นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สอน เขียน แผนผงั หอ้ งเรยี น ดังนี้ • เลือกใส่เฉพาะส่ิงส�าคัญลงในแผนผัง โดยส่ิงน้ันต้องท�าให้ ขนั้ การสรปุ เพอื่ ตอบคําถาม เขา้ ใจถึงความสัมพันธข์ องต�าแหนง่ ระยะ ทศิ ของส่ิงต่าง ๆ ในห้องเรยี น 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ตามประเดน็ การตงั้ • เลือกสญั ลักษณ์ ส ี หรือ คาํ ถามเชิงภมู ิศาสตร รูปอย่างง่ายแทนสิง่ ต่าง ๆ การสรุปประเด็นในบางคําถามสามารถ โดยตอ้ งดูใหเ้ ข้าใจง่าย ทําไดหลากหลายตามตําแหนงสิ่งตางๆ ของ ซ่งึ อาจเขียนขอ้ ความ หองเรียนแตละแหง โดยมีแนวทางการสรุป ก�ากับไว้ด้วยก็ได้ ดังตอไปน้ี • เขยี นแผนผังใหเ้ ขา้ ใจถึง • สิ่งตา งๆ ในหอ งเรยี นมอี ะไรบาง ตา� แหนง่ ระยะ ทิศ (แนวตอบ : ในหองเรียนมีสิ่งตางๆ เชน ของส่งิ ต่าง ๆ ในหอ้ งเรยี น กระดานดํา โตะครู โตะเกาอี้นักเรียน ใหใ้ กล้เคียงกับ ปายนิเทศ มุมหนงั สอื ชน้ั หนงั สือ) ความเป็นจริง • ตาํ แหนง ของสงิ่ ตา งๆ อยตู รงทีใ่ ดบาง • ระยะส่งิ ตา งๆ ส่ิงใดใกลก ับสิง่ ใดบาง และสิ่งใดไกลจากสิ่งใดบาง (แนวตอบ : ตําแหนงของสิ่งตางๆ เชน กระดานดําอยูหนาชั้นเรียนใกลกับโตะครู โตะ เกา อน้ี กั เรยี นตง้ั เรยี งเทา จาํ นวนนกั เรยี น ในหองเรียน ปา ยนิเทศตดิ ที่ฝาผนงั ท้ัง 3 ดา น มุมหนังสอื อยหู ลงั หอง) • เราสามารถแสดงตําแหนง ของส่ิงตางๆ ในหองเรยี นไดอ ยา งไร (แนวตอบ : เราสามารถแสดงตําแหนงของ สงิ่ ตางๆ ไดโดยเขยี นแผนผงั ) 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนแผนผัง หอ งเรียนชนั้ ป.1 ตามขอ มลู ที่สรปุ ในการตอบ คําถามลงในกระดาษ A4 132 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูเนนย้าํ ใหน กั เรียนฟง วา การเขียนแผนผังตอ งตรวจทานตําแหนง ระยะ แผนผงั มปี ระโยชนอ ยา งไร และทศิ ใหมีความเหมาะสม ใกลเ คียงกับความเปน จริง ดังนน้ั จงึ ควรวดั ระยะ 1. ใชบอกจํานวนประชากรของพน้ื ท่ี สถานที่จริงใหละเอียด เพื่อไมใหเกิดความคลาดเคล่ือน และควรเขียนแผนผัง 2. ใชบ อกตําแหนง ระยะ ทศิ ของสง่ิ ตางๆ ใหชดั เจน ลายมอื บรรจง และสะอาด เพอ่ื ใหสะดวกในการอาน 3. ใชบ อกสภาพภูมิอากาศของสถานทต่ี างๆ จากนั้นครูควรตรวจสอบความถูกตองของนักเรียนในระหวางการเขียน (วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ 2. แผนผังชวยยอส่งิ ตา งๆ ในพื้นท่ีทําใหร ู แผนผัง เพ่ือแนะนําวิธีการเขียนที่ถูกตองใหนักเรียน หรือหากนักเรียนยังไม ตาํ แหนง ของสง่ิ ตา งๆ ในพนื้ ทไ่ี ดช ดั เจน และทาํ ใหร ตู าํ แหนง ระยะ สามารถวาดแผนผังเองได ครูอาจทําสว นประกอบของแผนผังมาให จากนัน้ ให ทศิ ของสงิ่ ตางๆ ในหอ งวา สมั พันธกันอยางไร) นักเรียนนํามาติดลงในกระดาษก็ได T140
นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน (ตอ) ขั้นการสรปุ เพื่อตอบคาํ ถาม ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง น 3. ครใู หข อ เสนอแนะ ตรวจสอบความถกู ตอ งและ เมอ่ื เขียนเสรจ็ แลว้ สมบรู ณ ตอ้ งทบทวน และตรวจสอบ ความเรยี บร้อยอกี ครง้ั หน่งึ 4. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงานติดที่ปาย เพ่ือใหแ้ น่ใจว่าไดจ้ ัดท�า นเิ ทศ แผนผงั ห้องเรียนของเรา ไดถ้ ูกตอ้ งแลว้ 5. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ จาก PowerPoint เรื่อง การใชแ ผนผงั เพอื่ เสริมใหน กั เรยี น มีความเขา ใจมากข้นึ ขนั้ สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู รอ่ื ง แผนผงั 2. นักเรยี นบันทกึ ความรูล งในสมดุ ถ้าเราเขียนแผนผังได้ถกู ตอ้ ง สมบรู ณ์ ขนั้ ประเมนิ เม่ือมองดูแลว้ จะทา� ให้เขา้ ใจง่ายถึงความสมั พนั ธ์ 1. ครูตรวจสอบความสามารถในการใชแผนผงั ของต�าแหนง่ ระยะ ทิศ ของส่ิงตา่ ง ๆ แสดงความสมั พันธข องตําแหนง ระยะ และ รอบตัวนะครบั ทศิ ของนกั เรยี นผา นผลงานการเขียนแผนผงั หองเรียน แบบฝกหดั และการตอบคําถามเชงิ ภูมิศาสตร 2. ครคู ัดเลอื กผลงานที่มคี ุณภาพตดิ ปา ยนิเทศ ท่หี นา ช้นั เรยี น รเู รอื่ ง ภมู ศิ าสตร แบง่ กลุ่มนกั เรียนเขียนแผนผงั หอ้ งเรยี น โดยปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๑. สงั เกตสิง่ ต่าง ๆ ในห้องเรียนว่ามอี ะไรบา้ งแล้วจดบันทกึ ๒. ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั เขยี นแผนผังแสดงตา� แหน่งของสง่ิ ต่าง ๆ ในหอ้ งเรียนให้ถูกตอ้ งตามต�าแหนง่ ระยะ และทศิ 133 กิจกรรม Geo - Literacy แนวทางการวัดและประเมินผล ครใู หน กั เรยี นแบง กลุม 4-5 กลมุ เพอ่ื เลนเกมตามลา หาสมบตั ิ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินชิ้นงานของนักเรียน โดยมีกติกาดังตอ ไปน้ี จากใบประเมนิ ชิน้ งานท่ีแนบทา ยแผนการสอน 1. ครูทําแผนผังตามรูปแบบของหองเรียน หรือปรับหองเรียน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใหเปนไปตามแผนผังกไ็ ด จากน้ันนําสมบตั ิ เชน ขนม ตุก ตา สมดุ ไปซอน คาช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดบั คะแนน 2. ครูแจกแผนผังพรอมคําใบท่ีซอนส่ิงของใหนักเรียน โดยให ใชแ ผนผงั เปน เครอื่ งมอื ในการหาตาํ แหนง ของสมบตั ิ ครใู หน กั เรยี น ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน เลน ทีละกลมุ กลุม ทย่ี ังไมไ ดเ ลนเกมใหรออยูด า นนอก 1 เนอื้ หาละเอียดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพงึ ประสงคด์ ้ำน 321 2 ความถกู ต้องของเน้ือหา 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ 3. กลุมใดสามารถหาสมบัติไดโดยใชเวลานอยที่สุดเปน 3 ภาษาท่ใี ช้เข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าทีท่ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ฝายชนะ และไดสมบัตเิ หลาน้นั ไป 4 ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี ินยั รับผดิ ชอบ 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมที่เก่ียวกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นจัดขึน้ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน 5. อย่อู ย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงท่ีถูกตอ้ ง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว 6. มุ่งม่ันในการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวัน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ ักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ิได้ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเปน็ ไทย 4.2 ร้จู กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มีจิตสาธารณะ 4.3 เชอ่ื ฟังคาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยดั ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอย่างประหยดั และร้คู ุณคา่ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทางานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน 8.2 รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรัพยส์ มบัติและส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง ............../.................../................ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั บิ างคร้ัง ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T141
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั นาํ óº··Õè ÊèÔ§áÇ´ÅŒÍÁ¡ºÑ ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ กิจกรรมนาํ สกู ารเรยี น กระตนุ ความสนใจ จากภาพ เพื่อน ๆ คิดวา 1. ครูทักทายนักเรียน แลวใหนักเรียนดูภาพใน สง่ิ แวดลอมมกี ารเปลี่ยนแปลง หนงั สอื เรยี น หนา 134 และชว ยกนั ตอบคาํ ถาม ดังนี้ อยา งไรบา งคะ • จากภาพ คนในภาพกําลังมองดูอะไร และนกั เรยี นสงั เกตเหน็ ความเปลยี่ นแปลงใด แนวคดิ สําคญั ในภาพ (แนวตอบ : เหน็ นํ้าคางบนหญา ภาพขวามอื ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§ÊÀÒ¾ÍÒ¡ÒÈã¹ÃͺÇѹ เม่อื แสงแดดสองถึง นาํ้ คา งก็ระเหยไป) Áռŵ‹ÍʧèÔ áÇ´ÅŒÍÁÃͺµÑÇ • นักเรียนคิดวา ส่ิงแวดลอมในภาพมีการ ¡ÒÃà»ÅèÂÕ ¹á»Å§¢Í§Ê§èÔ áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÑÇÊ‹§¼Å เปลยี่ นแปลงอยา งไรบาง µ‹Í¡ÒôÒí à¹Ô¹ªÇÕ µÔ (แนวตอบ : การเปลี่ยนชวงเวลาในรอบวัน ¡ÒôáÙ ÅʧÔè áÇ´ÅÍŒ Á·ºÕè ÒŒ ¹áÅЪ¹éÑ àÃÂÕ ¹à»¹š ˹Ҍ ·èÕ จากชว งเชา เปน ชว งสาย เมอื่ ดวงอาทติ ยข น้ึ ¢Í§·¡Ø ¤¹ อุณหภูมิจะสูงขึ้น หมอกและนํ้าคางจะ คอย ๆ จางหรือหายไป) 134 2. ครูชี้แจงเรื่องท่ีเรียนรูและบอกแนวคิดสําคัญ ของบทท่ี 3 ใหน กั เรยี นเขา ใจวา การเปลยี่ นแปลง ของสภาพอากาศในรอบวนั มผี ลตอ สงิ่ แวดลอ ม รอบตัว การเปล่ียนแปลงของส่ิงแวดลอมรอบ ตวั สง ผลตอ การดําเนนิ ชีวิตของเรา 3. ครูใหนักเรียนดูวีดิทัศนเก่ียวกับสภาพอากาศ เชน ฝนตก ลม ลมพายุ หมอก ทะเลหมอก น้ําคา ง น้ําคางแขง็ เมฆ ดวงอาทิตย 4. ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับสภาพอากาศ ในประเดน็ ตอไปน้ี 1) ฝนตกสง ผลอยา งไร 2) บนทองฟา มเี มฆมากเกิดผลอยา งไร 3) ลมทีพ่ ดั ผา นมีผลอยางไร และลมพายุ เกิดผลอยางไร 4) น้ําคางสงผลอยา งไร 5) หมอกหรือทะเลหมอกสงผลอยางไร 6) ดวงอาทิตยมีผลตอสภาพอากาศอยา งไร เกร็ดแนะครู ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใหนักเรียนสังเกตสภาพอากาศบริเวณสนามโรงเรียน เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนท่ีเนนการรูเร่ืองภูมิศาสตร (Geo-Literacy) จะสัมพันธกับ Active Learning ครูจึงตองจัดการเรียนการสอนใหนักเรียนลงมือปฏิบัติจริงเพ่ือใหนักเรียนไดสังเกตและแปลความขอมูลทาง ภมู ศิ าสตร สื่อ Digital ครสู บื คน สอื่ การเรยี นรเู พมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั สภาพอากาศ เชน จากเวบ็ ไซตย ทู วิ บ เรอื่ งอากาศในรอบวนั https://www.youtube.com/watch?v=wwjwuVEBYJY&t=16s จากนน้ั ครูสนทนากบั นกั เรียนเกย่ี วกับวดิ ีโอเพอื่ กระตุนนกั เรียนในการเรียนเรื่องสง่ิ แวดลอ มกับการเปลี่ยนแปลง T142
นํา นํา สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ นาํ (ตอ) กระตนุ ความสนใจ ๑ สภาพอากาศในรอบวัน 5. ครอู ธบิ ายเชอื่ มโยงเกย่ี วกบั สงิ่ ตา ง ๆ ทม่ี ผี ลตอ อากาศถือเป็นสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่ง สภาพอากาศในรอบวนั ทอ่ี ยรู่ อบตวั เรา ถา้ เราสงั เกตและเปรยี บเทยี บ สภาพอากาศ สภาพอากาศในแตล่ ะวัน จะรู้ได้ว่า สภาพ 6. ครูเตรียมแผนที่แสดงสภาพอากาศในรอบ ในรอบวัน อากาศในแต่ละชว่ งเวลา ในแตล่ ะวนั จะมี วันท่ีใชในการพยากรณอากาศของกรม ความแตกต่างกัน สาเหตุส�าคัญที่ท�าให้ อุตุนิยมวิทยามาใหนักเรียนดู และรวมกัน เปลย่ี นแปลง อา นแผนท่ี และสรปุ สภาพอากาศตามที่แสดง ไปอย่างไร ในแผนที่ สภาพอากาศรอบตวั เรามกี ารเปลย่ี นแปลง 7. ครูต้ังคําถามนักเรียนเกี่ยวกับสภาพอากาศ มีหลายอยา่ ง ในรอบวัน แลวใหนักเรียนชวยกันแสดงความ คดิ เหน็ • ทําไมตอนเทย่ี งอากาศจึงรอนกวาตอนเชา • ในแตละวันสภาพอากาศในรอบวันจะเปน อยา งไร 8. ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา สภาพอากาศเปนลักษณะท่ัวๆ ไปของลมฟา อากาศ ขน้ั สอน สาํ รวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนดูสภาพอากาศในรอบวัน จาก หนงั สือเรยี น หนา 135 2. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา งสภาพอากาศ โดยครูเขียนบนกระดาน 3. ครูอธบิ ายเช่อื มโยงใหนักเรยี นเขา ใจวา สภาพ อากาศในแตละวันอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขนึ้ อยูกบั ชวงฤดกู าล 135 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู บุคคลใดตอ ไปนท้ี าํ กิจกรรมไดเหมาะสมกบั ชว งเวลามากท่สี ดุ ครูจดั กระบวนการเรียนรูโ ดยใหนกั เรียนปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. พอ ซอมหลงั คาบา นในเวลากลางคนื • สังเกตและระบกุ ารเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในรอบวนั 2. แมตากเสื้อผาในเวลากลางวนั ท่มี แี สงแดด • จําแนกและเปรยี บเทียบเกีย่ วกับสภาพอากาศในรอบวัน 3. ลูกออกไปว่ิงเลนกับเพื่อนๆ ในเวลากลางคนื • เช่ือมโยงและนําความรูไปใชเก่ียวกับการปฏิบัติตนตอการเปล่ียนแปลง (ç วเิ คราะหคําตอบ ขอ 2. แสงแดดทําใหเสอ้ื ผา แหงเร็ว สว นขอ 1. ของสงิ่ แวดลอม และขอ 3. เปน ชว งเวลาท่มี ดื ไมม แี สงสวา ง จึงไมควรทาํ กจิ กรรม • วิเคราะหจากประเด็นคําถามและภาพเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของ ทอ่ี าจกอ ใหเกดิ อนั ตราย) สภาพอากาศและสง่ิ แวดลอม จนเกิดเปนความรูความเขาใจวาควรปฏิบัติตนอยางไรเพื่อสามารถปรับตัว ใหเหมาะสมกับการเปลีย่ นแปลงได T143
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน (ตอ) ๑. สง่ิ ต่าง ๆ ที่มผี ลต่อสภาพอากาศในรอบวนั สงิ่ ท่ที �าให้ สภาพอากาศในรอบวนั เปลย่ี นแปลงไป เกดิ จากสง่ิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ สาํ รวจคนหา ตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ กลางวัน กลางคนื ฝน เมฆ ลม น�้าคา้ ง และหมอก ซง่ึ การเปลยี่ นแปลงของสภาพอากาศ ล้วนมีผลตอ่ 4. นักเรียนแบงกลุม แตละกลุมรวมกันศึกษา สิง่ แว ดล๑อ้ )ม กรอลบางตวัวันเร ากลางคนื 1 ความรเู รื่อง ส่ิงตางๆ ที่มผี ลตอ สภาพอากาศ กล า งวนั ในรอบวัน จากหนังสอื เรียน หนา 136-140 ดวงอาทิตย์เป็นส่ิงส�าคัญท่ีท�าให้อากาศร้อน เพราะดวงอาทิตย์ 5. ครูใหนักเรียนแตละคนสังเกตสภาพอากาศที่ ใหพ้ ลังงานความรอ้ น โรงเรียนชว งเวลาสาย เท่ยี ง และชว งเวลาบาย แลวบันทึกในใบงานที่ 3.1 เรื่อง การสํารวจ • ตอนเชา้ ดวงอาทติ ย์ขึน้ ทางทิศตะวนั ออก อากาศ สภาพอากาศทโ่ี รงเรยี น เปน เวลา 2 วนั แลว นาํ จะเย็นสบาย มาเปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงสภาพอากาศ ภายใน 2 วัน • ตอนสาย ดวงอาทติ ยล์ อยสงู ขน้ึ อากาศจะรอ้ นขน้ึ • ตอนเทย่ี งและตอนบา่ ย อากาศจะยงิ่ รอ้ นมาก • ตอนเยน็ ดวงอาทิตยต์ กทางทิศตะวันตก อากาศเรมิ่ เย็นลง กลางคนื ตอนค�่าและตอนดึก อากาศจะเยน็ ลง ซึ่งในบางพนื้ ที่ หรอื ใน 1 36 ชว่ งฤดูหนาว อากาศตอนดึกอาจจะเยน็ มากจนถึงหนาว เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูใหนักเรียนชวยกันเลาสภาพอากาศในรอบวัน (เชา สาย เท่ียง บาย ขอ ใดไมเ กีย่ วของกับการเปล่ียนแปลงสภาพอากาศ เยน็ กลางคืน) ใน 2 วนั ที่สังเกตมีลกั ษณะอยา งไรบา ง และต้งั ประเดน็ คาํ ถาม 1. ฝนตก ใหนักเรียนชวยกันหาคําตอบ เชน สภาพอากาศในรอบวันมีการเปล่ียนแปลง 2. ดินถลม หรือไม อยางไร นักเรียนคิดวาการเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศเกิดจาก 3. หมอกหนา สาเหตใุ ดบาง ç(วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะดินถลม ไมเ กดิ การเปลย่ี นแปลง นักเรียนควรรู สภาพอากาศ ที่ทําใหเกิดความรอนหรอื ความเยน็ ได) 1 กลางวัน กลางคนื เกดิ ขึ้นจากการหมนุ รอบตัวเองของโลกจากทิศตะวนั ตก ไปยงั ทศิ ตะวนั ออก ดา นทหี่ ันรบั แสงอาทติ ยเปน เวลากลางวนั และดา นตรงขาม ไมไ ดร บั แสงอาทติ ยเ ปน เวลากลางคืน T144
นํา สอน สรุป ประเมิน ในชว่ งเวลากลางวนั เราจะเหน็ สง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั ไดช้ ดั เจน ขน้ั สอน (ตอ) จากแสงของดวงอาทิตย์ และเรายังท�ากิจกรรมต่าง ๆ เช่น เรียนหนงั สอื เลน่ กับเพอื่ น สํารวจคน หา 6. ครูใหนักเรียนแตละคนสังเกตสภาพอากาศ ท่ีบาน ชวงเวลาเชามืดและชวงเวลาค่ํา แลว บนั ทกึ ในใบงานที่ 3.2 เร่ือง การสาํ รวจสภาพ อากาศทบี่ า นเปน เวลา 2 วนั นาํ มาเปรยี บเทยี บ การเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศ ▲▲ เรยี นหนังสือ ▲▲ เลน่ กบั เพื่อน หลังเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ นาฬกา ดวงอาทิตย์ตก แสงจากดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ หายไป เข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน เป็นช่วงเวลาท่ีคนส่วนใหญ่กลับสู่บ้านเรือน และท�ากิจกรรม 7. ครสู นทนาพดู คยุ กบั นกั เรยี นวา สภาพอากาศ ต่าง ๆ เช่น รับประทานอาหารเยน็ ร่วมกนั นอนหลับพักผอ่ น ในแตละชวงเวลาในรอบวันจะแตกตางกัน และใหนักเรียนชวยกันแสดงความคิดเห็น เก่ียวกับสภาพอากาศในรอบวันในชุมชนของ ตนเอง 8. ใหนักเรียนชวยกันสรุปสภาพอากาศในรอบ สัปดาหที่ผา นมาวา มีลกั ษณะอยางไรบาง ▲▲ รบั ประทานอาหารเย็น ▲▲ นอนหลบั พักผ่อน 137 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมใดควรทาํ ในเวลากลางคนื จึงจะเหมาะสมท่สี ุด ครใู หน กั เรยี นเขยี นบนั ทกึ ประจาํ วนั วา ทาํ กจิ กรรมใดบา งในวนั หยดุ โดยครู 1. นอนหลบั ทําแบบบันทึกใหนักเรียนนําไปบันทึก เพ่ือใหนักเรียนตรวจสอบและวิเคราะห 2. ออกกําลงั กาย กิจกรรมตา งๆ ท่ีทําวา ทําไมจงึ ตองทํากจิ กรรมน้ันในชวงเวลานนั้ 3. รบั ประทานอาหาร ตัวอยา งการบันทกึ ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เพราะการนอนหลับจะทําใหรางกาย 06.00 ตื่นนอน 16.00 ไปตลาด พกั ผอ น และผอนคลายความเหนอ่ื ยลา จากการทาํ กิจกรรมตางๆ ในเวลากลางวนั ) 06.30 ออกกาํ ลงั กาย 17.00 ทํางานบาน 07.00 รับประทานอาหารเชา 18.00 รบั ประทานอาหารเย็น 08.00 ไปเยย่ี มคณุ ยา 19.00 ทาํ การบาน 12.00 รับประทานอาหารกลางวัน 20.00 เขา นอน 13.00 เลน กับเพ่ือน T145
นํา สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ๒) เมฆ ๓) ฝน เป็นละอองน้�าที่รวมตัว เป็นหยดน�้าท่ีตกลงมา อธบิ ายความรู เป็นกลุ่มก้อน ลอยอยู่บน จากเมฆ ท้องฟ้า หากเราสังเกตสภาพ 9. ครูสมุ นักเรยี น 5 คน ท่ีอาศัยอยใู นหมูบานที่ วันท่ีมีเมฆมาก ท้องฟ้า แวดล้อมรอบตัวก่อนฝนตก หา งไกลกัน นําผลบันทกึ สภาพอากาศมาเลา จะมดื ครมึ้ เพราะเมฆบงั แสง อากาศมักจะร้อนอบอ้าว ใหเพื่อนฟง และใหนักเรียนที่เหลือรวมกัน แดดจากดวงอาทิตย์ ท�าให้ ท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้ม แต่ เปรยี บเทยี บการเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศใน อากาศในรอบวันน้ันไม่ร้อน เมื่อฝนตกแล้ว อากาศจะ เวลา 2 วนั มาก ชุ่มชนื้ เย็นสบาย วันที่มีเมฆน้อย พ้ืนโลก 10. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวาการ จะไดร้ บั แสงแดดเตม็ ท ี่ ทา� ให้ เปล่ียนแปลงของสภาพอากาศมีผลตอการ อากาศในวนั น้ันร้อนมาก ดํารงชวี ิตของมนษุ ยห รอื ไม อยางไร จากนัน้ รวมกันสรปุ 11. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ แลว ใหแ ตล ะกลมุ นง่ั เปน วงกลมนกั เรยี นแตล ะคนในกลมุ เลา ใหเ พอ่ื น ฟง ตามประเด็นคําถาม ดังนี้ 1) ฝนตกสงผลอยางไร 2) บนทองฟามเี มฆมากเกดิ ผลอยางไร 3) ลมที่พัดผานมีผลอยางไร และลมพายุ เกดิ ผลอยางไร 4) นา้ํ คางสงผลอยา งไร 5) หมอกหรือทะเลหมอกสง ผลอยางไร 6) ดวงอาทติ ยม ผี ลตอสภาพอากาศอยางไร 12. สมาชิกแตละคูในกลุมนําความรูท่ีคูของตน ไดศึกษามาผลัดกันอภปิ รายความรู พรอ มทงั้ ซกั ถามจนมคี วามเขา ใจตรงกัน 13. ครูสุมตัวแทนนักเรียน 2-3 กลุม ออกมา อภิปรายผลการศึกษาสภาพอากาศและ การเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน ท่ีหนาช้ันเรียน หากมีขอสงสัยใหซักถามจน มีความเขา ใจตรงกนั 138 สื่อ Digital ขอ สอบเนน การคิด ครสู บื คน สอื่ การเรยี นรเู พมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั เมฆ หมอก นาํ้ คา ง ฝน จากเวบ็ ไซต ขอ ใดไมเกี่ยวขอ งกนั ตางๆ เชน เรื่อง เมฆ หมอก นํ้าคาง ฝน จากเว็บไซตยูทิวบ https:// 1. หมอกจะระเหยเมือ่ โดนแสงแดด www.youtube.com/watch?v=n-JoWN2xLrU 2. กอนฝนจะตก ทอ งฟามีเมฆมดื ครมึ้ 3. วนั ทม่ี เี มฆนอ ย ทองฟา มืดครึ้ม จากน้ันครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับวิดีโอที่ดู เพื่อใหนักเรียนเขาใจ เกย่ี วกับการเปล่ยี นแปลงของสภาพอากาศ (ç วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 3. วนั ทม่ี เี มฆนอ ย พนื้ โลกจะไดร บั แสงแดด เตม็ ที่ วนั ทมี่ เี มฆมาก ทอ งฟา จะมดื ครม้ึ เพราะเมฆบงั แสงแดดจาก ดวงอาทติ ย) T146
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน ขยายความเขาใจ 14. นักเรียนแตละคนนําความรูที่ไดศึกษามาทํา ใบงานท่ี 3.3 เรอื่ ง การปฏิบัตติ นทเี่ หมาะสม กับสภาพอากาศในรอบวัน ๔) ลม ๕) นา�้ คา้ ง เป็นการเคลื่อนท่ีของ เป็นไอน�้าในอากาศที่ อากาศ รวมตัวกันกลายเป็นหยดน้�า วันที่ลมสงบหรือมลี มพดั ค้างอยู่ตามใบไม้ ต้นหญ้า นอ้ ย อากาศจะรอ้ นอบอา้ ว แต่ และสง่ิ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยู่ใกลพ้ ืน้ ดนิ ถ้าหากมีลมพัดแรง อากาศ เราจะเห็นน�้าค้างในเวลา จะเย็นสบายข้ึน บางครั้งที่ กลางคืน และตอนเช้ามืด ลมพัดแรงมาก ๆ อาจส่งผล เพราะมีอากาศเย็น น�้าค้าง 15. สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเลาผลงาน ท�าให้ส่ิงต่าง ๆ หัก โค่นล้ม ชว่ ยทา� ใหเ้ กดิ ความชมุ่ ชนื้ ใน ในใบงานที่ 3.3 ของตนใหสมาชิกคนอ่ืนฟง ทลี ะคน เสียหายได้ ช่วงท่ีอากาศหนาวจัด เราจะ เหน็ น�า้ คา้ งมปี ริมาณมาก 139 เกร็ดแนะครู ครูพานักเรียนออกไปสํารวจบริเวณสนามหรือสวน เพ่ือใหนักเรียนสังเกตสภาพอากาศ แลวใหบันทึกผลการสํารวจท่ีพบ จากนั้นอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรยี นถึงสิง่ ตา ง ๆ ทนี่ ักเรียนแตละคนสงั เกตเห็น ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหน ักเรียนเขา ใจวา การพยากรณอากาศ คอื การคาดหมายสภาวะอากาศและปรากฏการณทางธรรมชาตทิ ่ีจะเกิดขึ้นในชว งเวลาใด เวลาหนึ่งในอนาคต สวนมากจะเกี่ยวของกับสภาวะอากาศที่เกิดขึ้นใกลตัวเรา เชน ฝน อุณหภูมิ เมฆ หมอก คล่ืนลม รวมทั้งภัยธรรมชาติที่รุนแรงและ ไมร ุนแรง เชน พายุ การเกิดอุทกภัย ภัยแลง ฯลฯ เม่อื นักเรยี นดูขา วการพยากรณอ ากาศ จะชว ยใหทราบสภาพอากาศเพอ่ื เตรียมพรอมปรบั ตวั ใหเขา กับสภาพอากาศในรอบวนั ได T147
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน ๖) หมอก เปน็ กลมุ่ ละอองนา�้ ทล่ี อยตวั อยู่ใกลก้ บั พน้ื ดนิ ตรวจสอบผล มกั เกดิ ในชว่ งเชา้ ของฤดหู นาว เราจะเหน็ หมอกสขี าวคลา้ ย ๆ ควนั ลอยปกคลมุ พน้ื ทที่ ว่ั ไป หมอกทา� ใหเ้ กดิ ความชมุ่ ชนื้ เชน่ เดยี วกบั 16. ครูสุมตัวแทนนักเรียนออกมานําเสนอผลงาน น้า� คา้ ง ในใบงานที่ 3.3 โดยครูเปน ผตู รวจสอบความ ถูกตอง เวลาท่ีมีหมอก เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ไกล ออกไปไม่ชัดเจน ซ่ึงหมอกจะค่อย ๆ จางหายไป เม่ือได้รับ 17. นกั เรยี นทกุ คนนาํ ผลงานในใบงานท่ี 3.3 สง ครู แสงแดด ตรวจ และใหน กั เรียนแกไ ขขอ ท่ผี ิดใหถกู ตอ ง ทั้งน้ี ถ้าเรารู้จักสังเกตและเปรียบเทียบ จะเห็นว่า สภาพอากาศในรอบวันมีการเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา เชน่ เชา้ วนั นอ้ี ากาศเยน็ มหี มอก ตน้ ไมใ้ บหญา้ มนี า�้ คา้ ง เกาะชมุ่ ฉ่�า พอตอนสาย อากาศอบอนุ่ ขน้ึ หมอก และนา�้ คา้ ง จางหายไป ตอนบา่ ยทอ้ งฟา้ ปกคลมุ ดว้ ยกอ้ นเมฆคลา้ ยฝนจะตก อากาศจึงร้อนอบอ้าว ช่วงเวลากลางคืน อากาศเย็นและมี ฝนตกพรา� ๆ สภาพอากาศในรอบวนั มกี ารเปลี่ยนแปลงจากสง่ิ ที่ เกิดตามธรรมชาติ เราควรรบั ร้คู วามเปลี่ยนแปลงเหลา่ น้ี และปฏบิ ตั ิตนตอ่ สภาพอากาศทีเ่ ปลี่ยนแปลงใหเ้ หมาะสมนะครับ 140 สิ่งตาง ๆ ทม่ี ผี ลตอสภาพอากาศในรอบวนั เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น และบอกวิธีปฏิบัติตนที่ ปจ จัยใดท่ีทําใหห มอกและนา้ํ คางหายไป เหมาะสมกับสภาพอากาศตางๆ เพื่อการดําเนินชีวิตอยางมีความสุข และไม 1. ลม เจ็บปว ยเน่ืองจากสภาพอากาศทีเ่ ปลยี่ นแปลงไป 2. ฝน 3. แสงแดด ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. เพราะแสงแดดทําใหอุณหภูมิสูงขึ้น หมอกและน้ําคา งจงึ คอยๆ ระเหยหายไป) T148
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ๒. การเปล่ียนแปลงสภาพอากาศในรอบวันที่มีผล ขนั้ สรปุ ต่อส่ิงแวดล้อม ส่ิงต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ท�าให้สภาพ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องการ อากาศในรอบวันมกี ารเปลีย่ นแปลงอยเู่ สมอ ขณะเดียวกันการ เปลยี่ นแปลงสภาพอากาศในรอบวนั วา เปน ผล เปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน ก็มีผลต่อส่ิงแวดลอ้ ม มาจากส่งิ ตา ง ๆ ทีเ่ กดิ เองตามธรรมชาติ และ รอบตวั ของเราดว้ ย เช่น การเปลย่ี นแปลงนส้ี ง ผลตอ สง่ิ แวดลอ มรอบตวั ไดแ ก กลางวัน กลางคืน เมฆ ฝน ลม นาํ้ คาง ตอนเช้า ดอกไมไ้ ด้รบั ความ และหมอก ชมุ่ ชนื้ จากนา�้ คา้ ง และอากาศเยน็ จึงผลิดอกเบ่งบาน พอตอนบ่าย 2. นักเรยี นทาํ แบบฝก ปฏบิ ัตทิ ักษะรวบยอด เรื่อง ได้รับแสงแดดมากอากาศร้อน ส่ิงแวดลอมกับการเปลี่ยนแปลง จากแบบฝก ดอกไม้จงึ เหย่ี วเฉาร่วงจากต้น ปฏิบัติทักษะรวบยอด สังคมศึกษาฯ ป.1 หนา 35 เปน การบา นเสรจ็ แลว นาํ มาสง ครตู รวจ วนั น้ีตอนสาย อากาศชุม่ ชื้น 141 แสงแดดน้อย เส้อื ผา้ ท่ีซกั ตากไว้ กลางแจง้ จงึ ยงั เปยี กอย ู่ สว่ นตอน บ่าย ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆน้อย มีแสงแดดมาก ลมพดั แรง ท�าให้ เสื้อผา้ แห้งเรว็ การเปล่ียนแปลงสภาพอากาศในรอบวัน ขอ สอบเนน การคิด สื่อ Digital สง่ิ ทเ่ี ราตองเตรยี มในฤดฝู นคืออะไร ครูสืบคนสื่อการเรียนรูเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศใน 1. เส้ือผาหนาๆ รอบวันท่ีมผี ลตอสง่ิ แวดลอ ม จากเว็บไซตย ทู วิ บ https://www.youtube.com/ 2. เส้อื ผา บางๆ watch?v=dAfUGhq2aWo 3. ชุดกันฝน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 3. เพราะในฤดฝู นมกั จะมฝี นตกเกอื บตลอด จากนน้ั ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั วดิ โี อ เพอ่ื เชอ่ื มโยงวา การเปลยี่ นแปลง สภาพอากาศในรอบวนั กม็ ผี ลตอส่ิงแวดลอ มรอบตัวเราดวย เชน ดอกไมจะบาน ทั้งวัน ดงั นนั้ เพอื่ ปองกันไมใ หเ ปยกฝนเราจงึ ควรเตรยี มชดุ กันฝน ในตอนเชา การตากผากลางแจงจะทําใหผ าแหง เรว็ เปน ตน ตดิ ตัวไปดว ยเผื่อตอ งไดใช) T149
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั ประเมนิ เ¾อ×่ น æ ลองดÙµวั อยำ่ ง กำรเปลยี่ นแปลง ของสภาพอากาศในรอบวันทเ่ี ม¦บันทึกไว้ 1. ครูตรวจสอบผลวานักเรียนสามารถบอกการ เปล่ียนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน แลว้ ท�ากจิ กรรมดา้ นล่างนะครบั ที่นักเรียนบันทึกไวและเปรียบเทียบสภาพ อากาศไดว า มกี ารเปลย่ี นแปลงอยา งไรบา งผา น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในรอบวัน ตัวอยา ง ใบงานท่ี 3.1, ใบงานที่ 3.2 ตอนเชา้ อากาศเยน็ มหี มอกปกคลมุ หนาในบางพืน้ ท ่ี ส่งผลให้ 2. ครูตรวจสอบผลวานักเรียนสามารถปฏิบัติตน การขับข่ียานพาหนะไปได้ช้า ไดเหมาะสมกับสภาพอากาศท่ีเปลี่ยนแปลง ในรอบวนั ไดผา นใบงานที่ 3.3 ตอนสาย เรมิ่ มีแสงแดด หมอกเรม่ิ จาง มองเห็นถนนไดช้ ดั เจน 3. ครตู รวจแบบฝกปฏบิ ัติทักษะรวบยอด ตอนบ่าย มแี ดดจดั อากาศรอ้ น มลี มพดั นอ้ ย ผคู้ นหลบความรอ้ น อยู่ในบา้ น รเู รอื่ ง ภมู ศิ าสตร ปฏิบตั ิตามข้นั ตอน ดังน้ี ๑. ส ังเกตและบันทึกข้อมูลสภาพอากาศลงในตารางบันทึกสภาพ อากาศเป็นเวลา ๒ วัน ๒. เปรยี บเทยี บสภาพอากาศทบ่ี นั ทกึ วา่ มกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไรบา้ ง ๓. น า� ข้อมูลทบ่ี นั ทึกไดม้ าแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ กับเพ่ือน ๆ ตารางบนั ทกึ สภาพอากาศ วนั ………… เดือน ………………………… พ.ศ. ………….. สภาพอากาศ ปานกลาง การเปล่ยี นแปลง มาก นอ้ ย ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลง ลม ตัวอยางตารางบนั ทกึ ฝน แดด น้ําคา้ ง 142 หมอก แนวทางการวัดและประเมินผลสําหรับครู กิจกรรม ทาทาย ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินช้ินงานของนักเรียน ครใู หน กั เรยี นระบายสีภาพเหตุการณ กลางวัน กลางคนื เชน จากใบประเมินชิ้นงานทีแ่ นบทา ยแผนการสอน ภาพดวงอาทติ ย ดวงจนั ทร ดวงดาว ทอ งฟา ยามกลางวนั หรอื ภาพ เหตกุ ารณก ลางคนื ภาพนกฮกู คา งคาว หนซู ง่ึ เปน สตั วท อ่ี อกหากนิ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เวลากลางคืน ภาพไกข ันยามเชา ภาพเด็กๆ ไปโรงเรียน จากนั้น ใหเ ขยี นบรรยายสนั้ ๆ เกยี่ วกบั ภาพทรี่ ะบายสวี า คอื ภาพอะไร และ คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งที่ คำช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ี แสดงใหเหน็ การเปล่ยี นแปลงของสภาพอากาศอยา งไร ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1 เน้อื หาละเอยี ดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 321 อันพงึ ประสงค์ดำ้ น 321 2 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ่ืน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาทีใ่ ช้เข้าใจง่าย 3 การทางานตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย กษตั ริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากการนาเสนอ 4 ความมนี าใจ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มวี ินยั รบั ผิดชอบ 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝเ่ รียนรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามทโี่ รงเรยี นจัดขนึ้ 2.1 ใหข้ ้อมูลทถ่ี ูกต้อง และเป็นจริง ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นส่งิ ที่ถกู ต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั 6. มุ่งมนั่ ในการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวัน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเป็นไทย 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เช่อื ฟงั คาสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ 4.4 ตั้งใจเรียน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และสิง่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยดั และรูค้ ณุ คา่ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 ร้จู ักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดูแล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั ิและสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง ............../.................../................ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติบางครัง้ ภมู ิศาสตร์ ป.1 15 ภมู ิศาสตร์ ป.1 16 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 18 T150
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน ๒ การเปลย่ี นแปลงของสงิ่ แวดล้อม ขน้ั นาํ ส่ิงแวดล้อมรอบตัว ส่ิงแวดล้อมรอบตัวเรา มีการเปล่ียน 1. ครูใหนักเรียนดูภาพสิ่งแวดลอมที่อยูรอบตัว มกี ารเปลย่ี นแปลง แปลงอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงของ เชน ภาพปา ไม แหลง นาํ้ แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีผลต่อการด�าเนินชีวิต วิเคราะหและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ อยา่ งไร และจะ ของเรา ดังนั้น การเรียนรู้ท�าความเข้าใจ สง่ิ แวดลอ มทน่ี กั เรยี นเหน็ ในภาพ วา มลี กั ษณะ ปฏบิ ัติตนอยา่ งไร การเปล่ยี นแปลงของส่ิงแวดลอ้ ม จะทา� ให้ อยางไร กับการเปล่ียนแปลง เราปฏิบัติตนและปรับตัวให้เหมาะสมกับ การเปลย่ี นแปลงทีเ่ กิดข้นึ 2. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นฟง วา สง่ิ ตา งๆ ที่ ทีเ่ กิดข้นึ อยรู อบตวั เรามีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา 3. ครูตั้งคําถามถามนักเรียนเพื่อเปนการทบทวน ความรูเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศ และ ภูมอิ ากาศท่ีมีผลตอความเปนอยูของมนษุ ย 4. ครูอธิบายเช่ือมโยงใหเห็นถึงความสําคัญของ การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอม การ เปล่ียนแปลงของสิ่งแวดลอมกับสภาพอากาศ และการรเู ทา ทนั และปรบั ตวั เขา กบั สงิ่ แวดลอ ม สภาพอากาศ การเปล่ยี นแปลงของสิง่ แวดลอ ม 143 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ใครทําใหเกดิ การเปลย่ี นแปลงของสงิ่ แวดลอมในทางไมด ี ครูจดั กระบวนการเรียนรูโ ดยใหนกั เรียนปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. แตนท้งิ ขยะลงในแมน ้าํ - สอบถามการเปล่ียนแปลงของส่งิ แวดลอมในชุมชนของนกั เรยี น 2. ตน เกบ็ ขยะในโรงเรยี น - ใหน กั เรียนอธบิ ายเก่ยี วกบั การเปล่ียนแปลงของส่ิงแวดลอ ม 3. แตว ปลกู ตน ไมในบริเวณบา น และการดาํ เนนิ ชวี ติ ของครอบครัวนักเรยี น (วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เพราะการทิ้งขยะลงในแหลงน้ําทําให - ใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั การเปลีย่ นแปลงของส่ิงแวดลอม นาํ้ สกปรก เนา เสยี สตั วน าํ้ ตาย คนไมส ามารถนาํ นาํ้ มาใชป ระโยชนไ ด) และการดาํ เนินชวี ิตของครอบครัว - ใหน ักเรียนตอบคาํ ถามเกี่ยวกบั การเปลยี่ นแปลงของส่งิ แวดลอ ม และการดาํ เนนิ ชีวิตของครอบครวั T151
นํา สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ๑. สาเหตกุ ารเปลย่ี นแปลงของสง่ิ แวดลอ้ ม เกดิ จากสาเหตุ ๒ ประการ คอื สงั เกต ๑) เกดิ จากธรรมชาต ิ เช่น ไฟปา่ ภัยแลง้ แผน่ ดนิ ไหว1 ดนิ ถล่ม พายุ 1. นักเรียนกลุมเดิมดูวีดิทัศนเกี่ยวกับการ เปล่ียนแปลงของภูมิประเทศ เรื่อง แผนดิน ▲▲ ไฟป่า ▲▲ ภัยแลง้ ไหว พน้ื ดนิ ถลม ฝนตก นาํ้ ทว ม การบกุ รกุ พน้ื ท่ี ปา การเผาปา อากาศเสีย นํ้าเสยี จากโรงงาน ๒) เกดิ จากมนษุ ย ์ เชน่ การตดั ไมท้ า� ลายปา่ อากาศเสยี น้ําเสียจากการทง้ิ ขยะของมนษุ ย กองขยะ จากควนั รถ การถมแหลง่ น้า� การทง้ิ ขยะไม่เปน็ ท่ี 2. ครูสอบถามนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เปล่ียนแปลงสภาพแวดลอมในชุมชนของ นักเรยี น ดงั นี้ • นกั เรยี นสงั เกตเหน็ ความเปลย่ี นแปลงใดบา ง ในชุมชนของตนเอง (แนวตอบ : ข้ึนอยูกับคําตอบของนักเรียน แตละคน เชน เห็นอาคารบานเรือนเพิ่ม มากขนึ้ ตนไมลดนอยลงกวาเดิม) • การเปลย่ี นแปลงท่เี กิดขนึ้ ในชมุ ชน มาจาก สาเหตุใดบาง (แนวตอบ : ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน แตละคน เชน มีผูคนมากข้ึนทําใหมีการ สรา งอาคารบา นเรอื น ตกึ สงู มากขนึ้ เพอ่ื เปน ทอ่ี ยูอ าศยั ของผคู น) 3. ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจวา การเปลย่ี นแปลง ของสิ่งแวดลอมเกิดจากธรรมชาติ และ การกระทาํ ของคนเรา ▲▲ การตดั ไมท้ �าลายปา่ ▲▲ การท้งิ ขยะไมเ่ ปน็ ท่ี 144 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 แผน ดนิ ไหว เปน ภยั ธรรมชาตทิ ไ่ี มส ามารถรลู ว งหนา ได ซงึ่ เปน ปรากฏการณ ขอ ใดคอื การปฏบิ ตั ติ นตอ สภาพอากาศทเ่ี ปลย่ี นแปลงไดอ ยา ง ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผนเปลือกโลก จนทําใหเกิดแผนดินไหว เหมาะสม เชน แผน ดนิ ไหวทจ่ี งั หวัดเชียงราย 1. สวมชุดกนั ฝนเมอื่ ฝนตก เม่อื เกิดแผน ดนิ ไหว เราตอ งไมต กใจ และมสี ตใิ นการปฏบิ ัตติ น เชน ถาอยู 2. สวมเสอ้ื หนาๆ ในชวงหนา รอ น ในอาคาร ใหหลบใตโตะ เตียง ที่มีความแข็งแรง แลวอยูน่ิงๆ เพื่อหลีกเล่ียง 3. สวมเส้อื บางๆ ในชว งหนา หนาว บริเวณทมี่ สี ิ่งของหลนใส เมื่อการสัน่ สะเทือนหยุด จึงออกไปภายนอกบริเวณท่ี ปลอดภัย แตถาอยดู านนอกใหอยใู นท่โี ลง ใหอยูห า งจากอาคาร เสาไฟ ตนไม (ç วิเคราะหค ําตอบ ขอ 1. เม่ือฝนตกและตอ งออกไปนอกอาคาร หรอื สิ่งของที่อาจหลนใส เปนตน ควรใสชดุ กนั ฝนเพ่ือปองกันการเปย กฝน) T152
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน (ตอ) สงั เกต ๒. การปฏิบัตติ นตอ่ การเปลี่ยนแปลงของสิง่ แวดล้อม 4. ครูใหน ักเรยี นดภู าพในหนังสอื เรยี น เราควรรู้จักสังเกตและเปรียบเทียบส่ิงแวดล้อมรอบตัวว่า หนา 145-146 จากนัน้ ถามคาํ ถามนักเรียนวา มกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร เพอื่ จะไดป้ ฏบิ ตั ติ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม • สภาพอากาศในประเทศไทยมกี ี่ฤดู ๑) การปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ1 อากาศ (แนวตอบ : 3 ฤดู คือ ฤดรู อ น ฤดูฝน ในแต่ละช่วงเวลา แต่ละวัน แต่ละฤดู มีการเปลี่ยนแปลง ฤดหู นาว) ตลอดเวลา เราสามารถปฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสมกบั การเปลย่ี นแปลง • นักเรียนมีวิธีปฏิบตั ติ นใหสมั พันธกบั ของอากาศได ้ ดังนี้ สภาพอากาศไดอ ยางไรบา ง (แนวตอบ : หนารอ น เลอื กสวมเสอื้ ผาบางๆ อากาศรอ้ น หลีกเล่ียงการอยูกลางแดดเปนเวลานานๆ • ควรเลือกสวมเส้ือผ้า หนาฝน พกรมกอนออกจากบาน และ หลกี เลย่ี งการตากฝน หนา หนาว สวมเสอ้ื ผา บาง ๆ เพอ่ื ให้อากาศถา่ ยเท หนาๆ ใหค วามอบอนุ รา งกาย) สะดวก วันที่อากาศร้อนจัด เหง่ือจะออกมาก ร่างกาย 5. ครูอธิบายเชื่อมโยงวา การรูจักสังเกตและ จะสูญเสียน�้ามากกว่าปกติ เปรียบเทียบสิ่งแวดลอมรอบตัววามีการ เราจงึ ควรด่มื น้�าใหม้ าก เปลยี่ นแปลงอยา งไร จะชว ยใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ • หากต้องออกไปข้าง ตนไดเหมาะสมและสัมพันธกับสภาพอากาศ นอกบ้าน ควรสวมหมวก ในแตล ะชว งเวลาได หรือกางร่ม • หลีกเลยี่ งการอยู่ 145 กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ เพราะรา่ งกายอาจออ่ นเพลยี เป็นลม หรือไม่สบายได้ การปฏิบัตติ นตอ การเปลีย่ นแปลงของส่งิ แวดลอ ม ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในสภาพอากาศปกติ ชวงใดในแตละวันท่ีนาจะมีอากาศรอน 1 สภาพอากาศ ประเทศไทยมี 3 ฤดู ดังนี้ มากทส่ี ดุ 1. ฤดูฝน เริ่มต้ังแตชวงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปไปจนถึงส้ินเดือน ตุลาคม รวมระยะเวลาประมาณ 5 เดือนคร่ึง เวนแตทางภาคใตยังคง 1. เชา มีฝนตกชุกตอไปถึงเดือนธันวาคม เพราะไดรับอิทธิพลจากลมมรสุม 2. บาย ตะวนั ออกเฉยี งเหนือทพี่ ัดลงมาจากทางประเทศจนี 3. เยน็ 2. ฤดูหนาว เร่ิมตั้งแตตนเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ (วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 2. ชว งบายเปน ชวงทีม่ อี ุณหภมู สิ งู จึงทําให ระยะเวลาประมาณ 4 เดอื น ฤดหู นาวในประเทศไทยน้นั โดยปกติจะไมม ี มีอากาศรอ นทีส่ ุด) อากาศท่ีหนาวจดั แตจ ะเปนอากาศทเ่ี ยน็ สบาย 3. ฤดรู อน ฤดูรอ นอยางเปน ทางการของประเทศไทยจะเร่ิมต้งั แตตน เดือน มีนาคมของทุกปไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนครึง่ T153
นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน (ตอ) สังเกต 6. ครูใหนักเรียนสังเกตเครื่องแตงกายของเด็ก ฝนตก ในแตล ะภาพ จากหนังสือเรียน หนา 45-146 • คว เรพหรลาี ะกอเาลจี่ ยเปง ก็นไาขร1้ วามีความเหมาะสมกับสภาพอากาศในขณะ ตากฝน นั้นหรอื ไม พรอมอธบิ ายเหตุผล เชน มคี วาม ไมส่ บายได ้ เหมาะสม เพราะสภาพอากาศรอน เส้ือผา • หากตอ้ งเดนิ ทางขณะ ท่ีสวมใสบาง ทําใหรางกายเย็นสบาย หรือ ฝนตกให้ใช้ร่มหรือใส่เสื้อ สภาพอากาศขณะน้ันหนาว เส้อื ผาที่สวมเปน กันฝน เสื้อกนั หนาว ปอ งกนั ความหนาวเยน็ ได • หากเปียกฝน เม่ือ วเิ คราะหว ิจารณ กลบั มาถงึ บา้ นควรรบี อาบนา�้ สระผม เชด็ ตัวให้แห้ง และ 7. ครแู บง นกั เรยี นเปน 3 กลมุ ใหแ ตล ะกลมุ ศกึ ษา ท�าร่างกายให้อบอุน่ โดยเร็ว ความรเู รอ่ื ง การปฏบิ ตั ติ นตอ การเปลย่ี นแปลง ของส่ิงแวดลอมเกี่ยวกับสภาพอากาศ จาก อากาศหนาว หนังสือเรียน หนา 145-146 ควรเลือกสวมเส้ือผ้า 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมแสดงบทบาทสมมุติ หนา ๆ หรอื เสอื้ ผา้ ทป่ี อ้ งกนั กลุมละ 1 เร่ือง โดยใหนักเรยี นเตรียมเสื้อผา ความหนาวได้ดี เพ่ือให้ ประกอบการแสดงบทบาทสมมุติมาจากบาน ร่างกายอบอุ่น เพราะหาก ดังนี้ ร่างกายอบอุ่นไม่เพียงพอ กลุมที่ 1 การปฏิบตั ติ นในสภาพอากาศรอน อาจเปน็ หวดั ไมส่ บายไดง้ า่ ย กลุม ท่ี 2 การปฏิบัตติ นในสภาพอากาศที่ฝน กําลงั ตก กลมุ ท่ี 3 การปฏบิ ตั ติ นในสภาพอากาศหนาว 146 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูใหนักเรียนดขู าวการพยากรณอ ากาศประจาํ วัน แลวผลัดกันบอกวิธกี าร เม่อื สภาพอากาศเปลยี่ นแปลง เด็กคนใดปฏบิ ตั ิตนไดถ กู ตอง ปฏิบตั ติ นตอ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ 1. บอยพกรม หรอื เสื้อกันฝนตดิ ตวั ไปดว ยในชว งฤดฝู น 2. หญงิ สวมเสือ้ ผา บางๆ ในชว งฤดูหนาว นักเรียนควรรู 3. แมนไมชอบหม ผานอนในชว งฤดูหนาว 1 ไข เปน อาการเจบ็ ปวยทีอ่ ุณหภูมิในรางกายเพม่ิ สูงกวา ปกติ สาเหตุของไข ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เราควรปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับ และอาการมีมากมาย เชน ไขห วดั ธรรมดา ผูป วยจะมีไข น้าํ มูกไหล ไอ จาม สภาพอากาศ เพ่ือใหดํารงชีวิตอยูไดอยางมีความสุข ซึ่งปฏิบัติ คดั จมกู ไขหวัดใหญ ผูปว ยจะมีไข ตวั รอน ปวดศีรษะ ปวดเบาตา ปวดทอ ง ไดง า ยๆ เชน หนา ฝน พกรม หรอื เสอื้ กนั ฝน หลกี เลย่ี งการตากฝน ปวดเมื่อยตามแขนขา หนาหนาว สวมเสื้อผาหนาๆ เพ่ือใหรางกายอบอุน หนารอน สวมเส้ือผา บางๆ หลกี เลี่ยงการอยกู ลางแดดจา ) ถา นักเรียนมอี าการเจ็บปวยตามนี้ ควรบอกผูปกครองใหทราบ เพือ่ จะ ไดด แู ลรักษาอาการใหป กตติ อไป T154
นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒) การปฏบิ ตั ติ นตอ่ แหลง่ นา้� ในอดตี มนษุ ย์ใชแ้ หลง่ นา้� ขนั้ สอน (ตอ) ธรรมชาต ิ เช่น แม่น�้า ล�าธาร ห้วย คลอง บงึ ส�าหรบั ใชด้ ม่ื กนิ และท�ากจิ กรรมตา่ ง ๆ แต่ปัจจบุ นั แหลง่ นา�้ ธรรมชาติหลายแห่ง วิเคราะหวิจารณ มีสิ่งสกปรก ขุ่น หรือเป็นน�้าเน่าเสีย เนื่องจากคนเราทิ้งขยะ สง่ิ ปฏกิ ลู สารเคม ี และปลอ่ ยนา�้ เสยี ลงไป ไมส่ ามารถนา� นา�้ มาใช้า 9. นักเรียนแตละกลุมวิเคราะหวิจารณเร่ืองท่ี ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ตอ้ งใชน้ า�้ ประปาแทน ดูจากวีดิทัศน แลวรวมกันสรุปสาเหตุการ เปล่ียนแปลงส่ิงแวดลอมวาส่ิงใดเกิดจาก หากเราทิ้งขยะลงในแหลง่ น�้ ธรรมชาติ สงิ่ ใดเกดิ จากการกระทาํ ของมนษุ ย ▲▲ แหล่งน้า� สะอาดสามารถน�าไปใชไ้ ด้ 10. นักเรียนกลุมเดิมสืบคนขอมูลความรู เรื่อง ▲▲ แหล่งน้า� สกปรกไม่สามารถน�าไปใชไ้ ด้ ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น ต อ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง ส่ิงแวดลอมเกี่ยวกับแหลงน้ํา ปาไม และ พวกเราควรร่วมมอื กันไมท่ ้งิ ขยะ สัตวป า จากหนังสือเรยี น หนา 147-149 และของเสยี ลงในแหลง่ น้า� 11. ครอู ธบิ ายความรเู พิม่ เติมโดยใช PowerPoint เรื่อง การปฏิบัติตนตอการเปลี่ยนแปลงของ สิ่งแวดลอ ม 12. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบวา • นักเรียนมีวิธีปฏิบัติตนตอการเปลี่ยนแปลง ของสง่ิ แวดลอ มเกยี่ วกบั แหลง นาํ้ ปา ไม และ สัตวปา ในชุมชนของตนเองอยางไรบา ง (แนวตอบ : ไมท งิ้ ขยะลงในลาํ คลอง ชว ยปลกู ปาทดแทน และไมทํารา ยสัตวป า เพ่ือความ สนุกสนาน) 147 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ใครปฏิบตั ติ นตอการใชน ํา้ ไดอยา งเหมาะสม ครใู หน ักเรยี นดภู าพสถานการณป ญหาสง่ิ แวดลอมของไทย ไดแก 1. แนนทง้ิ เศษอาหารลงในลาํ คลอง ภาพท่ี 1 ขยะมูลฝอยในชมุ ชน 2. ฟาเปด กอ กน้ําท้ิงไวขณะแปรงฟน ภาพที่ 2 นํา้ เนาเสียในชุมชน 3. กวางนาํ น้ําสดุ ทายของการซกั ผา มารดตนไม ภาพที่ 3 ปาไมถ กู ทาํ ลาย (วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. การนํานํ้ากลับมาใชใหม เปนหนึ่งวิธี จากนั้นใหนักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกันเกี่ยวกับปญหาสิ่งแวดลอม โดยอภปิ รายแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ รวมกนั ในประเดน็ ตอไปน้ี ในการใชน ํ้าอยางประหยัดและคุมคา ) 1. สาเหตขุ องปญ หา 2. ผลกระทบท่ีเกดิ ข้ึน 3. วธิ กี ารอนรุ ักษ T155
นํา สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน (ตอ) ๓) การปฏิบัติตนต่อป่าไม้ การลดลงของพ้ืนท่ีป่าไม ้ วิเคราะหว ิจารณ จะส่งผลกระทบไปถึงสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ปัจจุบันมีการตัดไม้ ท�าลายป่า เผาป่าในหลายพ้ืนที่ ทา� ใหพ้ นื้ ที่ปา่ ไมล้ ดลง ส่งผล 13. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหเน้ือหา ให้สัตว์ป่าล้มตาย เพราะขาดแหล่งอาหาร ขาดที่อยู่อาศัย และรวมกันกําหนดแนวทางการปฏิบัติตน แหล่งต้นน�้าล�าธารมีน�้าน้อยลง อากาศร้อนข้ึน เมื่อมีพื้นท่ีป่า อยางเหมาะสมตอสิ่งแวดลอม ครูบันทึก ไว้ซึมซับน�้าเหลือน้อย เวลาฝนตกหนักจะเกิดน้�าป่าไหลหลาก แนวทางการปฏิบตั ิตนบนกระดานดาํ ลงมาพื้นท่รี าบ เกิดน�้าท่วม สร้างความเสยี หายให้กบั สงิ่ ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ชีวิตมนุษย์ 14. นักเรียนรวมกันวิเคราะหแนวทางการปฏิบัติ ตนท่ีรวมกันเสนอไว และวิจารณวาแนวทาง ส่งผลใ ใดบางท่นี กั เรียนสามารถนาํ ไปปฏบิ ตั ิได ห้ 15. นกั เรยี นแตล ะกลมุ เลอื กปฏบิ ตั ิ กลมุ ละ 1 เรอ่ื ง ตามความสนใจ ดงั นี้ 1) รณรงคการทิง้ ขยะและแยกขยะลงถงั 2) ปลกู ตนไม คนละ 1 ตน 16. นักเรียนบันทกึ ผลการปฏิบัตใิ นใบงานท่ี 3.4 เร่อื ง การปฏบิ ตั ิตนตอ การเปลย่ี นแปลงของ ส่ิงแวดลอม จากน้ันนําผลการปฏิบัติติดที่ ปายนเิ ทศ ▲▲ ตัดไม้ท�าลายปา่ ▲▲ น้า� ป่าไหลหลาก เรำµอ้ งรว่ มมอ× กนั รักÉำป†ำไม้ ไมต่ ดั ต้นไม้ และชว่ ยกนั ปลกู ตน้ ไม้ เพื่อเพ่มิ พน้ื ที่สเี ขียวนะครบั 148 ส่ือ Digital ขอสอบเนน การคิด ครูสืบคนสื่อการเรียนรูเพ่ิมเติมเก่ียวกับแนวทางการอนุรักษทรัพยากร การตดั ตนไมใ นปา ไม สงผลอยา งไร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมจากเว็บไซตตางๆ เชน การตูนอนุรักษสิ่งแวดลอม 1. อากาศชมุ ชื้น https://www.youtube.com/watch?v=SEMn_3cu8qQ 2. พื้นดนิ แหงแลง 3. ฝนตกตามฤดูกาล จากนั้นครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับวิดีโอ และสอบถามวานักเรียนมี ความรสู กึ อยา งไร หลงั จากชมวดิ โี อ และหากพบสถานการณใ นชวี ติ ประจาํ วนั จะ ç(วเิ คราะหคําตอบ ขอ 2. การตดั ตนไมทาํ ลายปา ทําใหเ กดิ ความ ปฏบิ ตั อิ ยางไร เพอื่ ใหท กุ คนตระหนักถึงการมีสวนรวมรบั ผดิ ชอบในการอนุรกั ษ แหงแลงในฤดูแลง เพราะตนนํ้าลําธารแหงขอด เกิดการระเหย ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม ของนา้ํ จากผวิ ดนิ สงู แตก ารซมึ ผา นผวิ ดนิ ตาํ่ ดนิ ดดู ซบั และเกบ็ นา้ํ ไวไ ดน อย สง ผลใหพนื้ ดนิ แหงแลง) T156
นํา สอน สรุป ประเมนิ ๔) การปฏิบัติตนตอสัตวปา ปจจุบันสัตวปาลดจํานวน ขนั้ สรปุ ลงมาก เนื่องจากปาถูกทําลาย และสัตวถูกจับไปเปนอาหาร เราจงึ ตองรว มมอื กนั ไมทําลายแหลงอาหาร แหลง ทีอ่ ยอู าศัย สรปุ ของสตั ว ไมท าํ รา ยหรอื ลา สตั วเ พอื่ ความสนกุ สนาน ไมจ บั สตั วน า้ํ ในฤดวู างไข รว มกจิ กรรมปลอ ยสตั ว ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องการ ที่ไดจ ากการเพาะเลย้ี งคืนสู เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดลอมวามีผลตอการ ธรรมชาติ เพม่ิ พื้นที่ปา ไม ดาํ เนนิ ชวี ติ โดยจดั ทาํ เปน แผนผงั ความคดิ จากนน้ั และรักษาแหลง นํา้ ตาม นําสง ครู ธรรมชาติใหสะอาด ขน้ั ประเมนิ à¾è×͹ æ Í‹ÒÅÁ× ¹Ð¤ÃѺÇÒ‹ Êè§Ô áÇ´ÅÍŒ Á ·ÍÕè ‹ÙÃͺµÑÇàÃÒÁÕ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§ àÃÒ¨Ö§¤Çà 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตความเขาใจ ในการตอบคาํ ถาม »¯ºÔ µÑ µÔ ¹ãËŒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸¡ºÑ ¡ÒÃà»ÅÕÂè ¹á»Å§ ´§Ñ ¡Å‹ÒÇ¹Ð¤ÃºÑ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.4 3. ครูตรวจสอบผลการทําแผนผงั ความคิด รเู รอื่ ง ภมู ศิ าสตร 4. ครูคัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพดีตามเกณฑท่ี กจิ กรรมที่ ๑ ปฏิบัติ ดงั น้ี กาํ หนดมาติดปายนิเทศทีห่ นา ช้ันเรียน แสดงบทบาทสมมุติเปนนางแบบและนายแบบ โดยเลือกเสอื้ ผา ให เหมาะสมกับสภาพอากาศในวันท่ีจะเดินแบบ แลวออกมานําเสนอ ชุดที่เลอื กสวมใส กิจกรรมที่ ๒ ปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอน ดังนี้ ๑. สอบถามปญหาเก่ียวกับนํ้า ปาไม หรือสัตวปาจากพอแมวามี อะไรบาง ๒. คิดวิธแี กไขปญหาท่ีเกดิ ขึน้ ๓. สรปุ วิธีแกไ ขปญหา แลว นําเสนอใหเพ่ือน ๆ ในช้นั เรยี นฟง ๑๔๙ ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล ขอใดคือการอนุรักษส ตั วปา ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพื่อประเมินช้ินงานของนักเรียน 1. รณรงคปองกนั ไฟปา จากใบประเมนิ ช้นิ งานที่แนบทา ยแผนการสอน 2. นาํ สตั วป า มาเปนสัตวเล้ยี ง 3. นาํ ซากสัตวปา เปนสินคาสง ออก แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (วเิ คราะหคําตอบ ขอ 1. เพราะการปองกนั ไฟปา จะทําใหป าไม คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี ไมถูกทําลาย และยังเปนการทําลายแหลงอาหารและที่อยูอาศัย ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ของสัตวปา ดว ย) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1 เนื้อหาละเอียดชดั เจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพงึ ประสงคด์ ้ำน 321 2 ความถกู ต้องของเนอื้ หา 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่ 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ บั มอบหมาย กษตั ริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ 4 ประโยชนท์ ีไ่ ด้จากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงต่อเวลา 2. ซ่อื สัตย์ สจุ ริต ตอ่ โรงเรียน 3. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามทโี่ รงเรยี นจัดขึ้น 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเป็นจรงิ ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน 5. อยู่อย่างพอเพียง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงที่ถูกต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั 6. มุง่ ม่นั ในการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวนั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเปน็ ไทย 4.2 ร้จู ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง 8. มีจติ สาธารณะ 4.3 เช่อื ฟงั คาสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรยี น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสิง่ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอย่างประหยดั และรู้คณุ ค่า ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพอื่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 ร้จู กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ กั การดูแล รักษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรยี น 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั บิ างครัง้ ภมู ิศาสตร์ ป.1 15 ภมู ศิ าสตร์ ป.1 16 ภมู ิศาสตร์ ป.1 18 T157
นํา นํา สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั นาํ ๓ การปฏิบตั ติ นในการดูแลสิง่ แวดล้อม 1. ครใู หนักเรยี นดูภาพในหนงั สอื เรียน หนา 150 นักเรียนมสี ว่ นร่วม และชวยตอบคําถาม ดังน้ี ในการดแู ล • ใครเปนผูมบี ทบาทสําคัญในการจดั การ ส่ิงแวดลอมในบา น ส่งิ แวดลอ้ มทบ่ี ้าน (แนวตอบ : เปนหนาทขี่ องทกุ คนในบา น ซึง่ และในช้ันเรยี น ตองชว ยเหลอื รว มมอื กัน) • นกั เรยี นมสี ว นรว มในการจดั การสง่ิ แวดลอ ม ไดอ้ ย่างไร ในบานของตนเองไดอยางไรบา ง (แนวตอบ : ชวยกวาดบา น เก็บของเขา ที่ให เปน ระเบียบเรียบรอ ย) • การจัดการสิ่งแวดลอมในบาน มีประโยชน อยา งไรบาง (แนวตอบ : ชว ยใหบ า นนา อยู สะอาด สวยงาม และเปนระเบยี บเรียบรอย) 2. ครูทบทวนเกี่ยวกับสิ่งแวดลอมที่มนุษยสราง ข้ึนเพื่อเช่ือมโยงถึงส่ิงแวดลอมท่ีบานและ ทชี่ ้นั เรยี น การดแู ลรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ มใหค้ งสภาพดไี ว ้ ถอื เปน็ สงิ่ จา� เปน็ เพราะสงิ่ แวดลอ้ มทด่ี ี สะอาด และสวยงาม จะชว่ ยทา� ใหเ้ ราดา� รง ชวี ิตได้อยา่ งมคี วามสุข ซง่ึ การดแู ลสิ่งแวดล้อม ใครเปน็ ผมู้ ีบทบาทส�าคัญ เป็นหนา้ ท่ีของเราทุกคน ในการดูแลสงิ่ แวดล้อมบา้ งคะ เพราะการช่วยเหลือร่วมมอื กนั ย่อมจะทา� ให้การดแู ล สิ่งแวดลอ้ มท�าได้ดีข้นึ 150 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทหนาท่ีในการดูแลส่ิงแวดลอมที่บาน ซึ่ง ใครมีสวนชวยดูแลสง่ิ แวดลอมทบ่ี า น แตละคนควรมีสวนรวมในการดูแล เชน พอมีหนาท่ีตัดหญา ตัดแตงก่ิงตนไม 1. หนยุ เตะบอลบริเวณสนามหญาหนา บา น แมม หี นา ทรี่ ดนา้ํ ตน ไม และลกู ๆ มหี นา ทชี่ ว ยพอ แมท าํ ความสะอาดภายในบา น 2. ออ นชวยแมกวาดบานเปน ประจาํ และงานทสี่ ามารถทาํ ได จากนนั้ สอบถามวา เมอื่ นกั เรยี นอยบู า นไดร บั มอบหมาย 3. มิวอานหนงั สอื เรียนทหี่ อ งรับแขก ใหทาํ อะไรบา งในการดูแลสิ่งแวดลอ ม (ç วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 2. การกวาดบา นของออ นจะชว ยทาํ ใหบ า น สะอาด เปนระเบียบเรียบรอย ถือเปนการดูแลส่ิงแวดลอมที่บาน อยางหนงึี่ ) T158
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๑. การดแู ลส่ิงแวดล้อมที่บา้ น บา้ นเป็นสิง่ แวดล้อมทอี่ ยู่ ขนั้ สอน ใกล้ตัวและมีความส�าคัญกับเรามากท่ีสุด และเป็นหน้าที่ของ สงั เกต สมาชกิ ในครอบครวั ทต่ี อ้ งมสี ว่ นรว่ มในวยั ของนกั เรยี นสามารถ ปฏิบัติตนในการดูแลสงิ่ แวดล้อมที่บ้านได ้ ดังนี้ 1. ครนู าํ ภาพสง่ิ แวดลอ มในบา นและทชี่ น้ั เรยี นให นกั เรียนดูแลวสนทนาเกี่ยวกบั ภาพ วา มีสิ่งใด ๑) รกั ษาความ ในภาพบาง สะอาด ไมท่ า� ใหบ้ า้ นสกปรก และชว่ ยคณุ พอ่ คณุ แม ่ หรอื 2. นักเรียนยกตัวอยางสิ่งแวดลอมในบานของ ผู้ปกครอง ทา� ความสะอาด นักเรียนและที่ช้ันเรียน คนละ 1 ตัวอยาง บ้านเท่าที่จะสามารถช่วย ครูบนั ทึกบนกระดาน เหลอื ได้ 3. ครูใหนักเรียนแบงกลุมศึกษาเรื่อง การดูแล ๒) จดั ระเบยี บ สง่ิ ของเครอื่ งใชส้ ่วนตัวของเรา เม่ือใช้ รักษาสิ่งแวดลอม เพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน แล้วต้องเก็บเข้าท่ีให้เรียบร้อย รวมถึงจัดเก็บส่ิงของต่าง ๆ หนา 151-155 ภายในบ้านใหเ้ รียบรอ้ ยเป็นระเบยี บดว้ ย 4. สมาชิกในกลุมผลัดกันอภิปรายความรูและ ประเดน็ สาํ คญั ทไ่ี ดจ ากการศกึ ษา แลว ผลดั กนั ซักถามจนมคี วามเขาใจชัดเจน 5. ครอู ธบิ ายใหน กั เรียนเขา ใจเพมิ่ เติมวา ส่ิงแวดลอมท่ีบานและช้ันเรียนมีความสําคัญ ตอ การดําเนนิ ชวี ิต 6. นักเรียนรวมกันสังเกตสิ่งแวดลอมในชั้นเรียน จากนั้นครูถามคําถามกระตุนความคิดให นักเรียนชวยกันตอบ • ส่ิงแวดลอมที่นักเรียนเห็นอยูรอบๆ ตัวมี อะไรบาง (แนวตอบ : โตะ เกา อ้ี กระดาน ชนั้ วางรองเทา กระถางตน ไม เปนตน ) • นกั เรยี นมแี นวทางในการจดั ระเบยี บ สิ่งแวดลอมทช่ี นั้ เรยี นอยางไร (แนวตอบ : ชวยกันรักษาความสะอาด ไมท้ิงขยะในช้ันเรียน จัดระเบียบส่ิงของใน ชั้นเรียน) การดูแลสิง่ แวดลอ มทบ่ี าน 151 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั ประเภทของการดแู ลส่งิ แวดลอ มในบา น หรอื การทํางานบา น โดยแบง ตามระยะเวลาท่ีทํางานได 4 ประเภท คอื 1. งานที่ควรทาํ ทกุ วนั เชน กวาดบา น ถบู าน ลางจาน รดน้าํ ตนไม 2. งานทคี่ วรทําทุก 2-3 วัน เชน ซักผา รดี ผา ลางหอ งนํ้า 3. งานทค่ี วรทาํ ทกุ เดือน เชน ทําความสะอาดตเู ยน็ ซกั ผาปทู นี่ อน 4. งานที่ไมส ามารถกาํ หนดเวลาทําทแี่ นนอนไดข ้ึนอยกู ับความเหมาะสม เชน ตัดหญา ตดั แตง กิง่ ตน ไม T159
นํา สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน ย ไ๓ป)ท ก้ิง�าลจงัดในขยถะังมขูลยฝะ1อใหย้ โด น�า วเิ คราะหว ิจารณ เรียบร้อย ถ้าเป็นเศษอาหาร ขยะเปยี ก ควรจดั แยกใสถ่ งุ ขยะ 7. นักเรียนวิเคราะหและรวมกันวิจารณวาสิ่ง แล้วมัดปากถุงให้แน่นก่อนทิ้ง ใดบางที่จําเปนตองมีในบานและมีประโยชน ทั้งน ี้ ควรท้ิงขยะทกุ วนั เพ่อื จะ อยางไร และส่ิงใดบางท่ีไมจําเปนตองมีใน ไดไ้ มห่ มกั หมม ไมม่ กี ลน่ิ เหมน็ บา น อธิบายเหตุผล ในบ้าน 8. นกั เรียนจับคู 2 คน ตามความสนใจ ศึกษา ๔) ปลกู ตน้ ไม ้ ดอกไม ้ ความรู เร่อื ง การดแู ลสงิ่ แวดลอ มในบา นจาก หนังสอื เรยี น หนา 151-152 บริเวณบ้าน เพ่ือช่วยเพิม่ พนื้ ที่ สีเขียว ช่วยสร้างความชุ่มช้ืน 9. ครูใช PowerPoint เรอื่ ง การดูแลสงิ่ แวดลอ ม ท�าให้บ้านน่ามอง นา่ อยอู่ าศยั ในบาน อธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนมีความ เพม่ิ ความสวยงามใหส้ งิ่ แวดลอ้ ม เขาใจท่ถี ูกตอ ง 10. นกั เรยี นแตล ะคสู รปุ ความรทู ศี่ กึ ษาในแผนผงั ความคิดตามใบงานที่ 3.5 เร่ือง การดูแล สิง่ แวดลอมในบาน สงครตู รวจความถกู ตอง ๕) ใช้วัสดุย่อยสลาย ง่าย ลดการใช้โฟม และถุง พลาสตกิ ใชว้ สั ดจุ ากธรรมชาติ แทน เชน่ ใบตอง เพื่อลดการ ปลอ่ ยสารพษิ สสู่ ง่ิ แวดล้อม 152 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ถังขยะ เมือ่ นักเรยี นจะทงิ้ ขยะลงถัง ควรแยกขยะทงิ้ ใหถูกประเภทของถงั ใครจัดสภาพแวดลอ มในบา นไดเหมาะสมท่สี ุด ดงั นี้ 1. ฟา กวาดบา นทกุ วัน 2. ออยวางจานขาวไวบ นโตะ รับแขก 1. ถงั ขยะสเี ขยี ว คือ ถงั ขยะทีย่ อยสลายได เชน เศษอาหาร กิง่ ไม ใบไม 3. เกดนาํ ขยะไปทิ้งหนาบา นคนอนื่ ผัก และขยะอกี มากมายทีส่ ามารถยอ ยสลายได ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เพราะการหม่ันทําความสะอาดบาน 2. ถงั ขยะสเี หลือง คือ ถงั ขยะท่สี ามารถนาํ กลับมาใชไ ด เชน กระดาษ ขวด ทกุ วัน จะทาํ ใหบ านไมส กปรกเลอะเทอะ) นาํ้ แกว นา้ํ เศษเหล็ก 3. ถงั ขยะสีนํา้ เงิน คอื ถังขยะที่ไมส ามารถนาํ กลับมาใชได เชน โฟม ถงุ ขนม พลาสติก 4. ถังขยะสีแดง คือ ถงั ขยะท่ีเปนพษิ เชน กระปอ งสี สสี เปรย แบตเตอรี่ กระปอ งยาฆา แมลง และอืน่ ๆ ที่เปนพษิ T160
นํา สอน สรุป ประเมนิ ๒. การดูแลสิ่งแวดล้อมในชั้นเรียน ช้ันเรียนถือเป็น ขนั้ สอน (ตอ) ส่ิงแวดล้อมท่ีเราใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิชาความรู้ ในแต่ละวัน วเิ คราะหวจิ ารณ นอกจากบา้ นแลว้ ชนั้ เรยี นของโรงเรยี นเปน็ สง่ิ แวดลอ้ มทเี่ ราจะ ต้องใช้เวลาอย่ดู ว้ ยมาก ดังนั้น การดูแลสิง่ แวดล้อมในชั้นเรยี น 11. นกั เรยี นตอบคําถามกระตนุ ความคดิ จงึ มีความจา� เป็น และเปน็ หนา้ ที่ของทุกคนที่จะต้องมสี ่วนร่วม • นักเรียนมีแนวทางในการดูแลสิ่งแวดลอม ซงึ่ สามารถปฏิบัตไิ ด ้ ดังนี้ ในบา นของตนเองอยางไร (แนวตอบ : เก็บกวาดบานใหสะอาดทุกวัน กาํ จดั ขยะมลู ฝอยใหเรยี บรอย ปลูกดอกไม ท่หี นาบา น เปนตน ) • หากสิ่งแวดลอมในบานสกปรก จะสงผล กระทบตอผูอ าศยั อยางไร (แนวตอบ : ทําใหบานไมนาอยูอาศัย เปน แหลงเพาะและแพรกระจายของเชื้อโรค ตางๆ และเปน อนั ตรายตอสุขภาพของผอู ยู อาศยั ) 12. ครูแบงนักเรียนเปน 3 กลุม ใหแตละกลุม วิเคราะหวาส่ิงใดควรจัดไวในชั้นเรียน ส่ิงใด ไมควรมอี ยู เพอ่ื สะดวกในการจดั ช้ันเรียนให นาเรยี น ๑) รักษาความสะอาด ทิง้ ขยะลงในถังขยะ ไมท่ ้งิ ขยะ ลงบนพน้ื หอ้ ง ไมท่ า� ใหช้ นั้ เรยี นสกปรก แบง่ เวรทา� ความสะอาด ชั้นเรยี นในแต่ละวัน และต้องทา� เวรเมอื่ ถึงเวรของเรา ๒) จดั ระเบยี บสง่ิ ของในชน้ั เรยี น ทั้งของใช้ส่วนตัว และของใช้ส่วนรวม เชน่ วางรองเทา้ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย เกบ็ สมดุ หนงั สอื เรยี น อปุ กรณก์ ารเรยี น ใสก่ ระเปาให้เรียบรอ้ ย ช่วยจดั โต๊ะ เกา้ อ้ี ให้เรียบรอ้ ยหลังเลกิ เรียน 153 การดูแลส่งิ แวดลอ มในชนั้ เรยี น ขอสอบเนน การคิด สื่อ Digital ถานกั เรยี นเหน็ นํ้าหกท่พี ื้นในหอ งเรยี น ควรปฏบิ ัติอยา งไร ครูสืบคนสื่อการเรียนรูเพิ่มเติมเก่ียวกับการดูแลสิ่งแวดลอมในชั้นเรียน 1. บอกใหภารโรงทาํ ความสะอาด เชน จากเว็บไซตยูทิวบ เรื่องการปฏิบัติตนเปนสมาชิกที่ดีของโรงเรียน 2. ชวยกันเช็ดถใู หเรียบรอ ย https://www.youtube.com/watch?v=XJUAcqZiV4s 3. ตามหาเพ่ือนทท่ี าํ นํา้ หกมาทาํ ความสะอาด (วเิ คราะหคําตอบ ขอ 2. ควรชว ยกนั เช็ดถเู ก็บกวาดใหเ รียบรอย จากนั้นครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวิดีโอเพื่อเชื่อมโยงสูเรื่องการดูแล สง่ิ แวดลอ มในชน้ั เรยี น และใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวา ตนเองมสี ว นชว ยดแู ลรกั ษา กอนที่เพื่อนคนอ่ืนจะเดินสะดุดลื่นลม ซ่ึงเปนหนาท่ีของนักเรียน ชนั้ เรยี นไดอ ยา งไรบา ง ทกุ คนในการชว ยกนั ดูแลความสะอาด) T161
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สอน (ตอ) ๓) รักษาของส่วนรวม ใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อให้ วเิ คราะหว ิจารณ คงสภาพดี มีใช้งานต่อไปได้ นาน ๆ เม่ือใช้แลว้ ต้องเกบ็ เขา้ 13. ใหนักเรียนแตละกลุมวางแผนแบงหนาท่ีจัด ท่ีให้เรียบร้อย ตอ้ งไม่ขีดเขียน หอ งเรยี นใหน า เรยี น ดงั นี้ โตะ๊ เก้าอี้ ฝาผนังใหเ้ ลอะเทอะ • กลุมท่ี 1 ทําความสะอาดชัน้ เรยี น ไม่ท�าลายหรือน�าส่ิงของต่าง ๆ • กลุมที่ 2 จดั ระเบยี บโตะ เกา อี้ โตะครู ในชั้นเรียนไปเล่น รวมถึงต้อง และสงิ่ ของทจ่ี าํ เปน รู้จักตักเตือนเพื่อน ถ้าเห็นเพ่ือนน�าของส่วนรวมไปใช้อย่าง • กลุมที่ 3 ตกแตง สิง่ แวดลอ มใหส ะอาด ไมเ่ หมาะสม สวยงาม ๔) สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้ช้ันเรียนเป็นสถานที่ ท่ีน่าเรียนรู้ เช่น น�ารูปภาพธรรมชาติผลัดเปลี่ยนมาติดใน 14. นักเรียนแตละกลุมจัดชั้นเรียนตามที่วางแผน ชนั้ เรยี น หรอื จดั หาดอกไม ้ ตน้ ไม ้ มาจดั วาง เพอ่ื ชว่ ยใหห้ อ้ งเรยี น ไว มีความสดช่นื มากขึ้น 15. ครูและนกั เรียนรวมกันประเมินผลงาน 16. นักเรียนทุกคนรวมกันกําหนดขอตกลงของ หองสําหรับเปนแนวปฏิบัติของเวรประจําวัน เพื่อใหหองเรียนสะอาด มีระเบียบ และ สวยงามตลอดไป 154 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูจัดกิจกรรมหองเรียนสะอาด เพ่ือฝกฝนใหนักเรียน มีวินัย มีความ การกระทําของใครเปนการทําลายส่งิ แวดลอม รับผิดชอบตอส่ิงแวดลอม โดยรวมกันกําหนดขอปฏิบัติรวมกัน โดยครูจัดทํา 1. แนนชวยแมป ลกู ตน ไม ตารางการตรวจหอ งเรียน และบันทึกจาํ นวนครั้งท่นี ักเรยี นทาํ กจิ กรรม 2. ออนทิง้ ขยะลงในคลอง 3. ตนไมขดี เขียนบนโตะ นกั เรยี น ครูจัดมุมหองนาเรยี น เพ่อื ใหนักเรียนไดใ ชเ วลาวางทาํ กจิ กรรมกบั เพอื่ นๆ ในช้ันเรียน และเปนการกระตุนใหนักเรียนเกิดความสนใจใฝเรียนรูดวยตนเอง ç(วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. การทิ้งขยะลงในคลองจะทําใหนํ้า เชน มมุ ศิลปะ มุมวทิ ยาศาสตร มุมหนอนหนงั สือ เปน ตน เนาเสีย และทาํ ใหอ ดุ ตนั จนเกดิ น้ําทวมในอนาคตได) T162
นํา สอน สรปุ ประเมิน ÀÙÁÈÔ Òʵù‹ÒÃÙŒ ตวั อยา งกลอ งใสด นิ สอ ขนั้ สรปุ ทท่ี าํ จากแกนกระดาษชาํ ระ การนาํ วสั ดเุ หลอื ใชม าประดษิ ฐ สรปุ เปนส่ิงของ เปนอีกวิธีการหน่ึง ในการดแู ลสง่ิ แวดลอ ม เชน เรา 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูวาการ สามารถนําขวดน้ําพลาสติกมาทํา ปฏบิ ตั ติ นในการรกั ษาสงิ่ แวดลอ มในบา นและ กระถางตน ไม หรอื นาํ แกนกระดาษ ช้นั เรียนเปนหนา ท่ีของทกุ คน ชาํ ระมาทาํ กลอ งใสด นิ สอได หาก พวกเราทุกคนชวยกันนําวัสดุมา 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรม ใชอยางคุมคา ก็จะชวยอนุรักษ บา นและชน้ั สวยดวยมือเรา ตามที่กําหนดเปน สง่ิ แวดลอ ม และชว ยลดปญ หาขยะ เวลา 1 สปั ดาห แลว นาํ มาสง ครเู พอื่ ประเมนิ ผล ทม่ี เี ปน จาํ นวนมากไดอ กี ทางหนง่ึ 3. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรู รเู รอ่ื ง ภมู ศิ าสตร ที่ 3 ใบงานท่ี 3.5 เรื่อง การดแู ลส่งิ แวดลอม ในบาน กจิ กรรมที่ ๑ ปฏิบัตติ ามขั้นตอน ดงั น้ี ๑. บอกสภาพของหอ งเรยี นหรอื บรเิ วณบา นของนกั เรยี นทต่ี อ งการดแู ล ขน้ั ประเมนิ จดั ระเบยี บใหเรยี บรอย 1. ครตู รวจสอบผลวา นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ดี แู ล ๒. รวมกันจัดระเบยี บสิ่งแวดลอ มบริเวณน้ันพรอ มกับพอ แม ครู หรือ สงิ่ แวดลอมทงั้ ที่บานและชนั้ เรยี นไดห รือไม เพือ่ น 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรม ๓. บอกสภาพของสง่ิ แวดลอ มทจ่ี ดั ระเบยี บเรยี บรอ ยแลว เพอ่ื เปรยี บเทยี บ บันทึกการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศใน รอบวนั และการปฏบิ ัติตน การเปลยี่ นแปลง แลว นําเสนอผลงานหนาช้นั เรยี น กจิ กรรมที่ ๒ แบง กลมุ แลว เลอื กวา บรเิ วณใดในชนั้ เรยี นทกี่ ลมุ อยากจะ ดูแล แลวปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน ดังน้ี ๑. แตล ะกลุมทําความสะอาดบริเวณที่เลอื ก ๒. จัดระเบยี บสิ่งของบริเวณท่ีเลอื กใหเปนระเบยี บสวยงาม ๓. ครูและนกั เรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ๑๕๕ กจิ กรรม ทา ทาย แนวทางการวัดและประเมินผล ครใู หน กั เรยี นเขยี นความเรยี งสนั้ ๆ เพอื่ บรรยายสภาพบา นและ ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินช้ินงานของนักเรียน ช้ันเรียนใหนาอยู พรอมวาดภาพประกอบ จากน้ันใหนักเรียน จากใบประเมินช้ินงานทแ่ี นบทายแผนการสอน ออกมานําเสนอหนาช้ัน แลวใหชวยกันนําผลงานไปติดไวรอบๆ หอง เพ่ือยํ้าเตือนใหนักเรียนทุกคนเห็นความสําคัญของการดูแล แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ จดั การสิง่ แวดลอ ม คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 เนอ้ื หาละเอียดชัดเจน 321 1 การแสดงความคิดเหน็ 321 อันพึงประสงค์ด้ำน 321 2 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู ื่น 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจงา่ ย 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนาเสนอ 4 ความมีนาใจ 5 วิธีการนาเสนอผลงาน 5 การตรงตอ่ เวลา 2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต ต่อโรงเรียน 3. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ 1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ัตติ ามหลกั ศาสนา รวม รวม 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเก่ียวกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ามท่ีโรงเรียนจัดขึ้น 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ต้อง และเป็นจรงิ ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นส่งิ ท่ถี กู ต้อง ............../.................../................ ............../.................../................ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว 6. มุ่งมน่ั ในการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ทางาน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัติได้ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั ให้ 1 คะแนน 7. รักความเปน็ ไทย 4.2 ร้จู กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง 8. มจี ิตสาธารณะ 4.3 เชอ่ื ฟังคาส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ 4.4 ตง้ั ใจเรียน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยดั และร้คู ุณคา่ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเรจ็ 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8.2 รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรยี น โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ............../.................../................ เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครงั้ ภูมศิ าสตร์ ป.1 15 ภูมศิ าสตร์ ป.1 16 ภูมศิ าสตร์ ป.1 18 T163
นํา สอน สรุป ประเมิน บรรณานกุ รม ภาษาไทย ชาญชัย แสวงศักด์ิ. (๒๕๔๕). คู่มือประชาชนเรื่องความรู้เก่ียวกับสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชน. กรุงเทพฯ: ส�านักงานศาลปกครอง. ดวงตา ปาวา. (ม.ป.ป). แปล. ฉลาดรู้ดแู ผนทีช่ ุมชน. กรุงเทพฯ: ดรมี พับลิชชิง. ประสทิ ธ ์ิ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ ์ ตนั ศรรี ตั นวงศ.์ (ม.ป.ป.). คมู่ อื เตอื นภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต.ิ กรงุ เทพฯ: ดอกหญา้ . ปญั ญา จารศุ ิริ และคณะ. (๒๕๕๗). ภูมิศาสตร์กายภาพ Physical Geography. กรุงเทพฯ: มูลนธิ ิ สอวน. ปต ิยามาส หลีวฒั นาสริ ิกลุ . (๒๕๕๙). มีสติ รู้คดิ รูท้ �า/รหู้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง. กรุงเทพฯ: นานมบี คุ๊ ส์พบั ลิเคชัน่ ส.์ ผ่องศรี จั่นห้าว. (ม.ป.ป.). แผนท่แี ละเทคนคิ ทางภูมศิ าสตร์. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . พระธรรมปฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๔๓). พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศัพท.์ กรุงเทพฯ: โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๕๖). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ: นานมบี ุ๊คส์พับลเิ คชนั่ ส.์ วนั รักษ์ มิ่งมณนี าคิน. (๒๕๕๘). เศรษฐศาสตร์เบอ้ื งตน้ : เศรษฐศาสตร์ส�าหรับบุคคลท่ัวไป. กรงุ เทพฯ: สา� นักพมิ พม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์ วชิ ติ วงศ ์ ณ ปอ้ มเพชร. (๒๕๕๔). เศรษฐศาสตรส์ า� หรบั เยาวชน : หลักคดิ และสาระสา� คัญ. กรุงเทพฯ: แสงดาว. วนิ ยั วีระวัฒนานนท.์ (๒๕๔๑). สงิ่ แวดลอ้ มและการพัฒนา. นครปฐม: สถาบนั พฒั นาการสาธารณสขุ อาเซยี น. วิริยะ บญุ ยะนิวาสน์ และคณะ. (ม.ป.ป.). ค่มู ือครสู ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ป.๑. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทัศน์. วิโรจน์ เอี่ยมเจรญิ และคณะ. (๒๕๖๐). Aksorn’s Thailand Atlas. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทัศน.์ ศริ ริ ตั น ์ แอดสกลุ . (๒๕๕๙). ความรเู้ บอ้ื งตน้ ทางสงั คมวทิ ยา. กรงุ เทพฯ: สา� นกั พมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ส�านกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา, (๒๕๕๑). ตัวชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. พิมพค์ ร้ังท ี่ ๑. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย. ส�านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, (๒๕๖๐). ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระภูมิศาสตร ์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐). สรุ างค์ โค้วตระกูล. (๒๕๔๑). จิตวิทยาการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: ส�านักพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . เอกรนิ ทร ์ สมี่ หาศาล และสสุ รดษิ ฐ ์ ทองเปรม. (ม.ป.ป.). แมบ่ ทมาตรฐาน สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ป. ๑. กรงุ เทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทศั น์. ภาษาองั กฤษ Academic Team Aksorn Charoen Tat ACT. (2015). Super Social Studies Primary 1. Nonthaburi: Aksorn Charoen Tat ACT. Del Casino, Vincent J. (2009). Social geography: a critical introduction. Chichester: Wiley-Blackwell. 156 T164
โครงการบูรณาการ การเรย� นรสู บู ันได 5 ขนั้ 1. ชอื่ โครงการ กลุมออมทรัพยป ระจาํ ห้อง 2. หลักการและเหตุผล เนื่องจำกสภำพสังคมในปัจจุบัน มีปัญหำหน้ีสินในครัวเรือน เน่ืองจำกมีกำรจัดสรรรำยรับและรำยจ่ำยไม่เหมำะสม นักเรียนซ่ึงเป็น เยำวชนของชำตทิ จี่ ะเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ จงึ ตอ้ งมกี ำรปลกู ฝงั วนิ ยั ในเรอ่ื งคำ่ นยิ มในกำรใชจ้ ำ่ ยเงนิ กำรออมเงนิ และจติ สำธำรณะ เพอื่ ใหส้ ำมำรถ ด�ำเนินชีวิตในสังคมได้อยำ่ งเป็นสขุ ไม่เกดิ ภำวะหน้ีสิน และสำมำรถช่วยพฒั นำเศรษฐกจิ ของชำติให้เกิดควำมม่นั คงไดต้ อ่ ไปในอนำคต 3. วัตถปุ ระสงคข องโครงการ 1. เพือ่ ส่งเสริมใหน้ ักเรียนมีวนิ ยั ในกำรออมเงนิ 2. เพอ่ื ปลกู ฝงั ใหน้ กั เรยี นร้จู กั ทำ� งำนรว่ มกับผู้อ่ืน 3. เพื่อเสรมิ สรำ้ งลกั ษณะนิสัยด้ำนควำมรับผดิ ชอบใหก้ บั นักเรยี น 4. เพ่อื ปลูกฝงั ให้นักเรียนรจู้ ักใชเ้ วลำในกำรทำ� กิจกรรมทกี่ ่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม 5. เพ่ือใหน้ ักเรยี นมจี ติ สำธำรณะในกำรบริกำรสงั คม 4. เปา หมาย ผูเ้ ขำ้ ร่วมโครงกำรหรอื นักเรียนมพี ฤตกิ รรมในกำรใช้จ่ำยเงินทเี่ หมำะสมและสำมำรถน�ำเงินออมที่มไี ปใชใ้ นกำรบรกิ ำรสงั คมได้ 5. ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรม คาํ ชีแ้ จง ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มเท่ำ ๆ กนั ให้แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั จัดต้ังกลุ่มออมทรพั ยป์ ระจ�ำห้อง โดยปฏิบัตติ ำมขน้ั ตอน ดงั นี้ ขั้นท่ี 1 ตง้ั ประเดน็ คา� ถาม ใหน้ กั เรยี นตง้ั ประเดน็ คำ� ถำมเกย่ี วกบั รำยรบั -รำยจำ่ ยของสมำชกิ ในหอ้ ง และกำรออมเงนิ เพอื่ กำ� หนดประเดน็ ในกำรศกึ ษำ และจัดตง้ั กล่มุ ออมทรพั ยป์ ระจำ� หอ้ ง ข้ันท่ี 2 สืบคน้ ความรู้ นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลควำมรู้เกี่ยวกับประเด็นศึกษำท่ีก�ำหนดไว้ เช่น กำรบันทึกรำยรับ-รำยจ่ำย กำรวิเครำะห์ กำรใช้จ่ำย หลักในกำรเลอื กซอ้ืิ สนิ คำ้ วิธกี ำรออมเงิน กำรน�ำเงินออมไปใช้ประโยชน์ กำรจัดต้ังกล่มุ ออมทรพั ย์ เปน็ ต้น จำกแหลง่ กำรเรยี นร้ตู ำ่ ง ๆ โดยใชเ้ ครอื่ งมือประกอบกำรสบื คน้ เชน่ แบบสัมภำษณ์ แบบบนั ทึกข้อมูล เปน็ ต้น ขั้นท่ี 3 สรปุ องคค์ วามรู้ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ำกกำรศกึ ษำมำรว่ มกนั คดิ วเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ และสรปุ เปน็ องคค์ วำมรเู้ กยี่ วกบั กำรจดั ตง้ั กล่มุ ออมทรพั ย์ประจำ� หอ้ ง จำกน้ันตรวจสอบข้อมลู และควำมถกู ต้องของข้อมูล เพ่ือปรับปรุงและพฒั นำ ขัน้ ท่ี 4 การส่ือสารและน�าเสนอ นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนโครงกำรกลุ่มออมทรัพย์ประจ�ำห้อง แล้วผลัดกันออกมำน�ำเสนอผลงำนหน้ำช้ันเรียน โดยใช้ส่ือ ประกอบดว้ ย ขั้นที่ 5 บรกิ ารสงั คมและสาธารณะ นักเรียนในหอ้ งดำ� เนินกำรจดั ตั้งกลุ่มออมทรัพยป์ ระจ�ำหอ้ งและดำ� เนนิ กำรออมเงินกบั กลมุ่ ออมทรัพย์ จำกน้ันเมอ่ื ถึงสิ้น ภำคกำรศึกษำ ให้รว่ มกนั แบง่ สว่ นหนึ่งของเงินออมไปบรจิ ำคเพอ่ื กำรกุศล แล้วชว่ ยกนั บันทึกผลกำรจดั ต้งั โครงกำรกลมุ่ ออมทรพั ยป์ ระจ�ำหอ้ งเรียน และนำ� ไปจัดปำ ยนิเทศเพอื่ เผยแพรข่ ้อมูลของโครงกำรให้ผ้ทู ่ีสนใจรบั ทรำบข้อมลู T165
แบบประเมินคณุ ภาพการจดั ท�ำโครงการ ประเดน็ ดเี ย่ยี ม (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1) การประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ตง้ั ประเด็นค�ำถามในเรอ่ื ง ตั้งประเดน็ คำ� ถามในเรือ่ ง ตงั้ ประเดน็ คำ� ถามในเร่ือง ใชค้ ำ� ถามทีค่ รชู ี้แนะ ที่สนใจได้ดว้ ยตนเอง ทสี่ นใจ โดยมคี รูคอยชแี้ นะ ที่สนใจ โดยมีครูคอยช้แี นะ มาก�ำหนดประเดน็ คำ� ถาม ขอบขา่ ยประเดน็ คำ� ถาม ขอบขา่ ยประเดน็ ค�ำถาม ขอบขา่ ยประเดน็ ค�ำถาม 1. ชัดเจน ครอบคลมุ ขอ้ มูล ชดั เจน ครอบคลุมขอ้ มลู ชดั เจน แตย่ ังไม่ครอบคลุม ทเี่ กีย่ วข้องกับตนเอง ทเี่ กยี่ วข้องกบั ตนเอง ข้อมลู ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับตนเอง การตง้ั ประเดน็ เชื่อมโยงกบั ชุมชน เชอ่ื มโยงกบั ชุมชน มคี วาม เชือ่ มโยงกับชุมชน คำ� ถาม มคี วามแปลกใหม่และ เป็นไปไดใ้ นการแสวงหา สรา้ งสรรค์ มีความเปน็ คำ� ตอบ ไปได้ในการแสวงหาค�ำตอบ วางแผนสบื ค้นข้อมูล วางแผนสืบค้นข้อมูล วางแผนสืบค้นข้อมูล ไมม่ ีการวางแผนหรือมีการ ชดั เจน และปฏบิ ตั ไิ ด้ ชดั เจน และปฏบิ ัติได้ ชดั เจน และปฏิบตั ไิ ด้ วางแผน แตไ่ มส่ ามารถ 2. ศึกษาค้นควา้ ความรูจ้ าก ศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้ ศกึ ษาคน้ คว้าหาความรู้ นำ� ไปปฏบิ ัติจริงได้ แหล่งเรียนรู้หลากหลาย จากแหล่งเรยี นรู้ จากแหล่งเรียนรู้ ศึกษาค้นควา้ หาความรู้ การสืบค้นความรู้ มกี ารบันทึกข้อมูลท่ี หลากหลาย ไมห่ ลากหลาย จากแหลง่ เรียนรู้ ไม่หลากหลาย เหมาะสม 3. วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้ วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใช้ วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยใช้ ไม่มีการวิเคราะหข์ ้อมลู วิธีการทเ่ี หมาะสม วธิ กี ารที่เหมาะสม วิธกี ารทเ่ี หมาะสม หรือวเิ คราะหข์ ้อมลู การสรุป สังเคราะห์และสรปุ สงั เคราะหแ์ ละสรุป สงั เคราะหแ์ ละสรปุ ไมถ่ ูกต้อง สังเคราะห์และ องคค์ วามรู้ องค์ความรไู้ ดอ้ ย่างชดั เจน องค์ความรู้ได้อยา่ งชัดเจน องคค์ วามรไู้ ดอ้ ยา่ งชัดเจน สรุปองคค์ วามร้ไู ดไ้ ม่ชัดเจน มีการอภิปรายผลเชือ่ มโยง มกี ารอภปิ รายผลเชอ่ื มโยง มกี ารอภิปรายผลเชอื่ มโยง ไม่มีการน�ำองค์ความรู้ ความรอู้ ย่างสมเหตุสมผล ความรู้ น�ำองคค์ วามรทู้ ่ีได้ ความรู้ยงั ไมช่ ัดเจน ไปเสนอแนวคดิ วิธีการ และน�ำองค์ความรู้ที่ได้ไป ไปเสนอแนวคิดวิธีการ นำ� องค์ความรทู้ ่ีได้ไปเสนอ แก้ปญั หา เสนอแนวคดิ วธิ กี าร แกป้ ญั หาได้ แต่ยังไมเ่ ปน็ วิธีการแกป้ ญั หาได้ แก้ปญั หาอยา่ งเป็นระบบ ระบบ แต่ยงั ไม่เป็นระบบ 4. เรยี บเรียงและถา่ ยทอด เรยี บเรียงและถา่ ยทอด เรยี บเรียงและถา่ ยทอด เรยี บเรียงและถ่ายทอด ความคิดจากการศกึ ษา ความคดิ จากการศึกษา ความคดิ จากการศกึ ษาได้ ความคดิ จากการศึกษาได้ การสือ่ สาร คน้ ควา้ ไดอ้ ย่างชดั เจน ค้นควา้ ไดอ้ ย่างชดั เจน ไมค่ ่อยเปน็ ระบบ น�ำเสนอ ไมเ่ ปน็ ระบบ น�ำเสนอ และการน�ำเสนอ เปน็ ระบบ น�ำเสนอผลงาน เป็นระบบ น�ำเสนอผลงาน ผลงานโดยใชส้ ื่อประกอบ ผลงานโดยไม่ใช้สือ่ โดยใชส้ ่ือที่หลากหลาย โดยใช้สื่อประกอบรปู แบบ รูปแบบ ประกอบ อย่างเหมาะสม นำ� ความรู้จากการศกึ ษา น�ำความรู้จากการศกึ ษา น�ำความรจู้ ากการศกึ ษา ไมไ่ ด้นำ� ความรจู้ ากการ คน้ ควา้ ไปประยกุ ต์ใช้ ค้นคว้าไปประยกุ ต์ใชใ้ น คน้ คว้าไปประยกุ ต์ใช้ใน ศึกษาคน้ ควา้ ไปประยกุ ต์ 5. ในกจิ กรรมทสี่ ร้างสรรค์ กจิ กรรมทีส่ รา้ งสรรคเ์ ปน็ กิจกรรมทสี่ รา้ งสรรค์ ใช้ในกจิ กรรมทสี่ ร้างสรรค์ เปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน ประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ที่เป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรยี น ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ การน�ำความรู้ไปใช้ และชุมชน เผยแพร่ความรู้ และชมุ ชน เผยแพร่ความรู้ และเผยแพร่ความรู้ และบรกิ าร และประสบการณจ์ ากการ และประสบการณ์จากการ และประสบการณจ์ ากการ สาธารณะ ปฏิบัติผ่านส่ือหลากหลาย ปฏิบตั ิผา่ นส่ือรูปแบบใด ปฏิบัติผ่านสอ่ื รปู แบบใด รปู แบบ รปู แบบหนงึ่ รปู แบบหนึ่ง T166
สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คู่มือครู บร. สังคมศึกษาฯ ป.1 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 8 5 8 6 4 9 1 33 75902 0.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178