Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Personal Income Tax Scheme

Personal Income Tax Scheme

Published by patthama.noom, 2018-10-29 12:25:36

Description: Personal Income Tax Scheme

Search

Read the Text Version

การจดั ทาํ แผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาภาษเี งนิ ไดบุคคลธรรมดากับการบญั ชี รหัสวิชา ง 32288 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 กลุม สาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี จดั ทําโดย นางสาวปท มาปลั่งเปล่อื ง ตําแหนง ครผู ชู ว ย โรงเรียนราชประชานเุ คราะห 31 ตําบลชางเคง่ิ อาํ เภอแมแจม จงั หวัดเชยี งใหม สํานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษสาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนการจดั การเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรียนรทู ่ี 1 เร่อื ง ผูม ีหนา ท่เี สียภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา และเงินไดพงึ ประเมิน แผนการสอนท่ี 1 เร่อื ง ความรูเบอ้ื งตน ของภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา รายวิชา ภาษีเงินไดบุคคลธรรมดากับการบญั ชีชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 รหัสวชิ า ง 32288 ครูผูส อน นางสาวปท มา ปลง่ั เปล่อื ง ตําแหนง ครผู ชู วย เวลาทใี่ ช 2 ชั่วโมง ตัวชว้ี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง ผลการเรยี นรู ช้ินงาน เรยี นรู1. มีความเขา ใจ ภาษี (อังกฤษ: tax, มาจากภาษาละติน taxo, \"ขาประเมนิ \") 1. แบบทดสอบ 1. การสงั เกต 1. นาํ เขา สบู ทเรียนโดย 1. หนงั สอื เรยี นหลกั การบนั ทกึ บญั ชี - ความตง้ั ใจและสนใจ กลาวถงึ ความหมายเรอ่ื ง วิชาภาษเี งนิ ไดวธิ กี ารคาํ นวณ และ เปนเงนิ หรือส่ิงของอนื่ ท่รี ัฐหรือสถาบนั ปฏิบัติหนาที่เทยี บเทารฐั กอ น-หลังเรยี น ของผเู รยี น ความรูเบื้องตน ภาษเี งินได บคุ คลธรรมดาขน้ั ตอนการยน่ื แบบ - ความรว มมอื ในการ บุคคลธรรมดา กับการบญั ชีแสดงรายการเสีย เรยี กเกบ็ จากผูเสยี ภาษี ซึ่งอาจเปน ปจเจกบุคคลหรือนติ บิ ุคคล 2. การทดสอบ อภิปราย 2. ซกั ถามผูเรยี นเปน 2. สื่อนาํ เสนอภาษีเงินไดบ คุ คล - การแสดงความ รายบคุ คล PowerPointธรรมดา กไ็ ด กฎหมายมบี ทลงโทษผูท่ีไมเ สยี ภาษี ระบอบตํา่ กวา รฐั ถาม-ตอบ คิดเห็นอยางมีเหตผุ ล 3. ประเมินผลกอ นเรียน- เรอื่ งความรู 2. ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียนโดยการทํา เบื้องตน ภาษี (subnational entity) จํานวนมากยังมกี ารเรยี กเกบ็ ภาษี 3. แผนผงั หลงั เรียน แบบทดสอบ เงนิ ไดบุคคล 4. กจิ กรรมการเรียน ธรรมดา เชน กนั ภาษีประกอบดว ยภาษที างตรงและภาษที างออ ม และ ความคดิ เรื่อง 4.1 ผสู อนและผเู รยี น รวมกันอภปิ รายเรอื่ งความรู อาจจา ยเปน รปู ตวั เงนิ หรอื การใชแ รงงานที่เทียบเทา (มักเปน ความรูเบ้ืองตน เบ้ืองตนภาษเี งินไดบ คุ คล ธรรมดา การใชแรงงานท่ไี มมีคา ตอบแทน แตไมเสมอไป) ภาษีเงินไดบคุ คล 5. ผเู รียนสรุปองคค วามรใู น รปู แบบแผนผังความคดิ ภาษอี าจนิยามไดวา \"ภาระท่เี ปนตวั เงนิ ซึง่ ตกแกปจเจกบคุ คล ธรรมดา หรือเจาของทรัพยสินเพ่ือสนับสนุนรฐั บาล เปนการชาํ ระซงึ่ เรยี กเอาจากองคการใชอ าํ นาจนติ บิ ญั ญตั ิ ภาษี \"มใิ ชการจา ย ดวยใจสมคั รหรือการบริจาค แตเปน การอุดหนุนท่ีถูกบังคบั โดยเรียกเอาจากองคการใชอ ํานาจนติ บิ ัญญัติ\" และเปน \"การ อุดหนุนใด ๆ ซ่ึงรัฐบาลเรยี กเกบ็ \" ไมว า จะอยใู นรูปคา ผานทาง บรรณาการ ภาษผี เู ชา (tallage) อากรสรรพสามิต ภาษนี าํ เขา ภาษีศุลกากร เงินอดุ หนุน เปนตน

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สือ่ /แหลงผลการเรียนรู ช้ินงาน เรียนรู นิยามทางกฎหมายและเศรษฐกจิ ของภาษี แตกตางกนั ตรงทน่ี ักเศรษฐศาสตรไ มพิจารณาวา การ เคลือ่ นยา ยทรัพยากรหลายอยา งไปยงั รัฐบาลเปนภาษี ตวั อยา งเชน ทรัพยากรบางอยา งเคลอ่ื นยายไปยังภาครัฐบาล นั้นเทยี บไดกบั ราคา เชน คา เลา เรยี นที่มหาวิทยาลยั ของรัฐและ คา ธรรมเนยี มซึ่งจดั หาใหโ ดยรัฐบาลทอ งถิ่น รฐั บาลยงั ได ทรัพยากรมาโดยการผลิตเงิน (เชน การพิมพธ นบัตรและผลติ เหรยี ญกษาปณ), ผานของกาํ นลั โดยสมัครใจ (เชน การอุดหนนุ มหาวิทยาลัยและพพิ ิธภัณฑข องรัฐ), โดยการกาํ หนดบทลงโทษ (เชน คา ปรับจราจร), โดยการกูยืม และโดยการยึดทรพั ยสิน จากมมุ มองของนกั เศรษฐศาสตร ภาษนี น้ั ไมเกีย่ วกบั การลงโทษ ตามกฎหมาย แตกระนนั้ การบังคบั เคลื่อนยา ยทรัพยากรจาก เอกชนไปยังภาครฐั บาลก็ยังเรยี กเกบ็ จากพืน้ ฐานของเกณฑที่ กําหนดไวลวงหนาและโดยไมอ า งองิ ถึงประโยชนท ่ไี ดร บั โดยเฉพาะในระบบการเก็บภาษสี มัยใหม ภาษจี ะเก็บในรูปตัว เงนิ แตภ าษีอยา งเดยี วกัน (in-kind) และแรงงานเกณฑ เปน ลักษณะของการจัดเกบ็ ภาษใี นรัฐและทอ งถิน่ โบราณหรอื กอน ทนุ นยิ ม วิธีการจดั เกบ็ ภาษีและการใชจา ยเงินภาษีของรัฐบาล มักเปนหวั ขอถกเถยี งกันอยางมากในการเมืองและ เศรษฐศาสตร กรมสรรพกรซง่ึ เปนหนว ยงานของรัฐ เปนผู จัดเกบ็ ภาษี หากไมจ ายภาษเี ตม็ จํานวน อาจมีการกาํ หนด บทลงโทษทางแพง (เชน การปรับหรือการริบทรพั ย) หรอื ทาง อาญา (เชน การกกั ขัง) ตอ ปจ เจกบุคคลหรือนิติบคุ คลนั้น

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู สือ่ /แหลงผลการเรียนรู ช้ินงาน เรยี นรู ประเภทของภาษีในประเทศไทย ภาษีเงินไดบ ุคคลธรรมดา ภาษีเงนิ ไดนิตบิ คุ คล ภาษมี ูลคาเพ่มิ ภาษีธรุ กิจเฉพาะ ภาษีอากรแสตมป ภาษีหัก ณ ทจ่ี าย ภาษีมรดก ภาษเี งินไดปโตรเลยี มและภาษสี ว นท่ีจดั เก็บโดยสว น ทอ งถ่นิ ไดแ ก ภาษีปา ย ภาษีโรงเรอื นและที่ดิน ภาษบี าํ รงุ ทอ งท่ี อากรรังนกนางแอน กรมสรรพสามติ กเ็ รยี กเก็บภาษีสรรพสามิตจากสนิ คาและ บริการบางประเภทที่ตองการควบคมุ เชน สรุ า ยาสบู นาํ้ หอม นอกจากนี้ กรมศลุ กากรก็มีการเรียกเกบ็ ภาษีศุลกากร เปน คา ธรรมเนยี มของการนําสนิ คา บางชนดิ เขาประเทศ ประวตั กิ ารจดั เกบ็ ภาษอี ากร ตามหลักฐานในประวตั ิศาสตรท อ่ี างองิ ไดเกี่ยวกับ ประวัตกิ ารจัดเก็บภาษีอากรของชาตไิ ทย คือศิลาจารกึ สมัยพอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราชซ่งึ อยใู นยคุ สมยั กรงุ สโุ ขทยั แตค วาม เปนมากอ นยุคสโุ ขทัยไดเคยมีการวิเคราะหโ ดยพจิ ารณาถงึ ลักษณะประวัติศาสตรการปกครองของชาตไิ ทย ซ่งึ คาดวา การ จัดเก็บภาษีอากรนา จะเปนววิ ฒั นาการมาจากผลของการ กอสรา งราชอาณาจกั รในยคุ แรกๆของชนชาตไิ ทย ทตี่ อ งมกี าร รบพุงเปนสงครามกบั เพ่ือนบา นใกลเคยี ง เมื่อมีการรบชนะกจ็ ะ มีการกวาดตอ นผคู นและทรพั ยส นิ หลังจากนน้ั ก็จะใหป ระเทศ ผแู พที่อยูภายใตการปกครองจัดสง เคร่ืองบรรณาการมามอบให ซึง่ ลกั ษณะการไดม าซึง่ รายไดแ ละทรพั ยสนิ ขา งตน เปน การนาํ รายไดจ ากนอกราชอาณาจกั รเขามาในราชอาณาจกั ร ซึ่งอาจ ถอื วาเปนรปู แบบการจัดเก็บภาษีประเภทหน่งึ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลงผลการเรียนรู ชนิ้ งาน เรยี นรู และในขณะเดยี วกันการทจ่ี ะใหราชอาณาจักรมีการปกครองที่ เขม แข็ง มีการพัฒนาในดา นความเปน อยทู ดี่ ีขึน้ รฐั จําเปน ท่ี จะตอ งมีการเกณฑแรงงานภายในประเทศ เพื่อเขามาทาํ นุบาํ รงุ ประเทศ ทงั้ ในดานการกอสรางถาวรวตั ถุ การขดุ คลอง ถนน หนทางตา งๆทัง้ น้ีโดยการเกณฑแรงงาน อาจถือเปน รูปแบบ การเกบ็ ภาษี ทีไ่ มเปนตวั เงินประเภทหนึง่ เชนกนั จนกระทง่ั ตอ มาเม่อื มกี ารพัฒนาจนมีการนาํ ระบบเงินตรามาใชใ นการ แลกเปลี่ยนในราชอาณาจักร ถาผทู ี่ถูกเกณฑเ ปน แรงงาน ตองการประกอบอาชพี เปน อิสระก็อาจนาํ เงินตราท่ีหามาไดมา ใชใ หกับรฐั หรือเจาขุนมลู นายเพ่ือขอความเปนอสิ ระในการ ประกอบอาชพี อันเปนกา วหนึ่งของการเริ่มเปน ระบบการ จัดเกบ็ ภาษีอากรในระยะตอมา จากลกั ษณะของการหารายไดแ ละการเกณฑแรงงานมาใชใ น การพัฒนาประเทศ จนเริม่ กา วเขามาสรู ะบบการเสียภาษอี ากร ใหกบั รฐั ขา งตนเปนเพียงการวเิ คราะหถ ึงวิวฒั นาการของระบบ ภาษีของชาติไทย โดยอิงกบั รปู แบบการปกครองเทานนั้ แต ตามบทความน้ีจะเนนเฉพาะประวตั กิ ารจัดเก็บภาษอี ากรใน สว นที่มหี ลกั ฐานอา งองิ ได โดยเปนหลกั ฐานตัง้ แตสมัยกรุง สโุ ขทัยเปน ตน มาวา ประเทศไทยไดม ีววิ ฒั นาการในการจดั เกบ็ ภาษี เปน อยา งใดมาจนถึงปจจบุ นั ภาษเี งินไดบ ุคคลธรรมดา ความหมาย ภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา คือ ภาษีท่จี ดั เก็บจาก บคุ คลทั่วไป หรือจากหนว ยภาษที ่มี ีลกั ษณะพิเศษ ตามที่ กฎหมายกาํ หนด โดยปกตจิ ัดเกบ็ เปนป รายไดท ่เี กิดขึ้นในปใดๆ ผูมีรายไดม ีหนา ท่ตี องนําไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดง

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงผลการเรียนรู ชิ้นงาน เรยี นรู รายการภาษีทีก่ ําหนดภายในเดือนมกราคมถึงมนี าคมของป ถัดไป สาํ หรับผูม ีเงินไดบ างกรณกี ฎหมายยงั กาํ หนดใหยน่ื แบบ ฯ เสยี ภาษตี อนครงึ่ ป สาํ หรับรายไดท ี่เกิดข้ึนจรงิ ในชวงครึง่ ป แรก เพ่ือเปน การบรรเทาภาระภาษีท่ตี องชําระและเงินไดบาง กรณกี ฎหมายกาํ หนดใหผูจา ยทําหนาที่หกั ภาษี ณ ทจี่ ายจาก เงินไดท จ่ี า ยบางสว นเพอื่ ใหมีการทยอยชาํ ระภาษีขณะท่มี เี งินได เกดิ ขึ้นอีกดว ย

แผนการจดั การเรียนรู ชือ่ หนวยการเรยี นรูท่ี 1 เรื่อง ผมู หี นา ที่เสยี ภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดาและเงินไดพ งึ ประเมิน แผนการสอนที่ 2 เร่ือง ผูม หี นา ท่เี สยี ภาษีเงนิ ไดบุคคลธรรมดาและแหลงเงนิ ได รายวิชา ภาษีเงนิ ไดบคุ คลธรรมดากบั การบญั ชีช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 รหัสวิชา ง 32288 ครูผูสอน นางสาวปทมา ปล่งั เปล่ือง ตําแหนง ครูผชู วย เวลาท่ีใช 2 ช่ัวโมง ตัวชี้วัด/ ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงเรียนรู ผลการเรยี นรู ผูมหี นาทเ่ี สยี ภาษีเงนิ ไดบุคคลธรรมดา 1. แบบทดสอบกอน- 1. การสังเกต 1. นาํ เขา สูบทเรยี น 1. หนงั สือเรยี น1. มคี วามเขาใจ - ความตงั้ ใจและสนใจ โดยกลาวถึง วิชาภาษเี งนิ ไดหลกั การบนั ทกึ ก. ผูเสีย ภาษี หลงั เรียน ของผเู รยี น ความหมายเรือ่ งผูม ี บคุ คลธรรมดากับบญั ชี วิธกี าร - ความรว มมือในการ หนาทเ่ี สยี ภาษเี งิน การบญั ชีคาํ นวณ และ ผมู ีหนา ท่เี สยี ภาษีเงนิ ไดบุคคลธรรมดา ไดแก 2. การทดสอบถาม- อภปิ ราย ไดบ คุ คลธรรมดา 2. สื่อนาํ เสนอขน้ั ตอนการยื่น - การแสดงความ 2. ซักถามผเู รยี น PowerPointแบบแสดงรายการ 1. บคุ คลธรรมดา คอื มนุษยท ่ีมสี ภาพเปน บุคคลตามกฎหมาย ตอบ คิดเห็นอยางมีเหตผุ ล เปน รายบคุ คล เร่อื งผูมีหนาที่เสียภาษเี งินได 2. ตรวจแบบทดสอบ 3. ประเมินผล เสียภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดา สาํ หรบั ผมู ีเงินไดซึ่งเปนบคุ คลธรรมดานี้ไมจาํ กัดอายุ 3. แผนผงั ความคดิ กอ น-หลังเรยี น กอนเรยี น-หลงั บคุ คลธรรมดา 3. ตรวจการเขียนผงั เรียนโดยการทํา ความสามารถ หากมเี งินไดพ งึ ประเมินอนั อยูในเกณฑต อ งเสยี ภาษี เร่ืองผมู ีหนาทเ่ี สียภาษี ความคิด Concept แบบทดสอบ Mapping 4. กิจกรรมการ แลว ก็จะตองเสยี ภาษีเงนิ ไดท ง้ั ส้นิ เชน เดก็ อายุ 1-2 ขวบ มีเงนิ เงินไดบคุ คลธรรมดา เรยี น 4.1 ผสู อนและ ไดจ ากการแสดงแบบโฆษณา ก็ตองนาํ เงินทีไ่ ดร ับมาไปเสยี ภาษี ผเู รียนรวมกัน อภิปรายเร่อื งผมู ี สําหรับผูเสยี ภาษีท่เี ปน บคุ คลธรรมดาในกรณสี ามี-ภริยา ตางฝา ย หนาทีเ่ สียภาษีเงิน ไดบุคคลธรรมดา ตองมเี งินไดและสามี ภรยิ าอยรู วมกนั ตลอดปภาษี กฎหมาย กาํ หนดใหถือเอาเงินไดของภรยิ าเปนเงนิ ไดของสามี ฉะน้นั ในกรณี สามีและภรยิ าถึงแมจ ะเปนบคุ คลธรรมดา 2 คน แตกฎหมายได กาํ หนดใหเปน หนวยเสียภาษหี นว ยเดยี วกัน (มาตรา 57 ตรวี รรค หนงึ่ ) อยางไรก็ตามหากภรยิ ามีเงนิ ไดพงึ ประเมินเฉพาะมาตรา 40 (1) คือ ประเภทเงนิ เดือนคาจาง ภรยิ าก็มีสิทธิจะเลือกแยกเสีย ภาษีตา งหากสาํ หรบั เงินไดป ระเภทท่ี 1 นไ้ี ด สวนเงินไดประเภท อนื่ ของภริยา (นอกเหนือจากเงนิ ไดป ระเภทเงนิ เดือนคาจาง) ยงั คงตองถือเปนเงินไดท ่ีตองนาํ ไปรวมกับสามี จะเลอื กแยกเสีย ภาษตี า งหากไมไ ด (มาตรา 57 เบญจ)

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลงเรียนรูผลการเรียนรู 2. หางหุนสามัญและคณะบุคคลทม่ี ใิ ชนิตบิ คุ คล ความหมายของหางหุนสวนสามญั เปน ไปไดตามบทบญั ญัติ ประมวลกฎหมายแพง และ พาณิชย สว นคณะบคุ คลทมี่ ใิ ชนติ ิ บุคคลนั้นไดแ ก บคุ คลตั้งแตส องคนขนึ้ ไปทม่ี ีเงนิ ไดร ว มกนั แตขาด ลักษณะของหา งหนุ สว น กลา วคอื มิไดเ ขารวมทนุ กนั เพอื่ แบงกําไร กนั อนั เปนสาระสําคัญของหา งหนุ สว นคณะบุคคลดงั กลาวนีอ้ าจ กระทําการใดๆ เพื่อหาเงนิ ได แตขาดวตั ถุประสงคทีจ่ ะนาํ เงนิ ได หรอื กําไรมาแบง กัน ประมวลรษั ฎากรกําหนดใหถือเปน หนวยเสีย ภาษีเสมอื นหนง่ึ วาเปนบคุ คลธรรมดา คนเดียวโดยไมมีการ แบงแยก 3. ผูทถี่ ึงแกความตาย หมายถงึ ผมู เี งนิ ไดพ งึ ประเมินหากแตถงึ แก ความตายเสียกอ นทจ่ี ะยน่ื รายการเสยี ภาษเี กี่ยวกับภาษเี งนิ ไดพึง ประเมนิ ที่ไดรบั ในระหวางปภาษลี ว ง มาแลว กย็ งั คงมีหนาท่ที ่ตี อง เสยี ภาษีเงินไดอ ยู กลาวคือ มหี นาท่ีเสยี ภาษีเฉพาะในปท ่ีถึงแก ความตายเพียงปเดียวเทา นน้ั และการ เสียภาษเี งนิ ไดข องผทู ถ่ี งึ แก ความตายน้จี ะตอ งนาํ เงินไดข องผตู ายและของ กองมรดกท่ีไดร ับ ตลอดปภาษแี รกท่ผี ูนนั้ ถึงแกความตายเปน ยอดเงินไดพงึ ประเมนิ ทีต่ อ งเสยี ภาษที ัง้ ส้ินวิชาชพี อสิ ระเงนิ ไดจ าก การรับเหมา เงินได จากธรุ กจิ การพาณิชย เปนตน จะตอ งยน่ื แบบแสดงรายการ ตอนกลางป สําหรบั เงนิ ได ที่เกดิ ขนึ้ ใน 6 เดือนแรก ภายในเดือน กันยายน ของทุกป

ตวั ช้วี ดั / ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู 4. กองมรดกท่ียงั ไมไ ดแ บง กองมรดกไมม สี ถานภาพเปน บุคคลตามประมวลกฎหมาย แพงและพาณิชยเปน แตเ พยี งกองทรัพยสนิ ของผูต าย กองมรดกนี้ มีหนา ทเ่ี ปน ผเู สียภาษเี งนิ ไดต า งหากจากทายาทสาํ หรับปภาษีถดั จากปท เ่ี จามรดกถึงแกความตายจนถงึ ปท ก่ี องมรดกไดแ บง แยก แลว เทานนั้ สรปุ ผูมีหนาที่เสียภาษี เงินไดบคุ คลธรรมดาในปจจบุ นั ไดแ ก 1. บคุ คลธรรมดา คือ ผูมสี ภาพเปน บุคคลตาม ป.พ.พ. มาตรา 15 2. หา งหนุ สวนสามญั หรือคณะบุคคลทไี่ มม ีสภาพเปนนติ ิ บคุ คล 3. ผูถงึ แกค วามตายกอ นถึงกําหนดเวลาการยืน่ แบบแสดง รายการ 4. กองมรดกทยี่ งั ไมไ ดแ บง ข. หนา ที่การเสียภาษีกับถ่ินที่อยแู ละแหลางเงนิ ได แหลง เงนิ ไดท่ีจะตองเสียภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดา จะตอง พจิ ารณาวา เงนิ ไดพึงประเมนิ ท่ไี ดม านน้ั เปนไปตามเง่อื นไขใน มาตรา 41 แหง ประมวลรษั ฎากรดว ยหรือไม มาตรา 41 กาํ หนดเง่ือนไขวา \"ผูมีเงนิ ไดพ ึงประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปภาษีที่ลวงมาแลว เนือ่ งจากหนา ทง่ี านหรอื กจิ การที่ทาํ ใน ประเทศไทย หรือเน่ืองจากกิจการของนายจา งในประเทศไทยหรือ เนื่องจากทรัพยส นิ ทีอ่ ยใู นประเทศไทยมีหนาท่ตี องเสียภาษเี งินได บุคคลธรรมดา ไมว า เงนิ ไดน นั้ จะจายในหรอื นอกประเทศไทย ผอู ยใู นประเทศไทย มีเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษที ี่ลวงมาแลว เนื่องจากหนาทง่ี านหรือกจิ การที่ทําในตางประเทศ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง เรียนรูผลการเรียนรู หรอื เนื่องจากทรพั ยสินที่อยใู นประเทศ ตองเสียภาษีเงินไดบ คุ คล ธรรมดา เม่อื นาํ เงินไดพ ึงประเมินนั้นขามาในประเทศไทย ผใู ดอยใู นประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึง่ หรือหลายระยะเวลารวม เวลาท้งั ไมถ ึง หน่ึงรอยแปดสบิ วนั ในปภ าษีใด ใหถือวา ผนู นั้ เปน ผู อยใู นประเทศไทย ตามเง่ือนไขมาตรา 41 จะแยกไดเ ปน 2 กรณีดังน้ี ก. กรณีแหลงเงนิ ไดเ กิดในประเทศไทย ข. กรณีแหลงเงนิ ไดเกิดนอกประเทศ (ก) กรณีแหลงเงินไดเกิดในประเทศไทย ผูมีเงินไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 แหง ประมวลรัษฎากรในปทล่ี ว งมาแลวหรือท่เี กดิ จากแหลา งเงินไดใ น ประเทศไทย ไมวาผูมเี งนิ ไดนั้นจะเปน ผทู ่อี ยใู นประเทศไทย หรือไมกต็ าม มหี นาท่ีตองเสียภาษเี งนิ ไดตามทป่ี ระมวลรัษฎากร กาํ หมดไว เมอื่ เงนิ ไดพึงประเมนิ นั้นเกดิ เน่ืองจาก 1. หนา ทงี่ านทีท่ าํ ในประเทศไทย 2. กิจการท่ที ําในประเทศไทย 3. กจิ การของนายจางในประเทศ 4. ทรัพยส นิ ทีอ่ ยูในประเทศไทย (ข) กรณแี หลง เงนิ ไดเ กิดนอกประเทศไทย ผูม ีเงนิ ไดพ งึ ประเมินตามมาตรา 40 แหง ประมวลรัษฎากรในปภาษีทลี่ ว งมาแลวเกิดจากแหลง นอกประเทศ ไทย จะมีหนาที่ตอ งเสียภาษเี งนิ ไดในประเทศไทยก็ตอเมื่อเขา เง่ือนไขทงั้ 3 ประการดังตอ ไปนี้

ตวั ช้วี ดั / ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง เรียนรูผลการเรียนรู 1. ตอ งเปนผอู ยูในประเทศไทยรวมระยะเวลาใน ปภาษถี ึง 180 วัน และ 2. มีเงินไดพ งึ ประเมนิ เนอื่ งจาก (1) หนา ทีง่ านที่ทําในตา งประเทศ หรือ (2) กิจการทท่ี าํ ในตา งประเทศ หรอื (3) ทรพั ยสนิ ท่อี ยใู นตา งประเทศ 3. ไดนําเงนิ ไดนน้ั เขา มาในประเทศไทย (มาตรา 41 วรรคสอง) คาํ วา \"ผอู ยูใ นประเทศไทย\" หมายความวา บคุ คลผูใดอยูในประเทศไทยช่ัวระยะเวลาหน่งึ หรือหลายระยะเวลา รวมทง้ั หมดถงึ หน่งึ รอยแปดสบิ วนั ในปภาษีใด ใหถ ือวาผูนนั้ เปน ผู อยูในประเทศไทย (มาตรา 41 วรรคสาม) การจะถือเปนวา เปนผอู ยูในประเทศไทยในป ภาษใี ดถงึ หนึ่งรอยแปดสบิ วนั ตอ งอยทู ี่บุคคลนนั้ จะตอ งอยใู น ประเทศไทยในปภาษีเดยี วกนั รวมระยะเวลาถงึ 180 วนั แตถ า เปน การอยูติดกนั แตร ะยะท่ีคาบเกี่ยวระหวางปภ าษี คืออยใู นปห นึ่งๆ ไมถึง 180 วนั แตเม่ือรวมระยะเวลาทคี่ าบเก่ียวไปอกี ปภ าษีหนึ่ง เกิน 180 วัน กไ็ มถอื วาเปนผอู ยูในประเทศไทย ประเทศไทยในปภาษเี ดียวกนั รวมระยะเวลาถึง 180 วนั แตถา เปน การอยูตดิ กันแตระยะท่ีคาบเกี่ยวระหวา งปภ าษี คืออยูในป หนึ่งๆไมถึง 180 วัน แตเม่ือรวมระยะเวลาท่ีคาบเกีย่ วไปอกี ปภ าษี หนึ่งเกนิ 180 วัน กไ็ มถือวาเปนผูอยูในประเทศไทย

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู 3. ฐานภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา ฐานภาษเี งนิ ไดบุคคลธรรมดา ไดแก \"เงินไดส ุทธิ\" การคํานวณ \"เงนิ ไดส ทุ ธิ\" เพ่อื เสยี ภาษีเงนิ ไดบคุ คลธรรมดาน้นั กฎหมายกําหนดใหนาํ เงินไดพึงประเมินมาหกั คา ใชจา ยและคา ลดหยอน เงนิ ที่เหลือซึ่งเรียกวา \"เงินไดส ทุ ธิ\" จะตอ งนาํ มา คํานวณเพอื่ เสียภาษี ตามอัตราภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดาซง่ึ เปน อตั รากาวหนา ฐานภาษี = เงินไดสุทธิ เงนิ ไดส ุทธิ = เงนิ ไดพ ึงประเมิน - คา ใชจ า ย - คา ลดหยอ น

แผนการจดั การเรียนรู ชือ่ หนวยการเรียนรูท่ี 1 เรือ่ ง ผมู หี นาท่ีเสียภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดาและเงนิ ไดพ ึงประเมิน แผนการสอนที่ 3 เร่อื ง เงนิ ไดพึงประเมนิ รายวชิ า ภาษเี งนิ ไดบ ุคคลธรรมดากบั การบญั ชีช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 รหสั วิชา ง 32288 ครผู สู อน นางสาวปทมา ปลง่ั เปลือ่ ง ตาํ แหนง ครผู ูชว ย เวลาทใ่ี ช 2 ชั่วโมง ตวั ช้วี ดั / ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง เรียนรู ผลการเรยี นรู เงินไดพ ึงประเมนิ คือ เงนิ ไดท่ีกฎหมายบงั คับใหเ ราตอ งเอามาเสยี 1. แบบทดสอบกอน- 1. การสงั เกต 1. นาํ เขา สบู ทเรียน 1. หนงั สอื เรยี น1. มีความเขา ใจ - ความตัง้ ใจและสนใจ โดยกลา วถึง วิชาภาษเี งินไดหลกั การบนั ทึก ภาษี ซง่ึ โดยท่วั ไปแลวเงินไดท ่ีเราไดรบั จะเปนเงินไดพงึ ประเมิน หลงั เรยี น ของผเู รยี น ความหมายเรื่องเงิน บุคคลธรรมดากับบญั ชี วธิ ีการ - ความรว มมือในการ ไดพงึ ประเมิน การบญั ชีคาํ นวณ และ แทบทั้งส้ิน เวนแตจะมีกฎหมายจะเขยี นเอาไวอ ยา งชัดเจนวา เงนิ 2. การทดสอบถาม- อภิปราย 2. ซักถามผูเรียน 2. สอื่ นาํ เสนอข้ันตอนการยื่น - การแสดงความ เปนรายบุคคล PowerPointแบบแสดงรายการ ไดกอ นนัน้ เปนเงินไดท ไี่ ดรับยกเวนภาษี ตอบ คิดเหน็ อยา งมเี หตุผล 3. ประเมนิ ผล เร่ืองเงนิ ไดพ ึงเสียภาษเี งนิ ได 2. ตรวจแบบทดสอบ กอนเรียน-หลงั ประเมนิบุคคลธรรมดา ความหมายของเงนิ ไดพงึ ประเมนิ มบี ัญญัติไวใ นมาตรา 39 แหง 3. แผนผงั ความคิด กอ น-หลังเรียน เรยี นโดยการทํา 3. ตรวจการเขียนผงั แบบทดสอบ ประมวลรษั ฎากร หมายความวา \"เงนิ ไดอ นั เขา ลักษณะพงึ เสยี ภาษี เร่อื งเงินไดพ ึงประเมิน ความคดิ Concept 4. กจิ กรรมการ Mapping เรยี น ในหมวดน้ี เงนิ ไดทีก่ ลาวน้ใี หหมายความรวมตลอดถงึ ทรพั ยสิน 4.1 ผสู อนและ ผูเรียนรว มกนั หรือประโยชนอ ยา งอ่นื ที่ ไดร บั ซงึ่ อาจคํานวณไดเปนเงิน เงินคา อภิปรายเรอ่ื งเงนิ ได พึงประเมิน ภาษอี ากรที่ผจู ายเงนิ หรือผูอ่ืนออกแทนใหสําหรบั เงินไดป ระเภท 5. ผูเ รียนสรปุ องค ความรูในรูปแบบ ตางๆ ตามมาตรา 40 และเครดติ ภาษตี ามมาตรา 47 ทวิ ดว ย แผนผังความคดิ ประเภทเงินไดพ งึ ประเมิน เนื่องจากผูม เี งินไดประกอบอาชพี แตกตางกนั มคี วามยากงายหรือ ตนทนุ ท่แี ตกตางกัน เพ่อื ความ เปน ธรรม ในกฎหมายจงึ ไดแ บง ลกั ษณะเงนิ ได( พงึ ประเมิน) ออกเปนกลมุ ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อกาํ หนด วธิ คี าํ นวณภาษีใหเกิดความเปนธรรมมากทสี่ ุด ดงั นี้ 1. เงินไดป ระเภทท่ี 1 ไดแ ก เงินไดเ น่อื งจากการจางแรงงาน ไมว า จะเปน - เงนิ เดอื น คาจาง เบ้ียเลยี้ ง โบนัส เบี้ยหวดั บาํ เหนจ็ บํานาญ - เงินคา เชา บา นทไ่ี ดร บั จากนายจา ง

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ช้นิ งาน การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง เรียนรูผลการเรียนรู - เงินทคี่ ํานวณไดจากมูลคา ของการไดอ ยูบาน ทผ่ี จู า ยเงินไดใหอยู โดยไมเ สียคา เชา - เงนิ ทผ่ี จู ายเงนิ ไดจา ยชาํ ระหนี้ใด ๆ ซึ่งผมู เี งินไดม ีหนา ที่ตองชาํ ระ - เงิน ทรพั ยส ิน หรอื ประโยชนใด ๆ บรรดาทไ่ี ดเนอ่ื งจากหนา ท่ี หรอื ตาํ แหนงงานที่ทําหรือ จากการรับทํางานใหน นั้ ไมวาหนาท่ี หรือตาํ แหนงงาน หรืองานท่รี บั ทําใหน ้นั จะเปน การประจาํ หรอื ช่วั คราว 3. เงินไดประเภทท่ี 3ไดแ กคา แหง กูดวิลล คาแหง ลขิ สิทธหิ์ รือสทิ ธิ อยา งอ่นื เงินป หรือเงนิ ไดท่ีมีลักษณะ เปนเงินรายปอนั ไดมาจาก พินัยกรรม นิตกิ รรมอยางอ่นื หรือคําพพิ ากษาของศาล 4. เงินไดป ระเภทท่ี 4 ไดแก ดอกเบ้ีย เงินปน ผล เงินสวนแบง กําไร เงนิ ลดทนุ เงนิ เพมิ่ ทนุ ผลประโยชนท ีไ่ ดจากการโอนหุน ฯลฯ เปน ตน (ก) ดอกเบ้ียพนั ธบตั ร ดอกเบี้ยเงนิ ฝาก ดอกเบ้ียหนุ กู ดอกเบย้ี ต๋วั เงนิ ดอกเบ้ยี เงินกยู ืม ไมว าจะมี หลกั ประกนั หรือไม ดอกเบ้ียเงนิ กู ยมื ที่อยูในบังคับตองถูกหักภาษีไว ณ ทีจ่ า ยตามกฎหมายวา ดวย ภาษเี งนิ ไดปโตรเลียมเฉพาะสว นทเี่ หลือจากถูกหกั ภาษีไว ณ ทจ่ี าย ตามกฎหมายดังกลาว หรอื ผลตางระหวางราคาไถถอน กับราคา จาํ หนายตว๋ั เงนิ หรือตราสารแสดงสิทธิในหน้ีที่บริษทั หรือหาง หุนสวนนติ ิบุคคล หรือนติ บิ ุคคลอ่ืน เปน ผูออกและจําหนายครั้ง แรกในราคาตํา่ กวา ราคาไถถอน รวมทัง้ เงนิ ไดท่มี ีลกั ษณะทํานอง เดียวกันกบั ดอกเบีย้ ผลประโยชนหรือคาตอบแทนอืน่ ๆ ท่ีไดจ าก การใหกยู ืมหรือจากสิทธิเรียกรอ งในหนท้ี ุกชนิดไมว า จะมีลกั ประกันหรือไมก ต็ าม

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู (ข) เงินปนผล เงนิ สว นแบง ของกําไร หรอื ประโยชนอื่นใดทไ่ี ดจาก บริษัทหรือหางหุน สว นนิตบิ ุคคล กองทนุ รวม หรือสถาบันการเงินท่ี มกี ฎหมายไทยใหจดั ต้ังข้นึ โดยเฉพาะสําหรับใหก ยู ืมเงิน ฯลฯ (ค) เงนิ โบนสั ท่จี า ยแกผูถอื หนุ หรอื ผูเ ปนหนุ สวนในบริษัทหรือหา ง หุน สว นนติ ิบุคคล (ง) เงนิ ลดทนุ ของบรษิ ัทหรอื หางหนุ สว นนิติบคุ คลเฉพาะสว น ท่ีจา ยไมเกนิ กวากําไรและเงนิ ทีก่ นั ไวร วมกัน (จ) เงนิ เพิ่มทนุ ของบรษิ ัทหรอื หางหนุ สว นนิติบุคคลซึ่งตง้ั จากกาํ ไร ที่ไดมาหรอื รบั ชวงกนั ไวรวมกัน (ฉ) ผลประโยชนท ่ีไดจ ากการที่บรษิ ทั หรือหางหุนสวนนติ บิ คุ คล ควบเขากนั หรือรับชว งกนั หรือ เลิกกัน ซ่ึงตรี าคาเปนเงนิ ไดเ กนิ กวา เงินทนุ (ช) ผลประโยชนท ีไ่ ดจ ากการโอนการเปนหนุ สว นหรือโอนหนุ หุน กู พันธบตั ร หรอื ตัว๋ เงนิ หรือ ตราสารแสดง สิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือหางหุนสว นนิตบิ คุ คล หรือนติ บิ คุ คลอื่น เปน ผูออก ท้งั นี้เฉพาะซ่งึ ตีราคา เปน เงินไดเกนิ กวาท่ลี งทนุ เงนิ ไดป ระเภทท่ี 4 ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายใหสิทธิท่จี ะเลือกเสีย ภาษโี ดยวธิ หี ักภาษี ณ ทจ่ี า ย แทนการนาํ ไปรวมคาํ นวณกับเงินได อื่นตามหลักทวั่ ไป ซึ่งจะทําใหผ ูมเี งินไดท ีต่ อ งเสียภาษีตามบญั ชี อตั ราภาษี ในอัตราทีส่ ูงกวาอตั ราภาษี หัก ณ ทจี่ า ย สามารถ ประหยดั ภาษีได 5. เงินไดประเภทท่ี 5 เงินไดจ ากการใหเ ชาทรัพยส ิน เงินหรอื ประโยชนอ ยา งอืน่ ทีไ่ ดเนือ่ งจาก - การใหเชา ทรพั ยส ิน - การผิดสัญญาเชา ซ้อื ทรัพยส นิ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู - การผิดสญั ญาซอื้ ขายเงนิ ผอนซ่ึงผูขายไดรับคืนทรัพยสินท่ีซื้อขาย นัน้ โดยไมต อ งคนื เงินหรือประโยชนทไ่ี ดร บั ไวแลว 6. เงินไดประเภทที่ 6 ไดแก เงินไดจากวิชาชีพอิสระ คือวิชา กฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม สถาปตยกรรม การ บัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะไดมีพระราช กฤษฎกี ากาํ หนดชนดิ ไว 7. เงินไดประเภทท่ี 7 ไดแก เงินไดจากการรับเหมาที่ผูรับเหมา ตอ งลงทุนดว ยการจัดหาสัมภาระ ในสว นสําคญั นอกจากเครอ่ื งมือ 8. เงินไดประเภทท่ี 8 ไดแ ก เงินไดจ ากการธรุ กจิ การพาณชิ ย การเกษตร การอตุ สาหกรรม การขนสง การขายอสังหารมิ ทรพั ย หรือการอน่ื นอกจากทร่ี ะบุไวใ นประเภทท่ี 1 ถงึ ประเภทท่ี 7 แลว เงนิ ไดพ ึงประเมินอะไรบางทไี่ ดร ับยกเวน ภาษี 1. คาเบย้ี เลีย้ ง หรือ คาพาหนะ 2. คาพาหนะและเบย้ี เลีย้ งเดนิ ทางตามอัตราที่รฐั บาลกาํ หนด 3. เงินคา เดนิ ทางซ่งึ นายจางจา ยใหแ กล กู จา ง เฉพาะสวนทล่ี กู จา ง ไดจายท้งั หมดโดยจาํ เปน 4. ในกรณที นี่ ายจางและลกู จา งไดท าํ สัญญากนั โดยสจุ รติ กอ นใช พระราชบญั ญัตภิ าษเี งนิ ได พทุ ธศักราช 2475 5. เงนิ เพม่ิ พิเศษประจําตาํ แหนง และเงินคาเชาบาน 6. เงนิ ไดจ ากการขาย หรอื สวนลดจากการซือ้ อากรแสตมปหรือ แสตมปไ ปรษณียยากรของรฐั บาล 7. เบยี้ ประชุมกรรมาธิการหรือกรรมการ หรอื คา สอน คาสอบที่ ทางราชการหรือสถานศกึ ษาของทางราชการจา ยให

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู สอ่ื /แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู 8. ดอกเบ้ีย ดอกเบีย้ ทไ่ี ดร บั ยกเวนภาษี ไดแก ดอกเบย้ี ดังตอไปน้ี (1) ดอกเบย้ี สลากออมสิน หรือดอกเบย้ี เงินฝากออมสนิ ของรัฐบาลเฉพาะประเภท ฝากเผ่ือเรียก (2) ดอกเบ้ียเงินฝากประเภทออมทรพั ยที่ไดรบั จากสหกรณ (3) ดอกเบยี้ เงนิ ฝากธนาคารในราชอาณาจกั รที่ตองจายคนื เม่อื ทวง ถามประเภท ออมทรพั ยเฉพาะ (4) ดอกเบีย้ เงินฝากทเ่ี กดิ จากการฝากเงินกบั ธนาคารในประเทศ ไทยและจากสหกรณอ อมทรพั ยต ามกฎหมายวาดวยสหกรณใ น ประเทศ 9. การขายสังหารมิ ทรัพยอ นั เปน มรดก หรือสงั หารมิ ทรัพย ท่ีไดม า โดยมิไดม ุงในทางการคา หรือหากําไร 10. เงินไดท ีไ่ ดรับจากการอปุ การะโดยหนาทธี่ รรมจรรยา เงนิ ไดที่ รับจากการรบั มรดก 11. รางวลั เพ่ือการศึกษาหรอื คนควา ในวทิ ยาการ รางวัลสลากกนิ แบงหรือสลากออมสนิ ของรฐั บาล รางวลั ทที่ างราชการจา ยใหใน การประกวดหรือแขงขนั 12. บํานาญพิเศษ บาํ เหนจ็ พิเศษ บาํ นาญตกทอด หรือบําเหน็จตก ทอด 13. คา สินไหมทดแทนเพอื่ ละเมิด เงินท่ไี ดจ ากการประกนั ภยั หรอื การฌาปนกจิ สงเคราะห 14. เงนิ ไดทีไ่ ดร ับจากสว นแบง ของกาํ ไรจากหางหุนสว นสามญั หรือ คณะบุคคลท่ีมใิ ชน ิติบคุ คล

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชนิ้ งาน การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลงเรียนรูผลการเรียนรู 15. เงินไดของชาวนาท่ไี ดจ ากการขายขา ว อนั เกิดจากกสกิ รรมที่ ตนและหรอื ครอบครวั ไดทาํ เอง 16. เงนิ ไดทไ่ี ดรับจากกองมรดกซง่ึ ไดเ สยี ภาษีเงนิ ไดไวใ นนามของ กองมรดกแลว 17. รางวัลสลากบํารุงกาชาดไทย เงินไดจ ากการขายหรอื สวนลด จากการซื้อสลากบาํ รงุ กาชาดไทย 18. ดอกเบี้ยทไ่ี ดร ับจากการคืนเงนิ ภาษอี ากรตามประมวลรษั ฎากร 19. เงินไดท เี่ ปนเงนิ ปน ผลหรือเงนิ เฉลี่ยคนื ท่สี หกรณจ า ยใหแก สมาชิก 20. เงินปนผลทีไ่ ดจ ากบริษัทหรอื หางหุนสวนนติ บิ คุ คลท่ี ประกอบการขนสง ทางทะเลและถือกรรมสทิ ธเ รือไทย 21. เงนิ ไดจ ากการขายหนว ยลงทุนในกองทนุ รวม 22. เงินไดของกองทนุ รวม 23. เงินประโยชนท ดแทนทผี่ ูประกนั ตน ไดรบั จากกองทุน ประกนั สงั คมตามกฎหมายวา ดวย การประกันสงั คม 24. เงนิ ไดจากกิจการโรงเรียนราษฎร (โรงเรียนเอกชน) แตไ ม รวมถึงเงินไดจากการขายของ 25. เงนิ ไดจากการจําหนายหรอื สว นลดจากการจาํ หนา ยสลากกนิ แบงของรฐั บาล 26. เงินไดส วนท่เี ปนคา จา งการทาํ งานในระหวา งเวลาปดภาค การศกึ ษาของคนตางดาว ซ่ึงเปนนักเรยี น นักศึกษา 27. เงินไดสวนทเ่ี ปน คา รกั ษาพยาบาลทีน่ ายจา งจายให หรือจาย แทนลกู จางเปน คารักษาพยาบาล

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู 28. เงนิ ไดท ่ีทางราชการจา ยใหเปนเงนิ คา เชาบา น หรอื เงินท่ี คํานวณไดจ ากมูลคา ของการได 29. เงินคาเชา บา นทไี่ ดร บั จากรัฐวิสาหกจิ ซ่งึ มใิ ชบรษิ ัทหรอื หา ง หนุ สว นนิติบุคคลเทาที่ผมู ีเงนิ ไดไ ดจา ยไปโดยสจุ รติ 30. เงนิ ชวยการศกึ ษาบุตร เงินชว ยเหลอื บุตร เงนิ คาเบยี้ กันดาร หรือเงนิ ยังชีพทไ่ี ดร บั จาก รฐั วสิ าหกจิ ซงึ่ มิใชบ ริษทั หรือหา ง หุนสว นนิตบิ คุ คล 31. รางวัลทีท่ างราชการจา ยใหเ พ่ือประโยชนใ นการปองกันมใิ หมี การกระทาํ ความผดิ เก่ยี วกบั ภาษอี ากร 32. ดอกเบ้ียเงินสะสมท่ีไดร ับจากรฐั วสิ าหกจิ ซงึ่ มใิ ชบ รษิ ัทหรอื หา งหนุ สว นนติ บิ ุคคล 33. เงนิ ไดทเ่ี จาหนา ท่ขี องรัฐบาลตา งประเทศ ซึ่งปฏิบตั ิหนาทใ่ี น ประเทศไทยไดรับจากรฐั บาลของตน 34. เงินไดส วนทเ่ี ปนเงนิ เดือนและเงนิ ใดๆ บรรดาท่ีไดเนอ่ื งจาก หนา ท่หี รือตําแหนงงานทีท่ ํา 35. ดอกเบย้ี เงนิ ฝากสหกรณเ ฉพาะเงินฝากทต่ี องจา ยคนื เมอื่ ทวง ถามประเภทออมทรพั ย 36. เงนิ ไดท่ีทางราชการจา ยใหเ พอ่ื ประโยชนใ นการรกั ษาความ ม่ันคงภายในราชอาณาจกั รและกระทรวงการคลังไดอนุญาตให เบิกจายได 37. เงนิ ไดส วนทเ่ี ปนเงินเดือนหรือคา จางและเงนิ ใดๆ บรรดาท่ไี ด เนอ่ื งจากหนาท่ีหรอื ตําแหนงงานทท่ี ํา 38. เงนิ ไดจ ากการขายอสงั หาริมทรัพยอันเปนมรดกหรอื อสังหารมิ ทรพั ยที่ไดรบั จากการใหโ ดยเสนห า 39. เงินไดจ ากการโอนกรรมสิทธ์ิหรอื สิทธคิ รอบครองใน อสงั หาริมทรพั ยใหแกบุตร

