๙๒ ¡®¡ÃзÃǧ กํา˹´à´ç¡·ÕèàÊèÂÕ §μ‹Í¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ ¾.È. òõôù อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติคุมครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ อนั เปน กฎหมายทมี่ บี ทบญั ญตั บิ างประการเกยี่ วกบั การจาํ กดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตาม บทบัญญัติแหงกฎหมาย รัฐมนตรีวาการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย ออกกฎกระทรวงไว ดงั ตอไปนี้ ¢ŒÍ ñ เด็กท่ีประพฤติตนไมสมควร ไดแก เด็กท่ีมีพฤติกรรมอยางหนึ่งอยางใด ดังตอ ไปนี้ (๑) ประพฤติตนเกเรหรือขม เหงรังแกผูอื่น (๒) มัว่ สุมในลักษณะท่ีกอความเดอื ดรอ นราํ คาญแกผอู น่ื (๓) เลนการพนนั หรือมัว่ สมุ ในวงการพนนั (๔) เสพสุรา สูบบุหรี่ เสพยาเสพติดใหโทษหรือของมึนเมาอยางอื่น เขาไปในสถานที่ เฉพาะ เพอ่ื การจําหนายหรือด่ืมเคร่ืองดืม่ ท่ีมีแอลกอฮอล (๕) เขา ไปในสถานบริการตามกฎหมายวา ดว ยสถานบริการ (๖) ซื้อหรือขายบริการทางเพศ เขาไปในสถานการคาประเวณีหรือเกี่ยวของกับการคา ประเวณี ตามกฎหมาย วาดวยการปองกนั และปราบปรามการคาประเวณี (๗) ประพฤตติ นไปในทางชสู าว หรอื สอไปในทางลามกอนาจารในทส่ี าธารณะ (๘) ตอตา นหรือทา ทายคาํ สั่งสอนของผปู กครองจนผปู กครองไมอาจอบรมส่ังสอนได (๙) ไมเขา เรยี นในโรงเรียนหรอื สถานศึกษาตามกฎหมาย วาดวยการศกึ ษาภาคบังคับ ¢ÍŒ ò เดก็ ทป่ี ระกอบอาชพี ทน่ี า จะชกั นาํ ไปในทางกระทาํ ผดิ กฎหมายหรอื ขดั ตอ ศลี ธรรม อันดี ไดแ ก เด็กท่ปี ระกอบอาชพี ดงั ตอ ไปนี้ (๑) ขอทานหรอื กระทาํ การสอ ไปในทางขอทาน โดยลาํ พงั หรือโดยมผี ูบงั คับ ชักนํา ยยุ ง หรอื สง เสริม หรอื
๙๓ (๒) ประกอบอาชพี หรอื กระทาํ การใดอนั เปน การแสวงหาประโยชนโ ดยมชิ อบดว ยกฎหมาย หรอื ขัดตอศีลธรรมอันดี ¢ŒÍ ó เดก็ ทค่ี บหาสมาคมกบั บคุ คลทน่ี า จะชกั นาํ ไปในทางกระทาํ ผดิ กฎหมายหรอื ขดั ตอ ศลี ธรรมอนั ดี ไดแ ก เด็กทีค่ บหาสมาคมกับบคุ คล ดังตอไปน้ี (๑) บุคคลหรือกลุมคนท่ีรวมตัวกันม่ัวสุม เพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแกผูอื่น หรือ กระทําการอนั ขัดตอกฎหมายหรือศลี ธรรมอันดี หรอื (๒) บคุ คลท่ปี ระกอบอาชีพท่ีขัดตอ กฎหมายหรือศลี ธรรมอนั ดี ¢ŒÍ ô เด็กที่อยูในสภาพแวดลอมหรือสถานที่อันอาจชักนําไปในทางเสียหาย ไดแก เดก็ ทีอ่ ยใู นสภาพแวดลอมหรือสถานท่ี ดงั ตอ ไปนี้ (๑) อาศยั อยกู บั บคุ คลทม่ี พี ฤตกิ รรมเกย่ี วขอ งกบั ยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ใหบ รกิ ารทางเพศ (๒) เรรอนไปตามสถานทีต่ า งๆ โดยไมมีท่ีพกั อาศัยเปน หลักแหลงทีแ่ นน อน หรือ (๓) ถูกทอดท้ิงหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนําไปในทาง เสียหาย ใหไ ว ณ วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ วฒั นา เมืองสุข รัฐมนตรีวา การกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมนั่ คงของมนษุ ย ËÁÒÂàËμØ :- เหตผุ ลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คอื โดยทม่ี าตรา ๔ แหง พระราชบญั ญตั ิ คมุ ครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ บญั ญตั ใิ หเ ดก็ ทเ่ี สยี่ งตอ การกระทาํ ความผดิ หมายความถงึ เดก็ ทป่ี ระพฤตติ น ไมสมควร เดก็ ทป่ี ระกอบอาชพี หรือคบหาสมาคมกับบคุ คลท่ีนาจะชกั นาํ ไปในทางกระทาํ ผดิ กฎหมาย หรือขัดตอศีลธรรมอันดี หรืออยูในสภาพแวดลอมหรือสถานท่ีอันอาจชักนําไปในทางเสียหายตามท่ี กําหนดในกฎกระทรวง จึงจําเปนตองออกกฎกระทรวงนี้
๙๔ ตวั อยา ง บนั ทึกการจบั กุมผตู องหาที่เปน เด็กหรอื เยาวชน สถานทท่ี ําบันทึก ..................................................................................................................................................... วัน/เดือน/ป ท่ีบันทกึ ...................................................................................................................................................... วัน/เดอื น/ป ทจ่ี บั กุม ...................................................................................................................................................... สถานที่จับกุม ...................................................................................................................................................... เจา หนา ทีต่ าํ รวจผูจบั ...................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ไดแ จงแกผ ูท ีถ่ ูกจับตามรายชอ่ื ขา งลา งวา เขาตอ งถูกจบั ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ไดแ จง ใหผูถูกจบั ทราบวา ๑. ผูถกู จบั มสี ิทธทิ ี่จะไมใ หก ารหรอื ใหก ารกไ็ ด ๒. ถอ ยคําของผูถูกจับนัน้ อาจใชเปนพยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด ๓. ผูถูกจบั มีสทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรือผูซงึ่ จะเปนทนายความ ๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุม ทสี่ ามารถดาํ เนนิ การไดโ ดยสะดวกและไมเ ปน การขดั ขวางการจบั หรอื การควบคมุ ถกู จบั หรอื ทาํ ใหเ กดิ ความไมปลอดภัยแกบุคคลหน่ึงบุคคลใด เจาพนักงานสามารถอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตาม สมควรแกก รณี (ส. ๕๖ - ๒๘)
๙๕ ผถู ูกจบั รบั ทราบสิทธิแลว ( ) ไมข อดาํ เนินการตามขอ ๔ ( ) ขอดําเนินการตามขอ ๔ และไดดําเนนิ การเรยี บรอ ย ( ) ขอใหก ารรบั วา เปน บคุ คลตามหมายจบั และยงั ไมเ คยถกู ดาํ เนนิ คดนี มี้ ากอ น ในการจับกมุ ผูต อ งหาครงั้ นี้ เจาหนา ทีต่ าํ รวจชุดจับกุมไดก ระทาํ ไปตามอาํ นาจและหนาท่ี โดย มหี มายจบั มีคําสงั่ ศาล กระทาํ ความผิดซง่ึ หนาดงั ไดบ ัญญัตไิ วใ นมาตรา ๘๐ มพี ฤตกิ ารณอ นั ควรสงสยั วา ผนู น้ั นา จะกอ เหตรุ า ยใหเ กดิ ภยนั ตรายแกบ คุ คล หรอื ทรพั ยส นิ ของผอู น่ื โดยมเี ครอ่ื งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอนื่ อนั สามารถอาจใชใ นการกระทาํ ความผดิ เมอ่ื มเี หตุที่จะออกหมายจบั บุคคลน้ันตามมาตรา ๖๖ (๒) แตมีความ จําเปน เรง ดว นที่ไมอาจขอใหศาลออกหมายจับบุคคลน้ันได เปนการจับกุมผูตองหาหรือจําเลยท่ีหนีหรือจะหลบหนีในระหวาง ถูกปลอ ยช่วั คราว ตามมาตรา ๑๑๗ การปฏิบตั ขิ องเจา พนักงานผูจับตอเด็กหรือเยาวชนผถู ูกจับ กระทําโดย (ม.๖๙) แจง แกเดก็ หรือเยาวชนวาเขาตอ งถกู จบั แจงขอกลา วหารวมทง้ั สทิ ธติ ามกฎหมายใหทราบ กรณมี หี มายจับไดแสดงตอ ผถู ูกจบั นาํ ตวั ไปยงั ทที่ าํ การของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ที ่ถี กู จับทนั ที แจง เหตแุ หง การจบั กมุ ใหบ ดิ า มารดา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซ่งึ เดก็ หรอื เยาวชนอาศยั อยูด ว ย กรณอี ยดู ว ยในขณะจบั กมุ / ในโอกาสแรกเทาทสี่ ามารถทาํ ได ทําบันทึกการจับกุม โดยแจงขอกลาวหาและรายละเอียดเก่ียวกับเหตุแหงการจับ ใหผ ถู กู จบั ทราบ และไดก ระทาํ ตอ หนา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซงึ่ เดก็ หรอื เยาวชนอยดู ว ย ในกรณีทีข่ ณะทาํ บนั ทกึ มบี คุ คลดังกลาวอยูด วย ในการจบั กมุ และควบคมุ ไดก ระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย และไมเ ปน การประจานมไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอื่ ความปลอดภยั ของเด็กหรือเยาวชนผูถูกจบั หรอื บคุ คลอื่น และมไิ ดใ ชเครอ่ื งพันธนาการแกเดก็ เจา หนา ทต่ี าํ รวจผจู บั ไดอ า นบนั ทกึ ใหผ ถู กู จบั ฟง แลว และผถู กู จบั ไดอ า นดว ยตนเองแลว รบั วา ถูกตอ งและไดมอบสําเนาบันทึก การจับกุมใหแ กผูถูกจับเรยี บรอ ย จึงใหลงลายมอื ชือ่ ไวเ ปน หลักฐาน (ลงชือ่ ).....................................................ผตู อ งหา (ลงชื่อ).....................................................ผูปกครอง (ถามี) (ลงชือ่ )......................................ผูจบั กุม (ลงชือ่ )......................................ผจู ับกุม (ลงชอื่ )......................................ผจู บั กุม (ลงชื่อ)......................................ผจู บั กมุ (ลงชือ่ )......................................ผูจับกุม (ลงชอ่ื )......................................ผจู บั กุม/บนั ทึก (ส. ๕๖ - ๒๘)
๙๖ ºÑ¹·¡Ö ¡ÒÃÊͺ¶ÒÁàºé×Í§μ¹Œ สถานท่ีบนั ทกึ .......................................................... วันเดือนปท ี่บนั ทึก................................................... บนั ทกึ นที้ าํ ขน้ึ เพอื่ แสดงวา (ยศ ชอ่ื ชอื่ สกลุ ตาํ แหนง ).................................................... พนกั งานสอบสวน ไดส อบถาม..............................ด.ช./ด.ญ.........................(เดก็ หรอื เยาวชน ผตู อ งหา) ในเบอื้ งตน โดยมี (ชอ่ื ชอื่ สกลุ )....................................................................ทอี่ ยเู ลขท.่ี .................... ซอย....................................ถนน...........................หมทู .่ี ..................แขวง (ตาํ บล)................................. เขต (อําเภอ).................................จังหวัด........................................เปนลามแปล หรือไดจัดหา เทคโนโลยี ส่ิงอํานวยความสะดวกหรือความชวยเหลืออื่นใดใหตามกฎหมายวาดวยการสงเสริม และพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแลว ปรากฏรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เด็กเยาวชนผูตอ งหา ดังนี้ ๑. ชอื่ ตวั .....................................ชอ่ื สกลุ ................................อาย.ุ ..............ป สญั ชาต.ิ ................. ๒. ถน่ิ ทอี่ ยู เลขท.่ี ...................ซอย................................ถนน..................................หมทู .ี่ ............... แขวง (ตาํ บล)..................................เขต/อาํ เภอ................................จงั หวดั ............................... ๓. สถานทเ่ี กดิ เลขท.ี่ ...............ซอย................................ถนน..............................หมทู .่ี ................. แขวง (ตาํ บล)...............................เขต/อาํ เภอ................................จงั หวดั .................................. ๔. อาชพี ของเดก็ หรอื เยาวชนผตู อ งหา............................................................................................ ๕. รายละเอยี ดเกยี่ วกับบดิ าของเด็กหรือเยาวชนผูตอ งหา ชอื่ ตวั ...............................................................ชอื่ สกลุ ............................................................ ทอี่ ยเู ลขท.ี่ ..................ซอย....................................ถนน.....................................หมทู .่ี ............... แขวง (ตาํ บล).................................เขต/อาํ เภอ.................................จงั หวดั .............................. อาชพี ...............................................................หมายเลขโทรศพั ท. ..........................................
๙๗ ๖. รายละเอียดเก่ียวกับมารดาของเดก็ หรอื เยาวชนผูตอ งหา ชอื่ ตวั ...............................................................ชอื่ สกลุ ............................................................ ทอ่ี ยเู ลขท.ี่ ..................ซอย....................................ถนน.....................................หมทู .ี่ ............... แขวง (ตาํ บล).................................เขต/อาํ เภอ.................................จงั หวดั .............................. อาชพี ...............................................................หมายเลขโทรศพั ท. .......................................... ๗. รายละเอียดเก่ยี วกับผูปกครองของเดก็ หรือเยาวชนผูตองหา ชอื่ ตวั ...............................................................ชอ่ื สกลุ ............................................................ ทอ่ี ยเู ลขท.่ี ..................ซอย....................................ถนน.....................................หมทู .ี่ ............... แขวง (ตาํ บล).................................เขต/อาํ เภอ.................................จงั หวดั .............................. อาชพี ...............................................................หมายเลขโทรศพั ท. .......................................... ๘. รายละเอยี ดเกี่ยวกับบุคคลทีเ่ ด็กหรือเยาวชนผูตอ งหาอาศัยอยูด ว ย ชอื่ ตวั ...............................................................ชอ่ื สกลุ ............................................................ ทอี่ ยเู ลขท.่ี ..................ซอย....................................ถนน.....................................หมทู .่ี ............... แขวง (ตาํ บล).................................เขต/อาํ เภอ.................................จงั หวดั .............................. อาชพี ...............................................................หมายเลขโทรศพั ท. .......................................... ๙. รายละเอยี ดเกย่ี วกบั องคการทีเ่ ด็กหรอื เยาวชนผตู องหาอาศยั อยดู ว ย ชอื่ ตวั ...............................................................ชอื่ สกลุ ............................................................ ทอ่ี ยเู ลขท.่ี ..................ซอย....................................ถนน.....................................หมทู .ี่ ............... แขวง (ตาํ บล).................................เขต/อาํ เภอ.................................จงั หวดั .............................. อาชพี ...............................................................หมายเลขโทรศพั ท. .......................................... และไดแ จง ขอ หาใหเ ดก็ หรอื เยาวชนผตู อ งหาทราบวา ................................................................. ............................................................................................................................................... ไดอานบันทึกนี้ใหเด็กหรือเยาวชนผูตองหาฟงแลวรับวาถูกตอง จึงใหลงช่ือ ไวเ ปน หลักฐาน (ลงช่อื ).................................................เดก็ หรอื เยาวชนผตู อ งหา (ลงชอื่ ).................................................ลามแปล (ลงชอ่ื ).................................................พยาน (ลงชอื่ ).................................................พนกั งานสอบสวน/บนั ทึก/อา น
๙๘ ท่.ี ...................... สถานตี าํ รวจ................................ วนั ท.่ี ........เดอื น............................พ.ศ. ............... เรอื่ ง แจง การดาํ เนนิ คดกี บั ............................................................................................................. (แจงขอ หาโดยไมม ีการจับกมุ และควบคุมตัว) เรยี น ผอู าํ นวยการสถานพินจิ และคุมครองเด็กและเยาวชน ดวยพนักงานสอบสวน.....(หนวยงานพนักงานสอบสวน).....ไดสอบถามปากคําเบ้ืองตน และสอบสวนดําเนินคดีกับเด็กหรือเยาวชนดังรายละเอียดขางลางนี้แลว และเด็กหรือเยาวชนนี้ เปนผูที่จะตองไดรับการพิจารณาพิพากษาในศาลเยาวชนและครอบครัว จึงแจงมาเพ่ือทราบถึง การดําเนินคดกี บั เด็กหรอื เยาวชน ดังนี้ ๑. ชอื่ เดก็ หรอื เยาวชน......................................................................เพศ.................. ๒. เกดิ เมอื่ วนั ท.่ี ....................................................................อาย.ุ ........................ป ๓. เชอ้ื ชาต.ิ ................................สญั ชาต.ิ ...........................ศาสนา............................ ๔. ชอื่ บดิ ามารดา....................................................................................................... ๕. เวลาน้ีอยูในความปกครองของใคร และเกี่ยวของกับเด็กหรือเยาวชน อยา งไร................................................................................................................ ๖. ทอ่ี ยปู จ จบุ นั ........................................................................................................ ๗. อาชพี ของเดก็ หรอื เยาวชน และ ของบดิ ามารดาหรอื ผปู กครอง............................. ๘. การศกึ ษาอบรม ยงั ศกึ ษาอยใู นโรงเรยี นใดหรอื ออกจากโรงเรยี นแลว ..................... ๙. ครง้ั นตี้ องหาวา กระทาํ ผิดในความผดิ ฐานใด เมือ่ ใด ท่ไี หน................................... ๑๐. ครง้ั นกี้ ระทาํ ผดิ รว มกบั ใครหรอื ไม. ...................................................................... ๑๑. พฤตกิ ารณแ หง คด.ี ............................................................................................. ......................................................................................................................... (ส. ๕๖ - ๖๗)
๙๙ (ดา นหลัง) ๑๒. ถกู ดาํ เนนิ คดโี ดยแจง ขอ หาใหท ราบ เมอื่ วนั เวลาใด และทไี่ หน.............................. (ลงช่ือ)............................................พนกั งานสอบสวน/บันทกึ (........................................) ตําแหนง ......................................... พฤตกิ ารณแ หง คดโี ดยละเอยี ด......................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... การกระทาํ ของผตู อ งหาเปน ความผดิ ตามกฎหมายใด........................................................................ (ลงชื่อ)............................................พนักงานสอบสวน/บันทึก (........................................) ตาํ แหนง......................................... (ส. ๕๖ - ๖๗)
๑๐๐ ท.ี่ ....................... สถานตี าํ รวจ/หนว ยงาน........................................ วนั ท.่ี ........เดอื น..............................พ.ศ. .............. เร่อื ง แจง การจบั กมุ ....................................................................................................................... เรียน ผอู าํ นวยการสถานพนิ จิ และคมุ ครองเดก็ และเยาวชน............................................................... ดวย........................................................................ไดทําการจับกุมและพนักงาน สอบสวนไดส อบถามปากคาํ เดก็ หรอื เยาวชนดงั รายการละเอยี ดขา งลา งนแ้ี ลว และเดก็ หรอื เยาวชนนเ้ี ปน ผูท่ีจะตองไดรับการพิจารณาพิพากษาในศาลเยาวชนและครอบครัว จึงแจงมาเพ่ือจัดการรับตัวเด็ก หรอื เยาวชนผูตองหามาควบคุมไวย งั สถานพินจิ ตอ ไป ๑. ชอ่ื เดก็ หรอื เยาวชน..................................................................เพศ........................ ๒. เกดิ เมอื่ วนั ท.่ี .......................................................................อาย.ุ .....................ป ๓. เชอื้ ชาต.ิ ....................................สญั ชาต.ิ ...........................ศาสนา........................ ๔. ชอ่ื บดิ ามารดา....................................................................................................... ๕. เวลาน้ีอยูในความปกครองของใคร และเก่ียวของกับเด็กหรือเยาวชน อยา งไร................................................................................................................ ๖. ทอี่ ยปู จ จบุ นั ......................................................................................................... ๗. อาชพี ของเดก็ หรอื เยาวชน และ ของบดิ ามารดาหรอื ผปู กครอง............................... ๘. การศกึ ษาอบรม ยงั ศกึ ษาอยใู นโรงเรยี นใดหรอื ออกจากโรงเรยี นแลว ..................... ๙. ครง้ั นต้ี อ งหาวา กระทาํ ผดิ ในความผดิ ฐานใด เมอ่ื ใด ทไี่ หน.................................... ๑๐. ครง้ั นกี้ ระทาํ ผดิ รว มกบั ใครหรอื ไม. ...................................................................... ๑๑. พฤติการณแหงการจับกุม กลาวคอื ..................................................................... ถามปากคาํ ในเบอื้ งตน แลว ผตู อ งหาใหก าร........................................................... ๑๒. ถกู ควบคมุ แตว นั เวลาใด และทไ่ี หน...................................................................... (ส. ๕๖ - ๖๘) (ลงช่ือ)............................................พนักงานสอบสวน/บนั ทกึ (........................................) ตาํ แหนง.........................................
