อ. มาณพช่ือวา่ สรทะนนั้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ สหาย กลา่ วแล้ว โส สหายกํ อปุ สงฺกมิตฺวา อาห “สมมฺ วา่ แนะ่ สริ ิวฑั ฒ์ ผ้มู ีธรุ ะเสมอ อ. เรา บวชแล้ว จกั แสวงหา สริ ิวฑฺฒ อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมมฺ ํ คเวสสิ สฺ ามิ, ซงึ่ ธรรมเป็นเหตพุ ้น, อ. ทา่ น จกั อาจ เพ่ืออนั บวช กบั ด้วยเรา (หรือ), ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตํุ สกฺขิสสฺ ส,ิ น สกฺขิสสฺ สตี .ิ (หรือวา่ อ. ทา่ น) จกั ไมอ่ าจ ดงั นี ้ ฯ จกั ไม(ออ่ .าจก,ฎุ อมุ .พทีชา่ ื่อนวนา่ นั่ สเริทิวียฑั วฒจ์งกบลวา่ชวดแงัลน้วี)้ ฯ วา่ แนะ่ สหาย อ. เรา “น สกฺขิสฺสามิ สมมฺ , ตฺวํเยว ปพฺพชาหีต.ิ อ.มาณพชื่อวา่ สรทะ นนั้ คิดแล้ว วา่ อ. บคุ คล ผ้ไู ปอยู่ โส จินฺเตสิ “ปรโลกํ คจฺฉนฺโต สหายํ วา สโู่ ลกอื่น ช่ือวา่ ผู้ พาเอา ซงึ่ สหายหรือ หรือวา่ ซง่ึ ญาตแิ ละมิตร ท. าตมิ ิตฺเต วา คเหตฺวา คโต นาม นตฺถิ, อตฺตนา ไปแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, อ. กรรม อนั อนั ตนกระท�ำแล้ว ยอ่ มมี แก่ตนเทียว กตํ อตฺตโนว โหตีต.ิ ดงั นี ้ ฯ ในลำ� ดบั นนั้ (อ. มาณพช่ือวา่ สรทะ) (ยงั บคุ คล) ให้เปิ ดแล้ว วณิพตฺพโกตยารจตกนาโนกํฏฺ€ามคหาารทํ าวนวิ ํ ราทเปตตฺวฺวาา กปณทฺธิก- ซงึ่ เรือนคลงั แหง่ รัตนะ ให้แล้ว ซงึ่ ทานใหญ่ แก่คนก�ำพร้าและ ปพฺพตปาทํ คนผู้ไปสู่ทางไกลและคนมีแผลและคนขอ ท. เข้ าไปแล้ว ปวสิ ติ ฺวา อิสปิ พฺพชฺชํ ปพฺพชิ. สเู่ ชิงแหง่ ภเู ขา บวชแล้ว บวชโดยความเป็นฤาษี ฯ (อ. ชน ท.) บวชแล้ว บวชตาม ซง่ึ มาณพนนั้ อยา่ งนี ้ คือ ตสฺส เอโก เทฺว ตโยติ เอวํ อนปุ พฺพชฺชํ (อ. ชน) คนหนง่ึ (อ. ชน ท.) สอง (อ. ชน ท.) สาม เป็นชฎิล ปพฺพชิตฺวา จตสุ ตฺตตสิ หสสฺ มตฺตา ชฏิลา อเหส.ํุ มีพนั ๗๔ เป็นประมาณ ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ชฎิลนนั้ ยงั อภิญญา ท. ห้าด้วย ยงั สมาบตั ิ ท. แปด ด้วย โส ปจฺ อภิฺ า อกฏสฺ€ณิ ปรจิกมสมฺ มํ าอปาตจฺติกโิฺขยิ. ให้บงั เกิดแล้ว บอกแล้ว ซง่ึ การบริกรรมซงึ่ กสณิ แก่ชฎิล ท. นิพฺพตฺเตตฺวา เตสํ ชฏิลานํ เหลา่ นนั้ ฯ อ. ชฎิล ท. ทงั้ ปวง แม้เหลา่ นนั้ ยงั อภิญญา ท. ห้าด้วย เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺ า อฏฺ € จ ยงั สมาบตั ิ ท. แปดด้วย ให้บงั เกิดแล้ว ฯ สมาปตฺตโิ ย นิพฺพตฺเตสํ.ุ โดยสมัยนัน้ อ.พระพุทธเจ้ า พระนามว่าอโนมทัสสี เตน สมเยน อโนมทสสฺ ี นาม พทุ ฺโธ โลเก ได้เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ในโลก ฯ อ. เมือง เป็นเมืองชื่อวา่ จนั ทวดี อทุ ปาทิ. ได้เป็นแล้ว ฯ อ. พระบดิ า เป็นกษัตริย์ พระนามวา่ ยสั วนั ต์ ได้เป็นแล้ว, นครํ จนฺทวตี นาม อโหส.ิ ปิ ตา ยสวนฺโต อ. พระมารดา เป็นพระเทวี พระนามวา่ ยโสธรา (ได้เป็นแล้ว), นาม ขตฺตโิ ย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อ. ต้นรกฟ้ า เป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ (ได้เป็นแล้ว), อ. อคั รสาวก ท. ๒ อชฺชนุ รุกฺโข, นิสโภ จ อโนโม จ เทฺว อคฺคสาวกา, คือ อ. พระนิสภะด้วย คือ อ. พระอโนมะด้วย (ได้มีแล้ว), อ. ภิกษุ เวทรฺุวโณอคนฺคาสมาวกิ าอ; ปุ อฏาฺ€ยาุ โวกส, สฺ สสตนุ สฺทหรสาสฺ ํ จ สมุ นา จ ผ้อู ปุ ัฏฐาก เป็นผ้ชู ่ือวา่ วรุณะ (ได้เป็นแล้ว), อ. อคั รสาวิกา ท. ๒ อโหส,ิ สรีรํ คือ อ. นางสนุ ทราด้วย คือ อ. นางสมุ นาด้วย (ได้มีแล้ว) ; อ. แสน ผอฏริ,ฺ€ปภิกฺฺขาสุ สตหสตหฺถสพฺุสฺเํ พธปํ,ริวสารโรีรปปฺ อภโหาส.ิ ทฺวาทสโยชนํ แหง่ ปี เป็นอายุ ได้เป็นแล้ว, อ. พระสรีระ เป็นสรีระอนั สงู โดยศอก ๕๘ (ได้เป็นแล้ว), อ. แสงสวา่ งแหง่ พระสรีระ แผไ่ ปแล้ว ตลอดโยชน์ ๑๒, อ. แสนแหง่ ภิกษุ เป็นบริวาร ได้เป็นแล้ว ฯ ในวนั หนง่ึ อ.พระพทุ ธเจ้า พระองค์นนั้ เสดจ็ ออกแล้ว โส เอกทวิ สํ ปจจฺ สู กาเล มหากรุณาสมาปตตฺ โิ ต จากสมาบตั อิ นั ประกอบแล้วด้วยพระกรุณาใหญ่ ในกาล- วฏุ ฺ€าย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสวฺ า อันขจัดเฉพาะซึ่งมืด ทรงตรวจดูอยู่ ซึ่งโลก ทรงเห็นแล้ ว ซงึ่ ดาบสช่ือวา่ สรทะ 96 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ ในวนั นี ้ อ.การแสดงซงึ่ ธรรม เป็นคณุ ใหญ่ จกั เป็น “อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺส สนฺตกิ ํ คตปจฺจเยน เพราะปัจจยั แหง่ เราผ้ไู ปแล้วสสู่ �ำนกั ของดาบสชื่อวา่ สรทะด้วย, ธมมฺ เทสนา จ มหตี ภวสิ สฺ ต,ิ โส จสริ อิวคฑคฺ ฺฒสากวฏุ กมุฏฺพฺ€าิโนกํ อ. ดาบสชื่อวา่ สรทะนนั้ จกั ปรารถนา ซงึ่ ต�ำแหนง่ แหง่ อคั รสาวก ปตฺเถสฺสต,ิ ตสสฺ สหายโก ดน้วนั้ ยจ,กั อป.รากรฎุ ถมุ นพาีชซื่อง่ึ วตา่ �ำสแริ หิวนฑั ง่ ฒแห์ ผง่ ้สเู ปา็นวกสทห่ีสายองดข้อวยงด, าบสช่ือวา่ สรทะ ทตุ ยิ สาวกฏฺ€านํ ปตฺเถสฺสต,ิ อ.ชฎิลมีพัน ๗๔ เป็ นประมาณ ท. ผู้เป็ นบริวาร เทสนาปริโยสาเน จสฺส ปริวารา จตสุ ตฺตต-ิ ของดาบสช่ือวา่ สรทะนนั้ จกั บรรลซุ งึ่ พระอรหตั ในกาลเป็นท่ีสดุ - สหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปณุ ิสฺสนฺต;ิ มยา ตตฺถ ลงรอบแหง่ เทศนาด้วย, อ. อนั อนั เราไป ท่ีนนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ คนฺตํุ วอฏนฺฏาตมีตนิ ฺเตอตตฺวฺตาโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ ทรงถือเอาแล้ว ซง่ึ บาตรและจีวร ของพระองค์ ไมต่ รัสเรียกมาแล้ว กฺจิ สโี ห วยิ เอกจโร หตุ ฺวา, ซง่ึ ใคร ๆ อ่ืน เป็นผ้เู สดจ็ เท่ียวไปพระองค์เดียว ราวกะ อ. สหี ะ สรทตาปสสสฺ อนฺเตวาสเิ กสุ ผลาผลตฺถาย คเตส,ุ เป็น, ครัน้ เม่ืออนั เตวาสกิ ท. ของดาบสช่ือวา่ สรทะ ไปแล้ว “พทุ ธฺ ภาวํ เม ชานาตตู ,ิ ปสสฺ นตฺ สเฺ สว สรทตาปสสสฺ , เพ่ือประโยชน์แก่ผลและผลอนั เจริญ, (ทรงอธิษฐานแล้ว) วา่ อากาสโต โอตริตฺวา ป€วยิ ํ ปตฏิ ฺ€าส.ิ (อ. ดาบสชื่อวา่ สรทะ) จงรู้ ซง่ึ ความที่แหง่ เราเป็นพระพทุ ธเจ้า ดงั นี,้ เมื่อดาบสช่ือวา่ สรทะ เหน็ อยู่ นนั่ เทียว, เสดจ็ ข้ามลงแล้ว จากอากาศ ประทบั ยืนแล้ว บนแผน่ ดนิ , อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ เหน็ แล้ว ซงึ่ อานภุ าพแหง่ พระพทุ ธเจ้า สรทตาปโส พทุ ฺธานภุ าวเฺ จว สรีรนิปผฺ ตฺติ จฺ ด้วยนนั่ เทียว ซงึ่ ความส�ำเร็จแหง่ พระสรีระด้วยพิจารณาแล้ว ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมมฺ สติ ฺวา “อิเมหิ ลกฺขเณหิ ซงึ่ มนต์เป็นเครื่องท�ำนายซงึ่ ลกั ษณะ ท. รู้แล้ว วา่ อ. บคุ คลช่ือวา่ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา ผแ้หมู ่างตเราือมนพร้อเมป็แนลพ้วระดร้วายชลากั ผษู้จณักระพทร.รดเห์ิ ลยา่ น่อีม้ อเยป็อู่นยู่,ในทเา่ มม่ือกบลวาชง โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต โลเก วิวฏจฺฉโท สพฺพฺพุ ทุ ฺโธ โหต;ิ อยํ ปรุ ิโส นิสฺสสํ ยํ พทุ ฺโธติ เป็นพระพทุ ธเจ้าผ้ตู รัสรู้ซง่ึ เร่ืองทงั้ ปวง ผ้มู กี เิ ลสเพยี งดงั เคร่ืองมงุ บงั อชาานสตินวฺํ าปปจฺจฺ คุาคฺเปมตนฺวํ ากตอวฺ ทาาสป.ิ จฺ ปตฏิ ฺ€เิ ตน วนทฺ ติ วฺ า อนั เปิ ดแล้ว ในโลก ยอ่ มเป็น ; อ. บรุ ุษนี ้ เป็นพระพทุ ธเจ้า (ยอ่ มเป็น) โดยความไมม่ ีแหง่ ความสงสยั ดงั นี ้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ การต้อนรับ ถวายบงั คมแล้ว ด้วยการตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ ๕ ได้ปลู าด ซงึ่ อาสนะ ถวายแล้ว ฯ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ประทบั นงั่ แล้ว บนอาสนะอนั ดาบส นิสที ิ ภควา ปฺตฺตาสเน. ปลู าดแล้ว ฯ แม้ อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ ถือเอาแล้ว ซงึ่ อาสนะ อนั สมควร สรทตาปโสปิ อตตฺ โน อนจุ ฉฺ วกิ ํ อาสนํ คเหตวฺ า แก่ตน นง่ั แล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนงึ่ ฯ เอกมนฺตํ นิสที ิ. ในสมยั นนั้ อ. ชฎิล ท. มีพนั ๗๔ เป็นประมาณ ถือเอาแล้ว ตสมฺ ึ สมเย จตสุ ตตฺ ตสิ หสสฺ า ชฏลิ า ปณตี ปณตี านิ ซง่ึ ผลและผลอนั เจริญ ท. ทงั้ ประณีต ๆ อนั มีโอชะ ถงึ พร้อมแล้ว โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺตกิ ํ ซง่ึ ส�ำนกั ของอาจารย์, แลดแู ล้ว ซง่ึ อาสนะ แหง่ พระพทุ ธเจ้า ท. สมปฺ ตฺตา, พทุ ฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสนิ ฺนาสนํ ด้วยนนั่ เทยี ว แหง่ อาจารยด์ ้วย นงั่ แล้ว กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ โอโลเกตฺวา อาหํสุ “อาจริย มยํ `อิมสมฺ ึ โลเก อ. เรา ท. ยอ่ มเที่ยวไป (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ. บคุ คล) ผ้ใู หญ่กวา่ ตมุ เฺ หหิ มหนฺตตโร นตฺถีติ วิจราม, อยํ ปน กวา่ ทา่ น ท. ยอ่ มไมม่ ี ในโลกนี ้ ดงั นี,้ ก็ อ. บรุ ุษ นี ้ เหน็ จะ ปรุ ิโส ตมุ ฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเต.ิ เป็นผ้ใู หญ่กวา่ กวา่ ทา่ น ท. (จกั เป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. ดาบสชื่อวา่ สรทะ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ท. อ. เจ้า ท. “ ตาตา กึ วเทถ , สาสเปน สทฺธึ ยอ่ มกลา่ ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร, อ. เจ้า ท. ยอ่ มปรารถนา เพื่ออนั กระท�ำ สอฏพฺ€ฺพสฏฺฺ€ิโุพยชทุ นฺเธสนตสสหทสฺธึสฺ มพุ มฺเพอธปุ ํ มสํเิมนารํุ สมํ กาตํุ อิจฺฉถ, ซงึ่ ภเู ขาช่ือวา่ สเิ นรุ อนั สงู โดยแสนแหง่ โยชน์ ๖๘ ให้เสมอ กบั กริตฺถ ปตุ ฺตกาต.ิ ด้วยเมลด็ พนั ธ์ผุ กั กาดหรือ, แนะ่ ลกู ท. อ. เจ้า ท. อยา่ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การเปรียบ ซงึ่ เรา กบั ด้วยพระสพั พญั ญพู ทุ ธเจ้า ดงั นี ้ ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 97 www.kalyanamitra.org
* ก. ๑๙ * ครัง้ นนั้ อ. ดาบส ท. เหลา่ นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ ถ้าวา่ อถ เต ตาปสา “สจายํ ปรุ ิโส อิตฺตรสตฺโต อ. บรุ ษุ นี ้ เป็นสตั วเ์ ลก็ น้อย จกั ได้เป็นแลว้ ไซร้, อ.อาจารย์ ของเรา ท. อภวสิ ฺส, น อมหฺ ากํ อาจริโย เอวรูปํ อปุ มํ จกั ไมน่ �ำมา ซงึ่ การเปรียบ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป อ. บรุ ุษนี ้ เป็นผ้ใู หญ่ อาหริสสฺ ต,ิ ยาว มหา วตายํ ปรุ ิโสติ สพฺเพว เพียงใดหนอ (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ทัง้ ปวงเทียว หมอบแล้ว ปาเทสุ ปติตฺวา สริ สา วนฺทสึ .ุ ใกล้พระบาท ท. ถวายบงั คมแล้ว ด้วยศีรษะ ฯ ครัง้ นนั้ อ. อาจารย์ กลา่ วแล้ว กะดาบส ท. เหลา่ นนั้ วา่ อถ เน อาจริโย อาห “ตาตา อมหฺ ากํ แนะ่ พอ่ ท. อ. ไทยธรรม อนั สมควร แก่พระพทุ ธเจ้า ท. ของเรา ท. พทุ ฺธานํ อนจุ ฺฉวโิ ก เทยฺยธมโฺ ม นตฺถิ, สตฺถา จ ยอ่ มไม่ มี, อนงึ่ อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ในท่ีนี ้ในเวลาเป็นท่ี ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, มยํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ เทยี่ วไปเพอ่ื ภกิ ษา, อ. เรา ท. จกั ถวาย ซงึ่ ไทยธรรม ตามความสามารถ เทยฺยธมมฺ ํ ทสฺสาม; ตมุ เฺ ห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตามก�ำลงั ; อ. ผลและผลอนั เจริญ อนั ประณีต ใด ๆ (มีอย)ู่ , ตํ ตํ อาหรถาติ อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ อ. เจ้า ท. จงน�ำมา ซงึ่ ผลและผลอนั เจริญนนั้ ๆ ดงั นี ้ (ยงั ดาบส ท. ตถาคตสฺส ปตฺเต ปตฏิ ฺ€าเปส.ิ เหลา่ นนั้ ) ให้น�ำมาแล้ว ล้างแล้ว ซงึ่ มือ ท. (ยงั ผลและผลอนั เจริญ) ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในบาตร ของพระตถาคตเจ้า เอง ฯ ครัน้ เมื่อผลและผลอนั เจริญ เป็นผลไม้สกั วา่ อนั พระศาสดา สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต, เทวตา ทรงรับเฉพาะแล้ว (มีอย)ู่ , อ. เทวดา ท. ใสเ่ ข้าแล้ว ซง่ึ โอชะ ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึส.ุ อนั เป็นทิพย์ ฯ อ. ดาบสนนั้ กรองแล้ว แม้ซง่ึ น�ำ้ ได้ถวายแล้ว เองนนั่ เทียว ฯ โส ตาปโส อทุ กปํ ิ สยเมว ปริสสฺ าเวตวฺ า อทาส.ิ ในลำ� ดบั นนั้ ครัน้ เม่ือพระศาสดา ประทบั นง่ั แล้ว ทรงกระท�ำ ตโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิสนิ ฺเน สตฺถริ, สพฺเพ ซงึ่ กจิ ด้วยภตั ร, อ. ดาบสชอื่ วา่ สรทะ ร้องเรยี กแลว้ ซง่ึ อนั เตวาสกิ ท. อนฺเตวาสเิ ก ปกฺโกสติ ฺวา สตฺถุ สนฺตเิ ก สาราณียกถํ ทงั้ ปวงนงั่ กลา่ วอยแู่ ล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ วเป็นท่ีตงั้ กเถนฺโต นิสที ิ. แหง่ ความระลกึ ถงึ ในสำ� นกั ของพระศาสดา ฯ อ. พระศาสดา ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ. อคั รสาวก ท. สอง จงมา สตฺถา “เทฺว อคฺคสาวกา ภิกฺขสุ งฺเฆน สทฺธึ กบั ด้วยหมแู่ หง่ ภิกษุ ดงั นี ้ฯ อาคจฺฉนฺตตู ิ จินฺเตส.ิ อ. พระอคั รสาวก ท. เหลา่ นนั้ ทราบแลว้ ซงึ่ พระดำ� ริ แหง่ พระศาสดา เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสสฺ ขีณาสวปริวารา ผู้มีพระขีณาสพแสนหน่ึงเป็ นบริวารมาแล้ว ถวายบังคมแล้ว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺ €ํส.ุ ซงึ่ พระศาสดา ได้ยืนแล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนงึ่ ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ. ดาบสชอ่ื วา่ สรทะ เรียกมาแล้ว ซง่ึ อนั เตวาสกิ ท. ตโต สรทตาปโส อนเฺ ตวาสเิ ก อามนเฺ ตสิ “ตาตา (ด้วยค�ำ) วา่ แนะ่ พอ่ ท. แม้ อ. อาสนะแหง่ พระพทุ ธเจ้า ท. พทุ ฺธานํ นิสนิ ฺนาสนมปฺ ิ นีจํ, สมณสตสหสสฺ สฺสาปิ ประทบั นง่ั แล้ว เป็นที่ต�่ำ (ยอ่ มเป็น) , อ. อาสนะ ยอ่ มไมม่ ี อาสนํ นตฺถิ, ตมุ ฺเหหิ อชฺช อฬุ ารํ พทุ ฺธสกฺการํ กาตํุ แม้เพื่อแสนแหง่ สมณะ, อ. อนั อนั เจ้า ท. กระท�ำ ซงึ่ สกั การะ อวฏาฺหฏรตถ,ิ าปตพ.ิ ฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมปฺ นฺนานิ ปปุ ผฺ านิ แก่พระพทุ ธเจ้า อนั โอฬาร ในวนั นี ้ ยอ่ มควร, อ. เจ้า ท. จงน�ำมา ซงึ่ ดอกไม้ ท. อนั ถงึ พร้อมแล้วด้วยสแี ละกลนิ่ จากเชิงแหง่ ภเู ขา ดงั นี ้ ฯ อ. วิสอยั .กแาหลง่ เฤปท็นธท์ิ ่ีกขลอา่งวบคุ คเปล็ผน้มูราีฤวทกธะิ์ วเปา่ ็นเนส่ินภชา้าพอนัยใอ่ คมรเปๆ็นไ,มค่ แวรตคว่ ดิา่ กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหต,ิ อิทฺธิมโต ปน (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ อิทฺธิวสิ โย อจินฺเตยฺโยต.ิ อ. ดาบส ท. เหลา่ นนั้ นำ� มาแล้ว ซงึ่ ดอกไม้ ท. อนั ถงึ พร้อมแล้ว มหุ ตุ ตฺ มตเฺ ตเนว เต ตาปสา วณณฺ คนธฺ สมปฺ นนฺ านิ ด้วยสีและกลิ่น โดยกาลสักว่าครู่เดียวนั่นเทียว ปูลาดแล้ว ปปุ ผฺ านิ อาหริตวฺ า พทุ ธฺ านํ โยชนปปฺ มาณํ ปปุ ผฺ าสนํ ซึ่งอาสนะอันเป็ นวิการแห่งดอกไม้ มีโยชน์เป็ นประมาณ ปฺ าเปสํ.ุ เพื่อพระพทุ ธเจ้า ท. ฯ 98 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. อาสนะ) มคี าวตุ ๓ เป็นประมาณ (ได้มแี ลว้ ) เพอื่ พระอคั รสาวก อภุ ินฺนํ อคฺคสาวกานํ ตคิ าวตุ ํ, เสสานํ ภิกฺขนู ํ ท. ทงั้ สอง, (อ. อาสนะ) อนั ตา่ งด้วยอาสนะมีอาสนะประกอบแล้ว อฑฒฺ โยชนกิ าทเิ ภท,ํ สงฆฺ นวกสสฺ อสุ ภมตตฺ ํ อโหส.ิ ด้วยโยชน์ด้วยทงั้ กง่ึ เป็นต้น (ได้มีแล้ว) เพื่อภิกษุ ท. ผ้เู หลือ, “กถํ เอกสฺมึ อสฺสมปเท ตาวมหนฺตานิ อาสนานิ (อ. อาสนะ) มอี สุ ภะเป็นประมาณ ได้มแี ล้ว เพอ่ื ภกิ ษุผ้ใู หมใ่ นสงฆ์ ฯ ปฺตฺตานีติ น จินฺเตตพฺพํ . อิทฺธิวิสโย เหส. (อนั ใคร ๆ) ไมค่ วรคดิ วา่ อ. อาสนะ ท. อนั ใหญเ่ พยี งนนั้ (อนั ดาบส ท.) ปลู าดแล้ว ใเนป็อนาวศสิ รยั มแบหทง่ ฤแทหธง่์ิ หยนอ่ ง่ึมเอปย็นา่ งฯไร ดงั นี ้ ฯ เพราะวา่ อ. วสิ ยั นนั่ ครัน้ เม่ืออาสนะ ท. อันดาบส ท. ปูลาดแล้ว อย่างนี,้ เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนส,ุ สรทตาปโส อ.ดาบสช่ือวา่ สรทะ ยืนประคองแล้ว ซงึ่ อญั ชลี ข้างพระพกั ตร์ ตถาคตสสฺ ปรุ โต อฺชลึ ปคฺคยฺห €โิ ต “ภนฺเต ของพระตถาคตเจ้า กราบทูลแล้ว ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สขุ าย อิมํ ปปุ ผฺ าสนํ (อ. พระองค์ ท.) ขอจงเสดจ็ ขนึ ้ เฉพาะ สอู่ าสนะอนั เป็นวิการ อภิรุหถาติ อาห. แหง่ ดอกไม้ นี ้ เพ่ือความเกือ้ กลู เพ่ือความสขุ แก่ข้าพระองค์ สนิ ้ กาลนานเถิด ดงั นี ้ฯ เพราะเหตนุ นั้ (อ. ค�ำอนั เป็นคาถา) วา่ เตน วตุ ฺตํ (อ. เรา) ยงั ดอกไมต้ ่าง ๆ ดว้ ย ยงั กล่ินดว้ ย ใหป้ ระชมุ กนั แลว้ “นานาปปุ ผฺ จฺ คนธฺ จฺ สนนฺ ิปาเตตวฺ าน เอกโต โดยความเป็นอนั เดียวกนั ปลู าดแลว้ ซึ่งอาสนะอนั เป็นวิการ- ปปุ ผฺ าสนํ ปฺาเปตฺวา อิทํ วจนมพรฺ วิ แห่งดอกไม้ ไดก้ ราบทูลแลว้ ซึ่งค�ำนี้ ว่า ขา้ แต่พระวีระ อิทํ เม อาสนํ วีร ปฺ ตฺตํ ตวนจุ ฺฉวึ, อ.อาสนะนี้ อนั ขา้ พระองค์ ปลู าดแลว้ (กระทำ� ) ใหเ้ ป็นทีส่ มควร มม จิตฺตํ ปสาเทนโฺ ต นิสีท ปปุ ผฺ มาสเน. แก่พระองค์, (อ. พระองค์) เมือ่ ทรงยงั จิต ของขา้ พระองค์ สตฺตรตฺตินทฺ ิวํ พทุ ฺโธ นิสีทิ ปปุ ผฺ มาสเน ใหเ้ ลือ่ มใส ขอจงเสด็จประทบั นงั่ บนอาสนะอนั เป็นวิการ- มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา หาสยิตฺวา สเทวเกติ. แห่งดอกไมเ้ ถิด ฯ อ. พระพทุ ธเจ้า ทรงยงั จิต ของขา้ พระองค์ ใหเ้ ลือ่ มใส แลว้ (ทรงยงั มนษุ ยโลก ท.) อนั เป็นไปกบั ดว้ ยเทวโลก ใหร้ ่าเริงแลว้ ประทบั นง่ั แลว้ บนอาสนะอนั เป็นวิการแหง่ ดอกไม้ ตลอดคืนและวนั ๗ (ดงั นี)้ ดงั นี้ ฯ (อนั ดาบสชื่อวา่ สรทะ) กลา่ วแล้ว ฯ ครัน้ เม่ือพระศาสดา ประทบั นง่ั แล้ว อยา่ งนี,้ อ. พระอคั รสาวก เอวํ นิสนิ ฺเน สตฺถริ, เทฺว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู ท. ๒ ด้วย อ. ภิกษุผ้เู หลอื ท. ด้วย นงั่ แล้ว บนอาสนะอนั ถงึ แล้ว จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสที สึ .ุ แก่ตน ๆ ฯ อ.ดาบสชอ่ื วา่ สรทะ ถอื เอาแล้ว ซงึ่ ฉตั รอนั เป็นวกิ ารแหง่ ดอกไม้ สรทตาปโส มหนฺตํ ปปุ ผฺ จฺฉตฺตํ คเหตฺวา อนั ใหญ่ ได้ยืนกนั้ อยแู่ ล้ว เหนือพระเศียร ของพระตถาคตเจ้า ฯ ตถาคตสฺส ม“ชตฏฺถิลเกานธํ าอเยรนํ ฺโสตกฺกอาฏโฺ€ราสม.ิ หปผฺ โล อ.พระศาสดา (ทรงอธษิ ฐานแล้ว) วา่ อ. สกั การะนี ้ ของชฎลิ ท. สตฺถา โหตตู ิ เป็นสภาพมผี ลใหญ่ จงเป็น ดงั นี ้ ทรงเข้าแล้ว ซงึ่ สมาบตั ชิ อ่ื วา่ นโิ รธ ฯ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. อ. พระอคั รสาวก ท. ๒ ก็ดี อ. ภิกษุผ้เู หลอื ท. ก็ดี รู้แล้ว ซง่ึ ความที่ สตฺถุ สมาปตฺตึ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา เทฺว แหง่ พระศาสดาเป็นผ้ทู รงเข้าแล้ว ซง่ึ สมาบตั ิ เข้าแล้ว ซง่ึ สมาบตั ิ ฯ อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขปู ิ สมาปตฺตึ สมาปชฺชสึ .ุ ครนั้ เมอื่ พระตถาคตเจ้า ประทบั นง่ั เข้าแล้ว ซงึ่ สมาบตั ชิ อ่ื วา่ นโิ รธ ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตลอดวนั เจ็ด, อ.อนั เตวาสกิ ท., ครัน้ เม่ือกาลเป็นที่เท่ียวไป นิสนิ ฺเน, อนฺเตวาสกิ า, ภิกฺขาจารกาเล สมปฺ ตฺเต, เพอื่ ภกิ ษา ถงึ พร้อมแล้ว, บรโิ ภคแล้ว ซงึ่ รากไม้และผลและผลอนั เจรญิ วนมลู ผลาผลํ ปริภุ ฺชิตฺวา เสสกาลํ พทุ ฺธานํ ในป่ า ยอ่ มยืนประคอง ซงึ่ อญั ชลี ตอ่ พระพทุ ธเจ้า ท. สนิ ้ กาล อฺชลึ ปคฺคยฺห ตฏิ ฺ€นฺต.ิ อนั เหลอื ฯ สว่ นวา่ อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ ไมไ่ ปแล้ว แม้สทู่ ี่เป็นที่เที่ยวไป สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา เพ่ือภิกษา กนั้ อยู่ ซง่ึ ฉตั รอนั เป็นวกิ ารแหง่ ดอกไม้เทียว ปปุ ผฺ จฺฉตฺตํ ธารยมาโนว ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 99 www.kalyanamitra.org
(ยงั กาล) ให้น้อมไปลว่ งวเิ ศษแล้ว ด้วยสขุ อนั เกิดแล้วจากปี ติ สตฺตาหํ ปี ตสิ เุ ขน วีตนิ าเมส.ิ ตลอดวนั เจ็ด ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ ออกแล้ว จากนิโรธ ตรัสเรียกมาแล้ว สตฺถา นิโรนธิสโตภตฺเวถฏุ ฺร€ํ าย ทกฺขิณปสฺเส นิสนิ ฺนํ ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ นิสภะ ผ้เู ป็นอคั รสาวก ผ้นู ง่ั แล้ว ณ ข้างเบือ้ งขวา อคฺคสาวกํ อามนฺเตสิ “นิสภ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนนิสภะ อ. เธอ จงกระท�ำ ซง่ึ การอนโุ มทนา สกฺการการกานํ ตาปสาฃนํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ ในเพราะอาสนะอนั เป็นวิการแหง่ ดอกไม้ แก่ดาบส ท. ผ้กู ระท�ำ กโรหีต.ิ ซงึ่ สกั การะ ดงั นี ้ ฯ อ.พระเถระ ผ้มู ีใจยินดีแล้ว รขาอวงกพะระอเ.จน้ากัจรกั บรใพหรญรด่ ผิ์ ้มู ตีลงั้าอภยใแู่หลญ้ว่ เถโร จกกฺ วตตฺ ริ โฺ สนตฺ กิ า ปฏลิ ทธฺ มหาลาโภ อนั ได้เฉพาะแล้ว จากสำ� นกั ปมหปุ าผฺ โายสโนธาวนิยโุ มตทฏุนฺ€ํ มอาานรโภสิ. สาวกปารมีาเณ €ตฺวา ในสาวกบารมีญาณ เริ่มแล้ว ซง่ึ การอนโุ มทนาในเพราะอาสนะ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ดอกไม้ ฯ (อ.พระศาสดา) ตรัสเรียกมาแล้ว ซ่ึงพระสาวกท่ีสอง ตสสฺ เทสนาวสาเน ทตุ ิยสาวกํ อามนฺเตสิ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา ของพระนิสภะนนั้ (ด้วยพระด�ำรัส) “ตฺวํปิ ภิกฺขุ ธมมฺ ํ เทเสหีต.ิ วา่ ดกู ่อนภิกษุ แม้ อ. เธอ จงแสดง ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระชื่อว่าอโนมะ พิจารณาแล้ว ซ่ึงพระพุทธพจน์ อโนมตฺเถโร เตปิ ฏกํ พทุ ฺธวจนํ สมมฺ สติ ฺวา คือประชมุ แหง่ ปิ ฎกสาม กลา่ วแล้ว ซง่ึ ธรรม ฯ อ. อนั รู้เฉพาะ ธมมฺ ํ กเถสิ . ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เทสนาย ไมไ่ ด้มแี ลว้ แกด่ าบสแม้รปู หนง่ึ ด้วยเทศนา ของพระอคั รสาวก ท. ๒ ฯ เอกสฺสาปิ อภิสมโย นาโหส.ิ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ทรงตงั้อยแู่ ลว้ ในวสิ ยั ของพระพทุ ธเจ้า อถ สตถฺ า อปริมาเณ พทุ ธฺ วสิ เย €ตวฺ า ธมมฺ เทสนํ อนั ไมม่ ีประมาณ ทรงเริ่มแล้ว ซงึ่ การแสดงซงึ่ ธรรม ฯ อารภิ. ในกาลเป็ นที่สุดลงรอบแห่งเทศนา อ.ชฎิล มีพัน ๗๔ เทสนาปริโยสาเน €เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ เป็นประมาณ ท. แม้ทงั้ ปวง เว้น ซง่ึ ดาบสชื่อวา่ สรทะ บรรลแุ ล้ว จตสุ ตฺตตสิ หสสฺ ชฏิลา อรหตฺตํ ปาปณุ ึส.ุ ซง่ึ พระอรหตั ฯ อ.พระศาสดา (ตรสั แล้ว) วา่ (อ. เธอ ท.) เป็นภกิ ษุ (เป็น) จงมา สตฺถา “ เอถ ภิกฺขโวติ หตฺถํ ปสาเรส.ิ ดงั นี ้ ทรงเหยียดออกแล้วซงึ่ พระหตั ถ์ ฯ อ. ผมและหนวด ท. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสูนิ อนฺตรธายึสุ. ของดาบส ท. เหลา่ นนั้ หายไปแล้ว ในขณะนนั้ นน่ั เทียว ฯ อฏฺ € ป ริ กฺ ข า ร า กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสํุ. อ. บริขาร ท. ๘ เป็นของสวมเข้าแล้ว ที่กายเทียว ได้เป็นแล้ว ฯ (อ. อนั ถาม) วา่ อ. ดาบสชอื่ วา่ สรทะ ไมบ่ รรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั “สรทตาปโส กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโตติ . เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. อนั แก้ วา่ อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. ไมบ่ รรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ) เพราะความทแ่ี หง่ ตนเป็นผ้มู จี ติ ฟ้ งุ ซา่ นแล้ว (ดงั นี)้ ฯ ได้ยินวา่ (อ. ดาบสชื่อวา่ สรทะนนั้ ) ยงั ความคิด ให้เกิดขนึ ้ แล้ว ตสสฺ กิร พทุ ฺธานํ ทตุ ยิ าสเน นิสีทิตฺวา วา่ โอ ! หนอ แม้ อ. เรา พงึ ได้ ซง่ึ ธรุ ะ อนั อนั พระสาวกนี ้ได้เฉพาะแล้ว สาวกปารมี าเณ €ตวฺ า ธมมฺ ํ เทสยโต อคคฺ สาวกสสฺ ในศาสนา ของพระพทุ ธเจ้า ผ้เู สดจ็ อบุ ตั ิ ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว ธมฺมเทสนํ โสตํุ อารทฺธกาลโต ปพฏทุ ฺ ฺ€ธสาฺสย ดงั นี ้ จ�ำเดมิ แตก่ าลแหง่ ดาบสชื่อวา่ สรทะนนั้ เร่ิมแล้ว เพ่ืออนั ฟัง “อโห วตาหํปิ อนาคเต อปุ ปฺ ชฺชนกสฺส ซงึ่ ธรรมเทศนา ของพระอคั รสาวก ผ้นู งั่ แล้ว บนอาสนะที่สอง สาสเน อิมินา สาวเกน ปฏิลทฺธํ ธรุ ํ ลเภยฺยนฺติ ของพระพทุ ธเจ้า ท. ตงั้ อยแู่ ล้ว ในสาวกบารมีญาณ แสดงอยู่ จิตฺตํ อปุ ปฺ าเทส.ิ ซง่ึ ธรรม ฯ อ.ดาบสช่ือว่าสรทะนัน้ ไม่ได้อาจแล้ว เพื่ออันกระท�ำ โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปปฺ ฏิเวธํ กาตํุ ซงึ่ การรู้ตลอดซง่ึ มรรคและผล เพราะความปริวิตกนนั้ ฯ ก็ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมมฺ เุ ข €ตฺวา อาห (อ. ดาบสชื่อวา่ สรทะ) ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระตถาคตเจ้า ยืนแล้ว “ภนฺเต ตมุ หฺ ากํ อนนฺตราสเน นิสนิ ฺโน ภิกฺขุ ตมุ หฺ ากํ ในท่ีพร้อมหน้า กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ภิกษุ สาสเน โก นาม โหตีต.ิ ผ้นู ง่ั แล้ว บนอาสนะอนั เป็นล�ำดบั แหง่ พระองค์ ท. เป็นผ้ชู ื่อ อะไร ในศาสนา ของพระองค์ ท. ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฯ 100 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ. ภิกษุ) ผ้ยู งั จกั รคือธรรม “ มยา ปวตฺติตํ ธมมฺ จกฺกํ อนปุ วตฺเตนฺโต อนั อนั เราให้เป็นไปทวั่ แล้ว ให้เป็นไปทว่ั ตามอยู่ บรรลแุ ล้วซง่ึ ที่สดุ สาวกปารมีาณสสฺ โกฏิปปฺ ตฺโต โสฬส ปญฺญา แหง่ สาวกบารมญี าณ รู้ตลอดแล้ว ซง่ึ ปัญญา ท. ๑๖ ดำ� รงอยแู่ ล้ว, ปฏิวิชฺฌิตฺวา ฐโิ ต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นาม อ. ภิกษุนนั่ ช่ือวา่ สาวกผ้เู ลศิ ในศาสนา ของเรา ดงั นี ้ ฯ เอโสติ . (อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ) ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ความปรารถนา วา่ “ภนเฺ ต ยวฺ ายํ มยา สตตฺ าหํ ปปุ ผฺ จฉฺ ตตฺ ํ ธาเรนเฺ ตน ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. สกั การะ นีใ้ ด อนั ข้าพระองค์ ผ้กู นั้ อยู่ สกฺกาโร กโต อหํ อิมศฺส ผเลน อญฺญํ สกฺกตฺต วา ซึ่งฉัตรอันเป็ นวิการแห่งดอกไม้ ตลอดวันเจ็ด กระท�ำแล้ว , พรฺ หมตตฺ ํ วา น ปตเฺ ถม,ิ อนาคเต ปน อยํ นสิ ภตเฺ ถโร อ.ข้าพระองค์ ยอ่ มไมป่ รารถนา ซง่ึ ความเป็นแหง่ ท้าวสกั กะหรือ วยิ เอกสฺส พทุ ฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺยนฺติ ปตฺถนํ หรือว่าซึ่งความเป็ นแห่งพรหม อ่ืน ด้วยผล แห่งสักการะนี,้ อกาส.ิ แตว่ า่ (อ. ข้าพระองค)์ เป็นสาวกผ้เู ลศิ ของพระพทุ ธเจ้า พระองคห์ นง่ึ พงึ เป็น ในการอนั ไมม่ าแล้ว ราวกะ อ. พระเถระช่ือวา่ นิสภะ นี ้ ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ ญาณอนั เป็นสว่ นแหง่ กาล สตฺภา “สมิชฺฌิสสฺ ติ นุ โข อิมสฺส ปรุ ิสสสฺ อนั ไมม่ าแล้ว ทรงตรวจดอู ยู่ วา่ อ. ความปรารถนา แหง่ บรุ ุษนี ้ ปตฺถนาติ อนาคตํสญาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต จกั สำ� เร็จ หรือหนอแล ดงั นี ้ ได้ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ ความเป็นคือ กปปฺ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงเชยฺยํ อติกฺกมิตวา อนั ก้าวลว่ งแล้ว ซง่ึ อสงไขย หนงึ่ อนั ย่ิงด้วยแสนแหง่ กปั ป์ สำ� เร็จ, สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส , ทิสฺวา สรทตาปสํ อาห (อ. พระศาสดา) ครัน้ ทรงเหน็ แล้ว ตรัสแล้ว กะดาบสช่ือวา่ สรทะ น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวสิ ฺสต,ิ อนาคเต ปน วา่ อ. ความปรารถนา นี ้ แหง่ ทา่ น เป็นธรรมชาติเปลา่ จกั เป็น กปปฺ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงเขยฺยํ อตกิ กมิตฺวา หามิได้, ก็ อ. พระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ โคดม จกั เสดจ็ อบุ ตั ิ ในโลก โคตโม นาม พทุ ฺโธ โลเก อปุ ปฺ ชฺชิสฺสต,ิ ตสสฺ มาตา ก้าวลว่ ง ซงึ่ อสงไขยหนง่ึ อนั ยง่ิ ด้วยแสนแหง่ กปั ป์ ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว, มหามายาเทวี นาม ภวิสสฺ ต,ิ ปิ ตา สทุ ฺโธทโน นาม อ.พระมารดา ของพระพทุ ธเจ้านนั้ เป็นผ้ทู รงพระนามวา่ มหามายาเทวี มหาราชา, ปุตฺโต ราหุโล โมนคาฺคมล, ลฺ าอโนุปฏฺ น€าาโมก, จกั เป็น, อ. พระบดิ า เป็นพระราชาผ้ใู หญ่ พระนามวา่ สทุ โธทนะ อานนฺโท นาม, ทตุ ยิ สาวโก (จกั เป็น), อ. พระโอรส เป็นผ้ทู รงพระนามวา่ ราหลุ (จกั เป็น), ตฺวํ ปนสฺส อคฺคสาวโก ธมมฺ เสนาปติ สารีปตุ ฺโต อ. ภิกษุผ้อู ปุ ัฏฐาก เป็นผ้ชู ื่อวา่ อานนท์ (จกั เป็น), อ. สาวกท่ีสอง นาม ภวสิ สฺ สตี .ิ เป็นผ้ชู ่ือวา่ โมคคลั ลานะ (จกั เป็น), สว่ นวา่ อ. ทา่ น เป็นผ้ชู ื่อวา่ สารีบตุ ร ผ้ธู รรมเสนาบดี ผ้เู ป็นสาวกผ้เู ลศิ ของพระพทุ ธเจ้านนั้ จกั เป็น ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา) ครนั้ ทรงพยากรณแ์ ล้ว ซง่ึ ดาบส อยา่ งนี ้ตรสั แล้ว เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ วซงึ่ ธรรม ผ้อู นั หมแู่ หง่ ภิกษุแวดล้อมแล้ว ภิกฺขสุ งฺฆปริวโุ ต อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เสดจ็ ไปแล้ว สอู่ ากาศ ฯ แม้ อ.ดาบสชื่อว่าสรทะ ไปแล้ว สู่ส�ำนัก ของพระเถระ สรทตาปโสปิ อนเฺ ตวาสกิ ตเฺ ถรานํ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า ผ้เู ป็นอนั เตวาสกิ ท. สง่ ไปแล้ว ซงึ่ ขา่ วสาส์น ทา่แนก่กทฎุ .มุ จพงีชบื่ออวกา่ สหายกสฺส สสริ ิวหฑาฺยฒกกสฏุ ฺสมุ พฺ วิกเสทฺสถ สาสนํ เปเสสิ สริ ิวฑั ฒ์ ผ้เู ป็นสหาย วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. “ภนฺเต มม `สหายเกน เต แก่สหาย ของเรา วา่ อ. ต�ำแหนง่ แหง่ สาวกผ้เู ลศิ ในศาสนา สรทตาปเสน อโนมทสฺสสิ สฺ พทุ ฺธสฺส ปาทมเู ล ของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ โคดม ผ้เู สดจ็ อบุ ตั ิ ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว อนาคเต อปุ ปฺ ชฺชนกสสฺ โคตมพทุ ฺธสสฺ สาสเน อนั ดาบสช่ือวา่ สรทะ ผ้เู ป็นสหาย ของทา่ น ปรารถนาแล้ว ปอคตฺคฺเถสหาีตว.ิกฏฺ €านํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทตุ ยิ สาวกฏฺ€านํ ณ ท่ีใกล้แหง่ พระบาท ของพระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ อโนมทสั สี, อ.ทา่ น จงปรารถนา ซงึ่ ตำ� แหนง่ แหง่ สาวกทส่ี อง ดงั นี ้ ฯ ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 101 www.kalyanamitra.org
ก็แล (อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ) ครัน้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ ไปแล้ว เอวจฺ ปน วตวฺ า เถเรหิ ปเุ รตรเมว เอกปสเฺ สน โดยข้างข้างหนง่ึ ก่อนกวา่ กวา่ พระเถระ ท. นนั่ เทียว ได้ยืนแล้ว คนฺตฺวา สริ ิวฑฺฒสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺ €าส.ิ ใกล้ประตแู หง่ นิเวศน์ ของกฎุ มุ พีช่ือวา่ สริ ิวฑั ฒ์ ฯ อ. สริ ิวฑั ฒ์ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ. พระผ้เู ป็นเจ้า ของเรา มาแล้ว สริ ิวฑฺโฒ “จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโตติ สนิ ้ กาลนานหนอ ดงั นี ้(ยงั ดาบสช่ือวา่ สรทะ) ให้นง่ั แล้ว บนอาสนะ อาสเน นิสที าเปตฺวา อตฺตนา นีจตเร อาสเน นงั่ แล้ว บนอาสนะ อนั ตำ่� กวา่ ด้วยตน ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ นิสนิ ฺโน “อนฺเตวาสกิ ปริสา ปน โว ภนฺเต น ก็ อ. บริษัทคืออนั เตวาสกิ ท. ของทา่ น ท. ยอ่ มไมป่ รากฏ ดงั นี ้ ฯ ปฺ ายนฺตีติ ปจุ ฺฉิ, (อ.ดาบสชื่อว่าสรทะ กล่าวแล้ว) ว่าดูก่อนสหาย เออ “อาม สมมฺ , อมหฺ ากํ อสสฺ มํ อโนมทสฺสี พทุ ฺโธ (อ. อยา่ งนนั้ ), อ. พระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ อโนมทสั สี เสดจ็ มาแล้ว อาคโต, มยํ ตสสฺ อตฺตโน พเลน สกฺการํ กริมหฺ า, สอู่ าศรม ของเรา ท., อ. เรา ท. กระทำ� แล้ว ซงึ่ สกั การะ แกพ่ ระพทุ ธเจ้า สตฺถา สพฺเพสํ ธมมฺ ํ เทเสส,ิ เทสนาปริโยสาเน นนั้ ตามก�ำลงั ของตน, อ. พระศาสดา ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ ธรรม €เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺตา ปพฺพชสึ ,ุ แก่เรา ท. ทงั้ ปวง, ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ เทศนา อ. ดาบส ท. อหํ สตฺถุ อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา อนาคเต ผ้เู หลอื เว้น ซงึ่ เรา บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั บวชแล้ว, อ. เรา เหน็ แล้ว อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส นาม สาสเน ซ่ึงพระเถระชื่อว่านิสภะ ผู้เป็ นอัครสาวก ของพระศาสดา ทอคตุ ฺคยิ สสาาววกกฏฏฺฺ€€าานนํํ ปตฺเถส,ึ ตฺวํปิ ตสสฺ สาสเน ปรารถนาแล้ ว ซึ่งต�ำแหน่งแห่งอัครสาวก ในศาสนา ปตฺเถหีต.ิ ชอื่ ของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ โคดมผ้เู สดจ็ อบุ ตั ิ ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว, แม้ อ. ทา่ น จงปรารถนา ซงึ่ ต�ำแหนง่ แหง่ สาวกที่สอง ในศาสนา ของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ โคดมนนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. สริ ิวฑั ฒ์ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. ความค้นุ เคย “มยฺหํ พทุ ฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ ภนฺเตต.ิ กบั ด้วยพระพทุ ธเจ้า ท. แหง่ ข้าพเจ้า ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ (อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ กลา่ วแล้ว) วา่ อ. การกราบทลู กบั “พทุ ฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหต,ุ ตฺวํ ด้วยพระพทุ ธเจ้า ท. เป็นภาระ ของเรา จงเป็น, อ. ทา่ น จงจดั แจง มหนฺตํ อภิสกฺการํ สชฺเชหีต.ิ ซง่ึ สกั การะอนั ยิ่งใหญ่เถิด ดงั นี ้ฯ อ. สริ ิวฑั ฒ์ ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำ ของดาบสช่ือวา่ สรทะนนั้ ยงั บคุ คล สริ ิวฑโฺ ฒ ตสสฺ วจนํ สตุ วฺ า อตตฺ โน นเิ วสนทวฺ าเร ให้กระทำ� แล้ว ซงึ่ ทม่ี กี รีสแปดเป็นประมาณ โดยเครื่องวดั ของพระราชา วราาชลมกิ าํ โเนอนกิริตฺวอาฏฺ€ลการีสชมปตฺตจฺ ํ มา€นาินํปสปุ มผฺ ตานลิํ กาเรตฺวา ใกล้ประตแู หง่ นิเวศน์ ของตน ให้เป็นท่ีมีพืน้ เสมอ เกลี่ยลงแล้ว วกิ ฺกิริตฺวา ซงึ่ ทราย เรี่ยรายแล้ว ซงึ่ ดอกไม้ ท. มีข้าวตอกเป็นที่ห้า ยงั บคุ คล นีลปุ ปฺ ลจฺฉทนํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา พทุ ฺธาสนํ ให้กระท�ำแล้วซงึ่ ปะร�ำ มีดอกอบุ ลเขียวเป็นเครื่องมงุ ยงั บคุ คล ปฺ าเปตฺวา เสสภิกฺขนู ํปิ อาสนานิ ปฏิยาเทตฺวา ให้ปลู าดแล้ว ซงึ่ อาสนะของพระพทุ ธเจ้า ตกแตง่ แล้ว ซง่ึ อาสนะ ท. มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ แม้แกภ่ กิ ษุผ้เู หลอื ท. จดั แจงแล้ว ซงึ่ สกั การะและสมั มานะ อนั ใหญ่ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺ ํ อทาส.ิ ได้ให้แล้ว ซึ่งสัญญา แก่ดาบสชื่อว่าสรทะ เพ่ือประโยชน์ แก่การทลู นิมนต์ ซงึ่ พระพทุ ธเจ้า ท. ฯ อ. ดาบส พาเอา ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ตาปโส พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส ได้ไปแล้ว สนู่ ิเวศน์ ของสริ ิวฑั ฒ์นนั้ ฯ นิเวสนํ อคมาส.ิ แม้ อ. สริ ิวฑั ฒ์ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การต้อนรับ รับแล้ว ซงึ่ บาตร สริ ิวฑฺโฒปิ ปจฺจคุ ฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสสฺ จากพระหตั ถ์ ของพระตถาคตเจ้า (ยงั พระศาสดา) ให้เสดจ็ เข้าไปแล้ว หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา สปู่ ะร�ำ 102 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ถวายแล้ว ซง่ึ น�ำ้ เพ่ือทกั ษิณา แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า- ปฺ ตฺตาสเน นิสนิ ฺนสฺส พทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ เป็นประมขุ ผ้นู ง่ั แล้ว บนอาสนะอนั บคุ คลปลู าดแล้ว องั คาสแล้ว ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีตโภชเนน ด้วยโภชนะอนั ประณีต ยงั หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ปริวสิ ติ วฺ า ภตตฺ กจิ จฺ ปริโยสาเน พทุ ธฺ ปปฺ มขุ ํ ภกิ ขฺ สุ งฆฺ ํ ให้หม่ แล้ว ด้วยผ้า ท. อนั ควรแก่คา่ มาก ในกาลเป็นที่สดุ ลงรอบ มหารเหหิ วตเฺ ถหิ อจฉฺ าเทตวฺ า “ภนเฺ ต นายํ อารมโฺ ภ แหง่ กิจด้วยภตั ร กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ออนปกุปฺ มมปฺตํ ฺตกกฏโฺ€ราถนาตตฺถิ าอยา,หอ. ิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อ. ความริเริ่ม นี (้ ยอ่ มเป็นไป) เพอ่ื ประโยชนแ์ กต่ ำ� แหนง่ มปี ระมาณน้อย หามิได้, อ. พระองค์ ท. ขอจงทรงกระท�ำ ซงึ่ ความอนเุ คราะห์ ตลอดวนั เจ็ด โดยท�ำนอง นีเ้ทียว ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา (ทรงยงั ค�ำนิมนต์) ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ สตฺถา อธิวาเสส.ิ อ. สริ ิวฑั ฒ์ นนั้ ยงั ทานใหญ่ ให้เป็นไปทว่ั แล้ว ตลอดวนั เจ็ด โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ โดยท�ำนองนนั้ นน่ั เทียว ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ยืนประคองแล้ว ซงึ่ อญั ชลี กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ €โิ ต อาห “ภนฺเต มม สหาโย สรทตาปโส `ยสสฺ อ. ดาบสช่ือวา่ สรทะ ผ้เู ป็นสหาย ของข้าพระองค์ ปรารถนาแล้ว วา่ สตฺถุ อคฺคสาวโก ภเวยฺยนฺติ ปตฺเถส,ิ อหํ ตสฺเสว อ. เรา เป็นสาวกผ้เู ลศิ ของพระศาสดา พระองค์ใด พงึ เป็น ดงั นี,้ ทตุ ยิ สาวโก ภเวยฺยนฺต.ิ อ. ข้าพระองค์ เป็นสาวกทส่ี อง ของพระศาสดา พระองคน์ นั้ นน่ั เทยี ว พงึ เป็น ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ทรงแลดแู ล้ว ซงึ่ กาลอนั ไมม่ าแล้ว ทรงเหน็ แล้ว สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสสฺ ปตฺถนาย ซงึ่ ความเป็นคืออนั ส�ำเร็จ แหง่ ความปรารถนา แหง่ สริ ิวฑั ฒ์นนั้ สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ “ตฺวํปิ อิโต ทรงพยากรณ์แล้ว วา่ แม้ อ. ทา่ น เป็นสาวกท่ีสอง ของพระพทุ ธเจ้า กปปฺ สตสหสสฺ าธกิ ํ อสงเฺ ขยยฺ ํ อตกิ กฺ มติ วฺ า โคตมพทุ ธฺ สสฺ พระนามวา่ โคดม จกั เป็น ก้าวลว่ ง ซงึ่ อสงไชย อนั ยง่ิ ด้วยแสนแหง่ กปั ป์ ทตุ ยิ สาวโก ภวสิ ฺสสตี .ิ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ดงั นี ้ฯ อ. สริ ิวฑั ฒ์ ฟังแล้ว ซงึ่ ค�ำพยากรณ์ ของพระพทุ ธเจ้า ท. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺโฒ เป็นผ้รู ่าเริงแล้วและร่าเริงทว่ั แล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ หฏฺ €ปสหตฏฺถฺ โา€ปิ อโหส.ิ แม้ อ. พระศาสดา ทรงกระทำ� แล้ว ซง่ึ การอนโุ มทนาในเพราะภตั ร ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบริวาร เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ หิ ารนน่ั เทียว ฯ วิหารเมว คโต. ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. ความปรารถนา) นี ้เป็นความปรารถนาอนั อยํ ภิกฺขเว มม ปตุ ฺเตหิ ตทา ปตฺถิตปตฺถนา, บตุ ร ท. ของเรา ปรารถนาแล้ว ในกาลนนั้ (ยอ่ มเป็น), (อ. บตุ ร ท. เต ยถาปตฺถิตเมว ลภสึ ,ุ นาหํ มขุ ํ โอโลเกตฺวา ของเรา) เหลา่ นนั้ ได้แล้ว ตามความปรารถนานน่ั เทียว, อ. เรา เทมีต.ิ ยอ่ มให้ เพราะแลดู ซง่ึ หน้า หามิได้ ดงั นี ้ ฯ ครัน้ เมื่อพระด�ำรัสอยา่ งนี ้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว, อ. เอวํ วตุ เฺ ต, เทวฺ อคคฺ สาวกา ภควนตฺ ํ วนทฺ ติ วฺ า พระอคั รสาวก ท. สอง ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า “ภนฺเต มยํ อคาริยภตู า สมานา คริ คฺคสมชฺชํ กราบทลู แล้ว ซงึ่ เร่ืองอนั เกิดขนึ ้ เฉพาะแล้ว ทงั้ ปวง เพียงใด ทสสฺ นาย คตาติ ยาว อสสฺ ชิตฺเถรสสฺ สนฺตกิ า แตก่ ารรู้ตลอดซง่ึ โสดาปัตตผิ ล จากสำ� นกั ของพระเถระชอื่ วา่ อสั สชิ โสตาปตฺตผิ ลปฏิเวธา สพฺพํ ปจฺจปุ ปฺ นฺนวตฺถํุ กเถตฺวา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้มู ีเรือนเป็นแล้ว “เต มยํ ภนฺเต สชฺ ยสฺส อาจริยสฺส สนฺตกิ ํ มีอยู่ เป็นผ้ไู ปแล้ว เพ่ืออนั เหน็ ซงึ่ มหรสพอนั บคุ คลพงึ เลน่ บนยอด คนฺตฺวา ตํ ตมุ หฺ ากํ ปาทมลู ํ อาเนตกุ ามา, ตสสฺ แหง่ ภเู ขา (ยอ่ มเป็น) ดงั นีเ้ป็นต้น (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ลทฺธิยา นิสสฺ ารภาวํ กเถตฺวา ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของอาจารย์ ชื่อวา่ สญชยั เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั น�ำมา ซง่ึ อาจารย์นนั้ สทู่ ่ีใกล้ แหง่ พระบาท ของพระองค์ ท. (เป็น), บอกแล้ว ซงึ่ ความที่แหง่ ลทั ธิ ของอาจารย์นนั้ เป็นลทั ธิไมม่ ีสาระ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 103 www.kalyanamitra.org
บอกแล้ว ซง่ึ อานิสงส์ ในการมา ในที่นี,้ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อิธาคมเน อานิสํสํ กถยิมหฺ า, โส `อิทานิ มยฺหํ อ. อาจารย์นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ในกาลนี ้ ชื่อ อ. การอยโู่ ดย- อนเฺ ตวาสวิ าโส นาม จาฏยิ า อทุ กจลนภาวปปฺ ตตฺ สิ ทโิ ส, ความเป็นอนั เตวาสกิ แหง่ เรา เป็นเชน่ กบั ด้วยการถงึ ซง่ึ ความเป็น- น สกฺขิสฺสามิ อนฺเตวาสวิ าสํ วสติ นุ ฺติ วตฺวา; คืออนั ไหวแหง่ น�ำ้ ในตมุ่ (ยอ่ มเป็น), อ. เรา จกั ไมอ่ าจ เพ่ืออนั อยู่ `อาจริย อิทานิ มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา อยโู่ ดยความเป็นอนั เตวาสกิ ดงั นี ้; (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ สตถฺ ารํเยว ปเู ชสสฺ ต,ิ ตมุ เฺ ห กถํ ภวสิ สฺ ถาติ วตุ เฺ ต, ในกาลนี ้ อ. มหาชน ผ้มู ีวตั ถมุ ีของหอมและระเบียบเป็นต้นในมือ `กึ ปน อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิตา พหู อทุ าหุ ทนฺธาต,ิ ไปแล้ว จกั บชู า ซง่ึ พระศาสดา นนั่ เทียว, อ. ทา่ น ท. จกั เป็น `ทนฺธาติ กถิเต, `เตนหิ ปณฺฑิตา ปณฺฑิตา อยา่ งไร ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค์ ท.) กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ก็ สมณสสฺ โคตมสฺส สนฺตกิ ํ คมิสฺสนฺต,ิ ทนฺธา อ. คนฉลาด ท. ในโลกนี ้ เป็นผ้มู าก (ยอ่ มเป็น) หรือ หรือวา่ ทนฺธา มม สนฺตกิ ํ อาคมิสฺสนฺต,ิ คจฺฉถ ตมุ เฺ หติ อ. คนโง่ ท. (เป็นผ้มู าก) (ยอ่ มเป็น) ดงั น,ี ้ (ครัน้ เมอื่ คำ� ) วา่ อ. คนโง่ ท. วตฺวา อาคนฺตํุ น อิจฺฉิ ภนฺเตต.ิ (เป็นผ้มู าก) (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค์ ท.) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. คนฉลาด ท. ๆ จกั ไป สสู่ ำ� นกั ของพระสมณะ ผ้โู คดม, อ. คนโง่ ท. ๆ จกั มา สสู่ ำ� นกั ของเรา, อ. ทา่ น ท. จงไป ดงั นี ้ไมป่ รารถนาแล้ว เพื่ออนั มา ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ คำ� นนั้ ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ตํ สตุ ฺวา สตฺถา “ภิกฺขเว สชฺ โย อตฺตโน อ. สญชยั ถอื เอาแล้ว ซงึ่ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ วา่ อ. ธรรมอนั เป็นสาระ มคณิจฺฉฺหาิ,ทิฏตฺ€มุติ เฺาหย อสารํ `สาโรติ สารจฺ `อสาโรติ ดงั นี ้ ด้วย ซง่ึ ธรรมอนั เป็นสาระ วา่ อ. ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ ดงั นี ้ ปน อตฺตโน ปณฺฑิตตาย สารํ ด้วย เพราะความที่แหง่ ตนเป็นผ้มู ีความเหน็ ผิด, สว่ นวา่ อ. เธอ ท. สารโต อสารจฺ อสารโต ตฺวา อสารํ ปหาย รู้แล้ว ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระ โดยความเป็นธรรมอนั เป็นสาระด้วย สารเมว คณฺหิตฺถาติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ ซงึ่ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ โดยความเป็นธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระด้วย ละแล้ว ซง่ึ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ธรรม อนั เป็นสาระ นน่ั เทียว เพราะความที่แหง่ ตนเป็นคนฉลาด ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ (อ. ชน ท. เหล่าใด) เป็นผูม้ ีความรู้ซ่ึงธรรมอนั เป็นสาระ “อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสสฺ ิโน ในธรรมอนั ไม่เป็นสาระดว้ ย เป็นผูเ้ ห็นซ่ึงธรรมอนั ไม่เป็นสาระ เต สารํ นาธิคจฺฉนตฺ ิ มิจฺฉาสงฺกปปฺ โคจรา โดยปกติ ในธรรมอนั เป็นสาระดว้ ย (ย่อมเป็น) อ. ชน ท. สารฺจ สารโต ตฺวา อสารจฺ อสารโต เหล่านน้ั เป็นผูม้ ีความด�ำริผิดเป็นอารมณ์ (เป็น) เต สารํ อธิคจฺฉนตฺ ิ สมฺมาสงฺกปปฺ โคจราติ. ย่อมไม่ถึงทบั ซึ่งธรรมอนั เป็นสาระ (อ. ชน ท. เหล่าใด) รู้แลว้ ซึ่งธรรมอนั เป็นสาระ โดยความเป็นธรรมอนั เป็นสาระ ดว้ ย ซึ่งธรรมอนั ไม่เป็นสาระ โดยความเป็นธรรมอนั ไม่เป็น- สาระดว้ ย อ. ชน ท. เหล่านนั้ เป็นผูม้ ีความด�ำริชอบ- เป็นอารมณ์ (เป็น) ย่อมถึงทบั ซ่ึงธรรมอนั เป็นสาระ ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ธรรมนี ้ คือ อ.ปัจจยั ท. ๔, อ.ความเหน็ ผิด ตตฺถ “อสาเร สารมตโิ นต:ิ จตฺตาโร ปจฺจยา, อนั มีวตั ถุ ๑๐ , อ.ธรรมเทศนา อนั เป็นอปุ นิสยั แหง่ ความเหน็ ผิด ทสวตฺถกุ า มอิจยฺฉํ าอทสิฏาฺ€โริ, ตสสฺ า อปุ นิสฺสยภตู า นนั้ เป็นแล้ว ช่ือวา่ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ, เป็นผ้มู ีความเหน็ ซงึ่ ธรรม ธมมฺ เทสนาติ นาม, ตสมฺ ึ สารทิฏฺ€ิโนติ อนั เป็นสาระ ในธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระนนั้ ดงั นี ้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ อตฺโถ. หนา (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ อสาเร สารมตโิ น ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ธรรมนี ้ คือ อ.ความเหน็ ชอบ อนั มีวตั ถุ ๑๐, สาเร จาสารทสฺสิโนต:ิ ทสวตฺถกุ า สสามโมฺร านทาิฏมฺ€,,ิ อ.ธรรมเทศนา อนั เป็นอปุ นิสยั แหง่ ความเหน็ ชอบนนั้ เป็นแล้ว ตสฺสา อปุ นิสฺสยภตู า ธมมฺ เทสนาติ อยํ ชื่อวา่ ธรรมอนั เป็นสาระ เป็นผ้เู หน็ ซง่ึ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระโดยปกติ ตสฺมึ “นายํ สาโรติ อสารทสฺสโิ น. วา่ อ.ธรรมนี ้ เป็นสาระ (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้ ดงั นี ้ ในธรรมอนั เป็นสาระ นนั้ (ดงั น)ี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สาเร จาสารทสสฺ โิ น ดงั นี ้ฯ 104 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ) วา่ อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ คอื วา่ ผ้ถู อื เอา ถอื เอาซง่ึ ความเหน็ ผดิ เต สารนฺต:ิ เต ตวํ เมสิจนฺฉาทมิฏิจฺ€ฺฉิคาหสณงฺกํ ปคปฺ เโหคตจฺวราา นนั้ ตงั้ อยแู่ ล้ว เป็นผ้มู ีความด�ำริผิดเป็นอารมณ์ เป็น ด้วยอ�ำนาจ €ติ า กามวิตกฺกาทีนํ แหง่ วิตก ท. มีกามวติ กเป็นต้น ยอ่ มไมถ่ งึ ทบั ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระ หตุ ฺวา สลี สารํ สมาธิสารํ ปฺ าสารํ วมิ ตุ ฺตสิ ารํ คือศีลด้วย ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระคือสมาธิด้วย ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระ วิมตุ ฺติ าณทสสฺ นสารํ ปรมตฺถสารํ นิพฺพานฺจ คือปัญญาด้วย ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระคือวิมตุ ตดิ ้วย ซงึ่ ธรรม นาธิคจฺฉนฺต.ิ อนั เป็นสาระคอื วมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะด้วย ซงึ่ พระนพิ พาน อนั เป็นสาระ คือประโยชน์อยา่ งยิ่งด้วย (ดงั นี)้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เต สารํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ รู้แล้ว ซงึ่ ธรรมอนั เป็นสาระมีธรรมอนั เป็นสาระ สารญจฺ าต:ิ ตเมว สลี สาราทิสารํ “สาโร คือศีลเป็นต้น นนั้ นน่ั เทียว วา่ อ.ธรรมนี ้ชื่อวา่ เป็นสาระ (ยอ่ มเป็น) นาม อยนฺติ วตุ ฺตปปฺ การฺจ อสารํ “อสาโร ดงั นีด้ ้วย ซงึ่ ธรรมอนั ไมเ่ ป็นสาระ มีประการอนั ข้าพเจ้ากลา่ วแล้ว อยนฺติ ตฺวา. วา่ อ.ธรรมนี ้ เป็นธรรมไมเ่ ป็นสาระ (ยอ่ มเป็น) ดงั นีด้ ้วย (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ สารญจฺ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ คือวา่ ผ้ฉู ลาด คือวา่ เต สารนฺต:ิ เต ปณฺฑิตา เอวํ สมมฺ าทสสฺ นํ ผ้ถู อื เอา ซง่ึ ความเหน็ ชอบ อยา่ งนี ้ ตงั้ อยแู่ ล้ว เป็นผ้มู คี วามดำ� ริชอบ คเหตฺวา €ิตา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนํ วเสน เป็นอารมณ์ เป็น ด้วยอ�ำนาจ (แหง่ ความด�ำริ ท.) มีความด�ำริ สมมฺ าสงฺกปปฺ โคจรา หตุ ฺวา ตํ วตุ ฺตปปฺ การํ สารํ ในเนกขัมมะเป็ นต้น เป็ น ย่อมถึงทับ ซึ่งธรรมอันเป็ นสาระ อธิคจฺฉนฺตีต.ิ มีประการอนั ข้าพเจ้ากลา่ วแล้ว นนั้ ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เต สารํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. ชน ท. มาก บรรลแุ ล้ว คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ .ุ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาบตั ตผิ ลเป็นต้น ฯ อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว สนฺนิปติตานํ สาตฺถิกา เทสนา อโหสีติ. (แก่ชน ท.) ผ้ปู ระชมุ กนั แล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งปริพาชกช่ือว่าสญชัย (จบแล้ว) ฯ สญชฺ ยวตถฺ ุ. ๙. อ. เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่านันทะ ๙. นนฺทตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๙) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ยถา อคารํ ทุจฉฺ นฺนนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซึ่งพระนันทะ ผู้มีอายุ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนานี ้ ว่า สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต อายสมฺ นฺตํ นนฺทํ อารพฺภ ยถา อคารํ ทจุ ฉฺ นฺนํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร อ. พระศาสดา ผู้มีจักรคือธรรม สตถฺ า หิ ปวตตฺ ติ ปวรธมมฺ จกโฺ ก ราชคหํ คนตฺ วฺ า อนั ประเสริฐอนั ทรงให้เป็ นไปทว่ั แล้ว เสด็จไปแล้ว ส่เู มืองช่ือว่า เวฬวุ เน วหิ รนฺโต, “ปตุ ฺตํ เม อาเนตฺวา ทสเฺ สถาติ ราชคฤห์ ประทบั อยอู่ ยู่ ในพระเวฬวุ นั , ผ้อู นั - แหง่ ทตู ท. สบิ ผ้มู บี รุ ุษ สทุ โฺ ธทนมหาราเชน เปสติ านํ สหสสฺ สหสสฺ ปริวารานํ มีพนั หน่ึง ๆ เป็ นประมาณเป็ นบริวาร ผู้อนั พระเจ้าสทุ โธทนะ ทสนฺนํ ทตู านํ สพฺพปจฺฉโต คนฺตฺวา อรหตฺตํ มหาราช ทรงไปแล้ว ด้วยพระด�ำรัส วา่ อ.ทา่ น ท. จงน�ำมาแล้ว ปตฺเตน กาฬทุ ายิตฺเถเรน อาคมนกาลํ ญตฺวา ซงึ่ บตุ รของเรา แสดงแก่เรา ดงั นี ้ หนา พระเถระชื่อวา่ กาฬทุ ายี สวีสฏฺตฐมสิิ หตสฺตสฺายขีณคาาสถวาปยริวโุ ต มคฺควณฺณํ วณฺเณตฺวา ผ้ไู ปแตภ่ ายหลงั แหง่ ทตู ทงั้ ปวง แล้วจงึ บรรลแุ ล้วซง่ึ ความเป็น กปิ ลวตฺถปุ รุ ํ นีโต, แหง่ พระอรหนั ต์ ทราบกาลเป็นที่เสดจ็ มาแล้ว จงึ พรรณนาแล้ว พรรณนาซ่ึงหนทาง ด้วยคาถา มีคาถาหกสิบเป็ นประมาณ ผู้อนั พระขีณาสพมีพนั ยี่สิบเป็ นประมาณแวดล้อมแล้วน�ำไปแล้ว สบู่ รุ ีชื่อวา่ กบลิ พสั ด,ุ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 105 www.kalyanamitra.org
ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ ฝนโบกขรพสั ให้เป็นเหตเุ ป็นเป็นแดนเกิดขนึ ้ ญาตสิ มาคเม โปกฺขรวสสฺ ํ อตฺถปุ ปฺ ตฺตึ กตฺวา แหง่ เนีอ้ ความ ตรัสแล้ว ซง่ึ มหาเวสสนั ดรชาดก ในสมาคม มหาเวสสฺ นฺตรชาตกํ กเถตฺวา, ปนุ ทิวเส ปิ ณฺฑาย แหง่ พระญาติ เสดจ็ เข้าไปแล้ว เพื่อบณิ ฑะ ในวนั รุ่งขนึ ้ ยงั พระบดิ า ปโคสาวตฏิถาฺโาปฐยตฺต“อผิ ตุมเลฺตหฏิ าปฺเปฐตชฏิ าฺฐปานตเปปึ ปฺตมฺวโาชคฺเตช“ธยมมฺยึ มฺาตญโิ สฺจคเตารถาาปสยจตุ รฺติตปิผนิ ตเฺตลรํิ นใหป้ตปฺ งัม้ อชยเฺ ชเู่ ฉยพยฺ าะแ(บล้ควุ คลในไมโพส่ ดงึ ปารปะัตมตาทผิ ใลนกด้อ้วนยขพ้าวรอะนัคตานถพางวึ ลา่ กุ ขอนึ ้ตุ ยตุ นื ฎิ รฺบัเฐ) ดังนี ้ เป็ นต้น ยังพระนางมหาปชาบดี ผู้โคตมี ให้ตัง้ อยู่ ราชานญฺจ สกทาคามิผเล ปตฏิ ฺฐาเปส.ิ เฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ลด้วย ยงั พระราชา ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในสกทาคามิผลด้วย ด้วยพระคาถา วา่ ธมมฺ ญฺจเร สจุ ริตํ (บคุ คลพงึ ประพฤตซิ ง่ึ ธรรมให้เป็น สจุ ริต) ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ก็ อ.พระศาสดา ทรงอาศยั ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ วซงึ่ คณุ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ปน ราหลุ มาตคุ ณุ กถํ แห่งพระมารดาของพระราหุล ตรัสแล้ว ซ่ึงจันทกินนรีชาดก นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ กเถตฺวา, ตโต ตติยทิวเส ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบแหง่ กจิ ด้วยภตั ครนั้ เมอื่ มงคลคอื การอภเิ ษก นนฺทกมุ ารสสฺ อภิเสกเคหปปฺ เวสนวิวาหมงฺคเลสุ และมงคลคอื อนั เข้าไปสเู่ รือนและมงคลคอื ววิ าหะ ท. แหง่ พระกมุ าร วตฺตมาเนส,ุ ปิ ณฺฑาย ปวิสติ ฺวา นนฺทกมุ ารสสฺ พระนามวา่ นนั ทะ เป็นไปอยู่ เสดจ็ เข้าไปแล้วเพอ่ื บณิ ฑะ ในวนั ท่ี ๓ ปหตกฺฺกเถมนฺโปตตฺตนํ นฺททกตมฺุวาารสมสฺ งฺคหลตํ ฺถวโตตฺวาปตอฺตฏุํ ฺฐนายคาณสนฺหาิ. แต่วนั นนั้ ประทานแล้ว ซงึ่ บาตร บนพระหตั ถ์ ของพระกมุ าร พระนามวา่ นนั ทะ ตร้สแล้วซง่ึ มงคล เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้วจากอาสนะ หลีกไปอยู่ ไมท่ รงรับแล้ว ซงึ่ บาตร จากพระหตั ถ์ ของพระกมุ าร พระนามวา่ นนั ทะ ฯ อ. พระนนั ทกมุ ารแม้นนั้ ไมไ่ ด้ทรงอาจแล้ว เพ่ืออนั กราบทลู โสปิ ตถาคตคารเวน “ปตฺตํ โว ภนฺเต วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. พระองค์ ท. ขอจงทรงรับ ซง่ึ บาตร คณฺหถาติ วตฺตํุ นาสกฺขิ. ของพระองค์ ท. ดงั นี ้ด้วยความเคารพในพระตถาคตเจ้า ฯ แต่ว่า (อ.พระนันทกุมาร) ทรงด�ำริแล้ว อย่างนี ้ ว่า เอวํ ปน จินฺเตสิ “ โสปาณสีเส ปตฺตํ (อ. พระศาสดา) จกั ทรงรับ ซงึ่ บาตร ท่ีหวั แหง่ บนั ได ดงั นี ้ ฯ คณฺหิสฺสตีต.ิ อ. พระศาสดา ไมท่ รงรับแล้ว ในที่แม้นนั้ ฯ สตฺถา ตสมฺ ปึ ิ ฐาเน น คณฺหิ. อ. พระนนั ทกมุ ารนอกนี ้ ทรงด�ำริแล้ว วา่ (อ. พระศาสดา) อิตโร “โสปาณปาทมเู ล คณฺหิสฺสตีติ จินฺเตส.ิ จกั ทรงรับ ณ โคนแหง่ เชิงของบนั ได ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา) ไมท่ รงรับแล้ว ในที่แม้นนั้ ฯ สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อ. พระนนั ทกมุ ารนอกนี ้ ทรงด�ำริแล้ว วา่ (อ. พระศาสดา) อิตโร “ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตีติ จินฺเตสิ. จกั ทรงรับ ท่ีเนินของพระราชา ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา ไมท่ รงรับแล้ว ในท่ีแม้นนั้ ฯ สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อ. พระกมุ าร เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั เสดจ็ กลบั (เป็น) เสดจ็ ไปอยู่ กมุ าโร นิวตฺติตกุ าโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต ด้วยความไมช่ อบพระทยั ยอ่ มไมท่ รงอาจ เพ่ืออนั กราบทลู วา่ ตถาคตคารเวน “ปตฺตํ คณฺหถาติ วตฺตํุ น อ. พระองค์ ท. ขอจงทรงรับ ซง่ึ บาตร ดงั นี ้ ด้วยความเคารพ สกฺโกต,ิ “อิธ คณฺหิสฺสต,ิ เอตฺถ คณฺหิสสฺ ตีติ ในพระตถาคตเจ้า, ยอ่ มเสดจ็ ด�ำริไปอยู่ วา่ (อ.พระศาสดา) จินฺเตนฺโต คจฺฉต.ิ จกั ทรงรับเอา ในที่นี,้ จกั ทรงรับเอา ในที่นน่ั ดงั นี ้ ฯ ในขณะนนั้ อ.หญิงอยู่ ท. เหลา่ อื่น เหน็ แล้ว ซง่ึ เหตนุ นั้ ตสฺมึ ขเณ อญฺญา อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา บอกแล้ว แก่พระนางชนบทกลั ยาณี วา่ ข้าแตพ่ ระแมเ่ จ้า ชนปทกลยฺ าณิยา อาจิกฺขสึ ุ “ อยฺเย 106 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงพาเอา ซงึ่ พระนนั ทกมุ าร เสดจ็ ไปแล้ว, ภควา นนฺทกมุ ารํ คเหตฺวา คโต, ตมุ เฺ หหิ ตํ วินา จกั ทรงกระท�ำ ซงึ่ พระนนั ทกมุ ารนนั้ เว้น จากพระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ กริสฺสตีต.ิ อ.พระนางชนบทกลั ยาณีแม้นนั้ ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ ค�ำนนั้ สาปิ ตํ สตุ ฺวา อทุ กพินฺทหู ิ ปคฺฆรนฺเตเหว ด้วยทงั้ หยาดแหง่ น�ำ้ ท. อนั ไหลออกอยนู่ นั่ เทียว ด้วยทงั้ ผม ท. อฑฺฒลุ ฺลขิ ิเตหิ เกเสหิ เวเคน คนฺตฺวา “ตวุ ฏํ โข อนั ตนสยายแล้วด้วยทงั้ กง่ึ เสดจ็ ไปแล้ว โดยเร็ว ทลู แล้ว วา่ อยฺยปตุ ฺต อาคจฺเฉยฺยาสตี ิ อาห. ข้าแตพ่ ระลกู เจ้า (อ. พระองค์) พงึ เสดจ็ มา ดว่ นแล ดงั นี ้ ฯ อ.พระด�ำรัส ของพระนางชนบทกลั ยาณีนนั้ นนั้ ราวกะวา่ ตํ ตสสฺ า วจนํ ตสสฺ หทเย ตริ ิยํ ปตติ ฺวา ตกไป ขวาง ตงั้ อยแู่ ล้ว ในพระทยั ของพระนนั ทกมุ ารนนั้ ฯ วยิ €ติ ํ. แม้ อ. พระศาสดา ไมท่ รงรับแล้ว ซงึ่ บาตร จากพระหตั ถ์ สตฺถาปิ สฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคณฺหิตฺวาว ตํ ของพระนนั ทกมุ ารนนั้ เทียว ทรงน�ำไปแล้ว ซง่ึ พระนนั ทกมุ ารนนั้ วหิ ารํ เนตฺวา “ปพฺพชิสสฺ สิ นนฺทาติ อาห. สวู่ หิ าร ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนนนั ทะ อ. เธอ จกั บวชหรือ ดงั นี ้ ฯ อ. พระนนั ทกมุ ารนนั้ ไมท่ ลู แล้ว วา่ อ. ข้าพระองค์ จกั ไมบ่ วช โส พทุ ฺธคารเวน “น ปพฺพชิสฺสามีติ อวตฺวา ดงั นี ้กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ พระเจ้าข้า อ. ข้าพระองค์ “อาม ภนฺเต ปพฺพชิสฺสามีติ อาห. จกั บวช ดงั นี ้ ด้วยความเคารพในพระพทุ ธเจ้า ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ถ้าอยา่ งนนั้ สตฺถา “เตนหิ ภิกฺขเว นนฺทํ ปพฺพาเชถาติ (อ. เธอ ท.) ยงั นนั ทะ จงให้บวชเถิด ดงั นี ้ ฯ อาห. อ.พระศาสดา เสด็จไปแล้ว สู่บุรีช่ือว่ากบิลพัสด์ุ สตฺถา กปิ ลวตฺถปุ รุ ํ คนฺตฺวา ตตยิ ทิวเส นนฺทํ ทรงยงั พระนนั ทะ ให้ผนวชแล้ว ในวนั ที่สาม ฯ ปพฺพาเชส.ิ ในวนั ท่ีเจ็ด อ.พระมารดาของพระราหลุ ทรงประดบั แล้ว สตฺตเม ทิวเส ราหลุ มาตา กมุ ารํ อลงฺกริตฺวา ซง่ึ พระกมุ าร ทรงสง่ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า ภควโต สนฺตกิ ํ เปเสสิ “ปสสฺ ตาต เอตํ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ แนะ่ พอ่ อ. เจ้า จงเหน็ ซง่ึ สมณะ ผ้มู ีวรรณะ วีสตสิ หสฺสสมณปริวตุ ํ สวุ ณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ แห่งรูปเพียงดังพรหม ผู้มีวรรณะเพียงดังวรรณะแห่งทอง สมณํ, อยนฺเต ปิ ตา, เอตสสฺ ตว ปิ ตโุ น ผ้อู นั สมณะมีพนั ยี่สบิ เป็นประมาณแวดล้อมแล้ว นนั่ , อ. สมณะนี ้ ชาตกาเล มหนฺตา นิธิกมุ ภฺ ิโย อเหสํ,ุ ตสสฺ เป็นพระบดิ า ของเจ้า (ยอ่ มเป็น), อ. หม้อแหง่ ขมุ ทรัพย์ ท. ใหญ่ นิกฺขมนกาลโต `ปอฏหฺ€ํ าตยาตนกมุ ปาโสรฺส, าอมภิ,ิเสกคํ จปฺฉตฺวนาํ ได้มีแล้ว ในกาลแหง่ พระบดิ าของเจ้านน่ั ประสตู แิ ล้ว, อ. เรา ทายชฺชํ ยาจาหิ ยอ่ มไมเ่ หน็ จ�ำเดมิ แตก่ าลเป็นที่เสดจ็ ออกไป แหง่ พระบดิ านนั้ , จกฺกวตฺตี ภวสิ สฺ ามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ, อ.เจ้า จงไป จงทลู ขอ ซง่ึ ทรัพย์มรดก กะพระบดิ านนั้ วา่ สามิโก หิ ปตุ ฺโต ปิ ตุ สนฺตกสฺสาต.ิ ข้าแตเ่ สดจ็ พอ่ อ. หมอ่ มฉนั เปเป็น็ นกพมุ ารระเจ(้ยาอ่จมักเรปพ็นร)ร,ดอ์ิ . หมอ่ มฉนั ถึงแล้ว ซ่ึงการอภิเษก จักเป็ น, อ. ความต้องการ ด้วยทรัพย์ แหง่ หมอ่ มฉนั (มีอย)ู่ , อ. พระองค์ ขอจงประทาน ซง่ึ ทพั ย์ แก่หมอ่ มฉนั , เพราะวา่ อ. บตุ ร เป็นเจ้าของ แหง่ ทรัพย์อนั เป็นของมีอยู่ แหง่ บดิ า (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ. พระกมุ าร เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า กมุ าโร ภควโต สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ถวายบงั คมแล้ว กลบั ได้แล้ว ซงึ่ ความรักในพระบดิ า ผ้รู ่าเริงแล้ว ปิ ตสุ เิ นหํ ปวฏติลฺวภาิตฺวาอหฺฏฺ€ปํ ติ ฏุ ฺพโ€หํุ “สขุ า เต สมณ และยินดีแล้ว กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตส่ มณะ อ. เงา ของพระองค์ ฉายาติ อตฺตโน อนรุ ูปํ สบาย ดงั นี ้ ได้ประทบั ยืนตรัสอยแู่ ล้ว ซงึ่ ค�ำอนั สมควร แก่ตน วทนฺโต อฏฺ€าส.ิ อนั มาก แม้อ่ืน ฯ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ผ้มู ีกิจด้วยภตั รอนั ทรงกระท�ำแล้ว ภควา กตภตตฺ กจิ โฺ จ อนโุ มทนํ กตวฺ า อฏุ ฺ€ายาสนา ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ การอนโุ มทนา เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ ปกฺกามิ. เสดจ็ หลกี ไปแล้ว ฯ แม้ อ. พระกมุ าร (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตส่ มณะ อ. พระองค์ กมุ าโรปิ “ทายชฺชํ เม สมณ เทหิ, ทายชฺชํ ขอจงประทาน ซงึ่ ทรัพย์มรดก แก่หมอ่ มฉนั , ข้าแตส่ มณะ เม สมณ เทหีติ ภควนฺตํ อนพุ นฺธิ. อ.พระองค์ ขอจงประทาน ซง่ึ ทรัพย์มรดก แก่หมอ่ มฉนั ดงั นี ้ เสดจ็ ตดิ ตามไปแล้ว ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ฯ ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 107 www.kalyanamitra.org
แม้ อ.พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงยังพระกุมารให้เสด็จ ภควาปิ กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ. กลับแล้ว ฯ แม้ อ. ชนผู้เป็ นบริวาร ไม่ได้อาจแล้ว เพ่ืออัน ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตํุ นาสกฺขิ. (ยังพระกุมาร) ผู้เสด็จไปอยู่ กับ ด้วยพระผู้มีพระภาคเจ้า อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ. ให้เสด็จกลับ ฯ อ. พระกุมาร นัน้ ได้เสด็จไปแล้ว สู่อาราม กับ ด้วยพระผ้มู พี ระภาคเจ้านน่ั เทียว ด้วยประการฉะนี ้ ฯ *ก.๒๓* ในล�ำดบั นนั้ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงพระด�ำริแล้ว ตโต ภควา จินฺเตสิ “ยํ อยํ ปิ ตุ สนฺตกํ ธนํ วา่ อ. กมุ าร นี ้ยอ่ มปรารถนา ซงึ่ ทรัพย์ อนั เป็นของมอี ยู่ แหง่ บดิ า ใด, อมิจยาฺฉตป,ิ ฏตลิ ทํ ธฺ วํ ฏสฺฏตาตฺ นวคุธิ ํตํอรสยิ วธนฆิ ําเทตมํ;,ิ หนฺทสสฺ โพธิมเู ล อ. ทรัพย์นนั้ เป็นของไปตามแล้วซงึ่ วฏั ฏะ เป็นของเป็นไปกบั โลกตุ ตฺ รทายชชฺ สสฺ ด้วยความคบั แคบ (ยอ่ มเป็น) ; เอาเถิด (อ. เรา) จะให้ ซงึ่ ทรัพย์ นํ สามิกํ กโรมีต.ิ อนั ประเสริฐ อนั มีอยา่ ง ๗ อนั อนั เราได้เฉพาะแล้ว ที่โคนแหง่ ต้นไม้ เป็นทต่ี รสั รู้ แกก่ มุ าร นนั้ , อ. เรา จะกระทำ� ซง่ึ กมุ ารนนั้ ให้เป็นเจ้าของ แหง่ ทรัพย์มรดกอนั เป็นโลกตุ ระ ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ แล อ. พระผ้มู พี ระภาคเจ้า ตรสั เรยี กมาแล้ว ซงึ่ พระสารีบตุ ร อถโข ภควา อายสมฺ นฺตํ สารีปตุ ฺตํ อามนฺเตสิ ผ้มู ีอายุ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนสารีบตุ ร ถ้าอยา่ งนนั้ อ. เธอ “เตนหิ ตฺวํ สารีปตุ ฺต ราหลุ กมุ ารํ ปพฺพาเชหีต.ิ ยงั กมุ ารชื่อวา่ ราหลุ จงให้บวชเถิด ดงั นี ้ฯ อ. พระเถระยงั พระกมุ าร เถโร ตํ ปพฺพาเชส.ิ นนั้ ให้ผนวชแล้ว ฯ ก็ ครัน้ เม่ือพระกมุ าร ผนวชแล้ว, อ. ความทกุ ข์ มีประมาณยิ่ง ปพฺพชิเต ปน กมุ าเร, รโฺ ตํ สตุ ฺวา เกิดขนึ ้ แล้ว แก่พระราชา เพราะทรงสดบั ซง่ึ ขา่ วสาส์นนนั้ ฯ อธิมตฺตํ ทกุ ฺขํ อปุ ปฺ ชฺชิ. (อ. พระราชา) ไมท่ รงอาจอยู่ เพื่ออนั ทรงยงั ความทกุ ข์นนั้ ตํ อธิวาเสตํุ อสกฺโกนฺโต ภควโต สนฺตกิ ํ ให้อยู่ทับ เสด็จไปแล้ว สู่ส�ำนัก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า คนฺตฺวา ปฏินิเวเทตฺวา “ สาธุ ภนฺเต อยฺยา (ทรงยงั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ให้ทรงทราบเฉพาะแล้ว ทลู ขอแล้ว มาตาปิ ตหู ิ อนนุ ฺ าตํ ปตุ ฺตํ น ปพฺพาเชยฺยนุ ฺติ ซง่ึ พร วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ดงั หมอ่ มฉนั ทลู ขอวโรกาส วรํ ยาจิ. อ.พระผู้เป็ นเจ้า ท. ไม่พึงยังบุตร ผู้อันมารดาและบิดา ท. ไมอ่ นญุ าตแล้ว ให้บวช ดงั นี ้ ฯ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ประทานแล้ว ซงึ่ พรนนั้ แก่พระราชา ภควา ตสสฺ ตํ วรํ ทตวฺ า, ปเุ นกทวิ สํ ราชนเิ วสเน นัน้ , ในวันหนึ่งอีก ผู้มีอาหารอันบุคคลพึงกินในเวลาเช้า กตปาตราโส, เอกมนฺตํ นิสนิ ฺเนน รฺา “ภนฺเต อนั ทรงกระท�ำแล้ว ในพระราชนิเวศน์, (ครัน้ เม่ือพระด�ำรัส) วา่ ตมุ หฺ ากํ ทกุ ฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ในกาลแหง่ พระองค์ ท. ทรงประกอบแล้ว อปุ สงฺกมิตฺวา `ปตุ ฺโต เต กาลกโตติ อาห, อหํ ด้วยการกระท�ำซง่ึ กรรมอนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก อ. เทวดา ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต `น มยฺหํ ปตุ ฺโต โพธึ ตนหนง่ึ เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ หมอ่ มฉนั กลา่ วแล้ว วา่ อ. ลกู ชาย อปปฺ ตฺวา กาลํ กโรตีติ ตํ ปฏิกฺขิปิ นฺติ วตุ ฺเต, ของทา่ น เป็นผ้มู ีกาละอนั กระท�ำแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ อ. หมอ่ มฉนั “อิทานิ มหาราช กึ สทฺทหิสฺสถ; ปพุ ฺเพปิ , ไมเ่ ชื่ออยู่ ซง่ึ ค�ำ ของเทวดานนั้ ห้ามแล้ว ซง่ึ เทวดานนั้ วา่ อ. ลกู ชาย อวตุฏฺฺเ€ติก,านนิ ตยุ ฺหํ ทสเฺ สตฺวา `ปตุ ฺโต เต มโตติ ของข้าพเจ้า ไมบ่ รรลแุ ล้ว ซงึ่ ญาณเป็นเครื่องตรัสรู้ จะกระท�ำ สทฺทหิตฺถาต,ิ อิมิสฺสา อตฺถปุ ปฺ ตฺตยิ า ซงึ่ กาละ หามิได้ ดงั นี ้ ดงั นี ้ (อนั พระราชา) ผ้ปู ระทบั นง่ั แล้ว มหาธมมฺ ปาลชาตกํ กเถส.ิ ณ ท่ีสดุ แหง่ หนง่ึ ทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร ในกาลนี ้ อ. พระองค์ ท. จกั ทรงเช่ือ อยา่ งไร ; แม้ในกาลก่อน, (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ อ. ลกู ชาย ของทา่ น ตายแล้ว ดงั นี ้(อนั พราหมณ์) แสดงแล้ว ซงึ่ กระดกู ท. แกพ่ ระองค์ กราบทลู แล้ว, (อ. พระองค์ ท.) ไม่ทรงเช่ือแล้ว ดังนี,้ ตรัสแล้ว ซึ่งมหาธรรมบาลชาดก ในเพราะความเกิดขนึ ้ แหง่ เร่ือง นี ้ ฯ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบแหง่ กถา อ. พระราชา ทรงตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปตฏิ ฺ€หิ. ในอนาคามิผล ฯ 108 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงยงั พระบดิ า ให้ตงั้ อยเู่ พาะแล้ว อิติ ภควา ปิ ตรํ ตีสุ ผเลสุ คปนตฺตฏิ ฺวฺ€าาเปตตฺวโตา ในผล ท. สาม ด้วยประการฉะนี ้ ผ้อู นั หมแู่ หง่ ภิกษุแวดล้อมแล้ว ภิกฺขสุ งฺฆปริวโุ ต ปนุ เทว ราชคหํ เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ ราชคฤห์ อีกนน่ั เทียว ผ้มู ีปฏิญญา อนาถปิณฑฺ เิ กน สาวตถฺ ึ อาคมนตถฺ าย คหติ ปฏิ โฺ , อนั เศรษฐีชอื่ วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะรับแล้ว เพอื่ ประโยชน์แกก่ ารเสดจ็ มา กนปิฏฺเฺ€ปิเตส.ิ เชตวนมหาวหิ าเร, ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ สเู่ มอื งชอื่ วา่ สาวตั ถี (จากเมอื งชอ่ื วา่ ราชคฤห)์ นนั้ , ครนั้ เมอื่ มหาวหิ าร ช่ือว่าเชตวัน ส�ำเร็จแล้ว , เสด็จไปแล้ว ทรงส�ำเร็จแล้ว ซงึ่ การประทบั อยู่ ในมหาวิหารชื่อวา่ เชตวนั นนั้ ฯ ครัน้ เมื่อพระศาสดา ประทบั อยอู่ ยู่ ในพระเชตวนั อยา่ งนี ้ เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเตเยว, อายสมฺ า นน่ั เทยี ว, อ. พระนนั ทะ ผ้มู อี ายุ กระสนั ขนึ ้ แล้ว บอกแล้ว ซง่ึ เนอื ้ ความ นนฺโท อกุ ฺกณฺ€ิตฺวา ภิกฺขนู ํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ นนั่ แก่ภิกษุ ท. วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ. ข้าพเจ้า ไมย่ ินดียิ่งแล้ว “ อนภิรโต อหํ อาวุโส พฺรหฺมจริยํ จรามิ , ย่อมประพฤติ ซึ่งพรหมจรรย์ , อ.ข้ าพเจ้ า ย่อมไม่อาจ น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตํ,ุ สกิ ฺขํ ปจฺจกฺขาย เพ่ืออนั ทรงไว้พร้อม ซง่ึ พรหมจรรย์, (อ. ข้าพเจ้า) บอกคืนแล้ว หีนายาวตฺตสิ ฺสามีต.ิ ซง่ึ สกิ ขา จกั เวียนมา เพ่ือความเป็นคนเลว ดงั นี ้ฯ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ภควา ตํ ปวตฺตึ สตุ ฺวา อายสมฺ นฺตํ นนฺทํ (ทรงยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ พระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ ได้ตรัสแล้ว ปกฺโกสาเปตฺวา เอตทโวจ “สจฺจํ กิร ตฺวํ นนฺท ซง่ึ ค�ำนน่ั วา่ ดกู ่อนนนั ทะ ได้ยินวา่ อ. เธอ บอกแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ สมพฺ หลุ านํ ภิกฺขนู ํ เอวมาโรเจสิ `อนภิรโต อหํ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ. ข้าพเจ้า ไมย่ ินดียิ่งแล้ว ยอ่ มประพฤติ อาวโุ ส พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ ซง่ึ พรหมจรรย์, อ.ข้าพเจ้า ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั ทรงไว้พร้อม สนฺธาเรตํ,ุ สกิ ฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตสิ ฺสามีต.ิ ซง่ึ พรหมจรรย์, อ. ข้าพเจ้า บอกคืนแล้ว ซง่ึ สกิ ขา จกั เวียนมา เพอ่ื ความเป็นคนเลว ดงั นี ้แกภ่ กิ ษุ ท. ผ้มู ากพร้อม จริงหรือ (ดงั น)ี ้ ฯ (อ. พระนนั ทะ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “เอวํ ภนฺเตต.ิ อ. อยา่ งนนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนนนั ทะ ก็ อ. เธอ “กิสฺส ปน ตฺวํ นนฺท อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ ผ้ไู มย่ ินดียิ่งแล้ว ยอ่ มประพฤติ ซง่ึ พรหมจรรย์, อ. เธอ ยอ่ มไมอ่ าจ จรส,ิ น สกโฺ กสิ พรฺ หมฺ จริยํ สนธฺ าเรต,ํุ สกิ ขฺ ํ ปจจฺ กขฺ าย เพ่ืออนั ทรงไว้พร้อม ซงึ่ พรหมจรรย์, อ. เธอ บอกคืนแล้ว ซงึ่ สกิ ขา หีนายาวตฺตสิ ฺสสีต.ิ จกั เวียนมา เพื่อความเป็นคนเลว เพ่ืออะไร ดงั นี ้ฯ (อ.พระนนั ทะ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “สากิยานี เม ภนฺเต ชนปทกลฺยาณี ฆรา เม่ือข้าพระองค์ ออกไปอยู่ จากเรือน อ. พระนางชนบทกลั ยาณี นิกฺขมนฺตสสฺ อฑฺฒลุ ฺลขิ ิเตหิ เกเสหิ อปโลเกตฺวา ผ้ศู ากิยะ ด้วยทงั้ ผม ท. อนั ตนเกล้าแล้วด้วยทงั้ กง่ึ เหลียวแลแล้ว มํ เอตทโวจ “ตวุ ฏํ โข อยฺยปตุ ฺต อาคจฺเฉยฺยาสตี ิ; ได้กลา่ วแล้ว ซงึ่ ค�ำนนั่ กะข้าพระองค์ วา่ ข้าแตพ่ ระลกู เจ้า โส โข อหํ ภนฺเต ตํ อนสุ สฺ รมาโน อนภิรโต อ. พระองค์ พงึ เสดจ็ มา ดว่ นแล ดงั นี,้ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พรฺ หมฺ จริยํ จราม,ิ น สกโฺ กมิ พรฺ หมฺ จริยํ สนธฺ าเรต,ํุ อ.ข้าพระองค์นนั้ แล ระลกึ ตามอยู่ ซง่ึ ค�ำนนั้ ไมย่ ินดียิ่งแล้ว สกิ ฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตสิ ฺสามีต.ิ ย่อมประพฤติ ซ่ึงพรหมจรรย์ , อ.ข้าพระองค์ ย่อมไม่อาจ เพ่ืออนั ทรงไว้พร้อม ซง่ึ พรหมจรรย์, อ. ข้าพระองค์ บอกคืนแล้ว ซง่ึ สกิ ขา จกั เวียนมา เพื่อความเป็นคนเลว ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงจบั แล้ว อถโข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหาย ซด้งึ่วพยรกะ�ำนลนังั แทหะง่ ผพ้มู รีอะฤายทุธทิ์,ี่แขน ทรงน�ำไปอยู่ สเู่ ทวโลกช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ คเหตฺวา อิทฺธิพเลน ตาวตสึ เทวโลกํ เนนฺโต, ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 109 www.kalyanamitra.org
ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ นางลงิ รุ่น ตวั หนงึ่ ตวั มีหแู ละจมกู และหาง อนตฺ รามคเฺ ค เอกสมฺ ึ ฌามกเฺ ขตเฺ ต ฌามขานมุ ตถฺ เก อนั ขาดแล้ว ตวั นงั่ แล้ว บนท่ีสดุ แหง่ ตออนั ไฟไหม้แล้ว ในนา นทิสสนฺเิ สฺนตํ ฺวาฉ,ินฺนกตณาฺณวตนสึ าภสวนเงนฺคฏุ ฺ€ํ เอกํ ปลเทฏุ วฺ€รมกโฺฺกฏึ อนั ไฟไหม้แล้ว แหง่ หนง่ึ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง, ทรงแสดงแล้ว สกฺกสสฺ ซง่ึ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู ีเท้าเพียงดงั เท้าแหง่ นกพิราบ ทอปุสฏเฺ สฺ€สาน.ิ ํ อาคตานิ กกฏุ ปาทานิ ปจฺ อจฉฺ ราสตานิ ผ้มู าแล้ว สทู่ ่ีเป็นที่บ�ำรุง ซงึ่ ท้าวสกั กะ ผ้พู ระราชาแหง่ เทพ ในภพช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ ฯ ก็แล (อ. พระศาสดา) ครัน้ ทรงแสดงแล้ว ตรัสแล้ว อยา่ ง ทสฺเสตฺวา จ ปน เอวมาห “ตํ กึ มฺ สิ นีว้ า่ ดกู ่อนนนั ทะ อ. เธอ จะส�ำคญั ซง่ึ ข้อนนั้ อยา่ งไร, อ. นนฺท, กตมา นโุ ข อภิรูปตรา จ ทสฺสนียตรา จ หญงิ ท. เหลา่ ไหนหนอแล คอื อ. นางชนบทกลั ยาณี ผ้ศู ากยิ ะ ปาสาทิกตรา จ, สากิยานี วา ชนปทกลยฺ าณี หรือ หรือวา่ คือ อ. ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู ีเท้าเพียงดงั เท้า อิมานิ วา ปจฺ อจฺฉราสตานิ กกฏุ ปาทานีติ. แหง่ นกพิราบ เหลา่ นี ้เป็นผ้มู ีรูปงามกวา่ ด้วย เป็นผ้คู วรแก่การเหน็ กวา่ ด้วย เป็นผ้ยู งั ความเลื่อมใสให้เกิดกวา่ ด้วย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระนันทะ) ฟังแล้ว ซึ่งค�ำนัน้ กราบทูลแล้ว ว่า ตํ สตุ วฺ า อาห “เสยยฺ ถาปิ สา ภนเฺ ต ฉนิ นฺ กณณฺ - ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. นางลงิ ลนุ่ ตวั มีหแู ละจมกู และหาง สนาากสยินางนฺคี ฏุชฺน€าปทกปลลยฺ ฏุาฺณ€ม,ี กอฺกเิ มฏสี; ํ เอวเมว โข ภนฺเต อนั ขาดแล้ว นนั้ (ยอ่ มเป็น) แม้ฉนั ใด; ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ปจฺ นนฺ ํ อจฉฺ ราสตานํ อ. พระนางชนบทกลั ยาณี ผ้ศู ากิยะ (ยอ่ มเป็น) ฉนั นนั้ นน่ั เทียวแล. อปุ นิธาย สงฺขฺยํปิ น อเุ ปต,ิ กลปํ ิ น อเุ ปติ (อ.นางชนบทกลั ยาณี ผ้ศู ากยิ ะ) ยอ่ มไมเ่ ข้าถงึ แม้ซงึ่ การนบั พร้อม, ภาคปํ ิ น อเุ ปต;ิ อถโข อมิ าเนว ปจฺ อจฉฺ ราสตานิ ยอ่ มไมเ่ ข้าถงึ แม้ซง่ึ เสยี ้ ว ยอ่ มไมเ่ ข้าถงึ แม้ซงึ่ สว่ น แหง่ ร้อย อภิรูปตรานิ เจว ทสสฺ นียตรานิ จ ปาสาทิกตรานิ แหง่ นางอปั สร ท. ๕ เหลา่ นี ้ เพราะอนั เข้าไปเทียบเคียง; โดยท่ีแท้ จาต.ิ อ. ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ เหลา่ นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นผ้มู รี ูปงามกวา่ ด้วย เป็นผ้คู วรแกก่ ารเหน็ กวา่ ด้วย เป็นผ้ยู งั ความเลอ่ื มใสให้เกดิ กวา่ ด้วย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนนนั ทะ อ. เธอ จงยินดียิ่ง “อภริ ม นนทฺ , อภริ ม นนทฺ , อหนเฺ ต ปาฏโิ ภโค ดกู ่อนนนั ทะ อ. เธอ จงยินดีย่ิง, อ. เรา เป็นผ้รู ับรอง เพื่ออนั ยงั เธอ ปจฺ นนฺ ํ อจฉฺ ราสตานํ ปฏลิ าภาย กกฏุ ปาทานนตฺ .ิ ให้ได้เฉพาะ ซง่ึ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู เี ท้าเพยี งดงั เท้าแหง่ นกพริ าบ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ. พระนนั ทะ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ถ้าวา่ “สเจ เม ภนฺเต ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อ.พระผ้มู พี ระภาคเจ้า เป็นผ้ทู รงรับรอง เพอื่ อนั ยงั ข้าพระองคใ์ ห้ได้ อจฉฺ ราสตานํ ปฏลิ าภาย กกฏุ ปาทานํ , อภริ มสิ สฺ ามหํ เฉพาะ ซงึ่ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู ีเท้าเพียงดงั เท้าแหง่ นกพิราบ ภนฺเต ภควา พฺรหฺมจริเยต.ิ (ยอ่ มเป็น) ไซร้, ข้าแตพ่ ระผ้มู ีพระภาคเจ้า ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ จกั ยินดีย่ิง ในพรหมจรรย์ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. พระผ้มู พี ระภาคเจ้า ทรงพาเอาแล้ว ซงึ่ พระนนั ทะ อถโข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ คเหตฺวา ตตฺถ ผ้มู ีอายุ ทรงหายไปแล้ว ในท่ีนนั้ ได้มีปรากฏแล้ว ในพระเชตวนั อนฺตรหิโต เชตวเนเยว ปาตรุ โหส.ิ นนั่ เทียว ฯ อ. ภิกษุ ท. ได้ฟังแล้ว แล วา่ ได้ยินวา่ อ. พระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ อสฺโสสํุ โข ภิกฺขู “อายสมฺ า กิร นนฺโท ภควโต ผ้เู ป็นพระภาดา ของพระผ้มู พี ระภาคเจ้า ผ้เู ป็นพระโอรสของพระแมน่ ้า ภาตา มาตจุ ฺฉาปตุ ฺโต อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ ยอ่ มประพฤติ ซง่ึ พรหมจรรย์ เพราะเหตุ แหง่ นางอปั สร ท., จรต,ิ 110 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ได้ยินวา่ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า เป็นผ้ทู รงรับรอง เพื่ออนั ภควา กิรสสฺ ปาฏิโภโค ปจฺ นฺนํ อจฺฉราสตานํ ยงั พระนนั ทะนนั้ ให้ได้เฉพาะ ซง่ึ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู ีเท้า ปฏิลาภาย กกฏุ ปาทานนฺต.ิ เพียงดงั เท้าแหง่ นกพิราบ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. ภิกษุ ท. ผ้เู ป็นสหาย ของพระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ อถโข อายสฺมโต นนฺทสสฺ สหายกา ภิกฺขู ยอ่ มประพฤตริ ้องเรียก ซงึ่ พระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ ด้วยวาทะวา่ อายสมฺ นฺตํ นนฺทํ ภตกวาเทน จ อปุ กฺกีตกวาเทน พระนนั ทะผ้กู ระท�ำซง่ึ การรับจ้างด้วย ด้วยวาทะวา่ พระนนั ทะ จ สมทุ าจรนฺติ “ ภตโก กิรายสฺมา นนฺโท , ผ้อู นั พระศาสดาทรงไถแ่ ล้วด้วย วา่ ได้ยนิ วา่ อ. พระนนั ทะ ผ้มู อี ายุ อปุ กกฺ ตี โก กริ ายสมฺ า นนโฺ ท, ปจฺ นนฺ ํ อจฉฺ ราสตานํ เป็นผ้กู ระท�ำซง่ึ การรับจ้าง (ยอ่ มเป็น), ได้ยินวา่ อ. พระนนั ทะ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรต,ิ ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ผ้มู อี ายุ เป็นผ้อู นั พระศาสดาทรงไถแ่ ล้ว (ยอ่ มเป็น), (อ. พระนนั ทะ) ปจฺ นนฺ ํ อจฉฺ ราสตานํ ปฏลิ าภาย กกฏุ ปาทานนตฺ .ิ ยอ่ มประพฤติ ซง่ึ พรหมจรรย์ เพราะเหตุ แหง่ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕, ได้ยนิ วา่ อ. พระผ้มู พี ระภาคเจ้า เป็นผ้ทู รงรบั รอง เพอื่ อนั ยงั พระนนั ทะ นนั้ ให้ได้เฉพาะ ซง่ึ ร้อยแหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู ีเท้าเทียงดงั เท้า แหง่ นกพิราบ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ แล อ. พระนนั ทะ ผ้มู อี ายุ อดึ อดั อยู่ ละอายอยู่ รงั เกยี จอยู่ อถโข อายสมฺ า นนฺโท สหายกานํ ภิกฺขนู ํ ด้วยวาทะวา่ พระนนั ทะผ้กู ระท�ำซงึ่ การรับจ้างด้วย ด้วยวาทะวา่ หอภารตาตกยาวมปาีาเทโนปนหิตชจิคตจฺุโตฺฉอมปุ วากิหโฺกนรีตนกฺโเตอว,โากเทนวนจปูิรสกจเฺฏสฺโว€ออยฏปฺสฏสฺปฺิยตมมฺถตาาโฺโนตย พระนนั ทะผ้อู นั พระศาสดาทรงไถแ่ ล้วด้วย ของภกิ ษุ ท. ผ้เู ป็นสหาย ผ้เู ดียว หลกี ออกแล้ว ผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว ผ้มู ีความเพียรเป็นเคร่ือง ยงั กิเลสให้ร้อนทว่ั ผ้มู ีตนอนั สง่ ไปแล้ว อยอู่ ย,ู่ อ. กลุ บตุ ร ท. กลุ ปตุ ฺตา สมมฺ เทว อคารสฺมา อนคาริยํ ยอ่ มบวช ไมม่ ีกรรมเกือ้ กลู แก่เรือน จากเรือน โดยชอบนนั่ เทียว ปพฺพชนฺติ, ตทอนภตุ ิฺตรฺ ํ าพฺรหสฺมจจฺฉริิยกปตฺวริโายสาอนปุ ํ สทมิฏปฺ ฺเช€ฺชว เพ่ือประโยชน์แก่คณุ วเิ ศษใด, กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซงึ่ คณุ วิเศษนนั้ ธมเฺ ม สยํ อนั ยอดเยี่ยม อนั มีพรหมจรรย์เป็นท่ีสดุ ลงรอบ เพราะรู้ย่ิง เอง วิหาส,ิ “ขีณา ชาต,ิ วสุ ติ ํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ ตอ่ กาลไมน่ านนน่ั เทียว เข้าไปถงึ พร้อมแล้ว อยแู่ ล้ว ในธรรม นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อพฺภฺ าส,ิ อฺ ตโร อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว, (อ. พระนนั ทะ) ได้รู้ย่ิงแล้ว วา่ อ. ชาติ จ ปนายสมฺ า นนฺโท อรหตํ อโหส.ิ สนิ ้ แล้ว อ.พรหมจรรย์ อนั เราอยจู่ บแล้ว,อ.กิจอนั บคุ คลพงึ กระท�ำ อนั เรา กระท�ำแล้ว, อ. กิจ อ่ืนอีก (ยอ่ มไมม่ ี) เพ่ือความเป็นอยา่ งนี ้ ดงั นี,้ ก็แล อ. พระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ เป็น-แหง่ พระอรหนั ต์ ท. หนา- พระอรหนั ต์องค์ใดองค์หนงึ่ ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.เทวดา ตนหนง่ึ ยงั พระเชตวนั ทงั้ สนิ ้ ให้สวา่ งแล้ว อเถกา เทวตา รตฺตภิ าเค สกลํ เชตวนํ ในสว่ นแหง่ ราตรี เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. พระนนั ทะผ้มู ีอายุ อาโรเจสิ “ อายสมฺ า ภนฺเต นนฺโท ภควโต ผ้เู ป็นพระภาดา ของพระผ้มู พี ระภาคเจ้า ผ้เู ป็นพระโอรสของพระแมน่ ้า ภาตา มาตจุ ฺฉาปตุ ฺโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซง่ึ เจโตวมิ ตุ ติ ซงึ่ ปัญญาวมิ ตุ ติ อนั ไมม่ ีอาสวะ อเจภโติวฺิมตุาฺตสึ จฺฉิกปตฺวฺา าอวิมปุ ตุสฺตมึปฺ ทชฺชิฏฺเ€ววหิ รตธมีต.ิเฺ ม สยํ เพราะความสนิ ้ ไป แหง่ อาสวะ ท. เพราะรู้ยง่ิ เอง เข้าไปถงึ พร้อมแล้ว อยอู่ ยู่ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว ดงั นี ้ฯ อ. พระญาณ ได้เกิดขนึ ้ แล้ว แม้แก่พระผ้มู ีพระภาคเจ้าแล วา่ ภควโตปิ โข าณํ อทุ ปาทิ “นนฺโท อาสวานํ อ. นนั ทะ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซง่ึ เจโตวิมตุ ติ ซงึ่ ปัญญาวมิ ตุ ติ ขยา อนาสวํ อภเจิโตฺ วาิมตุ ฺตสึ จปฺฉิกตฺฺวาาวมิ ตุอฺตปุ ึสทมิฏปฺ ฺเช€ฺชว อนั ไมม่ ีอาสวะ เพราะความสนิ ้ ไป แหง่ อาสวะ ท. เพราะรู้ย่ิง เอง ธมเฺ ม สยํ เข้าไปถงึ พร้อมแล้ว อยอู่ ยู่ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว ดงั นี ้ ฯ วหิ รตีต.ิ ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 111 www.kalyanamitra.org
อ. พระนนั ทะ ผ้มู อี ายุแม้นนั้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระผ้มู พี ระภาคเจ้า โสปายสมฺ า ตสฺสา รตฺตยิ า อจฺจเยน ภควนฺตํ โดยอนั ลว่ งไป แหง่ ราตรี นนั้ ถวายบงั คมแล้ว ได้กราบทลู แล้ว อปุ สงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ “ยํ เม ภนฺเต ซงึ่ ค�ำนน่ั วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ภควา ปาฏิโภโค ปจฺ นฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย เป็ นผู้ทรงรับรอง เพ่ืออันยังข้าพระองค์ให้ได้เฉพาะ ซึ่งร้ อย กกฏุ ปาทานํ, มุ ฺจามหํ ภนฺเต ภควนฺตํ เอตสมฺ า แหง่ นางอปั สร ท. ๕ ผ้มู เี ท้าเพยี งดงั เท้าแหง่ นกพริ าบ (ยอ่ มเป็น) ใด, ปฏิสฺสวาต.ิ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จรญิ อ. ข้าพระองค์ ยอ่ มเปลอื ้ ง ซงึ่ พระผ้มู พี ระภาคเจ้า จากการฟังตอบ นน่ั ดงั นี ้ฯ (อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนนนั ทะ อ. ใจ “มยาปิ โข เต นนฺท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต ของเธอ แม้อนั เราแล ก�ำหนด รู้แล้ว ด้วยใจ วา่ อ. นนั ทะ `นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมตุ ฺตึ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซง่ึ เจโตวมิ ตุ ติ ซง่ึ ปัญญาวิมตุ ติ อนั ไมม่ ีอาสวะ ปฺ าวมิ ตุ ตฺ ึ ทวิหฏิ ฺรเ€ตวีต,ิธมเฺ ม สยํ อภิ ฺ า สจฉฺ ิกตวฺ า เพราะความสนิ ้ ไป แหง่ อาสวะ ท. เพราะรู้ยงิ่ เอง เข้าไปถงึ พร้อมแล้ว อปุ สมปฺ ชฺช เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อยอู่ ยู่ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว ดงั นี,้ แม้ อ. เทวดา บอกแล้ว อาโรเจสิ `อายสมฺ า ภนฺเต นนฺโท อาสวานํ ขยา ซงึ่ เนือ้ ความนน่ั แก่เรา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. พระนนั ทะ อสนยําสอวภํ ิเฺจโาตวิมสตุ จฺตฺฉึ ิกปตฺวาฺ าวอมิ ปุ ตุสฺตมึ ปฺ ทชฺชิฏฺเ€ววิหธรมตเฺีตมิ, ผ้มู ีอายุ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซง่ึ เจโตวมิ ตุ ติ ซง่ึ ปัญญาวิมตุ ติ อนั ไมม่ ีอาสวะ เพราะความสนิ ้ ไป แหง่ อาสวะ ท. เพราะรู้ย่ิง เอง ยเทว โข เต นนฺท อนปุ าทาย อาสเวหิ จิตฺตํ เข้าไปถงึ พร้อมแล้ว อยอู่ ยู่ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว ดงั นี,้ มตุ ฺตํ, อถาหํ มตุ ฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวาต.ิ ดกู ่อนนนั ทะ ในกาลใดนน่ั เทียวแล อ.จิต ของเธอ พ้นแล้ว จากอาสวะ ท. เพราะไมเ่ ข้าไปถอื มน่ั , ในกาลนนั้ อ. เรา เป็นผ้พู ้นแล้ว จากการฟังตอบ นน่ั (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงทราบแล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ อถโข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ นนั่ ทรงเปลง่ แล้ว ซงึ่ พระอทุ าน นี ้ในเวลานนั้ วา่ อิมํ อทุ านํ อทุ าเนสิ อ. เปื อกตมคือกาม อนั บคุ คลใด ขา้ มแลว้ อ. หนามคือกาม “ยสสฺ ติณฺโณ กามปงฺโก มทฺทิโต กามกณฺฏโก (อนั บคุ คล) ใด ย่�ำยีแลว้ (อ.บคุ คลนนั้ ) ถึงโดยล�ำดบั แลว้ โมหกฺขยมนปุ ปฺ ตฺโต สขุ ทกุ ฺเข น เวธตีติ. ซ่ึงความส้ินไปแห่งโมหะ ย่อมไม่หวน่ั ไหว ในเพราะสขุ และทกุ ข์ ดงั นี้ ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ. ภิกษุ ท. ถามแล้ว ซงึ่ พระนนั ทะ ผ้มู ีอายุ อเถกทิวสํ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปจุ ฺฉึสุ วา่ ดกู ่อนนนั ทะ ผ้มู ีอายุ ในกาลก่อน อ. ทา่ น กลา่ วแล้ว วา่ “อาวโุ ส นนฺท ปพุ ฺเพ ตฺวํ `อกุ ฺกณฺ€ิโตมหฺ ีติ วเทส,ิ อ. ข้าพเจ้า เป็นผ้กู ระสนั ขนึ ้ แล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี,้ ในกาลนี ้ (อ. จิต) อิทานิ เต กถนฺต.ิ “นตฺถิ เม อาวโุ ส คหิ ิภาวาย ของทา่ น (ยอ่ มเป็น) อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ อาลโยต.ิ (อ. พระนนั ทะ) (กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ ทา่ นผ้มู อี ายุท. อ. ความอาลยั เพ่ือความเป็นแหง่ คฤหสั ถ์ ยอ่ มไมม่ ี แก่ข้าพเจ้า ดงั นี ้ฯ อ. ภิกษุ ท. ฟังแล้ว ซงึ่ ค�ำนนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ. พระนนั ทะ ตํ สตุ ฺวา ภิกฺขู “อภตู ํ อายสมฺ า นนฺโท กเถต,ิ ผ้มู ีอายุ ยอ่ มกลา่ ว ซง่ึ ค�ำอนั ไมม่ ีแล้ว , ยอ่ มกระท�ำให้แจ้ง อฺ ํ พฺยากโรต,ิ อตีตทิวเสสุ `อกุ ฺกณฺ€โิ ตมหฺ ีติ ซงึ่ พระอรหตั ตผลอนั บคุ คลพงึ รู้ทว่ั , (อ. พระนนั ทะ) กลา่ วแล้ว วา่ วตฺวา, อิทานิ `นตฺถิ เม คหิ ิภาวาย อาลโยติ (อ.ข้าพเจ้า) เป็นผ้กู ระสนั ขนึ ้ แล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ในวนั อนั ลว่ งไปแล้ว กเถตีติ วตฺวา คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสํ.ุ ท. ยอ่ มกลา่ ว วา่ อ.ความอาลยั เพื่อความเป็นแหง่ คฤหสั ถ์ ยอ่ มไมม่ ี แก่ข้าพเจ้า ดงั นี ้ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ไปแล้ว กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความนน่ั แก่พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ฯ 112 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. อตั ภาพ ภควา “ภิกฺขเว อตีตทิวเสสุ นนฺทสฺส อตฺตภาโว ของนนั ทะ เป็นเชน่ กบั ด้วยเรือนอนั บคุ คลมงุ ชวั่ แล้ว ได้เป็นแล้ว ทจุ ฺฉนฺนเคหสทิโส อโหส,ิ อิทานิ สจุ ฺฉนฺนเคหสทิโส ในวนั อนั ลว่ งไปแล้ว ท. , ในกาลนี ้ (อ.อตั ภาพ ของนนั ทะ) ชาโต, อยํ หิ ทมิพตฺพฺถกจฺฉํ รปาานเํ ปทติํฏุ วฺ€ากยามลนโตฺโต ปตฏํ ฺก€ิจายฺจํ เป็นเชน่ กบั ด้วยเรือนอนั บคุ คลมงุ ดีแล้ว เกิดแล้ว , เพราะวา่ ปพฺพชิตกิจฺจสฺส อ.นนั ทะนี ้พยายามอยู่ เพอื่ อนั ยงั ตนให้ถงึ ซงึ่ ทส่ี ดุ แหง่ กจิ ของบรรพชติ ปตฺโตติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ จ�ำเดมิ แตก่ าลแหง่ นางอปั สรผ้เู ป็นทิพย์ ท. อนั ตนเหน็ แล้ว ถงึ แล้ว ซง่ึ กิจนนั้ ดงั นี ้ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ.ฝน ย่อมรวั่ รด ซ่ึงเรือน อนั บคุ คลมงุ ชว่ั แลว้ ฉนั ใด, “ยถา อคารํ ทจุ ฺฉนนฺ ํ วรฏาุ ฺโ€คิ สสมมตติวิวิชิชฺฌฺฌตติ;ิ. อ. ราคะ ย่อมเสียดแทง ซึ่งจิต อนั บคุ คลไม่ใหเ้ จริญแลว้ เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ วรฏุาฺโ€คิ นนสสมมตติวิวิชิชฺฌฺฌตติ;ีติ. ฉนั นนั้ ฯ อ.ฝน ย่อมไม่รวั่ รด ซ่ึงเรือน อนั บคุ คลมงุ ดีแลว้ ยถา อคารํ สจุ ฺฉนนฺ ํ ฉนั ใด, อ. ราคะ ย่อมไม่เสียดแทง ซ่ึงจิตอนั บคุ คลใหเ้ จริญ เอวํ สภุ าวิตํ จิตฺตํ ดีแลว้ ฉนั นนั้ ดงั นี้ ฯ ตตฺถ “อคารนฺต:ิ ยงฺกิจฺ ิ เคหํ. (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ เรือน อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ (ดงั นี)้ ในบท ท. ทจุ ฉฺ นฺนนฺต:ิ วริ ลจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อคารํ ดงั นี ้ฯ สมตวิ ชิ ฺฌตตี :ิ วสฺสวฏุ ฺ€ิ วนิ ิวชิ ฺฌต.ิ (อ.อรรถ) วา่ อนั บคุ คลมงุ แล้วหา่ ง คือวา่ อนั มีชอ่ งใหญ่และ ชอ่ งน้อย (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ ทจุ ฉฺ นฺนํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ฝนในฤดฝู น ยอ่ มร่ัวรดได้ (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ สมตวิ ชิ ฺฌติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ราคะ ยอ่ มเสยี ดแทง ซง่ึ จิต ชื่อวา่ อนั บคุ คล อภาวติ นฺต:ิ ตํ สอมคาตรวิ ํ ชิ วฺฌฏุ ฺ€ติ ,ิ วยิ น ภาวนารหิตตฺตา ไมใ่ ห้เจรญิ แล้ว เพราะความทแ่ี หง่ จติ เป็นธรรมชาตเว้นแล้วจากภาวนา อภาวติ ํ จิตฺตํ ราโค เกวลํ ราโคว, ราวกะ อ.ฝน (รวั่ รดอย)ู่ ซง่ึ เรือนนนั้ , อ.ราคะเทยี ว (ยอ่ มเสยี ดแทง ซงึ่ จติ ) โทสโมหมานาทโย สพฺพกฺกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อยา่ งเดียว หามิได้, อ.กิเลสทงั้ ปวง ท. มีโทสะและโมหะและมานะ อตวิ ิชฺฌนฺตเิ ยว. เป็นต้น ยอ่ มเสียดแทง ซง่ึ จิต มีอยา่ งนนั้ เป็นรูปนนั่ เทียว (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ อภาวติ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า อ.กิเลส ท. มีราคะเป็ นต้น ย่อมไม่อาจ สุภาวติ นฺต:ิ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สภุ าวติ ํ, เพ่ืออันเสียดแทง ซึ่งจิต อันบุคคล ให้ เจริญดีแล้ว เอวรูปํ จิตฺตํ สจุ ฺฉนฺนํ เคหํ วฏุ ฺ€ิ วยิ ราคาทโย กิเลสา ด้วยสมถะภาวนาและวปิ ัสสนาภาวนา ท. คือวา่ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป อตวิ ชิ ฺฌิตํุ น สกฺโกนฺตีต.ิ ราวกะ อ.ฝน (ไมร่ ่ัวรดอย)ู่ ซงึ่ เรือน อนั บคุ คลมงุ ดีแล้ว ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ สภุ าวติ ํ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น, อ. เทศนา เป็นเทศนา ปาปณุ สึ ,ุ มหาชนสสฺ สาตฺถิกา เทสนา อโหส.ิ เป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แก่มหาชน ฯ ครัง้ นนั้ อ. ภกิ ษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว พทุ ฺธอาถจภิกนฺขาู มธมอมฺ จสฺฉภราิยยาํ ,กชถนํ ปสมทฏกุ ฺล€ายฺ เาปณสํึุ “อาวโุ ส ในโรงเป็นทก่ี ลา่ วกบั ด้วยการแสดงซงึ่ ธรรม วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. นิสสฺ าย ก็ ชอื่ อ. พระพทุ ธเจ้า ท. เป็นผ้นู า่ อศั จรรย์ (ยอ่ มเป็น), อ. พระนนั ทะ อกุ ฺกณฺ€ิโต นามายสฺมา นนฺโท สตฺถารา เทวจฺฉรา ผ้มู อี ายุ ชอื่ วา่ ผ้กู ระสนั ขนึ ้ แล้ว เพราะอาศยั ซง่ึ พระนางชนบทกลั ยาณี อามิสํ กตฺวา วินีโตต.ิ อนั พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ นางเทพอปั สร ท. ให้เป็นอามิส ทรงแนะน�ำแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา, “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ อ.เธอ ท. เป็ นผู้น่ังพร้ อมกันแล้ว ด้วยวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, อะไรหนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี,้ ผลิตสอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 113 www.kalyanamitra.org
(ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ. ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว) ชอ่ื นี ้(ยอ่ มมี ในกาลน)ี ้ ดงั นี ้(อนั ภกิ ษุ ท. ปพุ ฺเพเปส มยา มาตคุ าเมน ปโลเภตฺวา วนิ ีโตเยวาติ กราบทลู แล้ว), ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. นนั ทะ อนั เรา วตฺวา, เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ: ลอ่ แล้ว ด้วยมาตคุ าม แนะน�ำแล้ว) ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, อ. นนั ทะนนั่ อนั เรา ลอ่ แล้ว ด้วยมาตคุ าม แนะน�ำแล้วนน่ั เทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี,้ ผ้อู นั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ทลู วิงวอนแล้ว ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ลว่ งไปแล้ว วา่ ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว ครัน้ เมอ่ื พระเจ้าพรหมทตั (ทรงยงั บคุ คล) อตีเต พาราณสยิ ํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต, ให้กระท�ำอยู่ ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระราชา ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี, พาราณสวี าสี กปปฺ โก นาม วาณิโช อโหส.ิ อ.พอ่ ค้า ชอื่ วา่ กปั ปกะ ผ้อู ยใู่ นเมอื งชอ่ื วา่ พาราณสโี ดยปกติ ได้มแี ล้ว ฯ ตสเฺ สโก คทฺรโภ กมุ ภฺ ภารํ วหต.ิ ทิวเส ทิวเส อ. ลา ตวั หนง่ึ ของพอ่ ค้านนั้ ยอ่ มนำ� ไป ซงึ่ ภาระมกี มุ ภะเป็นประมาณ ฯ สตฺต โยชนานิ คจฺฉต.ิ (อ. ลา) ยอ่ มไป สนิ ้ โยชน์ ท. ๗ ในวนั ๆ ฯ ในสมยั หนงึ่ อ. พอ่ ค้านนั้ ไปแล้ว สเู่ มืองช่ือวา่ ตกั กสลิ า (กบั ) โส เอกสฺมึ สมเย คทฺรภภารเกหิ ตกฺกสลิ ํ ด้วยภาระอนั ลาพงึ น�ำไป ท. ปลอ่ ยแล้ว ซงึ่ ลา เพื่ออนั เท่ียวไป คนฺตฺวา ยาว ภณฺฑสฺส วิสสฺ ชฺชนา คทฺรภํ วจิ ริตํุ เพียงใด แตอ่ นั จ�ำหนา่ ย ซง่ึ สง่ิ ของ ฯ วิสฺสชฺเชส.ิ ครัง้ นนั้ อ. ลา นนั้ ของพอ่ ค้านนั้ เท่ียวไปอยู่ บนหลงั แหง่ คู อถสสฺ โส คทฺรโภ ปสราิขาเปติ ฏนฺเ€สทจฺธรึ มปาฏโิสนนฺถเอากรํํ เหน็ แล้ว ซงึ่ นางลาตวั หนงึ่ เข้าไปหาแล้ว ฯ อ.นางลานนั้ คทฺรภึ ทิสฺวา อปุ สงฺกมิ. กระท�ำอยู่ ซงึ่ ปฏิสนั ถาร กบั ด้วยลานนั้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ. ทา่ น) กโรนฺตี อาห “กโุ ต อาคโตสตี .ิ “พาราณสโิ ตต.ิ เป็นผ้มู าแล้ว จากเมืองไหน ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ (อ. ลา กลา่ วแล้ว) วา่ (อ. เรา เป็นผ้มู าแล้ว) จากเมืองช่ือวา่ พาราณสี (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. นางลา ถามแล้ว วา่ อ. ทา่ น ยอ่ มมา) ด้วยการงาน อะไร ดงั นี ้ฯ “เกน กมเฺ มนาต.ิ (อ. ลา กลา่ วแล้ว วา่ อ. เรา ยอ่ มมา) ด้วยการงานของพอ่ ค้า ดงั นี ้ฯ “วาณิชกมเฺ มนาต.ิ (อ. นางลา ถามแล้ว) วา่ อ. ทา่ น ยอ่ มนำ� ไป ซง่ึ ภาระ มปี ระมาณเทา่ ไร “กิตฺตกํ ภารํ วหสตี .ิ ดังนี ้ ฯ (อ. ลา กล่าวแล้ว) ว่า (อ. เรา ย่อมน�ำไป) “กมุ ภฺ ภารนฺต.ิ ซงึ่ ภาระมีกมุ ภะเป็นประมาณ ดงั นี ้ ฯ (อ. นางลา ถามแล้ว) วา่ อ. ทา่ น นำ� ไปอยู่ซงึ่ ภาระ มปี ระมาณเทา่ นี ้ “เอตฺตกํ ภารํ วหนฺโต กตโิ ยชนานิ คจฺฉสตี .ิ ยอ่ มไป สนิ ้ โยชน์เทา่ ไร ท. ดงั นี ้ ฯ (อ. ลา กลา่ วแล้ว) วา่ (อ. เรา “สตฺตโยชนานีต.ิ ยอ่ มไป) สนิ ้ โยชน์ ๗ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ. นางลา ถามแล้ว) วา่ อ. นางลาบางตวั กระท�ำอยู่ ซง่ึ การนวดซง่ึ เท้า หรือ หรือวา่ “ปเิ ฏอฺว€ํปิ“ครสิกตนมฏฺเฺตมฺ€าํ เวมนาหากทโเกุรตนฺขฺตํ ี กาจิ ปาทปริกมฺมํ วา ซงึ่ การนวดซง่ึ หลงั แก่ทา่ น ในท่ีแหง่ ทา่ นไปแล้ว มีอยหู่ รือ ดงั นี ้ ฯ อตฺถีต.ิ “นตฺถิ ภทฺเทต.ิ (อ. ลา กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ (อ. นางลา ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป) อนโุ ภสตี .ิ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ (อ. นางลา กลา่ วแล้ว) วา่ ครนั้ เมอ่ื ความเป็นอยา่ งนนั้ มีอยู่ (อ. ทา่ น) ยอ่ มเสวย ซง่ึ ทกุ ข์ใหญ่ ดงั นี ้ ฯ กิ จฺ าปิ หิ ตริ จฉฺ านคตานํ ปาทปริกมมฺ าทกิ ารโก จริงอยู่ ซื่อ อ. บคุ คล ผ้กู ระท�ำซง่ึ กรรมมีการนวดซง่ึ เท้าเป็นต้น นาม นตฺถิ, กามสฺโชนฆฏฺ ฏนตฺถํ เอวรูปํ กเถส.ิ แก่สตั ว์ดริ ัจฉาน ท. ยอ่ มไมม่ ี แม้โดยแท้, (ถงึ อยา่ งนนั้ ) (อ. นางลา) กลา่ วแล้ว ซงึ่ คำ� อนั มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป เพอื่ อนั กระทบซง่ึ กามสงั โยชน์ ฯ อ. ลานนั้ กระสนั ขนึ ้ แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ของนางลา โส ตสฺสา กถาย อกุ ฺกณฺ€โิ ต. กปปฺ โกปิ นนั้ ฯ แม้ อ. นายกปั ปกะ จ�ำหนา่ ยแล้ว ซงึ่ สงิ่ ของ ไปแล้ว ภณฺฑํ วิสสฺ ชฺเชตฺวา ตสสฺ สนฺติกํ คนฺตฺวา “เอหิ สสู่ �ำนกั ของลานนั้ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ อ. เจ้า จงมาเถิด, ตาต, คมิสสฺ ามาติ อาห. “คจฺฉถ ตมุ เฺ ห, นาหํ อ. เรา ท. จกั ไป ดงั นี ้ฯ (อ. ลา กลา่ วแล้ว) วา่ อ. ทา่ น ท. จงไปเถิด, คมิสฺสามีต.ิ อ. ข้าพเจ้า จกั ไมไ่ ป ดงั นี ้ฯ อถ นํ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิตฺวา “อนิจฺฉนฺตํ นํ ครัง้ นนั้ (อ. นายกปั ปกะ) อ้อนวอนแล้ว ซงึ่ ลานนั้ บอ่ ย ๆ คดิ ภาเยตฺวา เนสฺสามีติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห แล้ว วา่ อ. เรา ยงั ลานนั้ ตวั ไมป่ รารถนาอยู่ ให้กลวั แล้ว จกั น�ำไป ดงั นี ้กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถานี ้วา่ 114 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. เรา) จกั กระท�ำ ซ่ึงปฏกั มีหนามอนั บนั ฑิตก�ำหนดแลว้ “ปโตทนเฺ ต กริสสฺ ามิ โสฬสงฺคลุ ิกณฺฏกํ, ดว้ ยน้ิวมือ ๑๖ แก่เจ้า, จกั ท่ิมแทง ซึ่งกาย ของเจ้า , สฺฉินทฺ ิสฺสามิ เต กายํ; เอวํ ชานาหิ คทฺรภาติ. แน่ะลา (อ. เจ้า) จงรู้ อย่างนี้ ดงั นี้ ฯ อ. ลา ฟังแล้ว ซงึ่ คำ� นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ครนั้ เมอ่ื ความเป็นอยา่ งนนั้ ตํ สตุ ฺวา คทฺรโภ “เอวํ สนฺเต, อหํปิ เต กตฺตพฺพํ มอี ยู่ แม้ อ. ข้าพเจ้า จกั รู้ ซง่ึ กิจ อนั ข้าพเจ้า พงึ กระท�ำ แก่ทา่ น ชานิสสฺ ามีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถานี ้วา่ (อ. ท่าน) จกั กระท�ำ ซ่ึงปฏกั มีหนามอนั บนั ฑิตก�ำหนดแลว้ “ปโตทมฺเม กริสสฺ สิ โสฬสงฺคลุ ิกณฺฏกํ, ดว้ ยน้ิวมือ ๑๖ แก่ขา้ พเจ้า, (อ. ขา้ พเจ้า) ยืนอยู่เฉพาะแลว้ ปภณรุ โตฺฑํ ปเตติฏปฺ€าหติตยิฺวสาฺสนามิ; อทุ ฺธริตฺวาน ปจฺฉโต ขา้ งหนา้ ยกข้ึนแลว้ ขา้ งหลงั ยงั สิ่งของ ของทา่ น จกั ใหต้ กไป, เอวํ ชานาหิ กปปฺ กาติ. ขา้ แต่ท่านกปั ปกะ (อ. ท่าน) จงรู้ อย่างนี้ ดงั นี้ ฯ อ. พอ่ ค้า ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำนนั้ คดิ แล้ว วา่ อ. ลานนั่ ยอ่ มกลา่ ว ตํ สตุ ฺวา วาณิโช “เกน นุ โข การเณเนส อยา่ งนี ้ กะเรา เพราะเหตุ อะไรหนอแล ดงั นี ้ แลดอู ยู่ ข้างนีด้ ้วย มํ เอวํ วทตีติ จินฺเตตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ข้างนีด้ ้วย เหน็ แล้ว ซงึ่ นางลานนั้ คดิ แล้ว วา่ อ. ลานนั่ เป็นผู้ ตํ คทฺรภึ ทิสฺวา “อิมาย เอส เอวํ สกิ ฺขาปิ โต อนั นางลานีใ้ ห้สำ� เหนียกแล้ว อยา่ งนี ้จกั เป็น, อ. เรา ลอ่ แล้ว ซง่ึ ลา ภวิสสฺ ต,ิ `เอวรูปึ นาม เต คทฺรภึ อาเนสสฺ ามีติ นนั้ ด้วยมาตคุ าม (ด้วยค�ำ) วา่ (อ. เรา) จกั น�ำมา ซง่ึ นางลา มาตคุ าเมน ตํ ปโลเภตฺวา เนสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ช่ือมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป แก่เจ้า ดงั นี ้ จกั น�ำไป ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา อิมํ คาถมาห นี ้วา่ (อ. เรา) จกั น�ำมา ซ่ึงนาง ผูม้ ีเทา้ ๔ ผูม้ ีหนา้ เพียงดงั สงั ข์ “จตปุ ปฺ ทึ สงฺขมขุ ึ นารึ สพพฺ งฺคโสภินึ ผูม้ ีอวยั วะทง้ั ปวงงาม (กระท�ำ) ใหเ้ ป็นภรรยา ของเจ้า, ภริยํ เต อานยิสสฺ ามิ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภาติ. แน่ะลา (อ. เจ้า) จงรู้ อย่างนี้ ดงั นี้ ฯ อ. ลา ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำนนั้ ผ้มู ีจิตยินดีแล้ว กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา ตํ สตุ ฺวา ตฏุ ฺ€จิตฺโต คทฺรโภ อิมํ คาถมาห นี ้วา่ (อ. ท่าน) จกั น�ำมา ซ่ึงนาง ผูม้ ีเทา้ ๔ ผูม้ ีหนา้ เพียงดงั สงั ข์ “จตปุ ปฺ ทึ สงฺขมขุ ึ นารึ สพพฺ งฺคโสภินึ ผูม้ ีอวยั วะทงั้ ปวงงาม (กระท�ำ) ใหเ้ ป็นภรรยา ของขา้ พเจ้า, ภริยํ เม อานยิสสฺ สิ, เอวํ ชานาหิ กปปฺ ก ขา้ แต่ท่านกปั ปกะ (อ. ท่าน) จงรู้ อย่างนี้ ขา้ แต่ท่านกปั ปกะ กปปฺ ก ภิยฺโย คมิสสฺ ามิ โยชนานิ จตทุ ฺทสาติ. (อ. ขา้ พเจ้า) จกั ไป ส้ินโยชน์ ท. ๑๔ ย่ิง ดงั นี้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. นายกปั ปกะ (กลา่ วแล้ว) กะลานนั้ วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อถ นํ กปปฺ โก “ เตนหิ เอหีติ คเหตฺวา (อ. เจ้า) จงมา ดงั นี ้จงู เอาแล้ว ได้ไปแล้ว สทู่ ่ีอนั เป็นของตน ฯ สกฏฺ€านํ อคมาส.ิ อ.ลานัน้ กล่าวแล้ว กะนายกัปปกะนัน้ โดยอันล่วงไป โส กตปิ าหจฺจเยน ตํ อาห “นนุ มํ ตมุ เฺ ห แหง่ วนั เลก็ น้อย วา่ อ. ทา่ น ท. ได้กลา่ วแล้ว วา่ อ. เรา จกั น�ำมา `ภริยนฺเต อานยิสฺสามีติ อโวจตุ ฺถาต.ิ ซง่ึ ภรรยา แก่เจ้า ดงั นี ้กะข้าพเจ้า มิใชห่ รือ ดงั นี ้ ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 115 www.kalyanamitra.org
(อ. นายกปั ปกะ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ (อ. คำ� นนั้ อนั เรา) กลา่ วแล้ว, “อาม วตุ ฺตํ, นาหํ อตฺตโน กถํ ภินฺทิสสฺ ามิ, อ. เรา จกั ไมท่ �ำลาย ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ของตน, (อ. เรา) ภริยนฺเต อานยิสฺสามิ; ทวตุ ฏิยฺฏสํ สฺ ปนตํ ตยุ ฺหํ เอกกสฺเสว จกั น�ำมา ซงึ่ ภรรยา แก่เจ้า ; แตว่ า่ อ. เรา จกั ให้ ซงึ่ เสบียง แก่เจ้า ทสสฺ ามิ, ตยุ ฺหํ อตฺตโน ปโหตุ วา มา วา, ผ้ผู ้เู ดียวนนั่ เทียว, อ. เสบียงนนั้ จงพอหรือ หรือวา่ จงอยา่ พอ ตฺวเมว ชาเนยฺยาส;ิ อภุ ินฺนํ โว สํวาสมนฺวาย แก่เจ้า ผ้เู ป็นท่ีสอง ของตน, อ. เจ้านน่ั เทียว พงึ รู้ ; แม้ อ. ลกู ท. ปตุ ฺตาปิ ชายิสสฺ นฺต,ิ เตหิปิ พหหู ิ สทฺธึ ตยุ ฺหํ ตํ จกั เกิด เพราะอาศยั ซง่ึ การอยพู่ ร้อมกนั แหง่ เจ้า ท. ทงั้ สอง, ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสตี ิ. คทฺรโภ, อ. เสบยี งนนั้ จงพอหรือ หรือวา่ จงอยา่ พอ แกเ่ จ้า กบั ( ด้วยลกู ท.) ตสมฺ ึ กเถนฺเตเยว, อนเปกฺโข อโหส.ิ มาก แม้เหล่านัน้ , อ. เจ้านั่นเทียว พึงรู้ ดังนี ้ ฯ อ. ลา ครัน้ เมื่อนายกปั ปกะนนั้ กลา่ วอยนู่ น่ั เทียว, เป็นผ้ไู มม่ ีความเย่ือใย ได้เป็นแล้ว (ดงั นี)้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนานี ้ สตฺถา อิมํ ธมมฺ เทสนํ อาหริตฺวา “ตทา ทรงยงั ชาดก วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. นางลา ในกาลนนั้ ภิกฺขเว คทฺรภี ชนปทกลฺยาณี อโหส,ิ คทฺรโภ เป็นนางชนบทกลั ยาณี ได้เป็นแล้ว (ในกาลนี)้ , อ. ลา (ในกาลนนั้ ) นนฺโท, วาณิโช อหเมว, เอวํ ปพุ ฺเพเปส มยา เป็นนนั ทะ (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ , อ. พอ่ ค้า (ในกาลนนั้ ) เป็นเรา มาตคุ าเมน ปโลเภตฺวา วินีโตติ ชาตกํ นิฏฺ€าเปสตี .ิ นน่ั เทียว (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ , อ. นนั ทะนนั่ อนั เรา ลอ่ แล้ว ด้วยมาตคุ าม แนะน�ำแล้ว แม้ในกาลก่อน ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี ้ ให้จบแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่านันทะ (จบแล้ว) ฯ นนฺทตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๑๐. อ.เร่ือ(งอแันหข่ง้าบพุรเุษจ้ผาู้ฆจ่าะซก่งึ ลส่าุกวร)ชฯ่ือว่าจุนทะ ๑๐. จุนฺทสูกริกวตถฺ ุ. (๑๐) อ. พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “อธิ โสจติ เปจจฺ โสจตตี ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า ช่ือซง่ึ บรุ ุษผ้ฆู า่ ซงึ่ สกุ รช่ือวา่ จนุ ทะ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนานี ้ เวฬวุ เน วิหรนฺโต จนุ ฺทสกู ริกํ นาม อารพฺภ กเถส.ิ วา่ อธิ โสจติ เปจจฺ โสจติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ อ. นายจนุ ทะนนั้ ฆา่ แล้ว ซง่ึ สกุ ร ท. เคยี ้ วกนิ อยดู่ ้วย โส กิร ปจฺ ปณฺณาส วสฺสานิ สกู เร วธิตฺวา ขายอยดู่ ้วย สำ� เร็จแล้ว ซงึ่ ชีวติ สนิ ้ ปี ท.๕๕ ฯ ขาทนฺโต จ วกิ ฺกีณนฺโต จ ชีวติ ํ กปเฺ ปส.ิ (อ. นายจนุ ทะนนั้ ) ถือเอา ซง่ึ ข้าวเปลอื ก ท. ด้วยเกวียน คนฺตฉฺวาาตกกเอากเลนาฬสิทกฺวเนิ ฏานฬิมตวฺเีหตีน อาทาย ชนปทํ ไปแล้ว สชู่ นบท ในกาลแหง่ บคุ คลผ้หู ิวแล้ว ซือ้ แล้ว ซงึ่ สกุ ร คามสกู รโปตเก ตวั ลกู น้อยของชาวบ้าน ท. (ด้วยข้าวเปลอื ก) มีทะนานหนงึ่ หรือ กีณิตฺวา สกฏํ ปเู รตฺวา อาคนฺตฺวา ทะนานสองเป็นประมาณ ยงั เกวียน ให้เตม็ แล้ว มาแล้ว 116 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
มาแล้ว ล้อมแล้ว ซง่ึ ทห่ี นง่ึ ราวกะวา่ คอก ในภายหลงั แหง่ ทเี่ ป็นทอ่ี ยู่ ปจฺฉานิเวสเน วชํ โวรเยิ ปตฺวเาอ,กฏเตฺ€สาุนนํ านปารคิกจฺขฺเิปฉิ ตฺวจา ปลกู แล้ว ซงึ่ ผกั ในท่ีนนั้ นนั่ เทียว (เพื่อสกุ รตวั ลกู น้อย ท.) เหลา่ นนั้ , ตตฺเถว เตสํ นิวาปํ (ครัน้ เมอ่ื สกุ รตวั ลกู น้อย ท.) เหลา่ นนั้ เคยี ้ วกนิ แล้ว ซงึ่ กอผกั ตา่ ง ๆ ท. สรีรวลชฺ จฺ ขาทติ วฺ า วฑฒฺ เิ ตส,ุ ยํ ยํ มาเรตกุ าโม ด้วย ซงึ่ คถู แหง่ สรีระด้วย เตบิ โตแล้ว, (อ. ตน) เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั โหต,ิ ตํ ตํ อาฬาหเน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา สรีรมํสสฺส ยงั สกุ รตวั ใด ๆ ให้ตาย ยอ่ มเป็น, ผกู แล้ว ซง่ึ สกุ รตวั นนั้ ๆ ในท่ีเป็นท่ี อทุ ธฺ มุ ายติ วฺ า พหลภาวตถฺ ํ จตรุ สสฺ มคุ คฺ เรน โปเถตวฺ า น�ำมาฆา่ (กระท�ำ) ให้มีความไหวออกแล้ว ทบุ แล้ว ด้วยฆ้อน มท“พณเุ ขหฺฑลอกมาํํโสสิทตชฺจฺวาตาโ.ิ ตตโิลหนตาฺวฬาิยามขุ ํปวกวิ ฺกรฏุิตฺ€ฺวิตาํ ทนฺตนฺตเร อนั มีเหลี่ยมสี่ เพ่ือความท่ีแหง่ เนือ้ แหง่ สรีระ เป็นของพองหนาขนึ ้ อณุ ฺโหทกํ ทราบแล้ว วา่ (อ. สกุ รน)ี ้ เป็นสตั วม์ เี นอื ้ หนา เกดิ แล้ว ดงั นี ้เปิดแล้ว ซงึ่ ปาก ให้แล้ว ซง่ึ ทอ่ นไม้ ในระหวา่ งแหง่ ฟัน ยอ่ มกรอก ซงึ่ นำ� ้ อนั ร้อน อนั เดือดพลา่ นแล้ว ในปาก ด้วยทะนานอนั เป็นวกิ ารแหง่ โลหะ ฯ (อ. น�ำ้ อนั ร้อน) นนั้ เข้าไปแล้ว ในท้อง เดือดพลา่ นแล้ว พาเอา ตํ กจุ ฺฉิยํ ปวิสติ ฺวา ปยกาฺกวฏุ ฺ€ติ โถํ กกํ รีสกํรีสํ อาทาย ซง่ึ กรีส ออกไปแล้ว โดยสว่ นในเบือ้ งต่�ำ, อ. กรีส หนอ่ ยหนงึ่ มีอยู่ อโธภาเคน นิกฺขมิตฺวา, อตฺถิ, เพียงใด, เป็นธรรมชาตขนุ่ เป็น ยอ่ มไหลออกไป เพียงนนั้ , ตาว อาวลิ ํ หตุ ฺวา นิกฺขมต,ิ สทุ ฺเธ อทุ เร, อจฺฉํ ครัน้ เม่ือท้อง สะอาดแล้ว, (อ. น�ำ้ อนั ร้อนนนั้ ) เป็นธรรมชาตใส อนาวิลํ นิกฺขมต.ิ เป็นธรรมชาตไมข่ นุ่ (เป็น) ยอ่ มไหลออกไป ฯ ครัง้ นนั้ (อ. นายจนุ ทะนนั้ ) ยอ่ มราด ซงึ่ น�ำ้ อนั เหลอื ลง ตํ อถสสฺ อวเสสํ อทุ กํ คจปฺฉิ ฏตฺ€.ิิยํ อาสิ ฺจต.ิ บนหลัง ของสุกรนัน้ ฯ (อ. น�ำ้ ) นัน้ ยังหนังอันด�ำ ให้ลอกแล้ว กาฬจมมฺ ํ อปุ ปฺ าเตตฺวา ยอ่ มไหลไป ฯ ในลำ� ดบั นนั้ (อ. นายจนุ ทะนนั้ ) ยงั ขน ท. ให้ไหม้แล้ว ด้วยคบเพลงิ ตโต ติณกุ ฺกาย โลมานิ ฌาเปตฺวา ตณิ ฺเหน อนั เป็นวิการแหง่ หญ้า ยอ่ มตดั ซงึ่ ศีรษะ ด้วยดาบ อนั คม ฯ อสนิ า สสี ํ ฉินฺทต.ิ (อ.นายจนุ ทะนนั้ ) ถือเอาเฉพาะแล้ว ซง่ึ เลือด อนั ไหลออกอยู่ ปคฺฆรนฺตํ โลหิตํ ภาชเนน ปฏิคฺคเหตฺวา มํสํ ด้วยภาชนะ ขยำ� แล้ว ซงึ่ เนอื ้ ด้วยเลอื ด ปิง้ แล้ว นง่ั แล้ว ในทา่ มกลาง โลหเิ ตน มททฺ ติ วฺ า ปจติ วฺ า ปตุ ตฺ ทารมชเฺ ฌ นสิ นิ โฺ น แหง่ ลกู และเมีย เคีย้ วกินแล้ว ยอ่ มขาย ซงึ่ เนือ้ อนั เหลอื ฯ ขาทิตฺวา เสสํ วกิ ฺกีณาต.ิ เมื่อนายจนุ ทะนนั้ สำ� เร็จอยู่ ซงึ่ ชีวิต โดยท�ำนอง นีน้ น่ั เทียว ตสสฺ อิมินา นิยาเมเนว ชีวติ ํ กปเฺ ปนฺตสฺส อ. ปี ท. ๕๕ ก้าวลว่ งแล้ว ฯ ปฺจปณฺณาส วสสฺ านิ อตกิ ฺกนฺตานิ. ครัน้ เมื่อพระตถาคตเจ้า ประทบั อยอู่ ยู่ ในวิหารอนั ใกล้, ตถาคเต ธุรวิหาเร วสนฺเต , เอกทิวสํปิ อ.การบูชา (ด้ วยวัตถุ) สักว่าก�ำแห่งดอกไม้ หรือ หรือว่า อปปุ ผฺฺ มํ ฏุ ฺ€วมิาตฺเกติน ฺจปิ ชู ปาุ วฺา ํ กฏจฺฉมุ ตฺตภิกฺขาทานํ วา อ. การถวายซง่ึ ภิกษามีทพั พีเป็นประมาณ หรือวา่ ชื่อ อ.บญุ นาม นาโหส.ิ อถสฺส อะไร ๆ อื่น ไมไ่ ด้มีแล้ว แม้ในวนั หนง่ึ ฯ ครัง้ นนั้ อ. โรค เกิดขนึ ้ แล้ว สรีเร โรโค อปุ ปฺ ชฺชิ. ในสรีระ ของนายจนุ ทะนนั้ ฯ อ.ความร้ อนพร้ อมในนรกใหญ่ช่ือว่าอเวจี ปรากฏแล้ว ชีวนฺตสเฺ สว อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อปุ ฏฺ€หิ. (แก่นายจนุ ทะนนั้ ) ผ้เู ป็นอยอู่ ยนู่ นั่ เทียว ฯ ชื่อ อ. ความร้อนพร้อมในนรกชื่อวา่ อเวจี เป็นความเร่าร้อน อวจี สิ นตฺ าโป นาม โยชนสเต €ตวฺ า โอโลเกนตฺ สสฺ อนั สามารถเพ่ืออนั ท�ำลาย ซงึ่ นยั น์ตา ท. (ของบคุ คล) ผ้ยู ืนแลดอู ยู่ อกฺขีนิ ภินฺทนสมตฺโถ ปริฬาโห โหต.ิ ในร้อยแหง่ โยชน์ ยอ่ มเป็น ฯ จริงอยู่ อ. ค�ำแม้นน่ั วา่ (อ. ความร้อนพร้อมในอเวจี) วตุ ฺตมปฺ ิ เจตํ “สมนฺตา โยชนสตํ ผริตฺวา ตฏิ ฺ€ติ แผไ่ ปแล้ว ตลอดร้อยแหง่ โยชน์ โดยรอบ ยอ่ มตงั้ อยู่ ในกาลทงั้ ปวง สพฺพทาต.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 117 www.kalyanamitra.org
อนงึ่ อ. ความเปรียบนี ้ วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร แม้ อ. แผน่ หิน นาคเสนตฺเถเรน ปนสสฺ ปากตกิ อคฺคสิ นฺตาปโต อนั มีเรือนยอดเป็นประมาณ อนั บคุ คลใสเ่ ข้าแล้ว ในไฟในนรก อธิมตฺตตาย อยมปุ มา วตุ ฺตา “ยถา มหาราช ยอ่ มถงึ ซง่ึ ความยอ่ ยยบั โดยขณะ ฉนั ใด, สว่ นวา่ อ. สตั วผ์ ้บู งั เกดิ แลว้ ท. กฏุ าคารมตฺโต ปาสาโณปิ นิรยอคฺคมิ หฺ ิ ปกฺขิตฺโต ในนรกนี ้ ยอ่ มไมย่ อ่ ยยบั ราวกะ (อ. สตั ว์ ท.) ผ้ไู ปแล้วในท้อง ขเณน วลิ ยํ คจฺฉต,ิ นิพฺพตฺตสตฺตา ปเนตฺถ ของมารดา (อวลิ ยี นฺตา ไมย่ อ่ ยยบั อย)ู่ เพราะก�ำลงั แหง่ กรรม กมมฺ พเลน มาตกุ จุ ฺฉิคตา วิย น วลิ ียนฺตีต.ิ (ฉนั นนั้ ) ดงั นี ้อนั พระเถระช่ือวา่ นาคเสน กลา่ วแล้ว เพราะความที่ - (แหง่ ความร้อนพร้อมในอเวจี) นนั้ เป็นสภาพมีประมาณย่ิง กวา่ ความร้อนพร้อมแหง่ ไฟอนั ตงั้ อยตู่ ามปกติ ฯ ครัน้ เมื่อความร้อนพร้อม นนั้ ปรากฏแล้ว แก่นายจนุ ทะนนั้ , ตสฺส ตสฺมึ สนฺตาเป อปุ ฏฺ€เิ ต, กมมฺ สริกฺขโก อ. อาการ อนั บคุ คลพงึ เหน็ เสมอด้วยกรรม เกิดขนึ ้ แล้ว ฯ อากาโร อปุ ปฺ ชฺชิ. (อ. นายจุนทะ) ร้ องแล้ว ร้ องเพียงดังสุกร คลานไปอยู่ เคหมชเฺ ฌเยว สกู รรวํ รวติ วฺ า ชนนฺ เุ กหิ วจิ รนโฺ ต ด้วยเขา่ ท. ในทา่ มกลางแหง่ เรือนนนั่ เทียว ยอ่ มไป สทู่ ี่เป็นที่อยู่ ปรุ ตฺถิมวตฺถมุ ฺปิ ปจฺฉิมวตฺถมุ ปฺ ิ คจฺฉต.ิ มีในเบือ้ งหน้าบ้าง สทู่ ี่เป็นที่อยมู่ ีในภายหลงั บ้าง ฯ ครัง้ นนั้ อ. ประชมุ แหง่ มนษุ ย์ในเรือน ท. ของนายจนุ ทะนนั้ อถสฺส เคหมานสุ กา ตํ ทฬฺหํ คเหตฺวา จบั แล้ว ซงึ่ นายจนุ ทะนนั้ มนั่ ยอ่ มปิด ซงึ่ ปาก ฯ ชอ่ื อ. วบิ ากแหง่ กรรม มขุ ํ ปิ ทหนฺต.ิ กมมฺ วปิ าโก นาม น สกฺกา เกนจิ อนั ใคร ๆ ไมอ่ าจ เพื่ออนั ห้าม ฯ อ. นานจนุ ทะนนั้ ยอ่ มเท่ียวไป ปฏิพาหิตํ.ุ โส วริ วนฺโต อิโต จิโต จ วิจรต.ิ ร้องอยู่ ข้างนีด้ ้วย ๆ ฯ อ. มนษุ ย์ ท. ในเรือน ท. ๗ โดยรอบ ยอ่ มไมไ่ ด้ ซง่ึ ความหลบั ฯ สมนตฺ า สตตฺ สุ ฆเรสุ มนสุ สฺ า นทิ ทฺ ํ น ลภนตฺ .ิ อนง่ึ อ. ชนในเรือน ทงั้ ปวง ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั ห้าม ซงึ่ การออกไป มรณภเยน ตชฺชิตสฺส ปนสสฺ พหิ นิกฺขมนํ ในภายนอก แหง่ นายจนุ ทะนนั้ ผ้อู นั ภยั แตค่ วามตายคกุ คามแล้ว, นิวาเรตํุ อสกฺโกนฺโต สพฺโพ เคหชโน, ยถา อนฺโต (อ. นายจนุ ทะ) ยืนแล้ว ในภายใน ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั เที่ยวไป €ิโต พหิ วิจริตํุ น สกฺโกต;ิ ตถา เคหทฺวารานิ ในภายนอก โดยประการใด ; ปิ ดแล้ว ซง่ึ ประตแู หง่ เรือน ท. ปิ ทหิตฺวา พหิเคหํ ปริวาเรตฺวา รกฺขนฺโต อจฺฉต.ิ แวดล้อมแล้ว ซง่ึ ภายนอกแหง่ เรือน รกั ษาอยู่ ยอ่ มอยู่ โดยประการนนั้ ฯ (อ. นายจนุ ทะ) แม้นอกนี ้ ยอ่ มเที่ยวไป ร้องอยู่ ข้างนีด้ ้วย ๆ อิตโรปิ อนฺโตเคเหเยว นิรยสนฺตาเปน วิรวนฺโต ในภายในแหง่ เรือนนน่ั เทียว เพราะความร้อนพร้อมในนรก ฯ อิโต จิโต จ วิจรต.ิ (อ. นายจนุ ทะ) เที่ยวไปแล้ว สนิ ้ วนั ท. ๗ อยา่ งนี ้ กระท�ำแล้ว เอวํ สตฺต ทิวสานิ วิจริตฺวา ออฏวฺ €ีจเิมมหาทนิวิรโเสย ซง่ึ กาละ ในวนั ที่ ๘ บงั เกิดแล้ว ในนรกใหญ่ช่ือวา่ อเวจี ฯ กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺต.ิ อ. นรกใหญช่ อื่ วา่ อเวจี (อนั บณั ฑติ ) พงึ พรรณนา ด้วยเทวทตู สตู ร ฯ เทวทตู สตุ ฺตนฺเตน วณฺเณตพฺโพ. อ. ภิกษุ ท. ไปอยู่ โดยประตแู หง่ เรือน ของนายจนุ ทะนนั้ ภิกฺขู ตสสฺ ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺตา ตํ สทฺทํ ฟังแล้ว ซง่ึ เสียงนนั้ เป็นผ้มู ีความส�ำคญั วา่ อ.เสยี งแหง่ สกุ ร ดงั นี ้ สตุ ฺวา “สกู รสทฺโทติ สฺ ิโน หตุ ฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เป็น ไปแล้ว สวู่ ิหาร นง่ั แล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา กราบทลู แล้ว สตฺถุ สนฺติเก นิสนิ ฺนา เอวมาหํสุ อยา่ งนี ้วา่ 118 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ เมอ่ื สกุ ร ท. อนั บรุ ุษผ้ฆู า่ ซง่ึ สกุ รชอ่ื วา่ จนุ ทะ “ภนฺเต จนุ ฺทสกู ริกสสฺ เคหทฺวารํ ปิ ทหิตฺวา ปิ ดแล้ว ซง่ึ ประตแู หง่ เรือน ให้ตายอย,ู่ อ. วนั นี ้ เป็นวนั ท่ีเจ็ด สกู รานํ มาริยมานานํ, อชฺช สตฺตโม ทิวโส; เคเห (ยอ่ มเป็น) ; อ.การกระท�ำซงึ่ มงคล บางอยา่ ง เหน็ จะจกั มี ในเรือน, กาจิ มงฺคลกิริยา ภวสิ ฺสติ มเฺ , เอตฺตเก นาม ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. จิตมีเมตตาหรือ หรือวา่ อ. ความเป็น ภนฺเต สกู เร มาเรนฺตสสฺ เอกมปฺ ิ เมตฺตจิตฺตํ วา แหง่ ความกรุณา แม้อยา่ งหนง่ึ ยอ่ มไมม่ ี (แกน่ ายจนุ ทะ) ผ้ยู งั สกุ ร ท. การฺุ ํ วา นตฺถิ, น จ วต โน เอวรูโป กกฺขโฬ ช่ือมีประมาณเทา่ นีใ้ ห้ตายอย,ู่ ก็ อ. สตั ว์ ผ้หู ยาบช้า ผ้กู ล้าแขง็ ผรุโส สตฺโต ทิฏฺ€ปพุ ฺโพต.ิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เป็นผู้ อนั ข้าพระองค์ ท. ไมเ่ คยเหน็ แล้วหนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. นายจนุ ทะนนั้ สตฺถา “น ภิกฺขเว โส อิเม สตฺต ทิวเส สกู เร ยงั สกุ ร ท. ยอ่ มให้ตาย สนิ ้ วนั ท. ๗ เหลา่ นี ้ หามิได้, ก็ (อ. ผล) มาเรต,ิ กมมฺ สริกฺขกํ ปนสฺส อทุ ปาทิ, ชีวนฺตสฺเสว อนั บคุ คลพงึ เหน็ เสมอด้วยกรรม ได้เกิดขนึ ้ แล้ว แก่นายจนุ ทะนนั้ , อสวตีจฺติมหทานิวสิรยานสนิ ฺตาสโกปู รรอวปุ ํ ฏฺ€ราวสน,ิ ฺโโตส เตน สนฺตาเปน อ. ความร้อนพร้อมในนรกใหญช่ อื่ วา่ อเวจี ปรากฏแล้ว (แกน่ ายจนุ ทะ อนฺโตนิเวสเน นนั้ ) ผ้เู ป็นอยอู่ ยนู่ น่ั เทยี ว, อ. นายจนุ ทะนนั้ ร้องอยู่ ร้องเพยี งดงั สกุ ร วิจริตฺวา อชฺช กาลํ กตฺวา อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺโตติ เทย่ี วไปแล้ว ในภายในแหง่ ทเี่ ป็นทอ่ี ยู่ สนิ ้ วนั ท. ๗ ด้วยความร้อนพร้อม วตฺวา, “ภนฺเต อิธ โลเก เอวํ โสจิตฺวา ปนุ คนฺตฺวา นนั้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ ในวนั นี ้ บงั เกิดแล้ว ในนรกชื่อวา่ อเวจี โปอสภุมจยตนตฺโฏตฺถฺ€าเโนนสาเจยมตวเิ ยคนวหาิพตฏฺพิฺโต€วฺโตตฺววตาาิ วตุ ฺเต, “อาม ภิกฺขเว, ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ. นายจนุ ทะนนั้ ) โหตุ ปพฺพชิโต วา, เศร้าโศกแล้ว อยา่ งนี ้ ในโลกนี ้ ไปแล้ว บงั เกดิ แล้ว ในทเี่ ป็นทเ่ี ศร้าโศก อิมํ คาถมาห อีกนน่ั เทียวหรือ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท.) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ. อยา่ งนนั้ ), ชื่อ อ. บคุ คล ผ้ปู ระมาทแล้ว เป็นคฤหสั ถ์หรือ หรือวา่ เป็นบรรพชิต จงเป็น, ยอ่ มเศร้าโศก ในโลก ทงั้ สองนนั่ เทียว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถานี ้วา่ (อ. บคุ คล) ผูก้ ระท�ำซ่ึงบาปโดยปกติ ย่อมเศร้าโศก ในโลกนี้ “อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ละไปแลว้ ย่อมเศร้าโศก ย่อมเศร้าโศก ในโลกทง้ั สอง, ปาปการี อภุ ยตฺถ โสจติ, (อ. บคุ คลผูก้ ระท�ำซ่ึงบาปโดยปกติ) นนั้ เห็นแลว้ ซึ่งกรรม โส โสจติ โส วิหฺติ อนั เศร้าหมองแลว้ ของตน ย่อมเศร้าโศก (อ. บคุ คล ผูก้ ระท�ำ ทิสวฺ า กมฺมกิลิฏฺ€มตฺตโนติ. ซ่ึงบาปโดยปกติ) นน้ั ย่อมเดือดร้อน ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คล ผ้กู ระทำ� ซงึ่ กรรมอนั ลามก มปี ระการตา่ งๆ ตตถฺ “ปาปการีต;ิ นานปปฺ การสสฺ ปาปกมมฺ สสฺ ยอ่ มเศร้าโศก ในโลกนี ้ ในสมยั เป็นท่ีตาย โดยสว่ นเดียวนน่ั เทียว การโก ปคุ ฺคโล “อกตํ วต เม กลฺยาณํ, กตํ เม (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.กรรมอนั งาม อนั เรา ไมก่ ระท�ำแล้วหนอ, ปาปนฺติ เอกํเสเนว มรณสมเย อิธ โสจต,ิ อิทมสฺส อ.กรรมอนั ลามก อนั เรา กระท�ำแล้ว ดงั นี,้ (อ.ความเศร้าโศก) กมมฺ โสจนํ; วปิ ากํ อนภุ วนฺโต ปน เปจฺจ โสจต,ิ นี ้ เป็นความเศร้าโศกเพราะกรรม แหง่ บคุ คลนนั้ (ยอ่ มเป็น); อิทมสฺส ปรโลเก วิปากโสจนํ; เอวํ โส อภุ ยตฺถ อนง่ึ (อ.บคุ คลนนั้ ) เสวยอยู่ ซง่ึ วบิ าก ละไปแล้ว ชอ่ื วา่ ยอ่ มเศร้าโศก, โสจตเิ ยว. อ.ความเศร้าโศก นี ้ เป็นความเศร้าโศกเพราะวบิ าก ในโลกอื่น แหง่ บคุ คลนนั้ (ยอ่ มเป็น); อ.บคุ คล นนั้ ยอ่ มเศร้าโศก ในโลกทงั้ สอง อยา่ งนีน้ น่ั เทียว ฯ แม้ อ.บรุ ุษผ้ฆู า่ ซงึ่ สกุ รชื่อวา่ จนุ ทะ นนั้ เป็นอยอู่ ยู่ ด้วยเหตนุ นั้ เตเนว การเณน ชีวมาโนเยว โส จนุ ฺทสกู ริโกปิ นน่ั เทียว ชื่อวา่ ยอ่ มเศร้าโศก (ดงั นี)้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา โสจต.ิ (แหง่ บท) วา่ ปาปการี ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 119 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คลนนั้ ) เหน็ แล้ว ซงึ่ กรรมอนั เศร้าหมองแล้ว ปสสฺ ทติ ฺวสิ าวฺ าโสกจมตมฺ ,ิ กลินฏิาฺนฐมปตปฺ ตฺกโานรํต:ิวิลอปตตนฺ โฺโนต กวลิ หิ ฏิ ฺ€กฺ มมตฺ ํิ ของตน ยอ่ มเศร้าโศก, บน่ เพ้ออยู่ มีประการตา่ งๆ ช่ือวา่ ยอ่ มเดือนร้อน คือวา่ ยอ่ มล�ำบาก ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) กิลมตีต.ิ วา่ ทใสิ นฺวกาากลมเปมฺ ็ นกทลิ ี่สฏิ ุดฺ ฐลมงตรอตฺ บโนแหด่งงัพนรี ้ะฯคาถา (อ.ชน ท.) มาก คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสํ,ุ เป็ นพระอริยบุคคลมีพระโสดาบันเป็ นต้ น ได้ เป็ นแล้ว, มหาชนสสฺ สาตฺถิกา เทสนา ชาตาต.ิ อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ เกิดแล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งบุรุษผู้ฆ่าซ่งึ สุกรช่ือว่าจุนทะ (จบแล้ว) ฯ จุนฺทสูกริก วตถฺ ุ. ๑๑.อ.เร่ืองแห่งอุบาสกผู้ตงั้ อยู่ในธรรม ๑๑. ธมมฺ กิ อุปาสกวตถฺ ุ. (๑๑) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อธิ โมทติ เปจจฺ โมทตตี ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า ซง่ึ อบุ าสกผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนานี ้ วา่ เชตวเน วิหรนฺโต ธมมฺ ิกอปุ าสกํ อารพฺภ กเถส.ิ อธิ โมทติ เปจจฺ โมทติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ ชื่อ อ. อบุ าสกผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ท. มีร้อยห้าเป็น สาวตฺถิยํ กิร ปจฺ สตา ธมมฺ ิกอปุ าสกา นาม ประมาณ ได้มีแล้ว ในเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี ฯ อ. ร้อยแหง่ อบุ าสก อเหสํ.ุ เตสุ เอเกกสสฺ ปฺจ ปฺจ อปุ าสกสตานิ ท. ห้าห้า เป็นบริวาร ในอบุ าสก ท. เหลา่ นนั้ หนา ของอบุ าสกคนหนงึ่ ปริวาโร. โย เตสํ เชฏฺ€โก , ตสฺส สตฺต ปตุ ฺตา ๆ สตฺต ธีตโร. (ยอ่ มเป็น) ฯ อ. อบุ าสกใด เป็นผ้เู จริญที่สดุ แหง่ อบุ าสก ท. เหลา่ นนั้ (ยอ่ มเป็น), อ. บตุ ร ท. ๗ อ. ธิดา ท. ๗ ของอบุ าสกนนั้ (ได้มีแล้ว) ฯ เตสุ เอเกกสฺส เอเกกา สลากยาคุ สลากภตฺตํ อ. ข้าวต้มอนั บคุ คลพงึ ถวายตามสลาก อ. ภตั รอนั บคุ คล ปกฺขิกภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ อโุ ปสถิกภตฺตํ อาคนฺตกุ ภตฺตํ พงึ ถวายตามสลาก อ. ภตั รอนั บคุ คลพงึ ถวายในปักษ์ อ. ภตั รเพอ่ื สงฆ์ วสฺสาวาสกิ ํ อโหส.ิ อ. ภัตรเพื่อบุคคลผู้รักษาซึ่งอุโบสถ อ. ภัตรเพ่ือภิกษุผู้จรมา อ.ภตั รอนั บคุ คลพงึ ถวายแก่ภิกษุผ้อู ยตู่ ลอดพรรษา อนั หนงึ่ ๆ ได้มีแล้ว ในบตุ ร ท. เหลา่ นนั้ หนา แก่บตุ รคนหนงึ่ ๆ ฯ เตปิ สพฺเพว อนชุ าตปตุ ฺตา นาม อเหสํ.ุ อ. บตุ ร ท. แม้เหลา่ นนั้ ทงั้ ปวงเทียว ช่ือวา่ เป็นอนชุ าตบตุ ร อิติ จทุ ฺทสนฺนํ ปตุ ฺตานํ ภริยาย อปุ าสกสฺสาติ ได้เป็นแล้ว ฯ (อ. อาหารวตั ถุ ท.) มีข้าวต้มอนั บคุ คลพงึ ถวาย โสฬส สลากยาคอุ าทีนิ ปวตฺตนฺติ. อิติ โส ตามสลากเป็นต้น ๑๖ ยอ่ มเป็นไปทว่ั (แก่ชน ท.) คือ แก่บตุ ร ท. สปตุ ฺตทาโร สีลวา กลฺยาณธมโฺ ม ทานสํวภิ าครโต ๑๔ แก่ภรรยา แก่อบุ าสก ด้วยประการฉะนี ้ ฯ อ. อบุ าสกนนั้ อโหส.ิ เป็นผ้เู ป็นไปกบั ด้วยลกู และเมีย เป็นผ้มู ีศีล เป็นผ้มู ีธรรมอนั งาม เป็นผ้ยู นิ ดแี ล้วในการจำ� แนกซงึ่ ทาน ได้เป็นแล้ว ด้วยประการฉะนี ้ ฯ อถสสฺ อปรภาเค โรโค อปุ ปฺ ชชฺ .ิ อายสุ งขฺ าโร ครัง้ นนั้ อ. โรค เกิดขนึ ้ แล้ว แก่อบุ าสกนนั้ ในกาลอนั เป็นสว่ น ปริหายิ. โเสปเธสมถมฺ าํตโิ สสตตกุ าฺถโุ มสน“ฺตอฏกิ ฺํ€ปหวาิณิ.เม โสฬส อ่ืนอีก ฯ อ. สงั ขารคืออายุ เสื่อมรอบแล้ว ฯ อ. อบุ าสกนนั้ วา ภิกฺขู เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม (เป็น) สง่ ไปแล้ว (ซง่ึ ขา่ วสาส์น) สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา (มีอนั ให้รู้) วา่ อ. พระองค์ ท. ขอจงทรงสง่ ซง่ึ ภิกษุ ท. ๘ หรือ หรือวา่ ๑๖ แก่ข้าพระองค์ ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ฯ 120 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระศาสดา ทรงสง่ ไปแล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. ฯ สตฺถา ภิกฺขู เปเสส.ิ อ. ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว นงั่ แล้ว บนอาสนะ ท. อนั อนั บคุ คล เต คนฺตฺวา ตสสฺ มฺจํ ปริวาเรตฺวา ปฺ ตฺเตสุ ปลู าดแล้ว แวดล้อม ซงึ่ เตียง ของอบุ าสกนนั้ , ผู้ (อนั อบุ าสก) อาสเนสุ นิสนิ ฺนา, “ภนฺเต อยฺยานํ เม ทสสฺ นํ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. การเหน็ ซง่ึ พระผ้เู ป็นเจ้า ท. ทลุ ลฺ ภํ ภวสิ ฺสต,ิ ทพุ ฺพโลมหฺ ิ, เอกํ เม สตุ ฺตํ ของกระผม เป็นกิจอนั กระผมได้โดยยาก จกั เป็น, อ. กระผม สชฺฌายถาติ วตุ ฺตา, “กตรํ สตุ ฺตํ โสตกุ าโม เป็นผ้มู ีก�ำลงั อนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว ยอ่ มเป็น , อ. ทา่ น ท. อปุ าสกาต,ิ “สพพฺ พทุ ธฺ านํ อวชิ หติ ํ มสตคปิฺโคฏฺ€านสสตตุ ตฺตฺ นานตฺ ํิ ขอจงสาธยาย ซง่ึ พระสตู ร สตู รหนง่ึ แก่กระผมเถิด ดงั นี,้ วตุ ฺเต, “เอกายโน อยํ ภิกฺขเว (ถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก (อ. ทา่ น) เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ฟัง วสิ ทุ ฺธิยาติ สตุ ฺตนฺตํ ปฏฺ€เปสํ.ุ ซง่ึ พระสตู ร สตู รไหน (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ. กระผม เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ฟัง) ซงึ่ สตปิ ัฏฐานสตู ร อนั อนั พระพทุ ธเจ้าทงั้ ปวง ท. ไมท่ รงละแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั อบุ าสก) กลา่ วแล้ว, เริ่มตงั้ แล้ว ซงึ่ พระสตู ร วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. หนทางนี ้อนั เป็นที่ไป แหง่ บคุ คลคนเดียว (ยอ่ มเป็นไปพร้อม) เพ่ือความหมดจดวเิ ศษ แหง่ สตั ว์ ท. ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในขณะนนั้ อ. รถ ท. ๖ อนั ประกอบแล้วด้วยร้อยแหง่ โยชน์ ตสมฺ ึ ขเณ ฉหิ เทวโลเกหิ สพฺพาลงฺการ- ทสี่ องด้วยทงั้ กงึ่ อนั เทยี มแล้วด้วยม้าสนิ ธพพนั หนง่ึ อนั ประดบั เฉพาะแล้ว ปฏิมณฺฑิตา สหสฺสสนิ ฺธวยตุ ฺตา ทิยฑฺฒโยชนสติกา ด้วยเครื่องประดบั ทงั้ ปวง มาแล้ว จากเทวโลก ท. ๖ ฯ ฉ รถา อาคมสึ .ุ อ. เทวดา ท. ยืนแล้ว (บนรถ ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ เตสุ €ติ า เทวตา “อมฺหากํ เทวโลกํ เนสสฺ าม, (อ. เรา ท.) จกั น�ำไป สเู่ ทวโลก ของเรา ท., (อ. เรา ท.) จกั น�ำไป อมหฺ ากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมโฺ ภ มตฺตกิ ภาชนํ สเู่ ทวโลก ของเรา ท., แนะ่ ทา่ นผ้เู จริญ (อ. อบุ าสก) จงบงั เกิด ภินฺทิตฺวา สวุ ณฺณภาชนํ คณฺหนฺโต วิย อมหฺ ากํ ท่ีรถนี ้ เพื่ออนั ยินดียิ่ง ในเทวโลก ของเรา ท. ราวกะ (อ.บคุ คล) เทวโลเก อภิรมิตํุ อิธ นิพฺพตฺตตตู ิ วทสึ .ุ ท�ำลายแล้ว ซงึ่ ภาชนะอนั เป็นวกิ ารแหง่ ดนิ เหนียว ถือเอาอยู่ ซงึ่ ภาชนะอนั เป็นวิการแหง่ ทอง ดงั นี ้ ฯ อ. อบุ าสก ไมป่ รารถนาอยู่ ซงึ่ อนั ตรายแหง่ การฟังซง่ึ ธรรม อุปาสโก ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต กลา่ วแล้ว วา่ (อ. ทา่ น ท.) (ยงั กาล) จงให้มา (อ. ทา่ น ท.) (ยงั กาล) “อาคเมถ อาคเมถาติ อาห. จงให้มา ดงั นี ้ ฯ อ. ภิกษุ ท. เป็นผ้นู ่ิง ได้เป็นแล้ว ด้วยความสำ� คญั วา่ ภิกฺขู “อมเฺ ห วทตีติ สฺาย ตณุ ฺหี อเหสํ.ุ (อ. อบุ าสก) ยอ่ มกลา่ ว กะเรา ท. ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. บตุ รและธิดา อถสสฺ ปตุ ฺตธีตโร “ อมหฺ ากํ ปิ ตา ปพุ ฺเพ ท. ของอบุ าสกนนั้ ร้องแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. บดิ า ของเรา ท. ธมมฺ สสฺ วเนน อตติ ฺโต อโหส,ิ อิทานิ ปน ภิกฺขู เป็นผ้ไู มอ่ ่ิมแล้ว ด้วยการฟังซงึ่ ธรรม ได้เป็นแล้ว ในกาลก่อน, ปกฺโกสาเปตฺวา สชฺฌายํ กาเรตฺวา สยเมว วาเรติ, แตว่ า่ ในกาลนี ้ (อ. บดิ า ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. มรณสสฺ อภายนกสตฺโต นาม นตฺถีติ วริ วสึ .ุ ให้กระท�ำแล้ว ซ่ึงการสาธยาย ย่อมห้าม เองนั่นเทียว, ชื่อ อ. สตั ว์ผ้ไู มก่ ลวั ตอ่ ความตาย ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ ฯ อ. ภิกษุ ท. (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ อ. กาลนี ้ เป็นสมยั มิใช่ ภกิ ขฺ ู โถ“อกทิ ํ าวนีติ ินอาโนเมกตาฺวโสาตสิ ตอึฏุ ฺ€ปาฏยิลาสภนิตาฺวาปกปกฺ ตุมฺเสึ ต.ุ โอกาส (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ หลกี ไปแล้ว ฯ อปุ าสโก อ. อบุ าสก (ยงั กาล) หนอ่ ยหนงึ่ ให้น้อมไปลว่ งวิเศษแล้ว กลบั ได้ ปจุ ฺฉิ “กสฺมา กนฺทถาต.ิ แล้ว ซง่ึ สติ ถามแล้ว ซง่ึ บตุ ร ท. วา่ (อ. เจ้า ท.) ยอ่ มคร่�ำครวญ เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ อ. ทา่ น ท. (ยงั บคุ คล) “ตาต ตมุ เฺ ห ภกิ ขฺ ู ปกโฺ กสาเปตวฺ า ธมมฺ ํ สณุ นตฺ า ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. ฟังอยู่ ซงึ่ ธรรม ห้ามแล้ว เองนน่ั เทียว, สยเมว วารยิตฺถ, อถ มยํ `มรณสสฺ อภายนกสตฺโต ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ. เรา ท. คร่�ำครวญแล้ว นาม นตฺถีติ กนฺทิมหฺ าต.ิ (ด้วยความคดิ ) วา่ ช่ือ อ. สตั ว์ผ้ไู มก่ ลวั ตอ่ ความตาย ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ดงั นี ้ ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 121 www.kalyanamitra.org
อ. อบุ าสก ถามแล้ว วา่ ก็ อ. พระผ้เู ป็นเจ้า ท. (ไปแล้ว) “อยฺยา ปน กุหินฺติ . “ อโนกาโสติ ในที่ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ (อ. ภิกษุ ท.) สอฏทุ ฺฺธ€าึ ยกาเสถนมาีต.ิ ปกฺกนฺตา ตาตาต.ิ “นาหํ อยฺเยหิ (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ (อ. กาลนี)้ เป็นสมยั มิใชโ่ อกาส (ยอ่ มเป็น) “อถ เกน สทฺธึ กเถถาต.ิ ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ หลกี ไปแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ อ. เรา ยอ่ มกลา่ ว กบั ด้วยพระผ้เู ป็นเจ้า ท. หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. ถามแล้ว) วา่ ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ (อ. ทา่ น ท.) ยอ่ มกลา่ ว กบั ด้วยใคร ดงั นี ้ ฯ (อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ อ. เทวดา ท. กระท�ำให้พอแล้ว “ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา ซงึ่ รถ ท. ๖ พามาแล้ว จากเทวโลก ท. ๖ ยืนแล้ว ในอากาศ อาทาย อากาเส €ตฺวา `อมหฺ ากํ เทวโลเก ยอ่ มกระทำ� ซงึ่ เสยี ง วา่ (อ. ทา่ น) จงยนิ ดยี ง่ิ ในเทวโลก ของเรา ท., อภิรมาหิ, อมหฺ ากํ เทวโลเก อภิรมาหีติ สทฺทํ (อ. ทา่ น) จงยนิ ดยี ง่ิ ในเทวโลก ของเรา ท. ดงั น,ี ้ (อ. เรา) ยอ่ มกลา่ ว กโรนฺต,ิ ตาหิ สทฺธึ กเถมีต.ิ “กหุ ึ ตาต รถา, กบั (ด้วยเทวดา ท.) เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. กลา่ วแล้ว), วา่ น มยํ ปสสฺ ามาต.ิ “อตฺถิ ปน มยฺหํ คนฺถิตานิ ข้าแตพ่ อ่ อ. รถ ท. (ยอ่ มมี) ในท่ีไหน, อ. เรา ท. ยอ่ มไมเ่ หน็ ดงั นี ้ฯ ปปุ ผฺ านีต.ิ “อตฺถิ ตาตาต.ิ “กตโร เทวโลโก (อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ก็ อ. ดอกไม้ ท. อนั อนั บคุ คลร้อยแล้ว รมณีโยต.ิ “สพฺพโพธิสตฺตานํ พทุ ฺธมาตาปิ ตนู ฺจ เพื่อเรา มีอยหู่ รือ ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ วสนฏฺ €านํ ตสุ ติ ภวนํ รมณียํ ตาตาต.ิ (อ. ดอกไม้นน่ั ) มีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ. อบุ าสก ถามแล้ว) วา่ อ. เทวโลก ชนั้ ไหน (อนั บคุ คล) พงึ ยินดี ดงั นี ้ ฯ (อ. บตุ ร ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ อ. ภพชื่อวา่ ดสุ ติ อนั เป็นที่เป็นที่อยู่ ของพระโพธิสตั ว์ ทงั้ ปวง ท. ด้วย ของพระมารดาและพระบดิ าของพระพทุ ธเจ้า ท. ด้วย (อนั บคุ คล) พงึ ยินดี ดงั นี ้ ฯ (อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ. เจ้า ท.) “เตนหิ `ตสุ ติ ภวนโต อาคตรเถ ปปุ ผฺ ทามํ อธิษฐานแล้ว วา่ อ. พวงแหง่ ดอกไม้ จงคล้อง ที่รถอนั มาแล้ว ลคฺคตตู ิ ปปุ ผฺ ทามํ ขิปถาต.ิ เต ขิปึส.ุ ตํ รถธเุ ร จากภพช่ือวา่ ดสุ ติ ดงั นี ้ จงซดั ไป ซง่ึ พวงแหง่ ดอกไม้ ดงั นี ้ ฯ ลคฺคติ ฺวา อากาเส โอลมพฺ ิ. มหาชโน ตเทว ปสฺสต,ิ (อ. บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ซดั ไปแล้ว ฯ อ. พวงแหง่ ดอกไม้นนั้ รถํ น ปสสฺ ต.ิ คล้องแล้ว ที่แอกแหง่ รถ ห้อยลงแล้ว ในอากาศ ฯ อ. มหาชน ยอ่ มเหน็ ซงึ่ พวงแหง่ ดอกไม้นนั้ นน่ั เทียว, ยอ่ มไมเ่ หน็ ซง่ึ รถ ฯ อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว วา่ อ. ทา่ น ท. จงดู อปุ าสโก “ปสสฺ เถตํ ปปุ ผฺ ทามนฺติ วตฺวา, ซง่ึ พวงแหง่ ดอกไม้นน่ั ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ เออ (อ. เรา ท.) “อาม ปสสฺ ามาติ วตุ เฺ ต, “เอตํ ตสุ ติ ภวนโต อาคตรเถ ยอ่ มเหน็ ดงั นี ้(อนั บตุ ร ท.) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ อ. พวงแหง่ ดอกไม้ โอลมพฺ ต,ิ อหํ ตสุ ติ ภวนํ คจฺฉามิ, ตมุ เฺ ห นนั่ ยอ่ มห้อยลง ที่รถอนั มาแล้ว จากภพชื่อวา่ ดสุ ติ , อ. เรา จะไป มา จนิ ตฺ ยติ ถฺ , มม สนตฺ เิ ก นพิ พฺ ตตฺ ติ กุ ามา หตุ วฺ า สภู่ พชื่อวา่ ดสุ ติ , อ. เจ้า ท. อยา่ คดิ แล้ว, อ. เจ้า ท. เป็นผ้ใู คร่ มยา กตนิยาเมเนว ปุ ฺ านิ กโรถาติ วตฺวา เพื่ออนั บงั เกิด ในส�ำนกั ของเรา เป็น จงกระท�ำ ซง่ึ บญุ ท. กาลํ กตฺวา ตสุ ติ ภวนโต อาคตรเถ ปตฏิ ฺ€าส.ิ ตามท�ำนองแหง่ บญุ อนั เรากระท�ำแล้วนน่ั เทียว ดงั นี ้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ ยืนอยเู่ ฉพาะแล้ว บนรถอนั มาแล้ว จากภพช่ือวา่ ดสุ ติ ฯ ในขณะนัน้ นั่นเทียว อ.อัตภาพ ของอุบาสก นัน้ ปฏิมตณาฺฑวเทิโตวสสฺ อตตคิ ฺตาภวตุาปโวปฺ มานโิพณฺพสตฏฺตฺ€,ิ สิ กฏอภจาฺฉรราาลสงหกฺ าสรฺส-ํ อนั ประดบั เฉพาะแล้วด้วยเคร่ืองประดบั มเี กวยี นหกสบิ เลม่ เป็นภาระ มีคาวตุ สามเป็นประมาณ บงั เกิดแล้ว, อ.พนั แหง่ นางอปั สร ปริวาเรส,ิ ปจฺ วีสตโิ ยชนิกํ รตนวมิ านํ ปาตรุ โหส.ิ แวดล้อมแล้ว, อ. วิมานอนั สำ� เร็จแล้วด้วยแก้ว อนั ประกอบแล้ว ด้วยโยชน์ ๒๕ ได้มีปรากฏแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. แม้เหลา่ นนั้ เตปิ ภิกฺขู วิหารํ อนปุ ปฺ ตฺเต สตฺถา ปจุ ฺฉิ ผ้ถู งึ โดยล�ำดบั แล้ว ซง่ึ วหิ าร วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. ธรรมเทศนา “สุตา ภิกฺขเว อุปาสเกน ธมฺมเทสนาติ . อนั อบุ าสก ฟังแล้วหรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ “อาม ภนเฺ ต, อนตฺ ราเยว ปน `อาคเมถาติ วาเรส,ิ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ. อยา่ งนนั้ ), แตว่ า่ (อ. อบุ าสก) อถสสฺ ปตุ ฺตธีตโร กนฺทสึ ,ุ ห้ามแล้ว วา่ (อ. ทา่ น ท. ยงั กาล) จงให้มา ดงั นี ้ ในระหวา่ ง นน่ั เทียว, ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ. บตุ รและธิดา ท. ของอบุ าสกนนั้ คร่�ำครวญแล้ว, 122 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. ข้าพระองค์ ท. (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ อ. กาลนี ้ เป็นสมยั มยํ `อิทานิ อโนกาโสติ อฏุ ฺ€ายาสนา นิกฺขนฺตาต.ิ มใิ ชโ่ อกาส (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสะ เป็นผ้อู อกไปแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. อบุ าสก “น โส ภิกฺขเว ตมุ เฺ หหิ สทฺธึ กเถส;ิ ฉหิ ปน นนั้ กลา่ วแล้ว กบั ด้วยเธอ ท. หามิได้ ; แตว่ า่ อ. เทวดา ท. เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาหริตฺวา กระท�ำให้พอแล้ว ซงึ่ รถ ท. ๖ น�ำมาแล้ว จากเทวโลก ท. ๖ ตํ อปุ าสกํ ปกฺโกสสึ ,ุ โส ธมมฺ เทสนาย อนฺตรายํ ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ อบุ าสกนนั้ , อ. อบุ าสกนนั้ ไมป่ รารถนาอยู่ อนิจฺฉนฺโต ตาหิ สทฺธึ กเถสตี .ิ ซงึ่ อนั ตรายแหง่ การฟังซงึ่ ธรรม กลา่ วแล้ว กบั ด้วยเทวดา ท. เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “เอวํ ภนฺเตต.ิ อ. อยา่ งนนั้ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ “เอวํ ภิกฺขเวติ. ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. อยา่ งนนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) “อิทานิ กหุ ึ นิพฺพตฺโตต.ิ วา่ ในกาลนี ้ (อ. อบุ าสกนนั้ ) บงั เกิดแล้ว ในท่ีไหน ดงั นี ้ ฯ “ตสุ ติ ภวเน ภิกฺขเวต.ิ (อ. พระศาสดา ตรสั แล้ว) วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ. อบุ าสกนนั้ บงั เกดิ แล้ว) ในภพชื่อวา่ ดสุ ติ ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (อ.อุบาสกนัน้ ) เที่ยวบันเทิงอยู่แล้ว “ภนฺเต อิธ าตมิ ชฺเฌ โมทมาโน จริตฺวา ปนุ ในทา่ มกลางแหง่ ญาติ ในโลกนี ้ บงั เกิดแล้ว ในท่ีเป็นที่บนั เทิงอีก โมทนฏฺ€าเนเยว นิพฺพตฺโตต.ิ นนั่ เทียวหรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา) ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ. อยา่ งนนั้ ) “อาม วาภิกสฺขพเวฺพ,ตอฺถปปฺ โมมทตนฺตฺตาเิ ยวหาิ ติคหวฏตฺฺว€าา วา เพราะวา่ อ. คฤหสั ถ์ ท. หรือ หรือวา่ อ. บรรพชติ ท. ผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว ปพฺพชิตา อิมํ ยอ่ มบนั เทิง ในท่ีทงั้ ปวงนน่ั เทียว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถานี ้ วา่ คาถมาห (อ. บคุ คล) ผูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ ย่อมบนั เทิง ในโลกนี้ “อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ ละไปแลว้ ย่อมบนั เทิง ย่อมบนั เทิง ในโลกทงั้ สอง, อ. บคุ คล กตปุ ฺโ อภุ ยตฺถ โมทติ, ผูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ นนั้ เห็นแลว้ ซ่ึงความหมดจดวิเศษ- โส โมทติ โส ปโมทติ แห่งกรรม ของตน ย่อมบนั เทิง อ. บคุ คลผูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ ทิสวฺ า กมฺมวิสทุ ฺธิมตฺตโนติ. นนั้ ย่อมบนั เทิงทว่ั ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คล ผ้กู ระท�ำ ซง่ึ กศุ ล มีประการตา่ งๆ ตตฺถ กตปุญโฺ ญต:ิ นานปปฺ การสสฺ กสุ ลสสฺ ยอ่ มบนั เทิง ด้วยความบนั เทิงเพราะกรรม ในโลกนี ้ วา่ อ.กรรม การโก ปคุ ฺคโล “อกตํ วต เม ปาปํ , กตํ วต เม อนั ลามก อนั เรา ไมก่ ระท�ำแล้วหนอ, อ.กรรมอนั งาม อนั เรา กลฺยาณนฺติ อิธ กมมฺ โมทเนน โมทติ , เปจฺจ กระท�ำแล้วหนอ ดงั นี,้ ละไปแล้ว ยอ่ มบนั เทิง ด้วยความบนั เทิง วิปากโมทเนน โมทต,ิ เอวํ อภุ ยตฺถ โมทติ นาม. เพราะวิบาก, ช่ือวา่ ยอ่ มบนั เทิง ในโลกทงั้ สอง อยา่ งนี ้ (ดงั นี)้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ กตปุญโฺ ญ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ แม้ อ.อบุ าสกผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม เหน็ แล้ว กมมฺ วสิ ุทธฺ ินฺต:ิ ธมฺมิกอปุ าสโกปิ อตฺตโน ซง่ึ ความหมดจดวิเศษแหง่ กรรม คือวา่ ซง่ึ ความถงึ พร้อมแหง่ กรรม กมมฺ วสิ ทุ ฺธึ ปุ ฺกมมฺ สมปฺ ตฺตึ ทิสฺวา กาลกิริยโต คอื บญุ ของตน ยอ่ มบนั เทงิ แม้ในโลก นี ้ในกาลกอ่ น แตก่ ารกระทำ� ปพุ ฺเพ อิธ โลเกปิ โมทต,ิ กาลํ กตฺวา อิทานิ ซง่ึ กาละ, กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ ยอ่ มบนั เทิงทวั่ คือวา่ ยอ่ มบนั เทิงยิ่ง ปรโลเกปิ ปโมทติ อตโิ มทตเิ ยวาต.ิ นนั่ เทียว แม้ในโลกอื่น ในกาลนี ้ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ กมมฺ วสิ ุทธฺ ึ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็ นที่สุดลงรอบแห่งพระคาถา (อ.ชน ท.) มาก คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหส,ํุ เป็ นพระอริยบุคคลมีพระโสดาบัน เป็ นต้น ได้เป็ นแล้ว , มหาชนสสฺ สาตฺถิกา ธมมฺ เทสนา ชาตาต.ิ อ.พระธรรมเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ เกิดแล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ือง แห่งอุบาสกผู้ตงั้ อยู่ในธรรม (จบแล้ว) ฯ ธมมฺ กิ อุปาสกวตถฺ ุ. ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 123 www.kalyanamitra.org
๑๒. อ.เร่ืองแห่งพระเทวทตั ๑๒. เทวทตตฺ วตถฺ ุ. (๑๒) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อธิ ตปปฺ ติ เปจจฺ ตปปฺ ตตี ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ ซ่ึงพระเทวทัต ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถส.ิ อธิ ตปปฺ ติ เปจจฺ ตปปฺ ติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ. เรื่อง แหง่ พระเทวทตั (อนั พระศาสดา) ทรงยงั ชาดก ท. ป€วิปเทปฺ วเวทสตนฺตาสสฺ เทววทตตฺถฺตํุ ปํ พอฺพารชพิตฺภกาภลาโตสติ ปาฏนฺ€ิ าสยพฺพยาานวิ ทงั้ ปวง อนั อนั พระองค์ ทรงปรารภ ซงึ่ พระเทวทตั ตรัสแล้ว ให้พิสดารแล้ว ตรัสแล้ว จ�ำเดมิ แตก่ าล (แหง่ พระเทวทตั ) บวชแล้ว ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป: เพียงใด แตก่ ารเข้าไปสแู่ ผน่ ดนิ ฯ ก็ อ. เนือ้ ความยอ่ ในเรื่อง แหง่ พระเทวทตั นี ้นี ้: อ. นคิ ม ของเจ้ามลั ละ ท. ชอื่ วา่ อนปุ ิยะ (ใด), ครนั้ เมอ่ื พระศาสดา สตฺถริ, อนปุ ิ ยํ นาม มลลฺ านํ นิคโม , ทรงอาศยั ซง่ึ นิคมนนั้ เสดจ็ ประทบั อยอู่ ยู่ ในป่ าแหง่ ไม้มะมว่ งช่ือ ตํ นิสสฺ าย อนปุ ิ ยมพฺ วเน วิหรนฺเตเยว, ตถาคตสฺส วา่ อนปุ ิ ยะนน่ั เทียว, อ. พระโอรสมีพนั แปดสบิ เป็นประมาณ ท. ลกฺขณปฏิคฺคหณทิวเสเยว อสตี สิ หสเฺ สหิ าตกิ เุ ลหิ อนั ตระกลู แหง่ พระญาติ ท. มพี นั แปดสบิ เป็นประมาณ ทรงปฏญิ ญาแลว้ “ราชา วา โหตุ พทุ ฺโธ วา, ขตฺตยิ ปริวาโร วา่ (อ. เจ้าชายสทิ ธตั ถะ) เป็นพระราชา หรือ หรือวา่ เป็นประพทุ ธเจ้า วิจริสฺสตีติ อสีติสหสฺสปุตฺตา ปฏิฺาตา, จงเป็น, เป็นผ้มู ีกษัตริย์เป็นบริวาร (เป็น) จกั เสดจ็ เที่ยวไป ดงั นี ้ ในวนั เป็นทร่ี ับเฉพาะซง่ึ พระลกั ษณะ แหง่ พระตถาคตเจ้านน่ั เทยี ว ฯ ครนั้ เมอื่ พระโอรส ท. เหลา่ นนั้ ผนวชแล้ว โดยมาก, (อ. พระญาติ ท.) เตสุ เยภยุ ฺเยน ปพฺพชิเตส,ุ “ภทฺทิยราชานํ อนรุ ุทฺธํ ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ เจ้าศากยะ ท. ๖ เหลา่ นี ้ คือ ซง่ึ พระราชา อานนฺทํ ภคํุ กิมพฺ ิลํ เทวทตฺตนฺติ อิเม ฉ สกฺเก พระนามวา่ ภทั ทิยะ ซง่ึ เจ้าอนรุ ุทธ์ ซงึ่ เจ้าอานนท์ ซงึ่ เจ้าภคุ อปพพฺ ชนเฺ ต ทสิ วฺ า “มยํ อตตฺ โน ปตุ เฺ ต ปพพฺ าเชม, ซงึ่ เจ้ากมิ พลิ ะ ซง่ึ เจ้าเทวทตั ผ้ไู มผ่ นวชอยู่ ยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อิเม ฉ สกฺกา น าตกา มฺเ; ตสฺมา ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว วา่ อ. เรา ท. ยงั บตุ ร ท. ของตน ให้บวชอย,ู่ น ปพฺพชนฺตีติ กถํ สมฏุ ฺ€าเปส.ํุ อ. เจ้าศากยะ ท. ๖ เหลา่ นี ้ เหน็ จะเป็นผ้มู ิใชญ่ าติ (ยอ่ มเป็น) ; เพราะเหตนุ นั้ (อ. เจ้าศากยะ ท. เหลา่ นี)้ ยอ่ มไมบ่ วช ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. เจ้าศากยะ พระนามวา่ มหานาม เสดจ็ เข้าไปหาแล้ว อถ มหานาโม สกฺโก อนรุ ุทฺธํ อปุ สงฺกมิตฺวา ซงึ่ เจ้าอนรุ ุทธ์ ตรัสแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ (อ. บคุ คล) ผ้บู วชแล้ว “ตาต อมหฺ ากํ กลุ า ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตฺวํ วา จากตระกลู ของเรา ท. ยอ่ มไมม่ ี, อ. เจ้า จงบวชหรือ, หรือวา่ ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามีติ อาห. อ. เรา จกั บวช ดงั นี ้ ฯ ก็ อ. เจ้าอนรุ ทุ ธน์ นั้ เป็นผ้ลู ะเอยี ดออ่ น เป็นผ้มู โี ภคะอนั ถงึ พร้อมแล้ว โส ปน สขุ มุ าโล โหติ สมปฺ นฺนโภโค, “นตฺถีติ ยอ่ มเป็น, แม้ อ. ค�ำ วา่ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ เป็นค�ำอนั เจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ วจนมปฺ ิ เตน น สตุ ปพุ ฺพํ. ไมเ่ คยทรงสดบั แล้ว (ยอ่ มเป็น) ฯ จริงอยู่ ในวนั หนง่ึ ครัน้ เมื่อกษัตริย์ ท. ๖ เหลา่ นนั้ ทรงเลน่ อยู่ เอกทวิ สํ หิ เตสุ ฉสุ ขตตฺ เิ ยสุ คฬุ กฬี าย กฬี นเฺ ตส,ุ ด้วยการเลน่ ซง่ึ ขลบุ , อ. เจ้าอนรุ ุทธ์ ทรงแพ้แล้ว ด้วยขนม อนรุ ุทฺโธ ปเู วน ปราชิโต ปวู ตฺถาย ปหิณิ. ทรงสง่ ไปแล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ) เพื่อประโยชน์แก่ขนม ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระมารดา ของเจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ ทรงจดั แจงแล้ว อถสฺส ปมนาตกาีฬสึ ป.ุ ูเว สชฺเชตฺวา ปหิณิ. ซง่ึ ขนม ท. ทรงสง่ ไปแล้ว ฯ อ. กษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ เสวยแล้ว เต ขาทิตฺวา ทรงเลน่ แล้ว อีก ฯ อ. ความแพ้ ยอ่ มมี แก่เจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ นนั่ เทียว บอ่ ย ๆ ฯ ปนุ ปปฺ นุ ํ ตสเฺ สว ปราชโย โหต.ิ มาตา ปนสสฺ สว่ นวา่ อ. พระมารดา ของเจ้าอนรุ ุทธน์ นั้ (ครนั้ เมอื่ บรุ ุษ อนั เจ้าอนรุ ุทธ)์ ปหิเต ปหิเต ตกิ ฺขตฺตํุ ปเู ว ปหิณิตฺวา จตตุ ฺถวาเร ทรงสง่ ไปแล้ว ๆ ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ ขนม ท. สามครัง้ ทรงสง่ ไปแล้ว “ปวู า นตฺถีติ ปหิณิ. (ซง่ึ ขา่ วสาส์น) (มีอนั ให้รู้) วา่ อ. ขนม ท. ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ในวาระที่ ๔ ฯ 124 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. เจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ ทรงส�ำคญั อยู่ วา่ (อ. ขนมอนั บคุ คลกระท�ำ โส “ นตฺถีติ วจนสฺส อสฺสุตปุพฺพตฺตา ให้แปลก) แม้นน่ั เป็นขนมอนั บคุ คลกระท�ำให้แปลก ชนิดหนง่ึ “เอสาเปกา ปวู วกิ ติ ภวสิ ฺสตีติ มฺมาโน จกั เป็น ดงั นี ้ เพราะความท่ี แหง่ ค�ำ วา่ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ เป็นค�ำ “นตฺถิปวู เมว อาหรถาติ เปเสส.ิ อนั พระองค์ไมเ่ คยทรงสดบั แล้ว ทรงสง่ ไปแล้ว (ซง่ึ บรุ ุษ) (ด้วยค�ำ) วา่ อ. ทา่ น ท. จงน�ำมา ซง่ึ ขนมไมม่ ี นน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ สว่ นวา่ อ. พระมารดา ของเจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ , (ครัน้ เมื่อค�ำ) มาตา ปนสสฺ , “นตฺถิปวู ํ กิร อยฺเย เทถาติ วา่ ข้าแตพ่ ระแมเ่ จ้า ได้ยินวา่ (อ. พระองค์ ท.) ขอจงประทาน วตุ ฺเต, “มม ปตุ ฺเตน `นตฺถีติ ปทํ น สตุ ปพุ ฺพํ, ซงึ่ ขนมไมม่ ี ดงั นี ้(อนั บรุ ุษ ท.) ทลู แล้ว, (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ. บท วา่ อิมินา ปน อปุ าเยน เอตมตฺถํ ชานาเปสฺสามีติ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ เป็นบทอนั บตุ ร ของเรา ไมเ่ คยฟังแล้ว (ยอ่ มเป็น), ตจุ ฺฉํ สวุ ณฺณปาตึ อฺ าย สวุ ณฺณปาตยิ า แตว่ า่ (อ. เรา) ยงั บตุ ร จกั ให้รู้ ซง่ึ เนือ้ ความนน่ั ด้วยอบุ ายนี ้ ดงั นี ้ ปฏิกชุ ฺชิตฺวา เปเสส.ิ ทรงครอบแล้ว ซงึ่ ถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง อนั เปลา่ ด้วยถาด อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง อื่น ทรงสง่ ไปแล้ว ฯ อ. เทวดา ท. ผ้ถู อื เอารอบซงึ่ เมอื ง คดิ กนั แล้ว วา่ อ. ความปรารถนา นครปริคคฺ าหกิ า เทวตา จนิ เฺ ตสํุ “อนรุ ุทธฺ สกเฺ กน วา่ อ. อนั ฟัง ซงึ่ ค�ำ วา่ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ จงอยา่ มี แก่เรา, อ. อนั รู้ อนนฺ ภารกาเล อตตฺ โน ภาคภตตฺ ํ อปุสรวฏิ นฺ€ํปจมเฺ จากพทุ โธฺหสตสฺ ,ุ ซงึ่ ท่ีเป็นที่เกิดขนึ ้ แหง่ โภชนะ จงอยา่ มี ดงั นี ้ อนั เจ้าศากยะ ทตฺวา `นตฺถีติ เม วจนสสฺ พระนามวา่ อนรุ ุทธ์ ทรงถวายแล้ว ซง่ึ ภตั รอนั เป็นสว่ น ของพระองค์ สโภจชานยปุํ ปฺ ตตจุ ฺตฺฉฏิ ปฺ€าาตนึ ชาปนสนสฺ ํ สิ มสฺ ตา;ิ โหตตู ิ ปตฺถนา กตา, แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้าชื่อวา่ อปุ ริฏฐะ กระท�ำแล้ว ในกาลแหง่ ตน เทวสมาคมํ ปวสิ ติ ํุ เป็นบรุ ุษชื่อวา่ อนั นภาระ , ถ้าวา่ (อ. เจ้าอนรุ ุทธ์)นี ้ จกั ทรงเหน็ น ลภิสฺสาม, สีสมปฺ ิ โน สตฺตธา ผเลยฺยาต.ิ ซงึ่ ถาดอนั เปลา่ ไซร้ ; (อ.เรา ท.) จกั ไมไ่ ด้ เพ่ืออนั เข้าไป สสู่ มาคม แหง่ เทพ, แม้ อ. ศีรษะ ของเรา ท. พงึ แตก โดยสว่ นเจ็ด ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. เทวดา ท.) ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ถาดนนั้ ให้เป็นถาด อถ นํ ปาตึ ทิพฺพปเู วหิ ปณุ ฺณํ อกํส.ุ เตม็ แล้ว ด้วยขนมทิพย์ ท. ฯ (เม่ือถาด) นนั้ เป็นถาดสกั วา่ อนั บรุ ุษ ตสฺสา คฬุ มณฺฑเล €เปตฺวา อคุ ฺฆาฏิตมตฺตาย วางแล้ว บนสนามเป็นทเี่ ลน่ ซง่ึ ขลบุ เปิดแล้ว (มอี ย)ู่ อ. กลนิ่ แหง่ ขนม ปวู คนฺโธ สกลนครํ ฉาเทตฺวา €โิ ต. ปวู ขณฺฑํ มเุ ข ตงั้ ปกปิ ดแล้ว ซง่ึ เมืองทงั้ สนิ ้ ฯ อ. ชิน้ แหง่ ขนม สกั วา่ €ปิ ตมตฺตเมว สตฺตรสหรณีสหสสฺ านิ อนผุ ริ. (อนั กษตั ริย์ ท.) ทรงวางไว้แล้ว ในพระโอฏฐ์ นนั่ เทยี ว แผไ่ ปตามแล้ว สพู่ นั แหง่ ประสาทเป็นเคร่ืองน�ำไปซงึ่ รสเจ็ด ท. ฯ อ. เจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ. เรา เป็นผ้เู ป็นท่ีรัก โส จินฺเตสิ “นาหํ มาตุ ปิ โย, เอตฺตกํ เม กาลํ แหง่ พระมารดา (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้, (อ. พระมารดา) ไมท่ รงทอดแล้ว อิมํ นตฺถิปวู นฺนาม น ปจิ, คอนิโฺตตฺวาปฏมฺ €าาตยรํ อฺ ํ ช่ือซง่ึ ขนมไมม่ ี นี ้ แก่เรา สนิ ้ กาล มีประมาณเทา่ นี,้ (อ. เรา) ปวู ํ น ขาทิสสฺ ามีติ เคหํ ปจุ ฺฉิ จกั ไมเ่ คีย้ วกิน ซงึ่ ขนม อื่น จ�ำเดมิ แตก่ าลนี ้ ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว “อมมฺ ตมุ หฺ ากํ อหํ ปิ โย, อปปฺ ิ โยต.ิ สตู่ ำ� หนกั ทลู ถามแล้ว ซง่ึ พระมารดา วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ อ. หมอ่ มฉนั เป็นผ้เู ป็นทร่ี กั ของพระองค์ ท. (ยอ่ มเป็น หรือ), (หรือวา่ อ. หมอ่ มฉนั ) เป็นผ้ไู มเ่ ป็นท่ีรัก (ของพระองค์ ท. ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระมารดา ตรัสแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ (อ. เจ้า) เป็นผ้เู ป็นทรี่ ักยง่ิ “ ตาต เอกกฺขิโน อกฺขิ วยิ หทยํ วยิ จ ของเรา (ยอ่ มเป็น) ราวกะ อ. นยั นต์ า ของบคุ คล ผ้มู นี ยั นต์ าข้างเดยี วด้วย อตปิ ิ โย เมต.ิ ราวกะ อ. หวั ใจด้วย ดงั นี ้ ฯ (อ. เจ้าอนรุ ุทธ์ ทลู แล้ว) วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ ครัน้ เม่ือความเป็น “อถ กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ นตฺถิปวู ํ น อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ (อ. พระองค์ ท.) ไมท่ รงทอดแล้ว ซงึ่ ขนมไมม่ ี ปจิตฺถ อมมฺ าต.ิ แก่หมอ่ มฉนั สนิ ้ กาลมีประมาณเทา่ นี ้ เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ อ. พระมารดานนั้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ จลุ ลปุ ัฏฐาก วา่ แนะ่ พอ่ สา จลุ ลฺ ปุ “ฏปฺ€าริปกํณุ ฺณปาจุ ฺฉิ “อตฺถิ กิฺจิ ปาตยิ ํ (อ. อาหารวตั ถ)ุ ไร ๆ มีอยู่ ในถาดหรือ ดงั นี ้ฯ (อ. บรุ ุษนนั้ ทลู แล้ว) ตาตาต.ิ อยฺเย ปาตี ปเู วหิ , ว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า อ. ถาด เต็มรอบแล้ว ด้วยขนม ท., เอวรูปา ปวู า นาม เม น ทิฏฺ€ปพุ ฺพาต.ิ ชอ่ื อ. ขนม ท. มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป เป็นขนมอนั ข้าพระองคไ์ มเ่ คยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ อ. พระมารดานนั้ ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ. บตุ ร ของเรา เป็นผ้มู ีบญุ สา จินฺเตสิ “ มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา เป็นผ้มู ีอภินิหารอนั กระท�ำแล้ว จกั เป็น, กตาภินีหาโร ภวสิ สฺ ต,ิ ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 125 www.kalyanamitra.org
(อ. ขนม ท.) เป็นขนมอนั เทวดา ท. ยงั ถาดให้เตม็ แล้ว สง่ ไปแล้ว เทวตาหิ ปาตึ ปเู รตฺวา ปหิตา ภวสิ สฺ นฺตีต.ิ จกั เป็น ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระโอรส (ทลู แล้ว) กะพระมารดานนั้ นอถขานทํ ปิสตฺสุ โฺาตมิ,“อนมตมฺ ฺถิปอวูโิ ตเมปวฏปฺ€าเจยยาฺยหาํ สอีต.ิ ฺ ํ ปวู นนฺ าม วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ อ. หมอ่ มฉนั จกั ไมเ่ คีย้ วกิน ช่ือซง่ึ ขนม อื่น จ�ำเดมิ แตก่ าลนี,้ (อ. พระองค์) พงึ ทรงทอด ซง่ึ ขนมไมม่ ีนนั่ เทียว ดงั นี ้ฯ อ. พระมารดาแม้นนั้ , (ครัน้ เมอื่ คำ� ) วา่ (อ. หมอ่ มฉนั ) เป็นผ้ใู คร่ วตุ เฺ ตส, าปติ สจุ สฺฉฺ ปตาตโตเิ มวปฏอฺ€ายฺ ,าย“ปปวู าํ ตขยิ าาทิตปกุ ฏากิ โชุมชฺ มติ หฺ วฺ ีตาิ เพ่ืออนั เคีย้ วกิน ซงึ่ ขนม ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (อนั พระโอรส) ทลู แล้ว, ทรงครอบแล้ว ซง่ึ ถาดเปลา่ นน่ั เทียว ด้วยถาด อ่ืน ทรงสง่ ไปแล้ว เปเสส.ิ ยาว อคารมชฺเฌ วส,ิ ตาวสฺส เทวตา แกพ่ ระโอรสนนั้ จำ� เดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ (อ. เจ้าอนรุ ุทธ์) ประทบั อยแู่ ล้ว ทิพฺพปเู ว ปหิณสึ .ุ ในทา่ มกลางแหง่ เรือน เพยี งใด, อ. เทวดา ท. สง่ ไปแล้ว ซงึ่ ขนมทพิ ย์ ท. แก่เจ้าอนรุ ุทธ์นนั้ เพียงนนั้ ฯ อ. เจ้าอนรุ ุทธน์ นั้ ไมท่ รงทราบอยู่ ซง่ึ เหตุ แม้มปี ระมาณเทา่ นนั้ โส เอตฺตกํปิ อชานนฺโต ปพฺพชฺชนฺนาม กึ จกั ทรงทราบ ชอ่ื ซงึ่ การบวช อยา่ งไร, เพราะเหตนุ นั้ (อ. เจ้าอนรุ ุทธน์ นั้ ) ชานิสสฺ ต,ิ ตสฺมา “กา เอสา ปพฺพชฺชา นามาติ ทลู ถามแล้ว ซงึ่ พระภาดา วา่ ช่ือ อ. การบวช นน่ั อะไร ดงั นี,้ ภาตรํ ปจุ ฉฺ ติ วฺ า, “โอหาริตเกสมสสฺ นุ า กาสายนวิ ตเฺ ถน (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อนั บรรพชิต) ผ้มู ีผมและหนวดอนั ปลงแล้ว จกฏรนฺ€ตฺเตถฺ นเร วา วทิ ลมจฺ เก วา นปิ ชชฺ ติ วฺ า ปิณฑฺ าย ผ้มู ผี ้ากาสายะอนั นงุ่ แล้ว ผ้นู อนแล้ว บนทเี่ ป็นทปี่ ลู าดด้วยทอ่ นไม้หรือ วิหริตพฺพํ, เอสา ปพฺพชฺชา นามาติ หรือวา่ บนเตยี งอนั บคุ คลถกั แล้วด้วยหวาย เทยี่ วไปอยู่ เพอ่ื ก้อนข้าว วตุ ฺเต, “ภาตกิ อหํ สขุ มุ าโล, นาหํ สกฺขิสสฺ ามิ พงึ อย,ู่ อ. จริยานนั่ ชอ่ื วา่ เป็นการบวช (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(อนั พระภาดา) ปพฺพชิตนุ ฺติ อาห. ตรัสแล้ว, ทลู แล้ว วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ พี่ อ. หมอ่ มฉนั เป็นผ้ลู ะเอียดออ่ น (ยอ่ มเป็น), อ. หมอ่ มฉนั จกั ไมอ่ าจ เพ่ืออนั บวช ดงั นี ้ ฯ (อ. พระภาดา) ตรัสแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ. เจ้า) “เตนหิ ตาต กมมฺ นฺตํ อคุ ฺคเหตฺวา ฆราวาสํ เรียนเอาแล้ว ซงึ่ การงาน จงอยู่ อยคู่ รองซงึ่ เรือน, เพราะวา่ วส, น หิ สกฺกา อมเฺ หสุ เอเกน อปพฺพชิตนุ ฺติ อาห. ในเรา ท. หนา (อนั บคุ คล) คนหนง่ึ ไมอ่ าจ เพ่ืออนั ไมบ่ วช ดงั นี ้ ฯ อถ นํ “โก เอโส กมมฺ นฺโต นามาติ ปจุ ฺฉิ. ครัง้ นนั้ (อ. เจ้าอนรุ ุทธ์) ทลู ถามแล้ว ซงึ่ พระภาดานนั้ วา่ นภาตมฺตฏุ ฺ€กาึ นชฏาฺ€นาิสนฺสํปติ .ิ อชานนฺโต กลุ ปตุ ฺโต กมฺมนฺตํ ชื่อ อ. การงาน นน่ั อะไร ดงั นี ้ ฯ อ. กลุ บตุ ร ผ้ไู มร่ ู้อยู่ แม้ซง่ึ ท่ีเป็นที่ตงั้ ขนึ ้ แหง่ ข้าวสวย จกั รู้ ชื่อซงึ่ การงาน อะไร ฯ ก็ ในวนั หนงึ่ อ. วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ได้เกดิ ขนึ ้ แล้ว แกก่ ษตั ริย์ ท. เอกทิวสํ หิ ตณิ ฺณํ ขตฺตยิ านํ กถา อทุ ปาทิ ๓ วา่ ช่ือ อ. ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในท่ีไหน ดงั นี ้ ฯ อ. เจ้ากิมพิละ อ“ออภฏฏฏุุุ ตฺฺฺ€€€ฺตหหานํตตฏีีตตนฺ€.ิิาามอนาํ หก.นหุ อึ ถอชฏุ าฺ€นนหําตสภีต,ิ ท.ิ ฺทกภิโิมตยพฺ ฺติโนลฺน“าตอมฺวาํห ภ“ตโกฺตฏสฺ เสฺ € ตรัสแล้ว วา่ (อ. ข้าวสวย) ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในฉาง ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อกุ ฺขลยิ ํ อ. เจ้าภทั ทิยะ ตรัสแล้ว กะเจ้ากิมพิละนนั้ วา่ อ. ทา่ น ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ ที่เป็นท่ีตงั้ ขนึ ้ แหง่ ข้าวสวย , ชื่อ อ. ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในหม้อข้าว ดงั นี ้ ฯ อ. เจ้า อนรุ ุทธ์ ตรัสแล้ว วา่ อ. ทา่ น ท. แม้สอง ยอ่ มไมร่ ู้, อนรุ ุทฺโธ “ตมุ เฺ ห เทฺวปิ น ชานาถ, ภตฺตนฺนาม ช่ือ อ. ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง มีศอกก�ำ รตนมกลุ าย สวุ ณฺณปาตยิ ํ อฏุ ฺ€หตีติ อาห. เป็นประมาณ ดงั นี ้ ฯ ได้ยินวา่ ในวนั หนงึ่ ในกษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ หนา อ. เจ้ากิมพิละ เตสุ กิร ทิสเอฺวากภททิว“สเฺทอํ ิโเยตกปิิมโพฺเกอิโฏกลฺ€ทเกิวโสเกยํ ฏวฺ€อโตชกุ าฺขตลวาโิ ีหตตีิ ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ ข้าวเปลอื ก ท. (อนั บคุ คล) ให้ข้ามลงอยู่ จากฉาง โอตาริยมาเน เป็นผ้มู ีความสำ� คญั วา่ อ. ข้าวเปลือก ท. เหลา่ นนั่ เกิดแล้ว ในฉาง สฺ ี อโหส.ิ นน่ั เทยี ว ดงั นี ้ได้เป็นแล้ว, ในวนั หนง่ึ แม้ อ. เจ้าภทั ทยิ ะ ทรงเหน็ แล้ว ภตตฺ ํ วฑฒฺ ยิ มานํ ทสิ วฺ า “อกุ ขฺ ลยิ เฺ ว อปุ ปฺ นนฺ นตฺ ิ ซงึ่ ข้าวสวย (อนั บคุ คล) คดอยู่ จากหม้อข้าว เป็นผ้มู ีความสำ� คญั สฺี อโหส.ิ วา่ (อ. ข้าวสวยนนั่ ) เกดิ ขนึ ้ แล้ว ในหม้อข้าวนนั่ เทยี ว ดงั นี ้ได้เป็นแล้ว ฯ 126 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
สว่ นวา่ (อ. ชน ท.) ผ้ซู ้อมอยู่ ซงึ่ ข้าวเปลือก ท. (เป็นผ้)ู ปปเนจนอปตฺ นารุ รุโุทตวฺเาธน€ปวิฑตปเฺเนมฒวนเนตฺปวาสฺสววตาีหิ.ีทโฏิ กฺ€ฏปฺเพุฏพฺนฺตา,าวฑนฺเฒภตตวฺ ฺตาํ อนั เจ้าอนรุ ุทธ์ ไม่ (เคยทรงเหน็ แล้ว) นน่ั เทยี ว (ยอ่ มเป็น) (อ. ชน ท.) ผ้หู งุ อยู่ ซง่ึ ข้าวสวยหรือ หรือวา่ ผู้ (ยงั ข้าวสวย) ให้เจริญอยู่ เป็นผู้ (อนั เจ้าอนรุ ุทธ์) ไมเ่ คยทรงเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น), แตว่ า่ (อ. เจ้าอนรุ ุทธ)์ ยอ่ มทรงเหน็ (ซง่ึ ข้าวสวย) อนั อนั บคุ คลให้เจริญแล้ว ตงั้ ไว้แล้ว ข้างพระพกั ตร์นน่ั เทียว ฯ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์นน่ั ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ ความส�ำคญั วา่ โส “ภุ ชฺ ิตกุ ามกาเล ภตฺตํ ภปตาฺตตฏุ ยิ ฺ€ํ าอนฏุฏฺฺ€€หานตํปีติ ิ อ. ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในถาด ในกาลแหง่ บคุ คลเป็นผ้ใู คร่ สฺ มกาส.ิ เอวํ ตโยปิ เต เพ่ืออนั บริโภค ดงั นี ้ ฯ อ. กษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ แม้สาม น ชานนฺต.ิ ยอ่ มไมท่ รงทราบ แม้ซง่ึ ทเี่ ป็นทตี่ งั้ ขนึ ้ แหง่ ข้าวสวย ด้วยประการฉะนี ้ ฯ เพราะเหตนุ นั้ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์นีท้ ลู ถามแล้ววา่ ชื่ออ.การงานนนั่ เตนายํ “โก เอส กมมฺ นฺโต นามาติ ปจุ ฺฉิตฺวา อะไร ดงั นี ้ ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ กิจ อนั บคุ คลพงึ กระท�ำ ในปี ๆ “ป€มํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพนฺตอิ าทิกํ สํวจฺฉเร อนั มีค�ำ วา่ อ. นา (อนั เจ้า) พงึ ให้ไถ ก่อน ดงั นีเ้ป็นต้น ตรัสแล้ว วา่ สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ กิจฺจํ สตุ ฺวา “กทา กมมฺ นฺตานํ ในกาลไร อ. ท่ีสดุ แหง่ การงาน ท. จกั ปรากฏ, ในกาลไร อ. เรา ท. อนฺโต ปฺ ายิสสฺ ต,ิ กทา มยํ อปโฺ ปสฺสกุ ฺกา โภเค ผ้มู ีความขวนขวายน้อย จกั ใช้สอย ซง่ึ โภคะ ท. ดงั นี ้ , ครัน้ เมื่อ ภุ ฺชิสสฺ ามาติ วตฺวา, กมมฺ นฺตานํ อปริยนฺตตาย ความที่แหง่ การงาน ท. เป็นสภาพไมม่ ีท่ีสดุ รอบ อนั พระภาดา อกฺขาตาย, “เตนหิ ตฺวเฺ ว ฆราวาสํ วส, ตรัสบอกแล้ว, ทลู แล้ว วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. พระองค์นนั่ เทียว น มยหฺ ํ เอเตน อตโฺ ถติ วตวฺ า มาตรํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า จงประทบั อยู่ อยคู่ รองซงึ่ เรือน, อ. ความต้องการ (ด้วยการอยู่ “อนชุ านาหิ มํ อมมฺ , อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ วตฺวา, ครองซง่ึ เรือน) นน่ั ยอ่ มไมม่ ี แก่หมอ่ มฉนั ดงั นี ้ เสดจ็ เข้าไปหาแล้ว ตาย ตกิ ฺขตฺตํุ ปฏิกฺขิปิ ตฺวา “สเจ เต สหายโก ซงึ่ พระมารดา ทลู แล้ว วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ (อ. พระองค)์ ขอจงทรงอนญุ าต ภทฺทิยราชา ปพฺพชิสสฺ ต,ิ เตน สทฺธึ ปพฺพชาหีติ ซงึ่ หมอ่ มฉนั เถิด, อ. หมอ่ มฉนั จกั บวช ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อพระด�ำรัส) วตุ ฺเต, ตํ อปุ สงฺกมิตฺวา “มม โข สมมฺ ปพฺพชฺชา วา่ ถ้าวา่ อ. พระราชาพระนามวา่ ภทั ทิยะ ผ้เู ป็นสหาย ของเจ้า ตว ปฏิพทฺธาติ วตฺวา ตํ นานปปฺ กาเรหิ สฺ าเปตฺวา จกั ผนวชไซร้ , (อ. เจ้า) จงบวช กบั ด้วยพระราชานนั้ ดงั นี ้ สตฺตเม ทิวเส อตฺตนา สทฺธึ ปพฺพชตฺถาย ปฏิฺํ (อนั พระมารดา) นนั้ ทรงห้ามแล้ว ๓ ครงั้ ตรสั แล้ว, เสดจ็ เข้าไปหาแล้ว คณฺหิ. ซงึ่ พระราชานนั้ ทลู แล้ววา่ แนะ่ สหาย อ. การบวช แหง่ หมอ่ มฉนั แล เนอ่ื งเฉพาะแล้ว ด้วยพระองค์ ดงั นี ้ทรงยงั พระราชานนั้ ให้รู้พร้อมแล้ว ด้วยประการตา่ ง ๆ ท. ทรงรับแล้ว ซง่ึ ปฏิญญา เพื่อประโยชน์ แก่การผนวช กบั ด้วยพระองค์ ในวนั ที่เจ็ด ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ. กษัตริย์ ท. ๖ เหลา่ นี ้ คือ อ. พระราชา ตโต “ภทฺทิโย สกฺยราชา อนรุ ุทฺโธ อานนฺโท แหง่ เจ้าศากยะ พระนามวา่ ภทั ทิยะด้วย อ. เจ้าอนรุ ุทธ์ด้วย ภคุ กิมพฺ ิโล เทวทตฺโต จาติ อิเม ฉ ขตฺตยิ า อ. เจ้าอานนทด์ ้วย อ. เจ้าภคดุ ้วย อ. เจ้ากมิ พลิ ะด้วย อ. เจ้าเทวทตั ด้วย อปุ าลกิ ปปฺ กสตฺตมา, เทวา วิย ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ มนี ายภษู ามาลาชอ่ื วา่ อบุ าลเี ป็นทเ่ี จด็ , ทรงเสวยแล้ว ซงึ่ สมบตั ใิ หญ่ สตฺตาหํ มหาสมปฺ ตฺตึ อนภุ วิตฺวา อยุ ฺยานํ คจฺฉนฺตา ตลอดวนั เจ็ด ราวกะ อ. เทพ ท. (เสวยอย)ู่ ซง่ึ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ วิย จตรุ งฺคนิ ิยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา ปรวิสยํ ปตฺวา เสดจ็ ออกไปแล้ว ด้วยเสนา มีองค์ ๔ ผ้รู าวกะวา่ เสดจ็ ไปอยู่ ราชาณาย สพฺพเสนํ นิวตฺตาเปตฺวา ปรวสิ ยํ สอู่ ทุ ยาน เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ แดนของกษัตริย์อื่น ทรงยงั เสนาทงั้ ปวง โอกฺกมสึ .ุ ให้กลับแล้ว ด้วยอาชญาของพระราชา เสด็จก้าวลงแล้ว สแู่ ดนของกษัตริย์อื่น ฯ ในชน ท. ๗ เหลา่ นนั้ หนา อ. กษัตริย์ ท. ๖ ทรงเปลอื ้ งแล้ว ตตฺถ ฉ ขตฺติยา อตฺตโน อาภรณานิ ซง่ึ อาภรณ์ ท. ของพระองค์ ทรงกระท�ำแล้ว ให้เป็นหอ่ มีภณั ฑะ โอมุ จฺ ติ วฺ าภณฺฑกิ ํกตวฺ า“หนทฺ ภเณอปุ าลินวิ ตตฺ สสฺ ,ุ ได้ประทานแล้ว แกน่ ายภษู ามาลาชอื่ วา่ อบุ าลี นนั้ (ด้วยพระดำ� รสั ) วา่ แนะ่ พนาย ผ้ชู ื่อวา่ อบุ าลี เอาเถิด (อ. เธอ) จงกลบั , ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 127 www.kalyanamitra.org
อ. ทรพั ย์ มปี ระมาณเทา่ นี ้ พอ แกเ่ ธอ เพอื่ กริ ิยาอนั ประกอบแล้ว อลํ เต เอตฺตกํ ชีวิกายาติ ตสฺส อทํสุ. ด้วยความเป็นอยู่ ดงั นี ้ ฯ อ. นายภษู ามาลาช่ือวา่ อบุ าลนี นั้ โส เตสํ ปาทมเู ล ปวตฺตติ ฺวา ปริเทวิตฺวา เตสํ อาณํ กลงิ ้ เกลอื กแล้ว คร่�ำครวญแล้ว ณ ทใ่ี กล้แหง่ พระบาท ของกษตั ริย์ ท. อตกิ ฺกมิตํุ อสกฺโกนฺโต อฏุ ฺ€าย ตํ คเหตฺวา นิวตฺต.ิ เหลา่ นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพื่ออนั ก้าวลว่ ง ซง่ึ อาชญา (ของกษัตริย์ ท.) เหลา่ นนั้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว ถือเอาแล้ว (ซงึ่ หอ่ มีภณั ฑะ) นนั้ กลบั แล้ว ฯ อ. ป่า เป็นราวกะวา่ ถงึ แล้วซง่ึ อนั ร้องไห้ อ. แผน่ ดนิ เป็นราวกะวา่ เตสํ ทฺวิธา ชาตกาเล วนํ โรทนปปฺ ตฺตํ วิย ถงึ แล้วซงึ่ อาการคืออนั หวนั่ ไหว ได้เป็นแล้ว ในกาลแหง่ ชน ท. ป€วี กมปฺ นาการปปฺ ตฺตา วิย อโหส.ิ เหลา่ นนั้ เกิดแล้ว โดยสว่ นสอง ฯ แม้ อ. นายภษู ามาลาชื่อวา่ อบุ าลี ไปแล้ว หนอ่ ยหนง่ึ กลบั แล้ว อปุ าลกิ ปปฺ โกปิ โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺตติ ฺวา คดิ แล้ว อยา่ งนี ้ วา่ อ. เจ้าศากยะ ท. ผ้ดู รุ ้ายแล แม้พงึ ฆา่ ซงึ่ เรา เอวํ จินฺเตสิ “จณฺฑา โข สากิยา `อิมินา กมุ ารา (ด้วยความสำ� คญั ) วา่ อ. พระกมุ าร ท. อนั นายภษู ามาลา นปิ าตติ าติ ฆาเตยยฺ ปํุ ิ ม,ํ อเิ ม หิ นาม สกยฺ กมุ ารา ช่ือวา่ อบุ าลีนี ้ ให้ตกไปโดยไมเ่ หลือแล้ว ดงั นี,้ ก็ อ. พระกมุ าร เอวรูปํ สมปฺ ตตฺ ึ ปหาย อมิ านิ อนคฆฺ านิ อาภรณานิ แหง่ เจ้าศากยะ ท. ชอ่ื เหลา่ นี ้ ทรงละแล้ว ซง่ึ สมบตั ิ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป เขฬปิ ณฺฑํ วยิ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิสสฺ นฺต,ิ กิมงฺคํ ทรงทิง้ แล้ว ซงึ่ อาภรณ์ ท. อนั หาคา่ มิได้ เหลา่ นี ้ ราวกะวา่ ปนาหนฺติ จินฺเตตฺวา ภณฺฑิกํ โอมุ ฺจิตฺวา ตานิ ก้อนแหง่ น�ำ้ ลาย จกั ผนวช, ก็ อ. องค์อะไรเลา่ อ. เรา (จกั ไมบ่ วช) อาภรณานิ รุกฺเข ลคฺคติ ฺวา “อตฺถิกา คณฺหนฺตตู ิ ดังนี ้ ครัน้ คิดแล้ว เปลือ้ งแล้ว ซ่ึงห่อมีภัณฑะ คล้องไว้แล้ว วตฺวา เตสํ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา เตหิ “กสมฺ า นิวตฺโตสีติ ซงึ่ อาภรณ์ ท. เหลา่ นนั้ บนต้นไม้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ. ชน ท.) ปฏุ ฺโ€ ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ มีความต้องการ จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของกษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ ผ้อู นั กษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ ตรัสถามแล้ว วา่ (อ. เธอ) เป็นผ้กู ลบั แล้ว ยอ่ มเป็น เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความนนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. กษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ ทรงพาเอา ซง่ึ นายภษู ามาลา อถ นํ เต อาทาย สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา ชอื่ วา่ อบุ าลนี นั้ เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา “มยํ ภนฺเต สากิยา นาม ซงึ่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ มานนิสฺสติ า, อยํ อมหฺ ากํ ทีฆรตฺตํ ปริจารโก, อ. ข้าพระองค์ ท. ช่ือวา่ เป็นเจ้าศากยะ เป็นผ้อู าศยั แล้วซง่ึ มานะ อิมํ ป€มตรํ ปพฺพาเชถ, มยมสสฺ อภิวาทนาทีนิ (ยอ่ มเป็น), อ. บรุ ุษนี ้เป็นผ้บู �ำเรอ ซง่ึ ข้าพระองค์ ท. สนิ ้ กาลนาน กริสสฺ าม, เอวํ โน มาโน นิมมฺ าทยิสสฺ ตีติ วตฺวา ตํ (ยอ่ มเป็น), (อ. พระองค์ ท.) ขอจงทรงยงั บรุ ุษนีใ้ ห้บวช ก่อนกวา่ , ป€มตรํ ปพฺพาเชตฺวา ปจฺฉา สยํ ปพฺพชสึ .ุ อ. ข้าพระองค์ ท. จกั กระท�ำ (ซง่ึ สามีจิกรรม ท.) มีการกราบไหว้ เป็นต้น แก่บรุ ุษนนั้ , อ. มานะ ของข้าพระองค์ ท. จกั คลาย อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ ทรงยงั นายภษู ามาลาช่ือวา่ อบุ าลี นนั้ ให้บวชแล้ว ก่อนกวา่ ผนวชแล้ว เอง ในภายหลงั ฯ ในภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ หนา อ. พระภทั ทยิ ะ ผ้มู อี ายุ เป็นผ้มู วี ชิ ชาสาม เตสุ อายสมฺ า ภทฺทิโย เตเนว อนฺตรวสเฺ สน ได้เป็นแล้ว โดยระหวา่ งแหง่ พรรษา นนั้ นน่ั เทียว ฯ อ. พระอนรุ ุทธ์ เตวชิ ฺโช อโหส.ิ อายสฺมา อนรุ ุทฺโธ ทิพฺพจกฺขโุ ก ผ้มู อี ายุ เป็นผ้มู จี กั ษุเพยี งดงั ทพิ ย์ เป็น ฟังแล้ว ซงึ่ มหาปรุ ิสวติ กสตู ร หตุ ฺวา ปจฺฉา มหาปรุ ิสวติ กฺกสตุ ฺตํ สตุ ฺวา อรหตฺตํ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ในภายหลงั ฯ อ. พระอานนท์ ผ้มู ีอายุ ปาปณุ ิ. อายสมฺ า อานนฺโท โสตาปตฺตผิ เล ปวติปฏิ สฺ€สฺ หนิ.ํ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ. พระเถระช่ือวา่ ภคดุ ้วย ภคตุ ฺเถโร จ กิมพฺ ิลตฺเถโร จ อปรภาเค อ. พระเถระชอ่ื วา่ กมิ พลิ ะด้วย ยงั วปิ ัสสนา ให้เจริญแล้ว บรรลแุ ล้ว วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปณุ ึส.ุ เทวทตฺโต โปถชุ ฺชนิกํ ซซงงึ่ึ่ พฤทระธอ์ิ อรนัหเตั ป็นในขอกงามลีออยนั แู่เปห็นง่ ปสว่ถุ นชุ อน่ืนฯอีก ฯ อ. พระเทวทตั บรรลแุ ล้ว อิทฺธึ ปตฺโต. 128 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก ครัน้ เมื่อพระศาสดา ประทบั อยอู่ ยู่ อปรภาเค สตฺถริ โกสมพฺ ิยํ วิหรนฺเต, ในเมืองช่ือวา่ โกสมั พี, อ. ลาภและสกั การะ ใหญ่ บงั เกิดแล้ว สสาวกสงฺฆสสฺ ตถาคตสสฺ มหนฺโต ลาภสกฺกาโร แก่พระตถาคตเจ้า ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยหมแู่ หง่ สาวก ฯ นิพฺพตฺต.ิ อ.มนษุ ย์ ท. ในพระนครช่ือวา่ โกสมั พีนนั้ ผ้มู ีวตั ถมุ ีผ้าและ ตตฺถ วตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา มนสุ ฺสา วิหารํ เภสชั เป็นต้นในมือ เข้าไปแล้ว สวู่ ิหาร ถามแล้ว วา่ อ.พระคาสดา ปวิสติ ฺวา “ กหุ ึ สตฺถา, กหุ ึ สารีปตุ ฺตตฺเถโร , (ยอ่ มประทบั อย)ู่ ณ ท่ีไหน, อ.พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร (ยอ่ มอย)ู่ กหุ ึ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร, กหุ ึ มหากสสฺ ปตฺเถโร, ณ ท่ีไหน, อ.พระเถระช่ือวา่ มหาโมคคลั ลานะ (ยอ่ มอย)ู่ ณ ที่ไหน , กหุ ึ ภทฺทิยตฺเถโร, กหุ ึ อนรุ ุทฺธตฺเถโร , กหุ ึ อ.พระเถระชื่อว่ามหากสั สปะ (ย่อมอย่)ู ณ ที่ไหน ดงั นีเ้ ป็ นต้น อานนฺทตฺเถโร, กหุ ึ ภคตุ ฺเถโร, กหุ ึ กิมพฺ ิลตฺเถโรติ ยอ่ มเที่ยวแลดู ซง่ึ ที่แหง่ พระสาวกผ้ใู หญ่ ๘๐ ท. นง่ั แล้ว ฯ อสตี มิ หาสาวกานํ นสิ นิ นฺ ฏฺ€านํ โอโลเกนตฺ า วจิ รนตฺ .ิ ช่ือ อ.มนษุ ย์ผ้ถู ามอยู่ วา่ อ.พระเถระชื่อวา่ เทวทตั ต์ นงั่ แล้ว “เทวทตฺตตฺเถโร กหุ ึ นิสนิ ฺโน วา €โิ ต วาติ หรือ หรือวา่ ยืนอยแู่ ล้ว ณ ท่ีไหน ดงั นี ้ ยอ่ มไมม่ ี ฯ อ .พระเถระ ปจุ ฺฉนฺโต นาม นตฺถิ. โส จินฺเตสิ “อหํ เอเตหิ ชื่อวา่ เทวทตั ต์นนั้ คดิ แล้ววา่ อ.เรา เป็นผ้บู วชแล้ว กบั ด้วยภิกษุ ท. สทฺธึเยว ปพฺพชิโต, เอเตปิ ขตฺตยิ ปพฺพชิตา, อหํปิ เหลา่ นนั้ นน่ั เทยี ว (ยอ่ มเป็น) อ.ภกิ ษุ ท. แม้เหลา่ นน่ั เป็นผ้บู วชแล้ว ขตฺตยิ ปพฺพชิโต; ลาภสกฺการหตฺถา มนสุ สฺ า เอเต จากตระกลู แห่งกษัตริย์ (ย่อมเป็ น) แม้ อ.เรา เป็ นผ้บู วชแล้ว ปริเยสนฺติ, มม นามํ คเหตาปิ นตฺถิ, เกน นุ โข จากตระกลู แหง่ กษัตริย์ (ยอ่ มเป็น) อ.มนษุ ย์ ท. ผ้มู ีลาภและ สทฺธึ เอกโต หตุ ฺวา กํ ปสาเทตฺวา มม ลาภสกฺการํ สกั การะในมือ ยอ่ มแสวงหา ซง่ึ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั่ แม้ อ.มนษุ ย์ นิพฺพตฺเตยฺยนฺต.ิ ผู้ถือเอา ซึ่งช่ือของเรา ย่อมไม่มี อ.เรา เป็ น โดยความเป็ น อนั เดียวกนั กบั ด้วยใคร หนอแล ยงั ใคร ให้เลื่อมใสแล้ว ยงั ลาภ และสกั การะ พงึ ให้บงั เกิดขนึ ้ แก่เรา ดงั นี ้ฯ ฯ ครัง้ นนั้ อ.ความคดิ นี ้วา่ อ.พระราชา พระนามวา่ พิมพิสารนี ้ อถสสฺ เอตทโหสิ “อยํ ราชา พิมพฺ ิสาโร ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล กบั ด้วยนหตุ (แหง่ มนษุ ย)์ ๑๑ ท. ป€มทสสฺ เนเนว เอกาทสนหเุ ตหิ สทธฺ ึ โสตาปตตฺ ผิ เล ด้วยการเหน็ ครงั้ ทห่ี นง่ึ นนั้ เทยี ว อนั เราไมอ่ าจ เพอ่ี อนั เป็น โดยความ โปกตสฏิ ลฺ€ริโญต,ฺญานปิ สกฺกา เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิตํ,ุ เป็นอนั เดยี วกนั กบั ด้วยพระราชาพระนามวา่ พมิ พสิ ารนนั่ อนั เรา สทฺธึ น สกฺกา เอกโต ภวิตํ,ุ ไมอ่ าจเพี่อเป็นโดยความเป็นอนั เดียวกนั กบั แม้ด้วยพระราชา อยํ โข ปน รญฺโญ ปตุ ฺโต อชาตสตฺตกุ มุ าโร แหง่ แคว้นโกศล, สว่ นวา่ อ.พระกมุ าร พระนามวา่ อชาตศตั รู กสสฺ จิ คณุ โทสํ น ชานาต,ิ เอเตน สทฺธึ เอกโต ผ้เู ป็นพระโอรส ของพระราชานีแ้ ล ยอ่ มไมท่ รงรู้ ซงึ่ คณุ และโทษ ภวสิ ฺสามีต.ิ ของใคร ๆ อ.เรา จกั เป็น โดยความเป็นอ้นเดยี วกนั กบั ด้วยพระกมุ าร พระนามวา่ อชาตศตั รูนน่ั ดงั นี ้ ได้มแี ล้ว แกพ่ ระเถระชอื่ วา่ เทวทตั ต์ นนั้ ฯ อ.พระเถระ ชอื่ วา่ เทวทตั ตน์ นั้ ไปแล้ว สพู่ ระนครชอ่ื วา่ ราชคฤห์ โส โกสมพฺ ิโต ราชคหํ คนฺตฺวา กมุ ารกวณฺณํ จากพระนครชื่อวา่ โกสมั พี เนรมิตแล้ว ซง่ึ เพศแหง่ กมุ าร พนั แล้ว อภินิมมฺ ินิตฺวา จตฺตาโร อาสวี เิ ส จตสู ุ หตฺถปาเทสุ ซงึ่ อสรพิษ ท. ๔ ตวั ที่มือและเท้า ท. ๔ พนั แล้ว ซง่ึ อสรพิษ เอกํ คีวาย พนฺธิตฺวา เอกํ สีเส จมุ พฺ ฏกํ กตฺวา ตวั หนงึ่ ทคี่ อ กระทำ� แล้ว (ซง่ึ อสรพษิ ) ตวั หนง่ึ ให้เป็นเทริดบนศรี ษะ เอกํ เอกํสํ กริตฺวา อิมาย อหิเมขลาย อากาสโต กระท�ำแล้ว (ซง่ึ อสรพิษ) ตวั หนง่ึ ให้เฉวียงบา่ ลงแล้ว จากอากาศ โอรุยฺห อชาตสตฺตสุ สฺ อจุ ฺฉงฺเค นิสที ิตฺวา, เตน ด้วยสงั วาลย์ อนั เป็นวกิ ารแหง่ งนู ี ้นงั่ แล้ว บนพระเพลา ของพระกมุ าร ภีเตน “โกสิ ตฺวนฺติ วตุ ฺเต, “อหํ เทวทตฺโตติ วตฺวา พระนามวา่ อชาตศตั รู ครัน้ เมื่อค�ำวา่ อ.ทา่ น เป็นใคร ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ อนั พระกมุ าร พระนามวา่ อชาตศตั รู นนั้ ผ้กู ลวั แล้ว ตรัสแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา เป็นภิกษุ ช่ือวา่ เทวทตั ต์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 129 www.kalyanamitra.org
เปลยี่ นแล้ว ซง่ึ อตั ตภาพนนั้ เพอ่ื อนั บรรเทาซงึ่ ความกลวั (ของพระ ตสฺส ภยวิโนทนตฺถํ ตํ อตฺตภาวํ ปฏิสํหริตฺวา กมุ ารพระนามวา่ อชาตศตั รู) นนั้ เป็นผ้ทู รงไว้ซง่ึ ผ้าสงั ฆาฏิและ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธโร ปรุ โต €ตฺวา ตํ ปสาเทตฺวา บาตรและจวี ร (เป็น) ยนื อยแู่ ล้ว ข้างหน้า ยงั พระกมุ ารพระนามวา่ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตส.ิ อชาตศตั รูนนั้ ให้เลอ่ื มใสแล้ว ยงั ลาภและสกั การะ ให้บงั เกดิ แล้ว ฯ อ. พระเทวทตั นนั้ ผ้อู นั ลาภและสกั การะครอบงำ� แล้ว ยงั ความคดิ โส ลาภสกฺการาภิภโู ต “ อหํ ภิกฺขสุ งฺฆํ เอสนั อื่ ลมารมอบกแวลา่ ้วอจ.าเรกาฤจทกัธ์ิปกกบั ครดอ้วงยคซวง่ึ าหมมเแกู่ ดหิ ขง่ ภนึ ้ แิกหษง่ ุ จดติงั นถี ้ใวหา้ยเกบิดงั ขคนึม้ แแลล้้วว ปริหริสฺสามีติ ปาปกํ จิตฺตํ อปุ ปฺ าเทตฺวา สห จิตฺตปุ ปฺ าเทน อิทฺธิโต ปริหายิตฺวา สตฺถารํ ซง่ึ พระศาสดา ผ้ทู รงแสดงอยู่ ซง่ึ ธรรม แก่บริษัท อนั เป็นไปกบั เวฬวุ นวิหาเร สราชิกาย ปริสาย ธมมฺ ํ เทเสนฺตํ ด้วยพระราชา ในวิหารชื่อวา่ เวฬวุ นั ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ ภวนนฺทเฺ ติตฺวเอาตรหอฏุิ ฺช€ณาิ ยโฺ าณสนวาฑุ โฺ ฒอฺชมลหมิลฺปลฺ โคกฺค, ยอฺหปโฺ ป“สภสฺ คกุ วโฺ กา ประคองแล้ว ซง่ึ อญั ชลี กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ปทิฏริหฺ€รธิสมฺสฺมาสมขุ ิ,วิหานริยํ ฺยาอเทนถยุ ุ ชฺ เมต;ุ อหํ ภิกฺขสุ งฺฆํ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า เป็นผ้ทู รงชราแล้ว เป็นผ้เู ฒา่ แล้ว เป็นผ้แู ก่ ภิกฺขสุ งฺฆนฺติ วตฺวา (ยอ่ มเป็น) ในกาลน,ี ้ (อ.พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ทรงมคี วามขวนขวายน้อย ขอจงทรงตามประกอบ ซง่ึ ธรรมเป็นเครื่องอยสู่ บายในธรรมอนั สตั ว์ สตฺถารา เขฬาสกิ วาเทน อปสาเทตฺวา ปฏิกฺขิตฺโต, เหน็ แล้วเถิด ; อ. ข้าพระองค์ จกั ปกครอง ซง่ึ หมแู่ หง่ ภิกษุ, อนตฺตมโน อิมํ ป€มํ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา (อ. พระองค์ ท.) ขอจงทรงมอบให้ ซง่ึ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ แกข่ ้าพระองคเ์ ถดิ อปกฺกมิ. ดงั นี ้ ผ้อู นั พระศาสดาทรงรุกรานแล้ว ด้วยวาทะวา่ พระเทวทตั เพียงดังบุคคลผู้บริโภคซ่ึงน�ำ้ ลาย ทรงห้ามแล้ว, เป็ นผู้มีใจ มิใชเ่ ป็นของมีอยแู่ หง่ ตน (เป็น) ผกู แล้ว ซงึ่ ความอาฆาต นี ้ ในพระตถาคตเจ้า ก่อน หลีกไปแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว อถสฺส ภควา ราชคเห ปกาสนียกมมฺ ํ กาเรส.ิ ซงึ่ กรรมอนั สงฆพ์ งึ ประกาศ ในเมอื งชอ่ื วา่ ราชคฤห์ แกพ่ ระเทวทตั นนั้ ฯ อ.พระเทวทตั นนั้ (คดิ แล้ว)วา่ ในกาลนี อ้ .เราเป็นผ้อู นั พระสมณะ โส “ปริจฺจตฺโตทานิ อหํ สมเณน โคตเมน, ผ้โู คดมทรงสละรอบแล้ว ยอ่ มเป็น, ในกาลนี ้ อ. เรา จกั กระท�ำ อิทานิสฺส อนตฺถํ กริสสฺ ามีติ อชาตสตฺตํุ ซง่ึ ความฉิบหายมิใชป่ ระโยชน์ แก่พระสมณะผ้โู คดมนนั้ ดงั นี ้ อปุ สงฺกมิตฺวา “ปพุ ฺเพ โข กมุ าร มนสุ ฺสา ทีฑายกุ า, เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ พระกมุ ารพระนามวา่ อชาตศตั รู ทลู แล้ว วา่ เอตรหิ อปปฺ ายกุ า, €านํ โข ปเนตํ วชิ ฺชต,ิ ยํ ตฺวํ ดกู ่อนพระกมุ าร ในกาลก่อนแล อ. มนษุ ย์ ท. เป็นผ้มู ีอายยุ าว กมุ าโรว สมาโน กาลํ กเรยฺยาส,ิ เตนหิ ตฺวํ กมุ าร (ได้เป็นแล้ว), ในกาลนี ้(อ. มนษุ ย์ ท.) เป็นผ้มู ีอายนุ ้อย (ยอ่ มเป็น). ปิ ตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ, อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา ก็ อ. พระองค์ เป็นพระกมุ ารเทียว มีอยู่ พงึ ทรงกระท�ำ ซง่ึ กาละ ใด, พทุ ฺโธ ภวสิ สฺ ามีติ วตฺวา, ตสมฺ ึ เตรชสฺเุ ชโสตปาปตตฏิ ฺตฺ€เิผิ ตล,ํ อ.การทรงกระทำ� ซงึ่ กาละแหง่ พระองค์ นน่ั เป็นฐานะแล ยอ่ มมีได้, ตถาคตสสฺ วธาย ปรุ ิเส ปโยเชตวฺ า, ดกู ่อนพระกมุ าร ถ้าอยา่ งนนั้ อ. พระองค์ ปลงพระชนม์แล้ว ปตฺวา นิวตฺเตส,ุ สยํ คชิ ฺฌกฏู ํ อภิรุหิตฺวา ซง่ึ พระบดิ า เป็นพระราชา จงเป็น, อ. อาตมา ปลงพระชนมแ์ ล้ว “อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวติ า โวโรเปสฺสามีติ สลิ ํ ซงึ่ พระผ้มู พี ระภาคเจ้า เป็นพระพทุ ธเจ้า จกั เป็น ดงั น,ี ้ ครนั้ เมอ่ื พระกมุ าร ปวชิ ฺฌิตฺวา รุหิรุปปฺ าทกมมฺ ํ กตฺวา อิมินาปิ อปุ าเยน นนั้ ทรงดำ� รงอยเู่ ฉพาะแล้ว ในความเป็นแหง่ พระราชา, ประกอบแล้ว มาเรตํุ อสกฺโกนฺโต ปนุ นาฬาคริ ึ วสิ ฺสชฺชาเปส.ิ ซง่ึ บรุ ุษ ท. เพ่ืออนั ปลงพระชนม์ ซงึ่ พระตถาคตเจ้า, ครัน้ เม่ือบรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล กลบั แล้ว. ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สภู่ เู ขาชื่อวา่ คชิ ฌกฏู เอง กลงิ ้ แล้ว ซง่ึ ศลิ า (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. เรา นนั้ เทยี ว จกั ปลงลง ซง่ึ พระสมณะ ผ้โู คดม จากชีวิต ดงั นี ้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรมคืออนั ยงั พระโลหิตให้ห้อ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั ให้สนิ ้ พระชนม์ ด้วยอบุ าย แม้นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้ปลอ่ ยแล้ว ซงึ่ ช้างชื่อวา่ นาฬาคริ ี อีก ฯ ครัน้ เม่ือช้างนนั้ มาอย,ู่ อ. พระเถระชื่อวา่ อานนท์ บริจาคแล้ว ตสมฺ ึ อาคจฺฉนฺเต, อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน ชีวติ ํ ซง่ึ ชีวติ ของตน เพ่ือพระศาสดา ได้ยืนแล้ว ข้างพระพกั ตร์ ฯ สตฺถุ ปริจฺจชิตฺวา ปรุ โต อฏฺ€าส.ิ 130 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระศาสดา ทรงทรมานแล้ว ซงึ่ ช้างตวั ประเสริฐ เสดจ็ ออกแล้ว สตฺถา นาคํ ทเมตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา วหิ ารํ จากเมอื ง เสดจ็ มาแล้ว สวู่ หิ าร เสวยแล้ว ซง่ึ มหาทาน อนั อนั อบุ าสก ท. อาคนฺตฺวา อเนกสหสเฺ สหิ อปุ าสเกหิ อภิหฏํ มีพนั มิใชห่ นง่ึ น�ำไปเฉพาะแล้ว, ตรัสแล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว มหาทานํ ปริภญุ ฺชิตฺวา, ตสมฺ ึ ทิวเส สนฺนิปตติ านํ โดยล�ำดับ (แก่ชน ท.) ผู้อยู่ในเมืองชื่อว่าราชคฤห์โดยปกติ กอฏเถฺ€สา.ิรสโกฏิสงฺขาตานํ ราชคหวาสีนํ อนปุ พุ ฺพีกถํ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ โกฏิ ๑๘ ผ้ปู ระชมุ กนั แล้ว ในวนั นนั้ ฯ อ. อันรู้ตลอดเฉพาะซึ่งธรรม เกิดแล้ว แก่พันแห่งสัตว์ จตรุ าสตี ยิ า ปาณสหสสฺ านํ ธมมฺ าภสิ มโย ชาโต. ผ้มู ีลมปราณ ท. ๘๔ ฯ (อ. พระศาสดา) ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว “อโห มหาคโุ ณ อายสมฺ า อานนฺโท; ตถารูเป ซง่ึ คณุ ของพระเถระ วา่ โอ ! อ. พระอานนท์ ผ้มู ีอายุ มีคณุ มาก ; นาม หตฺถินาเค อาคจฺฉนฺเต, อตฺตโน ชีวิตํ ครัน้ เม่ือช้างตวั ประเสริฐ ชื่อมีอยา่ งนนั้ เป็นรูป มาอย,ู่ บริจาคแล้ว ปริจฺจชิตฺวา สตฺถุ ปอรุ โิทตาเนอวฏ,ฺ€าปสพุตี ฺเิ พเเถปรสสสฺ มมคตณุ ฺถกายถํ ซงึ่ ชีวิต ของตน ได้ยืนแล้ว ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา ดงั นี ้ สตุ ฺวา “น ภิกฺขเว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. อานนท์ ยอ่ มบริจาค ซงึ่ ชีวติ ชีวติ ํ ปริจฺจชิเยวาติ วตฺวา ภิกฺขหู ิ ยาจิโต เพ่ือประโยชน์ แก่เรา) ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, อ. อานนท์นน่ั จลุ ลฺ หํสมหาหํสกกฺกฏกชาตกานิ กเถส.ิ บริจาคแล้ว ซง่ึ ชีวติ เพื่อประโยชน์ แก่เรานนั่ เทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี ้ผ้อู นั ภิกษุ ท. ทลู วงิ วอนแล้ว ตรัสแล้ว ซงึ่ จลุ หงั สชาดกและ มหาหงั สชาดกและกกั กฏกชาดก ท. ฯ (อ. การกระท�ำ แม้ของพระเทวทตั เป็นธรรมชาตปิ รากฏแล้ว เทวทตฺตสฺสาปิ กมมฺ ํ เนว ตถา รญฺโญ ได้เป็นแล้ว เพราะความท่ี แหง่ ช้างชอ่ื วา่ นาฬาครี ี อนั ตนปลอ่ ยแล้ว มาราปิ ตตฺตา, น วธกานํ ปโยชิตตฺตา, น สลิ าย ฉนั ใด อ. การกระทาํ แม้ของพระเทวทตั เป็นธรรมชาติ ปรากฏแล้ว ปวิทฺธตฺตา, ปากฏํ อโหส;ิ ยถา นาฬาคริ ิหตฺถิโน ได้เป็นแล้ว เพราะความที่แหง่ พระราชาอนั ตนยงั พระราชกมุ าร วสิ สฺ ชฺชิตตฺตา. พระนามวา่ อชาตศตั รู ให้ปลงพระชนม์แล้ว ฉนั นนั้ หามไิ ด้นน่ั เทยี ว อ.การกระท�ำ แม้ของพระเทวทตั เป็นธรรมชาติ ปรากฏแล้ว ได้เป็นแล้ว เพราะความทแ่ี หง่ นายขมงั ธนู ท. อนั ตนประกอบแล้ว ฉนั นนั้ หามิได้ อ. การกระท�ำ แม้ของพระเทวทตั เป็นธรรมชาติ ปรากฎแล้ว ได้เป็ นเเล้ว เพราะความแห่งศิลาอนั ตนกลิง้ แล้ว ฉนั นนั้ หามิได้ ฯ ก็ ในกาลนนั้ อ.มหาชน ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความโกลาหล ตทา หิ มหาชโน “ราชาปิ เทวทตฺเตเนว วา่ แม้ อ.พระราชา อนั พระเทวทตั นนั่ เทียว ยงั พระราชกมุ าร มาราปิ โต, วธกาปิ ปโยชิตา, สลิ าปิ ปวิทฺธา; พระนามวา่ อชาตศตั รู ให้ปลงพระชนม์แล้ว, แม้ อ.นายขมงั ธนู ท. อิทานิ ปน เตน นาฬาคริ ิ วสิ ฺสชฺชาปิ โต, เอวรูปํ อนั พระเทวทตั นนั่ เทียว ประกอบแล้ว, แม้ อ.ศลิ า อนั พระเทวทตั นาม ปาปํ คเหตฺวา ราชา วิจรตีติ โกลาหลมกาส.ิ นน่ั เทยี ว กลงิ ้ แล้ว, กใ็ นบดั นี ้ อ.ช้างชอื่ วา่ นาฬาครี ี อนั พระเทวทตั นนั้ (ยังนายควาญช้าง) ให้ปล่อยแล้ว, อ.พระราชา ย่อมเท่ียวคบ ซง่ึ บคุ คลชวั่ ช่ือผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี ้ ฯ อ.พระราชา สดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ของมหาชน ราชา มหาชนสสฺ กถํ สตุ วฺ า ปญจฺ ถาลปิ ากสตานิ ยังบุคคลให้ น�ำไปอยู่แล้ว ซึ่งร้ อยแห่งอาหารท่ีบุคคลหุงต้ม หราเปตฺวา น ปนุ ตสฺสปุ ฏฺ€านํ อคมาส.ิ ใส่ไว้แล้วในถาด ท. (ส�ำรับ) ๕ ไม่ได้เสด็จไปแล้ว สู่ที่บ�ำรุง แหง่ พระเทวทตั นนั้ อีก ฯ แม้ อ.ชนผ้อู ยใู่ นเมอื ง ท. ไมไ่ ด้ถวายแล้ว ซง่ึ วตั ถแุ ม้สกั วา่ ภกิ ษา นาคราปิสสฺ กลุ ํ อปุ คตสสฺ ภกิ ขฺ ามตตฺ มปฺ ิ นาทสํ .ุ แก่พระเทวทตั นนั้ ผ้เู ข้าไปถงึ แล้วซง่ึ ตระกลู ฯ อ.พระเทวทตั นนั้ โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหญฺเญน ชีวิตุกาโม เป็นผ้มู ลี าภและสกั การะอนั เสอื่ มรอบแล้ว เป็นผ้ใู คร่ เพอื่ อนั เป็นอยู่ สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา ด้วยความเป็ นแห่งบุคคลผู้หลอกลวง (เป็ น ) เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดาดา ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 131 www.kalyanamitra.org
ทลู ขอแล้ว ซง่ึ วตั ถุ ท. ๕ ผ้อู นั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงห้ามแล้ว ปฺจ วตฺถนู ิ ยาจิตฺวา ภควตา “อลํ เทวทตฺต, ว่า ดูก่อนเทวทัต อ.อย่าเลย อ. ภิกษุใด ย่อมปรารถนา โย อิจฺฉต,ิ อารฺ โก โหตตู ิ ปฏิกฺขิตฺโต, อ. ภกิ ษนุ นั้ จงเป็นผ้อู ยใู่ นป่า จงเป็น ดงั นี ้ กลา่ วแล้ววา่ ดกู อ่ นทา่ น “กสสฺ าวโุ ส วจนํ โสภณํ: กึ ตถาคตสสฺ อทุ าหุ มม? ผ้มู ีอายุ ท. อ.ค�ำของใคร เป็นธรรมชาติงาม ยอ่ มเป็น อ.ค�ำของ อหํ หิ อกอุ ฺกรฏฺ€ฺวเิกสาน เอวํ วทามิ `สาธุ ภนฺเต ภิกฺขู พระตถาคต เป็นธรรมชาตงิ าม ยอ่ มเป็นหรือ หรือวา่ อ.คำ� ของเรา ยาวชีวํ อสฺส,ุ ปิ ณฺฑปาติกา, ปํ สกุ ลู กิ า, เป็นธรรมชาตงิ าม ยอ่ มเป็น ด้วยวา่ อ.เรา ยอ่ มกลา่ วอยา่ งนี ้วา่ รุกฺขมลู กิ า, มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยนุ ฺต,ิ โย ทกุ ฺขา ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ ดงั ข้าพเจ้าจะขอโอกาส อ. ภกิ ษุ ท. พงึ เป็น มจุ ฺจิตกุ าโม, โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตตู ิ วตฺวา ผ้มู กี ารอยปู่ ระจำ� ในป่าเป็นปกติ พงึ เป็น ตลอดกาลกำ� หนดเพยี งไร ปกฺกามิ. แหง่ ชวี ติ อ. ภกิ ษุ ท. พงึ เป็นผ้มู อี นั เทยี่ วไปเพอ่ื บณิ ฑบาตเป็นปกติ พงึ เป็น ตลอดกาลก�ำหนดเพียงไรแหง่ ชีวติ อ. ภิกษุ ท. พงึ เป็น ผ้มู ีการทรงไว้ซง่ึ ผ้าบงั สกุ ลเป็นปกติ พงึ เป็น ตลอดกาลก�ำหนด เพียงไรแหง่ ชีวิต อ.ภิกษุ ท. พงึ เป็นผ้มู ีการอยทู่ ่ีโคนแหง่ ต้นไม้ เป็นปกติ พงึ เป็น ตลอดกาลก�ำหนดเพียงไรแหง่ ชีวติ อ. ภิกษุ ท. ไมพ่ งึ ฉนั ซงึ่ ปลาและเนอื ้ ตลอดกาลกำ� หนด เพยี งไรแหง่ ชวี ติ ดงั นี ้ ด้วยสามารถแหง่ การปฏิบตั อิ นั สงู สดุ อ.ภิกษุใด เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั พ้นจากทุกข์ (ย่อมเป็ น) อ.ภิกษุนัน้ จงมากับด้วยเรา ดังนี ้ หลกี ไปแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. บางพวก ผ้บู วช แล้วใหม่ ผ้มู ีความรู้น้อย ฟังแล้ว ตสฺส วจนํ สตุ ฺวา เอกจฺเจ นวปพฺพชิตา ซงึ่ ค�ำของพระเทวทตั นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.พระเทวทตั กลา่ วแล้ว มนฺทพทุ ฺธิโน “กลยฺ าณํ เทวทตฺโต อาห, เอเตน ซงึ่ ค�ำอนั งาม อ.เรา ท. จกั เที่ยวไปกบั ด้วยพระเทวทตั นนั้ ดงั นี ้ สทฺธึ วิจริสฺสามาติ เตน สทฺธึ เอกโตว อเหสํ.ุ ได้เป็นแล้ว โดยความเป็นอนั เดยี วกนั กบั ด้วยพระเทวทตั นนั้ เทยี ว ฯ อ.พระเทวทตั นนั้ กบั ด้วยภิกษุท.มีร้อยห้าเป็นประมาณยงั ชน อิติ โส ปฺจสเตหิ ภิกฺขหู ิ สทฺธึ เตหิ ปจฺ หิ ผ้เู ลื่อมใสแล้วในวตั ถเุ ศร้าหมอง ให้รู้พร้อมอยู่ ด้วยวตั ถุ ท. ๕ วตฺถหู ิ ลขู ปปฺ สนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต กเุ ลสุ เหลา่ นนั้ (ยงั กนั และกนั ) ให้ขอแล้ว ในตระกลู ท. บริโภคอยู่ วิ ฺาเปตฺวา ภุ ชฺ นฺโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิ. ตะเกียกตะกายแล้ว เพ่ืออนั ท�ำลายซง่ึ สงฆ์ ด้วยประการฉะนี ้ ฯ อ. พระเทวทตั นนั้ ผ้อู นั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสถามแล้ว วา่ โส ภควตา “สจจฺ ํ กริ ตวฺ ํ เทวทตตฺ สงฆฺ เภทาย ดกู ่อนเทวทตั ได้ยินวา่ อ. เธอ ยอ่ มตะเกียกตะกาย เพ่ืออนั ท�ำลาย ปรกฺกมสิ จกฺกเภทายาติ สงปฆฺ ฏุเภฺโ€โทตอิ “าสทจหี ฺจิํ ภควาติ ซง่ึ สงฆ์ เพื่ออนั ท�ำลายซง่ึ จกั ร จริงหรือ ดงั นี ้ ทลู แล้ว วา่ วตวฺ า “ครุโก โข เทวทตตฺ โอวทโิ ตปิ ข้าแตพ่ ระผ้มู ีพระภาคเจ้า (อ. ข้าพระองค์ ยอ่ มตะเกียกตะกาย สตฺถุ วจนํ อนาทยิตฺวา ปกฺกนฺโต, อายสมฺ นฺตํ เพื่ออันท�ำลายซึ่งสงฆ์ เพื่ออันท�ำลายซ่ึงจักร ) จริง ดังนี ้ อานนฺทํ ราชคเห ปิ ณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา แม้ผู้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสสอนแล้ว (ด้วยพระด�ำรัส ท.) “อชฺชตคฺเคทานาหํ อาวโุ ส อานนฺท อฺเตฺรว มีพระด�ำรัส วา่ ดกู ่อนเทวทตั อ. การท�ำลายซงึ่ สงฆ์ หนกั แล ดงั นี ้ ภควตา อฺ ตฺร ภิกฺขสุ งฺฆา อโุ ปสถํ กริสสฺ ามิ, เป็นต้น ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ซงึ่ พระด�ำรัส ของพระศาสดา หลกี ไปแล้ว, สงฺฆกมมฺ ํ กริสฺสามีติ อาห. เหน็ แล้ว ซง่ึ พระอานนท์ ผ้มู ีอายุ ผ้เู ที่ยวไปอยู่ ในเมือง ชื่อวา่ ราชคฤห์ เพื่อบณิ ฑะ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ อานนท์ ผ้มู ีอายุ ในกาลนีม้ ีวนั นีเ้ป็นเบือ้ งต้น อ. เรา จกั กระท�ำ ซง่ึ อโุ บสถ, จกั กระท�ำ ซึ่งสังฆกรรม เว้น จากพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเทียว เว้น จากหมแู่ หง่ ภิกษุ ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนอื ้ ความนนั้ แกพ่ ระผ้มู พี ระภาคเจ้า ฯ เถโร ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. อ. พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซงึ่ เนอื ้ ความนนั้ เป็นผ้ทู รงมคี วามสลด ตํ วิทิตฺวา สตฺถา อปุ ปฺ นฺนธมมฺ สํเวโค หตุ ฺวา ในธรรมเกิดขนึ ้ แล้ว เป็น ทรงปริวิตกแล้ว วา่ อ. เทวทตั ยอ่ มกระท�ำ “เทวทตฺโต สเทวกสสฺ โลกสฺส อนตฺถนิสสฺ ติ ํ ซง่ึ กรรมเป็นเหตไุ หม้ ในนรกช่ือวา่ อเวจี ของตน อนั อาศยั แล้ว อตฺตโน อวีจิมหฺ ิ ปจนกมมฺ ํ กโรตีติ ปริวติ กฺเกตฺวา ซงึ่ ความฉิบหายมิใชป่ ระโยชน์ แก่โลก อนั เป็นไปกบั ด้วยเทวโลก ดงั นี ้ 132 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถานี ้วา่ (อ. กรรม ท. เหล่าใด) เป็นกรรมไม่ดีดว้ ย เป็นกรรมไม่เกือ้ กูล “สกุ รานิ อสาธูนิ อตฺตโน อหิตานิ จ; แก่ตนดว้ ย (ย่อมเป็น อ.กรรม ท. เหล่านนั้ ) เป็นกรรม อนั บคุ คลกระท�ำไดโ้ ดยง่าย (ย่อมเป็น) , อ. กรรมใดแล ยํ เว หิตจฺ สาธุ ฺจ ตํ เว ปรมทกุ ฺกรนตฺ ิ เป็นกรรมเกือ้ กูลดว้ ย เป็นกรรมดีดว้ ย (ย่อมเป็น) อ. กรรม นนั้ แล เป็นกรรมอนั บคุ คลกระท�ำไดโ้ ดยยากอย่างยิ่ง (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ทรงเปลง่ แล้ว ซงึ่ อทุ าน นี ้อีก วา่ อิมํ คาถํ วตฺวา ปนุ อิมํ อทุ านํ อทุ าเนสิ อ. ความดี เป็นกรรมอนั คนดีกระท�ำไดโ้ ดยง่าย (ย่อมเป็น), “สกุ รํ สาธนุ า สาธ,ุ สาธุ ปาเปน ทกุ ฺกรํ; อ. ความดี เป็นกรรมอนั คนชว่ั กระท�ำไดโ้ ดยยาก (ย่อมเป็น), อ.ความชวั่ เป็นกรรมอนั คนชว่ั กระท�ำไดโ้ ดยง่าย(ย่อมเป็น), ปาปํ ปาเปน สกุ รํ, ปาปมริเยหิ ทกุ ฺกรนตฺ ิ. อ.ความชว่ั เป็นกรรมอนั พระอริยเจ้า ท. กระท�ำไดโ้ ดยยาก (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. พระเทวทตั นงั่ แล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนง่ึ กบั อถโข เทวทตฺโต อโุ ปสถทิวเส อตฺตโน ปริสาย ด้วยบริษัท ของตนในวนั เป็นท่ีรักษาซงึ่ อโุ บสถ กลา่ วแล้ว วา่ สทฺธึ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา “ยสสฺ มิ านิ ปฺจ วตฺถนู ิ อ. วตั ถุ ท. ๕ เหลา่ นี ้ยอ่ มชอบใจ แก่ภิกษุใด, อ. ภิกษุนนั้ จงถือเอา ขมนฺต,ิ โส สลากํ คณฺหตตู ิ วตฺวา, ปจฺ สเตหิ ซงึ่ สลาก ดงั นี,้ ครัน้ เมื่อสลาก (อนั ภิกษุ ท.) ผ้ไู มร่ ู้ซง่ึ พระธรรมและ วชฺชีปตุ ฺตเกหิ นวเกหิ อปปฺ กตฺูหิ สลากาย พระวินยั อนั อนั พระศาสดาทรงกระท�ำทว่ั แล้ว ผ้ใู หม่ ผ้เู ป็นโอรส คหิตาย, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เต ภิกฺขู อาทาย ของเจ้าวชั ชี ผ้มู ีร้อยห้าเป็นประมาณ จบั แล้ว ท�ำลายแล้ว ซงึ่ สงฆ์ คยาสีสํ อคมาส.ิ พาเอา ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ได้ไปแล้ว สปู่ ระเทศช่ือวา่ คยาสสี ะ ฯ อ. พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ความที่แหง่ พระเทวทตั นนั้ ตสฺส ตตฺถ คตภาวํ สตุ ฺวา สตฺถา เตสํ ภิกฺขนู ํ เป็นผ้ไู ปแล้ว ในท่ีนนั้ ทรงสง่ ไปแล้ว ซงึ่ พระอคั รสาวก ท. ๒ อานยตฺถาย เทฺว อคฺคสาวเก เปเสส.ิ เต ตตฺถ เพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารนำ� มา ซง่ึ ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ฯ อ. พระอคั รสาวก ท. ๒ คนฺตฺวา อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา จ เหลา่ นนั้ ไปแล้ว ในที่นนั้ พร�่ำสอนอยู่ ด้วยการพร�่ำสอนด้วย อิทฺธิปาฏิหาริยานสุ าสนิยา จ อนสุ าสนฺตา เต อาเทสนาปาฏหิ ารยิ ด์ ้วย ด้วยการพรำ่� สอนด้วยอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ด์ ้วย อมตํ ปาเยตฺวา อาทาย อากาเสนาคมสึ .ุ (ยงั ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ให้ด่ืมแล้ว ซง่ึ อมตะ พาเอามาแล้ว โดยอากาศ ฯ แม้ อ.ภิกษุชื่อว่าโกกาลิกะแล กล่าวแล้ว ว่า โกกาลโิ กปิ สโาขรีปตุ“อฺตฏุโฺมเ€คหฺคิ ลลฺ อาาเวนโุ หสิ, เทวทตฺต, แนะ่ เทวทตั ผ้มู ีอายุ อ. ทา่ น จงลกุ ขนึ ้ เถิด, อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ นีตา เต ภิกฺขู นนุ ตฺวํ อนั พระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท. น�ำไปแล้ว, อ. ทา่ น มยา วตุ ฺโต `มา อาวโุ ส สารีปตุ ฺตโมคฺคลลฺ าเนหิ เป็นผ้อู นั เรา กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ ทา่ นผ้มู อี ายุ (อ. ทา่ น) อยา่ ค้นุ เคยแล้ว วสิ สฺ าส;ิ ปาปิ จฺฉา สารีปตุ ฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิ กานํ ด้วยพระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท. ; อ. พระสารีบตุ รและ อิจฺฉานํ วสงฺคตาติ วตฺวา ชนฺนเุ กน หทยมชฺเฌ พระโมคคลั ลานะ ท. มคี วามปรารถนาลามก, เป็นผ้ไู ปแล้วสอู่ ำ� นาจ ปหริ. ตสสฺ ตตฺเถว อณุ ฺหํ โลหิตํ มขุ โต อคุ ฺคฺฉิ. แหง่ ความปรารถนา ท. อนั ลามก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (ยอ่ มเป็น) มใิ ชห่ รือ (ดังนี)้ ประหารแล้ว ในท่ามกลางแห่งหทัย ด้วยเข่า ฯ อ. เลือด อันร้ อน พุ่งออกแล้ว จากปาก ของพระเทวทัตนัน้ ในทน่ี นั้ นน่ั เทยี ว ฯ ก็ อ. ภกิ ษุ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ พระสารีบตุ ร ผ้มู อี ายุ ผ้อู นั หมแู่ หง่ ภกิ ษุ อายสมฺ นฺตํ ปน สารีปตุ ฺตํ ภิกฺขสุ งฺฆปริวตุ ํ แวดล้อมแล้ว ผ้มู าอยู่ โดยอากาศ ทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อากาเสนาคจฺฉนฺตํ ทิสวฺ า ภิกฺขู อาหํสุ “ภนฺเต อ. พระสารีบตุ ร ผ้มู อี ายุ ผ้มู ตี นเป็นทส่ี องเทยี ว ไปแล้ว ในกาลเป็นทไ่ี ป, อายสมฺ า สารีปตุ ฺโต คมนกาเล อตฺตทตุ โิ ยว คโต, ในกาลนี ้(อ. พระสารีบตุ ร) ผ้มู ีบริวารใหญ่ มาอยู่ ยอ่ มงาม ดงั นี ้ฯ อิทานิ มหาปริวาโร อาคจฺฉนฺโต โสภตีต.ิ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 133 www.kalyanamitra.org
อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. บตุ ร ของเรา สตฺถา “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ตริ จฺฉานโยนิยํ มาอยู่ สสู่ ำ� นกั ของเรา ยอ่ มงาม) ในกาลนนั้ นน่ั เทียว หามิได้, นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ปตุ ฺโต มม สนฺตกิ ํ อาคจฺฉนฺโต อ. บตุ ร ของเรา มาอยู่ สสู่ �ำนกั ของเรา ยอ่ มงามนนั่ เทียว โสภตเิ ยวาติ วตฺวา แม้ในกาล (แหง่ ตน) บงั เกิดแล้ว ในก�ำเนิดแหง่ สตั ว์ดริ ัจฉาน ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ ชาดกนี ้ วา่ อ. ความเจริญ ย่อมมี (แก่ชน ท.) ผูม้ ีศีล ผูม้ ีความประพฤติ “โหติ สีลวตํ อตฺโถ ปฏิสนถฺ ารวตุ ฺตินํ. ในปฏิสนั ถาร ฯ (อ. ท่าน) จงดู ซ่ึงเนือ้ ชือ่ ว่าลกั ขณะ ผูม้ าอยู่ ลกฺขณํ ปสสฺ อายนตฺ ํ าติสงฺฆปรุ กฺขิตํ, ผูอ้ นั หมู่แห่งญาติกระท�ำแลว้ ในเบือ้ งหนา้ , เออก็ (อ. ท่าน) อถ ปสฺสสิมํ กาลํ สวุ ิหีนํว าติภีติ ย่อมเห็น ซึ่งเนือ้ ชือ่ ว่ากาละนี้ ผูเ้ สือ่ มวิเศษดว้ ยดีแลว้ จากญาติ ท. เทียว ดงั นี้ ฯ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ได้ยินวา่ อ. พระเทวทตั อิทํ ชาตกํ กเถส.ิ ปนุ ภิกฺขหู ิ “ภนฺเต เทวทตฺโต ยงั สาวกผ้เู ลศิ ท. ๒ ให้นง่ั แล้ว ในข้าง ท. ทงั้ สอง กระทำ� แล้ว กระทำ� ตาม กิร เทฺว อคฺคสาวเก อโุ ภสุ ปสเฺ สสุ นิสีทาเปตฺวา ซง่ึ พระองค์ ท. (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ. เรา) จกั แสดง ซง่ึ ธรรม `พทุ ฺธลีฬฺหาย ธมมฺ ํ เทเสสสฺ ามีติ ตมุ หฺ ากํ อนกุ ิริยํ ด้วยอนั เยือ้ งกรายแหง่ พระพทุ ธเจ้า ดงั นี ้ ดงั นี ้ อนั ภิกษุ ท. กรีติ วตุ ฺเต, “น ภิกฺขเว อิทาเนว; ปพุ ฺเพเปส มม กราบทลู แล้ว อีก, (อ. พระศาสดา) ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อนกุ ิริยํ กาตํุ วายมิ, น ปน สกฺขีติ วตฺวา (อ. เทวทตั นน่ั ยอ่ มพยายาม เพ่ืออนั กระท�ำ กระท�ำตาม ซง่ึ เรา) ในกาลนีน้ นั่ เทียว หามิได้ ; อ. เทวทตั นนั่ พยายามแล้ว เพอ่ื อนั กระทำ� กระทำ� ตาม ซงึ่ เรา แม้ในกาลกอ่ น, แตว่ า่ (อ. เทวทตั นนั่ ) ไมอ่ าจแล้ว (เพ่ืออนั กระท�ำ กระท�ำตาม ซงึ่ เรา) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ นทีจรกากชาดก วา่ (อ. ภรรยาแห่งกาชือ่ ว่าสวิฏฐกะ กล่าวแลว้ ) ว่า แน่ะ “อปิ วีรก ปสเฺ สสิ สกณุ ํ มฺชภุ าณกํ กาชือ่ ว่าวีรกะ (อ. ท่าน) ย่อมเห็น ซ่ึงนก ผูร้ ้องเพราะ มยรุ คีวสงฺกาสํ ปตึ มยฺหํ สวิฏฺ€กํ? ผูม้ ีสร้อยคอเพียงดงั สร้อยคอแห่งนกยูงชือ่ ว่าสวิฏฐกะ ผูเ้ ป็นผวั ของเรา บา้ งหรือ ? (ดงั นี)้ (อ. กาชือ่ ว่าวีรกะ กล่าวแลว้ ) ว่า อ. กาชือ่ ว่า อทุ กถลจรสสฺ ปกฺขิโน สวิฏฐกะ กระท�ำตามอยู่ (ซึ่งอาการ) ของปักษี ผูเ้ ทีย่ วไป นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน ในน�้ำและบก ผูบ้ ริโภคซึ่งปลาดิบโดยปกติ เนืองนิตย์ นนั้ ตเสสวสฺ าาเลนหกุ ิ รปํ สลวิคิฏณุ ฺ€ฺ€โกโิ ต มโตติ อนั สาหร่าย ท. พนั รอบแลว้ ตายแลว้ (ดงั นี)้ ดงั นี,้ ทรงปรารภ ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว มีอยา่ งนนั้ เป็นรูปนน่ั นทีจรกากชาตกํ กเถตฺวา, อปเรสปุ ิ ทิวเสสุ เทียว ในวนั ท. แม้เหลา่ อื่นอีก ตรัสแล้ว ซงึ่ ชาดก ท. มีค�ำอยา่ งนี ้วา่ ตถารูปิ เมว กถํ อารพฺภ (อ. นกกระไน) นี้ เมือ่ เจาะ ซ่ึงหมู่ไมอ้ นั ตง้ั ในป่า ท. “อจาริ วตายํ วิตทุ ํ วนานิ ไดเ้ ทีย่ วไปแลว้ หนอ ในตน้ ไม้ อนั เป็นส่วนแห่งฟื น ท. อกถฏฺา€สงฺคทราุกขฺเขทสิรํุ อสารเกส,ุ อนั มีแก่นหามิได,้ ครง้ั นน้ั อ. นกกระไน ไดท้ �ำลายแลว้ ชาตสารํ, ซึ่งอวยั วะอนั สูงสดุ ทีไ่ มต้ ะเคียนใด (อ. นกกระไนนี)้ ยตฺถาภิทา ครุโฬ อตุ ฺตมงฺคนตฺ ิ จ มาถึงแลว้ ซึ่งไมต้ ะเคียน (นนั้ ) อนั มีแก่นเกิดแลว้ ดงั นี้ ดว้ ย, ว่า อ. ไขขอ้ ของท่าน ไหลออกแลว้ ดว้ ย, อ. กระหม่อม ลสี จ เต นิปผฺ ลิตา, มตฺถโก จ วิทาลิโต, (ของท่าน อนั ชา้ งตวั ประเสริฐ) ท�ำลายแลว้ ดว้ ย, อ. ซี่โครง ท. สพพฺ า เต ผาสกุ า ภคฺคา, ทานิ สมฺม วิโรจสีติ ทงั้ ปวง ของท่าน (อนั ชา้ งตวั ประเสริฐ) หกั แลว้ , แน่ะสหาย (อ. ท่าน) ย่อมงามวิเศษ ในกาลนี้ ดงั นี้ ดว้ ย เป็นตน้ ฯ เอวมาทีนิ ชาตกานิ กเถส.ิ 134 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา) ทรงปรารภ ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว วา่ ปนุ “อกตฺ ู เทวทตฺโตติ กถํ อารพฺภ อ. พระเทวทตั เป็นคนอกตญั ญู (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ อีก ตรัสแล้ว ซง่ึ ชาดก ท. มีค�ำวา่ อ. ก�ำลงั ใด ของเรา ท. สิ ไดม้ ีแลว้ เทียว, (อ. เรา ท.) “อกรมฺหา ว เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหวุ มฺห เส; ไดก้ ระท�ำแลว้ เทียว ซ่ึงกิจ ของท่าน (ดว้ ยก�ำลงั นนั้ ), มิคราช นโม ตฺยตฺถ;ุ อปิ กิฺจิ ลภามฺห เส. ขา้ แต่เนือ้ ผูพ้ ระราชา อ. ความนอบนอ้ ม จงมี แก่ท่าน, มม โลหิตภกฺขสสฺ นิจฺจํ ลทุ ฺทานิ กพุ พฺ โต (อ. เรา ท.) ย่อมไดส้ ิ ซ่ึงอะไร ๆ บา้ งหรือ ? (อ. ท่าน) ทนตฺ นตฺ รคโต สนโฺ ต ตํ พหฺ ํ,ุ ยํปิ ชีวสีติ เป็นผูไ้ ปแลว้ ในระหว่างแห่งฟัน ของเรา ผูม้ ีเลือดเป็นภกั ษา ผูก้ ระท�ำอยู่ ซึ่งกรรมอนั ชว่ั ร้าย ท. เนืองนิตย์ เป็นอยู่ ย่อมเป็นอยู่ได้ แม้ ใด, (อ. ความเป็นอยู่ แห่งท่าน) นน้ั เป็นบญุ มาก (ภูตํ เป็นแลว้ ) ดงั นีเ้ ป็นตน้ ฯ อาทีนิ ชาตกานิ กเถส.ิ (อ.พระศาสดา) ทรงปรารภ ซึ่งการตะเกียกตะกาย ปุน วธาย ปริสกฺกนมสฺส อารพฺภ เพื่ออนั ปลงพระชนม์ แหง่ พระเทวทตั นนั้ อีก ตรัสแล้ว ซงึ่ ชาดก ท. มีค�ำวา่ แน่ะไมร้ ะรื่น อ. ท่าน ย่อมโปรย ใด, อ. กรรมนี้ เกิดแลว้ “าตเมตํ กรุ ุงฺคสสฺ ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสิ; แก่กวาง อ. เรา จะไป สู่ไมร้ ะรื่น ตน้ อืน่ , (เพราะว่า) อ. ผล อฺํ เสปณฺณึ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผลนตฺ ิ ของท่าน อนั เรา ย่อมไม่ชอบใจ ดงั นีเ้ ป็นตน้ ฯ อาทีนิ ชาตกานิ กเถส.ิ ครนั้ เมอ่ื วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ท. วา่ อ. พระเทวทตั เสอื่ มรอบแล้ว ปนุ “อภุ โต ปริหโี น เทวทตโฺ ต ลาภสกกฺ ารโต จ จากผลทงั้ สอง คือจากลาภและสกั การะด้วย คือ จากคณุ เครื่อง สามฺโต จาติ กถาสุ ปวตฺตมานาสุ, ความเป็นแหง่ สมณะด้วย ดงั นี ้ เป็นไปทว่ั อยู่ อีก, (อ. พระศาสดา) “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปพุ ฺเพปิ ปริหีโนเยวาติ วตฺวา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เทวทตั ) (ยอ่ มเส่ือมรอบ) ในกาลนี ้ นน่ั เทยี ว หามไิ ด้, (อ. เทวทตั ) เสอื่ มรอบแล้วนนั่ เทยี ว แม้ในกาลกอ่ น ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ ชาดก ท. มีค�ำวา่ อ. นยั น์ตา ท. แตกแลว้ ดว้ ย, อ. แผ่นผา้ ฉิบหายแลว้ ดว้ ย, “อกฺขี ภินนฺ า, ปโฏ นฏฺโ€, สขีเคเห จ ภณฺฑนํ, อ. ความแตกร้าว ( อนั ภรรยา ของท่าน กระท�ำแลว้ ) อภุ โต ปทฏุ ฺ€กมฺมนตฺ า อทุ กมฺหิ ถลมฺหิ จาติ ในเรือนของเพือ่ นหญิง ดว้ ย, (อ.เมียและผวั ท. ๒ เหล่านน้ั ) เป็นผูม้ ีการงานอนั โทษประทษุ ร้ายแลว้ (ย่อมเป็น) (ในทาง) ทงั้ สอง คือในทางน้�ำดว้ ย คือในทางบกดว้ ย ดงั นีเ้ ป็นตน้ ฯ อาทีนิ ชาตกานิ กเถส.ิ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 135 www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา) ประทับอยู่อยู่ ในเมืองช่ือว่าราชคฤห์ เอวํ ราชคเห วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ พหนู ิ ทรงปรารภ ซง่ึ พระเทวทตั ตรัสแล้ว ซง่ึ ชาดก ท. มาก อยา่ งนี,้ ชาตกานิ กเถตฺวา, ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เสด็จไปแล้ว สู่เมืองช่ือว่าสาวัตถี จากเมืองชื่อว่าราชคฤห์ เชตวนมหาวิหาเร วาสํ กปเฺ ปส.ิ ทรงส�ำเร็จแล้ว ซงึ่ การประทบั อยู่ ในมหาวหิ ารชื่อวา่ เชตวนั ฯ แม้ อ. พระเทวทตั แล เป็นไข้ (เป็น) สนิ ้ เดือน ท. ๙, เป็นผ้ใู คร่ เทวทตฺโตปิ โข นว มาเส คลิ าโน, ปจฺฉิเม กาเล เพ่ืออนั เฝ้ า ซงึ่ พระศาสดา ในกาล อนั มีในภายหลงั เป็น กลา่ วแล้ว ส“สตตตฺวฺฺถถํ าาสรรมํํ ทตทฺถฏฏฺกฺ€€ุกาุกเาาลโโมมส, ตตฺถหํ าตุ รเฺวมาา อตฺตโน สาวเก “อหํ กะสาวก ท. ของตน วา่ อ. เรา เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั เฝ้ า ซงึ่ พระศาสดา ทสเฺ สถาติ วตฺวา, เตหิ (ยอ่ มเป็น), อ. ทา่ น ท. ขอจงแสดง ซง่ึ พระศาสดานนั้ แก่เรา ดงั นี,้ สทฺธึ เวรี หตุ ฺวา อจริ, (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ อ. ทา่ น เป็นผ้มู ีเวร กบั ด้วยพระศาสดา เป็น น มยํ ตํ ตตฺถ เนสสฺ ามาติ วตุ ฺเต, “มา มํ นาเสถ, ได้เท่ียวไปแล้ว ในกาลแหง่ ตนเป็นผ้สู ามารถ, อ. เรา ท. จกั ไมน่ �ำไป มยา สตฺถริ อาฆาโต กโต, สตฺถุ ปน มยิ ซงึ่ ทา่ น ในทนี่ นั้ ดงั นี ้ (อนั สาวก ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) เกสคฺคมตฺโตปิ อาฆาโต นตฺถีต.ิ วา่ (อ. ทา่ น ท.) ขอจงอยา่ ยงั เราให้ฉิบหาย, อ. ความอาฆาต ในพระศาสดา อนั เรา กระท�ำแล้ว, แตว่ า่ อ. ความอาฆาต ในเรา แม้มีปลายแหง่ ผมเป็นประมาณ ยอ่ มไมม่ ี แก่พระศาสดา ดงั นี ้ ฯ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า นนั้ โส หิ ภควา เป็นผูม้ ีพระทยั อนั เสมอ (ในชน ท.) ทง้ั ปวง คือ ในนายขมงั ธนู วธเก เทวทตฺตมฺหิ โจเร องฺคลุ ิมาลเก ดว้ ย คือ ในพระเทวทตั ดว้ ย คือ ในโจร ชือ่ ว่าองคลุ ีมาลดว้ ย ธนปาเล ราหเุ ล จ สพพฺ ตฺถ สมมานโสติ คือ ในชา้ งชือ่ ว่าธนบาลดว้ ย คือ ในพระกมุ ารพระนามว่าราหลุ ดว้ ย (ย่อมเป็น) เหตใุ ด เพาะเหตนุ นั้ (อ. พระเทวทตั ) อ้อนวอนแล้ว บอ่ ย ๆ วา่ (อ. ทา่ น ท.) ขอจงแสดง “ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิ. ซงึ่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า แก่เรา ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ พาเอา ซง่ึ พระเทวทตั นนั้ อถ นํ เต มญฺจเกนาทาย นิกฺขมึสุ. ด้วยเตียงน้อย ออกไปแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. ฟังแล้ว ซงึ่ การมา ตสฺสาคมนํ สตุ ฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสํุ “ภนฺเต แหง่ พระเทวทตั นนั้ กราบทลู แล้ว แก่พระศาสดา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ เทวทตฺโต กิร ตมุ หฺ ากํ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉตีต.ิ ผ้เู จริญ ได้ยินวา่ อ. พระเทวทตั ยอ่ มมา เพ่ือประโยชน์แก่การเฝ้ า ซงึ่ พระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เทวทตั นนั้ “น ภิกฺขเว โส เตนตฺตภาเวน มํ ปสสฺ ติ ํุ จกั ได้ เพ่ืออนั เหน็ ซง่ึ เรา ด้วยอตั ภาพนนั้ หามิได้ ดงั นี ้ ได้ยินวา่ ลภสิ สฺ ตตี .ิ ภกิ ขฺ ู กริ ปญฺจนนฺ ํ วตถฺ นู ํ อายาจติ กาลโต อ. ภกิ ษุ ท. ยอ่ มไมไ่ ด้ เพอ่ื อนั เฝ้ า ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า ท. อกี จำ� เดมิ แตก่ าล ปฏฺ€าย ปนุ พทุ ฺเธ ทฏฺ€ุํ น ลภนฺต,ิ อยํ ธมมฺ ตา. แหง่ วตั ถุ ท. ๕ เป็นเร่ืองอนั ตนทลู ขอยิ่งแล้ว อ. ความเป็นคืออนั ไม่ ได้ นี ้เป็นธรรมดา (ยอ่ มเป็น) ฯ (อ. ภกิ ษุ ท.) ทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ. พระเทวทตั ) อาหํส“อ.ุ สกุ ฏฺ€านญฺจ อสกุ ฏฺ€านญฺจ อาคโต ภนฺเตติ มาแล้ว สทู่ ี่โน้นด้วย สทู่ ี่โน้นด้วย ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ. เทวทตั ) ยอ่ มปรารถนา “ยํ อิจฺฉต,ิ ตํ กโรต;ุ น โส มํ ปสสฺ ติ ํุ ซง่ึ กรรมใด, (อ. เทวทตั ) จงกระท�ำ ซงึ่ กรรมนนั้ ; (เพราะวา่ ) ลภิสสฺ ตีต.ิ อ. เทวทตั นนั้ จกั ไมไ่ ด้ เพื่ออนั เหน็ ซง่ึ เรา ดงั นี ้ ฯ (อ. ภกิ ษุ ท. ทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ. พระเทวทตั ) “ภนฺเต อิโต โยชนมตฺตํ อาคโต, อฑฺฒโยชนํ, มาแล้ว (สทู่ )่ี มโี ยชน์เป็นประมาณ จากทนี่ ,ี ้ (อ. พระเทวทตั มาแล้ว) คาวตุ ํ, โปกฺขรณีสมีปํ อาคโต ภนฺเตต.ิ สโู่ ยชน์ด้วยทงั้ กง่ึ (จากที่นี)้ , (อ. พระเทวทตั มาแล้ว) สคู่ าวตุ (จากที่นี)้ , ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ. พระเทวทตั ) มาแล้ว สทู่ ่ีใกล้แหง่ สระโบกขรณี ดงั นี ้ฯ 136 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ แม้ถ้าวา่ (อ. เทวทตั ) จะเข้าไป “สเจปิ อนฺโตเชตวนํ ปวิสต,ิ เนว มํ ปสฺสติ ํุ สภู่ ายในแหง่ พระเชตวนั ไซร้, (อ. เทวทตั ) จกั ไมไ่ ด้ เพื่ออนั เหน็ ลภิสฺสตีต.ิ ซงึ่ เรานนั่ เทียว ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท.) ผ้พู าเอา ซง่ึ พระเทวทตั มาแล้ว ยงั เตียงน้อย เทวทตฺตํ คเหตฺวา อาคตา เชตวนโปกฺขรณีตีเร ให้ข้ามลงแล้ว ท่ีฝั่งแหง่ สระโบกขรณีใกล้ พระเชตวนั ข้ามลงแล้ว มจฺ ํ โอตาเรตฺวา โปกฺขรณิยํ นหายิตํุ โอตรึส.ุ เพ่ืออนั อาบ ในสระโบกขรณี ฯ แม้ อ. พระเทวทตั แล ลกุ ขนึ ้ แล้ว เทวทตฺโตปิ โข มเตจฺ โปต€วอึ ฏุ ปฺ€วาิสยสึ .ุอโุ ภ ปาเท ภมู ิยํ จากเตียงน้อย นง่ั วางแล้ว ซง่ึ เท้า ท. ทงั้ สอง บนภาคพืน้ ฯ €เปตฺวา นิสที ิ. อ. เท้า ท. เหลา่ นนั้ เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ฯ อ. พระเทวทตั นนั้ เข้าไปแล้ว (สแู่ ผน่ ดนิ ) เพียงใด แตข่ ้อเท้า โส อนกุ ฺกเมน ยาว โคปผฺ กา ยาว ชนฺนกุ า เพียงใด แตเ่ ขา่ เพียงใด แตส่ ะเอว เพียงใด แตน่ ม เพียงใด แตค่ อ ยาว กฏิโต ยาว ถนโต ยาว คีวโต ปวสิ ติ ฺวา โดยลำ� ดบั กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถา ในกาลแหง่ กระดกู แหง่ คาง หนกุ ฏฺ€กิ สสฺ ภมู ิยํ ปตฏิ ฺ€ติ กาเล คาถมาห ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว บนแผน่ ดนิ วา่ (อ. เรา) เป็นผูถ้ ึงแลว้ ซ่ึงพระพทุ ธเจ้านนั้ ผูท้ รงเป็นบคุ คลผูเ้ ลิศ “เอทิเวมาหติ ิเอทฏวฺ€ํ นหี ริ ตทมมคฺมฺคสปารคุ ถฺคึ ลํ ผูเ้ ป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ผูย้ งั นระอนั พระองค์พึงฝึกใหแ้ ล่นไป สมนตฺ จกฺขํุ สตปุ ฺ ลกฺขณํ ผมู้ ีพระจกั ษรุ อบคอบ ผมู้ ีพระลกั ษณะบงั เกิดแลว้ ดว้ ยบญุ รอ้ ยหนง่ึ ปาเณหิ พทุ ฺธํ สรณํ คโตสมฺ ีติ. ว่าเป็นสรณะ ดว้ ยกระดูก ท. เหล่านี้ (กบั ) ดว้ ยลมปราณ ท. ย่อมเป็น ดงั นี้ ฯ ได้ยินว่า อ. พระตถาคตเจ้า ทรงเห็นแล้ว ซ่ึงฐานะ นี ้ อทิ ํ กริ €านํ ทสิ วฺ า ตถาคโต เทวทตตฺ ํ ปพพฺ าเชส.ิ ทรงยงั พระเทวทตั ให้บวชแล้ว ฯ ก็ ถ้าวา่ อ. พระเทวทตั นนั้ สเจ หิ โส น ปพฺพชิสสฺ ; คหิ ี หตุ ฺวา กมมฺ ํ ภาริยํ จกั ไมบ่ วชแล้วไซร้ ; (อ. พระเทวทตั ) เป็นคฤหสั ถ์ เป็น จกั ได้กระทำ� แล้ว อกริสสฺ , อายตึ ภวสฺส ปจฺจยํ กาตํุ นาสกฺขิสสฺ ; ซง่ึ กรรม ให้เป็นกรรมหนกั , จกั ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั กระท�ำ ปพฺพชิตฺวา จ ปน, กิจฺ าปิ กมมฺ ํ ภาริยํ กริสฺสติ, ซง่ึ ปัจจยั แหง่ ภพ ตอ่ ไป ; ก็แล (อ. พระเทวทตั ) ครัน้ บวชแล้ว, อายตึ ภวสสฺ ปจฺจยํ กาตํุ สกฺขิสสฺ ตีติ นํ สตฺถา จกั กระท�ำ ซงึ่ กรรม ให้เป็นกรรมหนกั แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ ปพฺพาเชส.ิ (อ. พระเทวทตั ) จกั อาจ เพื่ออนั กระท�ำ ซงึ่ ปัจจยั แหง่ ภพ ตอ่ ไป เพราะเหตนุ นั้ (อ. พระศาสดา) ทรงยงั พระเทวทตั นนั้ ให้บวชแล้ว ฯ จริงอยู่ อ. พระเทวทตั นนั้ เป็นพระปัจเจกพทุ ธเจ้า ชอ่ื วา่ อฏั ฐิสสระ โส หิ อิโต สตสหสสฺ กปปฺ มตฺถเก อฏฺ€ิสสฺ โร จกั เป็น ในท่ีสดุ แหง่ กปั ป์ แสนหนง่ึ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ ฯ นาม ปจฺเจกพทุ ฺโธ ภวิสสฺ ต.ิ อ. พระเทวทตั นนั้ เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ บงั เกิดแล้ว ในนรก โส ป€วึ ปวสิ ติ ฺวา อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺต.ิ ช่ือวา่ อเวจี ฯ ก็ (อ. พระเทวทตั ) เป็นผ้มู ีอนั ไหวออกแล้วเทียว นิจฺจเล พทุ ฺเธ อปรทฺธภาเวน ปน นิจฺจโลว เป็น (อนั ไฟ) ไหม้อยู่ เพราะความที่แหง่ ตนเป็นผ้ผู ิดแล้ว หตุ ฺวา ปจฺจต.ิ ในพระพทุ ธเจ้า ผ้ทู รงมีอนั ไหวออกแล้ว ฯ อ. สรีระ ของพระเทวทตั นนั้ อนั สงู โดยร้อยแหง่ โยชน์นนั่ เทียว ตโิ ยชนสตเิ ก อนโฺ ตอวจี มิ หฺ ิ โยชนสตพุ เฺ พธเมวสสฺ บงั เกิดแล้ว ในภายในแหง่ นรก ช่ือวา่ อเวจี อนั ประกอบแล้ว สรีรํ นิพฺพตฺต,ิ สีสํ ยาว กณฺณสกฺขลโิ ต อปุ ริ ด้วยร้อยแหง่ โยชน์ ๓, อ. ศีรษะ ได้เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ กระเบือ้ ง อยกปลฺลํ ปาวสิ ,ิ ปาทา ยาว โคปผฺ กา เหฏฺ €า อนั เป็นวิการแหง่ เหลก็ ในเบือ้ งบน เพียงใด แตห่ มวกแหง่ ห,ู อยป€วึ ปวิฏฺ€า, อ. เท้า ท. เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ อนั เป็นวิการแหง่ เหลก็ ในภายใต้ เพียงใด แตข่ ้อเท้า, ผลิตสอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 137 www.kalyanamitra.org
อ.หลาวอนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ มลี ำ� แหง่ ต้นตาลใหญเ่ ป็นประมาณ มหาตาลกฺขนฺธปริมาณํ อยสลู ํ ปจฺฉิมภิตฺตโิ ต ออกแล้ว จากฝาอนั มใี นภายหลงั ทำ� ลายแล้ว ซง่ึ ทา่ มกลางแหง่ หลงั นิกฺขมิตฺวา ปปิ ฏาฺ€วมิ สิ ช,ิ ฺฌอํ ปภรํินทฺทกิตขฺ ฺวณิา ภอติ เุ ตฺรนโิ ต นิกฺขมิตฺวา ออกแล้ว โดยอก ได้เข้าไปแล้ว สฝู่ าอนั มีในทิศเบือ้ งหน้า, ปรุ ตถฺ มิ ภติ ตฺ ึ นกิ ขฺ มติ วฺ า ( อ. หลาวอนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ ) อนื่ อกี ออกแล้ว จากฝาเบอื ้ งขวา ทกฺขิณปสฺสํ ภินฺทิตฺวา วามปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา ทำ� ลายแล้ว ซงึ่ ข้างเบอื ้ งขวา ออกแล้ว โดยข้างเบอื ้ งซ้าย ได้เข้าแล้ว อตุ ตฺ รภติ ตฺ ึ ปาวสิ ,ิ อปรํ อปุ ริ กปลลฺ โต นกิ ขฺ มติ วฺ า สฝู่ าเบือ้ งซ้าย, (อ. หลาวอนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ ) อื่นอีก ออกแล้ว มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา อโธภาเคน นิกฺขมิตฺวา อยป จากแผน่ กระเบอื ้ ง ในเบอื ้ งบน ทำ� ลายแล้ว ซง่ึ กระหมอ่ ม ออกแล้ว €วึ ปาวิส.ิ เอวํ โส ตตฺถ นิจฺจโล หตุ ฺวา ปจฺจต.ิ โดยสว่ นในเบอื ้ งตำ�่ ได้เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ อนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ ฯ อ. พระเทวทตั นนั้ เป็นผ้มู ีอนั ไหวออกแล้ว เป็น (อนั ไฟ) ไหม้อยู่ ในนรกชื่อวา่ อเวจีนนั้ ด้วยประการฉะนี ้ ฯ อ. ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว วา่ อ. พระเทวทตั ภิกฺขู “เอตฺตกํ €านํ คนฺตฺวา เทวทตฺโต สตฺถารํ ไปแล้ว สทู่ ่ี มีประมาณเทา่ นี ้ ไมไ่ ด้แล้ว เพื่ออนั เฝ้ า ซงึ่ พระศาสดา ทฏฺ€ํุ อลภิตฺวาว ป€วึ ปวฏิ ฺโ€ติ กถํ สมฏุ ฺ€าเปส.ํุ เทียว เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ดงั นี ้ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เทวทตั ผิดแล้ว สตฺถา “น ภิกฺขเว เทวทตฺโต อิทาเนว มยิ ในเรา ได้เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, อปรชฺฌิตฺวา ป€วึ ปาวสิ ,ิ ปพุ ฺเพปิ ปสมวิฏสฺสฺโ€าเเยสวตาวฺ ตาิ (อ. เทวทตั ) เข้าไปแล้ว (สแู่ ผน่ ดนิ ) นนั่ เทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี,้ วตวฺ า, หตถฺ ริ าชกาเล มคคฺ มฬุ หฺ ํ ปรุ ิสํ ตรัสแล้ว ซง่ึ ชาดก นี ้วา่ อมปตเนูุ ลฺตตโตินกิ เอฺขปวติํฏฺตฺท€ํุ ึนอฺเอาตาคโนฉรฺตเินปฺวฺทตาิตฺวฺว`าอาคเฺคขตมฏตฺน€ยิ าฺตวเาํนเรปมามชปฺฌหิ ตาสิมปสฺฏรุ ฺ€ิสเาตสเนนฺส จกฺขปุ ถํ อตกิ ฺกมนฺตสสฺ ตสสฺ ป€วึ ปวิฏฺ€ภาวํ ทีเปตํุ หากว่า (อ. บคุ คล) พึงให้ ซ่ึงแผ่นดิน ทงั้ ปวง แก่บรุ ุษ “อกตฺุสฺส โปสสสฺ นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน ผูไ้ ม่รู้ซึ่งคณุ อนั บคุ คลอืน่ กระท�ำแลว้ ผูเ้ ห็นซึ่งช่องโดยปกติ สพพฺ เฺ จ ป€วึ ทชฺชา เนว นํ อภิราธเยติ เนืองนิตย์ไซร้ (อ. บคุ คล นนั้ ) ไม่พึงยงั บรุ ุษนนั้ ใหย้ ินดีย่ิง นนั่ เทียว ดงั นีเ้ ป็นตน้ เพื่ออนั ทรงแสดง ซง่ึ ความที่ (แหง่ พระเทวทตั ) นนั้ ผู้ (อนั ช้าง อิมํ ชาตกํ กเถตฺวา, ปุนปิ ตเถว กถาย ผ้พู ระราชา) ยงั บรุ ุษ ผ้หู ลงแล้วในหนทาง ให้เบาใจแล้ว ยกขนึ ้ แล้ว สกขนลมตฺาฏุ วพิฺ€าติรุ ทาาชิชยาภ,ตตู กขส,ํ นสฺ ฺตจวิลุ าลฺ ทตธมิภสมฺฺสเู ตปาลปภอ€เตวู ตึฺตนอปติ วตฺ ิฏนฺ€ิ อภอปปารวรชชํ ฺฌฌฺ ทิตตีเิ ปฺววฺ ตาาํุ สหู่ ลงั ของตน ให้ถงึ แล้ว ซง่ึ ที่อนั เกษม อนั บรุ ุษนนั้ มาแล้ว ตดั แล้ว ซงึ่ งา ท. อยา่ งนี ้ คอื ในทป่ี ลาย ในทอี่ นั มใี นทา่ มกลาง ทโ่ี คน ๓ ครงั้ อีก ก้าวลว่ งอยู่ ซง่ึ คลองแหง่ จกั ษุ ของพระมหาบรุ ุษ ในวาระท่ี ๓ มหาปตาปราชภตู สฺส ตสสฺ ป€วึ ปวิฏฺ €ภาวํ เป็นผ้เู ข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ในกาล (แหง่ พระองค)์ เป็นช้างผ้พู ระราชา, ทีเปตํุ จลุ ฺลธมมฺ ปาลชาตกฺจ กเถส.ิ ครัน้ เมื่อวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว แม้อีก, ตรัสแล้ว ซงึ่ ขนั ติวาทีชาดก เพ่ืออนั ทรงแสดง ซงึ่ ความที่ (แหง่ พระเทวทตั ) นนั้ ผ้เู ป็นพระราชาพระนามวา่ กลาพเุ ป็นแล้ว ผิดแล้ว ในพระองค์ ผู้เป็ นดาบสช่ือว่าขันติวาทีเป็ นแล้ว เป็นผ้เู ข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ด้วย, ซง่ึ จลุ ธรรมบาลชาดก เพอื่ อนั ทรงแสดง ซง่ึ ความที่ (แหง่ พระเทวทตั ) นนั้ ผ้เู ป็นพระราชาพระนามวา่ มหาปตาปะเป็นแล้ว ผิดแล้ว ในพระองค์ ผ้เู ป็นพระกมุ าร พระนามวา่ จลุ ธรรมบาลเป็นแล้ว เป็นผ้เู ข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ด้วย ฯ 138 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ ครัน้ เมื่อพระเทวทตั เข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดิน, อ. มหาชน €หเฏปฺ€ตตปฺวฏุ€าฺวโ€ึ “ธลชาปปภวตาฏิ าฺเ€กวกตทลปโโินนยติ เทวทตฺเต, มหาชโน ผ้รู ่าเริงแล้วและยินดีแล้ว (ยงั กนั และกนั ) ให้ยกขนึ ้ แล้ว ซงึ่ ธงชยั อสุ ฺสาเปตฺวา ปณุ ฺณฆเฏ และธงแผน่ ผ้าและต้นกล้วย ท. ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ หม้ออนั เตม็ แล้ว ท. มหนฺตํ ฉณํ อนโุ ภติ. เสวยอยู่ ซงึ่ มหรสพ อนั ใหญ่ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. ลาภ ท. หนอ ของเรา ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.ภกิ ษุ ท.) กราบทลู แล้ว ซง่ึ เนอื ้ ความนนั้ แกพ่ ระผ้มู พี ระภาคเจ้า ฯ ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสํ.ุ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ครัน้ เม่ือ ภควา “น ภิกฺขเว อิทาเนว เทวทตฺเต มเต เทวทตั ตายแล้ว อ. มหาชน ยอ่ มยินดี ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, มหาชโน ตสุ สฺ ต,ิ ปพุ ฺเพปิ ตสุ สฺ เิ ยวาติ วตฺวา, (อ. มหาชน) ยินดีแล้วนนั่ เทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี,้ ตรัสแล้ว สพฺพชนสสฺ อปปฺ ิ เย จณฺเฑ ผรุเส พาราณสยิ ํ ซงึ่ ปิ งคลชาดก นี ้วา่ ปิ งฺคลราเช นาม มเต มหาชนสสฺ ตฏุ ฺ€ภาวํ ทีเปตํุ (อ. พระโพธิสตั ว์ ตรสั ถามแลว้ ) วา่ อ. ชน ทง้ั ปวง อนั พระเจา้ ปิงคละ “สพโฺ พ ชโน หึสิโต ปิ งฺคเลน, ทรงเบียดเบียนแลว้ ,ครนั้ เมือ่ พระเจ้าปิ งคละ นน้ั สวรรคตแลว้ , ตสมฺ ึ มเต, ปจฺจยํ เวทยนตฺ ิ, (อ. ชน ท.) ย่อมเสวย ซึ่งปี ติ , ( อ. พระเจ้าปิ งคละนน้ั ) ปิ โย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต. ผมู้ ีพระเนตรดำ� หามิได้ เป็นผเู้ ป็นทีร่ กั ของทา่ น เป็นแลว้ หรือหนอ, กสมฺ า ตวุ ํ โรทสิ ทฺวารปาล? แนะ่ นายทวารบาล อ. ทา่ น ยอ่ มรอ้ งไห้ เพราะเหตอุ ะไร? (ดงั น)ี้ น เม ปิ โย อาสิ อกณฺหเนตฺโต, (อ. นายทวารบาล กราบทูลแลว้ ) ว่า (อ. พระเจ้าปิ งคละ) ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสสฺ , ผมู้ ีพระเนตรดำ� หามิได้ เป็นผเู้ ป็นทีร่ กั ของขา้ พระองค์ เป็นแลว้ อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจรุ าชํ, หามิได,้ (อ. ขา้ พระองค์) ย่อมกลวั ต่อการเสด็จกลบั มา โส หึสิโต อาเนยฺย นํ ปนุ อิธาติ แห่งพระเจ้าปิ งคละนนั้ , (ดว้ ยว่า) (อ.พระเจ้าปิ งคละนน้ั ) เสด็จไปแลว้ จากทีน่ ี้ พึงทรงเบียดเบียน ซ่ึงมจั จผุ ูพ้ ระราชา, (อ. มจั จผุ พู้ ระราชา) นน้ั (อนั พระเจา้ ปิงคละ) ทรงเบียดเบียนแลว้ พงึ นำ� มา (ซึ่งพระเจา้ ปิงคละ) นนั้ ในทีน่ ี้ อีก (ดงั น)ี้ ดงั นเี้ ป็นตน้ เพื่ออนั ทรงแสดง ซงึ่ ความท่ีแหง่ มหาชน ช่ือครัน้ เม่ือพระราชา อิมํ ปิ งฺคลชาตกํ กเถส.ิ พระนามวา่ ปิ งคละ ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี ผ้หู ยาบคาย ผ้ดู รุ ้าย ผ้ไู มเ่ ป็นท่ีรัก ของชนทงั้ ปวง สวรรคตแล้ว เป็นผ้ยู ินดีแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว ซงึ่ พระศาสดา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ภิกฺขู สตฺถารํ ปจุ ฺฉึสุ “อิทานิ ภนฺเต เทวทตฺโต ผ้เู จริญ ในกาลนี ้ อ. พระเทวทตั บงั เกิดแล้ว ในที่ไหน ดงั นี ้ ฯ กหุ ึ นิพฺพตฺโตต.ิ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เทวทตั ) “อวีจิมหานิรเย ภิกฺขเวต.ิ (บงั เกิดแล้ว) ในนรกใหญ่ชื่อวา่ อเวจี ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “ภนฺเต อิธ ตปปฺ นฺโต วิจริตฺวา ปนุ คนฺตฺวา (อ. พระเทวทตั ) เทย่ี วเดอื ดร้อนอยแู่ ล้ว ในโลกนี ้ ไปแล้ว บงั เกดิ แล้ว ตปปฺ นฏฺ€าเนเยว นิพฺพตฺโตต.ิ ในที่เป็นท่ีเดือดร้อนอีกนนั่ เทียวหรือ ดงั นี ้ ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 139 www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา) ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ. อยา่ งนนั้ ) ปมาท“อวาิหมารภิโนิกฺขเวอ, ภุปยพตฺพฺถชิตตาปปฺวานฺตโหเิ ยนวฺตาุ ตคิ หวฏตฺ€ฺวาา วา (อ. ชน ท.) เป็นบรรพชิตหรือ หรือวา่ เป็นคฤหสั ถ์ จงเป็น ผ้อู ยู่ อิมํ ด้วยความประมาทโดยปกติ ยอ่ มเดือดร้อน ในโลกทงั้ สองนน่ั เทียว คาถมาห ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นีว้ า่ (อ. บคุ คล) ผูก้ ระท�ำซ่ึงกรรมอนั ลามกโดยปกติ ย่อมเดือดร้อน “อิธ ตปปฺ ติ, เปจฺจ ตปปฺ ติ, ในโลกนี,้ ละไปแลว้ ย่อมเดือดร้อน, ย่อมเดือดร้อน ปาปการี อภุ ยตฺถ ตปปฺ ติ; ในโลกทงั้ สอง, (อ. บคุ คลผูก้ ระท�ำซึ่งกรรมอนั ลามกโดยปกติ) `ปาปํ เม กตนตฺ ิ ตปปฺ ติ, ย่อมเดือดร้อน ว่า อ. กรรมอนั ลามก อนั เรา กระท�ำแลว้ ภิยฺโย ตปปฺ ติ ทคุ ฺคตึ คโตติ. ดงั นี,้ ไปแลว้ สู่ทคุ ติ ย่อมเดือดร้อน ยิ่ง ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มเดือดร้อน (ด้วยเหต)ุ สกั วา่ ความโทมนสั ตตฺถ “อธิ ตปปฺ ตตี :ิ อิธ กมมฺ ตปปฺ เนน ด้วยความเดือดร้อนเพราะกรรม ในโลกนี ้ (ดงั นี)้ ในบท ท. โทมนสฺสมตฺเตน ตปปฺ ต.ิ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อธิ ตปปฺ ติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ สว่ นวา่ (อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซงึ่ กรรมอนั ลามก เปจจฺ าต:ิ ปรโลเก ปน วปิ ากตปปฺ เนน โดยปกติ) ยอ่ มเดือดร้อน เพราะทกุ ข์ในอบาย อนั ทารุณยิ่ง อตทิ ารุเณน อปายทกุ ฺเขน ตปปฺ ต.ิ ด้วยความเดือดร้อนเพราะวิบาก ในโลกอ่ืน (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ เปจจฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้กู ระท�ำ ซง่ึ กรรมอนั ลามก มีประการตา่ งๆ ปาปการีต:ิ นานปปฺ การสฺส ปาปสสฺ กตฺตา. (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ ปาปการี ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ชอ่ื วา่ ยอ่ มเดอื ดร้อน ในโลกทงั้ สอง ด้วยความเดอื ดร้อน อุภยตถฺ าต:ิ อิมินา วตุ ฺตปปฺ กาเรน ตปปฺ เนน มีประการอนั ข้าพเจ้ากลา่ วแล้ว นี ้ (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ อุภยตถฺ อภุ ยตฺถ ตปปฺ ติ นาม. ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ (อ.บคุ คลผ้กู ระทำ� ซง่ึ กรรมอนั ลามกโดยปกต)ิ นนั้ ปาปํ เมต:ิ โส หิ กมมฺ ตปปฺ เนน ตปปฺ นฺโต เมอื่ เดอื ดร้อน ด้วยความเดอื ดร้อนเพราะกรรม ชอ่ื วา่ ยอ่ มเดอื ดร้อน “ปาปํ เม กตนฺติ ตปปฺ ต,ิ ตํ อปปฺ มตฺตกํ ตปปฺ นํ; วา่ อ.กรรมอนั ลามก อนั เรา กระท�ำแล้ว ดงั นี,้ (อ.ความเดือนร้อน) วปิ ากตปปฺ เนน ปน ตปปฺ นฺโต ภิยฺโย ตปปฺ ติ ทคุ ฺคตึ นนั้ เป็นความเดือดร้อนมีประมาณน้อย (ยอ่ มเป็น); แตว่ า่ คโต, อตผิ รุเสน ตปปฺ เนน อตวิ ยิ ตปปฺ ตีต.ิ (อ.บุคคลผู้กระท�ำซึ่งกรรมอันลามกโดยปกติ) เมื่อเดือดร้ อน ด้วยความเดอื ดร้อนเพราะวบิ าก ไปแลว้ สทู่ คุ ติ ชอื่ วา่ ยอ่ มเดอื ดร้อน ยงิ่ , คือวา่ ยอ่ มเดือนร้อน เกินเปรียบ ด้วยความเดือดร้อน อนั หยาบยิ่ง ดงั นี ้(แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ปาปํ เม ดงั นี ้เป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา (อ. ชน ท.) มาก คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหส.ํุ เป็นพระอริยบคุ คลมีพระโสดาบนั เป็นต้น ได้เป็นแล้ว ฯ เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ. อ. เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามปี ระโยชน์ เกดิ แล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งพระเทวทตั (จบแล้ว) ฯ เทวทตตฺ วตถฺ ุ. 140 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๑๓. อ.เร่ืองแห่งหญิงช่ือว่าสุมนาเทวี ๑๓. สุมนาเทวีวตถฺ ุ. (๑๓) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อธิ นนฺทต,ิ เปจจฺ นนฺทตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซงึ่ หญิงช่ือวา่ สมุ นาเทวี ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมุ นาเทวึ อารพฺภ กเถส.ิ อธิ นนฺทติ เปจจฺ นนฺทติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ. พนั แหง่ ภิกษุ ท. ๒ ยอ่ มฉนั สาวตฺถิยํ หิ เทวสกิ ํ อนาถปิ ณฺฑิกสสฺ เคเห ในเรือน ของเศรษฐีชอ่ื วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ ในเมอื งชอ่ื วา่ สาวตั ถี เทฺว ภิกฺขสุ หสฺสานิ ภุ ฺชนฺต,ิ ตถา วิสาขาย ทกุ ๆ วนั , อ. อยา่ งนนั้ คอื วา่ (อ. พนั แหง่ ภกิ ษุ ท. ๒ ยอ่ มฉนั ในเรือน) มหาอปุ าสกิ าย. ของนางวิสาขา ผ้มู หาอบุ าสกิ า (ทกุ ๆ วนั ) ฯ ก็ อ. บคุ คล ใด ๆ ในเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ถวาย สาวตฺถิยฺจ โย โย ทานํ ทาตกุ าโม โหต;ิ ซง่ึ ทาน ยอ่ มเป็น ; อ. บคุ คลนนั้ ๆ ได้แล้ว ซงึ่ โอกาส แหง่ ชน ท. โส โส เตสํ อภุ ินฺนํ โอกาสํ ลภิตฺวาว กโรติ. ทงั้ สองเหลา่ นนั้ เทียว ยอ่ มกระท�ำได้ ฯ (อ. อนั ถาม วา่ อ. บคุ คล นนั้ ๆ ได้แล้ว ซง่ึ โอกาส แหง่ ชน ท. “กกึ ารณาต.ิ “ตมุ หฺ ากํ ทานคฺคํ อนาถปิ ณฺฑิโก ทงั้ สองเหลา่ นนั้ เทียว ยอ่ มกระท�ำได้) เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ วา วสิ าขา วา อาคตาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “นาคตาติ (อ. อนั แก้) วา่ (เพราะวา่ อ. ชน ท.) ถามแล้ว วา่ อ. เศรษฐีชื่อวา่ วุตฺเต, สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตทานมฺปิ อนาถบณิ ฑิกะหรือ หรือวา่ อ. นางวสิ าขา มาแล้ว สโู่ รงแหง่ ทาน “กึ ทานํ นาเมตนฺติ ครหนฺต.ิ ของทา่ น ท. หรือ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ (อ. เศรษฐีชอ่ื วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ หรือ หรือวา่ อ. นางวิสาขา) ไมม่ าแล้ว (สโู่ รงแหง่ ทาน ของเรา ท.) ดงั นี ้ (อนั มหาชนนนั้ ) กลา่ วแล้ว, ยอ่ มตเิ ตียน แม้ซง่ึ ทานอนั บคุ คล สละแล้ว ซง่ึ แสนแหง่ ทรัพย์ กระท�ำแล้ว วา่ ชื่อ อ. ทานนน่ั อะไร ดงั นี ้(ดงั นี)้ ฯ เพราะวา่ (อ. ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ สอง ยอ่ มรู้ ซง่ึ ความชอบใจ อโุ ภปิ หิ เต ภกิ ขฺ สุ งฆฺ สสฺ รุจิ จฺ อนจุ ฉฺ วกิ กจิ จฺ านิ แหง่ หมแู่ หง่ ภิกษุด้วย ซง่ึ กิจอนั สมควร ท. (แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ) ด้วย ฯ จ ชานนฺต.ิ เตสุ วิหรนฺเตส,ุ ภิกฺขู จิตฺตานรุ ูปเมว (ครัน้ เมื่อชน ท. ๒) เหลา่ นนั้ อยอู่ ย,ู่ อ. ภิกษุ ท. ยอ่ มฉนั ตามสมควร ภุ ฺชนฺต.ิ ตสฺมา สพฺเพ ทานํ ทาตกุ ามา เต แก่จิตน่ันเทียว ฯ เพราะเหตุนัน้ (อ. ชน ท.) ทัง้ ปวง คเหตฺวา คจฺฉนฺต.ิ อิติ เต อตฺตโน ฆเร ภิกฺขู ปริ ผ้ใู คร่เพ่ืออนั ถวาย ซง่ึ ทาน พาเอา (ซงึ่ ชน ท. ๒) เหลา่ นนั้ ยอ่ มไป ฯ วิสติ ํุ น ลภนฺต.ิ (อ. ชน ท. ๒) เหลา่ นนั้ ยอ่ มไมไ่ ด้ เพื่ออนั องั คาส ซงึ่ ภิกษุ ท. ในเรือน ของตน ด้วยประการฉะนี ้ ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ. นางวสิ าขา ใคร่ครวญอยู่ วา่ อ. ใครหนอแล ตโต วิสาขา “โก นุ โข มม €าเน €ตฺวา ตงั้ อยแู่ ล้ว ในฐานะ ของเรา จกั องั คาส ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ ดงั นี ้ ภิกฺขสุ งฺฆํ ปริวิสสิ ฺสตีติ อปุ ธาเรนฺตี ปตุ ฺตสสฺ ธีตรํ เหน็ แล้ว ซง่ึ ธิดา ของบตุ ร ตงั้ ไว้แล้ว ในฐานะ ของตน ฯ อ. ธิดานนั้ ทิสวฺ า ตํ อตฺตโน €าเน €เปส.ิ สา ตสฺสา นิเวสเน ยอ่ มองั คาส ซง่ึ หมแู่ หง่ ภิกษุ ในที่เป็นท่ีอยู่ ของนางวสิ าขานนั้ ฯ ภิกฺขสุ งฺฆํ ปริวสิ ต.ิ อนาถปิ ณฺฑิโกปิ มหาสภุ ทฺทํ แม้ อ. เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ธิดาผ้เู จริญ ท่ีสดุ กนโารมนฺตเี ชฏธฺม€ธมฺ ีตํ รํสณุ€เปนฺตสี.ิ สา หิ ภิกฺขนู ํ เวยฺยาวจฺจํ ช่ือวา่ มหาสภุ ทั ทา ฯ ก็ อ. นางมหาสภุ ทั ทานนั้ กระท�ำอยู่ โสตาปนฺนา หตุ ฺวา ปติกลุ ํ ซง่ึ ความขวนขวาย แก่ภิกษุ ท. ฟังอยู่ ซงึ่ ธรรม เป็นพระโสดาบนั อคมาส.ิ ตโต จลุ ลฺ สภุ ทฺทํ €เปส.ิ สาปิ ตเถว เป็น ได้ไปแล้ว สตู่ ระกลู แหง่ ผวั ฯ ในลำ� ดบั นนั้ (อ. เศรษฐี กโรนฺตี โสตาปนฺนา หตุ ฺวา ปตกิ ลุ ํ คตา. ชื่อว่าอนาถบิณฑิกะ) ตัง้ ไว้แล้ว ซ่ึงนางจุลลสุภัททา ฯ อ.นางจลุ ลสภุ ทั ทาแม้นนั้ กระทำ� อยู่ อยา่ งนนั้ นนั่ เทยี ว เป็นพระโสดาบนั เป็น ไปแล้ว สตู่ ระกลู แหง่ ผวั ฯ ครัง้ นนั้ (อ. เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ธิดาผู้ อถ สมุ นาเทวึ นาม สกทกานคิฏาฺ€มธีิผตลรํ ํ €เปส.ิ น้อยที่สดุ ชื่อวา่ สมุ นาเทวี ฯ ก็ อ. นางสมุ นาเทวีนนั้ ฟังแล้ว สา ปน ธมมฺ ํ สตุ ฺวา ปตฺวา, ซงึ่ ธรรม บรรลแุ ล้ว ซง่ึ สกทาคามิผล , เป็นกมุ าริกา เทียว กมุ าริกาว หตุ ฺวา ตถารูเปน อผาสเุ กน อาตรุ า เป็นผ้กู ระสบั กระสา่ ย เพราะความไมส่ �ำราญ มีอยา่ งนนั้ เป็นรูป อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา ปิ ตรํ ทฏฺ€กุ ามา หตุ ฺวา เป็น กระท�ำแล้ว ซง่ึ การเข้าไปตดั ซงึ่ อาหาร เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั เหน็ ปกฺโกสาเปส.ิ ซงึ่ บดิ า เป็น (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 141 www.kalyanamitra.org
อ. เศรษฐีชื่อว่าอนาถบิณฑิกะนัน้ ฟังแล้ว ซึ่งข่าวสาส์น โส เอกสมฺ ึ ทานคฺเค ตสสฺ า สาสนํ สตุ ฺวาว ของนางสมุ นาเทวีนนั้ ในโรงแหง่ ทาน แหง่ หนงึ่ เทียว มาแล้ว กลา่ วแล้ว อาคนฺตฺวา “กึ อมมฺ สมุ เนติ อาห. สา ปิ ตรํ อาห วา่ แนะ่ แม่ ผ้ชู ื่อวา่ สมุ นา อ. อะไร ดงั นี ้ ฯ อ. นางสมุ นานนั้ “กึ วกภปิ าากปฺลยนลมาิฏปมกฺ€าาิภกมสาน.ิิ ติฏกิ ฺก€าภนตาิฏ.ิ ตฺ€กิภาาตต.ิกิ า“ตเวอ.ิิปตปฺ ฺต“ลกภปําวสยติสฺวิ าออเยมมวมมฺฺ าาปตตน..ิิ กลา่ วแล้ว กะบดิ า วา่ ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ อ. อะไร ดงั นี ้ ฯ “น (อ. เศรษฐีชอื่ วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ แม่ (อ. เจ้า) ยอ่ มเพ้อหรือ “น ดงั นี ้ ฯ (อ. นางสมุ นาเทวี กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ สา (อ. เรา) ยอ่ มไมเ่ พ้อ ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐีชอื่ วา่ อนาถ บณิ ฑกิ ะ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ แม่ อ. เจ้า ยอ่ มกลวั หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. นางสมุ นาเทวี กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยที่สดุ (อ. เรา) ยอ่ มไมก่ ลวั ดงั นี ้ ฯ ก็ อ. นางสมุ นาเทวีนนั้ ครัน้ กลา่ วแล้ว ซง่ึ ค�ำมีประมาณเทา่ นีน้ น่ั เทียว ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ ฯ อ. เศรษฐีนนั้ แม้เป็นพระโสดาบนั มอี ยู่ ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั ยงั ความโศก อธิวาโเสสตโสํุ ตาอปสนกโฺ นฺโกปินสฺโตมาโนธีตเุ สฏสฺ€รีีรกธตีิจรฺจิ ํ อปุ ปฺ นนฺ โสกํ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว ในลกู สาว ให้อยทู่ บั (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว กาเรตฺวา ซงึ่ กจิ ด้วยสรีระ ของลกู สาว ร้องไห้อยู่ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของ พระศาสดา, โรทนฺโต สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา, “กึ คหปติ ทกุ ฺขี (ครัน้ เมื่อพระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนคฤหบดี (อ. ทา่ น) เป็นผ้มู ีความทกุ ข์ ทมุ มฺ โน อสฺสมุ โุ ข รุทมาโน อาคโตสตี ิ วตุ ฺเต, เป็นผ้มู ีใจอนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว เป็นผ้มู ีหน้าอนั ชมุ่ แล้วด้วยน�ำ้ ตา “ธีตา เม ภนฺเต สมุ นาเทวี กาลกตาติ อาห. (เป็น) ร้องไห้อยู่ เป็นผ้มู าแล้ว ยอ่ มเป็น เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้(อนั พระศาสดา) “อถ กสฺมา โสจส,ิ นนุ สพฺเพสํ เอกํสกิ ํ มรณนฺต.ิ ตรัสแล้ว, กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. นางสมุ นาเทวี “ชานาเมตํ ภนเฺ ต, เอวรูปา ปน เม หโิ รตตฺ ปปฺ สมปฺ นนฺ า ผ้เู ป็นลกู สาว ของข้าพระองค์ เป็นผ้มู กี าละอนั กระทำ� แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ธีตา, สา มรณกาเล สเตตึนปจเฺจมปุ ฏอฺ€นาเปปปฺ ตกํุ ํอโสทกมฺโกนนสฺตฺสีํ (อ. พระศาสดา) (ตรัสแล้ว) วา่ ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ วิปปฺ ลปมานา มตา: (อ. ทา่ น) ยอ่ มเศร้าโศก เพราะเหตไุ ร, อ. ความตาย (แหง่ สตั ว์ ท.) อปุ ปฺ ชฺชตีต.ิ ทงั้ ปวง เป็นไปโดยสว่ นเดียว (ยอ่ มเป็น) มิใชห่ รือ ดงั นี ้ฯ (อ. เศรษฐีนนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ผ้เู จริญ (อ. ข้าพระองค์) ยอ่ มรู้ ซงึ่ ข้อนน่ั , สว่ นวา่ อ. ลกู สาว ของข้าพระองค์ ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยหิริ และโอตตปั ปะ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป, อ. ลกู สาว ของข้าพระองค์ นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั ยงั สติให้เข้าไปตงั้ ไว้เฉพาะ ในกาลเป็นที่ตาย เพ้ออยู่ ตายแล้ว; อ. ความโทมนสั มิใชน่ ้อย ยอ่ มเกิดขนึ ้ แก่ข้าพระองค์ เพราะเหตนุ นั้ ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี ก็ (อ. ค�ำ) อะไร “กึ ปน ตาย กอถาิตมํ นมฺเตหสา,เึ สฏฺ€อีตถิ. “อหํ ตํ ภนฺเต (อนั ลกู สาว ของทา่ น) นนั้ กลา่ วแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ. เศรษฐีนนั้ กราบทลู แล้ว) `กึ อมมฺ สมุ เนติ มํ อาห `กึ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ เรียกมาแล้ว ซงึ่ ลกู สาวนนั้ `กนนิฏฺว€ปิภปฺาตลกิปาาตม;ิ ิ ตโต `วปิ ปฺ ลปสิ อมมฺ าติ วตุ ฺเต, วา่ แนะ่ แม่ ผ้ชู ่ือวา่ สมุ นา อ. อะไร ดงั นี,้ ครัน้ เมื่อความเป็นอยา่ งนนั้ `น ภายามิ กกนนิฏิฏฺ€ฺ€ภภาาตตกิ กิ าาตต;ิ ;ิ `ภายสิ อมมฺ าติ, (มีอย)ู่ (อ. ลกู สาวของข้าพระองค์ นนั้ ) กลา่ วแล้ว กะข้าพระองค์ วา่ กาลมกาสีต.ิ เอตฺตกํ วตฺวา ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ อ. อะไร ดงั นี ้ ; ในล�ำดบั นนั้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ แนะ่ แม่ (อ. เจ้า) ยอ่ มเพ้อหรือ ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค์) กลา่ วแล้ว, (อ. ลกู สาวของข้าพระองค์นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยที่สดุ อ. เรา ยอ่ มเพ้อ หามิได้ ดงั นี ้ ; (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ แนะ่ แม่ (อ. เจ้า) ยอ่ มกลวั หรือ ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค์ กลา่ วแล้ว), กลา่ วแล้ว ซงึ่ ค�ำ มีประมาณเทา่ นี ้วา่ ดกู ่อนน้องชายผ้นู ้อยที่สดุ อ. เรา ยอ่ มไมก่ ลวั ดงั นี ้ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว กะเศรษฐีนนั้ วา่ อถ นํ ภควา อาห “น หิ เต มหาเสฏฺ €ิ ธีตา ดกู ่อนมหาเศรษฐี ก็ อ. ลกู สาว ของทา่ น ยอ่ มเพ้อ หามิได้ ดงั นี ้ ฯ วิปปฺ ลปตีต.ิ (อ.เศรษฐีนนั้ ทลู ถามแล้ว) วา่ ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ “อถ กสมฺ า เอวมาหาต.ิ (อ. ลกู สาว) กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ. ลกู สาว ของทา่ นนนั้ ) (กลา่ วแล้ว “กนิฏฺ €ตฺตาเยว; อย่างนี)้ เพราะความท่ีแห่งท่านเป็ นน้องชายผู้น้อยท่ีสุดน่ันเทียว; 142 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ดกู ่อนคฤหบดี ด้วยวา่ อ. ลกู สาว ของทา่ น เป็นหญิงผ้ถู ือเอา ธีตา หิ เต คหปติ มคฺคผเลหิ ตยา มหลลฺ กิ า; ซงึ่ ความเป็นแหง่ บคุ คล ผ้ใู หญ่ กวา่ ทา่ น โดยมรรคและผล ท. ตฺวํ หิ โสตาปนฺโน, ธีตา ปน เต สกทาคามินี; (ยอ่ มเป็น) ; จริงอยู่ อ. ทา่ น เป็นโสดาบนั (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ. ลกู สาว สา มคฺคผเลหิ มหลฺลกิ ตฺตา ตํ เอวมาหาติ. ของทา่ น เป็นสกทาคามี (ยอ่ มเป็น) ; (อ. ลกู สาว ของทา่ น) นนั้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ กะทา่ น เพราะความท่ีแหง่ ตนเป็นหญิงผ้ถู ือเอา ซง่ึ ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้ใู หญ่ โดยมรรคและผล ท. ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐีนนั้ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. อยา่ งนนั้ “เอวํ ภนฺเตต.ิ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนคฤหบดี อ. อยา่ งนนั้ “เอวํ คหปตีต.ิ ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “อิทานิ กหุ ึ นิพฺพตฺตา ภนฺเตต.ิ ในกาลนี ้ (อ. ลกู สาว ของข้าพระองค์) บงั เกิดแล้ว ในท่ีไหน ดงั นี ้ ฯ “ตสุ ติ ภวเน คหปตีติ วตุ ฺเต, (ครัน้ เมอ่ื พระดำ� รัส) วา่ ดกู อ่ นคฤหบดี (อ. ลกู สาว ของทา่ น บงั เกดิ แล้ว) ในภพชอื่ วา่ ดสุ ติ ดงั นี ้(อนั พระศาสดา) ตรสั แล้ว, (อ. เศรษฐี) กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ. ลกู สาว ของข้าพระองค์ เทยี่ วเพลดิ เพลนิ อยแู่ ล้ว “ภนฺเต มม ธีตา อิธ าตกานํ อนฺตเร ในระหวา่ ง แหง่ ญาติ ท. ในโลกนี ้ แม้ไปแล้ว จากโลกนี ้ บงั เกิดแล้ว นนทฺ มานา วจิ ริตวฺ า อโิ ต คนตฺ วฺ าปิ นนทฺ นฏฺ€าเนเยว ในท่ีเป็นท่ีเพลดิ เพลนิ นนั่ เทียวหรือ ดงั นี ้ ฯ นิพฺพตฺตาต.ิ ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว กะเศรษฐีนนั้ วา่ ดกู ่อนคฤหบดี อถ นํ สตฺถา “อาม คหปติ อปปฺ มตฺตา นาม เออ (อ. อยา่ งนนั้ ), อ. คฤหสั ถ์ ท. หรือ หรือวา่ อ. บรรพชิต ท. ชื่อวา่ นคหนฏฺทฺ€นาฺตเิ ยววาาติ ปพฺพชิตา วา อิธโลเก จ ปรโลเก จ ผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ในโลกนดี ้ ้วย ในโลกอน่ื ด้วย นน่ั เทยี ว วตฺวา อิมํ คาถมาห ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ. บคุ คล) ผูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ ย่อมเพลิดเพลิน “อิธ นนทฺ ติ, เปจฺจ นนทฺ ติ, ในโลกนี,้ ละไปแลว้ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมเพลิดเพลิน กตปุ โฺ อภุ ยตฺถ นนทฺ ติ, ในโลกทงั้ สอง, (อ.บคุ คลผูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ ) `ปุ ฺํ เม กตนตฺ ิ นนทฺ ติ, ย่อมเพลิดเพลิน ว่า อ. บญุ อนั เรา กระท�ำแลว้ ดงั นี,้ ภิยฺโย นนทฺ ติ สคุ ฺคตึ คโตติ. ไปแลว้ สู่สคุ ติ ย่อมเพลิดเพลิน ยิ่ง ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ด้วยความเพลดิ เพลนิ เพราะกรรม ตตฺถ “อธิ าต:ิ อิธโลเก กมมฺ นนฺทเนน นนฺทต.ิ ในโลกนี ้ (ดงั นี)้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อธิ ดงั นี ้ ฯ เปจจฺ าต:ิ ปรโลเก วปิ ากนนฺทเนน นนฺทต.ิ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ด้วยความเพลดิ เพลนิ เพราะวบิ าก กตปุญโฺ ญต:ิ นานปปฺ การสฺส ปุ ฺ สสฺ กตฺตา. ในโลกอ่ืน (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ เปจจฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้กู ระท�ำ อุภยตถฺ าต:ิ อิธ “กตํ เม กสุ ลํ, อกตํ เม ซง่ึ บญุ มีประการตา่ งๆ (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ กตปุญโฺ ญ ดงั นี ้ ฯ ปาปนฺติ นนฺทต,ิ ปรตฺถ วิปากํ อนภุ วนฺโต นนฺทติ. (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ในโลกนี ้ วา่ อ.กศุ ล อนั เรา กระท�ำแล้ว, ปุญญฺ ํ เมต:ิ อิธ นนฺทนฺโต ปน “ปุ ฺํ เม อ.บาป อนั เรา ไมก่ ระท�ำแล้ว ดงั นี,้ เสวยอยู่ ซงึ่ วิบาก ชื่อวา่ กตนฺติ โสมนสสฺ มตฺตเกเนว กมมฺ นนฺทนํ อปุ าทาย ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ในโลกอ่ืน (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ อุภยตถฺ ดงั นี ้ ฯ นนฺทต.ิ (อ.อรรถ) วา่ ก็ (อ.บคุ คลผ้มู บี ญุ อนั กระทำ� แล้ว) เมอ่ื เพลดิ เพลนิ ในโลกนี ้ ภยิ โฺ ยต:ิ วปิ ากนนฺทเนน ปน สคุ ตึ คโต, ช่ือวา่ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ เพราะการเข้าไปถือเอา ซงึ่ ความเพลดิ เพลนิ สตฺตปฺ าสวสสฺ โกฏิโย ตสสุฏฺติ€ิปเุ จฺร วสสฺ สตสหสสฺ านิ เพราะกรรม (ด้วยเหต)ุ สกั วา่ ความโสมนสั นน่ั เทียว วา่ อ.บญุ อนั เรา ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ อนภุ วนฺโต อตวิ ิย นนฺทตีต.ิ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ (ดงั นี)้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ปุญญฺ ํ เม ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ (อ.บคุ คลผ้มู บี ญุ อนั กระทำ� แล้ว) ไปแล้ว สสู่ คุ ต,ิ เสวยอยู่ ซง่ึ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ สนิ ้ โกฏิแหง่ ปี ๕๗ ท. ด้วย สนิ ้ แสนแหง่ ปี ท. ๖๐ ด้วย ชอื่ วา่ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ เกนิ เปรยี บ ในบรุ ชี อ่ื วา่ ดสุ ติ ด้วยความเพลดิ เพลนิ เพราะวิบาก ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ ภยิ โฺ ย ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา (อ.ชน ท.) มาก เป็นพระอรยิ บคุ คล คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหส.ํุ มีพระโสดาบนั เป็นต้น ได้เป็นแล้ว ฯ อ. พระธรรมเทศนา เป็นเทศนา มหาชนสสฺ ธมมฺ เทสนา สาตฺถิกา ชาตาต.ิ เป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ เกิดแล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ือง แห่งหญิงช่ือว่าสุมนาเทวี (จบแล้ว) ฯ สุมนาเทวีวตถฺ ุ. ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 143 www.kalyanamitra.org
๑๔. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้เป็ นสหายกัน ๒ รูป ๑๔. เทวฺ สหายกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๑๔) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “พหมุ ปฺ ิ เจ สหติ ํ ภาสมาโนติ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ ซง่ึ ภิกษุ ท. ผ้เู ป็นสหายกนั ๒ รูป ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต เทฺว สหายเก ภิกฺขู อารพฺภ พหมุ ปฺ ิ เจ สหติ ํ ภาสมาโน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ. กลุ บตุ ร ท. ๒ ผ้อู ยใู่ นเมือง สาวตฺถีวาสโิ น หิ เทฺว กลุ ปตุ ฺตา สหายกา ชื่อวา่ สาวตั ถีโดยปกติ เป็นสหายกนั (เป็น) ไปแล้ว สวู่ ิหาร ฟังแล้ว วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมมฺ เทสนํ สตุ ฺวา กาเม ปหาย ซง่ึ พระธรรมเทศนา ของพระศาสดา ละแล้ว ซง่ึ กาม ท. บวชแล้ว สตฺถุ สาสเน อรุ ํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปฺจ วสสฺ านิ ถวาย ซงึ่ อก ในพระศาสนา ของพระศาสดา อยแู่ ล้ว ในสำ� นกั อาจริยปุ ชฺฌายานํ สนฺตเิ ก วสติ ฺวา สตฺถารํ ของพระอาจารย์ และพระอปุ ัชฌาย์ ท. สนิ ้ ปี ท. ๕ เข้าไปเฝ้ าแล้ว อปุ สงฺกมิตฺวา สาสเน ธรุ ํ ปจุ ฺฉิตฺวา วิปสฺสนาธรุ ฺจ ซงึ่ พระศาสดา ทลู ถามแล้ว ซง่ึ ธรุ ะ ในพระศาสนา ฟังแล้ว คนฺถธรุ ฺจ วิตฺถารโต สตุ ฺวา, เอโก ตาว “อหํ ภนฺเต ซง่ึ วปิ ัสสนาธรุ ะด้วย ซง่ึ คนั ถธรุ ะด้วย โดยพสิ ดาร, (อ. ภกิ ษุ) รูปหนงึ่ มหลลฺ กกาเล ปพฺพชิโต น สกฺขิสสฺ ามิ คนฺถธรุ ํ (กราบทลู แล้ว) กอ่ น วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ บวชแล้ว ปเู รตํ,ุ วปิ สฺสนาธรุ ํ ปน ปเู รสสฺ ามีติ ยาว อรหตฺตา ในกาลแหง่ ตนเป็นคนแก่ จกั ไมอ่ าจ เพ่ืออนั ยงั คนั ถธรุ ะให้เตม็ , วปิ สสฺ นํ กถาเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สห แตว่ า่ (อ. ข้าพระองค)์ ยงั วปิ ัสสนาธรุ ะ จกั ให้เตม็ ดงั นี ้(ยงั พระศาสดา) ปฏิสมภฺ ิทาหิ อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. ให้ตรัสบอกแล้ว ซง่ึ วิปัสสนา เพียงใด แตพ่ ระอรหตั พากเพียรอยู่ พยายามอยู่ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั กบั ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ฯ สว่ นวา่ (อ. ภิกษุ) นอกนี ้ (คดิ แล้ว) วา่ อ. เรา ยงั คนั ถธรุ ะ อติ โร ปน “อหํ คนถฺ ธรุ ํ ปเู รสสฺ ามตี ิ อนกุ กฺ เมน จกั ให้เตม็ ดงั นี ้เรียนเอาแล้ว ซงึ่ พระพทุ ธพจน์ คอื ประชมุ แหง่ ปิฎกสาม ธเตมปมฺ ิ ฏํ กกํ เถตพ,ิ ทุ ฺธสวรจภนํ ฺ อํ คุภฺคณณตฺหิ ปิตฺวาฺจนฺนคํ ตภคิกตฺขฏสุ ฺ€ตาาเนนํ โดยล�ำดบั ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ ธรรม, ยอ่ มกลา่ ว กลา่ วด้วยเสยี ง ธมมฺ ํ วาเจนฺโต วิจรต,ิ ในท่ีแห่งตนไปแล้วและไปแล้ว ย่อมเที่ยวบอกอยู่ ซึ่งธรรม อาจริโย อโหส.ิ อฏฺ €ารสนฺนํ มหาคณานํ แก่ร้อยแหง่ ภิกษุ ท. ๕, เป็นอาจารย์ ของคณะใหญ่ ท. ๑๘ ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. เรียนเอาแล้ว ซงึ่ พระกมั มฏั ฐาน ในส�ำนกั เอวถทรรหนสตฺตภฺสตฺ .ิกิ ํ ขฺ ปวู ตสสวฺตนาถฺฏฺุเ€ถาสรนํนํวตฺ นเิคกทฺ นติ ฺตวกฺ าฺวมามฺ “ฏสฺต€าถฺตนาสํรโฺํ สคทเวหาฏตเฺ€ทวฺกุ าามอมต€ิ หฺตรสาฺวตสฺาิ ของพระศาสดา ไปแล้ว สทู่ ี่เป็นอยู่ ของพระเถระ นอกนี ้ตงั้ อยแู่ ล้ว ในโอวาท ของพระเถระนนั้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถระ ยอ่ มกลา่ ว วา่ (อ. กระผม ท.) เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั เฝ้ า ซงึ่ พระศาสดา ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ อ. พระเถระ (กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. (อ. ทา่ น ท.) เถโร “คจฺฉถ อาวโุ ส, มม วจเนน สตฺถารํ จงไป, อ. ทา่ น ท. ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา จงไหว้ วนฺทิตฺวา อสตี มิ หาเถเร วนฺทถ, สหายกตฺเถรํปิ เม ซง่ึ พระเถระผ้ใู หญ่ ๘๐ รูป ท. ตามค�ำ ของเรา, (อ. ทา่ น ท.) จงบอก `อมหฺ ากํ อาจริโย ตมุ เฺ ห วนฺทตีติ วเทถาติ เปเสส.ิ แม้กะพระเถระ ผ้เู ป็นสหาย ของเรา วา่ อ. อาจารย์ ของกระผม ท. ยอ่ มไหว้ ซงึ่ ทา่ น ท. ดงั นี ้ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว สวู่ ิหาร (ถวายบงั คมแล้ว) เต วหิ ารํ คนฺตฺวา สตฺถารเฺ จว อสีตมิ หาเถเร ซงึ่ พระศาสดาด้วยนนั่ เทียว ไหว้แล้ว ซง่ึ พระเถระผ้ใู หญ่ ๘๐ รูป ท. จ วนฺทิตฺวา คนฺถิกตฺเถรสฺส สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “ภนฺเต ด้วย ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระเถระ ผ้เู รียนซง่ึ คมั ภีร์ ยอ่ มกลา่ ว วา่ อมหฺ ากํ อาจริโย ตมุ เฺ ห วนฺทตีติ วทนฺต.ิ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. อาจารย์ ของกระผม ท. ยอ่ มไหว้ ซง่ึ ทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ 144 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ. อาจารย์ ของทา่ น ท.) นนั่ ช่ือ คือ อิตเรน จ `โก นาเมโสติ วตุ ฺเต, “ตมุ หฺ ากํ อ. ใคร ดงั นี ้(อนั พระเถระ) นอกนี ้กลา่ วแล้ว, (อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) สหายกภิกฺขุ ภนฺเตติ วทนฺต.ิ ยอ่ มกลา่ ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. อาจารย์ ของกระผม ท. นน่ั ) คือ อ. ภิกษุ ผ้เู ป็นสหาย ของทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ ครัน้ เม่ือพระเถระ สง่ ไปอยู่ ซงึ่ ขา่ วสาส์น บอ่ ย ๆ อยา่ งนี,้ เอวํ เถเร ปนุ ปปฺ นุ ํ สาสนํ ปหิณนฺเต, โส ภิกฺขุ อ. ภกิ ษนุ นั้ อดกลนั้ แล้ว สนิ ้ กาล หนอ่ ยหนง่ึ ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั อดกลนั้ โถกํ กาลํ สหิตฺวา อปรภาเค สหิตํุ อสกฺโกนฺโต, ในกาลอนั เป็นสว่ นอนื่ อกี , (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ อ. อาจารย์ ของกระผม ท. “อมหฺ ากํ อาจริโย ตมุ เฺ ห วนทฺ ตตี ิ วตุ เฺ ต, “โก เอโสติ ยอ่ มไหว้ ซง่ึ ทา่ น ท. ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, วตฺวา, “ตมุ หฺ ากํ สหายกภิกฺขุ ภนฺเตติ วตุ ฺเต, “กึ ปน กลา่ วแล้ว วา่ (อ. อาจารย์ ของทา่ น ท.) นนั่ คือ อ. ใคร ดงั นี,้ ตมุ เฺ หหิ ตสสฺ สนฺตเิ ก อคุ ฺคหิตํ: กึ ทีฆนิกายาทีสุ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. อาจารย์ ของกระผม ท.) อฺ ตโร นิกาโย, กึ ตีสุ ปิ ฏเกสุ เอกํ ปิ ฏกนฺติ คือ อ. ภิกษุ ผ้เู ป็นสหาย ของทา่ น ท. ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) วตฺวา, “จตปุ ปฺ ทิกํปิ คาถํ น ชานาต,ิ ปํ สกุ ลู ํ กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ ก็ อ. อะไร อนั ทา่ น ท. เรียนเอาแล้ว คเหตฺวา อนปฺเตพวฺพาชสิตเิ กกาลเลภเิย, วตสฺสอรอาคฺตํ กาเลปวฏิมฺโย€า, ในส�ำนกั ของภิกษุนนั้ : (ในนิกาย ท.) มีทีฆนิกายเป็นต้นหนา พหู วต อ. นิกาย อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ (อนั ทา่ น ท. เรียนเอาแล้ว) หรือ, ปหฺ ํ ปจุ ฺฉิตํุ วฏฺฏตีติ จินฺเตส.ิ ในปิ ฎก ท. สามหนา อ. ปิ ฎก อยา่ งหนง่ึ (อนั ทา่ น ท. เรียนเอาแล้ว) หรือ ดงั นี,้ คดิ แล้ว วา่ (อ. ภิกษุนนั้ ) ยอ่ มไมร่ ู้ ซง่ึ คาถา แม้อนั ประกอบแล้วด้วยบท ๔, (อ. ภกิ ษุนนั้ ) ถอื เอาแล้ว ซง่ึ ผ้าบงั สกุ ลุ เข้าไปแล้ว สปู่ ่ า ในกาลแหง่ ตนบวชแล้วนนั่ เทียว, ได้แล้ว ซ่ึงอันเตวาสิก ท. มากหนอ, อ.อันอันเรา ถามซ่ึงปัญหา ในกาลแหง่ ภิกษุนนั้ มาแล้ว ยอ่ มควร ดงั นี ้ ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก อ. พระเถระ มาแล้ว เพ่ืออนั เฝ้ า อปรภาเค เถโร สตฺถารํ €ทเปฏฺต€ุํฺวา อาคโต, ซง่ึ พระศาสดา, เก็บแล้ว ซง่ึ บาตรและจีวร ในสำ� นกั ของพระเถระ สหายกตฺเถรสสฺ สนฺตเิ ก ปตฺตจีวรํ คนฺตฺวา ผ้เู ป็นสหาย ไปแล้ว (ถวายบงั คมแล้ว) ซง่ึ พระศาสดาด้วยนนั่ เทียว สตฺถารฺเจว อสีตมิ หาเถเร จ วนฺทิตฺวา ไหว้แล้ว ซง่ึ พระเถระผ้ใู หญ่ ๘๐ รูป ท. ด้วย กลบั มาแล้ว สหายกตฺเถรสฺส วสนฏฺ€านํ ปจฺจาคมิ. สทู่ ่ีเป็นที่อยู่ ของพระเถระผ้เู ป็นสหาย ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระเถระผ้เู ป็นสหายนนั้ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว อถสสฺ โส วตฺตํ กาเรตฺวา สมปปฺ มาณํ อาสนํ ซงึ่ วตั ร แก่พระเถระนนั้ ถือเอาแล้ว ซง่ึ อาสนะ มีประมาณ เสมอกนั คเหตฺวา “ปฺหํ ปจุ ฺฉิสสฺ ามีติ นิสีทิ. นงั่ แล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. เรา จกั ถาม ซงึ่ ปัญหา ดงั นี ้ ฯ ในขณะนนั้ อ. พระศาสดา (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ. ภิกษุนนั่ ตสฺมึ ขเณ สตฺถา “เอส เอวรูปํ มม ปตุ ฺตํ เบยี ดเบยี นแล้ว ซง่ึ บตุ ร ของเรา ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป พงึ บงั เกดิ ในนรก วเิ หเ€ตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺยาติ ตสมฺ ึ อนกุ มปฺ าย ดงั นี ้ เป็นราวกะวา่ เสดจ็ เท่ียวไปอยู่ สทู่ ่ีจาริก ในวหิ าร (เป็น) วหิ ารจาริกํ จรนฺโต วิย เตสํ นิสนิ ฺนฏฺ€านํ คนฺตฺวา เสดจ็ ไปแล้ว สทู่ ่ีแหง่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ นงั่ แล้ว เพื่อทรงอนเุ คราะห์ ปฺ ตฺเต พทุ ฺธาสเน นิสีทิ. ในภิกษุนนั้ ประทบั นง่ั แล้ว บนพทุ ธอาสน์ อนั บคุ คลปลู าดแล้ว ฯ จริงอยู่ อ. ภิกษุ ท. เมื่อนง่ั ในท่ีนนั้ ๆ ปลู าดแล้ว ซงึ่ พทุ ธอาสน์ ตตฺถ ตตฺถ นิสที นฺตา หิ ภิกฺขู พทุ ฺธาสนํ เทียว ยอ่ มนงั่ ฯ ปฺาเปตฺวา ว นิสีทนฺต.ิ เพราะเหตนุ นั้ อ.พระศาสดา ประทบั นงั่ แล้ว บนอาสนะ เตน สตฺถา ปกตปิ ฺตฺเตเยว อาสเน นิสที ิ. อนั บคุ คลปลู าดแล้วตามปกตนิ นั่ เทียว ฯ ก็แล (อ. พระศาสดา) นิสชฺช โข ปน คนฺถิกภิกฺขํุ ป€มชฺฌาเน ปหฺ ํ ครัน้ ประทบั นงั่ แล้ว ตรัสถามแล้ว ซง่ึ ปัญหา ในฌานที่ ๑ กะภิกษุ ปจุ ฺฉิตฺวา, ตสฺมึ อกถิเต, ทตุ ยิ ชฺฌานํ อาทึ กตฺวา ผ้เู รียนซงึ่ คมั ภีร์, ครัน้ เมื่อปัญหานนั้ (อนั ภิกษุผ้เู รียนซง่ึ คมั ภีร์นนั้ ) อฏฺ€สปุ ิ สมาปตฺตีสุ รูปารูเปสุ ปฺหํ ปจุ ฺฉิ. ไมก่ ราบทลู แล้ว, ตรัสถามแล้ว ซง่ึ ปัญหา ในสมาบตั ิ ท. แม้ ๘ อนั มีรูปและหารูปมิได้ กระท�ำ ซง่ึ ฌานที่ ๒ ให้เป็นต้น ฯ อ. พระเถระผ้เู รียนซง่ึ คมั ภีร์ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพ่ืออนั กราบทลู คนฺถิกตฺเถโร เอกํปิ กเถตํุ นาสกฺขิ. อิตโร ตํ (ซง่ึ ปัญหา) แม้ข้อหนงึ่ ฯ อ. พระเถระ นอกนี ้ กราบทลู แล้ว สพฺพํ กเถส.ิ อถ นํ โสตาปตฺตมิ คฺเค ปฺหํ ปจุ ฺฉิ. ซงึ่ ปัญหานนั้ ทงั้ ปวง ฯ ครัง้ นนั้ (อ. พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว คนฺถิกตฺเถโร กเถตํุ นาสกฺขิ. ซง่ึ ปัญหา ในโสดาปัตตมิ รรค กะพระเถระผ้เู รียนซงึ่ คมั ภีร์นนั้ ฯ อ. พระเถระผ้เู รียนซงึ่ คมั ภีร์ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั กราบทลู ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 145 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155