เรือพระราชพิธี ROYAL BARGES กรมศลิ ปากร กระทรวงวฒั นธรรม พมิ พเ์ ผยแพร่ พทุ ธศักราช ๒๕๕๘ Published by the Fine Arts Department, Ministry of Culture, 2015.
ค�ำน�ำ เรือพระราชพธิ ี เปน็ เรอื ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค อนั เป็นริว้ กระบวนเรือท่จี ัดข้ึน เม่ือพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ เสด็จพระราชด�ำเนินไปในการพระราชพิธีหรือในการส่วนพระองค์ใน ทต่ี า่ งๆ ตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั เปน็ ตน้ มา แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วฒั นธรรมของชาตแิ ละขนบธรรมเนยี มประเพณขี องบา้ น เมอื งทตี่ งั้ อยรู่ มิ นำ�้ และพระมหากษตั รยิ ท์ รงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ตามโบราณราชประเพณสี บื เนอ่ื งตลอดมา เรือพระราชพิธีบรรจงสร้างข้ึนด้วยฝีมือประณีต แสดงภูมิปัญญาของช่างหลายแขนง ท้ังช่างแกะสลัก ช่างรกั ช่างประดับกระจก ช่างไม้ ช่างเขียน เป็นตน้ เพอื่ อนรุ กั ษ์ สง่ เสรมิ และสบื ทอดงานชา่ งศลิ ปกรรมของไทย ตลอดจนเผยแพรอ่ งคค์ วามรเู้ กย่ี ว กับเรอื พระราชพิธโี บราณ กรมศลิ ปากรจึงจดั พมิ พ์หนังสอื เร่อื ง เรอื พระราชพิธี ขึ้น ครั้งแรกเม่ือพทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑ เน่อื งในโอกาสพระราชพธิ รี ชั มังคลาภเิ ษก วันท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ และในโอกาสทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงครองราชยย์ าวนานกวา่ พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดในประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย เปน็ เวลา ๔๒ ปี ๒๓ วัน จากน้ันกรมศิลปากรได้จัดพิมพ์ต่อมาอีกหลายคร้ัง ทั้งได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพ่ิมเติมให้ทันสมัย อาทิ เน่อื งในโอกาสพระราชพิธีกาญจนาภเิ ษก เม่อื เดอื นมถิ นุ ายน พทุ ธศักราช ๒๕๓๘ และในโอกาสเสด็จ พระราชด�ำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพธิ ถี วายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรณุ ราชวราราม เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ นอกจากจะเผยแพร่ความรู้อันเป็นประโยชน์และเป็นหลักฐานอ้างอิงทาง วชิ าการแลว้ ยงั สบื ทอดภมู ปิ ญั ญาของชา่ งไทยและตอบสนองความตอ้ งการของนกั เรยี น นกั ศกึ ษา นกั วชิ าการ และประชาชน เพราะในแต่ละคร้ังได้รับความสนใจอย่างมากจนไม่เพียงพอแก่ความต้องการ การจัดพิมพ์ ครั้งน้ี นับเปน็ ครั้งที่ ๕ ท่ีกรมศลิ ปากรจะไดเ้ ผยแพร่ความรเู้ ก่ยี วกบั ประวัตเิ รือพระที่นัง่ ความเป็นมาของเรอื พระราชพิธี การจัดร้ิวกระบวนเรือพระราชพิธี หน้าท่ีของเจ้าพนักงานในกระบวนเสด็จ การแต่งกายของ ผู้ประจ�ำเรอื พระราชพิธอี กี ครั้งหนึง่ ทัง้ น้ี ได้ปรบั ปรุงเนื้อหาและเพม่ิ เตมิ ภาพประกอบเพือ่ ความสวยงามและ ความสมบรู ณ์ของหนงั สืออีกดว้ ย กรมศลิ ปากรหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื เลม่ นจ้ี ะอำ� นวยประโยชนแ์ กป่ ระชาชนและผสู้ นใจโดยทว่ั กนั (นายบวรเวท รงุ่ รจุ )ี อธบิ ดกี รมศิลปากร
สารบญั คำ� นำ� ๑ บทน�ำ ๔ ประวตั ิเรอื พระทน่ี ่งั ประเภทเรอื แจวพายในแมน่ �้ำของไทย ๑๐ ความเปน็ มาของเรือพระราชพธิ ี ๑๙ การจัดริ้วกระบวนเรือพระราชพธิ ีในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในอดีต ๑๐๒ ลักษณะหนา้ ท่แี ละความเป็นมาของเรอื พระท่ีน่งั และเรือในรวิ้ กระบวน ๑๑๐ หนา้ ทีข่ องเจา้ พนักงานในกระบวนเสดจ็ ๑๑๓ การแตง่ กายของผู้ประจำ� เรอื ในร้ิวกระบวนเรือพระราชพธิ ี ๑๓๑ ประวตั ยิ ่อของเรือพระราชพิธีคราวสมโภชกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ป ี ๑๔๘ สรปุ ๑๕๑ Royal Barge Proeession
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรือพระราชพธิ โี บราณ บทน�ำ ในสมยั โบราณมา คนเรามกั นิยมต้ังบา้ นเรอื นอยู่ริมนำ�้ หรือใกล้นำ�้ กนั เป็นสว่ นมาก ไม่เฉพาะแต่คน ไทยเท่านน้ั แมท้ ุกชาติทุกภาษาก็เป็นเช่นนัน้ ทั้งนี้ เพอ่ื สะดวกแกก่ ารด�ำรงชีพ ด้วยน�้ำเปน็ ปจั จยั ทีส่ �ำคัญยิ่ง ของมนษุ ย์ เปน็ ทง้ั เครอื่ งอปุ โภคและบรโิ ภค และทสี่ ำ� คญั อกี อยา่ งหนงึ่ แมน่ ำ้� ยงั เปน็ เสน้ ทางคมนาคมทส่ี ำ� คญั ดว้ ยการเดนิ ทางทางบกตามถนนกม็ แี ตย่ งั ไมส่ ะดวกและเจรญิ อยา่ งปจั จบุ นั เพราะดนิ แดนทอ่ี ยลู่ กึ จากทางนำ้� เขา้ ไปเมอ่ื ออกนอกเมอื งแลว้ มกั จะเปน็ ปา่ ทบึ เสยี เปน็ สว่ นมาก เตม็ ไปดว้ ยอนั ตรายทง้ั จากโจรผรู้ า้ ยและสตั วป์ า่ ท่ีดุร้าย ด้วยเหตุน้ีคนจึงนิยมเดินทางทางน�้ำกันท้ังการติดต่อส่ือสารและการค้าขาย พาหนะทางน้�ำคือ เรือ จงึ เปน็ พาหนะทส่ี ำ� คญั สามารถบรรทกุ ไดม้ ากและเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย จงึ มกี ารตอ่ เรอื ใหม้ ขี นาดและแบบตา่ งๆ เพอ่ื ความเหมาะสมของวตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะนำ� มาใช้ ดงั นนั้ จงึ เหน็ วา่ เรามเี รอื มากมายหลายแบบเพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ ในการตา่ งๆ เช่น เรือบด เรอื แจว เรือเปด็ เรือฉลอม เรือแซ เรอื เอีย้ มจุน๊ เรอื สำ� ปน้ั เรอื สำ� เภา เปน็ ต้น เรือ เหล่านี้ล้วนแต่นำ� มาใชใ้ นการต่างๆ กนั เชน่ ใชส้ ญั จรไปมา ใชบ้ รรทกุ ของไปขาย และเป็นเรือรบเพ่ือปอ้ งกนั ข้าศึกและล�ำเลียงยุทโธปกรณ์ การประดบั ตกแตง่ เรอื กข็ นึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะหนา้ ทขี่ องเรอื และฐานะของผเู้ ปน็ เจา้ ของเรอื ดว้ ย สว่ นมาก แล้วเรือราษฎรจะมีลกั ษณะเรียบงา่ ยไม่ตกแต่งลวดลาย แต่เรือของบรรดาเจา้ นายและขุนนางช้ันสงู มักจะได้ รบั การตกแต่งหรอื ต่อข้นึ อยา่ งงดงามวิจิตรบรรจง เพ่อื แสดงถงึ ฐานะของเจา้ ของ เรอื นน้ั นอกจากจะน�ำมาใชใ้ นชีวิตประจ�ำวนั แลว้ ยงั ถูกน�ำมาใชใ้ นพิธตี ามความเชือ่ ถอื ต่างๆ อีกดว้ ย เช่น ความเช่ือเก่ียวกับว่ามีเทพเจ้าประจ�ำแม่น�้ำ จึงมีพิธีบูชาแม่น�้ำขึ้นตามความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลมาจาก ศาสนาพราหมณ์ ในสมัยโบราณ มพี ธิ ีอาศยุช ทีท่ �ำกันในเดือน ๑๑ อนั เปน็ พิธีสังเวยพระนารายณป์ างเกษยี ร สมทุ ร และพระลกั ษมี พธิ ีจองเปรียงในเดือน ๑๒ ซง่ึ กล่าวว่าเปน็ พธิ บี ูชาพระแม่คงคาในสวรรค์ เพ่ือเปน็ การ ขอบพระคุณต่อพระแม่คงคาที่ให้มีน้�ำมาในโลกเพื่อหล่อเล้ียงชีวิตแก่มนุษยโลกและเป็นการขอขมาในการที่ มนุษย์ได้ลว่ งเกนิ ก่อความสกปรกต่างๆ ใหเ้ กดิ ขึ้นในน้�ำ ส�ำหรับพธิ แี รกนน้ั มาในสมยั หลังๆ ได้เลกิ ไปคงอย่แู ต่ พิธลี อยกระทง ส�ำหรบั ประเพณีทางพุทธศาสนา การบ�ำเพ็ญบญุ เนื่องในเทศกาลออกพรรษา เดอื น ๑๑ คอื การทอด กฐนิ ถือว่าเปน็ การท�ำบญุ ทีส่ ำ� คญั ยงิ่ อยา่ งหนึ่งของพทุ ธศาสนกิ ชน การท�ำบุญในงานนจ้ี ึงจัดขบวนกันใหญโ่ ต ถา้ ไปทางบกจะมพี วกกลองยาวหรอื เถดิ เทงิ นำ� หนา้ รวิ้ ขบวน ผคู้ นแตง่ กายกนั อยา่ งงดงาม พาหนะเชญิ ผา้ กฐนิ กต็ กแตง่ อยา่ งวจิ ติ ร ถา้ วดั ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ำ้� ผคู้ นทไ่ี ปทำ� บญุ จดั ขบวนมาทางนำ้� กม็ กั จะเปน็ ขบวนเรอื ทใ่ี หญโ่ ตเชน่ กัน มกี ารตกแต่งเรืออยา่ งสวยงามเทา่ ท่จี ะทำ� ได้ ยง่ิ สวยงามเทา่ ไหรก่ แ็ สดงถึงความมหี นา้ มตี ามฐี านะของเจ้า ภาพเทา่ นนั้ และยงิ่ เปน็ การบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลของพระมหากษตั รยิ ก์ ย็ อ่ มตอ้ งมกี ารจดั รวิ้ ขบวนเรอื อยา่ งเตม็ ที่ เรือที่ใช้ในพระราชพีธีนั้น ปกติก็มีการตกแต่งงดงามอยู่แล้ว เม่ือน�ำเรือต่างๆ ท่ีงดงามจัดรวมเข้าเป็นขบวน เดยี วกย็ ง่ิ เพม่ิ ความโออ่ า่ แสดงพระบารมยี งิ่ ขน้ึ รวิ้ ขบวนเรอื นเี้ รยี กวา่ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ซงึ่ นอกจาก 1
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 2
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES จะใช้ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินซ่ึงถือว่าเป็นการจัดขบวนเรือที่ย่ิงใหญ่แล้ว ยังมีพระราชพิธีอ่ืน ๆ อีก เชน่ พระราชพธิ อี ญั เชญิ พระพทุ ธรปู ทสี่ ำ� คญั จากเมอื งหนง่ึ ไปยงั อกี เมอื งหนง่ึ พระราชพธิ รี บั พระราชสาสน์ และ ราชทตู ของพระเจา้ แผน่ ดนิ ประเทศอนื่ ทที่ รงสง่ มาเปน็ การเจรญิ พระราชไมตรแี ละในโอกาสทมี่ กี ารผลดั เปลยี่ น แผ่นดินใหม่ พระมหากษัตริย์ท่ีเสด็จขึ้นเสวยราชย์ใหม่ก็จะทรงแสดงพระบารมีให้พสกนิกรของพระองค์ได้ ชน่ื ชม จงึ มกี ารจดั กระบวนพยหุ ยาตราเลยี บพระนครขนึ้ ซงึ่ จะมที ง้ั ทางบก และทางนำ้� ทางบกเรยี กวา่ กระบวน พยุหยาตราทางสถลมารค ถ้าเสด็จเลียบพระนครทางน้�ำเรียกว่า กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งมี การจดั รว้ิ ขบวนเรอื พระราชพธิ ดี ว้ ย แตใ่ นพระราชพธิ ที เ่ี กย่ี วกบั กระบวนการพยหุ ยาตราทางชลมารคทเ่ี ราทราบ กนั ดีน้ันคอื กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคทถ่ี วายผา้ พระกฐินในเทศกาลออกพรรษา เพราะมกี ารบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ลทุกปี แตใ่ นสมัยปจั จุบันค่าใช้จา่ ยในการประกอบพระราชพธิ สี ูง จึงมคิ ่อยไดก้ ระท�ำกนั ปจั จบุ ัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นพระราชพิธที ี่หาชมได้ยาก 3
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ประวตั ิเรือพระทน่ี ัง่ ประเภทเรอื แจวพายในแม่นำ้� ของไทย การกล่าวถึงกระบวนเรือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยท่ีเก่าท่ีสุดคือ การจัดกระบวนเรือรับพระศรี ศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามีเป็นเจ้า ซ่ึงเป็นหลานพ่อขุนผาเมือง และได้ไปบวชเรียนอยู่ที่ ลงั กากลบั ส่กู รงุ สุโขทัยในสมัยพระเจ้าลไิ ท ซง่ึ พระองค์ทรงจัดกระบวนเรอื รบั เสด็จดว้ ย นอกจากน้ีในหนงั สือ เรอ่ื งนางนพมาศหรอื ตำ� รบั ท้าวศรจี ฬุ าลกั ษณ์ ซ่ึงเดมิ สันนษิ ฐานวา่ นา่ จะมีหนังสอื เกา่ เขยี นไว้ในสมัยสโุ ขทัย ดว้ ยกลา่ วถงึ พระร่วงเจ้า จากหนงั สือเลม่ น้พี บวา่ มชี อ่ื เรือพระทนี่ ่งั ๒ ล�ำ ซึ่งใชใ้ นพิธีอาศยชุ อันเปน็ พระราช พิธโี บราณทป่ี ระกอบขนึ้ ในเดือน ๑๑ เพ่ือสังเวยพระนารายณ์ (วิษณุ) คอื เรือพระทน่ี งั่ ชยั เฉลมิ ธรณนิ กบั เรือ พระท่ีนั่งชัยสินธุพิมาน และเม่ือตรวจสอบกับชื่อเรือพระที่นั่งที่สร้างในสมัยหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี ๓ แหง่ กรุงรัตนโกสินทร์ กไ็ ม่ปรากฏวา่ มีเรือพระท่นี ั่งชอ่ื ดัง กล่าว จึงท�ำให้นา่ เชอื่ ไดว้ า่ อาจจะเป็นชือ่ เรือพระทนี่ ่ังในสมยั สโุ ขทัยมาแต่เดิม แต่อย่างไรก็ดี ในหนังสือนางนพมาศปรากฏชื่อเรือพระท่ีน่ังประพาสแสงจันทร์ ซ่ึงเหมือนกับเรือ พระทนี่ งั่ ครง้ั รชั กาลท่ี ๓ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ จงึ อาจจะเปน็ เรอื่ งทม่ี กี ารแตง่ เตมิ บางตอนขน้ึ ใหมเ่ ขา้ ไปใน ต�ำรบั ทา้ วศรจี ฬุ าลักษณ์เลม่ เดมิ ในรชั กาลท่ี ๓ ดงั ทีส่ มเดจ็ พระบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพทรง สันนษิ ฐานไว้ การใช้เรือพระที่นั่งในสมัยสุโขทัยมีหลักฐานความเป็นมาตามที่กล่าวมา อันเป็นหลักฐานกล่าวถึง กระบวนเรอื และช่ือเรอื พระที่นงั่ ท่ีเก่าที่สุดของไทย ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ไดป้ รากฏหลกั ฐานเกย่ี วกบั เรอื พระทนี่ งั่ มาตง้ั แตร่ ชั กาลพระมหาจกั รพรรดิ คือ เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์ รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓ - ๒๑๔๘ ) มีเรือพระที่นั่ง สุพรรษวิมานนาวา ซ่ึงทรงใช้เพื่อเสด็จไปเมืองเพชรบุรีและสามร้อยยอด รัชกาลสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ (พ.ศ. ๒๒๔๕ - ๒๒๕๒) ปรากฏช่ือเรือพระที่นั่งมหานาวาท้ายรถ ในค�ำให้การชาวกรุงเก่าปรากฏช่ือเรือ พระที่นัง่ และเรือขบวน ดังนี้ เรอื พระที่น่งั มี ๘ ลำ� ล้วนต้ังบษุ บกทก่ี ลางลำ� ได้แก่ ๑. ทินครุฑ (ที่น่งั ครฑุ ) ศีรษะครุฑ (มงคลสบุ รรณ)์ ๒. ทนิ หงส์ (ท่นี ่ังหงส)์ ศรี ษะหงส์ (สพุ รรณหงส)์ ๓. ทนิ กิ่ง (ท่นี ่ังกิ่ง) ศรี ษะชอ่ ดอกไม้ ซ่งึ คือลายกนก ๔. เอกไชย ๕. ทองควนิ ปลา (ทองขวานฟ้า ซ่ึงคือ ทองแขวนฟ้า) ๖. (ท่ีนงั่ ) ไกรสรมกุ ข มรธุช ๗. นาคเถร (นาคเหรา) ศรี ษะนาค ๘. นาควาสุกรี (ตรง) ศรี ษะนาค 4
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ก. ลกั ษณะของเรือรบจาม สลักหวั เรอื เป็นรปู เหรา ซึ่งอาจจะคลา้ ยกบั เรือในสมัยลพบรุ ี จากภาพสลกั ทรี่ ะเบยี งฐานทกั ษณิ ของปราสาทบายน อายุพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ Ancient Cham warship carved on the base of enclosure gallery of the Prasat Bayon constructed in the early 13th century in Ancient Cambodia. ข. ลกั ษณะเรือรบจาม สลักหัวเรอื เป็นรูปเหราคายนก จากภาพสลกั ท่ีระเบียงฐานทกั ษณิ ของปราสาทบายน อายพุ ุทธศตวรรษที่ ๑๘ จากลักษณะเรอื ดังกล่าวนน้ี ่าจะคลา้ ยกบั เรอื ของไทยสมัยลพบรุ ี Another ancient Cham warship from the Prasat Bayon, carved in the 13th century. 5
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ค. เรอื รบของขอมสมัยบายน ตรงกบั สมยั ลพบรุ ขี องไทย หวั เรอื สลกั เปน็ รูปหัวเหราคายนก จากลกั ษณะของเรอื นีน้ า่ จะมีลกั ษณะคลา้ ยเรอื ของไทย สมยั ลพบรุ ี Ancient Cham warship carved on the Prasat Bayon with Hera spewing bird decorated at the stern. จาก Michel Jacq-Hergoualc’H, “L ‘armement et L’organisation de I’armée Khmére aux XIIe et IIIe siécles” Publications du Musée Guimet, Recherches et Documents d’ Art et d’Archéologie. Tome XII. ทับหลงั ศิลปะลพบรุ ี พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ จากพพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย แสดงภาพเรอื ซงึ่ เขา้ ใจว่าเป็นเรอื พระท่ีนง่ั เน่ืองจากส่วนโขนเรือหักหายไป แต่จากร่องรอยลวดลายท่ีเหลือ แสดงว่าเป็นเรือศีรษะนาค ซึ่งแสดงว่าเรือศีรษะ สัตวม์ ีใชม้ าแล้วตง้ั แตร่ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ 6
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรือขบวน มี ๒๘ ล�ำ ๑. มังคลมหรนพ ศีรษะสิงห์ (มงคลมหรรณพ) ๒. มงั คลสุตภุตบนั ใจ ศรี ษะสิงห์ ๓. โทมหรนพ โต ๔. ติสตุ เชยศรี โต ๕. ศริ เิ อกเชย (ศรีประสนุ ทรไชย) ๖. ไกรสร (ไกรสรจกั ร) ๗. ศิริพิมานไชย (ชลพมิ านไชย เดมิ อาจจะเปน็ ศรีพิมานไชยคู่กบั ไกรสรมาศ) ๘. พิศปะระตยา ๙. อลงกฎนาวา ๑๐. หงสท์ อง (นา่ จะเป็นเอกไชยเหินหาว คชู่ ัก) ๑๑. ลาวทอง (เอกไชยหลาวทอง ค่ชู ัก) ๑๒. นรสหี ว์ ิสุทธิไชยชิน (มนสุ สสีห์) ๑๓. นรชิน ททวนิ อากาศ มนุสสสีห์ ๑๔. ชินหรตนาต สิงโต (น่าจะเปน็ ครุฑเหินเหจ็ ) ๑๕. ชินหัสสนาวา โต (นา่ จะเป็นครุฑเตรจ็ ไตรจักร) ๑๖. โลโต แตก ปปุ ปะแวก (นา่ จะเป็นกระบีร่ าญรอญราพณ์) ๑๗. โลโต แตก ปปุ ปะวงั (นา่ จะเปน็ กระบ่ปี ราบเมอื งมาร) ๑๘. เชยสวัต (น่าจะเปน็ ไชยสวัสด)ิ์ ๑๙. เชยรตั นพิมาน (ไชยรัตนพิมาน) ๒๐. อังวะ เรอื พมา่ (เห็นจะเป็นเรอื กระแซ) ๒๑. สรุ ะพิมาณ เรอื พม่า ๒๒. นปุ ปสิต เรอื พม่า ๒๓. โลกา ๒๔. คชครี ี (คชสีห์ หรือสมุหกลาโหม) ๒๕. ราชคีรี (ราชสีห์ หรอื สมุหนายก) ๒๖. มา้ (เรือปลัดทลู ฉลองมหาดไทย) ๒๗. เลียงผา (เรอื ปลดั ทูลฉลองกลาโหม) ๒๘. เรจี ชื่อเรือเหล่าน้อี าจจะผดิ เพยี้ นไป ทั้งนเี้ พราะอาลักษณ์ของพมา่ จดตามที่ตนได้ยนิ มาจากคนไทยทีถ่ ูก จบั กุมไปเม่อื ครงั้ เสียกรงุ ศรีอยุธยา ครงั้ แรกเม่อื พ.ศ. ๒๑๑๒ 7
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 8
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 9
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ความเป็นมาของเรือพระราชพธิ ี บรรดาเรือหลวงท่ีมไี ว้ใช้ในราชการนนั้ ไดส้ ร้างขนึ้ มาเพ่อื ให้มีพอเพยี งแก่ราชการ เช่น การเดนิ ทาง ติดต่อส่งข่าวสาร การใช้เป็นพาหนะทางน้�ำเพ่ือเดินทางไปในที่ต่างๆ ตลอดจนการใช้เป็นเรือรบขับไล่ข้าศึก ทม่ี ารกุ ราน และการขนสง่ บรรทกุ ทหารและยทุ โธปกรณ์ เพอ่ื ไปปราบปรามบรรดาหวั เมอื งทอ่ี ยรู่ มิ นำ�้ หรอื รมิ ทะเลซง่ึ ทำ� ไดร้ วดเรว็ กวา่ การเดนิ ทางทางบก โดยเฉพาะการจดั เรอื เปน็ รปู กระบวนทพั นนั้ มมี าแตส่ มยั โบราณ แลว้ โดยทม่ี ไิ ดม้ กี ารแบง่ เหลา่ ทหารออกเปน็ ทหารบก และทหารเรอื อยา่ งชดั เจน แตใ่ นยามสงคราม ทหารจะ รบได้ท้ังการรบทางบกและทางทะเล ถ้ายกทัพไปทางทะเลก็เลือกแม่ทัพนายกองที่มีความช�ำนาญทางทะเล เป็นผู้น�ำทัพ และที่เรียกว่าเรือรบน้ันในสมัยโบราณใช้เรือทุกประเภทที่มีกะเกณฑ์กันไป ที่เป็นเรือหลวงมัก จะมีขนาดใหญแ่ ละยาวกวา่ เรอื ธรรมดา ซ่งึ เมือ่ ในยามว่างศึกกน็ �ำมาใชเ้ ป็นเรอื ค้าขายกบั ตา่ งประเทศ เดิมมกั จะเปน็ เรอื ส�ำเภาซ่งึ บรรทกุ คนและสนิ คา้ ไดม้ าก และแข็งแรงพอที่จะโตค้ ลน่ื ลมในทะเลได้ ส�ำหรับเรือหลวงท่ีน�ำมาใช้ในพระราชพิธีน้ัน ส่วนมากจะเป็นเรือท่ีมีความใหญ่และยาวพอสมควร สามารถพายไปไดเ้ รว็ จงึ มกั มรี ปู เพรยี ว และเดมิ ใชเ้ ปน็ เรอื รบประเภทขบั ไลใ่ นนำ้� เสยี มาก ซง่ึ แตเ่ ดมิ เรอื รบทาง แมน่ ำ�้ มี ๔ ชนดิ คือ เรือแซ เรอื ไชย๑ เรือศรี ษะสตั ว์ หรือเรอื รูปสตั ว์ และเรือกราบ มีการสร้างเรือรบขน้ึ เป็น ครงั้ แรกในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา รชั กาลสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรด๒ิ (พ.ศ.๒๐๙๑ - ๒๑๑๑) โดยโปรดใหด้ ดั แปลง เรือแซ ซงึ่ เปน็ เรอื ลำ� เลียงส�ำหรับใชบ้ รรทกุ ทหารและอาวุธยทุ ธภัณฑ์ตา่ งๆ ใหเ้ ป็นเรือไชย กับเรือศรี ษะสัตว์ โดยได้วางปืนใหญ่ประเภทปืนจ่ารงให้ยิงได้จากหัวเรือ ซ่ึงจัดว่าเป็นต้นแบบของเรือรบในสมัยต่อมา เรือแซ น้ันเปน็ เรอื ยาว ใช้ตกี รรเชยี งประมาณลำ� ละ ๒๐ คน สว่ นเรอื ไชย และเรอื ศีรษะสตั ว์เปน็ เรอื ยาวแบบเรือแซ แต่เปลยี่ นกรรเชียงเปน็ ใช้พายและบรรทกุ ทหารใหล้ งประจำ� เรือได้ล�ำละ ๖๐ - ๗๐ คน ซึ่งเม่ือพายแลว้ ไปได้ รวดเร็วกวา่ เรือแซ และใหช้ ื่อใหม่ว่า “เรือไชย” เรอื ศรี ษะสตั วน์ น้ั สรา้ งแบบเดยี วกบั เรอื ไชย แตท่ ำ� หวั เรอื กวา้ งสำ� หรบั เจาะชอ่ งตง้ั ปนื ใหญไ่ ด้ เหนอื ชอ่ ง ปนื ข้นึ ทำ� เปน็ รูปสัตว์ เช่น ครุฑ ลงิ (กระบ่)ี อนั เปน็ เครื่องหมายของกองตา่ งๆ ในกระบวนทัพ สำ� หรับเรือแซ เดมิ ก็ยงั คงใช้เปน็ เรือส�ำหรับลำ� เลยี งอาหารและอาวุธเชน่ เดมิ ตอ่ มากม็ ีเรือกราบข้นึ อกี ชนิดหนง่ึ ใช้การแบบเรือไชย แตแ่ ลน่ ได้เร็วกว่า อย่างไรก็ตาม ในเวลาว่างศึกสงคราม พระเจ้าอยู่หัวแต่ละพระองค์มักจะโปรดให้ใช้กระบวนทัพเรือ เสมอโดยเสดจ็ บำ� เพญ็ พระราชกศุ ล เชน่ ทอดผา้ พระกฐนิ หรอื เสดจ็ นมสั การพระพทุ ธบาท โดยถอื วา่ เปน็ การ ฝึกซ้อมเรียกระดมพลไปด้วย กองเรือเหล่าน้ีจะตกแต่งอย่างสวยงาม มีการแก้ไขดัดแปลงเพ่ิมเติมขึ้นอีกใน สมยั หลงั จึงมีเรอื กง่ิ และเรือศรี ซง่ึ ก็เป็นการตกแต่งเรอื ไชย ดว้ ยการสลักลวดลายให้สวยงามข้นึ เรยี กวา่ เรอื พระที่น่ังกิ่ง ถา้ มีการตง้ั บุษบกและตกแตง่ ยงิ่ ข้นึ เรียกว่า เรือพระทน่ี งั่ ศรี หรอื เรอื ศรี ๑ ในหนังสือเล่มน้ี สะกดค�ำว่า “เรือไชย” และ “เรือชัย” ท้ัง ๒ แบบ ในเอกสารเก่าก่อนช่วง พ.ศ. ๒๕๐๐ ส่วนใหญ่ใชว้ ่า “เรือไชย” แต่ปจั จบุ ันนิยมเขียนวา่ “เรอื ชยั ” รวมท้ังชื่ออืน่ ๆ ทีอ่ าจสะกดแตกตา่ งกนั ด้วย ๒ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหตั ถเลขา เล่ม ๑, หน้า ๒๙. 10
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เอกสารของชาวฝรั่งเศส ๑ ได้บันทึกเก่ียวกับเรือของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลสมเด็จพระ นารายณ์มหาราชไว้ว่า “เรือนั้นล�ำยาวและแคบมาก มักจะท�ำขึ้นจากซุงท่อนเดียว ใช้ส่ิวเจาะเอาตามความ ยาวแล้วถากดว้ ยเคร่ืองมือเหลก็ แล้วนำ� ขน้ึ แขวนย่างไฟ และคอ่ ยๆ เบิกไปใหก้ วา้ งสุดเท่าทีจ่ ะท�ำได้โดยไม่ให้ เน้อื ไมแ้ ตก….เรอื เหลา่ น้ีมีราคาแพง เรือล�ำหนง่ึ ๆ ใช้ฝพี ายรวม ๕๐ - ๖๐ คน ที่ตกแต่งกันอย่างสวยงามและท�ำด้วยฝีมือประณีตก็มีเหมือนกัน แตกต่างกันไปตามสถานภาพของ บคุ คลท่ีเปน็ เจา้ ของ เรือของขนุ นางชน้ั ผใู้ หญ่นัน้ มีฝีพาย ๕๐ ถงึ ๖๐ มยี กพน้ื ทก่ี ลางลำ� ใช้เป็นท่ีนงั่ ของพวก ขุนนางเหลา่ นั้น เครอ่ื งตกแต่งมแี ตต่ ัวไม้กบั เส่ือลำ� แพนเทา่ นนั้ แต่ประดษิ ฐล์ วดลายสวยงามมาก หลงั คาเรือ กญั ญาของพวกออกญาท�ำเปน็ สามชัน้ ของพวกออกพระกับออกหลวงซึ่งล�ำเล็กมากหน่อยมีสองชน้ั ส่วนของ พวกขนุ นางอน่ื ๆ นนั้ มชี น้ั เดยี ว เรอื ของประชาชนไมม่ หี ลงั คาเลย ถงึ จะมกี ไ็ มต่ กแตง่ ประดบั ประดาอะไรทง้ั นนั้ ท�ำเป็นรูปหลังคายาวและต�่ำ การที่ท�ำประทุนเรือแบบน้ีก็เพื่อป้องกันแดดและฝนโดยแท้ มีแต่เรือของท่าน เสนาบดผี ใู้ หญส่ องทา่ นเท่านนั้ ทีท่ าทอง และหลงั คาคลุมดว้ ยผา้ ทำ� เป็นรปู เปลอื กหอยและสูงกวา่ ของเรอื ล�ำ อน่ื ๆ มอี ยบู่ อ่ ยเหมอื นกนั ทพี่ ระเจา้ แผน่ ดนิ พระราชทานเรอื ทาทองลอ่ งชาดใหเ้ ปน็ บำ� เหนจ็ แกข่ นุ นางซงึ่ มคี วาม งามเกือบเทา่ ๆ กับของเสนาบดี แต่จะนำ� ออกใชไ้ ดเ้ ฉพาะในโอกาสตามเสดจ็ พระราชดำ� เนิน และในงานพระ ราชพิธีลางอย่างตามหมายก�ำหนดการเท่าน้นั … ๑ นโิ คลาส แชรเวส, ประวัตศิ าสตร์ธรรมชาติและการเมอื งแห่งราชอาณาจกั รสยาม, สนั ต์ ท. โกมลบตุ ร แปล. โรงพิมพอ์ กั ษรสัมพนั ธ์, ๒๕๐๖, หนา้ ๑๐๖ - ๑๐๘. 11
