Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Nartawut_P

Nartawut_P

Published by Nattaporn Yawinchan, 2021-09-24 07:46:52

Description: Nartawut_P

Search

Read the Text Version

การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญาจงั หวดั นนทบรุ ี เพ่อื ออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ปรญิ ญานพิ นธ์ ของ นาถวฒุ ิ พรงึ ลาํ ภู เสนอต่อบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ เพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษา ตามหลกั สตู รปรญิ ญาศลิ ปกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ านวตั กรรมการออกแบบ มถิ ุนายน 2555

การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญาจงั หวดั นนทบรุ ี เพ่อื ออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ปรญิ ญานพิ นธ์ ของ นาถวฒุ ิ พรงึ ลาํ ภู เสนอต่อบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ เพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษา ตามหลกั สตู รปรญิ ญาศลิ ปกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ านวตั กรรมการออกแบบ มถิ ุนายน 2555 ลขิ สทิ ธเิ ์ป็นของมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ

การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญาจงั หวดั นนทบรุ ี เพ่อื ออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั บทคดั ยอ่ ของ นาถวฒุ ิ พรงึ ลาํ ภู เสนอต่อบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ เพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษา ตามหลกั สตู รปรญิ ญาศลิ ปกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ านวตั กรรมการออกแบบ มถิ ุนายน 2555

นาถวฒุ ิ พรงึ ลาํ ภู. (2555). การศึกษารปู แบบเครอ่ื งปัน้ ดินเผาเกาะเกรด็ ภมู ิปัญญาจงั หวดั นนทบรุ ี เพื่อออกแบบชดุ ตกแต่งสวนไทย: กรณีศึกษา รีสอรท์ บางพลดั . ปรญิ ญานพิ นธ์ ศป.ม. (นวตั กรรมการออกแบบ). กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. คณะกรรมการควบคมุ : ดร.กรกลด คาํ สขุ , ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สนิ นี าถ เลศิ ไพรวนั . การวจิ ยั ครงั้ น้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญา จงั หวดั นนทบรุ ี เพ่อื ออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั เพ่อื เป็นการศกึ ษา รปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ และความเป็นมา เพอ่ื ทดลองออกแบบชดุ ตกแต่งสวนไทย เป็น การสง่ เสรมิ การพฒั นาผลติ ภณั ฑท์ อ้ งถน่ิ ใหเ้ หมาะสม กบั การตกแต่งสวนไทยในรปู แบบภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถนิ่ ผวู้ จิ ยั ออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย โดยคาํ นึงจากหลกั เกณฑ์ 2 หลกั เกณฑ์ ดงั น้ี คอื หลกั เกณฑท์ างดา้ นการออกแบบ หลกั เกณฑด์ า้ นการผลติ โดยทดลองออกแบบชุดตกแต่งสวนไทย จาํ นวน 5 ชดุ จากนนั้ ทาํ การคดั เลอื กชุดตกแต่งสวนไทยใหเ้ หลอื 1 ชดุ โดยผเู้ ชย่ี วชาญ 3 ทา่ น จากนนั้ สรา้ งสรรคผ์ ลงานจรงิ และประเมนิ ผลความพงึ พอใจของผบู้ รโิ ภค โดยชุดตกแต่งสวนไทย สรา้ งอตั ลกั ษณ์จากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ โดยการนําไปตกแต่งและสง่ เสรมิ ประโยชน์ต่อการจดั สวนไทย ในพน้ื ทไ่ี ดอ้ ยา่ ง กลมกลนื และทนั สมยั ส่งเสรมิ ต่อผผู้ ลติ ในการสรา้ งผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย เพอ่ื พฒั นาสกู่ ารทาํ ธรุ กจิ ในอนาคต

A STUDY OF KO KRET TERRACOTTA WISDOM OF NONTHABURI PROVINCE FOR THAI LANDSCAPE DESIGN : CASE STUDY OF BANGPHLAT RESORT AN ABSTRACT BY Nartawut Prunglampoo Presented in Partial Fulfillment of the Requirements for the Master of Fine Arts Degree in Design Innovation at Srinakharinwirot University June 2012

Nartawut Prunglampoo. (2012). A Study of Ko Kret terracotta wisdom of Nonthaburi province for thai landscape design : case study of Bangphlat resort. Master Thesis, M.F.A. (Design Innovation). Bangkok: Graduate School, Srinakhrinwirot University. Advisor Committee: Dr.Koraklod Kumsook, Assist. Prof. Sineenath Lertpraiwan. The objective of the study entitled “A study of ko kret terracotta wisdom of Non- thaburi Provice for Thai landscape design : Case study of Bangphlat Resort” were to : In- vestigate Ko Kret terracotta and it’s background and to promote local products develop- ment for thai landscape design concerning local wisdom. the design of thai landscape was considered from 2 criteria, the criteria of designing and producing. The 5 sets was de- signed as landscaping test. The 5 sets of designs were considered by 3 experts. Next, 3 experts was considered and selected 1 set for the satisfaction evaluation of the consum- ers. Thai landscape design produce self - image from local wisdom in order to decorate and promote thai landscape design with harmony and up to date which promote the pro- ducer of thai landscape design for business in the future.



ประกาศคณุ ูปการ ปรญิ ญานพิ นธเ์ ลม่ น้ีสาํ เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดดี ว้ ยความอนุเคราะหจ์ ากหลายฝา่ ย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู ร ศลิ ปกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ วชิ าเอกนวตั กรรม การออกแบบทใ่ี หค้ วามรแู้ ละขอ้ เสนอแนะอนั เป็นประโยชน์ต่อการศกึ ษาคน้ ควา้ ตลอดจนคณาจารย์ ทงั้ อดตี และปจั จบุ นั ทป่ี ระสาทวชิ าความรอู้ นั เป็นฐานทก่ี ่อใหเ้ กดิ การพฒั นาศกั ยภาพในทกุ ๆ ดา้ น บคุ คลหลายทา่ นทจ่ี ะไดก้ ลา่ วถงึ ในทน่ี ้ีคอื ขอขอบพระคณุ ดร.กรกลด คาํ สขุ ประธานควบคมุ ปรญิ ญานพิ นธ์ และผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สนิ นี าถ เลศิ ไพรวนั กรรมการควบคมุ ปรญิ ญานพิ นธ์ ตลอดจนใหก้ ารสนบั สนุนเป็นผเู้ ชย่ี วชาญตรวจ เครอ่ื งมอื ในการวจิ ยั ครงั้ น้ี คอยชว่ ยใหค้ าํ ปรกึ ษาแนะนําในการทาํ วจิ ยั ทกุ ขนั้ ตอนของการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาออกแบบครงั้ น้ี ขอขอบพระคณุ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ นิ นี าถ เลศิ ไพรวนั คณบดคี ณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนให้ คาํ แนะนําปรกึ ษาและผเู้ ชย่ี วชาญตรวจ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นารปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ขอขอบพระคณุ อาจารยอ์ าจารยภ์ านุ พฒั นปณธิ พิ งศ์ ทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนใหค้ าํ แนะนํา ปรกึ ษาดา้ นการออกแบบและเป็นผเู้ ชย่ี วชาญตรวจเครอ่ื งมอื และแนวคดิ ในการพฒั นารปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ขอขอบพระคณุ เพชร ศริ จิ นั ทร์ ทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนใหค้ าํ แนะนําปรกึ ษาดา้ นการออกแบบ การผลติ และเป็นผเู้ ชย่ี วชาญตรวจเครอ่ื งมอื และแนวคดิ ในการพฒั นารปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ขอขอบพระคณุ คณุ อรอุมา อม่ิ อราม ทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนใหค้ าํ แนะนําปรกึ ษาดา้ นการ ออกแบบภมู ทิ ศั น์และเป็นผเู้ ชย่ี วชาญตรวจเครอ่ื งมอื และแนวคดิ ในออกแบบพฒั นารปู แบบชุด ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ขอบคุณพระคุณรสี อรท์ บางพลดั ทก่ี รณุ าใหข้ อ้ มลู แก่ผวู้ จิ ยั และใหส้ าํ รวจพน้ื ท่ี รวมถงึ ให้ พน้ื ทข่ี องรสี อรท์ บางพลดั เป็นกรณศี กึ ษา สาํ หรบั การพฒั นารปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ขอบคณุ เพอ่ื นๆ บุคคลอ่นื ๆ ทไ่ี มไ่ ดก้ ลา่ วถงึ ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั งานวจิ ยั ครงั้ น้ี ทา้ ยสดุ น้ีผวู้ จิ ยั ขอขอบพระคณุ คุณแม่ ทใ่ี หก้ าํ ลงั ใจ ช่วยเหลอื และใหก้ ารสนบั สนุน อยา่ ง ดมี าโดยตลอดจนทาํ ใหง้ านวจิ ยั เรอ่ื ง การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญาจงั หวดั นนทบรุ ี : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั สมบรู ณ์แบบและเป็นประโยชน์ต่อผตู้ อ้ งการศกึ ษาวจิ ยั ต่อไป นาถวฒุ ิ พรงึ ลาํ ภู

สารบญั หน้า 1 บทท่ี 1 1 บทนํา 3 ภมู หิ ลงั 3 ความมงุ่ หมายของการวจิ ยั 4 ความสาํ คญั ของการวจิ ยั . 5 ขอบเขตของการวจิ ยั 5 นยิ ามคาศพั ทเ์ ฉพาะ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั . 6 6 2 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวข้อง 8 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ 8 ขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ 9 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ 10 การทาํ เครอ่ื งปนั้ ของบา้ นเกาะเกรด็ 10 วตั ถุดบิ ทใ่ี ชใ้ นการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา 12 อุปกรณ์ทต่ี อ้ งใชใ้ นการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา. 13 โรงปนั้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา 14 เตาเผาเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา 15 การเตรยี มดนิ 16 การปนั้ 17 การตกแต่งลวดลาย 18 ลกั ษณะพเิ ศษทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ของเครอ่ื งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ 22 การเผาเครอ่ื งปนั้ ขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วกบั ของตกแต่งสวน สารบญั (ต่อ)

บทท่ี หน้า 2 (ต่อ) ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สวนไทย 25 การเลอื กรปู แบบสวน 25 สวนไทย 26 สวนเมอื งรอ้ น 28 ขอ้ มลู รสี อรท์ บางพลดั 31 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การออกแบบภมู ทิ ศั น์ 35 การแบง่ พน้ื ทใ่ี นการจดั สวนบา้ น 35 รปู ทรงของพน้ื ท่ี 37 ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกบั การออกแบบสวน 38 หลกั ในการออกแบบ 45 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 50 แนวทางการออกแบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา 50 หลกั การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 52 งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 58 3 วิธีดาํ เนินการวิจยั 60 ขนั้ ตอนการประเมนิ รปู แบบของชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั 60 ขนั้ ตอนในการออกแบบชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั 61 ขนั้ ตอนการประเมนิ รปู แบบและประสทิ ธภิ าพชดุ ตกแต่งสวนไทยกรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั 62 การกาํ หนดขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งานวจิ ยั 63

สารบญั (ต่อ) หน้า 68 บทท่ี 68 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู 70 วเิ คราะหข์ อ้ มลู จากเอกสาร ตาํ ราและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 71 วเิ คราะหร์ ปู แบบสวนไทย 79 วเิ คราะหร์ ปู แบบและพน้ื ทร่ี สี อรท์ บางพลดั ผลวเิ คราะหจ์ ากการประเมนิ แบบ 90 ผลการวเิ คราะหป์ ระสทิ ธภิ าพของรปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ครงั้ ท่ี 1 102 ผลการวเิ คราะหป์ ระสทิ ธภิ าพของรปู แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ครงั้ ท่ี 2 104 ผลการวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของรปู แบบชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั 106 108 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 112 สรปุ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 113 อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ 115 บรรณานุกรม 119 120 ภาคผนวก 124 ภาคผนวก ก 142 ภาคผนวก ข 146 ภาคผนวก ค ภาคผนวก ง

สารบญั (ต่อ) บทท่ี หน้า ภาคผนวก (ต่อ) 148 ภาคผนวก จ 151 ภาคผนวก ฉ 157 ภาคผนวก ช 161 ภาคผนวก ซ 167 ภาคผนวก ฌ 173 ประวตั ิย่อผวู้ ิจยั

บญั ชีตาราง หน้า 81 ตาราง 82 1 ความตอ้ งการเกย่ี วกบั ชดุ ตกแต่งสวนในปจั จบุ นั 85 2 ความตอ้ งการเกย่ี วกบั ชดุ ตกแต่งสวนไทยดา้ นความสวยงาม 3 ความตอ้ งการเกย่ี วกบั ชดุ ตกแต่งสวนไทยตอ้ งการดา้ นประโยชน์ใชส้ อย 90 4 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 1 91 5 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชดุ ท่ี 2 93 6 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชดุ ตกแต่งสวนไทย. กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชดุ ท่ี 3 95 7 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชดุ ท่ี 4 96 8 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 5 98 9 สรปุ สถติ กิ ารวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั 102 10 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 6 104 11 การวเิ คราะหผ์ ลประสทิ ธภิ าพของแบบ ตน้ แบบชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั

บญั ชีภาพประกอบ หน้า 5 ภาพประกอบ 10 1 แผนผงั กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั 15 2 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ 17 3 การปนั้ การแกะลาย 21 4 รปู ทรงหมอ้ น้ําแบบประยกุ ตใ์ นปจั จบุ นั 24 5 เตาเผา 29 6 โคมไฟ น้ําผดุ กระถาง ในปจั จบุ นั 31 7 ภาพแสดงความเป็นมาของสวนเมอื งรอ้ น 33 8 ลกั ษณะสวนไทย 34 9 บรเิ วณรสี อรท์ บางพลดั 34 10 บรเิ วณรสี อรท์ บางพลดั (ต่อ) 63 11 การตกแต่งภายในของรสี อรท์ บางพลดั 73 12 การกาํ หนดขนั้ ตอนการดาํ เนนิ งานวจิ ยั 74 13 บรเิ วณสว่ นประชาสมั พนั ธ์ 75 14 แผนผงั บรเิ วณสว่ นประชาสมั พนั ธ์ 76 15 บรเิ วณสวนจดั กจิ กรรม 77 16 แผนผงั บรเิ วณสวนจดั กจิ กรรม 78 17 บรเิ วณอาคาร 86 18 แผนผงั บรเิ วณอาคาร 87 19 ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 1 88 20 ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชดุ ท่ี 2 88 21 ชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 3 89 22 ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชดุ ท่ี 4 98 23 ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 5 99 24 ชุดตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ชุดท่ี 6 25 ชดุ ตกแต่งสวนไทยชุดท่ี 6 สดั สว่ นประกอบผงั สว่ นประชาสมั พนั ธ์ 100 26 ชุดตกแต่งสวนไทยชุดท่ี 6 สดั สว่ นประกอบผงั สว่ นสวนกจิ กรรม 101 27 ชดุ ตกแต่งสวนไทยชดุ ท่ี 6 สดั สว่ นประกอบผงั สว่ นอาคาร

บทท่ี 1 บทนํา ภมู ิหลงั ภมู ปิ ญั ญา (Wisdom) ซง่ึ มคี วามหมาย วา่ ความรู้ ความสามารถ ความเชอ่ื ความสามารถ ทางพฤตกิ รรม และความสามารถในการแกไ้ ขปญั หาของมนุษย์ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น (Popula Wisdom) เกดิ จากการสะสมการเรยี นรมู้ าเป็นระยะเวลา ยาวนานมลี กั ษณะเชอ่ื มโยงกนั ไปหมดใน ทกุ สาขาวชิ าไมแ่ ยกเป็นวชิ าๆ แบบทเ่ี ราเรยี น ฉะนนั้ วชิ าเกย่ี วกบั เศรษฐกจิ อาชพี ความเป็นอยู่ เกย่ี วกบั การใชจ้ า่ ยกบั การศกึ ษาวฒั นธรรมมกั จะผสม กลมกลนื เช่อื มโยงกนั ไปหมด (ประเวศ วะส.ี 2530: 26) (สาํ นกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ . 2534: 23) กล่าวว่าภมู ปิ ญั ญา ชาวบา้ น หมายถงึ ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หาของชาวบา้ น ไมว่ า่ จะเป็นปญั หาของชมุ ชน ปญั หาในการดาํ รงชวี ติ และปญั หาในการประกอบอาชพี โดยทป่ี ราชญช์ าวบา้ นเหลา่ น้ไี ดม้ ี กระบวนการวเิ คราะหแ์ ละสงั่ สมประสบการณ์มาเป็นเวลานาน เป็นทย่ี อมรบั นบั ถอื ของคนทวั่ ไป ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ หมายถงึ ความรคู้ วามสามารถ ของคนในชมุ ชนเกย่ี วกบั การ ศลิ ปะวฒั นธรรม การประกอบอาชพี การแกป้ ญั หาต่างๆ ในการดาํ รงชวี ติ และความรู้ ความสามารถเหลา่ น้ีเกดิ จากการถ่ายทอดสบื ต่อกนั มาหรอื คดิ คน้ ขน้ึ ใหม่ โดยมไิ ดเ้ ขา้ รบั การศกึ ษา อยา่ งเป็นระบบ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ไดช้ ่อื ว่าเป็นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ทม่ี คี วามงดงามอยา่ งมาก ทงั้ ยงั เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะทข่ี องชุมชนเกาะเกรด็ ซง่ึ การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของชาวรามญั ทเ่ี กาะ เกรด็ คอื เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาแบบไมเ่ คลอื บ (Earthenware) ทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษทน่ี ่าสนใจคอื ลกั ษณะ ของหมอ้ น้ํามรี ปู แบบและกรรมวธิ กี า รผลติ ทม่ี เี อกลกั ษณ์เฉพาะ และอาจเป็นตน้ แบบของ “หมอ้ น้ํามอญ” เพราะพบหมอ้ น้ําทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ตามทอ่ี ยอู่ าศยั ของคนไทยเชอ้ื สายรามญั (วบิ ลู ย์ ลส้ี วุ รรณ. 2539: 21) เกาะเกรด็ ทเ่ี คยเป็นแหลง่ ภาชนะดนิ เผาทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั ป้อนใหผ้ บู้ รโิ ภคอยา่ ง เผยแพรห่ ลายโดยเฉพาะจงั หวดั ต่างๆ ในภาคกลางยคุ ก่อนทพ่ี ลาสตกิ และสนิ คา้ อุตสาหกรรมจะ เฟ่ืองฟู ขณะน้ีผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาหลายชนิดเลกิ ผลติ กนั ไปแลว้ ดว้ ยอาจไมท่ นสกู้ บั สนิ คา้ อุตสาหกรรมได้ และเหตุผลทว่ี ่า ความนยิ มในการใชเ้ ครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาน้อยลง วตั ถุดบิ ในการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาหายากและราคาแพงขน้ึ มาก นอกจากน้กี ารทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเป็นงานทม่ี กี ระ บวกการหลายขนั้ ตอนตอ้ งใชค้ วามอดทนและมฝี ีมอื ในการผลติ มาก จงึ ทาํ ใหว้ ถิ ชี วี ติ เปลย่ี นไปหนั ไปทาํ อาชพี อ่นื ๆ เชน่ รบั ราชการ รบั จา้ ง ทาํ สวน คา้ ขาย เป็นตน้ (เอด็ ภริ มย์; และคนอ่นื ๆ. 2542: 12 - 13)

2 สภาพโดยทวั่ ไปของเกาะเกรด็ มสี ภาพเป็นชุมชนขนาดเลก็ ทต่ี งั้ อยบู่ นเกาะเกรด็ โดย ลกั ษณะของชมุ ชนประกอบไปดว้ ย รา้ นคา้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา รา้ นคา้ ขายอาหาร ทอ่ี ยอู่ าศยั และ สวนผลไม้ จากการสาํ รวจพบวา่ มผี ปู้ ระกอบการเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาจาํ นวน 13 รา้ นโดยแบ่งเป็น โรงงานขนาดใหญ่จาํ นวน 3 โรงงาน ทเ่ี หลอื อกี 10 รา้ นเป็นการประกอบธรุ กจิ ในครวั เรอื น โดย สภาพทวั่ ไปของรา้ นคา้ จะเป็นการเปิดขายสนิ คา้ หน้าบา้ นพกั อาศยั โดยจะมเี พยี งบางรา้ นทเ่ี ปิด ใหช้ มกระบวนการผลติ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเพอ่ื เป็นการใหค้ วามรกู้ บั ผทู้ ส่ี นใจซง่ึ ผปู้ ระกอบการ ทงั้ หมดไดร้ บั สบื ทอดกจิ การมาจากบรรพบรุ ษุ จงึ ทาํ ใหส้ นิ คา้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาทเ่ี กาะเกรด็ ยงั คง รกั ษาความเป็นเอกลกั ษณ์สบื ทอดต่อมาตงั้ แต่อดตี เกาะเกรด็ มขี อ้ จาํ กดั ทางดา้ นพน้ื ทแ่ี ละการขนสง่ ทาํ ใหม้ บี างกลมุ่ ทแ่ี ยกไปตงั้ กจิ การ บรเิ วณภายนอกเกาะเกรด็ ทาํ ใหก้ ลุ่มผปู้ ระกอบการภายในเกาะเกรด็ มคี ่แู ขง่ เกิ ดขน้ึ ผปู้ ระกอบการทอ่ี ยภู่ ายนอกมขี อ้ ไดเ้ ปรยี บทางดา้ นการขนสง่ ดา้ นกาํ ลงั การผลติ และโรงงานท่ี ทนั สมยั กวา่ แต่มขี อ้ เสยี ทางดา้ นความชาํ นาญในการทาํ ผลติ ภณั ฑแ์ ละความเป็นเอกลกั ษณ์ของ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ เมอ่ื นําค่แู ขง่ มาเปรยี บเทยี บกบั กจิ การ กจิ การจะตอ้ งคงพยายาม รกั ษาความเป็นเอกลกั ษณ์ของเกาะเกรด็ ไวโ้ ดยไมพ่ ยายามเปลย่ี นแปลงวธิ แี ละกระบวนการผลติ ไปจากเดมิ มากนกั (กติ ตนิ าท นธิ ธิ รรมกร; และคนอ่นื ๆ. 2550: 86-88) สวนไทย เป็นการจดั วางงานศลิ ปะอกี ทางหน่งึ ทช่ี ว่ ยสรา้ งบรรยากาศ แบบไทยๆ ได้ อยา่ งชดั เจน ในอดตี คนไทยมกั ใชช้ วี ติ อยรู่ มิ น้ํา บา้ นเรอื นสว่ นใหญ่จงึ สรา้ งแบบยกพน้ื สงู มใี ตถ้ ุน บา้ น เพอ่ื ป้องกนั น้ําท่วมชว่ งฤดนู ้ําหลาก ส่วนใหญ่จงึ ไมน่ ิยมจดั ตกแต่งสวนเพอ่ื ความสวยงาม เทา่ ใดนกั แต่มกั เป็นในรปู แบบการปลกู ไมผ้ ลเพ่อื ใชป้ ระโยชน์ ปลกู ไมต้ ามความเชอ่ื บา้ ง และ ปลกู ไมด้ ดั หรอื ไมก้ ระถางเป็นไมป้ ระดบั ไว้ บนชานบา้ น จนเมอ่ื เวลาผา่ นไป ภาพสวนมกี าร พฒั นาขน้ึ ไปพรอ้ มๆ กบั รปู แบบบา้ นทเ่ี ป็นไทยประยกุ ต์ เรม่ิ มกี ารต่อเตมิ พน้ื ทใ่ี ตถ้ ุนบา้ นเป็น หอ้ งต่างๆ สวนไมด้ ดั ไมก้ ระถางบนเรอื นชานจงึ เรม่ิ ลดบทบาทลง ความนยิ มในการจดั สวนเพอ่ื เป็นอาหารตามมี ากขน้ึ สวนกลน่ิ อายไทยจงึ มกั นําของใช้ ในอดตี มาใชป้ ระดบั ในสวนอยา่ งเชน่ โอ่งมกั ร โอ่งดนิ เผา ลอ้ เกวยี น ครกหนิ ฯลฯ ซง่ึ นอกจากจะแสดงศลิ ปะไทยแลว้ ยงั สะทอ้ น วฒั นธรรมความเชอ่ื อนั เป็นเอกลกั ษณ์อกี ดว้ ย ปจั จบุ นั รสี อรท์ หรอื โรงแรมเป็นธรุ กจิ ทร่ี องรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วทงั้ ชาวไทยและชา่ วต่างชาติ ซง่ึ ผปู้ ระกอบการแต่ละ สถานทจ่ี าํ เป็นทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งความแตกต่างในลกั ษณะเฉพาะของตน เพอ่ื ดงึ ดดู ลกู คา้ ใหเ้ ขา้ มาใชบ้ รกิ าร เชน่ การใหบ้ รกิ าร สงิ่ อาํ นวยความสะดวก ความหรหู รา สไตล์ การตกแต่ง อาหาร ฯลฯ โดยความตอ้ งการของผปู้ ระกอบการดา้ นโรงแรมทพ่ี กั หรอื ธรุ กจิ ใดก็ ตามคอื การทจ่ี ะทาํ ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วรสู้ กึ ประทบั ใจ เกดิ ความพงึ พอใจในตวั สนิ คา้ และการบรกิ าร เพอ่ื ทจ่ี ะสง่ ผลใหล้ กู คา้ เกดิ ความภกั ดตี ่อตราสนิ คา้ (Brand Royalty) และกลบั มาใชบ้ รกิ ารซา้ํ อกี ในครงั้ ต่อไป (ชยั ศกั ดิ ์กจิ นวม. 2551: 1 - 2)

3 รสี อรท์ บางพลดั เป็นรสี อรท์ สไตลไ์ ทยโบราณ ยดึ หลกั ทฤษฎขี องไมเคลิ อพี อรต์ เตอรท์ ่ี เชอ่ื ว่า การทจ่ี ะทาํ ใหธ้ รุ กจิ เราดาํ เนนิ ไปดว้ ยดี คอื การทาํ ใหต้ วั สนิ คา้ ของเรามคี วามแตกต่างจาก คคู่ า้ เน้นความเป็นอยอู่ ยา่ งไทยทเ่ี รยี บงา่ ย โดยมพี น้ื ทใ่ี ชส้ อย 60 ตร.ม. ทใ่ี หบ้ รกิ ารบา้ นพกั แบบ เป็นหลงั มที งั้ หมด 18 หลงั แต่ละหลงั มสี องชนั้ ซง่ึ แบ่งยอ่ ยออกเป็นอกี 5 หอ้ ง การตกแต่งจะ ตกแต่งดว้ ยเฟอรน์ ิเจอรไ์ มโ้ บราณ เพอ่ื ใหผ้ มู้ าพกั ไดส้ มั ผสั บรรยากาศและวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยใู่ น อดตี เรอ่ื งของการกนิ จะเน้นกนิ แบบสมยั กรงุ ธนบรุ โี ดยการใชภ้ าชนะใสอ่ าหารเป็นชดุ ชามเบญจ รงค์ มโี ต๊ะตงั่ ใหน้ งั่ หรื อถา้ ลกู คา้ บางทา่ นไมส่ ะดวกในสว่ นอ่นื ๆ กจ็ ะมรี องรบั เป็นโต๊ะนงั่ ทาน นอกจากน้ียงั อนุรกั ษใ์ นเรอ่ื งของการแต่งกายผา่ นพนกั งานตอ้ นรบั และพนกั งานในสว่ นอ่นื ๆของรี สอรท์ ดว้ ย ในสว่ นของลกู คา้ ทม่ี าใชบ้ รกิ าร มที งั้ ชาวไทยพทุ ธ,มสุ ลมิ และชาวต่างชาติ มที งั้ กล่มุ ท่ี เคยอาศยั อยลู่ ะแวกน้ีเมอ่ื ครงั้ ยงั เป็นเดก็ มาใชบ้ รกิ ารเพ่อื ทจ่ี ะราํ ลกึ อดตี และตอ้ งกลนิ่ อายความ เป็นไทย ในสว่ นลกู คา้ ทเ่ี ป็นมสุ ลมิ เราจะเน้นเรอ่ื งอาหารฮาลาล ลกู คา้ หลกั ส่วนใหญ่จะเป็นลกู คา้ ทม่ี ารกั ษาตวั กบั ทางโรงพยาบาลยนั ฮเี น่อื งจากทางโรงพยาบาลมลี กู คา้ จาํ นวนมากและอยไู่ มไ่ กล จากรสี อรท์ ลกู คา้ สว่ นหน่ึงเบอ่ื บรรยากาศทโ่ี รงพยาบาล ทน่ี ่จี งึ เป็นอกี ทางเลอื กหน่งึ ใหส้ าํ หรบั คนไขท้ ม่ี าพกั เพราะมบี รรยากาศทเ่ี งยี บสงบเหมาะแก่การรกั ษาตวั (สาํ นกั ขา่ วไทยมสุ ลมิ . ม.ป.ป.) ดว้ ยเหตุน้ี รสี อรท์ บางพลดั มคี วามผกู พนั กบั วฒั นธรรมไทย และตอ้ งการอนุรกั ษค์ วาม เป็นไทย ซง่ึ เหน็ ไดจ้ ากสถาปตั ยิ กรรมบา้ นไม้ ลกั ษณะการตกแต่ง โดยการตกแต่งสวนไทย ดว้ ย วสั ดุเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ จะสามารถส่งเสรมิ ภาพลกั ษณ์ของรสี อรท์ ทอ่ี นุรกั ษ์รปู แบบไทยและ บรรยากาศของผใู้ ชบ้ รกิ ารใหไ้ ดร้ บั ความรสู้ กึ และวฒั นธรรมความเป็นไทย ผวู้ จิ ยั จงึ มแี นวคดิ ทจ่ี ะ นําเอาเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ มาออกแบบชุดตกแต่งสวนเพ่อื ใหเ้ หมาะสมกบั สวนดงั กล่าว โดย สอดคลอ้ งกบั บรรยากาศและพน้ื ทก่ี ารตกแต่งสวนรสี อรท์ บางพลดั เพ่อื ส่งเสรมิ และพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ และสามารถดาํ รงวฒั นธรรมการปนั้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาใหส้ บื ต่อไปได้ ความม่งุ หมายของการวิจยั 1. เพ่อื ศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ และความเป็นมา 2. เพ่อื พฒั นาผลติ ภณั ฑท์ อ้ งถนิ่ ใหเ้ หมาะสมกบั การตกแต่งสวนไทย ความสาํ คญั ของการวิจยั 1. สง่ เสรมิ ประโยชน์ต่อการจดั สวนไทย 2. ส่งเสรมิ ต่อผผู้ ลติ ในการสรา้ งผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย 3. คน้ หาแนวทางในการพฒั นา และส่งเสรมิ ผลติ ภณั ฑใ์ นทอ้ งถนิ่

4 ข้อตกลงเบอื้ งต้น การวจิ ยั ครงั้ น้ีไดท้ าํ การศกึ ษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญา จงั หวดั นนทบรุ ี เพอ่ื พฒั นาชดุ ตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั โดยผวู้ จิ ยั จะทดลอง ออกแบบและกําหนดผลติ ภณั ฑจ์ าํ นวน 1 ชดุ โดยใน 1 ชดุ ประกอบดว้ ย 1. กระถางปลกู ตน้ ไม้ 2. โคมไฟ 3. น้ําผดุ ขอบเขตการวิจยั งานวจิ ยั ครงั้ น้ีไดก้ าํ หนดขอบเขตของการวจิ ยั ไวด้ งั น้คี อื ออกแบบผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่ง สวนไทย กรณศี กึ ษา : รสี อรท์ บางพลดั โดยมงุ่ ความสวยงามของรปู แบบลวดลาย และประโยชน์ ใชส้ อยเพ่อื การตกแต่งสวน ในดา้ นต่างๆ ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา วเิ คราะหส์ งั เคราะห์ โดยมี กระบวนการดงั น้ี ขนั้ ตอนท่ี 1 การศกึ ษาและวเิ คราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐานจากเอกสาร และงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กบั เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ หลกั การออกแบบ ขนั้ ตอนท่ี 2 การออกแบบผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย ขนั้ ตอนท่ี 3 การประเมนิ แบบผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย ประชากรท่ีใช้ในการวิจยั ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครงั้ น้ี คอื รปู แบบผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย : กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ทอ่ี อกแบบโดยผวู้ จิ ยั จาํ นวน 45 รปู แบบ ประกอบไปดว้ ย โคมไฟ น้ําผดุ และ กระถาง จาํ นวน 15 ชดุ กล่มุ ตวั อย่าง กลมุ่ ตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครงั้ น้ี คอื แบบรา่ งชดุ ตกแต่งสวนไทย กรณศี กึ ษา รสี อรท์ บางพลดั ทไ่ี ดท้ าํ การออกแบบโดยผวู้ จิ ยั โดยผเู้ ชย่ี วชาญสมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากรปู แบบผลติ ภณั ฑ์จาํ นวน 5 ชดุ ใน 1 ชดุ ประกอบดว้ ยโคมไฟ น้ําผดุ และกระถาง ตวั แปรท่ีศึกษา 1. ตวั แปรอสิ ระ แบ่งเป็นดงั น้ี 1.1 ดา้ นการออกแบบ (Design Aspect) ประกอบดว้ ย ดา้ นประโยชน์ใชส้ อย (Functionality) และดา้ นความงาม (Aesthetic Function) 1.2 หลกั เกณฑด์ า้ นการผลติ (Production Aspect) ประกอบดว้ ย ดา้ นวสั ดุ (Material) ทใ่ี ชใ้ นการผลติ และกรรมวธิ กี ารผลติ ชุดตกแต่งสวนไทย (Process)

5 1.3 ประสทิ ธภิ าพของผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนทไ่ี ดจ้ ากการออกแบบไดแ้ ก่ รปู แบบ ความสวยงาม และประโยชน์ใชส้ อยของผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวนไทย นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ รปู แบบ หมายถงึ การนําเอารปู รา่ งและรปู ทรงทบ่ี ง่ บอกลกั ษณะ ความกวา้ ง ความยาว และความสงู มาประกอบกนั ผา่ นกระบวนการออกแบบในสง่ิ ทต่ี อ้ งการ (วริ ณุ ตงั้ เจรญิ . 2545) เครอ่ื งปัน้ ดินเผาเกาะเกรด็ หมายถงึ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาทผ่ี ลติ ในพน้ื ทเ่ี กาะเกรด็ จงั หวดั นนทบุรี โดยคงลกั ษณะเฉพาะทอ้ งถนิ่ หรอื สอดแทรกอยบู่ า้ ง ทาํ มาจากดนิ นํามาเผา มสี ี น้ําตาล หรอื สแี ดง ไมเ่ คลอื บผวิ ชดุ ตกแต่งสวนไทย หมายถงึ ผลติ ภณั ฑช์ ุดตกแต่งสวน ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาจากภมู ิ ปญั ญาดงั เดมิ เพ่อื ใหม้ คี วามเหมาะสมกบั บรเิ วณ สวนเมอื งรอ้ น รปู แบบสวนไทย บรเิ วณรสี อรท์ ทเ่ี ป็นไทยประยกุ ต์ รีสอรท์ หมายถงึ สถานทพ่ี กั ซ่ึงเป็นอาคารขนาดเลก็ มจี าํ นวนหลายหลงั ในบรเิ วณ เดยี วกนั ซง่ึ อาคารเหลา่ น้ีมกั จะสรา้ งลอ้ มสง่ิ อาํ นวยความสะดวกแก่ผมู้ าพกั อาศยั ไดใ้ ชร้ ว่ มกนั ตลอดจนตกแต่งตลอดจนตกแต่งทศั นยี ภาพใหง้ ดงามเพอ่ื การพกั ผอ่ น กรอบแนวคิดในการวิจยั การวจิ ยั ครงั้ น้ี ผวู้ จิ ยั มกี รอบแนวคดิ ในการศึ กษารปู แบบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ ภมู ปิ ญั ญา จงั หวดั นนทบุรีเพ่อื ออกแบบผลติ ภณั ฑชุดตกแต่งสวนไทยกรณศี กึ ษา: รสี อรท์ บางพลดั ดงั ต่อไปน้ี ภาพประกอบ 1 แผนผงั กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั

บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษาคน้ ควา้ ผวู้ จิ ยั ไดเ้ รยี งลาํ ดบั หวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี 1. ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ 2. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ 3. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ของตกแต่งสวน 4. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สวนไทย 5. ขอ้ มลู รสี อรท์ บางพลดั 6. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การออกแบบภมู ทิ ศั น์ 7. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 8. งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 1. ความร้ทู วั ่ ไปเก่ียวข้องกบั ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน การศกึ ษาเกย่ี วกบั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เกย่ี วขอ้ งกบั ความหมาย ขอบขา่ ย ความสาํ คญั ลกั ษณะและปญั หาเกย่ี วกบั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี 1.1 ความหมายและขอบข่ายของภมู ิปัญญาท้องถิ่น จากการศกึ ษาความหมายทผ่ี เู้ ชย่ี วชาญ นกั วชิ าการต่างๆ ซง่ึ ครอบคลุมคาํ วา่ ภมู ปิ ญั ญา ภมู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ น ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ภมู ปิ ญั ญาไทย สามารถรวบรวมได้ ดงั น้ี 1.1.1 ภมู ิปัญญา คาํ วา่ ภมู ปิ ญั ญา ตรงกบั คาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษวา่ wisdom ซง่ึ มคี วามหมาย วา่ ความรู้ ความสามารถ ความเชอ่ื ความสามารถทางพฤตกิ รรม และความสามารถในการแกไ้ ข ปญั หาของมนุษยส์ ว่ นนกั วชิ าการศกึ ษาไทยไดใ้ หค้ วามหมายไวด้ งั น้ี ธวชั ปณุ โณทก (2531: 40) กล่าวว่า ภมู ปิ ญั ญา หมายถงึ ประสบการณ์ในการ ประกอบอาชพี ในการศกึ ษาเลา่ เรยี นการทช่ี าวบา้ นรจู้ กั วธิ กี ารทาํ นา การไถนา การเอาควายมา ใชใ้ นการไถนา การรจู้ กั นวดขา้ วโดยการใชค้ วายรจู้ กั สานกระบงุ ตะกรา้ เอาไมไ้ ผ่มาทาํ เครอ่ื งใช้ ไมส่ อยในชีวติ ประจาํ วนั รวมทงั้ รจู้ กั เอาดนิ ขก้ี ระทามาแชน่ ้ํา ตม้ ใหเ้ ดอื ดแหง้ เป็นเกลอื สนิ เธาวก์ ็ เรยี กวา่ ภมู ปิ ญั ญาทงั้ สน้ิ

7 พชั รา อุยตระกลู (2531: 9) กล่าวว่า ภมู ปิ ญั ญาเป็นเรอ่ื งทส่ี งั่ สมมาตงั้ แต่อดตี เป็น เรอ่ื งของการจดั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนกบั คน คนกบั ธรรมชาตแิ วดลอ้ ม คนกบั สง่ิ เหนอื ธรรมชาติ โดยผา่ นกระบวนการทางจารตี ประเพณี วถิ ชี วี ติ การทาํ มาหากนิ และพธิ กี รรมต่างๆ ทกุ อยา่ งเพ่อื ใหเ้ กดิ ความสมดุลระหวา่ งความสมั พนั ธเ์ หลา่ นนั้ 1.1.2 ภมู ิปัญญาชาวบ้าน เสรี พงศพ์ ศิ (2529: 12) กล่าวว่า ปญั ญาหรอื ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นหรอื ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถนิ่ กเ็ รยี ก หมายถงึ พน้ื เพ รากฐานของความรชู้ าวบา้ น ประเวศ วะสี (2530: 26) กล่าวว่า ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น เกดิ จากการสะสมการเรยี นรู้ มาเป็นระยะเวลายาวนานมลี กั ษณะเชอ่ื มโยงกนั ไปหมดในทกุ สาขาวชิ าไมแ่ ยกเป็นวชิ าๆ แบบท่ี เราเรยี น ฉะนนั้ วชิ าเกย่ี วกบั เศรษฐกจิ อาชพี ความเป็นอยู่ เกย่ี วกบั การใชจ้ า่ ยกบั การศกึ ษา วฒั นธรรมมกั จะผสมกลมกลนื เช่อื มโยงกนั ไปหมด ธวชั ปณุ โณทก (2531: 45) ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น หมายถงึ ความรอบรขู้ องชาวบา้ น ทเ่ี รยี นรแู้ ละมปี ระสบการณ์สบื ต่อกนั มา ทงั้ ทางตรง คอื ประสบการณ์ดว้ ยตนเอง หรอื ทางออ้ ม ซง่ึ เรยี นรจู้ ากผใู้ หญ่หรอื ความรทู้ ส่ี ะสมสบื ต่อกนั มา สามารถ จนั ทรส์ รู ย์ (2533: 21) ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น หมายถงึ ทุกสง่ิ ทุกอยา่ งท่ี ชาวบา้ นคดิ ไดเ้ องโดยอาศยั ศกั ยภาพทม่ี อี ยู่ แกป้ ญั หา การดาํ เนนิ วถิ ชี วี ติ ไดใ้ นทอ้ งถน่ิ อยา่ งสม สมยั ภมู ปิ ญั ญาเป็นเรอ่ื งทส่ี งั่ สมกนั มาตงั้ แต่อดตี และเป็นเรอ่ื งข องการจดั การความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งคนกบั คน คนกบั ธรรมชาติ และคนกบั สง่ิ เหนอื ธรรมชาติ โดยผา่ นกระบวนการทางจารตี ประเพณี วถิ ชี วี ติ การทาํ มาหากนิ และพธิ กี รรมต่างๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความสมดลุ ระหวา่ งความสมั พนั ธ์ เหลา่ น้ีเป้าหมายกค็ อื เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสุขทงั้ ในสว่ นทเ่ี ป็นชุมชนหมู่ บา้ น และในสว่ นทเ่ี ป็นปจั เจก ของชาวบา้ นเหลา่ น้ีถา้ หากเกดิ ปญั หาทางดา้ นความไมส่ มดลุ ขน้ึ กจ็ ะก่อใหเ้ กดิ ความไมส่ งบสขุ อาจเกดิ ปญั หาในหมบู่ า้ นและชมุ ชนได้ สาํ นกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ (2534: 23) กล่าวว่าภมู ปิ ญั ญา ชาวบา้ น หมายถงึ ความสามารถในการแหไ้ ขปญั หา ของชาวบา้ น ไมว่ า่ จะเป็นปญั หาของชมุ ชน ปญั หาในการดาํ รงชวี ติ และปญั หาในการประกอบอาชพี โดยทป่ี ราชญช์ าวบา้ นเหลา่ น้ไี ดม้ ี กระบวนการวเิ คราะหแ์ ละสงั่ สมประสบการณ์มาเป็นเวลานาน เป็นทย่ี อมรบั นบั ถอื ของคนทวั่ ไป จนั ทรจ์ ริ า แดงทองคาํ (2549: 21) ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ น เป็นเรอ่ื งของการสบื ทอด ประสบการณ์จากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั ทเ่ี ป็นอยา่ งต่อเน่อื งอยา่ งไมข่ าดสายเป็นธรรมชาตขิ องชาวบา้ น หรอื เรยี กว่า คนในโดยคนนอกไมเ่ ขา้ ไปครอบงาํ มากมายนกั ทาํ ใหส้ งั คมชาวบา้ นเป็นปึกแผน่ มนั่ คงไมแ่ ตกสลาย

8 1.1.3 ภมู ิปัญญาท้องถิ่น รตั นะ บวั สนธิ ์ (2535: 5) กล่าวว่า ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ หมายถงึ กระบวนทศั น์ของ บคุ คลทม่ี ตี ่อตนเอง ต่อโลกและสงิ่ แวดลอ้ มซง่ึ กระบวนทศั น์ ดงั กลา่ วจะมรี ากฐานจกคาํ สอนทาง ศาสนา คติ จารตี ประเพณที ไ่ี ดร้ บั การถ่ายทอดสงั่ สอนและปฏบิ ตั สิ บื เน่อื งกนั มาปรบั ปรงุ เขา้ กบั บรบิ ททางสงั คมท่ี เปลย่ี นแปลงแต่ละสมยั ทงั้ น้ีโด ยมเี ป้าหมายเพอ่ื ความสงบสขุ ของในสว่ นทเ่ี ป็น ชมุ ชน และปจั เจกบุคคล สรปุ ไดว้ า่ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ มผี ใู้ หค้ วามหมายไวย้ า่ งหลากหลาย ซง่ึ ใกลเ้ คยี งกบั คาํ ว่า และภมู ปิ ญั ญาไทย ซง่ึ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ หมายถงึ ความรคู้ วามสามารถ ของคนในชมุ ชน เกย่ี วกบั การศลิ ปะวฒั นธรรม การประกอบอาชพี การแกป้ ญั หาต่างๆ ในการดาํ รงชวี ติ และ ความรคู้ วามสามารถเหลา่ น้ีเกดิ จากการถ่ายทอดสบื ต่อกนั มา หรอื คดิ คน้ ขน้ึ ใหม่ โดยมไิ ดเ้ ขา้ รบั การศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบ 2. ข้อมลู ที่เกี่ยวข้องกบั เครื่องปัน้ ดินเผาเกาะเกรด็ 2.1 เครอ่ื งปัน้ ดินเผาเกาะเกรด็ ชาวไทยเชอ้ื สาย มอญทเ่ี กาะเกรด็ มวี ถิ ชี วี ติ เกย่ี วพนั กบั การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผามาแต่ อดตี นบั แต่อพยพมาจากดนิ แดนมอญจนกระทงั่ ปจั จบุ นั เกอื บทงั้ หมดในอดตี มอี าชพี ทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาและกม็ เี พยี งสว่ นน้อยทม่ี อี าชพี ทาํ สวน คา้ ขายหรอื อ่นื ๆ (อลสิ า รามโกมทุ . 2542: 32) เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเ กาะเกรด็ เป็นเครอ่ื งปนั้ ทม่ี ชี อ่ื เสยี งมากทงั้ ในดา้ นความงามของ รปู ทรง การตกแต่งลวดลายและความทนทาน เป็นทร่ี จู้ กั กนั ดมี าตงั้ แต่โบราณจนถงึ ปจั จบุ นั จน เป็นทย่ี อมรบั ของทางราชการ และไดน้ ํารปู เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ มาทาํ เป็นรปู ตรา จงั หวดั นนทบุรี ดงั นนั้ การทาํ เคร่ืองปนั้ ดนิ เผาจงึ ไดเ้ ป็นอาชพี หลกั ของชาวมอญ เกาะเกรด็ และมี ช่อื เสยี งไปทวั่ ทกุ ถน่ิ การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของชาวมอญทต่ี าํ บลเกาะเกรด็ อําเภอปากเกรด็ จงั หวดั นนทบรุ ี สบื ทอดมาจากบรรพบรุ ษุ ชาวมอญทอ่ี พยพเขา้ มาในประเทศไทยตงั้ แต่สมยั กรงุ ธนบรุ ี บรรพบรุ ษุ ของชาวมอญเหลา่ น้ีมอี าชพี ทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผามาตงั้ แต่อยใู่ นประเทศมอญก่อนอพยพ เขา้ มาในดนิ แด ประเทศไทย ฉะนนั้ เมอ่ื ชาวมอญไดร้ บั พระบรมราชานุญาตใิ หต้ งั้ บา้ นเรอื น บรเิ วณปากเกรด็ ซง่ึ เป็นบรเิ วณทส่ี ภาพดนิ เหมาะสมในการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผามาก โดยเฉพาะ บรเิ วณเกาะเกรด็ จงึ ไดต้ งั้ หลกั แหล่งสร้ างเรอื นทอ่ี ยอู่ าศยั และผลติ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเป็นอาชพี ตงั้ แต่นนั้ เป็นตน้ มา ชาวมอญตงั้ บา้ นเรอื นอยทู่ างดา้ นทศิ ตะวนั ออกตดิ กบั คลองลดั เกรด็ และทาง ทศิ เหนือตดิ แมน่ ้ําเจา้ พระยา แหล่งผลติ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของชาวมอญเกาะเกรด็ ทส่ี าํ คญั อยทู่ ห่ี ม1ู่ , 6 และ 7 ตงั้ อยรู่ ะหวา่ งวดั ปรมยั ยกิ าวาสและวดั ไผ่ลอ้ มคนมอญเรยี นกว่า กวานอามา่ น แปลว่า บา้ นเครอ่ื งปนั้ การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของชาวมอญเกาะเกรด็ ในอดตี มี 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื เครอ่ื งใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั ทท่ี าํ ขน้ึ ใชเ้ องและไวข้ าย และเครอ่ื งใชป้ ระเภทสวยงามทท่ี าํ ขน้ึ เป็นการ พเิ ศษเพ่อื มอบใหบ้ ุคคลสาํ คญั หรอื ใชเ้ องในโอกาสพเิ ศษ

9 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ เป็นเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาประเภทเน้อื เครอ่ื งดนิ ไมเ่ คลอื บ มี ความพรนุ ตวั มาก (Earthenware) สสี ม้ อ่อนจนถงึ สแี ดง ทเ่ี ป็นสดี าํ มบี า้ งเลก็ น้อย เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาสดี าํ น้ีดนิ ทใ่ี ชป้ นั้ จะผสมแกลบลงในเน้อื ดนิ และเผาด้ วยไฟแรงสงู มากเปรยี บเทยี บไดก้ บั เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของดา่ นเกวยี น จงั หวดั นครราชสมี าบรเิ วณเกาะเกรด็ ดา้ นทศิ ตะวนั ออกและทศิ เหนอื ทต่ี ดิ กบั คลองลดั เกรด็ และแมน่ ้ําเจา้ พระยาเดมิ นนั้ เป็นแหล่งผลติ เครอ่ื งปนั้ ของมอญตงั้ แต่ โบราณดงั กลา่ ว จดุ เรม่ิ ตน้ ทท่ี าํ เครอ่ื งปนั้ หรอื อาจเป็น แหล่งผลติ เครอ่ื งปนั้ ทส่ี าํ คญั ของคนมอญ คงจะอยทู่ ห่ี มทู่ ่ี 7 ตําบลเกาะเกรด็ คอื อยรู่ ะหวา่ งวดั ปรมยั ยกิ าวาสและวดั ไผล่ อ้ ม เพราะคนมอญ เรยี กหมบู่ า้ นน้ีวา่ “กวานอามา่ น” แปลว่า “บา้ นเครอ่ื งปนั้ ” (จนั ทรจ์ ริ า แดงทองคาํ . 2549: 23-24) 2.2 การทาํ เครอ่ื งปัน้ ของบา้ นเกาะเกรด็ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 2.2.1 ประเภทเครอ่ื งใชป้ ระจาํ วนั เชน่ โอ่ง อ่าง ครก กระปกุ โอ่งพลู กระปกุ ใส่ น้ําตาล เป็นตน้ การทาํ เครอ่ื งปนั้ ประเภทน้ี สว่ นใหญ่จะปนั้ ใหม้ รี ปู ทรง ความงาม หรอื คุณลกั ษณะ อ่นื ๆ ใหเ้ หมาะสมแก่วตั ถุประสงคท์ จ่ี ะใชเ้ ครอ่ื งปนั้ เหล่านนั้ แต่ไม่เน้นลวดลาย หรอื รปู ทรงให้ ประณตี เพยี งแต่ใหเ้ รยี บรอ้ ย ขดั ผวิ หรอื ถา้ จะทาํ ลวดลายกเ็ ป็นลายงา่ ยๆ ผวิ มนั ธรรมดา ขนาด ของเครอ่ื งปนั้ ประเภทน้ีมตี งั้ แต่ขนาดใหญ่ จนถงึ ขนาดเลก็ สาํ หรบั เครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่นนั้ คอื โอ่ง ดนิ เผา ชา่ งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ สามารถปนั้ ใหม้ ขี นาดใหญ่กวา่ เคร่ื องปนั้ จากแหล่งผลติ อ่นื ๆ ใน ประเทศไทย หรอื กล่าวไดว้ ่า ชา่ งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ สามารถปนั้ โอ่งดนิ เผามขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ ใน ประเทศไทย 2.2.2 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาประเภทสวยงาม เครอ่ื งปนั้ ประเภทน้จี ะมขี นาดเลก็ กวา่ ประเภทแรก แต่มรี ปู ทรงลวดลายตกแต่งทส่ี วยงาม ประณตี เป็นพเิ ศษ ส่วนใหญ่จะเป็นโอ่งใส่น้ํา ซง่ึ มหี ลายรปู แบบ นอกจากนนั้ เป็นเครอ่ื งปนั้ ขนาดเลก็ ทม่ี ลี วดลายงดงามอ่นื ๆ อกี เครอ่ื งปนั้ ประเภทสวยงามน้ี สว่ นใหญ่ชา่ งปนั้ มไิ ดท้ าํ เพอ่ื การคา้ แต่ทาํ ดว้ ยใจรกั และมกั จะทาํ ใหผ้ ทู้ ต่ี น เคารพนบั ถอื ดงั นนั้ เครอ่ื งปนั้ ประเภทน้จี งึ มคี วามสวยงามเป็น พเิ ศษไมว่ ่าจะเป็นรปู ทรงและ ลวดลายตกแต่ง เพราะชา่ งปนั้ ทาํ ดว้ ยความตงั้ ใจเป็นพเิ ศษ และใหไ้ ดผ้ ลงานทย่ี อดเยย่ี มจรงิ ๆ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ เป็นเครอ่ื งเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาประเภทไมเ่ คลอื บ ทบึ แสง มคี วามพรนุ ตวั มาก เผาในอุณหภมู ปิ ระมาณ 800 – 1,000 องศาเซลเซยี ส ดงั นนั้ เมอ่ื บรรจุ น้ําจะมคี วามเยน็ และหอมเน้ือดนิ น้ําด่มื (จนั ทรจ์ ริ า แดงทองคาํ . 2549: 24-25)

10 ภาพประกอบ 2 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกาะเกรด็ 2.3 วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในการทาํ เครอ่ื งปัน้ ดินเผา วตั ถุดบิ ทส่ี าํ คญั ในการทาํ เครอ่ื งปนั้ คอื 1. ดนิ เหนยี ว ตอ้ งเป็นดนิ เหนียวทไ่ี มม่ วี ชั พชื หรอื กรวดทรายปน ดนิ ทเ่ี หมาะสมใน การทาํ เครอ่ื งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ คอื ดนิ บนเกาะเกรด็ นนั่ เอง การสงั เกตลกั ษณะดนิ เหนียวทด่ี ี มี ความเหนยี ว สไี มด่ าํ เกนิ ไป มสี นี วลหรอื ปนเหลอื ง เน้อื ดนิ จบั กนั เป็นกอ้ นแน่นไมร่ ว่ นซยุ 2. ทราย สาํ หรบั ผสมเน้ือดนิ เพอ่ื เพม่ิ ความแกรง่ ของเครอ่ื งปนั้ และใชส้ าํ หรบั รองพน้ื ไมใ่ หด้ นิ เกาะตดิ กระดานรองปนั้ หรอื รองพน้ื ในขณะเหยยี บดนิ บนพน้ื ของโรงปนั้ ทรายทด่ี จี ะตอ้ ง เป็นทรายละเอยี ด เวลาใชต้ อ้ งรอ่ นเอาเศษผง กรวดต่างๆ ออกใหห้ มด 3. ฟืน สาํ หรบั ใชเ้ ผาเครอ่ื งปนั้ แต่เดมิ ใชฟ้ ืนไมเ้ บญจพรรณ และเมอ่ื ตอ้ งการใหไ้ ฟแรง ใชไ้ มต้ าตุ่ม ปจั จุบนั ใชเ้ ศษไมจ้ ากโรงเล่อื ย และทางมะพรา้ วแหง้ สาํ หรบั เรง่ ใหไ้ ฟแรงแทนไม้ ตาตุ่ม (จริ ดา แพรใบศร.ี 2548: 30) 2.4 อปุ กรณ์ท่ีต้องใช้ในการทาํ เครอ่ื งปัน้ ดินเผา การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาทบ่ี า้ นเกาะเกรด็ ชา่ งปนั้ จะใชเ้ ครอ่ื งมอื ทส่ี าํ คญั ๆ ดงั น้ี คอื 2.4.1 แป้นหมนุ เป็นอุปกรณ์สาํ คญั สาํ หรบั ขน้ึ รปู ภาชนะดนิ เผา ทาํ จากทอ่ นไม้ ขนาดใหญ่ แต่งเป็นรปู ครง่ึ วงกลม รปู รา่ งคลา้ ยลกู ขา่ ง ดา้ นบนตดั แบนราบ มไี มก้ ลมแบนอยู่ ดา้ นบนจงึ ดเู หมอื นลกู ขา่ งทม่ี ดี า้ นบนแบน เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 50 – 60 เซนตเิ มตร ภายใน ดา้ นลา่ งควา้ นเป็นรกู ลมเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 10 เซนตเิ มตรลกึ ประมาณ30 – 40 เซนตเิ มตร

11 การตงั้ แป้นหมนุ ตอ้ งขดุ ดนิ เป็นหลุมใหม้ ขี นาดใหญ่กว่าตวั แป้นเลก็ น้อย ตรงกลางหลมุ มหี ลกั ไมป้ กั แน่นอยใู่ นดนิ หลกั น้ีทาํ จากไมเ้ น้อื แขง็ และตงั้ ตรงทส่ี ุดทงั้ มนั่ คงแน่นอยใู่ นดนิ หลกั น้ี ทาํ จากไมเ้ น้ือแขง็ และตงั้ ตรงทส่ี ุ ดฝงั แน่นอยใู่ นดนิ เมอ่ื นําแป้นมาสวมแลว้ แป้นหมนุ ไดค้ ล่องตวั ไดส้ มดุลไมส่ นั่ คลอน สว่ นทโ่ี ผลจ่ ากพน้ื หลมุ ควรมคี วามสงู กวา่ ปากหลมุ ประมาณ 10 เซนตเิ มตร เมอ่ื นําแป้นมาสวมบนแกนไมน้ ้ีแลว้ แป้นจะลอยตวั สงู กวา่ ระดบั พน้ื ดนิ ประมาณ7 – 10 เซนตเิ มตร และวางอยใู่ นหลุมดนิ พอเหมาะหมนุ ตวั ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งตวั ส่วนบนของแป้นเป็นไมก้ ลมแบน เหนือ ไมก้ ลมแบนน้ีจะมแี ทง่ ดนิ กลมทรงกระบอกสงู ประมาณ 10 – 15 เซนตเิ มตร วางอยกู่ ง่ึ กลางของ แผ่นไมต้ ดิ แน่น สว่ นบนของแทง่ ดนิ น้บี างทมี ไี มก้ ลมแบนวางอยดู่ ว้ ย เวลาปนั้ จะปนั้ บนแทง่ ดนิ ทรงกระบอกน้ีและหมนุ แป้นเพราะแป้นจะอยใู่ นระดบั พอเหมาะกบั การทาํ งาน 2.4.2 กระดานรองปนั้ การปนั้ ภาชนะขนาดใหญ่จะตอ้ งปนั้ บนกระดานรองเป็นแผ่น ไมร้ ปู สเ่ี หลย่ี ม จตั ุรสั ขนาด 40 x 40 เซนตเิ มตร เวลาปนั้ ชา่ งปนั้ จะนํากระดานรองไปวางบนแทง่ ดนิ บนแป้นและปนั้ บนกระดานรองน้ี ทต่ี อ้ งใชก้ ระดานรองเพราะเพอ่ื สะดวก ในการหมนุ แป้นและ สะดวกเวลายกชน้ิ งานออกจากแป้น แต่ถา้ เป็นการปนั้ เครอ่ื งปนั้ ขนาดเลก็ เชน่ ครก กระปกุ ฯลฯ จะปนั้ บนแป้นไมใ่ ชก้ ระดานรอง ในปจั จบุ นั ใชเ้ ป็นแป้นหมนุ ไฟฟ้าทใ่ี ชม้ อเตอรไ์ ฟฟ้าเป็นตวั ทาํ ให้ แป้นหมนุ 2.4.3 ผา้ การปนั้ เครอ่ื งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ เวลาปนั้ ชา่ งปนั้ จะใชผ้ า้ เปียกน้ําจบั ดนิ ผา้ ทใ่ี ชเ้ ป็นผา้ ดบิ มขี นาดใหญ่กวา่ ผา้ เชด็ หน้าเลก็ น้อย มาพบั ทบกนั เป็นรปู ผนื เลก็ ยาวใหม้ ี สว่ นกวา้ งประมาณ 7 เซนตเิ มตร เวลาปนั้ ตอ้ งจมุ่ น้ําใหผ้ า้ เปียกอยเู่ สมอ การใชผ้ า้ จบั เวลาปนั้ จะ ทาํ ใหผ้ วิ ของเครอ่ื งปนั้ เรยี บรอ้ ยไมเ่ ป็นคลน่ื เป็นรอยมอื ทาํ ใหก้ ารจบั ดนิ ขน้ึ รปู สะดวกเพราะผา้ ลน่ื ลดการเสยี ดสขี องดนิ และมอื ไดอ้ ยา่ งดี ชว่ ยทาํ ใหก้ ารปนั้ ทาํ ไดร้ วดเรว็ ขน้ึ ดว้ ย 2.4.4 อ่างน้ํา ขณะปนั้ ตอ้ งมอี ่างน้ําขนาดเลก็ 1 ใบ อยดู่ า้ นขวามอื ของชา่ งปนั้ ชา่ ง ปนั้ จะใชผ้ า้ จ่มุ น้ําใหเ้ ปียกอยตู่ ลอดเวลาทป่ี นั้ และใชล้ า้ งมอื เม่ือดนิ ตดิ มอื มากดว้ ย 5. ไมว้ ง ทาํ ดว้ ยไมไ้ ผ่แบนขดเป็นวงกลม เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 10 เซนตเิ มตร ใชส้ าํ หรบั ขดู ผวิ เครอ่ื ง ปนั้ ภายนอกขณะปนั้ 2.4.5 หอยกาบ เป็นฝาหอยกาบน้ําจดื ขนาดใหญ่ประมาณฝา่ มอื เป็นหอย 2 ฝา มี มากในแมน่ ้ําเจา้ พระยาตอนเหนอื หอยกาบน้ใี ชแ้ ต่งผนงั ภายในให้ เรยี บรอ้ ยการใชไ้ มว้ งและหอย กาบน้ี ชา่ งปนั้ จะใชพ้ รอ้ มกนั เพอ่ื แต่งทงั้ ภายนอกและภายในของเครอ่ื งปนั้ มอื ซา้ ยจบั ไมว้ ง มอื ขวาจบั หอยกาบ ขณะหมนุ แป้น ช่างปนั้ จะใชเ้ ครอ่ื งมอื ทงั้ สองแต่งเครอ่ื งปนั้ โดยวางน้ําหนกั มอื ทงั้ สองขา้ งใหเ้ ทา่ กนั พรอ้ มขดู ดนิ แต่งผนงั เครอ่ื งปนั้ ประคองน้ําหนกั มอื ใหพ้ อดี ไมใ่ หผ้ นงั โปง่ ออก หรอื ยบุ เขา้ จนเสยี ทรง 2.4.6 ไมป้ ลายแหลม เป็นไมก้ ลม ยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตร ปลายเรยี วแหลม ใชส้ าํ หรบั แต่งส่วนลา่ งของเครอ่ื งปนั้ แทงดนิ สว่ นเกนิ รอบนอกของกน้ เครอ่ื งปนั้ ใหก้ ลมเรยี บ และ แต่งผนงั ดา้ นลา่ งของเครอ่ื งปนั้ ใหเ้ รยี บรอ้ ยยง่ิ ขน้ึ

12 2.4.7 ลวดหรอื เชอื กตดั ดนิ เป็นเสน้ ลวดหรอื เสน้ ดา้ ยขนาดเลก็ ใชส้ าํ หรบั ตดั เครอ่ื ง ปนั้ ขนาดไมใ่ หญ่ทไ่ี มต่ อ้ งใชก้ ระดานรองขณะปนั้ ออกจากตวั แป้น ความยาวของเสน้ ลวดหรอื เสน้ ดา้ ยน้ี ประมาณ 30 เซนตเิ มตร 2.4.8 กระดานรองดนิ ทใ่ี ชป้ นั้ เป็นแผน่ กระดานขนาดใหญ่ รปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ วาง อยดู่ า้ นขวามอื ของชา่ งปนั้ เมอ่ื เตรยี มดนิ เสรจ็ พรอ้ มทจ่ี ะใชป้ นั้ ได้ ดนิ เหลา่ นนั้ จะนํามาวางไวบ้ น กระดานรองดนิ น้ี 2.4.9 เหลก็ หรอื ไมข้ ดู ถา้ เป็นเหลก็ นิยมใชเ้ หลก็ ลานนาฬกิ าทเ่ี สยี แลว้ ถา้ เป็นไม้ จะใชเ้ ปลอื กไมไ้ ผ่ เหลาใหแ้ บนยาวประมาณ 20 เซนตเิ มตร เสย้ี มสองดา้ นใหแ้ บนเรยี บคลา้ ยมดี ดา้ นคมสาํ หรบั ขดู สว่ นกน้ ของเครอ่ื งปนั้ ใหเ้ รยี บรอ้ ย 2.4.10 กะลา เป็นกะลามะพรา้ วขนาดไมใ่ หญ่ แต่มคี วามหนาตดั แต่งขอบใหเ้ รยี บ เป็นมนั ใชส้ าํ หรบั ขดั แต่งและเกลาผวิ ของเครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่ เชน่ โอ่ง ใหม้ ผี วิ มนั เรยี บ 2.4.11 หนิ ขดั หรอื ลกู สะบา้ ใชส้ าํ หรบั ขดั แต่งขนั้ สดุ ทา้ ยใหเ้ ครอ่ื งปนั้ มผี วิ มนั เป็น เงางามและเรยี บเสมอกนั หนิ ทใ่ี ชต้ อ้ งใชห้ นิ กอ้ นกลมเกลย้ี ง ผวิ เรยี บเป็นมนั สว่ นใหญ่เป็นกอ้ น หนิ ทม่ี อี ยตู่ ามชายฝงั่ ทะเลหรอื แมน่ ้ําต่างๆ ส่วนลกู สะบา้ เป็นผลของลกู สะบา้ ซง่ึ มผี วิ มนั แขง็ และ มนี ้ําหนกั เบาเหมาะมอื สาํ หรบั ใชข้ ดั แต่งผวิ เครอ่ื งปนั้ การขดั แต่งผวิ ตอ้ งใชห้ นิ ขดั หรอื ลกู สะบา้ ขนาดเลก็ จะสะดวกและผวิ มนั งามดมี าก 2.4.12 ทต่ี ดี นิ ทาํ ดว้ ยดนิ เผารปู กอ้ นกลม ดา้ นลา่ งแบน ดา้ นบนมที จ่ี บั ใชต้ ดี นิ ใน สว่ นทเ่ี ป็นกน้ ภายในของเครอ่ื งปนั้ ใหแ้ น่นและเรยี บรปู รา่ งของท่ี ตดี นิ น้คี ลา้ ยลกู ตุม้ สว่ นลา่ งโคง้ เลก็ น้อย 2.4.13 ไมส้ ลกั ทาํ ดว้ ยไมไ้ ผ่ ใชส้ าํ หรบั สลกั ลายเครอ่ื งปนั้ 2.4.14 มดี ตดั ดนิ เป็นมปี ลายแหลมขนาดเลก็ สาํ หรบั ฉลลุ ายเครอ่ื งปนั้ หรอื ตดั ดนิ เพอ่ื ใหล้ วดลายเครอ่ื งปนั้ เดน่ ชดั สวยงามยง่ิ ขน้ึ 2.4.15 เครอ่ื งทาํ ลวดลาย ตวั แบบจะทาํ ดว้ ยไมห้ นามทองหลางปา่ ซง่ึ เป็นไมท้ ม่ี ี คุณสมบตั พิ เิ ศษใชแ้ กะเป็นแบบลวดลายไดด้ ี และนํามากดลายต่างๆ ตามตาํ แหน่งทต่ี อ้ งการบน เครอ่ื งปนั้ เพม่ิ ความสวยงามใหแ้ ก่เครอ่ื งปนั้ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี 2.5 โรงปัน้ เครอ่ื งปัน้ ดินเผา โรงปนั้ เครอ่ื งปนั้ ของบา้ นเกาะเกรด็ น้เี ป็นโรงปนั้ ท่ี มขี นาดใหญ่ เป็นอาคารหลงั คาสงู แหลม ความสงู ประมาณ 20 เมตร ยาวประมาณ 30 – 80 เมตร ชายคาเกอื บจรดพน้ื ดนิ หลงั คา จะลาดลงจนชายคาเกอื บถงึ พน้ื ดนิ ดงั กลา่ ว ดา้ นหน้า-หลงั ปิดทบึ มปี ระตเู ขา้ ออกดา้ นหน้าทต่ี อ้ ง สรา้ งขนาดใหญ่ เพราะตอ้ งเกบ็ ดนิ ไวเ้ ป็นกองขนาดใหญ่ในโรงปนั้ รวมทั้ งเครอ่ื งปนั้ ทกุ อยา่ งจะ เกบ็ ไวอ้ ยา่ งดภี ายในโรงปนั้ น้ีดว้ ย ทต่ี อ้ งทาํ หลงั คาลาดลงเกอื บถงึ พน้ื เพอ่ื ป้องกนั มใิ หล้ มโกรก ภายในดงั นนั้ อากาศภายในจงึ ไมร่ อ้ นและไมม่ ลี มแรง เหมาะสาํ หรบั เกบ็ เครอ่ื งปนั้ ทย่ี งั ไมไ่ ดเ้ ผา ป้องกนั การแตกรา้ วไดเ้ ป็นอยา่ งดี

13 2.6 เตาเผาเครอ่ื งปัน้ ดินเผา เตาเผาเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ มขี นาดใหญ่มากและการก่อตวั เตาอาศยั ความรู้ ความชาํ นาญของคนโบราณเป็นอยา่ งมาก ขนาดของเตานนั้ ใหญ่กวา่ เตาเผาแหง่ อ่นื ๆ ใน ประเทศเตาขนาดใหญ่นนั้ มคี วามยาวประมาณ 40 เมตร สว่ นกวา้ งสดุ ประมาณ 10 เมตร สว่ น สงู สดุ ประมาณ 15 เมตร มหี ลงั คาขนาดใหญ่สรา้ งครอบเตาไวล้ กั ษณะเตาเผาบา้ นเกาะเกรด็ น้ีมี รปู ป้อมยาวเรยี กวา่ เตาแบบประทนุ ระบบความรอ้ นเอยี งขน้ึ ความรอ้ นจะเรม่ิ จากดา้ นหน้าเตาพงุ่ ขน้ึ สตู่ วั ภายในเตาแลว้ ทะลอุ อกทางปลอ่ งทา้ ยเตาการก่อเตาของบา้ นเกาะเกรด็ น้ี เป็นการก่อเตา ทใ่ี ชเ้ ทคนคิ อยา่ งดเี ยย่ี ม เรม่ิ ตงั้ แต่การทาํ อฐิ ตอ้ งใชอ้ ฐิ ขนาดใหญ่ ขนาด 15x30 เซนตเิ มตร หนา ประมาณ 8 เซนตเิ มตร เผาสุกแลว้ จงึ ไปใชก้ ่อเตา การก่อฐานเตาจะเรม่ิ จากระดบั ต่าํ กวา่ เน้อื ดนิ แลว้ ก่อเป็นผนงั ขน้ึ การเรยี งอฐิ ทฐ่ี านเตาจะใชอ้ ฐิ เรยี งไขวก้ นั ไปมาฐานจงึ ใหญ่และหนา ป้องกนั เตาทรดุ ไดอ้ ยา่ งดี เมอ่ื ก่อฐานสงู ขน้ึ จะตอ้ งนําดนิ ไปอดั ใหแ้ น่นในระดบั บนเหนอื ฐานซง่ึ เป็นพน้ื ของเตา พน้ื จะลาดเอยี งจากทา้ ยเตาไปสปู่ ากเตา เพ่อื สะดวกในการใหไ้ ฟวงิ่ ขน้ึ ไปส่ปู ล่องทา้ ยเตา ความสงู ของพน้ื เตาจะสงู กวา่ ระดบั พน้ื เกอื บ 3 เมตร ในสว่ นทเ่ี ป็นระดบั สงู สดุ เมอ่ื ก่อฐานเตาแลว้ จะนําไมไ้ ผม่ าทาํ เป็นโครงภายในตามรปู ของเตา แลว้ ก่ออฐิ ขน้ึ ตาม โครงไมไ้ ผ่ก่อขน้ึ ต่อๆ ไปจนเป็นรปู เตาการเรยี งอฐิ ทาํ ผนงั เตาใชว้ ธิ เี รยี งอฐิ ทาํ เป็นลม่ิ แทนการ ซอ้ นกนั แบบธรรมดา จะตอ้ งถากอฐิ ใหไ้ ดร้ ปู วางซอ้ นอดั แน่นในแต่ละชอ่ งแนบสนทิ ตามความโคง้ ของเตา การเรยี งอฐิ ก่อเตาเชน่ น้ีจ ะทาํ ใหเ้ ตามคี วามแขง็ แรงมนั่ คงมาก ใชเ้ ผากนั นานหลายสบิ ปี หรอื เป็นรอ้ ยปีเตากย็ งั คงแขง็ แรงดอี ยผู่ นงั เตาจะมคี วามหนามาสกว่ นฐานหนาประมาณ50 เซนตเิ มตร สว่ นผนงั เตาประมาณ 30 เซนตเิ มตร การเกบ็ ความรอ้ นภายในเตาจงึ ดมี ากนอกเหนอื จากความ แขง็ แรงมนั่ คง พน้ื เตาภายในจะลาดเอยี งข้ึ นจากปากเตาจนถงึ ทา้ ยเตาบรเิ วณทา้ ยสดุ จะเป็น ปลอ่ ง ปากเตาเป็นรปู ประตโู คง้ จากปากเตาเขา้ ไปประมาณ 2 เมตร เป็นพน้ื ราบเสมอกบั หน้าเตา ตรงน้ีเป็นเรอื นไฟสาํ หรบั ใส่ฟืนเวลาเผาเลยเรอื นไฟไปจะเป็นยกพน้ื สงู ขน้ึ ประมาณ60 เซนตเิ มตร เป็นพน้ื เตาทว่ี างเครอ่ื งปนั้ ในเวลาเผา พน้ื เตาจะคอ่ ยๆ ลาดเอยี งขน้ึ สทู่ า้ ยเตาจนถงึ บรเิ วณทเ่ี ป็น ปล่องเตา ภายนอกเตาดา้ นขา้ งทงั้ สองจะก่อผนงั อฐิ เป็นรปู ปีกนกจากเสาอาคารหลงั คาคลมุ มายนั กบั ตวั เตา เพอ่ื ยดึ เตาใหม้ นั่ คงแขง็ แรงยง่ิ ขน้ึ ดา้ นหน้าบรเิ วณใกลป้ ระตเู ตาจะก่อปีกนกขนาดใหญ่ ทงั้ สองขา้ งบรเิ วณตรงกลางใกลข้ อบบ นของปีกนกน้จี ะเจาะเป็นชอ่ งไวด้ า้ นละ 1 ชอ่ ง เป็นชอ่ ง สเ่ี หลย่ี มขนาด 20x20 เซนตเิ มตร เป็นทส่ี าํ หรบั ไหวเ้ ตาเมอ่ื ทาํ พธิ เี ซ่นเตาปีกนกทงั้ สองขา้ งทย่ี น่ื ออกมาขา้ งปากเตาน้ี ทางมอญเรยี กวา่ “หชู า้ ง” ถา้ มองรปู เตาของมอญทางดา้ นหน้าและดา้ นขา้ ง แลว้ จะเหมอื นชา้ งกาํ ลงั นอนหมอบอ ยมู่ าก ตวั เตาซง่ึ ป้อม – ปอ่ งตรงกลาง หลงั จะโคง้ จากปาก เตาเป็นสนั ตรงกลาง และค่อยลาดลงทา้ ยเตา จงึ ดคู ลา้ ยหลงั และตวั ชา้ งมาก ดา้ นหน้ามปี ีกกางอยู่ สองขา้ ง จงึ ยง่ิ ดเู หมอื นหชู า้ งเน่ืองจากเป็นเตาขนาดใหญ่ และใชเ้ ผาเครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่ดว้ ย ดงั นนั้ ระยะเวลาในการเผาจงึ ตอ้ งใ ชเ้ วลานานประมาณ 20 – 25 วนั และตอ้ งใชฟ้ ืนเป็นเชอ้ื เพลงิ จาํ นวนมาก คนเผาเตาจะตอ้ งอยปู่ ระจาํ ตลอดเวลาปกตใิ ชค้ นเผา 2 คน ผลดั เวรกนั กะละ 6 ชวั่ โมง

14 ตอ้ งผลดั กนั เผาตลอดเวลาทงั้ กลางวนั และกลางคนื ไมม่ เี วลาหยดุ ยงิ่ เมอ่ื ขน้ึ ไฟแรง คนเผาจะตอ้ ง ระวงั ไฟใหอ้ ยใู่ นระดบั ทค่ี อ่ ยๆ สงู ขน้ึ ๆ จนกว่าเครอ่ื งปนั้ จะสุกจงึ จะปิดเตาไดเ้ มอ่ื ปิดเตาแลว้ จะตอ้ งทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ อกี ประมาณ 5 – 7 วนั จงึ จะนําเครอ่ื งปนั้ ออกมาจากเตาได้ 2.7 การเตรยี มดิน ดนิ เป็นวตั ถุดบิ ทส่ี าํ คญั ในการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา นอกจากจะตอ้ งเลอื กหาดนิ ท่ี เหมาะสมกบั การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผ าแลว้ ยงิ่ จะตอ้ งมกี ารเตรยี มดนิ ทด่ี แี ละถูกตอ้ งอกี ดว้ ย เครอ่ื ง ปนั้ ทไ่ี ดจ้ งึ จะมคี ณุ ภาพดตี ามทต่ี อ้ งการ การเตรยี มดนิ ทด่ี ที ส่ี ดุ จงึ เป็นวธิ กี ารทส่ี าํ คญั ในการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา การเตรยี มดนิ ทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาของบา้ นเกาะเกรด็ มดี งั น้ี 2.7.1 การหมกั ดนิ เมอ่ื ขดุ ดนิ ขน้ึ จากพน้ื ดนิ แลว้ จะกองตากแดดตากฝนไประยะหน่งึ (ยงิ่ นานยงิ่ ด)ี หรอื จะใชว้ ธิ รี ดน้ําใหด้ นิ ชมุ่ อยตู่ ลอดเวลากไ็ ด้ จากนนั้ จงึ นําดนิ ไปทาํ ใหล้ ะเอยี ดและ เหนยี วดว้ ยการยา้ํ ดนิ 2.7.2 การย่าํ ดนิ นําดนิ ทไ่ี ดผ้ ่านการขดุ และหมกั ไวแ้ ลว้ นนั้ มาวางแผใ่ นพน้ื ของโรง ปนั้ ใชท้ รายรองพน้ื ก่ อน กนั ไมใ่ หด้ นิ ตดิ กบั พน้ื โรง ดนิ จะวางบนพน้ื โรงเป็นกองขนาดใหญ่สงู ประมาณ 50-60 เซนตเิ มตร แผใ่ หม้ รี ะดบั เสมอกนั ตามพน้ื ของโรงปนั้ การย่าํ ดนิ ใชค้ วายเดนิ ย่าํ ไปมาบนกองดนิ ขณะควายย่าํ บนดนิ นนั้ ตอ้ งคอยเอาน้ํารดดนิ เสมอเพ่อื ใหด้ นิ นิ่มตวั และผสมผสาน กนั ไดง้ า่ ย และช่วยใหค้ วายเดนิ ไดส้ บายดว้ ย ไมม่ ดี นิ ตดิ ทข่ี าควาย ควายจะไมเ่ หน่อื ยมาก และ กา้ วขาไดส้ ะดวก 2.7.3 เมอ่ื ควายย่าํ ดนิ จนดนิ มคี วามเหนยี วดแี ลว้ จะรวมดนิ ปนั้ เขา้ เป็นกองดนิ ใหญ่ อยใู่ นมมุ ใดมมุ หน่ึงของโรงปนั้ ใชใ้ บตองแหง้ คลุมไวค้ อยพรมน้ําเสมอเพ่อื มใิ หด้ นิ แขง็ 2.7.4 เมอ่ื ตอ้ งการ ใชด้ นิ จะใชน้ ้ําพรมกองดนิ มมุ ใดทต่ี อ้ งการปนั้ ใหเ้ ปียกแลว้ ใช้ พลวั่ ไมแ้ ซะดนิ เป็นแผ่นๆ มอญเรยี กว่า “เซต๊าย” มากองรวมอยทู่ พ่ี น้ื พรมน้ําใหช้ ุ่มแลว้ เหยยี บ ดนิ นนั้ ใหจ้ บั เป็นกอ้ นแน่นอยกู่ บั พน้ื นนั้ 2.7.5 การเหยยี บดนิ เพอ่ื ใหด้ นิ มคี วามเหนยี วมากยง่ิ ขน้ึ ตอ้ งนําดนิ ทผ่ี ่ านการ เหยยี บในขนั้ ตอนก่อนน้ีมาเหยยี บทาํ เป็นกองดนิ เลก็ ๆ ใหม่ นําดนิ ทผ่ี า่ นการเหยยี บครงั้ แรกนนั้ มากองทล่ี ะน้อย ใชเ้ ทา้ เหยยี บใหด้ นิ นนั้ ละเอยี ดเขา้ กนั และเหนียวยงิ่ ขน้ึ คอ่ ยๆ เพ่มิ ดนิ ใหม้ ากขน้ึ ทลี ะน้อยจนดนิ เขา้ กนั ไดด้ แี ละกลบั ดนิ นนั้ เหยยี บกลบั ไปมาอกี 2-3 ครงั้ เม่อื ใชง้ านไดแ้ ลว้ ก็ เหยยี บเป็นกองกลมแบน ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ2 เมตร และสงู ประมาณ 50 เซนตเิ มตร การเหยยี บดนิ เชน่ น้ีเป็นการแสดงความสามารถของผเู้ หยยี บดนิ นอกจากสามารถเหยยี บใหไ้ ด้ ดนิ ทม่ี คี วามเหนยี วดแี ลว้ ยงั จะตอ้ งใหไ้ ดก้ องดนิ รปู วงกลมสวย และใชเ้ ทา้ เหยยี บใหเ้ ป็ นเหมอื น รปู ดอกไม้ คนเก่งๆ จะทาํ กองดนิ ไดเ้ หมอื นรปู ดอกไมก้ ลมขนาดใหญ่ได้ โดยใชเ้ ทา้ เหยยี บใหเ้ ป็น รปู เชน่ นนั้ ดนิ ทผ่ี า่ นการเหยยี บแลว้ น้ี พรอ้ มทจ่ี ะนําไปใชป้ นั้ ได้

15 ภาพประกอบ 3 การปนั้ การแกะลาย 2.8 การปัน้ การปนั้ เครอ่ื งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ ขน้ึ รปู โดยใชแ้ ป้นหมนุ และใชด้ นิ ขดขน้ึ รปู เป็นผนงั ของเครอ่ื งปนั้ ก่อนในชน้ิ แรก จากนนั้ ชา่ งปนั้ จงึ จบั ผา้ นนั้ ใหเ้ ป็น รปู ภาชนะปนั้ ตามทต่ี อ้ งการ ต่อไปการปนั้ เครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโอ่งจะตอ้ งปนั้ สองท่อนต่อกนั ในชนั้ แรกจะปนั้ ทอ่ น ลา่ งก่อน แลว้ ปล่อยไวใ้ หห้ มาดมคี วามแขง็ พอทจ่ี ะรบั น้ําหนกั ของท่อนบนได้ จงึ ปนั้ ต่อทอ่ นบน ต่อไปการปนั้ ตอ้ งใชค้ น 2 คน คนแรกคอื ชา่ งปนั้ มอญเรยี กว่า “อาจารย์” ส่วนคนทส่ี องคอื คน หมนุ แป้นและเตรยี มดนิ เรยี กว่า “ลกู ศษิ ย์” ลกู ศษิ ยต์ อ้ งเตรยี มดนิ ใหพ้ รอ้ มก่อนอาจารยล์ งมอื ปนั้ เรมิ่ ตงั้ แต่การแทงดนิ จากกองใหญ่ จนมาเหยยี บเป็นกองดนิ รปู ดอกไม้ ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วแลว้ ในเรอ่ื ง การเตรยี มดนิ ลกู ศษิ ยจ์ ะตอ้ งทาํ ดนิ เป็นขดยาวเพอ่ื ใชป้ นั้ ขดดนิ น้มี อญเรยี กวา่ “กลอน” ลกู ศษิ ย์ จะตอ้ งตกี ลอนเตรยี มทาํ ขดดนิ น้ีไวใ้ หพ้ รอ้ ม โดยแบ่งดนิ ออกจากกองดนิ ทเ่ี หยยี บไว้ แบง่ ดนิ เป็น 2 สว่ นขนาดพอถอื ไดใ้ นแต่ละมอื แลว้ ตบดนิ นนั้ ใหเ้ ขา้ กนั 2-3 ครงั้ จะทาํ ใหด้ นิ เหนยี วยง่ิ ขน้ึ จากนนั้ มาเหยยี บเป็นแท่งยาวแลว้ ใชม้ อื คลงึ ยนื ปลอ่ ยใหส้ ว่ นปลายของขดดนิ คอ่ ยๆ เลอ่ื นลงจาก มอื ตอ้ งใชก้ ําลงั แขนทงั้ สองมากเพ่อื คลงึ ดนิ จนเป็นขดดนิ ยาวตามตอ้ งการ แทง่ ดนิ น้จี ะมขี นาด ใหญ่กว่าแขนเลก็ น้อย ความยาวประมาณ 50-80 เซนตเิ มตร แลว้ แต่ขนาดของภาชนะทจ่ี ะปนั้ บางคนสามารถคลงึ กลอนน้ียาวถงึ 100 เซนตเิ มตร การปนั้ เครอ่ื งปนั้ ทม่ี สี ว่ นกน้ กวา้ ง เชน่ โอ่ง อ่าง ลกู ศษิ ยต์ อ้ งเตรยี มดนิ อกี ประเภทหน่ึงเรยี กว่า “ลกู ตาล” มลี กั ษณะคลา้ ยลกู ตาล ขนาดของ ลกู ตาลกข็ น้ึ อยกู่ บั ขนาดของภาชนะทจ่ี ะปนั้ เชน่ กนั ลกู ศษิ ยจ์ ะเต รยี มลกู ตาลและกลอนไวบ้ น กระดานรองดนิ ทอ่ี ยดู่ า้ นขวามอื ของอาจารยเ์ ตรยี มใสน่ ้ําในอ่าง ทรายละเอยี ดตอ้ งมพี รอ้ มอยู่ ทางดา้ นขวามอื อาจารยเ์ ชน่ กนั พรอ้ มทงั้ กระดานรองปนั้ กเ็ ตรยี มพรอ้ ม อุปกรณ์การปนั้ อ่นื ๆ อาจารยจ์ ะจดั เตรยี มมาวางไวด้ า้ นขวามอื ของตนเอง ทน่ี งั่ ของอาจารยป์ นั้ จะตอ้ งปรบั ใหส้ งู ขน้ึ ตามระดบั ความสงู ของเครอ่ื งปนั้ ทจ่ี ะปนั้ โดยปกตแิ ลว้ ถา้ ปนั้ ของขนาดไมใ่ หญ่ ทน่ี งั่ จะอยใู่ นระดบั เหนือแป้นเลก็ น้อย

16 หรอื ประมาณ 15 เซนตเิ มตร จากพน้ื ดนิ ถา้ ปนั้ ของทม่ี คี วามสงู ใหญ่ อาจารยป์ นั้ อาจจะตอ้ งยนื ปนั้ ถงึ จะปนั้ ไดถ้ นดั มอื สว่ นลกู ศษิ ยผ์ ู้หมนุ แป้นจะนงั่ ลงกบั พน้ื ดนิ ตรงขา้ มอาจารย์ และใชม้ อื สาวแป้นใหห้ มนุ ไปเรอ่ื ยๆ วธิ กี ารหมนุ แป้นมี 2 วธิ ี ถา้ ปนั้ ของขนาดใหญ่ เชน่ โอ่ง อ่าง ลกู ศษิ ยต์ อ้ งนงั่ กบั พน้ื ใชม้ อื สาวแป้นใหห้ มนุ เรยี กวธิ นี ้ีวา่ “ชกั แป้น” เน่อื งจากการปนั้ ของขนาด ใหญ่ ใชค้ วามเรว็ ของแป้นไมม่ าก วธิ นี ้จี งึ เหมาะกบั การปนั้ ของใหญ่ ถา้ ปนั้ ของขนาดเลก็ ลกู ศษิ ย์ จะยนื ใชเ้ ทา้ ขวาถบี แป้นใหห้ มนุ ยนื เทา้ ซา้ ยเทา้ เดยี ว วธิ นี ้ีเรยี กวา่ “ถบี แป้น” วธิ นี ้ีแป้นจะหมนุ เรว็ และเรง่ ความเรว็ ได้ เหมาะสาํ หรบั ปนั้ ของขนาดเลก็ เครอ่ื งปนั้ ทป่ี นั้ เสรจ็ แลว้ ถา้ เป็นของขนาด ใหญ่หรอื ของทต่ี อ้ งมกี ารตกแต่งลวดลาย จะไมน่ ําออกตากแดดแต่จะเกบ็ ไวใ้ นโรงปนั้ เพ่อื ตกแต่งลวดลายและปล่อยใหแ้ หง้ ไป เองชา้ ๆ แต่ถา้ เป็นเครอ่ื งปนั้ ขนาดเลก็ เชน่ ครก อ่าง นําไปตากแดดไว้ แต่พอหมาดดตี อ้ งนําไป ผง่ึ ในโรงปนั้ 2.9 การตกแต่งลวดลาย เมอ่ื ภาชนะหมาดดแี ลว้ ตอ้ งแต่งผวิ ภายนอ กใหเ้ รยี บรอ้ ย ใชก้ ะลาหรอื หนิ ขดั ลกู สะบา้ ขดั กไ็ ด้ สว่ นกน้ ของเครอ่ื งปนั้ ตอ้ งขดู แต่งใหเ้ รยี บรอ้ ยดว้ ยเชน่ กนั ถา้ เครอ่ื งปนั้ นนั้ เป็นประเภทท่ี ตอ้ งตกแต่งเป็นพเิ ศษ ชา่ งปนั้ จะตอ้ งสลกั ลวดลายต่างๆ อยา่ งวจิ ติ รบรรจงตามความสามารถของ ชา่ ง ซง่ึ มวี ธิ กี ารตกแต่ง ดงั น้ี 1. การสลกั ดว้ ยไมส้ ลกั 2. การฉลุและตดั ดนิ ดว้ ยมดี ปลายแหลม 3. การทาํ ลวดลายดว้ ยไมห้ นามทองหลางปา่ 4. การกดลายลงในเน้อื ดนิ ลายทต่ี กแต่งเครอ่ื งปนั้ จงึ มี 3 ประเภทตามลกั ษณะของวธิ กี ารแต่งลาย คอื 1. ลายทเ่ี กดิ จากการขดี หรอื สลกั 2. ลายทเ่ี กดิ จากการตดั ดนิ หรอื ฉลโุ ปรง่ 3. ลายทเ่ี กดิ จากการกดใหเ้ น้อื ดนิ นูนหรอื ต่าํ ลงตามแบบของลาย ลวดลายทต่ี กแต่งบนเครอ่ื งปนั้ เป็นลายแบบมอญ ซง่ึ มดี งั น้ี เชน่ 1. ลายกลบี บวั 2. ลายเครอื เถา 3. ลายดอกไมต้ ่างๆ 4. ลายสรอ้ ยคอ 5. ลายใบไม้ 6. ลายเทพพนม 7. ลายรปู สตั ว์ 8. ลายพวงมาลยั 9. ลายฉลโุ ปรง่ 10.ลายพวงดอกไม้

17 เครอ่ื งปนั้ ประเภทสวยงามน้สี ว่ นใหญ่ เป็นโอ่งน้ํา แต่มรี ปู ทรง ลวดลายการตกแต่ง แตกต่างกนั หลายแบบ รปู ทรงทน่ี ยิ มทาํ กนั คอื 1. ทรงหมอ้ น้ําลวดลายวจิ ติ ร (กน้ กลม คอสงู ) 2. ทรงกน้ กลมคอสนั้ 3. ทรงโอ่งสลกั เอวใหญ่ 4. ทรงโอ่งสลกั เอวคอด 5. ทรงโอ่งสลกั ทรงสงู เอวคอด 6. ทรงขวดโหล 7. ทรงฟกั ทองคอสนั้ 8. ทรงฟกั ทองคอสงู 9. ทรงมะยม 10. ทรงกระบอก 11. ทรงกระบอกปากผาย 12. ทรงตลกอ่นื ๆ 13. ทรงกลมมรี ปู สตั ว์ (ไก่, นก) โอ่งน้ําทท่ี าํ ลวดลายวจิ ติ รของบา้ นเกาะเกรด็ น้นี บั วา่ เป็นเลศิ ในการ ออกแบบทม่ี คี วาม งามทงั้ รปู ทรงและการตกแต่ลวดลาย ในกลุ่มเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาประเภทดนิ แดงไมเ่ คลอื บน้ีเครอ่ื ง ปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ มคี วามงามเหนอื กวา่ เครอ่ื งปนั้ ประเภทเดยี วกนั น้ใี นทกุ แหง่ 2.10 ลกั ษณะพิเศษท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของเครอ่ื งปัน้ บา้ นเกาะเกรด็ ภาพประกอบ 4 รปู ทรงหมอ้ น้ําแบบประยกุ ตใ์ นปจั จบุ นั

18 1. การตกแต่งลวดลายทน่ี ยิ มทาํ เป็นลายฉลโุ ปรง่ ทข่ี ารอง นอกจากจะเพม่ิ ความ สวยงามใหแ้ ก่เครอ่ื งปนั้ แลว้ ยงั นบั วา่ เป็นความฉลาดของชา่ งปนั้ โบราณ เพราะประโยชน์ของขา รองเชน่ น้ีมมี าก ชว่ ยทาํ ใหม้ กี ารระบายอากาศใตโ้ อ่งน้ํา ทาํ ใหน้ ้ําเยน็ และไมใ่ หเ้ กดิ ความชน้ื ทพ่ี น้ื เมอ่ื วางบนพน้ื บา้ นทเ่ี ป็ นพน้ื ไม้ ป้องกนั มใิ หพ้ น้ื บา้ นผไุ ดเ้ ป็นอยา่ งดี เพม่ิ ความเยน็ ใหน้ ้ําในโอ่ง นนั้ เป็นอยา่ งดดี ว้ ย 2. นยิ มทาํ ขารองโอ่งน้ํา ขารองน้ที าํ ดว้ ยดนิ เผาเชน่ เดยี วกนั สลกั ลายงดงาม เป็น ส่วนประกอบของตวั โอ่งน้ํานนั้ ดงั นนั้ โอ่งน้ําบา้ นเกาะเกรด็ จงึ นยิ มทาํ เป็น 3 ส่วน คอื สว่ นทเ่ี ป็น ตวั โอ่ง สว่ นทเ่ี ป็นฝา และสว่ นทเ่ี ป็นขารอง 3. ลกั ษณะของฝาโอ่ง นอกจากจะทาํ ลวดลายสวยงามเชน่ เดยี วกนั แลว้ ฝาโอ่งนยิ ม ทาํ ทรงยอดแหลมสงู 4. ลกั ษณะเดน่ ในการทาํ ขอบของเครอ่ื งปนั้ จะมกี ารทาํ เป็นเสน้ ลายบนขอบอกี ชนั้ หน่ึง และตามสว่ นต่างๆ ของเครอ่ื งปนั้ บางแหง่ เชน่ ตามขอบลา่ ง ตามไหล่ จะมกี ารทาํ เป็น เสน้ ลายเพอ่ื ความสวยงามดว้ ย แมจ้ ะเป็นเครอ่ื งปนั้ ธรรมดา เชน่ อ่าง ครก กท็ าํ เชน่ น้ีดว้ ย ซง่ึ ทาํ ใหข้ อบเครอ่ื งปนั้ ดสู วยงามเป็นพเิ ศษ กวา่ เครอ่ื งปนั้ แหล่งอ่นื ๆ ในประเทศไทยทงั้ หมด ยงิ่ ถา้ เป็น เครอ่ื งปนั้ ประเภทสวยงามแลว้ จะมกี ารทาํ ลวดลายทข่ี อบน้สี วยงามยงิ่ ขน้ึ การสลกั ลายตอ้ งทาํ หลงั จากไดเ้ กบ็ ภาชนะทเ่ี กบ็ ไวห้ ลงั จากปนั้ เสรจ็ แลว้ ระยะหน่ึงเน้ือดนิ ไมน่ ิ่มหรอื แขง็ เกนิ ไป เมอ่ื สลกั ลายตรงๆ แลว้ ตอ้ งเกบ็ ไวใ้ นทร่ี ม่ ไมม่ ลี มผา่ น ใชใ้ บตองแหง้ คลมุ ไวอ้ กี ระยะหน่งึ จนภาชนะ แหง้ จงึ ขดั ผวิ ใหเ้ ป็นมนั เรยี บรอ้ ย และเกบ็ ความเรยี บรอ้ ยอ่นื ๆ อกี ครงั้ จงึ เกบ็ ต่อไปจนแหง้ สนทิ ดี พรอ้ มทจ่ี ะนําไปเขา้ เตาเผาได้ 2.11 การเผาเครอ่ื งปัน้ ก่อนจะถงึ วนั เขา้ เตา จะตอ้ งตรวจดคู วามเรยี บรอ้ ยของเตาอกี ครงั้ ถา้ มรี หู รอื ชอ่ งว่าง ระหวา่ งแผน่ อฐิ จะตอ้ งใชด้ นิ เหนยี วผสมทราย ยาใหห้ มด เพอ่ื ป้องกนั มใิ หค้ วามร้อนผา่ นออกไป ไดเ้ ป็นการสญู เสยี เชอ้ื เพลงิ การนําเครอ่ื งปนั้ เขา้ เตาน้จี ะกล่าวเฉพาะเตาเผาขนาดใหญ่ และเผา เครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่เป็นหลกั ซง่ึ ตอ้ งใชค้ นจาํ นวนมากและใชค้ วามชาํ นาญมากดว้ ยเชน่ กนั เรยี ก กนั ทวั่ ไปว่า เขา้ เตา สาํ หรบั การนําเครอ่ื งปนั้ เขา้ เตาเผาจาํ นวนคนทต่ี อ้ งใชใ้ นการเขา้ เตาน้ไี มน่ ้อยกวา่ 20 คน ถา้ เตากบั โรงปนั้ อยหู่ า่ งกนั มากยง่ิ ตอ้ งใชค้ นมากขน้ึ ผทู้ าํ หน้าทต่ี ่างๆ ในวนั เขา้ เตาน้ถี กู กาํ หนด ตวั ไวอ้ ยา่ งมรี ะบบ ดงั น้ี คอื 1. หวั หน้าใหญ่ มอญเรยี กว่า “อาจาเลย่ี ง” หรอื เป็นอาจารยใ์ หญ่ เป็นผคู้ วบคมุ การจดั วางเครอ่ื งปนั้ ภายในเตาให้ ถกู ตอ้ ง จะคอยสงั่ การอยภู่ ายในเตา ทกุ คนตอ้ งคอยฟงั คาํ สงั่ และ ชว่ ยเหลอื รว่ มกนั ทาํ งานตามทห่ี วั หน้าใหญ่น้สี งั่

19 2. หวั หน้ารอง มอญเรยี กว่า “เลย่ี งจา้ ง” มจี าํ นวน 2 คน มหี น้าทจ่ี ดั เรยี งโอ่งใหญ่ ซง่ึ ตอ้ งวางอยบู่ นพน้ื ของเตา โอ่งขนาดใหญ่น้จี ะวางเรยี งเป็นแถวหน้ากระดานต ามขวางของเตา เครอ่ื งปนั้ ทจ่ี ะนําเขา้ เตาเผาจะตอ้ งผา่ นการตรวจความสมบรู ณ์ก่อนอยา่ งถถ่ี ว้ น ยง่ิ ถา้ เป็นโอ่ง อ่างขนาดใหญ่แลว้ จะตอ้ งตรวจเป็นพเิ ศษ ถงึ กบั ตอ้ งใชเ้ ทยี นสอ่ งดภู ายในวา่ มรี อยรา้ วหรอื ไม่ ถา้ พบตอ้ งคดั ออก ถา้ นําของชาํ รดุ ไมส่ มบรู ณ์ไปเผาเป็นการเสยี ประโยชน์ และถ้าเป็นเครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่ เชน่ โอ่ง อ่าง ขนาดใหญ่นอกจากจะเสยี ประโยชน์สน้ิ เปลอื งเชอ้ื เพลงิ ดงั กล่าวแลว้ ยงั จะเป็นอนั ตรายอกี ดว้ ย ทงั้ น้ีเพราะโอ่งใหญ่ๆ ตอ้ งวางอยดู่ า้ นลา่ ง ตอ้ งรบั น้ําหนกั เครอ่ื งปนั้ อ่นื ๆ อกี มาก รวมทงั้ อ่างขนาดใหญ่ จะวางอยดู่ า้ นบนเหนอื โอ่ง และมเี ครอ่ื งปนั้ เลก็ ๆวางซอ้ น ดา้ นบนอกี ถา้ เครอ่ื งปนั้ มชี าํ รดุ ขณะเผาอาจจะเกดิ แตกรา้ วมากยงิ่ ขน้ึ หรอื เกดิ แตกออกจากกนั ก็ จะทาํ ใหข้ องทซ่ี อ้ นไวด้ า้ นบนพงั ทลายลงมาจนไดร้ บั ความเสยี หายมากได้ จงึ ตอ้ งระมดั ระวงั ตรวจ ความสมบรู ณ์ของภาชนะน้ีมากการลาํ ดบั เครอ่ื งปนั้ ภายในเตาชนั้ ลา่ งสุ ดจะเป็นโอ่งขนาดใหญ่ เรยี งแถวหน้ากระดานขวางกบั ตวั เตา ใบล่างสดุ ตงั้ หงายเอาปากโอ่งขน้ึ จากนนั้ ใชโ้ อ่งขนาดใหญ่ ขนาดเดยี วกนั ซอ้ นในลกั ษณะคว่าํ เอยี ง วางบนบ่าของโอ่งใบล่างใหบ้ า่ ชนกนั วางเอยี งเป็นแถว เรยี งหน้ากระดานขวางกบั ตวั เตาเอยี งไปทางซา้ ยหรอื ขวากไ็ ด้ จะซอ้ นกนั เชน่ น้ีอกี 1 ชนั้ (เฉพาะ ตรงสว่ นทส่ี งู ทส่ี ุดของเตา ) ตรงส่วนสงู สดุ จงึ วางโอ่งซอ้ นกนั ไดถ้ งึ 3 ใบ และลดลงตามความลาด ของตวั เตา ตรงกลางและหน้าเตาซง่ึ เป็นสว่ นทม่ี คี วามสงู มากจะซอ้ นกนั ไดถ้ งึ 3 ชนั้ เครอ่ื งปนั้ ทม่ี ี ขนาดรองหรอื ขนาดเลก็ จะถกู จดั วางตามซอกมมุ และดา้ นบนซอ้ นขน้ึ ไ ป จนถงึ หลงั เตา หวั หน้า ใหญ่ตอ้ งชาํ นาญในการจดั วางเครอ่ื งปนั้ ภายในเตา ตอ้ งชาํ นาญในการดทู างไฟทจ่ี ะผา่ น 3. ผชู้ ่วยหวั หน้าใหญ่ จาํ นวน 2-3 คน ทาํ หน้าทส่ี ง่ เครอ่ื งปนั้ ใหห้ วั หน้า และชว่ ยคอย จดั เรยี งเครอ่ื งปนั้ ใหเ้ รยี บรอ้ ย ตามตาํ แหน่งต่างๆ ภายในเตาทงั้ หวั หน้าใหญ่และผชู้ ่ วยชดุ น้ี จะ ทาํ งานอยดู่ า้ นบน เหนอื ชนั้ ของโอ่งใหญ่ทว่ี างระดบั พน้ื เตาขน้ึ ไป ในขณะทห่ี วั หน้ารอง ทาํ หน้าท่ี จดั วางโอ่งใหญ่ในระดบั พน้ื เตาขน้ึ มา 4. คนหาบโอ่งใหญ่ มจี าํ นวน 2 คนถงึ 6 คน แลว้ แต่ระยะไกลหรอื ใกลร้ ะหว่างโรงปนั้ และเตา มหี น้าทห่ี ามโอ่งใหญ่และโอ่งกลางจากโรงปนั้ ไปเตาเผา ชุดละ 2 คน ใชไ้ มห้ าบโอ่งขนาด ใหญ่ หาบโอ่งทใ่ี ส่อยใู่ นสาแหรกครงั้ ละ 2 ใบ ถา้ ระยะทางไกลจะตอ้ งใชค้ นหาบโอ่งน้ี 2-3 ชดุ 5. คนส่งเครอ่ื งปนั้ ใหห้ วั หน้าใหญ่หรอื ผชู้ ่วยหวั หน้าใหญ่ จาํ นวน 2-3 คน มหี น้าทช่ี ว่ ย สง่ เครอ่ื งปนั้ ต่างๆใหห้ วั หน้าใหญ่หรอื ผชู้ ่วยหรอื นําของไปวางในตาํ แหน่งต่างๆทห่ี วั หน้าใหญ่สงั่ 6. คนหาบเครอ่ื งปนั้ อ่นื ๆ มหี น้าทห่ี าบหรอื ขนเครอ่ื งปนั้ อ่นื ๆ ไปทเ่ี ตา เชน่ โอ่งเลก็ ครก อ่าง กระปกุ เป็นตน้ ซง่ึ ตอ้ งใชค้ นอกี ประมาณ 7-8 คน เน่อื งจากเป็นเตาขนาดใหญ่และมี เครอ่ื งปนั้ ขนาดใหญ่จนถงึ ขนาดเลก็ ๆ มจี าํ นวนมาก จงึ ตอ้ งใชค้ นมากดว้ ย การเขา้ เตาน้จี ะลงมอื ทาํ งานแต่เชา้ ประมาณ 7.30 น. เสรจ็ ประมาณ 15.00-16.00 น. การเรยี งเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาภายใน เตานนั้ มคี วามสาํ คญั มาก ผเู้ รยี งตอ้ งมคี วามรเู้ รอ่ื งการระบายความรอ้ นภายในเตาจากชอ่ งไฟทใ่ี ส่ เชอ้ื เพลงิ ไปจนถงึ ปลอ่ งทา้ ยเตาทค่ี วามรอ้ นจะระบายจากชอ่ งไฟไปสปู่ ลอ่ ง เครอ่ื งปนั้ ทน่ี ํามาเรยี ง ภายในเตาจะตอ้ งไมป่ ิดทางระบายความรอ้ นและปิดชอ่ งไฟทจ่ี ะกระจายไปสปู่ ลอ่ งทา้ ยเตาและ

20 เครอ่ื งปนั้ ทน่ี ํามาเรยี งภายในเตาจะตอ้ งมนั่ คงไมเ่ คลอ่ื นงา่ ยป้องกนั การลม้ เสยี หายเมอ่ื เขา้ ดา้ นหน้าสดุ จะใชค้ รกวางเรยี งบงั ไฟอยบู่ ริ เวณดา้ นน้จี ะอยใู่ กลเ้ ปลวไฟมาก ความรอ้ นจงึ สงู กว่า จดุ อ่นื ๆ ในเตา เครอ่ื งปนั้ มกั จะเสยี หายงา่ ยเพราะดนิ เหนียวน้ีมแี รเ่ หลก็ ผสมอยมู่ ากเมอ่ื ถูกเผาใน อุณหภมู สิ งู ๆ แต่จาํ นวนหน่ึงจะเสยี หายเพราะเคลอื บจะเกาะตวั ทาํ ใหเ้ ครอ่ื งปนั้ ตดิ กนั หรอื แตก เสยี หายหรอื มขี เ้ี ถา้ มาเกาะตดิ เ สยี หายเชน่ กนั ครกดา้ นหน้าสว่ นใหญ่จงึ กลายเป็นครกเคลอื บ ดว้ ยเหตุดงั กล่าว แต่เครอ่ื งปนั้ ภายในจะไมม่ กี ารเคลอื บ เมอ่ื จดั วางเครอ่ื งปนั้ ภายในเตาเรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ ปิดปากเตาใชอ้ ฐิ ก่อมดี นิ เหลวผสม แกลบใชเ้ ป็นตวั เช่อื มและโบกทบั ดา้ นนอกประตูใหเ้ รยี บรอ้ ย ทป่ี ระตจู ะเจาะชอ่ ง เลก็ ๆ ไว้ 2 ชอ่ ง ขนาดประมาณ 25x25 เซนตเิ มตร ชอ่ งแรกจะอยตู่ ดิ กบั พน้ื ดนิ ตรงกลางของประตูเตา ชอ่ งทส่ี อง อยเู่ หนอื ชอ่ งแรกประมาณ 1 เมตร อยใู่ นแนวกง่ึ กลางเชน่ เดยี วกบั ช่องแรกเหนอื ช่องทส่ี อง เลก็ น้อย จะทาํ ดนิ พอกเป็นสนั นูนขน้ึ มาเพ่อื ใชเ้ ป็นทป่ี กั ธปู เทยี นเวลาไหวเ้ ตาหลงั จ ากปิดช่องบน และเรมิ่ เรง่ ไฟสงู ขน้ึ นนั้ เจา้ ของตอ้ งทาํ พธิ เี ซน่ เตาตามความเชอ่ื ถอื ของคนมอญ การเผาเตาจะ เรม่ิ ตงั แต่เยน็ วนั เขา้ เตาจนถงึ วนั ปิดเตาซง่ึ ใชเ้ วลาประมาณ 22-25 วนั ตลอดเวลาตอ้ งมคี นคอยเผาใส่เชอ้ื เพลงิ คอื ฟืนอยตู่ ลอดเวลา จะหยดุ ไมไ่ ด้ โดยเฉพาะ ในระยะเวลาทไ่ี ฟแร งตอ้ งรกั ษาระดบั ความรอ้ นใหค้ อ่ ยๆ เพ่มิ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ตลอดเวลา การเผา จะตอ้ งมคี นคอยเผาอยปู่ ระจาํ ตลอดเวลาใชค้ นเผา 2 คน แบ่งเวลาเผาเป็น 2 ผลดั ๆ ละ 6 ชวั่ โมง ผลดั กนั เชน่ น้ีจนปิดเตา ไมว่ า่ จะเป็นเวลากลางคนื หรอื กลางวนั จะตอ้ งอยใู่ ส่ไฟตลอดเวลา คน เผากต็ อ้ งเป็นชาํ นาญในการ เผาดว้ ย การเผาจะเรมิ่ ใส่ไฟอ่อนๆ ทช่ี ่องลา่ งช่องบนจะปิดไวก้ ่อน ระยะน้ีถอื วา่ เป็นการคอ่ ยๆ ปรบั ความรอ้ นภายในเตาใหค้ อ่ ยๆ สงู ขน้ึ จะเรง่ ไฟทนั ทไี มไ่ ด้ ของ ภายในเตาจะแตกหมดระยะแรกน้ีจะใชเ้ วลาเผาประมาณ 8-9 วนั จากไฟอ่อนๆ และคอ่ ยๆ เพ่มิ ความรอ้ นขน้ึ เรอ่ื ยๆ คนมอญจะเรยี กระยะเวลาเผาชว่ งน้แี ต่ละวนั วา่ “อะคา” ซง่ึ แปลว่าขวบ 1 วนั เทา่ กบั 1 ขวบ เผาเชน่ น้ีไปจนถงึ 8-9 ขวบ จงึ เรง่ ไฟสงู ขน้ึ ได้ เหตุทเ่ี รยี กว่าขวบน้ี เทยี บไดก้ บั เรยี กเดก็ ๆ เพราะเป็นช่วงทใ่ี ชไ้ ฟอ่อนๆ พอพน้ จากน้ีไปแลว้ เรมิ่ ขน้ึ ไฟแรงขน้ึ ๆ จนถงึ จดุ ท่ี ตอ้ งการ ความรอ้ นทใ่ี ชใ้ นการเผาเครอ่ื งปนั้ ประมาณ 800-1,000 องศาเซลเซยี ส สงั เกตเปลวไฟ มสี เี ขยี วเขม้ ของในเตาเผามสี แี ดงจดั เมอ่ื เครอ่ื งปนั้ สุก ปิดเตาได้ การปิดเตา ใชอ้ ฐิ ปิดช่องใสไ่ ฟทงั้ สอง ใชโ้ คลนหรอื ดนิ เหนยี วผสมทรายโบกทบั เป็นอนั เสรจ็ การเผาเตาหลงั จากปิดเตาแลว้ ตอ้ ง ปลอ่ ยไวอ้ กี ประมาณ 5-7 วนั จงึ เปิดเอาของออกได้ การเปิดเตาจะตอ้ งคอ่ ยๆ เปิดทลี ะน้อยๆ ประมาณหลงั ปิดเตาแลว้ 3-4 วนั จะคอ่ ยๆ เปิดประตเู ตาดา้ นบนก่อน ดว้ ยการเปิดแผ่นอฐิ ออก 4-5 แผ่น และวนั ถดั ไป กค็ อ่ ยๆ เปิดทลี ะน้อยๆ จนเปิดไดห้ มด ทงั้ น้เี พอ่ื มใิ หอ้ ากาศเยน็ จาก ภายนอกเขา้ ไปภายในเตามากเกนิ ไปจะทาํ ใหข้ องแตกเสยี หายไดง้ า่ ย การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ น้ี ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ สง่ิ ทด่ี งี ามหลายๆ อยา่ งไม่ เพยี งแต่ผลติ ภณั ฑอ์ นั งดงามทช่ี ่างปนั้ ไดป้ ระดษิ ฐด์ ว้ ยใจรกั อยา่ งสุดฝีมอื โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การ กาํ หนดรปู แบบของสงั คมทไ่ี ดจ้ ากการทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาน้ดี ว้ ย ดงั น้ีคอื

21 1. การแสดงความเคารพในผสู้ งู อายดุ งั ไดก้ ลา่ วไวแ้ ลว้ วา่ ผเู้ ป็นชา่ งปนั้ จะเรยี กวา่ อาจารย์ อาจารยป์ นั้ จะเป็นผไู้ ดร้ บั การยกยอ่ ง ยาํ เกรงจากชาวบา้ นมาก โดยเฉพาะลกู ศษิ ยผ์ ทู้ าํ หน้าทช่ี ว่ ยเหลอื อาจารยน์ นั้ ตอ้ งทาํ หน้าทข่ี องตวั เองใหพ้ รอ้ มเมอ่ื เว ลาอาจารยล์ งมอื ปนั้ ตอ้ งมา ก่อนอาจารยเ์ พอ่ื เตรยี มดนิ ทป่ี นั้ และอุปกรณ์ต่างๆ เชน่ กระดานรอง ทราย ใหพ้ รอ้ ม เมอ่ื อาจารยป์ นั้ เสรจ็ แลว้ ลกู ศษิ ยย์ งั กลบั ไมไ่ ดต้ อ้ งเกบ็ เครอ่ื งใชต้ ่างๆ ใหเ้ รยี บรอ้ ย และเตรยี มดนิ ให้ พรอ้ มสาํ หรบั ใหอ้ าจารยป์ นั้ ในวนั รงุ่ ขน้ึ สว่ นอาจารยต์ อ้ งทาํ หน้าทเ่ี ป็นครถู ่ายทอดความรใู้ หแ้ ก่ลกู ศษิ ยด์ ว้ ย ศษิ ยจ์ ะไดเ้ ป็นชา่ งปนั้ ในวนั หน้าต่อไป ในการเขา้ เตากเ็ ชน่ กนั จะเหน็ ความยง่ิ ใหญ่ของ อาจารยใ์ หญ่ ทท่ี าํ หน้าทห่ี วั หน้าในการนําเครอ่ื งปนั้ เขา้ ในเตา ทกุ คนทไ่ี ปรว่ มทาํ งานดว้ ยตอ้ ง คอยฟงั คาํ สงั่ และทาํ งานรว่ มกนั อยา่ งดี 2. แสดงความสามคั คขี องคนในหมบู่ า้ น 3. ความเชอ่ื ถอื เกย่ี วกบั การทาํ อาชพี เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา การทาํ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ น เกาะเกรด็ น้ี มพี ธิ กี รรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อาชพี คอื การบชู าเตาและเซน่ เตาการบชู าเตาและเซน่ เตา ในวนั เขา้ เตา เมอ่ื ปิดปากเตาแลว้ พอเรมิ่ ใส่ไฟตอ้ งทาํ พธิ ไี หว้ เตา ดว้ ยการนําดอกไมธ้ ปู เทยี น ทองคาํ เปลวมาไหวเ้ ตา และปกั ธปู เทยี นทบ่ี รเิ วณเหนือช่องใส่ไฟชนั้ บนทไ่ี ดท้ าํ ทไ่ี วแ้ ลว้ ตอ้ ง เตรยี มอาหารไวด้ ว้ ย อาหารทาํ จากขา้ วคลกุ ถวั่ งา ใส่กระทงเลก็ ๆ 7 กระทง มเี ทยี นเล่มเลก็ ๆ ปกั ไวต้ รงกลางกระทง เมอ่ื ไหวเ้ ตาแลว้ จะนํากระทงอาหารมาวางทป่ี ากเตาใกลๆ้ ช่องใส่ฟืน หลงั จากนนั้ ทุกเยน็ ตอ้ งจดุ ธปู เทยี นไหวเ้ ตา เมอ่ื ไฟแรงและเปิดช่องไฟชนั้ บนแลว้ ตอ้ งทาํ พธิ เี ซ่น เตา พธิ เี ซน่ เตาน้ี ตอ้ งจดั เครอ่ื งไหวม้ า 2 ถาด ถาดแรกเป็นเสอ้ื ผา้ ซง่ึ มกั เป็นเสอ้ื ผา้ ของบรรพ บุรษุ ทล่ี กู หลานเกบ็ ไว้ และดอกไมธ้ ปู เทยี น ทองคาํ เปลว น้ําอบ แป้ง และถาดทส่ี องเป็นอาหาร มี กลว้ ยน้ําวา้ ขนมตม้ ขาว ขนมตม้ แดง ขา้ ว ไขต่ ม้ และน้ํา เมอ่ื ทาํ พธิ จี ะตอ้ งตอ้ งนําผา้ ไปพาดไวท้ ่ี เตา ดอกไมธ้ ปู เทยี นบชู าทช่ี อ่ งทไ่ี ดท้ าํ ไวท้ ป่ี ีกหชู า้ ง 2 ขา้ งเตา และทป่ี ากเตา อาหารจะแบง่ ใส่ ใบตอง 5-6 ท่ี ประพรมน้ําอบทเ่ี ตา แป้งเจมิ เตา เม่อื เสรจ็ พธิ เี ซ่นเตาแลว้ อาหารเหลา่ นนั้ จะ แจกจา่ ยใหเ้ ดก็ ๆ ภาพประกอบ 5 เตาเผา

22 เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาบา้ นเกาะเกรด็ นนั้ ไดช้ อ่ื วา่ เป็นเครอ่ื งปนั้ ทม่ี ชี อ่ื เสยี งมาแต่โบราณ ไม่ วา่ จะเป็นประเภทของใชส้ อยประจาํ วนั กไ็ ดช้ อ่ื วา่ สวยงาม ทนทาน ยง่ิ ประเภทของสวยงามนนั้ ก็ เลศิ ดว้ ยคุณค่าของความงาม ไมว่ า่ จะเป็นรปู ทรงและการตกแต่งลวดลาย ประจกั ษพ์ ยานในเรอ่ื ง น้คี อื ตราประจาํ จงั หวดั นนทบรุ ี ซง่ึ ใชห้ มอ้ น้ําของบา้ นเกาะเกรด็ น้เี องเป็นตราประจาํ จงั หวดั นนทบรุ ี ซง่ึ เป็นเครอ่ื งยนื ยนั ถงึ ความเป็นเอกของเครอ่ื งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี นอกจากนนั้ ขนั้ ตอนการทาํ ท่ี ทาํ ดว้ ยความประณตี ทงั้ สามารถผลติ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาขนาดใหญ่ ทส่ี ดุ ในประเทศแลว้ ยอ่ มเป็นเครอ่ื งยนื ยนั ถงึ ความรคู้ วามสามารถของชา่ งปนั้ บา้ นเกาะเกรด็ ได้ เป็นอยา่ งดเี ชน่ กนั (จนั ทรจ์ ริ า แดงทองคาํ . 2549: 26-32) 3. ข้อมลู ท่ีเก่ียวกบั ของตกแต่งสวน การจดั สวนไมใ่ ชแ่ คก่ ารปลกู ตน้ ไมอ้ ยา่ งเดยี ว แต่การจดั สวนนนั้ ยงั ประกอบไปดว้ ยของ ตกแต่งต่างๆ ทเ่ี พมิ่ ชวี ติ และความน่าสนใจใหก้ บั สวน และสง่ ผลใหส้ ไตลท์ ผ่ี จู้ ดั ตอ้ งการสอ่ื นนั้ มี ความชดั เจนมากยง่ิ ขน้ึ ดงั นนั้ การเลอื กของตกแต่งสวนนนั้ สาํ คญั พอๆ กบั การเลอื กตน้ ไม้ ควร เลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของสวน ซง่ึ จะชว่ งสรา้ งจดุ เด่นใหก้ บั สวนได้ (จริ ดา แพรใบศร.ี 2548: 45) ของตกแต่งสวนเป็นสงิ่ ทใ่ี ชป้ ระดบั ตกแต่งเพอ่ื ความสวยงาม บางครงั้ ของตกแต่งชน้ิ เดยี วกนั อยาจใชป้ ระโยชน์ในสวนไดอ้ ยา่ งหลากหลายประกอบกนั เชน่ เป็นทงั้ ภาชนะใสต่ น้ ไม้ และของตกแต่งสวนโคมไฟหรอื ตะเกยี งสอ่ งสวา่ งในยามค่าํ คนื เป็นตน้(Garden Details4. 2552: 104) 3.1 กระถางหรอื ภาชนะปลกู กระถางหรอื ภาชนะปลกู เป็นปจั จยั สาํ คญั อยา่ งหน่งึ ของการปลกู ตน้ ไม้ นอกจากจะชว่ ย เพมิ่ ความสวยงามใหต้ น้ ไมแ้ ลว้ ยงั มผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื เพราะเกย่ี วเน่อื งกบั การระบาย อากาศและแรธ่ าตุอาหารทต่ี น้ ไมน้ ําไปใชใ้ นการเจรญิ เตบิ โต สง่ิ ทส่ี าํ คญั ทต่ี อ้ งคาํ นงึ ถงึ เป็นอนั ดบั ตน้ ๆ ของการปลกู ตน้ ไมใ้ นกระถางหรอื ภาชนะ ปลกู คอื เน้ือทท่ี ต่ี น้ ไมจ้ ะเจรญิ เตบิ โตไดน้ นั้ ถกู จาํ กดั อยเู่ พยี งแคภ่ ายใจภาชนะเทา่ นนั้ ซง่ึ ถอื วา่ เป็นพน้ื ทข่ี นาดเลก็ แตกต่างไปจากการปลกู ตน้ ไมล้ งดิ นเพอ่ื จดั สวนโดยทวั่ ๆ ไป นอกจากน้แี ลว้ วสั ดทุ ใ่ี ชท้ าํ กระถางหรอื ภาชนะแต่ละประเภทต่างกม็ ผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของตน้ ไมโ้ ดยตรง แทบทงั้ สน้ิ ไมว่ า่ จะเป็นเรอ่ื งของการระบายน้ําและอากาศ การเกบ็ รกั ษาความชน้ื ดนั นนั้ การ เลอื กชนดิ หรอื ประเภทของภาชนะจงึ เป็นเรอ่ื งสาํ คญั ทต่ี อ้ งคาํ นงึ ถงึ ไมน่ ้อยไปกวา่ ปจั จยั อ่นื ๆ การเลือกกระถางหรอื ภาชนะปลกู ให้เหมาะสม การปลกู ตน้ ไมใ้ นพน้ื ทแ่ี คบๆ อยา่ งเชน่ กระถางใหเ้ จรญิ เตบิ โตงอกงามไดด้ ขี น้ึ การ เลอื กใชก้ ระถางหรอื ภาชนะปลกู ใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการของตน้ ไมถ้ อื วา่ เป็นเรอ่ื งสาํ คญั เน่อื งจากกระถางแต่ละชนดิ ต่าง กม็ ผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของตน้ ไมด้ งั ทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ หลกั เกณฑท์ วั่ ไปทค่ี วรนํามาใชใ้ นการพจิ ารณาเลอื กระถางหรอื ภาชนะใหเ้ หมาะสมมดี งั น้ี

23 1. รปู ทรง กระถางหรอื ภาชนะปลกู มลี กั ษณะรปู ทรงหลายแบบและหลายขนาด ควร เลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดและลกั ษณะของทรงพุ่มตน้ ไมท้ ป่ี ลกู และสภาพแวดลอ้ ม เชน่ กระถางทรงเตี้ย เหมาะสาํ หรบั ตน้ ไมท้ ม่ี ลี กั ษณะเป็นพุ่มเตย้ี ตน้ ไมท้ ม่ี คี วามสงู ไมม่ าก นกั หรอื ตน้ ไมท้ ม่ี ลี กั ษณะหอ้ ยยอ้ ยปรกกระถาง กระถางทรงสงู เหมาะสาํ หรบั ตน้ ไมท้ ม่ี ที รงพมุ่ ขนาดใหญ่หรอื ขนาดกลาง ซง่ึ สามารถ เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นกระถางทม่ี ลี กั ษณะแคบเ ลก็ หรอื ตน้ ไมท้ ม่ี รี ปู ทรงแปลกตา รวมถงึ ตน้ ไมท้ ่ี แตกกง่ิ กา้ นหอ้ ยยอ้ ยปรกกระถาง กระถางปากกว้าง เหมาะสาํ หรบั ตน้ ไมท้ เ่ี จรญิ เตบิ โตแตกกอตน้ ไมท้ แ่ี ตกกงิ่ กา้ นเป็น ทรงพมุ่ แผก่ วา้ ง หรอื ตน้ ไมท้ ม่ี ขี นาดใหญ่ กระถางปากแคบเหมาะสาํ หรบั ตน้ ไมท้ ม่ี ที รงตน้ สงู ชะลดู และตน้ ไมท้ แ่ี ตก กง่ิ กา้ นไมม่ าก นกั 2. การระบายน้ํา กระถางทม่ี รี พู รนุ โดยรอบเชน่ กระถางดนิ เผา จะมกี ารระบายน้ําและ อากาศดี รากไดร้ บั ออกซเิ จนอยา่ งเพยี งพอ ตน้ ไมเ้ จรญิ เตบิ โตไดร้ วดเรว็ ในกรณที ม่ี นี ํามาก เกนิ ไป กส็ ามารถระบายออกทางรกู น้ กระถางและสามารถซมึ ออกทางดา้ นขา้ งได้ สว่ นกระถางท่ี ไมม่ รี พู รนุ อยา่ งเช่น กระถางพลาสตกิ กระถางโลหะ จะระบายน้ําไดเ้ พยี งทางเดยี ว คอื ระเหย โดยตรงจากผวิ หน้าดนิ หากรดน้ํามากเกนิ ไป น้ําระบายออกไปไมไ่ ดม้ ากนกั วสั ดปุ ลกู จะชน้ื แฉะ ส่งผลใหร้ ากเน่า ตน้ ไมต้ ายไดใ้ นทส่ี ดุ 3. สขี องกระถาง มผี ลต่ออุณหภมู ขิ องวสั ดปุ ลกู เชน่ กระถางทมี สี เี ขม้ จะมผี ลให้ อุณหภมู ขิ องวสั ดุปลกู สงู เกนิ ไป เป็นอุปสรรคต่อการเจรญิ เตบิ โตของตน้ ไมแ้ ละในบางครงั้ การ เลอื กกระถางทม่ี สี เี ด่นสะดุดตาเกนิ ไปกจ็ ะขม่ ความงามของตน้ ไมท้ ป่ี ลกู ได้ 4. การรกั ษาความชน้ื โดยทวั่ ไปความชน้ื ระหวา่ งผวิ กระถางและภายในกระถางไมค่ วร มคี วามแตก ต่างกนั มากนกั เพราะจะมผี ลต่ออุณหภมู ขิ องวสั ดุปลกู กระถางทส่ี ามารถรกั ษา ความชน้ื ไดเ้ หมาะสมรากจะแผ่กระจายไปไดท้ วั่ กระถาง 5. อายกุ ารใชง้ าน หรอื ความคงทนของกระถางหรอื ภาชนะปลกู กระถางบางชนดิ สามารถนํากลบั มาใชใ้ หมไ่ ดห้ ลายครงั้ หลงั จากผา่ นการทาํ ความสะอาดแลว้ จงึ จดั เป็นภาชนะ ปลกู ทม่ี อี ายกุ ารใชง้ านยาวนานชว่ ยประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย 6. การทาํ ความสะอาดสว่ นใหญ่กระถางทใ่ี ชแ้ ลว้ จะมคี ราบตะไครน่ ้ําเกาะทผ่ี วิ และมี เชอ้ื โรคปนเป้ือน ถา้ ตอ้ งการทาํ ลายหรอื กาํ จดั ศตั รพู ชื เหลา่ น้ี โดยไมท่ าํ ใหก้ ระถางเสยี รปู ทรงแต่ กระถางบางชนดิ เชน่ กระถางพลาสตกิ ไมส่ ามารถผา่ นกระบวนการอบไอน้ําหรอื รมดว้ ยสารเคมี ได้ จงึ จาํ เป็นตอ้ งใชก้ ารทาํ ความสะอาดวธิ อี ่นื เชน่ ขดั ลา้ ง (ปลกู หดั จดั วาง ตน้ ไมใ้ นกระถาง, 2549: 26-28)

24 ภาพประกอบ 6 โคมไฟ น้ําผดุ กระถาง ในปจั จบุ นั 3.2 โคมไฟและแสงสว่าง นอกจากความสวา่ งของแสงไฟจะชว่ ยยดื อายกุ ารใชง้ านในสวนใหย้ าวนานขน้ึ แลว้ แสง ไฟยงั ช่วยเพมิ่ เสน่หใ์ หก้ บั สวนและเน้นจดุ ทค่ี วรเน้นใหน้ ่าสนใจยงิ่ ขน้ึ แหล่งกําเนิดแสงไฟยามค่าํ นอกจากเทยี นและตะเกยี งแลว้ ดวงโคมกเ็ ป็นสง่ิ ทน่ี ิยมใชก้ นั ในสวน ซง่ึ การเลอื กใชอ้ ุปกรณ์ ไฟฟ้าสาํ หรบั ภายนอกอาคารไดค้ า่ มาตรฐาน มคี ณุ สมบตั ปิ ้องกนั น้ํา กนั ฝนุ่ และกนั ความรอ้ นได้ อยา่ งเหมาะสมควรตดิ ตงั้ ตามวตั ถุประสงคก์ ารใชง้ าน เชน่ ไฟสาํ หรบั ส่องสว่างเพอ่ื การมองเหน็ เหมาะสาํ หรบั ตดิ ตงั้ บรเิ วณทางเดนิ สะพาน บนั ได มมุ นงั่ เลน่ ส่วนไฟสอ่ งสวา่ งเพ่อื สรา้ ง บรรยากาศไฟสปอตไลทม์ กั นยิ มตดิ ตงั้ โดยใหส้ อ่ งขน้ึ -ลง เพอ่ื เพมิ่ จดุ เดน่ ใหก้ บั น้ําตก น้ําพุ ประตมิ ากรรมหรอื ตน้ ไม้ การวางตาํ แหน่งไฟในสวนควรคาํ นึงถงึ ส่ิงต่างๆ เหล่านี้ 1.2 บรเิ วณทน่ี งั่ พกั ผ่อนไมค่ วรตดิ ตงั้ ไฟในระดบั 0.80 - 1.20 เมตร เพราะเป็นระดบั ท่ี แสงไฟจะแยงตาพอดี 1.2 ไฟส่องทางเดนิ ไมค่ วรสงู เกนิ 0.60 เมตร และควรบงั คบั ทศิ ทางแสงใหส้ ่องกระจาย ลงพน้ื 1.3 บรเิ วณทต่ี อ้ งการแสงสวา่ งในวงกวา้ งอยา่ งสนามหญา้ หรอื ลาดพกั ผอ่ น ควรตดิ ตงั้ ไฟสงู 2-3 เมตร 1.4 ในสวนทใ่ี ชง้ านยามค่าํ และมปี ระตมิ ากรรม น้ําพุ น้ําตก หรอื ตน้ ไมร้ ปู ทรง สวยงาม ควรตดิ ตงั้ ไฟสปอตไลทส์ ่องเฉพาะจดุ ใหก้ บั สงิ่ เหลา่ น้เี พ่อื เพมิ่ ความเดน่ และสวยงาม (Garden Details4. 2552: 96)

25 4. ข้อมลู ท่ีเก่ียวกบั สวนไทย การออกแบบสวนเป็นการใชค้ วามคดิ ในการเลอื กวสั ดุ เพอ่ื งานศลิ ปะใหเ้ หมาะสมกบั ประโยชน์ใชส้ อยและความงาม โดยผอู้ อกแบบจะตอ้ งรจู้ กั วางแผนเลอื กใชว้ สั ดใุ หส้ อดคลอ้ งกบั รปู แบบทค่ี ดิ สรา้ งสรรค์ ดว้ ยการจดั องคป์ ระกอบทม่ี ลี กั ษณะ 2 และ 3 มติ เิ ขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งมี หลกั การ (จกั รผนั อกั กพนั ธานนท.์ 2535: 43) การจดั สวนคอื การนําธรรมชาตมิ าจดั ใหเ้ ป็นศลิ ปะซง่ึ มหี ลกั การจดั ดงั น้ี (ชวลติ ดาบแกว้ . 2540: 24 - 25) 1. การจดั เป็นหน่วย (Unit) ในการจดั กลุ่มถา้ จะจดั อยใู่ นทแ่ี ห่งเดยี วกนั จะจดั ออกเป็น กก่ี ลมุ่ กไ็ ด้ แต่ตอ้ งพยายามจดั กลุ่มเหล่านนั้ ใหด้ แู ลว้ รวมเป็นกลุ่มเดยี วกนั โดยใหม้ กี ลุม่ ทส่ี าํ คญั ทส่ี ุดเพยี งกลุ่มเดยี วนอกนนั้ เป็นกล่มุ ประกอบ 2. จดุ เดน่ หรอื จดุ ความสนใจในการจดั สวนนนั้ สงิ่ สาํ คญั ทจ่ี ะดงึ ดดู แก่ผพู้ อเหน็ ไดแ้ ก่ จดุ เด่น ทร่ี วมใหเ้ กดิ ความสนใจ 1 จดุ จดุ เดน่ นนั้ อาจเป็นสงิ่ ใดกไ็ ดท้ ม่ี ลี กั ษณะแตกต่างกนั ออกไป จากสง่ิ ทม่ี อี ยู่ เชน่ สี รปู ทรง ขนาด การสรา้ งจดุ เดน่ อาจจดั ขน้ึ ไดจ้ ากวสั ดตุ ่างๆ เชน่ หนิ ตอไม้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา เป็นตน้ 3. ความสมดลุ (Balance) การสมดลุ มคี วามสาํ คญั ในการจดั สวนมาก ซง่ึ หมายถงึ การ จดั ไมใ่ หม้ นี ้ําหนกั อยทู่ างดา้ นใดดา้ นหน่งึ มาเกนิ ไป การเลือกรปู แบบสวน รปู แบบ (Styles) ของสวนสามารถจาํ แนกไดห้ ลายลกั ษณะแลว้ แต่การแบ่ง ซง่ึ ไมม่ ี กฎเกณฑต์ ายตวั แต่หากพจิ ารณาโดยรวมรปู แบบโดยทวั่ ไปของสวนจะแบ่งออกเป็นสวน ธรรมชาติ (Informal style) และสวนแบบประดษิ ฐห์ รอื สวนฟอรม์ ลั (Formal Style) 1. สวนแบบประดษิ ฐ์ (Formal Style) มปี ระวตั ทิ ย่ี าวนานมาตงั้ แต่สมยั ยคุ โรมนั เรอื ง อาํ นาจ ในปจั จบุ นั ไดร้ บั ความนยิ มในยโุ รป ทงั้ ฝรงั่ เศส อติ าลี และองั กฤษ มกั จดั ในบรเิ วณ พระราชวงั ต่างๆ รวมทงั้ ในประเทศไทยดว้ ย มใี หเ้ หน็ ตามโรงแรม เชน่ ลกั ษณะของสวนมคี วาม สมดลุ ทงั้ ซา้ ยและขวา มจี ดุ สนใจอยตู่ รงกลางโดยทม่ี กั จะมปี ระตมิ ากรรมและน้ําพเุ ป็นจดุ สนใจ นอกจากนนั้ ยงั มกี ารใชไ้ มด้ ดั แลไมท้ รงพุ่มทต่ี ดั แต่งแบบมแี พทเทริ น์ ลวดลาย ซง่ึ ในการควบคมุ รปู ทรงนนั้ กต็ อ้ งมกี ารตดั แต่งบอ่ ยครงั้ ทาํ ใหไ้ มเ่ หมาะสาํ หรบั การปลกู ในบา้ น แต่อาจนํามา ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นบางจดุ 2. สวนแบบธรรมชาติ (Informal style) การจดั สวนธรรมชาตเิ กดิ ภายหลงั การจดั สวน ประดษิ ฐ์ การจดั เลยี นแบบธรรมชาติ โดยจดั ใหก้ ารสมดุลของรปู ทรงวสั ดุต่างๆ มจี ดุ เดน่ (กนั ยา เหมวฒั น.์ 2537: 43 - 44) ซง่ึ (เออ้ื มพร วสี มหมาย. 2525: 162) กล่าวว่า เป็นการจดั สวนทไ่ี ม่ อาศยั รปู ทรงเรขาคณติ เป็นหลกั แต่อาศยั หลกั สมดลุ ในการจดั วาง หรอื จงั หวะใหพ้ อดกี นั โดยไม่ จาํ เป็นตอ้ งมี 2 ขา้ งเทา่ กนั นยิ มใชเ้ สน้ โคง้ มากกวา่ เสน้ ตรง รปู ทรงของตน้ ไมก้ ใ็ ชเ้ ป็นรปู ทรง อสิ ระ ไมต่ ดั แต่งจนเสยี รปู ทรงธรรมชาติ

26 แต่สาํ หรบั สวนในบา้ นแลว้ สวนธรรมชาตดิ จู ะไ ดร้ บั ความนยิ มมากกวา่ สวนแบบ ประดษิ ฐ์ เน่ืองจากเหมาะกบั รปู แบบของการอยอู่ าศยั ภายในบา้ น เมอ่ื อยอู่ าศยั จะรสู้ กึ ไดถ้ งึ ความ เป็นธรรมชาตแิ ละเป็นกนั เองมากกวา่ การจดั สวนแบบประดษิ ฐ์ ซง่ึ ใหค้ วามรสู้ กึ โอ่อ่า อลงั การ ท่ี ผา่ นมาจงึ มกั เหน็ สวนลกั ษณะน้ีตามพระราชวงั หรอื สถานทท่ี เ่ี ป็นทางการ แต่กใ็ ชว้ า่ รปู แบบสวนฟอรม์ ลั จะไมส่ ามารถนํามาใชต้ กแต่งสวนในบา้ นได้ ผทู้ ช่ี น่ื ชอบ อาจเลอื กหยบิ เฉพาะรปู แบบทส่ี นใจมาจดั ไวใ้ นบรเิ วณใดบรเิ วณหน่งึ ของพน้ื ทส่ี วน และสวน รปู แบบน้ียงั มลี กั ษณะใกลเ้ คยี งกบั รปู แบบของสวนแนวโมเดริ น์ ทเ่ี น้นความเรยี บงา่ ยและใช้ เสน้ ตรงในการออกแบบ การจดั และตกแต่งสวนบางครงั้ จงึ อาจผสมผสานความชอบหลากหลาย รปู แบบไวใ้ นสวนเดยี ว เพยี วแต่ผจู้ ดั จะตอ้ งอาศยั ศลิ ปะในการตกแต่งใหม้ คี วามต่อเน่ืองและดู กลมกลนื กนั อยา่ งลงตวั หรอื บางครงั้ หากตงั้ ใจใหร้ ปู แบบของสวนแต่ละสวนแยกกนั อยา่ งชดั เจน อาจตอ้ งมขี อบเขตหรอื พน้ื ทก่ี ารจดั แบง่ ทด่ี ลู งตวั (Garden Detail. 2546: 8) ดงั นนั้ ในลกั ษณะสวนรปู แบบต่างๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยสว่ นมากจากความคดิ สรา้ งสรรคข์ อง ผจู้ ดั หรอื ผอู้ อกแบบ ซง่ึ นําออกประกอบในสว่ นต่างๆ มาประกอบกนั โดยมจี ดุ เด่นทแ่ี สดง เรอ่ื งราวออกมาอยา่ งชดั เจน สวนไทย พนั ธุไ์ มท้ น่ี ํามาปลกู มที งั้ ไมด้ อกและไมผ้ ล เน่อื งจากเป็นพชื เศรษฐกจิ มา ชา้ นานแลว้ พระเจา้ แผน่ ดนิ และอุปราชเทา่ นนั้ จงึ จะมพี ระราชอุทยานหรอื สวนขนาด ใหญ่ได้ นยิ มสรา้ งอยู่ นอกกาํ แพงวงั เป็นสวนแบบธรรมชาติ เป็นเขตหวงหา้ ม มผี ดู้ แู ลสวน ประชาชนทวั่ ไปไมส่ ามารถ เขา้ ไปไดส้ วนทใ่ี ชเ้ ป็นองคป์ ระกอบทางสถาปตั ยกรรมถาวร มกั จะเป็นสวนไมด้ ดั และไมก้ ระถาง เป็นสว่ นใหญ่ อยใู่ นพระราชวงั พระอารามใหญ่ๆ สวนภู เขาจาํ ลองทเ่ี รยี กวา่ เขามอ มอี ยแู่ ต่ใน พระราชวงั วงั และพระอาราม ต่างๆเชน่ กนั เพราะถอื วา่ จะไทาํ สวนชนดิ จใ้ี นบา้ นสามญั ชน เวน้ แต่ผทู้ ม่ี ี บญุ บารมี นอกจากน้ียงั มีเขาก่อซง่ึ เป็นสวนภเู ขาจาํ ลองอกี ชนดิ หน่งึ เพอ่ื ใชใ้ นพระราช พธิ ซี ง่ึ จดั ในพระราชฐานเทา่ นนั้ สมยั กรงุ สุโขทยั พ.ศ. 1820-1860 ปรากฎความ ตามศลิ าจารกึ หลกั ท่ี 1 ว่า “ในเมอื ง สุโขทยั น้ี จงึ ชมสรา้ งปา่ หมาก ปา่ พลู ทวั่ เมอื งทุกแห่ง ปา่ พรา้ วกห็ ลายในเมอื งน้ี ปา่ ลาง (ลาน) ก็ หลายในเมอื งน้ี หมากมว่ งกห็ ลายในเมอื งน้ี หมากขาม กห็ ลายในเมอื งน้ี ใครสรา้ งไวไ้ ดแ้ ก่มนั กลางเมอื งสุโขทยั ” ความน้ีเป็น หลกั ฐานทท่ี าํ ใหพ้ ออนุมาน ไดถ้ งึ สภาพ ภมู ทิ ศั น์ของเมอื ง สโุ ขทยั เดมิ วา่ เตม็ ไปดว้ ยสวนพนั ธไุ์ มต้ ่างๆ ทค่ี งไดร้ บั การดแู ลจากผปู้ กครองแผน่ ดนิ ในสมยั นัน้ ๆ เป็นอยา่ งดี ยงั มคี วามตามจารกึ หลกั ท่ี 1 ทก่ี ลา่ วถงึ อกี พนั ธไุ์ มท้ พ่ี งึ จะมคี วามสาํ คญั มาก เชน่ กนั ในสมยั สโุ ขทยั คอื ไมต้ าล (ตาล หรอื ตาลโตนด Borassus Flabelliffer Linn.) ความว่า “พอ่ ขนุ รามคาํ แหง เจา้ เมอื งสสี ชั นาลยั สโุ ขทยั น้ี ปลกู ไมต้ าลน้ีไดส้ บิ สเ่ี ขา้ ” โดยไมต้ าล น้ี สนั นษิ ฐานวา่ ไดพ้ นั ธุม์ าจากประเทศอนิ เดยี ชาวอนิ เดยี เรยี กว่า “ไมต้ าละ” และเป็นไมท้ ม่ี ี ความสาํ คญั ในศาสนาพทุ ธ เมอ่ื พ่อขนุ รามคาํ แหงทรงขยายเมอื งสุโขทยั ออกไป กท็ รงสรา้ ง ปา่ ไม้ ตาล ไปดว้ ยประกอบกนั ทงั้ ยงั ใช้ ปา่ ไมต้ าลเป็นสถานทใ่ี หข้ า้ ราชบรพิ ารและชาวบา้ นชาวเมื อง เขา้ เฝ้าอกี ดว้ ย

27 สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ในสมยั อยธุ ยาตอนตน้ สวนทส่ี รา้ งขน้ึ ใน พระบรมราชวงั คงเป็นทงั้ สวนทม่ี ที งั้ พนั ธไุ์ มด้ อก และ ไมผ้ ลปลกู ประดบั เชน่ เดยี วกบั สวน ครงั้ กรงุ สุโขทยั สวนขนาดใหญ่ ของ พระเจา้ แผ่นดนิ มกั จะอยนู่ อก กําแพง พระราชวงั หรอื นอกกําแพงพระนคร อาทิ สวนหลวง สบสวรรค์ ทอ่ี ยนู่ อก กําแพง พระราชวงั ไปทางตะวนั ตก มพี ระราชอุทยานอกี ประเภทคอื พระ อุทยานในบรเิ วณ พระตาํ หนกั ทใ่ี ชเ้ ป็นทป่ี ระทบั เมอ่ื เสดจ็ ประพาส การแต่งพระอุทยาน มกั ขน้ึ อยกู่ บั ภมู ปิ ระเทศอนั เป็น ทต่ี งั้ ของ พระตาํ หนกั เป็นสาํ คญั ทงั้ น้พี ระ อุทยานของ พระเจา้ แผ่นดนิ ถูกกําหนดเป็นเขตหวงหา้ มไมใ่ หป้ ระชาชนทวั่ ไปเขา้ ไปได้ ไมป่ รากฎ สวนสาธารณะ ท่ี สรา้ งสาํ หรบั ประชาชนทวั่ ไปใน สมยั อยธุ ยาตอนตน้ แต่กม็ ที ว่ี า่ งสาธารณะ ทป่ี ระชาชน จะใช้ เป็นทพ่ี กั ผอ่ นหยอ่ นใจไดใ้ นพระนคร คอื บรเิ วณบงึ พระราม (บงึ ชขี นั ) ซง่ึ นบั วา่ เป็นแหล่งน้ําท่ี ใหญ่ทส่ี ดุ ภายในกาํ แพง เมอื งกรงุ ศรอี ยธุ ยา หากจะมี การละเลน่ หรอื การพกั ผ่อน ทต่ี อ้ งการ พน้ื ทก่ี วา้ งขวางขน้ึ ราษฎรกจ็ ะออกไปสทู่ งุ่ นอกกาํ แพง พ.ศ. 2199-2231 รชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มบี นั ทกึ ของบาทหลวง ชาว ฝรงั่ เศส ทเ่ี ขา้ มาในสมยั ทส่ี มเดจ็ พระนารายณ์ ทรงสรา้ งราชธานที ล่ี พบรุ ี ซง่ึ พอใชเ้ ป็นหลกั ฐาน ในการสนั นษิ ฐาน ถงึ งานภมู ทิ ศั น์ทป่ี รากฎในรชั กาล สมเดจ็ พระนารายณ์ฯได้มากกวา่ รชั สมยั ท่ี ผา่ นมา เป็นยคุ สมยั ทม่ี กี ารนํา เทคโนโลยสี ถาปตั ยกรรมยโุ รปมาประยกุ ตใ์ ช้ อาทิ รปู ทรงซมุ้ ประตู ซุม้ ทางเดนิ ผงั อาคาร ในพระราชวงั ตลอดจนการลอ้ มรอบพระราชฐานดว้ ยสวน มสี วนท่ี สาํ คญั อยใู่ นพระราชอุทยานบรเิ วณพระทน่ี งั่ สทุ ธาสวรรค์ พระราชวงั นารายณ์ราชนเิ วศ ซง่ึ จาก บนั ทกึ ของนิโคลา แชสแ์ วร์ บาทหลวงฝรงั่ เศสทเ่ี ขา้ มาในราชสาํ นกั ในสมยั นนั้ ระบไุ วว้ า่ พระ อุทยานในพระราชนเิ วศน์ทเ่ี มอื งลพบรุ แี หง่ น้ี มกี ารทาํ ภเู ขาจาํ ลอง มไี มพ้ นั ธุไ์ มเ้ ขยี วชอุ่ม ไมด้ อก หอม และมนี ้ําพุ ใหค้ วามชุ่มชน่ื กบั บรเิ วณ เหตุทส่ี ามารถ ทาํ น้ําพใุ นพระอุทยานในสมยั น้ไี ด้ ก็ ดว้ ยบาทหลวง และนายชา่ งชาวฝรงั่ เศส และอติ าเลยี นคงจะมที กั ษะและเหน็ ตวั อยา่ งมาจาก ยโุ รป โดยเฉพาะทว่ี ลิ ล่า เดสเต้ ทเ่ี มอื งทโิ วลใ่ี นอติ าลี และจากพระราชวงั แวรซ์ าย ในฝรงั่ เศส ประกอบกบั แรงดนั ของน้ําประปา ทส่ี ง่ เขา้ มายงั ตวั เมอื งลพบรุ กี ม็ มี ากพอทจ่ี ะทาํ น้ําพไุ ดด้ ว้ ย พระราชอุทยาน ทเ่ี ป็นทก่ี ลา่ วถงึ อยา่ งมาก อกี แหง่ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์ฯ คอื “ปา่ แกว้ ” ซง่ึ เป็นพระราชอุทยานท่ี สมเดจ็ พระนารายณ์ทรงเสดจ็ ประ พาสบ่อยครงั้ ปา่ แกว้ น้ี สมเดจ็ เจา้ ฟ้า กรมพระยานรศิ รานุวตั วิ งศ์ ไดส้ นพระทยั และสรา้ งสวนแกว้ ขน้ึ ในพระตาํ หนกั วงั ทา่ พระ ซง่ึ ปจั จบุ นั เป็นทต่ี งั้ ของมหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ พ.ศ. 2325-ปจั จบุ นั ในสมยั รชั กาลท่ี 1 ทรงโปรดฯ ใหส้ รา้ งสวน ในพระบรมมหาราชวงั ตามลกั ษณะของ สวนในพระราชวงั หลวง ทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยา โดยโปรดฯให้ สรา้ งพระราชอุทยานขนาบพระมหามณเฑยี ร และทรงขนานนามวา่ “สวนขวา” และ “สวนซา้ ย” โดยลาํ ดบั ต่อมาในสมยั รชั กาลท่ี 2 ทรงโปรดฯใหม้ กี ารปรบั ปรงุ สวนขวา ในปีพ.ศ.2361 โดยให้ พระเจา้ ลกู ยาเธอ กรมหมน่ื เจษฎาบดนิ ทรฯ์ เป็นแมก่ องจดั สรา้ ง โดยมผี งั เป็นสระน้ําขนาดใหญ่ มภี เู ขาจาํ ลอง เป็นเกาะน้อยใหญ่เรยี งรายโดยมสี ะพานเช่อื มถงึ กนั และมเี ก๋งทพ่ี กั สาํ หรบั เป็นท่ี สาํ ราญพระราชหฤทยั กอปรกบั เป็นการบาํ รงุ รกั ษาฝีมอื ชา่ งไทย และเป็นเครอ่ื งแสดง ความ

28 รงุ่ เรอื งของพระราชอาณาจกั ร ซง่ึ นอกจะเป็นสวน ทม่ี พี นั ธไุ์ มด้ อกและไมใ้ บจาํ นวนมากแลว้ ยงั ทรงสรา้ ง สวนประดบั หนิ (Stone Garden) ทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลจาก สวนจนี เรยี กว่า “เขามอ” ใน รชั กาลท่ี 3 มพี ระราชนยิ มในการบรู ณะพระอารามต่างๆ และมกี ารใชต้ ุ๊กตา ศลิ าจาํ หลกั ซง่ึ มที งั้ ตุ๊กตา จนี ไทย ฝรงั่ และรปู สตั วต์ ่างๆ ตงั้ ประดบั ไวใ้ นวดั ในรชั กาลท่ี 4 ทรงโปรดให้ บรู ณะปฏสิ งั ขรณ์ พระทน่ี งั่ และโรงมหาสภา ในบรเิ วณใกลส้ วนขวา ซง่ึ ทรดุ โทรมลง และยกเป็น พทุ ธเจดยี ส์ ถานอาราม ภายในพระราชวงั โดยมี การบาํ รงุ สวน และ ปลกู พนั ธไุ์ มด้ อก ทม่ี าจากต่างประเทศ ในสมยั รชั กาลท่ี 5 ซง่ึ เป็นชว่ งทม่ี กี ารปรบั ปรงุ บา้ นเมอื งใหส้ วยงาม (City Beautification) นอกจากเรอ่ื งการจดั วาง ผงั เมอื งกรงุ เทพฯ ใหม้ คี วามสวยงามรม่ รน่ื และเป็นระเบยี บ เรยี บรอ้ ยขน้ึ แลว้ ทรงโปรดฯ ให้ สรา้ งสวนไวต้ าม พระบรมมหาราชวงั มหามณเฑยี ร พระราชวงั และตําหนกั ต่างๆ อาทิ สวนลาย ประดษิ ฐ์ (Formal Style) ณ หมพู่ ระตําหนกั เกาะสชี งั ชลบรุ ี สวนลานหน้าพระทน่ี งั่ จกั รมี หา ปราสาท สวนภเู ขาบรเิ วณหลงั พระทน่ี งั่ จกั รี ทรงโปรดฯใหส้ รา้ งสวน “เขาไกรลาส” ขน้ึ และสรา้ ง เขาไกรลาสเลก็ ขา้ งพระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท เป็นลกั ษณะเขามอยอดเจดยี ์ สาํ หรบั ประกอบพธิ ี โสกนั ต์ สวนแบบไทยๆ เป็นสวนท่ีมคี วามหลากหลาย ไมม่ กี ฎเกณฑท์ แ่ี น่นอนเจา้ ของบา้ น สามารถปรบั เปลย่ี นหรอื โยกยา้ ยวสั ดแุ ต่งสวน เพ่อื เปลย่ี นมมุ มองไดต้ ลอดเวลา แต่ยงั คง Concept หลกั แบบไทยๆ ไวเ้ ช่นเดมิ พนั ธไุ์ มใ้ ชพ้ นั ธุไ์ มไ้ ทยทเ่ี ป็นไมม้ งคล เชน่ คณู ขนุน วาสนา วา่ นมหามงคลต่างๆ นอกจากนนั้ ไมไ้ ทยส่วน มากเป็นไมท้ ม่ี กี ลนิ่ หอม เชน่ โมก จาํ ปา จาํ ปี พดุ ต่างๆ วสั ดุตกแต่งแบบไทยๆ เชน่ โอ่ง ไห ตุ๊กตาไทย สวนเมือนรอ้ น สวนเมอื งรอ้ น หรอื สวนทรอปิคลั (Tropical Garden) มาจากรากศพั ทข์ องคาํ วา่ “Tropic” หมายถงึ พน้ื ทท่ี างภมู ศิ าสตรท์ ต่ี งั้ อยใู่ กลแ้ นวเสน้ ศนู ยส์ ตู ร ซง่ึ สว่ นใหญ่อยใู่ นเขตอากาศแบบรอ้ น ชน้ื และเตม็ ไปดว้ ยพชื พรรณสเี ขยี วนานาชนดิ แมจ้ ะมบี า้ งบรเิ วณอยใู่ นเขตภเู ขาสงู ทม่ี อี ากาศเยน็ และพชื พรรณในเขตอบอุ่นอยบู่ า้ ง แต่กเ็ ป็นเพยี งส่วนน้อย จงึ เป็นทเ่ี ขา้ ใจกนั วา่ สวนทรอปิคลั หมายถงึ สวนในเขตอากาศแบบรอ้ นชน้ื ดงั นนั้ ลกั ษณะเฉพาะท่ี ชว่ ยสรา้ งใหส้ วนเป็นสวนทรอปิคลั ขน้ึ มาไดก้ ค็ อื ชนดิ ของ พรรณไมท้ ป่ี ลกู สวนทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยพชื ในเขตรอ้ นชน้ื ภาพรวมจะเน้นโทนสเี ขยี วของไมใ้ บเป็นหลกั แมจ้ ะมพี รรณไมผ้ ลดั ใบ ไมด้ ่าง สสี นั จากไมใ้ บหลากสหี รอื ไมด้ อกสสี ดใสแซมอยบู่ า้ ง แต่กเ็ ป็น สว่ นน้อย สง่ิ เหล่าน้ี ชว่ ยสรา้ งจดุ เด่นใหส้ วนเขยี วๆ และสรา้ งเสน่หท์ น่ี ่าหลงใหลใหส้ วนเมอื งรอ้ น

29 รปู แบบของสวนเมืองรอ้ น ภาพประกอบ 7 ภาพแสดงความเป็นมาของสวนเมอื งรอ้ น(สวนเมอื งรอ้ น. 2550: 146) 1. สวนกล่ินอายไทย ในอดตี คคนไทยมกั ใชช้ วี ติ อยรู่ มิ น้ํา บา้ นเรอื นสว่ นใหญ่จงึ สรา้ งแบบยกพน้ื สงู มใี ตถ้ ุน บา้ น เพ่อื ป้องกนั น้ําทว่ มชว่ งฤดนู ้ําหลาก ส่วนใหญ่จงึ ไมน่ ยิ มจัดตกแต่งสวนเพอ่ื นความสวยงาม เท่าใดนกั แต่มกั เป็นในรปู แบบการปลกู ไมผ้ ลเพ่อื ใชป้ ระโยชน์ ปลกู ไมต้ ามความเชอ่ื บา้ ง และ ปลกู ไมด้ ดั หรอื ไมก้ ระถางเป็นไมป้ ระดบั ไวบ้ นชานบา้ น จนเมอ่ื เวลาผา่ นไป ภาพสวนมกี าร พฒั นาขน้ึ ไปพรอ้ มๆ กบั รปู แบบบา้ นทเ่ี ป็นไทยประยกุ ต์ เรมิ่ มกี ารต่อเตมิ พน้ื ทใ่ี ตถ้ ุนบา้ นเป็น หอ้ งต่างๆ สวนไมด้ ดั ไมก้ ระถางบนเรอื นชานจงึ เรม่ิ ลดบทบาทลง ความนยิ มในการจดั สวนเพอ่ื เป็นอาหารตามมี ากขน้ึ สวนกลน่ิ อายไทยจงึ มกั นําของใชใ้ นอดตี มาใชป้ ระดบั ในสวนอยา่ งเชน่ โอ่งมกั ร โอ่งดนิ เผา ลอ้ เกวยี น ครกหนิ ฯลฯ เมอ่ื พน้ื ทจ่ี าํ กดั บา้ นเรอื นถกู ปลูกใหอ้ ยชู่ ดิ กนั มากขน้ึ การสรา้ งความเป็นสว่ นตวั จงึ มี ความสาํ คญั ต่อการอยอู่ าศยั สวนไทยจงึ นยิ มปลกู พรรณไมต้ น้ สงู อยา่ งหมากสงเป็นแนวอาณาเขต รมิ รวั้ เพอ่ื พรางสายตาจากภายนอก รวมถงึ พรรณไมใ้ หร้ ม่ เงา เพ่อื สรา้ งความรม่ รน่ื ใหม้ มุ นงั่ เลน่ ในสวน 2. สวนบาหลี สวนบาหลไี ดร้ บั ความนยิ มอยา่ งสงู ในชว่ งปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 เมอ่ื การท่องเทย่ี ว ไดเ้ ขา้ มามบี ทบาทบนเกาะมากขน้ึ เป็นสวนทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากความเชอ่ื ในเรอ่ื งจติ วญิ ญาณ ส่งิ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ และความศรทั ธาในศาสนาฮนิ ดู รปู แบบการใชช้ วี ติ ของชาวบาหลมี กั กลมกลนื ไปกบั ธรรมชาติ อยอู่ าศยั ในขอบเขตของกําแพง มกี ารวางแนวอาคารลอ้ มรอบซง่ึ มลี กั ษณะเป็นคอรต์ ดงั นนั้ สวนบาหลจี งึ กําหนดขอบเขตดว้ ยแนวรวั้ อฐิ เตย้ี และบ่อน้ําสเ่ี หลย่ี ม สว่ นพรรณไมท้ น่ี ยิ มใช้ ในอตดี ส่วนใหญ่จะเลอื กพรรณไมผ้ ลและไมด้ อก สาํ หรบั ใชบ้ ชู าเทพเจา้ ต่อมาเมอ่ื ไดร้ บั อทิ ธพิ ล

30 ตะวนั ตกเขา้ มามากขน้ึ จนไดร้ ั บความนยิ ม พรรณไมท้ ป่ี ลกู กนั มากจนกลายเป็นเอกลกั ษณ์หน่งึ ของสวนบาหลี ไดแ้ ก่ ลนั่ ทม บวั และชบา นํามาประดบั รว่ มกบั งานศลิ ปะหรอื ประตมิ ากรรมหนิ แกะสลกั รปู ปนั้ เทพ ยกั ษ์ และลงิ รวมถงึ ซมุ้ ประตตู ่างๆ ทเ่ี คยใชก้ นั ในวดั วาอารามในอดตี กลายเป็นสง่ิ มคี า่ สาํ หรบั นกั จดั สวน แต่ช่วงระยะหลงั ๆ มกี ารผลติ สนิ คา้ เลยี นแบบของเหลา่ น้มี าก ขน้ึ เพราะหาไดง้ า่ ยกวา่ และราคาถกู 3. สวนป่ าเมอื งร้อน การจดั สวนปา่ จะเน้นการปลกู พรรณไมใ้ หร้ ม่ เงา ตกแต่งดว้ ยไมใ้ บหลายระดบั ความสงู ไมค่ ่อยมไี มด้ อกลม้ ลุกเน่ืองจากแสงแดดไมเ่ พยี งพอ สวนปา่ มคี วามเป็นปา่ อยหู่ ลายระดั บ แตกต่างกนั ตงั้ แต่สวนปา่ โปรง่ ซง่ึ ออกแบบใหผ้ สมผสานกบั การใชส้ นามหญา้ ไปจนถงึ สวนปา่ ทบึ ปลกู พรรณไมห้ ลายระดบั สว่ นปา่ เป็นสวนทม่ี คี วามชน้ื สงู มอสสแ์ ละตะไครข่ น้ึ เขยี วจนดขู ลงั บางสวนมนี ้ําตกหนิ ธรรมชาตริ ว่ มดว้ ย ขน้ึ ชอ่ื วา่ สวนปา่ แลว้ ลกั ษณะการปลกู ตน้ ไมย้ อ่ มปลกู แบบ ปะปนกนั หลกี เลย่ี งการปลกู ไมต้ ดั แต่งเป็นรปู ทรงต่างๆ หรอื การปลกู เป็นแถวเป็นแนว หากปลกู ลกั ษณะน้ีควรจาํ พน้ื ทอ่ี ยเู่ พยี งบางจดุ เทา่ นนั้ ลกั ษณะการปลกู ตน้ ไมใ้ นสวนปา่ แต่ละแห่งมผี ลต่อ บรรยากาศความเป็นปา่ ทต่ี ่างกนั รวมถงึ การกาํ หนดองคป์ ระกอบ เชน่ ทางเดนิ หากกําหนด เสน้ ทางคดโค้ งใหเ้ ดนิ ระกง่ิ ไม้ จะไดบ้ รรยากาศของความเป็นปา่ มากกวา่ การกาํ หนดทางเดนิ เรยี บเป็นระเบยี บ จากรปู แบบสวนเมอื งรอ้ นทก่ี ลา่ วมา จะเหน็ ไดว้ ่ารปู แบบสวนกลนิ่ อายไทยเป็นรปู แบบ ของสวนทม่ี กี ารพฒั นาขน้ึ ไปพรอ้ มๆ กบั รปู แบบบา้ นไทยประยกุ ต์ นยิ มจดั สวนใหเ้ ป็นอาหารตา และนําเรอ่ื งราวใ นอดตี มาใชป้ ระดบั สวน โดยใชว้ สั ดจุ ากธรรมชาติ สวนแบบไทยเขา้ กนั ไดด้ กี บั สภาพแวดลอ้ มของไทย และคนไทยทช่ี น่ื ชอบบรรยากาศแบบไทยๆ อยเู่ สมอ ในขณะทส่ี วนแบบ ไทยแสดงเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมไดด้ สี าํ หรบั ชาวต่างชาตมิ าพบเหน็

31 ภาพประกอบ 8 ลกั ษณะสวนไทย ทม่ี า: http://www.homedd.com 5. ข้อมลู รีสอรท์ บางพลดั รสี อรท์ สไตลไ์ ทยโบราณเป็นรสี อรท์ ขนาดเลก็ อยใู่ จกลางเมอื งหลวง ยา่ นบางพลดั จรญั สนิทวงศ์ 77/1 ทน่ี ่ีมเี อกลกั ษณ์เฉพาะตวั ทโ่ี ดดเด่น เมอ่ื กา้ วเขา้ ไปรสู้ กึ เหมอื นอยใู่ นสมยั กรงุ ธนบรุ ี นบั เป็นการยอ้ นวนั วานใหเ้ หน็ ถงึ การใชช้ วี ติ ของคนในสมยั ก่อนไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยมคี ุณ วศิ าล มขุ ตารเี ป็นผบู้ รหิ าร จดุ เรม่ิ เรม่ิ ตน้ ของรสี อรท์ บางพลดั นนั้ มาจากครอบครวั คณุ วศิ าล โดยชว่ งแรกทาง ครอบครวั เป็นผบู้ ุกเบกิ สว่ นตวั คณุ วศิ าลเองทาํ กจิ การอ่นื อยู่ ไมว่ า่ จะเป็นบรษิ ทั หรอื กจิ การอ พารท์ เมน้ ท์ และเหน็ วา่ พน้ื ทต่ี รงน้ไี มอ่ ยากปลอ่ ยไวว้ า่ งโดยเปลา่ ประโย ชน์เพราะเป็นทด่ี นิ ของ ครอบครวั โดยทางครอบครวั คณุ วศิ าลเองมคี วามผกู พนั กบั วฒั นธรรมไทยแบบโบราณเหน็ ความ โดดเด่นของบา้ นไมล้ กั ษณะไทยโบราณกช็ อบและอยากอนุรกั ษ์เอาไวจ้ งึ ไดป้ ลกู สรา้ งบา้ นไมข้ น้ึ โดยในชว่ งแรกทาํ เป็นบา้ นเชา่ มาประมาณ 40 กวา่ ปี ประกอบกบั ทางผเู้ ชา่ หมดสญั ญา เชา่ เมอ่ื เวลาผ่านไปสงั คมเปลย่ี นไป เกดิ ตกึ อาคารมากมายและมสี ง่ิ อาํ นวยความสะดวกมากกวา่ แต่ก่อน ผคู้ นหนั ไปนยิ มตกึ คอนโดมเิ นียม อพารท์ เมน้ ทเ์ สยี ส่วนใหญ่ ทางครอบครวั คณุ วศิ าล เลง็ เหน็ วา่ ไมอ่ ยากใหบ้ า้ นไมเ้ ก่าเลอื นหายไปจากความทรงจาํ ของคนไทยจงึ มไี อเดยี ขน้ึ มา อยากจะปรบั ปรงุ บา้ นใหมเ่ พอ่ื จะทาํ เป็นรสี อรท์ จนกระทงั่ ปจั จบุ นั น้เี ป็นรสี อรท์ เขา้ ปีท่ี 3 แลว้

32 จดุ เดน่ ทแ่ี ตกต่างของรสี อรท์ บางพลดั คุณวศิ าลยดึ หลกั ทฤษฎขี องไมเคลิ อพี อรต์ เตอร์ ทเ่ี ชอ่ื วา่ การทจ่ี ะทาํ ใหธ้ รุ กจิ เราดาํ เนนิ ไปดว้ ยดี คอื การทาํ ใหต้ วั สนิ คา้ ของเรามคี วามแตกต่าง จากคคู่ า้ เมอ่ื ทพ่ี กั บรเิ วณน้ีเป็นตกึ เสยี ส่วนใหญ่ จงึ มคี วามคดิ ทจ่ี ะทาํ ใหท้ ต่ี รงน้ีเป็นแบบบา้ นไม้ แตกต่างจากทอ่ี ่นื เน้นความเป็นอยอู่ ยา่ งไทยทเ่ี รยี บงา่ ย เรอ่ื งของการกนิ จะเน้นกนิ แบบสมยั กรงุ ธนบรุ โี ดยการใชภ้ าชนะใสอ่ าหารเป็นชดุ ชามเบญจรงค์ มโี ต๊ะตงั่ ใหน้ งั่ หรอื ถา้ ลกู คา้ บางท่ านไม่ สะดวกในสว่ นอ่นื ๆ กจ็ ะมรี องรบั เป็นโต๊ะนงั่ ทาน นอกจากน้ยี งั อนุรกั ษใ์ นเรอ่ื งของการแต่งกาย ผา่ นพนกั งานตอ้ นรบั และพนกั งานในสว่ นอ่นื ๆ ของรสี อรท์ ดว้ ย ลกู คา้ ทม่ี าใชบ้ รกิ าร มที งั้ ชาวไทยพทุ ธ,มสุ ลมิ และชาวต่างชาติ มที งั้ กลุ่มทเ่ี คยอาศยั อยู่ ละแวกน้ีเมอ่ื ครงั้ ยงั เป็ นเดก็ มาใชบ้ รกิ ารเพอ่ื ทจ่ี ะราํ ลกึ อดตี และตอ้ งกลน่ิ อายความเป็นไทย ใน สว่ นลกู คา้ ทเ่ี ป็นมสุ ลมิ เราจะเน้นเรอ่ื งอาหารฮาลาล ลกู คา้ หลกั ส่วนใหญ่จะเป็นลกู คา้ ทม่ี ารกั ษา ตวั กบั ทางโรงพยาบาลยนั ฮเี น่ืองจากทางโรงพยาบาลมลี กู คา้ จาํ นวนมากและอยไู่ มไ่ กลจากรี สอรท์ ลกู คา้ สว่ นหน่ึงเบ่ือบรรยากาศทโ่ี รงพยาบาล ทน่ี ่ีจงึ เป็นอกี ทางเลอื กหน่ึงใหส้ าํ หรบั คนไข้ ทม่ี าพกั เพราะมบี รรยากาศทเ่ี งยี บสงบเหมาะแก่การรกั ษาตวั ในสว่ นของการประชาสมั พนั ธ์ การสอ่ื สารหรอื การเขา้ ถงึ กลมุ่ เป้าหมายยงั ไมเ่ ป็นทน่ี ่า พอใจเทา่ ทค่ี วร เรายงั เขา้ ไมถ่ กู ทางพอการประชาสมั พนั ธอ์ าจ จะยงั ไมช่ ดั เจนพอทาํ ใหล้ กู คา้ มี จาํ นวนยงั ไมม่ ากพอเทา่ ทเ่ี ราตอ้ งการ จดุ ทางเขา้ ของรสี อรท์ จะเหน็ ไดว้ า่ เป็นทางโคง้ เป็น ทางผา่ นทส่ี งั เกตยากเพราะดา้ นหน้าจะเป็นตกึ อาคาร ผคู้ นอาจจะมองไมเ่ หน็ เดน่ ชดั มาก เมอ่ื ก่อนทางเขา้ จะไมค่ อ่ ยสวา่ ง ป้ายเลก็ ปจั จบุ นั ทางผบู้ รหิ ารไดป้ รบั ปรงุ ใหมท่ าํ ใหป้ ้ายมขี นาด ใหญ่ขน้ึ เพมิ่ แสงสว่างและปรบั ปรงุ ในส่วนของทางเขา้ เป็นซมุ้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเป็นไทยของ รสี อรท์ น้ี กลยทุ ธใ์ นการทาํ การตลาดของรสี อรท์ เน้นเปิดบคุ๊ กง้ิ ออนไลน์ตามเวบ็ ไซตต์ ่างๆเป็น อนั ดบั หน่ึง การประชาสมั พนั ธท์ างป้าย โบวช์ วั ร์ จะมาเป็นอนั ดนั สอง จากนนั้ เป็นสว่ นของลกู คา้ ทเ่ี ขา้ มาใชบ้ รกิ ารแลว้ แนะนําบอกต่อๆกนั ไป

33 ภาพประกอบ 9 บรเิ วณรสี อรท์ บางพลดั สาํ หรบั ผลตอบรบั ทางคณุ ยลรวี สว่างดวงตา(พนกั งานตอ้ นรบั ) บอกวา่ อยใู่ นระดบั กลาง ถอื ว่ายงั ไมด่ เี ท่าทค่ี วร เรากพ็ ยายามปรบั ปรงุ ตลอด ถา้ เปรยี บรสี อรท์ เรากเ็ หมอื นเดก็ ทเ่ี พงิ่ หดั เดนิ เพราะเพงิ่ เริ่มตน้ มาได้ 3 ปี กค็ อ่ ยๆ เป็นคอ่ ยๆ ไป แตกต่างจากตอนเป็นบา้ นเชา่ ในเรอ่ื งของ ราคา ชว่ งนนั้ จะมนี กั ศกึ ษามาเชา่ เยอะ ราคาจะแตกต่างกนั ระหวา่ งบา้ นเชา่ กบั รสี อรท์ ตอนเป็น บา้ นเชา่ กถ็ กู แต่พอเป็นรสี อรท์ ราคากจ็ ะแพงมาอกี ระดบั หน่งึ

34 ภาพประกอบ 10 บรเิ วณรสี อรท์ บางพลดั (ต่อ) ภาพประกอบ 11 การตกแต่งภายในของรสี อรท์ บางพลดั

35 รสี อรท์ บางพลดั ให้บรกิ ารหอ้ งพกั แบบเป็นหลงั สุดคลาสสคิ เพยี บพรอ้ มไปดว้ ยสง่ิ อาํ นวยความ สะดวกครบครนั มที งั้ หมด 18 หลงั แต่ละหลงั มสี องชนั้ ซง่ึ แบง่ ยอ่ ยออกเป็นอกี 5 หอ้ ง ชนั้ บน ประกอบดว้ ยหอ้ งนอน และหอ้ งทาํ งาน พรอ้ มดว้ ยมมุ ระเบยี งสาํ หรบั นงั่ อ่านหนงั สอื และ รบั ประทานอาหารยามเชา้ สว่ นชนั้ ล่างสะดวกสบายดว้ ยหอ้ งนงั่ เลน่ หอ้ งแต่งตวั และหอ้ งน้ํา การ ตกแต่งจะตกแต่งดว้ ยเฟอรน์ ิเจอรไ์ มโ้ บราณ เพอ่ื ใหผ้ มู้ าพกั ไดส้ มั ผสั กบั บรรยากาศและวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยใู่ นอดตี พน้ื ทใ่ี ชส้ อยในบา้ น 60 ตารางเมตร ซง่ึ รวมถงึ ระเบยี งดา้ นบนเพอ่ื เป็นมมุ นงั่ อ่านหนงั สอื และ รบั ประทานอาหารยามเชา้ พรอ้ มทงั้ ชานขา้ งบา้ นดา้ นลา่ งเป็นมมุ นงั่ เลน่ อกี มมุ หน่ึง นอกจากน้ีทางรสี อรท์ มบี รกิ ารอนิ เตอรเ์ น็ต wi-fi ฟรี สาํ หรบั แขกผมู้ าเยอื นและยงั มี กจิ กรรมนวดแผนไทยทช่ี ่วยใหร้ สู้ กึ ผ่อนคลายอกี ดว้ ย ภายในรสี อรท์ มหี อ้ งอาหารสวสั ดแี ละรา้ น กาแฟสวสั ดใี หล้ กู คา้ ไดเ้ ลอื กรบั ประทานกนั พรอ้ มกนั น้ที างรสี อรท์ ยงั รบั จดั เลย้ี ง/สมั มนาอกี ดว้ ย 6. ข้อมลู เกี่ยวกบั การออกแบบภมู ิทศั น์ 6.1 การแบ่งพืน้ ท่ีในการจดั สวนบา้ น การแบง่ พน้ื ทใ่ี นการจดั สวน มงุ่ เน้นการแบง่ พน้ื ทข่ี องการจดั สวนบา้ นพกั อาศยั เป็นหลกั ทงั้ น้เี พราะการจดั สวนบา้ น เป็นการจดั สวนทใ่ี กลช้ ดิ และตรงตามความตอ้ งการของบคุ คล และ สมาชกิ ครอบครวั มากทส่ี ุด การจดั แบง่ พน้ื ทจ่ี งึ เป็นขอ้ คดิ ในการออกแบบสวนบา้ น เพ่อื ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์ และตรงกบั ความตอ้ งการ การแบง่ พืน้ ท่ีการจดั สวนบา้ นของชาวตะวนั ออก Saito Wada ไดใ้ หท้ ศั นะเกย่ี วกบั การแบ่ งสว่ นพน้ื ทข่ี องสวนตามบา้ นพกั อาศยั ไว้ 2 ส่วนใหญ่ๆ คอื พน้ื ทห่ี ลกั พน้ื ทพ่ี เิ ศษ ส่วนที่เป็นพื้นท่ีหลกั (Basic Section) ไดจ้ ดั แบง่ พน้ื ทย่ี อ่ ยออกเป็น 3 ส่วนไดแ้ ก่ 1. สวนสว่ นหน้า (Front Garden) เป็นสว่ นของพน้ื ทท่ี ต่ี ดิ กบั ถนน หน้าทห่ี ลกั คอื การ สรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ชวี ติ สงั คม เป็นสว่ นทแ่ี สดงความสงา่ ผา่ เผย ของทางเขา้ บา้ น การจดั ทด่ี ี ทส่ี ดุ จงึ เน้นในเรอ่ื งความเหมาะสมกบั ขนาดพน้ื ท่ี ความสละสลวยละเอยี ดอ่อน ดงึ ดดู ความสนใจ ของผพู้ บเหน็ และความลกึ ซง้ึ แต่มองดไู มเ่ กนิ ความเป็นจรงิ การจดั สรรสว่ นหน้าไมม่ ี วตั ถุประสงค์ ใชเ้ ป็นสถานทพ่ี กั ผอ่ น 2. สวนสวนครวั (Kitchen Garden) พน้ื ทท่ี ท่ี าํ หน้าทร่ี วบรวมวสั ดทุ เ่ี กย่ี วกบั กจิ กรรม ของการดาํ รงชวี ติ การปฎบิ ตั ติ ่างๆ เป็นสว่ นทถ่ี ดั จากสวนสว่ นดา้ นหน้า ดา้ นใดดา้ นหน่งึ ของตวั หรอื อยรู่ ะหวา่ ง Front garden กบั Inner garden ถา้ เปรยี บเทยี บกจิ กรรมของ ส่วนสวนครวั กบั บา้ นกค็ อื หอ้ งแต่งตวั หอ้ งประกอบการ โดยทวั่ ไป ส่วนสวนครวั ประกอบไปดว้ ย พน้ื ทเ่ี กบ็ ของ ราวตากผา้ แทง็ คน์ ้ํา ทเ่ี กบ็ กระถาง ทร่ี วมระบบน้ํา ระบบไฟ ทเ่ี กบ็ เครอ่ื งทาํ ความสะอาด การจดั สวนในสว่ นน้ีเป็นการจดั แบบงา่ ยๆ ไมใ่ ชเ้ ป็นสถานทพ่ี กั ผ่อน

36 3. สวนส่วนใน (Inner Garden) เป็นพน้ื ทด่ี า้ นหลงั บา้ น การจดั สวนเพอ่ื ใหผ้ อู้ ยอู่ าศยั ไดใ้ ชช้ วี ติ สมั ผสั กบั ธรรมชาติ หน้าทข่ี องสวนสว่ นน้ถี า้ เปรยี บเป็นบา้ น กค็ อื หอ้ งรบั แขก หอ้ งพกั อาศยั หอ้ งนอน เป็นส่วนทใ่ี หค้ วามสุข ความสบาย ดงั นนั้ การจดั จงึ อุดมไปดว้ ยตน้ ไมใ้ หญ่ ไม้ ดอกชนิดต่างๆ เพ่อื ทาํ ใหเ้ ป็นบรรยากาศธรรมชาตภิ ายในสวนอาจสรา้ งศาลาพกั ผอ่ น การจดั สวนเน้นความเป็นธรรมชาตทิ งั้ น้ี เพ่อื สนองความรสู้ กึ ของผอู้ ยอู่ าศยั และผมู้ าเยอื น ใหม้ คี วาม เพลดิ เพลนิ กบั ธรรมชาตทิ ง่ี ดงาม และธรรมชาตทิ ง่ี ดงามนนั้ สามารถเปลย่ี นแปลงความงามได้ ตามฤดฤกู าล ลกั ษณะเด่นของสวนสว่ นในคอื งดงามแฝงดว้ ยความโอ่อ่า ละเอยี ดอ่อน ลกึ ลบั วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการจดั สวนสว่ นในคอื เพอ่ื พกั ผ่อน ส่วนพืน้ ท่ีพิเศษ (Auxiliary Section) การจดั สวนในพน้ื ทพ่ี เิ ศษอ่นื ๆ ของบา้ น อาคารทพ่ี กั อาศยั นอกเหนอื จากพน้ื ทห่ี ลกั การจดั สวนในพน้ื ทด่ี งั กลา่ ง ตอ้ งเป็นสวนชนดิ พเิ ศษ (Special garden) เชน่ สวนในพน้ื ทต่ี รอกหรอื ซอก (Alleyway garden) ลกั ษณะการจดั สวนในพน้ื ทแ่ี คบยาว เป็นพน้ื ทม่ี องดคู ลา้ ยทางเดนิ เทา้ แคบลกึ หรอื ดเู ป็นลกั ษณะทวิ ทศั น์แคบลกึ มากกว่าเปิดกวา้ ว การจดั สวนจงึ มงุ่ การสรา้ งสรรคค์ วามคดิ ความรสู้ กึ ทป่ี ราศจากการ สกดั กนั้ หรอื การไม่ สะดวกสบาย ทก่ี ลา่ วถงึ คอื เป้าหมายหลกั ของการจดั สวนในพน้ื ทแ่ี คบยาว การจดั สวนในพน้ื ทต่ี รอกหรอื ซอก จงึ นยิ มสรา้ งเป็นทางเดนิ เทา้ น จะเป็นทางเดนิ เทา้ แบบแยกหรอื แบบต่อเน่อื ง ถา้ การจดั มตี น้ ไมเ้ ป็นองคป์ ระกอบตน้ ไมท้ น่ี ยิ มปลกู คอื ตน้ ไผ่ โดย ปลกู เป็นแนวเพอ่ื โชวล์ าํ ตน้ โปรง่ บาง สาํ หรบั พน้ื ทต่ี รอก ซอกทม่ี แี สงแดดพอเพยี ง ถา้ กรณมี แี สง ราํ ไร หรอื ค่อนขา้ งรม่ เงา ตน้ ไมท้ เ่ี สนอแนะในการจดั คอื จงั ๋ วาสนา เฟิรน์ หรอื พนั ธไุ์ มใ้ นตระกลู หางไหล (Aroid family) อ่นื ๆ สงั กปั ใหมใ่ นการแบ่งพืน้ ท่ี การจดั สวน ตามสงั กปั ใหมไ่ ดก้ ําหนดเป้าประสงค์ (goal) ของการจดั ไว้ 9 ประการ และ การจดั แบ่งพน้ื ทต่ี อ้ งสอดคลอ้ งกบั เป้าประสงคด์ งั กลา่ ว ทงั้ น้ีเพอ่ื ก่อใหเ้ กดิ ควาพงึ พอใจ และ สนองตอบความตอ้ งการของเจา้ ของบา้ น คอื 1. พน้ื ทน่ี นั ทนาการ (Recreation) พน้ื ทท่ี เ่ี ป็นสระวา่ ยน้ํา สนามแบดมนิ ตนั้ สนามเดก็ เล่น สนามเทนนสิ สนามบาสเกตบอล สนามแฮนดบ์ อล ทผ่ี ดั กอลฟ์ หรอื สนามอเนอกประสงคอ์ ่นื ๆ 2. พน้ื ทท่ี ใ่ี หค้ วามสขุ สบาย (Comfrot) พน้ื ทล่ี านพกั มหี ลงั คากรองแสง ปลกู ตน้ ไม้ ใหญ่ใหร้ ม่ เงาและเพ่อื ดงึ ลม เป็นทพ่ี กั ผ่อนชว่ งแสงจดั หรอื ตอนบ่ายๆ เป็นทอ่ี ่านหนงั สอื เป็นทใ่ี ช้ พกั ผ่อนนอกบา้ น 3. พน้ื ทอ่ี เนกประสงค์ (Flexiblity) เป็นพน้ื ทท่ี ม่ี วี ถั ุประสงคม์ ากกวา่ 2 อยา่ งขน้ึ ไป คอื พรอ้ มดดั แปลงไปใชไ้ ดห้ ลายกรณี เชน่ เป็นพน้ื ทร่ี บั รองแขก ดดั แปลงเป็นมา้ นงั่ บอ่ ทราย ถา้ เป็นลกั ษณะสนามเปิด ภาคบา่ ยดดั แปลงเป็นสนามแบดมนิ ตนั สว่ นภาคค่าํ เป็นพน้ื ทส่ี าํ หรบั จดั งานปารต์ ้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook