Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ ไม่ป่ากินได้ในหุบเขาลำพญา

✍️ ไม่ป่ากินได้ในหุบเขาลำพญา

Description: ✍️ ไม่ป่ากินได้ในหุบเขาลำพญา

Search

Read the Text Version

“...ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีทรัพยากรพร้อมมูล ท้ังทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล ซ่ึงสามารถ นำมาใช้เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ และเสถียรภาพ อนั ถาวรของบา้ นเมอื งไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ขอ้ สำคญั จะตอ้ งรจู้ กั ใช้ ทรัพยากรน้ันอย่างฉลาด โดยมุ่งถึงประโยชน์แท้จริงท่ีจะ เกิดแก่ประเทศชาต.ิ ..”



“...ขา้ พเจา้ มคี วามภมู ใิ จในทรพั ยากรธรรมชาต ิ ปา่ ไม้ และสตั วป์ า่ ของไทยมาก ขา้ พเจา้ เหน็ วา่ เราควรใชท้ รพั ยากร เหล่านี้อย่างระมัดระวังและทำนุบำรุงให้คงอยู่ตลอดไป มิใช่ให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ี ถกู ทำลายหมดส้ินไปในระยะเวลาอันสน้ั แคช่ ว่ งอายุเรา...”



ความหมายตราสญั ลัก…ณ์ งานเฉลิมพระเกยี รตเิ น่อื งในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรร…า ¯ พรร…า ı ธันวาคม Úıı พระราชลัญจกรประจำพระองค์ รัชกาลที่ ˘ เป็นภาพพระที่น่ังอัฐทิศ- อทุ ุมพรราชอาสน ์ ประกอบด้วยวงจกั ร กลางวงจักรมีอกั ขระเป็นอุณาโลม รอบ วงจกั รมีรัศมเี ปลง่ ออกโดยรอบ เหนือวงจกั รเปน็ พระเศวตฉัตร ˜ ช้ัน ตง้ั อยู่บน พระที่น่ังอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ อันหมายถึงพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ มีพระบรมเดชานุภาพเป็นใหญ่ในแผ่นดิน โดยในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระองค์ได้ประทับเหนือพระท่ีน่ังอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ตามโบราณราชประเพณ ี และสมาชิกรัฐสภาได้ถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้งแปดเป็นคร้ังแรกแทนราชบัณ±ิต ส่วนพระแท่นลาน้ันโรยด้วยดอกพิกุลเงินพิกุลทอง ˘ ดอก พระราชลัญจกร ลอ้ มรอบดว้ ยเพชร ¯ เม็ด หมายถึงพระชนมพรรษา ¯ พรรษา ด้านบน พระราชลัญจกรเปน็ เครอื่ งหมายแห่งความเปน็ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช ภายใน พระมหาพิชัยมงกุÆเป็นเลข ˘ หมายถึงรัชกาลท่ี ˘ พระมหาพิชัยมงกุÆน้ันอยู่ ดา้ นหนา้ พระนพปÆลมหาเศวตฉตั รซงึ่ อยกู่ ง่ึ กลางและขนาบขา้ งดว้ ยพระเศวตฉัตร ˜ ชั้น อันเป็นเครื่องแสดงพระราชอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ด้านล่างพระราชลัญจกรเป็นเลข ¯ หมายถึง พระองค์มีพระชนมพรรษา ¯ พรรษา ถัดจากเลขไทยลงมาเป็นแพรแถบบอกชอื่ งานพระราชพิธีมหามงคล เฉลมิ พระชนมพรรษา ¯ พรรษา ı ธนั วาคม Úıı แพรแถบนอกจากบอกชอ่ื งาน พระราชพธิ ีแลว้ ยงั รองรบั ประคองพระเศวตฉัตรอีกด้วย

คำนำ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยการดำเนินงานของศูนย์วิจัยความหลากหลาย ทางชีวภาพ เฉลมิ พระเกยี รติ 72 พรรษา บรมราชินนี าถ ร่วมกบั ประชาชนชาวลำพะยา นักวิชาการท้ังในระดับท้องถ่ินและระดับชาติ ได้รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพืชและ ประโยชน์ในการนำมาเป็นอาหารทพ่ี บในพื้นท่ีหุบเขาลำพญา จดั พิมพ์เปน็ หนังสอื “ไมป้ ่า กนิ ได้ในหุบเขาลำพญา” เพอื่ เปน็ การเผยแพร่ใหท้ ราบกนั โดยทว่ั ไปวา่ ในหุบเขาลำพญา มที รัพยากรอนั ทรงคุณคา่ เนื่องจากพรรณไม้ที่สำรวจในพน้ื ทีน่ อกจากนำมาใช้ประโยชน์ ดา้ นสมนุ ไพรแลว้ ยงั สามารถนำมาบรโิ ภคไดอ้ กี ซงึ่ เปน็ แหลง่ ปจั จยั พนื้ ฐานในการดำรงชพี ของคนในชมุ ชน ทำใหน้ กั เรยี น นกั ศกึ ษาและประชาชนเหน็ คณุ คา่ เกดิ ความรสู้ กึ หวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติ อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์ การศึกษาและพัฒนาการใช้ประโยชน์ อย่างยัง่ ยนื ตอ่ ไป เน่ืองในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญ พระชนมายคุ รบ 80 พรรษา ในวนั ท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 75 พรรษา ในวันท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2550 คณะกรรมการศูนยว์ ิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เฉลมิ พระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชนิ ีนาถ และบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ขอนอ้ มจติ อธิษฐาน สิ่งศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลาย ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จงทรงพระเจริญด้วย พระพลานามัย ทรงพระเกษมสำราญ พระชนมายุยนื นาน เป็นมิ่งขวัญของพสกนกิ รชาวไทยตลอดไป (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไกรสร ศรีไตรรัตน์) อธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลัยราชภฏั ยะลา

บทนำ หนงั สือ “ไม้ปา่ กนิ ได้ในหุบเขาลำพญา” เลม่ น้ีไดจ้ ดั ทำขนึ้ เพือ่ รวบรวมพรรณ ไมป้ า่ ทกี่ นิ ไดซ้ ง่ึ สำรวจพบในพนื้ ทห่ี บุ เขาลำพญา เนอ่ื งจากเปน็ พน้ื ทท่ี ม่ี คี วามอดุ มสมบรู ณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากแห่งหนึ่งของภาคใต้ตอนล่างในประเทศไทย โดยเฉพาะพรรณไมต้ า่ งๆ จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ พบมกี ารใชป้ ระโยชน์ จากพืชในด้านต่างๆ เช่น สมุนไพร ซ่ึงได้นำเสนอในหนังสือพืชสมุนไพรในลำพะยา สำหรับหนังสือ “ไม้ป่ากินได้ในหุบเขาลำพญา” ได้รวบรวมความรู้ในการนำพรรณพืช มาใชเ้ ป็นอาหาร แสดงถึงภูมิปญั ญาตง้ั แตก่ ารรู้จกั ชนดิ พืชท่ีกินได้ ส่วนต่างๆ ที่นำมากิน และการนำมาใช้เป็นอาหารต่างๆ เชน่ นำมาประกอบอาหาร ตม้ ผัด แกง ทอด การนำ มาเป็นเครื่องเคียงเพื่อลดความเผ็ดร้อนของอาหาร (ผักเหนาะ) กินเป็นผลไม้และเป็น ของขบเค้ียว ศูนย์วิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ จึงรวบรวมความรู้เร่ืองพรรณไม้ป่ากินได้ เพ่ือให้ผู้อ่านสามารถนำ ความรู้มาใช้ประโยชน์ในการเลือกกินได้อย่างถูกต้อง สำหรับรายละเอียดของเน้ือหา ประกอบดว้ ย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อพนื้ เมือง ชอ่ื วงศ์ ลักษณะทางสัณฐานวิทยา การนำ มากนิ และชว่ งการเก็บเกีย่ วผลผลติ คณะผู้จัดทำหวังอย่างย่ิงว่า หนังสือ “ไม้ป่ากินได้ในหุบเขาลำพญา” เล่มนี้ คงเป็นประโยชน์ในการศกึ ษาหาความรเู้ กยี่ วกับพรรณไมท้ เี่ ป็นอาหาร เปน็ ขอ้ มลู พืน้ ฐาน ในการวิจัยและพัฒนาเพ่ือการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต รวมทั้งเป็น หนังสือสำหรับผู้สนใจทั่วไป ซ่ึงเป็นส่ิงหนึ่งท่ีช่วยสร้างแรงจูงใจให้มีการศึกษาค้นคว้า ตลอดจนเกิดจิตสำนึกและตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ นำไปสู่การ อนุรักษ์ใหค้ งอยู่กบั ผืนปา่ แห่งน้ีตลอดไป คณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการ

สารบัญ ไม้ปา่ กนิ ได้ในหุบเขาลำพญา 1 บรรณานกุ รม 200 ดชั นี 201

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด ้ ญ า  ใน บเ ขา ลา

กระตังใบ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Leea indica (Burm.f.) Merr. ช่อื พ้นื เมือง คะนางใบ บังบายตน้ ชื่อวงศ์ LEEACEAE ลักษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไมพ้ ุ่มหรอื ไมต้ น้ ลำต้น สูง 3-5 เมตร เส้นผา่ ศูนย์กลาง 5-8 เซนตเิ มตร เรือน ยอดแตกไม่เป็นระเบียบ ลักษณะลำต้นเกลี้ยง ใบ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยมี 3-5 ใบ รปู ขอบขนานแกมรปู ไขห่ รอื รปู รี ขนาดกวา้ ง 7-10 เซนตเิ มตร ยาว 8-12 เซนตเิ มตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ หรือเว้าเล็กน้อย ขอบใบหยักซ่ีฟัน มีหูใบเป็นแผ่น ใบอ่อน สีแดงส้ม ใบแก่สีเขียว เส้นใบแตกแบบร่างแห เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ดอก สขี าวอมเขียว ออกเป็นช่อแยกแขนง ช่อดอกยาว 15-20 เซนตเิ มตร กลีบเลีย้ งยาว 0.2-0.3 เซนติเมตร เช่ือมติดกันที่โคน ผล รูปกลมแป้น ผิวบาง มีเน้ือนุ่ม สีม่วงดำ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่ สีม่วงถงึ ดำ การกนิ ยอดออ่ น ใบ นำมาเปน็ ผักเหนาะหรือนำมาลวกจมิ้ นำ้ พริก ช่วงการเกบ็ เกยี่ วผลผลติ ตลอดปี  ใ นไ หุ ม ้ ป่ า ก ิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด ้ ญ า  ใน บเ ขา ลา

กระถนิ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Leucaena leucocephala (Lam.) de Wit ชอ่ื พื้นเมอื ง ตอเทศ ตอเบา สะตอเบา ตอติ่ง (ใต้) ปอื ตา-บลาแล (มลายทู อ้ งถนิ่ -ยะลา) ชอ่ื วงศ์ MIMOSACEAE ลักษณะทางสัณฐานวิทยา ไมพ้ ุ่มยนื ตน้ ขนาดเลก็ ลำต้นสงู 3-5 เมตร ต้นแกเ่ ปลือกสีน้ำตาล ขรุขระ และ มักหลดุ เปน็ ขุยออกมา ใบ ใบประกอบ กา้ นใบยาว 15-30 เซนตเิ มตร แตกออกเปน็ กา้ นยอ่ ย 3-10 คู่ ใบยอ่ ยขนาดเลก็ คลา้ ยใบมะขาม จำนวน 5-20 คู่ ใบรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม กวา้ ง 1.5-5 มลิ ลเิ มตร ยาว 6-21 มลิ ลิเมตร ดอก เป็นช่อขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร กลมฟู สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ผล ฝักแบนยาว 12-18 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร เมล็ดมีผิวเรียบ สนี ้ำตาลเม่อื แกจ่ ัดมี 15-30 เมล็ดต่อฝัก การกนิ - ฝกั อ่อน ยอดออ่ น ดอกออ่ น นำมาเปน็ ผกั เหนาะหรือลวก - เมล็ดอ่อน เปน็ ผักสดใส่ในขา้ วยำ ช่วงการเกบ็ เกยี่ วผลผลติ ตลอดป ี  ใ นไ หุ ม้ ป ่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด ้ ญ า  ใน บเ ขา ลา

กระทกรก ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Passiflora foeide Linn. ชื่อพนื้ เมือง กระทกรก ราฆอ-ราจุ (มลายทู ้องถิ่น-ยะลา) ชือ่ วงศ์ PASSIFLORACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไม้เลือ้ ย มีมอื เกาะตามตน้ ไม ้ ใบ ใบเดยี่ ว เรยี งแบบสลับ แผ่นใบคอ่ นข้างหนา ใบรปู สามเหลีย่ ม ผวิ ใบมขี นปกคลมุ โดยรอบ ขอบใบเว้าหยักเป็นสามแฉก ปลายใบจกั แหลม โคนใบรปู หัวใจเวา้ ลกึ ขนาดกว้าง 10-12 เซนตเิ มตร ยาว 10-14 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบร่างแห เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ดอก ดอกเด่ียว กลีบดอกสีขาว แซมด้วยริ้วสมี ว่ ง ผล ผลเด่ยี ว ทรงกลม มีรกสเี ขียวออ่ นหุ้มรอบผล เปลอื กผลเรียบ มันแวว เนอ้ื ในสขี าว ผลสุกมสี เี หลือง หนึง่ ผลมีหลายเมลด็ เมล็ดมีขนาดเลก็ สดี ำ การกนิ - ยอดออ่ น นำมาเป็นผักสดหรือลวก - ผลสกุ กินสด รสหวาน ชว่ งการเกบ็ เกี่ยวผลผลิต ตลอดป ี  ใ นไ หุ ม ้ ป่ า กิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด ้ ญ า  ใน บเ ขา ลา

กระทอื ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Zingiber zerumbet Smith. ช่อื พื้นเมอื ง ทือ กระทอื กระทอื ปา่ คเู วะ๊ บูเก๊ะ เดาะเราะ (มลายูท้องถ่ิน-ยะลา) ชอ่ื วงศ์ ZINGIBERACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี ลำต้น ลำต้นใต้ดินเป็นแบบเหง้าขนาดใหญ่ สีขาว อมเหลอื งออ่ น มกี ลน่ิ ฉนุ กาบใบหอ่ หมุ้ แนน่ ขนึ้ มาคลา้ ยลำตน้ สงู 1.5-2 เมตร ใบ ใบเดย่ี ว เรยี งแบบสลับออกซอ้ นกนั ใบยอ่ ยรปู หอกเรยี วยาว ขอบใบเรียบ ปลายแหลม โคนใบ แหลม โคนกา้ นใบแผ่ออกเป็นกาบห้มุ ชว่ งต่อระหว่างกา้ นใบกบั แผ่นใบ มีเยอ่ื บางตดิ เปน็ ตง่ิ อยู่ข้างกา้ นใบ ขนาดใบกวา้ ง 9-11 เซนติเมตร ยาว 35-45 เซนตเิ มตร เสน้ ใบแตก แบบขนาน เสน้ กลางใบเหน็ ชดั เจน ใบออ่ นสเี ขยี วอมแดง ใบแกส่ เี ขยี วเขม้ ดอก ดอกชอ่ แบบกระจะ รูปทรงกระบอก ออกจากหัวใตด้ นิ ดอกส่วนปลายมกี ลีบเล้ยี งสขี าวปนแดง ซอ้ นกันอยแู่ น่น กลีบดอกมีสีขาวนวลแทรกอยตู่ ามเกลด็ ช่อกา้ นดอกจะยาวและเปน็ ปุม่ การกิน หนอ่ กินสดหรอื นำมาลวก ช่วงการเกบ็ เกยี่ วผลผลิต ตลอดปี  ใ นไ หุ ม ้ ป ่ า ก ิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด ้ ญ า  ใน บเ ขา ลา

กระท้อน ชือ่ วิทยาศาสตร์ Sandoricum koetjape (Burm. f.) Merr. ช่ือพน้ื เมือง สะทอ้ น เตียน สะโต สะตู (ใต้) ชื่อวงศ์ : MELIACEAE ลกั ษณะทางสัณฐานวิทยา ไมย้ ืนต้นขนาดใหญ่ ผลดั ใบ ลำตน้ สูง 20-25 เมตร เรอื นยอดทบึ เส้นผ่า- ศูนย์กลาง 15-40 เซนติเมตร เปลือกนอกสีนำ้ ตาลเทา เปลอื กในสีชมพู ใบ ใบประกอบ มใี บย่อย 3 ใบ ใบยอ่ ยกว้าง 8-14 เซนติเมตร ยาว 16-20 เซนตเิ มตร รปู ไข่กวา้ ง ขอบใบเรยี บ ปลายใบเรยี วแหลม โคนใบสอบเรยี ว ใบออ่ นมขี นนมุ่ ปกคลมุ ใบแกส่ เี ขยี วเขม้ ผวิ มันเรียบ ใบแก่เม่อื อายมุ ากเปลยี่ นเปน็ สแี ดง ดอก ขนาดเลก็ สีเหลืองออ่ น ชอ่ ดอก ยาว 10-20 เซนตเิ มตร ออกบรเิ วณซอกใบ กา้ นดอกยอ่ ยสน้ั มาก มขี นปกคลมุ กลบี ดอก แยกกนั แผ่ออก 5 กลบี ผล รูปกลมขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 5-8 เซนตเิ มตร สีเหลือง เปลอื กหนา ผลออ่ นสเี ขียวผิวคล้ายกำมะหย่ี เม่อื แกเ่ ปลยี่ นเปน็ สเี หลอื ง เมลด็ มเี นอ้ื สขี าวเป็นปุยหมุ้ จำนวน 2-5 เมลด็ การกนิ - เปลือกผลใส่แกงกะท ิ - ผลสกุ กนิ สด รสเปรยี้ วอมหวาน ช่วงการเกบ็ เกี่ยวผลผลติ มีนาคม-สิงหาคม 10 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า ก ิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 11 ใน บเ ขา ลา

กล้วยปา่ ชอื่ วิทยาศาสตร์ Musa acuminata Colla ช่ือพ้นื เมอื ง ปีแซฮแู ต (มลายูท้องถน่ิ -ยะลา) ชอ่ื วงศ์ MUSACEAE ลักษณะทางสัณฐานวทิ ยา พชื ลม้ ลกุ ลำตน้ อยใู่ ตด้ นิ มกี าบใบเรยี งซอ้ นกนั เปน็ ลำตน้ เทยี ม สงู 2.5-3.5 เมตร กาบลำต้นมีนวลเล็กน้อย ใบ ใบเด่ียว รูปขอบขนาน แผ่นใบยาว ผิวใบเรียบเป็นมัน ทั้งสองดา้ น ท้องใบมีคราบนวลขาวปกคลุม ขอบใบเรยี บ ปลายใบป้านมน โคนใบมน ขนาดใบกว้าง 40-60 เซนติเมตร ยาว 180-250 เซนติเมตร ใบชูขึ้นค่อนข้างตรง เส้นใบขนานตัง้ ฉากกบั เสน้ กลางใบ เสน้ กลางใบเป็นเสน้ ใหญด่ ้านบนเป็นรอ่ ง ด้านล่าง โคง้ นูนเป็นสนั ดอก เป็นช่อคล้ายงวง เรียกว่าหวั ปลี ขนาดใหญ่ ออกทย่ี อด ทรง กระสวย มีกาบรองดอกขนาดใหญ่รองรบั ดอกยอ่ ยแต่ละกลุม่ ดอกยอ่ ย กาบรองดอกมี สีมว่ งอมแดง มนี วลด้านลา่ ง ผล เปน็ หวตี ิดตอ่ กนั เป็นเครือแยกเปน็ ผลเดีย่ ว รูปกลม แกมขอบขนาน โคนผลมน ปลายผลสอบโค้งงอเลก็ นอ้ ย ผลออ่ นสีเขียว ผลสุกสเี หลอื ง เนื้อในสขี าวนวลรสหวาน ภายในมีเมลด็ มากสีดำลักษณะแขง็ การกนิ - หัวปลีผัด กนิ สดหรือลวกเป็นผักเหนาะ ยำ แกงเลยี ง - หยวกใส่ในแกงกะท ิ - ผลออ่ นนำมายำ - ผลสุก กินเปน็ ผลไม ้ ชว่ งการเก็บเก่ยี วผลผลติ ตลอดปี 12 ใ นไ หุ ม ้ ป ่ า ก ิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 13 ใน บเ ขา ลา

กลอย ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Dioscorea hispida Dennst. ช่ือพน้ื เมอื ง กลอยไข่ กลอยข้าวเหนียว ฆาดง (มลายทู ้องถิน่ -ยะลา) ชื่อวงศ์ DIOSCORECEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยา ไม้เถาเลอื้ ยพันตน้ ไม้อน่ื ไมม่ ีมอื เกาะ ลำตน้ มีหนามเลก็ ๆ กระจายท่วั ไปและมี ขนนมุ่ ๆ ปกคลมุ มีหวั อยู่ใตด้ ินลกั ษณะทรงกลมรี มีรากเลก็ ๆ กระจายทว่ั ทงั้ หัว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกหัวกลอยบางสีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในสีขาว ใบ ใบประกอบ มี ใบย่อย 3 ใบ ใบย่อยเรยี งแบบสลับ รูปรี ผิวใบสากมือมีขนนุม่ ๆ ปกคลุม ขอบใบเรยี บ ปลายใบแหลม โคนใบค่อนข้างเบ้ียว ขนาดใบกว้าง 7-10 เซนติเมตร ยาว 14-18 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบร่างแห เส้นใบนูนเหน็ ชัดเจน ดอก เป็นชอ่ กา้ นดอกเดี่ยว ยาวหอ้ ยลงมามีดอกเลก็ ๆ ตดิ บนก้าน ดอกมจี ำนวน 30-45 ดอก ขนาดเลก็ ออกตาม ซอกใบ สขี าวหรอื เหลืองออ่ น ก้านดอกยาว 30-60 เซนตเิ มตร ผล ผลเดย่ี วแขง็ มี 3 พู แต่ละพมู ี 1 เมด็ ขนาดใหญ่ เม่อื ผลแก่แตกไดเ้ อง เมลด็ กลมแบน มีปกี ใสรอบเมล็ด การกิน - หวั กลอย กอ่ นนำหวั กลอยมาทำอาหาร ตอ้ งลา้ งพษิ ออกให ้ หมดกอ่ น โดยปอกเปลอื ก ลา้ งและแชใ่ นนำ้ ไหลไว้ 1 อาทติ ย์ จงึ จะนำมาทำเปน็ อาหารได ้ - หัวกลอย ท่ีแช่น้ำแล้ว ผสมกับข้าวเหนียว นำมานึ่ง กิน รวมกับมะพร้าวและนำ้ ตาล ช่วงการเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ตลอดปี 14 ใ นไ หุ ม ้ ป่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 15 ใน บเ ขา ลา