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรอื กัญญาของพวกผหู้ ญงิ มสี กลุ แตกต่างจากเรือของพวกข้าราชการ เพยี งกนั้ เรือนยอดเสยี ทกุ ดา้ น เท่านั้นใช้หญิงทาสเป็นฝพี าย…” นอกจากน้ี ยังมีบันทึกเก่ียวกับการเสด็จพระราชด�ำเนินโดยทางชลมารคไว้ด้วยว่า๑ “…การจัดต้ัง รวิ้ ขบวนนา่ ดูมาก…. มเี รือซึ่งกว่าสองร้อยหา้ สบิ ล�ำจอดเรยี งรายอยู่เป็นระยะทงั้ สองฟากฝั่งแมน่ ำ�้ ในจ�ำนวน ๒๐ หรอื ๓๐ ลำ� … นำ� เรือพระทีน่ ่งั ทรงเป็นค่ๆู ไปขา้ งหนา้ เรอื พระทนี่ ัง่ น้นั ใชฝ้ พี าย พวกแขนแดงซึ่งมีความ ชำ� นาญมากและได้รบั เลือกเฟน้ มาเป็นพเิ ศษ ทุกคนสวมหมวก เสื้อเกราะ ปลอกเขา่ และปลอกแขนท�ำด้วย ทองคำ� ทง้ั สนิ้ นา่ ดแู ทๆ้ เวลาเขาพายพรอ้ มๆ กนั เปน็ จงั หวะจะโคน พายนน้ั ทาทองเหมอื นกนั เสยี งพายกระทบ กนั เบาๆ ประสานกบั ทำ� นองเนอื้ เพลงทเ่ี ขาเหย่ อพระเกยี รตพิ ระเจา้ แผน่ ดนิ เปน็ คลา้ ยเสยี งดนตรที เ่ี สนาะโสต ของพวกชาวบา้ นเมอื งเปน็ อนั มาก… พระวสิ ตู รเรอื พระทนี่ ง่ั ทรงนน้ั ประดบั ดว้ ยอญั มณอี นั มคี า่ และบนยกพนื้ นนั้ ปลู าดดว้ ยพรมอยา่ งดที นี่ ำ� มาจากตา่ งประเทศทางตะวนั ออก มขี นุ นางหนมุ่ หกคนหมอบเฝา้ อยเู่ ปน็ ประจำ� ท่ีตรงทา้ ยเรือมีบงั สูรย์ปกั ไวเ้ ปน็ สำ� คัญ เพือ่ ให้เปน็ ที่สังเกตว่าผิดจากลำ� อนื่ ๆ มเี รืออีก ๒ ลำ� ซงึ่ ใหญโ่ ตและ งดงามเสมอกันแลน่ ขนาบข้ามไป เขาเรยี กว่า เรอื แซงรกั ษาพระองค์ และอีกสองล�ำซึง่ ไมใ่ หญ่โตและงดงาม เท่าสองล�ำแรก แต่ปิดพระวิสูตรลงหมดทุกด้านแล่นตามมา เพราะลางทีพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จเสวยพระ สุธารส หรือพระกระยาหาร นอกจากวา่ จะเสด็จถงึ พลับพลาทปี่ ระทับหรือพระตำ� หนักแรมระหวา่ งทางเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ เทา่ นนั้ จงึ จะเสดจ็ ขน้ึ ประทบั เสวยทน่ี นั่ เรอื ทาทองอกี หา้ สบิ ลำ� รปู พรรณตา่ งๆ กนั แตก่ ง็ ดงาม ๑ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๒๗๓ - ๒๗๕. 12
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ไม่แพ้กันตามเสด็จพระราชด�ำเนินไปอย่างมีระเบียบ อันเป็นการสมทบขบวนการแห่แหนเท่าน้ัน เพราะจะ มีอยู่ราวสิบหรือสิบสองล�ำที่อยู่ใกล้เรือพระท่ีน่ังเท่านั้นท่ีมีผู้คนลงมาเต็มล�ำ มีเรือทรงของพระราชบุตร เรือ ของพวกเสนาบดีผู้ใหญ่ และขุนนางคนสำ� คญั ๆ ทโี่ ดยเสด็จพระราชด�ำเนนิ เทา่ นั้น ขนุ นางอนื่ ๆ จะโดยเสดจ็ ก็ เฉพาะแตใ่ นวันพระราชพธิ ีซ่ึงจะมเี รอื ตา่ งๆ รวมกนั ถึงสองรอ้ ยกวา่ ล�ำ ซงึ่ เปน็ เรอื ท่ไี มส่ จู้ ะงดงามเทา่ ใดนกั ถึง จะใหญโ่ ตและมีรปู พรรณอย่างเดียวกนั แตแ่ ล่นไปได้รวดเร็วเสมอ หรอื เรว็ กวา่ รถม้าโดยสารระหวา่ งหัวเมือง ต่อหัวเมอื งของเราเสยี อกี ” ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยา มีกล่าวถงึ เรอื พระทน่ี ่ังอยบู่ ้าง ต้ังแตร่ ชั กาลสมเดจ็ พระไชยราชา เมอื่ พระองค์ เสดจ็ ไปเมอื งเชยี งไกรเชยี งกราน พ.ศ. ๒๐๘๑ ปรากฏชอื่ เรอื ๒ ลำ� ในกระบวนกองทพั เรอื คอื เรอื ออ้ มแกว้ แสน เมอื งมา และเรอื ไกรแกว้ ซง่ึ โดนพายเุ สยี หาย และตอ่ มาในรชั กาลสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ พ.ศ. ๒๐๙๑ เมอื่ ครง้ั ท่ีทรงผนวชอยู่น้ัน ขุนพิเรนทรเทพได้ส่งเรือพระท่ีนั่งชัยสุพรรณหงส์ ไปรับที่วัดราชประดิษฐานเพื่อนิมนต์ให้ ลาสกิ ขาบทและขึ้นเสวยราชย์ และใน พ.ศ. ๒๐๙๕ โปรดใหแ้ ปลงเรอื แซงเปน็ เรือไชยและเรือศีรษะสตั ว์ ต่อมาในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปรากฏมีเรือพระท่ีนั่ง๑ คือเรือพระท่ีน่ังอลงกตนาวา เรอื พระทน่ี งั่ ศรสี มรรถไชย เรอื พระที่นั่งพระครฑุ พาหะ เรือพระที่นัง่ ชลวมิ านกาญจนบวรนาวา เรอื พระที่นั่ง นพรัตนพมิ านกาญจนอลงกตมหานาวาเอกชยั เรือพระท่นี ั่งจิตรพิมานกาญจนมณศี รสี มรรถชัย เรือพระท่นี ่ัง ศรีสุพรรณหงส์ นอกจากนม้ี ีเรอื กระบวนซึ่งไดแ้ ก่ เรอื ดัง้ เรือกนั เรอื ชัย เรอื รูปสัตว์ และเรือขนาน รชั กาลสมเดจ็ พระเพทราชา๒ปรากฏชอ่ื เรอื พระทน่ี ง่ั ไกรสรมขุ พมิ าน และเรอื พระทน่ี ง่ั บลั ลงั กม์ า่ นทอง ซง่ึ ชอ่ื หลงั นเ้ี ขา้ ใจวา่ เปน็ การบอกลกั ษณะเรอื มากกวา่ ทจี่ ะเปน็ ชอื่ รชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ เสอื ๓ มเี รอื พระทน่ี งั่ มหา นาวาทา้ ยรถ และเรอื พระทนี่ งั่ เอกชยั สว่ นรชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ๔ มเี รอื พระทน่ี ง่ั ไกรสรมขุ พมิ านและ ศรสี มรรถไชย ในสมยั กรุงธนบุรี๕ รัชกาลสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช ปรากฏช่ือเรอื พระทีน่ ่งั คือ ๑. เรือพระท่ีนั่งสุวรรณนาวาท้ายรถ มีขนาดยาว ๑๗ วา ปากกว้าง ๓ วาเศษ ใช้พลกรรเชียง ๒๙ คน ๒. เรอื พระที่น่ังกราบ มขี นาดยาว ๑๑ วา ถึง ๑๓ วา ใช้พลพาย ๔๐ คน ๑ พระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขา, หนา้ ๓๕, ๓๖, ๔๓, ๔๕, ๙๑, ๙๖. ๒ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๑๒๔, ๑๓๖. ๓ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๑๘๖. ๔ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๒๑๗, ๒๔๖. ๕ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๓๓๖. 13
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ มีเรือ พระที่นง่ั ปรากฏช่ือดงั น้ี ๑ คอื ๑. เรอื พระที่นง่ั บลั ลงั ก์แก้วจักรพรรดิ ๒. เรือพระทน่ี งั่ สวัสดชิ งิ ชัย ๓. เรอื พระที่นง่ั บัลลังกบ์ ุษบกพิศาล ๔. เรือพระทน่ี ั่งพิมานเมืองอินทร์ ๕. เรอื พระทน่ี ง่ั บัลลงั กท์ ินกรสอ่ งศรี ๖. เรอื พระทน่ี ง่ั ส�ำเภาทองท้ายรถ ๗. เรือพระทน่ี ่ังมณีจกั รพรรดิ ๘. เรอื พระท่ีนง่ั ศรสี มรรถไชย ซึง่ โปรดให้สร้างใหม่ กับเรอื กระบวนอน่ื ๆ การเสด็จเลียบพระนครจัดเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก๒ เนื่องมาแต่พิธีท่ีท�ำใน พระราชฐาน มีการเสด็จออกท้องพระโรงให้ข้าราชการทั้งปวงได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทั่วหน้า เมื่อเสร็จการพิธีใน พระราชฐานจงึ เสดจ็ ออกเลยี บพระนคร เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดม้ โี อกาสเขา้ เฝา้ โดยทว่ั หนา้ กนั ดว้ ย แตป่ ระเพณกี าร เลียบพระนครแห่เสด็จพระเจ้าแผ่นดิน เป็นกระบวนการพยุหยาตราอย่างใหญ่ คล้ายกับยกกองทัพ ผิดกับ กระบวนแห่เสด็จในการพิธีอ่ืนน้ัน น่าจะสันนิษฐานได้ว่า ประเพณีโบราณเป็นการเสด็จเลียบเมืองรายรอบ มณฑลราชธานโี ดยทางบกบา้ งทางเรอื บา้ ง และประทบั รอนแรมไปหลายวนั จนกวา่ จะรอบมณฑลราชธานเี พอื่ บ�ำรุงความสามิภกั ด์ิ และให้ประจกั ษพ์ ระเดชานภุ าพแกป่ ระชาชนท้งั หลาย ระยะต่อมาเหน็ เป็นการลำ� บาก โดยมจิ �ำเปน็ จงึ ย่นระยะทางลงมาเป็นเสดจ็ เลยี บพระนครราชธานี การเสด็จเลยี บพระนครในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ เลียบพระนครทางเรือเคยมีแค่ ๒ ครั้ง คือในรชั กาล ท่ี ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช เมอื่ สรา้ งพระนคร และเครอ่ื งเฉลิมพระราชอสิ รยิ ยศ ตา่ งๆ รวมทง้ั เรอื กระบวนแหเ่ สดจ็ สำ� เรจ็ แลว้ ทำ� การพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกเตม็ ตามตำ� ราเมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๘ จงึ เสดจ็ เลียบพระนครท้งั ทางบกและทางเรือคร้งั หน่งึ กับรชั กาลท่ี ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว โปรดให้มีการเสด็จเลียบพระนครทั้งทางบกและทางเรืออีกครั้งหนึ่ง เน่ืองจากในปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงสรา้ งและซอ่ มแซมเรอื พระทน่ี งั่ และเรอื กระบวนไว้ เมอื่ พระบรม ราชาภเิ ษกในรชั กาลที่ ๒ รชั กาลที่ ๓ รชั กาลที่ ๕ ถงึ รชั กาลปจั จบุ นั มกี ารเสดจ็ เลยี บพระนครทางชลมารคดว้ ย การลอยพระประทีปในสมยั รชั กาลที่ ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจา้ อยหู่ วั ใชเ้ รือบัลลังก์ขนาน ๓ ซ่ึงมี ๒ ล�ำ จอดขนานกัน ในเรือบัลลังก์น้ัน แต่เดิมลดในก้ันม่านเป็นที่พระบรรทม ที่สรง ท่ีลงพระบังคน เครอื่ งท่ีส�ำหรับตง้ั น้นั ก็มี พระสพุ รรณราช และมีขันพระสธุ ารส อยา่ งเชน่ เสวยพระกระยาหาร ต่อมาในสมยั รัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัวรับส่ังใหเ้ ลิกท่สี รง ที่บรรทมเสยี คงแต่เครือ่ งพระสธุ ารส การจดั เรอื พระท่ีนง่ั อีกพธิ ีหน่ึงที่ปรากฏคือ ในเรือบลั ลงั กท์ งั้ สองลำ� นัน้ กั้นม่านสกัดทงั้ หัวเรือท้ายเรือ หัวเรอื ท้ายเรอื เป็นขา้ งหน้า ทีต่ รงมา่ นสกัดหัวเรอื ทา้ ยเรอื มีม่านยืดออกไปในนำ้� บงั มใิ ห้เจ้าพนกั งานทอ่ี ยู่หวั เรือท้ายเรือแลเหน็ เข้ามาขา้ งใน ตอ่ เม่อื เวลาจะปลอ่ ยเรือกระทงจึงไดช้ กั มา่ น ๑ เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๔๘๓, ๔๘๗, ๔๙๒, ๔๙๓, ๖๒๘. ๒ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๕, สำ� นกั พมิ พบ์ รรณาคาร, ๒๕๑๔, หนา้ ๒๐๐ - ๒๐๑. ๓ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั , “การลอยพระประทปี ” ใน พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น, แพรพ่ ทิ ยา, ๒๕๑๔, หนา้ ๒๕ - ๓๐. 14
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES รว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ซงึ่ บาทหลวงชาวฝรง่ั เศสเขยี นไวใ้ นรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) จากหนังสือ Guy Tachard, Voyage to Siam, White Orchid Press 1981 Royal Barge Procession seen by the French Catholic father during the reign of King Narai the Great in late 17th century. ภาพเรือในริว้ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค สมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) จากหนังสอื Guy Tachard, Voyage to Siam, White Orchid Press, Bangkok 1981 Close-up of the two barges in the Royal ฺbarge Procession seen by the same Catholic father. 15
