Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พุทธวจน เดรัจฉานวิชา

พุทธวจน เดรัจฉานวิชา

Description: พุทธวจน เดรัจฉานวิชา

Search

Read the Text Version

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : เดรัจฉานวชิ า หลักการก�ำจัดเสีย้ นหนาม (คนไม่ด)ี -บาลี ส.ี ท.ี ๙/๑๗๑/๒๐๖. (พระพทุ ธเจา้ ตรสั กบั กฏู ทนั ตพราหมณ์ เลา่ ถงึ เรอื่ งของพระเจา้ มหาวชิ ติ ราชทเ่ี รยี กพราหมณป์ โุ รหติ มาเฝา้ เพอ่ื ใหส้ อนวธิ กี ารบชู ามหายญั ญ)์ พราหมณ์ !   ปุโรหิตได้ทูลสนองพระด�ำรัสน้ันว่า ‘แวน่ แควน้ ของพระองคย์ งั มเี สย้ี นหนาม ยงั มกี ารเบยี ดเบยี น กนั การปล้นฆา่ ในหมบู่ ้านก็ยังปรากฏ การปล้นฆ่าในนิคม ก็ยังปรากฏ การปลน้ ฆ่าในนครกย็ ังปรากฏ การแย่งชิงตาม ระยะหนทางก็ยังปรากฏ และถ้าพระองค์จะให้เลิกเก็บส่วย ในขณะที่แว่นแคว้นเป็นไปด้วยเสย้ี นหนาม เตม็ ไปดว้ ยการ เบียดเบยี นเช่นน ี้ ก็จะได้ช่ือวา่ ทำ� กจิ ไม่ควรท�ำ อกี ประการ หนึ่ง พระองคอ์ าจทรงพระด�ำรวิ ่า เราก�ำจัดเสยี้ นหนาม คือ โจรผู้ร้ายเสียได้ด้วยการประหาร การจองจ�ำ การริบทรัพย์ การประจาน หรือการเนรเทศดังน้ี ข้อนี้ก็ไม่ช่ือว่าเป็นการ ก�ำจัดได้ราบคาบด้วยดี  เพราะผู้ที่ยังเหลือจากการถูก ประหารก็ยังมี ชนพวกน้ีจะเบียดเบียนชนบทของพระองค์ ในภายหลัง แต่ว่ามีอุบายท่ีจะก�ำจัดเสี้ยนหนามเหล่าน้ันให้ ราบคาบดว้ ยดไี ด้ คือ 173

พทุ ธวจน - หมวดธรรม (1) ชนเหล่าใดอุตสาหะในการทำ�เกษตรกรรม และปศุสัตว์ ขอพระองค์จงประทานพืชพันธ์ุและอาหาร แกช่ นเหล่านน้ั (2) ชนเหล่าใดอุตสาหะในพาณิชยกรรม  ขอ พระองคจ์ งเพมิ่ ทุนใหช้ นเหลา่ นนั้ (3) ข้าราชการเหล่าใดอุตสาหะ  ขอพระองค์ จงประทานเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนแก่ชนพวกน้ันในโอกาส อันสมควร ชนเหล่านั้นนั่นแหละ จักเป็นผขู้ วนขวายในการงาน ของตน ไมเ่ บยี ดเบยี นแวน่ แควน้ ของพระองค์ และพระคลงั ก็จะเพิ่มพูนมากมาย แว่นแคว้นจะตั้งอยู่ด้วยความเกษม ปราศจากเส้ียนหนามและการเบียดเบียน พวกมนุษย์จะ รา่ เริงบันเทงิ นอนชบู ตุ รใหเ้ ตน้ ฟ้อนอยูบ่ นอก แม้จักไมป่ ดิ ประตเู รอื น ในเวลาคำ�่ คืน กเ็ ป็นอยู่ได้’. 174

เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : เดรจั ฉานวชิ า กรณศี ึกษาเรือ่ งภกิ ษุชาวกรงุ โกสมั พแี ตกสามคั คีกัน -บาลี มหา. ว.ิ ๕/๓๑๒/๒๓๘. เร่ืองมอี ยู่ว่าภกิ ษุ ๒ รปู ทะเลาะกนั คอื รูปหน่ึงหาว่าอีกรปู หนึ่ง ตอ้ งอาบตั แิ ลว้ ไมเ่ หน็ อาบตั ิ จงึ พาพวกมาประชมุ สวดประกาศลงอกุ เขปนยี - กรรมแก่ภิกษุรูปนั้น แต่ละรูปต่างก็มีเพ่ือนฝูงมากด้วยกันท้ังสองฝ่าย และตา่ งกห็ าวา่ อกี ฝา่ ยหนง่ึ ทำ�ไมถ่ กู ถงึ กบั สงฆแ์ ตกกนั เปน็ สองฝา่ ย และ แยกทำ�อโุ บสถ แมพ้ ระผพู้ ระภาคจะทรงแนะนำ�ตกั เตอื นใหป้ ระนปี ระนอม กันกไ็ มฟ่ ัง ในทส่ี ุดถงึ กับทะเลาะววิ าทและแสดงอาการทางกายทางวาจา ทไ่ี มส่ มควรต่อกัน พระผมู้ ีพระภาคจงึ ทรงตักเตือน. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   พอที พวกเธอทงั้ หลาย อยา่ หมาย มนั่ กนั เลย อยา่ ทะเลาะกนั เลย อยา่ โตเ้ ถยี งกนั เลย อยา่ ววิ าท กันเลย. มภี กิ ษบุ างรปู ทลู ขน้ึ วา่ “ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ผเู้ ปน็ ธรรมสาม ี!  ขอพระองค์จงหยุดไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ขอจงทรงขวนขวายน้อยเถิด พระเจา้ ขา้ .  ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้  !   ขอจงทรงประกอบในสขุ วหิ าร ในทฏิ ฐธรรมอยเู่ ถดิ พระเจา้ ขา้ พวกขา้ พระองคท์ ง้ั หลายจกั ทำ�ใหเ้ หน็ ดำ� เหน็ แดงกนั ดว้ ยการหมายมน่ั กนั ดว้ ยการทะเลาะกนั ดว้ ยการโตเ้ ถยี งกนั ด้วยการวิวาทกัน อนั นี้เอง”. 175

พทุ ธวจน - หมวดธรรม พระผมู้ พี ระภาคไดต้ รัสคำ�นีแ้ กภ่ กิ ษุเหลา่ นน้ั เป็นคำ�รบ ๒ วา่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พอทีพวกเธอทงั้ หลายอยา่ หมายมนั่ กันเลย อย่าทะเลาะกันเลย อย่าโต้เถียงกันเลย อย่าวิวาท กันเลย. มีภิกษุบางรูปทูลคำ�น้ีข้ึนเป็นคำ�รบ ๒ ว่า  “ข้าแต่พระผู้มี พระภาคเจ้าผู้เป็นธรรมสามี !  ขอพระองค์จงหยุดไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ขอจงทรงขวนขวายนอ้ ยเถดิ พระเจา้ ขา้ .  ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้  !   ขอ จงทรงประกอบในสุขวิหารในทิฏฐธรรมอยู่เถิด พระเจ้าข้า พวกข้า พระองค์ทั้งหลายจักทำ�ให้เห็นดำ�เห็นแดงกัน ด้วยการหมายมั่นกัน ดว้ ยการทะเลาะกัน ดว้ ยการโต้เถียงกัน ด้วยการวิวาทกนั อันน้เี อง”. พระผู้มีพระภาคจึงทรงสั่งสอนให้ดูตัวอย่างทีฆาวุกุมาร แหง่ แควน้ โกศลผคู้ ดิ แกแ้ คน้ พระเจา้ พรหมทตั แหง่ แควน้ กาสใี นการ ท่ีจับพระราชบิดาของพระองค์ คือพระเจ้าทีฆีติไปทรมานประจาน และประหารชวี ิต เมื่อมีโอกาสจะแก้แค้นไดก้ ็ยังระลึกถึงโอวาทของ บิดา ท่ีไม่ให้เห็นแก่ยาว (คือไม่ให้ผูกเวรจองเวรไว้นาน) ไม่ให้ เห็นแกส่ น้ั (คอื ไม่ให้ตัดไมตร)ี และให้สำ� นกึ ว่า เวรย่อมระงบั ดว้ ย การไมจ่ องเวร จงึ ไว้ชีวิตพระเจา้ พรหมทตั แล้วกลบั ได้ราชสมบัตทิ ่ี เสียไปคนื พรอ้ มทั้งไดพ้ ระราชธดิ าของพระเจา้ พรหมทัตดว้ ย. 176

เปิดธรรมทีถ่ กู ปดิ : เดรัจฉานวิชา ทรงสรุปว่า พระราชาท่ีจับศัสตราอาวุธยังทรงมีขันติและ โสรัจจะได้ จึงควรท่ีภิกษุท้ังหลายผู้บวชในธรรมวินัยน้ีจะมีความ อดทนและความสงบเสง่ยี ม แต่ภกิ ษเุ หลา่ น้ันกม็ ไิ ดเ้ ชื่อฟัง กาลน้นั แล ในเวลาเช้า พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ทรงครองจวี ร ถือบาตร เสดจ็ เข้าไปสเู่ มือง โกสมั พี เพื่อบิณฑบาต ครัน้ ทรงเที่ยว บณิ ฑบาตในเมอื งโกสมั พแี ลว้ ภายหลงั ภตั ตกาล กลบั จากบณิ ฑบาต แล้ว ทรงเกบ็ บริขารขึ้นมาถือไว้ แลว้ ประทับยืน ตรัสคาถานวี้ ่า คนไพรๆ่ ดว้ ยกนั ส่งเสยี งเอด็ ตะโร แต่หามีคนไหน สำ� คญั ตัววา่ เปน็ พาลไม่ เมอื่ หมแู่ ตกกัน กห็ าได้มใี ครรูส้ กึ เป็นอย่างอืน่ ให้ดีขน้ึ ไปกวา่ น้ันได้ไม่. พวกบัณฑิตลืมตัว สมัครที่จะพูดตามทางที่ตน ปรารถนาจะพูดอย่างไร ก็พดู พลา่ มไปอยา่ งนน้ั หาไดน้ �ำพา ถงึ กิเลสที่เป็นเหตแุ หง่ การทะเลาะกนั ไม่. พวกใด ยงั ผูกใจเจ็บอย่วู ่า ‘ผ้นู ัน้ ไดด้ ่าเรา ได้ทำ� รา้ ย เรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา’ เวรของพวกน้ัน ย่อมระงับไมล่ ง. พวกใด ไมผ่ กู ใจเจบ็ วา่ ‘ผนู้ นั้ ไดด้ า่ เรา ไดท้ ำ� รา้ ยเรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา’ เวรของพวกน้ัน ย่อม ระงบั ได้. 177