กอ่ ข้าว ช่ือวิทยาศาสตร์ Castanopsis inermis (Lindl. Ex Wall.) Benth. ชอ่ื พน้ื เมือง บราแง (มลายทู อ้ งถิน่ -ยะลา) ชอื่ วงศ์ FAGACEAE ลักษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ลำต้น สูง 15-20 เมตร เปลือกไม้ค่อนข้างเรียบมีตุ่ม เกลด็ เลก็ น้อย สีเทา ใบ ใบเดี่ยว เรยี งเวียนสลับ แผ่นใบปกคลุมดว้ ยเกลด็ เล็กๆ รูปไข่ หรือรูปรี ผิวใบเรียบเป็นมันท้ังสองด้าน ขอบใบเป็นคล่ืนเล็กน้อย ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบกว้าง 9-12 เซนติเมตร ยาว 20-25 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบร่างแห เสน้ กลางใบนนู เหน็ ชดั เจน ใบออ่ นสแี ดงมว่ ง ใบแกส่ เี ขยี วเขม้ กา้ นใบยาว 0.5-0.8 เซนตเิ มตร ดอก เปน็ ชอ่ เชงิ ลด ดอกแยกเพศ มขี นาดเลก็ ผล มเี ปลอื กแขง็ หมุ้ ไมส่ มมาตร ผลมขี น สีเหลอื ง 1 ผล มี 2-3 เมลด็ ผลแก่สนี ำ้ ตาล การกิน เมลด็ แก่ นำมาคั่วเป็นของขบเคี้ยว ช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต สงิ หาคม-กันยายน 16 ใ นไ หุ ม ้ ป ่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 17 ใน บเ ขา ลา

กะพ้อเขา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Licuala malajana Becc. ชอื่ พ้ืนเมอื ง เพยี ะ ปาละห์ (มลายทู อ้ งถ่นิ -ยะลา) ชื่อวงศ์ ARECACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ปาลม์ ตน้ เดย่ี วหรอื แตกกอขนาดเลก็ ลำตน้ เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 2.5-5 เซนตเิ มตร สูง 1.5-3 เซนติเมตร ใบ รูปฝ่ามือ เรียงแบบเวียน แผ่นใบค่อนข้างกลม สีเขียวเข้ม ใบยอ่ ย กวา้ ง 2.5-6 เซนตเิ มตร ยาว 40-60 เซนตเิ มตร มี 20-30 ใบ มขี นาดใกลเ้ คยี งกัน ปลายใบหยกั เป็นซี่ ขอบกาบใบมรี กเปน็ เส้นใยสนี ้ำตาลหุ้มลำต้น มลี ิ้นใบยาวประมาณ 10 เซนตเิ มตร กา้ นใบยาว 1-2.5 เมตร ที่ขอบมีหนามสน้ั ๆ สีดำ ดอก ออกเป็นช่อ บรเิ วณซอกกาบใบ ยาว 60-120 เซนติเมตร เปน็ ชอ่ แยกแขนงมี 5-8 แขนง แตล่ ะแขนง มี 3-6 ช่อย่อย ผล รูปกลม ขนาด 1 เซนตเิ มตร ผลอ่อนสเี ขียวเมอื่ สุกสสี ม้ การกนิ - ยอดออ่ นที่ยงั ไม่คลี่บาน นำมาหอ่ ข้าวเหนยี วเรยี กวา่ ต้ม - แกนยอดออ่ น นำมาเป็นผักลวกจมิ้ กับน้ำพริก ชว่ งการเก็บเกีย่ วผลผลติ ตลอดป ี 18 ใ นไ หุ ม ้ ป่ า กิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 19 ใน บเ ขา ลา

กะออก ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Artocarpus elasticus Rienw. ex Blume. ชื่อพนื้ เมือง กะเอาะ (ภาคใต)้ ตอื ระ (มลายทู อ้ งถน่ิ -ยะลา) ชือ่ วงศ์ MORACEAE ลักษณะทางสัณฐานวทิ ยา ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ลำตน้ สูง 10-14 เมตร เรอื นยอดเป็นทรงพมุ่ ขนาดใหญ่ เปลอื กค่อนขา้ งเรียบ สเี ทา ใบ ใบเด่ยี ว เรยี งแบบเวียนสลับ แผ่นใบหนา คลา้ ยหนงั ใบรปู ไข่หรือรูปรี ผิวใบมีขนหนาสนี ้ำตาลคลา้ ยกำมะหยีป่ กคลุม ขอบใบเปน็ คลื่นหยกั เวา้ เข้าหาเสน้ กลางใบ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ใบกว้าง 15-28 เซนติเมตร ยาว 26-44 เซนตเิ มตร เส้นใบแตกแบบร่างแห เสน้ กลางใบเห็นชัดเจน ใบอ่อนมหี ใู บหุม้ สีเหลืองถึงส้ม หูใบยาว ขนาดใหญ่ ใบแก่สีเขียว ก้านใบยาว 6-7 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นกระจกุ แน่น ขนาดเล็ก ออกตามปลายยอดหรอื ตามซอกใบ ดอกแยกเพศ เป็นชอ่ ชอ่ ดอกเพศผทู้ รงกระบอก มรี อ่ งลกึ ตามยาวสเี หลอื งขนุ่ ยาว 5-15 เซนติเมตร กา้ นช่อดอกยาว 3.5-6 เซนติเมตร ชอ่ ดอกเพศเมีย รปู กลมหรือรปู รี เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 7-8 เซนติเมตร มีเกสรเพศเมีย 1 อัน สีเขียว ผล ผลรวม ผลแก่ สีน้ำตาล รูปทรงกระบอก ขนาดกว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตร ผิวเปลือกมี ขนสากมอื อย่ทู ่ัวผล เน้อื ในสขี าวข่นุ มยี างสขี าว ผลสกุ จะมีกล่นิ หืน เมล็ดขนาดกลาง การกิน - ผลสกุ กินเป็นผลไม ้ - เมล็ด นำมาค่วั ชว่ งการเกบ็ เก่ียวผลผลติ กรกฎาคม-สงิ หาคม 20 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า กิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 21 ใน บเ ขา ลา

กดู เขากวางนำ้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Ceratopteris thalictroides (Linn.) Brongn ชอ่ื พนื้ เมอื ง เขากวางน้ำ กูดเภา ขาเขยี ด ชื่อวงศ์ PARKERIACEAE ลักษณะทางสัณฐานวิทยา เฟินน้ำ เจริญเติบโตในน้ำ ลำต้น เป็นเหง้าสั้นตั้งขึ้นมีสีเขียวอ่อนถึงเข้ม เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 0.5-1 เซนติเมตร ใบ ใบประกอบมี 2 แบบ คือ ใบที่ไม่สรา้ งสปอร์ ลกั ษณะเปน็ แฉกคลา้ ยน้วิ มือ กวา้ ง 2-5 เซนติเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร ใบสามารถ แตกตางอกเป็นต้นใหม่จากเส้นกลางใบได้ ใบสปอร์ เป็นใบประกอบแตกเป็นเส้นๆ อับสปอร์ เกดิ บรเิ วณขอบใบ เรยี งตัวเปน็ แถวยาวอยทู่ ่ีขอบใบ รมิ ใบพับลงมาปิด การกนิ ตน้ ออ่ น กนิ สดเป็นผกั เหนาะหรอื ลวกจิ้มน้ำพริก ช่วงการเกบ็ เกี่ยวผลผลิต ตลอดปี 22 ใ นไ หุ ม้ ป่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 23 ใน บเ ขา ลา

กูดตนี กวาง ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Helminthostachys zeylanica ( L.) Hook. ชอื่ พน้ื เมือง ตูโยะลางิ (มลายูท้องถิ่น-ยะลา) ชอ่ื วงศ์ OPHIOGLOSSACEAE ลกั ษณะทางสัณฐานวทิ ยา เฟินขนาดเล็ก ลำต้น อยู่ใต้ผิวดินตื้นๆ อวบน้ำสีขาว เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1 เซนติเมตร ใบ ใบประกอบแบบนิ้วมือ ก้านใบยาว 20-30 เซนติเมตร มีใบย่อย 3 ใบ ใบย่อยแต่ละใบมีใบย่อยอีก 2-3 ใบ ก้านใบย่อยช้ันนี้ยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร ใบรูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนใบสอบเบ้ียว ขอบใบเรียบ หรือหยักเล็กน้อย กว้าง 2.5-20 เซนติเมตร อับสปอร์ อยู่ปลายก้านใบ ลักษณะยาว ต้ังตรงช้ีข้ึน มีก้านยาว 5-12 เซนติเมตร กลุ่มสปอร์ยาว 5-10 เซนติเมตร คล้ายธูป สีเขียว การกนิ ยอดออ่ น นำมาเปน็ ผกั ลวก ช่วงการเก็บเก่ียวผลผลิต ตลอดป ี 24 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 25 ใน บเ ขา ลา

กดู ยักษ์ ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Cyathea borneensis Copel. ชือ่ พ้นื เมอื ง กูดใหญ ่ มหาสดำ ชื่อวงศ์ CYATHEACEAE ลกั ษณะทางสัณฐานวทิ ยา เฟินดิน ลำต้น เปน็ เหงา้ เตยี้ สูง 10-25 เซนตเิ มตร โคนตน้ พองออก มขี น สีน้ำตาลแดงอยบู่ รเิ วณโคนตน้ โดยรอบ มีกา้ นยาว 100-150 เซนตเิ มตร มีหนามเลก็ ๆ สีดำอยู่รอบๆ ก้านใบ ใบ ใบประกอบแบบขนนกสองถึงสามช้ัน เรียงแบบสลับ แผ่นใบย่อยบาง รูปขอบขนาน ผิวใบด้านบนเรียบ ด้านล่างมีขนปกคลุมเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือหยักถี่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบกว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 12-17 เซนตเิ มตร เสน้ ใบแตกแบบโคง้ จรดกนั เสน้ กลางใบเหน็ ชดั เจน ใบออ่ นสเี ขยี วออ่ น มว้ นงอมีขนอ่อนนุ่มจบั แล้วตดิ มอื ใบแก่สเี ขยี ว ก้านใบย่อยยาว 10-25 เซนติเมตร อบั สปอร์ แตกตามยาวอยู่ใต้ใบ การกนิ ยอดหรอื ใบออ่ น กินสด ตม้ หรือลวก ช่วงการเกบ็ เก่ยี วผลผลติ ตลอดปี 26 ใ นไ หุ ม ้ ป ่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 27 ใน บเ ขา ลา

ขนุน ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Artocarpus heterophyllus Lam. ชอื่ พืน้ เมอื ง มะหนนุ หนุน (ใต้ - เหนอื ) นากอ (มลายทู ้องถิน่ -ยะลา) ชอ่ื วงศ์ MORACEAE ลักษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไม้ยนื ต้นขนาดกลาง ลำตน้ สูง 8-15 เมตร มยี างขาวทั้งต้นเปน็ ไมเ้ นอ้ื อ่อน แก่นสีเหลือง ใบ ใบกลมรี เนื้อใบเหนียวและหนา ยาว 7-15 เซนติเมตร ก้านใบ ยาว 1-2.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ใบสีเขยี วเขม้ เรยี บเป็นมัน ผิวใบด้านล่างสาก ดอก ดอกออกเป็นกลุม่ ช่อดอกเพศเมียและเพศผู้จะอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกเพศผู ้ จะออกที่โคนกิ่ง ลำต้นและซอกใบ ลักษณะของดอกเป็นทรงกระบอกยาวประมาณ 26 เซนติเมตร ช่อดอกเพศเมียเปน็ แทง่ กลมออกจากลำตน้ ก้านขนาดใหญ ่ ดอกเพศผู้ มกี ลิ่นหอมคล้ายส่าเหลา้ ผล ผลรวม ผลกลมและยาวขนาดใหญ่ หนัก 5-6 กิโลกรัม ในหน่ึงผลใหญ่จะมผี ลย่อยหลายผล ตดิ อยกู่ บั แกน เนอ้ื นุ่มถ้าสุกมีกลิ่นหอม เปลอื กหุ้ม เมล็ดบางรับประทานได้ เมล็ดกลมรีสีเหลอื ง การกนิ - ผลออ่ น ต้มเปน็ ผัก หรือใส่ในแกงกะทิ - ผลสุก มีรสหวาน กนิ เปน็ ผลไม ้ - เมลด็ แก่ ต้ม มรี สมนั กนิ กับนำ้ ตาลทรายหรอื นำ้ ตาลแว่น ช่วงการเกบ็ เก่ยี วผลผลิต ตลอดปี 28 ใ นไ หุ ม ้ ป่ า ก ิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 29 ใน บเ ขา ลา

ขี้เหลก็ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Senna siamea (Lam.) lrwin & Barneby ช่ือพ้ืนเมอื ง ขีเ้ หลก็ หลวง ขี้เหล็กใหญ ่ แคและ ยาฮา (มลายูท้องถิ่น-ยะลา) ช่อื วงศ์ CAESALPINIACEAE ลักษณะทางสณั ฐานวิทยา ไมพ้ ุม่ ขนาดกลาง ลำตน้ ความสูง 5-10 เมตร ลำตน้ ออ่ นสเี ขยี ว แตกกิ่งแขนง จำนวนมาก ใบ ใบประกอบแบบขนนก ปลายใบมน จำนวนใบย่อย 8-13 คู่ ใบย่อย กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร ใบยาวรี ปลายแหลม ขอบใบและแผ่นใบ เรียบ เส้นใบแตกแบบขนนก เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ดอก ดอกช่อสีเหลือง รูปไต อยู่รวมกนั เปน็ กลุม่ 10-15 ดอก ผล ฝกั แบนยาว มีเมลด็ สีน้ำตาล 10-15 เมล็ดตอ่ ฝัก การกนิ ยอดอ่อน ดอกตมู เป็นผกั สดหรือลวก หรือใส่ในแกงกะทิ ช่วงการเก็บเกย่ี วผลผลติ ตลอดปี 30 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 31 ใน บเ ขา ลา

โคลงเคลง ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Melastoma malabathricum L. ชอ่ื พ้ืนเมือง กะดูดุ (มลายทู อ้ งถ่ิน-ยะลา) ชอื่ วงศ์ MELASTOMATACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยา ไมพ้ ุ่มขนาดเลก็ ลำตน้ สงู 1-3 เมตร เรือนยอดเปน็ ทรงพุ่ม ใบ ใบเดยี่ ว เรียง แบบตรงขา้ ม แผ่นใบหนา ใบรูปขอบขนานแกมรูปรถี ึงรปู ขอบขนานแกมรูปหอก ผิวใบ มีเกลด็ เลก็ แหลมสน้ั ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลมถงึ เรยี วแหลม โคนใบแหลม ขนาดใบ กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 8-12 เซนตเิ มตร เส้นใบแตกจากโคนใบไปหาปลายใบ เสน้ กลางใบเหน็ ชดั เจน กา้ นใบมสี มี ว่ งแดง มเี กลด็ และขนปกคลมุ ดอก เปน็ ชอ่ มี 3-7 ดอก ออกตามปลายยอดและซอกใบ สีชมพูแกมม่วงสด ถ้วยรองดอกมีเกล็ดเล็ก เรียวแหลม สีม่วง ผล ผลสด รูปกรวยปากผาย ผิวเปลือกมีขนปกคลุมเล็กน้อย เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร เน้ือในฉ่ำน้ำ เมล็ดสีดำมีจำนวนมาก ขนาดเลก็ การกนิ ผลสุก รสหวานฝาด กนิ เป็นผลไม ้ ชว่ งการเก็บเกีย่ วผลผลิต ตลอดปี 32 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า ก ิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 33 ใน บเ ขา ลา

คอแลน ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Nephelium hypoleucum Kurz ชอ่ื พน้ื เมอื ง ตอื เกาะแบเวาะ (มลายทู ้องถิ่น-ยะลา) ชอ่ื วงศ์ SAPINDACEAE ลักษณะทางสัณฐานวทิ ยา ไมย้ ืนต้นขนาดกลาง ลำตน้ สงู 8-15 เมตร เปลือกไมเ้ รยี บหรือหลดุ เปน็ สะเก็ดเลก็ ๆ ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบยอ่ ย 2-3 คู่ เรยี งสลบั แผน่ ใบย่อย เรียบ ใบรูปหอกกลบั ผวิ ใบเรยี บเปน็ มันท้ังสองดา้ น ทอ้ งใบสีเขียวนวล ขอบใบเป็นคล่ืน เลก็ นอ้ ย ปลายใบแหลมมน โคนใบมน ใบกวา้ ง 4-11 เซนตเิ มตร ยาว 13-20 เซนตเิ มตร เส้นใบแตกแบบแขนง เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ใบอ่อนสีแดง ใบแก่สีเขียวเข้ม ก้านใบยาว 8-10 เซนตเิ มตร กา้ นใบยอ่ ยยาวประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร ดอก เปน็ ชอ่ แขนง ขนาดเล็ก ออกท่ียอดหรือปลายก่ิง ก้านดอกย่อยแต่ละดอกจะยาวเท่าๆ กัน สขี าวถึงสีเหลือง ผล ผลเด่ยี ว มี 1 เมล็ด ออกเปน็ ชอ่ ๆ ละ 2-5 ผล รูปกลมรี กวา้ ง ประมาณ 2 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 3 เซนตเิ มตร กา้ นผลยาวประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร เปลือกผลแขง็ และเหนยี ว มหี นามสนั้ ๆ ท่วั ผล ผลออ่ นสีเขยี ว ผลสกุ สีแดง เยื่อหมุ้ เมล็ด สขี าวอมเหลืองนุ่มเปน็ เมอื ก การกิน ผลสกุ เน้ือหุม้ เมล็ด รสเปร้ยี วอมหวานกนิ เป็นผลไม ้ ชว่ งการเก็บเกย่ี วผลผลิต ระหวา่ งเดอื นมีนาคม-สิงหาคม 34 ใ นไ หุ ม้ ป่ า กิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 35 ใน บเ ขา ลา

เงาะ ชื่อวิทยาศาสตร์ Nephelium lappacem L. ชอื่ พ้นื เมอื ง เมาะแตมาแซ (มลายูทอ้ งถิ่น-ยะลา) ชื่อวงศ์ SAPINDACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ไมย้ ืนต้นขนาดเล็กถงึ ใหญ่ ลำต้น สงู 10-15 เมตร เรอื นยอดเป็นพุม่ ทรงสงู ถึง ค่อนขา้ งกลม เปลอื กไม้ เรยี บสนี ำ้ ตาลเทา ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงแบบ เวียนสลับ มีใบย่อย 2-4 คู่ ใบย่อยรูปรี ผิวใบเกลี้ยง ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า ขอบใบเรียบ ปลายใบป้านหรือมน โคนใบแหลม ใบกว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 9-12 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบขนนก เส้นกลางใบเหน็ ชัดเจน ดอก ออกเป็นช่อแยกแขนง ขนาดเลก็ ออกตามง่ามใบใกลย้ อดและปลายกง่ิ สขี าวถึง เหลืองอ่อน ผล ผลเด่ียวมีลักษณะกลมสีแดง ผิวเปลือกค่อนข้างเรียบหรือเป็นตุ่ม เล็กๆ มีขนสีเขียวปกคลุม เนื้อในสีขาวฉ่ำน้ำมักติดกับเมล็ด ขนาดใหญ่ สีน้ำตาล มเี ยื่อบางๆ หมุ้ การกิน ผลสกุ รสเปรี้ยวอมหวาน ช่วงการเก็บเก่ยี วผลผลติ กุมภาพนั ธ-์ กนั ยายน 36 ใ นไ หุ ม้ ป ่ า กิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 37 ใน บเ ขา ลา

จวง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Cinnamomum porrectum (Roxb.) Kostem. ชือ่ พนื้ เมอื ง จวงหอม (ภาคใต)้ มอื แดกะมางงิ (มลายทู อ้ งถน่ิ -ยะลา) เทพทาโร (ภาคกลาง) ชือ่ วงศ์ LAURACEAE ลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยา ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถึงกลาง ลำตน้ สงู 15-20 เมตร เปลือกไม้ แตกเป็นร่อง ชดั เจน สนี ้ำตาลเข้ม ก่งิ ออ่ นสีเขยี วมีจดุ สีแดงกระจายท่วั ไป ใบ ใบเด่ียว เรยี งแบบสลบั แผน่ ใบค่อนข้างหนา ใบรูปรีแกมรปู ไขห่ รอื รูปไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ผวิ ใบเรียบเป็นมนั ท้ัง สองด้าน ขอบใบเปน็ คล่นื ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรยี ว ท้องใบมีคราบขาว ใบกวา้ ง 7-9 เซนติเมตร ยาว 22-25 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบขนนก เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ใบอ่อนสีแดงส้ม ใบแก่สีเขียวเข้ม ก้านใบยาว 1.1-1.5 เซนติเมตร ดอก เป็นช่อ ขนาดเล็กออกตามปลายกง่ิ สีขาวหรอื เหลืองออ่ น มีกลนิ่ หอม กา้ นชอ่ ดอกจะเรียวยาว และเล็กมาก ผล ผลเด่ียว ทรงกลม ขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7-1 เซนติเมตร ผลออ่ นมีสีเขียว ผลแกม่ สี ีม่วงดำ ก้านผลเรยี ว 3 - 5 เซนติเมตร การกิน ยอดออ่ น ใบอ่อน กินสดเปน็ ผกั เหนาะ ชว่ งการเกบ็ เกี่ยวผลผลิต ตลอดปี 38 ใ นไ หุ ม ้ ป ่ า กิ า น ไ ด้ บเ ขา ลา พญ

ไ ม ้ ป่ า หุ กิ น ไ พด้ ญ า 39 ใน บเ ขา ลา

จิกนา ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Barringtonia acutangula Gaertn. L. ช่ือพื้นเมอื ง จกิ นา (ภาคใต)้ ปูตะ (มลายูท้องถ่ิน-ยะลา) ชอ่ื วงศ์ LECYCHIDACEAE ลกั ษณะทางสัณฐานวทิ ยา ไม้ยืนตน้ ขนาดกลาง ลำต้น สูง 5-8 เมตร เปลอื กไม้แตกเป็นสะเกด็ เล็กนอ้ ย สีนำ้ ตาล เรอื นยอดเป็นทรงพุ่ม ใบ ใบเดี่ยว เรยี งแบบสลับเป็นกล่มุ อยู่ทปี่ ลายกง่ิ แผ่น ใบหนาเหนียว ใบรูปรีหรือแกมหอกกลับ ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน ขอบใบหยัก เปน็ ฟนั ถ่ี ปลายใบแหลม โคนใบเรยี ว ใบกวา้ ง 6-10 เซนตเิ มตร ยาว 10-16 เซนติเมตร เส้นใบแตกแบบขนนก เส้นกลางใบเห็นชัดเจน ใบอ่อนสีแดงม่วง ใบแก่สีเขียว ดอก เปน็ ช่อห้อยลงมา ช่อดอกยาว 20-30 เซนตเิ มตร ดอกขนาดเล็ก ออกตามซอกใบ หรือปลายก่งิ สแี ดงหรอื ม่วง ผล ผลสด กลมรี ผวิ เปลือกเป็นรอ่ งตามยาว เนอื้ ในฉ่ำน้ำ เมล็ดขนาดเล็ก การกนิ ยอดอ่อน ใบ กินสดเปน็ ผกั เหนาะหรือลวกจิ้มน้ำพริก ชว่ งการเก็บเก่ยี วผลผลติ ตลอดป ี 40 ใ นไ หุ ม้ ป่ า ก ิ า น ไ ด ้ บเ ขา ลา พญ