Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางจัดการเรียนรู้ธศ.ตรีวิชาพุทธประวัติ

แนวทางจัดการเรียนรู้ธศ.ตรีวิชาพุทธประวัติ

Published by suttasilo, 2021-06-23 00:49:24

Description: แนวทางจัดการเรียนรู้ธศ.ตรีวิชาพุทธประวัติ

Keywords: พุทธประวัติ,ธรรมศึกษาตรี

Search

Read the Text Version

แนวทางการจัดการเรยี นรู ธรรมศกึ ษา ช้นั ตรี วิชาพุทธประวัติ สํานกั สง เสริมกจิ การการศึกษา สํานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แนวทางการจัดการเรียนรู้ ธรรมศกึ ษา ช้ันตรี วชิ าพุทธประวตั ิ ส�ำ นกั สง่ เสริมกจิ การการศกึ ษา สำ�นกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ธรรมศกึ ษา ช้ันตรี วชิ าพทุ ธประวัติ ปีทพี่ มิ พ ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำ�นวนพิมพ์ ๑๐๐ เล่ม ลขิ สิทธิ์ สำ�นักสง่ เสริมกจิ การการศกึ ษา ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร พมิ พท์ ี่ โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ�กัด ๗๙ ถนนงามวงศว์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสวุ รรณ ผู้พิมพ์ผโู้ ฆษณา

ค�ำ นำ� ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาในสถานศึกษา ระหว่างสำ�นักงานแม่กองธรรมสนามหลวง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม สำ�นักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สำ�นักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำ�นักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา และสำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าใจหลักพุทธธรรม ทถ่ี ูกต้อง มีความร้คู คู่ ุณธรรม เสรมิ สร้างศีลธรรม เป็นพลเมืองดมี คี ุณภาพ สร้างภมู ิคมุ้ กันให้ผ้เู รียนหา่ งไกล อบายมุข สงิ่ เสพติด ส่งิ ผดิ กฎหมาย และนำ�ไปสูค่ วามสงบเรยี บรอ้ ยของสังคม เพื่อให้เกิดการขับเคล่ือนการดำ�เนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการเรียน การสอนธรรมศกึ ษาในสถานศกึ ษาอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและบงั เกดิ เปน็ รปู ธรรม อนั จะเปน็ การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั และพฒั นาคุณภาพชีวติ ของนกั เรียน นกั ศึกษา ในสถานศกึ ษาอย่างยัง่ ยนื กระทรวงศกึ ษาธกิ าร จึงได้จดั ท�ำ แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ช้ันตรี โท เอก เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับวิชาธรรม วิชาพทุ ธ และวชิ าวนิ ัย กระทรวงศึกษาธิการหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ชั้นตรี โท เอก จะเป็นแนวทางการเรียนการสอนให้กับคณะครู นักเรียน และนักศึกษา สามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำ�วัน และขอขอบคุณคณะผู้จัด ซ่ึงประกอบด้วย สำ�นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศกึ ษานครปฐม เขต ๒ สำ�นกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๓ และโรงเรียน วัดราชบพิธ ท่ีมีความมงุ่ มนั่ ต้ังใจพัฒนาเอกสารชดุ น้ีอยา่ งเต็มความสามารถจนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ (รองศาสตราจารยก์ �ำ จร ตติยกวี) ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ



สารบัญ หนา้ ๑ เรือ่ ง ๓ คำ�นำ� ๑๐ บทท่ี ๑ ประวตั นิ กั ธรรม ธรรมศกึ ษา ๑๖ บทท่ี ๒ เทคนิควิธสี อนของพระพทุ ธเจ้า ๑๗ บทที่ ๓ มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ และสาระการเรยี นรู ้ ๓๖ บทที่ ๔ แผนการจดั การเรียนรู ้ ๗๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ๙๙ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ ๑๑๔ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๔ ๑๓๔ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๕ ๑๖๑ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๖ ๑๗๗ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ ๑๙๒ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๘ ๑๙๓ บทท่ี ๕ แบบทดสอบ ๑๙๙ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ๒๐๐ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ๒๐๖ แบบทดสอบหลงั เรียน ๒๐๗ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ๒๐๙ ๒๑๐ ภาคผนวก บรรณานุกรม คณะผูจ้ ัดท�ำ



1 บทที่ ๑ ประวตั ินักธรรม ธรรมศกึ ษา การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม หรือที่เรียกกันว่า นักธรรม เกิดข้ึนตามพระดำ�ริของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นการศึกษาพระธรรมวินัยในภาษาไทย เพื่อให้ ภิกษสุ ามเณรผ้เู ปน็ กำ�ลงั สำ�คัญของพระพทุ ธศาสนา สามารถศึกษาพระธรรมวนิ ัยไดส้ ะดวกและทั่วถึง อนั จะ เปน็ พนื้ ฐานนำ�ไปสูส่ มั มาปฏบิ ัติ ตลอดจนเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาใหก้ ว้างไกลออกไป การศึกษาพระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ไทยแต่โบราณมา นิยมศึกษาเป็นภาษาบาลีที่เรียกว่า การศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ยากสำ�หรับภิกษุสามเณรท่ัวไป จึงปรากฏว่า ภิกษุสามเณร ที่มีความรู้ในพระธรรมวินัยอย่างทั่วถึงมีจำ�นวนน้อย เป็นเหตุให้สังฆมณฑลขาดแคลนพระภิกษุผู้มีความรู้ ความสามารถทจ่ี ะชว่ ยกจิ การพระศาสนาทงั้ ในดา้ นการศกึ ษา การปกครอง และการแนะน�ำ สงั่ สอนประชาชน ดงั นน้ั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส จงึ ไดท้ รงพระดำ�ริวิธกี ารเล่าเรยี นพระธรรมวนิ ยั ในภาษาไทยขึ้น สำ�หรับสอนภิกษุสามเณรวัดบวรนิเวศวิหารเป็นครั้งแรก นับแต่ทรงรับหน้าท่ีปกครอง วัดบวรนิเวศวหิ าร เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็นตน้ มา โดยทรงกำ�หนดหลกั สูตรการสอนให้ภกิ ษุสามเณรได้เรียนรู้ พระพทุ ธศาสนาทั้งดา้ นหลักธรรม พุทธประวัติ และพระวินยั ตลอดถงึ หัดแต่งแกก้ ระทู้ธรรม เม่ือทรงเห็นว่า การเรียนการสอนพระธรรมวินัยเป็นภาษาไทยดังนี้ได้ผลทำ�ให้ภิกษุสามเณรมี ความรู้กว้างขวางขึ้น เพราะเรียนรู้ได้ไม่ยาก จึงทรงดำ�ริท่ีจะขยายแนวทางนี้ไปยังภิกษุสามเณรท่ัวไปด้วย ประกอบกับใน พ.ศ. ๒๔๔๘ ประเทศไทยเร่ิมมีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร ซ่ึงภิกษุทั้งหมดจะได้รับ การยกเว้น ส่วนสามเณรจะยกเว้นให้เฉพาะสามเณรผู้รู้ธรรม ทางราชการได้ขอให้คณะสงฆ์ช่วยกำ�หนด เกณฑ์ของสามเณรผู้รู้ธรรม สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงกำ�หนดหลักสูตร องค์สามเณรรู้ธรรมขึ้น ต่อมาได้ทรงปรับปรุงหลักสูตรองค์สามเณรรู้ธรรมนั้นเป็น “องค์นักธรรม” สำ�หรับ ภิกษสุ ามเณรช้ันนวกะ (คอื ผู้บวชใหม่) ท่ัวไป ได้รับพระบรมราชานมุ ตั ิ เม่อื วนั ท่ี ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ และโปรดให้จัดการสอบในส่วนกลางข้ึนเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน โดยใช้วัดบวรนิเวศวิหาร วัดมหาธาตุและวัดเบญจมบพิตร เป็นสถานท่ีสอบ การสอบคร้ังแรกน้ี ๓ วิชา คือ ธรรมวิภาคในนวโกวาท แตง่ ความแก้กระทูธ้ รรม และแปลภาษามคธเฉพาะทอ้ งนทิ านในอรรถกถาธรรมบท พ.ศ. ๒๔๕๕ ทรงปรับปรงุ หลกั สูตรองคน์ ักธรรมให้เหมาะสมสำ�หรับภกิ ษสุ ามเณรทัว่ ไปจะเรยี นรู้ ได้กว้างขวางยิง่ ข้นึ โดยแบง่ หลกั สูตรเป็น ๒ อยา่ ง คือ อย่างสามญั เรียนวชิ าธรรมวิภาค พุทธประวัติ และ เรยี งความแกก้ ระทธู้ รรม และอยา่ งวสิ ามญั เพม่ิ แปลอรรถกถาธรรมบท มแี กอ้ รรถบาลไี วยากรณแ์ ละสมั พนั ธ์ และวนิ ัยบญั ญัตทิ ีต่ อ้ งสอบทั้งผทู้ เี่ รยี นอย่างสามัญและวสิ ามญั พ.ศ. ๒๔๕๖ ทรงปรับปรุงหลักสูตรองค์นักธรรมอีกครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มหลักธรรมหมวดคิหิปฏิบัติ เข้าในส่วนของธรรมวิภาคด้วย เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการครองชีวิตฆราวาส หากภิกษุสามเณรรูปนั้น ๆ มีความจำ�เป็นต้องลาสิกขาออกไปด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง เรียกว่า นักธรรมชั้นตรี การศึกษาพระธรรมวินัย แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศกึ ษา ช้นั ตรี วิชาพทุ ธประวัติ

2 แบบใหมน่ ี้ ไดร้ บั ความนยิ มจากหมภู่ กิ ษสุ ามเณรอยา่ งกวา้ งขวาง และแพรห่ ลายไปอยา่ งรวดเรว็ เพยี ง ๒ ปแี รก กม็ ภี กิ ษสุ ามเณรสมคั รเขา้ สอบสนามหลวงเกอื บพนั รปู เมอ่ื ทรงเหน็ วา่ การศกึ ษานกั ธรรมอ�ำ นวยคณุ ประโยชน์ แก่พระศาสนาและภิกษุสามเณรทั่วไป ในเวลาต่อมาจึงทรงพระดำ�ริขยายการศึกษานักธรรมให้ท่ัวถึงแก่ ภิกษุทุกระดบั คอื ทรงต้ังหลกั สูตรนักธรรมช้นั โท สำ�หรับภิกษุชนั้ มชั ฌิมะ คอื มพี รรษาเกนิ ๕ แต่ไมถ่ งึ ๑๐ และนักธรรมชั้นเอก สำ�หรับภิกษุช้ันเถระ คือ มีพรรษา ๑๐ ข้ึนไป ดังท่ีเป็นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของคณะสงฆ์สืบมาตราบถงึ ทกุ วันน้ี ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม ทรงพิจารณาเห็นว่า การศึกษานักธรรมมิได้เป็นประโยชน์ต่อภิกษุสามเณรเท่านั้น แม้ผู้ ท่ียังครองฆราวาสวิสัยก็จะได้รับประโยชน์จากการศึกษานักธรรมด้วย โดยเฉพาะสำ�หรับเหล่าข้าราชการครู จึงทรงต้ังหลักสูตรนักธรรมสำ�หรับฆราวาสขึ้นเรียกว่า “ธรรมศึกษา” มีครบท้ัง ๓ ช้ัน คือ ชั้นตรี ช้ันโท ชน้ั เอก ซง่ึ มเี นอ้ื หาเชน่ เดยี วกนั กบั หลกั สตู รนกั ธรรมภกิ ษสุ ามเณร เวน้ แตว่ นิ ยั บญั ญตั ทิ ที่ รงก�ำ หนดใชเ้ บญจศลี เบญจธรรม และอุโบสถศีลแทน ได้เปิดสอบธรรมศึกษาชั้นตรีคร้ังแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ และเปิดสอบ ครบทุกช้ันในเวลาต่อมา มีฆราวาสท้ังหญิงและชายเข้าสอบเป็นจำ�นวนมาก นับเป็นการส่งเสริมการศึกษา พระพทุ ธศาสนาใหก้ วา้ งขวางย่ิงขนึ้ ปจั จบุ นั การศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกธรรมน้ี มสี มเดจ็ พระวนั รตั (พรฺ หมฺ คตุ ตฺ เถร) วดั บวรนเิ วศ วิหาร เป็นแม่กองธรรมสนามหลวง เน้นการพัฒนาศาสนทายาทให้มีคุณภาพสามารถดำ�รงพระศาสนา ไวไ้ ดด้ ว้ ยดี ทง้ั ถอื วา่ เปน็ กจิ การของคณะสงฆส์ ว่ นหนง่ึ ทส่ี �ำ คญั ยง่ิ ในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย มาตัง้ แตค่ รั้งอดตี จนถึงปจั จบุ ัน แนวทางการจดั การเรยี นรู้ธรรมศึกษา ชน้ั ตรี วิชาพุทธประวัติ

3 บทท่ี ๒ เทคนิควิธสี อนของพระพทุ ธเจา้ ๑. การท�ำ นามธรรมใหเ้ ป็นรูปธรรม ทำ�ของยากใหง้ ่าย ธรรมะเป็นเร่ืองนามธรรมท่ีมเี นอ้ื หาลกึ ซ้ึง ยากที่จะเขา้ ใจ ยง่ิ เป็นธรรมะระดบั สูงสุดก็ย่ิงลึกล้ําคัมภีรภาพย่ิงข้ึน....ความสำ�เร็จแห่งภารกิจการส่ังสอนประชาชนส่วนหนึ่ง เพราะพระองค์ ทรงใชเ้ ทคนิควธิ ีการทำ�ของยากให้ง่าย เชน่ ๑.๑ การใช้อุปมาอุปไมย วิธีน้ีเป็นวิธีทรงใช้บ่อยที่สุดวิธีหน่ึง เพราะทำ�ให้ผู้ฟังมองเห็นภาพ และเขา้ ใจง่ายโดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายความให้ยดื ยาว ๑.๒ ยกนิทานประกอบ เปน็ เทคนคิ หรอื กลวิธีหนง่ึ ท่ีพระพุทธองค์ทรงใชบ้ ่อย ๑.๓ ใชอ้ ปุ กรณห์ รอื สอื่ การสอน เทคนคิ วธิ สี อนดว้ ยการกระท�ำ ของยากใหง้ า่ ย หรอื ทำ�นามธรรม ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมนอกจากใชอ้ ุปมาอุปไมยและเล่านทิ านประกอบแลว้ ยงั มีอกี วธิ หี นึ่งอันเปน็ วธิ ที ่ีพระพุทธองค์ ทรงใช้มากพอ ๆ กับสองวธิ ีขา้ งต้น คือ การใช้สื่ออปุ กรณ์หรอื ใชส้ อ่ื การสอน ๒. ทำ�ตนเป็นตวั อย่าง ในแง่ของการสอนอาจแบ่งออกเป็น ๒ อยา่ ง คอื ๒.๑ ท�ำ ใหด้ ูหรอื สาธิตใหด้ ู ๒.๒ ปฏิบัตใิ หด้ ูเปน็ ตัวอย่าง ๓. ใช้ถอ้ ยคำ�เหมาะสม การสอนท่ีจะประสบผลสำ�เร็จ ผู้สอนจะต้องรู้จักใช้คำ� ต้องให้ผู้ฟังรู้สึกว่าผู้พูดพูดด้วยเมตตาจิต มิใชพ่ ูดดว้ ยความมงุ่ ร้าย ๔. เลอื กสอนเปน็ รายบุคคล ผู้สอนต้องรู้ว่าคนฟังน้ันต่างภูมิหลังต่างความสนใจ ต่างระดับสติปัญญาการเรียนรู้ เพราะ ฉะน้ัน การเลือกสอนเป็นรายบุคคลจะช่วยให้การสอนประสบความสำ�เร็จเป็นอย่างดี ถ้าทำ�ได้ก็ควรใช้วิธีน้ี แม้จะสอนเป็นกลมุ่ ก็ตอ้ งเอาใจใส่นกั เรียนที่มีปญั หาเป็นรายบคุ คลให้ได้ ๕. รู้จกั จงั หวะและโอกาส ดูความพรอ้ มของผู้เรียน ร้จู ักคอยจงั หวะอันเหมาะสม ถ้าผูเ้ รยี นไม่พร้อมกเ็ หนื่อยเปล่า ๖. ยืดหยนุ่ ในการใช้เทคนิควธิ ี เทคนิควธิ ีบางอยา่ งใชไ้ ดผ้ ลในวนั นี้ ต่อไปวันขา้ งหน้าอาจใช้ไมไ่ ดก้ ็ได้ จึงควรยืดหยุ่นวธิ ีการ ๗. การเสรมิ แรง มีค�ำ พดู สรรเสรญิ พระพทุ ธเจา้ วา่ “ทรงชมคนท่คี วรชม ต�ำ หนิคนทค่ี วรต�ำ หน”ิ การชมเปน็ การ ยอมรับความสามารถหรือให้กำ�ลังใจให้ทำ�อย่างนั้นย่ิง ๆ ข้ึนไป การตำ�หนิเป็นการตักเตือนมิให้ประพฤติ เช่นนัน้ อีกต่อไป แนวทางการจดั การเรยี นรธู้ รรมศกึ ษา ชน้ั ตรี วชิ าพทุ ธประวตั ิ

4 หลักสำ�คัญทค่ี รผู สู้ อนควรทราบ หลักสำ�คญั คือหลกั การใหญ่ ๆ ของการสอนไม่วา่ จะสอนเร่ืองอะไรกม็ ีอยู่ ๓ หลกั คอื ๑. หลักเกี่ยวกับเนื้อหาที่สอน ๒. หลักเก่ยี วกับตวั ผ้เู รียน ๓. หลักเก่ยี วกับตัวผสู้ อน ก. หลกั เกีย่ วกบั เน้ือหาทสี่ อน คนจะสอนคนอนื่ ตอ้ งรวู้ า่ จะเอาเรอื่ งอะไรมาสอนเขาเสยี กอ่ น ไมใ่ ชค่ ดิ แตว่ ธิ กี ารสอนวา่ จะสอน อยา่ งไร ต้องคดิ กอ่ นวา่ จะเอาอะไรไปสอนเขา พระพทุ ธเจ้าแนะน�ำ ว่าผ้สู อนต้องคำ�นึงเสมอว่า ตอ้ งสอนสิ่งทีร่ ู้ เห็นหรอื เข้าใจง่ายไปหาสง่ิ ท่ีเขา้ ใจยาก ๑. สอนเน้อื หาท่ลี มุ่ ลกึ ลงไปตามลำ�ดบั ๒. สอนดว้ ยของจรงิ ๓. สอนตรงตามเน้อื หา ๔. สอนมเี หตผุ ล ๕. สอนเทา่ ทีจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งรู้ ๖. สอนส่งิ ทม่ี คี วามหมายและเป็นประโยชนแ์ ก่ผ้เู รียน ข. หลักเก่ยี วกับตัวผูเ้ รยี น ๑. พระพุทธองคจ์ ะทรงสอนใคร ทรงดบู คุ คลผรู้ บั การสอนหรอื ผู้เรยี นกอ่ นวา่ บุคคลนนั้ ๆ เปน็ คนประเภทใดมีพ้ืนความรู้ความเข้าใจหรอื ความพร้อมแค่ไหนและควรจะสอนอะไรแค่ไหน ๒. นอกจากดคู วามแตกตา่ งของผูเ้ รยี นแล้ว ยงั ตอ้ งดูความพร้อมของผเู้ รยี นดว้ ย ๓. สอนใหผ้ เู้ รยี นทำ�ด้วยตนเอง ๔. ผ้เู รียนจะตอ้ งมีบทบาทรว่ มดว้ ย ๕. ครูต้องเอาใจใสผ่ เู้ รยี นที่มีปญั หาเป็นพิเศษ ค. หลกั เกย่ี วกับตวั การสอน ๑. สรา้ งความสนใจในการสอนคนน้นั (การนำ�เข้าสู่บทเรยี น) ๒. สร้างบรรยากาศในการเรยี นการสอนให้ปลอดโปร่ง ๓. มงุ่ สอนเนื้อหา มุ่งใหผ้ ูฟ้ ังเกดิ ความรู้ความเขา้ ใจและเปลยี่ นพฤติกรรมในทางที่ดี ๔. ต้ังใจสอน สอนโดยเคารพ ถอื ว่างานสอนเป็นงานสำ�คญั ๕. ใช้ภาษาเหมาะสม ผู้สอนคนอ่ืนควรมีความสามารถในการส่ือสาร ใช้คำ�พูดที่ถูกต้องและ เหมาะสมกับบคุ คลและสถานการณ์ หลักการสอนแนวพุทธวิธี พระพทุ ธเจา้ นน้ั ทรงเปน็ พระบรมครู ยอดครขู องผสู้ อน พระองคท์ รงมหี ลกั การในการสอนมากมาย หลายหลกั การ เรียกวา่ “หลกั ๔ ส” คือ ๑. สันทัสสนา อธิบายให้เหน็ ชดั แจง้ เหมือนจูงมือให้มาดดู ว้ ยตา แนวทางการจดั การเรยี นรธู้ รรมศึกษา ชั้นตรี วชิ าพทุ ธประวัติ

5 ๒. สมาทปนา ชักจงู ให้เห็นจริงเหน็ จงั ตาม ชวนใหค้ ล้อยตาม จนยอมรับเอาไปปฏิบัติ ๓. สมุตเตชนา เรา้ ใจ เกดิ ความกลา้ หาญ มีก�ำ ลงั ใจ ม่นั ใจวา่ ท�ำ ได้ไม่หวัน่ ไหวตอ่ อปุ สรรคท่มี มี า ๔. สัมปหงั สนา มวี ธิ ีสอนที่ชว่ ยใหผ้ ฟู้ ังรา่ เรงิ เบกิ บาน ฟังไม่เบอื่ เปยี่ มลน้ ไปดว้ ยความหวงั สรุปหลักการทวั่ ไปของการสอน คือ แจ่มแจง้ - จงู ใจ - หาญกลา้ - รา่ เรงิ หลกั การสอนพทุ ธวิธีแบบสนทนา (สากัจฉาหรอื ธรรมสากจั ฉา) เป็นวิธีที่ทรงใช้บ่อยที่สุด พระองค์ชอบใช้วิธีนี้อาจเป็นด้วยว่าผู้ฟังได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ทำ�ให้การเรียนการสอนสนกุ ไมร่ สู้ กึ ว่าตนก�ำ ลงั “เรียน” หรอื ก�ำ ลัง “ถูกสอน” แตจ่ ะรูส้ ึกว่าตนก�ำ ลงั สนทนา ปราศรัยกับพระพทุ ธองคอ์ ย่างสนกุ สนาน หลักการสอนพุทธวธิ ีแบบตอบปัญหา (ปจุ ฉา - วิสชั ชนา) ผู้ถามปญั หาอาจถามด้วยจดุ ประสงค์หลายอย่าง เชน่ ๑. บางคนถามเพือ่ ตอ้ งการค�ำ ตอบในเรอ่ื งท่สี งสัยมานาน ๒. บางคนถามเพื่อลองภูมวิ า่ คนตอบรู้หรือไม่ ๓. บางคนถามเพ่ือข่มหรือปราบให้ผ้ตู อบอับอาย ๔. บางคนถามเพื่อเทยี บเคียงกับความเช่ือหรือค�ำ สอนในลัทธิศาสนาของตน พระพุทธองค์ตรัสว่า การตอบปัญหาใด ๆ ต้องดูลักษณะของปัญหาและเลือกวิธีตอบให้ถูกต้อง เหมาะสมพระองคท์ รงจ�ำ แนกประเภทของปัญหาไว้ ๔ ประการ คือ ๑. ปญั หาบางอยา่ งต้องตอบตรงไปตรงมา ๒. ปญั หาบางอยา่ งตอ้ งย้อนถามก่อนจึงตอบ ๓. ปญั หาบางอย่างต้องแยกความตอบ ๔. ปญั หาบางอย่างตอ้ งตัดบทไปเลยไมต่ อบ วิธคี ดิ แบบอรยิ สจั ๔/คิดแบบแกป้ ญั หา เป็นการคิดแบบแก้ปัญหา เรียกว่า “วิธีแห่งความดับทุกข์” จัดเป็นวิธีคิดแบบหลักอย่างหนึ่ง เป็นวิธีคดิ ตามเหตแุ ละผลหรอื เป็นไปตามเหตุและผล สบื สาวจากผลไปหาเหตแุ ลว้ แกไ้ ขและท�ำ การทต่ี น้ เหตุ จัดเปน็ ๒ คู่ คือ ค่ทู ่ี ๑ ทกุ ข์เปน็ ผล เปน็ ตัวปัญหาเปน็ สถานการณ์ทีป่ ระสบซึ่งไม่ตอ้ งการ สมทุ ยั เปน็ เหต ุ เปน็ ทม่ี าของปญั หา เป็นจุดท่ีจะต้องก�ำ จดั หรือแก้ไขจงึ จะพน้ จากปญั หาได้ คทู่ ่ี ๒ นิโรธเป็นผล เปน็ ภาวะสน้ิ ปญั หา เป็นจดุ หมายซ่งึ ตอ้ งการจะเขา้ ถึง มรรคเปน็ เหตุ เป็นวิธีการ เป็นข้อปฏิบัติที่ต้องกระทำ�ในการแก้ไขสาเหตุ เพื่อบรรลุ จุดหมาย คอื ภาวะสนิ้ ปญั หาอันได้แก่ความดบั ทกุ ข์ แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศึกษา ชัน้ ตรี วิชาพุทธประวัติ

6 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ แบบพทุ ธวธิ ี ๙ อย่าง ๑. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้พทุ ธวิธแี บบอปุ มา - อปุ ไมย (การเปรยี บเทยี บ) ขนั้ สืบค้นและขั้นเชอ่ื มโยง - เปรียบเทียบนามธรรมกับรปู ธรรมให้ผ้เู รียนเหน็ ชัดเจน ครูผ้สู อนและผู้เรยี นมีสว่ นรว่ ม - ความแตกตา่ งระหว่างสิ่งท่เี ปน็ นามธรรมกบั รูปธรรม ข้นั ฝกึ - ยกตัวอย่างส่ิงท่เี ปน็ นามธรรมกบั รูปธรรม - ผ้เู รยี นแต่ละรปู หรือแตล่ ะกลุ่มรว่ มอภิปรายหรือน�ำ เสนอส่ิงท่เี ป็นนามธรรมกับรูปธรรม - หาขอ้ สรุปเก่ียวกบั เนือ้ หาท่ีเปน็ นามธรรมกับรูปธรรม ขัน้ ประยุกต์ - คน้ คว้าส่ิงท่เี ปน็ นามธรรมกับรปู ธรรมในเน้อื หาอน่ื ๆ นอกเหนอื จากเนอ้ื หาที่ก�ำ หนดให้ ๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนร้พู ทุ ธวธิ แี บบปุจฉา - วิสชั นา (การถาม - ตอบ) ขนั้ สืบคน้ และข้นั เช่อื มโยง - การทำ�หน้าทเี่ ป็นผถู้ าม - ตอบที่ถกู ตอ้ งเหมาะสมแกก่ าลเทศะ - วิธีถาม - ตอบ (ตอบทันทีเมื่อมีผู้ถาม ตอบแบบมีเงื่อนไข ย้อนถามผู้ถามก่อนแล้วจึงตอบ น่ิงเสียไม่ตอบ เปน็ ตน้ ) ขัน้ ฝึก - ตัวอย่างการถาม - ตอบ - ถาม - ตอบแบบคนต่อคน ถาม - ตอบแบบกลมุ่ ต่อกลุม่ ถาม - ตอบแบบกล่มุ ต่อคน เป็นตน้ - หาขอ้ สรุปเน้ือหาทเ่ี กย่ี วกบั การถาม - ตอบ ขนั้ ประยกุ ต์ - ค้นคว้าเพ่มิ เติมนอกเหนอื จากเน้ือหาที่กำ�หนดไวใ้ นแผนจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๓. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้พทุ ธวธิ แี บบธรรมสากัจฉา (การสนทนา) ข้นั สบื ค้นและข้นั เชื่อมโยง - ครผู ู้สอนเสนอสถานการณท์ ่เี ป็นปัญหาหรอื จำ�ลองสถานการณ์ ขน้ั ฝกึ - ผู้เรียน/ครูผู้สอน - อภิปรายในประเด็นท่ีเป็นปัญหา หัวข้อ หรือสถานการณ์ ตามเน้ือหา ท่ีก�ำ หนด - หาข้อสรปุ ในประเด็นที่เปน็ ปญั หา หวั ข้อ หรือสถานการณ์จากการสนทนาอภิปราย ขั้นประยุกต์ - ศึกษาเพ่ิมเตมิ การสนทนา - อภปิ รายของบุคคล กลมุ่ คน ละคร องคก์ ร เปน็ ต้น แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ชั้นตรี วชิ าพุทธประวัติ

7 ๔. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบอริยสัจ ๔ (กำ�หนดปัญหา ต้ังสมมุติฐาน ทดลอง วิเคราะห์ สรุป) ขั้นสบื คน้ (ทุกข์) - ก�ำ หนดปญั หา ท่ีมาของปญั หา การเกิดปัญหา (ตามเนอื้ หาที่ก�ำ หนด) ขน้ั เช่อื มโยง (สมทุ ยั ) - ตัง้ สมมตุ ฐิ าน การอนุมาน การคาดคะเน ความน่าจะเป็น ปจั จัยเสย่ี ง ขัน้ ฝกึ (นิโรธ) - ทดลอง เกบ็ ขอ้ มลู - วเิ คราะห์ สรปุ ผล ขนั้ ประยุกต์(มรรค) - การน�ำ ไปประยกุ ตใ์ ชก้ ับสิ่งอืน่ ๆ นอกเหนือจากเนื้อหาทเี่ รียนรู้ ๕. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ แี บบไตรสกิ ขา (ระเบียบวนิ ยั จติ ใจแนว่ แน่ แกป้ ัญหาถูกต้อง) ขั้นสืบค้น (ศลี ) - สรา้ งความมีระเบยี บวินัยความมศี รทั ธา ความตระหนัก ความเรา้ ให้เกดิ กบั ผ้เู รยี นพรอ้ มที่จะเรียน ขัน้ เช่อื มโยง (สมาธิ) - ให้ผู้เรียนรวมพลังจิต ความคิดอันแน่วแน่ในการต้ังใจฟัง ตั้งใจดู ตั้งใจจดจำ� และเห็นความ สำ�คัญต่อเนอื้ หาทีจ่ ะนำ�เสนอ ข้ันฝกึ (ปัญญา) - ใชส้ มาธิ จติ ใจอนั แนว่ แนท่ ำ�ความเขา้ ใจกับปัญหา - ค้นหาสาเหตุทม่ี าทไ่ี ปของปญั หา - แก้ไขปญั หาอย่างถกู ต้องและถูกวิธี ขน้ั ประยุกต์ (ปัญญา) - ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ เกดิ ปัญญา และมมี โนทัศนใ์ นเรือ่ งนนั้ ๆ ถูกตอ้ ง ๖. การจัดกิจกรรมการเรยี นรูพ้ ทุ ธวิธแี บบพหูสูต (ฟงั มาก ๆ เขียนมาก ๆ ถามมาก ๆ คดิ วเิ คราะห์มาก ๆ) ขน้ั สบื คน้ และขนั้ เช่ือมโยง (การสร้างศรัทธา) - การจัดบรรยายในการน�ำ เข้าสบู่ ทเรยี น - การสรา้ งแรงจูงใจในการน�ำ เข้าสูบ่ ทเรยี น - บุคลิกภาพ ตลอดถงึ การวางตวั ทเี่ หมาะสมของผ้สู อน - การสรา้ งความสมั พันธ์ระหวา่ งผู้เรียนกบั ผู้สอน ขั้นฝกึ (การฝกึ ทกั ษะ) - กิจกรรมกลมุ่ /รายบุคคล - การปฏบิ ัติ/การน�ำ เสนอ/การแสดงออก - ฝึกการเขียน การฟัง การถาม และการคิดวิเคราะห์ แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศกึ ษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวตั ิ

8 ขัน้ ประยกุ ต์ - การประเมินตนเอง - การประเมนิ ของกลั ยาณมิตร - การศึกษาคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ และการน�ำ ไปประยกุ ตใ์ ช้ ๗. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบโยนิโสมนสิการ(การทำ�ไว้ในใจโดยแยบคาย การใช้ ความคิดอยา่ งถกู วิธี) แบบท่ี ๑ ขน้ั สบื ค้นและข้นั เชอื่ มโยง - ผู้เรียนรจู้ ักคดิ คิดเป็น คิดอย่างมรี ะบบ - ผู้เรยี นรจู้ ักมอง รู้จกั พจิ ารณา ไตร่ตรอง วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ขนั้ ฝกึ - ฝกึ การคิดหาเหตุผล - ฝึกการสืบค้นถงึ ตน้ เคา้ - ฝึกการสบื สาวใหต้ ลอดสาย - ฝึกการแยกแยะสิง่ นนั้ ๆ ปัญหาน้ัน ๆ ตามสภาวะแห่งเหตแุ ละปจั จัย ขนั้ ประยุกต์ - ผู้เรียนนำ�การใชค้ วามคดิ อย่างถูกวิธีไปประยกุ ตใ์ ช้กับเหตุการณป์ ัจจบุ ัน ๘. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้พทุ ธวิธีแบบโยนโิ สมนสกิ าร (สรา้ งศรัทธาและวิธีคดิ ใหก้ บั ผเู้ รียน) แบบที่ ๒ ขัน้ สบื คน้ และขนั้ เชอื่ มโยง - ครูผสู้ อนสรา้ งเจตคตทิ ่ีดตี อ่ ผูเ้ รียน - ครผู สู้ อนเสนอปัญหาทีเ่ ปน็ สาระสำ�คญั หวั เร่ือง - ครูผ้สู อนแนะแหล่งวทิ ยาการ แหลง่ ขอ้ มูล ขน้ั ฝึก - ผเู้ รยี นฝกึ การรวบรวมข้อมูล - ครผู สู้ อนจดั กจิ กรรมใหเ้ กดิ กระบวนการคดิ แกผ่ เู้ รยี น เชน่ คดิ สบื คน้ ตน้ เคา้ คดิ สบื สาวตลอดสาย คดิ สืบค้นตน้ ปลาย และคดิ โยงสายสัมพันธ์ - ฝกึ การสรุปประเดน็ เปรียบเทยี บ ประเมินคา่ โดยวิธอี ภปิ ราย ทดลอง ทดสอบ - ดำ�เนนิ การเลือกและตดั สนิ ใจ - กจิ กรรมฝกึ ปฏิบัตเิ พื่อพิสูจนผ์ ลการเลอื กและตัดสินใจ แนวทางการจัดการเรียนร้ธู รรมศึกษา ชนั้ ตรี วชิ าพทุ ธประวตั ิ

9 ขั้นประยกุ ต์ - สงั เกตวิธีการปฏิบตั ิ ตรวจสอบ ปรบั ปรงุ - อภิปรายและสอบถาม - สรุปบทเรยี นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - วัดและประเมนิ ผลตามสภาพจริง ๙. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบอิทธิบาท ๔ (พอใจในสิ่งท่ีเรียนรู้ พากเพียรต่อส่ิงท่ี เรียนรู้เสมอ มุ่งม่นั และเอาใจใส่ต่อส่ิงท่ีเรยี นรู้ คดิ วเิ คราะห์ ไตรต่ รอง ก่อนน�ำ ไปใช้) ขน้ั สบื คน้ (ฉันทะ) - สรา้ งความพอใจและความสำ�คัญต่อสิ่งที่เรยี นรู้ และสิ่งทีไ่ ด้รับ ขัน้ เชื่อมโยง (วิรยิ ะ) - ฟังใหห้ มด จดใหม้ าก ปากต้องไว ใจต้องคดิ (หวั ใจบัณฑิต สุ จิ ปุ ล)ิ ขัน้ ฝึก (จิตตะ) - มุ่งม่ัน โดยฝกึ ฟงั มาก ๆ ฝกึ คดิ มาก ๆ ฝกึ ถามมาก ๆ และฝกึ เขยี นมาก ๆ ข้นั ประยุกต์ (วมิ งั สา) - พจิ ารณา ไตร่ตรอง แยกแยะ อธิบาย นำ�เสนอ และประยกุ ตใ์ ช้ การนิยามศัพทข์ นั้ ตอน/กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้พุทธวิธี สืบคน้ หมายถงึ สบื สาวเรอ่ื งราว คน้ คว้าให้ได้เร่อื ง เชอื่ มโยง หมายถึง ทำ�ใหต้ ดิ เปน็ เนื้อเดยี วกนั ทำ�ให้ประสานกนั ฝกึ หมายถึง ทำ� เชน่ บอก แสดง หรือปฏิบตั ิ เพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ความเข้าใจจนเป็นนิสัย หรือมีความชำ�นาญ ประยกุ ต ์ หมายถึง น�ำ ความรใู้ นวิทยาการต่าง ๆ มาปรับใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ แนวทางการจดั การเรียนรธู้ รรมศึกษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวัติ

10 บทท่ี ๓ มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ธศ ๑ รู้ และเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา มศี รัทธาท่ถี กู ต้อง ยึดมน่ั และ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรม เพื่ออยรู่ ่วมกนั อย่างสันตสิ ุข มาตรฐาน ธศ ๒ รแู้ ละเข้าใจพทุ ธประวตั ิ ความส�ำ คญั ของพระพทุ ธศาสนา ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนทดี่ ี และธ�ำ รงรักษาพระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ธศ ๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏิบตั ิตนตามหลกั พระวินยั บญั ญัติของพระพทุ ธศาสนา แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ช้นั ตรี วิชาพุทธประวัติ

11 มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรแู้ ละสาระการเรียนรู้ มาตรฐานธศ ๒ รแู้ ละเขา้ ใจพุทธประวตั ิ ความส�ำ คัญของพระพุทธศาสนา ปฏิบตั ติ นเปน็ พทุ ธศาสนิกชนทีด่ ี และธ�ำ รงรักษาพระพุทธศาสนา ชนั้ ผลการเรียนร ู้ สาระการเรยี นรู้ ธศตรี ๑. รูแ้ ละเข้าใจเกย่ี วกับชมพูทวีป ประชาชน ปรุ ิมกาล - ชมพทู วีปและประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์ และพทุ ธประวัติ - วรรณะ ๔ ตงั้ แตป่ ระสูติจนถึงบรรพชา - สักกชนบทและศากยวงค์ - ล�ำดับศากยวงศ์ - ประสูติ - อสติ ดาบสเข้าเฝ้าและพยากรณ์ - ทรงเจริญอานาปานสติ - ทรงอภเิ ษกสมรส - เสด็จออกบรรพชา ๒. รแู้ ละเขา้ ใจเกีย่ วกบั พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ ตรัสรู้ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ประกาศ - ทรงบ�ำเพญ็ ทกุ รกริ ิยา พระศาสนาและเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา - ทรงเลกิ บ�ำเพญ็ ทุกรกิรยิ า ในแควน้ มคธและแควน้ โกศล - ทรงบ�ำเพญ็ เพียรทางจิต - ทรงผจญมาร ปฐมโพธิกาล - เสวยวมิ ตุ ตสิ ุข - ทรงพจิ ารณาสตั ว์โลกเปรียบด้วยดอกบวั - ทรงแสดงปฐมเทศนา - ทรงแสดงอนัตตลกั ขณสตู ร - ทรงสง่ พระสาวกไปประกาศพระศาสนา - โปรดยสกุลบตุ ร - โปรดชฎลิ ๓ พนี่ ้อง - ทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตร - เสดจ็ เมอื งราชคฤห์ แควน้ มคธ - ทรงรับพระอุทยานเวฬุวันเปน็ สงั ฆาวาส - ทรงไดพ้ ระอคั รสาวก แนวทางการจัดการเรยี นร้ธู รรมศกึ ษา ชั้นตรี วชิ าพุทธประวัติ

12 ชั้น ผลการเรียนร ู้ สาระการเรียนรู้ มัชฌมิ โพธกิ าล - ทรงบ�ำเพ็ญพุทธกิจในแควน้ มคธ - ประทานการอุปสมบทแก่พระมหากัสสปะ - มหาสนั นิบาตแห่งพระสาวก - ทรงอนญุ าตเสนาสนะ - ทรงมอบให้สงฆ์เปน็ ใหญใ่ นกิจพระศาสนา - ทรงแสดงทศิ ๖ โปรดสงิ คาลกมาณพ - ทรงแสดงเทวตาพลี - เสด็จแคว้นสักกะ - เสด็จเมอื งกบลิ พสั ดุช์ าตภิ ูมิ - โปรดพระพทุ ธบดิ า - พระนันทกุมารออกบวช - พระราหุลบรรพชา - เสด็จแควน้ โกศล ๓. รูแ้ ละเข้าใจพุทธประวตั ติ ง้ั แต่ปลงอายุ ปัจฌมิ โพธิกาล สังขารจนถึงปรนิ ิพพาน - อนสุ นธิ - ทรงปลงอายสุ ังขาร - เสดจ็ บ้านเวฬุวคาม - เหตุที่ท�ำใหเ้ กิดแผน่ ดินไหว ๘ ประการ - ประทานโอวาทแก่ภิกษสุ งฆ์ - เสดจ็ ป่ามหาวนั - เสด็จโภคนคร - นายจุนทะถวายปจั ฉมิ บิณฑบาต - เสด็จเมอื งปาวา - ทรงพระประชวร - เสด็จเมอื งกุสินารา - ผวิ กายพระตถาคตผอ่ งใสยงิ่ ใน ๒ กาล - บณิ ฑบาตทาน ๒ คราว มผี ลเสมอกนั - บรรทมอนฏุ ฐานไสยา - ทรงปรารภสกั การบชู า - ประทานโอกาสให้เทวดามาเฝ้า - ทรงแสดงสังเวชสถาน ๔ ต�ำบล - อาการอันภกิ ษทุ ัง้ หลายพึงปฏิบัตติ อ่ สตรี แนวทางการจดั การเรียนรธู้ รรมศึกษา ชน้ั ตรี วิชาพุทธประวตั ิ