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES การปอ้ งกนั รกั ษามกี ารลอ้ มวงในลำ� นำ�้ ทอดทนุ่ เปน็ ๓ สาย สายในมแี พหอกรายเปน็ ระยะ เรอื ประจำ� ทนุ่ สายในขา้ งเหนือนำ�้ มีกรมกองตระเวนขวา กรมกองอาสาขวา ประตกู รมพระกลาโหม เจา้ กรมพระตำ� รวจ นอกขวา กรมเจ้าพระต�ำรวจพระสนมขวา เรือกรมสรรพากรในสรรพากรนอก ส่วนทางใต้น้�ำหัวเรือบัลลังก์ ทนุ่ สายใน กรมกองตระเวนซา้ ย เรือประตกู รมมหาดไทย กรมกองกลางซ้าย เจ้ากรมพระตำ� รวจนอกซา้ ย เจา้ กรมพระตำ� รวจสนมซา้ ย เรอื ทุ่นกรมทา่ กลาง ภายหลงั เติมเรอื ทหารทอดสมอสกัดเหนือนำ้� ทา้ ยน�ำ้ ขน้ึ อกี ขา้ ง เหนอื น�้ำ กรมทหารหนา้ ๔ ลำ� ข้างใตน้ ำ้� ทหารหน้า ๒ ลำ� ทุ่นสายกลางเหนอื นำ�้ มีเรอื ทุ่นกรมอาสาจาม ๒ ลำ� เรอื ทนุ่ กรมเรอื กันขวา เรอื สิงโตกรมอาสาใหญ่ ขวา เรอื สางกรมทวนทองขวา เรือเหรากรมอาสารองขวา เรือกเิ ลนกรมเขนทองขวา เรือทนุ่ สามพระคลงั ทอด เชอื กอย่างละ ๑ ล�ำ สว่ นใต้นำ้� มเี รือกรมอาสาจาม ๒ ล�ำ เรือกรมเรือกันซา้ ย เรือสิงโตกรมอาสาใหญ่ เรือสาง กรมทวนทองซา้ ย เรอื เหรากรมอาสารองซา้ ย เรือกิเลนกรมเขนทองซา้ ย เรือทุน่ สามพระคลงั ทอดเชือก อย่าง ละ ๑ ล�ำ ท่ีทุ่นกลางตรงหน้าบัลลังก์ มีเรือดอกไม้เพลิง ๒ ล�ำ เรือพิณพาทย์ เรือกลองแขก เรือเจ้ากรมพระ ตำ� รวจใน และเรอื เจ้ากรมพระตำ� รวจใหญ่ มที ้งั เหนือนำ�้ ทา้ ยน�้ำ แหง่ ละลำ� นอกทุน่ สายกลางมเี รอื ทหารปืน ใหญอ่ ยูน่ อก ทนุ่ สายกลาง เหนอื นำ�้ และทา้ ยนำ�้ แหง่ ละลำ� จะเห็นได้ว่าการจัดสายเรือทอดทุ่นน้ีเป็นการจัดกระบวนเรือท่ีคล้ายกับกระบวนเสด็จพยุหยาตรา ทางชลมารค และบรรดาเรอื ทม่ี าทอดทนุ่ กเ็ ปน็ เรอื ของขา้ ราชการจากกรมตา่ งๆ เชน่ เดยี วกบั ในกระบวนเสดจ็ พยหุ ยาตราทางชลมารคอกี เชน่ กัน กระทงหลวงส�ำหรับทรงลอยท่ีมีมาแต่เดมิ น้ัน คือ เรอื รูปสตั วต์ ่าง ๆ เรือศรี เรือชยั เรอื โอ่ เรือคอน และเรือหยวก ในพ.ศ. ๒๓๖๘ และ พ.ศ. ๒๓๖๙ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระบรม วงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการ ทำ� กระทงใหญ่ถวาย และมีมาตลอดรชั กาล ซง่ึ การท�ำกระทงนต้ี อ้ งลงทนุ มาก คร้ันถึง รัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่าเปลืองเงินมาก จึงโปรดให้ยกเลิกและภาย หลังจึงโปรดให้มีเรือพระท่ีนั่งอนันตนาคราช และเรือชัยแต่งแทนกระทงใหญ่สองลำ� ในบุษบกเรือพระท่ีนั่ง อนันตนาคราชต้ังพระพุทธสิหิงค์น้อย เรือชัยส�ำหรับตั้งพานพุ่มไม่มีเคร่ืองนมัสการ ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ทรงใช้เรอื พระท่นี ่ังสพุ รรณหงส์แทนเรอื ชยั น่ีเป็นหลักฐานอีกอย่างหน่ึงถึงการใช้เรือพระท่ีนั่ง และเรือกระบวนในงานอ่ืนนอกเหนือไปจากงาน เสดจ็ พยหุ ยาตราทางชลมารค ซงึ่ จะเปรยี บเทยี บไดก้ บั กระบวนแหพ่ ระกฐนิ พยหุ ยาตราทางชลมารคในรชั กาล ทางที่ ๓ เช่นเดียวกัน หรือเปรียบเทียบกับกระบวนเสด็จเลียบพระนครทางชลมารครัชกาลที่ ๔ พระบาท สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั 16
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES กระบวนเรือพระราชพิธี ทีใ่ ชใ้ นงานพระบรมศพ การใชเ้ รอื พระทน่ี งั่ อญั เชญิ พระบรมศพปรากฏเปน็ ครงั้ แรกในรชั สมยั ของสมเดจ็ พระเพทราชา พระองคท์ รง โปรดให้อัญเชิญพระบรมศพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจากเมืองลพบุรี มายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อถวาย พระเพลงิ โดยใชเ้ รอื พระทน่ี งั่ ศรสี มรรถไชย ซงึ่ สมเดจ็ พระเพทราชาไดเ้ สดจ็ โดยเรอื พระทน่ี งั่ ไกรสรมขุ พมิ านเปน็ กระบวนพยุหยาตรา เมื่อถึงพระราชวังหลวงก็เชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่น่ังสุริยามรินทร มหาปราสาท เมอื่ ถงึ กำ� หนดเวลาถวายพระเพลงิ พระบรมศพกไ็ ดอ้ ญั เชญิ พระบรมโกศประดษิ ฐานเหนอื บษุ บก พระมหาพชิ ัยราชรถเขา้ ร้วิ กระบวนแห่ไปยังพระเมรุมาศ สำ� หรบั การพระราชพธิ พี ระบรมศพทใี่ ชก้ ระบวนเรอื พระราชพธิ จี ดั เปน็ รวิ้ กระบวนทเ่ี ดน่ ชดั นนั้ ปรากฏ ในงานพระบรมศพของสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศและพระมเหสี ซงึ่ มกี ารใชพ้ ยหุ ยาตราทง้ั ทางสถลมารค (ทางบก) และทางชลมารค (ทางน้�ำ) น่ันคือ เม่อื แห่พระบรมศพจากพระท่ีน่ังจักรวรรดิไพชยนต์ไปยังพระเมรุมาศ โดย ใชก้ ระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคโดยอญั เชญิ พระบรมศพประดษิ ฐานบนพระมหาพชิ ยั ราชรถ มรี าชรถนอ้ ย นำ� ๓ องค์ คอื ราชรถสมเด็จพระสังฆราชอ่านพระอภิธรรม ราชรถโปรยข้าวตอกดอกไม้ ราชรถโยงผ้ากาสา แล้วจึงถึงพระมหาพิชัยราชรถ และตามด้วยราชรถท่ีใส่ท่อนจันทน์ กฤษณา กระล�ำพักปิดทอง มีรูปเทวดา เชิญถอื อยบู่ นรถ ตอ่ มาเปน็ ร้ิวกระบวนรปู สัตว์ทต่ี ัง้ มณฑป ๒๐ คู่ใส่น้�ำมนั พมิ เสน และเครอ่ื งหอมต่าง ๆ ตาม ด้วยกระบวนเครื่องสูง หลงั จากถวายพระเพลงิ พระบรมศพแลว้ อัญเชิญผอบทองพระอฐั ขิ ึน้ ประดษิ ฐานบนเสลย่ี งทองด้วย กระบวนพยหุ ยาตราไปขนึ้ เรอื พระทนี่ งั่ กง่ิ แกว้ จกั รรตั น์ แหด่ ว้ ยกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค โดยสมเดจ็ พระเจา้ เอกทศั น์ พระราชโอรสพระองคใ์ หญป่ ระทบั เรอื พระทนี่ งั่ เอกไชย และสมเดจ็ พระเจา้ อทุ มุ พรพระราชโอรสพระองค์ เล็กประทับบนเรือพระที่นั่งทองขวานฟ้า ตามด้วยเรือเกณฑ์แห่ต่าง ๆ ตามหน้าท่ี มีเรือพระท่ีนั่งครุฑเรือ พระทนี่ ั่งหงส์ ต่อกระบวนดว้ ยกระบวนเรอื ซ้ายขวาเปน็ คู่ ๆ ไดแ้ ก่ เรือนาคเหรา เรอื นาควาสกุ รี เรือมังกรมหรรษนพ เรอื มงั กรจบสานสนิ ธ์ุ เรอื เอกไชยเหนิ หาว เรือเอกไชยหลาวทอง เรอื สงิ หรัตนาสน์ เรือสิงหาสนน์ าวา เรือนรสงิ หว์ ิสทุ ธิ์สายสนิ ธุ์ เรือนรสิงหถ์ วลิ อากาศ เรือไกรสรมขุ มณฑป เรอื ไกรสรมขุ นาวา เรืออังหมสระพมิ าน เรือพเศกฬอหา 17
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES จากนั้นตามด้วยเรือของเจ้าพระยา พระยา ตามต�ำแหน่งต่างๆ เช่น เรือคชสีห์ เรือม้า เรือเลียงผา เรือเสือ เรือเกณฑร์ ูปสตั ว์ต่าง ๆ เรือดง้ั เรือกนั ซ้ายขวา จากน้นั เป็นเรือมหาดเลก็ เกณฑอ์ ื่น ๆ ทอ่ี ญั เชญิ เครือ่ ง ราชปู โภคและเครอื่ งสงู พระราชบตุ ร พระราชธดิ าประทบั เรอื ศรสี กั หลาด พระสนมกำ� นลั ลงเรอื ศรผี า้ แดง เรอื มหาดเล็กขอเฝ้าตามเสด็จหลังกระบวนแห่รวมทั้งนายเพชฌฆาตท่ีลงเรือเสือตามเสด็จหลังกระบวนแห่ตาม ตำ� แหน่ง กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคทใี่ ชใ้ นการพระบรมศพนน้ั ยงั คงทำ� สบื ตอ่ มาอกี หลายรชั กาล ดงั เชน่ งานพระบรมศพสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี งานพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช งาน พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้ว่าบางรัชกาลจะจัดเฉพาะกระบวนแห่พระอังคาร เพื่อไปลอยในแม่น้�ำ เช่น การลอยพระอังคารกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในรัชกาลท่ี ๑ ก็อัญเชิญ พระอังคารประดิษฐานบนเรือพระท่ีน่ังกิ่งไปลอยที่หน้าวัดปทุมคงคา โดยเฉพาะการพระบรมศพพระบาท สมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ อ์ งคท์ ่ี ๒ รว่ มกบั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระองค์ประทับอยู่ท่ีพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) พระบรมศพของพระองค์ได้รับการอัญเชิญเข้า กระบวนแห่จากประตูโอภาสพิมาน ไปออกประตูพิจิตรเจษฎา ถึงพระต�ำหนักน�้ำแล้วอัญเชิญพระบรมศพ ขึ้นประดิษฐานเหนือพระแท่นแว่นฟ้าในเรือพระท่ีนั่งไกรสรมุขพิมานแห่ไปข้ึนพระมหาพิชัยราชรถที่หน้าวัด พระเชตพุ นฯ เพอ่ื เข้ากระบวนแห่ไปยงั พระเมรมุ าศ เมอื่ พระราชทานเพลงิ พระบรมศพแลว้ ได้แหพ่ ระองั คาร ด้วยกระบวนเรือพระที่น่ัง โดยผอบพระอังคารประดิษฐานบนเรือพระที่นั่งไกรสรมุขพิมานไปลอยท่ีหน้า วัดยานนาวา เช่นเดียวกับงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ของพระองค์ทรงเรือ พระทน่ี ง่ั เอกไชย และริ้วกระบวนประกอบด้วยเรอื พระทีน่ ่ังกิ่ง ๒ ล�ำตัง้ บุษบก เรือศรี ๔ ล�ำ เรือม่านทองแยง่ ๒ ลำ� เรือมา่ นลาย ๒ ล�ำ เรือกราบผกู มา่ นทอง ๘ ล�ำ มีเรือด้งั เปน็ เรอื คู่ชัก ๑๐ คู่ ปัจจุบันการใช้กระบวนเรือพระที่น่ังอัญเชิญพระบรมศพหรือพระอังคารมิได้ปรากฏอีก กล่าวว่าได้ หมดความส�ำคญั ไปแลว้ น่นั เอง 18
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES การจัดร้ิวขบวนเรือพระราชพิธี ในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคในอดีต การจัดริ้วกระบวนเรือพระราชพิธีในสมัยสุโขทัยไม่มีหลักฐานใดแสดงชัดถึงการจัดริ้วกระบวนเรือ เพียงแต่กล่าวถึงว่า มีการจัดกระบวนเรือพระท่ีนั่งไปรับพระศรีศรัทธาราชจุฬามณีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามี เปน็ เจ้า จากลังกาสมัยพระเจา้ ลไิ ทเทา่ นัน้ ดังน้ันในสมยั สโุ ขทัย เราจึงไม่อาจทราบถงึ ระเบยี บแบบแผนการ จัดร้ิวกระบวนเรือได้ ตามที่กล่าวมาแลว้ วา่ การจัดกระบวนเรือพระราชพิธีทมี่ เี ปน็ ประจ�ำนับแต่สมัยกรุงศรอี ยุธยาเป็นต้น มานน้ั มกั จะเปน็ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคในการบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลกรานกฐนิ หรอื ถวายผา้ พระกฐนิ เป็นสำ� คญั กบั การเสดจ็ ไปนมัสการพระพุทธบาทท่สี ระบรุ ี เรอื พระทนี่ งั่ สรา้ งขน้ึ ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยานน้ั ปรากฏหลกั ฐานวา่ ในรชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง๑ (พ.ศ. ๒๑๗๓ - ๒๑๙๘) ทรงสรา้ งเรือพระทนี่ งั่ กิ่งขนึ้ กับทรงต้ังกฐินบกพยหุ ยาตราใหญเ่ ปน็ ครั้งแรก แม้ว่าจะ มกี ารกลา่ วถงึ ชอื่ เรอื พระทน่ี งั่ ศรสี พุ รรณหงส์ เรอื พระทนี่ งั่ สพุ รรณวมิ านนาวา และเรอื พระทน่ี งั่ มหานาวาทา้ ย รถมาในรัชกาลก่อนๆ แล้ว ต่อมาในรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) พระองค์ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีการเขยี นร้ิวขบวนเสด็จไวท้ ัง้ กระบวนพยหุ ยาตราทางสถลมารคและกระบวนพยหุ ยาตรา ชลมารค ซึ่งหนังสือน้ีมีชื่อว่า “ริ้วกระบวนแห่พยุหยาตราชลมารค สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” หนังสือ นี้เข้าใจว่าคัดลอกมาจากภาพเขียนฝาผนังที่วัดยม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพเขียนจริงน้ัน ปัจจุบันถูก ท�ำลายไปหมดแล้ว จากหนังสือกระบวนแห่พยุหยาตราชลมารค สมเด็จพระนารายณ์มหาราชนี้ได้ทราบชื่อ เรอื ในริ้วกระบวนว่ามดี งั นี้ เร่มิ ด้วย ขนั ทฉาวทรเนน๒ ตามชมไชยเทเพน ไชยขันใหญข่ วา สุพรรณดาวใหญ่ซา้ ย ไชยอศั วบวรมา้ ขวา ไชยเขจรภาชมี ้าซ้าย ไชยภาชะนะช้างขวา ไชฤๅย่ิง ช้างซ้าย ไชยอธิการสัศดขี วา หลวงเทพา ไชยธรญาณทิพสั ดซี า้ ย หลวงศรีกลาสมทุ ร ไชยภูเลดิ อาษาขวา พระยาพไิ ชยสงคราม เกิดฤๅไชยอาษาซา้ ย พระยารามคำ� แหง ไชยช�ำนะเขนทองขวา พระยาพไิ ชยโนฤทธ์ิ สะฤๅไชยเขนทองซา้ ย พระยาวชิ ติ ณรงค์ ไชยเรอื งฤทธ์ิ พระยาท้ายนำ�้ ไชยพิศณุ พระยาเดโช ไชยไหวธ้ รณี เมือง ไชยนัดทหี วัน่ นา (นทีหวน่ั ) ไชยนคร วงั ไชยขจร คลัง ๑ กรมศลิ ปากร, ค�ำใหก้ ารขุนหลวงหาวัด, (กรงุ เทพฯ : คลังวิทยา, ๒๕๑๕), หน้า ๓๒๖. ๒ เขยี นตามภาษาเดมิ . 19
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ลักษณะเรอื ในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากหนงั สอื Guy Tachard, Voyage to Siam, White Orchid Press, Bangkok 1981. Close-up of the barges in the Royal Barge Procession during the reign of King Narai the Great. โขมดญาอาษาวเิ ศศ ขวากัน โขมดญาอาษาวเิ ศศ ซ้ายกนั โขมดตำ� รวจใหญ่ ขวากนั โขมดญาตำ� รวจใหญ่ ซ้ายกัน โขมดญาต�ำรวจใน ขวากนั โขมดญาตำ� รวจใน ซ้ายกัน ทองแขวนฟา้ บา้ นใหม่ ขวากัน ทองแขวนฟา้ โพเรยี ง ซา้ ยกัน โขมดญาทหารใน ขวากัน โขมดญาทหารใน ซ้ายกัน โขมดญาสัศดี ขวากัน โขมดญาสศั ดี ซา้ ยกัน เรือพระทนี่ ง่ั ศรีสามาถไชยล�ำทรงหมื่น นกั สราชถือธงหนา้ เรือ ก่ิงพนื้ ด�ำ นาคราช จมืน่ สรรเพชรภักดี นาควาสกุ รี จมื่นศรเี สาวรักษ เรอื พระท่ีนงั่ ชลวมิ ารไชยด้งั ช้ัน ๕ กิง่ พื้นด�ำ เรือพระที่นง่ั ไกรษรมาศด้งั ชั้น ๕ กิ่งพ้ืนดำ� เรือพระทน่ี ่งั ศรีพมิ ารไชยด้งั ชั้น ๓ กิ่งพน้ื ด�ำ ทรงพระเทวกรรม เรือพระท่ีน่ังไกรแกว้ จักรรัตดั้งชั้น ๒ กงิ่ พืน้ ด�ำ ทรงพระไชยวัฒน เรือพระท่นี ่ังษรพรหมไชยดง้ั ชนั้ ๑ กิ่งพ้นื แดง ครธุ คู่ชัก ครธุ ค่ชู กั 20
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ลกั ษณะในกระบวนการพยุหยาตราทางชลมารค สมัยสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช จากหนังสือ Guy Tachard, Voyage to siam, White Orchid Press, Bangkok 1981. A part of the Royal Barge Procession during the King Narai Great’s time. เอกะไชยพืน้ ดำ� ไชยบวรสวสั ดิ ต�ำรวจใหญข่ วา เอกะไชยพ้ืนด�ำ ไชยรตั รพมิ าร ต�ำรวจใหญซ่ า้ ย เรือพระทีน่ ัง่ ไกรษรมุขรอง ก่งิ พ้ืนดำ� เรือพระทีน่ ่ังศรีสนุ ทรไชย ก่ิงพนื้ ดำ� ขวากนั เรอื พระท่ีน่ังไกรษรจกั ร กง่ิ พ้นื ดำ� ซา้ ยกัน เอกะไชยพน้ื ด�ำ เรือเอกะไชยเหินหาว ตำ� รวจนอกขวา เอกะไชยพื้นด�ำ เรอื เอกะไชยหลาวทอง ต�ำรวจนอกซ้าย เรือพระท่นี ั่งเอกะไชยพื้นแดง กรมพระวังบวร เรอื พระที่นัง่ เอกะไชยพ้ืนด�ำ เจ้าต่างกรม เรอื มา้ น�้ำ หม่นื ศรีสะหะเทพ หรอื เลียงผา หมน่ื นรินทเสนี เรือพฆิ าตประกอบด้วยเรือแซตอ่ ไปนี้ แซศกั ดิบวร สมงิ นครอิน แซสรสินธุ สมงิ เพชน้อย แซวิพรรธชล พญาเกยี ร แซอนนตสมทุ ร พญาพระราม แซวรวารีย์ พระโชดกึ แซศรสี มทุ ร์ หลวงทองสือ่ แซสนิ ธสุ วสั ด์ิ พระสมบตั ิบาล แซพพิ ัฒสาคร พระยาไชยสวรรค์ แซไชยานพ หลวงศรยี ศ แซจบสาคร พระยาไชยสวรรค์ แซไชยานพ หลวงศรียศ แซจบสาคร พญาจูลา โตมะหามะหอระนบ โตจบภพไตร 21
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES โตกำ� แหงอาทิตย์ โตฤทธิพไิ ชย อทุ กธารา ศรสำ� แดงฤทธิ์ คงคากะรนิ สทิ ธสิ ำ� แดงรณ สิงหะรตั นาต สงิ หาศนาวา เสพนัที สสี ุทธชล ปกั ษถี วลิ บนิ อากาศ สินธปุ กั ษี อนิ ทรีทิพย์ วคิ าไลย รำ� ไภยบนิ คชสีห์น้อย พระยาสรุ เสนา คชสหี ใ์ หญ่ สมหุ ะพระกลาโหม ราชสีห์นอ้ ย พระยามหาอ�ำมาตย์ ราชสหี ใ์ หญ่ สมหุ ะนายก เลียงผาใหญ่ เทพอรชนุ มา้ ใหญ่ ราชนิกลุ อังหมะ หลวงอินนาวา สรุ ะพมิ าร หลวงพรหมนาวา มกรมะหามะหัศจรรย์ มกรมะหามะหรรนพเดช มกรเตรจไตรภบ มกรจบจกั รพาฬ นาคอุดรราช นาคนายก นาคจักรทาทวนทอง นาคถบองรัตน โขมดญาเกนหดั อยา่ งฝรง่ั ขวากัน โขมดญาเกนหัดอย่างฝรงั่ ซ้ายกัน อย่างไรก็ดี จากริ้วขบวนเรือดังกล่าวน้ี เมื่อน�ำมาเปรียบเทียบกับชื่อเรือพระที่น่ังขบวนในค�ำให้การ ชาวกรงุ เกา่ แลว้ จะพบวา่ ในคำ� ใหก้ ารชาวกรงุ เกา่ นน้ั ชอื่ เรอื จะผดิ ไปมาก ไมอ่ าจทราบไดว้ า่ เปน็ เพราะพมา่ ฟงั ส�ำเนยี งไทยไมช่ ัด หรือผู้ให้การให้ไปอย่างเลอะเลือน หรืออาจเป็นไปไดว้ ่า พม่าอาจจะสอบถามกบั ผู้ท่มี ไิ ดม้ ี ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเรือพระราชพิธีอย่างแท้จริง ผู้ให้การจึงบอกไปเท่าที่จ�ำได้ บางล�ำอาจจะจ�ำไม่ได้ตลอด ทงั้ ชอื่ ก็บอกๆ ไปเพียงให้เสร็จๆ กเ็ ปน็ ได้ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค สมยั สมเด็จพระนารายณม์ หาราชน้ี จดั ไดว้ ่าเป็นรวิ้ กระบวนใหญ่ แสดงความมง่ั คง่ั โออ่ า่ ของราชสำ� นกั ไทยในครง้ั นนั้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซงึ่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั รวิ้ กระบวนเรอื ในสมยั หลงั ๆ จะพบว่าค่อยๆ ตัดทอนลงไปเรื่อยๆ เพราะเรือช�ำรุดไปตามกาลเวลาบ้าง ไม่มีผู้รู้จัดท�ำข้ึนใหม่ให้ถูก ต้องตามแบบโบราณบา้ ง จึงเหลืออยเู่ ทา่ ท่พี อจะรกั ษาไว้ไดเ้ ทา่ นัน้ ในรชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ(พ.ศ.๒๒๗๕-๒๓๐๑)นน้ั ปรากฏวา่ ในพ.ศ.๒๒๗๕พระองคท์ รง แตง่ ทตู านทุ ตู ไปเจรญิ ทางพระราชไมตรกี บั เมอื งพมา่ มเี ครอื่ งราชบรรณาการตา่ ง ๆ มากมาย ในบรรดาเครอื่ ง ราชบรรณาการนม้ี เี รือพระท่ีนัง่ ก่งิ ลำ� หนึง่ ด้วย๑ ๑ คำ� ใหก้ ารขุนหลวงหาวัด, ๒๕๑๕, หนา้ ๓๘๙. 22
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ภาพลายเสน้ แสดงลักษณะเรือในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ซง่ึ บาทหลวงชาวฝรัง่ เศสไดเ้ ขยี นขึ้นในรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช จากหนงั สอื Guy Tachard, Voyage to Siam, White Orchid Press, Bangkok 1981. Sketch of the procession’s main part in the reign of King Narai the Great. ทศั นียภาพกรงุ สยาม (กรุงศรีอยธุ ยา) และรว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ด้านล่างของภาพมีภาษาฝร่งั เศสวา่ Vue de Siam avec diverses Sortes des Ballons, ou Vaisseaux chinoises a rame, Se vend à Augabourg au Negoeo com de l’ Academie imṕ eriale d’ Empire des Arts libereaux avec Privilege de sa Majesté Imperiale et avec Defense ni d’en faire ni de vendre les Copies. General View of the Royal Barge Procession in the reign of King Narai the Great. 23
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES 24
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ลวดลายเรอื อสรุ วายุภกั ษ์ เป็นลายรดน้�ำดอกพุดตาน Design on Asura Vayubhak Royal Barge 25
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES สำ� หรบั กระบวนแหพ่ ระกฐนิ พยหุ ยาตราทางชลมารค๑ นน้ั ทำ� ใหเ้ ราไดท้ ราบถงึ กระบวนเรอื ซง่ึ มแี บบ มาแต่ครงั้ กรงุ เก่า ซงึ่ เรียงตามล�ำดบั ต้งั แต่ลำ� หน้ากระบวนไปจนถงึ ท้ายสุด คอื ๑. เรอื ประตู ๑ คู่ ของพระเทพอรชนุ และพระราชนกิ ลุ ๒. เรอื กราบ ซง่ึ มฝี ีพายสวมกางเกง และเสอ้ื มงคลสีแดงและด�ำ ๓. เรือเสือทะยานชลของหลวงเดชส�ำแดง และเรือเสือค�ำรณสินธุ์ของหลวงแสงศรสิทธ์ิ ท้ายล�ำ ทง้ั สองสวมเสือ้ อตั ลัด นุง่ ผา้ สองปัก (สมปกั ) คาดรัดประคด ศรี ษะโพกขลิบทอง ตรงกลางล�ำต้ังคฤหส์ องชั้น ท่ีเสาคฤหม์ อี าวุธผกู ไวเ้ ปน็ คู่ๆ คอื ทวน เขน งา้ ว เสโล กระบี่ ทหี่ วั เรอื ตง้ั ปืนขานกยาวลำ� ละ ๑ กระบอก มี ฝพี าย ๓๐ คน ล้วนนงุ่ กางเกงสวมเสือ้ สีแดง ศรี ษะสวมมงคลแดงผา้ พ้ืนปัศตู ๔. เรอื แซจระเข้คะนองนำ�้ และเรอื แซจระเขค้ �ำรามรอ้ ง เปน็ เรือพม่าอาสา ๕. เรอื แซมัจฉาพพิ ทั ธชล และเรือแซอานนท์สมทุ ร เป็นเรอื ของพวกมอญ กองอาสาอาทมาต ๖. เรอื แซชา้ ง ชื่อ คชร�ำบาญยิน และคชสารสินธู เปน็ เรอื พวกมอญอีก นุ่งผ้าอย่างมอญ ศีรษะโพก ผ้าขลบิ สวมเสอื้ เปน็ ผ้าอตั ลดั ฝพี าย ศรี ษะสวมมงคล สวมเส้ือและกางเกงสแี ดง เรอื แซน้ี ทา้ ยเรือปกั ธงรบสี แดงทุกล�ำ ๗. เรอื กราบ ของเจา้ กรมทงั้ หกเหลา่ ๘. เรือกลองแขก นำ� ระหวา่ งเรือแซคู่ ๙. เรือกราบของปลดั ตำ� รวจ มีสนมนอก ๔ กรม ลงประจำ� เรอื ล�ำละกรม ๑๐. เรือสาง ยาว ๙ วา ชือ่ เรอื ชาญชลสินธ์ุ และค�ำแหงหาญ ๑๑. เรอื กเิ ลนลอยบนสนิ ธ์ุ และเรือกเิ ลนลินลาสมุทร ๑๒. เรอื มกรจำ� แลง และมกรแผลงฤทธ์ิ ๑๓. เรือเหราสนิ ธุลอยล่อง และ เรือเหราท่องทางสมุทร ๑๔. เรอื โตขมังคล่ืน และ เรอื โตฝืนสมุทร เรอื รปู สัตวเ์ หล่านฝ้ี ีพายใส่เสือ้ สีแดง กางเกงแดง และสวมมงคลแดง ทที่ �ำจากผา้ ปัศตู นายล�ำนงุ่ ผ้า สองปัก สวมเส้ืออัตลัด ศีรษะโพกผ้าขลิบทอง คาดรัดประคด ทนายปืน สวมเส้ือกางเกงผ้าปัศตูสีแดงสวม หมวกกลบี ล�ำดวน ขลิบโหมด ๑๕. เรือคฤหอ์ สุรวายภุ ักษ์ และอสุรปักษีสมุทร เป็นเรือท่มี ีโขนเรือสลักเปน็ รปู อสูร ตกแต่งดว้ ยลาย รดน้�ำฉลลุ าย ต้งั คฤห์ ซ่งึ มีเสาผูกอาวธุ ต่างๆ อย่างละคู่ เช่น กระบ่ี เสโล เขน ทวนพู่ ๓ ชน้ั และงา้ วหัวเรือต้ัง ปืนจา่ รงลำ� ละกระบอก ฝพี ายสวมเส้อื ปัศตูสีแดงขลบิ โหมด สวมกางเกงแดง ศรี ษะสวมมงคล ๑๖. เรอื พาลมี ลา้ งทวีป และเรือสคุ รพี ครองเมอื ง โขนเรอื สลักเปน็ รปู พานเรศ (ลิง) ๑๗. เรอื กระบี่ปราบเมืองมาร และเรือกระบร่ี าญรอนราพ โขนเรอื สลักเปน็ รูปกระบี่ (ลงิ ) ๑๘. เรือกราบกญั ญาของปลัดตำ� รวจ ฝพี ายสวมเสื้อกางเกงแดงยอ้ มจากครงั่ ศรี ษะสวมมงคลสีแดง ๑๙. เรอื คฤห์ ครุฑเหนิ เหจ็ และเรอื ครุฑเตรจ็ ไตรจักร หลงั คาคฤห์คาดผ้าแดงมีเชิง และชายรอบๆ ตรงกลางปกั เปน็ ดาวกระจายดว้ ยทองแผล่ วด ๒๐. เรือเอกไชยเหินหาว และเรอื เอกไชยหลาวทอง เปน็ เรอื คชู่ ักน�ำหน้าเรอื ขบวน ๑สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส,ลลิ ติ กระบวนแหพ่ ระกฐนิ พยหุ ยาตราทางสถลมารคและชลมารค, พมิ พเ์ ปน็ อนสุ รณใ์ นงานฌาปนกจิ ศพ นางลนิ้ จ่ี ชยากร ณ เมรวุ ดั มกฏุ กษตั รยิ าราม, วนั ท่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๐๔, หนา้ ๑๑๗ - ๑๔๔. 26
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ๒๑. เรือศรีสุนทรไชย ตั้งบุษบกอัญเชิญผ้าไตรกฐิน มีฝีพายสวมเส้ือปัศตูสีแดง แขนจีบ กางเกงยก เขยี ว สวมหมวกกลบี ลำ� ดวน ขุนหมื่นตำ� รวจรอบบษุ บกนุ่งผ้าสมปัก สวมเสือ้ ครยุ สีขาว ๒๒. เรือกลอง ฝพี ายใส่มงคล สวมเส้ือกางเกงผ้าปศั ตูสแี ดง ๒๓. เรอื พระทน่ี ัง่ ชลพมิ านไชย ตรงกลางตงั้ บัลลงั ก์บษุ บก มีมา่ นกั้น นกั สราชเชิญธงห้าแฉก ๒๔. เรือพระท่ีนั่งมงคลสุบรรณ มีปืนจ่ารงท่ีหัวเรือตรงช่วงเท้าของครุฑ มีฝร่ังก�ำกับปืน ๓ นายคือ พระยาพเิ ศษสงคราม หลวงชนะทุกทศิ และหลวงฤทธวิ ารี เรือพระท่ีนั่งมีจมื่นสรรเพธภักดี และจม่ืนศรีเสาวรักษ์ จมื่นเสมอใจราช และ จมื่นไวยวรนารถ อยู่ประจ�ำหน้าพระท่ีนั่ง ที่บัลลังก์น้ีก็มีพระเครื่องราชูปโภคทอดไว้ เช่น พระล่วมมณฑป พระแสงดาบต้น กระดานชนวน หมอ้ ลงพระบังคน ธารพระกร (หตั ถธ์ าร) พระสุพรรณราช และพระสุพรรณศรีทง้ั ยงั มวี ิชนี เครอื่ งสธุ ารสชา ชดุ กลอ้ ง เขา้ ใจวา่ เป็นไปป๊ ส์ บู ยา เชงิ เทียน พระเตา้ น้�ำ และพระสุพรรณภาชน์สองชั้น ส่วนนอกบัลลังกด์ ้านหนา้ ผูกพระแสงปืนคาบศิลา ขนาดยาวสบิ คืบ ประดบั ลวดลายคร่�ำทองเป็นปืน ทใี่ ช้ลกู ปืนขนาดหกบาท พนกั งานประจ�ำปืนชอื่ พระยาอภยั ศรเพลิง หลวงเสนห่ ศ์ รวิชติ และหลวงสนทิ อาวุธ มเี จา้ กรมพระศภุ รตั ชอื่ หลวงสุนทรภิรมย์ และจางวางพิชัยพลระดม ทีท่ า้ ยที่นงั่ นอกมา่ น มีมหาดเลก็ ๒ คน มีเวรพนกั งานภูษามาลา เชญิ พระกลด ๒ คน และมแี พทย์ หลวงอกี ๒ คน คือ หมอยาทพิ จกั ร และ หมอนวดราชรกั ษา ๒๕. เรือพระท่ีน่ังไชยสุพรรณหงส์ เป็นเรือพระที่น่ังรอง ผลัดเปล่ียนกับเรือเหราข้ามสมุทรคือถ้าใช้ เรือพระที่น่งั ไชย ก็ใช้เรือเหราเป็นเรือพระที่น่ังรอง ถ้าใชเ้ รือครฑุ เปน็ ล�ำทรง กจ็ ะใช้เรอื พระท่นี ่งั ครฑุ นอ้ ยเป็น พระทีน่ งั่ รอง เรือพระที่นัง่ รองน้ีจะประดบั เช่นเดยี วกับเรือพระที่น่งั ทรง แตจ่ ะผดิ กันตรงพายทจี่ ะใช้พายทอง ลอ่ งชาด มนี กั สราชเชญิ ธงสามชายอยทู่ ที่ ง้ั ดา้ นหวั เรอื และทา้ ยเรอื ทบ่ี ลั ลงั กบ์ ษุ บกตง้ั ผา้ ไตร มพี นกั งานศภุ รตั ๒ คน เฝา้ ชอ่ื จม่นื วสิ ุทธสมบัติ และจม่นื รัตนโกษา ๒๖. หมูเ่ รอื กราบกัญญาของเจ้ากรมพระตำ� รวจ ตลอดจนปลดั กรม ๒๗. เรอื ขององครักษ์ กรมชา่ ง ๒๘. เรอื ประตหู ลงั ของพระนรินทรเ์ สนี ลำ� ขวา และพระยาศรีสหเทพ ล�ำซา้ ย ๒๙. เรอื ตัง้ พระเสลย่ี ง ๓๐. เรอื พระกลดคันยาวทรงเทริด ๓๑. เรอื รองขนดเชอื ก มพี ันจันท์ เปน็ เวร ๓๒. เรือแสงสรรพยทุ ธ มพี นกั งานเชิญพระเก้าอ้ยี าน ๓๓. เรือตาร้าย ก้ันประทุนและแผง ส�ำหรับบรรทุกปืนคาบศิลาและลูกปืน มีหมื่นก่งศิลป และหม่นื ก่งศร คุม ๓๔. หมเู่ รอื เจ้าตา่ งกรม เปน็ เรือกราบกญั ญา มผี า้ ผกู โขน และพู่ประดบั หลงั จากนัน้ จึงเป็นเรอื ของข้าราชบรพิ าร คอื เรอื ของพระสมหุ กลาโหม และสมหุ นายก (มหาดไทย) เรอื จตสุ ดมภก์ รมทา่ เกษตร และนครบาล ฯลฯ แหต่ ามเสดจ็ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เราทราบถึงร้ิวกระบวนเรือได้จากบทพระนิพนธ์กาพย์เห่เรือของ เจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศไชยเชษฐส์ รุ ยิ วงศ์ ในสมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศหรอื ทคี่ นทวั่ ไปรจู้ กั กนั ดใี นพระนาม “เจา้ ฟา้ กงุ้ ” พระองคท์ รงเปน็ พระราชโอรสองคใ์ หญ่ในสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศ กับกรมหลวงอภัยนชุ ิต ในบท พระนิพนธเ์ รื่องเหเ่ รือนี้ทำ� ให้เราไดท้ ราบถึงเรือพระทน่ี ่งั และเรือตา่ งๆ ท่ีเขา้ ริว้ กระบวนทม่ี ใี นสมัยนัน้ ซึ่งบท เห่มวี า่ 27
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ๏ ปางเสดจ็ ประเวศด้าว ชลาไลย ทรงรตั นพิมานไชย กิ่งแกว้ พรั่งพรอ้ มพวกพลไกร แหนแห่ เรือกระบวนตน้ แพร้ว เพริศพร้ิงพายทอง ๏ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือตน้ งามเฉิดฉาย กิง่ แก้วแพรว้ พรรณราย พายออ่ นหยบั จับงามงอน ๏ นาวาแน่นเปน็ ขนดั ล้วนรูปสตั ว์แสนยากร เรือร้วิ ทิวธงสลอน สาครล่นั ครัน่ ครน้ื ฟอง ๏ เรอื ครุฑยดุ นาคห้ิว ลว่ิ ลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอเ้ ห่มา ๏ สรมุขมุขส่ดี า้ น เพียงพิมานผา่ นเมฆา มา่ นกรองทองรจนา หลังคาแดงแยง่ มังกร ๏ สมรรถไชยไกรกาบแกว้ แสงวาววับจบั สาคร เรยี บเรยี งเคียงคจู่ ร ดังร่อนฟ้ามาแดนดนิ ๏ สุพรรณหงสท์ รงภหู่ ้อย งอนชดชอ้ ยลอยหลงั สินธุ์ เพียงหงสท์ รงพรหมินทร์ ลินลาศเลือ่ นเตอื นตาชม ๏ เรือไชยไวว่องวิง่ รวดเรว็ จรงิ ยง่ิ อย่างลม เสียงเส้าเรา้ ระดม หม่ ทา้ ยเย่นิ เดริ คกู่ นั ๏ คชสีหท์ ีผาดเผ่น ดดู ังเปน็ เห็นขบขัน ราชสหี ์ที่ยืนยัน ค่นั สองคูด่ ยู ง่ิ ยง ๏ เรือมา้ หน้ามุง่ นำ้� แลน่ เฉ่ือยฉำ�่ ลำ� ระหง เพยี งมา้ อาชาทรง องค์พระพายผายผนั ผยอง ๏ เรอื สิงห์วง่ิ เผ่นโผน โจนตามคล่ืนฝนื ฝ่าฟอง ดยู ่งิ สงิ หล์ ำ� พอง เปน็ แถวท่องล่องตามกัน ๏ นาคาหน้าด่ังเป็น ดเู ขมน้ เห็นขบขัน มังกรถอนพายพัน ทันแขง่ หนา้ วาสกุ รี ๏ เลยี งผาง่าเทา้ โผน เพยี งโจนไปในวารี นาวาหนา้ อินทรีย์ มปี กี เหมอื นเล่อื นลอยโพยม ๏ ดนตรีมอ่ี ึงอล ก้องกาหลพลแหโ่ หม โหฮ่ กึ ครึกคร้นื โครม โสมนสั ชื่นรืน่ เรงิ พล ๏ กรีฑาหมูน่ าเวศ จากนคเรศโดยสาชล เหิมหืน่ ชืน่ กมล ยลมัจฉาสารพนั มีฯ 28
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES จากบทเห่เรือของเจา้ ฟ้ากงุ้ ปรากฏวา่ ไดก้ �ำหนดเรอื กระบวนแห่เสด็จเป็น ๓ จำ� พวก คือ ๑. เรอื ต้น ซึ่งเป็นเรือกง่ิ ๑ มีอยู่ ๔ ลำ� เรือครฑุ เรอื หงส์ เรือศรสี มรรถไชยและเรือไกรสรมขุ ๒. เรอื ชัย มีเจา้ พนกั งานคอยกระทุง้ เส้าให้สัญญาณ ซึ่งกค็ ือเรือดั้งทแี่ ห่น�ำเสด็จ ๓. เรอื เหลา่ แสนยากร ซง่ึ เป็นเรอื ศีรษะสตั ว์ หรือเรอื รูปสตั ว์ มชี ่อื กลา่ วถงึ ไว้คอื เรือราชสหี ์ มี ๒ ลำ� เป็น ราชสีห์ใหญ่ ของ สมุหนายก ราชสหี ์นอ้ ย ของ พระยามหาอำ� มาตย์ เรอื คชสีห์ มี ๒ ล�ำ เปน็ คชสหี ใ์ หญ่ ของ สมหุ กลาโหม คชสีห์น้อย ของ พระยาธรรมไตรโลก เรอื มา้ ของ พระยาราชนิกุล เรือสงิ ห์ ของ พระยายมราช เรือนาค ของ พระยาพลเทพ เรอื มงั กร ของ พระยาโชฎึก (กรมทา่ ) เรอื เลยี งผา ของ พระยาเทพอรชุน เรอื นกอินทรี ของ กรมวงั ส�ำหรับการเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งกรุงศรีอยุธยาท่ีค่อนข้างละเอียดน้ัน มีอยู่ในเรื่อง ลิลติ พยหุ ยาตราเพชรพวง ซึ่งเจ้าพระยาพระคลงั (หน) ได้แตง่ ข้นึ เม่ือ พ.ศ. ๒๓๔๐ โดยพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งน้ันปรากฏช่ือ เรือพระท่ีน่ังต่าง ๆ คล้ายคลึงกับท่ีกล่าวถึงในค�ำให้การชาวกรุงเก่า เรือในกระบวนตามท่ีกล่าวถึงใน ลิลิต พยุหยาตราเพชรพวง ได้แก่ เรือเสือ คอยเกบ็ ส่ิงตา่ ง ๆ ทลี่ อยมาตามนำ�้ เรือพฆิ าต ๖ ล�ำ ส�ำหรับบรรดาขุนหม่นื โรงศาล เป็นพวกเรอื แซ คอื เรอื แซ ๑ คู่ ของพระยาแขก (พระยาจฬุ าราชมนตร)ี เรอื พวกมอญ เรือแซศักด์ิบวเรศ คู่กับ เรือแซสรสินธุ์ เรือพิพฒั ชล คู่กับ เรืออนันตสมทุ ร เรือของพระยาโชฎกึ เรือแซบวรวารี คกู่ บั เรือแซศรสี มทุ ร (ของท่องสอื ) เรอื แซสนิ ธ์สุ วัสด์ิ คู่กับ เรอื แซพิพัฒสาคร (กรมคลงั ใน) เรือแซไชยาน คู่กับ เรือแซจบสาคร ต่อมาเป็น เรือไชยขันฉาว คกู่ ับ เรือไชยขนั ทรเนน เรือไชยขันวรรณวาศ คกู่ ับ เรอื ไชยสุบรรณดาวดาษ เรือไชยขจรพาชี คกู่ ับ เรือไชยศรอี ศั ดร เรอื ไชยชนะคชกาล คูก่ บั เรือไชยชำ� นาญคชกรรม ๑ มลี ักษณะเหมอื นเรอื ชยั คอื เปน็ เรือชนิดท่มี ที วนหัวต้ังสงู ขน้ึ เป็นหงอน แต่ไมท่ ราบว่าเรือทง้ั สองประเภทนี้ต่างกัน 29
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรอื ไชยชนะฤๅชา ค่กู ับ เรอื ไชยฤๅยศ เรอื ไชยอธิการ ค่กู ับ เรอื ไชยทะยานทพิ ย์ เรือไชยฤๅเลศิ คูก่ บั เรอื เกิดฤๅไชเยศ เรือเถลิงไชยช�ำนะ คกู่ ับ เรอื ไชยพพิ ฒั นมงคล เรอื ไชยเรืองฤทธ์ิ คู่กับ เรือไชยพิษณุ เรอื ไชยไหวธรณี คู่กบั เรือไชยนทีหวน่ั เรือไชยนคร คู่กบั เรือขจรไชย เรม่ิ เรือรูปสัตว์ เรือคชสีห์น้อย คู่กับ เรือราชสหี น์ อ้ ย เรอื คชสหี ใ์ หญ ่ คูก่ บั เรือราชสหี ์ใหญ่ เรือประตใู ชเ้ รอื ม้าคือ เรอื วรชนุ ไชยชาติ คู่กบั เรือระวังราชรปิ ู ตามดว้ ยเรอื เรอื อังหมะ เรอื ราชสรุ พมิ าน เปน็ เรอื เคร่ืองดนตรี เรอื สนิ ธปุ ักษี เรอื อินทรยี ์ทิพย์ เรือวิคาลัย เรือร�ำไพบนิ เรือวอ่ งว่งิ วารี เรอื ศรีสุชลธี เรอื พวกอาสา ๖ เหลา่ เรือนก เรอื กิเลน เรอื ทักทอ ช่ือ เรอื ศรส�ำแดงฤทธิ์ เรอื สทิ ธกิ ำ� แหง เรอื โต เรือโตมหรรณพ เรอื โตจบภพไตร เรอื นาคาอุรคราช เรือนาคนายก เรอื นาคเหราราช เรอื นาควาสกุ รี เรอื ประตูใน คอื เรือไชยสวัสดิ ์ เรอื ไชยรตั นพมิ าน ต่อจากเรือประตใู นกเ็ ป็นเรอื กง่ิ ของกรมตำ� รวจ ๔ คู่ และเรือตงั้ ๕ ล�ำ ไดแ้ ก่ เรือชลพมิ านไชย เรือไกรสรมาศ เรือศรีพิมานไชย เรือไกรจกั รรตั น ทรงพระเทวกรรม เรอื ศรพรหมไชย ทรงพระชยั เรือพระทน่ี ่ัง คอื เรอื พระทน่ี งั่ เหมพมิ านบรรยงก์ เป็นเรอื พระที่นงั่ ล�ำทรง เรือพระที่น่ังไกรสรมุข ตั้งพระท่ีน่ังจัตุรมุขทอดพระแท่นบรรทม เปน็ เรือพระทนี่ ั่งรอง เรอื พระท่ีน่ังสุวรรณหงส์ เปน็ เรือพระทีน่ งั่ รอง ปดิ ขบวนเรอื ทรง คอื เรอื ศรีสนุ ทร เรอื ไกรสรจกั ร 30
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ตอ่ ไปเปน็ เรอื กนั ซง่ึ ใชเ้ รือโขมดยามี เรือของเกณฑห์ ดั อยา่ งฝรั่ง ซ้าย-ขวา เรอื ของกองอาสาวิเศษ ซ้าย-ขวา เรือต�ำรวจใหญ ่ ซา้ ย-ขวา เรอื ต�ำรวจใน ซ้าย-ขวา เรือทองแขวนฟ้าของบ้านโพเรยี ง คู่กบั เรือทองแขวนฟา้ ของบ้านใหม่ เรือเหนิ หาว คกู่ บั เรอื หลาวทอง ต่อด้วยเรือเอกไชยของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และเรือไชยของพระเจ้าลูกเธอ และพระองค์เจ้าต่าง กรม จากน้ีเป็นเรือขบวนคู่ คอื เรอื มังกร คือ เรอื เตร็จไตรภพ เรอื จบจักรพาล เรือนาค คือ เรอื นาคจกั รธาธร เรอื นาคถบองรัตน์ เรอื โต คอื เรือก�ำแหงอาทติ ย์ เรือโตฤทธไ์ิ ชยเดโช เรอื มหศิ โรรงั ราช เรือเลียงผา เปน็ เรือประตคู ือ เรอื ของหม่ืนนรนิ ทร์เสนี เรอื ราชดุรง ของหมนื่ ศรสี หะเทพย์ ตามดว้ ยร้ิวเรือแซ เป็นคๆู่ ของพวกตำ� รวจ และขนุ นาง ขนุ พัน ตามล�ำดับ ปิดด้วยเรอื พิฆาต ๒ คู่ ของต�ำรวจนอก และต�ำรวจในซึ่งเมอ่ื รวมเรอื พิฆาตในกระบวนแล้ว มปี ระมาณ ๑๐๐ ล�ำ จากร้ิวกระบวนเรือในลิลิตพหุหยาตราเพชรพวง และบทเห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้งน้ัน มีท่ีต่างกันคือ ร้ิว กระบวนเรือในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จะจัดใหญ่กว่าคร้ังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโดยมี สิง่ ทีแ่ ตกตา่ ง คือ ๑. ต�ำแหน่งที่ตั้งของเรือ ตรงที่เป็นเรือด้ังในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เดิมในรัชกาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจะเป็นเรอื กนั และท่เี รอื ดั้งเดิมจะมีเรอื หนา้ เรือพระที่นง่ั ซง่ึ ตรงท่เี ป็นเรือนำ� ใน สมยั หลงั เป็นเรือด้งั พระซ้าย ต้ังผ้าไตร หรอื พานพมุ่ ดอกไม้ ซงึ่ มีหลายลำ� เรียงกนั (เรอื ดั้งแตเ่ ดิมอยู่นำ� หนา้ เรอื พระที่นั่ง) ๒. ร้วิ กระบวนเรอื ในรัชกาลสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชจดั แหอ่ อกเปน็ ๔ สาย คือสายใน ๒ สาย และสายนอก ๒ สาย แต่ตรงตอนใกลก้ ับเรอื พระท่นี ั่งเทา่ นัน้ มไิ ดจ้ ดั ๔ สาย กระบวน ๔ สาย คอื สายกลาง เปน็ ร้วิ เรือพระที่น่ัง เรียกวา่ สายพระราชยาน สายในซ้าย และสายในขวา เปน็ ริ้วเรือแห่ เรยี กว่า สายคู่แห่ สายนอกซ้าย และสายนอกขวา เป็นร้วิ เรอื กัน เรียกว่า สายกนั ๓. ระเบียบกระบวน รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชจดั แบง่ ออกเปน็ ๕ ตอน ตอนหนา้ เรยี ก ว่ากระบวนนอกหน้า ไดแ้ ก่ ทหารกองนอก ถดั มาเป็นกระบวนในหนา้ ไดแ้ ก่ ทหารรกั ษาพระองค์ ตอนกลาง เปน็ กระบวนเรอื พระราชยาน ตอนหลงั ชน้ั ในเรยี กวา่ กระบวนในหลงั ไดแ้ ก่ ทหารกองนอกและกระบวนนอก หลังทง้ั ๕ ตอนน้ี มีเรือประตคู น่ั ทกุ ตอน 31
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES กระบวนนอกหนา้ มี ๑. เรือพฆิ าต ๓ คู่ ไมม่ ชี อ่ื พวกขุนศาลลงประจำ� ทั้ง ๖ ลำ� ไมท่ ราบรูปร่างของเรอื ๒. เรอื แซ ๕ คู่ มีผูล้ งประจำ� ฝ่ายซ้ายและขวา คือ ๑. สมงิ เพชรน้อย สมงิ นครอินทร์ ๒. พญาพระราม พระยาเกียรต์ิ ๓. หลวงทอ่ งส่อื พระโชฎึก ๔. พระยาราไชศวรรย ์ พระสมบัติบาล ๕. พระยาจฬุ าราชมนตรี หลวงศรียศ ๓. เรอื ชยั ๑๐ คู่ มีเรอื เข้าร้วิ ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา คอื ๑. เรือดาวชัยเทเพนทร์ เรือขันธ์ฉาวธรเณนทร์ ๒. เรอื สุพรรณดาว เรอื ชยั ขนั ธ์ ๓. เรอื ชัยเขจรพาช ี เรอื ชัยอศั วบวร ๔. เรือชยั ฤๅยง่ิ เรือชัยฤๅชนะ ๕. เรอื ชัยทะยานทพิ (หลวงศรกี ลา้ สมุหสัสด)ี เรือชยั อธิการ (หลวงเทพา) ๖. เรือเกิดฤๅชัย (พญารามค�ำแหงกองอาสา) เรือชยั ผู้เลศิ (พญาพิชัยสงคราม) ๗. เรือสฤๅชยั (พญาวชิ ิตณรงค์) กรมเขนทอง เรอื ชัยช�ำนะ (พญาพิชยั รณฤทธิ์) ๘. เรอื พษิ ณชุ ัย (พญาเดโช) เรอื ชยั เรืองฤทธ์ิ (พญาทา้ ยน้�ำ) ๙. เรอื ชัยนทหี วั่น (กรมนา) เรือชัยไหวธรณี (กรมเมือง) ๑๐. เรือขจรชยั (กรมคลัง) เรอื ชัยนคร (กรมวงั ) ๔. เรอื รูปสตั ว์ ๒ คู่ เรอื ราชสหี ์นอ้ ย (พระมหาอำ� มาตย)์ เรือคชสหี ์น้อย (พญาสรุ เสนา) เรอื ราชสหี ์ใหญ่ (สมุหนายก) เรอื คชสีหน์ ้อย (พญาสุรเสนา) ๕. เรือรูปสัตวอ์ กี ๑ คู่ เปน็ เรือประตูหน้าช้ันนอก สำ� หรบั คนั่ กระบวนนอกหนา้ กับกระบวนในหนา้ ฝ่ายซา้ ยและฝ่ายขวา คอื เรอื มา้ ใหญ่ (พระราชนิกลุ ) เรอื เลยี งผาใหญ่ (พระเทพอรชุน) กระบวนในหน้า มเี รือรปู สัตว์ ๑๒ คู่ ประจ�ำฝา่ ยซ้ายและฝ่ายขวา คือ ๑. กระบส่ี ุรพิมาน (หลวงพรหมนาวา) เรอื องั หมะ (หลวงอนิ ทรนาวา) ๒. เรือนำ� อนิ ทรี ๓. เรือนกหัสดิน อาสาหกเหล่า ๔. เรอื นกเทศ ๕. เรอื นกหงอนต้ัว ๖. เรือสิงโต (กรมพระตำ� รวจ) ๗. เรือกเิ ลน (หลวงสทิ ธสิ ำ� แดงรณ ฝ่ายซ้าย และหลวงศรสำ� แดงฤทธิ์ ฝา่ ยขวา) ๘. เรอื สิงห์ ๙. เรอื นาค ไมอ่ าจทราบได้ว่ากรมใด ๑๐. เรอื นาคสามเศียร ๑๑. เรอื เหรา ช่ือ นาควาสุกรี (จม่ืนศรีสรรกั ษ์) เรือนาคเคหา (จม่ืนเพชญภักด)ี ๑๒. เรอื ครฑุ คู่ชกั 32
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรือแซ สมัยกรงุ ศรอี ยุธยา จากสมดุ ภาพร้ิวกระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเด็จพระนารายณม์ หาราช A Group of Rua Sae in the Ayutthaya period from the manuscript. ลกั ษณะเรอื พฆิ าต สมัยกรุงศรอี ยธุ ยา จากสมดุ ภาพริว้ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช A Group of Rua Phikhat Barges of the Ayutthaya period from the manuscript made during the reign of King Narai the Great. 33
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรอื โตและเรอื มา้ นำ�้ สมยั อยธุ ยา (จากสมดุ ภาพรว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช) Rua To and Rua Ma Nam in the late Ayutthaya period. (from the manuscript on Royal Barge Procession made in the reign of King Narai the Great) ลักษณะเรอื นาคหรือนาคา และเรอื โขมดยา สมัยอยธุ ยา (จากสมุดภาพร้ิวกระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช) Rua Nakha and Rua Khamodya in the late Ayutthaya period. 34
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรอื คชสหี ์ สมยั อยุธยา (จากสมดุ ภาพริว้ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) Rua Khotchasi in the late Ayutthaya period. ลกั ษณะเรอื เลียงผาใหญ่ และเรืออังหมะ สมัยอยธุ ยา (จากสมุดภาพรวิ้ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) Rua Liang Pha Yai and Rua Angma in the late Ayutthaya period. 35
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรือชยั หรอื ไชย สมยั กรุงศรอี ยธุ ยา จากสมดุ ภาพรวิ้ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช Rua Chai or Chaiya in the King Narai the Great’s Reign. ลกั ษณะเรอื โขมดยา เรอื ครฑุ คชู่ กั และเรอื พระทน่ี ง่ั ชลวมิ านไชย ในรว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช นอกจากนเ้ี รายงั ทราบถงึ การจดั รว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคใหญแ่ บบ ๔ สาย สายกลาง เปน็ รวิ้ เรอื พระทนี่ ง่ั บนฝง่ั จะมมี า้ แซงคอยเฝา้ ตระเวนตามกระบวนเรอื เพอื่ ถวายอารกั ขาอกี ชน้ั หนง่ึ ดว้ ย ซงึ่ ปจั จบุ นั ทำ� ไมไ่ ดแ้ ลว้ Rua Khamodya, Rua Krut Khu Chak and Rua Chon Wimarn Chai in the Royal Barge Procession during the King Narai the Great’s time. 36
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรือรปู สัตวต์ ่างๆ เชน่ เรือเลียงผาใหญ่ และเรือมา้ ใหญ่ เรอื องั หมะ กับเรอื สุระพมิ าร สมยั กรุงศรีอยุธยา จากสมุดภาพรว้ิ กระบวนพยหุ ยาตราชลมารค รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช Barges with animal figure-heads during the King Narai the Great’s time. ลักษณะเรอื เอกไชยหลาวทอง และเรือโขมดยา สมยั กรุงศรอี ยุธยา จากสมุดภาพริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารค รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช Rua Ekkachai Lau thong and Rua Khamodya in the late Ayutthata period. 37
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรืออักษรพรหมไชย และเรอื พระทีน่ ัง่ ศรีสมรรถไชย ซึ่งเปน็ เรอื พระทนี่ ง่ั ลำ� ทรง สมยั อยธุ ยา รชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช Rua Aksorn Phrom Chai and Rua Sri Samattha Chai in the King Narai the Great’s time. 38
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ถัดมาเป็นเรือเอกชัย ๑ คู่ จดั เป็นเรอื ประตหู นา้ ชนั้ ใน คน่ั กระบวนในหน้ากบั กระบวนพระราชยาน อันเปน็ เรือของกรมพระตำ� รวจใหญ่ฝา่ ยซา้ ยและฝ่ายขวา คอื เรือชยั รตั นพิมาน พื้นดำ� เรอื ชยั บวรสวสั ด์ิ พน้ื ด�ำ ตง้ั แตเ่ รอื นาคสามเศยี รในกระบวนในหนา้ คทู่ ี่ ๑๐ มา มเี รอื โขมดยา ซอ้ นสายนอก จดั เปน็ เรอื กนั อกี ๕ คู่ คอื ๑. เรอื ของกองเกณฑ์หดั อย่างฝรง่ั ๑ คู่ ๒. เรือของกองอาสาวเิ ศษ ๑ คู่ ๓. เรอื ของกรมพระตำ� รวจใหญ ่ ๑ คู่ ๔. เรือของกรมพระตำ� รวจใน ๑ คู่ ๕. เรอื ทองแขวนฟ้า (ชาวบา้ นโพเรยี ง) เรอื ทองแขวนฟ้า (ชาวบ้านใหม)่ กระบวนเรือพระราชยาน จัดเรียงกันในสายกลางสายเดยี ว ตามลำ� ดับ ดังน้ี ๑. เรอื พระทีน่ ่ังชลพมิ านชัย เป็นเรอื ก่ิงพ้ืนดำ� ๒. เรอื พระท่นี ่ังไกรสรมาศ เปน็ เรือกิ่งพื้นด�ำ ๓. เรือพระทนี่ ง่ั ศรีพิมานชัย เป็นเรอื กิ่งพนื้ ด�ำ ๔. เรือพระทน่ี ั่งไกรแกว้ จกั รรตั น์ เปน็ เรอื กิ่งพ้ืนด�ำ ๕. เรอื พระที่น่งั ศรพรหมชัย เป็นเรอื กงิ่ พนื้ แดง ๖. เรอื พระทนี่ ง่ั ศรีสมรรถชยั เปน็ เรือกิง่ พนื้ ดำ� จดั เป็นเรือพระทีน่ ่ังทรง ๗. เรอื พระท่นี ั่งไกรสรมขุ เปน็ เรือกง่ิ พ้นื ดำ� จดั เปน็ เรือพระทนี่ ่งั รอง ตอ่ จากเรอื พระทนี่ ง่ั รอง ก็จะเป็นเรอื พระท่นี ั่งกงิ่ เรยี งคู่อยสู่ ายใน เปน็ เรอื พระท่ีน่งั ส�ำรองอีก ๑ คู่ คอื เรอื พระทน่ี ง่ั ไกรสรจักร ฝา่ ยซ้าย กบั เรือพระท่ีนั่งศรีสุนทรชยั ฝ่ายขวา เป็นอันหมดกระบวนเรอื พระราชยาน เท่าน้ี จากนน้ั เปน็ เรอื ประตูหลงั ช้นั ในคั่นกระบวนเรือพระราชยานกับกระบวนในหลงั โดยใชเ้ รอื เอกชยั ๑ คู่ เปน็ เรือของกรมพระตำ� รวจนอก คอื เรือหลาวทอง ฝ่ายซา้ ย กบั เรอื เหนิ หาว ฝา่ ยขวา แตร่ ะหวา่ งเรอื พระทน่ี ง่ั คทู่ า้ ยเรอื ประตหู ลงั ชนั้ ในน้ี ทางสายนอกมเี รอื โขมดยา จดั เปน็ เรอื กนั ๒ คคู่ อื เรือของกองทหารใน ๑ คู่ เรอื ของกรมพระพศั ดี ๑ คู่ กระบวนในหลัง จดั ออกเปน็ ๓ สาย คอื สายกลาง มีเรือพระที่น่งั เอกชัย เรยี งกนั ๒ ลำ� คือ ๑. เรอื พระที่นง่ั กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ๒. เรือพระที่น่งั เจ้าต่างกรม อกี ๒ สายคือ สายในฝา่ ยซา้ ย และสายในฝ่ายขวา เปน็ เรอื รปู สตั ว์ ๓ คู่ คือ คทู่ ่ี ๑ เรือมกร (พระอินทร์รักษา) คู่กบั เรือมกร (พระพรหมรักษา) คู่ที่ ๒ เรอื นาคสามเศยี ร ช่ือ นาคถบองรตั น (จมืน่ เสมอใจราช) คกู่ บั เรอื นาคจักรคทาธรทอง (จมื่นไวยวรนาถ) คู่ที่ ๓ เรือสงิ โต 39
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES 40
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES จากน้กี ็เปน็ เรอื ประตหู ลงั ชั้นนอกค่ันกระบวนในหลังกบั กระบวนนอกหลัง ซง่ึ ใชเ้ รอื รปู สัตวอ์ ีก ๑ คู่ จัดฝ่ายซา้ ยและฝา่ ยขวา คอื เรือม้าน้อย ของหมืน่ ศรสี หเทพ กบั เรือเลยี งผานอ้ ย ของหม่ืนนรินทรเสนี กระบวนนอกหลงั ประกอบด้วยเรอื แซ ๓ คู่ เรอื พฆิ าต ๒ คู่ โดยมทิ ราบกรมทป่ี ระจำ� ล�ำ รวมเรือในริ้วกระบวนคร้ังรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีทั้งส้ิน ๑๑๓ ล�ำ นอกจากน้ีแม้ว่า จะเป็นกระบวนเรือ แต่ก็ปรากฏว่ามี ม้าแซง เดินแซงบนตล่งิ ในระยะกระบวนเรือตอนท่เี รียงเปน็ ๔ สายอีก ดว้ ย ทัง้ นเ้ี พื่อคอยถวายอารักขา และตรวจดูความเรียบร้อยของร้วิ กระบวน สำ� หรบั รว้ิ กระบวนเรอื ในรชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศทป่ี รากฏในบทเหเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร ไชยเชษฐสรุ ยิ วงศ์ หรอื เจา้ ฟา้ กงุ้ นนั้ ปรากฏชอ่ื เรอื เพยี งไมก่ ลี่ ำ� ซง่ึ ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจวา่ อาจจะจดั เปน็ เพยี ง ๓ สายคอื ฝา่ ยขวา มี เรอื คชสหี น์ อ้ ย ของพระยาสุรเสนา ตอ่ ด้วยเรือคชสหี ใ์ หญ่ ของสมุหพระกลาโหม ฝ่ายซ้าย มี เรือราชสหี ์น้อย ของพระยามหาอ�ำมาตย์ ตอ่ ดว้ ยเรอื ราชสหี ใ์ หญ่ ของสมหุ นายก จากน้ัน ก็เปน็ เรือประตูหนา้ ชั้นนอก ฝา่ ยซ้าย มี เรอื ม้าใหญ่ ของพระยาราชนกิ ลุ ฝ่ายขวา เป็นเรือเลียงผาใหญ่ ของพระยาเทพอรชุน ถัดไปกเ็ รือรปู สตั ว์ ๓ คคู่ อื ๑. เรอื นกอนิ ทรี ของกรมอาสาหกเหลา่ ประจ�ำทง้ั ฝา่ ยซา้ ยและฝ่ายขวา ๒. เรอื สิงห์ ของกรมพระตำ� รวจ ประจำ� ท้งั ฝา่ ยซา้ ยและฝา่ ยขวา ๓. เรอื นาควาสกุ รี (จมนื่ ศรสี รรกั ษ)์ เรอื นาคเหรา (จมน่ื สรรเพชญภกั ดี) แลว้ จงึ ถงึ เรอื พระที่นั่งเป็นสายกลาง เรียงกนั ๕ ลำ� คอื ๑. เรือพระที่น่งั ครุฑ เป็นแบบเรือดั้ง ๒. เรือพระที่น่งั รตั นพิมานชยั เป็นเรือพระทีน่ ่ังก่ิง ๓. เรือพระทีน่ ่งั สวุ รรณหงส์ เป็นเรือพระที่นง่ั รอง ๔. เรือพระทน่ี ัง่ ไกรสรมุข เป็นเรอื พระทนี่ ่ังก่งิ ๕. เรอื พระทีน่ งั่ ศรสี มรรถไชย เป็นเรือพระทน่ี ง่ั กิง่ แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี เรอื ทก่ี ลา่ วถงึ กม็ ชี อ่ื ซำ�้ กนั แสดงวา่ ไดส้ บื ทอดตอ่ มาจากสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช มิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จนมาในรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็เข้าใจว่ายังคงมีเรือพระที่น่ังอยู่บ้าง และสร้างข้ึนใหม่บ้างเพ่ือให้เพียงพอแก่การน�ำไปใช้ในการรบ ซ่ึงมีอยู่ เกอื บตลอดรชั กาล เพราะเรอื ทมี่ ีอย่เู ดมิ แตค่ รั้งกรงุ ศรอี ยธุ ยานั้นได้ถูกพม่าเผาไปเสียมากนนั่ เอง 41
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชแหง่ กรงุ ธนบรุ ี ปรากฏวา่ มเี รอื ตา่ งๆ ใชด้ งั กลา่ วอยใู่ นหมายรบั สง่ั เรอื่ งโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ กรมขนุ อนิ ทรพทิ กั ษ์ เสดจ็ ขน้ึ ไปรบั พระแกว้ มรกตทที่ า่ เจา้ สนกุ จังหวัดสระบุรี ซ่งึ เรอื ทป่ี รากฏชื่อเป็นลักษณะเรือ มี ๑. เรอื พระทนี่ ัง่ ๒. เรือโขมดยาทอง ๓. เรอื ค่แู ห ่ ๔. เรือโขมดยาใหญ่ ๕. เรือโขมดยาน้อย ๖. เรอื ศรี ษะนก ๗. เรือกราบ ๘. เรือพระทนี่ ่ังกราบ ๙. เรอื ดัง้ ๑๐. เรือสามป้าน ๑๑. เรือกุแหละ ๑๒. เรอื ญวน ๑๓. เรือโขมดยาแหไ่ พร ๑๔. เรือโขมดยาไพรด้งั ๑๕. เรอื โขมดยานวย ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช๑ รชั กาลท่ี ๑ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ใน พ.ศ. ๒๓๒๕ ตรงกบั วนั พธุ เดอื น ๑๑ แรม ๔ คำ่� เบญจศก ได้เสด็จไปพระราชทานพระกฐนิ ทางชลมารค ณ วดั บางหว้าใหญ่ กบั วัดหงส์ ทรงใช้กระบวนเรอื และเรือพระทีน่ ั่งดังนี้ เรอื ทรงพระกฐนิ ใชเ้ รือพระท่ีนงั่ ใหญ่ แครจ่ ัตรุ มขุ มตี ำ� รวจใหญ่เป็นพนกั งาน มหาดเลก็ หม่ ชมพูพาย ทอดหนา้ ฝพี ายตำ� รวจใหญพ่ ายทอดหลงั ใบพายปดิ ทองส่วนด้ามพายทาชาดสีแดง หัวหมนื่ ตำ� รวจใหญ่ถอื ธงสามชาย ท่หี น้าเรอื ๑ คน พายเรือตำ� รวจใหญ่ ๓ คน ขุนหม่ืนศุภรตั นไ์ ปส�ำหรับผ้าพระกฐิน ๑ คน แตร สงั ข์ แตรงอน ๑ คู่ แตรฝรงั่ ของฮอลันดา ๑ คู่ สังข์ ๑ คน ผตู้ บแตง่ เรือพระกฐิน คือ นายชดิ หลวงอินทรเทพ หลวงพิเรนทรเทพ หม่ืนไชยาภรณ์ หม่ืนไชยภูษา ผู้ตรวจตรา คือ พนั พรหมราชกลาโหม เรอื ดงั้ อาสาวเิ ศษ ซ้ายขวา ชกั เรอื พระกฐนิ พันจันทเ์ กณฑใ์ นเรอื ดง้ั ใสป่ ่พี าทยร์ ามญั ๑ ลำ� ใส่ละครร�ำ ๑ ลำ� เป็นเรอื เห่ ๔ ล�ำ เรือพระทีน่ ั่งทรง คือเรอื พระท่นี ่งั ศรสี กั หลาด พื้นแดงเขยี นลายรดน�้ำ เรอื ค่ชู กั ๒ ล�ำ คือ เรือพระทนี่ ่ังทองแขวนฟา้ ของบ้านใหม่ กับของโพเรียง เรือดัง้ น�ำเสดจ็ ๔ คู่ คือเรอื ดัง้ ทหารใน ขวา ๑ ลำ� ซ้าย ๑ ลำ� เรือเกณฑห์ ดั อย่างฝรง่ั ขวา ๑ ลำ� ซ้าย ๑ ล�ำ อกี ๒ คู่ ต้นฉบับขาด เรือตามเสด็จ มเี รอื ตำ� รวจใน เรอื ชาววงั เรอื ข้าทลู ละอองพระบาท ลักษณะเรือพระที่นั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทราบได้จากใน “กลอนนิราศ” พระนพิ นธส์ มเด็จพระบวรราชเจ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท ซึ่งทรงเป็นแมท่ ัพเรือ ยกทัพไปตีทพั พม่าทน่ี ครศรธี รรมราช พ.ศ. ๒๓๒๙ ไดท้ รงบรรยายลกั ษณะเรือพระที่น่ังไว้ดว้ ยว่าเปน็ เรือครฑุ ๑ ลัทธธิ รรมเนียมตา่ งๆ เล่ม ๒, หน้า ๘๒ - ๘๓. 42
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES “...ทนี่ ่งั ครฑุ ทอดทา่ เตรยี มเสด็จ ดังจะเหจ็ นภามาศดอู าจอดั จบั พระยานาคินทรบ์ นิ รวบรดั สองหตั ถถ์ ือธงพไิ ชยยุทธ ลงยันต์ลายทองต�ำรบั หลวง เด่นดวงเปน็ รูปวายบุ ุตร จ่ารงคร�่ำใสช่ อ่ งสองขา้ งครฑุ ฝรัง่ คอยเตรยี มชุดจะจดุ ปืน...” เรือพระที่นั่งครุฑนี้เม่ือยามว่างศึก ก็น�ำมาเข้าริ้วกระบวนพยุหยาตราประกอบพระราชพิธีถวายผ้า พระกฐินหรอื เสด็จไปนมสั การพระพทุ ธบาทดว้ ยนั่นเอง ในรชั กาลนี้ นอกจากจะมกี ระบวนหลวงทจี่ ดั เปน็ กระบวนพยหุ ยาตรากรธี าทพั เรอื อยา่ งโบราณแลว้ ๑ พระบรมวงศานวุ งศ์ ข้าทลู ละอองธุลพี ระบาท และประชาราษฎร์ท่ีมีฐานะยงั ได้ตกแต่งเรือด้วยลักษณะตา่ งๆ เชน่ ทำ� เปน็ จระเข้ เปน็ หอย เปน็ ปลา และเปน็ สตั วน์ ำ้� ตา่ งๆ มาสมทบเขา้ กระบวน เปน็ กระบวนนำ� และกระบวน ตามกระบวนหลวง เรอื บางลำ� กม็ วี งปพ่ี าทยแ์ ละการเลน่ ตา่ งๆ ไปในเรอื ดว้ ยซงึ่ เรอื ดนตรใี นกระบวนนก้ี ม็ มี าแต่ โบราณแล้ว เพื่อใหฝ้ พี ายไม่เหนด็ เหนื่อยเร็ว แตใ่ หม้ ีความสนุกสนานไปด้วย อยา่ งไรก็ดี พบว่ามีการใช้กระบวนเรอื ในงานพระเมรุดว้ ย แตเ่ ปน็ ไปอยา่ งน้อย ดงั เชน่ ในงานพระเมรุ พระบรมศพสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ไดเ้ สดจ็ โดยกระบวน เรือซึง่ เรียกว่า กระบวนทางชลมารคไปยังวัดบางยเี่ รือ (ปจั จบุ ัน คอื วดั อนิ ทาราม ฝ่ังธนบุร)ี ในกระบวนทาง ชลมารค ประกอบดว้ ยเรอื ดงั นี้ เรอื พระทน่ี ง่ั ศรีสกั หลาด พลพาย ๕๘ คน เรือพระท่นี ั่ง ทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ พลพาย ๕๗ คน เรือพระที่นง่ั ทองแขวนฟา้ โพเรยี ง พลพาย ๕๗ คน เรือดัง้ ทหารในซา้ ย เรือดั้งทหารในขวา (พลพายลำ� ละ ๖๐) เรอื เกณฑห์ ัดอยา่ งฝรัง่ ซา้ ย เรอื เกณฑ์หดั อยา่ งฝรง่ั ขวา (พลพายลำ� ละ ๕๒) เรืออาสาวเิ ศษซา้ ย เรอื อาสาวเิ ศษขวา (พลพายลำ� ละ ๖๗) อย่างไรก็ดี บริเวณล�ำน้�ำระหว่างทางเสด็จต้ังแต่ฉนวนน้�ำประจ�ำท่าถึงวัดบางยี่เรือมีการรักษาความ ปลอดภัยด้วยเรียกว่า เรือจุกช่อง ส่วนที่วัดบางย่ีเรือ มีการเกณฑ์ทหารคบหอกไปล้อมวง และตั้งกองคอย เหตุอยทู่ า้ ยนำ้� ท่ดี ่านบางหลวง ๑๓ คน มีหลวงสรเสนี ขนุ ราม ขนุ ชนะ พร้อมไพรถ่ ือหอก ๑๐ คน เรอื จุกช่อง ของกองต่างๆ มดี ังน้ี ๑. เรอื ตำ� รวจใหญ่ ซา้ ย ๒ คน จุกช่องที่ แมน่ ้�ำกฎจี ีน ๒ คน ท่ี คลองรมิ บา้ นพระอภยั วานชิ (วดั กัลยาณมติ ร) ๒ คน ที่ คลองวัดบางสะไก ่ ๒ คน ที่ คลองวัดบางยเี่ รือ ๒ คน ๑ ม.ร.ว.แสงสรู ย์ ลดาวัลย์, กระบวนพยหุ ยาตรา, ตำ� ราสอนในคณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. 43
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๒. เรือตำ� รวจใหญ่ ขวา จกุ ช่องท่ี คลองคกู รงุ ธนบรุ ตี ่อคลองบางกอกใหญ ่ ๒ คน คลองวดั สงั ข์กระจาย ๒ คน คลองบางลำ� เจียก ๒ คน นอกจากน้ีมีพวกลอ้ มวง อกี ๒๘๐ คน แบง่ เป็น ตำ� รวจใหญ่ ซา้ ย และ ขวา กองละ ๓๐ คน ทหารในซ้าย และ ขวา กองละ ๒๐ คน ทนายเลือกหอก ซา้ ยและขวา กองละ ๒๐ คน สนมทหารซา้ ย และขวา กองละ ๑๕ คน อาวธุ พเิ ศษท่ใี ช้ คอื ปนื ทา้ ยท่นี งั่ รวม ๑๒ กระบอก ๓๖ คน แบง่ เปน็ ต�ำรวจในซ้ายและขวา ปนื กองละ ๒ กระบอก คนกองละ ๖ คน ตำ� รวจใหญ่ ซา้ ยและขวา ปืนกองละ ๒ กระบอก คนกองละ ๖ คน อาสาเดโช และอาสาทา้ ยน�้ำ ปนื กองละ ๑ กระบอก คนกองละ ๖ คน อาสาซา้ ย และอาสาขวา ปนื กองละ ๑ กระบอก คนกองละ ๓ คน ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหแ้ ต่ง เรอื เปน็ กระบวนพยหุ ยาตราอยา่ งใหญ่ เสดจ็ ไปถวายผา้ พระกฐนิ มเี รอื ทพ่ี ระบรมวงศานวุ งศ์ และขา้ ทลู ละออง ธุลีพระบาทแต่งเป็นรูปต่างๆ เข้ากระบวนเช่นรัชกาลก่อน ในรัชกาลต่อมาก็ได้จัดให้มีเช่นกันแต่อาจจัดเป็น กระบวนใหญ่บ้าง กระบวนน้อยบ้าง เพ่ือไปถวายผ้าพระกฐินในเทศกาลเข้าพรรษาสืบต่อเร่ือยมา แม้ว่าใน สมัยหลังจะเป็นยุคท่ีพ้นสมัยที่จะใช้เรือรบทางแม่น้�ำในการรบแล้วก็ยังคงรักษาเรือเหล่านั้นไว้ส�ำหรับการ พระราชพธิ ีดว้ ย ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ า่ งทำ� เรอื พระที่นงั่ กราบ พระทน่ี ่ังเอกไชย พระที่นงั่ ประกอบ ขึ้นไวเ้ ปน็ เกียรติยศส�ำหรับแผน่ ดิน๑ ๑. พระท่ีนง่ั ประกอบพ้ืนครามออ่ น ชื่อ รัตนดิลก ยาว ๑๙ วา ๒ ศอก ๗ น้วิ กำ� ลัง ๖ ศอก ๒. พระที่นัง่ ประกอบพื้นแดง ชอื่ ศรีสนุ ทรไชย ยาว ๑๗ วา ก�ำลงั ๔ ศอก ๑ คบื ๓. พระทน่ี ั่งเอกไชยเขียนทองแดงพื้นแดง ยาว ๑๔ วา ๒ ศอก ๕ น้ิว กำ� ลัง ๕ ศอก ๕ น้ิว ๔. พระท่นี ่งั ประกอบครุฑ ช่อื มงคลสุบรรณ ยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กำ� ลงั ๖ ศอก ๖ นว้ิ ๑ เจา้ พระยาทิพากรวงศ,์ พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี ๓ เล่มที่ ๒, ศกึ ษาภัณฑพ์ าณชิ ย์, ๒๕๐๔ หนา้ ๑๗๕ - ๑๗๘. สว่ นหนงึ่ ภาพเขยี นรวิ้ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ในพระอโุ บสถวดั ปทมุ วนาราม สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ตอนตน้ . 44
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176