อ. เรา ท. จงไป สเู่ รือนอนั เป็นของตน ดงั นี ้ พาเอา ซง่ึ บตุ ร สกฆรํ คจฺฉามาติ ปตุ ฺตํ อาทาย สามิเกน สทฺธึ ไปอยู่ โดยหนทาง อนั ไปแล้วในทา่ มกลางแหง่ วิหาร กบั ด้วยสามี วิหารมชฺฌคเตน มคฺเคน คจฺฉนฺตี ปตุ ฺตํ สามิกสฺส ให้แล้ว ซงึ่ บตุ รแก่สามี อาบแล้ว ในสระโบกขรณีใกล้วหิ าร ทตฺวา วิหารโปกฺขรณิยํ นหาตฺวา อตุ ฺตริตฺวา ปตุ ฺตํ ข้ามขนึ ้ แล้ว รับแล้ว ซงึ่ บตุ ร, ครัน้ เมื่อสามี อาบอย,ู่ ยืนยงั บตุ ร คเหตฺวา, สามิเก นหายนฺเต, ปตุ ฺตํ ปายมานา €ติ า, ให้ด่ืมอยแู่ ล้ว(ซงึ่ น�ำ้ นม),เหน็ แล้วซง่ึ นางยกั ษิณีผ้มู าอยู่รู้พร้อมแล้ว ยกฺขินึ อาคจฺฉนฺตึ ทิสวฺ า สชฺ านิตฺวา “สามิ กระท�ำแล้ว ซงึ่ เสียงสงู วา่ ข้าแตน่ าย อ. ทา่ น จงมา โดยเร็ว, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินีติ อจุ ฺจาสทฺทํ กตฺวา, (อ.หญิงนี)้ เป็นนางยกั ษิณีนนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ไมอ่ าจอยู่ ยาว ตสสฺ าคมนํ สณฺ€าตํุ อสกฺโกนฺตี นิวตฺตติ ฺวา เพื่ออนั ด�ำรงอยพู่ ร้อม เพียงใด ซง่ึ อนั มา แหง่ สามีนนั้ กลบั แล้ว อนฺโตวหิ าราภิมขุ ี ปกฺขนฺทิ. ผ้มู ีหน้าเฉพาะตอ่ ภายในแหง่ วหิ าร แลน่ ไปแล้ว ฯ ในสมยั นนั้ อ. พระศาสดา ทรงแสดงอยู่ ซง่ึ ธรรม ในทา่ มกลาง ตสมฺ ึ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ ธมมฺ ํ เทเสต.ิ แหง่ บริษัทฯ อ.กลุ ธิดานนั้ ยงั บตุ ร ให้นอนแล้ว ท่ีหลงั แหง่ พระบาท “ ตมุสหฺาาปกตุํ ฺตมํ ยตาถาคเตอสสฺสทปินาฺโนทป,ิ ฏฺปเ€ตุ ฺตนสิปฺสชฺชเามเปชตีวฺวิตาํ ของพระตถาคตเจ้า กราบทลู แล้ว วา่ อ. บตุ รนนั่ อนั หมอ่ มฉนั ถวายแล้ว แก่พระองค์ ท., อ. พระองค์ ท. ขอจงประทาน ซงึ่ ชีวติ เทถาติ อาห. แก่บตุ ร ของหมอ่ มฉนั เถิด ดงั นี ้ฯ อ. สมุ นเทพ ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ท่ีซ้มุ แหง่ ประตู ไมไ่ ด้ให้แล้ว เพ่ืออนั อนฺโตทฺวปาวรสิโกติ ฏํุ ฺ€นเกาทาอสธ.ิ ิวตฺโถ สมุ นเทโว ยกฺขินิยา เข้าไป ในภายใน แก่นางยกั ษิณี ฯ อ. พระศาสดา ตรัสเรียกมาแล้ว ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ อานนท์ สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา “คจฺฉานนฺท ตรัสแล้ววา่ ดกู ่อนอานนท์ อ. เธอ จงไป จงร้องเรียก ซง่ึ นางยกั ษิณี ตํ ยกฺขินึ ปกฺโกสาติ อาห. เถโร ตํ ปกฺโกส.ิ นนั้ ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ นางยกั ษิณีนนั้ ฯ อ. กลุ ธิดานอกนนั้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อิตรา “อยํ ภนฺเต อาคจฺฉตีติ อาห. อ. นางยกั ษิณีนี ้ยอ่ มมา ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ (อ. นางยกั ษิณีนนั่ ) จงมาเถิด, สตฺถา “เอต,ุ มา สทฺทํ อกาสีติ วตฺวา, ตํ อ. เธอ อยา่ ได้กระทำ� แล้ว ซงึ่ เสยี ง ดงั น,ี ้ ตรสั แล้ว กะนางยกั ษิณนี นั้ อาคนฺตฺวา €ติ ํ “กสมฺ า เอวํ กโรส?ิ สเจ หิ ตมุ เฺ ห ผ้มู าแล้ว ยนื แล้ว วา่ อ. เธอ ยอ่ มกระทำ� อยา่ งนี ้ เพราะเหตอุ ะไร ? มาทิสสสฺ พทุ ฺธสสฺ สมมฺ ขุ ีภาวํ นาคมิสฺสถ, อหินกลุ านํ ก็ ถ้าวา่ อ. เธอ ท. จกั ไมม่ าแล้ว สคู่ วามเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู หี น้าพร้อม วิย เวรํ อจฺฉผนฺทนานํ วิย กาโกฬกุ านํ วิย จ ต่อพระพุทธเจ้า ผู้เช่นกับด้วยเราไซร้ , อ.เวร ของเธอ ท. กกโปรปฺถฏ?ฺ€ิตเวกิ รํํ โว เวรํ อภวสิ สฺ , กสมฺ า เวรปฏิเวรํ เป็นเวรตงั้ อยตู่ ลอดกปั ป์ จกั ได้เป็นแล้ว ราวกะ อ. เวรของงเู หา่ และ หิ อเวเรน อปุ สมมฺ ต,ิ โน เวเรนาติ วตฺวา พงั พอน ท. ด้วย ราวกะ (อ. เวร) ของหมีและไม้สะคร้อ ท. ด้วย อิมํ คาถมาห ราวกะ (อ.เวร) ของกาและนกเค้า ท. ด้วย, อ. เธอ ท. ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ เวรและเวรตอบ เพราะเหตอุ ะไร ? เพราะวา่ อ. เวร ยอ่ มเข้าไปสงบ ด้วยความไมม่ ีเวร, (อ. เวร) ยอ่ มไมเ่ ข้าไปสงบ ด้วยเวร ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ ก็ อ. เวร ท. ในโลกนี้ ย่อมไม่สงบ ดว้ ยเวร ในกาลไหน ๆ, “น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนตฺ ีธ กทุ าจนํ. แต่ว่า (อ. เวร ท.) ย่อมสงบ ดว้ ยความไม่มีแห่งเวร อเวเรน จ สมฺมนตฺ ิ เอส ธมฺโม สนนตฺ โนติ. อ.ธรรมนนั่ เป็นธรรมเก่า (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (อ. อรรถ) วา่ เหมือนอยา่ งวา่ (อ. บคุ คล) แม้ล้างอยู่ ตตฺถ “น หิ เวเรนาต:ิ ยถา หิ เขฬสงิ ฺฆาณิกาทิ- ซ่ึงท่ีอันอันของไม่สะอาดมีน�ำ้ ลายและน�ำ้ มูกเป็ นต้นเปื ้อนแล้ว อสจุ ิมกฺขิตฏฺ€านํ เตเหว อสจุ ีหิ โธวนฺโตปิ ด้วยของไมส่ ะอาด ท. เหลา่ นนั้ นนั่ เทียว 46 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั กระท�ำให้เป็นที่หมดจดแล้ว ให้เป็นที่ สทุ ฺธํ นิคฺคนฺธํ กาตํุ น สกฺโกต,ิ อถโข ตํ €านํ มีกลน่ิ ออกแล้ว, โดยที่แท้ อ. ที่นนั้ เป็นที่ไมห่ มดจดแล้วกวา่ ด้วย ภยิ โฺ ยโส มตตฺ าย อสทุ ธฺ ตรจฺ ทคุ คฺ นธฺ ตรจฺ โหต;ิ เป็นที่มีกลนิ่ ชวั่ กวา่ ด้วย ยอ่ มเป็น โดยย่ิง โดยประมาณ ฉนั ใด, เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ (อ. บคุ คล) ดา่ ตอบอยู่ ซง่ึ บคุ คลผ้ดู า่ อย ประหารตอบอยู่ ซงึ่ บคุ คล ปฏิปปฺ หรนฺโต เวเรน เวรํ วปู สเมตํุ น สกฺโกติ, ผ้ปู ระหารอยู่ ยอ่ มไมอ่ าจ เพอ่ื อนั ยงั เวรให้เข้าไปสงบวเิ ศษ ด้วยเวร, อถโข ภิยฺโย ภิยฺโย เวรเมว กโรต.ิ โดยท่ีแท้ (อ.บคุ คลนนั้ ) ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ เวร ยิ่งๆ นนั่ เทียว ฉนั นนั้ นน่ั เทียว ฯ ชื่อ อ. เวร ท. ยอ่ มไมส่ งบ ด้วยเวร ในกาลแม้ไหนๆ โดยที่แท้ อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสมฺ ิจฺ ิปิ กาเล (อ. เวร ท.) ยอ่ มเจริญนน่ั เทียว ด้วยประการฉะนี ้ (ดงั นี)้ ในบท ท. น สมมฺ นฺต,ิ อถโข วฑฺฒนฺตเิ ยว. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ น หิ เวเรน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ. อรรถ) วา่ เหมือนอยา่ งวา่ อ. ของไมส่ ะอาด ท. มีน�ำ้ ลาย อเวเรน จ สมมฺ นตฺ ตี :ิ ยถา ปน ตานิ เขฬาทนี ิ เป็นต้น เหลา่ นนั้ อนั อนั บคุ คลล้างอยู่ ด้วยน�ำ้ อนั ใสวเิ ศษแล้ว อสจุ นี ิ วปิ ปฺ สนเฺ นน อทุ เกน โธวยิ มานานิ วนิ สสฺ นตฺ ,ิ ยอ่ มเลอื นหาย , อ.ที่นนั้ เป็นที่หมดจดแล้ว เป็นที่มีกลนิ่ ออกแล้ว ตํ €านํ สทุ ฺธํ โหติ นิคฺคนฺธํ; เอวเมว อเวเรน ยอ่ มเป็น ฉนั ใด ; อ. เวร ท. ยอ่ มเข้าไปสงบวิเศษ คือวา่ ขนฺตเิ มตฺโตทเกน โยนิโสมนสกิ าเรน ปจฺจเวกฺขเณน ยอ่ มระงบั เฉพาะ คือวา่ ยอ่ มถงึ ซง่ึ ความไมม่ ี ด้วยความไมม่ ีเวร เวรานิ วปู สมมฺ นฺติ ปฏิปปฺ สฺสมภฺ นฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. คือวา่ ด้วยน�ำ้ คือขนั ตแิ ละเมตตา คือวา่ ด้วยการกระท�ำไว้ในใจ โดยแยบคาย คือวา่ ด้วยการพิจารณา ฉนั นนั้ นน่ั เทียว (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ อเวเรน จ สมมฺ นฺติ ดงั นี ้ฯ (อ. อรรถ) วา่ อ.ธรรม นนั่ คือวา่ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ว เอส ธมโฺ ม สนนฺตโนต:ิ เอส อเวเรน วา่ การยงั เวรให้เข้าไปสงบวิเศษ ด้วยความไมม่ ีเวร เป็นธรรมเก่า เวรวปู สมนสงฺขาโต โปราณโก ธมโฺ ม สพฺเพสํ คือวา่ เป็นหนทางแหง่ พระพทุ ธเจ้าและพระปัจเจกพทุ ธเจ้าและ พทุ ฺธปจฺเจกพทุ ฺธขีณาสวานํ คตมคฺโคต.ิ พระขีณาสพ ท. ทงั้ ปวง ไปแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (แหง่ บาท แหง่ พระคาถา) วา่ เอส ธมโฺ ม สนนฺตโน ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ.นางยกั ษิณีนนั้ คาถาปริโยสาเน สา ยกฺขีนี โสตาปตฺตผิ เล ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ. เทศนา เป็นเทศนาเป็นไป ปตฏิ ฺ€หิ. สมปฺ ตฺตปริสายปิ เทสนา สาตฺถิกา อโหส.ิ กบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว กะหญิงนนั้ วา่ อ. เธอ จงให้ ซง่ึ บตุ ร สตฺถา ตํ อิตฺถึ อาห “เอตสิ สฺ า ตว ปตุ ฺตํ เทหีต.ิ ของเธอ แก่นางยกั ษิณีนน่ั ดงั นี ้ฯ (อ. หญิงนนั้ ทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. หมอ่ นฉนั “ภายามิ ภนฺเตต.ิ ยอ่ มกลวั ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ อ. เธอ อยา่ กลวั แล้ว, “มา ภายิ, นตฺถิ เต เอตํ นิสสฺ าย ปริปนฺโถต.ิ อ. อนั ตรายเป็นเคร่ืองเบียดเบียนรอบ ยอ่ มไมม่ ี แก่เธอเพราะอาศยั ซงึ่ นางยกั ษิณีนนั่ ดงั นี ้ฯ อ.หญิงนนั้ ได้ให้แล้ว ซง่ึ บตุ ร แก่นางยกั ษิณีนนั้ ฯ สา ปตุ ฺตํ ตสฺสา อทาส.ิ สา ตํ คเหตฺวา อ. นางยกั ษิณีนนั้ รับแล้ว ซง่ึ บตุ รนนั้ จบู แล้ว สวมกอดแล้ว ให้แล้ว จมุ พฺ ิตฺวา อาลงิ ฺคติ ฺวา ปนุ มาตเุ ยว ทตฺวา โรทิตํุ แก่มารดาอีกนน่ั เทียว เร่ิมแล้ว เพ่ืออนั ร้องไห้ ฯ อารภิ. ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว ซงึ่ นางยกั ษิณีนนั้ วา่ อถ นํ สตฺถา “กิเมตนฺติ ปจุ ฺฉิ. อ. เหตนุ น่ั อะไร ดงั นี ้ฯ (อ. นางยกั ษิณีนนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “ภนฺเต อหํ ปพุ ฺเพ ยถา ตถา ชีวติ ํ กปเฺ ปนฺตีปิ ในกาลก่อน อ. หมอ่ มฉนั แม้สำ� เร็จอยู่ ซง่ึ ชีวติ โดยประการใด กจุ ฺฉิปรู ํ นาม นาลตฺถํ, อิทานิ กถํ ชีวสิ ฺสามีติ. โดยประการนนั้ ไมไ่ ด้ได้แล้ว (ซง่ึ อาหารวตั ถ)ุ ช่ืออนั ยงั ท้องให้เตม็ , ในกาลนี ้อ.หมอ่ มฉนั จกั เป็นอยู่ อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ทรงยงั นางยกั ษิณีนนั้ ให้หายใจออก อถ นํ สตฺถา “มา จินฺตยีติ สมสสฺ าเสตฺวา, คลอ่ งดีแล้ว (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ. เธอ) อยา่ คดิ แล้ว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ตํ อิตฺถึ อาห “อิมํ เนตฺวา อตฺตโน เคเห กะหญิงนนั้ วา่ อ. เธอ น�ำไปแล้ว ซง่ึ นางยกั ษิณีนี ้ ให้เข้าอยแู่ ล้ว นิวาสาเปตฺวา อคฺคยาคภุ ตฺเตหิ ปฏิชคฺคาหีต.ิ ในเรือน ของตน จงปฏิบตั ิ ด้วยข้าวต้มและข้าวสวยอนั เลศิ ท. ดงั นี ้ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 47 www.kalyanamitra.org
อ. หญิงนนั้ น�ำไปแล้ว ซง่ึ นางยกั ษิณีนนั้ ให้ด�ำรงอยแู่ ล้ว อคฺคยสาาคภุ ตตฺเํตหิเนตปฺวฏาิชคฺคป.ิิ ฏฺ€วิ ํเส ปตฏิ ฺ€าเปตฺวา ในโรงแหง่ ครกกระเด่ือง ปฏิบตั แิ ล้ว ด้วยข้าวต้มและข้าวสวย อนั เลศิ ท. ฯ อ.สาก ยอ่ มปรากฏ แกน่ างยกั ษิณนี นั้ ราวกะวา่ ตอ่ ยอยู่ซงึ่ ศีรษะ ตสสฺ า วีหิปหรณกาเล มสุ ลํ มทุ ฺธํ ปหรนฺตํ ในกาลเป็นที่ซ้อมซงึ่ ข้าวเปลอื ก ฯ วิย อปุ ฏฺ€าต.ิ อ. นางยกั ษิณีนนั้ เรียกมาแล้ว ซง่ึ หญิงสหาย กลา่ วแล้ว วา่ สา สหายิกํ อามนฺเตตฺวา “อิมสมฺ ึ €าเน วสติ ํุ อ. เรา จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั อยู่ในที่นี,้ อ. ทา่ น ยงั เรา จงให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะ น สกฺขิสฺสามิ, อฺ ตฺถ มํ ปนตมิ ฏิพฺ ฺ€โกาเเสปหสีตงิ กฺ วาตรกฺวเูาฏ, ในที่อ่ืน ดงั นี,้ แม้ผ้อู นั หญิงสหายให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในที่ ท. มสุ ลสาลายํ อทุ กจาฏยิ ํ อทุ ธฺ เน เหลา่ นน่ั คือในโรงแหง่ สาก ในตมุ่ แหง่ น�ำ้ ท่ีเตา ที่ชายคา ที่กอง คามทฺวาเรติ เอเตสุ ว€ิยอาเิธนอปสุ สุฏฺนุ€าขปตาต,ิ ฏิ อนฺ€ิธิปาปทชิฺชาตรนากปฺตาิ ,,ิ แหง่ หยากเยื่อ ใกล้ประตแู หง่ บ้าน, ห้ามแล้ว ซง่ึ ที่ ท. เหลา่ นนั้ “อิธ เม มสุ ลํ สสี ํ ภินฺทนฺตํ ทงั้ ปวง (ด้วยค�ำ) วา่ อ. สาก ยอ่ มปรากฏ แก่เรา ราวกะวา่ ตอ่ ยอยู่ ออจิธุ ฺฉิฏทฺ€าุทรกกํ า โอตาเรนฺต,ิ ซง่ึ ศีรษะ ในที่นี,้ อ. เดก็ ท. ยงั น�ำ้ อนั เป็นเดน ยอ่ มให้ข้ามลง ในที่นี,้ อสจุ ึ กโรนฺต,ิ อิธ กจวรํ ฉฑฺเฑนฺติ, อ.สนุ ขั ท.ยอ่ มนอนในที่นี,้ อ.เดก็ ท.ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ ความไมส่ ะอาด อิธ คามทารกา ลกฺขโยคฺคํ กโรนฺตีติ สพฺพานิ ในท่ีนี,้ (อ. ชน ท.) ยอ่ มทิง้ ซง่ึ หยากเยื่อ ในท่ีนี,้ อ. เดก็ ในบ้าน ท. ตานิ ปฏิกฺขิปิ . ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ กรรมอนั บคุ คลพงึ ประกอบด้วยคะแนน ในที่นี ้ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ (อ. หญิงสหาย) ยงั นางยกั ษิณีนนั้ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว อถ นํ พอหคิคฺคายเามคภุ วติวฺตติ าฺโทตกีนาิ เสหริตปฺวตาฏิ ฺ€ปาฏเปิชตคฺวฺคา.ิ ในโอกาสอนั สงดั แล้ว ในภายนอกแหง่ บ้าน นำ� ไปแล้ว (ซงึ่ อาหารวตั ถุ ท.) ตตฺถ ตสฺสา มีข้าวต้มและข้าวสวยอนั เลศิ เป็นต้น แก่นางยกั ษิณีนนั้ ปฏิบตั แิ ล้ว ในที่นนั้ ฯ อ. นางยกั ษิณีนนั้ คิดแล้ว อยา่ งนี ้วา่ อ. หญิงสหาย ของเรา นี ้ สา ยกฺขินี เอวํ จินฺเตสิ “อยํ เม สหายิกา เป็นผ้มู ีอปุ การะมาก (ยอ่ มเป็น) ในกาลนี,้ เอาเถิด อ. เรา จะกระท�ำ อิทานิ พหปู การา, หนฺทาหํ กิฺจิ ปฏิคณุ ํ กโรมีติ, ซง่ึ คณุ ตอบ อะไร ๆ ดงั นี,้ บอกแล้ว แก่หญิงสหาย วา่ อ. ฝนดี จกั มี ส“อสิมสฺ สํ ฺมกึโรหสิ,ํวจอฺฉิมเสรมฺ สึ พุสฺพํวจฏุ ฺฉฺ€เิกรา ภวสิ สฺ ต,ิ ถภลวฏิสฺ €ฺสาเตน,ิ ในปี นี,้ อ. ทา่ น จงกระท�ำ ซง่ึ ข้าวกล้า ในท่ีอนั ดอน, อ. ฝนแล้ง นินฺนฏฺ€าเนเยว สสฺสํ กโรหีติ ทสพหุ าฺพยฏุ ิกฺ€ากิ ยา อาโรเจส.ิ จกั มี ในปี นี,้ อ. ทา่ น จงกระท�ำ ซง่ึ ข้าวกล้า ในท่ีอนั ลมุ่ นนั่ เทียว ดงั นี ้ฯ อ. ข้าวกล้า อนั อนั ชนผ้เู หลอื ท. กระท�ำแล้ว ยอ่ มฉิบหาย เสสชเนหิ กตสสฺสํ อตอิ ทุ เกน วา อโนทเกน วา ด้วยน�ำ้ อนั เกิน หรือ หรือวา่ ด้วยน�ำ้ อนั น้อย ฯ อ. ข้าวกล้า นสฺสต.ิ ตสฺสา สสฺสํ อตวิ ยิ สมปฺ ชฺชต.ิ ของหญิง นนั้ ยอ่ มถงึ พร้อม เกินเปรียบ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. ชน ท.) ถามแล้ว ซง่ึ หญิง นนั้ วา่ แนะ่ แม่ อ. ข้าวกล้า อถ นํ “อมมฺ ตยา กตํ สสสฺ ํ เนว อจฺโจทเกน อนั อนั ทา่ นกระท�ำแล้ว ยอ่ มไมเ่ สยี หาย ด้วยน�ำ้ อนั เกินนน่ั เทียว, นสสฺ ต,ิ น อกโโนรสท,ิเกนกนึ สนฺสุ ตโ;ิ ขสเพุอฺพตฏนุ ฺฺต€ิทิ พุปฺพจุ ฺฉฏุ ึสฺ€.ุภิ าวํ ยอ่ มไมเ่ สียหาย ด้วยน�ำ้ อนั น้อย; อ. ทา่ น รู้แล้ว ซงึ่ ความเป็น ตฺวา กมมฺ ํ แหง่ ฝนดีและฝนแล้ง ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ การงานหรือ ?, อ. เหตนุ น่ั อะไรหนอแล ดงั นี ้ฯ (อ. หญิงนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ. นางยกั ษิณี ผ้เู ป็นสหาย “อมหฺ ากํ สหายิกา ยกฺขินี สถพุ ลฺพนฏุ ินฺ€ฺเิทนพุสฺุพสฏุ สฺ€ฺสิภาานวิํ ของเรา ท. ยอ่ มบอก ซงึ่ ความเป็นแหง่ ฝนดีและฝนแล้ง, อาจิกฺขต,ิ มยํ ตสฺสา วจเนน อ. เรา ท. ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ ข้าวกล้า ท. ในท่ีดอนและท่ีลมุ่ ท. ตามค�ำ กโรม, ของนางยกั ษิณีนนั้ 48 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
เพราะเหตนุ นั้ อ. ข้าวกล้า ของเรา ท. ยอ่ มถงึ พร้อม, อ. ทา่ น ท. เตน โน สสสฺ ํ สมปฺ ชฺชต,ิ กึ น ปสสฺ ถ นิพทฺธํ ยอ่ มไมเ่ หน็ ( ซงึ่ อาหารวตั ถุ ท. ) มีข้าวต้มและข้าวสวยเป็นต้น อมหฺ ากํ เคหโต ยาคภุ ตฺตาทีนิ หริยมานานิ? (อนั เรา ท.) น�ำไปอยู่ จากเรือน ของเรา ท. เนืองนิตย์ หรือ ? ตานิ เอตสิ สฺ า หริยนฺต,ิ ตมุ เฺ หปิ เอตสิ ฺสา อ.อาหารวตั ถุท.เหลา่ นนั้ (อนั เราท.)ยอ่ มน�ำไป เพื่อนางยกั ษิณีนนั่ , อคฺคยาคภุ ตฺตาทีนิ หรถ, ตมุ หฺ ากมปฺ ิ กมมฺ นฺเต แม้ อ.ทา่ น ท. จงน�ำไป (ซงึ่ อาหารวตั ถุ ท.) มีข้าวต้มและข้าวสวย โอโลเกสสฺ ตีติ. อนั เลศิ เป็นต้น เพ่ือนางยกั ษิณีนน่ั อ. นางยกั ษิณี จกั ตรวจดู ซง่ึ การงาน ท. แม้ของทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ (อ. ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นเมืองทงั้ สนิ ้ โดยปกติ กระท�ำแล้ว อถสฺสา สกลนครวาสโิ น สกฺการํ กรึสุ . ซง่ึ สกั การะ แก่นางยกั ษิณีนนั้ ฯ อ. นางยกั ษิณีแม้นนั้ ตรวจดอู ยู่ ลสาาภปิคฺคตปโปฺตตฺตปาฏฺอ€าโหยสิสพมฺเหพาสปํ ริกวามรมฺ าน. ฺเต โอโลเกนฺตี ซงึ่ การงาน ท. ของชน ท. ทงั้ ปวง เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ลาภอนั เลศิ . เป็นผ้มู ีบริวารมาก ได้เป็นแล้ว จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ อ. นางยกั ษิณีนนั้ เร่ิมตงั้ แล้ว ซงึ่ สลากภตั ร ท. ๘ ในกาล ตานิสยาาวอชปฺชรกภาาลเาคทียอนฏฺตฺ€เิ ยสว.ลากภตฺตานิ ปฏฺ€เปส.ิ อนั เป็นสว่ นอื่นอีก ฯ อ. สลากภตั ร ท. เหลา่ นนั้ (อนั ชน ท.) ถวายอยู่ เพียงใดแตก่ าลอนั มีในวนั นีน้ น่ั เทียว ฯ อ.เร่ืองแห่งความเกดิ ขนึ้ แห่งนางยักษิณีช่ือว่ากาลี นี้ อทิ ํ กาลียกขฺ นิ ิยา อุปปฺ ตตฺ วิ ตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๕. อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้อยู่ในเมืองช่ือว่าโกสัมพี ๕. โกสมพฺ กิ วตถฺ ุ. (๕) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ปเร จ น วชิ านนฺตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ ภิกษุ ท. ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ โกสมั พี ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมพฺ ิเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ ปเร จ น วชิ านนฺติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร อ. ภิกษุ ท. สอง คือ โกสมพฺ ิยํ หิ โฆสติ าราเม ปญฺจสตปญฺจสต- อ. พระวนิ ยั ธรด้วย อ. พระธรรมกถกึ ด้วย ผ้มู ีภิกษุมีร้อยห้าและ ปริวารา เทฺว ภิกฺขู วิหรึส:ุ วินยธโร จ ธมมฺ กถิโก จ. ร้อยห้าเป็นประมาณเป็นบริวาร อยแู่ ล้ว ในโฆสติ าราม ใกล้เมือง ช่ือวา่ โกสมั พี ฯ ในภิกษุ ท. ๒ เหลา่ นนั้ หนา อ. พระธรรมกถกึ กระท�ำแล้ว เตสุ ธมมฺ กถิโก เอกทิวสํ สรีรวลญฺชํ กตฺวา ซง่ึ วลญั ชะในสรีระ เหลอื ไว้แล้ว ซง่ึ น�ำ้ เป็นเครื่องช�ำระอนั เหลือลง นอทุิกฺกขมโกิ.ฏฺ €เก อาจมนอทุ กาวเสสํ ภาชเน €เปตฺวา ในภาชนะ ในซ้มุ แหง่ น�ำ้ ออกไปแล้ว ในวนั หนง่ึ ฯ อ. พระวนิ ยั ธร เข้าไปแล้ว ในซ้มุ แหง่ น�ำ้ นนั้ ในภายหลงั ปจฺฉา วนิ ยธโร ตตฺถ ป“วอฏิ าฺโว€โุ สตํ อทุ กํ ทิสฺวา เหน็ แล้ว ซงึ่ น�ำ้ นนั้ ออกไปแล้ว ถามแล้ว ซง่ึ พระธรรมกถกึ นอกนี ้วา่ นิกฺขมิตฺวา อิตรํ ปจุ ฺฉิ ตยา อทุ กํ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ อ. น�ำ้ อนั ทา่ น เหลือไว้แล้วหรือ ดงั นี ้ ฯ €ปิ ตนฺต.ิ (อ. พระธรรมกถกึ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ เออ “อาม อาวโุ สต.ิ (อ. อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระวนิ ยั ธร ถามแล้ว) วา่ ก็ อ. ทา่ น “กึ ปเนตฺถ อาปตฺตภิ าวํ น ชานาสีต.ิ ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ ความเป็นแหง่ อาบตั ิ ในเพราะเรื่องนี ้ หรือ ดงั นี ้ ฯ “อาม น ชานามีต.ิ (อ. พระธรรมกถกึ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ อ. ข้าพเจ้า ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ฯ “โหตาวโุ ส, เอตฺถ อาปตฺตีต.ิ (อ. พระวนิ ยั ธร กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ (อ. เรื่อง นนั้ ) “เตนหิ ปฏิกฺกริสสฺ ามิ นนฺติ ฯ จงมีเถิด,อ.อาบตั ิ(ยอ่ มมี)ในเพราะเรื่องนีด้ งั นี ้ฯ (อ.พระธรรมกถกึ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. ข้าพเจ้า จกั กระท�ำคืน ซง่ึ อาบตั ิ นนั้ ดงั นี ้ฯ ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 49 www.kalyanamitra.org
(อ. พระวินยั ธร กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ก็ ถ้าวา่ “สเจ ปน เต อาวโุ ส อสญฺจิจฺจ อสตยิ า (อ. วตี กิ กมนะ) อนั ทา่ น ไมแ่ กล้งแล้ว กระทำ� แล้ว เพราะความระลกึ กตํ, นตฺถิ อาปตฺตีต.ิ ไมไ่ ด้ไซร้, อ. อาบตั ิ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ อ. พระธรรมกถกึ นนั้ เป็นผ้มู คี วามเหน็ ในอาบตั นิ นั้ วา่ ไมเ่ ป็นอาบตั ิ โส ตสฺสา อาปตฺตยิ า อนาปตฺตทิ ิฏฺ€ิ อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ. พระวินยั ธร บอกแล้ว แก่นิสติ ท. ของตน วา่ วนิ ยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสติ กานํ “อยํ ธมมฺ กถิโก อ. พระธรรมกถกึ นี ้แม้ต้องอยู่ ซงึ่ อาบตั ิ ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ฯ อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตีติ อาโรเจส.ิ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ นิสติ ท. ของพระธรรมกถกึ เต ตสสฺ นิสสฺ ติ เก ทิสฺวา “ตมุ หฺ ากํ อปุ ชฺฌาโย นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ. อปุ ัชฌาย์ ของทา่ น ท. แม้ต้องแล้ว ซงึ่ อาบตั ิ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺตภิ าวํ น ชานาตีติ ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ ความเป็นแหง่ อาบตั ิ ดงั นี ้ฯ อาหํส.ุ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว บอกแล้ว แก่อปุ ัชฌาย์ ของตน ฯ เต คนฺตฺวา อตฺตโน อปุ ชฺฌายสสฺ อาโรเจสํ.ุ อ. พระธรรมกถกึ นนั้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ อ. พระวนิ ยั ธร นี ้ โส เอวมาห “อยํ วินยธโร ปพุ ฺเพ “อนาปตฺตีติ กลา่ วแล้ว วา่ ไมเ่ ป็นอาบตั ิ ดงั นี ้ ในกาลก่อน ยอ่ มกลา่ ว วา่ วตฺวา อิทานิ `อาปตฺตีติ วทติ, มสุ าวาที เอโสต.ิ เป็นอาบตั ิ ดงั นี ้ ในกาลนี,้ อ. พระวินยั ธรนนั่ เป็นผ้กู ลา่ วเทจ็ โดยปกติ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ อ. อปุ ัชฌาย์ เต คนฺตฺวา “ตมุ หฺ ากํ อปุ ชฺฌาโย มสุ าวาทีติ ของทา่ น ท. เป็นผ้กู ลา่ วเทจ็ โดยปกติ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ กถยสึ .ุ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ยงั ความทะเลาะ ซงึ่ กนั และกนั เต เอวํ อญฺญมญฺญํ กลหํ วฑฺฒยสึ .ุ ให้เจริญแล้ว ด้วยประการฉะนี ้ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ. พระวินยั ธร ได้แล้ว ซงึ่ โอกาส ได้กระท�ำแล้ว ตโต วนิ ยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ธมมฺ กถิกสสฺ ซง่ึ อกุ เขปนียกรรม ในเพราะอนั ไมเ่ หน็ ซง่ึ อาบตั ิ แก่พระธรรมกถกึ ฯ อาปตฺตยิ า อทสสฺ เน อกุ ฺเขปนียกมมฺ ํ อกาส.ิ แม้ อ. อปุ ัฏฐาก ท. ผ้ถู วายซง่ึ ปัจจยั แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ เทฺว โตโอกโวตฏาฺ€ทาปปสฏฏาฺ€ิคาอฺคยเาหหสเิกํ.ุตาสํภปิกจฺขฺจนุ ยิโยทปาิ ยกอาารอกปุ ฺขฏเทฺ€วาตกาาปปิิ เป็นสว่ นสอง ได้เป็นแล้ว จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ ตพาฺรหสํฺมโลสกนาฺทปิฏิ ฺ€สสพมฺเพภฺ ตฺตปาถุ ชุ ฺชอนาากาเสทฏฺวฺ€เปทกวตฺขาาปิ อเยหาสว.ํุ อ. นางภิกษุณี ท. ผ้รู ับซงึ่ โอวาทก็ดี อ. เทวดาผ้อู ารักขา ท. ก็ดี อ. เทวดาผ้ดู �ำรงอยใู่ นอากาศ ท. ผ้เู หน็ กนั ดีแล้วและคบกนั ดีแล้ว แหง่ เทวดา ท. เหลา่ นนั้ ก็ดี อ.ปถุ ชุ น ท. ทงั้ ปวง เพียงใด แตพ่ รหมโลก ก็ดี เป็นฝ่ ายสอง ได้เป็นแล้ว ฯ ก็ อ. ความโกลาหล มีความบนั ลือออกแล้วเป็นอนั เดียวกนั ยาว อกนิฏฺ€ภวนา ปน เอกนินฺนาทํ โกลาหลํ ได้ไปแล้ว เพียงใด แตภ่ พชื่อวา่ อกนิฏฐะ ฯ อคมาส.ิ ครัง้ นนั้ อ. ภิกษุ รูปหนง่ึ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระตถาคตเจ้า อเถโก ภิกฺขุ ตถาคตํ อปุ สงฺกมิตฺวา อกุ ฺเขปกานํ กราบทลู แล้ว ซง่ึ ลทั ธิ วา่ อ. พระธรรมกถกึ นี ้(อนั สงฆ์) ยกวตั รแล้ว “ ธมฺมิเกเนวายํ กมฺเมน อุกฺขิตฺโตติ ลทฺธึ ด้วยกรรม อนั ประกอบแล้วด้วยธรรมนนั่ เทียว ดงั นี ้ (แหง่ ภิกษุ ท.) อกุ ฺขิตฺตานวุ ตฺตกานํ “อธมฺมิเกน กมเฺ มน อกุ ฺขิตฺโตติ ผ้ยู กวตั รด้วย ซง่ึ ลทั ธิ วา่ (อ.พระอปุ ัชฌาย์ ของเรา ท. อนั สงฆ์) ลทฺธึ อกุ ฺเขปเกหิ วาริยมานานํปิ จ เตสํ ตํ ยกวตั รแล้ว ด้วยกรรม อนั ไมป่ ระกอบแล้วด้วยธรรม ดงั นี ้ (แหง่ ภกิ ษุ ท.) อนปุ ริวาเรตฺวา วจิ รณภาวํ อาโรเจส.ิ ผู้ประพฤติตามซ่ึงพระธรรมกถึกผู้อันสงฆ์ยกวัตรแล้ วด้ วย ซง่ึ ความเป็นคืออนั เที่ยวไป ตามแวดล้อม ซงึ่ พระธรรมกถกึ นนั้ แหง่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ แม้ผ้อู นั ภิกษุ ท. ผ้ยู กวตั รห้ามอยดู่ ้วย ฯ อ.พระผ้มู พี ระภาคเจ้า ทรงสง่ ไปแล้ว (ซงึ่ พระโอวาท) วา่ ได้ยนิ วา่ ภควา “สมคฺคา กิร โหนฺตตู ิ เทฺว วาเร เปเสตฺวา (อ. ภิกษุ ท.) เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั จงเป็น ดงั นี ้สนิ ้ วาระ ท. สอง “น อิจฺฉนฺติ ภนฺเต สมคฺคา ภวิตนุ ฺติ สตุ ฺวา ตตยิ วาเร ทรงสดบั แล้ววา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ(อ.ภิกษุท.)ยอ่ มไมป่ รารถนา “ภินฺโน ภิกฺขสุ งฺโฆ, ภินฺโน ภิกฺขสุ งฺโฆติ สตุ ฺวา เพื่ออนั เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั เป็น ดงั นี ้ ทรงสดบั แล้ว วา่ เตสํ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา, อ. หมแู่ หง่ ภิกษุ แตกกนั แล้ว, อ. หมแู่ หง่ ภิกษุ แตกกนั แล้ว ดงั นี ้ เป็นต้น ในวาระที่ ๓ เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ , 50 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ตรัสแล้วซง่ึ โทษในเพราะการยกวตั รแหง่ ภิกษุท.ผ้ยู กวตั รด้วย อกุ ฺเขปกานํ อกุ ฺเขปเน อิตเรสญฺจ อาปตฺตยิ า ในเพราะการไมเ่ หน็ ซงึ่ อาบตั ิ แหง่ ภิกษุ ท. เหลา่ นอกนีด้ ้วย อทสฺสเน อาทีนวํ กเถตฺวา ปนุ เตสํ ตตฺเถว เอกสมี ายํ ทรงอนญุ าตแล้ว ซง่ึ กรรม ท. มีอโุ บสถเป็นต้น ในสีมาอนั เดียวกนั อโุ ปสถาทนี ิ อนชุ านติ วฺ า ภตตฺ คคฺ าทสี ุ ภณฑฺ นชาตานํ ในโฆสติ ารามนนั้ นน่ั เทียว แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ อีก ทรงบญั ญตั แิ ล้ว “อาสนนฺตริกาย นิสที ิตพฺพนฺติ ภตฺตคฺเค วตฺตํ ซง่ึ วตั รในโรงแหง่ ภตั รวา่ (อนั ภิกษุท.) พงึ นง่ั ในแถวอนั มีในระหวา่ ง ปญฺญาเปตฺวา “อิทานิปิ ภณฺฑนชาตา วหิ รนฺตีติ แหง่ อาสนะ ดงั นีเ้ป็นต้น (แก่ภิกษุ ท.) ผ้มู ีความแตกร้าวเกิดแล้ว สตุ ฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา “อลํ ภิกฺขเว มา ภณฺฑนนฺติ (ในท่ี ท.) มีโรงแหง่ ภตั รเป็นต้น ทรงสดบั แล้ว วา่ (อ.ภิกษุ ท.) อาทีนิ วตฺวา “ภิกฺขเว ภณฺฑนกลหวคิ ฺคหวิวาทา ผ้มู ีความแตกร้าวเกิดแล้ว อยอู่ ยู่ แม้ในกาลนี ้ ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว นาเมเต อห“นภตติกฺถฺถฺขินกเาวาครํ สกชมาีว,คติ ฺคกกาลฺขยหโํหํ ปนถาิสเฺสมปาาสยีตวิ หิวลิทฏถลกุ ;ฏิกกุชวิกาวิ ตาาปทกิํํ ในทน่ี นั้ ตรสั แล้ว (ซงึ่ พระดำ� รสั ท.) มคี ำ� วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ. อยา่ เลย สกณุ ิกา อกเเนถกสส.ิ หสสฺ วฏฺฏกาปิ ชีวติ กฺขยํ ปตฺตาติ (อ.เธอ ท.) อยา่ (ได้กระท�ำแล้ว) ซงึ่ ความแตกร้าว ดงั นีเ้ป็นต้น กเถตฺวา (ตรัสแล้ว)วา่ ดกู ่อนภิกษุท. ชื่อ อ.ความแตกร้าวและความทะเลาะ นิสฺสาย หิ และความแก่งแยง่ และความววิ าท ท. เหลา่ นนั่ เป็นเหตกุ ระท�ำ วฏฺ ฏกชาตกํ ซง่ึ ความฉิบหายมิใชป่ ระโยชน์ (ยอ่ มเป็น), ก็ อ. นางนก แม้ชื่อวา่ นกไส้ อาศยั แล้ว ซง่ึ ความทะเลาะ ยงั ช้างตวั ประเสริฐ ให้ถงึ แล้ว ซวา่งึ่ ควดากู ม่อสนนิ ้ภไิกปษแุหง่ ทช.ีวติ อ.ดงัเนธอี ้ ตรทัส.แลเป้ว็นซผง่ึ้พู ลรฏ้อกุ มิกเพชารีดยงกกนั(ตรจัสงแเลป้ว็น) จงอยา่ ววิ าทกนั ; ก็ แม้ อ. นกกระจาบมีพนั มิใชห่ นง่ึ ท. อาศยั แล้ว ซงึ่ ความววิ าท ถงึ แล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปแหง่ ชีวิต ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ วฏั ฏกชาดก ฯ ครัน้ เมื่อภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ อยู่ ซง่ึ พระด�ำรัส เอวํปิ เตสุ วจนํ อนาทิยนฺเตส,ุ อญฺญตเรน แม้อยา่ งนี ้ , (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ธมมฺ วาทินา ตถาคตสสฺ วเิ หสํ อนิจฺฉนฺเตน อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ผ้ทู รงเป็นเจ้าของแหง่ ธรรม (ทรงยงั กาล) “อาคเมตุ ภนเฺ ต ภควา ธมมฺ สสฺ าม,ิ อปโฺ ปสสฺ กุ โฺ ก จงให้มาเถิด, ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า มภยนเฺเมตเตนภควภาณฺฑทิฏเนฺ€นธมมฺ กสลขุ เหวหินารํวคิ อฺคนเหยุ นตุ ฺโตวิววาิหเรทตน;ุ ผ้ทู รงมีความขวนขวายน้อย ทรงตามประกอบแล้วซงึ่ ธรรม เป็นเคร่ืองอยสู่ บายในธรรมอนั สตั ว์เหน็ แล้ว ขอจงประทบั อยเู่ ถิด; ปญฺญายิสสฺ ามาติ วตุ ฺเต, อ.ข้าพระองค์ ท. จกั ปรากฏ ด้วยความแตกร้าว ด้วยความทะเลาะ ด้วยความแกง่ แยง่ ด้วยความวิวาท นนั่ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ) ผ้กู ลา่ ว ซงึ่ ธรรมโดยปกติ รูปใดรูปหนง่ึ ผ้ไู มป่ รารถนาอยู่ ซง่ึ ความลำ� บาก แหง่ พระตถาคตเจ้า กราบทลู แล้ว, (อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ซงึ่ ความท่ีแหง่ พระราชา “ภตู ปพุ ฺพํ ภิกฺขเว พาราณสยิ ํ พฺรหฺมทตฺโต ผ้เู ป็นใหญ่ในแวน่ แคว้นช่ือวา่ โกศล พระนามวา่ ทีฆีติ ผ้ปู ระทบั อยู่ นาม กาสรี าชา อโหสีติ พฺรหฺมทตฺเตน ทีฆีตสิ สฺ อยู่ ด้วยเพศอนั ใคร ๆ ไมร่ ู้แล้ว ทรงเป็นผ้อู นั พระราชาพระนาม โกสลรญฺโญ รชฺชํ อจฺฉินฺทิตฺวา อญฺญาตกเวเสน วา่ พรหมทตั ทรงแยง่ ชิงเอาแล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา วสนฺตสสฺ มาริตภาวญฺเจว ทีฆาวกุ มุ าเรน อตฺตโน ให้สวรรคตแล้วด้วยนนั่ เทียว ซง่ึ ความท่ี ( แหง่ กษัตริย์ ท. ๒ ) ชีวเิ ต ทินฺเน, ตโต หปิ ฏฺ€านยามเตสภํ ิกสฺขมเควฺคภารวาญชูนฺจํ เหลา่ นนั้ ครัน้ เม่ือพระชนม์ชีพ อนั พระกมุ ารพระนามวา่ ทีฆาวุ กเถตฺวา “ เตสํ ถวายแล้ว แก่พระองค์, ทรงเป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั จ�ำเดมิ แตก่ าล อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺตโิ สรจฺจํ นนั้ ด้วย วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เร่ืองเคยมีแล้ว อ. พระราชาผ้เู ป็นใหญ่ ภวสิ ฺสต,ิ ในแวน่ แคว้นชื่อวา่ กาสี พระนามวา่ พรหมทตั ได้มีแล้ว ในเมือง ชื่อวา่ พาราณสี ดงั นีเ้ป็นต้น แม้ตรัสสอนแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. ความอดทนและความเป็นแหง่ บคุ คลผ้ยู ินดีแล้วในธรรมอนั งาม มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ได้มีแล้วแล แก่พระราชา ท. เหลา่ นนั้ ผ้มู ีทอ่ นไม้ อนั ถือเอาแล้ว ผ้มู ีศสั ตราอนั ถือเอาแล้ว, ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 51 www.kalyanamitra.org
ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เธอ ท. เป็นผ้บู วชแล้ว ในธรรมและวินยั อิธ โข ตํ ภิกฺขเว โสเภถ; ยํ ตมุ เฺ ห เอวํ อนั เรากลา่ วดีแล้ว อยา่ งนี ้ มีอยู่ เป็นผ้อู ดทนด้วย เป็นผ้ยู ินดีแล้ว สวฺ ากฺขาเต ธมมฺ วนิ เย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ในธรรมอนั งามด้วย พงึ เป็น ใด อ. ความท่ีแหง่ เธอ ท. เป็นผ้อู ดทน ภเวยฺยาถ โสรตา จาติ โอวทิตฺวาปิ เนว เต สมคฺเค และยินดีแล้วในธรรมอนั งามนนั้ พงึ งามในธรรมและวนิ ยั นีแ้ ล กาตํุ อสกฺขิ. ดงั นี ้ ไมไ่ ด้ทรงอาจแล้ว เพ่ืออนั ทรงกระท�ำ ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ให้เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั นนั่ เทียว ฯ อ. พระศาสดานนั้ ทรงระอาแล้ว เพราะความที่แหง่ พระองค์ โส ตาย อากิณฺณวิหารตาย อกุ ฺกณฺ€ิโต มีความอยอู่ นั เกลื่อนกลน่ แล้วนนั้ ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ. เราแล “อหํ โข อิทานิ อากิณฺโณ ทกุ ฺขํ วิหรามิ, อิเม เกล่อื นกลน่ แล้ว ยอ่ มอยู่ ลำ� บาก ในกาลนี,้ อนง่ึ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นี ้ จ ภิกฺขู มม วจนํ น กโรนฺต;ิ ยนฺนนู าหํ เอโก ยอ่ มไมก่ ระทำ� ซง่ึ คำ� ของเรา; กระไรหนอ อ. เรา ผ้เู ดยี ว หลกี ออกแล้ว คณมหฺ า วจปู ริตกฏฺวฺาโ€ วหิ เรยฺยนฺติ จินฺเตตฺวา โกสมพฺ ิยํ จากหมู่ พงึ อยู่ ดงั นี ้ เสดจ็ เท่ียวไปแล้ว เพ่ือก้อนข้าว ในเมืองช่ือวา่ ปิ ณฺฑาย อนปโลเกตฺวา ภิกฺขสุ งฺฆํ เอกโกว โกสมั พี ไมท่ รงอ�ำลาแล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ ผ้พู ระองค์เดียวเทียว อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย พาลกโลณการามํ คนฺตฺวา ทรงถือเอาแล้ว ซง่ึ บาตรและจีวร ของพระองค์ เสดจ็ ไปแล้ว ตตฺถ ภคตุ ฺเถรสฺส เอกจาริกวตฺตํ กเถตฺวา สพู่ าลกโลณการาม ตรัสแล้ว ซงึ่ วตั รของภิกษุ ผ้มู ีอนั เท่ียวไป ปาจีนวํสมิคทาเย ตณิ ฺณํ กลุ ปตุ ฺตานํ สามคฺคีรสานิสํสํ ผ้เู ดียวเป็นปกติ แก่พระเถระช่ือวา่ ภคุ ในอารามนนั้ ตรัสแล้ว กเถตฺวา, เยน ปาริเลยฺยกํ, ตทวสริ. ซงึ่ อานิสงส์แหง่ รสของความสามคั คี แก่กลุ บตุ ร ท. ๓ ในป่ า เป็นท่ีให้ซงึ่ อภยั แก่เนือ้ ช่ือวา่ ปราจีนวงศ์, อ. ป่ าช่ือวา่ ปาริไลยก์ (ยอ่ มตงั้ อย)ู่ โดยสว่ นแหง่ ทิศใด, เสดจ็ เท่ียวไปแล้ว โดยสว่ น แหง่ ทิศนนั้ ฯ ได้ยินวา่ ในกาลนนั้ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า เสดจ็ เข้าไป ตตฺร สทุ ํ ภควา ปาริเลยฺยกํ อปุ นิสสฺ าย อาศยั แล้ว ซงึ่ ป่ าช่ือวา่ ปาริไลยก์ ผ้อู นั ช้างชื่อวา่ ปาริไลยก์บ�ำรุงอยู่ รกขฺ ติ วนสณเฺ ฑ ภททฺ สาลมเู ล ปาริเลยยฺ เกน หตถฺ นิ า ประทบั อยแู่ ล้ว ประทบั อยตู่ ลอดพรรษา สำ� ราญ ณ โคนแหง่ ต้นรัง อปุ ฏฺ€ิยมาโน ผาสกุ ํ วสสฺ าวาสํ วส.ิ อนั เจริญ ในชฏั ชื่อวา่ รักขิตวนั ฯ อ. อบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. แม้ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ โกสมั พี โกสมพฺ ีวาสโิ นปิ โข อปุ าสกา วิหารํ คนฺตฺวา โดยปกตแิ ล ไปแล้ว สวู่ ิหาร ไมเ่ หน็ อยู่ ซง่ึ พระศาสดา ถามแล้ว วา่ สตฺถารํ อปสสฺ นฺตา “กหุ ึ ภนฺเต สตฺถาติ ปจุ ฺฉึส.ุ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. พระศาสดา (เสดจ็ ไปแล้ว) ในที่ไหน ดงั นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท.เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ววา่ (อ. พระศาสดา)เสดจ็ ไปแล้ว เต ภิกฺขู อาหํสุ “ปาริเลยฺยกวนสณฺฑํ คโตต.ิ สชู่ ฏั แหง่ ป่ าช่ือวา่ ปาริไลยก์ ดงั นี ้ฯ (อ. อบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. ถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “กกึ ารณา ภนฺเตต.ิ (อ. พระศาสดา เสดจ็ ไปแล้ว) เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ฯ (อ. ภิกษุ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ อ. พระศาสดา ทรงพยายามแล้ว “อมเฺ ห สมคฺเค กาตํุ วายมิ, มยํ ปน เพื่ออนั กระท�ำ ซง่ึ เรา ท. ให้เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั , แตว่ า่ อ. เรา ท. น สมคฺคา อหมุ หฺ าต.ิ เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั ได้เป็นแล้ว หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ. อบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “ภนฺเต ตมุ เฺ ห สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา, อ. ทา่ น ท. บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา,ครัน้ เม่ือพระศาสดา ตสมฺ ึ สามคฺคึ กโรนฺเตปิ , สมคฺคา น อหวุ ตฺถาต.ิ นนั้ แม้ทรงกระท�ำอยู่ ซง่ึ ความสามคั คี, เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั ได้เป็นแล้ว หามิได้ ดงั นี ้ฯ (อ. ภิกษุ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ. อยา่ งนนั้ “เอวมาวโุ สต.ิ ดงั นี ้ฯ อ. มนษุ ย์ ท. (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นี ้บวชแล้ว มนสุ ฺสา “อิเม สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา, ในสำ� นกั ของพระศาสดา, ครนั้ เมอื่ พระศาสดานนั้ แม้ทรงกระทำ� อยู่ ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเตปิ , สมคฺคา น ชาตา; มยํ ซงึ่ ความสามคั คี, เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั เกิดแล้ว หามิได้; อิเม นิสฺสาย สตฺถารํ ทฏฺ€ํุ น ลภิมหฺ า; อ. เรา ท. อาศยั แล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นี ้ ไมไ่ ด้แล้ว เพื่ออนั เฝ้ า ซง่ึ พระศาสดา; 52 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. เรา ท.) จกั ไมถ่ วาย ซง่ึ อาสนะ แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นีน้ นั่ เทียว, อเิ มสํ เนว อาสนํ ทสสฺ าม, น อภวิ าทนาทนี ิ จกั ไมก่ ระท�ำ ซง่ึ สามีจิกรรม ท. มีการกราบไหว้เป็นต้น (แก่ภิกษุ ท. กริสสฺ ามาติ ตโต ปฏฺ €าย เตสํ สามีจิมตฺตกํปิ เหลา่ นี)้ ดงั นี ้ไมก่ ระท�ำแล้ว ซงึ่ กิจแม้สกั วา่ สามีจิกรรม แก่ภิกษุ ท. น กรึส.ุ เหลา่ นนั้ จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ซบู ผอมอยู่ เพราะความท่ีแหง่ ตน เต อปปฺ าหารตาย สสุ สฺ มานา กตปิ าเหเนว เป็นผ้มู อี าหารน้อย เป็นคนตรง เป็น โดยวนั เลก็ น้อยนนั่ เทยี ว แสดงแล้ว อชุ กุ า หตุ ฺวา อฺมฺ ํ อจฺจยํ เทเสตฺวา ซง่ึ โทษลว่ งเกิน ซง่ึ กนั และกนั (ยงั กนั และกนั ) ให้อดโทษแล้ว ขมาเปตฺวา “อปุ าสกา มยํ สมคฺคา ชาตา, ตมุ เฺ หปิ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนอบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. อ. เรา ท. โน ปรุ ิมสทิสาว โหถาติ อาหํส.ุ เป็นผ้พู ร้อมเพรียงกนั เป็นผ้เู กิดแล้ว (ยอ่ มเป็น), แม้ อ. ทา่ น ท. เป็นเชน่ กบั ด้วยบคุ คลผ้มู ีในก่อน เทียว จงเป็น แก่เรา ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.มนษุ ย์ ท.กลา่ วแล้ว)วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญก็ อ.พระศาสดา “ขมาปิ โต ปน โว ภนฺเต สตฺถาต.ิ อนั ทา่ น ท. ให้ทรงอดโทษแล้วหรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุท.กลา่ วแล้ว)วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุท.(อ.พระศาสดา “น ขมาปิ โต อาวโุ สต.ิ อนั เรา ท.) ไมท่ รงให้อดโทษแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ. มนษุ ย์ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ. ทา่ น ท.) “เตนหิ สตฺถารํ ขมาเปถ, สตฺถุ ขมาปิ ตกาเล ขอจงยงั พระศาสดา ให้ทรงอดโทษเถิด, แม้ อ. กระผม ท. มยํปิ ตมุ หฺ ากํ ปรุ ิมสทิสา ภวิสสฺ ามาต.ิ เป็นเชน่ กบั ด้วยบคุ คลผ้มู ีในก่อน จกั เป็น แก่ทา่ น ท. ในกาล แหง่ พระศาสดา อนั ทา่ น ท. ให้ทรงอดโทษแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั ไป สสู่ ำ� นกั เต อนฺโตวสสฺ ภาเวน สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตํุ ของพระศาสดา เพราะความเป็ นแห่งภายในแห่งพรรษา อวิสหนฺตา ทกุ ฺเขน ตํ อนฺโตวสสฺ ํ วีตนิ าเมส.ํุ ยงั ภายในแหง่ พรรษานนั้ ให้น้อมไปลว่ งวเิ ศษแล้ว โดยยาก ฯ ก็ อ. พระศาสดา ผ้อู นั ช้างนนั้ บ�ำรุงอยู่ ประทบั อยแู่ ล้ว สบายฯ สตฺถา ปน เตน หตฺถินา อปุ ฏฺ€ยิ มาโน สขุ ํ วส.ิ อ. ช้างแม้นนั้ ละแล้ว ซง่ึ ฝงู ได้เข้าไปแล้ว สชู่ ฏั แหง่ ป่ านนั้ โสปิ คณํ ปหาย ผาสวุ ิหารตฺถาย ตํ เพื่อต้องการแก่อนั อยสู่ ำ� ราญ ฯ วนสณฺฑํ ปาวสิ .ิ (อ.พระธรรมสงั คาหกาจารย์) กลา่ วแล้ว อยา่ งไร ? ยถาห? “อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ (อ.พระธรรมสงั คาหกาจารย์ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ ครัง้ นนั้ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว อ. ความคดิ นน่ั ได้มีแล้ว แก่ช้างนนั้ ) วา่ อ. เราแล เกลอื่ นกลน่ แล้ว ตณิ านิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคจฺ เม สาขาภงฺคํ ยอ่ มอยู่ ด้วยช้างพลาย ท. ด้วยช้างพงั ท. ด้วยช้างสะเทิน้ ท. ขาทนฺต,ิ อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิ วามิ, โอคาหนฺตสฺส ด้วยช้างผ้ลู กู น้อย ท., อ.เรา ยอ่ มเคีย้ วกิน ซงึ่ หญ้า ท. เม อตุ ฺตณิ ฺณสสฺ หตฺถินิโย กายํ อปุ นิฆํสนฺตโิ ย มีปลายอนั อนั ช้าง ท. เหลา่ นนั้ ตดั แล้วด้วยนนั่ เทียว, (อ. ช้าง ท. คจฺฉนฺติ, ยนฺนนู าหํ เอโก คณมหฺ า วปู กฏฺโ€ เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มเคีย้ วกิน ซง่ึ รุกขาวยั วะอนั บคุ คลพงึ หกั คือก่ิงไม้ วิหเรยฺยนฺต.ิ อนั อนั เรา หกั ลงแล้วและหกั ลงแล้วด้วย, อ. เรา ยอ่ มด่ืม ซงึ่ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ด่ืม ท. อนั ขนุ่ มวั ด้วย, เมื่อเรา หยงั่ ลงอยู่ ข้ามขนึ ้ แล้ว อ. ช้างพงั ท. เข้าไปเสียดสอี ยู่ ซงึ่ กาย ยอ่ มไป, กระไรหนอ อ. เรา ผ้เู ดียว หลกี ออกแล้ว จากฝงู พงึ อยู่ ดงั นี ้(ดงั นี)้ ฯ ครัง้ นนั้ แล อ. ช้างตวั ประเสริฐนนั้ หลีกออกแล้ว จากโขลง, อถโข โส หตฺถินาโค ยถู า อปกฺกมมฺ , อ. ป่ าช่ือวา่ ปาริไลยก์ อ. ชฏั ชื่อวา่ รักขิตวนั อ. โคนแหง่ ต้นรัง- เยน ปาริเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺโฑ ภทฺทสาลมลู ํ อนั เจริญ (ยอ่ มตงั้ อย)ู่ โดยสว่ นแหง่ ทิศใด, อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า เยน ภควา, เตนปุ สงฺกมิ; อปุ สงฺกมิตฺวา จ ปน (ยอ่ มประทบั อย)ู่ โดยสว่ นแหง่ ทิศใด, เข้าไปเฝ้ าแล้ว โดยสว่ น- ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา โอโลเกนฺโต อฺํ กิจฺ ิ อทิสฺวา แหง่ ทิศนนั้ ; ก็แล (อ. ช้างนนั้ ) ครัน้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า แลดอู ยู่ ไมเ่ หน็ แล้ว ซง่ึ วตั ถอุ ะไร ๆ อ่ืน ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 53 www.kalyanamitra.org
กระทืบอยู่ ซงึ่ โคนแหง่ ต้นรังอนั เจริญ ด้วยเท้า ถากแล้ว จบั แล้ว ภททฺ สาลมลู ํ ปาเทน ปหรนโฺ ต ตจเฺ ฉตวฺ า โสณฑฺ าย ซงึ่ กิ่งไม้ ด้วยงวง กวาดแล้ว; (อ. ช้าง) จบั แล้ว ซง่ึ หม้อ ด้วยงวง สาขํ คเหตฺวา สมฺมชฺชิ; อตณุโปตฺรโหิโภทปชกฏนฺํ€ียาปํยฏอิยโปุาสเฏณทฺ€ตฺฑเป.ิ าตย;ิ ยอ่ มเข้าไปตงั้ ไว้ ซง่ึ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ดื่ม ซง่ึ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ใช้สอย ฆฏํ คเหตฺวา ปานียํ จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ; ครัน้ เมื่อความต้องการด้วยน�ำ้ อนั ร้อน มีอย,ู่ อณุ ฺโหทเกน อตฺเถ สติ, (อ. ช้าง) ยอ่ มจดั แจง ซง่ึ น�ำ้ อนั ร้อน ฯ (อ. อนั ถาม) วา่ (อ. ช้าง ยอ่ มจดั แจง) อยา่ งไร ? (ดงั นี)้ ตํ กถํ? หตปฺเกถฺขนิปนกฺโฏตฺ€านชิาฆเลํสตติ ฺวฺวาา อคฺคึ สมปฺ าเทต,ิ (อ. อนั แก้) วา่ (อ. ช้าง) สีแล้ว ซง่ึ ไม้แห้ง ท. ด้วยงวง ยงั ไฟ ยอ่ มให้ ทารูนิ ตตฺถ ปาสาเณ ถงึ พร้อม, (อ. ช้าง) ใสเ่ ข้าอยซู่ ง่ึ ฟื น ท. ยงั ไฟนนั้ ให้โพลงแล้ว ปจิตฺวา ทารุทณฺฑเกน ตปโวตฏฺ เฏตหฺวตาฺถํ ปริจฺฉินฺนาย เผาแล้วซงึ่ แผน่ หินท. ในไฟนนั้ เข่ียแล้วด้วยทอ่ นแหง่ ไม้ ยอ่ มซดั ไป ขทุ ฺทกโสณฺฑิยํ ขิปต;ิ โอตาเรตฺวา ในลำ� รางน้อย อนั อนั ตนก�ำหนดแล้ว; (ดงั นี)้ ในล�ำดบั นนั้ (อ.ช้าง) อทุ กสสฺ ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ ยงั งวง ให้ข้ามลงแล้ว รู้แล้ว ซงึ่ ความท่ีแหง่ น�ำ้ เป็นของร้อนแล้ว วนฺทต.ิ ไปแล้ว ยอ่ มจบ ซง่ึ พระศาสดา ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนปาริไลยก์ อ. น�ำ้ อนั เธอ สตฺถา “อทุ กํ เต ตาปิ ตํ ปาริเลยฺยกาติ วตฺวา ให้ร้อนแล้วหรือ ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว ในที่นนั้ ยอ่ มทรงสนาน ฯ ตตฺถ คนฺตฺวา นหายต.ิ อถสสฺ นานาวิธานิ ผลานิ ครัง้ นนั้ (อ. ช้าง) น�ำมาแล้ว ซงึ่ ผลไม้ ท. อนั มีอยา่ งตา่ ง ๆ อาหริตฺวา เทต.ิ ยอ่ มถวาย แก่พระศาสดานนั้ ฯ ก็ ในกาลใด อ. พระศาสดา ยอ่ มเสดจ็ เข้าไป สบู่ ้าน ยทา ปน สตฺถา คามํ ปิ ณฺฑาย ปวสิ ต;ิ เพื่อก้อนข้าว; ในกาลนนั้ (อ. ช้าง) ถือเอาแล้ว ซงึ่ บาตรและจีวร ตทา สตฺถุ ปตฺตจีวรมาทาย กมุ เฺ ภ ปตฏิ ฺ€าเปตฺวา ของพระศาสดา (ยงั บาตรและจวี ร) ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว บนกระพอง สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉต.ิ ยอ่ มไป กบั ด้วยพระศาสดานนั่ เทียว ฯ อ. พระศาสดา เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ อปุ จารแหง่ บ้าน (ตรัสแล้ว) วา่ สตฺถา คามปู จารํ ปตฺวา “ปาริเลยฺยก อิโต ดกู ่อนปาริไลยก์ อนั เจ้า ไมอ่ าจ เพื่ออนั ไป จ�ำเดมิ แตท่ ่ีนี,้ อ. เจ้า ปอาฏหฺ €ราายเปตตยฺวาา คนฺตํุ น สกฺกา, อาหร เม ปตฺตจีวรนฺติ จงน�ำมา ซงึ่ บาตรและจีวร ของเรา ดงั นี ้(ทรงยงั ช้าง) ให้น�ำมาแล้ว คามํ ปิ ณฺฑาย ปวสิ ต.ิ ยอ่ มเสดจ็ เข้าไป สบู่ ้าน เพ่ือก้อนข้าว ฯ อ. ช้างแม้นนั้ ยนื แล้ว ในทนี่ นั้ นนั่ เทยี ว เพยี งใด แตอ่ นั เสดจ็ ออก โสปิ ยาว สตฺถุ นิกฺขมนา ตตฺเถว แหง่ พระศาสดา กระท�ำแล้ว ซงึ่ การต้อนรับ ในกาลเป็นที่เสดจ็ มา €ตฺวา สตฺถุ อาคมนกาเล ปจฺจคุ ฺคมนํ กตฺวา แหง่ พระศาสดา รบั แล้ว ซงึ่ บาตรและจวี ร โดยนยั อนั มใี นกอ่ นนนั่ เทยี ว ปรุ ิมนเยเนว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ววีชสตน,ิ ฏฺ€ราตเนฺตึ (ยงั บาตรและจีวร) ให้ข้ามลงแล้ว ในท่ีเป็นที่ประทบั อยู่ แสดงแล้ว โอตาเรตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สาขาย ซง่ึ วตั ร ยอ่ มพดั ด้วยก่ิงไม้, ในเวลากลางคืน (อ. ช้าง) ถือเอาแล้ว วาลมิคปริปนฺถนิวารณตฺถํ มหนฺตํ ทณฺฑํ โสณฺฑาย ซง่ึ ทอ่ นไม้ ใหญ่ ด้วยงวง เพื่ออนั ห้ามซงึ่ อนั ตรายเป็นเคร่ือง- คเหตฺวา “สตฺถารํ รกฺขิสฺสามีติ ยาว อรุณคุ ฺคมนา เบียดเบียนรอบแตเ่ นือ้ ร้าย ยอ่ มเที่ยวไป ในระหวา่ งและระหวา่ ง วนสณฺฑสฺส อนฺตรนฺตเร วิจรต.ิ แหง่ ชฏั แหง่ ป่ า เพียงใด แตอ่ นั ขนึ ้ ไปแหง่ อรุณ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ. เรา) จกั รักษา ซงึ่ พระศาสดา ดงั นี ้ ฯ ได้ยินวา่ อ. ชฏั แหง่ ป่ านนั้ ชื่อเป็นชฏั ช่ือวา่ รักขิตวนั เกิดแล้ว รกฺขิตตวโนตสณฺปโฑฏฺ €านยาเยมว กิร โส วนสณฺโฑ จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ นนั่ เทียว ฯ ชาโต. ครัน้ เมอ่ื อรุณขนึ ้ ไปแล้ว, (อ.ช้าง) ยอ่ มกระทำ� ซงึ่ วตั รทงั้ ปวง ท. อรุเณ อคุ ฺคเต, มโุ ขทกทานํ อาทึ กตฺวา เตเนว โดยอบุ าย นนั้ นน่ั เทียว กระท�ำ ซง่ึ การถวายซง่ึ น�ำ้ เป็นเคร่ืองล้าง อปุ าเยน สพฺพวตฺตานิ กโรต.ิ ซงึ่ พระพกั ตร์ ให้เป็นต้น ฯ 54 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ. ลงิ ตวั หนงึ่ เหน็ แล้ว ซงึ่ ช้างนนั้ ผ้ลู กุ ขนึ ้ แล้ว อเถโก มกฺกโฏ ตํ หตกฺถโรึ นอฺตฏุํ ฺ€ทายิสวฺ าสม“ฏุ อฺ€หาํปยิ ลกุ ขนึ ้ พร้อมแล้ว กระทำ� อยู่ ซงึ่ อภสิ มาจาริกวตั ร แกพ่ ระตถาคตเจ้า ตถาคตสฺส อภิสมาจาริกํ (คดิ แล้ว) วา่ แม้ อ. เรา จกั กระท�ำ ซงึ่ วตั รบางอยา่ งนน่ั เทียว ดงั นี ้ กิจฺ ิเทว กริสสฺ ามีติ วิจรนฺโต เอกทิวสํ นิมมฺ กฺขิกํ เท่ียวไปอยู่ เหน็ แล้ว ซง่ึ รวงแหง่ ผงึ ้ ที่ทอ่ นไม้ อนั ไมม่ ีตวั ในวนั หนงึ่ ทณฺฑกมธปุ ฏลํ ทิสวฺ า ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา หกั แล้ว ซง่ึ ทอ่ นไม้ นำ� ไปแล้ว ซงึ่ รวงแหง่ ผงึ ้ กบั ด้วยทอ่ นไม้นนั่ เทยี ว ทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธปุ ฏลํ สตฺถุ สนฺตกิ ํ หริตฺวา สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา ตดั แล้ว ซง่ึ ใบแหง่ กล้วย ได้วางถวายแล้ว กทลปิ ตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ตตฺถ €เปตฺวา อทาส.ิ ในท่ีนนั้ ฯ อ. พระศาสดา ทรงรับแล้ว ฯ สตฺถา คณฺหิ. อ. ลงิ แลดอู ยู่ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ. พระศาสดา) จกั ทรงกระทำ� มกฺกโฏ “กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ น กริสสฺ ตีติ (ซง่ึ การบริโภค) หรือหนอแล (หรือวา่ อ. พระศาสดา) จกั ไมท่ รงกระทำ� โอโลเกนฺโต คเหตฺวา นิสนิ ฺนํ ทิสฺวา “กึ นุ โขติ ซง่ึ การบริโภค ดงั นี ้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระศาสดา) ผ้ทู รงรับแล้ว จินฺเตตฺวา ทณฺฑโกฏึ คเหตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ประทบั นง่ั แล้ว คดิ แล้ว วา่ อ. อะไร หนอแล ดงั นี ้ จบั แล้ว อปุ ธาเรนฺโต อณฺฑกานิ ทิสฺวา ตานิ สณิกํ อปเนตฺวา ซง่ึ ปลายแหง่ ทอ่ นไม้ (ยงั ปลายแหง่ ทอ่ นไม้) ให้เป็นไปรอบแล้ว ปนุ อทาส.ิ ใคร่ครวญอยู่ เหน็ แล้ว ซงึ่ ตวั ออ่ น ท. น�ำไปปราศแล้ว ซง่ึ ตวั ออ่ น ท. เหลา่ นนั้ คอ่ ย ๆ ได้ถวายแล้ว อีก ฯ อ. พระศาสดา ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ การบริโภค ฯ สตฺถา ปริโภคมกาส.ิ อ. ลงิ นนั้ ผ้มู ใี จยนิ ดแี ลว้ จบั แลว้ ซงึ่ กง่ิ ไม้ นนั้ ๆ ได้ยนื ฟ้ อนอยแู่ ลว้ ฯ โส ตฏุอฺถ€มสาฺสนคโสหิตตสํ ตาํ ขาปสิาอขกํ ฺกคนเหฺตตสฺาวขาาปนิ จฺจภนิชฺโฺชติ. ครัง้ นนั้ อ. กงิ่ ไม้อนั ลงิ นนั้ จบั แล้วกด็ ี อ. กงิ่ ไม้อนั ลงิ นนั้ เหยยี บแล้ว อฏฺ €าส.ิ ก็ดี หกั แล้ว ฯ อ. ลิงนัน้ ตกไปแล้ว บนที่สุดแห่งตอไม้ แห่งหน่ึง, โส เอกสมฺ ึ ขาณมุ ตถฺ เก ปตติ วฺ า, นพิ พฺ ทิ ธฺ คตโฺ ต ผ้มู ตี วั อนั ตอไม้แทงแล้ว มจี ติ อนั เลอื่ มใสแล้ว นน่ั เทยี ว กระทำ� แล้ว ปสนฺเนเนว จิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตสึ ภวเน ซง่ึ กาละ บงั เกดิ แล้ว ในวมิ านอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง อนั ประกอบแล้ว ตสึ โยชนิเก กนกวมิ าเน นิพฺพตฺติ , อจฺฉราสหสสฺ - ด้วยโยชน์ ๓๐ ในภพชื่อวา่ ดาวดงึ ส์, เป็นผ้มู ีพนั แหง่ นางอปั สร ปริวาโร อโหส.ิ เป็นบริวาร ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ความเป็นคืออนั ประทบั อยู่ แหง่ พระตถาคตเจ้า ผ้อู นั ช้าง ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน ออปุ โหฏฺส€.ิยิ มานสสฺ ตวั ประเสริฐบ�ำรุงอยู่ ในป่ านนั้ เป็นสภาพปรากฏแล้ว ในชมพทู วีป วสนภาโว สกลชมพฺ ทุ ีเป ปากโฏ ทงั้ สนิ ้ ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ตระกลู ใหญ่ ท. มีอยา่ งนีค้ ือ อ.เศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะ สาวตฺถีนครโต “ อนาถปิ ณฺฑิโก วสิ าขา อ. นางวิสาขา ผ้มู หาอบุ าสกิ า เป็นต้น สง่ ไปแล้ว ซงึ่ ขา่ วสาส์น มหาอปุ าสกิ าติ เอวมาทนี ิ มหากลุ านิ อานนทฺ ตเฺ ถรสสฺ แกพ่ ระเถระชอ่ื วา่ อานนท์ จากเมอื งชอ่ื วา่ สาวตั ถี วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ สาสนํ ปหิณสึ ุ “สตฺถารํ โน ภนฺเต ทสฺเสถาต.ิ (อ. ทา่ น ท.) ขอจงแสดงซงึ่ พระศาสดา แก่เรา ท. ดงั นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ แม้ผ้อู ยใู่ นทิศโดยปกติ ทิสาวาสโิ นปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วตุ ฺถวสสฺ า ผ้มู ีกาลฝนอนั อยแู่ ล้ว เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ อานนท์ อานนฺทตฺเถรํ อปุ สงฺกมิตฺวา “จิรสฺสตุ า โน อาวโุ ส อ้อนวอนแล้ว วา่ ดกู ่อนอานนท์ ผ้มู ีอายุ อ. วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อานนฺท ภควโต สมมฺ ขุ า ธมมฺ ีกถา; สาธุ มยํ ซง่ึ ธรรม ในที่พร้อมพระพกั ตร์ ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า อนั เรา ท. อาวโุ ส อานนฺท ลเภยฺยาม ภควโต สมมฺ ขุ า ฟังแล้วสนิ ้ กาลนาน ; ดกู ่อนอานนท์ ผ้มู ีอายุ ดงั เรา ท. ขอโอกาส ธมมฺ ีกถํ สวนายาติ ยาจสึ .ุ อ. เรา ท. พงึ ได้ เพื่ออนั ฟัง ซงึ่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ วซง่ึ ธรรม ในท่ีพร้อมพระพกั ตร์ ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า ดงั นี ้ฯ อ. พระเถระ พาเอา ซง่ึ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว ในท่ีนนั้ เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 55 www.kalyanamitra.org
คดิ แล้ว วา่ อ. อนั (อนั เรา) เข้าไปสสู่ ำ� นกั ของพระตถาคตเจ้า “ เตมาสํ เอกวิหาริโน ตถาคตสสฺ สนฺตกิ ํ เอตฺตเกหิ ผ้ปู ระทบั อยพู่ ระองค์เดียวโดยปกติ ตลอดประชมุ แหง่ เดือนสาม ภิกฺขหู ิ สทฺธึ อปุ สงฺกมิตํุ อยตุ ฺตนฺติ จินฺเตตฺวา กบั ด้วยภิกษุ ท. มีประมาณเทา่ นี ้ ไมค่ วรแล้ว ดงั นี ้ พกั ไว้แล้ว เต ภิกฺขู พหิ €เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ในภายนอก ผ้ผู ้เู ดียวเทียว เข้าไปเฝ้ าแล้ว อปุ สงฺกมิ. ซงึ่ พระศาสดา ฯ อ. ช้างช่ือวา่ ปาริไลยก์ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระอานนท์นนั้ ถือเอาแล้ว ปาริเลยฺยโก ตํ ทิสวฺ า ทณฺฑกํ อาทาย ซง่ึ ทอ่ นไม้ แลน่ ไปแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ทรงแลดแู ล้ว ตรัสแล้ว ปกฺขนฺทิ. สตฺถา โอโลเกตฺวา “อเปหิ ปาริเลยฺยก, วา่ ดกู ่อนปาริไลยก์ อ. เจ้า จงหลกี ไป, อ. เจ้า อยา่ ห้ามแล้ว ; มา นิวารยิ; พทุ ฺธปุ ฏฺ€าโก เอโสติ อาห. อ. ภิกษุนน่ั เป็นผ้บู �ำรุงซง่ึ พระพทุ ธเจ้า (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ อ. ช้างนนั้ ทิง้ แล้ว ซงึ่ ทอ่ นไม้ ในที่นนั้ นนั่ เทียว ถามโดย โส ตตเฺ ถว ทณฑฺ ํ ฉฑเฺ ฑตวฺ า ปตตฺ จวี รปฏคิ คหณํ เอือ้ เฟื อ้ แล้ว ซง่ึ การรับเฉพาะซง่ึ บาตรและจีวร ฯ อ. พระเถระ อาปจุ ฺฉิ. เถโร นาทาส.ิ นาโค “ สเจ ไมไ่ ด้ให้แล้ว ฯ อ. ช้างตวั ประเสริฐ คดิ แล้ว วา่ ถ้าวา่ อคุ ฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสต,ิ สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก (อ. ภิกษุนี)้ เป็นผ้มู ีวตั รอนั เรียนเอาแล้ว จกั เป็นไซร้, (อ. ภิกษุนี)้ อตฺตโน ปริกฺขารํ น €เปสฺสตีติ จินฺเตสิ. จกั ไมว่ าง ซงึ่ บริขาร ของตน บนแผน่ แหง่ หินเป็นท่ีประทบั นงั่ เถโร ปตฺตจีวรํ ภมู ิยํ €เปส.ิ ของพระศาสดา ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ วางแล้ว ซงึ่ บาตรและจวี ร บนภาคพืน้ ฯ จริงอยู่ (อ. ชน ท.) ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยวตั ร ยอ่ มไมว่ าง วตฺตสมปฺ นฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา ซงึ่ บริขาร ของตน บนท่ีเป็นท่ีนง่ั หรือ หรือวา่ บนท่ีเป็นที่นอนของครู อตฺตโน ปริกฺขารํ น €เปนฺต.ิ โส ตํ ทิสฺวา ท. ฯ อ. ช้างนนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ อาการนนั้ เป็นผ้มู ีจิตเลอ่ื มใสแล้ว ปสนฺนจิตฺโต อโหสิ . เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ได้เป็นแล้ว ฯ อ. พระเถระ ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา เอกมนฺตํ นิสที ิ. นงั่ แล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนง่ึ ฯ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนอานนท์ อ. เธอ ผ้ผู ้เู ดียว สตฺถา “อานนฺท เอกโกว อาคโตสีติ ปจุ ฺฉิตฺวา เทียว เป็นผ้มู าแล้ว ยอ่ มเป็นหรือ ดงั นี ้ ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ ความที ปฺจสเตหิ ภิกฺขหู ิ สทฺธึ อาคตภาวํ สตุ ฺวา “กหุ ึ แหง่ พระเถระเป็นผ้มู าแล้ว กบั ด้วยภิกษุ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ปน เตติ วตฺวา, “ตมุ หฺ ากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ ตรัสแล้ว วา่ ก็ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ (ยอ่ มอย)ู่ ในที่ไหน ดงั นี,้ €เปตฺวา อาคโตมหฺ ีติ วตุ ฺเต, “ปกฺโกสาหิ เตติ อาห. (ครัน้ เมอ่ื คำ� ) วา่ อ. ข้าพระองค์ ไมท่ ราบอยู่ ซง่ึ พระทยั ของพระองค์ ท. พกั ไว้แล้ว (ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ในภายนอก เป็นผ้มู าแล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (อนั พระเถระ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ อ. เธอ จงเรียก ซงึ่ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ เถโร ตถา อกาส.ิ เต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ มาแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา นงั่ แล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนง่ึ ฯ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทสึ .ุ อ. พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ ปฏิสนั ถาร กบั ด้วยภิกษุ สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา, เตหิ ภิกฺขหู ิ ท. เหลา่ นนั้ , (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. พระผ้มู ี “ภนฺเต ภควา พทุ ฺธสขุ มุ าโล เจว ขตฺตยิ สขุ มุ าโล จ, พระภาคเจ้า เป็ นพระพุทธเจ้าผู้ละเอียดอ่อนด้วยนั่นเทียว ตมุ เฺ หหิ กเตตํ;มาวสตํ ฺตเอปกฏเิวกตหฺติ กตาฏิ รฺ€โนกปฺเติ หมิ นโุ ขิสทที กนทฺเตายหโิ กปจิ เป็นกษัตริย์ผ้ลู ะเอียดออ่ นด้วย (ยอ่ มเป็น), อ. กรรมอนั บคุ คล ทกุ ฺกรํ กระท�ำได้โดยยาก อนั พระองค์ ท. ผ้พู ระองค์เดียว ผ้ปู ระทบั นาโหสิ มฺเติ วตุ ฺเต, “ภิกฺขเว ปาริเลยฺยกหตฺถินา ยืนอยดู่ ้วย ผ้ปู ระทบั นงั่ อยดู่ ้วย ตลอดประชมุ แหง่ เดือนสาม มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ, เอวรูปํ หิ สหายกํ ทรงกระท�ำแล้ว ; (อ. บคุ คล) ผ้กู ระท�ำซง่ึ วตั รและวตั รตอบก็ดี ลภนฺเตน เอกโต วสติ ํุ ยตุ ฺตํ , อลภนฺตสสฺ ผ้ถู วายซง่ึ น�ำ้ เป็นเครื่องล้างซงึ่ พระพกั ตร์ก็ดี เหน็ จะไมไ่ ด้มีแล้ว เอกจาริกภาโวว เสยฺโยติ วตฺวา อิมา นาควคฺเค ดงั นี ้อนั ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ววา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ตสิ ฺโส คาถาโย อภาสิ อ. กิจทงั้ ปวง ท. ของเรา อนั ช้างช่ือวา่ ปาริไลยก์ กระท�ำแล้ว, จริงอยู่ อ. อนั (อนั บคุ คล) ผ้ไู ด้อยู่ ซงึ่ สหาย ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป อยู่ โดยความเป็นอนั เดียวกนั ควรแล้ว, อ. ความที่ แหง่ บคุ คล ผ้ไู มไ่ ด้อยู่ (ซง่ึ สหาย ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป) เป็นผ้มู ีการเท่ียวไป แหง่ บคุ คลคนเดยี วเป็นปกตเิ ทยี ว เป็นอาการประเสริฐกวา่ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. ๓ ในนาควรรค เหลา่ นี ้ วา่ 56 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ถา้ ว่า (อ. บคุ คล) พึงได้ ซ่ึงสหาย ผูม้ ีปัญญาเป็นเครื่องรกั ษา “สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ ซ่ึงตนโดยไม่เหลือ ผูเ้ ป็นปราชญ์ ผูม้ ีธรรมเป็นเครื่องอยู่ สทฺธึจรํ สาธวุ ิหาริ ธีรํ, อนั ยงั ประโยชน์ใหส้ �ำเร็จ ผูเ้ ทีย่ วไปอยู่กบั (ดว้ ยตนไซร้), อภิภยุ ฺย สพพฺ านิ ปริสสฺ ยานิ (อ. บคุ คลนน้ั ) เป็นผูม้ ีใจเป็นของแห่งตน เป็นผูม้ ีสติ(เป็น) จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา. ครอบง�ำแลว้ ซึ่งอนั ตรายเป็นเครื่องนอนรอบ ท. ทง้ั ปวง โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ พึงเทีย่ วไป (กบั ) ดว้ ยสหายนน้ั ฯ หากว่า (อ. บคุ คล) สทฺธึจรํ สาธวุ ิหาริ ธีรํ, ไมพ่ งึ ได้ ซ่ึงสหาย ผมู้ ีปัญญาเป็นเครือ่ งรกั ษาซึ่งตนโดยไมเ่ หลือ รเอาโชกาวจเรรฏ,ฺ€มํ าวติชิงตฺคํ ปรหาเฺ ย,ว นาโค. ผูเ้ ป็นปราชญ์ ผูม้ ีธรรมเป็นเครื่องอยู่อนั ยงั ประโยชน์ เอกสสฺ จริตํ เสยฺโย , นตฺถิ พาเล สหายตา ; ใหส้ �ำเร็จ ผูเ้ ทีย่ วไปอยู่ กบั (ดว้ ยตนไซร้), อ. บคุ คลนนั้ เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา, เป็นคนเดียว (เป็น) พึงเทีย่ วไป เพียงดงั อ. พระราชา อปโฺ ปสสฺ กุ ฺโก มาตงฺครฺเว นาโคติ. ทรงละแลว้ ซ่ึงแว่นแควน้ อนั อนั พระองค์ทรงชนะวิเศษแลว้ (เสด็จเทีย่ วไปอยู่), เพียงดงั อ.ชา้ งตวั ประเสริฐ ชือ่ ว่ามาตงั คะ (เทีย่ วไปอยู่) ในป่า ฯ อ. การเทีย่ วไป แห่งบคุ คลคนเดียว เป็นกิริยาประเสริฐกว่า (ย่อมเป็น) , (เพราะว่า) อ. คณุ เครื่องความเป็นแห่งสหาย ย่อมไม่มี ในเพราะชนพาล, (อ. บคุ คล) เป็นคนเดียว (เป็น) พึงเทีย่ วไป เพียงดงั อ. ชา้ งตวั ประเสริฐ ชือ่ ว่ามาตงั คะตวั มีความขวนขวายนอ้ ย (เทีย่ วไปอยู่) ในป่าดว้ ย ไม่พึงกระท�ำ ซึ่งบาป ท. ดว้ ย ดงั นี้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ คาถาปริโยสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต แม้มีร้อยห้าเป็นประมาณ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในพระอรหตั ฯ ปตฏิ ฺ€หสึ .ุ อ.พระเถระชื่อวา่ อานนท์ กราบทลู แล้ว ซงึ่ ขา่ วสาส์น อานนฺทตฺเถโร อนาถปิ ณฺฑิกาทีหิ เปสติ ํ สาสนํ อนั (อนั ชน ท.) มีเศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะเป็นต้น สง่ ไปแล้ว อาโรเจตฺวา “ภนฺเต อนาถปิ ณฺฑิกปมขุ า ปฺจ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.โกฏิแหง่ อริยสาวก ท. อริยสาวกโกฏิโย ตมุ หฺ ากํ อาคมนํ ปจฺจาสสึ นฺตีติ ห้า มีเศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะเป็นประมขุ ยอ่ มหวงั เฉพาะ อาห. ซง่ึ การเสดจ็ มาแหง่ พระองค์ ท. ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา (ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. เธอ จงถือเอา สตฺถา “เตนหิ คณฺหาหิ ปตฺตจีวรนฺติ ปตฺตจีวรํ ซง่ึ บาตรและจวี ร ดงั นี ้(ยงั พระเถระ) ให้ถอื เอาแล้ว ซง่ึ บาตรและจวี ร คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. เสดจ็ ออกไปแล้ว ฯ อ. ช้างตวั ประเสริฐ ไปแล้ว ได้ยืนแล้ว ขวาง ในหนทาง ฯ นาโค คนฺตฺวา มคฺเค ตริ ิยํ อภฏนฺ €ฺเตาตส.ิ.ิ อ. ภิกษุ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ ช้างนนั้ ทลู ถามแล้ว ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ภิกฺขู ตํ ทิสวฺ า ภควนฺตํ ปจุ ฺฉึสุ “กึ กโรติ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ. ช้าง) จะกระท�ำ ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. ช้าง) “ตมุ ฺหากํ ภิกฺขเว ภิกฺขํ ทาตํุ ปจฺจาสสึ ต,ิ ยอ่ มหวงั เฉพาะ เพื่ออนั ถวาย ซง่ึ ภิกษา แก่เธอ ท., ก็ อ. ช้างนี ้ ทีฆรตฺตํ โข ปนายํ มยฺหํ อปุ การโก, นาสฺส เป็นผ้กู ระท�ำซง่ึ อปุ การะ แก่เรา (ยอ่ มเป็น) สนิ ้ กาลนานแล, จิตฺตํ โกเปตํุ วฏฺฏต,ิ นิวตฺตถ ภิกฺขเวต.ิ อ.อนั (อนั เรา) ยงั จิต แหง่ ช้างนนั้ ให้ก�ำเริบ ยอ่ มไมค่ วร, ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เธอ ท. จงกลบั ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา ทรงพาเอา ซง่ึ ภิกษุ ท. เสดจ็ กลบั แล้ว, สตฺถา ภิกฺขู คเหตฺวา นิวตฺต.ิ หตฺถีปิ วนสณฺฑํ แม้ อ. ช้าง เข้าไปแล้ว สชู่ ฏั แหง่ ป่ า ปวิสติ ฺวา ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 57 www.kalyanamitra.org
รวบรวมแล้วซงึ่ ผลไม้ตา่ งๆท.มีผลแหง่ ขนนุ และกล้วยเป็นต้น ปนสกทลผิ ลาทีนิ นานาผลานิ สหํ ริตฺวา ราสึ กระท�ำแล้ว ให้เป็นกอง ได้ถวายแล้ว แก่ภิกษุ ท. ในวนั รุ่งขนึ ้ ฯ กตฺวา ปนุ ทิวเส ภิกฺขนู ํ อทาส.ิ อ. ภิกษุ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั ปจฺ สตา ภิกฺขู สพฺพานิ เขเปตํุ นาสกฺขสึ .ุ ยงั ผลไม้ ท. ทงั้ ปวง ให้สนิ ้ ไป ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงรอบแหง่ กิจด้วยภตั ร อ. พระศาสดา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ทรงถือเอาแล้ว ซง่ึ บาตรและจีวร เสดจ็ ออกไปแล้ว ฯ นิกฺขมิ. อ. ช้างตวั ประเสริฐ ไปแล้ว โดยระหวา่ งและระหวา่ ง แหง่ ภิกษุ นาโค ภิกฺขนู ํ อนฺตรนฺตเรน คนฺตฺวา สตฺถุ ปรุ โต ท. ได้ยืนแล้ว ขวาง ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา ฯ ตริ ิยํ ภอิกฏฺขฺ€ู าสต.ิ ํ อ. ภิกษุ ท. เหน็ แล้ว ซง่ึ ช้างนนั้ ทลู ถามแล้ว ซงึ่ พระผ้มู ี ทิสวฺ า ภควนฺตํ ปจุ ฺฉึสุ “กึ กโรติ พระภาคเจ้า วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ช้าง จะกระท�ำ ซงึ่ อะไร ภนฺเตต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. ช้าง นี ้ “อยํ ภิกฺขเว ตมุ เฺ ห เปเสตฺวา มํ นิวตฺเตตีติ. สง่ ไปแล้ว ซง่ึ เธอ ท. ยงั เรา จะให้กลบั ดงั นี ้ฯ (อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “เอวํ ภนฺเตต.ิ อ. อยา่ งนนั้ หรือ ดงั นี ้ ฯ ((อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ. อยา่ งนนั้ ) “อาม ภิกฺขเวต.ิ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว กะช้างนนั้ วา่ ดกู ่อนปาริไลยก์ อถ นํ สตฺถา “ปาริเลยฺยก อิทํ มม อนิวตฺตคมนํ, อ. การไปนีเ้ป็นการไปไมก่ ลบั แล้ว แหง่ เรา (ยอ่ มเป็น), อ. ฌานหรือ ตว อิมินา อตฺตภาเวน ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา หรือวา่ อ. วิปัสสนา หรือวา่ อ. มรรคและผล ยอ่ มไมม่ ี แก่เจ้า มคฺคผลํ วา นตฺถิ, ตฏิ ฺ€ ตฺวนฺติ อาห. ด้วยอตั ภาพนี,้ อ. เจ้า จงหยดุ เถิด ดงั นี ้ฯ อ. ช้างตวั ประเสริฐ ฟังแล้ว ซง่ึ พระด�ำรัสนนั้ ใสเ่ ข้าแล้ว ตํ สตุ ฺวา นาโค มเุ ข โสณฺฑํ ปกฺขิปิ ตฺวา ซงึ่ งวง ในปาก ร้องไห้อยู่ ได้ไปแล้ว ข้างหลงั ๆ ฯ ก็ อ. ช้าง โรทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาส.ิ โส หิ ตวั ประเสริฐนนั้ เมื่อได้ เพื่ออนั ยงั พระศาสดาให้เสดจ็ กลบั สตฺถารํ นิวตฺเตตํุ ลภนฺโต เตเนว นิยาเมน ยาวชีวํ พงึ ปฏิบตั ิ โดยท�ำนองนนั้ นนั่ เทียว ก�ำหนดเพียงไรแหง่ ชีวิต ฯ ปฏิชคฺเคยฺย. สว่ นวา่ อ. พระศาสดา เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ อปุ จารแหง่ บ้าน นนั้ สตฺถา ปน ตํ คามปู จารํ ปตฺวา “ปาริเลยฺยก ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนปาริไลยก์ (อ. ภาคพืน้ นี)้ เป็นที่มิใชภ่ าคพืน้ อิโต ปตฏฺวฺ €นาฺตยิ ตว อภมู ิ, มนสุ ฺสาวาโส สปริปนฺโถ, ของเจ้า (ยอ่ มเป็น) จ�ำเดมิ แตท่ ี่นี,้ อ. ประเทศเป็นท่ีอยอู่ าศยั ตฏิ ฺ€ อาห. แหง่ มนษุ ย์ เป็นประเทศเป็นไปกบั ด้วยอนั ตรายเป็นเคร่ือง- เบียดเบียนรอบ (ยอ่ มเป็น), อ. เจ้า จงหยดุ ดงั นี ้ ฯ อ.ช้างนนั้ ยืนร้องไห้อยแู่ ล้ว ในที่นนั้ ครัน้ เมื่อพระศาสดา โส โรทมาโน ตตฺถ €ตฺวา, สตฺถริ จกฺขปุ ถํ ทรงละอยู่ ซงึ่ คลองแหง่ จกั ษุ, มีหทยั อนั แตกแล้ว กระท�ำแล้ว วชิ หนฺเต, หทเยน ผลเิ ตน กาลํ กตฺวา สตฺถริ ซง่ึ กาละ บงั เกิดแล้ว ในทา่ มกลางแหง่ พนั แหง่ นางอปั สร ในวมิ าน ปสาเทน ตาวตสึ ภวเน ตสึ โยชนิเก กนกวิมาเน อนั เป็นวิการแหง่ ทอง อนั ประกอบแล้วด้วยโยชน์ ๓๐ ในภพชื่อวา่ อจฺฉราสหสสฺ มชฺเฌ นิพฺพตฺต.ิ ดาวดงึ ส์ เพราะความเลอื่ มใส ในพระศาสดา ฯ (อ.ค�ำ) วา่ อ. เทพบตุ รช่ือวา่ ปาริไลยก์ ดงั นีน้ นั่ เทียว เป็นชื่อ “ปาริเลยฺยกเทวปตุ ฺโตเตฺววสฺส นามํ อโหส.ิ ของเทพบตุ รนนั้ ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ. พระศาสดา ได้เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ พระเชตวนั ตามลำ� ดบั ฯ สตฺถาปิ อนปุ พุ ฺเพน เชตวนํ อคมาส.ิ อ. ภิกษุ ท. ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ โกสมั พี ฟังแล้ว วา่ ได้ยินวา่ โกสมพฺ ิกา ภิกฺขู “สตฺถา กิร สาวตฺถึ อาคโตติ อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ สาวตั ถี ดงั นี ้ ได้ไปแล้ว สตุ ฺวา สตฺถารํ ขมาเปตํุ ตตฺถ อคมํส.ุ ในที่นนั้ เพื่ออนั ยงั พระศาสดาให้ทรงอดโทษ ฯ อ. พระราชาพระนามวา่ โกศล ทรงสดบั แล้ว วา่ ได้ยินวา่ โกสลราชา “เต กิร โกสมพฺ ิกา ภณฺฑนการกา อ. ภิกษุ ท. ผ้กู ระท�ำซง่ึ ความแตกร้าว ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ โกสมั พี ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตีติ สตุ ฺวา สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา เหลา่ นนั้ มาอยู่ ดงั นี ้ เสดจ็ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดา ตรัสแล้ว “อหํ ภนฺเต เตสํ มม วิชิตํ ปวสิ ติ ํุ น ทสสฺ ามีติ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. หมอ่ มฉนั จกั ไมใ่ ห้ เพ่ืออนั เข้าไป อาห. สแู่ วน่ แคว้น ของหมอ่ มฉนั แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ 58 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ. ภิกษุ ท. “มหาราช สีลวนฺตา เต ภิกฺข,ู เกวลํ เหลา่ นนั้ มีศีล, ไมถ่ ือเอาแล้ว ซงึ่ ค�ำ ของอาตมภาพ อฺ มฺํ ววิ าเทน มม วจนํ น คณฺหสึ ;ุ อิทานิ เพราะความววิ าท ซง่ึ กนั และกนั อยา่ งเดียว ; ยอ่ มมา เพื่ออนั มํ ขมาเปตํุ อาคจฺฉนฺต:ิ อาคจฺฉนฺตุ มหาราชาต.ิ ยงั อาตมภาพให้อดโทษ ในกาลนี ้ : ดกู ่อนมหาบพิตร อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ จงมา ดงั นี ้ฯ แม้ อ. เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแต่ อนาถปิณฑฺ โิ กปิ “ภนเฺ ต อหํ เตสํ วหิ ารํ ปวสิ ติ ํุ พระองค์ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ จกั ไมใ่ ห้ เพื่ออนั เข้าไป สวู่ หิ าร น ทสฺสามีติ วตฺวา ตเถว ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต แกภ่ กิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ผ้อู นั พระผ้มู พี ระภาคเจ้าทรงคดั ค้านแล้ว ตณุ ฺหี อโหส.ิ อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว เป็นผ้นู ิ่ง ได้เป็นแล้ว ฯ ก็ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว สาวตถฺ ยิ ํ อนปุ ปฺ ตตฺ านํ ปน เตสํ ภควา เอกมนเฺ ต (ซง่ึ ท่ี) อนั สงดั แล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนงึ่ (ทรงยงั บคุ คล) ให้ถวายแล้ว ววิ ิตฺตํ การาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปส.ิ ซง่ึ เสนาสนะ แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ผ้ถู งึ โดยลำ� ดบั แล้ว ซงึ่ เมือง ช่ือวา่ สาวตั ถี ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ อื่น ยอ่ มไมน่ งั่ นน่ั เทียว ยอ่ มไมย่ ืน โดยความ อเฺ ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ เนว เอกโต นิสีทนฺติ เป็นอนั เดียวกนั กบั ด้วยภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ฯ น ตอฏิ าฺ€คนตฺตา.ิ คตา สตฺถารํ ปจุ ฺฉนฺติ “กตเม เต ภนฺเต อ. ชน ท. ผ้มู าแล้วและมาแล้ว ยอ่ มทลู ถาม ซง่ึ พระศาสดา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ภิกษุ ท. ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ โกสมั พี ภณฺฑนการกา โกสมพฺ ิกา ภิกฺขตู .ิ ผ้กู ระท�ำซง่ึ ความแตกร้าว เหลา่ นนั้ เหลา่ ไหน ? ดงั นี ้ฯ อ. พระศาสดา ทรงแสดงอยู่ วา่ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ สตฺถา “เอเตติ ทสเฺ สต.ิ อ. ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ (ผ้อู นั ชน ท.) ผ้มู าแล้วและมาแล้ว แสดงอยู่ เต “เอเต กิร เต, เอเต กิร เตติ อาคตาคเตหิ ด้วยนิว้ มือ วา่ ได้ยินวา่ (อ. ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ เหลา่ นน่ั (เป็นภิกษุ องฺคลุ ยิ า ทสฺสยิ มานา ลชฺชาย สสี ํ อกุ ฺขิปิ ตํุ ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ โกสมั พี) (ยอ่ มเป็น), ได้ยินวา่ (อ. ภิกษุ ท.) อสกฺโกนฺตา ภควโต ปาทมเู ล นิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ เหลา่ นนั้ เหลา่ นน่ั (เป็นภิกษุผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ โกสมั พี) (ยอ่ มเป็น) ขมาเปส.ํุ ดงั นี ้ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั ยกขนึ ้ ซงึ่ ศีรษะ เพราะความละอาย หมอบลงแล้ว ณ ท่ีใกล้แหง่ พระบาท ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า ยงั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ให้ทรงอดโทษแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. กรรมอนั หนกั สตฺถา “ภาริยํ โว ภิกฺขเว กตํ; ตมุ เฺ ห นาม อนั เธอ ท. กระท�ำแล้ว ; ช่ือ อ. เธอ ท. แม้บวชแล้ว ในส�ำนกั มาทิสสฺส พทุ ฺธสฺส สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวาปิ , มยิ สามคฺคึ ของพระพทุ ธเจ้า ผ้เู ชน่ กบั ด้วยเรา, ครัน้ เม่ือเรา กระท�ำอยู่ กโรนฺเต, มม วจนํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ซง่ึ ความสามคั คี, ไมก่ ระท�ำแล้ว ซง่ึ ค�ำ ของเรา, แม้ อ. บณั ฑิต วชฺฌปปฺ ตฺตานํ มาตาปิ ตนู ํ โอวาทํ สตุ ฺวา, เตสุ ผ้มู ีในก่อน ท. ฟังแล้ว ซงึ่ โอวาท ของมารดาและบดิ า ท. ผ้ถู งึ แล้ว ชีวิตา โวโรปิ ยมาเนสปุ ิ , ตํ อนตกิ ฺกมิตฺวา ปจฺฉา ซง่ึ ความเป็นผ้อู นั บคุ คลพงึ ฆา่ , ครัน้ เมอ่ื มารดาและบดิ า ท. เหลา่ นนั้ ทกมฺุวีสารุ ชราฏตฺเก€สํ ุ รชฺชํ การยสึ ตู ิ วตฺวา ปนุ เทว ทีฆาว-ุ (อนั ชน ท.) แม้ปลงลงอยู่ จากชีวติ , ไมก่ ้าวลว่ งแล้ว ซง่ึ โอวาทนนั้ กเถตฺวา “เอวํ ภิกฺขเว ทีฆาวกุ มุ าโร (ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� แลว้ ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา ในแวน่ แคว้น ท. ๒ มาตาปิ ตสู ุ ชีวิตา โวโรปิ ยมาเนสปุ ิ , เตสํ โอวาทํ ในภายหลงั ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ ทีฆาวกุ มุ ารชาดก อีกนน่ั เทียว อนตกิ ฺกมิตฺวา ปจฺฉา พฺรหฺมทตฺตสฺส ธีตรํ ลภิตฺวา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. พระกมุ ารพระนามวา่ ทีฆาวุ ทฺวีสุ กอากสโรโิ กนสฺเตลหริฏฺภเ€าสรุิยรํ ชกฺชตํ กนาฺตเริ สว,ิ ตตฺวามุ เฺอหิมหํ ิ ปน มม ครัน้ เมื่อพระมารดาและพระบดิ า ท. (อนั ชน ท) แม้ปลงลงอยู่ วจนํ คาถมาห จากพระชนม์ชีพ อยา่ งนี,้ ไมท่ รงก้าวลว่ งแล้ว ซงึ่ พระโอวาท ของพระมารดาและพระบดิ า ท. เหลา่ นนั้ ทรงได้แล้ว ซง่ึ พระธิดา ของพระเจ้าพรหมทตั ในภายหลงั ทรงยงั บคุ คลให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา ในแวน่ แคว้นช่ือวา่ กาสีและแวน่ แคว้น ชอื่ วา่ โกศล ท. ๒, สว่ นวา่ อ. กรรม อนั หนกั อนั เธอ ท. ผ้ไู มก่ ระทำ� อยู่ ซงึ่ ค�ำ ของเรา กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 59 www.kalyanamitra.org
ก็ อ.ชน ท. เหล่าอืน่ ย่อมไม่รู้แจ้ง ว่า อ.เรา ท. ย่อมย่อยยบั สิ “ปเร จ น วิชานนตฺ ิ `มยเมตฺถ ยมาม เส; ในท่ามกลางแห่งสงฆ์นี้ (ดงั นี)้ , ส่วนว่า อ.ชน ท. เหล่าใด เย จ ตตฺถ วิชานนตฺ ิ, ตโต สมฺมนตฺ ิ เมธคาติ. ในหมู่นนั้ ย่อมรู้แจ้ง , อ. ความหมายมนั่ ท. ย่อมสงบ (จากส�ำนกั ของชน ท. เหล่านน้ั ) นน้ั ดงั นี้ ฯ (อ. อรรถ) วา่ อ. ชน ท. ผ้กู ระท�ำซงึ่ ความแตกร้าว เว้น ตตฺถ “ปเรต:ิ ปณฺฑิเต €เปตฺวา ตโต อเฺ ซงึ่ บณั ฑิต ท. คือวา่ เหลา่ อ่ืน จากบณั ฑิตนนั้ ช่ือวา่ เหลา่ อื่น ฯ ภณฺฑนการกา ปเร นาม. (อ. ชน ท. เหลา่ อ่ืน) เหลา่ นนั้ กระท�ำอยู่ ซง่ึ ความโกลาหล เต ตตฺถ สงฺฆมชฺเฌ โกลาหลํ กโรนฺตา “มยํ ในทา่ มกลางแหง่ สงฆ์นนั้ ชื่อวา่ ยอ่ มไมร่ ู้แจ้ง วา่ อ. เรา ท. ยมาม เส อปุ รมาม นสฺสาม สสตํ สมีปํ มจฺจสุ นฺตกิ ํ ยอ่ มยอ่ ยยบั สิ คือวา่ ยอ่ มบน่ ปี ้ คือวา่ ยอ่ มฉิบหาย คือวา่ คจฺฉามาติ น วชิ านนฺต.ิ ยอ่ มไป สทู่ ี่ใกล้ คือวา่ สสู่ ำ� นกั ของมจั จุ เนือง ๆ ดงั นี ้(ดงั นี)้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ปเร ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ. อรรถ) วา่ อ. ชน ท. เหลา่ ใด ผ้เู ป็นบณั ฑิต ในหมนู่ นั้ เย จ ตตถฺ วชิ านนฺตตี ;ิ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ยอ่ มรู้แจ้ง วา่ อ. เรา ท. ยอ่ มไป สทู่ ่ีใกล้แหง่ มจั จุ ดงั นี ้ (ดงั นี)้ “มยํ มจฺจสุ มีปํ คจฺฉามาติ วิชานนฺต.ิ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ เย จ ตตถฺ วชิ านนฺติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ รู้อยู่ อยา่ งนี ้แล ยงั การกระท�ำ ตโต สมมฺ นตฺ ิ เมธคาต:ิ เอวํ หิ เต ชานนตฺ า ไว้ในใจโดยแยบคาย ให้เกิดขนึ ้ แล้ว ปฏิบตั อิ ยู่ เพ่ือความเข้าไป โยนิโสมนสกิ ารํ อปุ ปฺ าเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ สงบวเิ ศษ แหง่ ความหมายมน่ั ท. คือวา่ แหง่ ความทะเลาะ ท., วปู สมาย ปฏิปชฺชนฺต,ิ อถ เตสํ ตาย ปฏิปตฺตยิ า ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ. ความหมายมนั่ ท. เหลา่ นนั้ เต เมธคา สมมฺ นฺต.ิ ช่ือวา่ ยอ่ มสงบ เพราะการปฏิบตั นิ นั้ แหง่ บณั ฑิต ท. เหลา่ นนั้ (ดงั นี)้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ตโต สมมฺ นฺติ เมธคา ดงั นี ้ฯ อีกอยา่ งหนงึ่ อ. อธิบาย ในพระคาถานี ้ นีว้ า่ (อ. อรรถ) วา่ อถวา “ปเร จาต:ิ ปพุ ฺเพ มยา “มา ภิกฺขเว (อ. ชน ท.) แม้ผ้อู นั เรากลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ ท.) มีค�ำ วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ภณฑฺ นนตฺ อิ าทนี ิ วตวฺ า โอวทยิ มานาปิ มม โอวาทสสฺ (อ. เธอ ท. อยา่ ได้กระท�ำแล้ว) ซงึ่ ความแตกร้าว ดงั นีเ้ป็นต้น อปฏิคฺคหเณน อมามกา ปเร นาม “มยํ ฉนฺทาทิวเสน กลา่ วสอนอยู่ ในกาลก่อน ช่ือวา่ ผ้ไู มเ่ ช่ือถือ เพราะอนั ไมร่ ับเอา มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ สงฺฆมชฺเฌ ยมามเส ซง่ึ โอวาท ของเรา ช่ือวา่ เหลา่ อ่ืน, (อ. ชน ท. เหลา่ อื่น เหลา่ นนั้ ) ภณฺฑนาทีนํ วฑุ ฺฒิยา วายมามาติ น วิชานนฺติ. ยอ่ มไมร่ ู้แจ้งวา่ อ.เรา ท. ถอื เอาแล้ว ถอื เอาผดิ ด้วยอำ� นาจแหง่ อคติ มฉี นั ทะเป็นต้น ยอ่ มยอ่ ยยบั สิ คอื วา่ ยอ่ มพยายาม เพอ่ื ความเจริญ (แหง่ เหตุ ท.) มีความแตกร้าวเป็นต้น ในทา่ มกลางแหง่ สงฆ์นี ้ ดงั นี ้ฯ แตว่ า่ ในกาลนี ้ อ.บรุ ุษผ้เู ป็นบณั ฑิต ท. เหลา่ ใด ในระหวา่ ง อิทานิ ปน โยนิโส ปจฺจเวกฺขมานา ตตฺถ แหง่ เธอ ท. นนั้ พจิ ารณาอยู่ โดยแยบคาย ยอ่ มรู้แจ้ง วา่ ในกาลกอ่ น ตมุ หฺ ากํ อนฺตเร เย ปณฺฑิตปรุ ิสา “ปพุ ฺเพ มยํ อ.เรา ท. พยายามอยู่ ด้วยอ�ำนาจแหง่ อคตมิ ีฉนั ทะเป็นต้น ฉนฺทาทิวเสน วายมนฺตา อโยนิโส ปฏิปนฺนาติ เป็นผ้ปู ฏิบตั แิ ล้ว โดยไมแ่ ยบคาย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ในกาลนี ้ วิชานนฺต,ิ ตโต เตสํ สนฺตกิ า เต ปณฺฑิตปรุ ิเส อ.ความหมายมนั่ ท. อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ ความทะเลาะ นิสฺสาย อิเมทานิ กลหสงฺขาตา เมธคา สมมฺ นฺตีติ เหลา่ นี ้ ยอ่ มสงบ จากส�ำนกั ของบณั ฑิต ท. เหลา่ นนั้ นนั้ คือวา่ อยเมตฺถ อตฺโถต.ิ เพราะอาศยั ซงึ่ บรุ ุษผ้เู ป็นบณั ฑิต ท. เหลา่ นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปเร จ ดงั นเี ้ป็นต้น (ดงั น)ี ้ (อนั บณั ฑติ พงึ ทราบ) ด้วยประการฉะนี ้ฯ ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. ภกิ ษผุ ้ถู งึ พร้อมแล้ว ท. คาถาปริโยสาเน สมปฺ ตฺตภิกฺขู โสตาปตฺตผิ ลาทีสุ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว (ในอริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ ปตฏิ ฺ€หสึ ตู .ิ อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้อยู่ในเมืองช่ือว่าโกสัมพี โกสมพฺ กิ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 60 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๖. อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุช่ือว่าจุลกาลและภกิ ษุช่ือว่ามหากาล ๖. จุลฺลกาลมหากาลวตถฺ ุ. (๖) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เม่ือเสดจ็ เข้าไปอาศยั ซง่ึ เมืองช่ือวา่ เสตพั ยะ “สภุ านุปสสฺ ึ วหิ รนตฺ นตฺ ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า ประทบั อยู่ ในป่ าแหง่ ไม้สีเสยี ด ทรงปรารภ ซงึ่ ภิกษุช่ือวา่ จลุ กาล เสตพฺยนครํ อปุ นิสฺสาย สสี ปาวเน วหิ รนฺโต จลุ ฺลกาล และภิกษุชื่อวา่ มหากาล ท. ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ มหากาเล อารพฺภ กเถส.ิ สุภานุปสฺสึ วหิ รนฺตํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ. จลุดกงั จาละกดล้วาย่ วโดอย.มพชัิสฌดาิมรกอา.ลกดฎุ้วมุยพีอท..มผห้เู ปา็นกพาลี่นด้อ้วงยชาเยปก็นนั ผ้อู๓ยคใู่ นือ เสตพฺยนครวาสโิ น หิ “จลุ ลฺ กาโล มชฺฌิมกาโล เมืองชื่อวา่ เสตพั ยะโดยปกติ (ได้เป็นแล้ว) ฯ มหากาโล จาติ ตโย ภาตโร กฏุ มุ พฺ ิกา. ผ้นู ้อยในทก่ีสฎุ ดุ มุ ทพ.ี ท. ๓ เหลา่ นนั้ หนา อ. พช่ี ายผ้เู จริญทส่ี ดุ และน้องชาย เตสุ เชภฏณฺ€กฺฑนํ ิฏอฺ€าาหรนทฺติส.ิ าสมุ ชฺฌวจิ ิมรกิตาฺวโาล ปจฺ หิ เที่ยวไปแล้ว ในทิศ ท. ยอ่ มน�ำมา ซง่ึ สง่ิ ของ สกฏสเตหิ อาภตํ ด้วยร้อยแหง่ เกวียน ท. ๕ ฯ เหลา่ อน.นั้ กนฎุ �ำมุมพาแีชล่ือ้ววา่ ฯมชั ฌิมกาล วิกฺกีณาต.ิ ยอ่ มขาย (ซงึ่ สงิ่ ของ) อนั อนั ชน ท. ครัง้ นนั้ ในสมยั หนงึ่ อ. พ่ีน้องชาย ท. แม้ทงั้ สอง เหลา่ นนั้ อเถกสมฺ ึ สมเย เต อโุ ภปิ ภาตโร ปจฺ หิ ถือเอา ซงึ่ สงิ่ ของตา่ ง ๆ ด้วยร้อยแหง่ เกวียน ท. ๕ ไปแล้ว สเู่ มือง สกฏสเตหิ นานาภณฺฑํ คเหตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ช่ือวา่ สาวตั ถี แก้แล้ว ซงึ่ เกวียน ท. ในระหวา่ ง แหง่ เมืองชื่อวา่ สาวตฺถิยา จ เชตวนสสฺ จ อนฺตเร สกฏานิ โมจยสึ .ุ สาวตั ถีด้วย แหง่ พระเชตวนั ด้วย ฯ ซง่ึ อรใิยนสกาฎุ วมุ กพี ท. ๒ เหผ้ลอู าย่ นใู่ นนั้ เหมนือางชอื่อ. วกา่ฎุ สมุ าพวีตัชถอื่ ีโวดา่ ยมปหกากตาิ ล เหน็ แล้ว เตสุ มหากาโล สายณหฺ สมเย มาลาคนธฺ าทหิ ตเฺ ถ ท. ผ้มู ีวตั ถุ สาวตฺถีวาสโิ น อริยสาวเก ธมมฺ สฺสวนาย คจฺฉนฺเต มีระเบียบและของหอมเป็นต้นในมือ ผ้ไู ปอยู่ เพื่ออนั ฟังซง่ึ ธรรม ทิสวฺ า “กหุ ึ อิเม คจฺฉนฺตีติ ปจุ ฺฉิตฺวา ตมตฺถํ ในสมยั เป็นที่สนิ ้ ไปแหง่ วนั ถามแล้ว วา่ อ. ชน ท. เหลา่ นี ้ จะไป สตุ ฺวา “อหํปิ คมิสสฺ ามีติ จินฺเตตฺวา กอนหิฏํปฺ€ิ ํ ในที่ไหน ดงั นี ้ ฟังแล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ คดิ แล้ว วา่ แม้ อ. เรา อามนฺเตตฺวา “ตาต สกเฏสุ อปปฺ มตฺโต โหหิ, จกั ไป ดงั นี ้ เรียกมาแล้ว ซง่ึ น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ กลา่ วแล้ว วา่ ธมมฺ ํ โสตํุ คมิสสฺ ามีติ วตฺวา คนฺตฺวา ตถาคตํ แนะ่ พอ่ อ. เจ้า เป็นผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว ในเกวียน ท. จงเป็น, แม้ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. อ.เรา จกั ไป เพื่ออนั ฟัง ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ ไปแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระตถาคตเจ้า นง่ั แล้ว ในท่ีสดุ รอบแหง่ บริษัท ฯ ในวนั นนั้ อ. พระศาสดา เมื่อตรัส ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว สตฺถา ตํทิวสํ ตสสฺ อชฺฌาสเยน อนปุ พุ ฺพีกถํ โซดง่ึ ยกลารำ� กดรบั ะทต�ำาตม่�ำอดธั้วยยาศซยั งึ่ คแวหาง่มกเศฎุ รมุ ้าพหีนมนั้องตพรรัส้อแมลด้ว้วย ซง่ึ โทษด้วย กเถนฺโต ทกุ ฺขกฺขนฺธสตุ ฺตาทิวเสน อเนกปริยาเยน แหง่ กาม ท. กามานํ อาทีนวํ โอการํ สงฺกิเลสฺจ กเถส.ิ โดยปริยายมใิ ชห่ นงึ่ ด้วยอำ� นาจแหง่ สตู รมที กุ ขกั ขนั ธสตู ร เป็นต้น ฯ วา่ ไดอ้ย. นิ กวาฎุ่ มุ (อพนัีชบื่อคุวคา่ มล)หาลกะาแลล้ว ฟังแล้ว ซง่ึ พระด�ำรัสนนั้ คดิ แล้ว ตํ สตุ ฺวา มหากาโล “ สพฺพํ กิร ปหาย ซงึ่ วตั ถทุ งั้ ปวง พงึ ไป, อ. โภคะ ท. คนฺตพฺพํ, ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ เนว โภคา น าตโย ยอ่ มไมไ่ ปตามนนั่ เทียว อ. ญาติ ท. ยอ่ มไมไ่ ปตาม (ซง่ึ บคุ คล) อนคุ จฉฺ นตฺ ,ิ กึ เม ฆราวาเสน, ปพพฺ ชสิ สฺ ามตี ิ จนิ เฺ ตตวฺ า, ผ้ไู ปอยู่ สโู่ ลกอ่ืน, อ. ประโยชน์อะไร ของเรา ด้วยการอยคู่ รอง มหาชเน วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเต, สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ซง่ึ เรือน, อ. เรา จกั บวช ดงั นี,้ ครัน้ เมื่อมหาชน ถวายบงั คมแล้ว ยาจิตฺวา, สตฺถารา “นตฺถิ เต โกจิ อปโลเกตพฺโพติ หลกี ไปแล้ว, ทลู ขอแล้ว ซงึ่ การบวช กะพระศาสดา, (ครัน้ เมื่อ อวตุปฺเโตล,เก“หกิ นนิฏฺนโ€ฺติ เม อตฺถิ ภนฺเตติ วตฺวา, “เตนหิ พระด�ำรัส) วา่ อ. ใคร ๆ ผ้อู นั ทา่ นพงึ อ�ำลา ยอ่ มไมม่ ีหรือ ดงั นี ้ วตุ ฺเต, “สาธุ ภนฺเตติ อาคนฺตฺวา อนั พระศาสดา ตรัสแล้ว, กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. น้องชายผ้นู ้อยที่สดุ ของข้าพระองค์ มีอยู่ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือ พระด�ำรัส) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. ทา่ น จงอ�ำลา ซงึ่ น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ นนั้ ดงั นี ้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว , (รับพร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ดีละ ดงั นี ้มาแล้ว ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 61 www.kalyanamitra.org
ได้กลา่ วแล้ว ซงึ่ ค�ำนนั่ กะน้องชายผ้นู ้อยที่สดุ วา่ แนะ่ พอ่ อ. เจ้า ปกฏนิปิฏชฺ€ฺชํ าตเอ.ิ ตทโวจ “ตาต อิมํ สพฺพํ สาปเตยฺยํ จงครอบครอง ซงึ่ สมบตั ิ นี ้ทงั้ ปวง ดงั นี ้ฯ (อ.น้องชายผ้นู ้อยทส่ี ดุ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ี่ ก็ อ. ทา่ น ท. “ตมุ ฺเห ปน ภาตกิ าต.ิ เลา่ ? ดงั นี ้ฯ ของพ(อระ. ศกาฎุ สมุ ดพาีนนัด้ งั กนลี ้ า่ ฯวแล้ว) วา่ อ. เรา จกั บวช ในสำ� นกั “อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามีต.ิ อ. น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ นนั้ เดอพ้อีล่ือนะอวนั,อนอ(ยแ. งลัทก้วา่ ฎุนมุ ทพ.ซี)ง่ึ ใกจหฎุง้กกมุ ลรพะบั ีนทไนดั�ำ้ ้ โส ตํ นานปปฺ กาเรหิ ยาจิตฺวา นิวตฺเตตํุ โดยประการตา่ ง ๆ ท. ไมอ่ าจอยู่ อสกฺโกนฺโต “สาธุ สามิ ยถาชฺฌาสยํ กโรถาติ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย อ. อาห. ตามอธั ยาศยั ดงั นี ้ ฯ อ. มหากาล ไปแล้ว บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา ฯ มหากาโล คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิ. แม้ อ. จลุ กาล บวชแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. เรา พาเอาแล้ว “ อหํ ภาติกํ คเหตฺวาว อปุ ปฺ พฺพชิสฺสามีติ ซง่ึ พี่ชายเทียว จกั สกึ ดงั นี ้ ฯ จลุ ฺลกาโลปิ ปพฺพชิ. ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก อ. มหากาล ได้แล้ว ซงึ่ การอปุ สมบท อปรภาเค มหากาโล อปุ สมปฺ ทํ ลภิตฺวา เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ทลู ถามแล้ว ซงึ่ ธรุ ะ ท. ในศาสนา, สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา สาสเน ธรุ านิ ปจุ ฺฉิตฺวา, ครัน้ เม่ือธรุ ะ ท. สอง อนั พระศาสดา ตรัสแล้ว (กราบทลู แล้ว) สตฺถารา ทฺวีสุ ธเุ รสุ กถิเตสุ , “อหํ ภนฺเต วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. ข้าพระองค์ จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตตฺตา คนฺถธรุ ํ ปเู รตํุ ยงั คนั ถธรุ ะให้เตม็ เพราะความที่แหง่ ข้าพระองค์เป็นผ้บู วชแล้ว น สกฺขิสสฺ ามิ, วปิ สสฺ นาธรุ ํ ปน ปเู รสฺสามีติ ยาว ในกาลแหง่ ตนเป็นคนแก่, แตว่ า่ อ. ข้าพระองค์ ยงั วปิ ัสสนาธรุ ะ อรหตตฺ า โสสานกิ ธตุ งคฺ ํ กถาเปตวฺ า, ป€มยามาตกิ กฺ เม จกั ให้เตม็ ดงั นี ้ (ยงั พระศาสดา) ให้ตรัสบอกแล้ว ซงึ่ ธดุ งค์ สพฺเพสุ นิทฺทํ โอกฺกนฺเตส,ุ สสุ านํ คนฺตฺวา แหง่ ภิกษุผ้มู ีอนั อยใู่ นป่ าช้าเป็นปกติ เพียงใด แตพ่ ระอรหตั , ปจฺจสู กาเล สพฺเพสุ อนฏุ ฺ€ิเตสเุ ยว, วิหารํ อาคจฺฉต.ิ ครนั้ เมอ่ื ชน ท. ทงั้ ปวง ก้าวลงแล้ว สคู่ วามหลบั ในกาลเป็นทกี่ ้าวลว่ ง ซงึ่ ยามท่ีหนงึ่ , ไปแล้ว สปู่ ่ าช้า ครัน้ เม่ือชน ท. ทงั้ ปวง ไม่ลุกขึน้ แล้วน่ันเทียว ในกาลอันขจัดเฉพาะซ่ึงความมืดมัว, ยอ่ มมา สวู่ ิหาร ฯ ครัง้ นนั้ (อ.หญิง) ผ้เู ผาซงึ่ ซากศพ คนหนงึ่ ช่ือวา่ กาลี ผ้เู ฝ้ า อเถกา สสุ านโคปิ กา กาลี นาม ฉวฑาหิกา ซงึ่ ป่ าช้า เหน็ แล้ว ซง่ึ ที่แหง่ พระเถระยืนแล้วด้วยนน่ั เทียว เถรสสฺ €ติ“โฏกฺ€านนุ โจฺ ขนิสอที ิธนาฏคฺ€จาฺฉนติ, จฺ จปงฺกริคมฺคนณฏฺ€ฺหาิสนฺสามจฺ ิ ซงึ่ ทเ่ี ป็นทน่ี งั่ แหง่ พระเถระด้วย ซง่ึ ทเี่ ป็นทจี่ งกรมแหง่ พระเถระด้วย ทิสวฺ า (คดิ แล้ว) วา่ อ. ใครหนอแล ยอ่ มมา ในท่ีนี,้ อ. เรา จกั ก�ำหนดจบั นนฺติ ปริคฺคณฺหิตํุ อสกฺโกนฺตี เอกทิวสํ สสุ านกฏุ ิกาย ซง่ึ บคุ คลนนั้ ดงั นี ้ ไมอ่ าจอยู่ เพอื่ อนั กำ� หนดจบั ในวนั หนงึ่ ยงั ประทปี ทีปํ ชาเลตฺวา ปุตฺตธีตโร อาทาย คนฺตฺวา ให้โพลงแล้ว ในกระทอ่ มใกล้ป่ าช้า พาเอา ซงึ่ บตุ รและธิดา ท. เอกมนฺเต นิลนี า มชฺฌิมยาเม เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ไปแล้ว แอบแล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนง่ึ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระ ผ้มู าอยู่ ทิสวฺ า คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา “อยฺโย โน ภนฺเต อิมสมฺ ึ ในยามอนั มใี นทา่ มกลาง ไปแลว้ ไหว้แลว้ กลา่ วแลว้ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เูจรญิ €าเน วหิ รตีติ อาห. อ. พระผ้เู ป็นเจ้า ยอ่ มอยู่ ในท่ีนี ้ของเรา ท. หรือ ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสกิ า เออ (อ. อยา่ งนนั้ ) “อาม อปุ าสเิ กต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ. นางกาลี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. อนั (อนั ภกิ ษุ ท.) “ภนฺเต สสุ าเน วหิ รนฺเตหิ นาม วตฺตํ อคุ ฺคณฺหิตํุ ชื่อผ้อู ยอู่ ยู่ ในป่ าช้า เรียนเอา ซง่ึ วตั ร ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ วฏฺฏตเถีตโ.ิร “กึ ปน มยํ ตยา กถิตวตฺเต วตฺตสิ สฺ ามาติ อ. พระเถระ ไมก่ ลา่ วแล้ว วา่ ก็ อ. เรา ท. จกั ประพฤติ ในวตั ร อวตฺวา อนั อนั ทา่ นกลา่ วแล้ว หรือ ดงั นี ้ 62 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนอบุ าสกิ า อ. อนั (อนั เรา) กระท�ำ ซงึ่ อะไร “กึ กาตํุ วฏฺฏติ อปุ าสเิ กติ อาห. ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ (อ. นางกาลี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. อนั (อนั ภกิ ษุ ท.) “ภนฺเต โสสานิเกหิ นาม สสุ าเน วสนภาโว ช่ือวา่ ผ้มู ีการอยใู่ นป่ าช้าเป็นปกติ กลา่ ว ซง่ึ ความเป็นคือการอยู่ สสุ านโคปกานํ วิหาเร มหาเถรสฺส คามโภชกสสฺ ในป่ าช้า (แก่ชน ท.) ผ้เู ฝ้ าซงึ่ ป่ าช้าด้วย แก่พระมหาเถระ ในวหิ าร จ กเถตํุ วฏฺฏตีต.ิ ด้วย แก่บคุ คลผ้บู ริโภคซงึ่ บ้านด้วย ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ ถามแล้ว) วา่ อ.อนั ๆ ภิกษุ ท. ชื่อผ้มู ีการอยู่ “กกึ ารณาติ. ในป่ าช้าเป็นปกติ กลา่ วซงึ่ ความเป็นคืออนั อยใู่ นป่ าช้า แก่ชน ท. ผู้เฝ้ าซึ่งป่ าช้าด้วย แก่พระมหาเถระ ในวิหารด้วย แก่บุคคล ผ้บู ริโภคซง่ึ บ้านด้วย ยอ่ มควร เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.นางกาลี กลา่ วแล้ว) วา่ (เพราะวา่ ) อ.โจร ท. ผ้มู ีกรรม “กตกมมฺ า โจรา สามเิ กหิ ปทานปุ ทํ อนพุ นธฺ นตฺ า อนั กระทำ� แล้ว ผ้อู นั เจ้าของ ท. ตดิ ตามอยู่ ซงึ่ รอยเท้าและรอยเท้าตาม สสุ าเน ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺต;ิ อถ มนสุ ฺสา ทิง้ แล้ว ซงึ่ หอ่ มีภณั ฑะ ในป่ าช้า จะหนีไป; ครัน้ เมื่อความเป็น โสสานิกานํ ปริปนฺถํ กโรนฺต;ิ เอเตสํ ปน กถิเต, อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ. มนษุ ย์ ท. จะกระท�ำ ซงึ่ อนั ตรายเป็นเครื่อง `มยํ อิมสสฺ ภทฺทนฺตสสฺ เอตฺตกนฺนาม กาลํ เอตฺถ เบียดเบียนรอบ (แก่ภิกษุ ท.) ผู้มีอันอยู่ในป่ าช้าเป็ นปกติ; วสนภาวํ ชานาม, อโจโร เอโสติ อปุ ทฺทวํ นิวาเรนฺต;ิ แตว่ า่ ครัน้ เมื่อความเป็นคืออนั อยใู่ นป่ าช้า อนั ภิกษุ ท. ผ้มู ีการอยู่ ตสมฺ า เอเตสํ กเถตํุ วฏฺฏตีต.ิ ในป่ าช้าเป็นปกติ กลา่ วแล้ว แก่ชน ท. มีชนผ้เู ฝ้ าซงึ่ ป่ าช้าเป็นต้น เหลา่ นน่ั อ.ชน ท. มีชนผ้เู ฝ้ าซงึ่ ป่ าช้าเป็นต้น เหลา่ นนั่ ยอ่ มห้าม ซง่ึ อปุ ัททวะ ด้วยอนั กลา่ ววา่ อ.เรา ท. ยอ่ มรู้ ซง่ึ ความเป็นคือ อนั อยใู่ นปาช้านี ้ แหง่ ทา่ นผ้เู จริญนี ้ ตลอดกาลช่ือมีประมาณเทา่ นี ้ อ.ทา่ นผ้เู จริญนน่ั เป็นผ้มู ิใชโ่ จร ยอ่ มเป็น ดงั นี,้ เพราะฉะนนั้ อ.อนั ๆ ภิกษุ ท. ผ้มู ีการอยใู่ นป่ าช้าเป็นปกติ กลา่ วซงึ่ ความเป็น คือการอยใู นป่ าช้า แก่ชน ท. มีชนผ้เู ฝ้ าซง่ึ ป่ าช้าเป็นต้น เหลา่ นนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ ถามแล้ว) วา่ อ. กรรมอะไร อ่ืน (อนั เรา) พงึ กระท�ำ “อญฺญํ กึ กาตพฺพนฺต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ. นางกาลี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. วตั ถุ ท.) “ภนฺเต สสุ าเน วสนฺเตน นาม อยฺเยน มปี ลาและเนอื ้ และแป้ งและงาและนำ� ้ อ้อยงบเป็นต้น อนั พระผ้เู ป็นเจ้า มนจฺฉนมิทํสฺทปาิ ฏยฺ€ิตตพลิ ฺพคํ,ฬุ าอทกีนสุ ิีเตน วชฺเชตพฺพานิ, ทิวา ช่ือวา่ ผ้อู ยอู่ ยู่ ในป่ าช้า พงึ เว้น, (อนั พระผ้เู ป็นเจ้า ชื่อวา่ ผ้อู ยอู่ ยู่ ภวติ พฺพํ อารทฺธวริ ิเยน, ในป่ าช้า) ไมพ่ งึ ประพฤตหิ ลบั ในกลางวนั , พงึ เป็นผ้เู กียจคร้าน อสเ€น อมายาวินา หตุ ฺวา กลฺยาณชฺฌาสเยน หามิได้ พงึ เป็น เป็นผ้มู ีความเพียรอนั ปรารภแล้ว เป็นผ้โู อ้อวด ภวิตพฺพํ, สายํ สพฺเพสุ สตุ ฺเตสุ วหิ ารโต อาคนฺตพฺพํ, หามไิ ด้ เป็นผ้มู มี ายาหามไิ ด้ เป็น พงึ เป็นผ้มู อี ธั ยาสยั อนั งาม พงึ เป็น ปจฺจสู กาเล สพฺเพสุ อนอิมฏุ ฺส€ิเฺมตึ สเุ €ยาวเ,นวหิ เอาวรํํ คนฺตพฺพํ, ในเวลาเยน็ ครัน้ เม่ือชน ท. ทงั้ ปวง หลบั แล้ว (อนั พระผ้เู ป็นเจ้า สเจ ภนฺเต อยฺโย วหิ รนฺโต ชอื่ ผ้อู ยู่ ๆ ในป่าช้า) พงึ มาจากวหิ าร, ในกาลเป็นทข่ี จดั เฉพาะซง่ึ มดื ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตํุ สกฺขิสสฺ ต,ิ สเจ ครัน้ เม่ือชน ท. ทงั้ ปวง ยงั ไมล่ กุ ขนึ ้ แล้วนนั่ เทียว พงึ ไป สวู่ ิหาร, มตสรีรํ อาเนตฺวา ฉฑฺเฑนฺต,ิ กมฺพลกฏู าคารํ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าวา่ อ.พระผ้เู ป็นเจ้า อยู่ๆ อยา่ งนี ้ ในทนี่ ี ้ จกั อาจ อาโรเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ สกฺการํ กตฺวา สรีรกิจฺจํ เพื่ออนั ยงั กิจแหง่ บรรพชิต ให้ถงึ ซง่ึ ท่ีสดุ ไซร้, ถ้าวา่ อ.ชน ท. กริสฺสามิ; โน เจ สกฺขิสสฺ ต,ิ จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ น�ำมาแล้ว ซึ่งสรีระของชนผู้ตายแล้ว ย่อมทิง้ ไซร้ , อ.ดิฉัน ชาเลตฺวา สงฺกนุ า อากฑฺฒิตฺวา พหิ €เปตฺวา ผรสนุ า จกั ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ สรีระของชนผ้ตู ายแล้วนนั้ สเู่ รือนยอดอนั บคุ คล โปกกฏฺขฺเิปฏิ ตตฺวฺวาา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อคฺคมิ หฺ ิ ลาดแล้วด้วยผ้ากมั พล กระท�ำแล้ว ซง่ึ สกั การะ (ด้วยวตั ถุ ท.) ตยุ ฺหํ ทสเฺ สตฺวา ฌาเปสฺสามีต.ิ มีของหอมและระเบียบแหง่ ดอกไม้เป็นต้น จกั กระท�ำ ซง่ึ กิจคือ การเผาซงึ่ สรีระ, ถ้าวา่ อ.พระผ้เู ป็นเจ้า จกั ไมอ่ าจเพ่ืออนั ยงั กิจ แหง่ บรรพชิตให้ถงึ ซง่ึ ท่ีสดุ ไซร้ อ. ดฉิ นั จกั ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ สรีระ ของชนผ้ตู ายแล้วนนั้ สเู่ ชิงตะกอน ยงั ไฟให้โพลงแล้ว คร่ามาแล้ว ด้วยขอ ตงั้ ไว้แล้ว ในภายนอก ทบุ แล้ว ด้วยขวาน ตดั แล้ว ท�ำให้เป็นชิน้ น้อยชิน้ ใหญ่ ใสเ่ ข้าแล้ว ในไฟ แสดงแล้ว แก่ทา่ น จกั ยงั สรีระของชนผ้ตู ายแล้วนนั้ ให้ไหม้ ดงั นี ้ ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 63 www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว กะนางกาลีนนั้ วา่ ดกู ่อน อถ นํ เถโร “สาธุ ภทฺเท, เอกํ ปน รูปารมมฺ ณํ นางผ้เู จริญ อ. ดีละ, ก็ อ. ทา่ น เหน็ แล้ว ซง่ึ อารมณ์คือรูป อยา่ งหนงึ่ ทิสวฺ า มยฺหํ กเถหีติ อาห. จงบอก แก่เรา ดงั นี ้ฯ อ. นางกาลีนนั้ ได้ฟังตอบแล้ว วา่ อ. ดีละ ดงั นี ้ฯ สา “สาธตู ิ ปจฺจสโฺ สส.ิ อ. พระเถระ ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ สมณธรรม ในป่ าช้า ตามอธั ยาศยั เถโร ยถาชฺฌาสเยน สสุ าเน สมณธมมฺ ํ กโรต.ิ อยา่ งไร ฯ สว่ นวา่ อ. พระเถระชื่อวา่ จลุ กาล ลกุ ขนึ ้ แล้ว ลกุ ขนึ ้ พร้อมแล้ว จลุ ลฺ กาลตฺเถโร ปอนนสุ อฺสฏุ รฺ€ตา,ิ ย ส“อมยฏุ ํ ฺ€าเยม ฆราวาสํ ยอ่ มคดิ ซง่ึ การอยคู่ รองซง่ึ เรือน, ยอ่ มตามระลกึ ถงึ ซงึ่ บตุ รและทาระ, จินฺเตต,ิ ปตุ ฺตทารํ ภาตโิ ก คดิ แล้ว วา่ อ. พี่ชาย ของเรา นี ้ ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ กรรม อนั หนกั ย่ิง อตภิ าริยํ กมมฺ ํ กโรตีติ จินฺเตส.ิ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ. กลุ ธิดา คนหนงึ่ ไมเ่ ห่ียวแห้งแล้ว ไมบ่ อบช�ำ้ แล้ว สายณอเฺหถสกมาเยกลุ ธอีตมาิลาตตํมาหุ ตุ ฺตอํกิลสนมฺตฏุ ฺา€เิ ตนกาพลฺยมากธาินสา.ิ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ ในสมยั เป็นท่ีสนิ ้ ไปแหง่ วนั ด้วยความเจ็บ อนั ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในครู่หนงึ่ นนั้ ฯ อ. ญาติ ท. น�ำไปแล้ว ซง่ึ กลุ ธิดานนั่ นนั้ สปู่ ่ าช้า ในเวลาเยน็ ตเมนํ าตโย ทารุเตลาทีหิ สทฺธึ สายํ สสุ านํ กบั (ด้วยวตั ถุ ท.) มีฟื นและน�ำ้ มนั เป็นต้น ให้แล้ว ซง่ึ คา่ จ้าง เนตฺวา สสุ านโคปิ กาย “อิมํ ฌาเปหีติ ภตึ ทตฺวา แก่หญิงผ้เู ฝ้ าซง่ึ ป่ าช้า (ด้วยค�ำ) วา่ (อ. เธอ) ยงั กลุ ธิดานี ้จงให้ไหม้ นิยฺยาเทตฺวา ปกฺกมสึ .ุ ดงั นี ้มอบให้แล้ว หลีกไปแล้ว ฯ อ. หญิงผ้เู ฝ้ าซงึ่ ป่ าช้า นนั้ น�ำไปปราศแล้ว ซงึ่ ผ้าเป็นเคร่ืองหม่ สา ตสฺสา ปารุปนวตฺถํ อปเนตฺวา ตํ มหุ ตุ ฺตมตํ ของกลุ ธิดานนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ สรีระ มีสีเพียงดงั สแี หง่ ทอง อนั ประณีต ปณีตปปฺ ณีตํ สวุ ณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสวฺ า “อิมํ และประณีต อนั ตายแล้วในครู่หนง่ึ นนั้ คิดแล้ว วา่ อ. อารมณ์นี ้ อยฺยสฺส ทสฺเสตํุ ปฏิรูปํ อารมมฺ ณนฺติ จินฺเตตฺวา เป็นอารมณ์ อนั สมควร เพ่ืออนั แสดง แก่พระผ้เู ป็นเจ้า (ยอ่ มเป็น) คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา “เอวรูปํ นาม ภนฺเต ดงั นี ้ไปแล้ว ไหว้แล้ว ซง่ึ พระเถระ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อารมมฺ ณํ อตฺถิ, โอโลเกยฺยาถาติ อาห. อ. อารมณ์ ชื่อมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป มีอย,ู่ (อ.ทา่ น ท.) ควรแลดู ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ. ดลี ะ ดงั นี ไ้ ปแล้ว (ยงั นางกาล)ี เถโร “สาธตู ิ คนฺตฺวา ปารุปนวตฺถํ นีหราเปตฺวา ให้น�ำออกแล้ว ซงึ่ ผ้าเป็นเคร่ืองหม่ แลดแู ล้ว แตพ่ ืน้ แหง่ เท้า ปาทตลโต ยาว เกสคฺคา โอโลเกตฺวา “อตปิ ณีตเมตํ เพยี งใด แตป่ ลายแหง่ ผม กลา่ วแล้ว วา่ อ. รูปนนั่ เป็นรูปประณตี เกนิ รูปํ สวุ ณฺณวณฺณํ , อคฺคมิ หฺ ิ นํ ปกฺขิปิ ตฺวา เป็นรูปมีสเี พียงดงั สีแหง่ ทอง (ยอ่ มเป็น), (อ. ทา่ น) ใสเ่ ข้าแล้ว มหาชาลาหิ คหิตกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสีติ วตฺวา ซง่ึ รูปนนั้ ในไฟ พงึ บอก แก่เรา ในกาลแหง่ รูปนนั้ อนั เปลวไฟใหญ่ สกฏฺ€านเมว คนฺตฺวา นิสที ิ. ท. จบั แล้ว ดงั นี ้ไปแล้ว สทู่ ่ีอนั เป็นของตนนนั่ เทียว นงั่ แล้ว ฯ อ. นางกาลีนนั้ กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ บอกแล้ว แก่พระเถระ ฯ สา ตถา กตฺวา เถรสสฺ อาโรเจส.ิ อ. พระเถระ ไปแล้ว แลดแู ล้ว ฯ เถโร คนฺตฺวา โอโลเกส.ิ อ. สีแหง่ สรีระ เป็นราวกะวา่ แมโ่ คดา่ ง ได้เป็นแล้ว ในท่ี ชาลาย ปหฏปหฏฏฺ €าเน กวรคาวี วยิ สรีรวณณฺ ํ แหง่ สรีระ อนั เปลวไฟกระทบแล้วและกระทบแล้ว ฯ อโหส.ิ อ. เท้า ท. งอแล้ว ห้อยลงแล้ว, อ. มือ ท. งอกลบั แล้ว, ปาทา นมิตฺวา โอลมพฺ สึ ,ุ หตฺถา ปฏิกชุ ฺชสึ ,ุ อ. หน้าผาก เป็นอวยั วะไมม่ ีหนงั ได้เป็นแล้ว ฯ ลลาฏํ นิจฺจมมฺ ํ อโหส.ิ อ. พระเถระ กระท�ำไว้ในใจแล้ว วา่ อ. สรีระ นี ้ เถโร “อิทํ สรีรํ อิทาเนว โอโลเกนฺตานํ เป็นอวยั วะกระทำ� ซงึ่ กเิ ลสให้เป็นสภาพไมม่ ที สี่ ดุ รอบ เป็น แกช่ น ท. อปริยนฺตีกรํ หตุ ฺวา อิทาเนว ขยปปฺ ตฺตํ วยปปฺ ตฺตนฺติ ผ้แู ลดอู ยู่ ในกาลนีน้ น่ั เทียว เป็นอวยั วะถงึ แล้วซง่ึ ความสนิ ้ ไป รตฺตฏิ ฺ€านํ คนฺตฺวา นิสที ิตฺวา ขยวยํ สมปฺ สสฺ มาโน เป็นอวยั วะถงึ แล้วซงึ่ ความเสอื่ มไป (ยอ่ มเป็น) ในกาลนีน้ นั่ เทียว ดงั นี ้ ไปแล้ว สทู่ ี่เป็นที่พกั ในเวลากลางคืน นง่ั พิจารณาอยแู่ ล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปและความเสือ่ มไป กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถา วา่ 64 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. สงั ขาร ท. ไม่เทีย่ งหนอ มีความเกิดขึ้นและความเสือ่ มไป “อนิจฺจา วต สงฺขารา อปุ ปฺ าทวยธมฺมิโน, เป็นธรรม เกิดขึ้นแลว้ ย่อมดบั ไป, อ. ความเขา้ ไปสงบวิเศษ อปุ ปฺ ชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนตฺ ิ เตสํ วูปสโม สโุ ขติ แห่งสงั ขาร ท. เหล่านน้ั เป็นเหตนุ �ำมาซึ่งความสขุ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ ยงั วปิ ัสสนา ให้เจริญแล้ว บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั กบั คาถํ วตฺวา วิปสสฺ นํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ฯ อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. ครัน้ เม่ือพระเถระนนั้ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั , อ. พระศาสดา ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต, สตฺถา ภิกฺขสุ งฺฆปริวโุ ต ผ้อู นั หมแู่ หง่ ภกิ ษแุ วดล้อมแล้ว เสดจ็ เทย่ี วไปอยู่ สทู่ จี่ าริก เสดจ็ ไปแล้ว จาริกจฺ รมาโน เสตพฺยนครํ คนฺตฺวา สสึ ปาวนํ สเู่ มืองช่ือวา่ เสตพั ยะ ได้เสดจ็ เข้าไปแล้ว สปู่ ่ าแหง่ ไม้สเี สยี ด ฯ ปาวิส.ิ อ. ภรรยา ท. ของพระจลุ กาล ฟังแล้ว วา่ ได้ยนิ วา่ อ. พระศาสดา จลุ ลฺ กาลสฺส ภริยาโย “สตฺถา กิร อนปุ ปฺ ตฺโตติ เสดจ็ ถงึ โดยล�ำดบั แล้ว ดงั นี ้ (คดิ กนั แล้ว) วา่ อ. เรา ท. จกั จบั สตุ ฺวา “อมหฺ ากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามาติ เปเสตฺวา ซงึ่ สามี ของเรา ท. ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว (ซง่ึ บรุ ุษ) (ยงั บรุ ุษ) สตฺถารํ นิมนฺตาเปสํ.ุ ให้ทลู นิมนต์แล้ว ซงึ่ พระศาสดา ฯ ก็ อ. อนั อนั ภิกษุ รูปหนงึ่ ผ้บู อกอยู่ ซง่ึ การปลู าดซง่ึ อาสนะ พทุ ฺธานํ ปน อภปิกรฺขิจนุ ิตาฏฺ€ปา€เมนตรอํ าคสนนฺตปํุ วฏฺ ฺฏตตฺต.ิ ึ ไป กอ่ นกวา่ ในทแี่ หง่ พระพทุ ธเจ้า ท. ไมท่ รงค้นุ เคยแล้ว ยอ่ มควร ฯ อาจิกฺขนฺเตน เอเกน จริงอยู่ อ. อาสนะ เป็นอาสนะ อนั บคุ คล ปลู าดแล้ว ซง่ึ อาสนะ ตสฺสพทุ ฺธทากนฺขํ หิณิ โมตชฺฌิมฏสฺ€าารีเปนุตฺอตาตสฺเถนรํ สปฺสฺาวเปามตฺวโตา ในท่ีอนั มีในทา่ มกลาง แก่พระพทุ ธเจ้า ท. พงึ ปลู าดแก่พระเถระ ช่ือวา่ สารีบตุ ร ข้างขวา แหง่ อาสนะ นนั้ แก่พระเถระชื่อวา่ มหาโมคฺคลลฺ านตฺเถรสฺส ตปโตฺปาเฏปฺ €ตาพยฺพํ อโุ ภสุ มหาโมคคลั ลานะ ข้างซ้าย (แหง่ อาสนะ นนั้ ) แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ ปสเฺ สสุ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส อาสนํ โหต;ิ ในข้าง ท. ทงั้ สอง จ�ำเดมิ แตท่ ี่นนั้ ยอ่ มเป็น ; เพราะเหตนุ นั้ “ตตสฺวมฺ ํ าปรุ โมตหากคานลฺตตฺวฺเาถโรอาสจนีวรปปาฺรุปตนฺตฏึ ฺ€าอเานจิกฺข€าตหฺวีตาิ อ. พระเถระช่ือวา่ มหากาล ยืนแล้ว ในท่ีเป็นที่หม่ ซงึ่ จีวร สง่ ไปแล้ว ซง่ึ พระจลุ กาล (ด้วยค�ำ) วา่ อ. ทา่ น ไปแล้ว ข้างหน้า จงบอก จลุ ฺลกาลํ เปเสส.ิ ซงึ่ การปลู าดซง่ึ อาสนะ ดงั นี ้ฯ อ. ชนในเรือน ท. กระทำ� อยู่ ซง่ึ การหวั เราะ กบั ด้วยพระจลุ กาล สทฺธึตปสรสฺ ิหาสํทกิฏฺโ€รกนาฺตลาโตนีจปาสฏฺน€าายนิ เคหชนา เตน นนั้ ยอ่ มลาด ซงึ่ อาสนะต�่ำ ท. ในที่สดุ แหง่ พระเถระในสงฆ์, สงฺฆตฺเถรโกฏิยํ (ยอ่ มลาด) ซง่ึ อาสนะสงู ท. ในท่ีสดุ แหง่ ภิกษุผ้ใู หมใ่ นสงฆ์ จ�ำเดมิ อตฺถรนฺต,ิ อจุ ฺจาสนานิ สงฺฆนวกโกฏิยํ. แตก่ าลแหง่ พระจลุ กาลนนั้ อนั ชน ท. เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ฯ อ. พระจลุ กาลนอกนี ้กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงอยา่ กระท�ำ อิตโร “มา เอวํ กโรถ, อจุ ฺจาสนานิ อปุ ริ อยา่ งน,ี ้ (อ.ทา่ น ท.) จงปลู าด ซงึ่ อาสนะสงู ท. ในเบอื ้ งบน, (อ.ทา่ น ท. ปฺ าเปถ, นีจาสนานิ เหฏฺ€าติ อาห. จงปลู าด) ซงึ่ อาสนะต่�ำ ท. ในภายใต้ ดงั นี ้ฯ อ.หญิง ท. เป็นราวกะวา่ ไมฟ่ ังอยู่ ซง่ึ ค�ำ ของพระเถระนนั้ อิตฺถิโย ตสฺส วจนํ อสณนฺตโิ ย วิย “ตฺวํ เป็น กลา่ วแล้ว วา่ อ. ทา่ น ยอ่ มเที่ยวไปกระท�ำอยู่ ซง่ึ อะไร ? กึ กโรนฺโต วิจรส?ิ กึ ตว อาสนานิ ปฺาเปตํุ อ. อนั อนั ทา่ นปลู าด ซง่ึ อาสนะ ท. จะไมค่ วร หรือ ? อ. ทา่ น ปนพฺพวชฏาฺฏปติ โ?ิตส?ิ ตฺวกํ สมฺกาํ อาปจุ ฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต? เกน อ�ำลาแล้ว ซง่ึ ใคร เป็นผ้บู วชแล้ว (ยอ่ มเป็น) ? อ. ทา่ น เป็นผ้อู นั ใคร อิธาคโตสีติ วตฺวา นิวาสน- ให้บวชแล้ว ยอ่ มเป็น ? อ. ทา่ น เป็นผ้มู าแล้ว ในที่นี ้ ยอ่ มเป็น ปารุปนํ อจฺฉินฺทิตฺวา เสตกานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ แยง่ ชิงเอาแล้ว ซงึ่ ผ้าเป็นเครื่องนงุ่ และ ผ้าเป็นเครื่องหม่ (ยงั พระจลุ กาล) ให้นงุ่ แล้ว ซงึ่ ผ้า ท. อนั ขาว ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 65 www.kalyanamitra.org
วางแล้ว ซงึ่ เทริดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ระเบียบ บนศีรษะ สง่ ไปแล้ว สเี ส มาลาจมุ พฺ ฏกํ €เปตฺวา “คจฺฉ ตฺวํ, (ด้วยค�ำ) วา่ อ. ทา่ น จงไป, (อ. ทา่ น) จงน�ำมา ซงึ่ พระศาสดา ; สตฺถารํ อาเนหิ; มยํ อาสนานิ ปฺาเปสฺสามาติ อ. เรา ท. จกั ปลู าด ซงึ่ อาสนะ ท. ดงั นี ้ ฯ *จบ ก. ๑๒* ปหิณึส.ุ อ. จลุ กาลนนั้ ดำ� รงอยแู่ ล้ว ในความเป็นแหง่ ภกิ ษุ สนิ ้ กาลไมน่ าน โส นจิรํ ภิกฺขภุ าเว €ตฺวา อวสสฺ โิ กว ผ้ไู มม่ ีกาลฝนเทียว สกึ แล้ว ยอ่ มไมร่ ู้ เพื่ออนั ละอาย ; เพราะเหตนุ นั้ อปุ ปฺ พฺพชิตฺวา ลชฺชิตํุ น ชานาติ; ตสฺมา เตน (อ. จลุ กาลนนั้ ) ผ้ไู มม่ ีความรังเกียจ ด้วยมรรยาทนนั้ เทียว ไปแล้ว อากปเฺ ปน นิราสงฺโกว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา พาเอา ซงึ่ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้า พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ อาทาย อาคโต. เป็นประมขุ มาแล้ว ฯ ก็ ในกาลเป็ นที่สุดลงแห่งกิจด้วยภัตร ของหมู่แห่งภิกษุ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ปน ภตฺตกิจฺจาวสาเน มหากาลสฺส อ. ภรรยา ท. ของพระเถระชื่อวา่ มหากาล คดิ แล้ว วา่ อ. สามี ภริยาโย “อิมาหิ อตฺตโน สามิโก คหิโต, ของตน อนั หญิง ท. เหลา่ นี ้ จบั แล้ว, แม้ อ. เรา ท. จกั จบั มยํปิ อมหฺ ากํ สามิกํ คณฺหิสสฺ ามาติ จินฺเตตฺวา ซง่ึ สามี ของเรา ท. ดงั นี ้ทลู นมิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ พระศาสดา เพอ่ื ประโยชน์ ปนุ ทิวสตฺถาย สตฺถารํ นิมนฺตยสึ .ุ ในวนั รุ่งขนึ ้ ฯ ก็ ในกาลนนั้ อ.ภกิ ษุ รูปอนื่ ได้ไปแล้ว เพอ่ื อนั ปลู าดซงึ่ อาสนะ ฯ ตทา ปน อาสนปฺ าปนตฺถํ อโฺ ภิกฺขุ อ.หญิง ท. เหลา่ นนั้ ไมไ่ ด้แล้ว ซง่ึ โอกาส ในขณะนนั้ อคมาสิ. ตา ตสฺมึ ขเณ โอกาสํ อลภิตฺวา ยงั หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ให้นงั่ แล้ว ได้ถวายแล้ว พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิสที าเปตฺวา ภิกฺขํ อทํส.ุ ซง่ึ ภิกษา ฯ ก็ อ. ภรรยา ท. ๒ ของจลุ กาล (มีอย)ู่ , อ. ภรรยา ท. ๔ จลุ ฺลกาลสฺส ปน เทฺว ภริยาโย, มชฺฌิมกาลสสฺ ของมชั ฌิมกาล (มีอย)ู่ , อ. ภรรยา ท. ๘ ของพระเถระช่ือวา่ มหากาล จตสโฺ ส, มหากาลสฺส อฏฺ€. (มีอย)ู่ ฯ แม้ อ. ภิกษุ ท. ผ้ใู คร่เพ่ืออนั กระท�ำ ซง่ึ กิจด้วยภตั ร นง่ั แล้ว ภิกฺขปู ิ ภตฺตกิจฺจํ กาตกุ ามา นิสที ิตฺวา ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กิจด้วยภตั ร , (อ. ภิกษุ ท.) ผ้ใู คร่เพ่ืออนั ไป ภตฺตกิจฺจมกํส,ุ พหิ คนฺตกุ ามา อฏุ ฺ€าย อคมํส.ุ ในภายนอก ลกุ ขนึ ้ แล้ว ได้ไปแล้ว ฯ สว่ นวา่ อ. พระศาสดา ประทบั นงั่ แล้ว ทรงกระท�ำแล้ว สตฺถา ปน นิสที ิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กริ. ซงึ่ กิจด้วยภตั ร ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงรอบแหง่ กิจด้วยภตั ร ของพระศาสดานนั้ ตสสฺ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตา อิตฺถิโย “ภนฺเต อ. หญิง ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ มหากาโล อมหฺ ากํ อนโุ มทนํ กตฺวา คมิสฺสต,ิ อ. พระเถระชอ่ื วา่ มหากาล กระทำ� แล้ว ซงึ่ อนโุ มทนา แกห่ มอ่ มฉนั ท. ตมุ เฺ ห ปรุ โต คจฺฉถาติ วทสึ .ุ จกั ไป, อ. พระองค์ ท. ขอจงเสดจ็ ไป ข้างหน้า ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ อ. ดีละ ดงั นี ้ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สตฺถา “สาธตู ิ วตฺวา ปรุ โต อคมาส.ิ ข้างหน้า ฯ อ. หมแู่ หง่ ภิกษุ ถงึ แล้ว ซงึ่ ประตแู หง่ บ้าน ยกโทษแล้ว วา่ คามทวฺ ารํ ปตวฺ า ภกิ ขฺ สุ งโฺ ฆ อชุ ฌฺ ายิ “กนิ นฺ าเมตํ (อ. กรรม) นน่ั อนั พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ช่ืออยา่ งไร, (อ. กรรม สตฺถารา กตํ, ตฺวา นุ โข กตํ อทุ าหุ อชานิตฺวา?, อนั พระศาสดา) ทรงทราบแล้ว ทรงกระท�ำแล้วหรือหนอแล หรือวา่ หิยฺโย จลุ ลฺ กาลสสฺ ปรุ โต คตตฺตา ปพฺพชฺชนฺตราโย (อ. กรรม อนั พระศาสดา) ไมท่ รงทราบแล้ว (ทรงกระท�ำแล้ว) ?, ชาโต, อชฺช อฺ สสฺ ปรุ โต คตตฺตา อนฺตราโย อ. อนั ตรายแหง่ การบวช เกิดแล้ว เพราะความที่แหง่ จลุ กาล นาโหส,ิ อิทานิ สตฺถา มหากาลํ นิวตฺเตตฺวา อาคโต, เป็นผ้ไู ปแล้ว ข้างหน้า ในวนั วาน , ในวนั นี ้ อ. อนั ตราย สีลวา โข ปน ภิกฺขุ อาจารสมปฺ นฺโน; กริสฺสนฺติ ไมไ่ ด้มีแล้ว เพราะความท่ีแหง่ ภิกษุรูปอ่ืนเป็นผ้ไู ปแล้ว ข้างหน้า, นุ โข ตสฺส ปพฺพชฺชนฺตรายนฺต.ิ ในกาลนี ้ อ.พระศาสดา ทรงยงั พระเถระช่ือวา่ มหากาลให้กลบั แล้ว เสดจ็ มาแล้ว, ก็ อ. ภิกษุ เป็นผ้มู ีศีลแล เป็นผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ด้วยมรรยาท (ยอ่ มเป็น) ; (อ.หญิง ท. เหลา่ นนั้ ) จกั กระท�ำ ซง่ึ อนั ตรายแหง่ การบวช แก่พระเถระนนั้ หรือหนอแล ดงั นี ้ ฯ 66 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ค�ำ ของภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ สตฺถา เตสํ วจนํ สตุ ฺวา นิวตฺตติ ฺวา €โิ ต เสดจ็ กลบั ประทบั ยนื แล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ. เธอ ท.) “กึ กเถถ ภิกฺขเวติ ปจุ ฺฉิ. ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ ค�ำอะไร ดงั นี ้ฯ อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความนนั้ ฯ เต ตมตฺถํ อาโรเจสํ.ุ (อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ก็ อ. เธอ ท. “กึ ปน ตมุ เฺ ห ภิกฺขเว จลุ ลฺ กาลํ วยิ มหากาลํ ยอ่ มก�ำหนด ซง่ึ มหากาล (กระท�ำ) ให้เป็นราวกะวา่ จลุ กาล หรือ สลฺลกฺเขถาต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า “อาม ภนฺเต, ตสสฺ หิ เทฺว ปชาปตโิ ย, อิมสสฺ (อ. อยา่ งนนั้ ), เพราะวา่ อ. ปชาบดี ท. ๒ ของจลุ กาลนนั้ (มีอย)ู่ , ภอฏนฺ€ฺเต; ต.ิ อฏฺ€หิ ปริกฺขิปิ ตฺวา คหิโต กึ กริสฺสติ อ. ปชาบดี ท. ๘ ของพระเถระช่ือวา่ มหากาลนี ้ (มีอย)ู่ ; ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ. พระเถระชื่อวา่ มหากาล) ผ้อู นั ปชาบดี ท. ๘ แวดล้อมแล้ว จบั เอาแล้ว จกั กระท�ำ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เธอ ท. สตฺถา “มา ภิกฺขเว เอวํ อวจตุ ฺถ, จลุ ลฺ กาโล อยา่ ได้กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ , อ. ภิกษุชื่อวา่ จลุ กาล ลกุ ขนึ ้ แล้ว €อติฏุ ฺท€าพุ ยฺพลสรมุกฏุ ฺขฺ€สาทยิโสส,ภุ ารมมยมฺ ฺหณํ ปพนหโุ ลปวตุิหฺโรตต,ิ ปปาตตเฏ ลกุ ขนึ ้ พร้อมแล้ว เป็นผ้มู ากด้วยอารมณ์วา่ งาม (เป็น) ยอ่ มอย,ู่ มหากาโล (อ. ภิกษุชื่อวา่ จลุ กาลนนั้ ) เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยต้นไม้มีก�ำลงั อนั โทษ- อสภุ านปุ สสฺ ี วิหรต,ิ ฆนเสลปพฺพโต วิย อจโล วาติ ประทษุ ร้ายแล้ว อนั ตงั้ อยแู่ ล้ว ที่ริมแหง่ เหว (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ วตฺวา อิมา คาถาโย อภาสิ อ.ภกิ ษุชอ่ื วา่ มหากาล ผ้เู ป็นบตุ ร ของเรา เป็นผ้ตู ามเหน็ ซงึ่ อารมณ์- วา่ ไมง่ ามโดยปกติ (เป็น) ยอ่ มอย,ู่ (อ. ภิกษุชื่อวา่ มหากาลนนั้ ) เป็นผ้มู ีความหวนั่ ไหวหามิได้เทียว (ยอ่ มเป็น) ราวกะ อ. ภเู ขา- อนั ประกอบแล้วด้วยศลิ าอนั เป็นแทง่ ทบึ ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ. มาร ย่อมรงั ควาน ซึ่งบคุ คลนน้ั แล ผูต้ ามเห็นซึ่งอารมณ์ “สภุ านปุ สสฺ ึ วิหรนตฺ ํ อินทฺ ฺริเยสุ อสํวตุ ํ ว่างามโดยปกติ อยู่อยู่ ผูไ้ ม่ส�ำรวมแลว้ ในอินทรีย์ ท. โภชนมฺหิ อมตฺตฺํุ กสุ ีตํ หีนวีริยํ ผูไ้ ม่รู้ซ่ึงประมาณ ในโภชนะ ผูเ้ กียจคร้านแลว้ ผูม้ ีความเพียร- ตํ เว ปสหตี มาโร, วาโต รุกฺขํว ทพุ พฺ ลํ. อนั ทราม เพียงดงั อ. ลม (รงั ควานอยู่) ซึ่งตน้ ไม้ อนั มีก�ำลงั - อสภุ านปุ สสฺ ึ วิหรนตฺ ํ อินทฺ ฺริเยสุ สสุ ํวตุ ํ อนั โทษประทษุ ร้ายแลว้ , อ.มาร ยอ่ มไมร่ งั ควาน ซึ่งบคุ คลนนั้ แล โภชนมฺหิ จ มตฺตฺ ุํ สทฺธํ อารทฺธวีริยํ ผตู้ ามเหน็ ซึ่งอารมณ์วา่ ไมง่ ามโดยปกติ อยอู่ ยู่ ดว้ ย ผสู้ ำ� รวมดีแลว้ ตํ เว นปปฺ สหตี มาโร, วาโต เสลํว ปพพฺ ตนตฺ ิ. ในอินทรีย์ ท. ดว้ ย ผูร้ ู้ซ่ึงประมาณ ในโภชนะดว้ ย ผูม้ ีศรทั ธาดว้ ย ผูม้ ีความเพียรอนั ปรารภแลว้ ดว้ ย, เพียงดงั อ.ลม(ไม่รงั ควานอยู่) ซ่ึงภูเขา อนั ประกอบแลว้ ดว้ ยศิลา ดงั นี้ ฯ อ. อรรถวา่ ผ้ตู ามเหน็ อยู่ ซง่ึ อารมณ์วา่ งาม ดงั นี ้ ในบท ท. ตตฺถ สุภานุปสฺสนิ ฺต:ิ สภุ ํ อนปุ สสฺ นฺตํ. เหลา่ นนั้ หนา แหง่ บทวา่ สุภานุปสฺสึ ดงั นี ้ อ. อธิบายวา่ “อิฏฺ€ารมฺมเณ มานสํ วสิ สฺ ชฺเชตฺวา วิหรนฺตนฺติ อตฺโถ. ผ้สู ละแล้วซง่ึ ใจ ในอารมณ์อนั บคุ คลปรารถนาแล้ว อยอู่ ยู่ ดงั นี ้ ฯ จริงอยู่ อ. บคุ คลใด เมื่อถือ ถือโดยนิมิต ถือโดยอนพุ ยญั ชนะ โย หิ ปคุ ฺคโล นิมิตฺตคฺคาหํ อนพุ ฺยชฺ นคฺคาหํ ยอ่ มถือ วา่ อ. เลบ็ ท. เป็นของงาม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ยอ่ มถือ คณฺหนฺโต “นขา โสภณาติ คณฺหาต,ิ “องฺคลุ โิ ย วา่ อ. นิว้ ท. เป็นของงาม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ยอ่ มถือ วา่ อ. มือ ท. โสภณาติ คณฺหาต,ิ “หตฺถา ปาทา ชงฺฆา อรู ู อ. เท้า ท. อ. แข้ง ท. อ. ขาออ่ น ท. อ. สะเอว อ. ท้อง อ. ถนั ท. กฏิ อทุ รํ ถนา คภีวมากุ าโอฏลฺโล€าฏํทนเกฺตสาา มขุ ํ นาสา อ. คอ อ. ริมฝี ปาก อ. ฟัน ท. อ. ปาก อ. จมกู อ. นยั น์ตา ท. อ. หู ท. อกฺขีนิ กณฺณา โสภณาติ อ. ควิ ้ ท. อ. หน้าผาก อ. ผม ท. เป็นของงาม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ คณฺหาต,ิ “เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ โสภโณติ ยอ่ มถือวา่ อ.ผม ท. อ.ขน ท. อ.เลบ็ ท. อ.ฟัน ท. อ.หนงั คณฺหาต,ิ “วณฺโณ สโุ ภ, สณฺ€านํ สภุ นฺติ เป็นของงาม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ยอ่ มถือวา่ อ. วรรณะ เป็นของงาม คณฺหาต;ิ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ยอ่ มถือวา่ อ. ทรวดทรง เป็นของงาม ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 67 www.kalyanamitra.org
อ.บคุ คลนี ้ ชื่อวา่ เป็นผ้ตู ามเหน็ ซง่ึ อารมณ์วา่ งามโดยปกติ อยํ สภุ านปุ สฺสี นาม; ตํ เอวํ สภุ านปุ สสฺ ึ ยอ่ มเป็น, ซงึ่ บคุ คลนนั้ ผ้ตู ามเหน็ ซงึ่ อารมณว์ า่ งามโดยปกติ อยอู่ ยู่ วหิ รนฺตํ. อยา่ งนี ้ฯ อ. อรรถวา่ ในอินทรีย์ ท. หก มีจกั ษุเป็นต้น ดงั นี ้แหง่ บทวา่ อนิ ฺทรฺ ิเยสูต:ิ จกฺขาทีสุ ฉสุ อินฺทฺริเยส.ุ อนิ ฺทรฺ ิเยสุ ดงั นี ้ฯ อ. อรรถวา่ ผ้ไู มร่ ักษาอยซู่ งึ่ ทวาร ท. มีทวารคือจกั ษุเป็นต้น อสวํ ุตนฺ ฺต;ิ จกฺขทุ ฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ. ดงั นี ้แหง่ บทวา่ อสวํ ุตํ ดงั นี ้ฯ อ. อรรถวา่ ชอ่ื วา่ ผ้ไู มร่ ู้ซง่ึ ประมาณ ในโภชนะ เพราะความไมร่ ู้ อมตตฺ ญญฺ นุ ตฺ :ิ ปริเยสนมตตฺ า ปฏคิ คฺ หณมตตฺ า ซงึ่ ประมาณนี ้คอื อ. ประมาณในการแสวงหา อ. ประมาณในการรับ ปริโภคมตฺตาติ อิมิสสฺ า มตฺตาย อชานนโต โภชนมหฺ ิ อ. ประมาณในการบริโภค ดงั นี ้ แหง่ บทวา่ อมตตฺ ญญฺ ุํ ดงั นี ้ ฯ อมตฺตฺุ.ํ อีกอยา่ งหนงึ่ ชื่อวา่ ผ้ไู มร่ ู้ซง่ึ ประมาณ เพราะความไมร่ ู้ อปิ จ “ ปจฺจเวกฺขณมตฺตา วสิ ฺสชฺชนมตฺตาติ ซง่ึ ประมาณ แม้นี ้ คือ อ.ประมาณ ในการพิจารณา อ.ประมาณ- อิมิสฺสาปิ มตฺตาย อชานนโต อมตฺตฺ ํ.ุ ในการสละ ฯ คอื วา่ ผ้ไู มร่ ู้อยู่ แม้วา่ อ.โภชนะนี ้ เป็นของประกอบแล้ว “อิทํ โภชนํ ธมมฺ ิกํ, อิทํ อธมมฺ ิกนฺตปิ ิ ด้วยธรรม (ยอ่ มเป็น) อ.โภชนะนี ้ เป็นของไมป่ ระกอบแล้ว อชานนฺตํ. ด้วยธรรม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถวา่ ชื่อวา่ ผ้เู กียจคร้านแล้ว เพราะความท่ีแหง่ ตน กุสีตนฺต:ิ กามพฺยาปาทวิหสึ าวติ กฺกวสกิ ตาย เป็ นผู้เป็ นไปแล้วในอ�ำนาจแห่งกามวิตกและพยาบาทวิตกและ กสุ ีตํ. วหิ ิงสาวิตก ดงั นี ้ แหง่ บทวา่ กุสีตํ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถวา่ ผ้มู ีความเพียรอนั ออกแล้ว คือวา่ ผ้เู ว้นแล้ว- หนี วีริยนฺติ: นิพฺพีริยํ จตสู ุ อิริยาปเถสุ จากการกระท�ำซง่ึ ความเพียร ในอิริยาบถ ท. สี่ ดงั นี ้ แหง่ บทวา่ วีริยกรณวริ หิตํ. หนี วีริยํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มครอบง�ำ คือวา่ ยอ่ มทว่ มทบั ดงั นี ้แหง่ บท วา่ ปสหตตี ิ: อภิภวติ อชฺโฌตฺถรต.ิ ปสหติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ราวกะ อ.ลมมีก�ำลงั (รังควานอย)ู่ ซงึ่ ต้นไม้ วาโต รุกขฺ วํ ทพุ พฺ ลนฺต:ิ พลววาโต ฉินฺนตเฏ มีก�ำลงั อนั โทษประทษุ ร้าย อนั เกิดแล้วแล้ว ใกล้เหวอนั ขาดแล้ว ชาตํ ทพุ ฺพลรุกฺขํ วิย. (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ วาโต รุกขฺ วํ ทพุ พฺ ลํ ดงั นี ้ ฯ อธิบาย วา่ เหมือนอยา่ งวา่ อ.ลมนนั้ (ยงั รุกขาวยั วะ ท.) “ยถา หิ โส วาโต ตสสฺ รุกขฺ สสฺ ปปุ ผฺ ผลปลลฺ วาทนี ปิ ิ มีดอกและผลและใบออ่ นเป็นต้น ของต้นไม้นนั้ ยอ่ มให้ตกไปบ้าง ปาเตต,ิ ขทุ ฺทกสาขาปิ ภฺชต,ิ มหาสาขาปิ ภชฺ ต,ิ ยอ่ มหกั ราน ซงึ่ ก่ิงน้อย ท. บ้าง ยอ่ มหกั ราน ซง่ึ กิ่งใหญ่ ท. บ้าง สมลู ํปิ ตํ รุกฺขํ อพุ ฺพตฺเตตฺวา อทุ ฺธมลู ํ อโธสาขํ กตฺวา ยงั ต้นไม้นนั้ อนั เป็นไปกบั ด้วยราก ให้เพิกขนึ ้ แล้ว กระท�ำ ให้มีราก คจฺฉต;ิ เอวเมว เอวรูปํ ปคุ ฺคลํ อนฺโต อปุ ปฺ นฺโน ในเบอื ้ งบน ให้มกี งิ่ ในเบอื ้ งตำ�่ ยอ่ มไปบ้าง ฉนั ใด ; อ.มารคอื กเิ ลส กิเลสมาโร ปสหต;ิ พลววาโต ทพุ ฺพลรุกฺขสฺส อนั เกดิ ขนึ ้ แล้ว ในภายใน ยอ่ มรังควาน ซง่ึ บคุ คล ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป ปปุ ผฺ ผลปลลฺ วาทิปาตนํ วยิ ขทุ ฺทานขุ ทุ ฺทกาปตฺติ ฉนั นนั้ นน่ั เทียว คือวา่ (อ.มารคือกิเลส) ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ การต้อง อาปชฺชนํปิ กโรติ , ขทุ ฺทกสาขาภชฺ นํ วยิ ซงึ่ อาบตั เิ ลก็ ๆน้อยๆ ราวกะ อ.ลมมีก�ำลงั (กระท�ำอย)ู่ ซงึ่ การ- นสิ สฺ คคฺ ยิ าทอิ าปตตฺ อิ าปชชฺ นปํ ิ กโรต,ิ มหาสาขาภชฺ นํ ยงั รุกขาวยั วะมีดอกและผลและใบออ่ นเป็นต้น ของต้นไม้มีก�ำลงั วิย เตรสสงฺฆาทิเสสาปชฺชนํปิ กโรต,ิ อพุ ฺพตฺเตตฺวา อนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว ให้ตกไปบ้าง ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ การต้อง- ออทาุ ปธฺ มชลฺูชํนเํปหิฏฺ€ากสโารขตํ ,ิ กตวฺ า ปาตนํ วยิ ปาราชกิ าปตตฺ -ิ ซงึ่ อาบตั มิ ีนิสสคั คีย์เป็นต้น ราวกะ (อ.ลมมีก�ำลงั กระท�ำอย)ู่ สฺวากฺขาตสาสนา นีหริตฺวา ซงึ่ การหกั รานกิ่งน้อยบ้าง ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ การต้องซงึ่ สงั ฆาทิเสส กตปิ าเหเนว คหิ ิภาวํ ปาเปติ; เอวรูปํ ปคุ ฺคลํ ๑๓ ราวกะ (อ.ลมมีก�ำลงั กระท�ำอย)ู่ ซง่ึ การรักรานก่ิงใหญ่บ้าง กิเลสมาโร อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ อตฺโถ. ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ การต้องซงึ่ อาบตั คิ ือปาราชิก น�ำออกแล้ว จากพระศาสนาอนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ยอ่ มให้ถงึ ซง่ึ ความเป็นแหง่ คฤหสั ถ์ โดยวนั เลก็ น้อยนนั่ เทียว ราวกะ (อ.ลมมีก�ำลงั กระท�ำอย)ู่ ซงึ่ การ (ยงั ต้นไม้) ให้เพิกขนึ ้ แล้ว กระท�ำ ให้มีรากในเบือ้ งบน ให้มีกิ่งในภายใต้ แล้วให้ตกไปบ้าง อ.มาร- คือกิเลส ยงั บคุ คล ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มให้เป็นไป ในอ�ำนาจ ของตน ดงั นี ้ ฯ 68 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ) วา่ ผ้เู หน็ อยู่ (ในอารมณ์ ท.) อนั ไมง่ าม ๑๐ หนา อสุภานุปสสฺ นิ ฺต:ิ ทสสุ อสเุ ภสุ อฺ ตรํ อสภุ ํ (ซง่ึ อารมณ์) วา่ ไมง่ าม อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ , คือวา่ ผ้ปู ระกอบแล้ว ปสฺสนฺตํ, ปฏิกลู มนสกิ าเร ยตุ ฺตํ, เกเส อสภุ โต ในการกระท�ำไว้ในใจโดยความเป็นของนา่ เกลยี ด, คือวา่ ผ้เู หน็ อยู่ ปสสฺ นฺตํ, โลเม นเข ทนฺเต ตจํ วณฺณํ สณฺ€านํ ซงึ่ ผม ท. โดยความเป็นของไมง่ าม, ผ้เู หน็ อยู่ ซง่ึ ขน ท. ซง่ึ เลบ็ ท. อสภุ โต ปสฺสนฺตํ. ซงึ่ ฟัน ท. ซง่ึ หนงั ซง่ึ วรรณะ ซง่ึ ทรวดทรง โดยความเป็นของไมง่ าม (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อสุภานุปสสฺ ึ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ในอินทรีย์ ท. ๖ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อนิ ฺทรฺ ิเยสุ อนิ ฺทรฺ ิเยสูต:ิ ฉสุ อินฺทฺริเยส.ุ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้เู ว้นแล้วจากการถือมีการถือโดยนิมิตเป็นต้น สุสวํ ุตนฺต:ิ นิมิตฺตคฺคาหาทิวิรหิตํ ปิ หิตทฺวารํ. คือวา่ ผ้มู ีทวารอนั ปิ ดแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สุสวํ ุตํ ดงั นี ้ฯ ก็ ผ้รู ู้ซงึ่ ประมาณ ในโภชนะ โดยความเป็น ข้าศกึ ตอ่ ความเป็น อมตฺตฺตุ าปฏิปกฺเขน โภชนมหฺ ิ จ มตฺตฺ ุ.ํ แหง่ บคุ คลผ้ไู มร่ ู้ซงึ่ ประมาณ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยศรัทธาอนั เป็นโลกิยะ สทธฺ นตฺ :ิ กมมฺ สสฺ เจว ผลสสฺ จ สททฺ หนลกขฺ ณาย มีการเชื่อซง่ึ กรรมด้วยนนั่ เทียว ซง่ึ ผล (ของกรรม) ด้วยเป็นลกั ษณะ โลกยิ สทธฺ าย เจว ตสี ุ วตถฺ สู ุ อเวจจฺ ปปฺ สาทสงขฺ าตาย ด้วยนนั่ เทียว ด้วยศรัทธาอนั เป็นโลกตุ ระ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ว โลกตุ ฺตรสทฺธาย จ สมนฺนาคตํ. วา่ ความเลอ่ื มใสอนั ไมค่ ลอนแคลน ในวตั ถุ ท. ๓ ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สทธฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู คี วามเพยี รอนั ประคองแล้ว คอื วา่ ผ้มู คี วามเพยี ร อารทธฺ วีริยนฺต:ิ ปคฺคหิตวีริยํ ปริปณุ ฺณวีริยํ. อนั เตม็ รอบแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อารทธฺ วีริยํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ บคุ คลนนั้ คือวา่ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (ดงั นี ้ ตํ เวต:ิ ตํ เอวรูปํ ปคุ ฺคล.ํ แหง่ บท) วา่ ตํ เว ดงั นี ้ฯ อ.อธิบาย วา่ อ.ลมมกี ำ� ลงั อนั โทษประทษุ ร้าแล้ว พดั อยู่ คอ่ ย ๆ “ยถา ทพุ ฺพลวาโต สณิกํ ปหรนฺโต เอกฆนํ เสลํ ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั ยงั ภเู ขา อนั ประกอบแล้วด้วยศลิ า อนั เป็น- จาเลตํุ น สกฺโกต;ิ ตถา อพฺภนฺตเร อปุ ปฺ ชฺชมาโนปิ แทง่ ทบึ เป็นอนั เดยี วกนั ให้หวน่ั ไหวได้ ฉนั ใด ; อ.มารคอื กเิ ลสมกี ำ� ลงั - ทพุ ฺพลกิเลสมาโร นปปฺ สหติ โขเภตํุ กมเฺ ปตํุ อนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว แม้เกิดขนึ ้ อยู่ ในภายใน ยอ่ มไมร่ ังควาน จาเลตํุ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. คือวา่ ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั ให้หวนั่ ไหว เพ่ืออนั ให้สะเทือน เพ่ืออนั ให้คลอนแคลน ฉนั นนั้ ดงั นี ้ ฯ อ. หญิงที่สองผ้มู ีในก่อน ท. ของพระเถระนนั้ แม้เหลา่ นนั้ แล ตาปิ โข ตสฺส ปรุ าณทตุ ยิ ิกา เถรํ ปริวาเรตฺวา แวดล้อมแล้ว ซง่ึ พระเถระ กลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ ท.) มีค�ำ วา่ อ. ทา่ น “ตฺวํ กํ อาปจุ ฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต? อิทานิ คิหี ภวสิ สฺ สิ อ�ำลาแล้ว ซง่ึ ใคร เป็นผ้บู วชแล้ว (ยอ่ มเป็น) ? ในกาลนี ้ อ. ทา่ น น ภวสิ สฺ สตี อิ าทีนิ วตฺวา กาสายานิ นีหริตกุ ามา เป็นคฤหสั ถ์ จกั เป็น (หรือ หรือวา่ อ. ทา่ น เป็นคฤหสั ถ์) จกั ไมเ่ ป็น อเหสํ.ุ ดงั นเี ้ป็นต้น เป็นผ้ใู คร่เพอ่ื อนั นำ� ออก ซง่ึ ผ้ากาสายะ ท. ได้เป็นแล้ว ฯ อ. พระเถระ ก�ำหนดแล้ว ซงึ่ อาการ ของหญิง ท. ดเห้วลยา่ฤนทนัธ้ ิ์ เถโร ตาสํ อาการํ สลลฺ กฺเขตฺวา นิสนิ ฺนาสนา ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะแหง่ ตนนงั่ แล้ว เหาะขนึ ้ แล้ว ภวฏุ ินฺ €ฺทาิตยฺวา อิทฺธิยา อปุ ปฺ ตติ ฺวา กฏู าคารกณฺณิกํ ท�ำลายแล้ว ซง่ึ ชอ่ ฟ้ าแหง่ เรือนยอด ไปแล้ว โดยอากาศ, อากาเสน คนฺตฺวา , สตฺถริ คาถา ครัน้ เม่ือพระศาสดา ทรงยงั คาถา ท. ให้จบลงรอบอยนู่ น่ั เทียว, ปริโยสาเปนฺเตเยว , สตฺถุ สวุ ณฺณวณฺณํ สรีรํ ชมเชยอยู่ ซง่ึ พระสรีระ มีสเี พียงดงั สแี หง่ ทอง ของพระศาสดา อภิตฺถวนฺโต โอตริตฺวา ตถาคตสสฺ ปาเท วนฺทิ. ข้ามลงแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระบาท ท. ของพระตถาคตเจ้า ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. ภกิ ษผุ ้ถู งึ พร้อมแล้ว ท. คาถาปริโยสาเน สมปฺ ตตฺ ภกิ ขฺ ู โสตาปตตฺ ผิ ลาทสี ุ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว (ในอริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ ปตฏิ ฺ€หสึ ตู .ิ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุช่ือว่าจุลกาลและภกิ ษุช่ือว่ามหากาล จุลฺลกาลมหากาลวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 69 www.kalyanamitra.org
๗. อ.เร่ืองแห่งพระเทวทตั (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ ๗. เทวทตตฺ วตถฺ ุ. (๗) อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อนิกกฺ สาโวติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซ่ึงการได้ซึ่งผ้ากาสาวะอนั บุคคลน�ำมาแล้วจากแว่นแคว้นช่ือว่า- วิหรนฺโต ราชคเห เทวทตฺตสสฺ คนฺธารกาสาวลาภํ คนั ธาระ แหง่ พระเทวทตั ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ตรัสแล้ว อารพฺภ กเถส.ิ ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ อนิกกฺ สาโว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในสมยั หนงึ่ อ. พระอคั รสาวก ท. สอง เอกสมฺ ึ หิ สมเย เทฺว อคฺคสาวกา ปฺจสเต พาเอาแล้ว ซงึ่ บริวาร ท. ของตน มรี ้อยห้าเป็นประมาณ ๆ ทลู ลาแล้ว ปฺจสเต อตฺตโน ปริวาเร อาทาย สตฺถารํ ซงึ่ พระศาสดา ได้ไปแล้ว สเู่ มืองช่ือวา่ ราชคฤห์ จากพระเชตวนั ฯ อาปจุ ฺฉิตฺวา เชตวนโต ราชคหํ อคมํส.ุ (อ. ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นเมอื งชอื่ วา่ ราชคฤห์โดยปกติ ๒ บ้าง ๓ บ้าง ราชคหวาสโิ น เทฺวปิ ตโยปิ พหปู ิ เอกโต มากบ้าง เป็น โดยความเป็นอนั เดียวกนั ได้ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน หตุ ฺวา อาคนฺตกุ ทานํ อทํส.ุ เพ่ือภิกษุผู้จรมา ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ. พระสารีบตุ รผู้ มีอายุ เม่ือกระท�ำ อเถกทิวสํ อายสฺมา สารีปตุ ฺโต อนโุ มทนํ ซง่ึ การอนโุ มทนา แสดงแล้ว ซง่ึ ธรรม อยา่ งนี ้ วา่ ดกู ่อนอบุ าสก กโรนฺโต “อปุ าสกา เอโก สยํ ทานํ เทติ, และอบุ าสกิ า ท. (อ. บคุ คล) คนหนงึ่ ยอ่ มถวาย ซงึ่ ทาน เอง, ปรํ น สมาทเปต;ิ โส ปริวนาิพรสฺพมตปฺ ฺตทนํ,ิพฺพตเอฺตโฏกฺ €าปเนรํ ยอ่ มไมช่ กั ชวน ซง่ึ บคุ คลอนื่ ; อ. บคุ คลนนั้ ยอ่ มได้ ซงึ่ ความถงึ พร้อม โภคสมปฺ ทํ ลภต,ิ โน ด้วยโภคะ, ยอ่ มไมไ่ ด้ ซง่ึ ความถงึ พร้อมด้วยบริวาร ในท่ีแหง่ ตน สมาทเปต,ิ สยํ น เทต;ิ โภนคิพสฺพมตปฺ ฺตทนํ,ิพฺพเอตโกฺตฏฺ€สายเํปนิ บงั เกิดแล้วและบงั เกิดแล้ว, อ.บคุ คล คนหนงึ่ ยอ่ มชกั ชวน ปริวารสมปฺ ทํ ลภต,ิ โน ซงึ่ บคุ คลอื่น, ยอ่ มไมถ่ วาย เอง, (อ. บคุ คลนนั้ ) ยอ่ มได้ ซง่ึ ความ น เทต,ิ ปรํปิ นสมาทเปต;ิ โส ลนภิพตฺพ,ิ ตฺตอนนิพาฺพโถตฺตฏฺ€โาหเนติ ถงึ พร้อมด้วยบริวาร, ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ ความถงึ พร้อมด้วยโภคะ กฺชิกมตฺตํปิ กจุ ฺฉิปรู ํ น ในทแี่ หง่ ตนบงั เกดิ แล้วและบงั เกดิ แล้ว, อ. บคุ คล คนหนงึ่ ยอ่ มไมถ่ วาย นิปปฺ จฺจโย, เอโก สยํปิ เทต,ิ ปรํปิ สมาทเปติ; แม้เอง, ยอ่ มไมช่ กั ชวน ซง่ึ บคุ คลแม้อ่ืน; อ. บคุ คลนนั้ ยอ่ มไมไ่ ด้ โอสตตฺ ภาวนสิพหฺพสเฺตสฺตปินอิพตฺตพฺ ภตาฺตวฏสฺ ต€าสเหนสเฺ สปิ อตฺตภาวสเตปิ ซงึ่ วตั ถอุ นั ยงั ท้องให้เตม็ แม้สกั วา่ ข้าวปลายเกรียน, เป็นผ้ไู มม่ ีที่พง่ึ โภคสมปฺ ทเฺ จว เป็นผ้ไู มม่ ีปัจจยั ยอ่ มเป็น ในที่แหง่ ตนบงั เกิดแล้วและบงั เกิดแล้ว, ปริวารสมปฺ ทจฺ ลภตีติ เอวํ ธมมฺ ํ เทเสส.ิ (อ. บคุ คล) คนหนง่ึ ยอ่ มถวาย แม้เอง, ยอ่ มชกั ชวน ซงึ่ บคุ คล แม้อื่น; อ. บคุ คลนนั้ ยอ่ มได้ ซง่ึ ความถงึ พร้อมด้วยโภคะด้วย นนั่ เทียว ซงึ่ ความถงึ พร้อมด้วยบริวารด้วย ในร้อยแหง่ อตั ภาพบ้าง ในพนั แหง่ อตั ภาพบ้าง ในแสนแหง่ อตั ภาพบ้าง ในทแี่ หง่ ตนบงั เกดิ แล้ว และบงั เกิดแล้ว ดงั นี ้ฯ อ. บรุ ุษผ้ฉู ลาด คนหนง่ึ ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำนนั้ คิดแล้ว วา่ ตเมโก ปณฺฑิตปรุ ิโส สตุ ฺวา “อจฺฉริยา วต โภ แนะ่ ทา่ นผ้เู จริญ อ.พระธรรมเทศนา นา่ อศั จรรย์ หนอ, ธมมฺ เทสนา, สขุ การณํ กถิตํ; มยา อิมาสํ ทฺวนิ ฺนํ อ. เหตแุ หง่ ความสขุ (อนั พระเถระ) กลา่ วแล้ว, อ. อนั อนั เรา สมปฺ ตฺตีนํ นิปผฺ าทนกกมมฺ ํ กาตํุ วฏคฺฏณตฺหีตถิ าจตินิฺเตตเฺวถารํ กระท�ำ ซงึ่ กรรมเป็นเหตยุ งั สมบตั ิ ท. สอง เหลา่ นี ้ ให้สำ� เร็จ “ ภนฺเต เสวฺ มยฺหํ ภิกฺขํ ยอ่ มควร ดงั นี ้ นิมนต์แล้ว ซง่ึ พระเถระ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ นิมนฺเตส.ิ อ. ทา่ น ท. ขอจงรับ ซง่ึ ภิกษา ของกระผม ในวนั พรุ่ง ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ. ความต้องการ “กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขหู ิ อตฺโถ อปุ าสกาต.ิ ด้วยภิกษุ ท. มีประมาณเทา่ ไร (มีอย)ู่ แก่ทา่ น ดงั นี ้ฯ (อ. อบุ าสก ถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ก็ อ. บริวาร ท. “กิตฺตกา ปน โว ภนฺเต ปริวาราต.ิ ของทา่ น ท. มีประมาณเทา่ ไร ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก (อ. บริวาร ท. ของเรา) มีพนั เป็นประมาณ ดงั นี ้ฯ “สหสสฺ มตฺตา อปุ าสกาต.ิ (อ. อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. ทา่ น ท.) “สพฺเพหิ สทฺธึเยว ภิกฺขํ คณฺหถ ภนฺเตต.ิ ขอจงรับ ซง่ึ ภิกษา กบั ด้วยภิกษุ ท. ทงั้ ปวงนนั่ เทียว ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ (ยงั ค�ำนิมนต์) ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ เถโร อธิวาเสส.ิ 70 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. อบุ าสก เท่ียวไปอยู่ ในถนนในเมือง ยอ่ มชกั ชวน วา่ อปุ าสโก นครวีถิยํ จรนฺโต “อมมฺ ตาตา มยา แนะ่ แมแ่ ละพอ่ ท. อ. พนั แหง่ ภกิ ษุ อนั ข้าพเจ้า นมิ นตแ์ ล้ว, อ. ทา่ น ท. ภิกฺขสุ หสฺสํ นิมนฺตติ ํ, ตมุ เฺ ห กิตฺตกานํ ภิกฺขนู ํ ภิกฺขํ จกั อาจ เพื่ออนั ถวาย ซงึ่ ภิกษา แก่ภิกษุ ท. มีประมาณเทา่ ไร, ทาตํุ สกฺขิสสฺ ถ, ตมุ เฺ ห กิตฺตกานนฺติ สมาทเปต.ิ อ. ทา่ น ท. (จกั อาจ เพื่ออนั ถวาย ซง่ึ ภิกษา แก่ภิกษุ ท.) มีประมาณ เทา่ ไร ดงั นี ้ฯ อ. มนษุ ย์ ท. กลา่ วแล้ว วา่ อ. ข้าพเจ้า ท. จกั ถวาย แก่ภิกษุ ท. มนสุ สฺ า อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกนิยาเมน “มยํ ๑๐, อ. ข้าพเจ้า ท. จกั ถวาย (แกภ่ กิ ษุ ท.) ๒๐, อ. ข้าพเจ้า ท. จกั ถวาย ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสตยิ า, มยํ สตสสฺ าติ แก่ร้ อย (แห่งภิกษุ ท.) ดังนี ้ โดยก�ำหนดแห่งภิกษุผู้เพียงพอ อาหํส.ุ แก่ตน แก่ตน ฯ อ. อบุ าสก (กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. เรา ท. จกั กระท�ำ อปุ าสโก “เตนหิ เอกสมฺ ึ €าเน สมาคมํ กตฺวา ซง่ึ การมาพร้อมกนั ในท่ีแห่งหน่ึง แล้วจกั หงุ ต้ม โดยความเป็ น เอกโตว ปจิสฺสาม, สพฺเพ เตลตลิ ตณฺฑลุ สปปฺ ิ อนั เดยี วกนั เทยี ว, (อ.ทา่ นท.) ทงั้ ปวง จงนำ� มาพร้อม (ซงึ่ อาหารวตั ถุท.) ผาณิตาทีนิ สมาหรถาติ เอกสฺมึ €าเน สมาหราเปส.ิ มีนํม้ ันและงาและข้าวสารและเนยใสและน�ำ้ อ้อยเป็ นต้น ดังนี ้ (ยงั มนษุ ย์ ท.) ให้น�ำมาพร้อมแล้ว (ซงึ่ วตั ถ ท. มีน�ำ้ มนั เป็นต้น เหลา่ นนั้ ) ในท่ีแหง่ หนงึ่ ฯ ครัง้ นนั้ ออนั .บกฏุคุ มุคลพนี �ำคมนาหแนลง่ึ ้ว ให้แล้ว ซง่ึ ผ้าอนั บคุ คลย้อมแล้ว อกิทาสํ าวอวิสถวฺสสตชสฺ ฺถฺเชํ เตทอฺวโตกาฺว,ากยฏุ ท“มุ สนู พฺเํ,จิโกตเํ ตสปตเูสทรหยาสฺยนสฺาวสคฏฺ;ิฺฆฏํนสกเนจํ ปคปปฺนโโฺธหหาตตร-ิ,,ิ ด้วยน�ำ้ ฝาด จากแคว้นช่ือวา่ คนั ธาระ อนั มี แสนหนงึ่ เป็นราคา แก่อบุ าสกนนั้ กลา่ วแล้ววา่ ถ้าวา่ อ.วตั ถุ อนั เป็นไปในทาน ของทา่ น ยอ่ มไมเ่ พียงพอ (แก่ทา่ น) ไซร้, อ.ทา่ น ยสฺส อิจฺฉส;ิ ตสสฺ ภิกฺขโุ น ทเทยฺยาสีติ อาห. พงึ สละแล้ว ซง่ึ ผ้าอนั บคุ คลย้อม แล้วด้วยนํา้ ฝาดนี ้ ยงั - อ.วตั ถุ ใด เป็นของพร่อง ยอ่ มเป็น - วตั ถนุ นั้ พงึ ให้เตม็ ถ้าวา่ อ.วตั ถุ อนั เป็นไปในทาน ยอ่ มไมเ่ พยี งพอ ไซร้, อ.ทา่ น พงึ ถวาย แก่ - อ.ทา่ น ยอ่ มปรารถนา เพ่ืออนั ถวาย แก่ภิกษุรูปใด - ภิกษุรูปนนั้ ดงั นี ้ ฯ ในกาลนนั้ อ. วตั ถอุ นั เป็นไปในทาน ทงั้ ปวง ของอบุ าสกนนั้ ตทา ตสสฺ สพพฺ ํ ทานวฏฺฏํ ปโหส,ิ กิ จฺ ิ อนู นนฺ าม เพียงพอแล้ว, อ. วตั ถอุ ะไร ๆ ชื่อวา่ เป็นของพร่อง ไมไ่ ด้มีแล้ว ฯ นาโหส.ิ อ. อบุ าสกนนั้ ถามแล้ว ซง่ึ มนษุ ย์ ท. วา่ อ.ผ้ากาสาวะ- โส มนสุ ฺเส ปจุ ฺฉิ “อิทํ อนคฺฆกาสาวํ เอเกน ออน.ั วมตั คี ถา่อุ หนั าเมป็ไินดไ้ ปนใี ้นอนัทกาฎนุ มุ พีเคปน็นหขนองึ่งยกิ่งลเาก่ วินแลเ้วกิดชแอ่ื ลย้วา่ ,งนอี ้ถ.วาเรยาแลท้ว,. ชกาฏุ ตมุ ํ,พฺ กิเกสนฺสทิ เอํ วเทํ นมาามต.ิ วตฺวา ทินฺนํ, ทานวฏฺฏํ อตเิ รกํ จะถวาย ซงึ่ ผ้านี ้แก่ใคร ดงั นี ้ฯ อ. ชน ท. บางพวก กลา่ วแล้ว วา่ (อ. เรา ท. จะถวาย) เอกจฺเจ “สารีปตุ ฺตตฺเถรสฺสาติ อาหํส.ุ แก่พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ ร ดงั นี ้ฯ อ. ชน ท. บางพวก กลา่ วแล้ว วา่ อ. พระเถระ เป็นผ้มู กี ารมา เอกจฺเจ “เถโร สสฺสปริปากสมเย อาคนฺตฺวา ในสมยั เป็นทแี่ กร่ อบแหง่ ข้าวกล้า แล้วจงึ ไปเป็นปกติ (ยอ่ มเป็น); คมนสโี ล; เทวทตฺโต อมหฺ ากํ มงฺคลามงฺคเลสุ อ. พระเทวทตั เป็นสหาย ในงานมงคลและมิใชม่ งคล ท. ของเรา ท. สหาโย อทุ กมณิโก วิย นิจฺจํ ปตฏิ ฺ€โิ ต, ตสสฺ ตํ (เป็น) ด�ำรงอยแู่ ล้ว เนืองนิตย์ ราวกะ อ. หม้อแหง่ น�ำ้ , (อ. เรา ท.) เทมาติ อาหํส.ุ จะถวาย ซง่ึ ผ้านนั้ แก่พระเทวทตั นนั้ ดงั นี ้ฯ แม้ครนั้ เมอ่ื วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว เป็นวาจามมี ากพร้อม (มอี ย)ู่ สมพฺ หลุ กิ าย กถายปิ “เทวทตฺตสสฺ ทาตพฺพนฺติ (อ. ชน ท.) ผ้กู ลา่ ว วา่ (อ. ผ้า อนั เรา ท.) ควรถวาย แก่พระเทวทตั วตฺตาโร พหตุ รา อเหสํ.ุ ดงั นี ้ เป็นผ้มู ากกวา่ ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ (อ. ชน ท.) ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ผ้านนั้ แก่พระเทวทตั ฯ อถ นํ เทวทตฺตสสฺ อทํส.ุ โส ตํ ฉินฺทิตฺวา อ.พระเทวทตั นนั้ ตดั แล้ว ซงึ่ ผ้านนั้ เยบ็ แล้ว ย้อมแล้ว นงุ่ แล้ว สพิ ฺพิตฺวา รชิตฺวา นิวาเสตฺวา ปารุปิ ตฺวา วจิ รติ. หม่ แล้ว ยอ่ มเท่ียวไป ฯ อ. มนษุ ย์ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเทวทตั นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ. ผ้า มนสุ สฺ า ตํ ทิสฺวา “นยิทํ เทวทตฺตสสฺ อนจุ ฺฉวิกํ; นี ้ เป็นผ้าสมควร แก่พระเทวทตั (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ; (อ. ผ้านนั้ ) สารีปตุ ฺตตฺเถรสฺส อนจุ ฺฉวกิ ํ ; เทวทตฺโต อตฺตโน เป็นผ้าสมควรแก่พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ ร(ยอ่ มเป็น);อ.พระเทวทตั อนนจุ ฺฉวกิ ํ นิวาเสตฺวา ปารุปิ ตฺวา วิจรตีติ วทสึ .ุ นงุ่ แล้ว หม่ แล้ว (ซง่ึ ผ้า) อนั ไมส่ มควร แก่ตน ยอ่ มเท่ียวไป ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ. ภิกษุ ผ้อู ยใู่ นทิศโดยปกติ รูปหนง่ึ ไปแล้ว สเู่ มือง อเถโก ทิสาวาสโิ ก ภิกฺขุ ราชคหา สาวตฺถึ ช่ือวา่ สาวตั ถี จากเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ คนฺตฺวา ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 71 www.kalyanamitra.org
ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ผ้มู ีปฏิสนั ถารอนั พระศาสดา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา ทฺวนิ ฺนํ ทรงกระท�ำแล้ว ผ้อู นั พระศาสดาตรัสถามแล้ว ซงึ่ การอยสู่ �ำราญ อคฺคสาวกานํ ผาสวุ หิ ารํ ปจุ ฺฉิโต อาทิโต ปฏฺ €าย แหง่ พระอคั รสาวก ท. สอง กราบทลู แล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทว่ั นนั้ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจส.ิ ทงั้ ปวง จ�ำเดมิ แตต่ ้น ฯ อ. พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ อ. เทวทตั นนั้ ยอ่ มทรงไว้ สตฺถา “น โข ภิกฺขุ อิทาเนว โส อตฺตโน ซง่ึ ผ้า อนั ไมส่ มควร แกต่ น ในกาลนนี ้ น่ั เทยี ว หามไิ ด้แล, (อ. เทวทตั ) อนนจุ ฺฉวกิ ํ วตฺถํ ธาเรต,ิ ปพุ ฺเพปิ ธาเรสเิ ยวาติ วตฺวา ทรงไว้แล้ว (ซง่ึ ผ้า อนั ไมส่ มควร แก่ตน) นน่ั เทียว แม้ในกาลก่อน อตีตํ อาหริ; ดงั นี ้ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว วา่ ; ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว ครนั้ เมอื่ พระเจ้าพรหมทตั (ทรงยงั บคุ คล) อตีเต พาราณสยิ ํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต, ให้กระท�ำอยซู่ งึ่ ความเป็นแหง่ พระราชา ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี, พาราณสีวาสี เอโก หตฺถิมารโก หตฺถึ มาเรตฺวา อ. บคุ คลผ้ยู งั ช้างให้ตาย คนหนง่ึ ผ้อู ยใู่ นเมอื งชอื่ วา่ พาราณสโี ดยปกติ ทนฺเต จ ตเจ จ อนฺตานิ จ ฆนมํสจฺ อาหริตฺวา ยงั ช้าง ให้ตายแล้ว น�ำมาแล้ว ซง่ึ งา ท. ด้วย ซง่ึ หนงั ท. ด้วย วกิ ฺกีณนฺโต ชีวติ ํ กปเฺ ปส.ิ ซงึ่ ไส้ใหญ่ ท. ด้วย ซง่ึ เนือ้ ลำ�่ ด้วย ขายอยู่ สำ� เร็จแล้ว ซงึ่ ชีวิต ฯ ครัง้ นนั้ อ. ช้าง ท. มีพนั มิใชห่ นง่ึ ในป่ า แหง่ หนงึ่ คาบ ซงึ่ เหย่ือ อเถกสมฺ ึ อรฺเ อเนกสหสสฺ า หตฺถี โคจรํ ไปอยู่ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. เมื่อไป จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ คคจเหฺฉตมฺวาานาคจฺฉคนมฺตนาาคปมจนฺเจกกาพเลทุ ฺเธชทนิสฺนวฺ เุ ากหติ โตนิปปตฏฺติ€าฺวยา หมอบลงแล้ว ด้วยเขา่ ท. จบแล้ว ในกาลเป็นท่ีไปและเป็นที่มา วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺต.ิ ยอ่ มหลีกไป ฯ ในวนั หนงึ่ (อ. บคุ คล) ผ้ยู งั ช้างให้ตาย เหน็ แล้ว ซงึ่ กิริยานนั้ เอกทิวสํ หตฺถิมารโก ตํ กิริยํ ทิสวฺ า “อหํ อิเม คดิ อยู่ วา่ อ. เรา ยงั ช้าง ท. เหลา่ นี ้ ยอ่ มให้ตายได้ โดยยาก, กิจฺเฉน มาเรมิ, อิเม จ คมนาคมนกาเล ปจฺเจกพทุ ฺเธ ก็ อ. ช้าง ท. เหลา่ นี ้ ยอ่ มจบ ซงึ่ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. ในกาล วนฺทนฺต,ิ กินฺนุ โข ทิสวฺ า วนฺทนฺตีติ จินฺเตนฺโต เป็นทไี่ ปและเป็นทมี่ า, (อ. ช้าง ท.) เหน็ แล้ว ซงึ่ อะไรหนอแล ยอ่ มจบ “กาสาวนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา “มยาปิ อิทานิ กาสาวํ ดงั นี ้ก�ำหนดแล้ว วา่ (อ. ช้าง ท. เหน็ แล้ว) ซงึ่ ผ้ากาสาวะ (ยอ่ มจบ) ลชาทตฺธสํุ สฺ วรฏํ ฺฏโอตรีตุยิ ฺหจนินหฺเตาตยฺวนาฺตสเสฺอกตสีเฺสร ปจฺเจกพทุ ฺธสสฺ ดงั นี ้ คดิ แล้ว วา่ อ. อนั แม้อนั เรา ได้ ซงึ่ ผ้ากาสาวะ ยอ่ มควร €ปิ เตสุ กาสาเวสุ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ลกั แล้ว ในผ้ากาสาวะ ท. อนั อนั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า จีวรํ เถเนตฺวา เตสํ หตฺถีนํ คมนาคมนมคฺเค สตฺตึ รูปหนง่ึ ผ้ลู งแล้ว สสู่ ระอนั เกิดแล้ว อาบอยู่ ตงั้ ไว้แล้ว ท่ีฝั่ง หนา คเหตฺวา สสีสํ ปารุปิ ตฺวา นิสีทต.ิ ซง่ึ จีวร ถือเอาแล้ว ซงึ่ หอก ยอ่ มนง่ั คลมุ (ซงึ่ อวยั วะ) อนั เป็นไปกบั ด้วยศรี ษะ ใกล้หนทางเป็นทไี่ ปและเป็นทมี่ า แหง่ ช้าง ท. เหลา่ นนั้ ฯ อ. ช้าง ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ บคุ คลนนั้ จบแล้ว ด้วยความสำ� คญั หตฺถี ตํ ทิสวฺ า “ปจฺเจกพทุ ฺโธติ สฺาย วา่ อ. พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ดงั นี ้ ยอ่ มหลีกไป ฯ วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺต.ิ อ. พรานนนั้ ประหารแล้ว (ซง่ึ ช้าง) ตวั ไปอยู่ ข้างหลงั แหง่ ช้าง โส เตสํ สพฺพปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ สตฺตยิ า ทงั้ ปวง แหง่ ช้าง ท. เหลา่ นนั้ ด้วยหอก (ยงั ช้างนนั้ ) ให้ตายแล้ว ปหริตฺวา มาเรตฺวา ทนฺตาทีนิ คเหตฺวา เสสํ ภมู ิยํ ถือเอาแล้ว (ซง่ึ อวยั วะ ท.) มีงาเป็นต้น ฝังแล้ว ซงึ่ อวยั วะอนั เหลือ นิขนิตฺวา คจฺฉต.ิ ในแผน่ ดนิ ยอ่ มไป ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอน่ื อกี อ. พระโพธสิ ตั ว์ ถอื เอาแล้ว ซงึ่ ปฏสิ นธิ อปรภาเค โพธิสตฺโต หตฺถิโยนิยํ ปฏิสนฺธึ ในก�ำเนิดแห่งช้ าง เป็ นช้างตัวเจริญที่สุด เป็ นเจ้าแห่งโขลง คเหตฺวา หตฺถิเชฏฺ€โก ยถู ปติ อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ในกาลนนั้ อ. พรานนนั้ ยอ่ มกระท�ำ อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ ตทาปิ โส ตเถว กโรติ . อ. พระมหาบรุ ุษ ทราบแล้ว ซงึ่ ความเส่ือมรอบ แหง่ บริษัท มหาปรุ ิโส อตฺตโน ปริสาย ปริหานึ ตฺวา ของตน ถามแล้ว วา่ อ. ช้าง ท. เหลา่ นี ้ไปแล้ว ในทไ่ี หน เป็นสตั วน์ ้อย “กหุ ึ อิเม หตฺถี คตา มนฺทา ชาตาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, เกิดแล้ว ดงั นี,้ 72 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตน่ าย อ. เรา ท. ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ (อนั ช้าง ท.) “น ชานาม สามีติ วตุ ฺเต, “กหุ ึ คจฺฉนฺตา มํ กลา่ วแล้ว, คดิ แล้ว วา่ (อ. ช้าง ท.) เม่ือไป ในที่ไหน ไมอ่ �ำลาแล้ว อนาปจุ ฺฉา น คมิสสฺ นฺต,ิ ปริปนฺเถน ภวติ พฺพนฺติ ซง่ึ เรา จกั ไมไ่ ป, อนั อนั ตรายเป็นเคร่ืองเบียดเบียนรอบ พงึ มี ดงั นี ้ จินฺเตตฺวา “เอกสมฺ ึ €าเน กาสาวํ ปารุปิ ตฺวา ระแวงแล้ว วา่ อนั อนั ตรายเป็นเครื่องเบียดเบียนรอบ พงึ มี นิสนิ ฺนสสฺ สนฺตกิ า ปริปนฺเถน ภวติ พฺพนฺติ จากส�ำนกั ของบรุ ุษ ผ้นู ง่ั คลมุ แล้ว ซงึ่ ผ้ากาสาวะ ในท่ีแหง่ หนงึ่ ปริสงฺกิตฺวา ตํ ปริคฺคณฺหิตํุ สพฺเพ หตฺถี ปรุ โต ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว ซงึ่ ช้าง ท. ทงั้ ปวง ข้างหน้า ยอ่ มมาล้าอยู่ ข้างหลงั เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉโต วิลมพฺ มาโน อาคจฺฉติ. เอง เพ่ืออนั ก�ำหนดจบั ซง่ึ บรุ ุษนนั้ ฯ อ. พรานนนั้ ครัน้ เม่ือช้างตวั เหลือ ท. จบแล้ว ไปแล้ว, เหน็ แล้ว โส เสสหตฺถีสุ วนฺทิตฺวา คเตส,ุ มหาปรุ ิสํ อาคจฺฉนฺตํ ซงึ่ พระมหาบรุ ุษ ผ้มู าอยู่ ม้วนแล้ว ซง่ึ จีวร ปลอ่ ยไปแล้ว ซงึ่ หอก ฯ ทิสฺวา จีวรํ สํหริตฺวา สตฺตึ วสิ ฺสชฺชิ. อ. พระมหาบรุ ุษ เข้าไปตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ สติ มาอยู่ ก้าวกลบั แล้ว มหาปรุ ิโส สตึ สตอฺตปุ ึฏฺ€วเปตเฺ จฺวสา.ิ อาคจฺฉนฺโต ข้างหลงั ลวงแล้ว ซงึ่ หอก ฯ ปจฺฉโต ปฏิกฺกมิตฺวา ครัง้ นนั้ (อ. พระ มหาบรุ ุษ) แลน่ ไปแล้ว เพ่ืออนั จบั ซงึ่ พรานนนั้ อถ นํ “อิมินา เม หตฺถี นาสติ าติ คณฺหิตํุ (ด้วยความส�ำคญั ) วา่ อ. ช้าง ท. ของเรา อนั บรุ ุษนี ้ให้ฉิบหายแล้ว ปกฺขนฺทิ. ดงั นี ้ฯ อ.พรานนอกนี ้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ ต้นไม้ ต้นหนง่ึ ข้างหน้า อิตโร เอกํ รุกฺขํ ปรุ โต กตฺวา นิลียิ. แอบแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ. พระมหาบรุ ุษ รวบรดั แล้ว ซง่ึ พรานนนั้ กบั ด้วยต้นไม้ อถ นํ รุกฺเขน สทฺธึ โสณฺฑาย ปริกฺขิปิ ตฺวา ด้วยงวง (คดิ แล้ว) วา่ (อ. เรา) จบั แล้ว จกั ฟาด บนภาคพืน้ ดงั นี ้ “คเหตฺวา ภมู ิยํ โปเถสฺสามีติ เตน นีหริตฺวา ทสสฺ ติ ํ เหน็ แล้ว ซงึ่ ผ้ากาสาวะ อนั อนั พรานนนั้ น�ำออกแล้ว แสดงแล้ว กาสาวํ ทิสฺวา “สจาหํ อิมสมฺ ึ ทสุ สฺ สิ สฺ ามิ, (ยงั ความโกรธ) ให้อยทู่ บั แล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ ถ้าวา่ อ. เรา อเนกสหสเฺ สสุ เม พทุ ฺธปปฺ จฺเจกพทุ ฺธขีณาสเวสุ จกั ประทษุ ร้าย ในบรุ ุษนีไ้ ซร้, ชื่อ อ. ความละอาย ในพระพทุ ธเจ้า ลชฺชา นาม ภินฺนา ภวิสฺสตีติ อธิวาเสตฺวา และพระปัจเจกพทุ ธเจ้าและพระขีณาสพ ท. มีพนั มิใชห่ นงึ่ “ตยา เม เอตฺตกา าตกา นาสติ าติ ปจุ ฺฉิ. เป็นกิริยาอนั เราท�ำลายแล้ว จกั เป็น ดงั นี ้ ถามแล้ว วา่ อ. ญาติ ท. มีประมาณเทา่ นี ้ของเรา อนั เจ้า ให้ฉิบหายแล้วหรือ ดงั นี ้ฯ (อ. พราน กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย เออ (อ. อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ฯ “อาม สามีต.ิ (อ. พระมหาบรุ ุษ กลา่ วแล้ว) วา่ อ. เจ้า ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรม “กสฺมา เอวํ ภาริยํ กมมฺ ํ อกาส?ิ อตฺตโน อนั หนกั อยา่ งนี ้ เพราะเหตอุ ะไร ? อ. กรรมอนั หนกั อนั เจ้า อนนจุ ฺฉวิกํ วีตราคานํ อนจุ ฺฉวกิ ํ วตฺถํ ปริทหิตฺวา ผ้เู มื่อนงุ่ หม่ แล้ว ซงึ่ ผ้า อนั ไมส่ มควร แก่ตน อนั สมควร (แก่ชน ท.) เอวรูปํ ปาปกมมฺ ํ กโรนฺเตน ภาริยํ ตยา กตนฺติ. ผ้มู ีราคะไปปราศแล้วกระท�ำ ซงึ่ กรรมอนั ลามก อนั มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ฯ ก็แล (อ. พระมหาบรุ ุษ) ครัน้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้เมื่อขม่ ขี่ แม้ยิ่ง เอวจฺ ปน วตฺวา อตุ ฺตรึปิ นิคฺคณฺหนฺโต กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถา วา่ อ. บคุ คลใด ผูม้ ีกิเลสเพียงดงั น�้ำฝาดอนั ไม่ออกแลว้ “อนิกฺกสาโว กาสาวํ โย วตฺถํ ปริทเหสสฺ ติ ผูไ้ ปปราศแลว้ จากทมะและสจั จะ จกั น่งุ ห่ม ซึ่งผา้ กาสาวะ, อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ, อ. บคุ คลนนั้ ย่อมไม่ควร (เพือ่ อนั น่งุ ห่ม) ซึ่งผา้ กาสาวะ, โย จ วนตฺ กสาวสสฺ สีเลสุ สสุ มาหิโต ส่วนว่า อ. บคุ คลใด เป็นผูม้ ีกิเลสเพียงดงั น�้ำฝาดอนั คายแลว้ อเุ ปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตีติ เป็นผตู้ งั้ มนั่ ดีแลว้ ในศีล ท. เป็นผเู้ ขา้ ถงึ แลว้ ดว้ ย ทมะและสจั จะ พึงเป็น, อ.บคุ คลนน้ั แล ย่อมควร (เพือ่ อนั น่งุ ห่ม) ซึ่งผา้ กาสาวะ ดงั นี้ กลา่ วแล้ว วา่ อ. กรรมอนั ไมค่ วรแล้ว อนั เจ้ากระท�ำแล้ว ดงั นี ้ คาถํ วตฺวา “อยตุ ฺตนฺเต กตนฺติ วตฺวา ตํ วสิ สฺ ชฺเชส.ิ ปลอ่ ยแล้ว ซง่ึ พรานนนั้ (ดงั นี)้ ฯ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 73 www.kalyanamitra.org
อ. พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ สตฺถา อิมํ ธมมฺ เทสนํ อาหริตฺวา “ตทา ทรงยังชาดก ให้ตัง้ ลงพร้ อมแล้วว่า อ. บุคคลผู้ยังช้างให้ตาย หตฺถิมารโก เทวทตฺโต อโหส,ิ ตสสฺ นิคฺคหโก หตฺถิ ในกาลนนั้ เป็นเทวทตั ได้เป็นแล้ว (ในกาลนี)้ , อ. ช้างตวั ประเสริฐ นาโค อหเมวาติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา “น โข ภิกฺขุ ตวั ขม่ ข่ี ซงึ่ บคุ คลผ้ยู งั ช้างให้ตายนนั้ (ในกาลนนั้ ) เป็นเรานนั่ เทียว อิทาเนว, ปพุ ฺเพปิ เทวทตฺโต อตฺตโน อนนจุ ฺฉวกิ ํ วตฺถํ (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ (อ. เทวทตั ธาเรสเิ ยวาติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ ยอ่ มทรงไว้ ซง่ึ ผ้า อนั ไมส่ มควร แกต่ น) ในกาลนนี ้ นั่ เทยี ว หามไิ ด้แล, อ.เทวทัต ทรงไว้แล้ว ซ่ึงผ้า อันไม่สมควร แก่ตนนั่นเทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี ้ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ. บคุ คลใด ผูม้ ีกิเลสเพียงดงั น�้ำฝาดอนั ไม่ออกแลว้ “อนิกฺกสาโว กาสาวํ โย วตฺถํ ปริทเหสฺสติ ผูไ้ ปปราศแลว้ จากทมะและสจั จะ จกั น่งุ ห่ม ซ่ึงผา้ กาสาวะ, อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ, อ. บคุ คลนนั้ ย่อมไม่ควร (เพือ่ อนั น่งุ ห่ม) ซึ่งผา้ กาสาวะ, โย จ วนตฺ กสาวสสฺ สีเลสุ สสุ มาหิโต ส่วนว่า อ. บคุ คลใด เป็นผูม้ ีกิเลสเพียงดงั น�้ำฝาดอนั คายแลว้ อเุ ปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตีติ. เป็นผตู้ งั้ มน่ั ดีแลว้ ในศีล ท. เป็นผเู้ ขา้ ถงึ แลว้ ดว้ ยทมะและสจั จะ พึงเป็น, อ.บคุ คลนนั้ แล ย่อมควร (เพือ่ อนั น่งุ ห่ม) ซ่ึงผา้ กาสาวะ ดงั นี้ ฯ อ. เนือ้ ความนี ้ (อนั บณั ฑิต) พงึ แสดง แม้ด้วยฉทั ทนั ตชาดก ฉทฺทนตฺ ชาตเกนาปิ อยมตฺโถ ทีเปตพโฺ พติ. ดงั นี ้แล ฯ (อ.อรรถ) วา่ ช่ือวา่ ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยกิเลสเพียงดงั น�ำ้ ฝาด ตตฺถ “อนิกกฺ สาโวต:ิ กามราคาทีหิ กสาเวหิ เพราะกิเลสเพียงดงั น�ำ้ ฝาด ท. มีกามราคะเป็นต้น (ดงั นี)้ ในบท ท. สกสาโว. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อนิกกฺ สาโว ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ปริทเหสฺสตตี :ิ นิวาสนปารุปนตฺถรณวเสน จกั ใช้สอย ด้วยอำ� นาจแหง่ การนงุ่ และการหม่ และการลาด (ดงั นี ้ แหง่ บท) ปริภุ ชฺ ิสฺสต.ิ “ปริทหสิ ฺสตตี ปิ ิ ปาโ€. วา่ ปริทเหสฺสติ ดงั นี ้ ฯ อ.พระบาลี วา่ ปริทหสิ สฺ ติ ดงั นีบ้ ้าง ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้ไู ปปราศแล้ว, อ.อธิบาย วา่ ผ้พู รากแล้ว ดงั นี ้ อเปโต ทมสจเฺ จนาต:ิ อินฺทฺริยทมเนน เจว จากการฝึกซง่ึ อินทรีย์ด้วยนนั่ เทียว (จากวจีสจั จะ) อนั มีในฝ่ าย ปรมตฺถสจฺจปกฺขิเกน จ วจีสจฺเจน อเปโต. แห่งปรมัตถสัจจะด้วย (ดังนี ้ แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า “วยิ ตุ ฺโตติ อตฺโถ. อเปโต ทมสจเฺ จน ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คลนนั้ คือวา่ น โสต:ิ โส เอวรูโป ปคุ ฺคโล กาสาวํ ปริทหิตํุ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มไมค่ วร เพ่ืออนั นงุ่ หม่ ซงึ่ ผ้ากาสาวะ นารหต.ิ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ น โส ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ เป็นผ้มู ีกิเลสเพียงดงั น�ำ้ ฝาดอนั คายแล้ว คือวา่ วนฺตกสาวสฺสาต:ิ จตหู ิ มคฺเคหิ วนฺตกสาโว เป็นผ้มู ีกิเลสเพียงดงั น�ำ้ ฝาดอนั ทิง้ แล้ว คือวา่ เป็นผ้มู ีกิเลสเพียง ฉฑฺฑิตกสาโว ปหีนกสาโว อสสฺ . ดงั น�ำ้ ฝาดอนั ละได้แล้ว ด้วยมรรค ท. ๔ พงึ เป็น (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ วนฺตกสาวสสฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ในปาริสทุ ธิศีล ท. ๔ สีเลสูต:ิ จตสู ุ ปาริสทุ ฺธิสีเลส.ุ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สีเลสุ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ เป็นผ้ตู งั้ มน่ั แล้ว สอุสุเปมโาตหตโิ :ิตตอ:ิินฺทสฺรฏุ ิยฺ€ทุ มสเมนานหิโเตจวสฏุวฺตุ€ฺุตป€ิโปฺ ตก.าเรน ด้วยดี คือวา่ เป็นผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ด้วยดี (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สุสมาหโิ ต ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ เป็นผ้เู ข้าถงึ แล้ว ด้วยการฝึก จ วจีสจฺเจน อเุ ปโต. ซงึ่ อนิ ทรียด์ ้วยนนั่ เทยี ว ด้วยวจสี จั จะ มปี ระการอนั ข้าพเจ้า กลา่ วแล้ว ส เวต:ิ โส เอวรูโป ปคุ ฺคโล ตํ กาสาววตฺถํ ด้วย (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อุเปโต ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คลนนั้ อรหตีต.ิ คือวา่ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มควร (เพ่ืออนั นงุ่ หม่ ) ซง่ึ ผ้ากาสาวะ นนั้ ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ ส เว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. ภกิ ษุ ผ้อู ยใู่ นทศิ โดยปกติ คาถาปริโยสาเน โส ทิสาวาสโิ ก ภิกฺขุ โสตาปนฺโน นนั้ เป็นพระโสดาบนั เกิดแล้ว ฯ อ. ชน ท. มาก แม้เหลา่ อ่ืน ชาโต. อเฺ ปิ พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึส.ุ บรรลแุ ล้ว (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ฯ อ. เทศนา เทสนา มหาชนสสฺ สาตฺถิกา อโหสตี .ิ เป็นเทศนา เป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเทวทตั (จบแล้ว) ฯ เทวทตตฺ วตถฺ ุ. 74 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๘.อ. เร่ืองแห่งปริพาชกช่ือว่าสญชัย ๘. สญชฺ ยวตถฺ ุ. (๘) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “อสาเร สารมตโิ นติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ การไมม่ าแหง่ ปริพาชกช่ือวา่ สญชยั อนั อนั พระอคั รสาวก ท. เวฬวุ เน วหิ รนฺโต ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ นิเวทิตํ สอง กราบทลู ให้ทรงทราบแล้ว ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สฺชยสสฺ อนาคมนํ อารพฺภ กเถส.ิ อสาเร สารมตโิ น ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.วาจาเป็ นเคร่ืองกล่าวโดยล�ำดับ ในเรื่องนัน้ นี ้ : ตตฺรายํ อนปุ พุ ฺพีกถา: อมหฺ ากํ หิ สตฺถา อิโต ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ. พระศาสดา ของเรา ท. เป็นกมุ ารของ กปปฺ สตสหสฺสาธิกานํ จตนุ ฺนํ อสงฺเขยฺยานํ มตฺถเก พราหมณ์ ชอื่ วา่ สเุ มธ ในเมอื งชอ่ื วา่ อมรวดี ในทส่ี ดุ แหง่ อสงไขย ท. อมรวตีนคเร สเุ มโธ นาม พฺราหฺมณกมุ าโร หตุ ฺวา ๔ อนั ยงิ่ ด้วยแสนแหง่ กปั ป์ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้เป็น ถงึ แล้ว ซงึ่ ความสำ� เร็จ สพฺพสปิ ปฺ านํ นิปผฺ ตฺตึ ปตฺโต มาตาปิ ตนู ํ อจฺจเยน แหง่ ศลิ ปะทงั้ ปวง ท. บริจาคแล้ว ซง่ึ ทรัพย์ อนั บคุ คลพงึ นบั พร้อม อเนกโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา อิสปิ พฺพชฺชํ ด้วยโกฏิมิใชห่ นง่ึ โดยอนั ลว่ งไป แหง่ มารดาและบดิ า ท. บวชแล้ว ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ฌานาภิฺ าโย บวชโดยความเป็นฤาษี อยอู่ ยู่ ในป่าหมิ พานต์ ยงั ฌานและอภญิ ญา นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส ท. ให้บงั เกิดแล้ว ไปอยู่ โดยอากาศ เหน็ แล้ว ซง่ึ หนทาง สทุ สฺสนวิหารโต อมรวตีนครํ ปวิสนตฺถาย มคฺคํ อนั อนั บคุ คลช�ำระอยู่ เพ่ือประโยชน์แก่การเสดจ็ เข้าไป สเู่ มือง โสธิยมานํ ทิสวฺ า สยํปิ เอกํ ปเทสํ คเหตฺวา, ตสฺมึ ช่ือวา่ อมรวดี จากวหิ ารชื่อวา่ สทุ ศั น์ แหง่ พระทศพลพระนามวา่ อนิฏฺ€ิเตเยว อาคตสสฺ สตฺถโุ น อตฺตานํ เสตํุ กตฺวา ทีปังกร ถือเอาแล้ว ซง่ึ ประเทศ แหง่ หนงึ่ แม้เอง, ครัน้ เม่ือ อชินิจมมฺ ํ กลเล อตฺถริตฺวา “สตฺถา สสาวกสงฺโฆ ประเทศนนั้ ไมส่ ำ� เร็จแล้วนน่ั เทยี ว กระทำ� แล้ว ซง่ึ ตน ให้เป็นสะพาน กลลํ อนกฺกมิตฺวา มํ อกฺกมนฺโต คจฺฉตตู ิ นิปนฺโน, เพอื่ พระศาสดา ผ้เู สดจ็ มาแล้ว ลาดแล้ว ซง่ึ แผน่ หนงั ของเสอื เหลอื ง สตฺถารา ทิสวฺ าว “พทุ ฺธงฺกโุ ร เอส อนาคเต กปปฺ สต- บนเปื อกตม นอนแล้ว ด้วยความประสงค์ วา่ สหสสฺ าธิกานํ จตนุ ฺนํ อสงฺเขยฺยานํ ปริโยสาเน อ.พระศาสดาผ้เู ป็นไปกบั ด้วยหมแู่ หง่ พระสาวก ไมท่ รงเหยียบแล้ว โคตโม นาม พทุ ฺโธ ภวสิ ฺสตีติ พฺยากโต, ซงึ่ เปื อกตม ขอจงทรงเหยียบอยู่ ซง่ึ เรา เสดจ็ ไป ดงั นี,้ ผ้อู นั พระศาสดา ทรงเหน็ แล้วเทียว ทรงพยากรณ์แล้ว วา่ อ.บรุ ุษนน่ั ผ้เู ป็นหนอ่ เนือ้ ของพระพทุ ธเจ้า เป็นพระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ โคดม จกั เป็น ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงรอบ แหง่ อสงไขย ท. ส่ี อนั ย่ิงด้วยแสนแหง่ กปั ป์ ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว ดงั นี,้ ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 75 www.kalyanamitra.org
ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก แหง่ พระศาสดา พระองค์นนั้ ตสฺส สตฺถโุ น อปรภาเค “โกณฺฑฺโ สมุ งฺคโล ผ้มู ีพยากรณ์อนั ได้แล้ว ในสำ� นกั ของพระพทุ ธเจ้า ท. ๒๓ พระองค์ สมุ โน เรวโต โสภิโต อโนมทสสฺ ี ปทโุ ม นารโท แม้เหลา่ นี ้ผ้เู สดจ็ อบุ ตั ยิ งั โลกให้สวา่ งแล้ว คอื อ. พระโกณฑญั ญะด้วย ปทมุ ตุ ฺตโร สเุ มโธ สชุ าโต ปิ ยทสฺสี อตฺถทสสฺ ี อ. พระสมุ งั คละด้วย อ. พระสมุ นะด้วย อ. พระเรวตะด้วย ธมมฺ ทสฺสี สทิ ฺธตฺโถ ติสโฺ ส ปสุ ฺโส วปิ สสฺ ี สขิ ี อ. พระโสภิตะด้วย อ. พระอโนมทสั สดี ้วย อ. พระปทมุ ะด้วย เวสสฺ ภู กกสุ นฺโธ โกนาคมโน กสสฺ โป จาติ โลกํ อ. พระนารทะด้วย อ. พระปทมุ ตุ ตระด้วย อ. พระสเุ มธะด้วย โอภาเสตฺวา อปุ ปฺ นฺนานํ อิเมสปํ ิ เตวีสตยิ า พทุ ฺธานํ อ. พระสชุ าตะด้วย อ. พระปิ ยทสั สีด้วย อ. พระอตั ถทสั สีด้วย สนตฺ เิ ก ลทธฺ พยฺ ากรโณ “ทส ปารมโิ ย ทส อปุ ปารมโิ ย อ. พระธรรมทสั สดี ้วย อ. พระสทิ ธตั ถะด้วย อ. พระตสิ สะด้วย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตสึ ปารมิโย ปเู รตฺวา อ.พระปสุ สะด้วย อ.พระวปิ ัสสีด้วย อ.พระสขิ ีด้วย เวสฺสนฺตรตฺตภาเว €โิ ต สตฺตกฺขตฺตํุ ป€วีกมปฺ นานิ อ. พระเวสสภดู ้วย อ. พระกกสุ นั ธะด้วย อ. พระโกนาคมนะด้วย มหาทานานิ ทตฺวา ปตุ ฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา อ. พระกสั สปะด้วย ทรงยงั บารมี ๓๐ อนั เสมอ ท. คือ อ. บารมี ท. อายปุ ริโยสาเน ตสุ ติ ปเุ ร นิพฺพตฺตติ ฺวา ตตฺถ ๑๐ อ. อปุ บารมี ท. ๑๐ อ. ปรมตั ถบารมี ท. ๑๐ ให้เตม็ แล้ว ยาวตายกุ ํ €ตฺวา, ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ด�ำรงอยแู่ ล้ว ในอตั ภาพแหง่ พระเวสสนั ดร ทรงถวายแล้ว ซง่ึ ทาน สนฺนิปตติ ฺวา อนั ใหญ่ ท. อนั เป็นเหตหุ วน่ั ไหวแหง่ แผน่ ดนิ เจด็ ครัง้ ทรงบริจาคแล้ว ซงึ่ พระโอรสและพระชายา ทรงบงั เกิดแล้ว ในบรุ ีช่ือวา่ ดสุ ติ ในกาลเป็นที่สดุ ลงรอบแหง่ อายุ ทรงด�ำรงอยแู่ ล้ว สนิ ้ กาลก�ำหนด เพียงใดแหง่ อายุ ในบรุ ีชื่อวา่ ดสุ ติ นนั้ , (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ขา้ แต่พระมหาวีระ อ. กาลนี้ เป็นกาล ของพระองค์ “กาโลยนเฺ ต มหาวีร, อปุ ปฺ ชฺช มาตกุ จุ ฺฉิยํ, สเทวกํ ตารยนโฺ ต พชุ ฺฌสสฺ ุ อมตํ ปทนตฺ ิ (ย่อมเป็น), (อ. พระองค์) เสด็จอบุ ตั ิแลว้ ในพระครรภ์ ของพระมารดา (ทรงยงั โลก) อนั เป็นไปกบั ดว้ ยเทวโลก ใหข้ า้ มอยู่ ขอจงตรสั รู้ ซ่ึงความไม่ประมาทเป็นเครื่องถึง ซ่ึงอมตะ ดงั นี้ อนั เทวดาในจกั รวาลหมื่นหนง่ึ ท. ประชมุ กนั แล้ว กราบทลู แล้ว, วตุ ฺเต, ปจฺ มหาวโิ ลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จโุ ต ทรงเลอื กแล้ว ซงึ่ ฐานะอนั บคุ คลพงึ เลอื กใหญ่ ท. ห้า ทรงเคลอื่ นแล้ว สกยฺ ราชกเุ ล ปฏสิ นธฺ ึ คเหตวฺ า ตตถฺ มหาสมปฺ ตตฺ ยิ า จากบรุ ีช่ือวา่ ดสุ ติ นนั้ ทรงถือเอาแล้ว ซงึ่ ปฏิสนธิ ในราชตระกลู ปริจาริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺรโยพฺพนํ ปตฺวา แหง่ เจ้าศากยะ ผู้ (อนั พระญาติ ท.) ทรงบ�ำเรออยู่ ด้วยสมบตั ใิ หญ่ ตณิ ฺณํ อตุ นู ํ อนจุ ฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสริ ึ ในราชตระกลู นนั้ ทรงถงึ แล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ หนมุ่ อนั เจริญ วิย รชฺชสริ ึ อนภุ วนฺโต อยุ ฺยานกีฬาย คมนสมเย ตามล�ำดบั ทรงเสวยอยู่ ซงึ่ สริ ิในความเป็นแหง่ พระราชา อนกุ ฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย เทวทเู ต อนั ราวกะวา่ สริ ิในเทวโลก ในปราสาท ท. ๓ อนั สมควร แก่ฤดู ท. ๓ ทิสฺวา ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ เทวทตู ท. ๓ อนั บณั ฑติ นบั พร้อมแล้ววา่ ชนผ้แู กแ่ ล้ว และชนผ้เู จ็บและชนผ้ตู ายแล้ว ตามล�ำดบั ในสมยั เป็นที่เสดจ็ ไป เพ่ือทรงกรีฑาในพระอทุ ยาน 76 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ผ้มู ีความสงั เวชอนั เกิดพร้อมแล้ว เสดจ็ กลบั แล้ว ทรงเหน็ แล้ว สชฺ าตสํเวโค นิวตฺตติ ฺวา จตตุ ฺถวาเร ปพฺพชิตํ ซง่ึ บรรพชิต ในวาระท่ี ๔ ทรงยงั ความพอใจ ในการบวช วา่ ทสิ วฺ า “สาธุ ปพพฺ ชชฺ าติ ปพพฺ ชชฺ าย รุจึ อปุ ปฺ าเทตวฺ า อ. การบวช เป็นคณุ ชาตยิ งั ประโยชน์ให้สำ� เร็จ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ อยุ ฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตฺวา มงฺคล- ให้เกิดขนึ ้ แล้ว เสดจ็ ไปแล้ว สพู่ ระอทุ ยาน ทรงยงั วนั ให้สนิ ้ ไปแล้ว โปกฺขรณีตีเร นิสนิ ฺโน กปปฺ กเวสํ คเหตฺวา อาคเตน ในพระอทุ ยานนนั้ ประทบั นง่ั แล้ว ทฝ่ี ั่งแหง่ สระโบกขรณอี นั เป็นมงคล วสิ สฺ กุ มมฺ นุ า เทวปตุ ฺเตน อลงฺกตปฏิยตฺโต ผู้ อนั เทพบตุ ร ช่ือวา่ วษิ ณกุ รรม ผ้ถู ือเอาแล้ว ซงึ่ เพศแหง่ ชา่ งกลั บก ราหลุ กมุ ารสสฺ ชาตสาสนํ สตุ ฺวา ปตุ ฺตสเิ นหสสฺ มาแล้ว กระทำ� ให้พอแล้วและตกแตง่ แล้ว ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ ขา่ วสาสน์ พลวภาวํ ตฺวา “ยาว อิทํ พนฺธนํ น พนฺธต,ิ แหง่ พระกมุ ารพระนามวา่ ราหลุ ประสตู แิ ล้ว ทรงทราบแล้ว ตาวเทว ฉินฺทิสสฺ ามีติ จินฺเตตฺวา สายํ นครํ ปวิสนฺโต ซง่ึ ความที่แหง่ ความรักในพระโอรสเป็นสภาพมีก�ำลงั ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ. วตั ถเุ ป็นเครื่องผกู นี ้ จะไมผ่ กู เพียงใด, (อ. เรา) จกั ตดั (ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องผกู นี)้ เพียงนนั้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ เสดจ็ เข้าไปอยู่ สเู่ มือง ในเวลาเยน็ ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ คาถานี ้ อนั อนั พระธิดา ของพระเจ้าอา พระนามวา่ กิสาโคตมี ตรัสแล้ว วา่ (อ. พระสิทธตั ถะนี้ ผูเ้ ช่นนี้ เป็นพระโอรส ของพระมารดาใด “นิพพฺ ตุ า นูน สา มาตา, นิพพฺ โุ ต นนู โส ปิ ตา, ย่อมเป็น) อ.พระมารดานน้ั ทรงดบั แลว้ แน่, (อ. พระสิทธตั ถะ นิพพฺ ตุ า นูน สา นารี, ยสสฺ ายํ อีทิโส ปตีติ นี้ ผูเ้ ช่นนี้ เป็นพระโอรส ของพระบิดาใด ย่อมเป็น) อ. พระบิดานนั้ ทรงดบั แลว้ แน่, อ. พระสิทธตั ถะนี้ ผูเ้ ช่นนี้ เป็นพระสวามี ของพระนางใด (ย่อมเป็น) อ. พระนางนนั้ ทรงดบั แลว้ แน่ ดงั นี้ (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ. เรา เป็นผ้อู นั พระนางกิสาโคตมีนี ้ กิสาโคตมิยา นาม ปิ ตจุ ฺฉาธีตาย ภาสติ ํ อิมํ ให้ฟังแล้ว ซงึ่ บทวา่ ทกุ ข์ดบั แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ทรงเปลอื ้ งแล้ว คาถํ สตุ ฺวา “อหํ อิมาย นิพฺพตุ ปทํ สาวโิ ตติ ซง่ึ แก้วมกุ ดาหาร จากพระศอ ทรงสง่ ไปแล้ว แก่พระนางกิสาโคตมี คีวโต มตุ ฺตาหารํ โอมุ ฺจิตฺวา ตสสฺ า เปเสตฺวา นนั้ เสดจ็ เข้าไปแล้ว สภู่ พ ของพระองค์ ประทบั นงั่ แล้ว บนท่ีเป็นท่ี- อตฺตโน ภวนํ ปวสิ ติ ฺวา สริ ิสยเน นิสนิ ฺโน, บรรทมอนั เป็นสริ ิ, ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ ประการอนั แปลก ของหญงิ นกั ฟ้ อน นิทฺทปู คตานํ นาฏกิตฺถีนํ วิปปฺ การํ ทิสฺวา ท. ผ้เู ข้าถงึ แล้วซง่ึ ความหลบั ผ้มู ีพระทยั อนั เบื่อหนา่ ยแล้ว นิพฺพินฺนหทโย ฉนฺนํ ออฏุ ฺา€ราุยเปฺหตฺวาฉนฺนสกหนาฺถโกยํ ทรงยงั นายฉนั นะ ให้ลกุ ขนึ ้ แล้ว ทรงให้นำ� มาแล้ว ซง่ึ ม้าชอื่ วา่ กนั ถกะ อาหราเปตฺวา กนฺถกํ เสดจ็ ขนึ ้ แล้ว สมู่ ้าช่ือวา่ กนั ถกะ ผ้มู ีนายฉนั นะเป็นสหาย ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปริวโุ ต มหาภินิกฺขมนํ ผ้อู นั เทวดาในจกั รวาฬหมน่ื หนงึ่ ท. แวดล้อมแล้ว เสดจ็ ออกไปแล้ว นิกฺขมิตฺวา อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนกุ ฺกเมน เสดจ็ ออกเพอ่ื คณุ อนั ยงิ่ ใหญ่ ผนวชแล้ว ทฝี่ ่ังแหง่ แมน่ ำ� ช้ อื่ วา่ อโนมา ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิ ณฺฑาย จริตฺวา เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ ราชคฤห์ โดยลำ� ดบั เสดจ็ เท่ียวไปแล้ว ปณฺฑวปพฺพตปพฺภาเร นิสนิ ฺโน มคธรฺ า รชฺเชน ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์นนั้ เพื่อก้อนข้าว ประทบั นง่ั แล้ว ที่เงือ้ ม นิมนฺตยิ มาโน ตํ ปฏิกฺขิปิ ตฺวา สพฺพฺ ุตํ ปตฺวา แหง่ ภเู ขาช่ือวา่ ปัณฑวะ ผ้อู นั พระราชาผ้เู ป็นใหญ่ในแวน่ แคว้น อตฺตโน วชิ ิตํ อาคมนตฺถาย เตน คหิตปฏิฺโ ชอื่ วา่ มคธทรงเชอื ้ เชญิ อยู่ ด้วยความเป็นแหง่ พระราชา ทรงห้ามแล้ว อาฬารฺจ อทุ ฺทกฺจ อปุ สงฺกมิตฺวา เตสํ สนฺตเิ ก ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระราชานนั้ ผ้มู ีปฏิญญาอนั พระราชานนั้ อธิคตวิเสสํ อนลงฺกริตฺวา ฉพฺพสสฺ านิ มหาปธานํ ทรงรับแล้ว เพื่อประโยชน์แก่การ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ ความเป็น- ปทหิตฺวา วิสาขปณุ ฺณมีทิวเส ปาโตว สชุ าตาย แหง่ พระสพั พญั ญู เสดจ็ มา สแู่ วน่ แคว้น ของพระองค์ ทินฺนํ ปายาสํ ปริภุ ชฺ ิตฺวา เสดจ็ เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ ดาบสช่ือวา่ อาฬาระด้วย ซง่ึ ดาบส ช่ือวา่ อทุ กะด้วย ไมท่ รงกระท�ำให้พอแล้ว ซงึ่ คณุ วิเศษอนั พระองค์ ทรงถงึ ทบั แล้ว ในสำ� นกั ของดาบส ท. เหลา่ นนั้ ทรงเริ่มตงั้ แล้ว ซง่ึ ความเพียรใหญ่ สนิ ้ ปี หก ท. เสวยแล้ว ซงึ่ ข้าวปายาส อนั อนั นางสชุ าดาถวายแล้ว ในเวลาเช้าเทียว ในวนั คือดถิ ี มีพระจนั ทร์อนั เตม็ แล้วด้วยวิสาขฤกษ์ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 77 www.kalyanamitra.org
ทรงลอยแล้ว ซง่ึ ถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ในแมน่ ำ� ้ ชอ่ื วา่ เนรญั ชรา เนรชฺ ราย นทยิ า สวุ ณณฺ ปาตึ ปวาเหตวฺ า เนรชฺ ราย ทรงยงั สว่ นแหง่ วนั ให้น้อมไปลว่ งวิเศษแล้ว ด้วยสมาบตั ติ า่ ง ๆ ท. นทยิ า ตเี ร มหาวนสณเฺ ฑ นานาสมาปตตฺ หี ิ ทวิ สภาคํ ในชฏั แหง่ ป่ าใหญ่ ท่ีฝั่ง แหง่ แมน่ �ำ้ ชื่อวา่ เนรัญชรา ทรงรับแล้ว วีตนิ าเมตฺวา สายณฺหสมเย โสตฺถิเยน ทินฺนํ ตณิ ํ ซง่ึ หญ้า อนั อนั พราหมณ์ชื่อวา่ โสตถิยะถวายแล้ว ในสมยั เป็นท่ี คเหตวฺ า กาเฬน นาคราเชน อภติ ถฺ ตุ คโุ ณ โพธมิ ณฑฺ ํ สนิ ้ ไปแหง่ วนั ผ้มู ีพระคณุ อนั อนั นาคผ้รู าชาชื่อวา่ กาฬะชมเชยแล้ว อารุยฺห ตณิ านิ สนฺถริตฺวา “น ตาวิมํ ปลลฺ งฺกํ เสดจ็ ขนึ ้ แล้ว สคู่ วงแหง่ ไม้โพธ์ิ ทรงลาดแล้ว ซงึ่ หญ้า ท. ทรงกระทำ� แล้ว ภินฺทิสสฺ ามิ, ยาว เม อนปุ าทาย อาสเวหิ จิตฺตํ ซง่ึ การปฏิญญา วา่ อ. จิต ของเรา จกั ไมพ่ ้นวิเศษ จากอาสวะ ท. น วิมจุ ฺจิสสฺ ตีติ ปฏิฺ ํ กตฺวา ปรุ ตฺถาภิมโุ ข เพราะอนั ไมเ่ ข้าไปยดึ มนั่ เพียงใด (อ. เรา) จกั ไมท่ �ำลาย ซงึ่ บลั ลงั ก์ นิสที ิตฺวา, สรุ ิเย อนตฺถงฺคมิเตเยว, มารพลํ วธิ มิตฺวา นี ้ เพียงนนั้ ดงั นี ้ ผ้มู ีพระพกั ตร์เฉพาะตอ่ ทิศอนั ตงั้ อยใู่ นเบือ้ งหน้า ป€มยาเม ปพุ ฺเพนิวาสาณํ มชฺฌิมยาเม ประทบั นงั่ แล้ว, ครัน้ เม่ือพระอาทิตย์ เป็นสภาพถงึ แล้วซง่ึ อนั ตงั้ อยู่ จตุ ปู ปาตาณํ ปตวฺ า ปจฉฺ มิ ยามาวสาเน ปจจฺ ยากาเร าณํ โอตาเรตวฺ า อรุณคุ คฺ มเน ทสพลจตเุ วสารชชฺ าท-ิ ไมไ่ ด้นน่ั เทียว (มีอย)ู่ , ทรงก�ำจดั แล้ว ซงึ่ มารและพลของมาร สพฺพคณุ ปฏิมณฺฑิตํ สพฺพฺุตาณํ ปฏิวชิ ฺฌิตฺวา ทรงบรรลแุ ล้ว ซงึ่ ปพุ เพนวิ าสญาณ ในปฐมยาม ซงึ่ จตุ ปู ปาตญาณ สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วีตนิ าเมตฺวา อฏฺ€เม ในมชั ฌิมยาม ทรงยงั ญาณ ให้ข้ามลงแล้ว ในปัจจยาการ สตฺตาเห อชปาลนิโคฺรธมเู ล นิสนิ ฺโน ธมมฺ คมภฺ ีรตา- ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ ปัจฉิมยาม ทรงรู้ตลอดแล้ว ปจจฺ เวกขฺ เณน อปโฺ ปสสฺ กุ กฺ ตํ อาปชชฺ มาโน ทสสหสสฺ - ซงึ่ พระสพั พญั ญตุ ญาณ อนั ประดบั เฉพาะแล้วด้วยคณุ ทงั้ ปวง มหาพฺรหฺมปริวาเรน สหมปฺ ตพิ ฺรหฺมนุ า อายาจิต- มีทศพลญาณและเวสารัชชญาน ๔ เป็นต้น ในกาลเป็นท่ีขนึ ้ ไป ธมมฺ เทสโน พทุ ฺธจกฺขนุ า โลกํ โอโลเกตฺวา พฺรหฺมโุ น แหง่ อรุณ ทรงยงั สปั ดาห์เจ็ด ให้น้อมไปลว่ งวิเศษแล้ว ที่ควง อชฺเฌสนํ อธิวาเสตฺวา “กสฺส นุ โข อหํ ป€มํ ธมมฺ ํ แหง่ ไม้โพธ์ิ ประทบั นง่ั แล้ว ท่ีโคนแหง่ ต้นอชปาลนิโครธ เทเสยฺยนฺติ โอโลเกนฺโต อาฬารุทฺทกานํ กาลกตภาวํ ในสปั ดาห์ ที่แปด ทรงถงึ ทวั่ อยู่ ซง่ึ ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู ี ตวฺ า ปจฺ วคคฺ ยิ านํ ภกิ ขฺ นู ํ พหปุ การตํ อนสุ สฺ ริตวฺ า ความขวนขวายน้อย ด้วยการพจิ ารณาซง่ึ ความทแ่ี หง่ ธรรมเป็นสภาพลกึ ซงึ ้ อฏุ ฺ€ายาสนา กาสีปรุ ํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ผ้มู ีการแสดงซง่ึ ธรรม อนั พรหมชื่อวา่ สหมั บดีผ้มู ีท้าวมหาพรหม อปุ เกน อาชวี เกน สทธฺ ึ มนเฺ ตตวฺ า อาสาฬหฺ ปณุ ณฺ ม-ี ทิวเส อิสปิ ตเน มิคทาเย ปฺจวคฺคยิ านํ ภิกฺขนู ํ หมื่นหนงึ่ เป็นบริวาร ทลู วิงวอนแล้ว ทรงตรวจดแู ล้ว ซง่ึ โลก วสสมนทุ ฏาจฺ€รานนเฺ ํต ปตฺวา เต อนนจุ ฺฉวิเกน สมทุ าจาเรน ด้วยจกั ษุของพระพทุ ธเจ้า ทรงยงั ค�ำเป็นเครื่องเชือ้ เชิญ ของพรหม สฺ าเปตวฺ า อฺ าโกณฑฺ ฺ ปปฺ มเุ ข ให้อยทู่ บั แล้ว ทรงตรวจดอู ยู่ วา่ อ. เรา พงึ แสดง ซง่ึ ธรรม อฏฺ€ารสพฺรหฺมโกฏิโย อมตปานํ ปาเยนฺโต ครัง้ ที่หนง่ึ แก่ใครหนอแล ดงั นี ้ ทรงทราบแล้ว ซงึ่ ความที่ แหง่ ดาบสช่ือวา่ อาฬาระและดาบสช่ือวา่ อทุ กะ ท. เป็นผ้มู ีกาละ อนั กระท�ำแล้ว ทรงอนสุ รณ์ถงึ แล้ว ซงึ่ ความท่ีแหง่ ภิกษุ ท. ผ้นู บั เน่ืองแล้วในพวก ๕ เป็นผ้มู ีอปุ การะมาก เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ เสดจ็ ไปอยู่ สเู่ มืองช่ือวา่ กาสี ทรงสนทนาแล้ว กบั ด้วยอาชีวก ช่ือวา่ อปุ กะ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง เสดจ็ ถงึ แล้ว ซง่ึ ที่เป็นท่ีอยู่ ของภิกษุ ท. ผ้นู บั เน่ืองแล้วในพวก ๕ ในป่ าเป็นที่ให้ ซงึ่ อภยั แก่เนือ้ ช่ือวา่ อิสปิ ตนะ ในวนั คือดถิ ีมีพระจนั ทร์ อันเต็มแล้วด้ วยอาสาฬหฤกษ์ ทรงยังภิกษุ ท. เหล่านัน้ ผู้ประพฤติร้ องเรียกอยู่ ด้ วยความประพฤติร้ องเรียก อนั ไมส่ มควร ให้รู้พร้อมแล้ว ทรงยงั โกฏิแหง่ พรหม ๑๘ ท. มีพระอญั ญาโกณฑญั ญะ เป็นประมขุ ให้ด่ืมอยู่ ซงึ่ น�ำ้ อนั บคุ คล พงึ ดื่มช่ือวา่ อมฤต 78 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ทรงยงั จกั รคือธรรม ให้เป็นไปทวั่ แล้ว ผ้มู ีจกั รคือธรรมอนั ประเสริฐ ธมมฺ จกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปวตฺตติ ปวรธมมฺ จกฺโก อนั ทรงให้เป็นไปทวั่ แล้ว ทรงยงั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง ปจฺ มิยํ ปกฺขสฺส สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในพระอรหตั ในดถิ ีท่ี ๕ แหง่ ปักษ์ ทรงเหน็ แล้ว ปตฏิ ฺ€าเปตฺวา ตํทิวสเมว ยสสฺส กลุ ปตุ ฺตสฺส ซง่ึ ความถงึ พร้อมแหง่ อปุ นิสยั แหง่ กลุ บตุ ร ช่ือวา่ ยสะ ในวนั นนั้ อปุ นิสสฺ ยสมปฺ ตฺตึ ทิสฺวา ตํ รตฺตภิ าเค นิพฺพินฺทิตฺวา นน่ั เทียว ทรงร้องเรียกแล้ว ซงึ่ ยสะนนั้ ผ้เู บื่อหนา่ ยแล้ว ละแล้ว เคหํ ปหาย นิกฺขมนฺตํ “เอหิ ยสาติ ปกฺโกสติ ฺวา ซง่ึ เรือน ออกไปอยู่ ในสว่ นแหง่ ราตรี (ด้วยพระดำ� รสั ) วา่ ดกู อ่ นยสะ ตสมฺ เึ ยว รตฺตภิ าเค โสตาปตฺตผิ ลํ ปาเปตฺวา (อ. ทา่ น) จงมา ดงั นี ้ ทรงยงั ยสะนนั้ ให้บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ปนุ ทิวเส อรหตฺตํ ปาเปตฺวา อปเรปิ ตสสฺ สหายเก ในสว่ นแหง่ ราตรี นนั้ นนั่ เทยี ว ให้บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ในวนั รุ่งขนึ ้ จตปุ ฺ าสชเน เอหิภิกฺขปุ พฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา ทรงยงั ชน ๕๔ ท. ผ้เู ป็นสหาย ของพระยสะนนั้ แม้เหลา่ อื่นอีก อรหตฺตํ ปาเปส.ิ ให้บวชแล้ว ด้วยเอหิภิกขบุ รรพชา ให้บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ฯ ครัน้ เม่ือพระอรหนั ต์ ท. ๖๑ เกิดแล้ว ในโลก อยา่ งนี,้ (อ. พระศาสดา) ผ้มู ีกาลฝนอนั ประทบั อยแู่ ล้ว ทรงปวารณาแล้ว เอวํ โลเก เอกสฏฺ€ยิ า อรหนฺเตสุ ชาเตส,ุ ทรงสง่ ไปแล้วซงึ่ ภิกษุ ๖๐ ท. ในทิศ ท. (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ วตุ ฺถวสโฺ ส ปวาเรตฺวา “จรถ ภิกฺขเว จาริกนฺติ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เธอ ท.) จงเที่ยวไป สทู่ ่ีจาริก ดงั นีเ้ป็นต้น สฏฺ€ิภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อรุ ุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปปฺ าสกิ วนสณฺเฑ ตสึ ชเน เสดจ็ ไปอยู่ สปู่ ระเทศช่ือวา่ อรุ ุเวลา เอง ทรงแนะน�ำแล้ว ซงึ่ กมุ าร ภทฺทวคฺคยิ กมุ าเร วเิ นส.ิ ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวกอนั เจริญ ท. ผ้เู ป็นชน ๓๐ ในชฏั แหง่ ป่ าฝ้ าย ในระหวา่ งแหง่ หนทาง ฯ ในกมุ าร ท. เหลา่ นนั้ หนา (อ. กมุ าร) ผ้เู กิดแล้วในภายหลงั เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพตุ ฺตโม แหง่ กมุ ารทงั้ ปวง เป็นพระโสดาบนั (ได้เป็นแล้ว) , (อ. กมุ าร) อนาคามี อโหส.ิ ผ้สู งู สดุ แหง่ กมุ ารทงั้ ปวง เป็นพระอนาคามี ได้เป็นแล้ว ฯ (อ. พระศาสดา) ทรงยงั กมุ าร ท. ทงั้ ปวงแม้เหลา่ นนั้ ให้บวชแล้ว เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขภุ าเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ด้วยความเป็นแหง่ เอหิภิกขนุ น่ั เทียว ทรงสง่ ไปแล้ว ในทิศ ท. ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อรุ ุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒฑุ ฺฒานิ เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ระเทศช่ือวา่ อรุ ุเวลา เอง ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ พนั ปาฏิหาริยสหสสฺ านิ ทสเฺ สตฺวา อรุ ุเวลกสฺสปาทโย แหง่ ปาฏหิ าริย์ ท. ที่ ๔ ด้วยทงั้ กง่ึ ทรงแนะนำ� แล้ว ซง่ึ ชฎลิ พน่ี ้องชาย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาตกิ ชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุ ๓ คน ท. มีชฎิลพนั หนงึ่ เป็นบริวาร มีชฎิลช่ือวา่ อรุ ุเวลากสั สปะ ภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสเี ส นิสีทาเปตฺวา เป็นต้น ให้บวชแล้ว ด้วยความเป็นแหง่ เอหิภิกขนุ น่ั เทียว ให้นง่ั แล้ว อาทิตฺตปริยายเทสนาย อรหตฺเต “พปิมตพฺ ฏิิสฺ€าารรเปตฺโฺวา ณ ประเทศช่ือวา่ คยาสีสะ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในพระอรหตั เตน อรหนฺตสหสเฺ สน ปริวโุ ต ด้วยเทศนาคืออาทิตตปริยายสตู ร ผ้อู นั พนั แหง่ พระอรหนั ต์ นนั้ ทินฺนํ ปฏิฺํ โมเจสฺสามีติ ราชคหนครุปจาเร แวดล้อมแล้ว (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ (อ. เรา) จกั เปลอื ้ ง ซงึ่ ปฏิญญา สลฏตุ ฺฺว€วิานยุ ทฺยฺวาานทํ สนคหนเุ ตฺตหฺวาิ “สตฺถา กิร อาคโตติ อนั อนั เราให้แล้ว แกพ่ ระราชาพระนามวา่ พมิ พสิ าร ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว พฺราหฺมณคหปตเิ กหิ สทฺธึ อาคตสฺส รฺโ มธรุ ธมมฺ กถํ กเถนฺโต ราชานํ สสู่ วนช่ือวา่ ลฏั ฐิวนั ใกล้อปุ จารแหง่ เมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ตรัสอยู่ เอกาทสหิ นหเุ ตหิ สทฺธึ โสตาปตฺตผิ เล ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ วซงึ่ ธรรมอนั ไพเราะ แกพ่ ระราชาผ้ทู รงสดบั แล้ว ปตฏิ ฺ€าเปตฺวา เอกํ นหตุ ํ สรเณสุ ปตฏิ ฺ€าเปตฺวา วา่ ได้ยินวา่ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ดงั นี ้ เสดจ็ มาแล้ว กบั ด้วยพราหมณ์และคฤหบดี ท. มีหมื่นสบิ สองเป็นประมาณ ทรงยงั พระราชา กบั ด้วยนหตุ ท. ๑๑ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ทรงยงั นหตุ หนงึ่ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในสรณะ ท. ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 79 www.kalyanamitra.org
ผ้มู ีพระคณุ อนั ท้าวสกั กะ ผ้พู ระราชาแหง่ เทพ ทรงถือเอาแล้ว ปนุ ทิวเส สกฺเกน เทวรฺา มาณวกวณฺณํ ซงึ่ เพศแหง่ มาณพ ทรงชมเชยแล้ว เสดจ็ เข้าไปแล้ว สเู่ มือง คเหตฺวา อภิตฺถตุ คโุ ณ ราชคหนครํ ปวสิ ติ ฺวา ชื่อวา่ ราชคฤห์ ในวนั รุ่งขนึ ้ ผ้มู ีกิจด้วยภตั รอนั ทรงกระท�ำแล้ว ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เวฬวุ นารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา ในพระราชนิเวศน์ ทรงรับเฉพาะแล้ว ซง่ึ อารามชื่อวา่ เวฬวุ นั ตตฺเถว วาสํ กปเฺ ปส.ิ ทรงส�ำเร็จแล้ว ซงึ่ การประทบั อยู่ ในอารามนนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.พระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท. เข้าไปเฝ้ าแล้ว ตตฺถ นํ สารีปตุ ฺตโมคฺคลลฺ านา อปุ สงฺกมสึ .ุ ซง่ึ พระศาสดานนั้ ในอาราม นนั้ ฯ อ. วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ตตฺรายํ อนปุ พุ ฺพีกถา: โดยล�ำดบั ในเร่ืองนนั้ นี ้ : ก็ ครัน้ เมื่อพระพทุ ธเจ้า ไมเ่ สดจ็ อบุ ตั แิ ล้วนน่ั เทียว , อ. บ้าน อนปุ ปฺ นฺเนเยว หิ พทุ ฺเธ, ราชคหโต อวิทเู ร แหง่ พราหมณ์ ท. ๒ คือ อ. อปุ ตสิ สคามด้วย อ. โกลติ คามด้วย “อปุ ตสิ สฺ คาโม จ โกลติ คาโม จาติ เทวฺ พรฺ าหมฺ ณคามา ได้มีแล้ว ในท่ีไมไ่ กล จากเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ฯ อเหสํ.ุ ในบ้านแห่งพราหมณ์ ท. ๒ เหล่านัน้ หนา อ. ครรภ์ เตสุ อปุ ตสิ สฺ คาเม สาริยา นาม พฺราหฺมณิยา แม้ของพราหมณี ชื่อวา่ โมคคลั ลี ในโกลติ คาม ตงั้ อยู่ นคพามฺภสสฺพฺรปาหตฺมฏิ ฺณ€ิติยทาิวปเิสเคยพวฺโภโกลปติ ตคฏิาฺเ€มหิ. โมคฺคลลฺ ยิ า เฉพาะแล้ว ในวนั แหง่ ครรภ์ของพราหมณีชอื่ วา่ สารี ในอปุ ตสิ สคาม ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้วนนั่ เทียว ฯ ได้ยินวา่ อ. ตระกลู ท. แม้สอง เหลา่ นนั้ เป็นสหายเนื่องกนั ตานิ กิร เทฺวปิ กลุ านิ ยาว สตฺตมา ทวั่ แล้วและเน่ืองเฉพาะแล้วนนั่ เทียว เพียงใดแต่อนั เวียนรอบ กทลุวฺ นิปนฺริวปํ ฏิ ฺฏเอากทอวิ สาเพมทวฺธปคฏพิพภฺ ทปฺธรสิหหาราํยกอาทเสํ น.ุ ว.ตา ตาสํ แหง่ ตระกลู ที่เจ็ด (ได้เป็นแล้ว) ฯ (อ. ญาติ ท.) ได้ให้แล้ว อโุ ภปิ ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องบริหารซงึ่ ครรภ์ แก่พราหมณี ท. แม้สอง เหลา่ นนั้ ทสมาสจฺจเยน ปตุ ฺเต วชิ ายสึ .ุ ในวนั เดียวกนั นนั่ เทียว ฯ อ. พราหมณี ท. แม้ทงั้ สอง เหลา่ นนั้ คลอดแล้ว ซง่ึ บตุ ร ท. โดยอนั ลว่ งไปแหง่ เดือน ๑๐ ฯ ในวนั เป็นท่ีถือเอาซง่ึ ชื่อ (อ. ญาติ ท.) ได้กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นามคฺคหณทิวเส สาริยา พฺราหฺมณิยา ปตุ ฺตสสฺ วา่ อ. อปุ ตสิ สะ ดงั นี ้ ให้เป็นชื่อ ของบตุ ร ของพราหมณีชื่อวา่ สารี อปุ ตสิ สฺ คามเก เชฏฺ€กลุ สสฺ ปตุ ฺตตฺตา “อปุ ตสิ โฺ สติ เพราะความท่ี (แหง่ เดก็ นนั้ ) เป็นบตุ ร ของตระกลู เจริญท่ีสดุ นามํ อกํส.ุ ในอปุ ตสิ สคาม ฯ (อ. ญาติ ท.) ได้กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) วา่ อ. โกลติ ะ ดงั นี ้ อิตรสสฺ โกลติ คาเม เชฏฺฐกลุ สสฺ ปตุ ฺตตฺตา ให้เป็นช่ือ (ของบตุ ร ของพราหมณี ช่ือวา่ โมคคลั ลี) นอกนี ้ “โกลโิ ตติ นามํ อกํส.ุ เพราะความที่ (แหง่ เดก็ นนั้ ) เป็นบตุ ร ของตระกลู เจริญที่สดุ ในโกลติ คาม ฯ อ. บตุ ร ท. แม้ทงั้ สอง เหลา่ นนั้ อาศยั แล้ว ซง่ึ ความเจริญ เต อโุ ภปิ วฑุ ฺฒิมนฺวาย สพฺพสปิ ปฺ านํ ปารํ ได้ถงึ แล้ว ซงึ่ ฝั่ง แหง่ ศลิ ปะทงั้ ปวง ท. ฯ อคมํส.ุ ในกาลเป็นที่ไป สแู่ มน่ �ำ้ หรือ หรือวา่ สสู่ วน เพ่ือประโยชน์ อปุ ตสิ สฺ มาณวสสฺ กีฬนตฺถาย นทึ วา อยุ ฺยานํ แก่การเลน่ ของมาณพช่ือวา่ อปุ ตสิ สะ อ. ร้อยแหง่ วออนั เป็นวกิ าร วา คมนกาเล ปฃฺจ สวุ ณฺณสวิ ิกาสตานิ ปริวารานิ แหง่ ทอง ท. ๕ เป็นบริวาร ยอ่ มเป็น, (ในกาลเป็นที่ไป สแู่ มน่ �ำ้ หรือ โหนฺต,ิ โกลติ มาณวสฺส ปฃฺจ อาชญฺญรถสตานิ. หรือวา่ สสู่ วน เพื่อประโยชน์แก่การเลน่ ) ของมาณพชื่อวา่ โกลติ ะ อ. ร้อยแหง่ รถอนั เทียมแล้วด้วยม้าอาชาไนย ท. ๕ (เป็นบริวาร) (ยอ่ มเป็น) ฯ อ. ชน ท. แม้ ๒ เป็นผ้มู ีร้อยแหง่ มาณพห้าห้าเป็นบริวาร เทวฺ ปิ ชนา ปญฺจปญฺจมาณวสตปริวารา โหนตฺ .ิ ยอ่ มเป็น ฯ ก็ ชอื่ อ. มหรสพอนั บคุ คลพงึ เลน่ บนยอดแหง่ ภเู ขา ในปีตามลำ� ดบั ราชคเห จ อนสุ ํวจฺฉเร คริ คฺคสมชฺโช นาม ยอ่ มมี ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ฯ โหต.ิ (อ. บริวาร ท.) ยอ่ มผกู ซง่ึ เตียงและเตียงเกิน ในท่ีแหง่ เดียวกนั เตสํ ทฺวินฺนํปิ เอกฏฺฐาเนเยว มญฺจาตมิ ญฺจํ นน่ั เทียว เพื่อชน ท. แม้ ๒ เหลา่ นนั้ ฯ พนฺธนฺต.ิ (อ. ชน ท.) แม้ ๒ นง่ั ดอู ยู่ ซงึ่ มหรสพ โดยความเป็นอนั เดียวกนั เทวฺ ปิ เอกโตว นสิ ที ติ วฺ า สมชชฺ ํ ปสสฺ นตฺ า เทยี ว ยอ่ มหวั เราะ ในทอ่ี นั ตนควรหวั เราะ, ยอ่ มถงึ ทว่ั ซง่ึ ความสลด หสติ พพฺ ฏฺฐาเน หสนฺต,ิ สเํ วคฏฺฐาเน สเํ วคํ อาปชฺชนฺต,ิ ในที่เป็นที่ตงั้ แหง่ ความสลด, 80 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ยอ่ มให้ ซงึ่ รางวลั ในที่อนั ควรแล้ว เพื่ออนั ให้ ซง่ึ รางวลั ฯ ทายํเตทสาํ ตอํมุิ นิยาตุ ฺตนฏยิ ฺฐาาเมเนน ทายํ เทนฺติ. ปสสฺ นตฺ านํ เมื่อชน ท. ๒ เหลา่ นนั้ ดอู ยู่ซงึ่ มหรสพ ในวนั หนงึ่ โดยท�ำนอง นี ้ เอกทวิ สํ สมชชฺ ํ อ. การหวั เราะ ในท่ีอนั ตนควรหวั เราะหรือ หรือวา่ อ. ความสลด ปริปากคตตตฺ า ญาณสสฺ ปรุ ิมทวิ เสสุ วยิ หสทติาพยพฺํ ฏฺฐทาาเนตํุ ในท่ีเป็นที่ตงั้ แหง่ ความสลด หรือวา่ อ. รางวลั ในท่ีอนั ควรแล้ว หาโส วา ทสาเํ วยคํ ฏวฺฐาาเนนาสโหํเวสโ.ิค วา เพื่ออนั ให้ ซงึ่ รางวลั ราวกะ (อ. การหวั เราะ ในที่อนั ตนควรหวั เราะ ยตุ ฺตฏฺฐาเน หรือ หรือวา่ อ. ความสลด ในท่ีเป็นที่ตงั้ แหง่ ความสลด หรือวา่ อ. รางวลั ในทอ่ี นั ควรแล้ว เพอ่ื อนั ให้ซงึ่ รางวลั ) ในวนั อนั มใี นกอ่ น ท. ไมไ่ ด้มีแล้ว เพราะความท่ีแหง่ ญาณ เป็นคณุ ชาตถงึ แล้ว ซงึ่ ความแก่รอบ ฯ ก็ อ. ชน ท. ๒ คดิ แล้ว อยา่ งนี ้วา่ อ. วตั ถอุ ะไรอนั (อนั เรา ท.) เทฺว ปน ชนา เอวํ จินฺตยสึ ุ “ กึ เอตฺถ พงึ แลดู ในมหรสพนี ้ มีอย,ู่ อ. ชน ท. เหลา่ นี ้ แม้ทงั้ ปวง โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิ เม อปปฺ ตฺเต วสฺสสเต ครัน้ เมื่อร้อยแหง่ ปี ไมถ่ งึ แล้ว จกั ถงึ ซง่ึ ความเป็นแหง่ บคุ คล อปณฺณตฺตกิ ภาวํ คมิสฺสนฺต,ิ อมเฺ หหิ ปน เอกํ ผ้ไู มม่ ีบญั ญตั ,ิ ก็ อ. อนั อนั เรา ท. แสวงหาซงึ่ ธรรมเป็นเหตพุ ้น โมกฺขธมมฺ ํ ปริเยสติ ํุ วฏฺฏตีติ อารมมฺ ณํ คเหตฺวา อยา่ งหนง่ึ ยอ่ มควร ดงั นี ้นงั่ ถือเอาแล้ว (กระท�ำ) ให้เป็นอารมณ์ ฯ นิสที สึ .ุ ในลำ� ดบั นนั้ อ. โกลติ ะ กลา่ วแล้ว กะอปุ ตสิ สะ วา่ แนะ่ อปุ ตสิ สะ ตโต โกลโิ ต อปุ ตสิ สฺ ํ อาห “สมมฺ อปุ ติสสฺ ผ้สู หาย อ.ทา่ น เป็นผ้รู ่าเริงแล้วและร่าเริงทวั่ แล้ว ราวกะวา่ ตอนฺวํตนฺตมอนชธฺเาชตสโุ ุกทสิว,ิ เสกสินุ ฺเตวยิสลฺลหกฺขฏฺิตฐปนหฺต.ิฏฺโฐ, อิทานิ (ผ้รู ่าเริงแล้วและร่าเริงทวั่ แล้ว) ในวนั ท. เหลา่ อ่ืน (ยอ่ มเป็น) หามิได้, ในกาลนี ้ (อ. ทา่ น) เป็นผ้มู ีธาตขุ องบคุ คลผ้มู ีใจมิใช-่ เป็นของมีอยแู่ หง่ ตน ยอ่ มเป็น, อ. อะไร อนั ทา่ น ก�ำหนดได้แล้ว ดงั นี ้ฯ อ. อปุ ตสิ สะนนั้ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ โกลติ ะ ผ้สู หาย (อ. เรา) โส อาห “สมมฺ โกลติ `เอเตสํ โอโลกเน สาโร เป็นผ้นู ง่ั คดิ อยแู่ ล้ว ซงึ่ เหตนุ ี ้ วา่ อ. สาระ ในการแลดู ซงึ่ ชน ท. นตฺถิ, นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมมฺ ํ คเวสติ ํุ เหลา่ นน่ั ยอ่ มไมม่ ,ี อ. การดแู ลนน่ั เป็นของไมม่ ปี ระโยชน์ (ยอ่ มเป็น), กวฏสฺฏมฺ ตาีติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสนิ ฺโนมหฺ ิ, ตฺวํ ปน อ. อนั (อนั เรา ท.) แสวงหา ซง่ึ ธรรมเป็นเคร่ืองหลดุ พ้น เพื่อตน ยอ่ ม อนตฺตมโนสตี .ิ โสปิ ตเถวาห. ควร ดงั นี ้ ยอ่ มเป็น, ก็ อ. ทา่ น เป็นผ้มู ีใจมิใชเ่ ป็นของมีอยแู่ หง่ ตน ยอ่ มเป็น เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ อ. โกลติ ะแม้นนั้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว ฯ ครัง้ นนั้ อ. อปุ ตสิ สะ รู้แล้ว ซง่ึ ความท่ีแหง่ โกลติ ะนนั้ เป็น- อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ญตฺวา ผ้มู ีอธั ยาศยั เป็นอนั เดียวกนั กบั ด้วยตน กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ สหาย อปุ ตสิ ฺโส อาห “สมมฺ อมฺหากํ อภุ ินฺนํปิ สจุ ินฺตติ ํ, (อ. เหต)ุ อนั เรา ท. แม้ทงั้ สองคดิ กนั ดีแล้ว, ก็ อ. อนั (อนั เรา ท.) โมกฺขธมมฺ ํ ปน คเวสติ ํุ ววฏฏฺฺ ฏฏตต,ิ,ิ คเวสนฺเตหิ แสวงหา ซงึ่ ธรรมเป็นเหตพุ ้น ยอ่ มควร, อ. อนั (อนั ชน ท.) ชื่อวา่ นาม เอกํ ปพฺพชฺชํ ลทฺธํุ กสสฺ สนฺตเิ ก ผ้แู สวงหาอยู่ ได้ ซง่ึ การบวช อยา่ งหนง่ึ ยอ่ มควร, (อ. เรา ท.) ปพฺพชามาต.ิ จะบวช ในสำ� นกั ของใคร ดงั นี ้ฯ ก็ โดยสมยั นนั้ แล อ. ปริพาชก ชื่อวา่ สญชยั ยอ่ มอยเู่ ฉพาะ เตน โข ปน สมเยน สฃฺชโย ปริพฺพาชโก ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ กบั ด้วยบริษัทคือปริพาชก หมใู่ หญ่ ฯ ราชคเห ปฏิวสติ มหตยิ า ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ (อ. เรา ท.) จกั บวช เต “ ตสฺส สนฺตเิ ก ปพฺพชิสฺสามาติ ในส�ำนกั ของปริพาชกนนั้ ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว ซง่ึ ร้อยแหง่ มาณพห้า ท. ปญฺจมาณวกสตานิ “สวิ กิ าโย จ รเถ จ คเหตฺวา (ด้วยค�ำ) วา่ (อ. ทา่ น ท.) ถือเอา ซง่ึ วอ ท. ด้วย ซง่ึ รถ ท. ด้วย คจฺฉถาติ อยุ ฺโยเชตฺวา ปญฺจหิ มาณวกสเตหิ จงไปเถิด ดงั นี ้ บวชแล้ว ในส�ำนกั ของปริพาชกช่ือวา่ สญชยั สทฺธึ สญฺชยสสฺ สนฺตเิ ก ปพฺพชสึ .ุ กบั ด้วยร้อยแหง่ มาณพ ท. ๕ ฯ อ. ปริพาชกชื่อวา่ สญชยั เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ลาภอนั เลศิ และยศ เตสํ ปพฺพชิตกาลโต อโหปสฏ.ิ ฺ ฐาย สญฺชโย อนั เลศิ ย่ิงเกิน ได้เป็นแล้ว จ�ำเดมิ แตก่ าล แหง่ ชน ท. ๒ เหลา่ นนั้ อตเิ รกลาภคฺคยสคฺคปปฺ ตฺโต บวชแล้ว ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 81 www.kalyanamitra.org
อ. ชน ท. ๒ เหลา่ นนั้ เรียนเอาแล้ว ซงึ่ ลทั ธเิ ป็นเหตรุ ู้ ของปริพาชก เต กตปิ าเหเนว สพฺพํ สฃฺชยสสฺ สมยํ ชื่อวา่ สญชยั ทงั้ ปวง โดยวนั เลก็ น้อยนน่ั เทียว ถามแล้ว วา่ ปริคคฺ ณหฺ ติ วฺ า “อาจริย ตมุ หฺ ากํ ชานนสมโย เอตตฺ โกว ข้าแตอ่ าจารย์ อ. ลทั ธิเป็นเหตรุ ู้ ของทา่ น ท. เป็นลทั ธิมีประมาณ อทุ าหุ อตุ ฺตรึปิ อตฺถีติ ปจุ ฺฉึส.ุ เทา่ นีเ้ทียว (ยอ่ มเป็นหรือ) หรือวา่ มีอยู่ แม้ย่ิง ดงั นี ้ ฯ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ. ลทั ธิเป็นเหตรุ ู้ ของเรา) มีประมาณ “เอตฺตโกว, สพฺพํ ตมุ เฺ หหิ ฃาตนฺติ วตุ ฺเต, เต เทา่ นีเ้ทียว, (ชานนํ อ. ความรู้) ทงั้ ปวง อนั ทา่ น ท. รู้แล้ว ดงั นี ้ จนิ ตฺ ยสึ ุ “เอวํ สต,ิ อมิ สสฺ สนตฺ เิ ก พรฺ หมฺ จริยวาโส (อนั ปริพาชกชอื่ วา่ สญชยั ) กลา่ วแล้ว, อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ คดิ แล้ว นิรตฺถโก, มยํ โมกฺขธมมฺ ํ คเวสติ ํุ นิกฺขนฺตา, โส วา่ ครัน้ เม่ือความเป็นอยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ , อ. การอยู่ เพื่อพรหมจรรย์ อิมสฺส สนฺติเก อปุ ปฺ าเทตํุ น สกฺกา, มหา โข ในสำ� นกั ของอาจารย์นี ้ เป็นสภาพไมม่ ีประโยชน์ (ยอ่ มเป็น), ปน ชมพฺ ทุ โี ป, คามนคิ มชนปทราชธานโิ ย จรนตฺ า อ. เรา ท. เป็นผ้อู อกไป แล้ว เพ่ืออนั แสวงหา ซง่ึ ธรรมเป็นเหตพุ ้น อทธฺ า โมกขฺ ธมมฺ เทสกํ กญจฺ ิ อาจริยํ ลภสิ สฺ ามาต.ิ (ยอ่ มเป็น), อ. ธรรมเป็นเหตพุ ้นนนั้ (อนั เรา ท.) ไมอ่ าจ เพอื่ อนั ให้เกดิ ขนึ ้ ในส�ำนกั ของอาจารย์นี ้ , ก็ อ.ชมพทู วีป เป็นทวีปใหญ่แล (ยอ่ มเป็น), อ. เรา ท. เท่ียวไปอยู่ สบู่ ้านและนิคมและชนบทและ ราชธานี ท. จกั ได้ ซงึ่ อาจารย์ บางคน ผ้แู สดงซง่ึ ธรรมเป็นเหตพุ ้น แนแ่ ท้ ดงั นี ้ฯ (อ. ชน ท.) ยอ่ มกลา่ ว วา่ อ. สมณะและพราหมณ์ ท. ผ้ฉู ลาด สมณตพโฺตราหฺมปณฏฺ ฐาายสน“ฺตยีตติ ฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา มีอยู่ ในที่ใด ๆ ดงั นี;้ (อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ) ไปแล้ว ในท่ีนนั้ ๆ คนฺตฺวา สากจฺฉํ กโรนฺต.ิ วทนฺติ; ตตฺถ ตตฺถ ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ การสนทนา จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ อ. ชน ท. เหลา่ อ่ืน ยอ่ มไมอ่ าจ เพ่ืออนั กลา่ ว ซง่ึ ปัญหา เตหิ ปปฃฏุ ฺฺหฐปํ วญสิ ฺหสฺ ํชอฺเชญนฺเฺตญ.ิ กเถตํุ น สกฺโกนฺต,ิ เต อนั อนั สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ถามแล้ว, แตว่ า่ อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ปน เตสํ ยอ่ มแก้ ซง่ึ ปัญหา ของชน ท. เหลา่ นนั้ ฯ (อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ) สอบสวนแล้ว ซงึ่ ชมพทู วีป เอวํ สกลชมพฺ ทุ ีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺตติ ฺวา ทงั้ สนิ ้ อยา่ งนี ้ กลบั แล้ว มาแล้ว สทู่ ี่อนั เป็นของตนนนั่ เทียว ปสกฐมฏฺํฐาอนมเมตวํ อาคนฺตฺวา “สมมฺ โกลติ อมเฺ หสุ โย ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กตกิ า วา่ แนะ่ โกลติ ะ ผ้สู หาย ในเรา ท. หนา อธิคจฺฉต,ิ โส อาโรเจตตู ิ กตกิ ํ อกํส.ุ อ. บคุ คลใด ยอ่ มถงึ ทบั ซง่ึ ธรรมอนั ไมต่ ายแล้ว ก่อน, อ. บคุ คลนนั้ จงบอก (แก่สหายนอกนี)้ ดงั นี ้ ฯ ครัน้ เม่ือสหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ กตกิ า อยอู่ ยู่ เอวํ เตสุ กตกิ ํ กตฺวา วิหรนฺเตส,ุ สตฺถา อยา่ งนี,้ อ. พระศาสดา เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ เมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ วตุ ตฺ านกุ กฺ เมน ราชคหํ ปตวฺ า เวฬวุ นํ ปฏคิ คฺ เหตวฺ า ตามล�ำดับแห่งค�ำอันข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ทรงรับเฉพาะแล้ว เวฬวุ เน วหิ รต.ิ ซง่ึ พระเวฬวุ นั ประทบั อยอู่ ยู่ ในพระเวฬวุ นั ฯ ในกาลนนั้ อ. พระเถระช่ือวา่ อสั สชิ ในภายใน แหง่ ภิกษุ ท. ตทา “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหชุ นหิตายาติ ผ้นู บั เน่ืองแล้วในพวก ๕ ในระหวา่ ง แหง่ พระอรหนั ต์ ท. ๖๑ รตนตฺตยคณุ ปปฺ กาสนตฺถํ อยุ ฺโยชิตานํ เออกพสฺภฏนฺฐฺตยิ เาร ผู้ (อนั พระศาสดา) ทรงสง่ ไปแล้ว เพื่ออนั ประกาศซง่ึ พระคณุ - อรหนฺตานํ อนฺตเร ปฃฺจวคฺคยิ านํ แหง่ หมวดสามแหง่ รัตนะ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ราชคหํ อาคโต อ. เธอ ท. จงเที่ยวไป สทู่ ่ีจาริก เพื่อความเกือ้ กลู แก่ชนมาก ดงั นี ้ ปนุ ทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ เป็นต้น กลบั เฉพาะแล้ว มาแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ถือเอาแล้ว ปิ ณฺฑาย ปาวิส.ิ ซง่ึ บาตรและจีวร ได้เข้าไปแล้ว สเู่ มืองช่ือวา่ ราชคฤห์ เพื่อก้อนข้าว ในเวลาเช้าเทียว ในวนั รุ่งขนึ ้ ฯ ในสมยั นนั้ อ. ปริพาชกชอ่ื วา่ อปุ ตสิ สะ กระทำ� แล้ว ซงึ่ กจิ ด้วยภตั ร ตสมฺ ึ สมเย อปุ ตสิ สฺ ปริพพฺ าชโก ปาโตว ภตตฺ กจิ จฺ ํ ในเวลาเช้าเทียว ไปอยู่ สอู่ ารามของปริพาชก เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา 82 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
คดิ แล้ว วา่ อ.บรรพชิต ชื่อมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เป็นผ้อู นั เรา จินฺเตสิ “มยา เอวรูโป นาม ปพฺพชิโต ไมเ่ คยเหน็ แล้วนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น), อ. พระอรหนั ต์ ท. หรือ หรือวา่ น ทฏิ สฺฐมปาพุ ปโฺ พนเยฺนวา,, เย โลเก อรหนโฺ ต วา อรหตตฺ มคคฺ ํ (อ. บคุ คล ท.) ผ้บู รรลแุ ล้ว ซงึ่ อรหตั ตมรรค เหลา่ ใด (มีอย)ู่ ในโลก, วา อยํ เตสํ ภิกฺขุ อญฺญตโร; อ. ภิกษุนี ้ เป็น (แหง่ พระอรหนั ต์ ท. หรือ หรือวา่ แหง่ บคุ คล ท. ยนฺนนู าหํ อิมํ ภิกฺขํุ อปุ สงฺกมิตฺวา ปจุ ฺเฉยฺยํ ผ้บู รรลแุ ล้วซง่ึ อรหตั ตมรรค) เหลา่ นนั้ หนา-รูปใด รูปหนง่ึ (ยอ่ มเป็น); `กํสิ ตฺวํ อาวโุ ส อทุ ฺทิสสฺ ปพฺพชิโต, โก วา เต กระไรหนอ อ. เรา เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ ภกิ ษนุ ี ้พงึ ถาม วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้มู อี ายุ สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมมฺ ํ โรเจสตี .ิ อ. ทา่ น เป็นผ้บู วชแล้ว เจาะจง ซง่ึ ใคร ยอ่ มเป็น, อ. ใคร เป็นครู ของทา่ น (ยอ่ มเป็น) หรือ, หรือวา่ อ. ทา่ น ยอ่ มชอบใจ ซง่ึ ธรรม ของใคร (ดงั นี)้ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ. ความปริวติ กนน่ั วา่ (อ. กาลน)ี ้ เป็นสมยั มใิ ชก่ าลแล อถสสฺ เอตทโหสิ “อกาโล โข อิมํ ภิกฺขํุ เพื่ออนั ถาม ซง่ึ ปัญหา กะภิกษุนี ้(ยอ่ มเป็น), (อ. ภิกษุนี)้ เข้าไปแล้ว ยอปตนญฺถฺนฺหิเนู กํ าหหปิ ํจุ อฺฉอปุ ิติมญํ,ุ ํ าอภตนิกํ ฺตฺขมรํุคฆปฺคริ ฏนํ ฺฐฺตปโิ .ิตวฏิ ปฺโิฐฏฺฐโิปติ ณอฺฑนาพุ ยนฺเธจยรตฺยํ;ิ, สรู่ ะหวา่ งแหง่ เรือน ยอ่ มเท่ียวไป เพื่อบณิ ฑะ; กระไรหนอ อ. เรา แสวงหาอยู่ (ซง่ึ ธรรมเป็นเหตพุ ้น) อนั อนั ชน ท. ผ้มู ีความต้องการ เข้าไปรู้แล้ว พงึ ตดิ ตาม ซง่ึ ภิกษุนี ้ ข้างหลงั ข้างหลงั ดงั นี ้ ได้มีแล้ว แก่ปริพาชกช่ือวา่ อปุ ตสิ สะนนั้ ฯ อ.ปริพาชกชื่อวา่ อปุ ตสิ สะ นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระ โส เถรํ ลทฺธปิ ณฺฑปาตํ อญฺญตรํ โอกาสํ ผ้มู ีบณิ ฑบาตอนั ได้แล้ว ผ้ไู ปอยู่ สโู่ อกาส โอกาสใดโอกาสหนงึ่ ด้วย คจฺฉนฺตํ ทิสวฺ า นิสีทิตกุ ามตญฺจสฺส ญตฺวา อตฺตโน ทราบแล้ว ซงึ่ ความที่แหง่ พระเถระนนั้ เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั นง่ั ด้วย ปริพฺพาชกปี ฐกํ ปญฺญาเปตฺวา อทาส.ิ ได้ตงั้ ซง่ึ ตงั่ แหง่ ปริพาชก ของตน ถวายแล้ว ฯ (อ.ปริพาชกช่ือวา่ อปุ ตสิ สะนนั้ ) ได้ถวายแล้ว ซงึ่ น�ำ้ ในลกั จน่ั ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิ สฺส อตฺตโน กณุ ฺฑิกาย- ของตน แก่พระเถระนัน้ แม้ในกาลเป็ นที่สุดลงรอบแห่งกิจ อทุ กํ อทาส.ิ ด้วยภตั ร ฯ (อ. ปริพาชกชื่อวา่ อปุ ตสิ สะนนั้ ) ครัน้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ วตั ร- เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน เพื่ออาจารย์ อยา่ งนี ้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ การต้อนรับอนั มีรสหวาน กบั สทฺธึ มธรุ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอวมาห “วปิ ปฺ สนฺนานิ ด้วยพระเถระ ผ้มู ีกิจด้วยภตั รอนั กระท�ำแล้ว กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ โข เต อาวโุ ส อินฺทฺริยานิ, ปริสทุ ฺโธ ฉววิ ณฺโณ ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้มู ีอายุ อ. อินทรีย์ ท. ของทา่ น ผอ่ งใสแล้ว ปริโยทาโต; กํสิ ตฺวํ อาวโุ ส อทุ ฺทิสสฺ ปพฺพชิโต, แล, อ. สแี หง่ ผวิ หมดจดรอบแล้ว ผดุ ผอ่ งรอบแล้ว; ข้าแตท่ า่ นผ้มู อี ายุ โก วา เต สตฺถา, กสสฺ วา ตฺวํ ธมมฺ ํ โรเจสตี ิ ปจุ ฺฉิ. อ. ทา่ น เป็นผ้บู วชแล้ว เจาะจง ซง่ึ ใคร ยอ่ มเป็น, อ. ใคร เป็นครู ของทา่ น (ยอ่ มเป็น) หรือ, หรือวา่ อ. ทา่ น ยอ่ มชอบใจ ซง่ึ ธรรม ของใคร ดงั นี ้ฯ อ. พระเถระ คดิ แล้ว วา่ ชื่อ อ. ปริพาชก ท. เหลา่ นี ้ เถโร จินฺเตสิ “ อิเม ปริพฺพาชกา นาม เป็นปฏิปักข์ตอ่ พระศาสนาเป็นแล้ว (ยอ่ มเป็น), อ. เรา จกั แสดง สาสนสสฺ ปฏิปกฺขภตู า, อิมสสฺ สาสเน คมภฺ ีรตํ ซงึ่ ความท่ีแหง่ ธรรมในพระศาสนา เป็นสภาพลกึ ซงึ ้ แก่ปริพาชกนี ้ ทสเฺ สสสฺ ามีติ อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ดงั นี ้ เมื่อแสดง ซง่ึ ความที่แหง่ ตนเป็นผ้ใู หม่ กลา่ วแล้ว วา่ “อหํ โข อาวโุ ส นโว อจิรปพฺพชิโต อธนุ าคโต อิมํ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ อ. เราแล เป็นผ้ใู หม่ เป็นผ้บู วชแล้วสนิ ้ กาลไมน่ าน ธมมฺ วนิ ยํ, น ตาว สกฺขิสสฺ ามิ วิตฺถาเรน ธมมฺ ํ เป็นผ้มู าแล้ว สพู่ ระธรรมและพระวินยั นี ้ โดยกาลไมน่ าน เทเสตนุ ฺต.ิ (ยอ่ มเป็น), อ. เรา จกั ไมอ่ าจ เพอ่ื อนั แสดง ซง่ึ ธรรม โดยพสิ ดาร กอ่ น ดงั นี ้ฯ อ.ปริพาชก กลา่ วแล้ว วา่ อ. เรา เป็นผ้ชู ื่อวา่ อปุ ตสิ สะ ปริพพฺ าชโก “อหํ อปุ ตสิ โฺ ส นาม, ตวฺ ํ ยถาสตตฺ ยิ า (ยอ่ มเป็น), อ. ทา่ น จงกลา่ ว (ซงึ่ ธรรม) อนั น้อยหรือ หรือวา่ อนั มาก อปปฺ ํ วา พหํุ วา วท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ตามความสามารถอยา่ งไร, อ. อนั รู้ตลอด ซง่ึ ธรรมนน่ั ด้วยร้อยแหง่ นยั ปฏิวิชฺฌิตํุ มยฺหํ ภาโรติ วตฺวา อาห ด้วยพนั แหง่ นยั เป็นภาระ ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 83 www.kalyanamitra.org
(อ. ท่าน) จงกล่าว (ซึ่งธรรม) อนั นอ้ ยหรือ หรือว่าอนั มาก, “อปปฺ ํ วา พหํุ วา ภาสสฺส,ุ อตฺถเฺ ว เม พรฺ ูหิ, (อ. ท่าน) จงกล่าว ซึ่งเนือ้ ความนนั่ เทียว แก่เรา, อตเฺ ถเนว เม อตโฺ ถ กึ กาหสิ พยฺ ชฺ นํ พหนุ ตฺ ิ. อ. ความตอ้ งการ ดว้ ยเนือ้ ความนนั่ เทียว (ย่อมมี) แก่เรา (อ. ท่าน) จกั กระท�ำ ซึ่งพยญั ชนะ ใหเ้ ป็นค�ำมาก ท�ำไม ดงั นี้ ฯ (ครัน้ เม่ือค�ำ) อยา่ งนี ้ (อนั ปริพาชกนนั้ ) กลา่ วแล้ว, อ. พระเถระ เอวํ วตุ ฺเต, เถโร กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา วา่ อ. พระตถาคตเจ้า (ตรสั แลว้ ) ซ่ึงเหตุ แห่ง-อ. ธรรม ท. “เย ธมฺมา เหตปุ ปฺ ภวา, เตสํ เหตํุ ตถาคโต, เหล่าใด เป็นสภาพมีเหตเุ ป็นแดนเกิดก่อน (ย่อมเป็น), เตสฺจ โย นิโรโธ จ; เอวํวาที มหาสมโณติ -ธรรม ท. เหล่านน้ั (ดว้ ย), (ซ่ึงเหตุ แห่ง-อ. ความดบั ใด แห่งธรรม ท. เหล่านนั้ -ความดบั นนั้ ) ดว้ ย, อ. พระมหาสมณะ เป็นผูม้ ีอนั ตรสั อย่างนีเ้ ป็นปกติ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ คาถมาห. อ.ปริพาชก ฟังแล้ว ซง่ึ หมวดสองแหง่ บทที่หนง่ึ นนั่ เทียว ปริพฺพาชโก ป€มปททฺวยเมว สตุ ฺวา สหสฺสนย- ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล อนั ถงึ พร้อมแล้วด้วยนยั พนั หนง่ึ ฯ สมปฺ นฺเน โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺ€หิ. อิตรํ ปททฺวยํ (อ. พระเถระ) ยงั หมวดสองแหง่ บท นอกนี ้ ให้จบแล้ว ในกาล โสตาปนฺนกาเล นิฏฺ€าเปส.ิ (แหง่ ปริพาชก) เป็นพระโสดาบนั ฯ อ. ปริพาชกนนั้ เป็นพระโสดาบนั เป็น ครัน้ เมื่อคณุ วเิ ศษ โส โสตาปนโฺ น หตุ วฺ า อปุ ริวเิ สเส อปปฺ วตตฺ นเฺ ต ในเบือ้ งบน ไมเ่ ป็นไปข้างหน้าอยู่ ก�ำหนดแล้ว วา่ อ.เหตุ “ภวสิ สฺ ติ เอตฺถ การณนฺติ สลลฺ กฺเขตฺวา เถรํ อาห ในเร่ืองนี ้ จกั มี ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว กะพระเถระ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “ภนฺเต มา อปุ ริ ธมมฺ เทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว (อ. ทา่ น ท.) อยา่ ยงั ธรรมเทศนา ให้เจริญแล้ว ในเบือ้ งบน, อ. ค�ำ โหต,ุ กหุ ึ อมหฺ ากํ สตฺถา วสตีต.ิ มีประมาณเทา่ นีน้ นั่ เทียว จงมีเถิด, อ. พระศาสดา ของเรา ท. ยอ่ มประทบั อยู่ ในท่ีไหน ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ (อ.พระศาสดา “เวฬวุ เน อาวโุ สต.ิ ยอ่ มประทบั อย)ู่ ในพระเวฬวุ นั ดงั นี ้ฯ (อ. ปริพาชก กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าอยา่ งนนั้ “เตนหิ ภนฺเต ตมุ เฺ ห ปรุ โต ยาถ; มยฺหํ เอโก อ. ทา่ น ท. ขอจงไป ข้างหน้า; อ. สหาย คนหนง่ึ ของกระผม มีอย,ู่ สหายโก อตฺถิ, อมเฺ หหิ จ อฺ มฺ ํ กติกา อนง่ึ อ. ความนดั หมาย ซงึ่ กนั และกนั อนั เรา ท. กระท�ำแล้ว วา่ กตา `โย ป€มํ อมตํ อธิคจฺฉต,ิ โส อาโรเจตตู ิ อ. บคุ คลใด ยอ่ มถงึ ทบั ซงึ่ ธรรมอนั ไมต่ ายแล้ว ก่อน, อ. บคุ คล อหนฺตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา นนั้ จงบอก ดงั นี ้ อ. กระผม เปลอื ้ งแล้ว ซง่ึ ปฏิญญานนั้ พาเอา ตมุ หฺ ากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺตกิ ํ อาคมิสสฺ ามีติ ซง่ึ สหาย จกั มา สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ตามหนทางแหง่ ทา่ น ท. ตปกิฺขฺจตปฺตปฺ ํุ ตฏิ ฺ€ปิเทตกนฺขิณํ เถรสสฺ ปาเทสุ นิปตติ ฺวา ไปแล้วนน่ั เทียว ดงั นี ้ หมอบลงแล้ว ใกล้เท้า ท. ของพระเถระ กตฺวา เถรํ อยุ ฺโยเชตฺวา ด้วยอนั ตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ห้า กระท�ำแล้ว ซง่ึ การเวียนรอบ ๓ ปริพฺพาชการามาภิมโุ ข อคมาส.ิ ครัง้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ พระเถระ ผ้มู ีหน้าเฉพาะตอ่ อารามของปริพาชก ได้ไปแล้ว ฯ อ. ปริพาชกชื่อวา่ โกลติ ะ เหน็ แล้ว ซง่ึ ปริพาชกนนั้ ผ้มู าอยู่ แต่ โกลติ ปริพพฺ าชโก ตํ ทรู โต ว อาคจฉฺ นตฺ ํ ทสิ วฺ า ไกลเทียว (คดิ แล้ว) วา่ ในวนั นี ้ อ. สแี หง่ หน้า ของสหาย ของเรา “ อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส มขุ วณฺโณ น เป็นราวกะวา่ (สีแหง่ หน้า) ในวนั อื่น ท. (ยอ่ มเป็น) หามิได้, อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธาเนน อมตํ อธิคตํ อ.อมตะ เป็นคณุ อนั สหายนี ้ ถงึ ทบั แล้ว จกั เป็น แนแ่ ท้ ดงั นี ้ ภวสิ สฺ ตีติ อมตาธิคมํ ปจุ ฺฉิ. ถามแล้ว ซง่ึ การบรรลซุ ง่ึ อมตะ ฯ อ.ปริพาชกช่ือว่าอุปติสสะ แม้นัน้ ปฏิญญาแล้ว ว่า โสปิ สสฺ “อามาวโุ ส อมตํ อธิคตนฺติ ปฏิชานิตฺวา แนะ่ ทา่ นผ้มู อี ายุ เออ อ. อมตะ (อนั เรา) ถงึ ทบั แล้ว ดงั นี ้ได้กลา่ วแล้ว ตเมว คาถํ อภาส.ิ ซงึ่ คาถา นนั้ นนั่ เทียว แก่ปริพาชกชื่อวา่ โกลติ ะนนั้ ฯ 84 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ คาถา อ. ปริพาชกชื่อวา่ โกลติ ะ คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ สหาย ปสตตฺถฏิ ฺา€หิตวสฺวาตีต.ิ อาห “กหุ ึ กิร สมมฺ อมหฺ ากํ ได้ยินวา่ อ. พระศาสดา ของเรา ท. ยอ่ มประทบั อยู่ ในที่ไหน ดงั นี ้ฯ (อ. ปริพาชกชอ่ื วา่ อปุ ตสิ สะ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ สหาย ได้ยนิ วา่ “เวฬวุ เน กิร สมมฺ , เอวํ โน อาจริเยน (อ. พระศาสดา ของเรา ท. ยอ่ มประทบั อย)ู่ ในพระเวฬวุ นั , อสสฺ ชิตฺเถเรน กถิตนฺต.ิ (อ. คำ� ) อยา่ งนี ้ อนั พระเถระชอื่ วา่ อสั สชิ ผ้เู ป็นอาจารย์ ของเรา ท. บอกแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ. ปริพาชกชื่อวา่ โกลติ ะ กลา่ วแล้ว) วา่ “เตนหิ สมมฺ อายาม, สตฺถารํ ปสฺสสิ ฺสามาต.ิ แนะ่ สหาย ถ้าอยา่ งนนั้ อ. เรา ท. จงมาเถิด, (อ. เรา ท.) จกั เฝ้ า ซง่ึ พระศาสดา ดงั นี ้ฯ ก็ ชื่อ อ. พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร นนั่ เป็นผ้บู ชู าซงึ่ อาจารย์ สารีปตุ ตฺ ตเฺ ถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปชู โก ว; เทียว (ยอ่ มเป็น) แม้ในกาลทกุ เมื่อ; เพราะเหตนุ นั้ (อ.ปริพาชก ตสมฺ า สหายกํ เอวมาห “สมฺม อมเฺ หหิ อธิคตํ ชื่อวา่ อปุ ตสิ สะนนั้ ) กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ กะสหาย วา่ แนะ่ สหาย อมตํ อมหฺ ากํ อาจริยสฺส สชฺ ยปริพฺพาชกสฺสาปิ (อ. เรา ท.) จกั บอก ซง่ึ อมตะ อนั อนั เรา ท. ถงึ ทบั แล้ว แม้แกป่ ริพาชก กเถสฺสาม , พุชฺฌมาโน ปฏิวิชฺฌิสฺสติ , ชอื่ วา่ สญชยั ผ้เู ป็นอาจารย์ ของเรา ท., (อ. อาจารย)์ รู้อยู่ จกั รู้ตลอด, อปปฺ ฏิวชิ ฺฌนฺโต อมหฺ ากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ สนฺตกิ ํ เมื่อไมร่ ู้ตลอด เชื่อแล้ว ตอ่ เรา ท. จกั ไป สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา, คมิสสฺ ต,ิ พทุ ฺธานํ เทสนํ สตุ ฺวา มคฺคผลปฏิเวธํ ฟังแล้ว ซงึ่ เทศนา ของพระพทุ ธเจ้า ท. จกั กระท�ำ ซง่ึ การรู้ตลอด กริสสฺ ตีต.ิ ซง่ึ มรรคและผล ดงั นี ้ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ. ชน ท. แม้สอง ได้ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของปริพาชก ตโต เทฺวปิ ชนา สฺชยสสฺ สนฺตกิ ํ อคมํส.ุ ชอ่ื วา่ สญชยั ฯ อ. ปริพาชกชอื่ วา่ สญชยั เหน็ แล้ว ซงึ่ สหาย ท. ๒ สชฺ โย เต ทิสวฺ า “ กึ ตาตา โกจิ โว เหลา่ นนั้ ถามแล้ว วา่ ดกู ่อนพอ่ ท. อ. ใคร ๆ ผ้แู สดงซงึ่ ทาง- อมตมคฺคเทสโก ลทฺโธติ ปจุ ฺฉิ. แหง่ อมตะ อนั ทา่ น ท. ได้แล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ (อ. สหาย ท.๒ เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ ขอรับ “อาม อาจริย ลทฺโธ; พทุ ฺโธ โลเก อปุ ปฺ นฺโน, (อ. อาจารย์ อนั กระผม ท.) ได้แล้ว; อ. พระพทุ ธเจ้า เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ธมโฺ ม อปุ ปฺ นฺโน, สงฺโฆ อปุ ปฺ นฺโน; ตมุ เฺ ห ตจุ ฺเฉ ในโลก, อ. พระธรรม เกิดขนึ ้ แล้ว, อ. พระสงฆ์ เกิดขนึ ้ แล้ว; อสาเร วิจรถ, เอถ, สตฺถุ สนฺตกิ ํ คมิสสฺ ามาต.ิ อ. ทา่ น ท. ยอ่ มประพฤติ (ซง่ึ ธรรม ท.) อนั ไมม่ ีสาระ อนั เปลา่ , (อ. ทา่ น ท.) จงมา, (อ. เรา ท.) จกั ไป สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ดงั นี ้ฯ (อ. ปริพาชกชื่อวา่ สญชยั กลา่ วแล้ว) วา่ อ. ทา่ น ท. จงไป, “คจฺฉถ ตมุ เฺ ห, อหํ น สกฺขิสสฺ ามีต.ิ อ. เรา จกั ไมอ่ าจ ดงั นี ้ ฯ (อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ถามแล้ว) วา่ “กกึ ารณาต.ิ (อ. ทา่ น ท. จกั ไมอ่ าจ) เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ฯ (อ. ปริพาชกชื่อวา่ สญชยั กลา่ วแล้ว) วา่ อ. เรา เป็นอาจารย์ “อหํ มหาชนสสฺ อาจริโย หตุ วฺ า วจิ ร,ึ ตสสฺ เม ของมหาชน เป็น เที่ยวไปแล้ว, อ. การอยโู่ ดยความเป็นอนั เตวาสกิ อนเฺ ตวาสกิ วาโส จาฏยิ า อทุ กจลนภาวปุ ปฺ ตตฺ สิ ทโิ ส, แหง่ เรานนั้ เป็นเชน่ กบั ด้วยการเกดิ ขนึ ้ แหง่ ความเป็นคอื อนั ไหวแหง่ นำ� ้ น สกฺขิสฺสามหํ อนฺเตวาสกิ วาสํ วสติ นุ ฺต.ิ ในตมุ่ (ยอ่ มเป็น), อ. เรา จกั ไมอ่ าจ เพ่ืออนั อยู่ อยโู่ ดยความเป็น อนั เตวาสกิ ดงั นี ้ ฯ (อ.สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ “มา เอวํ กริตฺถ อาจริยาต.ิ อ.ทา่ นท.อยา่ กระท�ำแล้วอยา่ งนีด้ งั นี ้ฯ (อ.ปริพาชกชื่อวา่ สญชยั “โหตุ ตาตา, คจฺฉถ ตมุ เฺ ห, นาหํ สกฺขิสสฺ ามีติ. กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ. เร่ืองนนั้ ) จงมีเถิด, อ. ทา่ น ท. จงไป, อ. เรา จกั ไมอ่ าจ ดงั นี ้ฯ (อ.สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ “อาจริย โลเก พทุ ฺธสสฺ อปุ ปฺ นฺนกาลโต อ.มหาชน มีวตั ถมุ ีของหอมและระเบียบเป็นต้นในมือ ไปแล้ว ตปเฏมฺ €วาย มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา จกั บชู า ซง่ึ พระพทุ ธเจ้านนั้ นน่ั เทยี ว จำ� เดมิ แตก่ าลแหง่ พระพทุ ธเจ้า ปเู ชสฺสต,ิ มยํปิ ตตฺเถว คมิสฺสาม, ตมุ เฺ ห เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ในโลก, แม้ อ.เรา ท. จกั ไป ในที่นนั้ นน่ั เทียว, กึ กริสฺสถาต.ิ อ. ทา่ น ท. จกั กระท�ำ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.ปริพาชกช่ือวา่ สญชยั กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนพอ่ ท. “ตาตา กินฺนุ โข อิมสมฺ ึ โลเก ทนฺธา พห,ู อ. คนโง่ ท. ในโลกนี ้ เป็นผ้มู าก (ยอ่ มเป็น) หรือหนอแล, หรือวา่ อทุ าหุ ปณฺฑิตาต.ิ อ. คนฉลาด ท. (เป็นผ้มู าก ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 85 www.kalyanamitra.org
(อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ อ. คนโง่ ท. “ทนฺธา อาจริย พห,ู ปณฺฑิตา นาม กตปิ ยาเอว เป็นผ้มู าก (ยอ่ มเป็น), ชื่อ อ. คนฉลาด ท. เป็นผ้เู ลก็ น้อยนนั่ เทียว โหนฺตีต.ิ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.ปริพาชกชอื่ วา่ สญชยั กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นพอ่ ท. ถ้าอยา่ งนนั้ “เตนหิ ตาตา ปณฺฑิตา ปณฺฑิตา สมณสสฺ อ. คนฉลาด ท. อ. คนฉลาด ท. จกั ไป สสู่ ำ� นกั ของพระสมณะ โคตมสฺส สนฺตกิ ํ คมิสสฺ นฺต,ิ ทนฺธา ทนฺธา มม ผ้โู คดม, อ. คนโง่ ท. อ. คนโง่ ท. จกั มา สสู่ ำ� นกั ของเรา; อ. ทา่ น ท. สนฺตกิ ํ อาคมิสสฺ นฺต;ิ คจฺฉถ ตมุ เฺ ห, นาหํ คมิสฺสามีต.ิ จงไป, อ. เรา จกั ไมไ่ ป ดงั นี ้ฯ อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ เต “ปฺ ายสิ สฺ ถ ตมุ เฺ ห อาจริยาติ ปกกฺ มสึ .ุ อ. ทา่ น ท. จกั ปรากฏ ดงั นี ้หลกี ไปแล้ว ฯ ครัน้ เม่ือสหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ไปอย,ู่ อ. บริษัท ของปริพาชก เตสุ คจฺฉนฺเตส,ุ สชฺ ยสฺส ปริสา ภิชฺชิ. ชื่อวา่ สญชยั แตกกนั แล้ว ฯ ในขณะนนั้ อ. อาราม เป็นสภาพ ตสมฺ ึ ขเณ อาราโม ตจุ ฺโฉ อโหส.ิ เปลา่ ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ปริพาชกช่ือวา่ สญชยั นนั้ เหน็ แล้ว โส ตจุ ฺฉํ อารามํ ทิสฺวา อณุ หํ โลหิตํ ฉฑฺเฑส.ิ ซง่ึ อาราม อนั เปลา่ สำ� รอกแล้ว ซง่ึ เลือด อนั ร้อน ฯ ในร้อยแหง่ ปริพาชก ท. ๕ ผ้ไู ปอยู่ กบั ด้วยสหาย ท. ๒ แม้ เตหปิ ิ สทธฺ ึ คจฉฺ นเฺ ตสุ ปจฺ สุ ปริพพฺ าชกสเตส,ุ เหลา่ นนั้ หนา อ. ร้อยท่ีสามด้วยทงั้ กงึ่ ท. แหง่ บริษัท ของปริพาชก สชฺ ยสสฺ ปริสาย อฑฺฒเตยฺยสตานิ นิวตฺตสึ .ุ ช่ือวา่ สญชยั กลบั แล้ว ฯ (อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ) ได้ไปแล้ว อตตฺ โน อนเฺ ตวาสเิ กหิ อฑฒฺ เตยเฺ ยหิ ปริพพฺ าชกสเตหิ สพู่ ระเวฬวุ นั กบั ด้วยร้อยแหง่ ปริพาชก ท. ที่สามด้วยทงั้ กง่ึ สทฺธึ เวฬวุ นํ อคมํส.ุ ผ้เู ป็นอนั เตวาสกิ ของตน ฯ อ.พระศาสดา ประทบั นง่ั แล้ว ในทา่ มกลางแหง่ บริษทั ๔ เมื่อ สตฺถา จตปุ ริสมชฺเฌ นิสนิ ฺโน ธมมฺ ํ เทเสนฺโต ทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ เต ทรู โต ว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ “เอเต ภิกฺขเว แตท่ ี่ไกลเทียว ตรัสเรียกมาแล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ เทฺว สหายกา อาคจฺฉนฺติ โกลโิ ต จ อปุ ตสิ ฺโส ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นน่ั คือ อ. โกลติ ะ ด้วย คือ จ, เอตํ เม สาวกยคุ ํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยคุ นฺต.ิ อ. อปุ ตสิ สะ ด้วย ยอ่ มมา, (อ. คแู่ หง่ สหาย) นน่ั เป็นคแู่ หง่ สาวก เป็นคอู่ นั เลศิ เป็นคอู่ นั เจริญ ของเรา จกั เป็น ดงั นี ้ฯ อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทสึ .ุ นง่ั แล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนงึ่ ฯ อ. สหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ได้กราบทลู แล้ว เต ภควนฺตํ เอตทโวจํุ “ลเภยฺยาม มยํ ภนฺเต ภควโต ซงึ่ ค�ำนน่ั กะพระผ้มู ีพระภาคเจ้า วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ สนฺตเิ ก ปพฺพชฺชํ; ลเภยฺยาม อปุ สมปฺ ทนฺต.ิ อ. ข้าพระองค์ ท. พงึ ได้ ซงึ่ การบวช ในสำ� นกั ของพระผ้มู พี ระภาคเจ้า; (อ.ข้ าพระองค์ ท.) พึงได้ ซึ่งการอุปสมบท (ในส�ำนัก ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ดงั นี ้ ฯ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแล้ว วา่ (อ. ทา่ น ท.) เป็นภิกษุ “เอถ ภิกฺขโวติ ภควา อโวจ, “สฺวากฺขาโต (เป็น) จงมา ดงั นี,้ (ตรัสแล้ว) วา่ อ. ธรรม อนั เรา กลา่ วดีแล้ว, ธมโฺ ม, จรถ พรฺ หมฺ จริยํ สมมฺ า ทกุ ขฺ สสฺ อนตฺ กริ ิยายาต.ิ อ.ทา่ น ท. จงประพฤติ ซง่ึ พรหมจรรย์ เพื่ออนั กระท�ำซง่ึ ที่สดุ แหง่ ทกุ ข์ โดยชอบ ดงั นี ้ฯ ด้วยฤอท.ธช์ิ น ท. แม้ทงั้ ปวง เป็นผ้ทู รงไว้ซงึ่ บาตรและจวี รอนั สำ� เร็จแล้ว สพฺเพปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสตกิ ตฺเถรา เป็นราวกะวา่ พระเถระผ้ปู ระกอบแล้วด้วยร้อยแหง่ กาลฝน วยิ อเหส.ํุ ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ทรงยงั ธรรมเทศนา ให้เจริญแล้ว อถ เนสํ ปริสาย จริยาวเสน สตฺถา ธมมฺ เทสนํ ด้วยอำ� นาจแหง่ ความประพฤติ แหง่ บริษทั ของสหาย ท. ๒ เหลา่ นนั้ ฯ วฑฺเฒส.ิ อ. ปริพาชก ท. ผ้เู หลือลง เว้น ซง่ึ พระอคั รสาวก ท. สอง €เปตฺวา เทฺว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตฺตํ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ฯ ก็ อ. กิจด้วยมรรคในเบือ้ งบน ปาปณุ สึ .ุ อคฺคสาวกานํ ปน อปุ ริมคฺคกิจฺจํ ของพระอคั รสาวก ท. ไมส่ ำ� เร็จแล้วฯ น นกิฏกึ ฺ€าารณส.ิ า? (อ.อนั ถาม) วา่ (อ.กจิ ด้วยมรรคในเบอื ้ งบน ของพระอคั รสาวก ท. สาวกปารมีาณสสฺ มหนฺตตาย. ไมส่ ำ� เร็จแล้ว) เพราะเหตอุ ะไร ? (ดงั นี)้ (อ. อนั แก้) วา่ (อ. กิจ ด้วยมรรคในเบือ้ งบน ของพระอคั รสาวก ท. ไมส่ ำ� เร็จแล้ว) เพราะความที่ แหง่ สาวกบารมีญาณ เป็นคณุ ใหญ่ (ดงั นี)้ ฯ 86 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ.พระมหาโมคคลั ลานะ ผ้มู ีอายุ เข้าไปอาศยั อถายสมฺ า มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต ซงึ่ บ้านช่ือวา่ กลั ลวาล ในแวน่ แคว้นชื่อวา่ มคธ อยอู่ ยู่ ในวนั ท่ีเจ็ด วสหิตรตฺ นเมโฺ ต,ทถวิ เนี สมทิมเฺคธธรฏโฺอเ€กกฺ มกลนลฺเฺ ตว,าลคสาตมถฺ กาํราอปุ สนเํสิ วสฺ ชาโิ ตย แต่วันแห่งตนบวชแล้ว, ครัน้ เมื่อความท้อแท้และความง่วง ครอบง�ำอย,ู่ ผ้อู นั พระศาสดาทรงให้สลดแล้ว บรรเทาแล้ว สสถนีาุณวมกนทิ ปฺโธฺ ตาํ รววมโิ นีเทาอณตุปวฺ สราิสฺมตคถฺคามตคตฺตเฺถตยกนกํ ิจทฺจนิปํ นฺตํฺโตธน,าิฏตฺ ก€ุ มาเมฺ ปฏตฺ€ฺาวนาํ ซง่ึ ความท้อแท้และความงว่ ง ฟังอยู่ ซงึ่ กมั มฏั ฐานมธี าตเุ ป็นอารมณ์ อนั อนั พระตถาคตเจ้าประทานแล้วเทยี ว ยงั กจิ ในหมวดสามแหง่ มรรค ในเบือ้ งบน ให้สำ� เร็จแล้ว ถงึ แล้ว ซง่ึ ที่สดุ แหง่ สาวกบารมีญาณ, แม้ อ. พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ ร เข้าไปอาศยั ซงึ่ เมืองช่ือวา่ สารีปตุ ฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อฑฺฒมาสํ ราชคฤห์ นนั้ นน่ั เทยี ว อยอู่ ยู่ ในถำ� ้ ชอ่ื วา่ สกุ รขาตา กบั ด้วยพระศาสดา อตกิ ฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ ก้าวลว่ ง ซงึ่ เดือนด้วยทงั้ กง่ึ แตว่ นั แหง่ ตนบวชแล้ว, ครัน้ เม่ือ อปุ นิสสฺ าย สกู รขาตเลเณ วหิ รนฺโต, อตฺตโน เวทนาปริคคหสตู ร (อนั พระศาสดา) ทรงแสดงอยู่ แก่ปริพาชก ภาคเิ นยฺยสสฺ ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคห- ชื่อว่าทีฆนขะ ผู้เป็ นหลาน ของตน, ส่งไปแล้ว ซ่ึงญาณ สตุ ตฺ นเฺ ต เทสยิ มาเน, สตุ ตฺ านสุ าเรน าณํ เปเสตวฺ า ตามแนวแหง่ พระสตู ร ถงึ แล้ว ซง่ึ ที่สดุ แหง่ สาวกบารมีญาณ ปรสสฺ วฑฒฺ ติ ํ ภตตฺ ํ ภุ ชฺ นโฺ ต วยิ สาวกปารมี าณสสฺ ราวกะ (อ. บคุ คล) ผ้บู ริโภคอยู่ ซง่ึ ข้าวสวย อนั อนั บคุ คลให้เจริญแล้ว มตฺถกํ ปตฺโต. แก่บคุ คลอื่น ฯ (อ. อนั ถาม) วา่ ก็ (อ. พระสารีบตุ ร) ผ้มู อี ายุ เป็นผ้มู ปี ัญญามาก “นนุ จายสฺมา มหาปโฺ , อถ กสมฺ า (ย่อมเป็ น) มิใช่หรือ, ครัน้ เมื่อความเป็ นอย่างนัน้ (มีอยู่) มหาโมคฺคลลฺ านโต จิรตเรน สาวกปารมีาณํ (อ. พระสารีบตุ ร) ถงึ แล้ว ซง่ึ สาวกบารมีญาณ โดยกาลนานกวา่ ปาปณุ ีต.ิ กวา่ พระมหาโมคคลั ลานะ เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. อนั แก้) วา่ (อ. พระสารีบตุ ร ถงึ แล้ว ซง่ึ สาวกบารมีญาณ ปริกมฺมมหนฺตตาย. โดยกาลนานกวา่ กวา่ พระมหาโมคคลั ลานะ) เพราะความท่ี แหง่ ตนเป็นผ้มู ีบริกรรมใหญ่ (ดงั นี)้ ฯ เหมือนอยา่ งวา่ อ.มนษุ ย์ผ้ถู งึ แล้ว ซง่ึ ยาก ท. ผ้ใู คร่เพื่ออนั ไป ยถา หิ ทคุ ฺคตมนสุ สฺ า กตฺถจิ คนฺตกุ ามา ในทไ่ี หน ๆ ยอ่ มออกไป พลนั นนั่ เทยี ว, สว่ นวา่ อ. อนั อนั พระราชา ท. ขปิ ปฺ เมว นกิ ขฺ มนตฺ ,ิ ราชนู ํ ปน หตถฺ วิ าหนกปปฺ นาทึ ทรงได้ ซง่ึ บริกรรมใหญ่ มีความส�ำเร็จแหง่ พาหนะคือช้างเป็นต้น มหนฺตํ ปริกมมฺ ํ ลทฺธํุ วฏฺ ฏต;ิ เอวํ สมปฺ ทมิทํ ยอ่ มควร ฉนั ใด ; อ. ค�ำเป็นเครื่องยงั อปุ ไมยให้ถงึ พร้อม นี ้ เวทิตพฺพํ. (อนั บณั ฑิต) พงึ ทราบ ฉนั นนั้ ฯ ก็ ในวันนัน้ นั่นเทียว อ. พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ตํทิวสเมว ปน สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย ซง่ึ การประชมุ แหง่ สาวก ในพระเวฬวุ นั ในเวลามีเงาอนั เจริญอยู่ เวฬวุ เน สาวกสนฺนิปาตํ กตฺวา ทฺวินฺนํ เถรานํ ประทานแล้ว ซง่ึ ต�ำแหนง่ แหง่ พระอคั รสาวก แก่พระเถระ ท. สอง อคฺคสาวกฏฺ€านํ ทตฺวา ปาฏิโมกฺขํ อทุ ฺทิส.ิ ทรงสวดแล้ว ซง่ึ พระปาฏิโมกข์ ฯ อ.ภกิ ษุท.ยกโทษแล้วกลา่ วแล้ววา่ อ.พระศาสดายอ่ มประทาน ภิกฺขู อชุ ฺฌายสึ ุ “สตฺถา มโุ ขโลกเนน ภิกฺขนู ํ แก่ภิกษุ ท. ด้วยการทรงแลดซู งึ่ หน้า, อ. อนั (อนั พระศาสดา) ปเอทโพตนฺพ,ิโลชเิตกานนฺเอํตคนปฺคสยาฺจสววตกคฺเฏถฺคฺ€รยิ าปานปฺนํ ํมขุทเทาานนตํฺเํุตปนวฺจฏนปฺฏาตม,ิฺ าเปสอ€าเมตยํ ช่ือผู้เม่ือประทาน ซ่ึงต�ำแหน่งแห่งพระอัครสาวก ประทาน ภภทิกทฺฺขวูนคํ คฺ ยิ าทนา,ํ ตํุเอเวตฏฺ ฏอตโนิ โ,ลเกเนอเฺเตตน อโนโลเกนฺเตน (แก่ภิกษุ ท.) ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวกห้า ผ้บู วชแล้ว ก่อน ยอ่ มควร, อรุ ุเวลกสสฺ ปาทนี ํ อ. อนั (อนั พระศาสดา) ผ้ไู มท่ รงแลดอู ยู่ (ซง่ึ ภิกษุ ท.) เหลา่ นน่ั ประทาน แก่ภิกษุ ท. ๕๕ มีพระเถระชื่อวา่ ยสะเป็นประมขุ ยอ่ มควร, (อ. อนั อนั พระศาสดา) ผ้ไู มท่ รงแลดอู ยู่ (ซงึ่ ภิกษุ ท.) เตภาติกานํ; เหลา่ นน่ั (ประทาน แก่ภิกษุ ท.) ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวกอนั เจริญ (ยอ่ มควร), (อ. อนั อนั พระศาสดา) ผ้ไู มท่ รงแลดอู ยู่ (ซงึ่ ภิกษุ ท.) เหล่านั่น (ประทาน) (แก่ภิกษุ ท.) ผู้พี่น้ องชาย ๓ รูป มีพระอรุ ุเวลากสั สปะเป็นต้น (ยอ่ มควร); ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 87 www.kalyanamitra.org
แตว่ า่ (อ. ต�ำแหนง่ แหง่ พระอคั รสาวก) (อนั พระศาสดา) ผ้เู ม่ือ เอเต ปน เอตฺตเก ปหาย สพฺพปจฺฉา ปพฺพชิตานํ ทรงละแล้ว (ซง่ึ ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั่ มีประมาณเทา่ นี ้ ประทาน วอทคสึฺค.ุสาวกฏฺ€านํ เทนฺเตน มขุ ํ โอโลเกตฺวา ทินฺนนฺติ ซงึ่ ต�ำแหนง่ แหง่ พระอคั รสาวก (แก่ภิกษุ ท.) ผ้บู วชแล้วในภายหลงั แหง่ ภิกษุทงั้ ปวง ประทานแล้ว เพราะทรงแลดู ซง่ึ หน้า ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เธอ ท.) สตถฺ า “ กึ กเถถ ภกิ ขฺ เวติ ปจุ ฉฺ ติ วฺ า, “ อทิ ํ นามาติ ยอ่ มกลา่ ว (ซง่ึ เรื่อง) อะไร ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ. ข้าพระองค์ ท. วตุ ฺเต, “นาหํ ภิกฺขเว มขุ ํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขนู ํ เทมิ, ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ เร่ือง) ชื่อนี ้ดงั นี ้(อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, เอเตสํ ปน อตฺตนา อตฺตนา ปตฺถิตปตฺถิตเมว (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. เรา ยอ่ มให้ แก่ภิกษุ ท. เพราะแลดู เทมิ; ซง่ึ หน้า หามิได้, แตว่ า่ (อ. เรา) ยอ่ มให้ ( ซง่ึ ต�ำแหนง่ ) อนั ตน ๆ ปรารถนาแล้วและปรารถนาแล้วนนั่ เทียว แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั่ ; ก็ อ. อญั ญาโกณฑญั ญะ เมื่อถวาย ซง่ึ ทานในเพราะข้าวกล้า อฺ าโกณฺฑโฺ หิ เอกสมฺ ึ สสเฺ ส นว อันเลิศ ท. ๙ ในเพราะข้าวกล้า ครัง้ หนึ่ง ปรารถนาแล้ว อคฺคสสฺสทานานิ เทนฺโต น อรอหคตฺคตฺ สํ าสวพกพฺฏฺป€า€มนํํ ซึ่งต�ำแหน่งแห่งอัครสาวก ได้ถวายแล้ว หามิได้ , แต่ว่า ปตเฺ ถตวฺ า อทาส,ิ อคคฺ ธมมฺ ํ ปน (อ.อญั ญาโกณฑญั ญะ) ปรารถนาแล้ว เพอื่ อนั รู้ตลอด ซง่ึ พระอรหตั ปฏิวิชฺฌิตํุ ปตฺเถตฺวา อทาสีต.ิ อนั เป็นธรรมอนั เลศิ ก่อนกวา่ ชนทงั้ ปวง ได้ถวายแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระผ้มู ีพระภาคเจ้า (อ. พระอญั ญาโกณฑญั ญะ ปรารถนาแล้ว เพอ่ื อนั ร้ตู ลอด ซง่ึ พระอรหตั “กทา ภควาต.ิ อนั เป็นธรรมอนั เลศิ ก่อนกวา่ ชนทงั้ ปวง ได้ถวายแล้ว) ในกาลไร ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เธอ ท.) “สณุ ิสฺสถ ภิกฺขเวติ. จกั ฟังหรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ. ข้าพระองค์ ท. จกั ฟัง) ดงั นี ้ ฯ “อาม ภนฺเตต.ิ (อ.พระศาสดา ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า พระนามวา่ วิปัสสี “ภกิ ขฺ เว อโิ ต เอกนวตุ กิ ปเฺ ป วปิ สสฺ ี ภควา โลเก ได้เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ในโลก ในกปั ป์ ๙๑ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ฯ อทุ ปาทิ. อ. จใลุ นกกาาลลน(นั้ยงัอบ. คุกคฎุ ลมุ )พใี ทห.้หผว้เูา่ปน็นแพลี่น้ว้อซงกง่ึ นนั า๒แหคง่ นข้าควือสอา.ลมี ใหหาญกา่ ลฯ ตทา “มหากาโล จลุ ฺลกาโลติ เทฺว ภาตกิ า ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ. จลุ กาล ไปแล้ว สนู่ าแหง่ ข้าวสาลี ฉีกแล้ว อกเุฏถุมกฺทพิวิกสาํ มหนฺตํ สาลิกฺเขตฺตํ วปาเปสํุ. จลุ ฺลกาโล สาลกิ ฺเขตฺตํ คนฺตฺวา เอกํ ซง่ึ ท้องแหง่ ข้าวสาลีหนงึ่ เคีย้ วกินแล้ว ฯ (อ. อาหารวตั ถนุ นั้ ) สาลคิ พฺภํ ผาเลตฺวา ขาทิ. อตมิ ธรุ ํ อโหส.ิ เป็นของมีรสอนั อร่อยยิ่ง ได้เป็นแล้ว ฯ อ.จลุ กาลนนั้ เป็นผ้ใู คร่เพอ่ื อนั ถวาย ถวายซง่ึ ท้องแหง่ ข้าวสาลี โส พทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ สงฺฆสฺส สาลคิ พฺภทานํ แก่พระสงฆ์ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ เป็น เข้าไปหาแล้ว ทาตกุ าโม หผตุ าวฺ เาลตเชฺวฏาฺ€ภพาตทุ กิ ฺธํ าอนปุ ํ สงอกฺ นมจุ ติ ฺฉวฺ วากิ ํ “ภาตกิ ซง่ึ พ่ีชายผ้เู จริญท่ีสดุ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ี่ (อ. เรา ท.) ฉีกแล้ว สาลคิ พฺภํ กตฺวา ซง่ึ ท้องแหง่ ข้าวสาลี (ยงั บคุ คล) ให้ต้มแล้ว กระทำ� ให้เป็นของสมควร ปจาเปตฺวา ทานํ เทมาติ อาห. แก่พระพทุ ธเจ้า ท. จะถวาย ซงึ่ ทาน ดงั นี ้ฯ อ. พี่ชายผ้เู จริญท่ีสดุ กลา่ วแล้ว วา่ (อ. ทา่ น) กลา่ วแล้ว “กึ วเทส,ิ สาลคิ พฺภํ ผาเลตฺวา ทานํ นาม (ซง่ึ ค�ำ) อะไร, ชื่อ อ. การ ฉีกแล้ว ซง่ึ ท้องแหง่ ข้าวสาลี ถวาย เนว อตีเต ภตู ปพุ ฺพํ, นานาคเต ภวิสฺสต,ิ มา สสฺสํ เป็นของไมเ่ คยมีแล้ว ในกาลอนั ลว่ งไปแล้วนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น), นาสยีต.ิ โส ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิเยว. จักไม่มี ในกาลอันไม่มาแล้ว , (อ. ท่าน) อย่ายังข้าวกล้า ให้ฉิบหายแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ.จุลกาลนัน้ อ้ อนวอนแล้ว บ่อย ๆ น่ันเทียว ฯ เโกขสตตฺวฺต“าอสโถกาฏธมนฺตู€มํิาภเเขสาต,ตโฺตกาํฏยวฺ €ํ ภิ า“ชสเอติตํ ิจนฺวฺฉาหอสิ นพิ, าเหขมูตตสมฺตํ ิตนํ ฺวสุกเาทฺเโสฺวรหหีตโกตอิ ฏฺถตอฺ€กฺตาามโหเมฺนส.ํ ครัง้ นนั้ อ. พี่ชาย กลา่ วแล้ว กะจลุ กาลนนั้ วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.เจ้า กระท�ำแล้ว ซง่ึ นา ให้เป็นสว่ นสอง ไมแ่ ตะต้องแล้ว ซงึ่ สว่ นของเรา, (อ. เจ้า) ยอ่ มปรารถนา ซงึ่ กรรมใด, จงกระท�ำ ซง่ึ กรรมนนั้ ในสว่ นแหง่ นา ของตน ดงั นี ้ ฯ อ. จลุ กาลนนั้ ยาจิตฺวา สาลคิ พฺภํ ผาเลตฺวา (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ. ดีละ ดงั นี ้ แบง่ แล้ว ซง่ึ นา ขอแล้ว ซง่ึ หตั ถกรรม กะมนษุ ย์ ท. มาก ฉีกแล้ว ซง่ึ ท้องแหง่ ข้าวสาลี 88 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ยงั บคุ คลให้ต้มแล้ว ในน�ำ้ นม อนั ไมม่ ีน�ำ้ ปรุงแล้วด้วยเนยใสและ นิรุทเก ขีเร ปจาเปตฺวา สปปฺ ิ มธสุ กฺขราหิ โยเชตฺวา น�ำ้ ผงึ ้ และน�ำ้ ตาลกรวด ท. ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน “อิทํ ภนฺเต มม อคฺคทานํ อ. ทานอนั เลศิ ของข้าพระองค์ นี ้ จงเป็นไปพร้อมเพ่ืออนั รู้ตลอด อคฺคธมมฺ สสฺ สพฺพป€มํ ปฏิเวธาย สํวตฺตตตู ิ อาห. ซง่ึ ธรรมอนั เลศิ ก่อนกวา่ ชนทงั้ ปวง ดงั นี ้ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบ แหง่ กิจด้วยภตั ร ฯ อ.พระศาสดา ได้ ทรงกระท�ำแล้ว ซึ่งอนุโมทนา ว่า สตฺถา “เอวํ โหตตู ิ อนโุ มทนํ อกาส.ิ (อ. ความปรารถนาอนั อนั ทา่ นปรารถนาแล้ว) อยา่ งนี ้ จงมีเถิด ดงั นี ้ฯ อ.จลุ กาลนนั้ ไปแล้ว สนู่ า แลดอู ยู่ เหน็ แล้ว (ซงึ่ นา) อนั ดาดาษแล้ว โส เขตฺตํ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สกลเขตฺเต ด้วยรวงแหง่ ข้าวสาลี ท. อนั ราวกะวา่ เนอื่ งกนั แล้วโดยความเป็นชอ่ กณฺณิกาพทฺเธหิ วยิ สาลสิ ีเสหิ สฺฉนฺนํ ทิสวฺ า ในนาทงั้ สนิ ้ ได้เฉพาะแล้ว ซงึ่ ปี ติ มีอยา่ ง ๕ คดิ แล้ว วา่ อ. ลาภ ท. ปจฺ วธิ ํ ปีตึ ปฏลิ ภติ วฺ า “ลาภา วต เมติ จนิ เฺ ตตวฺ า หนอ ของเรา ดงั นี ้ ได้ถวายแล้ว ชอ่ื ซง่ึ ทานอนั เลศิ ในเพราะข้าวเมา่ ปถุ กุ กาเล ปถุ กุ คฺคํ นาม อทาส,ิ คามวาสหี ิ สทฺธึ ในกาลแหง่ ข้าวเมา่ , ได้ถวายแล้ว ชอื่ ซง่ึ ทานในเพราะข้าวกล้าอนั เลศิ อคฺคสสฺสทานํ นาม อทาส;ิ ลายเน ลายนคฺคํ, กบั ด้วยชน ท. ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกต;ิ (ได้ถวายแล้ว) ซงึ่ ทาน เวณิกรเณ เวณิคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ ขลคฺคํ อนั เลศิ ในการเก่ียว ในกาลเป็นที่เกี่ยว, (ได้ถวายแล้ว) ซงึ่ ทาน ภณฺฑคฺคํ อโกทฏาฺ€สค.ิ ฺคนฺติ เอวํ เอกสสเฺ ส นว วาเร อนั เลศิ ในการกระท�ำซง่ึ ขะเน็ด ในกาลเป็นที่กระท�ำซงึ่ ขะเน็ด, อคฺคทานํ (ได้ถวายแล้ว) (ซง่ึ ทาน) อนั เลศิ ในฟ่ อน (ซงึ่ ทาน) อนั เลศิ ในลาน (ซง่ึ ทาน) อนั เลศิ ในลอม (ซง่ึ ทาน) อนั เลศิ ในฉาง ในกาล ท. มีกาลเป็นที่กระท�ำซงึ่ ฟ่ อนเป็นต้น ได้ถวายแล้ว ซง่ึ ทานอนั เลศิ สนิ ้ วาระ ท. ๙ ในเพราะข้าวกล้า ครงั้ หนงึ่ อยา่ งนี ้ ด้วยประการฉะนี ้ ฯ อ. ที่ (แหง่ ข้าวกล้า) อนั จลุ กาลนนั้ ถือเอาแล้วและถือเอาแล้ว ตสฺส สพฺเพสุ วาเรสุ คหิตคหิตฏฺ€านํ ปริปรู ิ. ในวาระ ท. ทงั้ ปวง เตม็ รอบแล้ว ฯ สสสฺ ํ อตเิ รกํ อฏุ ฺ€านสมปฺ นฺนํ อโหส.ิ ธมโฺ ม นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขต.ิ อ. ข้าวกล้า เป็นข้าวเหลอื เฟือ เป็นข้าวถงึ พร้อมแล้วด้วยอนั ตงั้ ขนึ ้ ได้เป็นแล้ว ฯ ช่ือ อ. ธรรม นนั่ ยอ่ มรักษา (ซง่ึ บคุ คล) ผ้รู ักษาอยู่ ซงึ่ ตน ฯ (เพราะเหตนุ นั้ อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว วา่ ) อ. ธรรมแล ย่อมรกั ษา ซ่ึงบคุ คลผูป้ ระพฤติซึ่งธรรมโดยปกติ ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ อ. ธรรม อนั บคุ คลประพฤติดีแลว้ ย่อมน�ำมา ซ่ึงความสขุ ธมฺโม สจุ ิณฺโณ สขุ มาวหาติ อ. อานิสงส์ นน่ั เป็นอานิสงส์ ในธรรม อนั บคุ คลประพฤติดีแลว้ เอสานิสํโส ธมฺเม สจุ ิณฺเณ (ย่อมเป็น) อ.บคุ คลผูป้ ระพฤติซ่ึงธรรมโดยปกติ ย่อมไม่ไป น ทคุ ฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารีติ. สู่ทคุ ติ ดงั นี้ ฯ (อ. อญั ญาโกณฑญั ญะ) ปรารถนาอยู่ เพื่ออนั รู้ตลอด ซง่ึ ธรรม เอวเมว วปิ สสฺ สิ มมฺ าสมพฺ ทุ ฺธกาเล อคฺคธมมฺ ํ อนั เลศิ ก่อน ได้ถวายแล้วซงึ่ ทานอนั เลศิ ท. เก้า ในกาล ป€มํ ปฏิวิชฺฌิตํุ ปตฺเถนฺโต นว อคฺคทานานิ แหง่ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าพระนามวา่ วปิ ัสสี อยา่ งนีน้ น่ั เทียว ฯ อทาส.ิ อนง่ึ (อ. อญั ญาโกณฑญั ญะ) ถวายแล้ว ซงึ่ ทานใหญ่ สนิ ้ วนั เจด็ อิโต สตสหสฺสกปปฺ มตฺถเก ปน หํสวตีนคเร หมอบลงแล้ว ณ ที่ใกล้แหง่ พระบาท ของพระผ้มู ีพระภาคเจ้า ปทมุ ตุ ฺตรพทุ ฺธกาเลปิ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ตสสฺ นนั้ ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ความปรารถนา เพ่ืออนั รู้ตลอด ซง่ึ ธรรมอนั เลศิ ภควโต ปาทมเู ล นิปชฺชิตฺวา อคฺคธมมฺ สสฺ ป€มํ ก่อนนน่ั เทียว แม้ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ ปทมุ ตุ ตระ ปฏิวิชฺฌนตฺถเมว ปตฺถนํ €เปส.ิ ในเมืองชื่อวา่ หงสวดี ในท่ีสดุ แหง่ กปั ป์ แสนหนง่ึ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 89 www.kalyanamitra.org
(อ. ต�ำแหนง่ ) อนั อญั ญาโกณฑญั ญะนีป้ รารถนาแล้วนน่ั เทียว อิติ อิมินา ปตฺถิตเมว มยา ทินฺนํ, นาหํ มขุ ํ อนั เรา ให้แล้ว ด้วยประการฉะนี,้ อ. เรา ยอ่ มให้ เพราะแลดู โอโลเกตฺวา เทมีต.ิ ซง่ึ หน้า หามิได้ ดงั นี ้ฯ *จบ ก. ๑๗* (อ. ภกิ ษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ. ชน ท. “ยสกลุ ปตุ ฺตปปฺ มขุ า ปจฺ ปฺ าส ชนา กึ ห้าสบิ ห้า มีกลุ บตุ รชื่อวา่ ยสะเป็นประมขุ กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรม กมมฺ ํ กรึสุ ภนฺเตต.ิ อะไร ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ อ. ชน ท. แม้เหลา่ นนั่ ปรารถนาอยู่ “เอเตปิ เอกสฺส พทุ ฺธสฺส สนฺตเิ ก อรหตฺตํ ซง่ึ พระอรหตั ในสำ� นกั ของพระพทุ ธเจ้า พระองค์หนง่ึ กระท�ำแล้ว ปตฺเถนฺตา พหํุ ปุ ฺ กมมฺ ํ กตฺวา, อปรภาเค ซงึ่ กรรมคอื บญุ มาก, ในกาลอนั เป็นสว่ นอน่ื อกี ครนั้ เมอ่ื พระพทุ ธเจ้า อนปุ ปฺ นฺเน พทุ ฺเธ, สหายกา หตุ ฺวา วคฺคพนฺเธน ไมเ่ สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว, เป็นสหายกนั เป็น กระท�ำอยู่ ซง่ึ บญุ ท. ปุ ฺ านิ กโรนฺตา อนาถสรีรานิ ปฏิชคฺคนฺตา ด้วยการผกู กนั เป็นพวก เทย่ี วปฏบิ ตั อิ ยแู่ ล้ว ซง่ึ สรีระอนั ไมม่ ที พ่ี ง่ึ ท. ฯ วจิ รึส.ุ ในวนั หนงึ่ อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ หญิง ผ้เู ป็นไป เต เอกทิวสํ สคพฺภํ อิตฺถึ กาลกตํ ทิสวฺ า กบั ด้วยครรภ์ ผ้มู ีกาละอนั กระท�ำแล้ว (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ “ฌาเปสสฺ ามาติ สสุ านํ หรึส.ุ (อ. เรา ท. ยงั สรีระ) จกั ให้ไหม้ ดงั นี ้น�ำไปแล้ว สปู่ ่ าช้า ฯ ในชน ท. เหลา่ นนั้ หนา อ. ชน ท. ผ้เู หลอื เว้น ซง่ึ ชน ท. ๕ เตสุ ปจฺ ชเน “ตมุ เฺ ห ฌาเปถาติ สสุ าเน ในป่ าช้า (ด้วยค�ำ) วา่ อ. ทา่ น ท. (ยงั สรีระ) จงให้ไหม้ ดงั นี ้ €เปตฺวา เสสา คามํ ปวิฏฺ €า. เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน ฯ อ. ทารกชื่อวา่ ยสะ แทงแล้ว ซง่ึ สรีระนนั้ ด้วยหลาว ท. ยสทารโก ตํ สรีรํ สเู ลหิ วชิ ฌฺ ติ วฺ า ปริวตเฺ ตตวฺ า (ยังสรีระ) ให้เป็ นไปรอบแล้วๆ ให้ไหม้อยู่ ได้เฉพาะแล้ว ปริวตฺเตตฺวา ฌาเปนฺโต อสภุ สฺํ ปฏิลภิ. ซงึ่ อสภุ สญั ญา ฯ (อ. ยสะ) แสดงแล้ว แก่ชน ท. ๔ แม้เหลา่ นอกนี ้ (ด้วยค�ำ) วา่ อิตเรสปํ ิ จตนุ ฺนํ ชนานํ “ปสฺสถ โภ อิมํ สรีรํ ดกู ่อนทา่ นผ้เู จริญ ท. (อ. ทา่ น ท. ) จงเหน็ ซง่ึ สรีระ นี ้มีหนงั อนั ไฟ ตตฺถ ตตฺถ วิทฺธสฺตจมมฺ ํ กพรโครูปํ วยิ อสจุ ึ ขจดั แล้ว ในที่นนั้ ๆ ราวกะวา่ แมโ่ คดา่ ง อนั ไมส่ ะอาด มีกลนิ่ ชวั่ ทคุ ฺคนฺธํ ปฏิกลู นฺติ ทสเฺ สส.ิ อนั สกปรก ดงั นี ้ ฯ อ.ชน ท. แม้เหลา่ นนั้ ได้เฉพาะแล้ว ซงึ่ อสภุ สญั ญา ในสรีระ นนั้ ฯ เตปิ ตตฺถ อสภุ สฺํ ปฏิลภสึ .ุ เต ปจฺ อ.ชน ท. ห้า เหลา่ นนั้ ไปแล้ว สบู่ ้าน บอกแล้ว แกส่ หายผ้เู หลอื ท. ฯ ชนา คามํ คนฺตฺวา เสสสหายกานํ กถยสึ .ุ ส่วนว่า อ.ทารก ชื่อว่ายสะ ไปแล้ว สู่เรือน บอกแล้ว ยโส ปน ทารโก เคหํ คนฺตฺวา มาตาปิ ตนู จฺ แก่มารดาและบดิ า ท. ด้วย แก่ภรรยา ด้วย ฯ ภริยาย จ กเถส.ิ อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง ยงั อสภุ กรรมฐาน ให้เจริญแล้ว ฯ เต สพฺเพปิ อสภุ ํ ภาวยสึ .ุ อ.กรรมนี ้ เป็ นกรรมในกาลก่อน ของชน ท. เหล่านั่น อิทเมเตสํ ปพุ ฺพกมมฺ ํ. (ยอ่ มเป็น) ฯ เพราะเหตนุ นั้ นน่ั เทียว อ.ความสำ� คญั วา่ ป่ าช้า ในเรือน เตเนว ยสสสฺ อิตฺถาคาเร สสุ านสฺา อนั เตม็ แล้วด้วยหญิง เกิดขนึ ้ แล้ว แก่ยสะ ฯ อปุ ปฺ ชฺชิ. ก็ อ. การถงึ ทบั ซง่ึ คณุ วเิ ศษ บงั เกิดแล้ว แก่ชน ท. ทงั้ ปวง ตาย จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สพฺเพสํ เพราะความถงึ พร้อมแหง่ อปุ นิสยั นนั้ ฯ วเิ สสาธิคโม นิพฺพตฺต.ิ อ. ชน ท. เหลา่ นี ้ได้แล้ว (ซงึ่ ต�ำแหนง่ ) อนั อนั ตนปรารถนาแล้ว เอวํ อิเม อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภสึ .ุ นนั่ เทยี ว อยา่ งนี ้ ฯ อ. เรา ยอ่ มให้ เพราะแลดู ซง่ึ หน้า หามไิ ด้ ดงั นี ้ ฯ นาหํ มขุ ํ โอโลเกตฺวา ทมมฺ ีต.ิ (อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ อ. สหาย “ภทฺทวคฺคยิ า สหายกา ปน กึ กรึสุ ภนฺเตต.ิ ท. ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวกอนั เจริญ กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรมอะไร ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. สหาย ท. “เอเตปิ ภิกฺขเว ปพุ ฺพพทุ ฺธานํ สนฺตเิ ก อรหตฺตํ แม้เหลา่ นน่ั ปรารถนาแล้ว ซง่ึ พระอรหตั ในส�ำนกั ของพระพทุ ธเจ้า ปตฺเถตฺวา ปุ ฺานิ กตฺวา, ในกาลก่อน ท. กระท�ำแล้ว ซง่ึ บญุ ท., 90 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ในกาลอนั เป็นสว่ นอนื่ อกี ครนั้ เมอ่ื พระพทุ ธเจ้า ไมเ่ สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว, อปรภาเค อนปุ ปฺ นฺเน พทุ ฺเธ, ตสึ ธตุ ฺตา หตุ ฺวา เป็นนกั เลง ๓๐ คน เป็น ฟังแล้ว ซงึ่ โอวาทแหง่ สกุ รผ้เู ป็นบณั ฑิต ตณุ ฺฑิโลวาทํ สตุ ฺวา สฏฺ€วิ สสฺ สหสฺสานิ ปฺจ สลี านิ ช่ือวา่ ตณุ ฑิละ รักษาแล้ว ซง่ึ ศีล ท. ๕ สนิ ้ พนั แหง่ ปี ๖๐ ท. ฯ รกฺขสึ .ุ (อ. สหาย ท.)แม้เหลา่ นี ้ ได้แล้ว ซง่ึ ต�ำแหนง่ อนั อนั ตน เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตปตฺถิตเมว ลภสึ ,ุ ปรารถนาแล้วและปรารถนาแล้ว นน่ั เทียว อยา่ งนี,้ อ. เรา ยอ่ มให้ นาหํ มขุ ํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขนู ํ ทมมฺ ีต.ิ แก่ภิกษุ ท. เพราะแลดู ซงึ่ หน้า หามิได้ ดงั นี ้ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ “อรุ ุเวลกสฺสปาทโย ปน ภนฺเต กึ กรึสตู .ิ (อ. ภิกษุ ท.)มีพระอรุ ุเวลากสั สปะเป็นต้น กระท�ำแล้ว (ซงึ่ กรรม) อะไร ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรสั แล้ว) วา่ (อ. ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ปรารถนาแล้ว “อรหตฺตเมว ปตฺเถตฺวา ปุ ฺานิ กรึส.ุ ซง่ึ พระอรหตั นน่ั เทียว กระท�ำแล้ว ซง่ึ บญุ ท. ฯ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ อ. พระพทุ ธเจ้า ท. สอง คือ อิโต หิ เทฺวนวตุ กิ ปเฺ ป `ตสิ ฺโส ผสุ ฺโสติ เทฺว อ.พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ ตสิ สะ อ.พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ ผสุ สะ พทุ ฺธา อปุ ปฺ ชฺชสึ .ุ เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ในกปั ป์ ๙๒ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ ฯ อ. พระราชา พระนามวา่ มหินท์ เป็นพระบดิ า ของพระพทุ ธเจ้า ผสุ สฺ พทุ ฺธสสฺ มหินฺโท นาม ราชา ปิ ตา อโหส.ิ พระนามวา่ ผสุ สะ ได้เป็นแล้ว ฯ ก็ ครัน้ เม่ือพระพุทธเจ้านัน้ ทรงบรรลุแล้ว ซึ่งพระญาณ ตสมฺ ึ ปน ปสโุ รมหโฺ พิตปธึตุ ปฺโตตฺเตท, ตุ รยิ สโฺาวโกกนอิฏโฺ€หปสตุ .ิ ฺโต เป็นเคร่ืองตรัสรู้พร้อม, อ. พระโอรสผ้นู ้อยที่สดุ ของพระราชา อคฺคสาวโก, เป็นสาวกผ้เู ลศิ (ได้เป็นแล้ว), อ. บตุ รของปโุ รหิต เป็นสาวกท่ีสอง ได้เป็นแล้ว ฯ อ. พระราชา เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ทรงแลดแู ล้ว เทมตุ ยิ พรสาทุาชฺโวธาโ,กตกิสนติฏฺฺถ€เปุตตุ สฺโตนโอฺตโิกลอํเคกฺคตคสฺวนาาฺตวฺวโกา“,มเปม“โุเวรชหฏฺิต€พปปทุ ตตุุ ฺโฺฺโโธตต, ซง่ึ ชน ท. เหลา่ นนั้ (ด้วยอนั ทรงดำ� ริ) วา่ อ. บตุ รผ้เู จริญทส่ี ดุ ของเรา เป็นพระพทุ ธเจ้า (ได้เป็นแล้ว), อ. บตุ รผ้นู ้อยท่ีสดุ เป็นสาวกผ้เู ลศิ (ได้เป็นแล้ว), อ. บตุ รของปโุ รหติ เป็นสาวกทสี่ อง (ได้เป็นแล้ว) ดงั นี ้ มเมว ธมโฺ ม, มเมว สงฺโฆ; นโม ตสสฺ ภควโต ทรงเปลง่ แล้ว ซง่ึ อทุ าน ๓ ครัง้ วา่ อ. พระพทุ ธเจ้า ของเรานน่ั เทียว, อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสสฺ าติ ตกิ ฺขตฺตํุ อทุ านํ อ.พระธรรม ของเรานน่ั เทียว, อ. พระสงฆ์ ของเรา นนั่ เทียว; อทุ าเนตฺวา สตฺถุ ปาทมเู ล นิปชฺชิตฺวา “ภนฺเต อ.ความนอบน้อม (จงมี) แก่พระผู้มีภาคเจ้า พระองค์นัน้ อิทานิ เม นวตุ วิ สฺสสหสฺสปริมาณสฺส อายโุ น ผ้เู ป็นพระอรหนั ต์ ผ้ตู รัสรู้ดีโดยชอบแล้ว ดงั นี ้ ทรงหมอบลงแล้ว โกฏิยํ นิสที ิตฺวา นิทฺทายนกาโล วิย, อเฺ สํ ณ ท่ีใกล้แหง่ พระบาท ของพระศาสดา ทรงรับแล้ว ซงึ่ ปฏิญญา เคหทฺวารํ อคนฺตฺวา, ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. กาลนี ้ เป็นราวกะวา่ กาลเป็นท่ีนง่ั - จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถาติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ประพฤตหิ ลบั ในที่สดุ แหง่ อายุ มีพนั แหง่ ปี เก้าสบิ เป็นประมาณ นิพทฺธํ พทุ ฺธปุ ฏฺ€านํ กโรต.ิ ของหมอ่ มฉนั (ยอ่ มเป็น), (อ. พระองค์) ไมเ่ สดจ็ ไปแล้ว สปู่ ระตู แหง่ เรือน ของชน ท. เหลา่ อื่น, อ. หมอ่ มฉนั ยอ่ มเป็นอยู่ เพียงใด, ทรงยงั ปัจจยั ท. สี่ ของหมอ่ มฉนั จงให้อยทู่ บั เพียงนนั้ ดงั นี ้ ยอ่ มทรงกระท�ำ ซง่ึ การบ�ำรุงซงึ่ พระพทุ ธเจ้า เนืองนิตย์ ฯ ก็ อ. พระโอรส ท. สาม แม้เหลา่ อนื่ อกี ของพระราชา ได้มแี ล้ว ฯ รโฺ ปน อปเรปิ ตโย ปตุ ฺตา อเหสํ.ุ ในพระโอรส ท. ๓ เหลา่ นนั้ หนา อ. ร้อยแหง่ ทหาร ท. ๕ เป็นบริวาร มเตชสฺฌุ ิมสฺสเชฏตฺ€ีณสสฺิ, ปฺจ โยธสตานิ ปริวาโร, ของพระโอรสผ้เู จริญท่ีสดุ (ได้เป็นแล้ว),( อ. ร้อยแหง่ ทหาร ท.) ๓ กนิฏฺ €สสฺ เทฺว. (เป็ นบริวาร) ของพระโอรสผู้มีในท่ามกลาง (ได้เป็ นแล้ว), (อ. ร้อยแหง่ ทหาร ท.) ๒ (เป็นบริวาร) ของพระโอรสผ้นู ้อยท่ีสดุ (ได้เป็นแล้ว) ฯ อ. พระโอรส ท. ๓ เหลา่ นนั้ (ทรงปรึกษากนั แล้ว) วา่ แม้ เต “มยมปฺ ิ ภาตกิ ํ โภเชสฺสามาติ ปิ ตรํ อ. เรา ท. ยงั พระเจ้าพี่ จกั ให้เสวย ดงั นี ้ ทรงขอแล้ว ซง่ึ โอกาส โอกาสํ ยาจิตฺวา กะพระบดิ า ผลิตสอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 91 www.kalyanamitra.org
แม้ทรงขออยู่ บอ่ ย ๆ ไมท่ รงได้แล้ว, ครนั้ เมอ่ื ประเทศอนั เป็นทส่ี ดุ เฉพาะ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา, ปจฺจนฺเต กปุ ิ เต, (อนั โจร ท.) ให้กำ� เริบแล้ว, ผ้อู นั พระบดิ า ทรงสง่ ไปแล้ว เพอ่ื ประโยชน์ ตสสฺ วปู สมนตฺถาย เปสติ า ปจฺจนฺตํ วปู สเมตฺวา แก่ความเข้าไปสงบวิเศษ แห่งประเทศอนั เป็ นที่สดุ เฉพาะนนั้ ปิ ตุ สนฺตกิ ํ อาคมสึ .ุ ครัน้ ทรงยงั ประเทศอนั เป็นท่ีสดุ เฉพาะ ให้เข้าไปสงบวเิ ศษแล้ว เสดจ็ มาแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระบดิ า ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระบดิ า ทรงสวมกอดแล้ว ซง่ึ พระโอรส ท. เหลา่ นนั้ อถ เน ปิ ตา อาลงิ ฺคติ ฺวา สเี ส จมุ พฺ ิตฺวา ทรงจมุ พิตแล้ว ที่พระเศียร ตรัสแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ. เรา) จะให้ “วรํ โว ตาตา ทมมฺ ีติ อาห. ซง่ึ พร แก่เจ้า ท. ดงั นี ้ฯ อ.พระโอรส ท. เหลา่ นนั้ (ทรงรบั พร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ เต “สาธุ เทวาติ วรํ คหิตกํ กตฺวา ปนุ ผ้สู มมตเิ ทพ อ. ดีละ ดงั นี ้ ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ พร ให้เป็นพร กตปิ าหจฺจเยน ปิ ตรา “คณฺหถ ตาตา วรนฺติ อนั พระองค์ทรงรับเอาแล้ว ผ้อู นั พระบดิ าตรัสแล้ววา่ แนะ่ พอ่ ท. วตุ ฺตา “เทว อมหฺ ากํ อเฺ น เกนจิ อตฺโถ (อ. เจ้า ท.) จงรับ ซง่ึ พร ดงั นี ้ โดยอนั ลว่ งไปแหง่ วนั เลก็ น้อย อีก นตฺถิ, อิโต ปอฏาฺห€าํสย.ุ มยํ ภาตกิ ํ โภเชสสฺ าม, อิมํ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมติเทพ อ.ความต้องการ โน วรํ เทหีติ ด้วยวตั ถอุ ะไร ๆ อ่ืน ยอ่ มไมม่ ี แก่ข้าพระพทุ ธเจ้า ท., อ. ข้าพระพทุ ธเจ้า ท. ยงั พระเจ้าพี่ จกั ให้เสวย จ�ำเดมิ แตก่ าลนี,้ อ.พระองค์ ขอจงพระราชทาน ซงึ่ พรนี ้แกข่ ้าพระพทุ ธเจ้า ท. ดงั นี ้ฯ (อ. พระราชา ตรัสแล้ว)วา่ แนะ่ พอ่ ท. อ. เรา ยอ่ มไมใ่ ห้ ดงั นี ้ฯ “น เทมิ ตาตาต.ิ (อ.พระโอรส ท. กราบทลู แล้ว) วา่ (อ. พระองค์ ท.) เมอื่ ไมพ่ ระราชทาน “นิจฺจกาลํ อเทนฺตา สตฺต สวํ จฺฉรานิ เทถาต.ิ ตลอดกาลเนืองนิตย์ ขอจงพระราชทาน สนิ ้ ปี ท. เจ็ด ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ท. อ. เรา ยอ่ มไมใ่ ห้ ดงั นี ้ ฯ “น เทมิ ตาตาต.ิ (อ. พระโอรส ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ. พระองค์ ท.) “เตนหิ ฉ ปฺจ จตฺตาริ ตีณิ เทฺว เอกํ สํวจฺฉรํ ขอจงพระราชทาน (สนิ ้ ปี ท.) ๖ (สนิ ้ ปี ท.) ๕ (สนิ ้ ปี ท.) ๔ สตฺต มาเส ฉ มาเส ปจฺ มาเส จตฺตาโร มาเส (สนิ ้ ปี ท.) ๓ (สนิ ้ ปี ท.) ๒ สนิ ้ ปี หนงึ่ สนิ ้ เดือน ท. ๗ สนิ ้ เดือน ท. ๖ ตโย มาเส เทถาต.ิ สนิ ้ เดือน ท. ๕ สนิ ้ เดือน ท. ๔ สนิ ้ เดือน ท. ๓ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา ตรสั แล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ท. อ. เรา ยอ่ มไมใ่ ห้ ดงั นี ้ ฯ “น เทมิ ตาตาติ. (อ. พระโอรส ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแต่ พระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ “โหตุ เทว, เอเกกสสฺ โน เอเกกํ มาสํ กตฺวา (อ.ข้อนน่ั ) จงมเี ถดิ , อ. พระองค์ ท. ขอจงพระราชทาน สนิ ้ เดอื น ตโย มาเส เทถาต.ิ ท. ๓ แก่ข้าพระพทุ ธเจ้า ท. กระท�ำ ให้เป็นเดือน ๆ หนง่ึ ๆ แก่ข้าพระพทุ ธเจ้าคนหนง่ึ ๆ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ท. อ. ดีละ, ถ้าอยา่ งนนั้ “สาธุ ตาตา, เตนหิ ตโย มาเส โภเชถาต.ิ อ. เจ้า ท. (ยงั พระเจ้าพ่ี) จงให้เสวย สนิ ้ เดือน ท. ๓ ดงั นี ้ ฯ เตสํ ปน ตณิ ฺณมปฺ ิ เอโก ว โกฏฺ €าคาริโก, ก็ อ.บคุ คลผ้ปู ระกอบแล้วในเรือนคลงั ของพระโอรส ท. แม้สาม เอโก ว อายตุ ฺตโก. เหลา่ นนั้ คนเดียวกนั เทียว, อ. นายเสมียน คนเดียวกนั เทียว ฯ อ. พระโอรส ท. ๓ เหลา่ นนั้ เป็นผ้มู ีบรุ ุษมีนหตุ ๑๒ เป็นประมาณ เต ทฺวาทสนหตุ ปรุ ิสปริวารา. เป็นบริวาร (ยอ่ มเป็น) ฯ (อ. พระโอรส ท. ๓) ทรงยงั บคุ คลให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ บรุ ุษ ท. เต ปกฺโกสาเปตฺวา “มยํ อิมํ เตมาสํ ทส เหลา่ นนั้ (ตรัสแล้ว) วา่ อ. เรา ท. รับแล้ว ซงึ่ ศีล ท. ๑๐ นงุ่ แล้ว สีลานิ คเหตฺวา เทฺว กาสายานิ นิวาเสตฺวา ซงึ่ ผ้ากาสายะ ท. ๒ จกั อยู่ อยกู่ บั ด้วยพระศาสดา ตลอดประชมุ สตฺถารา สหวาสํ วสสิ ฺสาม, ตมุ เฺ ห เอตฺตกํ นาม แหง่ เดือนสาม นี,้ อ. ทา่ น ท. รับแล้ว ซง่ึ คา่ ใช้จา่ ยในทาน ทโยาธนสวหฏสฺฏฺสํ สคสฺ เหตฺวจา เทวสกิ ํ นวตุ สิ หสสฺ านํ ภิกฺขนู ํ ช่ือมีประมาณเทา่ นี ้ ยงั ของอนั บคุ คลพงึ เคีย้ วและของอนั บคุ คล โน สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ พงึ บริโภค ทงั้ ปวง พงึ ให้เป็นไปพร้อม แก่ภิกษุ ท. เก้าหมื่นรูปด้วย สวํ ตฺเตยฺยาถ, มยํ หิ อิโต ปฏฺ€าย น กิจฺ ิ แก่พนั แหง่ ทหาร ของเรา ท. ด้วย ทกุ ๆ วนั , เพราะวา่ อ. เรา ท. วกฺขามาติ วทสึ .ุ จกั ไมก่ ลา่ ว ซง่ึ ค�ำอะไร ๆ จ�ำเดมิ แตก่ าลนี ้ ดงั นี ้ ฯ อ. พระโอรส ท. แม้สาม เหลา่ นนั้ ทรงพาเอาแล้ว ซงึ่ พนั แหง่ เต ตโยปิ ปริวารกปรุ ิสสหสฺสํ คเหตฺวา ทส บรุ ุษผ้เู ป็นบริวาร ทรงสมาทานแล้ว ซง่ึ ศีล ท. ๑๐ ทรงนงุ่ แล้ว สีลานิ สมาทาย กาสายวตฺถานิ นิวาเสตฺวา ซงึ่ ผ้ากาสายะ ท. ประทบั อยแู่ ล้ว ในวหิ ารนน่ั เทียว ฯ วหิ าเรเยว วสสึ .ุ 92 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. บคุ คลผ้ปู ระกอบแล้วในเรือนคลงั ด้วย อ. นายเสมียนด้วย วตฏณิ ฺฏฺณํโกคํ ฏเหฺ€ภตาาคฺวตาากิ ริาโกนทํ านจโํ กอฏเฺทา€ยานคตฺุตาฺติ.เโรกหิ จ เอกโต หตุ ฺวา เป็น โดยความเป็นอนั เดียวกนั รับแล้ว ซงึ่ คา่ ใช้จา่ ย ตามวาระ ๆ วาเรน วาเรน จากเรือนคลงั ท. ของพระโอรสผ้พู ่ีน้องชาย ท. ๓ ยอ่ มถวาย ซงึ่ ทาน ฯ ก็ อ. บตุ ร ท. (ของชน ท.) ผ้กู ระท�ำซงึ่ การงาน ยอ่ มร้องไห้ กมมฺ กรานํ ปน ปตุ ฺตา ยาคภุ ตฺตาทีนํ อตฺถาย เพื่อประโยชน์ (แก่อาหารวตั ถุ ท.) มีข้าวต้มและข้าวสวยเป็นต้น ฯ โรทนฺติ. อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ , ครัน้ เม่ือหมแู่ หง่ ภิกษุ ไมม่ าแล้วนนั่ เทียว, เต เตส,ํ ภิกฺขสุ งฺเฆ อนาคเตเยว, ยาคภุ ตฺตาทีนิ ยอ่ มให้ (ซง่ึ อาหารวตั ถุ ท.) มขี ้าวต้มและข้าวสวยเป็นต้น แกบ่ ตุ ร ท. เทนฺต.ิ เหลา่ นนั้ ฯ (อ. อาหารวตั ถ)ุ อนั ย่ิงเกิน ไร ๆ เป็นของไมเ่ คยมีแล้ว ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน กิฺจิ อตเิ รกํ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร แหง่ หมแู่ หง่ ภิกษุ (ยอ่ มเป็น) ฯ น ภตู ปพุ ฺพํ. ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ เต อปรภาเค “ทารกานํ เทมาติ อตฺตนาปิ อ. เรา ท. จะให้ แกเ่ ดก็ ท. ดงั นี ้ ถอื เอาแล้ว แม้ด้วยตน เคยี ้ วกนิ แล้ว, คเหตฺวา ขาทสึ ,ุ มนุ ฺ ปํ ิ อาหารํ ทิสฺวา เหน็ แล้ว ซงึ่ อาหาร แม้อนั เป็นที่ฟแู หง่ ใจ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั อธิวาเสตํุ นาสกฺขสึ .ุ (ยงั ความฟแู หง่ ใจ) ให้อยทู่ บั ฯ ก็ อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ เป็นผ้มู ีพนั แปดสบิ สเ่ี ป็นประมาณ เต ปน จตรุ าสีตสิ หสฺสา อเหส.ํุ ได้เป็นแล้ว ฯ อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ เคีย้ วกินแล้ว, ซงึ่ คา่ ใช้จา่ ย อนั อนั บคุ คล เต สงฺฆสฺส ทนินิพฺนฺพํ ตวฺตฏสึฺฏ.ุ ํ ขาทิตฺวา กายสสฺ ถวายแล้ว แกส่ งฆ์ บงั เกดิ แล้ว ในวสิ ยั แหง่ เปรต เพราะความแตกไป เภทา เปตฺตวิ สิ เย แหง่ กาย ฯ ส่วนว่า อ.พระโอรส ท. ผู้เป็ นพี่น้องกัน เหล่านัน้ กับ เต ภาตกิ า ปน ปรุ ิสสหสฺเสน สทฺธึ กาลํ ด้วยพนั แหง่ บรุ ุษ กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตติ ฺวา เทวโลกา เทวโลกํ ทอ่ งเทยี่ วไปอยู่ สเู่ ทวโลก จากเทวโลก ยงั กปั ป์ ๙๒ ท. ให้สนิ ้ ไปแล้ว ฯ สสํ รนฺตา เทฺวนวตุ กิ ปเฺ ป เขเปส.ํุ อ.พระโอรส ท. ผ้เู ป็นพี่น้องกนั ๓ เหลา่ นนั้ ปรารถนาอยู่ เอวํ เต ตโย ภาตโร อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา ซึ่งพระอรหัต กระท�ำแล้ว ซ่ึงกรรมอันงาม ในกาลนัน้ ตทา กลฺยาณกมมฺ ํ กรึส.ุ ด้วยประการฉะนี ้ฯ อ. ชฎิล ท. ผ้เู ป็นพี่น้องกนั ๓ เหลา่ นนั้ ได้แล้ว (ซง่ึ ต�ำแหนง่ ) เต อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภสึ .ุ อนั อนั ตนปรารถนาแล้วนน่ั เทียว ฯ อ. เรา ยอ่ มให้ เพราะแลดซู ง่ึ หน้า หามิได้ ดงั นี ้ฯ นาหํ มขุ ํ โอโลเกตฺวา ทมมฺ ีต.ิ ” ก็ อ. นายเสมียน ของพระโอรส ท. ผ้เู ป็นพี่น้องกนั ๓ เหลา่ นนั้ ตทา ปน เตสํ อายตุ ฺตโก พิมพฺ ิสาโร อโหส,ิ ในกาลนนั้ เป็นพระเจ้าพิมพิสาร ได้เป็นแล้ว (ในกาลนี)้ , อ. บคุ คล โกฏฺ€าคาริโก วิสาโข อปุ าสโก. ผ้ปู ระกอบแล้วในเรือนคลงั (ในกาลนนั้ ) เป็นอบุ าสก ชื่อวา่ วิสาขะ (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ ฯ อ. ชน ท. ผ้กู ระท�ำซง่ึ การงาน ของพระโอรส ท. ๓ เหลา่ นนั้ เตสํ กมมฺ กรา ตทา เปเตสุ นิพฺพตฺตติ ฺวา บงั เกิดแล้ว ในเปรต ท. ในกาลนนั้ ทอ่ งเที่ยวไปอยู่ ด้วยอ�ำนาจ สคุ ตทิ คุ ฺคตวิ เสน สสํ รนฺตา อิมสฺมึ กปเฺ ป จตฺตาริ แห่งสุคติและทุคติ บังเกิดแล้ว ในโลกแห่งเปรตนั่นเทียว พทุ ฺธนฺตรานิ เปตโลเกเยว นิพฺพตฺตสึ .ุ สนิ ้ พทุ ธนั ดร ท. ๔ ในกปั ป์ นี ้ ฯ อ. เปรต ท. เหลา่ นนั้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า จตตฺ าเฬตสี วสอสฺ ิสมหสสฺมสฺ ึ ายกุ กํ ปกฺเกปสุ นธฺ สํ ภพคฺพวนปตฺ €ํ มอํ ปุ สองุปกฺ มฺปติ นวฺ ฺนาํ พระนามวา่ กกสุ นั ธะ ผ้ทู รงมีอายมุ ีพนั แหง่ ปี ๔๐ เป็นประมาณ ผ้เู สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว กอ่ นกวา่ พระพทุ ธเจ้าทงั้ ปวง ในกปั ป์ นี ้ทลู ถามแล้ว “อมหฺ ากํ อาหารํ ลภนกาลํ อาจิกฺขถาติ ปจุ ฺฉึส.ุ วา่ อ. พระองค์ ท. ขอจงตรัสบอก ซงึ่ กาลเป็นท่ีได้ ซงึ่ อาหาร แก่ข้าพระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 93 www.kalyanamitra.org
(อ. พระผ้มู ีพระภาคเจ้าพระนามวา่ กกสุ นั ธะ) ตรัสแล้ว วา่ “มม ตาว กาเล น ลภิสสฺ ถ, มม ปจฺฉโต อ. ทา่ น ท. จกั ไมไ่ ด้ ในกาล ของเรา ก่อน, ครัน้ เมื่อแผน่ ดนิ ใหญ่ มหาป€วยิ า โยชนมตตฺ ํ อภริ ุฬหฺ าย โกนาคมนพทุ โฺ ธ งอกขนึ ้ ยิ่งแล้ว (สนิ ้ ท่ี) มีโยชน์เป็นประมาณ อ.พระพทุ ธเจ้า อปุ ปฺ ชฺชิสฺสต,ิ ตํ ปจุ ฺเฉยฺยาถาติ อาห. พระนามวา่ โกนาคมน์ จกั เสดจ็ อบุ ตั ิ ข้างหลงั ของเรา, อ. ทา่ น ท. พงึ ทลู ถาม ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า พระองค์นนั้ ดงั นี ้ ฯ อ. เปรต ท. เหลา่ นนั้ ยงั กาล มีประมาณเทา่ นนั้ ให้สนิ ้ ไปแล้ว, เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา, ตสมฺ ึ อปุ ปฺ นฺเน, ครัน้ เมื่อพระพทุ ธเจ้าพระองค์นนั้ เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว, ทลู ถามแล้ว ตํ ปจุ ฺฉึส.ุ ซง่ึ พระพทุ ธเจ้าพระองค์นนั้ ฯ อ. พระพทุ ธเจ้า แม้นนั้ ตรัสแล้ว วา่ อ. ทา่ น ท. จกั ไมไ่ ด้ โสปิ “มม กาเล น ลภิสสฺ ถ, มม ปจฺฉโต ในกาล ของเรา, ครัน้ เม่ือแผน่ ดนิ ใหญ่งอกขนึ ้ ย่ิงแล้ว สนิ ้ ที่มีโยชน์ มหาป€วิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย กสฺสปพทุ ฺโธ เป็นประมาณ อ. พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ กสั สปะ จกั เสดจ็ อบุ ตั ิ อปุ ปฺ ชฺชิสสฺ ต,ิ ตํ ปจุ ฺเฉยฺยาถาติ อาห. ข้างหลงั ของเรา, อ. ทา่ น ท. พงึ ทลู ถาม ซง่ึ พระพทุ ธเจ้าพระองค์ นนั้ ดงั นี ้ฯ อ.เปรต ท. เหลา่ นนั้ ยงั กาล มีประมาณเทา่ นนั้ ให้สนิ ้ ไปแล้ว, เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา, ตสมฺ ึ อปุ ปฺ นฺเน, ครัน้ เมื่อพระพทุ ธเจ้า พระองค์นนั้ เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว, ทลู ถามแล้ว ตํ ปจุ ฺฉึส.ุ ซง่ึ พระพทุ ธเจ้าพระองค์นนั้ ฯ อ. พระพทุ ธเจ้า แม้นนั้ ตรัสแล้ว วา่ อ. ทา่ น ท. จกั ไมไ่ ด้ โสปิ “มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต ในกาล ของเรา, ครัน้ เมื่อแผน่ ดนิ ใหญ่ งอกขนึ ้ ยิ่งแล้ว สนิ ้ ท่ีมีโยชน์ มหาป€วยิ า โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โคตมพทุ ฺโธ เป็นประมาณ ชื่อ อ. พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ โคดม จกั เสดจ็ อบุ ตั ิ นาม อปุ ปฺ ชชฺ สิ สฺ ต,ิ ตทา ตมุ หฺ ากํ าตโก พมิ พฺ สิ าโร ข้ างหลัง ของเรา , ในกาลนัน้ อ. ญาติ ของท่าน ท. นาม ราชา ภวสิ ฺสต,ิ โส สตฺถุ ทานํ ทตฺวา เป็นพระราชาพระนามวา่ พิมพิสาร จกั เป็น, อ.พระราชา นนั้ ตมุ หฺ ากํ ปาเปสสฺ ต,ิ ตทา ลภิสฺสถาติ อาห. ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน แก่พระศาสดา (ทรงยงั ทาน) จกั ให้ถงึ แก่ทา่ น ท., อ. ทา่ น ท. จกั ได้ ในกาลนนั้ ดงั นี ้ ฯ อ. พทุ ธนั ดรหนงึ่ เป็นราวกะวา่ วนั พรุ่ง ได้มีแล้ว แก่เปรต ท. เตสํ เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ เสวฺ ทิวสํ วยิ อโหส.ิ เหลา่ นนั้ ฯ อ. เปรต ท. เหลา่ นนั้ , ครัน้ เม่ือพระตถาคตเจ้า เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว, เต, ตถาคเต อปุ ปฺ นฺเน, พิมพฺ ิสารรฺา ครัน้ เมื่อทาน อนั พระราชาพระนามวา่ พิมพิสาร ทรงถวายแล้ว ป€มทิวสํ ทาเน ทินฺเน, รตฺตภิ าเค เภรวสทฺทํ ในวนั ท่ีหนง่ึ , กระท�ำแล้ว ซงึ่ เสียงอนั เป็นท่ีตงั้ แหง่ ความกลวั กตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสสฺ ยสึ .ุ แสดงแล้ว ซง่ึ ตน แก่พระราชา ในสว่ นแหง่ ราตรี ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ อ. พระราชานนั้ เสดจ็ มาแล้ว สพู่ ระเวฬวุ นั โส ปนุ ทิวเส เวฬวุ นํ อาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส กราบทลู แล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ แก่พระตถาคตเจ้า ฯ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจส.ิ อ. พระศาสดา (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ. ญาติ ท. สตฺถา “มหาราช อิโต เทฺวนวตุ ิกปปฺ มตฺถเก ของพระองค์ เหลา่ นนั้ เคีย้ วกินแล้ว ซงึ่ คา่ ใช้จา่ ย อนั อนั บคุ คล ผสุ สฺ พทุ ฺธกาเล เอเต ตว าตกา ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ถวายแล้ว แกห่ มแู่ หง่ ภกิ ษุ ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ ผสุ สะ สทสํินรฺนนํ ตฺ าวฏกฺฏกํ สุ นธฺขาาททโิตยฺวาพทุ เฺเธปตโอลปุ เปกฺ นเฺ นนิพฺพปตจุ ฺตฉฺ ติิตฺววฺ าา ในท่ีสดุ แหง่ กปั ป์ ๙๒ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี ้ บงั เกิดแล้ว ในโลกแหง่ เปรต ทอ่ งเที่ยวไปอยู่ ทลู ถามแล้ว ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า ท. มีพระกกสุ นั ธะ เตหิ อิทจฺ ิทฺจ วตุ ฺตา เอตฺตกํ กาลํ ตว ทานํ เป็นต้น ผ้เู สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ผ้อู นั พระพทุ ธเจ้า ท. เหลา่ นนั้ ตรัสแล้ว ปจฺจาสสึ มานา, หิยฺโย ตยา ทาเน ทินฺเน, ปตฺตึ ซง่ึ เรื่องนีด้ ้วย ๆ หวงั เฉพาะอยู่ ซงึ่ ทาน ของพระองค์ สนิ ้ กาล อลภมานา เอวมกํสตู .ิ มีประมาณเทา่ นี,้ ครัน้ เม่ือทานอนั พระองค์ ทรงถวายแล้ว ในวนั วาน, ไมไ่ ด้อยซู่ งึ่ สว่ นบญุ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ “กึ ปน ภนฺเต อิทานิปิ ทินฺเน ลภิสฺสนฺตีต.ิ (ครัน้ เม่ือทาน อนั หมอ่ มฉนั ) ถวายแล้ว แม้ในกาลนี ้ (อ. เปรต ท.) จกั ได้ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว) วา่ ดกู อ่ นมหาบพติ ร ขอถวายพระพร “อาม มหาราชาต.ิ (อ. อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ฯ 94 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ. พระราชา ทรงนิมนต์แล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า ราชา พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิมนฺเตตฺวา เป็นประมขุ ถวายแล้ว ซงึ่ ทานใหญ่ ในวนั รุ่งขนึ ้ ได้พระราชทานแล้ว ปนุ ทิวเส มหาทานํ ทตฺวา “ภนฺเต อิโต เตสํ ซง่ึ สว่ นบญุ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าวและน�ำ้ อนั บคุ คล เปตานํ ทิพฺพนฺนปานํ สมปฺ ชฺชตตู ิ ปตฺตึ อทาส.ิ พงึ ดื่มอนั เป็นทิพย์ จงถงึ พร้อม แก่เปรต ท. เหลา่ นนั้ แตม่ หาทาน นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.ข้าวและน�ำ้ อันบุคคลพึงดื่มอันเป็ นทิพย์) บังเกิดแล้ว เตสํ ตเถว นิพฺพตฺต.ิ แก่เปรต ท. เหลา่ นนั้ อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ (อ. เปรต ท.) เป็นผ้เู ปลอื ย เป็น แสดงแล้ว ซง่ึ ตน ฯ ปนุ ทิวเส นคฺคา หตุ ฺวา อตฺตานํ ทสเฺ สสํ.ุ อ.พระราชา ทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ในวนั นี ้ ราชา “อชฺช ภนฺเต นคฺคา หตุ ฺวา อตฺตานํ (อ. เปรต ท.) เป็นผ้เู ปลอื ย เป็น แสดงแล้ว ซงึ่ ตน ดงั นี ้ ฯ ทสฺเสสนุ ฺติ อาโรเจส.ิ (อ. พระศาสดา ตรัส แล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ. ผ้า ท. “วตฺถานิ เต น ทินฺนานิ มหาราชาต.ิ อนั พระองค์ ไมท่ รงถวายแล้ว ดงั นี ้ฯ ในวันรุ่งขึน้ (อ.พระราชา) ทรงถวายแล้ว ซึ่งจีวร ท. ปนุ ทิวเส พทุ ฺธปปฺ มขุ สฺส ภิกฺขสุ งฺฆสฺส จีวรานิ แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ (ทรงยงั สว่ นบญุ ) ทตฺวา “อิโต เตสํ ทิพฺพวตฺถานิ โหนฺตตู ิ ปาเปส.ิ ให้ถงึ แล้ว (แก่เปรต ท. ด้วยพระด�ำรัส) วา่ อ. ผ้าอนั เป็นทิพย์ ท. จงมี แก่เปรต ท. เหลา่ นนั้ แตท่ านนี ้ดงั นี ้ ฯ อ. ผ้าอนั เป็นทิพย์ ท. เกิดขนึ ้ แล้ว แก่เปรต ท. เหลา่ นนั้ ตํขณเฺ ว เตสํ ทิพฺพวตฺถานิ อปุ ปฺ ชฺชสึ .ุ ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ฯ อ. เปรต ท. เหลา่ นนั้ , ละแล้ว ซงึ่ อตั ภาพแหง่ เปรต ตงั้ อยพู่ ร้อมแล้ว เต เปตตฺตภาวํ วชิ หิตฺวา ทิพฺพตฺตภาเวน โดยอตั ภาพ อนั เป็นทิพย์ ฯ สณฺ€หสึ .ุ อ.พระศาสดา เมอ่ื ทรงกระทำ� ซงึ่ อนโุ มทนา ได้ทรงกระทำ� แล้ว สตถฺ า อนโุ มทนํ กโรนโฺ ต “ตโิ รกฑุ เฺ ฑสุ ตฏิ ฺฐนตฺ ตี ิ ซงึ่ การอนโุ มทนา ด้วยติโรกฑุ ฑสตู ร วา่ ตโิ รกุฑเฺ ฑสุ ตฏิ ฺ ฐนฺติ ตโิ รกฑุ ฺฑานโุ มทนํ อกาส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.อนั รู้เฉพาะซง่ึ ธรรม ได้มแี ล้ว แกพ่ นั แหง่ สตั วผ์ ้มู ลี มปราณ ท. อนโุ มทนาวสาเน จตรุ าสีติยา ปาณสหสสฺ านํ ๘๔ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ การอนโุ มทนา ฯ ธมมฺ าภิสมโย อโหส.ิ อ. พระศาสดา ครัน้ ตรัสแล้ว ซง่ึ เรื่อง แหง่ ชฎิลผ้เู ป็นพ่ีน้องกนั อติ ิ สตถฺ า เตภาตกิ ชฏลิ านํ วตถฺ ํุ กเถตวฺ า อมิ มปฺ ิ ๓ คน ท. ทรงนำ� มาแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา แม้นี ้ด้วยประการฉะนี ้ฯ ธมมฺ เทสนํ อาหริ. (อ.ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ อ. พระอคั รสาวก ท. กระทำ� แล้ว (ซง่ึ ความปรารถนา) อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ “อคฺคสาวกา ปน ภนฺเต กึ กรึสตู .ิ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ. อคั รสาวก ท.) กระท�ำแล้ว “อคฺคสาวกภาวาย ปตฺถนํ กรึส.ุ ซง่ึ ความปรารถนา เพ่ือความเป็นแหง่ สาวกผ้เู ลศิ ฯ ดังจะกล่าวโดยย่อ อ.สารีบุตร บังเกิดแล้ว ในตระกูล อโิ ต กปปฺ สตสหสสฺ าธกิ สสฺ หิ กปปฺ านํ อสงเฺ ขยยฺ สสฺ แหง่ พราหมณ์ผ้มู หาศาล ในที่สดุ แหง่ อสงไขย แหง่ กปั ป์ ท. มตถฺ เก สารีปตุ โฺ ต พรฺ าหมฺ ณมหาสาลกเุ ล นพิ พฺ ตตฺ ,ิ อนั ย่ิงด้วยแสนแหง่ กปั ป์ แตภ่ ทั ทกปั ป์ นี,้ เป็นผ้ชู ื่อวา่ สรทมาณพ นาเมน สรทมาณโว นาม อโหส.ิ โดยช่ือ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.โมคคัลลานะ บังเกิดแล้ว ในตระกูลแห่งคฤหบดี โมคฺคลฺลาโน คหปตมิ หาสาลกเุ ล นิพฺพตฺต,ิ ผ้มู หอาศ. ชานล,ทเ.ปแ็นมผ้ท้ชู งั้ ื่อสวอา่ งสเหริ ิวลฑัา่ นฒนั้ กเฎุ ปมุ็นพเพี ื่อโดนยช่ือผ้เู ไลดน่ ้เปซ็งึ่นฝแ่ นุ ลพ้วร้อฯมกนั นาเมน สอริโุ ภิวฑปิ ฺฒสกหฏุ ปมุ ํ สพฺ กุ ิโกีฬกานามสหาอยโหกาส.ิ อเหส.ํุ ได้เป็นแล้ว ฯ เต อ.มาณพช่ือว่าสรทะ ครอบครองแล้วซ่ึงทรัพย์ใหญ่ สรทมาณโว ปิ ตอุ จฺจเยน กลุ สนฺตกํ มหาธนํ อนั เป็นของมีอยแู่ หง่ ตระกลู โดยอนั ลว่ งไปแหง่ บดิ า ผ้ไู ปแล้ว ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ “อหํ ในท่ีลบั ในวนั หนง่ึ คดิ แล้ว วา่ อ. เรา ยอ่ มรู้ ซงึ่ อตั ภาพ ในโลกนี ้ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ; นน่ั เทียว, ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ อตั ภาพในโลกอื่น, ก็ ชื่อ อ. ความตาย ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธวุ ํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ แหง่ สตั ว์ผ้เู กิดแล้ว ท. เป็นธรรมชาตยง่ั ยืน (ยอ่ มเป็น), อ.อนั ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตํุ วฏฺ ฏตีต.ิ (อนั เรา) บวชแล้ว บวช อยา่ งหนงึ่ กระท�ำ ซง่ึ การแสวงหาซง่ึ ธรรม- เป็นเหตพุ ้น ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 95 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155