13 ชน้ั ผลการเรียนร ู้ สาระการเรียนรู้ - วิธีปฏิบัติในพระพุทธสรรี ะ - ถปู ารหบคุ คล ๔ - ประทานโอวาทแกพ่ ระอานนท์ - ตรสั สรรเสรญิ พระอานนท์ - ตรัสถงึ เมอื งกสุ ินารา - ตรัสสัง่ ใหแ้ จ้งข่าวปรินพิ พานแก่มัลลกษัตริย์ - โปรดสภุ ัททปริพาชก - ประทานโอวาทแกภ่ กิ ษสุ งฆ์ - ประทานโอกาสให้ภิกษุสงฆถ์ ามข้อสงสยั - ปัจฉมิ โอวาท - ปรนิ พิ พาน อปรกาล - ถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระ - แจกพระบรมสารีริกธาตุ - สุนทรพจน์ของโทณพราหมณ์ - สาระส�ำคัญในการเสดจ็ ปรนิ พิ พานทเ่ี มือง กสุ นิ ารา - ประเภทแหง่ สัมมาสมั พทุ ธเจดยี ์ - สงั เวชนียสถาน ๔ ๔. รแู้ ละเขา้ ใจความหมายของศาสนพิธอี งค์ องค์ประกอบของศาสนา ประกอบของศาสนา ประโยชน์ - ความหมายของศาสนพิธี ของศาสนพธิ ี การจดั โตะ๊ หมบู่ ูชาและ - ประโยชน์ของศาสนพิธี เครื่องสกั การะ การจดั โต๊ะหมูบ่ ชู าและเครอ่ื งสักการะ - การจดั โต๊ะหมบู่ ชู า - ความเป็นมาของโตะ๊ หมู่บชู า - ประเภทของโต๊ะหมู่บชู า - วัตถปุ ระสงค์ของการจัดโต๊ะหมบู่ ูชา - วธิ ีการจัดโตะ๊ หมู่บูชา - เคร่อื งสักการบชู า - เครือ่ งบชู ากระปะมุก - เครือ่ งบูชาทองนอ้ ย - บชู าพระบรมสารรี กิ ธาตุ - เครอ่ื งสักการะธูปเทียนแพกรวยดอกไม้ - การจัดธปู เทียนแพกรวยดอกไม้ แนวทางการจัดการเรยี นรูธ้ รรมศึกษา ชน้ั ตรี วชิ าพุทธประวัติ

14 ชนั้ ผลการเรียนรู ้ สาระการเรียนรู้ ๕. มีมารยาทของความเปน็ ศาสนกิ ชนที่ด ี การปฏิบัตพิ ิธี - วิธีแสดงความเคารพพระ - การประนมมือ - การไหว้ - การกราบ - วธิ ีกราบแบบชาย - วิธกี ราบแบบหญงิ - การจดั สถานทพ่ี ิธที �ำบญุ - การบูชาพระรัตนตรยั - เครื่องสักการบชู าพระรัตนตรัย - การอาราธนาศลี อาราธนาพระปรติ ร และอาราธนาธรรม - วิธีปฏบิ ัตใิ นการอาราธนา - ค�ำอาราธนาศลี ๕ - ค�ำอาราธนาพระปรติ ร - สรณคมน์และศีล ๕ - ค�ำอาราธนาธรรม - การจดุ เทยี นน้าํ มนต์ - การถวายภตั ตาหารพระสงฆ์ - การถวายจตปุ จั จัยไทยธรรม - วธิ ีประเคนของถวายพระ - การกรวดนา้ํ รบั พร - วิธีปฏบิ ตั ิในการกรวดนา้ํ ๖. รู้และเข้าใจความส�ำ คัญของวนั สำ�คญั พิธีบ�ำเพ็ญกุศลในวนั ส�ำคัญทางพระพทุ ธศาสนา ทางพระพุทธศาสนา - วันมาฆบชู า - ความเป็นมาของวันมาฆบูชา - การเตรียมตัวกอ่ นเข้าร่วมพิธีเวยี นเทียน - การเวียนเทยี นในวันมาฆบชู า - ค�ำบชู าวนั มาฆบชู า - วนั วิสาขบูชา - ความเป็นมาของวนั วิสาขบูชาในประเทศไทย - การเวยี นเทยี นในวันวิสาขบูชา - วนั วิสาขบูชาไดร้ บั การรับรองให้เปน็ วันส�ำคัญ สากล แนวทางการจัดการเรยี นร้ธู รรมศึกษา ชนั้ ตรี วิชาพทุ ธประวัติ

15 ชนั้ ผลการเรียนร ู้ สาระการเรยี นรู้ - การจดั พธิ ีวิสาขบชู าของชาวพุทธนานาชาติ - ค�ำบชู าดอกไม้ธปู เทยี น วนั วิสาขบชู า ๗. รู้และเข้าใจความเป็นมา ปฏบิ ัติในพธิ ี - วันอฏั ฐมีบูชา ท�ำ บุญเล้ยี งพระและ - ความเปน็ มาของวันอฏั ฐมีบูชา พิธีการถวายทาน - การจัดพิธีอัฏฐมบี ูชา - ค�ำบชู าดอกไม้ธปู เทยี นวันอฏั ฐมีบูชา - วันอาสาฬหบูชา - ความส�ำคญั ของวนั อาสาฬหบชู า - ความเปน็ มาของวนั อาสาฬหบูชา - พระราชพิธีในวนั อาสาฬหบูชา - ค�ำบูชาดอกไม้ ธูปเทียนวันอาสาฬหบูชา พธิ ีท�ำบุญเลยี้ งพระ - ความเปน็ มาของพิธที �ำบุญเลยี้ งพระ - การเตรยี มการในพธิ ที �ำบุญ - พิธีสวดมนตเ์ ย็น - ฉนั เช้า - แนวทางการจัดพธิ ที �ำบญุ ในงานตา่ ง ๆ - พธิ ีท�ำบุญคล้ายวันเกิด ท�ำบญุ บา้ น ท�ำบุญ อาคารส�ำนกั งาน - การบูชาขา้ วพระพทุ ธ - พธิ ที �ำบุญขึน้ บ้านใหม่ เปิดอาคารส�ำนักงาน พธิ ีการถวายทาน - พิธถี วายทาน - พิธีถวายสงั ฆทาน - การเตรยี มการและล�ำดบั พธิ ี - ขอ้ ควรทราบ - ค�ำถวายสงั ฆทาน (สามญั ) ๘. รูแ้ ละเข้าใจความเปน็ มาและแสดงตน พธิ ีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เป็นพทุ ธมามกะ - ความเป็นมาของพธิ แี สดงตนเปน็ พุทธมามกะ - ระเบยี บพธิ ีการแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ แนวทางการจดั การเรยี นรูธ้ รรมศึกษา ชน้ั ตรี วิชาพทุ ธประวัติ

16 บทท่ี ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ ธรรมศกึ ษาช้ันตรี ประกอบดว้ ย แผนการจัดการเรยี นรู้ จำ�นวน ๘ แผน ดงั นี้ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑ ชมพูทวปี ประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์ และพทุ ธประวัติตัง้ แต่ ประสตู ิจนถงึ บรรพชา แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๒ พทุ ธประวตั ติ งั้ แตต่ รสั รู้ ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ประกาศพระศาสนา และเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๓ พุทธประวตั ิตั้งแตป่ ลงอายสุ ังขารจนถงึ ปรินิพพาน แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๔ ศาสนพิธี องค์ประกอบของศาสนา การจัดโต๊ะหมู่บูชาและเคร่ือง สักการะ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๕ มารยาทของความเปน็ ศาสนกิ ชนท่ีดี แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ ความสำ�คัญของวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วนั อาสาฬหบูชา แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๗ ความเป็นมา ปฏิบตั ใิ นพิธีทำ�บญุ เลื้ยงพระและพธิ กี ารถวายทาน แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศึกษา ชั้นตรี วชิ าพุทธประวัติ

17 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เวลา..............ช่ัวโมง ธรรมศกึ ษาชน้ั ตรี สาระการเรียนรู้วิชาพุทธประวัติ เรื่อง ชมพทู วีป ประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์ และพุทธประวตั ิตั้งแตป่ ระสตู ิจนถึงบรรพชา ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ธศ ๒ รู้และเข้าใจพุทธประวัติ ความส�ำคัญของพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตนเป็น พทุ ธศาสนกิ ชนท่ีดี และธ�ำรงรกั ษาพระพุทธศาสนา ๒. ผลการเรียนรู้ รู้และเข้าใจเกี่ยวกับชมพูทวีป ประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์และพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ จนถงึ บรรพชา ๓. สาระส�ำคัญ ชมพูทวีปเป็นดินแดนที่มีพ้ืนท่ีอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย และประชาชนในชมพูทวีป มีการแบ่งวรรณะออกเป็น ๔ ชนช้ัน สักกชนบทและศากยวงศ์สืบเช้ือสายมาโดยล�ำดับและการประสูติ การเสด็จออกบรรพชาของพระพุทธเจา้ ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นอธบิ ายเก่ยี วกับชมพทู วปี ประชาชน วรรณะ ๔ และล�ำดับศากยวงศไ์ ด้ ๒. นักเรียนสามารถสรุปพทุ ธประวัติต้งั แต่ประสูตจิ นถึงเสด็จออกบรรพชาได้ ๕. สาระการเรียนร/ู้ เนือ้ หา ปุรมิ กาล - ชมพูทวีปและประชาชน - วรรณะ ๔ - สักกชนบทและศากยวงศ์ - ล�ำดบั ศากยวงศ์ - ประสูติ - อสิตดาบสเข้าเฝ้า และพยากรณ์ - ทรงเจริญอานาปานสติ - ทรงอภิเษกสมรส - เสดจ็ ออกบรรพชา แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศกึ ษา ชน้ั ตรี วิชาพทุ ธประวัติ

18 ๖. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั สืบค้นและเชอ่ื มโยง ๑. ครูและนักเรียนสนทนากันเก่ียวกับพุทธประวัติ โดยใช้การถามน�ำเพื่อพัฒนาทักษะ กระบวนการคิดและเชอื่ มโยงไปสู่การเรยี นรู้ - นักเรียนเคยเรียนเรอื่ งพทุ ธประวัติบ้างหรือไม่ - พระศาสดาหมายถงึ ใคร - นักเรียนเล่าเหตกุ ารณต์ อนประสูติไดห้ รอื ไม่ ฯลฯ ขั้นฝึก ๒. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มศึกษา ใบความรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง ชมพทู วปี จนถึงล�ำดบั ศากยวงศ์ ๓. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ตงั้ ค�ำถามและค�ำตอบ กลมุ่ ละ ๕ ขอ้ แลว้ สง่ ตวั แทนน�ำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น โดยถามทีละข้อ กลุ่มใดตอบถูกมากท่ีสุดเป็นผู้ชนะ และช่วยกันตอบค�ำถามในใบกิจกรรมที่ ๑ น�ำเสนอ ผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น ครตู รวจสอบความถูกต้อง แล้วน�ำไปตดิ ท่ีป้ายนเิ ทศ ขัน้ ประยกุ ต์ ๔. นักเรยี นกลุ่มเดมิ ศกึ ษาใบความรู้ที่ ๒ เร่อื ง พุทธประวัตติ ้งั แตป่ ระสตู จิ นถึงเสด็จออกบรรพชา และร่วมกนั ท�ำใบกิจกรรมที่ ๒ แลว้ น�ำผลงานกลมุ่ น�ำเสนอหน้าชั้นเรียน ๕. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันประเมินผล และช่นื ชมผลงานกลมุ่ ทีท่ �ำได้ดที ีส่ ดุ ๖. นกั เรยี นและครชู ว่ ยกนั สรปุ พทุ ธประวตั ติ งั้ แตช่ มพทู วปี จนถงึ เสดจ็ ออกบรรพชา และใหน้ กั เรยี น ท�ำแบบฝึก (ท�ำเปน็ การบา้ น) ๗. นกั เรยี นท�ำแบบทดสอบหลงั เรยี น และครูตรวจให้คะแนน ๗. ภาระงาน/ชน้ิ งาน ที่ ภาระงาน ชิ้นงาน ใบกจิ กรรมท่ี ๑ ๑ ตอบค�ำถามเก่ียวกับชมพทู วปี ประชาชน วรรณะ ๔ และล�ำดับศากยวงศ์ ใบกิจกรรมที่ ๒ ๒ ตอบค�ำถามพุทธประวตั ิตง้ั แต่ประสตู ิจนถงึ เสดจ็ ออกบรรพชา ๘. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ใบความรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง ชมพูทวปี จนถึงล�ำดบั ศากยวงศ์ ๒. ใบความรทู้ ี่ ๒ เรื่อง พทุ ธประวตั ิตงั้ แต่ประสูตจิ นถงึ เสด็จออกบรรพชา ๓. ใบกิจกรรมท่ี ๑ ๔. ใบกิจกรรมที่ ๒ ๕. แบบทดสอบหลงั เรยี น แนวทางการจัดการเรยี นรูธ้ รรมศึกษา ชน้ั ตรี วิชาพทุ ธประวตั ิ

19 ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล สิง่ ท่ีต้องการวัด วิธวี ัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ ๑. อธบิ ายเกยี่ วกบั ชมพูทวีป - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ ผา่ น = ได้คะแนนตงั้ แต่ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป ประชาชน วรรณะ ๔ ผลงาน ไม่ผ่าน = ได้คะแนนต่ำ� กว่าร้อยละ ๖๐ และล�ำ ดับศากยวงศ์ได้ ๒. สรุปพุทธประวตั ติ ง้ั แต่ - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ ผา่ น = ไดค้ ะแนนตั้งแต่ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ประสูติจนถึงเสด็จออก ผลงาน ไมผ่ ่าน = ไดค้ ะแนนต�่ำกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ บรรพชาได้ ขอ้ ที่ แบบประเมินผลงาน ๑ คะแนน ๓ คะแนน ตอบค�ำ ถามถกู ต้อง ๑ - ๖ ตอบคำ�ถามถูกต้อง ใบกจิ กรรมที่ ๑ ตรงประเด็นนอ้ ย ตรงประเด็น ระดับคะแนน ๒ คะแนน ตอบคำ�ถามถกู ต้อง ตรงประเดน็ สว่ นใหญ ่ เกณฑก์ ารตดั สนิ เกณฑ์ ร้อยละ คะแนน ผา่ น ๖๐ ข้ึนไป ๑๑ - ๑๘ ไมผ่ ่าน ตำ่� กวา่ ๖๐ ๐ - ๑๐ หมายเหตุ เกณฑ์การตัดสินสามารถปรับใชต้ ามความเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย แนวทางการจัดการเรียนรธู้ รรมศกึ ษา ช้นั ตรี วิชาพทุ ธประวัติ

20 แบบประเมนิ ผลงาน ๑ คะแนน ตอบคำ�ถามถูกต้อง ขอ้ ที่ ใบกจิ กรรมที่ ๒ ตรงประเดน็ นอ้ ย ๓ คะแนน ๑-๔ ตอบค�ำ ถามถูกตอ้ ง ระดบั คะแนน ตรงประเด็น ๒ คะแนน ตอบคำ�ถามถูกตอ้ ง ตรงประเดน็ สว่ นใหญ่ เกณฑ์การตัดสนิ เกณฑ์ รอ้ ยละ คะแนน ผ่าน ๖๐ ข้ึนไป ๗ - ๑๒ ไมผ่ ่าน ต่�ำกว่า ๖๐ ๐-๖ หมายเหตุ เกณฑก์ ารตดั สนิ สามารถปรับใชต้ ามความเหมาะสมกับกล่มุ เปา้ หมาย แบบประเมินผลการเรยี นรู้ แบบทดสอบหลงั เรียน เกณฑ์การประเมนิ ตอบถูกได้ ๑ คะแนน ตอบผดิ ได้ ๐ คะแนน เกณฑ์ เกณฑก์ ารตดั สนิ คะแนน ผา่ น ๙ - ๑๕ ไมผ่ ่าน ร้อยละ ๐ - ๑๐ ๖๐ ข้ึนไป ต่ำ� กว่า ๖๐ แนวทางการจดั การเรียนรูธ้ รรมศึกษา ชนั้ ตรี วชิ าพทุ ธประวตั ิ

21 ใบกจิ กรรมที่ ๑ ชมพทู วีป ประชาชน วรรณะ ๔ และล�ำ ดับศากยวงศ์ กลุ่มที.่ ................... ช่อื ......................................................................................ช้นั .....................เลขที่........................... ชือ่ ......................................................................................ชน้ั .....................เลขท่.ี .......................... ช่ือ......................................................................................ชนั้ .....................เลขท.ี่ .......................... ชอื่ ......................................................................................ชน้ั .....................เลขท.่ี .......................... ค�ำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี จ�ำนวน ๖ ขอ้ (๑๘ คะแนน) ๑. ชมพูทวปี ในอดีต ปัจจุบันแยกเปน็ กป่ี ระเทศ อะไรบ้าง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๒. ในปัจจุบนั ชมพทู วีปเปน็ ดินแดนสว่ นใดของเทือกเขาหมิ าลัย และแบ่งออกเปน็ ก่ีส่วน ได้แก่อะไรบ้าง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. ประชาชนในชมพทู วปี แบ่งเปน็ กี่ชนชาติ ไดแ้ ก่ชนชาตอิ ะไรบา้ ง แตล่ ะชนชาตปิ กครองเรียกว่าอะไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๔. วรรณะทงั้ ๔ มชี ่อื เรยี กว่าอะไร แต่ละวรรณะหมายถึงอะไรบา้ ง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศึกษา ชน้ั ตรี วชิ าพุทธประวัติ

22 ๕. บตุ รท่เี กดิ จากบดิ ามารดาต่างวรรณะกนั เรยี กวา่ อะไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๖. ให้นักเรียนเขยี นผังล�ำดับศากยวงศ์ตง้ั แตส่ หี หนุราชกมุ ารเสดจ็ ขนึ้ ครองราชสมบัติ ผงั ลำ�ดับศากยวงศ์ ตระกลู ศากยวงศ์ + + + แนวทางการจัดการเรียนรธู้ รรมศึกษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวตั ิ

23 ใบกิจกรรมที่ ๒ พุทธประวตั ติ งั้ แต่ประสตู ิจนถึงเสด็จออกบรรพชา กลุ่มท.ี่ ................... ช่อื ......................................................................................ช้นั .....................เลขท.่ี .......................... ช่อื ......................................................................................ช้ัน.....................เลขท่ี........................... ช่อื ......................................................................................ชนั้ .....................เลขท.ี่ .......................... ชอื่ ......................................................................................ชน้ั .....................เลขท่ี........................... ค�ำช้ีแจง ให้นักเรียนตอบค�ำถามต่อไปนี้ จ�ำนวน ๔ ขอ้ (๑๒ คะแนน) ๑. เจ้าชายสทิ ธัตถะเป็นโอรสของใคร ประสูตทิ ี่เมืองใด สถานท่ีใด และมีเหตกุ ารณ์ส�ำคัญอย่างไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๒. อสิตดาบสได้ท�ำนายพระลกั ษณะของพระราชกมุ ารไว้อย่างไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงอภเิ ษกสมรสกบั ใคร และมพี ระราชโอรสชื่อวา่ อะไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๔. เจ้าชายสิทธตั ถะเสดจ็ ออกบรรพชาเมือ่ อายุเทา่ ใด และมีสาเหตุจากอะไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ช้นั ตรี วิชาพุทธประวตั ิ

24 เฉลยใบกจิ กรรมท่ี ๑ ชมพูทวีป ประชาชน วรรณะ ๔ และลำ�ดบั ศากยวงศ์ ๑. ชมพูทวปี ในอดีต ปจั จบุ นั แยกเปน็ ก่ีประเทศ อะไรบา้ ง ตอบ ๖ ประเทศ ไดแ้ ก่ ประเทศอนิ เดีย เนปาล ปากสี ถาน บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน และภฏู าน ๒. ในปจั จบุ ันชมพูทวปี เปน็ ดินแดนสว่ นใดของเทือกเขาหมิ าลยั และแบง่ ออกเป็นก่ีส่วน ได้แกอ่ ะไรบ้าง ตอบ เป็นดินแดนที่มีพืน้ ท่อี ยู่ทางตอนใตข้ องเทอื กเขาหิมาลัย แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑. มชั ฌิมชนบทหรือมธั ยมประเทศ ๒. ปัจจนั ตชนบท ๓. ประชาชนในชมพูทวปี แบง่ เป็นกี่ชนชาติ ได้แก่ชนชาตอิ ะไรบ้าง แตล่ ะชนชาติปกครองเรียกว่าอะไร ตอบ แบง่ เปน็ ๒ ชาติ ไดแ้ ก่ ๑. ชาวอริยกะ ๒. ชาวมลิ กั ขะ ดินแดนทีช่ าวอริยกะปกครอง เรียกว่า มชั ฌิมชนบทหรอื มัธยมประเทศ ดินแดนทีช่ าวมลิ กั ขะปกครอง เรียกวา่ ปจั จนั ตชนบท ๔. วรรณะทั้ง ๔ มีชอื่ เรียกว่าอะไร แต่ละวรรณะหมายถงึ อะไรบา้ ง ตอบ วรรณะทั้ง ๔ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร กษัตรยิ ์ หมายถงึ ชนชน้ั เจ้า ถือเปน็ ชนช้นั สูง ได้แก่ นักรบ นักปกครอง เสนา อ�ำ มาตยต์ ่าง ๆ ศึกษาเร่อื งยุทธวิธี มหี น้าทีป่ กป้อง รักษา และบรหิ ารบ้านเมืองใหม้ คี วามสุข พราหมณ์ หมายถึงเจ้าลัทธิถือเป็นชนช้ันสูงเช่นเดียวกับกษัตริย์ ได้แก่ นักบวชนักปราชญ์ ครอู าจารยศ์ กึ ษาเรอื่ งศาสนา คมั ภรี พ์ ระเวท และวทิ ยาการตา่ ง ๆ มหี นา้ ที่ สง่ั สอนศลิ ปะวทิ ยาการ และประกอบพิธกี รรมตามลทั ธขิ องตนตลอดจนใหค้ ำ�ปรกึ ษาแก่กษัตริย์ แพศย์ หมายถงึ พลเรอื นท่ัวไป ถือเป็นชนชนั้ กลาง ได้แก่ เกษตรกร พ่อค้า ศกึ ษาเร่อื ง ศลิ ปะ กสกิ รรมและพาณิชยกรรม มีหน้าทท่ี ำ�นา คา้ ขาย และฝีมอื ทางการช่าง ศูทร หมายถึง คนใช้แรงงาน ถือเป็น ชนช้ันต่ํา ได้แก่ กรรมกร คนรับใช้ ข้าทาส มีหน้าที่ ในการรับจา้ งและท�ำ งานท่วั ไป ๕. บตุ รทเี่ กิดจากบดิ ามารดาต่างวรรณะกัน เรียกวา่ อะไร ตอบ จณั ฑาล แนวทางการจดั การเรยี นรธู้ รรมศกึ ษา ชนั้ ตรี วชิ าพุทธประวัติ

25 ๖. ใหน้ กั เรยี นเขียนผงั ลำ�ดบั ศากยวงศ์ตงั้ แต่สหี หนุราชกมุ ารเสด็จขน้ึ ครองราชสมบัติ ตอบ ผังล�ำ ดบั ศากยวงศ์ ตระกลู ศากยวงศ์ สหี หน ุ + กัญจนา ยโสธรา + อัญชนะ สุทโธ สุกโก อมิโต โธโต ฆนิโต ปมติ า อมิตา ทนะ ทนะ ทนะ ทนะ ทนะ + สุปป ทัณฑ มายา ปชา พทุ ธะ ปาณิ บดี มายา สิทธัตถะ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ธรรมศึกษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวัติ

26 เฉลยใบกิจกรรมท่ี ๒ พทุ ธประวัตติ ั้งแตป่ ระสูตจิ นถงึ เสด็จออกบรรพชา ๑. เจ้าชายสทิ ธตั ถะเป็นโอรสของใคร ประสูติที่เมืองใด สถานทใ่ี ด และมีเหตกุ ารณ์ส�ำ คญั อย่างไร ตอบ พระเจา้ สทุ โธทนะ ประสตู ทิ เ่ี มอื งเทวทหะ สวนลมุ พนิ วี นั มเี หตกุ ารณส์ �ำ คญั คอื เมอ่ื ประสตู ไิ ดเ้ สดจ็ พระดำ�เนนิ ดว้ ยพระบาท ๗ กา้ ว ๒. อสติ ดาบสได้ท�ำ นายพระลักษณะของพระราชกมุ ารไว้อย่างไร ตอบ ๑. ถ้าอยู่ครองฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทรท่ี ๔ เปน็ ขอบเขต ๒. ถ้าออกผนวชจะไดต้ รสั รู้เป็นพระอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา้ เปน็ พระศาสดาเอกในโลก ๓. เจ้าชายสทิ ธัตถะทรงอภเิ ษกสมรสกบั ใคร และมีพระราชโอรสชื่อวา่ อะไร ตอบ เจ้าหญงิ ยโสธรา หรอื พิมพา และมพี ระโอรสชื่อ ราหุลกุมาร ๔. เจ้าชายสิทธตั ถะเสด็จออกบรรพชาเมอื่ อายุเท่าใด และมสี าเหตจุ ากอะไร ตอบ ๒๙ ปี สาเหตุ คอื เมอื่ พระองค์เสด็จประพาสอุทยานกับนายฉนั ทะ ได้ทอดพระเนตรเหน็ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทรงเกิดความสังเวช สลดพระทัย พร้อมกับได้ทราบข่าวการประสูติพระโอรส ทำ�ให้พระองคท์ รงเห็นวา่ ความแก่ ความเจบ็ และความตาย ล้วนเปน็ ผลสืบเนอื่ งมาจากการเกดิ เปน็ เหตุใหต้ ัดสนิ พระทัยเสด็จออกผนวชทันที แนวทางการจัดการเรยี นรู้ธรรมศึกษา ช้ันตรี วชิ าพุทธประวตั ิ

27 แบบทดสอบวดั ผลการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ท่ี ๑ รแู้ ละเขา้ ใจเกี่ยวกับชมพทู วีป ประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์ และพุทธประวตั ติ ั้งแต่ ประสตู จิ นถึงบรรพชา จ�ำ นวน ๑๕ ขอ้ คะแนน ๑๕ คะแนน คำ�ชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค�ำ ตอบที่ถกู ตอ้ งท่ีสดุ เพียงข้อเดียว ๑. พทุ ธประวตั พิ รรณนาเรือ่ งของใคร ข. พระพุทธเจ้า ก. นกั บวช ง. พระปัจเจกพทุ ธเจา้ ค. นักพรต ๒. พอ่ แมม่ ีวรรณะต่างกนั ท�ำ ใหเ้ กิดชนชั้นใด ข. แพศย์ ก. พราหมณ์ ค. ศทู ร ง. จัณฑาล ๓. นครกบลิ พสั ด์ุ มีความสมั พนั ธก์ บั นครใด ข. เทวทหะ ก. สาวตั ถี ง. ราชคฤห์ ค. พาราณส ี ๔. เมอื่ พระนางสริ มิ หามายาทรงพระครรภ์ สุบินนิมิตรอยา่ งไร ก. พญาช้างเผือกชสู ังข์ ข. พญาชา้ งเผอื กชดู อกบวั ค. พราหมณ์มอบสงั ข์ทอง ง. พราหมณม์ อบดอกบวั ๕. วนั ท่ีเจา้ ชายสิทธตั ถะประสตู ิ ตรงกับขอ้ ใด ข. วันวสิ าขบชู า ก. วันมาฆบชู า ค. วนั อาสาฬหบูชา ง. วันอฏั ฐมีบูชา ๖. สถานท่เี จา้ ชายสทิ ธัตถะประสูติ ปจั จบุ นั อย่ใู นประเทศใด ก. เนปาล ข. ปากีสถาน ค. ศรีลังกา ง. อินเดยี ๗. เจา้ ชายสทิ ธัตถะประกอบดว้ ยมหาบุรษุ ลกั ษณะกีป่ ระการ ก. ๓๑ ประการ ข. ๓๒ ประการ ค. ๓๗ ประการ ง. ๓๘ ประการ ๘. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะประสตู ิได้ ๕ วัน มีเหตกุ ารณ์ใดเกดิ ขึน้ ก. ดาบสเขา้ เฝา้ ข. ขดุ สระบัว ค. ขนานพระนาม ง. ได้ฌาน แนวทางการจดั การเรียนรธู้ รรมศกึ ษา ช้นั ตรี วิชาพุทธประวัติ

