241 คาทอลิกเท่านนั มีอาํ นาจสิทธิตีความหมายทีถูกตอ้ งไดแ้ ต่ผเู้ ดียว ฝ่ ายนิกายอืนถือเสรีภาพเท่า เทียมกนั ต่างก็อา้ งวา่ หลกั ความเชือของตนใกลเ้ คียงกบั ทีพระเยซูทรงสอนไวม้ ากทีสุด หลักความเชÉือต่อมา 1. พระบดิ า พระบตุ ร และพระจิต เป็น 3 บคุ คล แตล่ ะบคุ คลเป็นพระเจ้าสมบรู ณ์ ในตนเองเสมอกนั และเนÉืองตอ่ มาจากกนั พระบิดาทําให้บงั เกิดพระบตุ ร และพระจิตเนืÉองมา จากพระบดิ าและพระบตุ ร ทงัÊ 3 บคุ คลรวมกนั เข้าเป็นหนงÉึ เรียกวา่ ตรีเอกภาพ (Trinity) 2. พระเยซทู รงมี 2 สภาวะ คือ สภาวะพระเจ้า และสภาวะมนษุ ย์ เกิดขนึ Ê 3 วนั หลงั จากทีÉพระองค์ถกู ตรึงอย่บู นไม้กางเขน ได้ฟื นÊ คืนพระชนม์มา พระองค์ได้เสดจ็ ไปสสู่ วรรค์ (Ascension) หลงั จากได้ประทบั อย่กู บั สาวกเป็นเวลา 40 วนั 3. ยกยอ่ งพระนางมาเรีย เป็นพระมารดาของพระเจ้า เรียกนามโดยทวÉั ไปวา่ แมพ่ ระ และถือวา่ เมืÉอก่อนทÉีพระเยซูจะเสดจ็ ขนึ Ê ไปสสู่ วรรค์ได้ทรงสถาปนาพระนางให้เป็นแมพ่ ระของ คริสต์ศาสนิกชนทกุ คน และพระนางได้ถกู ยกขนึ Ê สสู่ วรรค์ทงัÊ ร่าง (Assumption) ทรงเป็นคน กลางระหวา่ งพระเจ้ากบั คริสตศ์ าสนิกชน 4. ยกยอ่ งโยเซฟให้เป็นนกั บญุ และยกย่องนบั ถือสหพนั ธ์นกั บญุ (Communion of Saints) นกั บญุ คือคริสตศ์ าสนกิ ชนทีÉได้อทุ ศิ ตนให้แก่ศาสนจกั ร และพระเจ้าโปรดให้วิญญาณ ขนึ Ê สวรรค์ 5. เมืÉอตาย เชÉือวา่ วิญญาณแยกจากกาย เกิดการจะเปÉือยเน่า แตก่ ็จะกลบั ฟื นÊ คืนขนึ Ê ใหม่ ในวนั สินÊ โลกแล้วมารวมกบั วญิ ญาณ สว่ นวิญญาณจะถกู พิพากษาทนั ทีเป็นรายบคุ คลไป ถ้าทําดจี ะได้ขนึ Ê ไปอยกู่ บั พระเจ้าในสวรรค์นิรันดร และถ้าทําชวÉั จะถกู พิพากษาให้ลงนรกนริ ันดร เชน่ เดยี วกนั 6. พระเยซไู ด้สญั ญาจะประทานพระจิตเจ้าก่อนเสดจ็ ส่สู วรรค์ และเมืÉอได้รับพระจติ พระจติ เจ้าแล้วบรรดาสาวกจะได้เข้าใจภารกิจของพระคริสต์และประชากรใหมแ่ หง่ พนั ธสญั ญา ใหม่ คือ พระศาสนจกั รของพระคริสต์ (รศ.ดร. เดอื น คาํ ด.ี 2541:172-173) ทัศนะเกÉียวกับเรÉืองพระเจ้า พระเจ้าของศาสนาคริสต์คือ พระยะโฮวา ซงึÉ เป็นองค์เดยี วกบั พระเจ้าของศาสนายิว พระเยซถู ือหลกั เดมิ เกÉียวกบั พระเจ้าของยวิ แตไ่ ด้มีการดดั แปลงบางประการเชน่ การยกฐานะ ของพระเจ้าเป็นพระเจ้าของชาวยวิ โดยเฉพาะ แตเ่ ดมิ มาให้ทรงมีฐานะได้เป็นพระเจ้าของมวล มนษุ ย์ทงัÊ หลาย ถือวา่ เป็นศรัทธาทÉีบคุ คลอทุ ิศตอ่ พระเจ้า ทศั นะดงั กลา่ วเป็นทีÉเชืÉอถือของชาว
242 คริสตม์ าจนปัจจบุ นั ดงั ทÉีพระเยซยู อ่ บญั ญตั ขิ องพระเจ้าวา่ จงรักองค์พระผ้เู ป็นเจ้าด้วยสดุ ใจ สดุ จิตของเจ้าและด้วยสดุ ความคดิ ของเจ้า...จงรักเพÉือนบ้านเหมือนรักตนเอง ชาวคริสต์และชาวยวิ ตา่ งมีความเชืÉอร่วมกนั วา่ พระเจ้าเป็นผ้ทู รงอานภุ าพยÉงิ ใหญ่ใน สากลพภิ พหามีผ้อู ÉืนยิÉงใหญ่กวา่ พระองคไ์ มไ่ ด้เลย มีคําสอนเป็นอนั มากทÉีพรรณนาลกั ษณะ ของพระเจ้าไว้เป็นประการตา่ ง ๆ เชน่ 1. ทรงเป็นจติ บริสทุ ธÍิ ไมม่ ีรูปร่าง 2. ทรงมีอยนู่ ิรันดร ไมม่ ีการเกิด ไมม่ ีการตาย 3. ทรงสถิตอยทู่ กุ หนทกุ แหง่ 4. ทรงรอบรู้ทกุ สงิÉ ทกุ อยา่ ง (สรรพญาณะ) 5. ทรงสามารถทกุ อยา่ ง (สรรพเดชะ) 6. ทรงมีอยตู่ ลอดกาล ไมม่ ีเบือÊ งต้นไมม่ ีทÉีสดุ 7. ทรงบริสทุ ธÍิทกุ ประการ ไมม่ ีบาปเลย 8. ทรงมี 3 ภาคทÉีเรียกวา่ ตรีเอกานภุ าพ (The Triune God) คอื พระบดิ า (God the Father) พระบตุ ร (God the Son) และพระ วญิ ญาณ (God the Spirit) พระเจ้ าสร้ างโลกและมนุษย์ โลกและมนษุ ย์เกิดมาอย่างไรนนัÊ ศาสนาคริสตไ์ ด้ให้คาํ ตอบไว้ในคมั ภีร์วา่ สรรพสงÉิ ทงัÊ โลกและมนษุ ย์เกิดจากการสร้างของพระเจ้าทงัÊ สินÊ เมืÉอเดมิ นนัÊ พระเจ้าได้เนรมิตสร้างฟ้าและ แผน่ ดนิ ดนิ นนัÊ ก็วา่ งเปลา่ อยู่ มีความมืดอยเู่ หนือนําÊ ...พระเจ้าตรัสให้มีความสว่าง ความสวา่ ง ก็เกิดขึนÊ ...จงึ ได้แยกความสว่างออกมาจากความมืด...พระเจ้าตรัสให้มีพืนÊ อากาศในระหวา่ งนําÊ พระเจ้าเรียกอากาศนนัÊ วา่ ฟ้า...พระเจ้าตรัสให้นําÊ ทีÉอยใู่ ต้ฟ้านนัÊ รวมเข้าด้วยกนั ให้ทÉีแห้งปรากฏ ขนึ Ê ...พระเจ้าเรียกทÉีแห้งวา่ แผน่ ดนิ และทีÉรวมนําÊ นนัÊ วา่ ทะเล...พระเจ้าตรัสให้มีต้นหญ้าต้นผกั ทีÉมีเมลด็ และต้นไม้ทีÉมีผลมีเมลด็ ในผลตามชนิดของมนั งอกขนึ Ê ในแผน่ ดนิ ...พระเจ้าตรัสให้มีดวง สวา่ งบนพืนÊ ฟ้าอากาศเป็นทีÉแบง่ วนั ออกจากคืน...พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงใหญ่นนัÊ ครองรักษากลางวนั ดวงเลก็ นนัÊ ครองรักษากลางคนื และดวงดาวตา่ ง ๆ ด้วย พระเจ้าตรัสให้มีฝงู สตั ว์ทÉีมีชีวติ พืชพนั ธ์ุบริบรู ณ์ในนําÊ และให้มีนกบนิ ไปมาในอากาศเหนือแผน่ ดนิ ...พระเจ้าตรัสให้ฝงู สตั ว์มีชีวติ บงั เกิดขนึ Ê ทีÉแผน่ ดินตามชนดิ ของมนั ในคมั ภีร์ได้กลา่ วถึงการสร้างของพระเจ้าจากความวา่ งเปลา่ ตามลําดบั ดงั นี Ê วนั ทÉี 1 สร้างกลางวนั และกลางคนื วนั ทีÉ 2 สร้างทะเลและฟ้า วนั ทÉี 3 สร้างแผน่ ดนิ และให้เกิดพืชบนแผน่ ดนิ วนั ทีÉ 4 สร้างดวงสว่างกลางวนั และกลางคืน
243 วนั ทีÉ 5 สร้างสตั ว์ในทะเลและสตั ว์ในอากาศ วนั ทÉี 6 สร้างพืชและสตั ว์บนแผน่ ดนิ ตามชนิดของมนั เมืÉอพระเจ้าสร้างโลกและสิงÉ ตา่ ง ๆ ในโลกเสร็จแล้ว ได้สร้างมนษุ ย์คนแรกเป็นผ้ชู าย ชÉืออาดมั จากผลคลีดนิ แล้วระบายลมแหง่ ชีวิตเข้าไปให้มีชีวติ เสร็จแล้วสร้างผ้หู ญิงขนึ Ê ชÉืออีวา จากกระดกู ซีÉโครงของอาดมั แล้วให้อยใู่ นสวนเอเดนทีÉมีต้นไม้สวยงามมีผลนา่ กินยÉิงและสร้าง ต้นไม้แหง่ ความรู้ดรี ู้ชวÉั ไว้กลางสวน ตรัสสงÉั แก่มนษุ ย์คแู่ รกวา่ ผลไม้ทกุ อยา่ งในสวนนีเÊจ้ากินได้ หมด เว้นต้นไม้รู้ความดคี วามชวัÉ อย่ากินเป็นอนั ขาด ถ้าเจ้าขืนกินวนั ใดจะต้องตายวนั นนัÊ แต่ อาดมั อีวาได้ฝืนกินผลไม้นนัÊ พระเจ้าจงึ โกรธและสาปแชง่ ให้ต้องตายโดยกลบั ไปเป็นดนิ ตาม สภาพดงัÊ เดมิ ดงั นนัÊ บาปนนัÊ จงึ ตกมาถึงลกู หลานทกุ วนั นี Ê จุดมุ่งหมายสูงสุด ในพระคมั ภีร์เก่า (Old Testament) ซงึÉ เป็นเรืÉองราวในศาสนายดู ายทีÉกลา่ วถึงพระเจ้า ในฐานะจดุ หมายสงู สดุ ของมนษุ ย์ ในบททีÉ 43 ยะซายา พระยะโฮวา ตรัสวา่ เราเป็นพระเจ้า ตงัÊ แตแ่ รกเดมิ และตอ่ ไปก็จะเป็นเชน่ นนัÊ ดจุ กนั ไมม่ ีใครทีÉจะยือÊ แยง่ ไปจากมือของเราได้ อีกตอนหนงึÉ ในบทเดียวกนั พระยะโฮวาตรัสวา่ เจ้าทงัÊ หลายได้เป็นพยานของเรา และ ผ้รู ับใช้ของเราได้เลือกสรรไว้ เพืÉอเจ้าทงัÊ หลายจะได้รู้จกั และเชืÉอถือ และจะได้เข้าใจวา่ เราคือ พระองค์ผ้นู นัÊ ไมม่ ีพระเจ้าเกิดขนึ Ê ก่อนเรา และภายหลงั เราก็จะไมม่ ีดจุ กนั เราคือตวั เราเองแท้ เป็นพระยะโฮวา ในพระคมั ภีร์ใหม่ แสดงถงึ จดุ หมายสงู สดุ ของศาสนาคริสต์ โดยพระเยซูได้ตรัสวา่ เรา ไปถึงพระบดิ าของเรา พระบดิ าอยใู่ นเรา เราอยใู่ นพระบดิ า ได้แก่ การไปร่วมกบั พระเป็นเจ้า (To combine with God) ดงั นนัÊ ชีวติ ในโลกนีจÊ งึ มีเพียงครังÊ เดยี ว เมÉือละโลกนีไÊ ปแล้วจงึ ขนึ Ê สวรรค์อนั เป็นอาณาจกั รของพระเจ้า มีชีวติ นริ ันดรร่วมอยกู่ บั พระเจ้า คัมภรี ์ศาสนา คมั ภีร์ศาสนาคริสตเ์ รียกวา่ คมั ภีร์ไบเบลิ Ê ประกอบด้วยหนงั สือ 66 เลม่ แบง่ ออกเป็น 2 ภาค คือ 1. คมั ภีร์เก่า (The Old Testament) ซงÉึ กลา่ วถงึ ประวตั ศิ าสตร์ของชาวยิวตงัÊ แตส่ มยั อบั ราฮมั จนถงึ สมยั ก่อนพระเยซูคริสตป์ ระสตู ิ เป็นคมั ภีร์ประกอบด้วยหนงั สือ 39 เลม่ ซงÉึ เป็น
244 ประวตั ศิ าสตร์ บทกลอน เพลงสดดุ ี คาํ พยากรณ์ คําสงÉั สอน บทบญั ญัติ เรÉืองราวและเหตุ การณ์ตา่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น 3 ตอน คือ 1.1 เตาร็อตหรือโตราห์ (Torah) เป็นสว่ นทÉีบนั ทกึ การกระทําและกฎเกณฑ์ตา่ ง ๆ ทÉี พระเจ้าได้ทรงกําหนดให้ถือปฏิบตั ิ กลา่ วถึงการสร้างโลกมนษุ ย์ การประทานบญั ญตั ิ 10 ประ การ การประกอบศาสนพธิ ีและกฎข้อห้าม การเดนิ ทางเร่รอนของชาวยิว 1.2 ศาสดาพยากรณ์ (Prophets) เป็นสว่ นทÉีบนั ทกึ เรÉืองราวคําสอน คําทํานายของ ศาสดาพยากรณ์ของชาวยิวซงÉึ เกิดขนึ Ê ในสมยั ตา่ ง ๆ กนั 1.3 ฮาจโิ อกราฟา (Hagiographa) เป็นสว่ นทีÉบนั ทกึ เกÉียวกบั เพลงสดดุ ี สภุ าษิต รวมทงัÊ วรรณคดีซงÉึ มีความไพเราะเชงิ กวีสงู 2. คมั ภีร์ใหม่ (The New Testament) เป็นสว่ นทีÉยอมรับกนั อยเู่ ฉพาะในหมคู่ ริสต์ ผิดกบั คมั ภีร์เก่าซงÉึ เป็นทÉียอมรับทงัÊ ในชาตยิ ิวและคริสต์ คมั ภีร์ใหมป่ ระกอบด้วยหนงั สือ 27 เลม่ กลา่ วถึงเรืÉองราวตงัÊ แตพ่ ระเยซปู ระสตู จิ นถงึ ค.ศ. 100 เป็นเรืÉองราวชีวิตของพระเยซูและ คาํ สงัÉ สอนเรÉืองความเชืÉอของคริสเตียน ไปจนถงึ จดหมายเหตขุ องอคั รสาวกของพระเยซบู นั ทกึ ไว้ แบง่ ออกเป็น 4 หมวด คือ 2.1 วรสาสน์ (Gospel) ได้กลา่ วถงึ ประวตั ชิ ีวิตและการเทศนาสงÉั สอนธรรมของพระเยซู โดยตรง วรสาสน์มี 4 ฉบบั เรียกตามชืÉอผ้บู นั ทกึ คอื ฉบบั ของททั ธายหรือมทั ธิว(Mattew) ฉบบั ของมาระโกหรือมาร์ค (Mark) ฉบบั ของลกู า (Luke) และฉบบั ของจอห์น (John) 2.2 กิจการของอคั รสาวก (Acts) เป็นเรÉืองราวของสงั คมชาวคริสตต์ งัÊ แตพ่ ระเยซถู กู ตรึง กางเขนจนถงึ กิจการตา่ ง ๆ ทÉีอคั รสาวกของพระเยซไู ด้เผยแผศ่ าสนาภายหลงั การสินÊ พระชนม์ ของพระเยซู โดยเฉพาะเป็นเรÉืองกิจการเผยแผศ่ าสนาของเซนต์ปอล 2.3 อีปีสโตลารÉี (Epistolary) เป็นหมวดวา่ ด้วยจดหมายเหตบุ นั ทกึ เหตกุ ารณ์และกิจ การของเซนต์ปอลและของสาวกคนอืÉนอีก 7 คน มี 14 ตอน รวมทงัÊ การบนั ทกึ เรืÉองความ เชืÉอถือและการปฏิบตั ิประเพณีของชาวยิวในสมยั พระเยซูอีก 7 ตอน รวมทงัÊ หมด 21 ตอน 2.4 อโปคาลิปตกิ (Apocalyptic) หรือเรียกอีกอยา่ งได้วา่ หมวดเทพนมิ ิตวา่ ด้วยการ แสดงตนของเทพหรือกาเบรียล (Gabriel) อนั เกิดแกเ่ ซนตจ์ อห์นหรือโยฮนั อคั รสาวกของพระ เยซู (รศ.ดร. สจุ ติ รา อ่อนค้อม. 2542:208-216) พธิ ีกรรมสาํ คัญ
245 ผศ. ธีรยทุ ธ สนุ ทรา (2539:99) กลา่ ววา่ ศาสนาคริสต์มีพิธีกรรมทางศาสนา เรียก พธิ ีศีลศกั ดสÍิ ิทธÍิ (Sacraments) 7 ประการ คือ 1. ศลี ล้างบาป หรือศลี จมุ่ (Baptism) กระทําเมืÉอเป็นทารกแรกเกิด หรือเมืÉอเข้าเป็น คริสต์ศาสนิกชน พธิ ีกระทําตามแบบของพระเยซูเมืÉอก่อนทรงออกเทศนา ในนกิ ายคาทอลกิ ปัจจบุ นั ไมจ่ มุ่ ตวั ในนําÊ ใช้นําÊ ศกั ดสิÍ ทิ ธÍิเทบนศรี ษะเพืÉอเป็นสญั ลกั ษณ์ของการล้างบาป ศีลนี Ê สําคญั ทÉีสดุ ผ้ใู ดไมไ่ ด้รับศีลล้างบาป จะไมไ่ ด้ชีวิตนิรันดร 2. ศีลมหากําลงั (Confirmation) กระทําเมÉือพ้นวยั เดก็ และเป็นผ้ใู หญ่แล้ว เพÉือเป็น คริสต์ศาสนิกชนทีÉสมบรู ณ์ สงั ฆราชวางมือบนศรี ษะแล้วอ้อนวอนให้พระเจ้าประทานพลงั แหง่ ความกล้าหาญเข้าผ้รู ับศลี 3. ศีลมหาสนิท (Holy Communion) มีไว้สําหรับคริสต์ศาสนกิ ชนทีÉสมบรู ณ์ทกุ คน อาจจะกระทําทกุ วนั ทกุ สปั ดาห์ ทกุ เดือน หรืออยา่ งน้อยปีละ 1 ครังÊ โดยรับประทานขนมปัง และเหล้าอง่นุ เป็นสญั ลกั ษณ์ตามแบบทÉีพระเยซไู ด้กระทําแกอ่ คั รสาวก ในพระกระยาหามือÊ สดุ ท้าย ก่อนทรงถกู ตรึงเพÉือเป็นพิธีระลกึ ถึง การทÉีทรงเสียสละพระกายและพระโลหิต เพÉือ มนษุ ย์จะได้รอดพ้นจากบาป ขนมปังคือพระกาย และเหล้าอง่นุ คือพระโลหิต ฝ่ ายคาทอลกิ เชÉือวา่ ในขณะกระทําพิธีนี Ê ขนมปังและเหล้าองนุ่ จะถกู เนรมติ แปรสารกลายเป็นพระกายและ พระโลหติ ของพระเยซอู ยา่ งแท้จริง ผ้ทู ีÉได้รับประทาน จะมีชีวติ นริ ันดร 4. ศลี แก้บาป (Penance) สําหรับคาทอลกิ ทÉีได้กระทําบาปประสงค์จะได้รับการอภยั บาป ต้องไปสารภาพบาปนนัÊ ตอ่ นกั บวชด้วยความสํานกึ ผิดอยา่ งแท้จริง ถือวา่ นกั บวชได้รับ อํานาจในการยกบาป โดยตรงจากสนั ตปาปา ซงึÉ เป็นผ้แู ทนของพระเยซูคริสต์ นกั บวชจะอํา นวยพรยกบาป จะตกั เตอื นสงÉั สอนมิให้ทําบาปอีก และจะกําหนดกิจศาสนาให้กระทําเพืÉอใช้ โทษ แตผ่ ้ใู ดสารภาพด้วยความไมจ่ ริงใจ หรืออําพรางความบาป ก็ถือเป็นบาปอยา่ งหนกั 5. ศลี เจมิ คนไข้ (Extreme Unction) กระทําเมืÉอคนไข้เจ็บหนกั ใกล้จะตาย เมืÉอชําระ บาปครังÊ สดุ ท้าย และชว่ ยให้มีสตกิ ําลงั สามารถตอ่ ส้คู วามตายได้จนถงึ ทÉีสดุ เป็นการบรรเทา วิญญาณและร่างกายของผ้ปู ่วยโดยบาทหลวงใช้นําÊ มนั ศกั ดสÍิ ิทธÍิเจมิ ทาทÉีตา หู จมกู ปาก มือ และเท้าของคนไข้ พร้อมกบั สวดอวยพรทกุ คนในบ้านจะต้องสวดพร้อมกนั 6. ศีลสมรสหรือศลี กลา่ ว (Matrimony) กระทําแก่คบู่ า่ วสาวในพิธีสมรส ผ้ทู Éีได้รับศีล สมรสโดยถกู ต้องแล้ว จะอยา่ ร้างกนั ไมไ่ ด้ และห้ามสมรสใหมใ่ นขณะทีÉสามีภรรยายงั คงมีชีวิต อยู่ การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายโดยไมไ่ ด้รับศลี สมรส ไมถ่ ือวา่ เป็นสามีภรรยาโดยถกู ต้องตามกฎของศาสนา
246 7. ศีลอนกุ รม (Holy Order หรือ Ordination) เป็นศีลบวชให้บคุ คลเป็นบาทหลวงผู้ มีอํานาจโปรดศลี อนกุ รมคือสงั ฆราช ซงÉึ ถือเป็นผ้แู ทนของพระเยซคู ริสต์ เมืÉอรับศลี อนกุ รมแล้ว ไมอ่ นญุ าตให้สมรส กฎข้อนีเÊกิดขนึ Ê หลงั สมยั พระเยซู ในราวต้นสมยั กลาง เดมิ ทีพวกสาวกใน สมยั แรกมีครอบครัวได้ ตอ่ มาเรÉิมมีพวกพระไมส่ มรสมากขนึ Ê พระศาสนจกั รจงึ ออกกฎตายตวั ห้ามพระทÉีรับศีลอนกุ รมสมรส นิกายศาสนา รศ.ดร. เดอื น คําดี (2541:175) กลว่ าวา่ ศาสนาคริสต์แบง่ ออกเป็น 3 นกิ าย คือ 1. นิกายโรมันคาทอลกิ ได้ยดึ ถือความเชÉือดงัÊ เดมิ วา่ ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาสากล ปฏิบตั ิตามคําสอนและประเพณีมีมาดงัÊ เดมิ ตามแบบอยา่ งพระเยซูคริสต์โดยเคร่งครัด มีศนู ย์ กลางอยทู่ Éีกรุงวาตกิ นั ประเทศอิตาลี 2. นิกายออร์โธดอ็ กซ์ เป็นนิกายทีÉแยกออกจากนกิ ายโรมนั คาทอลกิ ด้วยเหตผุ ล ทางการเมือง โดยไมย่ อมรับอํานาจของสนั ตปาปาตงัÊ แตค่ ริสต์ศตวรรษทีÉ 11 แพร่หลายอยใู่ น ยโุ รปตะวนั ออกและรัสเซียรวมทงัÊ ในประเทศกรีกด้วย 3. นิกายโปรเตสแตนท์ เป็นนิกายทÉีแยกออกจากนกิ ายคาทอลกิ ในคริสต์ศตวรรษ ทีÉ 16 นําโดยมาตินลเู ธอร์ พระบาทหลวงชาวเยอรมนั โดยปฏิเสธการผกู ขาดการ ตคี วามหมายหรือวางหลกั ศาสนาแตผ่ ้เู ดยี วของสนั ตปาปาให้ยดึ ถือพระคมั ภีร์เป็นหลกั ปฏิเสธ ศลี แก้บาปถือวา่ คริสตท์ กุ คนเป็นพระเป็นผ้แู ทนพระเยซูเท่าเทียมกนั และไมย่ กยอ่ งบชู าพระนาง มาเรีย โยเซฟและนกั บญุ ทงัÊ หลายรวมทงัÊ รูปเคารพใด ๆ นอกจากไมก่ างเขน ในศาสนาคริสต์มีข้อยดึ ถือทีÉทําให้แบง่ นิกายออกได้ดงั นี Ê 1. นิกายโรมันคาทอลิก ยดึ หลกั ความเชÉือดงัÊ เดมิ ทกุ ประการ เน้นในข้อเพิมÉ เตมิ ดงั นี Ê 1. เชืÉอในหลกั ตรีเอกภาพ คือ พระบิดา พระบตุ ร และพระจติ เป็นสามบคุ คลแต่ ละบคุ คลเป็นพระเจ้าสมบรู ณ์ในตนเองเสมอกนั 2. พระเยซู ทรงมี 2 สภาวะ คือ สภาวะพระเจ้าและสภาวะมนษุ ย์ 3. ยกยอ่ งพระนางมาเรีย เป็นพระมารดาของพระเจ้า เรียกวา่ แมพ่ ระ พระนาง ได้ถกู ยกขนึ Ê สวรรคท์ งัÊ ร่าง ทรงเป็นคนกลางระหวา่ งพระเจ้ากบั คริสต์ศาสนิกชน 4. ยกยอ่ งโยเซฟเป็นนกั บญุ และยกยอ่ งนบั ถือสหพนั ธ์นกั บญุ (Communion of Saint)
247 5. เมืÉอตาย เชืÉอวา่ วิญญาณแยกออกจากร่างกาย จะเปลือยเนา่ แตก่ ็จะกลบั ฟื นÊ ขนึ Ê ใหมใ่ นวนั สินÊ โลกแล้วมารวมกบั วิญญาณ สว่ นวญิ ญาณจะถกู พิพากษาทนั ทีเป็นรายบคุ คล ไป วิญญาณบาปหนกั จะลงสนู่ รก วญิ ญาณทÉีบาปน้อยจะไปยงั ไฟชําระเพืÉอล้างบาปหมดเสีย ก่อนแล้วจงึ ขนึ Ê สวรรค์ มีชีวิตนิรันดรร่วมกบั พระเจ้า 6. คาทอลกิ เชÉือวา่ พระสนั ตปาปา เป็นผ้แู ทนพระเยซูคริสต์ เป็นผ้สู ืบตาํ แหนง่ นกั บญุ เปโดรปกครองศาสนจกั รในฐานะผ้แู ทนพระเจ้าบนพืนÊ พภิ พนี Ê 7. เชืÉอในพธิ ีกรรมศกั ดิÍสิทธÍิ 7 ประการ 2. นิกายออร์โธดอ็ กซ์ ยดึ หลกั ความเชÉือและปฏิบตั คิ ล้ายกบั นกิ ายโรมนั คาทอลิกทÉี ตา่ งกนั คอื 1. ไมข่ นึ Ê ตอ่ อํานาจศาสนจกั ร และสนั ตปาปาแหง่ โรม 2. เชืÉอในเรÉืองตรีเอกภาพ วา่ ไมแ่ ยกเป็นบคุ คล พระบตุ รและพระจิตเกิดจากพระ บดิ า ไมเ่ ชÉือวา่ พระจิตเกิดจากพระบตุ รด้วย 3. พระเยซเู มÉือมาประสตู ใิ นโลกนี Ê สภาวะพระเจ้าและสภาวะมนษุ ย์ รวมกนั เป็น หนงึÉ ทรงเป็นพระเจ้าในร่างมนษุ ย์ 4. พระนางมาเรีย เป็นมารดาของพระเจ้า ตายอยา่ งมนษุ ย์ธรรมดา มิได้ถกู ยกขึนÊ สวรรค์ทงัÊ ร่าง 5. ไมย่ กยอ่ งบชู านกั บญุ ทงัÊ หลาย และห้ามประดิษฐ์ รูป เคารพบชู า 3 มิตแิ ละไม่ เชÉือในเรÉืองไฟชําระวญิ ญาณของผ้ตู ายจะรออยพู่ ร้อมกนั จนถึงวนั พพิ ากษาโลก 3. นิกายโปรเตสแตนท์ ถือหลกั ดงัÊ เดมิ สมยั ปฏิรูปศาสนา ดงั นี Ê 1. พระคมั ภีร์เทา่ นนัÊ เป็นสงิÉ สงู สดุ ทÉีจะแสดงความจริงทวัÉ ไปในศาสนาได้ ไมถ่ ือวา่ สนั ตปาปา และศาสนจกั รคาทอลิกมีอํานาจในการตีความหมาย หรือวางหลกั ศาสนาแตเ่ พียง ผ้เู ดยี ว 2. คริสต์ชนทกุ คนจะพ้นบาปด้วยศรัทธา และพระหรรษทาน (Divine Grace) ซงÉึ พระเจ้าประทานให้แกแ่ ตล่ ะบคุ คลเทา่ นนัÊ ไมเ่ ชÉือวา่ สนั ตะปาปา หรือสงั ฆราชมีอํานาจในการ ล้างบาป ไมถ่ ือพธิ ีศีลแก้บาป 3. คริสต์ชนทกุ คน คอื พระหรือนกั บวช เป็นตวั แทนของพระเยซู เทา่ เทียมกนั ไม่ ถือสนั ตปาปาหรือสงั ฆราชหรือศาสนจกั ร เป็นผ้แู ทนพระเยซูแตผ่ ้เู ดียว 4. ศาสนจกั รโปรเตสแตนท์แตล่ ะนิกาย ในแตล่ ะประเทศเป็นอิสระไมข่ นึ Ê แก่กนั ไม่ ขนึ Ê ตอ่ ศาสนจกั รคาทอลิก
248 5. ไมย่ กยอ่ งบชู าพระแมม่ าเรีย โยเซฟและนกั บญุ ทงัÊ หลาย และไมน่ ิยมประดษิ ฐาน รูปเคารพใด ๆ ทงัÊ สินÊ สญั ลกั ษณ์เดียวทีÉเหลืออยคู่ ือกางเขน (เดอื น คําดี. 2541:174-176) สัญลักษณ์ศาสนา ศาสนาคริสตท์ กุ นิกายใช้เครÉืองหมายเหมือนกนั คอื ไม้กางเขน เดมิ ไม้กางเขนเป็น เครืÉองมือสําหรับประหารชีวิตกนั โทษในปาเลสไตน์สมยั โบราณ นกั โทษทÉีถกู ตดั สนิ ประหารชีวติ แล้ว จะถกู ตรึงเข้ากบั ไม้กางเขนแล้วยกขนึ Ê ตงัÊ ให้ตากแดดไว้จนกวา่ จะตายไปด้วยความร้อน และความหิวกระหาย พระเยซสู ินÊ พระชนม์บนไม้กางเขนเชน่ นนัÊ ศาสนาคริสตถ์ ือวา่ ไม้กางเขน เป็นสญั ลกั ษณ์แหง่ การเสียสละอนั ยิÉงใหญ่นิรันดรของพระเจ้า (รศ. คณู โทขนั ธ์. 2537:178) หลักตรีเอกภาพ ตรีเอกภาพ (The Holy Trinity) หมายถึง พระเจ้า ทรงเป็นหนงÉึ เดยี วในสามบคุ คล (One God : Three Person) คือ ทรงเป็นพระบดิ า (The Father) พระบตุ ร (The Son) และพระจติ (The Holy Spirit) แตล่ ะบคุ คลเป็นพระเจ้าโดยสมบรู ณ์ทกุ ประการ ทรงมีธรรม ชาตเิ ดียวคอื ความเป็นพระเจ้า ไมท่ รงมีเบือÊ งต้นและเบอื Ê งปลาย ทรงเป็นอยนู่ ิรันดร ซึÉงอธิบาย ได้ดงั นี Ê 1. พระเจ้า คอื พระยะโฮวา พระผ้ทู รงอานภุ าพยงิÉ ใหญ่ ทรงเป็นจิตบริสทุ ธิÍ ไมม่ ี รูปร่าง มีอยนู่ ิรันดร จงึ ไมม่ ีการเกิด ไมม่ ีการตาย ทรงสถิตอยใู่ นทกุ หนทกุ แหง่ ทรงรอบรู้ทกุ สงÉิ ทรงสามารถทกุ อยา่ ง ไมม่ ีใครสร้างพระองค์ แตพ่ ระองค์เป็นผ้สู ร้างสรรพสÉงิ ทงัÊ หลายใน สากลพภิ พนี Ê ชาวคริสต์เชÉือวา่ ทกุ อยา่ งทÉีเกิดขึนÊ ล้วนเป็นไปตามแผนการของพระผ้เู ป็นเจ้า พระองคท์ รงมีนําÊ พระทยั อนั ยÉิงใหญ่ ปรารถนาจะชว่ ยมนษุ ย์ให้พ้นจากบาปกําเนิดทีÉสืบกนั มา แตบ่ รรพบรุ ุษคแู่ รก คือ อาดมั และอีวา พระองค์จงึ สง่ พระบตุ รมาเกิดในโลกมนษุ ย์ เพืÉอชว่ ย ให้พวกเขาสามารถเข้าถึงทางแหง่ ความรอด พระเจ้าผ้เู ป็นพระบดิ าและพระเยซูซงึÉ เป็นพระบตุ ร จงึ เป็นหนงึÉ เดยี วกนั คือความสมั พนั ธ์แหง่ ความรัก เมืÉอพระเยซูได้จากสาวกไปแล้วโดยไปอยกู่ บั พระบดิ าในอาณาจกั รแหง่ พระเจ้า พระองคก์ ็ยงั ทรงเมตตาตอ่ มนษุ ย์ พระเจ้าผ้เู ป็นพระบดิ า และเยซผู ้เู ป็นบตุ ร ได้สง่ พระจติ ขององคม์ ายงั โลกเพืÉอมนษุ ย์จะได้รู้ถงึ สÉงิ ตา่ ง ๆ ทีÉพระเจ้าได้ ทรงโปรดประทานมาให้แกพ่ วกเขา เราอาจกลา่ วได้วา่ สิÉงสงู สดุ ของชาวคริสต์ คือ พระบิดา พระบตุ ร และพระจติ ซงÉึ เรียกวา่ ตรีเอกภาพ คือ สามภาคของพระเจ้าทีÉเป็นหนงึÉ เดยี วกนั
249 การทีÉจะเข้าถงึ สÉิงสงู สดุ นีจÊ ะต้องมีความรักและศรัทธาในพระเจ้าอยา่ งเดด็ เดÉียว และรักเพÉือน มนษุ ย์ให้เหมือนกบั รักตนเอง ผ้ใู ดทีÉสามารถปฏิบตั ิตามได้เชน่ นีแÊ ล้ว เขาจะได้รับสิทธิพิเศษให้ อยใู่ นแผน่ ดนิ สวรรค์ ซงึÉ เป็นอาณาจกั รของพระผ้เู ป็นเจ้า อนั เป็นสถานทÉีไมม่ ีความทกุ ข์ยาก ใด ๆ ไมม่ ีความเจ็บปวด ร้อน หนาว หิวโหย และความยากไร้ ผ้ใู ดทÉีได้อย่ทู Éีแหง่ นีจÊ ะมีชีวิต นิรันดรซงÉึ จะเข้าถึงได้ตอ่ เมÉือตายแล้ว โดยพระผ้เู ป็นเจ้าจะเป็นผ้ตู ดั สินเองวา่ เรามีสิทธิสมควร อยหู่ รือไม่ บคุ คลทีÉสามารถสละความสขุ ทางโลกและสละสมบตั ทิ างโลกได้เทา่ นนัÊ จึงสามารถ เข้าถึงอาณาจกั รของพระเจ้าได้เพราะคนเราจะมีนาย 2 คนไมไ่ ด้ ต้องเลือกอย่างใดอยา่ งหนงึÉ ถ้าจะเลือกพระเจ้าก็ต้องสละสมบตั ทิ างโลก และถ้าจะเลือกสมบตั ทิ างโลกก็ต้องสละพระเจ้า ผ้ฝู ่าฝืนพระบญั ญตั จิ ะถกู ตดั สินให้ลงนรก ถกู ไฟเผาผลาญได้รับความทกุ ข์ทรมานตลอดไป สถานภาพของบดิ า คือ ก. พระเจ้าแหง่ ความโกรธและหวงแหน 1. นา่ เกรงกลวั 2. ปรากฏในรูปแบบปรากฏการณ์ธรรมชาตริ ุนแรง 3. แสดงปรากฏการณ์ให้นําÊ ทว่ มโลก เพลงิ ไหม้ โรคระบาด ฯลฯ ข. สภาวะของพระเจ้า 1. ทรงมีสภาวะเป็นทิพย์ คือ เป็นวิญญาณโลก 2. ทรงเป็นอมตะ ไมม่ ีเบือÊ งต้น ทา่ มกลาง และทÉีสดุ 3. ทรงเป็นผ้สู ร้างและรู้สรรพสิÉง 4. ทรงมีเมตตาไมส่ ินÊ สดุ และทรงรักมนษุ ย์ในฐานะบตุ รของพระองค์ 5. ทรงหาทÉีสดุ มไิ ด้ กลา่ วคือ พระองค์อยเู่ หนือธรรมชาติ 2. พระบตุ ร (The Son) พระเยซู ในฐานะเป็นพระบตุ ร มนษุ ย์ก็คือการเปิดเผยอนั ยÉงิ ใหญ่ของพระเจ้าตอ่ มนษุ ย์ แสดงให้เห็นวา่ พระเจ้ามีพระบตุ รแตอ่ งค์เดยี ว คือ พระเยซู มนษุ ย์ทงัÊ ปวงเป็นบตุ รของพระเจ้าโดยนิตนิ ยั แตพ่ ระเยซูเป็นพระบตุ รโดยธรรมชาติ เมÉือพระ เยซอู ายุ 12 ขวบ พระเจ้าได้แสดงเปิดเผยความจริงวา่ พระเยซูเป็นบตุ รของเจ้าจริง ๆ แก่ มารดาและท่านยอห์น ผ้ลู ้างบาปให้ด้วยพระสรุ เสียงจากฟา้ วา่ ผ้นู ีคÊ ือพระบตุ รสดุ ทÉีรักของเรา ก่อนจะจากกนั หลงั รับประทานอาหารมือÊ สดุ ท้าย พระเยซูได้ทรงเปิดเผยธรรมชาตขิ องพระบดิ า ทีÉปรากฏในพระองค์อยา่ งยือยาว และทรงแสดงปาฏิหาริย์ไว้เป็นอนั มาก ในพระคมั ภีร์บนั ทกึ ไว้วา่ มีถึง 40 ครังÊ รวมทงัÊ การปลกุ คนตายให้ฟื นÊ คืนชีพอีก 3 ครังÊ
250 การฟื นÊ คืนชีพของพระเยซูเป็นการพสิ จู น์วา่ พระองค์เป็นพระเจ้าโดยพระองค์ตรัสเป็น ลว่ งหน้ากบั สาวกคนหนงÉึ โดยเฉพาะวา่ ฟังให้ดนี ะ ทีÉเรากําลงั จะไปนครเยรูซาเลม ทีÉนนัÊ บตุ ร มนษุ ย์จะถกู ทรยศ ตกในเงือÊ มมือของคณะปโุ รหิตและคณะคมั ภีราจารย์ จะถกู พวกเขาตดั สนิ ประหารชีวิต จะถกู มอบตวั ให้คนตา่ งชาตสิ บประมาท จะถกู เฆÉียนและถกู ตรึงบนไม้กางเขน แตท่ วา่ รุ่งวนั ทีÉ 3 จะฟื นÊ คืนชีพ พระเยซูในฐานะบคุ คลในประวตั ศิ าสตร์ เป็นชาวยวิ คนหนงÉึ เกิดในประเทศปาเลสไตน์ ทÉีหมบู่ ้านเบธเลเฮม แคว้นยดู าย มารดาชืÉอ มาเรีย บิดาชืÉอ โยเซฟ มีอาชีพเป็นชา่ งไม้ เมÉือ วนั ทีÉ 25 ธนั วาคม ค.ศ. 1 3. พระจิต (The Holy Spirit) ในพระคมั ภีร์เกา่ ของยิวอธิบายวา่ พระจิต คือ ลม ปรารถนาของพระบดิ า ใครได้รับเข้าไปในตวั ก็จะมีชีวิต และมีความกระตือรือร้นอยา่ งพเิ ศษ สําหรับพระเยซู พระจิตทําหน้าทÉีเป็นพลงั และผ้กู ําหนดวิถี พระจติ เสดจ็ ลงมาประทบั เหนือพระ เยซเู ป็นรูปนกพิราบ ทรงนําพาไปบริเวณทÉีเปลÉียว พระจิตประทานพลงั ดงั นนัÊ พระเยซูจงึ สอน วา่ พระจติ ทรงเป็นผ้ดู ลใจ ผ้ปู ลอบใจ ผ้ใู ห้กําลงั ใจ ผ้ใู ห้กําลงั ความคดิ และผ้ชู ว่ ยเหลือใน สว่ นทÉีผ้มู ีศรัทธาต้องการและยงั ขาดอยู่ พระบดิ าจะสง่ พระจิตมาในนามเรา พระจิตจะสอน ทา่ นทกุ สงÉิ ทกุ อยา่ งและชว่ ยให้ทา่ นจําได้ทกุ ถ้อยความทีÉเราได้สอนพวกทา่ น เราจะสง่ พระจิต จากพระบดิ า พระจติ แหง่ ความจริง ซงึÉ สืบเนÉืองมาจากพระบดิ า พระองค์จะยืนยนั ถึงตวั เรา เมÉือพระเยซสู ินÊ พระชนม์แล้ว พระจิตทรงทําหน้าทีÉแทนตอ่ จากพระเยซู ดงั ทีÉพระเยซู ตรัสกบั สาวกวา่ เป็นการดีสําหรับพวกทา่ นทÉีเราต้องจากไป เพราะถ้าเราไมจ่ ากไป พระจิตก็ จกั ไมเ่ สดจ็ มา แตเ่ ราจากไปเราก็จะสง่ พระจติ มาชว่ ยท่าน ดงั นนัÊ เมÉือพระเยซเู สดจ็ ขนึ Ê สวรรค์ ได้ 10 วนั แล้ว พระจิตก็เสดจ็ มาให้เห็นเป็นนกพิราบและสาวกก็เข้าใจวา่ พระบิดา พระบตุ ร และพระจติ เป็นองค์เดียวกนั ดงั แผนผงั ข้างลา่ งนี Ê (รศ. ดนยั ไชยโยธา. 2539:184-186) พระบิดา ผ้สู ร้างพระยะโฮวา ผ้เู สด็จเพอืÉ นําทางชว่ ยเหลือมนษุ ย์สพู่ ระเจ้า ผ้ไู ถบ่ าป (พระเยซู) พระบตุ ร พระจติ ทีÉมา รศ. ดนยั ไชยโยธา.2539:184 รวมกนั เป็นพระเจ้าองค์เดยี ว ศาสนาอิสลาม (Islam) ชีวประวัตศิ าสดา
251 ศาสนาอสิ ลามมีโมฮํามดั เป็นองค์ศาสดา เกิดขึนÊ ทÉีประเทศซาอดุ ิอาระเบียปัจจบุ นั เป็น ศาสนาประเภทเอกเทวนิยม มีอลั เลาะห์เจ้าเป็นพระเจ้าสงู สดุ ทีÉคาํ ว่า อิสลาม แปลว่า ศานติ ความสงบสขุ อสิ ลามเป็นแนวทางการดําเนินชีวติ ของมสุ ลิม ซงÉึ ได้มาจากคมั ภีร์อลั กรุ อานและ จริยวตั รของศาสดาโมฮํามดั โดยโมฮํามดั เกิดทีÉเมืองเมกกะในเผา่ ตระกลู โกเรช ตระกลู ผ้เู คร่ง ศาสนาเป็นกําพร้ามารดาและบดิ ามาแตเ่ ล็ก ต้องอยใู่ นความดแู ลของปา้ กบั ลงุ เดมิ ทา่ นมีพระ นามวา่ อบู ลู กซั เซม ตอ่ มาได้รับการยกยอ่ งเรียกวา่ โมฮํามดั บดิ าชืÉออบั ดลุ เลาะฮ์ มารดาชืÉอ อามีนะฮ์ แตบ่ ดิ ามารดายากจนมาก กอ่ นทา่ นเกิด 2 เดือน บดิ าได้สินÊ ชีพ ทา่ นเกิดเมÉือวนั ทีÉ 12 เดือนราบี 1 ตรงกบั วนั จนั ทร์ทÉี 29 สงิ หาคม พ.ศ. 1113 (ค.ศ. 570) นางอามีนะฮ์ได้เลียÊ ง ทา่ นเพียง 1 อาทิตย์ ก็มอบให้คนใช้ชืÉอนางฮาลีมารับไปเลียÊ ง คนใช้เลียÊ งอยู่ 5 ปี จงึ นํามา คืนให้มารดา พอทา่ นอายไุ ด้ 6 ขวบ มารดาสินÊ ชีพ ทา่ นจงึ ไปอยกู่ บั ป่ชู Éืออบั ดลุ มตุ ตาลิบ อยู่ ได้ 3–4 ปี ป่สู ินÊ ชีพอีก ท่านไปอย่กู บั ลงุ ชÉืออาบตู าลบิ ทา่ นลําบากมาก ไมไ่ ด้เรียนหนงั สือ ทา่ นได้ตดิ ตามลงุ ไปค้าขายยงั เมืองตา่ ง ๆ ศาสดาโมฮํามดั เป็นชายมีบคุ ลิกภาพดีมีวาจาไพเราะชอบการค้าขาย ขณะอายุ 25 ปี ได้แตง่ งานกบั หญิงหม้ายซงึÉ มีอายแุ กก่ วา่ 15 ปี เป็นเจ้าของการค้าชืÉอคาดิยะห์ มีบตุ ร 7 คน โมฮํามดั มีอปุ นิสยั ชอบสงบรักความสงดั มกั จะออกไปหาความสงบสขุ ตามขนุ เขาทงุ่ กว้าง และทะเลสาบ เมืÉออายุ 40 ปี วนั หนงÉึ ในเดอื นรอมะดอน ขณะนงÉั สงบอยใู่ นถําÊ ฮริ อบ บน ภเู ขานรู ์ก็ได้รับวิวรณ์จากเทพยิบรอเอล หรือเทพกาเบรียล เทวทตู ของพระเจ้าปรากฏอยเู่ บือÊ ง หน้ายÉืนหนงั สือบอกวา่ จงอา่ นหรือจงทอ่ งบน และวา่ ในพระนามของพระอ้าหลา่ เจ้าผ้ทู รง พระคณุ ใหญ่และพระมหากรุณาใหญ่ ผ้ทู รงสร้างโลกและสร้างมนษุ ย์ด้วยพระโลหิต และวา่ ไมม่ ีพระเจ้าองค์อืÉนใด นอกจากพระอ้าหลา่ เจ้าแตพ่ ระองค์เดียว ทา่ นนิงÉ จนถงึ ครังÊ ทÉี 3 แล้ว ทา่ นถามว่า กลา่ วอย่างไร เทวทตู บอกวา่ จงกลา่ วในนามของพระเจ้าของเจ้า ผ้สู ร้างคนด้วย ก้อนเลือด ผ้ทู รงคณุ ธรรมอนั สงู สดุ ผ้สู อนคนในสÉิงทÉีเขาไมร่ ู้ ทา่ นจงึ ได้อา่ นหนงั สือนนัÊ ออกใน นามของพระเจ้าให้ทา่ นเผยแพร่ศาสนา เมÉือเป็นเชน่ นี Ê ทา่ นโมฮํามดั ได้เกิดความรู้ คือสําเร็จรู้ วา่ ตนเป็นนบี ผ้แู ทนของพระเจ้าซงÉึ เป็นองคผ์ ้ปู ระกาศศาสนา โดยได้เผยแผก่ บั ครอบครัวเป็น อนั ดบั แรก และได้ยดึ เอาสถานทÉีประดษิ ฐ์หินกาบะห์ (Kabah) เป็นทีÉประกาศสจั ธรรมเป็นต้น มาตลอด 3 ปี ได้ผ้นู บั ถือ 30 คน ระหวา่ งประกาศศาสนาอยู่ ต้องทําสงครามตอ่ ส้กู บั ฝ่ าย ปฏิปักษ์ เชน่ พวกนบั ถือศาสนาเดมิ ตระกลู โกเรซได้ลอบฆา่ ทา่ น ท่านหนีไปประเทศอบีสซีเนีย เป็นเวลาหลายปี ทา่ นรวบรวมผ้คู นได้มากแล้ว รวมทงัÊ ได้สาวกซ้ายขวาสําคญั มาก 2 คน ทÉีนี Ê เช้าวนั ศกุ ร์เดือนราบี 1 ตรงกบั วนั ทีÉ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 622 ทา่ นได้เข้าส้เู มืองยาทริบ
252 นบั แตว่ นั นนัÊ ฮจิ เราะห์ศกั ราชได้เริÉมใช้ (ฮิจเราะฮ์ แปลวา่ อพยพหรือเหาะ หรือหนี) และเมืองยาทริบได้เปลÉียนเป็นเมืองมะดีนะฮ์ หรือ มะดีนะฮ์ตนุ ซงÉึ แปลวา่ นครแหง่ พระนบี โมฮํามดั ทา่ นได้ตอ่ ส้กู บั พวกนบั ถือศาสนาเดมิ จนได้รับบาดเจ็บ ฟันหกั พระโอษฐ์ฉีก ต้อง ลกู ศรทีÉหน้า จนในทีÉสดุ เป็นฝ่ายชนะและได้มาประกาศศาสนา ประกอบพธิ ีฮจั ญ์ทีÉนครเมกกะ โดยไมม่ ีการขดั ขวาง และดบั ขนั ธ์ เมืÉออายุ 63 ปีประกาศศาสนาอยู่ 23 ปี (ผศ. วนดิ า ขํา เขียว. 2541:352-355) ความเชÉือพืนÊ ฐานของอสิ ลาม ความเชืÉอพืนÊ ฐานทางอิสลาม คือ จกั รวาลนีถÊ กู สร้างโดยองค์อลั เลาะห์ทรงสร้างมนษุ ย์ และได้ทรงกําหนดระยะเวลาให้มนษุ ย์ได้อยใู่ นโลกนี Ê และพระองค์ได้ทรงกําหนดธรรมนญู อนั ถกู ต้องไว้ด้วย แตข่ ณะเดยี วกนั พระองค์ก็ทรงเปิดโอกาศให้มนษุ ย์มีอสิ ระในการเลือกวา่ จะรับ ธรรมนญู ของพระองคเ์ ป็นธรรมนญู แหง่ ชีวติ หรือไม่ ผ้ใู ดเลือกปฏิบตั ิตามก็ได้ชืÉอวา่ มนุ นิ สว่ น ผ้ทู ีÉปฏิเสธทÉีจะทําตาม ก็ได้ชืÉอวา่ กาฬิร ผ้เู ป็นชาวมสุ ลิมต้องรับนบั ถือศาสนาอสิ ลาม โดยการศรัทธาอยา่ งบริสทุ ธÍิยอมรับใน เอกภาพของอลั เลาะห์ และยอมรับความเป็นศาสดาของทา่ นโมฮํามดั ความเชืÉอ 2อยา่ งนีเÊป็น เนือÊ หาของบทปฏิญาณตนไมม่ ีพระเจ้านอกจากอลั เลาะห์ และโมฮํามดั เป็นศาสนทตู ของอลั เลาะห์ อิสลามมไิ ด้แยกวตั ถแุ ละจติ ใจออกจากกนั ถือวา่ ชีวิตเป็นเอกภาพอิสลามตงัÊ ขนึ Ê มาเพืÉอ ทําให้ชีวิตสมบรู ณ์ด้วยเหตนุ ี Ê มสุ ลิมจงึ ไมเ่ ชืÉอการทรมานกาย ไมส่ อนให้มนษุ ย์หนีออกจากโลก วตั ถุ แตอ่ สิ ลามถือวา่ การยกระดบั จิตใจนนัÊ สามารถทําให้สําเร็จได้โดยการอยใู่ นกรอบธรรมของ ชีวติ ทÉียงุ่ ยากสบั สน จดุ มงุ่ หมายอิสลามจงึ อยทู่ ีÉการสร้างดลุ ยภาพแหง่ ชีวิต คือ วตั ถแุ ละจิตใจ โดยการชีทÊ างตรงให้มนษุ ย์ได้ปฏิบตั ติ ามเพืÉอสสู่ นั ตสิ ขุ ทงัÊ ด้านขดั เกลาจิตใจ และการดาํ รงสนั ติ ภาพระหวา่ งเพืÉอนมนษุ ย์ (รศ.ดร. เดือน คาํ ดี. 2541:182) อาหรับสมัยก่อนอสิ ลาม ดนิ แดนอาหรับเป็นทะเลทราย ชาวอาหรับประกอบอาชีพเพาะปลกู และเลียÊ งสตั ว์มี แพะ แกะ อฐู และม้า เป็นต้น มีความแตกแยกเป็นหลายกลมุ่ ขาดความสามคั คี มีหวั หน้า ผ้นู ําสว่ นมากเป็นพอ่ ค้าหรือนกั บวช มีอํานาจควบคมุ ทางการค้าศาสนา มีการแก่งแยง่ อํานาจ และทะเลาะววิ าทฆา่ ฟัน ข่มเหงรังแก โดยเฉพาะสตรีจะถกู ขม่ เหงรังแกมากทÉีสดุ ไมม่ ีศาสนา เป็นแกน่ สาร คนสว่ นใหญ่นบั ถือเทพเจ้าและรูปเคารพตา่ ง ๆ ทÉีเรียกวา่ เจว็ด หมายถึงรูปปันÊ
253 และรูปแกะสลกั ตา่ ง ๆ และประชาชนจะมาร่วมประกอบพธิ ีทีÉเทวสถานศกั ดสÍิ ิทธÍิทีÉมีหินดาํ เป็น ประจําทกุ ปี พฤตกิ รรมของประชาชนสมยั นีมÊ ีลกั ษณะป่ าเถÉือนไร้ศีลธรรมและมนษุ ยธรรม เช่น การ ฆา่ เดก็ หญิงเพราะถือวา่ เป็นภาระและไมม่ ีประโยชน์โดยเห็นเป็นเรืÉองอปั มงคลและจะนําความ ยากจนมาสตู่ น การจบั คนมาบชู ายญั การผิดประเวณีโดยไมเ่ ลือกผวั ใครเมียใคร การดมืÉ สรุ า ของมนึ เมา เลน่ การพนนั เป็นกิจประจํา การทะเลาะววิ าทประหตั ประการกนั เอง สตรีไมม่ ีสทิ ธิ ในมรดก วิหารกาบะห์อนั เป็นปชู นียสถานอนั ศกั ดสÍิ ิทธÍิ กลายมาเป็นทÉีร่วมของบรรดารูปเคารพ ตา่ ง ๆ และกลายเป็นทีÉบวงสรวงบชู ายญั ประการสดุ ท้าย คําสอนของศาสดายคุ ต้น ๆ ได้ ถกู ละเลยทอดทิงÊ ไมส่ นใจ ทัศนะเกÉียวกับพระเจ้าสร้างโลกและการสินÊ สุดของโลกและจักรวาล ตามคมั ภีร์ศาสนาอิสลามกล่าววา่ พระเจ้าสร้างโลกนีเÊสร็จสมบรู ณ์แล้ว จงึ สร้างมนษุ ย์ ขนึ Ê กอ่ นสงÉิ อÉืนเพืÉอให้ปกครองโลก มนษุ ย์คนแรกเป็นชายชÉืออาดมั ภายหลงั ถอดซÉีโครงอาดมั ออกมาสร้างผ้หู ญิงชÉืออีวา ให้เป็นสามีภรรยากนั โปรดให้อยใู่ นสวนสวรรค์ วนั หนงึÉ อีวาถกู ไซตอนลวงให้กินผลไม้ต้องห้ามของพระเจ้าและแบง่ ให้อาดมั กินด้วย พระเจ้าโกรธทงัÊ สองจงึ ไล่ ออกจากสวนสวรรค์ พร้อมสาปให้ได้รับทกุ ข์ทรมานนานาประการ เมÉืออาดมั และอีวาถกู ขบั ไลอ่ อกจากสวนสวรรคแ์ ล้ว ก็พลดั พรากจากกนั ไปคนละทาง อาดมั ไปอยทู่ ีÉภเู ขาในเกาะสิเรนทีป และอิวาไปอยใู่ นประเทศอาหรับใกล้ฝÉังทะเลแดง ครังÊ พลดั พรากจากกนั ครบ 200 ปีแล้ว อลั เลาะห์เห็นสมควรแล้วจงึ บนั ดาลให้กลบั มาพบกนั ทีÉยอดเขา อาระฟัต ซงÉึ อยไู่ มไ่ กลเมืองเมกกะ แล้วสืบเผา่ พนั ธ์ขุ นึ Ê ทวÉั โลก พระเจ้าสร้างโลกและจกั รวาลขนึ Ê มาแล้วให้เป็นไปตามกฎแหง่ การกําหนดสภาวการณ์ และโลกและจกั รวาลจกั ต้องถึงวนั อวสาน ดงั คําของพระเจ้าวา่ เรามิได้สร้างชนัÊ ฟ้าและแผน่ ดนิ และทีÉอยใู่ นระหวา่ งทงัÊ สองคือระบบจกั รวาลทงัÊ หมด เพÉืออÉืนใดเว้นแตเ่ พÉือความจริงและเวลาทÉี ถกู กําหนดได้ ดงั นนัÊ เมืÉอดวงดาวจะถกู ให้หายไปและเมÉือชนัÊ ฟา้ จะถกู ให้แตกออกและเมืÉอภเู ขา จะถกู ให้กระจายเป็นผยุ ผงทกุ ๆ สิÉงบนโลกยอ่ มมีแตกดบั ไป (รศ.ดร. สจุ ติ รา ออ่ นค้อม. 2541:219) หลักธรรมคาํ สอนของศาสนาอิสลาม
254 หลกั คาํ สอนทÉีเป็นสาระสําคญั ในศาสนาอิสลามพจิ ารณาได้จากหลกั การทÉีเป็น โครงสร้างของศาสนามีอยู่ 2 หลกั ดงั นี Ê 1. หลกั ศรัทธา 6 ประการ 2. หลกั ปฏิบตั ิ 5 ประการ เพืÉอให้เหน็ รายละเอียดตา่ ง ๆ จงึ เสนอตอ่ ไปนี Ê หลักศรัทธาหรือความเชÉือในศาสนา คือหลกั คาํ สอนทีÉมสุ ลิมทกุ คนจะต้องเชÉือวา่ เป็นความจริงแท้และต้องยดึ ถืออยา่ งมนÉั คง แม้จะไมส่ ามารถพสิ จู น์ได้ด้วยผสั สะทงัÊ 5 ก็ตาม หลกั ศรัทธามี 6 ประการ คือ 1. ศรัทธาตอ่ พระอลั เลาะห์เจ้าองคเ์ ดยี ว มสุ ลมิ ต้องศรัทธาในพระอลั เลาะห์เจ้าองค์ เดียว และเป็นผ้ทู รงคณุ ลกั ษณะดงั นี Ê คือ ทรงเป็นผ้สู ร้างทกุ สงÉิ ทกุ อยา่ งในเอกภพ ทรงเป็นผ้มู ีอย่ตู ลอดกาล ไมม่ ีจดุ เริÉมต้นและ ไมม่ ีจดุ จบ ทรงดาํ รงอยเู่ อง ไมม่ ีใครสร้างพระองค์ ทรงสรรพเดชสพั พญั sู ทรงความยตุ ธิ รรม ทรงพระเมตตา ทรงเป็นผ้พู ิพากษาในการตดั สินชีวติ มนษุ ย์ในวนั สดุ ท้ายทีÉเรียกวา่ วนั พิพากษา ศรัทธาทีÉแท้จริงนนัÊ หมายถึง การถวายทงัÊ กายและใจให้แกพ่ ระองค์ การปฏิบตั ผิ ดิ ไป จากนี Ê เชน่ การยอมรับนบั ถือพระเจ้าองค์อÉืนด้วย หรือการนบั ถือสงÉิ อÉืนใดเทียบเทา่ พระองคถ์ ือ วา่ เป็นบาปมหนั ตท์ Éีมิอาจยกโทษให้ได้ มสุ ลิมทÉีศรัทาตอ่ อลั เลาะห์อยา่ งแท้จริงจะทําให้เขาละ เว้นจากการทําชวÉั ทําแตค่ วามดี มีพลงั ใจทีÉจะเผชญิ กบั เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะดีหรือร้าย การศรัทธาตอ่ อลั เลาะห์จงึ เป็นหวั ใจของการเป็นมสุ ลิม 2. ศรัทธาในมลาอิกะฮ์ ซงÉึ เป็นบา่ วอลั เลาะห์ประเภทหนงึÉ ทÉีไมอ่ าจมองเหน็ ตวั ตนหรือ ปรากฏรูปร่างทีÉแท้จริงได้ บรรดามลาอิกะฮ์นีมÊ ีมากมาย ปราศจากความผิดพลาด บริสทุ ธิÍจาก ความมวั หมองทงัÊ มวล มีคณุ สมบตั ไิ มก่ ิน ไมน่ อน ไมม่ ีเพศ สามารถจําแรงรูปร่างตา่ ง ๆ ได้ ไมม่ ีพอ่ แมบ่ ตุ รภรรยา ปฏิบตั คิ ณุ ธรรมล้วน ไมล่ ะเมิดฝ่าฝืนบญั ชาของอลั เลาะห์ ไมก่ ิน ดมืÉ ขบั ถ่าย ไมม่ ีกิเลสตณั หา มลาอิกะฮ์มีหน้าทีÉปฏิบตั ติ า่ ง ๆ กนั ทÉีสําคญั คือ ทําหน้าทÉีนําโองการจากอลั เลาะห์ มาสศู่ าสนทตู ของพระองค์ ทําหน้าทีÉประกาศสญั ญาณมหาวิบตั และมหาอบุ ตั ใิ นวนั สินÊ โลก ทํา หน้าทÉีนําลาภปัจจยั ตา่ ง ๆ จากอลั เลาะห์มายงั ปวงสตั ว์โลก ทําหน้าทÉีมรณทตู ปลิดชีพสตั ว์ โลกทงัÊ ปวง คือ ถอดวิญญาณมนษุ ย์ออกจากร่าง ทําหน้าทÉีสมั ภาษณ์ผ้ตู าย ณ หลมุ สสุ าน ทําหน้าทีÉบนั ทึกกรรมดกี รรมชวัÉ ของมวลมนษุ ย์ ทําหน้าทีÉนิรยบาลดแู ลกิจการภายในนรก ทํา หน้าทÉีสคั คบาลดแู ลกิจการภายในสวรรค์
255 3. ศรัทธาตอ่ คมั ภีร์ หมายถึง คมั ภีร์จํานวน 104 เลม่ ทÉีอลั เลาะห์เจ้าได้ประทานแก่ เหลา่ ศาสนทตู ของพระองค์ เพÉือนํามาประกาศเผยแพร่แกป่ วงประชาชาตใิ ห้หนั หา่ งออกจาก ความมืดมนไปสทู่ างอนั สวา่ งไสวและเทÉียงตรง คมั ภีร์สําคญั มี 4 คมั ภีร์ คือ 3.1 คมั ภีร์โตราห์หรือเตารอต (Torah) ประทานแก่นบมี ซู าหรือโมเสส (Moses) เป็น ภาษาเฮบรู 3.2 คมั ภีร์ซะบรู ์ (Zaboor) ประทานแก่นบีดาวดู หรือดาวดิ (David) เป็นภาษาอียิปต์ โบราณ 3.3 คมั ภีร์อินญีล (Injeel or Gospel) ประทานแกน่ บอี ีซาหรือเยซู (Jesus) เป็นภาษา ซีเรียโบราณ 3.4 คมั ภีร์อลั -กรุ อาน (Al-Quran) ประแก่นบโี มฮํามดั (Muhammad) ซงึÉ เป็นภาษา อาหรับ เป็นคมั ภีรฉบบั สดุ ท้ายทีÉสมบรู ณ์ทÉีสดุ และมสุ ลมิ เชÉือวา่ ทา่ นนบีโมฮํามดั เป็นนบีคน สดุ ท้าย คมั ภีร์ตา่ ง ๆ ทงัÊ หมดนีสÊ รุปคําสอนได้เป็น 2 ประการ คอื 1. สอนถงึ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งมนษุ ย์กบั พระเจ้า 2. สอนถงึ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งมนษุ ย์กนั มนษุ ย์ด้วยกนั ตัวอย่างคาํ สอนในคัมภรี ์อัล-กุรอาน บคุ คลเหลา่ นนัÊ ถามสเู จ้าถงึ เรÉืองสรุ าและการพนนั จงกลา่ วเถิด ทงัÊ สองนนัÊ มีบาปหนกั และมีคณุ บ้าง ความวิบตั จิ งมีแกผ่ ้นู นิ ทาและผ้ปู รักปรํา ผ้สู ะสมสมบตั แิ ละนบั มนั เนÉือง ๆ เขาคดิ วา่ สมบตั ขิ องเขาจะทําให้เขาอย◌◌ู ่ไดต้ ลอดไป หาใช่เช่นนันÊ ไม่ เขาจะถูกโยนลงไปในไฟทแÉี ตก เป็นพะเนียง จงรเู้ ถดิ วา่ ชวี ติ ของมนุษยใ์ นโลกนÊี เป็นเพยี งการละเลน่ และบนั เทงิ และความเพรศิ แพรว้ และการลาํ พองระหวา่ งสเู จา้ และการแขง่ ขนั เพมÉิ พนู ทรพั ยส์ มบตั แิ ละลกู ๆ เทา่ นันÊ อุปมาดงั นÊําฝนททÉี ําใหช้ าวไรพ่ อใจในการงอกงามของพชื ของพวกเขาแลว้ มนั ค่อยผนั แปรไป ดงั นนัÊ เขาเหน็ มนั เป็นสเี หลอื งแลว้ กลายเป็นเหยÉี วแหง้ ไป และในโลกหน้าคอื การลงโทษอนั สาหสั สาํ หรบั พวกนกั วตั ถุนิยม และชวี ติ ของโลกนÊีมใิ ช่อÉนื ใดนอกจากปัจจยั แห่งมายา ดงั นนัÊ จงอยา่ ระเรงิ กบั ชวี ติ ทุกชวี ติ ตอ้ งชมิ ความตาย และเราทดลองสเู จา้ ดว้ ยความทุกขแ์ ละความสุข โดยการ ทดลองและยงั เราทสÉี เู จา้ ตอ้ งกลบั มา ในภายหลงั เพÉอื รบั การตอบแทนกรรมดกี รรมชวัÉ
256 จงสนใจในเวลา แทจ้ รงิ มนุษยอ์ ยใู่ นการขาดทุนแน่นอน เวน้ แต่บรรดาผศู้ รทั ธาและ ประกอบความดที งัÊ หลาย และตกั เตอื นกนั และกนั ในสจั ธรรม และตกั เตอื นกนั และกนั ในขนั ติ ธรรม บรรดาผศู้ รทั ธาเอ๋ย แทจ้ รงิ นÊําเมา การพนนั การบชู ายญั และการเสยÉี งตวÊิ เป็น สงÉิ โสมมจากการกระทาํ ของมาร ดงั นนัÊ จงหนั ห่างมนั เสยี เพÉอื สเู จา้ จะไดป้ ระสบความสําเรจ็ 4. ศรัทธาในศาสนทตู มสุ ลิมต้องศรัทธาวา่ อลั เลาะห์ได้คดั เลือกบคุ คลให้เป็นผ้สู Éือสาร นําบทบญั ญตั ขิ องพระองค์มาสงÉั สอนแก่ปวงชนทกุ ยคุ สมยั และมาสินÊ สดุ ทÉีนบีโมฮํามดั บรรดา ศาสนทตู ทีÉปรากฏชÉือในอลั -กรุ อานมี 25 ทา่ น แตท่ ีÉเรียงลําดบั ความสําคญั จากมากไปหาน้อย ได้ 5 ทา่ น ซงึÉ ได้รับสมญาวา่ ผ้มู ีความตงัÊ ใจอนั เด็ดเดีÉยวทÉีสดุ (นบี หมายถงึ มนษุ ย์เพศชาย ทีÉเป็นคนดมี ีคณุ ธรรมและเฉลียวฉลาดดี ได้รับโองการจากพระอลั เลาะห์เจ้าให้ละเว้นความชวÉั ประกอบความดี) มีดงั นี Ê 1. ทา่ นนบโี มฮํามดั 2. ทา่ นนบอี บิ รอฮีม (อบั ราฮมั ) 3. ทา่ นนบมี ซู า (โมเสส) 4. ทา่ นนบีอีซา (พระเยซู) 5. ทา่ นนบนี หู ์ (โนอาห์) มสุ ลิมทกุ คนต้องศรัทธาในบรรดา ศาสนทตู ทงัÊ หมด จะละเว้นทา่ นหนงÉึ ทา่ นใดมไิ ด้และถือวา่ ทกุ คนทÉีกลา่ วมานีเÊป็นมสุ ลิม และ เป็นบา่ วของอลั เลาะห์เหมือน ๆ กนั 5. การศรัทธาตอ่ วนั ปรโลก การศรัทธาตอ่ วนั ปรโลกนีมÊ ีหลกั การอยวู่ า่ ต้องมีวนั หนงึÉ ทีÉ เป็นวนั พจิ ารณาผลกรรมของมนษุ ย์ทงัÊ หมด ทงัÊ นีเÊมืÉอทกุ สิงÉ ทกุ อยา่ งในจกั รวาล ได้พนิ าศแตก ดบั ไปหมดแล้ว จากนนัÊ อลั เลาะห์ได้ให้ทกุ คนฟื นÊ คนื ชีพมาชําระงานทÉีเขาประกอบไว้ในโลกนี Ê ผู้ ประกอบความดีก็จะได้รับตอบสนองด้วยสÉงิ ดี ผ้ปู ระกอบกรรมชวัÉ ก็จะได้รับผลตอบสนอง คือ การลงโทษดงั ข้อความวา่ ผ้ใู ดประกอบกรรมดีแม้แตเ่ พียงน้อยนิด เขาก็จะได้เห็นมนั และผ้ใู ด ประกอบกรรมชวัÉ แม้เพียงน้อยนดิ เขาก็จะได้เห็นมนั เชน่ กนั ดงั นี Ê ในศาสนาอิสลามเชืÉอวา่ ตายแล้วดวงวิญญาณไมด่ บั สญู ยงั คงเร่ร่อนเสวยสขุ ทกุ ข์อยู่ ทีÉบริเวณหลมุ ฝังศพจนกวา่ จะถึงวนั สินÊ โลก เมืÉอรับคําพิพากษาแล้วจะได้เข้าสรู่ ่างใหม่ ดงั นนัÊ จงึ เป็นคติวา่ เมืÉอตายแล้วต้องเอาศพไปฝังเทา่ นนัÊ ห้ามนําไปเผาด้วยไฟ ไมว่ า่ จะตายด้วยเหตุ ผลอะไร ดงั ทÉีทา่ นนบีโมฮํามดั สงÉั ไว้วา่ การลงโทษมนษุ ย์ด้วยไฟเป็นหน้าทีÉของพระเจ้า มนษุ ย์ ลงโทษมนษุ ย์ด้วยการไฟไมไ่ ด้ เพราะว่าการลงโทษด้วยไฟเป็นหน้าทีÉของพระเจ้า ศาสนาอสิ ลาม สอนให้มีความเชืÉอหรือศรัทธาในวนั สินÊ สดุ ของโลก กลา่ วคอื อสิ ลาม ถือวา่ โลกและชีวิตนีเÊป็นผลการสร้างของอลั เลาะห์ และขณะเดยี วกนั โลกก็มีวนั สินÊ สดุ และเกิด ใหมต่ ามพระประสงค์ของพระองค์ ดงั นีใÊ นเรÉืองของการสร้างโลกในซูเราะห์ทีÉ 1 ข้อทÉี 37 แหง่ คมั ภีร์กลา่ วไว้ว่า พระอลั เลาะห์เจ้า ทรงสร้างสวรรคแ์ ละพืนÊ ธรณีและสรรพสÉิงตา่ ง ๆ อนั มีอยู่
257 ระหวา่ งสวรรค์กบั พืนÊ ธรณีตลอดเวลา 6 วนั ใน ซเู ราะห์ทีÉ 41 ข้อ 8 กลา่ ววา่ พระองค์ทรง เป็นจอมแหง่ โลก พระองค์เป็นผ้สู ร้างภเู ขาไว้บนพืนÊ แผน่ ดนิ ซงึÉ มีหอสงู อยขู่ ้างบน (ภเู ขานนัÊ ) ฯลฯ และพระองค์ทรงสร้างสวรรค์ ซงÉึ (ในขณะนนัÊ ) ไมม่ ีสงิÉ ใดนอกจากควนั เป็นกลมุ่ ๆ อยู่ ฯลฯ และสวรรคท์ Éีพระองค์ทรงสร้างขนึ Ê มาถึง 7 ชนัÊ ทรงสร้างภายใน 2 วนั ในสวรรค์ทกุ ชนัÊ ทรงสร้างให้เป็นสถานทีÉอนั ควรแกค่ วามเป็นสวรรค์ มีฝงู เทวดาเป็นผ้อู ภิบาล มีแสงสวา่ งสอ่ งไป ทวัÉ สว่ นการสร้างมนษุ ย์นนัÊ ในซูเราะห์ทีÉ 16 ข้อทีÉ 2 กลา่ วว่า พระอลั เลาะห์ เป็นผ้สู ร้าง สวรรค์ สร้างแผน่ ดนิ และทรงมอบสจั ภาวะของพระองค์ไว้ในสวรรค์และแผน่ ดนิ นนัÊ พระองคจ์ งึ ทรงเป็นใหญ่ยงÉิ กวา่ เทพเทวาทงัÊ หลายเหลา่ อÉืนแล้วทรงสร้างมนษุ ย์จากก้อนโลหิต (อนั ผสมตาม สว่ น) ฯลฯ ทรงสร้างสตั ว์มาให้ (เป็นพาหนะและอาหาร) แกม่ นษุ ย์ เรÉืองการสินÊ โลกนนัÊ มนษุ ย์ไมส่ ามารถจะรู้ได้วา่ เป็นเวลาใด แม้แตเ่ ทพกาเบรียลก็ไมร่ ู้ ได้ เพราะเป็นกิจการของพระเจ้า พระองคเ์ ทา่ นนัÊ ทรงรู้ได้ แตม่ นษุ ย์จะสามารถเข้าใจได้ก็โดย การทรงแสดงนมิ ิตตา่ ง ๆ ทงัÊ นมิ ิตอยา่ งเบาและนิมิตอยา่ งแรง นิมติ อยา่ งเบา คือ 1. มนษุ ย์ทงัÊ หลายหมดความเชÉือถือในศาสนาอิสลาม 2. คนเลวได้รับตาํ แหนง่ และมีเกียรติยศ 3. หญิงคนใช้กลายเป็นแมน่ ายสาว ผ้ชู ายกลวั ผ้หู ญิง 4. เกิดความไมส่ งบจลาจล 5. (อาหรับ) ทําสงครามกบั กรีกหรือโรมนั 6. มณฑลอีรักและซีเรียปฏิเสธ ไมย่ อมเสียภาษี สว่ นนมิ ติ อยา่ งแรง คือ 1. ดวงอาทิตย์ขนึ Ê ทางทิศตะวนั ตก 2. สตั ว์ร้ายตวั มหมึ าตวั หนงÉึ สงู 50 ฟตุ ผดุ ขนึ Ê จากธรณีเหนือเมืองเมกกะหรือทีÉภเู ขา ซาฟา (Safa) สตั ว์ร้ายตวั นีมÊ ีหวั เป็นววั มีตาเป็นหมตู อน มีหเู ป็นหชู ้าง มีเขาเป็นกวาง มีคอ เป็นนกกระสา อกเป็นสิงห์โต มีหลงั เป็นแมว มีหางเหมือนแพะ มีเขาเหมือนอฐู และมีเสียง เหมือนลา สตั ว์ร้ายตวั นีมÊ ีไม้เท้าของโมเสสและมีตราของโซโรมอนตดิ ตวั มาด้วย เทÉียวรังควาน ไปตามทีÉตา่ ง ๆ ไมม่ ีใครสามารถปราบลงได้ สตั ว์ตวั นีเÊกลียดคนทÉีนบั ถือศาสนาอÉืน 3. มีคนนอกศาสนา (กาฟี ร) มีนยั น์ตาเดียวทีÉหน้าผากมากเกิด คนอปั ลกั ษณ์ผ้นู ีจÊ ะ ปรากฏตวั แถวมลฑลอิรักและซีเรีย จะมีสาวกตดิ ตามมาด้วย 70 คน ตะเวนไปตามทีÉตา่ ง ๆ แตไ่ ปถงึ เมกกะและมะดนิ ะฮ์ ในทÉีสดุ ถกู พระเยซูประหาร
258 4. พระเยซูอบุ ตั ิขนึ Ê มาใหม่ ทางทิศตะวนั ออกของกรุงดามสั กสั มาเป็นผ้นู บั ถือศาสนา อิสลาม มีลกู มีเมีย ได้ฆา่ มนษุ ย์อปั ลกั ษณ์นนัÊ แล้วดบั ขนั ธ์เมÉืออายุ 40 ปี และพระศพฝังไว้ทÉี เมืองมะดนิ ะฮ์ 5. ทําสงครามกบั ยวิ พวกมฮู ํามดั ฆา่ ยิวตายเป็นเบอื 6. ยกั ษ์ใหญ่ 2 ตน เกิดขึนÊ ในโลก มนั ผา่ นไปทางทะเลสาบไทบเี รียส (กาลลิ ี) ดมÉื นําÊ ในทะเลสาบจนหมดทะเลและเดนิ ผา่ นเข้าไปกรุงเยลซู าเล็ม ในทÉีสดุ ก็ถกู พระเจ้าฆา่ ตายไป ฯลฯ ในเวลาจะสินÊ โลกนนัÊ เทพอิสราฟิล (Israfil) จะออกมาเป่าแตรหรือสงั ข์เป็นสญั ญาณ 2 ครังÊ ครังÊ แรกสิงÉ มีชีวิตทงัÊ หลายพากนั ล้มตายไปหมดสินÊ เหลืออยแู่ ตผ่ ้มู ีหน้าทีÉเกÉียวข้องกบั เทวดาเหล่านนัÊ ตอนนนัÊ ปถพีสนÉั สะเทือนเลÉือนลนÉั บรรดาปอ้ มคหู อรบทงัÊ หลายพงั ราบลงเสมอ พืนÊ ดนิ สถานทีÉทกุ แหง่ พงั ทลายลง เบือÊ งบนในห้วงสวรรคฟ์ ้ามืดมนอนธการ ดวงอาทติ ย์ ดวง จนั ทร์ ดวงดาว ถึงกาลวิปริต หล่นจมลงสทู่ ะเล นําÊ ในทะเลนนัÊ เลา่ ก็เดือดพลา่ นลกู เป็นไฟ มนษุ ย์ทงัÊ หลายตอนจะสินÊ สญู พนั ธ์ุ ครันÊ ได้ยินเสียงแตรก็จะพากนั ตระหนกตกใจกลวั ไมเ่ ป็นสมฤดี พอ่ ทงัÊ แม่ พÉีทงัÊ น้อง ผวั ทงัÊ เมีย ยายทงัÊ หลาน นายทงัÊ บา่ ว ศษิ ย์ทงัÊ อาจารย์สบั สนอลหมา่ น พวกมฤคสตั ว์ป่าทงัÊ หลายก็กลบั กลายนิสยั ดรุ ้าย เข้ามาเป็นสตั ว์เชืÉองปนอยกู่ บั สตั ว์บ้าน แตแ่ ล้วก็ต้องพากนั ล้มตายลงหมด เพราะมิคสญั ญีนนัÊ เมÉือโลกหยดุ ถลม่ แล้ว พระเจ้าบญั ชาให้ฝนตกลงมาอยา่ งหนกั อีก ตลอด 40 วนั นําÊ ไหลนองไปทวัÉ ทกุ หนทกุ แหง่ ด้วยความชมุ่ ชÉืนอนั เกิดจากนําÊ นีเÊองเป็นเหตใุ ห้พืชและร่างของชีวิต ทงัÊ หลาย กลบั งอกงามมีชีวิตขนึ Ê อีกครังÊ หนงÉึ ในการสร้างโลกขนึ Ê มาใหมน่ นัÊ พระคมั ภีร์กลา่ วไว้วา่ โดยพระบญั ชาของพระเจ้า เทพ อิสราฟิล เป่าแตรสญั ญาณอีกครังÊ หนงึÉ คนและสตั ว์ทงัÊ หลายจงึ จะกลบั ฟื นÊ คนื ชีพขนึ Ê มาใหมอ่ ีก ตามจํานวนเทา่ ทÉีพระเจ้าสร้างไว้ บรรดาวญิ ญาณทงัÊ หลายทÉีออกจากร่างไปแล้วและวนเวียนเร่ ร่อนอยใู่ นทÉีใด ๆ ก็จะค้นหาร่างเก่าของตน ผืนดินจะแยกแยะออกร่างกระดกู (ทีÉยงั ไมผ่ )ุ ขนึ Ê มาเข้าเป็นร่างเดมิ ธาตทุ งัÊ 4 คมุ กนั เข้า อะไรตายอย่อู ยา่ งไรก็จะเป็นรูปอยา่ งนนัÊ ทกุ ประการ แม้แตเ่ ส้นผมเคยมีมากÉีเส้นก็มีอยา่ งนนัÊ คนและสตั ว์นนัÊ เมÉือได้ร่างเดมิ แล้วก็จะถกู ต้อนไปรวม กนั อยใู่ นทงุ่ กว้างแหง่ หนงÉึ เพÉือรอการพพิ ากษาตอ่ ไป เมÉือได้รับการพิพากษาตดั สินบญุ และ บาปไปตามความยตุ ธิ รรมแล้ว มนษุ ย์จะถกู สง่ ข้ามสะพานไปนรกหรือสวรรค์ ถ้าไปนรกก็ไป ทางร้อน ถ้าไปทางสวรรค์ก็ไปทางเย็น มีความสขุ สบาย
259 6. ศรัทธาตอ่ กฎกําหนดสภาวการณ์ เป็นกฎทีÉควบคมุ เอกภาพหรือธรรมชาตทิ งัÊ หมด ทงัÊ นีเÊพราะเมÉือพระเจ้าได้สร้างสิงÉ ตา่ ง ๆ ขนึ Ê แล้วทรงสร้างกฎทีÉจะควบคมุ การทํางานของสงÉิ เหลา่ นนัÊ ให้ดาํ เนนิ ไปอยา่ งเป็นระเบียบจนกวา่ พระองคจ์ ะทรงเปลีÉยนแปลงให้เป็นอยา่ งอืÉน มสุ ลมิ ต้องศรัทธาในความเป็นจริงของกฎกําหนดสภาวการณ์ทีÉพระเจ้าทรงกําหนดไว้ แกโ่ ลกและสรรรพสงÉิ ทงัÊ ปวง กฎดงั กลา่ วแบง่ ออกได้เป็น 2 ลกั ษณะ คือ 6.1 กฎทีÉตายตวั หรือกฎธรรมชาติ คือ สภาวะทีÉไมอ่ ยใู่ นวสิ ยั ของมนษุ ย์ทÉีจะเลือกได้ เชน่ การถือกําหนดชาตพิ นั ธ์ุ การโคจรของดวงดาว การแปรแรวนของลมฟา้ อากาศ 6.2 กฎทÉีไมต่ ายตวั คือ สภาวะทÉีอยใู่ นวิสยั ของมนษุ ย์ทีÉจะเลือกได้ คือ เมÉือพระเจ้าชี Ê ทางดที างชวัÉ แกม่ นษุ ย์แล้ว บางคนอาจเชืÉอฟัง บางคนอาจฝ่าฝืน แตท่ กุ คนจะต้องรับผลสนอง ตามทÉีตนประพฤตปิ ฏิบตั นิ นัÊ ๆ อยา่ งจริงจงั ตามเกณฑ์ทีÉพระองค์ทรงกําหนดไว้ เชน่ ทรงใช้ ให้มนษุ ย์บริจาคทานแตบ่ างคนไมย่ อมบริจาค หรือห้ามมิให้นนิ ทาใสร่ ้าย ดา่ วา่ กลา่ วกนั แต่ คนสว่ นมากไมเ่ ชืÉอฟัง เป็นต้น (รศ. ดนยั ไชยโยธา. 2539:201-205) หลักปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจาํ วัน 5 ประการ (ศจ. เสฐียร พนั ธรังษี. 2524:425-431) คือ 1. การปฏิญาณตน หวั ใจของการเป็นมสุ ลมิ ก็คือ การกลา่ วคําปฏิญาณวา่ ไมม่ ี พระเจ้าอÉืนใดนอกจากอลั เลาะห์ และโมฮํามดั เป็นศาสนทตู ของพระองค์ ทงัÊ เป็นการสญั ญา โดยปริยายวา่ จะปฏิบตั ติ ามคําสอนของอลั เลาะห์และศาสนทตู ของพระองค์ด้วย 2. การทาํ ละหมาด คอื การทํานมสั การตอ่ พระเจ้าวนั ละ 5 ครังÊ คอื เวลายÉํารุ่ง เวลากลางวนั เวลาเย็น เวลาพลบคํÉา และเวลากลางคืน 3. การถือศีลอด เป็นหลกั มลู ฐานของอสิ ลามข้อหนึÉงทีÉมสุ ลมิ ทกุ คนต้องปฏิบตั ิ มี กําหนดขนึ Ê มาในทกุ ๆ ปี ๆ ละ 1 เดอื น คือ ทําในเดือนรอมฎอน อนั เป็นเดือนทีÉ 6 แหง่ ปี อสิ ลาม นบั แบบจนั ทรคติ การถือศลี อดคือการงดเว้นจากการบริโภคและอืÉน ๆ ตามทÉีกําหนดไว้แนน่ อน มี หลกั เกณฑ์ในการปฏิบตั ิ คือ 1. เป็นมสุ ลมิ 2. มีอายบุ รรลศุ าสนภาวะ (ประมาณ 15 ปี) 3. มีสตสิ มั ปชญั ญะ 4. มีพลงั ความสามารถทีÉจะถือปฏิบตั ไิ ด้ กิจการกรรมทÉีกระทําในพิธีศีลอด มีดงั นี Ê
260 1. ตงัÊ จิตปรารถนา (นียะฮ์) ไว้แตก่ ลางคืนวา่ ตนจะถือศีลอด 2. งดเว้นการกิน ดÉมื และอืÉน ๆ ตามข้อกําหนด 4. การบริจาคทรัพย์เป็ นทาน (ชะก็าต) เป็นหลกั มลู ฐานของอิสลามข้อหนงึÉ ใน 5 ข้อ ผ้มู ีฐานะพงึ กระทําได้ โดยเฉพาะทานในเกณฑ์บงั คบั ไว้ คือ บญั ญตั สิ ําหรับผ้มู ีฐานะดี โดยต้องเป็นสว่ นแหง่ ทรัพย์สินอนั ตนมีอยใู่ ห้แก่ผ้พู งึ ได้รับ 7 จําพวก อนั ได้แก่ 1. ผ้ยู ากไร้ (ฟะกีร) 2. ผ้ขู ดั สน (มีสกีน) 3. เจ้าการชะกาต อนั หมายถงึ บคุ คลทีÉเกÉียวข้อง อาทิเชน่ ผู้ เก็บ ผ้รู วบรวม ผ้แู จกจา่ ย และผ้ทู ําบนั ทกึ เรÉืองของชะกาต 4. มสุ ลิมโดยสมคั ร 5. ผ้มู ีหนีสÊ นิ เพÉือกิจอนั ชอบด้วยศาสนา 6. การรณรงคเ์ พืÉอศาสนาอิสลาม 7. ผ้เู ดนิ ทางทÉีขาดทนุ ทรัพย์ 5. การประกอบพธิ ีฮัจญ์ คอื การเดนิ ทางไปกระทําพิธีตามศาสนบญั ญตั ิ ณ นคร เมกกะ ประเทศซาอดุ ิอาระเบีย ไปพบพÉีน้องร่วมศาสนาทีÉมาจากสว่ นตา่ ง ๆ ของโลก ไปอยู่ ร่วมกนั มีการกระทําเหมือน ๆ กนั ในสถานทีÉเดียวกนั โดยมีจดุ มงุ่ หมายสพู่ ระผ้เู ป็นเจ้าองค์ เดยี วกนั แม้จะแตกตา่ งกนั ในด้านภาษา วฒั นธรรม เชือÊ ชาติ ฐานะ ประเพณี แตเ่ ขาก็มิได้ แตกตา่ งกนั ในฐานะเป็นบา่ วของอลั เลาะห์ และเป็นพีÉน้องรวมศาสนา นอกจากจะเป็นคนทีÉ ปฏิบตั ิตามพระบญั ญตั แิ ล้ว ยงั มีจดุ มงุ่ หมาย ดงั นี Ê 1. เพÉือให้มีการแลกเปลีÉยนผลประโยชน์และแลกเปลีÉยนความคดิ ซงึÉ กนั และกนั 2. เพÉือแสดงให้เหน็ ถงึ เอกภาพและความเทา่ เทียมกนั ของมนษุ ย์ทีÉมาจากสว่ นตา่ ง ๆ ของโลก 3. เพÉือแสดงให้เหน็ วา่ แม้จะมีฐานนั ดรของสงั คมตา่ งกนั แตเ่ มÉือมาอยตู่ อ่ หน้าพธิ ีกรรม ของพระเจ้าแล้ว ทกุ คนมีฐานะเทา่ เทียมกนั จะนํามาซงึÉ ความเข้าใจกนั ได้ง่าย คุณสมบัตขิ องผู้ทÉีจะไปประกอบพธิ ีฮัจญ์ 1. เป็นมสุ ลิม 2. บรรลนุ ติ ภิ าวะ 3. มีสตสิ มั ปชญั ญะดี 4. มีความสามารถ คือ มีสขุ ภาพดี ไมม่ ีโรคร้าย มีทรัพย์พอทงัÊ ไปและกลบั และให้ ครอบครัวมีใช้จา่ ยโดยไมเ่ ดอื ดร้อน มีพาหนะไปกลบั พร้อมทงัÊ เส้นทางต้องปลอดภยั และต้อง ไมม่ ีหนีสÊ นิ ข้อห้ามสาํ หรับมุสลมิ ในศาสนาอิสลามมีข้อห้ามทÉีให้ศาสนิกต้องละเว้น ดงั นี Ê -ห้ามตงัÊ ภาคี (ซิริก) ตอ่ องค์อลั เลาะห์เจ้าด้วย ทางกาย วาจา และทางใจ
261 -ห้ามกราบบคุ คลทกุ คนไมว่ า่ จะเป็นบดิ ามารดา เจ้านาย หรือหคนอืÉน ๆ กราบ ได้เฉพาะอลั เลาะห์องคเ์ ดียวเทา่ นนัÊ -ห้ามทํานายหรือให้คนทํานายโชคชะตาและเรÉืองไสยศาสตร์ทงัÊ หมด -ห้ามทําบญุ สะเดาะเคราะห์ตอ่ อายุ เป็นต้น -ห้ามเคารพรูปเคารพ เชน่ รูปถ่าย รูปปันÊ อนสุ าวรีย์ เหรียญ เครืÉองรางของขลงั เป็นต้น -ห้ามทําเสนห่ ์ ลงคาถาอาคม ทงัÊ ในฐานะผ้ทู ําเองและผ้รู ับทําจากผ้อู ืÉน -ห้ามกราบไหว้ธรรมชาติ เช่น ภเู ขา ต้นไม้ ดวงดาว ดวงเดือน ดวงตะวนั เทวดา นางไม้ พระภมู เิ จ้าทีÉ เป็นต้น -ห้ามใช้เหตผุ ลหรืออารมณ์เหนือศรัทธา -ห้ามเป็นและห้ามเทีÉยวโสเภณี -ห้ามขายบริการและดÉืมสรุ าเมรัยทกุ ชนิด -ห้ามบริโภคอาหารต้องห้าม เชน่ สตั ว์ทีÉตายเองทกุ ชนิด สตั ว์ทÉีเชือดโดยมไิ ด้เปลง่ พระนามอลั เลาะห์ สตั ว์บชู ายญั และเลือดสตั ว์ทกุ ชนดิ -ห้ามรับประทานเนือÊ สตั ว์เหลา่ นี Ê คือ สกุ ร สตั ว์เลือÊ ยคลาน สตั ว์ทÉีมีเขียÊ วเลบ็ -ห้ามเรียกหรือเก็บดอกเบียÊ -ห้ามการเสÉียงโชคหรือการพนนั ทกุ อยา่ ง -ห้ามอาชีพไมส่ จุ ริตทกุ ชนิดไมว่ า่ จะในตําแหนง่ ใด เชน่ ในโรงเหล้า ร้านสรุ า สถานเริงรมย์ บริการอาบอบนวด บาร์ ไนต์คลบั เป็นต้น -ห้ามใสผ่ มของผ้อู ืÉน -ห้ามคมุ กําเนดิ -ห้ามทําแท้ง -ห้ามฆา่ ตวั เองและผ้อู ืÉน นอกทางของอลั เลาะห์ -ห้ามเปิดเผยสว่ นนา่ ละลายในทีÉสาธารณะ -ห้ามแตง่ กายผดิ เพศ ผ้ชู ายห้ามใช้ผ้าใหม ใช้ทองเป็นเครÉืองประดบั ผ้หู ญิงใช้เสือÊ ผ้า ไมบ่ าง และต้องปกคลมุ ให้มิดชิด -เมืÉอสสุ ลมิ ตายแล้วห้ามนําไปผา่ ห้ามนําไปเผา หรือไปร่วมพิธีเผาศพ -ห้ามพดู ปด นอกทางของอลั เลาะห์ -ห้ามตฉิ ินนินทาว่ากลา่ วผ้อู ืÉนให้เสียหาย
262 -ห้ามขาดความสมั พนั ธ์กบั ญาตพิ Éีน้อง ฯลฯ (ผศ. ธีรยทุ ธ สนุ ทรา. 2539:122-127) จุดมุ่งหมายสูงสุด นบีโมฮํามดั เป็นศาสดาองค์สดุ ท้ายของศาสนาอิสลาม ซงึÉ พระเจ้าคอื องค์อลั เลาะห์ได้ ประทานคําสอนโดยผา่ นศาสดาองค์นี Ê คาํ สอนทงัÊ หมดปรากกอยใู่ นคมั ภีร์อลั -กรุ อาน คําสอน ของศาสนาอสิ ลามมงุ่ การปฏิบตั เิ พÉือเข้าส่อู งค์พระอลั เลาะห์อีกเชน่ กนั อิสลามจงึ มีความหมาย วา่ การได้เข้าไปสสู่ นั ตโิ ดยยอมนอบน้อมตนตามพระประสงค์ของพระผ้เู ป็นเจ้าองค์เดยี วแหง่ สากลจกั รวาล คมั ภีร์อลั กรุ อาน บรรยายคณุ ลกั ษณะขององคพ์ ระอลั เลาะห์ไว้เป็นอเนกประการ ซงึÉ แสดงให้เหน็ วา่ เป็นพลงั อํานาจสงู สดุ ในจกั รวาล สรรพสิงÉ อยภู่ ายใต้โองการของพระองค์ ดงั ข้อความทีÉกลา่ ววา่ อลั เลาะห์พระผ้ทู รงรอบรู้ ไมม่ ีสิÉงใดในโลกหรือในชนัÊ ฟา้ ทงัÊ หลายจกั ซอ่ น เร้นจากพระองค์ และวา่ พวกเราหาทีÉหลบซอ่ นจากผ้คู นได้ แตพ่ วกเขาหาทÉีหลบซอ่ นจากอลั เลาะห์ไมไ่ ด้ และพระองค์ทรงอยกู่ บั พวกเรา และอีกตอนหนงÉึ วา่ อลั เลาะห์พระผ้อู ภิบาลแหง่ สากลโลก (รศ.ดร. เดอื น คําดี. 2541:193) คัมภรี ์ศาสนา ศาสนาอิสลามมีคมั ภีร์เรียกว่า อลั -กรุ อาน เชÉือวา่ มีความศกั ดสÍิ ิทธÍิมาก เพราะเป็น วจนะอนั ศกั ดสÍิ ทิ ธÍิทีÉอลั เลาะห์มอบให้มนษุ ย์ผา่ นทางนบีโมฮมั มดั คําวา่ กรุ อาน แปล วา่ การ อา่ น ซงึÉ มาจากคําแรกทÉีปรากฏในบทแรกวา่ จงอา่ นด้วยพระนามของพระผ้อู ภิบาลของเจ้า.. คมั ภีร์อลั -กรุ อานนีเÊชÉือว่าเป็นคําสอนสดุ ท้ายทีÉอลั เลาะห์ประทานมาเป็นระยะนบั ตงัÊ แต่ คมั ภีร์เตาร็อตหรือโตราห์ ซึÉงได้ให้แกน่ บมี ซู า (โมเสส) คมั ภีร์ซาบรู ์ได้ให้แกน่ บดี าวิด (David) คมั ภีร์อินญีลให้แกน่ บอี ีซา (เยซู) และคมั ภีร์อลั -กรุ อานให้แก่นบีโมฮํามดั การประทานคมั ภีร์ ให้นีกÊ ระทําโดยผา่ นวิวรณ์ในลกั ษณะการเข้าฝัน การได้ยนิ เสียง การเหน็ ภายในขณะตกอยใู่ น ภวงั ค์ หรือบอกให้ฟังเป็นถ้อยคาํ ภาษาทÉีใช้ในคมั ภีร์เป็นภาษาอาหรับและเป็นภาษาเดียวเทา่ นนัÊ ทีÉชาวมสุ ลมิ เชืÉอได้ว่า พระเจ้าได้ประทานมาโดยเฉพาะ สว่ นภาษาอÉืน ๆ เป็นเพียงการแปลความหมายมาจากคมั ภีร์ อลั -กรุ อาน และคมั ภีร์เลม่ นีมÊ ีทงัÊ หมด 114 บทหรือซูเราะห์ บททีÉอลั เลาะห์ประทานให้ทีÉนคร เมกกะเป็นเวลา 13 ปีนนัÊ มี 93 บท และทีÉนครมะดีนะฮ์อีก 10 ปีมี 21 บท แบง่ เป็นวรรค หรือโองการ (อายะห์) มีประมาณ 6666 อายะห์
263 สาระสําคญั ในคมั ภีร์อลั -กรุ อานมีทงัÊ ศาสนา ปรัชญา ประวตั ศิ าสตร์ สขุ ศกึ ษา รัฐ ศาสตร์ นิติศาสตร์ ศกึ ษาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ คมั ภีร์อลั -กรุ อานจงึ เป็นแนวทางในการ ดํารงชีวิต เมÉือมีความขดั แย้งเกิดขนึ Ê ในทางศาสนาอิสลามจะใช้คมั ภีร์อลั -กรุ อานเป็นแนวทาง ในการตดั สนิ ปัญหา ความลกึ ซงึ Ê ในภาษามีมากจนปัจจบุ นั นียÊ งั ไมม่ ีปราชญ์คนใดเขียนได้ดเี ทา่ และในคมั ภีร์ก็ไมม่ ีตอนใดทีÉขดั แย้งกนั เลย ทงัÊ ทีÉนบีโมฮมั มดั ไมม่ ีความสามารถทงัÊ ในการอ่าน และการเขียนหนงั สือ (สชุ ีพ ปญุ ญานภุ าพ. 2540:105) พธิ ีกรรมทางศาสนาอิสลาม อิสลามเป็นศาสนาทÉีมีพิธีกรรมตามประเพณีวฒั นธรรมสมั พนั ธ์กบั คําสอนศาสนาซงึÉ ถกู กําหนดรูปแบบไว้แล้ว ตงัÊ แตส่ มยั นบีโมฮํามดั มสุ ลมิ ทกุ คนไมว่ า่ จะอยสู่ ว่ นใดของโลก มีหน้าทÉี ต้องปฏิบตั ิตามไมส่ ามารถเปลÉียนแปลงหรือข้ออ้างเหตผุ ลใด ๆ ได้เลย แตเ่ หตผุ ลสําคญั ทÉีสดุ คือ การดาํ เนินชีวิตของพวกเขานนัÊ ขนึ Ê อยกู่ บั แนวทางทÉีอลั เลาะห์ได้ประทานมาแล้ว หากผ้ใู ด ปฏิบตั สิ วนทางหรือขดั แย้งกบั คําสอนย่อมได้รับโทษในวนั พิพากษาโลก พธิ ีกรรมตามประเพณี วฒั นธรรมของศาสนาอสิ ลามได้กําหนดเป็นธรรมนญู แห่งชีวิตตงัÊ แตเ่ กิดจนตายไว้ มีดงั ตอ่ ไปนี Ê 1. พิธีอะกีเกาะห์ แปลวา่ การตดั หมายถึง การทําพธิ ีตดั ผมหรือโกนผมแก่เดก็ ทÉีเกิด มาใหม่ และตงัÊ ชÉือให้เดก็ นนัÊ ถ้าบดิ ามารดามีฐานะดีจะต้องเชือดสตั ว์เป็นพลีเพืÉอขอบคณุ ตอ่ อลั เลาะห์ทÉีประทานทารกมาให้ เมÉือเชือดสตั ว์ทําอะกีเกาะห์แล้วจงึ จะทําพิธีตดั หรือโกนผมเดก็ ได้เลย 2. พธิ ีการเข้าสหุ นตั หมายถงึ การขลบิ หนงั ห้มุ ปลายอวยั วะเพศชายทีÉชายมสุ ลิมทกุ คนต้องเข้าสหุ นตั เชน่ กนั จงึ จะถือวา่ เป็นมสุ ลมิ ทีÉสมบรู ณ์ เพราะแม้แตศ่ าสดาโมฮํามดั ยงั ปฏิบตั ิ และได้สงÉั ให้มสุ ลิมทกุ คนปฏิบตั ิ การทําสหุ นตั นีมÊ ีผลดีเพราะสามารถรักษาความสะอาดได้ง่าย จงึ เป็นการปอ้ งกนั โรคทีÉจะเกิดจากฝ่นุ ทะเลทราย 3.พิธีการแตง่ กาย สตรีมสุ ลิมต้องแตง่ ตวั มิดชิดไมเ่ ปิดเผยสÉงิ สงวนในทÉีสาธารณะ ดงั นนัÊ จงึ ต้องมีผ้าคลมุ ศรี ษะและใสเ่ สือÊ ผ้าปิดมิดชิดเปิดได้เฉพาะหน้าและฝ่ามือเท◌่านันÊ สาํ หรบั ชายตอ้ งไมแ่ ต่งกายดว้ ยผา้ ไหม ยกเวน้ ผทู้ เÉี ป็นโรคคนั และแพผ้ า้ ททÉี ําจากวสั ดอุ Éนื ๆ และไม่ ประดบั ดว้ ยทองคาํ แต่สวมหมวกหรอื โพกผา้ และไวห้ นวดเคราทดÉี แู ลอยา่ งเรยี บรอ้ ย 4. พธิ กี ารรบั ประทานอาหาร มสุ ลมิ ทกุ คนตอ้ งรบั ประทานอาหารทดÉี มี ปี ระโยชน์ ไม่ ดืÉมของมกึ เมา ไมเ่ สพยาเสพตดิ ไมร่ ับประทานอยา่ งสรุ ุ่ยสรุ ่าย แตม่ ีความพอประมาณในการ บริโภคอาหาร สําหรับสตั ว์ทÉีใช้เป็อาหารนนัÊ ทกุ คนต้องปฏิบตั ติ ามบทบญั ญตั ิ คอื ทกุ คนห้าม
264 แตะต้องสตั ว์ต้องห้าม ได้แก่ ซากสตั ว์ เลือดเนือÊ หมู สตั ว์ทÉีใช้เซน่ ไหว้บชู าสิÉงอืÉนนอกเหนือจาก อลั เลาะห์ สตั ว์ทีÉตาย สตั ว์ทÉีตายเพราะถกู รัดคอหรือถกู ตหี รือตกลงมาจากทีÉส◌งู หรอื ถกู สตั ว์ อÉนื ชนตายหรอื ถูกสตั วอ์ Éนื ตะครบุ กนิ มสุ ลมิ กนิ เนÊือสตั วไ์ ดเ้ ฉพาะสตั วท์ เÉี ชอื ดเองและตอ้ ง กลา่ วนามอลั เลาะหใ์ นขณะทาํ การเชอื ด 5. พธิ กี ารเชอื ดกุรบนัÉ คอื การเชอื ดสตั วเ์ ป็นพลเี พอÉื แจกจ่ายแก่ผูย้ ากไรแ้ ละมติ ร สหาย เพอÉื นํามาฉลองในวนั อดี ลิ อฎั ฮาหรอื วดั อดี ใหญ่ โดยเชอื ดในตอนสายหลงั จากเสรจ็ การละหมาด เพÉอื แสดงความภกั ดตี ่ออลั เลาะห์ สตั วท์ ใÉี หท้ าํ กุรบนัÉ ไดแ้ ก่อฐู มอี ายุ 5 ปีขนÊึ ไป ววั ควายมอี ายุ 2 ปีขนÊึ ไป แพะอายุ 2 ปีขนÊึ ไป แกะอายุ 1 ปี และบรรดาสตั วท์ ทÉี าํ กุ รบนัÉ ดที สÉี ุด คอื อูฐ รองมาคอื ววั แกะ แพะ ตามลาํ ดบั 6. พธิ ีการอาบนําÊ ละหมาด กอ่ นการทําละหมาดทกุ คนต้องชําระล้างร่างกายให้สะอาด ด้วยนําÊ ทÉีสะอาดบริสทุ ธÍิ ในกรณีทÉีไมม่ ีนําÊ ใช้ อนญุ าตให้ใช้ฝ่นุ ดนิ แทน เรียกวา่ การตะยมั มมุ คอื ใช้ฝ่ ามือทงัÊ สองแตะลงบนพืนÊ ดนิ แล้วเป่าฝ่นุ ทีÉฝ่ ามือทงัÊ สอง จากนนัÊ ใช้ฝ่ามือลบู ใบหน้าและ มอื ทงัÊ สองขา้ ง ก่อนชาํ ระลา้ งตอ้ งกล่าววา่ บิสมิลลาฮฮิรเราะหมานิรเราะหฮีม จากนนัÊ จงึ ลา้ งมอื ขวาและมอื ซา้ ยพรอ้ มกนั 3 ครงัÊ แลว้ ใชม้ อื ขวาวกั นÊําบว้ นปากลา้ งภายในจมกู อกี 3 ครงัÊ ลา้ งทวัÉ ใบหน้า 3 ครงัÊ ลา้ งมอื ขวาจนถงึ ขอ้ ศอก 3 ครงัÊ และลา้ งมอื ซา้ ยทํา เชน่ เดยี วกบั มอื ขวาอกี 3 ครงัÊ จากนนัÊ ใชม้ อื ทงัÊ สองแตะนÊําแลว้ ลบู ศรี ษะจากหน้าผากขนÊึ ไป แลว้ เชด็ ใบหทู งัÊ สองขา้ ง ใชน้ ÊิวชเÊี ชด็ ซอกหดู า้ นใน แลว้ นÊิวหวั แมม่ อื เชด็ ซอกหดู า้ นนอก ทาํ 1 ครงัÊ เมอÉื ทาํ ส่วนบนแลว้ ต่อมาทาํ ส่วนลา่ ง คอื ลา้ งเทา้ ขวา 3 ครงัÊ โดยใชม้ อื ถูตาม ซอกนÊิวแลว้ ตามดว้ ยเทา้ ซา้ ยขา้ งละ 3 ครงัÊ เมอÉื อาบนÊําละหมาดแลว้ จะตอ้ งกลา่ วคาํ วงิ วอน วา่ อชั ฮะดอุ นั ลาอิลาฮะอินลลั ลอฮุ วะดะหฮลู าชาลีกะละฮ วะอชั ฮะดอุ นั นะมฮุ าํ มะดนั อบั ดฮุ วู ะรซูลฮุ มคี วามหมายว่า ฉนั ขอปฏญิ าณว่า ไมม่ พี ระเจา้ องคใ์ ดนอกจาก พระองคอ์ ลั เลาะหอ์ งคเ์ ดยี วซงÉึ ไม่มภี าครี ว่ มสํารบั พระองค์ และแน่แทโ้ มฮาํ มดั เป็นศาสนทตู จากพระองค์ 7. พิธีการทําละหมาด เป็นศาสนกิจทÉีมสุ ลิมทกุ คนต้องกระทําทกุ วนั และกระทําด้วย ความถกู ต้อง มีทงัÊ ปฏิบตั เิ ฉพาะตน ซงึÉ ต้องกระทําวนั ละ 5 เวลาในแตล่ ะวนั และการละหมาด แบบรวมหรือละหมาดวนั ศกุ ร์ ทÉีบงั คบั เฉพาะชายมสุ ลิมต้องไปรวมกนั ทีÉมสั ญิด โดยมีอหิ มา่ ม เป็นผ้นู ําละหมาด จากนนัÊ จะมีการกลา่ วอบรมหรือคฏุ บะฮของอหิ มา่ มด้วย 8. พิธีถือศลี อด เป็นวฒั นธรรมและเป็นศาสนกิจทÉีมสุ ลิมทกุ คนต้องปฏิบตั เิ ป็นเวลา 1 เดอื น ในรอบ 1 ปี อนั เป็นการฝึกความอดทนอดกลนัÊ ทางากาย วาจา ใจ และเป็นการสมั ผสั กบั ความทกุ ข์ทีÉทําให้ตนเองได้มีโอกาสเข้าใจในความรู้สกึ ของผ้อู ืÉน การถือศีลอดนีกÊ ระทําใน
265 เดอื นรอมฎอน ทกุ คนต้องเว้นอาหารเครืÉองดมÉื รวมไปถึงการร่วมสงั วาส นบั ตงัÊ แตพ่ ระอาทิตย์ อาทิตย์ขนึ Ê จนถึงพระอาทิตย์ตก 9. พิธีฮจั ญ์ เป็นพธิ ีหนงึÉ ทีÉแสดงความเป็นเอกภาพของประชาชนมสุ ลิมทีÉมาร่วมชมุ นมุ กนั ณ หินกาบะห์ ประเทศซาอดุ อิ าระเบีย กระทําในชว่ งต้นเดือนทีÉ 12 ของศกั ราชอิสลาม โดยกําหนดให้กระทําปีละครังÊ ตงัÊ แตเ่ ดือน 10 10. พธิ ีศพ เมืÉอมสุ ลมิ สินÊ ชีพ ญาตพิ Éีน้องต้องรีบทําความสะอาดผ้ตู ายด้วยการอาบนําÊ แล้วรีดอจุ จาระรวมทงัÊ สิงÉ สกปรกอÉืน ๆ ออกให้หมด โดยหลงั อาบนําÊ แล้วให้ใช้นําÊ ใบพทุ ธราด แล้วจงึ อาบนําÊ พมิ เสนหรือการะบนู เป็นครังÊ สดุ ท้าย ผ้อู าบนําÊ ให้ผ้ตู ายควรเป็นเพศเดียวกนั ด้วย และผ้อู าบนําÊ ต้องไปอาบนําÊ สหุ นตั หลงั จากอาบนําÊ ให้ผ้ตู ายแล้ว สงÉิ ใดทีÉเป็นตาํ หนิหรือสÉงิ ไมด่ ี งามของผ้ตู าย ผ้อู าบนําÊ ห้ามนําไปบอกเลา่ แก่ผ้ใู ดทงัÊ สินÊ จากนนัÊ เป็นการหม่ ศพด้วยผ้าฝา้ ยสี ขาวทÉีฟอกสะอาด 3 ผืน ถ้าผ้ตู ายตายในสงครามให้ฝังศพในสภาพนนัÊ ได้โดยไมต่ ้องเปลีÉยน เสือÊ ผ้า อาบนําÊ และละหมาด ถ้าตายปกตจิ ะมีการละหมาดให้ผ้ตู าย เป็นละหมาดญะนาซะฮ ซงึÉ เป็นละหมาดขอพรให้ผ้ตู าย ไมม่ ีการก้มและกราบ ผ้ทู ําละหมาดให้ต้องเป็นคนใกล้ชิดผ้ตู าย มากทÉีสดุ และคนทําละหมาดนีเÊรียก อิหมา่ ม เวลาทําละหมาด จดุ ยืนของผ้ทู ําหน้าทีÉอิหมา่ ม นนัÊ ตา่ งกนั ถ้าตายเป็นชาย ผ้ทู ําหน้าทีÉอิหมา่ มจะยืนตรงศรี ษะผ้ตู าย ผ◌◌ู ้ตายเป็นหญงิ อหิ มา่ มจะยนื บรเิ วณตอนกลางลาํ ตวั ของผตู้ าย สถานทฝÉี ังศพอยบู่ รเิ วณมสั ญดิ ถา้ ผตู้ ายใน ทใÉี ดใหฝ้ ังในทนÉี ันÊ โดยไมต่ อ้ งเสยี ค่าใชจ้ า่ ยใด ๆ (ผศ. วนดิ า ขําเขียว. 2541:373-378) นิกายศาสนาอิสลาม นิกายในศาสนาอสิ ลามเกิดจากความคิดเห็นของสาวกเกÉียวกบั การตีความหมาย และ ปฏิบตั ศิ าสนกิจตามความเชÉือของหมชู่ นไมต่ รงกนั จงึ แตกเป็นนกิ ายตา่ ง ๆ ดงั นี Ê 1. นกิ ายซนุ นี (Sunni) ยดึ ถืออลั -กรุ อาน และจริยวฒั นธรรมของศาสดานบีโมฮํามดั เป็นหลกั และนยิ มสวมหมวกสีขาวเป็นสญั ลกั ษณ์ เรียกผ้ปู กครองระดบั สงู วา่ คอลีฟะห์ ตรง ภาษาไทยวา่ กาหลิบ มีผ้นู บั ถือถึง 85 % ทวัÉ โลก 2. นิกายชีอะห์ (Shiah) มีความเชืÉอมนัÉ ในเอกภาพของพระเจ้าในศาสนาทงัÊ หลาย และในอีหมา่ ม ซงÉึ สืบเนÉืองจากศาสดาเหล่านนัÊ โดยกลา่ วคําปฏิญาณเพÉมิ ข้อความวา่ อาลี เป็นมติ รของพระเจ้า เป็นนิกายนบั ถือวงศ์ของอาลี บตุ รเขยของมะหะมดั ประณามผ้ตู งัÊ ตวั เป็น กาหลิบอืÉน เชน่ อาบบู ากร์ โอมาร์และอสุ มานวา่ เป็นผ้แู ยง่ อํานาจอาลีทายาททีÉแท้จริงและถือ วา่ เมÉืออาลีสินÊ ชีวิตแล้วเชือÊ สายของอาลีควรได้รับแตง่ ตงัÊ เป็นผ้สู ืบทอด นิกายนีเÊรียกผ้สู ืบทอด
266 จากมะหะมดั วา่ อิหมา่ ม และถือวา่ อิหมา่ มเป็นผ้หู มดมลทินจากบาป เป็นสืÉอกลางการตดิ ตอ่ ระหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์ เป็นผ้แู ปลถ้อยคําของพระเจ้าทÉีปรากฏในคมั ภีร์อลั -กรุ อาน เรียกวา่ อยาตลุ เลาะห์ 3. นิกายซูฟี (Sufi) เป็นนิกายทีÉเริÉมขนึ Ê ในเปอร์เซีย ปฏิเสธความหรูหราฟ่ มุ เฟื อยเน้น ความศรัทธาตอ่ พระเจ้า ควรจะเป็นผ้เู คร่งครัดไมใ่ ยดตี อ่ ทรัพย์สมบตั แิ ละตอ่ โลก ควรบําเพ็ญ ตบะและพรตอยา่ งสงบ 4. นิกายวาฮาบี (Wahabi) ถือวา่ คมั ภีร์อลั กรุ อานเป็นใหญ่และสําคญั ทีÉสดุ ไมเ่ ชืÉอว่า มีผ้อู ยรู่ ะหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์และประณามการขอพร ณ สสุ านของนบีโมฮํามดั เพราะถือ วา่ การกระทําเชน่ นนัÊ เทา่ กบั หนั กลบั มานบั ถือรูปเคารพ เป็นการผิดบทบญั ญตั ใิ นคมั ภีร์อลั -กุ รอาน นอกจากนียÊ งั ห้ามแตง่ กายด้วยแพร่ไหมและสิÉงฟ่ มุ เฟื อย ปฏิเสธมสั ยิดทีÉสร้างหอคอย โดยอ้างวา่ ไมม่ ีในคมั ภีร์ 5. นกิ ายอสิ มาอีลียะห์ (Ismailiya) เดมิ นิกายนีมÊ ีทศั นะเชน่ เดยี วกบั นกิ าย ซีอะห์ทกุ อยา่ ง แตต่ อ่ มาได้ขดั แย้งกนั เรÉืองอหิ มา่ ม นบั ตงัÊ แตอ่ ิหม่ามคนทÉี 6 คือนิกายนีนÊ บั ถืออสิ มาอีล เป็นอหิ มา่ มสืบตอ่ มา ปฏิเสธมซู าเป็นผ้นู ํา และประกาศวา่ อหิ มา่ มหรือผ้นู ํานนัÊ ไมจ่ ําเป็นต้อง เปิดเผยตวั ให้ใครทราบก็ได้ โดยจะอย่อู ยา่ งลกึ ลบั ก็ได้ ไมต่ ้องรับผิดชอบใด ๆ ทงัÊ สินÊ ศาสนิก ไมม่ ีสิทธิทีÉจะวจิ ารณ์หรือตาํ หนกิ ารกระทําของผ้นู ํา แม้คนทวัÉ ไปจะมองวา่ ผิด ผ้นู ํายอ่ มทําถกู เสมอ และนิกายนีไÊ มย่ อมรับผ้เู ป็นคอลีฟะฮ์ตอ่ จากศาสดาโมฮํามดั เพราะถือวา่ เป็นผ้ลู ะเมดิ ศาสนา แยง่ ตําแหนง่ ของทา่ นอาลี ซงÉึ ถือว่าเป็นผ้นู ําคนแรกตอ่ จากท่านศาสดาโมฮํามดั 6. นกิ ายคอวาริจ (Khawarij) เกิดขนึ Ê สมยั ทÉีข้าหลวงแหง่ ซีเรียทีÉอยทู่ ีÉเมืองดามสั กสั คดั ค้าน ไมย่ อมรับฐานะของอาลีบตุ รเขยโมฮํามดั เป็นกาหลบิ และได้แยกตวั ออกไปเป็นอสิ ระ ทําสงครามกบั อาลี จนอาลีเป็นฝ่ายปราชยั ถกู ลอบสงั หารถงึ แก่ความตายไป ฮาซนั บตุ รอาลี ต้องยอมออ่ นน้อม ผ้นู ําฝ่ายตอ่ ต้านได้เป็นกาหลิบ แล้วย้ายราชธานีจากนครเมดนิ าไปอยทู่ ีÉ เมืองดามสั กสั อีก 20 ปีตอ่ มาทายาทของกาหลบิ ผ้นู ี Ê ชÉือยาซิดก็กําจดั ฮเู ซนบตุ รชายคนเล็ก ของอาลีเสีย นิกายนีถÊ ือว่า ผ้นู ําโลกมสุ ลิมต้องมาจากการเลือกตงัÊ พวกตนเทา่ นนัÊ ถือมสุ ลมิ ทีÉ แท้ นอกนนัÊ ไมใ่ ช่ ทารกทีÉเกิดมาจากบดิ ามารดามสุ ลมิ จะเป็นมสุ ลิมไมไ่ ด้ จนกวา่ จะโตพอทÉีจะ รับหลกั ศาสนาอิสลามด้วยตนเองได้โดยตรง การปฏิบตั ิตนเป็นปฏิปักษ์ตอ่ พระเจ้าเป็นบาป อยา่ งหนกั และถือวา่ คนมสุ ลิมทÉีเลวร้ายไมใ่ ชม่ สุ ลิม (ศจ. เสฐียร พนั ธรังษี. 2524:434-448) สัญลักษณ์
267 ศาสนาอิสลามเคารพเฉพาะพระอลั เลาะห์องคเ์ ดียวเทา่ นนัÊ นอกนนัÊ ไมม่ ีเคารพ ใด ๆ ศาสนาอิสลามจงึ ไมม่ ีสญั ลกั ษณ์ใด ๆ ให้ศาสนิกเคารพบชู า แตท่ ีÉเห็นรูปพระจนั ทร์ครÉึงเสียÊ ว และมีดาวอยขู่ ้างบน พบอยทู่ วัÉ ไปตามสเุ หร่าในประเทศมสุ ลิมนนัÊ ไมใ่ ชส่ ญั ลกั ษณ์ทางศาสนา แตเ่ ป็นเครืÉองหมายของอาณาจกั รอ๊อดโตมานเตอร์ก ซÉึงเป็นอาณาจกั รเคยยิงÉ ใหญ่รุ่งเรืองมาก ในอดีต มีอํานาจครอบงํายโุ รปตะวนั ออก และตะวนั ออกกลางทงัÊ หมด ตงัÊ แตศ่ ตวรรษทีÉ 15 เป็นต้นมาจนถงึ ศตวรรษทÉี 20 บรรดาประเทศมสุ ลมิ ทÉีเคยอยใู่ นอํานาจของอาณาจกั รอ๊อดโต มานเตอร์ก จงึ ยดึ ถือเครืÉองหมายนนัÊ เป็นสญั ลกั ษณ์ของตน ในฐานะเป็นชาวมสุ ลมิ เหมือนกนั สืบมา แตถ่ ือวา่ เป็นสญั ลกั ษณ์ของศาสนาอิสลามได้โดยอนโุ ลม (รศ.ดร. เดอื น คาํ ด.ี 2541:195) ศาสนาบาไฮ (Bahaism) ชีวประวัตศิ าสดา ศาสนาบาไฮ มีพระบาฮาอลุ ลาห์เป็นองค์ศาสดา ทา่ นเกิดเมÉือวนั ทÉี 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2360 ณ กรุงเตหร่าน ประเทศอิหร่าน เดมิ ชืÉอวา่ มีร์ซา ฮเู ซนอาลี บดิ าชÉือ มีณ์ซา อบั บอสหรือบซู ุก ศาสนาบาไฮเกิดขนึ Ê เมÉือ พ.ศ. 2406 โดยคดิ ขนึ Ê ตามปีทÉีพระบาฮาอลุ ลาห์ ประกาศรับรองตวั เองเป็นศาสดาพยากรณ์ตามทีÉพระบ๊อบได้ทํานายเอาไว้นนัÊ ศาสนาบาไฮได้ วิวฒั นาการมาจากศาสนาบาบี (Babism) ทีÉพระบ๊อบเป็นผ้กู ่อตงัÊ เมืÉอ พ.ศ. 2387 พระบ๊อบเกิดเมืÉอวนั ทีÉ 20 ตลุ าคม พ.ศ. 2362 ณ เมืองชีราส ประเทศอิหร่าน เดิม ชืÉอวา่ ซียิด อาลี โมฮมั มดั ตอ่ มาเมืÉออายุ 25 ปี ทา่ นอ้างตวั วา่ เป็นศาสดาพยากรณ์ทÉีพระ เจ้าสง่ มาเพÉือประกาศให้ชาวโลกทราบถึงการมาของพระศาสดาผ้ยู งิÉ ใหญ่ และทา่ นได้เปลีÉยน นามเสียใหมใ่ ห้สอดคล้องกบั การประกาศศาสนาของทา่ นวา่ บ๊อบ-อดุ -ดนิ แปลวา่ ประตแู หง่ ความเชÉือ และเมÉือวนั ทÉี 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2387 พระบ๊อบได้ประกาศทÉีเมืองชีราสวา่ รุ่ง อรุณวนั ใหมเ่ ริÉมต้นแล้ว ยคุ แหง่ พระศาสดาผ้ยู Éิงใหญ่ซงÉึ เคยทํานายกนั ไว้วา่ จะเกิดมาชว่ ยโลก สถาปนายดุ แหง่ สนั ตภิ าพ และภราดรภาพขนึ Ê ใกล้เข้ามาถึงแล้ว เรืÉองการทํานายวา่ จะมีพระ ศาสดามาอบุ ตั เิ พÉือชว่ ยโลกนนัÊ ได้เกิดขนึ Ê จากผ้ทู ีÉอ้างตนเป็นศาสดาพยากรณ์มาหลายคนแล้ว การทํานายดงั กลา่ วคงจะมาจากอทิ ธิพลความเชÉือทีÉวา่ ก่อนพระเยซถู กู จบั ตรึงไม้กางเขน ทา่ น ได้บอกแกส่ าวกว่า ถ้าพวกทา่ นรักเราก็จงปฏิบตั ติ ามบญั ญตั ขิ องพระเจ้าแล้วเราจะสวดมนต์ อ้อนวอนพระบิดา แล้วพระบดิ จะทรงนําผ้ชู ว่ ยอÉืนมาให้ทา่ น เขาจะอยกู่ บั พวกท่านตลอดไป
268 และยงั ได้กลา่ วอีกวา่ เรายงั มีอีกหลายอยา่ งทีÉจะบอกทา่ น แตพ่ วกทา่ นคงยงั ไมพ่ ร้อมทÉีจะฟัง สจั ธรรมกําลงั ปรากฏ เขาจะนําพวกทา่ นไปสคู่ วามจริงทงัÊ ปวง ตอ่ มาพระบ๊อบได้ประกาศใช้คมั ภีร์ใหมเ่ ผยแผศ่ าสนาแทนคมั ภีร์อลั กรุ อาน ผลคือพระ บ๊อบถกู จบั ประหารชีวติ ในข้อหากบถตอ่ ศาสนาอสิ ลาม วนั ทÉี 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2393 ศพ ได้ฝังไว้บนภเู ขาดาร์เมล เมืองไฮฟา ประเทศอสิ ราเอล เมÉือพระบ๊อบสินÊ ชีวิตแล้ว พระบาฮา อลุ ลาห์ได้รับชว่ งดําเนนิ การสืบสานเผยแผ่ศาสนาของพระบ๊อบตอ่ ไป ศาสนาบาไฮเกิดขนึ Ê ใน ยคุ ทีÉศาสนิกชนศาสนาอิสลาม คริสต์ และโซโรอสั เตอร์ได้เป็นปฏิปักษ์ตอ่ ส่กู นั ขนึ Ê อยา่ งรุนแรง โดยเฉพาะชาวคริสต์และชาวโซโรอสั เตอร์จะเป็นฝ่ายถกู ทําร้ายเป็นสว่ นใหญ่ เพราะผ้ปู กครอง บ้านเมืองเป็นมสุ ลิม พระบ๊อบและพระบาฮาอลุ ลาห์ทนเห็นสภาพเลวร้ายนนัÊ ไมไ่ ด้ จงึ คดิ หา มาตรการประนีประนอมให้ศาสนิกชนทงัÊ 2 ศาสนาได้หนั มาสามคั คีปรองดองกนั โดยสอนวา่ มนษุ ยชาตเิ ป็นพÉีน้องกนั เกิดมาจากพระเจ้าองคเ์ ดียวกนั จงึ ควรชว่ ยเหลือกนั ไมใ่ ชม่ าทําร้าย เบยี ดเบียนกนั พระบาฮาอลุ ลาห์กลา่ ววา่ ขอให้ประชาชาตทิ งัÊ ปวงในโลกจงร่วมปรองดองกนั ด้วยมิตรภาพและความชÉืนชม ปวงชนจงสามคั คีกบั คนทกุ ศาสนาด้วยมิตรภาพและความยินดี ตอ่ มา อบั ดลุ บาฮาศาสดาองค์ทีÉ 2 กลา่ ววา่ บาไฮ หมายถึงผ้ทู ีÉมีความรักโลก รักเพÉืองมนษุ ย์ แล้วพยายามรับใช้เพÉือนมนษุ ย์ ปฏิบตั ภิ ารกิจเพÉือสากล สนั ตสิ ขุ และภราดรภาพ พระบาฮาอลุ ลาห์เผยแผศ่ าสนาจงึ ถกู กลา่ ววา่ เป็นขบถตอ่ ศาสนาอิสลาม ถกู คมุ ขงั ใน เรือนจํา กรุงแบกแดด ประเทศอิรัก และถกู เนรเทศให้ไปจองจําตอ่ ในกรุงคอนสแตนตโิ นเปิล ประเทศตรุ กี และถกู เนรเทศตอ่ ไปยงั เมืองอคั คา ประเทศปาเลสไตน์อีก ครันÊ พ้นจากถกู คมุ ขงั พ.ศ. 2417 ทา่ นได้เผยแผยศาสนาอยา่ งจริงจงั แมไ่ มค่ อ่ ยได้ผลนกั และถึงแกอ่ สญั กรรมอายุ 75 ปี ก่อนสินÊ ชีพได้แตง่ ตงัÊ พระอบั ดลุ บาฮาบตุ รคนโตรับตําแหนง่ สืบตอ่ มา พระอบั ดลุ บาฮา เป็นบตุ รคนโตของพระบาฮาอลุ ลาห์ เกิดวนั ทÉี 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2387 เดมิ ชÉือวา่ อบั บาส เอฟเฟนดี ทา่ นได้เผยแผศ่ าสนาเจริญก้าวหน้ามาก พ.ศ. 2454- 2455 ได้เดนิ ทางไปเผยแผศ่ าสนายงั ยโุ รปและอเมริกา และถึงแก่อสญั กรรมอายุ 77 ปี ก่อน สินÊ ชีวติ ได้แตง่ ตงัÊ โชกิ เอฟเฟนดรี ับตําแหนง่ แทน เมÉือโชกิ เอฟเฟนดสี ินÊ ชีวิตแล้ว ไมไ่ ด้แตง่ ตงัÊ ใครรับตาํ แหนง่ แทน จงึ ถือวา่ ระบบสืบตําแหนง่ แทนได้สินÊ สดุ ลง การเผยแผ่ศาสนาได้จดั ตงัÊ ธรรมสภายตุ ธิ รรมสากลขนึ Ê เป็นสภาสงู สดุ มีกรรมการ 6 คน ซงÉึ ได้เลือกตงัÊ มาจากกรรมการ ธรรมสภาแหง่ ชาตทิ วัÉ โลก ธรรมสภาแหง่ ชาตทิ วÉั โลกมีกรรมการ 9 คน ทีÉได้รับเลือกตงัÊ มาจาก กรรมการธรรมสภาบาไฮสว่ นท้องถÉิน สว่ นกรรมการธรรมสภาบาไฮสว่ นท้องถิÉนก็เลือกมาจาก สมาชิกในท้องถÉินนนัÊ เอง (รศ. ฟื นÊ ดอกบวั . 2539:241-244)
269 หลักธรรมคาํ สอน ผศ. วนดิ า ขําเขียว (2541:397-400) กลา่ ววา่ ศาสนาบาไฮมีหลกั คําสอนเบือÊ งต้นทÉี สําคญั อยู่ 3 ประการ คอื 1. ความเป็ นอันหนÉึงอันเดียวกันของพระเจ้า ศาสนาบาไฮถือวา่ มีพระเจ้าองค์ เดียวเทา่ นนัÊ ไมผ่ กู ขาดอยใู่ นศาสนาใด แม้วา่ มนษุ ย์จะมเรียกพระองค์ด้วยพระนามทÉีแตกตา่ ง กนั ไปก็ตาม ศาสนาบาไฮเชืÉอมนÉั ในพระเจ้ามากและให้ความสําคญั ตอ่ พระเจ้าอยา่ งทีÉสดุ ดงั ทÉี พระบาฮาอลุ ลาห์ได้กล่าววา่ จดุ ประสงคส์ ําคญั ของบาไฮคือ การมีพระเจ้าเป็นเพÉือนทÉีใกล้ชดิ และสนทิ ทÉีสดุ บาไฮศาสนิกชนจะต้องรักพระเจ้าอยา่ งสดุ จติ สดุ ใจ ชีวิตของผ้ทู Éีมีความรักใน พระเจ้า จะเตม็ เปีÉยมไปด้วยความสขุ ทีÉวา่ รักพระเจ้า หมายถงึ ให้รักทกุ สิÉงและทกุ คน เพราะ ทกุ อย่างเป็นของพระเจ้า ชาวบาไฮจะต้องรักทกุ คนด้วยจิตบริสทุ ธÍิ จะไมเ่ กลียดชงั ใคร ไมด่ ถู กู ใคร เพราะเขาได้เห็นพระเจ้าบนใบหน้าของทกุ คน ความรักของพระเจ้ามีอยใู่ นทÉีทวÉั ไป ไม่ จํากดั ชาติ ชนัÊ วรรณะ ผวิ พรรณ 2. ความเป็ นอันหนÉึงอันเดียวกันของศาสนาทังÊ ปวง ศาสนาบาไฮสอนวา่ ศาสนา ทกุ ศาสนามาจากแหลง่ เดียวกนั คือ มาจากพระเจ้าองคเ์ ดยี วกนั เพียงแตพ่ ระองค์ประทาน คาํ สงÉั สอนมายงั มนษุ ย์ โดยผา่ นทางพระศาสดาของแตล่ ะยคุ พระศาสดาเป็นตวั แทนพระเจ้า เป็นสืÉอกลางระหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์ เป็นผ้นู ําความจริงจากพระเจ้ามาสมู่ นษุ ย์ พระศาสดา ทีÉผา่ นมาแล้วก็มีพระอบั ราฮมั พระโมเสส พระกฤษณะ พระโซโรอสั เตอร์ พระพทุ ธเจ้า พระ เยซู พระโมฮํามดั พระบ๊อบ และพระบาฮาอลุ ลาห์เป็นศาสดาองคส์ ดุ ท้ายในโลกยคุ นี Ê และ หลงั จากศาสนาบาไฮมีอายกุ าลผา่ นไปแล้ว 1,000 ปี จะมีพระศาสดาองค์ใหมม่ าอบุ ตั อิ ีก ดงั นนัÊ ศาสดาแตล่ ะองค์จงึ ไมป่ ฏิเสธคาํ สอนของศาสดาองค์ก่อน ๆ อีกทงัÊ ได้สอนเพÉมิ เตมิ อีก ด้วย 3. ความเป็ นอันหนÉึงอันเดยี วของมนุษยชาติ คนในโลกถงึ แม้จะมีหลายเชือÊ ชาติ แผกผวิ พรรณ ก็เป็นเพียงเรÉืองทÉีแตกตา่ งกนั สนภายนอกเทา่ นนัÊ แตเ่ นือÊ หาสาระหรือความเป็น มนษุ ย์นนัÊ เหมือนกนั เพราะทกุ คนมาจากแหลง่ เดียวกนั คอื พระเจ้า ดงั ทÉีพระบาฮาอลุ ลาห์ กลา่ ววา่ เจ้าทงัÊ หลายคือผลไม้ทีÉผลอิ อกจากต้นเดียวกนั เป็นใบไม้บนกÉิงเดียวกนั และยงั สอน ตอ่ ไปวา่ ทกุ ชาตเิ ป็นอนั หนÉงึ อนั เดียวกนั ทกุ คนเป็นพÉีน้องกนั ความผกู พนั ด้วยความรักและ ความสามคั คีระหวา่ ทกุ คนควรจะได้ปฏิบตั กิ นั อยา่ งจริงจงั ความแตกตา่ งระหวา่ งศาสนาควร
270 จบสินÊ ความแตกตา่ งระหว่างเชือÊ ชาติควรหมดไป และการไมป่ รองดองกนั ควรยตุ ิ เพราะทกุ คนเป็นญาตแิ ละคราอบครัวเดยี วกนั และมีหลกั คําสอนความเป็นอนั เดียวกนั ของมนษุ ย์ ดงั นี Ê สอนให้มีความเมตตากรุณา บาไฮถือวา่ ทกุ คนมาจากพระเจ้าองคเ์ ดยี วกนั จงึ ควร ชว่ ยเหลือกนั ให้อภยั กนั ไมเ่ บยี ดเบยี นกนั ดงั ทีÉพระบาฮาอลุ ลาห์กลา่ ววา่ “มนษุ ยชาตติ ้อง บําเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ คนทีÉไมท่ ําประโยชน์ให้แก่ผ้อู ืÉน ก็เหมือนต้นไม้ทÉีไร้ผลสมควรทีÉจะ ถกู เผาทิงÊ ” “จงระวงั อยา่ ทําให้ผ้อู Éืนน้อยใจ อยา่ ทําความเจ็บใจให้แกผ่ ้ใู ด อยา่ กระทําสงิÉ ใดทÉี เป็นการขาดความเมตตากรุณาตอ่ ใคร อยา่ งทําให้ผ้อู Éืนท้อใจ ถ้าผ้ใู ดทําให้ผ้อู Éืนต้องโศกเศร้า หรือท้อใจ เขาควรจะซอ่ นตวั เองอยเู่ สียใต้ดนิ จะดีกวา่ อยใู่ นโลกกบั เพÉือนมนษุ ย์” สอนให้มีความรักต่อมนุษยชาติ พระบาฮาอลุ ลาห์กล่าววา่ บคุ คลผ้รู ักเพืÉอนมนษุ ย์ ยงิÉ กวา่ ตวั เอง ยอ่ มได้รับพรจากสวรรค์ บคุ คลเชน่ นนัÊ แหละ คอื ศาสนกิ ชนของเรา ขณะพระ อบั ดลุ บาฮากลา่ ววา่ เราจะต้องเป็นวญิ ญาณดวงเดียวในร่างหลายร่าง เพราะวา่ เรายÉิงรักผ้อู ืÉน มากเทา่ ไร ก็ยงÉิ เข้าไปใกล้พระผ้เู ป็นเจ้ามากขนึ Ê เทา่ นนัÊ สอนถงึ ความเสมอภาคของชาย-หญิง พระอบั ดลุ บาฮากลา่ ววา่ มนษุ ย์ชาย-หญิง เปรียบเหมือนนก 2 ปีก ปีกข้างหนงึÉ คือผ้ชู าย อีกข้างหนงÉึ คอื ผ้หู ญิง นกจงึ จะบนิ ขึนÊ ได้ หาก ขาดปีกใดปีกหนงÉึ ก็ไมอ่ าจบินไปไหนได้ พระเจ้าได้สร้างสÉงิ ทงัÊ หลายในโลกให้มาคกู่ นั สร้างคน สตั ว์ และต้นไม้ให้มีเพศอยู่ 2 เพศ แตล่ ะเพศยอ่ มเสมอภาคกนั ผ้ทู ีÉมีความคดิ บริสทุ ธÍิ ผ้ทู ี ได้รับการศกึ ษาดี ผ้รู อบรู้ในวทิ ยาการชนัÊ สงู ผ้มู ีความประพฤตดิ ี ผ้มู ีนําÊ ใจงาม มีเมตตาปรานี ตอ่ สรรพสตั ว์ ยอ่ มเป็นผ้ทู ีÉสมควรได้รับความนบั ถือ และได้รับสิทธิเสมอกนั ทงัÊ เพศชาย-หญิง สอนว่าการทาํ งานเป็ นการบูชาพระเจ้า บาไฮสอนให้ทกุ คนทํางาน และถือวา่ การ ขอทานเป็นความผิดและเป็นบาปจงึ ถกู ห้าม การประกอบอาชีพทีÉซืÉอสตั ย์ทกุ ชนิด ถือวา่ เป็น การบชู าพระเจ้า ด้วยเหตนุ ีชÊ าวนาผ้กู ําลงั ไถนา ช่างไม้กําลงั ทําประตหู น้าตา่ ง ชา่ งตดั เสือÊ กําลงั เยบ็ ผ้า เป็นต้น ชÉือวา่ พวกเข้ากําลงั บชู าพระเจ้าอยทู่ งัÊ นนัÊ จุดมุ่งหมายสูงสุด ศาสนาบาไฮสอนวา่ ศาสนาบาไฮเป็นศาสนาทีÉแท้จริงของมนษุ ยชาติ มีเพียงศาสนา เดยี ว เป็นศาสนาสากล ส่วนศาสนาอืÉน ๆ ล้วนแตม่ าจากศาสนาบาไฮทงัÊ สินÊ เลย คือ ศาสนา บาไฮเชืÉอวา่ ศาสนาตา่ ง ๆ มาจากพระเจ้าองค์เดยี วกนั แตค่ นอาจเรียกพระองค์ด้วยพระนาม ตา่ ง ๆ กนั สว่ นศาสดาของศาสนาตา่ ง ๆ คือตวั แทนของพระองคท์ ีÉทรงสง่ ลงมา เพÉือเปิดเผย สจั ธรรมของพระองค์แกม่ นษุ ยชาติ สว่ นทÉีต้องมีศาสดามากมายในยคุ สมยั ตา่ ง ๆ ก็เพราะสจั
271 ธรรมมีมาก หากพระเจ้าจะทรงให้ใครมาเปิดเผยความจริงทงัÊ หมดทีเดียว ก็เกินวสิ ยั ทÉีมนษุ ย์จะ รับได้จงึ ต้องให้วธิ ีแบบคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป ดงั นนัÊ พระเจ้าจงึ สง่ ศาสดามาตามยคุ สมยั ตา่ ง ๆ เพืÉอ นําสจั ธรรมทÉีเหมาะสมกบั ยคุ สมยั นนัÊ มาให้มนษุ ย์ปฏิบตั กิ นั ดจุ เดียวกบั การเจริญเตบิ โตของคน เป็นวยั ตา่ ง ๆ จากเดก็ ทารก เดก็ หนมุ่ สาว กลางคน และแกเ่ ฒา่ ซงึÉ แตล่ ะวยั ก็มีวฒุ ภิ าวะ แตกตา่ งกนั เพราะฉะนนัÊ จงึ ต้องมีครูมาสอนตามสถานศกึ ษาในระดบั ตา่ ง ๆ โรงเรียนอนบุ าล ประถม มธั ยม วิทยาลยั และมหาวทิ ยาลยั ก็ฉนั นนัÊ ดงั นนัÊ ศาสดาแตล่ ะองค์อาจมีคําสอน แตกตา่ งกนั บ้าง มีวธิ ีสอนแตกตา่ งบ้าง และเรียกศาสนาแตกตา่ งกนั ก็เพÉือให้เหมาะสมกบั ยคุ สมยั นนัÊ เทา่ นนัÊ ด้วยเหตนุ ีศÊ าสดาแตล่ ะองคจ์ งึ ไมป่ ฏิเสธคําสอนของศาสดาองคก์ ่อน ๆ อีกทงัÊ ได้เพÉมิ เตมิ คําสอนใหม่ ๆ เข้าไปอีกด้วย ศาสนาบาไฮเชืÉอวา่ ทกุ คนเป็นพีÉน้องกนั เพราะมา จากพระเจ้าองคเ์ ดยี วกนั เพราะฉะนนัÊ แตล่ ะคนจงึ มีศกั ดศิÍ รีเท่ากนั หมดและก็ด้วยความเชÉือดงั แสดงมา จงึ ไมค่ วรมีปัญหาทะเลาะววิ าทกนั ในเรืÉองพระเจ้า ศาสนาและชาตชิ นัÊ วรรณะ เพราะ ท◌ุ กอยา่ งมาจากแหลง่ เดียวกนั พระบาฮาอลุ ลาห์กลา่ ววา่ ศาสนาทÉีแท้จริงทงัÊ หลายมาจาก พระเจ้าองค์เดียวกนั ทงัÊ นนัÊ พระองคต์ รัสสจั ธรรมผา่ นศาสดาในยคุ ตา่ ง ๆ สจั ธรรมได้ วิวฒั นาการตอ่ เนืÉองกนั และเป็นอมตธรรม ศาสนาบาไฮเชืÉอว่า เมÉือคนตายแล้ว วญิ ญาณหาได้ตายตามร่างกายไป วญิ ญาณ เป็นอมตะและจะรอคําพิพากษาในสินÊ โลก จากนนัÊ ก็จะขนึ Ê สวรรค์หรือลงนรกตามกรรมทีÉทําไว้ ตอ่ ไป ผ้ทู ีÉขึนÊ สวรรค์ก็จะไปอยกู่ บั พระเจ้าชวัÉ นิรันดร ไมต่ ้องกลบั มาเกิดในโลกมนษุ ย์อีก ดจุ นก หลดุ ออกจากกรงขงั สโู่ ลกกว้างแล้วก็จะไมป่ รารถนากลบั สกู่ รงขงั อีกก็ฉนั นนัÊ เพราะฉะนนัÊ การ ตายของร่างกายจงึ เป็นการเกิดของวิญญาณในอาณาจกั รของพระเจ้า เกÉียวกบั ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์ บาไฮศาสนิกชนเชืÉอวา่ พระเจ้าสร้างมนษุ ย์ขนึ Ê มาจากก้อนดนิ ทงัÊ กําหนดชะดาลขิ ิตไว้ด้วยแล้ว แตพ่ ระองคก์ ็ทรงสร้างสงÉิ อํานวยความสะอวดแก่ผ้ทู Éีพระองคท์ รง สร้างขนึ Ê มาด้วย เชน่ พระเจ้าทรงสร้างหวั นมพร้อมทงัÊ นําÊ นมให้หลงÉั ออกมาจากถนั ทงัÊ 2 ของ มารดา ทรงสร้างมารดาให้มีตาเพÉือคอยดแู ลลกู ทรงสร้างหวั ใจให้แก่มารดา เพÉือจะได้รับและ เมตตาตอ่ ลกู ของนาง นอกจากนีพÊ ระเจ้ายงั ได้ทรงสร้างสÉิงแวดล้อมตา่ ง ๆ สําหรับสอนมนษุ ย์ ให้สํานกึ ถึงความดีของพระเจ้า จะได้ทําความดีแล้วจะได้กลบั ไปหาพระองคอ์ ีก คัมภรี ์ศาสนา ศาสนาบาไฮนอกจากจะมีคมั ภีร์บายนั (Bayan) ของพระบ๊อบแล้วทีÉได้รับการยกย่อง มาก คอื ธรรมนพิ นธ์หรือธรรมจารึกของพระบาฮาอลุ ลาห์ มีดงั นี Ê
272 1. คมั ภีร์คตี าบี อคั ดสั วา่ ด้วยธรรมวินยั ตา่ ง ๆ เชน่ บาไฮศาสนิกชนต้องสวดมนตน์ ต้องถือศีลอด 19 วนั ต้องร่วมงานฉลองบญุ ทกุ ต้นเดือน ต้องรําลกึ ถงึ วนั ศกั ดสÍิ ทิ ธÍิของศาสนา ต้องดําเนนิ ชีวิตอยา่ งสขุ สงบและสามคั คี ต้องให้การศกึ ษาแก่บตุ รหลาน และต้องเว้นอบายมขุ เป็นต้น ชาวบาไฮถือวา่ คมั ภีร์อคั ดสั เป็นคมั ภีร์สําคญั และศกั ดสÍิ ิทธÍิทÉีสดุ เพราะนอกจากเป็น นิพนธ์ของพระบาฮาอลุ ลาห์แล้ว ทา่ นยงั ได้ประทบั ตราประจําตวั ของทา่ นไว้ด้วย 2. คมั ภีร์วจนะทÉีซอ่ นเร้น วา่ ด้วยความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์และความจริง พืนÊ ฐานาของศาสนาตา่ ง ๆ 3. คมั ภีร์หบุ ผาทงัÊ 7 และทงัÊ 4 วา่ ด้วยวิวฒั นาการของมนษุ ย์ ผ้แู สวงหาจะต้องต้อง พบอะไรบ้าง 4. คมั ภีร์อกิ นั คมั ภีร์แหง่ ความมนัÉ ใจ คมั ภีร์นีวÊ า่ ด้วยการอธิบายคาํ สอนทีÉยากและ ซบั ซ้อนมากในปรัชญาของคมั ภีร์เกา่ ๆ และวา่ ด้วยพระศาสดาทีÉพระเจ้าทรงสง่ ลงมายงั โลก มนษุ ย์เป็นคราว ๆ อีกด้วย ((รศ. ฟื นÊ ดอกบวั . 2539:251-253) พธิ ีกรรมสาํ คัญทางศาสนา 1. พธิ ีสมรส เป็นพิธีทÉีทงัÊ สอนฝ่ายมีความเตม็ ใจทีÉจะร่วมชีวิตกนั โดยต้องได้รับความ ยินยอมจากบดิ ามารดาทงัÊ สองฝ่าย จากนนัÊ จงึ จะแตง่ งานกนั ได้แตต่ ้องตดิ ตอ่ กบั ธรรมสภาและ ในพธิ ีทงัÊ สองฝ่ายต้องกลา่ วปฏิญาณตอ่ กนั วา่ เราทกุ คนจะยดึ ถือพระประสงคข์ องพระผ้เู ป็น เจ้าด้วยความสตั ย์จริง หลงั จากนนัÊ ไปอาจจะมีการอา่ นธรรมนพิ นธ์และสวดบทอธิษฐานตา่ ง ๆ นอกเหนือจากนีเÊป็นปรารถนาของเจ้าบา่ วและเจ้าสาวทÉีจะจดั เสริมออกไปอยา่ งไรก็ได้ 2. พธิ ีถือศีลอดเป็ นเวลา 19 วัน ตงัÊ แต่ 2-21 มีนาคมของทกุ ปี ในระยะนีศÊ า สนิกชนบาไฮต้องตนÉื ก่อนตะวนั ขนึ Ê เพÉือรับประทานอาหารและสวดอธิษฐาน เพราะหลงั จาก ตะวนั ขนึ Ê ไปแล้วห้ามมีอะไรผา่ นเข้าปากแม้แตน่ ําÊ จนกระทงÉั ตะวนั ตกดนิ จงึ จะสวดอธิษฐานและ รับประทาน อาหารในตอนคาํÉ บคุ คลทีÉถือศีลอดมีอายรุ ะหวา่ ง 15-70 ปี ยกเว้นผ้ปู ่วย หญิงมีครรภ์ แมท่ ีÉ ให้นมลกู ผ้ใู ช้แรงงานมาก และผ้เู ดนิ ทางไกล 3. พธิ ีกรรมเกÉียวกับการตาย การทําศพของบาไฮใช้วิธีฝังไมม่ ีการเผา เพราะ ร่างกายเป็นบลั ลงั ก์แหง่ วหิ ารภายในของวญิ ญาณ และต้องเคารพในร่างกายทÉีตอ่ ขนึ Ê มาทีละ น้อยในครรภ์มารดา จงึ ต้องปลอ่ ยให้สลายเน่าไปทีละน้อย
273 4. พธิ ีงานฉลองบุญ 19 วัน บาไฮศาสนกิ ต้องร่วมพธิ ีฉลองบญุ ทกุ ๆ ต้นเดือน เดือนละ 1 วนั รวมทงัÊ หมดตลอดปีรวม 19 วนั คือ ปีหนงึÉ ในปฏิทนิ บาไฮมี 19 เดือน ซงÉึ แตล่ ะเดือนมี 19 วนั เพราะฉะนนัÊ 19 เดือนจงึ มี 361 วนั ดงั นนัÊ จะมีวนั เหลืออยอู่ ีก 4 วนั หรือ 5 วนั ในปีอธิกสรุ ทิน วนั ขนึ Ê ปีใหมจ่ ะเรÉิมวนั ทÉี 21 มีนาคม เพราะฉะนนัÊ 4-5 วนั ทÉีเหลือ จะอยรู่ ะหวา่ ง 2 เดือนสดุ ท้ายของปี คือ ระหวา่ งวนั ทีÉ 28 กมุ ภาพนั ธ์ ถงึ 1 มีนาคม จะ เป็นวนั สําหรับให้ของขวญั แก่คนป่วยและคนยากจน วนั ฉลองบญุ บาไฮศาสนิกชนจะต้อง ประกอบกิจ 3 อยา่ ง 1. ภาคธรรมะ มีการสวดมนต์ และอา่ นธรรมนิพนธ์ 2. ภาคบริหาร มีการอา่ นจดหมายจากธรรมสภาแหง่ ชาติ และเสนอความคดิ เหน็ ไป ให้ธรรมสภาพจิ ารณา 3. ภาคสงั สรรค์ มีการรืÉนเริงในหมบู่ าไฮศาสนิกชนด้วยกนั เชน่ เลียÊ งอาหาร เครืÉอง ดมÉื บรรเลงดนตรี เป็นต้น ฐานะในปัจจุบัน ได้มีบาไฮศาสนกิ ชนอยใู่ นชมุ ชนตา่ ง ๆ ทวัÉ โลกมากกว่า 115,500 แหง่ มีธรรมสภา บาไฮแหง่ ชาติประมาณ 148 ประเทศ มีธรรมสภาบาไฮท้องถิÉนมากกวา่ 30,304 แหง่ คํา สอนของศาสนาบาไฮได้ถกู แปลเป็นภาษาตา่ ง ๆ ประมาณ 756 ภาษา ชมุ ชนบาไฮนานา ชาตเิ ป็นหนว่ ยงานหนงÉึ ของศาสนาบาไฮ สงั กดั องคก์ ารหสประชาชาตแิ ละเป็นหนว่ ยงานทÉีไม่ ยงุ่ เกÉียวกบั การเมือง ทําหน้าทÉีให้คําปรึกษาตอ่ งค์การสหประชาชาตทิ างด้านเศรษฐกิจและ สงั คม ตงัÊ แตป่ ี พ.ศ. 2513 (ผศ.วนิดา ขําเขียว. 2541:401-408) แบบฝึ กหัดท้ายบท 1. ศาสนาคริสตม์ ีชีวประวตั แิ ละการดวงตาเห็นพระเจ้าของพระเยซูอยา่ งไร 2. หลกั ธรรมสําคญั และหลกั ความเชÉือพืนÊ ฐานในศาสนาคริสต์เป็นอยา่ งไร 3. พธิ ีกรรม สญั ลกั ษณ์ และหลกั ตรีเอกภาพเป็นอยา่ งไร 4. ความเชÉือพืนÊ ฐาน หลกั ศรัทธา และหลกั ปฏิบตั ใิ นศาสนาอิสลามเป็นอยา่ งไร 5. พิธีกรรม สญั ลกั ษณ์และข้อห้ามในศาสนาอิสลามมีอะไรบ้าง 6. จดุ มงุ่ หมายสงู สดุ และนิกายในศาสนาอิสลามเป็นอยา่ งไร
274 8. อธิบายข้อความตอ่ ไปนีตÊ ามทÉีเข้าใจ อยา่ คิดวา่ เรามาเลกิ ล้างธรรมบญั ญตั แิ ละคาํ ของผ้เู ผยวจั นะ เรามิได้มาเลิกล้าง แตม่ าทําให้สมบรู ณ์ทกุ ประการ 9. หลกั ธรรมคําสอน จดุ มงุ่ หมายสงู สดุ ในศาสนาบาไฮเป็นอยา่ งไร 10. อธิบายชีวประวตั ศิ าสดาโมฮํามดั และศาสนาบาไฮดมู าให้ชดั เจน 11. คมั ภีร์ของศาสนาคริสต์ อิสลามและบาไฮมีอะไรบ้าง
บรรณานุกรม คณาจารย์แหง่ โรงพิมพ์เลÉียงเชียง.วิชาพุทธประวัติ ฉบับมาตรฐาน. กรุงเทพฯ : บริษทั คอม ฟอร์ม จํากดั , 2541. คกึ ฤทธÍิ ปราโมช. ลัทธิและนิกาย. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์จริ วรรนสุ สรณ์, 2524. คณู โทขนั ธ์, รองศาสตราจารย์. ศาสนาเปรียบเทยี บ. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พรินÊ ตงิ Ê เฮ้าส์, 2537. จินดา จนั ทร์แก้ว. ศาสนาปัจจุบัน. พิมพ์ครังÊ ทÉี 2. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์มหาจฬุ า ลงกรณราชวิทยาลยั , 2532. ชยั พฤกษ์ เพ็ญวจิ ติ ร. พทุ ธศาสตร์กับวทิ ยาศาสตร์. พมิ พ์ครังÊ ทีÉ 1. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์ดอกหญ้า, 2539. ดนยั ไชยโยธา, รองศาสตราจารย์. นานาศาสนา. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พรินÊ ตงิ Ê เฮ้าส์, 2539. -------. ลัทธิ ศาสนา และระบบความเชÉือกับประเพณีนิยมในท้องถÉิน. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พรินÊ ตงิ Ê เฮ้าส์, 2538. เดอื น คาํ ดี, รองศาสตราจารย์ ดร.. ศาสนศาสตร์. กรุงเทพฯ : สํานกั พมิ พ์มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, 2541. ทองหลอ่ วงษ์ธรรมา, รองศาสตราจารย์ ดร.. ปรัชญา 201 พทุ ธศาสตร์. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พรินÊ ตงิ Ê เฮ้าส์, 2538. ธนู แก้วโอภาส. ศาสนาโลก. พิมพ์ครังÊ ทีÉ 2. กรุงเทพฯ : หจก. เอมÉี เทรดดงิ Ê , 2542. -------. ศาสนาโลก. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์สากลการศกึ ษา, ม.ป.ป. ธีรยทุ ธ สนุ ทรา, ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์. ศาสโนปมศาสตร์. กรุทเทพฯ : โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลง กรณราชวทิ ยาลยั , 2539. นนท์ ธรรมสถิตย์. พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เอดสิ นั , 2533. ปิÉน มทุ กุ นั ต์. ประมวลศัพท์ 6 ศาสนา. พิมพ์ครังÊ ทÉี 2. กรุงเทพฯ : บริษทั สารมวลชน จํากดั , 2534. พมิ พ์พรรณ เทพสเุ มธานนท์, รองศาสตราจารย์. พืนÊ ฐานการศกึ ษาทางศาสนาและ จริยธรรม. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั รามคําแหง, 2543. ฟื นÊ ดอกบวั , รองศาสตราจารย์. ศาสนาเปรียบเทียบ. กรุงเทพฯ : โสภณการพมิ ์, 2539.
275 พระญาณวโรดม. ศาสนาต่าง ๆ. พมิ พ์ครังÊ ทีÉ 5. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหามกฏุ ราช วทิ ยาลยั , 2538. พระธรรมปิฎก (ป อ ปยตุ โต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครังÊ ทÉี 9. ครังÊ ทีÉ 9. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2543. พระมหาสมจินต์ สมั มาปัญโญ. พระพุทธศาสนามหายานในอินเดยี พัฒนาการ และสารัตถธรรม. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , 2543. พทุ ธทาสภิกข.ุ หลักปฏบิ ัตทิ Éีสาํ คัญในพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ : สํานกั พมิ พ์ธรรมสภา, 2542. -------. ศาสนาคืออะไร. กรุงเทพฯ : สํานกั พมิ พ์ธรรมบชู า, ม.ป.ป.. มนต์ ทองชชั . 4 ศาสนาสาํ คัญของโลกปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์, 2530. มลู นิธิโตโยต้าประเทศไทย. คาํ พ่อสอน:ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดาํ รัส เกÉียวกับเดก็ และเยวชน. พิมพ์ครังÊ ทÉี 3. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์กรุงเทพฯ, 2543. ราชบณั ฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : ศริ ิวฒั นาอินเตอร์พรินÊ ท์, 2542. วนิดา ขําเขียว, ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์. ศาสนาเปรียบเทียบ. พมิ พ์ครังÊ ทÉี 1. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์เจนเดอร์เพรส, 2541. สมเดจ็ พระสงั ฆราช (ปสุ ฺสเทว). ปฐมสมโพธิ. พมิ พ์ครังÊ ทÉี 23. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวิทยาลยั , 2538. สริ ิวฒั น์ คําวนั สา. พทุ ธศาสนาในอินเดยี . กรุงเทพฯ : กรุงสยามการพิมพ์, 2523. สจุ ติ รา อ่อนค้อม, รองศาสตราจารย์ ดร.. ศาสนาเปรียบเทยี บ. พมิ พ์ครังÊ ทÉี 6. กรุงเทพฯ : บริษัทสหธรรมิก จํากดั , 2542. สชุ ีพ ปญุ ญานภุ าพ. ประวัตศิ าสตร์ศาสนา. พมิ พ์ครังÊ ทÉี 8. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ มหามกฏุ ราชวิทยาลยั , 2540. -------. ศาสนาเปรียบเทยี บ. พมิ พ์ครังÊ ทÉี 3. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง, 2543. สรุ ีย์ มีผลกิจ. พระพทุ ธประวัต.ิ กรุงเทพฯ:บริษทั คอมฟอร์ม จํากดั , 2541. สวุ รรณ เพชรนลิ , รองศาสตราจารย์. พุทธปรัชญาเบือÊ งต้น. พิมพ์ครังÊ ทÉี 9. กรุงเทพฯ: สํานกั พมิ พ์มหาวิทยาลยั รามคาํ แหง, 2546.
276 เสฐียร พนั ธรังษี. ศาสตราจารย์. ศาสนาโบราณ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์รุ่งเรืองธรรม, 2521. -------. ศาสนาเปรียบเทียบ. กรุงเทพฯ : แพร่พทิ ยา, 2524. เสถียร โพธินนั ทะ. ประวัตศิ าสตร์พระพุทธศาสนาฉบับมุขปาฐะ. พมิ พ์ครังÊ ทีÉ 2. โรงพิมพ์มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , 2537. -------. ประวัตศิ าสตร์พระพุทธศาสนา. พมิ พ์ครังÊ ทีÉ 4. กรุงเทพฯ : บริษทั สร้างสรรค์บ๊คุ ส์ จํากดั , 2544. แสง จนั ทร์งาม. พทุ ธศาสนวทิ ยา. พิมพ์ครังÊ ทÉี 4. กรุงเทพฯ:บริษทั สร้างสรรค์บ๊คุ ส์ จํากดั , 2544. แสง มนวิฑรู , ศาสตราจารย์ ร.ต.ท.. ชีวิตและปรัชญามหาแสง. พมิ พ์ครังÊ ทีÉ 4. กรุงเทพฯ : เจริญวทิ ย์การพมิ พ์, 2532. หลวงวิจติ รวาทการ. ศาสนาสากล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ลกู ส. ธรรมภกั ดี, 2523. David, Kalupahana J. Buddhist Philosophy : A Historical Analysis. Honnolulu : The University Press of Hawai, 1976. Hume, Robert Ernest. The World Living Religions. New York : Charles Scriber’s Son, 1931.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287