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู สอ่ื /แหลง เรียนรูผลการเรียนรู 40. เงินไดจากการขายสนิ คายาสูบทโ่ี รงงานยาสบู กระทรวงการคลังไดเสียภาษีเงินไดแ ทน 41. ดอกเบี้ยพันธบตั รหรือดอกเบ้ยี หนุ กู หรอื ผลตางระหวางราคา ไถถ อนกบั ราคาจาํ หนา ยพันธบตั ร 42. ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรพั ยของธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณการเกษตร 43. เงนิ ไดจ ากการขายหลักทรพั ยในตลาดหลกั ทรัพยแ หงประเทศ ไทย แตไ มร วมถงึ เงนิ ได จากการขายหลกั ทรัพยท เ่ี ปน หนุ กูหรอื พันธบตั ร 44. เงินไดจ ากการขายโลหะดีบุกต้งั แตวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2531 45. เงินปนผลหรอื เงนิ สว นแบงของกําไร แลวแตก รณจี ากหาง หุนสวนสามัญหรอื คณะบคุ คล ท่มี ใิ ชนิตบิ คุ คลหรือจากบรษิ ัทหรือ หา งหุนสว นนิตบิ ุคคลท่ตี ้งั ขึ้นตามกฎหมายไทย 46. เงนิ ไดจ ากการโอนกรรมสิทธหิ์ รือสิทธคิ รอบครองใน อสงั หารมิ ทรพั ย โดยไมมี คาตอบแทนใหแ กมูลนธิ ิชัยพฒั นา 47. เงนิ ไดจ ากการโอนกรรมสิทธ์หิ รอื สิทธิครอบครองใน อสังหารมิ ทรพั ย โดยไมม ีคาตอบแทนใหแกมลู นธิ สิ งเสริมศิลปชพี ในสมเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ิตพ์ิ ระบรมนาชนิ ีนาถ 48. เงนิ คาทดแทนตามกฎหมายวา ดว ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู (3) ดอกเบ้ยี ทีไ่ ดจ ากต๋ัวเงินหรือตราสารแสดงสทิ ธิในหน้ใี ดๆ ท่ี บริษทั หรอื หางหนุ สวนนิติบุคคลหรือนติ ิบุคคล 50. เงินไดท ี่ผเู ชีย่ วชาญของประชาคมยโุ รปทีเ่ ปน คนตางดา วและ ไมมถี ่นิ ที่อยูในประเทศไทย 51. เงนิ ไดจ ากการขายหนวยลงทุนในกองทนุ รวมท่จี ัดตงั้ ข้ึนตาม กฎหมายวาดว ยหลักทรัพย และตลาดหลกั ทรพั ย แตไมร วมถึงเงนิ หรือผลประโยชนใด ๆ 52. เงนิ ไดท ่ีคณะกรรมการอาํ นวยการปรับปรุงพระทนี่ งั่ จกั รมี หา ปราสาทไดรับเพ่ือประโยชนใ นการสรา งพระทีน่ ั่งองคใ หมแ ละ ปรับปรงุ พระที่น่ังจกั รมี หาปราสาท 53. เงนิ ไดที่คํานวณไดจากมลู คาของเคร่ืองแบบซึ่งลกู จา งไดรับ จากนายจา งในจาํ นวนคนละ ไมเ กินสองชดุ ตอปแ ละเสือ้ นอกใน จาํ นวนคนละไมเกินหนง่ึ ตวั ตอป 54. เงนิ ไดเทาทล่ี กู จา งจา ยเปนเงนิ สะสมเขากองทุนสาํ รองเลีย้ งชพี 55. เงนิ หรือผลประโยชนใ ด ๆ ท่ีไดรบั จากกองทุนสํารองเล้ยี งชีพ ตามกฎหมายวา ดวยกองทนุ สํารองเลย้ี งชีพ ดังตอ ไปนี้ 1. เงนิ หรอื ผลประโยชนใ ด ๆ ทีไ่ ดร บั จากกองทนุ สํารอง เล้ยี งชพี เนอื่ งจากลูกจา งออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพ หรอื ออกจากงานเม่อื มีอายไุ มต าํ่ กวา หาสบิ หาปบริบรู ณ 2. เงนิ หรอื ผลประโยชนใด ๆ ทม่ี ีสิทธิไดร ับจากกองทนุ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชิ้นงาน การวดั และประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลง เรียนรูผลการเรียนรู สํารองเลีย้ งชีพเนอื่ งจากลูกจา งออกจากงานกอนอายุครบหาสบิ หา ปบริบูรณ แตเมื่อออกจากงานแลวไดค งเงนิ หรือผลประโยชนนั้นไว ทงั้ จาํ นวนในกองทุนสํารองเล้ียงชีพ และตอ มาไดรบั เงินหรอื ผลประโยชนห ลงั จากลูกจางผนู ้ันตาย ทุพพลภาพ หรืออายุครบหา สบิ หาปบ รบิ ูรณ 56. เงินปนผลหรอื เงนิ สวนแบงของกาํ ไรจากบรษิ ัทหรือหาง หุน สว นนิตบิ ุคคลทไี่ ดจากกจิ การโรงเรยี นเอกชนท่ีตัง้ ข้ึนตาม กฎหมาย 57. ดอกเบ้ียเงนิ ฝากธนาคารในราชอาณาจกั รท่ตี องจายคืนเมื่อ ทวงถามประเภทออมทรพั ย เฉพาะกรณที ่ีผมู ีเงนิ ไดไ ดรบั ดอกเบยี้ ดังกลาวในจาํ นวนรวมกันทั้งสนิ้ ไมเ กนิ 20,000 บาทตลอดปภาษี น้ัน 58. เงนิ ไดสวนท่ีเปน เงินเดือนหรอื คาจางที่คนประจาํ เรือไดรับ เน่อื งจากการปฏิบตั ิงาน บนเรือไทยตามกฎหมาย 59. เงนิ ไดท ่คี ณะกรรมการบรหิ าร \"ทุนการกศุ ลสมเดจ็ พระเทพฯ\" ไดร ับเพื่อประโยชน ของการกุศลสมเด็จพระเทพฯ 60. เงินไดจากการขายอสังหารมิ ทรพั ย ดงั ตอไปนี้ (1) บา น โรงเรียน หรอื ส่ิงปลูกสรา งอ่ืน ซ่ึงโดยปกตใิ ชประโยชน เพ่ือเปน ที่อยูอาศยั (2) อสงั หาริมทรัพยต าม (1) พรอมทด่ี ิน

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ช้ินงาน การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู สือ่ /แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู (3) หองชุดสาํ หรบั การอยอู าศยั ในอาคารชดุ ตามกฎหมายวาดวย อาคารชดุ ท้ังน้ี เฉพาะกรณีที่ผูมีเงินไดไ ดอสังหาริมทรพั ยต าม (1) (2) หรือ (3) โดยจดทะเบยี นการไดม าใน พ.ศ. 2540 และขาย อสงั หาริมทรัพยน นั้ ภายหลงั จากการจดทะเบียนไมน อยกวา 1 ป แตไ มเกนิ วันท่ี 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 61. ผลประโยชนท ่ไี ดจากการควบเขากันของธนาคาร 62. เงินไดเ ทา ทีส่ มาชิกกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญขา ราชการจายเปน เงินสะสมเขากองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญขาราชการตามกฎหมาย 63. เงนิ หรือผลประโยชนใ ด ๆ ท่ไี ดรับจากกองทนุ บําเหนจ็ บาํ นาญขาราชการตามกฎหมายวา ดวยกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญ ขาราชการดังตอไปน้ี (ก) เงนิ หรือผลประโยชนใด ๆ ทไ่ี ดร ับ เนอ่ื งจากสมาชกิ กองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญขาราชการออกจากราชการเพราะตาย เหตทุ ุพพล ภาพ เหตุทดแทน หรือเหตุสูงอายุ (ข) เงนิ หรอื ผลประโยชนใ ด ๆ ทมี่ สี ทิ ธไิ ดร ับจากกองทุนบําเหนจ็ บํานาญขา ราชการ เนือ่ งจากสมาชิกกองทุนบาํ เหน็จบํานาญ ขาราชการออกจากราชการในกรณอี ่นื นอกจาก (ก) แตเ มือ่ ออก จากราชการแลวไดคงเงนิ หรือผลประโยชนน ั้นไวท ัง้ จาํ นวนใน กองทนุ บําเหนจ็ บํานาญขา ราชการ และตอมาไดรบั เงนิ หรือ ผลประโยชนห ลังจากสมาชกิ ผนู ัน้ ตาย ทุพพลภาพ หรอื อายคุ รบ หกสบิ ปบ รบิ รู ณ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ช้นิ งาน การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู สอื่ /แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู ไดรบั เงินหรอื ผลประโยชนหลังจากสมาชิกผนู ัน้ ตาย ทพุ พลภาพ หรืออายุครบหกสบิ ปบ รบิ ูรณ 64. เงนิ ไดที่คณะกรรมการกองทนุ ลานกฬี าตา นยาเสพตดิ สาํ นกั นายกรัฐมนตรไี ดร บั เพอ่ื ประโยชนของกองทนุ ลานกฬี าตา นยาเสพ ติดดงั กลาว 65. ดอกเบ้ยี พนั ธบตั รออมสนิ รุนพนั ธบตั รเงนิ ฝากชวยชาติ 66. เงนิ ไดท ่เี ปน เงินเดอื นหรือคาตอบแทนท่ีเจาหนาที่ของศูนยว จิ ยั วนเกษตรนานาชาติ ซึง่ เปน คนตา งดา วและไมมีถิน่ ทอี่ ยูใ นประเทศ ไทย 67. รางวลั บัตรออมทรพั ยของธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณ การเกษตร 68. เงนิ ไดจ ากการโอนกรรมสิทธ์หิ รือสิทธคิ รอบครองในที่ดินโดย ไมมคี า ตอบแทนใหแก วัด วัดบาทหลวงโรมนั คาทอลิคหรอื มัสยดิ ที่จดั ต้งั ข้ึนตามกฎหมายวา ดวยการน้ัน 69. ผลประโยชนท ไี่ ดจากการทผ่ี ปู ระกอบกิจการซึง่ เปนบรษิ ัท มหาชนจาํ กดั หรือบริษทั จํากดั ควบเขา กัน หรือโอนกิจการทง้ั หมด ใหแ กกนั ตามหลักเกณฑ 70. คาชดเชยท่ีลูกจา งไดรับตามกฎหมายวา ดวยการคมุ ครอง แรงงานและคาชดเชยทพี่ นักงานไดรับตามกฎหมายวา ดวย พนักงานรัฐวสิ าหกิจสัมพนั ธ 71. เงนิ ไดเ ทา ท่ไี ดจา ยเปน ดอกเบ้ียเงินกยู ืม สําหรับการกยู ืมเงิน เพอ่ื ซอ้ื เชาซ้อื หรือสรางอาคารทอ่ี ยูอ าศยั โดยจาํ นองอาคารทซี่ อื้ หรือสรา งเปน ประกนั การกยู ืม

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน การวดั และประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู สือ่ /แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู 72. เงินไดเ ทาท่ไี ดจายเปน ดอกเบีย้ เงนิ กยู ืมใหแ กธ นาคารหรอื สถาบันการเงินอ่นื บรษิ ทั ประกนั ชีวิต สหกรณ หรือนายจา ง สาํ หรับการกยู มื เงนิ เพื่อซื้อเชาซอ้ื หรือสรางอาคารทีอ่ ยอู าศยั โดย จาํ นองอาคาร 73. เงินไดเทา ทีผ่ อู าํ นวยการ ผบู ริหาร ครูหรอื บุคลากรทาง การศึกษาในโรงเรียนเอกชนจายเปน เงินสมทบเขากองทนุ สงเคราะห ตามกฎหมายวา ดว ยโรงเรยี นเอกชนเฉพาะสว นทไ่ี มเ กนิ 500,000 บาท สาํ หรบั ปภาษีนัน้ ท้งั นี้ สําหรับเงินไดพ งึ ประเมนิ ท่ี ไดรบั ตง้ั แตวันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เปนตน ไป 74. เงนิ ไดเ ทา ทไ่ี ดจายเปน คาซ้อื หนวยลงทนุ ในกองทุนรวม เพอื่ การเลีย้ งชีพ ตามกฎหมาย 76. เงินหรือผลประโยชนใดๆ ทคี่ รใู หญ หรอื ครูโรงเรยี นเอกชน ไดรับจากกองทุนสงเคราะห ตามกฎหมายวา ดวย โรงเรียนเอกชน เม่อื ครูใหญ หรือครโู รงเรียนเอกชน ออกจากงาน เพราะเหตุสงู อายุ ทุพพลภาพ หรอื ตาย 77. ยกเวน เงินปนผลท่ีไดจากการถอื หนุ ในบรษิ ทั หรือหา งหุน สว น นิติบคุ คล ซง่ึ จดั ตงั้ ขนึ้ โดยมวี ตั ถุประสงคเพอ่ื ประกอบกจิ การธุรกิจ เงินรวมลงทุน

แผนการจัดการเรยี นรู ชอ่ื หนวยการเรียนรูท ี่ 1 เรื่อง ผูมหี นา ทเี่ สยี ภาษเี งินไดบคุ คลธรรมดา และเงินไดพ งึ ประเมนิ แผนการสอนที่ 4 เรื่อง แนวทางปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั การจดั เกบ็ ภาษเี งนิ ไดบ ุคคลธรรมดาจากสามแี ละภริยา (ฉบับท่ี 2) รายวชิ า ภาษีเงนิ ไดบ ุคคลธรรมดากบั การบญั ชีช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 รหัสวชิ า ง 32288 ครูผูสอน นางสาวปท มา ปลงั่ เปลอื่ ง ตําแหนง ครผู ชู ว ย เวลาทใ่ี ช 2 ช่ัวโมง ตวั ชี้วัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู สือ่ /แหลง ผลการเรยี นรู ชิน้ งาน เรยี นรู1. มีความเขา ใจ คาํ ช้ีแจงกรมสรรพากร 1. แบบทดสอบ 1. การสงั เกต 1. นําเขา สบู ทเรยี นโดย 1. หนงั สอื เรียนหลักการบันทกึ บญั ชี วชิ าภาษีเงินไดวธิ ีการคาํ นวณ และ เร่อื ง แนวทางปฏิบัตเิ กี่ยวกับการจดั เกบ็ ภาษีเงนิ ไดบ คุ คล กอน-หลงั เรียน -ความต้ังใจและสนใจ กลาวถึงความหมายเรอ่ื ง บุคคลธรรมดาขน้ั ตอนการยืน่ แบบ กบั การบญั ชีแสดงรายการเสยี ธรรมดาจากสามแี ละภริยา (ฉบบั ที่ 2) วนั ที่ 14 มกราคม 2. การทดสอบ ของผูเรยี น แนวทางปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การ 2. ส่ือนําเสนอภาษีเงนิ ไดบ คุ คล PowerPointธรรมดา 2556 โดยที่มพี ระราชกาํ หนดแกไขเพ่ิมเติมประมวลรษั ฎากร ถาม-ตอบ - ความรวมมอื ในการ จัดเกบ็ ภาษีเงินไดบุคคล เรื่องแนวทาง ปฏบิ ตั ิเก่ียวกับ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2555 กาํ หนดหลักเกณฑแ ละวิธกี ารจัดเกบ็ 3. แผนผัง อภิปราย ธรรมดาจากสามีและภรยิ า การจัดเกบ็ ภาษี เงนิ ไดบุคคล ภาษเี งนิ ไดจากสามีและภริยาขึ้นใหม ใหสามแี ละภรยิ าตา งฝาย ความคดิ เร่ือง - การแสดงความ (ฉบบั ที่ 2) ธรรมดาจาก สามีและภรยิ า ตางมีหนา ทย่ี ่นื รายการและเสยี ภาษตี า งหากจากกันและแบง แนวทางปฏบิ ตั ิ คดิ เห็นอยา งมีเหตผุ ล 2. ซกั ถามผเู รียนเปน (ฉบบั ที่ 2) เงินไดพงึ ประเมินท่ีสามแี ละภรยิ าทาํ รว มกัน หรอื สามีและภรยิ า เกี่ยวกบั การ 2. ตรวจแบบทดสอบ รายบุคคล จะตกลงเลือกยน่ื รายการและเสยี ภาษีรวมกันกไ็ ด จัดเกบ็ ภาษีเงนิ ได กอน-หลังเรยี น 3. ประเมนิ ผลกอนเรียน- เพอื่ ใหเปนแนวทางปฏบิ ตั ิของผูมีหนาท่เี สยี ภาษแี ละเจา หนาที่ บุคคลธรรมดา 3. ตรวจการเขยี นผงั หลงั เรยี นโดยการทาํ สรรพากร จงึ ขอช้ีแจงหลกั เกณฑและวธิ ีการจัดเกบ็ ภาษีเงินได จากสามแี ละ ความคิด Concept แบบทดสอบ บคุ คลธรรมการจากสามีและภรยิ าสําหรบั การยน่ื รายการและ ภริยา (ฉบบั ที่ 2) Mapping 4. กจิ กรรมการเรียน เสยี ภาษีสาํ หรับปภ าษี 2555 เปนตน ไป ดังตอไปนี้ 4.1 ผูสอนและผูเรยี น รวมกนั อภิปรายเร่ือง แนวทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับการ

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงผลการเรียนรู ช้นิ งาน เรยี นรู ขอ 1 ใหย กเลิกคาํ ช้แี จงกรมสรรพากร เร่อื ง แนวทางปฏบิ ตั ิ จดั เก็บภาษีเงนิ ไดบ ุคคล เกีย่ วกับการจดั เก็บภาษเี งินไดบ ุคคลธรรมดาจากสามแี ละภรยิ า ธรรมดาจากสามีและภริยา ลงวนั ที่ 19 กนั ยายน 2555 (ฉบบั ท่ี 2) ขอ 2 การยื่นรายการเงินไดพ งึ ประเมนิ 5. ผเู รียนสรุปองคค วามรใู น 2.1 การยื่นรายการและเสียภาษแี ยกตา งหากจากกนั รูปแบบแผนผังความคดิ 2.1.1 สามีและภริยาตางฝา ยตา งมีหนา ทย่ี นื่ รายการและเสยี ภาษใี นนามตนเอง 2.1.2 สําหรบั เงินไดพ ึงประเมนิ ทไี่ มอ าจแยกไดวาเปน ของสามี หรือภรยิ าแตล ะฝา ยจาํ นวนเทา ใด (1) ถาเปนเงินไดพ งึ ประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) (6) (7) และ (8) แหง ประมวลรษั ฎากร ใหแบง เงนิ ไดพงึ ประเมิน เปนของสามแี ละภริยาฝา ยละก่งึ หนึ่ง (2) เฉพาะเงนิ ไดพงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (8) แหงประมวล รัษฎากร จะเลือกแบง เปนของแตละฝา ยตามสวนทต่ี กลงกันก็ ได แตร วมกันตอ งไมนอยกวาเงินไดพึงประเมินที่ไดร บั ถา ตกลง กนั ไมไดใหแ บง เปนของสามีและภรยิ าฝา ยละก่งึ หนึ่ง เม่ือไดเลอื กตาม (1) หรอื (2) แลว ใหถือวา เปน วิธีการยน่ื รายการสาํ หรบั ปภาษีนน้ั หากมีการเปลย่ี นแปลงวิธีการเลอื ก ยน่ื รายการในปภ าษีเดยี วกัน จะตอ งไดร ับอนุมตั ิจากอธบิ ดีกอน 2.2 การเลอื กยนื่ รายการและเสยี ภาษรี วมกนั สามแี ละภริยา อาจเลือกย่นื รายการและเสียภาษีโดยเลอื กเอาเงินไดทกุ รายการไปรวมกนั และยื่นเสยี ภาษีในนามของฝายใดฝา ยหนง่ึ หรือจะเลอื กแยกเฉพาะเงินไดต ามมาตรา 40 (1) แหงประมวล รัษฎากร ยน่ื รายการและเสยี ภาษใี นนามของตนเองก็ได ดังน้ี

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลงผลการเรียนรู ช้นิ งาน เรยี นรู - วธิ ที ่ี 1 การยืน่ รายการและเสยี ภาษรี วมกันทงั้ หมด ใหถือเอา เงินไดพงึ ประเมนิ ทง้ั หมดของภริยาเปน เงนิ ไดข องสามีหรือเอา เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ทั้งหมดของสามเี ปนเงินไดข องภริยา - วธิ ีที่ 2 การเลอื กย่นื รายการและเสียภาษรี วมกันบางสว น ให ถอื เอาเงนิ ไดพึงประเมนิ ทงั้ หมดตามมาตรา 40 (2) - (8) แหง ประมวลรัษฎากร ของสามีเปน เงนิ ไดข องภริยา สว นเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (1) แหงประมวลรษั ฎากร ของแตล ะ ฝายใหแยกยนื่ รายการและเสยี ภาษี ในนามของตนเองกไ็ ด เมื่อไดเ ลือกย่ืนรายการและเสยี ภาษีวธิ ใี ดวธิ หี นง่ึ แลว ใหถือวา เปน วธิ ีการยื่นรายการสาํ หรบั ปภาษนี ้ัน หากมกี ารเปลี่ยนแปลง วธิ กี ารเลือกยนื่ รายการในปภาษีเดียวกัน จะตอ งไดรับอนมุ ัติ จากอธบิ ดีกอ น ขอ 3 การหักคาใชจ ายและคาลดหยอ น 3.1 การหักคาใชจา ย ใหสามแี ละภริยาตา งฝา ยตา งหกั คาใชจ าย ไดตามอัตราทกี่ ําหนดไวส าํ หรับเงินไดแ ตล ะประเภท (ตาม มาตรา 42 ทวิ ถงึ มาตรา 46 แหง ประมวลรษั ฎากร) กรณที ีไ่ มอาจแยกไดว า เงนิ ไดพ งึ ประเมินนนั้ เปนของสามหี รือ ภริยาแตล ะฝา ยจํานวนเทา ใด ซ่ึงสามแี ละภริยาไดแ บงเงินได ตาม 2.1.2 และเงินไดพ ึงประเมินประเภทดังกลา วกําหนดให หักคา ใชจ า ยตามความจาํ เปน และสมควรไดนัน้ ใหส ามแี ละ ภรยิ าเฉลย่ี คาใชจ า ยตามสัดสว นของเงินไดพงึ ประเมินทไ่ี ด แบงเปน ของแตละฝา ย

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลงผลการเรียนรู ช้ินงาน เรียนรู 3.2 การหักลดหยอ น ตามมาตรา 47 แหง ประมวลรษั ฎากร 3.2.1 การหักลดหยอ นสาํ หรับผมู ีเงินได และสามหี รือภริยาของ ผมู เี งนิ ไดต ามมาตรา 47 (1) (ก) และ (ข) แหง ประมวลรษั ฎากร (1) กรณมี เี งนิ ไดฝา ยเดยี ว ใหผมู เี งินไดหกั ลดหยอนสว นตวั ได 30,000 บาท และหักลดหยอนสามีหรือภรยิ าของผูมเี งนิ ไดอีก 30,000 บาท (2) กรณมี เี งินไดทงั้ สองฝาย (ก) แยกย่นื รายการและเสยี ภาษตี า งหากจากกนั ใหผ ูมีเงินได หกั ลดหยอนสว นตวั ได 30,000 บาท แตจะหักลดหยอนสามี หรอื ภรยิ าของผูมเี งินไดอ ีกไมไ ด (ข) เลือกย่นื รายการและเสยี ภาษี - วิธีที่ 1 กรณถี อื เอาเงินไดพึงประเมนิ ทั้งหมดของภริยาเปนเงิน ไดข องสามี หรือเอาเงินไดทั้งหมดของสามเี ปน เงินไดข องภริยา ใหผ มู ีเงนิ ไดห ักลดหยอ นสวนตวั ได 30,000 บาท และหกั ลดหยอนสามีหรอื ภรยิ าของผูมเี งินได 30,000 บาท - วิธที ี่ 2 กรณีถอื เอาเงนิ ไดต ามมาตรา 40 (2) - (8) แหง ประมวลรัษฎากร ของภรยิ าเปน เงินไดข องสามี หรือเอาเงินได ทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) - (8) แหง ประมวลรัษฎากร ของ สามเี ปน เงินไดข องภรยิ า สวนเงินไดพงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (1) แหงประมวลรษั ฎากร ของแตล ะฝา ย แยกย่ืนรายการและ เสยี ภาษีในนามของตนเอง ใหผูมีเงินไดต างฝา ยตา งหัก ลดหยอ นสว นสวนตัว ฝา ยละ 30,000 บาท แตจะหักลดหยอน สามหี รือภริยาของผมู เี งินไดอ ีกไมได 3.2.2 การหักลดหยอ นบตุ รและการหกั ลดหยอนการศึกษาบุตร ตามมาตรา 47 (1) (ค) (ฉ) แหง ประมวลรัษฎากร

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหลงผลการเรียนรู ชิ้นงาน เรียนรู คนละ 15,000 บาท โดยไมจ าํ กดั จาํ นวนบตุ ร และยกเลกิ คา ลดหยอนการศกึ ษา **ในกรณีผูมีเงนิ ไดมที ้ังบตุ รชอบดว ย กฎหมายและบตุ รบญุ ธรรม ใหนาํ บุตรชอบดวยกฎหมาย ทั้งหมดมาหักกอน แลวจึงนาํ บตุ รบญุ ธรรมมาหัก เวน แต  ในกรณีผูมเี งินไดมีบุตรชอบดวยกฎหมายที่มีชวี ิตอยูรวม เปนจาํ นวนต้ังแต 3 คนขนึ้ ไป จะนําบตุ รบญุ ธรรมมาหักไมได  แตถาบุตรชอบดวยกฎหมายมจี ํานวนไมถ งึ 3 คน ใหนาํ บตุ รบุญธรรมมาหักได โดยเมื่อรวมกับบุตรชอบดวยกฎหมาย แลว ตอ งไมเกนิ 3 คน (ข) เลือกยื่นรายการและเสียภาษี - วิธีท่ี 1 กรณถี ือเอาเงินไดพ ึงประเมินท้ังหมดของภรยิ าเปน เงนิ ไดข องสามี หรือเอาเงินไดท ้งั หมดของสามเี ปน เงินไดข องภรยิ า ใหหักลดหยอนสาํ หรบั บตุ รรวมกันได 30,000 บาท และ การศกึ ษาบตุ ร 4,000 บาท สาํ หรับบตุ ร 1 คน - วิธีท่ี 2 กรณีถอื เอาเงินไดต ามมาตรา 40 (2) - (8) แหง ประมวลรัษฎากร ของภรยิ าเปน เงนิ ของสามี หรอื เอาเงนิ ได ทงั้ หมดตามมาตรา 40 (2) - (8) แหงประมวลรัษฎากร ของ สามีเปน เงนิ ไดข องภริยา สวนเงินไดพงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (1) แหงประมวลรัษฎากร ของแตละฝา ยแยกย่ืนรายการและ เสยี ภาษใี นนามของตนเอง ใหผมู เี งินไดตางฝา ยตางหัก ลดหยอนสาํ หรับบุตรได 15,000 บาท และการศกึ ษาบุตร 2,000 บาท สําหรับบุตร 1 คน

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู สือ่ /แหลงผลการเรียนรู ชนิ้ งาน เรียนรู 3.2.3 การหักลดหยอ นสาํ หรับดอกเบ้ียเงินกยู ืม ตามมาตรา 47 (1) (ซ) แหง ประมวลรัษฎากร (1) กรณมี ีเงินไดฝ ายเดยี ว สามแี ละภรยิ าตา งฝา ยตา งกูยมื ให ฝายทมี่ เี งนิ ไดหกั ลดหยอ นสําหรับดอกเบ้ยี เงนิ กยู มื ไดเฉพาะ สว นของตนไดต ามจํานวนทีจ่ า ยจริงแตไมเกิน 10,000 บาท ถา สามีหรือภรยิ ามีเงนิ ไดฝ ายเดียวและรวมกนั กยู ืม ใหส ามีหรือ ภรยิ าฝายที่มเี งนิ ไดห กั ลดหยอนสําหรบั ดอกเบ้ียเงินกูยมื ไดตาม จาํ นวนที่จา ยจรงิ แตไ มเ กนิ 10,000 บาท (2) กรณมี เี งินไดท ้งั สองฝา ย (ก) แยกยื่นรายการและเสียภาษีตา งหากจากกนั - กรณที ่ี 1 ถากูยมื ฝา ยเดียว สามีหรือภรยิ าฝา ยท่กี ูยืมสามารถ หักลดหยอนสาํ หรบั ดอกเบยี้ เงนิ กยู ืมไดต ามจาํ นวนที่จายจรงิ แต ไมเกนิ 10,000 บาท - กรณที ี่ 2 ถา รว มกนั กยู มื ใหตา งฝา ยตา งหักลดหยอนสําหรับ ดอกเบี้ยเงนิ กูยมื ไดกึ่งหนึ่งของจาํ นวนทจี่ า ยจริงแตร วมกันไม เกนิ 10,000 บาท ทั้งนี้ ไมวาความเปนสามภี ริยาจะไดม ีอยู ตลอดปภ าษหี รอื ไมกต็ าม - กรณที ่ี 3 ถา ตา งฝา ยตา งกูยืม ใหต า งฝายตา งหกั ลดหยอ น สาํ หรบั ดอกเบ้ยี เงินกยู มื ไดก ึ่งหนึ่งของจาํ นวนทีจ่ า ยจรงิ แต รวมกนั ไมเกนิ 10,000 บาท ท้ังน้ี ไมวา ความเปน สามีภรยิ าจะ ไดมอี ยตู ลอดปภาษหี รอื ไมก็ตาม -กรณีที่ 4ถา ตา งฝา ยตา งมสี ทิ ธหิ ักลดหยอ นดอกเบี้ยเงนิ กูย ืมอยกู อน แลว ตอ มาสมรสกนั ใหต า งฝา ยตา งยงั คงหกั ลดหยอนสาํ หรบั ดอกเบีย้ เงนิ กยู ืมสวนของตนไดต ามจาํ นวนทีจ่ า ยจรงิ แตไ มเ กิน 10,000บาท ทัง้ นี้ไมว า ความเปนสามีภรยิ าจะไดม อี ยูตลอดปภ าษีหรอื ไมกต็ าม

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลงผลการเรียนรู ช้ินงาน เรียนรู (ข) เลอื กยนื่ รายการและเสยี ภาษี โดยสามีและภรยิ าตา งฝา ย ตา งกยู ืม - วธิ ีท่ี 1 กรณีถอื เอาเงนิ ไดพึงประเมนิ ทงั้ หมดของภรยิ าเปน เงิน ไดข องสามี หรอื เอาเงนิ ไดทงั้ หมดของสามเี ปนเงินไดของภริยา ใหผูม เี งนิ ไดห ักลดหยอ นสาํ หรับดอกเบี้ยเงนิ กูยืมในสว นของตน ตามจาํ นวนทจ่ี ายจรงิ แตไ มเกนิ 10,000 บาท และสวนของสามี หรอื ภริยาของผูมีเงนิ ไดตามจาํ นวนทจ่ี า ยจริงแตไมเ กิน 10,000 บาท - วธิ ที ี่ 2 กรณีถือเอาเงินไดตามมาตรา 40 (2) - (8) แหง ประมวลรัษฎากร ของภรยิ าเปน เงนิ ไดของสามี หรือเอาเงินได ท้งั หมดตามมาตรา 40 (2) - (8) แหงประมวลรษั ฎากร ของ สามีเปนเงนิ ไดข องภริยาสว นเงนิ ไดพ ึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แหงประมวลรัษฎากร ของแตล ะฝา ยแยกย่นื รายการและ เสียภาษใี นนามของตนเอง ใหผูมเี งินไดต างฝา ยตา งหัก ลดหยอนสําหรบั ดอกเบยี้ เงินกูยมื ในสว นของตนไดต ามจาํ นวน ท่ีจายจริงแตไ มเกนิ 10,000 บาท 3.2.4 กรณีรายการลดหยอนใดทม่ี สี ิทธิหกั ไดเ พมิ่ ขึน้ (ยกเวน ภาษสี าํ หรับเงินไดเทา ทจ่ี า ย) ผมู เี งนิ ไดย งั คงหกั ลดหยอนได เชน เดมิ เชน ดอกเบย้ี เงนิ กยู ืมมีสทิ ธหิ ักลดหยอนไดรวม 100,000 บาท (ลดหยอน 10,000 บาท และยกเวนภาษอี ีก 90,000 บาท) เบี้ยประกนั ชวี ติ มีสิทธหิ ักลดหยอ นไดรวม 100,000 บาท (ลดหยอ น 10,000 บาท และยกเวน ภาษีอีก 90,000 บาท) ซ่งึ จะตอ งเปน ไปตามหลักเกณฑและวิธกี ารที่ กาํ หนดไวใ นแตละกรณี

ตวั ช้วี ดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลงผลการเรียนรู ชนิ้ งาน เรียนรู สําหรบั การหกั ลดหยอนรายการอื่นนอกเหนือจากที่กลาว ขา งตน เชน เบย้ี ประกันชวี ิต กองทนุ สาํ รองเลีย้ งชีพ กองทุน ประกนั สงั คม คาอปุ การะเล้ยี งดูบดิ ามารดา เปนตน ผูมเี งินได ยงั คงมสี ิทธิหกั ลดหยอนไดต ามมาตรา 47 แหงประมวล รษั ฎากร เชนเดิม ขอ 4 การเก็บภาษีเงินไดจากสามแี ละภริยากอนปภ าษี 2555 นั้น เนื่องจากศาลรัฐธรรมนญู ไดมคี าํ วินิจฉยั ที่ 48/2545 ลง วันที่ 12 กันยายน 2545 วา ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ ไมข ดั หรอื ขัดแยงตอรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 29 มาตรา 30 และมาตรา 80 ดงั น้นั การจดั เกบ็ ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดาจาก สามีและภรยิ ากอ นปภ าษี 2555 ตองปฏิบตั ิตามคําวนิ ิจฉัยของ ศาลรฐั ธรรมนูญท่ี 48/2545 ลงวันที่ 12 กันยายน 2545 และ บงั คบั ใชบทบญั ญตั ิในมาตรา 57 ตรี และมาตรา เบญจ แหง ประมวลรัษฎากรตอ ไป โดยไมขดั หรอื แยงตอคาํ วนิ จิ ฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2555 ลงวนั ท่ี 4 กรกฎาคม 2555

แผนการจดั การเรียนรู ชือ่ หนวยการเรยี นรทู ่ี 2 เรอื่ ง การหักคาใชจ า ย คาลดหยอน และเงนิ บรจิ าค แผนการสอนท่ี 5 เร่อื ง การหักคา ใชจาย รายวชิ า ภาษเี งินไดบคุ คลธรรมดากบั การบญั ชีช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 รหสั วิชา ง 32288 ครผู ูสอน นางสาวปท มา ปลงั่ เปลอื่ ง ตาํ แหนง ครูผูชวย เวลาทใี่ ช 2 ช่ัวโมง ตัวชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง เรยี นรู ผลการเรียนรู ชิ้นงาน1. มคี วามเขาใจ วิธีการหกั คาใชจายภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดา 1. แบบทดสอบ 1. การสงั เกต 1. นาํ เขา สูบทเรียนโดย 1. หนงั สือเรียนหลักการบันทกึ บญั ชี - ความตงั้ ใจและสนใจวิธีการคาํ นวณ และ มาตรา 42 ทวิ เงินไดพงึ ประเมินตามความในมาตรา 40(1) กอ น-หลังเรียน ของผูเ รียน กลาวถงึ ความหมายเรื่องการ วิชาภาษเี งนิ ไดข้นั ตอนการยน่ื แบบ - ความรว มมอื ในการแสดงรายการเสีย และ (2) ยอมใหหักคาใชจ ายเปน การเหมาไดร อ ยละ 40 แต 2. การทดสอบ อภปิ ราย หักคา ใชจา ย บุคคลธรรมดากับภาษเี งินไดบุคคล - การแสดงความธรรมดา รวมกนั ตอ งไมเกิน 60,000 บาท ถาม-ตอบ คดิ เห็นอยา งมีเหตุผล 2. ซกั ถามผูเรียนเปน การบัญชี 2. ตรวจแบบทดสอบ ในกรณสี ามีภรยิ าตางฝายตา งมีเงนิ ไดต ามวรรคหน่ึง และความ 3. แผนผงั กอน-หลังเรยี น รายบคุ คล 2. ส่ือนําเสนอ 3. ตรวจการเขียนผงั เปนสามภี รยิ าไดมีอยูตลอดปภาษี ใหต างฝายตา งหักคาใชจา ย ความคิด เรื่อง ความคิด Concept 3. ประเมินผลกอนเรยี น- PowerPoint Mapping ไดตามเกณฑในวรรคหนึ่ง การหกั คา ใชจ า ย หลงั เรยี นโดยการทํา เร่ืองการหัก มาตรา 42 ตรี เงินไดพงึ ประเมินตามมาตรา 40(3) เฉพาะท่ี แบบทดสอบ คา ใชจ าย เปนคาแหงลขิ สทิ ธ์ิยอมใหหักคาใชจา ยเปน การเหมาไดรอ ยละ 4. กิจกรรมการเรยี น 40 แตตองไมเ กนิ 60,000 บาท ในกรณีสามีภรยิ าตางฝายตา งมี 4.1 ผสู อนและผเู รียน เงินไดต ามวรรคหน่งึ และความเปน สามีภรยิ าไดม ีอยูต ลอดป รว มกันอภิปรายเรอื่ งการหัก ภาษี ใหต า งฝายตา งหักคา ใชจายไดตามเกณฑในวรรคหนึ่ง คา ใชจ า ย มาตรา 43 เงนิ ไดพึงประเมินตามความในมาตรา 40(5) ยอมให 5. ผูเรยี นสรุปองคค วามรใู น หกั คาใชจ า ยไดต ามที่กําหนดโดยพระราชกฤษฎกี า รปู แบบแผนผงั ความคิด มาตรา 44 เงนิ ไดพึงประเมินตามความในมาตรา 40(6) ยอมให หักคาใชจ า ยไดต ามทก่ี าํ หนดโดยพระราชกฤษฎกี า มาตรา 45 เงินไดพ ึงประเมนิ ตามความในมาตรา 40 (7) ยอม ใหหักคาใชจ า ยไดตามทกี่ าํ หนดโดยพระราชกฤษฎีกา มาตรา 46 เงนิ ไดพ ึงประเมนิ ตามความในมาตรา 40(8) ยอมให หกั คาใชจา ยไดตามท่ีจะไดก าํ หนดโดยพระราชกฤษฎกี า

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู ช้นิ งาน หลกั การ: มาตรา 42 ทวิ – 46 เปน เรอื่ งของวิธกี ารหักคาใชจา ย โดย สามารถสรปุ สั้นๆไดด ังนี้ มาตรา 40 (1)-(4) สามารถหักเปน การเหมา ไดอ ยา งเดยี ว ซ่งึ เปนแบบมเี พดานการหักและมอี ตั ราเดียว คือ 40% แตไ มเกิน 60,000 บาท 1. เงนิ ไดต ามมาตรา 40 (1) + (2) รวมกนั หกั ได 40% แตไ ม เกนิ 60,000 บาท 2.เงินไดต ามมาตรา 40(3)เงนิ ลขิ สทิ ธิ์ (เชน การเขยี นนิยาย)ตัวเดยี ว เทา นนั้ ใน(3)ทห่ี กั ได 40% แตไมเ กนิ 60,000บาทสว นเงนิ สิทธิบัตร เครอ่ื งหมายการคา หรอื อะไรกแ็ ลว แตหกั ไมไ ดเ ลย ซง่ึ จะเหน็ วา กฎหมาย ไมส นับสนนุ ใหห กั เรอื่ งทรพั ยสนิ ทางปญญา 3. เงินไดต ามมาตรา 40 (4) หกั อะไรไมไ ดเ ลย ไมวา จะเปน ประเภทใดก็ตาม มาตรา 40 (5)-(8) เปนเงินประเภทท่ีหักได 2 รปู แบบ ซง่ึ ผเู สีย ภาษีเลือกไดว าจะหักแบบไหน 1.หกั เปน การเหมา แบบไมมีเพดาน(ควรเลอื กถาไมต องการวุนวาย) 2. หกั ตามความจาํ เปน และตามสมควร โดยแบงออกเปนเงินไดแตละประเภทดังนี้ 1. เงนิ ไดตามมาตรา 40 (5) หกั ได 30% 2. เงินไดต ามมาตรา 40 (6) วชิ าชพี อิสระ หักได 30% ยกเวน คณุ หมอ (หมอรกั ษาคน) หกั ได 60% ไมม เี พดาน (60% ตาม เลขวงเลบ็ ซง่ึ เปนเทา ตัวของวิชาชีพอิสระอน่ื ) 3. เงินไดตามมาตรา 40 (7) 70% คงที่ ไมมีเพดานจากรายได 4. เงินไดตามมาตรา 40 (8) ตองดูจากตาราง ดใู น พระราช กฤษฎีกา ฉบบั ที่ 11

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู สื่อ/แหลงเรียนรูผลการเรียนรู ช้ินงาน การหักลดหยอน หมายถงึ รายการตา งๆ ทก่ี ฎหมายได 1.แบบทดสอบ 1.การสังเกต 1.นาํ เขา สูบ ทเรยี นโดย 1. หนงั สือเรียน กาํ หนดใหหักไดเ พม่ิ ข้ึนหลงั จากไดหกั คา ใชจ า ยแลว เพื่อเปน กอน-หลงั เรียน -ความตงั้ ใจและสนใจ กลาวถงึ ความหมายเรอื่ งการ วชิ าภาษเี งนิ ได การบรรเทาภาระภาษใี หแ กผูเ สียภาษกี อนนาํ เงนิ ไดทเ่ี หลือซึ่ง 2.การทดสอบ ของผเู รยี น หกั ลดหยอนและเงนิ บริจาค บคุ คลธรรมดากบั เรยี กวา เงนิ ไดสทุ ธไิ ปคาํ นวณภาษีตามบัญชีอตั ราภาษเี งนิ ได ถาม-ตอบ -ความรวมมอื ในการ 2. ซักถามผเู รยี นเปน การบัญชี บคุ คลธรรมดา รายการหักลดหยอนกรณีตาง ๆ มีดังตอไปน้ี 3. แผนผงั อภิปราย รายบุคคล 2. สอื่ นําเสนอ 1 การหักลดหยอ นในกรณีท่ัวไป ความคิด เรอ่ื ง -การแสดงความคดิ เหน็ 3. ประเมนิ ผลกอนเรียน- PowerPoint 1.1 ผูมเี งินได 30,000 บาท ไมว า จะอยูในประเทศไทยถงึ 180 การหักลดหยอน อยา งมีเหตุผล หลงั เรียนโดยการทํา เรื่องการหัก วนั หรือไมกต็ าม และเงนิ บรจิ าค 2.ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ลดหยอ นและเงิน 1.2 สามหี รือภริยาของผมู ีเงนิ ได 30 000 บาท กอ น-หลงั เรียน 4.กิจกรรมการเรยี น บริจาค 1.3 การหักลดหยอนบุตร ใหหกั สาํ หรับบุตรชอบดว ยกฎหมาย 3. ตรวจการเขียนผงั 4.1 ผูสอนและผเู รยี น หรือบุตรบุญธรรมของผูมีเงนิ ได รวมท้งั บุตรชอบดวยกฎหมาย ความคดิ Concept รวมกันอภปิ รายเร่ืองการหัก ของสามีหรือภริยาของผมู ีเงนิ ไดดว ย โดยมเี งื่อนไขวาบตุ รทเี่ กิด Mapping ลดหยอนและเงินบรจิ าค กอ นหรือ ในพ.ศ. 2522 หรือท่ไี ดรบั เปนบุตรบุญธรรม กอน 5. ผเู รยี นสรุปองคความรูใน พ.ศ.2522 คนละ 15,000 บาท บุตรที่ เกดิ หลัง พ ศ 2522 รปู แบบแผนผงั ความคดิ หรือท่ีไดร บั เปน บตุ รบุญธรรมในหรือหลัง พ ศ 2522 คนละ 15,000 บาท แตรวมกันตองไมเ กิน 3 คน การนับ ฃจาํ นวนบุตรใหนบั เฉพาะ บุตรทม่ี ชี วี ติ อยูตามลาํ ดบั อายุสงู สดุ ของบตุ ร โดยใหน ับรวมท้ังบุตร ทไี่ มอยใู นเกณฑไ ดร ับการหัก ลดหยอ นดว ย การหกั ลดหยอนสาํ หรับบุตร ใหหกั ไดเ ฉพาะบุตร ซึ่งมี อายุไมเ กนิ 25 ป และ ยงั ศึกษาอยู ในมหาวิทยาลยั หรือ ชนั้ อดุ มศึกษาเฉพาะภายในประเทศใหลดหยอนเพอื่ การศกึ ษา ไดอกี คนละ 2,000 บาท หรือเปน ผูเยาว

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู ชน้ิ งาน 1.4 เบ้ยี ประกนั ภยั ที่ผมู เี งนิ ไดจ ายไปในปภาษี สาํ หรับการ ประกนั ชวี ิตของผูม เี งินไดตามจํานวนที่จา ยจริง โดยสว นแรกหัก ได 10,000 บาท สวนทเ่ี กิน 10,000 บาท หักไดไ มเ กินเงินได หลังจากหักคาใชจาย แตไ มเกนิ 40,000 บาท ท้ังน้ี เฉพาะใน กรณีท่ีกรมธรรมประกนั ชีวิตมี กาํ หนดเวลาตัง้ แต 10 ปข ึ้นไป และการประกันชีวิตน้ันไดเ อาประกนั ไวก บั ผรู ับประกนั ภัยท่ี ประกอบกจิ การประกนั ชวี ติ ในราชอาณาจักร ในกรณีสามหี รอื ภรยิ าของผมู ีเงนิ ไดมีการประกนั ชีวิตและความเปนสามีภรยิ าได มอี ยูต ลอดปภาษใี หหักลดหยอนไดด ว ยสาํ หรับเบ้ยี ประกนั ที่ จายสาํ หรบั การประกันชวี ติ ของสามีหรือภริยานน้ั ตามเกณฑ ขางตน การฝากเงินออมสนิ ประเภทสงเคราะหช วี ิตและ ครอบครวั ก็อยใู นขา ยที่จะขอหักลดหยอนตามเกณฑนีไ้ ดดว ย 1.5 เงินสะสม ทจี่ า ยเขา กองทุนสาํ รองเลี้ยงชพี หกั ลดหยอนไดตามจาํ นวนทจ่ี ายจรงิ แตไมเกิน 10,000 บาท สว น ทีเ่ กิน 10,000 บาท แตไ มเ กนิ 290,000 บาท เปน เงินทไ่ี ดร ับ ยกเวนภาษี โดยนาํ จาํ นวนเงนิ สวนทีเ่ กินดงั กลาวหกั จากเงินได พงึ ประเมิน กอนหักคาใชจา ยตามจํานวนทจี่ ายจรงิ แตไ มเ กิน 290,000 บาท 1.6 ดอกเบี้ยเงนิ กยู มื จากการกยู ืมเงนิ เพือ่ ซอ้ื เชา ซ้ือ หรือสรา ง อาคารอยูอ าศยั โดยจาํ นองอาคารทซ่ี ้ือหรอื สรางเปนประกนั การกูย มื นัน้ ตามจาํ นวนเงินทไ่ี ดจ ายไปจรงิ ในปภาษี 2547 แต ไมเ กนิ 50,000 บาท ท้งั น้ี ตอ งเปนไปตามหลักเกณฑ และ วธิ กี ารดงั นี้

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลงเรียนรูผลการเรียนรู ชนิ้ งาน 1 เปนดอกเบ้ยี เงนิ กยู ืม สําหรับการกยู ืมจากผูประกอบกจิ การ ในราชอาณาจักรเฉพาะทก่ี ําหนดไว ไดแ ก ธนาคาร บริษทั ตาม กฎหมายวาดวยการประกอบธุรกจิ เงินทนุ ธรุ กจิ หลักทรัพย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซิเอร บริษทั ประกันชวี ติ สหกรณ นายจาง ซึง่ มีระเบียบเกี่ยวกับเงนิ กองทุนทีจ่ ัดสรรไวเพื่อสวัสดิการแก ลกู จาง บรรษัทตลาดรองสินเชอ่ื ที่อยูอาศัยตามกฎหมายวาดว ย บรรษัทตลาดรองสินเช่อื ทอ่ี ยูอาศัย กองทุนรวมอสงั หารมิ ทรพั ย เพือ่ แกไ ขปญ หาในระบบสถาบันการเงินทีจ่ ัดต้ังข้นึ ตาม กฎหมายวา ดว ยหลกั ทรัพยแ ละตลาดหลกั ทรพั ย กองทนุ รวม เพื่อแกไขปญ หาในระบบสถาบนั การเงนิ ทจี่ ดั ต้งั ขน้ึ ตาม กฎหมายวาดวยหลักทรัพยแ ละตลาดหลกั ทรัพย กองทุน บําเหนจ็ บํานาญขาราชการตามกฎหมาย วา ดวยบําเหน็จ บาํ นาญขาราชการ 2 เปนดอกเบ้ียเงินกูยืมตามสัญญากูยืมเงินเพื่อซื้อ เชาซื้อ อาคารพรอมท่ีดิน หรือหองชุดในอาคารชุด หรือเพ่ือสราง อาคารใชอยูอาศัยบนที่ดินของตนเองหรือบนที่ดินที่ตนเองมี สทิ ธิครอบครอง 3 ตองจํานองอาคารหรือหองชุดในอาคารชุด หรืออาคารพรอม ท่ีดิน เปนประกันการกูยืมเงินน้ัน โดยมีระยะเวลาจํานองตาม ระยะเวลาการกยู ืม 4 จางซึ่งถูกนายจางสั่งใหไปปฏิบัติงานของนายจาง ณ ตางถิ่น เปนประจาํ หรอื กรณอี าคารหรือหองชุดดังกลาวเกิดอัคคีภัย ภัย ธรรมชาติ หรือภัยอันเกิดจากเหตุอื่น ทั้งน้ี เฉพาะท่ีมิใช ความผิดของผูมีเงินไดจนไมอาจใชอาคารหรือหองชุดนั้นอยู อาศัยได

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู สือ่ /แหลง เรียนรูผลการเรียนรู ชิ้นงาน 5 กรณีผูมีเงินไดมีอาคารหรือหองชุดในอาคารชุดตาม 3 เปนท่ี อยูอาศัยในปที่ขอหักลดหยอนเกินกวา 1 แหง ใหหักลดหยอน ไดท กุ แหง สําหรบั อาคารหรือหอ งชดุ ในอาคารชดุ ตาม 3 6 ใหห ักลดหยอนไดตลอดปภาษี ไมวากรณีท่ีจะหักลดหยอนได น้ันจะมีอยตู ลอดปภาษีหรือไม 7 กรณผี ูมเี งนิ ไดหลายคนรว มกันกูยืม ใหหักลดหยอ นไดท ุกคน โดยเฉลี่ยคา ลดหยอนตามสวนจาํ นวนผูมเี งนิ 8 กรณีสามีภรยิ ารวมกันกยู ืมโดยสามีหรอื ภริยามีเงินไดฝา ย เดียวใหหักลดหยอนสําหรบั ผูมเี งนิ ไดเ ตม็ จาํ นวนตามท่ีจายจริง แตไมเ กิน 50,000 บาท 1.7 เงนิ สมทบ ท่ผี ูประกันตนจา ยเขา กองทุนประกนั สงั คม ตาม กฎหมายวาดว ยการ ประกนั สงั คมตามจํานวนทจี่ ายจรงิ ใน กรณสี ามหี รือภรยิ าของผูมีเงินได ซึ่งเปน ผปู ระกันตนจายเงนิ สมทบเขากองทุนประกนั สังคม ขางตนและความเปน สามภี ริยา ไดม ีอยูตลอดปภาษี 1.8 คาอปุ การะเลีย้ งดบู ดิ ามารดาของผมู ีเงินได คาอปุ การะเลย้ี งดบู ดิ ามารดาของคสู มรสท่ไี มม เี งินได ทั้งนี้ บิดามารดามีอายุ 60 ปขนึ้ ไป และไมม เี งนิ ไดพ งึ ประเมินเกนิ 30,000 บาทในปภ าษี หักคา ลดหยอน คน ละ 15,000 บาท

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลง เรียนรูผลการเรียนรู ชิ้นงาน 1.9 เงนิ สนบั สนุนเพื่อการศึกษา ไดแ ก เงินท่ีจา ยเปนคาใชจ า ย เพ่อื สนับสนุนการศกึ ษา มสี ิทธิหกั ลดหยอนได 2 เทาของ จํานวนเงนิ ท่ไี ดจา ยไปจริง 1.10 เงินบรจิ าค เม่อื หกั ลดหยอ นตาง ๆ หมดแลว เหลือเทาใด ใหหักลดหยอนไดอ ีกสาํ หรบั เงนิ บรจิ าค เงนิ บรจิ าคท่ีหกั คา ลดหยอ นไดน้ันผมู ีเงนิ ไดต อ งบริจาคเปน เงนิ ใหแกก ารกศุ ล สาธารณะ โดยหักได เทา จํานวนเงนิ ทจี่ ายจริงแตต องไมเ กนิ รอยละ 10 ของเงนิ ไดห ลังจากหักคาใชจ ายและหกั คาลดหยอ น ตา ง ๆ ขางตน แลว

แผนการจัดการเรียนรู ชอ่ื หนว ยการเรียนรูที่ 2 เร่ือง การหกั คาใชจ า ย คา ลดหยอน และเงินบริจาค แผนการสอนท่ี 6 เรอื่ ง การหกั ลดหยอ นและเงินบริจาค รายวชิ า ภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดากับการบญั ชีช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 รหสั วชิ า ง 32288 ครูผูสอน นางสาวปทมา ปลง่ั เปลือ่ ง ตําแหนง ครูผชู วย เวลาทใ่ี ช 2 ช่ัวโมง ตัวชี้วดั / ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง เรียนรู ผลการเรยี นรู ชิ้นงาน การหกั ลดหยอ น หมายถงึ รายการตา งๆ ทีก่ ฎหมายได 1. การสังเกต 1. นําเขา สูบทเรียนโดย 1. หนงั สอื เรียน1. มคี วามเขา ใจ กาํ หนดใหหกั ไดเพิ่มขึน้ หลงั จากไดห กั คาใชจา ยแลว เพ่ือเปน 1. แบบทดสอบ - ความตง้ั ใจและสนใจ กลา วถึงความหมายเรือ่ ง วชิ าภาษีเงินไดหลักการบันทกึ บญั ชี การบรรเทาภาระภาษีใหแ กผ ูเสยี ภาษีกอ นนาํ เงินไดที่เหลอื ซึ่ง กอ น-หลังเรียน ของผูเ รียน การหักลดหยอ นและเงนิ บคุ คลธรรมดากับวิธกี ารคาํ นวณ และ เรียกวาเงนิ ไดสุทธิไปคาํ นวณภาษีตามบญั ชอี ัตราภาษีเงนิ ได 2. การทดสอบ - ความรวมมือในการ บริจาค การบญั ชีขนั้ ตอนการยื่นแบบ บุคคลธรรมดา รายการหักลดหยอนกรณตี า ง ๆ มีดังตอไปน้ี ถาม-ตอบ อภิปราย 2. ซกั ถามผเู รยี นเปน 2. สอื่ นาํ เสนอแสดงรายการเสีย 1 การหักลดหยอ นในกรณที วั่ ไป - การแสดงความ รายบุคคล PowerPointภาษีเงนิ ไดบคุ คล 1.1 ผมู เี งินได 30,000 บาท ไมว าจะอยใู นประเทศไทยถึง 180 คดิ เหน็ อยา งมเี หตุผล 3. ประเมนิ ผลกอนเรยี น- เรอ่ื งการหักธรรมดา วนั หรอื ไมก ต็ าม 2. ตรวจแบบทดสอบ หลงั เรียนโดยการทํา ลดหยอนและเงิน 1.2 สามีหรือภรยิ าของผมู เี งนิ ได 30 000 บาท กอน-หลังเรยี น แบบทดสอบ บรจิ าค 1.3 การหักลดหยอนบุตร ใหหักสําหรบั บุตรชอบดวยกฎหมาย 3. ตรวจการเขียนผัง 4. กจิ กรรมการเรยี น หรือบุตรบญุ ธรรมของผมู ีเงินได รวมทง้ั บุตรชอบดว ยกฎหมาย ความคดิ Concept 4.1 ผูสอนและผูเรียน ของสามหี รือภริยาของผมู ีเงินไดดวย โดยมีเงอื่ นไขวา บตุ รทเี่ กดิ Mapping รว มกนั อภปิ รายเรอื่ งการ กอนหรือ ในพ.ศ. 2522 หรือทไ่ี ดรับเปน บตุ รบญุ ธรรม กอน หักลดหยอ นและเงนิ พ.ศ.2522 คนละ 15,000 บาท บตุ รที่ เกดิ หลัง พ ศ 2522 บริจาค หรือทไ่ี ดร บั เปนบตุ รบุญธรรมในหรือหลัง พ ศ 2522 คนละ 5. ผเู รียนสรปุ องคความรู 15,000 บาท แตร วมกนั ตองไมเ กนิ 3 คน ในรปู แบบแผนผงั ความคิด

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สือ่ /แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู ชิ้นงาน การนับจํานวนบุตรใหนับเฉพาะ บตุ รทีม่ ชี วี ิตอยตู ามลาํ ดบั อายุ สงู สดุ ของบตุ ร โดยใหน ับรวมท้ังบุตร ทีไ่ มอ ยูในเกณฑไดรับการ หักลดหยอนดวย การหักลดหยอนสาํ หรบั บตุ ร ใหหกั ไดเ ฉพาะ บตุ รซ่ึงมี อายุไมเ กิน 25 ป และ ยังศึกษาอยู ในมหาวทิ ยาลัย หรอื ชนั้ อดุ มศกึ ษาเฉพาะภายในประเทศใหล ดหยอนเพื่อ การศึกษาไดอีกคนละ 2,000 บาท หรอื เปน ผูเยาว 1.4 เบ้ยี ประกันภัย ท่ผี มู ีเงินไดจายไปในปภ าษี สาํ หรบั การ ประกนั ชีวติ ของผมู เี งินไดตามจาํ นวนท่จี า ยจรงิ โดยสว นแรกหัก ได 10,000 บาท สว นท่ีเกิน 10,000 บาท หักไดไ มเ กินเงนิ ได หลังจากหักคา ใชจา ย แตไ มเกิน 40,000 บาท ทง้ั น้ี เฉพาะใน กรณีท่ีกรมธรรมประกนั ชีวติ มี กาํ หนดเวลาตง้ั แต 10 ปข ึ้นไป และการประกันชวี ิตน้นั ไดเ อาประกันไวก ับผูร บั ประกนั ภัยที่ ประกอบกจิ การประกนั ชวี ิตในราชอาณาจักร ในกรณสี ามีหรือ ภรยิ าของผมู ีเงนิ ไดมีการประกันชีวติ และความเปนสามีภรยิ าได มอี ยูตลอดปภ าษีใหหักลดหยอนไดด วยสําหรบั เบีย้ ประกนั ที่ จา ยสาํ หรับการประกนั ชวี ิตของสามหี รือภริยานน้ั ตามเกณฑ ขา งตน การฝากเงินออมสินประเภทสงเคราะหช วี ติ และ ครอบครวั กอ็ ยใู นขายทจี่ ะขอหกั ลดหยอนตามเกณฑน ีไ้ ดด วย 1.5 เงินสะสม ท่จี า ยเขา กองทนุ สํารองเล้ียงชพี หกั ลดหยอ นไดตามจาํ นวนทจ่ี ายจรงิ แตไมเกนิ 10,000 บาท สว น ทเ่ี กิน 10,000 บาท แตไ มเ กิน 290,000 บาท เปน เงินท่ไี ดร ับ ยกเวน ภาษี โดยนาํ จาํ นวนเงินสว นทีเ่ กนิ ดงั กลาวหักจากเงินได พึงประเมนิ กอ นหักคาใชจ ายตามจาํ นวนท่ีจา ยจริงแตไมเกนิ 290,000 บาท

ตวั ชวี้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู สื่อ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู ชิ้นงาน 1.6 ดอกเบ้ียเงนิ กยู มื จากการกยู มื เงนิ เพอ่ื ซ้อื เชา ซือ้ หรือสราง อาคารอยอู าศัย โดยจํานองอาคารทซี่ ้ือหรอื สรา งเปนประกนั การกูยืมนนั้ ตามจาํ นวนเงินทไ่ี ดจายไปจรงิ ในปภาษี 2547 แต ไมเ กิน 50,000 บาท ทั้งนี้ ตอ งเปนไปตามหลกั เกณฑ และ วิธกี ารดงั น้ี 1. เปนดอกเบี้ยเงินกูยืม สําหรบั การกยู ืมจากผปู ระกอบกิจการ ในราชอาณาจกั รเฉพาะท่กี ําหนดไว ไดแก ธนาคาร บริษัทตาม กฎหมายวา ดว ยการประกอบธรุ กจิ เงนิ ทุน ธรุ กจิ หลักทรพั ย และธรุ กจิ เครดิตฟองซิเอร บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ สหกรณ นายจาง ซง่ึ มรี ะเบียบเก่ียวกับเงินกองทนุ ทีจ่ ัดสรรไวเพื่อสวสั ดิการแก ลกู จาง บรรษัทตลาดรองสินเช่ือท่อี ยูอาศัยตามกฎหมายวาดวย บรรษทั ตลาดรองสนิ เช่อื ท่ีอยูอาศยั กองทนุ รวมอสงั หารมิ ทรัพย เพอ่ื แกไขปญหาในระบบสถาบนั การเงินท่จี ดั ต้งั ขึ้นตาม กฎหมายวาดว ยหลักทรัพยและตลาดหลักทรพั ย กองทุนรวม เพื่อแกไขปญหาในระบบสถาบันการเงนิ ที่จัดตัง้ ขนึ้ ตาม กฎหมายวา ดวยหลกั ทรัพยและตลาดหลกั ทรัพย กองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญขา ราชการตามกฎหมาย วา ดวยบาํ เหน็จ บาํ นาญขา ราชการ 2. เปนดอกเบี้ยเงินกูยมื ตามสัญญากยู ืมเงินเพอื่ ซื้อ เชา ซ้ือ อาคารพรอมที่ดนิ หรอื หอ งชุดในอาคารชดุ หรอื เพ่ือสรา ง อาคารใชอยอู าศัยบนท่ีดนิ ของตนเองหรือบนทีด่ ินที่ตนเองมี สิทธคิ รอบครอง

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหลง เรียนรูผลการเรียนรู ช้ินงาน 3. ตองจาํ นองอาคารหรอื หองชุดในอาคารชุด หรืออาคารพรอ ม ท่ีดิน เปนประกันการกูยืมเงินนน้ั โดยมีระยะเวลาจาํ นองตาม ระยะเวลาการกูยมื 4. จางซ่ึงถกู นายจา งสง่ั ใหไปปฏิบตั งิ านของนายจา ง ณ ตา งถ่นิ เปนประจาํ หรอื กรณีอาคารหรือหองชุดดงั กลาวเกดิ อัคคภี ัย ภัย ธรรมชาติ หรอื ภยั อนั เกดิ จากเหตุอนื่ ท้ังนี้ เฉพาะทมี่ ใิ ช ความผดิ ของผมู เี งนิ ไดจ นไมอาจใชอาคารหรือหองชดุ น้นั อยู อาศยั ได 5. กรณผี ูมีเงินไดม ีอาคารหรือหองชุดในอาคารชุดตาม 3 เปน ที่ อยูอาศัยในปท่ีขอหักลดหยอ นเกินกวา 1 แหง ใหหักลดหยอน ไดท กุ แหง สําหรับอาคารหรอื หองชดุ ในอาคารชุดตาม 3 6. ใหหักลดหยอนไดตลอดปภาษี ไมว า กรณที จ่ี ะหกั ลดหยอนได น้นั จะมอี ยตู ลอดปภาษีหรือไม 7. กรณีผูมเี งนิ ไดหลายคนรว มกันกูยืม ใหหกั ลดหยอนไดท ุกคน โดยเฉลยี่ คา ลดหยอ นตามสว นจาํ นวนผูมเี งนิ ได แตร วมกนั ตอ ง ไมเ กนิ จาํ นวนที่จายจริง และไมเกนิ 50,000 บาท 8. กรณสี ามีภริยารว มกันกูยืมโดยสามีหรอื ภริยามเี งนิ ไดฝาย เดยี วใหหักลดหยอนสาํ หรบั ผูมเี งินไดเต็มจํานวนตามทจ่ี ายจริง แตไมเกิน 50,000 บาท 1.7 เงินสมทบ ทีผ่ ปู ระกันตนจายเขา กองทุนประกันสงั คม ตาม กฎหมายวาดวยการ ประกนั สงั คมตามจาํ นวนที่จา ยจริง ใน กรณีสามีหรือภริยาของผมู เี งินได ซง่ึ เปนผูประกนั ตนจายเงนิ สมทบเขา กองทนุ ประกนั สังคม ขา งตน และความเปนสามีภรยิ า ไดม อี ยตู ลอดปภาษี

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง เรียนรูผลการเรียนรู ชน้ิ งาน 1.8 คา ลดหยอนบิดามารดา กรณีผมู ีเงนิ ไดและคสู มรสท่ีมเี งิน ไดร วมคํานวณภาษี หรอื คสู มรสไมมีเงินได อปุ การะเลยี้ งดูบดิ า มารดาทีม่ ีอายุ 60 ปข ้ึนไป ซ่ึงมีรายไดไ มเพยี งพอตอการเลีย้ ง ชพี ผูมีเงนิ ไดแ ละ คสู มรสมสี ทิ ธิหักลดหยอนคา อปุ การะเลย้ี งดู บิดามารดาไดค นละ 30,000 บาท ทั้งน้ี บิดาหรอื มารดาของผูม ี เงินไดห รือคูสมรส จะตอ ง ออกหนังสือรบั รองวาบุตรคนใดคน หนึง่ เปนผูอุปการะเลี้ยงดูเพียงคนเดียว 1.9 เงนิ สนบั สนุนเพ่ือการศึกษา ไดแ ก เงนิ ทีจ่ า ยเปน คา ใชจายเพอ่ื สนับสนุนการศกึ ษา มีสิทธหิ ักลดหยอนได 2 เทา ของจาํ นวนเงินท่ีไดจา ยไปจริง 1.10 เงนิ บริจาค เมอ่ื หักลดหยอนตา ง ๆ หมดแลว เหลอื เทาใด ใหหักลดหยอนไดอีกสําหรับ เงินบรจิ าค เงนิ บริจาคทหี่ กั คา ลดหยอนไดนัน้ ผมู เี งนิ ไดต อ งบริจาคเปน เงนิ ใหแกการกุศล สาธารณะ โดยหักได เทา จํานวนเงนิ ที่จายจรงิ แตตองไมเกนิ รอ ยละ 10 ของเงินไดหลงั จากหกั คา ใชจายและหักคาลดหยอ น ตาง ๆ ขางตน แลว

แผนการจดั การเรียนรู ชือ่ หนวยการเรยี นรูท ี่ 2 เรอื่ ง การหกั คา ใชจา ย คาลดหยอน และเงินบริจาค แผนการสอนที่ 7 เร่อื ง การตรวจสอบคาลดหยอนทผ่ี ูมเี งนิ ไดม ีสทิ ธิขอหักลดหยอนภาษี รายวชิ า ภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดากบั การบญั ชีชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 รหสั วิชา ง 32288 ครูผสู อน นางสาวปทมา ปลง่ั เปลื่อง ตําแหนง ครผู ูชวย เวลาท่ใี ช 2 ชั่วโมง ตวั ชี้วัด/ ความรู ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง เรียนรู ผลการเรียนรู ชนิ้ งาน1. มีความเขา ใจ รายการลดหยอ นภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา ปภาษี 2559 1 .แบบทดสอบ 1. การสงั เกต 1. นําเขา สบู ทเรียนโดย 1. หนงั สือเรยี นหลกั การบันทึกบญั ชี - ความตง้ั ใจและสนใจวิธกี ารคาํ นวณ และ 1. ลดหยอนสวนบคุ คล กอน-หลังเรียน ของผูเรียน กลา วถึงความหมายเรื่องการ วิชาภาษีเงินไดขนั้ ตอนการยื่นแบบ - ความรว มมอื ในการแสดงรายการเสยี ใชลดหยอนภาษีไดท ันที 30,000 บาท 2. การทดสอบ อภิปราย ตรวจสอบคา ลดหยอ นท่ผี ูมี บุคคลธรรมดากบัภาษเี งินไดบ คุ คล - การแสดงความธรรมดา * กรณีผูมีเงนิ ไดเ ปน ผพู กิ าร ทม่ี ีบัตรประจาํ ตวั คนพิการ ถาม-ตอบ คิดเห็นอยางมเี หตุผล เงนิ ไดม สี ทิ ธิขอหักลดหยอน การบญั ชี 2. ตรวจแบบทดสอบ ตามกฎหมายวาดว ยการสงเสริมและพัฒนาคุณภาพชวี ติ คน กอ น-หลังเรยี น ภาษี 2. ส่อื นําเสนอ 3. ตรวจการเขียนผงั พิการ พ.ศ. 2550 ซงึ่ เปน ผูอ ยูในไทย และมีอายุไมเกนิ 65 ป ความคดิ Concept 2. ซกั ถามผูเรียนเปน PowerPoint Mapping บรบิ ูรณในปภาษี จะไดร ับยกเวน เงินได เฉพาะสวนทไ่ี มเ กนิ รายบุคคล เรื่องการ 190,000 บาท ในปภาษีนั้น 3. ประเมนิ ผลกอ นเรียน- ตรวจสอบคา * กรณเี ปน ผสู ูงอายุ มีอายไุ มต่ํากวา 65 ปบ ริบรู ณใ นป หลังเรยี นโดยการทาํ ลดหยอนทีผ่ มู ีเงนิ ภาษี จะไดร ับยกเวน เงินไดเฉพาะสว นทไี่ มเกิน 190,000 บาท แบบทดสอบ ไดมีสทิ ธขิ อหกั ในปภาษีน้นั 4. กจิ กรรมการเรยี น ลดหยอ นภาษี 2. ลดหยอ นจากคูส มรสทีไ่ มมเี งนิ ได 4.1 ผูส อนและผูเ รยี น ใชล ดหยอ นภาษไี ด 30,000 บาท สาํ หรับสาม-ี ภรรยาทีจ่ ด รวมกันอภปิ รายเร่อื งการ ทะเบยี นสมรส โดยคูสมรสตองไมมีเงินได หรือมีเงินไดแ ตเ ลือก ตรวจสอบคาลดหยอ นทีผ่ ูม ี นํามาคาํ นวณภาษพี รอมกนั เงินไดม ีสิทธิขอหักลดหยอน ภาษี

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู ชน้ิ งาน 3. ลดหยอนคาเล้ียงดูบตุ ร และการศึกษาบุตร 5. ผูเ รียนสรุปองคความรใู น คนละ 15,000 บาท โดยไมจาํ กดั จาํ นวนบตุ ร** และ รปู แบบแผนผังความคิด ยกเลิกคา ลดหยอนการศึกษา **ในกรณีผมู เี งนิ ไดมีทั้งบุตรชอบดว ยกฎหมายและบตุ รบญุ ธรรม ใหนาํ บุตรชอบดวยกฎหมายทัง้ หมดมาหักกอ น แลวจึงนํา บุตรบญุ ธรรมมาหัก เวนแต  ในกรณีผมู เี งนิ ไดมบี ุตรชอบดวยกฎหมายทมี่ ีชีวิตอยู รวมเปนจาํ นวนตัง้ แต 3 คนข้ึนไป จะนาํ บตุ รบญุ ธรรมมาหกั ไมได  แตถ าบตุ รชอบดว ยกฎหมายมจี ํานวนไมถ งึ 3 คน ให นาํ บุตรบุญธรรมมาหักได โดยเม่อื รวมกับ บตุ รชอบดว ยกฎหมายแลว ตองไมเกนิ 3 คน 4. ลดหยอนจากดอกเบ้ียเงินกูย มื ผูม ีเงินไดก ูยืมคนเดียว ตามจาํ นวนที่จา ยจรงิ แตไม เกนิ 95,000 บาท (หักลดหยอนไดต ามทจี่ ายจรงิ ตั้งแตเดอื น ม.ค. - มิ.ย. สาํ หรับสวนทไ่ี มเ กิน 10,000 บาท หักไดค รง่ึ หน่ึง และสวนที่เกนิ 10,000 บาท ไดรับยกเวนไมเ กนิ 90,000 บาท) ผมู เี งนิ ไดหลายคนรวมกนั กูยืม ตามสวนจาํ นวนผกู ูรว ม แตร วมกนั ตองไมเ กนิ จํานวนทจ่ี า ยจริงและไมเ กิน 95,000 บาท 5. ลดหยอนจากคา เลี้ยงดูบิดา-มารดา ลดหยอนจากบิดา-มารดา (ตวั เอง) และบดิ า-มารดาคู สมรส ไดค นละ 30,000 บาท มากสดุ ไมเกนิ 120,000 บาท โดยมเี งอ่ื นไขคอื บิดา-มารดาตอ งมีอายุ 60 ปขึ้นไป และมี รายไดในปภ าษีน้นั ไมเกนิ 30,000 บาท ท้ังน้ีตอ งใหบดิ า- มารดาออกหนังสือรบั รองการเลี้ยงดู

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลงเรียนรูผลการเรียนรู ชิ้นงาน 6. ลดหยอนจากประกนั ชีวิต ผมู เี งนิ ได หักคาลดหยอ นตามจํานวนท่ีจา ยจรงิ แตไม เกนิ 95,000 บาท (หักลดหยอนไดตามที่จายจริง ต้ังแตเ ดอื น ม.ค. - มิ.ย. สําหรับสว นทไี่ มเกนิ 10,000 บาท หักไดค รง่ึ หนึง่ และสว นทีเ่ กิน 10,000 บาท ไดร บั ยกเวนไมเ กนิ 90,000 บาท) หากเบ้ียประกนั ภยั ทจ่ี ายเปนเบีย้ ประกนั ภยั สําหรบั การประกัน ชีวติ แบบบาํ นาญ ท่ีจา ยตงั้ แตว ันที่ 1 มกราคม 2553 เปนตนไป ใหย กเวน อกี รอยละ 15 ของเงินไดพ ึงประเมิน แตไ มเ กนิ 200,000 บาท และเมือ่ รวมกับเงนิ ทจ่ี า ยเขากองทนุ สํารองเล้ียง ชีพ กองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขา ราชการ กองทนุ สงเคราะหครู โรงเรยี นเอกชน หรือคา ซ้ือหนวยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลยี้ ง ชพี แลว ตองไมเกิน 500,000 บาท คูสมรสทีไ่ มม เี งนิ ได หักคาลดหยอ นไมไ ด เพราะความ เปน สามภี ริยามิไดมีอยตู ลอดปภ าษี 7. ลดหยอ นจากเบย้ี ประกนั สขุ ภาพของบดิ า-มารดา ยกเวนเบีย้ ประกันสุขภาพบดิ ามารดาของผมู ีเงินได และบิดามารดาของคูสมรสท่ไี มม เี งนิ ได ตามจํานวนทีจ่ า ยจริง แตไ มเกิน 15,000 บาท 8. ลดหยอ นจากกองทุนรวมหนุ ระยะยาว หรอื Long term equity fund (LTF) เงินไดตามจาํ นวนท่จี า ยเปน คา ซอ้ื หนวยลงทนุ ในกองทุนรวม หุนระยะยาวตามกฎหมายวา ดวยหลักทรพั ยและตลาดหลักทรัพย พ.ศ. 2535ไมเ กินรอยละ15ของเงนิ ไดพ ึงประเมนิ แตไ มเกนิ 500,000 บาท(ตัง้ แตวันที่ 1 มกราคมพ.ศ.2559ถงึ วนั ที่ 31ธนั วาคมพ.ศ.2562 ถือหนวยลงทนุ ตอเนอื่ งกันไมนอยกวา 7ปปฏิทิน)

ตวั ช้วี ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู สื่อ/แหลงเรยี นรูผลการเรียนรู ช้นิ งาน1. มีความเขาใจ 9. ลดหยอ นจากกองทนุ รวมเพอ่ื การเลย้ี งชพี (Retirementหลักการบนั ทกึ บญั ชี Mutual Fund หรือ RMF)วิธีการคาํ นวณ และ เงนิ ไดตามจาํ นวนท่ีจายเปน คาซอื้ หนวยลงทนุ ในขนั้ ตอนการยื่นแบบ กองทุนรวมเพ่ือการเลย้ี งชีพ ตามกฎหมายวา ดวยหลกั ทรัพยแสดงรายการเสีย และตลาดหลักทรัพย พ.ศ. 2535 ใชสิทธไิ ดไมเกนิ รอ ยละ 15ภาษเี งนิ ไดบคุ คล ของเงนิ ไดพงึ ประเมินทไ่ี ดร ับ ซึ่งตองเสยี ภาษเี งินได แตไ มเ กนิธรรมดา 500,000 บาท เมื่อรวมกบั เงินสะสมทจี่ า ยเขา กองทนุ สาํ รอง เล้ยี งชพี กองทุนบําเหน็จบํานาญขา ราชการ หรือกองทุน สงเคราะหตามกฎหมายวาดวยโรงเรียนเอกชนแลว ตอ งไมเกิน 500,000 บาท 10. ลดหยอ นจากกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญขา ราชการ กองทุนบําเหน็จบาํ นาญขาราชการ (กบข.) จดั ตัง้ ขึ้น เพอื่ เปน กองทุนเงนิ ออมของสมาชกิ ซ่งึ กําหนดใหสมาชิกของ กบข. ตอ งจายเงนิ สะสมเขา กองทนุ กบข. 3% ในแตละเดือน โดยรัฐบาลจะจา ยเงนิ สมทบเพม่ิ ใหอีก 3% ดวยเชน กนั โดย สมาชิกท่ีจายเงินสมทบเขา กบข. นี้จะไดส ิทธิ์ลดหยอนภาษีได เทา ทจี่ า ยจรงิ แตไมเ กิน 500,000 บาท 11. กองทุนสาํ รองเลี้ยงชีพ สมาชิกท่ีจา ยเงนิ สบทบเขา กองทุนสาํ รองเลยี้ งชพี สามารถนํามาหักลดหยอนภาษเี งนิ ไดตามทีจ่ า ยจริง แตไ มเกินป ละ 10,000 บาท

ตวั ชีว้ ัด/ ความรู ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื /แหลง เรยี นรูผลการเรียนรู ชิน้ งาน 12. ลดหยอนจากกองทนุ การออมแหง ชาติ ผทู ีเ่ ปนสมาชกิ และจา ยเงนิ สะสมเขากองทนุ การออม แหง ชาติ หรือ กอช. จะสามารถใชสทิ ธ์ลิ ดหยอ นภาษไี ด โดย สามารถหกั ลดหยอนภาษจี ากเงินสะสมเขา กอช. ตามจาํ นวนที่ จา ยจรงิ 13. ลดหยอนจากการจา ยประกนั สังคม หักลดหยอนไดต ามที่ได จา ยจริงตามกฎหมายวาดวยการ ประกันสังคมในเดือน ม.ค. ถงึ มิ.ย.ของปภาษีน้ี 15. ลดหยอนจากคาเล้ยี งดคู นพกิ าร หรือคนทุพพลภาพ คา อุปการะเล้ยี งดูคนพิการหรือคนทพุ พลภาพ ทั้งน้ี คนพกิ ารหรือคนทพุ พลภาพตอ งไมมีเงินไดพ งึ ประเมนิ เกนิ 30,000 บาทในปภาษีสามารถใชล ดหยอนไดค นละ 30,000 บาท 16. ลดหยอ นจากเงนิ บริจาค การบรจิ าคใหกบั การกุศลตาง ๆ สามารถลดหยอนไดตามจรงิ แตไมเ กินรอยละ 10 ของเงินทเี่ หลือหลังหกั ลดหยอนและ ยกเวนกรณอี ่นื ๆ ทงั้ หมด 17. ลดหยอนจากการทอ งเทยี่ วภายในประเทศ ลดหยอ นไดไ มเกนิ 15,000 บาท จากท้งั 2 เง่ือนไข รวมกันคอื - คาบรกิ ารทีพ่ กั จะตองเปน คาทพี่ ักกบั โรงแรมท่ไี ดจด ทะเบียนกบั กระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติโรงแรม เรยี บรอ ยแลวเทาน้ัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook