วิชา ปป. (CP) ๒๑๔๐๕ แกลาะรผปู้มฏคี ิบวัตาติม่อผดิเดปก็ กเตยทิ าาวงชจนิตสตรี
ตําÃÒàÃÂÕ ¹ หลกั สตู ร นกั เรียนนายสบิ ตํารวจ วชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๕ การปฏิบตั ติ อ เด็ก เยาวชน สตรี และผมู ีความผดิ ปกติทางจิต เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมิใหผูหน่ึงผูใดเผยแพร คัดลอก ถอดความ หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทงั้ หมดของเอกสารนเี้ พอื่ การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Íè× ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ” ของขาราชการตํารวจเทานั้น การเปดเผยขอความแกบุคคลอื่นท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา กองบัญชาการศกึ ษา สาํ นกั งานตํารวจแหง ชาติ พ.ศ.๒๕๖๓
1
คาํ นาํ หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ท่ีเขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ ทักษะวิชาชีพตํารวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี จติ สํานึกในการใหบ ริการเพื่อบําบัดทกุ ขบ าํ รุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คัญ กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ ฝก อบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบญั ชาการศกึ ษา ศนู ยฝ ก อบรมตาํ รวจภธู รภาค ๑ - ๙ และกองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตําราเรียน หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ ของนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพ่ี งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส าํ หรบั ประกอบ การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม ความตอ งการอยา งแทจรงิ และมคี วามพรอมในการเขา สปู ระชาคมอาเซยี น ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด ใหคําปรึกษา คําแนะนํา ประสบการณท่ีเปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู ท่ีเปนประโยชน จนทําใหการจัดทําตําราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี ซึ่งกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดนี้คงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน การสอนและการจดั การฝกอบรมของครู อาจารย และครฝู ก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏบิ ัตงิ าน ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทําใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อม่ัน ศรัทธา และความผาสุกใหแกประชาชนไดอ ยา งแทจ รงิ พลตํารวจโท ( อภิรตั นยิ มการ ) ผูบ ัญชาการศกึ ษา
1
ÊÒúÞÑ Ë¹ŒÒ ÇªÔ Ò ¡Òû¯ÔºμÑ μÔ ‹Íà´ç¡ àÂÒǪ¹ ÊμÃÕ áÅмÁÙŒ Õ¤ÇÒÁ¼´Ô »¡μÔ·Ò§¨μÔ ñ ๑ ÊÇ‹ ¹·èÕ ñ ÇÔ¸Õ»¯ÔºÑμàÔ ¡ÕÂè ǡѺà´ç¡ ๑ ๑ º··Õè ñ º··ÑèÇä» ๔ - วตั ถปุ ระสงค ๕ - บทนํา ù - บทบาทของเจาพนักงานตํารวจท่ีเกยี่ วกับเดก็ หรอื เยาวชน ๙ - การสรา งสัมพนั ธภาพกับเด็กหรือเยาวชน ๙ - สาเหตแุ หง การกระทาํ ความผดิ ของเด็ก ๑๐ ๑๑ º··Õè ò ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÊÔ·¸Ôà´ç¡ ๑๒ - วัตถุประสงค ๑๓ - บทนาํ ๑๔ - อนสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ด็ก ๒๔ - การคมุ ครองสิทธิเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ๒๕ - การคมุ ครองสิทธิเดก็ และเยาวชนตามประมวลกฎหมายอาญาฯ òù - การคุม ครองสิทธิเด็กและเยาวชนตามประมวลกฎหมาย ๒๙ วธิ ีพจิ ารณาความอาญาฯ ๒๙ - การคุมครองสทิ ธิเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ ๒๙ - การคุม ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบัญญตั ิศาลเยาวชน ๓๐ และครอบครัว และวธิ พี จิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครัวฯ ๓๑ - การคุม ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบญั ญัติคุมครองแรงงาน ๓๓ º··Õè ó á¹Ç·Ò§»¯ÔºμÑ ¢Ô ͧ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹μÒí ÃǨ - วัตถปุ ระสงค - บทนาํ - การออกหมายจบั เด็กหรือเยาวชน - การจบั กมุ เด็กหรือเยาวชน - แนวทางปฏบิ ัตขิ องเจาพนักงานตํารวจในการจับกุมเดก็ หรอื เยาวชน - การตรวจสอบการจบั
˹ŒÒ - แนวทางปฏบิ ัติของเจา พนกั งานตํารวจในการคน ๓๕ - แนวทางปฏบิ ตั ิในการจดบันทกึ คํารองทกุ ขในคดที ีผ่ เู สียหายเปนเดก็ ๓๘ หรือเยาวชน º··èÕ ô à·¤¹¤Ô ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁà´ç¡ ¡Òû͇ §¡¹Ñ áÅСÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·àèÕ ¡Ô´àËμØ ôó - วัตถุประสงค ๔๓ - บทนํา ๔๓ - เทคนิคการซักถามเด็กหรอื เยาวชน ๔๓ - การสงั เกตพฤตกิ รรมหรือภาษากายของผถู กู ซกั ถาม ๔๕ - การใชค ําถามในการซกั ถามเดก็ เพ่อื แสวงหาขอมูล ๔๖ - การปองกันและรักษาสถานท่ีเกดิ เหตุ ๔๗ ÊÇ‹ ¹·Õè ò õõ º··èÕ ñ á¹Ç·Ò§¡Òû¯ÔºμÑ Ô¢Í§¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹ŒÒ·ÕËè ÃÍ× à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ ¡Ã³·Õ ¾Õè ºº¤Ø ¤Å·èÁÕ ÕÅѡɳÐÁÕÀÒÇÐÍ¹Ñ μÃÒÂáÅÐÁ¤Õ ÇÒÁจํา໚¹μŒÍ§ä´ŒÃѺ¡ÒÃบาํ ºÑ´ÃÑ¡ÉÒ μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÊÔ ¢Ø ÀÒ¾¨μÔ ¾.È.òõõñ õ÷ - วตั ถุประสงค ๕๗ - บทนํา ๕๗ - วิธกี ารสังเกตลักษณะของผมู ีอาการทางจติ ๕๗ ÀÒ¤¼¹Ç¡ öó àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§ ñòñ
ʋǹ·Õè ñ ÇÔ¸»Õ ¯ºÔ μÑ Ôà¡ÂÕè Ç¡ºÑ à´¡ç
1
๑ º··èÕ ñ º··ÑÇè ä» ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ ๑. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจบทบาทและอํานาจหนาที่ของ เจา พนักงานตาํ รวจท่คี วรปฏบิ ตั ิตอเด็กหรือเยาวชน ๑.๑ บทบาทของเจาพนักงานตํารวจเกี่ยวกับเด็กหรอื เยาวชน ๑.๒ สามารถสรางสมั พนั ธภาพกับเด็กหรอื เยาวชน ๑.๓ สามารถเขา ใจสาเหตแุ หง การกระทาํ ผิดของเด็ก ๑.๔ เขา ใจความหมายเด็กตามกฎหมายไทย เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัติหนาท่ีตามบทบาทหนาท่ีของเจาพนักงานตํารวจ ตอไป º·นํา เด็กคือทรัพยากรบุคคลท่ีมีความสําคัญเปนอยางยิ่ง เพราะประเทศชาติจะมีความ เจริญมั่นคงอยูไดมากนอยเพียงใดอยูท่ีเด็ก ซ่ึงเขาจะเจริญเติบโตมาเปนผูใหญท่ีมีคุณภาพหรือไม รัฐจึงมีหนาท่ีสําคัญในการปกปองคุมครองเด็ก ตลอดจนแสวงหาวิธีการชวยเหลือเยียวยาหากเด็ก เหลาน้ันหลงผิดไปกระทําการใดๆ ที่กอใหเกิดความเดือดรอนหรือกระทําความผิดตามกฎหมาย การปฏิบัติตอเด็กและเยาวชนเปนส่ิงสําคัญเปนอยางยิ่งในการปฏิบัติงานของเจาพนักงานตํารวจ ที่ตองมีความรอบรูและเชี่ยวชาญในแตพระราชบัญญัติที่เก่ียวของ เพ่ือใหเกิดความม่ันใจและถูกตอง และวธิ ปี ฏิบัตเิ กี่ยวกับเด็ก º·ºÒ·¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ·àÕè ¡èÂÕ Ç¢ÍŒ §¡ºÑ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹ เจาพนักงานตํารวจมีสวนเก่ียวของกับเด็กหรือเยาวชน ทั้งในดานการปองกันมิใหเด็ก หรอื เยาวชนกระทาํ ความผดิ ตลอดจนปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตรุ า ยทส่ี ง ผลกระทบตอ ชวี ติ รา งกาย และทรพั ยส นิ ของเดก็ และเยาวชน ขณะเดียวกันเมอ่ื เกิดเหตุรายแรงท่มี ีเด็กหรอื เยาวชนไปมีสว นเกยี่ วของ ไมวาจะ ในฐานะเปนผูกระทําความผิดหรือในฐานะของผูเสียหายก็ตาม เจาพนักงานตํารวจก็จะตองเปนผูท่ี เผชิญเหตุการณเหลานั้น ดังน้ันเพ่ือเปนการปองกันมิใหเกิดเหตุการณรายแรงขึ้นกับเด็กหรือเยาวชน ส่ิงท่ีเจาพนักงานตํารวจควรใหความสนใจกับเด็กหรือเยาวชนท่ีเด็กหรือเยาวชนท่ีเจาพนักงานตํารวจ ควรใหค วามสนใจ ๑. เดก็ ทขี่ าดการเอาใจใสด ูแลจากครอบครัว ผปู กครอง ถูกทอดท้ิง ๒. เดก็ ทอ่ี าศยั อยใู นสภาพแวดลอ มทไี่ มเ หมาะสม เสย่ี งตอ การถกู ละเมดิ หรอื ถกู ชกั จงู ใหกระทําความผิด
๒ ๓. เด็กท่ีมีรองรอยของการถูกทํารายตามเนื้อตัวรางกาย เชน มีรองรอยการถูกทุบตี หรอื บาดแผล เดก็ ที่พยายามทํารา ยตัวเอง หรอื มีประวตั พิ ยายามฆา ตวั ตาย ๔. เด็กท่ีมีความแปรปรวนทางอารมณหรือมีความกาวราว ซึมเศรา เพราะส่ิงเหลาน้ี อาจเกิดมาจากการถูกตําหนิ ถูกสบประมาท หรือถูกดูถูกดูแคลนเปนประจําจากบุคคลในครอบครัว หรือบคุ คลทีใ่ กลชดิ ๕. เด็กที่หนีออกจากบาน ไมเรียนหนังสือ ตอตานสังคม แสดงพฤติกรรมเรียกรอง ความสนใจที่ไมเหมาะสมเหลานี้ เจาพนักงานตํารวจควรจะใหความสนใจวาอะไรเปนสาเหตุที่ทําให เดก็ มพี ฤตกิ รรมเชน น้ัน เพือ่ ชว ยในการปกปองคมุ ครองเด็ก ๖. เด็กที่ชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธหรือการแสดงพฤติกรรมทางเพศกอนวัย อนั ควร เพราะเขาอาจเปน เด็กท่เี คยถกู ลวงละเมิดทางเพศมากอ น ๗. เด็กที่ไมมีปฏิกิริยาตอบโต เงียบขรึม แยกตัวออกจากสังคม หรือมีพฤติกรรม ท่ีเปล่ียนไปจากเดิม เชน อาบน้ําหรือชําระลางรางกายบอยคร้ังหรือใชเวลาในการชําระลางรางกาย นานผดิ ปกติไปจากเดมิ เพราะสิ่งเหลานี้อาจเปนเพราะเดก็ อาจถูกลวงละเมิดได นอกจากที่กลาวมาแลว เจาพนักงานตํารวจควรจะตองใหความสําคัญกับเด็กท่ีเปน เดก็ เรร อ น เดก็ กาํ พรา เดก็ พกิ าร เดก็ ทอี่ ยใู นสภาพลาํ บาก ตลอดจนเดก็ ทเ่ี สยี่ งตอ การกระทาํ ความผดิ ดว ย ซึ่งพระราชบัญญัติคมุ ครองเด็กฯ ไดใหคาํ นิยามของเด็กเหลา น้ไี ว คือ “เด็กเรรอน” หมายความวา เดก็ ท่ไี มมบี ิดามารดาหรอื ผูปกครองหรอื มีแตไมเล้ียงดู หรอื ไมสามารถเล้ียงดูได จนเปนเหตุใหเด็กตองเรรอนไปในท่ีตางๆ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมใชชีวิตเรรอน จนนา จะเกิดอนั ตรายตอสวสั ดิภาพของตน “เดก็ กําพรา” หมายความวา เดก็ ทีบ่ ดิ าหรือมารดาเสยี ชีวิต เดก็ ที่ไมป รากฏบดิ ามารดา หรอื ไมส ามารถสืบหาบิดามารดาได “เด็กท่ีอยูในสภาพยากลําบาก” หมายความวา เด็กที่อยูในครอบครัวยากจนหรือบิดา มารดาหยาราง ทิ้งรา ง ถูกคุมขงั หรอื แยกกนั อยูแ ละไดรับความลําบาก หรือเดก็ ทต่ี อ งรบั ภาระหนา ที่ ในครอบครวั เกินวยั หรือกําลังความสามารถและสตปิ ญ ญา หรือเดก็ ทีไ่ มสามารถชว ยเหลอื ตวั เองได “เดก็ พกิ าร” หมายความวา เดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ งทางรา งกาย สมอง สตปิ ญ ญาหรอื จติ ใจ ไมวา ความบกพรองนั้นจะมมี าแตก ําเนดิ หรอื เกดิ ขึน้ ภายหลัง “เดก็ ทเี่ สยี่ งตอ การกระทาํ ผดิ ” หมายความวา เดก็ ทป่ี ระพฤตติ นไมส มควร เดก็ ทป่ี ระกอบ อาชีพหรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรมอันดี หรอื อยใู นสภาพแวดลอ มหรอื สถานทอ่ี นั อาจชกั นาํ ไปในทางเสยี หาย ทงั้ นี้ ตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง กาํ หนด กลา วคือ
๓ ๑) เดก็ ที่ประพฤตติ นไมสมควร ไดแ ก เดก็ ท่ีมพี ฤติกรรมอยา งหนง่ึ อยางใด ดังตอไปนี้ (๑) ประพฤตติ นเกเรหรือขม เหงรังแกผอู ืน่ (๒) ม่ัวสมุ ในลักษณะทกี่ อความเดือดรอ นราํ คาญแกผอู น่ื (๓) เลนการพนนั หรอื มวั่ สมุ ในวงการพนัน (๔) เสพสรุ า สบู บหุ ร่ี เสพยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ของมนึ เมาอยา งอน่ื เขา ไปในสถานท่ี เฉพาะ เพื่อการจําหนา ยหรือดืม่ เคร่อื งดม่ื ท่ีมแี อลกอฮอล (๕) เขา ไปในสถานบรกิ ารตามกฎหมายวาดวยสถานบรกิ าร (๖) ซ้ือหรือขายบริการทางเพศ เขาไปในสถานการคาประเวณีหรือเกี่ยวของกับ การคา ประเวณี ตามกฎหมายวาดว ยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี (๗) ประพฤติตนไปในทางชสู าว หรอื สอ ไปในทางลามกอนาจารในทสี่ าธารณะ (๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สงั่ สอนของผปู กครอง จนผปู กครองไมอ าจอบรมสงั่ สอนได (๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา ภาคบงั คบั ๒) เด็กที่ประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรม อนั ดี ไดแก เดก็ ท่ีประกอบอาชีพ ดังตอไปนี้ (๑) ขอทานหรือกระทําการสอไปในทางขอทาน โดยลําพังหรือโดยมีผูบังคับ ชกั นาํ ยยุ ง หรือสงเสรมิ หรอื (๒) ประกอบอาชีพหรือกระทําการใดอันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ ดวยกฎหมาย หรอื ขัดตอศีลธรรมอนั ดี ๓) เด็กที่คบหาสมาคมกับบุคคลท่ีนาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอ ศีลธรรมอันดี ไดแ ก เด็กท่ีคบหาสมาคมกบั บคุ คล ดงั ตอไปน้ี (๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุม เพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแกผูอื่น หรือกระทําการอันขัดตอกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี หรอื (๒) บคุ คลทปี่ ระกอบอาชพี ทขี่ ดั ตอกฎหมายหรือศลี ธรรมอันดี ๔) เด็กท่ีอยูในสภาพแวดลอ มหรือสถานทอ่ี ันอาจชักนาํ ไปในทางเสยี หาย ไดแ ก เด็กที่ อยใู นสภาพแวดลอมหรอื สถานที่ ดังตอไปน้ี (๑) อาศัยอยูกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวของกับยาเสพติดใหโทษหรือใหบริการ ทางเพศ (๒) เรร อ นไปตามสถานทตี่ า ง ๆ โดยไมม ที พ่ี กั อาศยั เปน หลกั แหลง ทแี่ นน อน หรอื (๓) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนํา ไปในทางเสยี หาย (กฎกระทรวงกาํ หนดเด็กที่เสี่ยงตอการกระทําผดิ พ.ศ.๒๕๔๙)
๔ เนื่องจากเด็กเหลาน้ี มีความเส่ียงตอการกระทําความผิด หรืออาจถูกชักนําไปกระทํา ความผดิ ไดงาย ขณะเดยี วกันเด็กเหลานก้ี ็อาจถกู ลวงละเมดิ จากบุคคลอ่ืนไดง ายเชน กนั เจา พนักงาน ตํารวจซ่ึงปฏิบัติงานและพบเห็นเด็กเหลาน้ี ควรจะใหความสําคัญในการสรางสัมพันธภาพกับเด็ก เหลาน้ี เพื่อเปน การปอ งกันมิใหเ ด็กเหลา นถี้ ูกลว งละเมิดหรอื ตกเปนผูกระทําความผิดในอนาคต ¡ÒÃÊÌҧÊÁÑ ¾¹Ñ ¸ÀÒ¾¡ºÑ à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ การสรางความสัมพันธภาพกับเดก็ เปน สงิ่ สาํ คัญมาก เพราะเจา พนกั งานตํารวจจะไดร ับ ความรวมมอื จากเด็กหรือไม อยทู สี่ ัมพนั ธภาพที่มตี อกนั ในการสรางสมั พนั ธภาพควรจะตองเรมิ่ จาก ๑. เจาพนักงานตํารวจจะตองเขาใจสภาพของเด็กเหลานด้ี ว ย อยาปลอ ยใหความรสู ึก หรืออคติสวนตวั มามีผลตอการปฏบิ ัติงาน เนอ่ื งจากเหตุผลดานเช้อื ชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ หรือทัศนคติของเด็ก เพราะเด็กเหลานี้เปนกลุมที่มีความออนแอเพราะเหตุสภาพรางกาย สุขภาพ ความเจ็บปวย ความพิการ สติปญญา ตลอดจนภูมิหลังทางสังคมท่ีเลวรายที่เขาประสบมา ซึ่งทําให การสรางความสัมพันธภาพอาจจะตอ งใชเวลาจนกวาเดก็ ๆ เหลานจี้ ะใหความไววางใจ ๒. สิ่งที่ตองตระหนกั คือ ขอมูลท่ีไดจ ากเด็กๆ เหลานี้ อาจไมถกู ตองท้งั หมด เดก็ จะมี พฤติกรรมในการกาวราว ตอ ตาน เพอ่ื ความจําเปน ในการอยูร อดของเขา อยา พิจารณาเดก็ ในดานลบ เพียงอยางเดียว จะตองพิจารณาในดานบวกดวย เพื่อจะไดเขาใจในวิถีชีวิตของเขาและจะทําให สัมพนั ธภาพน้ันนานขึ้น ๓. ควรจะตองเร่มิ ตนการสรางสัมพนั ธภาพในเร่อื งที่เดก็ สนใจ เชน เรื่องกีฬากับท่ีเด็ก เลน กฬี าอยเู ปน ประจาํ เปด ใจในการรบั ฟง สงิ่ ทเี่ ดก็ พดู หรอื เลา ดว ยความอดทนอยา เรง รบี ใชศ พั ทท วั่ ๆ ไป ที่เด็กเขาใจหรือใชศัพทที่เด็กๆ ใชพูดคุยกัน อยาใชศัพทท่ีเก่ียวกับอาชีพตํารวจซึ่งเด็กอาจไมเขาใจ หาขอ มลู ของเดก็ จากสภาพแวดลอ ม คนรอบขา ง เพอ่ื ใหท ราบถงึ ภมู หิ ลงั ของเดก็ กอ นทจ่ี ะเขา ถงึ ตวั เดก็ เพราะหากเขา ถึงตัวเดก็ เลย เขาอาจปฏเิ สธในการสรา งความสัมพนั ธก บั เขาได ๔. แสดงความขอบคุณเด็กที่ใหความรวมมือ และแสดงความชื่นชมเด็กวาทําไดดี ในการใหข อ มูลท่ีเปนประโยชน ๕. การวางตัวและการแสดงทาทางขณะที่ทําการพูดคุยกับเด็กมีความสําคัญมาก ตอการยอมรับหรือเปดใจของเด็ก ควรจะตองแสดงความเปนกันเอง อยาแสดงอาการของการ มอี าํ นาจเหนอื ตวั เดก็ เชน การยนื กอดอกพดู กบั เดก็ ทน่ี งั่ อยทู พ่ี นื้ โดยใชค าํ พดู ในลกั ษณะของการสง่ั การ ใหเ ดก็ ทาํ หรอื พดู แตค วรจะพดู ดว ยนา้ํ เสยี งทเี่ ปน กนั เอง แนะนาํ และอธบิ ายเกย่ี วกบั ตนเอง ดว ยภาษา งายๆ น่ังอยูในระดบั เดยี วกบั เด็กท่ีจะพูดคยุ ดว ย ๖. จะตองตระหนักวา เด็กๆ เหลานี้เติบโตมาอยางโดดเด่ียว ขาดการเอาใจใส การพฒั นาดา นอารมณแ ละศลี ธรรมของพวกเขาจะไมส มดลุ ซงึ่ อาจทาํ ใหเ ดก็ เหลา นไ้ี มเ ขา ใจวา สง่ิ ใดผดิ ส่ิงใดถูก ไมเขาใจกลไกของความยุติธรรม ไมเขาใจถึงความเก่ียวพันในส่ิงที่ไดกระทําลงไปวาสงผล กระทบตอตนเองหรือผูอื่นอยางไร ดังนั้น จึงตองอาศัยความอดทนและความสม่ําเสมอในการสราง ความสัมพนั ธก บั เดก็ ๆ
๕ ๗. เขาใจในเรื่องพัฒนาการของเด็กในดานตางๆ ท้ังดานรางกาย ความคิด อารมณ และศีลธรรม วาเด็กในกลุมน้ีจะมีการพัฒนาการในดานตางๆ ไมเหมือนกับเด็กท่ัวๆ ไปท่ีไดรับ การเล้ียงดูเอาใจใสจากครอบครัว ซ่ึงเด็กเหลานี้ อาจมีรางกายไมสมบูรณ กระบวนการการรับรู ความเขา ใจ การมเี หตผุ ล การแกป ญ หาและการตดั สนิ ใจทแ่ี ตกตา งกบั เดก็ ทว่ั ไปทอี่ ยใู นวยั เดยี วกนั การเรยี นรู ทจี่ ะควบคมุ อารมณข องตนมนี อ ย และจากสภาพแวดลอ มทเี่ ดก็ เปน อยู ทาํ ใหก ระบวนการรบั รอู ะไรถกู อะไรผดิ ทางดานศีลธรรมมีนอยกวา ปกติ เปนตน ๘. เก็บขอมูลของเด็กๆ ที่เจาพนักงานตํารวจไปสรางสัมพันธภาพน้ันไว เชน รูปราง ลกั ษณะ และขอ สงั เกตในระหวา งการพดู คยุ วา เดก็ นน้ั มคี วามสนใจในเรอื่ งอะไร มคี วามสามารถพเิ ศษ อะไรบาง กิจกรรมท่ีเด็กชอบ เหลานี้จะไดนําไปเปนขอมูลในการปกปองและคุมครองเด็กกลุมเสี่ยง เหลา นไี้ ดต อ ไป ÊÒàËμØá˧‹ ¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§à´ç¡ ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนกระทําความผิดเชนนั้น เจาพนักงานตํารวจจะตัดสินเด็ก หรอื เยาวชนทตี่ อ งหาวา กระทาํ ผดิ จากเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขนึ้ นนั้ เพยี งอยา งเดยี วไมไ ด เจา พนกั งานตาํ รวจ ควรจะตอ งใหความสําคัญของภมู ิหลงั และสภาพสงั คมแวดลอ มของเด็กดวยวา ทําไมเดก็ หรือเยาวชน ไดก ระทําความผดิ โดยแยกเปน ÊÒàËμ¨Ø Ò¡ÊÀÒ¾áÇ´ÅÍŒ ÁÀÒ¹͡μÑÇà´ç¡ ๑. ครอบครัว หรือชุมชน จากการศึกษาวิจัยพบวา ประวัติการกระทําผิดของพอ จะทําใหบุตรมีโอกาสกระทําผิดรายแรงได เม่ือเปรียบเทียบกับครอบครัวที่ไมมีการกระทําผิดของพอ การทารุณกรรมและละเลยเด็ก จะสัมพันธกับการมีพฤติกรรมรุนแรงตอมา แตระดับของความรุนแรง ขึ้นอยูกับลักษณะของการทารุณกรรม เชน เด็กที่ถูกทํารายทางรางกายจะมีการกระทําผิดรุนแรงบาง เล็กนอย ในขณะที่เด็กที่ถูกละเลยทอดท้ิงจะกระทําผิดรุนแรงมากกวา การจัดการที่ไมเหมาะสมของ ครอบครัว ครอบครัวที่ขาดการต้ังเปาหมายพฤติกรรมที่ชัดเจน ขาดการควบคุมดูแล มีระเบียบวินัย ท่ีเขมงวดหรือไมแนนอน และขาดทักษะการเปนพอแม เปนปจจัยที่กอใหเกิดความรุนแรงในเด็กได การขาดการมสี ว นรว มของเดก็ และพอ แมท าํ ใหเ ดก็ มพี ฤตกิ รรมรนุ แรง เชน พอ แมท ไ่ี มเ ขา ไปมสี ว นรว ม ในการศึกษาของลูก พอท่ีไมเขารวมในกิจกรรมยามวางของบุตรชาย และการไมส่ือสารกันระหวาง พอ แมก บั ลกู ในวยั รนุ ความขดั แยง ในครอบครวั การแสดงออกซง่ึ ความขดั แยง อยา งรนุ แรงในชวี ติ ครอบครวั จะเพ่ิมความเสี่ยงตอการมีพฤติกรรมรุนแรงของบุตร โดยเฉพาะหากแสดงความขัดแยงใหบุตรท่ีอยู ในชวงอายุ ๑๔ ถึง ๑๖ ป เห็นจะทาํ ใหเพ่ิมพฤติกรรมรุนแรงเมอ่ื อายุ ๑๘ ป การถูกแยกจากพอ แม ความสัมพันธที่ไมดีระหวางบุตรกับพอแมจะทําใหพฤติกรรมรุนแรงมากข้ึน โดยพบวาเม่ือเด็กชาย มีปญหากับพอแมต้ังแตอายุกอน ๑๐ ขวบ หรือลูกออกจากบานกอนอายุ ๑๖ ป จะมีโอกาสเส่ียง ยงิ่ ขน้ึ การมพี นี่ อ งทก่ี ระทาํ ความผดิ จะเพมิ่ ความเสย่ี งตอ การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรง พบวา เดก็ อายุ ๑๐ ขวบ ท่ีมีพี่นองกระทําผิดจะเพ่ิมความเส่ียงตอพฤติกรรมรุนแรง เพราะพ่ีนองที่กระทําความผิดจะมี ความสมั พนั ธอ ยา งมากกบั การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรงในวยั รนุ โดยเฉพาะจะมอี ทิ ธพิ ลสงู ตอ หญงิ มากกวา ชาย
๖ อยางไรก็ตามสาเหตุการกระทําความผิดของเด็กและเยาวชน มิใชมีแตเฉพาะ ครอบครวั ทีม่ คี วามบกพรอ งดังเชน ท่กี ลา วขา งตน เพยี งอยา งเดียว แตส ามารถเกิดขน้ึ กบั ครอบครวั ท่มี ี ความสมบูรณก็เปนได ซึ่งกรณีน้ีอาจเกิดจากครอบครัวท่ีบิดามารดาตั้งความหวังกับเด็กและเยาวชน สงู เกนิ ไป จงึ เขม งวดกวดขนั เปน ผลใหเ กดิ ความกดดนั กบั เดก็ และเยาวชน เมอ่ื เดก็ และเยาวชนไมไ ดเ ปน ไป ตามที่คาดหวังไวก็จะระบายออกมาโดยไมรูตัว ซ่ึงมีผลกระทบตอจิตใจเด็กและเยาวชน จนอาจ ทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองไมมีคุณคา จึงปลอยตัวประพฤติตนไปตามสภาพแวดลอมที่ไมดี หรือทเี่ รยี กวา เปนการประชดชวี ิต ๒. สถานทอ่ี ยอู าศยั เชน สถานทอ่ี ยอู าศยั ของเดก็ อยใู กลบ อ นการพนนั หรอื สถาน บนั เทงิ จากการศึกษาพบวาการที่เดก็ เตบิ โตทามกลางความยากจน มโี อกาสเส่ยี งตอ การมพี ฤตกิ รรม รนุ แรง การเตบิ โตในครอบครวั ทีม่ ีรายไดต า่ํ จะเพ่มิ โอกาสเปนวยั รุนท่ีใชค วามรนุ แรง ความไรร ะเบียบ ในชมุ ชน การขาดความผกู พนั กบั เพอ่ื นบา น การมเี พอื่ นบา นผใู หญท ก่ี ระทาํ ความผดิ และมคี วามสะดวก ในการไดยาเสพตดิ มาใช จะเพมิ่ ความเส่ียงตอการกระทําผิดและรุนแรง ๓. สถานะทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนเคร่ืองอุปโภคบริโภคท่ีจําเปน จากการ ศึกษาพบวา ครอบครวั ของชนชัน้ ลา งทีม่ ีความยากจนและผใู ชแรงงานชนชน้ั ลา งที่มคี วามยากไร และ ผูใชแ รงงานซ่งึ มีรายไดไมเพยี งพอทีจ่ ะใชจ ายในการดําเนินชีวติ ทาํ ใหเ กดิ การขาดแคลนเคร่ืองอปุ โภค บรโิ ภคที่จาํ เปน ซ่ึงจะพบวา เดก็ และเยาวชนมักจะกระทําความผดิ ในขอ หาลกั ทรพั ยจ าํ นวนมาก หรือ พบวา มผี ใู หญช กั จงู ใหเ ดก็ และเยาวชนกระทาํ ความผดิ โดยเดก็ และเยาวชนหวงั เพยี งคา ตอบแทน เชน ชกั จงู ใหนาํ ยาเสพตดิ ไปสง ตอ หรือจาํ หนาย โดยใหเ งนิ เปนคาตอบแทน ๔. การดอยโอกาสทางการศึกษา ความออนดอยสติปญญาหรือประสบการณ เนื่องดวยเด็กและเยาวชนยังมีสติปญญาและประสบการณนอย จึงมักถูกชักจูงไปในทางที่ผิด ไดโดยงาย หรืออาจกระทําไปดวยความรูเทาไมถึงการณ โดยยังไมมีความคิดที่รอบคอบ หรือยัง ไมส ามารถแยกแยะวา สง่ิ ใดควรหรอื ไมค วรทาํ เชน ถกู ชกั นาํ ใหไ ปยงุ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ หรอื ถกู ชกั จงู ให ประกอบอาชพี ทไ่ี มเ หมาะสมแตม รี ายไดด ี เดก็ และเยาวชนทมี่ รี ะดบั การศกึ ษาตา่ํ จะไมแ สวงหาความรู เพอื่ พฒั นาตนเอง หรอื ไมม คี วามกระตอื รอื รน ทจ่ี ะเตบิ โตเปน ผใู หญท แ่ี กป ญ หาของตนเองดว ยเหตผุ ล เพ่ือเลี้ยงตนเองได ทําใหเด็กและเยาวชนกลุมน้ีอยูในกลุมเส่ียงที่จะกอใหเกิดการกระทําความผิด ไดโดยงาย สาเหตภุ ายในตวั ของเดก็ ๑. สภาพความผิดปกติของรางกาย เด็กและเยาวชนไดรับการถายทอดพันธุกรรม มาจากบดิ ามารดา เชน โรคปญญาออ น หรือระดับสตปิ ญ ญาต่าํ กวาเกณฑป กติ หรือมรี า งกายพิการ สิ่งเหลาน้ีจะทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองมีปมดอย เกิดความนอยเนื้อต่ําใจ และอาจถูกเด็ก และเยาวชนวัยเดียวกันลอเลียน จนทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองถูกซ้ําเติม และเกิดอารมณ
๗ คอนขางรุนแรง จึงแสดงออกในทางกาวราว เชน ทํารายรางกายผูลอเลียนหรือเด็กและเยาวชน ที่ออนแอกวา หรือหากไมสามารถตอบโตไดก็จะเกิดการเก็บกดสะสมไปเร่ือยๆ และแสดงออก เมื่อมโี อกาส ๒. สภาพความผิดปกติทางจิตใจ เด็กและเยาวชนจะมีวุฒิภาวะทางดานจิตใจ และอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ ทงั้ เดก็ และเยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มเ ทา กนั เด็กและเยาวชนบางกลุมมีวุฒิภาวะทางจิตใจและอารมณไมปกติ ซ่ึงอาจเกิดจากประสบการณ และการเล้ียงดูที่แตกตางกัน ในวัยรุน เด็กและเยาวชนมักจะมีอารมณคึกคะนอง ขาดความอดทน ตอ สงิ่ เรา หรอื สภาพแวดลอ ม บางคนไมช อบถกู บงั คบั และมกั แสดงออกกบั การถกู บงั คบั อยา งไมถ กู ตอ ง โดยเฉพาะในวัยนี้มีการเปล่ียนแปลงทางดานรางกายและจิตใจ รวมถึงฮอรโมนทางเพศที่เพ่ิมขึ้น หลายคนมกี ารแสดงออกในทางรนุ แรง กา วรา ว และใชว ธิ รี นุ แรงในการแกป ญ หา (อรอมุ า วชริ ประดษิ ฐพ ร, ๒๕๕๕) ÊÇ‹ ¹ÊÃØ» เดก็ และเยาวชนมวี ฒุ ภิ าวะทางดา นจติ ใจและอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ รวมทงั้ เดก็ และ เยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มป กตแิ ละไมเ ทา กนั ซงึ่ อาจเกดิ จากประสบการณ และการเลีย้ งดทู ่แี ตกตางกัน โดยเฉพาะในวัยนม้ี กี ารเปล่ยี นแปลงทางดา นรางกาย และจิตใจ รวมท้งั ฮอรโมนทางเพศที่เพมิ่ ข้ึน หลายคนมีการแสดงออกในทางรนุ แรง กา วราว และใชว ธิ ีรนุ แรงแกปญหา ในกรณีเดก็ หรอื เยาวชนกระทาํ ความผิดเชน น้นั เจา พนักงานตาํ รวจจะตัดสินเดก็ หรอื เยาวชนท่ีตอ งหา วากระทําความผิดจากเหตุการณท่ีเกิดขึ้นน้ันเพียงอยางเดียวไมได เจาพนักงานตํารวจควรจะตองให ความสําคญั ของภมู ิหลัง และสภาพสังคมและแวดลอ มของเดก็ และเยาวชน รวมท้ังปฏิบัตติ อเดก็ และ เยาวชน ตามกฎหมายท่เี กย่ี วของตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทใี่ หถ กู ตองเหมาะสม
๘
๙ º··Õè ò ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ ๑. เพอ่ื ใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจในการคุมครองสทิ ธเิ ด็กตามอนุสญั ญา วา ดว ยสิทธเิ ด็ก ๒. เพอ่ื ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ มคี วามเขา ใจ กฎหมายตา งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การคมุ ครอง สทิ ธิเดก็ ในประเทศไทย ๒.๑ การคุมครองสิทธิเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา ๒.๒ การคุมครองสิทธิเดก็ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ๒.๓ พระราชบญั ญตั คิ ุมครองเดก็ ฯ ๒.๔ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครวั ฯ ๒.๕ การคมุ ครองสิทธเิ ด็กและเยาวชนตามพระราชบญั ญตั คิ ุมครองแรงงาน เพอ่ื ใหก ารปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทขี่ องเจา พนกั งานตาํ รวจไดอ ยา ง ถกู ตอ งเหมาะสมตอไป º·นาํ จากอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กฯ “เด็กโดยเหตุท่ียังไมเติบโตเต็มท่ีทั้งรางกายและจิตใจ จึงตองการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครองทางกฎหมายท่ีเหมาะสมทั้งกอน และหลังเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากลดวยวา เด็กมีสิทธิที่จะไดรับการดูแล และการชวยเหลือเปนพิเศษ ประเทศไทยไดเขาเปนภาคี ในอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก เม่ือวันท่ี ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และมีผลบังคับกับประเทศไทย เมื่อวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ ประเทศไทย จงึ ตอ งนาํ หลกั เกณฑ ซง่ึ อนสุ ญั ญาฉบบั นมี้ าปรบั กฎหมายภายในประเทศทเ่ี กย่ี วกบั เดก็ เพอื่ ใหส อดคลอ ง กบั สาระสําคัญในอนสุ ญั ญาวาดว ยสิทธเิ ดก็ จากอนุสัญญาวา ดว ยสทิ ธเิ ด็กฯ ในสวนอารมั ภบทท่กี ลา ววา “เดก็ โดยเหตุทีย่ งั ไมเ ติบโต เต็มที่ทั้งรางกายและจิตใจ จึงตองการการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครอง ทางกฎหมายที่เหมาะสมทั้งกอนและหลังการเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากล ดว ยวา เดก็ มสี ิทธทิ ี่จะไดร บั การดูแลและการชว ยเหลอื เปน พเิ ศษ สาํ หรบั ประเทศไทยไดเ ขา เปน ภาคอี นสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ โดยการภาคอนวุ ตั ิ (คอื การ ใหค วามยนิ ยอมของรฐั เพอื่ เขา ผกู พนั ตามสนธสิ ญั ญา ซง่ึ จะใชใ นกรณที ร่ี ฐั นน้ั มไิ ดเ ขา รว มในการเจรจา ทําสนธสิ ญั ญาและมไิ ดล งนามในสนธสิ ญั ญานนั้ มากอ น) เมื่อวนั ที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ และมีผล บงั คบั กบั ประเทศไทย เมือ่ วนั ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕
๑๐ และจากทป่ี ระเทศไทยเขา เปน ภาคี ในอนสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ ฯ น้ี จงึ ทาํ ใหป ระเทศไทย จะตองนําหลักเกณฑซ่ึงอนุสัญญาฉบับนี้มาปรับกฎหมายภายในประเทศท่ีเก่ียวกับเด็ก เพื่อให สอดคลองกับสาระสาํ คัญในอนุสัญญาวา ดว ยสิทธิเด็ก ͹ÊØ ÑÞÞÒÇÒ‹ ´ÇŒ ÂÊÔ·¸Ôà´¡ç ในอนุสัญญาวา ดว ยสิทธเิ ด็ก ไดนิยามความหมายคาํ วา “เด็ก” ไวว า “เด็ก” หมายถงึ มนษุ ยท กุ คนท่ีอายุตํา่ กวา ๑๘ ป เวนแตจ ะบรรลนุ ติ ิภาวะกอนหนานัน้ ตามกฎหมายทใ่ี ชบังคับแกเ ด็กนน้ั (อนุสัญญาวา ดวยสิทธเิ ดก็ ขอ ๑) อนสุ ญั ญาวาดวยสิทธิเดก็ (Convention on the Rights of the Child 1989) ไดกําหนดในภาครัฐและภาคสังคมไดตระหนักถึงความสําคัญของเด็กเพื่อจะนําไปสูการ ปฏบิ ตั ิมีจํานวนทั้งหมด ๕๔ ขอ ซึง่ แบง เปน ๓ สวน คือ สวนท่ี ๑ เริ่มจากขอ ๑ ถึงขอ ๔๑ วาดวยหลักการและเนื้อหาเก่ียวกับสิทธิท่ีเด็ก พงึ จะไดรบั โดยเนน หลกั พนื้ ฐาน ๔ ประการ กลา วคือ ๑) หามเลือกปฏิบัติตอเด็กและการใหความสําคัญแกเด็กทุกคนอยางเทาเทียมกัน โดยไมคํานึงถึงความแตกตางของเด็กในเร่ืองเช้ือชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทาง การเมือง ชาติพันธุ หรือสังคม ทรัพยสิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอ่ืนๆ ของเด็ก หรอื บดิ ามารดา หรือผูปกครองทางกฎหมาย ทงั้ นเ้ี พอ่ื ใหเ ดก็ มโี อกาสที่เทา เทียมกัน ๒) การกระทาํ หรอื การดาํ เนนิ การทง้ั หลายตอ งคาํ นงึ ถงึ ประโยชนส งู สดุ เปน อนั ดบั แรก ๓) สิทธิในการมีชีวติ การอยูรอด และการพัฒนาทางดานจติ ใจ อารมณ สงั คม ๔) สทิ ธใิ นการแสดงความคดิ เหน็ ของเดก็ และการใหค วามสาํ คญั กบั ความคดิ เหน็ เหลา นน้ั (คณะกรรมการสิทธมิ นุษยชน, ๒๕๕๔) สวนท่ี ๒ เรมิ่ จากขอท่ี ๔๒ ถงึ ขอ ที่ ๔๕ เปนขอ กาํ หนด เปนหลักเกณฑและแบบพิธี ซึ่งประเทศใหส ัตยาบันแกอ นุสญั ญานีต้ องปฏิบตั ิตาม สวนท่ี ๓ เริ่มจากขอท่ี ๔๖ ถึงขอท่ี ๕๔ เปนขอกําหนดวิธีการสอดสองดูแล การปฏบิ ตั ติ ามอนสุ ญั ญา และกําหนดเง่ือนไขตางๆ ในการบงั คับใช สําหรับสาระสําคัญที่เด็กพึงจะไดรับตามอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กน้ัน พอสรุปไดเปน ๖ หลักการ ดังนี้ ñ. ËÅÑ¡¡Ò÷ÑèÇä» เปนการคุมครองสิทธิเสรีภาพท่ัว ๆ ไปในแงท้ังสวนบุคคล การแสดงความเห็น ศาสนา วัฒนธรรม ความเสมอภาคภายใตกฎหมายเดียวกัน การศึกษาและอ่ืนๆ นอกจากนนั้ เปน สว นทเ่ี กยี่ วกบั การคมุ ครองดแู ลเดก็ โดยทว่ั ไป โดยกาํ หนดไวใ นรปู หลกั พงึ ปฏบิ ตั ขิ องรฐั ภาคี อยา งไรกต็ ามมบี ทบญั ญตั ทิ ต่ี ดั ปญ หาผลกระทบทางลบในการบงั คบั ในอนสุ ญั ญานปี้ ด ทา ยไวว า อนสุ ญั ญาน้ี ไมมีผลทําใหเด็กไดรับความคุมครองนอยไปกวาที่เขามีอยูตามกฎหมายอ่ืนๆ สาระสําคัญของหลักน้ี อยูในขอ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๒๕ ๓๐ ๓๘ และขอ ๔๑
๑๑ ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÃÒ‹ §¡Ò ªÇÕ μÔ àÊÃÀÕ Ò¾ áÅÐÊÇÊÑ ´ÀÔ Ò¾¢Í§à´¡ç มงุ คมุ ครองมใิ หเ ดก็ ถูกละเมิดสทิ ธเิ หนือรา งกาย ชีวติ และเสรีภาพ ไมว าจะทํารา ย ฆา ลวงเกนิ ทางเพศ ขูดรีด หากาํ ไร ทางเพศ หรือคากําไรทางเศรษฐกิจหรือนําเด็กไปเปนวัตถุซ้ือขายหรือปฏิบัติตอเด็กท่ีไมเหมาะสม จนเปนผลเสียตอสวัสดิภาพของเด็ก รวมท้ังคุมครองใหมีการเยียวยา ฟนฟู เด็กที่ถูกละเมิดดังกลาว ใหกลับคนื สูสภาพปกติได สาระสาํ คญั ของหลกั นี้อยใู นขอ ๑๙ ๓๒ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๖ และ ขอ ๓๙ ó. ËÅ¡Ñ ¡ÒÃãËÊŒ ÇÊÑ ´¡Ô ÒÃ椄 ¤Áá¡à‹ ´¡ç มงุ คมุ ครองการใหเ ดก็ ไดร บั ขา วสารขอ มลู ทเ่ี ปน ประโยชนตอพัฒนาการของเด็ก ใหไดรับการดูแลดานสุขภาพอนามัย ไดรับการประกันสังคม ไดรับ การศึกษาท้ังในแงของการเลาเรียนและโอกาสที่จะศึกษาเลาเรียนเพ่ือพัฒนาทางดานบุคลิกภาพ การมมี นษุ ยสมั พนั ธอ นั ดี มีความรบั ผดิ ชอบตอ ตนเอง สังคม และสภาพแวดลอ มทางธรรมชาติ ไดร ับ การพักผอนหยอนใจและสงเสริมชวี ิตดานศิลปวัฒนธรรม มีสาระสาํ คัญในขอ ๑๗ ๒๔ ๒๖ ๒๘ ๒๙ และขอ ๓๐ ô. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸·Ô ҧᾧ‹ มงุ คมุ ครองใหเ ดก็ ไดร บั สทิ ธใิ นฐานะพลเมอื งของรฐั ทมี่ ชี อื่ มสี ญั ชาติ สามารถตดิ ตอ กบั ครอบครวั มภี มู ลิ าํ เนาหรอื ทอี่ ยอู าศยั รว มกบั บดิ ามารดา ไดร บั อปุ การะ เลี้ยงดูจากบิดามารดาหรือผูปกครอง โดยมีรัฐชวยสนับสนุนและใหหลักประกัน มีสาระสําคัญอยูใน ขอ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๘ และ ๒๗ õ. ËÅÑ¡¡Òä،Á¤Ãͧà´ç¡·ÕèÁÕ»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔËÃ×Í¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·Ò§ÍÒÞÒ มงุ คมุ ครอง ใหเ ดก็ ทถี่ กู กลา วหาวา กระทาํ ความผดิ ทางอาญาไดร บั การปฏบิ ตั ทิ แี่ ตกตา งไปจากผตู อ งหาท่ี เปน ผใู หญ โดยใหไ ดร บั ผลกระทบจากการตอ งถกู ดาํ เนนิ คดแี ละควบคมุ ตวั นอ ยทส่ี ดุ สาํ หรบั เดก็ ทมี่ ปี ญ หา ความประพฤติ หรือกระทําความผดิ ทางอาญา คมุ ครองใหไ ดรับโอกาสแกไขเยยี วยาใหสามารถเตบิ โต เปน พลเมอื งดขี องสงั คม โดยมสี มมตฐิ านวา เดก็ กระทาํ การใด ๆ เพราะขาดวฒุ ภิ าวะทาํ ใหส ง่ิ แวดลอ ม มีอิทธิพลผลักดันตอความประพฤติของเด็ก นอกจากน้ันยังมีหลักประกันมิใหเด็กตองรับโทษจําคุก ตลอดชีวติ หรือประหารชวี ิต มสี าระสาํ คญั อยใู นขอ ๓๗ และขอ ๔๐ ö. ËÅÑ¡¡Òä،Á¤Ãͧà´ç¡¼ÙŒ´ŒÍÂâÍ¡ÒÊ มุงคุมครองใหเด็กดอยโอกาส เด็กผูขาดไร ผอู ปุ การะ เดก็ ผตู กอยใู นเภทภยั และเดก็ พกิ ารไดร บั การดแู ลและอปุ การะเลยี้ งดใู หเ ทา เทยี มกบั เดก็ ทวั่ ไป มีสาระสําคัญอยูในขอ ๒๐ ๒๑ ๒๒ และขอ ๒๓ (นคนิ ทร เมฆไตรรตั น และคณะ, ๒๕๕๓) ¡Òä،Á¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ã¹»ÃÐà·Èä·Â ประเทศไทยไดบัญญัติกฎหมายหลายฉบับเพื่อคุมครองสิทธิเด็กท่ีเขาสูกระบวนการ ยตุ ธิ รรมทางอาญา โดยการปรบั ปรงุ แกไ ขกฎหมายทมี่ อี ยเู ดมิ และบญั ญตั กิ ฎหมายใหมเ พอ่ื ใหส อดคลอ ง กับอนสุ ัญญาวาดว ยสิทธเิ ด็ก (Convention on the Rights of the Child) และกฎอนั เปนมาตรฐาน ขน้ั ตํา่ ของสหประชาชาติวา ดว ยการบริหารงานยุตธิ รรมเกี่ยวกบั คดเี ด็กและเยาวชน (United Nations Standard Minimum Rules for the Administration of Juvenile Justice) หรือกฎแหงกรงุ ปก กิง่ (The Beijing Rules) ซึ่งพอจะสรปุ ไดดงั นี้
๑๒ ñ) ¡ÒäŒØÁ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒÏ (๑) หามมิใหลงโทษประหารชีวิตและจําคุกตลอดชีวิตแกเด็กหรือเยาวชน ซึ่งกระทาํ ความผดิ ในขณะทีม่ ีอายุตา่ํ กวา ๑๘ ป โดยใหเปลย่ี นระวางโทษจากประหารชวี ติ หรือจําคุก ตลอดชวี ิตน้นั มาเปน ระวางโทษจําคกุ ๕๐ ป (มาตรา ๑๘) (๒) เด็กอายุไมเกิน ๑๐ ป กระทําการอันกฎหมายบัญญัติเปนความผิด เด็กน้ัน ไมตองรับโทษ แตใหพนักงานสอบสวนสงตอเด็กนั้นใหแกพนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวย การคมุ ครองเด็กเพอ่ื ดําเนินการคุมครองสวัสดภิ าพตามกฎหมาย (มาตรา ๗๓) (๓) เด็กอายกุ วา ๑๐ ป แตยังไมเกิน ๑๕ ป กระทําการอนั กฎหมายบญั ญัตเิ ปน ความผดิ เด็กน้นั ไมตองรบั โทษ แตศาลมอี าํ นาจที่จะดาํ เนินการ - วากลาวตักเตือนเด็กแลวปลอยตัวไป และถาศาลเห็นสมควรศาลจะเรียก บิดา มารดา ผูปกครอง หรอื ผูทเี่ ดก็ อาศัยอยดู ว ยมาตักเตือนดวยก็ได - ถาศาลเห็นวาบิดามารดาหรือผูปกครองสามารถดูแลเด็กได ศาลจะมี คาํ สง่ั ใหม อบตวั เดก็ ใหแ กบ คุ คลดงั กลา ว โดยวางขอ กาํ หนดใหบ คุ คลนนั้ ๆ ระวงั เดก็ ไมใ หไ ปกอ เหตรุ า ย ตลอดเวลาทศ่ี าลกาํ หนด ซึง่ ขอกาํ หนดของศาลน้ันตองไมเกิน ๓ ป และกําหนดจํานวนเงินตามทเี่ ห็น สมควร ซ่ึงบิดามารดาหรือผูปกครองจะตองชําระตอศาล ไมเกินคร้ังละ ๑๐,๐๐๐ บาท หากเด็กน้ัน กอเหตรุ า ยขึ้น แตถาเด็กอาศัยอยูกับบุคคลอื่น และศาลเห็นวาไมสมควรจะเรียกบิดา มารดา หรอื ผปู กครองมาวางขอ กาํ หนด ศาลจะเรยี กตวั บคุ คลทเี่ ดก็ อาศยั อยมู าสอบถามวา จะยอมรบั ขอ กาํ หนดของศาลทกี่ าํ หนดไว ทาํ นองเดยี วกบั กรณวี างขอ กาํ หนดใหแ กบ ดิ า มารดา หรอื ผปู กครองนน้ั หรือไม และถาบุคคลท่ีเด็กอาศัยอยูดวยน้ันยอมรับขอกําหนดดังกลาว ศาลก็จะมีคําสั่งมอบตัวเด็ก ใหแ กบุคคลนั้นโดยวางขอกาํ หนด - ในกรณีท่ีศาลมอบตัวเด็กใหแกบิดา มารดา ผูปกครอง หรือบุคคลที่เด็ก อาศยั อยดู ว ยนน้ั ศาลจะกาํ หนดเงือ่ นไขเพ่ือคุมความประพฤติเดก็ ตามวธิ ีการทีก่ ําหนดไวใ นประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ กลาวคือ ใหไปรายงานตัวตอเจาพนักงานท่ีศาลระบุไวเปนครั้งคราว ใหฝ ก หดั หรอื ทาํ งานอาชพี อนั เปน กจิ จะลกั ษณะ ใหล ะเวน การคบหาสมาคมหรอื การประพฤตใิ ดอนั อาจ นําไปสูการกระทําความผิด หรือไปรับการบําบัดรักษาการติดสารเสพติด ความบกพรองทางรางกาย จติ ใจ หรือเจบ็ ปวย เปนตน - ในกรณีเด็กไมมีบิดา มารดา ผูปกครอง หรือมีแตศาลเห็นวาไมสามารถ ดแู ลเดก็ ได หรอื กรณบี คุ คลทเี่ ดก็ อาศยั อยดู ว ยนน้ั ไมย อมรบั ขอ กาํ หนดของศาลในการคมุ ประพฤตเิ ดก็ ศาลอาจมคี าํ สง่ั มอบตวั เดก็ นนั้ ใหอ ยกู บั บคุ คลหรอื องคก ารทศ่ี าลเหน็ สมควร เพอื่ อบรมดแู ลและสงั่ สอน ตามระยะเวลาทศ่ี าลกาํ หนดก็ได เม่อื บุคคลหรอื องคการนน้ั ยนิ ยอม - สงตวั เด็กไปยังโรงเรยี น หรือสถานฝก อบรม ตามระยะเวลาทีศ่ าลกําหนด แตอ ยาใหเ กินกวา ทีเ่ ดก็ นั้นจะมีอายคุ รบ ๑๘ ป อยางไรก็ตาม คําสั่งของศาลน้ัน ศาลอาจมีอํานาจเปล่ียนแปลงแกไขคําส่ัง หรอื มคี าํ สงั่ ใหมได หากพฤตกิ รรมแหงคาํ ส่งั ไดเปลยี่ นแปลงไป (มาตรา ๗๔)
๑๓ (๔) หากศาลพจิ ารณาจากความรสู กึ ผดิ ชอบและสงิ่ อน่ื ทงั้ ปวงเกยี่ วกบั ผกู ระทาํ ความผดิ ซึ่งเปน เด็กหรือเยาวชนที่อายกุ วา ๑๕ ป แตตํ่ากวา ๑๘ ป แลว เหน็ วา ยงั ไมสมควรพพิ ากษาลงโทษ ในความผดิ ทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว สาํ หรบั ความผดิ ทเี่ ดก็ หรอื เยาวชนไดก ระทาํ นน้ั ศาลกจ็ ะใหด าํ เนนิ การ โดยการวางขอกําหนด ดังท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๗๔ แตหากศาลเห็นวาสมควรพิพากษาลงโทษ กใ็ หลดมาตราสว นลงกึ่งหนึง่ (มาตรา ๗๕) ò) ¡ÒäÁØŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇ¸Ô ¾Õ ¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒÏ (๑) กรณีท่ีเด็กหรือเยาวชน เปนผูเสียหายอายุไมเกิน ๑๘ ป มารองทุกข ในการจดบนั ทกึ คาํ รองทุกข ในคดบี างประเภทท่ีกฎหมายกําหนด เชน ความผิดเก่ยี วกับเพศ ความผดิ เก่ยี วกับชวี ติ รางกาย ซึ่งมิใชเกิดจากการชลุ มนุ ตอสู ความผิดเกย่ี วกบั เสรภี าพ กรรโชกทรพั ย ชิงทรัพย ปลนทรัพย ความผิดวาดวยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี เหลานี้เปนตน จะตองมีทีม สหวิชาชีพอันไดแก นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห บุคคลท่ีเด็กรองขอ และพนักงานอัยการ รวมอยดู วย (มาตรา ๑๒๔/๑) (๒) การถามปากคําเด็กหรือเยาวชน ในฐานะเปนผูเสียหายหรือพยานในคดี บางประเภททก่ี ฎหมายกาํ หนดใหพ นกั งานสอบสวนแยกการถามปากคาํ ไปในทที่ เี่ หมาะสม เปน สดั สว น และใหม ีทีมสหวิชาชีพรว มในการถามปากคํา (มาตรา ๑๓๓ ทว)ิ (๓) การชี้ตัวบุคคล กรณีที่ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๘ ป จะตองทําการชี้ตัวบุคคลใหพนักงานสอบสวนจัดใหมีการชี้ตัวบุคคลในสถานที่ท่ีเหมาะสมและจะตอง ไมใ หผถู ูกชีต้ ัวมองเหน็ เด็กหรือเยาวชนน้นั และในการชีต้ ัวนจ้ี ะตองมีทีมสหวิชาชีพรว มอยดู วย และในกรณที ี่เด็กหรือเยาวชนอายไุ มเ กนิ ๑๕ ป เปนผตู อ งหา หากตอ งมีการชต้ี วั บคุ คลใหพ นกั งานสอบสวนจดั ใหม กี ารชต้ี วั ในสถานทท่ี เี่ หมาะสมและปอ งกนั มใิ หผ ตู อ งหาเหน็ ตวั บคุ คล ทจี่ ะตองชตี้ ัวน้ัน (มาตรา ๑๓๓ ตร)ี (๔) ในคดีท่ีผูตองหาเปนเด็กหรือเยาวชนมีอายุไมเกิน ๑๘ ป ในวันท่ีพนักงาน สอบสวนแจงขอหา กอนตามคําใหการ ใหพนักงานสอบสวนสอบถามวาผูตองหานั้นมีทนายความ หรือไม หากไมมีทนายความ ใหจัดหาทนายความให (มาตรา ๑๓๔/๑) (๕) ในการสอบสวนผูตองหาซ่ึงเปนเด็กหรือเยาวชนท่ีมีอายุไมเกิน ๑๘ ป ใหใช หลักเกณฑเดียวกับการถามปากคําผูเสียหาย กลาวคือ จะตองสอบสวนในสถานท่ีท่ีเหมาะสม เปนสัดสว น และมีทีมสหวิชาชีพเขารว มการสอบสวน (มาตรา ๑๓๔/๒) (๖) ในการสบื พยานทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ใหศ าลจดั พยานใหอ ยใู นทที่ เ่ี หมาะสม สําหรับเด็ก และศาลอาจเปนผูถามพยานเองหรือถามผานนักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห หรือใหคูความถามผานนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห โดยถายทอดภาพและเสียงไปยัง หองพจิ ารณา (มาตรา ๑๗๒ ตร)ี (๗) ในคดีทีจ่ ําเลยเปน เดก็ หรือเยาวชนอายุไมเกนิ ๑๘ ป ในวันทถ่ี กู ฟอ งตอ ศาล หากจําเลยไมมที นายความใหศาลต้งั ทนายความให (มาตรา ๑๗๓)
๑๔ ó) ¡ÒäŒØÁ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ¤ÁŒØ ¤Ãͧà´ç¡Ï พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ มุงเนนการสงเคราะหชวยเหลือเด็กและลงโทษ ผทู ่เี กี่ยวของทีก่ ระทาํ ละเมิดตอเด็ก มใิ ชล งโทษเดก็ แตอ ยา งไร “เดก็ ” ในความหมายทปี่ รากฏในนยิ ามของพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ มาตรา ๔ บญั ญตั ิวา “เดก็ ” หมายความวา บคุ คลซงึ่ มอี ายตุ าํ่ กวา สบิ แปดปบ รบิ รู ณ แตไ มร วมถงึ ผทู บ่ี รรลุ นิติภาวะดว ยการสมรส จากพระราชบัญญัติดังกลาว ไดกําหนดใหการปฏิบัติตอเด็กไมวากรณีใด ใหค าํ นงึ ถงึ ประโยชนส งู สดุ ของเดก็ เปน สาํ คญั และไมใ หม กี ารเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไมเ ปน ธรรม (มาตรา ๒๒) ขอ กาํ หนดสําหรับผูปกครอง (๑) ใหก ารอปุ การะเลย้ี งดู อบรมสงั่ สอน และพฒั นาการเดก็ ทอ่ี ยใู นความปกครอง ดูแลของตนตามสมควรแกขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแหงทองถิ่น และตองคุมครอง สวัสดิภาพเด็กท่ีอยูในความปกครองดูแลของตน มิใหตกอยูในภาวะอันนาจะเกิดอันตรายหรือจิตใจ (มาตรา ๒๓) (๒) ตอ งไมท อดทง้ิ หรอื ละทงิ้ เดก็ หรอื ละเลยไมด แู ลไมใ หส งิ่ จาํ เปน ในการดาํ รงชพี จนนา จะเกดิ อนั ตราย ปฏบิ ตั ติ อ เดก็ ในลกั ษณะทเ่ี ปน การขดั ขวางการพฒั นาการของเดก็ ปฏบิ ตั ติ อ เดก็ ในลักษณะทเ่ี ปน การเล้ียงดูโดยมิชอบ (มาตรา ๒๕) ขอ หา มมิใหบุคคลใดบุคคลหนงึ่ กระทําตอเดก็ แมว าเด็กจะยินยอมหรือไมกต็ าม (๑) กระทําหรือละเวนการกระทําอันเปนการทารุณกรรมตอรางกายหรือจิตใจ ของเด็ก (๒) จงใจหรอื ละเลยไมใ หส งิ่ จาํ เปน แกก ารดาํ รงชวี ติ หรอื การรกั ษาพยาบาลแกเ ดก็ ทอ่ี ยูใ นความดูแลของตน จนนาจะเกดิ อันตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจของเดก็ (๓) บังคับ ขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม หรือยินยอมใหเด็กประพฤติตนไมสมควร หรือนา จะทาํ ใหเดก็ มคี วามประพฤตเิ สีย่ งตอ การกระทําผิด (๔) โฆษณาทางสอื่ มวลชนหรอื เผยแพรด ว ยประการใด เพอื่ รบั เดก็ หรอื ยกเดก็ ใหแ ก บคุ คลอนื่ ทม่ี ใิ ชญ าตขิ องเดก็ เวน แตเ ปน การกระทาํ ของทางราชการหรอื ไดร บั อนญุ าตจากทางราชการแลว (๕) บังคบั ขเู ขญ็ ชกั จงู สงเสริม ยนิ ยอม หรอื กระทาํ ดวยประการใดใหเ ด็กไปเปน ขอทาน เดก็ เรร อ น หรอื ใชเ ดก็ เปน เครอ่ื งมอื ในการขอทานหรอื การกระทาํ ผดิ หรอื กระทาํ ดว ยประการใด อันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมชิ อบจากเด็ก (๖) ใช จา ง หรอื วานเด็กใหท าํ งานหรอื กระทาํ การอนั อาจเปนอนั ตรายแกร า งกาย หรอื จิตใจมีผลกระทบตอ การเจรญิ เติบโตหรอื ขดั ขวางตอ พัฒนาการของเดก็
๑๕ (๗) บงั คบั ขเู ขญ็ ใช ชกั จงู ยยุ ง สง เสรมิ หรอื ยนิ ยอมใหเ ดก็ เลน กฬี าหรอื ใหก ระทาํ การใด เพื่อแสวงหาประโยชนทางการคาอันมีลักษณะเปนการขัดขวางตอการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการ ของเดก็ หรือมลี กั ษณะเปนการทารณุ กรรมตอเด็ก (๘) ใชหรือยินยอมใหเด็กเลนการพนันไมวาชนิดใดหรือเขาไปในสถานที่ เลนการพนัน สถานคาประเวณี หรือสถานทที่ ่หี า มมิใหเ ด็กเขา (๙) บงั คับ ขูเขญ็ ใช ชกั จงู ยุยง สงเสรมิ หรือยินยอมใหเด็กแสดงหรอื กระทาํ การ อันมีลกั ษณะลามกอนาจาร ไมวา จะเปน ไปเพ่อื ใหไดมาซ่ึงคา ตอบแทนหรอื เพ่อื การใด (๑๐) จาํ หนา ย แลกเปลย่ี น หรอื ใหส รุ าหรอื บหุ รแี่ กเ ดก็ เวน แตก ารปฏบิ ตั ทิ างการแพทย (มาตรา ๒๖) หากผใู ดฝา ฝน กระทาํ การดงั กลา วจะตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ ๓ เดอื น หรอื ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจําทัง้ ปรบั (มาตรา ๗๘) และเพ่ือเปนการปกปองช่ือเสียง เกียรติคุณ สิทธิของเด็ก พระราชบัญญัติ คมุ ครองเดก็ ฯ ยงั กาํ หนดหา มมใิ หผ ใู ดโฆษณาหรอื เผยแพรท างสอ่ื มวลชนหรอื สอื่ สารลกั ษณะประเภทใด ซงึ่ ขอ มลู เกยี่ วกบั เดก็ หรอื ผปู กครอง โดยเจตนาทจ่ี ะทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกจ ติ ใจ ชอื่ เสยี ง เกยี รตคิ ณุ หรือสิทธิประโยชนอื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชนสําหรับตนเองหรือผูอ่ืนโดยมิชอบ (มาตรา ๒๗) หากผูใดฝาฝนตองระวางโทษจําคุกไมเกิน ๖ เดือน หรือปรับไมเกิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรอื ทง้ั จาํ ท้ังปรบั (มาตรา ๗๙) เด็กท่พี งึ ไดรบั การคุมครองสวัสดภิ าพ พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ ไดกําหนดประเภทของเด็กท่ีพึงไดรับการคุมครอง สวัสดภิ าพไวในมาตรา ๔๐ กลาวคอื ๑) เด็กท่ีถูกทารุณกรรม ซึ่งหมายถึง เด็กที่กระทําหรือละเวนการกระทําดวย ประการใดๆ จนเปน เหตใุ หเ ดก็ เสอ่ื มเสยี เสรภี าพ หรอื เกดิ อนั ตรายแกท ง้ั กายหรอื จติ ใจ เดก็ ทถ่ี กู กระทาํ ผดิ ทางเพศ หรือเด็กที่ถูกใชใหกระทําหรือประพฤติในลักษณะท่ีนาจะเปนอันตรายแกรางกายหรือจิตใจ หรือขดั ตอ กฎหมาย ศีลธรรมอันดี ไมวาเด็กจะยินยอมหรอื ไมกต็ าม ๒) เด็กที่เสี่ยงตอการกระทําผิด ซ่ึงไดมีกฎกระทรวงกําหนดเด็กท่ีเส่ียงตอการ กระทําผิด พ.ศ.๒๕๔๙ กําหนดไว คอื ขอ ๑ เด็กท่ีประพฤติตนไมสมควร ไดแก เด็กที่มีพฤติกรรมอยางหนึ่งอยางใด ดังตอ ไปนี้ (๑) ประพฤติตนเกเรหรือขม เหงรงั แกผูอน่ื (๒) มัว่ สมุ ในลกั ษณะที่กอความเดอื ดรอ นราํ คาญแกผูอนื่ (๓) เลน การพนนั หรอื ม่ัวสมุ ในวงการพนัน (๔) เสพสุรา สูบบุหร่ี เสพยาเสพติดใหโทษหรือของมึนเมาอยางอ่ืน เขาไปใน สถานท่ีเฉพาะ เพอื่ การจาํ หนา ยหรือดืม่ เคร่ืองดื่มทมี่ ีแอลกอฮอล
๑๖ (๕) เขา ไปในสถานบรกิ ารตามกฎหมายวาดวยสถานบริการ (๖) ซื้อหรือขายบริการทางเพศ เขาไปในสถานการคาประเวณีหรือเกี่ยวของกับ การคาประเวณี ตามกฎหมายวา ดวยการปองกันและปราบปรามการคา ประเวณี (๗) ประพฤติตนไปในทางชูส าว หรือสอ ไปในทางลามกอนาจารในที่สาธารณะ (๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สงั่ สอนของผปู กครองจนผปู กครองไมอ าจอบรมสง่ั สอนได (๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา ภาคบงั คับ ขอ ๒ เด็กท่ีประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอ ศลี ธรรมอนั ดี ไดแ ก เด็กท่ีประกอบอาชีพ ดังตอ ไปน้ี (๑) ขอทานหรอื กระทาํ การสอ ไปในทางขอทาน โดยลาํ พงั หรอื โดยมผี บู งั คบั ชกั นาํ ยยุ ง หรือสงเสริม หรอื (๒) ประกอบอาชีพหรือกระทําการใดอันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ ดว ยกฎหมายหรือขดั ตอศลี ธรรมอนั ดี ขอ ๓ เด็กที่คบหาสมาคมกับบุคคลที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมาย หรือขดั ตอศีลธรรมอนั ดี ไดแ ก เดก็ ท่ีคบหาสมาคมกับบคุ คล ดงั ตอไปนี้ (๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุม เพื่อกอความเดือดรอนรําคาญแกผูอ่ืน หรอื กระทําการอันขดั ตอกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี หรอื (๒) บคุ คลทปี่ ระกอบอาชพี ทข่ี ดั ตอกฎหมายหรอื ศลี ธรรมอนั ดี ขอ ๔ เดก็ ทอ่ี ยใู นสภาพแวดลอ มหรอื สถานทอี่ นั อาจชกั นาํ ไปในทางเสยี หาย ไดแ ก เด็กทีอ่ ยูในสภาพแวดลอมหรอื สถานท่ี ดงั ตอไปนี้ (๑) อาศัยอยูกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวของกับยาเสพติดใหโทษหรือใหบริการ ทางเพศ (๒) เรรอ นไปตามสถานท่ีตา งๆ โดยไมม ีท่ีพกั อาศัยเปน หลกั แหลง ทแ่ี นน อน หรือ (๓) ถูกทอดท้ิงหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนําไป ในทางเสียหาย ๓) เดก็ ทอี่ ยใู นสภาพทจี่ าํ ตอ งไดร บั การคมุ ครองสวสั ดภิ าพตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง เรอื่ งกําหนดเดก็ ทอ่ี ยูในสภาพทีจ่ ําเปนตอ งไดรบั การคุม ครองสวสั ดภิ าพ พ.ศ.๒๕๔๙ ไดแก (๑) เดก็ ทต่ี อ งหาวา กระทาํ การอนั กฎหมายบญั ญตั เิ ปน ความผดิ แตอ ายยุ งั ไมถ งึ เกณฑ ตองรับโทษทางอาญา (๒) เด็กท่ีศาลหรือผูอํานวยการสถานพินิจและคุมครองเด็กและเยาวชนสงมา รับการคุมครองสวัสดิภาพ และไมมีผูปกครองหรือผูใหการอุปการะเล้ียงดู หรือมีแตไมอยูในสภาพ ทจ่ี ะใหการดูแลเอาใจใสต อ เด็กได
๑๗ (๓) เด็กท่ีประกอบอาชีพท่ีนาจะเกิดอันตรายแกรางกายหรือจิตใจ หรือประกอบ อาชพี ในบริเวณทีเ่ สี่ยงอันตรายแกรา งกายหรือจติ ใจ (๔) เด็กที่อาศัยอยูกับบุคคลท่ีมีพฤติกรรมที่นาสงสัยวาประกอบอาชีพไมสุจริต หรือหลอกลวงประชาชน ¡Òä،Á¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡ การคุม ครองสวสั ดภิ าพเด็ก ไดก ําหนดไวใ นหมวด ๔ ของพระราชบญั ญตั คิ ุมครอง เดก็ ฯ ซึง่ มสี าระสําคัญ ดังน้ี ๑) เมอื่ มผี พู บเหน็ หรอื ประสบพฤตกิ ารณท น่ี า เชอื่ วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็ ใหรบี แจงหรือรายงานตอพนักงานเจาหนา ที่ พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจหรือผมู ีหนา ท่คี มุ ครอง สวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ อันไดแก ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย ผูวาราชการจังหวัด ผูอํานวยการเขต นายอําเภอ ปลัดอําเภอ ผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอ หรือ ผบู รหิ ารองคก ารปกครองสว นทอ งถ่ิน (มาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง) ๒) เม่ือพนักงานเจาหนาที่ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หรือผูที่มีหนาที่ คุมครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ไดรับแจงเหตุ หรือเปนผูพบเห็นหรือประสบพฤติการณ ทนี่ า เชอื่ วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็ ในสถานทใี่ ด ใหม อี าํ นาจเขา ตรวจจบั และมอี าํ นาจแยกตวั เดก็ จากครอบครัวของเดก็ เพื่อคมุ ครองสวสั ดิภาพเด็กโดยเรว็ ท่สี ดุ (มาตรา ๔๑ วรรคสอง) การแจงหรือรายงานตามมาตรา ๔๑ นี้หากไดกระทําโดยสุจริตยอมไดรับ ความคุม ครองและไมตอ งรบั ผดิ ทง้ั ทางแพง อาญา หรอื ทางปกครอง (มาตรา ๔๑ วรรคทา ย) ๓) ในการดําเนินการคุมครองสวัสดิภาพเด็กตองรีบจัดใหมีการตรวจรักษา ทางรา งกายและจิตใจทนั ที อาํ นาจหนา ทข่ี องพนกั งานเจา หนา ทใ่ี นการปฏบิ ตั งิ านตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ พนักงานเจาหนาที่ หมายความวา ผูซ่ึงรัฐมนตรีแตงต้ังใหปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตนิ ้ี ในกรณขี องà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¨Ð໹š ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·μèÕ ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ¤Ô ÁŒØ ¤Ãͧഡç Ï μ‹ÍàÁ×èÍä´ŒÃѺ¡ÒÃá싧μéѧ¨Ò¡ÃÑ°Á¹μÃÕÇ‹Ò¡ÒáÃзÃǧ¡ÒþѲ¹ÒÊѧ¤ÁáÅФÇÒÁÁÑ蹤§¢Í§Á¹ØÉ โดยการยืน่ คํารองขอเปน พนกั งานเจา หนาทน่ี นั้ หากรบั ราชการหรอื มีถน่ิ ที่อยูใ นเขตกรุงเทพมหานคร ใหยื่นที่สํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย สําหรับในจังหวัดอื่น ใหยื่นท่ีสํานักงานพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษยจังหวัด (ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคม และความม่ันคงของมนุษย วาดวยการกําหนดแบบมีการประจําตัวพนักงานเจาหนาท่ี ตามพระราชบัญญัตคิ มุ ครองเดก็ พ.ศ.๒๕๔๖, พ.ศ.๒๕๔๗ ขอ ๔)
๑๘ พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ ไดก าํ หนดอาํ นาจและหนา ทใ่ี หแ กพ นกั งานเจา หนา ท่ี เพ่ือประโยชนในการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญตั ิ ไวเ ปน พิเศษในมาตรา ๓๐ กลาวคือ พนกั งานเจาหนา ท่ีตามพระราชบัญญตั ิคุมครองเด็ก มอี าํ นาจหนา ทดี่ ังนี้ (๑) เขา ไปในเคหสถาน สถานทใี่ ดๆ หรอื ยานพาหนะใดๆ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ ถึงพระอาทิตยตกเพื่อตรวจคน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก มีการ กักขังหรือเล้ียงดูโดยมิชอบ แตในกรณีมีเหตุอันควรเช่ือวาหากไมดําเนินการในทันที เด็กอาจไดรับ อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ถกู นาํ พาไปสถานทอี่ นื่ ซงึ่ ยากแกก ารตดิ ตามชว ยเหลอื กใ็ หม อี าํ นาจ เขาไปในเวลาภายหลงั พระอาทิตยต กได (๒) ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวาเด็กจําตองไดรับการสงเคราะหหรือ คุม ครองสวสั ดภิ าพ ในกรณจี ําเปน เพื่อประโยชนแ กก ารสงเคราะหและคมุ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ อาจนาํ ตวั เดก็ ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานเจา หนา ท่ี เพอื่ ทราบขอ มลู เกยี่ วกบั เดก็ และครอบครวั รวมทง้ั บคุ คลท่ี เดก็ อาศัยอยู ทงั้ นจี้ ะตองกระทาํ โดยมิชกั ชา แตไ มว า กรณใี ดจะกกั ตวั เดก็ ไวนานเกนิ กวาสิบสองช่วั โมง ไมไ ด เมอ่ื พน ระยะเวลาดงั กลา วใหป ฏบิ ตั ติ าม (๖) ระหวา งทเ่ี ดก็ อยใู นความดแู ลจะตอ งใหก ารอปุ การะ เลย้ี งดู และหากเจบ็ ปวยจะตอ งใหการรักษาพยาบาล (๓) มหี นงั สอื เรยี กผปู กครอง หรอื บคุ คลอน่ื ใดมาใหถ อ ยคาํ หรอื ขอ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั สภาพความเปน อยู ความประพฤติ สขุ ภาพ และความสมั พนั ธในครอบครัวของเดก็ (๔) ออกคาํ สงั่ เปน หนงั สอื ใหผ ปู กครองของเดก็ นายจา งหรอื ผปู ระกอบการ เจา ของ หรอื ผคู รอบครองสถานทที่ เี่ ดก็ ทาํ งานหรอื เคยทาํ งาน อาศยั หรอื เคยอาศยั อยู เจา ของหรอื ผคู รอบครอง หรือผูดูแลสถานศึกษาที่เด็กกําลังศึกษาหรือเคยศึกษา หรือผูปกครองสวัสดิภาพ สงเอกสาร หรือหลกั ฐานเกยี่ วกับสภาพความเปนอยู การศกึ ษา การทํางาน หรือความประพฤติของเด็กมาให (๕) เขาไปในสถานที่อยูอาศัยของผูปกครอง สถานที่ประกอบการของนายจาง ของเดก็ สถานศกึ ษาของเดก็ หรือสถานทท่ี ่เี ดก็ มีความเกีย่ วขอ งดวย ในระหวา งเวลาพระอาทิตยข ้ึน ถึงพระอาทติ ยตกเพ่อื สอบถามบคุ คลท่อี ยใู นท่ีน้ัน ๆ และรวบรวมขอมูลหรอื หลกั ฐานเก่ียวกบั สภาพ ความเปนอยู ความสมั พนั ธในครอบครวั การเลยี้ งดู อปุ นสิ ยั และความประพฤติของเด็ก (๖) มอบตัวเด็กใหแกผูปกครองพรอมกับแนะนําหรือตักเตือนผูปกครองใหดูแล และอุปการะเลยี้ งดเู ดก็ ในทางทีถ่ ูกตอง เพื่อใหเด็กไดร ับการพฒั นาในทางที่เหมาะสม (๗) ทํารายงานเกี่ยวกับตัวเด็กเพ่ือมอบใหแกสถานแรกรับในกรณีมีการสงเด็ก ไปยังสถานแรกรบั หรอื หนว ยงานทเ่ี ก่ียวของเมอื่ มีการรองขอ อยา งไรกต็ าม กรณที พ่ี นกั งานเจา หนา ทจ่ี ะเขา ไปในเคหสถานใดๆ หรอื ยานพาหนะ ใดๆ ตาม (๑) ซกั ถามเดก็ เมือ่ มีเหตุอันควรสงสัยตาม (๒) และเขาไปในสถานที่อยูอาศยั ของผปู กครอง ตาม (๕) พนักงานเจาหนาทต่ี องแสดงบตั รประจําตวั กอนและใหบ ุคคลทเี่ ก่ียวของอาํ นวยความสะดวก ตามสมควร (มาตรา ๓๐ วรรคสาม) หากผใู ดขดั ขวางไมใ หพ นกั งานเจา หนา ทป่ี ฏบิ ตั งิ านตอ งไดร ะวางโทษ จาํ คุกไมเกิน ๑ เดือน หรอื ปรบั ไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐ บาท หรือท้งั จําท้งั ปรบั (มาตรา ๘๐)
๑๙ °Ò¹¤ÇÒÁ¼´Ô áÅк·กาํ ˹´â·É μÒÁ ¾.Ã.º.¤ÁŒØ ¤ÃÍ§à´¡ç ¾.È.òõôö วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ËÁÇ´ ñ ๗ - ๒๑ ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒäÁØŒ ¤Ãͧഡç - ระงับการดาํ เนินคดีอาญา ---------------- ๒๒ - ๓๑ ม.๘๓ ว.๑ ดูหมวด ๙ ใน ËÁÇ´ ò ม.๒๔ “ฐาน ๒๘” ¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ Í‹ à´ç¡ เวน โทษ ---------------- ๑. ¼Ù½Œ †Ò½¹„ º·ºÑÞÞÑμÔ ม.๘๓ ว.๑ ม.๘๓ ว.๒ - ดาํ เนินการแกไข หรอื - ปฏิบัติตามคําแนะนํา ของพนักงานเจาหนาท่ีหรือผูมีหนาท่ีคุมครอง สวัสดภิ าพเด็กตาม ม.๒๔ แลว ๒. กระทาํ หรอื ละเวน การกระทาํ อนั เปน การทารณุ กรรม ม.๒๖(๑) - จาํ คุกไมเกิน ๓ เดอื น หรือ ตอรางกายหรือจิตใจของเด็ก ความผิดภายใต ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ º·ºÑÞÞÑμÔáË‹§¡®ËÁÒÂÍè×¹ ไมวาเด็กจะยินยอม ม.๗๘ - ท้งั จําทง้ั ปรับ หรือไม ถา ความผดิ นโ้ี ทษตามกฎหมายอืน่ หนักกวา ใหต อ งโทษตามกฎหมายน้ี (ม.๒๖) ๓. จงใจหรือละเลยไมใหส่ิงจําเปนแกการดําçªÕÇÔμ ม.๒๖(๒) - จาํ คุกไมเ กนิ ๓ เดอื น หรอื หรือการÃÑ¡ÉÒ¾ÂÒºÒÅแกเด็กท่ีอยูในความดูแล ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรอื ของตนจน¹‹Ò¨Ðà¡Ô´ÍѹμÃÒÂแกรางกายหรือจิตใจ ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทั้งปรับ ของเด็ก ๔. บังคับ ขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม หรือยินยอมใหเด็ก ม.๒๖(๓) - จําคุกไมเ กิน ๓ เดือน หรือ ประพฤติตนไมสมควรหรือนาจะทําใหเด็ก ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.- หรอื มคี วาม»ÃоÄμÔàÊèÕ§μ‹Í¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ ม.๗๘ - ท้ังจําท้งั ปรับ ม.๒๖ (๔) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื ๕. â¦É³Ò·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือเผยแพรดวยประการใด ตองโทษ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื เพื่อรับà´ç¡ËÃ×Í¡à´ç¡ãËŒแกบุคคลอ่ืนท่ีมิใชญาติ ม.๗๘ - ท้งั จําทัง้ ปรับ ของเด็ก (àÇŒ¹áμ‹เปนการกระทําของทางราชการ หรอื ไดรับอนญุ าตจากทางราชการแลว)
๒๐ วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ๖. บังคับ ขเู ขญ็ ชกั จูง สงเสรมิ ยินยอม หรือกระทํา ม.๒๖ (๕) - จําคกุ ไมเ กนิ ๓ เดือน หรอื ตอ งโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ ดวยประการใดใหเด็กไปเปน¢Í·Ò¹ เด็กเรรอน ม.๗๘ - ท้ังจาํ ทั้งปรับ หรือใชเด็กเปนเครื่องมือในการขอทานหรือการ กระทําผิดหรือกระทําดวยประการใดอันเปนการ áÊǧËÒ»ÃÐ⪹â´ÂÁԪͺจากเด็ก ๗. ใช จาง หรือวานเด็กใหทํางานหรือกระทําการ ม.๒๖ (๖) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื อั น อ า จ à » š ¹ ÍÑ ¹ μ Ã Ò Â แ ก ร า ง ก า ย ห รื อ จิ ต ใจ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต หรือขัดขวาง ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทัง้ ปรบั ตอพฒั นาการของเด็ก ๘. บังคบั ขเู ขญ็ ใช ชกั จงู ยยุ ง สง เสรมิ หรือยินยอม ม.๒๖ (๗) - จาํ คุกไมเ กิน ๓ เดอื น หรือ ãËŒà´ç¡àÅ‹¹¡ÕÌÒหรือใหกระทําการใดเพื่อแสวงหา ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื ประโยชนทางการคา อันมีลักษณะเปนการ ม.๗๘ - ทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ขัดขวางตอการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการ ของเด็กหรือมีลักษณะเปนการทารุณกรรม ตอเด็ก ๙. ใชหรือยินยอมใหเด็กàÅ‹¹¡Òþ¹Ñ¹ไมวาชนิดใด ม.๒๖ (๘) - จาํ คุกไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื หรือเขาไปในสถานท่ีเลนการพนัน สถาน¤ŒÒ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรอื »ÃÐàdzหÕ รือสถานทีท่ ่ีหา มมใิ หเ ด็กเขา ม.๗๘ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ ๑๐. บังคับ ขูเข็ญ ใช ชักจูง ยุยง สงเสริม หรือ ม.๒๖ (๙) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๓ เดอื น หรอื ยินยอมใหเด็กแสดงหรือกระทําการอันมีลักษณะ ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ Å Ò Á ¡ Í ¹ Ò ¨ Ò Ã ไ ม ว า จ ะ เ ป น ไ ป เ พื่ อ ใ ห ไ ด ม า ม.๗๘ - ทง้ั จําทง้ั ปรบั ซง่ึ คา ตอบแทนหรือเพื่อการใด ๑๑. จําหนาย แลกเปล่ียน หรือãËŒÊØÃÒËÃ×ͺØËÃÕèá¡‹à´ç¡ ม.๒๖ (๑๐) - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื (àÇŒ¹áμ‹ การปฏบิ ตั ิทางการแพทย) ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ ม.๗๘ - ท้งั จําท้งั ปรับ ๑๒. โฆษณาหรือเผยแพรทางสื่อมวลชนหรือส่ือสาร ม.๒๗ - จําคุกไมเ กิน ๖ เดือน หรอื สนเทศประเภทใด ซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ ผูปกครองโดยเจตนาที่จะทําãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁàÊÕÂËÒ ม.๗๙ - ท้งั จาํ ท้ังปรบั แกจิตใจ ช่ือเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชน อ่นื ใดของเดก็
๒๑ วาดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ๑๓. à¼Âá¾Ã‹·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือส่ือสารสนเทศ ม.๒๗ - จาํ คกุ ไมเ กิน ๖ เดือน หรอื ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ ประเภทใดซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือผูปกครอง ม.๗๙ - ทัง้ จําท้ังปรับ โดยเจตนาที่จะทําใหเกิดความเสียหายแกจิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชนอ่ืนใด ม.๓๐ (๑) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๑ เดือน หรอื ของเด็กหรือเพื่อแสวงหาประโยชน สําหรับตนเอง ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื หรอื ผูอน่ื â´ÂÁªÔ ͺ ม.๘๐ ว.๑ - ทั้งจําทัง้ ปรบั ๑๔. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงานเจาหนาที่เขาไปในเคหสถาน สถานที่ ยานพาหนะ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ ม.๓๐ (๑) - จาํ คุกไมเ กิน ๑ เดือน หรือ ถึงพระอาทิตยตกเพ่ือตรวจคน ในกรณีÁÕàËμØ ตองโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๑๐,๐๐๐.-หรือ อันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก ม.๘๐ ว.๑ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ มีการกักขังหรอื เลี้ยงดูโดยมชิ อบ ๑๕. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงาน਌Ò˹ŒÒ·èÕࢌÒä»ã¹àÇÅÒ ม.๓๐ (๓) - จาํ คุกไมเกนิ ๑ เดอื น หรอื ËÅѧ¾ÃÐÍÒ·ÔμÂμ¡ เม่ือมีเหตุอันควรเชื่อวาหาก ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ ไมด าํ เนนิ การในทนั ทเี ดก็ อาจไดร บั อนั ตรายแกร า งกาย ม.๘๐ ว.๒ - ท้งั จําทงั้ ปรบั หรือจิตใจ หรือถูกนําพาไปสถานที่อ่ืนซึ่งยากแก ม.๓๐ (๔) - จาํ คกุ ไมเกิน ๑ เดือน หรือ การตดิ ตาม ชวยเหลอื ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื ๑๖. ã˶Œ ÍŒ ÂคําÍ¹Ñ à»¹š à·ç¨ ไมย อมมาใหถอ ยคาํ ไมย อม ม.๘๐ ว.๑ - ท้งั จาํ ท้ังปรับ ใหถอยคําโดยไมมีเหตุอันสมควรหรือตอพนักงาน ม.๓๐ (๕) - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรือ เจา หนาทีซ่ ง่ึ ปฏิบตั ิหนา ที่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ ๑๗.äÁ‹ÂÍÁÊ‹§àÍ¡ÊÒÃหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพ ม.๘๐ ว.๑ - ท้ังจาํ ทัง้ ปรับ ความเปน อยู การศกึ ษา การทาํ งาน หรอื ความประพฤติ ของเด็กมาให ๑๘. ¢Ñ´¢ÇÒ§äÁ‹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹à¨ŒÒ˹ŒÒ·ÕèࢌÒä»สถานที่อยู อาศยั ของผปู กครอง ของนายจา งของเดก็ สถานศกึ ษา ของเด็กหรือสถานท่ีที่เด็กมีความเกี่ยวของดวย ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยขึน้ ถึงพระอาทิตยต ก
๒๒ วา ดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ ËÁÇ´ ó ๓๒ - ๓๙ ¡ÒÃʧà¤ÃÒÐËà´¡ç - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดอื น หรือ ---------------- ๔๐ - ๔๗ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ ËÁÇ´ ô ม.๔๓ - ทง้ั จําท้งั ปรับ ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÇÊÑ ´ÔÀҾഡç ตอ งโทษ - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดือน หรือ ---------------- ม.๘๑ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ ๑๙. ผปู กครองหรอื ญาตขิ องเดก็ ฝา ฝน ขอ กาํ หนดของศาล - ท้งั จาํ ท้งั ปรับ ในการคุมความประพฤติ หามเขาเขตกําหนดหรือ ๔๘ - ๕๐ หา มเขาใกลตัวเด็กผถู ูกกระทาํ ทารณุ กรรม ม.๕๐ ตอ งโทษ ËÁÇ´ õ ม.๗๔ ¼¤ÙŒ ØÁŒ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡ ---------------- ๒๐. ผูปกครองสวัสดิภาพหรือผูคุมครองสวัสดิภาพเด็ก à»´ à¼ÂªèÍ× μÇÑ ªÍè× Ê¡ÅØ ÀÒ¾ËÃ×Í¢ŒÍÁÙÅเก่ยี วกับเดก็ ผูปกครอง ในลักษณะท่ีนาจะเกิดความเสียหายแก ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชนของเด็ก หรอื ผปู กครอง ๒๑. ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·èÕ นกั สงั คมสงเคราะห นกั จติ วทิ ยา ม.๕๐ ว.๒ - จาํ คุกไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื และผูมีหนาที่คุมครองสวัสดิภาพเด็ก ตาม ม.๒๔ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ ซ่ึงลวงรูขอมูลในการปฏิบัติหนาที่ของตน เปดเผย ม.๗๔ - ทัง้ จาํ ทั้งปรับ ใหเกิดความเสียหาย ๒๒. â¦É³ÒËÃÍ× à¼Âá¾Ã·‹ Ò§ÊÍ×è ÁÇŪ¹หรอื สอ่ื สารสนเทศ ม.๕๐ ว.๓ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื ซง่ึ ขอ มลู ทเี่ ปด เผยโดยฝา ฝน บทบญั ญตั ใิ นวรรคหนงึ่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื หรือวรรคสอง ม.๗๔ - ทง้ั จาํ ทั้งปรบั ËÁÇ´ ö - จาํ คุกไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื ๕๑ - ๖๒ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ ʶҹÃѺàÅéÂÕ §à´¡ç ʶҹáÃ¡ÃºÑ Ê¶Ò¹Ê§à¤ÃÒÐË ม.๕๒ - ทัง้ จําทั้งปรับ ʶҹ¤ØŒÁ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾ áÅÐʶҹ¾Ñ²¹Ò áÅп¹œ„ ¿Ù ตองโทษ ---------------- ม.๘๒ ว.๑ ๒๓. ¨´Ñ μ§Ñé ËÃÍ× ดาํ à¹¹Ô ¡¨Ô ¡ÒÃสถานรบั เลยี้ งเดก็ สถานแรกรบั สถานสงเคราะห สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพหรอื สถาน พฒั นาและฟน ฟตู าม ม.๕๒ â´ÂÁäÔ ´ÃŒ ºÑ ãºÍ¹ÞØ Òμ หรือใบอนุญาตถูกเพิกถอน หรือหมดอายุ
๒๓ วาดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ ๒๔. กระทําการเปนผูปกครองสวัสดิภาพของสถานแรกรับ ม.๕๕ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรอื ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ สถานสงเคราะห สถานคุมครองสวัสดิภาพและ ม.๘๔ - ทง้ั จําทัง้ ปรบั สถานพัฒนาและ¿¹„œ ¿Ùâ´ÂÁÔä´ŒÃºÑ á싧μ§éÑ ๒๕. เจาของ ผูปกครองสวัสดิภาพ และผูปฏิบัติงานใน ม.๖๑ - จําคกุ ไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรอื สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพ และสถานพฒั นาและฟน ฟู ม.๗๙ - ทงั้ จําทั้งปรับ ทาํ รา ยรา งกายหรอื จติ ใจ กกั ขงั ทอดทง้ิ หรอื ลงโทษ เด็กที่อยูในความ»¡¤Ãͧ´ÙáÅâ´ÂÇÔ¸Õ¡ÒÃÃعáç ประการอ่ืน ËÁÇ´ ÷ ๖๓ - ๖๗ - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื ¡ÒÃʧ‹ àÊÃÔÁ¤ÇÒÁ»ÃоÄμ¹Ô ¡Ñ àÃÕ¹áÅй¡Ñ È¡Ö ÉÒ ม.๖๔ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื ตอ งโทษ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ ---------------- ม.๘๕ ๒๖. กระทําการเปนการยุยง สงเสริม ชวยเหลือ หรือ สนับสนนุ ã˹Œ Ñ¡àÃÂÕ ¹ËÃ×͹¡Ñ ÈÖ¡ÉÒ½†Ò½„¹ ไมปฏบิ ตั ิ ตามกฎเกณฑท สี่ ถานศกึ ษาหรอื กฎกระทรวงกาํ หนด ๒๗. ไมอํานวยความสะดวกแกพนักงานเจาหนาที่ ม.๖๗ - จําคกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรือ ท่ีปฏิบัติหนาท่ี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวามีการ ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรอื ฝาฝนกฎหมายหรือระเบียบเก่ียวกับความประพฤติ ม.๘๖ - ทัง้ จําทัง้ ปรบั ของนักเรียนหรือนักศึกษาใหพนักงานเจาหนาที่ - จําคกุ ไมเกิน ๑ เดือน หรอื มีอํานาจเขาไปในเคหสถาน สถานท่ีหรือ ๖๘ - ๗๗ - ปรับไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรือ ยานพาหนะใดๆ ในระหวางเวลาพระอาทิตยขึ้น ๗๘ - ๘๖ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ ถึงพระอาทิตยตก หรือในระหวางเวลาทําการ ม.๘๓ ว.๑ เพ่ือทําการตรวจสอบการฝา ฝน ËÁÇ´ ø ¡Í§·¹Ø ¤ØŒÁ¤Ãͧഡç ---------------- ËÁÇ´ ù º·¡íÒ˹´â·É ---------------- ๒๘.เจา ของหรอื ผปู กครองสวสั ดภิ าพของสถานรบั เลย้ี งเดก็ สถานแรกรับ สถานสงเคราะห สถานคุมครอง สวสั ดภิ าพ หรอื สถานพฒั นาและฟน ฟผู ใู ดäÁ»‹ ¯ºÔ μÑ Ô μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¹Ô éÕ
๒๔ ô) ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÈÒÅàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ áÅÐÇ¸Ô ¾Õ Ô¨ÒóҤ´ÕàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ Ï (๑) การพิจารณาออกหมายจับ หากการออกหมายจับมีผลกระทบกระเทือน ตอ จติ ใจของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั อยา งรนุ แรงโดยไมจ าํ เปน ใหศ าลพยายามหลกี เลย่ี งการออกหมายจบั โดยใชวิธกี ารติดตามตัวเดก็ หรือเยาวชนนน้ั ดวยวิธอี ่นื กอน (มาตรา ๖๗) (๒) การจับและควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชน ตองกระทําดวยความละมุนละมอม โดยคาํ นึงถงึ ศกั ดิศ์ รีความเปน มนุษยแ ละไมเ ปน การประจานเด็กหรือเยาวชน (มาตรา ๖๙ วรรค ๓) (๓) หา มมใิ หค วบคมุ คมุ ขงั กกั ขงั คมุ ความประพฤตหิ รอื ใชม าตรการอนั มลี กั ษณะ เปน การจาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพเดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หรอื เปน จาํ เลย เวน แตม หี มาย หรอื คําส่งั ศาลหรือเปน กรณีการควบคุมเทาทีจ่ าํ เปน เพื่อดาํ เนนิ การซักถาม แจงขอ กลาวหา แจง สิทธิ ตามกฎหมายหรือตรวจสอบการจับกุมตามมาตรา ๖๙ ๗๐ ๗๒ (มาตรา ๖๘) หามควบคุม เด็กหรือเยาวชนที่ถูกกลาวหา ปะปนกับผูใหญ และหามควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไวในหองขัง ที่จัดไวสําหรับผตู อ งหาทเี่ ปนผูใหญ (มาตรา ๑๒๙) (๔) หา มมใิ หใชว ธิ กี ารควบคมุ เกินกวาท่ีจําเปนเพ่อื ปองกันการหลบหนี เพอื่ ความ ปลอดภยั ของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ผถู กู จบั หรอื บคุ คลอน่ื และมใิ หใ ชเ ครอ่ื งพนั ธนาการแกเ ดก็ ไมว า กรณี ใดๆ เวน แตม คี วามจาํ เปน อยา งยงิ่ อนั มอิ าจหลกี เลย่ี งได เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั ของเด็กผูถูกจบั หรือบุคคลอ่นื (มาตรา ๖๙ วรรคสาม และมาตรา ๑๐๓) (๕) ใหศาลแตงต้ังท่ีปรึกษากฎหมาย หากเด็กหรือเยาวชนไมมีท่ีปรึกษากฎหมาย (มาตรา ๗๓ และมาตรา ๑๒๐) (๖) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ตองกระทําในหองท่ี มิใชหองพิจารณาคดีธรรมดา แตถาไมอยูในวิสัยที่จะกระทําได จะตองไมปะปนกับการพิจารณาคดี ธรรมดา และเฉพาะบุคคลท่เี กย่ี วของกับกรณเี ทา นั้นท่ีจะมีสทิ ธเิ ขา ฟง การพิจารณา (มาตรา ๑๐๗ และ มาตรา ๑๐๘) (๗) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ใหใชถอยคําท่ีจําเลย สามารถเขาใจงาย กับตองใหโอกาสจําเลย บิดา มารดา ผูปกครองหรือบุคคลที่จําเลยอาศัยอยูดวย หรอื บคุ คลทเ่ี กี่ยวของ แถลงขอ เทจ็ จรงิ ความรูสกึ และแสดงความคดิ เห็น ตลอดจนระบุและซักถาม พยานได ไมว า ในเวลาใดๆ ระหวา งทมี่ กี ารพจิ ารณาคดนี น้ั การพจิ ารณาคดอี าญานไี้ มจ าํ ตอ งดาํ เนนิ การ ตามกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญาโดยเครง ครัด (มาตรา ๑๑๔) (๘) แมวามีคําพิพากษาหรือคําสั่งลงโทษหรือใชวิธีการสําหรับเด็กและเยาวชน แลว ก็ตาม หากตอ มาขอ เทจ็ จริงหรือพฤตกิ ารณทีศ่ าลใชใ นการพจิ ารณาคดีเปล่ยี นแปลงไป เมอ่ื มเี หตุ อนั สมควร ศาลทพี่ จิ ารณาคดนี นั้ กม็ อี าํ นาจแกไ ขเปลย่ี นแปลงคาํ พพิ ากษา หรอื คาํ สง่ั หรอื วธิ กี ารสาํ หรบั เด็กและเยาวชนได
๒๕ ในกรณีศาลท่ีแกไขเปลี่ยนแปลงคําพิพากษา หรือคําส่ัง หรือวิธีการสําหรับเด็ก หรอื เยาวชน ไมใ ชศ าลทพี่ พิ ากษาคดหี รอื ออกคาํ สง่ั ลงโทษเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ใหศ าลทส่ี งั่ เปลย่ี นแปลง แกไ ขคําพิพากษาหรือคําส่ังนั้น แจง ใหศ าลทเี่ ปน ผูพิพากษาตดั สินคดที ราบ (มาตรา ๑๓๗) õ) ¡ÒäØÁŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¤Ô ÁØŒ ¤Ãͧáç§Ò¹ เนอื่ งจากเด็กมีสภาพรางกาย ตลอดจนสติปญ ญายงั มคี วามพรอ มไมเพยี งพอทจ่ี ะ ทํางานเชนเดียวกบั ผใู หญ จงึ ตอ งมกี ฎหมายคมุ ครองเปนพิเศษ áç§Ò¹à´ç¡ หมายถึง แรงงานจากลกู จางซึ่งเปนเดก็ อายุต้งั แต ๑๕ ปข น้ึ ไป แตย งั ไมถ งึ ๑๘ ป พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๔ กําหนดหามนายจางจางเด็กอายุ ตํ่ากวา ๑๕ ป เปนลูกจาง หากนายจางฝาฝนระวางโทษปรับตั้งแตสี่แสนบาทถึงแปดแสนบาท ตอลูกจางหนงึ่ คนหรือจําคุกไมเกินสองป หรอื ท้ังจําทง้ั ปรับ (มาตรา ๑๔๘/๑) พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๙ ไดกําหนดงานท่ีหามมิใหนายจาง ใหล กู จา งซึง่ เปน เดก็ อายตุ าํ่ กวา ๑๘ ปทํางาน ดังนี้ (๑) งานหลอม เปา หลอ หรอื รดี โลหะ (๒) งานปม โลหะ (๓) งานเกี่ยวกับความรอ น ความเยน็ ความสั่นสะเทอื น เสยี ง และแสงที่มรี ะดับ แตกตางจากปกติ อนั อาจเปน อนั ตรายตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง (๔) งานเกยี่ วกับสารเคมที ี่เปนอนั ตรายตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง (๕) งานเก่ียวกับจุลชีวันเปนพิษ ซ่ึงอาจเปนเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเชื้ออื่น ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง (๖) งานเกยี่ วกับวตั ถมุ ีพิษ วตั ถุระเบิด หรือวตั ถุไวไฟ เวน แตง านในสถานีบรกิ าร น้าํ มันเชอื้ เพลิงตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง (๗) งานขบั หรือบังคบั รถยกหรือปนจั่นตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง (๘) งานใชเลือ่ ยเดนิ ดว ยพลงั ไฟฟา หรือเครอ่ื งยนต (๙) งานที่ตองทาํ ใตดิน ใตน ํา้ ในถํา้ อุโมงค หรือปลองในภเู ขา (๑๐) งานเก่ียวกบั กัมมันตภาพรังสตี ามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง (๑๑) งานทาํ ความสะอาดเครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนตข ณะทเี่ ครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนต กาํ ลงั ทาํ งาน (๑๒) งานทีต่ องทาํ บนนง่ั รา นท่สี งู กวาพ้นื ดนิ ต้งั แตส บิ เมตรข้ึนไป (๑๓) งานอ่ืนตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
๒๖ ซงึ่ งานทร่ี ัฐมนตรวี าการกระทรวงแรงงานฯ ไดออกกฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ.๒๕๔๑) หามมิใหนายจางใหล กู จา งซ่งึ เปน เดก็ อายุตํา่ กวา ๑๘ ปทํา ไดแก (๑) งานเกี่ยวกบั ความรอน ความเย็น ความสน่ั สะเทอื น และเสียงอนั อาจเปน อนั ตราย ดงั ตอ ไปน้ี (ก) งานซ่ึงทําในท่ีท่ีมีอุณหภูมิในสภาวะแวดลอมในการทํางานสูงกวาส่ีสิบหา องศาเซลเซยี ส (ข) งานซ่ึงทําในหองเย็นในอุตสาหกรรมการผลิตหรือการถนอมอาหารโดยการ ทาํ เยือกแขง็ (ค) งานทใ่ี ชเ ครือ่ งเจาะกระแทก (ง) งานทมี่ ีระดับเสยี งท่ีลูกจางไดร ับตดิ ตอกันเกินแปดสิบหา เดซิเบล (เอ) ในการ ทาํ งานวันละแปดช่วั โมง (๒) งานเกี่ยวกับสารเคมีที่เปนอันตราย วัตถุมีพิษ วัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ ดงั ตอไปน้ี (ก) งานผลิตหรือขนสง สารกอ มะเรง็ ตามรายชือ่ ในบัญชีทา ยกฎกระทรวงนี้ (ข) งานทเี่ กี่ยวขอ งกับสารไซยาไนด (ค) งานผลิตหรือขนสง พลุ ดอกไมเพลงิ หรอื วัตถรุ ะเบิดอื่น ๆ (ง) งานสํารวจ ขดุ เจาะ กลั่น บรรจุ หรือขนถา ยน้าํ มันเชื้อเพลิงหรือกา ซ เวน แต งานในสถานบี รกิ ารน้าํ มนั เชื้อเพลิง (๓) งานเกี่ยวกับจุลชีวันเปนพิษซ่ึงอาจเปนเช้ือไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเช้ืออื่น ดังตอ ไปนี้ (ก) งานที่ทําในหองปฏบิ ตั กิ ารชนั สูตรโรค (ข) งานดูแลผูปว ยดว ยโรคตดิ ตอ ตามกฎหมายวา ดวยโรคติดตอ (ค) งานทาํ ความสะอาดเครื่องใชแ ละเครื่องนงุ หม ผูปว ยในสถานพยาบาล (ง) งานเก็บ ขน กําจัดมลู ฝอยหรือส่ิงปฏกิ ูลในสถานพยาบาล (๔) งานขับหรือบังคับรถยกหรือปนจั่นที่ใชพลังงานเครื่องยนตหรือไฟฟาไมวาการขับ หรือบังคบั จะกระทําในลักษณะใด (๕) งานเกี่ยวกับกมั มันตภาพรังสีทุกชนดิ นอกจากจะกําหนดประเภทงานที่หามจางเด็กอายุตํ่ากวา ๑๘ ป ทํางานแลว พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๕๐ กําหนด หามมิใหนายจางจางลูกจางซึ่งเปนเด็กอายุ ตํ่ากวา ๑๘ ป ทาํ งานในสถานทดี่ งั ตอไปนี้
๒๗ มาตรา ๕๐ หา มมใิ หน ายจา งใหล กู จา งซง่ึ เปน เดก็ อายตุ าํ่ กวา สบิ แปดปท าํ งานในสถานที่ ดงั ตอไปนี้ (๑) โรงฆา สัตว (๒) สถานที่เลน การพนัน (๓) สถานบรกิ ารตามกฎหมายวา ดวยสถานบรกิ าร (๔) สถานท่ีอ่ืนตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง เชน กฎกระทรางกําหนดสถานท่ีท่ีหาม นายจางใหลูกจา งซง่ึ เปน เดก็ อายตุ ํา่ กวา ๑๘ ปทาํ งาน พ.ศ.๒๕๕๙ ไดแก - โรงงานประกอบกจิ การเกี่ยวกบั สัตวนํ้า ตามกฎหมายวาดวยโรงงาน - สถานประกอบกจิ การทปี่ ระกอบกจิ การเกย่ี วกบั การแปรรปู สตั วน าํ้ ตามพระราช บัญญัตกิ าํ หนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ หากนายจางฝา ฝน มาตรา ๔๙ หรอื มาตรา ๕๐ หรือกฎกระทรวงทอ่ี อกตามมาตรา ๒๒ (ซงึ่ เกยี่ วกบั งานเกษตรกรรม งานประมงทะเล งานบรรทกุ หรอื ขนถา ยสนิ คา เปน ตน ) ในสว นทเี่ กย่ี วกบั การหา มมใิ หน ายจา ง จา งลกู จา ง ซง่ึ เปน เดก็ อายตุ า่ํ กวา ๑๘ ป ทาํ งานตามประเภทของงาน และสถานท่ี ทกี่ าํ หนด ตอ งระวางโทษปรบั ตงั้ แตส แี่ สนบาทถงึ แปดแสนบาทตอ ลกู จา งหนงึ่ คน หรอื จาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรบั (มาตรา ๑๔๘/๒) และหากการกระทาํ ความผดิ ดงั กลา วเปน เหตใุ หล กู จา งไดร บั อนั ตราย แกกายหรือจิตใจหรือถึงแกความตาย ตองระวางโทษปรับต้ังแตแปดแสนถึงสองลานบาทตอลูกจาง หน่ึงคน หรอื จาํ คกุ ไมเกินส่ีปหรอื ทง้ั ปรับทัง้ จํา (มาตรา ๑๔๘/๒ วรรคทา ย) º·ÊÃ»Ø ประเทศไทยไดบ ญั ญตั กิ ฎหมายหลายฉบบั เพอื่ คมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ ทเี่ ขา สกู ระบวนยตุ ธิ รรม ทางอาญา โดยการปรับปรุงแกไขกฎหมายที่มีอยูเดิมและบัญญัติกฎหมายใหมเพื่อใหสอดคลองกับ อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก และกฎอันเปนมาตรฐานข้ันตํ่า ของสหประชาชาติวาดวยการบริหารงาน ยุตธิ รรมเก่ยี วกับคดีเดก็ และเยาวชน หรอื กฎแหง กรุงปก ก่ิง
๒๘
๒๙ º··èÕ ó á¹Ç·Ò§»¯ÔºμÑ ¢Ô ͧ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ ÇμÑ ¶Ø»ÃÐʧ¤ ๑. เพื่อสรางความเขาใจในแนวทางการปฏิบัติหนาท่ีตามกฎหมายและอํานาจหนาที่ ของเจาพนักงานตํารวจ ๑.๑ การออกหมายจบั เดก็ หรอื เยาวชน ๑.๒ การจบั กุมเดก็ หรอื เยาวชน ๑.๓ การเขียนบนั ทกึ การจบั กมุ เด็กหรือเยาวชน ๑.๔ การตรวจสอบการจบั เดก็ หรอื เยาวชน ตามจดุ ประสงคท พี่ ระราชบญั ญตั ศิ าล เยาวชนและครอบครัวฯ กําหนดศาลทาํ การตรวจสอบการจบั ๑.๕ การปฏิบตั ิของเจาพนักงานตํารวจในการคน ๑.๖ การปฏิบัติในการจดบันทึกคํารองทุกขใ นคดที ผี่ เู สยี หายเปน เดก็ หรือเยาวชน º·นํา เจาพนักงานตํารวจตองสรางความเขาใจในการปฏิบัติงานวา เด็กมีความสําคัญตอ การพัฒนาประเทศ รัฐจึงจําเปนตองคุมครองดูแลเด็ก ขณะเดียวกันหากเด็กพลาดพลั้ง ไปกระทํา ความผิดดวยเพราะเหตุท่ีออนดอยประสบการณ ขาดความยั้งคิดหรือดวยเหตุใดก็ตาม เพ่ือใหเด็ก เหลา นนั้ ไดม โี อกาสกลบั ตวั เปน คนดขี องสงั คมในอนาคต ซง่ึ จาํ เปน ทจี่ ะตอ งมวี ธิ ดี าํ เนนิ การเกยี่ วกบั เดก็ เปนการเฉพาะ เพื่อใหสอดคลองกบั หลกั สากล ¡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¨Ѻഡç ËÃÍ× àÂÒǪ¹ การพิจารณาออกหมายจับเดก็ หรอื เยาวชน ซึง่ ตองหาวากระทาํ ความผิดนน้ั จะตอ งอยู ภายใตห ลกั เกณฑ ดงั นี้ ๑) จะตองอยูภายใตหลักเกณฑของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ กลาวคือ (๑) เมอื่ มหี ลกั ฐานตามสมควรวา บคุ คลใดนา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญา ซงึ่ มอี ตั รา โทษจําคุกอยางสงู เกิน ๓ ป หรือ (๒) เมอ่ื มหี ลกั ฐานตามสมควรวา บคุ คลใดนา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญาและมเี หตุ อันควรเช่อื วา จะหลบหนหี รอื จะไมย งุ เหยงิ กับพยานหลักฐาน หรอื กอเหตอุ นั ตรายประการนั้น ถาบุคคลนั้นไมมีที่อยูเปนหลักแหลง หรือไมมาตามหมายเรียก หรือตามนัด โดยไมม ีขอ แกต ัวอนั ควร ใหสันนษิ ฐานวาบคุ คลนั้นจะหลบหนี
๓๐ ๒) ในการพิจารณาออกหมายจับเด็กหรือเยาวชน ซ่ึงตองหาวากระทําความผิดนั้น นอกจากศาลจะพิจารณาถึงเหตุที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ แลว พระราชบัญญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๖๗ ยงั กําหนดหลกั เกณฑด ังน้ี (๑) ใหศ าลคาํ นงึ ถงึ การคมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ หรอื เยาวชนเปน สาํ คญั โดยเฉพาะในเรอื่ ง อายุ เพศ และอนาคตของเด็กหรือเยาวชน ทพ่ี งึ ไดรบั การพัฒนาและปกปองคุม ครอง (๒) หากการออกหมายจับจะมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจของเด็กหรือเยาวชน อยา งรนุ แรงโดยไมจ าํ เปน ใหพ ยายามหลกี เลย่ี งการออกหมายจบั โดยใชว ธิ ตี ดิ ตามตวั เดก็ หรอื เยาวชน นนั้ ดว ยวธิ ีอน่ื กอ น ¡ÒèѺ¡ÁØ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹ เน่ืองจากเด็กมีความสําคัญตอการพัฒนาประเทศ รัฐจึงจําเปนตองคุมครองดูแลเด็ก ขณะเดยี วกนั หากเดก็ พลาดพลง้ั ไปกระทาํ ความผดิ ดว ยเพราะเหตทุ อ่ี อ นดอ ยประสบการณ ขาดความยง้ั คดิ หรือดวยเหตุใดก็ตาม เพื่อใหเด็กเหลานั้นไดมีโอกาสกลับตัวเปนคนดีของสังคมในอนาคต ซ่ึงจําเปน ท่จี ะตองมวี ธิ กี ารดําเนินการเกย่ี วกับเด็กเปนการเฉพาะ เพื่อใหส อดคลองกบั หลกั สากล พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ ไดกําหนดหลักเกณฑในการจับกุมเด็ก หรอื เยาวชนนน้ั ซงึ่ ตองหาวา กระทาํ ความผดิ ไวในมาตรา ๖๖ กลาวคือ ¡Ã³àÕ ´¡ç ซง่ึ หมายถงึ บคุ คลอายยุ งั ไมเ กนิ ๑๕ ปบ รบิ รู ณ “ËÒŒ ÁÁãÔ Ë¨Œ ºÑ ¡ÁØ à´¡ç ” ซง่ึ ตอ งหา วา กระทําความผิด àÇŒ¹áμ‹ (๑) เด็กกระทาํ ความผดิ ซึ่งหนา (๒) มีหมายจบั หรือมีคาํ ส่ังของศาล กรณีเยาวชน ซ่ึงหมายถึง บุคคลอายุเกิน ๑๕ ปบริบูรณ แตยังไมถึง ๑๘ ปบริบูรณ ซ่ึงตองหาวากระทําความผิด ใหปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กลาวคือ เจา พนักงานตาํ รวจจะจับผใู ดโดยไมม ีหมายจับหรือคาํ ส่ังศาลไมได เวน แต (๑) เม่อื บุคคลนั้นไดก ระทาํ ความผิดซง่ึ หนา (๒) เมอื่ พบบุคคลโดยมพี ฤตกิ ารณอ นั ควรสงสัยวา ผนู นั้ นาจะกอเหตรุ าย ใหเ กดิ ภยันตรายแกบคุ คลหรือทรพั ยสินของบุคคลอนื่ โดยมีเครื่องมอื อาวุธ หรือวตั ถุอยา งอ่ืนอันสามารถ อาจใชใ นการกระทาํ ความผดิ (๓) เมื่อมีเหตุท่ีจะออกหมายจับบุคคลนั้น เนื่องจากมีหลักฐานตามสมควรวา บคุ คลนนั้ นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญา และมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา จะหลบหนหี รอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยาน หลักฐาน หรือกอเหตุอันตรายประการอื่น แตมีความจําเปนเรงดวนท่ีไมอาจขอใหศาลออกหมายจับ บุคคลนน้ั ได (๔) เปนการจับกุมผูตองหาหรือจําเลยที่หนีหรือจะหลบหนีในระหวางถูกปลอย ชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗
๓๑ ขอ สงั เกต กรณี“à´¡ç ”คาํ วา กระทาํ ซง่ึ หนา มคี วามหมายวา กระทาํ ผดิ ตอ หนา ผจู บั ดงั นนั้ หากเดก็ กระทาํ ความผดิ ซงึ่ หนา ตอ ผเู สยี หายแมผ เู สยี หาย จะชตี้ วั และยนื ยนั ใหจ บั กไ็ มอ าจจบั เดก็ นน้ั ได แมว า พ.ร.บ.จดั ตงั้ ศาลเยาวชนฯ พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๔๙ จะอนญุ าตใหจ บั ได กรณที ผ่ี เู สยี หาย ชตี้ วั ยนื ยนั ใหจ บั โดยแจง วา มกี ารรอ งทกุ ขแ ลว แตเ นอื่ งจาก พ.ร.บ.จดั ตงั้ ศาลเยาวชนฯ ไดถ กู ยกเลกิ โดย พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ พ.ศ.๒๕๕๓ และ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ ฉบับนี้ ก็ไมไดระบกุ รณีการจับกรณนี ีไ้ ว ดวยเหตุผล เพือ่ ใหเ ดก็ ไดร ับ ความคุมครองมากขนึ้ (ศาลเยาวชนและครอบครวั จงั หวัดศรีสะเกษ, ๒๕๕๔) กรณี “àÂÒǪ¹” ยังคงใชหลักการเดิม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ á¹Ç·Ò§»¯ºÔ μÑ ¢Ô ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ㹡ÒèºÑ ¡ØÁà´ç¡ËÃ×ÍàÂÒǪ¹ เพื่อสรางความเขาใจในการปฏิบัติงานของเจาพนักงานตํารวจในการจับกุมเด็ก หรือ เยาวชนนน้ั จึงขอสรปุ สาระสาํ คัญท่ีกาํ หนดไวในกฎหมายเปนขอ ๆ ดงั ตอไปนี้ ๑. ในการจับกมุ เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ เจาพนกั งานตํารวจผทู าํ การจบั กมุ จะตอ ง - แจง ใหเ ด็กหรอื เยาวชนน้ันวา เขาถูกจบั และ - แจง ขอ กลา วหา รวมทง้ั สทิ ธิตามกฎหมาย เชน มที ป่ี รึกษากฎหมายรวมในการ สอบปากคํา เด็กหรือเยาวชนมีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได และถอยคําน้ันอาจใชเปนพยาน หลกั ฐานในการพจิ ารณาคดีได โดยคาํ นงึ ถงึ อายุ เพศ และสภาพจติ ดวย (มาตรา ๗๕ วรรคสอง) - หากมีหมายจบั จะตอ งแสดงหมายจบั ใหก บั เดก็ หรือเยาวชนผนู นั้ รับรูด ว ย - จากนนั้ จะตอ งนาํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนผถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวน ทองทที่ ถ่ี กู จบั ทันที หากพนักงานสอบสวนทองที่ที่ถูกจับนั้น มิใชเปนผูรับผิดชอบคดีก็ใหสงตัวเด็ก หรือเยาวชนน้ันไปยงั สถานท่ที าํ การของพนักงานสอบสวนผูรบั ผดิ ชอบโดยเรว็ (มาตรา ๖๙ วรรคแรก) ๒. แจง ใหผ ปู กครอง ทราบถึงการจบั เดก็ หรอื เยาวชน ๒.๑) ขณะเจา พนกั งานตาํ รวจจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นน้ั มีผูปกครอง ซ่ึงไดแก บิดา มารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคกร ซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัย อยดู วย อยดู วยในขณะทท่ี าํ การจบั กมุ นนั้ ใหเ จาพนักงานตาํ รวจผูจับกมุ - แจงเหตแุ หงการจับใหบคุ คลดังกลาวทราบ และ - ในกรณที เี่ ปน ความผดิ อาญา ซงึ่ มอี ตั ราโทษอยา งสงู ตามทกี่ ฎหมายกาํ หนดไว จําคุกไมเกิน ๕ ป เจาพนักงานตํารวจจับกุม จะส่ังใหบุคคลดังกลาวเปนผูนําตัวเด็กหรือเยาวชนนั้น ไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนแหง ทอ งทท่ี ถ่ี กู จบั กไ็ ด
๓๒ ๒.๒) ขณะเจา พนกั งานตาํ รวจจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นั้น ไมม ีผปู กครองดังกลาวอยกู บั ผูถูกจับใหเ จาพนกั งานตาํ รวจผูจบั กุม - แจง ใหบ คุ คลดงั กลา วคนใดคนหนงึ่ ทราบถงึ การจบั กมุ ในโอกาสแรกเทา ท่ี สามารถกระทําได และ - หากผถู กู จบั ประสงคจ ะตดิ ตอ สอ่ื สารหรอื ปรกึ ษาหารอื กบั บคุ คลเหลา นนั้ ซง่ึ ไมเ ปน อปุ สรรคตอ การจบั กมุ และอยใู นวสิ ยั ทจ่ี ะดาํ เนนิ การไดใ หเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู บั ดาํ เนนิ การ ใหต ามสมควรแกก รณีโดยไมชกั ชา (มาตรา ๖๙ วรรคสอง) ๓. วิธีการจับกุมและควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชน ซ่ึงตองหาวากระทําความผิด เจาพนักงานตาํ รวจผจู ับกุมจะตองกระทําการจบั กมุ - ดวยความละมนุ ละมอม และ - คาํ นงึ ถึงศกั ดศ์ิ รคี วามเปน มนุษย และไมเ ปน การประจานเด็กหรือเยาวชน และ - หามมิใหใชวิธีการควบคุมเกินกวาท่ีจําเปน เพ่ือปองกันการหลบหนีหรือ เพื่อความปลอดภยั ของเดก็ หรอื เยาวชนผถู ูกจบั หรอื บุคคลอืน่ - ไมใหใชเครื่องพันธนาการไมวากรณีใดๆ เวนแต มีความจําเปนอยางอื่น อันมอิ าจหลีกเลี่ยงไดเพอ่ื ปองกันการหลบหนี หรือเพอื่ ความปลอดภัยของผถู กู จบั หรือบุคคลอ่ืน (มาตรา ๖๙ วรรคสาม) ๔. บันทึกการจับกุม กอนสงตัวเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับไปใหกับพนักงานสอบสวน แหง ทองท่ีทีถ่ กู จบั นน้ั ใหเจาพนกั งานตาํ รวจผจู ับกุม - ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ โดยแจง ขอ กลา วหาและรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผถู กู จบั ทราบ - หามมิใหถ ามคาํ ใหการผถู กู จบั - ถา ขณะทาํ บนั ทกึ ดงั กลา ว มบี ดิ า มารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร ซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยูดวย อยูในขณะนั้นดวย เจาพนักงานตํารวจตองทําบันทึกตอหนาบุคคล ดังกลาวและจะใหล งลายมอื ช่ือเปน พยานดว ยกไ็ ด - ถอยคําของเด็กหรือเยาวชนในชั้นจับกุม มิใหศาลรับฟงเปนพยานเพื่อพิสูจน ความผิดของเดก็ หรอื เยาวชน แตศาลอาจนํามาฟง เปน คณุ แกเ ด็กหรือเยาวชนได (มาตรา ๕๙ วรรคทาย) ๕. หามบันทึกภาพ เพื่อเปนการคุมครองสิทธิเด็กหรือเยาวชน ซ่ึงตองหาวากระทํา ความผิด หามมิใหเจาพนักงานผูจับกุมเด็กหรือเยาวชน หรือพนักงานสอบสวน จัดใหมีหรืออนุญาต ใหมี หรือยินยอมใหมีการถายภาพ หรือบันทึกภาพเด็กหรือเยาวชน ซ่ึงตองหาวากระทําความผิด เวน แต เพอื่ ประโยชนในการสอบสวน (มาตรา ๗๖)
๓๓ ๖. ไมว า กรณใี ดๆ กต็ าม หา มมิใหผ ตู อ งหาทเ่ี ปน เดก็ อายไุ มเกิน ๑๘ ปบริบูรณ ไปช้ี ทเี่ กดิ เหตปุ ระกอบคาํ รบั สารภาพ เพราะจะเปน การประจานเดก็ และอาจเปน การกระทาํ ผดิ ตามกฎหมาย เดก็ รวมทง้ั หา มมใิ หน าํ ผตู อ งหาไปขอขมาศพหรอื บดิ า มารดา สามี ภรรยา มติ รสหาย หรอื ผปู กครอง ของผูตาย นอกจากนี้ หามนําผูเสียหาย พยานเขารวมในการชี้ที่เกิดเหตุประกอบคํารับสารภาพ ของผูตองหาเปนอันขาด โดยเฉพาะผูเสียหายที่เปนเด็ก สตรี พระภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช (คําส่ัง สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ เร่ือง การอํานวยความยุติธรรมในทางอาญา ขอ ๖.๑๐.๒) ¡ÒÃμÃǨÊͺ¡ÒèºÑ การตรวจสอบการจบั เปน วธิ กี ารพทิ กั ษส ทิ ธเิ ดก็ และเยาวชนในเบอ้ื งตน เพราะเมอ่ื พนกั งาน สอบสวนไดรบั ตัวเดก็ หรอื เยาวชน ซึ่งถูกจบั แลว พนักงานสอบสวนตอ งนาํ ตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาล เพอ่ื ตรวจสอบการจบั กมุ ทนั ที ทั้งนี้ ภายใน ๒๔ ชวั่ โมง นับแตเวลาที่เด็กหรือเยาวชนไปถึงท่ที ําการ ของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ แตมิใหนับเวลาเดินทางตามปกติท่ีนําตัวเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับ จากที่ทําการของพนักงานสอบสวนมาศาลเขา ในกาํ หนดเวลา ๒๔ ชัว่ โมงน้นั ดวย (มาตรา ๗๒) จุดประสงคที่พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ กําหนดใหศาลทําการ ตรวจสอบการจบั เพราะ ๑. ตรวจสอบวาผูถูกจับนั้นเปนบุคคล ซึ่งตองหาวากระทําความผิดหรือไม หมายถึง เด็กหรอื เยาวชนทถ่ี กู จบั มาน้ันใชค นทต่ี อ งการจบั จรงิ หรอื ไม ๒. ตรวจสอบวา การจบั นนั้ เปน ไปโดยชอบดว ยกฎหมายหรอื ไม หมายถงึ ผจู บั มอี าํ นาจ ท่ีจะจับหรือไม มีเหตุที่จะจับหรือไม โดยแยกวาเปนการจับเด็กหรือเยาวชนตามมาตรา ๖๖ เชน หากเปนเด็กจะจับไดต อ เมื่อมีหมายจับ หรอื คาํ ส่ังของศาลใหจ ับ หรือเปน การกระทาํ ความผดิ ซึ่งหนา เปน ตน ๓. ตรวจสอบวา การปฏิบัติของเจาพนกั งานชอบดวยกฎหมายหรือไม เชน ไดแ จง บิดา มารดาหรอื ผูป กครองหรอื ไม ใชเคร่อื งพนั ธนาการในกรณที ี่กฎหมายไมอ นญุ าตหรอื ไม เปนตน การตรวจสอบการจับตามมาตรา ๗๓ แหง พระราชบัญญตั ิศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ เปนบทกฎหมายท่ีบัญญัติข้ึนใหมเปนคร้ังแรกในประเทศไทย ซ่ึงเม่ือมีผลใชบังคับมาแลวระยะหนึ่ง องคก รตางๆ ในกระบวนการยตุ ธิ รรม โดยเฉพาะสํานักงานตํารวจแหง ชาติ กรมพนิ ิจและคุมครองเดก็ และเยาชน รวมถึงศาลเยาวชนและครอบครัวตางมีความเห็นที่ตรงกันวา การตรวจสอบการจับ มีประโยชนตอกระบวนการสอบสวนของเจาพนักงานตํารวจ การสอบขอเท็จจริงของสถานพินิจ และคมุ ครองเดก็ และเยาวชน และการพจิ ารณาพพิ ากษาคดขี องศาลเยาวชนและครอบครวั นอกจากนี้ ยังชวยแกไขเยียวยาปญหาและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่กระทําความผิดไดมากทีเดียว ดังเหตผุ ลทพี่ อจะประมวลไดด ังน้ี
๓๔ ๑) การตรวจสอบการจับเปนวิธีการพิทักษสิทธิเด็กและเยาวชนในเบื้องตนวาจะไมถูก จับผิดคน การจับกุมและปฏิบัติของเจาพนักงานตองเปนไปโดยชอบดวยกฎหมาย โดยที่ผูพิพากษา เปนผูต รวจสอบภายใน ๒๔ ชวั่ โมง นับแตเ วลาท่เี ด็กหรอื เยาวชนไปถงึ ทีท่ าํ การของพนกั งานสอบสวน ผรู บั ผดิ ชอบ ๒) เปนการสรางความเขาใจแกบิดา มารดาหรือผูปกครองของเด็ก และเยาวชน หลังจากถูกจับมาแทบจะในทันที ทําใหบิดา มารดาหรือผูปกครองสามารถเขาไปดูแลบุตรหลาน หรือบคุ คลท่อี ยใู นความปกครองของตนไดอ ยา งรวดเรว็ ๓) เด็กหรือเยาวชน และผูปกครองมีโอกาสพบและปรึกษาท่ีปรึกษากฎหมายต้ังแต ชั้นตรวจสอบการจับ ซึ่งสามารถชวยเหลือใหคําแนะนํา ใหคําปรึกษาเพื่อคล่ีคลายปญหาและ ความกังวลใจตางๆ ได อีกทั้งยังสามารถชวยเหลือในชั้นผัดฟองตามมาตรา ๗๕ ในช้ันพิจารณา ตามมาตรา ๑๒๐ และหากเปนการจับกุมโดยมิชอบดวยกฎหมายจริง ศาลจะมีคําสั่งใหปลอยตัวเด็ก หรือเยาวชนไปในทนั ที ๔) การทเี่ ดก็ หรอื เยาวชนไดม าอยใู นอาํ นาจศาลเยาวชนและครอบครวั ทนั ทที พ่ี นกั งาน สอบสวนสงตัวมานั้น ทําใหพวกเขามีโอกาสที่จะไดรับการมอบตัวใหแกผูปกครองไปดูแลระหวาง การสอบสวนตามท่ีศาลเห็นสมควร หรือไดรับการพิจารณาคํารองขอปลอยตัวชั่วคราวระหวาง การสอบสวนไดในเวลาอันรวดเรว็ และไมมขี น้ั ตอนยงุ ยาก ๕) เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ ไดร บั การดแู ลปกปอ งคมุ ครองจากขอ กลา วหาวา กลน่ั แกลง หรือปฏิบัติโดยมิชอบดวยกฎหมายในการจับกุม หรือไมแจงการจับกุมใหบิดา มารดาหรือผูปกครอง ทราบ เพราะหากเกดิ กรณเี ชน นจี้ รงิ เดก็ หรอื เยาวชนและผปู กครอง รวมถงึ ทป่ี รกึ ษากฎหมายกส็ ามารถ แถลงตอ ศาลเพอื่ คดั คา นการจบั กมุ และการปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดงั กลา วไดใ นทนั ที (คณะกรรมาธกิ ารสงั คม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผสู งู อายุ คนผพู ิการ และผดู อ ยโอกาส, ๒๕๕๔) ขอสงั เกต ๑. กรณมี ีขอ สงสยั เก่ยี วกบั อายุเดก็ พระราชบญั ญัติศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๗ กาํ หนดวา ในระหวา งการสอบสวน หากมีขอสงสัย เกยี่ วกบั อายเุ ดก็ ทถ่ี กู จบั กมุ หรอื ควบคมุ ใหพ นกั งานสอบสวนมอี าํ นาจดาํ เนนิ การสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญาและกฎหมายอนื่ ทเ่ี กย่ี วขอ ง แตห ากปรากฏภายหลงั วา บคุ คลนน้ั มอี ายไุ มเ กนิ กวา อายทุ กี่ าํ หนดไว ตามมาตรา ๗๓ แหงประมวลกฎหมายอาญาในขณะกระทําความผิด (ซ่ึงหมายความวา ขณะกระทําความผิดน้ันอายุไมเกิน ๑๐ ป) และ อยใู นความควบคมุ ของสถานพนิ จิ หรอื องคก รอนื่ ใด ใหส ถานพนิ จิ หรอื องคก ารดงั กลา ว รายงานใหศ าลทราบเพอ่ื มคี าํ สงั่ ปลอ ยตวั และใหพนักงานสอบสวนดําเนินการตามมาตรา ๖๙/๑ วรรคหนึ่ง กลาวคือ ถาความผิดท่ีเด็กกระทําน้ัน เปนความผิดที่ กฎหมายบญั ญัตใิ หอยูในอํานาจของพนกั งานสอบสวนหรอื เจา พนักงานอ่ืนทจ่ี ะเปรียบเทยี บได หากเปน การกระทาํ ครง้ั แรก ใหพนกั งานสอบสวนหรอื เจาพนักงานน้นั เรียกเด็ก บดิ ามารดา ผูป กครอง หรอื บคุ คล หรือผแู ทนองคการซง่ึ เด็กนน้ั อาศัย อยดู ว ย มาวา กลา วตกั เตอื น ถา เด็กสาํ นึกในการกระทาํ และบิดามารดา ผปู กครอง หรอื บุคคล หรือองคการซง่ึ เดก็ น้นั อาศัย อยดู ว ย สามารถดแู ลเดก็ ได กใ็ หงดการสอบสวนและปลอ ยตวั ไป
๓๕ นอกจากน้ี ในกรณเี ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๐ ป กระทาํ ความผดิ โดยความผดิ นนั้ กฎหมายบญั ญตั ใิ หอ ยใู นอาํ นาจเปรยี บเทยี บ ของพนกั งานสอบสวน หรอื เจา พนกั งานอนื่ หากเปน การกระทาํ ครง้ั แรก มาตรา ๖๙/๑ วรรคสอง ใหอ าํ นาจพนกั งานสอบสวน หรอื เจา พนกั งานนนั้ เรยี กเดก็ บดิ ามารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คล หรอื ผแู ทนองคก าร ซงึ่ เดก็ อาศยั อยดู ว ย มาวา กลา วตกั เตอื น ถาเด็กสํานึกในการกระทํา และบิดามารดา ผูปกครอง หรือบุคคล หรือองคการซ่ึงเด็กน้ันอาศัยอยูดวย สามารถดูแล เด็กได ก็ใหงดการสอบสวน และปลอยตัวไป เวนแตเด็กน้ันกระทําความผิดอื่นซึ่งมิใชความผิดที่สามารถเปรียบเทียบได เชนนี้ พนักงานสอบสวนตองสงตัวเด็กที่อายุไมเกิน ๑๐ ปน้ันใหพนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็ก เพ่ือใหดําเนินการคุมครองสวัสดิภาพตามกฎหมายนั้น ในโอกาสแรกท่ีกระทําได แตตองภายในเวลาไมเกิน ๒๔ ช่ัวโมง นับแตเวลาที่เด็กนั้นมาถึงสถานที่ทําการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ และจากมาตรา ๖๙/๑ วรรคทาย ยังกําหนด หา มมใิ หผเู สยี หายฟอ งเดก็ อายุไมเ กิน ๑๐ ป เปนคดีอาญาตอ ศาลใดดวย ๒. ในกรณีเด็กหรือเยาวชนอยูในเกณฑตองดําเนินการตามกฎหมายวาดวยการฟนฟูสมรรถภาพผูติดยาเสพติด ใหดําเนินการฟนฟูตามกฎหมายกอน แตหากไมอาจดําเนินการฟนฟูไดหรือทําการฟนฟูไมสําเร็จ ใหพนักงานสอบสวน หรอื พนกั งานอยั การ นาํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนไปศาล เพอื่ ใหศ าลมคี าํ สงั่ เกย่ี วกบั การควบคมุ ตวั และพนกั งานอยั การอาจฟอ งคดี ภายในระยะเวลาท่กี ฎหมายกําหนด หรอื ภายใน ๓๐ วนั นับแตศ าลมคี าํ ส่งั (มาตรา ๖๙/๒) á¹Ç·Ò§»¯ÔºÑμԢͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ㹡Ò䌹 ในเร่ืองของหลักเกณฑการคน กรณีที่เด็กหรือเยาวชนผูถูกตองหาวากระทําความผิด นั้น จะใชหลักเกณฑที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากําหนดไว เพราะพระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ ไมไ ดบ ญั ญตั ไิ วเ ปน พเิ ศษ อยา งเชน การจบั กมุ ดงั นน้ั จงึ ใหน าํ บทบญั ญตั ิ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใชบังคับไดเทาที่ไมขัดหรือแยงกับบทบัญญัติ แหงพระราชบัญญัตศิ าลเยาวชนและครอบครัว (มาตรา ๖) การคนแยกเปน ๓ ประเภท คอื ๑. การคน ตัวบคุ คล ๒. การคน สถานที่ ๓. การคนยานพาหนะ ๑) ¡Ò乌 μÇÑ º¤Ø ¤Å (๑) การคนตัวบุคคลผูตอ งสงสัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๓ “หามมิใหทําการคน บุคคลใดในที่สาธารณะ เวนแตเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจเปนผูคนในเมื่อมีเหตุอันควร สงสัยวาบุคคลน้ันมีส่ิงของในความครอบครองเพ่ือจะใชในการกระทําความผิด หรือซึ่งไดมาโดยการ กระทาํ ความผิด หรือซึ่งมีไวเ ปนความผิด” จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา ว เหน็ ไดว า การคน ตวั บคุ คลในทสี่ าธารณะ เจา พนกั งาน ตาํ รวจจะทําการคนตัวบุคคลผตู อ งสงสัยไดต อเมื่อÁÕàËμÍØ Ñ¹¤ÇÃʧÊÂÑ วา - บคุ คลนั้นมสี ง่ิ ของในครอบครอง เพือ่ จะใชใ นการกระทําความผิด - สิ่งของที่บุคคลนั้นครอบครองนั้นเปนสิ่งท่ีไดมาจากการกระทําความผิด หรอื มไี วเปนความผดิ
๓๖ ขอ สังเกต ๑. มเี หตอุ ันควรสงสยั “ตองเปน เหตอุ ันควรสงสยั ” ท่มี อี ยูก อ นการคน และตองมิใชขอสงสยั ที่อยูบ นพ้นื ฐานของ ความรูสกึ ของเจาหนาทเ่ี พียงอยา งเดยี ว (คําพพิ ากษาฎีกา ที่ ๘๗๒๒/๒๕๕๕) ๒. ในเรื่องการคนกรณีน้ีกฎหมายไมไดบัญญัติวาจะตองเปนเจาพนักงานฝายปกครอง หรือเจาพนักงานตํารวจ ชนั้ ยศใดท่ีจะตองเปนหวั หนา ในการตรวจคน ตวั บคุ คล (๒) การคน ตัวผูถูกจบั หรอื ผตู อ งหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๕ วรรคแรก “เจาพนักงานผูจับหรือรับตัวผูถูกจับไว มีอํานาจคนตัวผูตองหา และยึดส่ิงของตางๆ ท่ีอาจใชเปน พยานได” ดงั น้นั กรณที เี่ จาพนักงานตํารวจมเี หตอุ นั ควรสงสัยวา ผูถกู จบั นัน้ ซุกซอนสิ่งของท่ีใชใ นการ กระทําความผิดหรือมีไวเปนความผิดนั้นอยูกับตัว เจาพนักงานตํารวจผูจับกุม หรือรับตัวก็มีอํานาจ ทีจ่ ะคนตัวบุคคลและยึดสิ่งของนัน้ ได แตตองกระทาํ การคนโดยสุภาพ แตหากผูถูกจับหรือผูตองหาเปน¼ÙŒËÞÔ§ ¼ÙŒ·èÕ¨Ðทํา¡Ò䌹¨ÐμŒÍ§à»š¹¼ÙŒËÞÔ§ (มาตรา ๘๕ วรรคสอง) ซงึ่ กรณที ไี่ มม เี จา พนกั งานตาํ รวจหญงิ กส็ ามารถขอความรว มมอื จากผหู ญงิ อน่ื ท่อี ยูบริเวณใกลเคียงนั้นเปนผูทาํ การคนได ๒) ¡Ò乌 ʶҹ·Õè ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๙๒ กําหนด “หา มมใิ หค น ในท่รี โหฐานโดยไมมหี มายคน หรือคําส่ังศาล” ดงั นน้ั หากจะตอ งทาํ การคน ในทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานตาํ รวจจะตอ งไปทาํ การคน ได ตอเม่อื มีหมายคน เทานนั้ เวน แตจะเปน กรณีเขา ขอยกเวน ตามทีม่ าตรา ๙๒ กําหนด กลาวคือ (๑) เมอื่ มเี สยี งรอ งใหช ว ยมาจากขา งในทร่ี โหฐาน หรอื มเี สยี ง หรอื พฤตกิ ารณอ นื่ ใด อันแสดงไดวามีเหตรุ า ยเกิดขึน้ ในท่รี โหฐานนั้น (๒) เมอ่ื ปรากฏความผิดซงึ่ หนากําลงั กระทําลงในทร่ี โหฐาน (๓) เม่ือบุคคลท่ีไดกระทําความผิดซึ่งหนา ถูกไลจับและหนีเขาไปหรือมีเหตุ อันแนนแฟน ควรสงสยั วาไดเขาไปซกุ ซอ นตวั อยใู นทร่ี โหฐานนนั้ (๔) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรวาส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมา โดยการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดใ ชห รอื มไี วเ พอื่ ใชใ นการกระทาํ ความผดิ หรอื อาจเปน พยานหลกั ฐานพสิ จู น การกระทําความผิดไดซอนหรืออยูในน้ัน ประกอบท้ังตองมีเหตุอันควรเชื่อวาหากรอหมายคน สิง่ ของนั้น จะถกู โยกยา ยหรอื ทาํ ลายเสียกอ น (๕) เม่ือที่รโหฐานน้ัน ผูที่จะตองถูกจับเปนเจาบานและการจับน้ัน มีหมายจับ หรอื เปน การจบั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญามาตรา ๗๘ การใชอํานาจตรวจคนกรณีน้ี ใหผูตรวจคนจัดทําºÑ¹·Ö¡¡ÒÃμÃǨ¤Œ¹â´ÂäÁ‹ÁÕ ËÁÒ¤¹Œ (Ẻ Ê õö – óñ) โดยแสดงเหตผุ ลทที่ าํ ใหส ามารถเขา คน ได แลว มอบบนั ทกึ การตรวจคน และ ºÞÑ ª·Õ Ã¾Ñ Â» ÃСͺº¹Ñ ·¡Ö ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ â´ÂäÁÁ‹ ËÕ ÁÒ¤¹Œ (Ẻ Ê õö – óò) ใหไ วแ กผ คู รอบครอง
๓๗ สถานท่ีท่ีถูกตรวจคน แตถ าไมมีผคู รอบครองอยู ณ ที่น้ันใหสงมอบบันทกึ ดงั กลาวแกบุคคลเชนวา น้ัน ในทันทีที่กระทําได แลวใหรีบรายงานผลการตรวจคนพรอมท้ังเหตุผลเปนหนังสือตอผูบังคับบัญชา เหนือขน้ึ ไปหน่ึงช้ัน (คําสัง่ สาํ นักงานตาํ รวจแหง ชาติ ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๑) การตรวจคนกรณีมีหมายคน หรือคําสั่งของศาลน้ัน หัวหนาในการจัดการใหเปน ไปตามหมายนั้น คือ เจาพนักงานผูมีชื่อในหมายคนหรือผูรักษาการแทนซ่ึงจะตองเปนเจาพนักงาน ตํารวจทีม่ ยี ศตงั้ แตชนั้ รอยตํารวจตรขี น้ึ ไปเทาน้นั และเมอ่ื ทําการตรวจคนเสร็จสนิ้ แลว ใหดาํ เนินการ ตามท่ศี าลสงั่ ไวด วย (คาํ สงั่ สาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาติ ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๓) การตรวจคนในท่ีรโหฐาน ใหเ จาพนกั งานตาํ รวจปฏิบตั ดิ ังนี้ ๑. เจา พนกั งานตาํ รวจทจี่ ะทาํ การตรวจคน ตอ งแตง เครอ่ื งแบบ เวน แตม เี หตจุ าํ เปน หรือกรณีเรงดว น หรอื เปนเจา พนกั งานตาํ รวจทม่ี ีตาํ แหนง ตั้งแตผ ูก าํ กบั การขนึ้ ไปจะไมแ ตงเคร่ืองแบบ ก็ได แตตองแจงยศ ช่ือ ตําแหนงพรอมทั้งแสดงบัตรประจําตัวใหเจาบานหรือผูครอบครอง สถานทนี่ ้นั ทราบ ๒. กอนลงมือตรวจคนใหเจาพนักงานตํารวจที่จะทําหนาท่ีในการตรวจคนแสดง ความบรสิ ทุ ธจิ์ นเปน ทพ่ี อใจกบั เจา บา นหรอื ผคู รอบครองสถานทน่ี น้ั แลว จงึ ลงมอื ตรวจคน ตอ หนา เจา บา น หรือผคู รอบครองสถานทน่ี น้ั หรอื ถา หาบุคคลเชน วานนั้ ไมไ ด หรอื สถานท่นี ้นั ไมม ผี ใู ดอยูก็ใหต รวจคน ตอหนาบุคคลอื่นอยา งนอยสองคนที่เจาพนักงานตํารวจไดขอรอ งมาเปน พยาน ๓. หากเปนกรณีตรวจคนท่ีอยูหรือสํานักงานของผูตองหาหรือจําเลย ซ่ึงถูก ควบคุมหรือขังอยูใหทําตอหนาบุคคลน้ัน ถาบุคคลน้ันไมติดใจหรือไมสามารถมากํากับ จะตั้งผูแทน หรือพยานมากํากับก็ได ถาผูแทนหรือพยานไมมี ใหตรวจคนตอหนาบุคคลในครอบครัวหรือตอหนา บุคคลอืน่ อยา งนอยสองคนที่เจา พนกั งานตาํ รวจไดขอรองมาเปน พยาน ๔. ในการตรวจคนท่รี โหฐาน ใหเ จา พนกั งานตํารวจสัง่ เจา ของหรอื คนทีอ่ ยูในน้นั หรือผูรักษาสถานท่ีซึ่งจะตรวจคนยอมใหเขาไปโดยมิหวงหาม อีกทั้งใหความสะดวกตามสมควร ทุกประการ ในอันท่ีจะจัดการตรวจคนน้ัน ถาบุคคลดังกลาวไมยอมใหเขาไป ใหเจาพนักงานตํารวจ ช้ีแจงเหตุความจําเปนกอน ถายังไมยินยอมอีก เจาพนักงานตํารวจมีอํานาจใชกําลังเขาไป ในกรณี จาํ เปนจะตอ งเปด หรือทําลายประตูบา น ประตเู รอื น หนา ตาง ร้ัว หรอื สิง่ กีดขวางอยา งอ่ืนๆ ใหทาํ ได แตจะทาํ ใหเ สยี หายเกินกวาความจาํ เปนไมไ ด ๕. ในการตรวจคน ตอ งกระทาํ ดว ยความระมดั ระวงั และพยายามหลกี เลย่ี งมใิ หเ กดิ ความเสียหาย เวนแตมเี หตจุ ําเปน ที่ไมอ าจหลกี เลย่ี งได ๖. สงิ่ ของใดทีย่ ึดได ตองใหเ จาของหรอื ผูครอบครองสถานท่ี บคุ คลในครอบครวั ผตู องหา จาํ เลย ผูแทน หรือพยาน แลวแตกรณี ดูเพือ่ ใหรบั รองวา ถูกตอ ง ถา บุคคลเชนนน้ั รบั รอง หรอื ไมยนิ ยอมรับรองอยางใด ใหมีรายละเอยี ดปรากฏไวใ นบันทกึ การตรวจคน ๗. เมื่อเจาพนักงานตํารวจตรวจคนเสร็จส้ินแลวตองจัดทําบันทึกการตรวจคน โดยใหป รากฏรายละเอยี ดแหง การตรวจคน และสงิ่ ของทตี่ รวจคน โดยสง่ิ ของทตี่ รวจคน ใหห อ หรอื บรรจุ หบี หอ ตตี ราไว หรือใหทําเคร่ืองหมายไวเปน สาํ คัญ
๓๘ ๘. บันทึกการตรวจคนน้ันใหอานใหเจาของ หรือผูครอบครองสถานที่ บุคคล ในครอบครวั ผูตองหา จาํ เลย ผแู ทน หรอื พยาน แลว แตก รณีฟง แลว ใหบ ุคคลเชน วานนั้ ลงลายมอื ชือ่ รับรองไวหากไมยินยอมใหบันทึกเหตผุ ลไว (คาํ สงั่ สํานกั งานตํารวจแหง ชาติ ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๔) ๓) ¡Ò䌹ÂÒ¹¾Ò˹Рในเร่ืองการคนยานพาหนะ ไมมีกฎหมายระบุไววาจะตองปฏิบัติอยางไร แตไดมี คําพิพากษาศาลฎีกา ไดว างแนวทางไวด ังน้ี รถไฟ จากคาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๒๐๒๔/๒๔๙๗ สถานทบ่ี นขบวนรถไฟโดยสารเปน ที่ ซ่ึงสาธารณชนมีความชอบธรรมท่ีจะเขาไปได การคนบุคคลใดในสถานที่ดังกลาวจึงไมจําตองมี หมายคน และไมอ ยภู ายใต ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๖ และไมตองปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๐๒ วรรคหนึ่ง รถยนต กรณีที่รถยนตจอดหรือแลนอยูบนถนนหรืออยูในทางสาธารณะ จากคําพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๕๑/๒๕๕๑ รถยนตท่ีกําลังแลนอยูบนถนนสาธารณะเปนยานพาหนะ เพอื่ พาบคุ คลหรอื สงิ่ ของจากทแี่ หง หนงึ่ ไปยงั ทอี่ กี แหง หนง่ึ ไมถ อื วา เปน ทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานตาํ รวจ ซึ่งมีอํานาจหนาที่ปองกันปราบปรามอาชญากรรม มีอํานาจตรวจคนรถยนตไดโดยไมตองมีคําส่ัง หรอื หมายของศาล หากมเี หตสุ งสยั วา ในรถยนตม สี ง่ิ ผดิ กฎหมายซกุ ซอ น ดงั นน้ั เมอ่ื เจา พนกั งานตาํ รวจ กบั พวกสงสยั วา ในรถยนตท ม่ี ผี ขู บั ขม่ี ามสี ง่ิ ของผดิ กฎหมายซกุ ซอ นอยู เจา พนกั งานตาํ รวจยอ มมอี าํ นาจ คนรถยนตน ้นั ไดโ ดยไมต องมคี ําส่งั หรือหมายของศาล ขอ พงึ ระวัง หากการคน ทไ่ี มช อบดว ยกฎหมาย เชน คน โดยไมม หี มายคน และไมเ ขา ขอ ยกเวน ตามกฎหมายทจี่ ะคน ไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน ดงั กลา วขา งตน แลว การกระทาํ ดงั กลา วเปน เรอ่ื งทพี่ นกั งานเจา หนา ทจ่ี งใจกระทาํ ผดิ กฎหมาย ซงึ่ เปน การละเมดิ ดงั นนั้ จะตอ งใชค า สนิ ไหม ทดแทนจากการกระทาํ ดงั กลา วตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยมาตรา๔๒๐รวมทง้ั ใชร าคาทรพั ยส นิ และคา เสยี หายอน่ื ตามมาตรา๔๓๘ (คําพพิ ากษาฎีกาท่ี ๖๓๐๑/๒๕๔๑) á¹Ç·Ò§»¯ÔºμÑ Ô㹡Ò贺ѹ·¡Ö คําÃÍŒ §·Ø¡¢ã¹¤´·Õ Õè¼ÙàŒ ÊÕÂËÒÂ໹š à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ ในกรณที ผี่ เู สยี หายเปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป นนั้ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๒๔/๑ บญั ญตั วิ า “ใหน าํ บทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนง่ึ วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลมแกก ารจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขใ นคดที ผี่ เู สยี หายเปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดป เวน แตม เี หตจุ าํ เปน ไมอ าจหาหรอื รอนกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเี่ ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การได และเดก็ ไมป ระสงคจ ะใหม หี รอื รอบคุ คลดงั กลา วตอ ไป ทงั้ น้ี ใหผ รู บั คาํ รอ งทกุ ข ตามมาตรา ๑๒๓ หรอื มาตรา ๑๒๔ แลว แตก รณี บนั ทกึ เหตดุ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขด ว ย” จากมาตราดงั กลา วทร่ี ะบใุ หก ารจดบนั ทกึ รองทกุ ขคดที ่ีผูเ สยี หายเปน เดก็ อายุไมเ กิน ๑๘ ป โดยนําหลักเกณฑท ก่ี ําหนดไวใ นมาตรา ๑๓๓ ทวิ มาบงั คบั ใชโ ดยอนโุ ลม
๓๙ มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนงึ่ บญั ญตั วิ า “ในคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั เพศ ความผดิ เกยี่ วกบั ชวี ติ และรางกายอันมใิ ชค วามผิดท่ีเกดิ จากการชุลมนุ ตอ สู ความผิดเก่ยี วกบั เสรภี าพ ความผดิ ฐานกรรโชก ชงิ ทรพั ย และปลน ทรพั ย ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยการปอ งกนั และปราบปราม การคา ประเวณี ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยมาตรการในการปอ งกนั และปราบปรามการคา หญงิ และเดก็ ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยสถานบรกิ ารหรอื คดคี วามผดิ อนื่ ทม่ี อี ตั ราโทษจาํ คกุ ซงึ่ ผเู สยี หายหรอื พยาน ทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดปร อ งขอ การถามปากคาํ ผเู สยี หายหรอื พยานทเ่ี ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดป ใหพนักงานสอบสวนแยกกระทําเปนสวนสัดในสถานท่ีที่เหมาะสมสําหรับเด็ก และใหมีนักจิตวิทยา หรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเี่ ดก็ รอ งขอ และพนกั งานอยั การรว มอยดู ว ยในการถามปากคาํ เดก็ นน้ั และในกรณที น่ี กั จติ วทิ ยาหรอื สงั คมสงเคราะหเ หน็ วา การถามปากคาํ เดก็ คนใดหรอื คาํ ถามใด อาจจะมผี ล กระทบกระเทือนตอจิตใจเด็กอยางรุนแรง ใหพนักงานสอบสวนถามผานนักจิตวิทยาหรือ นกั สงั คมสงเคราะหเ ปน การเฉพาะตามประเดน็ คาํ ถามของพนกั งานสอบสวน โดยมใิ หเ ดก็ ไดย นิ คาํ ถาม ของพนักงานสอบสวนและหามมิใหถามเดก็ ซ้าํ ซอ นหลายคร้งั โดยไมม เี หตอุ ันสมควร” ดังน้ัน จะเห็นไดวา เมอื่ นําบทบัญญัตมิ าตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนง่ึ ดังกลา ว มาบังคบั ใช โดยอนุโลมในการบันทึกคํารองทุกขคดีท่ีผูเสียหายเปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป ตามที่มาตรา ๑๒๔/๑ กําหนดแลว เชนน้ี พนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจซึ่งเปนผูรับคํารองทุกข ตามมาตรา ๑๒๓ และ ๑๒๔ มีหนาท่ีปฏบิ ัติตามหลักเกณฑของกฎหมายดังนี้ ๑) วธิ กี ารจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขท จ่ี ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑท มี่ าตรา ๑๒๔/๑ ประกอบ มาตรา ๑๓๓ ทวิ กาํ หนดใหต อ งมกี ลมุ สหวชิ าชพี รว มดว ยนน้ั จะใชเ ฉพาะประเภทคดที ก่ี ฎหมายกาํ หนด ไวเ ทานน้ั คือ (๑) คดคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะ - ความผิดเกีย่ วกบั เพศ - ความผดิ เกย่ี วกับชีวิตรางกาย อันมใิ ชค วามผิดทเี่ กิดจากการชุลมนุ ตอ สู - ความผิดเกยี่ วกับเสรีภาพ - ความผดิ ฐานกรรโชก ชิงทรัพย และปลน ทรพั ย (๒) คดีความผดิ ตามกฎหมายวา ดวย การปองกนั และปราบปรามการคา ประเวณี (๓) คดีความผิดตามกฎหมายวาดวย มาตรการในการปองกันและปราบปราม การคาหญงิ และเดก็ (๔) คดคี วามผิดตามกฎหมายวาดว ยสถานบริการ (๕) คดีความผิดอื่นที่มีอัตราโทษจาํ คกุ ซง่ึ ผูเสยี หายที่เปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป รองขอ
๔๐ ขอ สงั เกต นายธานศิ เกศวพิทักษ รองประธานศาลฎีกาไดใหขอ สังเกตวา เจตนารมณของมาตรา ๑๓๓ ทวิ ไมประสงคจ ะให ความคุมครองแกเด็ก การเขารวมในการชุลมุนตอสู กลาวคือ ไมคุมครองผูเสียหายหรือพยานที่เปนเด็กที่เขาในการชุลมุน ตอ สู แมจะเปน คดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๔, ๒๙๙ กต็ าม แตหากผเู สียหายหรือพยานท่ีเปนเด็กน้ัน เปนผูบริสุทธิ์ไมไดเขารวมในการชุลมุนตอสู แตบังเอิญอยูในบริเวณดังกลาวเชนน้ี เด็กนั้นนาจะไดรับความคุมครองสิทธิ ตามมาตรา ๑๓๓ ทวนิ ้ี โดยไมต องรองขอ เหน็ ไดว า คดตี ามขอ (๑) - (๔) ขา งตน นนั้ เปน หนา ทข่ี องผรู บั คาํ รอ งทกุ ข รอ งทจ่ี ะตอ งจดั ใหม กี ลมุ สหวชิ าชพี รว มในการ จดบันทกึ คาํ รอ งทุกข แตถาเปน คดีความผดิ อ่นื ทม่ี อี ัตราโทษจําคกุ มิใชค ดตี ามขอ (๑) - (๔) ซ่ึงนอกเหนอื จากทีม่ าตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคแรกระบไุ วน ้นั ผรู บั คํารองทกุ ขจะนาํ หลักเกณฑก ารจดบันทึกคํารองทกุ ข ที่กาํ หนดไวต ามมาตรา ๑๒๔/๑ ประกอบ มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคแรกมาใชเ ม่ือผเู สียหายที่เปนเด็กรองขอ (ธานศิ เกศวพิทกั ษ, ๒๕๕๗) ๒) พนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับคํารองทุกขจะตอง ปฏบิ ตั ิตามที่มาตรา ๑๓๓ ทวิ กาํ หนดกลา วคือ (๑) จะตองแยกกระทําเปน สว นสดั ในสถานทท่ี ี่เหมาะสมสําหรบั เด็ก (๒) ตองจัดใหมีกลุมสหวิชาชีพ คือ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห บุคคล ท่ีผูเสียหาย ซึ่งเปนเด็กรองขอ และพนักงานอัยการรวมอยูดวยในการจดบันทึกคํารองทุกข โดยมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคสอง กาํ หนดใหเ ปน หนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวน ทจ่ี ะตอ งแจง ใหน กั จติ วทิ ยา หรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลท่เี ด็กรองขอ และพนกั งานอยั การทราบ ในกรณีจําเปนเรงดวนอยางย่ิงซ่ึงมีเหตุอันควร ไมอาจรอบุคคลในกลุมสหวิชาชีพ หรือบุคคลทเ่ี ดก็ รอ งขอ เขา รว มในการถามปากคาํ พรอมกนั ได มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหา ใหพ นกั งาน สอบสวนถามปากคํา โดยมีบุคคลใดบุคคลหน่ึง ดังที่กลาวมาขางตนอยูรวมก็ได แตตองบันทึกเหตุท่ี ไมอาจรอบุคคลอ่ืนไวในสํานวนการสอบสวน และมิใหถือวาการถามปากคําผูเสียหายหรือพยาน ซึง่ เปนเดก็ ในกรณดี ังกลาวท่ีไดก ระทาํ ไปแลว ไมชอบดวยกฎหมาย ขอ สงั เกต ในกรณีที่ไมอาจรอบุคคลในกลุมสหวิชาชีพหรือบุคคลที่เด็กรองขอนั้น ในมาตรา ๑๒๔/๑ ไดบัญญัติไวต อนทายวา “.....เวนแตมีเหตุจําเปนไมอาจหาหรือรอนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห บุคคลท่ีเด็กรองขอและพนักงานอัยการได และเด็กไมประสงคจะใหมีหรือรอบุคคลดังกลาวตอไป ท้ังน้ี ใหผูรับคํารองทุกขตามมาตรา ๑๒๓ หรือมาตรา ๑๒๔ แลว แตก รณี บนั ทึกเหตดุ งั กลาวไวใ นบนั ทึกคาํ รอ งทุกขด ว ย” จากมาตราดังกลาว แสดงวา กฎหมายยอมยกเวนใหผูรับคํารองทุกขมีอํานาจจดบันทึกคํารองทุกขในกรณีมีเหตุ จําเปน ไมอาจหาหรือรอบุคคลในกลุมสหวิชาชีพใหครบถวนทุกประเภทได กลาวคือ ตองเปนกรณีเด็กไมประสงคจะใหมี หรอื ไมประสงคจะรอบุคคลดงั กลา วตอไป ดังน้ัน หากเด็กยังประสงคจะใหมีหรือรอบุคคลดังกลาว ผูรับคํารองทุกขตองปฏิบัติตามเง่ือนไขท่ีกฎหมายกําหนด อยา งไรก็ตาม การทีก่ ฎหมายยอมรับความประสงคของผเู สียหายที่เปนเดก็ อายไุ มเกิน ๑๘ ป ทไ่ี มตอ งการใหมหี รือรอบคุ คล ทกี่ ฎหมายกาํ หนด จะใชเ ฉพาะเรอ่ื ง การจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ข ในคดที ผ่ี เู สยี หายเปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ตามมาตรา ๑๒๔/๑ เทา นนั้ แตห ากเปน กรณที พี่ นกั งานสอบสวนถามปากคาํ ผเู สยี หายหรอื พยานตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนงึ่ หรอื ถามปากคาํ ผูตองหาที่เปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป ตามมาตรา ๑๓๔/๒ ประกอบมาตรา ๑๓๓ ทวิ พนักงานสอบสวนตองปฏิบัติตาม มาตรา ๑๓๓ ทวิ อยา งเครง ครัด จะปฏิบัตติ ามความตองการของเด็กไมได (ธานศิ เกศวพทิ กั ษ, ๒๕๕๗)
๔๑ ๓) ในการถามปากคําผูเสียหายหรือพยานซ่ึงเปนเด็ก หากนักจิตวิทยาหรือ นกั สงั คมสงเคราะหเ หน็ วา การถามปากคาํ เดก็ คนใดหรอื คาํ ถามใด อาจมผี ลกระทบกระเทอื นตอ จติ ใจ เด็กอยางรุนแรง ใหพนักงานสอบสวนถามผานนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะหเปนการเฉพาะ ตามประเด็นคําถามของพนักงานสอบสวน โดยมิใหเด็กไดยินคําถามของพนักงานสอบสวน และ หามมิใหถ ามเดก็ ซ้ําซอ นหลายครงั้ โดยไมมีเหตุอันสมควร ๔) เปน หนา ทขี่ องพนกั งานสอบสวนทจ่ี ะตอ งแจง ใหน กั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเี่ ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การทราบ และแจง สทิ ธดิ งั กลา วขา งตน ใหผ เู สยี หายหรอื พยานทเี่ ปน เดก็ ทราบ ๕) หากผูเสียหายหรือพยานท่ีเปนเด็ก ไมพอใจ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห หรอื พนกั งานอยั การทเี่ ขา รว มในการจดบนั ทกึ นนั้ ผเู สยี หายหรอื พยานทเี่ ปน เดก็ ตง้ั รงั เกยี จได ซง่ึ มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคสาม ไดระบุไว แตมิไดระบถุ ึงหลักเกณฑหรอื สาเหตใุ นการต้ังรงั เกยี จ เพียงแตระบุให เปล่ยี นตวั บคุ คลดงั กลาว ดงั นน้ั จึงควรคํานึงถงึ ความพอใจและสบายใจของเดก็ เปน สําคัญ ขอสังเกต (๑) โดยทวั่ ไป ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ไดก าํ หนดใหผ แู ทนโดยชอบธรรม มอี าํ นาจจดั การแทน ผเู สยี หาย ซง่ึ เปน ผเู ยาวไ ด หากเปน กรณคี วามผดิ ทไี่ ดก ระทาํ ตอ ผเู ยาวซ งึ่ อยใู นความดแู ล และผแู ทนโดยชอบธรรมทมี่ อี าํ นาจจดั การ แทนผเู สยี หายซง่ึ เปน ผเู ยาวต ามมาตรา ๕(๑) เชน วา น้ี ยอ มมอี าํ นาจรอ งทกุ ขแ ทนผเู สยี หายทเ่ี ปน ผเู ยาวไ ดต ามมาตรา ๓(๑) หากเปน กรณที ผ่ี แู ทนโดยชอบธรรมใชอ าํ นาจจดั การแทนตามมาตรา ๕(๑) ประกอบ มาตรา ๓(๑) รอ งทกุ ขแ ทนผเู สยี หายทเี่ ปน เดก็ พนกั งาน สอบสวนยอ มไมอ ยใู นบงั คบั ทจี่ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๒๔/๑ กลา วคอื พนกั งานสอบสวนไมต อ งนาํ บทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหน่ึง วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบังคับโดยอนุโลมแกการจดบันทึกคํารองทุกขของผูแทนโดยชอบธรรมแตอยางใด ทงั้ น้ี เพราะวตั ถปุ ระสงคห ลกั ของการแกไ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๑๒๔/๑ กค็ อื มงุ ประสงคจ ะคมุ ครองเดก็ ทเ่ี ขา สกู ระบวนการยตุ ธิ รรม ไมวา จะในฐานะเปน ผเู สียหาย ผูต อ งหา หรอื พยาน มิใหเ ดก็ ไดร ับผลกระทบจากกระบวนการยตุ ธิ รรม หรอื ปองกนั มใิ หมีการ กระทาํ การใดๆ อนั อาจเปน การซาํ้ เตมิ จติ ใจเด็ก ดังนัน้ มาตรา ๑๒๔/๑ ทเ่ี พิ่มเตมิ ขน้ึ ใหมน ้ี จงึ ไมอ าจนาํ ไปใชบงั คับแกก รณี ผแู ทนโดยชอบธรรมใชอ าํ นาจจดั การแทนตามมาตรา ๕(๑) ประกอบมาตรา ๓(๑) รอ งทกุ ขแทนผูเสยี หายท่เี ปนผเู ยาว ซงึ่ อยู ในความดูแลได หากแตจ ะมผี ลใชบ ังคบั สําหรบั กรณีทผี่ ูเ สยี หายเปน เดก็ อายุไมเ กนิ ๑๘ ป ซ่ึงเปน ผูเสยี หายโดยตรงรอ งทกุ ข ดวยตนเองเทา นน้ั และมาตรา ๑๒๔/๑ นี้ใชบังคับท้ังท่ีเปนการรองทุกขตอพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๑๒๓ และกรณีที่ ผเู สียหายรองทุกขตอพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ตามมาตรา ๑๒๔ (ธานิศ เกศวพทิ ักษ, ๒๕๕๗) (๒) การนับอายุของผูเสียหายที่เปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ปนั้น จะใชหลักเกณฑอยางไรในเร่ืองนี้ นายธานิศ เกศวพทิ ักษ รองประธานศาลฎกี า ไดใหความเหน็ วา “เจตนารมณข องมาตรา ๑๒๔/๑ ทเ่ี พิม่ เตมิ ใหมทีม่ ุงประสงคจ ะคุมครอง ผูเสียหายที่เปนเด็กที่เขาสูกระบวนการยุติธรรม มิใหเด็กไดรับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมหรือปองกันมิใหมีการ กระทําใดๆ อันอาจเปนการซํ้าเติมจิตใจเด็กแลว ก็นาจะตองนับอายุของผูเสียหายท่ีเปนเด็กจนถึงวันท่ีผูเสียหายท่ีเปนเด็ก รองทุกข ดังนั้นแมในวันท่ีมีการกระทําความผิด ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กยังมีอายุไมเกิน ๑๘ ป แตในวันที่ผูเสียหายรองทุกข ผูเสยี หายมอี ายเุ กิน ๑๘ ปแลว กรณไี มนาจะตอ งดวยหลกั เกณฑต ามมาตรา ๑๒๔/๑” (ธานิศ เกศวพทิ ักษ, ๒๕๕๗) (๓) หลักเกณฑม าตรา ๑๒๔/๑ คาํ นึงถงึ วฒุ ิภาวะของผเู สียหายซึง่ เปนเด็ก โดยใชเ กณฑอ ายไุ มเ กิน ๑๘ ปเ ทา นน้ั หาใชหลกั เรื่อง “ผูเยาว” หรือ “ผบู รรลนุ ติ ิภาวะ” ไม ดงั เห็นไดจ าก บันทึกสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบรางพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมาย วธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ที.่ ..) พ.ศ. ... เร่ืองเสรจ็ ที่ ๔๔๐/๒๕๕๐ หนา ๖ มีขอสงั เกตของสํานักงานอัยการสงู สดุ เก่ียวกับ เจตนารมณข องการแกไ ขเพมิ่ เตมิ มาตรา ๑๒๔/๑ ตามพระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ.๒๕๕๐ มขี อ ความตอนหนง่ึ วา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132