พุทธวจน - หมวดธรรม ในยุคไหนก็ตาม เวรท้ังหลาย ไม่เคยระงับได้ด้วย การผูกเวรเลย แต่ระงับได้ด้วยไม่มีการผูกเวร ธรรมน้ีเป็น ของเก่าท่ีใช้ไดต้ ลอดกาล. คนพวกอน่ื ไมร่ สู้ กึ วา่ ‘พวกเราจะแหลกลาญกเ็ พราะ เหตุน้ี’ พวกใด ส�ำนึกตัวได้ในเหตุที่มีน้ัน ความมุ่งร้ายกัน ย่อมระงับได้ เพราะความร้สู กึ น้ัน. ความกลมเกลียวเป็นนำ�้ หนงึ่ ใจเดยี วกนั ยังมไี ดแ้ ม้ แก่พวกคนกักขฬะเหล่าน้ัน ท่ีปล้นเมืองหักแข้งขาชาวบ้าน ฆ่าฟันผู้คน แล้วต้อนมา้ โค และขนเอาทรพั ย์ไป แล้วทำ� ไม จะมีแกพ่ วกเธอไมไ่ ด้เล่า ถา้ หากไมไ่ ดส้ หายทพ่ี าตวั รอด เปน็ ปราชญ์ ทม่ี คี วาม เปน็ อยดู่  ี เปน็ เพอื่ นรว่ มทางแลว้ ไซร ้ กจ็ งทำ� ตวั ใหเ้ หมอื น พระราชา ทล่ี ะแควน้ ซง่ึ พชิ ติ ไดแ้ ลว้ ไปเสยี แลว้ เทย่ี วไปคนเดยี ว ดุจชา้ งมาตังคะ เท่ียวไปในป่าตวั เดียว ฉะนน้ั . การเที่ยวไปคนเดียว ดีกว่า เพราะไม่มีความเป็น สหายกนั ได้กบั คนพาล พงึ เทีย่ วไปคนเดยี ว และไม่ท�ำบาป เป็นคนมักน้อย ดุจชา้ งมาตงั คะ เป็นสัตวม์ กั นอ้ ย เทยี่ วไป ในปา่ ฉะนั้น. 178

เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : เดรจั ฉานวชิ า คร้ันแล้วจึงเสด็จไปจากท่ีน้ันสู่พาลกโลณการกคาม สู่ป่าชื่อ ปาจนี วงั สะโดยลำ�ดบั ไดท้ รงพบปะกบั พระเถระตา่ งๆ ในทที่ เี่ สดจ็ ไปนนั้ ในทส่ี ดุ ไดเ้ สดจ็ ไปพำ�นกั อยู่ ณ โคนไมส้ าละอนั รม่ รน่ื ณ ปา่ ชอ่ื ปารเิ ลยยกะ และได้มีพญาช้างชื่อปาริเลยยกะ มาอุปัฏฐากดูแลพระผู้มีพระภาค ต่อ จากนนั้ จึงได้เสดจ็ ไปยงั กรุงสาวตั ถี. คร้ังน้ัน อุบาสกอุบาสิกาชาวพระนครโกสัมพีได้หารือกัน ดงั น้วี ่า พระคณุ เจา้ เหลา่ ภิกษชุ าวพระนครโกสมั พนี ี้ ทำ�ความพนิ าศ ใหญ่โตให้พวกเรา พระผู้มีพระภาคถูกท่านเหล่าน้ีรบกวนจึงเสด็จ หลีกไปเสีย เอาละ พวกเราไม่ตอ้ งอภิวาท ไม่ต้องลุกรับ ไม่ตอ้ งทำ� อัญชลีกรรมสามีจิกรรม ไม่ต้องทำ�สักการะ ไม่ต้องเคารพ ไม่ต้อง นับถือ ไม่ต้องบูชาซึ่งพระคุณเจ้าเหล่าภิกษุชาวพระนครโกสัมพี แมเ้ ขา้ มาบณิ ฑบาต กไ็ มต่ อ้ งถวายบณิ ฑบาต ทา่ นเหลา่ นถ้ี กู พวกเรา ไมส่ ักการะ ไม่เคารพ ไม่นบั ถือ ไมบ่ ชู า เปน็ ผไู้ มม่ ีสักการะอย่างน้ี จักหลกี ไปเสีย หรอื จกั สึกเสยี หรอื จกั ใหพ้ ระผู้มพี ระภาคทรงโปรด ครน้ั แลว้ ไมอ่ ภวิ าท ไมล่ กุ รบั ไมท่ ำ�อญั ชลกี รรมสามจี กิ รรม ไมส่ กั การะ ไมเ่ คารพ ไมน่ บั ถอื ไมบ่ ชู า ซงึ่ พวกภกิ ษชุ าวพระนครโกสมั พี แมเ้ ขา้ มาบณิ ฑบาตกไ็ ม่ถวายบิณฑบาต. ครัง้ นน้ั พวกภิกษชุ าวพระนครโกสัมพี ถกู อบุ าสกอบุ าสิกา ชาวพระนครโกสมั พไี ม่สักการะ ไมเ่ คารพ ไมน่ ับถอื ไม่บูชา เป็นผู้ ไมม่ สี กั การะ จงึ พดู กนั อยา่ งนว้ี า่ อาวโุ สทง้ั หลาย !   มฉิ ะนน้ั พวกเรา พงึ ไปพระนครสาวตั ถี แลว้ ระงบั อธกิ รณน์ ใ้ี นสำ�นกั พระผมู้ พี ระภาค คร้ันแลว้ เก็บงำ�เสนาสนะ ถือบาตรจวี ร พากันเดนิ ทางไปพระนคร สาวตั ถี. 179

พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุเหล่าน้ันได้รับความลำ�บากก็รู้สึกสำ�นึกผิด จึงพากัน เดนิ ทางไปกรงุ สาวตั ถแี ละยอมตกลงระงบั ขอ้ ววิ าทแตกแยกกนั โดยภกิ ษุ รูปท่ีเป็นต้นเหตุยอมแสดงอาบัติ ภิกษุฝ่ายท่ีสวดประกาศลงโทษยอม ถอนประกาศ พระผู้มีพระภาคจึงตรัสให้ประชุมสงฆ์สวดประกาศระงับ เรอื่ งนน้ั เปน็ สงั ฆสามคั คดี ว้ ยทตุ ยิ กรรมวาจา เสรจ็ แลว้ ใหส้ วดปาตโิ มกข.์ 180

บทส่งทา้ ย

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : เดรัจฉานวิชา การเกีย่ วขอ้ งกันของนักบวช 49 กับคฤหสั ถ์ -บาลี อิตวิ .ุ ข.ุ ๒๕/๓๑๔/๒๘๗. ภิกษุทั้งหลาย !   พราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย ผู้บ�ำรุงเธอทั้งหลายด้วยจีวร  บิณฑบาต  เสนาสนะและ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ช่ือว่าเป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอ ท้งั หลาย. ภิกษุท้ังหลาย !   การท่ีเธอทั้งหลายแสดงธรรม อนั งามในเบอื้ งตน้ งามในทา่ มกลาง งามในท่สี ดุ พรอ้ มท้ัง อรรถะ พร้อมทั้งพยญั ชนะ ประกาศพรหมจรรยอ์ ันบริสุทธ์ิ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์และคหบดีเหล่าน้ัน ชื่อว่า เธอทงั้ หลายก็เป็นผมู้ ีอุปการะมากแก่ชนเหลา่ นั้น. ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   คฤหสั ถแ์ ละบรรพชติ ทงั้ หลาย ตา่ ง อาศัยซึง่ กันและกันอยูป่ ระพฤตพิ รหมจรรย์ เพือ่ ถอนกเิ ลส อนั เปรยี บเหมอื นหว้ งนำ้� เพอ่ื จะทำ� ซง่ึ ทส่ี ดุ แหง่ ทกุ ขโ์ ดยชอบ ดว้ ยประการอย่างน.ี้ 182

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : เดรจั ฉานวชิ า สง่ิ ทใี่ ครๆ ในโลกไมไ่ ดต้ ามปราถนา 50 -บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๕๙/๔๘. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ฐานะ ๕ ประการเหลา่ นี้ อนั สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรอื ใครๆ ในโลก ไม่พงึ ได้ ตามปรารถนา ๕ ประการเป็นอยา่ งไร คอื สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก ไม่อาจไดต้ ามปรารถนาวา่ (1) สิ่งทม่ี ีความแกเ่ ปน็ ธรรมดา อยา่ แก่เลย (2) สิ่งที่มคี วามเจ็บไขเ้ ป็นธรรมดา อย่าเจบ็ ไข้เลย (3) สง่ิ ท่มี ีความตายเปน็ ธรรมดา อย่าตายเลย (4) ส่ิงที่มคี วามส้ินไปเป็นธรรมดา อย่าสิน้ ไปเลย (5) สิง่ ทมี่ ีความวินาศเปน็ ธรรมดา อย่าวนิ าศเลย ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   สง่ิ ทมี่ คี วามแกเ่ ปน็ ธรรมดา กย็ อ่ ม แกส่ ำ� หรบั ปถุ ชุ นผมู้ ไิ ดส้ ดบั เมอ่ื สง่ิ ทมี่ คี วามแกเ่ ปน็ ธรรมดา แก่แล้ว เขาก็ไม่พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ว่า “ไม่ใช่ส่ิงท่ีมี ความแก่เป็นธรรมดา จะแก่ส�ำหรับเราผู้เดียวเท่าน้ัน  โดย ทแี่ ทแ้ ลว้   สงิ่ ทม่ี คี วามแกเ่ ปน็ ธรรมดา  ยอ่ มแกส่ ำ� หรบั สตั ว์ ทั้งหลายท้งั ปวง ท่มี ีการมา การไป การจตุ ิ การอุบัติ กเ็ ม่ือ 183

พุทธวจน - หมวดธรรม สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เราจะมามัวเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่�ำไรร�ำพัน ทุบอกร่�ำไห้ ถึงความหลงใหล แม้อาหารก็ไม่ย่อย  กายก็เศร้าหมอง  การงานก็หยุดชงัก พวกอมิตรก็ดีใจ มติ รสหายกเ็ ศรา้ ใจ” ดังนี้. ปถุ ชุ นนน้ั เม่อื สงิ่ ท่มี คี วามแก่เปน็ ธรรมดา แก่แล้ว ยอ่ มเศรา้ โศก กระวนกระวาย ร่�ำไรร�ำพัน เปน็ ผทู้ ุบอกร�ำ่ ไห้ ยอ่ มถงึ ความหลงใหล.  ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   เรากลา่ ววา่ ปถุ ชุ น ผมู้ ไิ ดส้ ดบั นี้ ถกู ลกู ศรแหง่ ความโศก อนั มพี ษิ เสยี บแทงแลว้ ทำ� ตนเองใหเ้ ดอื ดรอ้ นอยู.่ ภิกษุทั้งหลาย !   สิ่งท่ีมีความเจบ็ ไขเ้ ปน็ ธรรมดา ก็ ย่อมเจ็บไขส้ �ำหรบั ปุถชุ นผมู้ ิได้สดบั เมอ่ื สงิ่ ทม่ี ีความเจบ็ ไข้ เปน็ ธรรมดาเจบ็ ไขแ้ ลว้ เขากไ็ มพ่ จิ ารณาเหน็ โดยประจกั ษว์ า่ “ไม่ใช่สิ่งท่ีมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะเจ็บไข้ส�ำหรับเรา ผเู้ ดยี วเทา่ น้ัน โดยทีแ่ ท้แลว้ สง่ิ ที่มีความเจบ็ ไขเ้ ป็นธรรมดา ยอ่ มเจบ็ ไขส้ ำ� หรบั สตั วท์ ง้ั หลายทง้ั ปวง ทมี่ กี ารมา การไป การจตุ ิ การอุบัติ ก็เม่ือส่ิงท่ีมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา เจ็บไข้แล้ว เราจะมามวั เศรา้ โศก กระวนกระวาย รำ�่ ไรรำ� พนั ทบุ อกรำ�่ ไห้ ถงึ ความหลงใหล แมอ้ าหารกไ็ มย่ อ่ ย กายกเ็ ศรา้ หมอง การงาน ก็หยุดชงกั พวกอมิตรกด็ ใี จ มติ รสหายกเ็ ศรา้ ใจ” ดังน.้ี 184

เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : เดรจั ฉานวชิ า ปถุ ชุ นนนั้ เมอื่ สง่ิ ทมี่ คี วามเจบ็ ไขเ้ ปน็ ธรรมดา เจบ็ ไข้ แล้ว ย่อมเศรา้ โศก กระวนกระวาย รำ�่ ไรร�ำพัน เปน็ ผู้ทุบอก รำ่� ไห้ ยอ่ มถงึ ความหลงใหล.  ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เรากลา่ ววา่ ปุถุชนผู้มิได้สดับนี้ ถูกลูกศรแห่งความโศก อันมีพิษเสียบ แทงแล้ว ท�ำตนเองใหเ้ ดือดร้อนอยู่. ภิกษุท้ังหลาย !   ส่ิงท่ีมีความตายเป็นธรรมดา ก็ ย่อมตายส�ำหรับปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อสิ่งที่มีความตาย เป็นธรรมดาตายแล้ว เขาก็ไม่พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ว่า “ไมใ่ ชส่ งิ่ ทม่ี คี วามตายเปน็ ธรรมดา จะตายสำ� หรบั เราผเู้ ดยี ว เทา่ นนั้ โดยทแี่ ทแ้ ลว้ สงิ่ ทมี่ คี วามตายเปน็ ธรรมดา ยอ่ มตาย สำ� หรับสัตวท์ ัง้ หลายทง้ั ปวง ที่มีการมา การไป การจุติ การ อุบัติ ก็เมื่อส่ิงท่ีมีความตายเป็นธรรมดา ตายแล้ว เราจะ มามวั เศรา้ โศก กระวนกระวาย รำ่� ไรร�ำพัน ทุบอกร่ำ� ไห้ ถงึ ความหลงใหล แมอ้ าหารกไ็ มย่ อ่ ย กายกเ็ ศรา้ หมอง การงาน กห็ ยดุ ชงัก พวกอมติ รกด็ ีใจ มติ รสหายกเ็ ศรา้ ใจ” ดงั น้.ี ปถุ ชุ นนน้ั เมอ่ื สง่ิ ทม่ี คี วามตายเปน็ ธรรมดา ตายแลว้ ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร�่ำไรรำ� พนั เปน็ ผู้ทบุ อกร่ำ� ไห้ ยอ่ มถงึ ความหลงใหล.  ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   เรากลา่ ววา่ ปถุ ชุ น ผมู้ ไิ ดส้ ดบั นี้ ถกู ลกู ศรแหง่ ความโศก อนั มพี ษิ เสยี บแทงแลว้ ทำ� ตนเองให้เดือดร้อนอย.ู่ 185

พทุ ธวจน - หมวดธรรม (ในกรณแี หง่ สงิ่ ทมี่ คี วามสน้ิ ไปเปน็ ธรรมดา มคี วามวนิ าศไป เป็นธรรมดา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยถ้อยค�ำอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาข้างบนนี้ และพระองค์ยังได้ตรัสไว้ใน ลักษณะท่ตี รงกนั ข้ามจากขอ้ ความน้ี สำ� หรับอริยสาวกผไู้ ดส้ ดบั ) 186

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : เดรัจฉานวชิ า เหตใุ ห้ส�ำเรจ็ ตามปรารถนา 51 นัยท่ี ๑ -บาลี จตกุ กฺ . อํ. ๒๑/๘๕/๖๑. คหบด ี!  ธรรม๔ประการน้ีนา่ ปรารถนานา่ รกั ใคร่ นา่ พอใจ หาไดย้ ากในโลก ธรรม ๔ ประการเปน็ อยา่ งไร คอื ขอโภคทรพั ยจ์ งเกดิ ขน้ึ แกเ่ ราโดยทางธรรม นเี้ ปน็ ธรรมประการที่ ๑  อันนา่ ปรารถนา  น่ารกั ใคร่  น่าพอใจ หาไดย้ ากในโลก. เราไดโ้ ภคทรพั ยท์ ง้ั หลายโดยทางธรรมแลว้   ขอยศ จงเฟื่องฟูแก่เราพร้อมด้วยญาติและมิตรสหาย  นี้เป็น ธรรมประการท่ี  ๒  อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาไดย้ ากในโลก. เราได้โภคทรัพย์ทั้งหลายโดยทางธรรมแล้ว  ได้ยศ พร้อมด้วยญาติและมิตรสหายแล้ว  ขอเราจงเป็นอยู่นาน จงรักษาอายุให้ยั่งยืน  นี้เป็นธรรมประการท่ี  ๓  อัน นา่ ปรารถนา  น่ารกั ใคร ่ นา่ พอใจ  หาไดย้ ากในโลก. เราได้โภคทรัพย์ทั้งหลายโดยทางธรรมแล้ว  ได้ยศ พร้อมด้วยญาติและมิตรสหายแล้ว เป็นอยู่นานรักษาอายุ 187

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ใหย้ งั่ ยนื แลว้ เมอื่ ตายแลว้ ขอเราจงเขา้ ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค์ นเี้ ปน็ ธรรมประการที่ ๔ อนั นา่ ปรารถนา นา่ รกั ใคร่ นา่ พอใจ หาได้ยากในโลก. คหบดี !   ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล น่าปรารถนา น่ารกั ใคร่ น่าพอใจ หาไดย้ ากในโลก. คหบด ี !   ธรรม  ๔  ประการน ี้ ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ให้ ไดธ้ รรม ๔ ประการ อนั น่าปรารถนา นา่ รกั ใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก ธรรม ๔ ประการเป็นอยา่ งไร คอื (1) สทั ธาสัมปทา (ความถงึ พร้อมด้วยศรัทธา) (2) สีลสมั ปทา (ความถึงพรอ้ มดว้ ยศีล) (3) จาคสัมปทา (ความถึงพร้อมดว้ ยการบรจิ าค) (4) ปญั ญาสมั ปทา (ความถงึ พร้อมด้วยปญั ญา) คหบดี !   ก็ สัทธาสมั ปทาเปน็ อยา่ งไรเลา่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้  ย่อมเป็นผู้มีศรัทธา เช่ือปัญญาตรัสรู้ของตถาคตว่า  “เพราะเหตุอย่างน้ีๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ ชอบไดโ้ ดยพระองคเ์ อง เปน็ ผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยวชิ ชาและจรณะ เปน็ ผไู้ ปแลว้ ดว้ ยดี เปน็ ผรู้ โู้ ลกอยา่ งแจม่ แจง้ เปน็ ผสู้ ามารถ 188

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : เดรัจฉานวิชา ฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ต่ืน ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม เป็นผู้มีความจ�ำเริญจ�ำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์”. คหบดี !  นเ้ี รียกว่า สัทธาสัมปทา. คหบด ี !   ก็ สลี สมั ปทา เป็นอยา่ งไรเลา่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้  เป็นผู้เว้นขาดจาก ปาณาตบิ าต  เปน็ ผเู้ วน้ ขาดจากอทนิ นาทาน  เปน็ ผเู้ วน้ ขาด จากกาเมสุมิจฉาจาร  เป็นผู้เว้นขาดจากมุสาวาท  เป็น ผู้เว้นขาดจากการดืม่ นำ�้ เมา คือ สุราและเมรัย อนั เปน็ ทต่ี ้ัง แห่งความประมาท.  คหบดี !  นเ้ี รียกวา่ สลี สมั ปทา. คหบด ี !   ก็ จาคสัมปทา เป็นอยา่ งไรเลา่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่อยคู่ รองเรอื นมกี ารบรจิ าคอนั ปลอ่ ยอยเู่ ปน็ ประจำ� มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ เป็นผู้ควรแก่การขอ ยนิ ดี ในการใหแ้ ละการแบง่ ปนั .  คหบด ี! นเี้ รยี กวา่ จาคสมั ปทา. คหบดี !   ก็ ปญั ญาสัมปทา เป็นอยา่ งไรเลา่ บุคคลมีใจอันความโลภอย่างแรงกล้า คือ อภิชฌา ครอบง�ำแล้ว  ย่อมท�ำกิจท่ีไม่ควรท�ำ  ละเลยกิจที่ควรท�ำ 189

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมื่อท�ำกิจท่ีไม่ควรท�ำและละเลยกิจที่ควรท�ำเสีย  ย่อม เสื่อมจากยศและความสุข  บุคคลมีใจอันพยาบาท ถีนมิทธะ  อุทธัจจกุกกุจจะ  อันวิจิกิจฉาครอบง�ำแล้ว ย่อมท�ำกิจท่ีไม่ควรท�ำ ละเลยกิจท่ีควรท�ำ เม่ือท�ำกิจท่ี ไม่ควรท�ำและละเลยกิจที่ควรท�ำเสีย  ย่อมเสื่อมจากยศ และความสุข. คหบดี !   อริยสาวกนั้นแลรู้ว่า อภิชฌาวิสมโลภะ (ความโลภอยา่ งแรงกลา้ )  เปน็ อปุ กเิ ลสแหง่ จติ ยอ่ มละอภชิ ฌา วิสมโลภะอันเป็นอุปกิเลสแห่งจิตเสียได้  รู้ว่า พยาบาท (คิดร้าย)  ถีนมิทธะ (ความหดหู่ซึมเซา)  อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุง้ ซ่านรำ� คาญ) วจิ กิ จิ ฉา (ความลงั เลสงสัย) เป็นอปุ กเิ ลส แห่งจิต ยอ่ มละเสียซ่ึงสิ่งท่ีเป็นอุปกิเลสแห่งจิตเหลา่ น้ัน. คหบดี !   เม่ือใดอริยสาวกรู้ว่าอภิชฌาวิสมโลภะ เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังน้ีแล้ว  เมื่อน้ันย่อมละเสียได้ เมื่อใดอริยสาวกรู้ว่าพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา เป็นอุปกิเลสแห่งจิตดังน้ีแล้ว เมื่อนั้นย่อมละ สงิ่ เหลา่ นนั้ เสยี ได้ อรยิ สาวกนเ้ี ราเรยี กวา่ เปน็ ผมู้ ปี ญั ญามาก มปี ญั ญาหนาแนน่ เปน็ ผเู้ หน็ ทาง เปน็ ผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยปญั ญา คหบด ี !  นเ้ี รยี กวา่ ปญั ญาสมั ปทา. 190

เปดิ ธรรมท่ีถกู ปดิ : เดรจั ฉานวิชา คหบด ี !   ธรรม ๔ ประการเหลา่ นแ้ี ล ยอ่ มเปน็ ไป เพ่ือให้ได้ธรรม ๔ ประการ อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลก. 191

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : เดรจั ฉานวิชา เหตใุ ห้สำ� เรจ็ ตามปรารถนา 52 นัยท่ี ๒ -บาลี อปุ ริ. ม. ๑๔/๒๑๗/๓๑๘. ภิกษุทั้งหลาย !   เราจักแสดงเหตุส�ำเร็จความ ปรารถนาแก่เธอทั้งหลาย  พวกเธอจงฟังเหตุส�ำเร็จความ ปรารถนานน้ั จงทำ� ในใจให้ดี เราจักกลา่ ว. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปน็ ผปู้ ระกอบ ดว้ ยศรทั ธา ศลี สตุ ตะ จาคะ ปญั ญา เธอมคี วามปรารถนา อยา่ งนวี้ า่ “โอหนอ !  เราเมอ่ื ตายไปแลว้ พงึ เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแหง่ กษัตริยม์ หาศาลเถิด” ดงั นีก้ ็มี … วา่ “โอหนอ ! เราเม่อื ตายไปแล้ว พึงเข้าถงึ ความเปน็ สหายแหง่ พราหมณ์ มหาศาลเถิด” ดังน้ีก็มี ... ว่า “โอหนอ !  เราเม่ือตายไป แล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งคหบดีมหาศาลเถิด” ดังนี้ก็มี  เธอจึงต้ังจิตน้ัน อธิษฐานจิตน้ัน เจริญจิตน้ัน ความปรารถนาและวหิ ารธรรมเหลา่ นัน้ อนั เธอเจริญแลว้ อยา่ งนี้ ทำ� ใหม้ ากแลว้ อยา่ งน้ี ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความสำ� เรจ็ ในภาวะน้ันๆ. 192

เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : เดรจั ฉานวชิ า ภิกษุทั้งหลาย !   ประการอ่ืนยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ ประกอบดว้ ยศรทั ธา ศลี สตุ ตะ จาคะ ปญั ญา เธอไดฟ้ งั มาวา่ เทวดาชน้ั จาตุมหาราชกิ า ... เทวดาชนั้ ดาวดงึ ส์ … เทวดา ชน้ั ยามา … เทวดาชนั้ ดสุ ติ ... เทวดาชนั้ นมิ มานรดี ... เทวดา ชั้นปรนมิ มติ วสวัสดี มีอายยุ ืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข. เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า “โอหนอ !  เรา เมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา ช้นั ปรนมิ มติ วสวสั ดีเถดิ ” เธอจึงตัง้ จิตน้นั อธษิ ฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น  ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่าน้ัน  อัน เธอเจริญแล้วอย่างนี้ ท�ำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไป เพ่ือความสำ� เรจ็ ในภาวะนัน้ ๆ. ภิกษุท้ังหลาย !   ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ ประกอบด้วยศรัทธา ศลี สตุ ตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังมาวา่ สหัสสพรหม ... ทวิสหัสสพรหม ... ติสหัสสพรหม ... จตุสหสั สพรหม ... ปัญจสหัสสพรหม ... ทสสหัสสพรหม ... สตสหัสสพรหม มีอายยุ นื มวี รรณะ มากด้วยความสขุ ... เธอมคี วามปรารถนาอยา่ งนี้ “โอหนอ !  เราเมอื่ ตาย ไปแล้ว พงึ เข้าถงึ ความเป็นสหายแห่งสตสหสั สพรหมเถดิ ” 193

พุทธวจน - หมวดธรรม เธอจงึ ตงั้ จติ นนั้ อธษิ ฐานจติ นน้ั เจรญิ จติ นน้ั ความปรารถนา และวหิ ารธรรมเหลา่ นั้น อันเธอเจรญิ แล้วอย่างน้ี ท�ำใหม้ าก แลว้ อย่างนี้ ยอ่ มเป็นไปเพ่อื ความสำ� เรจ็ ในภาวะนัน้ ๆ. ภิกษุทั้งหลาย !   ประการอ่ืนยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ ประกอบดว้ ยศรทั ธา ศลี สตุ ตะ จาคะ ปญั ญา เธอไดฟ้ งั มา วา่ เทวดาชั้นอาภา ... เทวดาชั้นปริตตาภา ... เทวดาช้ัน อปั ปมาณาภา ... เทวดาชั้นอาภัสสรา ... เทวดาชัน้ สภุ า... เทวดาชน้ั ปรติ ตสภุ า... เทวดาชนั้ อปั ปมาณสภุ า ... เทวดาชนั้ สุภกณิ หา ... เทวดาช้ันเวหัปปผลา ... เทวดาช้ันอวิหา ... เทวดาชน้ั อตปั ปา ... เทวดาชน้ั สทุ สั สา ... เทวดาชน้ั สทุ สั สี ... เทวดาชนั้ อกนฏิ ฐา มอี ายยุ นื มวี รรณะ มากดว้ ยความสขุ เธอมคี วามปรารถนาอยา่ งนวี้ า่ “โอหนอ ! เราเมอื่ ตาย ไปแลว้ พงึ เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแหง่ เทวดาชนั้ อกนฏิ ฐาเถดิ ” เธอจงึ ตง้ั จติ นน้ั อธษิ ฐานจติ นนั้ เจรญิ จติ นน้ั ความปรารถนา และวหิ ารธรรมเหลา่ นน้ั อนั เธอเจรญิ แลว้ อยา่ งน้ี ทำ� ใหม้ าก แลว้ อยา่ งนี้ ย่อมเป็นไปเพือ่ ความสำ� เรจ็ ในภาวะน้ันๆ. ภิกษุทั้งหลาย !   ประการอ่ืนยังมีอีก  ภิกษุเป็นผู้ ประกอบดว้ ยศรทั ธา ศลี สตุ ตะ จาคะ ปญั ญา เธอไดฟ้ งั มาวา่ 194

เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : เดรัจฉานวิชา เทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ ... เทวดาผู้เข้าถึง วญิ ญาณญั จายตนภพ ... เทวดาผเู้ ขา้ ถงึ อากญิ จญั ญายตนภพ ... เทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ มีอายุยืน ดำ� รงอยนู่ าน มากดว้ ยความสขุ เธอมคี วามปรารถนาอยา่ งน้ี วา่ “โอหนอ !   เราเมอ่ื ตายไปแลว้ พงึ เขา้ ถงึ ความเปน็ สหาย แหง่ เทวดาผเู้ ขา้ ถงึ เนวสญั ญานาสญั ญายตนภพเถดิ ” เธอจงึ ตงั้ จติ น้ัน อธิษฐานจติ น้ัน เจรญิ จิตนัน้ ความปรารถนาและ วิหารธรรมเหล่านัน้ อันเธอเจรญิ แลว้ อย่างนี้ ทำ� ใหม้ ากแล้ว อย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพอ่ื ความส�ำเร็จในภาวะนน้ั ๆ. ภิกษุท้ังหลาย !   ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ ประกอบดว้ ย ศรทั ธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เธอมคี วาม ปรารถนาอย่างนี้ว่า  “โอหนอ !  เราพึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่ง อาสวะทั้งหลาย  ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน  เข้าถึง แล้วแลอยู”่   เธอจงึ เข้าถงึ เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมตุ ติ อันหา อาสวะมิได้ เพราะความสนิ้ ไปแหง่ อาสวะทงั้ หลาย ดว้ ยปญั ญา อันยงิ่ เองในปจั จบุ นั เข้าถึงแล้วแลอยู.่ ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   ภกิ ษุนี้ ย่อมไมเ่ กิดในที่ไหนๆ. 195

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : เดรจั ฉานวิชา เทวดาไหวใ้ คร 53 -บาลี สคาถ. ส.ํ ๑๕/๓๔๔/๙๒๙. ภิกษุท้ังหลาย !   คร้ังน้ันแล ได้ทราบว่าท้าวสักกะ จอมเทพขณะเสด็จลงจากเวชยันตปราสาท  ทรงประนม อัญชลนี มัสการทิศเป็นอนั มาก. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ครง้ั นน้ั แล มาตลสี งั คาหกเทพบตุ ร ได้ทูลถามท้าวสกั กะจอมเทพดว้ ยคาถาวา่ “พราหมณท์ ง้ั หลายผบู้ รรลไุ ตรวชิ ชา กษตั รยิ ท์ ง้ั หลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาว ไตรทศผู้มียศย่อมนอบน้อมพระองค์  ข้าแต่ท้าวสักกะ ! เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ทรงนอบน้อมท่านผู้ควรบูชาคนใด ทา่ นผู้ควรบูชาคนนนั้ ช่ือไรเล่า ขอเดชะ”. ท้าวสักกะตรสั ตอบว่า “พราหมณท์ งั้ หลายผบู้ รรลไุ ตรวชิ ชา กษตั รยิ ท์ ง้ั หลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชท้ัง ๔ และทวยเทพชาว ไตรทศ ผู้มียศ นอบนอ้ มท่านผู้ใด ซึ่งเปน็ ผ้สู มบรู ณ์ดว้ ยศีล มจี ติ ตง้ั มน่ั ตลอดกาลนาน ผบู้ วชแลว้ โดยชอบ มพี รหมจรรย์ เปน็ เบอื้ งหนา้ คฤหสั ถเ์ หลา่ ใดเปน็ ผทู้ ำ� บญุ มศี ลี เปน็ อบุ าสก 196

เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : เดรัจฉานวิชา เลย้ี งดภู รรยาโดยชอบธรรม.  มาตล ี !  เรานอบนอ้ มคฤหสั ถ์ เหลา่ น้ัน”. มาตลสี ังคาหกเทพบตุ รกล่าววา่ “ขา้ แตท่ า้ วสกั กะ !   ไดย้ นิ วา่ พระองคท์ รงนอบนอ้ ม บุคคลเหล่าใด บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก เทยี ว ขา้ แตท่ า้ ววาสวะ พระองคท์ รงนอบนอ้ มบคุ คลเหลา่ ใด ถึงขา้ พระองคก์ ็ขอนอบน้อมบุคคลเหล่านั้น”. ท้าวมฆวาสุชัมบดีเทวราชผู้เป็นประมุขของเทวดา ทง้ั หลาย ครน้ั ตรสั ดงั นแ้ี ลว้ ทรงนอ้ มนมสั การทศิ เปน็ อนั มาก แล้วเสดจ็ ขึน้ รถ. 197

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : เดรจั ฉานวิชา ฤกษ์ดี ยามดี ในแบบพทุ ธวจน 54 -บาลี ตกิ . อํ. ๒๐/๓๗๘/๕๙๕. ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   สตั วเ์ หลา่ ใดประพฤตสิ จุ รติ ดว้ ยกาย ประพฤตสิ ุจรติ ด้วยวาจา ประพฤตสิ จุ ริตด้วยใจ ในเวลาเชา้ เวลาเชา้ กเ็ ปน็ เวลาเชา้ ทด่ี ีของสัตว์เหล่านนั้ . สตั วเ์ หลา่ ใดประพฤตสิ จุ รติ ดว้ ยกาย ประพฤตสิ จุ รติ ด้วยวาจา ประพฤติสจุ รติ ดว้ ยใจ ในเวลาเทย่ี ง เวลาเท่ยี งก็ เป็นเวลาเท่ยี งทด่ี ีของสัตวเ์ หล่าน้นั . สตั วเ์ หลา่ ใดประพฤตสิ จุ รติ ดว้ ยกาย ประพฤตสิ จุ รติ ด้วยวาจา  ประพฤติสุจริตด้วยใจ  ในเวลาเย็น  เวลาเย็นก็ เป็นเวลาเย็นท่ดี ขี องสัตวเ์ หล่านนั้ . สตั วท์ ง้ั หลายประพฤตชิ อบในเวลาใด เวลานน้ั ชอ่ื วา่ เปน็ ฤกษด์ ี มงคลดี สวา่ งดี รงุ่ ดี ขณะดี ยามดี และบชู าดี ในพรหมจารบี ุคคลทั้งหลาย. 198

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปิด : เดรจั ฉานวชิ า ท่ีพงึ่ ผิด ท่ีพ่ึงถูก 55 -บาลี ธ. ขุ. ๒๕/๔๐/๒๔. มนุษย์ท้ังหลายเป็นอันมาก ถูกความกลัวคุกคาม เอาแล้ว ย่อมยึดถอื เอาภเู ขาบ้าง ป่าไมท้ ่ีศกั ด์สิ ทิ ธ์บิ ้าง สวน ศกั ด์ิสิทธ์บิ า้ ง รกุ ขเจดียบ์ ้าง วา่ เปน็ ทีพ่ ึง่ ของตนๆ นนั่ ไม่ใช่ ท่ีพึ่งอันท�ำความเกษมให้ได้เลย นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด ผู้ใดถือเอาส่ิงนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่หลุดพ้นไปจาก ทุกขท์ ัง้ ปวงได.้ ส่วนผู้ใดที่ถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ เปน็ ทพี่ ง่ึ   แลว้ เหน็ อรยิ สจั ทงั้ สด่ี ว้ ยปญั ญาอนั ถกู ตอ้ ง คอื เห็นทุกข์  เห็นเหตุเป็นเครื่องให้เกิดข้ึนของทุกข์  เห็น ความกา้ วล่วงเสยี ได้ซ่ึงทุกข์ และเห็นมรรคประกอบดว้ ย องคแ์ ปดอนั ประเสรฐิ ซง่ึ เปน็ เครอื่ งใหถ้ งึ ความเขา้ ไปสงบ ร�ำงับแหง่ ทกุ ข์ น่นั แหละ คือ ทพี่ ึ่งอนั เกษม น่ันคือ ที่พ่งึ อันสูงสุด ผู้ใดถือเอาท่ีพึ่งนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นไปจาก ทุกขท์ ั้งปวงไดแ้ ท้. 199

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : เดรัจฉานวชิ า พธิ ีปลงบาปในอริยวินยั 56 นัยท่ี ๑ -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๒๖๗/๑๕๖. กโ็ ดยสมยั นน้ั แล  พราหมณช์ อ่ื วา่ ชาณสุ โสณสี ระเกลา้ ในวนั อโุ บสถ นงุ่ หม่ ผา้ ไหมคใู่ หม่ ถอื กำ�หญา้ คาสดไปยนื อยู่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ งหนง่ึ ในท่ี ไมไ่ กลพระผมู้ พี ระภาค พระผมู้ พี ระภาคไดท้ อดพระเนตรเหน็ ชาณสุ โสณี พราหมณ์ผู้สระเกล้าในวันอุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหมคู่ใหม่ ถือกำ�หญา้ คาสด ยนื อยู่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ งหนง่ึ ในทไ่ี มไ่ กล ครน้ั แลว้ ไดต้ รสั ถามชาณสุ โสณี พราหมณว์ า่ พราหมณ์ !   เพราะเหตุไรหนอ  ท่านจึงสระเกล้า ในวนั อโุ บสถ นงุ่ หม่ ผา้ ไหมคใู่ หม่ ถอื กำ� หญา้ คาสดมายนื อยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหน่งึ วันนเ้ี ป็นวนั อะไรของสกลุ พราหมณ.์ ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  ! วนั นเ้ี ปน็ วนั ปลงบาปของสกลุ พราหมณ.์ พราหมณ์ !   ก็พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย ยอ่ มมีดว้ ยประการใดเลา่ . ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  !  พราหมณท์ งั้ หลายในกรณนี ้ี สระเกลา้ ในวนั อโุ บสถ นงุ่ หม่ ผา้ ไหมคใู่ หม่ ทาแผน่ ดนิ ดว้ ยโคมยั สด ลาดดว้ ยหญา้ คา ทเ่ี ขยี วสดแลว้ สำ�เรจ็ การนอนในระหวา่ งกองทรายและเรอื นไฟ ในราตรนี น้ั พราหมณเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มลกุ ขน้ึ ประนมอญั ชลนี มสั การไฟ ๓ ครง้ั ด้วยการ กลา่ ววา่ ขา้ พเจา้ ขอปลงบาปกะทา่ นผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ขอปลงบาปกะทา่ นผเู้ จรญิ ดังน้ี และย่อมหล่อเลี้ยงไฟไว้ด้วยเนยใส นำ้ �มันและเนยข้นอันเพียงพอ พอลว่ งราตรีนน้ั ไป ยอ่ มเลยี้ งพราหมณ์ทง้ั หลายใหอ้ มิ่ หนำ�ด้วยขาทนีย- 200

เปิดธรรมท่ีถูกปิด : เดรัจฉานวชิ า โภชนียาหารอันประณีต.  ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปของ พราหมณท์ ้ังหลายยอ่ มมีดว้ ยประการอยา่ งนแี้ ล. พราหมณ ์ !   พธิ ปี ลงบาปของพราหมณท์ ง้ั หลายเปน็ อยา่ งหนงึ่ สว่ นพธิ ปี ลงบาปในอรยิ วนิ ยั ยอ่ มมโี ดยประการอน่ื . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปในอริยวินัยย่อมมีด้วย ประการใดเล่า.  ขอประทานพระวโรกาส  ขอพระโคดมผู้เจริญ !  โปรด ทรงแสดงธรรมแกข่ า้ พระองค์ตามพิธปี ลงบาปในอริยวินัยดว้ ยเถดิ . พราหมณ์ !   ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง  จงใส่ใจให้ดี เราจกั กล่าว.  พราหมณ ์ !  อริยสาวกในธรรมวนิ ัยน้ี ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นว้ี า่ วบิ ากของปาณาตบิ าตเปน็ ส่ิงท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครน้ั พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละปาณาตบิ าต ยอ่ มปลงบาป จากปาณาตบิ าต. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นว้ี า่ วบิ ากแหง่ อทนิ นาทานเปน็ สิ่งท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครน้ั พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละอทนิ นาทาน ยอ่ มปลงบาป จากอทนิ นาทาน. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่ วบิ ากแหง่ กาเมสมุ จิ ฉาจาร เปน็ สง่ิ ทช่ี วั่ ชา้ ทงั้ ในปจั จบุ นั และในอภสิ มั ปรายะ อรยิ สาวกนน้ั ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละกาเมสมุ จิ ฉาจาร ยอ่ มปลง บาปจากกาเมสุมิจฉาจาร. 201

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า  วิบากแห่งมุสาวาทเป็น ส่ิงที่ชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมุสาวาท ย่อมปลงบาป จากมสุ าวาท. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่   วบิ ากแหง่ ปสิ ณุ าวาจาเปน็ ส่ิงท่ีช่ัวช้าทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละปสิ ณุ าวาจา ยอ่ มปลงบาป จากปิสณุ าวาจา. ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า  วิบากแห่งผรุสวาจาเป็น ส่ิงท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครั้นพิจารณาเห็นดงั นแี้ ล้ว ย่อมละผรสุ วาจา ยอ่ มปลงบาป จากผรสุ วาจา. ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า  วิบากแห่งสัมผัปปลาปะ เปน็ สงิ่ ทช่ี ว่ั ชา้ ทง้ั ในปจั จบุ นั และในอภสิ มั ปรายะ อรยิ สาวกนน้ั ครั้นพจิ ารณาเหน็ ดังนีแ้ ล้ว ยอ่ มละสมั ผปั ปลาปะ ยอ่ มปลง บาปจากสัมผัปปลาปะ. ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า  วิบากแห่งอภิชฌาเป็น สิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ  อริยสาวกน้ัน คร้ันพิจารณาเห็นดังน้ีแล้ว  ย่อมละอภิชฌา  ย่อมปลงบาป จากอภิชฌา. 202

เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : เดรัจฉานวชิ า ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า  วิบากแห่งพยาบาทเป็น สิ่งท่ีชั่วช้าทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครัน้ พิจารณาเห็นดงั น้ีแลว้ ย่อมละพยาบาท ย่อมปลงบาป จากพยาบาท. ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า วิบากแห่งมิจฉาทิฏฐิเป็น ส่ิงท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาทฏิ ฐิ ยอ่ มปลงบาป จากมจิ ฉาทิฏฐ.ิ พราหมณ์ !   พิธีปลงบาปในอริยวินัย ย่อมมีด้วย ประการอย่างนแ้ี ล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นอย่างหน่งึ ส่วนพิธีปลงบาปในอรยิ วินัยยอ่ มมีโดยประการอนื่ . ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  !  กพ็ ธิ ปี ลงบาปของพราหมณท์ ง้ั หลาย ย่อมไมถ่ ึงเสี้ยวที่ ๑๖ แหง่ พธิ ปี ลงบาปในอรยิ วนิ ยั น.ี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระองค์ทรงแสดงธรรมโดยอเนกปรยิ าย อยา่ งนี้ เปรยี บเหมือนบคุ คลหงายของท่คี วำ่ � เปดิ ของท่ีปดิ บอกทางแก่ คนหลงทาง หรือส่องประทปี ในทีม่ ดื ด้วยตั้งใจวา่ คนมีตาดจี ักไดเ้ หน็ รูป ดังนี้ ข้าพระองค์ขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ. ขอพระโคดมผเู้ จรญิ  !  โปรดทรงจำ�ขา้ พระองคว์ า่ เปน็ อบุ าสกผถู้ งึ สรณะ ตลอดชีวิต ตั้งแต่วนั น้ีเป็นต้นไป. 203

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : เดรจั ฉานวชิ า พธิ ปี ลงบาปในอริยวินัย 57 นยั ท่ี ๒ -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๒๕๑/๑๑๙. กโ็ ดยสมยั นน้ั แล  พราหมณช์ อ่ื วา่ ชาณสุ โสณสี ระเกลา้ ในวนั อโุ บสถ นงุ่ หม่ ผา้ ไหมคใู่ หม่ ถอื กำ�หญา้ คาสดไปยนื อยู่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ งหนง่ึ ในท่ี ไมไ่ กลพระผมู้ พี ระภาค พระผมู้ พี ระภาคไดท้ อดพระเนตรเหน็ ชาณสุ โสณี พราหมณผ์ ู้สระเกลา้ ในวนั อโุ บสถ นุ่งหม่ ผา้ ไหมคู่ใหม่ ถอื กำ�หญา้ คาสด ยนื อยู่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ งหนง่ึ ในทไ่ี มไ่ กล ครน้ั แลว้ ไดต้ รสั ถามชาณสุ โสณี พราหมณว์ ่า พราหมณ์ !   เพราะเหตุไรหนอ ทา่ นจงึ สระเกลา้ ใน วันอุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหมคู่ใหม่ ถือก�ำหญ้าคาสดมายืนอยู่ ณ ทค่ี วรส่วนขา้ งหนึ่ง วนั นีเ้ ปน็ วันอะไรของสกุลพราหมณ์. ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  ! วนั นเ้ี ปน็ วนั ปลงบาปของสกลุ พราหมณ.์ พราหมณ์ !   ก็พิธีปลงบาปของพราหมณ์ท้ังหลาย ยอ่ มมดี ว้ ยประการใดเล่า. ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  !  พราหมณท์ งั้ หลายในกรณนี ้ี สระเกลา้ ในวนั อโุ บสถ นงุ่ หม่ ผา้ ไหมคใู่ หม่ ทาแผน่ ดนิ ดว้ ยโคมยั สด ลาดดว้ ยหญา้ คา ทเ่ี ขยี วสดแลว้ สำ�เรจ็ การนอนในระหวา่ งกองทรายและเรอื นไฟ ในราตรนี น้ั พราหมณเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มลกุ ขน้ึ ประนมอญั ชลนี มสั การไฟ ๓ ครง้ั ด้วยการ กลา่ ววา่ ขา้ พเจา้ ขอปลงบาปกะทา่ นผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ขอปลงบาปกะทา่ นผเู้ จรญิ 204

เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : เดรัจฉานวิชา ดังน้ี และย่อมหล่อเลี้ยงไฟไว้ด้วยเนยใส นำ้ �มันและเนยข้นอันเพียงพอ พอลว่ งราตรีน้ันไป ย่อมเลี้ยงพราหมณ์ทง้ั หลายให้อ่ิมหนำ�ดว้ ยขาทนีย- โภชนียาหารอันประณีต.  ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปของ พราหมณท์ งั้ หลายยอ่ มมีด้วยประการอยา่ งนแี้ ล. พราหมณ์ !   พิธีปลงบาปของพราหมณ์ท้ังหลาย เป็นอย่างหนึ่ง  ส่วนพิธีปลงบาปในอริยวินัยย่อมมีโดย ประการอ่ืน. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปในอริยวินัยย่อมมีด้วย ประการใดเล่า.  ขอประทานพระวโรกาส  ขอพระโคดมผ้เู จริญ !  โปรด ทรงแสดงธรรมตามทเ่ี ปน็ พธิ ปี ลงบาปในอรยิ วนิ ยั แกข่ า้ พระองคด์ ว้ ยเถดิ . พราหมณ์ !   ถ้าเช่นน้ันท่านจงฟัง  จงใส่ใจให้ดี เราจกั กล่าว.  พราหมณ ์ !  อรยิ สาวกในธรรมวนิ ยั น้ี ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่   วบิ ากแหง่ มจิ ฉาทฏิ ฐเิ ปน็ สิ่งท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกน้ัน ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาทฏิ ฐิ ยอ่ มปลงบาป จากมิจฉาทิฏฐิ. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่   วบิ ากแหง่ มจิ ฉาสงั กปั ปะ เปน็ สงิ่ ทชี่ ว่ั ชา้ ทง้ั ในปจั จบุ นั และในอภสิ มั ปรายะ อรยิ สาวกนนั้ ครนั้ พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมจิ ฉาสังกปั ปะ ยอ่ มปลง บาปจากมจิ ฉาสังกปั ปะ. 205

พุทธวจน - หมวดธรรม ย่อมพจิ ารณาเห็นดังนว้ี า่ วบิ ากแหง่ มจิ ฉาวาจาเปน็ ส่ิงที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกน้ัน ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาวาจา ยอ่ มปลงบาป จากมิจฉาวาจา. ย่อมพจิ ารณาเห็นดงั น้วี า่ วบิ ากแหง่ มจิ ฉากัมมนั ตะ เปน็ สง่ิ ทช่ี วั่ ชา้ ทงั้ ในปจั จบุ นั และในอภสิ มั ปรายะ อรยิ สาวกนนั้ ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแี้ ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉากมั มนั ตะ ยอ่ มปลง บาปจากมจิ ฉากมั มันตะ. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่ วบิ ากแหง่ มจิ ฉาอาชวี ะเปน็ ส่ิงท่ีช่ัวช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละมิจฉาอาชีวะ ย่อมปลง บาปจากมิจฉาอาชวี ะ. ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า วิบากแห่งมิจฉาวายามะ เปน็ สงิ่ ทช่ี วั่ ชา้ ทง้ั ในปจั จบุ นั และในอภสิ มั ปรายะอรยิ สาวกนนั้ ครนั้ พจิ ารณาเห็นดังนีแ้ ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาวายามะ ย่อมปลง บาปจากมิจฉาวายามะ. ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า วิบากแห่งมิจฉาสติเป็น ส่ิงท่ีชั่วช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครน้ั พจิ ารณาเห็นดังน้แี ล้ว ย่อมละมจิ ฉาสติ ยอ่ มปลงบาป จากมิจฉาสติ. 206

เปิดธรรมที่ถกู ปิด : เดรัจฉานวชิ า ย่อมพจิ ารณาเหน็ ดงั นีว้ า่ วิบากแหง่ มจิ ฉาสมาธิเปน็ สิ่งที่ช่ัวช้าทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น ครน้ั พจิ ารณาเหน็ ดงั นแี้ ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาสมาธิ ยอ่ มปลงบาป จากมจิ ฉาสมาธิ. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่ วบิ ากแหง่ มจิ ฉาญาณะเปน็ สิ่งที่ช่ัวช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกน้ัน ครนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแี้ ลว้ ยอ่ มละมจิ ฉาญาณะ ยอ่ มปลงบาป จากมจิ ฉาญาณะ. ยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่ วบิ ากแหง่ มจิ ฉาวมิ ตุ ตเิ ปน็ สิ่งที่ช่ัวช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น คร้ันพิจารณาเห็นดังน้ีแล้ว ย่อมละมิจฉาวิมุตติ ย่อมปลง บาปจากมิจฉาวมิ ุตต.ิ พราหมณ์ !   พิธีปลงบาปในอริยวินัย ย่อมมีด้วย ประการอย่างนี้แล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  พิธีปลงบาปของพราหมณ์ท้ังหลาย เปน็ อย่างหนึง่ สว่ นพิธีปลงบาปในอริยวินยั ย่อมมโี ดยประการอน่ื . ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  !  กพ็ ธิ ปี ลงบาปของพราหมณท์ งั้ หลาย ยอ่ มไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แหง่ พิธีปลงบาปในอรยิ วนิ ัยนี.้ ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ  !  ภาษติ ของพระองคแ์ จม่ แจง้ ยงิ่ นกั ... ขอพระโคดมผู้เจริญ !  โปรดทรงจำ�ข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกถึงสรณะ ตลอดชีวติ ต้ังแต่วันน้ีเปน็ ตน้ ไป. 207

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : เดรัจฉานวิชา พธิ ีปลงบาปอนั เป็นอรยิ ะ 58 นยั ท่ี ๑ -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๒๖๙/๑๕๗. ภิกษุท้ังหลาย !   เราจักแสดงพิธีปลงบาปอันเป็น อริยะแก่เธอทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เรา จกั กล่าว. ภิกษุทั้งหลาย !   ก็พิธีปลงบาปอันเป็นอริยะเป็น อย่างไร. ภิกษุทั้งหลาย !   อริยสาวกในธรรมวินัยนี้  ย่อม พิจารณาเห็นดังน้ีว่า วิบากของปาณาติบาต เป็นสิ่งที่ช่ัวช้า ทั้งในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกนั้น คร้ัน พิจารณาเห็นดังน้ีแล้ว ย่อมละปาณาติบาต ย่อมปลงบาป จากปาณาตบิ าต. ยอ่ มพิจารณาเห็นดังนว้ี า่ วิบากแหง่ อทินนาทาน ... วิบากแหง่ กาเมสมุ ิจฉาจาร ... วบิ ากแหง่ มุสาวาท ... วบิ าก แห่งปิสุณาวาจา ... วิบากแห่งผรุสวาจา ... สัมผัปปลาปะ ... วิบากแหง่ อภชิ ฌา ... วิบากแหง่ พยาบาท ... วิบากแห่ง มิจฉาทิฐิ เป็นสิ่งท่ีช่ัวช้าท้ังในปัจจุบันและในอภิสัมปรายะ 208

เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : เดรจั ฉานวชิ า อริยสาวกนั้น ครั้นพิจารณาเห็นดังน้ีแล้วย่อมละมิจฉาทิฏฐิ ย่อมปลงบาปจากมิจฉาทิฏฐ.ิ ภิกษุทั้งหลาย !   น้ีเรียกว่าพิธีปลงบาปอันเป็น อริยะ. 209

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : เดรัจฉานวิชา พิธีปลงบาปอนั เป็นอรยิ ะ 59 นยั ท่ี ๒ -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๒๕๓/๑๒๐. ภิกษุทั้งหลาย !   เราจักแสดงพิธีปลงบาปอันเป็น อริยะแก่เธอท้ังหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เรา จักกล่าว. ภิกษุท้ังหลาย !   ก็พิธีปลงบาปอันเป็นอริยะเป็น อย่างไรเลา่ . ภิกษุทั้งหลาย !   อริยสาวกในธรรมวินัยน้ี ย่อม พิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาทิฏฐิ เป็นส่ิงที่ชั่วช้า ท้ังในปัจจุบันทั้งและในอภิสัมปรายะ อริยสาวกน้ัน ครั้น พจิ ารณาเห็นดงั นแี้ ลว้ ย่อมละมิจฉาทฏิ ฐิ ยอ่ มปลงบาปจาก มิจฉาทิฏฐ.ิ ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า วิบากแห่งมิจฉาสังกัปปะ ... วิบากแห่งมิจฉาวาจา ...  วิบากแห่งมิจฉากัมมันตะ ... วิบากแหง่ มจิ ฉาอาชีวะ ... วบิ ากแหง่ มจิ ฉาวายามะ ... วิบาก แหง่ มจิ ฉาสติ ... วบิ ากแหง่ มจิ ฉาสมาธิ ... วบิ ากแหง่ มจิ ฉา- ญาณะ ... วบิ ากแหง่ มจิ ฉาวมิ ตุ ติ เปน็ สง่ิ ทชี่ วั่ ชา้ ทงั้ ในปจั จบุ นั 210

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : เดรจั ฉานวชิ า อภิสัมปรายะ  อริยสาวกน้ัน  ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ยอ่ มละมิจฉาวิมตุ ติ ยอ่ มปลงบาปจากมจิ ฉาวิมตุ ติ. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย !   ขอ้ นเ้ี รากล่าวว่า เป็นพิธปี ลงบาป อนั เปน็ อรยิ ะ. 211



ขอนอบนอ้ มแด่ ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพทุ ธะ พระองค์นน้ั ด้วยเศยี รเกลา้ (สาวกตถาคต) คณะงานธมั มะ วดั นาปา พง (กลมุ่ อาสาสมคั รพุทธวจน-หมวดธรรม)

มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ มูลนิธิแห่งมหาชนชาวพทุ ธ ผซู้ งึ่ ชดั เจน และมั่นคงในพุทธวจน เรม่ิ จากชาวพทุ ธกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ ไดม้ โี อกาสมาฟงั ธรรมบรรยายจาก ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทเี่ นน้ การนา� พทุ ธวจน (ธรรมวนิ ยั จากพทุ ธโอษฐ์ ทพี่ ระพทุ ธองคท์ รงยนื ยนั วา่ ทรงตรสั ไวด้ แี ลว้ บรสิ ทุ ธบิ์ รบิ รู ณส์ นิ้ เชงิ ทง้ั เนอื้ ความและ พยญั ชนะ) มาใชใ้ นการถา่ ยทอดบอกสอน ซงึ่ เปน็ รปู แบบการแสดงธรรมทต่ี รงตาม พุทธบญั ญตั ิตามท่ี ทรงรบั ส่งั แกพ่ ระอรหันต์ ๖๐ รปู แรกที่ปาอสิ ิปตนมฤคทายวัน ในการประกาศพระสัทธรรม และเปน็ ลกั ษณะเฉพาะทภี่ กิ ษใุ นครง้ั พทุ ธกาลใชเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี ว หลกั พทุ ธวจนนี้ ไดเ้ ขา้ มาตอบคา� ถาม ตอ่ ความลงั เลสงสยั ไดเ้ ขา้ มาสรา้ ง ความชดั เจน ต่อความพร่าเลอื นสับสน ในขอ้ ธรรมต่างๆ ทม่ี ีอยู่ในสงั คมชาวพทุ ธ ซง่ึ ท้งั หมดนี้ เป็นผลจากสาเหตเุ ดียวคือ การไมใ่ ช้คา� ของพระพุทธเจา้ เป็นตัวต้งั ต้น ในการศกึ ษาเลา่ เรยี น ดว้ ยศรทั ธาอยา่ งไมห่ วน่ั ไหวตอ่ องคส์ มั มาสมั พทุ ธะ ในฐานะพระศาสดา ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ ไดป้ ระกาศอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “อาตมาไมม่ คี า� สอนของตวั เอง” และใช้เวลาท่ีมีอยู่ ไปกับการรับสนองพุทธประสงค์ ด้วยการโฆษณาพุทธวจน เพื่อความตั้งมนั่ แหง่ พระสทั ธรรม และความประสานเป็นหน่ึงเดยี วของชาวพุทธ เมอื่ กลบั มาใชห้ ลกั พทุ ธวจน เหมอื นทเี่ คยเปน็ ในครง้ั พทุ ธกาล สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คือ ความชัดเจนสอดคล้องลงตัว ในความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าในแง่ของหลักธรรม ตลอดจนมรรควธิ ที ต่ี รง และสามารถนา� ไปใชป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผล รเู้ หน็ ประจกั ษไ์ ดจ้ รงิ ดว้ ยตนเองทนั ที ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวพทุ ธทเ่ี หน็ คณุ คา่ ในคา� ของพระพทุ ธเจา้ จงึ ขยายตวั มากขึ้นเรอ่ื ยๆ เกิดเป็น “กระแสพทุ ธวจน” ซง่ึ เปน็ พลงั เงียบท่กี �าลงั จะกลายเป็น คลนื่ ลกู ใหม่ ในการกลบั ไปใชร้ ะบบการเรยี นรพู้ ระสทั ธรรม เหมอื นดงั ครง้ั พทุ ธกาล

ด้วยการขยายตวั ของกระแสพทุ ธวจนน้ี ส่อื ธรรมที่เปน็ พุทธวจน ไม่ว่า จะเป็นหนังสือ หรือซีดี ซ่ึงแจกฟรีแก่ญาติโยมเร่ิมมีไม่พอเพียงในการแจก ทั้งน้ี เพราะจ�านวนของผู้ท่ีสนใจเห็นความส�าคัญของพุทธวจน ได้ขยายตัวมากขึ้นอย่าง รวดเร็ว ประกอบกับว่าท่านพระอาจารย์คึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล เคร่งครัดในข้อวัตร ปฏิบัติท่ีพระศาสดาบัญญัติไว้ อันเป็นธรรมวินัยท่ีออกจากพระโอษฐ์ของตถาคต โดยตรง การเผยแผ่พุทธวจนที่ผ่านมา จึงเป็นไปในลักษณะสันโดษตามมีตามได้ เมือ่ มีโยมมาปวารณาเป็นเจา้ ภาพในการจดั พิมพ์ ไดม้ าจ�านวนเท่าไหร่ ก็ทยอยแจก ไปตามทมี่ เี ทา่ นน้ั เมอ่ื มมี า กแ็ จกไป เมอื่ หมด กค็ อื หมด เนอ่ื งจากวา่ หนา้ ทใ่ี นการดา� รงพระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มน่ั สบื ไป ไมไ่ ดผ้ กู จา� กดั อย่แู ตเ่ พยี งพทุ ธสาวกในฐานะของสงฆ์เทา่ นนั้ ฆราวาสกลมุ่ หนึ่งซึ่งเห็นความส�าคญั ของพทุ ธวจน จงึ รวมตวั กนั เขา้ มาชว่ ยขยายผลในสงิ่ ทที่ า่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทา� อยแู่ ลว้ นน่ั คอื การนา� พทุ ธวจนมาเผยแพรโ่ ฆษณา โดยพจิ ารณาตดั สนิ ใจจดทะเบยี น จัดตัง้ เปน็ มลู นธิ อิ ย่างถูกตอ้ งตามกฏหมาย เพือ่ ใหก้ ารด�าเนนิ การตา่ งๆ ทง้ั หมด อยใู่ นรปู แบบทโี่ ปรง่ ใส เปดิ เผย และเปดิ กวา้ งตอ่ สาธารณชนชาวพทุ ธทวั่ ไป สา� หรับผู้ท่ีเหน็ ความสา� คัญของพุทธวจน และมคี วามประสงค์ทจี่ ะด�ารง พระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มนั่ ดว้ ยวธิ ขี องพระพทุ ธเจา้ สามารถสนบั สนนุ การดา� เนนิ การตรงนไ้ี ด้ ดว้ ยวิธงี า่ ยๆ น่ันคอื เขา้ มาใส่ใจศึกษาพทุ ธวจน และนา� ไปใช้ปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง เม่ือรู้ประจักษ์ เห็นได้ด้วยตนแล้ว ว่ามรรควิธีท่ีได้จากการท�าความเข้าใจ โดย ใช้ค�าของพระพุทธเจ้าเป็นตัวต้ังต้นน้ัน น�าไปสู่ความเห็นที่ถูกต้อง ในหลักธรรม อันสอดคล้องเป็นเหตุเป็นผล และเช่ือมโยงเป็นหน่ึงเดียว กระทั่งได้ผลตามจริง ทา� ใหเ้ กดิ มีจติ ศรทั ธา ในการช่วยเผยแพรข่ ยายส่ือพทุ ธวจน เพียงเท่านี้ คุณก็คอื หนง่ึ หนว่ ยในขบวน “พทุ ธโฆษณ”์ แลว้ น่คี อื เจตนารมณ์ของมูลนิธิพทุ ธโฆษณ์ นน่ั คอื เปน็ มลู นิธิแหง่ มหาชน ชาวพทุ ธ ซง่ึ ชดั เจน และมน่ั คงในพทุ ธวจน

ผูท้ ีส่ นใจรับสือ่ ธรรมทเี่ ปน็ พุทธวจน เพอ่ื ไปใชศ้ กึ ษาส่วนตัว หรือน�าไปแจกเปน็ ธรรมทาน แกพ่ ่อแมพ่ ีน่ ้อง ญาติ หรือเพื่อน สามารถมารบั ไดฟ้ รี ที่วดั นาปาพง หรือตามที่พระอาจารย์คกึ ฤทธ์ไิ ด้รบั นมิ นต์ไปแสดงธรรมนอกสถานที่ สา� หรบั รายละเอยี ดกจิ ธรรมต่างๆ ภายใตเ้ ครอื ข่ายพุทธวจนโดยวัดนาปาพง คน้ หา ขอ้ มลู ไดจ้ าก www.buddhakos.org หรือ www.watnapp.com หากมคี วามจ�านงทจ่ี ะรับไปแจกเปน็ ธรรมทานในจา� นวนหลายสิบชดุ ขอความกรุณาแจง้ ความจ�านงไดท้ ี่ มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ ประสานงานและเผยแผ่ : เลขที่ ๒๙/๓ หมูท่ ่ี ๗ ถนนเลียบคลอง ๑๐ ฝ่ังตะวันออก ตา� บลบึงทองหลาง อา� เภอลา� ลูกกา จงั หวัดปทุมธานี ๑๒๑๕๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๙๔, ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘, ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ โทรสาร ๐ ๒๑๕๙ ๐๕๒๖ เวบ็ ไซต์ : www.buddhakos.org อเี มล์ : [email protected] สนบั สนนุ การเผยแผ่พุทธวจนไดท้ ี่ ชอื่ บญั ชี “มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ”์ ธนาคารไทยพาณชิ ย์ สาขา คลอง ๑๐ (ธญั บรุ )ี ประเภท บัญชีออมทรัพย์ เลขทีบ่ ัญชี ๓๑๘-๒-๔๗๔๖๑-๐ วธิ ีการโอนเงนิ จากต่างประเทศ ย่นื แบบฟอร์ม คา� ขอโอนได้ท่ี ธนาคารไทยพาณชิ ย์ Account name: “Buddhakos Foundation” SWIFT CODE : SICOTHBK Branch Number : 318 Siam Commercial Bank PCL, Khlong 10(Thanyaburi) Branch, 33/14 Mu 4 Chuchat Road, Bung Sanun Sub District, Thanyaburi District, Pathum Thani 12110, Thailand Saving Account Number : 318-2-47461-0

ขอกราบขอบพระคุณแด่ พระอาจารยค์ กึ ฤทธิ์ โสตถฺ ผิ โล และคณะสงฆว์ ดั นาปา่ พง ท่กี รณุ าให้ค�าปรกึ ษาในการจดั ทา� หนังสือเลม่ น้ี ติดตามการเผยแผ่พระธรรมคา� สอนตามหลกั พทุ ธวจน โดย พระอาจารยค์ ึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล ไดท้ ่ี เวบ็ ไซต์ • http://www.watnapp.com : หนงั สอื และสื่อธรรมะ บนอินเทอร์เนต็ • http://media.watnapahpong.org : ศูนยบ์ ริการมลั ตมิ เี ดียวัดนาปา พง • http://www.buddha-net.com : เครือขา่ ยพุทธวจน • http://etipitaka.com : โปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพุทธวจน • http://www.watnapahpong.com : เว็บไซตว์ ัดนาปา พง • http://www.buddhakos.org : มลู นิธิพุทธโฆษณ์ • http://www.buddhawajanafund.org : มูลนธิ ิพทุ ธวจน ดาวนโ์ หลดโปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพทุ ธวจน (E-Tipitaka) ส�าหรบั คอมพวิ เตอร์ • ระบบปฏบิ ัตกิ าร Windows, Macintosh, Linux http://etipitaka.com/download หรอื รบั แผน่ โปรแกรมได้ทว่ี ดั นาปาพง ส�าหรับโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทแ่ี ละแทบ็ เลต็ • ระบบปฏิบตั กิ าร Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Play Store โดยพิมพค์ �าวา่ พทุ ธวจน หรอื e-tipitaka • ระบบปฏบิ ัตกิ าร iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พุทธวจน หรอื e-tipitaka ดาวนโ์ หลดโปรแกรมพุทธวจน (Buddhawajana) เฉพาะโทรศัพทเ์ คลือ่ นทีแ่ ละแทบ็ เล็ต • ระบบปฏบิ ตั กิ าร Android ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี Google Play Store โดยพิมพ์คา� วา่ พุทธวจน หรอื buddhawajana • ระบบปฏบิ ตั ิการ iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดได้ท่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พทุ ธวจน หรอื buddhawajana ดาวน์โหลดโปรแกรมวทิ ยวุ ดั นาป่าพง (Watnapahpong Radio) เฉพาะโทรศพั ทเ์ คลื่อนทีแ่ ละแท็บเลต็ • ระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Google Play Store โดยพิมพ์ค�าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวดั นาปาพง • ระบบปฏิบตั ิการ iOS (สา� หรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พค์ �าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวัดนาปาพง วทิ ยุ • คล่ืน ส.ว.พ. FM ๙๑.๐ MHz ทุกวนั พระ เวลา ๑๗.๔๐ น.

บบรรรรณณาานนุกุกรรมม หนพพังรรสะะพพอืไไรตรตธะะรรรไไปรปตตมิฎิฎรรโกกปปฆภภฎิิฎษาากกณษษฉฉาา์ บบไชไทบัทับุดยสยสจฉยฉายกาบาบมพมับบั รรรหหฐัฐัะลลโวอวงงษฐ์ (ผลงานแปลพทุ ธวจน โดยทา่ นพทุ ธทาสภกิ ขุในนามกองต�าราคณะธรรมทาน) รว่ มสนบั สนนุ การจดั ทา� โดย คณะงานธมั มะ วดั นาปาพง (กลุ่มอาสาสมัครพทุ ธวจน-หมวดธรรม), คณะศิษย์วดั นาปา พง, มูลนิธิพุทธวจน, พุทธวจนสถาบันภาคกลาง, พุทธวจนสถาบันภาคเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออก, พุทธวจนสถาบันภาคใต้, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันตก, กลุ่มศิษย์ตถาคต, กลุ่มสมณะศากยะปุตติยะ, กลุ่มชวนม่วนธรรม, กลุ่มละนันทิ, กลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบริษัทการบินไทย, กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, ชมรมพุทธวจนอุดรธานี, บจก. สยามคูโบต้า คอร์ปอเรช่ัน, บจก. สยามรักษ์, บจก. เซเว่นสเต็ปส์, บจก. ห้างพระจันทร์โอสถ, สถานกายภาพบ�าบัด คิดดีคลินิค, บจก. ดีเทลส์ โปรดักส์

ลงสะพานคลอง ๑๐ ไปยูเทิร์นแรกมา แผนท่ีวัดนาป่าพง แล้วเล้ียวซ้ายก่อนข้ึนสะพาน แนวทิวสน วัดนาป่าพง โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑, ๐๘ ๔๐๙๖ ๘๔๓๐, ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๔, ๐๘ ๖๕๕๒ ๒๔๕๙ ลงสะพานคลอง ๑๐ เล้ียวซ้ายคอสะพาน

๑๐ พระสตู รของความสา� คญั ทชี่ าวพทุ ธตอ้ งศกึ ษา แตค่ า� สอนจากพระพทุ ธเจา้ เทา่ นน้ั ผา่ นมา ๒,๕๐๐ กวา่ ปี คา� สอนทางพระพทุ ธศาสนาเกดิ ความหลากหลายมากขน้ึ มสี า� นกั ตา่ งๆ มากมาย ซง่ึ แตล่ ะหมคู่ ณะกม็ คี วามเหน็ ของตน หามาตรฐานไมไ่ ด้ แมจ้ ะกลา่ วในเรอ่ื งเดยี วกนั ทง้ั นไ้ี มใ่ ชเ่ พราะคา� สอนของพระพทุ ธเจา้ ไมส่ มบรู ณ์ แลว้ เราควรเชอ่ื และปฏบิ ตั ติ ามใคร ? ลองพจิ ารณาหาคา� ตอบงา่ ยๆ ไดจ้ าก ๑๐ พระสตู ร ซง่ึ พระตถาคตทรงเตอื นเอาไว้ แลว้ ตรสั บอกวธิ ปี อ้ งกนั และแกไ้ ขเหตเุ สอ่ื มแหง่ ธรรมเหลา่ น.ี้ ขอเชญิ มาตอบตวั เองกนั เถอะวา่ ถงึ เวลาแลว้ หรอื ยงั ? ทพ่ี ทุ ธบรษิ ทั จะมมี าตรฐานเพยี งหนงึ่ เดยี ว คอื “พทุ ธวจน” ธรรมวนิ ยั จากองคพ์ ระสงั ฆบดิ าอนั วญิ ญชู นพงึ ปฏบิ ตั แิ ละรตู้ ามไดเ้ ฉพาะตน ดงั น.ี้ ๑. พระองคท์ รงสามารถกา� หนดสมาธ ิ เมอ่ื จะพดู ทกุ ถอ้ ยคา� จงึ ไมผ่ ดิ พลาด -บาลี มู. ม. ๑๒/๔๕๘/๔๓๐. อคั คเิ วสนะ ! เรานน้ั หรอื จา� เดมิ แตเ่ รมิ่ แสดง กระทง่ั คา� สดุ ทา้ ยแหง่ การกลา่ วเรอ่ื งนนั้ ๆ ยอ่ มตงั้ ไวซ้ งึ่ จติ ในสมาธนิ มิ ติ อนั เปน็ ภายในโดยแท ้ ใหจ้ ติ ดา� รงอย ู่ ใหจ้ ติ ตง้ั มน่ั อย ู่ กระทา� ใหม้ จี ติ เปน็ เอก ดงั เชน่ ทค่ี นทง้ั หลาย เคยไดย้ นิ วา่ เรากระทา� อยเู่ ปน็ ประจา� ดงั น.้ี

๒. แตล่ ะคา� พดู เปน็ อกาลโิ ก คอื ถกู ตอ้ งตรงจรงิ ไมจ่ า� กดั กาลเวลา -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๘๕/๔๕๑. ภิกษุท้ังหลาย ! พวกเธอทงั้ หลายเปน็ ผทู้ เี่ รานา� ไปแลว้ ดว้ ยธรรมน้ี อนั เปน็ ธรรมทบ่ี คุ คลจะพงึ เหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง (สนทฺ ฏิ โิ ก) เปน็ ธรรมให้ ผลไมจ่ า� กดั กาล (อกาลโิ ก) เปน็ ธรรมทคี่ วรเรยี กกนั มาด ู (เอหปิ สสฺ โิ ก) ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจจฺ ตตฺ � เวทติ พโฺ พ วญิ ญฺ หู )ิ . ๓. คา� พดู ทพ่ี ดู มาทง้ั หมดนบั แตว่ นั ตรสั รนู้ น้ั สอดรบั ไมข่ ดั แยง้ กนั -บาลี อิติว.ุ ขุ. ๒๕/๓๒๑/๒๙๓. ภิกษุท้ังหลาย ! นับต้ังแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมา- สัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสส นิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่�าสอน แสดงออก ซง่ึ ถอ้ ยคา� ใด ถอ้ ยคา� เหลา่ นนั้ ทงั้ หมด ยอ่ มเขา้ กนั ไดโ้ ดย ประการเดยี วทงั้ สนิ้ ไมแ่ ยง้ กนั เปน็ ประการอน่ื เลย. อ๔. ทรงบอกเหตแุ หง่ ความอนั ตรธานของคา� สอนเปรยี บดว้ ยกลองศกึ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เรอ่ื งนเี้ คยมมี าแลว้ กลองศกึ ของกษตั รยิ พ์ วกทสารหะ เรยี กวา่ อานกะ มอี ยู่ เมอื่ กลองอานกะน้ี มแี ผลแตกหรอื ลิ พวกกษตั รยิ ์ ทสารหะไดห้ าเนอื้ ไมอ้ น่ื ทา� เปน็ ลมิ่ เสรมิ ลงในรอยแตกของกลองนนั้ (ทกุ คราวไป). ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือเชื่อมปะเข้าหลายคร้ังหลายคราวเช่นนั้น นานเขา้ กถ็ งึ สมยั หนง่ึ ซง่ึ เนอื้ ไมเ้ ดมิ ของตวั กลองหมดสนิ้ ไป เหลอื อยแู่ ต่ เนอื้ ไมท้ ที่ า� เสรมิ เขา้ ใหมเ่ ทา่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ ในกาลยดื ยาวฝา่ ยอนาคต จกั มภี กิ ษุ ทงั้ หลาย สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซง้ึ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั

มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ด้วยดี จกั ไมเ่ งี่ยหฟู งั จกั ไมต่ ั้งจิตเพอ่ื จะรู้ท่ัวถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใดที่ นกั กวแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอ่ื มผี นู้ า� สุตตันตะท่ีนักกวีแต่งข้ึนใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักฟังด้วยดี จัก เงย่ี หฟู งั จกั ตงั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั สา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทตี่ นควรศกึ ษา เลา่ เรยี นไป. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ความอนั ตรธานของสตุ ตนั ตะเหลา่ นนั้ ทเี่ ปน็ คา� ของ ตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชน้ั โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ย เรอื่ งสญุ ญตา จกั มไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนี้ แล. ๕.ทรงกา� ชับให้ศกึ ษาปฏิบัติเฉพาะจากคา� ของพระองคเ์ ท่านน้ั อย่าฟังคนอื่น -บาลี ทกุ . อํ. ๒๐/๙๑-๙๒/๒๙๒. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษบุ รษิ ทั ในกรณนี ้ี สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วี แตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มี พยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมต่ งั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี ยอ่ มเงยี่ หฟู งั ยอ่ มตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ ว่ั ถงึ และยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น จงึ พากนั เลา่ เรยี น ไตถ่ าม ทวนถามแกก่ นั และกนั อยวู่ า่ “ขอ้ นเี้ ปน็ อยา่ งไร มคี วามหมายกน่ี ยั ” ดงั น้ี ดว้ ยการทา� ดงั นี้ เธอยอ่ มเปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ ไวไ้ ด้ ธรรมทยี่ งั ไมป่ รากฏ เธอกท็ า� ใหป้ รากฏได้ ความสงสยั ในธรรมหลายประการ ทนี่ า่ สงสยั เธอกบ็ รรเทาลงได.้