แล เปน็ ดังฝนอันตกแต่ท่สี ูงแล้วแลไหลลงไปสู่น้�ำสมุทรนนั้ แล พญาจนั ทบรุ กี ล่าวคาถาทง้ั หลายแล้ว จงี แต่งเทยี นเล่มแสน ๒ เล่ม อนั ๑ พอกค�ำ ใส่ดอกไม้คำ� หนักหมน่ื หน่ึงแล เทียนเล่มแสนอนั ๑ พอกเงิน ใส่ดอกไม้ เงินหนักหมน่ื หน่งึ แล กบั ท้งั ขนั ค�ำ ขนั เงิน ขันทอง ขรรค์ไชยศรดี ้ามแก้ว แลดาบ ด้ามแก้ว ท้ังมวล อันเป็นของเจ้าสังขวิชกุมารแต่ก่อนน้ันแล แล้วจีงเขียนช่ือตน ใส่ในเทียนท้ัง ๒ เล่มน้ัน เพื่อให้พญาสุมิตตธรรมเจ้าแจ้งในหัวใจแห่งตน อนั นอ้ มออ่ น แลว้ จงี ใหไ้ ปเอาไมร้ งั มาแปงปราสาทหลงั ๑ ตแี ผน่ เงนิ เลยี งโคบแลว้ จีงเอาผ้าสาฎกมุงเทิง แล้วจีงเอาเงินเลียงแปงเป็นดอกบุณฑริกสิบดอกใส่ใน ปราสาทเป็นอันงามนกั เพ่อื บอกข่าวว่าอรหนั ตาเจ้าสบิ ตนอยู่ในเมืองเรานี้แล แลว้ จงี เอาคำ� ตเี ปน็ แผน่ กระดานดงั จงั โกยาว ๓ วา ขวางวา๑ แลว้ จงี เขยี นรปู แมน่ ำ�้ สมทุ ร แลรปู ขวั แลรปู พระสงั ฆเจา้ แลรปู อนิ ทร์พรหม เทวบตุ ร เทวดา แลคน ท้งั หลายไต่ขวั น้ันข้าม เพอ่ื ให้แจ้งในสภาวะแห่งตนอันได้ปรารถนาโพธิญาณ หน้ั แล พญาจนั ทบรุ ใี ห้ราชทานแก่พราหมณ์ทงั้ ๕ แลหม่ืนนนั ทอารามแลคนทงั้ หลาย ฝ่ายใต้มีหมื่นหลวงกลางเมือง หมื่นล่ามเมือง หม่ืนประชุมนุมเมือง หม่ืนพระน้�ำรุ่ง หมื่นเชียงสา หมื่นแก แล้วจีงพร้อมกันอ�ำลาพรากจาก พญาจนั ทบรุ คี นื เมอื สู่ที่อยู่แห่งตน กม็ แี ล กลา่ วบัน้ พราหมณ์ทงั้ ๕ เม่ือราชาภิเษกพญาจนั ทบรุ ีปรสทิ ธสิ กั กเทวะ กแ็ ลว้ ท่อนกี้ อ่ นแล บัน้ ที่ ๑๙ พราหมณ์ท้งั ๕ คืนเมอื สู่เมืองมรกุ ขนคร ยามนั้น คร้ันว่า พราหมณ์ท้ัง ๕ แล หม่ืนนันทอารามคืนเมือฮอดเมือง มรุกขนครแล้ว ก็น�ำเครื่องฝูงน้ันเมือถวาย พญาสุมิตตธรรมเจ้าก็เห็นยังเครื่อง ทง้ั หลายฝงู นนั้ กเ็ จาะรปู ขวั ขา้ มนำ�้ สมทุ รแลรปู ดอกบณุ ฑรกิ ในปราสาทนน้ั ใสห่ วั ๓ เท่ือ กล่าวว่า ช่อหน่อพุทธังกูรเกิดแล้ว อรหันตาเจ้าก็มีในเมืองห้ันสิบตน คอื ดอกบณุ ฑรกิ อนั นแี้ ล จงี กล่าวคาถา อนั ตนได้เปน็ อปุ นสิ ยั มาแต่เมอื งร้อยเอด็ ปักตตู ดิ กับด้วยฉะนนั้ ว่า 138 ท่รี ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ประจำ� ปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๒
ทุลลฺ โภ ปรุ ิสาชญฺโญ น โส สพฺพตฺถ ชายติ ยตฺถ โส ชายติ ธโี ร ตํ กลุ ํ สขุ เมธติ ดงั นี้ อธบิ ายวา่ ผชู้ ายอนั เกดิ มาเปน็ ชาตมิ า้ อาชาไนยนนั้ ไดย้ ากนกั แล ผชู้ าย อนั เปน็ อาชาไนยนบ้ี ่ห่อนได้เกดิ มใี นทท่ี ง้ั มวลทว่ั ไปซแุ ห่ง เลอื กแห่งกจ็ งี มแี ท้ดหี ลี แล ครั้นว่า ผู้ชายอันเป็นอาชาไนยเป็นนักปราชญ์ อันจักปรารถนาเกิดมีในท่ีใด กด็ ี คนทั้งหลายฝงู อยู่ในทน่ี ้นั ก็มคี �ำสขุ ส�ำบายในโลกทง้ั มวลนแ้ี ล วา่ ดงั น้ี พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ จงี ซำ้� ถามดปู ระเทศบา้ นเมอื งพญาจนั ทบรุ แี ล พราหมณท์ งั้ ๕ จงี ถวายลกั ษณะโสกวา่ อนิ ทสริ เิ จยี มปรางค์ สา่ ง ๒ หนอง ๓ ล่าม ๔ ศรหี ้าแห่ง แจ่ง275 ๔ อนั นม้ี กี งแก้วจติ แก้ว ก็ข้าแล วา่ ดงั น้ี พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ มกั ใครจ่ งี ใหพ้ ราหมณท์ ง้ั ๕ แปลลกั ษณะโสก เมือง แล้วจงี ปงราชทานดาบด้ามแก้วฝักคำ� อันถวายนน้ั แก่พราหมณ์คนดวง ยามนั้น พราหมณ์ทั้งห้าอันจบไตรเพทพร้อมคิดฮอดว่า พญาเจ้าปง ราชทานแกเ่ ราทง้ั หลาย เปน็ อนั เลอื่ มใสนกั แล รอยทวี่ า่ มกั ใครอ่ ยากแจง้ ดอมเรา ห้นั แล พราหมณ์ทงั้ หลายจีงกล่าวว่า บทอนิ ทสริ เิ จยี มปรางคน์ น้ั มเี ทวดาตนหนง่ึ กห็ ากมชี อ่ื วา่ อนิ ทสริ เิ จยี มปรางค์ อยู่รักษาสมบัติข้าวของแห่งพญาจันทบุรี เทวดาตนน้ันต้ังอยู่ในปราสาทโรงหลวงนั้น เป็นใหญ่กว่าเทวดาทัง้ ๕ ตน อยู่รกั ษานำ�้ ลินทั้ง ๒ แล อนั จักกล่าวภายหน้าน้แี ล ชอ่ื อนั ผขู้ า้ ทง้ั หลายปงราชนามนนั้ ดว้ ยเหตแุ หง่ ไมจ้ นั ทนข์ องพญานาค แล ชอ่ื อนั อรหนั ตาเจ้าให้แต่กอ่ นเมอ่ื เปน็ พอ่ นาว่าบรุ จี นั อว้ ยลว่ ยผ้พู ำ� เพง็ บญุ นน้ั เปน็ เค้า แล้วจงี เอาชื่อเทวดา ๒ ตน อนั อยู่รกั ษานำ้� ลนิ มงคลอนั พญานาคควดั ไว้นัน้ มาหดสรงราชาภิเษก จีงเอามาสมกันตามเพทแห่งครูบากล่าวแก่ผู้ข้าท้ังหลาย จีงปงชื่อตามดังนน้ั แล ด้วยแท้ สา่ งสอง อันนัน้ มีเทวดาตนหน่งึ ชอื่ ว่า ปรสทิ ธสิ ักกะ เทวดาตน หน่ึงช่ือ รัตนเกสี อยู่รักษาน�้ำลินมงคลแลตนแลลิน นำ้� อันนั้น พญานาคหากค วดั แต่บ่อแก้ว ๗ ประการ อันเปน็ มงคล ให้ออกแต่นำ�้ ร่องกำ�้ หัวเมอื งมาผ่าหานำ�้ ของ กายโรงหลวง นนั้ แล 275 “แจ่ง” มุม ต�ำนานอรุ งั คธาตุ 139
บทว่า หนอง ๓ อันนน้ั มเี ทวดาตน ๑ ผมกดู ชื่อว่า อนิ ทผยอง อยู่ในบงึ ในเวยี งกำ้� ใต้ ตน ๑ ชอื่ วา่ สราสนทิ อยสู่ ระนำ�้ ใกลต้ นี เวยี งเบอ้ื งในกำ้� เหนอื เทวดา ๒ ตนนี้ เทยี รย่อมรกั ษาคนทงั้ หลาย ลำ่� ดูยงั คณุ แลโทษชาวบ้านชาวเมอื ง เทวดา ตน ๑ ช่ือว่า มัจฉนารี รกั ษาพญาจนั ทบุรกี ับทงั้ นางทง้ั หลายแลข้ามะหาดกลาง โรงหลวงทง้ั มวลหั้นแล บทว่า ล่ามสี่ นน้ั มนี าคสต่ี วั เปน็ วนิ ิจฉัยไตร่ดูโทษแลคุณแห่งคนทง้ั หลาย หนั้ แล ตวั ๑ ชอื่ วา่ เอกจกั ขุ ตวั ๑ ชอื่ ว่า กายโลหะ นาคสองตวั นนั้ อย่นู อกเวยี ง เบ้อื งอดุ ร ตัว ๑ ช่ือว่า สุคันธ อยู่หาดทรายกลางนำ้� ของ ตัว ๑ ชื่อว่า อินทจกั ร อยู่ปากห้วยมงคลนำ้� ลนิ ไหล นนั้ แล บทว่ามี ศรีห้า แห่งนั้น มีนาคห้าตัวอยู่รักษาศรีเมือง ก็ยังเป็นใหญ่กว่า นาคตวั เปน็ ลา่ มแลเงอื กงทู ง้ั หลายแล ดว้ ยแท้ กทุ โธทปาปนาค นน้ั กย็ งั เปน็ ใหญ่ กวา่ นาคทงั้ หลายฝงู กลา่ วแลว้ นนั้ แล พญาสวุ รรณนาคเลา่ แวนเปน็ ใหญก่ วา่ นาค ท้ังหลายแล ท่อว่า ท่านได้ต้ังอยู่ในสรณาคมณ์ รักษาจิตแก้วพระพุทธเจ้าที่ ภูกูเวียนจงี บ่กล่าวถึง เพ่ืออนั แล ครน้ั ว่า ท่านได้มาก่อแรกแต่งแปงบ้านเมืองไว้ แล้ว ก็หนไี ปอยู่ตามค�ำสขุ แห่งตน หนั้ แล นาคทง้ั หลายเกา้ ตวั อนั กลา่ วบอกชอื่ แลว้ นน้ั หากเทยี รยอ่ มรกั ษาค�้ำชบู า้ นเมอื ง พทุ ธศาสนาแท้แล แจ่งมีส่ีแจ่งน้ัน มีจิตแก้วส่ีอันนั้น พระพุทธเจ้าได้มายืนเซาที่แคมหนอง คนั แทเสอื้ นำ้� หน้ั จงี ไว้กงจติ แก้วหน้ั บ่อนหนง่ึ พระพทุ ธเจ้าข้ามแม่นำ�้ ของเมอื เซา ฉนั ขา้ วในฮม่ ไมป้ าแปง้ ทภี่ เู ขาลวงหนั้ แล จงี ไวก้ งจติ แกว้ บอ่ น ๑ บพั พารนาครกั ษา ห้ันแล พระพุทธเจ้าอย่างต่าวข้ามแม่น้�ำของคืนเบ้ืองซ้ายเมือใต้ เพ่ือไว้รอย ปาทลักษณ์จิตแก้ว แล้วฉันเพลท่ีใกล้เวินหลอดหั้นบ่อน ๑ สุกขรนาค แล หตั ถนี าค รกั ษา หนั้ แล ผู้ข้าทงั้ หลายกเ็ ห็นด้วยลำ� ดับกัน เม่ือคืนมาน้ัน จีงได้ไหว้จิตแก้วที่เวินพีน แล้วจีงแลงอยดูพระเนตรตา พระพุทธเจ้าแปงไปตกหนองหาญท้ังสอง พระพุทธเจ้าจีงหนีจากเวินพีน มาอธษิ ฐานรอยปาทลกั ษณไ์ วเ้ ทงิ โงน่ หนิ เหนอื เมอื งเรานี้ แลว้ จงี ไปสถติ ทภี่ กู ำ� พรา้ 140 ทรี่ ะลึกงานกฐนิ พระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ประจำ� ปีพุทธศกั ราช ๒๕๖๒
เพียงเมืองเก่าศรีโคตรบองห้ันก็ข้าแล จีงไปอิงต้นไม้รัง แปงตาพระพุทธเจ้า ถืกเมืองศรีโคตรบองนั้น เมืองอันนั้นจีงจ�ำเริญรุ่งเรือง เพ่ืออันแล พระเนตรตา พระพุทธเจ้าจีงมายังแม่นเมืองมรุกขนครหั้น จีงเป็นอันรุ่งเรือง เมืองอันนั้น จีงเป็นใหญ่ในชุมพูทีป เพื่ออันแล พระพุทธเจ้าจีงซ�้ำแผ่เนตรตาไปแม่นบาท พระปาทลักษณ์เวนิ ปลาหน้ั แล้ว จงี ทกคืนมายังบ่อนใต้นนั้ แล ภายหน้าพุ้นเมืองมรุกขนครจักหล่าคาขึ้นไปตั้งท่ีนั้น เป็นเจดีย์อัน ๑ จักเกิดมีที่พระเนตรตาพระพุทธเจ้าทกคืนยังหั้นแล เมืองมรุกขนครท่อจัก ไดเ้ ปน็ ใหญ่ แตเ่ มอ่ื มหาราชเจา้ ตนมบี ญุ สมภารยงั นแ้ี ล แมน้ วา่ พทุ ธศาสนากเ็ ปน็ มัชฌิมศาสนา เหตุว่าพระพุทธเจ้าไว้รอยปาทลักษณ์อธิษฐานก้�ำเหนือเมื่อก่อน ที่ในน�ำ้ น้ี จงี มาไว้กงจติ แก้วทีภ่ ูกำ� พร้าหนั้ แล แล้วมาองิ ต้นไม้รงั หนั้ แล เมืองหนองหาญทั้ง ๒ นั้น ก็บ่ต้ังอยู่ได้ดังแต่ก่อนแล เมื่อว่าถูกแปงตา พระพุทธเจ้าหน้ั แล เมอื งพญาจนั ทบรุ นี น้ั แวนประเสรฐิ แล เหตวุ า่ พระพทุ ธเจา้ หนจี ากภกู ำ� พรา้ ไปเมืองหนองหาญแล จีงเวียนคืนเมือไว้จิตแก้วที่ภูกูเวียน จีงเมือสู่ดอยนันทกังฮี แล้วจีงไว้รอยปาทลักษณ์กงจิตแก้วเคิ่งแปวน้�ำของ เพื่อให้ไหลมาผ่าเมืองพญา จนั ทบุรี ถึงเราพ้ีแล จีงซำ�้ ไว้จิตแก้วเทิงดอยนันทกังฮี บ่อน ๑ เมืองจักเกิดมีทด่ี อย นันทกังฮี เป็นแต่พุทธศาสนาสังฆเถรเป็นพญารุ่งเรือง ก็เล่าจักได้เข้ามาน้อมแก่ เมอื งเรา อนั พญานาคหากแต่งตงั้ ไว้แก่พญาจนั ทบรุ นี นั้ แล แม้นว่าเมอื งมรกุ ขนคร ก็ดั่งเดียวกันแล เหตุว่า พระพุทธเจ้าได้มาไว้กงจิตแก้วที่แคมหนองคันแทเสื้อน�้ำ นั้นก่อนแล แล้วจีงเกี้ยวคืนเมือขวาแล้ว จีงไว้จติ แก้วแลกงเสมอกันทุกอันแล อนั ผขู้ า้ ทง้ั หลายมาพจิ ารณาดโู สกเมอื งตามคมั ภรี เ์ พทศาสนานครนทิ าน อนั ไดเ้ รยี นมา จงี เอาพน้ื เมอื งทงั้ ๓ เขา้ สมกนั ดดู งั นน้ั เหตวุ า่ พระพทุ ธเจา้ ไดเ้ สดจ็ มาสู่เมืองสุวรรณภมู นิ ั้นก่อนแล แล้วจงี เอามาตง้ั เปน็ อธปิ ตเิ ข้าแพด276 กันดู เมอื งมรุกขนครนถี้ กื มชั ฌมิ นคร เศษเปน็ อัปปราชาภายหน้าพุ้น มกั ว่าฉนั นี้ ท้าวพญาตนจกั เปน็ ใหญ่ บ่มอี าณาคมบญุ สมภารหากน้อย จกั ได้เปน็ อนภุ าพแก่ เมอื งอันกว้างขวาง คือว่า เมอื งอนั พญาจันทบรุ ลี บุ ลางผวั นางอนิ ทสว่างลงลอด กินเมอื งท่ามกลางบดั นแ้ี ล เมอื งอนั จกั ตงั้ ทีด่ อยนนั ทกงั ฮีนนั้ กถ็ ืกโชตริ าชาส่วน ๑ แล เล่ามสี งั ฆโชติ มาสับหั้นแล ภายหน้าพุ้น ท้าวพญาตนเสวยราชนั้นมักอยากไปควากระท�ำ 276 “แพด” เทยี บเคียง ต�ำนานอรุ งั คธาตุ 141
ยุทธกรรมแก่บ้านเล็กเมืองน้อยแลเรืองนัก ภายลุนจักสูญเสียแลเหตุว่าเศษ สญู ราชา มีในศาสนานครนทิ านคมั ภรี ์ อันน้แี ล ท่อจักเรอื งแต่สงั ฆเถรเปน็ ใหญ่ ซะแล แวนยงิ่ เหตวุ า่ โสกศาสนานครนทิ านในคมั ภรี ส์ งั ฆราชาอธปิ ตพิ ทุ ธศาสนา ถึกผู้ข้าทั้งหลายฝูงเป็นพราหมณ์เวทครูแจ้งในคัมภีร์เพทดังน้ี ผู้ข้าท้ังหลายจีง ท�ำนวยถวายมหาราชเจ้าให้แจ้ง ก็ข้าแล ยามนน้ั พญาสมุ ติ ตธรรมเจ้ากช็ มชื่นยนิ ดีว่า สาธุ สาธุ ดี ๒ แล้วให้ราช ทานแก่พราหมณ์ทงั้ ๕ เปน็ อันมากอันหลายหั้นแล จีงให้แปงกระบวนโสกเมือง แลรปู รอยกงจติ แกว้ กบั ทงั้ แมน่ ำ�้ ใหญ่ มนี ำ�้ ของเปน็ เคา้ ซอุ นั สง่ิ ใดกลา่ วไวแ้ ตห่ ลงั นนั้ แล แลว้ จงี ใสใ่ นแผน่ ผา้ ขาว แลว้ ดว้ ยนำ�้ หมกึ อนั คลุ กี า277 ดว้ ยอนั เปน็ มงคลหน้ั แล บุคคลฝูงมปี ระญา จงี คอยพิจารณาดแู ล้วจงี แปงนำ� หั้นเทอญ กลา่ วบัน้ พราหมณ์ท้ัง ๕ คนื เมือส่เู มืองมรกุ ขนครไหว้พญาสุมิตตธรรมเจ้า ก็แลว้ ทอ่ นก้ี อ่ นแล บ้ันที่ ๒๐ อรหนั ตาท้งั ๕ แลพญาจันทบุรี ถะปันนาธาตุ บดั นจ้ี กั กล่าว อันเจ้าพุทธรักขติ ธรรมรักขติ สงั ฆรกั ขติ เอาลกู ศิษย์ทง้ั ๕ มมี หารัตนเถร เป็นเค้า ไปสู่เมอื งราชคฤหา แลจักคนื มานน้ั จงี น�ำเอา ธาตุหัวเหน่าพระพทุ ธเจา้ ซาว ๙ ลูก ธาตแุ ข้วฝาง ๗ ลูก ธาตุฝ่าตนี ขวา เก้าลูก มายง้ั อยู่เมอื งนครราชเสมาห้นั คนื ๑ เม่ือพระพุทธเจ้ายังทัวรมาน ได้มาสถิตท่ีปากถ�้ำแก้วชิรปราการ หว่างภู ๒ อนั ถดั ละโว้หน้ั พระอรหนั ตาเจ้าทงั้ ๘ ตนนี้ พร้อมกันไปสักไว้แผ่นกระดาน หนิ เปน็ พ้ืนบ้านพ้นื เมือง แลอุปเทศนิทานทง้ั มวลไว้ อนั จักรกั ษาพระพุทธศาสนา แลพ้นื ธาตพุ ระพุทธเจ้า อนั จักได้อยายไว้ในชุมพูทปี แลพื้นรอยปาทลกั ษณ์ กบั ท้ังศาสนานครนทิ านสัพพัญญูเจ้าซุอนั กส็ ักไว้หน้ั ทงั้ มวลแล 277 “คุลกี า” คลุกเค้า ผสม 142 ที่ระลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ประจำ� ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒
แล้วพ่อครทู งั้ ๓ จีงส่ังลูกศิษย์ทงั้ ๕ ให้เอาธาตอุ นั เอามานน้ั ว่า ให้ไวธ้ าตุหัวเหนา่ ท่ภี ูเขาลวง ห้ันเทอญ ธาตุฝ่าตนี ขวาไวเ้ มอื งลาหนองคาย หนั้ เทอญ ธาตแุ ข้วฝางไว้เวียงงัว ๓ ลกู ไว้ท่าหอแพส่ลี ูก เทอญ อรหนั ตาเจ้าทง้ั ๓ ส่ังแล้ว กห็ นเี มอื สู่เมืองราชคฤห์ดงั เก่าแล ยามนน้ั อรหนั ตาเจา้ ทง้ั ๕ จงี เอาธาตพุ ระพทุ ธเจา้ มาตง้ั อยใู่ นฮม่ ไมป้ าแปง้ ท่ภี ูเขาลวงหน้ั พญาจันทบุรีแลหม่ืนกลางโรง รู้เม่ือว่าพระอรหันตาเจ้าเอาธาตุ พระพุทธเจ้ามาก็ช่ืนชมยินดีมากนักจีงใช้ไทใน278 ให้เมือเอานางอินทรสว่าง รัตนเกสีราชเทวี นางก็แจ้งกริยาในการบุญแล้ว จีงเอาค�ำให้ไทช่าง หล่อเป็น รูปสิงห์สี่ตัว หนักส่ีหม่ืน เอาก้นสิงห์มาจุกัน เอาค�ำมา ๒ หมื่น มาหล่อเป็นรูป อูบมุงแลประดับด้วยแก้ว จงี เอาลงใส่เรอื คำ� ล่วงมายังท่ศี าลจอดดอมพญาห้ัน ยามนั้น นางท้ัง ๒ ก็มาคารวะไหว้นบนางอินทรสว่างรัตนเกสีราชเทวี ถามหาค�ำวุฒิสวัสดีแล้ว เห็นนางทั้ง ๒ ก็มีใจรักชมช่ืนยินดี ให้ทานเครื่องขัน คำ� คนหนว่ ย ขนั กลางตง้ั นำ�้ เตา้ ฝาหบั คำ� คนหนว่ ย มา้ ว279 คำ� ปน่ิ เกลา้ คำ� ตา้ งคำ� แลผ้าสไบทกุ เยอ่ื งเสมอกนั แล ยามน้ัน พญาจันทบุรีเอานางท้ัง ๓ ไปสู่ภูเขาลวง ไหว้นบเคารพสักการบูชา ธาตุพระพุทธเจ้าแล้ว ยามน้ัน อรหันตาเจ้าทั้ง ๕ พร้อมกันอธิษฐาน ผิว่า ธาตุพระพุทธเจ้า อนั น้นั จักตงั้ อยู่ภเู ขาลวงเท่า ๕ พันวสั สา เป็นพระพุทธศาสนาฐานันตรวเิ ศษแท้ แผ่นดินจงซะเป็นขุมลกึ ๘ วา ลวงกว้างแลด้านสบิ วา เทอญ ว่าดังน้ัน แผ่นดินก็ซะไซ้ดังอธิษฐานอันอรหันตาเจ้าแล พญาจันทบุรีให้ เอาหินแลงก่อเป็นอูบมุงหินเลียน280 ขึ้น แต่เต้าฝาท้ังสี่ด้าน แลด้าน ๕ วา หนา ๒ วา สูง ๔ วา ๓ ศอก หินอันจักก่อก็หมดเสีย คนทั้งหลายไปหาหินได้ แลแห่งแลน้อย เอามาก็บ่พอ 278 “ไทใน” ข้าราชบริพารฝ่ายใน 279 “ม้าว” พาหุรดั เครื่องประดบั ต้นแขนของชนชนั้ สูง 280 “เลียน” เรยี ง ต�ำนานอรุ ังคธาตุ 143
ยามนั้น ปัพพารนาค นีรมติ เป็นผ้าขาว ถอื ไม้แทก281 ค่าตัวเมอื่ เป็นนาค นั้น มาบอกแก่คนท้ังหลายว่า หินเพื่อนพ้องกองไกลไว้เบ้ืองตะวันตกน้ันซ่ือนี้ มากหลาย ไปเอามาก่อให้แล้วเทอญ คนท้ังหลายจักเห็นหลากดอมไม้อันน้ัน จกั วา่ ไกลหรอื รวู้ า่ ใกลจ้ า ผา้ ขาววา่ แทกแตน่ ไี้ ปพนั คา่ ไมอ้ นั นฮี้ อดแล คนทงั้ หลาย จีงว่าไม้ยาวไกลนักบ่ไป แท้แล ผ้าขาวจีงให้ไม้แทกนั้นหด282 ลงได้วาด้าม283 คนท้งั หลายกเ็ หน็ หลากดอมไม้อนั นน้ั หดห้นั แล ผ้าขาวปะ284 ไม้อันนัน้ ไว้กับหิน ต่อหน้าคนทงั้ หลายหั้นแล เขาจีงไหว้นบอรหันตาเจ้ากับท้ังพญาจันทบุรีว่า ผ้าขาวผู้นี้ดูหลากแท้ก็ข้า แล ว่าดงั นน้ั ผ้าขาวกป็ ะไม้อนั นนั้ ไว้ ล่วงกลบั หนตี ่อหน้าหน้ั ลวดบ่เหน็ บดั เดยี วนน้ั อรหนั ตาเจา้ จงี วา่ ทา่ นทง้ั หลายบไ่ ดฟ้ นั แผน่ หนิ ยากแลว้ แมน่ ปพั พารนาค ตัวอยู่ในพ้ืนภูเขาลวงที่นี้มาช่วยเราแล เขาทั้งหลายรู้แจ้งเหตุดอมอรหันตาเจ้า พร้อมกันจงี เอาไม้อันน้ีแทกไปได้พนั ค่าทไ่ี ม้สุด เห็นหนิ ๓ หน่วยงามนกั ว่าบ่เอา รอยแทกไปค่ วิ้ 285 แล พญานาคบอกวา่ หนิ มมี ากหลายแทด้ าย รอยวา่ แทกไปคอื ว่าแล ผู้แทกผู้นับว่าได้พันวาแล้ว กำ�้ ผ้กู ่อจงี ว่า ได้ท่อใดกเ็ อาถ่อน อย่าให้เสยี แรงเรามาเทอญ ลวดหามเอา หมดท้งั ๓ หน่วยหนิ แล เล่าเกิดมาเป็น ๖ หน่วย คนทง้ั หลายเขาหามเอาทั้ง ๖ หน่วยนั้น เล่าเกิดมา๑๒ หน่วย คนทั้งหลายซ้�ำหามเอาเล่าเกิดมาเป็นคู่ ท่อบ่รู้ หมดรู้เสีย้ งแล คนทง้ั หลายฝูงไปเอาหนิ นนั้ ได้ ๓ พนั หน่วยจงี ถามจากันว่า หินน้ี เอาไปมากหลายแลว้ ทอ่ นเี้ หมอื นดงั จกั กอ่ พอแลว้ เรามาพรอ้ มกนั แปงรปู รอยตนี อรหนั ตาเจ้าปากค้วิ 286 เพอื่ ว่าหมายบ่อนไว้เทอญ ว่าดงั นแ้ี ล้วเขาก็จีงมาพร้อม กันสกั แปงไว้ว่าเป็นรปู ปาทลักษณพ์ ระอรหนั ตาเจ้าพันคา่ ว่าแต่นนั้ แล คนทั้งหลายได้หินแล้วพร้อมกันก่อข้ึน แลวันแล ๓ คืบ ทั้งคบงันหลิ่น มหรสพบชู า ก็บรบวรด้วยซะทายลายจนี 281 “แทก” วดั 282 “หด” สน้ั ลง ย่น 283 “วาด้าม” วาอก 284 “ปะ” ละทิง้ 285 “ไปค้ิว” ไม่แม่น ไม่ตรง 286 “ปากคว้ิ ” พูดจาแน่นอน, พูดถูกต้อง 144 ที่ระลึกงานกฐินพระราชทานมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำ� ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒
พญาจนั ทบรุ ี ให้แปงแผ่นค�ำ ๓ อนั กว้างใหญ่ ๒ วา เป็น ๔ แจ หนาท่อ ใบลาน นางทัง้ ๒ ได้แผ่นเงนิ เลยี งคนแผ่น ใหญ่หนาท่อแผ่นคำ� แห่งพญานัน้ แล หม่ืนกลางโรง ได้แผ่นเงนิ เลยี งอนั ๑ พญาจันทบรุ ใี ห้เอาแผ่นเงินเลยี งรองพืน้ ๓ ชัน้ แผ่นค�ำเตง็ ๓ ช้นั เอาสิงห์คำ� เข้าในอูบมุงหันเอาก้นจกุ นั ตัง้ เทงิ แผ่นค�ำ เอาอบู มุงคำ� ต้งั เทงิ หลงั สิงห์คำ� ๒ ตวั นัน้ พญาจันทบุรีเจ้า เอาเสื้อผืนหนึ่งอันเอกจักขุนาค กายโลหนาคให้นั้น ป้อง287 หางสิงห์ นางอินทรสว่างเอาผ้าสไบขาวข่ายค�ำและปิ่นเกล้าค�ำ นางท้งั ๒ เอาผ้าสไบเงนิ ค�ำฝูงน้ีป้องหางสงิ ห์ พญาจนั ทบุรเี หน็ นางอินทสวางลง ลอดเอาปิ่นเกล้าใส่ คดิ ฮอดเอาเทรดิ หวั อันสหัสสพลนาคให้นนั้ ใส่ไว้บูชาหน้ั แล ยามนั้น อรหนั ตาเจ้าให้ธาตหุ วั เหน่า ซาว ๙ ลูก ให้แก่พญาจนั ทบุรี พญา ก็เอาใส่ในขวดจันทน์อันสุคันธนาคให้น้ันสิบลูก ใส่ในกวดน�้ำมันแก้วอันเทวดา ปรสิทธิสักกเทวะให้น้ันสิบลูก นางท้ัง ๓ นบแลคนแล ๓ ลูก ใส่ในอูบค�ำซุคน ซุคนแล้ว จงี เอาเข้าต้ังไว้ในอูบมุงคำ� เหนอื หลงั สงิ ห์ แล้วจงี แปงยนต์ง้าวแกวดไว้ ท้งั ส่ีด้าน แล้วจงี ถมไว้ราบเรยี งเพยี งดังเก่า อรหนั ตาเจา้ ใหเ้ อาหนิ อนั พราหมณฝ์ งั ไวแ้ ตก่ อ่ นนน้ั มาฝงั หมายไวเ้ พยี งยอด อบู มงุ น้ันแล ครัน้ ว่าถะปันนาธาตุเจ้าแล้ว พญาจันทบุรกี ็จงี คืนมาสู่เมอื งดังเก่า กม็ แี ล ยามน้ัน อรหันตาเจ้า ช่ือว่า มหารัตนเถรแลจุลรัตนเถร เอาธาตุแข้วฝาง ๔ ลูก มาถะปันนาไว้ท่าหอแพห้ันแล มหาสุวรรณปาสาทเถรจุลสุวรรณปาสาทเถรพี่น้องนั้น เอาธาตุแข้วฝาง สามลกู มาถะปนั นาตงั้ ไว้ทโี่ พนจกิ เวยี งงวั ห้ันแล เจ้าสังขวิชเถรเอาธาตุฝ่าตีนขวาเก้าลูกไปไว้เมืองลาหนองทั้งหลาย ว่าหนองคายก็ว่าแล น้าเลี้ยงพ่อนมสร้างอูบมุงในพื้นแผ่นดิน ใหญ่วาแขน สงู ๓ วา แล้วด้วยซะทายทายจีน เอาแผ่นเงนิ เลยี งรองธาตุใส่อูบค�ำ ต้ังไว้แล้วก็ เอาธาตุฝ่าตนี ขวาถะปนั นาไว้หน้ั ถมไว้ให้ดกี ม็ แี ล 287 “ป้อง” กัน, ปก ต�ำนานอุรงั คธาตุ 145
เมอ่ื นั้น อรหนั ตาเจ้า ป่าใต้ ป่าเหนอื นพิ พานเลยี นมอ้ื กันท่เี วยี งงัว เจ้าสังขวิชเถรแลมหาเจ้าสุวรรณปาสาทเถรพ่ีน้องมาโฮมเอาฉันทะ ด้วยมหารัตนเถรเจ้า ๒ พ่ีน้องที่ท่าหอแพ หั้นแล เพ่ือจักมาคารวะอรหันตา เจ้าทง้ั สอง อนั นพิ พานนน้ั อรหันตาเจ้าทง้ั ๕ พร้อมกนั จากท่าหอแพมาฮอดเพยี งหนองแปว288 ห้ัน เชษฐไชยนาคเห็นจวนค�ำ่ เสยี นาคตัวนนั้ นรี มิตหอไชยไว้ ๕ หลังทแี่ คมหนองแปว ให้เจ้าท้งั ๕ อยู่เซาเมตตา หนองอนั นน้ั จงี เรยี กว่า หนองหอไชย รงุ่ เชา้ จงี มาบณิ ฑบาตไตข่ วั ไมด้ นู่ น้ั มา พญาจนั ทบรุ ใี สบ่ าตรแลว้ จงี ราธนา นิมนต์ให้อยู่เมตตา มหารัตนเถรเจ้าพี่น้อง มหาสุวรรณปาสาทเถรเจ้าพ่ีน้อง ก็น�ำแคมบึงเลาะคืนเมือใต้เพื่อหาที่อยู่บ่อนสบายซายผง ฮอดเพียงหาดทราย ผ่อหล่�ำแม่นแปวบ่อนเชษฐไชยนาคเทยี วมาหาน�้ำของ เชษฐไชยนาคจงี นีรมติ เปน็ ผ้าขาวผู้ ๑ ถอื เผยี ก289 ไหมด่อนเจ็ดแกว290 เข้ามา ไหว้อรหนั ตาเจ้าทง้ั ๔ ว่า ผู้ข้าเอาเผียกค่าตัวผู้ข้าเม่อื เป็นนาคอนั นีแ้ ทกแต่แคมนำ�้ ของ ขนึ้ มาสุดเผยี กได้ ๓๓ ค่าแล ขอเจ้ากเู มตตานีท้ อด ทน่ี น้ั เป็นมงคลนักแล อรหันตาเจ้า ร้วู า่ แมน่ เชษฐไชยนาคแล้ว กจ็ งี รบั เอานมิ นต์สองตน คอื วา่ มหารตั น ตน ๑ จลุ รตั นเถร ตน ๑ พี่น้องต้งั อยู่กกเผียกสดุ เชษฐไชยนาคว่า เจ้ากอู ยู่กกเผยี กนี้ ๒ ตนก็ดีเทอญ จีงช�ำแรกฝังเผียกน้ันแต่ป่ากกเผียกออกไปนอกเมือง ห่างหนองคันแท เสอื้ นำ้� นน้ั กไ็ ด้ ๓๓ ค่าสดุ แม่นบ่อนคองเทยี วเชษฐไชยนาค มหาสุวรรณปาสาท เถรเจ้าแลจลุ สวุ รรณปาสาทเถรเจ้าพ่นี ้องจงี อยู่แห่งนนั้ แล พญาเชษฐไชยนาคเอาเผยี กนัน้ ทบถ่องเปน็ ๒ บ้นั ตดั ออกบัน้ กกทบถ่อง ตัดเป็นสองเส้น ให้ทานมหารัตนเถรเจ้าพ่ีน้องแลตนแลเส้น บั้นปลายทบถ่อง ตดั เป็นสองเส้น ให้ทานแก่มหาสุวรรณปาสาทเจ้าพ่นี ้องแลตนแลเส้น แล้วพญา เชษฐไชยนาคก็กลับหนเี มือสู่ที่อยู่แห่งตนก็มแี ล แต่นั้นคนทั้งหลายจีงใส่ชื่อว่า ร่องนาคา ห้ันแล ท่ีบ่อนเก่าน้ันใส่ชื่อว่า ป่ากกเผียกพญานาค ห้ันแล ยามนนั้ เจา้ สงั ขวชิ เถร จงี เมอื ดทู อ่ี ยบู่ อ่ นสบาย แมน่ แคมน้�ำหว้ ยมงคลหน้ั อินทจักรนาคก็นรี มิตรเปน็ ผ้าขาวผู้ ๑ มาปลกู ทุงไว้แล้วอยู่กกทอง บอกว่าเจ้ากู 288 “แปว” ปล่อง 289 “เผียก” เชือก 290 “เจ็ดแกว” เจด็ เกลียว 146 ท่ีระลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ประจำ� ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
อยู่น้ีเทอญดีนักแล ว่าดังน้ีแล้วก็กลับหลบหนี เจ้าก็แกวดกฎ หมายรู้ว่าแม่น พญานาคมายนิ ดซี ึง่ ตน รอยว่าบ่อนนศ้ี าสนาจักรุ่งเรอื งเปน็ อันประเสรฐิ แล ครั้นว่า อรหันตาเจ้าทั้ง ๕ ตนอยู่เป็นที่แล้วก็มาบิณฑบาตเมตตา พญา จนั ทบรุ จี งี ให้ไปสร้างวหิ ารให้อยู่ แลตนแลหลงั แม้นเมอื่ ๘ คำ่� แล สบิ ๔ สบิ ๕ คำ่� เจ้าทั้ง ๕ ก็มาสู่วัดสวรรค์อ้วยล่วย สั่งสอนสังฆเจ้าท้ังหลายเป็นปกติ พญา จนั ทบุรกี เ็ อาธาตุอรหนั ตาเจ้าทงั้ ๒ อันนิพพานแล้ว มาถะปนั นาไว้กบั ท่หี ัน้ แล ยามนนั้ เถิงกาลอันเข้าวัสสา อรหันตาเจ้าทงั้ ๕ จงี หนีไปอยู่ป่าโพนแจง้ นอกปากหว้ ยบางพวน ๔ ตน มมี หารตั นเถร เป็นเค้า แลเจ้าสงั ขวชิ เถร อยู่ปาก ห้วยบางพวนกำ�้ ใต้ แม่นเม่ือวันออกวสั สา พอเวลาใกล้รุ่ง ปพั พารนาคเอาผ้าสาฎกดอกคำ� ผืน หน่ึงยาวสิบวามาให้ทาน เจ้าสังขวิชเถรก็เอาให้น้าเล้ียงพ่อนมตัดก็เป็นพญาผ้า คอมกห็ มดทงั้ สิบวา เล่าเกิดใหม่ผืน ๑ สืบมาสิบวา จงี ซำ�้ ตัดเปน็ พญาผ้า คอมก็ หมดแล้ว เลา่ เกดิ มาสบิ วาดงั่ เดยี ว ตราบต่อเท่าเถงิ พอหา้ ผนื จงี บเ่ กดิ มาตม่ื หนั้ แล ผนื เค้าน้นั ให้เจ้ามหารตั นเถร ผนื ถ้วน ๒ ให้เจ้าจลุ รตั นเถร ผืนถ้วน ๓ ให้เจ้ามหาสุวรรณปาสาทเถร ผืนถ้วน ๔ ให้เจ้าจุลสุวรรณปาสาทเถร ผืนถ้วน ๕ ให้เจ้าสังขวชิ เถรแล้ว จีงทรงเป็นอันงามยิ่งนักแล แล้วมาโฮมกันในที่ป่าแจ้งคืนน้ันแล เป็นอัน สบายแก่จติ ใจ เหตุว่าได้ทรงผ้าดอกค�ำแห่งปัพพารนาคห้นั แล เจ้าทงั้ ๕ ก็ตรสั รู้ ในคาถาสบ่ี ทอนั เคา้ แหง่ มหากสั สปะเจา้ กลา่ วไวแ้ ตช่ าตอิ นั กอ่ นเมอื่ เจา้ ทงั้ ๕ เปน็ พญา นนั้ ว่า คจฉฺ นตฺ ิ นรคจฉฺ นตฺ ิ ผปู้ ระเสรฐิ ตอ่ ผปู้ ระเสรฐิ เทยี วทางมาจวบกนั กแ็ ฮง ซ้�ำประเสริฐกว่าเก่า นั้นได้ดังมหารัตนเถรเจ้าพ่ีน้อง เม่ือเทียวทางเป็นพญา สุวรรณภงิ คารแลพญาค�ำแดงนนั้ ตามปญั หาเทยี มว่า เขอื ไป โก เว นรโก เว ผู้ฉลาดอาจต่อผู้ฉลาด มาจวบกัน ก็แฮงซ้�ำฉลาดอาจ ย่ิงกว่าเก่า ได้ดังมหาสุวรรณปาสาทเถรเจ้าพี่น้อง เม่ือเป็นพญาจุลณีพรหมทัต แลพญาอนิ ทปตั ถนคร ตามปญั หาเทยี มมาว่า ขามา เญยฺยา นรเญยฺยา ผู้รู้ต่อผู้รู้ มาจวบกันเข้า ก็แฮงซ้�ำรู้กว่าเก่า ได้เจ้า สังขวิชเถร เมื่อเป็นพญานันทเสน แลมาจวบกันพญาติโคตรบูรแม่นอยู่ในเมือง ต�ำนานอุรงั คธาตุ 147
ร้อยเอ็ดปักตู ก็เล่าพัดซ�ำ้ จวบกนั ในชาตกิ ่อนอนั นแี้ ล ปญั หาเทยี มมาว่า ขาไป สากนฺติ นรสากนฺติ ได้ดังพญาสุริยวงศาสิทธิเตชธรรมิกราชาธิราช เอกราช นางศรรี ตั นเทวี แลพญาจนั ทบุรี แลนางอนิ ทรสว่างลงลอด ถืกว่า ผู้รกั ต่อผู้รัก เทียวทางมาจวบกัน ก็แฮงซ�้ำรักกันย่ิงกว่าเก่า เหตุผัวเก่าเมียเก่า ตามปัญหาเทยี มว่า เขอื มา นนั้ แล แตน่ น้ั อรหนั ตาเจา้ ๒ แจง้ ในปพุ เพนวิ าสญาณ ไดอ้ ยไู่ ดก้ นิ แตช่ าตอิ นั กอ่ น แยงไปเถิงพญาสุมิตตธรรมในเมืองมรุกขนคร เพื่อให้ได้ถะปันนาพระอุรังคธาตุ พระพทุ ธเจ้าทภ่ี กู �ำพร้านนั้ แล กล่าวบน้ั อรหนั ตาทงั้ ๕ แล พญาจันทบุรปี ระสิทธิสักกเทวะ ถะปนั นาธาตภุ ูเขาลวงเป็นเค้า กแ็ ลว้ ทอ่ นี้กอ่ นแล บน้ั ท่ี ๒๑ ถะปันนาพระอรุ ังคธาตุ บัดน้ี จักกล่าวอรหันตาเจ้าทงั้ ๕ พร้อมกนั ไปสู่เมอื งมรุกขนคร จีงเข้าไป บณิ ฑบาตในบา้ นบอ่ น ๑ มที แ่ี คมนำ้� อนั พระพทุ ธเจา้ อธษิ ฐานรอยไวแ้ กพ่ ญาปลา น้ันแล แล้วเจ้าท้ัง ๕ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว ให้ทานข้าวแก่ปลาทั้งหลายว่า ทฆี ายโุ ก โหตุ ปลาทั้งหลายจงมีอายอุ ันยืนเทอญ ว่าดงั นี้ คนทัง้ หลายได้ยินใส่ ชอื่ ว่า บา้ นเชยี งยืน แต่นน้ั มาแล เจา้ ทงั้ ๕ ขา้ มขวั ไปฉนั ขา้ วทบ่ี อ่ นอนั พราหมณท์ งั้ ๕ ทอ่ วา่ เมอื งมรกุ ขนคร จกั หล่าคืนมาตง้ั น้ันแล เจ้าทงั้ ๕ พรากจากทน่ี ั้นไปสู่ภูก�ำพร้า ปฏสิ ันถารซ่งึ กัน ครน้ั รงุ่ แล้ว มหารตั นเถรพน่ี ้องไปบณิ ฑบาตในเมอื งอนิ ทปตั ถนคร เมตตา เอาพญาอาว291อนั เป็นจลุ บดิ าแห่งตนมาช่วยถะปนั นาธาตุ มหาสุวรรณปาสาทเถรเจ้าพ่ีน้องนั้น ไปบิณฑบาตในเมืองที่เกิดแห่งตน เพื่อเมตตาเอาพญาปุตตจุลณีพรหมทัต อันเป็นลูกหญิงลูกชายแต่ชาติก่อนน้ัน ชาติอันนี้เล่าได้เป็นพ่อ แลนางปัจฉิมเทวีอันเป็นแม่ เจ้าพ่อออกแม่ออกท้ังสอง บดั นแี้ ล เพอื่ ใหม้ าชว่ ยถะปนั นาพระอรุ งั คธาตุ ดอมพญาสมุ ติ ตธรรมกิ ราชาธริ าช เอกราชในเมอื งมรกุ ขนครหัน้ แล 291 “อาว” อา น้องของพ่อ 148 ท่รี ะลึกงานกฐินพระราชทานมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ประจ�ำปพี ุทธศกั ราช ๒๕๖๒
เจ้าสังขวิชเถร จงี มาบณิ ฑบาตในราชวงั หลวงแห่งพญาสุมิตตธรรมมรกุ ข นคร พญาและนางเทวีแก้วเหลียวเห็นเจ้าอันทรงผ้าดอกค�ำแดงอันพญานาคให้ ทานน้ัน ลวดมีใจชมช่ืนยินดีปีติซาบอาบไปในขันธสันดานทั้งมวล เหมือนด่ัง ลูกราชสีห์อนั พลดั จากพ่อแม่ จีงมาจวบกันแลกระสนั ดอมกันนน้ั แล พญาแลนางราชเทวี บ่อาจจกั ตงั้ ตนอยไู่ ดม้ จี ติ ใจหวนั่ ไหวไปมา เหมอื นดงั ช่อธุงอันกวัดแกว่งน้ันแล ลวดลงจากปราสาท ราธนาโจมเอามหาเถรเจ้าขึ้น เมอื สถติ กลางปราสาท ให้ฉนั ข้าวนำ้� โภชนะอันสนทิ แล้ว พญาแลนางเทวีจีงถามว่า เจ้ากูเปน็ ตนดตี นงาม ควรจำ� เรญิ ใจนัก เจ้ากลู ุกแต่ท่ี ใดมาเมตตานีก้ ็ข้าจา มหาเถรเจ้าว่า ลกุ แต่เมืองร้อยเอ็ดปกั ตพู ุ้น มาหาพ่อแม่แล เหตวุ ่าพ่อแม่ หนมี าอยู่เมืองมรกุ ขนครพ้ี พญาแลนางเทววี ่า พ่อแม่เจ้ากอู ยู่ท่ใี ดจา มหาเถรเจ้าว่า แต่เก่าพ่อแม่อยู่เมอื งศรีโคตรบองหนั้ จีงหนไี ปเอาเมียอยู่ เมอื งร้อยเอด็ ปกั ตู แลประสตู เิ ราออกไว้แล้ว แลละเราเสยี หนีมาอยู่ทน่ี แี้ ล พญาแลนางเทวีบ่ตรัสรู้แจ้ง ก็แย้มหัวไวไวในใจว่า เจ้ากูหลงพ่อแม่เสีย คราวมัวค�ำทุกข์ มหาเถรเจ้าก็ถามว่า มหาราชทั้ง ๒ ลุกจากท่ีใดมาอยู่ท่ีนี้จา พญาจีง ขานว่า ผู้ข้าทง้ั ๒ บ่ได้จากท่ีใดมา หากเกดิ มาแต่ตระกูลวงศาในที่นีแ้ ล มหาเถรเจา้ วา่ บใ่ ชเ่ ราถามหาเชอ้ื ตระกลู วงศา เราถามหาชาตอิ นั กอ่ นนน้ั แล พญาแลนางเทวจี งี ว่า เจ้ากูเป็นอรหนั ตา อันชะรอื มหาเถรเจ้าว่า อามะ แท้แล ยามนั้น ค�ำอัศจรรย์ก็เกดิ มีมากนกั เทพดาฝงู รักษาภุมเสตฉัตรแห่งพญา แลเทวดาอันรักษาภูก�ำพร้าท้ังมวล ก็เป่ายังหอยสังข์เสียท่ัวเมืองทั้งมวลเป็น อนั มว่ นนกั คนทงั้ หลายทอ่ ไดย้ นิ แตเ่ สยี งหอยสงั ขบ์ เ่ หน็ เทวดาทงั้ หลาย จงี ใหเ้ สยี ง สาธุการไปท่วั เมอื งแล้วเส่ียงเสียงหอยสังข์นน้ั เจ้าสังขวิชชเถรเทศนาว่า ดูรา มหาราชเจ้า เราจากแต่เมอื งพญาจนั ทบรุ ี พนุ้ มาเมตตาแล เมอ่ื ชาตกิ อ่ นนน้ั มหาราชไดเ้ ปน็ พญาตโิ คตรบรู ในเมอื งศรโี คตรบอง ยามนนั้ พระพุทธเจ้ามาสถติ ที่ภูกำ� พร้าคนื ๑ รุ่งเช้า พุทธวสิ ัยส่องแจ้งกเ็ สดจ็ ไป อิงต้นไม้รังเบ้ืองใต้ เพ่ือเมตตามหาราชให้ถึงสุข แล้วจีงเข้าไปเมตตาบิณฑบาต ในเมืองศรีโคตรบอง มหาราชได้ใส่บาตรแล้วจีงปรารถนาค้�ำพุทธศาสนา ตำ� นานอรุ งั คธาตุ 149
พระพทุ ธเจา้ สำ� เพาะซง่ึ มหาราช บท่ รงบาตร พทุ ธลลี าคนื ตามทาง มหาราชชมชน่ื ยินดอี ุ้มเอาบาตรน�ำไปส่งฮอดต้นรังหน้ั แล ยามนน้ั เราเปน็ น้องมหาราช หั้นแล มหาราชจุติ จีงได้ไปเกิดในเมืองสาเกตนคร เป็นพญาร้อยเอ็ดปักตู นางศรีรตั นเทวเี ทยี มองค์มหาราชหน้ั แล ยามน้ัน เราได้เป็นพญานันทเสน เสวยราชแทนในเมืองศรีโคตรบอง ได้ ๑๓ ปี พระพทุ ธเจ้านิพพานแล้ว อรหนั ตาเจ้าท้ัง ๕ ร้อย มีมหากสั สปะเจ้า เป็นประธาน เอาธาตุหัวอกมาถะปันนาไว้ที่ภูก�ำพร้า เราแลพญาท้ัง ๔ ก็ได้มา พร้อมกนั ก่ออบู มุงทภ่ี ูก�ำพร้าหนั้ แลใส่ธาตหุ วั อกพระพุทธเจ้า ปางนน้ั แล พญาทง้ั ๔ กบั ทงั้ เราไดป้ รารถนาบวชเปน็ อรหนั ตา มหากสั สปะเจา้ แล อรหนั ตาเจ้า ๕ ร้อย ให้พรพร้อมกนั ซุตน จงี ได้มาเปน็ อรหันตาทัง้ ๕ ตนในชาติอนั น้ีแล เมอ่ื เราจตุ จิ ติ จากชาตอิ นั เปน็ พญานนั ทเสนนนั้ ไดไ้ ปเกดิ ดอมนางศรรี ตั นเทวี แห่งพญาร้อยเอ็ดปกั ตู ปางนนั้ แม่นองค์มหาราชเจ้ากบั ท้งั นางเทวีแก้ว บัดนแ้ี ล เสนาอามาตย์ทั้งหลาย เอาฉันทะพร้อมกันหนีจากเมืองศรีโคตรบองมา สร้างเมืองท่ีน่ี จีงราชาภิเษกลูกนางเทวบุปผาเทวี เสวยราชเป็นพญามรุกขนคร ในป่าไม้รวกท่นี ี้ ห้ันแล ยามนั้น เมื่อนางศรีรัตนเทวีพญาร้อยเอ็ดปักตู ประสูติเราแล้วได้ ๗ วัน แล้ว นางก็จุติจิตประเราเสีย มาเกิดในวงศาแห่งพญานันทเสนมรุกขนคร พญาเล่าจีงเอาเป็นลกู มหาราชเจ้าจุตจิ ิตน�ำมาเกดิ เปน็ ลกู พญามรุกขนครนแ้ี ล แต่ชาติก่อนน้ัน มหาราชแลเทวีแก้วเป็นแม่เราพ่อเราแท้แล เราจีงได้ ขานคำ� มหาราชทง้ั ๒ ว่า พ่อแม่เราหลงมาในท่นี ี้ เพือ่ อนั แล พญาแลนางเทวี ได้ฟังธรรมอดีตชาติแห่งตนดอมมหาเถรเจ้าตนลูก เหมอื นดง่ั เห็นยังชาตอิ ันก่อนดอม น�้ำตาลวดตกซ่งึ มหาเถรเจ้า ขณะนั้นคนทั้งหลายฝูงเป็นข้อยไพร่หัตถบาส เห็นน้�ำตาเจ้าแห่งตนตก บ่ขาด บ่อาจอดอยู่ได้ ยามน้นั ลวดมโี ทมนัสโศกไห้ยมย้อยน�ำมากนัก เปน็ อนั ม่ี นันเตม็ ในบังคบั ปราสาทโรงหลวง ก็มแี ล นางเทวีแก้วก็จีงถามมหาเถรเจ้าว่า เม่ือผู้ข้าจุติจากปะเจ้ากูเสียแต่น้อยนั้น ไผผู้เลี้ยงเจ้ากูนนั้ จา มหาเถรเจา้ วา่ นา้ เลยี้ งพอ่ นมกบั ทง้ั นางฝงู เปน็ บาทบรจิ าพญารอ้ ยเอด็ ปกั ตหู ากเลยี้ งมาแล เมอ่ื บา้ นเมอื งรอ้ ยเอด็ ปกั ตแู ตก นางทง้ั หลายบา้ งพอ่ งตาย บา้ ง พ่องหนีคืนเมือสู่บ้านเมืองแห่งตน น้าเล้ียงพ่อนมจีงรักษาเรามาตกเมือง 150 ทร่ี ะลึกงานกฐนิ พระราชทานมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ประจ�ำปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๒
สวุ รรณภมู แิ ต่น้อย เจ้าสงั ขรกั ขติ จงี เอาเรามาบวชสง่ั สอน แล้วเจ้ากห็ นเี มอื เมอื ง ราชคฤห์ พุ้นแล ยามนน้ั พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ คดึ ฮอดเมอื่ พญาจนั ทบรุ แี ปงปราสาทผา้ สาฎก ใสด่ อกบณุ ฑรกิ มาถวาย วนั นนั้ พญาถามพระมหาเถรเจา้ วา่ อรหนั ตาเจา้ มใี นเมอื ง สุวรรณภูมิห้ันกี่ตนจา เจ้าสังขวิชชมหาเถรเจ้าว่ามี ๑๐ ตนแล หนีเมือเมือง ราชคฤหาพุ้น ๓ ตน นพิ พานแล้ว ๒ ตน ยังมากับดอมเราบัดน้ี ๕ ตนกับเราแล ยามนน้ั อรหนั ตาเจ้าทงั้ ๔ หนจี ากเมอื งอนิ ทปตั ถนครแลเมอื งจลุ ณพี รหมทตั เข้ามาโฮมในปราสาท ดอมเจ้าสังขวิชชเถร แล้วก็ปฏิสันถานดอมพญาว่า ดูรา มหาราชตนมีค�ำปรารถนาคำ้� พทุ ธศาสนาเท่า ๕ พันวสั สา พญาทง้ั ๕ ได้มาก่อ อูบมุงท่ีภูก�ำพร้าไว้อุรังคธาตุพระพุทธเจ้า ปางน้ัน แม่นลูกมหาราชเจ้าสังขวิชชเถร ตน ๑ แม่นเราทง้ั หลาย ๔ ตน อันมาเมตตา บดั นแ้ี ล พญาแลนางเทวีเห็นอรหันตาเจ้า อันทรงผ้าดอกค�ำแห่งพญานาค พญาใหท้ า่ นเขา้ มานงั่ เรยี งกนั ดว้ ยลำ� ดบั ในกลางปราสาทเปน็ อนั งามแกจ่ กั ขุ ไดย้ นิ เสยี งอรหนั ตาเจา้ มาถกู ตอ้ งโสตประสาทเปน็ อนั มว่ น ลวดมคี ำ� ชมชน่ื ยนิ ดตี อ่ เสยี ง เส้นขนลุกเหมอื นดัง่ จักได้ไปทางอากาศกลางหาวกม็ แี ล ยามนนั้ เทวดาทงั้ หลายกเ็ ป่าหอยสังข์เสพทว่ั เมอื ง เปน็ วารถ้วน ๒ แล พญาแลนางเทวี ก็แต่งข้าวน้�ำโภชนอาหารให้ฉัน แล้วกิจฉันข้าวน้ัน จีง อย่าเสียงหอยสังข์ พญาจีงถามว่า พญาท้ัง ๕ อันมาเป็นอรหันตาพร้อมกัน บัดน้ี เจ้าตนใดแม่น พญาเมอื งใดแต่ก่อนจา มหารตั นเถรเจา้ จงี จารจากบั ดอมพญาวา่ ตนเราแมน่ พญาสวุ รรณภงิ คาร กินเมืองหนองหาญหลวงแล ยามนั้น พระพุทธเจ้าก็ได้ไปเมตตาฮอดเฮา ได้ฟัง พระธรรมเทศนาแต่อันสัพพัญญูเจ้าแจ้งแท้แล ดูรา มหาราช จุลรัตนเถรนี้เป็น นอ้ งเราแมน่ พญาคำ� แดงกนิ เมอื งหนองหาญนอ้ ยแล มหาสวุ รรณปาสาทเถรแมน่ พญาจุลณีพรหมทตั จุลสวุ รรณปาสาทเถรตนน้องแม่นพญาอนิ ทปัตถนคร เจ้า สังขวิชชเถรแม่นพญานันทเสน กนิ เมอื งศรีโคตรบองแทนเม่อื มหาราชเจ้าน้ันแล ปางยามนนั้ มหาราชเปน็ พญาตโิ คตรบรู น้นั มหาราชได้จตุ ิไปเกิดในเมอื ง สาเกตนคร เปน็ พญาสรุ ยิ วงศาธรรมกิ ราชาเมืองร้อยเอด็ ปักตู นน้ั แล ตำ� นานอรุ ังคธาตุ 151
พญาแลนางเทวกี ับคนท้ังหลาย ยอกระพุ่มมือข้ึนให้เสยี งสาธกุ ารมากนกั เทวดาทงั้ หลายกใ็ ห้เสยี งสาธกุ ารว่า สาธุ สาธุ เปน็ อันม่วนยง่ิ นกั ปางน้นั กม็ แี ล อรหันตาเจ้าท้ัง ๕ จีงเอาฉันทะกันว่า ส่วนดังภูก�ำพร้าช่ือว่าดอยกัปปนคิรี อันพระพุทธเจ้าส�ำเพาะซ่ึงมหาราชเพ่ือถะปันนาอุรังคธาตุแล พญาได้ยินค�ำอันน้ัน กม็ ใี จเล่อื มใสยินดวี ่าจะไปสืบสร้างถะปนั นาแล อรหันตาเจ้าทง้ั ๕ ไปสู่ภูก�ำพร้าก่อน ก็มแี ล ยามนนั้ พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ อาณตั ิ พลเทวอามาตยผ์ ฉู้ ลาดดว้ ยแตง่ การ เอากำ� ลังไปน�ำอรหันตาเจ้า แล้วแปงวหิ ารไว้ด้านตะวันตกนนั้ สองหลงั นอกเขต ช่ัวร้อยวา ให้มหารัตนเถรเจ้าอยู่หลัง ๑ จุลรัตนเถรเจ้าอยู่หลัง ๑ แปงวิหารไว้ ด้านใต้ ๒ หลงั ใหม้ หาสวุ รรณปาสาทะเถรเจ้าอย่หู ลงั ๑ จลุ สวุ รรณปาสาทะเถร เจ้าอยู่หลัง ๑ แปงไว้ด้านเหนอื หลงั ๑ ให้เจ้าสงั ขวชิ ชเถรอยู่ ซะแล พลเทวอ�ำมาตย์ให้แผ้วถางชำ� ระภกู �ำพร้าดแี ล้วทุกแห่ง จงี มาแปงราชจ�ำนัก พญาสมุ ติ ตธรรมเจ้าไวเ้ พยี งปากเซ แล้วแปงราชจำ� นกั สองหลงั ไวถ้ า่ พญาปตุ ตจลุ ณี พรหมทัตแลพญาจุลอินทปตั ถนคร กำ้� ฝ่ายใต้ปากน้�ำก่�ำนนั้ แล้ว กจ็ งี คนื มาคอบ พญาสุมิตตธรรมเจ้า ก็จีงแต่งเคร่ืองสักการบูชาทุกเยื่อง แต่งเรือมงคล ใส่ปราสาทท่ามกลาง แลช้างม้ารพี้ ลไปทางเชงิ 292 ท้ังมวล พญาสมุ ติ ตธรรมเจ้า ลงไปทางเรอื 293 มี ๒ ส่วน ไปทางเชงิ ๓ ส่วน นุ่งผ้าขาวเสอ้ื ขาวเทศทกุ คน ยามนนั้ ปกั ตอู บู มงุ กห็ ากปรากฏเปน็ อนั ตนั เสยี ครนั้ ว่าพญาฮอดแล้ว ตง้ั ของหลน่ิ มหรสพบูชา พอเท่ียงคืน อรุ ังคธาตุพระพุทธเจ้ากระท�ำปาฏหิ ารยิ ์ เปน็ ดังเมอ่ื พญาอินทร์ลงมาบชู าวันนน้ั แล ปักตูอบู มงุ กห็ ากไขไว้ทงั้ ๔ ด้าน พญาแล นางเทวีแก้วแลคนทงั้ หลายยิ่งอัศจรรย์มากนัก เทวดาฝูงรักษาที่นั้นก็ให้เสียงสาธุการทั่วราวป่า เป่าหอยสังข์เป็นวารอัน ถ้วน ๓ แล พญาสุมิตตธรรมอาณัติแก่พลเทวอามาตย์ ให้ป่าวเส็งแก่ใจคนทั้งหลาย ด้วยค�ำว่า บุคคลฝูงใดยังจักมักน�ำเอาการราชศรัทธา จักให้เป็นข้าอุปัฏฐากแก่ พระมหาธาตุเจ้า กับทั้งราชอภัยท้ังหลาย มีต้นว่าเวียกบ้านการเมือง แลให้ ดนิ ดอนไร่นาไว้เลย้ี ง ซะแล 292 “ทางเชิง” ทางสถลมารค 293 “ทางเรอื ” ทางชลมารค 152 ท่รี ะลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวิทยาลยั ขอนแก่น ประจำ� ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒
ยามน้นั คนทงั้ หลาย ซุม ๑ ขาน294 ว่า จกั ตำ� ซะทาย ซมุ ๑ ขานว่า จกั ฟนั ร้าน ซมุ ๑ ขานว่า จักหาเปลอื กไม้ มตี ้นว่า เปลอื กกระโดนแลยางโบง ซมุ ๑ ขานว่า จกั เอาทราย ซุม ๑ ขันว่า จกั เฮด็ สวนเอาน้�ำอ้อย ซุม ๑ ขนั ว่า จักสานกระต่าแลเครอ่ื งหาบหาม ซุม ๑ ขันว่า จกั ปั้นปางเอาค�ำมากพอก ซมุ ๑ ขันว่า จักขดุ เอาแร่295 มาให้ถมยัด ซุม ๑ ขันว่า จกั รักษาต้นไม้โพธร์ิ อยบาท แลหาหนังหาปูนมาเป็น เครื่องซะทาย แล พลเทวอ�ำมาตย์ กดเส้น296 เอาคนทั้งหลายฝูงนั้นได้ ๓ พัน ถัดน้ันจีงให้ ล่ามหลวงแล้วเอาเส้น ๑ แลให้เป็นเจ้าเวยี กเจียกกาย297 พญาสุมิตตธรรมเจ้าเอาพะเนียม298เงินค�ำ แลเคร่ืองกระท�ำเวียกบ้าน การเมืองท้ังมวล ให้พลเทวอามาตย์ปงแก่คนท้ังหลาย เอาพูดคืนคนผู้แก่ ๑ ปันเงินหม่นื ๑ ค�ำพัน ๑ ผ้ากับเส้ือปนั ให้แก่ล่ามหลวงแล เงินหมน่ื ค�ำพนั ผ้าเสอื้ พร้อมปันให้แก่คนท้ังหลายน้ันแล คืนเงินพัน๑ ค�ำร้อย ๑ ผ้าเสื้อให้กับซุคนแล จก299 เสยี ม พร้า มดี ขวานใหญ่ ขวานน้อย สว่ิ ซ3ี 00 ซอุ ัน งัวคู่ ๑ ควายคู่ ๑ เกวียนเล่ม ๑ เรือล�ำ ๑ ซคุ นเสมอกนั ให้เขาเอาเมยี แลลูกพนี่ ้องวงศาเข้ามาอยู่ ตง้ั บ้านสร้างแปง หนั้ แล ข้าวของเงินค�ำฝูงน้ี พญาสุมิตตธรรมเจ้าได้แต่ท้าวพญาร้อยเอ็ดเมือง น�ำมาถวายแลปีแล ๒ เทื่อ ด้วยกุศลผลบุญอันใส่บาตร แลอุ้มเอาบาตรไปส่ง 294 “ขาน , ขนั ” อาสา 295 “แร่” กรวด 296 “กดเส้น” จดช่ือ 297 “เจ้าเวยี กเจียกกาย”เกียกกาย คือกองเสบยี งหรือพลาธิการ 298 “พะเนยี น” หบี ใส่ของ 299 “จก” จอบ 300 “ชี” เหลก็ ส�ำหรบั เจาะ ต�ำนานอุรังคธาตุ 153
พระพทุ ธเจ้า แลปรารถนาคำ�้ ชูพทุ ธศาสนาวันนนั้ ห้ันแล พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ เบกิ ขา้ วของปงใหแ้ กค่ นทงั้ หลายฝงู ขนั อาสาเอาการ ราชศรัทธาน้ันแล้ว พญาก็คืนมาเมืองกับด้วยนางเทวีแก้ว อยู่ตามค�ำสุขสบาย แห่งตนก่อน กม็ แี ล แต่น้ันคนทั้งหลายขนขวายหาเครื่องซะทายปูนทรายได้มาแล้ว เข้าก่อ พรอ้ มกนั คนทงั้ หลายกอ่ สบื แตพ่ น้ื พะลานกระอบู มงุ อนั เคา้ นนั้ ขน้ึ ใหเ้ ปน็ พะลาน ถ้วน ๒ เล่าปะจ่ง301 ไว้แล ยามน้ัน พญาปุตตจุลณีพรหมทัต ก็เอานางปัจฉิมราชเทวีมา พญาจุล อนิ ทปตั ถนครเอานางเทวมี าดอม อมรรสั สี โยธกิ ะรสั สี กเ็ อากนั มาฮอดทภี่ กู ำ� พรา้ แล พร้อมกันแล้ว พลเทวอามาตย์ให้ล่ามหลวงเมอื ราธนา พญาสมุ ิตตธรรม เจ้า ก็ไปยง้ั อยู่ในจำ� นักน้อย๑ ก็สมกาลอันควร จงี ไปสู่ภูกำ� พร้า จีงเอาอุรงั คธาตุ ออกมาต้ังขันค�ำไว้ พญาปุตตจุลณีพรหมทัต พญาจุลอินทปัตถนคร แลรัสสี ทง้ั ๒ จงี เอาอบู มงุ หนิ ยอดภูเพ็กน้นั ขึ้นเมอื ตงั้ ไว้ พญาสมุ ติ ตธรรมเจ้าจงี เอาอรุ งั คธาตขุ น้ึ เมอื ถะปนั นาไว้ พลเทวอำ� มาตย์ถอื น้�ำเต้าจีงข้ึนน�ำ พญาสุมิตตธรรมเจ้าก็รับเอา หดสรงอุรังคธาตุพระพุทธเจ้า แล เสนาอามาตยท์ งั้ มวลเอาพทุ ธรปู เงนิ คำ� แลธาตอุ รหนั ตาเจา้ อนั ตนไดพ้ ดู นอ้ ยนน้ั ถะ ปนั นาไว้ขอกแคมแลจิมแจ นนั้ แล พญาทง้ั ๓ ก่อข้นึ เมอื เทิงยอดด้วยมอื ตน หัน้ แล ยามนน้ั คนทง้ั หลายบา้ งพ่องเสพ บา้ งพอ่ งขบั บา้ งพ่องฟอ้ น บา้ งพ่องดดี สี ตี เป่า เทวดาท้ังหลายก็เป่าหอยสังข์แลยามน้นั ให้ฝนตกลงมา บุคคลผู้ใดมักชุ่ม มกั เย็นฝนนน้ั ก็จงี ชุ่มจงี ฮ�ำ บุคคลผู้ใดบ่มักชุ่มมกั เยน็ ฝนนน้ั ก็บ่ถึกบ่ฮ�ำแล คนทง้ั หลายฝงู ใดเปน็ พยาธิเจ็บไข้ หูหนา ตามดื แลทูดเร้ือน แลได้เข้าไป พร้อมดอมด้วยกศุ ลผลบุญแท้ ก็หายพยาธเิ สีย้ งแล เทวดาทั้งหลายเล่าผายข้าวตอกแตกทิพย์ ดอกไม้ทิพย์ ท้ังหลาย มีดอก กางของ เป็นเค้า ลงมาสกั การะบชู าทัว่ ภกู �ำพร้าทง้ั มวล กม็ ีแล พญาทั้ง ๓ มีพญาสุมิตตธรรมเป็นใหญ่ด้วยบุญสมภารยศศักด์ิ จีง ปรารถนาว่า ขอให้ผู้ข้าได้เปน็ พญาเจ้าองค์ ๑ ในกาลจกั มาภายหน้าแล ขอให้ได้ เสวยราชทั่วเมืองในชุมพูทีปทั้งมวล ให้ได้ค้�ำชูยังพุทธศาสนาเท่าห้าพันวัสสา เทอญ หมดแลว้ ใหไ้ ดเ้ มอื เกดิ เมอื งฟา้ ดสุ ติ า จงี ใหไ้ ดล้ งมาพรอ้ มพระอรยิ เมตไตรย 301 “จ่ง” เหลอื 154 ทีร่ ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๒
โพธสิ ตั ว์เจ้าพุ้นเทอญ อมรรัสสี จีงกล่าวปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นพุทธบิดาอย่าคลาดคลา ภายหน้าพุ้นเทอญ พญาปุตตจุลณีพรหมทัต พญาจุลอินทปัตถนครว่า ก็ได้มาก่ออูบมุง อันเค้าน้ัน แต่เม่ืออายุได้ ๑๓ ปี ก็ไป่ได้ปรารถนาเอาอันใดแล อรหันตาเจ้า ๕ ร้อย มมี หากสั สปะเถรเจ้าเปน็ ประธานนน้ั กไ็ ด้เหน็ แจ้งแก่ตาแท้ดหี ลแี ล พญาปุตตจุลณีพรหมทัต จีงปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นอัครสาวกตน ๑ ก้�ำซ้ายเทอญ พญาจุลอินทปัตถนคร จีงปรารถนาว่าขอให้ได้เป็นอัครสาวก ตน ๑ ก้�ำขวาเทอญ เมอ่ื ยามพญาสมุ ติ ตธรรมได้เปน็ พระพทุ ธเจ้านั้นเทอญ โยธกิ ะรัสสี จีงปรารถนาว่า ให้ได้บวชเป็นภกิ ษตุ น ๑ ในศาสนาพระโคตม เจ้า แลให้ได้เป็นอรหันตาเจ้าตนวเิ ศษ อย่าคาดคลาเทอญ พลเทวอ�ำมาตย์ จีงปรารถนาว่า ขอให้ได้ไปเมือเกิดในเมืองสาวัตถี สืบ พุทธศาสนามาตราบต่อเท่าฮอดเมืองสุวรรณภูมิ จีงขอให้ได้เมือเมืองฟ้าดุสิตา แล้วจงี ให้ได้ลงมาพร้อมเมตไตรยโพธสิ ตั ว์พุ้นเทอญ นางเทวีแก้วจงี ปรารถนาว่า ขอให้ได้เปน็ เทวแี ก้วแก่พญาสมุ ติ ตธรรมเจ้า ตราบต่อเท่าได้เป็นพระพทุ ธเจ้า แล้วจงี ขอนิพพานเทอญ นางปัจฉิมราชเทวีอันเป็นแม่ออกเจ้าทั้ง ๒ จีงปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็น แม่พญาสุมติ ตธรรมเจ้าซุชาติ ตราบต่อเท่าได้เป็นพระพุทธเจ้าพุ้นเทอญ นางราชเทวีพญาจุลอินทปัตถนครอันเป็นแม่ออกมหารัตนเถรท้ัง ๒ จีงปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นอคั รสาวกตน ๑ อย่าคาดคลาเทอญ ยามนั้น อรหนั ตาเจ้าทง้ั ๕ ให้พรว่า ให้ได้ดงั ค�ำปรารถนา มหาราชทั้ง ๓ อย่าได้มีโภยภยั พยาธอิ นตายแก่คำ� มกั คำ� ปรารถนาเทอญ แม้นว่า รัสสีท้งั ๒ กด็ ี นางทั้ง ๓ กด็ ี พลเทวอามาตย์ก็ดี ให้ได้ดงั คำ� มกั คำ� ปรารถนาเทอญ แม่นอรหันตา อานิสงส์ผลอนั เราได้เปน็ อรหนั ตานก้ี ็ดี กใ็ ห้ได้ค�้ำชญู าตกิ าวงศาซคุ นเทอญ พญาสมุ ิตตธรรมเจ้าได้ยินคำ� อรหนั ตาเจ้าก็ชมช่นื ยนิ ดวี ่า สาธุ สาธุ แล้ว จีงแต่งเคร่ืองอุปัฏฐาก มีขันค�ำ ๒ หน่วย เคร่ืองขันหมากมีบอกปูน ซองพลู ส่อมหมาก อูบนวด มีดด้ามแก้วค�ำ ทงั้ มวลหนักเจ็ดพนั ขนั เงินต้งั อบู เหม่ยี ง302 ค�ำหน่วย ๑ ขันนากต้ังน�้ำเต้าค�ำหน่วย ๑ หนักดังเดียวกัน ขันเงินตั้งรองขันค�ำ 302 “อูบเมี่ยง” กล่องใส่เม่ยี ง ตำ� นานอุรงั คธาตุ 155
ใส่สองผ้าเชด็ หน้าหนกั ๓ พันคำ� พลเทวอำ� มาตยก์ ถ็ อื เครอื่ งฝงู นเ้ี ขา้ ไปใสใ่ นอบู มงุ พญาสมุ ติ ตธรรมเจา้ แลนาง เทวแี ก้วเข้าไปนำ� กต็ งั้ ขนั เลยี นกนั ไว้ ขนั คำ� จงี ถกึ ต้องฟดั ขนั แก้วแห่งพญาอนิ ทร์แต่ง ไว้อุปัฏฐาก พญาสุมิตตธรรมเจ้าแลนางเทวีแก้วแลพลเทวอ�ำมาตย์ จีงเห็นเคร่ือง อปุ ฏั ฐากอนั พญาอนิ ทร์แตง่ ไว้นนั้ เลยี นงามสล่ายนน้ั จงี พร้อมกนั เจาะใสห่ วั แล้ว กบ็ ่ ปรากฏแก่ตาคนท้ังหลายฝงู อนื่ แล ปรากฏแก่ตาผู้มีบุญสมภาร เทวดาจีงให้เห็นแล พญาสุมิตตธรรมเจ้าแลนางเทวีแก้วออกมาแล้วก็เวียนวัฏปทักขิณ ไหว้ แล้วจงี ให้ก่อก�ำแพงอ้อม แลให้เขตแดนกับพระมหาธาตเุ จ้าแล ปะโผดคนกำ� ลงั ๓ พนั มี ล่ามหลวง เป็นเค้า อยู่เปน็ ข้อยโอกาสกับหนั้ เท่าห้าพันวัสสา พญาจีงหล่ังน้�ำไว้ซ้องหน้าอรหันตาเจ้าทั้ง ๕ เป็นประธาน ด้วยแท้ เมื่อพญาจักสร้างนน้ั พญามีอาชญาทานบ้าน บ้านหนง่ึ คอื ว่าปางก่อนตงั้ ปนั ดนิ ใส่ธาตจุ งี ได้ใส่ชอ่ื ว่า บา้ นคอน บดั นแี้ ล บ้าน ๑ พญาอาณัติให้สร้างเพาะกระต่าหาบหามจีงได้ช่ือว่า บ้านสาน บัดนแ้ี ล บา้ น ๑ ใหต้ ำ� ซะทายหานำ�้ ออ้ ยนำ�้ หนงั แลปนู จงี ไดช้ อ่ื วา่ บา้ นซะทาย บดั นแ้ี ล บ้าน ๑ แต่งไว้รักษาน้�ำส่างจงี ได้ชือ่ ว่า ส่างแร่ บดั น้แี ล บ้าน ๑ ตงั้ ไว้รักษาไม้โพธ์ชิ ยั ช่อื ว่า บ้านโพธิ์ มาเท่ากาลบัดนี้แล พญาสร้างแล้วใส่ให้เป็นโอกาสหยาดน�้ำตกแผ่นดินไว้ บ้านฝูงน้ีให้เป็น อุปัฏฐากมหาธาตุเจ้า ตราบต่อเท่า ๕ พันวัสสา ชั่วน้ีชั่วหน้าอรหันตาเจ้าทั้งห้า เพือ่ ให้รักษาสบื ๒ หัน้ แล แล้วพญากม็ าตงั้ ยั้งอยู่จ�ำนกั แห่งตนหน้ั ก่อน ยามน้ัน พญาปุตตจุลณีพรหมทัต พญาจุลอินทปัตถนคร แลรัสสีทั้ง ๒ จงี ลาพรากจากกันคนื เมอื สู่ทอี่ ยู่แห่งตน ซคุ นก็มแี ล ยามนน้ั พญาสมุ ติ ตธรรม จดั เอารพี้ ลโยธาไปเยย่ี มลำ่� ดตู น้ รงั อนั ว่าตนได้ อุ้มบาตรไปน�ำส่งพระพุทธเจ้านั้น ก็ยินดีเลื่อมใส จีงก่ออูบมุงสัณฐานดั่งเดียว ภูก�ำพร้า แล้วจีงให้เจ้าทั้ง ๕ เมือเมืองราชคฤห์เอาธาตุดูกหลังพระพุทธเจ้า มาถะปนั นาไว้หนั้ กม็ แี ล พญาสุมติ ตธรรมเจ้ากค็ นื มาสู่เมอื งมรกุ ขนครแห่งตน ห้ันแล้ว ตามคำ� สขุ สบายแห่งตนก็มแี ล 156 ที่ระลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ประจ�ำปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๒
ยามนน้ั จงี ให้พลเทวอำ� มาตย์ไปดเู มอื งร้อยเอด็ ปกั ตู อนั เปน็ เมอื งเค้าแห่ง ตนแต่ก่อน เหน็ คนท้งั หลายยังแสน ๑ ผ้าขาวดาวบส ๕ พัน สงั ฆเจ้ายัง ๕ พัน สามเณร ๗ ร้อยตน จีงกดเอาเส้น แล้วคืนมาคอบพญาสุมิตตธรรมเจ้า แล้วจีงถามพลเทว อ�ำมาตย์ว่า เมืองร้อยเอ็ดปกั ตูเดยี วนีเ้ ขาอาศยั ซง่ึ เมืองใดจา พลเทวอ�ำมาตย์ว่า เขาตกแต่งดอกไม้เงินค�ำช้างม้าบรรณาการไปถวายพญาอัฒฑะภายหน้า พญา บพุ พกุรนุ ทะนคร อนั เอาดอกไม้เงนิ คำ� มาถวายมหาราชเจ้าบัดน้ี ทุกปีน้แี ล ยามนน้ั พญาสุมติ ตธรรมเจ้าจีงปะเมอื งมรกุ ขนครไว้ แล้วหนีไปเสวยราช อยู่เมอื งร้อยเอด็ ปักตู สบื พุทธศาสนาบ้านเมอื งก็มีห้นั แล ครั้นว่า จุติก็ได้ไปบงั เกิดในเมืองพาราณสี แล้วจีงออกบวชเป็นรัสสีมีชอื่ ว่า สมุ ิตตธรรมรสั สี อยู่ในหมิ พานต์พุ้น กม็ แี ล กลา่ วอูบมุงอุรังคธาตนุ ิทาน ศาสนานครนทิ าน ปาทลักษณะนทิ าน หมดแตท่ ่อน้ี ก็มีแล บัน้ ท่ี ๒๒ ตำ� นานอุรงั คธาตุเผยแพรใ่ นอาณาจกั รลา้ นช้าง นิทานอันน้ี อรหันตาเจ้าท้ัง ๕ แปงไว้ในวัดเมืองร้อยเอ็ดปักตูห้ันก่อนแล ลนุ มาพญาอนิ ทร์จงี อาณตั ใิ ห้วสิ สกุ รรมเทวบตุ รเอาเมอื ก่ายใสห่ ลาบทอง303 ไว้ คร้ันว่ายังมีพญาตน ๑ ช่ือว่า จันทพานิช ต้ังเมืองฟากหนองคันแทเสื้อ นำ�้ หั้นแล้ว ยังมพี ญาตน ๑ ชอ่ื ว่าศรีธรรมอโศก ได้มาโชตนาพทุ ธศาสนาแล้ว เล่าพญาอภัยทุฏฐคามณีสร้างปราสาททอง304 ในเมืองลังกาทีปแล้ว วิสสุกรรมเทวบตุ รจงี เอาหลาบทองไปใส่ไว้ในโลหะปราสาทหนั้ มหาพุทธโฆษาจารย์เจ้าไปสู่เมืองลังกาทีป จีงก่าย305 เอามาไว้ในเมือง อินทปตั ถนครหน้ั เป็นอนั เหงิ อนั นานแล้ว 303 “หลาบทอง” สุพรรณบฏั ลานทอง 304 “ปราสาททอง” โลหะปราสาท 305 “ก่าย” คดั ลอก ตำ� นานอรุ ังคธาตุ 157
ยามนนั้ ธาตทุ ภ่ี กู ำ� พรา้ นก้ี เ็ ฮอ้ื เสยี อยู่ แมน้ วา่ ขา้ โอกาสกส็ วา่ งเสน็ ซะเดน็ ไปเสยี ถดั นนั้ เถิงเซ่นพระโพธิสาราชเจา้ ตนหลวง สงั กาศได้ ๘ ร้อย ๘๐๒ ตวั 306 พระโพธิสาราชเจ้าลูกพญาวิชุลราชมาเกิดน้ันได้ ๑๐๕ ปี307 เป็นพญาแทนพ่อตน ๗ ปี308 ได้เอานางในเมืองอนิ ทปตั ถนครมาเปน็ บาทปรจิ า309 นางผู้นน้ั จีงเอานิทาน อนั นม้ี าถวาย พระโพธสิ าราชเจา้ แจง้ ในนทิ านแล จงี ไปอยดุ อยา310 พระมหาธาตเุ จา้ แลสร้างวหิ ารหลงั หนง่ึ มงุ ตะก่ัวท้ังมวล แล้วจงี เสียงท้าวพญาเอาข้าโอกาส ลางพ่อง ได้ลางพ่องบ่ได้ แลให้ตืม่ ใหม่เข้ากันมาพนั ๑ เป็นสามพนั คนดงั แต่ก่อน หน้ั แล ยงั มลี กู ขา้ สองคน เมอื งสว่ ยเอามาถวายแตน่ อ้ ย เจา้ จงี เลยี้ งเปน็ ขอ้ ยหตั ถบาส กลางโรง ผู้พี่ชอ่ื ว่า ข้าซะเอง็ ผู้น้องนั้นให้กินเรือนหิน ใส่ชอ่ื ว่า พันเรือนหนิ พระโพธิสาราชเจ้ากส็ ระโผดจีงให้เขา ๒ คนเป็นใหญ่ พีปกกกหอมข้าโอกาส ท้งั มวล ให้จุ้ม311 หล่ังนำ�้ ไว้หัน้ แล กจ็ ีงสร้างวดั หลัง ๑ กำ้� เมอื เหนือภูกำ� พร้าชอื่ ว่า วดั สมสนุก ซำ�้ ให้ข้าโอกาสไว้กบั แลตืม่ เขตแดนดนิ แต่ปากห้วยปลาเซอื ม312 นนั้ แก่พระ มหาธาตุเจ้าแล แล้วกจ็ ีงเสด็จขึน้ เมือมาอยู่บ้านเมอื งแห่งตนดงั เก่า พอได้ปี ๑ พนั เรอื นหินจงี ขน้ึ เมอื มานำ� ทูลหัตถบาส พระโพธิสาราชเจ้าจีงมีค�ำโอกาสอาชญาว่า กูหากให้เขือพี่น้องเป็นข้อย พระมหาธาตุเจ้าแล้ว จกั ใช้สอยด้วยการอนั หนง่ึ บ่ได้แล้ว คร้ันว่า เขอื ท้ัง ๒ มกั มาอยู่ก็อย่าห่างเรอื น เถงิ ระดอู นั ออกวสั สาสังขาร เขือจงนำ� เคร่ืองสักการะบชู า แลเครอื่ งทานเผ่งิ เทียนกูไปเปน็ ปกตเิ ทอญ ยามนน้ั ขา้ ซะเอง็ ผพู้ จ่ี งี แตง่ เอาคนสามสบิ มาอยดู่ อมสบื หนา้ ตามหลงั พนั เรอื นหนิ หนั้ แล จีงซ้�ำแต่งคนฝูงเทยี วส่งข้าวกกหมกปลา มี ๓ ร้อย ๓ สิบคน 306 “จ.ศ. ๘๘๒” พ.ศ. ๒๐๖๓ เปน็ ปีทพ่ี ญาโพธิสาลราชขน้ึ ครองราชย์ 307 “๑๐๕”๑๕ ปี อธิบายว่าพญาโพธสิ าลราชทรงครองราชย์ขณะมพี ระชนม์ได้ ๑๕ พรรษา 308 พญาโพธสิ าลราชครองราชยไ์ ด้ ๗ ปี ตรงกบั พ.ศ. ๒๐๗๐ ทรงไดธ้ ดิ าเมอื งอนิ ทปตั ถนครและ อรุ ังคธาตุนทิ าน 309 บาทปรจิ า” บาทบรจิ าริกา 310 “อยดุ อยา” บรู ณะปฏสิ ังขรณ์ 311 “จุ้ม” ตราตงั้ หรอื สญั ญาบตั ร 312 “ปลาเซอื ม” ปลาเนอ้ื อ่อน 158 ทร่ี ะลึกงานกฐินพระราชทานมหาวิทยาลยั ขอนแก่น ประจ�ำปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
ยามน้ัน ขนุ กนิ เมืองทงั้ มวลกจ็ ีงส่งแก่พันเรอื นหนิ ให้แต่งใส่เวียกชารึม ๓ สิบด้ามขวาน เอาการก็จักได้เฮ็ดชารึม แต่นั้นมาแล พระโพธิสาลเจ้าจีงให้เอา เครื่องสักการะบชู าทานไปเป็นปกตแิ ต่นนั้ มาแล ปางเมื่อเถิงเซ่น พญาไชยประเสริฐ แลเซ่น พญาสุริยวงศาไชยจักร ธรรมิกราชาเสฏฐาธริ าชเจ้า ซอกเห็นนทิ านอันนี้ กจ็ งี สร้างเจดยี ์ใหญ่โลมเจดีย์พญาศรธี รรมอโศกไว้หั้นบ่อน ๑ สร้างวดั ปา่ รสั สสี งั หรณ์ หน้ั บ่อน ๑ แลสรา้ งอบู มงุ โลมธาตอุ รหนั ตาเจา้ ทปี่ า่ มหาพทุ ธวงศา หนั้ บ่อน ๑ สร้างวัดทป่ี ่าพนั ทอง หัน้ บ่อน ๑ สร้างวดั ท่หี นองยางค�ำ ห้ันบ่อน ๑ จีงเล่าไปทรงสร้างเจดีย์โลมธาตุหัวเหน่าที่ภูเขาลวงน้ัน แลสร้าง พุทธศาสนาหั้นบ่อน ๑ สร้างอารามโพนหนองกก บ่อนหนง่ึ แลให้ข้าโอกาส แลให้ดนิ ไว้กบั ซุแห่ง แล้วจีงเสด็จไปสู่เมืองมรุกขนคร สร้างเจดีย์อันหนึ่งไว้ ก็เสด็จไปไหว้ ธาตพุ นมทภ่ี กู ำ� พรา้ แลอยดุ อยาใหจ้ มุ้ ไวก้ บั พทุ ธวงศาศาสนา แลว้ กเ็ สดจ็ ไปเมอื ง รามลักพุ้น ปางนน้ั หน้ั แล ลนุ มาน้ี เจา้ ลา้ นชา้ ง กไ็ ด้เหน็ นทิ านอนั นี้ จงี ได้ไปสร้างอยดุ อยาเจดยี โ์ ลม ธาตฝุ ่าตนี ขวาทเ่ี มอื งหนองคายหน้ั แล เล่าสร้างวดั หลงั หนง่ึ กำ�้ หน้าโรงแทนบ่อน ปราสาทพญานาคอนั ให้แก่บรุ อี ้วยล่วยแลนางอนิ ทรสว่างลงลอดหนั้ จงี ใส่ชอ่ื ว่า วัดมโนภริ มย์มาจันทบุรี เพอ่ื อนั หน้ั แล กล่าว อุรังคธาตุนิทาน แลศาสนานิทาน แลนครนิทาน แลปาท ลกั ษณะนทิ าน เจ้าก็เสด็จบรบวรควรท่อน้กี อ่ นแล ขา้ พระบาท พญาศรีไชยชมุ พู ถวาย อรุ ังคธาตนุ ทิ าน ปาทลกั ษณะ นิทาน ศาสนานครนทิ าน อันน้ี เพือ่ ให้เป็นมงคลวฒุ ศิ รสี วสั ดแี ล (ความในต�ำนานอรุ งั คธาตุจบเพยี งเทา่ น้)ี ต�ำนานอรุ งั คธาตุ 159
บ้นั ที่ ๒๓ ประสิทธดิ วงจมุ้ ศลิ าเลก หลกั ดิน และสละข้อยโอกาส บดั น้ี จกั กลา่ วพระไชยเชษฐาธริ าชเจา้ ไวจ้ มุ้ แกพ่ ญาธาตแุ ลว้ กเ็ สดจ็ ลงไป เมืองรามลักพุ้น ปางนั้นมาจาว่าจุ้มเราพนมใส่หัวพญาธาตุ ให้พญาธาตุรักษาน�ำท้อนต่อ นดินพระมหาธาตุเจ้าอย่าให้ลาคา ให้เก็บก�ำเอาภีชชะอากรในเขตแดนดินดอน อันปิตุปิตาเราพระองค์หากได้เวนให้แก่พระมหาธาตุเจ้านั้นมากระท�ำไว้เป็น อปุ กรณอ์ ยดุ อยา เปน็ เนอื้ เปน็ หนงั แกพ่ ระชนิ ธาตเุ จา้ ใหร้ งุ่ เรอื งไปเทา่ ๕ พนั วสั สา เทอญ คอื วา่ ไมท้ กกกเรอื ขช้ี นั มนั ยาง ตน้ เผงิ่ ยางงวั หลากหวายควายหลากเชอื ก เถอื กไหล ๓๓ ทา่ ชา้ งพลายขนายหลอ่ นคำ� ตอ่ นคำ� ตตี กมาในดนิ พระมหาธาตใุ ห้ เกบ็ เอามาเปน็ เนือ้ หนังแก่ชนิ ธาตุเจ้า คร้นั ผู้ใดเปน็ ใหญ่ฝูงรักษาบ่เกบ็ เอาอบายคมนียะ คอื ว่า คองวีนาศจีบหายเถงิ แกม่ นั ผรู้ กั ษา ครน้ั บา่ วไพรฝ่ งู กระทำ� นาไรส่ วน แลกระทำ� การอนั กอ่ น แลบใ่ หอ้ บายคม นยี ะ คอื ว่า คองวนี าศจีบหายเถงิ แก่มันผู้บ่ไหว้พญาทงั้ ๕ มี พญาศรโี คตรบรู ได้เอา ขา้ วไปใสพ่ ระพทุ ธเจา้ ยามนนั้ กจ็ ตุ ไิ ปเกดิ เมอื งรอ้ ยเอด็ มาเกดิ เปน็ พญาสมุ ติ ตธรรมใน เมืองมรุกขนคร พญาปสั เสนจุตเิ กิดเปน็ บุรีอว้ ยลว่ ย ครัน้ จุตเิ กิดเป็นจนั ทพานชิ คร้ัน จุตเิ กิดเป็น(พญา)จักรแผ่นแผ่ว ครน้ั จตุ ิเกดิ เปน็ พญาไชยเชษฐาธิราชเจ้า ห้ันแล พรหมสัตตุพระราชาอาชญาสมเด็จมหาราชแลเชียงทองหัวของล้านช้าง ในแห่งห้องประสทิ ธจิ ุ้มศลิ าเลก หลกั ดนิ แลสละข้อยประสทิ ธิ ไว้กับดนิ พระชิน ธาตุวัดป่าโพธิใส่ธาตุพนม อันค�ำเจ้าข้อยพระองค์ปลงพระราชอาชญากุณา ศรทั ธาหมนื่ พญาสละดนิ สละข้อยให้เป็นทานนน้ั แล สงั กาศราชาได้ (๙ ร้อย) ๗๐๖313 ปีกาบยี่ เดือน ๕ ข้นึ ๔ ค�ำ วนั ๕ มื้อฮวงไค้ ฤกษ์ ๓ ตัว พอ่ เฒา่ พระเปน็ เจา้ พญาหลวงนครพชิ ติ พระราชธานศี รโี คตรบองเจา้ เป็นเค้าเป็นประธาน แลท้าวพญาเสนามุนตรีทั้งหลาย มีปาสาทศรัทธาในพระ ธาตใุ นศาสนา จงี มารจิ นากอ่ แปงกำ� แพงตนี พระมหาธาตเุ จา้ แลถอื ซะทายกอ่ ขง ธาตุทง้ั ๔ ด้าน กบั ทั้งหอข้าวพระแวนทงั้ ๔ ด้าน แลสร้างวัดกบั กะตบึ สร้างก่อ ก�ำแพงอ้อมพระมหาธาตุเจ้าทงั้ มวล ลวงยาว ๕๔ วา ลวงกว้าง ๕๒ วา รวมก่อ ๑๐๖ วา กับทั้งปักตูขงเพื่อบ่ให้เป็นมลมึนทึนแก่พระศาสนามหาธาตุเจ้า แลให้ 313 “จ.ศ. ๙๗๖” พ.ศ. ๒๑๕๗ 160 ทีร่ ะลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ประจำ� ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
เป็นท่ีปาสาทะศรัทธา สักการะบูชาแก่คนแลเทวดาท้ังหลาย ห้ันแล นิพพาน ปจั จะโยโหตุ พ่อเจ้าพญาหลวงศรโี คตรบองให้โอวาทแก่พญาทงั้ หลายว่า ประการ ๑ ข้าโอกาสหยาดทานให้รักษาเขตดินดอนไร่นาน�้ำหนองพอง ป่าท่ีใด อันพญาสุมินทราชแลประสาทให้ไว้เป็นอุปการแก่มหาธาตุพนมเจ้า ดังน้ัน กใ็ ห้ไว้ดงั เก่า ไผอย่าถอน ผู้ใดให้หากมโี ลภะตณั หามกั มากหากมาถกมา ถอนดนิ ดอนไรน่ านำ�้ หนองพองป่าฝงู นน้ั ออก อยยฺ คมเนยยฺ คอื ว่า คำ� จบี หายให้ ไปเถงิ แก่มนั มใี นเสาหนิ พญาธาตผุ กู ไว้แต่ก่อนแล314 กับตราเจ้าด้านทั้ง ๔ ธาตุพนมบุรมมหาสถานใส่หัวพญาธาตุ พญา ศรีวิไชย ให้ตุ้มกกปกหอมพิชชะหมู่ซุมลูกหลานแลโอกาสธาตุพนมบุรมเจ้าไว้ อยา่ ใหส้ วา่ นเสน็ ไปทางใตห้ นเหนอื ออกจากหมจู่ ากซมุ ทใี่ ด ผวิ ห์ ากสวนสนั ไปนอก ออกจากหมจู่ ากซมุ ขา้ โอกาสพระธาตเุ จา้ ใหพ้ ญาทงั้ ๔ เอาเขามา อยา่ ใหจ้ บี หาย ประการ ๑ ผิว์เขาหากถืกหน้ีสินแห่งบุคคลผู้ใด ให้พญาท้ัง ๔ ถ่องถาม เขาวา่ เจา้ หากมพี นี่ อ้ งใหเ้ ขาไถเ่ อามา ผวิ บ์ ม่ อี ปุ กรณก์ ด็ ใี นดนิ พระชนิ มหาธาตเุ จา้ ให้พญาทั้ง ๔ เอาของไปไถ่เอามาไว้ ผิว์บ่มีสันนั้น ให้อาณัติกติกาสัญญาไว้ว่า อยา่ ใหห้ ลบุ หวั ขายปลายหวั ซอ้ื ไปใตเ้ หนอื ทางใด ใหพ้ ญาทงั้ ๒ มาคอบเจา้ โอกาส สงั กาศได้ ๕๐๘ ตวั 315 เดือนเจยี ง ข้ึน ๑๐ ค่ำ� วัน ๒ ปางเชน่ เจา้ ครหู ลวงโพนซะเมก็ ใหเ้ จา้ ดา้ นทงั้ ๔ แตง่ ใหร้ กั ษาขา้ โอกาสแล พระราชอาชญา สมเดจ็ ตรสั อดุ มบรุ มบพติ รพระมหาธนมประโชตสิ ตั ตธริ าชเจา้ สมเด็จพระเป็นเจ้าอันเป็นพระอยู่หัว ประสิทธิพระราชอาชญาโอวาทจุ้มดวงน้ี ใส่หัวแสนกลางน้อยศรีมงุ คุล ให้พิทักษ์รกั ษาพชี ชะหมู่ซุมพี่น้องลกู แลหลานข้อย โอกาสท่านดงบุญอย่าให้สว่านเสยี ไปใต้เหนอื ทใ่ี ด หมู่ซุมพี่น้องลูกหลานหากสว่านเสียไปลี้ซ่อนอยู่ห้วยรูภูผา อยู่ดอม ท้าวพญาแสนหม่ืนท่ีใดก็ดี ให้แสนกลางน้อยศรีมุงคุลจัดท้าวซ้อนถอนเอามา ไว้ดังเก่า ไผอย่าถกถอดสรรพน้�ำหนองพองป่า ข้อยลงมาแต่ จอกพอก ละนองหนองสองแคว ซะโปน เมอื งวงั เซียงหงุ รุ้ง ผาปัน ให้แสนกลางน้อย ศรมี ุงคลุ ตุ้มปกเอา 314 ข้อความตรงกบั ศิลาจารึกพระยานครหลวงพชิ ติ ราชธานศี รโี คตรบอง พ.ศ. ๒๑๕๗ 315 “จ.ศ. ๑๐๕๘” พ.ศ. ๒๒๓๙ ตำ� นานอุรงั คธาตุ 161
อนั ๑ ใหเ้ ดก็ นอ้ ยถกื โอวาทดวงอยำ� นำ� อาชญาเราพระองคแ์ ลนางกษตั รยิ ์ ไปจัดเอาข้าวใส่เยยี บ่ได้ให้เอาดอมเขา เว้นไว้แต่เราพระองค์มอี าชญาใส่หัวเขา สิ่งใดจีงได้ จีงให้รามศรีเฒ่าเอาขายถวายเป็นราชสมบัติท้าวพญาแสนหม่ืนสืบ ร้อยน้อยใหญ่แก้วหาญอย่าช้า อันว่า ผิบาปใหม่ใส่โทษเอาน�ำน้ีสิ่งข้าวของเงินค�ำช้างม้างัวควายเส้ือผ้า ลกู หญิงนางสาวสนี าทตาดทองอย่ากดข่อื ซ้อื เรือนเขา อัน ๑ อย่ารอ้ื ขบั รบั กนิ ข้าวสาร อย่ารบิ เข้าติบ อย่ายอเลา อย่าขอดสาน จอดอย่าแปง อัน ๑ ข้อยเขาได้ไถ่อย่าถอดถอนเอาดอมเขาผู้รักษาพระราชอาชญา อันใดนอกพระราชอาชญา อย่ากระทำ� สทิ ธพิ ระราชอาชญาถวายพระสงั กาศ มาตราหนงึ่ หลกั ดนิ พระชนิ ธาตชุ น้ั ในทางเหนือแต่ปากห้วยหญ้าหมอม คอื ว่าห้วยพอมเพาะทาง ๒ วนั ออกฮอดดนิ กลางน�ำ้ ทางใต้ปากน�้ำเซ ก้�ำตกทางตะวันตกพระชนิ ะห้วยผะผอื คือว่าห้วยแกน แวนเวียนอ้อมล้อมทกุ แห่งเปน็ เขตดินพระชินธาตุชัน้ ในแล บุคคลผู้ใดผู้ ๑ คือว่า ท้าวพญาเสนาอามาตย์บ่าวไพร่ชาวเมืองไว้ผิด อาชญาสูย่ิงมาพานสนมต้องโทษควรฆ่า หากเข้ามาเพิ่งพระชินธาตุเจ้าฮอดเขต ดนิ ชนั้ ใน ตนี ๑ อยู่ใน ตีน ๑ ยังอยู่นอกเขต อย่ากระทำ� ร้ายให้เสยี ชวี ติ แม้นว่า ได้มคี �ำใส่หวั ชาวโอกาสทงั้ หลายบดั น้แี ล บนั้ ท่ี ๒๔ ปูมโหรหลงั รชั กาลพญาสุริยวงศาธรรมิกราช (เจา้ องค์หลอ่ ) บัดนี้จักจาล�ำดับเจ้ากษัตริย์มาฮอดพระหน่อเมืองแล พระอุปโญ พญา ศรีโคตรบอง องค์หล่อ ยามนน้ั ข้าโอกาสทง้ั หลายก็ตง้ั อยู่บ่สว่านเสยี สงั กาศได้ ๕๐๒ ตวั 316 (ปกี ดสะงา่ ) เจา้ ราชครหู ลวงโพนซะเมก็ มาสรา้ งยอด ธาตุพนมแต่พุ่มถ้วน ๒ ขึ้นเมอื ฮอดเสตสตั ร ฮอดยอดสุด (สิบ) ๓ ปี จีงแล้วบรบวร สังกาศได้ ๕๐๗317 (ปีฮบั ไค้) เจ้าองค์หล่อนพิ พาน นันทสุดขึน้ แทนเมอื ง ได้ ๓ ปี เม่อื นน้ั เมอื เล็วเอาเจ้าสร้อยศรสี มุทรคืนมาเมอื งนน้ั ได้นงั่ แทนปี ๑ 316 “จ.ศ. ๑๐๕๒” พ.ศ. ๒๒๓๓ 317 “จ.ศ. ๑๐๕๗” พ.ศ. ๒๒๓๘ 162 ทร่ี ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ประจำ� ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒
สงั กาศได้ ๖๐ ทศั 318 ปีเปิกยี่ พระไชเข้าเมอื ง สงั กาศได้ ๖๐๑319 ปี (กัดเหม้า) นนั ทลงไปโขง สังกาศได้ ๖๐๙320 ปี (เมงิ )ไค้ น�้ำถ่วมหลวง สงั กาศ ๗๐ ทศั 321 ปี (เปกิ ไจ้) เจา้ สร้อยศรสี มทุ รทงั้ ๒ มาเมอื งกรงุ ซายพอง สงั กาศได้ ๗๐๔322 ปี (เต่า) สี ไฟไหม้ท้งั ฝน สังกาศได้ ๗๐๕323 ปีกาไส้ ครัวข้นึ ตัง้ เมืองพงุ สงั กาศได้ ๘๐ ทศั 324 ปี (เปกิ ) เสด็ เมอื งรม่ คนจงี กวาดครวั ออกเมอื งหนองบวั สงั กาศได้ ๘๐๘325 ปี (ฮวาย) ซะง้า เพียปุแตกเศกิ สังกาศได้ ๙๐๒326 ปี (กด) เสด็ พนมแตกทก่ี ่อน สงั กาศได้ ๙๐๘327 ปี (ฮวายสี) สี พนมแลผ้าขาวพันนาแตกทก่ี ่อน ซำ้� เจ้า ครูหลวงโพนซะเม็กจีงกวาดเอาครัวชาวโอกาสทั้งหลายลงไปปาสักประมาณ ๒ ส่วน ยังอยู่กลางเขตบ้านแดนดนิ ส่วน ๑ สังกาศได้ ร้อย ๔ ตัว328 ปี (เต่า) เสด็ อากาศสูรย์ตาวนั มืดปีนนั้ เจ้าคง นีรพานปีนนั้ สงั กาศได้ รอ้ ย๑๐๗ ตวั 329 ปี (ฮบั ) เปา้ เจา้ ครโู พนซะเมก็ นพิ พาน กลุ บตุ ร เจ้าฝงู รู้การจงี จอื่ จ�ำสืบไว้ 318 “จ.ศ. ๑๐๖๐” พ.ศ. ๒๒๔๑ 319 “จ.ศ. ๑๐๖๑” พ.ศ. ๒๒๔๒ 320 “จ.ศ. ๑๐๖๙” พ.ศ. ๒๒๕๐ 321 “จ.ศ. ๑๐๗๐” พ.ศ. ๒๒๕๑ 322 “จ.ศ. ๑๐๗๔” พ.ศ. ๒๒๕๕ 323 “จ.ศ. ๑๐๗๕” พ.ศ. ๒๒๕๖ 324 “จ.ศ. ๑๐๘๐” พ.ศ. ๒๒๖๑ 325 “จ.ศ. ๑๐๘๘” พ.ศ. ๒๒๖๙ 326 “จ.ศ. ๑๐๙๒” พ.ศ. ๒๒๗๓ 327 “จ.ศ. ๑๐๙๘” พ.ศ. ๒๒๗๙ 328 “จ.ศ. ๑๑๐๔” พ.ศ. ๒๒๘๕ 329 “จ.ศ. ๑๑๐๗” พ.ศ. ๒๒๘๘ ต�ำนานอุรงั คธาตุ 163
สงั กาศได้ รอ้ ยซาวทศั 330 ปี (เปกิ ) ย่ี เมอื งปาสกั แตก ศษิ ย์ธาตชุ าวโอกาส อันค้างอยู่ปาสกั กแ็ ตกกงสวานไปทกุ บ้านน้อยแลเมืองใหญ่ซแุ ห่ง บ้างพ่องก็คืน มาธาตพุ นม สงั กาศได้ (ร้อย) ๓๐๔331 ปี (เต่า) สี เศกิ อาวพระเจ้าลงมาท่าแล ปีนัน้ ชาวโอกาสทง้ั หลายเป็น ๒ ส่วน ส่วน ๑ ก็ไปใต้ ส่วน ๑ ก็เมอื เหนือ สังกาศได้ ร้อย ๕๐๒332 พัดแตกไทปี (กด) เส็ด ไทว่าปีจอ ชาวโอกาส ทั้งหลายก็แตกกงสวานไปประสบอยู่ดอมท้าวพญาท้ังหลายหัวบ้านหัวเมืองอัน มากหลาย บ้างพ่องก็คนื มาทธ่ี าตุพนมเปน็ อนั น้อยประมาณซาว ๓๐ ห้ันแล บั้นที่ ๒๕ อานสิ งสก์ ารสร้างหนังสือตำ� นานอรุ งั คธาตุ โย ปคุ คฺ โล อนั ว่า บคุ คลผู้ใด คอื ว่า นกั บวชแลคฤหัสถ์ หญิงชายผู้ใดผู้ ๑ กด็ ี อนั มเี จตนาศรทั ธาฟังเชื่อใสในกศุ ลธรรม ลิกฺขติ ํ ว่าได้แต้มได้เขียนด้วยตนก็ดี ไดจ้ า้ งทา่ นเขยี นใหก้ ด็ ี จนิ ตฺ ติ ํ วา่ ไดร้ ะนกึ คดึ เถงิ กด็ ี ปชู ํ วา่ ไดส้ กั การะบชู าดว้ ยบรม มิส มตี ้นว่าข้าวน้�ำโภชนะอาหาร ข้าวเปลือก ข้าวสาร วตั ถุ เงินค�ำ แก้วมุกดาหาร วัตถภุ ารณประทปี ประธูป ช่อ ทงุ สตั ร เกิบ นำ�้ อุ่น นำ้� เยน็ แล ไม้สีฟัน เป็นต้น ก็ดี ธรณวํ า ได้ทรงจ�ำไว้กด็ ี วาจนวํ า ได้เทศนาบอกกล่าวแก่ท่านก็ดี ครุ งุ วา ได้คารวะคมรบย�ำด้วยปากด้วยใจ เทสนํวา ได้เทศนาแก่คนแลเทวดาท้ังหลาย ให้ได้ฟังก็ดี สุตฺวา ได้ฟังอันท่านหากเทศนาบอกกล่าวแลใส่ใจฟังด้วยปาสาทะ ศรทั ธาเหล่ือมใสยนิ ดี ซง่ึ พระบาทแลชินธาตุเจ้าอนั พระพุทธเจ้าตนมีมหากรณุ า หากไปแผ่เมตตาเยียบย่�ำย�ำไว้ ถะปันนาต้ังไว้ยังพระบาทแลธาตุวิเศษแต่เม่ือยัง ทวั รมานนนั้ กด็ ี เมอื่ พระพทุ ธเจ้านพิ พานแล้ว อรหนั ตาสาวกเจ้าหากเอาธาตเุ จ้า เข้ามาถะปนั นาไว้ ให้เป็นท่ไี หว้แลบูชาแก่คนแลเทวดาทง้ั หลายนน้ั ก็ดี โสปุคฺคโล อันว่า บุคคลหญิงชายแลนักบวชท้ังหลายฝูงน้ันก็จักได้รับ อานิสงสามากนัก บ่อาจจักคณนาได้แล บุคคลเจ้าตนน้ันแลคนผู้นั้นก็ได้ช่ือว่า อาวินปิ าตุ เปน็ บุคคลผู้ประเสริฐ กบ็ ่ได้ไปเกิดในอบายภูมทิ ้ัง ๔ สกั คาบ ตราบ ต่อเท่าเถิงนิรพานพุ้นซะแล บุคคลผู้น้ันก็เสมอดังได้รู้ได้เห็นได้อุปัฏฐากปฏิบัติ พระพุทธเจ้าซวุ ันซยุ ามตราบต่อเท่าพระพุทธเจ้าเข้าสู่นพิ พานนั้นแล 330 “จ.ศ. ๑๑๒๐” พ.ศ. ๒๓๐๒ 331 “จ.ศ. ๑๑๓๔” พ.ศ. ๒๓๑๕ 332 “จ.ศ. ๑๑๕๒” พ.ศ. ๒๓๓๓ 164 ทีร่ ะลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ประจำ� ปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๒
ประการ ๑ ก็เสมอดังได้ไหว้นบคมรบย�ำแยง แลได้บูชาให้ทานยังปัจจัย ท้งั ๔ นนั้ ซุวนั แล ประการ ๑ กเ็ สมอไดป้ ากไดไ้ หวไ้ ดถ้ ามปญั หาซง่ึ พระพทุ ธเจา้ ซวุ นั ซยุ าม นน้ั แล ประการ ๑ กเ็ สมอดงั ไดไ้ ปกบั ตามหลงั พระพทุ ธเจา้ ซบุ าทอยา้ งตนี นนั้ แล ประการ ๑ กเ็ สมอดงั ไดฟ้ งั ยงั เสยี งปากจารจาแลเสยี งเทศนาธรรมคำ� สอน แห่งพระพทุ ธเจ้าซุวนั นัน้ แล ประการ ๑ กเ็ สมอดงั ได้ปรกึ ษาสรา้ งแปงยงั เจดยี ว์ หิ ารทสี่ ำ� ราญพระบาท แลธาตเุ จ้าท้งั หลายฝูงกล่าวมาน้ซี ุแห่งซุท่ี นัน้ แล ประการ ๑ กเ็ สมอดังได้เอาตนเข้าไปสู่บชู าสาธกุ ารไหว้นบอปุ ัฏฐากซวุ นั ซคุ นื นน้ั แล ประการ ๑ กเ็ สมอดงั ไดพ้ ำ� เพง็ กศุ ลบญุ ดว้ ยตนด้วยปากดว้ ยใจซวุ นั ซยุ ามนน้ั แล ด้วยแท้แต่ผลอานสิ งสาอนั นี้ กจ็ กั ให้ได้ตงั้ อยู่ในคองอนั ชอบประกอบด้วย ยศศกั ดิ์ลือชาปัญญา ๓ ประญาอนั รู้หลักยง่ิ กว่าทั้งหลาย ภัยอนตายต่าง ๆ กด็ ี แลพยาธิต่าง ๆ ก็ดี ก็จักระงับกลับหายเป็นดี ก็จักสมฤทธิบรบวรด้วยข้าวของ เงนิ ค�ำ ข้าวเปลือก ข้าวสาร แก้ว ๗ ประการ ของเล้ียง ของดู มากนกั กจ็ กั ให้ได้ เถงิ ยงั โลกียะ โลกตุ ตระ ช่วั น้ชี ั่วหน้ายงิ่ กว่าคนแลเทวดาทง้ั หลายนั้นแท้ดีหลแี ล แมน่ จกั ปรารถนาเอายงั ญาณ ๓ ประการ คอื สพั พญั ญตุ ญาณ แลปจั เจก โพธญิ าณ แล สาวกปารมญี าณ นนั้ กด็ ี กส็ มฤทธเี ปน็ ดเี หมอื นดงั ไดล้ ทั ธพยากรณ์ คือว่าปรารถนาต่อหน้าพระพทุ ธเจ้าเม่อื ยงั ทัวรมานไป่ได้เข้าสู่นิพพานน้นั แล แมน่ วา่ ทวั รเทยี วไปมาในวฏั ฏสงสารกบ็ ไ่ ปเกดิ ในอบายทง้ั ๔ สกั คาบตราบ ต่อเท่าอันได้เห็นหน้าพระพุทธเจ้าอริยเมตไตรยเจ้าแล้ว ก็จักได้เถิงมรรคผล ในสำ� นกั พระพุทธเจ้าตนนนั้ แท้แล ปาท ธาตุ อุรังค กณฺโฑ นิตฺถิโต กริยา อันวิสัชนาแก้ไขยังนิทาน ปาทลักษณ์นทิ าน อรุ ังคธาตภุ กู �ำพร้า กส็ มเลด็ เสด็จบรบิ ูรณ์แต่เท่านี้แล ตำ� นานอุรงั คธาตุ 165
สรปุ เหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื งในลมุ่ แมน่ �้ำโขง ตามต�ำนานอุรังคธาตุ
สรปุ เหตกุ ารณ์บา้ นเมอื งในล่มุ แมน่ �ำ้ โขง ตามตำ� นานอุรงั คธาตุ กาลเวลา เมือง เมอื ง เมือง เมอื ง เมอื ง เมอื ง เมือง หนองหาญหลวง หนองหาญน้อย สุวรรณภูมิ/ อินทปัตถนคร จลุ ณพี รหมทตั ศรโี คตรบอง ร้อยเอด็ ประตู จันทบรุ ี ก่อน -พญามหาสรุ อุทกะ -พญาขนุ ขอมนคร -พญา อนิ ทปัตถนคร พระพทุ ธเจ้า -พญา -พญาค�ำแดง -พญาจลุ ณีพรหมทัต -พญาติโคตรบรู -พญาสาเกตนคร ปรินิพพาน สุวรรณภงิ คาร -พญาติโคตรบูร พ.ศ. ๓ สวรรคต -สรุ ิยกุมาประสูติ -พญานนั ทเสนครอง -พญา -พญาค�ำแดง -ตัง้ เมอื ง ราชย์ พญาสาเกตนคร สวุ รรณภงิ คาร สวรรคต สวุ รรณภูมิ พ.ศ. ๑๖ สวรรคต -น้�ำท่วมเมือง -พ่อท้าวคำ� บาง พญาทัง้ ๕ ไปเที่ยวเล่นท่เี มือง -น�้ำท่วมเมอื ง ครองราชย์ สร้างอูบมงุ อรุ งั คธาตุ กรุ ุนทนคร ต�ำนานอุรงั คธาตุ 167
168 ท่รี ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ประจ�ำปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒ กาลเวลา เมือง เมอื ง เมือง เมือง เมือง เมือง เมือง หนองหาญหลวง หนองหาญน้อย สวุ รรณภูม/ิ อินทปตั ถนคร จลุ ณีพรหมทตั ศรโี คตรบอง ร้อยเอ็ดประตู จนั ทบรุ ี -มหารตั นกุมาร พ.ศ. ๑๗ สน้ิ สดุ ความเป็นเมืองราชธานีของ ประสตู ิ เมืองหนองหาญหลวงและ -จลุ รัตนกุมาร เมืองหนองหาญน้อย ประสูติ -พญาอินทปัตถ -พญาจลุ ณีพรหมทัต พ.ศ. ๑๘ นครสวรรคต สวรรคต -พญาจุลอนิ ทปตั ถ -พญาปตุ จลุ ณีพรหม นครครองราชย์ ทัตครองราชย์
กาลเวลา เมอื ง เมือง เมือง เมอื ง เมอื ง เมือง เมอื ง หนองหาญหลวง หนองหาญน้อย สวุ รรณภมู /ิ อินทปตั ถนคร จลุ ณพี รหมทัต ศรโี คตรบอง ร้อยเอด็ ประตู จันทบุรี -มหาสวุ รรณปาสา -พญานันทเสน -ราชาภิเษก พญา ทกมุ ารประสตู ิ สวรรคต สรุ ยิ วงศาสทิ ธเิ ดช พ.ศ. ๑๙ -จลุ สุวรรณปาสาทกุ -พญามรุกขนครรอง มารประสตู ิ ราชย์ สิ้นสุดความเป็นเมอื งราชธานขี อง -ย้ายไปต้ังเมอื งม เมืองหนองหาญหลวงและ เมอื งหนองหาญน้อย รกุ ขนครที่ป่าไม้รวก -สังขวิชชกุมาร พ.ศ. ๒๐ ประสตู ิ พ.ศ. ๒๑ -พญาสรุ ยิ วงศา สทิ ธเิ ดชสวรรคต เกิดจลาจล พ.ศ. ๒๒ -สุมติ ตธรรมวงศา ว่างเว้นกษัตรยิ ์ ราชกมุ ารประสตู ิ ผู้คนอพยพหนี ต�ำนานอุรงั คธาตุ 169
170 ท่รี ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ประจ�ำปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒ กาลเวลา เมือง เมอื ง เมือง เมอื ง เมอื ง เมือง เมือง พ.ศ. ๓๕ หนองหาญหลวง หนองหาญน้อย สวุ รรณภูม/ิ อินทปัตถนคร จุลณพี รหมทัต ศรีโคตรบอง ร้อยเอ็ดประตู จนั ทบุรี -ท้าวคำ� บาง -พญามรกุ ขนครส เกดิ จลาจล วรรคต ว่างเว้นกษัตริย์ ครองราชย์ -พญาสมุ ติ ตธรรม ผู้คนอพยพหนี วงศาครองราชย์ เมอื งสวุ รรณภมู ิ พ.ศ. ๔๐ สน้ิ สดุ ความเปน็ เมืองราชธานขี อง -สถาปนาเมือง เมืองหนองหาญหลวงและ จนั ทบุรี เมอื งหนองหาญน้อย -ราชาภเิ ษกพญา จันทบุรีประสทิ ธิ สกั กะเทวะ -พญาสมุ ิตตธรรม -พญาสมุ ิตต -ถปันนาพระ วงศา ธรรมวงศา ธาตุทภ่ี ูเขาลวง ถปนั นาอรุ ังคธาตุ ไปครองเมอื ง เมอื งล่า ร้อยเอ็ดประตู หนองคาย เวียง งัว หอแพ
รายช่ือผู้รว่ มเปน็ เจ้าภาพกฐินพระราชทาน มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ประจ�ำปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
รายช่ือผ้รู ว่ มเป็นเจา้ ภาพกฐินพระราชทาน มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ประจำ� ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๖๒ วันอาทติ ย์ ท่ี ๒๗ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ ทอดถวาย ณ วดั พระธาตุพนมวรมหาวหิ าร จงั หวัดนครพนม ท่ี ชอื่ เจ้าภาพ สงั กัด รายการ จ�ำนวน ยอดเงนิ รวมเงิน 9,000.00 1 รศ.นพ.ชาญชยั พานทอง ท่ปี รึกษาอธกิ ารบดี บาตรพระ 2 ชุด 4,000 7,000.00 วิริยะกลุ และครอบครัว โคมไฟ 10 ชดุ 5,000 5,000.00 2 ผศ.นพ.ธรา ธรรมโรจน์ รกั ษาการแทน บาตรพระ 3 ใบ 6,000 5,000.00 และครอบครวั อธกิ ารบดี 1 ใบ 1,000 กระติกน้�ำร้อน 2,500.00 มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น อย่างดี 5,000.00 3 ศาตราจารย์มนต์ชยั รองอธกิ ารบดีฝ่าย โคมไฟ 10 อัน 5,000.00 ดวงจินดา วจิ ัยและบรกิ าร 3,500.00 วชิ าการ 1,000.00 2,000.00 4 นางงามนจิ นนทโส และ นายณัฐพล ตาลปตั รไหม 1 ด้าม 2,500 2,500.00 ครอบครัว โลห์สุนทร (บุตร) ไทยปกั ด้ามมกุ ผ้าไตรเตม็ 1 ผนื 1,500 ชุดเคร่ือง 2 ชุด 1,000 ไทยธรรม 5 รศ.ไชยณรงค์ นางสถาพร ตาลปตั รไหม 1 ด้าม นาวานุเคราะห์ นาวานุเคราะห์ ไทยปักด้ามมุก และครอบครัว (คู่สมรส) 6 น.ส.ยุวรรณา เลศิ ศริ ิ และ กองทรพั ยากรบุคคล ตาลปตั รไหม 1 ด้าม 2,500 ครอบครวั ไทยปักด้ามมุก สปั ทน 1 คัน 2,500 7 นายกสมาคมศษิ ย์เก่า มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ตาลปตั รไหม 2 ด้าม ไทยปกั ด้ามมุก 8 นางธนชั พร ยะปะตงั และ วทิ ยาลัยการปกครอง ฉัตรเงิน - ฉัตร 1 คู่ ครอบครวั ท้องถน่ิ ทอง 9 นางศรจี ันทร์ กติ ติก�ำจร งานบริหารงบ หมอนหนนุ 2 ใบ และครอบครัว ประมาณ พร้อมปลอก 10 ผศ.สวุ ิทย์ อปุ สัย และ รองคณบดีฝ่ายพัฒนา ปิ่นโตสแตนเลส 1 เถา 500 ครอบครัว นักศกึ ษาและศษิ ย์เก่า ผ้าไตรเตม็ สมั พนั ธ์ 1 ชุด 1,500 11 นางพัชรีพร - สมถวลิ คณะแพทยศาสตร์ ปิ่นโตสแตนเลส 1 ชุด 500 บญุ บานเยน็ ชดุ ไทยธรรม 1 ชุด 500 ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ 1,500 ต�ำนานอุรังคธาตุ 173
ที่ ช่อื เจ้าภาพ สงั กดั รายการ จำ� นวน ยอดเงนิ รวมเงนิ 500.00 12 นางปทั มาภรณ์ แต่สวุ รรณ สำ� นกั เทคโนโลยี รองเท้าหนังแท้ 1 คู่ 500.00 และน.ส.ณัฐวดี ปทมุ บาล สารสนเทศ 1,000.00 13 น.ส.อาภรณ์ เอ่ยี มนริ ัตน์ คณะเทคนคิ การ รองเท้าหนังแท้ 1 คู่ 800.00 14 ผศ.พวงทอง อ่อนจำ� รสั แพทย์ 1,500.00 ข้าราชการบ�ำนาญ รองเท้าหนงั แท้ 1 คู่ 500 1,500.00 และครอบครวั ชุดไทยธรรม 1 ชดุ 500 1,500.00 ย่ามไหมไทยปกั 1 ใบ 1,500.00 15 นางจิตตมิ า อนิ ธราช ส�ำนกั งานอธกิ ารบดี 1,500.00 และครอบครวั อดตี หัวหน้างาน 1,500.00 ผอ.กองบรหิ ารงาน ฐานพัดมุก 1 อนั 1,500.00 16 นางบุพพณั ห์ วรพทุ ธพร วจิ ยั 1,500.00 และครอบครัว ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ 1,500.00 1,500.00 17 นายสมหวัง ทองน�ำ 1,500.00 และครอบครวั 500.00 18 นางจริ าภรณ์ โทขนั ธ์ ข้าราชการบำ� นาญ ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด 1,000.00 และครอบครวั ผู้มจี ิตศรัทธา คณะแพทยศาสตร์ ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ 500.00 19 นางรตั นา เขมะศกั ด์ชิ ัย และครอบครวั ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด 20 รศ.ฉลอง - นางจนั ทริ า วชิราภากร 21 นางเบญจมาศ บรู ณสรรค์ ข้าราชการบำ� นาญ ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด และครอบครวั 22 นางตลุ ยา นานอก ศนู ย์วัฒนธรรม ผ้าไตรเต็ม 1 ชดุ และครอบครวั 23 ครอบครัวปทมุ บาล และ ส�ำนักเทคโนโลยี ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ ครอบครัวเธยี รสภุ รพงษ์ สารสนเทศ 24 ศ.ประยงค์ แสนบุราณ ศาสตราจารย์ ผ้าไตรเต็ม 1 ชุด และครอบครวั (บำ� นาญ) 25 น.ส.อุ่นเรอื น มงคลชัย เชยี่ วชาญ (บ�ำนาญ) ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด และครอบครัว 26 รศ.โชตชิ นะ วไิ ลลกั ษขณา คณะเทคนิคการ ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด และครอบครัว แพทย์ 27 น.ส.อญั ชลี โพธิกรานต์ คณะแพทยศาสตร์ ชดุ ไทยธรรม 1 ชดุ 28 นางยมุนา สุ่มมาตร น.ส.อัครมิ า สุ่มมาตร ชุดไทยธรรม 2 ชุด 29 คุณอมั พร ลาสปีน่า (บตุ ร) 1 ชดุ คณะแพทยศาสตร์ ชุดไทยธรรม และครอบครวั (คณุ หน่อย) 174 ทีร่ ะลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ประจำ� ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
ที่ ช่ือเจ้าภาพ สงั กดั รายการ จ�ำนวน ยอดเงิน รวมเงนิ ชุดไทยธรรม 1 ชดุ 500.00 30 คณุ วลิ าวัณย์ ห่วงไธสง คณะแพทยศาสตร์ 1,000.00 และครอบครัว (คุณหน่อย) ชดุ ไทยธรรม 2 ชดุ 1,500.00 2,500.00 31 ชมรมผู้เกษียณอายรุ าชการ คณะศกึ ษาศาสตร์ 2,000.00 2,500.00 32 นางจินตนา กนกปราน นกั วชิ าการศกึ ษา ชดุ ไทยธรรม 1 ชุด 2,500.00 และครอบครวั เช่ยี วชาญ พิเศษ 4,400.00 33 นางวชั รา น้อยชมภู และ กองส่อื สารองค์กร ตาลปตั รไหม 1 ด้าม 800.00 ครอบครัว ไทยปักด้ามมกุ 800.00 800.00 34 คุณยายสมร วงศ์ชมภู กองสื่อสารองค์กร กระบะมกุ พร้อม 1 อนั 800.00 ถ้วยสที อง 1,600.00 1,900.00 35 ผศ.ธรณสั หนิ อ่อน และ คณะศิลปกรรม ตาลปัตรไหม 1 ด้าม 1,900.00 ครอบครวั ศาสตร์ ไทยปกั ด้ามมุก 500.00 2,400.00 36 นางอาภรณ์ - วุฒชิ ัย คณะแพทยศาสตร์ ตาลปัตรไหม 1 ด้าม ธรเสนา ไทยปักด้ามมกุ 37 ผศ.วรี พัฒน์ เศรษฐ์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ ตาลปตั รไหม 1 ด้าม 2,500 สมบรู ณ์ และครอบครวั ไทยปักด้ามมกุ หมอน + อาสนะ 1 ชุด 1,900 ไหมปกั 38 นายเฉลมิ พล แสงแก้ว และ กองการกีฬา ย่ามไหมไทยปัก 1 ใบ ครอบครวั 39 นางนฤมล พมิ พ์พงษ์ต้อน คณะเทคโนโลยี ย่ามไหมไทยปกั 1 ใบ และครอบครวั 40 นางเอมอร ทุยบงึ ฉิม และ คณะเทคนคิ การ ย่ามไหมไทยปกั 1 ใบ ครอบครัว แพทย์ 41 น.ส.ศิตธรี า สโมสร และ บัณฑติ วทิ ยาลยั ย่ามไหมไทยปัก 1 ใบ ครอบครวั 42 นางลัดดา อุ่นจันที และ คณะแพทยศาสตร์ ย่ามไหมไทยปัก 2 ใบ ครอบครัว 43 นางบบุ ผา ประสารฉ่�ำ และ คณะมนุษยศาสตร์ หมอน + อาสนะ 1 ใบ ครอบครัว และสังคมศาสตร์ ไหมปัก 44 นางพรจิต - สุคนธ์ คณะเทคโนโลยี หมอน + อาสนะ 1 ใบ ภกั ดศี รพี ันธ์ ไหมปัก 45 นางปวรศิ า พลเย่ยี ม และ ผู้มจี ติ ศรัทธา ชดุ ไทยธรรม 1 ชุด ครอบครัว 46 นายรกั ษ์เกยี รติ กระแสร์ คณะแพทยศาสตร์ หมอน + อาสนะ 1 ชดุ 1,900 และครอบครวั ไหมปกั ชดุ ไทยธรรม 1 ชุด 500 ตำ� นานอุรงั คธาตุ 175
ที่ ชอ่ื เจ้าภาพ สังกดั รายการ จำ� นวน ยอดเงนิ รวมเงิน 1,900.00 47 นายเผ่าพงศ์ - นางละออ ส�ำนักหอสมุด หมอน + อาสนะ 1 ชดุ 1,900.00 ข้อยุ่น ไหมปัก 1,900.00 4,000.00 48 นายประสิทธ์ิ - คณะสตั ว หมอน + อาสนะ 1 ชดุ 3,000.00 นางจติ รโสภา โททโุ ย แพทยศาสตร์ ไหมปัก 4,000.00 49 นางณัฐสมล อนกุลรงั ผู้ช่วยอธกิ ารบดฝี ่าย หมอน + อาสนะ 1 ชดุ 2,000.00 สฤษด์ิ และครอบครวั สือ่ สารองค์กร ไหมปัก 1,900.00 50 ผศ.พกั ตร์วไิ ล ศรีแสง และ คณบดคี ณะ บาตรพระ 2 ใบ ครอบครัว พยาบาลศาสตร์ 51 รศ.กุลธิดา ท้วมสขุ และ คณบดคี ณะ ผ้าไตรเต็ม 2 ชุด ครอบครวั มนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์ 52 รศ.สุมาลี ชัยเจรญิ และ คณบดีคณะ บาตรพระ 2 ชุด ครอบครวั ศึกษาศาสตร์ บาตรพระ 1 ชุด 53 ศ.ศภุ ชยั ปทุมนากลุ และ รองคณบดี ครอบครวั ฝ่ายนวตั กรรมและ วิสาหกจิ 54 รศ.ทพญ.วรานุช ปิติพัฒน์ คณบดีคณะ หมอน + 1 ชุด และครอบครัว ทันตแพทยศาสตร์ อาสนะไหมปัก 55 รศ.วุฒิไกร บญุ คุ้ม และ ผู้ช่วยอธกิ ารบดี ผ้าไตรเต็ม 2 ชุด 3,000 4,000.00 ครอบครัว ฝ่ายวิจัยและบรกิ าร กระติกน้�ำร้อน 1 ใบ 1,000 วิชาการ 56 รศ.น.สพ.ชูชาติ กมลเลศิ คณบดคี ณะ กระตกิ น้�ำร้อน 1 ใบ 1,000.00 และครอบครัว สัตวแพทยศาสตร์ 57 นางอรุณรัตน์ ดรเสนา ผู้มีจิตศรัทธา ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ 1,500.00 และครอบครวั 58 นายกติ ตสิ นั ต์ ศรีรกั ษา ผู้ช่วยอธกิ ารบดฝี ่าย โคมไฟ 1 อัน 500.00 และครอบครัว ศลิ ปวฒั นธรรมและ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 59 รศ.ลำ� ปาง แม่นมาตย์ คณบดีวทิ ยาลัย ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด 1,500 5,000.00 และครอบครวั บณั ฑติ ศกึ ษาการ หมอน + 1 ชดุ 1,900 จดั การ อาสนะไหมปกั ย่ามไหมไทยปัก 2 ใบ 1,600 60 รศ.ไพบลู ย์ ดาวสดใส และ คณบดคี ณะ บาตรพระ 5 ใบ 10,000.00 ครอบครัว เภสัชศาสตร์ 176 ท่ีระลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ประจำ� ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๖๒
ท่ี ช่ือเจ้าภาพ สังกดั รายการ จ�ำนวน ยอดเงนิ รวมเงิน 61 ผศ.กิตตบิ ดี ใยพลู และ คณบดคี ณะ ผ้าไตรเต็ม 2 ชดุ 3,000.00 นติ ิศาสตร์ 1,500.00 ครอบครัว 800.00 62 รศ.ชพู งษ์ ทองคำ� สมุทร คณบดีคณะ ผ้าไตรเตม็ 1 ชดุ 1,500.00 และครอบครวั สถาปตั ยกรรมศาสตร์ 1,500.00 63 นายบญุ ชัย - สโรชา วทิ ยาลยั บัณฑติ ย่ามไหมไทยปัก 1 ใบ 500.00 อ้องแสนคำ� ศกึ ษาการจดั การ 4,000.00 64 รศ.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะ ผ้าไตรเตม็ 1 ชุด บรหิ ารธุรกจิ 4,000 และการบัญชี 1,500 65 นายบญั ชา พระพล และ รองผู้อำ� นวยการ ผ้าไตรเต็ม 1 ชุด 2,000 ครอบครวั ส�ำนักบรกิ ารวชิ าการ 1500 2,500 66 นางอไุ ร พมิ พ์ศรี ผู้มจี ิตศรัทธา โคมไฟ 1 อัน 1,000 67 ผศ.พชิ รตั น์ แสนไชยสรุ ยิ า คณบดคี ณะ ผ้าไตรเตม็ 2 ชุด 3,000 2,000 และครอบครวั เกษตรศาสตร์ กระตกิ น�้ำร้อน 1 ใบ 1,000 1,000 68 ศ.สุรศักดิ์ วงศ์รัตนชวี นิ คณบดี ผ้าไตร 1 ชดุ 1,500 และครอบครัว บณั ฑติ วิทยาลยั กระตกิ น�้ำร้อน 1 ใบ 1,000 69 ผศ.ศิรพิ งษ์-ภทั รา เพยี ศริ ิ คณะศกึ ษาศาสตร์ ผ้าไตรเต็ม 1 ชุด 70 นายวีระ-เพยี งเพ็ญ ผู้อำ� นวยการ ผ้าไตรเต็ม 2 ชดุ ภาคอทุ ยั ส�ำนกั งานอธกิ ารบดี 71 ผศ.สมเกียรติ ศรีจารนยั คณบดีคณะ ผ้าไตรเต็ม 1 ชดุ และครอบครัว วทิ ยาศาสตร์ 72 ผศ.อาวุธ ย้มิ แต้ และ รองอธกิ ารบดีฝ่าย หมอน+อาสนะ 1 ชดุ ครอบครวั โครงสร้างพน้ื ฐาน ไหมปัก และสง่ิ แวดล้อม 73 ผศ.ศิรประภา บ�ำรุงกจิ ผู้ช่วยอธกิ ารบดฝี ่าย โคมไฟ 2 อัน และครอบครัว การบรหิ ารทรพั ย์สนิ 74 ผศ.เด่นพงษ์ สุดภกั ดี รองอธกิ ารบดีฝ่าย บาตรพระ 1 ใบ และครอบครวั พฒั นามหาวทิ ยาลยั ดิจทิ ลั 75 ผศ.พรเทพ ถนนแก้ว คณบดคี ณะ กระติกน้�ำร้อน 1 ใบ และครอบครัว เทคโนโลยี ตำ� นานอุรงั คธาตุ 177
ท่ี ชอ่ื เจา้ ภาพ สังกัด รายการ จ�ำนวน ยอดเงิน รวมเงนิ กระตกิ น�้ำร้อน 1 ใบ 1,000 1,500 76 ผศ.พิพัธน์ เรอื งแสง ผู้ช่วยอธกิ ารบดีฝ่าย โคมไฟ 1 ชดุ 500 และครอบครวั พัฒนามหาวทิ ยาลัย โคมไฟ 1 ชุด 1,000 ดจิ ทิ ลั กระติกน้�ำร้อน 2 ใบ 2,000 77 ผศ.ปิยะวัชร ฝอยทอง ผู้ช่วยอธกิ ารบดีฝ่าย 1,000 และครอบครัว โครงสร้างพ้นื ฐาน กระตกิ น�้ำร้อน 1 ใบ 4,000 และสิ่งแวดล้อม บาตรพระ 2 ใบ 78 รศ.พัชรี เจยี รนยั กรู คณบดีคณะเทคนคิ และครอบครวั การแพทย์ 79 รศ.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ คณบดวี ทิ ยาลัย และครอบครวั การปกครองท้องถ่นิ 80 ศ.ละออศรี เสนาะเมือง วิทยาลยั นานาชาติ 178 ท่รี ะลกึ งานกฐนิ พระราชทานมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ประจำ� ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒
คณะผ้จู ัดท�ำ ท่ปี รกึ ษา นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณ ี รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชยั พานทองวริ ยิ ะกลุ ท่ีปรกึ ษาอธกิ ารบดีมหาวิทยาลยั ขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.นยิ ม วงศ์พงษ์ค�ำ รองอธกิ ารบดีฝ่ายศลิ ปวัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อาจารย์ ดร.กติ ตสิ ันต์ ศรรี กั ษา ผู้ช่วยอธิการบดฝี ่ายศลิ ปวัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เขม เคนโคก รักษาการแทนผู้อ�ำนวยการ ศูนย์วัฒนธรรม ผ้เู ขยี น ดร.ยุทธพงศ์ มาตย์วเิ ศษ กองบรรณาธกิ าร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หอมหวล บวั ระภา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มารศรี สอทิพย์ นายวิทยา วุฒไิ ธสง นางสาวบญุ ยนื เปล่งวาจา นางสาวพิมพ์ชนก ศรคี ง พิสจู นอ์ ักษร นางสาวพมิ พ์ชนก ศรคี ง รปู เล่ม นายวทิ ยา วุฒไิ ธสง นายณัฐวุฒิ จารุวงศ์ ธรุ การ การเงิน นางสาวศริ มิ ุกดา โพธิ ประสานงาน นางสาวพิธญั ญา วฒั นบตุ ร นางสาวบญุ ยนื เปล่งวาจา นางสาวคณติ ตา คลงั ทอ นายวรศกั ด์ิ วรยศ นายวิทยา วฒุ ไิ ธสง
ชื่อหนังสือ ตำ� นานอุรังคธาตุ หนังสอื ทร่ี ะลกึ งานกฐินพระราชทานมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ประจำ� ปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ จัดพมิ พโ์ ดย ฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ และศูนย์วฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำ� นวนพมิ พ์ ๔๐๐ เล่ม พมิ พ์ท่ี โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194