ÅФÃÊÃÒŒ §¹Ñ¡Í‹Ò¹ Readers Theatre ศิลปะการละครเพ่อื สง่ เสริมการอ่าน เรียบเรียงโดย ถริ นันท ์ อนวชั ศริ วิ งศ์ พริ ุณ อนวัชศิริวงศ์ ISBN 978-616-551-037-0 พิมพ์ครัง้ ท ่ี 2 ตุลาคม 2552 จำนวน 3,000 เลม่ ออกแบบปก/รูปเลม่ สำนกั พิมพ์ ป่ินโต พับลชิ ช่ิง ดำเนนิ งานโดย โครงการวิจยั ปฏบิ ตั กิ ารเชงิ สรา้ งสรรค์เพือ่ ส่งเสรมิ นกั สื่อสารรักการอ่าน (ปสอ.) สาขาวิชาสื่อสารการแสดง ภาควิชาวาทวทิ ยาและสือ่ สารการแสดง คณะนเิ ทศศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพฯ 10330 โทร/โทรสาร 02–2182182 Email : [email protected], kayafil [email protected] สนบั สนุนโดย แผนงานสื่อสรา้ งสขุ ภาวะเยาวชน (สสย.) www.childmedia.net สำนักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.)
คำนำ แผนงานสอ่ื สรา้ งสขุ ภาวะเยาวชน (สสย.) เปน็ หนง่ึ ในแผนงานภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของสำนกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) บรหิ ารแผนงานโดยมูลนิธิ เพ่อื การพฒั นาเดก็ เป็นองคก์ รทสี่ นบั สนุนให้เกิดการพฒั นาระบบการสร้างสรรค์สือ่ การ เผยแพร่ส่ือทม่ี คี ุณภาพต่อเดก็ เยาวชน ครอบครวั และสงั คม โดยกระบวนการมสี ว่ นร่วม ของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ซ่ึงดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ท่ีเก่ียวกับส่ือ นานาชนิด ทจี่ ะกอ่ เกดิ ประโยชน์ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน หนังสือเป็นสื่อท่ีมีนัยสำคัญมาช้านาน การพัฒนาหนังสือและการเข้าถึงหนังสือ ของเด็กเป็นภารกิจท่ี สสย. ได้ดำเนินการอย่างจริงจังร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้อง ด้วยความ ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของการอ่านหนังสือซึ่งเป็น “สิทธิของเด็กทุกคน” และเป็น “หน้าที่ของผู้ใหญ่” ท่ีจะต้องมอบหนังสือดีๆ แก่เด็กและเยาวชน อันเป็นส่ิงท ี่ นานาประเทศตระหนักร่วมกัน ดังปรากฏเป็นหลักการสำคัญของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ เดก็ ขององคก์ ารสหประชาชาติ ทกี่ ลา่ วถงึ บทบาทของรฐั ภาคไี วว้ า่ ตอ้ งสง่ เสรมิ การผลติ และ เผยแพร่หนงั สือสำหรับเดก็ โดยธรรมชาตแิ ลว้ เด็กทุกคนลว้ นตื่นเตน้ และอยากสมั ผสั กบั หนงั สือทีม่ ภี าพสวยๆ มเี ร่อื งราวน่าสนกุ ด้วยความกระตือรือร้น อยากรอู้ ยากเหน็ อยากผจญภัยทอ่ งไปในโลก หนังสือ เพียงแต่ตอ้ งปลกู ฝังและให้โอกาสเด็กไดอ้ า่ นหนงั สอื ไดส้ มั ผัสตัวอักษรทสี่ ามารถ ย่อยเปน็ อาหารสมอง อาหารใจ หล่อหลอมการเตบิ โตของเด็ก หากเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ได้ทำหน้าที่ปลูกฝังความรักในการอ่านแก่เด็ก ก็เท่ากับว่าเรา ได้ทำหนา้ ท่ีอันน่าภาคภูมิใจของผู้ใหญ่ นัน่ คอื การเปิดโลกกว้างแห่งการเรียนรู้ สานความ ทรงจำอนั แสนสุขทจ่ี ะติดตวั พวกเขาไปไม่รลู้ ืม แผนงานส่ือสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) ได้สนับสนุนโครงการต่างๆ ตลอดจน
พัฒนาเครือข่ายส่งเสริมการอ่านของเด็กและเยาวชนในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งโครงการ วจิ ัยปฏบิ ตั กิ ารเชงิ สรา้ งสรรคฯ์ ซ่ึงเป็นทม่ี าของ “ละครสรา้ งนักอา่ น” เลม่ น้ี โครงการนี้มุ่งพัฒนานักสื่อสารรักการอ่าน (นสอ.) ด้วยเทคนิคการละครเพ่ือ สง่ เสรมิ การอา่ น ทเ่ี รยี กวา่ Readers Theatre หรอื RT โดยผลจากการวจิ ยั พบวา่ บคุ ลากร จากทุกองค์กรสามารถนำเทคนิคดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ได้ ดังจะเห็นได้จากคำบอก เลา่ ของผเู้ ขา้ รว่ มการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ทบ่ี ง่ บอกถงึ ความสขุ ใจและความกระตอื รอื รน้ ในการทำหน้าท่ี “นักสื่อสารรักการอ่าน (ด้วยศิลปะการละครอย่างง่ายๆ)” ซึ่งได้ประมวลมาไว้ในหนังสอื แลว้ นั้น Readers Theatre ทพี่ ฒั นาขน้ึ โดยคณะวทิ ยากรของโครงการฯ นบั เปน็ อกี นวตั กรรม หน่ึงในการส่งเสริมการอ่าน เป็นการเพิ่มพูนศักยภาพของผู้ท่ีมีบทบาทในการส่งเสริม การอ่านสำหรับเด็กและเยาวชน ด้วยศิลปวิธีที่มีชีวิตชีวา ดึงดูดความสนใจของเด็ก และเยาวชนได้เป็นอย่างดี ท้ังยังสามารถถ่ายทอดเพื่อพัฒนาให้เด็กและเยาวชน กลายเป็นนักส่ือสารรกั การอา่ นต่อๆ ไปอย่างเป็นลกู โซ่ไดอ้ กี ด้วย เรามาช่วยกันนำเด็กให้ได้พบกับความมหัศจรรย์ของการอ่านหนังสือดีๆ กันเถอะ ด้วยยุทธศิลป์หนึ่งในการส่งเสริมการอ่าน น่ันคือศิลปะการละครอย่างง่ายๆ แลว้ เราจะ ไดพ้ บวา่ “ละคร (สามารถ) สรา้ งนกั อา่ น” ไดอ้ ยา่ งมสี สี นั และนา่ อศั จรรยย์ ง่ิ เข็มพร วิรุณราพนั ธ์ ผูจ้ ดั การแผนงานสอื่ สร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.)
เกร่นิ กล่าวกอ่ นเบกิ โรง ภารกิจของเราก่อเกิดขึ้นจากความรักหนังสือ และศิลปะการละครของสมาชิก ท่ีมารวมตัวกัน โดยมีคณาจารย์และนิสิตสาขาส่ือสารการแสดง (กลุ่มหนุ่มสาวสื่อ สันติภาพ) ภาควิชาวาทวิทยาและส่ือสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นแกนนำร่วมกับภาคีหลัก ได้แก่ คณาจารย์จากสาขาศิลปะการละคร คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เครือข่ายสร้างเสริมผู้ผลิตสื่อ สร้างสรรค์ และเครือข่ายนักวิชาการศิลปะการแสดงแห่งประเทศไทย โดยได้พัฒนา เป็นโครงการวิจัยที่มีชื่อว่า โครงการวิจัยปฏิบัติการเชิงสร้างสรรค์ (Creative Action Research) เรื่อง การสร้างเสริมนักสื่อสารรักการอ่านเพื่อขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ รณรงค์สร้าง “พฤติกรรมการอ่าน” ซึ่งในการลงมือปฏิบัติการจริงๆ เราต้ังช่ือ เพื่อให้สื่อสารได้ง่ายขึ้นว่า โครงการวิจัยปฏิบัติการเชิงสร้างสรรค์เพ่ือส่งเสริม นกั สื่อสารรักการอา่ น (ปสอ.) คณะผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการไดร้ ว่ มกนั ประมวลความรทู้ เ่ี รยี กวา่ เทคนคิ “Readers Theatre : การละครของนักอ่าน” อันเป็นศิลปะวิธีการละครเพ่ือส่งเสริมการอ่าน มาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการสู่บุคลากรท่ีมีโอกาสเป็น “นักสื่อสารรักการอ่าน” ด้วยความหวังว่าจะเป็นกุศโลบายท่ีดึงดูดใจและก่อให้เกิด ความอ่ิมเอมใจจากการเชื่อมโยงหนังสือกับเด็กและเยาวชนด้วยศิลปะการละคร อยา่ งง่ายๆ โครงการฯ ดำเนินไปด้วยความร่วมมือร่วมใจจากองค์กรและบุคคลเป็น จำนวนมาก ดงั รายละเอยี ดทีจ่ ะได้กลา่ วถึงตอ่ ไป คณะวิทยากร และผดู้ ำเนินงานในโครง การตา่ งรู้สกึ ขอบคณุ ผู้เขา้ ร่วมสัมมนาทุกท่านที่สะท้อนเสยี งแห่งความสขุ ความพงึ พอใจ ทั้งยังให้ข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างสรรค์พันธกิจส่งเสริมการอ่าน สำหรับเด็กและเยาวชนร่วมกันให้เกิดประสิทธิผลยิ่งๆ ข้ึนต่อไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงมี
ขอ้ เสนอใหจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื “คมู่ อื คใู่ จ” สำหรบั การสรา้ งสรรคก์ จิ กรรม Readers Theatre หรือเรียกย่อๆ ว่า RT อันเป็นข้อเสนอท่ีสอดรับกับความประสงค์ของแผนงานส่ือสร้าง สุขภาวะเยาวชน (สสย.) ผู้ให้การสนับสนุนโครงการน้ี การประมวลเนือ้ หาสาระ เรยี บเรียงใหน้ ่าสนใจ จงึ ได้เกดิ ขนึ้ ด้วยความพากเพยี ร ของฝ่ายวิชาการและบรรณาธิกรกิจ เพื่อให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สมบูรณ์ท่ีสุดใน การเสนอแนะการสรา้ งสรรค์กจิ สำคัญ คอื การนำหนังสือไปให้ถึงมือและ “ถึงใจ” เด็กๆ ดว้ ยศิลปะการละคร - ศลิ ปะแหง่ การสอ่ื สารที่มีพลังทส่ี ุดวิธีหนึ่ง การส่งเสรมิ การอา่ นดว้ ยศลิ ปะการละคร ทีเ่ รียกว่า “RT - Readers Theatre“ เกิดข้ึนได้อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการต้ังโจทย์แห่งการวิจัย ก็ด้วยการสนัสนุนจาก แผนงานส่อื สร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) ภายใต้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้าง เสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) โครงการฯ ขอขอบคณุ เปน็ อยา่ งยง่ิ ฐานทช่ี ว่ ยเกอ้ื หนนุ ใหก้ ารดำเนนิ งานของเราสำเรจ็ ผล และกอ่ เกดิ ความรอบรใู้ หมๆ่ ทจ่ี ะนำพาประโยชนใ์ นการสรา้ งความ รักการอา่ น (ของเดก็ และเยาวชน) ให้เขม้ ขน้ ยิง่ ขึน้ ในสังคมไทย รศ.ถริ นันท ์ อนวชั ศริ วิ งศ์ ผู้อำนวยการการสมั มนาเชงิ ปฏิบัติการ เทคนิค “RT - Readers Theatre”
สารบัญ หนงั สือคือชีวติ ความคิดและความฝันจากโลกของการอ่าน......................11 คนเราอา่ นเพื่ออะไร......................................................................................................13 อ่านให้ฟังสำคัญไฉน......................................................................................................16 นกั สือ่ สารรกั การอา่ น.....................................................................................................20 รู้หนังสอื -รกั การอ่าน เร่ิมไดจ้ ากในบ้าน สานต่อในโรงเรยี นและชมุ ชน.....................................................................................22 ใช้ละครเพื่อสง่ เสริมการอ่านและการเรียนรู้..........................................................24 รีดเดอร์ส เธียเตอร์ : การละครของนักอา่ น...............................................27 RT คอื อะไร......................................................................................................................29 RT “ให้” อะไรกบั นกั อ่าน............................................................................................31 RT ต่างจากละครอยา่ งไร............................................................................................33 ลองนึกภาพฉากนี้ด.ู........................................................................................................35 สรา้ งลีลา เพ่มิ สสี นั กอ่ นจะก้าวขึ้นเวท.ี .....................................................37 สู่การแสดงการอ่านบนเวท.ี .........................................................................................39 รูเ้ ลอื กหนังสอื .................................................................................................................41 สร้างสรรค์เสยี งสกู่ ารอ่าน...........................................................................................46 เพมิ่ สีสันใหบ้ ทกวี...........................................................................................................59 ใชด้ นตรสี รา้ งบรรยากาศ.............................................................................................65 ผอ่ นคลายกาย-จิต มุ่งสร้างอารมณ์...........................................................................68 เตรยี มร่างกายใหพ้ ร้อม.................................................................................................74 ลีลาและท่าเต้น...............................................................................................................79 ตาโบล โชวค์ วามนิ่ง......................................................................................................83 เพ่มิ เทคนิคละครใบ.้ ......................................................................................................85 สรา้ งสรรค์ “หนุ่ ” ประกอบการแสดง......................................................................86
หลากหลายวธิ ี “เวที” ของนกั อ่าน.............................................................95 การอ่านในระดับฝกึ อา่ นเบือ้ งต้น (Primary Reading)..............................100 การอา่ นแบบรอบวง (Circle Reading)...........................................................102 การอา่ นแบบพรอ้ มใช้ในวนั เดียว (Instant Reading)................................103 การอ่านแบบรว่ มกนั คิด (Cooperative Reading).......................................104 นักอ่านบนเวที..........................................................................................107 เล่นกับสคริปต์...............................................................................................................111 การจัดเวท.ี......................................................................................................................112 การเปลีย่ นฉาก..............................................................................................................113 การมองของนกั แสดง..................................................................................................114 การเปดิ และปดิ การแสดง..........................................................................................116 ปรับนดิ -ปรบั หน่อย......................................................................................................118 คำแนะนำสำหรับผู้กำกบั ...........................................................................................123 คำแนะนำสำหรบั นกั แสดง........................................................................................127 การประเมนิ ผล.............................................................................................................129 เร่อื งเลา่ ของครคู นหนึง่ .............................................................................133 บทการแสดง “ละครบรรเลง บทเพลงหนงั สอื ”.......................................140 บทละครฉบับกระชับ เรอ่ื ง “บีตกั๊ ”..........................................................151 พลงั ของบทกวี..........................................................................................168 ปลกุ การอา่ น-ผ่านลลี าละคร : สร้างเสรมิ นกั ส่ือสารรกั การอา่ น..............175 ผู้เข้าสัมมนามาจากไหน.............................................................................................179 ทัศนคตติ อ่ หนงั สอื และการอ่าน...............................................................................181 พฤติกรรมการอ่านของเยาวชน................................................................................181 8 ละครสรา้ งนักอา่ น
ปัญหาในการส่งเสริมการอ่าน ..................................................................................184 สัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเทคนคิ “รดี เดอรส์ เธยี เตอร์” ..........................................186 ประสบการณส์ ร้างขึน้ ได้ ............................................................................................189 นกสขี าวโบยบิน ............................................................................................................196 นักสอื่ สารรักการอา่ น : ปฏิบัติการ “ปลุก” ...........................................................198 ครพู เ่ี ล้ยี งและเจ้าหนา้ ทกี่ ารศึกษา อบต. ...............................................................199 ครปู ระถม-มัธยม ..........................................................................................................202 เจา้ หนา้ ท่ีห้องสมดุ ของ กทม. ....................................................................................206 เจ้าหนา้ ที่ห้องสมุดในต่างจังหวัด .............................................................................209 เทคนิค RT ท่ปี ระยกุ ต์ใช ้...........................................................................................212 เสยี งบ่งบอกความพึงใจ ..............................................................................................216 ปญั หาคอื อะไร ..............................................................................................................218 แล้วเราจะพบกันอกี ไหม .............................................................................................220 ความสง่ ท้าย ..................................................................................................................222 แหลง่ อ้างองิ .............................................................................................224 ภาคผนวก ................................................................................................229 Readers Theatre 9
¤ÇÒÁ¤ËÔ´¹áѧÅÊÐ×ͤ¤ÇÒ×ÍÁª½Õǘ¹µÔ ¨Ò¡âÅ¡¢Í§¡ÒÃÍÒ‹ ¹
“ตัวผมเองน้ัน...ไมเ่ คยละทิง้ โอกาสใดๆ ท่ีจะทำให้ผมไดอ้ า่ นหนังสอื ไป...ผม จะรีบหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านทุกครั้งที่พอจะมีเวลาให้อ่านได้ เม่ือพาพ่อออกไปขอทาน ตอนกลางคืน บางคร้ังไดท้ ำเลไมด่ ี นัง่ คุกเข่าอยู่เปน็ ช่ัวโมงๆ กไ็ ม่มีใครให้ทาน พอ่ จะ ใช้ ให้ผมลุกออกไปเดินขอทานตามบ้านคนเดียว... ผมจึงหยิบเอาหนังสือติดมือไป ขอทานด้วยเสียเลย... ผมถือหนังสือเดินท่องไปตามทางด้วย พอเดินทางมาถึงหน้า ร้านอาหารแหง่ หนึ่ง เห็นเจ้าของรา้ นกำลงั จะเทกับขา้ วทแ่ี ขกกนิ เหลือลงในถงั เศษอาหาร พอดี น่าเสียดายเหลือเกิน ถ้าได้เศษอาหารเหล่าน้ันกลับไปกินท่ีบ้าน คงเป็นอาหารม้ือหรูของเราเชียวละ ผมรีบวางหนังสือลง แล้วรี่เข้าไปขอเศษอาหาร เหลา่ นน้ั จากเจา้ ของรา้ น แตเ่ ขากลบั ตะเพดิ ไลผ่ มออกไปดว้ ยความโมโห “อยา่ มาอยแู่ ถวน!้ี คนจะทำมาหากิน! กับข้าวพวกน้ีจะเทให้หมูกิน ไม่ให้แกหรอก รีบไปใหพ้ น้ ซะ ไปˆ!” พอถูกตอกหน้าหงายกลับมา ผมก็ขอโทษแล้วรีบถอย หยิบหนังสือเปิดขึ้นมาอ่านต่อ เดินไปก็ท่องหนังสือไปด้วย เม่ือมาถึงร้านขายบะหมี่อีกร้านหนึ่ง มีลูกค้ากำลังน่ังกิน บะหมอ่ี ยสู่ องสามโตะ ผมเอาหนงั สอื หนบี ไว้ใตร้ กั แร้ แลว้ เดนิ ไปขอทานกบั ลกู คา้ ทก่ี ำลงั นั่งกินบะหม่ีว่า “พี่ครับ โปรดเมตตาทำบุÞทำทานผมสักหยวนเถอะครับ ผมจะเอาไปเรยี นหนงั สอื ดแู ลพอ่ แม.่ ..” ลกู คา้ ยงั ไมท่ นั จะลว้ งกระเปา‰ เลย เมยี เจา้ ของ ร้านก็รีบพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “โอย! ไอ้เด็กขอทานแถวน้ีก็พูดแบบนี้กันทุกคนแหละ อยา่ ใหม้ นั เชยี ว ไอพ้ วกเดก็ ตม้ ตนŽุ น!่ี ” ผมไดย้ นิ แลว้ กเ็ ดนิ ถอยออกมาดว้ ยความเสยี ใจ ไม่ใหเ้ งนิ กไ็ มเ่ ปน็ ไรหรอก แตท่ ำไมตอ้ งดถู กู กนั ดว้ ยเลา่ ดที ผ่ี มยงั มโี ลกสว่ นตวั ของผม โลกแห่งหนังสอื เพยี งแค่เปดิ หนงั สือขึน้ มาอ่านเทา่ น้ัน ความเจบ็ ปวดก็โบยบนิ ไปเสีย กว่าครึ่ง” (อตั ชีวประวตั ขิ อง Lai Dong Jin-บคุ คลดเี ดน่ ของไต้หวัน : ไล่ตงจ้นิ ลูกขอทานผู้ไมย่ อมแพต้ ่อชะตาชวี ิต, 2549) 12 ละครสรา้ งนักอ่าน
คนเราอ่านเพื่ออะäร มีเหตุผลมากมายในการเลือกอ่านหนังสือของคนแต่ละคน และหน่ึงในจำนวน นั้นคือ เพื่อ “ความเพลิดเพลิน” คนอ่านหนังสือด้วยความเพลิดเพลินจะเป็นบ่อเกิด สร้างนิสัยรกั การอา่ นได้ดี หนังสือทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ สุข หรือทุกข์ได้ในช่วงเวลาท่ีอ่าน หนังสือ คืออาหารหล่อเล้ียงชีวิต เป็นอาหารเพ่ือการเจริญเติบโตทางจิต หนังสือคือถ้อยคำ ของความคิด เม่ือเราเปิดหนังสืออ่าน เราจะรู้จักชีวิต รู้จักความฝันและจินตนาการ คุณค่าของการอ่านใช่ว่าต้องได้มาด้วยการอ่านอย่างเอาจริงเอาจัง การปล่อยให้หนังสือ กา้ วเข้ามาในชีวติ คือการเพมิ่ พูนความคดิ และภูมปิ ัญญาของผ้อู า่ น หนังสือแต่ละเล่มจะมีโลกของตัวมันเอง เป็นประสบการณ์ที่ผู้เขียนสร้างข้ึนมา ท้ังจากจินตนาการและประสบการณ์ตรง การอ่านหนังสืออาจทำให้เราหลีกหนีไป ไกลโพน้ ส่ดู นิ แดนมหศั จรรย์อกี แหง่ แตบ่ างครั้งเราก็อาจร้สู ึกวา่ ความคิดเหน็ ของเราช่าง พอ้ งพานกบั เรอ่ื งราวในหนงั สอื กอ่ เกดิ แนวทางในการ “สะกดรอย” หรอื “แยกตนเองออกมา” จากสิ่งเหลา่ น้ันได้ หนังสือมอบสำนึกแห่งโลกที่เป็นส่วนตัวให้กับผู้อ่าน “การอ่านเหมือนกับการ เข้าฌานท่ีอยู่ระหว่างการหลับและการตื่น ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยรู้สึกเหงาบ้างไหม... (เมื่อยามเด็ก) นานๆ ครัง้ ทผี่ มจะมีโอกาสอยู่กบั เด็กคนอน่ื ๆ ผมพบวา่ การละเล่นและการ พดู คยุ ของพวกเดก็ เหลา่ นน้ั ชา่ งนา่ สนใจนอ้ ยกวา่ การผจญภยั และบทสนทนาทผ่ี มอา่ นจาก หนังสือเสียนี่กระไร... หนังสือทำให้ผมมีบ้านถาวร เป็นบ้านท่ีทำให้ผมอยู่ได้อย่างแท้จริง ตามความรู้สกึ ไม่วา่ จะเปน็ เวลาใด...” (Alberto Manguel) พ่อแม่และพี่เล้ียงควรส่งเสริมเด็กๆ นำเด็กสู่โลกของการอ่าน ซูคอมลินสกี้ นักการศึกษาผมู้ ีชอ่ื เสยี งชาวรัสเซยี เคยบอกไวว้ า่ “การอา่ นในวัยเดก็ น้นั เปน็ เรอื่ งของการ ศึกษาดว้ ยหวั ใจ ทำใหเ้ ด็กไดส้ มั ผสั ความสูงส่งทม่ี ีอยูใ่ นส่วนลึกของวญิ ญาณ ถอ้ ยคำทีเ่ ผย ถึงความคิดและความฝันจะอยู่ในหัวใจของเด็กเสมอ เสมือนว่าเมล็ดพืชแห่งความเป็น มนุษย์ท่สี มบูรณไ์ ด้เพาะหวา่ นลงที่ตรงนน้ั ” Readers Theatre 13
ผลการวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า พ่อแม่ พ่ีเล้ียง มีความสำคัญย่ิงต่อการเรียนร ู้ ของเด็ก การพฒั นาความสามารถในการเรยี นรมู้ ิใช่สิง่ ที่เกิดขนึ้ เองได้ตามอายุ หากขึ้นอยู่ กบั ประสบการณท์ พ่ี บเหน็ เปน็ สำคญั ดว้ ย ผลการศกึ ษาพบวา่ ในระยะขวบปแี รกของชวี ติ นนั้ การดูแลเอาใจใส่ ความรัก ความกระตอื รอื รน้ และความสม่ำเสมอในการพดู คุยกบั เด็ก รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เด็กได้พบเห็นนั้นมีผลต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของเด็กอย่างมากมาย ยิ่งเด็กได้พบเห็นมากเท่าใด ระดับความสามารถของสมองของเด็กจะสูงมากขึ้นไปด้วย ตราบจนถงึ วยั สามขวบครงึ่ ตามมาตรฐานการวดั สตปิ ญั ญาของมหาวทิ ยาลยั สแตนฟอรด์ หลกั ใหญส่ ดุ ของความสามารถในการอา่ น มกั เกดิ ขนึ้ กอ่ นทเี่ ดก็ จะเขา้ สรู่ ะบบของโรงเรยี น เสียอีก ประเด็นสำคัญท่ีได้พบเพิ่มเติมก็คือ ค่านิยมเก่ียวกับการอ่านของพ่อแม่และ พ่ีเล้ียง พ่อแม่ พี่เล้ียงเด็กมีค่านิยมเก่ียวกับการอ่านอย่างไร เท่ากับเป็นการแนะนำให้ เดก็ ไดร้ จู้ กั หนงั สอื เชน่ นน้ั ในชว่ งวยั กอ่ นไปโรงเรยี น ถา้ พอ่ แมแ่ ละพเ่ี ลย้ี งนยิ มการอา่ น สอ่ ให้ เด็กเหน็ ถงึ ความเพลิดเพลนิ ต่างๆ ท่ไี ด้รับจากหนงั สอื อา่ นด้วยจดุ ประสงคน์ านาประการ เด็กย่อมซึมซาบการรู้จักหนังสือในทางที่ดี ได้สัมผัสหนังสือตั้งแต่เล็กพอถึงช่วงวัยไป โรงเรยี น การสานตอ่ พ้นื ฐานท่ีดยี ่อมไปได้รวดเร็ว นักการศึกษาท่านหนึ่งบอกว่า นิทานเปน็ สิง่ ทีแ่ ยกไม่ไดจ้ ากความงาม ช่วยพัฒนา ความรู้สึกที่สุนทรี ซ่ึงหากไม่มีเคร่ืองช่วยพัฒนาน้ีแล้ว ความละเอียดอ่อนต่อความสุข ความทุกข์ และความเศร้าโศกกจ็ ะขาดหายไป เพราะนิทานเดก็ ๆ จึงไดร้ ู้จกั โลก ทัศนะทมี่ ตี อ่ ความดีและความช่ัว เรียนรแู้ ละหลอ่ หลอมได้จากนทิ าน 14 ละครสร้างนักอ่าน
นักจิตวิทยา เจมส์ ฮิลล์แมน (James Hillman) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ไว้ว่า “คนท่ีชอบอ่านนิทานหรือถูกนิทานกล่อมมาตั้งแต่วัยเด็กนั้น จะจัดระเบียบชีวิตได้ดี และมีแนวโน้มท่ีจะคาดการณ์ได้แม่นยำกว่าผู้ที่ต้องถูกบังคับให้อ่านนิทาน... การอา่ นในชว่ งแรกของชวี ติ จะกลายเป็นส่งิ ที่อย ู่ และคงอยู่ตลอดไป เป็นเหมอื นเส้นทาง ให้จิตวิญญาณค้นพบตัวเองในการมีชีวิต” การรู้จักชีวิตต้ังแต่เล็กก็คือการมีมุมมองรับรู้ ตอ่ ชวี ติ จริงแล้ว เด็กสามารถฟังนิทานเร่ืองเดิมได้เป็นสิบๆ เที่ยวด้วยความพึงพอใจ เพราะพวก เขาสนกุ กับมนั และพบสง่ิ ใหมๆ่ ในนิทานเรอ่ื งเดิมทุกคร้ังไป เด็กสามารถพฒั นาความคดิ จากสิง่ ทีเ่ ป็นรปู ธรรมไปสสู่ งิ่ ทเ่ี ป็นนามธรรมได้ เนือ่ งจากนทิ านนำทางพวกเขา ครูผู้หน่ึงเสริมความคิดน้ีว่า “ลูกศิษย์ของผมคงจะคิดแบบเป็นนามธรรมไม่ได้ หากไม่มีช่วงเวลาสำหรับซมึ ซบั นทิ านสักช่วงหนง่ึ เต็มๆ ในชีวิตของพวกเขา” นิทานเป็นสิ่งเร้าของจินตนาการ ทำให้เด็กพบกับสิ่งที่ไม่เคยได้พบ ไปยังดินแดน ที่ไม่รู้จัก ได้ผจญภัย ได้ประสบการณ์พิเศษพิสดาร เหล่านี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจโลกและ ชีวติ โดยปรยิ าย โลกของหนังสือมีอะไรมากมายให้ค้นหา การ ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านแต่วัยเยาว์จึงเป็นการเปิด บานประตูสู่โลกกว้าง โลกของนักอ่านจึงเป็นโลก แหง่ การเรยี นร ู้ โลกแหง่ การแสวงหา แมก้ น้ บง้ึ อารมณ์ ความคิดของตนเองกอ็ าจพบไดจ้ ากหนงั สอื การอ่านหนังสือจึงเป็นกระบวนการ สะสมความคิด การอ่านสิ่งใหมๆ่ แตล่ ะครั้ง ก็คือการต่อยอดของสิ่งที่เคยอ่านไปแล้วให้ เพม่ิ พนู ขน้ึ อปุ มาเหมอื นลำดบั ขน้ั ทางเรขาคณติ ทจ่ี ะสะสมทวคี ูณข้นึ อย่างไม่มีท่สี น้ิ สดุ Readers Theatre 15
¤Ø³¤ÃÙ͋ҹã˹Œ Ñ¡àÃÕ¹¢Í§¤Ø³¿˜§äËÁ? มีกำหนดเวลาดว้ ยหรอื วา่ ถึงเวลา áÅÇŒ ·¹èÕ ¡Ñ àÃÂÕ ¹âµà¡¹Ô ¡ÇÒ‹ ·¨èÕ ÐÍÒ‹ ¹ãË¿Œ §˜ ?ครจู ำนวนมากยงั ยดึ มน่ั ในการอา่ น ออกเสยี งให้นักเรยี นฟัง แม้ว่านักเรียนจะเรยี นในระดบั ชัน้ สูงๆ แลว้ ก็ตาม! อา่ นãห้¿ง˜ สำคัญä©น “ผม...ไม่ทำอะไรเลยนอกจากฟัง ผมอยากปักหลักอยู่อย่างน้ัน...และเอาหมอน มาหนุนให้สูงข้ึน ฟังพยาบาลอ่านเทพนิยายสยองขวัญของกริมส์ บางคร้ังเสียงของเธอก็ทำให้ ผมเคลิ้มหลับ แต่บางครั้งก็ทำให้ผมร้อนรุ่มไปด้วยความตื่นเต้นและคะยั้นคะยอให้เธออ่านต่อ เพ่ือหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นในเรื่อง อยากรู้เร็วกว่าที่ผู้เขียนต้ังใจไว้เสียอีก แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผมสนุกกับความรู้สึกอันหลากหลายจากการพาไปของถ้อยคำ และรู้สึกด้วยประสาทสัมผัสว่า ผมไดเ้ ดนิ ทางไปในสถานทไ่ี กลโพน้ ทสี่ วยงาม ทซี่ งึ่ ผมแทบไมก่ ลา้ กลบั มาดกู ารไขความลบั ทหี่ นา้ สุดทา้ ยของหนงั สือเลย หลังจากนัน้ เมอื่ ผมอายุ 9-10 ขวบ ครใู หญ่ประจำโรงเรียนบอกผมว่า การอ่านใหฟ้ งั นั้นเหมาะกบั เดก็ เล็กๆ เทา่ น้นั ผมเช่ือครใู หญก่ ็เลยเลกิ ปฏบิ ัต.ิ ..” (จาก A History of Reading : 1996, โดย Alberto Manguel, หน้า 109-110) การอ่านออกเสียงให้ผู้อ่ืนฟังมีนัยยะถึงการแบ่งปันกันอ่าน ร่วมกันรับรู้ เป็นการ เชอื้ เชญิ ใหผ้ ฟู้ งั รบั อรรถรสแหง่ ความเพลดิ เพลนิ ทป่ี รากฏอยใู่ นหนงั สอื นน้ั และมพี ลงั ทจ่ี ะ สง่ เสริมให้ผูฟ้ งั เกิดความตอ้ งการที่จะเป็นผ้อู า่ นเองได้ ครูอ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟังมีมาเป็นศตวรรษแล้ว เราร้ดู ีว่าเวลาท่ใี ช้ไปกับการอ่าน ให้ฟังน้ันมีค่าต่อพวกเขามาก การฟังนิทานของเด็กๆ ก็เหมือนกับการฟังเพลง พวกเขาจะเคลิ้มไปกับเรื่องราว ถ้อยคำ น้ำเสียงที่ได้ยินได้ฟัง ด่ังเป็นเสียงดนตรีสำหรับ หูของพวกเขา ผู้เร่ิมหัดอ่านฟังเร่ืองราวแล้วหยิบหนังสือเล่มน้ันขึ้นมาดูแล้วดูอีก อยากจะเป็น ผู้เล่าบ้าง บางครั้งพวกเขาก็จดจำเนื้อเร่ืองได้แล้วเล่าสู่กันฟังกับเพ่ือนๆ และบางคราวก็ ทำทา่ ทางเหมอื นกบั เร่อื งท่ไี ดย้ นิ ได้ฟงั ครูคนหน่งึ เล่าวา่ “บางครั้งผมก็นำหนังสือภาพเข้าไปในชั้นเรียนอนุบาล เล่าให้พวกเด็กๆ 16 ละครสรา้ งนักอา่ น
ฟงั โดยไม่ได้ให้ดูภาพประกอบเลย เด็กๆ ให้ความสนใจอย่างมาก ฟงั อยา่ งต้ังอกต้งั ใจแม้ จะไม่มีภาพมาประกอบการเล่าเร่ืองก็ตาม หลังจากอ่านเรื่องจบแล้วผมจะให้เด็กๆ วาดภาพสถานท ่ี ตัวละครหลัก หรือสว่ นทเ่ี ขาชอบในเรือ่ ง เมื่อนำภาพมาแบ่งกนั ดู เด็กๆ มกั ประหลาดใจทพ่ี วกเขาตคี วามหมายจากเรอื่ งแตกตา่ งกนั แนน่ อนวา่ ชว่ งทพี่ วกเขาชอบ มากทีส่ ดุ คอื ตอนทม่ี โี อกาสเหน็ ภาพประกอบจากหนงั สอื เล่มน้นั ” แต่การอ่านออกเสียงให้ฟังในโรงเรียนโดยครูเป็น ผอู้ ่าน (หรือโดยนกั เรยี นก็ตาม) มกั จะหยุดไปหรอื ระงับไป ทันทีท่เี ด็กเรียนรทู้ ่จี ะอ่านด้วยตนเองได้ “ทำไม?” จิม เทรลสี (Jim Trelease) ผเู้ ขยี น The Reading Aloud Handbook ตั้งข้อสงสัยในหนังสือ ของเขา “การอ่านออกเสียงให้ผู้อื่นฟังเป็นการโฆษณาเพ่ือ การอา่ น... ลองคดิ แบบนด้ี วู ่า แม็คโดนลั ดไ์ ม่เคยหยุดการ โฆษณาเพียงเพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่รู้จักร้านอาหาร ของเขาแล้ว แต่ละปีแม็คโดนัลด์ทุ่มเงินจำนวนมากเพ่ือ โฆษณาเตือนผู้คนว่ารสชาติสินค้าของเขาดีอย่างไร อย่าตัดงบประมาณโฆษณาการอ่าน ของคุณเพราะเด็กโตข้ึนเลย” การอ่านออกเสียงให้เด็กฟัง ช่วยให้พวกเขาพัฒนาและปรับปรุงทักษะด้าน การอา่ น เขยี น พดู และฟงั ใหด้ ขี น้ึ เทรลสี เสรมิ วา่ เมอ่ื เดก็ ฟงั ในระดบั สงู กวา่ ทเ่ี ขาอา่ นได้ การฟังคนอ่ืนอ่านจะกระตุ้นการเพิ่มพูนและความเข้าใจในคำศัพท์และรูปแบบของ ภาษา “ครทู ส่ี อนดา้ นภาษายนื ยนั วา่ การอา่ นออกเสยี งใหฟ้ งั สอนเดก็ ๆ ในดา้ นวรรณกรรม ได้ในแบบท่ีการอา่ นในใจหรือการแยกตัวไปอา่ นด้วยตนเองไมส่ ามารถทำได”้ จูดี ้ ฟรแี มน (Judy Freeman) กลา่ วไว้ในบทความ Read Aloud Books : The Best Of The Bunch ใน Teacher Magazine ปี 1992 Readers Theatre 17
โครงการท้าทายการอ่านของกระทรวงศึกษาธิการของอเมริกาได้สนับสนุนให้ สถาบันต่างๆ มีการจัดโปรแกรมสอนเสริมเพ่ือช่วยเพ่ิมระดับการอ่านของนักเรียนใน โรงเรียน และเพ่ือเพิม่ ความตระหนกั ของผู้ปกครองเกย่ี วกบั ผลทเ่ี ดก็ จะได้รับจากการอา่ น การอา่ นหนังสือใหเ้ ดก็ ฟังเป็นสว่ นสำคัญของโปรแกรมเหลา่ น้ัน โรงเรียนชุมชนเบลมอนต์ในวอร์เชสเตอร์ แมสซาชูเซตส์ พบว่าผลการสอบของ เด็กอนุบาลดีข้ึน “เราขายสินค้าของเรา และสินค้านั้นก็คือการอ่าน” ครูใหญ่จอห์น มอนเฟรโดบอก โครงการของโรงเรียนที่ช่ือ หนังสือและเหนือกว่านั้น จัดขึ้นโดยมี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื “สรา้ งเสรมิ ทกั ษะและความตอ้ งการในการอา่ นของเดก็ ” สว่ นสำคญั ของ โครงการคือการแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองให้ทราบถึงความสำคัญและ “วิธี” อ่านให้ เด็กๆ ฟัง โครงการ “หยบิ หนงั สอื ขนึ้ มาอา่ น” ของศนู ยก์ ารแพทยบ์ อสตนั จดั ใหห้ นงั สอื และเดก็ ๆ มาอยู่ร่วมกันในคลินิก “ในห้องรอพบแพทย์ อาสาสมัครชุมชนจะอ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟังเพ่ือดึงความสนใจของพวกเขาไว้ ขณะที่หนังสือเก่ียวกับพวกนายแบบนางแบบมีผล ตอ่ ความสนใจของผู้ปกครอง” เมือ่ หมอได้พบกับเด็กๆ พวกเขาใชห้ นงั สือเปน็ เกณฑช์ ้วี ดั ความก้าวหน้าด้านพฒั นาการ และเดก็ ๆ กจ็ ะได้รบั หนังสอื เล่มใหมน่ ำกลับบา้ น และเกดิ อะไรข้ึนกับอลั แบร์โต แมนเกล (เดก็ ที่ครูใหญ่บอกว่าเขาโตเกินกว่าทต่ี ้อง ใหอ้ ่านหนงั สือให้ฟังแลว้ ) เขาเลิกปฏบิ ัตดิ ้วยวิธีนจี้ รงิ ๆ หรือ? 18 ละครสรา้ งนักอ่าน
“...(ผม) เลกิ ปฏิบัตดิ ้วยวธิ นี ้ี (การให้คนอน่ื อา่ นหนังสอื ให้ฟัง) - แตส่ ่วนหนึง่ เพราะวา่ การฟงั คนอ่นื อา่ นทำใหผ้ มมีความสขุ มหาศาล และหลังจากนน้ั ผม คอ่ นข้างจะเชือ่ ว่าอะไรกต็ ามทที่ ำใหผ้ มมคี วามสุขกม็ ไิ ด้เสอ่ื มเสยี อะไร หลังจากนัน้ ไม่นาน...ความสขุ จากการฟงั คนอื่นอ่านหนังสือให้ฟงั ซึ่งห่างหายไปนาน ก็กลับมาหาผมอกี ครง้ั ” (จาก A History of Reading : 1996, โดย Alberto Manguel, หนา้ 109-110) Readers Theatre 19
“ผมพบวา่ ตนเองสามารถอา่ นหนังสือออกครง้ั แรกตอนอายุสขี่ วบ เมอื่ ได้เห็นอักษรท่ี ผมรูจ้ กั ซ้ำแลว้ ซำ้ เล่า (เพราะมีคนบอกมา) วา่ เป็นชอ่ื ของรูปภาพทีอ่ ยู่ใต้ตวั อักษรเหล่าน้นั ... เมอ่ื ผมไดเ้ รยี นรูว้ ิธีอ่านตวั อกั ษรแลว้ ผมกอ็ า่ นทุกอย่างท่ีขวางหน้า ไมเ่ พยี งในหนังสอื เทา่ น้ัน แตย่ งั อา่ นแผน่ ป‡ายประกาศโ¦ษณา ตัวพิมพ์เล็กๆ บนตัëวรถราง จดหมายที่ถูก©กี ทงิ้ ลงในถังขยะ รายงานสภาพอากาศทปี่ ลวิ มาติดใต้มา้ น่ังตวั ท่ีผมนั่งในสวนสาธารณะ ข้อความท่พี น่ บนกำแพง ปกหลังนิตยสารท่คี นถืออ่านอยูบ่ นรถเมล.์ ..” (Alberto Manquel) นักส่อื สารรกั การอา่ น ผลการศกึ ษาการอา่ นหนงั สอื ในประเทศองั กฤษ (The Reading Agency and BML Survey Book Reading and Library Use, 2005) พบว่า ชาวอังกฤษอ่านหนังสือ สปั ดาห์ละ 4.6 ชว่ั โมง หรือ 39 นาทีต่อวนั และอ่านเน่อื งจากได้รับอิทธิพลจากการอา่ น ของเพือ่ นหรือผใู้ กล้ชดิ 1 ใน 5 อา่ นหนงั สอื เพราะมีผแู้ นะนำ 1 ใน 6 จะแนะนำหนังสอื ใหก้ ับผู้อน่ื ต่อ 1 ใน 7 จะพูดคยุ ถึงเรือ่ งหนงั สือท่พี วกเขาอ่าน จงึ ไมน่ า่ แปลกใจเลยวา่ จำนวนผู้อ่านจะเพม่ิ มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ นักสื่อสารรักการอ่าน คือ ทุกคนท่ีแนะนำให้ผู้อื่นรักท่ีจะอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้เด็กเล็กๆ ฟังก็เป็นการแนะนำให้เด็กๆ รักที่จะอ่านหนังสือได้เช่นกัน ดังนัน้ พอ่ แม่ ครู พ่ีเลี้ยงเด็ก เจา้ หน้าทีห่ อ้ งสมดุ หรือใครกต็ ามย่อมเปน็ นักส่ือสารรักการ อา่ นไดท้ ้งั สนิ้ แต่นกั สอ่ื สารรักการอ่านต้องมีเทคนิค คือ รจู้ ักหนงั สอื รกั การอ่านหนังสือ รวู้ ิธสี ่อื สารสผู่ อู้ า่ น และรกั คนอ่านหนังสอื 20 ละครสร้างนักอา่ น
• รูจ้ กั หนังสอื คอื ร้จู กั แบ่งประเภทของหนังสอื และคุณสมบัติของหนงั สอื ท่ดี ี ร้จู กั เลือกประเภทของหนังสือที่จะนำมาสื่อสารให้เหมาะสมกับวัยและความสนใจ ของเดก็ ๆ หรือกลุ่มเปา้ หมายได้ • รักการอ่านหนังสือ เพราะการท่ีจะแนะนำให้ผู้อ่ืนรักหรือชอบส่ิงใดย่อมเกิด จากสำนึกท่ีเรามีอยู่ เด็กๆ มักมีพฤติกรรมเลียนแบบ ผู้ที่รักการอ่านหนังสือ นอกจากจะเป็นต้นแบบท่ีสำคัญให้กับเด็กๆ แล้วยังเป็นการเพิ่มพูนขยายฐาน ความรคู้ วามคดิ ของตนเองด้วย • รู้วิธีสื่อสารสู่ผู้อ่าน รู้บทบาทของตนเองและรู้ว่าควรใช้เทคนิควิธีใดจึงจะ เหมาะสม ด้วยเหตุท่ีการสื่อสารรักการอ่านมิใช่กิจกรรมส่วนตัวท่ีทำเพียง คนเดียว จึงต้องรู้วิธีการสื่อสารท่ีเหมาะสม เช่น พ่อแม่พี่เล้ียงเด็กอาจใช้วิธี เล่านิทาน-อ่านให้เด็กฟัง ครูอาจใช้การอ่าน-เล่าประกอบเสียงท่ีแสดงอารมณ์ และท่าทาง หรือมอบหมายให้นักเรียนเป็นผู้อ่าน/ผู้เล่า อ่านแบบคนเดียวหรือ อ่านหมู่ประกอบการแสดง เจ้าหน้าท่ีห้องสมุดและนักจัดกิจกรรมส่งเสริม การอ่าน อาจใช้เทคนิคการละคร เทคนิครีดเดอร์ส เธียเตอร์ มาช่วยส่งเสริม การอา่ น เป็นตน้ • รักคนอ่านหนังสือ คือต้องรู้จักธรรมชาติของเด็กแต่ละวัย รู้จักวิเคราะห์ กล่มุ เปา้ หมาย และพรอ้ มทีจ่ ะ “ให”้ เพือ่ พัฒนาการด้านการอ่านของเด็กๆ “การอา่ นเพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ นน้ั สำคญั ทส่ี ดุ ตอ่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการศกึ ษาของเดก็ ๆ มากกว่าฐานะทางเศรษฐกิจและสถานภาพทางสงั คม” (Reading for change, OECD, 2002) ผลการวจิ ัยเรื่องการอา่ นสรุปไว้เช่นนี้ และการใช้เวลาเพียงวันละ 20 นาทรี ่วมกับ เดก็ ๆ ในการอา่ น จะช่วยใหก้ ารอ่านของพวกเขาดีขน้ึ ได้ 20 นาที ทุกวนั กับ 20 นาทีครั้งหรอื สองคร้ังตอ่ สปั ดาห์ จะมผี ลแตกตา่ งกนั และ เรายอ่ มรถู้ ึงผลทแ่ี ตกตา่ งกนั นไ้ี ดด้ ี Readers Theatre 21
รห้Ù นงั สือ-รักการอา่ น เริ่มä´้จากãนบา้ น สานตอ่ ãนโรงเรยี นáละชมุ ชน การอา่ นหนงั สอื ใหล้ กู ฟงั สรา้ งความรสู้ กึ ของการเปน็ พอ่ แมท่ ดี่ ไี ดอ้ ยา่ งหนง่ึ เมอ่ื คณุ พาลูกน้อยท่องไปกับตัวอักษรบนหนังสือ จะเป็นการสร้างประสบการณ์อันงดงามท่ีจะ ปลกู ฝังนิสัยรักการอา่ นใหเ้ กดิ ขน้ึ ได ้ การรู้หนังสอื เริม่ ได้จากในบ้าน ต่อไปน้ีเป็นคำแนะนำ บางอย่างทีเ่ ราอยากจะฝากคุณ • อยา่ คดิ วา่ ตอ้ งคอยจนลกู “โตพอ” ทจี่ ะอา่ นหนงั สอื ใหฟ้ งั ได ้ ทง้ั คณุ และลกู สามารถ สนุกร่วมกันได้เร็วกว่าที่คุณคิดไว้เสียอีก คือต้ังแต่ก่อนท่ีลูกจะครบขวบปีแรก เลยทีเดียว • ทำให้เปน็ กจิ วตั รประจำวนั ! อย่างนอ้ ยวันละ 20 นาที การอ่านใหล้ ูกฟังเปน็ งาน ประจำที่วิเศษที่จะช่วยให้ลูกพร้อมเข้านอนด้วยความสบาย ก็เหมือนกับนิสัย อนื่ ๆ ทตี่ อ้ งใชเ้ วลาชว่ งหนงึ่ ในการสรา้ งความคนุ้ เคย แตถ่ า้ ทำตอ่ เนอ่ื งไปสกั ระยะ ก็จะกลายเป็นอุปนิสัยประจำวัน (หรือประจำคืน) ข้ึนมาได้ • พยายามหาหนงั สือสนุกๆ มาให้ลูกเลือก ดูว่าหนงั สือมีภาพสีสนั สดใสประกอบ หรือไม่? ภาษาที่ใช้ล่ืนไหลสนุกสนานเวลาอ่านหรือเปล่า หรือว่าตะกุกตะกัก ไมค่ ่อยเป็นธรรมชาต?ิ เนือ้ เรอื่ งเปน็ เรอื่ งท่ลี ูกสนใจอย่หู รอื เปลา่ ? • พึงระลึกไว้เสมอว่าการอ่านเป็นเร่ืองสนุก! พยายามให้ลูกเป็นคนเลือกหนังสือ ด้วยตัวเขาเอง จรงิ อย ู่ มันเป็นเรื่องยากทีต่ อ้ งอา่ นหนังสือเร่ืองเดมิ ซ้ำแลว้ ซำ้ อกี หลายครั้ง (เพราะเราต้องอยู่ท่ีนั่นด้วยกัน) แต่ลูกของคุณจะได้รับประโยชน์ อย่างมากมายจากการอ่านหนังสือซ้ำนี้ ท้ังพัฒนาการทางอารมณ์และในการ เตรียมความพรอ้ มสำหรับการอ่านดว้ ยตัวเขาเอง • ชวนลกู ดเู นอื้ หาครา่ วๆ ในหนงั สอื กเ็ พม่ิ ความสนกุ ได ้ ดภู าพและพดู เกย่ี วกบั ภาพนนั้ ขณะทค่ี ณุ พดู คยุ ใหล้ กู ฟงั เกย่ี วกบั ภาพ คณุ ไดเ้ ตรยี มใหเ้ ขาเรม่ิ รสู้ กึ สนกุ กบั หนงั สอื แล้ว และคุณก็สามารถอธิบายคำบางคำหรือช่ือบางชื่อท่ีลูกจะได้ยินตอนที่คุณ เรมิ่ อา่ นได้ 22 ละครสร้างนักอา่ น
• ทำเสียงใหก้ ลมกลนื แบบ “เขา้ ถึง” จริงๆ คำรามแบบสงิ โต ส่งเสียงแหลมเลก็ เหมือนหนู และอ่านแบบถ่ายทอดความรู้สกึ ตามเน้ือหา • คณุ จะตอ้ งอยใู่ กลก้ ับลกู ให้มากทสี่ ุดขณะท่อี ่านใหล้ ูกฟัง วธิ ีท่ดี ที สี่ ดุ วธิ หี นึ่งคอื ให้ ลูกนั่งบนตกั หรอื น่ังชิดกนั ในทา่ ท่สี บายทสี่ ุด • อีกทางเลือกหนงึ่ คือ เลา่ เร่อื งท่ีคณุ แตง่ เอง เดก็ ๆ จะสนกุ กับเรื่องท่คี ุณแต่งขึน้ หรืออาจเป็นเรื่องเก่ียวกับครอบครัวที่คุณจำได้ แต่จำไว้ว่า ต้องอ่านหนังสือ หรือเลา่ เรอื่ งใหล้ กู ฟงั ทกุ วัน! • เด็กๆ อาจตอ้ งการใหค้ ณุ อ่านใหฟ้ งั ต่อเนือ่ งไปอกี นานแม้เขาจะสามารถอา่ นเอง ได้แล้ว เพราะการอ่านให้ลูกฟังไม่ใช่เป็นเพียงแค่การอ่าน มันเป็นการส่งผ่าน ความอบอุ่นและความรัก ซึ่งเราหวังว่าคุณจะยังคงทำต่อไปตราบเท่าท่ีลูก ยงั ต้องการ สำหรับในโรงเรียนจะเป็นแหล่งที่สานต่อเร่ืองการอ่านและการเรียนรู้ของเด็กๆ ครมู บี ทบาทสำคญั การพดู กบั นกั เรยี นถงึ เรอ่ื งหนงั สอื ทคี่ รแู ละนกั เรยี นอา่ นรว่ มกนั ทง้ั กอ่ น ระหว่าง และหลงั การอ่าน มีสว่ นสำคัญต่อการเรียนรู้ของพวกเขา ขณะที่คณุ กบั นักเรียนพูดคยุ กนั เก่ยี วกบั หนังสือน้ัน คุณ... • แนะนำให้พวกเขาโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหากับบางอย่างในชีวิตของเขา สรา้ งการเช่ือมโยงแบบน้เี ป็นสว่ นสำคญั ของการเรียนรู้ • จัดบรรยากาศท่ีจะทำให้การอ่านเป็นกิจกรรมที่มีการพบปะพูดคุยกันเพลินๆ ตามธรรมชาติ อย่าประเมินความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพของคุณต่ำ เกินไปที่จะส่งเสริมและเพิ่มระดับการเรียนรู้ของนักเรียน งานวิจัยแนะนำว่า เราจะเรียนได้ดีทีส่ ดุ เมอ่ื เราชอบคนท่ีสอนเรา • ช่วยทำให้ความเข้าใจในหนังสือของพวกเขาง่ายขึ้นด้วยวิธีท่ีสนุกและเป็น ธรรมชาติ ใชภ้ าพประกอบในการอธบิ าย หรือใชก้ ารแสดงท่าทางประกอบ เพื่อ ความเข้าใจและตีความหมายได้ชัดเจนขน้ึ Readers Theatre 23
• พึงระลึกว่าเรากำลังพูดกับนักเรียนไม่ใช่แค่พูดให้พวกเขาฟัง ในการเรียนเรา ต้องการให้นักเรียนแสดงออกไมใ่ ชม่ ารว่ มรบั ฟังเฉยๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ห้องสมุดและนักจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่านของชุมชน การจัดกิจกรรมประเภทละคร ก็เปน็ อีกทางเลือกหนึ่งท่นี า่ สนใจ ãช้ละครเพื่อสง่ เสริมการอ่านáละการเรียนรÙ้ ละคร เป็นส่ิงท่ีดึงดูดความสนใจของผู้คนมานานเป็นพันๆ ปีในทุกๆ วัฒนธรรม ละครเป็นส่วนสำคัญส่วนหน่ึงในชีวิตของมนุษย์จำนวนมาก เพราะนำมาซ่ึง ความเพลิดเพลิน บันเทิงใจ ละครมีรูปแบบท่ีแตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม เช่น การเชิดหุ่นเงา (shadow puppets) ของชาวอินโดนีเซีย อุปรากรของจีน การตีกลอง เล่านิทานของชาวแอฟริกัน และการแสดงละครสไตล์บรอดเวย์แบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะรูปแบบใดๆ ของละคร การแสดงกม็ ีศกั ยภาพทีว่ เิ ศษและทำใหผ้ ู้ชม “ลืมไม่ลง” คำว่า “ละครเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้” หมายถึงละครท่ีมีจุดมุ่งหมาย นอกเหนือไปจากการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมเพียงอย่างเดียว จุดมุ่งหมายน้ี โดยท่ัวไปก็เพื่อที่จะให้ความรู้ เปล่ียนทัศนคติ หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (หรือบางที ก็ทงั้ 3 อยา่ ง) ของผู้ชม การใช้ละครเพ่ือให้การศึกษาแก่ผู้ชมมีชื่อเรียกได้หลายอย่าง เช่น edutainment, infotainment และ entertainment-education เปน็ ต้น ละครมกั จะเปน็ สะพานเชอ่ื มระหวา่ งการศกึ ษาและความบนั เทงิ จากอดตี ในยคุ ตน้ ๆ 24 ละครสรา้ งนักอา่ น
ละครถูกใช้เพ่ือแพร่กระจายข่าว เล่าสู่กันฟังถึงเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์ และเพ่ือให้ การศกึ ษาแก่ประชาชนเก่ยี วกบั เหตกุ ารณ์ภายนอกชมุ ชนของพวกเขา เมอ่ื เรว็ ๆ น ้ี การใชล้ ะครและศลิ ปะการแสดงเพอ่ื จดุ ประสงคท์ างการศกึ ษาไดล้ กุ ฮอื ข้ึนมาอยา่ งเห็นได้ชดั โดยเฉพาะอย่างยิง่ การแพรร่ ะบาดของ HIV หรือโรคเอดส์ ทำให้ เป็นจุดสนใจที่มีการนำเสนอในแบบของการละครอย่างนับไม่ถ้วน ท้ังละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ โครงการรณรงค์ของส่อื มวลชน และองคก์ รการกศุ ลต่างๆ มเี อกสารทศ่ี กึ ษาถงึ ประโยชนข์ องละครเพอ่ื การศกึ ษาเพมิ่ จำนวนขน้ึ ละครถกู มอง วา่ เปน็ เครอื่ งมอื ทม่ี พี ลงั เพอื่ การเปลย่ี นแปลงสงั คม ละครชว่ ยทำใหภ้ าวะทางอารมณแ์ ละ จติ แกรง่ ขนึ้ ได ้ และเปน็ วธิ ที ส่ี ง่ ผลตอ่ ความเชอ่ื ความสนใจใหเ้ พม่ิ ขน้ึ ได ้ โดยเฉพาะกบั เยาวชน การดูละครที่ออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อการศึกษาน้ัน สามารถเปลี่ยนวิถีคิดของคน และการกระทำท่ีเขาหรือเธอท่ีอาจจะทำได้ การใช้ละครในฐานะเคร่ืองมือทางการศึกษา อยา่ งสรา้ งสรรค ์ เปน็ โอกาสทจ่ี ะชว่ ยไขความลล้ี บั ของเทพนยิ าย และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรม ของผู้ชมได ้ ละครทำให้ผ้ชู มรบั สารท่ตี ้องการส่ือไดใ้ นแบบท่เี พลดิ เพลนิ และน่าตนื่ เตน้ เพราะละครดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดีและสร้างชีวิตชีวาให้กับวรรณกรรม แม้แต่เด็กและเยาวชนก็ถูกกระตุ้นให้เข้าร่วมได้อย่างกระตือรือร้น การเข้าร่วมอย่าง กระตือรือร้นหมายความว่าอารมณ์ของผู้ชมจะถูกกระทบด้วย ความสามารถในการท่ีจะ ไปสมั ผัสกบั อารมณ์น้ีจงึ ทำให้ละครมีอิทธพิ ลต่อทัศนคต ิ ในแบบทกี่ ารสอนหรือคำแนะนำ แบบเดิมๆ ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นละครจึงเป็นสื่อท่ีดีและมีประสิทธิภาพในการสร้าง การเรียนร้ใู ห้กับเด็กและเยาวชน และ รีดเดอร์ส เธียเตอร์ (Readers Theatre) ก็เป็นรูปแบบหน่ึงของละคร เพ่ือการศึกษาและการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริม “การอ่าน” ของเด็ก และเยาวชน Readers Theatre 25
ÃÕ´à´ÍÃÊ à¸ÕÂàµÍà : ¡ÒÃÅФâͧ¹Ñ¡Í‹Ò¹
“องค์ประกอบของการละครสามารถทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตระหนักได้ว่า การอ่าน เป็นกิจกรรมที่เปดิ โอกาสใหน้ ำมาทดลองได้ โดยพวกเขาสามารถลองอ่านคำพูดด้วยวิธที ี่ แตกต่างกนั เพอ่ื ให้มคี วามหมายทแ่ี ตกต่างได้ การใชค้ วามดังของเสียง ระดบั เสยี งสูง-ตำ่ การเนน้ เสยี งและจงั หวะในการออกเสยี งท่ีใสล่ งไปในหนงั สอื หรอื บททก่ี ำลงั อา่ นในการแสดง รดี เดอรส์ เธยี เตอร์ เปน็ การทำให้ตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ไว้มีชีวิตชีวาและให้ชีวิตกับตัวละคร เหล่านนั้ ...” (Lila Carrick) 28 ละครสรา้ งนักอ่าน
RT คืออะäร รดี เดอร์ส เธยี เตอร์ (Readers Theatre : RT เขียนเป็น Reader’s Theatre หรือ Readers’ Theatre ไดเ้ ชน่ กนั ) เป็นรปู แบบของการแสดงละครแบบหนึง่ ท่รี วมผเู้ ขา้ ร่วม กิจกรรมใหเ้ ข้ามาอ่านหนังสอื หรอื บท (script) ด้วยการอา่ นออกเสียง RT ไม่จำเปน็ ต้อง มีฉากหรือเคร่ืองแต่งกาย ไม่ต้องใช้การแสดงเต็มรูปแบบ และไม่ต้องท่องจำบท ผู้อ่านเพียงแต่ใช้ความรู้สึก น้ำเสียงและอารมณ์ และนำเสนอตัวละครด้วยการใช้เสียง การแสดงสีหน้าและทา่ ทางง่ายๆ ตลอดช่วงทีใ่ ช ้ RT ผู้อา่ นจะอยกู่ ลางเวทีและมงุ่ ความ สนใจทัง้ หมดไปทีก่ ารอา่ น ผูอ้ ่านคอื ดารานักแสดง RT นำองค์ประกอบของการละครเข้ามาในการอ่านและการเรียนรู้หนังสือ และ เปลยี่ นสถานทจี่ ดั กจิ กรรมใหเ้ ปน็ เวทกี ารแสดงทนี่ า่ หลงใหล RT ตา่ งจากการละครโดยทว่ั ไป เพราะไม่ต้องจัดหาหรือจัดสร้างภาพของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นบนเวที แต่เป็นการ นำเสนอเรอ่ื งราวอย่างงา่ ยๆ มากกวา่ การแสดงออกมาจรงิ เหตุการณ์ต่างๆ นั้นไม่ใช่การ แสดงออกมาให้เห็นจรงิ ๆ แต่เป็นการทำให้เกิดภาพขนึ้ ในความนกึ คิด RT เป็นละครแห่ง การจินตนาการ เพราะผู้ชมจะร่วมจินตนาการกับนักแสดงในการสร้างเรื่องราวให้มีชีวิต ข้นึ ในโรงละครแห่งจนิ ตนาการ สาระสำคัญที่มีอยู่ในคำว่า “นักอ่าน” ชี้ให้เราเห็นชัดว่าเป็นการเน้นที่ตัวหนังสือ ตัวหนงั สือคอื แนวคิดท่ีสำคญั ท่ีสดุ ใน RT มนั เป็นเหตุผลและหน้าทส่ี ำหรบั การแสดงแบบ น ี้ จดุ มงุ่ หมายของ RT ก็คอื เพ่ือแสดงงานเขยี นในรูปแบบทด่ี งึ ดูดความสนใจของผฟู้ ังให้ พุง่ ตรงไปทีง่ านของผู้แตง่ ตัวหนงั สือหรือตวั อักษรท่ีถูกเลือกสำหรับการแสดงในเบอ้ื งตน้ เปน็ งานวรรณกรรมท่ีไม่ใชเ่ ปน็ การละคร เลสลี ่ ไอรนี โคเกอร ์ และเมลวิน อาร.์ ไวท์ (Leslie Irene Coger and Melvin R. White) ให้ความหมายของรีดเดอร์ส เธียเตอร์ (RT) ว่าเป็น “ส่ือ (medium) ท่มี ผี ูแ้ ปลความหมายโดยการอา่ น 2 คนหรอื มากกวา่ โดยผ่านการอ่านออกเสยี ง เพ่อื ให้ ผ้ฟู ังได้รบั รู้ประสบการณจ์ ากงานวรรณกรรม” Readers Theatre 29
การแสดงใน RT แตกต่างจากการละครแบบท่ัวไปในหลายๆ ด้านและหนึ่งใน จำนวนนนั้ คอื ไมต่ อ้ งพยายามสรา้ งสง่ิ เสมอื นจรงิ บนเวที ในลกั ษณะนคี้ อื เปน็ การนำเสนอ (presentational) มากกว่าเป็นการแสดงแบบจำลองภาพจริง (representational) ภาพและรูปทรงใดๆ ไม่มีอย่บู นเวที แตจ่ ะมีอยูใ่ นใจของผ้ชู ม และในใจของตวั ผอู้ ่านเอง ซึ่งนน่ั ก็คอื ไม่ว่าการแสดงจะเกดิ ข้ึนทไี่ หน เสียงของผู้ทตี่ ีความจากตวั หนังสอื ก็จะสง่ ผล ไปกระตุ้นใหก้ บั ผฟู้ งั ดังนั้นผฟู้ งั ก็จะเขา้ ร่วมในการแสดงไปพร้อมกันกบั ผู้อา่ นดว้ ย RT มีองค์ประกอบหลายอย่างท่ีช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวมันเอง องค์ประกอบที่สำคญั ท่สี ุดก็คือ การนำเสนอตัวหนงั สอื บนเวทีอย่างเห็นไดเ้ ปน็ รปู รา่ ง บท หรอื สคริปตเ์ ป็นส่งิ ทเ่ี ห็นไดจ้ ากผู้ชมไมว่ ่าผูแ้ สดงจะอา่ นจากมนั จรงิ ๆ หรอื ไม่กต็ าม คนดู จะนึกถงึ ตวั หนังสือหรอื ถอ้ ยคำในหนังสอื เปน็ ส่งิ แรกอยู่เสมอ การตกแต่งเวทีไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมี หรอื มกี ็ทำเพียงเลก็ น้อย เน่ืองจากฉากนัน้ ต้งั อย่ใู น จินตนาการของผู้มสี ว่ นร่วมอยู่แลว้ (ผูช้ มและผูอ้ ่าน) จึงทำใหอ้ งค์ประกอบทางกายภาพ ไม่สำคัญเท่ากับการฟัง โดยปกติผู้อ่านมักจะน่ังบน เกา้ อไ้ี มห้ ลงั ทว่ี างโนต้ ดนตรี หรอื ยนื ถอื หนงั สอื หรอื บท ทจ่ี ะอา่ น เครอ่ื งแตง่ กายกไ็ มจ่ ำเปน็ จะตอ้ งลงทนุ อะไร นกั แสดงมกั จะแต่งกายดว้ ยชุดเรียบๆ (ท้งั แบบทเี่ ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ) ผู้อ่านแต่ละคนจะให้ภาพของตัวละครตัวใด ตัวหน่ึงหรือมากกว่าหนึ่งตัวก็ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องพยายามทำให้การเปล่ียนตัวละครเป็นเร่ือง ยงุ่ ยาก อาจใช้ “การเปลยี่ นเสยี ง” มาชว่ ย ใหร้ วู้ า่ ผอู้ า่ น คนเดียวกันได้เปล่ียนจากตัวละครหน่ึงไปเป็นอีก ตวั หนง่ึ แลว้ ผแู้ สดง RT จะพยายามเชือ่ มตอ่ ไปทีผ่ ูฟ้ ัง ความสัมพันธ์ระหว่างผ้อู ่านกับผ้ฟู ังน้ี จะช่วยให้ผ้ฟู ัง มงุ่ ความสนใจไปทีต่ ัวหนังสอื ทีอ่ ย่ใู นบทประพันธน์ ั้น 30 ละครสรา้ งนักอา่ น
“รีดเดอรส์ เธยี เตอร์ เป็นเครือ่ งมือเสรมิ สร้างการอา่ น เครื่องมอื ช่วยในการสอน หนทางสูก่ ารแสดง และโอกาสทจ่ี ะเลน่ กบั ภาษา... รดี เดอรส์ เธยี เตอร์ เปน็ การอา่ นออกเสยี งเพอ่ื สอ่ื สารเรอ่ื งราวโดยผา่ น การตคี วามหมายของภาษามากกวา่ การแสดง... ประสบการณ์พน้ื °านนนั้ ไม่จำเป็น ไมต่ อ้ งมอี ะไรเลย นอกจากเรื่องที่มเี นือ้ หาดๆี และตัวผูอ้ ่าน!... เด็กๆ ชอบ “การแสดงออก” หรือ “การเลา่ เรอ่ื ง” ซึง่ สามารถนำมาใช้กระตุ้นการอา่ นได.้ .. สำหรบั ผู้ท่ีคิดจะลองใช้รีดเดอรส์ เธียเตอรเ์ ปน็ ครง้ั แรก ©ันรู้สึก ตน่ื เต้นดีใจแทนคุณเชยี ว” (Lois Walker) RT “ãห้” อะäรกับนกั อ่าน รดี เดอร์ส เธียเตอร ์ (RT) เป็นกลยทุ ธท์ ีช่ ว่ ยกระตนุ้ ความสนใจได้อย่างสงู โดยจะ เช่ือมการอ่านออกเสียง วรรณกรรม และการละคร ไม่เหมือนกับละครแบบท่ัวไปท่ีต้อง มีเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า อุปกรณ์การแสดง การจัดเวที หรือการท่องจำบท RT ต้องการเพียงแค่เรื่องที่มีเน้ือหาเหมาะสมท่ีจะให้ผู้อ่านใช้สำหรับการอ่านออกเสียง การใช้เพียงเสียง การแสดงสีหน้า และท่าทางของพวกเขา พวกเขาก็จะแสดงอารมณ์ ความเชื่อ ทัศนคติ และการเคล่ือนไหวของตัวละครออกมา ผู้บรรยายจะทำให้ทราบถึง ฉากของเรอ่ื งและการกระทำ และให้คำบรรยายทีจ่ ำเป็นสำหรบั การเปลีย่ นฉาก นกั การศกึ ษาไดบ้ รรยายเก่ียวกับประโยชนข์ องการใช ้ RT และกลยทุ ธท์ ี่เก่ียวขอ้ ง มาชา้ นานแล้วว่า RT ชว่ ยเพิ่มการอา่ นให้คล่องข้ึนและเพมิ่ การเรียนรคู้ ำศพั ท์ใหม่ ช่วย เพิ่มความเข้าใจในการอ่านให้ดีข้ึน เป็นการเปิดโอกาสให้ได้ตีความบทสนทนาและ ความหมายในการสอ่ื สาร และชว่ ยเพม่ิ ความตระหนกั รบั ร ู้ และเหน็ คณุ คา่ ของบทละครใน ฐานะรปู แบบหนงึ่ ทางวรรณกรรม ตวั อยา่ งเชน่ แฮรสิ และซเิ พ (1990) อธบิ ายวา่ การอา่ น บทเพื่อการแสดงเป็นกิจกรรมการอ่านออกเสียงท่ีสนุกสนานมากที่สุดอย่างหน่ึงสำหรับ เดก็ ๆ และคดู ี้ (1992) กล่าววา่ การอา่ นแบบ RT เปน็ บริบทอยา่ งหนึง่ สำหรบั การอ่าน อยา่ งมเี ปา้ หมาย “โดยกจิ กรรมการโตต้ อบระหวา่ งกนั น ี้ เดก็ ๆ จะเขา้ รว่ มอยา่ งกระตอื รอื รน้ และมีพลังที่จะสนองตอบต่อการแปลความหมายของวรรณกรรม” (ซีเบสต้า, 1997) Readers Theatre 31
RT ช่วยเสริมพลังลักษณะทางสังคมของการอ่านให้แกร่งขึ้น (บุชชิง, 1981) และเปิดโอกาสใหเ้ ด็กๆ ไดใ้ ชค้ วามสามารถอันหลากหลายในการทำงานเปน็ กลุม่ ในสภาพ แวดลอ้ มของการเรยี นรรู้ ว่ มกนั (ฟลดั , แลปป,์ ฟลดั และนาเกล, 1992; เทราสเ์ ดลและแฮรร์ สิ , 1993) เพราะการนำไปปฏบิ ตั ปิ ระกอบดว้ ยการอา่ นบทพดู จำนวนมาก RT จงึ ชว่ ยสง่ เสรมิ ความคล่องในการอ่านด้วยปากเปล่า (คาร์ลิค, 2000; มิลลิน, 1996) และเพ่ิมความ สามารถของเดก็ ๆ ให้เข้าใจและรู้จกั ดัดแปลงเน้ือหา (สเตเตอรแ์ ละอัลลิงตัน, 1991) วัตถุประสงค์ของ RT มดี ังนี้ • เพื่อให้ตระหนักว่าการอ่านออกเสียงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ใช้สื่อสารด้าน วรรณกรรม พรอ้ มๆ กบั การตคี วามและความเขา้ ใจในตวั ละคร • เพื่อช่วยให้มีประสบการณ์ในการเลือกหนังสือหรือเรื่องสำหรับการอ่าน หรือชว่ ยใหร้ จู้ ักการดดั แปลงเพือ่ นำมาใช้ในการแสดง • เพื่อฝึกฝนการใช้เสียงเพ่ือตีความหมายของบทพูด และให้รู้ความหมายของ การสอ่ื สารแบบน้นั ๆ • เพ่ือเพมิ่ ความสนุกสนานของการอา่ นและการฟัง • เพอ่ื เพม่ิ ความซาบซง้ึ ในอรรถรสของวรรณกรรม ถึงแม้ว่า RT ต้ังใจจะให้คนดูร่วมสนุกด้วย แต่ RT ก็ยังคงเป็นเร่ืองท่ีเน้น กระบวนการอยมู่ าก กระบวนการในการเตรยี มจดั แสดง RT นน้ั มคี วามสำคญั ไมน่ อ้ ยกวา่ ผลลพั ธ์ที่สนกุ สนาน เนื่องจากแตล่ ะขัน้ ตอนของกระบวนการเตรียมความพรอ้ ม แท้จรงิ แลว้ กค็ ือข้ันตอนท่เี ออ้ื ให้เกิดกระบวนการศึกษา ตีความ และพนิ ิจวรรณกรรมโดยปริยาย นน่ั เอง RT ใหโ้ อกาสแกเ่ ดก็ ๆ เพอ่ื ฝกึ ทงั้ ทกั ษะการอา่ นและการพดู ไปพรอ้ มๆ กนั และเปน็ เทคนคิ ทไ่ี ดผ้ ลในการชว่ ยใหเ้ ดก็ ๆ เกดิ ความมน่ั ใจในความสามารถทางการอา่ นของตวั เอง เพื่อพวกเขาจะได้นำไปใช้ในการอ่านเด่ียวแบบออกเสียงด้วยตนเอง และเชน่ กนั ถา้ ผู้อ่าน ทอ่ี า่ นไมค่ ลอ่ งถกู จดั ใหอ้ ยใู่ นกลมุ่ ผอู้ า่ นทค่ี ลอ่ ง มนั กจ็ ะชว่ ยใหเ้ ขาอา่ นไดค้ ลอ่ งตามไปดว้ ย 32 ละครสร้างนักอา่ น
โดยท่ัวไปแล้ว การคัดเลือกเร่ืองสำหรับการแสดง RT จะรวมผู้อ่าน 5-6 คนต่องานแต่ละช้ิน การคัดเลือกควรจะจัดตามความสนใจของผู้อ่านและผู้ฟังโดย การสอบถามเด็กๆ โดยอาจจะนำมาจากเรื่องสั้นหรือคัดมาจากบางตอนของนวนิยาย อัตชีวประวัติ หรือบันทึกทางประวัติศาสตร์ ร้อยกรองหรือบทกวีท่ีเน้นการพรรณนา บทละครสั้นๆ หรือบางตอนจากบทละครจรงิ ๆ ก็น่าสนกุ ทจ่ี ะนำมาแสดง กระทัง่ อาจจะ ลองเขียนเรอื่ งขนึ้ มาเอง RT ช่วยให้เกิดประโยชนห์ ลายดา้ น เช่น ช่วยให้มีการฝึกอ่านซ้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความคล่องในการอ่าน การได้อ่านซ้ำยังช่วยเพิ่มความม่ันใจและความกระตือรือร้นในการอ่านของเด็กๆ ด้วย RT เปน็ การเปลยี่ นแปลงจากทเี่ คยฝกึ แบบเดมิ ๆ ใหส้ นกุ ขน้ึ และเปน็ โอกาสอนั วเิ ศษสำหรบั เดก็ ทีเ่ คยรู้สกึ ว่าตัวเองไมถ่ นดั ในการใหค้ วามบันเทิงแบบมืออาชีพแก่ผู้อืน่ RT ต่างจากละครอย่างäร รีดเดอร์ส เธียเตอร์ (Readers Theatre) มีจุดมุ่งหมายต่างจากละครโดยทั่วไป ขณะทล่ี ะคร (Theatre) มเี ปา้ หมายเพอ่ื ใหค้ วามบนั เทงิ และใหส้ าระกบั ผชู้ มโดยการจำลอง ภาพ “โลกสมมุติ” ให้เกดิ ความเช่อื ถือมากที่สุด แต่รีดเดอร์ส เธยี เตอรส์ ามารถให้ทง้ั ความ บันเทิงและใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้เกิดความเข้าใจในวรรณกรรมได้ลึกซ้ึงมากข้ึน ซ่งึ แตกตา่ งจากการอา่ นเพียงอย่างเดยี ว Readers Theatre 33
ความแตกตา่ งระหวา่ งการแสดง “ ละคร ” กับการแสดง “ รีดเดอร์ส เธยี เตอร์ ” ละคร รดี เดอรส์ เธยี เตอร์ 1. เนน้ ท่กี ารแสดง 1. เน้นทเ่ี นอื้ หาวรรณกรรม 2. นักแสดงจะมีจดุ มองหลักๆ 2. นักแสดงจะสรา้ งจนิ ตนาการให้กับคนด ู อย่บู นเวที คือมองหนา้ กนั เกี่ยวกบั ตวั ละครที่ปรากฏในบท ระหวา่ งนกั แสดง (on-stage โดยมองไปนอกเวที ซึง่ มกั จะมองไปทาง focus) ด้านหลงั กลุ่มคนดู (off-stage focus) และมีผบู้ รรยายร่วมแสดงด้วย 3. นักแสดงจะต้องจำบท 3. นักแสดงตอ้ งมีบท (ถือ/วาง) และต้องไม่ถอื บทขณะแสดง ให้เหน็ บนเวที ไมจ่ ำเป็นตอ้ งจำเพราะใชก้ ารอา่ น แต่ตอ้ งซ้อม 4. นกั แสดงจะต้องแตง่ หน้าและ 4. นักแสดงไม่จำเป็นต้องแตง่ ตวั แต่ใช้ แต่งตวั เพอ่ื แสดงบุคลิกลกั ษณะ ความสามารถในการสรา้ งจินตนาการ ของตวั ละคร ให้ผฟู้ งั เห็นภาพ 5. คนดูกบั นักแสดงจะแยกออกจาก 5. คนดูจะใกล้ชดิ กับนักแสดงและใชพ้ ้ืนที่ กนั และมกั จะมพี น้ื ทห่ี รอื เวทใี หร้ วู้ า่ ใดเป็นเวทีก็ได้ เพราะไม่จำเปน็ ตอ้ ง เปน็ การแสดง มอี ปุ กรณ์/ฉาก 6. นกั แสดงจะใชก้ ารเคล่อื นไหวมาก 6. นักแสดงไม่เคลอ่ื นที่มากนกั แตใ่ ช้ และเคล่ือนไหวไปบนพน้ื ทเ่ี วที นำ้ เสยี ง สายตา และท่าทาง และใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบฉากเป็น เพียงเลก็ นอ้ ยประกอบ ประโยชนใ์ นการแสดง 34 ละครสรา้ งนักอ่าน
ลองนÖกภาพ©ากน´éี Ù กลุ่มนักเรียนชั้นประถมตอนปลายกลุ่มหนึ่งกำลังเรียนเก่ียวกับเทพนิยายและ นิทานพื้นบ้าน พวกเขารวมตัวกันเพื่อท่ีจะอ่านเรื่องท่ีดัดแปลงมาจากนิทานเก่าๆ เรื่อง “หม้อวิเศษ เด้งดึ๋งได้” เด็กๆ ฝึกซ้อมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ และตอนนี้ก็พร้อมท่ีจะอ่านให้ เพ่อื นๆ ทีเ่ หลือในชั้นเรยี นฟงั แลว้ บ้างก็นั่ง บ้างก็ยืนอยู่หน้าช้ันเรียน โดยท้ังหมดหันหน้ามาทางผู้ชม ผู้บรรยายยืน อยูห่ ลังท่วี างโนต้ ดนตรแี ละเปิดแฟม้ สีท่วี างอยบู่ นน้ัน แลว้ ก็เริม่ อา่ น “ก าลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว เม่ือพวกหมูสามารถผิวปากและหม้อสามารถพูดได้ มสี ามภี รรยาทย่ี ากจนอยคู่ หู่ นง่ึ อาศยั อยใู่ นบา้ นอนั ทรดุ โทรม ทง้ั คเู่ ปน็ เจา้ ของหมู ทผ่ี อมโซอยตู่ วั หนง่ึ ” สามีพูดกับคนดูด้วยท่าทางที่หิวโหยและตัวส่ันเทา “ผมคือสามี” เขาพูด “และฉันเป็นภรรยา” ภรรยาส่งเสียงตะโกนมา “อู๊ด!” ตามด้วยเสียงของหมูแล้วเรื่องก็ ดำเนินตอ่ ชายผู้หิวโหยกับภรรยาตัดสินใจจะขายหมูที่ผอมโซของพวกเขาจึงได้นำไปขาย ทีต่ ลาด “ไม่มใี ครซ้อื หมทู ี่ผอมโซอย่างนหี้ รอก” เขาคร่ำครวญ แต่แลว้ ในท่ีสดุ หมกู ถ็ กู ขาย ให้กับคนแคระคนหน่ึงด้วยการแลกกับหม้อต้มซุปสีดำเก่าๆ ใบหนึ่ง คนแคระหวังว่าหมู ตัวใหม่ของเขาจะเรยี นรู้ทจ่ี ะผวิ ปากเพลง “ดวงดาววาววับจรสั แสง” ได้ ขณะที่การอ่านดำเนินต่อไป ผู้อ่านอ่านบทบรรยายหรือบทของตัวละครของ พวกเขาได้อย่างคล่องแคล่ว พวกเขาอ่านด้วยความกระตือรือร้นจากบทที่อยู่เบ้ืองหน้า ของพวกเขากลับไปท่ีบ้านน้ันอีกคร้ัง ภรรยาเตรียมที่จะต้มมันฝร่ังท่ีเหลืออยู่ชิ้นสุดท้าย ของพวกเขาในหม้อสีดำเก่าๆ ใบนั้น แต่ทันทีที่เธอวางหม้อบนเตาไฟหม้อก็เร่ิมส่งเสียง แปลกๆ เสยี งนนั้ ย่ิงดังข้นึ ๆ จนกระท่งั หมอ้ น้ันรอ้ งตะโกนเสียงดงั ออกมา Readers Theatre 35
“ขา้ เปน็ หม้อวเิ ศษเด้งดง๋ึ ได้ นีเ่ ห็นข้าเปน็ อะไร ข้าต้องกระโดดฉับไว ปลอ่ ยขา้ ไป!” ผอู้ า่ นทง้ั หมดรว่ มกนั ตะโกนดว้ ยเสยี งอนั ดงั ปลอ่ ยขา้ ไป! ปลอ่ ยขา้ ไป! ปลอ่ ยขา้ ไป! ถ้อยคำปล่อยข้าไปถูกพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดทั้งเร่ือง ทั้งผู้อ่านและผู้ฟังเข้าร่วมกันใน โอกาสน้ี เรอ่ื งยงั ดำเนนิ ตอ่ ไป แลว้ หมอ้ วเิ ศษเดง้ ดง๋ึ ไดก้ ก็ ระโดดเขา้ ไปในถำ้ ของสตั วป์ ระหลาด กระเด้งเข้าไปในยุ้งขา้ วของเจา้ ยักษ์ และกระดอนเขา้ ไปในกระทอ่ มของแม่มด จากน้นั ก็ นำรางวัลมาให้แกเ่ จา้ ของของมันดว้ ยหม้อท่ีจุไปดว้ ยขนม หม้ออกี ใบเตม็ ไปด้วยเมล็ดข้าว และอีกใบหน่ึงก็เต็มไปด้วยเงินทอง แต่สัตว์ประหลาด เจ้ายักษ์ และแม่มดก็ยังคงไล่ล่า หม้อใบน ี้ แล้วในที่สดุ หมอ้ สีดำก็ “กระโดด กระเดง้ กระดอน” เขา้ ไปในหม้อใบใหญ่ท่ใี ช้ สำหรับตม้ ซุปของแม่มด แม่มดกรีดรอ้ ง “เจ้าหม้อซมุ่ ซ่าม! ถึงเจ้าจะกระโดด กระเด้ง กระดอนไปได้ไกลถึงอลาสก้าพวกขา้ กไ็ ม่สน! แค่หลบไปไกลๆ ให้พวกข้าไดต้ กั ซปุ นก้ี ินกพ็ อแลว้ !” แตแ่ นน่ อนวา่ หมอ้ ใบนกี้ ย็ งั คงกระโดดกระเดง้ ตอ่ ไป มนั กระโดดผา่ นไปทบ่ี า้ นคนแคระ ท่ีทห่ี มูกำลังผิวปากเพลง “ดวงดาววาววับจรสั แสง” อย่ขู ้างถนน และจากนั้นมาก็ไมม่ ใี คร เห็นหม้อวิเศษเด้งดึ๋งได้น้ันอีกเลย ซึ่งไม่ใช่เป็นเร่ืองน่าประหลาดใจ พวกนักอ่านบอกเรา วา่ เพราะ “อลาสก้าน้ันอยู่แสนไกล แม้จะเป็นหม้อวิเศษเด้งดึ๋งได้ ก็ไม่สามารถ กระโดด- กระเด้ง-กระดอน กลับมา!” นักอ่านทกุ คนยืนขึ้นและโคง้ คำนบั ผชู้ มปรบมือ ทุกคนย้มิ 36 ละครสรา้ งนักอา่ น
ÊÌҧÅÕÅÒ à¾èÔÁÊÕÊѹ ¡Í‹ ¹¨Ð¡ŒÒÇ¢Öé¹àÇ·Õ
“ไม่กี่ป‚ก่อนหน้าน้ี ©ันเปิดเมลและพบจดหมายเชิÞเข้าร่วมสัมมนาเชิง ปฏิบตั ิการ ‘รดี เดอรส์ เธยี เตอร์’ ©นั เกอื บจะลบทง้ิ ไมเ่ คยได้ยินเลยคำนี้ รีดเดอร์ส เธียเตอร์ คอื อะไร-ใครจะสน? ©นั คิด ©นั รู้สึกดีมากอยูแ่ ล้วในตอนนัน้ ©นั สอนศลิ ปะการละครท้ังในระดบั มัธยมและ มหาวิทยาลัย กำกับการแสดงมาแล้วนับไม่ถ้วน และอุทิศตนสนับสนุนด้านการละคร ©ันจัดสัมมนา ‘การละครแบบสร้างสรรค์’ สำหรับครูในสหรั°อเมริกาและแคนาดา ©นั สอนครแู ละนกั เรยี นมาเปน็ พนั ๆ คนแลว้ และเดนิ ทางเขา้ -ออกแคนาดามากวา่ 10 ป‚ มาแล้ว จะมีเหตุผลอะไรท่ีจะทำให้©ันสนใจรีดเดอร์ส เธียเตอร์ซึ่งเป็นแค่ลูกแหง่ เกิดใหมบ่ นเวทนี ี้ นอกจากนี้ ©นั ยังคิดว่าการละครจะไปทำใหเ้ กิดการอา่ นไดอ้ ย่างไร? หนังสือมีไว้เพ่ือการอ่าน และ ละครก็มีไว้เพ่ือการแสดง ทุกคนก็ทราบดี แน่ละ นเ่ี พยี งแตต่ อ้ งการจะบอกว่า ©ันไมร่ ู้อะไรเลยจริงๆ... มองย้อนกลับ ©ันแทบไม่เชื่อว่า©ันเกือบจะพลาดโอกาสเสียแล้ว เม่ือ©ันเข้าร่วมการสัมมนาน้ัน ©ันรู้ว่า©ันติดใจแค่ไหน ©ันได้ประโยชน์อย่างมากมาย มหาศาล! และเมือ่ เสรจ็ สิ้นจากการสัมมนา ©ันก็ตระหนักว่า ©ันไดพ้ ลาดทีจ่ ะใช้วิธีการ ท่ีสมบูรณ์น้ีมานาน... และที่ยอดเย่ียมที่สุดก็คือ น่ีไม่ใช่เป็นการทำให้สำเร็จได้โดย ผสู้ อนการละครเทา่ นน้ั การใชห้ รอื จดั ใหม้ รี ดี เดอรส์ เธยี เตอรก์ ย็ งั ทำไดโ้ ดยทกุ ๆ คน...” (Lois Walker) 38 ละครสร้างนักอา่ น
