Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore The lover รักเป็นจะเห็นใจ

The lover รักเป็นจะเห็นใจ

Description: The lover รักเป็นจะเห็นใจ

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

\\ ,v \"รักidแจะiHuh\" โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ www.kalyanamitra.org

JloV(i\\ \"รณdmtmuh\" พระมหาสมชาย ฐานๅฑโฌ บรรผาธการฮานวยการ ะ พระมหาวเชียร นาถกโร บรรณาธิการบริหาร ะ จรรยาพร เจริญไทย กองบรรณาธิการ ะ พระจิรเขฎฐ์ เฃฎฝใส,พงษ์สุวัฒน์ รัตตะคุ ออกแบบสืลปกรรม ะ คุลรดา เอกบุตร พิสูจน์อักษร : กองบรรณาธิการยูลปิธิธรรมะคุ้มครองโลก อัดพิมพโดย : ยูลนธิธรรมะคุ้มครองโลก 18/194 หยู่ 6 ตำ บลคลองสาม อำ เภอคลองหลวง อังหวัดปทุมธาบึ 12120 www.dhammaforworld.com สิฃสิหร ะ [email protected] พิมพ์คเงที่ 1 ยูลนธิธรรมะคุ้มครองโลก อำ เภอคลองหลวง อังหวัดปทุมธานี จำ นวน ะ พิมพ์ที่ ะ สิงหาคม 2558 5,000 เล่ม บริษัท บี เจ อินเตอร์พริ้น จำ กัด 'ข้อร]ลหา■งบรา?นานทรม หระมหาสมซาย ฐานบุ'ตโฒ. The lover''รักเป็นจะเห็บใจ\".- ปทุมธานี: ยูลนีธิธรรมะคุ้มครองโลก, 2558. t 136 หน้า. 1. ความรัก-แง่ศาสนา-ทุทธคาสนา. 2. ธรรมะกับชีวตประจำวัน I. กุลรคา เอกบุตร,ผู้วาดภาพประกอบ. II. ชีอเรื่อง. 294.3114 ISBN 978-616-7803-07-4 www.kalyanamitra.org

Ohamma for the World มูลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก ก้พ)'ไ'iเทว้หพปี (ไ')พพ www.kalyanamitra.org

นทน33ฌา§ทๆ3 พระอาจารย์พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ ท่านได้ เมตตาถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมแง่คิดมุมมองต่าง ๆ ผ่านตัวอักษรใน i^lic \"รักiป็นจะIHUh\" บทเรียนพิเศษที่ต้องรูก่อนรัก เรียนรู้ที่ จะยอมรับอีกคนเพื่อเพิ่มสุขให้ชีวิตคู่ เพื่อให้เราอยู่ลับความต่าง ไต้อย่างลงตัว และสร้างชีวิตคู่ให้ผาสุกได้ตามหลักพระสัมมา- สัมพุทธเจ้า ให้ลัลยาณมิตรน'กอ่านทุกท่านมีโอกาสเรียนรู้บทเรียน สร้างความพอดีในการอยู่ร่วมลัน รวมทั้งแนวทางความคิดให้ เราตั้งสติก่อนแต่งตามหลักพระพุทธศาสนา และข้อคิดต้องรู้ สำ หรับคนที่คิดจะแต่งงาน ให้เราสามารถมองโลกตามความ เป็นจริง และดำเนินชีวิตแบบเหตุผลนำอารมณ์' เพราะ หญิงชายนั้นต่างลัน แตในความต่างนั้นลงตัวไต้หากเรารู้จัก ครองเรีอนด้วยสมองและครองรักด้วยห้วใจ บรรณาธิการ www.kalyanamitra.org

miii ถ้าเลือกที่จะมีชีวิตการครองเรือนในทางโลกแล้ว เรา จำ เป็นจะต้องรู้หลักการเลือกคู่ครอง และประคองชีวิตคูให้อยู่ กันด้วยความผาสุกตลอดรอดส์ง ตามหลักพระพุทธศาสนา พระลัมมาลัมพุทธเจ้าตรัสสอนหลักการครองเรือนต่าง ๆ ไว้เป็นแนวทางอย่างซดเจน ให้เราสามารถอยู่ร่วมกันเป็น ครอบครัวไต้อย่างมีใจเป็นสุข ซายหญิงสามารถอยู่กับความ ต่างซองอีกฝ่ายไต้อย่างลงตัว ไมีหลงเขาจนเจ้าข่ายความรัก ทำ ให้ตาบอด และไม่เอาแต่ใจตนเองจนลืมคนรอบจ้าง มีจ้อคิดดี ๆ สำ หรับผู้ที่คิดจะแต่งงาน ให้เรารู้จัก ตนเองและเจ้าใจผู้อื่น เริ่มต้นวางแผนครอบครัวอย่างมีสติ และไซ้เหตุผลนำอารมณ์ตามหลักของพระพุทธองค์ พอเรา และคู่ครองมีคุณธรรมอย่างที่พระสัมมาส้มพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว รายละเอียดหลักการอื่น ๆ ก็จะค่อย ๆ ลงตัวตามไปเอง ธานจุฑโฒ ภิกชุ www.kalyanamitra.org

yi3 f!€U^n..,aaD:j ® อย่กับความแตกต่างอย่างลงตัว ๏ 9 ข้อ สร้างความพอดี @ อยู่ร่วมกันอย่างไรให้ใจเป็นสุข €tye!o..jiDUzfnina ๙ @ ความรักทำให้คนตาบอด ® อะไรทำให้เราพบกัน ® ข้อคิดสำหรับผู้ที่คิดจะแต่งงาน rtJfia...F}^riaiJiidij ® ป็ญหาก่อนแต่งงาน 0มองโลกให้เหึนตามความเป็นจริง รักเดียวใจเดียวหรือจะอยู่คนเดียวดี www.kalyanamitra.org

iJqusrL..ปีmnq๒อ ^3 @ \"อารมณ์\" กับ \"เหตุผล\" อยู่ตรงข้ามกันเสมอไปจริงหรือ ^ ดำ เนินชีวิตแบบเหตุผลนำอารมณ์ ว่ากันว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ใข้อารมณ์มากกว่าผู้ซาย fltitJlJi'jO' il OjcJ ?{น VU 'JkJ/Jd!V ^ วิธีสังเกตนิสัยการเงินซองคนที่เราหมายปอง ^ เริ่มต้นวางแผนทางการเงิน(เงินเซอ เงินฉัน เงินเรา) ® การเงินราบรื่นครองเรือนราบเรียบตามหลักพระพุทธองค์ www.kalyanamitra.org

V, § www.kalyanamitra.org

ฝอ่ฆวฑ...สัอร/! เราทุกคนล้วนเคยตกอยู่ในสถานการณ์ ที่ต้องพบปะผู้คนที่มีความแตกต่างจากเรา อย่างสิ้นเซิง ทั้งความคิด คำ พูด การกระทำ และความเชื่อ บางครั้งแตกต่างจนเราต้อง เอ่ยปากออกมาเลยว่า •'งะ■เรทำ(.-ล้เขากด อย่างไเ■น ...iini.ม!-ชางงพูคอย่าง■น ■มรอ ...เขาทำอย่าง'ย่นงง งย่างไร\" บางค^ ความแตกต่างบั้นเป็นเรื่องใหญ่และสุดขั้ว จนทำให้เกิดความแตกแยก และแตกหัก ยากที่จะประสาน www.kalyanamitra.org

พ QEjaunoiuucinrhuvdiUciucn ก่อนทีเราจะเรียนรู้เรื่องความรักของค'นลฐงคใjViรอ เรื่องชีวิตคู่ ก่อนอื่นเราควรเข้าใจภาพรวมของตนเองและ คนรอบข้างในสังคมก่อนว่า ความจริงแล้วคนเรามีส่วนที่ เหมีอนและแตกต่างกัน คือเราทุกคนล้วนมีความต้องการ มีอารมณ์ความรู้สีก แต่ว่าความต้องการ อารมณ์ และ ความรู้สิกนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ลักษณะทาง กายภาพ เข่น หน้าตา ลีผม ลีผิวก็ไม่เหมือนกันด้วย เพราะฉะนั้น ไม่มีใครบนโลกนี้ที่เหมือนกันไปหมด จึงมืความจำเป็นที่เราจะต้องสืกษาความแตกต่างเหล่านี้ เที่ฐ เราจะไต้อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ ทั้งในสังคมเล็ก ๆ อย่าง ครอบครัว และในสังคมที่ใหญ่ออกไป ในเชีงวิชาการแยกแยะสาเหตุที่ทำให้มนษย์มืคาาม แตกต่างกันออกเป็น 2 ป้จจัยคร่าว ๆ คือ \"พนธุกรรม\"' และ \"สิ่งแวฅล้อม\" ต้งนี้ www.kalyanamitra.org

It โเจจียเท(เ cJauihj'ทา'jn 1 พิบชุโ/5»5ข ลักษณะของพันธุกรรม คือการถ่ายทอดจากบรรพบุรษ ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งทำให้แต่ละคนมีร่างกายและลักษณะ ทางเพศที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นพันธุกรรมยังครอบคลุมถ่งขนิดของกลุ่ม เลือด สติป้ญญา และความถนัดของแต่ละคน บุคลิกภาพ และอารมณ์ ลักษณะความบกพร่องทางร่างกาย และโรค บางชนิดที่ทำให้บางคนเกิดมามีความบกพร่องทางร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม เรียกว่า เป็นความ แตกต่างตั้งแต่เกิดที่เรา ss เลอทไม่ไต่ www.kalyanamitra.org

ie ^ปีจจีuirjaElojjน^ะทๆ^ที่ 2 fiuirjCirJau สิ่งแวดล้อมเริ่มต้นตั้งแต่ครอบครัว แต่ละครอบครัว มีการเลี้ยงดูลูกหลานต่างกันไป บางครอบครัวอาจจะเลี้ยงดู ด้วยความรักและความเอาใจใล่ แต่บางครอบครัวอาจจะ ปล่อยปละละเลย ไม่ไต้ทำหน้าที่พ'อแม่ที่สืนัก ดังนั้น พอ เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจงมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ออกไป นอกจากนั้นทัศนคติของพ่อแม่หรือการงานอาชีพของ พ่อแม่ รวมทั้งการปลูกฝืงทางความคิด คุณธรรม จรืยธรรม ให้กับเด็ก ล่งผลให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความแตกต่างกัน ออกไป x/v ฐ-}I h ({จ^ www.kalyanamitra.org

13 ถ้าพ่อแม่มีนิสัยฃยัน ลูกกึมักจะขยัน แต่ถ้าพ่อแม่ มีนิสัยขี้เกียจและไม'เป็นระเบียบ ลูกกีจะติดนิสัยนั้นไปด้วย นั้นเอง คือ \"ฟอแ,ม่เih■เอย่างไร ลูกทม่แนวโนิมอะเ'ช\"!.', อย่างนั้น\" สถานคืกษามีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการและมี กิจกรรมต่าง ๆ ที่ปลูกฝืงด้านคุณธรรมให้แก่เด็ก ๆ โรงเรียน จึงเป็นบีจจัยแวดล้อมส่วนหนึ่งที่ปลูก^งสักบณะนิสัยของเด็ก ด้วย ถ้าโรงเรียนมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ พัฒนาการ ของเด็ก ๆ ก็จะด็ขี้น ทำ ให้เขามีความฉลาดทั้งทางด้าน ร่างกายและอารมณ์ไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นสิ่งแวดล้อม ในโรงเรียนก็มีส่วนสำคัญมาก เข่น บางโรงเรียนมีสภาพ แวดล้อมที่สกปรกและไม่เป็นระเบียบ ก็จะทำให้เด็ก ๆ ติด นิสัยนั้นมาด้วย ดังนั้น ในการเลือกโรงเรียนให้ลูก นอกจากเรื่อง ของการเรียนการสอนและผลการเรียนแล้ว พ่อแม่ควรเลือก กิจกรรมและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน รวมทั้งบุคลิกภาพ ของคุณครูด้วย เพราะถ้าคุณครูเป็นคนขยันทำงาน อบรม จริยธรรมให้กับเด็ก ๆ พวกเขาก็จะได้ซึมซับสิ่งดี ๆ เอาไว้ www.kalyanamitra.org

ใ4 ปีจจีย!!วนลจนบ5ะกๆ3ท 3 ก^ยน ป้จจัยแวดล้อมอีกประการที่มีผลต่อความแตกต่างของ มนุษย์ คือ \"ฯ;ฬอ\"น\" มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มักจะอยู่ร่วมกัน กับผู้อื่น และต้องการการยอมรันจากคนรอบข้าง เพราะฉะนั้น เวลาที่เราเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ เรามัก จะทำสิ่งที่เพื่อน ๆ ยอมรับ เซ่น ล้าเรามีเพื่อนชอบทำความดี เราจะอยากทำความดีให้เพื่อน ๆ ยอมรับ แต่ล้าเราโชคร้าย ไปเจอกลุ่มเพื่อนเกเร เราอาจจะเผลอทำสิ่งที่ไม่ดีเพื่อให้ เพื่อน ๆ ยอมรับเข้ากลุ่มก็ไต้ ^ ปีจจย!เวตยอนปๆะทๆยท 4 ยี่a สิ่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วารสาร หรืออินเทอว์เน์ต มีอิทธิพลต่อความร้สีกนึกคิดของ คนที่เสพสิ่อนั้นมาก ๆ ปีจจุบันเป็นยุคของข้อมูลซ่าวสาร มีการแชร์ข้อมูล กันทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างมากมาย เราจะต้องระรังว่า ข้อมูลหลาย ๆ อย่างมีความจรืงบ้างความเท็จบ้างผสมกันไป เพราะฉะนั้น เราไม่ควรหลงเชื่อข้อมูลที่ไต้รับทั้งหมด www.kalyanamitra.org

/5 ปีจจย1ท[!สัยนป^ะทๆ:1ท 5 rneitn ฟ้จจัยแวดล้อมประการสุดท้าย ที่มีผลต่อความ แตกต่างของคนเรา คือเรื่องของศาสนา ศาสนามีอิทธิพลต่อ การสร้างความคิด ความเชื่อ และค่านิยม รวมถึงมุมมอง ในการใข้ชีวิต ชื่งแต่ละศาสนามีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ทำ ให้เกิดความแตกต่างของคนแต่ละคน ในแต่ละขุมซนถ้ามีคนนับถือศาสนาเดียวกันทั้งหมด พวกเขาจะมีจารีตประเพณีเฉพาะของศาสนานั้น ๆ ที่อาจจะ มีความแตกต่างไปจากขุมซนอื่น เพราะฉะนั้น เราจึงควร ยอมรับในความแตกต่างนั้นด้วย www.kalyanamitra.org

i6 9 iv ciSiijfmuwQci ปีจจัยหลัก ๆ ที่ทำ ให้คนเราเกิดมาแตกต่างกันมีเพียง พีนธุกรรม นอกจากนั้นเป็นเรื่องของสีงแวดล้อมที่มีอิทธิพล ต่อเราทั้งหมด ทำ ให้บางครั้งเราอาจจะหลงลืมไปว่า เรามี สิ่งที่เหมือนกันอยู่ ก็คือ -'า-.'\":, : . s เมื่อเราทุกคนมี ความเหมือนกันอยู่แล้ว เราจงควรหาวิธีอยู่ร่วมกันอย่างลันติ โดยเริ่มจาก \"9 ขอ ส i s ด้งต่อไปนี้ ■' ^'IสุCSU^!JหๆrlyๆlJl!Ja^U^^^อึ่U ล้าเรามัวแต่คนหาความไม่ดี หรือมุ่งแต่จะจับผิด ผู้อื่น จะทำให้เรามีทัศนคติไม่ดีต่อคนอื่นรอบตัว ซึ่งนำไปสู่ ss , ;ว ไอม่อโไท\" โดยเราอาจจะตงแง่ร้งเกียจเขา ไม่ยอมร้บเขา ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนที่แห้จริงของเขาเลย เพราะฉะนั้น เวลาเราจะพูดคุยกับใครอย่าเพิ่งใช้อคติ นำ หน้า ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีวันได้ยินในสิ่งที่เขาพูดกับเรา แต่เราจะได้ยินเพียงภาษาที่แปลแล้วด้วยอคติของเราเอง www.kalyanamitra.org

ใ? oan 2 iJoUFrjiuriarnuoayciuiau ปรับความคิดเห็นของตนเองใหได้ว่า ความแตกต่าง คือความแตกต่าง ■■ความแตกต่างไฝใช่ความผิด\" มนุษย์ แต่ละคนย่อมแตกต่างกันจึงเป็นที่มาของคำว่า ■■นานาจึตตัง\" ต่างคนต่างจิตต่างใจ จะบังคับให้ทุกคนชอบอะไร เหมือน ๆ กัน หรือมีลักษณะนิสัยเหมือนกัน คิดเหมือนกันนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะแต่ละคนได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตมาใน ครอบครัวที่โม่เหมือนกัน และมืสภาวะแวดล้อมที่แตกต่าง กันออกไป ifอท 31หยกย จงให้อภัยและลืมให้เร็ว เราอยู่ในสังคมใหญ่ บางครั้ง อาจจะมีใครเผลอทำผิดพลาดไปบ้าง เพราะฉะนั้น เราด้อง รู้จักให้อภัยกัน บางคนทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกไปโดยมีเหตุผล ส่วนตัว ซึ่งอาจจะไมใช่ความผิดรัายแรง เมื่อเราเข้าใจ เหตุผลที่เขาทำลงไปแล้ว เราก็จะให้อภัยเขาได้ง่ายขึ้น ที่สำ คัญเราด้องหมั่นเอาขยะในใจเราทิ้งไปด้วย www.kalyanamitra.org

'^Son 4'luwhriniJibijau เราไม่ควรพิพากษาใคร ไม่ควรตัดสินว่าคนนั้นคนนี้ เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ หรือวิพากษ์วิจารณ1ปต่าง ๆ นานา เพราะจะทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติและเข้าข้างกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ สมมติว่า พ่อของเพื่อนเราเผลอ ทำ ความผิดเป็นขโมย เราก็ไม่ควรปรักปรำในทันทีว่า เพื่อน เราคนนี้จะต้องมีนิสัยขี้ขโมยเหมือนพ่อของเขา เราต้องหัด มองมุมเขามุมเราห้าง บางทีในตระกูลของเราก็อาจจะมีคน ไม่ดี แต่ไมใซ่ว่านั้งตระกูลจะต้องเป็นคนไม่ดีทั้งหมด สมัยนี้ยิ่งแย่กันไปใหญ่ บางทีเราเห็นคนประเทศใด ประเทศหนึ่งเพียงไม่กี่คนทำไม่ดี แต่เรากลับตราหน้าคนทั้ง ประเทศนั้นว่าเป็นคนไม่ดี พ www.kalyanamitra.org

'fan 5 'j Uf7)!\\jrion!jfirjir1ufjaDfjJoii คนส่วนใหญ่มักจะซอบแสดงความคิดเห็นของตน!.อง คิดว่าตนเองมีความสำคัญ ไม่ขอบรับฟ้งความคิดเห็นของ ผู้อื่น เวลามีคนอื่นเสนอความคิดเห็นใด ๆ ที่อาจจะไม่ตรง กับความเห็นของตนเอง ก็มีอารมณ์หงุดหงิดจนเกิดความ ขัดแย้งขึ้นในที่สุด เพราะฉะนั้น เราควรปรับทศนคติของตนเอง โดย เปิดใจรับฟิงความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อลดบรรยากาศของ ความขัดแย้งลง 0 :r: s's นาทท!I : ควรถอดบทบาทหน้าที่ของตนเองลงก่อน จะทำให้ เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น มองเหตุการณ์เรื่องราวจากจุดยืนที่ ต่างออกไปได้ ทำ ให้เข้าใจตนเองและแก้ป้ญหาได้ดีกว่า มีคำ กล่าวว่า :■าไ.'า; ; น!นท11!ก่ยน'\" คำ กล่าวนี้สรุปจากประสบการณ์จริงในขีวิตของคนจำนวน มาก เหตุการณ์เดียวกันคนเป็นหัวหน้าจะมองอย่างหนึ่ง คน เป็นลูกน้องจะมองอีกอย่างหนึ่ง www.kalyanamitra.org

20 Son 7!5■ๆlUจๆlUUcJยUlULแJpJUะ|rf!Jaไ ij ในการอยู่ร่วมกันถ้าเราบุ่งแต่จะเอาชนะก็จะทำให้เกิด ปัญหา เข่น ในสงครามถึงแม้จะมีฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ แต่ผู้ชนะ ก็ได้รับความสูญเสียจากสงครามเข่นเดียวกันกับผู้แพ้ เพราะฉะใfน แทนที่เราจะบุ่งเอาชนะกัน ควรหันหนา มาเจรจาร่วมมีอกันแกิไขปัญหา เรื่องราวปัญหาต่าง ๆ ก็จะ คลี่คลายไปในทางที่ดีฃึ้นได้โดยไม่เกิดความสูญเสีย ส่วนใหญ่คนเราจะทะเลาะเบาะแว้งกันจากเรื่องเล็ก ๆ เป็นนํ้าผึ้งหยดเดียว เมื่อต่างฝ่ายต่างบุ่งจะเอาชนะทางวิวาทะ กันครั้งใด ผลเสียหายเกิดขึ้นมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ เราจะฟายแพ้ในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทุกครั้งไป www.kalyanamitra.org

2i ovn & lu'ijij&icjnนหา! อย่าพยายามหาแพะรบบาป หรือโยนดวามผิดให้กับ ผู้อื่น เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาย่อมเกิดความไม่ลบายใจ และนำ ไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะฉะนั้น การอยู่ร่วมกัน ควรมุ่งไปที'การแก้ป้ญหา มากกว่าการโยนความผิดให้แก่กัน หลายครั้งบางคนแก้ปิญหาด้วยการยอมรับผิดเสียเอง เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ แล้วจึงเสนอแนวทางในการ แก้ปิญหาต่อไป ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในการแก้ปัญหานั้น คลี่คลายลงได้ แล้วเขาก็กลายเป็นรโร่ในสายตาคนรอบข้าง เพราะคนส่วนใหญ่มองออกว่าในสถานการณ์นั้น ๆ มีสาเหตุ เกิดจากอะไร รอ'ท 9'เน่จแป็นดียบหๆบทรเะเปย่ๆห^พฦโแย่ยบ เราไม่จำเป็นต้องหาบทสรุปสำหรับทุกเรื่องเสมอไป เพราะล้าเรามัวแต่มุ่งหน้าหาข้อสรุป อาจจะทำให้เรื่องนั้น ไม่จบลงง่าย ๆ แต่ละคนมีมุมมองความคิดที่แตกต่างกันไป ล้าเรายอมรับสิงเหล่านี๋ไต้ ก็ไม่จำเป็นต้องหาบทสรุปสำหรับ บางเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ www.kalyanamitra.org

22 อ^ขวนทินอย่า]JhjIหเจ!ปีน cjfj หลักการอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก พระลัมมา สมพุทธเจ้าทรงให้!ว้แล้วใน ■■สารๆณยธรรม'' มีทั้งหมด 6 ข้อเป็นพื้นฐาน แต่ขอให้เราเน้น 2 ข้อใหญ่ ๆ คือ \"มืคืล เสมอกน และ \"มี' 'นอiไน เราศึก*ษาได้จากสังคมสงฆ์ครั้งพุทธกาล สังคมอินเดีย เป็นสังคมที่มีขนขั้นวรรณะมาก ทั้งวรรณะพราหมณ์ วรรณะ กษัตริย์ วรรณะแพศย์ วรรณะศูทร และจัณฑาล ซึ่งแบ่ง แยกกันอย่างซัดเจน ยกตัวอย่าง ถ้าคนวรรณะอื่น ๆ เผลอไปมองคน จัณฑาล ต้องรีบเอานาล้างตาเพราะถือว่าเป็นเสนียด แตกต่าง กันถึงขนาดอยู่ร่วมกันไม่ได้ ถ้าคนละวรรณะกันมาแต่งงาน กัน ลูกออกมาให้ถือว่าเป็นจัณฑาลทันที อย่างนี้เรียกได้ว่า มีการแบ่งขนขั้นกันแบบสุดขั้วจนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เลย แดในสภาวะสังคมแบบนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง อนุญาตให้คนทุกขั้นวรรณะมาบวขเป็นพระภิกษุได้ มีความ เสมอภาคเท่าเทียมกันด้วยธรรมะ และวินัยของพระสัมมา- สัมพุทธเจ้า www.kalyanamitra.org

23 ivdrnvoiinvvmrn 1ฆ่0พ 9r;/x; พ;; «3)3// ตํ1[1พนท1\\1ฅน^พ<1(\\21 Mfj9imhiปี www.kalyanamitra.org

24 แม้อายุก็เริ่มนบหนึ่งใหม่ในวันบวซ และเคารพกัน ตามอาวุโสพรรษา คนที่อายุ 20 บวชเมื่อวาน อีกคนอายุ 80 บวชวันนี้ คนอายุ 80 ที่เพิ่งบวชวันนี้ต้องให้ความเคารพ คนอายุ 20 ที่บวชเมื่อวาน เพราะอายุทางโลกถือว่าตัดทิ้ง เริ่มนับอายุใหม่เมื่อตอนที่เริ่มบวชแล้วนั่นเอง พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงทำให้คนวรรณะกษัตริย์และ แพศย์ที่มาบวชหลังคนวรรณะจัณฑาล ต้องกราบคนวรรณะ จัณฑาลที่เป็นภิกษุพรรษามากกว่า เป็นการปฏิรูปสังคมที่ ยิ่งใหญ่ และสร้างความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้น แล้วคณะสงฆ์ สามารถอยู่ร่วมกันใต้ด้วยความผาสุก สืบทอดมาไต้ 2,500 กว่าปีแล้ว เราสามารถสืกษาตัวอย่างจากคณะสงฆ์ในครั้งพุทธกาล ไต้ว่า การอยู่ร่วมกับผู้ที่แตกต่างกันด้วยความผาสุกนั้น ต้อง มีหัวใจสำคัญ ตังนี้ www.kalyanamitra.org

25 i'fo'hjehfLrfjปขะภาปีfi 1 ประการแรก ผู้ที่มาบวซมีเป้าหมายการ'บวชตรงกัน คือบวชเพื่อตั้งใจปฏิบัติบุ่งสู่นิพพาน ผู้เข้าอุปสมบทต้อง เปล่งวาจาว่า ■'ข้าพเจ้าฃอออกบวชเพอสกัดกองทกช แส\" ทาพระนิพพานให้แจ้ง ประกาศเป้าหมายในการบวชถึง 6 ครั้ง ในการบวชของพระภิกษุทุกรูป ไม่ว่าจะมาจากวรรณะ ใดก็ตาม การมีเป้าหมายตรงกัน มีทิฐิเสมอกัน มีความเห็น ตรงกัน มีเป้าหมายชีวิตตรงกัน มีความเห็นในเรืองของกฎ แห่งกรรมและเรื่องบญบาปเหมือนกันถึงได้มา'บวช ชึ่งราย- ละเอียดจะมีความต่างกันบัาง แต่กรอบใหญ่ ๆ ของทิฐิบัน ตรงกัน ^ หา'(จย่าrlfijปปีะทาปีภ 2 พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงบัญญ่ตพระวิบัยเป็นสิกขาบห ให้พระภิกษุปฏิบัติเหมือนกันทุกรูป สิกขาบทที่เป็นประธาน หลักมีทั้งหมด 227 ข้อ พระสงฆ์ต้องลงสวดในโบสถ์ทุก ๆ กื่งเดือน เรียกว่า ลงสวดพระปาฏิโมกข์ และยังมีข้อปฏิบัติ www.kalyanamitra.org

26 ซี่งเป็นมารยาทในด้านต่าง ๆ อีกเป็นพันข้อ โดยระเบียบ ปฏิบ้ติที่ชัดเจนนี้เอง ที่ทำ ให้บุคคลที่อยู่ร่วมกันในสังคมนั้น ๆ รู้ถึงสิ่งที่ตนควรทำและสิงที่ตนควรเว้น พอทุกคนรู้กฎระเบียบอย่างชัดเจนและบีฏิบีติเหนือบกับ อย่างนี้ ก็เปรียบเสมือนรถที่วิ่งบนถนน ที่มืทั้งรถยี่ห้อดัง ราคาแพง ๆ ไปจนถึงรถราคาถูก ๆ สภาพเก่า ๆ มากมาย แต่ ๓คนชันรถทุกคันเคารพกฎจราจร เราก็จะมุ่งไปสู่จุดหมาย ปลายทางได้โดยราบรื่น แต่ถ้าเราปล่อยให้รถวิ่งบนถนนโดยไม่มืกฎชุ-ฐๆภู'3 ต่างคนต่างวิ่งแซงกันอุตลุด ไม่นานรถก็ชุะวิ่งซนกัน ทารนื กฎกติกาควบคุมให้ปฏิบีตินี้เองที่ทำให้ผู้คนทั้งหลายอยู่ร่ๆบดับ ได้ด้วยความผาสุก เรียกว่า มืสืลเสมอกัน เป็นพื้นฐานซอง คนที่แตกต่างกัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความผาสุก www.kalyanamitra.org

27 หัว'!จย่าrJnjiJfj^rnsFj 3 พระสัมมาสัมพุทธเจาใช้คำว่า ฌอไดลาภ'มาก็แบ่งปีน กนไป\" พูดง่าย ๆ ว่า แบ่งปีนลาภด้วยความเสมอภาคและ เท่าเทียมกัน หากไม่มีความยุติธรรมในสังคม เข่น มีการออก กฎหมายเอื้อให้คน'บางซนขั้นได้เปรียน และคนบางซนซัน เสียเปรียบ คนส่วนใหญ่ก็จะรู้สีกว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบ สร้าง ความไม่พอใจจนเกิดกระบวนการต่อด้าน และต่อสูเพื่อ เรียกร้องความเป็นธรรมขึ้น สุดท้ายจะเกิดความปีนป่วนใน สังคม เพราะฉะ■นั้น ทุกสังคมล้วนต้องการความยุติธรรม ความเสมอภาค และมีกติกาในการแบ่งปีนทรัพยากรกันอย่าง เป็นธรรม ห้วใจสำคัญประการที่ 4 - 6 ท้ง 3 ฃ้อมีคล้ายกัน แต่คนละด้าน คือจะต้องมีการรณรงคํไห้ความรู้ และซีนำให้ สร้างวัฒนธรรม ที่ทำ ให้ทุกคนคิดถึงคนอื่นด้วยใจทีเมตตา ด้วยคำพูดที่ฌตตา และด้วยการกระทำที่ประกอบด้วยเมตตา เรียกได้ว่า มี ■■มโนกรรji\" คือความคิดประกอบด้วยเมตตา และมี ■■วจีกรรม^\" คือคำพูดประกอบด้วยเมตตา ที่สำ คัญ ต้องมี \"■ กายกรรม\" คือการกระทำประกอบด้วยเมตตา www.kalyanamitra.org

2^ สิงเหล่านีบังคับได้ยาก ด้องใช้การรณรงคัและสร้าง วัฒนธรรมองค์กรทีเช้มแข็งว่า คนในสังคมนีไม่ว่าจะมาจาก ที่ใดก็ตาม ต้องมีแนวความคิดที่เหมือนกันทุกคนว่า เรา เป็นเพื่อนร่วมชาติ เพื่อนร่วมสังคม เพื่อนร่วมโลก เพื่อน ร่วมทุกข์เกิดแก'เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะชยายใจ ให้โหญ่เท่าไรกแล้วแต่ ล้าเราอยู่ในชาติ อย่างน้อยเราก็เป็น เพื่อนร่วมชาติเดียวกัน ยกตัวอย่าง คนยิวที่ถูกชจัดพสัดพรากกันไปสองพัน กว่าปี บางคนไปเป็นคนยิวในรัสเชีย บางคนไปเป็นคนยิวใน เอธิโอเปีย บางคนกลายเป็นคนผิวดำไปแล้วก็มื บางคนไป เป็นคนยิวในแถบยุโรปก็มื แต่อย่างไรก็ยังถือว่าพวกเขาเป็น คนยิวอยู่ดี ถึงคราวตั้งประเทศอิสราเอล คนยิวทุกคนมืสิทร กสับมาอาคัยอยู่ในประเทศอิสราเอลได้หมด เมื่อเท้าแตะ แผ่นดีนก็ได้สัญชาติทันที พวกเชาไม่ด้องขออนุญาตใคร คน ยิวสามารถอยู่ในอิสราเอลได้หมดทุกคน www.kalyanamitra.org

29 '^1 ให้เราลองนึกภาพตาม บางคนอ้างว่าตนเองเป็นคนยิว แต่มีผิวดำ บางคนมีผิวขาวแบบคนรัสเชีย บางคนมีผิวขาว แบบคนเยอรมัน บางคนมีผิวขาวแบบคนฝรั่งเศส เพราะ บรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่ประเทศนั้น ๆ มาหลาย ร้อยหลายพันปี มีการแต่งงานกันข้ามเชื้อฃาติจนเขื้อชาติ ประสมกันไปหมด แต่ทั้งหมดก็ยังคงเป็นคนยิว เพราะพวกเขา มีบรรพบุรุษเป็นคนยิวนั่นเอง www.kalyanamitra.org

30 พอพวกเขามาอยู่ในประเทศอิสราเอลแล้ว ก็ต้อง สร้างความเสีกว่าเป็นคนยิวด้วยกัน มีมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ความสมัครสมานสามัคคี ก็เกิดขึ้น แม้จะมีความแตกต่างก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไต้ คนหมู่มากทั้งในบริษัท ในองค์กรที่เล็กลงมาและใน ชุมชนจะให้เกิดความสามัคคี ก็ต้องรณรงค์สร้างวัฒนธรรม องค์กรให้เกิดฃึนเช่นเดียวกัน ต้องคิด พูด ทำ ประกอบด้วย เมตตา ความสมัครสมานสามัคคีจีงจะเกิดขึ้นได้ สรุปได้ว่า พระสัมมาส้มพูทธเจ้าทรงษัญญ้ต ■■สารา- ว่- : หส้กการอยู่ร่วมกันไว้ ได้แก่ (1) กายกรรม ประกอบด้วยเมตตา (2) วจีกรรมประกอบด้วยเมตตา (3) มโนกรรมประกอบด้วยเมตตา โดยทั้ง 3 ข้อนี้ ต้องอาศัย การรณรงค์สร้างวัฒนธรรมองค์กร C4) แน่ง■ซนลาภด้วยความ ยุติธรรม (5) มีคีลเสมอกันโดยมีกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน ชัดเจน และ (6) มีทิฐเสมอกัน คีอมีความคิดเห็น มีเป้าหมาย และอุดมการณ์ตรงกัน www.kalyanamitra.org

31 หากปฏิบตได้ครบทั้ง 6 ข้อ แม้พื้นฐานเดิมแต่ละคน จะมีความหลากหลายและแตกต่างกันไป แต่หมู่คณะนั้น จะอยู่ร่วมกันได้ด้วยความผาสุก เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อไป www.kalyanamitra.org

>ไ www.kalyanamitra.org

33 0ijafo...oอ่ช3ภพี0 \"ความรักหำให้คนตาบอด\" หลายคน คิดเซ่นนั้นเพราะคนส่วนใหญ่เวลากำลังรัก จะมองคนรักในด้านเดียวว่าเขาดี และมองข้าม ข้อบกพร่องไปว่า เราก็มีข้อเสีย แล้วเขาก็มี ข้อเสียเซ่นเดียวกับ คนเรากัารักกันแล้วตกลงปลงใจ แต่งงานกันไป เมื่อเวลาผ่านไปนิสัยทั้งของ เขาและของเรา ก็จะปรากฏออกมาซัดทั้ง ในล้านดีและด้านเสีย หำ ให้บางคู่มีขีวิต แต่งงานทึ่ล้มเหลวจนต้องแยกจากกันไปใน ที่สุด นั่นดีอประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญ www.kalyanamitra.org

34 ควานสักหาใหfjucnuQci คำ ไทยว่า \"เสน่ห์\" มีความหมายว่า มีลักษณะที่ ซวนให้รัก คนอื่นจึงรู้สึกรัก รู้สึกชอบ รู้สึกหลงเขา คำ นี้ มาจากภาษาบาลีว่า \"สึเนหะ\" แปลว่า \"ยางเหนืยว\" เซ่น เราบอกว่า \"ผู้หญิงคนนั้นเสน่ห์แรงมาทเลย...\" แสดงว่าความหมายจริง ๆ คือ \"คนนั้นยางเหนียวหนึบเลยนะ ให้เราระวังให้ดี ถ้าเข้าใกล้ปีบจะติดหนบ ถอนตัวไม่ออก เลยทีเดียว\" นี่คือความหมายที่แห้จริง ที่โบราณสอนเตือน ใจให้เราได้สติ www.kalyanamitra.org

35 พูดถึงเรื่องของยางเหนียว คนทางใต้จะรู้จักเรื่องนี้ ดี เวลาเขาจะจับลิงป่ามาแกให้ช่วยเก็บมะพร้าว เขารู้นิสัย ลิงว่า พวกมันอยากรู้อยากเห้นและขอบเลียนแบบคน เขา จะนำยางไมไปเคี่ยวจนเหนียวหนีบ และทาใส่แผ่นไม้วางไว้ ที่พื้น แล้วทำเป็นแกล้งเอามือไปใกล้ลูบ ๆ คลำ ๆ ลิงที่แอบดูอยู่บนต้นไม้ พอเห็นคนเดินออกไปไกล แล้ว มันจะลงมาดูแล้วทำเลียนแบบคน โดยเอามือข้างหนึ่ง ไปแตะแผ่นไม้ที่ทายางเหนียวไว้ เท่านั้นเองติดหนีบ แกะไม่ ออกเพราะยางไม้เหนียวมาก พอมือข้างหนึ่งติด ม้นก็จะเอา มืออีกข้างหนึ่งยันเพื้อจะดึงมือออก กลายเป็นว่าติดหนีบทั้ง สองมือ จากนั้นมันจะพยายามเอาขาข้างหนึ่งยันไม้ออก ขา ก็ติดอีก เอาขาข้างที่ลีมายันก็ไม่ออกอีก สุดท้ายทั้งมือทั้ง ขาติดหมด แล้วจะทำอย่างไรดี มันก็เอาหัวยันเพื่อหวังจะ ดึงมือและขาที่ติดไม้อยู่ออก สุดท้ายหัวก็ติดไปดวย พอคน จับลิงไปไต้ก็เอานั้ายาล้างยางไม้ออก เอาใช่มาล่ามแล้วแก มันให้ช่วยเก็บมะพร้าว www.kalyanamitra.org

36 ลิงที่ว่า'ซน ๆ เจอยางไม้เหนียว ๆ เข้ายังติดหนีบ ไปไหนไม่ได้เลย เหมือนใจคนที่ปกติชอบหนีไปเที่ยว คิด ฟ้งซ่านไปเรื่อยสารพัดเรื่อง แต่เมื่อใดใจตกอยู่ในอารมณ์ หลงเสน่หไครเข้าแล้วล่ะก็ ใจมันก็ติดหนีบไม่ไปเรื่องอื่นเลย หลับตาก็คิดถึงหน้าเขา ลิมตาหน้าเขาก็ลอยมาวนเวียน อยู่อย่างนั้น นั่นคืออารมณ์ของคนตกหลุมรัก ที่ว่าความรัก ทำ ให้คนตาบอดนั้น คงเป็นอาการทำนองนี้ที่กำลังหลงเสน่ห์ อารมณ์เสน่หานี้ดูเบาไมได้ บางคนถึงขนาดหอบผ้าหอบผ่อน ทิ้งบ้านหนีตามหน่มตามสาวไปเลยก็มี จะ^!นยย่านเรจ้ๆฅนโรกนหๆqhjnuuuifJ'i iduriua หนุ่มสาวตอนที่ขอบพอกันอยู่ ต่างคนต่างก็มักจะ แสดงออกแต่ด้านที่ดีเข้าหากัน โดยหลักใหญ่ ๆ ให้เราลู คนที่ความคิด คำ พูด และการกระทำของเขา จริงอยู่ที่ \"ความคิด\" นั้นอยู่ภายใน ก็ให้เราสังเกตจากสิหน้า ท่าทาง อากัปกิริยา และคำพูดที่เขาแสดงออกมา แล้วเราจะดูออก ว่าเขาเป็นคนอย่างไรและรูว่าเขาคิดอย่างไร www.kalyanamitra.org

37 จากนั้นให้เราฟ้งจากคำพูด ถ้าเขาขอบว่าร้ายคนอื่น ตำ หนินินทาคนอื่นเรื่อยเอื่เอยสารพัด เราก็ต้องไตร่ตรองแล้ว ว่าเขาดีจริงหรือไม่ ต่อมาให้เราดูที่การกระทำ เข่น เขาเป็นคนที่เคารพ กฎระเบียบหรือไม่ เขายึดถือปฏิบัติตามระเบียบสังคมหรือ ไม่ เราจะค่อย ๆ ดูออกว่าเขาเป็นคนอย่างไร ให้สังเกตดี ๆ โดยมีหลักว่า อย่าคิดเข้าข้างตนเอง เพราะคนเราพอมีใจ โน้มเอียง มีใจขอบพอเขา อารมณ์เสน่หาก็เรื่มเข้ามา ยังไม่ ถึงกับเหนียวหนีบ แต่ว่าใจมันจะเริ่มติดเอนเอียงเข้าหาเขาแล้ว M 9ห1นปี www.kalyanamitra.org

3^ บางทีฃอบคิดเข้าข้างตนเอง เข่น บางทีเรารู้ประว^ เขาแล้วนะ เขาอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยดีมาก่อน แต่คิด เข้าข้างตนเองว่ามันเป็นอดีต พอเขามาเจอเราเขาต้องดีกับเรา แน่นอน เขาสามารถเปลี่ยนตนเองไต้เพราะเรา ถ้าคิดอย่าง นี้แล้วเรามีโอกาสนํ้าตาเข็ดหัวเข่าสูงมาก เพราะเผลอไปคิด เข้าข้างตนเอง จริง ๆ คนเราจะให้เปลี่ยนปบป็บไมใข่เรื่องง่าย ต้อง ให้เขาไต้พิสูจน์ตนเองจริง ๆ ก่อน ดูเขาให้ดี ๆ ก่อน อย่า ไปคิดว่าเราเป็นคนดีเยี่ยมที่สุดจนเขาต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อเรา www.kalyanamitra.org

3^ เพราะฉะนั้น หากเราเอาแต่คิดว่าทุกคนที่มาเจอเรา เขาจะต้องดีกับเราเป็นพิเศษ เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อเรา เพราะเขาสัญญากับเราแล้ว ในกรณีนี้แสดงว่า แต่ก่อนเขาไม่ดีมาก่อน แล้วจะมาเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดี ขึ้นเพื่อเรา อย่างนี้ให้ขอดูใจกันไปสักหลายปีหน่อย ที่สำ คัญ จงอย่าตายใจในคำหวานของเขา ดังนั้น ดูให้ดี ๆ จากการกระทำของเขา คำ พูดของเขา แล้วมองย้อนไปให้เห็นถึงความคิดของเขาว่า เขาดัอง เป็นคนคิดดี พูดดี และทำดีถึงจะเป็นคนที่ใข่สำหรับเรา rrw-churn^พน นอกจากนิสัยใจคอที่คิกษากันแล้วด้านการเงินก็มีผล มากกับชีวิตคู่ เพราะคนเราต้องกินต้องใข้ แต่ไมใช่ว่า เรา จะต้องเลือกแต่งงานกับคนที่มีฐานะรํ่ารวยเท่านั้น เรื่องการเงินให้ดูที่ \"เหตุแห่งการมีทรัพย้ ยิ่งกว่า ทรัพย์ที่มี\" ถ้าเขาเป็นลูกเศรษฐี แต่คิดยาเสพติดติดการพนัน ก็ให้เราออกห่างไว้เลย เพราะต่อให้ตอนนี้เขารวยร้อยล้าน พันล้าน อนาดตก็หมดตัวไต้ www.kalyanamitra.org

<iC ทรัพย์ที่มีในปัจจุบันเป็นแค่องค์ประกอบ ตัวหลัก ที่แท้จริง คือ \"เหตุแห่งการมืทรัพย์\" ถ้าเขาเป็นคนมีความ! ความสามารถ,ขยันขันแข็ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข และ รับผิดขอบครอบครัว คนอย่างนี๋ไว้ใจไดในเรื่องฐานะการเงิน 'ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้รื่ารวยอะไรเป็นแค'คนธรรมดา แต่ถ้าเขาได้รํ่าเรียนเขียนอ่าน มีความ!ความสามารถ แล้ว เป็นคนที่ขยัน รับผิดขอบ ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวกลางคืน อย่างนี้ไม่นาน เขาจะตั้งตัวได้ และอยู่ร่วมกับเราได้อย่างมีความสุข สรุปแล้วเราจะ!!ด้อย่างไรว่า คนที่คบหาดูใจกันอยู่ เขาเป็นคนดีหรือไม่ กให้เราดูที่ความคิด คำ พูด การ กระทำ และเหตุแห่งการมีทรัพย์ของเขา หัวใจสำคัญคือ เขาต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ไม่ดื่มนํ้าเมา ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดูการละเล่นเป็นนิจ ไม่เล่นการพบัน ไม่คบคนขั่วเป็นมิตร และไม่เกียจคร้านในการทำงาน ถ้ามีคุณสมบัติครบตามนี้ ถือว่าเป็นคนที่ไว้วางใจได้ www.kalyanamitra.org

4t ncieiauaqnauiidi} หลายคนคิดว่า การทดลองอยู่กินกันก่อนแต่งงาน เป็นการคิกษานิสัยใจคอของกันและกัน ความคิดแบบนี้ เสี่ยงมาก มันไม่เหมือนกับเราเอาเสื้อมาลองใส่ แต่การลอง อยู่ด้วยกันมันคือทั้งซีวิตของเรา เปรียบเทียบว่า เหมือนเรา อยากรู้ว่างูตัวนี้มืพิษหรือไม่ จึงใข้วิธีลองให้มันกัด ซึ่งมัน เสี่ยงเกินไป เพราะถ้าเราไปเจองูเห่างูจงอาง เรามีโอกาส ตายคาเขี้ยวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การอยู่ก่อนแต่งนั้นมันอันตรายเกินไป เราควรดูให้ดีก่อนแล้วจึงตัดสินใจ อย่าไปเสี่ยงเอาตนเอง เข้าแลกอย่างนั้นเลยมันอันตราย ยิ่งถ้าเราเป็นผู้หญิง เกิด พลาดพลั้งตั้งห้องขี้นมาเราเองก็เสียหาย ผิดพลาดยํ่าแย่ไป ทั้งชีวิต ให้เรารู้จักรักนวลสงวนตัว แล้วก็คัดเลือกคนดี ๆ ดูให้ดี ๆ ก่อน ถ้าทำได้อย่างนี้เราจะมืคุณค่าในตนเองสูงขี้น www.kalyanamitra.org

42 ปี-Tsrhlmti'jfjUUfTu คู่รักบางคูมความเฃื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส จริง ๆ แล้ว เรื่องราวของบุพเพสันนิวาสบี้มจริง คนที่เป็นคู่ชีวิตกันจำนวน ไม่น้อย ล้าได้ย้อนไปดูอดีตฃาติจะพบว่า ชาติก่อน ๆ เขาเคย เป็นคู่ครองกันมา ชาตินี้จึงมาพบกันอีก และได้เป็นคู่ครองกัน อีกครั้ง บุพเพสันนิวาสมผลแต่ไม่ใช่ทั้ง 100% เพราะความรัก จะเกิดชื้นด้วยเหตุ 2 ประการ คือ ประการแรก ในอดีตเคยเป็นคู่ครองกันมา เรียกว่า \"บุพเพสันนิวาส\" ประการต่อมา คือมีการอุปถัมภ์เกื้อกูล ถันในชาตินี้ เซ่น บางคู่ชาติที่แล้วไม่ได้เป็นคู่ครองถัน แต่ใน ชาตินี้ทั้งสองคนได้เกื้อกูลอุปถัมภ์ มีนํ้าใจซี่งกันและกัน เกิด ความผูกพันจนกลายเป็นความรัก แล้วได้อยู่ครองชีวิตคู่ ร่วมกันอย่างนี้ก็มีเหมือนกัน www.kalyanamitra.org

4ร ปีพnmdMdfivo ? I ปr^nn ปี {บ่'^รnmmimmnum ปีทm<tmM(\\voจิminm www.kalyanamitra.org

44 ขอยกตัวอย่าง เรื่องราวของ \"โฆษกะ'^ ในช่วงเวลา ที่ความรักเกิดของคนที่มีบุพเพสันนิวาสผูกพันกันมา เรื่องมีอยู่ ว่า โฆษกะเป็นลูกเลี้ยงของท่านเศรษฐี พ่อเลี้ยงไม่ขอบใจนัก จึงหาทางกลั่นแกล้งและฆ่าทิ้งเสีย วันหนึ่งท่านเศรษฐีส่ง ลูกเลียงให้เดินทางไปหาลูกน้องของตน พร้อมกับให้พก จดหมายไปฉนับหนึ่ง ส่งถึงลูกน้องหวังจะให้ลูกน้องฆ่าลูก เลี้ยงของตน โฆษกะอ่านหนังสือไม่ออก พ่อเลี้ยงลั่งอะไรก็ทำตาม ระหว่างทางโฆษกะแวะพักที่บ้านเศรษฐีชนบท ซึ่งเป็นเพื่อน พ่อเลี้ยงของตน พอโฆษกะไปถึงเศรษฐีซนบทรู้ว่าเป็นลูกเลี้ยง ของเพื่อนก็ดีใจ ให้เข้าพักและเรียกหญิงรับใข้นางหนึ่งมา ดูแล จัดเตรียมทิ้งที่หลับที่นอนข้าวปลาอาหารให้เสร็จสรรพ หญิงรับใช้นางนี้ตัองไปดูแลโฆษกะจนเรียบร้อย ทิ้ง ที่ยังทำธุระให้ธิดาของเศรษฐีไม่เสร็จ เมื่อกลับไปจึงถูกธิดา เศรษฐีต่อว่าหาว่านางเถลไถล หญิงรับใช้จึงบอกกับธิดาเศรษฐี ว่าท่านเศรษฐีใช้1ห้ตนเองไปดูแลลูกขายของเพื่อนท่านเศรษฐี ที่มาขอพักอยู่ด้วยขื่อว่า โฆษกะ www.kalyanamitra.org

45 พอธิดาเศรษflด้ฟ้งซื่อโฆษกะเท่านั้นเอง ก็เกิดความรัก ขึ้นในใจ ยังไม่ทันได้พบหน้า แคใด้ฟ้งซื่อเท่านั้นความรูสีกรัก ก็วิ่งเฉือนตั้งแต่ผิวหนังจรดเยื่อในกระดูก รุนแรงยิ่งกว่ารัก แรกพบเสียอีก เพราะเป็นรักตั้งแต่ยังไม่ได้พบ เนองจากโฆษกะและธิดาเศรษฐี เมื่อภพในอดีตเคย เป็นสามีภรรยาเกื้อกูลกิ'นมาก่อน มีโจผูกพันกันมาก มาชาตินี้ แคใด้ฟังซื่อกระแสใจก็ต่อติดขึ้น ความรักวิ่งจากผิวหนัง เข้าไปจรดเยื่อในกระดูกเลยทีเดียว ธิดาเศรษฐีจึงให้หญิง รับใช้พานางไปแอบดูโฆษกะซื่งกำลังหลับอยู่ ธิดาเศรษฐีคอย เฝืาพินิจโฆษกะ ยิ่งได้เห็นหน้าก็ยิ่งรักยิ่งชอบใจไปใหญ่ เมื่อธิดาเศรษฐีพิจารณาโฆษกะไปมา ก็เหลือบไปเห็น ชายผ้าชองโฆษกะแล้วสงลัยว่า ทำ ไมชายผ้าจึงตุง ๆ ธิดา เศรษฐีใจกล้าแอบย่องเข้าไปตอนที่โฆษกะหลับสนิท แกะชาย ผ้ามาดูก็เห็นเป็นจดหมาย นางจึงคลี่ออกดูก็ได้พบความจริง www.kalyanamitra.org

46 นางถึงกับตกใจคิดไปว่า \"ตายจริงพ่อคนโง่ พก จดหมายฆ่าตนเองมาด้วย\" ในจดหมายเขียนว่า \"ลูกคนนี้ เป็นลูกชั่วชาติ เมื่อมันเดินทางไปถึงแล้วส่งจดหมายนี้ ให้เจ้า ขอให้เจ้าจัดการสังหารทิ้งห้นที\" ธิดาเศรษฐีจึงจัดแจงแปลงสาร กลับเจ้าห้องของตน แล้วร่างจดหมายขึ้นใหม่มีใจความว่า \"นายบ้านที'รัก นี่คือ ลูกชายสุดที่รักของข้า เมื่อเขาเดินทางไปถึงและส่งจดหมาย นี้ให้เจ้า ขอให้ริบจัดขบวนขันหมากไปส่ฃอธิดาเศรษเ SJ <ฬ ชนบทมาเป็นคู่ครอง แล้วสร้างเริอนหอให้อยู่พร้อมสรรพ โดยเร็วที่สุด\" พอธิดาเศรษฐีแปลงสารเสร็จ นางก็นำจดหมายไป เหน็บชายผ้าโฆษกะเหมือนเดิม นี่คิอความรักที่ตั้งขึ้นในใจ ของธิดาเศรษฐี เมื่อเคยมีความผูกพันกันมา พอเจอกันนี่บ ก็ เกิดความ.พอใจขึ้นทันที www.kalyanamitra.org

47 ขอฝากข้อคิดไว้ด้วยว่า เราจะรักใครขอบใคร ไม่ว่า จะเป็นคู่รักกันก็ตาม หรือแม้แต่งงานเป็นสามีภรรยามีลูก กันแล้วก็ตาม เขาหรือเธอจะดีแสนดหรือชอบอกชอบใจกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรอธิษฐานว่า \"ขอให้ได้เกิดมาเป็น สามีภรรยากันทุกชาติไป\" เพราะมันเสี่ยงเกินไป คนเราครองคู่กัน รักใคร่ชอบพอกัน แต่บุญบาปต่างคน ต่างทำไม่เท่ากัน บางทีในชาตินี้เขาอาจจะไปเผลอทำอะไร ไม่ดีไว้ แต่เราทำดีมาโดยตลอด ชาติต่อไปเราไปเกิดเป็นคน เขาอาจจะไปเกิดเป็นสัตว์ แล้วที่เคยอธิษฐานไว้ว่า \"ขอให้ได้เกิดมาเป็นสามี ภรรยากันทุกชาติไป\" ผังชีวิตมันบีบบงคับ พอได้พบกันบีบ เกิดความรักใคร่ต่อกันนี่แย่เลย เหมือนพระนางมัลลิกาเทวี มเหสีของพระเจ้าปเสนทีโกศล ที่ไปเจอสุนัขในฟ้องนี้าเข้า ถึงกับมืออ่อนเท้าอ่อน ยอมใฟ้สุนัขสมสู่เพราะเคยเป็นสามี เก่าในอดีต แล้วอธิษฐานในทำนองนี้ไว้ เพราะฉะนั้น เราไม่ควรตั้งจิตอธิษฐานในลักษณะนี้ ล้าอธิษฐานว่าขอใฟ้เป็นกัลยาณมิตรเกื้อกูลกันอย่างนี้พอรับ ได้ ไม่ว่าจะเกิดมาอยู่ในสภาวะใดก็ยังเกื้อกูลกันไปได้ แต่จะ อธิษฐานว่า ขอไท้เป็นสามีภรรยากันนั้นเสี่ยงเกินไป www.kalyanamitra.org

ท m\\CJ ย่า}i^U(/iFiFicnj=ilcjiJiiiน บรรพบุรุษของไทยชาญฉลาดท่านผูกคำเอาไว้ดีมาก คือคำว่า \"แต่งงาน\" สังเกตว่ามี 2 คำ รวมกัน คือคำว่า \"แต่ง\" กับ \"งาน\" ช่วงกำลังรักใคร่ขอบพอกันเป็นช่วง \"แต่ง\" ต่างคน ก็เสริมแต่งความสวยหล่อมาอวดเพื่อดีงดูดกันว่า ฉันดี ฉัน สวย ฉันรับผิดขอบ ฉันรักเธอจริง ฉันพร้อมจะดูแลเธอไป ตลอดฃีวิต สารพัดที่จะแต่งเติมเพื่อมัดใจอีกฝ่ายหนึ่ง พอได้แต่งงานกันจริง ๆ ก็จะเข้าสู่ภาวะที่ 2 คือ ภาวะของ \"งาน\" มันหมดเหตุจำเป็นที่ต้องเสริมแต่งโอ้อวด กัน เพราะตอนนี้กลายมาเป็นสามีภรรยากันแล้ว เข้าสู่ภาวะ ของงาน คือภาระในการครองคู่ www.kalyanamitra.org

49 อย่าไปคดว่า ถ้าเราสองคนได้ไซ้ชีวิตอยู่ด้วยกนแสัว เราจะเป็นคู่รักเหมือนในหนังในละคร ที่ได้ไปฮันนีมูน ได้ ท่องเที่ยวและมืคนมาคอยเอาใจ เราจะไม่เหงาแถ้วเพราะมี คนคอยดูแลเราไปตลอดชีวิต หลังแต่งงานคนส่วนใหญ่คาดหวัง แต่ด้านดีแล้วมักจะ \"ผิดหวัง\" เพราะว่า '■หวังผิด\" ต่างฝ่าย ต่างหวังให้อีกฝ่ายดูแลเอาอกเอาใจตนเองไปตลอดชีวิต พอเราเกิดความต้องการเรียกร้องอีกฝ่ายหนึ่ง เรา ก็มักจะไม่สมหวัง เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นให้เราตระหนักถึง ความจริง 2 ประการเป็นอย่างน้อยว่า ประการแรกคนเรา ไม่ได้หนุ่มสาวไปตลอดชีวิต ไม่นานก็ด้องแก่เฒ่า ด้องเจ็บ ต้องตายกันไป ที่ดูสวยงามนั้นเพียงไม่กี่ปี อย่างมากก็ไม่เกิน 20 - 30 ปี พอคนเราอายุได้ 50 - 60 ปีไปแล้ว ความสวย หล่อก็หมดไป พุงพลุ้ยบ้าง สืรษะล้านบ้าง สภาพร่างกาย ไม่เหมือนเก่า ดาราที่ว่าหล่อสวยพออายุมากเข้า 60- 70ปี ก็ยังไม่หลงเหลือความสวยหล่อให้เห็น www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook