หลกั สตู รทวศิ กึ ษา(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว สาขา การโรงแรม สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
๒ ประกาศโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เรื่อง การใชห้ ลักสูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ .......................................................................... อนุทินคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๒๙๓/๒๕5๑ เร่ืองให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สั่ง ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สอดคล้องกับสภาพความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเป็นการสร้างกล ยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคลสังคมไทย ผู้เรียนมี ศักยภาพในการแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในสังคมโลก ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีจิตสานึกในความเป็นไทย มี ระเบียบวินัย คานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและยึดม่ันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข เป็นไปตามเจตนารมณ์มาตรา ๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ฉะน้ันโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จึงได้จัดทาหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๓ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ใหเ้ ปน็ ไปดังน้ี ปีการศึกษา ๒๕๕8 ให้ใช้หลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕8 ตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ รายวิชาสาระเพ่ิมเตมิ กล่มุ สาระการงานอาชีพและ เทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4-6 หลักสูตรเรียนรว่ มอาชวี ศึกษาและมัธยมศกึ ษาตอนปลาย(ทวิศึกษา) ท้ังนี้หลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พื้นฐาน เมอ่ื วนั ที่ ๒ เดอื น มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ จงึ ประกาศใชห้ ลกั สตู รโรงเรียนต้งั แต่บดั น้เี ปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒ เดือน มีนาคม พุทธศักราช ๒๕60 (นายประมวล ฟองตา) (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑
๓ สารบญั คานา หนา้ ประกาศโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เรอ่ื งการใช้หลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ความนา 2 วิสยั ทศั น์ 4 หลกั การ 7 จดุ หมาย 7 สมรรถนะหลักของผู้เรียน 8 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 โครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย 9 โครงสรา้ งหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานและโครงสรา้ งหลักสูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 10 โครงสรา้ งเวลาเรียนระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาบญั ชี 11 12 โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ (สาขาบญั ช)ี โครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ (สาขาบญั ชี) 14 โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ (สาขาบญั ชี) 15 16 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้รายวิชาพนื้ ฐาน คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน 21 คาอธบิ ายรายวชิ ากลุ่มบงั คับเลอื ก 30 คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ 80 กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น 87 การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้และการสง่ เสริมการเรียนรูต้ ามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ 117 ระเบยี บโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ วา่ ดว้ ยการประเมินผลการเรยี นตามหลกั สูตรแกนกลาง 120 การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๘ เกณฑ์การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 124 ภาคผนวก 125 - ตารางการเทยี บโอนรายวิชา
๔ ความนา สบื เนือ่ งจากกระทรวงศกึ ษาธิการมนี โยบายในการผลติ ผูเ้ รียนด้านอาชีวศึกษาใหม้ ากขนึ้ เพือ่ รองรับการ จ้างงาน ทั้งภาคธุรกิจบริการ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาชีพที่เป็นความ ต้องการของตลาดแรงงานที่กาลังขยายตัวในทุกภาคส่วน กระทรวงศึกษาธิการซ่ึงเป็นหน่วยงานที่ผลิตกาลังคน จาเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ให้นักเรียนได้หันมาสนใจเรียนทางด้านอาชีพซึ่งมีตลาด รองรับอย่างแน่นอนให้มากข้ึน แต่เน่ืองจากสภาพปัจจุบันค่านิยมของผู้ปกครองและผู้เรียนมุ่งท่ีจะสนับสนุนให้มี การเรียนสายสามัญเพื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ส่งผลให้ขาดกาลังคนในภาคแรงงานเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงมี นโยบายท่ีจะให้มีการจัดการศึกษาหลักสูตรเรียนร่วมอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลายควบคู่กันไป เพ่ือให้ ผู้สาเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความรู้พ้ืนฐานด้านอาชีพและสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันที การจดั การอาชวี ศกึ ษาและฝึกอบรมวชิ าชพี ถือเปน็ อกี ชอ่ งทางหน่งึ ที่สอดคลอ้ งและสมั พันธก์ ับตลาดแรงงาน สามารถผลิตกาลังคนในระดบั ฝีมือท่ีได้มาตรฐาน สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ตระหนักถึงความสาคัญดังกล่าว จึงจัดให้มีการจัดการอาชีวศึกษาอย่าง หลากหลายย่ิงข้ึน ทั้งนี้เพื่อเปน็ การเพ่ิมโอกาสทางการศึกษาดา้ นวชิ าชีพใหแ้ ก่ประชาชนวยั เรียนและวัยทางานตาม ความถนัด ความสนใจ และสามารถเข้าถึงการอาชีวศึกษาได้ง่ายข้ึน โดยการขยายวิชาชีพและกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ ระบบการจัดการอาชีวศึกษาให้ชัดเจน ทั่วถึง และรวดเร็วขึ้น เพ่ือเป็นทางเลือกสาหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายที่มีความประสงค์จะเรียนควบคู่กันไปทั้งสายสามัญและสายอาชีพ เม่ือเรียนครบตามหลักสูตร ผู้เรียน สามารถสาเร็จการศึกษาทั้งหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและหลักสูตรสายอาชีพไปพรอ้ มกัน ท้ังนี้ได้ มีการกาหนดการจัดการเรียนการสอนโดยการทาความตกลงร่วมมือกันในการจัดการเรียนการสอนระหว่าง สถานศกึ ษาทเี่ ปดิ สอนมธั ยมศกึ ษากบั สถานศึกษา ท่ีเปิดสอนหลกั สตู ร ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.)
๕ วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่อื เพ่ิมโอกาสทางการศึกษาด้านอาชวี ศึกษาแกป่ ระชาชนวยั เรียนและวยั ทางานตามความถนดั และความสนใจ ๒. เพื่อขยายกลมุ่ เป้าหมายไปสู่นกั เรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายในการเขา้ สู่หลกั สูตรอาชวี ศึกษา ๓. เพอ่ื เปน็ ทางเลือกสาหรบั ผ้เู รยี นในระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายทีม่ ีความประสงค์จะเรียนควบคู่ ไปกับหลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ การจัดการศกึ ษาวิชาชพี ในสถานศกึ ษาสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ และทีแ่ ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ ๒) พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ซง่ึ ดาเนินการปฏริ ปู การศกึ ษาทั้งดา้ นการบริหารจดั การและการจัดการเรียนการสอน โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรยี น มี โอกาสเรียนร้ตู ลอดชีวิตตามความถนัด ความสนใจ โดยคานึงถงึ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ฝกึ ทักษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ และการประยกุ ต์ความรู้ เพ่ือนามาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา จดั กิจกรรมให้ผเู้ รียนได้เรยี นรู้จากประสบการณ์จรงิ ฝกึ การปฏบัตใิ ห้ท้ทาได้ คดิ เป็น ทาเปน็ รกั การอ่าน และเกดิ การ ใฝ่รู้อยา่ งต่อเนื่อง จัดการเรยี นการสอน โดยสดั สว่ นสมดลุ กนั รวมทง้ั ปลกู ฝงั คา่ นยิ มท่ีดีงาม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ไว้ในทุกวิชา ซ่งึ กระทรวงศกึ ษาธิการได้ออกกฎกระทรวงวา่ ด้วยการแบง่ ระดบั และประเภทการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เป็น ๓ ระดบั คือ ๑. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ๒. การศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา ๓. การศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษา แบง่ เปน็ ๒ ระดับ คือ ๓.๑ การศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๓.๒ การศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แบ่งระดับเป็น ๒ ประเภท คือ ๓.๒.๑ ประเภทสามัญศึกษา ๓.๒.๒ ประเภทอาชวี ศึกษา สาหรับการจัดการศึกษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลายได้ถูกแบ่งการศึกษาออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้ ประเภทสามญั ศกึ ษา หนว่ ยงานทรี่ ับผิดชอบ คอื สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน และประเภท อาชวี ศกึ ษา หนว่ ยงานท่ีรัผิดชอบ คือสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จากสภาวะการณ์ปจั จบุ ันท่ีต้อง เผชิญการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีอยา่ งรวดเรว็ ทาใหท้ ุกคนในสังคมต้องพยายามปรับตวั ให้สามารถดารงชวี ติ อยู่ได้ จึงทาใหส้ ังคมหนั มาให้ความสนใจกบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ด้วยการศึกษามากข้นึ โดยเฉพาะอย่างย่ิงด้านอาชีวศกึ ษา ทง้ั นี้ เพอ่ื ตอบสนองต่อความตอ้ งการท้ังในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ กอปรกบั รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธกิ าร ได้ใหค้ วามสาคัญกับการจดั การอาชีวศกึ ษาเพื่อต้องการให้นกั เรยี นสนใจ เรียนสายอาชีพมากขึ้น เม่อื สาเร็จการศึกษาแลว้ สามารถทางานได้ทนั ที ดงั น้ันเพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกลา่ ว ขา้ งต้น จงึ กาหนดให้ดาเนินการเปิดสอนหลกั สูตร ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ในโรงเรยี นมัธยม สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน ใน ๓ ลักษณะ คือ
๖ ลักษณะที่ ๑ ข้ึนทะเบยี นเป็นนักเรียนของสถานศกึ ษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ ลักษณะท่ี ๒ อาชวี ศึกษาเรยี นหลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) จบแล้วไดว้ ฒุ ปิ ระกาศนยี บัตร ลกั ษณะท่ี ๓ วชิ าชพี (ปวช.) คือ รูปแบบที่ ๑ บุคลากรจากสถานศกึ ษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการ อาชวี ศกึ ษา ไปสอนที่โรงเรียนในสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน รูปแบบที่ ๒ โรงเรยี นในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานสง่ นักเรียนมาเรียนทีส่ ถานศึกษาในสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ขึ้นทะเบียนเป็นนกั เรยี นของสถานศึกษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขน้ั พื้นฐานเรียนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย แตเ่ นน้ วิชาชพี ตามหลักสตู รจบแลว้ ไดว้ ฒุ ิ มธั ยมศึกษาตอนปลายมี ๒ รูปแบบ คอื รูปแบบท่ี ๑ นักเรยี นเรียนรายวชิ าเพ่ิมเตมิ จากรายวิชาชีพหลกั สตู รประกาศนยี บัตร วิชาชีพ (ปวช.) เพือ่ เทยี บโอนเขา้ สู่หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ และ ตอ้ งลงทะเบยี นเปน็ นกั เรยี นของสถานศึกษาในสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เพื่อเรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) อีกอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรยี น จึงจะได้ วฒุ ปิ ระกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ รูปแบบที่ ๒ นกั เรยี นเรียนรายวิชาเพมิ่ เตมิ จากรายวชิ าตามหลักสูตรประกาศนียบตั ร วชิ าชพี (ปวช.) เพอ่ื เป็นพ้ืนฐานการเรยี นต่อระดับประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชน้ั สูง (ปวส.) ขนึ้ ทะเบยี นเป็นนักเรียนของสถานศกึ ษาสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ข้นั พืน้ ฐาน แตน่ าหลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ มาจัดการเรยี น การสอน จบแล้วไดว้ ฒุ ิประกาศนียบตั รวชิ าชพี โดยให้สถานศึกษาสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษาเปน็ สถานศึกษาพี่เล้ียง ท้ังนี้ ในการเปิดสอนนนั้ ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑก์ ารขอเปิดสอนหลักสตู รระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ในโรงเรยี นมัธยมศกึ ษา สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน
๗ การเรยี นแบบสะสมหนว่ ยกติ การจัดการอาชวี ศึกษาและฝกึ อบรมวิชาชพี เปน็ การจัดการศกึ ษาวชิ าชีพให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ ตลาดแรงงาน ให้สามารถผลติ กาลังคนได้ตามเป้าหมายของประเทศรวมท้งั มที กั ษะฝีมือท่ีไดม้ าตรฐาน สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาจงึ เหน็ สมควรปรับปรุงรปู แบบการบรหิ ารจดั การอาชีวศกึ ษาให้มคี วามหลากหลาย เหมาะสม เพ่อื เพมิ่ โอกาสในการศึกษาดา้ นวชิ าชพี สาหรับประชาชนวยั เรยี นและวยั ทางานตามความถนัดและความสนใจ ในการเข้าถงึ การศึกษาอาชีวศกึ ษาไดง้ า่ ยมากขึน้ ตอ้ งขยายวธิ กี ารและกลุม่ เปา้ หมาย เพื่อเพม่ิ โอกาสให้สามารถเขา้ ส่รู ะบบ การจดั การศึกษาอาชวี ศกึ ษาไดอ้ ย่างชัดเจน ท่วั ถงึ และรวดเร็ว นับเปน็ ทางเลือกสาหรบั ประชาชนผสู้ นใจ นักเรียนระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม. ๑-๓) และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๔-๖) ทม่ี คี วามประสงคจ์ ะเพ่ิมพนู หรอื สะสมความรู้ ทกั ษะและเตรียมตวั ทีจ่ ะเข้าศึกษาในระดบั อาชวี ศกึ ษาต่อไป การเรยี นรายวิชาสะสมหนว่ ยกติ ซงึ่ ประกอบด้วยรายวชิ าระยะส้นั รายวิชาเตรยี ม ปวช. และรายวิชาเตรยี ม ปวส. จะเป็นแนวทางหนง่ึ ในการเพิม่ โอกาสทางดา้ นอาชีวศึกษาในกบั ผสู้ นใจ นกั เรียนทีเ่ รียนในระดับตา่ กว่ามธั ยมศึกษา ตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ไดม้ โี อกาสศกึ ษาในหลกั สูตรอาชีวศึกษาตามความถนดั และความสนใจ โดยสามารถนา ผลการเรียนจากรายวชิ าดังกลา่ ว มาขอโอนเพอ่ื นบั จานวนหนว่ ยกิตสะสมภายหลงั จากทไี่ ดส้ มคั รเข้าเรียน และข้ึนทะเบยี น เป็นนกั เรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) หรอื เป็นนักศึกษาตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้นั สงู (ปวส.) กบั สถานศกึ ษาในสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา วสิ ยั ทศั น์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ มงุ่ จดั การศึกษาสาหรบั เด็กดอ้ ยโอกาสทมี่ ีคณุ ภาพและมาตรฐาน พัฒนาผ้เู รยี นให้เป็นบุคคลทมี่ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ทักษะอาชพี และทักษะการดารงชีวติ ท่ีดแี ละเปน็ สถานศกึ ษา ตน้ แบบแหลง่ เรยี นรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภายในปี ๒๕๕๘ หลกั การ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ มีหลกั การท่สี าคญั ดงั น้ี ๑. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาเพอ่ื ความเปน็ เอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้เปน็ เป้าหมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพ้ืนฐานของความเปน็ ไทย ควบคู่กบั ความเปน็ สากล ๒. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ท่ีประชาชนทุกคนมโี อกาสได้รับการศึกษาอยา่ งเสมอภาค และมี คณุ ภาพ ๓. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถ่นิ ๔. เป็นหลกั สตู รการศึกษาทมี่ ีโครงสร้างยดื หย่นุ ท้ังดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ ๕. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคัญ ๖. เปน็ หลักสตู รการศึกษาสาหรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลมุ ทกุ กลุม่ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
๘ จดุ หมาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ม่งุ พัฒนาผู้เรยี นให้เปน็ คนดี มีปัญญา มคี วามสุข มีศักยภาพใน การศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ จงึ กาหนดเปน็ จดุ หมายเพ่ือใหเ้ กิดกบั ผ้เู รียน เม่ือจบการศกึ ษาตามหลกั สูตร ดังนี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยี และมีทกั ษะชวี ติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ทดี่ ี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลงั กาย ๔. มคี วามรักชาติ มีจติ สานึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถชี ีวติ และการปกครองตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิต สาธารณะท่มี ุ่งทาประโยชน์และสรา้ งสง่ิ ท่ดี ีงามในสังคม และอยูร่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น หลักสูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลาง พ.ศ. ๒๕๕๑ มุ่ง พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีสมรรถนะสาคญั ๕ ประการตามเจตนารมณข์ องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ดังน้ี ๑. ความสามารถในการส่อื สาร เป็นความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพือ่ แลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสาร และ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทงั้ เจรจาต่อรองเพ่ือขจดั และลดปัญหาความ ขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรบั หรอื ไมร่ ับข้อมลู ข่าวสารด้วยหลักเหตผุ ล และความถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธกี าร สอื่ สารท่ีมีประสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบที่มตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอยา่ ง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสรา้ งองค์ความร้หู รอื สารสนเทศเพื่อ การตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ทเี่ ผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพน้ื ฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา และมกี ารตดั สินใจท่ีมีประสิทธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทเี่ กิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง การทางานและการอยูร่ ่วมกันในสงั คมด้วย การสรา้ งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบคุ คล การจัดการปัญหาและความขดั แย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทนั กับการเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ มและการรู้จกั หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ที่ สง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใชเ้ ทคโนโลยีดา้ น ตา่ ง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสือ่ สาร การทางาน การแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม
๙ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ พัฒนาผูเ้ รียนให้มคี ณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพอื่ ให้ผู้เรยี นสามารถ อยู่รว่ มกบั ผูอ้ ่ืนในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ ในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลกดงั นี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ๓. มีวินัย ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพียง ๖. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ
๑๐ โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ โครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประกอบดว้ ย โครงสรา้ งเวลาเรยี นและโครงสร้างชัน้ ปี ดงั นี้ 1. โครงสรา้ งเวลาเรยี น เป็นโครงสร้างทแี่ สดงรายละเอียดในภาพรวม เวลาเรียนของกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระ ใชเ้ ปน็ เวลาเรยี นพ้ืนฐาน เวลาเรยี นเพ่มิ เตมิ และเวลาในการจัดกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน จาแนกแตล่ ะช้ันปี โครงสร้างเวลาเรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ / กิจกรรม เวลาเรยี น ม.๔ ม.๕ ม.๖ รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๔๐ - รวมรายวชิ าพ้ืนฐานทัง้ หมด ๔๐ ๔๐ ๔๐ รายวชิ าเพ่ิมเติม กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ชมุ นุม/ นศท./ ผู้บาเพ็ญประโยชน์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๒๐ รวมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ๑,๖๔๐ ชั่วโมง ไมเ่ กินกว่า ๑,๖๐๐ ช่วั โมง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐ ชวั่ โมง
๑๑ โครงสร้างหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และ โครงสร้างหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน โครงสรา้ งหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ า หนว่ ยกติ รายวชิ า หนว่ ยกติ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ๔๑ นก. ๑.หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๒ นก. ๑.๑ กลมุ่ วิชาภาษาไทย ไม่นอ้ ยกวา่ ๓ นก. ๑.๑ ภาษาไทย ๖ นก. ๑.๒ ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ) ๖ นก. ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาตา่ งประเทศ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ นก. ๑.๓ วิทยาศาสตร์ ๖ นก. ๑.๓ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่น้อยกวา่ ๔ นก. ๑.๔ คณิตศาสตร์ ๖ นก. ๑.๔ กล่มุ วชิ าคณติ ศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่า ๔ นก. ๑.๕ สังคมศกึ ษาฯ ๘ นก. ๑.๕ กลุ่มวิชาสังคมศึกษา ไมน่ ้อยกว่า ๓ นก. ๑.๖ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๓ นก. ๑.๖ กลมุ่ วชิ าสุขศกึ ษาและพลศึกษา ไม่น้อยกว่า ๒ นก. ๑.๗ ศลิ ปศึกษา ๓ นก. ๑.๘ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๓ นก. ๒.รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไมเ่ กนิ กวา่ ๔๐ นก. ๒.หมวดวชิ าทกั ษะวิชาชีพ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๑ นก. ๒.๑ กล่มุ ทกั ษะวชิ าชีพพน้ื ฐาน ไมน่ ้อยกวา่ ๑๘ นก. ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๓๖๐ ชว่ั โมง ๒.๒ กลุ่มทกั ษะวิชาชีพเฉพาะ รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘๑ นก. ๒.๓ กลมุ่ ทกั ษะวิชาชพี เลอื ก ๒๔ นก. ๒.๔ ฝกึ ประสบการณ์ทักษะวิชาชพี ไม่นอ้ ยกว่า ๒๑ นก. ๒.๕ โครงการพัฒนาทักษะวิชาชพี ๓.หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๔ นก. ๔.กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร ๔ นก. รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ นก. ๒ ชวั่ โมงตอ่ สปั ดาห์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๓ นก.
๑๒ โครงสร้างเวลาเรยี นระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) สาขาการโรงแรม กล่มุ สาระการเรียนรู้ / กิจกรรม เวลาเรยี น ปวช.๑ ปวช.๒ ปวช.๓ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณติ ศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สังคมศึกษาฯ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ศิลปศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๖๐ รวมรายวิชาพ้นื ฐานทั้งหมด รายวชิ าเพ่ิมเติม ๑,๖๘๐ ชั่วโมง หน้าทพี่ ลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมรายวชิ าเพ่ิมเติม ไมเ่ กินกวา่ ๑,๖๐๐ ชวั่ โมง กลุ่มวิชาเลอื ก (การโรงแรม) ความรู้เกยี่ วกบั งานอาชีพ 40 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ 60 อุตสาหกรรมทอ่ งเท่ียว 60 ความปลอดภยั ในงานโรงแรม 40 งานครวั โรงแรม 80 ภาษาอังกฤษในงานบริการอาหารและเคร่ืองดม่ื 60 ศลิ ปวัฒนธรรมไทย 60 ศลิ ปะการใหบ้ ริการ 60 การพัฒนาบุคลิกภาพ 60 งานแมบ่ า้ นโรงแรม 80 ภาษาอังกฤษสาหรับงานแม่บ้านโรงแรม 60 พฤติกรรมนักทอ่ งเท่ยี ว เครอ่ื งใช้สานักงานในงานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 40 งานบริการอาหารและเครอื่ งด่ืม 60 80
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ / กจิ กรรม ปวช.๑ เวลาเรยี น ๑๓ ปวช.๒ ภัตตาคารและการจดั เลี้ยง ๑,๒๐๐ 80 ปวช.๓ ภาษาอังกฤษในงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม ๔๐ 60 การตลาดเพ่ืออุตสาหกรรมท่องเท่ียว ๔๐ 40 60 ธุรกจิ โรงแรม ๔๐ 40 40 งานส่วนหน้าโรงแรม ๑๒๐ 60 80 เคร่อื งด่ืมและการผสมเคร่ืองด่ืม 60 40 ภาษาองั กฤษเพื่อการโรงแรม 80 ภาษาอังกฤษสาหรบั งานสว่ นหน้าโรงแรม 60 160 คอมพิวเตอร์ในงานโรงแรม 60 40 การพสั ดุโรงแรม 60 เบเกอร่ี ๑,๒๐๐ 80 การทอ่ งเทย่ี วเชิงวัฒนธรรม ๑,๒๐๐ 80 นันทนาการเพ่ือการท่องเท่ียว ๔๐ 80 โครงการ ๔๐ ๑,๑๒๐ การทอ่ งเทยี่ วเชิงเกษตร ๔๐ สนทนาภาษาองั กฤษในงานโรงแรม ๑๒๐ ๔๐ การจดั ตกแต่งสถานที่ ๓๖๐ ช่ัวโมง ๔๐ อาหารไทย แกะสลักผักและผลไม้ ๔๐ ๑๒๐ รวมวชิ าเลือก กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กจิ กรรมนกั เรียน - ชมุ นุม/ นศท./ ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ ๓. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ รวมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
๑๔ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ โครงสร้างรายวชิ าที่เปดิ สอนสาหรบั นกั เรยี นรายวชิ า ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ (สาขาการโรงแรม) ภาคเรยี นที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ หมายเหตุ รหัสวชิ า รายวิชา นน./นก ชม.ท่สี อน/ รหสั วิชา รายวชิ า นน./นก ชม.ท่ี สปั ดาห์ สอน/ กลุ่มรายวชิ าพนื้ ฐาน ๑.๐(๖๐) สัปดาห์ ๒ ๑.๐(๖๐) ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ๒ ค๓๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๔๐) ๒ ค๓๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ว๓๑๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ ๑ ส๓๑๑๐๓ สังคมศกึ ษาฯ ๐.๕(๒๐) ๒ ว๓๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑ ส๓๑๑๐๔ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ๑ พ๓๑๑๐๒ สุขศึกษาพลศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๑๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๑.๐(๔๐) ๑ ศ๓๑๑๐๒ ศิลปศึกษา ๑.๐(๔๐) ๑ ๒ ง๓๑๑๐๒ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๑ ส๓๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) อ๓๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ ๗.๐(๓๔๐) ๒ ๑๔ พ๓๑๑๐๑ สขุ ศึกษาพลศกึ ษา ๐.๕(๒๐) รวมกลมุ่ รายวชิ าพื้นฐาน 1.0(40) ๑๔ 2 1.5(60) ศ๓๑๑๐๑ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) 2 ทักษะภาษาจนี กลาง2 2 ศิลปวัฒนธรรมไทย 1.5(60) 3 ง๓๑๑๐๑ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) 3 ศิลปะการใหบ้ ริการ 1.5(60) 3 อ๓๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) 3 การพฒั นาบุคลิกภาพ 2.0(80) 2 งานแม่บ้านโรงแรม 1.5(60) 3 รวมกลมุ่ รายวิชาพืน้ ฐาน ๗.๐(๓๔๐) 4 ภาษาองั กฤษสาหรบั งาน 4 แมบ่ ้านโรงแรม กลุม่ รายวิชาเพมิ่ เติม (สาขาการโรงแรม) 3 3 ทักษะภาษาจนี กลาง1 1.0(40) ความร้เู กย่ี วกบั งานอาชพี 1.0(40) คอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 1.5(60) เพือ่ งานอาชพี อุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว 1.5(60) ความปลอดภยั ในงานโรงแรม 1.0(40) งานครัวโรงแรม 2.0(80) ภาษาองั กฤษในงานบรกิ าร 1.5(60) อาหารและเคร่อื งดม่ื รวมกลุม่ วิชาเลือก 9.๕ ๑9 รวมกลมุ่ วชิ าเลอื ก 9.0 ๑8 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน (๒๐) ๑.กิจกรรมแนะแนว (๒๐) ๑.กิจกรรมแนะแนว (๒๐) ๒.กิจกรรมนักเรียน (๒๐) ๒.กิจกรรมนกั เรียน -ชุมนมุ /นศท./ผบู้ าเพ็ญ -ชมุ นมุ /นศท./ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ (๒๐) ประโยชน์ (๒๐) ๓.กิจกรรมเพ่อื สังคมและ ๓.กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ (๖๐) สาธารณประโยชน์ (๖๐) รวมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน รวมกจิ กรรมพัฒนา รวมท้งั หมด ผ้เู รยี น รวมทัง้ หมด )
๑๕ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โครงสร้างรายวิชาท่เี ปดิ สอนสาหรบั นกั เรียนรายวชิ า ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ (สาขาบัญช)ี ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หมายเหตุ รหัสวชิ า รายวชิ า นน./ ชม.ที่สอน/ รหสั วชิ า รายวิชา ชม.ท่ี นก สัปดาห์ นน./นก สอน/ สัปดาห์ กล่มุ รายวชิ าพืน้ ฐาน ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ๑.๐(๖๐) ๒ ค๓๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ค๓๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ว๓๒๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ๑.๐(๔๐) ๒ ส๓๒๑๐๓ สงั คมศกึ ษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ว๓๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๒๑๐๔ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ๐.๕(๒๐) ๑ พ๓๒๑๐๒ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๒๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๐.๕(๒๐) ๑ ศ๓๒๑๐๒ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ พ๓๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๑.๐(๔๐) ๒ ศ๓๒๑๐๑ ศลิ ปศกึ ษา ๗.๐ ๑๔ (๓๔๐) ง๓๒๑๐๑ การงานอาชพี และ ๐.๕(๒๐) ๑ ง๓๒๑๐๒ การงานอาชีพและเทคโนโลยี เทคโนโลยี อ๓๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๒ อ๓๒๑๐๒ ภาษาอังกฤษ รวมกลมุ่ รายวิชาพื้นฐาน ๗.๐ ๑๔ รวมกลุม่ รายวชิ าพื้นฐาน (๓๔๐) กลมุ่ รายวิชาเพ่ิมเตมิ 1.0(4๐) 2 ทักษะภาษาจีนกลาง4 1.0(4๐) 2 ทกั ษะภาษาจนี กลาง3 ๑.๐(๔๐) 2 การตลาดเพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ๑.๐(๔๐) 2 1.5(60) 3 ธุรกจิ โรงแรม ๑.๐(๔๐) 2 กลุ่มวิชาเลอื ก (การโรงแรม) 2.0(80) 4 งานสว่ นหน้าโรงแรม 1.5(60) 3 พฤติกรรมนกั ทอ่ งเท่ยี ว 2.0(80) 4 1.5(60) 3 1.5(60) 3 เครอื่ งดืม่ และการผสมเครอ่ื งด่ืม 1.5(60) 3 เคร่อื งใช้สานักงานในงาน ภาษาอังกฤษเพ่อื การโรงแรม อุตสาหกรรมท่องเที่ยว 1.5(60) 3 ภาษาองั กฤษสาหรบั งานสว่ นหนา้ งานบรกิ ารอาหารและ โรงแรม เครื่องด่มื ภัตตาคารและการจัดเลยี้ ง ภาษาองั กฤษในงานบรกิ าร อาหารและเคร่ืองดื่ม รวมกลุ่มวิชาเลอื ก 9.0 ๑8 รวมกลุ่มวิชาเลอื ก 9.0 18 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน (๒๐) กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ๑.กิจกรรมแนะแนว (๒๐) ๒.กจิ กรรมนกั เรียน ๑.กิจกรรมแนะแนว (๒๐) -ชมุ นมุ /นศท./ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ (๒๐) ๓.กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ๒.กิจกรรมนกั เรียน (๒๐) (๖๐) รวมกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น -ชุมนุม/นศท./ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ รวมท้ังหมด ๓.กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและ (๒๐) สาธารณประโยชน์ รวมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน (๖๐) รวมทั้งหมด
๑๖ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวัดเชยี งใหม่ โครงสรา้ งรายวิชาท่ีเปดิ สอนสาหรบั นกั เรียนรายวชิ า ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ (สาขาบญั ช)ี ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หมาย เหตุ ชม.ที่ ชม.ท่ี รหัสวิชา รายวชิ า นน./นก สอน/ รหสั วิชา รายวิชา นน./นก สอน/ สัปดาห์ สปั ดาห์ กลมุ่ รายวิชาพนื้ ฐาน ๑.๐(๖๐) ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ๒ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ๑.๐(๔๐) ๒ สงั คมศกึ ษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ค๓๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ ๐.๕(๒๐) ๑ สขุ ศกึ ษาพลศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ว๓๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ๑ การงานอาชพี และ ๑ ส๓๓๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๐.๕(๒๐) เทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๑ ๑ ภาษาอังกฤษ ๒ ส๓๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) ๒ รวมกลมุ่ รายวชิ าพน้ื ฐาน ๑๔ พ๓๓๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๗.๐(๓๔๐) ๗.๐(๓๔๐) ๑๔ ๑ ศ๓๓๑๐๑ ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ 2 ง๓๓๑๐๑ การงานอาชพี และ 1.5(60) 3 เทคโนโลยี 3 4 1.0(40) 4 อ๓๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 2 2.0(80) 4 รวมกลุม่ รายวชิ าพ้ืนฐาน 1.0(40) 4 2 18 กลุ่มรายวชิ าเพ่มิ เตมิ 2.0(80) ทักษะภาษาจีนกลาง6 ๐.๕(๒๐) 4 ทกั ษะภาษาจนี กลาง5 กลุ่มวิชาเลือก (การโรงแรม) การทอ่ งเท่ยี วเชงิ เกษตร 1.0(40) สนทนาภาษาอังกฤษในงาน 1.5(60) คอมพิวเตอร์ในงานโรงแรม โรงแรม 2.0(80) การจัดตกแต่งสถานท่ี 2.0(80) การพัสดโุ รงแรม อาหารไทย 2.0(80) เบเกอรี่ การแกะสลกั ผักและผลไม้ การท่องเทย่ี วเชิงวฒั นธรรม นันทนาการเพอ่ื การ ท่องเที่ยว โครงการ 4.0(160) 8 รวมกล่มุ วิชาเลือก 9 12 24 กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน (๒๐) รวมกลุ่มวชิ าเลือก (๒๐) (๒๐) กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน (๒๐) ๑.กจิ กรรมแนะแนว (๒๐) ๑.กจิ กรรมแนะแนว (๒๐) ๒.กิจกรรมนักเรยี น ๒.กจิ กรรมนกั เรียน (๖๐) -ชุมนุม/นศท./ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ (๖๐) -ชมุ นุม/นศท./ผบู้ าเพ็ญ ๓.กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ประโยชน์ รวมกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ๓.กจิ กรรมเพ่ือสังคมและ รวมท้ังหมด สาธารณประโยชน์ รวมกิจกรรมพฒั นา ผเู้ รียน รวมทั้งหมด
๑๗ โครงสรา้ ง หลกั สตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ผ้สู าเรจ็ การศึกษาตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช ๒๕๕๘ จะตอ้ งศึกษา รายวิชาจากหมวดวิชาตา่ งๆ ตามกลมุ่ สาระการ เรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระการเรียนร้รู วม ๓ ปี จานวน ๑,๖๔๐ ชัว่ โมง (๔๑ หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ๓๖๐ ชวั่ โมง และรายวิชา/กจิ กรรมที่สถานศึกษาจดั เพิม่ เติมตาม ความพร้อมและจดุ เนน้ ปลี ะไมน่ อ้ ยกวา่ ๑,๖๐๐ ช่ัวโมง (๔๐หนว่ ยกิต) รวม ๓ ปีไมน่ ้อยกวา่ ๓,๖๐๐ ชวั่ โมง ดงั โครงสร้างต่อไปนี้ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ไมน่ ้อยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกิต ๑.๑ กลุ่มวชิ าภาษาไทย (ไมน่ อ้ ยกว่า ๖ หน่วยกิต) ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) (ไม่น้อยกวา่ ๖ หน่วยกติ ) ๑.๓ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ (ไมน่ อ้ ยกว่า ๖ หน่วยกติ ) ๑.๔ กลมุ่ วชิ าคณิตศาสตร์ (ไม่น้อยกวา่ ๖ หน่วยกิต) ๑.๕ กล่มุ วิชาสงั คมศึกษาฯ (ไมน่ อ้ ยกว่า ๘ หนว่ ยกติ ) ๑.๖ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา (ไม่น้อยกวา่ ๓ หน่วยกิต) ๑.๗ กลุม่ วิชาศลิ ปศึกษา (ไม่น้อยกว่า ๓ หน่วยกิต) ๑.๘ กล่มุ วชิ าการงานอาชีพและเทคโนโลยี (ไม่นอ้ ยกวา่ ๓ หนว่ ยกติ ) ๒.รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๔๐ นก. ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชว่ั โมง) รวมไม่นอ้ ยกวา่ ๘๑ นก. ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกติ ใหเ้ รยี นรายวิชาลาดับแรกของกล่มุ วชิ า หรือตามทก่ี ลุ่มวิชากาหนด และเรยี นรายวชิ าสว่ นท่เี หลอื ตามท่ี กาหนดในแต่ละกลุ่มวิชา ให้สอดคล้องหรอื สมั พันธ์กับสาขาวิชาท่ีเรียนอีก รวมไม่น้อยกวา่ ๔๑ หน่วยกติ ๑.๑ ภาษาไทย (ไมน่ อ้ ยกว่า ๖ หน่วยกติ ) รหสั วชิ า ชือ่ วชิ า หนว่ ยกติ ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ภาษาไทย
๑.๒ กลุม่ วิชาภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) (ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หน่วยกิต) ๑๘ รหสั วชิ า ชื่อวชิ า หนว่ ยกติ อ๓๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๒ ภาษาอังกฤษ หนว่ ยกติ อ๓๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ๑.๓ วิทยาศาสตร์ (ไมน่ ้อยกว่า ๖ หน่วยกิต) ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) รหสั วชิ า ชื่อวชิ า ว๓๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยกติ ๑.๐(๖๐) ว๓๑๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยกติ ๑.๐(๔๐) วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) ๑.๔ คณติ ศาสตร์ (ไมน่ ้อยกว่า ๖ หนว่ ยกิต) ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) รหสั วชิ า ช่อื วชิ า ๑.๐(๔๐) ค๓๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ค๓๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ ค๓๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ค๓๒๑๐๒ คณิตศาสตร์ ค๓๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ ๑.๕ สงั คมศกึ ษาฯ (ไม่นอ้ ยกว่า ๘ หนว่ ยกิต) รหสั วชิ า ชอื่ วชิ า ส๓๑๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ส๓๑๑๐๓ สังคมศึกษาฯ ส๓๒๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ส๓๒๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ส๓๓๑๐๑ สังคมศึกษาฯ สังคมศึกษาฯ
๑๙ ส๓๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๑๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๓๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑.๖ สุขศกึ ษาและพลศึกษา (ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ หนว่ ยกติ ) หนว่ ยกติ รหสั วชิ า ชอื่ วชิ า ๐.๕(๒๐) พ๓๑๑๐๑ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๑๑๐๒ สุขศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๒ สุขศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๐.๕(๒๐) สขุ ศึกษาพลศึกษา ๑.๗ ศิลปศึกษา (ไม่นอ้ ยกว่า ๓ หน่วยกติ ) รหสั วชิ า ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ ศ๓๑๑๐๑ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๑๑๐๒ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๑ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๒ ศิลปศึกษา ศ๓๓๑๐๑ ศลิ ปศึกษา ศิลปศกึ ษา ๑.๘ การงานอาชพี และเทคโนโลยี (ไม่น้อยกวา่ ๓ หนว่ ยกติ ) รหสั วชิ า ชอื่ วชิ า หนว่ ยกติ ง๓๑๑๐๑ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๑๑๐๒ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๒ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ง๓๓๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี การงานอาชีพและเทคโนโลยี
๒๐ ๒.รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ชอื่ วชิ า ไมน่ ้อยกวา่ ๔๐ นก. รหสั วชิ า หน้าท่พี ลเมือง หนา้ ทพ่ี ลเมือง หนว่ ยกติ หน้าทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทพี่ ลเมือง ๐.๕(๒๐) หนา้ ท่ีพลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชวั่ โมง) รหสั วชิ า ช่อื วชิ า หนว่ ยกติ กิจกรรมแนะแนว ๒๐ชว่ั โมงตอ่ ปี ๒๐ชว่ั โมงตอ่ ปี กิจกรรมนักเรยี น ๒๐ชว่ั โมงตอ่ ปี -ชุมนุม/นศท./ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
๒๑ สาระและมาตรฐานการเรยี นรรู้ ายวชิ าพนื้ ฐาน สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเกณฑใ์ นการกาหนดคณุ ภาพของผ้เู รียนเมื่อเรียนจบการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ซง่ึ กาหนดไว้ ดงั รายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี ภาษาไทย สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รกั การอ่าน สาระท่ี ๒ : การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราว ในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ สาระที่ ๓ : การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ : สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสร้างสรรค์ สาระที่ ๔ : หลกั การใชภ้ าษา มาตรฐาน ท ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ สาระที่ ๕ : วรรคดี และวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ : เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น คณุ คา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง
๒๒ คณิตศาสตร์ สาระท่ี ๑ : จานวนและการดาเนนิ การ มาตรฐาน ค ๑.๑ : เขา้ ใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนและการใช้จานวนในชวี ิตจรงิ มาตรฐาน ค ๑.๒ : เขา้ ใจถงึ ผลทีเ่ กิดข้ึนจากการดาเนินการของจานวนและความสมั พนั ธร์ ะหว่างการ ดาเนนิ การตา่ ง ๆ และสามารถใช้การดาเนนิ การในการแก้ปญั หา มาตรฐาน ค ๑.๓ : ใชก้ ารประมาณคา่ ใจการคานวณ และแกป้ ญั หา มาตรฐาน ค ๑.๔ : เข้าใจในระบบจานวน และสามารถนาสมบัตเิ กย่ี วกบั จานวนไปใช้ สาระท่ี ๒ : การวดั มาตรฐาน ค ๒.๑ : เข้าใจพ้ืนฐานเกีย่ วกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ทต่ี ้องการวดั มาตรฐาน ค ๒.๒ : แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั การวัด สาระท่ี ๓ : เรขาคณติ มาตรฐาน ค ๓.๑ : อธบิ ายและวิเคราะห์รปู เรขาคณติ สองมิติและสามมติ ิ มาตรฐาน ค ๓.๒ : ใชก้ ารนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกยี่ วกับปรภิ มู ิ (spatial reasoning) และ ใชแ้ บบจาลองทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแกป้ ัญหา สาระท่ี ๔ : พชี คณติ มาตรฐาน ค ๔.๑ : อธิบายและวเิ คราะห์แบบรปู (pattern) ความสมั พนั ธ์ และฟงั กช์ นั ต่าง ๆ มาตรฐาน ค ๔.๒ : ใช้นพิ จน์ สมการ อสมการ กราฟ และตวั แบบเชงิ คณิตศาสตร์ (Mathematical model) อืน่ ๆ แทนสถานการณ์ตา่ ง ๆ ตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้ แก้ปัญหา สาระที่ ๕ : การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และความนา่ จะเปน็ มาตรฐาน ค ๕.๑ : เขา้ ใจและใชว้ ธิ ีการทางสถิติในการวเิ คราะห์ข้อมูล มาตรฐาน ค ๕.๒ : ใชว้ ิธีการทางสถติ แิ ละความรูเ้ ก่ยี วกับความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล มาตรฐาน ค ๕.๓ : ใช้ความรูเ้ กี่ยวกับสถิตแิ ละความน่าจะเปน็ ช่วยในการตดั สนิ ใจและแก้ปัญหา สาระท่ี ๖ : ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ มาตรฐาน ค ๖.๑ : มีความสามารถในการแก้ปญั หา การใหเ้ หตุผล การส่ือสาร การส่ือความหมายทาง คณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละ เชอื่ มโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตรอ์ ่ืน ๆ และมคี วามคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์
๒๓ วิทยาศาสตร์ สาระท่ี ๑ : สงิ่ มชี วี ติ กบั กระบวนการดารงชวี ติ มาตรฐาน ว ๑.๑ : เข้าใจหน่วยพนื้ ฐานของสง่ิ มชี วี ิต ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ อง ระบบตา่ ง ๆ ของสิ่งมีชวี ิตท่ีทางานสมั พนั ธก์ ัน มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอื่ สารส่ิงท่ีเรยี นรู้ และนาความรไู้ ปใช้ในการดารงชีวิตของตนเอง และดูแล สิ่งมีชีวติ มาตรฐาน ว ๑.๒ : เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม วิวัฒนาการของสงิ่ มีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชเ้ ทคโนโลยีชวี ภาพ ที่มผี ลกระทบต่อมนุษย์ และสิ่งแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และ จติ วิทยาศาสตร์ ส่อื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรู้และนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๒ : ชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว ๒.๑ : เขา้ ใจส่ิงแวดลอ้ มในท้องถิ่น ความสัมพนั ธร์ ะหว่างส่งิ แวดลอ้ มกบั ส่ิงมชี วี ติ ความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งสิง่ มีชีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ ส่อื สารสง่ิ ทเี่ รยี นรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๒ : เขา้ ใจความสาคญั ของทรพั ยากรธรรมชาติ การใชท้ รัพยากรธรรมชาติในระดับ ท้องถิ่น ประเทศ และโลก นาความรู้ไปใช้ในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มในท้องถิ่นอยา่ งย่งั ยืน สาระท่ี ๓ : สารและสมบตั ขิ องสาร มาตรฐาน ว ๓.๑ : เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบัตขิ องสารกับโครงสร้างและแรง ยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาค มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สือ่ สารสิง่ ทเี่ รียนรู้และนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๓.๒ : เข้าใจหลกั การและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏกิ ิริยา มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่อื สารสิง่ ที่ เรยี นรแู้ ละนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๔ : แรงและการเคล่อื นที่ มาตรฐาน ว ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตแิ ละแรงแมเ่ หล็กไฟฟา้ แรงโนม้ ถว่ ง และแรงนิวเคลียร์ มี กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สือ่ สารสิง่ ทเ่ี รียนรู้และนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ อย่างถกู ต้องและมคี ุณธรรม มาตรฐาน ว ๔.๒ : เขา้ ใจลกั ษณะการเคล่ือนท่แี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุในธรรมชาติ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่ิงทเ่ี รียนรู้ และนาความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ สาระท่ี ๕ : พลงั งาน มาตรฐาน ว ๕.๑ : เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลงั งานกับการดารงชวี ติ การเปล่ียนรูปพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลงั งานตอ่ ชวี ติ และ สงิ่ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือ่ สารส่ิงท่ีเรียนรแู้ ละนาความรไู้ ป ใชป้ ระโยชน์
๒๔ สาระที่ ๖ : กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลก มาตรฐาน ว ๖.๑ : เขา้ ใจกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ บนผวิ โลกและภายในโลก ความสัมพนั ธข์ อง กระบวนการตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ ภูมปิ ระเทศ และสณั ฐาน ของโลก มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระท่ี ๗ : ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ มาตรฐาน ว ๗.๑ : เขา้ ใจววิ ฒั นาการของระบบสรุ ยิ ะ กาแล็กซีและเอกภาพ การปฏสิ มั พนั ธ์ภายใน ระบบสรุ ิยะและผลต่อสง่ิ มีชีวติ บนโลก มีกระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละ จติ วทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๗.๒ : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศทน่ี ามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรพั ยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการส่ือสาร มกี ระบวนการสบื เสาะ หาความรแู้ ละ จติ วิทยาศาสตร์ สอ่ื สารสง่ิ ท่ีเรียนรูแ้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ อย่างมคี ณุ ธรรมต่อชีวติ และสิ่งแวดล้อม สาระท่ี ๘ : ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๑ : ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกดิ ขึ้นสว่ นใหญม่ รี ูปแบบที่ แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือที่มอี ยใู่ นชว่ ง เวลาน้ัน ๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม มีความ เก่ียวข้องสมั พันธ์กนั
๒๕ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ ๑ : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ : รู้และเข้าใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรือ ศาสนาทตี่ นนับถือและศาสนาอ่ืน มศี รทั ธาท่ถี ูกต้อง ยดึ ม่ันและปฏบิ ตั ติ าม หลกั ธรรมเพื่ออยรู่ ่วมกันอย่างสนั ติสุข มาตรฐาน ส ๑.๒ : เข้าใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนทด่ี ี และธารงรักษาพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถือ สาระท่ี ๒ : ชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ส ๒.๑ : เขา้ ใจและปฏบิ ตั ติ นตามหนา้ ที่ของการเปน็ พลเมืองดี มีค่านิยมทด่ี ีงาม และธารง รกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชวี ิตอย่รู ่วมกนั ในสังคมไทยและสังคม โลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ มาตรฐาน ส ๒.๒ : เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบนั ยดึ ม่ัน ศรัทธา และธารง รักษาไวซ้ ึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ สาระที่ ๓ : เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ : เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรท่มี ีอยูจ่ ากดั ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและคุ้มค่า รวมทงั้ เขา้ ใจหลักการของ เศรษฐกิจอย่างพอเพยี ง เพ่อื การดารงชวี ติ อยา่ งมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ : เขา้ ใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธท์ างเศรษฐกิจ และความจาเปน็ ของการร่วมมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก สาระท่ี ๔ : ประวตั ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ : เขา้ ใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถ ใช้วธิ ีการทางประวัติศาสตรม์ าวิเคราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเปน็ ระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ : เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาตจิ ากอดีตจนถงึ ปจั จบุ ันในด้านความสมั พันธ์ และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อยา่ งต่อเน่อื ง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถ วเิ คราะหผ์ ลกระทบทีเ่ กิดข้นึ มาตรฐาน ส ๔.๓ : เขา้ ใจความเปน็ มาของชาติไทย วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มีความรัก มีความ ภูมิใจ และธารงความเป็นไทย สาระที่ ๕ : ภมู ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ : เขา้ ใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งซึ่งมผี ลต่อกนั และกันในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนท่ี และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ในการคน้ หา วเิ คราะห์ สรปุ และใชข้ ้อมลู ภมู สิ ารสนเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ มาตรฐาน ส ๕.๒ : เขา้ ใจปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างมนุษย์กบั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพทก่ี ่อใหเ้ กิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจติ สานึกและมสี ่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มเพ่ือการพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื
๒๖ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สาระท่ี ๑ : การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องการเจรญิ เตบิ โต และพฒั นาการของมนุษย์ สาระที่ ๒ : ชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน พ ๒.๑ : เข้าใจและเห็นคณุ คา่ ของตนเอง ครอบครวั เพศศึกษา และมีทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต สาระที่ ๓ : การเคลอ่ื นไหว การออกกาลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ : เขา้ ใจ มที กั ษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ : รักการออกกาลงั กาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเปน็ ประจาอยา่ ง สมา่ เสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มีน้าใจนักกีฬา มีจติ วญิ ญาณในการ แขง่ ขนั และช่ืนชมในสุนทรยี ภาพของการกฬี า สาระท่ี ๔ : การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการป้องกนั โรค มาตรฐาน พ ๔.๑ : เห็นคุณค่า และมีทักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดารงสุขภาพ การป้องกนั โรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพือ่ สขุ ภาพ สาระที่ ๕ : ความปลอดภยั ในชวี ติ มาตรฐาน พ ๕.๑ : ป้องกันและหลกี เลย่ี งปัจจัยเสี่ยง พฤตกิ รรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพ อุบัติเหตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรุนแรง
๒๗ ศลิ ปะ สาระท่ี ๑ : ทศั นศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ : สร้างสรรคง์ านทศั นศิลปต์ ามจนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์คุณค่างานทัศนศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดต่องานศลิ ปะ อยา่ งอสิ ระ ช่นื ชมและประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างทัศนศิลป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่า งานทศั นศิลป์ทีเ่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ภมู ิปัญญาไทยและสากล สาระท่ี ๒ : ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ : เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์คณุ คา่ ดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ : เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์และวฒั นธรรม เหน็ คุณค่าของ ดนตรีทเ่ี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล สาระท่ี ๓ : นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ : เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณค์ ุณค่า นาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ : เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรม เห็นคุณค่า ของนาฏศลิ ป์ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล
๒๘ การงานอาชพี และเทคโนโลยี สาระท่ี ๑ : การดารงชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน ง ๑.๑ : เข้าใจการทางาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการ จดั การ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะการทางานร่วมกนั และทักษะการแสวงหา ความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะนิสยั ในการทางาน มีจิตสานึกในการใช้พลงั งาน ทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อมเพื่อการดารงชวี ติ และครอบครัว สาระท่ี ๒ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๒.๑ : เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้างสิ่งของเครอื่ งใช้ หรือวิธกี าร ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรคต์ อ่ ชีวิต สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม และมีสว่ นร่วมในการ จัดการเทคโนโลยีท่ีย่ังยืน สาระที่ ๓ : เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร มาตรฐาน ง ๓.๑ : เขา้ ใจ เห็นคณุ คา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศในการสืบคน้ ข้อมลู การเรยี นรู้ การสอ่ื สาร การแก้ปญั หา การทางาน และอาชพี อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล และมีคุณธรรม สาระที่ ๔ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๔.๑ : เขา้ ใจ มีทักษะที่จาเปน็ มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยีเพื่อ พฒั นาอาชพี มคี ุณธรรม และมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่ออาชพี
๒๙ ภาษาตา่ งประเทศ สาระที่ ๑ : ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร มาตรฐาน ต ๑.๑ : เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟงั และอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ : มที ักษะการส่ือสารทางภาษา ในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู ึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ : นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งต่าง ๆ โดยการ พูดและการเขยี น สาระท่ี ๒ : ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ : เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สาระที่ ๓ : ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้อน่ื มาตรฐาน ต ๓.๑ : ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่อื มโยงความรกู้ ับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่นและเปน็ พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้และเปดิ โลกทัศน์ของตน สาระที่ ๔ : ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ : ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชนและสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ : ใชภ้ าษาต่างประเทศเปน็ เครอ่ื งมอื พื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ ับสังคมโลก
๓๐ ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรอง ประเภทโคลง ได้อยา่ งถกู ต้อง จับใจความสาคัญ วเิ คราะหว์ ิจารณ์ และตอบคาถามจากเร่ืองท่อี ่านอยา่ งมเี หตผุ ล เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเร่ืองทีอ่ ่าน เขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ สงั เคราะห์ความรจู้ ากส่ือส่ิงพิมพ์ สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์และแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆ เขียน ส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา ไดถ้ กู ต้องตรงตามวัตถุประสงค์ มีข้อมูลและสาระสาคัญ รวมถงึ มี มารยาทในการเขียน วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความนา่ เช่ือถือจากเรือ่ งท่ีฟงั ดู และพูด อธบิ าย มีความรู้ความเข้าใจหลักการแต่งคาประพันธ์ ประเภทโคลง ศึกษาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ อธบิ ายธรรมชาติ พลงั และลกั ษณะของภาษา เหน็ คณุ ค่าของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่าน ท่องจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด และตามความสนใจ มมี ารยาทในการอ่าน การฟงั การ ดู การพดู และการเขยี น โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคดิ ทักษะการใช้ภาษา ทกั ษะการสื่อสาร การสืบคน้ ข้อมูล บนั ทกึ จดั กลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ หลักการอ่าน ออกเสยี งร้อยแกว้ ร้อยกรอง พฒั นาทักษะการคิด วเิ คราะหว์ ิจารณ์ ประเมินคา่ สรปุ ลักษณะเดน่ และ ประเด็นสาคัญของวรรณคดีและวรรณกรรม สังเคราะห์ความรูจ้ ากการอ่านข่าวสารจากสอื่ สงิ่ พิมพ์สื่อ อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆในชมุ ชน บทความ เขยี นสรปุ ความเขยี นบันทกึ ยอ่ ความ เรยี งความ จาก สือ่ สง่ิ พิมพ์ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์และแหลง่ เรยี นรู้ต่างๆ เขยี นส่ือสาร เขียนบรรยาย อธบิ าย พรรณนา ย่อความ ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การเลา่ เร่ือง และการแสดงความคิดเห็นตามเจตนารมณ์ทต่ี อ้ งการสือ่ สาร สามารถ นาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปสื่อสารได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เหน็ คณุ ค่าวถิ ชี วี ิตของคนไทยในอดีต มีความภาคภมู ิใจในวรรณคดแี ละวรรณกรรมอันเปน็ มรดกของ ชาติ สามารถนาความรไู้ ปใช้ในการตัดสินใจและการดาเนินชีวิตประจาวนั มจี ติ สาธารณะ ตระหนักถึงคณุ คา่ ของ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม การมีค่านยิ มอนั พงึ ประสงค์ ใชค้ วามรูภ้ าษาไทยเพอื่ การจรรโลงจิตใจ ธารงและพัฒนาสังคม ได้เตม็ ศักยภาพของผเู้ รยี น รหสั ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๗, ม.๔/๙ท ๒.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔, ม.๔/๕, ม.๔/๗, ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม. ๔/๑, ม.๔/๒, ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๕, ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๔, ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม. ๕/๑, ม.๕/๖ รวมทง้ั หมด ๒๐ ตวั ชว้ี ดั
๓๑ ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ กลอน ตีความ แปลความ ขยายความ วเิ คราะห์วิจารณ์ และตอบคาถามจากเรื่องทีอ่ า่ นอยา่ งมีเหตุผล เขียนกรอบแนวคิด ผงั ความคิดจากเรอื่ งทอ่ี ่าน เขยี นรายงาน สังเคราะหค์ วามรูจ้ ากส่ือสง่ิ พมิ พ์ ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ เขยี นจดหมายกจิ ธุระ การกรอกแบบรายการตา่ งๆ ได้ถูกต้องตรงตามวตั ถุประสงค์ มีข้อมูลและสาระสาคญั รวมถึงมีมารยาทในการเขยี น วิเคราะห์แนวคิด การใชภ้ าษาและความนา่ เชื่อถือจากเร่ืองทฟ่ี ัง ดู และพดู อภิปราย มคี วามรู้ความเข้าใจหลกั การ แตง่ คาประพนั ธป์ ระเภทกาพย์ กลอน ศึกษาวิเคราะห์วจิ ารณ์ เสียงในภาษา ส่วนประกอบของภาษา องคป์ ระกอบของพยางค์และคา และเหน็ คณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า่ น ท่องจาบทอาขยานตามท่ี กาหนด และตามความสนใจ มีมารยาทในการอา่ น การฟัง การดู การพูดและการเขียน โดยใช้กระบวนการอา่ น กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทกั ษะการใช้ ภาษา ทักษะการสื่อสาร การ สบื ค้นข้อมลู บนั ทึก จดั กลมุ่ ข้อมลู และการอภปิ ราย เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ หลกั การอ่านออก เสียงร้อยแก้ว รอ้ ยกรอง พฒั นาทักษะการคิด วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ ประเมนิ ค่า สรปุ ลักษณะเดน่ และประเด็น สาคญั ของวรรณคดีและวรรณกรรม รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นทแี่ สดงถึงภาษากบั วัฒนธรรม ภาษาถ่นิ อธบิ าย ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา สังเคราะหค์ วามร้จู ากการอ่านขา่ วสารจากส่อื ส่ิงพิมพ์สื่ออิเล็กทรอนิกสแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ ในชมุ ชน บทความ เขียนรายงาน จากสอ่ื ส่ิงพิมพ์ สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์และแหลง่ เรียนรตู้ า่ งๆ เขียนจดหมายกจิ ธุระ การกรอกแบบรายการตา่ งๆ เขยี นรายงานเชงิ วิชาการ การใชค้ า การเรยี บเรียงประโยคถูกต้องเหมาะสมตาม ระดบั ภาษา ฝึกฝนทักษะการฟงั การพูด การพดู ต่อท่ีประชุมชน การพูดอภิปราย การเลา่ เรือ่ ง และการแสดง ความคิดเห็นตามเจตนารมณ์ท่ีตอ้ งการส่อื สาร สามารถนาความรทู้ ไ่ี ด้รบั ไปใชภ้ าษาสื่อสารไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เห็นคณุ คา่ วิถชี วี ิตของคนไทยในอดีต มคี วามภาคภูมใิ จในวรรณคดีและวรรณกรรมอันเปน็ มรดกของชาติ สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการตดั สินใจและการดาเนนิ ชวี ิตประจาวัน มีจติ สาธารณะ ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของ คุณธรรมจรยิ ธรรม การมีค่านยิ มอันพงึ ประสงค์ ใชค้ วามรูภ้ าษาไทยเพอ่ื การจรรโลงจิตใจ ธารงและพัฒนาสังคม ไดเ้ ต็มศักยภาพของผ้เู รยี น รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๙ ,ท ๒.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔, ม.๔/๖, ม.๔/๗, ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม.๔/๒, ม. ๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม. ๕/๑, ม.๕/๓, ม.๕/๕, ม.๕/๖ รวม ๒๐ ตวั ชว้ี ดั
๓๒ ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอา่ นออกเสยี งทั้งร้อยแก้วประเภทบทความ นวนิยาย และความเรียง ร้อยกรองประเภทร่าย และลลิ ติ ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องสั้น นวนยิ าย วรรณกรรมพน้ื บ้าน วรรณคดีในบทเรียน บทโฆษณา คาขวญั รวมถึงการวเิ คราะห์และวจิ ารณ์ การเขียนผังความคิด การบันทึก หลกั การเขยี นเชิญ ชวน โครงการ เรียงความ ยอ่ ความ ผลติ งานเขยี นในรปู แบบสารคดี บนั เทิงคดี ประเมินงานเขียนของผอู้ ่ืน การสรุปแนวคิดแสดงความคิดเหน็ ประเมินการฟังการดู มีวิจารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟังและดู หลักการพูดอภิปราย โน้มน้าวใจ ด้วยภาษาทีถ่ กู ต้อง การใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยค หลักการแต่งคา ประพนั ธป์ ระเภท ร่าย อทิ ธพิ ลของภาษา ตา่ งประเทศและภาษาถ่นิ หลกั การสรา้ งคาในภาษาไทย หลกั การ วิเคราะหแ์ ละประเมินการใชภ้ าษาและสื่อสง่ิ พิมพ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หลกั การวเิ คราะห์วิจารณว์ รรณคดแี ละ วรรณกรรมการประเมนิ คณุ ค่าวรรณคดี การท่องบทอาขยาน โดยใชก้ ระบวนการดา้ นทกั ษะทางภาษา การส่อื สารในรูปแบบการเชิญชวน โครงการ เรียงความ ย่อ ความ ผลิตงานเขยี นในรูปแบบสารคดี บนั เทงิ คดี ประเมินงานเขียนของผู้อืน่ บนั ทึก สรปุ แนวคิดแสดงความ คิดเห็น ประเมนิ การฟงั การดูมีวจิ ารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟังและดู พูดอภิปราย โน้มน้าวใจ ด้วย ภาษาที่ถูกตอ้ ง ใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาสและกาลเทศะ แต่งคาประพนั ธ์ประเภท รา่ ย วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถิ่น อธบิ ายและวเิ คราะห์ หลักการสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาและสื่อสิ่งพิมพอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ประเมิน คุณคา่ วรรณคดี ท่องบทอาขยาน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟังการดู และการพูด และเหน็ คณุ ค่าของการใช้ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสาร นาความรู้จากวรรณคดี วรรณกรรม ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตลอดจนมีความรักและภาคภมู ิใจ ในภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท๑.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ม.๕/๙ ท ๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ท ๓.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ ท ๔.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ท ๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม . ๕/๗ รวม ๒๖ ตวั ชว้ี ดั
๓๓ ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศึกษาการอ่านออกเสยี งบททงั้ รอ้ ยแก้วประเภทบทความ นวนยิ าย และความเรียง ร้อยกรองประเภท ร่าย และลลิ ติ ตีความ แปลความ ขยายความ วเิ คราะห์และวิจารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ ตอบคาถาม ผงั ความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ สังเคราะห์ความรจู้ ากการอ่าน การเขยี นสื่อสารในรูปแบบประกาศ จดหมายกิจธุระ เรยี งความ ยอ่ ความการเขยี นรายงาน เขียนโครงงาน และเขยี นรายงานการศึกษาค้นควา้ การสรุปแนวคิดแสดง ความคิดเห็น ประเมนิ การฟงั การดู มีวจิ ารณญาณในการเลือกเร่ืองจากการฟังและดู หลักการพดู อภปิ ราย โน้ม น้าวใจ แล้วใช้ข้อมูลสารสนเทศอา้ งองิ อยา่ งถูกต้อง แสดงความคิดเหน็ วิเคราะห์ วิจารณ์ แนวคิด การใช้ภาษา และความนา่ เชื่อถือ และประเมิน จากเรื่องที่ฟังและดแู ลว้ นากาหนดแนวทางไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั การใชค้ าและกลมุ่ คาสร้างประโยค การสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวเิ คราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาและส่ือ ส่งิ พิมพอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม เพื่อนาไป ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ ตลอดจนรวบรวมวรรณกรรมพนื้ บ้านและอธบิ ายภมู ิปัญญาทางภาษา โดยใช้กระบวนการดา้ นทักษะทางภาษา การสื่อสารในรปู แบบการเชญิ ชวน โครงการ เรียงความ ย่อ ความ ผลิตงานเขียนในรปู แบบสารคดี บนั เทิงคดี ประเมินงานเขียนของผู้อื่น บันทึก สรปุ แนวคิดแสดงความ คดิ เห็น ประเมินการฟังการดูมวี ิจารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟงั และดู พดู อภิปราย โน้มนา้ วใจ ด้วย ภาษาท่ีถูกต้อง ใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยคตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาสและกาลเทศะ แต่งคาประพันธป์ ระเภท ร่าย วิเคราะห์อิทธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถิ่น อธบิ ายและวิเคราะห์ หลักการสรา้ งคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาและสื่อสงิ่ พมิ พอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ประเมนิ คณุ ค่าวรรณคดี ทอ่ งบทอาขยาน มมี ารยาทในการอา่ น การเขยี น การฟงั การดู และการพูด ตลอดจนมีความรกั และภาคภมู ใิ จใน ภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท๑.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ม.๕/๙ ท ๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๖ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ท ๓.๑ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ ท ๔.๑ม.๕/๒ ม.๕/๓ท ๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ รวม ๒๗ ตวั ชวี้ ดั
๓๔ ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาหลักการอา่ นร้อยแก้วประเภทปาฐกถา เทศนา บทรอ้ ยกรองประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย การอ่านจับใจความสาคัญ การตคี วาม การแปลความ และการขยายความ การอา่ นวเิ คราะห์ การ วจิ ารณ์ การประเมนิ คา่ และการแสดงความคิดเห็นวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ การสรุปเปน็ แผนผังความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ รายงาน ความรู้จากการอา่ นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ และแหลง่ เรยี นรู้ การเขียนอธบิ าย บรรยาย พรรณนา แสดงทรรศนะ การโตแ้ ย้งได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียงถกู ต้อง และมี ขอ้ มลู สาระสาคญั ชดั เจน การเขียนเรยี งความ ยอ่ ความจากสือ่ ทห่ี ลากหลาย และการเขยี นบันเทิงคดี การเขียน รายงานจากการศกึ ษาคน้ ควา้ เรอื่ งที่สนใจ การฟัง การดู ข่าว เหตุการณ์ การอภปิ ราย การใหค้ วามรู้ การคดิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ การประเมนิ ค่าโดยใชว้ ิจารณญาณอยา่ งสร้างสรรค์ การศกึ ษาบรบิ ทธรรมชาติของภาษา พลงั ของภาษา และลกั ษณะของภาษา การใช้คา กลุ่มคา เพ่อื สรา้ งประโยคในการสื่อสาร การแต่งบทรอ้ ยกรอง ประเภทฉันท์ อิทธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถน่ิ การศึกษากวนี ิพนธ์ กลอน บทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นทเี่ ปน็ ภมู ิปญั ญาทางภาษา การท่องจาบทอาขยานท่ีนา่ สนใจ โดยใช้ทักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคดิ ทกั ษะการใช้ภาษา ทักษะการ สอื่ สาร การสืบค้นข้อมลู บันทกึ จัดกล่มุ ข้อมลู และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาความรู้ท่ีไดร้ บั นนั้ ไปใช้สอื่ สารได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เหน็ คณุ คา่ ของวรรณคดี วรรณกรรม มีคุณธรรม ในการใชภ้ าษา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั มมี ารยาทในการอ่าน การเขียน การฟงั การดู และการพูด ตลอดจนมีความรกั และภาคภมู ใิ จใน ภาษาไทย อันเป็นภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/ ๖ รวม ๓๒ ตวั ชวี้ ดั
๓๕ ท๓๓๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ภาคเรยี นที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาหลักการอ่านรอ้ ยแก้วประเภทพระบรมราโชวาท บทรอ้ ยกรองประเภทกลอน ร่าย ร้อยกรองรว่ ม สมยั และบทอาเศียรวาท การจับใจความสาคัญ การตีความ การแปลความ และการขยายความ การอา่ น วิเคราะห์ วิจารณ์ การประเมินค่า และการแสดงความคิดเหน็ วรรณกรรมประเภทต่างๆ การสรปุ เป็นแผนผงั ความคดิ ย่อความ รายงาน การสังเคราะหค์ วามรู้จากการอ่านส่ือสง่ิ พิมพ์ สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ การเขียนโนม้ น้าวใจเชญิ ชวน ประกาศ จดหมายกิจธุระ และการรายงานการประชมุ ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียงถูกต้อง และมีข้อมูลสาระสาคัญชดั เจน การเขียนสารคดี การเขียนรายงานจากการศึกษา คน้ ควา้ ท่ีสนใจ เพอ่ื พัฒนาตนเอง การฟงั การดสู ารคดี โฆษณาทางสื่อ การวิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมนิ ค่าโดย ใชว้ จิ ารณญาณอย่างสร้างสรรค์ โดยการพูดแสดงความรู้ พดู แสดงทรรศนะ และพูดโน้มน้าวใจ การศึกษาการใช้ ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ บุคคล พรอ้ มทจี่ ะใชร้ ะดบั ของภาษาเปน็ ตัวกาหนด การใชค้ าราชาศพั ท์ และประเมนิ คา่ การใชภ้ าษาจากส่อื สง่ิ พิมพ์ สือ่ อิเล็กทรอนิกส์ การศึกษากวีนิพนธ์ กลอนบทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมขอ้ คิดจากวรรณคดี วรรณกรรมมาประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง โดยใช้ทกั ษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคดิ ทักษะการใชภ้ าษา ทกั ษะการ สอ่ื สาร การสืบคน้ ขอ้ มูล บันทึก จดั กลุม่ ข้อมลู และการอภิปรายเพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาความรู้ที่ได้รับน้ันไปใช้สือ่ สารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหน็ คณุ คา่ ของวรรณคดี วรรณกรรม มีคุณธรรม ในการใช้ภาษา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟงั การดู และการพดู ตลอดจนมีความรักและภาคภูมใิ จใน ภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/ ๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖ รวม ๓๒ ตวั ชว้ี ดั
๓๖ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๑๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่อื ง เซต การดาเนนิ การของเซต แผนภาพเวนน์- ออยเลอร์ และการแกป้ ัญหา การให้ เหตผุ ลแบบอุปนยั และแบบนิรนยั และการอ้างเหตุผล โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ทใ่ี กลต้ วั ให้ผเู้ รยี นได้ศกึ ษา ค้นควา้ โดยการ ปฏิบตั ิจรงิ สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปญั หา การให้ เหตุผล การสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการทีไ่ ด้ ไปใชใ้ นการเรยี นรูส้ ิ่งต่างๆ และในชีวติ ประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ การเหน็ คณุ ค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเชือ่ มัน่ ในตนเอง มคี วามซอ่ื สัตยส์ จุ รติ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มีความม่งุ มั่นในการ ทางาน และมจี ิตสาธารณะ รหสั ตวั ชวี้ ดั ค๔.๑ ม.๔ /๑ , ค๔.๑ ม.๔ /๒ , ค๔.๒ ม.๔ /๑ , ค๔.๒ ม.๔ /๒ , ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ ,ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๐ ตวั ชวี้ ดั
๓๗ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ รหสั วชิ า ค ๓๑๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ือง จานวนจริง สมบัติของจานวนจริงเก่ียวกับการบวก และการคูณ สมบัติการเท่ากันและการ ไมเ่ ท่ากัน สมการกาลังสองตวั แปรเดียว อสมการตัวแปรเดยี ว คา่ สมั บรู ณ์ เรอ่ื ง เลขยกกาลังทีม่ ีเลขช้ีกาลงั เปน็ จานวนตรรกยะ รากท่ี n ของจานวนจรงิ โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศกึ ษา ค้นคว้า โดยการ ปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการท่ีได้ ไปใช้ในการเรียนรสู้ ิ่งตา่ งๆ และในชวี ติ ประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ รจู้ ักใช้ชีวติ อยา่ งพอเพียง มคี วามมุง่ มนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจติ สาธารณะ รหัสตวั ชว้ี ดั ค๑.๑ ม.๔ /๑ , ค๑.๑ ม.๔/๒ , ค๑.๑ ม.๔/๓ , ค๑.๒ ม.๔/๑ , ค๑.๓ ม.๔/๑ , ค๑.๔ ม.๔/๑ , ค๔.๒ ม.๔/๓ ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ , ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๓ ตวั ชี้วัด
๓๘ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๒๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เรื่อง ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน กราฟของความสัมพันธ์ และ ฟงั กช์ นั โดยจัดประสบการณ์หรอื สร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศกึ ษา ค้นคว้า โดยการ ปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการท่ีได้ ไปใชใ้ นการเรียนรูส้ งิ่ ตา่ งๆ และในชวี ติ ประจาวนั อย่างสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวจิ ารณญาณ และเชื่อม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ มี วนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ รจู้ ักใช้ชีวติ อย่างพอเพยี ง มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตวั ชี้วดั ค๔.๑ ม.๕/๓ , ค๔.๒ ม.๕/๔ , ค๔.๒ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม.๕/๒ , ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม. ๕/๔ ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค ๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๙ ตัวชี้วัด
๓๙ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๒๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง อตั ราส่วนตรีโกณมิติและการนาไปใช้ และ ลาดับและอนุกรม ลาดับ ลาดับเลขคณิต ลาดับเรขาคณิต อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต การหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรม เรขาคณิต โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดยการ ปฏิบัติจรงิ ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ใน การเรียนรู้สิ่งต่างๆ และในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบยี บ รอบคอบ มคี วามรบั ผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชือ่ มนั่ ในตนเอง การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มีความซื่อสัตยส์ ุจรติ มี วนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ รจู้ กั ใชช้ วี ติ อย่างพอเพียง มีความม่งุ มัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ รหสั ตัวช้วี ัด ค๒.๑ ม.๕/๑ , ค๒.๒ ม.๕/๑ , ค๔.๑ ม.๕/๔ , ค๔.๑ ม.๕/๕ , ค ๔.๒ ม.๕/๖ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม. ๕/๒ ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม.๕/๔ , ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๑๑ ตัวชว้ี ัด
๔๐ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ืองความน่าจะเป็นกฎเกณฑ์เบื้องต้นเก่ียวกับการนับและแผนภาพต้นไม้ ทดลองสุ่มเหตุการณ์ และหาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ นาความรู้เกี่ยวกับความน่าจะเป็นไปใช้ในการคาดการณ์ และช่วยในการ ตัดสนิ ใจ รวมถึงการเสริมทักษะกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ โดยการปฏิบัติ สรุปและรายงานผลการเรียนรู้โดยการวัดและประเมินผล ด้วยวิธีการ ท่ีหลากหลาย ตามสภาพความเป็นจริง ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและทักษะท่ีต้องการวัด เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการ คิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการทีไ่ ดไ้ ปใช้ในการเรียนรู้ สงิ่ ตา่ ง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือมั่นในตนเอง มีความรกั ชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มีความซอ่ื สัตย์สุจริต มี วนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ รจู้ ักใชช้ ีวติ อย่างพอเพยี ง มีความมุง่ มน่ั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ รหัสตัวชีว้ ดั ค๕.๒ ม.๖/๒ , ค๕.๓ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม. ๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๘ ตัวช้ีวดั
๔๑ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๓๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง สถติ เิ บอื้ งต้น รวมถึงการเสริมทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ โดยการปฏิบัติสรุปและรายงานผลการเรียนรู้โดยการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการ ที่หลากหลายตาม สภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเนื้อหาและทักษะท่ีต้องการวัดเพ่ือพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิด คานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ไี ด้ไปใชใ้ นการเรียนรู้ สงิ่ ตา่ ง ๆ และใชใ้ นชวี ติ ประจาวันอย่างสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อมนั่ ในตนเอง มคี วามรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซื่อสตั ย์สุจรติ มี วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ รูจ้ กั ใชช้ วี ติ อย่างพอเพยี ง มคี วามมุ่งมั่นในการทางาน รักความเปน็ ไทย และมีจติ สาธารณะ รหสั ตวั ชว้ี ดั ค๕.๑ ม.๖/๑ , ค๕.๑ ม.๖/๒ , ค๕.๑ ม.๖/๓ , ค๕.๒ ม.๖/๑ , ค๕.๓ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม. ๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม.๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๑๑ ตวั ชวี้ ดั
๔๒ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวชิ า ว๓๑๑๐๑ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกิต อธิบายการรักษาดุลยภาพของส่ิงมีชีวิต การเคลื่อนท่ีของสารผ่านเข้าออกจากเซลล์ การลาเลียงสาร โดยวิธีการแพร่ การออสโมซิส การลาเลียงแบบฟาซิลิเทต และการลาเลียงแบบใช้พลังงาน การลาเลียงสารขนาด ใหญ่เข้าและออกจากเซลล์ การลาเลียงของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ กลไกในการรักษาดุลยภาพของน้า ในพืช การคายน้าผ่านปากใบ การดูดน้าที่ราก โครงสร้าง หน้าท่ี การางานในการขับของเสียจากกระบวนกา รเม แทบอลิซึมของไต การกาจัดน้าและของเสียของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ การรักษาดุลยภาพของน้า แร่ ธาตุของปลาน้าจืดและปลาน้าเค็ม กลไกการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายของสัตว์และมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกันและ การรักษาดุลยภาพในร่างกายของมนุษย์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบของ DNA การเกิดมิวเทชัน การแปรผันทางพันธุกรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ ผลที่เกิดจากการใช้ เทคโนโลยีทางชีวภาพ ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพของส่ิงมีชีวิต ระบบนเิ วศ สมดุลของระบบนิเวศ การเปล่ียนแปลงแทนท่ี ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะหว่าง ส่ิงมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ผลท่ีเกิดจากการเพ่ิมของประชากรมนุษย์ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ อยา่ งจากดั ให้คมุ้ ค่า แนวทางปอ้ งกันแก้ไขฟื้นฟสู ภาพแวดล้อม การอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยั่งยืน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บนั ทึก จดั กล่มุ ข้อมลู และการอภิปรายเพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอ สือ่ สารสิ่งท่เี รยี นรู้ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวันมีจิตวิทยา ศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/ ๓ ม.๔-๖/๔ ว๑.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๔ ว๒.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๒.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๘.๑ ม.๔-๖/๑ - ๑๒
๔๓ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ว๓๑๑๐๒ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรียน จานวน ๑ หนว่ ยกิต สบื คน้ ข้อมูล วิเคราะห์ อภิปรายและอธบิ าย โครงสร้างอะตอมเก่ียวกบั สัญลักษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตุ การจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ความสมั พนั ธร์ ะหว่างอิเล็กตรอนในระดับพลังงานนอกสดุ กบั สมบตั ิของธาตุและ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า การจัดเรยี งธาตุและทานายแนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตุในตารางธาตุ การเกดิ พันธะเคมีในโครงผลกึ และในโมเลกุลของสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างจุดเดือด จุดหลอมเหลว และสถานะของสารกบั แรงยึดเหน่ยี ว ระหว่างอนุภาคของสาร ทดลองและเขียนสมการของปฏิกิรยิ าเคมที ัว่ ไปท่ีพบในชวี ติ ประจาวันรวมทั้งอธิบายผล ของสารเคมที ี่มผี ลต่อสง่ิ มชี วี ติ และสิง่ แวดล้อม อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ า เคมีและการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ การเกิดปิโตรเลยี ม กระบวนการแยกแกส๊ ธรรมชาตแิ ละการกล่นั ลาดบั ส่วน นา้ มนั ดบิ การนาผลติ ภณั ฑ์ทีไ่ ด้จากการแยกแกส๊ ธรรมชาตแิ ละการกลั่นลาดบั ส่วนน้ามันดิบไปใชป้ ระโยชน์รวมทัง้ ผลของผลิตภณั ฑ์ต่อสิ่งมีชวี ติ และสงิ่ แวดล้อม การเกดิ พอลเิ มอร์ สมบตั ิของพอลิเมอร์ การนาพอลิเมอรไ์ ปใช้ ประโยชน์รวมทงั้ ผลท่ีเกิดจากการผลติ และใช้พอลิเมอรต์ ่อส่ิงมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม องค์ประกอบ ประโยชน์ และ ปฏิกริ ิยาบางชนดิ ของคาร์โบไฮเดรต ไขมนั และน้ามนั โปรตีนและกรดนวิ คลีอิก โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นขอ้ มูล บนั ทกึ จดั กล่มุ ข้อมลู และการอภปิ รายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสง่ิ ที่เรยี นรู้ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ เห็นคณุ ค่าของการนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นิยมท่เี หมาะสม รหสั ตวั ชวี้ ดั ว ๓.๑ ม.๔-๖/๑-๕ ,ว ๓.๒ ม.๔-๖/๑-๙ . ว ๘.๑ ม.๔-๖/๑-๑๒
๔๔ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ว๓๒๑๐๑ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกติ ศึกษาความสัมพันธ์ของแรงกับการเคล่ือนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วง สนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรง นิวเคลียร์ แรงไฟฟ้าระหว่างอนุภาคในนิวเคลียส การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจคไทล์ แบบ วงกลม แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ประโยชน์ของการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจคไทล์ แบบวงกลม และแบบฮาร์มอนิกส์ อย่างง่าย คล่ืนและสมบัติของคล่ืน คลื่นเสียง บีตส์ของเสียง ความเข้มเสียง ระดับความเข้มเสียง การได้ยิน คุณภาพของเสียง มลพิษของเสียง คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ผลกระทบของปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อ ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ธาตุกัมมันตรังสี วีธีการตรวจสอบกัมมันตภาพรังสี ผลกระทบของ กมั มันตภาพรังสที ี่มีผลตอ่ สิง่ มชี วี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บนั ทกึ จัดกล่มุ ข้อมูล และการอภปิ รายเพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอ สอ่ื สารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ - ๖ /๔ ว ๔.๒ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๓ ว ๕.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๙ ว ๘.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๑๒
๔๕ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ว๓๒๑๐๒ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกิต ศึกษาวเิ คราะห์โครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยาของโลก แผน่ เปลอื กโลก การเคล่อื นท่ีของแผน่ เปลือกโลก การ เคล่อื นท่ีของแผ่นเปลือกโลก ปรากฏการณ์ทางธรณี การหาอายขุ องหิน ลักษณะและอายุของซากดึก ดาบรรพ์ เปรียบเทยี บลาดบั ชัน้ หนิ และอายุของหิน เพ่ือศึกษาความเปน็ มาของโลก การเกิดและวิวฒั นาการ ของระบบสุริยะ กาแลกซีและเอกภพ พลงั งานของดาวฤกษ์ ปฏิกริ ยิ าฟิชชัน ตาแหนง่ ของโลกในระบบสรุ ยิ ะ กาแลกซีและเอกภพ การใช้เทคโนโลยอี วกาศในการศึกษาปรากฏการณต์ ่าง ๆ บนโลกและในอวกาศ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสงั เกต สืบค้นขอ้ มูล การอภปิ ราย และการสรปุ เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สอ่ื สารส่งิ ท่เี รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ นา ความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ ม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว ๖.๑ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๔, ม๕/๕, ม๕/๖ ว ๗.๑ ม๕/๑, ม๕/๒ ว ๗.๒ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๓
๔๖ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมรหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑ ศกึ ษาและอธบิ ายประวัติพระพุทธเจ้า พระมุฮัมมดั พระเยซู ประวตั ิพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิก ชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศย่ังยืนตามหลัก ศาสนาที่ตนนับถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าหรือสังคมสมัยของ ศาสดาที่ตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาท่ีตนนับถือ การเป็นชาวพุทธท่ีดีและข้อควรรู้ใน การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ ศึกษากฎหมายแพ่งเกีย่ วกับตนเอง และครอบครวั กฎหมายแพ่งเกี่ยวกับนติ ิกรรม สัญญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอุปสงค์-อุปทาน การเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจ วิวัฒนาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ศกึ ษาถึงผลกระทบของการเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจ มีความรู้ความเข้าใจในเครื่องมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซ่ึงทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรอื ภัยพิบตั ิ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสือ่ สารสิง่ ที่เรียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวัน พร้อมท้ังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรูท้ ่มี ีคณุ ภาพ รหัสตวั ชวี้ ดั ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตัวชีว้ ัด
๔๗ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ อธิบายความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนากับการศึกษา การเมอื ง สนั ติภาพ ศึกษาประวัตพิ ระพุทธเจ้าใน ฐานะเปน็ มนุษย์ท่ฝี กึ ตนไดอ้ ยา่ งสงู สุด(การตรัสรู้) การกอ่ ตั้งพระศาสนาวธิ กี ารสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลที่จะเกิดทาความดี ความช่ัว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิ การโดยการกาหนดเป้าห มายบทบาทการดาเนินชีวิตเพ่ืออยู่ร่วมกันอย่ างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ นาหลักการเจริญปัญญาสตปิ ัฏฐานหรอื ตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถอื ไปปฏิบตั ิ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การแก้ปัญหาและแนวทางการพัฒนาทาง สงั คม ศกึ ษาการกาหนดค่าจา้ ง กฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการจ้างแรงงาน การคา้ และการลงทุนระหวา่ งประเทศ มีความรูค้ วามเขา้ ใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเรียนร้สู ถานการณ์และวกิ ฤตการณ์ด้าน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสิง่ ท่เี รียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวัน พร้อมท้ังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรทู้ ่ีมีคุณภาพ รหสั ตวั ชีว้ ัด ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตวั ชวี้ ัด
๔๘ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ศกึ ษาและอธบิ ายประวัติพระพุทธเจา้ พระมุฮัมมดั พระเยซู ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิก ชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศย่ังยืนตามหลัก ศาสนาที่ตนนับถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคติความเชื่อทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าหรือสังคมสมัยของ ศาสดาท่ีตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาท่ีตนนับถือ การเป็นชาวพุทธที่ดีและข้อควรรู้ใน การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ ศกึ ษากฎหมายแพ่งเกย่ี วกบั ตนเอง และครอบครัว กฎหมายแพง่ เกี่ยวกับนติ ิกรรม สัญญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอปุ สงค์-อุปทาน การเปิดเสรที างเศรษฐกิจ วิวัฒนาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ศกึ ษาถึงผลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ มีความรู้ความเข้าใจในเครื่องมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซ่ึงทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรือภัยพบิ ัติ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่อื สารสิง่ ทีเ่ รยี นรู้ มาปรับใชใ้ นชวี ิตประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรูท้ ่มี คี ณุ ภาพ รหสั ตวั ชี้วดั ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตัวช้ีวัด
๔๙ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๒ อธบิ ายความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การศกึ ษา การเมือง สนั ตภิ าพ ศึกษาประวัติพระพทุ ธเจ้าใน ฐานะเป็นมนุษย์ท่ีฝึกตนได้อย่างสูงสดุ (การตรัสรู้) การก่อต้ังพระศาสนาวิธีการสอนและการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลที่จะเกิดทาความดี ความชั่ว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิ การโด ยการกาหน ดเป้ าห มายบ ท บาทการดาเนิ นชีวิตเพ่ื ออยู่ร่วมกั น อย่างสัน ติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ นาหลักการเจรญิ ปญั ญาสตปิ ฏั ฐานหรือตามแนวทางของศาสนาทตี่ นนับถือไปปฏบิ ัติ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปล่ียนแปลงทางสังคม การแก้ปัญหาและแนวทางการพัฒนาทาง สังคม ศึกษาการกาหนดค่าจ้าง กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกบั การจา้ งแรงงาน การคา้ และการลงทนุ ระหว่างประเทศ มคี วามรคู้ วามเข้าใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเรยี นร้สู ถานการณ์และวกิ ฤตการณ์ดา้ น ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสง่ิ ท่เี รียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั พร้อมท้ังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรูท้ ่มี ีคุณภาพ รหสั ตวั ชวี้ ดั ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตัวช้ีวัด
๕๐ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจในพุทธประวัติด้านการบริหารและการธารงรักษาพระพุทธศาสนาที่เป็น ศาสตร์แห่งการศึกษา ศึกษาหลักการฝึกตนไม่ประมาท มุ่งประโยชน์และสันติภาพบุคคล สังคมและโลก ศึกษา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิตประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่าง ชาดก นามาเป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิต ศึกษาหลักธรรมสาคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และมีความรู้ ความเข้าใจในพิธบี รรพชา อปุ สมบท ศึกษาปัญหาการเมืองสาคัญที่เกิดข้ึนภายในประเทศ สถานการณ์การเมืองการปกครองของสังคมไทย อทิ ธพิ ลของระบอบการเมืองการปกครองท่ีมีผลต่อการดาเนินชีวิต การประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศ การแลกเปลีย่ นเพอ่ื ช่วยเหลือและสง่ เสริมดา้ นวฒั นธรรม การศึกษา เศรษฐกจิ สังคม ศึกษาความสาคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ การประยุกต์ใช้ เศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในภาค เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร ศกึ ษาการเปลีย่ นแปลงธรรมชาติในโลกว่าเป็นผลมาจากการกระทาของมนุษย์และหรือธรรมชาติ การใช้ ประโยชนจ์ ากสงิ่ แวดล้อม ในการสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณข์ องท้องถิ่น ท้ังในประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอื่ สารส่งิ ที่เรียนรู้ มาปรบั ใช้ในชีวิตประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเปน็ บุคคลแหง่ การเรยี นร้ทู ่ีมคี ณุ ภาพ รหัสตวั ชวี้ ัด ส๑.๑ม.๖/๓, ส๑.๑ม.๖/๙,ส๑.๑ม.๖/๑๐, ส๑.๑ม.๖/๑๓, ส๑.๑ม.๖/๑๔, ส๑.๑ม.๖/๒๑, ส๑.๒ม.๕/ ๒, ส๑.๒ม.๕/๕ ส ๒.๒ ม ๖/๑,ส ๒.๒ ม ๖/๒,ส ๓.๑ ม๖/๑,ส ๕.๑ ม ๖/๔,ส ๕.๒ ม ๖/๔ มี ๑๓ ตวั ช้ีวัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171