ส่Ùการáส´งการอา่ นบนเวที รีดเดอร์ส เธยี เตอร์ (Readers Theatre : RT) เปน็ ของใหม่ ดังนั้นรปู แบบการนำ ไปปฏิบัติจึงยังคงเกิดขึ้นอยู่เร่ือยๆ ผู้ท่ีมองหาวิธีการเพ่ิมความสนุกสนาน ความต่ืนเต้น แ ล ะ ต้ั ง ใ จ ใ ช้ เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ก า ร อ่ า น จึ ง ไ ด้ ท ด ล อ ง แ ล ะ ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ยุ ท ธ วิ ธี ต่ า ง ๆ ด้วยตัวพวกเขาเอง ครูที่มุ่งหวังที่จะให้ข้อมูลหรือสอนเกี่ยวกับภาษาและแนวคิดต่างๆ กจ็ ะพบว่า RT เปน็ สงิ่ ท่เี รา้ ใจในหอ้ งเรียนได้ ในอกี ดา้ นหนึง่ นกั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่าน ทต่ี อ้ งการให้เด็กๆ สนุกสนานก็จะฝึกซอ้ ม “เรื่องของนักอา่ น” สำหรับการแสดงต่อหน้า ผู้ชม (และ/หรือการแข่งขันด้านการพูดต่างๆ) โดยใช้วิธีการของ RT จากมุมมอง ของนักการละคร การแสดง RT มีได้หลายรูปแบบ การจัดเวทีส่วนใหญ่ผู้อ่านมักจะถูกจัดให้นั่งอยู่ บนมา้ นง่ั หรอื เก้าอีเ้ ป็นแถวเรียงหน้ากระดานอยา่ งเป็นทางการ หรอื ยนื อยูห่ ลงั แท่นทว่ี าง โน้ตดนตร ี และผูอ้ ่านก็จะถูกจัดให้อยใู่ นทีท่ ี่มคี วามสัมพนั ธ์กบั นักแสดงคนอนื่ ด้วยเชน่ กนั ตวั อย่างเชน่ ผ้บู รรยายของตัวละครหลักจะอยู่ข้างๆ ตัวละครหลัก และตัวละครหลกั กจ็ ะ อยู่ตรงกลางเวที ในแบบที่ทว่ั ไปทส่ี ดุ น้ัน ประกอบด้วย • นกั อ่านถูกจัดใหเ้ ป็นแถวหรือครึ่งวงกลม นง่ั บนเก้าอไี้ มท้ รงสงู หรือยืน • บทหรือหนังสือท่ีจะอ่านมักถูกจัดไว้บนท่ีวางโน้ตดนตรี (music stands) หรือถอื หนงั สอื ไว้ในมือ • นกั อา่ นมองตรงไปทางคนดหู รอื มองไปทม่ี มุ ใดมมุ หนง่ึ มากกวา่ ทจ่ี ะมองกนั และกนั กลมุ่ แชมเบอร ์ รีดเดอร์ส (Chamber Readers) จะใช้รปู แบบทคี่ ่อนขา้ งแตกต่าง แต่ก็ออกแบบชวนให้คนดูท่ีเป็นเด็กๆ สนใจได้มาก แชมเบอร์ รีดเดอร์สเป็น กลุ่ม RT ทีไ่ มห่ วงั ผลกำไร อยู่ในเขตฮมั บอลดต ์ แคลิฟอร์เนีย ได้สง่ เสรมิ การอา่ นและวรรณกรรม มาตั้งแตป่ ี 1975 กลุ่มนกั แสดงแบง่ ออกเปน็ 2 ทีม แตล่ ะทีมประกอบด้วยผ¬ ้อู ่าน 4 คน Readers Theatre 39
อำนวยการโดย Jean Wagner หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อต้ัง ในแต่ละปีแชมเบอร์ รีดเดอร์ส แสดงในเกือบจะทุกโรงเรียนในเขตพ้ืนที่ของรัฐ และเป็นท่ียกย่องว่าเป็นสถาบันเพื่อ สาธารณประโยชนข์ องท้องถนิ่ รูปแบบของแชมเบอร ์ รดี เดอร์สก็คลา้ ยกบั RT แบบทว่ั ไป คอื ใช้การอ่านและพลงั ของการใชภ้ าษาทพี่ ดู ออกมาเปน็ หลกั แตก่ เ็ พมิ่ การแสดงทา่ ทางและการเคลอื่ นไหวเขา้ ไป เปน็ จำนวนมากดว้ ย นน่ั เปน็ การทำงานทห่ี นกั เพม่ิ เขา้ ไปหนอ่ ย แตก่ ท็ ำใหส้ นกุ มากขน้ึ ไปดว้ ย โดยสรปุ แล้ว ลักษณะพิเศษของวธิ กี ารทีแ่ ชมเบอร์ รดี เดอรส์ ใช้ คอื • ตวั ละครเคลื่อนที่ไปรอบๆ เวทีมากเชน่ เดยี วกบั ในละคร มีการแสดงออกมาหรอื เสนอการเคล่ือนไหวตามที่อธิบายไว้ในเร่ือง แต่มักจะใช้วิธีการแสดงท่าทาง แบบงา่ ยๆ เช่น การเดนิ อยู่กับที่ • ถึงแม้ว่าผู้บรรยายจะมองไปท่ีคนดู แต่ตัวละครมักจะมองไปท่ีกันและกันเป็น ส่วนใหญ่ • บทที่อ่านจัดไว้ในแฟ้มแข็งและถูกถือด้วยมือเดียว ปล่อยให้มืออีกข้างว่างเพ่ือ แสดงทา่ ทาง • มีชุดเกา้ อีไ้ มท้ รงเต้ีย 1 ชดุ และเก้าอีไ้ ม้เด่ยี วทรงสูงแบบไม่มพี นกั 1 ตัว นำมาใช้ เปน็ ฉาก/อปุ กรณก์ ารแสดงแบบอเนกประสงค ์ เช่น เก้าอีส้ งู ที่มีเก้าอ้ีเตี้ยวางติด กนั เป็นตน้ ไม้เพอ่ื ให้ไต่ขน้ึ หรือเปน็ ภูเขา เป็นต้น คำว่า เวที ในที่นี้หมายถึง “พื้นที่ที่ใช้เป็นเวที” ซ่ึงอาจจะเป็นหน้าห้องเรียนหรือ พน้ื ทจ่ี ดั กจิ กรรมในหอ้ งสมดุ เวทจี รงิ ๆ นน้ั ไมจ่ ำเปน็ และรปู แบบการแสดงกไ็ มม่ กี ฎเกณฑ์ ตายตัว คุณจะใช้หรือทำรูปแบบไหนก็ได้ท่ีจะสามารถให้ความบันเทิงใจได้มากท่ีสุดแก่ ผู้ชมและนกั อา่ นของคุณ 40 ละครสร้างนักอ่าน
“การเลือกหนังสือหรือเร่ืองที่เหมาะสมนั้นสำคัÞต่อการใช้รีดเดอร์ส เธียเตอร์ (RT) ให้ ได้ผล เนอ้ื หาตอ้ งมคี ณุ ภาพ นา่ สนใจ และเหมาะสมกบั อายุ ระดบั ชน้ั และระดบั ความสามารถในการอา่ นของ เด็กๆ ผู้ซึ่งจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการละคร... เน้ือเร่ืองควรประกอบด้วยบทสนทนาท่ีมีชีวิตชีวา บทของผู้บรรยายก็สำคัÞเพราะมันเป็นการอธิบายการกระทำของตัวละครในเรื่อง สร้าง©ากและให้ สสี นั ภาพโดยการใหข้ อ้ มลู ทจี่ ำเปน็ ... เพมิ่ ชวี ติ ชวี าใหก้ จิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นของคณุ ! ทำใหส้ นกุ สนาน ต่นื เต้น แมแ้ ต่ผูอ้ ่านทยี่ ังอา่ นไม่คลอ่ งกต็ าม! เปิดมา่ น! เรม่ิ RT กนั เถอะ!” (Lila Carrick) รÙเ้ ลือกหนงั สอื สิ่งที่สำคัญท่ีสุดของ RT คือ ต้องมีหนังสือหรือเรื่องที่จะอ่าน แม้ว่าเร่ืองต่างๆ เกือบทุกเร่ืองสามารถนำมาจัดแสดง RT ได้ แต่การเลือกหนังสือก็ต้องเลือกเนื้อหาที่ เหมาะสมกับวัยและระดับการอ่านของกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย คำว่า “หนังสือ” ในที่นี้หากเป็นหนังสือเล่มหนา อาจตัดมาเพียงบางส่วนให้เหมาะสมกับเวลาในการจัด กจิ กรรม และหากคณุ สามารถนำมาดดั แปลงเปน็ บทสำหรบั การแสดงไดก้ น็ า่ ลองทำด ู ในท่ีน้ีจะยกตัวอย่างคำแนะนำหนังสือที่เหมาะสมกับวัยต่างๆ จากหนังสือ “เชย่ี วชาญชีวิต ฉลาดคดิ สรา้ งสรรค์” ของสำนักพัฒนาสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ (2548) ดงั นี้ วยั หนงั สือท่เี หมาะสม 2-5 ปี • หนงั สือท่มี เี รือ่ งราวเก่ยี วกบั ครอบครัวหรือสิง่ ใกลต้ วั เช่น ของใช ้ ตน้ ไม ้ หรือสตั วต์ ่างๆ • หนงั สือท่ีสอนเก่ียวกบั การนับเลขอยา่ งง่าย พยญั ชนะ และสระ พนื้ ฐาน รวมทงั้ เร่อื งของขนาดและรูปทรงพืน้ ฐานต่างๆ • หนงั สือท่ีใชป้ ระกอบการเล่นต่างๆ ของเด็ก Readers Theatre 41
วยั หนังสือท่ีเหมาะสม 5-6 ปี • นิทาน ตำนาน และเรอ่ื งราวชวนฝัน • เพลงร้องเล่น บทร้องทม่ี สี มั ผัสและการร้องรำไปพร้อมๆ กับ 7-8 ปี ทักษะด้านการอ่าน 9-10 ปี • เรอ่ื งเกีย่ วกับเพ่ือน ครู โรงเรยี น บา้ น และสัตว์เลีย้ งต่างๆ • เรอ่ื งราวการผจญภยั และความเปน็ ไปในท่ตี า่ งๆ • นทิ านและตำนานท่ีมคี วามยาวปานกลาง นทิ านสอนใจตา่ งๆ • นทิ านวรรณกรรมหรอื วรรณคดีทีม่ ีความยาวปานกลาง นิยายเปน็ ตอนๆ บทกลอน หรือกลอนเปล่า เป็นต้น • หนงั สอื แนวสารคดีชวี ติ พชื และสตั ว์ เกม การกฬี าและงานอดเิ รก ตา่ งๆ หนังสอื ประวัติบคุ คลสำคัญต่างๆ เปน็ ต้น เดก็ วยั 2-5 ปี จะเรม่ิ จบั ความหมายของคำทแ่ี ทนทถี่ งึ ทไี่ กลตวั ออกไปมากขน้ึ ซง่ึ นบั เป็นการพฒั นาความคิดและจติ ใจทสี่ ำคัญยิ่ง ภาษาทีเ่ รียนรู้มากขนึ้ จะทำให้เดก็ เกิดความ อยากรู้อยากเห็นและอยากเข้าใจ ซ่ึงนำไปสู่ความสงสัยอยากรู้ ในวัยนี้การร้องเพลง เลน่ ประกอบทา่ ทาง หรอื พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครพู เ่ี ลย้ี งอา่ นใหเ้ ดก็ ฟงั โดยใชน้ ำ้ เสยี งประกอบ ท่าทาง (หรอื อา่ นแล้วใหเ้ ดก็ แสดงทา่ ทางประกอบ) จะทำใหเ้ ด็กเรยี นรเู้ สยี งของคำควบคู่ ไปกับความหมายและวิธีใช้คำเหล่าน้ัน พรอ้ มๆ กนั ไปด้วย เดก็ ทอ่ี ยใู่ นชว่ งจบอนบุ าลและเขา้ สู่ ประถม หรือวัย 5-6 ปี เป็นวัยแห่งการ เริ่มต้นอ่านออกเขียนได้อย่างจริงจัง เด็กจะเร่ิมสนใจอ่านเรื่องราวกระตุ้นเร้า จนิ ตนาการ จนิ ตนาการเปน็ วธิ เี รยี นรทู้ จ่ี ะทำ ใหพ้ วกเขาผกู โยงคำศพั ทใ์ หมๆ่ สญั ลกั ษณ ์ 42 ละครสร้างนักอ่าน
และข้อมูลใหมๆ่ เข้าไวด้ ้วยกนั โดยไม่ต้องมปี ระสบการณ์จรงิ มารองรับ ในวัยน้ีเด็กจะเรมิ่ หัดเขียนคำและจดเรื่องราวต่างๆ การลองเขียนเป็นการทดลองที่สำคัญของเด็ก ซ่ึงเกิด จากการผสมผสานจินตนาการเข้ากับการเลยี นแบบประสบการณ์ทีไ่ ดร้ บั อยา่ งสร้างสรรค์ พฤติกรรมการอา่ นของเดก็ วัย 7-8 ปี เดก็ จะเรมิ่ สนกุ สนานกับเนอื้ เรอื่ งท่ีมีเน้อื หา กระตนุ้ เร้าจนิ ตนาการ เร่ืองราวแปลกๆ ทีน่ ่าพิศวงเกยี่ วกบั สิ่งทอี่ ยรู่ อบตัว ขณะเดียวกัน ก็จะเร่ิมสนใจอ่านเร่ืองที่เก่ียวกับเด็กวัยเดียวกันหรือไล่เล่ียกัน เริ่มสนใจอ่านหนังสือที่ม ี หลายบทหลายตอนต่อเน่ืองกันไป เด็กบางคนสามารถพัฒนาการอ่านไปได้อย่างรวดเร็ว จนถึงข้ันสามารถ “อ่านในใจ” ผู้ใหญ่ (พ่อแม่ พี่เลี้ยง ครู) ควรสนับสนุนด้วยการหา หนังสืออ่านงา่ ยในแนวท่เี ดก็ ชอบมาให้อา่ น โดยเปลี่ยนเรอ่ื งใหมๆ่ อยเู่ สมอ วยั 9-10 ปี สามารถอา่ นหนงั สอื แนวเนอื้ หาทยี่ ากขน้ึ มคี วามยาวและซบั ซอ้ นมากขน้ึ เปน็ การอา่ นเพอ่ื การเรยี นรู้ ซง่ึ จะตา่ งจากการเรยี นรทู้ จ่ี ะอา่ นโดยอาศยั เพยี งประสบการณ์ หรอื จนิ ตนาการเหมอื นในชว่ งวยั ทผ่ี า่ นมา มกี ารฝกึ ฝนการใชส้ ตปิ ญั ญา อยา่ งจริงจัง เรม่ิ ตง้ั ขอ้ สงสยั และมคี วามคิดเห็นตอ่ ส่งิ ท่ีตัวเองอา่ น และสามารถต้ังจุดประสงค์หรือสาระที่ ตนเองต้องการจากการอ่านได้ มีความต้องการหา คำตอบเพื่อเพ่ิมพูนความรู้และความเข้าใจที่มีอยู่เดิม จากการอ่าน พ่อแม่ พ่ีเลี้ยง และครูควรส่งเสริมให ้ เด็กอ่านเร่ืองท่ียากข้ึน โดยเริ่มจากเรื่องท่ีเด็กชอบ รวมท้ังแนะนำให้เด็กอ่านในสิ่งที่หลากหลายข้ึน ผู้ใหญ่ควรตอบสนองพฤติกรรมการอ่านของเด็ก อยา่ งถกู ตอ้ ง เพราะสง่ิ เหลา่ นเ้ี ปน็ รากฐานสำคญั ท่ีนำไปส่กู ารเปน็ นกั อา่ นคน้ ควา้ ในท่สี ดุ
สว่ นวยั ทส่ี งู ขนึ้ ในทนี่ จี้ ะขออา้ งองิ จากขอ้ มลู ในรายงานการวจิ ยั เรอ่ื ง การศกึ ษาสภาพ การอ่านของนักเรียนและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในโรงเรียน กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2544) ดงั น้ี วยั ความสนใจในการอา่ น 8-12 ปี • ทงั้ เดก็ ชายและเดก็ หญงิ จะชอบเหมอื นๆ กนั เชน่ วรรณคดี นทิ าน นิยายสำหรับเดก็ งา่ ยๆ เกยี่ วกบั เทพบตุ ร ชาดก สภุ าษติ คำพงั เพย 13-14 ปี นิทานพนื้ บา้ น เรอ่ื งตลก การ์ตนู ขำขนั • เด็กวยั นจี้ ะชอบหนงั สอื ทีม่ เี รอ่ื งและรูปเท่าๆ กนั หรอื รปู ลดนอ้ ย 15 ปีขน้ึ ไป ลงได้ เนอื้ เรือ่ งยาวขน้ึ • คนท่ีอ่านหนังสือเก่งมักจะหันไปอ่านหนังสือในวัยถัดไปได้เป็น อย่างดี • เด็กชายจะสนใจวทิ ยาศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เกมคอมพิวเตอร์ สว่ นเด็กหญิงจะสนใจในเรอ่ื งเกยี่ วกบั ครอบครวั เริ่มสนใจอา่ น นวนิยายรัก • ท้ังเดก็ ชายและเด็กหญงิ ชอบเรอ่ื งสัตว์ • เด็กวัยน้ีจะชอบหนังสือที่เป็นเร่ืองมากกว่ารูป ส่วนมากจะชอบ หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ก ชอบอ่านการ์ตูน และชอบอ่านนิตยสารมาก โดยเฉพาะนติ ยสารที่มเี ร่ืองท่สี นใจเปน็ พิเศษ • ชอบอ่านเน้ือเร่ืองเก่ียวกับการปรับปรุงบุคลิกภาพ การรักษา สขุ ภาพอนามยั วรรณคดี โคลง กลอน นวนยิ ายรกั เรอื่ งทเ่ี ปน็ ความรู้ การทอ่ งเทีย่ ว ฯลฯ • ความสนใจในการอา่ นจะหลากหลายแบบผใู้ หญ่ 44 ละครสรา้ งนักอ่าน
การเลือกหนังสือสำหรับ RT โดยท่ัวไปแล้วจะเลือกเรื่องที่ง่ายและสนุกสนาน มบี ทสนทนาและการแสดงมาก และมฉี ากหรอื ตวั ละครไมม่ ากจนเกนิ ไป โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ควรประกอบดว้ ยบทสนทนาท่มี ชี วี ิตชวี า บทของผู้บรรยายก็สำคญั เพราะจะอธิบายการ กระทำของตัวละครในเร่ือง สร้างฉากและให้สีสันภาพโดยการให้ข้อมูลท่ีจำเป็น ทั้งน้ี คุณควรอ่านหนังสือทั้งเล่มโดยละเอียดก่อนที่จะนำมาแจกให้แก่เด็กๆ เพ่ือสร้างสรรค์ กจิ กรรม RT ต่อไป Readers Theatre 45
สรา้ งสรรคเ์ สียงสก่Ù ารอา่ น ÍŒÍÁáÍŒÁÍÙŒÍÕé àÊÕÂ§ã¹¤Í Í‹Ò¹ËÂØ´Í‹Ò¹ËÂØ´ µÐ¡Ø¡µÐ¡Ñ¡ ¶้า¢อ้ ความ¢้างบนนีéเหม×อนกับความ¾ยายามãนการ·Ó RT ¢องคØณ ลองãห้คÓแนะนÓ¢า้ งลา่ งนีéแกน่ ักอา่ น¢องคØณดู เสยี งเกดิ จากการทำงานโดยอาศยั อวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย การออกเสยี งทถ่ี กู ตอ้ ง และชัดเจนจะต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการหายใจ การวางท่าของสรีระ (posture) การเปลง่ เสียง และการแปรเสยี งออกมาเปน็ คำพูด ในการแสดงนั้น จะต้องแสดงน้ำเสียงในรูปแบบต่างๆ ตามแต่สถานการณ์ การออกเสียงที่ถูกต้องและเข้าใจความหมายหรือเจตจำนงของเนื้อหาที่ต้องการพูด หรือ อา่ นผา่ น “เสยี ง” จงึ เปน็ สอ่ื ทส่ี ำคญั เพราะเปน็ กระบวนการสดุ ทา้ ยทจ่ี ะถา่ ยทอดความคดิ ของเน้อื หาวรรณกรรมหรือสารท่อี า่ นสผู่ ู้ชมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เสียง มีความสำคัญ เพราะ • เสยี งช่วยเสริมความหมายใหค้ ำและข้อความของเนอ้ื หา • เสยี งแสดงอารมณ์ ทัศนคต ิ และความรสู้ ึกได้ โดยผ่านโทนของเสียง อัตราชา้ -เรว็ ในการเปลง่ เสยี ง และด้วยระดับเสยี ง สงู ตำ่ ดงั เบา • เสียงแสดงถงึ บคุ ลกิ ภาพและลกั ษณะของเพศ วยั 46 ละครสร้างนักอา่ น
ลักษณะของเสียงท่ีเปล่งออกมาจะทำให้ความหมายหรือความรู้สึกที่ผู้ฟังได้รับ แตกต่างกนั เชน่ - การปลุกระดมโน้มนา้ วใจ อาจต้องใชเ้ สียงดงั - การสรา้ งความนา่ เชอ่ื ถอื อาจตอ้ งใชเ้ สียงทมุ้ เป็นกงั วาน - การปลอบประโลม ก็อาจต้องใช้เสียงเบา นุ่ม เป็นตน้ ลักษณะของเสียงท่ีแตกต่างกัน สร้างความรู้สึกท่ีแตกต่างกันแม้จะมาจากเน้ือหา เดียวกัน และความรู้สกึ เหลา่ นี้ มกั เปน็ ความหมายทีแ่ ทจ้ ริงของการสอื่ สารดว้ ยเสยี ง เสยี งยงั ทำใหเ้ รารวู้ า่ บคุ คลนนั้ เปน็ เพศใด วยั ใด (ในกรณที ไ่ี มเ่ หน็ หนา้ ) เชน่ เพศหญงิ เสยี งจะเล็กแหลมกวา่ เพศชายในกรณีที่เจริญเตบิ โตแลว้ แต่หากเป็นเด็กเล็กมากๆ เสียง ของเดก็ หญงิ กบั เดก็ ชายจะไมค่ อ่ ยตา่ งกนั เสยี งของผใู้ หญจ่ ะคอ่ นขา้ งพรา่ กวา่ เสยี งของเดก็ เป็นตน้ เสียงท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพในการสือ่ สาร ควรมลี ักษณะดังนี้ • เสียงดังฟังชัด (audibility) คือ เสียงที่ดังพอที่จะทำให้ผู้ฟังฟังรู้เร่ืองและจับ ใจความได้อย่างสบายหู ไม่เบาหรือคอ่ ยจนต้องตั้งใจฟงั เปน็ พิเศษ หรอื ออกเสยี ง ดังมากเกนิ ไปจนผฟู้ ังรสู้ กึ อึดอัด รำคาญ • น้ำเสยี งชวนฟัง (vocal pleasantness) คอื ไมแ่ ปรง่ พร่า แหบ หรือบาดหู • มคี วามลน่ื ไหลและตอ่ เนอ่ื ง (flf llf uency) คอื เสยี งทพี่ ดู ออกมาราบรน่ื ไมต่ ะกกุ ตะกกั หรือมีคำว่า เออ้ อ้า ใหน้ อ้ ย • มคี วามยดื หยนุ่ และปรบั ไดห้ ลายลกั ษณะ (elf xible/responsiveness) คอื นำ้ เสยี ง จะไม่ใช่โทน/ระดับเดียวกันตลอด จนผู้ฟังรู้สึกง่วง มีการเน้นคำในจุดที่สำคัญ ซง่ึ จะช่วยเพิ่มความน่าเชือ่ ถือได้ด้วย Readers Theatre 47
การอา่ นแบบไมเ่ วน้ วรรค หรอื เวน้ วรรคแบบผดิ ๆ ถกู ๆ ทเี่ รยี กวา่ การพดู ไมม่ จี งั หวะ จะโคน จะทำให้ผู้ฟังไม่เข้าใจและขาดความสนใจได้ การระงับความต่ืนเต้นจะช่วยให้ จงั หวะในการอ่านหรือการพูดดีขน้ึ เสียงทเี่ บาและอยู่ในระดบั เดียวกนั ตลอด (monotone) ทเ่ี รยี กว่า การพดู ยานคาง มักเกิดจากความไม่มน่ั ใจ หรอื ใช้เวลาคิดกอ่ นพดู ค่อนขา้ งมาก ทำใหจ้ ังหวะในการพูดช้า และผู้ฟังรู้สึกเบ่ือและง่วงได้ ถ้าแก้ไขจังหวะในการพูดหรืออ่านให้กระชับได้จะทำให้ น่าสนใจย่ิงขึ้น แต่ถ้าเกิดจากปัญหาทางสรีระ การเน้นจังหวะและใส่สีสันเสียงให้กับ คำพูด จะทำใหจ้ งั หวะท่ีช้านัน้ นา่ ฟงั ยิ่งขน้ึ การฝึกหายใจคอื จุดเร่มิ ต้นของเสียงทมี่ ีคณุ ภาพ เราเปลง่ เสยี งพูดและพูดเม่ือตอน ทเี่ ราหายใจออก ขณะท่ีปอดดนั อากาศออกจากรา่ งกายผา่ นทางหลอดลม จมกู และปาก สมองกจ็ ะสง่ั การใหล้ มหายใจมากระทบทเ่ี สน้ เสยี งภายในกลอ่ งเสยี ง ทำใหเ้ กดิ เปน็ เสยี งขน้ึ ดังนั้นถ้าเราต้องการเปล่งเสียงให้ดังและนาน เราต้องหายใจเข้าให้ได้ปริมาณอากาศท่ี มากหรอื หายใจลกึ ๆ การหายใจลกึ แลว้ ผอ่ นลมออกมา นอกจากจะทำใหไ้ ดเ้ สยี งทม่ี คี ณุ ภาพ แล้วยงั ช่วยเสรมิ บุคลกิ ภาพใหล้ ำตัวของเราต้งั ตรงและสงบนิง่ ไดอ้ ยา่ งสงา่ งาม การหายใจเข้าเน้นที่ปริมาณอากาศที่เราสูดเข้าไป ส่วนการหายใจออกเป็นการ ควบคุมปริมาณอากาศให้ออกมาถูกจังหวะและพอเพียงต่อการสร้างเสียง การควบคุม การหายใจที่ดีจะเกิดข้ึนได้เม่ือเราอยู่ในท่าท่ีถูกต้อง ไม่ว่าจะน่ังหรือยืนต้องต้ังลำตัวตรง (ไมง่ อหลงั และไมแ่ อน่ อกจนเกนิ ไป) แตใ่ หผ้ อ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื ซง่ึ จะทำใหห้ ายใจไดอ้ ยา่ งสบาย คนท่ีตัวงอหรือค้อมหลังตัวเอง เวลาเปล่ง เสยี งจะเกดิ การเกรง็ ทบ่ี รเิ วณอกและคอ ทำใหห้ ายใจ ออกไม่สะดวกจึงต้องตะเบ็งเพ่ือให้เสียงดัง เมื่อ เราหายใจเขา้ กระบงั ลมกจ็ ะลดตวั ตำ่ ลง กลา้ มเนอ้ื หนา้ ทอ้ งขยายออก กลา้ มเนอื้ ซโ่ี ครงขยายออกทาง ดา้ นข้าง ทำให้เกดิ ช่องว่างในชอ่ งอก อากาศกจ็ ะ เข้าไปสู่ถุงเล็กๆ ภายในปอด เม่ือเราหายใจออก กระบังลมจะกลับคืนสู่รูปเดิม และกล้ามเน้ือ 48 ละครสรา้ งนักอ่าน
ซโ่ี ครงกลับเข้าสสู่ ภาพเดมิ กลา้ มเนอ้ื หนา้ ทอ้ งคอ่ ยๆ หดตวั เขา้ นน่ั คอื “หายใจเข้าพงุ ป่อง หายใจออกพุงยุบ” เมื่อเราหายใจได้อย่างถูกต้อง การทำงานของกล้ามเนื้อเหล่านี้จะสัมพันธ์กัน ทำใหเ้ ราไมเ่ หนอ่ื ยงา่ ยเวลาพดู หรอื พดู ขาดเปน็ หว้ งๆ การหายใจสน้ั ๆ แลว้ หยดุ เพยี งบรเิ วณ ชว่ งไหลแ่ ละหนา้ อกสว่ นบน จะทำใหห้ ายใจไดต้ น้ื ปรมิ าณอากาศเขา้ ไปนอ้ ย ทำใหม้ แี รงดนั ในการเปล่งเสยี งนอ้ ย เสียงท่ีออกมาจงึ เบาเหมือนขลุ่ยผิวและทำใหเ้ หนอ่ื ยง่าย ส่ิงท่สี ำคัญในการหายใจเพอ่ื ผลติ เสียงท่ีมีคุณภาพนน้ั รา่ งกายต้องผอ่ นคลายทส่ี ดุ เม่ือใดก็ตามทรี่ า่ งกายตงึ เครียดหรอื อย่ใู นภาวะท่ีไมพ่ รอ้ ม กลา้ มเนอ้ื บริเวณชายโครงก็ไม่ สามารถเคลอื่ นทไ่ี ดอ้ ยา่ งสะดวก พนื้ ทชี่ อ่ งวา่ งในชอ่ งอกกม็ นี อ้ ย ทำใหป้ อดไดร้ บั ออกซเิ จน ไม่เต็มที่ จงึ สง่ ผลใหเ้ ราหายใจได้ไมล่ กึ และไม่นาน การหายใจเขา้ ปอดอย่างเตม็ ท่ี นอกจากจะทำใหเ้ สยี งทีเ่ ปลง่ ออกมามคี ุณภาพแล้ว ยงั ชว่ ยให้ระบบโลหิตไหลเวยี นดขี ้นึ ด้วย Readers Theatre 49
ปญั หาในการออกเสียง คนที่พูดเสียงข้ึนจมูกเวลาพูดจะเหมือนคนเป็นหวัด เสียงไม่ใสและไม่น่าฟัง ซงึ่ แตกต่างจากเสยี งนาสิก (ม ณ น ง) คนที่เสียงขน้ึ จมูกเกดิ จากความผิดพลาดเมือ่ เสยี ง เดนิ ทางไปชอ่ งกะโหลก ซ่งึ โดยปกตเิ สียงจะตอ้ งมารวมตัวกนั ทดี่ า้ นหลงั โพรงจมกู ก่อนจะ เคล่ือนข้ึนไป การท่ีเสียงเล็ดลอดออกมาทางช่องจมูกก็จะทำให้พูดออกมาเป็นเสียงข้ึน จมกู อกี กรณหี นงึ่ ในขณะทเี่ ปลง่ เสยี งออก เพดานออ่ นกลบั ยกตวั แทนทจี่ ะปดิ ทางเดนิ ลม ทำให้ลมออกทางโพรงจมูกก่อให้เกิดเสียงอู้อ้ี ฟังไม่ชัด ท่ีเรียกว่าเสียงขึ้นจมูก สามารถ แก้ไขได้โดยการฝึกสะท้อนเสียงท่ีริมฝีปาก โดยอาจจะฮัมเสียงให้เกิดแรงสั่นสะเทือน บริเวณดังกล่าว หรือเปล่งเสียง “มู” ยาวๆ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวและทำงานได้ อย่างถกู ตอ้ ง เสียงแหบทเ่ี กดิ จากการเปลง่ เสียงผดิ คือชอบพูดแลว้ เกร็งคอ เคน้ สยี ง ใช้เสยี งสูง เกินกว่าเสียงตามธรรมชาติ เช่น ครู นักร้อง หรือผู้ที่ชอบตะโกนหรือพูดดังมากๆ วธิ ีแก้ไขคือต้องฝกึ วธิ กี ารหายใจ ผอ่ นลมหายใจออกขณะพูด ผ่อนคลายกล้ามเนือ้ บรเิ วณ หัวไหล่ หน้าอก และลำคอขณะพูด เพราะผู้ท่ีมีเสียงแหบจากการใช้เสียงไม่ถูกต้องน้ัน มกั จะหายใจไม่ถกู วิธี สว่ นใหญจ่ ะหายใจโดยใช้หวั ไหล่และลำคอ เพราะคดิ ว่าการยกไหล่ จะช่วยให้หายใจได้ยาว แต่แท้จริงแล้วจะทำให้หายใจได้ช่วงส้ันๆ และการเกร็งหัวไหล่ ลำคอ กเ็ ปน็ การเกร็งสายเสยี งและกล่องเสยี งด้วย นอกจากน้ี คนทีล่ มหายใจออกไม่สัมพันธ์กบั การพูด เช่น พูดยาวขณะท่หี ายใจสน้ั ลมหายใจหมดก่อนพดู จบประโยค ผูพ้ ดู ตอ้ งเค้นเสียงตอ่ ไปจนพดู จบ เม่อื ทำอยา่ งนี้นานๆ เสยี งกจ็ ะแหบได้ การพูดเสียงเบาจนกระซิบน้ัน ก็เป็น สาเหตุให้เสียงแหบพร่าได้เช่นเดียวกับการ ตะโกนและตะเบง็ เสยี ง เพราะการเปลง่ เสยี ง นั้นจะปดิ ไม่ใหล้ มออกมา แตก่ ารกระซิบจะม ี 50 ละครสรา้ งนักอา่ น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240