Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู-สังคมศึกษาฯ-ป1

คู่มือครู-สังคมศึกษาฯ-ป1

Description: คู่มือครู-สังคมศึกษาฯ-ป1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์

Search

Read the Text Version

Chapter Overview แผนการจดั สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สือเรียน 1. บอกความหมายของ - วิธีสอนโดยเน้น - ต รวจใบงาน 1. ทกั ษะการสังเกต 1. มีวนิ ัย สนิ ค้าและบริการ - แบบฝกึ ปฏิบัติฯ 2. ท ักษะการ 2. ใฝ่เรียนรู้ ในชวี ิตประจำ� วัน - บตั รภาพ สนิ คา้ และการบริการได้ กระบวนการ : - ประเมนิ การนำ�เสนอ รวบรวมขอ้ มูล 3. มุ่งมัน่ ใน ของเรา 2. อธบิ ายความหมายและ กระบวนการสรา้ ง ผลงาน 3. ทักษะการจ�ำแนก การท�ำงาน 4. ทกั ษะการระบุ - ใบงานที่ 1.1 ยกตัวอยา่ งของสินคา้ ความคิดรวบยอด - สงั เกตพฤตกิ รรมการ 5. ทักษะการ เชื่อมโยง 6 - ใบงานที่ 1.2 และบริการทีใ่ ชอ้ ยใู่ นชีวติ - วธิ สี อนแบบสืบเสาะ ทำ�งานรายบคุ คล 6. ทกั ษะการน�ำ - ใบงานท่ี 1.3 ความรไู้ ปใช้ ชวั่ โมง ประจำ� วันได้ หาความรู้ (5Es - สังเกตพฤตกิ รรมการ 3. อ ธิบายความหมายและ Instructional Model) ทำ�งานกลุ่ม ยกตัวอย่างสนิ คา้ และ - วธิ สี อนโดยเน้น - สงั เกตคุณลกั ษณะ บริการทีไ่ ด้มาโดยไมต่ ้อง กระบวนการ : อันพงึ ประสงค์ ใช้เงินซือ้ ได้ กระบวนการสรา้ ง 4. อ ธิบายความหมายและ ความตระหนกั ยกตัวอย่างสินคา้ และ บริการทไี่ ด้มาจากการใช้ เงินซือ้ ได้ 5. ยกตัวอย่างสง่ิ ของทเ่ี ป็น ส่วนตวั ได้ 6. ยกตวั อย่างสิ่งของที่เปน็ ส่วนรวมได้ 7. เสนอแนะวธิ กี ารใช ้ ทรัพยากรทง้ั ของส่วนตัว และสว่ นรวมอยา่ งถกู ตอ้ ง และประหยัดคมุ้ ค่าได้ แผนฯ ท่ี 2 - ห นังสือเรียน 1. บอกความหมายของการ - วิธีสอนโดยการจัดการ - ตรวจใบงาน 1. ทักษะการตีความ 1. มวี ินยั จ่ายเป็นออมได้ - บตั รภาพ 2. ทกั ษะการสรปุ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ไมข่ ัดสน - ใบงานท่ี 2.1 ออมได้ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : - ประเมินการนำ�เสนอ - ใบงานที่ 2.2 ลงความเหน็ 3. มุ่งมนั่ ใน 6 - ใบงานท่ี 2.3 2. จำ� แนกค่าใช้จ่ายออกเป็น เทคนคิ คคู่ ดิ ผลงาน 3. ทกั ษะการนำ� การท�ำงาน - ใบงานท่ี 2.4 ความรู้ไปใช้ 4. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง ชั่วโมง - ใบงานที่ 2.5 ค่าใช้จ่ายทเี่ ปน็ ส่วนตัว - วิธีสอนโดยการจัดการ - สงั เกตพฤตกิ รรมการ กบั คา่ ใช้จา่ ยท่เี ปน็ สว่ น เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : ทำ�งานรายบุคคล ของสังคมได้ เทคนคิ คคู่ ดิ สส่ี หาย - สงั เกตพฤตกิ รรมการ 3. รู้จักวางแผนการใช้จ่าย - วิธีสอนโดยการจัดการ ทำ�งานกลุ่ม ในการซอื้ สนิ คา้ และ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : - สังเกตคุณลักษณะ บรกิ าร เทคนคิ เลา่ เรอ่ื งรอบวง อนั พึงประสงค์ 4. อ ธบิ ายวิธีการวางแผน - วธิ สี อนโดยเนน้ - ตรวจสมุดนักประหยัด การใช้จ่ายได้ กระบวนการ : 5. บ อกประโยชนข์ อง กระบวนการสรา้ ง การรู้จักเก็บออมได้ ความตระหนกั 6. อธิบายประโยชน์ของการ ใชจ้ า่ ยเงินไมเ่ กนิ ตวั ได้ 7. อ ธิบายโทษของการใช้ จา่ ยเงนิ เกนิ ตัวได้ 8. เสนอแนะวธิ ีการใชจ้ า่ ย เงนิ ไม่เกินตวั T90

แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์ - หนงั สอื เรยี น 1. อ ธบิ ายความหมายของ - วธิ สี อนโดยเนน้ - ตรวจใบงาน 1. ทกั ษะการ แผนฯ ที่ 3 - บัตรภาพ 1. ซ่อื สัตย์ สุจรติ ทำ� งานดี - ใบงานที่ 3.1 การท�ำงานได้ กระบวนการ : - ประเมินการนำ�เสนอ รวบรวมขอ้ มลู 2. มีวินยั มคี วามสุข - ใบงานที่ 3.2 3. ใฝเ่ รียนรู้ - ใบงานที่ 3.3 2. อธิบายความส�ำคัญที่ต้อง กระบวนการเรยี น ผลงาน 2. ทักษะการให ้ 4. มงุ่ มั่นใน 6 การทำ� งาน ทำ� งานได้ ความรคู้ วามเขา้ ใจ - สงั เกตพฤติกรรมการ เหตุผล ชว่ั โมง 3. จ�ำแนกประเภทของการ - วธิ สี อนแบบสบื ทำ�งานรายบคุ คล 3. ทักษะการ ท�ำงานได้ เสาะหาความรู้ (5Es - สงั เกตพฤติกรรมการ เชื่อมโยง 4. บ อกผลของการท�ำงาน Instructional Model) ทำ�งานกลุ่ม อยา่ งสจุ รติ ทมี่ ีต่อ - วธิ สี อนโดยเนน้ - สงั เกตคุณลกั ษณะ ครอบครัวได้ กระบวนการ : อนั พึงประสงค์ 5. บอกผลของการทำ� งาน กระบวนการสรา้ ง - ตรวจสมุดภาพอาชีพ อย่างสจุ ริตทม่ี ตี อ่ สังคม ความตระหนกั สุจรติ ทีต่ นเองอยากทำ� ได้ เมอ่ื โตข้นึ T91

นํา นํา สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ นาํ óหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี àÈÃɰÈÒʵϹҋ ÃÙŒ 1. ครูใหนักเรียนเลนเกมตะล็อกตอกแตก โดย เปาหมายการเรียนร้ปู ระจําหนว ยท่ี ๓ ใหน ักเรียนแบง เปน 2 กลมุ ใหแตล ะกลุมเปน ตัวแทนของตลาด แลวคิดวาตลาดของกลุม เมื่อเรียนจบหน่วยนี้แลว้ ผู้เรยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี ตนเองจะขายอะไรบา ง แลว จดลงในกระดาษ ๑. ระบุสนิ คา้ และบรกิ ารท่ีใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจ�าวนั (มฐ. ส ๓.๑ ป.๑/๑) จากนั้นเริ่มเลน เกม ถาม-ตอบ และอาจแสดง ๒. ยกตวั อยา่ งการใชจ้ า่ ยเงนิ ในชีวิตประจา� วนั ที่ไมเ่ กนิ ตวั และเหน็ ประโยชนข์ องการออม (มฐ. ส ๓.๑ ป.๑/๒) ทา ทางประกอบ ดังน้ี ๓. ยกตัวอย่างการใช้ทรพั ยากรในชีวติ ประจ�าวนั อยา่ งประหยดั (มฐ. ส ๓.๑ ป.๑/๓) 1 : ตะล็อกตอ กแตก ๔. อธบิ ายเหตผุ ลความจ�าเป็นทค่ี นตอ้ งทา� งานอยา่ งสจุ รติ (มฐ. ส ๓.๒ ป.๑/๑) 2 : มาทาํ ไม 1 : มาซือ้ ผลไม 2 : ผลไมอ ะไร 1 : มะมว ง 2 : ไมมี 1 : แตงโม 2 : มี 1 : กีบ่ าท 2 : 10 บาท แลว ใหก ลมุ ที่ซ้ือทาํ ทา ยนื่ เงินใหเพอ่ื น จากนั้น ครูใหนักเรียนผลัดกันเลนเกม โดยใชเวลา ประมาณ 5 นาที 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปวา ตลาดของ ตนเองมีสินคาอะไรบาง และขายสินคาได ท้งั หมดกบี่ าท 3. ครูถามคําถามนักเรียน แลวใหนักเรียนแสดง ความคิดเหน็ อยางอสิ ระ • ถานกั เรยี นตอ งการซอ้ื ผักหรือผลไม ควรไป ซือ้ ไดจากที่ไหน (แนวตอบ : ตลาด รา นคา) • ตลาดท่อี ยใู กลบา นของนักเรยี น มลี ักษณะ อยางไร (แนวตอบ : คําตอบอาจหลากหลายขึ้นอยู กับนักเรียน เชน เปนตลาดสด มผี กั ผลไม เนื้อสตั ว ของใชตา งๆ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายใหนักเรียนเขา ใจวา เศรษฐศาสตรไ มใ ชเรอื่ งไกลตวั แตเ ปนส่งิ ทเ่ี ก่ียวของกับการดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ของนักเรยี นอยแู ลว เชน การเลอื กซือ้ สินคา และบรกิ าร การใชจ า ยเงนิ เปนตน โดยในการเรียนการสอน ครูควรเช่อื มโยงประสบการณข องนกั เรยี น โดยใชวธิ ีถาม-ตอบ เพอ่ื ใหนกั เรยี นคิด เชน นกั เรียนไดเงิน มาโรงเรยี นวนั ละก่ีบาท นกั เรียนใชจา ยอะไรบาง ทาํ ไมจึงใชจ า ยสิง่ น้ัน นกั เรยี นมีเงนิ เหลอื หรือไม เพราะอะไร ถา นกั เรียนมีเงนิ เหลอื นักเรยี นจะทาํ อยางไร เปนตน T92

นาํ สอน สรุป ประเมิน ñº··èÕ ãʹ¹Ô ª¤ÕÇÒŒ Ôµá»ÅÃÐС¨ÒíÒÃǺѹâ¡Ô ÍÒ§ÃàÃÒ ขนั้ สอน กจิ กรรมนาํ สูการเรียน สังเกต 1. ครูใหนักเรียนดูภาพสินคาและการบริการ แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา มีสินคาและบริการอะไรบาง แลวสินคาและ บรกิ ารในแตล ะภาพมปี ระโยชนต อ ตวั นกั เรยี น อยางไรบาง ตัวอยา งภาพสินคาและการบริการ จากภาพ เพ่ือน ๆ 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงใหน กั เรยี นเขาใจวา ภาพที่ คิดวา เปน สินคาหรอื บรกิ าร ครูใหนักเรียนดูเปนสินคาและการบริการ ซึ่ง ในการดํารงชีวิตของมนุษยจําเปนตองอาศัย เพราะอะไร สินคาและบริการบางอยางท่ีเปนสิ่งจําเปนตอ การดํารงชวี ิต ไดแ ก ปจ จยั 4 คอื อาหาร ทีอ่ ยู แนวคดิ สาํ คญั อาศัย เสือ้ ผา และยารักษาโรค แตสินคาและ บรกิ ารบางชนดิ ไมจําเปนตอ การดาํ รงชีวติ แต 㹡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉàÃÒ ÁÕ¤ÇÒÁ¨íÒ໚¹·Õ赌ͧ จาํ เปน ตอ งใช เพราะทาํ ใหม คี วามสะดวกสบาย ÍÒÈÑÂÊÔ¹¤ŒÒáÅСÒúÃÔ¡Òà ÊÔ¹¤ŒÒºÒ§ª¹Ô´à»š¹ÊÔ觨íÒ໚¹ã¹ªÕÇÔµ ปลอดภัยมากขึน้ ·ÕèàÃÕ¡Njһ˜¨¨Ñ ô 䴌ᡋ ÍÒËÒà ·èÕÍÂÙ‹ÍÒÈÑ à¤Ãè×ͧ¹Ø‹§Ë‹Á áÅÐ ÂÒÃÑ¡ÉÒâä ¶ŒÒàÃÒ¢Ò´á¤Å¹ÍÒ¨àÊÕªÕÇԵ䴌 ÊÔ¹¤ŒÒºÒ§ª¹Ô´à»š¹¢Í§ÊíÒËÃÑºÍØ»âÀ¤ËÃ×Í㪌ÊÍ 3. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเรื่อง ความหมาย ¶§Ö áÁÇŒ Ò‹ àÃÒ¨ÐäÁà‹ ÊÂÕ ªÇÕ µÔ à¾ÃÒТҴá¤Å¹Ê§èÔ àËÅÒ‹ ¹éÕ áµà‹ ÃÒ¡¨ç Òí ໹š µÍŒ §ãªŒ à¾ÃÒзÒí ãËàŒ ÃÒÁ¤Õ ÇÒÁ梯 ¡Ò ของสนิ คา และบรกิ าร จากหนงั สอื เรยี น หนา 88 ʺÒÂ㨠áÅлÅÍ´ÀѨҡâäÀÑÂ䢌à¨çº Ê¹Ô ¤ŒÒËÅÒÂæ ÍÂÒ‹ §¼ÅÔµËÃÍ× ÊÌҧ¢¹Öé ¨Ò¡·ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔ«è§Ö Á¨Õ Òí ¡´Ñ àÁÍ×è 㪌ä»áŌǡ¨ç Ð จาํ แนกความแตกตา ง ÊÔ¹é à»Å×ͧËÃ×ÍËÁ´ä» ¶ŒÒàÃÒäÁ‹ÃÙ¨Œ ¡Ñ 㪌ÊÍÂãËŒàËÁÒÐÊÁ ¡Íç Ò¨à¡´Ô ¡ÒâҴá¤Å¹ä´Œ ´§Ñ ¹Ñé¹ àÃÒ¨Ö§µŒÍ§ Ì٨ѡ㪌ÊÍÂÊÔ¹¤ŒÒàËÅÒ‹ ¹éâÕ ´ÂÂÖ´ËÅÑ¡¤ÇÒÁ¤ŒÁØ ¤‹Ò ¤ÇÒÁ»ÃÐË嫄 áÅÐà¡´Ô »ÃÐ⪹ʏ §Ù Ê´Ø 4. ครูและนักเรียนรวมกันยกตัวอยางสินคาและ 87 บรกิ ารทเ่ี คยใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั โดยยงั ไมต อ ง จําแนกวา เปน สินคา หรอื บรกิ าร 5. นักเรียนแตละกลุมชวยกันอธิบายความหมาย ของสนิ คา และการบรกิ าร และรว มกนั แยกแยะ ความแตกตางของสินคากับการบริการ เชน สนิ คา เปน สงิ่ ของตา งๆ ทจ่ี บั ตอ งได แตบ รกิ าร เปนส่ิงท่จี บั ตองไมไ ด เปนตน 6. นักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการ แยกแยะหนาช้ันเรียน แลวครูจดคําตอบบน กระดาน เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหนักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ • รวบรวมขอมูลเกยี่ วกบั สินคา และบรกิ าร • จาํ แนกขอมูลเกีย่ วกบั สินคาและบรกิ าร • สังเกตและระบขุ อมูลเกีย่ วกบั สนิ คา และบรกิ าร • เช่ือมโยงความรเู ก่ียวกบั สนิ คาและบริการ • วเิ คราะหจ ากประเด็นคาํ ถามและภาพเกี่ยวกบั สินคาและบริการ จนเกิดเปน ความรคู วามเขาใจวา การใชสินคาและบรกิ ารในชวี ติ ประจําวัน ตลอดจนทรัพยากรควรใชอยางประหยัด คุม คา และใหเกิดประโยชนส งู สุด T93

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๑ ความหมายของสนิ คา้ และการบริการ หาลักษณะรวม สนิ คา้ หมายถงึ สงิ่ ของตา่ ง ๆ ที่จับตอ้ งได ้ สามารถตอบสนอง 7. นักเรียนแตละกลุมชวยกันเปรียบเทียบความ ความต้องก1ารของผู้บริโภคได้ เหมือนหรือลักษณะท่ีคลายคลึงกันของสินคา มนษุ ยส์ ามารถเปน็ เจา้ ของ และ กับการบริการ เชน ท้ังสินคาและบริการเปน นา� มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ได ้ เชน่ สง่ิ ทที่ าํ ขน้ึ เพอ่ื ใหเ กดิ ประโยชนต อ มนษุ ย ทาํ ให เสื้อผ้า ยารักษาโรค อาหาร ▲▲ เสอ้ื ผา้ เปน็ สงิ่ จา� เปน็ ทเ่ี ราตอ้ งซอื้ หามาไวใ้ ชส้ อย เกดิ ความสะดวกสบายหรือปลอดภยั มากขน้ึ กระดาษ ดนิ สอ ปากกา ยาสฟี นั ในชวี ิตประจา� วันของเรา รองเท้า เปน็ ตน้ 8. ครสู มุ เรียกนกั เรียน 2-3 กลมุ ออกมานําเสนอ การบริการ หมายถึง สิ่งท่ีจับต้องไม่ได้ โดยมนุษย์เป็น ผลการเปรยี บเทยี บหนา ชนั้ เรยี น ครจู ดคาํ ตอบ ผู้คิดและสร้างข้ึนมา เพ่ือให้เป็นประโยชน์ต่อตัวมนุษย์เอง บนกระดาน ดังนั้น การบริการจึงเป็นประโยชน์ที่ท�าให้ผู้ที่ได้รับการบริการ เกดิ ความสขุ ความพอใจ หรือความสะดวกสบาย เชน่ ระบุชื่อความคิดรวบยอด ▲ ● ช่างตดั ผมให้บริการตดั ผมให้แกล่ ูกคา้ ▲ ●▲ คนขับรถแท็กซ่ีให้บริการขบั รถส่งผ้โู ดยสาร 9. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั รวบรวมขอ มลู แลว ▲ ●▲ หมอให้บรกิ ารรักษาโรคให้ผู้ป่วย สรปุ วา สินคาหมายถึงอะไร บริการหมายถงึ ▲ ●▲ นกั ร้องรอ้ งเพลงบรกิ ารให้กับคนท่ีเขา้ มาน่ังฟังเพลง อะไร และมีประโยชนหรือความจําเปนตอ ▲ ●▲▲ ห้างสรรพสินค้ามีรถเข็นของบริการแก่ลูกค้าท่ีเข้ามา มนษุ ยอยางไรบา ง เลือกซ้ือสินคา้ ในห้างสรรพสินคา้ เปน็ ต้น 10. ตวั แทนกลุม ออกมานาํ เสนอผลการสรุป ผู้ ให้บริ การและผู้รับบริ การ หนาชั้นเรียน ควรมคี ุณสมบตั อิ ยา่ งไรบ้างครบั ทดสอบและนาํ ไปใช 88 11. นักเรียนแตละคนทําใบงานท่ี 1.1 เรื่อง สินคา และการบรกิ าร 12. ครสู ุมเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมานาํ เสนอ ใบงานหนา ชัน้ เรียน 13. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูท่ีไดจาก การเรียนเร่ือง ความหมายของสินคาและบริการ จากนน้ั นักเรียนบันทกึ ความรูลงในสมดุ ขน้ั ประเมนิ ครูประเมินความสามารถในการจําแนกและ บอกความหมายของสินคาและการบริการของ นักเรยี นผา นการทาํ ใบงานที่ 1.1 การตอบคําถาม และการนําเสนอหนาช้นั แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู าผภู กิจกรรม ทาทาย ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินชิ้นงานขมอสงะนาักมเหรเียมนาตดานขมพิ� เอืรหดคลรใู หน กั เรยี นหาภาพสนิ คา มา 10 ชนดิ และบรกิ ารมา 5 ชนดิ จากใบประเมนิ ชนิ้ งานที่แนบทายแผนการสอน แลว ตดิ ลงในสมดุ จากนนั้ เขยี นชอ่ื สนิ คา และบรกิ าร พรอ มทง้ั บอก ประโยชนท ไ่ี ดร ับ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งท่ี คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในช่องที่ คำชแี้ จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน ชอ่ื สินคา ดนิ สอ 1 เนื้อหาละเอยี ดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพึงประสงค์ดำ้ น 321 ประโยชน ใชขดี เขยี นบนั ทึกขอมลู 2 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อน่ื 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ ชอ่ื บริการ หมอ 3 ภาษาท่ีใชเ้ ข้าใจง่าย 3 การทางานตามหนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่สี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ประโยชน รักษาอาการเจบ็ ปว ย 4 ประโยชน์ท่ีได้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน เมื่อไมส บาย 3. มวี นิ ัย รับผิดชอบ 1.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี กี่ยวกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามทโ่ี รงเรียนจัดขึน้ 2.1 ให้ข้อมลู ทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงท่ถี กู ตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั 6. ม่งุ ม่นั ในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวนั ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางสว่ น ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มีจิตสาธารณะ 4.3 เช่อื ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ตั้งใจเรยี น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และสิง่ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ณุ ค่า ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพอื่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครทู างาน 8.2 รูจ้ กั การดูแล รกั ษาทรพั ยส์ มบัติและสงิ่ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ ............../.................../................ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางคร้ัง ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T94

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๒ สินคา้ และบรกิ ารที่ใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจา� วัน ขน้ั นาํ ในชวี ิตประจ�าวนั ของนกั เรียนแตล่ ะคน จะตอ้ งใชป้ ระโยชน์ จากสนิ คา้ และบริการต่าง ๆ หลายประเภท ซง่ึ กแ็ ลว้ แต่เหตุผล ครทู กั ทายนักเรียนและถามคาํ ถามใหนักเรยี น ความจ�าเป็น และความต้องการของแต่ละบุคคล ซ่ึงสินค้า ชวยกันตอบ เชน และบริการที่นักเรียนควรเรียนร้ใู นชัน้ น ี้ ได้แก่ ๑ . สดนิินคส้าอแ1 ลเะปบ็นรสิกินารคท้าใี่ทชี่ม้อีไยวู่ใ้สน�าชหีวรติ ับปใรชะ้ขจีดา� วเขันีย เนช ่นจดบันทึก • วนั นน้ี ักเรยี นใชจ ายเงนิ อะไรบาง (แนวตอบ : ซอื้ สงิ่ ของ เชน ขนม สมดุ ดินสอ วาดภาพ ซง่ึ มีลักษณะพเิ ศษ คอื ลบออกได้ง่ายถา้ เกิดขีดเขยี น จายคารถ หรืออาจตอบวายังไมไดใชจาย ผิดพลาด และดินสอเป็นอุปกรณ์ในการศึกษาเล่าเรียนของเรา กไ็ ดข้นึ อยกู บั นกั เรยี นแตละคน) ค ดืินอ สไ อมจ้ใึงปชเาท้ปกา�น็ กแสาทิน2 เ่งคปดา้น็นิ ทสสี่จนิอ�าค เแาป้ ทล็นะมี่ตแไี่อรวคแ่ส้ นาก� หเรรไราฟบั วตใ*ชตั ์ใข้ชถดี้ทดุ เบิา� ขไใยีสนนด้กหนิารรสอืผอจล ดติ บดนันิ ทสกึอ ที่ท�าให้ตัวหนังสือที่เขียนอยู่คงทนกว่าการใช้ดินสอขีดเขียน • สนิ คา ทน่ี กั เรยี นสามารถซอื้ ไดเ องมอี ะไรบา ง ดังนั้น ปากกาจึงเป็นสินค้าที่จ�าเป็นส�าหรับใช้ขีดเขียนให้เห็น (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ชัดเจนและคงทน วัตถดุ ิบท่ีใชใ้ นการผลิตปากกา คือ พลาสตกิ โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ใชท้ �าดา้ มปากกา และนา้� หมกึ สีใชท้ า� ไสป้ ากกา วตั ถุดิบเหลา่ น้ี สมุด ดนิ สอ ยางลบ ขนม) ล้วนเปน็ ทรัพยากรที่ใช้ไปแล้วส้ินเปลือง ดงั นน้ั ในการใช้สอย จึงต้องรูจ้ กั ประหยดั ขนั้ สอน ▲▲ ปากกาและดินสอมปี ระโยชนส์ า� หรับใช้ขดี เขยี น เพอ่ื ส่ือสารใหค้ นอื่นเขา้ ใจ 89 กระตนุ ความสนใจ *แกรไฟต ์ เป็นแรช่ นดิ หนงึ่ มีสีเทาเขม้ ถึงดา� 1. ครูใหนักเรียนสํารวจตัวเองวา นักเรียนใช สนิ คา อะไรบา ง พรอ มทงั้ ยกตวั อยา งสนิ คา และ บรกิ ารทน่ี กั เรยี นใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั โดยครบู ันทึกบนกระดาน 2. ครอู ธบิ ายเชอื่ มโยงใหน กั เรยี นเขา ใจวา ในชวี ติ ประจาํ วนั ของนกั เรยี น จะตอ งใชป ระโยชนจ าก สนิ คาและการบรกิ ารหลายประเภท สาํ รวจคน หา 3. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมจับคูกันแลวใหแตละคู รวมกันศึกษาความรูเรื่อง สินคาและบริการที่ ใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั จากหนงั สอื เรยี น หนา 89-92 ตามประเดน็ ทีก่ ําหนด ดงั น้ี • คูที่ 1 ศึกษาเรือ่ ง สินคา และบริการท่ใี ชอ ยู ในชีวิตประจาํ วัน • คทู ี่ 2 ศึกษาเรอื่ ง สินคาและบรกิ ารที่ไดมา โดยไมตอ งใชเ งนิ ซือ้ • คทู ี่ 3 ศกึ ษาเร่ือง สินคา และบรกิ ารทไ่ี ดม า จากการใชเ งินซอ้ื ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ขอ ใดไมใชส ินคาทใี่ ชใ นชีวติ ประจาํ วัน 1 ดนิ สอ เปน เครอ่ื งเขยี นทม่ี ปี ระโยชนห ลายอยา ง เชน ใชเ ขยี นหนงั สอื ใชใ นการ 1. รองเทา รา งภาพกอ นลงมอื ระบายสีปกตดิ นิ สอดาํ มไี สอยู3ชนดิ คอื ชนดิ แขง็ (H)ใชใ นงาน 2. เสือ้ ผา เขยี นแบบ ชนิดปานกลาง (HB) ใชในงานเขียนทว่ั ไป และชนิดออน (B) ใชราง 3. รถโดยสารประจาํ ทาง ภาพและแรเงา มคี วามออ น แก ไมเ ทา กนั เชน 1B 2B 3B โดยเบอรม ากจะมคี วาม (วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. สินคาทใ่ี ชใ นชีวิตประจาํ วัน สวนมาก เขมมาก ซึ่งในการสอบปจจุบันท่ีตองระบายสีตัวเลือกท่ีเปนคําตอบที่ถูกตอง มกั กําหนดใหน กั เรยี นใชด ินสอ 2B ข้ึนไป มักเปน สินคาท่ีสามารถนํากลับมาใชไ ดอีกในวันตอๆ ไป หรือใช 2 ปากกา เปนอุปกรณที่ใชสําหรับขีดเขียน ในไสปากกาจะมีนํ้าหมึก ไดซ ํ้าๆ เชน เสอ้ื ผา กระเปา รองเทา สวนรถโดยสารประจําทาง เม่ือขีดเขียนนํ้าหมึกท่ีออกมาจะแหงทันทีเม่ือสัมผัสกับกระดาษ ปากกา ไมใชสินคาท่ีใชในชีวิตประจําวัน แตเปนบริการท่ีชวยอํานวย มีหลายชนิดใหเลือกใช เชน ปากกาลูกล่ืน ปากกาหมึกซึม ปากกาเนน ความสะดวกในการเดนิ ทาง) ขอ ความ เปน ตน T95

นํา สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน กระดาษ เป็นสนิ ค้าท่มี ีไวส้ า� หรับใชร้ องรบั การขดี เขยี น ด้วยดินสอและปากกา ซ่ึงจะมีทั้งท่ีเป็นแผ่นหรือรวมเป็นเล่ม อธบิ ายความรู เรียกว่า สมุด วตั ถุดบิ ท่ีใช้ผลิตกระดาษ คอื เยือ่ จากต้นไมช้ นิด ตา่ ง ๆ เชน่ ตน้ สา ตน้ สน ตน้ ไผ ่ เปน็ ตน้ 4. สมาชิกแตละคูผลัดกันอธิบายความรูที่ได ดงั นั้น กระดาษที่ใชแ้ ต่ละแผน่ จึงตอ้ ง จากการศึกษาเรื่อง สินคาและบริการที่ใช สญู เสยี ตน้ ไมใ้ นการนา� มาใชเ้ ป็น ประโยชนในชีวิตประจําวันตามประเด็นที่ได วตั ถดุ บิ ในการผลิต ถา้ เราใช้กระดาษ รบั มอบหมายใหส มาชกิ คอู นื่ ๆ ภายในกลมุ ฟง อย่างสิน้ เปลอื ง ก็จะส่งผลกระทบ พรอ มทัง้ ผลดั กันซกั ถามจนเขาใจตรงกัน ต่อทรพั ยากรปา่ ไมใ้ หห้ มดไปด้วย ▲▲ กระดาษมีประโยชน์มากมาย เราควรใช้ 5. สมาชิกแตละกลุมชวยกันยกตัวอยางสินคา ให้ค้มุ คา่ และบริการทีใ่ ชป ระโยชนในชวี ติ ประจําวัน สินค้าประเภทใช้ท�าความสะอาดร่างกาย เป็นสินค้าที่ 6. ตัวแทนของแตละกลุมออกมาอธิบายความรู จ�าเป็นส�าหรับทุกคน ท่ีต้องซื้อมาไว้ใช้สอยในชีวิตประจ�าวัน และยกตวั อยา งสนิ คา และบรกิ ารทใ่ี ชป ระโยชน เพ่ือการมีสุขภาพอนามัยท่ีดี เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ในชีวติ ประจาํ วัน แชมพูสระผม เนื่องจากร่างกายของคนเราทุกคนจะมีการขับ ของเสียในร่างกายออกมาอยู่ตลอดเวลา เช่น น้�ามูก น้�าลาย ขยายความเขา ใจ เหง่ือ ท�าให้เรามีกล่ินตัว กลิ่นปาก ที่ไม่สะอาด ในการช�าระ หรือก�าจัดของเสียดังกล่าวน้ี จึงจ�าเป็นต้องใช้สินค้าประเภท 7. นกั เรยี นแตล ะคนนาํ ความรทู ไ่ี ดจ ากการศกึ ษา ทา� ความสะอาดรา่ งกายเหลา่ นเ้ี ปน็ กจิ วตั รประจา� วนั เพอื่ ปอ้ งกนั คนความาทําใบงานท่ี 1.2 เรื่อง สินคและ การสะสมเช้ือโรคท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย เช่น โรค บริการที่ใชประโยชนในชีวิตประจําวัน เสร็จ ผิวหนัง เกลอื้ น เชอ้ื รา โรคในช่องปาก เป็นต้น วัตถดุ ิบที่ใช้ แลวนําสงครูผสู อน ผลิตสินค้ากลุ่มน้ี ส่วนมากได้มาโดยการสกัดจากพืชพรรณ ตามธรรมชาต ิ เช่น มะกรดู มะนาว น�้าผึง้ ดอกไม้ท่มี ีกล่นิ หอม 8. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด เมล็ดพชื บางชนดิ เปน็ ต้น เรอื่ ง สนิ คา และบรกิ ารในชีวติ ประจาํ วัน จาก แบบฝกปฏิบัติทักษะรวบยอด สังคมศึกษาฯ 90 ป.1 หนา 22 9. นักเรยี นตอบคําถามกระตุน ความคิด • เพราะเหตใุ ดเราจงึ ตอ งใชส นิ คา และบรกิ าร ในการดาํ เนนิ ชวี ติ (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน เชน สนิ คา และบรกิ ารบางอยา งมคี วามจาํ เปน ที่ ชวี ติ ไมส ามารถขาดได เชน อาหาร และสนิ คา และบริการบางอยางทําใหการดําเนินชีวิต เปนไปอยางมีความสุข เชน ยานพาหนะ เครอื่ งมอื สอื่ สาร) ตรวจสอบผล 10. ครตู รวจผลงานในใบงานท่ี 1.2 และแบบฝก ปฏิบัตทิ ักษะรวบยอดของนักเรียน เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ในการผลิตกระดาษมีการใชทรัพยากรอื่นๆ ที่นอก การเลอื กซ้อื สินคา และบริการ ควรคาํ นึงถึงสง่ิ ใดมากท่ีสุด เหนือจากเย่ือไมท่ีนํามาทํากระดาษดวย เชน นํ้า ไฟฟา เปนตน ซึ่งกวาท่ีจะ 1. ความคุม คา ไดกระดาษ 1 แผน ตอ งใชท รพั ยากรธรรมชาติมากมาย ดังนน้ั เราจงึ ตองใช 2. ของแถม กระดาษใหคุมคา เชน เขยี นกระดาษทงั้ สองดา นกอนนําไปกําจดั เปนตน 3. สวนลด (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. ในการเลอื กซอื้ สนิ คา และบรกิ ารทถ่ี กู ตอ ง ควรคาํ นงึ ถงึ สง่ิ ตา งๆ ทสี่ าํ คญั กอ น เชน ความจาํ เปน ในการใช ราคา ไมแพงเกินไป คุณภาพของสินคา ความคุม คา กบั เงินที่ตองจา ยไป เปน ตน สว นของแถม สว นลด ควรใหความสาํ คญั ในลาํ ดบั ทายๆ ดังน้ัน ขอ 1. จึงเปน คาํ ตอบทถี่ กู ท่ีสุด) T96

นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒. สนิ ค้าและบริการทไี่ ดม้ าโดยไม่ต้องใช้เงนิ ซ้ือ ขนั้ สรปุ สินค้าและบริการบางอย่างเราต้องใช้เงินซ้ือมา แต่ก็มี สนิ คา้ และบรกิ ารบางอยา่ งทเ่ี ราไมต่ อ้ งใชเ้ งนิ ซอ้ื ซง่ึ วธิ ที ี่ไดส้ นิ คา้ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไี่ ดจ ากการ และบริการเหล่าน้มี ามีหลายวธิ ี ตวั อย่างเช่น เรียนเร่ือง สินคาและบริการที่ใชประโยชน ●▲▲ เป็นของรางวัลที่เราได้มา เชน่ คณุ พอ่ ซือ้ หนังสอื การต์ นู ให้ เพราะ ในชีวติ ประจําวนั เราต้งั ใจเรยี น ของรางวัลท่ีได้จากการแขง่ ขันกีฬา เปน็ ต้น 2. นักเรียนบันทึกความรลู งในสมดุ ●▲▲ เป็นของที่ได้รับเป็นการตอบแทนจากการท�าความดี เช่น เราเก็บ ขน้ั ประเมนิ หนงั สอื ของเพ่ือนทที่ า� ตกได ้ และนา� ไปคืนให้เพ่ือน เพื่อนรู้สึกขอบคณุ และแบ่ง ครปู ระเมินความสามารถในการระบุ อธิบาย ขนมใหเ้ รา เป็นตน้ ความหมายและยกตัวอยางของสินคาและบริการ ที่ใชอ ยใู นชวี ติ ประจาํ วนั ไดผา นใบงานท่ี 1.2 เร่ือง ●▲▲ เปน็ บรกิ ารสาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ หอ้ งสมดุ ชุมชน เป็นต้น สินคาและบริการท่ีใชประโยชนในชีวิตประจําวัน สนิ คา้ และบรกิ ารทกี่ ลา่ วมาน ้ี แมว้ า่ เราจะไมไ่ ดใ้ ชเ้ งนิ ซอ้ื แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด และการตอบคาํ ถาม แต่ในการผลิตสินค้าและบริการก็ต้องใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่าง จา� กดั มาผลติ ดงั นน้ั เราจงึ ควรใชส้ นิ คา้ และบรกิ ารอยา่ งประหยดั และค้มุ คา่ ๓. สินคา้ และบริการที่ได้มาจากการใช้เงนิ ซ้อื อาหาร เป็นสินค้าที่จา� เป็นส�าหรับคนเรา เพราะเราตอ้ ง รับประทานอาหาร จึงจะด�ารงชีวิตอยู่ได้ วัตถุดิบท่ีน�ามาใช้ ท�าอาหารส่วนมากได้จากพืชและสัตว์ และในการซ้ืออาหาร เพ่ือให้คุ้มค่ากับเงินท่ีต้องจ่ายไป เราควรเลือกซื้ออาหารท่ีมี ประโยชน ์ คุณภาพดี และราคาไม่แพงเกินไป ของใช ้ เปน็ สนิ คา้ ทเ่ี ราจา� เปน็ ตอ้ งใช ้ เชน่ เสอ้ื ผา้ ยาสฟี นั สมดุ ดนิ สอ เปน็ ตน้ สงิ่ ของตา่ ง ๆ เหลา่ นมี้ ปี ระโยชนแ์ ตกตา่ งกนั ดงั นนั้ เราควรเลอื กซอ้ื ใหเ้ หมาะสมกบั ประโยชนข์ องการใชส้ อย 91 ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล ใครเลอื กซ้อื สนิ คาไดเ หมาะสมทสี่ ดุ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน 1. จว๋ิ ซื้อรองเทา ใหมเพราะคเู ดมิ ขาด จากใบประเมินช้ินงานท่แี นบทา ยแผนการสอน 2. แจวซอ้ื กระเปา สตางคใหมเ พราะสวยดี 3. จอมซื้อนาฬก าใหมเ พราะอยากไดข องแถม แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจะทาํ ใหไดส ินคา ทต่ี รงตามความ คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี ตองการท่ีจําเปนตองใชในขณะน้ัน และไมสูญเสียเงินโดยเปลา ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ประโยชน) ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1 เนอ้ื หาละเอียดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อนั พึงประสงคด์ ำ้ น 321 2 ความถูกต้องของเน้ือหา 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาทใี่ ชเ้ ข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าทีท่ ไ่ี ด้รับมอบหมาย กษตั ริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีสรา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซอื่ สตั ย์ สุจริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบตั ติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามที่โรงเรียนจัดขึ้น 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกต้อง และเปน็ จรงิ ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งทถ่ี กู ตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั 6. ม่งุ มั่นในการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจาวัน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ิได้ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเป็นไทย 4.2 รูจ้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เชอื่ ฟังคาสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ตงั้ ใจเรียน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพือ่ ให้งานสาเรจ็ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8.2 รู้จกั การดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั ิและสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ ............../.................../................ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั บิ างครัง้ ภมู ศิ าสตร์ ป.1 15 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T97

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั นาํ การบริการ เน่ืองจากคนเราไม่ได้มีความต้องการแต่ เฉพาะสินค้าเท่าน้ัน แต่เรายังมีความต้องการความสุขสบาย ครูถามนักเรียนวา สิ่งของทีน่ กั เรยี นใชใ นชีวิต ทางกาย และความสุขสบายทางใจ หรือความสะดวกด้วย ประจาํ วนั มอี ะไรบาง ใหนักเรยี นยกตัวอยา ง ดงั นน้ั ในชวี ติ ประจา� วนั ของเรา เราจงึ ตอ้ งใชจ้ า่ ยเพอ่ื เปน็ คา่ การบรกิ ารตา่ ง ๆ เชน่ การรกั ษาโรคของหมอ การสอนหนงั สอื (แนวตอบ : พิจารณาตามคําตอบของนกั เรียน ของคร ู การขบั รถบริการของ โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน เชน คนขับรถโดยสารประจ�าทาง กระเปา รองเทา สมดุ ดินสอ กระบอกนา้ํ โตะ การรักษาความสงบเรียบร้อย เกา อ)้ี ของเจา้ หนา้ ทท่ี หารและตา� รวจ เป็นต้น ขนั้ สอน ▲▲ คนขบั รถโดยสาร ใหบ้ ริการในการเดินทาง สงั เกต ๓ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสนิ ค้าและบริการใหค้ ้มุ ค่า เ สอื้ ผสา้ ่ิง อขาอหงาตร่า งไฟ ๆฟ ทา้ เ่ี นราา�้ ใ โชตใ้ ะ๊น เชกีวา้ ิตอป ี้ หรระอื จเ�าควรันอื่ งเสชา่นธ าดรนิณสปู อโ ภกคร1ตะดา่ งา ษๆ 1. ครูเขียนส่ิงของที่นักเรียนยกตัวอยางบน เช่น ไฟฟ้า น�้าประปา ซ่ึงสิ่งเหล่านี้ผลิตจากทรัพยากรที่มีอยู่ กระดาน อยา่ งจา� กดั ดงั นน้ั การใชส้ งิ่ ของตา่ ง ๆ จงึ ถอื เปน็ การใชท้ รพั ยากร ๑. การใชส้ ิ่งของทเ่ี ปน็ ของส่วนตวั 2. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น สง่ิ ของทเี่ ปน็ ของสว่ นตวั เชน่ สมดุ ดนิ สอ เสอ้ื ผา้ อาหาร ถึงสิ่งของท่ีนักเรียนใชในชีวิตประจําวันบน เปน็ ตน้ เป็นส่งิ ทเี่ ราใช้หรือบริโภคในชีวติ ประจา� วนั ซง่ึ สิ่งของ กระดานท่คี รูเขยี นไววา มสี ิง่ ของใดบา งทเี่ ปน ตา่ ง ๆ เหลา่ นเี้ ราควรใชอ้ ยา่ งถกู วธิ ี ใชอ้ ยา่ งประหยดั และใหเ้ กดิ ของสว นตวั และมสี ง่ิ ของใดบา งทเ่ี ปน สว นรวม ประโยชนค์ ุม้ ค่าท่สี ุด เชน่ ใช้สมดุ ใหค้ รบทกุ หน้า รบั ประทาน อาหารให้หมดจาน ไมเ่ หลือทิ้ง เปน็ ตน้ วเิ คราะหวิจารณ 3. ครูนําภาพสิ่งของที่เปนสวนตัวและส่ิงของ ที่เปนสวนรวมมาใหนักเรียนดู เชน เสื้อผา รองเทา กระเปา สมดุ ดินสอ ยางลบ อุปกรณ กีฬา โตะเรยี น เกา อ้ี 4. ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยการตอบ คําถามจากภาพ เชน - ภาพใดท่ีเปนสิ่งของสวนตัวและภาพใดเปน ส่ิงของสวนรวมและนักเรียนมีวิธีการแยก ส่ิงของสวนตัวและสง่ิ ของสวนรวมอยางไร - นกั เรยี นมวี ธิ กี ารใชส งิ่ ของสว นตวั และสง่ิ ของ สว นรวมใหประหยดั และคุมคา ไดอ ยางไร - เพราะเหตใุ ดเราจงึ ตอ งใชส งิ่ ของตา งๆ อยา ง ประหยดั และคมุ คาท่ีสุด 92 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 สาธารณปู โภค คือ การบรกิ ารขั้นพนื้ ฐานเพอ่ื ประโยชนแกประชาชนท่วั ไป บุคคลใดตอไปนม้ี ีหลกั ในการใชส ินคา และบริการไดอ ยา งคมุ คา เชน ไฟฟา นาํ้ ประปา ถนน โทรศพั ท เปน ตน สง่ิ เหลา นเี้ กดิ จากการดาํ เนนิ การ 1. นุชกนิ อาหารเหลอื ทิง้ ทุกวนั ของรัฐเพือ่ อาํ นวยความสะดวกในการดาํ เนนิ ชวี ิตใหก บั ประชาชน 2. แนนนํานา้ํ ลางจานไปรดตนไม 3. นวิ เปดไฟทิ้งไวก อนออกจากบาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 2. การใชส นิ คา และบรกิ ารใหค มุ คา สามารถ ทําไดหลายวิธี เชน รับประทานอาหารใหหมดจานไมเหลือท้ิง ใชกระดาษใหหมดทุกหนากอนทิ้ง รูจักซอมแซมส่ิงของเคร่ืองใช ตางๆ ท่ีชํารุดเพื่อนํามาใชตอ ปดไฟทุกคร้ังหลังใชงานเสร็จแลว ปดกอ กนํา้ ใหสนิท นาํ นาํ้ ลางจานไปรดน้ําตนไม เปนตน) T98

นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๒. การใช้สิ่งของทเ่ี ป็นของสว่ นรวม ขนั้ สอน (ตอ) สง่ิ ของทเ่ี ปน็ ของสว่ นรวม เช่น โต๊ะ เกา้ อี ้ อุปกรณ์กฬี าทมี่ ี วิเคราะหว ิจารณ ในโรงเรยี น หอ้ งนา้� ถอื เปน็ สมบตั ิ ส่วนรวม เราจึงควรช่วยกันดูแล 5. ครใู หน กั เรยี นกลมุ เดมิ จบั คกู นั แลว ใหน กั เรยี น รักษา และใช้ให้ถูกวิธี ใช้อย่าง แตละคูรวมกันศึกษาความรูเร่ือง การใช ประหยัดและใช้ให้เกิดประโยชน์ ประโยชนจากสินคา และบรกิ ารใหคุม คา จาก คุ้มค่าทส่ี ุด เชน่ ไมข่ ดี เขียนโต๊ะ หนังสือเรียน หนา 92-93 ตามประเด็นที่ ปด กอ๊ กนา้� ใหส้ นทิ หลงั ใช ้ เปน็ ตน้ กาํ หนด ดงั นี้ • คทู ่ี 1 ศกึ ษาเรอ่ื ง สง่ิ ของท่เี ปนสว นตัว ▲▲ เมอื่ ใชน้ า้� แล้วต้องปด กอ๊ กน้า� ให้สนิท • คทู ี่ 2 ศกึ ษาเรอ่ื ง สิง่ ของทีเ่ ปนของสวนรวม กจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรู้ 6. สมาชกิ แตล ะคใู นกลมุ ผลดั กนั อภปิ รายความรู และประเดน็ สาํ คญั ทไ่ี ดจ ากการศกึ ษาในชวั่ โมง ๑. วาดภาพหรือหาภาพสิ่งของที่นักเรียนเคยซ้ือมาใช้ ติดลงใน ทผ่ี า นมา แลว ผลดั กนั ซกั ถามจนมคี วามเขา ใจ กระดาษ แล้วเขยี นบอกประโยชน์ใชส้ อยของส่ิงของนนั้ จากนัน้ ชดั เจน ใหน้ �าเสนอผลงานหน้าช้นั ๒. ยกตัวอย่างการใช้ส่ิงของในชีวิตประจ�าวันอย่างประหยัด มาพอ 7. สมาชิกแตละคูรวมกันทําใบงานที่ 1.3 เร่ือง เข้าใจ เชน่ ดนิ สอ สบ ู่ โต๊ะ เส้ือผา้ อาหาร ไฟฟา้ ฯลฯ การใชประโยชนจากสินคาและบริการให คมุ คา เสรจ็ แลวตรวจสอบความถูกตอง 8. ครแู ละนกั เรยี นชวยกนั เฉลยคาํ ตอบในใบงาน 9. นักเรียนชวยกันเสนอแนะวิธีการใชทรัพยากร ทง้ั ของสว นตวั และของสว นรวมใหถ กู ตอ งและ ประหยัดคุมคาตอ งทําอยางไร กจิ กรรมรวบยอด ขน้ั สรปุ ๑. เขียนแสดงความคดิ เห็นวา่ เพราะเหตใุ ดเราจงึ ตอ้ งใช้สินคา้ สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู รอ่ื ง การใช ประโยชนจ ากสนิ คาและบริการใหคุมคา 2. นักเรียนบันทึกความรูล งในสมุด และบรกิ ารในการดา� รงชีวติ มาพอเข้าใจ ขนั้ ประเมนิ ๒. สรุปการเลือกซอ้ื สนิ คา้ และบริการทถี่ กู ตอ้ งมาพอเข้าใจ จากน้ันครูและนักเรยี นเขยี นเป็นแผนผังความคดิ แล้วนา� เสนอ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถยกตัวอยาง หนา้ ชนั้ เรียน สิ่งของที่เปนของสวนตัวและของสวนรวม และ 93 เสนอแนะวิธีการใชทรัพยากรทั้งของสวนตัวและ สวนรวมอยางถูกตองและประหยัดคุมคาไดผาน ใบงานที่ 1.3 การอภิปรายและการตอบคาํ ถาม แนวทางการวัดและประเมินผล ครศู ึกษาแนวทางการวัดและประเมนิ ผลเพ่อื ประเมินชนิ้ งานของนกั เรยี นจากใบประเมนิ ชิ้นงานที่แนบทา ยแผนการสอน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องที่ คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1 เน้ือหาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อนั พึงประสงค์ด้ำน 321 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ืน่ 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาท่ใี ชเ้ ข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ่ีไดร้ บั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ทไี่ ดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซ่อื สัตย์ สุจริต ต่อโรงเรียน 3. มวี นิ ัย รับผิดชอบ 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ียวกับสถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามท่โี รงเรยี นจัดข้นึ 2.1 ใหข้ ้อมูลทถ่ี ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน 5. อยู่อย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบัติในสงิ่ ทถี่ กู ตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว 6. ม่งุ มนั่ ในการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รูจ้ กั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เชื่อฟังคาสง่ั สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรยี น เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 5.1 ใช้ทรพั ยส์ ินและสิ่งของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ กั การดแู ล รกั ษาทรัพยส์ มบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ภมู ศิ าสตร์ ป.1 15 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T99

นาํ นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั นาํ òº··èÕ ¨‹ÒÂ໹š ÍÍÁä´Œ äÁ¢‹ ´Ñ ʹ กิจกรรมนําสูการเรียน 1. ครูถามนักเรียนวา ไดรับเงินคาขนมมาคนละ กี่บาท แลวนกั เรยี นใชจ า ยในแตละวันอยา งไร บา ง 2. ครูถามนักเรียนวา นักเรียนเคยเก็บออมเงิน หรือไม ถาเคยนักเรียนเก็บออมเงินโดยวิธีใด ใหนักเรียนตอบตามทีน่ กั เรยี นเคยปฏิบตั ิ ขนั้ สอน 1. ครูใหนักเรียนดูภาพการออม เชน เด็กหยอด กระปกุ เปนตน แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น แมค่ รับ นา้� ผลไมร้ า้ นนีร้ าคาถูกจัง จากภาพ แลว ตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี ผม«อื้ รา้ นนดี้ ีกวา่ ครบั • นกั เรยี นเคยปฏิบตั ิเหมอื นในภาพหรอื ไม • การปฏบิ ัตเิ ชน น้ีมีประโยชนอยางไร เพื่อน ๆ เคยปฏิบัตเิ หมอื นกบั 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเขาใจวา ภาพที่ เดก็ ในภาพนหี้ รอื ไม การปฏบิ ตั เิ ชน น้ี ครูนํามาใหนักเรียนดูน้ันเปนภาพการเก็บเงิน รายไดสวนหน่ึงไวเพื่อใชประโยชนในอนาคต มปี ระโยชนอยา งไร หรือเก็บเอาไวใชเ มือ่ ยามจาํ เปน 3. ครูใหนักเรียนจับคูกัน แลวใหแตละคูศึกษา แนวคดิ สาํ คญั ความรูเรื่อง ความหมายของการออม จาก หนังสอื เรียน หนา 95 ¤¹àÃÒµŒÍ§·íÒ§Ò¹ËÒÃÒÂä´Œà¾×è͹íÒÁÒ㪌¨‹ÒÂã¹ 4. นักเรียนแตละคูผลัดกันอภิปรายความรูและ ¡ÒôÒí çªÇÕ µÔ áµÃ‹ ÒÂä´¢Œ ͧàÃÒ¹¹Ñé ÍÒ¨ÁäÕ Áà‹ ¾ÂÕ §¾Í¡ºÑ ʧèÔ ·àèÕ ÃÒ ประเด็นสําคัญที่ไดจากการศึกษากับคูของตน ÍÂÒ¡ä´Œ ´§Ñ ¹¹éÑ àÃÒ¨§Ö µÍŒ §Ã¨ŒÙ ¡Ñ àÅÍ× ¡«Íé× Ê¹Ô ¤ÒŒ áÅÐºÃ¡Ô ÒÃãËàŒ ËÁÒÐÊÁ แลว ผลดั กันซักถามจนมีความเขาใจชดั เจน ÃÇÁ·é§Ñ 㪌¨‹ÒÂãËŒà¾ÂÕ §¾Í¡ºÑ ÃÒÂÃѺ·Õäè ´ŒÃѺ 94 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหนักเรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี • อธบิ ายเกย่ี วกับการใชจ า ยเงินไมเกนิ ตัวและการออม • แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั การใชจ า ยเงนิ ไมเ กนิ ตวั และการออม • นาํ ความรูไปใชเก่ยี วกับการใชจา ยเงนิ ไมเกินตวั และการออม • วเิ คราะหจ ากประเด็นคําถามและภาพเกย่ี วกบั การใชจ า ยเงินไมเกนิ ตวั และการออม จนเกิดเปนความรคู วามเขาใจวา การดํารงชวี ติ อยางม่ันคงและไมเ ดือดรอน ตองมกี ารวางแผนการใชจ า ยเงินอยางเหมาะสม และรูจกั ออมเงินเพื่อไวใชจ า ย ในยามจาํ เปน T100

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๑ ความหมายของการออม ขนั้ สอน การออม หมายถึง การเก็บเงินรายได้ส่วนหนึ่งไว้เพื่อใช้ 5. ครูสุมตัวแทนของแตละคูออกมาอภิปราย ประโยชน์ในอนาคต หรือเก็บเอาไว้ใช้จา่ ยเมื่อยามจา� เปน็ เชน่ ความรทู ่ไี ดจากการศกึ ษาทหี่ นาชน้ั เรยี น แลว ยามทคี่ นในครอบครวั เจบ็ ปว่ ย ซงึ่ อาจตอ้ งใชจ้ า่ ยเงนิ จา� นวนมาก ใหนักเรียนคูอื่นที่มีความคิดเห็นแตกตาง ในการรักษา และบางครั้งผู้ท่ีเจ็บป่วยเป็นหัวหน้าครอบครัว อภิปรายเพ่ิมเติม หากมีขอสงสัยใหซักถาม ท�าให้ไม่สามารถออกไปท�างานหาเงินมาเล้ียงครอบครัวได้ จนมีความเขาใจตรงกนั แตถ่ า้ เรามเี งนิ ออมไวก้ จ็ ะชว่ ยลดความเดอื ดรอ้ นของครอบครวั ลงได ้ เป็นตน้ 6. ครูใหน กั เรยี นแตละคนจดบนั ทกึ การออมเงนิ การเก็บเงินออมในปัจจุบัน เช่น ใส่กระปุกหรือน�าไปฝาก ของตนเอง เปน เวลา 5 วัน แลว บันทึกลงใน ธนาคาร ซ่ึงการน�าเงินไปฝากธนาคารจะท�าให้มีเงินส่วนหน่ึง ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง การออมเงิน (ครนู ดั หมาย ตอบแทนใหก้ บั ผฝู้ ากออม เรยี กวา่ ดอกเบยี้ การสงใบงานตามความเหมาะสม) เด็กคนน้ีฉลาด 7. นกั เรียนตอบคาํ ถามกระตนุ ความคิด รจู้ กั เกบ็ ออมเงนิ • คา ใชจา ยสว นตัวของนักเรยี นมีอะไรบา ง (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ▲▲ การออมเงนิ ทา� ใหเ้ รามเี งนิ ไวใ้ ชจ้ า่ ยเมอื่ คราวจา� เปน็ โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน เชน คา ขนม คาอาหารกลางวัน ) ใครเคยออมเงนิ บา้ ง และมวี ธิ ีการออมอย่างไรครบั ขน้ั สรปุ 1. ครูและนกั เรยี นรว มกันสรุปความรเู รอ่ื ง ความหมายของการออม 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความรลู งในสมุด ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถบอกความ หมายและเห็นประโยชนของการออมไดผาน ใบงานที่ 2.1 การอภปิ รายและการตอบคําถาม 95 าผูภ ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล มสะามหเมาตดานขม�ิพเอืรหดล ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน จากใบประเมนิ ชนิ้ งานทแ่ี นบทา ยแผนการสอน ในวัยของนักเรียน ควรเกบ็ ออมเงนิ อยา งไรจงึ จะเหมาะสมทีส่ ุด 1. ซอื้ เปนพนั ธบัตร แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 2. หยอดกระปุกออมสิน 3. เก็บเปน เงนิ สาํ รองเลี้ยงชพี คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งที่ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ (วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ 2. นักเรียนยังอยูในวยั เรียน ยงั ไมมีรายได ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน หรือรายรับมากนัก จึงควรเก็บออมเงินจากเงินคาขนมท่ีไดรับใน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน แตละวัน โดยนักเรียนใชจายบางสวน เม่ือเหลือจากการใชจาย 1 เนอื้ หาละเอียดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพงึ ประสงคด์ ำ้ น 321 ควรนาํ เงินนนั้ ไปหยอดกระปุกออมสนิ ) 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาที่ใชเ้ ข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่สร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อโรงเรียน 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่ีเก่ียวกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจัดขึ้น 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏบิ ตั ิในส่ิงทีถ่ กู ต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั 6. ม่งุ มั่นในการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวัน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ ักใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัติได้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 4.2 รู้จักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เชือ่ ฟังคาส่ังสอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรยี น เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยดั ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ คา่ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสาเรจ็ 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน 8.2 รู้จกั การดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัติและสิ่งแวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติบางคร้ัง ภมู ศิ าสตร์ ป.1 15 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 16 ภูมิศาสตร์ ป.1 18 T101

นํา นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั นาํ ๒ การรจู้ กั วางแผนการใชจ้ า่ ย 1. ครเู ปด คลปิ นทิ านเรอ่ื ง ฝา ยเกบ็ ออม ใหน กั เรยี น การใช้จ่ายเงินเพ่ือซื้อสินค้าและการบริการ อาจแบ่งเป็น ดู โดยเปด จาก https://www.youtube.com/ ๒ สว่ น ดงั น้ี watch?v=42Jbseo6FOs ๑) คา่ ใชจ้ ่ายทีเ่ ปน็ สว่ นตวั เช่น คา่ ของกินของใชส้ ว่ นตัว ซึ่งจะมีทั้งรายจ่ายส�าหรับสินค้าท่ีจ�าเป็นส�าหรับการด�ารงชีวิต 2. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั บอกขอ คดิ ทไ่ี ดจ ากนทิ าน และบางทกี จ็ ะมสี นิ คา้ ประเภทสนิ คา้ ฟมุ่ เฟอื ยท่ีไมจ่ า� เปน็ ตอ่ การ (เชน เราควรรูค า ของเงิน รจู ักประหยดั ) ดา� รงชีวติ ด้วย ซึ่งตอ้ งระมัดระวังในการใชจ้ ่าย ๒) ค่าใช้จ่ายท่เี ปน็ สว่ นของสงั คม เชน่ ชว่ ยท�าบญุ งานศพ ขน้ั สอน งานแตง่ ผา้ ปา่ กฐนิ และบรจิ าคเพอื่ สาธารณกศุ ลตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน แลว ให ๓ วธิ ีวางแผนการใชจ้ า่ ย นกั เรยี นแตล ะกลมุ จบั คกู นั เปน 2 คู ใหแ ตล ะคู ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง การรจู กั วางแผนการใชจ า ย การวางแผนการใช้จ่ายสามารถท�าได ้ ดังน้ี จากหนังสือเรียน หนา 96 ๑) ใชว้ ธิ แี บง่ เงนิ รายไดเ้ ปน็ สดั สว่ น เมอ่ื เรามรี ายไดท้ ี่ไดม้ า ต้องแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คอื 2. สมาชิกแตละคูมารวมกลุมเดิม แลวผลัด (๑) แบง่ เกบ็ ไว้เปน็ ค่าใช้จา่ ยในอนาคต คอื เงนิ ออม กันอภิปรายความรูและประเด็นสําคัญที่ได (๒) เก็บไว้ใช้จ่ายในชวี ิตประจ�าวัน จากการศึกษาใหสมาชิกอีกคูในกลุมฟงแลว แตส่ ดั สว่ นของการเกบ็ ออม ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเทา่ กนั ทกุ คน ผลัดกันซกั ถามจนเขา ใจตรงกนั เพราะความจา� เปน็ ของแตล่ ะคนตา่ งกนั บางคนรายจา่ ยปจั จบุ นั 3. ครูใหตัวแทนของแตละกลุมออกมาอภิปราย ความรูทีไ่ ดจากการศกึ ษาทหี่ นาชนั้ เรียน แลว ใหนักเรียนกลุมอื่นที่มีความคิดเห็นแตกตาง อภิปรายเพ่ิมเติม หากมีขอสงสัยใหซักถาม จนเขาใจตรงกนั 4. ครูใหนักเรียนแตละคนทําใบงานท่ี 2.2 เร่ือง การใชจายเงิน จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียน ออกมานาํ เสนอใบงานท่หี นาชัน้ เรียน 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด เรอ่ื ง จา ยเปน ออมได ไมข ดั สน จากแบบฝก ปฏบิ ตั ิ ทกั ษะรวบยอด สังคมศึกษาฯ ป.1 หนา 23 ขน้ั สรปุ มีมาก ก็จะมีเงินเหลือเก็บเป็นรายจ่าย ถ้าเรา ในอนาคตน้อยลง แต่บางคนมีรายจ่าย ไมร่ จู้ ักวางแผน ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู รอ่ื ง การรจู กั ปัจจุบันน้อย ก็จะท�าให้มีเงินเหลือเก็บ การใช้จ่ายทด่ี ี วางแผนการใชจ า ย เป็นรายจา่ ยในอนาคตมากข้นึ จะเกดิ ผลเสยี อย่ำงไรนะ ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถวางแผน ใชจายเงินในชีวิตประจําวันไดเหมาะสมผาน 96 ใบงานที่ 2.2 การอภปิ รายและการตอบคาํ ถาม มสะามหเมาาตกผดาิจภูนกขมรพิ� รเอมรื หดทลาทาย แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินชิ้นงานของนักเรียน ครใู หน กั เรยี นคดิ วา “ถา นกั เรยี นออม 1 สว น ใช 3 สว น” ใน 3 จากใบประเมนิ ช้ินงานทแี่ นบทา ยแผนการสอน สว นทนี่ าํ มาใช นกั เรยี นจะแบงเปน คา ใชจายประเภทใดบา ง และ คาใชจ ายแตล ะประเภทจะใชก สี่ ว น เชน คา ใชจา ยสว นตวั 2 สวน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาใชจ า ยท่ีเปน สวนของสังคม 1 สวน เปนตน คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในช่องที่ คำชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1 เน้ือหาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อนั พงึ ประสงคด์ ้ำน 321 2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาที่ใชเ้ ข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าทท่ี ไี่ ดร้ ับมอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ่ไี ด้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซือ่ สัตย์ สุจริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏบิ ัตติ ามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจัดข้นึ 2.1 ให้ข้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏบิ ตั ิในส่ิงทถ่ี ูกตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครวั 6. มงุ่ มั่นในการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวนั ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รูจ้ ักใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 ร้จู ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มีจิตสาธารณะ 4.3 เชอ่ื ฟังคาส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ตั้งใจเรียน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยดั ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ณุ ค่า ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ กั การดูแล รกั ษาทรพั ยส์ มบัติและสงิ่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ............../.................../................ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างคร้งั ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมิศาสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T102

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมิน ๒) ใช้จา่ ยเงินซือ้ ของในแต่ละครัง้ ต้องคา� นงึ ถงึ ความค้มุ ค่า ขน้ั นาํ เมอื่ จะใชจ้ า่ ยตอ้ งคา� นงึ วา่ กวา่ พอ่ แมจ่ ะไดเ้ งนิ มาแตล่ ะบาทแตล่ ะ สตางค ์ ตอ้ งเหนอื่ ยยากล�าบากในการท�างานหาเงนิ เพื่อเลย้ี งดู 1. ครูใหนักเรียนผลัดกันเลาเก่ียวกับการใชจาย ลูก ๆ และครอบครัว และต้องเก็บออมเงินไว้ใช้จ่ายในเวลา ของตนเองใหสมาชิกในกลุมฟงแบบเลาเร่ือง จา� เป็น ดงั น้ัน เราซึ่งยังเปน็ เด็กและหาเงินใช้จา่ ยเองยังไมไ่ ด ้ รอบวง จงึ ต้องใชจ้ า่ ยเงนิ อย่างประหยัด และรู้คุณคา่ ของเงนิ 2. ครูถามนักเรียนวา ครอบครัวของนักเรียนมี ▲▲ การท�างานท่ีสจุ ริตแม้จะมีรายได้นอ้ ย แต่ก็ทา� ใหเ้ กิดความภาคภูมิใจ วิธีการวางแผนคาใชจายอยางไร จากน้ันครู อธบิ ายเชอื่ มโยงใหน กั เรียนเขา ใจวา เมอ่ื เรามี ๔ ประโยชนข์ องการรจู้ ักเก็บออม รายไดที่เขามาจะตองแบงเปนสัดสวน เพื่อไว ใชจายในชีวิตประจําวัน และแบงเก็บออมไว การรู้จักเก็บออมเงินมีประโยชน์ต่อตัวเราและครอบครัว เปน คา ใชจ ายในอนาคต ของเรามาก เพราะจะช่วยให้เรามีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจ�าเป็น เชน่ สมาชกิ ในครอบครวั เจบ็ ปว่ ย เรากส็ ามารถนา� เงนิ ทเ่ี กบ็ ออม ขน้ั สอน ไวม้ าใชไ้ ด้ ถา้ เราต้องการซื้อสิ่งของท่ีอยากไดก้ ็สามารถใช้เงนิ ทเี่ กบ็ ออมไว้โดยไม่ตอ้ งขอเงนิ จากพอ่ แม ่ เปน็ ต้น 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ทดลองวางแผนการใช นอกจากน้ี ถ้าเรามีเงินออมมาก ๆ เราอาจแบ่งไปลงทุน จายตามความคดิ ของสมาชกิ ในกลมุ จากน้ัน ประกอบอาชพี เสริม ทา� ให้ครอบครัวมีรายได้เพมิ่ ขึน้ ศึกษาวิธีวางแผนการใชจายจากหนังสือเรียน หนา 96-97 แลวเปรียบเทียบกับการวางแผน 97 การใชจายที่ทดลองทําวา เหมาะสมหรือไม อยางไร จากนั้นใหนักเรียนแตละคนในกลุม นาํ ความรทู ไี่ ดจ ากการศกึ ษามาทาํ ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง วธิ วี างแผนการใชจ าย 2. สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเลาผลงานใน ใบงานของตนใหส มาชกิ คนอนื่ ฟง ทลี ะคนแบบ เลาเรอ่ื งรอบวง แลว สมาชิกแตละกลุมรวมกัน สรปุ ผลงานของทกุ คนเพอ่ื เปน คาํ ตอบของกลมุ 3. ตัวแทนกลุมออกมานําเสนอใบงานที่หนา ช้ันเรียน โดยครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง ปฏบิ ัติ ขน้ั สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรุปความรูเร่อื ง วิธวี างแผนการใชจ าย ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถใชจายเงิน ในชีวิตประจําวันไดเหมาะสมหรือไมผานใบงาน ที่ 2.3 การเลา เรอ่ื งและการตอบคําถาม ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ ใดคอื ประโยชนข องการออม ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน 1. เพ่อื นๆ ไวใ จ จากใบประเมนิ ช้นิ งานท่ีแนบทายแผนการสอน 2. มเี งนิ ไวใ ชใ นคราวจาํ เปน 3. ไดร บั การยกยอ งจากผอู น่ื แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. เราเปนเด็กควรรูจักออมเงิน เพราะ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี คำช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ การออมเงินจะทําใหมีเงินไวใชในคราวจําเปน เชน เจ็บปวย ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ซื้ออุปกรณการเรียน เปนตน สวนการไดรับการยกยองจากผูอื่น หรือเพ่อื นๆ ไวใจ ไมใชป ระโยชนข องการออม) ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1 เนือ้ หาละเอยี ดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพึงประสงค์ด้ำน 321 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาท่ีใช้เข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับมอบหมาย กษตั ริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทสี่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ท่ีได้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธกี ารนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซื่อสตั ย์ สุจริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ัตติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามทโ่ี รงเรยี นจัดขน้ึ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี ูกตอ้ ง และเปน็ จริง ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏบิ ตั ิในส่งิ ทถี่ ูกต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ ักใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 ร้จู ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มจี ติ สาธารณะ 4.3 เชอื่ ฟังคาสงั่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรยี น เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทางานที่ได้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออุปสรรคเพือ่ ให้งานสาเร็จ 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทางาน 8.2 รจู้ ักการดูแล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั ิและสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ภมู ิศาสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภูมศิ าสตร์ ป.1 18 T103

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ ๕ ประโยชน์ของการใช้จา่ ยเงินไมเ่ กนิ ตัว และโทษของการใชจ้ ่ายเงนิ เกินตวั ครูสนทนากับนักเรียนวา ในการออมเงินจะ ตองมีวินัยในการออมและตองตั้งเปาหมายใน การใช้จ่ายเงินไม่เกินตัว คือ การใช้จ่ายเงินไม่เกินรายได ้ การออมใหชัดเจน ซึ่งเปาหมายเปนส่ิงที่กําหนด ท่ีเราได้มา เช่น พ่อแม่ให้เงินเราไปโรงเรียนวันละ ๓๐ บาท จาํ นวนเงินออมและระยะเวลาในการออมตางกนั เราต้องใช้จ่ายเท่าที่จ�าเป็น และไม่ควรใช้จ่ายให้มากกว่าเงิน ท่ีพ่อแม่ให้มา ถ้าหากเราต้องการซ้ือสิ่งของที่มีราคาเกินกว่า ขนั้ สอน เงินที่เราได้รับในแต่ละวัน เราควรออมเงินไว้ เม่ือได้ครบแล้ว จงึ คอ่ ยน�าไปซ้อื เป็นต้น สังเกต การใช้จ่ายเงินท่ีไม่เกินตัวมีประโยชน์ต่อเราในหลายด้าน เช่น 1. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันศึกษาความรูเร่ือง ● ทา� ให้เรามีเงินเพยี งพอในการใช้จ่ายในแตล่ ะวนั ประโยชนของการรูจักเก็บออม จากหนังสือ ● ท�าใหเ้ ราไมต่ อ้ งไปกยู้ มื คนอนื่ ซงึ่ จะทา� ใหเ้ รามหี นีส้ นิ เรยี น หนา 97 ● ท�าให้ครอบครัวของเราสามารถบริหารจัดการกับรายได้ และรายจา่ ยของครอบครัวได้เหมาะสม 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การลดรายจายลงดวย ● ท�าให้สมาชกิ ในครอบครวั มคี วามสขุ การรูจักใชจายเทาท่ีจําเปนและเหมาะสม การใช้จ่ายเงินเกินตัว คือ การใช้จ่ายเงินเกินรายได้ที่เรา จะทําใหเรามีเงนิ ออมมากขึ้น ได้มา ซ่ึงถ้าเราใช้จ่ายเงินเกินตัว ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ไม่เห็นคุณค่าของเงิน ใช้จ่ายเงินซ้ือของท่ีไม่จ�าเป็น จะก่อให้ วิเคราะหว จิ ารณ เกิดผลเสียต่อเราและครอบครัวของเรา เช่น ท�าให้ครอบครัว ไมม่ เี งนิ เหลือเก็บออม มหี นส้ี ิน ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวมี 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ความล�าบากและไม่มีความสุข เป็นตน้ เก่ียวกับประโยชนของการรูจักเก็บออม ทั้ง ประโยชนตอตัวนักเรียนเอง ประโยชนตอ 98 ครอบครวั และประโยชนในอนาคต 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ชว ยกนั ทาํ ใบงานที่ 2.4 เรอื่ ง ประโยชนข องการรจู ักออม จากนน้ั ใหตัวแทน กลมุ ออกมานาํ เสนอใบงานทห่ี นา ชน้ั เรยี น โดย ครูเปน ผูตรวจสอบความถกู ตอง ขนั้ สรปุ สรปุ ครูและนักเรยี นรวมกนั สรุปความรูเร่ือง ประโยชนของการรูจกั เกบ็ ออมç ขนั้ ประเมนิ ครตู รวจสอบวา นกั เรยี นสามารถบอกประโยชน ของการรจู ักเก็บออมไดผ านใบงานท่ี 2.4 การอภปิ รายและการตอบคาํ ถามç แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู ขอสอบเนน การคิด ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินชิ้นงานของนักเรียน นกั เรยี นคิดวาการใชจา ยเงนิ ท่ีดคี วรมลี ักษณะอยางไร จากใบประเมินช้นิ งานทแ่ี นบทา ยแผนการสอน 1. ซือ้ สนิ คา เทา ท่จี ําเปน 2. ซื้อสนิ คา ทลี ะมากๆ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3. ซอ้ื สนิ คา ตามอยางเพอ่ื น คาช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในช่องท่ี คาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องท่ี คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่องที่ ç(วเิ คราะหคําตอบ ขอ 1. ลกั ษณะการใชจา ยเงินทดี่ ี คอื ซอ้ื สินคา ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน เทาท่ีจําเปน ไมซ้ือสินคาฟุมเฟอยและมีราคาแพงมากๆ มาใช และรูจักเหลือเงินไวเ ก็บออมเพือ่ ใชใ นคราวจําเปน) ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1 เนือ้ หาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพึงประสงค์ดำ้ น 321 2 ความถูกต้องของเน้อื หา 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาทใี่ ช้เข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหน้าทท่ี ี่ได้รับมอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซ่ือสัตย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏบิ ัตติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ กี่ยวกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรียนจัดข้นึ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง และเปน็ จริง ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน 5. อยู่อย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ิในส่งิ ท่ถี ูกตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั 6. มุ่งมั่นในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวัน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รูจ้ ักใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเปน็ ไทย 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มจี ติ สาธารณะ 4.3 เชือ่ ฟังคาสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรียน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและส่งิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ณุ คา่ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผูป้ กครอง และครทู างาน 8.2 รูจ้ ักการดูแล รักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละส่งิ แวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิบางคร้งั ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภมู ิศาสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T104

นาํ นาํ สอน สรุป ประเมิน สรุปว่า ถ้าหากเราไม่รู้จักวางแผนในการใช้จ่ายเงินให้ดี ขน้ั นาํ กอ็ าจเกดิ ปญั หาในการด�ารงชวี ติ ของเราได้ ดงั นน้ั การวางแผน ในการใชจ้ า่ ยเงนิ ใหเ้ หมาะสมจะท�าใหช้ วี ติ ของเรามคี วามมน่ั คง ครูสนทนากับนักเรียนวา ถาเราใชจายเงิน ตลอดชวี ิต ทัง้ ในปจั จบุ ันและในอนาคต เกินตัวจะสงผลเสียอยางไร ใหนักเรียนตอบตาม ความคิดเห็นของตน กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ขน้ั สอน ๑. ใหน้ ักเรยี นออมเงินเปน็ เวลา ๑ เดือน เมื่อครบกา� หนดเวลา แล้วให้นับดูว่ามีจ�านวนเท่าใด แล้วเขียนบอกความรู้สึกของตน สงั เกต ว่านักเรยี นมคี วามร้สู ึกอยา่ งไรกับจ�านวนเงนิ ดงั กล่าว ๒. ใหน้ กั เรยี นวางแผนวา่ ควรใชจ้ า่ ยอยา่ งไร เพอื่ ใหม้ เี งนิ ออมมากขน้ึ 1. ครูใหนักเรียนสังเกตการใชจายในแตละวันวา ๓. ใหน้ กั เรียนวางแผนการใชจ้ ่ายเงินของตนเปน็ เวลา ๑ สปั ดาห ์ มคี าใชจ า ยอะไรบา ง จากน้ันใหน กั เรยี นแตล ะ พรอ้ มจดบนั ทึกการใชจ้ า่ ยเงินของตนลงในสมุด จากนั้นน�าผล คนวิเคราะหคาใชจายของตนวามีรายรับและ การบันทกึ มาศึกษาวา่ เป็นการใชจ้ า่ ยเงินท่เี หมาะสมหรอื ไม่ รายจายในแตล ะวันเปน อยางไร และมีข้อควรปรบั ปรุงแกไ้ ขอย่างไรบ้าง 2. ครูอธิบายเช่ือมโยงใหนักเรียนเขาใจวา ถา กิจกรรมรวบยอด นักเรียนไมรูจักวางแผนในการใชจายเงินใหดี ก็อาจเกดิ ปญหาในการใชจายได ๑. ทา� สมดุ บันทึกรายรับ-รายจา่ ยประจา� วันของตนเอง แล้วน�าไป บนั ทึกเป็นเวลา ๑ สัปดาห ์ แลว้ น�าผลการบันทึกมาตรวจสอบ วเิ คราะหว จิ ารณ กบั เพอ่ื น ถา้ พบวา่ ไมเ่ หมาะสม ใหว้ างแผนปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม การใชจ้ า่ ยใหม ่ 3. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาความรูเรื่อง ๒. ให้นกั เรยี นออกแบบและประดษิ ฐก์ ระปกุ ออมสินคนละ ๑ ใบ ประโยชนของการใชจายเงินไมเกินตัว และ โดยใชว้ ัสดหุ รือเศษวสั ดเุ หลอื ใช ้ แล้วผลดั กันน�าเสนอผลงาน โทษของการจายเงินเกินตัว จากหนังสือเรียน จากนั้นน�าไปใช้ออมเงนิ ในชวี ติ จรงิ หนา 98-99 99 4. นักเรียนรวมกันยกตัวอยางเกี่ยวกับประโยชน ของการใชจายเงินไมเกินตัวและโทษของการ ใชจายเงนิ เกินตัว 5. นกั เรียนทําใบงานท่ี 2.5 เร่ือง ประโยชนข อง การใชจายเงินไมเกินตัวและโทษของการใช จา ยเงนิ เกนิ ตวั เสร็จแลวสงครูผสู อน ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไ่ี ดจ ากการ เรียนเรอื่ ง ประโยชนข องการใชจายเงนิ ไมเกินตัว และโทษของการใชจ า ยเงนิ เกนิ ตวั ขน้ั ประเมนิ ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นผา นการทาํ ใบงานท่ี 2.5 การยกตวั อยา ง การอภปิ รายและการตอบคาํ ถาม กจิ กรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล ครูใหนักเรียนอานสถานการณที่กําหนดให แลววิเคราะห ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน และตอบคาํ ถาม จากใบประเมินช้ินงานที่แนบทายแผนการสอน แมใ หเ งนิ นดิ และหนอยไปโรงเรยี นวันละ 50 บาท แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - นิดใชซื้อขนมและคารถ 42 บาท เหลือเงินหยอด กระปุกออมสิน 8 บาท คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในช่องท่ี คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี คำชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี - หนอยใชเ งนิ ซ้ือขนม 50 บาท และยมื เงนิ เพือ่ น ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน 8 บาท เปนคารถกลบั บาน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน • นิดใชจายเงินเปนอยางไร และเกิดผลดีหรือผลเสียกับ 1 เนอื้ หาละเอียดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพึงประสงคด์ ้ำน 321 ตวั นดิ อยา งไร 2 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา 2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ื่น 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาทีใ่ ชเ้ ข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหน้าทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมท่สี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ • หนอยใชจายเงินเปนอยางไร และเกิดผลดีหรือผลเสียกับ 4 ประโยชน์ทไ่ี ด้จากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ ตวั หนอยอยา งไร 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซ่ือสัตย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี นิ ยั รับผิดชอบ 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ตามท่โี รงเรียนจัดขน้ึ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ ูกต้อง และเปน็ จริง ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน 5. อยู่อย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบัตใิ นสง่ิ ทีถ่ ูกต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว 6. ม่งุ ม่ันในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั 8. มีจติ สาธารณะ 4.3 เชอ่ื ฟงั คาส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ต้งั ใจเรยี น เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและร้คู ณุ ค่า ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพอื่ ให้งานสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทางาน 8.2 รจู้ กั การดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียน โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครั้ง ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภูมศิ าสตร์ ป.1 18 T105

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ óº··Õè ·Òí §Ò¹´Õ Á¤Õ ÇÒÁ梯 กิจกรรมนําสูการเรียน ครใู หน กั เรยี นดภู าพ จากหนงั สอื เรยี น หนา 100 แลวถามนกั เรยี นวา อาชีพ........................................................... อาชพี ........................................................... • บุคคลในภาพประกอบอาชพี อะไรบา ง อาชพี ..................................................บ...คุ...ค...ลเพในือ่ ภนาๆพอาทคช้ังีพิด.ว.๔..า...ค...น....น...้ี.......................................... (ตอบ : เลย้ี งสตั ว ขายของชํา ปน โอง หมอ) ประกอบอาชพี อะไรบาง • ในชมุ ชนของนกั เรียนมอี าชีพอะไรบาง แนวคดิ สําคัญ (แนวตอบ : หลายอาชพี เชน ชาวนา ชาวสวน คาขาย รับจา งทัว่ ไป ครู พยาบาล ตาํ รวจ) ¡Ò÷Òí §Ò¹à»¹š ʧÔè ·èÕàÃҵ͌ §·íÒà¾èÍ× ãËàŒ ¡Ô´ÃÒÂä´Œ ¹íÒÁÒ㪨Œ ‹Ò«×éÍÊÔ§è ¢Í§·Õè¨Òí ໚¹ã¹¡ÒôíÒà¹¹Ô ªÇÕ µÔ ¡Ò÷Òí §Ò¹ ขนั้ สอน 欯 ÃÔµ·Òí ãËŒÊ§Ñ ¤ÁʧºÊØ¢ สังเกต ตระหนกั 100 1. ครูใหนักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4 คน แลว ให แตละกลุมผลัดกันเลาอาชีพการทํางานของ สมาชิกในครอบครัวภายในกลุมวามีอาชีพ อะไร 2. ครูสุมตัวแทนนักเรียนแตละกลุม 2-3 กลุม ออกมาเลา อาชพี การทาํ งานของครอบครวั 3. ครูอธิบายเช่ือมโยงใหนักเรียนเขาใจวา การ ทาํ งานเปน สงิ่ ทเ่ี ราตอ งทาํ เพอื่ ใหเ กดิ รายได นาํ มาใชจ า ยซอื้ สง่ิ ของทจี่ าํ เปน ในการดาํ เนนิ ชวี ติ วางแผนปฏบิ ตั ิ 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนการ ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง ความหมายและความสาํ คญั ในการทาํ งาน จากหนงั สอื เรยี น หนา 101 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ 5. สมาชกิ ในแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง ความหมายและความสาํ คญั ในการทาํ งาน จาก หนงั สอื เรยี นและสอื่ การเรยี นรอู นื่ ๆ ตามแผนท่ี วางไว จากนน้ั รว มกนั อธบิ ายในประเดน็ ความรู จนเกดิ ความรคู วามเขา ใจ แลว สรปุ เปน ผลงาน ของกลมุ เกร็ดแนะครู ครูจดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหน ักเรียนปฏิบตั ิ ดงั น้ี • รวบรวมขอมูลเกยี่ วกับความหมาย ความสําคัญ ประเภทของงาน และผลของการทาํ งานสุจริต • แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับความหมาย ความสําคญั ประเภทของงานและผลของการทาํ งานสจุ ริต • วิเคราะหจากประเด็นคําถามและภาพเกีย่ วกบั ความหมาย ความสําคญั ประเภทของงาน และผลของการทํางานสุจรติ จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจวา การทาํ งานตา งๆ ทาํ ใหเ กดิ รายไดเ พอื่ นาํ มาใชจ า ยในการดาํ เนนิ ชวี ติ และการทาํ งานอยา งสจุ รติ สง ผลใหค รอบครวั และสงั คม สงบสุข T106

นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๑ ความหมายและความส�าคัญของการท�างาน ขน้ั สอน การท�างาน หมายถึง การท�ามาหาเลี้ยงชีพต่าง ๆ หรือ พัฒนาความรู ความเขา ใจ การประกอบอาชีพตา่ ง ๆ นอกจากน้ ี การท�างานยงั หมายรวม ไปถงึ การทา� กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทที่ า� ใหผ้ อู้ นื่ ไดร้ บั ความสขุ กายและ 6. นักเรียนแตละคนในกลุมนําความรูท่ีไดจาก ความสบายใจดว้ ย การศกึ ษา มาทาํ ใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง ความหมาย ความสา� คัญท่ีตอ้ งท�างาน และความสําคัญของการทํางาน เสร็จแลว การทา� งานมคี วามสา� คญั เพราะทา� ใหเ้ กดิ สงิ่ ตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน ้ี ตรวจสอบความถกู ตอ ง ● ทา� ให้เกดิ สินคา้ และการบรกิ าร ● ทา� ให้มปี ัจจยั ๔ และสง่ิ อ�านวยความสะดวกต่าง ๆ 7. สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเลาผลงาน ● ท�าให้ผู้ทา� งานมรี ายได้ ในใบงานของตนใหสมาชิกคนอ่ืนฟงทีละคน ● ทา� ให้มคี วามสุขทางจติ ใจ แบบเลา เร่ืองรอบวง เนื่องจากส่ิงท่ีคนท�างานคาดหวังจะได้จากการท�างาน คือ การมปี จั จยั ทจ่ี า� เปน็ ตอ่ การดา� รงชวี ติ ทง้ั ปจั จยั ๔ และสง่ิ อา� นวย 8. ครูสุมตัวแทนกลุม กลุมละ 1 คน ออกมา ความสะดวกตา่ ง ๆ หรือความสขุ ทางใจ การมงี านท�าจงึ มคี วาม นําเสนอผลงานที่หนาชั้นเรียน โดยครูเปน สมั พันธก์ ับการมีรายได ้ และการมีความสขุ ในการด�ารงชีวิต ผตู รวจสอบความถกู ตอ ง ๒ ประเภทของการท�างาน ขน้ั สรปุ งานตา่ ง ๆ ท่ีเราทา� สามารถแบ่งออกได ้ ดังน้ ี 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไ่ี ดจ ากการ ๑) การท�างานที่ก่อให้เกิดรายได้ หมายถึง การประกอบ เรยี นเรอ่ื ง ความหมายและความสาํ คญั ของการ อาชพี ตา่ ง ๆ เชน่ การทา� อาชพี เกษตรกรรม ทา� นา ทา� ไร ่ ทา� สวน ทํางาน หรือการท�าอาชพี คา้ ขาย รบั ราชการ เป็นตน้ 2. นกั เรียนบนั ทึกความรลู งในสมุด 101 ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถบอกความ หมายและความสําคัญของการทํางานไดผาน ใบงานท่ี 3.1 การเลาเร่อื งและการตอบคาํ ถาม ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ ใดคือเหตุผลหลักในการทํางานของคนท่วั ไป ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินช้ินงานของนักเรียน 1. เพื่อใหม รี ายได จากใบประเมนิ ช้นิ งานท่แี นบทายแผนการสอน 2. เพือ่ ใหคนอื่นรจู กั 3. เพื่อใหม ีสินคาและบริการ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (ç วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. เหตผุ ลหลกั ทคี่ นทว่ั ไปทาํ งาน คอื ตอ งการ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ มีรายไดเพ่ือมาใชจายในชีวิตประจําวันของตน เปนตน สวนขอ ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดบั คะแนน อน่ื ๆ อาจเปนเหตุผลที่สาํ คัญรองลงมา) ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 เนอื้ หาละเอียดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อนั พึงประสงคด์ ำ้ น 321 2 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ 3 ภาษาท่ใี ช้เข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหน้าท่ที ไี่ ด้รับมอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ีไ่ ด้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซ่อื สตั ย์ สุจริต ต่อโรงเรียน 3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ตี นนับถอื ปฏิบตั ติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบนั พระมหากษัตริย์ตามทโี่ รงเรยี นจัดข้นึ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ กู ต้อง และเป็นจรงิ ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน 5. อยูอ่ ย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ิในสิง่ ทถี่ กู ต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว 6. ม่งุ มนั่ ในการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวัน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จกั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 รู้จักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางสว่ น ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มจี ติ สาธารณะ 4.3 เชอื่ ฟงั คาส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรียน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยดั ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ณุ คา่ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพอื่ ใหง้ านสาเรจ็ 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รูจ้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รู้จกั การดูแล รักษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั บิ างคร้ัง ภูมิศาสตร์ ป.1 15 ภูมิศาสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T107

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ ๒) การท�างานท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ หมายถึง การท�า กิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่หวังรายได้เป็นส่ิงตอบแทน แต่ท�าเพราะ ครถู ามนกั เรยี นวา งานตา งๆ ทเ่ี ราทาํ สามารถ ความสขุ หรอื ความพอใจของตนเองและคนในครอบครวั เชน่ แบงออกเปนกี่ประเภท แลวใหนักเรียนชวยกัน การช่วยกนั ทา� งานบา้ น ซกั ผา้ ถบู ้าน ลา้ งถว้ ยลา้ งชาม หรอื ตอบ การปลกู ตน้ ไม ้ ปลกู ผกั สวนครวั เอาไวร้ บั ประทานเอง ซง่ึ ถอื วา่ การท�างานบ้านเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ขน้ั สอน ของแตล่ ะครอบครวั เพราะเหตุใดเราจงึ ต้อง กระตนุ ความสนใจ ทำ� งำนท่ีไม่กอ่ ใหเ้ กดิ รำยได้ ดว้ ยครับ 1. ครใู หน กั เรยี นเลน เกมจกิ ซอวอ าชพี ปรศิ นา โดย แจกจกิ ซอวใ หน กั เรยี นกลมุ ละ 3 ภาพ ใหแ ตล ะ กลุมชวยกันตอใหเปนภาพที่สมบูรณ กลุมใด ตอ จกิ ซอวเสรจ็ กอน และบอกวาภาพทต่ี อ เปน ภาพคนที่ประกอบอาชีพอะไรไดถูกตองเปน กลุม ชนะ ตวั อยางจกิ ซอว 2. ครูอธิบายเช่ือมโยงใหนักเรียนเขาใจวา การ ▲▲ การท�างานบ้าน เป็นการทา� งานท่ีไมก่ อ่ ใหเ้ กิดรายได้ ทํางานประกอบอาชีพมี 2 ประเภท คือ แต่เปน็ การแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ การทํางานทก่ี อ ใหเกิดรายได และการทาํ งาน ท่ีไมก อ ใหเ กิดรายได ๓ ผแลละขสองั งคกามผารูภทา� งานอย่างสจุ รติ ท่ีมีต่อครอบครวั สาํ รวจคน หา กมาสระาทมห�าเงมาาตนดาอนขยม่าพิ� เงอืรสหุจดลริตเป็นการท�างานท่ีไม่ผิดกฎหมาย เพ่ือให้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจ�าวัน ไม่ว่าจะเป็นงาน 3. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันศึกษาความรู ประเภทใดก็ตาม ย่อมมีผลตอ่ ครอบครัวและสงั คม ดังนี ้ เรอื่ ง ประเภทของการทาํ งาน จากหนงั สอื เรยี น ๑) ผลต่อครอบครัว คือ ท�าให้ครอบครัวมีรายได้ไว้ใช้ใน หนา 101-102 ตามประเดน็ ทก่ี าํ หนด ดงั น้ี ชีวิตประจ�าวัน ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตท่ีดี - คูท่ี 1 ศึกษาเร่ือง การทํางานที่กอใหเกิด และสง่ ผลดตี ่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป รายได - คูท่ี 2 ศกึ ษาเรือ่ ง การทาํ งานทไี่ มก อใหเกดิ 102 รายได เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย ครูเนนยํ้าใหนักเรียนเห็นโทษของการประกอบอาชีพท่ีไมสุจริตวา ถึงแม ครูใหนักเรียนวาดภาพอาชีพที่สุจริต พรอมกับระบายสีให จะไดเ งนิ มากแตก็ไมสบายใจ ตอ งคอยหลบๆ ซอนๆ ถา ถกู จบั ไดก ็ตองติดคุก สวยงาม จากนั้นเขียนอธบิ ายหนาท่ีของอาชีพนี้ และบอกเหตผุ ล และทาํ ใหเ สื่อมเสยี ชอ่ื เสียง คนในครอบครัวตองอบั อาย ทอี่ าชพี น้เี ปน อาชีพที่สจุ ริต ครใู หน กั เรียนชว ยกนั ยกตวั อยา งอาชีพทไ่ี มส ุจริต เชน - ขายสินคาละเมิดลิขสทิ ธ์ิ - ขายอาวธุ เถ่อื น - ขายสัตวปาคมุ ครอง T108

นํา สอน สรปุ ประเมิน ๒) ผลต่อสังคม คือ ท�าให้สังคมมีสินค้าและการบริการ ขนั้ สอน เพอ่ื สนองความตอ้ งการไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ เชน่ ●▲ การทา� นา ทา� ใหเ้ รามขี า้ วกนิ อธบิ ายความรู ●▲ ก▲ ารปลกู ฝา้ ยและนา� มาใชท้ อผา้ ทา� ใหม้ เี สอื้ ผา้ และเครอ่ื งนงุ่ หม่ ●▲ การท�างานเป็นหมอ ท�าให้คนในสังคมได้รับการดูแลรักษา 4. สมาชิกแตละคูในกลุมผลัดกันอธิบายผลการ ศกึ ษาเรอ่ื ง ประเภทของการทํางาน แลวชว ย โรคภัยตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ กันยกตัวอยางการทํางานที่กอใหเกิดรายได และการทาํ งานท่ไี มก อ ใหเกิดรายได พรอ มทง้ั ●▲ การทา� งานเปน็ คนขบั รถโดยสารประจ�าทาง ทา� ให้ผู้คน ผลัดกันซักถามจนมีความเขา ใจตรงกัน เดนิ ทางไปในท่ตี ่าง ๆ ไดส้ ะดวก 5. ตวั แทนนกั เรยี นของแตล ะกลมุ ผลดั กนั ออกมา อธิบายความรูเรื่อง ประเภทของการทํางาน ●▲ การทา� งานเปน็ คนกวาดถนน ท�าให้บ้านเมอื งสะอาด พรอมทั้งยกตัวอยางการทํางานที่กอใหเกิด นอกจากน ้ี ยงั มีผลดตี ่อประเทศชาติ ทา� ให้ประเทศชาติ รายได และการทํางานที่ไมกอใหเกิดรายได มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพราะเมื่อคนเรา หากมีขอสงสัยใหซักถามจนมีความเขาใจ มีงานท�า ไม่ตกงาน ก็ย่อมจะมีกินมีใช้อย่างพอเพียง ท�าให้ ตรงกัน ปญั หาสังคมลดน้อยลง ส่งผลให้สงั คมมคี วามสงบสุข ดงั นนั้ ในการประกอบอาชพี ตอ้ งเปน็ อาชพี สจุ รติ ไมผ่ ดิ ขยายความเขา ใจ กฎหมาย เพราะทา� ใหไ้ มเ่ บยี ดเบยี นกนั จะไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ น ใหก้ บั คนอ่ืน ก่อให้เกดิ ผลดีทั้งตอ่ ตนเอง ครอบครัว และสงั คม 6. นกั เรยี นนาํ ความรทู ไี่ ดม าทาํ ใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง สง่ ผลทา� ใหท้ กุ คนในสงั คมเกดิ การยอมรบั และเหน็ คณุ คา่ ของกนั ประเภทของการทํางาน และกัน และอยู่ร่วมกันอยา่ งมีความสขุ ตรวจสอบผล 7. ครสู มุ ตวั แทนนกั เรยี น 4-5 คน ออกมานาํ เสนอ ผลงานในใบงาน โดยมีครูเปนผูตรวจสอบ ความถกู ตอง ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไ่ี ดจ ากการ เรยี นเรอ่ื ง ประเภทของงาน จากนน้ั นกั เรยี นบนั ทกึ ความรลู งในสมดุ อาชพี ที่ไมส่ ุจริต เช่น ค้ายาเสพตดิ ขายของละเมิดลขิ สิทธิì ขน้ั ประเมนิ เปน็ ตน้ ซึ่งเราไมค่ วรประกอบอาชีพเหลา่ นอ้ี ยา่ งเด็ดขาด เพราะผดิ กฎหมายและเปน็ ภัยตอ่ สงั คม แลว้ ยงั สรา้ ง ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถจําแนก ประเภทและบอกเหตุผลของการทํางานไดผาน ความเดอื ดร้อนให้กบั ตนเองและผอู้ นื่ อีกด้วยคะ่ ใบงานท่ี 3.2 การอภปิ รายและการตอบคาํ ถาม ม แมสะามหเมาตดานขมพ�ิ เอรื หดล 103 ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ ใดเปนหลักสาํ คัญในการเลือกประกอบอาชีพ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินช้ินงานของนักเรียน ก. เปน อาชีพทไ่ี มผ ดิ กฎหมาย จากใบประเมนิ ชนิ้ งานท่แี นบทายแผนการสอน ข. เปน อาชพี ท่ีไดเงินเดอื นสงู ค. เปน อาชพี ท่ไี มเ หนอ่ื ย แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ไมวาเราจะประกอบอาชีพใดก็ตาม คาชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งที่ คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ คำช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี ตองเปน อาชีพทีส่ จุ ริต ไมผิดกฎหมายและศีลธรรม ไมสรางความ ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน เดอื ดรอ นใหก บั ตนเองและผอู น่ื อาชพี สจุ รติ ทกุ อาชพี ถอื เปน อาชพี ทม่ี เี กียรติ แมอ าชีพบางอยา งอาจใหผลตอบแทนนอยหรอื ตองทาํ ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน ดว ยความเหนด็ เหนอ่ื ยเมอ่ื ยลากต็ าม) 1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพงึ ประสงคด์ ำ้ น 321 2 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาท่ใี ช้เข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมาย กษตั ริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซื่อสัตย์ สุจริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี ินัย รับผิดชอบ 1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏิบัตติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กี่ยวกบั สถาบันพระมหากษัตริยต์ ามทโี่ รงเรียนจัดขึน้ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ิในสง่ิ ทีถ่ ูกตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว 6. มุง่ มนั่ ในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวัน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จกั ใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เช่ือฟังคาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตัง้ ใจเรียน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 5.1 ใช้ทรัพยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รู้จกั การดูแล รกั ษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ............../.................../................ เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางครัง้ ภมู ิศาสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภูมิศาสตร์ ป.1 18 T109

นาํ นํา สอน สรุป ประเมิน ขนั้ นาํ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ครูถามนักเรียนวา เม่ือโตข้ึนนักเรียนอยาก ๑. แบง่ กลมุ่ เปน็ ๒ กล่มุ ให้แต่ละกลุ่มแข่งขันกนั เขยี นชื่ออาชีพท ี่ ประกอบอาชพี อะไร แลวใหน ักเรยี นผลดั กนั บอก สุจรติ ท่มี ีในชุมชนให้ไดม้ ากท่สี ดุ แล้วน�าเสนอผลงานหนา้ ชน้ั อาชพี ทตี่ นเองอยากทาํ พรอ มบอกเหตผุ ลประกอบ ๒. ตอบคา� ถามเกย่ี วกบั อาชพี ทส่ี จุ รติ และอาชพี ที่ไมส่ จุ รติ ตามหวั ขอ้ ทก่ี �าหนดใหถ้ ูกต้อง ขน้ั สอน ๑) อาชพี สุจรติ และอาชีพท่ีไมส่ จุ ริตมีลักษณะอยา่ งไร เช่น อาชีพใดบ้าง 1. ครอู ธบิ ายใหน ักเรยี นเขาใจเพม่ิ เตมิ วา ในการ ๒) การประกอบอาชพี สจุ ริตมีผลดีอยา่ งไร ประกอบอาชีพ เราควรประกอบอาชีพอยาง ๓) การประกอบอาชพี ไม่สุจริตมผี ลเสียอยา่ งไร สุจริต ไมวาจะเปนงานประเภทใดก็ตามยอม ๔) นักเรียนคิดวา่ ถา้ ทกุ คนประกอบอาชีพท่ีสุจรติ จะสง่ ผลดี มผี ลดีตอครอบครวั และสังคม ตอ่ สังคมอย่างไร 2. ครูยกตัวอยางอาชีพท่ีไมสุจริตแลวอธิบายผล กจิ กรรมรวบยอด ของการประกอบอาชีพที่ไมสุจริตวาจะทําให เกดิ ผลเสยี ตอ ตนเองและครอบครวั เชน ทาํ ให ๑. วาดภาพอาชีพทต่ี นเองอยากท�าเม่อื โตขึน้ แลว้ บนั ทึกข้อมลู เสียชีวติ ถกู ตาํ รวจจบั ประกอบ จากนั้นผลัดกันนา� เสนอผลงานหน้าชน้ั ▲ ▲● โตขน้ึ อยากประกอบอาชีพอะไร 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะห ▲ ▲● ทา� ไมจึงอยากประกอบอาชีพน้ี เกี่ยวกับการทํางานสุจริตมีผลตอครอบครัว ๒. ตอบคา� ถามเกยี่ วกบั การทา� งานใหถ้ ูกต้อง และสงั คมอยา งไร จากนน้ั ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ๑) เพราะเหตุใดเราจงึ ตอ้ งทา� งาน ออกมานาํ เสนอผลการวเิ คราะหท หี่ นา ชน้ั เรยี น ๒) การท�างานต้องมีคณุ ธรรมในดา้ นใดบ้าง 4. สมาชิกแตละคูรวมกันทําใบงานท่ี 3.3 เร่ือง 104 ผลของการทาํ งานอยา งสจุ รติ เสรจ็ แลว ครแู ละ นกั เรยี นชว ยกนั เฉลยคาํ ตอบในใบงาน 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด เรื่อง ทํางานดี มคี วามสขุ จากแบบฝก ปฏิบตั ิ ทกั ษะรวบยอด สังคมศกึ ษาฯ ป.1 หนา 24 ขนั้ สรปุ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู จากน้ัน นกั เรยี นบนั ทกึ ความรูล งในสมดุ 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนจัดทําสมุด ภาพอาชพี สุจริตทีต่ นเองอยากทําเมื่อโตขน้ึ ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถบอกผลของ การทํางานอยางสุจริตที่มีตอครอบครัวและสังคม ไดผานใบงานท่ี 3.3 และการตอบคาํ ถาม แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู ขอสอบเนน การคิด ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน ขอ ใดไมใชผ ลของการทํางานทสี่ ุจริต จากใบประเมินช้นิ งานท่แี นบทายแผนการสอน 1. มีรายได 2. สังคมวุน วาย แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 3. มีสนิ คาในการอุปโภคบริโภค คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี คาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี คำชี้แจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในช่องท่ี (วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. การประกอบอาชีพท่ีสุจริตจะทําให ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ผูประกอบอาชีพมีรายได ทําใหมีสินคาในการอุปโภคและบริโภค เพยี งพอตอ ความตองการ และยงั ทาํ ใหสังคมเกดิ ความสงบสขุ ) ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1 เน้ือหาละเอียดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพงึ ประสงค์ด้ำน 321 2 ความถูกต้องของเน้ือหา 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อนื่ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาทีใ่ ช้เข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าท่ีทีไ่ ด้รับมอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ท่ีไดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏิบัตติ ามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีเก่ียวกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามที่โรงเรยี นจัดขึน้ 2.1 ให้ขอ้ มลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 2.2 ปฏบิ ัติในสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 รู้จักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั 8. มีจติ สาธารณะ 4.3 เช่ือฟงั คาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ต้ังใจเรยี น เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ คา่ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพอ่ื ให้งานสาเร็จ 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรยี น โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิบางครัง้ ภูมิศาสตร์ ป.1 15 ภมู ิศาสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T110

Chapter Overview แผนการจัด สื่อที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนงั สือเรยี น 1. จ�ำแนกประเภทของ - วธิ สี อนแบบ - ตรวจใบงาน 1. ทกั ษะการสงั เกต 1. มวี ินยั ส่ิงตา่ ง ๆ   รอบตัว - บัตรภาพ ส่งิ แวดล้อมรอบตวั ได้ กระบวนการภมู ศิ าสตร์ - ตรวจแบบฝึกการคดิ 2. ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรียนรู้ 4 - แบบฝกึ หดั 2. บอกประโยชนข์ อง (Geographic Inquiry - ตรวจผลงานกิจกรรม 3. ทกั ษะการคดิ 3. มุง่ มน่ั ใน ช่วั โมง - PowerPoint สงิ่ แวดลอ้ มรอบตัว Process) นกั ส�ำ รวจนอ้ ย วิเคราะห์ การท�ำงาน - คลปิ วิดโี อ ที่ยกมาเปน็ ตวั อย่างได้ - วิธีสอนแบบสบื เสาะ - ประเมนิ ความสามารถ 4. ทักษะการคดิ สรปุ - แบบจำ�ลอง 3. บ อกส่งิ แวดลอ้ มทีเ่ กิดข้นึ หาความรู้ (5Es ทางภูมิศาสตร์ ลงความเห็น ส่งิ แวดลอ้ มที่เกดิ ตามธรรมชาติท่สี ่งผล Instuctional Model) - ประเมนิ การนำ�เสนอ 5. ท กั ษะการท�ำงาน ขึน้ ตามธรรมชาติ ต่อความเป็นอยู่ของ ผลงาน รว่ มกบั ผู้อน่ื - ใบงานท่ี 1.1 มนษุ ยไ์ ด้ - สงั เกตพฤติกรรม 6. ทักษะการแปล - ใบงานท่ี 1.2 การทำ�งานรายบุคคล ความขอ้ มูลทาง - ใบงานที่ 1.3 - สังเกตพฤตกิ รรม ภูมศิ าสตร์ การทำ�งานกลุม่ - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรียน 1. บอกต�ำแหนง่ ของ วธิ สี อนแบบกระบวนการ - ตรวจใบงาน 1. ทักษะการสังเกต 1. มีวนิ ัย ตำ� แหนง่ ระยะ - บัตรภาพ ทิศหลักได้ ภมู ศิ าสตร์ (Geographic - ตรวจแบบฝกึ การคดิ ทิศ และแผนผงั - แผนผัง 2. บ อกต�ำแหน่ง ระยะ ทิศ Inquiry Process) - ต รวจผลงานการเขียน 2. ทักษะการส่อื สาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - แบบฝกึ หัด 8 - PowerPoint ของสง่ิ ต่าง ๆ ได้ แผนผงั หอ้ งเรียน 3. ทักษะการคดิ 3. มงุ่ มั่นใน - ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั 3. ระบุความสมั พนั ธ์ของ - ประเมนิ การนำ�เสนอ ชั่วโมง - เครือ่ งมือวดั ผลงาน วเิ คราะห์ การท�ำงาน แบบตา่ ง ๆ ต�ำแหนง่ ระยะ ทิศของ - ป ระเมนิ ความสามารถ - ใบงานท่ี 2.1 สง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ 4. ทักษะการคดิ สรุป 4. อ ่านแผนผงั แสดง ทางภมู ศิ าสตร์ ต�ำแหน่งสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ - สังเกตพฤติกรรม ลงความเหน็ 5. ระบุประโยชนข์ อง การทำ�งานรายบคุ คล แผนผงั ได้ - สงั เกตพฤติกรรม 5. ท กั ษะการท�ำงาน 6. เขียนแผนผังแสดง การทำ�งานกล่มุ ต�ำแหนง่ ของสงิ่ ต่าง ๆ - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ ร่วมกบั ผอู้ ืน่ ในห้องเรียนได้ อันพงึ ประสงค์ 6. ทักษะการแปล ความขอ้ มูลทาง ภูมิศาสตร์ 7. ทักษะการใช ้ เทคนิคและ เครือ่ งมือทาง ภมู ิศาสตร์ T111

แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 - หนงั สอื เรียน 1. สงั เกตสภาพอากาศใน - วธิ สี อนแบบสืบเสาะ - ตรวจใบงาน 1. ทกั ษะการสงั เกต 1. มวี นิ ัย ส่ิงแวดล้อมกับ - บตั รภาพ รอบวนั ทโี่ รงเรยี นได้ หาความรู้ (5Es การเปลยี่ นแปลง - วีดทิ ศั น์ - ตรวจแบบฝกึ การคดิ 2. ทักษะการสอ่ื สาร 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2. สงั เกตสภาพอากาศ Instuctional Model) 8 - PowerPoint ช่วงเวลาเช้าและเวลา - วธิ สี อนโดยเนน้ - ตรวจผลงานการปฏบิ ัติ 3. ทักษะการคดิ 3. มงุ่ ม่นั ใน - ใบงานที่ 3.1 กลางคนื ที่บ้านได้ ชั่วโมง - ใบงานที่ 3.2 3. เปรียบเทียบการ กระบวนการ : การดแู ลรักษา วิเคราะห์ การท�ำงาน กระบวนการสรา้ ง - ใบงานที่ 3.3 เปลี่ยนแปลงของสภาพ ความตระหนกั สง่ิ แวดล้อมในบา้ น 4. ทกั ษะการ - ใบงานที่ 3.4 อากาศในรอบวนั ได้ - ใบงานท่ี 3.5 4. สังเกตสงิ่ แวดลอ้ ม - ประเมนิ การนำ�เสนอ เปรียบเทยี บ รอบตัวได้ 5. เปรียบเทียบการ ผลงาน 5. ทักษะการระบุ เปลย่ี นแปลงของ สงิ่ แวดล้อมทอ่ี ยู่ - ป ระเมนิ ความสามารถ 6. ทกั ษะการประยกุ ต์ รอบตวั ได้ 6. ป ฏบิ ตั ติ นตอ่ การ ทางภมู ิศาสตร์ ใชค้ วามรู้ เปลี่ยนแปลงของ สิง่ แวดลอ้ มไดอ้ ย่าง - สังเกตการแสดงบทบาท 7. ทักษะการคดิ สรปุ เหมาะสม 7. ปฏบิ ตั ติ นในการดแู ล สมมตุ ิ ลงความเห็น ส่ิงแวดลอ้ มที่บ้านและ หอ้ งเรยี นได้ - สงั เกตการตอบคำ�ถาม 8. ทกั ษะการท�ำงาน รว่ มวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ ร่วมกับผู้อืน่ - สังเกตพฤตกิ รรมการ 9. ทกั ษะการแปล ท�ำ งานรายบคุ คล ความข้อมูลทาง - สงั เกตพฤติกรรมการ ภูมิศาสตร์ ท�ำ งานกลุม่ - สังเกตคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ T112

นํา นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ 1. ครูทักทายนักเรียน แลวช้ีแจงเร่ืองที่จะเรียนรู ในหนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 บทท่ี 1 ใหน กั เรยี นทราบ 2. ครูใหนักเรียนมองไปรอบๆ ตัว แลวบอก สงิ่ ตา งๆ ทอ่ี ยรู อบตวั โดยครเู ขยี นสงิ่ ทนี่ กั เรยี น บอกบนกระดาน 3. ครบู อกใหนักเรยี นเขาใจวา สงิ่ ตา งๆ รอบตัว นี้มีทง้ั ท่เี กิดตามธรรมชาติ และมนุษยส รา งข้นึ และสิ่งตางๆ ท่ีเกิดตามธรรมชาติมีผลตอ ความเปน อยขู องมนุษย 4. ครูใหนักเรียนดภู าพในหนังสอื เรียน หนา 106 แลว ชวยกันบอกส่งิ ตางๆ ทเ่ี ห็นในภาพ 5. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน กั เรยี นเขา ใจวา สงิ่ ตา ง ๆ ท่ีอยูในภาพที่นักเรียนเห็นและสิ่งท่ีอยูรอบตัว ของนักเรยี น เรยี กวา สิ่งแวดลอม ôหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี àÃÕ¹ÃÊÙŒ Ô§è áÇ´ÅÍŒ Á เปาหมายการเรียนรู้ประจําหนว ยท่ี ๔ เมื่อเรียนจบหนว่ ยนีแ้ ลว้ ผเู้ รียนจะมคี วามรคู้ วามสามารถต่อไปนี้ ๑. จา� แนกสง่ิ แวดล้อมรอบตัวที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติและทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขึน้ (มฐ. ส ๕.๑ ป.๑/๑) ๒. ระบุความสมั พนั ธ์ของตา� แหน่ง ระยะ ทศิ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ (มฐ. ส ๕.๑ ป.๑/๒) ๓. ใชแ้ ผนผังง่าย ๆ ในการแสดงต�าแหนง่ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ในหอ้ งเรยี น (มฐ. ส ๕.๑ ป.๑/๓) ๔. สงั เกตและบอกการเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั (มฐ. ส ๕.๑ ป.๑/๔) ๕. บอกสิ่งแวดลอ้ มทีเ่ กดิ ตามธรรมชาตทิ ีส่ ง่ ผลตอ่ ความเปน็ อยูข่ องมนษุ ย ์ (มฐ. ส ๕.๒ ป.๑/๑) ๖. สังเกตและเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว เพื่อการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม (มฐ. ส ๕.๒ ป.๑/๒) ๗. มีส่วนรว่ มในการดแู ลสงิ่ แวดลอ้ มทบี่ ้านและช้ันเรยี น (มฐ. ส ๕.๒ ป.๑/๓) เกร็ดแนะครู การเรยี นวชิ าภมู ศิ าสตรน นั้ หลกั สตู รตอ งการเนน ใหผ เู รยี นเกดิ การรเู รอื่ งภมู ศิ าสตร (Geo-literacy) ดงั นนั้ ครคู วรทาํ ความเขา ใจวา องคป ระกอบทท่ี าํ ให เกิดการรเู รื่องภูมศิ าสตร มีดงั นี้ ความสามารถทางภมู ศิ าสตร กระบวนการทางภูมศิ าสตร ทักษะทางภมู ิศาสตร - ความเขาใจระบบธรรมชาติและมนุษย - การตงั้ คาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร - การสังเกต - การใหเ หตุผลทางภูมิศาสตรผา นการ - การรวบรวมขอมูล - การแปลความขอ มูลทางภูมิศาสตร - การจัดการขอ มลู - การใชเทคนคิ และเครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตร เช่ือมโยงระหวา งกนั - การวเิ คราะหข อ มลู - การคดิ เชงิ พนื้ ท่ี - การตดั สินใจอยางเปน ระบบตามนัย - การสรปุ เพ่อื ตอบคําถาม - การคดิ แบบองครวม - การใชเทคโนโลยี - การใชสถติ พิ ืน้ ฐาน T113

นาํ นํา สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ นาํ ñº··Õè ʧÔè µÒ‹ §æ ÃͺµÑÇ กิจกรรมนาํ สกู ารเรียน 6. ครูถามคําถาม แลวใหนักเรียนแสดงความ คิดเห็นอยา งอิสระ เพื่อน ๆ สังเกตสิ่งตา ง ๆ • ส่ิงแวดลอมรอบตวั มปี ระโยชนอยางไรบาง ในภาพ แลวบอกนํ้าสิคะวา (แนวตอบ : มปี ระโยชน เชน ดินใชสาํ หรับ ปลูกพชื น้ําใชสาํ หรบั ชําระลาง โตะ เกา อี้ เหน็ อะไรบา ง ใชสําหรับน่ังเรียนหนังสือ กระเปาเรียนใช สาํ หรับใสอ ปุ กรณการเรียน เปน ตน) แนวคิดสําคญั • ส่ิงแวดลอมรอบตัวมีผลตอการดําเนินชีวิต ของนักเรยี นหรือไม เพราะเหตุใด Êè§Ô µÒ‹ § æ ÃͺµÇÑ Á·Õ §Ñé ·èàÕ ¡Ô´¨Ò¡¸ÃÃÁªÒµáÔ ÅÐ (แนวตอบ : มีผลตอ การดาํ เนินชวี ิต Á¹ÉØ ÂÊÃÒŒ §¢éÖ¹ เพราะนักเรียนตองพงึ่ พาส่งิ แวดลอ มตา งๆ ʧèÔ µÒ‹ § æ ·àÕè ¡´Ô µÒÁ¸ÃÃÁªÒµÁÔ ¼Õ ŵ͋ ¤ÇÒÁ໹š Í‹٠ในการดํารงชีวิต เชน นั่งรถมาโรงเรียน ¢Í§Á¹ØÉ เรียนหนงั สือในหอ งเรียน เปน ตน ) • นักเรียนเคยสังเกตสิ่งที่อยูรอบบานของตน 106 หรอื ไม ถา เคย เห็นอะไรบาง และนักเรยี น สามารถบอกไดหรือไมวาสิ่งที่สังเกตเห็น ทําไมจงึ มลี ักษณะเปนเชนน้ัน (แนวตอบ : ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน แตละคน เชน สังเกตเหน็ นา้ํ ในคลองมีสีดํา มีกล่ินเหม็น ซ่ึงเกิดจากการทิ้งขยะลงใน คลองของคนในชุมชน เปนตน) เกร็ดแนะครู ในการจัดการเรยี นการสอนเร่อื งส่ิงแวดลอมรอบตัวควรเนน ใหผ ูเรยี นไดมปี ระสบการณตรงมากที่สดุ ดงั นน้ั จึงควรพานักเรียนไปดูของจริง เชน สิง่ ตางๆ ทมี่ ี อยใู นบรเิ วณโรงเรยี น เชน สนามหญา โตะ กินขาว มานง่ั เปน ตน ทั้งนคี้ วรเนนใหนักเรยี นเขาใจวา สง่ิ ตางๆ ท่นี กั เรียนพบเหน็ นัน้ เปน สง่ิ แวดลอ มทีอ่ ยูรอบตวั เรา ซึ่งสิ่งแวดลอมมีผลตอ การดาํ เนนิ ชวี ิตของเรา โดยนกั เรียนจะ ไดเรยี นรูในเร่ืองตอ ไป เนอ่ื งจากการจดั การเรยี นการสอนทเี่ นน การรเู รอ่ื งภมู ศิ าสตร (Geo-Literacy) จะสมั พนั ธก บั Active Learning ครจู งึ ตอ งจดั การเรยี นการสอนใหน กั เรยี นลงมอื ปฏิบตั ิจริง เพ่ือใหน ักเรียนไดสงั เกตและจาํ แนกสิ่งแวดลอมไดดว ยตนเอง T114

นํา สอน สรปุ ประเมิน ๑ ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั 1 ขน้ั สอน ส่งิ ต่าง ๆ หากเราพิจารณาส่ิงต่าง ๆ ท่ีอยู่ ข้ันการตง้ั คาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร รอบตัว รอบตวั วา่ เกดิ จากอะไร สามารถจา� แนก เกดิ จากอะไร ได้เป็น ๒ ประเภท คือ 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบวา • สง่ิ ตาง ๆ รอบตวั เกิดจากอะไร ๑. สิ่งต่าง ๆ ท่ีเกิดตามธรรมชาติ (แนวตอบ : ครูยังไมตองบอกวาคําตอบ มีทั้งส่ิงมีชีวิต เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า และ ใดถูกหรือผิด เนนใหนักเรียนแสดงความ สิ่งไม่มีชีวิต เช่น แหล่งน้�า ดิน ภูเขา คดิ เห็น) อากาศ 2. ครูพานักเรียนไปที่สนามโรงเรียน แลวแบง ดนิ นักเรียนเปนกลุม ใหแตละกลุมสังเกตบริเวณ • เปน็ ท่ีอยขู่ องต้นไมแ้ ละสตั ว์ ที่แตกตางกัน เพ่ือใหนักเรียนไดเห็นสิ่งท่ี • เป็นแหลง่ แร่ หลากหลาย หลังจากสํารวจพ้ืนที่แลว ให • เปน็ แหล่งเพาะปลูกพชื นกั เรยี นจดบนั ทึกวาพบส่ิงใดบา งลงในสมุด • เปน็ ทป่ี ลูกสรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั ของคน 3. ครตู ัง้ คําถามกับนกั เรยี นวา • นกั เรียนเห็นส่งิ ใดในสนามโรงเรยี นบา ง (แนวตอบ : เชน ตน ไม ดอกไม ดนิ โตะ เกา อ้ี ถังขยะ) • นกั เรยี นสามารถจดั ประเภทสงิ่ ทอี่ ยใู นสนาม โรงเรยี นไดอ ยางไร (แนวตอบ : ครูยังไมตองบอกวาคําตอบใด ถูกหรือผิด เนนใหนักเรียนแสดงความ คิดเห็น และอธิบายเหตุผลวาทําไมถึงแยก ประเภทในลักษณะน้นั ) แหล่งน้�า • เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั ของสัตวน์ �า้ • เป็นแหล่งน�้าท่ีคนเราใช้ด่ืม ใช้ช�าระล้าง สิง่ ตา่ ง ๆ หรือใชร้ ดตน้ ไมใ้ หเ้ จริญเตบิ โต สง่ิ ตาง ๆ ท่ีเกิดตามธรรมชาติ 107 เกร็ดแนะครู ครูจัดการเรยี นการสอน โดยใหนักเรียนสงั เกตสงิ่ ตา ง ๆ ท่ีอยบู ริเวณสนามโรงเรียนทไี่ ปสาํ รวจมาวา สิ่งเหลา นัน้ ทํามาจากอะไร หรอื เกดิ จากอะไร โดย ครยู กตัวอยาง เชน โตะทํามาจากไมโดยใชค นทํา ตน หญา เกิดข้นึ เองตามธรรมชาติ เปน ตน แลวใหนักเรียนยกตวั อยา งแสดงความคิดเห็นของตนเองเพ่อื ให นักเรียนรวู า ส่ิงตาง ๆ รอบตัวเกิดจากอะไร จากนน้ั ครูเชอื่ มโยงเขา สบู ทเรยี น แลวอธบิ ายเรื่อง การแบงประเภทตามแหลง กําเนดิ ของสง่ิ ตา ง ๆ รอบตัว นักเรียนควรรู T115 1 สง่ิ ตา งๆ รอบตัว การแบงประเภทสิง่ ตางๆ ท่อี ยูร อบตวั มเี กณฑก ารแบงหลายอยา ง เชน 1. แบงตามลักษณะการเกิด ไดแ ก - สงิ่ ท่เี กิดตามธรรมชาติ เชน ปาไม ดิน ลม แสงแดด - ส่ิงทม่ี นษุ ยสรา งขนึ้ เชน ถนน เข่อื น สะพาน 2. แบงตามลักษณะการมีชวี ติ ไดแ ก - ส่ิงมีชวี ติ เชน ผีเสอื้ นก ตน ไม - สง่ิ ที่ไมมชี ีวิต เชน กอ นหนิ นา้ํ ดิน ภเู ขา

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน (ตอ) สิ่งต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ มีความเก่ียวข้อง สัมพันธ์กัน หากสิ่งใดส่ิงหน่ึงเสื่อมโทรมหรือถูกท�าลาย ย่อม ขั้นการตงั้ คาํ ถามเชิงภูมิศาสตร ส่งผลต่อสง่ิ อ่นื ๆ ตามไปด้วย 4. ครตู ง้ั คาํ ถามเพอื่ จาํ แนกประเภทสง่ิ ตา งๆ ดงั นี้ ป่าไม ้ • สงิ่ ตา งๆ รอบตวั สามารถจดั แยกเปน ประเภท • เป็นแหล่งอาหารของคนและสัตว์ป่า ไดห รือไม • เปน็ ทอี่ ยขู่ องสตั วป์ า่ • สิ่งตางๆ รอบตัวถาดูจากแหลงกําเนิดหรือ • เปน็ แหลง่ ก�าเนดิ ของแมน่ �้า ลา� ธาร ใครเปนผสู รา ง จะแบง ไดอยางไร • ตัวอยางตามการแบงประเภทของสิ่งตางๆ สตั วป์ า่ มีอะไรบาง และแตละส่ิงน้ันมีประโยชน • สัตวป์ า่ บางชนดิ เปน็ อาหารของสง่ิ มีชวี ิตอ่ืน ๆ อยา งไร • สัตว์ปา่ บางชนิดช่วยขยายพันธุ์พืช • ตวั อยา งสง่ิ ตา งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ มอี ะไรบา ง และส่ิงนนั้ มปี ระโยชนอ ยา งไร • ตวั อยา งสงิ่ ตา งๆ ทมี่ นษุ ยส รา งขน้ึ มอี ะไรบา ง และสงิ่ นั้นมีประโยชนอ ยา งไร ÀÁÙ ÔÈÒʵϹҋ Ì٠มนษุ ยเ ปน ตน เหตสุ าํ คญั ของการตดั ไม ทาํ ลายปา ทาํ ใหส ตั วป า ขาด แหลง อาหารและทอ่ี ยอู าศยั นอกจากน้ี ยงั ทาํ ใหต น นา้ํ ลาํ ธารแหง พน้ื ดนิ ขาดความชมุ ชนื้ พชื ตา งๆ เจรญิ เตบิ โตไดย าก จะเหน็ ไดว า เมอื่ สงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ ถกู ทาํ ลาย ยอ มสง ผลตออีกสิ่งหนง่ึ ดวย 108 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเขาใจวา หากส่ิงแวดลอมถูกทําลายจะเกิด กลุมท่ี 1 กลุมท่ี 2 ผลกระทบตอ ตวั เราหลายอยา ง เชน การทง้ิ ขยะมลู ฝอยลงในแหลง นาํ้ ตดิ ตอ กนั ดิน นาํ้ อากาศ ดินสอ ขวดนํ้า สบู เปนเวลานานจะทําใหนํ้าเนาเสีย สงผลใหเราไมสามารถนํานํ้ามาอุปโภค บริโภคได และอาจจะสงกลน่ิ เหมน็ รบกวนการดําเนินชีวติ ของเราได จากตารางขอใดจาํ แนกประเภทสิง่ แวดลอ มไดถ กู ตอง 1. สิ่งท่สี ัมผสั ได ส่งิ ทีส่ มั ผัสไมได T116 2. สง่ิ ที่เกดิ ตามธรรมชาติ สงิ่ ที่มนษุ ยสรางข้นึ 3. ส่งิ ทม่ี ปี ระโยชน สง่ิ ที่ไมมปี ระโยชน (วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. ส่ิงท่ีเกิดตามธรรมชาติ สิ่งที่มนุษย สรางข้ึน เปนการจําแนกประเภทส่ิงแวดลอมโดยแบงตามแหลง กําเนดิ สว นขอ 1. ส่งิ ทส่ี ัมผัสได ส่ิงท่ีสัมผสั ไมไ ด และขอ 3. ส่งิ ทม่ี ี ประโยชน และไมม ปี ระโยชน ไมใ ชก ารจาํ แนกประเภทสง่ิ แวดลอ ม ตามตาราง)

นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒. สงิ่ ตา่ ง ๆ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ มนษุ ยเ์ ปน็ ผทู้ า� ใหเ้ กดิ ขน้ึ ขนั้ สอน เพ่ือให้การด�ารงชวี ติ อย่รู อด ปลอดภยั และสะดวกสบาย มีทงั้ ขัน้ การรวบรวมขอ มูล สง่ิ ทเ่ี ปน็ วตั ถ ุ เชน่ ถนน ยานพาหนะ บา้ น เขอื่ น เครอ่ื งใช ้ และสง่ิ ท่ี ไม่ใช่วัตถุ เช่น ประเพณี ความเชื่อ ส่ิงที่มนุษย์สร้างขึ้นน้ี 5. แบงกลุมนักเรียน กลุมละ 4-5 คน โดยให มหี ลายอยา่ งทีท่ า� ใหส้ ่ิงแวดล้อมเสือ่ มโทรม แตละกลุมสืบคนขอมูลเก่ียวกับการจําแนก ประเภทส่งิ แวดลอมจากสือ่ ตางๆ เชน หนงั สอื เรยี น หนา 107-110 หรอื PowerPoint โดยครูชว ยใหค ําแนะนํา 6. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รวบรวมขอ มลู ตามคาํ ถาม เชงิ ภูมศิ าสตรท ก่ี ําหนดไว ทีอ่ ยูอ่ าศัย ขั้นการจัดการขอมลู • เปน็ ทีอ่ ยูอ่ าศัยของสมาชกิ ในครอบครวั • เปน็ สถานท่ีใชท้ า� กจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกนั 7. นักเรียนแตละกลุมพิจารณาความนาเชื่อถือ ของขอ มลู โดยครูชวยแนะนํา 8. ครใู หน ักเรียนแตละกลุมทําใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สิ่งตางๆ รอบตวั ขั้นการวิเคราะหแ ละแปลผลขอ มูล 9. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู ทรี่ วบรวมไวม าหา คาํ ตอบตามคาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตรท กี่ าํ หนดไว 10. ใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมมานําเสนอ คาํ ตอบ ขั้นการสรุปเพ่ือตอบคาํ ถาม 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเพ่ือตอบ คาํ ถามเชิงภมู ศิ าสตรทีก่ ําหนดไว ยานพาหนะ • สง่ิ ตา งๆ รอบตวั สามารถจดั แยกเปน ประเภท • ชว่ ยในการเดนิ ทางใหม้ คี วามสะดวกรวดเรว็ ไดหรอื ไม เชน่ รถยนต ์ รถไฟ รถไฟฟา้ รถจกั รยานยนต ์ • สิ่งตางๆ รอบตัวถาดูจากแหลงกําเนิดหรือ เรอื เคร่อื งบิน เปน็ ตน้ ใครเปนผสู ราง จะแบงไดอยางไร • ตัวอยางตามการแบงประเภทของส่ิงตางๆ ส่งิ ตาง ๆ ท่มี นษุ ยส รา งขึ้น มีอะไรบาง และแตละส่ิงนั้นมีประโยชน อยางไร ขอสอบเนน การคดิ • ตวั อยา งสงิ่ ตา งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ 109 มอี ะไรบา ง และสงิ่ นน้ั มีประโยชนอยางไร วธิ ใี ดเปนการใชส ่งิ ทม่ี นษุ ยสรา งขึน้ ไดอ ยา งเหมาะสม 1. ใชก ลอ งโฟมใสอ าหารไปกนิ ทโ่ี รงเรียนทกุ วัน • ตวั อยา งสง่ิ ตา งๆ ทม่ี นษุ ยส รา งขน้ึ มอี ะไรบา ง 2. เปด โทรทศั นท ง้ิ ไวท งั้ คืน และสง่ิ น้นั มีประโยชนอ ยา งไร 3. ใชถ ุงพลาสตกิ ซํ้าหลาย ๆ ครั้ง (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 3. ใชถ งุ พลาสตกิ ซา้ํ หลายๆ คร้ัง เพราะ สื่อ Digital จะชวยลดปญหาการจัดการขยะ สวนขอ 1. สงผลใหเกิดปญหา ครเู ปด สอ่ื การเรยี นรเู รอื่ ง เรอ่ื งสง่ิ ตา งๆ ทม่ี นษุ ยส รา งขน้ึ เพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นดู การจดั การขยะ และขอ 2. ทาํ ใหส ้ินเปลอื งพลงั งานโดยไมจ ําเปน ) ดวยการสแกน QR CODE ในหนงั สือเรยี น หนา 109 T117

นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สอน (ตอ) สวนสาธารณะ • เป็นพืน้ ที่สีเขียวมีตน้ ไม้มาก ขั้นการสรุปเพอื่ ตอบคาํ ถาม • เป็นท่ีพักผ่อน ออกก�าลังกาย เปน็ ตน้ ตวั อยาง การสรปุ ความรเู พอ่ื ตอบคําถาม • สิ่งตางๆ รอบตัวเราสามารถจําแนกตาม เพ่อื น ๆ เรียนร้ขู ้อมลู เรื่องประเภทของส่งิ ตา่ ง ๆ แหลงกําเนิดได 2 ประเภท คอื รอบตวั แลว้ อยา่ ลืมตอบค�าถาม 1) ส่ิงแวดลอมที่เกิดตามธรรมชาติ มีทั้ง ให้ได้นะคะว่า สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราแบ่งได้อยา่ งไรบา้ ง สง่ิ มชี วี ติ เชน ตน ไม (ใหร ม เงา ใหอ ากาศ บรสิ ทุ ธ์ิ) และส่ิงไมม ชี วี ิต เชน แหลง น้ํา รเู รอื่ ง ภมู ศิ าสตร (ใหมนุษยและสัตวไดดื่ม สรางความ ชุมชนื้ ) สงั เกตส่ิงต่าง ๆ บริเวณโรงเรียนแล้วปฏบิ ัติ ดังนี้ 2) สิ่งแวดลอมที่มนุษยสรางข้ึน มีทั้งสิ่งที่ ๑. บอกผลการสังเกตว่าเหน็ อะไรบา้ ง เปนวัตถุ เชน บาน (ใชเปนท่ีพักอาศัย ๒. จา� แนกประเภทของข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกต แลว้ บอกประโยชน์ ทํากิจกรรม) และสิ่งท่ีไมใชวัตถุ เชน ของสิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ัน ประเพณี (ทําใหเกิดความบันเทิง และ ๓. น�าผลการทา� กิจกรรมมารว่ มกนั แสดงความคิดเห็นกับเพอ่ื น ๆ การรวมตวั กนั ของคนในพนื้ ท่)ี 2. นกั เรยี นทาํ ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ประเภท 110 ของส่ิงตางๆ รอบตัว 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด เร่ือง ส่ิงตางๆ รอบตัว จากแบบฝกปฏิบัติ ทกั ษะรวบยอด สังคมศกึ ษาฯ ป.1 หนา 32 ขนั้ สรปุ 1. ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรุปความรูเรอื่ ง สิ่งตา งๆ รอบตัว 2. นกั เรยี นบนั ทึกความรูลงในสมดุ ขน้ั ประเมนิ ครูตรวจสอบผลวานักเรียนสามารถจําแนก ประเภทของสงิ่ แวดลอ มได ผา นใบงานท่ี 1.1, 1.2, แบบฝก ปฏบิ ตั ฯิ และการตอบคาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู ขอ สอบเนน การคิด ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินช้ินงานของนักเรียน ขอใดมีทัง้ สง่ิ แวดลอมท่ีเกิดตามธรรมชาติ และมนุษยส รางข้นึ จากใบประเมินช้นิ งานทแี่ นบทา ยแผนการสอน 1. หนิ บาน เกา อี้ 2. ตนไม กระตา ย นํ้าตก แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 3. จักรยาน ดินนาํ้ มัน ถนน คาช้แี จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่องที่ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. หนิ บา น เกา อ้ี เพราะหนิ เปน สง่ิ ทเี่ กดิ ตาม ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ธรรมชาติ บานและเกาอ้ีเปน สง่ิ ที่มนษุ ยสรา งขน้ึ สวนขอ 2. ตนไม กระตาย น้าํ ตก เปน ส่งิ ที่เกดิ ตามธรรมชาติ และขอ 3. จกั รยาน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน ดนิ นาํ้ มนั ถนน เปน สง่ิ ที่มนษุ ยส รางขนึ้ ) 1 เนือ้ หาละเอียดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพงึ ประสงคด์ ้ำน 321 2 ความถูกต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผูอ้ ืน่ 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหน้าทท่ี ีไ่ ด้รบั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ไ่ี ด้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี ินัย รับผิดชอบ 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถอื ปฏบิ ัตติ ามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเก่ียวกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทโี่ รงเรยี นจัดข้นึ 2.1 ใหข้ ้อมูลทถ่ี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งทถ่ี ูกต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว 6. มงุ่ ม่ันในการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเป็นไทย 4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มจี ติ สาธารณะ 4.3 เชอ่ื ฟงั คาสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตั้งใจเรียน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยัด ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรคู้ ุณคา่ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มจี ิตสานึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน 8.2 ร้จู กั การดูแล รักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติบางคร้งั ภมู ิศาสตร์ ป.1 15 ภูมิศาสตร์ ป.1 16 ภูมศิ าสตร์ ป.1 18 T118

นํา นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒ สงิ่ ตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ตามธรรมชาตทิ ส่ี ง่ ผลตอ่ ความเปน็ อยู่ ขน้ั นาํ ของมนษุ ย์ กระตุนความสนใจ ส่งิ ตา่ ง ๆ ที่เกิด หากเราสังเกตผู้คนท่ีอยู่รอบตัวจะ ตามธรรมชาติ สังเกตได้ว่า คนท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ 1. ครูใหนกั เรยี นดคู ลปิ วดิ โี อเก่ยี วกบั มีผลต่อความ แบบเดียวกัน จะมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ี สิ่งแวดลอมรอบตัวเพื่อเปนการทบทวน คล้ายคลงึ กัน สว่ นคนที่อยตู่ ่างพื้นทีก่ ัน ความรจู าก https://www.youtube.com/ เป็นอยขู่ อง ก็มีชวี ิตความเปน็ อยทู่ แ่ี ตกตา่ งกนั watch?v=tbMuuI5WFro มนษุ ย์อย่างไร 2. ใหนักเรียนดูภาพเก่ียวกับสภาพการดํารงชีวิต ของมนุษยในลักษณะตางๆ เชน การอาศัย ในบานเรือนแพ การสวมใสเสื้อกันหนาว ก า ร ส ร  า ง บ  า น ด  ว ย วั ส ดุ จ า ก ธ ร ร ม ช า ติ การรับประทานอาหารจากธรรมชาติ จากน้ัน สนทนาวา ภาพดงั กลา วเกยี่ วขอ งกบั อะไร และ สามารถแสดงถึงพื้นที่ที่มนุษยอยูอาศัยวามี ลักษณะอยา งไร 3. ครูอธิบายเช่ือมโยงวา ส่ิงแวดลอมที่เกิดตาม ธรรมชาติ มีผลอยางไรตอความเปนอยูของ มนษุ ย ดงั นั้น มนษุ ยท ่ีอาศัยอยูในส่ิงแวดลอม ทตี่ า งกนั สภาพการดาํ รงชวี ติ ยอ มแตกตา งกนั ไปดวย สาเหตุทีเ่ ป็นอยา่ งน้ี เพราะอะไรคะ 111 เกร็ดแนะครู ครูจดั กระบวนการเรียนรูโ ดยการใหนกั เรียนปฏิบัติ ดงั นี้ • สังเกตและระบุขอ มูลในภาพ หนา 111 • แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับชีวติ ความเปน อยใู นทอ งถนิ่ ของตนเอง • อภิปรายเกีย่ วกับสิง่ ตางๆ ทเ่ี กิดตามธรรมชาติมีผลตอ ความเปน อยขู องมนษุ ย • คิดวิเคราะหจากประเดน็ คาํ ถามและภาพเกี่ยวกับชีวติ ความเปน อยูใ นทองถิ่นนัน้ จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา ส่ิงตา งๆ ทเี่ กดิ ขึ้นตามธรรมชาตสิ ง ผลตอความเปน อยขู องมนษุ ย T119

นํา สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน สาเหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะแต่ละพ้ืนที่มีส่ิงต่าง ๆ ที่เกิด ตามธรรมชาติ หรือมีส่ิงแวดล้อมท่ีแตกต่างกัน จึงส่งผลต่อ สาํ รวจคน หา ความเปน็ อยู่ของมนษุ ย์ในหลาย ๆ ดา้ น เชน่ 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละเทาๆ กัน ๑. ที่อยู่อาศัย มนุษย์มักสร้างที่อยู่อาศัย โดยใช้ส่ิงต่าง ๆ ใหแตละกลุมวางแผนและแบงหนาท่ีคนควา ที่หาไดง้ า่ ยในทอ้ งถ่นิ มาเป็นวัสดหุ ลกั ในการกอ่ สร้าง เช่น ความรู เรื่อง ส่ิงตางๆ ที่เกิดตามธรรมชาติ ทสี่ ง ผลตอ ความเปน อยขู องมนษุ ย จากหนงั สอื เรยี น หนา 111-115 หรอื จากสื่อตา งๆ 2. นักเรียนแตละกลุมระดมความคิด แลวสรุป ขอ มูลเปนความรขู องกลุม อธบิ ายความรู 3. นักเรียนแตละกลุมผลัดกันเลาเรื่องท่ีตนได ศึกษามาใหเพ่ือนกลมุ อน่ื ฟง 4. นักเรียนแตละกลุมวิเคราะหวา สภาพพ้ืนท่ี สภาพอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติมีผลตอ มนษุ ยใ นดา นตา งๆ โดยเฉพาะดา นทอ่ี ยอู าศยั ดา นการแตงกาย และดานอาหารการกนิ ▲▲ ทอ้ งถิน่ ทีม่ ตี ้นไผม่ าก กน็ �าต้นไผม่ าสรา้ งบ้าน ▲▲ ท้องถ่ินที่มีต้นไม้หลายชนิด ก็จะน�าไม้ชนิดต่าง ๆ มาสรา้ งบา้ น ▲▲ ท้องถ่นิ ทอ่ี ยู่ใกลแ้ หลง่ นา้� หลายคนจะสร้างที่อยู่อาศยั แบบเรอื นแพ ใหบ้ ้านลอยอย่บู นน�้า 112 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูหารูปตัวอยางภาพบานแบบตางๆ ที่นอกเหนือจากหนังสือเรียนให ใครปรับตวั เขา กับสิ่งแวดลอมไดอยางเหมาะสมมากที่สดุ นกั เรยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ โดยครอู ธบิ ายวา ปจ จบุ นั มจี าํ นวนประชากรเพมิ่ ขนึ้ สภาพ 1. นุชสวมเสื้อแขนกุดไปเที่ยวภูเขา พื้นที่มจี ํากัด ทําใหม ีลักษณะการสรา งบา นเปลยี่ นแปลงไป โดยปจ จบุ ันเนนการ 2. นิดใสเสอื้ ผา บางสบายอยูบา นในฤดูรอน สรางบานสมัยใหมด ว ยอิฐปนู เพอื่ ใหมคี วามแขง็ แรงมากขึน้ กวาในอดีต 3. นอ ยใสเ ส้ือผาหนาๆ แขนยาวไปชายทะเล (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 2. เพราะอากาศรอ น ควรสวมใสเ สอ้ื ผา บาง สบายเพื่อบรรเทาความรอน การไปเทีย่ วภูเขา ควรใสเ ส้ือผา แขน ยาวเพ่อื ปอ งกนั หนามตน ไมเก่ยี ว การไปเทย่ี วทะเลซงึ่ อากาศรอ น ควรใสเ สอื้ ผาบางๆ หรอื แขนสั้น เพื่อบรรเทาอากาศท่ีรอน) T120

นํา สอน สรุป ประเมนิ นอกจากน้ี สภาพอากาศ รวมถึงสภาพพื้นที่ ยังมีผลต่อ ขนั้ สอน ลักษณะท่ีอยู่อาศัยอกี ดว้ ย เชน่ บ้านทอี่ ยู่ในพ้ืนท่ฝี นตกชกุ จะมี หลังคาลาดชัน เพ่ือให้ระบายน้�าฝนได้ดี บ้านที่อยู่ในพ้ืนที่ท่ีมี ขยายความเขาใจ อากาศหนาวจะมหี น้าตา่ งน้อย เพ่อื ป้องกนั อากาศทห่ี นาวเยน็ 5. ครูสรางแบบจําลอง (Model) ส่ิงตางๆ ที่ ▲▲ ตวั อยา่ งบ้านทอ่ี ยู่ในพน้ื ทฝ่ี นตกชุก ▲▲ ตัวอย่างบา้ นท่ีอยู่ในพนื้ ท่อี ากาศหนาวเยน็ เกิดตามธรรมชาติท่ีสงผลตอความเปนอยูของ มนษุ ย โดยดาํ เนินการ ดังน้ี 1) วางแผนทาํ แบบจาํ ลอง และสภาพพนื้ ทที่ จี่ ะ ใหม บี นแบบจาํ ลองหลายๆ แบบ เชน ภเู ขา พ้ืนราบ พื้นท่ีปาไม พื้นท่ีทางทะเล พื้นท่ี รมิ แมน า้ํ 2) เตรยี มวัสดุ - เตรยี มฟว เจอรบ อรด โฟม สโี ปสเตอร หรอื วสั ดุทใ่ี ชในการสรา งแบบจาํ ลอง - หาภาพทอี่ ยอู าศยั การแตง กาย อาหาร ทม่ี ี ความสมั พันธกบั พน้ื ทที่ ่ีจะนาํ เสนอ พ้ืนท่ี ละ 2 ภาพ - เตรยี มวสั ดทุ จี่ ะใชต ดิ ภาพ เพอ่ื นาํ ภาพไป ติดลงบนพืน้ ทขี่ องแบบจาํ ลอง 3) สรางแบบจาํ ลอง เชน โฟม จตาํน ลไอมง พวิ เจอรบอรด โฟม ตนไมจ าํ ลอง พลาสตกิ สีฟา พวิ เจอรบ อรด โฟม 6. ครูแจกแบบจําลองใหน ักเรยี น กลุม ละ 1 อนั แลวใหนักเรียนแตละกลุมเลือกภาพไปติด ที่แบบจําลองที่กลุมของตนไดรับ จากนั้น นําเสนอผลงานและอธิบายเหตุผลวา เพราะ เหตใุ ดจึงติดภาพนี้ ▲▲ ตวั อยา่ งบา้ นทอี่ ย่รู มิ ทะเล จะยกพนื้ สงู เพือ่ ปอ้ งกันไม่ให้ไดร้ บั ผลกระทบเมื่อน้�าข้นึ สงู 113 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอใดแสดงถงึ การสรา งที่อยูอาศยั ท่ีสัมพนั ธกบั สงิ่ แวดลอ ม ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมเก่ยี วกับลกั ษณะการสรางบานรปู แบบตา งๆ ใหน กั เรยี น 1. ครอบครวั แตวอาศัยอยใู นเมอื งจึงสรางบานไม เขาใจวา เพราะเหตุใดการสรางบานจึงมีรูปแบบตางกัน เชน การสรางบานท่ี 2. ครอบครัวตอมอาศัยอยบู นเขาจงึ สรางบานดว ยปนู มีหลังคาลาดชันเพ่ือระบายน้ําฝน การสรางบานท่ีมีหนาตางนอยเพ่ือปองกัน 3. ครอบครวั เตยอาศยั อยตู ดิ ริมแมน าํ้ จึงสรางบา นยกพื้นสูง ลมหนาวและอากาศหนาว ถือเปนภูมิปญญาของผูคนในทองถิ่นท่ีรูจักปรับตัว เขากับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทําใหสามารถดํารงชีวิตอยูไดอยางมี (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 3. เพราะการอาศยั อยพู น้ื ทรี่ มิ แมน าํ้ ซง่ึ เปน ความสุขและปลอดภัย พ้ืนท่ีราบลุม ในชวงฤดูนํ้าหลาก นํ้ามักทวม ดั้งน้ัน ประชากรท่ี อาศยั อยใู นบรเิ วณนจี้ งึ นยิ มสรา งบา นยกพน้ื สงู เพอ่ื ปอ งกนั นา้ํ ทว ม) T121

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน (ตอ) ๒. การแตง่ กาย การแตง่ กายของเราจะเปน็ ไปตามลกั ษณะ อากาศ เชน่ พนื้ ทที่ มี่ อี ากาศหนาวเยน็ ผคู้ นจะสวมเสอื้ ผา้ ทหี่ นา ขยายความเขาใจ เพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น พ้ืนท่ีท่ีมีอากาศร้อน ผู้คนจะ สวมใสเ่ สอื้ ผ้าบาง เพอ่ื ช่วยระบายความรอ้ น 7. ครูใหนักเรียนดูภาพเก่ียวกับ การสวมใส เสือ้ ผาในฤดตู า ง ๆ ในหนังสือเรียน หนา 114 ▲▲ ตวั อยา่ งการแตง่ กายในพื้นท่ที มี่ ีอากาศหนาวเย็น 8. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงวา การแตง กายของคนเรา ▲▲ ตวั อย่างการแตง่ กายในพน้ื ที่ทมี่ อี ากาศรอ้ น เปน ไปตามลกั ษณะอากาศ และแนะนาํ วธิ กี าร เลือกเสือ้ ผาใหเหมาะสมกับลกั ษณะอากาศ 114 9. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน • หากสวมเส้ือผาไมเหมาะสมกับสภาพ อากาศ จะสงผลกระทบอยางไรบาง ยกตัวอยา งประกอบ (แนวตอบ : อาจทาํ ใหเ จ็บปว ยหรือ ไมป ลอดภยั เชน หากพื้นท่ที ่มี ีอากาศ หนาวเย็น แตสวมเสอื้ ผา เนือ้ บางเบา อาจทาํ ใหเ ปน ไขหวัดได) 10. นักเรยี นดภู าพอาหารทองถน่ิ ตางๆ ใน หนงั สือเรียน หนา 115 จากนัน้ ครตู ้ังประเด็น คาํ ถามใหน กั เรยี นชวยกันตอบ เชน • ขอดขี องการรับประทานอาหารท่มี ใี น ทอ งถน่ิ คืออะไร (แนวตอบ : เชน สามารถหาวัตถดุ ิบในการ ประกอบอาหารไดง าย และมีความสดใหม ทุกวนั ) • อาหารในทองถ่ินของนักเรียนมีอะไรบาง และทาํ มาจากอะไร (แนวตอบ : ข้ึนอยูกับคําตอบของแตละคน เชน ทอดมันหนอกะลาทํามาจากหนอ กะลา) 11. ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน ักเรยี นเขาใจวา สงิ่ แวดลอ มท่เี กดิ ตามธรรมชาติมีผลตอ ความเปน อยขู องคนเราท้ังในดา นการสราง ที่อยูอาศัย การแตงกาย และอาหารการกิน เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด การจดั การเรยี นการสอนแบบการรเู รอ่ื งภมู ศิ าสตร (Geo-Literacy) โดยการ หากนักเรียนไปเท่ียวในพื้นที่อากาศหนาว ควรเลือกสวมใส แบง กลมุ และศกึ ษาขอ มลู การแปลความขอ มลู ของสง่ิ ตา งๆ ทปี่ รากฏ จะชว ยให เสอื้ ผา แบบใด เขา ใจสภาพการดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ยใ นลกั ษณะตา งๆ มากขนึ้ โดยมนษุ ยท อี่ าศยั อยูใ นส่ิงแวดลอ มท่ตี างกัน สภาพการดาํ รงชวี ติ ยอ มแตกตา งกันไปดวย 1. เสอ้ื กลาม 2. เสอ้ื แขนกุด 3. เสอื้ ไหมพรม (วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ 3. เส้อื ไหมพรม เพราะเปน ผา ที่มเี น้อื หนา ซึ่งจะใหค วามอบอุน แกรางกายไดด ีกวา เสือ้ แบบอน่ื ๆ) T122

นาํ สอน สรุป ประเมิน ๓. อาหาร คนเราตอ้ งกนิ อาหารเพอ่ื การดา� รงชวี ติ สว่ นใหญ่ ขน้ั สอน มักหาอาหารที่มีในท้องถิ่น พืชในท้องถิ่น สัตว์ในท้องถิ่นมา ประกอบอาหาร เช่น คนที่อยู่ใกล้พ้ืนที่ป่าก็จะหาพืชผักผลไม้ ตรวจสอบผล จากป่ามาประกอบเป็นอาหาร คนที่อาศัยอยู่ริมชายฝังทะเล จะจบั สตั วน์ า้� จากทะเลมาประกอบเปน็ อาหาร 12. ครใู หน ักเรยี นทาํ ใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง สิ่งตา งๆ ที่เกิดตามธรรมชาติท่ีสงผลตอความเปนอยู ▲▲ ตวั อยา่ งอาหารจากป่า ▲▲ ตัวอย่างอาหารจากทะเล ของมนษุ ย ขอ้ ดีของการรับประทานอาหาร 13. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นแตล ะคนทาํ กจิ กรรม ทีม่ ี ในทอ้ งถ่ินคืออะไรคะ นักสํารวจนอ ย เปนกจิ กรรมรวบยอด โดยนํา ภาพท่ีอยูอาศัย อาหาร และการแตงกายใน รเู รอื่ ง ภมู ศิ าสตร ทองถิ่นที่นักเรียนอาศัยอยูมาติดลงในกรอบ แลวอธิบายวาเปนผลมาจากส่ิงแวดลอม แ บ่งกล่มุ ศึกษาขอ้ มลู เกีย่ วกับสงิ่ ต่าง ๆ ท่เี กดิ ตามธรรมชาติทมี่ ีผลตอ่ อยางไร แลว นาํ มาสงครเู พอ่ื ประเมนิ ผล ทอ่ี ยอู่ าศยั การแต่งกาย และอาหาร โดยปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ขน้ั สรปุ ๑. ครหู าภาพทแ่ี สดงลกั ษณะพนื้ ทแี่ บบตา่ ง ๆ เชน่ ภเู ขา ทรี่ าบ รมิ ทะเล ฯลฯ ใหน้ กั เรยี นกลมุ่ ละ ๑ ภาพ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ๒. ให้นักเรียนหาภาพลักษณะที่อยู่อาศัย การแต่งกาย และอาหาร สิ่งตางๆ ทเ่ี กดิ ตามธรรมชาติทสี่ งผลตอ ความ ที่แสดงถงึ ความสมั พันธ์กับพื้นท่จี ากภาพทีค่ รูให ้ อย่างละ ๑ ภาพ เปน อยูของมนษุ ย ๓. น�าเสนอผลงานและอธบิ ายเหตุผล 2. นกั เรียนบันทกึ ความรูล งในสมุด 115 ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมินผล โดยการสังเกตความเขาใจ ในการตอบคําถาม 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง สิ่งตางๆ ท่เี กิดตามธรรมชาติท่สี ง ผลตอ ความ เปน อยูของมนุษย 3. ครตู รวจสอบผลการทาํ กจิ กรรมรวบยอด 4. ครูคัดเลือกผลงานท่ีมีคุณภาพดีตามเกณฑที่ กําหนดมาตดิ ปายนเิ ทศทหี่ นา ชัน้ เรยี น กจิ กรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล ครใู หน กั เรยี นวาดภาพ ทอ่ี ยอู าศยั การแตง กาย อาหาร อยา งละ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินช้ินงานของนักเรียน 1 ภาพ แลว เลน เกมเปลย่ี นกนั ทายกบั เพอ่ื นในชน้ั เรยี นวา แตล ะภาพ จากใบประเมินช้ินงานทีแ่ นบทา ยแผนการสอน อยใู นสภาพพนื้ ที่ สภาพอากาศ และมที รพั ยากรธรรมชาตแิ บบใด โดย ครูประเมินคําตอบของนักเรียนจากการแปลความขอมูลจากภาพ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ทน่ี ักเรยี นตอบไดถ ูกตอ ง คาช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ี คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ี คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพึงประสงคด์ ำ้ น 321 2 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาท่ีใชเ้ ข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าที่ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ 5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซอื่ สตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มีวนิ ยั รับผิดชอบ 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเกี่ยวกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรียนจัดข้ึน 2.1 ให้ขอ้ มลู ทถ่ี ูกต้อง และเป็นจรงิ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่งิ ท่ีถกู ต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครัว 6. ม่งุ ม่ันในการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวัน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ ักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเปน็ ไทย 4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มีจิตสาธารณะ 4.3 เชื่อฟงั คาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ตง้ั ใจเรียน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 5.1 ใช้ทรพั ยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอย่างประหยัดและรูค้ ุณคา่ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแทต้ อ่ อปุ สรรคเพื่อให้งานสาเร็จ 7.1 มจี ิตสานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทางาน 8.2 รจู้ กั การดูแล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละสง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างคร้ัง ภมู ศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T123

นํา นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 1. ครูทักทายนักเรียน แลวช้ีแจงเรื่องที่จะเรียนรู ในบทท่ี 2 ใหน กั เรยี นทราบ òº··èÕ µíÒá˹‹§ ÃÐÂÐ ·ÈÔ áÅÐá¼¹¼Ñ§ กจิ กรรมนําสูการเรียน 2. ครูบอกใหนักเรียนเขาใจวาการเขียนแผนผัง เปน การแสดงความสมั พนั ธข องตาํ แหนง ระยะ และทิศของสิ่งตางๆ รอบตัว ทั้งที่เกิดจาก ธรรมชาติและท่ีมนุษยส รา งข้ึน 3. ครบู อกนกั เรยี นวา หลงั จากนกั เรยี นเรยี นรเู รอื่ ง ตาํ แหนง ระยะ ทิศ และแผนผัง นักเรยี นจะ สามารถระบคุ วามสมั พนั ธของตําแหนง ระยะ ทิศของส่ิงตางๆ ได และสามารถใชแผนผัง รา นสะดวกซอ้ื งายๆ ในการแสดงตําแหนงของส่ิงตางๆ ใน หอ งเรียนได 4. ครูใหนักเรียนสังเกตภาพในหนังสือเรียน หนา 116 แลวเลือกตาํ แหนง ท่ีตนเองตองการ จากนั้นตอบคําถามตอไปน้ี • มสี งิ่ ใดอยรู อบๆ ตาํ แหนง ทน่ี กั เรยี นเลอื กบา ง (แนวตอบ : ตอบไดห ลากหลายตามตาํ แหนง ที่นักเรียนเลือก เชน นักเรียนเลือกยืนอยู หนารานสะดวกซื้อ ส่ิงตางๆ ที่อยูรอบ ตําแหนงนี้ คือ ถนน บา นคน) • นักเรียนคิดวาทําไมส่ิงตางๆ ถึงตั้งอยู รอบๆ ตําแหนงที่นักเรียนเลือก เพอ่ื น ๆ ลองสังเกตภาพ แลวเลอื ก (แนวตอบ : ตอบไดห ลากหลายตามตาํ แหนง ตาํ แหนง ท่ตี นเองตอ งการยนื อยู ที่นักเรียนเลือก โดยจากตัวอยางที่เลือก จากน้นั ใหบ อกวาจากตาํ แหนง ทีเ่ ลอื ก ตําแหนงหนารานสะดวกซ้ือ โดยรอบของ สงิ่ ตาง ๆ รอบตวั ของเราจะมีตาํ แหนง ระยะ และทศิ อยา งไรบา ง รานมีบานคน และถนน เพราะการมีถนน แนวคดิ สําคญั และบานอยูใกลรานจะทําใหสะดวกตอการ เดนิ ทางมาซื้อของ) ¡ÒÃà¢Õ¹Ἱ¼Ñ§à»š¹¡ÒÃáÊ´§¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¢Í§µÒí á˹‹§ ÃÐÂÐ áÅзÔȢͧÊè§Ô µÒ‹ § æ ÃͺµÑÇ ·Ñé§·èÕà¡Ô´¨Ò¡¸ÃÃÁªÒµáÔ ÅзèÁÕ ¹ØÉÂʏ Ìҧ¢Öé¹ 116 เกร็ดแนะครู ครูสอดแทรกความสามารถทางภูมิศาสตรเกี่ยวกับความเขาใจระบบธรรมชาติ และมนุษยวา การเรียนรูเรื่องตําแหนง ระยะ และทิศ เปนเรื่องของ ระบบธรรมชาติ และเร่ืองแผนผังเปนเรื่องของระบบมนุษยซ่ึงทั้งสองระบบน้ีมีความสัมพันธกัน ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจถึงความสัมพันธของสองระบบน้ี ผานเนื้อหาในบทเรียนวา มนุษยสรางแผนผังขึ้นมาเพ่ือแสดงความสัมพันธของตําแหนง ระยะ และทิศ ซึ่งแผนผังจะทําใหเห็นและเขาใจที่ตั้งของส่ิงตางๆ รอบตัวไดงา ยข้ึน T124

นํา นาํ สอน สรุป ประเมนิ ๑ ต�าแหน่ง ระยะ ทศิ ขน้ั นาํ ส่ิงตา่ ง ๆ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราล้วนมี 5. ครถู ามคาํ ถามสําคญั ใหนักเรียนตอบ ดงั น้ี รอบตวั ต�าแหน่งท่ีต้ัง ถ้าเราเข้าใจและบอก • สิ่งตางๆ รอบตัวนักเรียนในหองเรียน ตัง้ อยใู่ น ต�าแหน่งของส่ิงต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ก็จะ มีอะไรบาง ตาํ แหน่งใด ช่วยท�าให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของ (แนวตอบ : คาํ ตอบสามารถตอบไดห ลากหลาย สงิ่ ต่าง ๆ ทีอ่ ยู่รอบตัวไดด้ ขี ึน้ เชน โตะ เกาอี้ กระดานดาํ เพื่อนนกั เรยี น) • ส่ิงตาง ๆ รอบตัวต้ังอยูในตําแหนงใด µำ� แหน่ง ระยะ ทÈิ (แนวตอบ : คาํ ตอบสามารถตอบไดห ลากหลาย จะช่วยบอกทีต่ ั้งของ ตามตําแหนงท่นี ั่งของนกั เรยี น เชน โตะครู Êิง่ µ่ำง æ เรำไปเรียนร้Ù ตั้งอยูหนาหอง ชั้นหนังสือวางอยูหลังหอง เรื่องนก้ี นั เลยครับ โตะของฉนั อยูต ิดหนา ตาง) 6. ครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา นักเรียนสามารถ บอกรายละเอียดทีต่ ง้ั ของสงิ่ ตา งๆ และเขา ใจ ความสัมพันธของสิ่งตางๆ รอบตัวไดมากข้ึน จากการเรียนรเู ร่อื งตําแหนง ระยะ และทศิ 7. ครนู าํ ภาพดวงอาทติ ยข น้ึ พน ขอบฟา ในเวลาเชา และลบั ขอบฟา ในเวลาเยน็ ใหน กั เรยี นดู จากนนั้ ครูถามคาํ ถามตอไปนี้ • จากภาพดวงอาทติ ยขนึ้ พน ขอบฟาใน ตอนเชา เราเรยี กดา นน้วี า ทศิ อะไร (แนวตอบ : ทิศตะวนั ออก) • จากภาพดวงอาทิตยลับขอบฟาในตอนเย็น เราเรยี กดา นน้ีวาทศิ อะไร (แนวตอบ : ทิศตะวนั ตก) 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา เราดูทิศ จากธรรมชาตไิ ด โดยการสังเกตจากตาํ แหนง ของดวงอาทิตย 117 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ในการจัดการเรยี นการสอนเรื่องตําแหนง ระยะ ทิศ และแผนผงั ควรเนน ใหผูเรียนไดเรียนจากประสบการณตรงมากท่ีสุดดวยการใหนักเรียนออกไป สํารวจที่ตงั้ ของสิ่งตางๆ ดว ยตนเอง โดยครเู นนใหนกั เรียนเขา ใจวา ตําแหนง ระยะ และทศิ มีความสมั พันธกัน โดยเราสามารถแสดงความสมั พันธของสิง่ นี้ ไดผ า นแผนผงั ซึง่ นกั เรยี นจะไดเ รยี นในเรื่องตอ ไป จากรปู อางปลาอยตู าํ แหนงใด T125 1. บนโตะใกลก บั แวน ขยาย 2. บนชัน้ วางของตดิ กบั ผนัง 3. บนโตะ ใกลกบั โคมไฟ ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. บนโตะใกลก บั แวน ขยาย)

นํา สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน ๑. ต�าแหน่ง เป็นการบอกที่ต้ัง หรือที่อยู่ของส่ิงต่าง ๆ วา่ อยทู่ ่ีใดในพนื้ ท ่ี เช่น ด้านหลงั ของหมบู่ ้านเปน็ ภเู ขา วัดตัง้ 1. ครูพานักเรียนไปท่ีสนามโรงเรียน แลวให อยู่ใกลก้ ับแม่น�า้ เจดีย์ตั้งอยู่ติดกับวัด ดา้ นหน้าภูเขามีปา่ ไม้ นักเรียนยืนเวนระยะหางกันสองชวงแขน ครู อธิบายวา ระยะ คอื ความหางของส่งิ สองสิง่ 1 บอกความใกลหรือไกล เพอื่ น ๆ ลองมองออกไปนอกหนา้ ต่างแลว้ ชว่ ยกนั 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามเก่ียวกับระยะหาง บอกตา� แหน่งของสงิ่ ต่าง ๆ เพมิ่ เตมิ กนั นะคะ ของนกั เรยี นและเพ่อื นในขณะน้ี เชน • ใครอยูใกลนักเรียนมากทสี่ ุด • ใครอยูไ กลนักเรยี นมากท่สี ดุ 3. ครูอธิบายถึงวิธีการหาทิศหลักโดยใชรางกาย และตําแหนงของดวงอาทิตยเม่ือนักเรียนหัน หนา ไปดา นท่ีดวงอาทติ ยขึ้นในชว งเวลาเชา - ดา นหนาของนกั เรียนจะเปน ทศิ ตะวนั ออก - ดา นหลังของนักเรยี นจะเปนทิศตะวันตก - ดานขวามือของนักเรียนจะเปน ทศิ ใต - ดานซายมือของนักเรยี นจะเปนทศิ เหนือ 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ถาหากหาทิศดวยการ หันหนาไปยังตําแหนงของดวงอาทิตยในชวง หลังเที่ยง ตําแหนงของทิศจะเปลี่ยนไปตาม การเคลอื่ นทขี่ องดวงอาทติ ย โดยทศิ จะอยตู าม ตาํ แหนง ดงั น้ี - ดานหนาของนักเรียนจะเปน ทศิ ตะวนั ตก - ดานหลังของนักเรียนจะเปน ทิศตะวันออก - ดา นขวามือของนักเรียนจะเปน ทศิ เหนอื - ดานซา ยมือของนกั เรยี นจะเปน ทศิ ใต 118 เกร็ดแนะครู ครูจัดการเรียนการสอนใหนักเรียนสามารถอธิบายตําแหนงของส่ิงตางๆ รอบตัวได โดยเนนทักษะการสังเกต ใหนักเรียนสังเกตส่ิงแวดลอมที่อยูรอบตัว และพบเหน็ เปนประจาํ เชน บา น โรงเรียน วาสงิ่ ตางๆ ที่เห็นนั้นๆ อยูในตําแหนง ใด จากน้นั อธบิ ายใหครูหรือเพ่ือนในช้นั เรียนฟง ท้ังนี้ครูสามารถสรางสถานการณสมมติตางๆ เชน การมีคนมาถามหาสิ่งของ การมีคนมาถามทาง เพ่ือใหนักเรียนตระหนักถึงความจําเปนและประโยชน ในการเรยี นรูเ ร่อื งตําแหนง ระยะ และทิศ สง ผลใหนักเรียนมคี วามกระตือรอื รนทจ่ี ะเรียนรูในเร่อื งนี้ T126

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ๒. ระยะ เป็นส่ิงที่แสดงความห่างของสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ ขน้ั สอน ๒ ตา� แหน่งขนึ้ ไป เปน็ การบอกความใกล้หรือไกลเมือ่ เทยี บกับ สงิ่ ใดส่งิ หนึง่ 5. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมบอกทิศหลักตางๆ โดยการผลัดหมุนตัวไปทางทิศตางๆ เชน บา้ นของเมฆ บา้ นของดนิ บา้ นของน�้า ถานักเรียนหันหนาไปทางทิศเหนือ ทิศอ่ืนๆ จะอยูตามตําแหนงตอไปนี้ - ดานหนา ของนกั เรยี นจะเปน ทศิ เหนือ - ดานหลังของนักเรยี นจะเปนทิศใต - ดา นขวามอื ของนกั เรยี นจะเปน ทศิ ตะวนั ออก - ดา นซายมือของนกั เรยี นจะเปนทศิ ตะวนั ตก 6. ครูใหนักเรียนแบงกลุมหาที่ต้ังของเสาธง หนาโรงเรียนวา ตั้งอยูทิศใด แลวกําหนด ทิศหลักทั้ง 4 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต ทศิ ตะวนั ออก และทิศตะวนั ตก โดยใชเ สาธง หนา โรงเรียนเปนหลัก 7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั สงั เกตสงิ่ ตา งๆ รอบ ๆ ตวั ท้งั 4 ทศิ วา มีสงิ่ ใดบาง 8. นักเรียนจดบันทึกสิ่งตางๆ รอบตัวท้ัง 4 ทิศ ทส่ี งั เกตเห็น บ้านของน�้าอยู่ใกล้กบั บา้ นของพดี่ ิน แตอ่ ยไู่ กลจากบ้านของพเ่ี ม¦ แลว้ บ้านของเพื่อน ๆ มรี ะยะใกล้หรือไกล จากบา้ นเพอื่ นสนทิ ของตัวเองคะ 119 ๒. ระยะ เป็นส่ิงท่ีแสดงความห่างของสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ เกร็ดแนะครู ๒ ตา� แหนง่ ขึ้นไป เป็นการบอกความใกลห้ รอื ไกลเม่ือเทียบกับ ครูจัดกิจกรรมใหนักเรียนบอกส่ิงที่อยูใกลและไกลจากตัวนักเรียน ขอ สอบเนน การคิดสงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ เพอื่ ทดสอบความเขาใจของนกั เรียนในเรื่องระยะ และเพื่อใหน ักเรยี นหัดสังเกต บา้ นของน้า� สง่ิ รอบตวั และรจู ักนาํ ความรทู ่มี ีนําไปประยุกตใ ชใ นชีวติ จรงิ บา้ นของเมฆ บา้ นของดนิ จากภาพ ขอใดอธบิ ายตําแหนง ของแมวไดถกู ตองบ้านของนา้� อยู่ใกลก้ บั บา้ นของพดี่ นิ T127 แตอ่ ยูไ่ กลจากบ้านของพเี่ ม¦ 1. แมวอยใู ตต น ไม ใกลกับบา นของดนิแลว้ บ้านของเพ่ือนๆ มีระยะใกล้หรือไกล จากบ้านเพ่อื นสนทิ ของตัวเองคะ 2. แมวอยูบนตน ไม ใกลกบั บานของนา้ํ 3. แมวอยหู นาบา นของน้ํา ใกลก ับเสาไฟฟา แล11ะ9 ถงั ขยะ (ç วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะเปน ไปตามตาํ แหนง ของแมวจาก ภาพมากท่สี ุด)

นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ÀÙÁÔÈÒʵϹҋ ÃÙŒ ได ดว ยเครอ่ื งมอื วดั1อยา งงา ยๆ ข้นั การตั้งคาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร เราสามารถวดั ระยะหา งของสงิ่ ตา งๆ โดยใชส ว นตา งๆ ของรา งกาย เชน มอื แขน ขา ซงึ่ ระยะทไี่ ดจ ากการวดั 9. เม่ือนักเรียนกําหนดทิศโดยใชเสาธงหนา แบบนอ้ี าจคลาดเคลอ่ื น เนอื่ งจากสดั สว นของรา งกายคนเราแตล ะคน โรงเรียนเปนหลกั แลวสังเกตส่งิ ตา งๆ รอบตวั ไมเทา กนั ครตู ัง้ ประเดน็ คาํ ถามเชงิ ภูมิศาสตร ดงั น้ี • ตําแหนง ระยะ ทศิ คืออะไร และมคี วาม คืบ ๑ คบื ๑ คืบ ศอก สมั พันธก ันอยางไร ๑ ศอก • เมอ่ื นกั เรยี นหนั หนา ไปทางเสาธงในเวลาเชา ๑ วา เสาธงตั้งอยทู างทศิ ใด • มีส่งิ ปลูกสรางท่อี ยูใ นบรเิ วณโรงเรยี น สิ่งใดบา งทตี่ ้ังอยทู างทิศตะวนั ออก ทศิ ใต ทศิ ตะวนั ตก และทิศเหนือ • เราจะใชเคร่ืองมือชนิดใดวัดระยะทาง จากเสาธงถงึ หอ งเรยี นชนั้ ป.1 เพราะเหตใุ ด จงึ เลอื กใชเ ครอ่ื งมอื ชนดิ นั้น วา กา้ ว ๑ กา้ ว การวดั โดยใชเ ครอื่ งมอื เปน การวดั ทแี่ นน อน โดยใชเ ครอ่ื งมอื วดั ทีไ่ ดมาตรฐาน เชน ไมบรรทัด สายวดั มรี ะยะเปน เซนตเิ มตร เมตร เปน ตน ไม้บรรทดั สายวัด 120 เกร็ดแนะครู ครูควรแนะนาํ นกั เรียนเรื่องการใชเครอ่ื งมือวัดสิง่ ของวา ตองใชใหเหมาะสมกบั สิ่งน้นั ๆ เชน ไมบรรทัดจะใชว ัดส่งิ ของทไี่ มมสี วนโคง ขนาดไมใ หญ หรอื ยาว มากเกินไป สว นสายวัดจะใชว ดั สง่ิ ทีม่ ีสว นโคง และสงิ่ ทม่ี ีความยาวคอ นขางมากได เพราะสายวดั มคี วามยาวมาก และใชว ัสดไุ มแข็ง สามารถใชว ัดสงิ่ ตา งๆ อยา ง วัดรอบเอว หรือวดั ขนาดเสื้อผา ได นักเรียนควรรู 1 เครอ่ื งมือวดั หนว ยการวดั ของไทย ไดแ ก คบื ศอก และวา สามารถนาํ มาเทียบกับอัตราการวดั แบบเมตริกท่เี ปน อัตราการวัดสากลได ดังน้ี 1 คบื มีคาเทากับ 25 เซนตเิ มตร 1 ศอก มคี าเทากับ 50 เซนตเิ มตร 1 วา มีคาเทา กบั 200 เซนติเมตร T128

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓. ทิศ เป็นการระบดุ ้าน ต�าแหนง่ ของสิ่งตา่ ง ๆ เม่อื เทยี บ ขนั้ สอน กบั ต�าแหน่งของดวงอาทติ ย์ ขนั้ การรวบรวมขอ มลู คนในสมัยก่อนสังเกตว่า ต�าแหน่งของดวงอาทิตย์ไม่ได้ อยคู่ งที ่ จึงเรียกด้านทด่ี วงอาทิตยข์ ึน้ จากขอบฟา้ ในเวลาเชา้ ว่า 10. นักเรียนแตละกลุมรวบรวมขอมูลจากแหลง ทิศตะวนั ออก และเรยี กดา้ นทีด่ วงอาทติ ย์ตกลับขอบฟา้ ในเวลา เรียนรูห นาโรงเรียน และใชเ ครื่องมือวัดระยะ เยน็ ว่า ทิศตะวนั ตก จากเสาธงถึงหองเรยี นชั้น ป.1 แลวจดบันทึก สวสั ดีตอนเช้าจะ้ เด็ก ๆ 11. นักเรียนแตละกลุมวางแผนแบงหนาที่สืบคน ทางนเ้ี รียกวา่ ทศิ ขอมูล รวบรวมขอ มลู จากหนังสือเรยี น เรื่อง อะไรนะ ตําแหนง ระยะ ทิศ และความสัมพันธของ ตาํ แหนง ระยะ ทศิ ของส่งิ ตา งๆ ขน้ั การจดั การขอ มลู 12. นกั เรยี นแตล ะคนเลา ขอ มลู ทไี่ ปสบื คน มาตาม ประเด็นคําถามในขั้นคําถามเชิงภูมิศาสตร ใหเพ่ือนในกลมุ ของตนเองฟง 13. สมาชกิ ในกลมุ รว มกนั พจิ ารณาความนา เชอ่ื ถอื ของขอ มูล 121 ขอสอบเนน การคิด สื่อ Digital ในทกุ เชา แมตากผา ทสี่ นามดานขวามอื ของบา น และจะ ครูคนควาขอมูลเก่ียวกับตําแหนงของดวงอาทิตยเพ่ิมเติมไดจาก http:// เก็บผาทแี่ หงแลว ในชวงบา ย kanchanapisek.or.th/kp6/ ซึ่งเปนเว็บไซตของโครงการสารานุกรมไทยฯ โดยเลอื กเลม ท่ี 1 และเลอื กเรอ่ื งที่ 3 ทอ งฟา กลางคนื หวั ขอ สรุ ยิ วถิ หี รือเสนทาง จากขอ ความนี้ ดานขวามอื ของบานควรเปน ทิศใด ทด่ี วงอาทติ ยป รากฏเคลอื่ นทไี่ ปบนวงกลมทอ งฟา แลว นาํ มาเลา เปน ความรเู สรมิ 1. ทศิ ตะวนั ออก ใหก บั นักเรียน 2. ทศิ ตะวนั ตก 3. ทศิ ใต T129 (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. เวลาเชา ดวงอาทติ ยข นึ้ ทางทศิ ตะวนั ออก แลวคอยๆ เคลือ่ นที่มายงั ทศิ ตะวนั ตกในตอนเยน็ ทาํ ใหเวลาเชา เปน ชว งทท่ี ศิ ตะวนั ออกจะไดร บั แสงแดดมากทส่ี ดุ บรเิ วณทถ่ี กู แสง อาทิตยในตอนเชาจึงเหมาะสมกับการทํากิจกรรมที่ใชประโยชน จากแสงอาทติ ย เชน ตากผา )

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน เราน�าหลักสงั เกตดวงอาทติ ยม์ าใชใ้ นการบอกทิศ เมื่อยืน หนั หนา้ เขา้ หาดวงอาทติ ย์ในตอนเชา้ เชน่ เมฆยนื กางแขนและ ขนั้ การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มลู หนั หนา้ เขา้ หาดวงอาทติ ย์ในตอนเชา้ จะบอกทศิ ตา่ ง ๆ ได ้ ดงั นี้ 14. นักเรียนแตละกลุมนําขอมูลความรูท่ีสืบคน และสังเกตมาวิเคราะหหาคําตอบตาม ประเด็นการตงั้ คาํ ถามเชิงภมู ิศาสตร 15. ครูตรวจสอบความสมบรู ณของขอมลู 16. ครสู ุมนักเรยี น 3 กลุม นําเสนอหนาชนั้ เรยี น ด้านหนา้ ท่ดี วงอาทิตย์ขึ้น เรียกวา่ ทิศตะวนั ออก ดา้ นซ้ายมือ เรียกวา่ ทิศเหนอื ดา้ นหลังที่ดวงอาทติ ย์ตก ด้านขวามอื เรยี กวา่ ทิศตะวนั ตก เรยี กวา่ ทศิ ใต้ ทิศท้ัง ๔ นี้ เป็นทิศหลัก ท่ีเราจะต้องท�าความเข้าใจ เพราะจะชว่ ยใหส้ งั เกต หรอื ระบตุ า� แหนง่ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง หากเรารู้ทิศใดทิศหนึ่งแล้ว เมื่อหันหน้าไปทางทิศดังกล่าว ก็จะสามารถหาทศิ ที่เหลอื อีก ๓ ทศิ ได้ 122 วธิ กี ารหาทศิ เกร็ดแนะครู ทิศเหนือ ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ครูสอนเพิ่มเตมิ วา นอกจากทิศหลกั ทง้ั 4 ทศิ แลว ยงั มที ิศอน่ื ๆ ดังนี้ ทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนอื - ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนอื - ทิศตะวันออกเฉียงใต - ทิศตะวันตกเฉียงเหนอื - ทิศตะวันตกเฉียงใต ทศิ ตะวนั ตก ทศิ ตะวนั ออก ทิศตะวนั ตกเฉียงใต ทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต ทศิ ใต ส่ือ Digital ครเู ปดสือ่ การเรยี นรู เร่อื ง วิธกี ารหาทศิ ในหนงั สือเรยี น หนา 122 ใหนกั เรยี นดูดว ยการสแกน QR CODE T130

นํา สอน สรุป ประเมนิ ๔. ความสัมพันธ์ของต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ของสิ่งต่าง ๆ ขน้ั สอน การบอกตา� แหนง่ ระยะ ทศิ จะชว่ ยใหเ้ ราทราบทตี่ ง้ั ของสง่ิ นน้ั ๆ ได้ชัดเจนกว่าการระบุเพียงแค่ต�าแหน่ง ระยะ หรือทิศ เพียง ขั้นการสรปุ เพื่อตอบคําถาม อยา่ งเดยี ว เชน่ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรตู ามประเดน็ “บ้านของโต้งต้ังอยู่ “บ้านของโต้งต้ังอยู่บน คําถามเชิงภมู ิศาสตร ดงั นี้ บนเนินเขา” เปน็ การบอก เนินเขา ทางด้านทิศเหนือ • ตาํ แหนง ระยะ และทศิ คอื อะไร แลว มคี วาม ต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ที่ไม่ ห่างจากโรงเรียนไปตาม สัมพันธก นั อยางไร ชัดเจน ตวั อยา ง การสรปุ ความรเู พ่อื ตอบคาํ ถาม ถนน ๒ กโิ ลเมตร” เป็นการ • ตําแหนง คอื การบอกทต่ี ้งั ของสง่ิ ของ เชน บ้านของโตง้ บา นตง้ั อยรู ะหวา งวดั และโรงเรยี น วัดต้ังอยู บอกต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ดานขวาของบา น ท่ชี ดั เจน • ระยะ คอื การบอกความหา งสง่ิ ตา งๆ ตง้ั แต 2 ส่ิงขึ้นไป เชน โรงเรียนอยูไกลวัด บาน อยูใกลแมน้ํา เสาธงอยูหางจากหองเรียน 10 เมตร • ทิศ คอื การระบุดานตาํ แหนงของส่งิ ตา งๆ มีทิศหลัก 4 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต ทศิ ตะวนั ออก และทิศตะวนั ตก ทง้ั 3 ส่งิ น้ีมคี วามสัมพันธก นั เม่อื ระบุท่ตี ัง้ ของ ส่ิงตางๆ จึงตองระบุทั้งสามส่ิงเพื่อใหทราบ ขอ มลู ไดชดั เจนมากขน้ึ ÀÁÙ ÔÈÒʵϹҋ Ì٠แผนผังบางชนิดจะมีการระบุทิศไวดวย โดยใชทิศเหนือเปนหลัก หรอื เปน ทศิ อา งองิ โดยใชเ ครอ่ื งหมาย น แสดงใหเ หน็ แตถ า ไมม เี ครอ่ื งหมาย ระบทุ ศิ แสดงไว จะมสี ัญลกั ษณก าํ กบั ไววา ดา นใดเปนทิศเหนอื 123 เกร็ดแนะครู ครเู นนยํา้ ใหน กั เรียนฟงวา การบอกตําแหนงที่ต้งั จาํ เปน จะตอ งบอกใหชัดเจนดวยการบอกทง้ั ตําแหนง ระยะ และทิศ เพอ่ื ใหผูอ่นื สามารถทราบท่ีต้ังของ สิ่งของ หรอื สถานที่ไดช ดั เจนยงิ่ ขึ้น นอกจากน้ี ใหค รอู ธิบายเพิ่มเตมิ เร่อื งมาตราการวดั ระยะทาง เชน • 100 เซนตเิ มตร มคี าเทากับ 1 เมตร • 1,000 เมตร มคี าเทากับ 1 กิโลเมตร นักเรียนสามารถนําความรูจากการใชเคร่ืองมอื วดั จริงไปประกอบการบอกตาํ แหนง ท่ตี งั้ ของสถานทใ่ี หมคี วามชดั เจนมากขนึ้ ได T131

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน (ตอ) ขน้ั การสรุปเพอ่ื ตอบคาํ ถาม • เมอื่ นกั เรยี นหนั หนา ไปทางเสาธงในเวลาเชา นอกจากน ี้ ความรเู้ รอื่ งตา� แหนง่ ระยะ ทศิ ยงั ชว่ ยทา� ใหเ้ รา เสาธงตง้ั อยทู างทิศใด ระบคุ วามสมั พนั ธข์ องต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ของส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั ทง้ั สงิ่ ทเี่ กิดเองตามธรรมชาติ และสิ่งทีม่ นุษย์สร้างขึ้นได้ • มีส่ิงปลูกสรางท่ีอยูในบริเวณโรงเรียน สิ่งใดบางที่อยูทางทิศตะวันออก ทิศใต โรงเรียน น ทิศตะวนั ตกและทศิ เหนือ เนนิ เขา ภูเขา • เราจะใชเคร่ืองมือชนิดใดวัดระยะทางจาก เสาธงถึงหองเรียนชั้น ป.1 เพราะเหตุใด หมู่บา้ น วดั จงึ เลอื กใชเคร่อื งมือชนดิ นั้น หมูบ่ ้าน ตัวอยา ง การสรปุ พ่อื ตอบคาํ ถาม คาํ ตอบของทต่ี ง้ั สง่ิ ตา งๆ จะมคี วามหลากหลาย แม่นา้� ใหต อบตามทต่ี ั้งของส่งิ ตางๆ ในโรงเรยี น ตัวอยาง จากภาพข้างต้น เราสามารถบอกความสัมพันธ์ของ - เสาธงตงั้ อยทู างทิศเหนอื ตา� แหน่ง ระยะ ทศิ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ไดห้ ลายอย่าง เช่น - ทศิ ตะวนั ออกมีอาคารเรยี นช้ัน ป.1-ป.3 ๑. แหล่งท่ีอยู่อาศยั สว่ นใหญต่ งั้ อยบู่ นทีร่ าบ1 - ทิศตะวนั ตกมอี าคารเรยี นช้ันอนบุ าล ๒๓.. กภลเู ขาาง2อหยมู่ไบู่ ก้าลนไมปแีทมางน่ ทา้� ิศไหตละวผนั ่าตนกของวดั - ทิศใตมอี าคารชนั้ เรยี นชนั้ ป.4-ป.6 (เลอื กใชเ ครื่องมือสายวดั วดั ระยะจากเสาธง ถึงหอง ป.1 เพราะมีระยะทางไกลและมี ตัวเลขบอกชดั เจนหรอื ใชก ารนับกาว) 2. นักเรียนแตละคนทําใบงานท่ี 2.1 เรื่องความ สัมพันธของตาํ แหนง ระยะ ทิศของส่งิ ตางๆ 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ตั ทิ กั ษะรวบยอด เรอ่ื ง ตาํ แหนง ระยะ ทศิ และแผนผงั จากแบบฝก ปฏิบัติทักษะรวบยอด สังคมศึกษาฯ ป.1 หนา 34 เปน การบาน ขน้ั สรปุ ๔. โรงเรียนอยทู่ างทศิ เหนอื ของหมบู่ า้ น ใกลก้ บั แม่น�้า ๕. ถ้าเดินจากวดั ไปทางทศิ ตะวนั ตกจะพบแมน่ า�้ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ เรอ่ื ง ตาํ แหนง ระยะ ทศิ 124 2. นกั เรียนบนั ทึกความรลู งในสมดุ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 ทรี่ าบ คือ พื้นทีท่ ่ีมคี วามราบเรียบ ขอ ใดไมใ ชส าเหตุสาํ คัญทท่ี ําใหม นษุ ยสรา งบา นใกลแ หลง น้ํา บางพ้ืนที่อาจมีลักษณะเปนลูกคล่ืน 1. นํานา้ํ มาใชร ดนํ้าตนพืชผักได เลก็ นอย 2. สามารถเดนิ ทางไดสะดวก 3. มีอากาศเย็นสบาย 2 ภูเขา คือ พ้ืนท่ีท่ีมีความลาดชัน และมคี วามสูงจากบริเวณโดยรอบ (วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. ปจจัยเรื่องอากาศไมใชสาเหตุหลัก ในการเลือกสรางบานใกลแหลงน้ําของมนุษย เพราะการสราง บา นคํานงึ ถงึ เร่อื งการอปุ โภค บรโิ ภค และการเดินทางเปน สําคัญ สวนขอ 1. และขอ 2. เปนสาเหตุสําคัญที่มนุษยเลือกอยูใกล แหลง นํา้ เพราะมปี ระโยชนใ นการนํามาอุปโภค บรโิ ภค และชวย อาํ นวยความสะดวกในการเดนิ ทาง) T132

นํา สอน สรปุ ประเมิน ทัง้ นี ้ ความสมั พนั ธข์ อง ต�าแหนง่ ระยะ ทิศ ของส่งิ ตา่ ง ๆ ขน้ั ประเมนิ ท่ีเป็นส่ิงแวดล้อมรอบตัว ยังมีผลต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์ ดว้ ย เช่น ด้านทอี่ ยอู่ าศยั ดงั ตวั อยา่ ง 1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตการตอบคําถาม เชิงภมู ิศาสตรท ก่ี าํ หนดไว • ชุมชนมักตง้ั อยู่ใกลแ้ หล่งนา�้ เพอ่ื สะดวกในการน�าน้�ามาใช้ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 2.1 • การสร้างท่ีอยู่อาศัย ไม่นิยม ความสมั พนั ธของตําแหนง ระยะ และทศิ ของสิ่งตางๆ สรา้ งบา้ นใหห้ นั หนา้ บา้ นไปทาง ทศิ ตะวนั ตก เพราะบา้ นจะไดร้ บั 3. ครูตรวจแบบฝก ปฏบิ ตั ทิ ักษะรวบยอด แสงแดดมากในตอนบา่ ย ทา� ให้ 4. ครูคดั เลือกผลงานทีม่ คี ุณภาพดีตามเกณฑ บ้านรอ้ นตอนกลางคืน ทก่ี ําหนดมาตดิ ปายนิเทศท่ีหนา ช้นั เรียน เราสามารถแสดงความสัมพันธ์ของต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั ได้ โดยเขยี นเปน็ แผนผัง เพอื่ น ๆ คดิ ว่าสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว ตัง้ อยู่ในตา� แหน่งใดบา้ งคะ เรยี นรู ภมู ศิ าสตร จบั คู่กับเพอื่ นแล้วปฏิบตั ิ ดังน้ี ๑. ไปยนื หนา้ เสาธงของโรงเรยี น ๒. สังเกตสิ่งตา่ ง ๆ ที่อยรู่ อบเสาธงวา่ มีอะไรบ้าง แล้วจดบันทกึ ๓. ร ะบุความสมั พันธข์ องสงิ่ ต่าง ๆ ที่อยูร่ อบเสาธงมา ๕ ตวั อย่าง ว่าตง้ั อยตู่ �าแหน่ง ระยะ และทศิ ใด 125 ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล สถานทใี่ ดควรต้งั ใกลก บั แหลง นํา้ มากที่สดุ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินช้ินงานของนักเรียน 1. สนามฟตุ บอล จากใบประเมนิ ช้นิ งานที่แนบทา ยแผนการสอน 2. นาขา ว 3. โรงเรียน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (วิเคราะหค ําตอบ ขอ 2. นาขา ว เพราะตองการนํา้ มาชวยทาํ ให คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งท่ี คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งที่ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ ขาวเจรญิ เติบโต) ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน 1 เนอ้ื หาละเอยี ดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพึงประสงคด์ ้ำน 321 2 ความถูกต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 3 ภาษาท่ใี ช้เข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าท่ที ีไ่ ด้รบั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมที่สรา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ทไ่ี ด้จากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซ่อื สัตย์ สจุ ริต ต่อโรงเรียน 3. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ 1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ียวกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์ตามทโ่ี รงเรียนจัดขึ้น 2.1 ให้ข้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเป็นจรงิ ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ทีถ่ ูกต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั 6. ม่งุ ม่ันในการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวนั ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จักใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มีจิตสาธารณะ 4.3 เชอื่ ฟังคาส่ังสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรยี น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใช้ทรพั ยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานท่ีได้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพอื่ ให้งานสาเร็จ 7.1 มจี ิตสานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8.2 รูจ้ กั การดูแล รักษาทรัพย์สมบัตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง ............../.................../................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิบางคร้ัง ภมู ศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T133

นํา นํา สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั นาํ ๒ แผนผัง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรานั้น มขี นาดใหญ ่ เราจงึ ไมส่ ามารถจะเขยี น 1. ครสู นทนาซักถามนกั เรยี นวา ใช้แผนผงั แสดงสงิ่ ตา่ ง ๆ ตามขนาดเทา่ ของจรงิ • หากนักเรียนไดไปเท่ียวสถานที่แหงหน่ึง แสดงตาํ แหน่ง ให้เห็นได้ท้ังหมด จึงต้องใช้แผนผัง โดยทไ่ี มร มู ากอ นวา มอี ะไรในสถานทนี่ นั้ บา ง ของส่ิงตา่ ง ๆ เข้ามาช่วย นกั เรียนจะใชเคร่ืองมอื ใดชว ย (แนวตอบ : แผนท่ี แผนผงั ) รอบตวั ไดอ้ ยา่ งไร 2. ครนู าํ แผนผงั ของสถานที่ตา งๆ มาให นกั เรียนดู จากนั้นถามคําถามวา • นกั เรียนสงั เกตเหน็ สงิ่ ใดบา ง (แนวตอบ : รูปสี่เหลี่ยม รปู วงกลม รูปสัญลักษณท ิศ) • สง่ิ ที่ครนู ํามาใหด ู เรียกวา อะไร (แนวตอบ : แผนผัง) • นักเรยี นจะใชแ ผนผงั แสดงตาํ แหนง ของ สิ่งตางๆ รอบตวั อยางไร (แนวตอบ : ใหน กั เรียนตอบตามความเขาใจ เนน ใหนักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ ) 126 เกร็ดแนะครู ครจู ดั การเรยี นการสอนโดยใหน กั เรียนไดเรียนรูจากการสงั เกตสิ่งรอบตัว และนํามาเชอ่ื มโยงกับแผนผงั ของสถานที่ตา ง ๆ เพอ่ื ใหน ักเรียนไดมีทกั ษะดา นการ แปลความขอ มลู ทางภมู ศิ าสตร และทกั ษะการใชเ ทคนคิ และเครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร รวมถงึ เขา ใจความสมั พนั ธร ะหวา งระบบธรรมชาตแิ ละระบบทม่ี นษุ ยส รา งขนึ้ ครูกระตนุ ใหน กั เรียนเห็นถงึ ความสาํ คัญของแผนผังดวยการตัง้ คําถามวา ถา นกั เรยี นหลงทางในสถานทต่ี างๆ นักเรยี นจะแกปญหาอยางไร หลังจากนกั เรยี น แสดงความคดิ เห็น ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา แผนผังสามารถชวยเรอ่ื งการหลงทางไดด ว ยการแสดงความสัมพันธของตาํ แหนง ระยะ และทิศผา นมุมมองดานบนของ สถานท่ีทาํ ใหเ ราสามารถเหน็ ภาพรวมของสถานท่ีและสามารถหาทางท่ถี ูกตอ งเจอ T134

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมิน แผนผงั คอื รปู หรอื แบบยอ่ สว่ นของสงิ่ ตา่ ง ๆ จากของจรงิ แผนผงั คอื รปู หรอื แบบยอ สว นของสงิ่ ตา งๆ จากของจรงิ เชน่ อาคาร สถานท่ ี วตั ถุ ที่เขียนลงบนวสั ดพุ นื้ ผวิ ราบ มองดู แลว้ เข้าใจได้ง่าย มีลักษณะเป็นภาพทมี่ องลงมาจากดา้ นบน นาํข3.นั้ คแเชรลน ูวใแเหอขผาานนคใจผาักรไังดเเสปงรถานียายเนคนทรม่ือี่ดีลวงักตัูภมษถือาณทุ ทพเี่ะ่ีชขเวปียแยนนผทลภํางนาใบพหผนทเรวังี่มาัสอรดูวงแุจามบาานบจกรารากิเนบวดณั้นามนนอตบ้ันงอนมดูีบ แผนผังเป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยท�าให้เรารู้ว่า บริเวณนั้นมี คสํางิ่ ตถา างมๆ อะไรบา ง รวมทงั้ ตาํ แหนง ระยะ ของสงิ่ ตา ง ๆ นนั้ สงิ่ ตา่ ง ๆ อะไรบา้ ง รวมทง้ั ตา� แหนง่ ระยะ ทศิ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ นน้ั สัมพันธก์ นั อยา่ งไร สมั พนั ธก นั อยา งไร น อาคารอเนกประสงค โรงยิม โรงอาหาร โรงครวั อาคาร ๔ อาคาร ๗ สนามบาสเกตบอล หองนา้ํ อาคาร ๕ อาคาร ๖ สนามฟตุ บอล อาคาร ๓ ลาน กิจกรรม อาคาร ๑ อาคาร ๒ ทจ่ี อดรถ ศาลา ปยอามม หองสมดุ บา น หอ ง พักครู ประชาสมั พนั ธ ตัวอยา งแผนผงั โรงเรยี นเจริญวิทย ในระดบั ชนั้ น้ี เพอื่ น ๆ ในระดบั ชนั้ น้ี นอ ง ๆ จะได้เรียนร้เู กย่ี วกบั แผนผัง หอ้ งเรียน «ง่Ö ห้องเรียนเปน็ • เราสามารถหาทิศหลักจากสัญลักษณไดจะไดเ รียนรูเกย่ี วกับแผนผงั หอ งเรียน ซ่งึ หอ งเรียนเปน สงิ่ แวดลอมอยางหนึง่ Ê่งิ แวดลอ้ มอย่ำงหนงÖ่ ท่อี ยู่ใกล้ตวั เรานะคะ อยา งไร๒๖ ที่อยูใกลต ัวเรานะครับ (แนวตอบ: ดูไดจากสัญลักษณแสดงทิศ แลวหันหนาไปทางทิศเหนือ ซายมือ คือ ทศิ ตะวนั ตก ขวามอื คือ ทศิ ตะวันออก และ ดานหลัง คอื ทิศใต) • ตําแหนงของสง่ิ ตา ง ๆ อยูทิศใดบาง (แนวตอบ : ทิศเหนือมีอาคารอเนกประสงค โรงยิม โรงอาหาร โรงครัว ทิศใตมีเสาธง อาคาร 1 หองประชาสัมพันธ ปอมยาม หองสมดุ บา นพักครู ทศิ ตะวันออกมีอาคาร 4 และ 5 ลานกจิ กรรม ทศิ ตะวนั ตกมอี าคาร 6 และ 7 หอ งนาํ้ ) • สิ่งตา งๆ ในแผนผงั สิ่งใดบา งท่ีมีระยะใกล และไกลกนั เร่มิ ตนจากเสาธง (แนวตอบ : เสาธงอยูใกลกับอาคาร 1 และไกลจากโรงอาหาร เปนตน) แผนผงั คอื รปู หรอื แบบยอ สว นของสงิ่ ตา งๆ จากของจรงิ 127 เชน อาคาร สถานท่ี วตั ถทุ ่ีเขยี นลงบนวสั ดุแบนราบ มองดู แลวเขาใจไดงาย มีลักษณะเปนภาพที่มองมาจากดานบน ขอ สอบเนน การคิด แผนผังเปนเคร่ืองมือท่ีชวยทําใหเรารูวา บริเวณน้ันมี จากแผนผัง บอกสิง่ ใด สง่ิ ตา ง ๆ อะไรบา ง รวมทงั้ ตาํ แหนง ระยะ ของสงิ่ ตา ง ๆ นน้ั 1. ความสูงของสิ่งตางๆ ในโรงเรยี นอกั ษรเจริญวทิ ย สมั พันธกันอยา งไร 2. จํานวนนักเรยี นและครูในโรงเรยี นอักษรเจรญิ วทิ ย 3. ทต่ี ้งั และความสัมพันธข องตาํ แหนง ระยะ ทิศของ น สิ่งตางๆ ในโรงเรยี นอักษรเจรญิ วทิ ย (วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. ที่ตั้ง และความสัมพันธของ อาคารอเนกประสงค โรงยมิ โรงอาหาร โรงครัว ตาํ แหนง ระยะ และทศิ ของสงิ่ ตา งๆ ในโรงเรยี น สว นขอ 1. อาคาร ๗ สนามบาสเกตบอล อาคาร ๔ และขอ 2. บอกไมไดทงั้ หมด) หอ งน้าํ อาคาร ๕ อาคาร ๖ สนามฟุตบอล อาคาร ๓ ลาน กิจกรรม ๒๖ อาคาร ๒ ท่จี อดรถ ศาลา อาคาร ๑ ประชหาสอมังพนั ธ ปยอามม หองสมุด บาน พกั ครู ตัวอยางแผนผังโรงเรียนเจรญิ วทิ ย ในระดับช้นั น้ี นอง ๆ T135 จะไดเรียนรเู กีย่ วกบั แผนผงั หองเรียน ซงึ่ หองเรียนเปน สง่ิ แวดลอ มอยางหนงึ่ ที่อยูใกลตวั เรานะครับ

นาํ นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั นาํ แผน๑ผ.ัง หก้อารงอเร่าียนนแ ผเนร่ิมผตัง้หน้เอรงาเครวียรนร ู้จกัก่อกนารทอี่เ่ารนาจหะรรือู้จแักปวลิธคีเขวียามน1 ข้อมูลจากแผนผังห้องเรียนเสียก่อน เพื่อจะได้เข้าใจถึงวิธีการ 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมวาแผนผังชวยใหนักเรียน น�าเสนอขอ้ มลู ลงในแผนผงั มองเห็นความสัมพนั ธของตําแหนง ระยะ ทิศ และสงิ่ ตางๆ รอบตัว ดงั นน้ั นกั เรยี นจงึ ตอ งมี ให้นักเรยี นสงั เกตแผนผงั ห้องเรียนของกมล ดังน้ี ความรเู ก่ยี วกับตําแหนง ระยะ และทิศ เพ่ือที่ จะสามารถอานและเขยี นแผนผังได กระดานดา� ปร๑ะต ู โต๊ะครู หนา้๑ตา่ ง 5. ครเู ชอ่ื มโยงสกู ารอา นแผนผงั ในหอ งเรยี น โดย ใหนักเรียนดูหนังสือเรียน หนา 128 แลวให นกั เรียนอา นแลว แปลความขอมลู ในแผนผงั 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา แผนผังมีไวเพื่อยอสิ่ง ตางๆ ในพ้ืนท่ีที่มีขนาดเล็ก เชน หองเรียน บา น โรงเรยี น พน้ื ทที่ ม่ี ขี นาดใหญอ ยา งจงั หวดั หรอื ประเทศจะไมใชแ ผนผงั ยอสวน ทีเ่ กบ็๑ของ ก๑ม.ล กา๒น.ดา ขว๓ญั .ใจ จต๔พุ . ล น๕น.ท์ เฉ๖ล.ิม หนา้๒ตา่ ง ช๗น.ะ ชยั๘พ. ร ภ๙ผู .า ชา๑ต๐ชิ .าย ณ๑ัฏ๑ฐ.า ด๑น๒ัย. หนา้๓ต่าง หนา้๔ต่าง ท่ีเก็บ๒ของ ฟ๑า้ ๓ใส. เ๑ด๔อื น. ท๑ว๕ชี .ยั ปา๑น๖ว.าด ธ๑ง๗ช.ัย ธน๑า๘พ.ร หน้า๕ตา่ ง ปร๒ะต ู น๑พ๙ด.ล น๒ยั ๐น.า น๒า๑ร.ี ป๒ญั ๒ญ.า เ๒ม๓ฆ.า ม๒ีน๔า. ถงั ขยะ ชน้ั วางแก้วน�า้ ตู้เก็บหนังสือ จากแผนผังหอ้ งเรียนของกมล เพอื่ น ๆ ลองอา่ นและแปลข้อมูลดูสิคะวา่ มสี ่ิงใดอยู่ในหอ้ งเรียนบ้าง 128 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 แปลความขอมูล ในเชิงภูมิศาสตร หมายถึง การแปลความหมายขอมูล “แกวนง่ั ตดิ กบั ไหม ไหมนั่งอยทู างขวามอื ของแปง และแปง น่ัง ของสิ่งที่ปรากฏอยูบนพื้นโลก ท่ีอางอิงดวยตําแหนง ที่อาจจะปรากฏอยูในรูป ตดิ กบั แพร” จากขอความผงั ใดถูกตอง ของแผนภมู ิ แผนภาพ กราฟ ตาราง รปู ถาย แผนท่ี ภาพจากดาวเทียม และ ภมู ิสารสนเทศ 1. แพร แปง ไหม แกว 2. แกว ไหม แปง แพร 3. แปง ไหม แกว แพร (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากผงั ขอ 1. จะตรงกบั โจทยท กี่ าํ หนดมากทสี่ ดุ คือ แพรนัง่ ติดกับแปง ไหมนั่งติดกบั แกว และไหมนงั่ อยูทางดา น ขวามอื ของแปง แตไ มไ ดน ัง่ ตดิ กนั ) T136

นาํ สอน สรปุ ประเมิน การอ่านขอ้ มูลจากแผนผัง มหี ลักการอา่ นหรือแปลขอ้ มลู ขน้ั สอน ดังน้ี๑) หาทิศของแผนผัง1 ว่าด้านใดเป็นทิศเหนือ โดยสังเกต จากเครอ่ื งหมายทกี่ �ากบั ไว้ 1. ครูใหนักเรยี นแบงกลุม กลุมละ 4-5 คน ๒) สังเกตสัญลักษณ์ ซึ่งอาจจะเป็นรูปเรขาคณิต เช่น 2. ครูใหน ักเรียนแตล ะกลมุ สํารวจสิ่งตางๆ สีเ่ หล่ยี มผืนผา้ ส่เี หล่ียมจตั ุรัส วงกลม รวมทัง้ สี เพ่อื ใหท้ ราบว่า สัญลกั ษณน์ ั้นใชแ้ ทนอะไร ในหอ งเรยี น แลว จดบนั ทึกสงิ่ ตา งๆ ดงั น้ี ๓) สังเกตต�าแหน่ง ระยะ ทิศ ของส่ิงต่าง ๆ ที่แสดงว่า - บันทึกส่ิงที่มีความจําเปนตองมีไวใน สมั พันธ์กนั อย่างไร ๔) สรปุ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการอ่านแผนผงั หองเรียน เชน โตะครู กระดานดํา ปาย นิเทศ โตะและเกาอี้นักเรียน ช้ันหนังสือ ถงั ขยะ ชนั้ วางรองเทา เปนตน - บันทึกวาทิศหลักทั้ง 4 ทิศอยูทางดานใด ของหอ ง µอ่ ไป เรำไปดµÙ วั อยำ่ ง การอ่านแผนผัง ห้องเรียนกนั นะคะ 129 เกร็ดแนะครู ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ วา สญั ลกั ษณในแผนผังมีความใกลเ คียงกับรูปรางของสิ่งของทป่ี รากฏในแผนผัง เชน สีเ่ หล่ยี ม เปนสญั ลักษณของโตะ อาคาร วงกลม เปน สญั ลกั ษณของตนไม หรอื ถงั ขยะ บางแผนผงั ก็อาจจะใชร ปู ทคี่ ลา ยของจริงเปน สญั ลกั ษณเ พือ่ ใหเหน็ ภาพของสงิ่ ตา งๆ มากขึ้น นักเรียนควรรู 1 หาทิศของแผนผัง สามารถหาไดโ ดยการสังเกตสญั ลกั ษณก ารแสดงทศิ ซงึ่ สญั ลกั ษณแ สดงทศิ จะมตี วั ยอ น หรอื N แทนทศิ เหนือ แตส ญั ลกั ษณการแสดงทิศมหี ลายรปู แบบ เชน จากภาพตัวอยา งเปน สญั ลักษณแสดง 4 ทิศหลัก โดยใชตวั ยอ เปนภาษาองั กฤษ ความหมายของตัวยอ คอื N มาจาก North แทนทิศเหนอื S มาจาก South แทนทิศใต W มาจาก West แทนทศิ ตะวนั ตก E มาจาก East แทนทิศตะวันออก T137

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน กระดานด�า หนา้๑ตา่ ง ปร๑ะตู โต๊ะครู ข้ันการต้งั คําถามเชงิ ภมู ิศาสตร ท่ีเก็บ๑ของ ก๑ม.ล กา๒น.ดา ขว๓ญั .ใจ จต๔พุ . ล น๕น.ท์ เฉ๖ล.ิม หน้า๒ต่าง จากแผนผงั 3. เมื่อนักเรยี นแตล ะกลมุ บนั ทกึ ขอมลู สงิ่ ตางๆ ช๗น.ะ ชยั๘พ. ร ภ๙ูผ.า ชา๑ต๐ชิ .าย ณ๑ัฏ๑ฐ.า ด๑น๒ยั . ห้องเรี ยนของกมล ในหองเรียนแลว ครูต้งั คําถาม ดังนี้ เราสามารถอา่ นหรือ • สง่ิ ตา งๆ ในหอ งเรยี นมอี ะไรบาง หน้า๓ต่าง แปลความข้อมูล • ตาํ แหนง ของส่ิงตา งๆ อยูตรงทใ่ี ดบาง ได้หลำกหลำย • ระยะของสงิ่ ตางๆ สง่ิ ใดใกลก บั ส่ิงใดบาง ฟ๑้า๓ใส. เ๑ด๔ือน. ท๑ว๕ีช.ัย ปา๑น๖ว.าด ธ๑ง๗ช.ัย ธน๑า๘พ.ร นะคะ เชน่ และสง่ิ ใดไกลจากส่ิงใดบาง น๑พ๙ด.ล น๒ยั ๐น.า น๒า๑ร.ี ป๒ัญ๒ญ.า เ๒ม๓ฆ.า ม๒ีน๔า. • เราสามารถแสดงตําแหนงของสิ่งตางๆ ในหอ งเรยี นไดอ ยางไร ที่เก็บ๒ของ หนา้๔ต่าง ปร๒ะตู ตเู้ กบ็ หนังสือ หน้า๕ตา่ ง ถงั ขยะ ช้นั วางแก้วน�า้ ๑. กระดานด�าและโต๊ะครู อยู่ด้านหน้าช้ันทางทิศเหนอื ของห้องเรียน ๒. หอ้ งเรยี นน ี้ มนี ักเรียน ๒๔ คน และนั่งกนั เปน็ คู่ ๓. โต๊ะหมายเลข ๑๕ และหมายเลข ๑๖ อยูต่ รงกลางห้อง ๔. โต๊ะหมายเลข ๑๙ และหมายเลข ๒๐ มีระยะห่างจาก โตะ๊ ครูมากกว่าโต๊ะนักเรยี นคนอื่น ๆ ๕. ห้องเรียนมีประตูทางเข้าอยู่ด้านทิศตะวันตก และมี หนา้ ตา่ งอยดู่ า้ นทิศตะวันออก ๖. ชั้นวางแก้วน้�าต้ังอยู่ด้านหลังห้องเรียน และอยู่ใกล้กับ ตู้เก็บหนงั สือ 130 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูนาํ แผนผังหอ งเรียน หรือหองอื่น ๆ มาใหนกั เรยี นดูเพม่ิ เตมิ แลว ใหน กั เรยี น จากแผนผังในหนงั สอื เรยี น หนา 130 หากนักเรยี นตอ งการ อา นและแปลความขอ มลู จากแผนผงั เหลา นน้ั เพอื่ วดั ความเขา ใจของนกั เรยี นเกยี่ วกบั จะนง่ั โตะ ท่อี ยใู กลหนาตาง และอยูหา งจากตูเ ก็บหนงั สือไปหนงึ่ การอา นแผนผังได แถว นกั เรยี นควรน่ังทีโ่ ตะ หมายเลขใด 1. โตะหมายเลข 14 2. โตะ หมายเลข 17 3. โตะ หมายเลข 18 (วเิ คราะหคําตอบ ขอ 3. โตะหมายเลข 17 เพราะเปนโตะทีต่ รง ตามเงือ่ นไขของโจทยม ากท่ีสุด สว นขอ 1. โตะ หมายเลข 14 อยู ไกลจากหนา ตา ง และขอ 2. โตะ หมายเลข 17 อยไู กลจากหนา ตา ง มากกวา โตะหมายเลข 18) T138

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ๒. การเขียนแผนผังห้องเรียน เราสามารถเขียนแผนผัง ขน้ั สอน แสดงส่งิ ตา่ ง ๆ ในหอ้ งเรยี นของเราได ้ ดงั น้ี ส�ารวจ พืน้ ท่ีห้องเรียน ขัน้ การรวบรวมขอ มูล โดยตรวจสอบวา่ ดา้ นใด 4. นกั เรยี นแตละกลมุ รวบรวมขอมูลส่งิ ตา งๆ เป็นทิศอะไร และสังเกตดูวา่ ในหอ งเรียน ในหอ้ งเรยี นมีส่งิ ตา่ ง ๆ อยู่ ตรงตา� แหนง่ ใดบ้าง อะไรอยู่ 5. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน ขอ มลู รวบรวมขอ มลู ใกลก้ ัน หรอื มีระยะหา่ งกนั เทา่ ใด เรอ่ื งการเขยี นแผนผงั หอ งเรนี จากหนงั สอื เรยี น หนา 131-133 วัด ขนาดของห้องเรยี นอย่างง่าย ๆ ขน้ั การจัดการขอ มูล โดยอาจใช้สดั สว่ นของ ตร่าลงบั กเามยตวรัด1 เหพร่ืออื ใหใช้ไ้ไดม้ขบ้ ้อรมรลูทัด 6. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รวบรวมขอ มลู ตามประเดน็ เบื้องตน้ ส�าหรับน�าไปวาด คําถามจากการต้ังคําถามเชิงภมู ศิ าสตร ขนาดแผนผังของหอ้ งเรียนได้ อย่างเหมาะสม 7. นักเรียนแตละกลุมรวมกันพิจารณาความ นา เชื่อถอื ของขอมลู โดยมีครชู ว ยแนะนํา ข้นั การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มลู 8. นักเรียนแตละกลุมนําขอมูลที่ศึกษาและ คนควาไดมาวิเคราะหหาคําตอบตามคําถาม เชิงภมู ศิ าสตรทกี่ ําหนดไว 9. ครูชวยนักเรียนตรวจสอบความถูกตอง สมบูรณของขอมลู 10. นักเรียนแปลผลและเรียบเรียงขอมูลการ วเิ คราะหต ามคาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตรท ก่ี าํ หนดไว 11. ครสู ุมนกั เรียน 2-3 กลุม ใหนาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น การเขียนแผนผังหอ งเรยี น 131 ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู การเขยี นแผนผงั ตอ งคํานงึ ถงึ สิ่งใดมากทีส่ ดุ 1 ตลับเมตร เปนเคร่ืองมือวัดชนิดหน่ึง ทําดวยโลหะปม มีลักษณะรูปราง 1. ความถกู ตองของรปู ทรงส่งิ ตา งๆ เปนตลับ เพ่ือมวนเก็บสายวัดทําใหสะดวกในการนําติดตัวไปใชงานไดสะดวก 2. ความถูกตองของที่ต้ังส่ิงตางๆ ดานหนาของสายวัดมีหนวยการวัดเปนเมตรหรือน้ิว หรือฟุต กํากับไว เม่ือจะ 3. ความถูกตองของพนื้ ผิวของสิ่งตา งๆ ใชง าน ใหด งึ สายวัดออกจากตลับ แลว ใชว ดั ระยะตามตอ งการ (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 2. ความถูกตอ งของทต่ี ั้งสง่ิ ตางๆ เพราะ ถาหากที่ตั้งของส่ิงใดผิดไป เวลาอานแผนผังจะทําใหเขาใจท่ีต้ัง ของสิง่ ตางๆ ผิดไปดวย) T139


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook