Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนธ.ศ.ตรีฉบับแม่กองธรรม

หนังสือเรียนธ.ศ.ตรีฉบับแม่กองธรรม

Published by suttasilo, 2021-06-24 07:07:31

Description: หนังสือเรียนธ.ศ.ตรีฉบับแม่กองธรรม

Keywords: ธรรมศึกษาตรี

Search

Read the Text Version

สารบญั หนา้ เร่อื ง ๑ ๒ วชิ ากระทูธ้ รรม ๔ - บทนาํ ๔ - หลกั เกณฑก์ ารแต่งกระทู ้ ๕ - วธิ กี ารแต่งกระทู ้ - ตวั อย่างกระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชนั้ ตรี ๒๑ พทุ ธศาสนสภุ าษิต ๒๓ - ทานวรรค คอื หมวดทาน ๒๕ - ศีลวรรค คอื หมวดศีล ๒๖ - สตวิ รรค คอื หมวดสติ ๒๙ - ปาปวรรค คอื หมวดบาป ๓๐ - ปญุ ญวรรค คอื หมวดบญุ ๓๑ วชิ าธรรม ๓๒ - บทนํา ๓๒ - ธรรมมอี ปุ การะมาก ๒ ๓๓ - ธรรมเป็นโลกบาล คอื คมุ้ ครองโลก ๒ ๓๓ - ธรรมอนั ทาํ ใหง้ าม ๒ ๓๔ - บคุ คลหาไดย้ าก ๒ ๓๔ - รตนะ ๓ ๓๔ - คณุ ของรตนะ ๓ ๓๔ - โอวาทของพระพทุ ธเจา้ ๓ ๓๕ - ทจุ รติ ๓ ๓๕ - กายทจุ รติ ๓ วจที จุ รติ ๔ มโนทจุ รติ ๓ ๓๕ - สุจรติ ๓ ๓๕ - กายสุจรติ ๓ วจสี ุจรติ ๔ มโนสุจรติ ๓ ๓๖ - อกศุ ลมลู ๓ - กศุ ลมลู ๓

เร่อื ง หนา้ - สปั ปรุ สิ บญั ญตั ิ ๓ ๓๖ - บญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๓ ๓๖ - วุฒทิ คอื ธรรมเคร่อื งเจรญิ ๔ ๓๗ - จกั ร ๔ ๓๘ - อคติ ๔ ๓๘ - ปธาน คอื ความเพยี ร ๔ ๓๙ - อธษิ ฐานธรรม ๔ ๔๐ - อทิ ธบิ าท ๔ ๔๐ - ควรทาํ ความไมป่ ระมาทในท่ี ๔ สถาน ๔๑ - พรหมวหิ าร ๔ ๔๒ - อรยิ สจั ๔ ๔๓ - อนนั ตรยิ กรรม ๕ ๔๔ - อภณิ หปจั จเวกขณะ ๕ ๔๔ - ธมั มสั สวนานสิ งส์ ๕ ๔๖ - พละ ๕ ๔๗ - ขนั ธ์ ๕ ๔๗ - คารวะ ๖ ๔๙ - สาราณิยธรรม ๖ ๔๙ - อรยิ ทรพั ย์ ๗ ๕๑ - สปั ปรุ สิ ธรรม ๗ ๕๑ - โลกธรรม ๘ ๕๓ - บญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๑๐ ๕๔ - คหิ ปิ ฏบิ ตั ิ ๕๖ - ทฏิ ฐธมั มกิ ตั ถประโยชน์ ๔ ๕๖ - สมั ปรายกิ ตั ถประโยชน์ ๔ ๕๖ - มติ ตปฏริ ูป ๔ ๕๖ - คนปลอกลอก มลี กั ษณะ ๔ ๕๗ - คนดแี ต่พดู มลี กั ษณะ ๔ ๕๗ - คนหวั ประจบ มลี กั ษณะ ๔ ๕๗

เร่อื ง หนา้ - คนชกั ชวนในทางฉิบหาย มลี กั ษณะ ๔ ๕๘ - มติ รแท้ ๔ ๕๘ - มติ รมอี ปุ การะ มลี กั ษณะ ๔ ๕๘ - มติ รร่วมสุขร่วมทกุ ข์ มลี กั ษณะ ๔ ๕๘ - มติ รแนะประโยชน์ มลี กั ษณะ ๔ ๕๘ - มติ รรกั ใคร่ มลี กั ษณะ ๔ ๕๘ - สงั คหวตั ถุ ๔ ๕๘ - ธรรมของฆราวาส ๔ ๕๙ - มจิ ฉาวณิชชา คา้ ขายไมช่ อบธรรม ๕ ๕๙ - สมบตั ขิ องอบุ าสก ๕ ๕๙ - ทศิ ๖ ๖๐ - ปรุ ตั ถมิ ทศิ ทศิ เบ้อื งหนา้ คอื บดิ ามารดา ๖๐ - ทกั ษณิ ทศิ ทศิ เบ้อื งขวาอาจารย์ ๖๐ - ปจั ฉิมทศิ ทศิ เบ้อื งหนา้ ภรรยา ๖๑ - อตุ ตรทศิ ทศิ เบ้อื งซา้ ย มติ ร ๖๑ - เหฏฐมิ ทศิ ทศิ เบ้อื งตาํ่ บา่ ว ๖๒ - อปุ รมิ ทศิ ทศิ เบ้อื งบน สมณพราหมณ์ ๖๒ - อบายมขุ ๖ ๖๓ - ดม่ื นาํ้ เมามโี ทษ ๖ ๖๓ - เทย่ี วกลางคนื มโี ทษ ๖ ๖๓ - เทย่ี วดูการเลน่ มโี ทษ ๖ ๖๓ - เลน่ การพนนั มโี ทษ ๖ ๖๔ - เกยี จครา้ นทาํ งาน มโี ทษ ๖ ๖๔ วชิ าพทุ ธประวตั ิ ๖๖ - บทนํา ๖๗ - ปรจิ เฉทท่ี ๑ - ชมพทู วปี และประชาชน ๖๘ - วรรณะ ๔ ๖๘ - การศึกษาของวรรณะ ๔ ๖๘

เร่อื ง หนา้ - ความเชอ่ื ของชาวชมพทู วปี ๖๙ - วธิ ปี ฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั ความเกดิ ความตายและสุขทกุ ข์ ๖๙ ปรจิ เฉทท่ี ๒ - สกั กชนบท ๗๐ - ศากยวงศ์ ๗๐ ปรจิ เฉทท่ี ๓ - พระศาสดาประสูติ ๗๒ - อสติ ดาบสเขา้ เยย่ี ม ๗๒ - ประสูตไิ ด้ ๕ วนั ทาํ นายลกั ษณะ ๗๒ - ประสูตไิ ด้ ๗ วนั พระมารดาส้นิ พระชนม์ ๗๓ - พระชนมายุ ๗ ปี ขดุ สระโบกขรณี ๓ สระ ๗๓ - พระชนมายุ ๑๖ ปี อภเิ ษกพระชายา ๗๓ ปรจิ เฉทท่ี ๔ - เสดจ็ ออกบรรพชา ๗๕ ปรจิ เฉทท่ี ๕ - ทกุ รกริ ยิ า ๓ วาระ ๗๖ - อปุ มา ๓ ขอ้ ปรากฏ ๗๗ - ปญั จวคั คยี ห์ นี ๗๗ - ความเพยี รทางจติ ทาํ ใหบ้ รรลธุ รรม ๗๘ - ทรงชนะมาร ไดต้ รสั รู ้ ๗๘ ปรจิ เฉทท่ี ๖ - เสวยวมิ ตุ ตสิ ุขใตร้ ่มมหาโพธ์ิ ๗ วนั ๘๐ - ใตร้ ่มอชปาลนโิ ครธ ๗ วนั ๘๐ - ใตร้ ่มมจุ ลนิ ท์ ๗ วนั ๘๐ - ใตร้ ่มราชายตนะ ๗ วนั ๘๑ - ทรงตดั สนิ พระทยั แสดงธรรม ๘๑ - ทรงพระดาํ รหิ าคนผูส้ มควรรบั เทศนา ๘๒ - ทรงแสดงปฐมเทศนา ๘๒ - ปฐมสาวก ๘๓

เร่อื ง หนา้ - ปญั จวคั คยี บ์ รรลพุ ระอรหนั ต์ ๘๔ ปรจิ เฉทท่ี ๗ - ส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ๘๕ - ยสกลุ บตุ รบวช ๘๕ - สหายพระยสะ ๕๔ คน บวช ๘๖ - ทรงประทานวธิ อี ปุ สมบทแก่สาวก ๘๖ - ทรงโปรดภทั ทวคั คยี ส์ หาย ๓๐ คน ๘๗ - ทรงโปรดชฎลิ ๓ พน่ี อ้ ง ๘๗ - ทรงแสดงอาทติ ตปรยิ ายสูตร ๘๗ ปรจิ เฉทท่ี ๘ - เสดจ็ กรุงราชคฤหแ์ ควน้ มคธ โปรดพระเจา้ พมิ พสิ าร ๘๙ - ความปรารถนา ๕ ประการ ของพระเจา้ พมิ พสิ าร ๘๙ - ทรงอนุญาตใหภ้ กิ ษุรบั อาราม ๙๐ - ทรงไดพ้ ระอคั รสาวก ๙๑ - พระโมคคลั ลานะบวชได้ ๗ วนั บรรลพุ ระอรหนั ต์ ๙๑ - ทรงแสดงอบุ ายละทฏิ ฐแิ กท้ ฆี นขะ อคั คเิ วสนะโคตร ๙๑ - ทรงแสดงเวทนา ๓ วา่ ไมเ่ ทย่ี ง เป็นทกุ ข์ วา่ งเปลา่ ๙๑ - ผูห้ ลดุ พน้ พดู ตามโวหารโลก แต่ไมถ่ อื มนั่ ๙๑ - พระสารบี ตุ รบวชได้ ๑๕ วนั บรรลพุ ระอรหนั ต์ ๙๒ - ทฆี นขะ ไดด้ วงตาเหน็ ธรรม ๙๒ ปรจิ เฉทท่ี ๙ - ทรงบาํ เพญ็ พทุ ธกจิ ในมคธชนบท ประทานอปุ สมบท ๙๔ แก่พระมหากสั สปะ ๙๔ - มหาสนั นบิ าตแห่งมหาสาวก ๙๕ - โอวาทปาฏโิ มกขค์ าํ สอนหลกั ของศาสนา ๙๖ - ทรงอนุญาตเสนาสนะ ๙๖ - ทรงแสดงวธิ ที าํ ปพุ พเปตพลี ๙๗ - ทรงมอบใหส้ งฆเ์ ป็นใหญ่ในกจิ ๙๘ - ทรงสอนพระศาสนาผอ่ นลงมาถงึ คดโี ลก

เร่อื ง หนา้ - ทรงแสดงวธิ ที าํ เทวตาพลี ๙๘ ปจั ฉิมโพธกิ าล - ทรงปลงอายุสงั ขาร ๑๐๐ - ทรงแสดงอภญิ ญาเทสติ ธรรม ๑๐๐ - ทรงแสดงอรยิ ธรรม ๔ ประการ ๑๐๐ - ทรงแสดงมหาปเทส ฝ่ายพระสูตร ๔ ๑๐๑ - นายจนุ ทะถวายปจั ฉิมบณิ ฑบาต ๑๐๑ - ผวิ กายพระตถาคตผอ่ งใสยง่ิ ๒ กาล ๑๐๑ - บณิ ฑบาตทาน ๒ คราว มผี ลเสมอกนั ๑๐๒ - ประทมอนุฏฐานไสยา ๑๐๒ - ทรงปรารภสกั การบูชา ๑๐๒ - ทรงแสดงสงั เวชนยี ส์ ถาน ๔ ตาํ บล ๑๐๓ - ทรงแสดงถปู ารหบคุ คล ๔ ๑๐๓ - โปรดสุภทั ทปรพิ าชก ๑๐๓ - ทรงตง้ั พระธรรมวนิ ยั เป็นศาสดา ๑๐๔ - ปจั ฉิมโอวาท ๑๐๔ - ปรนิ พิ พาน ๑๐๕ อปรกาล - ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธสรรี ะ ๑๐๖ - แจกพระสารรี กิ ธาตุ ๑๐๖ - ประเภทแหง่ เจดยี ์ ๑๐๗ - ความเป็นมาแห่งพระธรรมวนิ ยั สงั คายนาครง้ั ท่ี ๑ ๑๐๗ - สงั คายนา ครง้ั ท่ี ๒ ๑๐๘ - สงั คายนา ครงั้ ท่ี ๓ ๑๐๘ วชิ าเบญจศีลเบญจธรรม ๑๐๙ คาํ ปรารมภ์ ๑๑๐ เบญจศีล ๑๑๒ สกิ ขาบทท่ี ๑ ปาณาตปิ ทา เวรมณี ๑๑๕ - การฆ่า ๑๑๕

เร่อื ง หนา้ - กรรมหนกั กรรมเบา ๑๑๖ - การทาํ รา้ ยร่างกาย ๑๑๖ - ทรกรรม ๑๑๗ สกิ ขาบทท่ี ๒ อทนิ นาทานา เวรมณี ๑๑๘ - โจรกรรม ๑๑๘ - เล้ยี งชพี อนุโลมโจรกรรม ๑๑๙ - กริ ยิ าเป็นฉายาโจรกรรม ๑๑๙ - กรรมหนกั กรรมเบา ๑๒๐ สกิ ขาบทท่ี ๓ กาเมสมุ จิ ฉาจารา เวรมณี ๑๒๑ สกิ ขาบทท่ี ๔ มสุ าวาทา เวรมณี ๑๒๒ - มสุ า ปด ๑๒๒ - ทนสาบาน ทาํ เลห่ ก์ ระเท่ห์ มารยา ทาํ เลศ เสรมิ ความ อาํ ความ ๑๒๓ - กรรมหนกั กรรมเบา ๑๒๓ - อนุโลมมสุ า ๑๒๔ - ปฏสิ สวะ ๑๒๔ สกิ ขาบทท่ี ๕ สรุ าเมรยมชั ชปมาทฏั ฐานา เวรมณี - โทษของสุราและสง่ิ มนึ เมา ๑๒๕ - วริ ตั ิ คอื ความละเวน้ ๑๒๖ - สมั ปตั ตวริ ตั ิ ๑๒๖ - สมาทานวริ ตั ิ ๑๒๗ - สมจุ เฉทวริ ตั ๑๒๗ - เบญจกลั ยาณธรรม ๑๒๗ - กลั ยาณธรรมในสกิ ขาบทท่ี ๑ ๑๒๘ - กลั ยาณธรรมในสกิ ขาบทท่ี ๒ ๑๓๐ - ควรเวน้ การงานอนั ประกอบดว้ ยโทษ ๑๓๑ - รกั ษาทรพั ยใ์ หพ้ น้ อนั ตรายและใชจ้ ่ายพอสมควร ๑๓๒ - ขยนั ทาํ งานสนบั สนุนการรกั ษาศีล ๑๓๒ - กลั ยาณธรรมในสกิ ขาบทท่ี ๓ ๑๓๒ - กลั ยาณธรรมในสกิ ขาบทท่ี ๔ ๑๓๓

เร่อื ง หนา้ - กลั ยาณธรรมในสกิ ขาบทท่ี ๕ ๑๓๔ - ความรูจ้ กั ประมาณอาหารทจ่ี ะพงึ บรโิ ภค ๑๓๔ - ความไมเ่ ลนิ เลอ่ ในการงาน ๑๓๕ - ความมสี ตสิ มั ปชญั ญะในการประพฤตติ วั ๑๓๕ - ความไมป่ ระมาทในธรรม ๑๓๕ - ความไมป่ ระมาทในการละทจุ รติ ๑๓๖ - ความไมป่ ระมาทในการประกอบสุจรติ ๑๓๖ - ความไมป่ ระมาทในโลกธรรม ๑๓๗

บทนํา การเรยี งความแกก้ ระทูธ้ รรม เป็นการแสดงออกซง่ึ ความรู ้ ความเขา้ ใจ ความคดิ และความรูส้ กึ ของผูเ้ขยี นซง่ึ ไดม้ าจากการศึกษาวชิ าธรรมะ พทุ ธะ และเบญจศีลเบญจธรรม วา่ สามารถจะถา่ ยทอดความรู ้ ความเขา้ ใจ ความคดิ และความรูส้ กึ ออกไปสูผ่ ูอ้ น่ื ไดด้ หี รอื ไม่ การเรยี นรูว้ ชิ าธรรมะ พทุ ธะ และเบญจศีลเบญจธรรม เปรยี บเหมอื นนกั เรยี นไป เก็บเอาดอกไมท้ ต่ี ่างสี ต่างขนาด มากองรวมกนั ไว้ ส่วนการเรยี งความแกก้ ระทูธ้ รรม เปรยี บเหมอื นนกั เรยี นคดั เอาดอกไมเ้หลา่ นนั้ มาปกั แจกนั จะทาํ ไดส้ วยงามแค่ไหน กข็ ้นึ อยู่กบั ความสามารถของแต่ละคน ทจ่ี ะแต่งอย่างไร ตามหลกั ธรรมคาํ สอนในพระพทุ ธศาสนา การเขยี นหรอื การพดู ทจ่ี ดั วา่ ดนี น้ั ตอ้ งเกดิ ประโยชนแ์ ก่ผูอ้ ่านหรอื ผูฟ้ งั ๔ ประการ คอื ๑. ไดค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจ ๒. เกดิ ความเลอ่ื มใสใคร่ ปฏบิ ตั ติ าม ๓. กลา้ ทาํ ความดี ๔. มคี วามบนั เทงิ ใจ ไมเ่ บอ่ื หน่าย ๑. ผูอ้ ่านหรอื ผูฟ้ งั จะไดร้ บั ความรู ้ ความเขา้ ใจนนั้ ผูเ้ขยี นและผูพ้ ดู จะตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเร่อื งนน้ั เป็นอย่างดเี สยี ก่อน สรุป สนั้ ๆ คอื จาํ ได้ เขา้ ใจชดั ปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ ง ๒. ผูอ้ ่านหรอื ผูฟ้ งั จะเกดิ ความเลอ่ื มใส ใคร่ปฏบิ ตั ติ าม ผูเ้ขยี นหรอื ผูพ้ ดู จะตอ้ ง ช้แี จงใหเ้หน็ โทษของการไมป่ ฏบิ ตั อิ ย่างนนั้ วา่ ไมด่ อี ยา่ งไร ๓. ผูอ้ ่านหรอื ผูฟ้ งั จะกลา้ ทาํ ความดี ผูเ้ขยี นหรอื ผูพ้ ดู จะตอ้ งช้แี จงใหเ้หน็ คุณค่าหรอื ประโยชนข์ องการปฏบิ ตั อิ ย่างนน้ั วา่ ดอี ย่างไร ๔. ผูอ้ ่านหรอื ผูฟ้ งั จะมคี วามบนั เทงิ ใจ ไมเ่ บอ่ื หน่าย ก็เพราะไดร้ บั ความรูค้ วามเขา้ ใจ เหน็ โทษของการไมป่ ฏบิ ตั ิ และเหน็ คณุ ประโยชนข์ องการปฏบิ ตั นิ นั้ ๆ นนั่ เอง ฉะนน้ั วชิ ากระทูธ้ รรมจงึ เป็นวชิ าทส่ี าํ คญั น่าศึกษาวชิ าหน่งึ เพราะเป็นการเอาวชิ าทเ่ี รยี น แลว้ มาประตดิ ประต่อใหไ้ ดใ้ จความสอดคลอ้ งกบั กระทูธ้ รรมตามทส่ี นามหลวงออกมา เป็นการแสดงให้ เหน็ ถงึ ความรู ้ ความเขา้ ใจ ความคดิ และความรูส้ กึ ทแ่ี ทจ้ รงิ ของผูเ้ขยี น และเป็นเหตใุ หเ้กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ และความรูส้ กึ แก่ผูอ้ น่ื ดว้ ย นกั เรยี นจงึ ควรเอาใจใสฝ่ ึกคดิ ฝึกเขยี น ฝึกพดู บอ่ ย ๆ จะ ไดเ้ป็นคนดมี คี วามสามารถ โปรดนกึ ถงึ พทุ ธภาษติ บทหน่งึ อยู่เสมอวา่ ทน โต เสฏ โฐมนุส เสสุ ผูฝ้ ึกฝนตน (อยู่เสมอ) เป็นผูป้ ระเสรฐิ ทส่ี ุดในมวลมนุษย์

หลกั เกณฑก์ ารแต่งกระทู้ ผูจ้ ะแต่งกระทู ้ จาํ เป็นจะตอ้ งทราบหลกั เกณฑใ์ นการแต่งกระทูก้ ่อน หลกั เกณฑใ์ น การแต่งกระทูน้ น้ั ผูศ้ ึกษาพงึ ทราบตามทส่ี นามหลวงแผนกธรรมไดว้ างเป็นหลกั เอาไวด้ งั ขอ้ ความวา่ แต่งอธบิ ายใหส้ มเหตสุ มผล อา้ งสุภาษติ อน่ื มาประกอบดว้ ย ๑ ขอ้ และบอกชอ่ื คมั ภรี ์ ทม่ี าแหง่ สุภาษติ นนั้ ดว้ ย สุภาษติ ทอ่ี า้ งมานน้ั ตอ้ งเรยี งเชอ่ื มความใหส้ นทิ ตดิ ต่อ สมกบั กระทูต้ งั้ ชนั้ น้ี (ธรรมศึกษาชนั้ ตร)ี กาํ หนดใหเ้ขยี นลงในใบตอบ ตง้ั แต่ ๒ หนา้ (เวน้ บรรทดั ) ข้นึ ไป วธิ กี ารแต่งกระทู้ เมอ่ื ทราบหลกั เกณฑก์ ารแต่งกระทูโ้ ดยย่อแลว้ ต่อไปควรทราบวธิ กี ารแต่ง วธิ กี ารแต่ง กระทูม้ อี งคป์ ระกอบใหญ่ ๆ ๓ อย่าง คอื ๑. คาํ เร่มิ ตน้ ไดแ้ ก่คาํ ว่า บดั น้ี จกั อธบิ ายขยายความธรรมภาษติ ทไ่ี ดย้ กข้นึ นกิ เขปบท เพอ่ื เป็นแนวทางแหง่ การศึกษา และปฏบิ ตั ธิ รรมตามสมควรแก่เวลา หรอื อน่ื ใดตามทเ่ี หมาะสม ๒. คาํ ขยายความ คอื อธบิ ายเน้อื ความแห่งธรรมภาษติ ซง่ึ เป็นกระทูป้ ญั หา พรอ้ มทง้ั อา้ งสุภาษติ อน่ื มาประกอบอย่างนอ้ ย ๑ ขอ้ พรอ้ มทง้ั บอกทม่ี าใหถ้ กู ตอ้ ง ๓. คาํ ลงทา้ ย คอื สรุปเน้อื ความทไ่ี ดอ้ ธบิ ายมาแลว้ โดยย่ออกี ครงั้ หน่งึ ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระทูป้ ญั หา จบลงดว้ ยคาํ วา่ สมกบั ธรรมภาษติ ว่า……….หรอื พระพทุ ธองคจ์ งึ ตรสั วา่ ………. ตาม ความเหมาะสม (ช่องวา่ งทเ่ี วน้ ไวห้ มายถงึ กระทูป้ ญั หาพรอ้ มทง้ั คาํ แปล)

ตวั อย่างกระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชน้ั ตรี กระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชน้ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั ท่ี ………พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖ พาลา หเว นปปฺ สสํ นฺติ ทานํ คนพาลเท่าน้นั ยอ่ มไม่สรรเสรญิ ทาน บดั น้ี จกั ไดอ้ ธบิ ายความแห่งกระทูธ้ รรม ตามกฎเกณฑท์ ก่ี าํ หนดไว้ เพอ่ื เป็นแนวทาง แหง่ การศึกษา และปฏบิ ตั ธิ รรมตามสมควรแก่ธรรม สาํ หรบั ผูส้ นใจใคร่ธรรมทกุ ท่าน ทาน หมายถงึ การบรจิ าคสง่ิ ของของตน คอื อาหาร นาํ้ ดม่ื เส้อื ผา้ ผา้ หม่ ทอ่ี ยู่อาศยั ยารกั ษาโรค และของใชท้ จ่ี าํ เป็นแก่ชวี ติ ใหแ้ ก่ผูอ้ น่ื ดว้ ยวตั ถปุ ระสงค์ ๒ ประการคอื ๑. เพอ่ื ช่วยเหลอื เพอ่ื อดุ หนุนบคุ คลผูไ้ มม่ หี รอื ผูข้ าดแคลนสง่ิ เหลา่ นน้ั เช่น ผูป้ ระสบภยั นาํ้ ทว่ ม ไฟไหม้ เดก็ กาํ พรา้ คนชรา เป็นตน้ ๒. เพอ่ื บูชาคณุ ความดขี องผูท้ รงศีล ทรงธรรม ตวั อย่างเช่นพระสงฆ์ อกี อย่างหน่งึ ทาน หมายถงึ การงดเวน้ จากการทาํ บาป ๕ อย่าง ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ อรยิ สาวกในศาสนาน้เี ป็นผูล้ ะปาณาตบิ าต เวน้ ขาดจากปาณาตบิ าต เป็น ผูล้ ะอทนิ นาทาน เวน้ ขากจากอทนิ นาทาน เป็นผูล้ ะกาเมสุมจิ ฉาจาร เวน้ ขาดจาก กาเมสุมจิ ฉาจาร เป็นผูล้ ะมสุ าวาท เวน้ ขาดจากมสุ าวาท เป็นผูล้ ะการดม่ื สุราและอนั เป็น เหตแุ หง่ ความประมาท ชอ่ื วา่ เขาไดใ้ หค้ วามไมม่ ภี ยั ความไมม่ เี วร ความไมเ่ บยี ดเบยี นแก่ สตั วท์ งั้ หลายหาประมาณมไิ ด้ เมอ่ื เขาใหค้ วามไมม่ ภี ยั ความไมม่ เี วร และความไม่ เบยี ดเบยี นแก่สตั วท์ งั้ หลายหาประมาณมไิ ด้ ตวั เขาเองก็เป็นผูม้ สี ่วนไดร้ บั ความไมม่ ภี ยั ความไมม่ ี เวร และความไมเ่ บยี ดเบยี นจากผูอ้ น่ื หาประมาณมไิ ดเ้ช่นเดยี วกนั ทงั้ ๕ น้ี จดั เป็นทานอนั ยง่ิ ใหญ่ เป็นทานทเ่ี ลศิ กวา่ ทานทง้ั หลาย เป็นวงศข์ องอรยิ ชน เป็นของเก่า อนั สมณพราหมณผ์ ูเ้ป็นวญิ ญูชนไมค่ ดั คา้ น ไมล่ บลา้ ง ทานทงั้ ๒ ประการ คอื การใหว้ ตั ถสุ ง่ิ ของมอี าหารเป็นตน้ และการใหอ้ ภยั มกี ารไมฆ่ ่าเป็นตน้ ดงั กลา่ วมา ช่วยรกั ษาชวี ติ มนุษยแ์ ละสตั วท์ งั้ หลายใหร้ อดพน้ จากความตายได้ อทุ าหรณท์ เ่ี หน็ งา่ ยทส่ี ุดคอื เมอ่ื มนุษยเ์ กดิ มา มารดาบดิ าใหน้ าํ้ นมดม่ื ใหข้ า้ วป้อน ดูแลรกั ษา และไมม่ คี นมาฆ่า เดก็ ทารกนน้ั จงึ รอดตายและเจรญิ เตบิ โตได้ ตรงกนั ขา้ ม ถา้ มารดา บดิ า หรอื ผูอ้ น่ื ใดไมใ่ หน้ าํ้ นม ขา้ วป้อน ดูแลรกั ษา หรอื มคี นมาฆ่า เดก็ ทารกนนั้ คงไมร่ อดตายมาได้

เพราะในเวลานน้ั เขายงั ไมส่ ามารถจะหาอะไรมารบั ประทานไดเ้อง และไมส่ ามารถจะต่อสูก้ บั ใครได้ อย่าวา่ แต่ต่อสูก้ บั มนุษยต์ วั โต ๆ เลย สูก้ บั มดและยุงก็ไมไ่ หวแลว้ เพราะฉะนนั้ ทาน จะในความหมายว่า ใหว้ ตั ถสุ ง่ิ ของแก่ผูอ้ น่ื หรอื ใหอ้ ภยั คอื ความ ไมม่ ภี ยั ไมม่ เี วร ไมม่ เี บยี ดเบยี นแก่ผูอ้ น่ื ก็ตาม ลว้ นมคี วามสาํ คญั ต่อชวี ติ ทกุ ชวี ติ เป็นอย่างยง่ิ เพราะช่วยใหม้ นุษยแ์ ละสตั วร์ อดพน้ จากความตายมาได้ ดงั กลา่ วแลว้ ฉะนนั้ พระโพธสิ ตั วจ์ งึ ไดก้ ลา่ วไวใ้ นสตั ตกนบิ าตชาดกในขทุ ทกนกิ ายวา่ ทเทยยฺ ปรุ โิ ส ทานํ แปลวา่ คนควรใหท้ าน แต่ทานทง้ั ๒ ประการน้ี ไมใ่ ช่จะใหก้ นั ไดง้ า่ ย ๆ ทกุ คนโดยเฉพาะคนพาล คอื คน ทช่ี อบทาํ ชวั่ ชอบพดู ชวั่ ชอบคดิ ชวั่ ชอบทาํ ชวั่ คอื ชอบประพฤตกิ ายทจุ รติ คอื ฆ่าสตั ว์ ลกั ทรพั ย์ ประพฤตผิ ดิ ในกาม ชอบพดู ชวั่ คอื ชอบพดู เทจ็ ชอบพดู สอ่ เสยี ด ชอบพดู คาํ หยาบ ชอบพดู คาํ เพอ้ เจอ้ ชอบคดิ ชวั่ คอื ชอบโลภอยากไดข้ องผูอ้ น่ื ชอบคดิ รา้ ยต่อผูอ้ น่ื ชอบเหน็ ผดิ เป็นชอบ อย่างทเ่ี รยี กวา่ เหน็ กงจกั รเป็นดอกบวั พฤตกิ รรมทงั้ หมดน้ี ลว้ นเป็นปฏปิ กั ษ์ คอื ตรงกนั ขา้ มกบั คณุ ธรรมทเ่ี รยี กวา่ ทานทง้ั ๒ ประการนน้ั ทง้ั ส้นิ การเหน็ คณุ ค่าของทาน แลว้ บรจิ าคสง่ิ ของเพอ่ื ช่วยเหลอื ผูข้ าดแคลนหรอื เพอ่ื บูชาความดี ของผูท้ รงคณุ ความดดี ว้ ยตนเองและชกั ชวนบคุ คลอน่ื ใหป้ ฏบิ ตั เิ ช่นนน้ั กด็ ี การใหค้ วามไมม่ ภี ยั แก่ชวี ติ ทรพั ยส์ นิ และเกยี รตยิ ศชอ่ื เสยี งของผูอ้ น่ื ก็ดี ชอ่ื วา่ สรรเสรญิ ทาน พฤตกิ รรมทด่ี เี ช่นน้ี จะทาํ ได้ ก็แต่คนดมี ศี ีล มกี ลั ยาณธรรมเทา่ นนั้ สว่ นคนชวั่ คอื คนพาลนน้ั ยากทจ่ี ะทาํ ได้ สมกบั พระ พทุ ธพจน์ ในธรรมบทขทุ ทกนกิ าย วา่ สาธุ ปาเปน ทกุ กรํ คนชวั่ ทาํ ความดยี าก คนพาลนนั้ นอกจากจะไมใ่ หท้ านและไมเ่ หน็ คณุ ค่าของทานแลว้ ยงั ทาํ อนั ตรายต่อทาน เช่น ลกั ขโมยทรพั ยส์ นิ ของผูบ้ รจิ าคทาน ทจุ รติ คดโกงเอาเงนิ หรอื สง่ิ ของทผ่ี ูใ้ จบญุ บรจิ าคช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภยั มาเป็นของตนเองเสยี อกี ดว้ ย ดงั ไดฟ้ งั ไดเ้หน็ เป็นขา่ วมากมาย จงึ กลา่ วโดยสรุปไดว้ า่ การทค่ี นพาลไมใ่ หท้ านไมเ่ หน็ คณุ ค่าของทานทง้ั ๒ อย่าง คอื วตั ถทุ าน และอภยั ทาน ขดั ขวางผูบ้ รจิ าคทาน และทาํ อนั ตรายต่อทานดว้ ยการทจุ รติ คดโกง ดงั กลา่ วมา เป็นการกระทาํ ทแ่ี สดงออกถงึ การไมส่ รรเสรญิ ทานตามธรรมภาษติ วา่ พาลา หเว นปปฺ สสํ นฺติ ทานํ คนพาลเท่าน้นั ย่อมไม่สรรเสรญิ ทาน ดงั พรรณนามาฉะน้แี ล ฯ

กระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาตรี สอบในสนามหลวง วนั ท่…ี …..พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖ สลี ํ โลเก อนุตตฺ รํ ศีล เป็ นเย่ยี มในโลก บดั น้ี จกั อธบิ ายความแห่งธรรมภาษติ วา่ ศีลเป็นเยย่ี มในโลก ตามความรูท้ ไ่ี ดศ้ ึกษามา เพอ่ื เป็นแนวทางแห่งการศึกษาและปฏบิ ตั ธิ รรมสบื ต่อไป สลี ทา่ นผูร้ ูอ้ ธบิ ายความหมายไวห้ ลายนยั ดงั น้ี ๑. สลี นะ แปลวา่ ความปกติ หมายความว่า ควบคมุ ความประพฤติ ทางกาย วาจา ใหอ้ ยูใ่ นสภาพทเ่ี รยี บรอ้ ยดงี าม พน้ จากการเบยี ดเบยี นกนั และกนั และหมายความวา่ สามารถรองรบั ความดชี นั้ สูงทกุ อย่าง เหมอื นแผ่นดนิ รองรบั ของหนกั มมี หาสมทุ รและภเู ขา เป็นตน้ เอาไวไ้ ด้ โดยไมม่ คี วามผดิ ปกตอิ ะไร ๒. สริ ะ แปลวา่ ศีรษะ หมายความวา่ เป็นยอดของความดี เหมอื นศีรษะ เป็นอวยั วะทอ่ี ยู่สูงทส่ี ุดของร่างกาย ๓. สสี ะ แปลวา่ ยง่ิ ใหญ่ คอื มคี วามสาํ คญั หมายความวา่ ถา้ ขาดศีลเสยี แลว้ คณุ ธรรมหรอื ความเจรญิ อย่างอน่ื กเ็ กดิ ไมไ่ ด้ ๔. สตี ละ แปลวา่ มคี วามเยน็ หมายความวา่ ศีลสรา้ งความเยน็ ใหแ้ ก่ จติ ใจผูร้ กั ษา และสรา้ งความร่มเยน็ ใหแ้ ก่สงั คม ๕. สวิ ะ แปลวา่ ปลอดภยั หมายความวา่ ศีล สรา้ งความ ไมม่ ภี ยั ความไมม่ เี วร และความไมเ่ บยี ดเบยี นใหแ้ ก่สงั คมมนุษย์ ศีลนนั้ เมอ่ื ใครรกั ษาไดจ้ ะทาํ ลายวตี กิ กมกเิ ลส คอื กเิ ลสทล่ี ว่ งละเมดิ มาทางกาย และ วาจา ทางกาย เช่นการฆ่าสตั ว์ ทางวาจา เช่น การพดู เทจ็ พรอ้ มกนั นน้ั ก็ทาํ ใหก้ าย วาจา และใจ ของผูน้ น้ั มคี วามสะอาดพน้ จากการกระทาํ การพดู และความคดิ ทท่ี าํ ใหต้ นเองและผูอ้ น่ื ไดร้ บั ความทกุ ข์ ความเดอื ดรอ้ น เพราะศีลมคี วามดอี ย่างน้อี งคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ทรงแนะนาํ ชาวโลกให้ รกั ษาศีล ตามพระพทุ ธพจนใ์ นขทุ ทกนกิ าย อติ อิ ตุ ตกะ วา่ สลี ํ รกเฺ ขยยฺ เมธาวี ผูม้ ปี ญั ญาพงึ รกั ษาศีล อน่งึ ศีลจะเกดิ ข้นึ ไดเ้พราะอาศยั ธรรม ๒ ประการ คอื หริ คิ วามละอายแก่ใจในการทาํ บาปทจุ รติ และโอตตปั ปะ ความสะดงุ้ กลวั ต่อผลรา้ ยอนั จะเกดิ จากการทาํ บาปทจุ รติ นนั้

ศีลนน้ั ย่อมขาดเพราะเหตุ ๕ ประการ คอื ๑. ลาภ ๒ ยศ ๓ ญาติ ๔ อวยั วะ ๕ ชวี ติ หมายความวา่ คนทท่ี าํ ผดิ ศีลกเ็ พราะปรารถนา ๕ อย่างน้ี อย่างใดอย่างหน่งึ เช่น อยากได้ เงนิ จงึ ลกั ขโมย คดโกง หรอื ฆ่าเจา้ ของทรพั ยเ์ ป็นตน้ บคุ คลย่อมรกั ษาศีลไวไ้ ดเ้พราะยดึ มนั่ สมั ปรุ สิ านุสติ วา่ บคุ คลพงึ สละทรพั ย์ เพอ่ื รกั ษาอวยั วะ พงึ สละอวยั วะเพอ่ื รกั ษาชวี ติ พงึ สละทง้ั ทรพั ย์ อวยั วะและชวี ติ เพอ่ื รกั ษาธรรม ผูร้ กั ษาศีลไดบ้ รสิ ุทธ์ไิ มใ่ หข้ าด ไมใ่ หด้ ่างพรอ้ ย องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั วา่ จะไดร้ บั อานสิ งส์ คอื ผลดแี ก่ตน ๕ ประการ คอื ทาํ ใหเ้กดิ ทรพั ย์ เกยี รตศิ พั ทข์ จรไกล เขา้ ทไ่ี หนอาจหาญ สตมิ นั่ ไมล่ มื หลง มงุ่ ตรงทางสวรรค์ จากการพรรณนามาโดยย่อน้ี ทาํ ใหเ้หน็ คณุ สมบตั ขิ องศลี หลายประการดว้ ยกนั เช่น ศีล ควบคมุ ความประพฤตทิ างกาย วาจา ใหเ้รยี บรอ้ ยพน้ จากการเบยี ดเบยี นกนั ศีล เป็นเคร่อื งรองรบั ความสุขความเจรญิ ต่าง ๆ ศีล สรา้ งความร่มเยน็ ใหแ้ ก่ชาวโลก ศีล ใหค้ วามไมม่ ภี ยั ไมม่ เี วร และความไมเ่ บยี ดเบยี นกนั ศีล ทาํ ใหค้ นมคี วามประพฤตทิ างกาย วาจา ใจ สะอาด ฉะนน้ั นกั ปราชญท์ ง้ั หลายมอี งคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เป็นตน้ จงึ กลา่ ววา่ สลี ํ โลเก อนุตตฺ รํ ศีลเป็ นเย่ยี มในโลก ดงั ไดบ้ รรยายมาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ

กระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาตรี สอบในสนามหลวง วนั ท่ี พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖ สติ โลกสฺมิ ชาคโร สตเิ ป็ นธรรมเคร่อื ง ต่นื อยูใ่ นโลก บดั น้ี จกั ไดอ้ ธบิ ายความแห่งธรรมภาษติ ขอ้ วา่ สตเิ ป็นธรรมเคร่อื งตน่ื อยู่ใน โลก เพอ่ื เป็นแนวทางแห่งการศึกษาของผูส้ นใจใฝ่ธรรมตามสมควรแก่เวลา สติ แปลวา่ ความระลกึ ได้ หมายถงึ สภาพจติ ใจทร่ี ูจ้ กั คดิ วา่ อะไรดี อะไรชวั่ แลว้ กดี กนั เอาความชวั่ ออกไปรบั เอาแต่สง่ิ ทด่ี มี าสู่ตน สติ เป็นศพั ทท์ ใ่ี ชใ้ นความหมายทด่ี ี ถา้ จะใชใ้ นทางทไ่ี มด่ ใี หเ้ตมิ คาํ วา่ มจิ ฉาท่ี แปลวา่ ผดิ ไวข้ า้ งหนา้ เป็นมจิ ฉาสติ แปลวา่ ความระลกึ ผดิ หมายถงึ สภาพจติ ใจทร่ี บั เอา ความไมด่ มี าสู่ตน คอื ชอบคดิ แต่สง่ิ ทไ่ี มด่ ี สตนิ นั้ มลี กั ษณะใหร้ ูไ้ ด้ ๒ อย่างคอื ๑ การเตอื นใจ หรอื ๒. การรบั เอาแต่สง่ิ ทด่ี ี ๑. การเตอื นใจ หมายความวา่ สตนิ น้ั จะเตอื นใจวา่ สง่ิ นน้ั ดี สง่ิ นน้ั ไมด่ ี สง่ิ นนั้ มปี ระโยชน์ สง่ิ นนั้ ไมม่ ปี ระโยชน์ สง่ิ นน้ั ควรทาํ สง่ิ นน้ั ไมค่ วรทาํ เป็นตน้ เปรยี บ เหมอื นขนุ คลงั แกว้ คอยทูลเตอื นพระเจา้ จกั พรรด์ใิ หท้ รงทราบอยู่ตลอดเวลาวา่ ในทอ้ งพระคลงั มี เงนิ เทา่ นนั้ มที องคาํ เท่านนั้ มพี ลชา้ ง พลมา้ พลรถ พลราบเทา่ นน้ั เพอ่ื จะได้ ไมท่ รงประมาท แลว้ รบั สงั่ ใหจ้ ดั หามาใหพ้ รอ้ มอยู่เสมอ ๒. การรบั เอาแต่สง่ิ ทด่ี นี น้ั หมายความวา่ สตนิ น้ั จะรบั เอาแต่สง่ิ ทด่ี ี เทา่ นน้ั ใหเ้ขา้ มาสู่ชวี ติ จติ ใจ พรอ้ มกนั นนั้ จะคอยป้องกนั ขบั ไลส่ ง่ิ ทไ่ี มม่ ที ง้ั หลายไมใ่ หเ้ขา้ มา เปรยี บเหมอื นทหารยามผูฉ้ ลาดของพระราชา หา้ มคนรา้ ยทเ่ี ป็นปฏปิ กั ษต์ ่อพระราชาไมใ่ หเ้ขา้ ไปสูป่ ระตู พระราชวงั จะอนุญาตเฉพาะคนทเ่ี ป็นคณุ เป็นประโยชนเ์ ทา่ นน้ั ใหเ้ขา้ ไป เพราะสตคิ อยช่วยเตอื นใจใหร้ ูว้ า่ อะไรดี อะไรชวั่ อะไรมปี ระโยชนอ์ ะไรไมม่ ปี ระโยชน์ แลว้ ใหร้ บั เอาแต่สง่ิ ทด่ี ที ม่ี ปี ระโยชนเ์ ขา้ มาสู่ชวี ติ จติ ใจ และป้องกนั สง่ิ ทไ่ี มด่ ไี มม่ ปี ระโยชนใ์ หพ้ น้ ไป จงึ เป็นธรรมมอี ปุ การะมาก ควรปรารถนาในกจิ ทกุ อย่างในทท่ี กุ สถาน และในกาลทกุ เมอ่ื สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส จงึ ทรงสอนวา่ สติ สพพฺ ตถฺ ปตภฺ ยิ า สตจิ าํ ปรารถนาในทท่ี ง้ั ปวง สตนิ น้ั บางครง้ั เกดิ ข้นึ เองก็ได้ เช่นนกั เรยี นบางคนคดิ ไปโรงเรยี น เรยี น

หนงั สอื และทาํ การบา้ นไดเ้อง ไมต่ อ้ งเป็นภาระใหใ้ ครมาเตอื นมาบอก บางครง้ั ตอ้ งได้ รบั คาํ เตอื นจงึ เกดิ เช่น นกั เรยี นบางคนตอ้ งใหบ้ ดิ ามารดาเตอื นจงึ เกดิ สตทิ จ่ี ะไปโรงเรยี น เรยี น หนงั สอื และทาํ การบา้ น ดงั นน้ั นกั ปราชญจ์ งึ ไดส้ อนวธิ สี รา้ งสตไิ วห้ ลายวธิ ดี ว้ ยกนั แสดงพอเป็นตวั อย่างดงั น้ี ความรู ้ หมายความวา่ ความรูว้ ชิ าการต่าง ๆ ช่วยใหเ้กดิ สตริ ะวงั ตวั ได้ เช่นผูม้ ี ความรูเ้ร่อื งไฟฟ้า ย่อมระวงั ตวั ใหพ้ น้ อนั ตรายจากไฟฟ้าได้ คาํ เตอื น เช่น โอวาทต่าง ๆ สุภาษติ ต่าง ๆ ทม่ี คี วามหมายเตอื นใจในเร่อื งนนั้ ๆ ทาํ เคร่อื งหมาย เช่น ถนนเป็นหลมุ เป็นบอ่ ทางโคง้ อนั ตราย หรอื มคี นและสตั วม์ กั ขา้ ม ถนนตรงนนั้ กจ็ ะทาํ เคร่อื งหมายบอกเอาไว้ บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ เช่น เกดิ เหตกุ ารณท์ ส่ี าํ คญั หรอื แมเ้ก่ยี วกบั การศึกษาเลา่ เรยี นใหจ้ ด บนั ทกึ เอาไว้ คดิ ถงึ สง่ิ ทเ่ี หมอื นกนั เช่น จะจาํ ช่อื คน หรอื เน้อื หาวชิ าต่าง ๆ ใหค้ ดิ ถงึ วา่ คนนน้ั มชี อ่ื เหมอื นใครทเ่ี ราเคยรูจ้ กั หรอื เน้อื หาวชิ านนั้ เหมอื นหรอื คลา้ ยวชิ าอะไรทเ่ี ราเคยจาํ ไดเ้คยเขา้ ใจ เป็นตน้ สตนิ นั้ ช่วยใหค้ นเกดิ ความตน่ื ตวั ทจ่ี ะทาํ ความดี หลกี หนคี วามชวั่ และภยั อนั ตรายทง้ั ทาง โลกและทางธรรม ทางโลกนนั้ พงึ เหน็ ตวั อย่าง เช่น นกั เรยี นบางคนคดิ วา่ คนจะไดด้ มี คี วามสุขในภาย หนา้ เพราะอาศยั วชิ าความรู ้ จงึ ขยนั ไปโรงเรยี น ขยนั เรยี นหนงั สอื ขยนั ทาํ การบา้ น ขยนั ช่วยพอ่ แม่ ทาํ งานไมย่ ุ่งเก่ยี วกบั ยาเสพตดิ ไมเ่ ทย่ี วแต่เสเพล ส่วนคนหนุ่มสาว คดิ ถงึ ความจรงิ ของชวี ติ วา่ คนเราสุดทา้ ยตอ้ งแก่ และตอ้ งเจบ็ จงึ ขยนั ทาํ งาน หนกั เอาเบาสู ้ ไมอ่ ยู่เฉย ไดท้ รพั ยส์ นิ เงนิ ทองมาก็ รูจ้ กั ประหยดั และออมเอาไวใ้ ช้ เมอ่ื เวลาแก่เฒ่า และยามเจบ็ ไข้ อย่างน้ชี ่อื วา่ มสี ตใิ นทางโลก ส่วนทางธรรมนนั้ พงึ เหน็ ตวั อย่างเช่น เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ ทรงเหน็ คนแก่คนเจบ็ และ คนตายแลว้ เกดิ ความคดิ ว่า พระองคเ์ องก็ตอ้ งแก่ ตอ้ งเจบ็ และ ตอ้ งตายเหมอื นกนั จงึ ทรงเลกิ หมกมนุ่ เร่อื งกามคณุ แลว้ เสดจ็ ออกผนวชจนไดเ้ป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ น้ชี อ่ื วา่ มสี ตใิ นทางธรรม สตชิ ่วยใหค้ นตน่ื จากความลมุ่ หลงมวั เมา ความประมาท ทย่ี งั เป็นเดก็ ก็ช่วยเตอื น ใหเ้อาใจใสศ่ ึกษาเลา่ เรยี น เป็นหนุ่มสาวกช็ ่วยเตอื นใหข้ ยนั ทาํ งาน คนทวั่ ไปกช็ ่วยเตอื นให้ ทาํ ความดี หนคี วามชวั่ องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ทรงสอนวา่ สติ โลกสฺมิ ชาคโร สตเิ ป็ นธรรมเคร่อื งต่นื อยู่ในโลก ดงั ไดบ้ รรยายมาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ

กระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชน้ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั ท่.ี ....เดอื น..................พ.ศ............. ปาปานํ อกรณํ สขุ ํ การไม่ทาํ บาป นําสขุ มาให้ ข.ุ ธ.๒๕ / ๕๙. บดั น้ี จกั อธบิ ายความแห่งพทุ ธภาษติ วา่ การไมท่ าํ บาปนาํ สุขมาให้ ตามระเบยี บปฏบิ ตั ิ ของสนามหลวงแผนกธรรม และความรูท้ ไ่ี ดศ้ ึกษามา พระพทุ ธภาษติ น้ี ผูศ้ ึกษาควรทราบอรรถวภิ าค คอื การจาํ แนกเน้อื ความเป็น ๔ ประการ คอื ๑. บาป ๒. สง่ิ ทจ่ี ดั วา่ เป็นบาป ๓. การทาํ บาป ๔. การไม่ ทาํ บาป นาํ ความสุขมาให้ คาํ วา่ บาป หมายถงึ ความไมด่ ที กุ อย่าง เช่น อกศุ ล โทษ ความผดิ ทจุ รติ เวร ธรรมดาํ ทกุ ข์ ยาก ลาํ บาก เหน็ดเหน่อื ย เจบ็ ปวดความชวั่ เป็นตน้ ดงั นนั้ จงึ มกั พดู ศพั ทเ์ ดมิ ว่า บาป หรอื ถา้ จะแปลก็มกั จะแปลวา่ ความชวั่ อนั หมายถงึ ความไมด่ นี นั่ เอง ส่วนท่านผูร้ ูค้ มั ภรี ์ ศพั ทศาสตรใ์ หค้ วามหมาย ของคาํ วา่ บาปไวห้ ลายนยั เช่น สง่ิ ทค่ี นดที ง้ั หลายพงึ ป้องกนั ตวั เอาไวใ้ ห้ ห่างไกล หรอื สง่ิ ทเ่ี ป็นเหตใุ หค้ นถงึ อบาย คอื กลายสภาพเป็นดริ จั ฉาน เปรต สตั วน์ รก และ อสุรกาย เป็นตน้ สง่ิ ทจ่ี ดั วา่ เป็นบาปนนั้ พระพทุ ธศานาจดั สง่ิ ทเ่ี ป็นบาป ไวต้ ามโทษหนกั เบาดงั น้ี บาปทม่ี ี โทษหนกั ทส่ี ุด คอื นยิ ตมจิ ฉาทฏิ ฐิ แปลวา่ ความเหน็ ทแ่ี น่นอนดง่ิ ลงไป แกไ้ ขไมไ่ ด้ ๓ อย่าง คอื อกริ ยิ ทฏิ ฐิ เหน็ วา่ ทาํ บาปหรอื ทาํ บญุ ก็เป็นเพยี งแต่กริ ยิ าทท่ี าํ เท่านนั้ ไมไ่ ดเ้ป็นบาปหรอื เป็น บญุ ดงั ทศ่ี าสนาทง้ั หลายสอนเลย อเหตกุ ทฏิ ฐิ เหน็ วา่ ความสุขหรอื ความทกุ ขข์ องมนุษยล์ ว้ นเกดิ ข้นึ เอง ไมไ่ ดเ้กดิ มาจากเหตใุ ด ๆ ทงั้ ส้นิ นตั ตกิ ทฏิ ฐิ เหน็ วา่ ไมม่ อี ะไร คอื บาปก็สูญ บญุ ก็สูญ คนตายแลว้ กส็ ูญ บาปทม่ี โี ทษหนกั รองจากนน้ั ไดแ้ ก่ อนนั ตรยิ กรรม ๕ อย่าง คอื มาตฆุ าต ฆ่ามารดา ๑ ปิตฆุ าต ฆ่าบดิ า ๑ อรหนั ตฆาต ฆ่าพระอรหนั ต์ ๑ โลหติ ปุ บาท ทาํ รา้ ยพระศาสดาจนถงึ พระโลหติ หอ้ ข้นึ ๑ สงั ฆเภท ทาํ ลายสงฆใ์ หแ้ ตกกนั ๑ ทง้ั ๕ ประเภทน้ี ใครทาํ หลงั จากตายไปตอ้ งตกนรก ทนั ที บาปทม่ี โี ทษถงึ นาํ ไปสู่อบายก็ได้ ทท่ี าํ ใหไ้ ดร้ บั ความทกุ ขค์ วามเดอื ดรอ้ น เช่น ทาํ ใหอ้ ายุสนั้ มโี รคมาก ยากจนเขญ็ ใจ เป็นตน้ กไ็ ด้ มี ๑๐ อย่าง เป็นการกระทาํ ทางกาย ๓ อย่าง คอื

ฆ่าสตั ว์ ๑ ลกั ทรพั ย์ ๑ ประพฤตผิ ดิ ในกาม ๑ เป็นการพดู ทางวาจา ๔ อย่าง คอื พดู เทจ็ ๑ พดู สอ่ เสยี ดทาํ ใหค้ นแตกสามคั คกี นั ๑ พดู คาํ หยาบ ๑ พดู เพอ้ เจอ้ ทาํ ใหผ้ ูอ้ น่ื เชอ่ื ถอื เองไรส้ าระ ๑ เป็นความคดิ ชวั่ ทางใจ ๓ อย่าง คอื โลภอยากไดข้ องคนอน่ื อย่างผดิ ศีลธรรม ๑ คดิ รา้ ยทาํ ลายผูอ้ น่ื ๑ มคี วามเหน็ ผดิ ไมเ่ ช่อื เร่อื งบาปบญุ คณุ โทษ ๑ การทาํ บาป หมายถงึ การทาํ การพดู และการคดิ สง่ิ ทจ่ี ดั วา่ เป็นบาปเหลา่ น้เี อง คอื ถอื มนั่ มจิ ฉาทฏิ ฐทิ ง้ั ๓ อย่าง หรอื อย่างใดอย่างหน่งึ กระทาํ อนนั ตรยิ กรรมมกี ารฆ่ามารดาบดิ าเป็นตน้ หรอื ทาํ กายทจุ รติ ๓ พดู วจที จุ รติ ๔ และมใี จประกอบดว้ ยมโนทจุ รติ ๓ ดงั กลา่ วแลว้ การทาํ บาปต่าง ๆ ดงั กลา่ วมาน้ลี ว้ นแต่ก่อใหเ้กดิ ความทกุ ข์ ความเดอื ดรอ้ นทง้ั แก่ผูท้ าํ และบคุ คลอน่ื ผูเ้ก่ยี วขอ้ งทง้ั ส้นิ แต่กย็ งั มคี นอกี เป็นจาํ นวนมากทช่ี อบทาํ ทเ่ี ป็นเช่นน้ี กเ็ พราะคน ส่วนมากยงั มบี าปอยู่ในใจ คนทม่ี เี ช้อื บาปอยู่ในใจย่อมทาํ ความชวั่ ไดง้ า่ ย สมดงั ทอ่ี งคส์ มเดจ็ พระ สมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั ไวใ้ นขทุ ทกนกิ าย อทุ านวา่ ปาปํ ปาเปน สกุ รํ ความชวั่ อนั คนชวั่ ทาํ งา่ ย บาปทท่ี าํ นนั้ อย่างหนกั ทาํ ใหต้ กโลกนั ตรกิ นรก รองลงมาทาํ ใหต้ กนรกอเวจี รองลงมา จากนน้ั ทาํ ใหก้ ลายสภาพเป็นดริ จั ฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย หรอื เบากวา่ นน้ั ถา้ เกดิ มาเป็นมนุษย์ ก็จะทาํ ใหม้ อี ายุสนั้ มโี รคเบยี ดเบยี น ทาํ กนิ ไมข่ ้นึ มอี ปุ สรรค ประสบภยั อนั ตรายต่าง ๆ เป็นตน้ ส่วนการไมท่ าํ บาป คอื เป็นคนทม่ี สี มั มาทฏิ ฐิ มคี วามคดิ เหน็ ทส่ี ง่ เสรมิ ศีลธรรม งดเวน้ เดด็ ขาดจากอนนั ตรยิ กรรม และเวน้ ขาดจากการฆ่าสตั ว์ การลกั ทรพั ย์ การประพฤตผิ ดิ ในกาม การพดู เทจ็ การพดู ส่อเสยี ด การพดู คาํ หยาบ การพดู เพอ้ เจอ้ การโลภอยากไดอ้ ย่างผดิ ศีลธรรม ความคดิ รา้ ยทาํ ลายผูอ้ น่ื ย่อมนาํ ความสุขมาใหท้ ง้ั แก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คม จากหลกั ธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธศาสนา ดงั ไดบ้ รรยายมาแต่โดยย่อน้ี พอสรุป ใจความไดว้ า่ ความสุขทแ่ี ทจ้ รงิ จะเกดิ ข้นึ ได้ อนั ดบั แรกตอ้ งเวน้ จากการทาํ บาป คอื ความชวั่ เสยี ก่อน เหมอื นคนจะแต่งตวั ใหส้ วยงาม ตอ้ งอาบนาํ้ ชาํ ระกายใหส้ ะอาดเสยี ก่อน เพราะถา้ เน้อื ตวั สกปรก จะแต่งอย่างไรก็คงไมง่ าม ความสุขของมนุษยก์ ็เช่นเดยี วกนั ถงึ แมจ้ ะมี ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ยศศกั ด์มิ ากมายอย่างไร ถา้ ไมม่ กี ารงดเวน้ จากการทาํ บาป เช่นฆ่าฟนั ประหดั ประหารกนั เป็นตน้ ก็ยากทจ่ี ะหาความสุขไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ ดงั นน้ั องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ทรงสอนวา่ ปาปานํ อกรนํ สขุ ํ การไม่ทาํ บาปนําความสขุ มาให้ ดงั ไดบ้ รรยายมาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ

กระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชน้ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั ท่…ี ……..เดือน…พฤศจกิ ายน ……พ.ศ. ๒๕๔……… ปญุ ญฺ ํ โจเรหิ ทูหรํ บญุ อนั โจรนําไปไม่ได้ ส.ํ ส. ๑๕ / ๕๐. บดั น้ี จกั อธบิ ายความแห่งพทุ ธภาษติ วา่ บญุ อนั โจรนาํ ไปไมไ่ ด้ พอเป็นแนวทางแห่ง การศึกษาพระธรรมของสาธุชนทง้ั หลาย ตามสมควรแก่ความรูท้ ไ่ี ดศ้ ึกษามา บญุ หมายถงึ กศุ ล สุจรติ กรรมดี ความดี ธรรม และธรรมฝ่ายขาว หรอื กลา่ ว โดยรวมวา่ บญุ เป็นชอ่ื ของความดที กุ อย่าง อนั ตรงกนั ขา้ มกบั บาปทเ่ี ป็นช่อื ของความไมด่ ที กุ อย่าง ทา่ นผูร้ ูค้ มั ภรี ศ์ พั ทศาสตรใ์ หค้ วามหมายวา่ บญุ แปลวา่ เคร่อื งชาํ ระลา้ งจติ ใจใหส้ ะอาด หรอื แปลวา่ สภาพทก่ี ่อใหเ้กดิ ความน่าบูชา อธบิ ายวา่ บญุ คอื การบรจิ าคทาน การรกั ษาศีล และการ เจรญิ ภาวนา เป็นตน้ ใครกระทาํ โดยตดิ ต่อไมข่ าดสาย ย่อมทาํ ใหจ้ ติ ใจของเขาปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง หรอื ยง่ิ ทาํ ไปนาน ๆ จนเป็นบารมเี หมอื นองคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ หรอื พระอรหนั ตสาวกกจ็ ะกาํ จดั กเิ ลสไดเ้ดด็ ขาด เป็นพระอรหนั ต์ เป็นผูม้ จี ติ ใจบรสิ ุทธ์อิ ย่างแทจ้ รงิ และผูท้ ไ่ี มม่ กี เิ ลสคอื ความโลภ ความโกรธ ความหลงนนั้ ย่อมจดั เป็นปูชนยี บคุ คล คอื บคุ คลทน่ี ่า บูชา ทง้ั ของเทวดาและมนุษย์ เมอ่ื บญุ คอื ความดจี งึ เป็นสง่ิ ทท่ี กุ คนตอ้ งทาํ การทาํ บญุ นน้ั กเ็ หมอื นกบั การทาํ งานทวั่ ไป คอื ตอ้ งมอี ปุ กรณไ์ ดแ้ ก่เคร่อื งมอื เหมอื นนกั เรยี นมาเรยี นหนงั สอื ตอ้ งมเี คร่อื งมอื เช่น หนงั สอื สมดุ ปากกา เป็นตน้ อปุ กรณส์ าํ หรบั ใชท้ าํ บญุ ใหญ่ ๆ มี ๔ อย่าง คอื ๑. ทานวตั ถุ ของสาํ หรบั ใชบ้ รจิ าคทาน พระพทุ ธองคท์ รงกาํ หนดไว้ ๑๐ อย่าง คอื ขา้ ว นาํ้ ผา้ ยานพาหนะ ดอกไมข้ อง หอม ของลูบไล ้ ทน่ี อน ทพ่ี กั ประทปี ๒. กาย คอื ร่างกายทกุ สว่ น ๓. วาจา คอื ปาก ๔. ใจ คอื ความคดิ เมอ่ื พดู ถงึ เร่อื งทาํ บญุ พทุ ธศาสนกิ ชนไทยโดยมากมกั รูจ้ กั เพยี งอย่างเดยี ว คอื การบรจิ าค ทาน จงึ เป็นเหตใุ หบ้ างคนรูส้ กึ กลวั บญุ เพราะทาํ บญุ ทไี รจะตอ้ งเสยี ทรพั ยท์ กุ ครง้ั บางคนรูส้ กึ วา่ ตนเองไมม่ โี อกาสจะไดท้ าํ บญุ กบั เขา เพราะไมม่ ที รพั ยส์ นิ เงนิ ทอง แต่ความจรงิ แลว้ ทรพั ยส์ นิ เงนิ

ทองไมใ่ ช่อปุ กรณส์ าํ หรบั ทาํ บญุ ทส่ี าํ คญั เลย อปุ กรณส์ าํ หรบั ทาํ บญุ ทส่ี าํ คญั คอื กาย วาจา ใจ ของแต่ละบคุ คลนนั่ เอง กายของนกั เรยี นทเ่ี วน้ จากการฆ่าสตั ว์ การทาํ รา้ ยกนั การลกั ขโมย การประพฤตผิ ดิ ใน กาม หรอื ทใ่ี ชท้ าํ สง่ิ อนั เป็นประโยชน์ เช่น ขยนั ไปโรงเรยี น ขยนั เรยี นหนงั สอื ขยนั ทาํ การบา้ น ขยนั ช่วยพอ่ แมท่ าํ งาน ไมย่ ุ่งเก่ยี วกบั ยาเสพตดิ ช่วยเหลอื สงั คม ช่วยรกั ษาความสะอาดบรเิ วณ โรงเรยี น เป็นตน้ วาจาหรอื ปาก ใชพ้ ดู แต่คาํ สตั ยจ์ รงิ พดู ใหค้ นเกดิ ความสามคั คกี ลมเกลยี วกนั พดู คาํ สุภาพเรยี บรอ้ ย พดู เร่อื งทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ก่ผูฟ้ งั ใจมคี วามปรารถนาดตี ่อผูอ้ น่ื ไมค่ ดิ โลภอยากได้ ของใคร ไมค่ ดิ รา้ ยทาํ ลายใคร ไมอ่ จิ ฉารษิ ยาใคร เช่อื ฟงั พอ่ แมค่ รูอาจารย์ เพยี งเทา่ น้ี กาย วาจา และใจ ของนกั เรยี นกส็ ามารถสรา้ งมนุษยส์ มบตั ิ สวรรคส์ มบตั ิ ใหแ้ ก่นกั เรยี นเอง แก่บดิ ามารดา และครูอาจารยไ์ ดแ้ ลว้ โดยทไ่ี มต่ อ้ งใชท้ รพั ยส์ นิ เงนิ ทองเลย และพระพทุ ธศาสนาจดั วา่ เป็นบญุ ท่ี ยง่ิ ใหญ่กวา่ การบรจิ าคทานอกี ดว้ ย เพราะบญุ หมายถงึ ความดที กุ อย่าง บญุ จงึ มคี วามสาํ คญั ต่อชวี ติ มนุษยท์ กุ คน เพราะ ๑. เป็นเหตใุ หไ้ ดเ้กดิ ในคตภิ พทด่ี ี ๒. ช่วยคมุ้ ครองรกั ษาชวี ติ ใหร้ อดพน้ จากภยั อนั ตรายต่าง ๆ ๓. ช่วยนาํ พาวถิ ชี วี ติ ไปสู่ความสาํ เรจ็ และเจรญิ กา้ วหนา้ ในสง่ิ ทต่ี นปรารถนา ๔. เป็นเหตใุ หจ้ ติ ใจเกดิ ความร่มเยน็ เป็นสุข องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ทรงสอนใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนไดห้ มนั่ ทาํ บญุ เอาไว้ เสมอเมอ่ื มโี อกาส แมว้ า่ จะเป็นบญุ เพยี งเลก็ นอ้ ยกต็ าม ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ “อย่าดูหม่นิ บญุ ว่ามี ประมาณนอ้ ย เม่อื ไรจะมาถงึ เรา หยดน้ําท่หี ยดลงทลี ะหยดยงั ทาํ ภาชนะมตี ่มุ เป็นตน้ ใหเ้ ตม็ ได้ ฉนั ใด คนผูฉ้ ลาดทาํ บญุ อยูเ่ สมอ กย็ ่อมเตม็ ดว้ ยบญุ ฉนั น้นั ” อน่งึ พระพทุ ธองค์ ตรสั ผลดที เ่ี กดิ จากอานุภาพบญุ ไวใ้ นจูฬกมั มวภิ งั คสูตร กลา่ วโดย สรุปเพอ่ื จาํ งา่ ยดงั น้ี อายุยนื เพราะเวน้ การเขน่ ฆ่า ไรโ้ รคาเพราะไมท่ าํ รา้ ยสตั ว์ มผี วิ พรรณงามเลศิ เจดิ จาํ รสั เพราะกาํ จดั ความโกรธรูอ้ ดใจ ยศศกั ด์สิ ูงเพราะใจไมร่ ษิ ยา มโี ภคาเพราะทานคอื การให้ สกลุ สูงเพราะเจยี มเสงย่ี มใจ ปญั ญาไวเพราะคบหาปญั ญาชน บญุ เป็นเหตใุ หเ้กดิ ความสุขความเจรญิ และความอยู่รอดปลอดภยั แหง่ ชวี ติ ดงั กลา่ วมาน้ี บญุ จงึ เป็นสง่ิ ทค่ี วรทาํ สมดงั พทุ ธภาษติ ในตกิ นบิ าต องั คตุ ตรนกิ ายวา่ ปญุ ญานิ กริ ยิ าถ สขุ าวหานิ ควรทาํ บญุ อนั นําสขุ มาให้ บญุ นน้ั เป็นเร่อื งเฉพาะตวั ใครทาํ ใครได้ ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ ความหมดจด (ความด)ี หรอื ความเศรา้ หมอง (ความชวั่ ) เป็ นเร่อื งเฉพาะตน คนอน่ื ทาํ คนอน่ื ใหห้ มดจดหรอื ใหเ้ ศรา้ หมองไม่ได้

ตวั อย่างงา่ ย ๆ สมมตวิ า่ นกั เรยี น ๒ คน เป็นเพอ่ื นรกั กนั คนหน่งึ เรยี นเก่ง คนหน่งึ เรยี นไมเ่ ก่ง คนเรยี นเก่งสงสารเพอ่ื นอยา่ งไร ก็ไมส่ ามารถจะแบง่ เอาความเก่งของตนไปใหเ้พอ่ื นได้ หรอื เพอ่ื นท่ี เรยี นไมเ่ ก่งจะคดิ แย่งชงิ โดยการลกั ขโมย ปลน้ จ้เี อาความเก่งไปจากเพอ่ื นก็ไมไ่ ดเ้หมอื นกนั มอี ยู่ทาง เดยี วเท่านน้ั คอื ถา้ อยากเก่งตอ้ งขยนั หมนั่ เพยี ร ฝึกฝนดว้ ยตนเอง จะไปขอหรอื แย่งชงิ เอาจากคนอน่ื เหมอื นกบั สง่ิ ของไมไ่ ด้ เร่อื งบญุ ทไ่ี ดอ้ ธบิ ายมาโดยย่อพอสรุปไดด้ งั น้ี คาํ วา่ บญุ เป็นชอ่ื ของความดที ค่ี วรทาํ ทกุ อย่าง เคร่อื งมอื ทาํ บญุ ทส่ี าํ คญั ทส่ี ุดคอื กาย วาจา ใจ ของตน บญุ เป็นความดเี ฉพาะตน ใครทาํ ใครได้ ดงั คาํ พดู วา่ ความดไี มม่ ขี าย ใครอยากไดต้ อ้ งทาํ เอง บญุ ทไ่ี ดท้ าํ ไวแ้ ลว้ เป็นสง่ิ วเิ ศษ สามารถเกบ็ เอาสมบตั ทิ กุ อย่างทงั้ มนุษยส์ มบตั ิ สวรรคสมบตั ิ นพิ พานสมบตั ไิ วภ้ ายในไดม้ ากมาย ไมเ่ ป็นภาระทต่ี อ้ งแบกหาม โจรแย่งชงิ เราไปไมไ่ ด้ ยง่ิ ใชย้ ง่ิ มมี าก พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ตรสั วา่ ปญุ ญํ โจเรหิ ทูหรํ บญุ อนั โจรนําไปไม่ได้ ดงั ไดบ้ รรยายมาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ

พทุ ธศาสนสภุ าษิต หลกั สูตรธรรมศึกษาชน้ั ตรี ๑. ทานวรรค คอื หมวดทาน ๑. ทานญ จ ยุท ธญ จ สมานมาห.ุ ทา่ นวา่ ทานและการรบ เสมอกนั ส.ํ ส. ๑๕ / ๒๙ ข.ุ ชา. อฎฐฺ ก. ๒๗ / ๒๔๙. ๒. นต ถิ จติ เต ปสน นม หิ อป ปกา นาม ทก ขณิ า. เมอ่ื จติ เลอ่ื มใสแลว้ ทกั ขณิ าทานชอ่ื วา่ นอ้ ย ย่อมไมม่ .ี ข.ุ วมิ าน. ๒๖ / ๘๒. ๓. วเิ จย ย ทานํ สุคตปปฺ สตถฺ .ํ การเลอื กให้ อนั พระสุคตทรงสรรเสรญิ ส.ํ ส. ๑๕ / ๓๐. ข.ุ ชา. อฏฐก. ๒๗ / ๒๔๙. เปต. ๒๖ / ๑๙๗. ๔. พาลา หเว นป ปสสํ น ต.ิ ทาน.ํ คนพาลเทา่ นนั้ ย่อมไมส่ รรเสรญิ ทาน. ข.ุ ชา. ๒๕ / ๓๘. ๕. ททํ มติ ตานิ คน ถต.ิ ผูใ้ ห้ ยอ่ มผูกไมตรไี วไ้ ด.้ ส.ํ ส. ๑๕ / ๓๑๖. ๖. ททํ ปิโย โหติ ภชน ติ นํ พหู. ผูใ้ ห้ ยอ่ มเป็นทร่ี กั คนหมมู่ ากย่อมคบเขา. อง . ปญ จก. ๒๒ / ๔๓.

๗. ททมาโน ปิโย โหต.ิ ผูใ้ ห้ ย่อมเป็นทร่ี กั . อง . ปญ จก. ๒๒ / ๔๔. ๘. สุขส ส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธคิ จ ฉต.ิ ปราชญผ์ ูใ้ หค้ วามสุข ยอ่ มไดร้ บั ความสุข. อง . ปญ จก. ๒๒ / ๔๕. ๙. มนาปทายี ลภเต มนาปํ ผูใ้ หส้ ง่ิ ทช่ี อบใจ ย่อมไดส้ ง่ิ ทช่ี อบใจ. อง . ปญ จก. ๒๒ / ๕๕. ๑๐. เสฏ ฐน ทโท เสฏ ฐมเุ ปติ ฐาน.ํ ผูใ้ หส้ ง่ิ ประเสรฐิ ยอ่ มถงึ ฐานะทป่ี ระเสรฐิ . อง . ปญ จก. ๒๒ / ๕๖. ๑๑. อค คส ส ทาตา ลภเต ปนุ ค ค.ํ ผูใ้ หส้ ง่ิ ทเ่ี ลศิ ย่อมไดส้ ง่ิ ทเ่ี ลศิ อกี . อง . ปญ จก. ๒๒ / ๕๖. ๑๒. ททโต ปญุ ญํ ปวฑ ฒต.ิ เมอ่ื ให้ บญุ ก็เพม่ิ ข้นึ . ท.ี มหา. ๑๐ / ๑๕๙. ข.ุ อ.ุ ๒๕ / ๒๑๕. ๑๓. ทเทย ย ปรุ โิ ส ทาน.ํ คนควรใหข้ องทค่ี วรให้ ข.ุ ชา. สต ตก. ๒๗ / ๒๑๗.

๒. ศีลวรรค คอื หมวดศีล ๑. สลี ํ ยาว ชรา สาธุ. ศีลยงั ประโยชนใ์ หส้ าํ เรจ็ ตราบเท่าชรา. ส.ํ ส. ๑๕ / ๕๐ ๒. สุขํ ยาว ชรา สลี .ํ ศีลนาํ สุขมาใหต้ ราบเท่าชรา. ข.ุ ธ. ๒๕ / ๕๙. ๓. สลี ํ กเิ รว กล ยาณ.ํ ท่านวา่ ศีลนนั่ เทยี ว เป็นความดี ข.ุ ธ. ๒๕ / ๕๙. ๔. สลี ํ โลเก อนุตตฺ ร.ํ ศีลเป็นเยย่ี มในโลก ข.ุ ชา. เอก. ๒๗ / ๒๘ ๕. สวํ าเสน สลี ํ เวทติ พ พ.ํ ศีลพงึ รูไ้ ดเ้พราะอยู่ร่วมกนั . นยั - ข.ุ อ.ุ ๒๕ / ๑๗๘. ๖. สาธุ สพ พต ถ สวํ โร. ความสาํ รวมในทท่ี ง้ั ปวง เป็นด.ี ส.ํ ส. ๑๕ / ๑๐๖. ข.ุ ธ. ๒๕ / ๖๔. ๗. สญ ญมโต เวรํ น จยี ต.ิ

เมอ่ื คอยระวงั อยู่ เวรย่อมไมก่ ่อข้นึ . ท.ี มหา. ๑๐ / ๑๕๙. ข.ุ อ.ุ ๒๕ / ๒๑๕. ๘. สลี ํ รก เขย ย เมธาว.ี ปราชญพ์ งึ รกั ษาศีล. ข.ุ อติ .ิ ๒๕ / ๒๘๒. ๓. สตวิ รรค คอื หมวดสติ ๑. สติ โลกส มิ ชาคโร. สตเิ ป็นธรรมเคร่อื งตน่ื อยู่ในโลก. ส.ํ ส. ๑๕ / ๖๑. ๒. สติ สพ พต ถ ปต ถยิ า. สตจิ าํ ปรารถนาในทท่ี ง้ั ปวง. ว. ว. ๓. สตมิ โต สทา ภท ท.ํ คนผูม้ สี ติ มคี วามเจรญิ ทกุ เมอ่ื . ส.ํ ส. ๑๕ / ๓๐๖. ๔. สตมิ า สุขเมธต.ิ คนมสี ติ ยอ่ มไดร้ บั ความสุข. ส.ํ ส. ๑๕ / ๓๐๖. ๕. สตมิ โต สุเว เสย โย. คนมสี ติ เป็นผูป้ ระเสรฐิ ทกุ วนั . ส.ํ ส. ๑๕ / ๓๐๖. ๖. รก ขมาโน สโต รก เข.

ผูร้ กั ษา ควรมสี ตริ กั ษา. ส. ส. ๔. ปาปวรรค คอื หมวดบาป. ๑. มลา เว ปาปกา ธม มา อส มึ โลเก ปรม หิ จ. บาปธรรมเป็นมลทนิ แท้ ทง้ั ในโลกน้ี ทงั้ ในโลกอน่ื . อง . อฏฐฺ ก. ๒๓ / ๑๙๘. ข.ุ ธ. ๒๕ / ๔๗. ๒. ทกุ โข ปาปส ส อจุ จโย. ความสงั่ สมบาป นาํ ทกุ ขม์ าให.้ ข.ุ ธ. ๒๕ / ๓๐. ๓. ปาปานํ อกรณํ สุข.ํ การไมท่ าํ บาป นาํ สุขมาให.้ ข.ุ ธ. ๒๕ / ๕๙. ๔. ปาปํ ปาเปน สุกร.ํ ความชวั่ อนั คนชวั่ ทาํ งา่ ย. ว.ิ จลุ . ๗ / ๑๙๕. ข.ุ อ.ุ ๒๕ / ๑๖๘. ๕. ปาเป น รมตี สุจ.ิ คนสะอาดไมย่ นิ ดใี นความชวั่ . ว.ิ มหา. ๕ / ๓๔. ข.ุ อ.ุ ๒๕ / ๑๖๖. ๖. สกม มนุ า หญ ญติ ปาปธม โม. คนมสี นั ดานชวั่ ยอ่ มลาํ บากเพราะกรรมของตน. ม. ม. ๑๓ / ๔๑๓. ข.ุ เถร. ๒๖ / ๓๗๙. ๗. ตปสา ปชหน ติ ปาปกม ม.ํ

สาธุชนย่อมละบาปกรรมดว้ ยตปะ. ข.ุ ชา. อฏฐฺ ก. ๒๗ / ๒๔๕. ๘. ปาปานิ กม มานิ กโรน ติ โมหา. คนมกั ทาํ บาปกรรมเพราะความหลง. ม. ม. ๑๓ / ๔๑๓. ข.ุ ชา. ปกณิ ฺณก. ๒๗ / ๓๘๐. ๙. นต ถิ ปาปํ อกพุ พโต. บาปไมม่ แี ก่ผูไ้ มท่ าํ . ข.ุ ธ. ๒๕ / ๓๑. ๑๐. ธม มํ เม ภณมานส ส น ปาปมปุ ลมิ ปต.ิ เมอ่ื เรากลา่ วธรรมอยู่ บาปย่อมไมแ่ ปดเป้ือน. ข.ุ ชา. สตตฺ ก. ๒๗ / ๒๒๔. ๑๑. นต ถิ อการยิ ํ ปาปํ มสุ าวาทสิ ส ชน ตโุ น. คนมกั พดู มสุ า จะไมพ่ งึ ทาํ ความชวั่ ย่อมไมม่ .ี นยั - ข.ุ ธ. ๒๕ / ๓๘. นยั - ข.ุ อติ .ิ ๒๕ / ๒๔๓. ๑๒. ปาปานิ ปรวิ ช ชเย. พงึ ละเวน้ บาปทงั้ หลาย. ข.ุ ธ. ๒๕ / ๓๑. ๑๓. น ฆาสเหตปุ ิ กเรย ย ปาปํ. ไมค่ วรทาํ บาปเพราะเหน็ แก่กนิ . นยั - ข.ุ ชา. นวก. ๒๗ / ๒๖๒.

๕. ปญุ ญวรรค คอื หมวดบญุ ๑. ปญุ ญํ โจเรหิ ทูหร.ํ บญุ อนั โจรนาํ ไปไมไ่ ด.้ ส.ํ ส. ๑๕ / ๕๐. ๒. ปญุ ญํ สุขํ ชวี ติ สง ขยม ห.ิ บญุ นาํ สุขมาใหใ้ นเวลาส้นิ ชวี ติ . ข.ุ ธ. ๒๕ / ๕๙ ๓. สุโข ปญุ ญส ส อจุ จโย. ความสงั่ สมข้นึ ซง่ึ บญุ นาํ สุขมาให.้ ข.ุ ธ. ๒๕ / ๓๐. ๔. ปญุ ญานิ ปรโลกส มึ ปตฏิ ฐา โหน ติ ปาณิน.ํ บญุ เป็นทพ่ี ง่ึ ของสตั วใ์ นโลกหนา้ . ส.ํ ส. ๑๕ / ๒๖ อง . ปญจก. ๒๒ / ๔๔. ข.ุ ชา. ทสก. ๒๗ / ๒๙๔. ๕. ปญุ ญานิ กยริ าถ สุขาวหานิ ควรทาํ บญุ อนั นาํ สุขมาให.้ ส.ํ ส. ๑๕ / ๓. อง . ตกิ . ๒๐ / ๑๙๘.

บทนํา มนุษยท์ กุ รูปทกุ นาม ลว้ นปรารถนาความสุขดว้ ยกนั ทง้ั นนั้ และเป็นทร่ี บั รองตอ้ งกนั ของ วญิ ญูชนวา่ เหตหุ รอื ทางมาแห่งความสุขของมนุษยน์ นั้ ทส่ี าํ คญั มี ๓ อย่าง คอื ๑. วชิ าความรู้ ๒. อาชพี การงาน ๓. ธรรม คอื ศีลธรรม แต่ส่วนมากมกั จะใหค้ วามสาํ คญั เพยี ง ๒ อย่าง คอื วชิ าความรูก้ บั อาชพี การงานเพราะ มองเหน็ ชดั วา่ คนทม่ี คี วามรูด้ ี ย่อมมอี าชพี การงานทด่ี ี อาชพี การงานทด่ี กี ่อใหเ้กดิ ทรพั ย์ ทรพั ยย์ ่อมนาํ มาซง่ึ ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างทป่ี รารถนาและตอ้ งการ เลยพากนั ท้งิ ธรรม คอื ศีลธรรม มนุษยจ์ งึ ไมไ่ ดร้ บั ความสุขทแ่ี ทจ้ รงิ การขาดธรรม คอื ศีลธรรม สรา้ งปญั หาใหก้ บั สงั คมมนุษยม์ ากมาย ดงั ตวั อย่างทไ่ี ด้ เหน็ และไดย้ นิ อยู่เสมอ บางคนบางครอบครวั มคี วามรูส้ ูง มที รพั ยส์ นิ เงนิ ทองมาก แต่ไมม่ คี วามสุข เลยทาํ รา้ ยกนั ถงึ กบั ฆ่ากนั ก็มี หรอื บางสงั คม บางประเทศขาดธรรมคอื ความเมตตากรุณา มแี ต่ความ อาฆาตพยาบาท ทาํ ลายลา้ งกนั ตลอดเวลา ทง้ั ทม่ี เี ศรษฐกจิ ดี กห็ าความสุขไมไ่ ด้ ดงั นนั้ ธรรม คอื ศีลธรรม จงึ มคี วามจาํ เป็นสาํ หรบั มนุษย์ ไมน่ อ้ ยไปกวา่ วชิ าความรู้ และอาชพี การงาน การทน่ี กั เรยี น นกั ศึกษา มาสนใจศึกษาธรรมเพอ่ื นาํ เอาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั และอาชพี การงาน จงึ เทา่ กบั เป็นการหาอบุ ายสรา้ งความสุขใหแ้ ก่ตน เพราะธรรมนน้ั สามารถนาํ ความสุขมาใหแ้ ก่ผูป้ ระพฤติ ทง้ั ในปจั จบุ นั และในภายภาคหนา้ ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ ธม มจารี สขุ ํ เสติ อส มิ โลเก ปรม หิ จ. ผูป้ ระพฤตอิ ย่างสมาํ่ เสมอ ย่อมอยู่เป็นสุขทงั้ ในโลกน้แี ละใน โลกหนา้

๒. วชิ าธรรม ธรรมศึกษา ชน้ั ตรี ทกุ ะ หมวด ๒ ธรรมมอี ปุ การะมาก ๒ อยา่ ง ๑. สติ ความระลกึ ได้ ๒ . สมั ปชญั ญะ ความรูต้ วั สติ ความระลกึ ได้ หมายความวา่ ก่อนจะทาํ จะพดู คดิ ใหร้ อบคอบก่อน แลว้ จงึ ทาํ จงึ พดู ออกไป สมั ปชญั ญะ ความรูต้ วั หมายความวา่ ขณะทาํ ขณะพดู มคี วามรูต้ วั ทวั่ พรอ้ มอยู่ ตลอดเวลา ไมใ่ ช่ทาํ หรอื พดู เร่อื งหน่งึ ใจคดิ อกี เร่อื งหน่งึ ธรรมทงั้ ๒ น้ี ช่วยรกั ษาจติ จากอกศุ ลธรรมและช่วยใหจ้ ติ ประกอบดว้ ยกศุ ลธรรมทกุ อย่าง เหมอื นมหาอาํ มาตยผ์ ูม้ คี วามรูค้ วามสามารถ ทาํ ราชกจิ ทกุ อย่างใหส้ าํ เร็จเรยี บรอ้ ย เพราะฉะนน้ั จงึ ช่อื วา่ ธรรมมอี ปุ การะมาก ธรรมเป็นโลกบาล คอื คุม้ ครองโลก ๒ อย่าง ๑. หริ ิ ความละอายแกใ่ จ ๒. โอตตปั ปะ ความเกรงกลวั หริ ิ ความละอายแก่ใจ หมายความวา่ รูส้ กึ รงั เกยี จทจุ รติ มกี ายทจุ รติ เป็นตน้ เหมอื น คนเกลยี ดสง่ิ โสโครกมอี จุ จาระ เป็นตน้ ไมอ่ ยากจบั ตอ้ ง โอตตปั ปะ ความเกรงกลวั หมายความวา่ สะดงุ้ กลวั ต่อทจุ รติ มกี ายทจุ รติ เป็นตน้ เหมอื นคนกลวั ความรอ้ นของไฟ ไมก่ ลา้ ไปจบั ไฟ คนดที ง้ั หลายย่อมเคารพตน คอื คดิ ถงึ ฐานะของตนมชี าตแิ ละตระกูลเป็นตน้ ดว้ ยหริ ิ ย่อมเคารพผูอ้ น่ื คอื คดิ ถงึ เทวดาทค่ี มุ้ ครองรกั ษาตนเป็นตน้ ดว้ ยโอตตปั ปะแลว้ งดเวน้ จากการทาํ บาป

รกั ษาตนใหบ้ รสิ ุทธ์ิ เพราะฉะนนั้ ธรรมทงั้ ๒ น้ี จงึ ช่อื ธรรมคมุ้ ครองโลก และธรรมทงั้ ๒ ประการน้ี เรยี กวา่ “เทวธรรม” เพราะทาํ จติ ใจของมนุษยใ์ หส้ ูงเยย่ี งเทวดา ธรรมอนั ทาํ ใหง้ าม ๒ อย่าง ๑. ขนั ติ ความอดทน ๒. โสรจั จะ ความเสงย่ี ม ขนั ติ ความอดทน หมายความวา่ ทนไดไ้ มพ่ า่ ยแพ้ ความหนาว รอ้ น หวิ กระหาย ทกุ ขเวทนา อนั เกดิ จากความเจบ็ ป่วย ความบาดเจบ็ ถอ้ ยคาํ ด่าวา่ เสยี ดสดี ูถกู ดูหมน่ิ และการถกู ทาํ รา้ ย โสรจั จะ ความเสงย่ี ม หมายความวา่ เป็นผูไ้ มม่ อี าการผดิ แปลกไปจากปกตปิ ระหน่งึ วา่ ไมเ่ หน็ ไมไ่ ดย้ นิ ไมร่ บั รูค้ วามหนาว ความรอ้ นเป็นตน้ เหลา่ นนั้ อน่งึ การไมแ่ สดงอาการเหอ่ เหมิ จนเป็นทบ่ี าดตาบาดใจคนอน่ื เมอ่ื เวลาไดด้ ี กค็ วรจดั เป็น โสรจั จะดว้ ย บคุ คลผูม้ ขี นั ตแิ ละโสรจั จะ ย่อมประคองใจใหอ้ ยู่ในปกตภิ าพทด่ี อี ย่างสมาํ่ เสมอ ไมพ่ ลงุ่ พลา่ นหรอื ซบเซาในยามมคี วามทกุ ข์ ไมเ่ ห่อเหมิ หรอื เหลงิ ในยามมคี วามสุข เพราะฉะนน้ั ขนั ตแิ ละ โสรจั จะ จงึ ชอ่ื วา่ ธรรมอนั ทาํ ใหง้ าม บคุ คลหาไดย้ าก ๒ อย่าง ๑. บพุ พการี บคุ คลผูท้ าํ อปุ การะกอ่ น ๒. กตญั ญูกตเวที บคุ คลผูร้ ูอ้ ปุ การะท่ที ่านทาํ แลว้ และตอบแทน บพุ พการี บคุ คลผูท้ าํ อปุ การะก่อน หมายความวา่ เป็นผูช้ ่วยเหลอื เก้อื กูลผูอ้ น่ื โดยไม่ คดิ ถงึ เหตุ ๒ ประการ คอื ๑. ผูน้ น้ั เคยช่วยเหลอื เรามาก่อน ๒. ผูน้ นั้ จะทาํ ตอบแทนเราใน ภายหลงั ยกตวั อย่าง เช่น บดิ ามารดาเล้ยี งดูบตุ รธดิ า และครูอาจารยส์ งั่ สอนศษิ ยเ์ ป็นตน้ กตญั ญูกตเวที บคุ คลผูร้ ูอ้ ปุ การะทท่ี า่ นทาํ แลว้ และตอบแทน หมายความวา่ ผูไ้ ดร้ บั การ ช่วยเหลอื จากใครแลว้ จดจาํ เอาไว้ ไมล่ มื ไมล่ บลา้ ง ไมท่ าํ ลายจะดว้ ยเหตใุ ดก็ตาม คอยคดิ ถงึ อยู่ เสมอ และทาํ ตอบแทนอย่างเหมาะแก่อปุ การะทต่ี นไดร้ บั มา บพุ พการี ช่อื วา่ หายาก เพราะคนทวั่ ไปถกู ตณั หาครอบงาํ คอื อยากไดม้ ากกวา่ อยากเสยี กตญั ญูกตเวที ชอ่ื วา่ หายาก เพราะคนส่วนมากถกู อวชิ ชา ไดแ้ ก่กเิ ลสทท่ี าํ ลายความรู้ เช่นความโลภ ความโกรธ และความตระหน่เี ป็นตน้ ครอบงาํ คอื ปิดบงั ความรูส้ กึ ทด่ี ี

นน้ั เสยี ตกิ ะ คอื หมวด ๓ รตนะ ๓ อยา่ ง พระพทุ ธ ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ๑. ท่านผูส้ อนใหป้ ระชมุ ชนประพฤตชิ อบดว้ ย กาย วาจา ใจ ตามพระธรรมวนิ ยั ท่ี เรยี กว่าพระพทุ ธศาสนา ช่ือพระพทุ ธเจา้ ๒. พระธรรมวนิ ยั ท่เี ป็นคาํ สอนของทา่ น ช่ือพระธรรม ๓. หมู่ชนท่ฟี งั คาํ สงั่ สอนของท่านแลว้ ปฏบิ ตั ชิ อบตามพระธรรมวนิ ยั ช่ือพระสงฆ์ รตนะ แปลวา่ สง่ิ ทใ่ี หเ้กดิ ความยนิ ดี หมายถงึ สง่ิ ทม่ี รี าคาแพง เช่น เพชร พลอย ทองคาํ หรอื สง่ิ อน่ื ใดกต็ ามทช่ี าวโลกเขานยิ มกนั หรอื ของวเิ ศษ เช่น รตนะ ๗ อย่าง ของ พระเจา้ จกั รพรรดิ คอื ชา้ งแกว้ มา้ แกว้ ขนุ พลแกว้ ขนุ คลงั แกว้ นางแกว้ จกั รแกว้ แกว้ มณี พระพทุ ธเจา้ พระธรรม และพระสงฆ์ ทรงจดั วา่ เป็นรตนะ เพราะเป็นผูม้ คี ่ามากโดย ตนเองเป็นผูส้ งบจากบาปแลว้ สอนผูอ้ น่ื ใหล้ ะชวั่ ประพฤตชิ อบ ถา้ คนในโลกไมล่ ะชวั่ ประพฤตชิ อบ แลว้ สง่ิ มคี ่าทงั้ หลายกจ็ ะกลายเป็นศตั รูนาํ ภยั อนั ตรายมาสูต่ นเอง เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม และพระสงฆ์ จงึ ช่อื วา่ รตนะ คอื เป็นสง่ิ ทม่ี คี ่า น่ายนิ ดี คณุ ของรตนะ ๓ อย่าง พระพทุ ธเจา้ รูด้ ีรูช้ อบดว้ ยพระองคเ์ องกอ่ นแลว้ สอนผูอ้ น่ื ใหร้ ูต้ ามดว้ ย พระธรรมย่อมรกั ษาผูป้ ฏบิ ตั ไิ ม่ใหต้ กไปในท่ชี วั่ พระสงฆ์ ปฏบิ ตั ชิ อบตามคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ แลว้ สอนใหผ้ ูอ้ น่ื กระทาํ ตามดว้ ย โอวาทของพระพทุ ธเจา้ ๓ อย่าง ๑. เวน้ จากทจุ รติ คอื ประพฤตชิ วั่ ดว้ ยกาย วาจา ใจ ๒. ประกอบสจุ รติ คอื ประพฤตชิ อบ ดว้ ยกาย วาจา ใจ ๓. ทาํ ใจของตนใหห้ มดจดจากเคร่อื งเศรา้ หมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นตน้ ทจุ รติ ๓ อย่าง

๑. ประพฤตชิ วั่ ดว้ ยกาย เรยี กกายทจุ รติ ๒. ประพฤตชิ วั่ ดว้ ยวาจา เรยี กวจที จุ รติ ๓. ประพฤตชิ วั่ ดว้ ยใจ เรยี กมโนทจุ รติ กายทจุ รติ ๓ อย่าง ฆ่าสตั ว์ ๑ ลกั ฉอ้ ๑ ประพฤตผิ ิดในกาม ๑ วจที จุ รติ ๔ อย่าง พดู เทจ็ ๑ พดู สอ่ เสยี ด ๑ พูดคาํ หยาบ ๑ พูดเพอ้ เจอ้ ๑ มโนทจุ รติ ๓ อย่าง โลภอยากไดข้ องเขา ๑ พยาบาทปองรา้ ยเขา ๑ เหน็ ผิดจากคลองธรรม ๑ ทจุ รติ (ความประพฤตชิ วั่ ) ๓ อย่างน้ี เป็นสง่ิ ไม่ควรทาํ ควรละเสยี สจุ รติ ๓ อย่าง ๑ ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย เรยี กกายสจุ รติ ๒. ประพฤตชิ อบดว้ ยวาจา เรยี กวจสี จุ รติ ๓. ประพฤตชิ อบดว้ ยใจ เรยี กมโนสจุ รติ กายสจุ รติ ๓ อย่าง เวน้ จากฆา่ สตั ว์ ๑ เวน้ จากลกั ฉอ้ ๑ เวน้ จากประพฤตผิ ิดในกาม ๑ วจสี จุ รติ ๔ อย่าง เวน้ จากพูดเทจ็ ๑ เวน้ จากพูดสอ่ เสยี ด ๑ เวน้ จากพูดคาํ หยาบ ๑ เวน้ จากพดู เพอ้ เจอ้ ๑ มโนสจุ รติ ๓ อย่าง ไม่โลภอยากไดข้ องเขา ๑ ไม่พยายามปองรา้ ยเขา ๑ เหน็ ชอบตามคลองธรรม ๑ สจุ รติ (ความประพฤตชิ อบ) ๓ อยา่ งน้ี เป็ นกจิ ควรทาํ ควรประพฤติ อกศุ ลมูล ๓ อย่าง รากเหงา้ ของอกศุ ล เรยี กอกศุ ลมูล มี ๓ อย่าง คอื โลภะ อยากได้ ๑ โทสะ คดิ ประทษุ รา้ ยเขา ๑ โมหะ หลงไม่รูจ้ รงิ ๑ เมอ่ื อกศุ ลทง้ั ๓ น้ี ก็ดี ขอ้ ใดขอ้ หน่งึ กด็ มี อี ยู่ในใจ อกศุ ลอน่ื ทย่ี งั ไมเ่ กดิ กเ็ กดิ ข้นึ ทเ่ี กดิ แลว้ ก็เจรญิ มากข้นึ เหตนุ นั้ จงึ ชอ่ื วา่ อกศุ ลมลู คอื รากเหงา้ ของอกศุ ล ทา่ นสอนใหล้ ะเสยี

กศุ ลมูล ๓ อย่าง รากเหงา้ ของกศุ ล เรยี กกศุ ลมูล มี ๓ อย่าง คอื อโลภะ ไม่อยากได้ ๑ อโทสะ ไม่คดิ ประทษุ รา้ ยเขา ๑ อโมหะ ไม่หลง ๑ เมอ่ื กศุ ลทง้ั ๓ น้ี ก็ดี ขอ้ ใดขอ้ หน่งึ กด็ มี อี ยู่ในใจ กศุ ลอน่ื ทย่ี งั ไมเ่ กดิ ก็เกดิ ข้นึ ทเ่ี กดิ ข้นึ แลว้ ก็เจรญิ มากข้นึ เหตนุ นั้ จงึ ชอ่ื วา่ กศุ ลมลู คอื รากเหงา้ ของกศุ ล ท่านสอนวา่ ควรใหเ้กดิ ข้นึ ในใจ อย่างต่อเน่อื ง สปั ปรุ สิ บญั ญตั ิ คอื ขอ้ ท่ที า่ นสตั บรุ ุษตง้ั ไว้ ๓ อยา่ ง ๑. ทาน สละสง่ิ ของของตน เพอ่ื ประโยชนแ์ กผ่ ูอ้ น่ื ๒. ปพั พชั ชา ถอื บวช เป็ นอบุ ายเวน้ จากการเบยี ดเบยี นกนั และกนั ๓. มาตาปิ ตอุ ปุ ฏั ฐาน ปฏบิ ตั มิ ารดา บดิ าของตนใหเ้ ป็ นสขุ สตั บรุ ุษ แปลวา่ คนดมี คี วามประพฤตทิ างกาย วาจาและใจอนั สงบ กายสงบ คอื เวน้ จากกายทจุ รติ ๓ วาจาสงบ คอื เวน้ จากวจที จุ รติ ๔ ใจสงบ คอื เวน้ จากมโนทจุ รติ ๓ และเป็น ผูท้ รงความรู ้ ทาน แปลวา่ การให้ หมายถงึ การใหส้ ง่ิ ของของตน มขี า้ ว นาํ้ เป็นตน้ แก่บคุ คลอน่ื ดว้ ยวตั ถปุ ระสงค์ ๒ อยา่ ง คอื ๑. เพอ่ื บูชาคณุ ของผูม้ คี ณุ ความดี เช่นการทาํ บญุ แก่พระสงฆเ์ ป็น ตน้ ๒ เพอ่ื ช่วยเหลอื บคุ คลผูข้ าดแคลน เช่นการช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภยั เป็นตน้ ปพั พชั ชา แปลวา่ การถอื บวช หมายถงึ นาํ กายและใจออกห่างจากกามคณุ อนั เป็นเหตุ แหง่ การเบยี ดเบยี นกนั แมผ้ ูเ้ป็นฆราวาสจะทาํ เช่นน้บี างครงั้ บางคราวก็เกดิ ประโยชนไ์ ด้ มาตาปิ ตอุ ปุ ฏั ฐาน แปลวา่ การปฏบิ ตั บิ ดิ าและมารดา หมายถงึ การเล้ยี งดูทา่ น ช่วยทา่ น ทาํ งาน รกั ษาชอ่ื เสยี งวงศต์ ระกูล รกั ษาทรพั ยม์ รดก และเมอ่ื ทา่ นถงึ แก่กรรมทาํ บญุ ใหท้ า่ น บญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๓ อย่าง สง่ิ เป็ นท่ตี ง้ั แหง่ การบาํ เพญ็ บญุ เรยี กบญุ กริ ยิ าวตั ถุ โดยย่อมี ๓ อยา่ ง ๑. ทานมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการบรจิ าคทาน

๒. สลี มยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการรกั ษาศีล ๓. ภาวนามยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการเจรญิ ภาวนา บญุ มคี วามหมาย ๒ ประการ คอื ๑. เคร่อื งชาํ ระสง่ิ ทไ่ี มด่ ที น่ี อนเน่อื งอยู่ในใจ ๒. สภาพทก่ี ่อใหเ้กดิ ความน่าบูชา บญุ นน้ั เป็นสง่ิ ทค่ี วรทาํ จงึ ชอ่ื วา่ บญุ กริ ยิ า บญุ ทค่ี วรทาํ นนั้ เป็นทต่ี ง้ั แห่งสุขวเิ ศษ จงึ ช่อื วา่ บญุ กริ ยิ าวตั ถุ ทาน คอื เจตนาทเ่ี สยี สละสง่ิ ของ หมายถงึ เสยี สละเพอ่ื ทาํ ลายกเิ ลสคอื ความโลภ ในใจของตน ศีล คอื เจตนาทต่ี งั้ ไวด้ โี ดยหา้ มกายกรรมและวจกี รรมทม่ี โี ทษ แลว้ ใหส้ มาทานกรรมดไี ม่ มโี ทษและเป็นทต่ี งั้ ของกศุ ลธรรมชน้ั สูง มสี มาธแิ ละปญั ญาเป็นตน้ ภาวนา คอื เจตนาทท่ี าํ ใหก้ ศุ ลเจรญิ หมายความวา่ ทาํ กศุ ลทย่ี งั ไมเ่ กดิ ใหเ้กดิ ข้นึ และ ทาํ กศุ ลทเ่ี กดิ ข้นึ แลว้ ใหเ้พม่ิ พนู มากข้นึ จตกุ กะ คอื หมวด ๔ วฑุ ฒิ คือ ธรรมเป็นเคร่อื งเจรญิ ๔ อย่าง ๑. สปั ปรุ สิ สงั เสวะ คบทา่ นผูป้ ระพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ ท่เี รยี กว่า สตั บรุ ุษ ๒. สทั ธมั มสั สวนะ ฟงั คาํ สอนของทา่ นโดยเคารพ ๓. โยนิโสมนสกิ าร ตรติ รองใหร้ ูจ้ กั สง่ิ ท่ดี หี รอื ชวั่ โดยอบุ ายท่ชี อบ ๔. ธมั มานุธมั มปฏปิ ตั ติ ประพฤตธิ รรมสมควรแกธ่ รรมท่ไี ดต้ รองเหน็ แลว้ วฑุ ฒิ คอื ธรรมเป็นเคร่อื งเจรญิ หมายความวา่ ถา้ ทางคดโี ลก กเ็ ป็นเหตใุ หเ้จรญิ ดว้ ย วชิ าความรู ้ ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทองและคณุ ความดี ถา้ เป็นคดธี รรมกเ็ ป็นเหตใุ หเ้จรญิ ดว้ ยศีล สมาธิ และ ปญั ญา สตั บรุ ุษ คอื คนดมี คี วามรูด้ งั ไดอ้ ธบิ ายแลว้ ในสปั ปรุ สิ สบญั ญตั ิ การคบ คอื การเขา้ ไปหาคนดดี ว้ ยมงุ่ หวงั จะซมึ ซบั เอาความดจี ากท่านมาสูต่ น ฟงั คาํ สอน ของท่านโดยเคารพ คอื ใหค้ วามสาํ คญั ต่อคาํ สอนและผูส้ อน ไมใ่ ช่ฟงั พอเป็นมารยาท ไมส่ นใจทจ่ี ะ นาํ เอาไปปฏบิ ตั ิ โยนิโสมนสกิ าร คอื พจิ ารณาดว้ ยปญั ญาถงึ สง่ิ ทท่ี ่านสอนวา่ ชวั่ นน้ั ชวั่ จรงิ ไหม และท่ี ทา่ นสอนวา่ ดนี นั้ ดจี รงิ ไหม ชวั่ คอื เป็นเหตใุ หเ้กดิ ทกุ ขเ์ กดิ โทษ ดี คอื เป็นเหตใุ หเ้กดิ ประโยชนเ์ กดิ ความสุข ทงั้ แก่ตนเองและผูอ้ น่ื

ธมั มานุธมั มปฏปิ ตั ติ คอื ๑. ธมั มะ หมายถงึ เป้าหมายทต่ี ง้ั เอาไว้ ๒. อนุธมั มะ หมายถงึ วธิ กี ารทจ่ี ะทาํ ใหบ้ รรลถุ งึ เป้าหมายทต่ี งั้ เอาไว้ ๓. ปฎปิ ตั ติ หมายถงึ การปฏบิ ตั ิ คอื การลงมอื ทาํ รวมกนั แลว้ เป็น ธมั มานุธมั มปฏบิ ตั ิ ทา่ นแปลวา่ ประพฤตธิ รรมสมควรแก่ธรรมทไ่ี ดต้ รองเหน็ แลว้ ยกตวั อย่างเช่น นกั เรยี นตอ้ งการจะมงี านทาํ ทด่ี ี นกั เรยี นจะตอ้ งขยนั เอาใจใส่ ตง้ั ใจเรยี น ไมเ่ อาแต่เทย่ี วเตร่เสเพล จกั ร ๔ ๑. ปฏริ ูปเทสวาสะ อยูใ่ นประเทศอนั สมควร ๒. สปั ปรุ สิ ูปสั สยะ คบสตั บรุ ุษ ๓. อตั ตสมั มาปณิธิ ตง้ั ตนไวช้ อบ ๔. ปพุ เพกตบญุ ญตา ความเป็ นผูไ้ ดก้ ระทาํ ความดีไวใ้ นปางกอ่ น จกั ร หรอื บางแหง่ เรยี กว่า จกั รธรรม แปลวา่ ธรรมทเ่ี ปรยี บเหมอื นลอ้ รถอนั สามารถ นาํ พาชวี ติ ของผูป้ ฏบิ ตั ติ ามไปสู่ความเจรญิ ทง้ั ทางโลกและทางธรรม การอยู่ในประเทศอนั สมควร หมายถงึ อยู่ในสงั คมของคนทม่ี ศี ีลธรรม มคี วามรู ้ การคบสตั บรุ ุษ มอี ธบิ ายเหมอื นในวุฑฒธิ รรม การตงั้ ตนไวช้ อบ หมายถงึ ประพฤตติ นในศีลธรรมเคารพกฎหมายบา้ นเมอื ง รกั ษา วฒั นธรรมและประเพณีทด่ี งี าม ปพุ เพกตบญุ ญตา ความเป็นผูไ้ ดก้ ระทาํ ความดไี วใ้ นปางก่อน หมายถงึ ไดส้ รา้ งเหตแุ ห่ง ประโยชนแ์ ละความสุขไวใ้ นชาตกิ ่อน ปีก่อน เดอื นก่อน หรอื วนั ก่อน เช่นนกั เรยี นตง้ั ใจเรยี นในวนั น้ี จะเป็นเหตใุ หไ้ ดห้ นา้ ทก่ี ารงานทด่ี ใี นวนั หนา้ เป็นตน้ อคติ ๔ ๑. ลาํ เอยี ง เพราะรกั ใครก่ นั เรยี กฉนั ทาคติ ๒. ลาํ เอยี ง เพราะไม่ชอบกนั เรยี กโทสาคติ ๓. ลาํ เอยี ง เพราะเขลา เรยี กโมหาคติ ๔. ลาํ เอยี ง เพราะกลวั เรยี กภยาคติ อคติ ๔ ประการน้ี ไม่ควรประพฤติ อคติ แปลวา่ การถงึ ฐานะทไ่ี มค่ วรถงึ ทา่ นแปลเอาใจความวา่ ความลาํ เอยี ง

ในสคิ าลสูตรตรสั เรยี กวา่ เหตใุ หท้ าํ บาป บาปธรรมทง้ั ๔ น้โี ดยมากเกดิ กบั ผูม้ อี าํ นาจ 36 คนทต่ี นรกั ผดิ ก็หาทางช่วยเหลอื ไมล่ งโทษ ไมม่ คี วามรู ้ ความสามารถ กแ็ ต่งตงั้ ให้ เป็นใหญ่ เป็นตน้ ช่อื วา่ มฉี นั ทาคติ คนทต่ี นเกลยี ด คอยจอ้ งจบั ผดิ คอยขดั ขวางความเจรญิ กา้ วหนา้ และทาํ ลายลา้ งเป็นตน้ ชอ่ื วา่ มโี ทสาคติ ไมร่ ูข้ อ้ มลู ทแ่ี ทจ้ รงิ ทาํ โทษหรอื ยกย่องคนไปตามคาํ บอกเลา่ ของผูป้ ระจบสอพลอ เป็นตน้ ช่อื วา่ มโี มหาคติ หวงั เกาะผูม้ อี าํ นาจ กลวั เขาจะไมช่ ่วยเหลอื จงึ ทาํ สง่ิ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งอนั ผดิ กฎหมายผดิ ศีลธรรม เป็นตน้ ช่อื วา่ มภี ยาคติ ผูป้ ระพฤตอิ คติ ๔ ประการน้ี ย่อมเป็นผูไ้ รเ้กยี รติ ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ ผูล้ ว่ งละเมดิ ธรรมเพราะความรกั ความชงั ความหลง และความกลวั เกยี รตยิ ศของผูน้ น้ั ย่อมเสอ่ื มจากใจคน เหมอื นดวงจนั ทรข์ า้ งแรม ปธาน คอื ความเพยี ร ๔ อย่าง ๑. สงั วรปธาน เพยี รระวงั บาปไม่ใหเ้ กดิ ข้ึนในสนั ดาน ๒. ปหานปธาน เพยี รละบาปท่เี กดิ ข้ึนแลว้ ๓. ภาวนาปธาน เพยี รใหก้ ศุ ลเกดิ ข้ึนในสนั ดาน ๔. อนุรกั ขนาปธาน เพยี รรกั ษากศุ ลท่เี กดิ ข้ึนแลว้ ไม่ใหเ้ สอ่ื ม ความเพยี ร ๔ อย่างน้ี เป็ นความเพยี รชอบควรประกอบใหม้ ีในตน ปธาน เป็นชอ่ื ของความเพยี รทแ่ี รงกลา้ ไมย่ ่นย่อทอ้ ถอย ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่ แมเ้น้อื และ เลอื ดในร่างกายจะเหอื ดแหง้ ไป เหลอื อยูแ่ ต่หนงั เอน็ และกระดูกกต็ าม เมอ่ื ยงั ไมบ่ รรลผุ ลทจ่ี ะพงึ บรรลไุ ดด้ ว้ ยเร่ยี วแรงของลูกผูช้ าย ความหยุดยงั้ แหง่ ความเพยี รจะไมม่ ี ความเพยี รมอี ย่างเดยี วแต่ทาํ หนา้ ท่ี ๔ อย่าง คอื ๑. เพยี รระวงั ความชวั่ ทย่ี งั ไมเ่ คยทาํ ไมเ่ คยพดู ไมเ่ คยคดิ อยา่ ใหเ้กดิ ข้นึ ๒ เพยี รละความชวั่ ทเ่ี คยเผลอตวั ทาํ พดู และคดิ มาแลว้ โดย จะไมท่ าํ อย่างนน้ั อกี ๓. เพยี รสรา้ งความดที ย่ี งั ไมเ่ คยทาํ ไมเ่ คยพดู ไมเ่ คยคดิ ๔. เพยี รรกั ษาความ ดที เ่ี คยทาํ เคยพดู เคยคดิ มาแลว้ โดยการทาํ พดู และคดิ ความดนี นั้ บอ่ ย ๆ อธษิ ฐานธรรม ๔ คอื ธรรมท่คี วรตง้ั ไวใ้ นใจ ๔ อยา่ ง

๑. ปญั ญา รอบรูส้ ง่ิ ท่คี วรรู้ ๒. สจั จะ ความจรงิ ใจ คอื ประพฤตสิ ง่ิ ใดกใ็ หไ้ ดจ้ รงิ ๓. จาคะ สละสง่ิ ท่เี ป็ นขา้ ศึกแกค่ วามจรงิ ใจ ๔. อปุ สมะ สงบใจจากสง่ิ ท่เี ป็ นขา้ ศึกแกค่ วามสงบ อธษิ ฐานธรรม ทา่ นแปลวา่ ธรรมทค่ี วรตงั้ ไวใ้ นใจ หมายความวา่ ใหแ้ สวงหาธรรมทงั้ ๔ น้มี าเก็บไวใ้ นใจตน โดยการฝึกฝนปฏบิ ตั ติ ามใหไ้ ด้ จะทาํ ใหเ้ป็นคนมคี ่าแก่สงั คม และมคี วามสุข ใจแก่ตนเองดว้ ย ปญั ญา รอบรูส้ ง่ิ ทค่ี วรรู ้ ในทางธรรมหมายถงึ รูส้ ภาวธรรม มขี นั ธเ์ ป็นตน้ ตามความจรงิ วา่ ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างเกดิ ข้นึ แลว้ กด็ บั ไป ไมค่ วรไปยดึ มนั่ ถอื มนั่ ใหเ้กดิ ทฎิ ฐมิ านะ แบง่ ชนั้ วรรณะ เป็น ตน้ ในทางโลกหมายถงึ รูเ้หตแุ ห่งความเสอ่ื มและความเจรญิ ตลอดถงึ รูว้ ชิ าการต่าง ๆ อนั เป็น เหตเุ กดิ ของทรพั ย์ เกยี รติ และความสุข เป็นตน้ สจั จะ ความจรงิ ใจ หมายความวา่ รูว้ า่ อะไรไมด่ กี ล็ ะใหไ้ ดจ้ รงิ รูว้ า่ อะไรดมี ปี ระโยชนก์ ็ ตง้ั ใจทาํ ใหไ้ ดจ้ รงิ สจั จะน้นี าํ ความดที กุ ชนดิ มาสูต่ น ดงั โพธสิ ตั วภ์ าษติ วา่ สมณพราหมณท์ งั้ หลายขา้ ม พน้ ชราและมรณะได้ เพราะตงั้ อยู่ในสจั จะ จาคะ สละสง่ิ ทเ่ี ป็นขา้ ศึกแก่ความจรงิ ใจ หมายความวา่ รูจ้ กั กลบั ตวั กลบั ใจจากความไม่ ดที ง้ั หลายทเ่ี คยทาํ เคยพดู เคยคดิ และเคยยดึ ตดิ มาก่อน อปุ สมะ สงบใจจากสง่ิ ทเ่ี ป็นขา้ ศึกแก่ความสงบ หมายความวา่ รูจ้ กั ดบั ความขนุ่ ขอ้ ง หมองใจ ความวติ กกงั วลต่าง ๆ อนั เกดิ จากกเิ ลสมนี ิวรณ์ ๕ เป็นตน้ อทิ ธบิ าท คอื คณุ เคร่อื งใหส้ าํ เรจ็ ความประสงค์ ๔ อยา่ ง ๑. ฉนั ทะ พอใจรกั ใคร่ ในสง่ิ น้นั ๒. วริ ยิ ะ เพยี รประกอบสง่ิ น้นั ๓. จติ ตะ เอาใจฝกั ใฝ่ ในสง่ิ น้นั ไม่วางธุระ ๔. วมิ งั สา หมนั่ ตรติ รองพจิ ารณาเหตผุ ลในสง่ิ น้นั คณุ ๔ อย่างน้ี มบี รบิ ูรณแ์ ลว้ อาจชกั นาํ บคุ คลใหถ้ งึ สง่ิ ทต่ี อ้ งประสงค์ ซง่ึ ไมเ่ หลอื วสิ ยั อทิ ธิ แปลวา่ ความสาํ เรจ็ บาท หรอื ปาทะ แปลวา่ เหตทุ ท่ี าํ ใหถ้ งึ อทิ ธบิ าท จงึ แปลวา่ เหตทุ ใ่ี หถ้ งึ ความสาํ เรจ็ หมายถงึ เหตทุ ม่ี กี าํ ลงั ในการบรรลคุ วามสาํ เรจ็

ฉนั ทะ คอื ความปรารถนา ความตอ้ งการ ความประสงค์ หวามมงุ่ หมาย เมอ่ื ต่อเขา้ กบั อทิ ธบิ าท จงึ มคี วามหมายวา่ ความปรารถนา ความตอ้ งการ ความประสงค์ ความมงุ่ หมายทม่ี ี กาํ ลงั ในการบรรลคุ วามสาํ เร็จ อทิ ธิบาท คอื ฉนั ทะ ย่อมพาเอาความคดิ จติ ใจทงั้ หมดไปรวมอยู่กบั สง่ิ ทป่ี รารถนา ทพ่ี อใจ เหมอื นกระแสนาํ้ ทไ่ี หลมาอย่างแรง ย่อมพดั พาเอาตน้ ไม้ กอไผ่ กอหญา้ เป็นตน้ ไปกบั กระแสนาํ้ ดว้ ย วริ ยิ ะอทิ ธบิ าท จติ ตะอทิ ธบิ าท และวมิ งั สาอทิ ธบิ าท กม็ อี ธบิ ายเหมอื น อย่างน้ี วริ ยิ ะ คอื ความอาจหาญในการงาน ย่อมสาํ คญั งานใหญ่วา่ งานเลก็ งานหนกั วา่ งานเบา งานยากวา่ งานงา่ ย ทางไกลวา่ ทางใกล ้ เป็นตน้ จติ ตะ คอื ความคดิ ถงึ การงานนนั้ แบบใจจดใจจ่อ เปรยี บเหมอื นคนกระหายนาํ้ จดั ใจคดิ ถงึ แต่นาํ้ ตลอดเวลา วมิ งั สา ความไตร่ตรอง ใชป้ ญั ญาพจิ ารณาหาเหตผุ ลและวธิ กี ารทจ่ี ะทาํ งานนนั้ ใหส้ าํ เรจ็ ลง ใหไ้ ด้ ควรทาํ ความไม่ประมาทในท่ี ๔ สถาน ๑. ในการละกายทจุ รติ ประพฤตกิ ายสจุ รติ ๒. ในการละวจที จุ รติ ประพฤตวิ จสี จุ รติ ๓. ในการละมโนทจุ รติ ประพฤตมิ โนสจุ รติ ๔. ในการละความเหน็ ผิด ทาํ ความเหน็ ใหถ้ กู อกี อย่างหน่ึง ๑. ระวงั ใจไม่ใหก้ าํ หนดั ในอารมณ์เป็ นท่ตี ง้ั แหง่ ความกาํ หนดั ๒. ระวงั ใจไม่ใหข้ ดั เคอื งในอารมณ์เป็ นท่ีตง้ั แหง่ ความขดั เคอื ง ๓. ระวงั ใจไม่ใหห้ ลงในอารมณ์เป็ นท่ตี ง้ั แหง่ ความหลง ๔. ระวงั ใจไมใ่ หม้ วั เมาในอารมณ์เป็นท่ตี ง้ั แหง่ ความมวั เมา ความประมาท คอื ความขาดสตอิ นั ก่อใหเ้กดิ ผลเสยี ๓ ประการ คอื ๑. ใหเ้ กดิ การทาํ ความชวั่ ๒. ใหห้ ลงลมื ทาํ ความดี ๓. ไม่ทาํ ความดอี ย่างตอ่ เน่ือง

ความไมป่ ระมาท คอื ความมสี ตกิ าํ กบั ใจอยู่เสมอ ใหเ้กดิ ความคดิ เป็นกศุ ล ดงั น้ี 40 ๑. ไม่ทาํ ความชวั่ ๒. ไม่ลมื ทาํ ความดี ๓. ทาํ ความดีใหด้ ีย่งิ ข้ึนไปอย่างต่อเน่ือง เมอ่ื สรุปคาํ สอนทง้ั ๒ นยั น้ี ย่อมไดค้ วามไมป่ ระมาท ๓ ประการ คอื ๑. ระวงั อยา่ ไปทาํ ความชวั่ ๒. อย่าลมื ทาํ ความดี ๓. อยา่ ปลอ่ ยใจใหไ้ ปคดิ เรอ่ื งบาปเร่อื งอกศุ ล พรหมวหิ าร ๔ ๑. เมตตา ความรกั ใคร่ ปรารถนาจะใหเ้ ป็ นสขุ ๒. กรุณา ความสงสาร คดิ จะช่วยใหพ้ น้ ทกุ ข์ ๓. มทุ ติ า ความพลอยยนิ ดี เม่อื ผูอ้ น่ื ไดด้ ี ๔. อเุ บกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจ ไม่เสยี ใจ เม่อื ผูอ้ น่ื ถงึ ความวบิ ตั ิ คาํ วา่ พรหม แปลวา่ ประเสรฐิ เป็นใหญ่ โดยบคุ คลาธษิ ฐาน หมายถงึ บคุ คลผูอ้ ยู่ ดว้ ยฌานสมาบตั ิ ไมย่ ุ่งเก่ยี วเร่อื งกามารมย์ โดยธรรมาธษิ ฐาน หมายถงึ จติ ใจทป่ี ระกอบดว้ ย เมตตา กรุณา มทุ ติ า อเุ บกขา หรอื ดบั นวิ รณไ์ ด้ พรหมวหิ าร แปลวา่ ธรรมเป็นเคร่อื งอยู่ของพรหม หรอื ผูป้ ระเสรฐิ ผูเ้ป็นใหญ่ ความรกั ดว้ ยความปรารถนาดี คอื ตอ้ งการใหเ้ขามคี วามสุข โดยไมม่ คี วามใคร่อยากจะได้ อะไรจากเขามาเป็นของตน ช่อื วา่ เมตตา ความเอ้อื เฟ้ือ ความเอาใจใส่ ความห่วงใยต่อผูต้ กทกุ ขป์ ระสพภยั อดอยากหวิ โหย เป็น ตน้ เขา้ ช่วยเหลอื ดว้ ยกาํ ลงั กายและทรพั ย์ ชอ่ื วา่ กรุณา ความยนิ ดดี ว้ ยกบั บคุ คลทไ่ี ดล้ าภ ไดย้ ศ ไดเ้กยี รติ ไดร้ บั ความสาํ เร็จในอาชพี การงาน เป็นตน้ ช่อื วา่ มทุ ติ า ความวางเฉย คอื มใี จเป็นกลาง ไมด่ ใี จเมอ่ื ผูท้ เ่ี ป็นศตั รูแก่ตน ประสบทกุ ขภ์ ยั อนั ตราย และไดร้ บั ความวบิ ตั ิ ไมเ่ สยี ใจเมอ่ื ผูท้ ต่ี นรกั ประสบทกุ ข์ เป็นตน้ นนั้ ในเมอ่ื ตนไดช้ ่วยเหลอื อย่าง เตม็ ทแ่ี ลว้ แต่ช่วยไมไ่ ด้ ชอ่ื วา่ อเุ บกขา อรยิ สจั ๔ ๑. ทกุ ข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ

๒. สมทุ ยั คอื เหตใุ หท้ กุ ขเ์ กดิ ๓. นิโรธ คอื ความดบั ทกุ ข์ ๔. มรรค คอื ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ ความดบั ทกุ ข์ ความไมส่ บายกาย ไมส่ บายใจ ไดช้ อ่ื วา่ ทกุ ข์ เพราะเป็นของทนไดย้ าก ตณั หา คอื ความทะยานอยาก ไดช้ ่อื วา่ สมทุ ยั เพราะเป็นเหตใุ หท้ กุ ขเ์ กดิ ตณั หานน้ั มปี ระเภทเป็น ๓ คอื ตณั หา ความอยากในอารมณท์ น่ี ่ารกั ใคร่ เรยี กวา่ กามตณั หาอย่าง ๑ ตณั หาความอยากเป็นโน่นเป็นน่ี เรยี กวา่ ภวตณั หาอย่าง ๑ ตณั หาความอยากไมเ่ ป็นโน่นเป็นน่ี เรยี กวา่ วภิ วตณั หาอย่าง ๑ ความดบั ตณั หาไดส้ ้นิ เชงิ ทกุ ขด์ บั ไปหมดไดช้ อ่ื วา่ นโิ รธ เพราะเป็นความดบั ทกุ ข์ ปญั ญาอนั เหน็ ชอบวา่ สง่ิ น้ที กุ ข์ สง่ิ น้เี หตใุ หท้ กุ ขเ์ กดิ สง่ิ น้คี วามดบั ทกุ ข์ สง่ิ น้ที างใหถ้ งึ ความดบั ทกุ ข์ ไดช้ อ่ื วา่ มรรค เพราะเป็นขอ้ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ ความดบั ทกุ ข์ มรรคนนั้ มอี งค์ ๘ ประการ คอื ปญั ญาอนั เหน็ ชอบ ๑ ดาํ รชิ อบ ๑ เจรจาชอบ ๑ ทาํ การงานชอบ ๑ เล้ยี งชวี ติ ชอบ ๑ ทาํ ความเพยี รชอบ ๑ ตง้ั สตชิ อบ ๑ ตง้ั ใจชอบ ๑ อรยิ สจั แปลวา่ ความจรงิ อนั ประเสรฐิ หมายความว่า เป็นความจรงิ ทห่ี นไี มพ่ น้ เช่น ความแก่ ความตาย เป็นตน้ มนุษยท์ กุ รูปทกุ นามเกดิ มาแลว้ สุดทา้ ยตอ้ งแก่ และตอ้ งตายทงั้ ส้นิ หรอื เป็นกฎเกณฑท์ แ่ี น่นอน คอื เมอ่ื ดบั ตณั หาไดค้ วามทกุ ขท์ ง้ั หลายก็ดบั ไป และตณั หานน้ั ก็มวี ธิ ดี บั โดยการปฏบิ ตั ติ ามมรรคมอี งค์ ๘ ทกุ ข์ ทา่ นใหค้ วามหมายวา่ ความไมส่ บายกาย ไมส่ บายใจ อธบิ ายวา่ ทกุ ขใ์ นอรยิ สจั ต่างจากทกุ ขใ์ นสามญั ลกั ษณะ ทกุ ขใ์ นอรยิ สจั หมายเอาทกุ ขท์ เ่ี กดิ กบั สง่ิ ทม่ี วี ญิ ญาณครอง โดยเฉพาะ คอื มนุษย์ เช่น แก่ เจบ็ ตาย ผดิ หวงั เป็นตน้ ส่วนทกุ ขใ์ นสามญั ลกั ษณะ หมายถงึ สภาพทท่ี นอยู่ ไมไ่ ด้ เพราะถกู สง่ิ ทเ่ี ป็นขา้ ศึกกนั เบยี ดเบยี นทาํ ลาย เช่นผวิ คลาํ้ เพราะถกู แสงแดด อาคารบา้ นเรอื นเก่า เพราะถกู แดดและฝน ตลง่ิ พงั เพราะถกู นาํ้ เซาะ เป็นตน้ สว่ นอรยิ สจั ขอ้ อน่ื ๆ มอี ธบิ ายชดั เจนแลว้

ปญั จกะ หมวด ๕ อนนั ตรยิ กรรม ๕ ๑. มาตฆุ าต ฆ่ามารดา ๒. ปิ ตฆุ าต ฆา่ บดิ า ๓. อรหนั ตฆาต ฆ่าพระอรหนั ต์ ๔. โลหติ ปุ บาท ทาํ รา้ ยพระพทุ ธเจา้ จนถงึ ยงั พระโลหติ ใหห้ อ้ ข้ึนไป ๕. สงั ฆเภท ยงั สงฆใ์ หเ้ แตกจากกนั กรรม ๕ อย่างน้ี เป็นบาปหนกั ทส่ี ุด หา้ มสวรรค์ หา้ มนพิ พาน ตงั้ อยู่ในฐานปาราชกิ ผูน้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาหา้ มไมใ่ หท้ าํ เป็นอนั ขาด อนนั ตรยิ กรรม แปลวา่ กรรมท่ใี หผ้ ลในภพท่ตี ดิ ต่อกนั ทนั ที อธิบายวา่ ผูท้ าํ อนนั ตรยิ กรรม ทง้ั ๕ น้ี ขอ้ ใดขอ้ หน่ึง หลงั จากตายแลว้ ตอ้ งไปตกนรกชน้ั อเวจที นั ที ไม่มกี ศุ ล กรรมอะไรจะมาช่วยได้ เช่นพระเทวทตั เป็นตน้ กรรมทงั้ ๕ น้ี ทา่ นกลา่ ววา่ ตง้ั อยู่ในฐานปาราชกิ หมายความวา่ ผูท้ าํ กรรมน้เี ป็นผู ้ พา่ ยแพต้ ่อความดี เป็นผูอ้ าภพั คอื หมดโอกาสทจ่ี ะได้ มนุษยส์ มบตั ิ สวรรคสมบตั ิ และนพิ พาน สมบตั ิ เพราะตอ้ งตกนรกอเวจสี ถานเดยี ว อภณิ หปจั จเวกขณะ ๕ ๑. ควรพจิ ารณาทกุ วนั ๆ วา่ เรามีความแกเ่ ป็ นธรรมดา ไม่ลว่ งพน้ ความแกไ่ ปได้ ๒. ควรพจิ ารณาทกุ วนั ๆ ว่า เรามีความเจบ็ เป็นธรรมดา ไม่ลว่ งพน้ ความเจบ็ ไปได้ ๓. ควรพจิ ารณาทกุ วนั ๆ วา่ เรามีความตายเป็ นธรรมดา ไม่ลว่ งพน้ ความตายไปได้ ๔. ควรพจิ ารณาทกุ วนั ๆ ว่า เราจะตอ้ งพลดั พรากจากของรกั ของชอบใจทง้ั ส้นิ ๕. ควรพจิ ารณาทกุ วนั ๆ ว่า เรามีกรรมเป็ นของตวั เราทาํ ดีจกั ไดด้ ี ทาํ ชวั่ จกั ไดช้ วั่ อภณิ หะ แปลว่า เนือง ๆ เสมอ หรอื เป็ นประจาํ ปจั จเวกขณะ แปลว่า การพจิ ารณา คอื เกบ็ เอามาคดิ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจความจรงิ อภณิ หปจั จเวกขณะ จงึ มคี วามหมายว่า การพจิ ารณา หรอื การคดิ เนือง ๆ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจความจรงิ

พระพทุ ธเจา้ ตรสั สอนวา่ สตรกี ็ตาม บรุ ุษกต็ าม คฤหสั ถก์ ต็ าม บรรพชติ กต็ าม ควรพจิ ารณาเนอื ง ๆ ถงึ ความแก่ ความเจบ็ ความตาย ความพลดั พรากจากบคุ คล และของรกั และผูท้ ท่ี าํ ความดคี วามชวั่ แลว้ ไดร้ บั ผลดแี ละผลรา้ ย เหน็ คนแก่ชราภาพ ใหน้ กึ วา่ เรากจ็ ะตอ้ งแก่อย่างนนั้ จะช่วยบรรเทาความมวั เมาในวยั เหน็ คนเจบ็ ทกุ ขท์ รมาน ใหน้ กึ วา่ เรากจ็ ะตอ้ งเจบ็ อย่างนน้ั จะช่วยบรรเทาความมวั เมาวา่ ตนไมม่ โี รค เหน็ คนตาย ใหน้ กึ วา่ เราก็จะตอ้ งตายอย่างมากไมเ่ กนิ ๑๐๐ ปี จะช่วยบรรเทาความ มวั เมาในชวี ติ คดิ วา่ ตวั เองจะอยู่คาํ้ ฟ้า เหน็ คนประสบความวบิ ตั จิ ากคนรกั และทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ใหน้ กึ วา่ ความจากกนั นน้ั มแี น่ ไมเ่ ขาจากเรา กเ็ ราจากเขา จะช่วยบรรเทาความยดึ ตดิ ผูกพนั ในคนรกั และของรกั เหน็ คนผูท้ าํ ความดแี ละความชวั่ แลว้ ไดร้ บั ผลดแี ละผลรา้ ย ใหน้ กึ วา่ ทกุ คนมกี รรมเป็น ของตน จะช่วยบรรเทาความทจุ รติ ต่าง ๆ ได้ ธมั มสั สวนานิสงส์ คอื อานิสงสแ์ หง่ การฟงั ธรรม ๕ อย่าง ๑. ผูฟ้ งั ธรรมยอ่ มไดฟ้ งั สง่ิ ท่ยี งั ไมเ่ คยฟงั ๒. สง่ิ ใดไดเ้ คยฟงั แลว้ แตย่ งั ไม่เขา้ ใจชดั ย่อมเขา้ ใจสง่ิ น้นั ชดั ๓. บรรเทาความสงสยั เสยี ได้ ๔. ทาํ ความเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ งได้ ๕. จติ ของผูฟ้ งั ย่อมผ่องใส การฟงั ธรรม เป็นอบุ ายวธิ ที ส่ี าํ คญั อย่างหน่งึ ซง่ึ สามารถทาํ ใหบ้ คุ คลบางประเภทละชวั่ ประพฤตชิ อบได้ และเป็นเหตใุ หบ้ คุ คลบางประเภทแมเ้ป็นคนดี มคี วามฉลาดอยู่แลว้ บรรลุ ผลอนั สูงสุดของชวี ติ ได้ เช่น อปุ ตสิ สปรพิ พาชก เป็นตน้ พระพทุ ธองคจ์ งึ ตรสั สอนวา่ บคุ คลในโลก น้มี ี ๓ ประเภท คอื ๑.บางคนจะไดฟ้ งั ธรรมจากพระพทุ ธเจา้ และพระสาวกหรอื ไมก่ ็ตาม กล็ ะชวั่ ประพฤตชิ อบ ไมไ่ ด้ เปรยี บเหมอื นคนไขบ้ างคนจะไดอ้ าหาร ทอ่ี ยู่และหมอทด่ี หี รอื ไมโ่ รคกไ็ มห่ ายตายสถานเดยี ว ๒.บางคนจะไดฟ้ งั ธรรมจากพระพทุ ธเจา้ และพระสาวกหรอื ไม่ กล็ ะชวั่ ประพฤตชิ อบไดเ้อง เปรยี บเหมอื นคนไขบ้ างคนจะไดอ้ าหาร ทอ่ี ยู่และหมอทด่ี หี รอื ไม่ โรคก็หายเอง ๓.บางคนตอ้ งไดฟ้ งั ธรรมจากพระพทุ ธเจา้ หรอื พระสาวกเท่านน้ั จงึ ละชวั่ ประพฤตชิ อบ เปรยี บเหมอื นคนไขบ้ างคนตอ้ งไดอ้ าหาร ยาและหมอทด่ี ี โรคจงึ หาย เมอ่ื ไมไ่ ดไ้ มห่ าย

การฟงั ธรรม จงึ เป็นประโยชนโ์ ดยตรงแก่บคุ คลประเภทท่ี ๓ แต่บคุ คลประเภทท่ี ๑ ก็ ควรฟงั เพอ่ื เป็นอปุ นสิ ยั ในภายหนา้ และบคุ คลประเภทท่ี ๒ กค็ วรฟงั เพอ่ื ความรูค้ วามเขา้ ใจภมู ธิ รรม ทส่ี ูงข้นึ เพอ่ื จาํ งา่ ย ย่ออานสิ งส์ ๕ ดงั น้ี ไดฟ้ งั เร่อื งใหมเ่ ขา้ ใจเร่อื งเก่า บรรเทาความสงสยั ทาํ ลายความเหน็ ผดิ ดวงจติ ผ่องใส พละ คอื ธรรมเป็นกาํ ลงั ๕ อย่าง ๑. สทั ธา ความเช่ือ ๒. วริ ยิ ะ ความเพยี ร ๓. สติ ความระลกึ ได้ ๔. สมาธิ ความตง้ั ใจมนั่ ๕. ปญั ญา ความรอบรู้ อนิ ทรยี ์ ๕ กเ็ รยี กเพราะเป็นใหญ่ในกจิ ของตน พละ แปลวา่ ธรรมมกี าํ ลงั มคี วามหมาย ๒ อย่าง คอื ๑ ครอบงาํ ยาํ่ ยธี รรมทเ่ี ป็น ขา้ ศึกทเ่ี กดิ ข้นึ แลว้ ได้ เปรยี บเหมอื นชา้ งสามารถเหยยี บมนุษย์ หรอื เอางวงจบั ฟาดตามสบาย เพราะมี กาํ ลงั มากกวา่ ๒. อนั ธรรมทเ่ี ป็นขา้ ศึกใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ เปรยี บเหมอื นภเู ขาอนั มนุษย์ หรอื สตั ว์ ทงั้ หลายมชี า้ ง เป็นตน้ ทาํ ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ เพราะมคี วามแขง็ แกร่งกวา่ สภาพทข่ี า้ ศึก คอื ความไมม่ ศี รทั ธา (อสทั ธยิ ะ) ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ ช่อื วา่ สทั ธาพละ สภาพทข่ี า้ ศึก คอื ความเกยี จครา้ น (โกสชั ชะ) ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ ช่อื วา่ วริ ยิ พละ สภาพทข่ี า้ ศึก คอื ความขาดสติ (สตวิ ปิ วาสะ) ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ ช่อื วา่ สตพิ ละ สภาพทข่ี า้ ศึก คอื ความฟ้งุ ซ่าน (อทุ ชจั จะ) ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ ชอ่ื วา่ สมาธพิ ละ สภาพทข่ี า้ ศึก คอื ความไมร่ ู ้ (อวชิ ชา) ใหห้ วนั่ ไหวไมไ่ ด้ ชอ่ื วา่ ปญั ญาพละ อกี นยั หน่งึ กศุ ลธรรมทค่ี รอบงาํ อสทั ธยิ ะ โกสชั ชะ สตวิ ปิ วาสะ อทุ ชจั จะ และอวชิ ชาได้ ช่อื วา่ สทั ธาพละ วริ ยิ พละ สตพิ ละ สมาธพิ ละ และ ปญั ญาพละ ตามลาํ ดบั ขนั ธ์ ๕ กายกบั ใจน้ี แบง่ ออกเป็ น ๕ กอง เรยี กว่า ขนั ธ์ ๕ คอื ๑. รูป ๒. เวทนา ๓. สญั ญา ๔. สงั ขาร ๕. วญิ ญาณ ธาตุ ๔ คอื ดนิ นาํ้ ไฟ ลม ประชมุ กนั เป็นกาย น้เี รยี กวา่ รูป

ความรูส้ กึ อารมณว์ า่ เป็นสุข คอื สบายกาย สบายใจ หรอื เป็นทกุ ข์ คอื ไมส่ บายกาย ไมส่ บายใจ หรอื เฉย ๆ คอื ไมท่ กุ ขไ์ มส่ ุข เรยี กวา่ เวทนา ความจาํ ไดห้ มายรู ้ คอื จาํ รูป เสยี ง กลน่ิ รส โผฎฐพั พะ และอารมณท์ เ่ี กดิ กบั ใจได้ เรยี กวา่ สญั ญา เจตสกิ ธรรม คอื อารมณท์ เ่ี กดิ กบั ใจ เป็นสว่ นดเี รยี กกศุ ล เป็นส่วนชวั่ เรยี กอกศุ ล เป็นส่วนกลาง ๆ ไมด่ ไี มช่ วั่ เรยี ก อพั ยากฤต (ทง้ั หมด) เรยี กวา่ สงั ขาร ความรูอ้ ารมณใ์ นเวลามรี ูปมากระทบตา เป็นตน้ เรยี กวา่ วญิ ญาณ ขนั ธ์ ๕ น้ี ย่น เรยี กวา่ นาม รูป คอื เวทนา สญั ญา สงั ขาร และวญิ ญาณ รวมเขา้ เป็นนาม รูปคงเป็นรูป คาํ วา่ ขนั ธ์ แปลวา่ กอง หมายถงึ กองธรรม ๕ กอง ทร่ี วมกนั เขา้ แลว้ เป็นชวี ติ พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงเพอ่ื ใหเ้ขา้ ใจวา่ ชวี ติ มนุษยก์ ค็ อื การประชมุ รวมกนั ของกองธรรมทงั้ ๕ น้ี ได้ เหตไุ ดป้ จั จยั ก็รวมกนั เรยี กวา่ มชี วี ติ ส้นิ เหตสุ ้นิ ปจั จยั กแ็ ตกสลาย เรยี กวา่ ตาย ไมม่ ใี ครทไ่ี หนมา สรา้ งมาดลบนั ดาลใหเ้กดิ ข้นึ หรอื ใหต้ ายไป

ฉกั กะ หมวด ๖ คารวะ ๖ อย่าง ความเอ้อื เฟ้ือ ในพระพทุ ธเจา้ ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในความศึกษา ๑ ในความไมป่ ระมาท ๑ ในปฏสิ นั ถารคอื ตอ้ นรบั ปราศรยั ๑ คารวะ แปลวา่ ความเคารพ หมายถงึ การใหค้ วามสาํ คญั ต่อบคุ คล หรอื สง่ิ ทม่ี คี ณุ ความ ดมี คี ่าควรแก่การใหเ้กยี รติ ใหก้ ารสนบั สนุน และการคมุ้ ครองรกั ษา การกระทาํ ทแ่ี สดงออกซง่ึ ความเคารพ คอื การไหว้ การกราบ การกม้ ศีรษะ การลกุ ข้นึ ตอ้ นรบั การใหท้ น่ี งั่ การหลกี ทางให้ การใหส้ ง่ิ ของ การนบั ถอื การบูชา เป็นตน้ ความเคารพในพระพทุ ธเจา้ ในปจั จบุ นั น้ี คอื เช่อื ความตรสั รูข้ องพระองค์ ไม่ แสดงอาการไมส่ ุภาพต่อพระปฏมิ าและศาสนสถาน มเี จดยี ์ เป็นตน้ ความเคารพในพระธรรม คอื ตงั้ ใจศึกษาและปฏบิ ตั ติ าม ศีล สมาธิ ปญั ญา ความเคารพในพระสงฆ์ คอื การกราบไหว้ นบั ถอื ถวายไทยธรรม มอี าหารบณิ ฑบาต เป็นตน้ ความเคารพในการศึกษา คอื เหน็ คณุ ค่าของการศึกษาวา่ จะทาํ ใหม้ คี วามรูด้ ี มคี วาม ประพฤตดิ ี มอี าชพี การงานดี แลว้ ตงั้ ใจศึกษาเลา่ เรยี น ไมเ่ ทย่ี วเตร่ เสเพล ความเคารพในความไมป่ ระมาท คอื ระวงั ตวั ไมใ่ หไ้ ปทาํ ความชวั่ ไมล่ มื ทาํ ความดี ไม่ ปลอ่ ยใจใหค้ ดิ เร่อื งบาป อกศุ ล ความเคารพในปฏสิ นั ถาร คอื ตอ้ นรบั ผูม้ าเยอื นดว้ ยการใหท้ พ่ี กั นาํ้ อาหาร และสนทนา ปราศรยั ดว้ ยปิยวาจา เป็นตน้ สาราณิยธรรม ๖ อย่าง ธรรมเป็ นท่ตี ง้ั แหง่ ความใหร้ ะลกึ ถงึ เรยี ก สาราณิยธรรม มี ๖ อย่าง คอื ๑. เขา้ ไปตง้ั กายกรรมประกอบดว้ ยเมตตา ในเพอ่ื นภกิ ษุสามเณร ทง้ั ต่อหนา้ และลบั หลงั คอื ช่วยขวนขวายในกจิ ธุระของเพอ่ื นดว้ ยกายมพี ยาบาลภกิ ษุไข้ เป็นตน้ ดว้ ยจติ เมตตา ๒. เขา้ ไปตง้ั วจกี รรมประกอบดว้ ยเมตตา ในเพอ่ื นภกิ ษุสามเณร ทง้ั ต่อหนา้ และลบั หลงั คอื ช่วยขวนขวายในกจิ ธุระของเพอ่ื นดว้ ยวาจา เช่นกลา่ วสงั่ สอน เป็นตน้

๓. เขา้ ไปตงั้ มโนกรรมประกอบดว้ ยเมตตาในเพอ่ื นภกิ ษุสามเณร ทงั้ ต่อหนา้ และลบั หลงั คอื คดิ แต่สง่ิ ทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ก่เพอ่ื นกนั ๔. แบง่ ปนั ลาภทต่ี นไดม้ าโดยชอบธรรม ใหแ้ ก่เพอ่ื นภกิ ษุสามเณร ไมห่ วงไวบ้ รโิ ภค จาํ เพาะผูเ้ดยี ว ๕. รกั ษาศีลใหบ้ รสิ ุทธ์เิ สมอกนั กบั เพอ่ื นภกิ ษุสามเณรอน่ื ๆ ไมท่ าํ ตนใหเ้ป็นทร่ี งั เกยี จ ของผูอ้ น่ื ๖. มคี วามเหน็ ร่วมกนั กบั ภกิ ษุสามเณรอน่ื ๆ ไมว่ วิ าทกบั ใคร ๆ เพราะมคี วามเหน็ ผดิ กนั ธรรม ๖ อยา่ งน้ี ทรงแสดงแก่ภกิ ษุจงึ ดูเหมอื นเป็นเร่อื งเฉพาะพระ แต่ความจรงิ แลว้ ทกุ คนนาํ ไปใชไ้ ดก้ บั ทกุ คน ทกุ เพศทกุ วยั เช่นอยู่กบั บดิ ามารดากใ็ ชว้ า่ เขา้ ไปตงั้ กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม อนั ประกอบดว้ ยเมตตาทงั้ ต่อหนา้ และลบั หลงั ช่วยท่านทาํ งาน พดู กบั ทา่ นดว้ ยปิยวาจา มจี ติ ใจเคารพนบั ถอื ท่าน เป็นตน้ สตั ตกะ หมวด ๗ อรยิ ทรพั ย์ ๗ ทรพั ย์ คอื คณุ ความดที ่มี ใี นสนั ดานอย่างประเสรฐิ เรยี กอรยิ ทรพั ย์ มี ๗ อย่าง คอื ๑. สทั ธา เช่อื สง่ิ ทค่ี วรเชอ่ื ๒. ศีล รกั ษากาย วาจา ใหเ้รยี บรอ้ ย ๓. หริ ิ ความละอายต่อบาปทจุ รติ ๔. โอตตปั ปะ สะดงุ้ กลวั ต่อบาป ๕. พาหสุ จั จะ ความเป็นคนเคยไดย้ นิ ไดฟ้ งั มามาก คอื ทรงจาํ ธรรม และรูศ้ ิลปวทิ ยามาก ๖. จาคะ สละใหป้ นั สง่ิ ของของตนแก่คนทค่ี วรใหป้ นั ๗. ปญั ญา รอบรูส้ ง่ิ ทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละไมเ่ ป็นประโยชน์ อรยิ ทรพั ย์ ๗ ประการน้ี ดกี วา่ ทรพั ยภ์ ายนอก มเี งนิ ทอง เป็นตน้ ควรแสวงหาไวใ้ หม้ ี ในสนั ดาน ทรพั ยภ์ ายนอก จะเป็นสงั หารมิ ทรพั ย์ อสงั หารมิ ทรพั ย์ สวญิ ญณกทรพั ย์ อวญิ ญณกทรพั ย์ ก็ตาม มไี วเ้พอ่ื ใหเ้กดิ ความสุข ถา้ ขาดทรพั ยแ์ ลว้ ย่อมมคี วามทกุ ข์ ตามธรรม ภาษติ วา่ ทลทิ ทลยิ ํ ทกุ ขํ โลเก ความจนเป็นทกุ ขใ์ นโลก แต่ถงึ จะมที รพั ยภ์ ายนอกมากมาย

อย่างไร ถา้ ขาดทรพั ยภ์ ายใน คอื อรยิ ทรพั ย์ เช่นขาดศีล หริ ิ โอตตปั ปะ เป็นตน้ โลกก็จะลกุ เป็นไฟ หาความสุขไมไ่ ดเ้ลย อน่งึ เมอ่ื คนมที รพั ยภ์ ายใน คอื อรยิ ทรพั ยแ์ ลว้ ย่อมหาทรพั ยภ์ ายนอกไดง้ า่ ย ทง้ั ทาํ ใหท้ รพั ยภ์ ายนอกนนั้ มคี วามมนั่ คง และก่อใหเ้กดิ ความสุขอย่างแทจ้ รงิ สมดงั ทน่ี กั ปราชญส์ อนไวว้ า่ ความพยายามทกุ อย่างของมนุษย์ กเ็ พอ่ื ความสุข แต่ถา้ ขาดธรรมเสยี แลว้ ความสุขจะเกดิ ไมไ่ ดเ้ลย สปั ปรุ สิ ธรรม ๗ อย่าง ธรรมของสตั บรุ ุษ เรยี กว่า สปั ปรุ สิ ธรรม มี ๗ อย่าง คอื ๑. ธมั มญั ญตุ า ความเป็นผูร้ ูจ้ กั เหตุ เช่นรูจ้ กั วา่ สง่ิ น้ีเป็ นเหตแุ หง่ สขุ สง่ิ น้ีเป็ นเหตแุ หง่ ทกุ ข์ ๒. อตั ถญั ญตุ า ความเป็นผูร้ ูจ้ กั ผล เช่นรูจ้ กั วา่ สขุ เป็ นผลแหง่ เหตอุ นั น้ี ทกุ ขเ์ ป็ นผล แหง่ เหตอุ นั น้ี ๓. อตั ตญั ญตุ า ความเป็ นผูร้ ูจ้ กั ตนว่า เราวา่ โดยชาติ ตระกูล ยศศกั ด์ิ สมบตั ิ บรวิ าร ความรู้ และคณุ ธรรมเพยี งเท่าน้ี แลว้ ประพฤตติ นใหส้ มควรแกท่ ่เี ป็ นอยู่ อยา่ งไร ๔. มตั ตญั ญตุ า ความเป็ นผูร้ ูป้ ระมาณในการแสวงหาเคร่อื งเล้ยี ง ชีวติ แตโ่ ดยทางท่ี ชอบ และรูจ้ กั ประมาณในการ บรโิ ภคแต่พอสมควร ๕. กาลญั ญตุ า ความเป็ นผูร้ ูจ้ กั กาลเวลาอนั สมควรในอนั ประกอบกจิ น้นั ๆ ๖. ปรสิ ญั ญตุ า ความเป็ นผูร้ ูจ้ กั ประชมุ ชน และกริ ยิ าท่จี ะตอ้ งประพฤตติ ่อประชมุ ชนน้นั ๆ ว่า หมู่น้ีเม่อื เขา้ ไปหา จะตอ้ งทาํ กริ ยิ าอย่างน้ี จะตอ้ งพดู อยา่ งน้ี เป็ นตน้ ๗. ปคุ คลปโรปรญั ญตุ า ความเป็นผูร้ ูจ้ กั เลอื กบคุ คลว่า ผูน้ ้ีเป็นคนดีควรคบ ผูน้ ้ีเป็น คนไม่ดีไม่ควรคบ เป็ นตน้ สตั บรุ ุษ คอื คนดมี คี วามประพฤติ ทางกาย วาจา ใจ อนั สงบ และทรงความรู ้ หรอื จะกลา่ ววา่ ผูป้ ระกอบดว้ ยธรรม ๗ ประการน้ี คอื รูจ้ กั เหตุ รูจ้ กั ผล รูจ้ กั ตน รูจ้ กั ประมาณ รูจ้ กั กาลเวลา รูจ้ กั เขา้ หาชมุ ชน รูจ้ กั เลอื กคนทค่ี วรคบ เรยี กวา่ สตั บรุ ุษ กไ็ ด้ รูว้ า่ จดุ ไฟท้งิ ไวใ้ นบา้ น ไฟจะไหมบ้ า้ น ช่อื วา่ รูเ้หตุ รูว้ า่ ไฟไหมบ้ า้ นพรอ้ มทง้ั ทรพั ยส์ นิ ต่าง ๆ หมดส้นิ ก็เพราะจดุ ไฟท้งิ ไว้ ชอ่ื วา่ รูผ้ ล การรูเ้หตุ ทาํ ใหร้ ูจ้ กั สรา้ งเหตดุ ี หลกี หนเี หตรุ า้ ย การรูผ้ ล ทาํ ใหเ้ป็นคนมปี ระสบการณ์ แลว้ ไมท่ าํ อย่างนน้ั อกี สปั ปรุ สิ ธรรมขอ้ อน่ื ๆ ท่านอธบิ ายไวช้ ดั เจนแลว้

อฏั ฐกะ คอื หมวด ๘ โลกธรรม ๘ ธรรมท่คี รอบงาํ สตั วโ์ ลกอยู่ และสตั วโ์ ลกย่อมเป็ นไปตามธรรมน้นั เรยี กวา่ โลกธรรม โลกธรรมน้นั มี ๘ อยา่ ง คอื มลี าภ ๑ ไม่มีลาภ ๑ มยี ศ ๑ ไม่มียศ ๑ นินทา ๑ สรรเสรญิ ๑ สขุ ๑ ทกุ ข์ ๑ ในโลกธรรม ๘ ประการน้ี อย่างใดอย่างหน่งึ เกดิ ข้นึ ควรพจิ ารณาวา่ สง่ิ น้เี กดิ ข้นึ แก่เรา แลว้ กแ็ ต่วา่ มนั ไมเ่ ทย่ี ง เป็นทกุ ข์ มคี วามแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรรูต้ ามทเ่ี ป็นจรงิ อย่า ใหม้ นั ครอบงาํ จติ ได้ คอื อยา่ ยนิ ดใี นส่วนทป่ี รารถนา อย่ายนิ รา้ ยในสว่ นทไ่ี มน่ ่าปรารถนา โลกธรรม ๘ น้ี ท่านแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ทด่ี ี คอื มลี าภ มยี ศ สรรเสรญิ สุข เรยี กวา่ อฏิ ฐารมณ์ แปลวา่ อารมณท์ น่ี ่าปรารถนา ๑ ทไ่ี มด่ ี คอื ไมม่ ลี าภ ไมม่ ยี ศ นนิ ทา ทกุ ข์ เรยี กวา่ อนฏิ ฐารมณ์ แปลวา่ อารมณท์ ไ่ี มน่ ่าปรารถนา ๑ ท่วี า่ ครอบงาํ สตั วโ์ ลก และสตั วโ์ ลกยอ่ มเป็ นไปตามธรรมน้นั หมายความว่า เม่อื ไดร้ บั โลกธรรมฝ่ ายดี จติ ใจกฟ็ เู บกิ บาน หรอื เรยี กวา่ หนา้ ช่ืนตาบาน เม่ือไดร้ บั โลกธรรมฝ่ ายไม่ดี จติ ใจ กฟ็ บุ เห่ยี วแหง้ หรอื ท่เี รยี กว่า หนา้ เศรา้ อกตรม ความรูส้ กึ ทง้ั ๒ น้ี พระพทุ ธศาสนาสอนวา่ ลว้ น เป็ นภยั ตอ่ ระบบศีลธรรมทง้ั น้นั คอื เป็ นเหตใุ หจ้ ติ ใจเหนิ หา่ ง จากศีล สมาธิ และปญั ญา ทสกะ คอื หมวด ๑๐ บญุ กริ ยิ าวตั ถุ ๑๐ อย่าง ๑. ทานมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการบรจิ าคทาน ๒. สลี มยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการรกั ษาศีล ๓. ภาวนามยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการเจรญิ ภาวนา ๔. อปจายนมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการประพฤตถิ อ่ มตนแกผ่ ูใ้ หญ่ ๕ เวยยาวจั จมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการช่วยขวนขวายในกจิ ท่ชี อบ ๖. ปตั ตทิ านมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการใหส้ ว่ นบญุ ๗. ปตั ตานุโมทนามยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการอนุโมทนาสว่ นบญุ ๘. ธมั มสั สวนมยั บญุ สาํ เรจ็ ดว้ ยการฟงั ธรรม