฽างกายของคนเรามีขวัญ (เว่ิน) อย฽ูตามอวัยวะส฽วนต฽าง ๆ ของร฽างกาย ท้ังหมด ๑๒ แห฽ง ได฾แก฽ ตา หู ปาก คอ แขน หน฾าอก ท฾อง ขา ข฾างหัว ด฾านซ฾าย ข฾างหัวด฾านขวา เท฾า และมือ แต฽ขวัญของเด็กอายุต่ํากว฽า ๑๒ ขวบนั้นยังไม฽แน฽นอนว฽าจะอย฽ูกับตัวเด็กตลอดไปหรือไม฽ จึง เรียกว฽าแปง เมื่อขวัญแหง฽ ใดแห฽งหนึ่งตกใจหรอื ออกจากร฽างไป จะทําให฾เจ฾าของร฽างกายเจ็บปุวย ดังนั้น การเรียกขวญั จงึ เป็นวธิ ีหนึง่ ท่ีสามารถรกั ษาอาการเจบ็ ปุวยได฾ ฤกษแ ยาม และโชคลาง ในการประกอบ กจิ กรรมหรือพิธีกรรมต฽าง ๆ เชน฽ การแต฽งงาน ขึน้ บ฾านใหม฽ การปลูกพชื การติดตอ฽ งาน เป็นต฾น มักจะดู  46 อภิชาต ภัทรธรรม “เย฾า (ข฾อมูลทางวัฒนธรรม)” ใน วารสารการจัดการป่าไม้ 3(6) : ภาควิชาการจัดการปุาไม฾ คณะวนศาสตรแ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรแ จตจุ กั ร กรงุ เทพฯ:2552. 92

วัน เวลา เหมาะสมในการประกอบกจิ กรรมเหล฽านี้ โดยจะยึดตามหลักของจีน นอกจากน้ีเย฾ายังมีความ เชอ่ื ในเรอ่ื งโชคลางอกี ดว฾ ย เขาจะเล่ือน หรือยกเลิกการประกอบพิธีกรรม หากมีสิ่งไม฽ดีที่เช่ือว฽าจะเป็น ลางเกิดขึ้น เช฽น อาจงดการสข฽ู อ หรอื การหม้นั เม่อื เหน็ งเู ลอื้ ยผา฽ นหน฾าขบวนทีจ่ ะไปสู฽ขอหม้นั นั้น การเลยี้ งผบี รรพบุรษุ : ในแต฽ละปีเมย่ี นจะต฾องเลย้ี งผีบรรพบรุ ษุ ตามเทศกาลต฽าง ๆ อย฽างน฾อย ปีละ ๔ ครั้ง ในการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ หมอผีจะแต฽งกายด฾วยชุดธรรมดาโดยใช฾ ไก฽ เหล฾า และนํ้ามัน เป็นเคร่ืองเซ฽น การเลี้ยงผีฟูา เม่ียนเชื่อว฽า เป้ียน โก฿ว ฮู฾ง เป็นผู฾สร฾างโลก เมื่อตายไปแล฾วได฾ขึ้นสวรรคแ สถิตอยู฽บนสวรรคแชั้นสูงสุดเป็นผีฟูา มีหน฾าท่ีรับผิดชอบคอยคุ฾มครองดูแลมนุษยแ การเลี้ยงผีฟูา หมอผี จะต฾องใสห฽ มวกผีสีดํา ใส฽เสื้อชุดหมอผีและใช฾ผ฾าต฾ุงจุ฾น (มีลักษณะคล฾ายกระโปรงผู฾หญิงท่ีไม฽เย็บติดกัน) ปิดหน฾าท฾องยาวลงมาถึงข฾อเท฾า เครื่องเซ฽น มีหมู เหล฾า และน้ํา และต฾องมีการเปุาเขาควายด฾วย การเล้ียงผีใหญ฽ เม่ียนได฾รับอิทธิพลจากลักธิเตเา เมื่อเมี่ยนตั้งถิ่นฐานอยู฽ในมณฑลกวางต฾ุงและกวางสี เม่ือประมาณคริสตแศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๔ ภาพผีใหญ฽น้ีเป็นภาพวาดเหมือนของเทพเจ฾า เม่ียนจะเชิญผี ใหญม฽ าเลี้ยงเฉพาะในพิธีเกี่ยวกับการสร฾างบุญบารมีให฾แก฽ตนเอง การเล้ียงผีใหญ฽ หมอผีจะใช฾ชุดหมอผี ใหญ฽ มีเครอ่ื งดนตรี และใชห฾ มู เหล฾าและนํา้ เป็นเคร่อื งเซ฽นหลัก การวางตัวให฾เป็นท่ีนิยมของชุมชน โดย ท่ัวไปเม่ียนมีนิสัยอ฽อนน฾อมถ฽อมตน สุภาพและมีความเกรงใจ เพื่อให฾เป็นท่ีนิยมของชุมชน ผ฾ูมาเยือน จะต฾อง มคี วามสุภาพ มคี วามจรงิ ใจ ควรให฾ความสนใจแกช฽ ีวติ ความเป็นอยแ฽ู ละความเชอ่ื ของเมย่ี น ประเพณกี ารผดิ ผี บ฾านใดท่ีมี เฉลวแขวนไว฾หน฾าประตูบ฾าน ให฾เป็นท่ีรู฾กันว฽า ภายในบ฾านต฾องมี พิธีกรรมอะไรบางอย฽าง ห฾ามมิให฾บุคคลภายนอกเข฾าบ฾าน หากไม฽ปฏิบัติตามถือว฽า “ผิดผี” หน฽ุมสาว ถ฾าล฽วงเกินกัน เช฽น หนุ฽มไปจับเน้ือตัวสาว สาวเจ฾าเอะอะข้ึนมา หน฽ุมจะต฾องถูกปรับไหม ถือว฽าผิดผี แต฽ถา฾ หน฽ุมสาวรักกัน ถูกต฾องเน้ือตัวกัน สาวเจ฾าพอใจไม฽ร฾องเอะอะก็ไม฽เป็นไร การผิดผีจะถูกปรับไหม โดยการขอขมาและเสยี เงินเล็กนอ฾ ย ต้งั เชยี น ญา฽ น เปน็ ภาษาของเม่ียน “ตั้ง” แปลว฽า “ขาดไป ไม฽ถือเป็นญาติ” “เชียน” แปลว฽า “พน่ี อ฾ ง ญาตพิ ่ีนอ฾ ง” “ญ฽าณ” แปลว฽า “เงิน” ถ฾าแปลตามความหมาย คือ “การใช฾เงินเพ่ือให฾ความเป็น ญาติพ่ีน฾อง” หรืออาจจะแปลโดยสรุป “การแต฽งงานในระหว฽างญาติพ่ีน฾อง” ซึ่งเมี่ยนแปลง฽าย ๆว฽า “พีน่ ฾องเอากัน” อันเป็นการแปลความหมายเลยี นแบบ “คนเมอื ง” ภาคเหนอื เมอื่ พูดถงึ “การแต฽งงาน” แต฽เดิม การแต฽งงานระหว฽างกลุ฽มเครือญาติเดียวกัน ถือเป็นข฾อห฾ามเด็ดขาด จะแต฽งงานกันไม฽ได฾ โดย ยึดถือจารีตประเพณีของชาวจีน ต฽อมาข฾อห฾ามในเร่ืองแต฽งงานระหว฽างกลุ฽มเครือญาติย฽อยเดียวกัน ไดผ฾ ฽อนคลายลง โดยชาวเม่ียนได฾อนุญาตให฾กลุ฽มเครือญาติย฽อยเดียวกันแต฽งงานกันได฾ แต฽ท้ังน้ี ทั้งสอง ฝาุ ยจะตอ฾ งแยกสายออกจากกนั มาได฾ไม฽ตํ่ากวา฽ ๕ ชัว่ รุน฽ 93

การเลี้ยงผีท฾องถ่ิน (ซิบต฽าปูงเม้ียน) การเล้ียงผีของเผ฽าเมี่ยนมี ๓ ลักษณะ คือ ๑. การเลี้ยงผี ของแต฽ละหลังคาเรือน จะเลี้ยงกต็ ฽อเม่ือเกิดการเจบ็ ปุวยของบุคคลภายในบ฾าน ๒.การเลี้ยงผีในระหว฽าง แซ฽สกุลหรือในหม฽ูคนใกล฾ชิด ๓.การเล้ียงผีรวมทั้งหม฽ูบ฾าน การทําซิบต฽าปูงเมี้ยนในปีหนึ่ง ๆ จะทํา ๓ ครั้ง คร้ังแรกจะทาํ ในระยะข้ึนปีใหม฽ ครั้งที่ ๒ จะทําหลังจากใส฽ข฾าวโพดเสร็จเรียบร฾อย คร้ังที่ ๓ จะทํา หลงั จากขายข฾าวโพด ผีหรอื เทพเจา้ เป็นชดุ เดียวกับของคนจนี อย฽างไรก็ตามระยะเวลาอาจจะเปล่ียนแปลงไปได฾ตามความเหมาะสมและความเห็นชอบของ หมอผใี หญ฽ การทําซบิ ต฽าปูนเมีย้ นน้ีเป็นการประกอบพธิ กี รรมรวมของหมู฽บ฾านทกุ หลงั คาเรือนส฽งตัวแทน มารว฽ มพิธี หลังคาเรอื นละ ๑ คน นอกจากนี้ยังจะต฾องร฽วมกันออกค฽าใช฾จ฽ายในการประกอบพิธีจํานวน แล฾วแต฽หมบ฽ู ฾านจะกําหนด เงนิ ทเี่ ก็บไดจ฾ ะใชไ฾ ปในงานพธิ ี สถานที่ประกอบพิธีเรียกว฽า ศาลผี (เจี้ยยตอง) มีหมอผเี ปน็ ตวั แทนในการตดิ ตอ฽ หรือบอกผที ี่มาชมุ นมุ ในทีน่ ้นั ลกั ษณะของศาลผีน้นั จะประกอบด฾วยห้ิง สี่เหลี่ยม (เมี้ยนเตี้ย) ๒ หิ้ง อย฽ูใต฾ต฾นไม฾ใหญ฽ เป็นท่ีใช฾วางเครื่องเซ฽นต฽าง ๆ ถัดไปทางทิศตะวันออก เล็กน฾อย จะมีชามกะละมังวางบนไม฾ซ่ึงทําเป็นง฽ามรองรับไว฾ เรียกว฽า “ทิ่นฮูงเคาะ” ซึ่งใช฾ในการเผา กระดาษในกรณีทีเ่ รียกผีฟาู ลงมารว฽ มพธิ ี บรเิ วณนี้จะเป็นบริเวณท่ีหมอผีใหญ฽จะเป็นผู฾ทําพิธี โดยจะหัน หน฾าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งคนเมี่ยนถือว฽าเป็นทิศท่ีสําคัญหรือเป็นทิศหลัก อีกแห฽งหน่ึงทางด฾าน ตะวันตกของบริเวณศาลผี จะมีห้ิงสี่เหลี่ยม ๑ หิ้ง อยู฽ใต฾ต฾นไม฾ใหญ฽เช฽นกัน แต฽ไม฽มีทิ่นฮูงเคาะ หรือ กะละมังสาํ หรบั เผากระดาษ เพราะในวงน้เี ปน็ ผที ีม่ ีอนั ดบั รอง ๆ ลงมา หมอผที ป่ี ระกอบพิธที ี่ห้ิงน้ีจะหัน หนา฾ ไปทางทิศตะวันตก นอกจากน้ีทางทิศเหนือและทิศใต฾ก็จะใช฾ไม฾กระดานปูวางกับพื้นเพื่อทําเป็นท่ี วางของ เพ่ือเลี้ยงผีในอีกระดับ การประกอบพิธีจะใช฾เวลาเพียง ๑ วัน แต฽ในบางคร้ัง ชาวเขาอาจจะ หยุดงานถึง ๓ วัน คือ วันแรกต฾องออกไปถางและทําความสะอาดศาลผี ทํากระดาษเพ่ือใช฾ในการ ประกอบพิธีท่ีบ฾านหมอผีใหญ฽ การเตรียมหมู (กรณีที่ต฾องใช฾หมูเล้ียง) ไก฽ และเหล฾า วันที่ ๒ ซ่ึงเป็น 94

วันประกอบพธิ ี แต฽ละหลังคาจะส฽งคนมาหลังคาเรือนละ ๑ คน ต฾องเป็นผู฾ชายเพื่อช฽วยในการประกอบ พิธี วันที่ ๓ หลังจากประกอบพิธี วันน้ีถือเป็นวันสําคัญของหมู฽บ฾าน คือทุกคนในหมู฽บ฾านจะต฾องหยุด กจิ กรรมในไร฽เดด็ ขาด เพราะจะเปน็ วนั ท่ผี จี ะออกไปกวาดล฾างสิง่ ช่ัวรา฾ ยต฽าง ๆ ภายในไร฽ ตาราชาวเม่ียนท่ีตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนใหญ่เป็นตาราโหราศาสตร์ ตารายา และ แบบเรยี นภาษาเม่ียน เม่อื หมอผใี หญ฽เรมิ่ ประกอบพิธี ผู฾ท่ีไปร฽วมพิธีจะทําเสียงดังไม฽ได฾ หมอผีใหญ฽จะเริ่มจากหิ้งด฾าน ตะวันออก เพราะเป็นท่ีผใี หญ฽ ๆ มาร฽วมวง ใชเ฾ วลา ๓ - ๔ ชัว่ โมง หรอื อาจมากกว฽านั้น เคร่ืองเซ฽นที่วงนี้ ก็มีไก฽ ๔ ตัว ถ฾วยเหล฾า ๕ ใบ ถ฾วยนํ้า ๑ ใบ เม่ือหมอผีใหญ฽ได฾เชิญผีลงมาครบก็จะเร่ิมต฽อรองในเร่ือง เคร่ืองเซ฽น การติดต฽อระหว฽างหมอผีกับผีจะใช฾ไม฾ ๒ อันประกบเรียกว฽า “จเาว” มีลักษณะคล฾าย หรือ เกือบจะเหมอื นกับ “กัวะ” ของชาวเขาเผ฽าม฾ง เมื่อตกลงเร่ืองเครื่องเซ฽นตามความพอใจของผีแล฾ว หมอผี กจ็ ะอา฽ นรายชอ่ื ของชาวเขาทีไ่ ด฾รบั ความเดอื ดร฾อนและสถานทไ่ี ร฽ทตี่ ฾องการให฾ผีไปดูแล ในระหว฽างการทํา ผีนั้น หมอผีก็จะท฽องเป็นภาษาเม่ียนไปตลอดเวลาแทบไม฽ได฾หยุด ดังนั้นหมอผีใหญ฽จะต฾องเหนื่อยมาก เมื่อ หมอผีใหญ฽ทําพิธีอย฽ูยอมรับเครื่องเซ฽นแล฾ว หมอผีใหญ฽ก็จะบอกให฾หมอผีเล็ก อีก ๒ คน เร่ิมทําพิธีอีก ๓ ทศิ คอื เรมิ่ จากหิง้ ด฾านตะวนั ตก และอกี คนทําดา฾ นใต฾ แล฾วสุดทา฾ ยจึงทําดา฾ นเหนือ เครอ่ื งเซ฽นท้ัง ๓ หิ้ง มีเหมอื นกันคอื ไก฽ ห้งิ ละ ๑ ตัว ถว฾ ยเหล฾าห้งิ ละ ๕ ใบ ถว฾ ยนา้ํ หิ้งละ ๑ ใบ ประเพณีการแตง่ งาน : การเลอื กค฽ูครอง เม่ียนมีอิสระอย฽างมากในการเลือกคู฽ครอง เม่ือหนุ฽ม สาวเข฾าสู฽ชีวิตวัยรุ฽นก็เริ่มเก้ียวพาราสีกัน นอกจากน้ีแล฾วเมี่ยนยังมีประเพณีเที่ยวสาว (หย฽าว เ ชียะ) ซ่งึ เปิดโอกาสให฾หนุ฽มเขา฾ ไปหาสาวถึงในห฾องนอนได฾ โดยทบ่ี ดิ ามารดาของสาวไม฽ขัดขวาง ประเพณีเท่ียว สาวน้ี ทําให฾หน฽ุมสาวมีโอกาสท่ีจะได฾ทําความค฾ุนเคยกัน และสามารถศึกษาอุปนิสัยซึ่งกันและกันว฽า สามารถจะอยร฽ู วมกนั ได฾หรือไม฽ หนุ฽มคนหนึ่งอาจเคยมปี ระสบการณกแ ับสาวหลายคนได฾ และสาวบางคน กอ็ าจมปี ระสบการณแกับชายหนุม฽ หลายคนกไ็ ดเ฾ ช฽นกัน ในการเลอื กค฽ูหน฽ุมสาวจะพิจารณาจากความขยัน ขันแข็งและลักษณะนิสัยมากกว฽าท่ีจะพิจารณาจากรูปสมบัติและทรัพยแสิน ความโอบอ฾อมอารี 95

โดยเฉพาะผู฾ชายจะเลือกผ฾ูหญิงท่ีมีจิตใจโอบอ฾อมอารี เช่ือฟใงสามีและมีใจซื่อสัตยแ ตามประเพณี ของเม่ียน ภรรยาจะโต฾ตอบหรือต฽อส฾ูกับสามีไม฽ได฾เลย โดยปกติหญิงเม่ียนจะไม฽ชอบคนเจ฾าช฾ู เมี่ยนไม฽ รังเกียจผหู฾ ญิงทม่ี ีบุตรก฽อนการแตง฽ งาน แต฽จะถือวา฽ เดก็ ท่ีเกดิ มาเป็นลกู ผีให฾ การสขู฽ อและหม้ัน เมื่อทั้งสองฝุายพึงพอใจซึ่งกันและกัน ฝุายหญิงก็จะขอให฾หนุ฽มมาสู฽ขอและ หมั้นตามประเพณี ซงึ่ หน฽มุ จะต฾องดําเนินการสามขั้นตอนคอื ขน้ั ตอนทีห่ น่งึ ขอวันเดือนปีเกิดของสาวมา เพื่อให฾หมอผีดู จะอย฽ูด฾วยกันได฾หรือไม฽ ข้ันตอนท่ีสอง การสู฽ขอท้ังสองฝุายสามารถอย฽ูด฾วยกันได฾ ฝุายชายก็จะตอ฾ งไปสข฽ู อสาวจากบิดามารดาของฝุายหญิง ขั้นตอนที่สาม เม่ือหาวันดีได฾แล฾ว ฝุายชายก็ จะขอให฾บิดามารดาไปหม้ันสาว โดยฝุายชายจะต฾องนําไก฽ไป ๒ ตัว เหล฾า ๑ ขวด กําไล ๑ ค฽ู และ เงินแท฽ง ๑ แทง฽ และจะต฾องนาํ หมอผไี ปด฾วย เพือ่ ทาํ สญั ญาหมน้ั การเตรียมตัวของเจ฾าบ฽าวและเจ฾าสาว หลังจากหม้ันแล฾ว ฝุายชายจะต฾องหาวันท่ีดีไว฾เป็น วนั แต฽งงานและจะตอ฾ งบอกใหค฾ หู฽ มนั้ ทราบลว฽ งหนา฾ ประมาณ ๒ สปั ดาหแ ฝุายเจ฾าบ฽าวจะใช฾บุหร่ีเชิญญาติ พ่ีนอ฾ งและบคุ คลทเ่ี คารพนับถอื มาร฽วมรบั ประทานอาหารในงานแต฽งงาน ในการเตรียมงานฝุายเจ฾าบ฽าว ตอ฾ งเตรยี มทีน่ ัง่ และโตะ฿ รบั ประทานอาหาร ถ฾วยชาม และเครอื่ งดมื่ ไวใ฾ ห฾พร฾อม เตรียมหมู ไก฽ นอกจากน้ี ฝุายชายจะต฾องแต฽งต้งั บคุ คลตา฽ ง ๆ ใหท฾ าํ หน฾าท่ีสําคัญ ๆ ไว฾ หวั หน฾างานและพิธีกรรม พ฽อครัว คนเปุาปี่ ตีกลอง ตีฉาบ หลังจากที่สาวได฾รับหมั้นแล฾วก็จะหยุดทํางานไร฽ อย฽ูบ฾านเพ่ือเย็บเส้ือจํานวน ๓ ชุด ใหม฾ ารดาของตน ๑ ชุด มารดาฝุายชาย ๑ ชดุ และเก็บไว฾ใช฾ในวันแต฽งงาน ๑ ชุด เม่ียนไม฽นิยมแต฽งงาน กับคนนอกเผ฽า และไมน฽ ิยมทจ่ี ะแตง฽ งานกันคนท่ถี ือแซย฽ อ฽ ยของแซ฽เดยี วกัน47 ลักษณะการแต฽งงานของเม่ียน แยกออกได฾เป็น ๔ แบบ คือ ๑. แต฽งงานแบบใหม฽ เป็นการ แตง฽ งานทม่ี ีความหรูหรา และฟุมเฟอื ยมาก โดยจะทาํ พธิ ีทบี่ า฾ นเจา฾ บา฽ ว ซึ่งจะต฾องใช฾เวลาทั้งส้ิน ๓ – ๔ วัน มีพธิ ีเล้ียงผบี รรพบรุ ุษ ๒. การแต฽งงานแบบเล็ก เป็นประเพณีการแต฽งงานที่ได฾ลดข้ันตอนลงไปเพ่ือการ ประหยัด โดยจะใชเ฾ วลาประมาณ ๒ - ๓ วนั คบู฽ า฽ วสาวไม฽ต฾องแต฽งกายชุดแต฽งงานตามประเพณี ไม฽มีพิธี เล้ยี งผี ๓. การแตง฽ งานกับภรรยา เป็นประเพณกี ารแต฽งงานท่ีจัดขึ้นหลังจากที่หญิงและชายได฾อยู฽ร฽มกัน ฉันสามีภรรยาช่ัวระยะหน่ึง เนื่องจากฝุายชายไม฽มีเงินพอท่ีจะจ฽ายค฽าตัวเจ฾าสาว จึงต฾องไปอยู฽ท่ีบ฾าน เจ฾าสาวเพ่อื ช฽วยทํางานแทนการจ฽ายค฽าตัวเจ฾าสาว ๔. การแต฽งงานแบบสาวของหน฽ุมแต฽งงาน ประเพณี การแตง฽ งานแบบนีเ้ กิดขนึ้ ไดก฾ บั ครอบครัวท่ีมีแต฽ลูกผ฾ูหญิงและหาผ฾ูสืบทอดผีบรรพบุรุษไม฽ได฾ จึงต฾องขอ ผ฾ูชายมาแตง฽ งานกับลกู สาวเพื่อสบื ทอดบรรพบรุ ุษ หลังแต฽งงาน เมื่อหญิงแต฽งงานแล฾ว จะต฾องมาอยู฽กับสามีท่ีบ฾านบิดามารดาของสามี ยกเว฾น ในกรณีการแต฽งงานแบบสาวขอหนุ฽มแต฽งงาน ฝุายชายจะต฾องไปอย฽ูกับบิดามารดาของฝุายหญิง บ฾านหลังหน่ึงของเมี่ยนอาจมีหลายครอบครัว ซ่ึงมีความสัมพันธแเป็นพี่น฾องร฽วมสายเลือดเดียวกันและ เมี่ยนยังนิยมซ้ือเด็กมาเล้ียงเป็นบุตรบุญธรรม เม่ียนจะแยกครอบครัวได฾ต฽อเม่ือน฾องชายได฾แต฽งงาน แล฾วนําภรรยาเข฾ามาอยู฽รวมกับบิดามารดา หรือเมื่อบิดามารดาของตนมีคนเล้ียงดูแทน เมื่อหญิง แตง฽ งานแลว฾ ในระยะ ๑ เดือนแรกจะเข฾าไปบ฾านใครไมไ฽ ดเ฾ ลย หากมีธุระท่ีจะต฾องติดต฽อกับคนในบ฾านอื่น จะต฾องไปติดต฽อกันที่นอกบ฾าน แม฾แต฽บิดามารดาของตนเองเพื่อท่ีจะให฾ผีบรรพบุรุษของสามีจําหน฾าได฾ การสืบเช้ือสายเม่ียนให฾ความนับถือและสืบเช้ือสายทางฝุายสามี เม่ือหญิงเข฾ามาอยู฽กับชายหลังการ  47 มงคล จนั ทรบแ าํ รงุ (2529) ประเพณีการแต฽งงานของชาวเขาเผา฽ เย฾า. เชียงใหม฽ : สถาบนั วิจัยชาวเขา 96

แตง฽ งานแลว฾ ก็จะตอ฾ งนบั ถือญาตทิ างสามี และนับถือผีบรรพบุรษุ ของฝาุ ยสามี บุตรท่ีเกิดมาจะต฾องใช฾แซ฽ ของบิดา ซึ่งในอดตี การหยา฽ รา฾ งจะไม฽คอ฽ ยปรากฏในสังคมเมี่ยนแตใ฽ นปจใ จบุ นั มกี ารหยา฽ รา฾ งกนั มากขึ้น ประเพณี : เทศกาลและประเพณสี ําคญั ของชาวเมย่ี นจะนับ วัน เดือน ปี ตามแบบปฏิทินของจีน คอื ในรอบ ๑ ปี จะมีเดือนทง้ั หมด ๑๒ เดือน เดือนใหญ฽มี ๓๐ วัน และเดือนเล็กจะมี ๒๙ วัน เย฾าไม฽มี การนบั วันเปน็ สปั ดาหแแตจ฽ ะนับเป็นรอบ ๑๒ วนั โดยเรยี กช่อื วนั เปน็ สัตวแ ๑๒ ชือ่ เหมือนกันรอบ ๑๒ ปี เทศกาล และประเพณีที่สาํ คญั ของเย฾ามดี งั น้ีเทศกาลปีใหม฽ตรงกับวันตรุษจีน มีการประกอบพิธีทั้งหมด ๓ วัน โดยวันแรกถือว฽าเป็นวันสิ้นปีเก฽า จะเตรียมของใช฾ท่ีใช฾ทุกอย฽างให฾เรียบร฾อย วันสิ้นปีนี้จะซักผ฾า ทําความสะอาดบ฾าน วันน้ีจะเป็นวันสุดท฾ายที่จะทําการเซ฽นไหว฾ผีบรรพบุรุษ ซึ่งบางบ฾านอาจได฾ทํามา ก฽อนแล฾วภายใน ๑ สปั ดาหแ วันที่ ๒ ซ่ึงตรงกับวนั ตรษุ จีนน้ันถอื ว฽าเปน็ วันปีใหม฽ หรือวันถือ เย฾าจะทําแต฽ สง่ิ ทเ่ี ปน็ มงคลเท฽าน้นั เช฽น สอนให฾เด็กเรียนหนงั สือ หัดให฾เด็กทาํ งาน นําสิ่งที่ดีเข฾าบ฾านและจะไม฽ทําบาง สิง่ บางอยา฽ งทถ่ี อื วา฽ เปน็ เรอื่ งไม฽ดี เช฽น จ฽ายเงิน ทํางานหนัก ส฽วนวนั ท่ี ๓ นัน้ ตามประเพณแี ลว฾ เย฾าจะไป ทาํ ความเคารพบุคคลท่ีเคารพนับถือ แต฽ในปใจจุบันนี้ทํากันในบางหมู฽บ฾านเท฽าน้ัน เทศกาลเซ฾งเม฾ง ตรง กบั วนั เช็งเมง฾ ของคนจนี เย฾าจะทําพิธีเซ฽นไหวผ฾ ีบรรพบุรุษและหยดุ งาน ๑ วนั คอื เทศกาลเจียะเจยี บเฝย ตรงกบั วนั ท่ี ๑๔ เดือน ๗ (ตรงกบั สารทจีน) ตามปฏทิ นิ จนี เทศกาลน้เี ย฾าถือว฽าเป็นวันปีใหม฽ของผีทั้งหลาย และเปน็ เทศกาลท่ีสําคญั กอ฽ นทจี่ ะถงึ วันท่ี ๑๔ หน่ึงวนั เขาจะเตรียมสิ่งของต฽าง ๆ ท่ีจะใช฾ในพิธีกรรม เช฽น กระดาษ ขนม เม่ือถึงวันท่ี ๑๔ จะทําการเซ฽นไหว฾ผีต฽าง ๆ ท้ังหมด วันที่ ๑๕ เดือน ถือว฽าเป็นปล฽อยผี จะไม฽ไปทํางานในไร฽ นอกจากน้ีแล฾ว เย฾ามีวันหยุดตามประเพณีเรียกว฽าวันกรรม ซ่ึงมีวันกรรมเสือ วันกรรมนก วนั กรรมหนู วนั กรรมฟาู และวันกรรม เซง฾ เมง฾ เปน็ ต฾น 97

๒.๗ กลมุ่ ชาติพันธกุ์ ะเหรี่ยงในจังหวัดลาปาง ๒.๗.๑ ประวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มาของกลมุ่ ชนและการเคล่ือนย้าย กะเหรี่ยงเป็นกลุ฽มชาติพันธแุท่ีมีจํานวนมากท่ีสุดในบรรดากลุ฽มชาติพันธุแในประเทศไทย จากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรแเช่ือกันว฽ากลมุ฽ ชาติพนั ธุกแ ะเหรี่ยงเป็นคนกล฽ุมที่อาศัยอยู฽ในพื้นที่ประเทศ ไทยมานานหลายร฾อยปี ดังปรากฏในตาํ นานหลาย ๆ เรอื่ งท่ีกล฽าวถึงชนพื้นเมืองด้ังเดิม ท้ังลัวะและยาง หรือกะเหรยี่ งในภาคเหนือ ชาวกะเหร่ยี งเป็นกลุ฽มคนทร่ี ักความสงบ ผูกพนั กับธรรมชาติและไม฽ชอบการ ตอ฽ ส฾หู รอื ความรนุ แรง ในอดีตชาวกะเหร่ียงจึงมักหลีกเลยี่ งทจ่ี ะไม฽ข฾องเก่ียวกับคนภายนอกชุมชนของตน และมกั ตง้ั หมูบ฽ ฾านอย฽ูหา฽ งไกลชุมชนอืน่ 48 ชาวกะเหรีย่ งพูดภาษาตระกูลจีน - ทิเบต ภาษากะเหร่ียงท่ีใช฾ มากในประเทศไทย คือ ภาษากะเหร่ียงโปวและภาษากะเหร่ียงสะกอซึ่งแม฾จะเป็นกะเหร่ียงเหมือนกัน แต฽ไมส฽ ามารถเข฾าใจกันได฾ทั้งหมด เพราะทง้ั สองภาษามคี วามแตกต฽างกันในเรื่องระบบเสียงและคําศัพทแ ค฽อนข฾างมาก นักภาษาศาสตรแจึงจัดเป็นคนละภาษา ชาวกะเหรี่ยงแบ฽งตามภาษาที่พูดเป็นสี่กลุ฽มใหญ฽ คือ ๑. กะเหรี่ยงโปว ๒. กะเหร่ียงสะกอ ๓. กะเหรี่ยงบเว เรยี กตัวเองว฽าคยา หรอื ยางแดง ๔. กะเหรี่ยง พะโอ หรอื ตองสู฽ มีข฾อสันนิษฐานว฽าเดิมชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู฽ทางตะวันออกของทิเบต ได฾อพยพเข฾าไป ต้ังอาณาจักรในประเทศจีนเมื่อ ๗๓๓ ปีก฽อนพุทธกาล จีนเรียกพวกน้ีว฽าชนชาติโจว เม่ือถูกจีนรุกราน จึงอพยพมาอย฽ูบริเวณลุ฽มแม฽น้ําแยงซี ยูนนาน แล฾วถอยร฽นมาอยู฽ระหว฽างแม฽นํ้าโขงและแม฽น้ําสาละวิน ชาวกะเหรี่ยงอพยพเข฾ามาตัง้ ถ่ินฐานในพม฽ากอ฽ นทจ่ี ะขยายเข฾ามาอย฽ูในพื้นท่ีของประเทศไทย โดยตั้งถ่ิน ฐานอยูบ฽ รเิ วณภเู ขาทางชายแดนตะวันออกของสหภาพพม฽าและตะวันตกของประเทศไทย ต้ังแต฽เมือง ตองยีทางเหนือลงไปทางใต฾ถึงตะนาวศรีเกือบถึงคอคอดกระ รฐั คะยาและรัฐกะเหร่ียงมีพื้นท่ีครอบคลุม เขตภูเขาทางตะวันออกของเมืองตองอูขยายไปตามลํานํ้าสาละวินทางใต฾ ระหว฽างแม฽น้ําสาละวินและ แมน฽ าํ้ อริ ะวดีในเขตพะโค พื้นท่ีสามเหล่ียม ปากแม฽นา้ํ อริ ะวดใี กลก฾ ับเมอื งพะสมิ และเมืองย฽างก฾งุ ในประเทศไทยกะเหรี่ยงอาศัยอย฽ูในภาคเหนือและภาคตะวันตกในเขตชายแดนกับพม฽า จากท่ีต้ังถิ่นฐานของชาวกะเหรี่ยงเป็นพื้นที่แคบยาวจากเหนือลงใต฾ทําให฾ชาวกะเหรี่ยงท่ีอยู฽ทางตอน  48 พอล ลูวสิ และอเี ลน ลูวสิ .”หกเผ฽าชาวดอย” เชยี งใหม฽ : หตั ถกรรมชาวเขา, ๒๕๒๘. 98

เหนอื คือ กลุ฽มคะยาหรือกะเหรี่ยงแดงและกลุ฽มยอ฽ ย ๆ มคี วามสัมพนั ธแใกล฾ชิดกับกลุ฽มไทและรับอิทธิพล ทางวฒั นธรรมของไท สว฽ นกะเหรย่ี งท่ีอย฽ทู างใต฾ ไดแ฾ ก฽ กะเหร่ยี งโปวและกะเหรย่ี งสะกอเป็นกล฽ุมท่ีได฾รับ อิทธิพลทางวัฒนธรรมของมอญและพม฽า ต฽อมาปใญหาความไม฽สงบและสงครามระหว฽างไทยกับพม฽า ในสมัยพระเจา฾ อลองพญาย่งิ ทาํ ใหช฾ าวกะเหร่ียงจํานวนมากอพยพจากพม฽าเขา฾ มาสร฽ู ัฐไทใหญแ฽ ละล฾านนา พระเจ฾ากาวิละได฾นําเอาชาวกะเหรี่ยงโปวมาต้ังถิ่นฐานอย฽ูท่ีหางดง ต฽อมามีผู฾อพยพตามมาอีก เปน็ จาํ นวนมากและได฾ย฾ายไปตงั้ ถิ่นฐานอยใู฽ นเขตจงั หวดั แม฽ฮอ฽ งสอน เชน฽ บ฾านแม฽ละมู ที่อําเภอแม฽สะเรียง เป็นต฾น ชาวกะเหร่ียงที่อพยพมาในตอนหลังได฾ขอซ้ือดิน นํ้า จากเจ฾าผ฾ูครองนครเชียงใหม฽ ส฽งส฽วย บรรณาการต฽าง ๆ ใหเ฾ จ฾านาย หรือแมแ฾ ตจ฽ า฽ ยคา฽ เชา฽ ท่ีดินให฾กับลวั ะซึง่ ต้ัง ถน่ิ ฐานอยกู฽ ฽อนแล฾ว นอกจากการอพยพโยกย฾ายดังกล฽าวแล฾วชาวกะเหรี่ยงจํานวนมากได฾อพยพเข฾ามาพึ่งพระบรม โพธิสมภารหลังจากอังกฤษยึดครองพม฽าได฾แล฾ว เน่ืองจากชาวกะเหร่ียงเหล฽านั้นไม฽ยอมอ฽อนน฾ อม ต฽ออังกฤษจงึ ถกู ปราบปรามต฾องหลบหนีเข฾ามาอย฽ูในไทย โดยกลุ฽มหนึ่งต้ังหลักแหล฽งอยู฽ทางใต฾ มีชุมชน กะเหร่ยี งในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธแ อีกกล฽ุมหนึ่งไปต้ังถิ่นฐานอย฽ูทาง ตะวันตกของจงั หวัดแม฽ฮอ฽ งสอน เชียงใหม฽ เชียงราย ลําพูนและลําปาง ชาวกะเหร่ียงท่ีต้ังถิ่นฐานอย฽ูใน ภาคเหนือน้ีมีความสัมพันธแอันดีกับเจ฾านายผู฾ปกครองเมืองต฽าง ๆ และเจ฾านายมักจะพ่ึงพาอาศัยชาว กะเหร่ียงที่ต้ังถิ่นฐานอย฽ูตามภูเขาและปุาลึกในการดูแลปุาไม฾ โดยเฉพาะอย฽างย่ิงในเขตตะวันตกของ เชยี งใหม฽ แม฽ฮอ฽ งสอน และแม฽สะเรียง ความสัมพันธแของเจ฾านายและชาวกะเหร่ียงนั้นอยู฽ภายใต฾ระบบ ไพร฽ โดยชาวกะเหรี่ยงต฾องส฽งส฽วยของปุา ต฾องเสียภาษี ถูกเกณฑแแรงงานและเสบียงอาหารในกรณีท่ี เจา฾ นายเดินทางไปในพ้นื ท่นี ้ัน ๆ นอกจากนี้การขยายตัวของการทําปาุ ไม฾ในภาคเหนือทําให฾มีการว฽าจ฾าง ชาวกะเหรี่ยงมาดูแลชา฾ ง ที่ใช฾ทาํ ปุาไม฾มากข้ึน ปใจจุบันนี้มีชาวกะเหร่ียงในประเทศไทยประมาณ ๓๕๓,๓๔๗ คน อย฽ูกระจัดกระจายตามภาคต฽าง ๆ กล฽ุมชาติพันธุแบนพ้ืนที่สูงท่ีมีจํานวนมากที่สุดอยู฽ในจังหวัด เชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน ตาก ลําพูน กาญจนบุรี เชียงราย แพร฽ อุทัยธานี สุพรรณบุรี สุโขทัย ราชบุรี ลําปางเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธแ มีท้ังชาวกะเหร่ียงที่ตั้งรกรากเป็นชุมชนมานานตั้งแต฽คร้ัง บรรพบรุ ษุ และชาวกะเหรย่ี งทอี่ พยพเข฾ามาอยู฽ในเมอื งไทยตามรอยตะเขบ็ ชายแดนระหว฽างไทยกับพม฽า แต฽ชาวกะเหรย่ี งท่ีอพยพเข฾ามาใหม฽มักจะไม฽มีท่ีทํากินจึงต฾องกระจายตัวออกไปรับจ฾างทํางานในจังหวัด ต฽าง ๆ ของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก ทําให฾จํานวนประชากรชาวกะเหรี่ยงจริง ๆ ใน ปจใ จบุ นั นไ้ี มช฽ ดั เจน สําหรับกลุ฽มช าติพัน ธุแกะ เห รี่ยง ใน พื้น ที่จัง หวัดลําปา ง พบว฽า มีทั้งกะเหร่ียงโปและกะเหร่ียง สะกอ (ปกาเกอะญอ) โดยกลุ฽มกะเหรียงสะกอซ่ึงเป็นกล฽ุมใหญ฽จะอาศัยอย฽ูในพื้นท่ีเมืองปาน แจ฾ห฽ม เสริมงาม และงาว โดยเฉพาะบา฾ นแม฽หมีใน แม฽หมีนอก และบ฾านจกปก ในอําเภอเมืองปาน ซึ่งทั้งหมด เป็นกะเหรี่ยงสะกอท่ีอพยพมาจากเมืองคอง อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม฽ ต้ังแต฽ปี พ.ศ. ๒๙๘๓ ส฽วนกะเหรย่ี งโปวที่อาศัยอยูใ฽ นลําปางมีจํานวนไม฽มากเป็นกลุ฽มเล็ก ๆ กระจายตัวอย฽ูในพื้นท่ีอําเภองาว แม฽เมาะ จากการเก็บข฾อมูลของศูนยแพัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสูงจังหวัดลําปาง พบว฽าในจังหวัดลําปางมี ประชากรกะเหรยี่ งสะกอและโปมากถงึ ๔,๐๐๐ กวา฽ คน กระจายตัวอยู฽ตามอําเภอต฽าง ๆ ได฾แก฽ อําเภอ งาว เมืองปาน แจห฾ ม฽ เสรมิ งาม และแม฽เมาะ ตัวอย฽างเช฽นกะเหร่ียงบ฾านกลาง ตําบลบ฾านดง อําเภอแม฽เมาะ จังหวัดลําปาง เป็นชุมชน กะเหร่ียงที่ยังยึดถือและดาํ เนินชีวิตตามวิถีดั้งเดิม ด฾วยการทําไร฽หมุนเวียน เลี้ยงวัวควาย และหา 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook