51
การกระทาของทหารชาวญี่ปุน่ ท่ที าการทารุณกับชาวนานกิงเกินกว่าท่ีมนุษย์จะยอมรับ และเข้าใจได้ เช่น การฝังท้ังเป็น โดยจะขุดหลุม และฝังเชลยให้โผล่ข้ึนมาแค่เพียง หน้าอกหรือแค่คอ เพ่อื จะไดร้ ับทุกขท์ รมานตา่ ง ๆ อีกหลายอยา่ ง ฉีกเป็นชิ้น ๆ ทหารญี่ปุ่นไม่เพียงแค่คว้านตับไตไส้พุง ตัดหัวหรือสบเป็นช้ินๆ เทา่ นั้น แตเ่ ชลยศึกยงั ถกู ทรมานต่าง ๆ ยา่ งสด ฝา่ ยญป่ี ุ่นจะนาเหย่ือมารวมกันเพื่อเผามีรายงานว่าทหารรายหนึ่งนา เชลยศึกมารวมกันแล้วผลักเชลยศกึ ลงไปในหลุมแลว้ ราดน้ามนั ใสแ่ ลว้ จดุ ไฟ 52
ปล่อยใหแ้ ข็งตาย เหยือ่ หลายคนต้องแข็งตาย ทหารญี่ปุ่นบังคับให้ประชาชน จีนเดินไปยังริมสระน้าท่ีเย็นเป็นน้าแข็ง จากนั้นบังคับให้ถอดเส้ือผ้าแล้วทุบน้าแข็งให้ แตกจนตัวคนทบุ ตกลงไปในนา้ ทีเ่ ยน็ จัด เปน็ อาหารสุนัข หนึ่งในการทรมานท่ีเลวร้ายที่สุด โดยการมัดเหย่ือไว้แค่เอว แลว้ มองดพู วกเขาถกู สนุ ัขรุมท้งั ลากและกดั ฉกี ออกเป็นชน้ิ ๆ 53
การฝังคนท้งั เป็น เป็นวิธีสงั หารท่ีใช้บอ่ ยในทหารญี่ปุ่นเน่ืองจากง่าย เหยื่อชุด แรกที่ถกู สังเวยในการสังหารด้วยการฝังทั้งเป็นนั้นคือกลุ่มผู้อพยพที่หลบหนีไปยังเขาซี เจียง ถูกจับได้ราว 2,000 คน มีทั้งคนแก่ เด็ก ผู้หญิง และคนพิการด้วย ล้วนถูกผลัก และถีบกระเด็นบางรายก็ถกู ดาบปลายปนื กระทุ้งให้ตกลงไปในหลุมใหญ่ จากนั้นทหาร ญ่ีปุ่นก็ใช้รถเครนจัดการเกรดหินและดินทับหลุมทันทีอย่างโหดเหี้ยม โดยไม่สนเสียง ร้อง เสียงตะโกนด่า สาบแช่งที่ดังระงมออกมาจากหลุมขณะทาการฝังกลบอย่างใด ทงั้ ส้นิ 54
55
เกมจับปลาในทุง่ น้าแข็ง ในชว่ งเวลาที่นานกิงโดนยึดโดยกองทัพญี่ปุ่นน่ะเป็น ฤดหู นาวของจีน ทาใหห้ ลายพ้ืนทีม่ ีแตค่ วามหนาวเหน็บและมเี กล็ดน้าแข็งจับตัวกันโดย ทั่ว กองทัพญป่ี นุ่ จงึ คดิ เกมอยา่ งหนึ่งคือ \"จับปลาท่ีทงุ่ นา้ แขง็ \" โดยให้ผู้อพยพถอด เสื้อผ้าออกให้หมดเหลือแต่เรือนร่างที่เปลือยเปล่า แล้วให้กระโจมลงสู่บ่อน้าท่ีมีแต่ น้าแขง็ จับตามคาสง่ั ใครท่ีปฏิเสธและต่อต้านคาส่ังน้ี จะถูกสาดกระสุนใส่อย่างไม่ย้ัง ทาให้เหย่ือ จานวนมากตายก่อนทจี่ ะเล่นเกมนี้ แต่กระนนั้ คนทก่ี ระโดดลงสระหรอื บ่อน้าเยน็ จดั นน้ั ทุกคนลว้ นไมร่ อด 56
57
เกมหนจี ากหลังคาตึกท่ไี ฟไหม้ ผู้อพยพนับร้อย ๆ รายถูกบังคับให้เดินขึ้นบน หลังคาของอาคาร พวกเขาต่างคร่าครวญ ร้องไห้ ร้องขอชีวิต แต่มีหรือว่าญี่ปุ่นจะ เมตตา เมื่อเหยื่อทุกคนถูกต้อนขึ้นไปบนหลังคาครบถ้วนแล้ว ทหารญ่ีปุ่นก็ยืนจังก้าอยู่ เบอ้ื งลา่ งต่างพากันจดุ ไฟเผาอาคารแห่งนน้ั จนลุกโพลง คราวนี้เหย่ือจานวนไม่น้อยต่างรู้ ว่าพวกเขาคงตอ้ งถูกยา่ งสดอยู่บนหลังคาตึกเป็นแน่ ตา่ งพากันกระโดดตึกฆ่าตัวตายกัน หลายราย เสียงคนโดดลงมาคอหัก หลังหัก นั้นก่อให้เกิดความกดดันต่อพวกท่ีอยู่บน หลังคาอย่างมหาศาล ประกอบด้วยเสียงปืนของทหารญ่ีปุ่นยิงขู่ และระดมยิงใส่ร่าง เหยื่อเคราะห์ร้ายที่โดมาจากหลังคาตึกแล้วยังไม่ตายทันทีน้ันเสียดแทงบาดลึกจ นถึง หัวใจ แต่ท้ายสุด พวกท่ีรอความตายที่อยู่บนหลังคาที่โดนไฟเผาน้ันคือพวกที่ส่งเสียง ร้องดว้ ยความทกุ ขท์ รมานมากที่สุดและใช้เวลานานพอสมควรที่จะตายด้วยการถูกย่าง ทั้งเป็น ภาพคนที่ว่ิงพล่าน ด้ินทุรนทุรายไฟลุกท่วมจนตกหลังคาลงมาตายในที่สุดน้ัน เปน็ ภาพชวนสลดหดห่อู ย่างยงิ่ การเผาป่าฆ่าคนทั้งเป็น 30,000 คน ทางตอนเหนือของเขตเซนเจียง ญี่ปุ่น จับทหารจีนและผู้อพยพกว่า 30,000 คนได้ จากน้ันก็มัดคนเหล่าน้ีและผลักดันให้เข้า ไปในเขตป่าสงวน ตอนแรกก็ปล่อยให้คนเหล่าน้ีอดข้าวอดน้าและผจญกับความหนาว เยน็ ในเดือนธ.ค อย่างหฤโหดระยะหน่ึง เมื่อทรมานได้ตามท่ีต้องการแล้ว ก็จุดไฟเผาจากทุก ทศิ ทกุ ทางจนให้คนทอ่ี ยใู่ นป่าน้ันตายทั้งหมด 58
59
60
การปาระเบิดใส่เหยื่อในน้า เริ่มจากทหารญ่ีปุ่นจะจับผู้อพยพมัดมือมัดเท้า อย่างหนาแน่นจานวนหนึ่ง จากน้ันก็ช่วยกันจับผู้เคราะห์ร้ายเหล่าน้ีโยนในบ่อน้าที่มี ความลึกไม่มากนัก เน่ืองจากทาให้มองเห็นเหย่ือได้ง่ายและระดับน้าตื้น ๆ น้ีทาให้ อาวุธท่ีทหารญี่ปุ่นทิ้งไปจะได้ออกฤทธิ์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และจากนั้นสิ่งที่ญี่ปุ่นโยน ลงบอ่ น้าหรอื สระน้าตน้ื ๆ คอื ระเบิดมอื ครง้ั ละหลาย ๆ ลกู ย่ิงน้าตื้นเท่าไหร่ แรงระเบดิ และสเก็ตระเบดิ ก็จะพุงเข้าสเู่ ปา้ หมายซึง่ ก็คอื เหย่ือก็ด้ินกระแด่วๆ อยู่ใต้น้าได้มากมาย รุนแรงและหวังผลได้แน่นอนเท่าน้ัน ดังน้ันทุกครั้งที่ระเบิดถูกขว้างลงไปพร้อม ๆ กัน หลาย ๆ จุดนั้นมีส่วนให้เหยื่อทั้งหลายในบ่อถูกแรงระเบิดอัดจนร่างแหลกเหลวชนิดท่ี เลือด เนื้อ และอวัยวะภายในถูกบีบอัดจนฉีดกระจายลอยขึ้นไปในอากาศสูงนับสิบ ๆ เมตร อย่างนา่ สยดสยอง เป็นเกมอกี เกมหนง่ึ ของกองทพั ที่มกั เรียกรอ้ งกันทาบอ่ ยทสี่ ดุ 61
62
ตัด ควกั อวัยวะ ก่อนนาไปเผา นัน้ คอื การจับเหย่ือนับหลายร้อยรายมารวมกัน จากนั้น ก็ควักตาออกมา พรอ้ มทั้งตดั หู ตดั จมูกเหยอ่ื ใหร้ ้องรา่ คร่าครวญดิ้นทรุ นทรุ าย เมอ่ื สะใจ มากพอแล้วก็เผาให้ตายทง้ั เป็นจนกลิ่นเน้ือไหมเ้ หม็นไปท่ัวบริเวณ 63
64
65
อีกเร่อื งที่น่าสยองไม่นอ้ ยไปกว่าเหตุการณอ์ ืน่ ทเี่ กดิ ขึน้ คอื เร่ืองของเด็กหญิงวยั ประมาณ 15 ขวบ ซึง่ เธอเหน็ คนทงั้ ครอบครัวถกู ฆา่ ตอ่ หน้าตอ่ ตา โดยในตอนแรกทหาร ญป่ี ุ่นฆ่าพีช่ ายของเธอ ซงึ่ ถกู กลา่ วหาว่าเปน็ ทหารจนี ก่อน จากน้ันกพ็ ่ีสะใภ้ แล้วก็พ่ีสาว ซึ่งไม่ยอมถูกข่มขืนท้ังสองคน กระท่ังถึงพ่อและแม่ซึ่งคุกเข่าลงกับพ้ืน ร้องขอชีวิตของ ลูก ๆ ก่อนส้นิ ลมหายใจเพราะดาบปลายปืนที่เสียบอยู่ในร่าง พ่อและแม่ก็ร้องบอก ว่ายอมทาทกุ อย่างทพ่ี วกทหารญี่ปนุ่ ตอ้ งการ เด็กหญิงเปน็ ลมหมดสติไปและฟน้ื ขนึ้ มาพบตัวเองนอนเปลือยเปล่าอยู่ในห้อง ทีไ่ ม่คุน้ เคย ใครสกั คนข่มขืนเธอทัง้ ๆ ทเ่ี ธอกาลังหมดสติ เสื้อผ้าสักช้ินไม่มีเหลือติดร่าง เด็กผ้หู ญงิ คนอืน่ ๆ ท่อี ยู่ในอาคารนน้ั ก็โดนอย่างเดยี วกนั ห้องทีเ่ ธอถกู ขงั อยบู่ นช้ันสองของอาคารที่ถูกแปลงให้เป็นเรือนนอนของทหาร ประมาณ 200 นาย ผู้หญงิ ท่อี ยใู่ นเรือนนอนแหง่ นี้ถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหน่ึงคือคน ทม่ี ีอาชีพเป็นโสเภณี ผูห้ ญิงเหล่านี้มีอิสระและรับการปฏิบัติดว้ ยอยา่ งดี อกี กลมุ่ หน่ึงคือ เดก็ ผหู้ ญงิ ทถ่ี กู ลกั พาตัวมาเป็นทาสกามอารมณ์ ซึง่ เด็กหญิงในกลุ่มหลงั น้อี ย่างน้อยท่สี ุด คนหน่ึงพยายามฆา่ ตวั ตาย นานหนึ่งเดือนคร่ึงครั้งที่เด็กหญิงวัย 15 ปี คนนี้ถูกข่มขืนสองถึงสามครั้งต่อ วัน จนกระท่ังในท่ีสุดเธอติดโรคอย่างรุนแรงทาให้พวกทหารเลิกยุ่งได้ แล้ววันหน่ึงก็มี นายทหารญปี่ ่นุ คนหนงึ่ ใจดซี ง่ึ พูดภาษาจนี ได้ เข้ามาถามว่ารอ้ งไหท้ าไม และหลังจากได้ ยนิ เรอ่ื งที่เดก็ หญิงเลา่ เขาก็พาเธอขึ้นรถเข้าไปในตัวเมือง ปล่อยเธอลงตรงประตูทิศใต้ ของตวั เมืองแล้วก็เขยี นช่ือ “วิทยาลัยจินหลิง” ใสเ่ ศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้ แตเ่ ธอปว่ ยหนกั เกนิ กว่าจะเดินไปให้ถึงหนา้ วิทยาลัยแหง่ นไ้ี ด้ ดงั น้นั ในวันแรก เธอจงึ หลบอยู่ในบ้านของชาวจีนหลงั หน่ึง และพาตัวเองมาถึงที่วิทยาได้ในวันที่สอง ซ่ึง คณะกรรมการเขตปลอดภยั ฯ คนหน่งึ รบี พาตัวเธอส่งโรงพยาบาลทันที นนั่ คอื เร่ืองราวของเด็กหญงิ ซงึ่ ต้องนับว่าโชคดี เพราะอีกหลายต่อหลายคนท่ี ถกู มัดไวก้ ับเก้าอี้ กับเตียง หรือกับเสาบ้านในสภาพเปลือยเปล่าในฐานะอุปกรณ์สนอง 66
กามถาวรนั้นไมเ่ คยรอดมาได้ พยานชาวจีนคนหน่งึ เล่าถึงสภาพร่างกายของหญิงวัย 11 ขวบ ซึ่งขาดใจตายทันทหี ลงั จากถกู ขม่ ขนื อย่างต่อเน่ืองเปน็ เวลาสองวนั ว่า “คราบเลือดและรอยแดงบวมพองตรงหว่างขาของเด็กคนนั้นนั้นน่ารังเกียจ จนแทบไมม่ ใี ครอยากมอง” ในระหว่างการข่มขืนมโหฬารที่เกิดขึ้นในตัวเมือง บ่อยคร้ังท่ีทหารญี่ปุ่นฆ่า เดก็ และทารกทง้ิ เพยี งเพราะพวกแกเข้ามายุ่งย่ามขวางทาง พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่า ถึงภาพเด็ก ๆ หรือทารกท่ีถูกเอาผ้ายัดปาก หรือไม่ก็ถูกเสียบตายคาดาบปลายปืน เพราะพวกแกเกิดร้องขึ้นมาในขณะท่ีแม่กาลังถูกข่มขืน มีบันทึกมากมายของชาว อเมรกิ ันท่ีบันทึกเหตุการณอ์ ันโหดร้ายนไ้ี ว้ เช่นกบั บันทึกนี้… “วันท่ี 3 กุมภาพันธ์ ประมาณ17.00 น. ท่ีช่างซูเซ่ียง พวกทหารบังคับให้ ผู้หญิงคนหนึ่งโยนลูกท้ิง และหลังจากข่มขืนเธอแล้ว พวกเขาก็หัวเราะเยาะแล้วก็จาก ไป ผู้ชายจานวนนับไม่ถ้วนสังเวยชีวิตไปเพราะพยายามปกป้องคนท่ีตัวเองรัก จากการข่มขืน เม่ือทหารญ่ีปุ่นลากหญิงคนหน่ึงไปจากโรงนาและสามีของเธอก็เข้ามา ขัดขวาง พวกเขาก็ “เอาลวดทม่ิ ร้อยเข้าไปในจมกู ของชายคนนั้นแล้วก็ผูกปลายอีกด้าน หนึ่งเข้ากับตน้ ไมเ้ หมอื นกับร้อยจมกู ควาย” จากน้ันพวกเขาเอาดาบปลายปืนเสียบเข้าไปในร่างนั้นนับคร้ังไม่ถ้วน แม้ว่า แม่ของชายคนน้ีจะว่ิงขอร้องความเมตตาอยู่รอบ ๆ ร่างของลูก แต่พวกเขาก็กระโชก บอกให้นางเข้าไปในบ้านไม่ง้ันจะฆ่าท้ิงเสีย และปล่อยให้ลูกชายของหญิงคนนี้ขาดใจ ตายเพราะพษิ บาดแผลอยู่ตรงนั้น ความสามารถของทหารญีป่ นุ่ ในการข่มเหงมนษุ ยด์ ว้ ยกนั รวมทัง้ ความวิปลาส ทางเพศท่ีเกิดข้ึนในนานกิงดูเหมือนไม่มีขีดจากัด อย่างเช่น ทหารบางส่วนคิดเกม แข่งขันกันฆ่าแก้เซ็งแทนการฆ่าแบบธรรมดา ๆ หรือท่ีบางส่วนคิดเกมเพ่ือใช้ในการ ขม่ ขืนและทรมานใหส้ นกุ เมือ่ เบอ่ื หนา่ ยกบั เกมกามท่ถี ูกสนองจนอิ่ม วิธีการหฤหรรษ์อันสุดเหี้ยมอย่างหนึ่งของเหล่าทหารคือการ “เสียบช่อง คลอด” 67
สองขาของซากศพของพวกผู้หญิงท่พี บตามท้องถนนในเมืองนานกิง ถ่างแยก มสี ิง่ ของทม่ิ แทงคา้ งอย่ใู นอวัยวะ ไม่วา่ จะเป็นทอ่ นไม้ ก่ิงไมห้ รอื กอหญา้ มันเป็นเร่ืองเจ็บปวดกระทั่งแทบทาให้จิตใจด้านชา เมื่อคิดถึงวัตถุอ่ืน ๆ ที่ พวกเขาใช้ทรมานเหล่าสตรีชาวนานกิงผู้ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสชนิดแทบ ไม่น่าทนได้ ทหารนายหน่ึงของญ่ีปุ่นยัดขวดเบียร์เข้าไปในช่องคลอดท่ีเขาพึ่งเสร็จ ออกมา จากน้ันก็ยงิ เจ้าของช่องคลอดน้นั ท้งิ อีกศพหนง่ึ ซ่ึงเป็นเหย่อื แห่งการขม่ ขนื กับถูกเสียบดว้ ยไม้กอลฟ์ ในวันท่ีที่ 22 ธันวาคม ท่ีบริเวณใกล้ๆ กับประตูทงจี้เหมิน ทหารญี่ปุ่นข่มขืน ภรรยาของช่างตัดผมรายหนึ่ง จากน้ันเอาประทัดยัดเข้าไปในช่องคลอดของเธอ มัน ระเบดิ ข้นึ พรอ้ ม ๆ กับวญิ ญาณท่ที ้ิงร่างนั้นไป ไมใ่ ชแ่ คผ่ หู้ ญิงเท่านน้ั ท่เี ปน็ เหยอ่ื ผู้ชายจีนก็ถูกบังคับอยู่บ่อย ๆ ให้ทาท่าร่วม เพศอนั นา่ ขยะแขยงต่าง ๆ ตอ่ หนา้ ทหารท่หี วั เราะเยาะ มีชายจีนอย่างนอ้ ยทส่ี ุดคนหนง่ึ ถกู ฆ่าเพราะปฏเิ สธทจี่ ะร่วมเพศกบั ซากศพของผูห้ ญงิ ทถ่ี ูกท้งิ อยู่ในหมิ ะ ทหารญ่ีปุ่นยังชอบอย่างยิ่งในการบังคับให้ผู้ชายที่ประกาศตนเป็นพรมจรรย์ ตลอดชวี ติ ต้อง “รว่ มเพศ” หญิงจีนคนหน่ึงปลอมตัวเป็นผู้ชายและพยายามหนีออกทางประตูเมืองแต่ ทหารยามตรวจตราอย่างถี่ถ้วนด้วยการคลาไปท่ัวก็ค้นพบเพศท่ีแท้จริงของเธอ การ เรียงคิวจึงเกิดข้ึน ซ่ึงก็เป็นขณะเดียวกันที่พระสงฆ์โชคร้ายรูปหน่ึงเดินผ่านมาตรงน้ัน พอดี ทหารจึงบังคบั ให้พระรูปนนั้ รว่ มเพศกับหญงิ ซ่งึ พวกเขาพงึ่ จะเรียงควิ เสรจ็ หมาดๆ เม่ือทา่ นปฏิเสธ พวกเขาก็เฉือนอณั ฑะของทา่ น พระภกิ ษรุ ปู นน้ั มรณภาพเพราะเสยี เลอื ดมาก อกี บางตวั อย่างของการทารุณทางเพศอนั สกปรกโสโครกเป็นเรื่องของการทา เร่ืองลามกกับคนท้ังครอบครัว ทหารญี่ปุ่นพึงใจกับการบังคับให้ชายคนจีนร่วมเพศกับ คนร่วมสายเลอื ด ให้พอ่ ข่มขืนลกู ให้พชี่ ายขม่ ขืนน้องสาว ใหล้ ูกชายขม่ ขนื แม่ หลงั จากเสยี เมืองหลวงใหฝ้ ่ายญีป่ นุ่ แลว้ “กวั ฉ”ี ผบู้ ังคับกองพันชาวจีนติดอยู่ ในนานกิงนานถึงสามเดือน เขาได้เห็นหรือได้ยินเรื่องท่ีว่าหทารญ่ีปุ่นบังคับให้ลูกชาย 68
ต้องขม่ ขนื แมข่ องตวั เองอย่างน้อยห้ารายด้วยกัน และคนท่ีไม่ยอมทาตามจะถูกฆ่าตาย คาที่ รายงานของเขาสอดรับกับคาให้การของนักการทูตชาวเยอรมัน ซ่ึงบันทึกไว้ เชน่ กนั วา่ ชายชาวจีนคนหนงึ่ ซ่ึงปฏเิ สธที่จะข่มขืนมาดาของตัวเองถูกฟันจนถึงแกความ ตายดว้ ยดาบโคง้ สว่ นมารดาของเขาก็ฆา่ ตัวตายตามลูกไปติดๆ บางครอบครวั ยอมรบั ความตายอย่างเต็มใจมากกว่าท่ีจะยอมทาตามคาส่ังอัน นา่ อดสู เช่นครอบครวั นถี้ กู สั่งใหห้ ยุดเพือ่ ตรวจคน้ ระหว่างพยายามข้ามแม่น้าแยงซี พอ เห็นหญงิ สาวและเดก็ ผ้หู ญงิ สองสามคนที่อยู่ในเรือ พวกทหารก็พากันข่มขืนต่อหน้าพ่อ แม่และสามขี องหญิงสาว สิ่งที่ทหารทาต่อจากน้ันคอื สั่งให้ฆ่าคนท้ังเรอื เมื่อไหร่ก็ตามผู้หญิงถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวได้ ความหวังจะรอดของพวกเธอ เหลือน้อยมาก เพราะหลังจากการขม่ ขืนส่ิงที่เกดิ ขน้ึ ตามมากค็ ือการถกู ฆา่ ท้งิ ในทันที พวกผู้หญิงตามชนบทจะลงไปหลบอยู่ในหลุมใต้ดินที่มีการพรางบานปิด ดา้ นบนไว้ และทหารญี่ปุ่นก็จะวนเวียนหาหลุมเหล่านี้ด้วยการเหยีบกระทืบไปตามพื้น แม่ชีกบั เดก็ เล็ก คนหนึ่งรอดพ้นจากการถูกข่มขืนมาได้เพราะพวกเธอหลบเป็นเวลาถึง หา้ วัน อยู่ในท้องร่องทเี่ ตม็ ไปดว้ ยซากศพโดยแกล้งทาเปน็ ตาย ผหู้ ญิงตา่ งพลกิ แพลงวธิ ตี ่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองพ้นจากการถูกข่มขืน หลายๆคน ใช้วิธปี ลอมตัว ด้วยการเอาเขมา่ มามอมหน้าจนดาเพ่ือใหด้ แู ก่หรือเปน็ โรค หรือไม่ก็โกน หัวให้เกล้ียงเพื่อให้ดูเหมอื นผูช้ าย มีผู้หญิงคนนึงปลอมเป็นคนแก่ด้วยการถือไม้เท้าเดิน ไปข้างนอก ทหารจึง เดินเขา้ ไปดู ประเมินสถานการณ์แต่กอ่ นทจ่ี ะทนั รู้ตัว หญงิ สาวกก็ ระโดดข้ึนฉกกระชาก เอาดาบออกจากฝักทีเ่ ขม็ ขดั ของเขาแลว้ กระโดดถอยออกมา “เขานิง่ ไปเลย…” หลี่ ซว่ิ ยงิ เล่า “…คงไม่คดิ ว่าผูห้ ญิงจะลกุ ขึ้นสู้” ทหารนายนั้นโถมเข้ามาคว้าข้อมือข้างที่กาดาบของ หล่ีซิ่วยิงไว้แต่เธอก็คว้า คอเสือของเขาไว้ได้ด้วยมืออีกข้างพร้อมกันก็กัดแขนสุดแรงเกิด ถึงแม้ว่าทหารนายน้ัน จะใส่เคร่ืองแบบหนาหนักอย่างเวลาออกศึกและ หล่ี ซ่ิว ยิง ใส่เพียงกี่เพ้าผ้าฝ้ายซึ่งไม่ ชว่ ยใหค้ ล่องตวั แตเ่ ธอกส็ ูย้ ิบตาคนทัง้ สองต่างปลุกปล้าต่อสู้เตะถีบกันไปมาอยู่อย่างน้ัน กระทงั่ 69
ฝา่ ยทหารรสู้ ึกว่าตวั เองหมดหนทางจงึ เริ่มตะโกนรอ้ งบอกใหเ้ พอ่ื นๆ มาช่วย ทหารอีกสองคนว่ิงเข้ามาแล้วก็ทาท่าไม่เช่ือตาตัวเองกับส่ิงท่ีเห็นพวกเขาพุ่ง เข้ามาพร้อมด้วยดาบในมือแต่ก็ไม่สามารถแทง หล่ีซ่ิวยิง ได้ถนัดๆ เพราะสหายอีกคน ยังอยู่ตรงกลาง เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเธอท้ังตัวเตี้ยและเล็ก หล่ีซิ่วยิง จึงสามารถยกร่าง น้นั เหวีย่ งไปมาไดเ้ ต็มที่ ใช้เขาเป็นโลป่ อ้ งกนั การแทง ทหารสองคนนั้นก็เลยเปล่ียนเป้ามาเป็นการฟัน ที่หวั ของเธอแทน ดาบเฉือนเข้าที่แก้ม กระทุ้งเอาฟันเธอหักไปหลายซี่ เลือดท่วมเต็มปากไป หมด หญงิ สาวเลยถมมันเข้าใส่ลูกตาของพวกเขา \"เลอื ดเต็มไปหมด ท้งั ทฝี่ าผนัง บนผ้าใบ บนพน้ื ...ทุกทเ่ี ลย\" เธอเลา่ “....ฉันไม่กลัวแล้ว ตอนนั้นโกรธมากและคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องฆ่าพวกมัน ใหไ้ ด\"้ แตใ่ นทสี่ ุดทหารรายหนงึ่ ก็เสียบดาบเช้าท่ีท้องของเธอแล้วโลกทั้งโลกของหลี่ ซ่ิว ยงิ กด็ บั วูบ ทหารใหท้ งิ้ ให้เธอนอนรอความตายอยู่ตรงน้ัน และเม่ือมีคนนาร่างของเธอไป ให้บิดาของเธอ เขาเง่ียหูหาลมหายใจของเธอไม่เจอจึงคิดว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว เตรยี มจะฝังเธอแตม่ ีคนเหน็ ว่า มฟี องเลือดออกจากปากของเธอซ่ึงแสดงว่าเธอยังมีชีวิต อยู่ หลงั จากน้นั เลยนาตวั เธอส่งโรงพยาบาลนานกิงทันที แพทย์ต้องเย็บรอยแผลถึง 37 รอย ทั้ง ๆ ทห่ี มดสติ หลี่ ซวิ่ ยงิ กแ็ ทง้ ลูกออกมาในคืนน้ัน ข่าวการต่อสู้ของเธอไปถึงหูสามีในท่ีสุด เขาก็รีบขออนุญาตลาพักนานสาม เดือน ขอยืมเงินเพ่ือเดินทางกลับมายังนานกิง นายทหารหนุ่มกลับมาพบภรรยาใน ใบหนา้ ทบ่ี วมพอง ตามเนอื้ ตวั เตม็ ไปดว้ ยรอยแผลท่ีเกิดจากการเย็บ และผมที่ขึ้นใหม่ๆ โผล่ออกมาจากศีรษะ เธอตอ้ งทนทรมานตลอดชีวติ กบั ความเจ็บปวดจากบาดแผลและความอับอาย น้ามูกไหลออกจากรแู ผลข้างๆจมูก นา้ ตาไหลตลดิ เวลาในช่วงทีป่ ่วย 70
ทุก ๆ ครั้งท่ีเธอมองกระจก แผลเป็นเหล่าน้ันทาให้นึกย้อนถึงวันเวลาที่ เลวรา้ ย วันท่ี 19 ธันวาคม ค.ศ. 1937 หล่ี ซ่ิว ยิง เช่ือว่าเป็นเพราะบุคลิกของตัวเอง บวกกับภูมิหลังของครอบครัว ทาใหเ้ ธอกลา้ สกู้ บั ทหารญี่ปนุ่ ในวันนนั้ เธอเติบโตในครอบครัวซึ่งปราศจากอิทธิพลแห่ง คาสอนนนั้ มารดาของเธอ เสยี ชวี ิตต้งั แตเ่ ธออายุ 13 ปี ทาใหเ้ ธอเติบโตมาในครอบครัว ทมี่ ีแตผ่ ู้ชายลว้ นเป็นคนในเครือ่ งแบบ ตอนทย่ี งั อายไุ ม่มากหญิงสาวใจร้อนมากเสยี จนพ่อไมก่ ล้าสอนวชิ ากงั ฟูให้เป็น เพราะกลวั ว่าเธอจะไปรกุ รานทารา้ ยเดก็ อืน่ ๆ แถวนนั้ บัดนี้เวลาผ่านไปแปดสิบกว่าปีแล้ว เธอมีลูกและหลานอยู่รอบตัว ยังคงมี สุขภาพทดี่ ีและสนกุ กับชวี ิต รวมทงั้ ยังคงข้นึ ช่อื ในเร่อื งความข้ีโมโห แต่เธอก็ยังเสียใจใน เร่ืองหนึ่งอย…ู่ . นนั้ ก็คอื การไมไ่ ดเ้ รยี นวิชากังฟจู ากพอ่ “ไม่อยา่ งนนั้ ละกค็ งไดส้ นุกกบั การฆ่าทหารญีป่ ่นุ สามคนในวันน้ันแน่ ๆ ” 71
72
73
เขตปลอดทหารสาหรับพลเรือนจีนจัดตั้งขึ้นเมื่อ (22 พฤศจิกายน 1937) วัน พักรบของญี่ปุ่น ก่อนยุทธการนานกิงวันพักรบของญี่ปุ่น เขตปลอดทหารเพ่ือความ ปลอดภยั ถกู สร้างโดย ยอน ราเบอ นกั ธุรกิจเยอรมันสมาชิกพรรคนาซี ร่วมกับ โรเบิร์ต โอ วิลสัน แพทย์ชาวอเมริกันและชาวตะวันตกคนอื่น ๆ โดยขอความร่วมมือจาก นายกเทศมนตรีเมืองนานกิงให้อพยพชาวเมืองเข้าไปในเขตปลอดภัย เขตปลอดภัยมี หน้าท่ใี นการช่วยชีวิตของพลเรือนหลายพันคนของจีนให้รอดพ้นจากการถูกสังหารหมู่ ในระหว่างสงครามโลกคร้ังที่ ท่ียุโรป นาซี ออสการ์ ซินด์เลอร์ ยอมเอาอนาคตตัวเอง เขา้ แลก เพื่อช่วยชีวิตชาวยิว 1200 คนจากการงหาหผู้ถูกรมด้วยแก๊สพิษท่ี \"เอาชวิทซ์\" ยงั มี ราอูล วอลเลนเบิรก์ นกั การทตู ชาวสวเี ดน ซ่ึงชว่ ยชีวิตชาวยิวไว้มากกว่า 100,000 คน ดว้ ยการออกพาสปอรต์ ปลอมให้ 74
นอกจากน้ัน...ใครเล่าจะลืม มิพ กีส์ หญิงชาวออสเตรีย ซ่ึงร่วมมือกับคนอ่ืน ๆ ซ่อนแม่หนูน้อยแอน แฟรงก์ และครอบครัวของเธอไว้ท่ีห้องได้เพดานในกรุง อัมสเตอรด์ ัม หลายคร้ังหลายหน ที่ช่วงเวลาแห่งความป่าเถ่ือนทาให้คนส่วนใหญ่มึนงงทา อะไรไม่ถูก แตจ่ ะดว้ ยเหตุผลใดก็ตาม มีคนส่วนน้อยจานวนหนึ่ง ยังสามารถ ลุย ต่อไป ได้อยา่ งชนดิ ท่ีเม่ือผา่ นช่วงเวลานนั้ มาแล้ว พวกเขาเองก็นึกไมอ่ อกวา่ ทาไดอ้ ยา่ งไร การตัดสินใจทีจ่ ะสรา้ งเขตปลอดภัยในนานกงิ เกิดข้ึนแทบจะในทันทีคือเพียง ไมก่ ีส่ ปั ดาห์หลังสญู เสยี เซ่ยี งไฮ้ ในเดอื นพฤศจกิ ายน ปี 1937 บาทหลวง จาดิโนท เดอ บิแซงจ์ชาวฝรั่งเศสก่อตั้งเขตเป็นกลางขึ้นท่ีเซ่ียงไฮ้ เพ่ือช่วยปกป้องผู้อพยพชาวจีน จานวน 450,000คน ทถ่ี กู ผรู้ ุกกรานชาวญี่ปนุ่ ทาลายบา้ น 75
เมอื่ หมอสอนศาสนาคริสตในนิกายเพรสบิเทเรยี นซ่ือ ดบั เบลิ ยู พลเมอร์ มิลส์ ไดร้ ับรู้เก่ียวกบั โครการของคุณพอ่ จาคิโนห์ เขาก็แนะนาเพ่อื น ๆ ใหจ้ ัดต้ังเขตแบบเดียว กันขน้ึ ในนานกิง จากน้ันมิลส์และชาวต่างประเทศอ่ืน ๆ อีกเกือบสองโหล ซ่ึงส่วนใหญ่ เป็นอเมริกัน แต่ก็มีชาวยอรมันเดนมาร์ก รัสเชีย และจีนอยู่ด้วย กาหนดให้พื้นท่ีซ่ึงอยู่ ค่อนไปทางดา้ นตะวนั ตกจากใจกลางเมืองเปน็ พนื้ ทเ่ี ป็นกลาง ภายในเขตนี้เป็นท่ีต้ังของมหาวิทยาลัยนานกิง วิทยาลัยศิลปะ สตรีและ วิทยาศาสตร์จินหลิง สถานทูตอมริกัน และท่ีทาการของรัฐบาลอีกหลายอาคาร จุดประสงค์ของการต้ังเขตเป็นกลางคือ เพ่ือให้ความช่วยเหลือแก่พลเรือนที่ต้องตกอยู่ ระหวา่ งคมหอกคมดาบของทง้ั กองทัพฝา่ ยจนี และญปี่ ุน่ แต่ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับไป เสียท้ังหมด ฝ่ายญี่ปุ่นปฏิเสธความคิดนี้โดยสิ้นเชิง และยิ่งกองทัพของผู้กรานเคล่ือน ใกล้ตัวเมืองเข้ามาเท่าไหร่ เสียงเหล่าน้ันเรียกร้องให้พวกเขา ถอนตัวออกจากการเป็น ผู้ดูแลศนู ยแ์ ละรบี หนเี อาชีวติ รอดโดยดว่ น ต้นเดอื นธนั วาคมของปนี ้ัน เจ้าหน้าท่ีสถานทูตอเมริกันรบเร้ากลุ่มผู้นาศูนย์ฯ ให้ลงเรือปนื \"พานาย\" ของรัฐบาลอเมริกนั ออกจากเมอื งไปดว้ ยกัน เรือปืนลาน้ันอัดเต็ม แนน่ ด้วยเจห้ น้าท่ีการทตู นักหนงั สอื พมิ พ์ผู้อพยพทงั้ ชาวตะวันตกและชาวจีนท่ีต้องการ ล่องน้าหนภี ัยไปจากนานกิง แต่กลุ่มผู้นาศูนย์ฯกลับปฏิเสธคาชวน ดังน้ันหลังออกปาก เตือนเป็นครั้งสุดท้าย เรือปืนพานายก็ถอนสมอพากลุ่มนักการทูตจากไปในวันท่ี 9 ธนั วาคม 1937 ปล่อยใหช้ าวตา่ งชาติที่เหลือกล่มุ นัน้ เผชิญโชคตอ่ ไปตามลาพงั แต่เรอื พานายออกจากท่าไปไดเ้ พยี ง 3 วัน กองบนิ ญ่ปี นุ่ ก็ปฏบิ ตั ิการจมเรอื ลา นั้นลงโดยไมม่ ีการเตอื นล่วงหนา้ ทาใหม้ ีคนตายไปสองและบาดเจบ็ นบั ไมถ่ ว้ น กองบินท่ี เขา้ โจมตียังบินวนไปเวียนมาอยู่รอบแล้วรอบเล่าเหนือบริเวณท่ีเรือจม ราวต้องการจะ กาจัดพวกที่ยังรอดและหลบอยใู่ ต้กอกกที่ขึ้นหนาอยรู่ มิ ตล่ิงให้ส้ินซาก ไม่มีใครรู้ชัดถึงสาเหตุแห่งการโจมตี แต่ฝ่ายญ่ีปุ่นบอกในภายหลังว่า เพราะ การต่อสู้อย่างดุเดือดในช่วงท่ีผ่านมาทาให้นักบินของตนไม่สามารถควบคุมอามณ์ 76
นอกจากนั้นหมอกหรือควันยังทาให้พวกเขามองไม่เห็นธงอมริกันท่ีติดอยู่บนเรือด้วย ถงึ ทุกวันน้ียงั มีบางคนตงั้ ขอ้ สงสัยวา่ การทง้ิ ระเบิดเป็นเพยี งการแลว้ เท่าน้ันลองดวู า่ ฝ่าย อเมรกิ นั จะมปี ฏิกริ ยิ าอย่างไร ในขณะอกี หลายๆ คนเชอื่ วา่ การทิ้งระเบิดคร้ังน้ันเป็นผล มาจากความขัดแย้งภายในของฝ่ายบัญชาการชั้นสูงของญี่ปุ่นเอง แต่ไม่ว่าเหตุผลที่อยู่ เบื้องหลังการถล่มคืออะไรส่งที่เห็นได้ขัดคือในตัวเมืองนานกิง กลายเป็นสถานท่ี ปลอดภัยกว่าสาหรับชาวตา่ งชาตทิ ี่ยังคงอยู่ ผู้อพยพกลุ่มแรกท่ีพาตัวเข้าสู่เขตปลอดภัยแห่งนานกิง คือผู้คนที่สูญเสียบน ไปเพราะการถล่มทางอากาศ หรือไม่กก็ ลมุ่ ท่ที ง้ิ บา้ นหนีจากชานเมืองเมอ่ื กองทัพญีป่ นุ่ ค ล่ือน เข้ามา เพียงไม่นานคนเหล่าน้ีก็เข้ามอัดกันแน่นอยู่ในเขตปลอดภัยถึงขนาดท่ีเล่า กันว่าคนจานวนมากไม่มีท่ีน่ังต้องยื่นรอให้มีการสร้างท่ีพักแห่งใหม่เพิ่มอยู่เป็นเวลา หลายวัน หลังเมืองท้ังเมืองล่มสลาย เขตปลอดภัยแห่งนี้ก็กลายเป็นท่ีของผู้อพยพ จานวนหลายแสน อีกหกสัปดาห์ถัดจากน้ันคณะกรรมการฯ ต้องหาทางให้ผู้อพยพรอดชีวิตอยู่ ได้ด้วยส่ิงท่ีจาเป็นที่สุดคือ อหารยา และหลังคาคุ้มภัย นอกจากน้ันยังต้องป้องกันให้ พวกเขาปลอดภัยจากการคุกคามด้วย บ่อยครั้งท่ีคณะกรรมการฯถึงกับต้องเอาตัวเอง เข้าขวางเรอ่ื งร้ายทที่ หารญ่ีปนุ่ กาลังทา จากเร่ืองราวท้ังหมดท่เี กิด แมจ้ ะไม่มีผใู้ ดขอร้อง แต่พวกเขาก็บันทึกเร่ืองราว ท่เี กิดขึ้นไวใ้ ห้อนุชนรนุ่ หลงั และส่งเรื่องราวรุนแรงรา้ ยกาจเหล่าน้ันออกมาสู่สานักพิมพ์ นอกประเทศ \"เราไม่ร่ารวยหรอก\" สตรีคนหนึ่งเคยเล่า \"แต่การมีเงินสกุลต่างชาติเพียง เลก็ น้อย ก็มีความหมายมากในเมืองจีน\" ชาวต่างชาติจานวนมากเหล่านี้อยู่อาศัยอย่างสุขสาราญในคฤหาสน์หลังงาม มีบรวิ ารแวดล้อมรับใช้อย่างชนดิ ที่เรยี กว่า \"เปน็ ทมี ๆ\" 77
อย่างไรก็ตาม เหตุท่ีเคยเกิดในนานกิงเมื่อ ๑ ทศวรรษก่อนหน้าก็ทาให้ขาว ต่างชาติสวนใหญ่หวาดระแวงคนจีนมากกว่าญ่ีปุ่น คนท่ีเคยอยู่ในนานกิงเม่ือปี ค.ศ. ๑๙๒๗ยงั จาเหตุการณ์ที่พวกชาตินิยมแห่งกองทัพจีนเที่ยวไล่งหารคนต่างชาติอย่างบ้า ระห่า ครั้งนั้นชาวต่างชาติกลุ่มหน่ึงซึ่งรวมถึงกงสุลชาวอเมริกันและภริยาถูกล้อมไว้ใน บ้านบนยอดเขาช่อื \"โซ-โคนี\" \"น่ีพวกเขาจะฆ่าเราหรือเปล่า จะทรมาทรกรรมเราเหมือนกับเมื่อสมัยกบฏ นกั มวยไหม\" ผ้หู ญงิ คนหนงึ่ บันทกึ ไว้อย่างหวาดกลัว \"หรอื จะหนักยิง่ กวา่ สมยั นัน้ ...อาจจะทรมานเด็ก ๆ ต่อหนา้ ตอ่ ตาพวกเรา...ฉนั ไม่อยากคดิ ถึงสง่ิ ทีพ่ วกเขาอาจทากบั ผ้หู ญิงแบบท่ีเราจะต้องอับอายไปทั้งชีวติ \" พยานแหง่ เหตกุ ารณ์สังหารโหดทนี่ านคิงถงึ กับยอมรบั ว่า \"เราเตรียมตัวพร้อมท่ีจะรับมือกับคนจีนที่จะหนีลันกันเข้ามา โดยเฉพาะ ทหารจากเซยี กวาน แตไ่ มเ่ คยคดิ ระวังพวกญี่ปุ่นเลย ในทางตรงกันข้าม เรายังหวังด้วย ซา้ ว่าสนั ติภาพ ความสงบเงยี บ และรุ่งเรอื งมง่ั คั่งจะกลบั มาพรอ้ มท่าทีอย่างญ่ปี ่นุ \" พฤติกรรมกล้าหาญของชาวอเมริกันและยุโรปท่ีกระทาในช่วงน้ันนับว่า มากมายอย่างยิ่ง สมุดบันทึกประจาวันของพวกเขาหนาเป็นพัน ๆ หน้า จนทาให้ หนังสือเล่มน้ีมีเน้ือที่ไม่พอที่จะบรรยายถึงส่ิงท่ีพวกเขาได้กระทาไว้ท้ังหมด ด้วยเหตุน้ี ฉันจึงตัดสินใจท่ีจะเล่าถึงเฉพาะพฤติกรรมของคนเพียงสามคนท่น้ัน หน่ึงคือนักธุรกิจ ชาวเยอรมัน สองศลั ยแพทยช์ าวอเมรกิ นั และสามหมอสอนศาสนาซึง่ เป็นศาสตราจารย์ ชาวอเมริกัน 78
79
80
81
จอห์น ราเบ้ เป็นบคุ คลอันเปน็ ที่รักมากท่ีสุดในประวัติศาสตร์ของการสังหาร ทน่ี านกงิ นัน้ ไม่นา่ จะผดิ ไปจาก จอหน์ ราเบ้ นักธุรกิจชาวเยอรมัน สาหรบั คนจนี เขาคือ วีรบุรุษผู้ช่วยชีวิตชาวจีนนับแสนคนไว้ แต่สาหรับชาวญี่ปุ่น จอห์น ราเบ้ คือคนแปลก เพราะเขาถือสัญชาตเิ ยอรมนั อนั เป็นพนั ธมิตรของชาติญ่ีปุ่น และเป็นหัวหน้าพรรคนาซี สาขานานกงิ ด้วย ในบันทกึ บอกไวว้ ่า จอห์น ราเบ้ คือ “ออสการ์ ชินด์เลอร์” แห่งเมือง จีน ก่อนจะเกดิ เหตกุ ารณ์ทน่ี านกิงนน้ั ราเบ้ใชช้ วี ิตโดยการทอ่ งโลกอยา่ งมีความสุข อีหลายทศวรรษต่อมา เออร์ซูลา ไรน์หาร์ต หลานสาวยืนยันว่า ราเบ้ มอง พรรคนาซีเป็นองค์กรสังคมนิยมเบื้องต้น แต่เขาไม่สนับสนุนการหัตถประหารชาวยิว และกลุ่มชนเผ่าต่าง ๆ ในเยอรมณี น่ีอาจเป็นความจริงเพราะในการเดินทางไปยัง กระทรวงตา่ ง ๆ ในนานกงิ ของราเบ้ เขาไดเ้ ฝ้าสรุปเกี่ยวกับปรัชญาแห่งนาซีว่าเป็นแนว สงั คมนิคมนยิ มอยู่ซ้าแล้วซ้าเล่า “เราคือหน่วยทหารเพื่อการทางาน เราคือรฐั บาลแห่งคนงาน เราคือมิตรของ ชาวแรงงาน และเราจะไม่มวี ันละทิ้งพวกคนงานไปในช่วงเวลาวกิ ฤต” 82
ในขณะท่ีเพื่อนชาวเยอรมันได้อพยพออกจากเมืองจีนไปตามคาแนะนาของ สถานทูตตัง้ นานแลว้ แต่ราเบ้เลอื กทจ่ี ะอยทู่ จ่ี ีนและหลังจากน้ันไม่นานเขาก็ได้รับเลือก ใหเ้ ปน็ ประธานเขตปลอดนานกงิ เจ้าหนา้ ทสี ถานทูตญี่ปุน่ ได้แนะนาวา่ ใหเ้ ขาทง้ิ เมืองไปเสียแต่ราเบ้ก็ยังอยู่ พัน ตรโี อขะ ไดร้ ับหนา้ ท่ีใหด้ ูแลความปลอดภัยใหก้ ับราเบ้ เอย่ ปากถามว่า “คณุ ยงั อยทู่ าอะไรที่น่ี ทาไมถึงอยากจะเกี่ยวข้องกับกิจทหารของเรา เรื่องนี้ ไมม่ ีอะไรเกยี่ วกับคุณเลย คณุ ไม่มอี ะไรตอ้ งเสยี เลย” ราเบ้ ให้คาตอบวา่ “ผมอยู่เมืองน้ีมานานแล้ว ลูก ๆ หลาน ๆ ผมก็เกิดและโตที่นี่ ผมมีความสุข ชาวจีนก็ปฏิบัติต่อผมเป็นอย่างดีแม้แต่ช่วงสงคราม ถ้าผมได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเป็น เวลานานและไดร้ บั การปฏิบัติเชน่ เดียวกบั ท่ีผมไดร้ ับจากทน่ี ่ี ผมก็จะไม่ละท้ิงประชาชน ชาวญปี่ ุน่ เหมอื นกนั แมว้ า่ จะตกอยูในภาวะวกิ ฤตกต็ าม” 83
84
85
ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่ โรเบิร์ต วิลสัน เลือกท่ีจะอยู่ ในขณะที่หมอ ผ่าตัดอื่นๆ ต่างทิ้งนานกิงไปจนหมด นั่นก็เพราะเมืองหลวงแห่งน้ีคือบ้านเกิด ซ่ึงให้ ความรักความอบอ่นุ แกแ่ พทยห์ นมุ่ ผูน้ ม้ี าแตเ่ ยาว์ นานกิงเปน็ สถานท่พี ิเศษในใจเขามาตลอด โรเบิร์ตเกิดเม่ือปี ค.ศ. 1904 เติบโตในครอบครัวหมอสอนศาสนานิกาย เมโธดสิ ต์ ซง่ึ เป็นครอบครวั ที่มสี ่วนอย่างสาคญั ในการพัฒนาระบบการศกึ ษาของนานกิง อย่างเช่นลุง จอห์น เฟอร์กุสัน ของเขาคือผู้ก่อต้ังมหาวิทยาลัยนานกิง ส่วนพ่อก็เป็น บาทหลวงและครใู นโรงเรยี นมธั ยมประจาเมือง แม่ของวิลสันเป็นชาวกรีกคงแก่เรียน จบการศึกษาระดับวิทยาลัยสามารถ พูดไดค้ ล่องแคลว่ หลายภาษา และเปดิ โรงเรยี นสอนศาสนาแก่เดก็ ๆ ดว้ ย โรเบริ ์ตเคยเรยี นวิชาเรขาคณติ กบั เพริ ์ล เอส. บคั๊ ซ่ึงตอ่ มาไดร้ บั รางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรมจากเร่อื งที่เธอเขียนเก่ยี วกับเมืองจนี ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นน้ี บวกกับความฉลาดเฉลียวอันโดดเด่นของตัวเอง เมอื่ อายุได้เพียง 17 ปี โรเบริ ์ต วลิ สันก็ได้รับทุนไปเรยี นตอ่ ทมี่ หาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จบจากวิทยาลัยแล้ว เขาสอนวิชาภาษาละตินและคณิตศาสตร์ในโรงเรียน ระดบั มัธยมที่รัฐคอนเนคติกัตอยพู่ ักหน่ึงจากน้ันเข้าเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์ท่ีมหาลัย ฮารเ์ วริ ์ด แล้วไปปฏิบตั ิงานเป็นแพทยฝ์ ึกหดั ทโี่ รงเรยี นแพยท์ท่ีโรงพยาบาลเซนต์ลุค รัฐ นวิ ยอรก์ อันเปน็ ที่ซงึ่ เขาไดพ้ บรกั และแตง่ งานกับหวั หน้าพยาบาล แต่แทนที่จะมุ่งม่ันอยู่กับอาชีพท่ีอเมริกา วิลสันกลับบอกตัวเองว่านาคตของ เขาอยู่ท่บี า้ นเกิดมากกว่า ดังนน้ั ในปี 1935 นายแพทย์หนุ่มจึงพาภรรยาสาวเดินทางสู่ ประเทศจีน เพื่อเขา้ ทางานเป็นแพทยป์ ระจาที่โรงพยาบาลนานกงิ อาจกล่าวได้ว่าสองปีแรกคือช่วงเวลาอย่างท่ีคู่สามีภรรยาจะพึงวาดฝัน เวลา ท้ังสิ้นหมดไปกับการอ้อยอิ่งอยู่กับอาหารม้ือเย็นร่วมกับสามีภรรยาที่เป็นหมอสอน ศาสนาคอู่ นื่ ๆ หรือรว่ มตั้งวงดื่มน้าชาอย่างหรูหรา พากันไปเยื้องกรายในงานเลี้ยงตาม 86
สถานทตู หรือไม่กอ็ อกไปพักผ่อนแสนสบายท่ีบ้านตากอากาศนอกเมือง แวดล้อมครบ ครันด้วยคณะพอ่ ครัวและคนรับใช้ ตอนเย็น ๆ วิลสันจะจ้างครพู เิ ศษมาสอนภาษาจีนโบราณเพื่อให้เขา้ ใจภาษาน้ี ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่วนบ่ายวันพุธเล่นเทนนิส นอกจากน้ันการไปล่องเรือรับประทานอาหาร เย็นในทะเลสาบท่ีมีบัวแดงบานสล้างอยู่กลางน้าพลางสูดอากาศบริสุทธ์ิสดชื่นให้เต็ม ปอด กเ็ ปน็ อีกสิ่งที่สองสามภี รรยาชื่นชอบ แตส่ งครามเข้ามาทาลายความสงบสุขเหล่านั้นเสียส้ินหลังจากเหตุ “สาพาน มาร์โคโปโล” ในเดือนกรกฎาคม ชาวนานกิงต้องเริ่มใส่หน้ากากกันแก๊สน้าตาเมื่อออก จากบา้ น นอกจากนั้นยงั ตอ้ งพกยาแกส้ ารพิษรวมทง้ั ผ้ากอซหนาๆ ด้วยกลวั วา่ ฝ่ายญ่ีปุ่น จะจูโ่ จมดว้ ยอาวธุ เคมี ถึงเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1937 อันเป็นช่วงท่ีญ่ีปุ่นเริ่มถล่มนานกิงทาอากาศ มาร์จอรี ภรรยาของวลิ สันก็ลงเรอื ปืนจากไปพร้อมเอลิซาเบธลูกสาวของเธอ ท้ังสองไป ถึงเมือง กูหลิง โดยสวิสดิภาพ แต่เพราะกลัวว่าหากสงครามยังดาเนินต่อไปลูกน้อย เดนิ ทางต่อไปจนถึงสหรัฐอเมริกา มารจ์ อรีทาตามความต้องการของสามี เธอกลับไปทางานท่ีโรงพยาบาลเซนต์ ลคุ ในนวิ ยอรก์ โดยใหม้ ารดาของตวั เองชว่ ยดแู ลลกู นอ้ ยให้ สาหรบั ศลั ยแพทยว์ ลิ สนั นน้ั ไมม่ ีใครตั้งคาถามว่าทาไมเขายังอยู่ต่อไปในนาน กิง เพราะนัน่ ไมใ่ ชเ่ ร่ืองต้องถาม..... “เขาบอกว่าเปน็ หน้าท่.ี ...” ผู้เป็นภรรยาเล่าทวนความหลงั ทผ่ี า่ นไปนานเกือบ 60 ปี “….เพราะคนจีนคอื พ่ีน้องร่วมชาติ...” เมอ่ื ฤดใู บไม้ร่วงมาถงึ วิลสันจงึ ย้ายเข้าไปอยู่กับ เจ สอสซิ่ง บัค อดีตสามีของ เพริ ์ล เอส บค๊ั เพื่อให้ตนเองไม่เหงาและไม่นานเพื่อน ๆ กต็ ามมาอยูด่ ว้ ยจนเตม็ บ้าน ไม่ 87
วา่ จะเป็น ศลั ยแพทย์ ริชารด์ เบรด้ี หมอสอนศาสนาคริสเตียนชาวอเมริกัน เจมส์ แม็ค คัลลัม รวมทั้งชาวต่างชาติอื่น ๆ เพราะหลายคนในจานวนนั้นต่างก็ทาเช่นเดียวกับวิล สนั คอื สง่ ภรรยาและลูก ๆ ออกไปเสยี จากนานกิง เขาเหล่าน้ีกลายเป็นคณะกรรมการบริหารเขตปลอดภัยฯ ในเวลาต่อมา เมอื่ ใดท่ีไม่มีผู้ป่วยเต็มวิลสันก็มักใช้เวลาท่ีเหลือเขียนจดหมายถึงคอบครัว ส่ิงท่ีเขาเล่า สว่ นใหญเ่ ต็มไปดว้ ยเรื่องราวสยอง อยา่ งเช่นเรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งซ่ึงหมอบลงหลบ ระเบดิ แต่พอพยายามจะลุก จงึ ได้รวู้ ่าสะโพกทงั้ สองข้างฉีกขาดหายไปเสยี แลว้ นายศัลยแพทย์หนุ่มแคะได้ท้ังสะกัดกระสุนปืนใหญ่และถูกกระสุนปืนใหญ่ และลูกกระสนุ อีกไม่ลว้ นจากรา่ งของผบู้ าดเจบ็ มากพอจะทาใหเ้ ขาเขยี นประชดประชัน เอาไวว้ า่ “พอจะเปดิ เป็นพพิ ิภณั ฑด์ ๆี ได้ทัง้ ทส่ี งครามยังไม่จบนแ่ี หละ!” แม้จะรู้อย่วู า่ ฝ่ายญป่ี ุ่นไม่ได้ใสใ่ จว่าระเบิดท่ีทิ้งถล่มลงมาจะโดนโรงพยาบาลหรือไม่ แต่ นายแพทย์ยังไปทางานปกติ ในวันท่ี15 กันยายน อันเป็นวันหนึ่งซึ่งนานกิงโดนถล่ม หนักสุด กองทัพญ่ีปุ่นทิ้งระเบิดหนักชนิด1000ต้นจานวน 2 ลูก เข้าใส่โรงพยาบาล เซน็ ทรลั และกระพรวงสาธารณสขุ ท้ังทไี่ ด้มีการทาสีเป็นรูปธงกากบาทสีแดงผืนใหญ่ไว้ ให้เหน็ เด่นขดั บนหลังคาตกึ ของโรงพยาบาลแห่งน้ัน แต่ระเบิดก็ยังถูก ถล่มลงห่างเพียง 50 ฟุตจากหลมุ หลบภยั ทที่ งั้ แพทย์และพยาบาลร่วมรอ้ ยชีวติ ซกุ หลบอย!ู่ วิลสันพยายามทาทกุ ทางเพ่ือไม่ให้โรงพยาบาลตกเป็นเป้า เขาชิงผ้าม่านสีดา หนาหนกั ตามหนต่างเพ่ือไมใ่ ห้แสงไฟลอดไปเข้าสายตานักบินแต่ข่าวลือก็หึ่งไปท้ังเมือง วา่ พวกสปายใชโ้ คมสเี ขยี วบา้ งแดงบา้ งเปน็ เคร่ืองหมายชี้เปา้ แทนแสงไฟ ในระหวา่ งการ โจมตีครั้งหนึ่ง มีคนแปลกหน้าเล็ดลอดเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมด้วยไฟฉายท่ีมีฝา ครอบสีแดง (แทนท่ีจะเป็นสีเขียวหรือดา) ชายคนน้ันทาตัวนาสงสัยด้วยการพยายาม เปิดหน้า ต่างที่ทางโรงพยาบาลปิดเอาไว้แน่นหนาเพ่ือป้องกันแก๊สพิษ นอกจากน้ันยัง 88
ทาให้ผู้คนสงสัยมากขึ้นไปอีก ด้วยการถามนักบินจีนที่นอนรักษาตัวอยู่ด้วยคาถาม แปลก ๆ เกี่ยวกับเพดานบนิ และระยะการทง้ิ ระเบิด ใกลห้ มดฤดใู บไม้รว่ งวิลสนั จึงรู้ว่าตัวเองทางานหนกั เกนิ กาลงั ไปมาก มคี นไข้ท่ี ต้องให้การดูแลรักษามากว่าคร้ังไหน ๆ ท้ังหมด คือไม่ได้มีเฉพาะพลเรือนท่ีได้รับ บาดเจบ็ เท่านัน้ แต่ยังรมถงึ ทหารท่ีถอยร่นลงมาจากเซี่ยงไฮด้วย บันทึกของเขาบอกว่า มที หารผา่ นศึกไดร้ บั บาดเจ็บทพี่ กั อยู่ตามโรงพยาบาลระหวา่ งเซี่ยงไฮ้กบั อูห๋ ถู ึงประมาณ 100,000 นาย รถไฟท่ีอัดเต็มเอี้ยดขบวนแล้วขบวนเล่าพาทหารเหล่านี้มาส่งท่ีสถานีเซ่ี ย กวานซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของนานกิง แต่แม้มาถึงที่น่ันแล้ว ส่วนหนึ่งก็ทาได้เพียงนอน รอความตายอยู่บนชานชาลาของสถานีนั่นเอง ในขณะที่อีกหลายๆ คนโขยกเขยกอย่าง ไรจ้ ุดหมายเขา้ สตู่ วั เมอื ง ทหารที่ได้รับการักษาแล้วต้องเดินทางกลับสู่แนวหน้า แต่ผู้ท่ีสูญเสียแขนขา กลายเป็นคนพิการจะถูกปลดประจาการ ได้รับเงินช่วยเหลือเพียงสองดอลลาร์พร้อม คาสั่งให้ “กลบั บา้ น” แตส่ าหรบั ทหารส่วนใหญ่แล้ว “บ้าน” อยู่ไกลเกินจะลากร่างกาย และจิตใจอนั ฟกซ้ากลับไปได้ถึง น้อยคนนักที่มีเงินหรือมีกาลังเหลือพอจะทาตามคาส่ัง นน้ั จึงถกู ผู้บังคบั บญั ชาทง้ิ ใหต้ กค้างอย่ตู ามพื้นที่รอยตอ่ ระหว่างเซีย่ งไฮ้กับนานกิง ทหารผ่านศึกนับพัน ๆ ซึ่งกลายเป็นคนตาบอด พิการ หรือร่างกายเน่าเป่ือย ตม็ ไปด้วยบาดแผลเหล่านี้ ลดสภาพลงเป็นเพียงขอทานอยู่ตามถนนเท่านั้น เหตกุ ารณเ์ ลวรา้ ยลงทุกวนั และจานวนเจ้าหน้าท่ีในโรงพยาบาลก็ย่ิงร่อยหลอ หมอและพยาบาลชาจีนต่างมุ่งหน้าออกนอกเมืองสู่ฟากตะวันตกพร้อมกับประชากร นานกิงอีกหลายแสน วิลสันพยายามทาทุกทางเพื่อไม่ให้ผู้ร่วมงานชาจีนจากไป อย่างเช่นบอกวา่ ไมต่ อ้ งกลัวอะไร เพราะหลงั จากเมอื งแตกแลว้ กจ็ ะมีการประกาศใช้กฎ อยั การศึก 89
แต่ไม่ว่จะเกล้ียกล่อมอย่างไร พวกเจ้าหน้าท่ีก็ไม่ยอมอยู่ ดังน้ันเมื่อส้ินสัปดาห์แรกของ เดอื นธันวาคม โรงพยาบาลแหง่ มหาวิทยาลัยนานกิงท้ังโรงพยาบาลจึงมีแพทย์เหลืออยู่ เพยี ง คน ซ่ึงกค็ ือตวั เขาเองกบั ซ.ี เอส. ทรมิ เมอร์ และแพทย์ชาวจีอีกหน่ึง และเมื่อริชาร์ดเบรด้ี ชาวอเมริกันซึ่งเป็น ศัลยแพทยอ์ กี เพยี งคนดยี วทเ่ี หลืออยตู่ ้องจากนานกงิ ไป เพราะลูกสาวป่วยหนักอยู่ท่ีกูห ลิง วิลสันก็กลายเป็นหมอผ่าตัดเพียงหน่ึงเดียว และต้องยืนถือเคร่ืองมืออย่างชนิดท่ี เรยี กวา่ รายชัว่ โมง บนั ทกึ ของเขาสง่ กระแสเหนอ่ื ยหนกั \"ค่อนช้างแย่ทีเดียว ที่ต้องกลายเป็นศัลยแพทย์เพียงคนเดียวในเมืองที่กาลัง ถกู ปน็ ช้ินๆ น”่ี อีกหนงึ่ สัปดาห์ถดั มา วลิ สันกเ็ กอื บถึงฆาต ตอนบ่ายวันที่ 13 ธันวาคม เขาตัดสินใจให้การผ่าตัดคนไข้ท่ีบาดเจ็บสาหัส เพราะโดนสะเก็ดระเบิดเข้าตา เป็นงานซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง นายแพทย์ หนุ่มต้องผ่าตัดเอาส่วนที่เหลือในตาข้างหน่ึงของนอกเบ้าได้เพียงคร่ึงเดียว กระสุนปืน ใหญ่กห็ ลน่ ลงมาระเบิดตูมสนนั่ หา่ งตัวเข้าไป 50 เหล่าแรงอัดของมันทาเอาหน้าต่างสั่น กราวไปทงั้ หอ้ ง สะเก็ดระเบดิ กระจายว่อนทว่ั บรเิ วณ ไม่มีใครบาดเจ็บส้มตายจากกระสุนลูกน้ัน แต่วิลสันก็จาได้วพยาบาลท่ีกาลัง ทาหน้าทส่ี ง่ เครอื่ งมอื ออกปากถามด้วยอาการส่ันไปท้ังตวั วา่ ควรผา่ ต่อไปหรือไม่ “แต่เราทาอะไรอย่างอ่ืนไม่ได้อยู่แล้ว.....เพียงแต่ผมไม่เคยเห็นว่าการผ่าตัด ครั้งไหนจะทาให้ลูกตาหลุดออกนอกเบ้าได้เร็วขนาดนั้นมาก่อนเลย” ตกค่าวันที่ 13 ทหารญ่ีปุ่นก็ควบคุมเมืองท้ังเมืองไว้ได้ ธงญ่ีปุ่นสะบัดอยู่ท่ัวไป แล้วพอถึงวันถัดมา กองทัพแห่งผู้มีชัยก็บุกเข้าไปตามโรงพยาบาลต่างๆ พวกเขาลุยเข้าไปถึงโรงพยาบาล ใหญ่ ของกองทัพจีนท่ีอยู่ภายใต้การดูแลบริหารของคณะกรรมการเขตปลอดภัยฯ ซึ่ง ขณะน้ันทาหนา้ ทีป่ ระหนึง่ สาขาของสภากาชาด 90
ผู้ชนะควบคุมทหารจีนหลายร้อยไว้เป็นเชลยและไม่ยอมให้แพทย์ ผ่านข้างในเขต โรงพยาบาลซ่งึ ตัง้ อยใู่ นพื้นทก่ี ระทรวงการต่างประเทศ รวมท้ังไมย่ อมใหม้ ีการส่งอาหาร แกท่ หารบาดเจบ็ ดว้ ย น่ันทาใหท้ หารเหลา่ นั้นคน้ ท้ิงเตียงพยาบาลออกมา และถูกยิงทิ้ง เสียอย่างทอ่ี ีกฝา่ ยวางแผน เม่ือโรงพยาบาลสามในสี่โรงซ่ึงอยู่ภายได้การดูแลของสภากาชาดตกอยู่ใน เงื้อมมอื ของคายญ่ีปุ่นดว้ ยวิธดี ังกลา่ วคณะกรมการสากลแห่งเขตปลอดภัยฯ จึงต้องหัน ไปทุ่มกาลังใหโ้ รงพยาบาลแหง่ มหาวิทยาลยั นานกงิ แตเ่ พียงแหง่ เดยี ว ในวงวันแรก ๆ ของการข้ายึดครอง วิลสันได้แต่อึดอัดขัดของทับที่กองทหาร ของผู้มีชัยท้ังปลันและเผาตัวเมือง เขาต้องทนดูทหารบุกเข้าปล้นโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยนานกิง แย่งกล้องถ่ายรูปจากพยาบาลเผาอุปกรณ์ดนตรีที่กองท่วมสูงที่ กลางถนนแล้วกใ็ ห้นึกแปลกใจว่าการทาลายทรัพย์สมบัติเหล่น้ันเป็นสวนหน่ึงของแผน บงั คบั ให้ฝ่ายจนี ต้องยอมซ้ือสินค้าญป่ี ุ่นภายหลังหรือไม่ วันหนึ่งวิลสันทาใจกล้าเดินทางกลับไปสารวจความเสียหายท่ีบ้านก็พบว่า ทหารญ่ีปุ่นสามนายกาลังร้ือข้าวของอยู่คาตา ผู้บุกรุกเหล่านี้ปืนเช้ามาทางห้องเพดาน เจอหีบเดินทางใบหนึ่งเข้าก็จัดแจงเปิดแล้วก็เหว่ียงข้าวของในน้ันออกมากระจัด กระจายเต็มพ้ืน รายหนึ่งกาลังส่องกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วิลสันก้าว เขา้ บ้าน พอเหน็ เขาเขา้ เท่านัน้ ท้ังสามนน่ั ก็พรวดพราดลงบนั ไดหนไี ป ที่ทาให้รู้สึกเหมือนถูกหยามท่ีสุดก็คือสิ่งท่ีพบในห้องน้าชั้นบนนามบัตรของ เขาถกู ท้งิ ลงไปในโถสว้ ม! \"ผมใชผ้ ้าขนหนสู ะอาดเก็บนามบัตรของผมข้ึนมา\" แต่ไม่ว่าการบุกรุกแย่งชิงใด ๆ ก็เทียบไม่ได้กับการข่มขืนและฆ่าท่ีเห็นในตัว เมือง แมไ้ ดก้ ลายเป็นศัลยแพทยก์ ลางสมรภมู แิ ละแทบไมเ่ หลอื ความรสู้ ึกรู้สมใด แต่วิล สนั กย็ ังอดช็อกไปกับความรุนแรงรา้ ยกาจของเร่อื ง บันทึกของเขาจงึ เป็นดงั น.ี้ 91
15 ธันวาคม การสังหารหมู่พวกเรอื นช่างน่ากลัวจริง ๆ ถ้าจะให้บรรยายเกี่ยวกับเร่ืองการ ข่มขืน ผสมสามารถเล่าพฤติกรรมทารุณโหดร้ายแทบไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นที่นี่ได้อีกเป็น หลายๆ หน้าทเี ดียว 18 ธนั วาคม วันน้ีครบหกวันท่ีเร่ืองร้ายกาจราวแบบของ “ดังเต้” อุบัติใหม่ท่ีนี่เป็นเรื่อง โหดเหี้ยม โชกเลือดและน้าตา การฆา่ หมู่อยา่ งชนิดท่เี รียกวา่ มากกว่า “เหมาโหล” แล้ว ยังเรื่องการข่มขืนที่เกล่ือนจนเอียนข้ึนมาถึงคอหอย! ดูเหมือนไม่มีการหยุดย้ังอดกล้ัน ความดุร้ายและตัณหาราคะกันพยายามอยู่ได้ไม่นาน แล้วรอยย้ิมของผมก็เหือดหาย กลายเปน็ การจ้องมองอย่างเยน็ ชา อย่างไมไ่ วว้ างใจ สว่ นพวกญีป่ นุ่ เองก็มองมาอย่างนน้ั เหมือนกนั 19 ธันวาคม พวกคนจนๆถกู ขโมยอาหารไปหมด พวกเขาหวาดกลัวกันมากเรยี กว่ากลัวจน ขึ้นสมองทีเดยี ว....นี่เมื่อไหร่เหตุการณ์แบบนจี้ ะจบส้ินเสยี ทีนะ!!!!!! วนั ก่อนครสิ ต์มาส วนั นี้พวกเขาบอกว่ายังมีทหารอยู่ในเขตปลอดภัยฯอีกสองหม่ืนคน แล้วบอก อีกว่าจะเข้ามาล่าตัวเพื่อเอาไปยิงท้ิงให้หมด น่ีก็หมายถึงผู้ชายแข็งแรงทุกคนที่ยัง เหลืออยู่ในเมอื ง และมอี ายุอยู่ระหวา่ ง 18-50 ปี แลว้ อย่างนคี้ นพวกน้ีจะกล้าเสนอหน้า ไปใหใ้ ครเหน็ ไดอ้ กี เล่า พอถงึ สิน้ ปี จดหมายของวิลสน้ ก็เตม็ ไปดว้ ยน้าเสยี งคร่าครวญ 92
30 ธันวาคม “ไอ้ที่ยังทาให้รู้สึกดีอยู่ได้หน่อยก็เพราะไม่มีทางเลวไปกว่าน้ีอีกแล้ว!!! พวก ทหารไมส่ ามารถฆา่ ใครทลี ะมาก ๆ เพราะไม่เหลอื ใครเอาไว้ใหฆ้ ่าอกี !! ” บอ่ ยครงั้ ทีว่ ลิ สนั และคนอน่ื ๆ เห็นทหารญี่ปุ่นล้อมจับคนจีนไปยิงทิ้ง จากนั้น ก็ถบี รา่ งเขาเหลา่ นน้ั ลงไปในหลมุ หลบภยั ฝนุ่ คลุ้งทก่ี ลายเปน็ สุสานขนาดมหมึ า สิง่ ที่นายแพทยห์ นมุ่ ได้ยินมากค็ อื มคี นจีนจานวนมากถูกสังหาร ท้ังท่ี ไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฝ่ายญี่ปุ่นหรือเพราะเหตุอ่ืนใด แต่ที่ตกเป็นเหย่ือก็เพราะว่า ร่างกายของพวกเขาถกู นาไปใช้เพ่อื เหตุเฉพาะบางอยา่ ง หลงั นานกิงพ่ายแพ้ สนามเพลาะท่ีฝ่ายจีนขุดไว้เพ่ือดักรถถังก็ถูกมจนเต็มปรี่ ด้วยฝีมือผู้รุกราน สิ่งท่ีพวกเขาใช้ในการถมหลุมเหล่น้ันคือร่างของทหารท้ังที่ตายแล้ว และยังแค่บาดเจ็บ แต่เมื่อไม่สามารถหาทหารมาถมหลุมเหล่นั้นได้มากพอให้รถถังวิ่ง ผ่านได้ พวกเขาก็หันปากกระบอกปืนเข้าใส่พลเรือนที่อยู่แถวๆน้ัน แล้วก็โยนร่าง เหลา่ นน้ั ตามลงไป คนทีเ่ ลา่ เรื่องนีใ้ หว้ ลิ สันฟังถึงกับลงทนุ ขอยืมกลอ้ งไปถา่ ยรปู มาเป็นหลกั ฐาน แต่นายแพทย์หนุ่มทาอะไรไม่ได้เลยกับการสังหารหมู่เหล่านี้ เพราะทหารท่ี เขาเคยเผชิญหนา้ น้ันมักทาท่า \"เลน่ \" กับอาวธุ ไมว่ า่ จะเป็นการถอดหรอื ใสก่ ระสนุ เพ่ือขู่ ทั้งเขาและชาวต่างชาติอน่ื ๆ วลิ สันถึงกบั ทาใจเอาไว้ว่าคงถกู ยิงขา้ งหลงั เข้าสักวัน! ภาพภาพหนึ่งที่เขาต้องจดจาไปจนตลอดชีวิต คือภาพทหารญ่ีปุ่นทั้งโขยงรุม ข่มขนื เดก็ หญิงซึง่ อายรุ ะหว่าง 15-18 ปี เด็ก ๆ กลุม่ น้ันถูกจบั ขึงผดื กลางถนนฝุ่นเขรอะ แลว้ ทหารทั้งฝูงก็รุมกันเรียงคิวพวกเธอหลายคนถึงตายเพราะตกเลือดไม่หยุด ส่วนอีก หลายคนฆ่าตวั ตายตามไปหลังเหตนุ ้นั 93
แต่สิ่งที่ได้เหน็ ในโรงพยาบาลนากลัวกว่าทีไ่ ด้เห็นบนถนน วิลสันตกใจแทบสิ้น สตเิ มอ่ื เห็นผหู้ ญิงบางคนมาถงึ หอ้ งฉุกเฉนิ ในสภาพหนา้ ทอ้ งถกู คว้านเปิด หรือถูกเผาจน เกรียม หรือผู้ชายที่แทบดูไม่เป็นมนุษย์เพราะถูกเผาท้ังเป็น นอกจากนั้นยังมีอาการ บาดเจ็บแบบอนื่ ๆ อกี มากที่เขาไมม่ ีเวลาจะบนั ทึก ในจดหมายถึงภรรยาฉบับหนึ่งนั้น วิลสันเล่าว่าเขาไม่มีทางลืมหญิงผู้โซซัด โซเซมาถงึ เตียงผา่ ตัดของเขาด้วยสภาพที่ศรี ษะใกลข้ าดจากบ่า อาสาสมัครที่เข้ามาช่วยงานในโรงพยาบาลเขียนเล่าเหตุการณ์ท่ีคิดกับผู้หญิงคนน้ีใน วนั ท่ี 3 มกราคม ปี ค.ศ. 1938 เอาไวว้ ่า \"เช้านี้มผี หู้ ญิงอกี คนท่ีช่างโชครา้ ย และเร่ืองที่เธอเล่าก็รุนแรงน่ากลัวอย่างย่ิง เธอเปน็ หน่ึงในจานวนห้าคนที่ทหารญ่ีปุ่นคร่าตัวไปไว้ท่ีหน่วยพยาบาลเพื่อทาหน้าที่ซัก เสอ้ื ผา้ ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ต้องเปน็ ทาสกาม คนื หน่ึงๆพวกเธอถูกบังคับ ใหต้ ้องนอนกับทหาร 15 ถึง 20 คน แตค่ นท่หี น้าตาดกี ว่าเพื่อนต้องทนสนองพวกผู้ชาย ถงึ คนื ละ 40 คน คนทมี่ าหาเราคอื คนท่ีถูกทหาร 3 นายเรยี กให้ออกไปไกลจากหน่วย พวกเขา ตั้งใจตดั หวั เธอจนกล้ามเนือ้ ที่ตน้ คอขาดออกเกอื บหมดแล้วเพียงแต่ว่าตรงส่วนเชื่อมต่อ ไขสันหลังยังเหลืออยู่เท่านั้นเอง เธอแกล้งทาเป็นตายแล้วก็ลากตัวมาจนถึง โรงพยาบาล!\" นเ่ี ป็นอีกเรอ่ื งทเ่ี ปน็ พยานอยา่ งดถี ึงความทารุณโหดร้ายของพวกทหารญี่ปุ่น แตแ่ ม้ทา่ มกลางความเจ็บปวดรวดรา้ วเชน่ นั้น วิลสันกย็ งั ได้พบเร่ืองท่ีทาให้ต้องแปลกใจ ในความเข้มแขง็ แหง่ จติ ใจของคนไขเ้ หล่านี้ ในจดหมายฉบบั ทีเ่ ขยี นถงึ ครอบครัวในวันขึน้ ปใี หมน่ ้ัน นายแพทย์หนุ่มเลา่ ถึงเรื่องเหลือ ชือ่ เรอ่ื งหนึ่ง ทหารจีนเผาบ้านของหญิงวัย 29 ปีที่อาศัยอยู่ด้านใต้ จากน้ันบังคับให้เธอ เดินเท้าเข้าเมอื งมาพร้อมดว้ ยลูกเล็ก ๆ อีก 5 คน ยังไม่ทันค่าเครื่องบินของฝ่ายญ่ีปุ่นก็ 94
จิกหัวด่ิงลงมาแล้วปืนกลประจาเคร่ืองก็กราดเข้าใส่แม่ลูกครอบครัวนี้ กระสุนนัดหน่ึง พงุ่ เขา้ ตาขวาแล้วทะลุออกทา้ ยทอยของผ้เู ป็นแม่ เธอล้มสลบไป กระท่ังถึงเช้าจึงฟ้ืนขึ้น พบตัวเองนอนอยู่กลาง กองเลอื ด ลูกๆรา่ ไหก้ ันระงม เพราะอ่อนแรงเกินกว่าจะอุ้มลูกคนเล็กซึ่งอายุเพียงสามเดือนมาด้วยได้ เธอ จาเป็นต้องท้ิงเด็กน้อยไว้ในกระท่อมร้างแถวนั้น แล้วก็กระเสือกกระสุนพาลูกๆอีก 4 มาจนถึงโรงพยาบาล วิลลันและอาสาสมัครอื่น ๆ ยืนหยัดกันอยู่ทีโรงพยาบาลจนกว่าหมดแรง ความจริงคณะกรรมการเขตปลอดภัยฯนาจะรับความช่วยเหลือทางการแพทย์จาก หน่วยอ่ืนที่อยู่นอกมืองได้ แต่เพราะฝ่ายญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้แพทย์หรืออาสาสมัครด้าน การพยาบาลเดินทางเข้ามาในตัวเมือง จึงทาให้ภาระในการต้องดูแลคนป่วยรวมทั้ง จัดการเกย่ี วกับเขตปลอดภตั กลายเปน็ หน้าท่ีของคณะกรรมการฯ ซึ่งมีกันอยู่เพียงยี่สิบ กวา่ คนน้ีเท่านัน้ เพ่ือให้แน่ใจว่าพ้ืนทีโรงพยาบาลเป็นเขตปลอดทหารญ่ีปุ่น พวกเราผลัดกัน ทางานเป็นกะ จัดให้มีคนต่างชาติอยู่เวรอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นประจาทุกวันบางคนใน หน่วยน้ีทางานหนักเสียจนเป็นไข้หรือไข้หวัดใหญ่รวมทั้งโรคอื่น ๆ อีกงอมแงม ใน ระหวา่ งการสังหารหมู่ในนานกิงนั้น แพทย์ชาวตะวันตกอีกคนเดียวที่เหลือคือ ซี. เอส. ทริมเมอร์ เคยต้องทนกับอาการไข้สงู ถึง 102 องศาฟาเรนไฮต์!! โรงพยาบาลแหง่ มหาวิทยาลัยนานกิงกลายเป็นค่ายอพยพอีกแห่งหน่ึงไปโดย รวดเร็ว เพราะวิลสันไม่ยอมปล่อยให้คนไข้ที่ไม่มีที่จะไปต้องไปหาท่ีอื่นอยู่ ส่วนพวกที่ ออกจากโรงพยาบาลได้จะต้องมีชาวต่างชาติไปส่งเพ่ือให้แน่ใจว่ถึงบ้านกันอย่าง เรยี บรอ้ ยปลอดภยั เจมส์ แม็คคัลลัม รบั หน้าท่โี ชเฟอร์ขับรถสง่ คนไข้ รถพยาบาลที่เขาขับคือรถท่ี นามาปรับใช้เฉพาะกาล ผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ต่างจาได้ว่าแม็คคัลลัมต้องใช้ผ้า เยน็ เช็ดหน้าอยูซ่ า้ แล้วซ้าเล่า เพือ่ ใหห้ ายง่วงขบั ตอ่ ไปให้ได้ 95
แต่เม่ือเช็ดแล้วเช็ดอีกก็ยังไม่อาจฝืนปิดตาอยู่ได้ แม็คคัลลัม ก็ใช่วิธีเค้ียวลิ้นตัวเองจน เลือดโชก มนี อ้ ยคนที่ยอมบังคับตัวเองให้ทางานหนักเช่นเดียวกับวิลสัน เมื่อการฆ่าหมู่ นานกิงรวมท้ังการข่มขืนค่อยจางลงแล้วน้ันแพทย์หลายต่อหลายคนต่างเดินทางไปใช้ เวลาวันหยุดสดุ สัปดาหก์ ันท่ีเซย่ี งไฮเ้ พอ่ื คลายเครยี ด แต่วิลส้นยังคงก้มหน้าก้มตาผ่าตัด คนไข้ต่อไป เขาทางานตลอดเวลาท้งั กลางวนั และกลางคืน แมเ้ วลาผ่านไปนานถึงเกอื บ 60 ปี แตผ่ ู้รอดชวี ติ พดู ถึงเขาอย่างยกย่องคารวะ ในความเสียสละอย่งยิง่ นั้น มอี ยูร่ ายหนึง่ ท่ีเล่าถงึ รายละเอยี ดของการเตรียมการและผล การผา่ ตดั อันดีเย่ียมของนาย แพทยโ์ รเบริ ต์ วลิ สัน และ.... \"เขาทาให้ฟรี...เพราะมคี นไข้ น้อยคนทม่ี เี งินจา่ ย\" แต่นายแพทย์หนุ่มแลกคาสรรเสริญเหล่านั้นมาด้วยส่ิงอันมีค่าลิบล่ิว น่ันก็คือสุขภาพ ของตนเอง ครอบครัวของเขาเชือ่ ว่า เพราะความศรทั ธาในศาสนาครสิ ตน์ ิกาย เมโรดสิ ต์ กับความรักท่ีมีต่อประเทศจีนเท่นั้นท่ีทาให้วิลสันมีแรงยืนและฝ่าฟันจนผ่านเหตุการณ์ สงั หารโหดทน่ี านกิงมาได้ 96
97
98
99
ปี ค.ศ.1937 วิลเฮลมินา วอทริน หรือท่ีใครๆเรียกว่า “มินนี” วัย 51 ปี ซ่ึง ดารงตาแหน่งคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ของ “มหาวิทยาศิลปะและวิทยาศาสตร์สตรี จินหลิง” เธอเปน็ สตรีตะวนั ตกหนึ่งในจานวนเพยี งไม่ก่ีคนท่ีอยู่ในช่วงสัปดาห์แรกๆของ การสังหารหมู่ท่ีนานกิง และในเวลาต่อมาได้รับการระลึกถึงในฐานะวีรสตรีผู้ช่ายปก ป้องสตรชี าวนานกงิ อกี นับ1,000กวา่ คนไว้การการถกู ทหารญี่ปนุ่ ขม่ ขนื ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังทาการบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไว้อีกด้วย บันทึกของเธอทาให้ผู้อ่านเห็นภาพจิตวิญญาณอันกล้าหาญของหญิงคนหนึ่งที่ได้เห็น การทาลาย เข่นฆา่ ทารณุ อยา่ งโหดเหีย้ ม ตอ่ หนา้ ต่อตา มินนีเป็นลูกสาวช่างหล่อ เธอเติบโตขึ้นในครอบครัวชาวไร่เล็ก ๆ ในเมืองซี คอร์ รฐั อิลลินอยส์ หลงั มารดาเสียชีวิต เธอถูกส่งตัวไปไว้กับเพ่ือนบ้าน เธอต้องช่วยทา ทุกอย่างตง้ั แต่งานในบ้านจนถึงในไร่ แม้ในเดือนท่ีอากาศหนาวทีสุด เธอยังต้องออกไป ต้อนฝูงสัตว์อยู่ในทุ่ง แม้ชีวิตวัยเด็กของเธอจะเต็มไปด้วยความยากลาบากและขัดสน มินนี ก็ยังบากบ่ันไปเรียนหนังสือ จนกระทั่งจบปริญญาตรีระดับเกียรตินิยมจาก มหาวิทยาลัยแหง่ อิลลนิ อยส์ เอออร์บานา-แชมเปญ เมื่อปี ค.ศ 1912 ดว้ ยความสวยงามของเธอ ทาใหม้ นิ นเี ป็นท่ีต้องตาต้องใจของหนุ่มๆหลายคน แตเ่ ธอกลับไม่คดิ เรอื่ งแต่งงานหลงั เรยี นจบ แตก่ ลบั เขา้ รว่ มกับ สมาคมผู้เผยแพร่ศาสนา ครสิ ตแ์ หง่ อเมริกา เดนิ ทางมายังเมืองเหอเฝย ในมณฑล อานฮยุ มินนเี รียนภาษาจนี พรอ้ ม ๆ การทางานในตาแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสตรี จากนั้นเธอจึงย้ายมาท่ีนานกิง รับตาแหน่งคณบดีในวิทยาลัยจินหลิง กระทั่งเกิดเหตุ สงั หารโหด แตล่ ะครงั้ ที่กลับบา้ นไปเยย่ี มบ้าน เธอมักจะเล่าเธอเมืองจนี อย่างมคี วามสขุ ไม่ หยดุ ปาก ไมว่ ่าจะเป็นผูค้ น วัฒนธรรม และประวัตศิ าสตรจ์ ีน 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157