28 ๙. พระนามว่าสิทธัตถะ มคี วามหมายว่าอย่างไร ข. มีรปู งาม ก. มีวาสนา ค. มคี วามตอ้ งการส�ำ เรจ็ ง. มยี ศศักด์ิ ๑๐. ใครท�ำ นายพระลักษณะเจ้าชายสทิ ธัตถะเปน็ คนแรก ก. อสิตดาบส ข. อาฬารดาบส ค. อทุ กดาบส ง. โกณฑัญญะ ๑๑. พระนางใดเลย้ี งดูเจา้ ชายสทิ ธตั ถะหลงั พระมารดาสิ้นพระชนม์ ก. พระนางกญั จนา ข. พระนางยโสธรา ค. พระนางพมิ พา ง. พระนางปชาบดีโคตมี ๑๒. เจา้ ชายสิทธตั ถะพอพระหฤทยั ในบรรพชา เพราะเห็นเทวทตู ใด ก. คนแก ่ ข. คนเจ็บ ค. คนตาย ง. สมณะ ๑๓. เจา้ ชายสิทธตั ถะเสด็จออกบวชขณะมพี ระชนมายุก่พี รรษา ก. ๑๖ พรรษา ข. ๒๐ พรรษา ค. ๒๙ พรรษา ง. ๓๕ พรรษา ๑๔. เม่ือเจ้าชายสิทธตั ถะผนวช ใครนำ�บาตรมาถวาย ก. มหาพรหม ข. ฆฏิการพรหม ค. ท้าวธตรฐ ง. ท้าวกเุ วร ๑๕. เจ้าชายสทิ ธัตถะผนวชด้วยวิธใี ด ก. อธิษฐานเพศ ข. เอหิภกิ ขุ ค. รับสรณะ ง. ญัตติกรรม แนวทางการจดั การเรยี นรธู้ รรมศึกษา ชั้นตรี วชิ าพทุ ธประวัติ

29 เฉลยแบบทดสอบวดั ผลการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ร้แู ละเขา้ ใจเก่ียวกับชมพูทวีป ประชาชน วรรณะ ๔ ศากยวงศ์ และพทุ ธประวตั ติ ั้งแต่ ประสูตจิ นถงึ บรรพชา ข้อ ขอ้ ๑ ก ๙ ค ๒ ง ๑๐ ง ๓ ข ๑๑ ง ๔ ข ๑๒ ข ๕ ข ๑๓ ค ๖ ก ๑๔ ข ๗ ข ๑๕ ก ๘ ค แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ชน้ั ตรี วชิ าพุทธประวตั ิ

30 ใบความรทู้ ี่ ๑ ชมพูทวปี จนถึงลำ�ดบั ศากยวงศ์ ชมพูทวีปและประชาชน ชมพูทวีป เป็นดินแดนท่ีกำ�หนดหมายด้วยต้นหว้าในครั้งดึกดำ�บรรพ์ มีพื้นที่ตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้แก่ ดินแดนประเทศอินเดีย เนปาล ปากีสถาน บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน และภูฏาน ในปัจจุบันน้ีชมพูทวีป เป็นดินแดนที่มีพื้นท่ีอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย มีความเจรญิ สมบรู ณด์ ว้ ยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แบง่ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑. มัชฌิมชนบทหรือมัธยมประเทศ เป็นท่ีตั้งแห่งพระนครใหญ่ ๆ เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ เจรญิ ดว้ ยการคา้ การศึกษา มีประชาชนและนกั ปราชญ์ราชบัณฑิตอาศยั อย่มู ากมาย ๒. ปัจจันตชนบท คือเขตแดนรอบนอกมัชฌิมชนบทออกไป ทิศตะวันออกจรดมหาศาลนคร ทิศตะวันออกเฉียงใต้จรดแม่นํ้าสัลลวตี ทิศใต้จรดหมู่บ้านเสตกัณณิกะ ทิศตะวันตกจรดหมู่บ้านถูนคาม ทิศเหนอื จรดภขู าอุสีรธชะ ประชาชนในชมพูทวีป แบง่ เปน็ ๒ ชนชาติ คอื ๑. ชาวอริยกะ ไม่ใช่เจ้าของถ่ินเดิม อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีสติปัญญา เฉลยี วฉลาดเฉียบแหลม เจริญดว้ ยขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละศิลปวทิ ยาตา่ ง ๆ ๒. ชาวมิลกั ขะ เจา้ ของถน่ิ เดิม มกี ารศกึ ษานอ้ ย อาศยั อย่ใู นชมพทู วีปมาแต่เดมิ กอ่ นพวกอริยกะ จะยา้ ยเขา้ มาตง้ั รกรากถนิ่ ฐาน มคี วามเจรญิ ในระดบั หนง่ึ มวี ฒั นธรรมเปน็ ของตนเอง แตไ่ มร่ จู้ กั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณใี นการปกครอง ชาวอรยิ กะ ไดอ้ พยพจากดนิ แดนทางตอนเหนือ ข้ามเทอื กเขาหิมาลัยรกุ ไลช่ าวมิลกั ขะให้ถอยรน่ ลงมาทางใตข้ องชมพทู วปี แผข่ ยายอ�ำ นาจ เขา้ ยดึ ครองดนิ แดนอดุ มสมบรู ณแ์ ทน ภายหลงั กลายเปน็ ศนู ยก์ ลาง ความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน เช่น อารยธรรม เกษตรกรรม และพาณิชยกรรม เป็นต้น เพราะฉะน้ัน จึงเรียกดินแดนที่ชาวอริยกะปกครองว่า มัชฌิมชนบทหรือมัธยมประเทศ เรียกดินแดนท่ีชาวมิลักขะย้ายไป ต้ังถ่ินฐานอาศยั อยูว่ ่า ปัจจันตชนบท หลังจากชาวอริยกะเข้าปกครองมัธยมประเทศแล้ว ได้แบ่งการปกครองออกเป็นแคว้นใหญ่ ๑๖ แควน้ คือ อังคะ มคธะ กาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจตี วงั สะ กรุ ุ ปัญจาละ มจั ฉะ สรุ เสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระกัมโพชะ นอกจากนี้ยังมีแคว้นเล็กอีก ๕ แคว้น คือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ อังคุตตราปะ แตล่ ะแคว้นมีการปกครองแตกต่างกันไปแบบสมบรู ณาญาสิทธริ าชยบ์ า้ งแบบสามคั คีธรรมบ้าง แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศกึ ษา ชน้ั ตรี วชิ าพุทธประวตั ิ

31 วรรณะ ๔ การปกครองในสมัยนั้น ถ้าผู้ปกครองมีอำ�นาจมากก็สามารถแผ่ขยายอาณาเขตของตน ออกไปได้มาก ถ้าผู้ปกครองเส่ือมอำ�นาจก็ตกเป็นเมืองข้ึนของผู้อ่ืน ถูกจับเป็นเชลยหรือตกเป็นทาส ทำ�ให้เกิดการรังเกียจกัน เป็นสาเหตุการแบ่งชนชั้น เรียกว่า วรรณะ ชาวชมพูทวีปในยุคนั้นจึงถูกแบ่งออก เปน็ ๔ ชนช้ันคือ กษตั ริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศทู ร กษัตริย์ หมายถึง ชนช้ันเจา้ ถือเป็นชนช้ันสูง ได้แก่ นักรบ นักปกครอง เสนา อำ�มาตย์ตา่ ง ๆ ศกึ ษาเร่ืองยุทธวิธีม ีหนา้ ทป่ี กปอ้ ง รักษา และบริหารบ้านเมอื งใหม้ ีความสุข พราหมณ์ หมายถึง เจ้าลัทธิ ถือเป็นชนชั้นสูงเช่นเดียวกับกษัตริย์ ได้แก่ นักบวช นักปราชญ์ ครูอาจารย์ศึกษาเร่ืองศาสนา คัมภีร์พระเวท และวิทยาการต่าง ๆ มีหน้าท่ีส่ังสอนศิลปวิทยาการและ ประกอบพธิ กี รรมตามลัทธขิ องตน ตลอดจนใหค้ ำ�ปรกึ ษาแก่กษัตรยิ ์ แพศย์ หมายถึง พลเรือนทั่วไป ถือเป็นชนชั้นกลาง ได้แก่ เกษตรกร พ่อค้า ศึกษาเร่ือง ศิลปะกสิกรรม และพาณิชยกรรม มีหนา้ ท่ที �ำ นา คา้ ขาย และฝมี ือทางการชา่ ง ศูทร หมายถึง คนใช้แรงงาน ถือเป็นชนชั้นต่ํา ได้แก่ กรรมกร คนรับใช้ ข้าทาส มีหน้าที่ ในการรับจ้างและท�ำ งานท่ัวไป กษัตริย์เป็นวรรณะสูงสุด แต่พวกพราหมณ์ก็ถือว่าตนมีวรรณะสูงเช่นเดียวกัน คนเหล่านั้น สำ�คัญตนว่าสูงกว่าวรรณะอ่ืน มีมานะถือตัวจัดรังเกียจคนวรรณะตํ่าลงมา ไม่ยอมสมรสเป็นสามีภรรยา ไมค่ บหาสมาคมไมร่ ว่ มกินรว่ มนอนดว้ ย เพราะฉะนั้นกษตั รยิ ก์ ด็ ี พราหมณ์ก็ดี จงึ สมรสกันแต่ในพวกของตน เท่านั้น หากสมรสกับคนต่างวรรณะเช่นพราหมณ์สมรสกับศูทร มีบุตรออกมาจัดเป็นอีกจำ�พวกหนึ่ง เรียก ว่าจัณฑาล บุตรที่เกิดจาก บิดา มารดา ต่างวรรณะกันเช่นน้ีถือเป็นชนชั้นต่ําสุด เป็นที่ดูหม่ินเหยียดหยาม ของคนวรรณะอนื่ ลัทธิความเชื่อของคนในยุคน้ันสรุปลงเป็น ๒ อย่าง คือ พวกหน่ึงเช่ือว่าตายแล้วเกิด อีกพวกหน่ึงเช่ือว่าตายแล้วสูญ พวกท่ีถือว่าตายแล้วเกิดแบ่งออกไปอีก ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายหน่ึงเห็นว่า ชาตินี้เกิดเป็นอะไรตายแล้วเกิดใหม่ก็จะเป็นอย่างน้ันอยู่เช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอ่ืนอีกฝ่ายหนึ่ง เห็นว่าชาตินี้เกิดเป็นอะไรตายแล้วเกิดใหม่ย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ พวกที่ถือว่าตายแล้วสูญ ก็แบ่งออกไปอีก ๒ ฝ่าย เหมือนกัน คือ ฝ่ายหน่ึงเห็นว่าตายแล้วสูญทุกสิ่งทุกอย่างอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ตายแลว้ สญู เฉพาะบางสิ่งบางอยา่ ง แนวทางการจดั การเรียนรธู้ รรมศึกษา ชน้ั ตรี วชิ าพทุ ธประวตั ิ

32 ปริเฉทที่ ๒ สกั กชนบทและศากยวงศ์ คร้ังดึกดำ�บรรพ์ พระเจ้าโอกกากราชครองราชสมบัติในพระนครแห่งหนึ่ง ทรงมีพระราชโอรส ๔ พระองค์ พระราชธิดา ๕ พระองค์ ประสูติจากพระครรภ์ของพระมเหสีที่เป็นพระภคินีของพระองค์เอง ต่อมาพระมเหสีทิวงคต ได้ทรงอภิเษกสมรสพระมเหสีองค์ใหม่ ทรงโปรดปรานมาก พล้ังพระราชทานพร ให้พระนางเลือกส่ิงท่ีต้องประสงค์ พระนางจึงทูลขอราชสมบัติให้แก่พระราชโอรส พระเจ้าโอกกากราช ไมพ่ ระราชทานใหต้ ามทที่ ลู ขอ พระนางกไ็ มล่ ดละความพยายามกราบทลู รบเรา้ อยเู่ นอื ง ๆ พระเจา้ โอกกากราช ทรงดำ�ริว่า ถ้าไม่พระราชทานให้ก็จะเสียสัตย์เพราะได้ลั่นพระวาจาไปแล้ว จึงตรัสส่ังพระราชโอรส พระราชธดิ าใหไ้ ปสรา้ งพระนครอยูใ่ หม่ พระราชโอรส ๔ พระองค์ ถวายบังคมลาพระราชบิดา พาพระภคินี ๕ พระองค์ ไปสร้าง พระนครอยใู่ หมใ่ นดงไมส้ กั กะเขตป่าหมิ พานตอ์ นั เปน็ ทอี่ ยขู่ องกบลิ ดาบส จงึ ขนานนามพระนครว่า กบลิ พสั ด์ุ ใหต้ รงกบั ชอ่ื ของกบลิ ดาบสทยี่ อมสละพนื้ ทใ่ี ห้ ทรงอภเิ ษกสมรสกนั เองตง้ั ศากยวงศข์ น้ึ มา ฝา่ ยพระเชฏฐภคนิ ี ภายหลังไดท้ รงอภเิ ษกสมรสกบั พระเจ้ากรุงเทวทหะตง้ั โกลิยวงศ์ตอ่ มา ลำ�ดบั ศากยวงศ์ ศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาโดยลำ�ดับในรัชกาลพระเจ้าชยเสนะ พระองค์มีพระราชโอรสพระนามว่า สีหหนุ และพระราชธิดาพระนามว่า ยโสธรา ครั้นสิ้นรัชกาลพระเจ้าชยเสนะ สีหหนุราชกุมารเสด็จข้ึน ครองราชสมบตั สิ บื สนั ตตวิ งศ์ ตอ่ มาทรงอภเิ ษกสมรสกบั พระนางกญั จนา พระกนฏิ ฐภคนิ ขี องพระเจา้ อญั ชนะ กรุงเทวทหะ ทรงมีพระราชโอรส ๕ พระองค์ คือ สุทโธทนะ สุกโกทนะ อมิโตทนะ โธโตทนะ ฆนิโตทนะ และพระราชธิดา ๒ พระองค์ คือ ปมติ า อมิตา สว่ นพระนางยโสธราพระราชธดิ าของพระเจา้ ชยเสนะ ตอ่ มาไดท้ รงอภเิ ษกสมรสกบั พระเจา้ อญั ชนะ ทรงมีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ สุปปพทุ ธะ ทัณฑปาณิ และพระราชธิดา ๒ พระองค์ คือ มายา ปชาบดี พระเจ้าสุทโธทนะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางมายา เสด็จข้ึนครองราชสมบัติในกรุงกบิลพัสดุ์ สืบสันตตวิ งศ์ต่อจากพระเจ้าสหี หนุ พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายเสด็จอุบัติในชมพูทวีป มัชฌิมชนบท แคว้นสักกะ เป็นชนชาติ อริยกะวรรณะกษัตริย์ศากยวงศ์ พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางสิริมหามายา ก่อน พุทธศักราช ๘๐ ปี แนวทางการจัดการเรยี นร้ธู รรมศกึ ษา ช้นั ตรี วชิ าพุทธประวตั ิ

33 ใบความร้ทู ี่ ๒ พุทธประวตั ิตัง้ แตป่ ระสูตจิ นถงึ เสด็จออกบรรพชา พระศาสดา ประสตู ิ พระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์พระนางสิริมหามายา เมื่อครบกำ�หนดทศมาส จวนจะประสูติ พระนางได้ทูลขออนุญาตพระราชสวามี เพื่อเสด็จไปประสูติท่ีเมืองเทวทหะตามธรรมเนียม พราหมณ์ว่า เม่ือภรรยามีครรภ์จะไม่คลอดท่ีเรือนสามี ต้องกลับไปคลอดท่ีเรือนสกุลเดิมของตนเป็น ประเพณีสบื ทอดกนั มา พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงประทานอนุญาตมไิ ดข้ ัดพระทยั พระมเหสี คร้ันรงุ่ เช้าวันเพ็ญวิสาขมาส (ขึน้ ๑๕ คํ่า เดอื น ๖) ก่อนพุทธศกั ราช ๘๐ ปี พระนางเสดจ็ ออกไป พร้อมด้วยข้าราชบรพิ ารทง้ั ฝ่ายในและฝ่ายหน้าโดยสถลมารค เมอื่ เสดจ็ ถงึ อทุ ยานลุมพนิ ีวันซงึ่ ต้ังอย่รู ะหวา่ ง เมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ทรงมีพระประสงค์จะทรงหยุดพักสักครู่หน่ึง ในขณะน้ันทรงเกิดประชวร พระครรภ์ประสูตพิ ระราชโอรสภายใต้ร่มไม้สาละสถานทีน่ น้ั เอง เม่ือพระโพธิสัตว์ประสูติ ได้เสด็จพระดำ�เนินด้วยพระบาท ๗ ก้าว ทรงเปล่งอาสภิวาจา ว่า อคฺโคหมสฺมิ โลกสสฺ เชฏฺโฐหมสมฺ ิ โลกสสฺ เสฏโฺ ฐหมสมฺ ิ โลกสสฺ อยมนฺตมิ า ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ. เราเป็นเลิศในโลก เราเป็นใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มี คำ�อทุ านน้เี ปน็ นมิ ติ หมายการบรรลุพระสมั มาสัมโพธญิ าณ พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าวการประสูติพระราชโอรส ทรงดีพระทัย รับสั่งให้ทูลเชิญเสด็จ พระมารดาและพระราชโอรสกลบั คืนสเู่ มอื งกบิลพัสดแุ์ ลว้ เกิดเหตกุ ารณ์ส�ำ คัญ อสติ ดาบสเขา้ เฝา้ และพยากรณ์ เมื่อพระราชโอรสประสูติได้ ๓ วัน อสิตดาบสเรียกอีกช่ือหน่ึงว่ากาฬเทวิลดาบส อาศัยอยู่ใกล้ ภูเขาหิมพานต์ มีความคุ้นเคยและเป็นท่ีเคารพนับถือของราชสกุล ได้ทราบข่าวพระราชโอรสประสูติ จึงเขา้ ไปเย่ียม พระเจา้ สทุ โธทนะทรงทราบแลว้ ตรสั เชิญให้เขา้ ไปนั่งในพระต�ำ หนัก ทรงอภิวาทและปราศรัย ตามสมควร แล้วรับส่ังให้อุ้มพระราชโอรสออกมาเพื่อนมัสการอสิตดาบสพระดาบส เห็นพระราชโอรสนั้น มีพระลักษณะตรงตามตำ�รามหาบุรุษลักษณะ จึงลุกข้ึนกราบลงท่ีพระบาททั้งสองของพระราชโอรส ด้วยเศียรเกล้ากล่าวคำ�ทำ�นายพระลักษณะของพระราชโอรสตามมหาบุรุษลักษณะพยากรณ์ศาสตร์ว่า ผู้มลี ักษณะเชน่ นีม้ คี ตเิ ปน็ ๒ คือ ๑. ถ้าอยู่ครองฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เปน็ ขอบเขต ๘๗ ๒. ถ้าออกผนวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระศาสดาเอกในโลก แล้วถวายพระพรลากลับไปอาศรมของตน แนวทางการจัดการเรียนรู้ธรรมศึกษา ช้ันตรี วชิ าพทุ ธประวตั ิ

34 ฝา่ ยราชสกลุ เหน็ ดาบสผเู้ ปน็ ทนี่ บั ถอื ของตนกม้ กราบพระบาทของพระราชโอรส แสดงความนบั ถอื และไดฟ้ งั ค�ำ พยากรณ์อย่างนนั้ มีจิตเล่ือมใสในพระราชโอรสยิง่ นัก ยอมถวายพระโอรสของตนใหเ้ ปน็ บรวิ าร สกุลละองค์ ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นการกระทำ�เช่นนั้นก็ก้มกราบพระราชโอรสนี้ เป็นการ กราบครงั้ แรกของพระราชบิดา พร้อมรบั สัง่ ใหจ้ ัดพ่ีเล้ียงนางนมคอยอภบิ าลรกั ษาพระราชโอรสเป็นอยา่ งดี เม่ือพระราชกุมารประสูติได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะทรงโปรดให้ประชุมพระประยูรญาติและ เสนามาตย์ พร้อมท้ังเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน มาบริโภคโภชนาหารในพระราชนิเวศน์ คร้ันเสร็จแล้ว ทรงคดั เลือกพราหมณ์ ๘ คน ผ้มู คี วามชำ�นาญในการทำ�นายลักษณะพราหมณ์ ๗ คนแรก เหน็ พระลกั ษณะ ของพระมหาบุรุษตรงตามตำ�รามหาบุรุษลักษณะ ได้ทำ�นายเป็น ๒ คติ เหมือนท่ีอสิตดาบสทำ�นายไว้ แต่โกณฑัญญพราหมณ์ซึ่งเป็นพราหมณ์หนุ่มมีอายุน้อยกว่าพราหมณ์ทั้งหมด ได้ทำ�นายเป็นคติเดียวว่า พระราชกมุ ารจะเสดจ็ ออกผนวช ตรสั รเู้ ปน็ พระศาสดาเอกในโลกแนน่ อน ตอ่ จากนนั้ ท�ำ การขนานพระนามวา่ สทิ ธตั ถะ แปลวา่ ผู้มีความต้องการสำ�เรจ็ แตม่ หาชนมักเรียกตามพระโคตรวา่ โคตมะ ฝา่ ยพระนางสิริมหามายา พระมารดา พอประสตู พิ ระราชโอรสได้ ๗ วนั ก็สนิ้ พระชนม์ พระเจา้ สุทโธทนะทรงมอบพระราชโอรสให้พระนางปชาบดีโคตมี พระน้านางได้เล้ียงดู ต่อมาภายหลังพระนาง ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงมีพระราชโอรสพระนามว่า นันทกุมาร ทรงมีพระราชธิดา พระนามวา่ รปู นนั ทา เม่ือพระสิทธัตถกุมารทรงมีพระชนมายุได้ ๗ ปี พระราชบิดารับส่ังให้ขุดสระโบกขรณี ๓ สระ ภายในพระราชนิเวศน์ ปลูกบัวขาบสระหน่ึง ปลูกบัวหลวงสระหน่ึง ปลูกบัวขาวสระหน่ึง ตกแต่งให้เป็น ท่ีเล่นส�ำ ราญพระทัยของพระราชโอรส และจดั เครื่องทรงคอื จันทนส์ �ำ หรบั ทาผา้ โพกพระเศยี รฉลองพระองค์ ผ้าทรงสะพักพระภูษาล้วนเป็นของแคว้นกาสีทั้งสิ้น ซึ่งนิยมกันว่าเป็นของประณีตในเวลาน้ัน มีคนคอยก้ัน เศวตฉัตรทง้ั กลางวนั กลางคนื เพอื่ ไม่ใหเ้ ย็นร้อนธุลีละอองแดดนา้ํ ค้างมาต้องพระวรกายได้ ครั้นพระราชกุมารมีพระชนมายุเจริญวัยควรจะศึกษาศิลปวิทยา ได้พระราชบิดาทรงพาไป มอบไว้ในสำ�นักครูวิศวามิตร พระราชกุมารทรงเรียนได้ว่องไวจบส้ินความรู้ของอาจารย์ แสดงศิลปวิทยา ใหป้ รากฏในหมู่พระญาตไิ ม่มพี ระราชกมุ ารอน่ื จะเทยี บได้ ทรงเจริญอานาปานสติ ขณะทรงพระเยาว์ คราวหน่ึงมีพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ถือเป็นนักขัตฤกษ์ ของบ้านเมือง พระราชบิดาเสด็จแรกนาด้วยพระองค์เอง โปรดให้พระสิทธัตถกุมารตามเสด็จด้วย และให้จดั ทีป่ ระทับ ๘๘ ภายใต้ต้นหว้าครั้นถึงเวลาแรกนา เหล่าพ่ีเลี้ยงนางนมพากันออกมาดูข้างนอก พระกุมาร ประทบั อยตู่ ามล�ำ พัง เสดจ็ ข้ึนนัง่ บนบลั ลังก์เจริญอานาปานสติ ทำ�ปฐมฌานใหเ้ กดิ ข้ึน ขณะน้นั เปน็ เวลาบ่าย เงาต้นไม้อื่นคล้อยตามตะวัน แต่เงาต้นหว้าตรงเหมือนเวลาเที่ยง เหล่าพี่เล้ียงนางนมกลับเข้ามาเห็น ต่างพิศวงสงสัยจึงกราบทูลให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบ แล้วพระองค์เสด็จมาเห็นเหตุอัศจรรย์เช่นน้ัน จงึ ถวายบงั คมพระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๒ แนวทางการจัดการเรยี นรธู้ รรมศกึ ษา ชั้นตรี วชิ าพุทธประวัติ

35 ทรงอภิเษกสมรส เมอ่ื พระราชกมุ ารมพี ระชนมายุได้ ๑๖ ปี พระเจ้าสุทโธทนะมพี ระประสงคจ์ ะใหเ้ จา้ ชายสทิ ธัตถะ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิตามคำ�ทำ�นาย จึงพยายามทะนุถนอมเป็นอย่างดี ทรงรับส่ังให้สร้างปราสาท ๓ ฤดู คอื ฤดหู นาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ตกแตง่ ปราสาทใหเ้ หมาะแก่ฤดนู น้ั ๆ เพือ่ เปน็ ทีป่ ระทับอยู่ของพระราชกุมาร ทรงให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงยโสธราหรือพิมพา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ เมืองเทวทหะ ซ่ึงประสูติแต่พระนางอมิตาพระกนิฏฐภคินีของพระองค์ เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ในปราสาท ๓ ฤดู เสวยสุขสมบัติทั้งกลางวัน กลางคืน พอพระชนมายุได้ ๒๙ ปี ทรงมีพระราชโอรสพระนามว่าราหุลกุมาร ประสูติแต่พระนางยโสธรา ๘๙ ปริเฉทที่ ๔ เสด็จออกบรรพชา เจ้าชายสิทธัตถะเสดจ็ อยู่ครองฆราวาสจนถึงพระชนมายุ ๒๙ ปี วันหนึ่งได้เสด็จประพาสอุทยาน กับนายฉันนะ เทวดาจึงได้เนรมิตเทวทูต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะให้ปรากฏเบ้ืองหน้า พระพักตร์ตามลำ�ดับ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทรงเกิดความสังเวช สลดพระทัยและเม่ือทอดพระเนตรเห็นสมณะก็มีพระทัยน้อมไปในการออกบรรพชา พร้อมกับได้ทราบข่าว การประสตู พิ ระโอรส ท�ำ ใหพ้ ระองคท์ รงเหน็ วา่ ความแก่ ความเจบ็ และความตาย ลว้ นเปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจาก การเกิด เปน็ เหตใุ ห้ตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชทันที พระองคเ์ สดจ็ ออกผนวชตอนกลางคืน ทรงมา้ กณั ฐกะ มีนายฉันนะตามเสด็จไปถงึ ฝ่ังแม่น้าํ อโนมา รับส่ังให้นายฉันนะนำ�ม้ากัณฐกะกลับคืนพระนคร ทรงตัดพระเมาลีด้วยพระขรรค์คร้ังเดียว พระเมาลี เหลือยาวประมาณ ๒ องคุลี ฆฏิการพรหมได้น้อมนำ�บาตรและผ้ากาสาวพัสตร์ย้อมด้วยนํ้าฝาดของต้นไม้ มีสีเหลืองหม่นเข้าไปถวายสำ�หรับนุ่งผืนหนึ่งห่มผืนหน่ึง พระองค์ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์น้ันแล้ว อธิษฐานเพศเป็นบรรพชติ ณ ฝ่งั แมน่ าํ้ อโนมาน้นั แนวทางการจดั การเรียนรูธ้ รรมศึกษา ชนั้ ตรี วชิ าพทุ ธประวัติ

36 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๒ เวลา..............ชวั่ โมง ธรรมศกึ ษาชั้นตรี สาระการเรยี นรพู้ ทุ ธประวัติ เรือ่ ง พุทธประวตั ติ ั้งแต่ตรสั รู้ ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ประกาศพระศาสนา และเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ธศ ๒ รู้และเข้าใจพุทธประวัติ ความสำ�คัญของพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตนเป็น พุทธศาสนกิ ชนทีด่ ี และธ�ำ รงรกั ษาพระพุทธศาสนา ๒. ผลการเรียนรู้ รู้และเข้าใจเก่ียวกับพุทธประวัติต้ังแต่ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ประกาศพระศาสนา และเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในแควน้ มคธและแควน้ โกศล ๓. สาระสำ�คญั พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วพระองค์ทรงประกาศพระศาสนา และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในแควน้ มคธและแคว้นโกศล ๔. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรียนสามารถสรุปพุทธประวัติตั้งแต่ตรัสรู้จนถึงเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นมคธ และแควน้ โกศลได้ ๒. นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ได้ ๕. สาระการเรยี นรู้/เนอื้ หา ตรัสรู้ - ทรงบ�ำ เพ็ญทุกรกริ ยิ า - ทรงเลกิ บำ�เพญ็ ทกุ รกริ ยิ า - ทรงบ�ำ เพ็ญเพยี รทางจิต - ทรงผจญมาร ปฐมโพธิกาล - เสวยวิมุตติสุข - ทรงพิจารณาสัตว์โลกเปรยี บดว้ ยดอกบวั - ทรงแสดงปฐมเทศนา - ทรงแสดงอนัตตลักขณสตู ร - ทรงส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนา - โปรดยสกลุ บตุ ร - โปรดชฎิล ๓ พีน่ ้อง แนวทางการจดั การเรยี นรูธ้ รรมศึกษา ชนั้ ตรี วิชาพทุ ธประวตั ิ

37 - ทรงแสดงอาทติ ตปรยิ ายสตู ร - เสดจ็ เมอื งราชคฤห์ แควน้ มคธ - ทรงรบั พระอุทยานเวฬุวันเปน็ สงั ฆาวาส - ทรงได้พระอัครสาวก มชั ฌมิ โพธกิ าล - ทรงบ�ำ เพญ็ พทุ ธกิจในแควน้ มคธ - ประทานการอุปสมบทแกพ่ ระมหากสั สปะ - มหาสันนบิ าตแหง่ พระสาวก - ทรงอนุญาตเสนาสนะ - ทรงมอบให้สงฆเ์ ป็นใหญ่ในกิจพระศาสนา - ทรงแสดงทิศ ๖ โปรดสิงคาลกมาณพ - ทรงแสดงเทวตาพลี - เสดจ็ แคว้นสักกะ - เสดจ็ เมอื งกบลิ พสั ดุช์ าติภูมิ - โปรดพระพุทธบดิ า - พระนนั ทกมุ ารออกบวช - พระราหุลบรรพชา - เสดจ็ แควน้ โกศล ๖. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขั้นสบื ค้นและเชื่อมโยง ๑. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์เก่ียวกับ ประวัติพระพุทธเจ้า แล้วสนทนากับนักเรียนโดยใช้คำ�ถาม เพือ่ เชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรู้ ดงั น้ี - พระพุทธเจา้ ประสตู ทิ ไี่ หน - วิธีการทีพ่ ระพทุ ธเจ้าตรัสรคู้ อื อะไร ฯลฯ ขัน้ ฝกึ ๒. แบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่มกลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ให้ศึกษา ใบความรู้ท่ี ๓ - ๗ เร่ือง พุทธประวัติต้ังแตต่ รสั รจู้ นถึงเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ๓. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำ�ใบกิจกรรมที่ ๓ และส่งตัวแทนน�ำ เสนอตามหัวขอ้ ทกี่ ำ�หนดให้ กล่มุ ที่ ๑ ศกึ ษาเร่อื ง ตรัสรู้ กลุม่ ท่ี ๒ ศึกษาเรือ่ ง ปฐมเทศนา กลุ่มท่ี ๓ ศึกษาเร่ือง ปฐมสาวก กลมุ่ ท่ี ๔ ศึกษาเรอ่ื ง ประกาศพระศาสนา กลมุ่ ท่ี ๕ ศกึ ษาเรอ่ื ง เผยแผพ่ ระพุทธศาสนา แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศึกษา ชนั้ ตรี วชิ าพุทธประวัติ

38 ข้นั ประยกุ ต์ ๔. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันประเมินผล และคอยเพิ่มเติมแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง ๕. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียนและมอบหมายให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมที่ ๔ พร้อมท้ัง สง่ ให้ครูตรวจ ๖. นักเรยี นทำ�แบบทดสอบหลงั เรยี น และครูตรวจใหค้ ะแนน ๗. ภาระงาน/ชิน้ งาน ที่ ภาระงาน ชิน้ งาน ใบกจิ กรรมท่ี ๓ ๑ ตอบค�ำ ถามชมพูทวีป ประชาชน วรรณะ ๔ และลำ�ดบั ศากยวงศ ์ ใบกิจกรรมที่ ๔ ๒ การตอบค�ำ ถามพุทธประวตั ิต้งั แตต่ รัสรู้จนถงึ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ในแควน้ มคธและแควน้ โกศล ๘. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. วีดทิ ัศน์ เร่อื ง ประวัตพิ ระพทุ ธเจา้ ๒. ใบความรูท้ ่ี ๓ เรื่อง ตรสั รู้ ๓. ใบความรทู้ ี่ ๔ เรื่อง ปฐมเทศนา ๔. ใบความรู้ท่ี ๕ เรื่อง ปฐมสาวก ๕. ใบความรู้ที่ ๖ เรือ่ ง ประกาศพระศาสนา ๖. ใบความร้ทู ี่ ๗ เรื่อง เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ๗. ใบกิจกรรมท่ี ๓ ๘. ใบกิจกรรมที่ ๔ ๙. แบบทดสอบหลังเรยี น ๙. การวัดผลและประเมินผล ส่ิงทตี่ อ้ งการวัด วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน ๑. สรปุ พุทธประวตั ิต้ังแต่ - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ ผา่ น = ได้คะแนนตงั้ แตร่ ้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป ตรสั รู้จนถงึ การเผยแผ่ ผลงาน ไมผ่ า่ น = ไดค้ ะแนนต่�ำกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พระพทุ ธศาสนาในแควน้ มคธและแคว้นโกศลได้ ๒. ปฏบิ ัติกิจกรรมกล่มุ ได้ - สงั เกต - แบบสงั เกต พฤติกรรม การปฏิบตั ิ กิจกรรมกลุ่ม แนวทางการจัดการเรยี นรูธ้ รรมศกึ ษา ช้นั ตรี วชิ าพทุ ธประวัติ

39 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม ใบกจิ กรรมที่ ๓ ขอ้ ท่ี รายการป ระเมิน ระดับคะแนน ๑ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ท�ำ กิจกรรม ท�ำ กิจกรรมทุกกิจกรรม ท�ำ กิจกรรมบางกิจกรรม ท�ำ กจิ กรรมบ้าง ๒ การแสดง/การรบั ฟงั แสดงความคดิ เห็น และ แสดงความคดิ เห็น และ แสดงความคิดเห็น และ ความคิดเหน็ รบั ฟังความคิดเหน็ ของ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ รบั ฟงั ความคิดเห็นของ คนสว่ นมากเปน็ ส�ำ คญั คนอื่นบา้ ง คนอน่ื นอ้ ย ๓ การตั้งใจ/การแก้ไข มีความตัง้ ใจและ มคี วามต้ังใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ปญั หาในการทำ�งาน ร่วมแก้ไขปัญหาในการ ร่วมแกไ้ ขปญั หาในการ ร่วมแกไ้ ขปญั หาในการ ทำ�งานกลุ่มดมี าก ท�ำ งานกลุ่มดี ทำ�งานกลุ่มบ้าง ๔ ความถูกต้องของ สรุปเนอ้ื หาไดถ้ กู ตอ้ ง สรปุ เนือ้ หาไดถ้ กู ต้อง สรปุ เนอื้ หาได้ถกู ต้อง เนื้อหา ตรงประเด็นและ ตรงประเด็น ตรงประเดน็ บ้าง ครบถว้ น ๕ วิธกี ารน�ำ เสนอ น�ำ เสนอผลงานได้อยา่ ง น�ำ เสนอผลงานได้อยา่ ง น�ำ เสนอผลงาน ผลงาน ถูกต้องตามข้ันตอน ถกู ต้องตามขน้ั ตอน ตามขั้นตอนได้บ้าง นา่ สนใจและเนอ้ื หา น่าสนใจ แต่ขาดเน้อื หา ครบถว้ น บางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ เกณฑ์ ร้อยละ คะแนน ผา่ น ๖๐ ขึน้ ไป ๙ - ๑๕ ไมผ่ ่าน ตำ่� กว่า ๖๐ ๐-๘ หมายเหต ุ เกณฑ์การตดั สนิ สามารถปรบั ใชต้ ามความเหมาะสมกับกล่มุ เปา้ หมาย แนวทางการจดั การเรียนรู้ธรรมศกึ ษา ชน้ั ตรี วชิ าพุทธประวัติ

40 แบบประเมินผลงาน ๑ คะแนน ตอบคำ�ถามถูกตอ้ ง ขอ้ ที่ ใบกิจกรรมที่ ๔ ตรงประเดน็ น้อย ๓ คะแนน ๑ - ๑๐ ตอบค�ำ ถามถกู ต้อง ระดับคะแนน ตรงประเด็น ๒ คะแนน ตอบคำ�ถามถกู ต้อง ตรงประเด็นสว่ นใหญ่ เกณฑก์ ารตดั สนิ เกณฑ์ รอ้ ยละ คะแนน ผา่ น ๖๐ ขึน้ ไป ๑๘ - ๓๐ ไม่ผา่ น ต�่ำกว่า ๖๐ ๐ - ๑๗ หมายเหตุ เกณฑ์การตดั สินสามารถปรบั ใช้ตามความเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย แบบประเมินผลการเรยี นรู้ แบบทดสอบหลงั เรยี น เกณฑก์ ารประเมนิ ตอบถกู ได้ ๑ คะแนน ตอบผิดได้ ๐ คะแนน เกณฑ์ เกณฑ์การตัดสิน คะแนน ผ่าน ๑๒ - ๒๐ ไม่ผา่ น รอ้ ยละ ๐ - ๑๑ ๖๐ ขึ้นไป ต�่ำกวา่ ๖๐ แนวทางการจัดการเรยี นร้ธู รรมศึกษา ชน้ั ตรี วิชาพุทธประวตั ิ

41 ใบกิจกรรมที่ ๓ ชมพูทวีป ประชาชน วรรณะ ๔ และลำ�ดับศากยวงศ์ กลุม่ ที่.................... ช่ือ......................................................................................ชนั้ .....................เลขท่ี........................... ชอื่ ......................................................................................ชนั้ .....................เลขที.่ .......................... ช่ือ......................................................................................ชั้น.....................เลขที่........................... ช่อื ......................................................................................ช้นั .....................เลขที.่ .......................... ค�ำชแี้ จง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่าเร่ืองสรุปย่อพุทธประวัติตามหัวข้อท่ีก�ำหนด และส่งตัวแทนน�ำเสนอ หน้าชัน้ เรียน กลมุ่ ท่ี ๑ ศึกษาเรอ่ื ง ตรสั รู้ กลมุ่ ท่ี ๒ ศกึ ษาเรื่อง ปฐมเทศนา กล่มุ ท่ี ๓ ศกึ ษาเรื่อง ปฐมสาวก กลมุ่ ท่ี ๔ ศกึ ษาเรื่อง ประกาศพระศาสนา กลมุ่ ที่ ๕ ศึกษาเร่อื ง เผยแผ่พระพทุ ธศาสนา .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. แนวทางการจัดการเรียนรูธ้ รรมศึกษา ชนั้ ตรี วชิ าพุทธประวตั ิ

42 ใบกิจกรรมท่ี ๔ พุทธประวตั ิตงั้ แตต่ รสั รจู้ นถงึ เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในแคว้นมคธและแคว้นโกศล กล่มุ ที.่ ................... ช่อื ......................................................................................ชนั้ .....................เลขท.่ี .......................... ชอ่ื ......................................................................................ชน้ั .....................เลขที่........................... ชือ่ ......................................................................................ช้ัน.....................เลขท่ี........................... ชือ่ ......................................................................................ชนั้ .....................เลขท่.ี .......................... คำ�ชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำ�ถามตอ่ ไปนี้ จ�ำ นวน ๑๐ ขอ้ (๓๐ คะแนน) ๑. เจ้าชายสทิ ธัตถะทรงบำ�เพ็ญทกุ รกิรยิ าดว้ ยวิธกี ารใดบ้าง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๒. พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ตรสั รู้อะไร เมอื่ ไร ทไ่ี หน ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๓. บวั ๔ เหล่าทนี่ ำ�ไปเปรียบกบั บุคคล ๔ ประเภท ได้แก่อะไรบ้าง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๔. พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนาคร้งั แรกชื่ออะไร แสดงให้กบั ใคร ทไ่ี หน เมื่อไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แนวทางการจัดการเรียนรธู้ รรมศึกษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวัติ

43 ๕. ปฐมสาวกของพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าคือใคร บวชให้ดว้ ยวิธใี ด ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๖. พระอคั รสาวกเบ้อื งซา้ ยและเบอ้ื งขวาของพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าคือใคร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๗. หลังจากประกาศพระศาสนาได้ส่ีเดือน พระพุทธเจ้าทรงประชุมสงฆ์คร้ังสำ�คัญเรียกว่าอะไร และ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๘. หลกั ธรรมอนั เป็นหัวใจของพระพทุ ธศาสนา คอื อะไร สำ�คญั อยา่ งไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๙. พระพุทธเจ้าเสดจ็ เมอื งกบิลพัสด์ุ พระประยูรญาติมที ิฏฐิมานะแรงกลา้ พระองค์ทรงทำ�อยา่ งไร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑๐. สามเณรรูปแรกในพระพทุ ธศาสนาชือ่ อะไร ใครเปน็ พระอุปัชฌาย์ บวชด้วยวธิ ใี ด ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แนวทางการจดั การเรียนร้ธู รรมศึกษา ชั้นตรี วิชาพทุ ธประวัติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook