Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บททำวัตร สวดมนต์(แปล) อักษรไทยบาลี

บททำวัตร สวดมนต์(แปล) อักษรไทยบาลี

Description: บททำวัตร สวดมนต์(แปล) อักษรไทยบาลี

Search

Read the Text Version

๒๕๕๓] บทสวดอนุโมทนาวิธี 137 บคุ คลมาระลกึ ถงึ อปุ การะอนั ทา นไดท ำแกต นในกาลกอ นวา ผนู ไี้ ดใ หส ง่ิ น้ี แกเ รา ผนู ไ้ี ดท ำกจิ นขี้ องเรา ผนู เ้ี ปน ญาติ เปน มติ ร เปน เพอื่ นของเราดงั นี้ ก็ ควรใหท กั ษณิ าทาน เพอื่ ผทู ลี่ ะโลกนไี้ ปแลว การรอ งไหก ็ดี การเศรา โศกกด็ ี หรอื การรำ่ ไรรำพนั อยา งอนื่ กด็ ี บคุ คล ไมค วรทำทเี ดยี ว เพราะวา การรอ งไหเ ปน ตน นนั้ ไมเ ปน ประโยชนแ กญ าตทิ ง้ั หลาย ผลู ะโลกนไี้ ปแลว ญาตทิ งั้ หลายยอ มตง้ั อยอู ยา งนน้ั ก็ทักษิณานี้แล อันทานใหแลวประดิษฐานไวดีแลวในสงฆ ยอมสำเร็จ ประโยชนเ กอ้ื กลู แกผ ทู ลี่ ะโลกนไ้ี ปแลว นนั้ ตลอดกาลนานตามฐานะ ญาติธรรมน้ีนั้นทานไดแสดงใหปรากฏแลว และบูชาอันย่ิงทานก็ไดทำ แลว แกญ าตทิ งั้ หลาย ผลู ะโลกนไี้ ปแลว กำลงั แหง ภกิ ษทุ งั้ หลายชอ่ื วา ทา นได เพม่ิ ใหแ ลว ดว ย บญุ ไมน อ ยทา นไดข วนขวายแลว ดงั นแ้ี ล. อาฏานาฏยิ านโุ มทนาคาถา บทอนโุ มทนาอาหารบณิ ฑบาตทวั่ ไป (อาฏานาฏยิ ปรติ รยอ ) ไมต อ งขนึ้ ยถา สพฺพโรควินิมุตฺโต สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต สพฺพเวรมติกฺกนฺโต นิพฺพุโต จ ตุวํ ภว. สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ สพฺพโรโค วินสฺสตุ มา เต ภวตฺวนฺตราโย สุขี ทีฆายุโก ภว. อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ. ขอทานจงปลอดจากโรคท้ังปวง ปราศจากความเดือดรอนทุกอยาง ไมม ใี ครๆ ปองรา ย เปน ผสู งบ ความจญั ไรทง้ั ปวงจงบำราศปราศไป โรคทงั้ ปวง (ของทา น) จงหายไป อนั ตรายจงอยา มแี กท า น ขออทา นจงมคี วามสขุ มอี ายยุ นื เถดิ ธรรม (สงิ่ ทคี่ นเราปรารถนา) ๔ ประการ คอื การมอี ายยุ นื การมชี อื่ เสยี ง และวรรณะผวิ พรรณงาม การมคี วามสขุ การมสี ขุ ภาพแขง็ แรง ยอ มเจรญิ เกดิ มแี กบ คุ คลผรู จู กั กราบไหว ผปู ระพฤตอิ อ นนอ มตอ ผใู หญเ ปน นติ ย.

138 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร บทสวดธรรมจกั ร ประวัติตำนาน ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร เปน พระสตู รทมี่ คี วามสำคญั ในฐานะเปน พระธรรมเทศนากณั ฑ แรกของพระพทุ ธเจา ซงึ่ บนั ทกึ ไวใ นพระไตรปฎ กเลม ที่ ๔ เลม ท่ี ๑๙ และเลม ที่ ๓๑ โดยคำวา ธรรมจกั ร มคี วามหมายวา “กงลอ คอื พระธรรม” ในพระสตู รนพี้ ระพทุ ธองคท รงประกาศ หลกั การของพระพทุ ธศาสนาวา เปน ศาสนาประเภทอเทวนยิ มทไ่ี มเ ชอ่ื การเนรมติ รของพระเจา ดว ยการตรสั เหตแุ หง ทกุ ขว า คอื ตณั หา ทง้ั ปฏเิ สธอาตมนั หรอื วญิ ญาณดว ยการตรสั ทกุ ขสจั วา คอื อปุ ทานขนั ธ ๕ ทรงแสดงแนวทางแหง ความพน ทกุ ข คอื อรยิ มรรคมอี งค ๘ และตรสั ผลของการปฏบิ ตั วิ า คือความดบั ตณั หา มปี ระวตั ติ ำนานความเปน มาดงั น้ี ในวนั เพญ็ เดอื น ๘ ณ ปา อลิ ปิ ตนมฤคทายวนั พระพทุ ธเจา ทรงแสดงพระสตู รนแี้ ก นกั บวชปญ จวคยี  ทา นอญั ญาโกณฑญั ญะสดบั พระธรรมเทศนานแี้ ลว บรรลธุ รรมเปน โสดาบนั พรหม ๑๘ โกฎกิ บั เทวดาจำนวนมากกบ็ รรลธุ รรมดว ยพระสตู รน้ี พระพทุ ธองคท รงคดั คา นการปฏบิ ตั ทิ ท่ี รมานตนใหล ำบาก (อตั ตกลิ มถานโุ ยค) และการ เสพกามสขุ (กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค) ทรงชแ้ี นะทางสายกลางคอื อรยิ มรรคมอี งค ๘ และทรง จำแนกอรยิ สจั ๔ ไวโ ดยละเอยี ดในพระสตู รน้ี อัตตกิลมถานุโยค เปนคำสอนของนิครนถนาฏบุตรผูกอต้ังศาสนาเชนในปจจุบัน โดยเชื่อวา การบำเพ็ญตบะทรมานตนเปนวิธีปลดเปล้ืองวิญญาณจากกรรมเกา ซ่ึงจะถูก ปลดเปลอื้ งดว ยการบำเพญ็ ตบะแลว กห็ มดสน้ิ ไป ไมไ ดส ง ผลใหเ วยี นวา ยตายเกดิ อกี ตอ ไป สว นกามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค เปน ความเหน็ ของคนทเ่ี ชอ่ื วา นพิ พานคอื กามสขุ ในปจ จบุ นั เมอ่ื สตั วต ายแลว ดบั สญู ความเหน็ ของคนทเี่ ชอื่ นพิ พานคอื กามสขุ ในปจ จบุ นั เมอ่ื สตั วต ายแลว กด็ บั สญู ความเหน็ นนี้ บั เนอ่ื งในมจิ ฉาทฏิ ฐิ ๖๒ ประเภท เรยี กวา ทฏิ ฐธมั มนพิ าน (นพิ พาน ในปจ จบุ นั ชาต)ิ กลา วอกี นยั หนงึ่ คอื ลทั ธจิ ารวากนน่ั เอง ผทู มี่ คี วามเหน็ เชน นมี้ กั ตอ งการเสพ กามสขุ ทางประสาทสมั ผสั อยา งเดยี ว ไมส นในการอบรมจติ เจรญิ ปญ ญาเพอ่ื ความพน ทกุ ขจ าก การวียนตายเวียนเกิด เจา ชายสทิ ธตั ถะไดท รงบำเพญ็ ทกุ รกริ ยิ าเพราะประสงคจ ะทดลองแนวทางนวี้ า เปน ทาง ตรสั รหู รอื ไม มใิ ชท รงปฏบิ ตั เิ พอื่ ปลดเปลอื้ งกรรมเกา ตามคำสอนของนคิ รนถน าฏบตุ ร และ

๒๕๕๓] บทสวดธรรมจักร 139 เมอ่ื พระองคท รงพบวา มใิ ชท างตรสั รู จงึ ระลกึ ถงึ การเจรญิ อานาปานกรรมฐาน ใตต น หวา ในพธิ ี แรกนาขวญั ครน้ั ทรงเจรญิ กรรมฐานนนั้ จนบรรลฌุ าน ๔ แลว ทรงอาศยั ฌานเปน บาทเจรญิ วปิ ส สนา จงึ ตรสั รอู นตุ รสมั มาสมั โพธญิ าณดว ยมชั ฌมิ าปฏปิ ทาคอื อรยิ มรรคมอี งค ๘ นี้ บทสวดธรรมจกั รนี้ พระสงฆน ยิ มสวดในงานมงคลทำบญุ คลา ยวนั เกดิ บทขัด อนุตฺตรํ อภิสมฺโพธึ สมฺพุชฺฌิตฺวา ตถาคโต ปฐมํ ยํ อเทเสสิ ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ. สมฺมเทว ปวตฺเตนฺโต โลเก อปฺปฏิวตฺติยํ ยตฺถากฺขาตา อุโภ อนฺตา ปฏิปตฺติ จ มชฺฌิมา. จตุสฺวาริยสจฺเจสุ วิสุทฺธํ ญาณทสฺสนํ เทสิตํ ธมฺมราเชน สมฺมาสมฺโพธิกิตฺตนํ. นาเมน วิสฺสุตํ สุตฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ เวยฺยากรณปาเฐน สงฺคีตํ ตํ ภณาม เส. พระตถาคตตรสั รพู ระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณแลว เมอ่ื จะทรงประกาศ ธรรมท่ียังไมมีใครแสดงโดยชอบในโลก ไดทรงแสดงธรรมจักร ซึ่งกลาวถึง สว นทส่ี ดุ สองประเภทและทางสายกลาง เปน ปญ ญารแู จง หมดจดอรยิ สจั สี่ ขอเรา ทั้งหลายจงสวดธรรมจักรน้ันท่ีพระธรรมราชาทรงแสดงปรากฏสมญานามวา ธมั มจกั จกั กปั ปวตั ตนสตู ร เปน สตู รประกาศพระสมั มาสมั โพธญิ าณ และพระ สงั คตี กิ าจารยไ ดร อ ยกรองไวโ ดยความเปน พระบาลปี ระเภทรอ ยแกว เทอญ. บทสวดเต็มสูตร เอวมฺเม สุตํ. เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. ตตฺร โข ภควา ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู อามนฺเตสิ. เทฺวเม ภิกฺขเว อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา. โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโค หีโน คมฺโม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสฺหิโต, โย จายํ อตฺตกิลมถานุโยโค ทุกฺโข อนตฺถสฺหิโต.

140 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. เอเต เต ภิกฺขเว อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี อุปสมาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมา จ สา ภิกฺขเว มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี อุปสมาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. อยเมว อริโย อฏฐงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถีทํ. สมฺมาทิฏฐิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ. อยํ โข สา ภิกฺขเว มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. อิทํ โข ปน ภิกฺขเว ทุกฺขํ อริยสจฺจํ. ชาติป ทุกฺขา. ชราป ทุกฺขา. มรณมฺป ทุกฺขํ. โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาป ทุกฺขา. อปฺปเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข. ปเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข. ยมฺปจฉํ น ลภติ, ตมฺป ทุกฺขํ. สงฺขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. อิทํ โข ปน ภิกฺขเว ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ. ยายํ ตณฺหา โปโนพฺภวิกา นนฺทิราคสหคตา ตตฺรตตฺตราภินนฺทินี. เสยฺยถีทํ. กามตณฺหา, ภวตณฺหา วิภวตณฺหา อิทํ โข ปน ภิกฺขเว ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ. โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย. อิทํ โข ปน ภิกฺขเว ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ. อยเมว อริโย อฏฐงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถีทํ. สมฺมาทิฏฐิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ. อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขํุ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺเญยฺยนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺญาตนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ.

๒๕๕๓] บทสวดธรรมจักร 141 อิทํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ ปหาตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขํุ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ ปหีนนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. อิทํ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุ ํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ สจฺฉิกาตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขํุ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ สจฺฉิกตนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขํุ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. อิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ ภาเวตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขํุ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ. ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ ภาวิตนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิ.

142 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. ยาวกีวฺจ เม ภิกฺขเว อิเมสุ จตูสุ อริยสจฺเจสุ, เอวนฺติปริวฏฏํ ทฺวาทสา- การํ ยถาภูตํ ญาณทสฺสนํ น สุวิสุทฺธํ อโหสิ. เนว ตาวาหํ ภิกฺขเว สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ ปจฺจฺญาสึ. ยโต จ โข เม ภิกฺขเว อิเมสุ จตูสุ อริยสจฺเจสุ, เอวนฺติปริวฏฏํ ทฺวาทสา- การํ ยถาภูตํ ญาณทสฺสนํ สุวิสุทฺธํ อโหสิ. อถาหํ ภิกฺขเว สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ ปจฺจฺญาสึ. ญาณฺจ ปน เม ภิกฺขเว ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ. อิทมโวจ ภควา อตฺตมนา ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ. อิมสฺมึ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภฺญมาเน อายสฺมโต โกณฺฑฺญสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ “ยงฺกิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ. ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจกฺเก ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํุ “เอตมฺภควตา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมินฺติ. ภุมฺมานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา จาตุมฺมหาราชิกา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํ ุ. จาตุมฺมหาราชิกานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา ตาวตึสา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุ.ํ ตาวตึสานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา ยามา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํุ. ยามานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา ตุสิตา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํุ. ตุสิตานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา นิมฺมานรตี เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํุ. นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํ ุ. ปรนิมฺมมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา พฺรหฺมกายิกา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสํุ. “เอตมฺภควตา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมินฺติ.

๒๕๕๓] บทสวดธรรมจักร 143 อิติห เตน ขเณน สมเยน เตน มุหุตฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุจฺคจฺฉิ. อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺป สมฺปกมฺป สมิปเวธิ. อปฺปมาโณ จ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ. อถ โข ภควา อุทานํ อุทาเนสิ “อฺญาสิ วต โภ โกณฺฑฺโญ, อฺญาสิ วต โภ โกณฺฑฺโญติ. อิติหิทํ อายสฺมโต โกณฺฑฺญสฺส “อฺญาโกณฺฑฺโญเตฺวว นามํ อโหสิ. คำแปล* : ขาพเจาไดสดับมาแลวดังนี้ สมัยหน่ึง พระผูมีพระภาคประทับอยู ณ ปาอิสิปตน- มฤคทายวนั ใกลเ มอื งพาราณสี สว นทส่ี ดุ ๒ ประเภท ในกาลนน้ั พระผมู พี ระภาคตรสั กบั พระปญ จวคั คยี ว า “ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย บรรพชติ ไมควรประพฤติสวนที่ ๒ อยางน้ี คือ การเสวยกามสุขในกามคุณอารมณทีทราม เปน ขอ ประพฤตขิ องชาวบา น เปน ขอ ปฏบิ ตั ขิ องคนมกี เิ ลสหนา ไมป ระเสรฐิ หาประโยชนม ไิ ด และการเบยี ดเบยี นตนใหล ำบาก เปน ทกุ ข ไมป ระเสรฐิ หาประโยชนม ไิ ด ทางสายกลาง ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตไดตรัสรูทางสายกลางท่ีไมเขาถึงสวนท่ีสุด ๒ อยางน้ัน กอ ใหเ กดิ ดวงตาเหน็ ธรรม กอ ใหเ กดิ ปญ ญา ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความสงบกเิ ลส เพอื่ ความรยู งิ่ เพอ่ื ความรแู จง และเพอ่ื ดบั ทกุ ข ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ทางสายกลางทตี่ ถาคตไดต รสั รู กอ ใหเ กดิ ดวงตาเหน็ ธรรม กอ ให เกดิ ปญ ญา ยอ มเปน ไปเพอื่ ความสงบกเิ ลส เพอ่ื ความรยู งิ่ เพอ่ื ความรแู จง และเพอื่ ดบั ทกุ ขน นั้ เปน ไฉน ทางสายกลาง คอื อรยิ มรรคมอี งค ๘ นน้ี น่ั เอง ไดแ ก ความเหน็ ชอบ ความดำรชิ อบ การกลาวชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ และความตงั้ มน่ั ชอบ * สำนวนแปล ของ พระคนั ธสาราภวิ งศ จากหนงั สอื พระปรติ รธรรม (อา งแลว )

144 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อริยมรรคมีองคแปดนี้ เปนทางสายกลางที่ตถาคตไดตรัสรู กอ ใหเ กดิ ดวงตาเหน็ ธรรม กอ ใหเ กดิ ปญ ญา ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความสงบกเิ ลส เพอื่ ความรยู งิ่ เพอื่ ความรแู จง และเพอ่ื ดบั ทกุ ข ทกุ ข ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อรยิ สจั คอื ทกุ ข ไดแ ก ความเกดิ เปน ทกุ ข ความแกเ ปน ทกุ ข ความตายเปน ทกุ ข ความเศรา โศก ความรำ่ ไร ความทกุ ขก าย ความทกุ ขใ จ และ ความ คบั แคน ใจ เปน ทกุ ข การพบกบั อารมณท ไี่ มช อบเปน ทกุ ข การพลดั พรากจากอารมณท ชี่ อบ เปน ทกุ ข และการไมไ ดร บั อารมณท ปี่ รารถนาเปน ทกุ ข (การปรารถนาสง่ิ ใด ไมไ ดส ง่ิ นนั้ กเ็ ปน ทกุ ข) กลา วโดยสรปุ รวบยอด อปุ าทานขนั ธ ๕ เปน ทกุ ข ทกุ ขสมทุ ยั ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อรยิ สจั คอื ทกุ ขสมทุ ยั ไดแ ก ความผกู พนั ทก่ี อ ใหเ กดิ ภพใหม ประกอบดว ยความยนิ ดพี อใจ เพลดิ เพลนิ ภพ และอารมณน น้ั ๆ กลา วคอื กามตณั หา ความ ผกู พนั ในกามคณุ ารมณ ภวตณั หา ความผกู พนั ทม่ี คี วามเหน็ ผดิ วา ภพเทยี่ ง และวภิ วตณั หา ความผกู พนั ทม่ี คี วามเหน็ ผดิ วา ภพขาดสญู ทกุ ขนโิ รธ ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขนิโรธ ไดแก ความดับสนิทตัณหานั้นท้ังหมด ความสละตณั หานนั้ ความปลอ ยตณั หานน้ั ความวางตณั หานน้ั และความไมพ วั พนั ตณั หานนั้ มรรค ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อรยิ สจั คอื มรรคอนั เปน ทางดบั ทกุ ข ไดแ ก อรยิ มรรคมอี งค ๘ นนี้ นั่ เอง กลา วคอื ความเหน็ ชอบ ความดำรชิ อบ การกลา วชอบ การกระทำชอบ การ เลยี้ งชพี ชอบ ความเพยี รชอบ ความระลกึ ชอบ และความตง้ั มนั่ ชอบ นคี้ อื ทกุ ข ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไี่ มเ คยสดบั มากอ นวา อปุ าทานขนั ธ หา นค้ี อื อรยิ สจั ทเี่ ปน ทกุ ข ควรกำหนดรทู กุ ข ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา อรยิ สจั คอื ทกุ ขน นั้ เปน ธรรมทค่ี วรกำหนดรู

๒๕๕๓] บทสวดธรรมจักร 145 ทรงกำหนดรทู กุ ขแ ลว ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา เราไดก ำหนด รอู รยิ สจั คอื ทกุ นนั้ แลว นคี้ อื ทกุ ขสมทุ ยั ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา ตณั หานคี้ อื อรยิ สจั ทเี่ ปน ทกุ ขสมทุ ยั (เหตแุ หง ทกุ ข) ควรละทกุ ขสมทุ ยั ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา อรยิ สจั คอื ทกุ ขสมทุ ยั นน้ั เปน ธรรมทค่ี วรละ ทรงละทกุ ขสมทุ ยั แลว ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไี่ มเ คยสดบั มากอ นวา เราไดล ะ อรยิ สจั คอื ทกุ ขสมทุ ยั นนั้ แลว นค้ี อื ทกุ ขนโิ รธ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา นพิ พานน้ี คืออริยสัจท่ีเปนความดบั ทุกข ความรแู จง ทกุ ขนโิ รธ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา อรยิ สจั คอื ทกุ ขนโิ รธนน้ั เปน ธรรมทคี่ วรรแู จง ทรงรแู จง ทกุ ขนโิ รธแลว ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา เราไดร แู จง อรยิ สจั คอื ทกุ ขนโิ รธนน้ั แลว

146 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. นค้ี อื มรรค ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา (อรยิ มรรค) นคี้ อื อรยิ สจั ทเ่ี ปน ทางดบั ทกุ ข ควรอบรมมรรค ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไี่ มเ คยสดบั มากอ นวา อรยิ สจั คอื มรรคนน้ั เปน ธรรมทคี่ วรอบรม ทรงอบรมมรรคแลว ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดวงตาเหน็ ธรรมไดเ กดิ แลว ญาณไดเ กดิ แลว ปญ ญาไดเ กดิ แลว วชิ ชาไดเ กดิ แลว แสงสวา งไดเ กดิ แลว แกต ถาคตในธรรมทไ่ี มเ คยสดบั มากอ นวา เราไดอ บรม อรยิ สจั คอื มรรคนนั้ แลว ไมท รงปฏญิ าณวา เปน พทุ ธะกอ น ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตราบทป่ี ญ ญารเู หน็ ตามความเปน จรงิ ทม่ี รี อบ ๓ มอี าการ ๑๒ อยา งนใ้ี นอรยิ สจั ส่ี ยงั ไมห มดจดแกต ถาคต ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ตถาคตยงั ไมป ฏญิ าณวา เปน ผตู รสั รอู นตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณอนั ยอดเยย่ี มในโลก ทมี่ เี ทวดา มาร และพรหม ในเหลา สตั ว มสี มณะ พราหมณ พรอ มดว ยเทวดาและมนษุ ย ไดท รงปฏญิ าณวา เปน พทุ ธะ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตราบทป่ี ญ ญารเู หน็ ตามความเปน จรงิ ทม่ี รี อบ ๓ มอี าการ ๑๒ อยา งนใี้ นอรยิ สจั สี่ ไดห มดจดแกต ถาคต ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตถาคตจงึ ปฏญิ าณวา เปน ผตู รสั รอู นตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณอนั ยอดเยย่ี มในโลก ทม่ี เี ทวดา มาร และพรหม ในเหลา สตั ว มสี มณะ พราหมณ พรอ มดว ยเทวดาและมนษุ ย ปจ จเวกขณญาณ ปญ ญารเู หน็ ไดเ กดิ แกต ถาคตวา ความหลดุ พน ของเราไมพ นิ าศแลว ชาตนิ เี้ ปน ชาติ สดุ ทา ย ไมม ภี พใหมอ กี ในกาลน้ี พระปญ จวคั คยี ป ลาบปลมื้ พทุ ธภาษติ พระผูมีพระภาคเจาตรัสธรรมจักรน้ีแลว พระปญจวัคคียปลาบปลื้มพระภาษิตของ พระองค ดงั นแ้ี ล.

๒๕๕๓] บทสวดธรรมจักร 147 ทา นโกณฑญั ญะเปน พระโสดาบนั เมื่อพระผูมีพระภาคตรัสพระธรรมเทศนานี้อยู ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจาธุลี ปราศจากมลทนิ ไดบ งั เกดิ แกท า นโกณฑญั ญะวา “สงิ่ ใดสง่ิ หนง่ึ มสี ภาพเกดิ ขนึ้ เปน ธรรมดา สง่ิ ทง้ั ปวงนน้ั มสี ภาพดบั ไปเปน ธรรมดา” ทวยเทพปา วประกาศ เม่ือพระผูมีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรแลว ภุมมเทวดาไดปาวประกาศวา พระผมู พี ระภาคไดท รงแสดงธรรมจกั รอนั ยอดเยยี่ ม ณ ปา อสิ ปิ ตนมฤทายวนั ใกลเ มอื งพาราณสี เปน ธรรมทสี่ มณะ พราหมณ เทวดา มาร พรหม หรอื ใครๆ ในโลกจะคดั คา นไมไ ด เทวดาชน้ั จาตมุ หาราชไดย นิ เสยี งของภมุ มเทวดาแลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทวดาชนั้ ดาวดงึ สไ ดย นิ เสยี งของเทวดาชนั้ จาตมุ หาราชแลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทวดาชนั้ ยามาไดย นิ เสยี งของเทวดาชน้ั ดาวดงึ สแ ลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทวดาชน้ั ดสุ ติ ไดย นิ เสยี งของเทวดาชนั้ ยามาแลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทวดาชนั้ นมิ มานรดไี ดย นิ เสยี งของเทวดาชนั้ ดสุ ติ แลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทวดาชน้ั ปรนมิ มติ วสวตั ดไี ดย นิ เสยี งของเทวดาชน้ั นมิ มานรดแี ลว ไดป า วประกาศวา ฯลฯ เทพท่ีนับเนื่องในหมูพรหมไดยินเสียงของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดีแลว ไดปาว ประกาศวา พระผูมีพระภาคไดทรงแสดงธรรมจักรอันยอดเย่ียม ณ ปาอิสิปตนมฤทายวัน ใกลเมืองพาราณสี เปนธรรมท่ีสมณะ พราหมณ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกจะคดั คา นไมไ ด เสยี งปา วประกาศในโลกนไ้ี ดแ พรส ะพดั ถงึ พรหมโลก โดยชวั่ ขณะนนั้ ดว ยประการฉะน้ี หมน่ื โลกธาตนุ ไี้ ดส นั่ สะเทอื นหวน่ั ไหว และเกดิ โอภาสอนั ใหญห ลวง หาประมาณมไิ ดใ นโลก ยิ่งกวาเทวานุภาพของเทวดาท้ังหลาย ในกาลนน้ั พระผพู ระภาคเจา ทรงเปลง อทุ านวา ทา นทงั้ หลาย โกณฑญั ญะรแู ลว หนอ ทานทั้งหลาย โกณฑัญญะรูแลวหนอ ฉะน้ัน ทานโกณฑัญญะจึงปรากฏนามนี้วา “พระอญั ญาโกณฑญั ญะ ผโู กณฑญั ญะผรู แู ลว ”

148 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. พระคาถาชนิ บญั ชร ของ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย (โต พรฺ หมฺ รสํ )ี วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร กอ นสวดพระคาถาชนิ บญั ชรน้ี พงึ ตง้ั นโม ... สามจบ กอ น ๑. ชยาสนากตา๑ พุทฺธา เชตฺวา มารํ สวาหนํ๒ จตุสจฺจาสภํ รสํ๓ เย ปวึสุ นราสภา. ๒ . ตณฺหงฺกราทโย พุทฺธา อฏฐวีสติ นายกา สพฺเพ ปติฏฐิตา มยฺหํ มตฺถเก เต มุนิสฺสรา.๔ พุทฺโธ ธมฺโม ทฺวิโลจเน๕ ๓. สีเส ปติฏฐิโต มยฺหํ อุเร สพฺพคุณากโร. สงฺโฆ ปติฏฐิโต มยฺหํ สารีปุตฺโต จ ทกฺขิเณ ๔. หทเย เม อนุรุทฺโธ๖ โมคฺคลฺลาโน จ๗ วามเก. โกณฺฑฺโญ ปฏฐิภาคสฺมึ อาสุํ อานนฺทราหุโล๘ อุภาสุํ๙ วามโสตเก. ๕. ทกฺขิเณ สวเน มยฺหํ กสฺสโป จ มหานาโม สุริโยว ปภงฺกโร โสภิโต มุนิปุงฺคโว. ๖. เกสโต๑๐ ปฏฐิภาคสฺมึ นิสินฺโน สิริสมฺปนฺโน ๗. กุมารกสฺสโป เถโร มเหสี จิตฺตวาทโก โส มยฺหํ วทเน นิจฺจํ ปติฏฐาสิ คุณากโร ๑ บางฉบับเปน ชยาสนาคตา, ชยาสนคตา, ชยาสนาคตา, ชิยาสนากตา ๔ บางฉบับเปน มนุสฺสรา ๒ มม โลจเน ๓ ฉบบั ทปี่ รบั ปรงุ โดย พระคนั ธสาราภวิ งศ (พระปรติ ตธรรม หนา ๑๑๗) เปน สวาหินึ ๕ ฉบบั ทีป่ รบั ปรงุ โดย พระคันธสาราภิวงศ เปน จตุสจฺจามตรสํ ๖ ฉบับที่ปรับปรุงโดย พระคันธสาราภิวงศ เปน สิเร ปติฏฐิโต พุทฺโธ ธมฺโม จ ๗ ฉบับท่ีปรับปรุงโดย พระคันธสาราภิวงศ เปน หทเย อนุรุทฺโธ จ ๘ ฉบบั ที่ปรับปรุงโดย พระคนั ธสาราภวิ งศ เปน โมคฺคลฺลาโนสิ ๙ บางฉบับ และฉบับท่ีปรังปรุงโดย พระคันธสาราภิวงศ เปน อานนฺทราหุลา ๑๐ ฉบบั ทป่ี รับปรงุ โดย พระคันธสาราภวิ งศ เปน อุโภสํ ุ ฉบับที่ปรับปรุงโดย พระคันธสาราภิวงศ เปน เกสนฺเต

๒๕๕๓] พระคาถาชินบัญชร 149 ๘. ปุณฺโณ องฺคุลิมาโล จ อุปาลี นนฺทสีวลี เถรา ปฺจ อิเม ชาตา นลาเฏ ติลกา มม. ๙. เ๑สเอสเาตสสีตีติ ิ มหาเถรา วิชิตา ชินสาวกา มหาเถรา ชิตวนฺโต ชิโนรสา๑ ชลนฺตา๒ สีลเตเชน องฺคมงฺเคสุ สณฺฐิตา. ๑๐. รตนํ ปุรโต อาสิ ทกฺขิเณ เมตฺตสุตฺตกํ ธชคฺคํ ปจฺฉโต อาสิ วาเม องฺคุลิมาลกํ. ๑๑. ขนฺธโมรปริตฺตฺจ เอสาสฏาานปาฏากิยาสรุตสฺตณกฺฐํ ิตา.๓ อากาเส ฉทนํ อาสิ ๑๒. ชินาณา วรสํยุตฺตา สตฺตปฺปาการลงฺกตา วาตปตฺตาทิสฺชาตา พาหิรชฺฌตฺตุปทฺทวา.๔ ๑๓. อเสสา วินยํ ยนฺตุ อนนฺตชินเตชสา วสโต เม สกิจฺเจน สทา สมฺพุทฺธปฺชเร.๔ วิหรนฺตํ มหีตเล ๑๔. ชินปฺชรมชฺฌมฺหิ๕ สทา ปาเลนฺตุ มํ สพฺเพ เต มหาปุริสาสภา. ๑๕. อิจฺเจวมนฺโต สุคุตฺโต๖ สุรกฺโข ชินานุภาเวน ชิตุปทฺทโว๗ ชชิิตตนารฺติสรงาฺโโฆย๘๙ ธมฺมานุภาเวน สงฺฆานุภาเวน สทฺธมฺมานุภาวปาลิโต จรามิ ชินปฺชเรติ. ๔๒๑-๑คบาาฉถงฉบาทบับ่ีับท๑เีป่ ๒ปรนับแปลรชะงุ ทวโนี่ด๑ฺตย๓าพใรนะฉคบันบัธสทาีป่ รราบั ภปวิ รงุงศโ ดไยมปพรราะกคฏนั บธาสทาคราาถภาิวนง้ีศ ๓ บางฉบับเปน ปาการลงฺกตํ ปรากฏขอความสลบั และตา งกนั ดังน้ี ๑๒. ชินานํ พลสํยุตฺเต ธมฺมปาการลงฺกเต วสโต เม สกิจฺเจน สทา สมฺพุทฺธปฺชเร. ๑ ๓ . วาตปตฺตาทิสฺชาตา พาหิรชฺฌตฺตุปทฺทวา ๕ อเสสา วินยํ ยนฺตุ อ น นฺ ต ชิ น เ ต ช ส า . ๖ ๗ ฉบับท่ีปรับปรุงโดย พระคันธสาราภิวงศ เปน ชินปฺชรมชฺฌฏฐํ ๙ บางฉบับเปน ชิตนฺตรีโย ฉบบางับฉทบ่ีปับรเับปปนรุงโชดิตยูปทพฺทรโะวคันธสาราภิวง๘ศ เปน อิจฺเจวมจฺจนฺตกโต บางฉบับเปน ชิตาริสงฺโย

150 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. คำแปล*: ๑. พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายเหลา ใดผทู รงองอาจในหมนู รชน ประทบั เหนอื พทุ ธาสนะแหง ชยั ชนะ ทรงชนะมารพรอ มทง้ั บรวิ ารแลว ไดต รสั รดู มื่ อมตรสคอื อรยิ สจั ๔ ๒. ขอพระพทุ ธเจา ทง้ั หลายเหลา นนั้ มพี ระพทุ ธเจา พระนามวา ตณั หงั กรเปน ตน ผทู รง เปน นายกชน้ี ำโลก ผทู รงเปน จอมมนุ ี มจี ำนวนรวมกนั ทงั้ หมด ๒๘ พระองค โปรดเสดจ็ มา ประทับเหนือเศียรกระหมอมของขาพระพุทธเจา ๓. ขอพระพทุ ธเจา โปรดจงเสดจ็ มาสถติ เบอื้ งบนศรษี ะ ขอพระธรรมโปรดมาเสถยี รที่ ดวงตาทง้ั สอง ขอพระสงฆผ เู ปน บอ เกดิ แหง คณุ ความดที ง้ั ปวงจงมาอยทู อี่ รุ ะของขา พเจา ๔. ขออาราธนาพระอนรุ ทุ ธมาสถติ ทห่ี ทยั พระสารบี ตุ รมาสถติ ทแี่ ขนขวา พระอญั ญา โกณฑญั ญะมาสถติ ทห่ี ลงั พระโมคคลั ลานมาสถติ ทแี่ ขนซา ย ๕. ขออาราธนาพระอานนทแ ละพระราหลุ มาสถติ ทหี่ ขู า งขวา พระมหากสั สปะและพระ มหานามะมาสถติ ทห่ี ขู า งซา ย ๖. ขออาราธนาพระโสภติ ะ ผรู งุ เรอื งดงั่ ดวงพระอาทติ ย งามดว ยสริ ิ เปน มนุ ผี ปู ระเสรฐิ จงมาสถติ ทท่ี า ยทอย ๗. ขออาราธนาพระกมุ ารกสั สปเถระ ผแู สวงหาคณุ อนั ยง่ิ ใหญ ผมู วี าจาอนั ไพเราะ ผู เปน บอ เกดิ แหง คณุ ความดี จงมาสถติ ทป่ี ากของขา พเจา เปน นติ ย ๘. ขออาราธนาพระเถระทง้ั ๕ รปู นี้ คอื พระปณุ ณะ พระองคลุ มิ าล พระอบุ าลี พระนนั ทะ และพระสวี ลี จงมาบงั เกดิ เปน ดลิ กรว้ิ รอยทตี่ รงหนา ผากของขา พเจา ๙. ขออาราธนาเหลา ทา นผเู ปน พทุ ธชโิ นรส เปน พระพทุ ธสาวกชนั้ พระเถระผใู หญ ๘๐ รปู ทเ่ี หลอื ผชู นะกเิ ลสไดแ ลว รงุ เรอื งอยดู ว ยเดชแหง ศลี จงมาสถติ อยทู วั่ อวยั วะนอ ยใหญ ๑๐. ขออญั เชญิ รตั นปรติ รมาพทิ กั ษเ บอื้ งหนา เมตตปรติ รมาคมุ ครองปอ งกนั เบอ้ื งขวา ธชคั คปรติ รมาปกปก เบอื้ งหลงั องคลุ มิ าลปรติ รมารกั ษาเบอื้ งซา ย ๑๑. ขออญั เชญิ ขนั ธปรติ ร โมรปรติ ร และอาฏานาฏยิ ปรติ รจงสำเรจ็ เปน หลงั คากางกน้ั อากาศ พระปรติ รและพระสตู รทเ่ี หลอื จากนจี้ งสำเรจ็ เปน กำแพงลอ มรอบ * คำแปลในที่นี้ ไดแกไขปรับปรุงสำนวนเดิม ตามที่เห็นสมควร

๒๕๕๓] พระคาถาชินบัญชร 151 ๑๒. ขออานภุ าพแหง พระชนิ พทุ ธเจา ทง้ั หลาย ทปี่ ระกอบพรอ มดว ยพระคณุ ความดี (จง มา)ประดบั ลอ มรอบเปน กำแพง ๗ ชนั้ ขอความเจบ็ ไขไ ดป ว ยทเ่ี กดิ แตล มและดกี ำเรบิ เปน ตน ขออปุ ท วนั ตรายทง้ั หลายทงั้ ภายนอกและภายใน ๑๓. จงถงึ ความพนิ าศไปไมเ หลอื ดว ยพระเดชแหง พระชนิ พทุ ธเจา อนั ไมม ที ส่ี นิ้ สดุ พรอ ม กบั ขณะทขี่ า พเจา ทำกจิ ของตนอยใู นบญั ชรของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา ตลอดกาลเถดิ ๑๔. ขอพระพทุ ธเจา ผเู ปน มหาบรุ ษุ สดุ ประเสรฐิ เหลา นน้ั ทกุ พระองค โปรดจงอภบิ าล รกั ษาขา พเจา ผอู ยใู นทา มกลางแหง พระชนิ บญั ชร (เกราะแกว ของพระชนิ พทุ ธเจา ) ดำเนนิ ชวี ติ อยบู นพน้ื ดนิ ทกุ เมอื่ ๑๕. ขา พเจา ไดร บั การคมุ ครองและรกั ษาอยา งดดี ว ยประการฉะนแี้ ลว ดว ยพระอานภุ าพ แหง พระชนิ พทุ ธเจา ขอใหข า พเจา สามารถชนะสงิ่ อบุ าทวไ ด ดว ยอานภุ าพแหง พระธรรม ขอ ใหข า พเจา เอาชนะหมอู รขิ า ศกึ ศตั รไู ด ดว ยอานภุ าพแหง พระสงฆ ขอใหข า พเจา เอาชนะอนั ตราย ได ขา พเจา เปน ผอู นั อานภุ าพแหง พระสทั ธรรมคมุ ครองรกั ษาไวแ ลว จะประพฤตดิ ปี ฏบิ ตั ติ น อยใู นพระชนิ บญั ชร ขอบเขตแหง พระสทั ธธรรมของพระชนิ พทุ ธเจา ตลอดไป เกรด็ ความรเู รอื่ งคาถาชนิ บญั ชร ตำนานความเปนมา ชนิ บญั ชร คอื เกราะแกว ของพระชนิ พทุ ธเจา โดยใจความกค็ อื วา พระคาถาชนิ บญั ชร นก้ี ลา วอาราธนาพระพทุ ธเจา พระสาวก และพระปรติ รใหม าดำรงอยใู นกาย เพอ่ื พทิ กั ษ คุมครองใหมีความสวัสดี เหมือนเกราะแกวปองกันภัย ผูแตงและสถานท่ีแตงคาถาน้ีไมมี หลกั ฐานกลา วไวใ นประวตั ศิ าสตรไ ทย แตพ บหลกั ฐานในคมั ภรี ท างศาสนาของพมา คอื เรอื่ ง พทุ ธนวมวนิ จิ ฉยั ใน วนิ ยสมหู วนิ จิ ฉยั มขี อ ความกลา ววา คาถาเหลา นแี้ ตง ทเี่ มอื งเชยี งใหม ในรชั สมยั พระเจา อโนรธา เจา ผคู รองนครเชยี งใหม รชั กาลท่ี ๒๐ (พ.ศ.๒๑๒๑-๒๑๕๐) เพระ ในสมยั นน้ั ชาวเมอื งเชยี งใหมน ยิ มบชู าดาวนพเคราะห เจา ผคู รองนครจงึ ปรกึ ษากบั พระเถระ ในยคุ นน้ั ใหแ ตง คาถาสำหรบั สวด แลว รบั สง่ั ใหช าวเมอื งสวดคาถาชนิ บญั ชร และคาถาอน่ื ๆ แทนการบชู าดาวนพเคราะหท ไี่ มค ลอ ยตามคำสอนในพระพทุ ธศาสนา ดงั นน้ั คาถาชนิ บญั ชร จึงแตงโดยพระเถระชาวไทยท่ีเมืองเชียงใหม คาถาน้ียํแพรหลายถึงประเทศสหภาพพมา และประเทศศรีลังกาอีกดวย

152 บททำวัตร-สวดมนต (แปล) [ฉบบั พศ. พระคาถาชนิ บญั ชรทแ่ี พรห ลายอยใู นปรเทศไทยมี ๒ ฉบบั คอื ฉบบั แรกเปน ของ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย (โต พรฺ หมฺ รสํ )ี วดั ระฆงั โฆสติ าราม กรงุ เทพมหานคร ซงึ่ ไดร บั การ ตรวจแกไ ขโดย พระภทั รมนุ ี (อนั๋ ภทรฺ มนุ ี ป.ธ. ๙) วดั ทองนพคณุ กรงุ เทพมหานคร และ ฉบบั ที่ ๒ เปน ฉบบั ทปี่ รบั ปรงุ แกไ ขใหมโ ดย สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน) วดั บวรนเิ วศวหิ าร กรงุ เทพมหานคร สำหรับฉบับท่ีนำมาพิมพในหนังสือนี้ เปนฉบับเดิมของสมเด็จพระพุฒาจารย (โต) ทนี่ ำมาคัดลอกและเรยี บเรยี งใหม กลา วกนั วา ในสมยั สมเดจ็ พระพฒุ าจารย (โต) ไดจ ดั ใหม กี ารเรยี นพระคาถาชนิ บญั ชรน้ี ในวนั พฤหสั บดี ซงึ่ เปน วนั ครู โดยกอ นเรยี น กำหนด ใหน ำธปู ๙ ดอก เทยี นแท (ขาว) หนกั ๑ บาท ๙ เลม ดอกบวั ขาว ๙ ดอก และดอกมะลิ ๑ พาน มาบชู าครเู พอื่ ใหร ะลกึ ถงึ เจา ของ พระคาถาเดมิ จากประเทศศรลี งั กา แลว จงึ อธษิ ฐาน ขอเรยี นพระคาถานใ้ี หจ ำไดโ ดยเรว็ และใชไ ดผ ลดี กลา วกนั วา พระคาถาชนิ บญั ชรของเจา ประคณุ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย (โต) นนั้ ถา ใคร ทอ งจำไดข น้ึ ใจ ใชภ าวนาทกุ คนื วนั จะมคี ณุ านภุ าพมากมาย หากจำไดไ มห มด กำหนดให เลอื กจำนำมาภาวนา ดงั นี้ ๑. อาราธนาพระสมเดจ็ ไปกบั ตวั ใหภ าวนาคาถาที่ ๓ ๒. สำหรบั นกั พดู นกั แสดง กอ นพดู กอ นแสดง ใหภ าวนาคาถาท่ี ๗ ๓. สำหรบั เสกน้ำลา งหนา เสกแปง เจมิ ใหภ าวนาคาถาคาถาท่ี ๘ ๔. ถา ตอ งการแคลว คลาดปลอดอนั ตราย ใหภ าวนาคาถาคาถาที่ ๙ ๕. สำหรบั ปอ งกนั โรคภยั ไขเ จบ็ ใหภ าวนาคาถาคาถาที่ ๑๓ ๖. อาราธนาขอใหค ณุ พระคมุ ครอง ใหภ าวนาคาถาคาถาท่ี ๑๔ คำอธิษฐานของสมเด็จพระพุฒาจารย (โต) ขาพเจาขอกราบนอบนอมแดองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา พระพุทธพจน พระสัทธรรม ท้ังพระอรหันต พระอริยสงฆเจาทุกพระองค ขอประทานพระเมตตาบารมี พระฉัพพระรณรังษีพุทธบารมีทุกประการที่พระองคทรงบำเพ็ญเพียรมา จงเปนตบะ เดชะ ประสทิ ธป์ิ ระสาทรกั ษาผนื แผน ดนิ ไทย นา นน้ำของไทย พระบวรพระพทุ ธศาสนา อภบิ าล รักษาพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จ พระราชชนนี พระโอรส พระธดิ า พระวรชายาใหท รงพระเกษมสำราญ รกั ษาชวี ติ ผปู ฏบิ ตั กิ าร

๒๕๕๓] พระคาถาชินบัญชร 153 รกั ษาผนื แผน ดนิ ไทย ทง้ั มนษุ ยแ ละวญิ ญาณ ตลอดทง้ั ปวงประชา ขา ราชการผซู อื่ สตั ยส จุ รติ รวมทงั้ ขา พเจา และครอบครวั ใหร อดปลอดภยั จากอนั ตรายทง้ั ปวง ใหป ระเทศชาตผิ คู น พลเมืองอยูเย็นเปนสุข ม่ังมีศรีสุข ใหฝนฟาตกตองตามฤดูกาล ใหพืชพันธุธัญญาหาร ทรพั ยากรธรรมชาตงิ อกงามอดุ มสมบรู ณ ขออญั เชญิ พลงั พระสจั ธรรม น้ำทพิ ย นำ้ อมฤต โปรดหมมู วลมนษุ ย วญิ ญาณทงั้ หลาย ทั่วสากลโลกใหพนทุกข มีความสุข ขอบารมีพระเมตตาของพระองคจงบันดาลใหมนุษย ทงั้ หลายมหี ริ โิ อตตปั ปะ รกั ธรรม ไมเ หน็ แกต วั เลกิ ทจุ รติ พยาบาทอาฆาตจองเวรซง่ึ กนั และกนั ใหม จี ติ เมตตาปรานี ประพฤตธิ รรม ผหู ลงผดิ คดิ กลบั ใจ และขอใหพ ระสจั ธรรม ทพ่ี ระองคท รงประกาศไวว า ใครทำดไี ดด ี ใครทำชวั่ ไดช ว่ั ใหป รากฏชดั แกส ายตาโลกตงั้ แต บดั นเี้ ปน ตน ไป ขออญั เชญิ พระบารมนี านาประการทก่ี ลา วแลว แผก ระจายขยายออกไปทวั่ ทกุ ภพมนษุ ย ไตรโลกธาตุ แสนโกฏจิ กั รวาฬพภิ พ จบเจด็ คาบสมทุ ร ตลอดสดุ กน บาดาล ใหเ นอื งแนน ไป ดว ยบารมี ใหม นษุ ยท งั้ หลายพากนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนา โลกนจ้ี ะไดร ม เยน็ เปน สขุ จงเปน ผลสำเรจ็ จงทกุ ประการเทอญ (๓ ครงั้ )

บรรณานกุ รม แกว ชดิ ตะขบ. พุทธมนตและพุทธศาสนพิธี. สำนักงานพระพุทธศาสนา แหง ชาตจิ ดั พมิ พเ ผยแพร, กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส ำนกั งาน พระพทุ ธศาสนาแหง ชาต,ิ ๒๕๕๒. . . พุทธศาสนพิธี : กุศลบุญพิธีของชาวพุทธ. สำนักงาน พระพุทธศาสนาแหงชาติจัดพิมพเผยแพร, กรุงเทพฯ : โรงพมิ พส ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง ชาต,ิ ๒๕๕๒. คณาจารยส ำนกั พมิ พเ ลย่ี งเชยี ง. มนตพ ธิ ชี าวพทุ ธ. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พเ ลยี่ งเชยี ง, ๒๕๔๙. ธรรมทานมลู นธิ .ิ คูมือพุทธบริษัท ฉบับสมบูรณ. (วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ าน)ี , กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ ธรรมสภา, (ไมป รากฏปท พ่ี มิ พ) . พระครอู รณุ ธรรมรงั ษี (เอย่ี ม สริ วิ ณโฺ ณ). มนตพ ธิ แี ปล. วดั อรณุ ราชวราราม (คณะ ๓), กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พอ กั ษรสมยั , (ไมป รากฏปท พ่ี มิ พ) . พระคนั ธสาราภวิ งศ. พระปรติ รธรรม. พมิ พค รงั้ ท่ี ๑๕, กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ อกั ษรสมั พนั ธ (๑๙๘๗) จำกดั , ๒๕๔๙. พระมหาชดิ วชริ ญาโณ. พระพุทธมนต พุทธวิธีคลายทุกข. วัดนิคมผัง ๑๖, นครราชสมี า : โรงพมิ พ บรษิ ทั สหธรรมกิ จำกดั , ๒๕๕๓. พระศาสนโศภณ. สวดมนตแ ปล. พมิ พค รง้ั ท่ี ๑๒, กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๘. พระสมั พนั ธ ถริ ธมโฺ ม. คูมือทำวัตร-สวดมนตแปล. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ิ จัดพิมพเผยแพร, กรุงเทพฯ : โรงพิมพบริษัทประยูรวงศ จำกดั , ๒๕๓๕. สมเดจ็ พระสงั ฆราช (ปสุ สฺ เทว). สวดมนตฉ บบั หลวง. พมิ พค รงั้ ที่ ๑๖, กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๘.

คำสง่ั สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง ชาติ ที่ ๑๐๓ /๒๕๕๓ เรอื่ ง แตง ตง้ั คณะกรรมการตรวจตน ฉบบั หนงั สอื หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ——————————— ดวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ โดยกองพุทธศาสนศึกษา จะดำเนินการจัดพิมพหนังสือเผยแพรแก ประชาชนตามโครงการวสั ดหุ นงั สอื วารสาร และตำรา (จดั พมิ พห นงั สอื หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา) ประจำป ๒๕๕๓ ในการนี้ เพ่ือใหตนฉบับหนังสือท่ีจะจัดพิมพนั้นมีความสมบูรณถูกตองดานเน้ือหาสาระโดยสามารถเปนแหลงความรู ที่เปนระบบและอางอิงในการศึกษาคนควาหลักวิชาการทางพระพุทธศาสนาของประชาชนพุทธศาสนิกชนท่ัวไป จึง แตง ตงั้ คณะกรรมการตรวจตน ฉบบั หนงั สอื หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ประกอบดว ย ๑. ผูอำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ ที่ปรึกษา ๒. รองผูอำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ ท่ีปรึกษา (ทก่ี ำกบั ดแู ลกองพทุ ธศาสนศกึ ษา) ๓. ผูอำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ที่ปรึกษา ๔. ผูอำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา ที่ปรึกษา ๕. นายวิชัย ธรรมเจริญ ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ ประธานกรรมการ ๖. นายพิศาล แชมโสภา ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ กรรมการ ๗. นายบญุ เลศิ โสภา ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กรรมการ ๘. นายบญุ เชดิ กติ ตธิ รางกรู ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กรรมการ ๙. นายบุญสืบ อินสาร ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กรรมการ ๑๐. นายเดชา มหาเดชากลุ ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กรรมการ ๑๑. นายแกว ชดิ ตะขบ ป.ธ. ๙ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ ๑๒. นายพัฒนา สอุ ำมาตยม นตรี ป.ธ. ๗ นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ กรรมการและผูชวยเลขานุการ โดยใหคณะกรรมการ ฯ มีหนาท่ีดำเนินการประชุมพิจารณาตรวจสอบรับรองความถูกตองเหมาะสมแหงเนื้อหา สาระของตน ฉบบั หนงั สอื หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนากอ นขออนมุ ตั จิ ดั พมิ พเ ผยแพร ทงั้ นี้ ตง้ั แตบ ดั นเี้ ปน ตน ไป สงั่ ณ วนั ที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ (นางจฬุ ารตั น บณุ ยากร) ผูอำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