ในลำ� ดบั นนั้ (อ. พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว ซง่ึ พระเถระผ้เู ป็น ตโต ขีณาสวตฺเถรํ ปจุ ฺฉิ. เถโร กเถส.ิ พระขีณาสพ ฯ อ. พระเถระ กราบทลู แล้ว ฯ อ. พระศาสดา ทรง สตฺถา “สาธุ สาธตู ิ อภินนฺทิตฺวา เสสมคฺเคสปุ ิ เพลดิ เพลนิ เฉพาะแล้ว วา่ อ. ดีละ อ. ดีละ ดงั นี ้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ ปฏิปาฏิยา ปหฺ ํ ปจุ ฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร เอกํปิ ปัญหา แม้ในมรรคอนั เหลอื ท. โดยลำ� ดบั ฯ อ. พระเถระผ้เู รียนซง่ึ กเถตํุ นาสกฺขิ. ขีณาสโว ปน ปจุ ฺฉิตปจุ ฺฉิตํ กเถส.ิ คมั ภีร์ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพ่ืออนั กราบทลู ซงึ่ ปัญหา แม้ข้อหนง่ึ ฯ สว่ น สตฺถา จตสู ปุ ิ €าเนสุ ตสสฺ สาธกุ ารํ อทาส.ิ วา่ อ. พระขีณาสพ กราบทลู แล้ว (ซงึ่ ปัญหา) (อนั พระศาสดา) ตรัสถามแล้วและตรัสถามแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ได้ประทานแล้ว ซง่ึ สาธกุ าร แก่พระขีณาสพนนั้ ในฐานะ ท. แม้ ๔ ฯ อ. เทวดา ท. ทงั้ ปวง กระท�ำ ซงึ่ เทพผ้ดู �ำรงอยู่ ตํ สตุ วฺ า ภมุ มฺ เทเว อาทึ กตวฺ า ยาว พรฺ หมฺ โลกา ท่ีภาคพืน้ ท. ให้เป็นต้น เพียงใด แตพ่ รหมโลก ด้วยนน่ั เทียว สพฺพา เทวตา เจว นาคสปุ ณฺณา จ สาธกุ ารํ อ. นาคและครุฑ ท. ด้วย ฟังแล้ว ซง่ึ สาธกุ ารนนั้ ได้ให้แล้ว อทํส.ุ ซงึ่ สาธกุ าร ฯ อ. อนั เตวาสกิ ท. ด้วยนนั่ เทียว อ. สทั ธิวหิ าริก ท. ด้วย ตํ สาธกุ ารํ สตุ ฺวา ตสฺส อนฺเตวาสกิ า เจว ของพระเถระผ้เู รียนซง่ึ คมั ภรี ์นนั้ ฟังแล้ว ซงึ่ สาธกุ ารนนั้ ยกโทษแล้ว สทฺธิวหิ าริโน จ สตฺถารํ อชุ ฺฌายสึ ุ “กึ นาเมตํ ซง่ึ พระศาสดาวา่ อ.กรรมนนั่ ชอ่ื อะไร อนั พระศาสดาทรงกระทำ� แล้ว: สตฺถารา กตํ: กิฺจิ อชานนฺตสฺส มหลลฺ กตฺเถรสฺส (อ. พระศาสดา) ได้ประทานแล้ว ซง่ึ สาธกุ าร ในฐานะ ท.๔ แกพ่ ระเถระ จตสู ุ €าเนสุ สาธกุ ารํ อทาส,ิ อมหฺ ากํ ปนาจริยสสฺ ผ้แู ก่ ผ้ไู มร่ ู้อยู่ ซงึ่ เร่ืองอะไร ๆ, แตว่ า่ (อ. พระศาสดา) ไมท่ รงกระทำ� แล้ว สพพฺ ปริยตตฺ ธิ รสสฺ ปจฺ นนฺ ํ ภกิ ขฺ สุ ตานํ ปาโมกขฺ สสฺ (ซง่ึ เหต)ุ แม้สกั วา่ ความสรรเสริญ แก่อาจารย์ ของเรา ท. ผ้ทู รงไว้ ปสสํ ามตฺตํปิ น กรีต.ิ ซงึ่ ปริยตั ทิ งั้ ปวง ผ้เู ป็นหวั หน้าโดยความเป็นประธาน แหง่ ร้อย แหง่ ภิกษุ ท. ๕ ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ วา่ อถ เน สตฺถา “กินฺนาเมตํ ภิกฺขเว กเถถาติ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ. เธอ ท.) ยอ่ มกลา่ ว ซง่ึ ค�ำนน่ั ช่ืออะไร ดงั นี,้ ปจุ ฺฉิตฺวา, ตสมฺ ึ อตฺเถ อาโรจิเต, “ภิกฺขเว ตมุ หฺ ากํ ครัน้ เมื่อเนือ้ ความนนั้ (อนั ภิกษุ ท.) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ อาจริโย มม สาสเน ภตยิ า คาโว รกฺขนสทิโส, ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ. อาจารย์ ของเธอ ท. เป็นเชน่ กบั ด้วยบคุ คลผ้รู ักษา มยฺหํ ปน ปตุ ฺโต ยถารุจิยา ปจฺ โครเส ซง่ึ โค ท. เพ่ือคา่ จ้าง ในศาสนา ของเรา (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ ปริภุ ฺชนกสามิสทิโสติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ อ. บตุ ร ของเรา เป็นเชน่ กบั ด้วยเจ้าของผ้บู ริโภค ซงึ่ รสของโค ๕ ท. ตามความชอบใจอยา่ งไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ได้ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ หากว่า อ. นระ ผูป้ ระมาทแลว้ กล่าวอยู่ (ซึ่งพระพทุ ธพจน์) “พหมุ ฺปิ เจ สหิตํ ภาสมาโน อนั เป็นไปกบั ดว้ ยประโยชน์เกือ้ กูล แมม้ าก เป็นผูก้ ระท�ำ น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต, ซ่ึงพระพทุ ธพจน์นนั้ ย่อมเป็น หามิไดไ้ ซร้, (อ. นระนน้ั ) โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ เป็นผูม้ ีส่วน แห่งคณุ เครื่องความเป็นแห่งสมณะ ย่อมเป็น น ภาควา สามฺสสฺ โหติ. หามิได้ เพียงดงั (อ. บคุ คล) ผูร้ กั ษาซึ่งโค นบั อยู่ ซึ่งโค ท. อปปฺ มฺปิ เจ สหิตํ ภาสมาโน ของชน ท. เหล่าอืน่ ฯ หากว่า (อ.นระ) กล่าวอยู่ ธมฺมสสฺ โหติ อนธุ มฺมจารี (ซ่ึงพระพทุ ธพจน์) อนั เป็นไปกบั ดว้ ยประโยชน์เกือ้ กูล ราคจฺ โทสฺจ ปหาย โมหํ แมน้ อ้ ย เป็นผูป้ ระพฤติซ่ึงธรรมอนั สมควรแก่ธรรมโดยปกติ สมฺมปปฺ ชาโน สวุ ิมตุ ฺตจิตฺโต ย่อมเป็นไซร้, (อ. นระ) นน้ั ละแลว้ ซ่ึงราคะดว้ ย ซ่ึงโทสะดว้ ย อนปุ าทิยาโน อิธ วา หรุ ํ วา, ซึ่งโมหะดว้ ย รู้ทวั่ โดยชอบอยู่ มีจิตหลดุ พน้ วิเศษดีแลว้ ส ภาควา สามฺสสฺ โหตีติ. ไม่ยึดมน่ั อยู่ ในโลกนีห้ รือ หรือว่าในโลกอืน่ เป็นผูม้ ีส่วน แห่งคณุ เครื่องความเป็นแห่งสมณะ ย่อมเป็น ดงั นี้ ฯ 146 ธรรมบทภาคที่ ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา อ.บทนนั่ วา่ สหติ ํ ดงั นี ้ ตตฺถ “สหิตนฺติ เตปิ ฏกสสฺ พทุ ฺธวจนสเฺ สตํ เป็นชื่อ ของพระพทุ ธพจน์ คือประชมุ แหง่ ปิ ฎก ๓ (ยอ่ มเป็น), นามํ, อ.