๑๐๑ ท่.ี ................... สถานตี าํ รวจ/หนว ยงาน........................................ ........................................................................... เรอื่ ง แจง การจบั กมุ ........................................................................................................................ แจง ความมายงั ................................................................................................................................ ดวย...........................................................ซ่ึงเปน.................................................... ไดถ กู จบั กมุ โดยตอ งหาวา ................................................................................................................. เหตุเกิดที่............................................................................เม่ือวันท่ี............................................ เวลา......................................................นาฬก า เวลานถี้ กู ควบคมุ ตวั อยทู .่ี ........................................ ฉะน้นั จึงแจงมาใหทราบ ขอแสดงความนับถอื (ลงชือ่ )............................................ (พนักงานผจู บั กุมหรอื พนักงานสอบสวน) หมายเหตุ แบบน้ีเปนแบบพนักงานผูจับกุมหรือพนักงานสอบสวนแจงไปยังบิดามารดา ผูปกครอง หรือ ผทู เี่ ดก็ หรือเยาวชนอาศัยอยตู ามความในมาตรา ๒๔ พ.ร.บ.วธิ ีพิจารณาคดเี ดก็ ฯ (ส. ๕๖ - ๖๙)
๑๐๒ คํารอ ง คดีหมายเลขดาํ ที่......../๒๕........ ตรวจสอบการจบั ศาลเยาวชนและครอบครัวจงั หวัด วนั ท.ี่ ..........เดอื น............................พ.ศ. ............. ¤ÇÒÁÍÒÞÒ {ระหวา ง พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภธู ร...............................................ผรู อง ...................................................................................................ผตู อ งหา ขาพเจา............................................พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจ........................... ขอยืน่ คาํ รองมีขอ ความตามทจ่ี ะกลาวตอไปน้ี คอื ขอ ๑ ดว ยเมอื่ วนั ท.ี่ ..............เดอื น...............................พ.ศ. ............เวลา...............น. เจาหนาที่ตํารวจประจําสถานีตํารวจ.....................................ประกอบดวย............................... ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ไดรวมกันจับกุม เด็ก เยาวชน ชื่อ....................................สกุล................................... อายุ................ป................เดือน สัญชาติ................................................................................. ที่อยู................................................................................................................................... อาชีพ...................................................หมายเลขโทรศัพท................................................... บิดาช่ือ........................................สกุล...............................................อายุ..........................ป อาชีพ..........................................เลขประจําตัวประชาชนหมายเลข....................................... ที่อยู...................................................................................................................................... หมายเลขโทรศพั ท. ........................................................................................................................... มารดาชื่อ.........................................สกุล...........................................อายุ..........................ป อาชีพ...........................................เลขประจําตัวประชาชนหมายเลข...................................... ที่อยู..................................................................................................................................... หมายเลขโทรศพั ท. ...........................................................................................................................
๑๐๓ ผูปกครองชื่อ........................................สกุล........................................อายุ...........................ป อาชีพ..............................................เลขประจําตัวประชาชนหมายเลข....................................... ที่อยู......................................................................................................................................... หมายเลขโทรศพั ท. ............................................................................................................................ พรอ มของกลาง คอื ......................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ โดยกลาวหาวา............................................................................................................................ นําสงพนักงานสอบสวนดําเนินคดี สงถึงที่ทําการของพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจ........................ เมอ่ื วนั ท.ี่ .................เดอื น............................................พ.ศ. ..................... เวลา............................น. พฤตกิ รรมแหง คดนี ี้ คอื ............................................................................................... ...................................................................................................................................................... เหตุเกิดที่................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ การกระทําของผูตองหาน้ีเปนความผิดตาม.............................................................. ...................................................................................................................................................... พนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดร บั ตวั ผตู อ งหา..................................................... เมอื่ .....................................................................................................เวลา...................................น. โดยใชเวลาเดินทางมาศาลระหวางเวลา.................................น. ถึงเวลา...............................น. รวม..................................ชัว่ โมง...............................นาที ในกรณีผูตองหา ถูกเรียกมา สงตัวมา เขาหาพนักงานสอบสวนเอง และ มีผูปกครอง ขาพเจาไดมอบตัวใหแกผูปกครองไปปกครองดูแล และไดสั่งใหนําตัวผูถูกจับมายังศาล ภายในวันที่....................................................เวลา............................น. ขอ ๒ พนักงานสอบสวนไดสอบถามเบ้ืองตนและแจงขอกลาวหาใหผูถูกจับทราบ และสอบถามเจาพนักงานผูจบั แลว มีรายละเอียดตามเอกสารท่แี นบมาพรอ มคํารอ ง ดังน้ี ¡ÒèºÑ ¡ØÁ ผูถกู จับยอมรับวาเปนบคุ คลผูถกู กลาวหาวา กระทําความผิดฐาน จริง การจับกุมเด็ก (ม.๖๖) กระทําความผดิ ซง่ึ หนาดังไดบญั ญตั ไิ วในมาตรา ๘๐ มีหมายจบั มีคาํ ส่ังศาล การจบั กมุ เยาวชน มพี ฤตกิ ารณอ นั ควรสงสยั วา เยาวชนนา จะกอ เหตรุ า ยใหเ กดิ ภยนั ตราย (ตาม ป.วิ.อาญา ม.๗๘) แกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอ่ืน โดยมีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถอุ ยางอ่นื
๑๐๔ เม่อื มเี หตุท่ีจะออกหมายจับตามมาตรา ๖๖(๒) แตมีความจําเปน เรง ดว นทไี่ มอาจขอใหศ าลออกหมายจับบคุ คลนน้ั ได เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนี ในระหวา ง ถูกปลอยช่วั คราวตามมาตรา ๑๑๗ ¡Òû¯ÔºμÑ ¢Ô ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼Ù¨Œ ѺμÍ‹ à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹¼ÙŒ¶¡Ù ¨Ñº (Á.öù) กระทาํ โดยละมนุ ละมอม และคาํ นงึ ถงึ ศกั ดิศ์ รคี วามเปนมนษุ ย แจงเหตุการจับแกบิดา มารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคการ ซึ่งเด็ก หรือเยาวชนอาศัยอยูดวย แสดงตนเปนเจาพนักงาน และแจงขอกลาวหาใหผูตองหาทราบโดยชัดแจง แสดงหมายจบั ตอผถู ูกจับ/ผูป กครอง/บุคคล หรือผูแทนองคกรซึง่ เดก็ หรือเยาวชน อาศัยอยดู วย แจง สิทธิใหผ ถู กู จับทราบแลวตามกฎหมาย บันทึกการจับกุม โดยแจงขอกลาวหาและรายละเอียด หนาผูปกครอง บุคคล หรอื ผแู ทนองคก าร ซงึ่ เดก็ หรอื เยาวชนอยดู ว ย กรณมี ผี ปู กครองบคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซึง่ เด็กหรอื เยาวชนอาศัยอยดู ว ย ขณะจัดทําบนั ทกึ การจบั กุม มไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหน/ี เพอื่ ความปลอดภยั ของเดก็ / เยาวชนผูถูกจบั /บุคคลอ่นื àÍ¡ÊÒÃṺ·ŒÒÂคําÌͧ สําเนาภาพถายบนั ทึกการจบั กมุ ของเจาพนกั งานผูจ ับ สาํ เนาหมายจบั สําเนาภาพถายผูถูกจับรับรองสําเนาถกู ตองโดยเจาพนักงานผจู บั สาํ เนาภาพถา ยบตั รประจําตวั ประชาชนผูถกู จบั สาํ เนาภาพถายทะเบียนราษฎรผ ูถูกจับ สาํ เนาภาพถา ยบตั รประจําตัวประชาชนผูปกครอง สําเนาภาพถายทะเบยี นราษฎรผปู กครอง เอกสารอนื่ ๆ (โปรดระบ)ุ ...................................................................................... .......................................................................................................................... บนั ทึกคาํ ใหก ารพนกั งานสอบสวน
๑๐๕ อน่ึง หากผูตองหาย่ืนคํารองขอปลอยช่ัวคราว ขอใหอยูในดุลพินิจของศาล / ไมค ดั คา น / ขอคดั คา น เนอ่ื งจาก...................................................................................................... ขอศาลไดโปรดพิจารณาตรวจสอบการจับและมีคําส่ังตามมาตรา ๗๓ แหง พระราชบญั ญัตศิ าลเยาวชนและครอบครวั และวิธีพจิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ ควรมิควรแลวแตจะโปรด ลงชือ่ ..............................................ผรู อ ง (...........................................) คํารอ งฉบับนี้ ขาพเจา..............................................เปนผเู รียง/พมิ พ ลงชอ่ื ..............................................ผเู รยี ง/พมิ พ (............................................)
๑๐๖ ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞÑμÊÔ ¢Ø ÀÒ¾¨Ôμ ¾.È. òõõñ ÀÁÙ ¾Ô ÅÍ´ØÅÂà´ª ».Ã. ใหไว ณ วนั ที่ ๑๓ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน ปท่ี ๖๓ ในรชั กาลปจ จุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ ใหป ระกาศวา โดยทเ่ี ปนการสมควรมีกฎหมายวา ดวยสุขภาพจิต พระราชบญั ญตั นิ ม้ี บี ทบญั ญตั บิ างประการเกยี่ วกบั การจาํ กดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คล ซงึ่ มาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๓ ของรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิ ใหก ระทําไดโดยอาศยั อาํ นาจตามบทบัญญัตแิ หง กฎหมาย จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ น้ึ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอมของ สภานิติบัญญัตแิ หง ชาติ ดังตอไปน้ี ÁÒμÃÒ ñ พระราชบัญญัตนิ ้เี รียกวา “พระราชบัญญัตสิ ุขภาพจติ พ.ศ. ๒๕๕๑” ÁÒμÃÒ ò พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตงั้ แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปนตนไป ÁÒμÃÒ ó ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “ความผดิ ปกตทิ างจติ ” หมายความวา อาการผดิ ปกตขิ องจติ ใจทแี่ สดงออกมาทางพฤตกิ รรม อารมณ ความคดิ ความจาํ สติปญญา ประสาทการรบั รู หรือการรูเ วลา สถานท่ี หรือบคุ คล รวมทง้ั อาการผิดปกติของจติ ใจทเ่ี กดิ จากสรุ าหรอื สารอ่ืนทอ่ี อกฤทธ์ิตอจติ และประสาท “แพทย” หมายความวา ผูประกอบวิชาชพี เวชกรรมตามกฎหมายวา ดวยวชิ าชีพเวชกรรม “จิตแพทย” หมายความวา แพทยซึ่งไดรับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเปนผูมีความรู ความชาํ นาญ ในการประกอบวชิ าชพี เวชกรรม สาขาจติ เวชศาสตรห รอื สาขาจติ เวชศาสตรเ ดก็ และวยั รนุ
๑๐๗ “พยาบาล” หมายความวา ผูประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามกฎหมายวาดวยวิชาชีพ การพยาบาล และการผดุงครรภ “ผปู วย” หมายความวา บคุ คลทม่ี คี วามผิดปกติทางจิตซงึ่ ควรไดร บั การบําบดั รกั ษา “ผปู ว ยคดี” หมายความวา ผป ู ว ยท่ีอยรู ะหวา งการสอบสวน ไตส วนมูลฟองหรือพจิ ารณา ในคดีอาญา ซึ่งพนักงานสอบสวนหรือศาลสั่งใหไดรับการตรวจหรือบําบัดรักษารวมท้ังผูปวยท่ีศาล มคี ําสั่งใหไ ดร ับการบําบดั รกั ษาภายหลงั มคี าํ พิพากษาในคดีอาญาดวย “ภาวะอันตราย” หมายความวา พฤติกรรมที่บุคคลท่ีมีความผิดปกติทางจิตแสดงออก โดยประการท่นี าจะกอ ใหเกดิ อันตรายรายแรงตอ ชวี ติ รางกาย หรือทรพั ยส ินของตนเองหรอื ผูอ ่ืน “ความจําเปนตองไดรับการบําบัดรักษา” หมายความวา สภาวะของผูปวยซ่ึงขาด ความสามารถในการตดั สนิ ใจใหค วามยนิ ยอมรบั การบาํ บดั รกั ษาและตอ งไดร บั การบาํ บดั รกั ษาโดยเรว็ เพอื่ ปอ งกนั หรอื บรรเทามใิ หค วามผดิ ปกตทิ างจติ ทวคี วามรนุ แรง หรอื เพอ่ื ปอ งกนั อนั ตรายทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กบั ผปู ว ยหรอื บคุ คลอื่น “การบําบัดรักษา” หมายความรวมถึง การดูแลชวยเหลือผูปวยทางการแพทยและทาง สงั คม “สถานบาํ บัดรักษา” หมายความวา สถานบาํ บดั รักษาทางสุขภาพจติ ที่รัฐมนตรปี ระกาศ กาํ หนดตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี “คมุ ขงั ” หมายความวา การจาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพของบคุ คลดว ยอาํ นาจของกฎหมายโดยการ คมุ ตัว ควบคุม กัก กกั กนั ขงั กกั ขงั จําขงั และจําคกุ “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการสุขภาพจิตแหง ชาติ “คณะกรรมการสถานบําบัดรักษา” หมายความวา คณะกรรมการสุขภาพจิตระดับ สถานบาํ บดั รักษา “พนกั งานเจา หนา ท”ี่ หมายความวา ผซู ง่ึ มคี ณุ สมบตั ติ ามระเบยี บทค่ี ณะกรรมการกาํ หนด และรัฐมนตรแี ตงตัง้ ใหปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ินี้ “อธบิ ดี” หมายความวา อธิบดกี รมสุขภาพจิต “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรผี รู ักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ÁÒμÃÒ ô ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมีอํานาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาท่ี กับออกระเบียบและประกาศเพ่ือปฏิบัติการตามพระราช บญั ญตั นิ ี้ ระเบียบและประกาศนนั้ เม่อื ไดป ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใชบังคบั ได
๑๐๘ ËÁÇ´ ñ ¤³Ð¡ÃÃÁ¡Òà ʋǹ·Õè ñ ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃ梯 ÀÒ¾¨μÔ áË‹§ªÒμÔ ÁÒμÃÒ õ ใหม คี ณะกรรมการสุขภาพจติ แหง ชาติ ประกอบดวย (๑) นายกรฐั มนตรหี รอื รองนายกรฐั มนตรที นี่ ายกรฐั มนตรมี อบหมายเปน ประธานกรรมการ (๒) รฐั มนตรีวา การกระทรวงสาธารณสุข เปนรองประธานกรรมการ (๓) ปลัดกระทรวงการพฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย ปลดั กระทรวงมหาดไทย ปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม ปลดั กระทรวงแรงงาน ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ อยั การ สงู สุด ผูบญั ชาการตาํ รวจแหงชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหงชาติ เปนกรรมการ (๔) ผแู ทนองคก รภาคเอกชนทเ่ี ปน นติ บิ คุ คลและมวี ตั ถปุ ระสงคเ กยี่ วกบั การคม ุ ครองดแู ล บคุ คลท่มี คี วามผิดปกติทางจิต ซึง่ เลือกกนั เองจํานวนส่ีคน เปน กรรมการ (๕) ผูทรงคุณวุฒิจํานวนหกคน ซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งจากผูเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ และมผี ลงานเปนท่ีประจกั ษใ นสาขาการแพทยจิตเวช จิตวทิ ยาคลินกิ สงั คมสงเคราะหท างการแพทย การพยาบาลสขุ ภาพจิตและจิตเวช กิจกรรมบาํ บัด และกฎหมายสาขาละหนึ่งคน เปนกรรมการ ใหอ ธบิ ดเี ปน กรรมการและเลขานุการ และขาราชการของกรมสุขภาพจติ ซึ่งอธบิ ดีแตงตัง้ จาํ นวนไมเ กินสองคนเปนผชู ว ยเลขานกุ าร การเลือกและการแตงตั้งกรรมการตาม (๔) และ (๕) ใหเปนไปตามระเบียบท่ีรัฐมนตรี ประกาศกําหนด ÁÒμÃÒ ö กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) ตองมีคุณสมบัติและไมมีลักษณะ ตอ งหาม ดังตอไปนี้ (๑) มสี ญั ชาตไิ ทย (๒) มีอายุไมต า่ํ กวา ย่สี บิ ปบ รบิ ูรณ (๓) ไมเ ปนคนไรค วามสามารถหรอื คนเสมือนไรความสามารถ (๔) ไมเคยไดรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก เวนแตเปนโทษสําหรับ ความผดิ ท่ีไดกระทําโดยประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ (๕) ไมเ ปน ผดู าํ รงตาํ แหนง ทางการเมอื ง สมาชกิ สภาทอ งถน่ิ หรอื ผบู รหิ ารทอ งถนิ่ กรรมการ หรอื ผูด ํารงตําแหนง ซง่ึ รบั ผิดชอบในการบรหิ ารพรรคการเมอื ง ทีป่ รึกษาพรรคการเมอื งหรอื เจา หนา ที่ พรรคการเมอื ง
๑๐๙ ÁÒμÃÒ ÷ กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) มวี าระการดาํ รงตาํ แหนง คราวละสามป และจะดาํ รงตําแหนง เกนิ สองวาระตดิ ตอกนั ไมไ ด ในกรณที ก่ี รรมการตามวรรคหนง่ึ พน จากตาํ แหนง ตามวาระ ใหด าํ เนนิ การแตง ตงั้ กรรมการ ขน้ึ ใหมภ ายในเกา สบิ วนั ในระหวา งทย่ี งั มไิ ดม กี ารแตง ตง้ั กรรมการขน้ึ ใหม ใหก รรมการซง่ึ พน จากตาํ แหนง ตามวาระนนั้ อยูในตาํ แหนง เพือ่ ดําเนินงานตอไปจนกวากรรมการซ่ึงไดรับแตงต้ังใหมเ ขา รบั หนาที่ ในกรณที กี่ รรมการตามวรรคหนง่ึ พน จากตาํ แหนง กอ นครบวาระ ใหม กี ารแตง ตงั้ กรรมการ แทนภายในเกาสิบวันนับแตวันที่ตําแหนงน้ันวางลง และใหผูท่ีไดรับการแตงตั้งอยูในตําแหนงเทากับ วาระท่เี หลอื อยูของกรรมการซง่ึ ตนแทน ในกรณที วี่ าระของกรรมการตามวรรคหนง่ึ ทพ่ี น จากตาํ แหนง กอ นครบวาระเหลอื อยไู มถ งึ เกา สบิ วนั จะไมแ ตง ตงั้ กรรมการแทนตาํ แหนง ทวี่ า งนน้ั กไ็ ด และในกรณนี ใ้ี หค ณะกรรมการประกอบดว ย กรรมการที่เหลอื อยู ÁÒμÃÒ ø นอกจากการพนจากตําแหนงตามวาระ กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) พน จากตาํ แหนง เมอื่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะกรรมการมีมติไมนอยกวาสองในสามของจํานวนกรรมการท้ังหมดเทาที่มี อยูใหออก เน่อื งจากบกพรองตอหนาที่ มคี วามประพฤติเสอ่ื มเสีย หรือหยอ นความสามารถ (๔) ขาดคุณสมบตั หิ รือมลี กั ษณะตอ งหามตามมาตรา ๖ ÁÒμÃÒ ù การประชมุ คณะกรรมการตอ งมกี รรมการมาประชุมไมนอ ยกวา กง่ึ หนึ่งของ จาํ นวนกรรมการทั้งหมดจึงเปน องคประชุม ใหประธานกรรมการเปนประธานในท่ีประชุม ในกรณีท่ีประธานกรรมการไมมาประชุม หรือไมอาจปฏิบัติหนาที่ไดใหรองประธานกรรมการเปนประธานในที่ประชุม หากรองประธานไมมา ประชุมหรือไมอาจปฏิบัติหนาที่ไดใหกรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึงเปนประธาน ในท่ีประชุม การวนิ จิ ฉยั ชขี้ าดของทป่ี ระชมุ ใหถ อื เสยี งขา งมากของกรรมการทม่ี าประชมุ กรรมการคนหนงึ่ ใหมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธานในท่ีประชุมออกเสียงเพ่ิมข้ึน อีกเสียงหน่ึง เปนเสยี งชขี้ าด ÁÒμÃÒ ñð คณะกรรมการมอี าํ นาจและหนาท่ี ดังตอ ไปนี้ (๑) กําหนดนโยบาย และมาตรการในการคุมครองสิทธิของบุคคลท่ีมีความผิดปกติ ทางจิต และการเขาถงึ บรกิ ารดานสขุ ภาพจิตรวมทงั้ การอยูร ว มกันในสงั คม (๒) วางหลักเกณฑและวิธีการในการใหคําปรึกษา แนะนํา และประสานงานกับ หนว ยงานของรฐั และเอกชนเกย่ี วกบั การคมุ ครองสทิ ธขิ องบคุ คลทม่ี คี วามผดิ ปกตทิ างจติ การใหบ รกิ าร ดา นสขุ ภาพจติ และการอยูรวมกนั ในสงั คม
๑๑๐ (๓) ตรวจสอบและติดตามการดาํ เนินงานของคณะกรรมการสถานบาํ บดั รักษา (๔) กาํ หนดแบบหนงั สอื ใหค วามยินยอมรบั การบําบดั รักษาตามมาตรา ๒๑ (๕) กาํ หนดหนว ยงานดา นสงเคราะหแ ละสวัสดิการตามมาตรา ๔๐ (๒) (๖) วางระเบียบหรือประกาศเกยี่ วกับการปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๗) ปฏิบัติการอ่ืนใดตามที่บัญญัติไวในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอ่ืนหรือตามท่ี คณะรัฐมนตรมี อบหมาย ÁÒμÃÒ ññ คณะกรรมการมอี าํ นาจแตง ตง้ั ทป่ี รกึ ษา หรอื คณะอนกุ รรมการเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ าร ตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมาย ใหนําความในมาตรา ๖ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ มาใชบังคับกับที่ปรึกษาและ คณะอนุกรรมการ โดยอนุโลม ʋǹ·Õè ò ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃʶҹบําºÑ´Ã¡Ñ ÉÒ ÁÒμÃÒ ñò สถานบําบัดรักษาแตละแหงใหมีคณะกรรมการสถานบําบัดรักษาซ่ึงอธิบดี แตง ตง้ั ประกอบดว ย จิตแพทยประจาํ สถานบาํ บดั รกั ษาหนึ่งคน เปนประธานกรรมการ แพทยห น่งึ คน พยาบาลจิตเวชหนึ่งคน นักกฎหมายหน่ึงคน และนักจิตวิทยาคลินิกหรือนักสังคมสงเคราะห ทางการแพทยห น่งึ คน เปนกรรมการ ÁÒμÃÒ ñó คณะกรรมการสถานบาํ บัดรกั ษามอี ํานาจหนาท่ีดังตอ ไปนี้ (๑) ตรวจวนิ ิจฉยั ประเมนิ อาการและมคี ําสัง่ ตามมาตรา ๒๙ (๒) พิจารณา ทําความเห็นเกี่ยวกับการบําบัดรักษาและผลการบําบัดรักษาตาม พระราชบญั ญัติน้ี ÁÒμÃÒ ñô ใหน ําความในมาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ มาใชบงั คับกับคณะกรรมการสถานบําบดั รกั ษาโดยอนโุ ลม ËÁÇ´ ò Ê·Ô ¸Ô¼»ÙŒ †Ç ÁÒμÃÒ ñõ ผูปวยยอ มมสี ทิ ธดิ ังตอไปน้ี (๑) ไดรับการบําบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย โดยคํานึงถึงศักดิ์ศรี ความเปนมนษุ ย (๒) ไดร บั การปกปด ขอ มลู เกยี่ วกบั การเจบ็ ปว ยและการบาํ บดั รกั ษาไวเ ปน ความลบั เวน แตม ี กฎหมายบัญญัติไวใ หเ ปดเผยได
๑๑๑ (๓) ไดรบั การคมุ ครองจากการวจิ ยั ตามมาตรา ๒๐ (๔) ไดรับการคุมครองในระบบประกันสุขภาพและประกันสังคม และระบบอื่น ๆ ของรัฐ อยา งเสมอภาคและเทาเทยี มกัน ÁÒμÃÒ ñö หา มมใิ หผ ใู ดเปด เผยขอ มลู ดา นสขุ ภาพของผปู ว ยในประการทนี่ า จะทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ปู ว ย เวน แต (๑) ในกรณีทอ่ี าจเกดิ อนั ตรายตอ ผปู ว ยหรือผูอืน่ (๒) เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน (๓) มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติใหต อ งเปด เผย ÁÒμÃÒ ñ÷ การบําบัดรักษาโดยการผูกมัดรางกาย การกักบริเวณ หรือแยกผูปวย จะกระทาํ ไมไ ด เวน แตเ ปน ความจาํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การเกดิ อนั ตรายตอ ผปู ว ยเอง บคุ คลอน่ื หรอื ทรพั ยส นิ ของผอู ่ืน โดยตอ งอยูภ ายใตก ารดแู ลอยางใกลช ิดของผบู าํ บดั รักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ ÁÒμÃÒ ñø การรักษาทางจิตเวชดวยไฟฟา การกระทําตอสมองหรือระบบประสาท หรอื การบาํ บดั รกั ษาดว ยวธิ อี น่ื ใด ทอี่ าจเปน ผลทาํ ใหร า งกายไมอ าจกลบั คนื สสู ภาพเดมิ อยา งถาวรใหก ระทาํ ได ในกรณีดังตอไปนี้ (๑) กรณีผูปวยใหความยินยอมเปนหนังสือเพื่อการบําบัดรักษานั้น โดยผูปวยไดรับ ทราบเหตผุ ลความจาํ เปน ความเสยี่ งทอ่ี าจเกดิ ภาวะแทรกซอ นทเี่ ปน อนั ตรายรา ยแรง หรอื อาจเปน ผล ทําใหไ มส ามารถแกไ ขใหรางกายกลับคนื สูส ภาพเดิม และประโยชนข องการบําบดั รักษา (๒) กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจําเปนอยางย่ิง เพื่อประโยชนของผูปวยหากมิได บาํ บดั รกั ษาจะเปน อนั ตรายถงึ แกช วี ติ ของผปู ว ย ทง้ั น้ี โดยความเหน็ ชอบเปน เอกฉนั ทข องคณะกรรมการ สถานบําบดั รกั ษา ใหนําความในมาตรา ๒๑ วรรคสาม มาใชบังคับกับการใหความยินยอมตาม (๑) โดยอนโุ ลม ÁÒμÃÒ ñù การทาํ หมนั ผูปวยจะกระทําไมได เวนแตไดป ฏบิ ัตติ ามมาตรา ๑๘ (๑) ÁÒμÃÒ òð การวจิ ยั ใด ๆ ทก่ี ระทาํ ตอ ผปู ว ยจะกระทาํ ไดต อ เมอื่ ไดร บั ความยนิ ยอมเปน หนงั สอื จากผปู ว ย และตอ งผา นความเหน็ ชอบของคณะกรรมการทด่ี าํ เนนิ การเกย่ี วกบั จรยิ ธรรมการวจิ ยั ในคนของหนวยงานท่ีเก่ียวของ และใหนําความในมาตรา ๒๑ วรรคสาม มาใชบังคับกับการให ความยนิ ยอมโดยอนุโลม ความยินยอมตามวรรคหน่ึงผปู วยจะเพิกถอนเสยี เม่อื ใดกไ็ ด
๑๑๒ ËÁÇ´ ó ¡ÒÃบําº´Ñ Ã¡Ñ ÉÒ·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾¨Ôμ ʋǹ·èÕ ñ ¼Ù»Œ †Ç ÁÒμÃÒ òñ การบําบัดรักษาจะกระทําไดตอเมื่อผูปวยไดรับการอธิบายเหตุผล ความจาํ เปน ในการบาํ บดั รกั ษา รายละเอยี ดและประโยชนข องการบาํ บดั รกั ษาและไดร บั ความยนิ ยอม จากผปู ว ย เวนแตเปน ผูป วยตามมาตรา ๒๒ ถาตองรับผูปวยไวในสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา ความยินยอมตาม วรรคหนึง่ ตองทําเปน หนงั สือ และลงลายมือชื่อผปู ว ยเปน สําคญั ในกรณีท่ีผูปวยมีอายุไมถึงสิบแปดปบริบูรณ หรือขาดความสามารถในการตัดสินใจ ใหความยินยอมรบั การบําบัดรักษา ใหค สู มรส ผูบุพการี ผสู บื สนั ดาน ผปู กครอง ผูพทิ กั ษ ผอู นุบาล หรือผซู ่ึงปกครองดูแลบคุ คลน้นั แลว แตกรณี เปนผใู หค วามยินยอมตามวรรคสองแทน หนังสือใหค วามยินยอมตามวรรคสองและวรรคสาม ใหเปนไปตามแบบที่คณะกรรมการ กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ÁÒμÃÒ òò บคุ คลทมี่ คี วามผดิ ปกตทิ างจติ ในกรณใี ดกรณหี นง่ึ ดงั ตอ ไปนเ้ี ปน บคุ คลทตี่ อ ง ไดรบั การบําบดั รกั ษา (๑) มภี าวะอันตราย (๒) มีความจําเปน ตอ งไดร ับการบาํ บัดรักษา ÁÒμÃÒ òó ผูใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณอันนาเช่ือวาบุคคลน้ันมีลักษณะตาม มาตรา ๒๒ ใหแ จง ตอ พนกั งานเจาหนาที่ พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจโดยไมชักชา ÁÒμÃÒ òô เมื่อพนักงานเจาหนาที่ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจไดรับแจงตาม มาตรา ๒๓ หรอื พบบคุ คลซงึ่ มพี ฤตกิ ารณอ นั นา เชอื่ วา บคุ คลนนั้ มลี กั ษณะตามมาตรา ๒๒ ใหด าํ เนนิ การ นําตัวบุคคลน้ันไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษาซึ่งอยูใกลโดยไมชักชา เพ่ือรับการ ตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมนิ อาการเบอ้ื งตน ตามมาตรา ๒๗ ทง้ั น้ี โดยจะมผี รู บั ดแู ลบคุ คลดงั กลา วไปดว ย หรือไมก็ได การนําตัวบุคคลตามวรรคหน่ึงไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา โดยการผูกมัดรางกายบุคคลดังกลาวจะกระทําไมได เวนแตเปนความจําเปนเพื่อปองกันการเกิด อันตรายตอ บคุ คลนน้ั เอง บคุ คลอ่นื หรือทรัพยส ินของผูอน่ื ÁÒμÃÒ òõ เมื่อผูรับผิดชอบดูแลสถานท่ีคุมขังหรือสถานสงเคราะห หรือพนักงาน คุมประพฤติ พบบุคคลท่ีอยูในความดูแลรับผิดชอบตามอํานาจหนาที่ มีพฤติการณอันนาเชื่อวา
๑๑๓ บคุ คล นน้ั มลี กั ษณะตามมาตรา ๒๒ ใหด าํ เนนิ การสง ตวั บคุ คลนน้ั ไปยงั สถานพยาบาลของรฐั หรอื สถาน บาํ บดั รกั ษาซงึ่ อยใู กลโ ดยไมช กั ชา เพอ่ื รบั การตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมนิ อาการเบอื้ งตน ตามมาตรา ๒๗ การสง ตวั บุคคลตามวรรคหน่งึ ใหเปน ไปตามระเบยี บทีค่ ณะกรรมการกาํ หนด ÁÒμÃÒ òö ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อพนักงานเจาหนาที่ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ไดรับแจงตามมาตรา ๒๓ หรือพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณอันนาเช่ือวาบุคคลนั้นเปนบุคคลที่มี ความผิดปกติทางจิตซึ่งมีภาวะอันตรายและเปนอันตรายที่ใกลจะถึง ใหมีอํานาจนําตัวบุคคลนั้น หรือเขาไปในสถานที่ใด ๆ เพ่ือนําตัวบุคคลน้ันสงสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา ซึ่งอยูใกลโดยไมชกั ชา เพื่อรบั การตรวจวนิ จิ ฉัยและประเมนิ อาการเบ้ืองตน ตามมาตรา ๒๗ ถาบุคคลนั้นขัดขวางหรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ใหพนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจมีอํานาจใชวิธีการเทาที่เหมาะสมและจําเปนแกพฤติการณในการนําตัวบุคคลนั้นสง สถานพยาบาล ของรฐั หรือสถานบําบัดรกั ษาตามวรรคหน่งึ การสงตัวบคุ คลตามวรรคหนึง่ ใหเปนไปตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการกาํ หนด ÁÒμÃÒ ò÷ ใหแพทยอยางนอยหนึ่งคนและพยาบาลอยางนอยหนึ่งคนท่ีประจําสถาน พยาบาลของรัฐ หรือสถานบําบัดรักษา ตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องตนบุคคลท่ีมีการนําสง ตามมาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๒๖ ใหแลวเสร็จโดยไมชักชา ท้ังนี้ ตองไมเกินส่ีสิบแปด ชวั่ โมงนับแตเ วลาท่ีบคุ คลนัน้ มาถึงสถานพยาบาลของรฐั หรอื สถานบาํ บัดรักษา การตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมนิ อาการเบอ้ื งตน ตามวรรคหนง่ึ ใหแ พทยม อี าํ นาจตรวจวนิ จิ ฉยั และบาํ บัดรกั ษาเพยี งเทาที่จําเปน ตามความรนุ แรงของอาการเพอื่ ประโยชนแกสุขภาพของบคุ คลนั้น ในกรณที ผี่ ลการตรวจตามวรรคหนงึ่ ปรากฏวา บคุ คลนน้ั จาํ เปน ตอ งไดร บั การตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมินอาการโดยละเอียดจากคณะกรรมการสถานบําบัดรักษาใหพนักงานเจาหนาที่สงตัว บคุ คล นน้ั พรอ มกบั รายงานผลการตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมนิ อาการเบอื้ งตน เพอ่ื เขา รบั การตรวจวนิ จิ ฉยั และ ประเมนิ อาการโดยละเอียดตามมาตรา ๒๙ หลักเกณฑและวิธีการในการรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบ้ืองตน ตามวรรคสาม ใหเปนไปตามระเบยี บที่คณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ òø กรณที แี่ พทยต รวจพบวา บคุ คลใดมลี กั ษณะตามมาตรา ๒๒ ใหส ง ตวั บคุ คลนนั้ พรอมกับรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบ้ืองตน เพ่ือเขารับการตรวจวินิจฉัย และประเมินอาการโดยละเอียดตามมาตรา ๒๙ และใหนาํ ความในมาตรา ๒๗ วรรคสองและวรรคส่ี มาใชบ ังคบั โดยอนโุ ลม ÁÒμÃÒ òù เม่ือสถานบําบัดรักษารับบุคคลที่พนักงานเจาหนาท่ีนําสงตามมาตรา ๒๗ วรรคสาม หรือแพทยนําสงตามมาตรา ๒๘ แลวแตกรณี ใหคณะกรรมการสถานบําบัดรักษา ตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการบุคคลน้ันโดยละเอียดภายในสามสิบวันนับแตวันที่รับตัวบุคคลน้ันไว ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษาเห็นวาบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ใหมีคําส่ัง อยา งใดอยา งหนึง่ ดงั ตอ ไปน้ี
๑๑๔ (๑) ใหบ คุ คลน้นั ตอ งเขา รับการบําบดั รักษาในสถานบําบดั รักษา (๒) ใหบุคคลน้ันตองรับการบําบัดรักษา ณ สถานที่อื่นนอกจากสถานบําบัดรักษา เม่ือบุคคลนั้นไมมีภาวะอันตราย ทั้งนี้ จะกําหนดเงื่อนไขใดๆ ที่จําเปนเก่ียวกับการบําบัดรักษา ใหบุคคลน้ัน หรือผูรบั ดแู ลบคุ คลน้ันตอ งปฏบิ ตั ดิ วยกไ็ ด ใหนาํ ความในมาตรา ๒๗ วรรคสอง มาใชบ ังคับกับการตรวจวนิ จิ ฉยั และประเมินอาการ ตามวรรคหนึง่ โดยอนโุ ลม หลักเกณฑและวิธีการในการพิจารณาและมีคําสั่งตามวรรคหน่ึง ใหเปนไปตามที่ คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ÁÒμÃÒ óð คําส่ังรับผูปวยไวบําบัดรักษาตามมาตรา ๒๙ (๑) ใหคณะกรรมการสถาน บําบัดรักษากําหนดวิธีการและระยะเวลาการบําบัดรักษาตามความรุนแรงของความผิดปกติทางจิต แตทั้งนี้ตองไมเกินเกาสิบวันนับแตวันท่ีมีคําส่ัง และอาจขยายระยะเวลาไดอีกครั้งละไมเกินเกาสิบวัน นับแตว ันทีม่ คี าํ สั่งครัง้ แรกหรือครั้งถดั ไป ใหคณะกรรมการสถานบําบัดรักษาพิจารณาผลการบําบัดรักษาเพ่ือมีคําส่ังตาม มาตรา ๒๙ (๑) หรอื (๒) แลว แตก รณี กอ นสน้ิ กาํ หนดระยะเวลาบาํ บดั รกั ษาในแตล ะครง้ั ตามวรรคหนงีึ่ ไมนอ ยกวาสบิ หาวัน ÁÒμÃÒ óñ ในระหวางการบําบัดรักษาตามมาตรา ๓๐ วรรคหน่ึง เมื่อแพทยผูบําบัด รักษา เห็นวา ผูปวยไดรับการบําบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและผูปวยไมมีภาวะ อนั ตรายแลว ใหแ พทยจ าํ หนายผปู ว ยดงั กลา วออกจากสถานพยาบาลและรายงานผลการบําบดั รักษา และการจาํ หนา ยผปู ว ยใหค ณะกรรมการสถานบาํ บดั รกั ษาทราบโดยไมช กั ชา ทง้ั นี้ ใหแ พทยต ดิ ตามผล การบําบดั รักษาเปนระยะ หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารในการรายงานผลการบาํ บดั รกั ษา การจาํ หนา ยผปู ว ยและการตดิ ตามผล การบําบัดรกั ษาตามวรรคหนึ่ง ใหเ ปนไปตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการกาํ หนด ÁÒμÃÒ óò ในกรณีท่ีผูปวยหรอื ผรู ับดูแลผปู วยไมป ฏิบัตติ ามมาตรา ๒๙ (๒) หรือการ บาํ บดั รกั ษาไมเ ปน ผล หรอื พฤตกิ ารณท เ่ี ปน เหตใุ หม กี ารออกคาํ สง่ั ตามมาตรา ๒๙ (๒) เปลยี่ นแปลงไป คณะกรรมการสถานบําบัดรักษาอาจแกไขเพิ่มเติมหรือเพิกถอนคําส่ังหรือมีคําส่ังใหรับผูปวย ไวบําบดั รกั ษาตามมาตรา ๒๙ (๑) ก็ได ในกรณีผูปวยตามมาตรา ๒๙ (๒) ดูแลตนเองไมไดและไมมีผูรับดูแล ใหนําความใน มาตรา ๔๐ (๒) มาใชบงั คับ ÁÒμÃÒ óó ในกรณีที่ผูปวยหลบหนีออกนอกเขตสถานพยาบาลของรัฐหรือสถาน บําบัดรักษา ใหพนักงานเจาหนาท่ีประสานงานกับพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจและญาติ เพื่อติดตามบุคคลน้ันกลับมาที่สถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา ทั้งน้ีมิใหนับระยะเวลา ทบ่ี คุ คลนน้ั หลบหนเี ขา ในกาํ หนดระยะเวลาตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๙ หรอื มาตรา ๓๐ แลวแตก รณี
๑๑๕ ใหนําความในมาตรา ๔๖ มาใชบังคับกับการติดตามผูปวยท่ีหลบหนีตามวรรคหน่ึง โดยอนุโลม ÁÒμÃÒ óô เพ่อื ประโยชนใ นการบาํ บดั รกั ษาผูปว ย ใหค ณะกรรมการสถานบําบดั รกั ษา มีอํานาจสั่งยายผูปวยไปรับการบําบัดรักษาในสถานบําบัดรักษาอื่นได ตามระเบียบที่คณะกรรมการ กาํ หนด ÊÇ‹ ¹·èÕ ò ¼»ŒÙ dž ¤´Õ ÁÒμÃÒ óõ ภายใตบังคับมาตรา ๑๔ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ใหพนักงานสอบสวนหรือศาลสงผูตองหาหรือจําเลยไปรับการตรวจที่สถานบําบัดรักษา พรอ มท้ังรายละเอียดพฤติการณแ หง คดี เมื่อสถานบําบัดรักษารับผูตองหาหรือจําเลยไวแลว ใหจิตแพทยตรวจวินิจฉัยความผิด ปกติทางจิต และทําความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของพนักงานสอบสวนหรือศาลวาผูตองหา หรือจําเลย สามารถตอสูคดีไดหรือไม แลวรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินความสามารถ ในการตอ สคู ดใี หพ นกั งานสอบสวนหรอื ศาลทราบภายในสส่ี บิ หา วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยไว และอาจขยายระยะเวลาไดอ ีกไมเกนิ สี่สิบหาวนั เพอ่ื ประโยชนในการประเมนิ ความสามารถในการตอสคู ดี ใหสถานบาํ บัดรักษามีอํานาจ เรียกเอกสารที่เก่ยี วขอ งกบั ผตู องหาหรือจาํ เลยจากสถานพยาบาลอน่ื ได ใหน าํ ความในมาตรา ๒๗ วรรคสอง มาใชบ งั คบั กบั การตรวจวนิ จิ ฉยั ความผดิ ปกตทิ างจติ ตามวรรคสองโดยอนุโลม ในกรณีท่ีผูตองหาหรือจําเลยถูกคุมขัง และมีความจําเปนตองรับผูตองหาหรือจําเลย ไวในสถานบําบัดรักษาเพื่อการสังเกตอาการตรวจวินิจฉัย บําบัดรักษาและประเมินความสามารถ ในการตอสูคดี สถานบําบัดรักษาอาจขอใหพนักงานสอบสวนหรือศาลกําหนดวิธีการ เพ่ือปองกัน การหลบหนี หรือเพ่อื ปองกันอนั ตรายกไ็ ด หลักเกณฑและวิธีการในการรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินความสามารถ ในการตอสูคดตี ามวรรคสอง ใหเปน ไปตามระเบยี บที่คณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ óö ภายใตบังคับ มาตรา ๑๔ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ใหสถานบําบัดรักษารับผูตองหาหรือจําเลยไวควบคุมและบําบัดรักษาโดยไมตองไดรับ ความยนิ ยอมจากผตู อ งหาหรอื จาํ เลย จนกวา ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยจะหายหรอื ทเุ ลาและสามารถตอ สคู ดไี ด เวน แตพ นักงานสอบสวนหรือศาลจะมคี ําสั่งหรอื มกี ฎหมายบญั ญตั ิไวเ ปนอยา งอน่ื
๑๑๖ ใหจิตแพทยผูบําบัดรักษาทํารายงานผลการบําบัดรักษาสงใหพนักงานสอบสวนหรือศาล ภายในหนง่ึ รอยแปดสบิ วัน นบั แตวันทไ่ี ดรบั ผตู องหาหรือจาํ เลยไว ในกรณที ่จี ติ แพทยเ ห็นวา ผูตองหา หรอื จาํ เลยยงั ไมส ามารถตอ สคู ดไี ด ใหร ายงานผลการบาํ บดั รกั ษาทกุ หนง่ึ รอ ยแปดสบิ วนั เวน แต พนกั งาน สอบสวนหรือศาลจะมคี ําสั่งเปนอยางอืน่ ในระหวางการบําบัดรักษา เม่ือจิตแพทยผูบําบัดรักษาเห็นวา ผูตองหาหรือจําเลยไดรับ การบําบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลา และสามารถตอสูคดีไดแลวใหรายงานผลการ บาํ บัดรกั ษาตอพนกั งานสอบสวนหรือศาลทราบโดยไมชักชา หลักเกณฑและวิธีการในการรายงานผลการบําบัดรักษาตามวรรคสองและวรรคสาม ใหเ ปน ไปตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ ó÷ ในกรณีที่ศาลมีคําสั่งใหสงผูปวยคดีไปคุมตัวหรือรักษาไวในสถานพยาบาล ตามมาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายอาญา หรือตามมาตรา ๒๔๖ (๑) แหง ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ใหศ าลสง สาํ เนาคาํ สง่ั ไปพรอ มกบั ผปู ว ยคดี และใหส ถาน บาํ บัดรกั ษาผปู ว ยคดีไวค วบคุม และบําบดั รักษาโดยไมต อ งไดร บั ความยินยอมจากผป ู ว ยคดี ใหจิตแพทยผูบําบัดรักษารายงานผลการบําบัดรักษาและความเห็นตอศาลภายใน หนึ่งรอยแปดสิบวัน นับแตวันที่ไดรับผูปวยคดีไว ในกรณีที่จิตแพทยเห็นวามีความจําเปนตองบําบัด รักษาผูปวยคดีตอไป ใหรายงานผลการบําบัดรักษาและความเห็นตอศาลทุกหน่ึงรอยแปดสิบวัน เวนแตศาลจะมคี าํ ส่งั เปนอยางอนื่ ในการควบคมุ และบาํ บดั รกั ษา สถานบาํ บดั รกั ษาอาจขอใหศ าลกาํ หนดวธิ กี ารเพอื่ ปอ งกนั การหลบหนหี รือเพอื่ ปอ งกนั อนั ตรายก็ได หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารในการรายงานผลการบาํ บดั รกั ษาและการทาํ ความเหน็ ตามวรรคสอง ใหเ ปน ไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการกาํ หนด ÁÒμÃÒ óø ในระหวา งการบาํ บดั รกั ษาตามมาตรา ๓๗ เมอื่ จติ แพทยผ บู าํ บดั รกั ษาเหน็ วา ผูปวยคดีไดรับการบําบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและไมมีภาวะอันตรายแลว ใหจิตแพทยรายงานผลการบําบัดรักษาและความเห็นเพ่ือจําหนายผูปวยคดีดังกลาวออกจาก สถานพยาบาลตอศาลโดยไมชักชา และรายงานผลการบําบัดรักษาและความเห็นดังกลาวให คณะกรรมการสถานบําบัดรกั ษาทราบ หลักเกณฑและวิธีการในการรายงานผลการบําบัดรักษาและการทําความเห็นตาม วรรคหนง่ึ ใหเ ปนไปตามระเบยี บทค่ี ณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ óù ในกรณีที่ศาลกําหนดเงือ่ นไขตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง (๔) แหงประมวล กฎหมายอาญา ใหศ าลสง ผูปวยคดพี รอมทัง้ สาํ เนาคาํ พพิ ากษาไปยงั สถานบาํ บดั รกั ษา ใหจ ติ แพทยผ บู าํ บดั รกั ษารายงานผลการบาํ บดั รกั ษาและความเหน็ ตอ ศาลภายในเกา สบิ วนั นับแตวันที่ไดรับผูปวยคดีไว ในกรณีท่ีจิตแพทยเห็นวามีความจําเปนตองบําบัดรักษาผูปวยคดีตอไป ใหร ายงานผลการบาํ บัดรักษาและความเหน็ ตอ ศาลทุกเกาสบิ วนั เวน แตศาลจะมีคาํ ส่ังเปนอยา งอืน่ ใหน าํ ความในมาตรา ๓๗ วรรคสามและวรรคสี่ และมาตรา ๓๘ มาใชบ ังคับโดยอนุโลม
๑๑๗ ÊÇ‹ ¹·Õè ó ¡Òÿ¹„œ ¿ÊÙ ÁÃöÀÒ¾ ÁÒμÃÒ ôð ในกรณีท่ีคณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีคําสั่งตามมาตรา ๒๙ (๒) ใหหัวหนาสถานบําบัดรักษามหี นาท่ี ดงั น้ี (๑) แจง ใหผรู ับดแู ลผูปวยรบั ตัวผปู วยไปดูแล (๒) ในกรณีที่ไมมีผูรับดูแลใหแจงหนวยงานดานสงเคราะหและสวัสดิการท้ังภาครัฐ และเอกชนตามที่คณะกรรมการประกาศกําหนด (๓) แจงใหพ นักงานเจาหนา ท่ีติดตามดแู ล ประสานงานและชว ยเหลือในการดําเนินการ ฟนฟูสมรรถภาพผูปวยตาม (๑) และหนวยงานตาม (๒) แลวรายงานใหคณะกรรมการสถานบําบัด รกั ษาทราบ ÁÒμÃÒ ôñ เมอ่ื ผถู กู คมุ ขงั ซง่ึ ไดร บั การบาํ บดั รกั ษาในระหวา งถกู คมุ ขงั ถงึ กาํ หนดปลอ ยตวั ใหหวั หนา สถานที่คุมขงั มหี นาทีด่ ําเนินการตามมาตรา ๔๐ ËÁÇ´ ô ¡ÒÃÍ·Ø ¸Ã³ ÁÒμÃÒ ôò ในกรณีท่ีคณะกรรมการสถานบําบัดรักษา มีคําสั่งตามมาตรา ๒๙ (๑) หรือ (๒) หรือมีคําสั่งใหขยายระยะเวลาการบําบัดรักษาตามมาตรา ๓๐ ใหผูปวยหรือคูสมรส ผูบุพการี ผูสืบสันดาน ผูปกครอง ผูพิทักษ ผูอนุบาล หรือผูซึ่งปกครองดูแลผูปวย แลวแตกรณี มีสิทธิอุทธรณ เปนหนังสือตอคณะกรรมการอุทธรณภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับหนังสือแจง คําสงั่ ดังกลาว การอุทธรณตามวรรคหน่ึงไมเปนเหตุทุเลาการบังคับตามคําสั่ง เวนแตคณะกรรมการ อทุ ธรณจ ะเห็นสมควรใหม กี ารทเุ ลาการบังคบั ตามคําส่งั น้นั ไวชัว่ คราว ใหค ณะกรรมการอทุ ธรณพ จิ ารณาอทุ ธรณใ หแ ลว เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั อุทธรณคาํ วินิจฉัยของคณะกรรมการอทุ ธรณใหเ ปน ที่สุด หลักเกณฑและวิธีการในการย่ืนอุทธรณ และวิธีพิจารณาอุทธรณใหเปนไปตามระเบียบ ทค่ี ณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ ôó ใหมคี ณะกรรมการอทุ ธรณ ประกอบดว ย (๑) อธิบดี เปน ประธานกรรมการ (๒) ผแู ทนองคก รภาคเอกชนทเี่ ปน นติ บิ คุ คลและมวี ตั ถปุ ระสงคเ กย่ี วกบั การคมุ ครองดแู ล บุคคลทมี่ คี วามผดิ ปกติทางจิต ซึง่ เลอื กกนั เองจาํ นวนสามคน เปน กรรมการ
๑๑๘ (๓) ผูทรงคุณวุฒิจํานวนหาคน ซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งจากผูท่ีมีความรูและประสบการณ ในสาขาการแพทยจิตเวช จิตวิทยาคลินิก สังคมสงเคราะหทางการแพทย การพยาบาล สุขภาพจิต และจิตเวช และกฎหมาย สาขาละหนึ่งคน เปน กรรมการ ใหรองอธบิ ดหี รอื หัวหนาสถานบําบัดรกั ษา ซ่งึ อธบิ ดีแตงตั้งเปนกรรมการและเลขานกุ าร การเลอื กและการแตงตง้ั กรรมการตาม (๒) และ (๓) ใหเ ปน ไปตามระเบียบทรี่ ัฐมนตรีประกาศกําหนด ÁÒμÃÒ ôô คณะกรรมการอทุ ธรณมีอาํ นาจหนา ทด่ี ังตอไปนี้ (๑) พิจารณาอุทธรณต ามมาตรา ๔๒ (๒) รายงานผลการดาํ เนนิ การใหค ณะกรรมการทราบอยางนอ ยปล ะคร้งั ÁÒμÃÒ ôõ ใหนาํ ความในมาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ มาใชบังคบั กับคณะกรรมการอทุ ธรณโดยอนโุ ลม ËÁÇ´ õ ¾¹Ñ¡§Ò¹à¨ŒÒ˹Ҍ ·Õè ÁÒμÃÒ ôö ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจ ดงั ตอไปนี้ (๑) เขา ไปในเคหสถาน หรอื สถานทใี่ ด ๆ ในระหวา งพระอาทติ ยข นึ้ และตกเพอ่ื นาํ บคุ คล ซึ่งมีพฤติการณอ นั นาเช่ือวา มลี ักษณะตามมาตรา ๒๒ ไปรบั การบําบัดรกั ษาในสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานบําบัดรักษา เม่ือมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรวาบุคคลดังกลาวอยูในเคหสถาน หรอื สถานทนี่ นั้ ประกอบกบั มเี หตอุ นั ควรเชอื่ วา เนอ่ื งจากการเนน่ิ ชา กวา จะเอาหมายคน มาไดบ คุ คลนน้ั จะหลบหนีไป หรือกรณีมีเหตฉุ ุกเฉินเนอ่ื งจากบคุ คลนน้ั มีภาวะอันตรายและเปน อนั ตรายทใ่ี กลจะถงึ (๒) ซกั ถามบุคคลใด ๆ เพื่อทราบขอ มลู เก่ยี วกบั สุขภาพ ความเจ็บปว ย พฤตกิ รรมและ ความสัมพันธใ นครอบครัวและชุมชนของบคุ คลตาม (๑) (๓) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใด ๆ มาเพ่ือใหถอยคํา สงคําช้ีแจงเปนหนังสือ หรอื สง เอกสารหรือหลักฐานท่เี กยี่ วขอ งมาเพ่อื ตรวจสอบหรอื เพอื่ ประกอบการพิจารณา การดาํ เนนิ การตาม (๑) พนกั งานเจา หนา ทอ่ี าจรอ งขอใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ใหความชว ยเหลอื อกี ได ทัง้ น้ี ใหพนกั งานเจาหนาท่ีปฏบิ ตั ติ ามระเบียบทค่ี ณะกรรมการกําหนด ÁÒμÃÒ ô÷ ในการปฏบิ ตั หิ นา ทตี่ ามพระราชบญั ญตั นิ พ้ี นกั งานเจา หนา ทต่ี อ งแสดงบตั ร ประจาํ ตวั ตอบุคคลทเี่ ก่ียวของ บตั รประจําตวั พนกั งานเจา หนาทใ่ี หเปน ไปตามแบบท่รี ฐั มนตรีประกาศกาํ หนด ÁÒμÃÒ ôø ในการปฏิบัติหนาท่ีของพนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา ๔๖ ใหบุคคลที่ เกย่ี วของอํานวยความสะดวกตามสมควร
๑๑๙ ÁÒμÃÒ ôù ในการปฏิบัติหนาที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ใหพนักงานเจาหนาที่เปน เจา พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา ËÁÇ´ ö º·กาํ ˹´â·É ÁÒμÃÒ õð ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๖ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงป หรือปรับไมเกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจาํ ทั้งปรับ ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ ไดก ระทาํ โดยการโฆษณาหรอื เผยแพรท างสอ่ื มวลชน หรือสื่อสารสนเทศใด ๆ ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเกนิ สห่ี ม่ืนบาท หรือ ทง้ั จําทั้งปรบั ÁÒμÃÒ õñ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จตอพนักงานเจาหนาที่ พนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจตามมาตรา ๒๓ โดยมีเจตนากลั่นแกลงใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใดตองระวางโทษ จําคกุ ไมเ กินหนึง่ ป หรือปรบั ไมเ กินสองหมื่นบาท หรือทง้ั จําทัง้ ปรับ ÁÒμÃÒ õò ผูใดไมปฏิบัติตามหนังสือของพนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา ๔๖ (๓) โดยไมม เี หตอุ ันสมควร ตองระวางโทษจําคุกไมเ กนิ หกเดอื น หรอื ปรบั ไมเกนิ หนง่ึ หมื่นบาท หรือท้งั จาํ ท้งั ปรบั ÁÒμÃÒ õó ผูใดไมอํานวยความสะดวกตามสมควรแกพนักงานเจาหนาท่ีในการปฏิบัติ หนาท่ีตามมาตรา ๔๘ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเกินหน่ึงหมื่นบาท หรอื ทงั้ จําท้งั ปรบั º·à©¾ÒСÒÅ ÁÒμÃÒ õô ในวาระเร่ิมแรก ใหคณะกรรมการประกอบดวยกรรมการตามมาตรา ๕ (๑) (๒) (๓) และอธบิ ดี และใหป ฏิบตั ิหนา ที่คณะกรรมการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีไปพลางกอ นจนกวาจะมี กรรมการตามมาตรา ๕ (๔) และ (๕) ซงึ่ ตอ งไมเ กนิ หนง่ึ รอ ยยสี่ บิ วนั นบั แตว นั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ี้ ใชบ งั คบั ผูร บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ จลุ านนท นายกรัฐมนตรี
๑๒๐ ËÁÒÂàËμØ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คอื โดยทป่ี ระชาชนสว นใหญย งั ขาดความรู ความเขาใจและมีทัศนคติดานลบตอบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต ทําใหบุคคลดังกลาวไมไดรับ การบาํ บดั รกั ษาอยา งถกู ตอ งและเหมาะสม เปน เหตใุ หค วามผดิ ปกตทิ างจติ ทวคี วามรนุ แรงขนึ้ จนกอ ใหเ กดิ อันตรายรายแรงตอชีวิต รางกาย หรือทรัพยสินของตนเองหรือผูอื่น สมควรมีกฎหมายวาดวย สุขภาพจิต เพ่ือกําหนดกระบวนการในการบําบัดรักษาบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต อันเปนการ คุมครองความปลอดภัยของบุคคลน้ันและสังคม รวมท้ังกําหนดกระบวนการในการบําบัดรักษา บุคคลท่ีมีความผิดปกติทางจิต ซึ่งอยูระหวางการสอบสวน การไตสวนมูลฟองหรือการพิจารณา หรือภายหลงั ศาลมีคําพิพากษาในคดีอาญา จึงจาํ เปน ตอ งตราพระราชบัญญตั ินี้
๑๒๑ เอกสารอา งองิ กาญจนา โชคเหรียญสขุ ชยั “¡ÒÃÊÍè× ÊÒÃàª§Ô ÍÇѨ¹ÀÒÉÒÃٻẺáÅСÒÃ㪔Œ กรงุ เทพฯ : บริษทั วี.พร้ินท (๑๙๙๑) จาํ กัด, ๒๕๕๐ ธานิศ เกศวพทิ ักษ “คาํ ͸ԺÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸¾Õ ¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ” กรงุ เทพฯ : สาํ นกั พมิ พก รงุ สยาม พบั ลิชช่งิ จํากดั , ๒๕๕๗ นครินทร เมฆไตรรัตนและคณะ “¡ÒûÃѺà»ÅèÕ¹¡Åä¡ Ê¶ÒºÑ¹à¾×èÍàÊÃÔÁÊÌҧÊÁÃö¹Ð 㹡ÒÃทาํ §Ò¹´ŒÒ¹à´ç¡¢Í§Í§¤¡Òû¡¤ÃͧÊÇ‹ ¹·ÍŒ §¶¹èÔ มปม., ๒๕๕๓ มลู นธิ สิ ทิ ธมิ นษุ ยชนและการพฒั นา “¤Á‹Ù Í× ½¡ƒ ͺÃÁ¢ÒŒ ÃÒª¡ÒÃตาํ ÃǨ㹡Òë¡Ñ ¶ÒÁ¼àŒÙ ÊÂÕ ËÒ¨ҡ¡Òà ¶¡Ù ŋǧÅÐàÁÔ´·Ò§à¾È” (มปท.มปป.) (อัดสําเนา) วรณัฐ วรชาติเดชา พ.ต.อ.หญิง “¢ÍŒ á¹ÐนําสําËÃºÑ à¨ŒÒ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ㹡ÒäŒÁØ ¤ÃÍ§à´¡ç ” มปท., ๒๕๕๘ อรอมุ า วชิรประดิษฐพ ร “ÊÒàËμØ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§à´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹¡ºÑ ÁÒμáÒÃá¡Œä¢àª§Ô ÃØ¡” เอกสารวชิ าการหลกั สตู รผพู พิ ากษาผบู รหิ ารในศาลชน้ั ตน รนุ ที่ ๑๐ สถาบนั พฒั นาขา ราชการ ฝา ยตุลาการศาลยตุ ิธรรม สํานักงานศาลยตุ ิธรรม, ๒๕๕๕ (อดั สําเนา) สืบคน ทางออนไลน คําแนะนําการปฏิบัตติ าม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ พ.ศ.๒๕๕๓. สืบคน จาก www.demo.thaipolicedb.com/download/download-id ht. (สืบคน ๑๗ มี.ค. ๒๕๕๘)
๑๒๒ จัดพมิ พโ ดย โรงพิมพต าํ รวจ ถ.เศรษฐศริ ิ ดุสติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท ๐-๒๖๖๘-๒๘๑๑-๓ โทรสาร ๐-๒๒๔๑-๔๖๕๘
“เปนหลักประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล” พลตํารวจเอก จักรทิพย ชัยจินดา ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132