33 ประมาณ 4 158 ปหาน 5 224 ประโยชนจากโภคทรพั ย 5 232 ประสตู ิ 188 ปหานปธาน 156 ปรตั ถะ 133 ปรมปฺ ราย 317 ปหานปรญิ ญา 92 ปราโมทย 220 ปริจจาคะ 326 ปหานภาวนารามตา 203 ปริจเฉทรปู 1 40, 359 ปรญิ ญา 205, 206 ปหานวนิ ัย 243 ปริญญา 3 92 ปรญิ ไญยธรรม 206 ปหานสฺ า 331 ปริณตโภชี 250 ปริตตสุภา 351 ปคคาหะ 328 ปรติ ตาภา 351 ปริเทวะ 340 ปง สุกลู กิ ังคะ 342 ปรินพิ พาน 188 ปรินพิ พุตสถาน 188 ปจจยปริคคหญาณ 92, 345 ปริปุจฉา 339 ปรมิ ติ ปานโภชนา 138 ปจ จยาการ 12 105, 340 ปริยตั ธิ รรม 306, 332 ปริยัติศาสนา ปจจเวกขณญาณ 345 ปรยิ ัตสิ ทั ธรรม 51 ปรยิ ายทสฺสาวี 121 ปจจฺ ตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺ หู ิ 306 ปรยิ ายสทุ ธิ 219 ปริเยสนา 2 54 ปจ จัย 4 159, 202, 203 ปรวิ ัฏฏ 3 33 ปริวาร 73 ปจ จัย 24 350 ปรสิ สารชั ชภัย 75 ปรสิ ัญุตา 229 ปจจัยนิสิต 342 ปลาสะ 287 ปวิเวก 347 ปจจยั ปจจเวกขณ 243 ปวิเวกกถา 294 ปสงั สา 314 ปจจัยสนั นิสิตศลี 160 ปสนนฺ านํ ภยิ ฺโยภาวาย 296 ปสาทรูป 5 327 ปจจยั สมั ปทา 190 ปหาตัพพธรรม 40, 359 ปหานะ 206 ปจจัยใหเ กดิ สัมมาทฏิ ฐิ 2 34 ปหาน 3 205, 206 224 ปจ จุบนั 340 ปจ จบุ ันเหตุ 340 ปจ จุปปนนังสญาณ 72 ปจเจกพทุ ธเจา 142 ปจ ฉาชาตปจจยั 350 ปจ ฉิมทิศ 265 ปญจกัชฌาน 9, 356 ปญ จกนยั 9 ปญจทวาราวัชชนะ 343, 348, 356 ปญ จมฌาน 9 ปฺจมชฌฺ านกุสลจิตตฺ ํ 356 ปญจวิญญาณฐาน 343 ปฺ า 324 ปญ ญา 37, 67, 124, 183, 197, 204, 228, 237, 249, 251, 292, 301, 325, 346 ปญญา 3 93 ปญ ญากถา 314 ปญ ญาขนั ธ 218 ปญญาคุณ 217, 305
34 ปญ ญาจักขุ 217 ปาณาตปิ าตา เวรมณี 238, 240, 319 ปญ ญาปนบัญญตั ิ 28 ปาปณกิ ธรรม 3 95 ปฺาปนโต ปฺตตฺ ิ 28 ปาปณกิ ังคะ 95 ปญญาปย บญั ญตั ิ 28 ปาปมิตตะ 199 ปฺาปยตฺตา ปฺตฺติ 28 ปาปา, อารตี วิรตี 353 ปญ ญาพละ 229, 230 ปาปจ ฉา 308 ปญญาภาวนา 37 ปาพจน 2 35, 75 ปญญาวิมุต 62, 63 ปาราชิก 75 ปญญาวิมุตติ 43, 252 ปาริจรยิ านตุ ตรยิ ะ 127 ปญญาวุฒิ 179 ปารสิ ุทธิศีล 4 160, 285 ปญ ญาวฑุ ฒิธรรม 4 179, 193 ปาสาทโิ ก 322 ปญ ญาสมั ปทา 191, 229 ปาหุเนยโฺ ย 307 ปญญินทรีย 63, 349, 355 ปฏก 3 75 ปญญินทรียเจตสกิ 355 ปฏ กสมปฺ ทาเนน 317 ปฏฐาน 75 ปณ ฑปาตปฏสิ ังยตุ ต 342 ปณฑฺ ิตานฺจ เสวนา 353 ปณ ฑปาตสนั โดษ 203 ปตตปณฑิกังคะ 342 ปณ ฑปาตกิ ังคะ 342 ปต ตานุโมทนามัย 89 ปณ ฑิยาโลปโภชนะ 159 ปตติทานมยั 89 ปตติวสิ ยั 198, 351 ปพ พชติ ะ 150 ปตฆุ าต 245, 275 ปพ พชิตปธาน 32 ปย กรณ 273 ปพพชิตอภิณหปจ จเวกขณ 10 248 ปยวินาภาวตา 247 ปยรูป สาตรูป 6 × 10 266 ปพ พชั ชา 123 ปพ พัชชาจารย 211 ปย วาจา 186, 229 ปสสัทธิ 220, 281, 328 ปโย 278 ปสสฺ าส 346 ปส ณุ ํ วาจํ ปหาย ฯเปฯ 320 ปากกาล 338 ปสณุ าวาจา 321 ปากทานปรยิ าย 338 ปส ุณาย วาจาย เวรมณี 319 ปาจติ ติยะ 75 ปต กสณิ 315 ปาฏบิ ุคลกิ ทาน 12 ปติ 9, 220, 281, 328, 355 ปาฏปิ ุคฺคลิกา ทกขฺ ิณา 12 ปต ิ 5 226 ปาฏิโมกข (ปาติโมกข) 75, 160, 222, 243, ปตสิ ุเขกคฺคตาสหติ ํ 356 252, 254, 322, 344 ปุคคลปโรปรัญุตา 287 ปาฏิโมกขสงั วร (ปาตโิ มกขสงั วร) 222, 243 ปุคคลปญญัตติ 75 ปาฏโิ มกขสังวรศลี (ปาติโมกขสังวรศีล) 160 ปคุ คลสปั ปายะ 286 ปาฏิหาริย 3 94 ปุคคลญั ตุ า 287 ปาณาตบิ าต 137, 321 ปคุ คลาปเทส 166 ปาณาติปาตํ ปหาย ฯเปฯ 320 ปญุ ญาภิสังขาร 129
35 ปุตตฺ ทารสฺส สงฺคโห 353 ผสั สะ 6 272 ปุตตฺ สงฺคห 353 ปถุ ุชน 345, 351 ผัสสาหาร 212 ปถุ ชุ นกบั โลกธรรม 296 ปุพพเปตพลี 232 ผฏุ สสฺ โลกธมฺเมหิ จติ ตฺ ํ น กมปฺ ติ 353 ปุพพฺ นฺตาปรนเฺ ต อฺาณํ 209 ปพุ ฺพนฺเต อฺาณํ 209 ผุสนะ 343 ปพุ เพกตปญุ ญตา 140 ปพุ เพกตวาท 101 โผฏฐัพพะ 6, 40, 266, 277 ปพุ เพกตเหตวุ าท 101 ปุพเฺ พ จ กตปุ ฺตา 353 โผฏฐพั พตณั หา 264, 266 ปพุ เพนิวาสานุสสติ 274, 297 ปพุ เพนิวาสานุสสติญาณ 106, 323 โผฏฐัพพธาตุ 348 ปุรัตถิมทิศ 265 ปุริสเมธ 187 โผฏฐัพพวจิ าร 266 ปรุ สิ ตั ตะ 40 ปรุ สิ นิ ทรยี 40, 349 โผฏฐพั พวิตก 266 ปเุ รชาตปจจยั 350 ปฬุ ุวกะ 336 โผฏฐพั พสัญเจตนา 263, 266 ปชู นียสถาน, ปูชนียวตั ถุ 289 ปชู า จ ปูชนียานํ 353 โผฏฐัพพสญั ญา 266, 271 ปตู ิมตุ ตเภสชั 159 เปตตวิ ิสยั 351 พนนั 200 เปตวัตถุ 75 เปยยวชั ชะ 186, 229 พยาธิตะ 83, 84, 150 เปรต (ดู สัตตาวาส 7 ดว ย) 198, 284, 351 เปสลานํ ภกิ ขฺ นู ํ ผาสุวิหาราย 327 พยาธธิ ัมมตา 247 ผรณาปต ิ 226 พยาบาท 225, 321, 329, 347 ผรุสวาจา 321 ผรุสํ วาจํ ปหาย ฯเปฯ 320 พยาบาทวติ ก 70 ผรสุ าย วาจาย เวรมณี 319 ผล พร 4, 5 227 ผล 4 7 ผลจติ 165, 310, 332 พรหม, พรหมโลก 16 284, 298, 351 ผลญาณ ผลสมังคี 356 พรหมจรรย 241 ผัสสะ 345 57 พรหมจกั ร 180 340, 355 พรหมจารี 250, 290 พรหมปารสิ ัชชา 351 พรหมปุโรหิตา 351 พรหมโลก 103 พรหมวหิ าร 4 161, 227 พระเจาจกั รพรรดิ 142, 287, 339 พระธรรม* 100, 116 พระพุทธเจา 100, 116, 142, 287, 290, 337 พระพุทธรูป 141 พระสงฆ 100, 116, 265 พฺรหฺมจรยิ ฺจ 353 พราหมณ 173 พราหมณคฤหบดี 339 พราหมณบรษิ ัท 152 *คาํ นําหนาดวย พระ ถา ไมม ใี นที่นี้ ใหต ัดคาํ วา พระ ออก แลว ดูในตําแหนง ของคําน้ันๆ
36 พละ 227 พุทธโอวาท 3 97 พทุ ธัตถจรยิ า 96 พละ 4 229 พุทธานุมัต 201 พทุ ธานุสติ 335 พละ 5 228, 352 พทุ ธาปเทส 166 พุทธิจริต 262 พละ 5 ของพระมหากษัตรยิ 230 พุทฺโธ 303 เพียรของคฤหัสถ, ความ 32 พลกาย 339 เพียรของบรรพชติ , ความ 32 แพศย 173 พลี 289 โพชฌงค 7 281, 352 โพธิปก ขยิ ธรรม 37 51, 352 พลี 5 232 ไพบูลย 2 44 พหกุ ารธรรม 4 140 พหุการธรรม 7 292 พหกุ ารธรรม 10 324 พหุลกรรม 338 พหสุ สฺ ุตา 231 พหุสสฺ โุ ต 322 พหูสูต 231, 251, 252, 253, 254 พหูสูตมีองค 5 231 ภควา 303 พัฒนา 37 ภคนิ ภี รยิ า 282 พาลานํ, อเสวนา จ 353 ภพ (ดู วิโมกข ดว ย) 340 พาหาพละ 230 ภพ 3 98 พาหิรายตนะ 6 277 ภยญาณ, ภยตปู ฏ ฐานญาณ 311 พาหสุ จจฺ 324 ภยาคติ 196 พาหุสัจจะ 237, 292 ภรรยา 265 พาหสุ จฺจจฺ 353 ภรรยา 7 282 พชี นิยาม 223 ภวจกั ร 105, 340 พุทธ ดู พระพทุ ธเจา ภวตัณหา 74, 204, 206, 357 พทุ ธกจิ 304 ภวโยคะ 170 พุทธคารวตา 261 ภวราคะ 288, 330 พุทธคุณ 2 304 ภวังคะ 343 พทุ ธคุณ 3 305 ภวาสวะ 135, 136 พทุ ธคุณ 9 303 ภโวฆะ 215 พทุ ธจริยา 3 96 ภังคญาณ, ภงั คานปุ สสนาญาณ 311 พทุ ธจักขุ 217 ภพั พตาธรรม 6 267 พทุ ธเจดีย 4 141 ภพพฺ รปู ตาย 317 พุทธบัญญัติ 290 ภัย 5 229 พทุ ธภาวะ 304 ภัสสปริยันตะ 222 พทุ ธรปู 141 ภสั สสปั ปายะ 286 พุทธลลี าในการสอน 4 172 ภาวนา 205, 206 พุทธวงส 75 ภาวนา 2 36 พทุ ธวจนะ 302 ภาวนา 3 99
37 ภาวนา 4 37 มนสานเุ ปกขฺ ติ า 231 ภาวนาปธาน 156 ภาวนามยปญ ญา 93 มนสกิ าร 355 ภาวนามัย 88, 89 ภาวนีโย 278 มนายตนะ 356 ภาวรปู 2 40, 359 ภาวิต 4 37 มนนิ ทรยี 349, 356 ภาวติ กาย 37 ภาวติ จติ 37 มนษุ ย 161, 181, 235, 238, 248, 284, 351 ภาวติ ปญ ญา 37 ภาวติ ศีล 37 มนษุ ยธรรม 238 ภาวิตตั ต 280 ภาเวตัพพธรรม 36, 206 มนษุ ยโลก 103 ภิกขุนีวภิ ังค 75/1ก ภิกขวุ ิภงั ค 75/1ก มนุษยสมบตั ิ 114 ภกิ ขอุ ปรหิ านยิ ธรรม 71 290 ภกิ ขอุ ปริหานยิ ธรรม 72 291 มโน (ดู ปย รูป สาตรปู ดว ย) 276, 356 ภิกษุณบี ริษัท 151 ภิกษบุ รษิ ัท 151 มโนกรรม 66 ภตู กสิณ 4 315 ภตู รูป 38, 39, 146 มโนกรรม 3 319, 320, 321 ภูมิ 284 ภมู ิ 4 162 มโนทวาร 77, 78 ภมู ิ 4, 31 351 ภูมิประเภท (จิต) 356 มโนทวาราวชั ชนะ 343 เภสชั 159, 203 โภคะ 227 มโนทวฺ าราวชฺชนํ 356 โภคพละ 230 โภควภิ าค 4 163 มโนทุจรติ 80 โภคสุข 192 โภคอาทยิ ะ, โภคาทิยะ 5 232 มโนธาตุ 348 โภชนสัปปายะ 286 โภชเนมัตตญั ตุ า 128 มโนมยทิ ธิ 297 มงคล 259 มโนวญิ ญาณ 266, 268 มงคล 38 353 มตะ 83, 84, 150 มโนวญิ ญาณธาตุ 348 มทะ 347 มโนสังขาร 120 มโนสัญเจตนาหาร 212 มโนสมั ผัส 266, 272 มโนสัมผสั สชาเวทนา 113, 266 มโนสจุ ริต 81 มรณะ 340 มรณธมั มตา 247 มรณภัย 229 มรณสติ 335 มรรค 7, 204, 205, 241 มรรค 4 164, 310, 332 มรรคปจจัย 350 มรรคภาวนา 352 มรรคมีองค 8 293, 352 มรรคสมังคี 57 มละ 9 308 มหากิรยิ าจิต 8 356 มหากุศลจิต 8 356 มหานิทเทส 75
38 มหาปกรณ 75 มานะ 9 309 มหาปเทส 41 166 มหาปเทส 42 167 มานัส 356 มายา 308, 347 มหาพรหมา 351 มาร 5 234 มหาภูต 4 38, 39, 146 มารดาบดิ า 265 มหาภตู รูป 4 39, 359 มาลาคนธฺ ฯเปฯ วิภูสนฏานา เวรมณี 242 มหายญั 5 187 มา อนุสสฺ เวน ฯเปฯ 317 มหาราช 4 270 มคิ ปก ษี 339 มหาวรรค 75 มจิ ฉตั ตะ 10 334 มหาวิบาก 8 356 มิจฉากัมมันตะ 334 มหาวิบากจิต 8 356 มิจฉาญาณ 334 มหาวภิ งั ค 75/1ก มิจฉาทฏิ ฐิ 34, 308, 321, 334 มหาสงฆ 254, 255 มจิ ฉาวณิชชา 5 235 มกั ขะ 308, 347 มิจฉาวาจา 334 มักนอย 294 มิจฉาวายามะ 334 มัคคจิต 4 356 มจิ ฉาวมิ ุตติ 334 มัคคญาณ 345 มิจฉาสติ 334 มัคคสมังคี (ดู มรรคสมังคี) มจิ ฉาสมาธิ 334 มัคคงั คะ 293 มจิ ฉาสงั กัปปะ 334 มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ 285, 328 มจิ ฉาอาชีวะ 334 มังสจกั ขุ 217 มิตรเทียม 4 168 มงั สวณิชชา 235 มติ รแท 4 169 มัจจมุ าร 234 มิตรแนะประโยชน 169 มจั ฉรยิ ะ 308, 330, 347, 355 มติ รปฏริ ูปก 4 168 มจั ฉริยะ 5 233, 257 มิตรมนี ้ําใจ 169 มชชฺ ปานา จ สฺโม 353 มติ รรวมสุขรว มทกุ ข 169 มชั ชวณิชชา 235 มติ รสหาย 265 มัชฌมิ นิกาย 75 มติ รอุปการะ 169 มชั ฌมิ าปฏปิ ทา 15, 204, 293 มิทธะ 355 มัตตญั ุตา 287 มญุ จิตกุ มั ยตาญาณ 311 มัททวะ 326 มุทิตา 161, 355 มนั ทกมุ าร 84 มทุ ตุ า 40 มาฆบูชา 97 มุสาวาท 137, 308, 321 มาตาปต ุอปุ ฏฐาน 123 มุสาวาทํ ปหาย ฯเปฯ 320 มาตาปตอุ ุปฏ านํ 353 มุสาวาทา เวรมณี 238, 240, 319 มาตาภรยิ า 282 มลู 2 340 มาตุฆาต 245, 275 มลู เหตุแหง การบญั ญตั พิ ระวินัย 10 327 มานะ 91, 288, 318, 329, 330, 347, 355 เมตตา 67, 161, 325
39 เมตตากายกรรม 273 ราคคั คิ 130 เมตตามโนกรรม 273 เมตตาและกรณุ า 239 ราชธรรม 10 326 เมตตาวจีกรรม 273 เมถนุ สงั โยค 7 283 ราชพลี 232 โมมูหจิต 2 356 โมหะ 4, 68, 318, 355 ราชสังคหวัตถุ 4 187 โมหจรติ 262 โมหมูลจิต 2 356 รกุ ขมลู เสนาสนะ 159 โมหัคคิ 130 โมหาคติ 196 รุกขมลู กิ งั คะ 342 ยกยอ ง 256, 257 รูป, รูปะ 6, 40, 157, 216, 266, 277, 298 ยถาภตู ญาณ 285 รปู 21, 28 38 ยถาพลสนั โดษ 122 รปู 22 41 ยถาลาภสนั โดษ 122 ยถาสนั ถติกังคะ 342 รปู 28 38 ยถาสารปุ ปสนั โดษ 122 ยมก 75 รปู ขันธ 216 ยส 296 ยกั ษ 270 รูปฌาน 4 7, 8, 9, 10, 299, 313 ยามา โยคะ 4 270, 351 รปู ตณั หา 264, 266 โยคพหุโล 170 โยนิ 4 269 รปู ธรรม 19, 345 โยนโิ สมนสิการ 171 โยนโิ สมนสกิ ารสมั ปทา รูปธาตุ 348 2, 34, 179, 193 รส, รสะ 280 รปู ประมาณ 158 รสตัณหา รสธาตุ 6, 40, 266, 277 รูปพรหม 16 351 รสวิจาร 264, 266 รสวติ ก 348 รปู ภพ 98 รสสญั เจตนา 266 รสสญั ญา 266 รปู ราคะ 329 รตตฺ ฺู 263, 266 รตั นตรัย 266, 271 รูปรปู 18 359 ราคจรติ 322 100, 116 รปู โลก 104 262 รปู วจิ าร 266 รูปวิตก 266 รปู วิบาก 5 343 รูปสัญเจตนา 263, 266 รปู สัญญา 266, 271 รปู ปปมาณกิ า 158 รูปสสฺ กมฺมฺ ตา 40 รปู สฺส ชรตา 40 รปู สสฺ มทุ ตุ า 40 รูปสสฺ ลหตุ า 40 รูปสฺส สนฺตติ 40 รูปสฺส อนิจฺจตา 40 รปู สฺส อปุ จย 40 รปู าวจร 8 รปู าวจรกริ ิยาจติ 5 356 รูปาวจรกุสลจติ 5 356 รปู าวจรจิต 15 356
40 รปู าวจรภมู ิ 16 162, 351 โลกุตตรธรรม 20, 306 รูปาวจรวบิ ากจติ 5 356 โลกตุ ตรธรรม 9, 46 310, 332 รปู าวจรสมาธิ 99 โลกตุ ตรภมู ิ 162, 351 รปู โน ธมฺมา 19 โลกตุ ตรวบิ ากจิต 4 (20) ฤทธ์ิ 2 42 โลภะ 356 โลภมูลจิต 8 4, 68, 318, 355, 359 ลหุตา 40 โลหติ กะ ลกั ขณรูป 4 40, 359 โลหิตกสิณ 356 ลกั ขณปู นชิ ฌาน โลหติ ุปบาท 336 ลกั ษณะตัดสินธรรมวินัย 7 7 315 ลักษณะตัดสินธรรมวนิ ยั 8 295 245, 275 ลทั ธนิ อกพทุ ธศาสนา 3 294 ลาภ 101 วจนกฺขโม 278 ลาภมจั ฉริยะ 296 ลาภานุตตริยะ 233, 257 วจสา ปริจติ า 231 ลีลาการสอน 4 127 ลูขประมาณ 172 วจกี รรม 66 ลขู ปั ปมาณกิ า 158 เล่ือมใส 158 วจกี รรม 4 241, 319, 320, 321 โลก (เที่ยง ไมเทยี่ ง ฯลฯ) 256 โลก 31 337 วจีทวาร 77 โลก 32 102 โลก 33 103 วจีทุจริต 80 โลกธรรม 8 104 โลกธมเฺ มหิ 296 วจีบรม 168 โลกนาถ 353 โลกบาล 4 304 วจีวิญญตั ิ 40 โลกบาลธรรม 2 270 โลกวิทู 23 วจสี งั ขาร 119, 120 โลกตั ถจรยิ า 303 โลกาธปิ ไตย วจสี ุจริต 81 โลกียญาณ 96 โลกียธรรม 125 วณชิ ชา 5 235 โลกียภมู ิ 345 โลกียอภญิ ญา 20 วธกาภริยา 282 โลกตุ ตรกุศลจติ 4 (20) 162, 351 โลกุตตรจิต 8 (40) 63, 274 วรรณะ 227, 248 โลกุตตรญาณ 356 356 วรรณะ 4 173 345 วรรณกสณิ 4 315 วโย ปฺายติ 117 วสวตั ดี 270 วัชชอี ปริหานิยธรรม 7 289 วัฏฏะ 3 105, 340 วัฑฒิ หรือ วัฒิ หรือ วฒุ ิ 5 249 วัฒนมุข 6 201 วัณณะ 227, 277 วัณณมจั ริยะ 233, 257 วตฺตา จ 278 วัตถกุ าม 5 วตั ถุประสงคการบญั ญัติวินัย 10 327 วตั ถสุ มั ปทา 190 วตั รปฏิบัติ 251
41 วาจา, สภุ าสติ า จ ยา 353 วิญญาณาหาร 212 วาจาเปยยะ 187 วติ ก 9, 355 วาชเปยะ 187 วิตก 6 266 วาโยกสณิ 315 วิตกจริต 262 วาโยธาตุ 39, 146, 147, 148 วติ กกฺ วิจารปต ิสุเขกคคฺ ตาสหิตํ 356 วิกขมั ภนนโิ รธ 224 วิธปี ฏบิ ัติตอ ทุกข– สุข 4 174 วิกขัมภนปหาน 224 วิธูโร 95 วิกขายติ กะ 336 วนิ ยั 35, 75, 166, 167, 243, 294, 295 วกิ ขิตตกะ 336 วินัย 2 243 วกิ ารรูป 3, 5 40, 359 วนิ ัยปฎ ก 75 วกิ าลโภชนา เวรมณี 240 วินยานคุ ฺคหาย 327 วคิ ตปจ จัย 350 วนิ โย จ สุสิกฺขโิ ต 353 วจิ ฉทิ ทกะ 336 วินปิ าตกิ ะ 284, 312 วิจาร 9, 355 วนิ ลี กะ 336 วิบัติ 41 175 วจิ าร 6 266 วบิ ัติ 42 176 วจิ ารปต สิ ุเขกคฺคตาสหติ ํ 356 วิจกิ จิ ฉา 225, 288, 318, 329, 330, 355 วิปจิตัญู 153 วิจิกจิ ฺฉาสมฺปยตุ ฺตํ 356 วิปปยตุ ตปจ จยั 350 วิเจยยฺ เทติ 300 วปิ ริณามทกุ ขตา 79 วชิ ชมานบัญญตั ิ 28 วิปริตมนสิการ 359 วิชชา 3 106 วปิ ล ลาส, วิปลาส 4 178 วิชชา 8 297 วิปล ลาสนิมติ 107 วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน 303 วิปสสนา 7, 47, 346 วชิ ชาภาคิยธรรม 36 วปิ สสนาญาณ 9 285, 297, 311, 345 วิชชามาเนนวิชชมานบญั ญตั ิ 28 วปิ ส สนาญาณ 10 311 วชิ ชามาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ 28 วิปสสนาธรุ ะ 26 วญิ ญัติรูป 2 40, 359 วปิ สสนาภาวนา 36 วิญญาณ 340, 356 วิปส สนายานกิ 61 วิญญาณ 6 266, 268 วิปส สนูปกเิ ลส 10 285, 328 วญิ ญาณกสิณ 315 วิปากจิต 36 (52) 356 วญิ ญาณกจิ 14 343 วปิ ากจิตตฺ ํ 356 วญิ ญาณขนั ธ 216, 356 วิปากปจ จัย 350 วญิ ญาณฐติ ิ 7 284 วิปากวัฏฏ 105 วญิ ญาณธาตุ 148, 149 วิปากสทั ธา 181 วญิ ญาณปวตั ต,ิ วิญญาณปวัตติอาการ 343 วปิ ุพพกะ 336 วญิ ญาณญั จายตนะ 207, 284, 298, 312 วิภวตัณหา 74, 204, 357 วิฺ าณจฺ ายตนกุสลจติ ตฺ ํ 356 วภิ ังค (วินัย) 75 วญิ ญาณญั จายตนภมู ิ 351 วภิ ังค (อภธิ รรม) 75
42 วมิ ังสา 213 วิสุทธคิ ณุ 305 วมิ านวตั ถุ 75/2 วิมตุ ตานุตตริยะ 126 วิสทุ ธเิ ทพ 82 วิมตุ ติ 227, 252 วิมุตติ 2 43 วิหิงสาวิตก 70 วิมตุ ติ 5 224, 236 วมิ ุตติกถา 314 วฑุ ฒิธรรม 4 179, 193 วมิ ตุ ติขันธ 218 วิมตุ ติญาณทัสสนกถา 314 วุฑฒิธรรม, วุฑฒิธรรม 5 249 วิมุตตญิ าณทัสสนขนั ธ 218 วิมุตโฺ ต 322 วุฒมิ ขุ 201 วโิ มกข 3 107 วิโมกข 8 298 วุตตฺ ํ เหตํ ภควตา 302 วริ ชํ 353 วริ ตเี จตสกิ 3 355 เวทนา 340, 355 วริ ตั ิ 3 108 วิราคะ 294, 295 เวทนา 2 110 วริ าคะ 5 224 วิราคสฺ า 331 เวทนา 3 111 วิริยะ 213, 228, 281, 325, 355 วริ ิยนิสิต 342 เวทนา 5 112 วิรยิ ปฏสิ งั ยตุ ต 342 วริ ิยพละ 229 เวทนา 6 113, 266, 358 วิริยสังวร 243 วิรยิ ารมฺภ 324 เวทนา 108 358 วิรยิ ารัมภะ 2, 237, 294, 301 วิรยิ ารมั ภกถา 314 เวทนาขันธ 216 วริ ิยนิ ทรยี 349 วิรูปก ษ 270 เวทนาเจตสกิ 5 359 วริ ูฬหก 270 วเิ วก 3 109 เวทนานุปสสนา, เวทนานุปส สนาสติปฏ ฐาน 182, 346 วเิ วก 5 224 วสิ มโลภสสฺ ปหานํ 339 เวทนานุปส สนาจตุกกะ 346 วิสวณชิ ชา 235 วิสังโยค 294 เวทลลฺ ํ 302 วสิ ยั รูป 4, 5 40, 359 วิสทุ ธิ เวทพหุโล 269 วสิ ทุ ธิ 7 92 285 เวปลุ ละ 2 44 เวปุลลธรรม 6 269 เวยยฺ ากรณํ 302 เวยยาวัจจมัย 89 เววณณฺ ยิ 248 เวสสวณั 270 เวสารัชชะ 4 180 เวสารัชชกรณธรรม 5 237 เวสารชั ชญาณ 4 180 เวหัปผลา 351 โวฏฐพั พนะ, โวฏฐปนะ 343, 356 โวสสัคคะ 5 224 ศรัทธา 183, 237, 249, 259, 292, 301 ศรัทธา 4 181 ศรัทธาไทย 255, 256, 257 ศาสนา 2 51 ศษิ ย 265 ศลี (ดู สลี วา ดวย) 37, 124, 183, 194, 201, 204,
43 227, 237, 249, 252, 253, 254, 259, 292, 324, สมติงสบารมี 325 สมถะ 346 325, 326, 346 สมถภาวนา 36 สมถยานิก 61, 63 ศลี 5 238 สมนนั ตรปจจยั 350 สมบตั ิ 31 114 ศีล 8 240 สมบตั ิ 32 115 สมบตั ิ 4 177 ศีล 8 ท้งั อาชวี ะ 241 สมบตั ขิ องอุบาสก 5 259 สมบัตขิ องอบุ าสก 7 260 ศลี 10 242 สมปญ ญา 183 สมมตกิ ถา 18 ศลี วิบตั ิ 175 สมมตเิ ทพ 82 สมมตเิ ทสนา 18 ศทู ร 173 สมมติสจั จะ 50 สมสัทธา 183 สกทาคามิผล 165 สมสลี า 183 สมันตจักขุ 217 สกทาคามผิ ลจิตตฺ ํ 356 สมาทปนา 172 สมาทานวริ ัติ 108 สกทาคามิมรรค 164 สมาธิ (ดู พละ 5 ดวย) 37, 124, 204, 220, 258, 281, 346 สกทาคามิมคฺคจิตตฺ ํ 356 สมาธิ 2 45 สมาธิ 31 46 สกทาคามี 56, 57, 351 สมาธิ 32 47 สมาธกิ ถา 314 สกทาคามี 3, 5 59 สมาธิขันธ 218 สมาธินทรยี 63, 349 สขภี รยิ า 282 สมาธิภาวนา 4 184 สมานสุขทกุ ข 169 สงเคราะห 273 สมานตั ตตา 186, 229 สมาบัติ 8 299 สจิตตฺ ปริโยทปนํ 97 สมุจเฉทนิโรธ 224 สมุจเฉทปหาน 224 สติ 3, 25, 228, 281, 301, 324, 355 สมุจเฉทวริ ตั ิ 108 สมุตเตชนา 172 สตินทรีย 349 สมุทยวาร 340 สมทุ ัย 204, 205 สตปิ ฏฐาน 346 สติปฏ ฐาน 4 182, 352 สตสิ งั วร 243 สติสมั ปชัญญะ 184, 239 สทารสนั โดษ 239 สนธิ 3 340 สนิทานธัมมเทสนา 134 สปทานจาริกังคะ 342 สพรหมจารี 290 สมจาคา 183 สมชีวติ า 144 สมชีวิธรรม 4 183 สมณบริษัท 152 สมณพราหมณ 265, 339 สมณพราหมณปริปุจฉา 339 สมณานฺจ ทสสฺ นํ 353 สมโณ โน ครูติ 317 สมดึงสบารมี 325
44 สยมั ภญู าณ 204 สงั คหพละ 229 สรณะ 3 100, 116 สรรพเมธะ สังคหวัตถุ 4 186 สวนะ 187 สรรี ะ 343 สังคหวัตถุของผคู รองแผนดิน 4 187 สวนานตุ ตริยะ 337 สวรรค 6 127 สงฺคโห, าตกานจฺ 353 สวรรคสมบตั ิ 270 สวฺ ากขฺ าโต ภควตา ธมโฺ ม 114 สงคฺ โห, ปุตตฺ ทารสสฺ 353 สฺวาคตปาฏโิ มกโฺ ข 306 สสงั ขารปรนิ พิ พายี 322 สงฆฺ คตา ทกขฺ ณิ า 12 สหชาตปจ จัย 60 สเหตกุ กามาวจรกริ ยิ าจติ 8 350 สงั ฆคารวตา 261 สเหตุกกามาวจรกศุ ลจิต 8 356 สเหตุกกามาวจรวิบากจติ 8 356 สงั ฆคุณ 9 307 สฬายตนะ 356 สอปุ าทิเสสนิพพาน 276, 340 สังฆทาน 12 สอุปาทเิ สสบุคคล 27 สักกะ 27 สังฆบดิ ร 290 สกั กายทฏิ ฐิ 270 สคั คกถา 329 สงั ฆปริณายก 290 สังกิเลส 246 สงั ขตธรรม 33 สงฺฆผาสตุ าย 327 สงั ขตลกั ษณะ 3 21 สงั ขตสงั ขาร 117 สงั ฆเภท 245, 275 สงขฺ าเยกํ ฯเปฯ 185 สังขาร 2 202 สงฆฺ สุฏุตาย 327 สังขาร 31 48 สงั ขาร 32 119 สงั ฆานสุ ติ 335 สงั ขาร 4 120 สังขารขันธ 185 สงั ฆาปเทส 166 สังขารทกุ ขตา 216 สงั ขารโลก 79 สังยุตตนกิ าย 75 สังขารุเปกขาญาณ 102 สงั เขป 4 311 สังโยชน 7 288 สังคณี 340 สงั โยชน 101 164, 329 สงั คหะ 2 75/3 สังโยชน 102 สังคหะ 4 49 330 340 สังวร 5 243 สังวรปธาน 156 สงั วรวนิ ยั 5 243 สงั วรศลี 243 สังเวชนยี สถาน 4 188 สงั สารจกั ร 105 สงั เสทชะ 171 สัจจะ 139, 197, 239, 325 สจั จะ 2 50 สจั จญาณ 73 สจั จานโุ ลมิกญาณ 311 สัจฉกิ าตพั พธรรม 206 สัจฉกิ ริ ยิ า 205, 206 สญั เจตนา 6 263, 266 สัญเจตนากาย 263 สัญญมะ 123 สัญญา 284, 312, 355 สญั ญา 6 266, 271
45 สัญญา 10 331 สันติ 197 สัญญาขันธ 216 สนั ติบท 352 สญั ญาวิปลาส 178 สนั ตรี ณะ, สันตีรณจติ 343, 356 สัญญาเวทยิตนโิ รธ 119, 298, 313 สนั ตฏุ ฐกิ ถา 314 สตั ตวณชิ ชา 235 สนตฺ ุฏี 324 สตั ตกั ขัตตุงปรมะ 58 สนฺตฏุ ี จ 353 สัตตาวาส 9 312 สนั ตุฏฐี 2, 294, 353 สัตถวณิชชา 235 สนฺตฏุ โ 322 สตฺถา เทวมนุสสฺ านํ 303 สันทัสสนา 172 สัตถุคารวตา 261 สนทฺ ิฏโิ ก 306 สัตถสุ าสน 166, 294, 295 สัปปาฏิหาริยธัมมเทสนา 134 สัตว 337 สปั ปายะ 7 286 สัตวโลก 102 สปั ปายการี 250 สัททะ 6, 40, 266, 277 สัปปายสมั ปชัญญะ 189 สัททตัณหา 264, 266 สปั ปายมตั ตญั ู 250 สทั ทธาตุ 348 สปปฺ ุรสิ กมฺมนโฺ ต 301 สัททบญั ญัติ 28 สปปฺ ุรสิ จินฺตี 301 สทั ทวิจาร 266 สปั ปรุ ิสทาน 8 300 สทั ทวติ ก 266 สปปฺ รุ ิสทานํ เทติ 301 สทั ทสัญเจตนา 263, 266 สปฺปุริสทฏิ ี 301 สัททสัญญา 266, 271 สปั ปุริสธรรม 71 287 สัทธรรม 1, 2, 34, 352 สปั ปุรสิ ธรรม 72 301 สัทธรรม 3 121 สปั ปุริสธรรม 8 301 สัทธรรม 7 301, 344 สปั ปรุ ิสธรรม 10 320 สัทธรรม 10 332 สปปฺ รุ สิ ธมมฺ สมนนฺ าคโต 301 สทฺธมฺมสมนนฺ าคโต 301 สัปปุรสิ บญั ญัติ 3 123 สทั ธมั มสวนะ 179, 193 สปปฺ ุรสิ ภตฺตี 301 สทธฺ มมฺ ฏ ิตยิ า 327 สปปฺ รุ สิ มนฺตี 301 สัทธา (ดู ศรัทธา ดว ย) 228, 355 สปปฺ ุริสวาโจ 301 สัทธาจรติ 262 สปั ปุรสิ สังเสวะ 179, 193 สทั ธานุสารี 63 สัปปุริสปู สสยะ 140 สทั ธาวิมุต 63 สพั พจิตตสาธารณเจตสิก 7 355 สทั ธาสัมปทา 191, 229 สพพฺ ปาปสสฺ อกรณํ 97 สทั ธนิ ทรยี 63, 349 สพฺพโลเก อนภิรตสฺา 331 สนั ดสุ ิต 270 สพพฺ สงขฺ าเรสุ อนิฏสฺ า 331 สันโดษ (ดู สนั ตฏุ ฐี ดวย) 65, 294 สัพพญั ตุ าญาณ 217 สนั โดษ 3, 12 122 สพั พตั ถคามินีปฏทิ าญาณ 323 สันตติ 40 สัพพากุสลสาธารณเจตสิก 4 355
46 สพเฺ พ สงขฺ ารา ฯเปฯ 86 สมั มาสมั พุทธปฏิญญา 180 สัมปชญั ญะ 2, 25, 182 สมฺมาสมฺพุทโฺ ธ 303 สมั ปชญั ญะ 4 189 สมั มาอาชวี ะ 239, 293, 241, 333, 355 สัมปฏจิ ฉนะ, สมั ปฏจิ ฉันนะ, สัมปฏิจฉนั นจิต 343, สัสสตทฏิ ฐิ 13 348, 356 สัสสเมธ 187 สมั ปทา 4 190 สาตถกสัมปชัญญะ 189 สมั ปทาของอุบาสก 260 สาเถยยะ 308, 347 สมั ปทาคณุ 4 190 สาธารณโภคี 273 สมั ปยุตตปจ จยั 350 สามเณร, สามเณรี 242 สัมปรายิกตั ถะ 3, 132 สามัคคีธรรม 289 สมั ปรายิกัตถสังวัตตนิกธรรม 4 191 สามัญญผล 4 165 สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏฆิ าตาย 327 สามญั ลักษณะ, สามญั ลกั ษณ 3 76, 86 สัมปหังสนา 172 สามิสสขุ 53 สัมปต ตวิรตั ิ 108 สามี 265 สัมผปั ปลาปะ 321 สามีจปิ ฏปิ นโฺ น 307 สมผฺ ปปฺ ลาป ปหาย ฯเปฯ 320 สามุกกังสิกาธรรมเทศนา 204 สมฺผปฺปลาปา เวรมณี 319 สายนะ 343 สมั ผัส 6 268, 272 สาระ 4 218 สมั พหลุ เถราปเทส, สมั พหุลัตเถราปเทส 166 สารณียธรรม 6 273 สัมโพธะ 295 สารัมภะ 347 สมั มสนญาณ 311, 345 สาราณียธรรม 6 273 สมั มัตตะ 10 333 สาวก 142 สมั มปั ปธาน 4 156, 352 สาสน 2 51 สมั มากัมมันตะ 241, 293, 333, 355 สิกขฺ ติ 346 สมั มาญาณ 333 สกิ ขา 3 124 สมั มาทสั สนะ 222, 285 สิกขาคารวตา 261 สมั มาทิฏฐิ 2, 34, 293, 319, 333 สกิ ขานุตตรยิ ะ 127 สมมฺ าทิฏิ 319 สกิ ขาบท 290 สมมฺ าทิฏ ิโก 320 สิกขาบท 5 238 สมั มาปฏิปทา 51 สกิ ฺขาปทํ สมาทิยามิ 240 สัมมาปาสะ 187 สิงคาลกมาณพ 200 สัมมาวาจา 293, 241, 333, 355 สิปปฺ จฺ 353 สัมมาวายามะ 293, 333 สีล (ดู ศีล ดว ย) 324 สัมมาวิมุตติ 333 สลี กถา 246, 314 สัมมาสติ 293, 333 สีลขนั ธ 218 สมั มาสมาธิ 293, 333 สลี ภาวนา 37 สมั มาสงั กปั ปะ 293, 333 สีลมยั 88, 89 สัมมาสัมพุทธเจดีย 4 141 สลี วา (ดู ศีล ดว ย) 250, 322
47 สีลวิสทุ ธิ 285 สุทธาวาส 5 244, 351 สลี สงั วร 243 สุทธิ 2 54 สลี สมั ปทา 2, 191, 229, 280, 344 สปุ ฏิปนฺโน 307 สีลสามญั ญตา 273 สภุ กิณหา 284, 312, 351 สลี พั พตปรามาส 329, 330 สุภรตา 294 สีลพั พตปุ าทาน 214 สุภาสิตา จ ยา วาจา 353 สลี านุสติ 335 สรุ า 200 สีสงั คะ 342 สุราธตุ ตะ 199 สหี นาท 180 สุราเมรยมชชฺ ปมาทฏ านา เวรมณี 238, 240 สุกขวิปส สก 61, 62 สสุ ุกาภยั 210 สขุ , สุขะ 9, 174, 220, 227, 296, 328 สหุ ทมติ ร 4 169 สขุ 21 52 สขุ 22 53 สูตร 166 เสขะ 1, 2, 55 สขุ ของคฤหัสถ 4 192 เสขปฏปิ ทา 344 สุขเวทนา (ดู เวทนา ดว ย) 111 เสตฆุ าตวิรตั ิ 108 สขุ สหคตํ 356 เสนาสนะ 159 สุขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิ ฺ า 154 เสนาสนปฏิสังยุตต 342 สขุ า ปฏปิ ทา ทนธฺ าภิฺ า 154 เสนาสนสัปปายะ 286 สุขินทรยี 112, 349 เสนาสนสันโดษ 203 สเุ ขกคคฺ ตาสหิตํ 356 เสนาสนะปา 290 สุคติ 351 เสรีธรรม 352 สุคโต 303 เสวนา, ปณฑฺ ติ านฺจ 353 สจุ รติ 81 เสยี ง (ดู สทั ทะ) สุจึ เทติ 300 โสก 1, 340 สุญญตะ 7 โสไจย 10 320 สญุ ญตวโิ มกข 107 โสดาบนั 56, 57, 275, 351 สุญญตสมาธิ 47 โสดาบัน 3 58 สตุ ะ 201, 249, 302 โสดาปตตผิ ล 165 สตุ ํ ปริโยทเปติ 221 โสดาปต ติมรรค 164 สุตฺตํ 302 โสตะ 40, 266, 276 สุตตนิบาต 75 โสตทวาร 78 สตุ ตวภิ ังค 75 โสตธาตุ 348 สตุ ตนั ตนัย 329 โสตวญิ ญาณ 266, 268, 356 สุตตนั ตปฎก 75 โสตวญิ ญาณธาตุ 348 สุตมยปญญา 93 โสตสมั ผัส 266, 272 สุทสั สา 351 โสตสมั ผสั สชาเวทนา 113, 266 สุทัสสี 351 โสตาปตฺติผลจิตตฺ ํ 356 สุทธวิปส สนายานิก 61 โสตาปตตฺ ิมคคฺ จิตตฺ ํ 356
48 โสตาปตติยังคะ 41 193 อกุศลจติ ตปุ บาท 12 85 โสตาปตตยิ ังคะ 42 194 โสตาปต ตยิ งั คะ 43 195 อกศุ ลเจตสกิ 14 355 โสตินทรีย 349 โสภณจติ 59 (92) 356 อกุศลธรรม 85 โสภณเจตสิก 25 355 โสภณสาธารณเจตสิก 19 355 อกุศลมูล 3 4, 68 โสมนสั 112, 358 โสมนสฺสสหคตํ 356 อกุศลวิตก 3 70 โสมนัสสนิ ทรยี 349 โสรจั จะ อกศุ ลวิบากจิต 7 356 โสวจสสฺ ตา 24 โสสานิกงั คะ 324, 353 อคติ 4 196 โสฬสญาณ โสฬสวตั ถุกอานาปานสติ 342 องค 12 (ปฏจิ จสมปุ บาท) 340 345 346 องคคณุ ของกลั ยาณมิตร 7 278 องคประกอบของการศกึ ษา 34 องคป ระกอบภายนอก 1 องคประกอบภายใน 2 องคมรรค 293 องคแหงธรรมกถกึ 5 219 องคแหง ภกิ ษใุ หม 5 222 อดเิ รกลาภ 159 หตวิกขติ ตกะ 336 อดตี 340 หทัย 356 อดีตเหตุ 340 หทัยรปู 1 40, 359 อตัปปา 351 หทยั วตั ถุ 40 อตชิ าตบุตร 90 หลกั การแบงทรัพย 4 สว น 163 อติถิพลี 232 หลกั กําหนดธรรมวินัย 7 295 อติมานะ 347 หลักกาํ หนดธรรมวนิ ัย 8 294 อตตี ังสญาณ 72 หสิตุปปฺ าทจิตตฺ ํ 356 อทนิ นาทาน 137, 321 หิริ 23, 292, 301, 355 อทินนฺ าทานํ ปหาย ฯเปฯ 320 เหฏฐมิ ทิศ 265 อทนิ นฺ าทานา เวรมณี 238, 240, 319 เหตปุ จจัย 350 อทกุ ขมสขุ เวทนา (ดู เวทนา ดวย) 111 อโทสะ 4, 67, 355 อกนฏิ ฐา 351 อธนานํ ธนานุปปฺ ทานํ 339 อกรณียวณชิ ชา 5 235 อกปั ปยะ 167 อธมมฺ การปฏกิ ฺเขโป 339 อกาลิโก 306 อกริ ิยทฏิ ฐิ 14 อธมมฺ ราคสฺส ปหานํ 339 อกริ ิยา 101 อกุศล 1, 2, 317 อธรรมการนเิ สธนา 339 อกุศลกรรม อกุศลกรรมบถ 10 4 อธกิ รณสมุปฺปาทวูปสมกสุ โล 322 อกุศลจติ 12 321 356 อธิคมสทั ธรรม 121 อธิจติ ตสกิ ขา 124 อธิปติปจ จัย 350 อธปิ ไตย 3 125 อธปิ จ จสลี วนั ตสถาปนา (ดู อาธปิ จ จสลี วนั ตสถาปนา)
49 อธิปญญาสิกขา 124 อนิฏฐารมณ 296 อนมิ ติ ตะ 7 อธโิ มกข 328, 355 อนมิ ติ ตวโิ มกข อนมิ ิตตสมาธิ 107 อธิศีล 124, 255, 260 อนุกมั ปกะ 47 อนุชาตบุตร 169 อธษิ ฐาน 325 อนุตตฺ รํ ปฺุ กฺเขตตฺ ํ โลกสสฺ 90 อนตุ ตริยะ 3 307 อธิษฐาน 4 197 อนตุ ตริยะ 6 126 อนุตฺตโร ปรุ สิ ทมมฺ สารถิ 127 อธษิ ฐานธรรม 4 197 อนุทยตํ ปฏจิ จฺ 303 อนบุ ุพพนิโรธ 219 อธสิ ลี สิกขา 124 อนุบพุ พวิหาร 9 313 อนปุ ปย ภาณี 313 อนณสุข 192 อนุปาทนิ นกรูป 168 อนุปาทินนกสังขาร 41 อนภชิ ฌฺ า 319 อนุปาทินนธรรม 48 อนุปาทิเสสนิพพาน 22 อนภิชฺฌาลุ 320 อนปุ าทิเสสบคุ คล 27 อนปุ ุพฺพิกถํ 27 อนรยิ ปริเยสนา 33 อนุปพุ พิกถา 5 219 อนยุ นต 246 อนวัชชพละ 229 อนรุ ักขนาปธาน 339 อนโุ ลมญาณ 156 อนวัชชสขุ 192 อนุโลมเทศนา 311, 345 อนโุ ลมปฏจิ จสมปุ บาท 340 อนวชฺชานิ กมฺมานิ 353 อนโุ ลมปฏปิ ทา 340 อนสุ ติ 10 51 อนญั ญตัญญสั สามตี ินทรีย 349 อนุสสตานุตตริยะ 335, 354 อนสุ ฺสเวน 127 อนตั ตตา 76, 107 อนสุ ยั 7 317 อนสุ าวรีย 288 อนตั ตลักษณะ 47 อนุสาสนีปาฏหิ ารยิ 289 อเนสนา 94 อนตตฺ สฺ า 331 อโนตตัปปะ 203 อบาย 4 318, 355 อนตตฺ า 86 อบายภมู ิ 4 198, 351 อบายมขุ 4 198, 351 อนัตตานปุ สสนา 107 199 อนนั ตรปจจัย 350 อนันตรกิ กรรม, อนันตริยกรรม 5 245, 275 อนากุลา จ กมมฺ นฺตา 353 อนาคต 340 อนาคตผล 340 อนาคตงั สญาณ 72 อนาคามิผล 165 อนาคามผิ ลจิตตฺ ํ 356 อนาคามิมคคฺ จิตฺตํ 356 อนาคามิมรรค 164 อนาคามี 56, 57 อนาคามี 5 60 อนกิ ขฺ ิตฺตธุโร 269 อนจิ จตา 40, 76, 107 อนจิ จลกั ษณะ 47 อนิจฺจสฺ า 331 อนิจจฺ า 86 อนจิ จานปุ สสนา 107
50 อบายมขุ 6 200, 201 อภสิ งั ขรณกสังขาร 185 อปจยะ 294 อภิสงั ขาร 3 129 อปจายนมัย 89 อภิสงั ขารมาร 234 อปทาน 75 อภิสัมพทุ ธสถาน 188 อปรนเฺ ต อฺาณํ 209 อมตบท 352 อปราปริยเวทนียกรรม 338 อมัจจพละ 230 อปรยิ าปน นภูมิ 162 อโมหะ 4, 67, 355 อปริหานยิ ธรรม 71 289 อยส 296 อปรหิ านยิ ธรรม 72 290 อโยนิโสมนสิการ อปริหานิยธรรม 73 291 อรรถ 31 34 อปณณกปฏิปทา 3 อรรถ 32 132 อปส เสนะ, อปสเสนธรรม 4 128, 344 อรรถบัญญตั ิ 133 อปายโกศล 202 อรหํ อปายสหาย 71 อรหัตตผล 28 อปญุ ญาภิสงั ขาร 168 อรหตฺตผลจติ ตฺ ํ 303 อปปฺ ฏวิ าณิตา ปธานสมฺ ึ 129 อรหตั ตผลวมิ ุตติ 63, 165, 227 อพยาบาทวิตก 65 อรหตั ตมรรค 356 อพยาบาทสังกปั ป 69 อรหตตฺ มคคฺ จติ ฺตํ 333 อพฺยาปนนฺ จติ ฺโต 293 อรหันต 164 อพยฺ าปาท 320 อรหนั ต 2 356 อพฺรหฺมจริยา เวรมณี 319 อรหนั ต 4, 5, 60 37, 56, 57, 289 อภัพพฐาน 240 อรหันตฆาต 61 อภิชาตบุตร 275 อรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา 62 อภิชฌา 90 อริยะ 245, 275 อภชิ ฌาวสิ มโลภะ 321 อริยกันตศีล 287 อภิชจั จพลัง 347 อริยทรพั ย 7 351 อภญิ ญา 230 อรยิ ธรรม 10 194 อภิญญา 6 295 อริยบคุ คล 2 292 อภญิ ญาเทสติ ธรรม 37 274 อริยบคุ คล 4 320 อภิญญายธัมมเทสนา 352 อริยบคุ คล 7 55 อภฐิ าน 6 134 อรยิ บคุ คล 8 56 อภิณหปจ จเวกขณ 275 อริยปริเยสนา 63 อภิณหปจ จเวกขณ 10 247 อริยมรรค 10 57, 345 อภิณฺหํ เทติ 248 อริยวงศ 4 33 อภิธรรม 300 อริยวฑั ฒิ 5 320 อภธิ รรมนัย 75 อรยิ สจั จ 203 อภิธรรมปฎ ก 330 อริยสจั จ 4 249 อภสิ ังขตสงั ขาร 75 อริยสจจฺ าน ทสฺสนํ 205 185 204, 208, 209, 246 353
51 อริยสาวกกบั โลกธรรม 296 อสงั ขารปรนิ พิ พายี 60 อสงขฺ ารกิ ํ 356 อริยอฏั ฐงั คกิ มรรค 1, 2, 204, 241, 293 อสังสัคคกถา 314 อสัญญภี พ, อสญั ญสี ัตว 312, 351 อรูป 4 207, 354 อสนตฺ ุฏ ิตา กุสเลสุ ธมฺเมสุ 65 อสนฺตุฏ ิพหโุ ล 269 อรปู ฌาน 4 7, 10, 63, 207, 299, 313 อสัมภนิ นงั คะ 342 อสัมโมหสัมปชญั ญะ 189 อรปู ธรรม 19 อสโิ ลกภัย 229 อสภุ ะ 10 336, 354 อรปู ภพ 98 อสภุ สฺ า 331 อสุรกาย 198, 351 อรูปราคะ 329 อเสขะ 55 อเสขธรรม 10 333 อรูปโลก 104 อเสวนา จ พาลานํ 353 อโสกํ 353 อรูปวิบาก 4 343 อหิงสา 123 อหิรกิ ะ 318, 355 อรปู าวจร 8 อเหตุกกริ ิยาจติ 3 356 อเหตกุ จติ 18 356 อรูปาวจรกิริยาจิต 4 356 อเหตุกทฏิ ฐิ 14 อเหตวุ าท 101 อรปู าวจรกศุ ลจิต 4 356 อเหตอุ ปจ จยั วาท 101 อโหสิกรรม 338 อรูปาวจรจิต 12 356 อกั โกธะ 326 อักขธุตตะ 199 อรปู าวจรภูมิ 4 162, 351 อคั คิ 31 130 อคั คิ 32 131 อรปู าวจรวิบากจิต 4 356 อัคคิปาริจริยา 3 131 อังคุตตรนิกาย 75 อรูปโ น ธมฺมา 19 อัชฌตั ติกายตนะ 6 266, 276 อฺชลิกรณีโย 307 อลาภ 296 อัญญถตั ตะ 117, 118 อญั ญทตั ถหุ ร 168 อลีนตา 201 อญั ญมัญญปจ จัย 350 อญั ญสมานาเจตสกิ 13 355 อโลภะ 4, 67, 355 อญั ญสัตถารทุ เทส, อญั ญสัตถุทเทส 275 อัญญาตาวนิ ทรีย 349 อวชาตบตุ ร 90 อวคิ ตปจจัย 350 อวชิ ชมานบญั ญัติ 28 อวชิ ชา 206, 288, 329, 330, 340 อวิชชา 4 208 อวชิ ชา 8 209 อวชิ ชมาเนนวชิ ชมานบัญญตั ิ 28 อวิชชามาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ 28 อวิชชาโยคะ 170 อวชิ ชาสวะ 135, 136 อวิชโชฆะ 215 อวิโรธนะ 326 อวิหา 351 อวหิ ิงสา 326 อวิหงิ สาวติ ก 69 อวิหิงสาสังกปั ป 293 อสงั ขตธรรม 21 อสังขตธาตุ 1 310 อสังขตลกั ษณะ 3 118
52 อญั ญินทรยี 349 อปฺปฏวิ าณิตา ปธานสมฺ ึ 65 อัฏฐศลี 240 อัปปฏิวภิ ัตตโภคี 273 อัฏฐังคกิ มรรค 293 อัปปณหิ ติ ะ 7 อฏั ฐิกะ 336 อปั ปณหิ ติ วิโมกข 107 อัณฑชะ 171 อัปปณหิ ิตสมาธิ 47 อตั ตกลิ มถานโุ ยค 15, 293 อัปปนาภาวนา 99 อตั ตนาถะ 304 อัปปนาสมาธิ 45, 46 อัตตวาทปุ าทาน 214 อัปปมญั ญา 4 161, 227, 354 อตั ตสัมปทา 2, 280 อัปปมัญญาเจตสิก 2 355 อัตตสมั มาปณิธิ 140 อปั ปมาณสุภา 351 อตฺตสมฺมาปณธิ ิ 353 อัปปาณาภา 351 อตั ตหติ สมบัติ 304 อปั ปมาทะ 2, 3, 239 อัตตญั ุตา 287 อปั ปมาทคารวตา 261 อัตตัตถะ 133 อปั ปมาทสัมปทา 2, 280 อตั ตา 337 อปปฺ มาโท จ ธมเฺ มสุ 353 อัตตาธิปไตย 125 อปฺปสนนฺ านํ ปสาทาย 327 อตฺตานจฺ ปรฺจ อนปุ หจจฺ 219 อปั ปจฉกถา 314 อัตตาภนิ ิเวส 107 อปั ปจฉตา 2, 294 อัตถะ 144, 191 อพภฺ ูตธมฺมํ 302 อัตถะ 2 64 อัพโภกาสิกังคะ 342 อตั ถะ 31 132 อัตถะ 32 133 อพั ยากตธรรม 85 อยั ยาภริยา 282 อัตถจริยา 186, 229 อัสสเมธะ 187 อตั ถทวาร 201 อสฺสาส 346 อตั ถปฏสิ ัมภทิ า 155 อสสฺ ตุ ํ สณุ าติ 221 อัตถประมขุ 201 อากัปกริ ยิ า 251 อตั ถักขายี 169 อาการ 12 73 อตั ถญั ตุ า 287 อาการ 20 340 อตั ถปิ จจัย 350 อาการ 32 147 อตั ถสิ ขุ 192 อาการท่พี ระพุทธเจา ทรงสั่งสอน 3 134 อทั ธา 3 340 อาการปริวติ กเฺ กน 317 อนั ตคาหิกทิฏฐิ 10 337 อากาสกสณิ 315 อันตราปรินิพพายี 60 อากาสธาตุ 40, 148, 149 อันตรายของภกิ ษุสามเณรผูบวชใหม 4 210 อากาสานญั จายตนะ 207, 284, 298, 312 อันตรายิกธรรมวาทะ 180 อากาสานฺจายตนกุสลจิตฺตํ 356 อนั ตา 2 15 อากาสานญั จายตนภูมิ 351 อันโตชน 339 อากิญจัญญายตนะ 207, 284, 298, 312 อันวตั ถปฏปิ ทา 51 อากิจฺ ฺ ายตนกสุ ลจิตฺตํ 356
53 อากิญจัญญายตนภูมิ 351 อายตนะ 12 341 อาจารย 265 อายตนะภายนอก 6 266, 277, 341 อาจารย 4, 5 211 อายตนะภายใน 6 266, 276, 341 อาจารวิบัติ 175 อายมขุ 201 อาจณิ ณกรรม 338 อายุ 227 อาชชวะ 326 อายุวัฒนธรรม 5 250 อาชีวะ 241 อายสุ สธรรม 5 250 อาชวี ปาริสทุ ธิ 243 อารตี วริ ตี ปาปา 353 อาชวี ปาริสทุ ธศิ ีล 160 อารมณ 6 277 อาชีววิบัติ 175 อารมณ 150 359 อาชวี ฏั ฐมกศีล 241 อารยธรรม 10 320 อาชวี ิตภัย 229 อารยวัฒิ 5 249 อาณาจกั ร 287 อารยอษั ฎางคกิ มรรค (ดู อรยิ อฏั ฐงั คกิ มรรค อาตมนั 337 ดว ย) 1, 2 อาทิกัมมิกะ 75/1ก อารักขสมั ปทา 144 อาทิพรหมจรรย 241 อารักขา 289 อาทีนวญาณ, อาทีนวานปุ ส สนาญาณ 311 อารญั ญิกงั คะ 342 อาทนี วสฺา 331 อารมั มณปจ จยั 350 อาเทศนาปาฏหิ ารยิ 94 อารัมมณปู นชิ ฌาน 7 อาธิปจจะ 227 อารุปป 4 8, 207 อาธปิ จจสลี วนั ตสถาปนา 138 อาโรคยะ 201 อานาปานสติ 182, 331, 335 อาโลกกสณิ 315 อานาปานสติ 16 ฐาน 346 อาโลกพหโุ ล 269 อาเนญชาภสิ งั ขาร 129 อาวฏภัย 210 อาโปกสณิ 315 อาวัชชนะ 343 อาโปธาตุ 39, 146, 147, 148 อาวาสมัจฉรยิ ะ 233, 257 อาพาธกิ ะ 83, 84, 150 อาวาสสัปปายะ 286 อาภัสสรา (ดู สัตตาวาส 9 ดวย) 284, 351 อาวาสโสภณ 253 อาวาสกิ ธรรม 51 251 อามิสทาน 11 อาวาสกิ ธรรม 52 252 อาวาสกิ ธรรม 53 253 อามิสบูชา 30 อาวาสิกธรรม 54 254 อาวาสกิ ธรรม 55 255 อามสิ ปฏิสนั ถาร 31 อาวาสกิ ธรรม 56 256 อาวาสกิ ธรรม 57 257 อามสิ ปริเยสนา 33 อามิสไพบลู ย 44 อามิสฤทธิ์ 42 อามสิ เวปุลละ 44 อามสิ สงเคราะห 49 อาสยานสุ ยญาณ 217 อามิสสังคหะ 49 อาสวะ 3 135 อายโกศล 71 อาสวะ 4 136, 170, 215
54 อาสวกั ขยะ 184 อจุ จากุลนี ตา 227 อาสวักขยญาณ 106, 274, 297, 323 อจุ จฺ าสยนมหาสยนา เวรมณี 240 อาสนั นกรรม 338 อจุ เฉททฏิ ฐิ 13 อาเสวนปจ จยั 350 อุชปุ ฏปิ นโฺ น 307 อาหาร 4 212 อฏุ ฐานสมั ปทา 144 อาหารปจ จัย 350 อดุ มมงคล 353 อาหารรูป 1 40, 359 อุตตรทิศ 265 อาหาเรปฏกิ ูลสญั ญา 354 อุตตฺ ริ จฺ ปตาเรติ 269 อาหเุ นยฺโย 307 อตุ ุนยิ าม 223 อาหไุ นยคั คิ 131 อุตสุ ปั ปายะ 286 อฏิ ฐารมณ 296 อุทเทสิกเจดีย 141 อติ ถัตตะ 40 อทุ ธังโสโตอกนฏิ ฐคามี 60 อิตถนิ ทรีย 40, 349 อุทธจั จะ 318, 329, 355 อติ ถีธุตตะ 199 อทุ ธจั จกกุ กุจจะ 225 อิติกิราย 317 อุทฺธจจฺ สมฺปยตุ ตฺ ํ 356 อติ ปิ โส ภควา 303 อุทธัมภาคิยสังโยชน 5 329 อิติวุตตกะ 75, 302 อุทธมุ าตกะ 336 อิทธบิ าท 4 213, 227, 352 อุทยพั พยญาณ = อุทยพั พยานุปสสนาญาณ อิทธิปาฏหิ ารยิ 94 อุทยพั พยานุปสสนาญาณ 92, 311 อิทธิวิธา, อทิ ธิวธิ ิ 274, 297 อุทาน 75 อทิ ปั ปจจยตา 340 อุทานํ 302 อิทปปฺ จฺจยตาปฏิจฺจสมปุ ฺปนฺเนสุ ธมเฺ มสุ อเุ ทศาจารย 211 อฺาณํ 209 อุบาสกธรรม 5 259 อนิ ทร 270 อุบาสกธรรม 7 260 อนิ ทรยี 5 228, 258, 352 อุบาสกบรษิ ทั 151 อนิ ทรยี 6 276 อุบาสกปทุม 259 อินทรีย 22 349 อุบาสกรัตน 259 อนิ ทริยปโรปรยิ ตั ตญาณ 217, 323 อุบาสกิ าบริษัท 151 อนิ ทรียปจจัย 350 อเุ บกขา 9, 161, 281, 325, 328, 358 อินทรียสงั วร 128, 222, 243 อุเบกขาเวทนา 111, 112 อินทรยี สังวรศีล 160 อเุ บกขาสันตรี ณะ 2 343 อิรยิ าบถ 182 อโุ บสถ, อโุ บสถศีล 240 อริ ิยาปถสัปปายะ 286 อปุ การกะ 169 อิศวรกรณวาท 101 อุปกิเลส 16 347 อิสสรนิมมานเหตวุ าท 101 อุปฆาตกกรรม 338 อสิ สา 308, 330, 347, 355 อุปจยะ 40, 359 อคุ คหนมิ ติ 87 อุปจารภาวนา 99 อุคฆฏิตญั ู 153 อุปจารสมาธิ 45, 46
55 อุปธิวบิ ัติ 176 อุปายาส 1, 340 อุปธวิ เิ วก 109 อุปธสิ มบัติ 177 อเุ ปกขฺ าสหคตํ 356 อปุ นาหะ 347, 359 อุปนิสยั 4 202 อุเปกขนิ ทรีย 349 อปุ นสิ สยปจ จัย 350 อุปบารมี 325 อุเปกฺเขกคฺคตาสหิตํ 356 อุปปชชเวทนยี กรรม 338 อปุ ปตตเิ ทพ 82 อพุ เพคาปต ิ, อพุ เพงคาปติ 226 อปุ ปต ติภพ 340 อปุ ฺปาโท ปฺ ายติ 117 อภุ โตภาควิมุต 61, 62, 63 อปุ ปฬกกรรม 338 อุปรมิ ทศิ 265 อุภยตั ถะ 133 อปุ สมะ 197, 295 อปุ สมานสุ ติ 335 อมู ิภัย 210 อุปสมั ปทาจารย 211 อปุ หัจจปรนิ ิพพายี 60 เอกเถราปเทส, เอกตั เถราปเทส 166 อุปญญาตธรรม 2 65 อุปฏฐาน 328 เอกพชี ี 58 อุปตถมั ภกกรรม 338 อปุ าทาน 340 เอกัคคตา 9, 355 อปุ าทาน 4 214 อปุ าทานขันธ 5 206 เอกนั ตนพิ พทิ า 295 อปุ าทารปู , อปุ าทายรปู 24 38, 40 อุปาทนิ นกรปู 41 เอกาสนกิ งั คะ 342 อุปาทินนกสังขาร 48 อุปาทินนธรรม 22 เอกภี าพ 273 อุปายโกศล 71 เอเกน โภเค ภุ เฺ ชยยฺ 163 เอหิปสสฺ ิโก 306 โอกกนั ตกิ าปต ิ 226 โอกาสโลก 102 โอฆะ 4 215 โอตตัปปะ 23, 292, 301, 355 โอทาตกสณิ 315 โอปนยโิ ก 306 โอปปาติกะ 171 โอภาส 328 โอรมั ภาคยิ สงั โยชน 5 329 โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 97 โอวาทปาฏิโมกข (โอวาทปาติโมกข) 97 โอวาทาจารย 211
เอกกะ — หมวด 1 Groups of One (including related groups) [1] กัลยาณมิตตตา (ความมกี ลั ยาณมติ ร คอื มผี แู นะนาํ สงั่ สอน ทป่ี รกึ ษา เพอื่ นทคี่ บหา และบุคคลผูแวดลอมท่ีดี, ความรูจักเลือกเสวนาบุคคล หรือเขารวมหมูกับทานผทู รงคุณทรง ปญ ญามคี วามสามารถ ซงึ่ จะชว ยแวดลอ ม สนับสนุน ชักจงู ช้ชี องทาง เปนแบบอยาง ตลอดจน เปนเครอื่ งอุดหนนุ เกื้อกูลแกกัน ใหด ําเนนิ กาวหนา ไปดวยดี ในการศึกษาอบรม การครองชีวติ การประกอบกจิ การ และธรรมปฏิบตั ,ิ สิง่ แวดลอ มทางสงั คมทดี่ ี — Kalyànฺamittatà: having good friends; good company; friendship with the lovely; favourable social environment) ขอนเ้ี ปน องคป ระกอบภายนอก (external factor; environmental factor) “ภิกษุท้ังหลาย เมื่อดวงอาทิตยอุทัยอยู ยอมมีแสงอรุณข้ึนมากอน เปน บุพนิมิต ฉันใด ความมี กัลยาณมิตรกเ็ ปน ตัวนํา เปน บุพนมิ ติ แหง การเกิดข้ึนของอารยอษั ฎางคิกมรรค แกภกิ ษุ ฉันน้ัน” “ความมีกัลยาณมติ ร เทากับเปนพรหมจรรย (การครองชีวิตประเสริฐ) ท้งั หมดทีเดยี ว เพราะวา ผมู ี กลั ยาณมิตรพงึ หวงั ส่ิงนไี้ ด คอื จักเจรญิ จกั ทําใหมากซ่ึงอารยอัษฎางคกิ มรรค” “อาศยั เราผเู ปน กลั ยาณมิตร เหลา สัตวผูมีชาตเิ ปนธรรมดา ก็พน จากชาติ ผูมีชราเปนธรรมดา ก็พนจาก ชรา ผมู มี รณะเปนธรรมดา ก็พน จากมรณะ ผมู โี สกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนสั และอุปายาสเปนธรรมดา ก็พน จากโสกะ ปริเทวะ ทกุ ข โทมนัส และอปุ ายาส” “เราไมเล็งเห็นองคประกอบภายนอกอ่ืนแมสักอยางเดียว ที่มีประโยชนมากสําหรับภิกษุผูเปนเสขะ เหมอื นความมีกลั ยาณมติ ร, ภกิ ษุผูมีกัลยาณมติ ร ยอมกาํ จัดอกุศลได และยอมยงั กุศลใหเกดิ ข้ึน” “ความมีกลั ยาณมติ ร ยอมเปน ไปเพ่ือประโยชนย ่งิ ใหญ, เพ่อื ความดํารงม่ัน ไมเ ส่อื มสูญ ไมอนั ตรธาน แหงสทั ธรรม” ฯลฯ S.V.2–30; A.I.14–18; It.10. ส.ํ ม. 19/5–129/2–36; องฺ.เอก. 20/72–128/16–25; ขุ.อติ ิ. 25/195/237. [2] โยนิโสมนสิการ (การใชความคิดถกู วิธี คอื การทําในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทง้ั หลายดวยความคิดพจิ ารณาสบื คน ถงึ ตนเคา สาวหาเหตผุ ลจนตลอดสาย แยกแยะออกพิเคราะห ดูดวยปญ ญาทค่ี ิดเปน ระเบียบและโดยอบุ ายวธิ ี ใหเ ห็นสิ่งนนั้ ๆ หรอื ปญหาน้นั ๆ ตามสภาวะและ ตามความสัมพันธแหง เหตปุ จจัย — Yonisomanasikàra: reasoned attention; systematic attention; analytical thinking; critical reflection; thinking in terms of specific conditionality; thinking by way of causal relations or by way of problem-solving) ขอนีเ้ ปน องคป ระกอบภายใน (internal factor; personal factor) และเปน ฝา ยปญญา (a factor belonging to the category of insight or wisdom) “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมื่อดวงอาทติ ยอ ุทัยอยู ยอมมีแสงอรณุ ขนึ้ มากอน เปน บุพนมิ ิต ฉันใด ความถึงพรอม
[3] 58 พจนานกุ รมพุทธศาสตร ดวยโยนิโสมนสิการ กเ็ ปน ตวั นํา เปน บพุ นมิ ติ แหง การเกดิ ข้ึนของอารยอัษฎางคกิ มรรค แกภ กิ ษุ ฉันนั้น” “เราไมเ ล็งเห็นองคป ระกอบภายในอ่นื แมส ักอยา งเดียว ที่มีประโยชนม าก สําหรับภกิ ษผุ เู ปนเสขะ เหมอื น โยนโิ สมนสกิ าร ภิกษผุ ูมโี ยนิโสมนสิการ ยอ มกําจดั อกศุ ลได และยอมยงั กุศลใหเกดิ ขน้ึ ” “เราไมเ ลง็ เหน็ ธรรมอน่ื แมสักขอ หน่ึง ซึง่ เปน เหตใุ หสมั มาทฏิ ฐิท่ียงั ไมเ กิด ก็เกดิ ขึ้น ทเี่ กิดขนึ้ แลว ก็ เจรญิ ยิง่ ขึ้น เหมอื นโยนิโสมนสกิ ารเลย” “เราไมเ ล็งเหน็ ธรรมอื่น แมส กั ขอ หนง่ึ ซ่ึงจะเปนเหตุใหความสงสยั ทย่ี งั ไมเกิด กไ็ มเ กิดข้ึน ที่เกิดขน้ึ แลว ก็ถูกขจัดเสยี ได เหมอื นโยนิโสมนสิการเลย” “โยนิโสมนสิการ ยอมเปน ไปเพอื่ ประโยชนยิง่ ใหญ, เพื่อความดํารงมัน่ ไมเส่อื มสูญ ไมอ ันตรธานแหง สทั ธรรม” ฯลฯ ธรรมขอ อื่น ที่ไดรบั ยกยอ งคลายกับโยนโิ สมนสิการนี้ ในบางแง ไดแ ก อปั ปมาทะ (ความไม ประมาท — earnestness; diligence), วิรยิ ารัมภะ (การปรารภความเพยี ร, ทําความเพียรมุง ม่นั — instigation of energy; energetic effort), อัปปจ ฉตา (ความมกั นอ ย, ไมเหน็ แกไ ด — fewness of wishes; paucity of selfish desire), สนั ตุฏฐี (ความสนั โดษ — contentment), สมั ปชัญญะ (ความรตู วั , สาํ นกึ ตระหนักชดั ดวยปญญา — awareness; full comprehension); กุสลธัมมานุโยค (การหม่นั ประกอบกุศลธรรม — pursuit of wholesome states; devotion to good things); สีลสัมปทา (ความถึงพรอมแหง ศีล — possession of virtue); ฉนั ทสัมปทา (ความถึงพรอ มแหงฉันทะ — possession of will), อตั ตสมั ปทา (ความ ถงึ พรอ มแหงตนคือมจี ติ ใจซงึ่ พัฒนาเต็มที่แลว — self–realization, self-actualization), ทฏิ ฐิสมั ปทา (ความถงึ พรอมแหงทิฏฐิ — possession of right view), และ อปั ปมาทสมั ปทา (ความถึงพรอ มแหง อัปปมาทะ — possession of earnestness) S.V.2–30; A.I.11–31; It.9. ส.ํ ม. 19/5–129/2–36; องฺ.เอก.20/60–186/13–41; ข.ุ อิติ. 25/194/236. [3] อัปปมาทะ (ความไมป ระมาท คือ ความเปน อยอู ยางไมขาดสติ หรือความเพียรทม่ี สี ติ เปนเครื่องเรงเราและควบคุม ไดแก การดาํ เนินชีวิตโดยมีสติเปนเคร่ืองกํากับความประพฤติ ปฏิบตั แิ ละการกระทาํ ทุกอยาง ระมดั ระวงั ตวั ไมย อมถลาํ ลงไปในทางเสื่อม แตไ มยอมพลาด โอกาสสําหรับความดีงามและความเจริญกาวหนา ตระหนักในสิ่งท่ีพึงทําและพึงละเวน ใสใจ สาํ นกึ อยูเ สมอในหนาทอ่ี ันจะตอ งรับผดิ ชอบ ไมยอมปลอยปละละเลย กระทาํ การดวยความจริง จงั รอบคอบ และรดุ หนาเร่ือยไป — Appamàda: earnestness; diligence; heedfulness) ขอ นีเ้ ปน องคป ระกอบภายใน (internal factor; personal factor) และเปนฝา ยสมาธิ (a factor belonging to the category of concentration) “ภิกษุทั้งหลาย เมือ่ ดวงอาทิตยอ ุทยั อยู ยอมมีแสงอรุณขนึ้ มากอน เปนบุพนมิ ติ ฉันใด ความถงึ พรอ ม ดว ยความไมประมาท ก็เปนตวั นํา เปน บุพนิมิตแหงการเกดิ ขนึ้ ของอารยอษั ฎางคกิ มรรค แกภิกษุ ฉันน้ัน” “ธรรมเอก ที่มีอุปการะมาก เพื่อการเกิดข้นึ แหง อารยอษั ฎางคกิ มรรค ก็คือ ความถึงพรอ มดว ยความไม ประมาท”
หมวด 1 59 [3] “เราไมเลง็ เหน็ ธรรมอนื่ แมส กั ขอหนึ่ง ซงึ่ เปนเหตุใหอ ารยอษั ฎางคิกมรรคทย่ี งั ไมเกิด กเ็ กดิ ขึ้น ท่เี กดิ ขึ้น แลว ก็เจริญบริบูรณ เหมือนอยางความถึงพรอ มดวยความไมประมาทน้เี ลย” “รอยเทา ของสตั วบ กทง้ั หลาย ชนิดใดๆ กต็ าม ยอ มลงในรอยเทาชางไดท ัง้ หมด, รอยเทาชาง เรยี กวา เปน ยอดของรอยเทา เหลา นน้ั โดยความใหญ ฉนั ใด กศุ ลธรรมทง้ั หลาย อยางใดๆ กต็ าม ยอ มมีความไม ประมาทเปน มลู ประชมุ ลงในความไมป ระมาทไดท ง้ั หมด ความไมป ระมาท เรยี กไดว า เปน ยอดของธรรมเหลา นน้ั ฉนั นนั้ ” “ผูมีกลั ยาณมติ ร พงึ เปนอยโู ดยอาศัยธรรมเอกขอ นี้ คอื ความไมประมาทในกุศลธรรมท้ังหลาย” “ธรรมเอกอันจะทําใหย ดึ เอาประโยชนไวไดทงั้ 2 อยา ง คอื ท้ังทฏิ ฐธมั มิกตั ถะ (ประโยชนปจ จุบัน ประโยชนเฉพาะหนา หรือประโยชนส ามญั ของชีวติ เชน ทรพั ย ยศ กามสขุ เปนตน ) และสมั ปรายิกตั ถะ (ประโยชนเ บอ้ื งหนา หรอื ประโยชนข ั้นสงู ขนึ้ ไปทางจติ ใจหรือคณุ ธรรม) กค็ อื ความไมป ระมาท” “สังขาร (ส่งิ ที่ปจจยั ปรุงแตง ข้นึ ) ท้งั หลาย มคี วามเสือ่ มสน้ิ ไปเปนธรรมดา ทา นท้ังหลายจงยังประโยชนท ี่ มงุ หมายใหส าํ เรจ็ ดว ยความไมป ระมาทเถดิ ” “ความไมป ระมาท ยอมเปน ไปเพ่ือประโยชนย ่งิ ใหญ, เพ่ือความดํารงมน่ั ไมเสื่อมสญู ไมอ นั ตรธานแหง สัทธรรม” ฯลฯ D.II.156; S.I.86–89; S.V.30–45; ท.ี ม. 10/143/180; สํ.ส. 15/378–384/125–129; A.I.11–17; A.III.365; A.V.21. สํ.ม. 19/135–262/37–66; องฺ.เอก. 20/60–116/13–23; อง.ฺ ฉกกฺ . 22/324/407; อง.ฺ ทสก. 24/15/23.
ทุกะ — หมวด 2 Groups of Two (including related groups) [4] กรรม 2 (การกระทํา, การกระทาํ ทป่ี ระกอบดว ยเจตนา ทางกายกต็ าม ทางวาจาก็ตาม ทางใจกต็ าม — Kamma: action; deed) 1. อกศุ ลกรรม (กรรมท่ีเปนอกศุ ล, กรรมช่ัว, การกระทําท่ีไมดี ไมฉลาด ไมเ กดิ จากปญ ญา ทาํ ใหเส่ือมเสียคณุ ภาพชีวติ หมายถึง การกระทําทเี่ กดิ จากอกศุ ลมูล คือ โลภะ โทสะ หรอื โมหะ — Akusala-kamma: unwholesome action; evil deed; bad deed) 2. กุศลกรรม (กรรมท่เี ปน กุศล, กรรมด,ี การกระทําท่ดี ี ฉลาด เกดิ จากปญญา สงเสรมิ คณุ ภาพของชวี ิตจติ ใจ หมายถึง การกระทําทเี่ กดิ จากกุศลมูล คอื อโลภะ อโทสะ หรืออโมหะ — Kusala-kamma: wholesome action; good deed) A.I.104, 263; It.25,55. องฺ.ตกิ .20/445/131,551/338; ขุ.อิต.ิ 25/208/248;242/272. [,] กรรมฐาน 2 ดู [36] ภาวนา 2. [5] กาม 2 (ความใคร, ความอยาก, ความปรารถนา, สงิ่ ทน่ี าใครน า ปรารถนา — Kàma: sensuality) 1. กิเลสกาม (กิเลสทท่ี ําใหใคร, ความอยากท่เี ปน ตัวกเิ ลส — Kilesa-kàma: subjective sensuality) 2. วัตถุกาม (วตั ถอุ นั นาใคร, สงิ่ ทนี่ าปรารถนา, สิง่ ที่อยากได, กามคุณ — Vatthu-kàma: objective sensuality) Nd12. ขุ.มหา.29/2/1 [6] กามคุณ 5 (สวนทนี่ า ใครนาปรารถนา, สว นทด่ี หี รอื สว นอรอยของกาม — Kàmaguõa: sensual pleasures; sensual objects) 1. รูปะ (รปู — Råpa: form; visible object) 2. สทั ทะ (เสยี ง — Sadda: sound) 3. คันธะ (กล่ิน — Gandha: smell; odour) 4. รสะ (รส — Rasa: taste) 5. โผฏฐัพพะ (สัมผสั ทางกาย — Phoññhabba: touch; tangible object) หา อยางน้ี เฉพาะสวนท่นี า ปรารถนา นา ใคร นา พอใจ (agreeable, delightful, pleasur- able) เรยี กวา กามคณุ M.I.85,173. ม.มู.12/197/168; 327/333.
หมวด 2 61 [9] [7] ฌาน 2 (การเพง, การเพงพนิ ิจดว ยจิตท่ีเปนสมาธแิ นว แน — Jhàna: meditation; scrutiny; examination) 1. อารมั มณูปนชิ ฌาน (การเพง อารมณ ไดแ กส มาบัติ 8 คอื รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4 — ârammaõåpanijjhàna: object-scrutinizing Jhàna) 2. ลกั ขณูปนชิ ฌาน (การเพง ลักษณะ ไดแ ก วปิ ส สนา มรรค และ ผล — Lakkhaõåpa- nijjhàna: characteristic-examining Jhàna) วิปส สนา ชอ่ื วาลักขณูปนิชฌาน เพราะพนิ ิจสังขารโดยไตรลกั ษณ มรรค ชื่อวาลกั ขณูปนชิ ฌาน เพราะยงั กิจแหง วิปส สนานน้ั ใหส ําเรจ็ ผล ชอื่ วา ลักขณูปนชิ ฌาน เพราะเพง นิพพานอันมีลกั ษณะเปน สญุ ญตะ อนมิ ติ ตะ และ อปั ปณหิ ิตะ อยางหนึ่ง และเพราะเหน็ ลักษณะอนั เปนสจั จภาวะของนพิ พาน อยางหนึง่ ฌานที่แบง เปน 2 อยางน้ี มมี าในคมั ภรี ช้ันอรรถกถา. ดู [8], [9], [10] ฌาน ตางๆ และ [47] สมาธิ 32. AA.II.41; PsA.281; DhsA.167. อง.ฺ อ.1/536; ปฏสิ ํ.อ.221; สงคฺ ณ.ี อ.73. [8] ฌาน 2 ประเภท (ภาวะจิตท่ีเพงอารมณจ นแนว แน — Jhàna: absorption) 1. รปู ฌาน 4 (ฌานมรี ูปธรรมเปนอารมณ, ฌานทเี่ ปน รปู าวจร — Råpa-jhàna: Jhànas of the Fine-Material Sphere) 2. อรูปฌาน 4 (ฌานมอี รปู ธรรมเปนอารมณ, ฌานที่เปน อรปู าวจร — Aråpa-jhàna: Jhànas of the Immaterial Sphere) คําวา รปู ฌาน กด็ ี อรปู ฌาน กด็ ี เริ่มใชคราวจัดรวมพุทธพจน เดิมเรียกเพียงวา ฌาน และ อารปุ ป. D.III.222; Dhs.56. ท.ี ปา.11/232/233; อภ.ิ ส.ํ 34/192/78. [9] ฌาน 4 = รูปฌาน 4 (the Four Jhànas) 1. ปฐมฌาน (ฌานท่ี 1 — Pañhama-jhàna: the First Absorption) มีองค 5 คือ วติ ก วจิ าร ปติ สขุ เอกคั คตา 2. ทุตยิ ฌาน (ฌานท่ี 2 — Dutiya-jhàna: the Second Absorption) มอี งค 3 คือ ปต ิ สขุ เอกคั คตา 3. ตตยิ ฌาน (ฌานที่ 3 — Tatiya-jhàna: the Third Absorption) มอี งค 2 คอื สขุ เอกคั คตา 4. จตตุ ถฌาน (ฌานที่ 4 — Catuttha-jhàna: the Fourth Absorption) มอี งค 2 คอื อุเบกขา เอกัคคตา คมั ภรี ฝ า ยอภิธรรม นยิ มแบง รูปฌานน้เี ปน 5 ขัน้ เรยี กวา ฌานปญ จกนยั หรอื ปญจ- กัชฌาน โดยแทรก ทุติยฌาน (ฌานที่ 2) ทม่ี อี งค 4 คือ วิจาร ปต ิ สุข เอกคั คตา เพ่ิมเขา มา
[10] 62 พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แลว เลือ่ นทุตยิ ฌาน ตติยฌาน และจตตุ ถฌาน ในฌาน 4 ขา งตนน้อี อกไปเปน ตตยิ ฌาน จตุตถ ฌาน และปญ จมฌาน ตามลําดบั (โดยสาระก็คือ การจาํ แนกขัน้ ตอนใหล ะเอยี ดมากขึน้ นน่ั เอง) M.I.40. ม.มู.12/102/72. [10] ฌาน 8 = รูปฌาน 4 + อรูปฌาน 4 (อรปู ฌาน 4 ดู [207] อรูป 4) [11] ทาน 21 (การให, การเสยี สละ, การบรจิ าค — Dàna: gift; giving; charity; liberality) 1. อามิสทาน (การใหสิง่ ของ — âmisadàna: material gift) 2. ธรรมทาน (การใหธรรม, การใหความรูและแนะนําสั่งสอน — Dhammadàna: gift of Truth; spiritual gift) ใน 2 อยางน้ี ธรรมทานเปนเลิศ อามสิ ทานชวยคาํ้ จุนชีวิต ทาํ ใหเขามที พ่ี ึ่งอาศยั แต ธรรมทานชวยใหเขารจู ักพึง่ ตนเองไดต อไป เมือ่ ใหอ ามิสทาน พึงใหธรรมทานดวย. A.I.90. อง.ฺ ทกุ .20/386/114. [12] ทาน 22 (การให — Dàna: gift; giving; almsgiving; offering; charity; liberality; generosity; benevolence; donation; benefaction) 1. ปาฏบิ ุคลกิ ทาน (การใหจําเพาะบุคคล, ทานทใ่ี หเจาะจงตัวบคุ คลหรือใหเฉพาะแกบุคคลผู ใดผูหนง่ึ — Pàñipuggalika-dàna: offering to a particular person; a gift designated to a particular person) 2. สงั ฆทาน (การใหแกสงฆ, ทานที่ถวายแกส งฆเปนสวนรวม หรือใหแ กบ ุคคล เชน พระภิกษุ หรอื ภิกษุณีอยา งเปนกลางๆ ในฐานะเปนตวั แทนของสงฆ โดยอทุ ศิ ตอสงฆ ไมเจาะจงรปู ใดรูป หน่ึง — Saïghadàna: offering to the Sangha; a gift dedicated to the Order or to the community of monks as a whole) ในบาลเี ดมิ เรียกปาฏบิ คุ ลิกทานวา ปาฏิปุคคฺ ลกิ า ทกขฺ ณิ า (ของถวายหรอื ของใหทีจ่ ําเพาะ บคุ คล) และเรยี กสงั ฆทาน วา สงฆฺ คตา ทกขฺ ิณา (ของถวายหรือของใหทถ่ี ึงในสงฆ) ในทาน 2 อยางนี้ พระพทุ ธเจา ตรสั สรรเสริญสงั ฆทานวา เปน เลศิ มผี ลมากที่สุด ดัง พทุ ธพจนว า “เราไมกลาววา ปาฏิบุคลกิ ทานมีผลมากกวาของที่ใหแกสงฆ ไมว าโดยปรยิ ายใดๆ” และได ตรสั ชักชวนใหใ หส งั ฆทาน M.III.254–6; A.III.392. ม.อ.ุ 14/710–3/459–461; อางใน มงคฺ ล.2/16; อง.ฺ ฉกฺก.22/330/439 [13] ทิฏฐิ 2 (ความเห็น, ความเห็นผิด — Diññhi: view; false view) 1. สัสสตทฏิ ฐิ (ความเห็นวาเที่ยง, ความเหน็ วามอี ัตตาและโลกซึ่งเท่ยี งแทย ั่งยนื คงอยตู ลอดไป — Sassata-diññhi: eternalism) 2. อจุ เฉททิฏฐิ (ความเห็นวา ขาดสูญ, ความเห็นวา มีอตั ตาและโลกซ่ึงจักพินาศขาดสญู หมดสิ้น ไป — Uccheda-diññhi: annihilationism)
หมวด 2 63 [17] S.III.97. สํ.ข.17/179–180/120. [14] ทิฏฐิ 3 (ความเห็น, ความเห็นผิด — Diññhi: view; false view) 1. อกิรยิ ทฏิ ฐิ (ความเหน็ วา ไมเ ปน อนั ทํา, เหน็ วา การกระทาํ ไมมีผล — Akiriya-diññhi: view of the inefficacy of action) 2. อเหตุกทิฏฐิ (ความเหน็ วา ไมมีเหต,ุ เหน็ วา สิง่ ทัง้ หลายไมม ีเหตุปจ จยั — Ahetuka-diññhi: view of non-causality) 3. นัตถกิ ทิฏฐิ (ความเห็นวาไมม ,ี เหน็ วา ไมม ีการกระทําหรือสภาวะทจ่ี ะกําหนดเอาเปนหลักได — Natthika-diññhi: nihilistic view; nihilism) M.I.404. ม.ม.13/105/111. [15] ที่สุด หรือ อันตา 2 (ขอ ปฏิบัติหรือการดาํ เนินชีวติ ท่ีเอยี งสดุ ผดิ พลาดไปจากทาง อันถกู ตอง คอื มัชฌมิ าปฏิปทา — Antà: the two extremes) 1. กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค (การหมกมุนอยูดว ยกามสุข — Kàmasukhallikànuyoga: the extreme of sensual indulgence; extreme hedonism) 2. อัตตกลิ มถานโุ ยค (การประกอบความลําบากเดอื ดรอนแกต นเอง, การบบี ค้ันทรมานตนให เดอื ดรอ น — Attakilamathànuyoga: the extreme of self-mortification; extreme asceticism) Vin.I.10; S.V.420. วินย.4/13/18; ส.ํ ม.19/1664/528. [16] ทุกข 2 (สภาพที่ทนไดย าก, ความทุกข, ความไมสบาย — Dukkha: pain; suffering; discomfort) 1. กายกิ ทกุ ข (ทุกขทางกาย — Kàyika-dukkha: bodily pain; physical suffering) 2. เจตสกิ ทกุ ข (ทกุ ขท างใจ, โทมนสั — Cetasika-dukkha: mental pain; mental suffering) ดู [79] ทกุ ขตา 3 ดวย. D.II.306; S.V.209. ท.ี ม.10/295/342; ส.ํ ม.19/942,944/280. [17] เทศนา 21 (การแสดงธรรม, การชี้แจงแสดงความ — Desanà: preaching; exposition) 1. บุคคลาธิษฐานเทศนา (เทศนามบี คุ คลเปนที่ตง้ั , เทศนาอา งคน, แสดงโดยยกคนขึน้ อา ง, ยกคนเปนหลกั ฐานในการอธบิ าย — Puggalàdhiññhàna-desanà: exposition in terms of persons) 2. ธรรมาธิษฐานเทศนา (เทศนามธี รรมเปน ที่ตงั้ , เทศนาอา งธรรม, แสดงโดยยกหลักหรือ ตัวสภาวะขน้ึ อาง — Dhammàdhiññhàna-desanà: exposition in terms of ideas) เทศนา 2 นี้ ทา นสรุปมาจากเทศนา 4 ในคมั ภีรท่ีอางไว
[18] 64 พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร PsA.449. ปฏสิ .ํ อ.77. [18] เทศนา 22 (การแสดงธรรม ของพระพุทธเจา, การชี้แจงแสดงความ — Desanà: preaching; exposition; teaching) 1. สมมติเทศนา (เทศนาโดยสมมต,ิ แสดงตามความหมายที่รูรว มกนั หรือตกลงยอมรบั กนั ของชาวโลก เชน วา บุคคล สัตว หญิง ชาย กษัตรยิ เทวดา เปน ตน — Sammati-desanà: conventional teaching) 2. ปรมตั ถเทศนา (เทศนาโดยปรมตั ถ, แสดงตามความหมายของสภาวธรรมแทๆ เชน วา อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ขนั ธ ธาตุ อายตนะ เปน ตน — Paramattha-desanà: absolute teaching) ผูฟงจะเขาใจความ สาํ เรจ็ ประโยชนดว ยเทศนาอยางใด กท็ รงแสดงอยางนั้น ใน ท.ี อ. 1/436; สํ.อ. 2/98 และ ปจฺ .อ. 182 เปนตน กลาวถงึ กถา 2 คอื สมมติกถา และ ปรมัตถกถา พึงทราบความหมายตามแนวความอยา งเดยี วกันน้ี ดู [50] สัจจะ 2. AA.I.94; etc. องฺ.อ.1/99, ฯลฯ. [19] ธรรม 21 (สภาวะ, สงิ่ , ปรากฏการณ — Dhamma: things; states; phenomena) 1. รูปธรรม (สภาวะอันเปนรูป, ส่ิงท่ีมีรูป, ไดแกรูปขันธทั้งหมด — Råpadhamma: materiality; corporeality) 2. อรปู ธรรม (สภาวะมใิ ชร ปู , สง่ิ ทไี่ มม รี ปู , ไดแ กน ามขนั ธ 4 และนพิ พาน — Aråpadhamma: immateriality; incorporeality) ในบาลที มี่ า ทา นเรียก รปู โน ธมฺมา และ อรปู โน ธมมฺ า Dhs.193,245. อภิ.ส.ํ 34/705/279; 910/355. [20] ธรรม 22 (สภาวะ, สิ่ง, ปรากฏการณ — Dhamma: things; states; phenomena) 1. โลกยี ธรรม (ธรรมอนั เปน วสิ ยั ของโลก, สภาวะเนอื่ งในโลก ไดแกขันธ 5 ทีเ่ ปนสาสวะทั้ง หมด — Lokiya-dhamma: mundane states) 2. โลกุตตรธรรม (ธรรมอันมิใชวิสยั ของโลก, สภาวะพนโลก ไดแ กมรรค 4 ผล 4 นพิ พาน 1 — Lokuttara-dhamma: supermundane states) (+ โพธิปก ขยิ ธรรม 37: ข.ุ ปฏิ.620; Ps.II.166) ดู [310] โลกุตตรธรรม 9. Dhs.193,245. อภ.ิ ส.ํ 34/706/279; 911/355. [21] ธรรม 23 (สภาวะ, สิ่ง, ปรากฏการณ — Dhamma: things; states; phenomena) 1. สังขตธรรม (สิง่ ทีป่ จจัยปรงุ แตง คือ ขันธ 5 ทั้งหมด — Saïkhata-dhamma: condi- tioned things; compounded things) 2. อสังขตธรรม (ส่ิงท่ีปจจยั ไมป รงุ แตง คอื นพิ พาน — Asaïkhata-dhamma: the
หมวด 2 65 [26] Unconditioned, i.e. Nibbàna) Dhs.193,244. อภ.ิ ส.ํ 34/702/278; 907/354. [22] ธรรม 24 (สภาวะ, สิง่ , ปรากฏการณ — Dhamma: things; states; phenomena) 1. อุปาทนิ นธรรม (ธรรมทถี่ ูกยดึ , ธรรมทก่ี รรมอันสัมปยตุ ดวยตณั หาและทิฏฐเิ ขา ยดึ ครอง ไดแ ก นามขนั ธ 4 ท่ีเปนวบิ าก และรปู ทเี่ กิดแตกรรมทัง้ หมด — Upàdinna-dhamma: states grasped by craving and false view; grasped states) 2. อนปุ าทนิ นธรรม (ธรรมทไี่ มถ กู ยดึ , ธรรมทกี่ รรมอนั สมั ปยตุ ดว ยตณั หาและทฏิ ฐไิ มเ ขา ยดึ ครอง ไดแ ก นามขนั ธ 4 สว นนอกน้ี รปู ทมี่ ใิ ชเ กดิ แตก รรม และโลกตุ ตรธรรมทง้ั หมด — Anupàdinna- dhamma: states not grasped by craving and false view; ungrasped states) Dhs.211,255. อภิ.สํ.34/779/305; 955/369. [23] ธรรมคุมครองโลก 2 (ธรรมทีช่ ว ยใหโ ลกมคี วามเปนระเบยี บเรยี บรอ ย ไม เดอื ดรอนและสับสนวนุ วาย — Lokapàla-dhamma: virtues that protect the world) 1. หริ ิ (ความละอายบาป, ละอายใจตอ การทาํ ความชวั่ — Hiri: moral shame; conscience) 2. โอตตัปปะ (ความกลัวบาป, เกรงกลวั ตอความช่วั — Ottappa: moral dread) A.I.51; It.36. อง.ฺ ทกุ .20/255/65; ข.ุ อติ ิ. 25/220/257. [24] ธรรมทําใหงาม 2 (Sobhaõakaraõa-dhamma: gracing virtues) 1. ขนั ติ (ความอดทน, อดไดท นไดเ พอื่ บรรลคุ วามดงี ามและความมงุ หมายอนั ชอบ — Khanti: patience: forbearance; tolerance) 2. โสรจั จะ (ความเสงย่ี ม, อธั ยาศยั งาม รกั ความประณตี หมดจดเรยี บรอ ยงดงาม — Soracca: modesty; meekness) Vin.I.349; A.I.94. วินย.5/244/335; อง.ฺ ทกุ . 20/410/118. [,,] ธรรมที่พระพุทธเจาเห็นคุณประจักษ 2 ดู [65] อุปญญาตธรรม 2. [,,] ธรรมเปนโลกบาล 2 ดู [23] ธรรมคมุ ครองโลก 2. [25] ธรรมมีอุปการะมาก 2 (ธรรมท่ีเก้อื กลู ในกจิ หรือในการทําความดที กุ อยา ง — Bahukàra-dhamma: virtues of great assistance) 1. สติ (ความระลึกได, นกึ ได, สํานกึ อยไู มเ ผลอ — Sati: mindfulness) 2. สัมปชัญญะ (ความรูชัด, รูชัดสิ่งที่นึกได, ตระหนัก, เขาใจชัดตามความเปน จริง — Sampaja¤¤a: clear comprehension) D.III.273; A.I.95. ท.ี ปา.11/378/290; อง.ฺ ทกุ .20/424/119. [26] ธุระ 2 (หนาท่กี ารงานทีพ่ ึงกระทาํ , กจิ ในพระศาสนา — Dhura: burden; task; busi-
[27] 66 พจนานุกรมพุทธศาสตร ness; responsibility in the Dispensation) 1. คนั ถธรุ ะ (ธุระฝา ยคัมภีร, กิจดานการเลา เรยี น — Gantha-dhura: burden of study; task of learning) 2. วิปสสนาธุระ (ธรุ ะฝา ยเจรญิ วิปสสนา, กิจดา นการบําเพญ็ ภาวนา หรือเจรญิ กรรมฐาน อนั รวมทั้งสมถะท่ีเปนเบ้ืองตน ซ่ึงเรียกรวมเขาไวดวยโดยฐานมีวิปสสนาเปนสวนสําคัญและคลุม ยอด — Vipassanà-dhura: burden of insight development; task of meditation practice) ธุระ 2 นี้ มาในอรรถกถา DhA.I.7. ธ.อ.1/7. [27] นิพพาน 2 (สภาพทีด่ ับกเิ ลสและกองทุกขแ ลว , ภาวะทเ่ี ปนสุขสูงสดุ เพราะไรก ิเลสไร ทุกข เปน อสิ รภาพสมบรู ณ — Nibbàna: Nirvàõa; Nibbàna) 1. สอุปาทเิ สสนิพพาน (นิพพานยงั มีอุปาทเิ หลอื — Saupàdisesa-nibbàna: Nibbàna with the substratum of life remaining) 2. อนปุ าทิเสสนิพพาน (นพิ พานไมม อี ุปาทิเหลือ — Anupàdisesa-nibbàna: Nibbàna without any substratum of life remaining) หมายเหต:ุ ตามคาํ อธิบายนัยหนงึ่ วา 1. = ดบั กเิ ลส ยงั มีเบญจขนั ธเ หลอื (= กิเลสปรินิพพาน — Kilesa-parinibbàna: extinction of the defilements) 2. = ดบั กิเลส ไมมเี บญจขันธเหลือ (= ขันธปรนิ พิ พาน — Khandha-parinibbàna: extinc- tion of the Aggregates) หรือ 1. = นพิ พานของพระอรหนั ตผ ูยงั เสวยอารมณท ี่นาชอบใจและไมน า ชอบใจทางอินทรยี 5 รบั รู สุขทกุ ขอ ยู 2. = นพิ พานของพระอรหนั ตผรู ะงับการเสวยอารมณทัง้ ปวงแลว It.38. ขุ.อิต.ิ 25/222/258. อกี นัยหนง่ึ กลา วถึงบุคคลวา 1. สอปุ าทเิ สสบุคคล = พระเสขะ 2. อนปุ าทิเสสบุคคล = พระอเสขะ A.IV.379. อง.ฺ นวก.23/216/394. [28] บัญญัติ 2 และ 6 (การกาํ หนดเรยี ก หรอื สิ่งทถ่ี กู กาํ หนดเรยี ก, การกาํ หนดตงั้ หรอื ตราไวใหเ ปน ที่รกู นั — Pa¤¤atti: designation; term; concept) 1. ปญ ญาปยบัญญัติ หรอื อรรถบัญญัติ (บญั ญตั ใิ นแงเ ปนส่งิ อันพึงใหร กู นั , บญั ญัตทิ ีเ่ ปน
หมวด 2 67 [29] ความหมาย, บัญญตั คิ ือความหมายอนั พึงกาํ หนดเรียก, ตวั ความหมายทจ่ี ะพึงถกู ต้ังชือ่ เรียก — Pa¤¤àpiya~, Attha~: the Pa¤¤atti to be made known or conveyed; concept) 2. ปญญาปนบัญญัติ หรือ นามบญั ญตั ิ หรอื สทั ทบญั ญตั ิ (บญั ญตั ใิ นแงเ ปน เครอ่ื งใหรู กัน, บญั ญัติที่เปนชอื่ , บญั ญัติที่เปน ศัพท, ชอ่ื ที่ต้ังขึ้นใชเ รียก — Pa¤¤àpana~, Nàma~, Sadda~: the Pa¤¤atti that makes known or conveys; term; designation) ปญญาปยบญั ญัติ เรยี กเตม็ วา ปฺาปย ตฺตา ปฺตตฺ ิ, ปญ ญาปนบัญญัติ เรียกเตม็ วา ปฺาปนโต ปฺตฺติ ปญญาปนบญั ญัติ หรือ นามบัญญัติ แยกยอยออกเปน 6 อยา ง คือ 1. วชิ ชมานบญั ญัติ (บญั ญัติสงิ่ ท่ีมอี ยู เชน รูป เวทนา สมาธิ เปน ตน — Vijjamàna~: designation of a reality; real concept) 2. อวิชชมานบัญญัติ (บัญญตั สิ ิ่งทไี่ มมอี ยู เชน มา แมว รถ นายแดง เปนตน — Avijja- màna~: designation of an unreality; unreal concept) 3. วชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ (บญั ญตั สิ งิ่ ทไี่ มม ี ดว ยสง่ิ ทม่ี ี เชน คนดี นกั ฌาน ซงึ่ ความจรงิ มแี ตด ี คือภาวะทเ่ี ปนกศุ ล และฌาน แตคนไมม ี เปน ตน — Vijjamànena-avijjamàna~: designation of an unreality by means of a reality; unreal concept by means of real concept) 4. อวิชชมาเนนวิชชมานบญั ญัติ (บัญญัตสิ ิ่งทีม่ ี ดว ยสงิ่ ท่ไี มม ี เชน เสียงหญิง ซ่ึงความจริง หญิงไมมี มแี ตเ สยี ง เปน ตน — Avijjamànena-vijjamàna~: designation of a reality by means of an unreality; real concept by means of an unreal concept) 5. วชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญัติ (บญั ญัตสิ ่ิงทม่ี ี ดว ยส่ิงทม่ี ี เชน จกั ขุสมั ผสั โสตวญิ ญาณ เปน ตน — Vijjamànena-vijjamàna~: designation of a reality by means of a reality; real concept by means of a real concept) 6. อวชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ (บัญญตั ิสง่ิ ทไี่ มมี ดวยส่งิ ทีไ่ มม ี เชน ราชโอรส ลูก เศรษฐี เปน ตน — Avijjamànena-avijjamàna~: designation of an unreality by means of an unreality; unreal concept by means of an unreal concept) Pug.A.171; Comp.198. ปฺจ.อ.32; สงคฺ ห.49; สงคฺ ห.ฏีกา253. [29] บุคคลหาไดยาก 2 (Dullabha-puggala: rare persons) 1. บพุ การี (ผูทาํ อปุ การะกอ น, ผทู าํ ความดหี รอื ทําประโยชนใหแ ตต นโดยไมต อ งคอยคดิ ถึงผล ตอบแทน — Pubbakàrã: one who is first to do a favour; previous benefactor; ready benefactor) 2. กตญั ูกตเวที (ผรู ูอปุ การะท่ีเขาทําแลว และตอบแทน, ผรู ูจ กั คณุ คาแหงการกระทาํ ดขี องผู อ่นื และแสดงออกเพือ่ บชู าความดนี น้ั — Kata¤¤åkatavedã: one who is grateful and
[30] 68 พจนานกุ รมพุทธศาสตร repays the done favour; grateful person) A.I.87. อง.ฺ ทกุ .20/364/108. [30] บูชา 2 (Påjà: worship; acts of worship; honouring) 1. อามิสบชู า (บูชาดวยสิ่งของ — âmisa-påjà: worship or honouring with material things; material worship) 2. ปฏิบตั ิบูชา (บชู าดว ยการปฎิบตั ิ — Pañipatti-påjà: worship or honouring with practice; practical worship) ในบาลที มี่ า ปฏิบตั บิ ูชา เปน ธรรมบชู า A.I.93; D.II.138. อง.ฺ ทกุ .20/401/117; นยั ท.ี ม.10/129/160. [31] ปฏิสันถาร 2 (การตอ นรับ, การรับรอง, การทักทายปราศรัย — Pañisanthàra: hospitality; welcome; greeting) 1. อามสิ ปฏิสันถาร (ปฏิสันถารดว ยสิง่ ของ — âmisa-pañisanthàra: worldly hospitality; material or carnal greeting) 2. ธรรมปฏสิ นั ถาร (ปฏิสันถารดวยธรรมหรอื โดยธรรม — Dhamma-pañisanthàra: doc- trinal hospitality; spiritual greeting) A.I.93; Vbh.360. องฺ.ทุก.20/397/116; อภิ.ว.ิ 35/921/487. [32] ปธาน 2 (ความเพียร หมายเอาความเพยี รทีท่ าํ ไดยาก — Padhàna: hard struggles; painstaking endeavours) 1. คิหปิ ธาน (ความเพยี รของคฤหสั ถ ทจี่ ะอาํ นวยปจ จยั สแี่ กบ รรพชติ เปน ตน ) — Gihi-padhàna: struggle of householders to provide the four requisites. 2. ปพ พชิตปธาน (ความเพยี รของบรรพชิต ทีจ่ ะไถถอนกองกเิ ลส — Pabbajita-padhàna: struggle of the homeless to renounce all substrates of rebirth. A.I.49; Netti 159. องฺ.ทุก.20/248/63. [33] ปริเยสนา 2 (การแสวงหา — Pariyesanà: search; quest) 1. อนริยปรเิ ยสนา (แสวงหาอยางไมป ระเสริฐ, แสวงหาอยา งอนารยะ คือ ตนเองเปนผมู ชี าติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกะ และสงั กเิ ลสเปนธรรมดา กย็ งั ใฝแสวงหาแตส ิง่ อนั มีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกะ และสังกเิ ลสเปน ธรรมดา — Anariya-pariyesanà: unariyan or ignoble search) 2. อริยปริเยสนา (แสวงหาอยา งประเสรฐิ , แสวงหาอยา งอารยะ คือ ตนเปนผูมีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกะ และสงั กเิ ลสเปนธรรมดา แตร จู กั โทษขอ บกพรองของสง่ิ ทีม่ สี ภาพเชน นัน้ แลว ใฝ แสวงธรรมอันเกษม คอื นิพพาน อันไมมสี ภาพเชน นัน้ — Ariya-pariyesanà: ariyan or
หมวด 2 69 [35] noble search) สองอยา งน้ี เทียบไดกบั อามิสปรเิ ยสนา และ ธรรมปริเยสนา ท่ีตรัสไวในอังคุตตรนกิ าย; แตสาํ หรับคนสามญั อาจารยภ ายหลงั อธิบายวา ขอแรกหมายถงึ มจิ ฉาอาชีวะ ขอหลงั หมายถึง สัมมาอาชีวะ ดังนก้ี ม็ ี. M.I.161; A.I.93. ม.ม.ู 12/313/314; องฺ.ทุก.ฺ 20/399/116. [34] ปจจัยใหเกิดสัมมาทิฏฐิ 2 (ทางเกิดแหงแนวความคดิ ทีถ่ กู ตอ ง, ตน ทางของ ปญ ญาและความดีงามทงั้ ปวง — Sammàdiññhi-paccaya: sources or conditions for the arising of right view) 1. ปรโตโฆสะ (เสียงจากผอู ่ืน การกระตนุ หรอื ชกั จงู จากภายนอก คือ การรับฟงคําแนะนาํ ส่ัง สอน เลา เรยี น หาความรู สนทนาซกั ถาม ฟง คําบอกเลา ชักจูงของผอู ืน่ โดยเฉพาะการสดบั สัทธรรมจากทานผเู ปนกลั ยาณมติ ร — Paratoghosa: another's utterance; inducement by others; hearing or learning from others) 2. โยนโิ สมนสิการ (การใชความคดิ ถกู วิธี ความรจู ักคดิ คิดเปน คือ ทําในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทง้ั หลายดวยความคิดพิจารณา รูจักสบื สาวหาเหตผุ ล แยกแยะสงิ่ นนั้ ๆ หรอื ปญ หานนั้ ๆ ออก ใหเ หน็ ตามสภาวะและตามความสมั พนั ธแ หง เหตปุ จ จยั — Yonisomanasikàra: reasoned attention; systematic attention; genetical reflection; analytical reflection) ขอ ธรรม 2 อยางนี้ ไดแ ก ธรรมหมวดท่ี [1] และ [2] น่ันเอง แปลอยา งปจจบุ ันวา “องค ประกอบของการศกึ ษา” หรือ “บุพภาคของการศกึ ษา” โดยเฉพาะขอท่ี 1 ในทนี่ ใี้ ชคํากวา งๆ แต ธรรมทตี่ องการเนน กค็ ือ กัลยาณมิตตตา ปจจยั ใหเกิดมจิ ฉาทิฏฐิ ก็มี 2 อยาง คอื ปรโตโฆสะ และ อโยนิโสมนสกิ าร ซึง่ ตรงขามกับที่ กลาวมาน.ี้ ดู [280] บุพนมิ ิตแหงมรรค 7, [293] มรรคมอี งค 8 M.I.294; A.I.87. ม.ม.ู 12/497/539; องฺ.ทุก. 20/371/110. [35] ปาพจน 2 (วจนะอนั เปนประธาน, พทุ ธพจนห ลกั , คําสอนหลกั ใหญ — Pàvacana: fundamental text; fundamental teaching) 1. ธรรม (คําสอนแสดงหลักความจริงท่ีควรรู และแนะนําหลักความดีท่ีควรประพฤติ — Dhamma: the Doctrine) 2. วนิ ัย (ขอ บญั ญัตทิ ีว่ างไวเ ปนหลกั กํากบั ความประพฤติใหเปน ระเบยี บเรียบรอ ยเสมอกัน — Vinaya: the Discipline) ดู [75] ไตรปฎก ดวย. DII.154. ท.ี ม. 10/141/178. [,,] พุทธคุณ 2 ดู [304] พทุ ธคุณ 2.
[36] 70 พจนานุกรมพุทธศาสตร [,,] พุทธคุณ 3 ดู [305] พทุ ธคุณ 3. [,,] ไพบูลย 2 ดู [44] เวปุลละ 2. [36] ภาวนา 2 (การเจริญ, การทาํ ใหเ กิดใหม ีข้ึน, การฝก อบรมจติ ใจ — Bhàvanà: mental development) 1. สมถภาวนา (การฝก อบรมจติ ใหเกิดความสงบ, การฝกสมาธิ — Samatha-bhàvanà: tranquillity development) 2. วิปสสนาภาวนา (การฝกอบรมปญญาใหเ กิดความรแู จงตามเปนจริง, การเจริญปญญา — Vipassanà-bhàvanà: insight development) สองอยางนี้ ในบาลที ี่มาทา นเรียกวา ภาเวตพั พธรรม และ วชิ ชาภาคิยธรรม. ในคัมภรี สมัย หลัง บางทีเรยี กวา กรรมฐาน (อารมณเ ปนทต่ี ง้ั แหงงานเจริญภาวนา, ท่ีตั้งแหงงานทาํ ความเพยี ร ฝกอบรมจิต, วธิ ฝี กอบรมจิต — Kammaññhàna: stations of mental exercises; mental exercise; สงคฺ ห. 51; Comp. 202) D.III.273; A.I.60. ท.ี ปา.11/379/290; องฺ.ทุก.20/275/77. [37] ภาวนา 4 (การเจรญิ , การทาํ ใหเปนใหมขี ึ้น, การฝกอบรม, การพฒั นา — Bhàvanà: growth; cultivation; training; development) 1. กายภาวนา (การเจรญิ กาย, พฒั นากาย, การฝกอบรมกาย ใหรจู ักตดิ ตอ เกีย่ วของกบั สิ่งทั้ง หลายภายนอกทางอนิ ทรียทงั้ หา ดวยดี และปฏบิ ตั ิตอ สงิ่ เหลาน้ันในทางทเ่ี ปน คุณ มิใหเกดิ โทษ ใหก ศุ ลธรรมงอกงาม ใหอ กศุ ลธรรมเส่ือมสูญ, การพัฒนาความสมั พนั ธก ับสิ่งแวดลอ มทางกาย ภาพ — Kàya-bhàvanà: physical development) 2. สีลภาวนา (การเจรญิ ศีล, พฒั นาความประพฤติ, การฝก อบรมศลี ใหต ัง้ อยูในระเบยี บวนิ ัย ไมเบียดเบียนหรือกอ ความเดอื ดรอนเสียหาย อยูรว มกบั ผอู นื่ ไดดว ยดี เกื้อกูลแกกนั — Sãla- bhàvanà: moral development) 3. จติ ตภาวนา (การเจรญิ จิต, พัฒนาจิต, การฝกอบรมจติ ใจ ใหเขมแขง็ ม่นั คง เจริญงอกงาม ดว ยคุณธรรมท้ังหลาย เชน มีเมตตากรณุ า มีฉนั ทะ ขยันหมนั่ เพยี ร อดทน มสี มาธิ และสดชืน่ เบกิ บาน เปน สขุ ผองใส เปนตน — Citta-bhàvanà: cultivation of the heart; emotional development) 4. ปญ ญาภาวนา (การเจริญปญญา, พัฒนาปญ ญา, การฝก อบรมปญญา ใหร ูเขาใจสิ่งทั้ง หลายตามเปน จริง รูเ ทา ทนั เห็นแจง โลกและชวี ติ ตามสภาวะ สามารถทาํ จติ ใจใหเ ปน อสิ ระ ทําตน ใหบริสุทธิ์จากกิเลสและปลอดพนจากความทุกข แกไขปญหาที่เกิดข้ึนไดดวยปญญา — Pa¤¤à-bhàvanà: cultivation of wisdom; intellectual development; wisdom development) ในบาลที ม่ี า ทา นแสดงภาวนา 4 น้ี ในรปู ทเ่ี ปน คณุ บทของบคุ คล จงึ เปน ภาวติ 4 คอื ภาวติ กาย
หมวด 2 71 [39] ภาวิตศลี ภาวติ จิต ภาวิตปญญา (ผไู ดเจรญิ กาย ศีล จติ และปญญาแลว ) บุคคลที่มคี ณุ สมบตั ิ ชดุ นคี้ รบถวนยอ มเปนพระอรหนั ต A.III.106. องฺ.ปฺจก. 22/79/121. [38] รูป 21, 28 (สภาวะทแี่ ปรปรวนแตกสลายเพราะปจจยั ตางๆ อันขดั แยง , รา งกายและ สวนประกอบฝายวัตถุพรอมทั้งพฤติกรรมและคุณสมบัติของมัน, สวนที่เปนรางกับทั้งคุณและ อาการ — Råpa: corporeality; materiality; matter) 1. มหาภูต หรือ ภตู รปู 4 (สภาวะอันปรากฏไดเปนใหญๆ โตๆ หรือเปนตางๆ ไดม ากมาย, รปู ทีม่ ีอยูโ ดยสภาวะ, รปู ตน เดมิ ไดแ กธาตุ 4 — Mahàbhåta: primary elements) 2. อปุ าทารูป หรอื อุปาทายรปู 24 (รูปอาศยั , รูปที่เปนไปโดยอาศัยมหาภตู , คุณและอาการ แหง มหาภตู — Upàdà-råpa: derivative materiality) M.II.262; Ps.I.183. ม.อุ.14/83/75; ขุ.ปฏ.ิ 31/403/275. รูป 28 ก็คือรปู 2 หมวดขางตน นีเ้ อง แตน ับขอ ยอ ย กลา วคอื 1. มหาภูต หรือ ภตู รูป 4 (รูปใหญ, รูปเดิม — Mahàbhåta: primary elements; great essentials) ดู [39] 2. อุปาทายรปู 24 (รปู อาศัย, รปู สบื เนือ่ ง — Upàdà-råpa: derived material qualities) ดู [40] Comp.157. สงฺคห.33. [39] มหาภูต หรอื ภูตรูป 4 (Mahàbhåta: the Four Primary Elements; primary matter) 1. ปฐวธี าตุ (สภาวะทแ่ี ผไปหรอื กินเนือ้ ท,ี่ สภาพอันเปนหลกั ที่ตง้ั ที่อาศยั แหงสหชาตรูป เรยี ก สามัญวา ธาตุแขน แข็ง หรอื ธาตดุ ิน — Pañhavã-dhàtu: element of extension; solid element; earth) 2. อาโปธาตุ (สภาวะท่ีเอิบอาบหรอื ดูดซึม หรอื ซานไป ขยายขนาด ผนกึ พูนเขาดว ยกัน เรียก สามญั วา ธาตเุ หลว หรือ ธาตุนา้ํ — âpo-dhàtu: element of cohesion; liquid element; water) 3. เตโชธาตุ (สภาวะท่ีทําใหรอ น เรยี กสามญั วา ธาตุไฟ — Tejo-dhàtu: element of heat or radiation; heating element; fire) 4. วาโยธาตุ (สภาวะทท่ี าํ ใหส นั่ ไหว เคลอื่ นท่ี และคา้ํ จนุ เรยี กสามญั วา ธาตลุ ม — Vàyo-dhàtu: element of vibration or motion; air element; wind) สอี่ ยา งนี้ เรยี กอกี อยา งหนง่ึ วา ธาตุ 4 (ในคมั ภรี ช นั้ หลงั มี 2–3 แหง เรยี กวา มหาภตู รปู 4) D.I.214; Vism.443; Comp.154. ท.ี สี.9/343/277; วิสทุ ฺธิ.3/11; สงคฺ ห.33.
[40] 72 พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร [40] อุปาทารูป หรอื อุปาทายรูป 24 (Upàdà-råpa: derivative materiality) ก. ปสาทรูป 5 (รูปทเี่ ปนประสาทสาํ หรบั รบั อารมณ — Pasàda-råpa: sensitive material qualities) 1. จกั ขุ (ตา — Cakkhu: the eye) 2. โสตะ (หู — Sota: the ear) 3. ฆานะ (จมกู — Ghàna: the nose) 4. ชิวหา (ล้นิ — Jivhà: the tongue) 5. กาย (กาย — Kàya: the body) ข. โคจรรูป หรอื วสิ ัยรูป 5 (รปู ทีเ่ ปน อารมณหรือแดนรบั รูของอนิ ทรีย — Gocara-råpa or Visaya-råpa: material qualities of sense-fields) 6. รปู ะ (รปู — Råpa: form) 7. สัททะ (เสยี ง — Sadda: sound) 8. คันธะ (กล่ิน — Gandha: smell) 9. รสะ (รส — Rasa: taste) 0. โผฏฐัพพะ (สมั ผสั ทางกาย — Phoññhabba: tangible objects) ขอน้ีไมนับเพราะเปน อนั เดียวกับมหาภูต 3 คอื ปฐวี เตโช และ วาโย ท่กี ลา วแลวในมหาภตู ค. ภาวรูป 2 (รูปที่เปนภาวะแหงเพศ — Bhàva-råpa: material qualities of sex) 10. อิตถตั ตะ, อิตถินทรยี (ความเปนหญิง — Itthatta: femininity) 11. ปุริสัตตะ, ปรุ ิสินทรยี (ความเปน ชาย — Purisatta: masculinity) ง. หทยั รปู 1 (รปู คือหทัย — Hadaya-råpa: physical basis of mind) 12. หทยั วัตถุ* (ที่ตัง้ แหง ใจ, หวั ใจ — Hadaya-vatthu: heart-base) จ. ชีวติ รูป 1 (รูปท่ีเปนชีวิต — Jãvita-råpa: material quality of life) 13. ชีวติ ินทรยี (อินทรียค อื ชวี ติ — Jãvitindriya: life-faculty; vitality; vital force) ฉ. อาหารรูป 1 (รปู คืออาหาร — âhàra-råpa: material quality of nutrition) 14. กวฬงิ การาหาร (อาหารคือคําขาว, อาหารทก่ี ิน — Kavaëiïkàràhàra: edible food; nutriment) ช. ปรจิ เฉทรปู 1 (รปู ทก่ี าํ หนดเทศะ — Pariccheda-råpa: material quality of delimitation) 15. อากาสธาตุ (สภาวะคอื ชองวาง — âkàsa-dhàtu: space-element) ญ. วิญญัติรูป 2 (รปู คอื การเคล่อื นไหวใหร คู วามหมาย — Vi¤¤atti-råpa: material quality * ขอนี้ ในพระไตรปฎก รวมท้งั อภธิ รรมปฎก ไมมี เวนแตป ฏ ฐานใชคาํ วา วัตถุ ไมม ี หทัย
หมวด 2 73 [42] of communication) 16. กายวญิ ญตั ิ (การเคลือ่ นไหวใหรคู วามหมายดว ยกาย — Kàya-vi¤¤atti: bodily inti- mation; gesture) 17. วจวี ิญญตั ิ (การเคล่ือนไหวใหร คู วามหมายดวยวาจา — Vacã-vi¤¤atti: verbal inti- mation; speech) ฎ. วิการรปู 5 (รปู คืออาการทดี่ ดั แปลงทาํ ใหแ ปลกใหพ ิเศษได — Vikàra-råpa: material quality of plasticity or alterability) 18. [รูปส สะ] ลหตุ า (ความเบา — Lahutà: lightness; agility) 19. [รูปส สะ] มทุ ุตา (ความออ นสลวย — Mudutà: pliancy; elasticity; malleability) 20. [รูปสสะ] กัมมัญญตา (ความควรแกการงาน, ใชการได — Kamma¤¤atà: adaptability; wieldiness) 0. วญิ ญัตริ ปู 2 ไมน ับเพราะซาํ้ ในขอ ญ. ฏ. ลักขณรปู 4 (รูปคือลักษณะหรืออาการเปนเคร่อื งกําหนด — Lakkhaõa-råpa: material quality of salient features) 21. [รูปสสะ] อปุ จยะ (ความกอตัวหรอื เติบขึน้ — Upacaya: growth; integration) 22. [รูปสสะ] สนั ตติ (ความสืบตอ — Santati: continuity) 23. [รปู ส สะ] ชรตา (ความทรุดโทรม — Jaratà: decay) 24. [รูปสสะ] อนิจจตา (ความปรวนแปรแตกสลาย — Aniccatà: impermanence) Dhs.127; Vism.443; Comp.155. อภิ.ส.ํ 34/504/185; วิสุทธฺ .ิ 3/11; สงฺคห.34. [41] รูป 22 (สงิ่ ท่เี ปน รา งพรอ มทัง้ คณุ และอาการ — Råpa: matter; materiality) 1. อปุ าทนิ นกรปู (รปู ทก่ี รรมยดึ ครองหรอื เกาะกมุ ไดแ กร ปู ทเ่ี กดิ จากกรรม — Upàdinnaka- råpa: kammically grasped materiality; clung-to materiality; organic matter) 2. อนุปาทินนกรูป (รูปท่ีกรรมไมยึดครองหรือเกาะกุม ไดแกรูปท่ีมิใชเกิดจากกรรม — Anupàdinnaka-råpa: kammically ungrasped materiality; not-clung-to materiality; inorganic matter) Vbh.14; Vism.450; Comp.159. อภิ.ว.ิ 35/36/19; วสิ ุทฺธ.ิ 3/20; สงคฺ ห.35. [42] ฤทธิ์ 2 (อิทธิ คือความสาํ เรจ็ ความรงุ เรอื ง — Iddhi: achievement; success; prosperity) 1. อามสิ ฤทธ (อามิสเปนฤทธิ์, ความสาํ เรจ็ หรอื ความรุง เรอื งทางวตั ถุ — âmisa-iddhi: achievement of carnality; material or carnal prosperity) 2. ธรรมฤทธิ์ (ธรรมเปน ฤทธิ,์ ความสาํ เร็จหรอื ความรงุ เรอื งทางธรรม — Dhamma-iddhi:
[43] 74 พจนานุกรมพุทธศาสตร achievement of righteousness; doctrinal or spiritual prosperity) A.I.93. อง.ฺ ทกุ .20/403/117. [,,] โลกบาลธรรม 2 ดู [23] ธรรมคุมครองโลก 2. [43] วิมุตติ 2 (ความหลดุ พน — Vimutti: deliverance; liberation; freedom) 1. เจโตวิมตุ ติ (ความหลดุ พน แหง จิต, ความหลดุ พนดวยอาํ นาจการฝกจติ , ความหลดุ พนแหง จติ จากราคะ ดว ยกําลังแหงสมาธิ — Cetovimutti: deliverance of mind; liberation by concentration) 2. ปญ ญาวิมตุ ติ (ความหลุดพน ดว ยปญญา, ความหลุดพนดวยอํานาจการเจรญิ ปญญา, ความ หลดุ พนแหงจิตจากอวชิ ชา ดวยปญญาท่รี ูเหน็ ตามเปนจริง — Pa¤¤àvimutti: deliverance through insight; liberation through wisdom) A.I.60. องฺ.ทกุ .20/276/78. [,,] เวทนา 2 ดู [110] เวทนา 2. [44] เวปุลละ 2 (ความไพบูลย — Vepulla: abundance) 1. อามิสเวปุลละ (อามิสไพบลู ย, ความไพบลู ยแหงอามสิ — âmisa-vepulla: abundance of material things; material abundance) 2. ธมั มเวปุลละ (ธรรมไพบลู ย ความไพบลู ยแ หงธรรม — Dhamma-vepulla: abundance of virtues; doctrinal or spiritual abundance) A.I.93. องฺ.ทุก.20/407/117. [45] สมาธิ 2 (ความตงั้ มน่ั แหง จติ , ภาวะทจี่ ติ สงบนง่ิ จบั อยทู อ่ี ารมณอ นั เดยี ว — Samàdhi: concentration) 1. อปุ จารสมาธิ (สมาธเิ ฉียดๆ, สมาธิจวนจะแนว แน — Upacàra-samàdhi: access con- centration) 2. อัปปนาสมาธิ (สมาธแิ นวแน, สมาธิแนบสนทิ , สมาธิในฌาน — Appanà-samàdhi: attainment concentration) Vism.85, 371. วิสทุ ฺธ.ิ 1/105; 2/194. [46] สมาธิ 31 (ความตงั้ มน่ั แหง จติ , ภาวะทจ่ี ติ สงบนง่ิ จบั อยทู อี่ ารมณอ นั เดยี ว — Samàdhi: concentration) 1. ขณิกสมาธิ (สมาธชิ ่ัวขณะ — Khaõika-samàdhi: momentary concentration) 2. อุปจารสมาธิ (สมาธิจวนจะแนว แน — Upacàra-samàdhi: access concentration) 3. อปั ปนาสมาธิ (สมาธแิ นวแน — Appanà-samàdhi: attainment concentration) DhsA.117; Vism.144. สงฺคณี.อ.207; วิสุทฺธิ.1/184.
หมวด 2 75 [50] [47] สมาธิ 32 (ความตัง้ มน่ั แหง จิต หมายถึงสมาธใิ นวปิ สสนา หรือตัววิปส สนานั่นเอง แยก ประเภทตามลกั ษณะการกาํ หนดพจิ ารณาไตรลกั ษณ ขอ ทใี่ หส าํ เรจ็ ความหลดุ พน — Samàdhi: concentration) 1. สญุ ญตสมาธิ (สมาธิอันพิจารณาเหน็ ความวาง ไดแ ก วปิ ส สนาทีใ่ หถ งึ ความหลดุ พน ดวย กาํ หนดอนตั ตลักษณะ — Su¤¤ata-samàdhi: concentration on the void) 2. อนมิ ิตตสมาธิ (สมาธิอันพิจารณาธรรมไมม นี มิ ิต ไดแ ก วิปสสนาทใ่ี หถงึ ความหลดุ พนดวย กําหนดอนิจจลักษณะ — Animitta-samàdhi: concentration on the signless) 3. อัปปณหิ ิตสมาธิ (สมาธิอนั พิจารณาธรรมไมมคี วามตั้งปรารถนา ไดแ ก วปิ ส สนาท่ใี หถงึ ความหลุดพน ดวยกําหนดทกุ ขลกั ษณะ — Appaõihita-samàdhi: concentration on the desireless or non-hankering) ดู [107] วิโมกข 3. D.III.219; A.I.299; Ps.I.49. ท.ี ปา.11/228/231; องฺ.ตกิ .20/599/385; ขุ.ปฏิ.31/92/70. [48] สังขาร 2 (สภาพทป่ี จจยั ท้ังหลายปรุงแตงขึ้น, ส่ิงท่เี กดิ จากเหตุปจ จยั — Saïkhàra: conditioned things; compounded things) 1. อปุ าทินนกสงั ขาร (สังขารทกี่ รรมยดึ ครองหรอื เกาะกมุ ไดแ กอปุ าทนิ นธรรม — Upà- dinnaka-saïkhàra: kammically grasped phenomena) 2. อนุปาทินนกสังขาร (สังขารท่กี รรมไมย ดึ ครองหรือเกาะกมุ ไดแกอนปุ าทนิ นธรรมทงั้ หมด เวน แตอสงั ขตธาตุ คอื นพิ พาน — Anupàdinnaka-saïkhàra: kammically ungrasped phenomena) ดู [22] ธรรม 24; [41] รปู 22; [119] สงั ขาร 3 1; [185] สงั ขาร 4 ดวย. AA.IV.50. องฺ.อ.3/223; วภิ งคฺ .อ.596. [49] สังคหะ 2 (การสงเคราะห — Saïgaha: aid; giving of help or favours; act of aiding or supporting) 1. อามสิ สังคหะ (อามิสสงเคราะห, สงเคราะหด ว ยอามิส — âmisa-saïgaha: supporting with requisites; material aid) 2. ธมั มสังคหะ (ธรรมสงเคราะห, สงเคราะหดวยธรรม — Dhamma-saïgaha: aiding by teaching or showing truth; spiritual aid) A.I.91. อง.ฺ ทุก.20/393/115. [50] สัจจะ 2 (ความจรงิ — Sacca: truth) 1. สมมติสจั จะ (ความจรงิ โดยสมมตุ ิ, ความจริงท่ขี ้นึ ตอ การยอมรับของคน, ความจริงท่ีถือ ตามความกาํ หนดหมายตกลงกันไวของชาวโลก เชน วา คน สัตว โตะ หนงั สอื เปนตน —
[51] 76 พจนานุกรมพุทธศาสตร Sammati-sacca: conventional truth) 2. ปรมตั ถสจั จะ (ความจริงโดยปรมตั ถ, ความจรงิ ท่มี อี ยใู นธรรมชาติ โดยไมข นึ้ ตอ การยอม รบั ของคน, ความจริงตามความหมายขน้ั สดุ ทา ยทีต่ รงตามสภาวะและเทา ทีจ่ ะกลาวถงึ ได เชนวา รปู นาม เวทนา จติ เจตสิก เปน ตน — Paramattha-sacca: ultimate truth, absolute truth) AA.I.95; KvuA.34. องฺ.อ.1/100; ปจฺ .อ.153,182,241; ฯลฯ. [51] สาสน หรือ ศาสนา 2 (คําสอน — Sàsana: teaching; dispensation) 1. ปริยัติศาสนา (คาํ สอนฝายปริยัติ, คําสอนอันจะตองเลาเรียนหรือจะตอ งชํา่ ชอง ไดแก สุตตะ เคยยะ ฯลฯ เวทลั ละ — Pariyatti-sàsana: teaching to be studied or mastered; textual or scriptural teaching; dispensation as text) = [302] นวงั คสัตถุศาสน 2. ปฏิบัตศิ าสนา (คาํ สอนฝายปฏิบัต,ิ คาํ สอนท่จี ะตองปฏบิ ัติ ไดแ ก สมั มาปฏิปทา อนโุ ลม- ปฏปิ ทา อปจ จนีกปฏปิ ทา (ปฏปิ ทาทไี่ มขดั ขวาง) อนั วัตถปฏิปทา (ปฏิปทาทเี่ ปนไปตามความมุง หมาย) ธัมมานธุ ัมมปฏิปทา (ปฏิบัตธิ รรมถกู หลัก) กลา วคือ การบําเพญ็ ศีลใหบรบิ ูรณ, [128] ความคมุ ครองทวารในอนิ ทรียทงั้ หลาย โภชเนมัตตญั ตุ า ชาคริยานุโยค สตสิ ัมปชัญญะ, [182] สตปิ ฏฐาน 4, [156] สัมมัปปธาน 4, [213] อทิ ธบิ าท 4, [258] อนิ ทรยี 5, [228] พละ 5, [281] โพชฌงค 7, [293] มรรคมอี งค 8 — Pañipatti-sàsana: teaching to be practised; practical teaching; dispensation as practice) ทเี่ ปน สําคัญในหมวดนี้ กค็ ือ [352] โพธิ- ปก ขิยธรรม 37. Nd1143. ขุ.ม.29/232/175. [52] สุข 21 (ความสขุ — Sukha: pleasure; happiness) 1. กายกิ สุข (สขุ ทางกาย — Kàyika-sukha: bodily happiness) 2. เจตสิกสขุ (สขุ ทางใจ — Cetasika-sukha: mental happiness) A.I.80. องฺ.ทกุ .20/315/101. [53] สุข 22 (ความสขุ — Sukha: pleasure; happiness) 1. สามสิ สขุ (สขุ อิงอามสิ , สุขอาศยั เหยือ่ ลอ , สขุ จากวตั ถคุ ือกามคุณ — Sàmisa-sukha: carnal or sensual happiness) 2. นริ ามิสสุข (สขุ ไมอ ิงอามิส, สุขไมตองอาศยั เหย่ือลอ , สุขปลอดโปรง เพราะใจสงบหรือไดรู แจงตามเปน จริง — Niràmisa-sukha: happiness independent of material things or sensual desires; spiritual happiness) A.I.80. องฺ.ทกุ .20/313/101. [54] สุทธิ 2 (ความบรสิ ุทธ์,ิ ความสะอาดหมดจด — Suddhi: purity) 1. ปรยิ ายสทุ ธิ (ความบริสทุ ธ์บิ างสว น, หมดจดในบางแงบางดา น ไดแก ความบรสิ ุทธข์ิ อง
หมวด 2 77 [57] ปถุ ุชนจนถงึ พระอริยบคุ คลผตู งั้ อยูใ นอรหัตตมรรค ท่ีครองตนบริสทุ ธิด์ วยขอปฏิบัติหรือธรรมที่ ตนเขาถึงบางอยา ง แตยังมกี จิ ในการละและเจริญซึง่ จะตองทําตอ ไปอีก — Pariyàya-suddhi: partial purity) 2. นปิ ปรยิ ายสทุ ธิ (ความบริสทุ ธสิ์ ิน้ เชงิ , หมดจดแทจ รงิ เต็มความหมาย ไดแก ความบรสิ ทุ ธ์ิ ของพระอรหันตผูเสร็จกิจในการละและการเจริญธรรม ครองตนไรมลทินทุกประการ — Nippariyàya-suddhi: absolute purity) AA.I.293–4. อง.ฺ อ.2/4. [,,] อรหันต 2 ดู [61] อรหนั ต 2. [55] อริยบุคคล 2 (บุคคลผูป ระเสรฐิ , ผบู รรลธุ รรมพิเศษต้ังแตโ สดาปตตมิ รรคขนึ้ ไป, ผู เปนอารยะในความหมายของพระพุทธศาสนา — Ariya-puggala: noble individuals; holy persons) 1. เสขะ (พระเสขะ, พระผยู งั ตอ งศึกษา ไดแกพระอริยบุคคล 7 เบ้ืองตนในจาํ นวน 8 — Sekha: the learner) 2. อเสขะ (พระอเสขะ, พระผไู มตอ งศึกษา ไดแกผบู รรลุอรหตั ตผลแลว — Asekha: the adept) ทั้ง 2 ประเภทน้ี ในบาลที ม่ี าเรียกวา ทักขไิ ณยบุคคล 2. A.I.62. องฺ.ทุก.20/280/80. [56] อริยบุคคล 4 1. โสดาบนั (“ผถู งึ กระแส”, ทา นผบู รรลโุ สดาปต ตผิ ลแลว — Sotàpanna: Stream-Enterer) 2. สกทาคามี (“ผกู ลบั มาอกี ครงั้ เดยี ว”, ทา นผบู รรลสุ กทาคามผิ ลแลว — Sakadàgàmã: Once-Returner) 3. อนาคามี (“ผไู มเ วยี นกลบั มาอกี ”, ทา นผบู รรลอุ นาคามผิ ลแลว — Anàgàmã: Non- Returner) 4. อรหนั ต (“ผคู วร”, “ผหู กั กาํ แหง สงสารแลว ”, ทา นผบู รรลอุ รหตั ตผลแลว — Arahanta: the Worthy One) ดู [164] มรรค 4; [329] สังโยชน 10 1. D.I.156. นัย ที.สี.9/250–253/199–200. [57] อริยบุคคล 8 แยกเปน มรรคสมงั คี (ผพู รอ มดวยมรรค) 4, ผลสมังคี (ผพู รอ มดว ย ผล) 4 1. โสดาบนั (ทา นผูบรรลโุ สดาปตตผิ ลแลว , พระผูตัง้ อยูในโสดาปตตผิ ล — one who has entered the Stream; one established in the Fruition of Stream-Entry; Stream-Enterer)
[58] 78 พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร 2. ทา นผปู ฏบิ ัตเิ พื่อทําใหแ จง โสดาปต ตผิ ล (พระผูตัง้ อยูใ นโสดาปตติมรรค — one who has worked for the realization of the Fruition of Stream-Entry; one established in the Path of Stream-Entry) 3. สกทาคามี (ทา นผบู รรลุสกทาคามิผลแลว, พระผตู ง้ั อยใู นสกทาคามผิ ล — one who is a Once-Returner; one established in the Fruition of Once-Returning) 4. ทา นผูป ฏิบตั ิเพอ่ื ทําใหแจงสกทาคามผิ ล (พระผตู งั้ อยใู นสกทาคามิมรรค — one who has worked for the realization of the Fruition of Once-Returning; one established in the Path of Once-Returning) 5. อนาคามี (ทานผูบ รรลอุ นาคามิผลแลว, พระผูต้ังอยใู นอนาคามิผล — one who is a Non-Returner; one established in the Fruition of Non-Returning) 6. ทา นผปู ฏบิ ตั ิเพอื่ ทําใหแ จงอนาคามิผล (พระผตู ้ังอยูในอนาคามิมรรค — one who has worked for the realization of the Fruition of Non-Returning; one established in the Path of Non-Returning) 7. อรหันต (ทา นผูบรรลุอรหตั ตผลแลว , พระผตู ั้งอยใู นอรหัตตผล — one who is an Arahant; one established in the Fruition of Arahantship) 8. ทานผปู ฏิบัตเิ พอ่ื ทําใหแ จง อรหัตตผล (พระผูต ั้งอยใู นอรหัตตมรรค — one who has worked for the realization of the Fruition of Arahantship; one established in the Path of Arahantship) ทงั้ 8 ประเภทนี้ ในบาลที ี่มาทั้งหลายเรยี กวา ทกั ขไิ ณยบุคคล 8 ดู [164–5] มรรค 4 ผล 4 ดวย. D.III.255; A.IV.291; Pug 73. ท.ี ปา.11/342/267; องฺ.อฏก.23/149/301; อภิ.ป.ุ 36/150/233. [58] โสดาบัน 3 (ทา นผูบรรลโุ สดาปต ตผิ ลแลว , ผแู รกถงึ กระแสอนั นาํ ไปสูพระนพิ พาน แนตอ การตรัสรูขา งหนา — Sotàpanna: Stream-Enterer) 1. เอกพีชี (ผูมีพืชคอื อตั ภาพอนั เดยี ว คือ เกิดอีกครั้งเดียว กจ็ ักบรรลอุ รหัต — Ekabãjã: the Single-Seed) 2. โกลงั โกละ (ผไู ปจากสกุลสสู กุล คือ เกดิ ในตระกลู สงู อีก 2–3 คร้ัง หรอื เกิดในสุคติอีก 2–3 ภพ ก็จักบรรลุอรหัต — Kolaïkola: the Clan-to-Clan) 3. สัตตักขตั ตุงปรมะ (ผูมเี จด็ ครั้งเปน อยางยิง่ คือ เวยี นเกิดในสุคติภพอกี อยา งมากเพยี ง 7 ครง้ั ก็จักบรรลุอรหัต — Sattakkhattu§parama: the Seven-Times-at-Most) เกณฑแบงหรือเหตใุ หเ ปน เชน น้ี กําหนดดว ยวิปส สนาและความมีอินทรียอันแกก ลา ปาน กลาง และออ นกวา กนั ตามลาํ ดับ A.I.233: IV.380; V.120; Pug.3,16,74. อง.ฺ ติก.20/528/302;อง.ฺ นวก.23/216/394;องฺ.ทสก.24/64/129/;อภ.ิ ปุ.36/47–9/147.
หมวด 2 79 [61] [59] สกทาคามี 3, 5 (ทา นผบู รรลสุ กทาคามผิ ลแลว , ผกู ลบั มาอกี ครงั้ เดยี ว — Sakadà- gàmã: Once-Returner) พระสกทาคามีนี้ ในบาลมี ไิ ดแยกประเภทไว แตในคัมภีรร ุนหลังแยกประเภทไวหลายอยาง เชน ในคัมภีรป รมตั ถโชตกิ า แยกไวเ ปน 3 ประเภท คือ ผไู ดบ รรลุผลนัน้ ในกามภพ 1 ในรปู ภพ 1 ในอรูปภพ 1 ในคัมภีรป รมัตถมัญชุสา จาํ แนกไว 5 ประเภท คือ ผูบรรลุในโลกน้แี ลว ปรนิ พิ พานในโลก นี้เอง 1 ผบู รรลใุ นโลกน้แี ลว ปรนิ ิพพานในเทวโลก 1 ผบู รรลุในเทวโลกแลว ปรินิพพานใน เทวโลกนน้ั เอง 1 ผูบรรลุในเทวโลกแลว เกิดในโลกนีจ้ ึงปรินพิ พาน 1 ผบู รรลใุ นโลกนแ้ี ลว ไป เกดิ ในเทวโลกหมดอายุแลว กลบั มาเกดิ ในโลกนจี้ งึ ปรินิพพาน 1 และอธิบายตอ ทายวา พระ สกทาคามีท่ีกลา วถงึ ในบาลหี มายเอาประเภทที่ 5 อยา งเดียว นอกจากน้ี ทีท่ านแบงออกเปน 4 บาง 12 บาง ก็มี แตจ ะไมก ลา วไวในทนี่ ี้ KhA.182. ขทุ ทฺ ก.อ.199; วิสทุ ฺธ.ิ ฏกี า3/655. [60] อนาคามี 5 (ทา นผบู รรลอุ นาคามผิ ลแลว , ผูไมเวียนกลบั มาอกี — Anàgàmã: Non- Returner) 1. อันตราปรินพิ พายี (ผปู รนิ พิ พานในระหวาง คอื เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหนงึ่ แลว อายยุ งั ไมถ ึงกง่ึ ก็ปรนิ พิ พานโดยกเิ ลสปรินิพพาน — Antarà-parinibbàyã: one who attains Parinibbàna within the first half life-span) 2. อุปหัจจปรนิ ิพพายี (ผูจวนจะถึงจงึ ปรนิ พิ พาน คือ อายุพน ก่ึงแลว จวนจะถงึ ส้นิ อายุจึง ปรินพิ พาน — Upahacca-parinibbàyã: one who attains Parinibbàna after the first half life-span) 3. อสังขารปรนิ พิ พายี (ผูป รินิพพานโดยไมต อ งใชแรงชกั จงู คือ ปรนิ ิพพานโดยงาย ไมต อง ใชความเพยี รนัก — Asaïkhàra-parinibbàyã: one who attains Parinibbàna without exertion) 4. สสังขารปรินิพพายี (ผูปรินพิ พานโดยใชแรงชกั จูง คอื ปรนิ พิ พานโดยตองใชความเพยี ร มาก — Sasaïkhàra-parinibbàyã: one who attains Parinibbàna with exertion) 5. อทุ ธงั โสโตอกนฏิ ฐคามี (ผูมกี ระแสในเบื้องบนไปสอู กนิฏฐภพ คอื เกดิ ในสทุ ธาวาสภพใด ภพหนึ่งก็ตาม จะเกิดเลอ่ื นตอ ขึ้นไปจนถึงอกนฏิ ฐภพแลวจงึ ปรนิ พิ พาน — Uddha§soto- akaniññhagàmã: one who goes upstream bound for the highest realm; up-streamer bound for the Not-Junior Gods) เกณฑแบง ไดแกค วามตางแหง อนิ ทรีย มศี รัทธาเปนตน ท่ียิ่งหยอ นกวากนั A.I.233; IV.14,70,380; V.120; Pug.16. องฺ.ตกิ .20/528/302; อง.ฺ นวก.23/216/394; องฺ.ทสก.24/64/129; อภ.ิ ปุ.36/52–6/148. [61] อรหันต 2 (ผูบ รรลอุ รหัตตผลแลว , ทานผสู มควรรบั ทักษิณาและการเคารพบชู าอยา ง
[62] 80 พจนานกุ รมพุทธศาสตร แทจ รงิ — Arahanta: an Arahant; arahant; Worthy One) 1. สกุ ขวิปส สก (ผเู หน็ แจงอยางแหง แลง คือ ทานผูมไิ ดฌ าน สาํ เรจ็ อรหัตดวยเจรญิ แต วปิ ส สนาลว นๆ — Sukkhavipassaka: the dry-visioned; bare-insight worker) 2. สมถยานิก (ผูมสี มถะเปนยาน คอื ทานผูเจรญิ สมถะจนไดฌานสมาบตั แิ ลว จงึ เจรญิ วปิ ส สนาตอ จนไดสําเร็จอรหัต — Samathayànika: one whose vehicle is tranquillity; the quiet-vehicled) การจําแนกพระอรหันตเปนสองประเภทอยางนี้ มาในคัมภีรชั้นหลังเชน ปรมัตถโชติกา เปนตน ไมปรากฏในบาลีแหง ใด สรปุ คําอธบิ ายเพอ่ื เขาใจเพิม่ เติมดงั น้ี ประเภทที่ 1 คอื ทานทอ่ี าศัยเพียงอปุ จารสมาธิ เจรญิ วปิ ส สนาไปจนถึงท่สี ุด แตเ มือ่ จะสาํ เรจ็ อรหตั นนั้ กเ็ ปน ผไู ดป ฐมฌาน ประเภทน้ี เรยี กอกี อยา งวา วปิ ส สนายานกิ หรอื สทุ ธวปิ ส สนายานกิ (ผมู ีวปิ ส สนาลว นๆ เปน ยาน — Suddhavipassanàyànika: one whose vehicle is pure insight; the insight-vehicled) ประเภทที่ 2 คอื ที่บาลีเรียกวา อภุ โตภาควิมตุ KhA.178,183; Vism.587,666. ขทุ ทฺ ก.อ.200; วสิ ุทฺธิ.3/206,312; วิสทุ ฺธิ.ฏีกา3/398;576. [62] อรหันต 4, 5, 60 (Arahanta: an Arahant; arahant; Worthy One) 1. สกุ ขฺ วปิ สฺสโก (ผูเ จริญวปิ สสนาลว น — Sukkhavipassaka: bare-insight worker) 2. เตวชิ โฺ ช (ผูไดวิชชาสาม — Tevijja: one with the Threefold Knowledge) 3. ฉฬภิฺโ (ผูไ ดอภญิ ญาหก — Chaëabhi¤¤a: one with the Sixfold Super- knowledge) 4. ปฏสิ มฺภทิ ปฺปตฺโต (ผูบ รรลปุ ฏิสมั ภทิ า — Pañisambhidappatta: one having attained the Analytic Insights) พระอรหันตท้ังส่ีในหมวดนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรง ประมวลแสดงไวในหนังสอื ธรรมวภิ าค ปริเฉทที่ 2 หนา 41 พึงทราบคําอธิบายตามที่มาเฉพาะ ของคาํ นั้นๆ แตในคัมภรี ทง้ั หลายนยิ มจาํ แนกเปน 2 อยาง เหมอื นในหมวดกอนบาง เปน 5 อยา งบา ง ท่ี เปน 5 คือ 1. ปญ ญาวมิ ตุ (ผูห ลดุ พนดวยปญญา — Pa¤¤àvimutta: one liberated by wisdom) 2. อุภโตภาควิมุต (ผูหลดุ พนทั้งสองสวน คือ ไดท ้งั เจโตวมิ ุตติ ขนั้ อรปู สมาบตั กิ อน แลว ได ปญ ญาวมิ ุตติ — Ubhatobhàgavimutta: one liberated in both ways) 3. เตวชิ ชะ (ผไู ดวชิ ชาสาม — Tevijja: one possessing the Threefold Knowledge) 4. ฉฬภิญญะ (ผไู ดอภิญญาหก — Chaëabhi¤¤a: one possessing the Sixfold Super- knowledge)
หมวด 2 81 [63] 5. ปฏิสัมภิทปั ปตตะ (ผบู รรลุปฏสิ มั ภทิ าสี่ — Pañisambhidappatta: one having gained the Four Analytic Insights) ท้ังหมดน้ี ยอ ลงแลว เปน 2 คอื พระปญญาวิมุต กับพระอุภโตภาควิมตุ เทานัน้ พระสุกข- วปิ สสกท่ีกลาวถงึ ขางตน เปน พระปญ ญาวิมุต ประเภทหน่ึง (ในจาํ นวนพระปญ ญาวมิ ตุ 5 ประเภท คอื พระสกุ ขวิปส สก และทานผไู ดฌ าน 4 ข้นั ใดข้นั หน่ึงมากอ นไดบ รรลุอรหัตตผล) พระเตวชิ ชะ กับพระฉฬภญิ ญะ เปน อุภโตภาควิมตุ ทั้งนัน้ แตท านแยกพระอุภโตภาควมิ ุตไว เปน ขอ หนง่ึ ตางหาก เพราะพระอุภโตภาควิมตุ ทไ่ี มไดโ ลกยี วิชชาและโลกียอภญิ ญา กม็ ี สว น พระปฏิสัมภิทัปปตตะ ไดความแตกฉานท้งั สด่ี วยปจ จยั ทัง้ หลาย คือ การเลาเรยี น สดบั สอบคน ประกอบความเพียรไวเกา และการบรรลุอรหัต. พระอรหนั ต 5 นัน้ แตล ะประเภท จําแนกโดยวโิ มกข 3 รวมเปน 15 จาํ แนกออกไปอกี โดย ปฏปิ ทา 4 จึงรวมเปน 60 ความละเอยี ดในขอนี้ จะไมแ สดงไว เพราะจะทําใหฟ น เฝอ ผตู อ งการ ทราบยิง่ ขึ้นไป พงึ นําหลกั ท่ีกลาวมาต้งั เปนเกณฑจ ําแนกไดเ อง ดู [61] อรหันต 2; [106] วชิ ชา 3; [155] ปฏสิ มั ภทิ า 4; [274] อภิญญา 6. Vism.710. วิสุทธฺ ิ.3/373; วสิ ุทธฺ ิ.ฏีกา3/657. [63] อริยบุคคล 7 (บุคคลผูประเสริฐ — Ariyapuggala: noble individuals) เรียงจาก สูงลงมา 1. อุภโตภาควมิ ุต (ผูห ลดุ พนท้งั สองสว น คอื ทา นทไ่ี ดสัมผสั วิโมกข 8 ดว ยกาย และส้ิน อาสวะแลวเพราะเห็นดว ยปญญา หมายเอาพระอรหันตผ ไู ดเจโตวิมุตติข้ันอรปู สมาบตั ิมากอนที่ จะไดปญ ญาวิมตุ ติ — Ubhatobhàgavimutta: one liberated in both ways) 2. ปญญาวมิ ตุ (ผหู ลุดพนดวยปญ ญา คือ ทา นทมี่ ิไดสมั ผสั วโิ มกข 8 ดวยกาย แตสนิ้ อาสวะ แลว เพราะเหน็ ดว ยปญ ญา หมายเอาพระอรหนั ตผ ไู ดป ญ ญาวมิ ตุ ตกิ ส็ าํ เรจ็ เลยทเี ดยี ว — Pa¤¤a- vimutta: one liberated by understanding) 3. กายสกั ขี (ผเู ปนพยานดว ยนามกาย หรอื ผูประจักษกับตวั คือ ทา นท่ไี ดส ัมผัสวโิ มกข 8 ดวยกาย และอาสวะบางสวนกส็ ิ้นไปเพราะเหน็ ดวยปญ ญา หมายเอาพระอรยิ บคุ คลผูบ รรลุโสดา ปต ตผิ ลแลว ขนึ้ ไป จนถึงเปน ผปู ฏบิ ัติเพือ่ อรหตั ทม่ี ีสมาธนิ ทรียแกกลา ในการปฏบิ ัติ — Kàya- sakkhã: the body-witness) 4. ทิฏฐิปปตตะ (ผบู รรลุสัมมาทฏิ ฐิ คือ ทา นท่เี ขาใจอริยสจั จธรรมถกู ตอ งแลว และอาสวะบาง สวนกส็ นิ้ ไปเพราะเห็นดวยปญ ญา หมายเอาพระอริยบคุ คลผบู รรลโุ สดาปต ติผลแลว ขน้ึ ไป จน ถึงเปน ผูปฏบิ ตั เิ พอื่ อรหตั ทม่ี ปี ญญินทรียแกกลาในการปฏบิ ัติ — Diññhippatta: one attained to right view) 5. สัทธาวมิ ุต (ผูห ลุดพนดวยศรัทธา คอื ทา นท่เี ขา ใจอริยสัจจธรรมถกู ตอ งแลว และอาสวะ บางสวนกส็ น้ิ ไปเพราะเห็นดวยปญ ญา แตม ีศรทั ธาเปน ตวั นํา หมายเอาพระอริยบคุ คลผบู รรลุ โสดาปตตผิ ลแลวขึน้ ไป จนถงึ เปนผูปฏบิ ัตเิ พือ่ อรหตั ท่มี ีสทั ธินทรียแกกลาในการปฏิบัติ —
[63] 82 พจนานุกรมพุทธศาสตร Saddhàvimutta: one liberated by faith) 6. ธมั มานุสารี (ผแู ลน ไปตามธรรม หรอื ผแู ลนตามไปดวยธรรม คือ ทานผูป ฏิบตั เิ พอื่ บรรลุ โสดาปต ติผลที่มปี ญญนิ ทรยี แกกลา อบรมอริยมรรคโดยมปี ญ ญาเปน ตัวนาํ ทานผนู ีถ้ า บรรลุผล แลว กลายเปน ทิฏฐปิ ปต ตะ — Dhammànusàrã: the truth-devotee) 7. สัทธานุสารี (ผูแลน ไปตามศรัทธา หรอื ผูแลน ตามไปดว ยศรทั ธา คอื ทานผปู ฏบิ ัตเิ พื่อบรรลุ โสดาปต ติผลที่มีสัทธินทรียแ กกลา อบรมอรยิ มรรคโดยมศี รทั ธาเปนตวั นํา ทานผูน ถ้ี าบรรลุผล แลว กลายเปน สทั ธาวมิ ตุ — Saddhànusàrã: the faith-devotee) กลาวโดยสรุป บคุ คลประเภทที่ 1 และ 2 (อภุ โตภาควมิ ตุ และปญญาวิมตุ ) ไดแ กพระอรหนั ต 2 ประเภท บคุ คลประเภทที่ 3, 4 และ 5 (กายสกั ขี ทฏิ ฐิปปต ตะ และสทั ธาวิมตุ ) ไดแ กพระโสดาบนั พระสกทาคามี พระอนาคามี และทา นผตู ้ังอยูในอรหตั ตมรรค จาํ แนกเปน 3 พวกตามอนิ ทรียที่ แกกลา เปนตัวนําในการปฏบิ ัติ คอื สมาธินทรีย หรือปญ ญินทรยี หรอื สทั ธินทรีย บุคคลประเภทที่ 6 และ 7 (ธมั มานุสารี และสทั ธานุสารี) ไดแกทานผูต้งั อยใู นโสดาปต ต-ิ มรรค จาํ แนกตามอนิ ทรียท่ีเปน ตวั นาํ ในการปฏิบัติ คอื ปญญินทรยี หรอื สทั ธนิ ทรีย อยา งไรกต็ าม ขอ ความทีอ่ ธบิ ายมาเกย่ี วกับบุคคลประเภทที่ 3, 4, 5 บางคมั ภีรก ลาววาเปน การแสดงโดยนปิ ปริยาย คอื แสดงความหมายโดยตรงจาํ เพาะลงไป แตในคัมภีรปฏสิ มั ภทิ ามคั ค ทานแสดงความหมายโดยปริยาย เรียกผูทีป่ ฏบิ ัติโดยมสี ัทธนิ ทรียเปนตวั นาํ วาเปน สัทธาวิมตุ ตั้งแตบ รรลโุ สดาปตตผิ ล ไปจนบรรลุอรหตั ตผล; เรียกผูปฏบิ ัตโิ ดยมีสมาธินทรยี เ ปน ตัวนาํ วา เปน กายสักขี ต้ังแตบรรลุโสดาปตติมรรค ไปจนบรรลุอรหัตตผล; เรียกผูท่ีปฏิบัติโดยมี ปญ ญินทรยี เปนตวั นาํ วาเปน ทฏิ ฐปิ ปตตะ ตัง้ แตบ รรลโุ สดาปต ติผลไปจนบรรลอุ รหตั ตผล; โดยนยั นีจ้ งึ มีคาํ เรียกพระอรหันตว า สัทธาวิมุต หรือ กายสักขี หรอื ทฏิ ฐปิ ปตตะ ไดด ว ย แตถา ถือศัพทเครงครัด กม็ แี ต อุภโตภาควิมตุ กบั ปญญาวิมตุ เทาน้ัน ในฎีกาแหงวิสุทธิมคั คคอื ปรมตั ถมญั ชุสา มคี ําอธิบายวา ผไู มไ ดว ิโมกข 8 เมื่อต้งั อยใู นโสดา ปต ติมรรคเปน สทั ธานสุ ารี หรือ ธมั มานสุ ารี อยา งใดอยางหน่ึง ตอ จากนัน้ เปน สัทธาวมิ ุต หรือ ทิฏฐิปปตตะ จนไดสําเรจ็ อรหตั ตผล จงึ เปน ปญญาวมิ ุต; ผูไดวิโมกข 8 เม่อื ต้งั อยใู น โสดาปตตมิ รรคเปน สทั ธานุสารี หรอื ธัมมานสุ ารี อยา งใดอยางหนง่ึ ตอ จากนนั้ เปน กายสกั ขี เมื่อสําเร็จอรหตั ตผล เปน อุภโตภาควมิ ุต นอกจากน้ี มีขอสงั เกตวา บุคคลประเภทกายสกั ขีนเี่ องที่ไดช ือ่ วา สมถยานิก; สวนคําวา ปญญาวิมุต บางแหงมีคําจาํ กัดความแปลกออกไปจากนี้วา ไดแกผ ูท บ่ี รรลุอรหตั โดยไมได โลกียอภญิ ญา 5 และอรปู ฌาน 4 (ส.ํ นิ.16/283–9/147–150; S.II.121.) อรยิ บุคคล 7 นี้ ในพระสุตตันตปฎก นยิ มเรียกวา ทักขไิ ณยบุคคล 7. D.III.105,254; A.I.118; Ps.II.52; Pug.10,73; Vism.659. ท.ี ปา.11/80/115; 336/266; องฺ.ติก.20/460/148; ขุ.ปฏ.ิ 31/493–5/380–3; อภ.ิ ปุ.36/13/139; วสิ ทุ ธิ.3/302; วสิ ุทธ.ิ ฏกี า3/562–568.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407