ชน เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ อาจารย์ ท. เรียนแล้ว ซงึ่ พระพทุ ธพจน์ ตํ อาจริเย อปุ สงกฺ มติ วฺ า อคุ คฺ ณหฺ ติ วฺ า พหมุ ปฺ ิ นนั้ ชีแ้ จงอยู่ คือวา่ บอกอยู่ คือวา่ กลา่ วอยู่ ซง่ึ พระพทุ ธพจน์ ปเรสํ ภาสมาโน วาเจนโฺ ต กเถนโฺ ต, ตํ ธมมฺ ํ สตุ วฺ า แม้มาก แก่ชน ท. เหลา่ อื่น เป็นผ้กู ระท�ำซงึ่ - อ. กิจใด อนั บคุ คล ยํ การเกน ปคุ ฺคเลน กตฺตพฺพํ, ตกฺกโร น โหต,ิ ผ้กู ระท�ำ ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรมนนั้ พงึ ท�ำ - กิจนนั้ ยอ่ มเป็น หามิได้ กกุ ฺกฏุ สฺส ปกฺขปหรณมตฺตมปฺ ิ อนิจฺจาทิวเสน คอื วา่ ยงั การทำ� ไว้ในใจด้วยสามารถแหง่ ลกั ษณะ มอี นจิ จลกั ษณะ มนสกิ ารํ นปปฺ วตฺเตส;ิ เอโส, ยถา นาม ทิวเส เป็นต้น ไมใ่ ห้เป็นไปแล้ว สนิ ้ กาลแม้สกั วา่ การปรบซงึ่ ปี กแหง่ ไก่ ภตยิ า คาโว รกขฺ นโฺ ต โคโป ปาโตว สมปฺ ฏจิ ฉฺ ติ วฺ า อ.ชนนนั่ เป็นผ้มู ีสว่ น แหง่ ผลสกั วา่ อนั กระท�ำซงึ่ วตั รและวตั รตอบ สายํ คเณตวฺ า สามกิ านํ นยิ ยฺ าเทตวฺ า ทวิ สภตมิ ตตฺ ํ จากสำ� นกั ของอนั เตวาสกิ ท. อยา่ งเดยี ว ยอ่ มเป็น แตว่ า่ อ.ชนนนั้ คณฺหาต,ิ ยถารุจิยา ปน ปฺจโครเส ปริภุ ฺชิตํุ เป็นผ้มู สี ว่ น แหง่ คณุ เครื่องความเป็นแหง่ สมณะ ยอ่ มเป็น หามไิ ด้ น ลภต;ิ เอวเมว เกวลํ อนฺเตวาสกิ านํ สนฺตกิ า - อ.บคุ คลผ้รู ักษาซงึ่ โคเพอื่ คา่ จ้างในวนั ชอื่ วา่ ผ้รู ักษาซงึ่ โค รับแล้ว วตฺตปฏิวตฺตกรณมตฺตสสฺ ภาคี โหต,ิ สามฺสฺส (ซง่ึ โค ท.) แตเ่ ช้าเทียว นบั แล้ว (ซงึ่ โค ท.) มอบให้แล้ว (ซงึ่ โค ท.) ปน ภาคี น โหต.ิ แก่เจ้าของ ท. รับอยู่ ซง่ึ วตั ถสุ กั วา่ คา่ จ้างในวนั ในเวลาเยน็ แต่ว่า อ.บุคคลผู้รักษาซึ่งโคนัน้ ย่อมไม่ได้ เพื่ออันบริโภค ซง่ึ รสอนั เกิดแล้วแตโ่ ค ๕ ท. ตามความชอบใจอยา่ งไร ชื่อฉนั ใด - ฉนั นนั้ นนั่ เทียว ฯ เหมือนอยา่ งวา่ อ.เจ้าของแหง่ โค ท. เทียว ยอ่ มบริโภค ซง่ึ รส ยถา ปน โคปาลเกน นิยฺยาทิตานํ คนุ ฺนํ อนั เกดิ แล้วแตโ่ ค ๕ แหง่ โค ท. ตวั อนั บคุ คลผ้รู กั ษาซงึ่ โค มอบให้แล้ว ปฺจโครสํ โคสามิกาว ปริภุ ฺชนฺต;ิ ตถา เตน ฉนั ใด อ.บคุ คลผ้กู ระทำ� ท. ฟังแล้ว ซงึ่ ธรรม อนั อนั ชนนนั้ กลา่ วแล้ว กถิตํ ธมฺมํ สตุ ฺวา การกปคุ ฺคลา ปยาถปาณุนสุ นฏิ ฺตฺ€,ิ ํ ปฏิบตั แิ ล้ว ตามโอวาทอนั ชนนนั้ สอนแล้วอยา่ งไร, อ.บคุ คล ปฏิปชฺชิตฺวา, เกจิ ป€มชฺฌานาทีนิ ผ้กู ระทำ� ท. บางพวก ยอ่ มบรรลุ ซง่ึ ฌาณ ท. มปี ฐมฌาณเป็นต้น เกจิ วปิ สฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคผลานิ ปาปณุ นฺต,ิ อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำ ท. บางพวก ยงั วิปัสสนา ท. ให้เจริญแล้ว โคสามิกา โครสสเฺ สว, สามฺสสฺ ภาคโิ น โหนฺติ. ยอ่ มบรรลซุ ง่ึ มรรคและผล ท. ฉนั นนั้ อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำ ท. เหลา่ นนั้ เป็นผ้มู สี ว่ นแหง่ คณุ เครื่องความเป็นแหง่ สมณะ ยอ่ มเป็น เพยี งดงั อ.เจ้าของแหง่ โค ท. เป็นผ้มู สี ว่ นแหง่ รส อนั เกดิ แล้วแตโ่ ค เป็นอยู่ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ที่หนงึ่ ด้วยสามารถ อิติ สตฺถา สีลสมปฺ นฺนสฺส พหสุ ฺสตุ สฺส แหง่ ภกิ ษุ ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยศลี ผ้มู สี ตุ ะมาก ผ้มู อี นั อยดู่ ้วยความ ปมาทวหิ าริโน อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสกิ าเร ประมาทเป็นปกติ ผ้ไู มป่ ระพฤติแล้ว ในการท�ำไว้ในใจโดยอบุ าย อปปฺ วตฺตสฺส ภิกฺขโุ น วเสน ป€มํ คาถํ กเถส,ิ อนั แยบคาย ด้วยสามารถแหง่ ลกั ษณะมีอนิจจลกั ษณะเป็นต้น น ทสุ สฺ ลี สสฺ . ตรัสแล้ว ด้วยสามารถแหง่ ภิกษุผ้มู ีศีลอนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว หามิได้ ด้วยประการดงั นี ้ฯ สว่ นวา่ อ.พระคาถาทสี่ อง (อนั พระศาสดา) ตรสั แล้ว ด้วยอำ� นาจ ทตุ ยิ คาถา ปน อปปฺ สสฺ ตุ สสฺ าปิ โยนิโสมนสกิ าเร แหง่ บคุ คลผ้กู ระท�ำ แม้ผ้มู ีสตุ ะน้อย ผ้กู ระท�ำอยู่ ซง่ึ กรรม กมมฺ ํ กโรนฺตสฺส การกปคุ ฺคลสฺส วเสน กถิตา. ในการกระท�ำไว้ในใจโดยแยบคาย ฯ (อ.อรรถ) วา่ หนอ่ ยหนง่ึ คือวา่ แม้มีวรรคหนงึ่ และวรรคสอง ตตฺถ “อปปฺ มปฺ ิ เจต:ิ โถกํ เอกวคฺคทฺวิวคฺคมตฺตมปฺ ิ . เป็นประมาณ (ดงั นี)้ ในบท ท. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อปปฺ มปฺ ิ เจ ดงั นี ้ ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 147 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ) วา่ (อ.นระ) รู้ทวั่ แล้ว ซงึ่ อรรถ รู้ทวั่ แล้ว ซงึ่ ธรรม ธมมฺ สสฺ โหติ อนุธมมฺ จารีต:ิ อตฺถมฺาย ประพฤตอิ ยู่ ซง่ึ ธรรม อนั สมควร แก่ธรรมอนั เป็นโลกตุ ตระ ๙ ธมมฺ มฺาย นวโลกตุ ฺตรธมฺมสฺส อนรุ ูปํ ธมมฺ ํ คือวา่ (ซงึ่ ธรรม) อนั ตา่ งด้วยธรรมมีปาริสทุ ธิศีล ๔ และธดุ งค์และ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺค- อสภุ กมั มฏั ฐานเป็นต้น อนั อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ ปฏิปทา “ออสชภุ ฺชกมอมฺ ชฏฺเฺช€วาานตาิทปิเภฏทิเํวธจํ รอนาฺโกตงฺขนอฺโนตธุ มฺมวจจิ ารรตี ;ิ โหติ อนั เป็นสว่ นเบือ้ งต้น ช่ือวา่ เป็นผ้ปู ระพฤติ ซง่ึ ธรรมอนั สมควร โส โดยปกติ ยอ่ มเป็นคือวา่ หวงั อยู่ซง่ึ อนั รู้ตลอดวา่ (อ.เราจกั รู้ตลอด) อิมาย สมมฺ าปฏิปตฺตยิ า ราคฺจ โทสจฺ ปหาย ในวนั นี ้ (อ.เรา จกั รู้ตลอด) ในวนั นนี ้ น่ั เทยี ว ดงั นี ้ ชอ่ื วา่ ยอ่ มประพฤติ โมหํ, สมมฺ า เหตนุ า นเยน ปริชานิตพฺพธมเฺ ม (ซงึ่ ธรรม); อ.นระนนั้ ละแล้ว ซงึ่ ราคะด้วย ซง่ึ โทสะด้วย ซง่ึ โมหะ ปริชานนฺโต, ตทงฺควกิ ฺขมภฺ นสมจุ ฺเฉทปฏิปสฺสทฺธิ- ด้วย ด้วยการปฏบิ ตั ชิ อบ น,ี ้ กำ� หนดรู้อยู่ ซง่ึ ธรรมอนั ตนพงึ กำ� หนดรู้ ท. นิสสฺ รณวิมตุ ฺตีนํ วเสน สวุ ิมตุ ฺตจิตฺโต, อนปุ าทิยาโน โดยชอบ คือวา่ โดยเหตุ คือวา่ โดยนยั , มีจิตหลดุ พ้นวเิ ศษดีแล้ว อิธ วา หรุ ํ วา, อิธโลกปรโลเก ปริยาปนฺนา วา ด้วยอำ� นาจแหง่ ตทงั ควมิ ตุ ตแิ ละวกิ ขมั ภนวมิ ตุ ตแิ ละสมจุ เฉทวมิ ตุ ติ อชฺฌตฺตกิ พาหิรา วา ขนฺธายตนธาตโุ ย จตหู ิ และปฏปิ ัสสทั ธิวมิ ตุ ตแิ ละนสิ สรณวมิ ตุ ติ ท., ไมย่ ดึ มนั่ อยู่ ในโลกนี ้ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยนฺโต มหาขีณาสโว, หรือ หรือวา่ ในโลกอื่น, คือวา่ ไมเ่ ข้าไปยดึ มนั่ อยู่ ซง่ึ ขนั ธ์และ มคฺคสงฺขาตสสฺ สามฺ สฺส วเสน อาคตสฺส อายตนะและธาตุ ท. อนั นบั เน่ืองแล้ว ในโลกนีแ้ ละโลกอ่ืนหรือ ผลสามฺ สสฺ เจว ปจฺ อเสขธมมฺ กขฺ นธฺ สามฺ สสฺ หรือวา่ อนั เป็นไปในภายในและมีในภายนอก ด้วยอปุ าทาน ท. ๔ จ ภาควา โหตีต.ิ ช่ือวา่ ผ้เู ป็นมหาขีณาสพ, เป็นผ้มู ีสว่ น แหง่ คณุ เครื่องความเป็น แหง่ สมณะคือผล อนั มาแล้ว ด้วยอ�ำนาจ แหง่ คณุ เคร่ืองความเป็น แหง่ สมณะ อนั อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ มรรค ด้วยนน่ั เทียว แหง่ คณุ เคร่ืองความเป็นแหง่ สมณะคอื กองแหง่ ธรรมของพระอเสขะ ๕ ด้วย ยอ่ มเป็น ดงั นี ้(แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ธมมฺ สสฺ โหติ อนุธมมฺ จารี ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.พระศาสดา) ทรงถอื เอาแล้ว ซง่ึ ยอด แหง่ เทศนา ด้วยพระอรหตั รตนกเู ฏน วยิ อคารสสฺ , อรหตฺเตน เทสนาย ราวกะ (อ.นายชา่ ง ถอื เอาอยู่ ซงึ่ ยอด) แหง่ เรือน ด้วยยอดแหง่ รัตนะ กฏู ํ คณฺหีต.ิ ดงั นีแ้ ล ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา (อ.ชน ท.) มาก คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหส.ํุ เป็ นพระอริยบุคคลมีพระโสดาบันเป็ นต้น ได้เป็ นแล้ว ฯ เทสนา มหาชนสสฺ สาตฺถิกา ชาตาต.ิ อ. เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ เกิดแล้ว แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้เป็ นสหายกัน ๒ รูป (จบแล้ว) ฯ เทวฺ สหายกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. อันอบ.กณั ถฑาติเปก็ นำ� เหคนรด่ือแงพล้วรดรณ้วยาเซร่่งึือเงนอือ้ ันคเวปา็ นมคแู่ หจ่งบวรแรลค้ว ฯ ยมกวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อ.วรรคท่หี น่ึง (จบแล้ว) ฯ ปฐโม วคโฺ ค. 148 ธรรมบทภาคท่ี ๑ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
บรรณานุกรม พระพทุ ธโฆษาจารย ์ ธมฺมปทฏฺ ฐกถา ปฐโม ภาโค . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘ พระอมรมุนี คณั ฐีพระธัมมปทฏั ฐกถา ยกศัพท์แปล ภาค ๑ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘. คณะกรรมการแผนกตำ� รามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พระธัมมปทฏั ฐกถาแปล ภาค ๑ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ๒๕๒๘ . คณาจารยโ์ รงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย สูตรส�ำเร็จ บาลไี วยากรณ์ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พส์ ุขขมุ วทิ การพมิ พ์ จำ� กดั . ๒๕๕๔ . พระวสิ ุทธิสมโพธิ ปทานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพิมพธ์ รรมบรรณาคาร . ๒๕๒๐. พระมหาสำ� ลี วสิ ุทฺโธ อกั ขรานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลี่ยงเชียงจงเจริญ . ๒๕๒๘. ป.หลงสมบุญ พจนานุกรม มคธ -ไทย . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พบ์ ริษทั ธรรมสาร จำ� กดั . ๒๕๔๖ สนามหลวงแผนกบาลี ปัญหาและเฉลยประโยคบาลสี นามหลวง . กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา . ดร.อุทิส สิริวรรณ ธรรมบท ภาคที่ ๑ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลี่ยงเชียง . ๒๕๕๐. บุญสืบ อินสาร ธรรมบท ภาคท่ี ๑ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พร์ ุ่งนครการพิมพ์ . ๒๕๔๖. กองพทุ ธศาสนศึกษา สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ธรรมปทฏั ฐกถา ภาค ๑ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา . ๒๕๕๖. ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 149 www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155