Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รักษาความปลอดภัย(TN)

รักษาความปลอดภัย(TN)

Published by thanatphat2606, 2020-04-26 08:31:07

Description: รักษาความปลอดภัย(TN)

Keywords: รักษาความปลอดภัย(TN)

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน วิชา การรกั ษาความปลอดภยั ปป. (CP) ๒๑๔๐๓ ร้อยตำรวจเอก ธนทั พัชร์ นวลศรี อาจารย(์ สบ๑)กลมุ่ งานอาจารย์ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค ๙ กลุม่ งานอาจารย์ ศนู ยฝ์ กึ อบรม ตำรวจภธู รภาค ๙ พ.ศ.๒๕๖๓ คาํ นาํ

เอกสารประกอบการสอนราย วิชา การรักษาความปลอดภัย ปป. (CP) ๒๑๔๐๓ หมวดวิชา การการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ เป็นรายวิชาท่ีสํานักงานตํารวจ แห่งชาติได้จัดให้มีการเรียนการสอนไว้ซึ่งในห้วงท่ีผ่านมาได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง จําเป็นต้องศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลและจัดทําเอกสารประกอบการสอนท่ีมีเน้ือหาถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน ตามขอบเขต รายวิชาของหลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ ในการจัดทําเอกสารประกอบการสอนน้ี นอกจากเป็นการ รวบรวมเรียบเรียงเนื้อหาในส่วนท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมให้เป็นปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการเขียนในลักษณะท่ีมีข้อมูล ประกอบ เชิงบรรยายเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ สามารถใช้ประกอบการเรียนการสอน และอ้างอิง ซ่ึงเน้ือหาบางส่วนเรียบเรียงจากประสบการณ์ในการทํางานของผู้เขียนและจาก การศึกษาค้นคว้าระเบยี บ ตําราวชิ าการตา่ ง ๆ เอกสารประกอบการสอนฉบบั น้ีมีเนื้อหาตามขอบเขตรายวิชาของหลกั สูตรนักเรียนนายสบิ ตํารวจ ประกอบด้วย บทท่ี ๑ การรักษาความปลอดภัย บทท่ี ๒ การรักษาความปลอดภัยสถานที่ บทท่ี ๓ การรักษา ความปลอดภยั บคุ คลสำคญั บทที่ ๔ การรกั ษาความปลอดภยั เอกสาร หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่าเอกสารประกอบการสอนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สาํ หรับนกั เรยี นนายสบิ ตํารวจ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ข้าราชการตํารวจและผู้สนใจ หากมีข้อแนะนําเพิ่มเติมกรุณาแจ้งผู้เขียน ทราบเพ่ือเปน็ ข้อมูลในการแก้ไขปรบั ปรงุ และพฒั นาให้มีความถูกต้องสมบรู ณย์ ่ิงขึน้ ในโอกาสต่อไป ร.ต.อ. ธนทั พัชร์ นวลศรี (ธนัทพัชร์ นวลศรี)

สารบญั หนา้ คำนำ.......................................................................................................................................................... (ก) สารบัญ....................................................................................................................................................... (ข) ประมวลการสอนประจำวิชา..................................................................................................................... (ค) แผนเอกสารการสอนประจำ บทท่ี ๑........................................................................................................ ๑ บทท่ี ๑ การรักษาความปลอดภยั ............................................................................................................... ๓ การบริหารจดั การด้านการรกั ษาความปลอดภยั ........................................................................... ๔ การจัดทำแผนการรกั ษาความปลอดภัย……………………………………………………………................… ๑๓ หน่วยงานที่เป็นองคก์ ารรักษาความปลอดภัย.............................................................................. ๑๗ มาตรฐานการรักษาความปลอดภัย.............................................................................................. ๒๐ แบบฝกึ หดั ................................................................................................................................... ๒๗ เอกสารอ้างองิ .............................................................................................................................. ๒๗ แผนเอกสารการสอนประจำ บทท่ี ๒………………………………………………………..………………..................… ๒๘ บทที่ ๒ การักษาความปลอดภัยสถานที่.................................................................................................... ๓๐ หลกั การรกั ษาความปลอดภยั สถานท่ี.......................................................................................... ๓๐ แนวทางการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยสถานท่…ี ………….............…………………...............…. ๓๒ ขนั้ ตอนการรกั ษาความปลอดภยั สถานท่ี..................................................................................... ๓๓ มาตรการการรักษาความปลอดภยั สถานที่.................................................................................. ๓๔ การจดั ระบบการรกั ษาความปลอดภยั สถานท่…ี …………………………………….…………...............….. ๓๖ แบบฝึกหดั ................................................................................................................................... ๔๘ เอกสารอ้างองิ .............................................................................................................................. ๔๘ แผนเอกสารการสอนประจำ บทท่ี ๓………………………………………………………………………...…................. ๔๙ บทที่ ๓ การรักษาความปลอดภยั บุคคสำคญั ............................................................................................ ๕๑ ประเภทของบุคคลสำคญั ............................................................................................................. ๕๑ ความรบั ผิดชอบของสว่ นราชการ…………………………………………………….………………...............…. ๕๕ แนวทางการประสานการปฏิบัตใิ นการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคญั .................................... ๕๖ การวางแผนการปฏิบตั ใิ นการรักษาความปลอดภยั บคุ คลสำคัญ.................................................. ๖๐ ยทุ ธวธิ กี ารรกั ษาความปลอดภัยบุคคลสำคญั V.I.P. PROTECTION………………..….…................ ๖๓ การรกั ษาความปลอดภยั ในขณะเดนิ ทางด้วยเทา้ รูปแบบการวางกำลัง........................................ ๖๘ การรักษาความปลอดภยั บคุ คลสำคัญเมอ่ื ปราศรัยบนเวที........................................................... ๘๓ รปู ขบวนเมือ่ นำบุคคลสำคัญข้ึนรถยนต์และลงรถยนต์................................................................ ๘๔ รูปแบบการจัดขบวนการรักษาดวามปลอดภัยบนรถยนตป์ ระกอบอาวธุ เมื่อมีความเสย่ี ง............ ๙๐ การสำรวจสถานทข่ี ้างตน้ ............................................................................................................. ๙๕ การตรวจค้น................................................................................................................................. ๙๗ สาเหตขุ องการประทษุ รา้ ย (Causes of Assassination)…………………………………..................…. ๙๙ กรรมวิธดี ำเนินการของผูป้ ระทุษร้าย.......................................................................................... ๑๐๐

สารบญั (ตอ่ ) แบบฝกึ หัด.................................................................................................................................. ๑๐๓ เอกสารอ้างอิง............................................................................................................................. ๑๐๓ แผนเอกสารการสอนประจำบทที่ ๔....................................................................................................... ๑๐๔ บทท่ี ๔ การรักษาความปลอดภัยเอกสาร................................................................................................ ๑๐๖ ระเบยี บว่าดว้ ยการรักษาความลบั ของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๔................................................. ๑๐๗ วิธดี ำเนินการรักษาความลบั ของทางราชการตาม พรบ.รักษาความลบั ...................................... ๑๐๘ วิธปี ฏิบตั ทิ ส่ี ำคญั ท่ีกำหนดไว้ในระเบยี บการรักษาความลับ........................................................ ๑๐๙ การรักษาความปลอดภยั เอกสารของบุคคลสำคัญ...................................................................... ๑๑๕ แบบฝกึ หัด.................................................................................................................................. ๑๑๗ เอกสารอ้างอิง............................................................................................................................. ๑๑๗ บรรณานุกรม........................................................................................................................................... ๑๑๘

ประมวลการสอนประจำวิชา รายวิชา การรกั ษาความปลอดภัย รหัสวชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๓ จำนวนชว่ั โมง ทฤษฎี 14 ช่วั โมง ปฏิบตั ิ 18 ชัว่ โมง ๓๒ ชวั่ โมง ราชื่อผูส้ อน ร.ต.อ.ธนัทพชั ร์ นวลศรี อาจารย์(สบ1) กลุ่มงานอาจารย์ ศูนย์ฝกึ อบรมตำรวจภูธรภาค ๙ คำอธิบายรายวิชา คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัยสถานท่ี ระเบยี บปฏิบตั ิเก่ียวกับการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี ข้นั ตอนการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี การรักษาความปลอดภัยบุคคลระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบุคคล ขั้นตอนการปฏิบัติ ในการรักษาความปลอดภัยบุคคล การรักษาความปลอดภัยเอกสารระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรักษาความ ปลอดภยั เอกสาร ข้นั ตอนปฏิบัติในการรกั ษาความปลอดภยั เอกสาร จุดประสงคใ์ นการเรยี นการสอน ๑. มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและความจำเป็นท่ีต้องจัดทำ ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ๒. ดำเนินการและปฏิบตั ิตามคำแนะนำของมาตรฐานการรกั ษาความปลอดภยั ทก่ี ำหนดไว้ ๓. ควบคุม กำกับและดูแลระบบการรักษาความปลอดภัย ตลอดจนทบทวนปรับปรุง ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์และส่ิงแวดลอ้ มให้มปี ระสิทธิภาพอยู่เสมอ ๔. ผู้เรยี นรูห้ ลักการรกั ษาความปลอดภยั สถานที่ ๕. ผ้เู รยี นร้รู ะบบการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานท่ี ๖. ผู้เรียนสามารถปฏิบตั หิ น้าท่ีตามมาตรการการรักษาความปลอดภยั สถานที่สำคญั ได้ ๗. ผูเ้ รยี นรขู้ ัน้ ตอนการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี ๘. ผู้เรียนสามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทก่ี ารตรวจสอบการตรวจคน้ สถานท่ีลว่ งหนา้ ได้ ๙. ผ้เู รียนรูเ้ รอื่ งการรกั ษาความปลอดภยั บคุ คล ๑๐. ผ้เู รียนสามารถอธิบายการรกั ษาความปลอดภยั บุคคลไดถ้ ูกตอ้ ง ๑๑. ผ้เู รียนสามารถปฏิบัติการรักษาความปลอดภยั บคุ คลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ๑๒. ผู้เรียนมีความรูก้ ารรกั ษาความปลอดภยั เอกสาร ๑๒. ผเู้ รยี นสามารถอธิบายการรกั ษาความปลอดภยั เอกสารได้ ๑๔. ผเู้ รยี นสามารถปฏิบัตหิ นา้ ทกี่ ารรกั ษาความปลอดภัยเอกสารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามเขม้ แข็งทางดา้ นรา่ งกายและจิตใจพร้อมต่อการปฏิบัตงิ านทเี่ ส่ียงภยันตราย 2. มกี ารพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง 3. ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนและคำส่ังของผู้บังคับบัญชาตามอำนาจหน้าที่ รักษาวินยั และการปฏิบัติตนอยใู่ นระเบียบ 4. สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกทางกาย เม่ือต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำทง้ั ในภาวะปกติ หรอื ในสภาวะทีก่ ดดันคบั ขนั หรอื เสย่ี งภยั 5. รู้เท่าทันอารมณ์ตนเองและหลีกเล่ียงสถานการณ์ท่ีอาจทำให้ตนเองแสดงพฤติกรรม ทไี่ ม่ถกู ต้องเหมาะสม

เนื้อหารายวิชา แผนการสอนประจำบทที่ ๑ ๔ ชว่ั โมง - การบรหิ ารจัดการด้านการรักษาความปลอดภัย - การจดั ทำแผนการรักษาความปลอดภยั - หนว่ ยงานที่เปน็ องค์การรกั ษาความปลอดภยั - มาตรฐานการรักษาความปลอดภัย แผนการสอนประจำบทที่ ๒ ๖ ช่ัวโมง - หลกั การรกั ษาความปลอดภัยสถานที่ - แนวทางการปฏิบัติการรักษาความปลอดภยั สถานท่ี - การจดั ระบบการรักษาความปลอดภัยสถานที่ - มาตรการการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี - ขนั้ ตอนการรักษาความปลอดภัยสถานที่ - การตรวจสอบการสำรวจสถานทสี่ ว่ นล่วงหนา้ แผนการสอนประจำบทท่ี ๓ ๑๘ ชั่วโมง - ประเภทของบุคคลสำคัญ - ความรบั ผดิ ชอบของส่วนราชการ - แนวทางการประสานการปฏิบตั ิในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ - ยทุ ธวิธีการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ V.I.P. PROTECTION - การรกั ษาความปลอดภยั ในขณะเดินทางด้วยเท้า - การรักษาความปลอดภยั บุคคลสำคัญเมื่อปราศรยั บนเวที - รปู ขบวนเม่ือนำบุคคลสำคัญขึน้ รถยนต์และลงรถยนต์ - รปู แบบการจดั ขบวนการรักษาดวามปลอดภยั บนรถยนต์ประกอบอาวธุ เมื่อมีความเส่ยี ง - การสำรวจสถานท่ขี ้างต้น - การตรวจค้น - สาเหตขุ องการประทุษรา้ ย (Causes of Assassination) - กรรมวิธีดำเนินการของผปู้ ระทษุ รา้ ย แผนการสอนประจำบทท่ี ๔ ๔ ชว่ั โมง - ระเบยี บวา่ ด้วยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๔ - วิธดี ำเนินการรักษาความลับของทางราชการตาม พรบ.รักษาความลบั - วธิ ปี ฏบิ ตั ิทส่ี ำคญั ท่กี ำหนดไว้ในระเบยี บการรักษาความลับ - การรกั ษาความปลอดภยั เอกสารของบคุ คลสำคัญ

วิธีการสอนและกจิ กรรม ๑. การนาํ เขา้ สบู่ ทเรยี น ผู้สอนนําข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากส่ือมวลชนทุกแขนงจากภาพและคลิป ในรายการ ต่างๆ ท่ีน่าสนใจเกี่ยวกับข้าราชการตํารวจและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย มาใช้ประกอบในการนําเข้าสู่บทเรียนและสุ่มให้ผู้เรียนเล่าประวัติของตํารวจส้ัน ๆ พร้อมทั้งให้เล่า ประสบการณ์ของตนเองท่ีเกี่ยวข้องกับการรักษความปลอดภัยในช่วงเวลาท่ีเคยประสบมาและให้แสดง ความรู้สึกทไี่ ด้รับการบรรจเุ ข้ารับราชการเป็นข้าราชการตาํ รวจให้ทาํ แบบฝึกหดั เพื่อประเมินผลก่อนเรียนโดยมี วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพ่ือนํามาปรับเข้ากับหัวข้อในชั่วโมง เรียน ๒. การจดั กจิ กรรม ๒.๑ ผู้สอนบรรยายและจัดกิจกรรมใหผ้ ู้เรียนมีสว่ นรว่ มในเนื้อหาแต่ละเร่อื งพร้อมยกตัวอยา่ ง ข้อเทจ็ จริงทเ่ี กย่ี วขอ้ งตามทก่ี ําหนดไว้ในแผนการสอนเพือ่ ใหผ้ ลการสอนเป็นไปตามจุดมงุ่ หมายทว่ี างไว้ ๒.๒ ผสู้ อนตั้งปัญหาใหผ้ ้เู รยี นวินิจฉัยเป็นรายบุคคลและส่วนรวมเพ่อื ให้รจู้ กั คิด วเิ คราะห์และ วิจารณ์เนื้อหาท่ีเรียน ด้วยการนําเทคนิควิธีการต่างๆ เพ่ือให้ผู้เรียนสนใจและติดตามการสอนตลอดเวลาและ เช่อื มโยงกับวิชาอ่นื ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกบั เนอ้ื หาเพ่อื ใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถบูรณาการความคิดได้ ๒.๓ ผู้สอนมอบหมายภารกิจให้ผู้เรียนไปเตรียมการสําหรับการเรียนการสอนครั้งต่อไป โดยให้ผู้เรียนอ่านระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๕๒ มาล่วงหน้า ๒.๔ ผู้สอนต้ังคําถามเพ่ือประเมินความรู้ด้วยการทําแบบฝึกหัดหลังเรียนและสรุปเนื้อหาที่ เรียนพร้อมทงั้ สอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมท่ขี ้าราชการตํารวจควรปฏบิ ตั ิ ๒.๕ ผูส้ อนแนะนาํ แหลง่ ขอ้ มูลท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ เพม่ิ เติม ๒.๖ ประเมินความพงึ พอใจตอ่ คณุ ภาพการสอนและส่งิ สนบั สนนุ การเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน ๑. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ โปรเจค็ เตอร์ จอภาพ ทวี ี เคร่อื งขยายเสียง ๒. คู่มอื ตาํ รวจ ๓. เอกสารประกอบการสอน ๔. วดิ ทิ ศั น์ท่ีเก่ียวขอ้ ง ๕. ภาพประกอบทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 5. สอื่ นาํ เสนอในรูปแบบ PowerPoint media ๖. เว็บไซตท์ ่เี ก่ยี วข้อง ๗. เอกสารเก่ียวกับกฎหมาย คําสงั่ และระเบยี บที่เกี่ยวขอ้ ง

การวดั ผล ๑.แผนการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.๑ สังเกตความตั้งใจและความสนใจของผู้เรยี นตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็นในเนื้อหา ท่เี รียน ๑.๒ สงั เกตจากการรบั รู้และการใส่ใจตอ่ บทเรยี นภายในห้องเรียน ๑.๓ สังเกตการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมท่อี าจารยม์ อบให้ ๑.๔ ประเมินผลจากการทดสอบในช่วั โมงเรียนเพ่ือเป็นคะแนนเกบ็ ๒. สัดส่วนของการประเมิน ๒.๑ สงั เกตความตั้งใจและความสนใจของผเู้ รยี นที่มาเรียนครบ ๑๐ % ๒.๒ สงั เกตการตอบคําถามและการแสดงความคดิ เหน็ ๕% ๒.๓ สงั เกตการมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมท่ีอาจารย์มอบหมาย ๕% ๒.๔ ประเมนิ ผลจากรายงานและผลการสอบปลายภาคการศกึ ษา ๘๐ % ผเู้ รียนตอ้ งสอบได้คะแนนไม่นอ้ ยกวา่ ๕๐ % ๓.ระดบั คะแนนและความหมาย ระดับคะแนน A ๑๐๐= คะแนน ๘๐ ถงึ ระดับคะแนน B+ = คะแนน 75 ถึง 79 ระดบั คะแนน B = คะแนน 70 ถึง 74 ระดับคะแนน C+ = คะแนน 65 ถึง 69 ระดบั คะแนน C = คะแนน 60 ถงึ 64 ระดบั คะแนน D+ = คะแนน 55 ถงึ 59 ระดบั คะแนน D = คะแนน 50 ถึง 55 ระดบั คะแนน F = ตัง้ แต่ 49 ลงไป โดยระดบั คะแนนเปน็ แต้มระดบั คะแนน ดังน้ี ระดบั คะแนน A = แตม้ ระดบั คะแนน ๔ ระดบั คะแนน B+ = แต้มระดบั คะแนน 3.5 ระดับคะแนน B = แต้มระดบั คะแนน 3 ระดับคะแนน C+ = แตม้ ระดบั คะแนน 2.5 ระดับคะแนน C = แต้มระดับคะแนน 2 ระดบั คะแนน D+ = แตม้ ระดับคะแนน 1.5 ระดบั คะแนน D = แต้มระดบั คะแนน 1.0 ระดับคะแนน F = 0 การใหโ้ อกาสนอกเวลาเรียนแก่ผ้เู ขา้ พบและใหค้ ำแนะนำดา้ นการเรยี นและปรกึ ษา อาคาร ศฝร.ภ.๙ ห้องกลุ่มงานอาจารย์ ศฝร.ภ.๙ ชัน้ ๔ โทรศพั ท์ 08 9877 4877 E-mail : Thanatphat2606 @ gmail.com Facebook : https://www.facebook.com/TheREDthanatphat. Line : pol.thanatphat

แผนเอกสารประกอบการสอนประจำบทที่ ๑ หัวข้อเร่อื ง การรักษาความปลอดภัย รายละเอยี ดของเร่ือง ๑. การบรหิ ารจดั การดา้ นการรักษาความปลอดภยั ๒. การจดั ทำแผนการรกั ษาความปลอดภัย ๓. หนว่ ยงานท่เี ป็นองค์การรักษาความปลอดภัย ๔. มาตรฐานการรกั ษาความปลอดภัย ช่วั โมงทส่ี อน ๔ ชั่วโมง กจิ กรรมการเรยี นการสอน ๑. การนําเขา้ สู่บทเรียน ผู้สอนนําข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากสื่อมวลชนทุกแขนงจากภาพและคลิ ปใน รายการต่างๆ ท่ีนา่ สนใจเกยี่ วกับขา้ ราชการตํารวจและการปฏิบตั ิหน้าทีข่ องเจ้าหน้าท่ีรกั ษาความปลอดภยั มา ใช้ประกอบในการนาํ เข้าสู่บทเรียน และสุ่มใหผ้ ู้เรยี นเล่าประวตั ิของตํารวจสั้น ๆ พร้อมทั้งให้เล่าประสบการณ์ ของตนเองท่ีเกี่ยวข้องกับการรักษความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และให้แสดงความรู้สึกที่ได้รับการบรรจุเข้ารับ ราชการเป็นข้าราชการตํารวจและให้ทําแบบฝกึ หัดเพ่ือประเมินผลกอ่ นเรียน โดยมีวัตถุประสงค์ เชงิ พฤตกิ รรม เพอ่ื ให้ผู้เรียนไดเ้ ขา้ ใจถงึ ข้อเทจ็ จริงต่าง ๆ เพอ่ื นาํ มาปรับเข้ากับหัวข้อในชั่วโมงเรียน ๒. การจัดกิจกรรม ๒.๑ ผู้สอนบรรยายและจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในเน้ือหาแต่ละเร่ืองพร้อม ยกตัวอย่างข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องตามที่กําหนดไว้ในแผนการสอนเพื่อให้ผลการสอนเป็นไปตาม จุดมุ่งหมายท่ี วางไว้ ๒.๒ ผู้สอนต้ังปัญหาให้ผู้เรียนวินิจฉัยเป็นรายบุคคลและส่วนรวม เพ่ือให้รู้จักคิด วเิ คราะห์และวิจารณ์เนื้อหาที่เรียน ดว้ ยการนําเทคนิควิธกี ารต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรยี นสนใจและติดตาม การ สอนตลอดเวลาและเช่ือมโยงกบั วิชาอน่ื ๆ ทเ่ี ก่ียวข้องกบั เนอ้ื หาเพื่อให้ผเู้ รยี นสามารถบรู ณาการความคิดได้ ๒.๓ ผู้สอนมอบหมายภารกิจให้ผู้เรียนไปเตรียมการ สําหรับการเรียนการสอนครั้ง ตอ่ ไป โดยใหผ้ ู้เรียนอ่านคําอธิบายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการรกั ษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๕๒ การรักษาความปลอดภัยมาลว่ งหน้า ๒.๔ ผู้สอนต้ังคําถามเพื่อประเมินความรู้ ด้วยการทําแบบฝึกหัดหลังเรียนและสรุป เนือ้ หาท่ีเรยี นพร้อมทัง้ สอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมที่ขา้ ราชการตํารวจควรปฏิบตั ิ ๒.๕ ผูส้ อนแนะนาํ แหล่งขอ้ มูลทจี่ ะศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติม ๒.๖ ประเมินความพงึ พอใจตอ่ คณุ ภาพการสอนและสง่ิ สนบั สนนุ การเรียนรู้

สอ่ื การสอน๑. เครื่องคอมพวิ เตอร์ โปรเจ็คเตอร์ จอภาพ ทีวี เครือ่ งขยายเสยี ง ๒. คู่มอื ตาํ รวจ ๓. เอกสารประกอบการสอน ๔. วดิ ิทศั น์ท่ีเก่ยี วข้อง ๕. ภาพประกอบทีเ่ ก่ียวข้อง 5. สอ่ื นําเสนอในรูปแบบ PowerPoint media ๖. เวบ็ ไซตท์ เ่ี ก่ยี วข้อง ๗. เอกสารเกีย่ วกับกฎหมาย คําส่งั และระเบียบทเี่ กี่ยวขอ้ ง แผนการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. สมรรถนะหลัก ๑.๑ ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับ การบริหารจัดการด้านการรักษ าความปลอดภั ย โดย สามารถวนิ ิจฉัยแยกแยะ เปรียบเทียบและอธิบายความร้ดู ังกลา่ วได้ถกู ต้อง ๑.๒ ผู้เรียนมีความเข้าใจเก่ียวกับการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยสามารถเข้าใจและ จดั ทำแผนได้ถกู ตอ้ ง ๑.๓ ผู้เรียนมีความเข้าใจเก่ียวกับการมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสามารถมีความ เขา้ ใจและทำงานไดถ้ ูกต้อง ๑.๔ ผู้เรียนมีทักษะในการนําความรู้ที่ได้เรียนไปปรับใช้ในการปฏิบัติหน้าท่ีในส่วนที่ เกี่ยวขอ้ งได้อยา่ งถูกต้อง ๒. วิธีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๒.๑ สังเกตความตั้งใจและความสนใจของผู้เรียน ตอบคําถามและการแสดงความ คิดเห็น ในเน้อื หาที่เรียน ๒.๒ สังเกตจากการรับรูแ้ ละการใส่ใจตอ่ บทเรยี น ภายในหอ้ งเรยี น ๒.๓ สงั เกตการมีสว่ นร่วมในกิจกรรมทอ่ี าจารย์มอบให้ ๒.๔ ประเมนิ ผลจากการทดสอบในชวั่ โมงเรียนเพือ่ เปน็ คะแนนเกบ็ ๓. สัดสว่ นของการประเมนิ ๓.๑ สงั เกตความตง้ั ใจและความสนใจของผเู้ รียนทมี่ าเรยี นครบ ๑๐ % ๓.๒ สงั เกตการตอบคาํ ถามและการแสดงความคิดเหน็ ๕% ๓.๓ สังเกตการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมท่อี าจารยม์ อบหมาย ๕% ๓.๔ ประเมนิ ผลจากรายงานและผลการสอบปลายภาคการศึกษา ๘๐ %

บทที่ ๑ การรกั ษาความปลอดภัย ประเทศไทยต้องเผชิญกับความเปล่ียนแปลงจากภัยคุกคามหลายรูปแบบท้ังภยั ธรรมชาติภัยท่เี กิด จากการกระทำของมนุษย์โดยทางตรงและทางอ้อม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชน หน่วยงานของรฐั และส่งผลกระทบต่อการปฏิบตั ิหนา้ ทีร่ าชการรวมท้ังทรัพย์สินของทางราชการและหน่วยงาน ของรัฐหลายแห่งได้กำหนดยุทธวิธีในการป้องกันแต่ปัญหาดังกล่าวยังไม่หมดไปซ่ึงอาจเกิดข้ึนใหม่ได้อีกโดยมี เหตุปจั จยั สถานการณ์แวดล้อมแตกตา่ งกันไป เพือ่ ให้การดำเนินการรกั ษาความปลอดภัยอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐานนบั เป็นกลยุทธ์ทสี่ ำคัญ อย่างยิ่งท่ีจะช่วยป้องกันภัยคุกคามและบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผลเป็นการ ตอบสนองต่อหลักการรกั ษาความปลอดภัยสำนักข่าวกรองแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะองค์การรกั ษา ความปลอดภยั ฝ่ายพลเรอื น จึงกำหนดมาตรฐานการรกั ษาความปลอดภยั ข้นึ เพ่ือให้หน่วยงานของฝ่ายพลเรอื น นำไปเป็นแนวทางปฏบิ ัติในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยขน้ั พ้ืนฐานในหน่วยงานของรฐั ต่อไป ภาพพระราชพิธบี รมราชาภิเษก 4 พ.ค.2562 ทม่ี า : https://www.prachachat.net/พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก/news

การบรหิ ารจัดการด้านการรกั ษาความปลอดภยั ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดให้มี องค์การรักษาความปลอดภัย ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนัก นายกรัฐมนตรี เป็น องค์การรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม เป็นองค์การรักษาความปลอดภัยฝ่ายทหารและ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เป็นองค์การรักษาความปลอดภัยฝ่ายตำรวจ โดยองค์การรักษาความปลอดภัยท้ัง ๓ ฝ่ายมี หน้าทีด่ ำเนนิ การ ดังน้ี ๑. องค์การรักษาความปลอดภัยทุกฝ่ายประสานการปฏิบัติ ประชุมร่วมกันเพ่ือจัดให้มี หลกั เกณฑว์ ธิ ีการและคำแนะนำตามระเบยี บฯ ๒. ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ กำกับดูแล ตรวจสอบ พร้อมท้ังพิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่อง การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติแก่หน่วยงานของรัฐแต่ละฝ่าย รวมถึงการอบรมบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องตาม ความจำเป็น ๓. ดำเนินการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลที่จะได้รับมอบหมายความ ไว้วางใจให้ เข้าถึงสิ่งท่ีเป็นความลับของทางราชการ บุคคลท่ีมีประวัติและพฤติการณ์น่าสงสัยและบุคคลท่ีจะได้รับ มอบหมายให้ปฏบิ ัติภารกิจหรือหนา้ ที่สำคญั ตามที่หนว่ ยงานของรฐั แต่ละฝา่ ยร้องขอ ๔. ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือการปฏิบัติตามระเบียบฯ ตามท่ีองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงส่วน ราชการสังกัดรฐั สภา องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น และหนว่ ยงานอ่นื ใดของรฐั ที่เป็นประโยชน์ในการปฏบิ ัติตาม ระเบียบฯ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวร้องขอคำแนะนำหรือข้อคิดเห็นการดำเนินการเก่ียวกับการรักษาความ ปลอดภยั ในหนว่ ยงานของรฐั หวั หน้าหนว่ ยงานของรัฐทั้งระดบั กรม เทียบเทา่ กรม และหน่วยงานยอ่ ยหรอื หนว่ ยงานสาขา มี หน้าที่จดั ใหม้ ีการดำเนินการด้านการรกั ษาความปลอดภัยในหนว่ ยงานของตน ดงั น้ี ๑. นำหลักเกณฑ์ วิธีการ และคำแนะนำไปวางแผนกำหนดวิธีปฏิบัติ โดยประสานมาตรการ การรักษาความปลอดภัยทุกเรื่องเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับบุคคล ข้อมูลข่าวสาร ลับและสถานที่ ให้เหมาะสมกับภารกิจ สถานท่ีต้ัง สภาพแวดล้อม ภัยคุกคามและระดับความเลี่ยงของ หนว่ ยงานของตน ๒. ต้องตรวจสอบมาตรการการรักษาความปลอดภยั ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในแผน ๓. แผนและมาตรการการรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานของรัฐต้องสอดคล้องกับภารกิจ ของหน่วยงานนั้น ๆ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าท่ี ต้องไม่หละหลวมจนทำให้เกิดจุดอ่อนในการ รกั ษาความปลอดภัย โดยอาจขอคำแนะนำจากองค์การรักษาความปลอดภัยท่ีมีหน้าท่ี ใหค้ ำแนะนำหน่วยงาน ของตนตามที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๔๕๒ กำหนดไว้ ๔. หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทั้งระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรือหน่วยงาน สาขา ต้องแต่งต้ังเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยเพื่อกำกับดูแลบริหารงานด้านการรักษาความ ปลอดภัยและแตง่ ต้งั ผชู้ ว่ ยได้ตามความเหมาะสม

ทมี่ า: ตำราเรียนนักเรียนนายสิบ กองบัญชาการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๑ ๕. กำกับดูแลให้เจ้าหน้าท่ีภายในหน่วยงานได้ทราบถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยของ หน่วยงานจัดให้มีการอบรมเพิ่มเติมตามโอกาสอันควร เพ่ือกระตุ้นเตือนให้เจ้าหน้าที่เห็นความสำคัญและเกิด จติ สำนึกในการรกั ษาความปลอดภยั ๖. กรณที ่ีหนว่ ยงานของรฐั ทั้งระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรอื หน่วยงานสาขา มอบหมายหรือทำสัญญาจ้างให้เอกชนดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดซ่ึงเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย เอกชนหรือคู่สัญญาต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งซาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ในเร่ืองมาตรการการรักษาความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ การกำหนดให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทั้งระดับ กรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อย หรือหน่วยงานสาขามีหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยหน่วยงานของตน รวมถึงการดำเนนิ การกำกับดูแล ในสว่ นของภาคเอกชนทม่ี าปฏบิ ตั ิงานในหนว่ ยงานเพื่อ ๖.๑ เป็นการกำหนดความรับผิดขอบโดยตรง ให้อำนาจควบคุมและสั่งการตามดุลพินิจ ท่ีเหมาะสมเพ่ือให้หัวหนา้ หน่วยงานของรฐั ทงั้ ระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานยอ่ ย ๖.๒ เป็นการควบคุมภาคเอกชนที่เข้ามาปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐทั้งระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรือหน่วยงานสาขาโดยภาคเอกชนนั้นต้องเคารพและปฏิบัติตามระเบียบ การรกั ษาความปลอดภยั ท่ีกำหนดไว้ ๖.๓ เป็นมาตรการป้องกันและป้องปรามบุคคลจากภาคเอกชน ฯ มิให้กระทำการ อันเป็นการละเมิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติพ .ศ. ๒๕๕๒ ทั้งโดยตั้งใจหรือประมาทก็ตาม ท้ังนี้การท่ีภาคเอกชนต้องรับทราบท่ีจะปฏิบัติตามระเบียบนั้นถือเป็น ประโยชน์ของหน่วยงานของรฐั เพราะเมื่อเกิดเหตุใด ๆ ก็ตามอันเป็นผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจหรือสร้าง ความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐข้ึนแล้วหน่วยงานของรัฐจะสามารถดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อ ภาคเอกชนน้นั ได้

๗. เมื่อหน่วยงานจะมอบหมายให้บุคคลเข้าถึงส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการ จะตอ้ งดำเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๗.๑ ก่อนรับรองความไว้วางใจให้มีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลผู้น้ัน ซ่ึ งอา จ ขอ ให้ องค์ กา รรั กษ า คว าม ป ล อด ภั ย ด ำเนิ น กา รต รว จ ส อบ ป ร ะวั ติ แ ล ะพ ฤ ติ ก าร ณ์ บุ คค ล ให้ ห รื อ เป็นไปตามหลักเกณฑว์ ธิ ีการทอ่ี งคก์ ารรักษาความปลอดภยั แตล่ ะฝ่ายกำหนด ๗.๒ การมอบหมายให้บุคคลเข้าถึงส่ิงท่ีเป็นความลับให้ยึดหลัก “จำกัดให้ทราบเท่าท่ี จำเปน็ ” ๗.๓ ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยหรือผู้ช่วยฯและหรือผู้บังคับบัญชา ชี้แจงให้ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมายรับทราบวา่ ตนเองจะเขา้ ถงึ ได้เฉพาะเรอ่ื งท่ไี ดร้ บั มอบหมายเทา่ น้ัน ๗.๔ ห้ามผู้ท่ีไม่ได้รับมอบหมายแอบอ้างตำแหน่งหน้าท่ีเพื่อจะเข้าถึงสิ่งท่ีเป็นความลับของ ทางราชการและได้เลือ่ นระดับการเขา้ ถึงชั้นความลบั ให้สงู ขน้ึ จากเดมิ ในการนี้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทั้งระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรือ หน่วยงาน สาขาต้องกำหนดขั้นตอนการเข้าถึงส่ิงท่ีเป็นความลับของทางราชการให้ซัดเจนเพ่ือมิให้เกิดความสบั สนในการ ปฏิบัติยกเว้นกรณีที่หน่วยงานของรัฐท่ีมีลักษณะการปฏิบัติงานพิเศษโดยจำเป็นต้องมอบหมายให้บุคคลใน สังกัดเข้าถึงส่ิงท่ีเป็นความลับของทางราชการทันทีที่บรรจุเข้ารับราชการลักษณะงานเช่นนี้จะสามารถรวม ขน้ั ตอนการเขา้ ถึงสิ่งท่ีเปน็ ความลับของทางราชการทั้ง ๒ ประเภทขา้ งต้นเขา้ ไวเ้ ป็นข้ันตอนเดียวกันได้ ผู้ที่ได้รับการรับรองความไว้วางใจและมอบหมายให้เข้าถึงส่ิงท่ีเป็นความลับของทางราชการจาก หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทั้งระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรือหน่วยงานสาขาหรือผู้ที่หัวหน้า หน่วยงานของรัฐท้ังระดับกรม เทียบเท่ากรม และหน่วยงานย่อยหรือหน่วยงานสาขามอบหมาย ให้ดำเนินการแทนผู้น้ันจะเข้าถึงสิ่งที่เป็นความลับของทางราชการได้เฉพาะส่วนท่ีได้รับมอบหมายเท่านั้น ไม่มอี ำนาจเข้าถึงสงิ่ ที่เปน็ ความลับของทางราชการในขั้นเดยี วกนั อ่นื ๆ ทีต่ นไมม่ ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งได้

ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๕๒ (ราชกิจจา นุเบกษา เลม่ ๑๒๖ ตอนพเิ ศษ ๓๙ ง ๑๓ มนี าคม ๒๕5๒ ) โดยท่ีระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๑๗ ซ่ึงเป็นระเบียบท่ี วางแนวทางปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยเก่ี ยวกับบุคคล เอกสารและสถานที่ได้ใช้บังคับ มาเป็นเวลานานแล้วและมีบทบัญญัติหลายประการท่ีไม่เหมาะสมกับกาลปั จจุบันนำรายละเอียด ในทางปฏิบัติมากำหนดไว้เกินความจำเป็นรวมทั้งระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติในการรักษาข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีเป็นเอกสารมิให้รั่วไหล มีผลใช้บังคับแล้วสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อให้การ รกั ษาความปลอดภยั แหง่ ชาติเป็นไปอย่างเหมาะสมและมปี ระสิทธภิ าพย่ิงข้นึ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรฐั มนตรีโดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒” ระเบยี บน้ใี หไ้ ขบ้ ังคบั เมื่อพ้นกำหนดเก้าสบิ วันนบั แตว่ นั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เปน็ ดน้ ไป “การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ” หมายความว่า มาตรการและการดำเนินการท่ีกำหนดขึ้น เพื่อพิทักษ์รักษาและคุ้มครองป้องกันส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการ ตลอดจนหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ ของรัฐ และทรัพย์สนิ มีคา่ ของแผ่นดิน ใหพ้ น้ จากการรว่ั ไหลการจารกรรม การก่อวนิ าศกรรม การบอ่ นทำลาย การก่อการร้าย การกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งรัฐ และการ กระทำอ่ืนใดท่ีเป็นการ เปดิ เผยสิ่งทเ่ี ป็นความลับของทางราชการ “สิ่งที่เป็นความลับของทางราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสาร บริภัณฑ์ ยุทธภัณฑ์ ท่ีสงวน การรหสั ประมวลลบั และสิง่ อ่นื ใดบรรดาท่ีถือวา่ เป็นความลับของทางราชการ “ขอ้ มูลข่าวสาร” หมายความว่า ขอ้ มูลขา่ วสารตามกฎหมายวา่ ดว้ ยขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ “บริภัณฑ์” หมายความว่า เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องกล ส่ิงอุปกรณ์ และส่ิงอ่ืนที่ กรช. ประกาศ กำหนด “ยุทธภัณฑ์” หมายความว่า สิ่งของท้ังหลายที่ใช้ประจำกาย หรือประจำหน่วยกำลังถืออาวุธ ของทางราชการและสิง่ อน่ื ท่ี กรช. ประกาศกำหนด “ท่ีสงวน” หมายความว่า (๑) ส่ิงปลูกสร้างทุกชนิดสำหรับการป้องกันประเทศ ฐานทัพบก ฐานทัพเรือ ฐานทัพอากาศ โรงงาน ทำอาวุธหรือยุทธภัณฑ์ โรงคลังแสงหรือคลังอาวุธยุทธภัณฑ์ อู่เรือรบ ท่าเรืออันใช้เป็นฐานทัพเรือ สถานีวิทยุ หรือโทรเลข หรือสถานีส่งและรับอาณัติสัญญาณรวมท้ังสถานท่ีใด ๆ ซ่ึงใช้ในการสร้างหรือซ่อมแซมเรือรบ หรืออาวุธยทุ ธภัณฑ์ หรือวัตถใุ ด ๆ สำหรบั ใช้ในการสงคราม (๒) ชุมทางรถไฟ โรงงาน และสถานท่ผี ลติ และจา่ ยนำ้ หรือกระแสไฟฟ้าอนั เป็น สาธารณปู โภค (๓) สิ่งอ่นื ที่ กรช. ประกาศกำหนด

“การรหัส” หมายความว่า การใช้ประมวลลับ หรือรหัสแทนข้อความ หรือการส่งข่าวสาร ทเี่ ปน็ ความลับ “ประมวลลับ” หมายความว่า การนำตัวอักษร ตัวเลข คำพูด สัญญาณ สัญลักษณ์มาใช้แทน ความหมายอนั แทจ้ ริงตามท่ีตกลงกนั ไว้ เพอ่ื รักษาความลับในการสง่ ข่าวหรือติดตอ่ สื่อสารระหว่างกัน “การจารกรรม” หมายความว่า การกระทำใด ๆ โดยทางลับเพื่อให้ได้ล่วงรู้หรือได้ไปหรือ ส่ ง ส่ิ ง ท่ี เป็ น ค ว า ม ลั บ ข อ ง ท า ง ร า ช ก า ร ให้ แ ก่ ผู้ ไม่ มี อ ำ น า จ ห น้ า ท่ี ห รื อ ผู้ ที่ ไม่ มี ค ว า ม จ ำ เป็ น ต้ อ ง ท ร า บ โดยมีเหตุผลที่เช่ือได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นผลร้ายต่อความม่ันคงแห่งชาติหรือความสงบเรียบร้อยภายใน หรือระบอบการปกครองหรือเสถียรภาพของรัฐบาล หรือกระทำเพื่อประโยชน์แก่รัฐต่างประเทศหรือเพื่อ ประโยชนส์ ว่ นบุคคล “การก่อวินาศกรรม” หมายความว่า การกระทำใด ๆ เพื่อทำลาย ทำความเสียหายต่อทรัพย์สนิ วัสดุ ข้อมูลข่าวสาร อาคาร สถานที่ ยุทธปัจจัย ที่สงวน สาธารณูปโภค และส่ิงอำนวย ความสะดวกหรือรบกวน ขัดขวาง แก้ไข เปล่ียนแปลง หน่วงเหนี่ยวระบบการปฏิบัติงานใด ๆ รวมท้ังการประทุษร้ายต่อบุคคล ซึ่งทำให้ เกิดความปั่นป่วนหรอื ความเสยี หายทางการเมือง การทหาร การเศรษฐกจิ และสังคมจติ วิทยา “การบ่อนทำลาย” หมายความว่า การกระทำใด ๆ ที่มุ่งก่อให้เกิดความแตกแยกความป่ันปว่ น ความ กระด้างกระเด่ืองซ่ึงนำไปสู่การก่อความไม่สงบหรือความอ่อนแอภายในชาติในทางการเมือง การทหาร การ เศรษฐกิจ และสังคมจิตวิทยาหรอื ทางหนึ่งทางใด ซ่ึงทำให้เกิดการเปล่ียนแปลงระบอบหรือลม้ ล้างสถาบันการ ปกครองของประเทศ หรือเพ่ือทำลายความจงรักภักดี ของประชาชนต่อสถาบันชาติหรือเพื่อประโยชน์แก่รัฐ ตา่ งประเทศ “การก่อการร้าย” หมายความว่า การกระทำใด ๆ ที่สร้างความปั่ นป่วนให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัวหรือเพื่อขู่เข็ญหรือบีบบังคับรัฐบาลหรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือ ละเวน้ กระทำการอยา่ งหนง่ึ อย่างใดอันกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ ชีวิตหรือทรัพย์สินทส่ี ำคัญ “ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน” หมายความว่า วัตถุ อาคาร สถานที่ หรือสิ่งอ่ืนใดท่ีมีคุณค่าต่อสภาพ จิตวิทยาของสังคม ประชาชนมีความศรัทธาและหวงแหน หากสูญหาย หรือถูกกระทำให้ได้รับความเสียหาย พังทลายหรือทำให้เกิดความเส่ือมเสียต่อชื่อเสียงและเกียรติยศแล้วจะกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของ ประชาชน และอาจส่งผลบน่ั ทอนความสงบเรยี บร้อยของประเทศ “เข้าถึง” หมายความว่า การที่บุคคลมีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ใหไ้ ด้ทราบครอบครองดำเนนิ การหรือเก็บรักษาสงิ่ ท่ีเป็นความลับของทางราชการรวมทง้ั การท่ีได้รับอนุญาตให้ อยู่ในท่ซี ่งึ นำจะได้ทราบเร่ืองท่เี ก่ยี วกับสิ่งทเี่ ป็นความลับของทางราชการนนั้ ดว้ ย “ร่ัวไหล” หมายความว่า สิ่งที่เป็นความลับของทางราชการได้ถูกครอบครองหรือได้ทราบ โดยบคุ คลผูไ้ ม่มีอำนาจหนา้ ท่ี “กรช.” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมและกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของ ฝ่ายบรหิ ารแต่ไม่รวมถงึ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่

คณะกรรมการนโยบายรักษาความปลอดภัยแห่งชาติคณะหน่ึง เรียกโดยย่อว่า“กรช” ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรที น่ี ายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (๒) เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี เป็นรองประธานกรรมการคนท่ีหนึ่ง (๓) เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี เปน็ รองประธานกรรมการคนทส่ี อง (๔) ปลดั สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ (๕) ปลดั กระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ (๖) ปลดั กระทรวงการคลัง เปน็ กรรมการ (๗) ปลัดกระทรวงการตา่ งประเทศ เปน็ กรรมการ (๘) ปลดั กระทรวงคมนาคม เปน็ กรรมการ (๙) ปลดั กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกรรมการ และการสื่อสาร เป็นกรรมการ เปน็ กรรมการ (๑๐) ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ (๑๑) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎกี า เปน็ กรรมการ เป็นกรรมการ (๑๒) เลขาธิการคณะกรรมการ เป็นกรรมการ เป็นกรรมการ ขา้ ราชการพลเรือน เปน็ กรรมการ เป็นกรรมการ (๑๓) ผู้อำนวยการสำนกั งบประมาณ (๑๔) ผู้บญั ชาการตำรวจแหง่ ชาติ เปน็ กรรมการ (๑๕) ผู้บญั ชาการทหารบก เป็นกรรมการและเลขานุการ (๑๖) ผบู้ ัญชาการทหารเรอื เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (๑๗) ผบู้ ัญชาการทหารอากาศ เปน็ กรรมการและผชู้ ่วยเลขานุการ (๑๘) เจา้ กรมขา่ วทหาร เป็นกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร (๑๙) ผ้อู ำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ (๒๐) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (๒๑) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแหง่ ชาติ (๒๒) ผบู้ ัญชาการศูนยร์ กั ษาความปลอดภัย (๒๓) ผู้บัญชาการกองบัญชาการ ตำรวจสนั ติบาล

ให้ กรช. มอี ำนาจหนา้ ท่ดี งั ตอ่ ไปน้ี (๑) กำหนดนโยบายและมาตรการการรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติ (๒) กำหนดแนวทางปฏิบัติและอำนวยการตามนโยบายและมาตรการการรักษาความปลอดภัย แหง่ ชาติ (๓) วนิ ิจฉัยปัญหาท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการปฏบิ ัติตามระเบยี บนี้ (๔) เสนอแนะการแกไ้ ขปรบั ปรงุ ระเบียบน้ีให้มีประสทิ ธภิ าพและเหมาะสมกับสถานการณ์ (๕) แต่งต้ังคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพ่ือพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหน่ึงอย่างใด ตามที่ กรช. มอบหมาย (๖) เชิญเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐหรือบุคคลท่เี ก่ียวข้องกับการดำเนินงานเก่ียวกับนโยบายและมาตรการการ รักษาความปลอดภัยแห่งชาติมาชี้แจงหรือเรียกเอกสารจากหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเพ่ือ ประกอบการพจิ ารณาไดต้ ามความจำเป็น (๗) ออกประกาศเพอื่ ปฏิบัติการตามระเบียบนี้ (๘) ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติตามท่ีคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี มอบหมาย การดำเนินกิจกรรมต่างๆของ กรช. ๑.ในการประชุมกรช. ถา้ ประธานกรรมการไม่มาประชุมหรอื ไม่อาจปฏบิ ัติหน้าท่ีได้ให้ รอง ประธานกรรมการคนท่ีหนง่ึ เป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการคนที่หน่ึง ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการคนท่ีสองเป็นประธานในท่ีประชุม ถ้า ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร แ ล ะ ร อ ง ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร ท้ั ง ส อ ง ค น ไ ม่ ม า ป ร ะ ชุ ม ห รื อ ไ ม่ อ า จ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ท่ี ได้ ให้กรรมการทมี่ าประชมุ เลอื กกรรมการคนหนง่ึ เป็นประธานในทปี่ ระชมุ ๒.การประชุมกรช. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจำนวนกรรมการท้ังหมด จึงจะเป็นองค์ประชุมการวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสยี งหนึ่ง ใน การลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากนั ใหป้ ระธานในท่ีประชุมออกเสยี งเพมิ่ ขน้ึ อีกเสยี งหนึ่งเปน็ เสียงชขี้ าด ๓.ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กรช. และให้มีอำนาจหนา้ ทีด่ งั ต่อไปน้ี (๑) ศึกษาวิจัยเชิงนโยบายพร้อมทั้งวิเคราะห์และสนธิข้อมูลติดตามและประเมินผลเกี่ยวกับการ รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (๒) สนับสนุนและประสานงานกับหน่วยงานของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประโยชนใ์ นการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (๓) พิจารณาเสนอความเห็นต่อ กรช. เก่ียวกับการให้มีกฎหมาย หรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กลไกและมาตรการตา่ ง ๆ เพื่อใหก้ ารรกั ษาความปลอดภยั เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ (๔) ปฏบิ ัติงานอ่ืนตามที่ กรช. มอบหมาย

“เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซ่ึงปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐและให้หมายความ รว ม ถึ งค ณ ะก ร ร ม ก า ร ห รื อบุ ค ค ล ซ่ึ ง มี ก ฎ ห ม า ย ให้ อำ น า จ ด ำ เนิ น ก า ร ที่ เกี่ ย ว ข้ อ งกั บ ส่ิ งที่ เป็ น ค ว าม ลั บ ของทางราชการ “เจ้าหน้าท่ีควบคุมการรักษาความปลอดภัย” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งต้ัง และมอบหมายจากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการควบคุมกำกับดูแลตลอดจน ใหค้ ำปรึกษาเก่ียวกบั การรกั ษาความปลอดภยั ของหน่วยงานน้ัน “อ งค์ ก ารรัก ษ าค ว าม ป ล อ ด ภั ย ” ห ม ายค วาม ว่า ส ำนั ก ข่ าว ก รอ งแ ห่ งช าติ สำนักนายกรัฐมนตรีหรือศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทยกระทรวงกลาโหมหรือ กองบัญชาการตำรวจสันติบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แลว้ แต่กรณี ให้หน่วยงานดังตอ่ ไปนี้ เป็นองคก์ ารรักษาความปลอดภัย (๑) สำนกั ขา่ วกรองแหง่ ชาติ สำนักนายกรัฐมนตรีเปน็ องคก์ ารรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน มี หน้าท่ีให้คำแนะนำช่วยเหลือในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติแก่หน่วยงานของรัฐฝ่ายพลเรือน และ กำกับดูแลตรวจสอบพร้อมท้ังพิจารณ าแก้ไขข้อบกพร่องเพ่ือให้ระบบการรักษาความปลอดภัยนั้นไ ด้ผล สมบูรณอ์ ยูเ่ สมอ ยกเวน้ ในสว่ นท่เี กยี่ วข้องกับการรกั ษาความปลอดภยั แก่หน่วยงานของรฐั ฝา่ ยตำรวจ (๒) ศูนย์รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทยกระทรวงกลาโหม เป็นองค์การ รักษาความปลอดภัยฝ่ายทหารมีหน้าท่ี ให้คำแนะนำช่วยเหลือในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ แก่หน่วยงานของรัฐฝ่ายทหารและกำกับดูแลตรวจสอบพร้อมทั้งพิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องเพ่ือให้ ระบบ การรกั ษาความปลอดภัยนัน้ ไดผ้ ลสมบูรณอ์ ยู่เสมอ (๓) กองบัญชาการตำรวจสันตบิ าลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นองค์การรกั ษาความปลอดภยั ฝ่าย ตำรวจ มีหน้าท่ีให้คำแนะนำช่วยเหลือในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ แก่หน่วยงานของรัฐฝ่าย ตำรวจและกำกับดูแลตรวจสอบพ ร้อมท้ั งพิ จารณ าแก้ไขข้อบ กพ ร่องเพื่ อให้ ระบ บ การรักษ า ความปลอดภยั น้ันได้ผลสมบูรณ์อยู่เสมอ เพ่ือให้การรักษาความปลอดภัยเกิดประสิทธิผลให้องค์การรักษาความปลอดภัยทุกฝ่ายประสาน การปฏิบัติและประชุมร่วมกันเพ่ือดำเนินการจัดให้มีหลักเกณฑ์วิธีการและคำแนะ นำการปฏิบัติ ตามระเบียบนร้ี วมทั้งการอบรมบุคลากรทเี่ ก่ียวข้องตามความจำเปน็ ๑. ให้หน่วยงานของรัฐนำหลักเกณฑ์วิธีการและคำแนะนำตามวรรคหน่ึงไปวางแผนกำหนด วธิ ปี ฏิบัตโิ ดยประสานมาตรการรักษาความปลอดภัยและมาตรการทเี่ กี่ยวข้องเข้าด้วยกันพร้อมทั้งสอดส่องและ ตรวจสอบมาตรการท่ีกำห นดไว้ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในแผ นทั้งนี้วิธีปฏิบัติที่กำหนดนั้นจะต้องไม่เป็ น อุปสรรคต่อการปฏบิ ัตหิ น้าทีต่ ามปกตแิ ละตอ้ งคำนึงถงึ ประโยชน์ของทางราชการเปน็ สำคัญ ๒. ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งตั้งเจ้าหน้าท่ีควบคุมการรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ ผ้ชู ่วยไดต้ ามความจำเป็น ๓. ให้หน่วยงานของรฐั มีหน้าท่ีรับผิดชอบจัดการอบรมให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐได้ทราบโดยละเอียดถึง ความ จ ำเป็ น แ ล ะม าต รการของการรักษาค วาม ป ล อด ภั ยแ ล ะต้ องจั ด ให้ มี การอบ รม เพิ่ ม เติ ม อยู่ ภ าย ใต้ ความควบคุมของเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยหรอื ผ้บู ังคบั บัญชาตามโอกาสอันสมควร ในกรณีที่เห็นเป็นการสมควรหรืออย่างน้อยทุก ๕ ปีให้นายกรัฐมนตรีจัดให้มีการทบทวน การปฏิบัติตามระเบียบนี้และพิจารณาแก้ไขเพ่ิมเติมให้เหมาะสม เพ่ือประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย ของประเทศองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและหน่วยงาน อ่ืนใดของรัฐอาจนำระเบยี บน้ไี ปใช้บงั คับโดยอนุโลม

ทั้งนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ มกี ารแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ เพื่อให้ระเบียบมคี วามเปน็ ปัจจุบนั ดงั น้ี ระเบียบน้ีเรียกวา่ “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ฉบับ ที่ ๓ ) พ .ศ . ๒ ๔ ๖ ๐ ” ใช้บั งคั บ ตั้ งแต่วัน ถัด จากวัน ป ระก าศ ใน ราช กิจจานุ เบ กษ าเป็ น ต้ น ไป ราชกิจจาเล่มที่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๘๔ ง ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๐) “องค์การรักษาความปลอดภยั ” หมายความว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี หรือ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทยกระทรวงกลาโหมหรือกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแหง่ ชาตแิ ลว้ แตก่ รณี ใน ก ร ณี ท่ี ว่ าจ้ างบุ ค ค ล ภ า ย น อ ก ให้ หั ว ห น้ า ห น่ ว ย งา น ข อ งรั ฐ ก ำห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ์ แ ล ะ เง่ือ น ไข ใน สั ญ ญ า ว่ าจ้ าง เกี่ ย ว กั บ ก าร ก ำห น ด ม า ต ร ก า ร ส ำ ห รั บ ใช้ ป ฏิ บั ติ กั บ บุ ค ค ล ภ า ย น อ ก ดั งก ล่ าว เพ่ื อ ไม่ ให้ เกิดความเสยี หายตอ่ ความม่ันคงและผลประโยชนแ์ ห่งรฐั ” วิธีดำเนนิ การ ๑. หัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าท่ีรับผิดชอบและจัดให้มีระบบการรักษาความปลอดภัย ในหน่วยงานของตน ๒. หวั หนา้ หนว่ ยงานของรฐั อาจมอบอำนาจหนา้ ท่ใี หแ้ ก่ผู้ใต้บังคบั บญั ชาให้ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่เจา้ หน้าท่ี ควบคมุ การรักษาความปลอดภัยเพ่อื ทำหนา้ ท่ีดำเนนิ การควบคมุ กำกับดูแลตลอดจนให้คำปรกึ ษาเกยี่ วกับการ รักษาความปลอดภัยด้านบุคคลข้อมลู ขา่ วสารลับและสถานท่ขี องหน่วยงานน้นั ๆโดยมคี ำสง่ั แตง่ ตงั้ เป็น ลายลกั ษณ์อักษรและรับรองความไว้วางใจให้เขา้ ถึงชนั้ ความลับ ๓. หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่รับผิดชอบจัดการอบรมเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานให้ทราบถึง ความจำเป็นและมาตรการของการรักษาความปลอดภัย รวมท้ังจัดให้มีการอบรมและทบทวนเพิ่มเติม อย่เู สมอตามห้วงระยะเวลาทเ่ี หมาะสม ๔. กรณีหน่วยงานของรัฐมอบหมายหรือทำสัญญาจ้างให้เอกชนดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ซ่ึงเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยให้ภาคเอกชนนั้นถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษา ความปลอดภัย นีด้ ้วย หน้าทขี่ องเจา้ หน้าที่ ควบคุมการรักษาความปลอดภัยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑. ให้จัดทำระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานของรัฐและมีแผนการปฏิบัติ เพ่ื อ พิ ทั ก ษ์ รั ก ษ า แ ล ะ คุ้ ม ค ร อ งป้ อ งกั น ส่ิ ง ที่ เป็ น ค ว า ม ลั บ ข อ ง ท า ง ร า ช ก า ร ต ล อ ด จ น ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐและทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน ให้พ้นจากการร่ัวไหลการโจรกรรม การจารกรรม การก่อวินาศกรรม การบ่อนทำลาย การก่อการร้าย การกระทำที่เป็นภัยต่อความม่ันคงและผลประโยชน์แห่ง รัฐและการกระทำอื่นใดที่เปน็ การเปิดเผยสงิ่ ท่ีเป็นความลับของทางราชการ ๒. ควบคุมและตรวจตราการปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยภายในหน่วยงาน ของรัฐตลอดจนใหข้ ้อเสนอแนะตอ่ หวั หนา้ หน่วยงานของรัฐ

๓. จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าท่ีเวรรักษาความปลอดภัย ประจำวนั นายตรวจเวรรกั ษาความปลอดภยั ประจำวัน ยามรักษาการณแ์ ละเจ้าหนา้ ทีอ่ ื่น ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง ๔. จัดให้มีการอบรมเรื่องการรักษาความปลอดภัยและแนะนำระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ ตลอดจน ควบคุมดูแลให้ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติหน้าท่ี เก่ียวกับส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการให้ เป็นไปตาม ระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรีว่าด้วยการรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๕. จัดให้มีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลภายในหน่วยงานของรัฐตามแนวทาง ที่คณะกรรมการนโยบายรักษาความปลอดภยั แห่งชาติ (กรช.) กำหนด ๖. ตรวจตราการปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับภายในหน่วยงาน ของรัฐให้เปน็ ไปตามกฎหมายและระเบยี บท่เี ก่ียวข้อง ๗. ให้ข้อเสนอแนะต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐและนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับเกี่ยวกับ การเผยแพร่สิ่งท่ีเป็นความลับของทางราชการ แก่หน่วยงานของรัฐบุคคลต่างประเทศหรือองค์การระหว่าง ประเทศและควบคุมการรักษาความปลอดภัยต่อข้อมลู ข่าวสารลับที่จะเปดิ เผยต่อสอ่ื มวลชนในสว่ นทเี่ ก่ียวข้อง กับการประชุมลับ เพ่ือให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๘. ในกรณีที่ยังมิได้แต่งตั้งนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับหรือนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ ไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีตามปกติได้ ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยทำหน้าท่ีนายทะเบียนข้อมูล ขา่ วสารลบั ดว้ ย การจดั ทำแผนการรกั ษาความปลอดภยั หน่วยงานของรัฐต้องจัดทำแผนการรักษาด้านการรักษาความปลอดภัย ทั้งในเวลาปกติและ เวลาฉุกเฉินเพ่ือพิทักษ์รักษาและคุ้มครองป้องกัน สิ่งที่เป็นความลับของทางราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการกระท ำอ่ืน ใดที่ มี ผลกระท บ ต่อค วาม ม่ัน คงและผลป ระโย ชน์ แห่งแผ นการ รัก ษ าความป ลอด ภั ย มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องดำเนินการเก่ียวกับการรักษาความปลอดภัยด้านบุคคล ข้อมูลข่าวสารลับ แ ล ะ ส ถ า น ที่ ให้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ค ว า ม ส ำ คั ญ ข อ ง ห น่ ว ย งา น แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ข อ งแ ต่ ล ะ ส่ ว น ร า ช ก า ร โดยต้องมีการปรับปรุงทบทวนแก้ไขให้เหมาะสมอยู่เสมอและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบาย รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (กรช.) เม่ือ ๑ กันยายน ๒๕๔๓ ให้หน่วยงานของรัฐเคร่งครัด ในการตรวจสอบและจัดระเบียบการควบคุมการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตา มระเบียบ การรกั ษาความปลอดภัยท่กี ำหนด แนวทางปฏบิ ตั เิ มื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉนิ สังคมไทยในปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งด้วยแนวความคิดทางการเมือง รวมทั้งการก่อเหตุร้ายด้วยการสร้างความไม่สงบขึ้นโดยใช้รูปแบ บต่าง ๆ เช่น การใช้วัตถุระเบิด การยิงอาวุธรา้ ยแรงจากระยะไกล การลอบวางเพลงิ การปิดลอ้ มสถานทีเ่ พื่อการขม่ ขู่หรอื ต่อรอง หน่วยงานของรัฐฝ่ายพลเรือนอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง แ ล ะ ก า ร ก่ อ เห ตุ ร้ า ย ด้ ว ย อ า วุ ธ ร้ า ย แ ร ง เช่ น ก า ร ใช้ วั ต ถุ ร ะ เบิ ด อ า วุ ธ ใน ร า ช ก า ร ท ห า ร การก่อเหตุลอบวางเพลิง หรือการคุกคามด้วยการปิดล้อมบุกทำลาย ทำให้อาจจัดแบ่งหน่วยงานของรัฐ

ตามความเส่ียงท่ีอาจเกิดภัยคุกคามจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและการก่อเหตุร้ายด้วยอาวุธ รา้ ยแรงได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1. หน่วยงานของรัฐท่ีมีความเสีย่ งสูงทีจ่ ะเกิดภัยคุกคาม 2. หน่วยงานของรัฐทไ่ี มจ่ ดั อยู่ในกลุม่ ท่ีมีความเสี่ยงสูง 1. หน่วยงานของรัฐที่มีความเส่ียงสูงท่ีจะเกิดภัยคุกคาม ยังอาจจัดแบ่งออกเป็นกลุ่มที่อาจเกิด ความเสี่ยงของภยั คกุ คามได้ 3 กลุม่ โดยตัวอยา่ งทีเ่ กิดข้นึ ผ่านมา คอื 1.1 หน่วยงานของรัฐท่ีเป็นกิจการโครงสร้างพ้ืนฐานแห่งชาติท่ีมีความสำคัญ ยิ่ง (National Critical Infrastructure : NCI) ซ่ึงเป็นหน่วยงานท่ีเป็นส่วนหลักของสังคมสมัยใหม่ มีความสำคัญ ต่อความม่ันคงของชาติ ระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมท้ังเป็นเป้าหมาย ของการก่อวินาศกรรมหากเกิดความเสียหายหรือขัดข้องจะส่งผลกระทบต่อความม่ันคงทางเศรษฐกิจ และสงั คมซึง่ หมายถงึ กิจกรรมดังต่อไปนี้ 1) การผลิตและแจกจา่ ยกระแสไฟฟ้า 2) ระบบโทรคมนาคม 3) ระบบการผลติ นาํ้ ประปา 4) การผลิตและการแจกจา่ ยอาหาร,ผลติ ด้านการเกษตร 5) ก๊าซธรรมชาติและพลังงานตา่ งๆ 6) ระบบขนส่งมวลชน ขนส่งพลงั งาน 7) งานด้านสาธารณสขุ 8) การให้บริการทางการเงิน 9) หน่วยงานใหค้ วามปลอดภยั สาธารณะ เช่น ตำรวจ ทหาร 1.2 หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับผู้จัดการชุมนุมสาธารณะเช่น หน่วยงานท่ีได้รับมอบหมายให้ ดำเนินการด้านความผิดของแกนนำการชุมนุม หน่วยงานของกองทัพท่ีได้รับมอบหมายภารกิจ เป็นกำลังหลักของการป้องกันเหตุร้ายในการชุมนุม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติท่ีเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความผิดของแกน นำทางการเมือง สถานีโทรทัศน์ ของกรมประชาสมั พนั ธ์ ซง่ึ ตอ้ งประชาสมั พันธก์ ารดำเนินงานของฝ่ายรัฐทม่ี ีผลกระทบต่อการชุมนมุ ฯลฯ 1.3 หน่วยงานของรัฐที่มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่จัดชุมนุมทางการเมือง ทำให้แกนนำการชุมนุมทำการปิดล้อม เพื่อให้เป็นพ้ืนท่ีเพ่ือความปลอดภัยและป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้ประโยชน์ในการติดตามสถานการณ์การชุมนุม เช่น โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทยระหว่างการชุมนุมของกลุ่มตา่ ง ๆ 2. หน่วยงานของรัฐที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มท่ีมีความเสียงสูงแต่ต้องระวังและเตรียมความพร้อม ที่อาจจะเกิดจากการชุมนุม เช่น หน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ติดกับพ้ืนท่ีการจัดชุมนุมทางการเมืองแต่อยู่ในเส้นทางท่ี ผู้จัดการชุมนุมจัดให้มีการเคล่ือนขบวนผู้ชุมนุมผ่านเส้นทางอาทิ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ

ปราบปรามยาเสพติดถนนดินแดง ธนาคารท่ีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นและมีตู้เอทีเอ็มอยู่ในบริเวณสำนักงานซึ่งเคยได้รับ ผลกระทบจากการชมุ นมุ มาแลว้ การจดั ทำแผนฉกุ เฉินเพอ่ื รองรับสถานการณฉ์ ุกเฉินที่อาจเกิดข้นึ จากสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในสังคม สถานการณ์ บางอย่างอาจขยายตัวนำไปสู่ การกอ่ ความไม่สงบข้ึนและอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ทรัพย์สินของทางราชการรวมท้ังอาคาร สถานที่ของหน่วยงานของรัฐให้ได้รับความเสียหายได้ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจึงควรจัดให้มีการดำเนินการ ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปน้ี เพอื่ รับมือกับสถานการณท์ ่ีอาจเกดิ ขึน้ ต่อชวี ิตทรัพยส์ นิ และอาคารสถานที่ของรัฐ คอื 1. แนวทางการป้องกันภัยจากเหตุรา้ ยในการกอ่ ความไมส่ งบ 1.1 เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐต้องติดตามสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ผ่าน การเสนอข่าวของสื่อมวลชนประเภทต่างๆ หรือการติดต่อขอรับทราบสถานการณ์จากหน่วยงานของรัฐ ท่ตี ดิ ตามสถานการณด์ งั กลา่ ว 1.2 หน่วยงานของรัฐควรนำข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาศึกษาวิเคราะห์รูปแบบ ท่ีเกิดขนึ้ วา่ จะสง่ ผลตอ่ หนว่ ยงานของรฐั อย่างไรหรอื ไม่ 1.3 การศึกษาวิเคราะห์รูปแบบท่ีเกิดข้ึนควรพิจารณ าว่าการก่อเหตุน้ัน ๆ จะเกิด ต่อหนว่ ยงานในความรบั ผดิ ชอบหรือไมซ่ ึ่งอาจพิจารณาได้จาก 1) หนว่ ยงานเข้าไปเก่ียวข้องกบั สถานการณ์การชุมนุมหรือไม่ 2) หน่วยงานเป็นเป้าหมายของการชุมนุมหรือไม่จากการเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง มสี ่วนไดส้ ว่ นเสียในผลประโยชน์ของสถานการณ์การชุมนุม 3) อยู่ในพื้นท่เี กย่ี วขอ้ งของการชมุ นุมหรือในเสน้ ทางการเคล่ือนไหวในการชมุ นมุ 1.4 หน่วยงานของรฐั ควรวิเคราะห์กลุ่มท่ีจดั การชุมนุมและแรงจูงใจของกลุม่ ตลอดจนเปา้ หมาย ของการจัดชุมนุมเพอ่ื ให้ทราบวตั ถปุ ระสงค์ของการชุมนุมวา่ ต้องการผลของการชุมนุมในระดับใดเพ่ือจัดเตรยี ม มาตรการการรักษาความปลอดภยั ของหนว่ ยงานต่อระดบั ของการชุมนุมน้นั 1.5 หน่วยงานของรัฐควรจัดให้มีการวิเคราะห์ความเส่ียงที่จะเกิดข้ึนต่อหน่วยงานจุดอ่อนและ ความสำคัญของหน่วยงานต่อสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการจัดการชุมนุมทางการเมืองนั้น ๆ วา่ อยู่ในระดบั ใดเพ่อื การเตรียมการระวังป้องกันให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 1.6 หน่วยงานของรัฐควรศึกษาและวิเคราะห์ถึงรูปแบบและวิธีการท่ีเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้อง จะ เกิดขึ้นต่อสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือจะได้จัดมาตรการป้องกันหรือลดความ เสยี หายที่อาจเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างเหมาะสมต่อไป ในการติดตามสถานการณ์วิเคราะห์ประเมินความเสี่ยง ตลอดจนการเตรียมการระวังป้องกันเพ่ือ ลดความเสียหาย หน่วยงานของรัฐอาจดำเนินการในรูปแบบของการจัดตั้งคณะทำงานการหารือร่วมกันของ ห น่ วยงาน ที่ มีท่ี ตั้ งใกล้เคียง โดยเชิญ ผู้แท น จากห น่ วยงาน ให้ ค วาม ป ลอดภั ยสาธารณ ะและ หน่วยงานอื่น ๆ ท่ีพิจารณาว่ามีความเหมาะสมที่จะให้ข้อแนะนำท่ีจะเป็นประโยชน์เข้าร่วมประชุมหารือ

เพ่ือให้ได้ผลสรุปในทางปฏิบัติท่ีจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ต่อความปลอดภัยของเจ้าหนา้ ที่ ทรพั ยส์ ิน และอาคารสถานท่ขี องหนว่ ยงานตอ่ ไป ๒. การจัดเตรียมแผน เพ่ือเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการรับสถานการณ์ เหตุร้ายที่อาจเกิดข้ึน หน่วยงานของรัฐควรจัดให้มีการจัดทำแผนฉุกเฉินในสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าเพื่อจะได้จัดเตรียมคน อุปกรณแ์ ละแนวทางปฏิบัติ 2.1 แผนป้องกันอัคคภี ัย 2.2 แผนปอ้ งกนั อุบัตภิ ัย 2.3 แผนปอ้ งกันการก่อวนิ าศกรรม 2.4 แผนปอ้ งกนั เหตุประทว้ งหรือเรียกร้อง 2.5 แผนฉกุ เฉนิ อื่น ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง ในการจัดทำแผนฉุกเฉินต่าง ๆ ควรได้มีการหารือในระหว่างเจ้าหน้าท่ี ท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือให้ แผนที่จัดทำมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปฏิบัติได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีการช้ีแจง ต่อเจ้าหน้าทใ่ี นหน่วยงานใหไ้ ดร้ ับทราบแนวทางปฏบิ ัตทิ ี่ถูกตอ้ ง มกี ารซกั ซ้อมประเมินผล และปรบั ปรุงแผนให้ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์อย่างเหมาะสม เพ่อื ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพในการดำเนนิ การต่อไป ขอ้ แนะนำของการจัดทำแผนฉุกเฉิน แผนฉุกเฉินท่ีจัดทำจะต้องมีรายละเอียดท่ีเกี่ยวข้องครบถ้วน การเขียนแผนจะต้องส้ัน กะทัดรัด สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงง่ายต่อการปฏิบัติ ในข้ันตอนการปฏิบัติควรมีความชัดเจนถึงการปฏิบัติต่าง ๆ ว่าสิ่งใดต้องปฏิบัติ ห้ามปฏิบัติ หรืออยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าท่ีและเพื่อให้การปฏิบัติตามแผนเป็นไป อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพ จึงควรมีการซักซ้อมการปฏิบัติเป็นระยะตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้เก่ียวข้องสามารถนำไปปฏิบั ติได้ เมื่อเกิดสถานการณ์ และมีการปรับแผนให้สอดคล้อง กับสถานการณ์และแนวทางการปฏิบัติต่อไป การจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตาม ควรจัดทำแผนภูมิแสดงข้ันตอนการปฏิบัติประกอบซ่ึงหากสามารถจัดทำให้อยู่ในแผ่นกระดาษเดียว ก็จะเหมาะสมและสามารถนำไปติดแสดงในหน่วยงาน เพื่อให้เจ้าหน้าท่ีได้รับรู้ รับทราบได้อย่างกว้างขวาง ท้ังนแี้ ผนฉกุ เฉินทีด่ คี วรมอี งค์ประกอบท่สี ำคญั ของแผน ไดแ้ ก่ 1. มคี วามชัดเจนในคำสั่ง วัตถุประสงค์และขอบเขต 2. มคี วามชัดเจนในข้ันตอนการปฏบิ ัตเิ มือ่ เวลาเกิดเหตุ 3. มคี วามชดั เจนในสงิ่ ทตี่ ้องปฏบิ ัติ เช่น ชนิดของสัญญาณแสดงเหตฉุ ุกเฉิน สัญญาณแสดงเหตุ ฉุกเฉิน สญั ญาณในการส่ังการข้ันตอนต่าง ๆ 4. แนวทางการประสานหน่วยงานภายนอกเม่ือเหตุการณ์ขยายตัวรุนแรงเกินที่หน่วยงานของ รฐั จะระงบั เหตุไดเ้ พยี งหนว่ ยงานเดยี ว 5. การดำเนินการภายหลงั จากทีค่ วบคุมเหตุการณ์ได้

6. การเตรยี มเจา้ หนา้ ทเี่ พ่ือการแถลงขา่ วตอ่ ส่อื มวลชน 7. แนวทางการฟนื้ ฟบู ูรณะเบ้ืองต้น เพื่อใหห้ นว่ ยงานสามารถปฏบิ ตั งิ านได้ 3. องคป์ ระกอบของการจัดทำแผนฉุกเฉิน 3.1 ประเมินภัยคุกคามหรอื ความเสี่ยงท่ีอาจเกิดขึน้ 3.2 ประเมนิ ขีดความสามารถของหนว่ ยงานในเร่ืองคน เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ งบประมาณ ฯลฯ 3.3 กำหนดวัตถปุ ระสงค์และลำดับความสำคัญ 3.4 การจัดทำแผนผังเหตุการณ์กำหนดผู้อำนวยการควบคุมภาวะฉุกเฉินเพ่ือปฏิบัติหน้าที่ เมอ่ื เกิดเหตุฉกุ เฉิน 4. ระดับของสถานการณแ์ ละแผนรองรบั เหตุการณ์ ควรจัดทำแผนฉุกเฉินเพือ่ รองรบั สถานการณข์ องเหตุการณ์เปน็ 3 ระดับ คือ 4.1 สถานการณ์ฉุกเฉินทห่ี นว่ ยงานสามารถระงบั หรือควบคมุ ได้ 4.2 สถานการณ์ฉุกเฉินท่ีหน่วยงานไม่สามารถระงับหรือควบคุมได้เองจำเป็นต้องได้รับ การสนบั สนุนจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เช่น หนว่ ยงานใหค้ วามปลอดภยั สาธารณะหรอื หน่วยงานข้างเคยี ง 4.3 สถานการณ์ฉุกเฉินท่ีลุกลามขยายตัวอย่างร้ายแรง ระดับจังหวัดหรือประเทศท่ีรัฐบาล จำเป็นตอ้ งเขา้ มาดำเนนิ การช่วยเหลือระงบั เหตุหรือองค์การระหว่างประเทศอืน่ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องดำเนนิ การ ๒. แนวทางการจัดทำแผนฉุกเฉินและมาตรการที่เก่ียวข้องสำหรับหน่วยงานของรัฐ ที่มีความ เสี่ยงสงู นอกเหนือจากแนวทางจัดทำแผนฉุกเฉินตามข้อที่กล่าวถึงข้างต้นแล้วหน่วยงานของรัฐที่มี ความเสี่ยงภัยสูง ควรดำเนินการเพิ่มเติมเพ่ือให้เหมาะสมกับระดับของความเส่ียงภัยที่หน่วยงานอาจได้รับ ผลกระทบดังน้ี 1. การวิเคราะห์ความเส่ียงท่ีอาจส่งผลต่อการทำงานของหน่วยงานซึ่งควรประกอบด้วยการ วเิ คราะหส์ ง่ิ ตา่ ง ๆ ว่าอาจเกิดได้อย่างไรบา้ ง คอื 1.1 ภัยจากการโจรกรรมและอาชญากรรมท่ัวไป 1.2 ภัยจากความผิดพลาดในการปฏิบัติหนา้ ท่ีและจากบคุ คลในหนว่ ยงาน 1.3 ภัยจากการใชเ้ ครอื่ งมอื อุปกรณท์ ีไ่ ม่ได้คุณภาพเพียงพอ 1.4 ภยั จากการกอ่ การรา้ ย 1.5 ภยั จากสถานการณ์การก่อความไมส่ งบ 2. หน่วยงานท่ีมีหน้าที่เก่ียวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยจัดทำ แผนงานทีเ่ กยี่ วข้องกบั การรักษาความปลอดภยั การบริหารจดั การความเสยี่ งแผนฉุกเฉนิ กรณตี า่ ง ๆ

3. หน่วยงานควรมีการเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องท่ีจะสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยให้มี ประสิทธิภาพย่ิงขึ้น เช่น หน่วยงานด้านการรักษาความสงบเรียบรอ้ ยในพื้นที่ทั้งตำรวจ ทหาร หน่วยงานด้าน การข่าวกรอง ท่ีจะสนับสนุนด้านข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ หน่วยงานด้านการระงับเหตุการณ์เช่น การ ดบั เพลิง การบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานข้างเคียงในพ้ืนท่ีและตัวแทนชุมชนโดยรอบพื้นท่ี เพื่อ สร้างให้เกิดเครือข่ายด้านการรักษาความปอลดภัยและการติดตามสถานการณ์ให้ทันต่อเหตุการณ์ รวมท้ังเพ่ือ การแลกเปลย่ี นประสบการณ์ในการปฏิบตั ิเพ่อื รองรับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม หนว่ ยงานที่เป็นองคก์ ารรกั ษาความปลอดภัย 1. สำนกั ข่าวกรองแห่งชาติสาํ นักนายกรฐั มนตรี เป็นองคก์ ารรักษาความปลอดภยั ฝา่ ยเรือน ประเทศไทยมีการดำเนินงานด้านการข่าวกรองมาตั้งแต่โบราณและตลอดทุกยุคทุกสมัย ในประวัติศาสตร์ยามศึกสงครามทหารมีหน้าที่สอดแนมลาดตระเวนใช้ไส้ศึก แต่การดำเนินงานในลักษณะ หน่วยขา่ วกรองสมัยใหมแ่ ละเป็นหนว่ ยข่าวกรองกลางของชาติเกิดขึน้ หลังสงครามโลกคร้ังทส่ี อง ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ต่างประเทศมีการพัฒ นาองค์การข่าวกรองอย่างจริงจัง รฐั บาลในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเห็นความจำเป็นท่ีจะต้องจัดตั้งหน่วยราชการท่ีเป็นศูนย์กลางรวบรวม ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ท่ีได้รับจากการปฏิบัติงานการข่าวตามปกติหรือจากหน่วยข่าวกรองต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในขณะน้ัน ได้แก่ หน่วยข่าวฝ่ายทหารและหน่วยข่าวตำรวจ รวมทั้งข่าวที่ได้จากวิธีการทางลับและข่าว จากแหล่งขา่ วเปิดที่มผี ลกระทบต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ ซ่ึงจำเป็นตอ่ การตดั สินใจกำหนด นโยบายและท่าทีทางการเมืองภายในและต่างประเทศของรัฐบาลจึงได้จัดต้ัง \" กรมประมวลราชการแผ่นดนิ \" อยู่ในสังกัดทบวงคณะรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เม่ือวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๗ ตามพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.๒๔๙๖ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี ๗๐ ตอนที่ ๘๑ หน้าที่ ๑๓ เม่ือวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๙๖) โดยได้แต่งต้ังให้พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้นเป็นอธิบดี ก ร ม ป ร ะ ม ว ล ร าช ก า ร แ ผ่ น ดิ น อี ก ต ำ แ ห น่ งห น่ึ ง ต่ อ ม า ใน ส มั ย จ อ ม พ ล ส ฤ ษ ดิ์ ธ น ะ รั ช ต์ กรมประมวลราชการแผ่นดินได้เปล่ียนชื่อเป็น \"กรมประมวลข่าวกลาง\" เม่ือวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๒ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ.๒๕๐๒ และต่อมาในสมัย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กรมประมวลข่าวกลางได้เปลี่ยนชื่อเป็น \" สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) \" เม่ือวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๘ ตามพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติและพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมตาม ประกาศคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ ๒๑๓ มฐี านะเปน็ หนว่ ยขา่ วแหง่ ชาติ ข้ึนตรงตอ่ นายกรัฐมนตรี สำนักข่าวกรองแห่งชาติ จึงเป็นห น่วยข่าวระดับชาติหน่วยเดียวของประเทศไท ย ที่ เป็ น ห น่ วยราช การพ ลเรือน มีหั วห น้ าส่วน ราช การเป็ น ข้าราช การพ ลเรือน สามั ญ ปั จจุบั น นาย สวุ พนั ธ์ุ ตันยวุ รรธนะ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักขา่ วกรองแหง่ ชาติ สำนกั ขา่ วกรองแห่งชาติ ในฐานะองค์การรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนได้จัดทำมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย สำหรับหน่วยงานของรัฐในสังกัดฝ่ายพลเรือนเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการกำหนดมาตรการการรักษาความ ป ล อ ด ภั ย ใ ห้ เห ม า ะ ส ม ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ภ า ร กิ จ ห น้ า ท่ี ค ว า ม ส ำ คั ญ แ ล ะ ค ว า ม จ ำ เป็ น ของแตล่ ะหนว่ ยงาน

๒. ศนู ยร์ กั ษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทพั ไทยกระทรวงกลาโหม เปน็ องคก์ ารรกั ษา ความปลอดภัยฝา่ ยทหาร เมื่อปี 2498 ได้มีการจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออก เฉยี งใต้ (สปอ.) ขึ้นที่กรงุ เทพฯ แล้วประกาศใช้ระเบียบการรกั ษาความปลอดภัยขององค์การ สปอ. กำหนดให้ ทุกประเทศภาคีมีระเบียบและมาตรการ รปภ.อยู่ในระดับมาตรฐานใกล้เคียงกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น ขว.ทบ. ได้เปิดการศึกษาหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยข้ึนเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนยานเกราะและจัดต้ัง \"สำนักงานรักษาความปลอดภัย\" (สรภ.) ข้ึนใน ขว.ทบ. เพื่อสนับสนุนแนะนำเรื่องการรักษาความปลอดภัย ให้แก่หน่วยทหารแล้วประกาศใช้ระเบียบการรักษาความปลอดภัยขององค์การ สปอ. กำหนดให้ทุกประเทศ ภาคีมีระเบียบและมาตรการ รปภ.อยู่ในระดับมาตรฐานใกล้เคียงกันเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์น้ัน ขว.ทบ.ได้ เปิดการศึกษาหลักสูตร การรักษาความปลอดภัยขึ้นเป็นครั้งแรกท่ีโรงเรียนยานเกราะและจัดต้ัง \"สำนักงาน รักษาความปลอดภัย\" (สภ.) ขึ้นใน ขว.ทบ. เพื่อสนับสนุนแนะนำเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้แก่หน่วย ทหาร ปัจจบุ ัน ศรภ.มภี ารกจิ เกี่ยวกับการข่าวกรองและการต่อตา้ นการข่าวกรองทางทหารเพอื่ ความมัน่ คงของ ประเทศ การรักษาความปลอดภัยรว่ มกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับองค์พระมหากษตั ริย์ พระราชินี พระรัช ทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนบุคคลสำคัญการรักษาความปลอดภัยทางทหาร ทางการข่าวกรอง และทางการสื่อสาร รวมทั้งการดำเนินการฝึกศึกษาด้านการข่าวกรองและปฏิบัติภารกิจอ่ืน ๆ ตามที่ ผูบ้ ังคบั บัญชามอบหมายมีผบู้ ัญชาการศนู ย์รกั ษาความปลอดภยั เป็นผบู้ งั คบั บญั ชารบั ผดิ ชอบ กองบัญชาการกองทัพไทย (อังกฤษ: Royal Thai Armed Forces Headquarters) เป็นส่วน ราชการข้ึนตรงต่อ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมซ่ึงแปรสภาพมาจากกองบัญชาการทหารสูงสุด (Supreme Command Headquarters) มีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ สั่งการและกำกับดูแลการดำเนินงานของส่วน ราชการในกองทัพไทยในการเตรียมกำลัง การป้องกันราชอาณาจักร และการดำเนินการเก่ียวกับการใช้กำลัง ทหารตามอำนาจหน้าท่ีของกระทรวงกลาโหมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ มีที่ต้ังอยู่ที่เลขท่ี 127 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรงุ เทพมหานคร 10210 ผู้บังคบั บัญชา ปัจจุบันคือ พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรีผบู้ ัญชาการทหารสงู สุด,พล เอก ชัยชนะ นาคเกิด รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (คนท่ี 1), พลเอก ชูชาติ บัวขาว รองผู้บัญชาการทหาร สูงสุด (คนที่ 2), พลเรือเอก พัชระ พุ่มพิเชฏฐ์รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (คนท่ี 3),พลอากาศเอก วันชัย นุช เกษม รองผูบ้ ัญชาการทหารสงู สดุ (คนที่ 4), พลเอก เฉลิมพล ศรสี วัสดิ์ เสนาธกิ ารทหาร 3. กองบัญชาการตำรวจสนั ติบาล สํานกั งานตํารวจแห่งชาติ เปน็ องคก์ ารรกั ษาความ ปลอดภยั ฝ่ายตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (อังกฤษ: Special Branch Bureau) เป็นหน่วยงานในสังกัดของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ถวายความปลอดภัยแด่องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และ พระบรมวงศานุวงศท์ กุ พระองค์ พร้อมกบั ดำเนนิ การเกยี่ วกับการข่าวกรองบคุ คลหรือกลุ่มบคุ คลทมี่ ีพฤติการณ์ เป็นภัยต่อความม่ันคงของประเทศ มีหน่วยงานอยู่ในสังกัดอยู่ 6 หน่วยงานก่อต้ังเม่ือ วันท่ี 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 ตามพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยที่สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาเพื่อใหไ้ ดร้ าชการยิง่ ข้นึ เปน็ ผลใหก้ รมตำรวจถูกแบ่งเป็น 4 สว่ น หนึง่ ใน นนั้ คอื การก่อตัง้ ตำรวจสนั ตบิ าล ภารกจิ

- ถวายความปลอดภัยสำหรับองค์พ ระมหากษัตริย์ พ ระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศานวุ งศ์ ผแู้ ทนพระองคแ์ ละพระราชอาคันตุกะ ผู้สำเรจ็ ราชการแทนแทนพระองค์ - ดำเนนิ การเก่ียวกับการข่าวกรองบคุ คลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความม่ันคง ของประเทศ - ดำเนินการเกี่ยวกับงานดำเนินกรรมวิธีข่าวกรองให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและเป็น ศูนย์กลางในการบูรณาการ การปฏิบัติตามยทุ ธศาสตร์ความมนั่ คงแหง่ ชาตขิ องสำนกั งานตำรวจแห่งชาติ - ดำเนินการเกี่ยวกับงานด้านการรักษาความปลอดภัยของบุคคล สำคัญและสถานที่ ท่ีเกยี่ วข้องกับความมน่ั คงของประเทศ - ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติและกฎหมายอ่ืนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ของประเทศตามอำนาจหนา้ ที่ - ดำเนนิ การเก่ียวกบั งานวิชาการงานมาตรฐานการข่าวและงานฝึกอบรมเพ่ือพัฒนาบุคลากร ในด้านการข่าวของสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ - ดำเนินการเกีย่ วกับงานสถานวี ทิ ยุกระจายเสยี งของกองบัญชาการตำรวจสนั ตบิ าล มาตรฐานการรกั ษาความปลอดภัย หมายถึง ระดับที่ควรเป็นมาตรการต่าง ๆ ท่ีกำหนดขึ้นเพ่ือให้หน่วยงานของรัฐนำไป เป็นแนวทางปฏิ บัติ เพ่ือพิทักษ์รักษาบุคคลข้อมูลข่าวสารลับและสถานท่ีให้พ้นการโจรกรรม การจารกรรม การบ่อนทำลาย การก่อวินาศกรรมและการก่อการร้าย รวมถึงการลดความเสียหายท่ีอาจ เกิดข้นึ จากการประเมินการรกั ษาความปลอดภยั มาตรฐานการรกั ษาความปลอดภยั กำหนดแนวทางปฏบิ ัตไิ ว้ 5 ดา้ น คือ 1. มาตรฐานการรักษาความปลอดภยั เก่ียวกับบุคคล การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับบุคคลเป็นมาตรการท่ีกำหนดข้ึนสำหรับใช้ปฏิบัติต่อ ผู้ที่อยู่ระหว่างรอบรรจุหรือแต่งต้ังเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้ท่ีจะได้รับความไว้วางใจให้เข้าถึ ง ส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการ หรือให้ปฏิบัติหน้าท่ีราชการท่ีสำคัญเพ่ือเลือกเฟ้นและตรวจสอบให้ได้ ผทู้ ม่ี ีคณุ สมบตั ิเหมาะสมใหเ้ ปน็ ท่ี เชอื่ แนว่ ่าต้องเปน็ ผทู้ ไี่ มเ่ ปน็ ภัยตอ่ ความมัน่ คงและผลประโยชนแ์ ห่งรัฐ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีการปฏิบัติหรือมอบหมายให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐาน การรกั ษาความปลอดภัยเก่ียวกบั บุคคล ดงั นี้ 1.1. ดำเนินการตรวจสอบประวัติและพฤตกิ ารณ์บคุ คล 1.1.1 ผู้ท่อี ยูร่ ะหว่างรอบรรจุหรือแตง่ ตั้งเป็นเจา้ หน้าทีข่ องรฐั 1.1.2 ผทู้ ่ีเป็นลูกจา้ งทดลองปฏบิ ัติงานหรือฝกึ งานก่อนบรรจุเข้าปฏิบัตงิ าน 1.1.3 เจ้าหน้าที่ของรัฐท่ียังไม่เคยผ่านการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ และผู้ท่ีขอกลับเข้ารับราชการใหม่

1.1.4 เจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในหน้าท่ี หรือตำแหน่งสำคัญของหน่วยงานหรือเก่ียวข้องกับส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการทรัพย์สินมีค่า ของแผน่ ดิน 1.1.5 ผู้ได้รับทุนการศึกษาท้ังในประเทศหรือต่างประเทศแล้วมีข้อผูกพัน ใหเ้ ขา้ ปฏิบัตงิ านให้แกห่ น่วยงานของรัฐเมือ่ สำเร็จการศึกษา 1.1.6 บุคคลภายนอกท่ีเข้ามาปฏิบตั งิ านให้หน่วยงานของรฐั 1.1.7 กรณีตรวจพบบุคคลที่มีพฤติการณ์หรือปรากฏข่าวสารที่น่าจะเป็นภัย ต่ อ ค ว า ม มั่ น ค ง แ ล ะ ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ แ ห่ ง รั ฐ ห รื อ บุ ค ค ล ท่ี เก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ ช้ั น ค ว า ม ลั บ ข อ ง ท า ง ร า ช ก า ร หวั หนา้ หน่วยงานของรัฐ อาจขอให้องค์การรักษาความปลอดภัยตรวจสอบเพ่ิมเตมิ ได้ 1.2 . ห น่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีการรับ รองความไว้วางใจบุคคลที่จะเข้าถึง สิ่งที่เป็นความลับของทางราชการ โดยมีคำสั่งแต่งต้ังเป็นลายลักษณ์อักษรและต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ และพฤตกิ ารณ์ 1.3. เจา้ หน้าท่ีควบคุมการรักษาความปลอดภัยหน่วยงานของรัฐต้องบันทกึ ชื่อบุคคลท่ีได้รับ การรบั รองความไวว้ างใจไวในทะเบยี นความไวว้ างใจของหนว่ ยงาน 1.4. หัวหน้าหน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีการอบรมช้ีแจงเกี่ยวกับ ระเบียบการรักษา ความปลอดภัยแก่บุคคลที่ได้รับการบรรจุใหม่ที่ไม่เคยได้รับการอบรมหรือผู้ท่ีจะได้รับมอบหมายให้ ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับความลับของทางราช การรวมถึงการให้ความรู้ในวิทยาการด้านต่าง ๆ และต้องอบรม ทบทวนตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อกระตนุ้ จติ สำนึกและวินยั ในดา้ นการรักษาความปลอดภยั 2. มาตรฐานการรกั ษาความปลอดภัยเก่ยี วกบั ขอ้ มูลข่าวสารลบั เป็นการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารลับไม่ให้สูญหาย ถูกทำลาย เปล่ียนแปลง หรือร่ัวไหล การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารลับต่อบุคคลผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข โดยมีข้อยกเว้นท่ีชัดเจน สอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับ ของทางราชการ พ.ศ.2544 ขอ้ มูลข่าวสารลับที่กล่าวถึงในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมลู ข่าวสารลับน้ี หมายถึง ข้อมูลข่าวสารท่ีมีคำส่ังไม่ให้เปิดเผยตามมาตรา 14 หรือ มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของ ราชการ พ.ศ.2540 และอยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองที่ เกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือท่ีเกี่ยวกับเอกชน มกี ารกำหนดให้มีชั้นความลับช้ันลับ ลบั มาก หรือลับท่ีสุด โดยคำนงึ ถึงการปฏบิ ัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและประโยชนแ์ ห่งรัฐประกอบกนั ซ่ึงเป็นข้อมลู ข่าวสารในรูป เอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนท่ี ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม หรือการบันทึกภาพ ส่วนข้อมูล ข่าวสารลับทางระบบอิเล็กทรอนิกส์จะมีการกำหนดมาตรฐานและคู่มือการปฏิบัติไว้เป็นการเฉพาะมาตรฐาน การรกั ษาความปลอดภยั เก่ียวกบั ข้อมลู ขา่ วสารลับหัวหน้าหนว่ ยงานของรัฐต้องจดั ใหม้ กี ารปฏบิ ัตดิ ังน้ี

2.1. หัวหน้าหน่วยงานของรัฐต้องมีคำส่ังแต่งต้ังเป็นลายลักษณ์อักษรและให้การรับรองความ ไวว้ างใจแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่อข้อมูลข่าวสารลบั ดังน้ี - นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับและผู้ช่วยนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับทำหน้าที่ดำเนินการ เก่ยี วกบั ขอ้ มูลข่าวสารลับ - ผมู้ ีอำนาจในการกำหนดชนั้ ความลบั - คณะกรรมการดำเนินการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารลับประกอบด้วย คณะกรรมการตรวจสอบ ข้อมลู ขา่ วสารลับ คณะกรรมการทำลายข้อมูลข่าวสารลับ - อนุญาตให้ส่งข้อมูลข่าวสารลับ ทั้งภายในและภายนอกประเทศด้วยวิธีทางโทรคมนาคม ไปรษณยี ล์ งทะเบยี นตอบรบั ฯลฯ 2.2. การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ.2544 ทกี่ ำหนดไวอ้ ยา่ งเคร่งครดั 2.2.1 การกำหนดชนั้ ความลับและแสดงเหตุผล หน่วยงานของรฐั ที่มีข้อมูลข่าวสารลับต้องมกี ารกำหนดชั้นความลับให้ขอ้ มูลข่าวสารนั้น โดยต้องระบุเหตุผลย่อ(ให้สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตาม มาตรา 14 และ 15 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540) ของการกำหนดช้ันความลับน้ันไว้ในทะเบียน ควบคุมข้อมูลข่าวสารลับต้องแสดงช้ันความลับให้เห็นชัดเจนข้อมูลข่าวสารลับสามารถปรับลดเพิ่มยกเลิก ช้ัน ความลบั ไดโ้ ดยหน่วยงานเจา้ ของเร่ืองเดิม ผูม้ ีอำนาจกำหนดชัน้ ความลบั ของข้อมูลขา่ วสารลับนัน้ 2.2.2 การจัดทำขอ้ มลู ข่าวสารลบั - กำหนดจำนวนเจ้าหนา้ ทที่ ่ีเกยี่ วข้องและจำกดั ให้ทราบเทา่ ท่ีจำเป็น - มกี ารคมุ ชุดขอ้ มลู ขา่ วสารลบั 2.3 หน่วยงานของรัฐที่ครอบครองข้อมูลข่าวสารลับสามารถ สำเนา แปล เข้ารหัสหรือ ถอดรหัสข้อมูลข่าวสารลับเองได้โดยต้องบันทึกรายละเอียดไว้ที่ต้นฉบับและฉบับท่ีดำเนินการสำเนาแปล เข้า หรือถอดรหัสด้วย 2.4 การโอนข้อมลู ข่าวสารลบั ภายในหนว่ ยงานหรือระหว่างหน่วยงานตอ้ งไดร้ ับการอนุมัติจาก หวั หนา้ หนว่ ยงานของรัฐและบันทกึ การโอนไว่ในทะเบยี นควบคุมข้อมูลข่าวสารลบั 2.5 การส่งการรับข้อมลู ข่าวสารลบั 2.5.1 การส่งข้อมูลข่าวสารลับภายในหน่วยงานต้องใช้ใบปกข้อมูลข่าวสารลับปิดทับ ข้อมูลข่าวสารลับและการส่งออกนอกหน่วยงานต้องบรรจุซองหรือภาชนะทึบแสงสองชั้นอย่างม่ันคงและแยก ทะเบยี นข้อมลู ขา่ วสารลับออกจากทะเบียนรบั – ส่ง ข้อมลู ขา่ วสารที่ไม่มีชน้ั ความลับ

2.5 .2 การรับข้อมูลข่าวสารลับต้องให้ นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับหรือ ผู้ช่วยนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ ลงช่ือในใบตอบรับแล้วส่งคืนใบตอบรับน้ันแก่ผู้ นำส่งหรือ จดั ส่งคนื ภายหลงั และลงทะเบยี นขอ้ มลู ขา่ วสารลับก่อนทจ่ี ะดำเนินการต่อไป 2.6 การเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารลับหน่วยงานของรัฐต้องเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยและ ควรกำหนดระเบียบการเกบ็ รกั ษาข้อมูลข่าวสารลับของหนว่ ยงานตนเองเพิ่มเติม 2.7 การยืมข้อมูลข่าวสารลับของหน่วยงานอ่ืนต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของเร่ือง ยกเว้นเป็นการขอยืมภายในหน่วยงานเจ้าของเร่ืองและต้องบันทึกการยืมไว้ในทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสาร ลบั 2.8 การทำลายข้อมูลข่าวสารลับทุกชั้นความลับต้องส่งให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติพิจารณา กอ่ นทำลาย ยกเว้นขอ้ มูลข่าวสารลบั ช้ันลับท่ีสุดท่ีเส่ียงต่อการร่ัวไหลอันก่อให้เกดิ อันตรายแก่ประโยชน์แห่งรัฐ หัวหนา้ หนว่ ยงานของรัฐอาจพจิ ารณาทำลายเองได้ 2.9 หากข้อมูลข่าวสารลบั สูญหายผ้ทู ราบข้อเท็จจริงตอ้ งรายงานให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐท่ี ตนสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเรื่องเติมทราบเพื่อดำเนินการ ตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงและจดแจ้ง การสญู หายไวใ้ นทะเบียนควบคุมขอ้ มลู ขา่ วสารลบั 2.10 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารลับของหน่วยงานใหป้ ฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ.2540 และระเบยี บว่าดว้ ยการรักษาความลบั ของทางราชการพ.ศ.2544 2.10.1 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารลับโดยหัวหน้าหนว่ ยงานของรัฐหรือเจา้ หน้าทข่ี องรัฐ ตาม ม.20 (1) แห่งพระราชบัญญตขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 2.10.2 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารลับกรณีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร 3. หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีแผนการปฏิบัติต่อข้อมูลข่าวสารลับในเวลาปกติและเวลาฉุกเฉิน เพอ่ื ปอ้ งกนั การเขา้ ถงึ ของบุคคลที่ไม่มอี ำนาจหน้าทโี่ ดยจดั ทำแผน ดงั น้ี 3.1 แผนเคลื่อนย้ายข้อมูลขา่ วสารลับ 3.2 แผนการพิทกั ษ์รักษา 3.3แผนการทำลาย

๓. มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกบั ข้อมูลขา่ วสารลบั ทางระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพ่ือเป็นการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารลับทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ให้สูญหายถูกทำลาย เปล่ียนแปลงหรือรั่วไหลมีความม่ันคงปลอดภัยและเช่ือถือได้หน่วยงานของรัฐควรพิจารณาถึงหลักการ ในการรักษาความปลอดภัย เก่ยี วกับขอ้ มูลขา่ วสารลับทางระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ดังน้ี 3.1. การควบคุมการเขา้ ถึง กำหนดตัวบุคคลการเข้ารหัสจำกัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ผู้ใช้งานทบทวนสิทธิการเข้าถึงของ ผู้ใชง้ านและกำหนดพน้ื ทที่ มี่ ีการรักษาความปลอดภยั 3.2. การดำเนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู ขา่ วสารลับทางระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3.2.1 การจดั ทำ 3.2.1.1 การจัดทำต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าท่ีผู้มีสิทธิในการเข้าถึง ข้อมูลขา่ วสารลับและผ่านการตรวจสอบประวัตแิ ละพฤติการณ์ 3.2.1.2 ชุดอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ทใ่ี ชจ้ ัดทำข้อมูลข่าวสารลับไม่ควรใช้ เครือ่ งที่ เชื่อมต่อกับระบบเครอื ข่ายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (อินเตอร์เนต็ ) 3.2.1.3 สถานท่ีที่ใช้จัดทำข้อมูลข่าวสารลับทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ควรเปน็ พืน้ ท่ีทมี่ กี ารรักษาความปลอดภัย 3.2.1.4 การสำเนา การแปล การแจกจ่าย การโอนข้อมูลข่าวสารลับ ทางระบบอิเลก็ ทรอนิกสต์ ้องมกี ารควบคมุ การดำเนินการ 3.2.2 การจัดเกบ็ 3.2.2.1 ข้อมูลข่าวสารลับทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกช้ันความลับ ต้ อ ง เข้ า ร หั ส แ ล ะ จั ด เก็ บ ใน เค รื่ อ ง ค อ ม พิ ว เต อ ร์ แ ม่ ข่ า ย ห รื อ จั ด เก็ บ ใ น สื่ อ อิ เล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ที่ มี ร ะ บ บ การรักษาความปลอดภัยในการเข้าใช้งานเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 3.2.2.2 สถานที่จัดเก็บเคร่ืองคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ควร เปน็ พ้ืนทีท่ ี่มีการรกั ษาความปลอดภยั 3.2.2.3 ควรมีระบบสำรองข้อมูลข่าวสารลับทางระบบอิเล็กทรอนิกส์และ เครอื่ งคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำรองโดยแยกจดั เก็บในสถานทป่ี ลอดภัย 3.2.3 การ รับ-สง่ 3.2.3.1 ข้อมูลข่าวสารลับที่รับ-ส่งทางระบบโทรคมนาคมจะต้อง ดำเนินการ เขา้ รหสั แลว้ เทา่ นัน้ 3 .2 .3 .2 ก ำห น ด ร ะ เบี ย บ ป ฏิ บิ ต ก ารรั บ -ส่ ง ข้ อ มู ล ข่ าว ส าร ลั บ ทางระบบโทรคมนาคม 3.2.3.3 จดั ทำทะเบยี นเจ้าหน้าทคี่ วบคุมการรหัสและเจ้าหนา้ ท่กี ารรหัส

3.2.4 การทำลาย 3 .2 .4 .1 ขั้ น ต อ น ก า ร ข อ อ นุ มั ติ ท ำ ล า ย ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ลั บ ทางระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ใชห้ ลักการเดยี วกบั ข้อมลู ขา่ วสารลบั ทเี่ ป็นเอกสาร 3.2.4.2 วธิ ีการทำลายข้อมูลข่าวสารลบั ทางระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ใชช้ ุดคำส่งั ใน ระบบปฏบิ ตั ิการหรอื โปรแกรมซึ่งทำหน้าท่ีลบแฟม้ ขอ้ มูลโดยไม่สามารถกู้กลบั คืนได้ 4. มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกบั สถานที่ มาตรฐานที่กำหนดข้ึนเพ่ือพิทักษ์รักษาให้ความปลอดภัยแก่ที่สงวน อาคาร และสถานที่ ของหน่วยงานของรัฐตลอดจนวัสดุอุปกรณ์เจ้าหน้าท่ีของรัฐ และข้อมูลขา่ วสารในอาคารสถานท่ีดังกล่าว ให้ พ้นจากการโจรกรรม การจารกรรม การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย หรือเหตุอื่นใด อันอาจทำให้ เสียสมรรถภาพในการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรฐั ต้องดำเนินการสำรวจตรวจสอบ และจดั ทำแผนการรกั ษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานท่ี การกำหนดมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยเก่ยี วกับสถานที่ ให้ดำเนนิ การดงั น้ี 4.1. หน่วยงานของรัฐต้องกำหนดพื้นท่ีรักษาความปลอดภัยตามความเหมาะสมกำหนด ขอบเขตที่ แน่ ชัดว่าพ้ืน ท่ี ใดเป็ นพื้ น ที่ค วบ คุมห รือพื้ น ที่ หวงห้ามเพื่อควบ คุมก ารเข้า -ออกของบุ คคลแล ะ ยานพาหนะ 4.2. วางระบบป้องกันทางวัตถุเพื่อเป็นเครื่องหน่วงเหนี่ยวกีดขวางป้องกันบุคคลหรือ ยานพาหนะท่ีไม่มีสิทธิเข้าไปในพ้ืนที่ท่ีมีการรักษาความปลอดภัย เช่น ร้ัว เครื่องกีดขวาง ช่องทางเข้า-ออก รวมถงึ ระบบการให้แสงสวา่ งในยามวิกาล 4.3. การควบคุมบุคคลและยานพาหนะ 4.3.1 การควบคุมบุคคลเพ่ือตรวจสอบให้ทราบว่าเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้า พืน้ ท่ี โดยจดั ทำบัตรผา่ นบัตรแสดงตนและบันทกึ หลกั ฐานการผา่ นข้า - ออก น้ัน 4.3.2 การควบคุมยานพาหนะเพ่ือให้ทราบว่ายานพาหนะใดได้รับอนุญาตให้ผ่าน เขา้ ในบริเวณพน้ื ที่ไดแ้ ละยงั รวมถึงการควบคมุ บุคคลและสิ่งของต่าง ๆ บนยานพาหนะดว้ ย 4.4 ระบบรักษาการณ์หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยประจำวัน เจ้าหน้าท่ียามรักษาการณ์ ฯลฯ วางระบบการติดต่อส่ือสารและสัญญาณแจ้งภัยสำหรับตรวจและ เตือนให้ทราบเมื่อมีภั ยรวมถึงการติดต้ังอุปกรณ์ เสริมมาตรการการรักษาความปลอดภัยทาง เครื่องมือเครอื่ งใชอ้ เิ ลก็ ทรอนิกส์หรืออน่ื ๆ เพือ่ ให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากย่งิ ข้ึน 4.5. ระบบป้องกันและระงับอัคคี ภัยหัวหน้าหน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีมาตรการป้องกัน และระงับอคั คภี ัยทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ อาคารสถานท่ีทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินและความลับของทางราชการรวมถึงบุคคลสำคัญของ หน่วยงาน อาจเป็นเป้าหมายของการโจรกรรม การจารกรรม การก่อวินาศกรรมและการก่อการร้ายได้ ดังน้ัน จึงจำเป็นต้องวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่เพ่ือพิทักษ์รักษาบุคคลและทรัพย์สินของ ทางราชการให้ปลอดภัยหรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวการดำเนินการของฝ่ายตรงข้ามมิให้สัมฤทธ์ิผลหรือมีผล

เสียหายต่อหน่วยงานน้อยที่สุดและยังต้องประสานสอดคล้องกับมาตรการป้องกันภัย ทางธรรมชาติรวมถึง อบุ ัตภิ ยั ด้วย ดังน้ันหน่วยงานของรัฐตอ้ งกำหนดแผนการรกั ษาความปลอดภัยเกย่ี วกับสถานทขี่ องหน่วยงาน ตนเองโดยสำรวจการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานท่ีของหน่วยงานก่อนจากน้ันจึงนำผลจากการสำรวจ เป็นข้อมูลพ้ืนฐานประกอบในการกำหนดแผนซ่ึงแผนดังกล่าวนี้เป็นเร่ืองท่ีต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตร หน่วยงาน เจ้าของแผนจงึ ตอ้ งพจิ ารณาปรับปรุงแก้ไขแผนให้มีประสิทธภิ าพอยู่ตลอดเวลา 5. มาตรฐานการรกั ษาความปลอดภัยในการประชุมลับ หัวหน้าหน่วยงานของรฐั ตอ้ งจัดให้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยในการประชุมลับ โดย กำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับบุคคล ข้อมูลข่าวสารลับและสถานที่เพ่ือพิทักษ์รักษาส่ิงท่ี เปน็ ความลบั ของทางราชการที่ปรากฏในการประชุมลับไมใ่ ห้มีการรั่วไหลถูกจารกรรมรบกวนหรือขัดขวางการ ประชุมรวมท้ังคุ้มครองบุคคลและสถานท่ีท่ีเก่ียวข้องกับการประชุมลับนั้นจาก การก่อวินาศกรรมท้ังน้ีใหันำ มาตรฐานของการรักษาความปลอดภยั แต่ละเรือ่ งมาปรับใข้โดยอนุโลม 5.1. หัวหน้าหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องที่จะมีการประชุมลับเป็นผู้รับผิดชอบ การรักษาความปลอดภัยเก่ยี วกับการประชุมลับหรืออาจมอบหมายให้บุคคลท่ีเหมาะสมเป็นผู้ดำเนินการแทน ได้ โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยในการประชุมลับและนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ รวมท้งั แจง้ ให้ผเู้ ข้าร่วมการประชุมและผ้มู ีหน้าทเ่ี กี่ยวข้องทุกฝา่ ยทราบ 5.2. กรณีการประชุมลับหลายหน่วยงานต้องกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพรับผิดชอบและ แ ต่ ง ตั้ ง เจ้ า ห น้ า ท่ี ค ว บ คุ ม ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ใน ก า ร ป ร ะ ชุ ม ลั บ ท ำ ห น้ า ท่ี ป ร ะ ส า น ง า น ใน เรื่ อ ง การรักษาความปลอดภยั กับเจา้ หนา้ ทรี่ ักษาความปลอดภัย ในการประชุมลบั ของแต่ละหน่วยงานซึ่งจะต้องวาง มาตรการการรักษาความปลอดภัยเฉพาะในฝ่ายตนให้สอดคล้องกับมาตรการการรักษาความปลอดภั ยในการ ประชมุ ลับ 5.3. การรกั ษาความปลอดภยั ในการประชมุ ลับตอ้ งคำนึงถึงหลกั การดังต่อไปน้ี 5.3.1 บคุ คลท่เี ก่ยี วข้องกบั การประชุมลับต้องผา่ นการตรวจสอบประวตั แิ ละพฤตกิ ารณ์ บุคคล พร้อมท้ังได้รับความไว้วางใจให้เข้าถึงความลับในการประชุมนั้นและการปฏิบัติงานให้อยู่ในความ ควบคุมของเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัย ในการประชุมลับนั้นสำหรับผู้ท่ีไม่มีอำนาจหน้าท่ีต้อง ไมไ่ ดร้ ับทราบหรอื ครอบครองส่ิงที่เปน็ ความลบั ของทางราชการในการประชุม 5.3.2 ห้ามนำเคร่ืองมือสื่อสารวัสดุอุปกรณ์หรือเคร่ืองบันทึกภาพหรือเสียงเข้าไป ในสถานท่ีประชุมและต้องไม่นำเครือ่ งมือวัสดุอุปกรณห์ รือข้อมลู ขา่ วสารใด ๆ ออกนอกสถานทีป่ ระชมุ นน้ั การรักษาความปลอดภัยในการประชุมลับ ใหห้ น่วยงานของรฐั พจิ ารณาดำเนินการดังตอ่ ไปนี้ 1 กำหนดพื้นท่ที ม่ี กี ารรกั ษาความปลอดภยั ประกอบด้วยสงิ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 กำหนดอาณาเขตที่ใช้ในการประชุมลับที่ทำการของผู้เข้าประชุมลับและสถานที่ท่ีใช้เก็บ รักษาส่ิงท่ีเป็นความลับของทางราชการและจัดให้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยตามความจำเป็นและ เหมาะสมไว้ลว่ งหนา้ ก่อนเปิดการประชมุ ลับ 1.2 กำหนดให้มีบตั รผ่านหรือป้ายแสดงตนสำหรับใช้ควบคมุ บุคคลหลักเกณฑ์และวธิ ีปฏบิ ัติใน การกำหนดพื้นที่ทมี่ ีการรักษาความปลอดภยั ในการประชมุ ลบั 2 ดำเนินการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยในการประชุมลับ ต้องดำเนินการดังต่อไปน้ี

2.1 ตรวจตราและตรวจสอบทางเทคนิคตลอดในพ้ื นที่ท่ีกำหนดให้มีการรักษ า ความปลอดภัยท้ังหมดอย่างละเอียดก่อนวันเปิดประชุมลับและระหว่างการประชมุ ลบั 2.2 ในกรณีท่ีการประชุมลับน้ันมีความสำคัญมาก หน่วยของรัฐอาจขอความช่วยเหลือจาก องค์การรักษาความปลอดภัยได้ หลังจากที่องค์การรักษาความปลอดภัยตรวจสอบแล้วให้ส่งมอบ ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ใน พื้ น ท่ี นั้ น เป็ น ล า ย ลั ก ษ ณ์ อั ก ษ ร แ ก่ เจ้ า ห น้ า ท่ี ค ว บ คุ ม ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ในการประชมุ ลับหรอื ผู้แทนหนว่ ยงานนนั้ การปฏิบัติต่อส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการ การควบคุมดูแลการประชุมลับ การทำลายข้อมูล ข่าวสารลับท่ีไม่ใช้แล้วให้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยในการประชุมลับและ นายทะเบยี นข้อมลู ขา่ วสารลบั 3 ประสานงานการรกั ษาความปลอดภยั กรณีการประชุมลับหลายหน่วยงาน ต้องกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพรับผิดชอบและแต่งต้ัง เจ้ าห น้ าท่ี ค ว บ คุ ม ก ารรัก ษ าค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ใน ก ารป ระ ชุ ม ลั บ โด ย ผู้ เข้ าป ระ ชุ ม แ ต่ ล ะ ฝ่ าย จำเป็นต้องวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยเฉพาะในฝ่ายตนซึ่งการวางมาตรการดัง กล่าว ตอ้ งสอดคล้องกบั มาตรการการรกั ษาความปลอดภยั ในการประชุมลับ ท้ังนี้ เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยการประชุมลับทำหน้าที่ประสานงานในเร่ืองการรักษา ความปลอดภัยกบั เจา้ หน้าทค่ี วบคมุ การรักษาความปลอดภัยในการประชมุ ลบั 4 กำหนดวิธีปฏบิ ัติตอ่ ผมู้ าตดิ ตอ่ หลักเกณฑ์การปฏิบัติต่อผู้มาติดต่อในการประชุมลับให้ดำเนินการตามมาตรการการรักษา ความปลอดภัยเก่ียวกับสถานท่ีโดยผู้ติดต่อภับผู้เข้าร่วมประชุมลับต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้า พื้นที่ท่ีมีการรักษาความปลอดภัย พื้นท่ีควบคุมหรือพื้นท่ีหวงห้ามและกำหนดให้มีบัตรผ่านหรือป้ายแสดงตน สำหรับใช้ควบคุมบุคคล รวมท้ังจัดให้มีการบันทึกหลักฐานสำหรับผู้มาติดต่อ ทั้งน้ีจัดให้มีสถานท่ีพัก รอสำหรบั ผมู้ าติดตอ่ 5 แถลงข่าวต่อสอื่ มวลชน กรณีจำเป็นต้องมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการประชุมลับให้ผู้รับผิดชอบจัดประชุมดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 5.1 จัดสถานท่ีที่ใช้แถลงข่าวขึ้นโดยเฉพ าะและควรอยู่นอกพ้ื นที่ท่ีมีการรักษ า ความปลอดภัยในการประชมุ ลับ 5.2 กำหนดให้ผู้แถลงข่าวหัวข้อที่จะนำแถลงและข้อมูลข่าวสารท่ีจะเผยแพร่ต้องได้รับอนุมัติ จากท่ีประชุมลับก่อนหรือในกรณีท่ีท่ีประชุมลับมอบหมายให้มีผู้แถลงข่าวหลายคนผู้แถลงข่าว แต่ละคนต้อง แถลงเฉพาะเรอ่ื งที่ตนไดร้ บั อนุมตั ิจากทป่ี ระชุมลบั เท่าน้นั 5.3 ควบคุมให้การแถลงข่าวหรือการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและผู้เข้ารับฟังเป็นไปด้วยความ เหมาะสม 6 บรรยายหรือบรรยายสรปุ เรอ่ื งท่เี ปน็ ความลบั ใน ก ร ณี ท่ี เป็ น ก า ร บ ร ร ย า ย ห รื อ ก า ร บ ร ร ย า ย ส รุ ป เรื่ อ ง ที่ เป็ น ค ว า ม ลั บ น อ ก จ า ก จ ะ ต้ อ ง ปฏบิ ัติตามมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในการประชมุ ลับแลว้ ใหด้ ำเนินการดงั ตอ่ ไปน้ี 6.1 กำหนดชั้นความลับของการบรรยายหรือการบรรยายสรุปโดยถือตามช้ันความลับท่ีสูงสุด ในขอ้ มูลข่าวสารหรือส่ิงที่ใชป้ ระกอบการบรรยายหรอื การบรรยายสรุปน้ัน

6.2 กำหนดให้ผู้เข้ารับฟังทุกคนต้องได้รับความไว้วางใจให้เข้าถงึ ช้ันความลับของการบรรยาย หรือการบรรยายสรุปนน้ั 6.3 เมื่อเริ่มและสิ้นสุดการบรรยายหรือการบรรยายสรุปผู้บรรยายต้องแจ้งให้ผู้เข้ารับฟัง รับทราบช้ันความลับของการบรรยายและเน้นยํ้าให้ดำเนินการรักษาความปลอดภัยต่อสิ่งที่ ได้รับฟัง จากการบรรยายหรอื การบรรยายสรปุ นน้ั แบบฝกึ หดั ๑.คําถาม จงอธิบายมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยมาพอสังเขป พร้อมท้ัง ยกตัวอย่าง ประกอบคาํ อธิบาย ๒.มาตราฐานการรักษาความปลอดภัยมมีดา้ นใดบา้ งยกตัวอย่างพร้อมอธบิ าย เอกสารอ้างอิง กองบญั ชาการศกึ ษา, สาํ นกั งานตาํ รวจแหง่ ชาต.ิ (๒๕๖๑), ตำราเรยี นนักเรยี นนายสิบ,วชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๓ การรักษาความปลอดภัย.กรุงเทพ : โรงพิมพต์ ำรวจ กองบัญชาการศึกษา, สํานักงานตาํ รวจแหง่ ชาต.ิ (๒๕๖๒), ตำราเรยี นนกั เรียนนายสบิ ,วชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๓ การรกั ษาความปลอดภัย.กรงุ เทพ:โรงพมิ ตำรวจ ประกาศสำนักนายกรฐั มนตรี เร่อื งการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ.พทุ ธศักราช ๒๕๕๒. (๒๕๕๒, ๑๓ มนี าคม). ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ๑๒๖ ตอนท่ีตอนพิเศษ ๓๙ ง ประกาศสำนกั นายกรัฐมนตรี เร่อื ง ว่าดว้ ยการรกั ษา ความปลอดภยั แหง่ ชาติ (ฉบบั ๒) พทุ ธศักราช ๒๕๕๔. (๒๕๕๔, ๑๗ มถิ ุนายน). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ตอนพิเศษ ๖๗ ง ราชกจิ จานเุ บกษา เล่มที่ ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๒๘๔ งระเบียบสำนกั นายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยการรักษาความ ปลอดภยั แห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๖๐ (๒๕๖๐, ๒๒ พฤศจกิ ายน) พระราชบญั ญตั ขิ อ้ มลู ข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ ระเบยี บวา่ ด้วยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๔ ระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยการรกั ษาความปลอดภัยแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๕๒ สำนักข่าวกรองแหง่ ชาต.ิ สว่ นวิชาการ รปภ.ส.๑๐.(๒๕๖๐).มาตราฐานการรักษาความปลอดภยั หน่วยงาน ของรัฐฝ่ายพลเรือน.สำนักข่างกรองแห่งชาติ.สบื ค้นจากhttps://www.secnia.go.th/download/ มาตราฐานการ-รปภ.

แผนประกอบการสอนประจำบทท่ี ๒ หัวข้อเรื่อง การรกั ษาความปลอดภยั สถานท่ี รายละเอียดของเรื่อง ๑. หลักการรกั ษาความปลอดภัยสถานท่ี ๒. การจดั ระบบการรักษาความปลอดภัยสถานที่ ๓. ขน้ั ตอนการรกั ษาความปลอดภยั สถานท่ี ๔. การสำรวจสว่ นลว่ งหนา้ ชัว่ โมงทส่ี อน ๖ ช่ัวโมง กิจกรรมการเรยี นการสอน ๑. การนําเข้าสู่บทเรียน ผู้สอนนําข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากส่ือมวลชนทุกแขนงจากภาพและคลิป ใน รายการต่าง ๆ ที่ น่ าส น ใจเกี่ยวกับ ข้าราช การตํารวจและ การป ฏิ บั ติห น้ าที่ ของเจ้าห น้ าท่ี รกั ษาความปลอดภัยมาใช้ประกอบในการนําเข้าสู่บทเรยี น และสุ่มให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ ตัวอย่างพรอ้ มทั้งให้เล่าประสบการณ์ของตนเองที่เก่ียวข้องกับการรักษาความปลอดภัย ของ เจ้ า ห น้ า ท่ี แ ล ะ ใ ห้ แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เห็ น ใน ฐ า น ะ เป็ น เจ้ า ห น้ า ที่ ผู้ ป ฏิ บั ติ ท า ง ด้ า น รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย โดยมีวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเพ่ือให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพ่ือนํามาปรับเข้ากับหัวข้อ ในชว่ั โมงเรยี น ๒. การจดั กิจกรรม ๒.๑ ผู้สอนบรรยายและจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในเน้ือหาแต่ละเร่ือง พ ร้อ ม ย ก ตั ว อ ย่ างข้ อ เท็ จ จ ริงท่ี เกี่ ย ว ข้ อ งต าม ที่ กํ า ห น ด ไว้ ใน แ ผ น ก า รส อ น เพ่ื อ ให้ ผ ล ก าร ส อ น เป็ น ไป ตามจดุ มงุ่ หมายที่วางไว้ ๒.๒ ผู้สอนตั้งปัญหาให้ผู้เรียนวินิจฉัยเป็นรายบุคคลและส่วนรวมเพื่อให้รู้จักคิด วิเคราะห์และวิจารณ์เน้ือหาท่ีเรียนด้วยการนําเทคนิควิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนสนใจและติดตามการสอน ตลอดเวลาและเชอ่ื มโยงกับวชิ าอน่ื ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกบั เนือ้ หาเพื่อใหผ้ ู้เรยี นสามารถบรู ณาการความคิดได้ ๒.๓ ผู้สอนมอบหมายภารกิจให้ผู้เรียนไปเตรียมการสําหรับการเรียนการสอน ครั้งต่อไป โดยให้ผู้เรียนอ่านคําอธิบายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๕๒ หวั ขอ้ การรักษาความปลอดภยั มาลว่ งหนา้ ๒.๔ ผู้สอนต้ังคําถามเพื่อประเมินความรู้ด้วยการทําแบบฝึกหัดหลังเรียนและ สรปุ เนื้อหาทเ่ี รยี นพร้อมท้ังสอดแทรกคณุ ธรรมจริยธรรมทขี่ ้าราชการตํารวจควรปฏิบัติ ๒.๕ ผู้สอนแนะนาํ แหล่งขอ้ มูลท่จี ะศึกษาค้นควา้ เพิ่มเติม ๒.๖ ประเมนิ ความพงึ พอใจต่อคุณภาพการสอนและสิ่งสนบั สนุนการเรยี นรู้

สือ่ การสอน ๑. เครื่องคอมพวิ เตอร์ โปรเจ็คเตอร์ จอภาพ ทวี ี เครื่องขยายเสยี ง ๒. คมู่ ือตํารวจ ๓. เอกสารประกอบการสอน ๔. วดิ ทิ ศั น์ทีเ่ ก่ยี วข้อง ๕. ภาพประกอบท่ีเกี่ยวข้อง 5. ส่อื นาํ เสนอในรปู แบบ PowerPoint media ๖. เวบ็ ไซตท์ ่ีเกีย่ วข้อง ๗. เอกสารเกี่ยวกับกฎหมาย คาํ สัง่ และระเบยี บทเ่ี กีย่ วข้อง แผนการประเมินผลการเรียนรู้ ๑. สมรรถนะหลัก ๑.๑ ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยสถานที่ โดย สามารถวินิจฉัยแยกแยะเปรียบเทยี บและอธบิ ายความรดู้ งั กลา่ วไดถ้ ูกต้อง ๑.๒ ผู้เรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี สามารถเขา้ ใจและจัดทำแผนไดถ้ ูกตอ้ ง ๑.๓ ผู้เรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสถานท่ีสามารถ มีความเข้าใจและทำงานไดถ้ ูกต้อง ๑ .๔ ผู้เรียน มี ทั กษ ะใน การนํ าความ รู้ที่ ได้ เรียน ไป ป รับ ใช้ใน การป ฏิ บั ติห น้ าที่ ในสว่ นทเี่ กีย่ วขอ้ งไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๒. วิธกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๒.๑ สังเกตความต้ังใจและความสนใจของผู้เรียนการตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็น ในเน้ือหาทเี่ รยี น ๒.๒ สังเกตจากการรับรูแ้ ละการใสใ่ จต่อบทเรียนภายในห้องเรยี น ๒.๓ สงั เกตการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทอี่ าจารยม์ อบให้ ๒.๔ ประเมนิ ผลจากการทดสอบในชัว่ โมงเรียนเพื่อเป็นคะแนนเก็บ ๓. สดั สว่ นของการประเมนิ ๓.๑ สังเกตความตงั้ ใจและความสนใจของผู้เรยี นทีม่ าเรยี นครบ ๑๐ % ๓.๒ สังเกตการตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็น ๕% ๓.๓ สงั เกตการมีส่วนร่วมในกจิ กรรมที่อาจารย์มอบหมาย ๕% ๓.๔ ประเมนิ ผลจากรายงานและผลการสอบปลายภาคการศึกษา ๘๐ %

บทท่ี ๒ การรักษาความปลอดภยั สถานท่ี หลักการรกั ษาความปลอดภยั สถานที่ การรักษาความปลอดภัยสถานที่ โดยท่ีสง่ิ ที่เปน็ ความลับของทางราชการ อาคารสถานที่ ทรพั ย์สิน อนั มีค่าของรัฐ แหล่งพลังงาน สาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกท่ีจำเป็นแก่การดำรงชีวิต ของประซาซน ตลอดจนประมุขและบุคคลสำคัญของรัฐ ฯลฯ ล้วนเป็นเป้าหมายในการโจรกรรมการจารกรรม การบ่อน ทำลาย การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย รวมท้ังการประทุษร้ายจากฝ่ายตรงข้ามซึ่งอาจจะเป็นศัตรูโดย เปิดเผยหรือไม่เปิดเผยก็ได้ เพ่ือทำลายหรือบั่นทอนความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติ ดังน้ัน จึงจำเป็นท่ี จะต้องวางมาตรการการรักษาความปลอดภยั เกี่ยวกับสถานท่ีเพื่อป้องกนั และพิทักษ์รกั ษาปจั จัยสำคญั ดงั กลา่ ว ของชาติให้ปลอดภัยหรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวการดำเนินการของฝ่ายตรงข้ามมิให้ได้ผลหรือได้ผลน้อยท่ีสุด นอกจากน้ันยังจะต้องพิจารณาถึงมาตรการป้องกันภยันตรายอันเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและ อบุ ัตเิ หตดุ ว้ ย “การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่” มิใช่เป็นการรักษาความปลอดภัยให้แก่ สถานท่ีเท่านั้นตรงกับคำในภาษาอังกฤษ Physical Security ซ่ึงหมายความถึงมาตรการทางวัตถุ (Physical Measures) ที่กำหนดข้ึนเพ่ือพทิ ักษ์รักษาบุคคลสำคญั เพื่อป้องกนั มิให้ผู้ไม่มีอำนาจหน้าท่ีเข้าถึงส่ิง ที่เป็นความลับของทางราชการ เคร่ืองมือ เครื่องใช้ วัสดุและส่ิงอำนวยความสะดวก โดยพิทักษ์รักษา สง่ิ ดังกล่าวใหพ้ ้นจากการโจรกรรม การจารกรรม การบ่อนทำลาย การก่อวินาศกรรม และการกอ่ การรา้ ย ดังนั้น หน่วยงานของรัฐต้องกำหนดแผนการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานท่ีของหน่วยงาน ต น เอ งโด ย ส ำ ร ว จ ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย เ ก่ี ย ว กั บ ส ถ า น ที่ ข อ งห น่ ว ย งา น ก่ อ น จ า ก น้ั น จึ งน ำ ผ ล จ า ก การสำรวจเป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบในการกำหนดแผนซึ่งแผนดังกล่าวน้ีเป็นเร่ืองที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตร หนว่ ยงานเจ้าของแผนจึงต้องพิจารณาปรับปรุง แกไ้ ขแผนให้มปี ระสทิ ธิภาพอยตู่ ลอดเวลา หัวหน้าหน่วยงานของรฐั และเจ้าหน้าท่ีทุกฝา่ ยทุกระดับท่ีเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยพึง ระลึกอยูเ่ สมอว่า ๑. ฝา่ ยตรงข้ามดำรงความมุ่งหมายและความพยายามอย่างไม่ลดละอยู่ตลอดเวลาท่ีจะกระทำการ โจรกรรม การจารกรรม การบอ่ นทำลาย การก่อวินาศกรรม และการก่อการร้าย ซ่ึงรวมถงึ การประทุษรา้ ยต่อ ฝ่ายเรา ท้งั ในทางลับหรือเปิดเผยและจะกระทำการทันทีทุกโอกาสท่ีสถานการณ์สิง่ แวดล้อม หรือสภาพดนิ ฟ้า อากาศเอ้อื อำนวย ๒. ฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถและวิธีการต่ าง ๆ ท่ีจะดำเนินการต่อฝ่ายเราได้อย่าง ไม่มขี ้อจำกัดโดยปกตเิ ราจะตอ้ งประเมนิ ค่าฝา่ ยตรงข้ามวา่ เหนือกว่าหรือทัดเทยี มกับฝ่ายเราอยเู่ สมอ ๓. การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานท่ใี นหน่วยงานของรฐั เปน็ มาตรการในเซิงรับหรอื ปอ้ งกัน และมีขีดความสามารถในขอบเขตจำกัดในบางกรณีจำเป็นจะต้องใช้มาตรการในเซิงรุกหรือปราบปรามบาง ประการเขา้ ประกอบด้วย โดยการหาข่าวการเคลือ่ นไหวของฝ่ายตรงข้ามทกุ ระยะ เพื่อทำลายความพยายามของฝ่ายตรงข้ามเสียก่อนท่ีจะกระทำอันตร ายต่อฝ่ายเราหรือ โดยการช่วยเหลือสนับสนุนจ ากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น ที่เก่ียวข้องและมีภารกิจที่จะดำเนิน มาตรการในทางรกุ หรอื ปราบปรามโดยเฉพาะ

๔. การตรวจตราการสอดส่องและกำกับดูแลการฝึกอบรมและการเข้มงวดการปฏิบัติการ ของเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการจัดหาการตรวจและทดสอบสมรรถนะเคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ที่จำเป็นในการรักษาความปลอดภัยให้มีปริมาณเพียงพอและอยู่ในสภาพใช้การได้อยู่เสมอ จะชว่ ยใหม้ าตรการการรกั ษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานท่ีสามารถดำเนินไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ การรกั ษาความปลอดภัยเกยี่ วกบั สถานท่ีมีหลักการ คือ “จงให้ศัตรูอยู่ภายนอก” หมายถึง ผู้ท่ีจะเข้ามาในพ้ืนท่ีที่มีการรักษาความปลอดภัย ของหน่วยงานจะต้องเป็นบุคคลที่มีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าท่ีหรือเป็นบุคคลท่ีผ่านการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นภัย โดยการใช้หลัก “จงใหศ้ ตั รอู ยูภ่ ายนอก” น้ันจะต้องดำเนนิ การ ๓ ประการ คือ ๑. ตอ้ งมกี ารเฝา้ ตรวจ (Detection) ผทู้ จ่ี ะเขา้ มาในพน้ื ที่ ๒. ต้องมีการพิสูจน์ทราบ (Identification) ว่าผู้ท่ีจะเข้ามาในพื้นที่นั้นเป็นใครเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือฝา่ ยเดียวกันมสี ทิ ธิมีอำนาจหน้าทห่ี รอื ไม่เป็นภยั หรอื ไม่ ๓. ตอ้ งมกี ารขัดขวาง (Interception) ถ้าผทู้ จ่ี ะเขา้ มาในพน้ื ท่เี ปน็ ศัตรหู รือไมม่ ีอำนาจหน้าที่ ในปัจจุบันมีเครื่องมือทางเทคนิคหรืออุปกรณ์เสริมมาตรการการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับ ส ถ าน ท่ี ม าก ม าย เช่ น ระ บ บ โท รทั ศ น์ ว งจ รปิ ด (CLOSE CIRCUIT TELEVISION CCTV SYSTEM) ระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออก (ACCESS CONTROL SYSTEM) ระบบสัญญาณป้องกัน ขโมยหรือสัญญาณ เตอื นภัยต่าง (SECURITY ALARM SYSTEM) ระบบป้องกันและระงับอคั คภี ยั (FIRE PROTECTION SYSTEM) และระบบแจ้งเตือนการบุกรุก (INTRUSION SYSTEM) เพื่อเป็นเคร่ืองมือช่วยตรวจสอบการบุกรุกโดยมี เจ้ า ห น้ า ที่ รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ห รื อ ย า ม รั ก ษ า ก า ร ณ์ เป็ น ผู้ ค ว บ คุ ม ดู แ ล ร ะ บ บ ต่ า ง ๆ ดังกล่าวเปน็ ตน้ ภยันตรายท่ีควรพิจารณาเกี่ยวกับสถานที่ ภยันตรายเก่ียวกับสถานที่ที่ควรพิจารณาแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คอื ๑. ภยันตรายอันเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและอุบัติเหตุเช่น พายุ นํ้าท่วม ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ดินถลม่ ฯลฯ ๒. ภยันตรายอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์จำแนกออกได้เป็น ๒ ประเภทคือการกระทำ โดย เปิดเผยและการกระทำโดยทางลับ ๒.๑ การกระทำโดยเปิดเผย ได้แก่ การกระทำซึ่งหน้ามักจะใช้กำลังและหรืออาวุธ เป็นองคป์ ระกอบ เช่น การกอ่ ความไม่สงบ การก่อจลาจล ละการโจมตีของกองกำลงั ตา่ งชาติ ๒.๒ การกระทำโดยทางลับ ไดแ้ ก่ การแทรกซึมแอบแฝงเข้ามากอ่ ภยันตรายข้นึ การกระทำโดย ปิดบังซ่อนเร้น อำพรางไม่ให้ผู้ถูกกระทำทราบ เช่น การโจรกรรม การจารกรรม การบ่อนทำลายการก่อ วนิ าศกรรม และการกอ่ การรา้ ย เปน็ ตน้ การรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานท่ีจะต้องพิจารณาหาวิธีการป้องกันหรือลดความเสียหาย อย่างมีประสิทธิภาพต่อภยันตรายดังกล่าวในทุกกรณี โดยคำนึงถึงภยันตรายอันเกิดจากการกระทำ ของมนุษย์เป็นหลัก รวมทั้งภยันตรายอันเกิดจากการขาดวินัยและจิตสำนึกในการรักษาความปลอดภัยหรือ เป็นการกระทำโดยจงใจ ซ่ึงได้แก่ ความประมาทเลินเล่อ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความสะเพร่า มักง่าย ความเกียจคร้าน และย่อหย่อนต่อหน้าท่ี หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว รวมถึงการพิจารณาถึงที่ต้ังของ หน่วยงานว่าเป็นจุดเสี่ยงต่อการก่อเหตุอย่างไรหรือไม่ เช่น มีท่ีต้ังอยูในพ้ืนที่ท่ีมีการเคล่ือนไหวชุมนุมทาง การเมืองเป็นประจำหรือต้ังอยู่ในพื้นท่ีที่ใช้เป็นจุดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งจะต้องพิจารณาจัดทำแผนการ รกั ษาความปลอดภยั เกย่ี วกับสถานทเ่ี พอื่ เปน็ การป้องกันและลดภยนั ตรายดงั กลา่ ว

แนวทางการปฏิบัติการรกั ษาความปลอดภยั เกีย่ วกับสถานที่ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐดำเนินการรักษาความปลอดภัยสถานท่ีโดยกำหนดมาตรการ เพื่อพิทักษ์รักษาให้ความปลอดภัยแก่ ทีส่ งวน อาคาร และสถานท่ีของหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ เจ้าห น้ าที่ ของรัฐและข้อมู ลข่าวสารใน อาค ารและสถาน ท่ี ดังกล่าวให้ พ้ น จาก การโจร กรรม การจารกรรม การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย หรือเหตุอ่ืนใดอันอาจทำให้เสียความสามารถในการปฏิบัติ ภารกจิ ของหนว่ ยงานของรัฐได้ ในการพิจารณาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสถานท่ีให้หน่วยงานของรัฐ คำนึงถึงภยันตราย ดงั ต่อไปนี้ - ภยันตรายท่ีเกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติและอุบัติเหตุ เช่น พายุ น้ำท่วม ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ดินถล่ม และเพลิงไหม้ - ภยันตรายท่ีเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่ การกระทำโดยเปิดเผยเช่น การจลาจล การก่อความไม่สงบ และการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามและการกระทำโดยไม่เปิดเผย เช่น การโจรกรรม การจารกรรม การก่อวินาศกรรม และการกอ่ การร้าย การรกั ษาความปลอดภยั เกยี่ วกับสถานทตี่ ้องปฏบิ ัติ ดังต่อไปนี้ (๑) จดั ทำแผนการรักษาความปลอดภัยเก่ยี วกับสถานท่ี (๒) กำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภยั เกยี่ วกบั สถานท่ี (๓) ดำเนนิ การสำรวจและตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกบั สถานที่ ๑.แผนการรกั ษาความปลอดภัยเกีย่ วกับสถานท่ี ให้จัดทำขนึ้ โดยพิจารณาถงึ ส่ิงดังตอ่ ไปน้ี (๑) ระดับความสำคญั ของหนา้ ทีแ่ ละภารกจิ ของแต่ละหนว่ ยงานของรฐั ซ่งึ มคี วามแตกต่างกัน (๒) สถานการณ์และสภาพแวดล้อมโดยรอบพ้ืนที่ ได้แก่ ลักษณะภูมิศาสตร์และทำเลที่ต้ังของ หน่วยงานของรัฐ อุดมการณ์หรือทัศนคติของประชาชนในพ้ืนท่ีน้ันตลอดจนพฤติการณ์ท่ีอาจเป็นภัยของฝ่าย ตรงขา้ ม (๓) ข่าวสาร ส่ิงบอกเหตุและการเตือนภัยตลอดจนการสนับสนุนช่วยเหลือท่ีอาจขอรับจาก หน่วยงานของรัฐอ่นื ๆ (๔) จำนวนเจ้าหน้าที่ ท่ีปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซ่ึงขึ้นอยู่กับ ขนาดของอาคารสถานที่และพน้ื ท่ีท่ตี ้องควบคมุ ดแู ล (๕) งบประมาณที่จะใช้ในการวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ (๖) การออกแบบก่อสร้างที่สงวนอาคารและสถานที่หรือเครื่องกีดขวางของทางราชการ ท่ีมีความสำคัญหรือความลับ ท่ีต้องพิทักษ์รักษาให้คำนึงถึงด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งนี้ให้อยู่ใน ความรบั ผดิ ชอบของหัวหน้าหน่วยงานของรฐั (๗) การตดิ ต่อสอื่ สารภายในหนว่ ยงานของรฐั นั้นและกบั หนว่ ยงานของรฐั อื่น ๆ (๘) การรายงานผลการสำรวจหรอื การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยต่อผบู้ งั คับบัญชา

ข้นั ตอนการรักษาความปลอดภยั สถานท่ี เพ่ือให้การสำรวจหรือการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานที่เป็นไปโดยถูกต้อง และมปี ระสทิ ธิภาพ จะต้องดำเนนิ การตามขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ขั้นวางแผน เจ้ า ห น้ า ที่ ค ว บ คุ ม ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย เป็ น ผู้ ว า ง แ ผ น แ ล ะ ก ำ ห น ด แ น ว ป ฏิ บั ติ ในการสำรวจหรือการตรวจสอบโดยละเอียด โดยใช้การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ ม ภัยคุกคาม ความเส่ยี งโอกาส ที่จะเกิดการละเมิดการรักษาความปลอดภัย หลักฐานในการปฏิบัติและข้อบกพร่องที่มีมาแล้วเป็นแนวทางว่า จะสำรวจหรือตรวจสอบเร่ืองใดบา้ งและกำหนดแบ่งหน้าท่ีมอบหมายผู้ปฏิบตั ิ โดยกำหนดรายละเอยี ดสถานที่ ห้วงเวลาในการสำรวจหรือตรวจสอบตลอดจนวิธีการดำเนินการ ฯลฯ กรณีหน่วยงานของรัฐส่วนย่อยให้ พิจารณาถึงระดับความสำคัญของภารกิจหน่วยงานของรัฐส่วนย่อยนั้น เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันให้ เหมาะสม นอกจากน้ี ต้องพิจารณาถึงผลกระทบจากภัยอันตรายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ สถานการณ์การก่อการร้าย การก่อความไม่สงบ ขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามในสถานการณ์ปัจจุบัน โดย นำมาประกอบการพิจารณาการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยให้เห มาะสมและเกิดประสิทธิภาพ สูงสดุ ๒. ข้นั การปฏบิ ัติ ถ้าเป็นการสำรวจ ผู้รับมอบหน้าท่ีจะต้องสำรวจพื้นที่ อาคารสถานที่ ระบบการปฏิบัติงาน โดยละเอียด ฯลฯ เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ต้องการตามแผน ถ้าเป็นการตรวจสอบ ผู้รับมอบหน้าที่จะต้องตรวจสอบ มาตรการการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานที่ท่ีวางไว้แล้ว ประกอบกับพื้นที่ อาคารสถานที่ ระบบการ ปฏิบัติงาน ฯลฯ เพื่อจะได้ทราบว่ามีประสิทธิภาพเหมาะสมกับสถานการณ์และส่ิงแวดล้อม ความสำคัญของ ภ ารกิ จแ ล ะขีด ค ว าม ส าม ารถ ใน การรั ก ษ าค ว าม ป ล อด ภั ย ข องส่ ว น ราช การนั้ น ห รือ ไม่ มี ปั ญ ห าอุ ป ส รรค ขอ้ ขัดข้องและข้อบกพรอ่ งในทางปฏิบัตหิ รือไม่อยา่ งไร ควรแก้ไขปรบั ปรงุ เรอื่ งใด อย่างไร ๓. ขนั้ รายงาน เม่ือได้ข้อมูลต่าง ๆ และนำมาวิเคราะห์ตามหลักการท่ีกำหนดไว้ในระเบียบแล้ว ให้กำหนด แนวทางปฏิบัติและหรือวิธีแก้ไขปรับปรุงมาตรการการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานท่ี จากน้ันจัดทำ รายงานการสำรวจหรือการตรวจสอบเสนอหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเจ้าของสถานทเ่ี พ่ือรับทราบและพิจารณา ดำเนินการต่อไป รายงานการสำรวจจะประกอบด้วยข้อมูลตา่ ง ๆ ทีไ่ ดม้ า จากการสำรวจข้อเสนอแนะในการวางระเบยี บและกำหนดมาตรการการรกั ษาความปลอดภัย เก่ียวกับสถานที่ท่ีมีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดกับความสำคัญของภารกิจและขีดความสามารถของ หน่วยงานของรัฐน้ัน สำหรับรายงานการตรวจสอบจะต้องชี้ให้เห็นปัญหาต่าง ๆที่เกี่ยวกับอุปสรรค ข้อบกพร่อง และจุดอ่อนในด้านมาตรการการรักษาความปลอดภัยเก่ียวกับสถานท่ีและการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ฯลฯ พร้อมด้วยข้อเสนอเกี่ยวกับวิธีแก้ไขปรับปรุง มาตรการการรักษาความ ปลอดภยั ตลอดจนการดดั แปลงแก้ไขสถานท่ีใหม้ น่ั คงและมีประสทิ ธิภาพยิ่งขนึ้

มาตรการการรักษาความปลอดภยั สถานที่ ให้หน่วยงานของรัฐจดั ให้มีการสำรวจและการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ ตามความเหมาะสมโดยขอคำแนะนำจากองค์การรักษาความปลอดภัย มาตรการจัดระบบจุดเฝ้าตรวจการรักษาความปลอดภัย จุดเฝ้าตรวจการรักษาความปลอดภัย คือ พ้ืนที่ที่ได้กำหนดความรับผิดชอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในงานการรักษาความปลอดภัยซึ่งอาจจะอยู่กับท่ีหรือ เคลือ่ นที่ แบบของการเฝา้ ตรวจมี ๓ ประเภท คอื ๑. จุดตรวจ เป็นจุดท่ีควบคุมการผ่านเข้าออกของบุคคลและส่ิงของส่วนใหญ่จะอยู่ที่ช่องทาง เขา้ -ออกของพื้นท่ีควบคุม หน้าทขี่ องจุดตรวจมีไวัเพ่ือควบคุมช่องทางเขา้ -ออกตามปกติจะกำหนดให้มีช่องทาง เดียวและเป็นจุดที่ตั้งคงท่ีรวมท้ังป้องกันผู้ไม่มีหน้าท่ีหรือสิ่งของ เช่น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเอกสาร ฯลฯ เข้าไปในพื้นท่ีหวงห้ามรวมไปถึงการตรวจสอบกล่ันกรองผู้ท่ีมีหน้าท่ีและผู้ที่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นท่ี เหล่าน้นั อีกดว้ ย ๒. การลาดตระเวน เป็นการเฝ้าตรวจโดยปกติจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาเพ่ือตรวจตราพื้นท่ีที่ รับผิดชอบโดยใกล้ชิดและสังเกตบุคคลสิ่งของในพื้นที่ หน้าที่ของการลาดตระเวนมีไว้เพ่ือสังเกตการณ์หรือ ลาดตระเวนในพ้ืนท่ีท่ีกำหนด สังเกตการณ์ดูความเคลื่อนไหวของบุคคลและสิ่งของในพ้ืนที่ที่ได้รับมอบหมาย และรายงานขา่ วสารทีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ การรกั ษาความปลอดภัยท้ังหมดตอ่ กองอำนวยการ ๓. ภารกิจพิเศษ เป็นการปฏิบัติงานเฉพาะหน้าท่ีซึ่งไม่เกี่ยวกับจุดตรวจและการ ลาดตระเวน เช่น การรักษาความปลอดภัยสัมภาระ ขับรถบุคคลสำคัญ ขับรถสำรองติดตามขบวนประจำกองอำนวยการ รกั ษาความปลอดภยั ตอ่ ต้านพลแมน่ ปีน เป็นคน้ มาตรการการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณา ดำเนนิ การดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) กำหนดพนื้ ท่ีทม่ี กี ารรักษาความปลอดภัยโดยกำหนดขอบเขตทแ่ี น่ชดั ในการควบคุมการ เข้าและออก (๒) ใช้เคร่ืองกีดขวาง เพ่ือป้องกันขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวบุคคลและยานพาหนะท่ีไม่มี สิทธเิ ขา้ ไปในพืน้ ท่ีท่มี กี ารรักษาความปลอดภยั (๓) ให้แสงสว่างเพื่อปกป้องพื้นท่ีท่ีมีความสำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ พน้ื ท่ี (๔) จัดให้มีระบบสัญญาณเตือนภัยสำหรับตรวจและเตือนให้ทราบเม่ือมีการเข้าใกล้หรือ การลว่ งล้ำเขา้ มาในพน้ื ทท่ี ่ีมีการรกั ษาความปลอดภัย (๕) ควบคุมบุคคลเพ่ือตรวจสอบให้ทราบว่าเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าพื้นท่ี ทม่ี กี ารรกั ษาความปลอดภัย พ้ืนทคี่ วบคมุ หรือพ้นื ทห่ี วงห้าม (๖) ควบคุมยานพาหนะ เพ่ือให้ทราบวา่ ยานพาหนะใดได้รับอนุญาตให้ผ่านเขา้ ในพ้นื ท่ี ท่ีมี การควบคุมและมีบันทึกเปน็ หลกั ฐานการเขา้ และออก (๗) จัดให้มีเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยสถานท่ีประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เวรรักษาความ ปลอดภัยประจำวัน นายตรวจเวรรักษาความปลอดภัยประจำวัน ยามรักษาการณ์และเจ้าหน้าท่ีอื่น ๆเพ่ือให้ การรกั ษาความปลอดภยั มีประสทิ ธภิ าพย่ิงข้ึน (๘) ป้องกันอัคคีภัย โดยต้องวางแผนและกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายกฎกระทรวง และมตคิ ณะรฐั มนตรี ตลอดจนคำส่ังของทางราชการท่เี กย่ี วข้องกบั เรื่องน้ี

การกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดสถานท่ีตอ้ งคำนึงถงึ หลักการดังน้ี 1.กำหนดพื้นทที่ ม่ี กี ารรักษาความปลอดภยั การกำหนดพื้นท่ีท่ีมีการรักษาความปลอดภัยเพ่ือเป็นการป้องกันผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือผู้ไม่ ประสงค์ดีเข้าไปในพ้ืนที่โดยดำเนินการดังนี้ ต้องมีการเฝ้าตรวจผู้ทจี่ ะเข้ามาในพื้นท่ีต้องมีการพิสูจน์ทราบว่าผู้ ท่ีจะเข้ามาเป็นใคร มีวัตถุประสงค์ใดมีสิทธิมีอำนาจหน้าที่หรือไม่เป็นภัยหรือไม่ ต้องมีการขัดขวางหากผู้ที่จะ เข้ามาในพ้ืนที่เป็นผู้ท่ีไม่มีอำนาจหน้าทหี่ รืออาจเปน็ ภัยได้ พ้ืนที่หรือบรเิ วณของส่วนราชการต่าง ๆควรกำหนด ขอบเขตใหช้ ัดเจนวา่ พนื้ ท่ีใดควรไดร้ บั การรักษาความปลอดภัยเป็นพเิ ศษโดยแบ่งพื้นที่ ดงั น้ี 1.1. พื้นที่ควบคุม คือพ้ืนที่โดยรวมของหน่วยงานอยู่ภายในขอบเขตของพ้ืนท่ีที่มีการรักษา ความปลอดภัยท้ังหมด ต้องมีระเบียบการควบคุมบุคคลและยานพาหนะเพ่ือช่วยกล่ันกรองในชั้นหนึ่งก่อน มาตรการท่ีใช้ควบคุมการผ่านเข้า-ออก เช่น การออกบัตรผ่านและหรือบันทึกการผ่านเชา้ -ออกของบุคคลและ ยานพาหนะ 1.2.พนื้ ที่หวงห้าม คอื พื้นทที่ ี่มกี ารพิทักษ์รกั ษาสิ่งท่ีเป็นความลับต่าง ๆ ตลอดจนบุคคลสำคัญ ทรพั ยส์ นิ ของทางราชการซงึ่ แบง่ พืน้ ที่หวงหา้ มออกเป็นดงั น้ี ๑.๒.๑ “เขตหวงห้ามเฉพาะ” คือ เขตพื้นท่ีซึ่งมีส่ิงที่เป็นความลับบุคคลหรือทรัพย์สิน สำคัญซึ่งจะต้องพิทักษ์รักษา บุคคลท่ีผ่านเข้า-ออกพ้ืนที่น้ีจะต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับความไว้วางใจในการ เขา้ ถึงพืน้ ท่หี รอื หากไม่มีการกำหนดสิทธิในการเขา้ - ออกพื้นท่ีจำเป็นต้องจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลและกำหนด ระเบียบภายในเป็นการเฉพาะ “เขตหวง ห้ามเฉพาะ” ได้แก่ คลังน้ำมัน ชุมสายโทรศัพท์ ห้องปฏิบัติงานของ ผู้บริหารระดับสงู เป็นตน้ ๑.๒.๒ “เขตหวงห้ามเด็ดขาด” คือเขตพื้นท่ีซ่ึงมีส่ิงที่เป็นความลับของทางราชการ รวมถึงบุคคลสำคัญหรือทรัพย์สินอันสำคัญย่ิงท่ีจะต้องพิทักษ์รักษา การผ่านเข้า-ออกพื้นท่ีดังกล่าวทำให้ สามารถเขา้ ถึงส่ิงท่เี ปน็ ความลับของทางราชการ บุคคลสำคัญหรอื ทรพั ย์สนิ อันสำคัญไดโ้ ดยตรงจงึ จำเปน็ อยา่ ง ย่ิงที่จะต้องกำหนดระเบียบปฏิบัติในการผ่านเข้า-ออกเขตดังกล่าว บุคคลท่ีจะผ่านเข้า-ออกต้องได้รับอนุญาต หรือได้รับความไว้วางใจในระดับที่กำหนดไว้เท่าน้ัน “เขตหวงห้ามเด็ดขาด” เช่น ศูนย์ปฏิบัติการส่ือสาร ห้องปฏิบัติการระบบคอมพวิ เตอรป์ ระมวลผล หอ้ งปฏบิ ัติงานของหวั หน้าหน่วยงานของรฐั เปน็ ต้น การที่จะกำหนดหรือจำแนกพื้นท่ีและบริเวณใดของหน่วยงานของรัฐให้เป็นพ้ืนที่ท่ีมีการรักษา ความปลอดภัยระดับต่าง ๆ นั้นจะต้องถือความสำคัญของภารกิจหน่วยงานความสำคัญของบุคลากรภายใน หน่วยงาน ทรพั ย์สนิ ส่ิงทเี่ ป็นความลบั ของทางราชการหรอื สิ่งทอ่ี าจจะเปน็ อันตรายหรือก่อความเสียหายอยา่ ง ร้ายแรงต่อประเทศชาติและประซาซนซ่ึงอยู่ในความครอบครองหรือความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐท่ีมี อยู่ในพ้ืนที่น้ัน ๆ เป็นแนวทางในการพิจารณานอกจากน้ีในบางกรณีอาจต้องนำปัจจัยแวดล้อมอ่ืน ๆ มา พิจารณาประกอบอกี ด้วย เชน่ ลักษณะหรอื ระดับของภัยคุกคามจากชุมชนแวดล้อมท่ีอาจเกิดข้ึนต่อหน่วยงาน การตกเปน็ เป้าหมายของกลุ่มผู้ชมุ นุมเป็นต้น

2.แสดงอาณาเขตและใช้เคร่อื งกีดขวาง การแสดงอาณ าเขตและการติดต้ังเคร่ืองกีดขวางเพ่ือเป็นการแสดงขอบ เขตพ้ืนที่ ของหน่วยงานให้บุคคลภายนอกได้ทราบว่าเป็นพ้ืนที่ทอี่ ยู่ในความรับผิดขอบของหน่วยงาน การผ่านเข้า- ออก พื้นทีจ่ ะตอ้ งปฏบิ ัติตามระเบยี บหรือมาตรการการรักษาความปลอดภยั สถานท่ที ่ีกำหนดไว้ เครื่องกดี ขวาง คือ เคร่ืองมือที่ใช้ป้องกันขัดขวางหรือหน่วงเหน่ียวบุคคล สัตว์หรอื ยานพาหนะ ท่ีไม่มีสิทธิเช้าไปในพื้นที่ที่มีการรักษาความปลอดภัย โดยใช้เครื่องกีดขวางเป็นแนวเขตของพื้นท่ีก่อให้เกิด สภาพทางจิตวิทยาและทางวัตถุ ทำให้บุคคลภายนอกไม่กล้าบุกรุกหรือใช้เพ่ือหน่วงเหนี่ยวการบุกรุก เพื่อให้ ยามรักษาการณ์หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีโอกาสตรวจพบระงับยับยั้งหรือควบคุมจับกุมได้ อีกทั้ง เป็นการลดจำนวนเจ้าหนา้ ที่ยามรักษาการณ์และเป็นอุปกรณ์ช่วยควบคมุ และตรวจสอบบุคคลหรือยานพาหนะ ท่ีจะผา่ นเช้า-ออก ต้องผา่ นเช้า-ออกเฉพาะทางท่ีกำหนดไว้เคร่ืองกดี ขวางโดยทว่ั ไปแบ่งเป็น ๒ ชนดิ คอื 2.1 เคร่อื งกีดขวางโดยรอบ แบง่ ได้เป็น 2.1.1 เคร่ืองกีดขวางตามธรรมชาติ เช่น แม่นํ้า ลำคลอง เป็นต้น อาจพิจารณาคัด แปลงหรอื ปรบั ปรงุ ใหใ้ ชป้ ระโยชน์เปน็ เครอ่ื งกดี ขวางได้ 2.1.2 เครื่องกีดขวางที่ประดิษฐ์ขึ้น เช่น รั้ว เคร่ืองกีดขวางบริเวณช่องทาง เขา้ -ออก เชน่ แผงกน้ั ล้อเล่อื น แขนกั้นยานพาหนะ เป็นตน้ 2.2 การให้แสงสวา่ ง การจัดให้มีระบบแสงสว่างเพื่อให้ยามรักษาการณ์หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สามารถมองเห็นบริเวณร้ัวและเขตหวงห้ามต่าง ๆ โดยชัดเจนในเวลากลางคืนหรือในยามทัศนวิสัยไม่แจ่มชัด ปอ้ งกันพนื้ ทอี่ บั แสงจากสายตา เพอ่ื สังเกตการณ์ผบู้ กุ รุกเข้ามาในหนว่ ยงาน การให้แสงสว่างมี ๒ วิธี คือ 2.2.1 การใช้แสงส่องโดยตรง คือการพุ่งแสงสว่างส่องไปยังจุดใดจุดหนึ่งที่ต้องการ เช่น ท่ีตัวอาคาร แนวร้วั หรอื ประตู เปน็ ต้น 2.2.2 การใช้แสงส่องกระจายรอบตัวทำให้มีความสว่างทั่วบริเวณ ดวงไฟควรอยู่ใน ระดับสูงพอที่จะช่วยให้มองเห็นเครื่องกีดขวางต่าง ๆ ได้ชัด ในกรณีที่แนวร้วั เป็นแบบทึบต้องจัดให้มีแสงสว่าง ส่องให้เหน็ ได้ทั้งสองด้านและต้องให้รัศมีแสงสว่างของดวงไฟดวงหน่งึ ทับเลยเช้าไปในรัศมีของดวงไฟข้างเคียง เพ่อื มิให้มพี นื้ ที่อับแสงระหวา่ งรัศมีดวงไฟ ในการนี้ควรติดต้ังระบบการให้แสงสว่างสำรองหากอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบแส งสว่าง ชำรุดเสียหายหรือกรณีที่กระแสไฟฟ้าขัดข้องรวมทั้งการกำหนดให้มีการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของ หนว่ ยงาน หากมีความจำเปน็ ในการรักษาความปลอดภัยสถานท่ี เพ่ือให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยสถานท่ีมีประสิทธิภาพ การให้แสงสว่างเพ่ือ จะใหม้ องเหน็ บริเวณรว้ั และเขตหวงห้ามตา่ ง ๆ โดยชัดเจนในเวลามืดจะไดม้ องเหน็ ผู้ท่ีบกุ รุกเข้ามาในสถานที่

3.ระบบการติดต่อสื่อสารและระบบสัญาณแจง้ ภัย ระบบการติดตอ่ ส่ือสารและสัญญาณแจ้งภยั จะช่วยให้การติดต่ออำนวยการควบคมุ สถานการณ์ ตลอดจนรายงานผลการดำเนินการเปน็ ไปไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทันต่อเหตุการณแ์ ละมปี ระสิทธิภาพ ระบบการติดต่อส่ือสาร เช่น โทรศัพท์ วิทยุสื่อสารเป็นต้น ต้องสามารถติดต่อเจ้าหน้าท่ี ผบู้ งั คับบัญชา เพ่ือรายงานเหตุการณร์ วมทงั้ ติดต่อหน่วยงานอืน่ เพ่ือระงบั ยบั ย้งั และบรรเทาเหตุท่ีเกิดขน้ึ ระบบสัญญาณแจ้งภัย เช่น เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้า เคร่ืองกลเป็นต้น ท่ีทำให้เกิด สญั ญาณเมือ่ มผี ู้บกุ รกุ หรือเกิดเหตอุ ื่น ๆ เช่น สญั ญาณจับควนั สญั ญาณ จบั คลน่ื ความรอ้ น เป็นต้น แนวปฏิบัติเบื้องต้นในการนำเคร่ืองมืออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์มาควบคุมบุคคลและยานพาหนะ ในพ้นื ทขี่ องหน่วยงานของรัฐ ติดต้ังระบบควบคุมการเข้า-ออกอัตโนมัติที่ประตูเข้า-ออกอาคารหรือส่ิงก่อสร้างท่ีเป็น เขตหวงห้าม ผู้ท่ีจะผ่านเข้าไปในเขตน้ีจะต้องมีบัตรแสดงตนประจำตัว บัตรนี้ส่วนงานรักษาความปลอดภัยจะ เป็นผู้ออกให้และต้องมีระเบียบควบคุมบัตรแสดงตนดังกล่าวซึ่งออกเป็นคำส่ังหรือเป็นระเบียบภายใน หนว่ ยงาน ตรวจสอบบุคคลและสัมภาระท่ีนำผ่านเข้า-ออกพ้ืนที่ ควบคุมด้วยเคร่ืองมืออิเลคทรอนิกส์ เช่น เคร่ืองเอ็กซ์เรย์แบบพกพา ใช้ตรวจสัมภาระที่อาจซ่อนพรางวัตถุระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัย เคร่ืองตรวจ โลหะแบบมือถอื หรอื แบบประตูเดินผ่านใชต้ รวจอาวุธหรือโลหะต้องสงสัย การนำเครื่องมือเหล่าน้ีมาใช้งาน ให้ พิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อมและข่าวสารการคุกคามเพราะนอกจากมีราคาสูงแล้วต้องมีการดูแลซ่อม บำรุงตามห้วงเวลาเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อีกประการหน่ึงการตรวจสอบด้วยเครื่องมือจะต้องใช้ เจ้าหน้าท่ีท่ีผ่านการฝกึ อบรมมาแล้วเป็นผู้ดำเนนิ การท้ังการตรวจสอบยังต้องใชร้ ะยะเวลา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ 1 นายจะทำการตรวจสอบผู้มาติดต่อได้ทีละคน ซ่ึงจะทำให้ความสะดวกในการผ่านเข้า-ออกหน่วยงานลดลง มาก 4.ระบบการรกั ษาการณ์ 4.1 ระบบการรักษาการณ์ คือการจัดและกำหนดเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าท่ี เวรรักษาความปลอดภัยประจำวัน นายตรวจเวร เจ้าหน้าทรี่ กั ษาการณห์ รอื ยามรักษาการณ์ปฏิบัตหิ นา้ ที่รักษา ความปลอดภัยสถานท่ีตามห้วงระยะเวลาท่ีกำหนดและให้รู้จักการใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ีเสริมประสทิ ธิภาพใน การปฏิบตั งิ าน ตลอดจนสนใจขา่ วสารทอ่ี าจส่งผลกระทบเปน็ ภยั ตอ่ หน่วยงาน 4.2 กำลังและขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์หรือยามรักษาการณ์เพียงพอกับ การปฏิบัติหน้าที่ตามความสำคัญของสถานท่ีของส่วนราชการน้ัน ๆ หรือไม่ มีการแก้ไขทดแทนหรือปรับปรุง จดุ ออ่ นเกี่ยวกบั เร่ืองนด้ี ้วยวธิ ีใด มีการประสานแผนการรักษาความปลอดภัยกับสว่ นราชการอนื่ ที่เกี่ยวข้อง หรอื ไม่ 4.3 ต้องมีการคัดเลือกตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์เพ่ือสรรหาตัวบุคคลท่ีทำหน้าที่ เจ้าหน้าท่ีรักษาการณ์หรือยามรักษาการณ์โดยพิจารณาจากคุณสมบัติด้านคุณธรรมจริยธรรมและสมรรถนะ ทางรา่ งกาย

4.4 ต้องมีการกำกับดแู ลโดยเจา้ หน้าทรี่ ักษาความปลอดภัยของหน่วยงานน้ัน ๆ ด้วยวิธกี าร ดังตอ่ ไปน้ี 4.4.1 การกำกับดูแลโดยบุคคล หมายถึงการตรวจการปฏิบัติงานโดยหัวหน้า เจ้าหน้าท่ีรักษาการณ์ตามลำดับชั้น การตรวจจะทำตงั้ แต่ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าท่ีตรวจสภาพทั่วไปของเครื่องมือ อุปกรณ์ อาวุธ ทบทวนคำสั่งและระเบียบของสถานท่ีนั้นตรวจตามระยะเวลาระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพ่ือดู ความพร้อมความเครง่ ครัด ความต่ืนตวั ในการปฏบิ ัติหน้าที่ 4.4.2 การกำกับดูแลโดยเคร่ืองมือ เป็นการใช้เครื่องมือหรือวิธีการท่ีเสมือนบังคับให้ เจา้ หนา้ ทีร่ กั ษาการณต์ อ้ งปฏบิ ัตติ ามระยะเวลาท่ีทำหนา้ ท่ี เคร่ืองมือและวธิ กี ารมดี งั นี้ 1 )บั น ทึ ก ก า ร ป ฏิ บั ติ โ ด ย ใช้ แ บ บ ฟ อ ร์ ม ร า ย ง า น ก า ร ป ฏิ บั ติ ใ ห้ เจ้ า ห น้ า ที่ รกั ษาการณ์เป็นผูล้ งบันทึกตามจดุ และเวลาท่ีกำหนดไว้ 2)ตรวจสอบการปฏิบัติงานโดยเคร่ืองมือส่ือสาร เช่น วิทยุ ส่ือสาร โทรศัพท์ และสัญญาณอื่น ๆ ท่ีสามารถสื่อความหมายได้ โดยหัวหน้าเจ้าหน้าท่ีรักษาการณ์หรือเจ้าหน้าท่ีรักษาความ ปลอดภัยของหน่วยงานเป็นผู้ตรวจสอบ 4.5 ต้องมีการฝึกอบรมและพัฒนาเจ้าหน้าที่รักษาการณ์หรือยามรักษาการณ์เพื่อให้ ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ให้ ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ภ ยั น ต ร า ย ที่ อ า จ เกิ ด ข้ึ น แ ก่ ห น่ ว ย ง า น ส ร้ า ง จิ ต ส ำ นึ ก ในการรักษาความปลอดภัย ทบทวนการใช้เคร่ืองมือ อาวุธ อุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนทดสอบความสามารถ วินัย'ในการปฏิบตั ิหน้าที่ หน้าที่ของยามรักษาการณ์ 1 ดูแล สอดส่อง และตรวจตราความปลอดภัยภายในพื้นที่ของหน่วยงานเพื่อให้พ้นจากการ โจรกรรม การก่อวินาศกรรม การจารกรรม และอุบัติภัย ฯลฯ ที่อาจเกิดข้ึนและสร้างความเสียหายแก่อาคาร สถานทท่ี รพั ยส์ ินต่าง ๆ ของหนว่ ยงานของรัฐ โดยเฉพาะการดูแลปอ้ งกนั การลกุ ลำ้ บุกรุกเขา้ ไปในพื้นทค่ี วบคุม 2 ประจำการอยู่ที่ทางเข้า-ออกหลักเพื่อตรวจสอบและอำนวยความสะดวกแก่บุคคล ยานพาหนะและการนำสงิ่ ของตา่ ง ๆ เข้า-ออกในพื้นทค่ี วบคมุ ของหน่วยงาน 3 ในระหว่างปฏิบัติงานตามหน้าท่ี ถ้ามีเหตุเป็นที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยประจำวนั ของหน่วยงานทราบ 4 การรับ-ส่งหน้าที่ของยามรักษาการณ์ให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรในสมุดรับส่งเวรประจำวัน ยามรักษาการณ์จะเข้าแทนหน้าที่กันโดยพลการมไิ ด้ เวน้ แต่ได้รับอนญุ าตจากเจา้ หนา้ ท่คี วบคุมการรักษาความ ปลอดภัยของหน่วยงานเสียก่อน หากยามรักษาการณ์ไม่สามารถรับหน้าท่ีตามวันเวลาท่ีกำหนดไว้ในคำสั่งได้ ตอ้ งรายงานแจ้งเหตุขัดข้องให้เจ้าหนา้ ทีค่ วบคมุ การรกั ษาความปลอดภัยของหน่วยงานทราบล่วงหน้าก่อน

5 ยามรักษาการณ์ต้องปฏิบัติงานร่วมกับเวรรักษาความปลอดภัยประจำวันโดยปฏิบัติงาน ตลอดเวลา 24 ช่ัวโมง โดยแบ่งการเข้าเวรออกเป็น 4 ผลัด ๆ ละ 6 ช่ัวโมงและมียามรักษาการณ์เข้าเวร ประจำวันผลัดละ 2 คนขึน้ ไป ท้ังนต้ี อ้ งกำหนดช่วงเวลาพักผ่อนท่ีเพยี งพอใหแ้ ก่ยามรกั ษาการณ์ จำนวนของยามรกั ษาการณ์ในการปฏบิ ตั ิหนา้ ทใี่ ห้แต่ละหนว่ ยงานพิจารณาจาก - จดุ อ่อนของพ้นื ทีต่ ง้ั อาคารสถานที่ และสงิ่ ก่อสร้างตา่ ง ๆ - ระดบั ความสำคัญ และทรัพย์สินในความรบั ผิดชอบ - จำนวนเส้นทางเข้า-ออกพน้ื ท่ี - จำนวนและขนาดพน้ื ท่หี วงห้าม - งบประมาณค่าใช้จา่ ยสำหรับยามรักษาการณ์ - จำนวนยานพาหนะท่เี ขา้ -ออกในพ้ืนที่และจำนวนผู้ตดิ ต่อกบั หนว่ ยงาน - จำนวนเจ้าหน้าทแี่ ละผู้เขา้ มาปฏิบัตงิ านในพน้ื ทีข่ องหน่วยงาน ตัวอย่าง เช่น ให้จัดยามรักษาการณ์อย่างน้อย 1 นายประจำอยู่ท่ีประตูทาง เข้า-ออกอาคารช้ันล่าง เพ่ือดูแลการเข้า-ออกของบุคคลภายนอกหากเป็นอาคารร่วมเช่าพ้ืนท่ีและ มีการจัดพ้ืนที่ควบคุมต้องมียามรักษาการณ์ประจำทางเข้า-ออกเสมอ เพื่อดูแลให้ผู้ที่ผ่าน เขา้ -ออกปฏิบัติตาม ระเบียบปฏบิ ตั ิในการรักษาความปลอดภยั การจดั เวรประจำวันเบ้อื งตน้ สำหรับหน่วยงานที่มีความสำคัญควรจัดเวรประจำวัน เพ่ือดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง และในวันหยุดราชการ และเพ่ือช่วยผ่อนภาระให้เจ้าหน้าที่ชาย สามารถให้เจ้าหน้าที่หญิงอยู่เวร ประจำวันในช่วงเวลากลางวันได้ จำนวนเจ้าหน้าท่ีเวรแต่ละผลัดควรมี 2 นายข้ึนไป รายละเอียดเก่ียวกับการ ปฏิบัติหน้าท่ีเวรรักษาความปลอดภัยประจำวัน ให้พิจารณาตามความสำคัญของหน่วยงานของรัฐผู้ทำหน้าท่ี เวรประจำวันประกอบด้วยหัวหน้าเวรรักษาความปลอดภัยประจำวันของหน่วยงาน ผู้ช่วยหัวหน้าเวรและ พนกั งานขบั รถยนต์ เจ้าหน้าที่รกั ษาความปลอดภัย 1 เจา้ หนา้ ท่ีส่วนงานรักษาความปลอดภยั ประจำหนว่ ยงานของรัฐ – ทำหนา้ ทีค่ วบคุมดูแลการรักษาความปลอดภัยและผู้ทเี่ ขา้ มาปฏิบัติงานในบรเิ วณพื้นท่ีต้ัง ของหนว่ ยงานของรฐั ให้ปฏิบตั ิตามระเบียบปฏิบตั กิ ารรักษาความปลอดภัยทไี่ ด้กำหนดไว้ – ควบคุมดูแลการปฏิบัติต่อผู้มาติดต่อท่ีเข้ามาในพ้ืนที่หรือปฏิบัติงานช่ัวคราวในพื้นที่ของ หนว่ ยงานของรัฐ หลงั จากยามรักษาการณไ์ ด้สง่ มอบบคุ คลน้นั เข้ามาในพ้นื ทค่ี วบคุมแล้ว – ใหค้ ำแนะนำ ดแู ล และพิจารณาแก้ไขป้องกันปญั หาในกรณไี ด้รับแจ้งถึงเหตุนา่ สงสัยหรือ ผิดสังเกตภายในพ้ืนท่ีหรือบริเวณใกล้เคียงจากยามรักษาการณ์เจ้าหน้าท่ีหรือบุคคลอ่ืนก่อนนำแจ้งต่อ เจ้าหน้าท่คี วบคมุ การรักษาความปลอดภยั 2 เจา้ หนา้ ทรี่ ักษาความปลอดภัยประจำวนั จากสว่ นงานอ่นื ภายในหน่วยงานของรฐั – ทำหน้าท่ีเวรรักษาความปลอดภัยประจำวันตามตารางเวรประจำวันท่ีส่วนงานรักษา ความปลอดภัยกำหนดไวใ้ นช่วงเวลานอกราชการและในวนั หยุดราชการโดยปฏบิ ัติหนา้ ทเ่ี ชน่ เดยี วกบั ขอ้ 1 – ทำหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของยามรักษาการณ์ที่จัดให้มาประจำอยู่ส่วนงานของ ตนเน่ืองจากเป็นส่วนงานที่มีความสำคัญนอกจากนี้ให้ทำหน้าทอี่ ่ืนที่ได้รบั มอบหมายจากเจ้าหน้าท่ีควบคุมการ รักษาความปลอดภยั

เจา้ หน้าทีค่ วบคมุ การรักษาความปลอดภัย มหี น้าท่ีดงั น้ี 1. วางมาตรการการรักษาความปลอดภัยและกำหนดระเบียบปฏิบัติสำหรับให้ผู้ที่เข้ามา ในพื้นที่ของหน่วยงานของรัฐน้ัน ๆ ปฏิบัติตาม รวมท้ังจัดทำแผนฉุกเฉินป้องกันและบรรเทาเหตุร้ายหรือ อุบตั ภิ ยั ทอ่ี าจจะเกดิ ขนึ้ กับหนว่ ยงานของตน 2. จัดให้มีการฝึกอบรมการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน รวมท้งั จดั การฝึกอบรมทบทวนตามหว้ งเวลาท่กี ำหนดเพอื่ ให้เกิดความชำนาญและพร้อมทจี่ ะเผชญิ เหตรุ า้ ย 3. ให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาท่ีเกิดจากระเบียบปฏิบัติเพ่ือการรักษาความลอดภัย สถานที่ ตลอดจนควบคมุ ดูแลการปฏิบตั ิงานของเจ้าหน้าทรี่ ักษาความปลอดภัยใหม้ ีประสิทธิภาพ 4. ประสานงานเก่ียวกับมาตรการและระเบียบปฏิบัติกับส่วนงานต่าง ๆ ภายในหน่วยงานของ ตนและกบั หนว่ ยงานของรัฐอ่ืน ๕. เจ้าหน้าท่ีภายในหน่วยงานของรัฐ ต้องทราบและปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติท่ีได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะ เจา้ หนา้ ทีข่ องหน่วยงานท่เี กย่ี วกบั ความม่นั คงของชาตติ อ้ งปฏิบตั ติ ามระเบยี บปฏบิ ัตอิ ย่างเครง่ ครัด ๖. ผู้ปฏิบัติงานประจำภายในพื้นที่หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเหมือนกับเจ้าหน้าท่ีภายใน หน่วยงานของรฐั การเข้าสู่เขตหวงหา้ มต้องแจง้ เจ้าหน้าท่ีส่วนงานรักษาความปลอดภยั ประจำหน่วยงานของรัฐ ทราบและมีเจ้าหน้าที่ส่วนงานรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยงานของรัฐมาดูแลตลอดระยะที่เข้าไปใน เขต หวงห้ามด้วย ๗. ผู้เข้ามาปฏิบัติภารกิจภายในพ้ืนที่หน่วยงานของรัฐเป็นการชั่วคราวเมื่อเข้าสู่พ้ืนที่ควบคุม ต้องอยู่ในการดูแลและปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติท่ีเจ้าหน้าที่ส่วนงานรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยงาน ของรัฐแจ้งให้ทราบและหากเข้าสู่เขตหวงห้ามให้อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ส่วนงานรักษาความ ปลอดภยั ประจำหน่วยงานของรฐั จนกวา่ จะเสร็จส้นิ ภารกจิ ๘. ผู้มาติดต่อเม่ือเข้ามาในพื้นที่ของหน่วยงานของรัฐแล้วต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติท่ียาม รกั ษาการณแ์ จง้ ให้ทราบก่อนเขา้ ไปตดิ ต่อประชาสัมพันธ์ แนวปฏิบตั เิ บ้อื งต้นในการควบคุมบุคคลทีเ่ ขา้ สพู่ ื้นที่ของหน่วยงานของรัฐ ๑. จัดให้มีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าท่ีภายในและบัตรแสดงตนสำหรับบุคคลภายนอกท่ี เข้ามาปฏิบัติงานท้ังเป็นการประจำและชั่วคราว โดยให้บัตรมีความแตกต่างกันเมื่อบุคคลใดจะผ่าน เข้า-ออกพ้ืนท่ี ต้องแสดงบัตรแสดงตนทุกคร้ังกับยามรักษาการณ์และติดหรือคล้องบัตรแสดงตนน้ีให้เห็นได้ ชัดเจนตลอดเวลาทีอ่ ย่ใู นพน้ื ท่ขี องหน่วยงาน ๒. บคุ คลภายนอกซงึ่ ไม่มีบัตรแสดงตนให้ติดตอ่ ขอแลกบัตรแสดงตนกบั ยามรักษาการณก์ ่อน เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าท่ีประชาสัมพันธ์เพื่อลงบันทึกประจำวันและให้อยู่ในห้องรับรองท่ีจัดไว้ เจ้าหน้าท่ี รักษาความปลอดภัยต้องคอยดูแลมิให้บุคคลเหล่าน้ันลุกล้ำเข้าไปในพ้ืนที่ควบคุมของหน่วยงาน ทั้งโดยต้ังใจ หรอื ไม่กต็ าม ๓. ในกรณีท่ีบุคคลภายนอกจะเขา้ ไปติดตอ่ กับเจา้ หนา้ ท่ีส่วนงานในเขตหวงห้าม ให้เจ้าหน้าท่ี รกั ษาความปลอดภัยจะต้องแจง้ ไปยังเจ้าหนา้ ท่ีผ้นู ั้นใหอ้ อกมารับห้ามมิให้บุคคลภายนอกเข้าไปในเขตหวงห้าม โดยลำพงั เด็ดขาด และใหเ้ จา้ หนา้ ที่ผู้รับนั้นจะต้องรบั ผดิ ชอบดูแลบคุ คลภายนอกผู้น้ีไปจนกว่าจะเสร็จส้นิ กจิ จึง นำมาส่งท่ปี ระชาสมั พนั ธ์

5. การควบคุมบุคคลและยานพาหนะ เป็นภารกิจหลักของการรักษาความปลอดภัยสถานท่ีผู้รับผิดชอบต้องตรวจสอบบุคคลและ ยานพาหนะอย่างละเอียดรอบคอบถี่ถ้วนเพ่ือให้แน่ใจว่าผู้ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่มีสิทธิที่จะ ผ่านเข้ามาและ ไมก่ อ่ เหตลุ ะเมิดการรักษาความปลอดภยั การควบคุมบุคคล ๕.๑ การควบคุมบคุ คล ๑ .บั ต รผ่ า น แ ล ะป้ า ย แ ส ด งต น เป็ น ห ลั กฐ าน แ ส ด งส ถา น ะ ต่ อเจ้ า ห น้ า ท่ี รั ก ษ า ก า รณ์ ขณะผ่านจุดตรวจหรือชอ่ งทางเข้า-ออก ทั้งนี้ถอื เป็นการแสดงว่ามีสิทธิในการผา่ นเขา้ -ออกและการเข้าถึงพื้นท่ี ทม่ี กี ารรักษาความปลอดภัยได้ บัตรผ่าน คือบัตรที่หน่วยงานของรัฐออกให้สำหรับบุคคลและยานพาหนะของ ผ้ทู ่ปี ฏบิ ัติงานอยใู่ นพนื้ ทนี่ ้ันและบคุ คลภายนอกทต่ี อ้ งเข้ามาตดิ ตอ่ เป็นการช่ัวคราวโดยใหเ้ จา้ หน้าท่รี ักษาการณ์ ทำการบนั ทึกหลักฐานตรวจสอบและมอบบตั รผา่ นให้ใช้ในการผา่ นเข้า-ออกในแต่ละครงั้ ป้ายแสดงตน คือหลักฐานใช้ควบคุมบุคคล ใช้สำหรับบุคคลท้ังภายในและภายนอก เพื่ อแสด งสถาน ะใน การเข้าใน พื้ น ที่ที่มีการรักษาความป ล อด ภั ยป้ ายแส ดงตน ต้องแสดงไวัให้ เห็ นเ ด่น ชั ด ตลอดเวลาทอ่ี ยู่ในพ้นื ที่ ๒.บันทึกหลังการผ่านเข้า-ออก เป็นมาตรการควบคุมเสริมจากการใช้บัตรผ่านหรือบัตร แสดงตน โดยจัดใหม้ ีเจ้าหน้าท่ีบันทกึ หลกั ฐานสำหรับบุคคลทผ่ี า่ นเชา้ -ออกในพื้นทท่ี ม่ี ีการรักษาความปลอดภัย โดยให้มีการจดบันทึกรายละเอียดเช่นกัน ส่วนบุคคลภายนอกในกรณีผู้มาประชุมติดต่อราชการหรือพบปะ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานโดยให้มีรายละเอียด เช่น ช่อื ทอี่ ยู่ของผทู้ ผี่ ่านเข้า-ออก หน่วยงานท่ีสังกดั วัน เวลา ที่ ผา่ นเช้า-ออก ช่อื ผ้ทู ่ีมาตดิ ต่อ เหตุผลในการผา่ น เชา้ -ออก พนื้ ทีก่ ารควบคมยานพาหนะ ๕.๒ การควบคุมยานพาหนะ การควบคุมยานพาหนะ หมายรวมถึง การควบคุมท้ังบุคคลและสิ่งของต่าง ๆ บนยานพาหนะด้วย ยานพาหนะที่ได้รับการอนุญาตให้ผ่านเข้าไปในพื้นท่ีควรกำหนดเส้นทางและท่ีจอดรถทั้ง ของเจา้ หน้าที่ภายในและบุคคลภายนอกใหช้ ดั เจน การบันทึกหลกั รายการยานพาหนะที่ เข้า-ออก ควรมรี ายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี 1. วนั เวลา ท่ียานพาหนะผา่ นเขา้ -ออก 2. ชอื่ ผู้ขบั และชอ่ื ผู้โดยสาร 3. ประเภท ชนดิ สี เลขทะเบียนยานพาหนะ 4. ลกั ษณะ และจำนวนส่ิงของบนยานพาหนะน้นั 5. วัตถปุ ระสงค์การเข้าพ้ืนทค่ี วบคุม งานรักษาความปลอดภัยต้องจัดทำบัตรยานพาหนะของหน่วยงานเพื่อไว้แจกจ่ายให้ ยานพาหนะทจ่ี ะเข้ามาในพ้ืนทข่ี องหน่วยงานโดยแยกออกเป็น 5.๒.๑ บตั รกำกับยานพาหนะทอ่ี นุญาตให้เขา้ มาในพน้ื ที่ควบคุมภายในหน่วยงานของรัฐ บัตรน้ีจะทำเปน็ แผ่นสต๊ิกเกอร์ก็ได้ใหต้ ิดประจำไว้ทีก่ ระจกดา้ นหน้าในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน และควรให้ สบี ตั รกำกบั แตกตา่ งกัน เพื่อระบฐุ านะของผเู้ ปน็ เจา้ ของบตั ร เชน่ – บตั รกำกบั ยานพาหนะของเจา้ หน้าท่ีในหน่วยงานใชส้ แี ดง – บัตรกำกบั ยานพาหนะของบคุ คลท่ีเขา้ มาปฏิบตั งิ านประจำใชส้ เี ขียว – บตั รกำกับยานพาหนะของหน่วยงานใชส้ ีเหลือง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook