หลวงพ่อเห็นเขาแค่ตักคำข้าวก็รู้เลยว่า เจ้าคนนี้ควรมอบหมายงาน ประ๓ท บู๊ บุก ลุยให้ทำ งานประณีต ๆ อย่าได้มอบเลยไม่มีทางทำได้ แต่ไนเวลาเดียวกัน คนที่ตักข้าวทีละเม็ดสองเม็ด เจ้านี่ตัวฃี้เกียจ ทำ อะไร ๆ ยืด ๆ ยาด ๆ เป็นโรคบิดหลังติดเสีอ การงานเหม็นเบื่อข้าวปลา กินได้ อย่างนี้อย่าไดไปไข้งานอะไรเลย ทำ ไม่สำเร็จหรอก ลองไปสังเกต กันนะ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต ofo เสขิยวัตร ด้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๔ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักทำคำข้าวให้กลมกล่อม\" คนรุ่นก่อน ๆ กินข้าวกันด้วยมือ เขาไม่มืข้อนใข้กันหรอก บางคน เวลาเปิบข้าวเขาหยิบได้พอดีคำ น่าดูมาก มืบ้างเหมือนกันที่หยิบคำโต เกินไป พอเอาเข้าปาก ก็เข้าได้บ้าง หลุดออกมานอกปากบ้าง ไม่น่าดู แต่ คนรุ่นนี้กินด้วยมือไม่เป็นกันแล้ว ขืนให้กินคงป้ายกันเละ คนที่กินข้าวคำพอดี ๆ ฟ้องว่า คนพวกนี้ทำอะไรก็พอดี พระที่วัด พระธรรมกายมือยู่รูปหนึ่งมือแม่นมาก เวลาท่านปันยา ท่านหยิบมาปัน โดยไม่ต้องเล็งอะไรเลย พอปันเสร็จไปดูเถอะ ยาทุกกัอนกลม ๆ เท่ากัน หมด แล้วท่านก็เป็นช่างฝืมือเยี่ยมอีกด้วย เพราะฉะนั้น อยากรู้ว่ามือไหนเป็นช่าง มือไหนเป็นได้แค่กรรมกร ไปดูวิธีกินข้าวตักข้าวของเขาก็พอรู้ ในบางภูมิภาคที่เขากินข้าวเหนียว ไปเห็นเขาปันข้าวได้พอดี ๆ คำ แล้วที่งมาก อยากนั่งกินกับเขาด้วย แต่กับบางคนแม้มาคะยั้นคะยอเรียก ให้กิน ก็ไม่อยากกินร่วมวง โธ่...ก็กินมูมมามอย่างนั้น ใครเขาจะอยาก นั่งกินด้วย เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย (3(G) หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๕ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อคำข้าวยังไฝถึงปากเราจักไฝอ้าปากไว้ท่า\" ท่าทางกินข้าวที่ไม่น่าดูเช่นนี้ ท่าให้เสียบุคลิก ไม่เป็นที่ตั้งแห่ง ศรัทธา ส่วนมากเป็นไปด้วยความอยากเอาแต่ใจด้วยความขาดสติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยไว้แก!ขบุคลิกลูกของท่านอย่าง ละเอียดลออ เพราะฉะนั้น ในสมัยพุทธกาล ไม่ว่าพระสงฆ์สาวกของ พระองค์จะไปปรากฏกายที่ไหน ประชาชนต่างยินดีต้อนรับขับสู้ อยาก ฟังท่านแสดงธรรม พวกที่อ้าปากรอคำข้าว ที่เป็นส่วนมากเป็นเด็ก ๆ ที่พ่อแม่เพิ่งสอน ให้กินข้าว ต้องส่อหลอกกันมาก แต่ท่าไปท่ามาพ่อแม่เองนั่นแหละ ติดนิสัยอ้าปากรอคำข้าวเสียเอง ระวังจะขายหนัาชาวบ้าน วดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต ©โ® เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า ฒื่อฉินอยู่เราจักไม่เอานิ้วมือสอดเข้าปาก\" นี่เป็นอาการของเด็กอมมือเหมือนกันสมัยนื้!ม่ได้อมมือแต่อมช้อน ถ้าไม่มืช้อนกลางไว้ตักกับช้าวโดยเฉพาะ เพื่อนฝูงที่นั่งร่วมวงพะอืดพะอม น่าดูเหมือนกัน ข้อ ๑๗ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อข้าวอยู่ในปากเราจักไม่พูด\" ปากเราทำหน้าที่ได้หลายอย่าง แต่ทำพร้อม ๆ กันหลายอย่าง ไม่ค่อยได้ดีนัก ถ้าข้าวยังอยู่ในปากจะพูดก็ไม่ค่อยถนัด ไม่น่าฟัง เคี้ยวข้าวไม่ทันละเอืยดก็ต้องรีบกลืน เคี้ยวโรคสำไส้ก็ถามหา คนที่กิน ไปคุยไป ผูใหญ่ท่านตำหนิว่า กินข้าวเลืยงดังเอะอะราวกับฃี้เมา เท่ากับ คนขาดสตินั่นเอง เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย GCO หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุด www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๘ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝโยนคำข้าวเข้าปาก\" เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน ส่วนมากเป็นกับพวกกินมือ ถ้ากิน ด้วยช้อน สิงที่ใช้Iยนเช้าบ่ากมักเป็นของโถ้เกิไบ่ ^หโyไม่ตักเตือนชี้ถูก ผิดกันบ้าง จะพลาดนะ ข้อ ๑๙ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันกัดคำข้าว\" การกัดคำข้าว เช้าใจว่าเป็นการกินข้าวเหนียว แล้วแทนที่จะเป็น ถ้อนพอดีคำ กลับปันเป็นแท่งยาว เลยต้องกัดกิน จัดเป็นความมักง่าย ไม่ส่ารวมขาดสติ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต OCS\" เสขยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๐ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย\" ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ไหไปดูเวลาลิงมันกิน แถวเขาสามมุข ชลบุรีมืให้ดูซัด ๆ ลิงมันรีบกินกลัวถูกเพื่อนแย่ง มันจึงรีบคว้าเข้าปาก เอาไปอมไว้ก่อน ภายหลังจึงคายออกมาเคี้ยวใหม่ คนที่เวลากินแล้วกระพุ้งแก้มตุ่ย เพราะเปิบคำโตเกินไป เวลาเคี้ยว จึงไม่ค่อย'น่าดู ปร้บขนาดคำข้าวเสียใหม่ เอาใ'พ้พอดี ๆ จะแกได้ เรื่อง ปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ถ้ามองข้ามจะ'ทำใ'ฬ้เสียบุคลิกและเสียโอกาส ดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย เสซิยาตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย GfJCi หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๑ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉนพลางสะบัดมือพลาง\" ที่มาวัดกันทุก ๆ วันอาทิตย์นี่ หลวงพ่อเห็นอยู่บ่อย ๆ พวกกิน ข้าวเหนียว แต่กินด้วยมือ พอเม็ดข้าวติดก็สะบัดมือ ไม่ดูแหละ ว่ามัน จะกระเด็นไปโดนใคร อีกพวกหนี่ง พอข้าวติดข้อนก็ใช้ช้อนขูดกัน เสียงแควก ๆ บาดหู ชาวบ้านมองก็ยังไม่รู้ ว่าเขามองตัวเองทำไม อีกพวกหนี่งไม่ขูด แต่ใช้ ช้อนกับส้อมเคาะกันเสียงด้งข้งเช้ง อย่างกับหนังกำลังภายในฟันดาบกัน สาเหตุที่ข้าวติดช้อนเพราะช้อนแห้ง ถ้าเอานํ้าแกงราดเสียนิดหนี่ง ข้าวก็จะไม่ติดเลย แส้วก็ไม่ต้องไบ่สะบัด ส่วนบางคนไม่สะบัด ไม่เคาะ แต่เสียช้อนหนักเช้าไบ่อีก พวกนี้พาไปกินอาหารที่บ้านใครก็ขายหนัาเขา หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต GCD เสขยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันโปรยเมล็ดข้าวให้ตกลงในบาตร หรือในที่นั้น ๆ\" ในข้อนี้คือมีบางคนกินข้าวแล้ว หยิบข้าวไม่พอดีคำ ทำ นี้วมีอห่าง ๆ ข้าวเลยรอดตกร่วงลงมาเหมีอนโปรย เดี๋ยวนี้กินกันด้วยข้อนเลยไม่ค่อย เห็น แต่ก็ยังมีบางคนตักข้าวมากจนล้นข้อน หรือยกข้อนไม่ดี ข้าวก็ร่วง กราวลงมาเหมีอนกัน อย่างนี้ต้องแก้ไขเสีย ข้อ ๒๓ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันแลบลิ้น\" มีบางคนเวลากินข้าว มักแลบลิ้นออกมารองคำข้าว ทำ แผลบ ๆ เหมีอนเวลากบตวัดลิ้นกินแมลง หรือไม่ก็แลบลิ้นเลียปาก ไม่น่าดู อย่า เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ocgv หมวดที่ ๒ โภชนปฎิลังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๔ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันดังจับ ๆ\" หลาย ๆ คนยังเคี้ยวข้าวเคี้ยวกับไม่เป็น ได้ยินอยู่บ่อย ๆ เช่น พวกหนึ่งเคี้ยวข้าวแล้วอ้าบ่ากจึงมีเสียงด้งจับ ๆ เหมีอนหมู ถ้าหุบบ่าก เคี้ยวก็จะหาย อีกพวกหนึ่งเคี้ยวอาหารเสียงดังกร๊อบ ๆ เช่น เคี้ยว แคบหมูเสียงดังกร๊อบ ๆ หรือกัดแตงกวาก็ดังกร๊อบ ๆ ต้องแกไขด้วย การไม่กัดให้ขาดทีเดียว กัดครั้งแรกเพียงแค่บุบ ๆ เสียก่อน แล้วกัดซํ้า เป็นครั้งที่สอง ถ้าอย่างนึ่!ม่ดัง เพราะนํ้าลายในบ่ากเราซึมเข้าไบ่ในรอย กัดครั้งแรก ทำ ให้อ่อนตัวลงแล้ว เวลากินข้าวผัดมักมีด้นหอม หลายคนกัดแล้วเคี้ยวกร้วม ๆ เสียง ดังเหมีอนควายกินหญ้า ก็ถ้าเด็ดเสียก่อนให้เป็นชิ้นสัน ๆ แล้วใส่บ่าก เคี้ยวยํ้าไบ่ครั้งหนึ่งพอให้ชํ้า ๆ แล้วเคี้ยวยํ้าอีกทีให้ขาด อย่างนี้ก็จะ ไม่ดัง ลูกเอ๊ยหัดเสียนะ เป็นผู้ชายยังพอว่า ถ้าเป็นผู้หญิงก็หมดสวย เคี้ยวใครเขาจะว่า \"เอ๊ะ...แม่คนนี้ก็สวยดีนะ แต่พอกินข้าวเคี้ยวเสียงดัง อย่างกับหมู ฉันไม่ดูหน้าเธอแล้วไบ่ดีกว่า\" ค่าตัวหมดกันคราวนี้เอง หมวดที่ ๒ โภชนปฎสังยุต OCC? เสชิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๕ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันดังซูด ๆ\" ดังชู้ด ๆ เป็นอย่างไร รู้จักต้มย่า โฮกอือ ไหม เขาเรียกชื่อตาม เสิยงชู้ดล่ะ บางคนแทนที่จะตักนํ้าแกงชดเงียบ ๆ ไม่เอา เขาบอกว่า ไม่แช่บ ต้องออกเสียงซดโฮกหรือซู้ดด้วย คือสูดเอาลมปนเข้าไปด้วย ขึ้นอยู่ว่าลมปนเข้าไปมากหรือน้อย ถ้าน้อยก็ชู้ด ถ้ามากก็โฮก เสียงพวก^น่าฟังหรอก ปงบอกอาการมูมมามไปแกไขเสียอย่า ให้มันมีเสียงโดยเฉพาะเวลากินของที่เป็นเส้นๆ ถ้าเผอิญคนที่ทำกับข้าว ไม่ได้ตัดให้สั้น ๆ เราก็ใช้ข้อนใช้ส้อมของเราตัดเอง ถ้าตัดไม่ขาดก็ม้วน ๆ พันๆ ป้อนเข้าปาก อย่ายกใส่ปากแส้วสูดดึง ปลายเส้นจะสะบัด ถูกแถ้ม ถูกคางเลอะเทอะ ดีไม่ดีสะบัดเอานํ้าแกงไปถูกคนข้าง ๆ เข้าอืก หมดท่า เลย อย่างไรก็ตาม เป็นประเพณีของคนญี่ปุนทั้งประเทศ เวลากินอาหาร เส้น ๆ เขานิยมสูดดังชู้ด ๆ ถ้าไม่ดังแสดงว่าอาหารไม่อร่อย แม่ครัวถ้า ไม่ได้ยินเสียงชู้ด ๆ จะเสียใจมาก ก็ให้ถือหลักเข้าเมีองตาหลิ่วก็หลิ่วตา ตามก็แส้วกัน หรือไม่อย่างนั้นก็ปร้บให้พอสมควร เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย QKQK หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันเลียมือ\" เวลาข้าวติดมือติดช้อน อย่าไปเลียนะ ทำ อย่างหลวงพ่อว่า เอานํ้า แกงกลั้วสักนิดก็หมดปัญหา ข้อ ๒๗ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝฉันขอดบาตร\" บางคนเวลากินข้าวได้ยินเลียงขอดจานแกรก ๆ เหมือนจานจะทะลุ ขอดข้าวต้องขอดให้เป็น คือขณะที่จับช้อนขูดจานข้าว อย่าไห้ปลายช้อน กดลง เพราะจะทำให้เกิดเลียงด้ง ถ้าใช้ข้างช้อนขอดแรงเท่าไหร่ก็ไม่ดัง ไปดูแกไขเลีย อย่าให้เขามาติได้นะว่า ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกินข้าว เลียงดังยังกะรบกัน หมวดที่ ๒ โภชนปฎิลังยุต ๑๐๐ เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒๘ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจักไฝฉันเลียริมแปาก\" ปากเปรอะเพราะตักข้าวคำใหญ่ หรือกับข้าวเป็นนํ้ามันมาก ต้องหา ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษเช็ดหน้าเช็ดปากติดตัวไว้ อย่าไข้ลิ้นเลียริมฝืปาก แม้แต่เอามือเช็ดก็ไม่ควร บางคนติดนิสัยเลียริมฝึปากทั้งขณะพูดและ ขณะกิน เป็นกิริยาไม่น่าดู ต้องแกไขไห้ได้ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 6)00 หมวดที่ ๒ โภใ:นปฎิลังยุต www.kalyanamitra.org
ฃ้อ ๒๙ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่เอามือเข้อนจับภาชนะนํ้า\" มือเซ้อนจับภาชนะนํ้ายังไม่ค่อยห่วง ห่วงพวกเราเมื่อเวลาดื่มนํ้า โดยเฉพาะพวกผู้หญิง เวลาดื่มนํ้ารู้เลยว่าใครดื่ม เพราะลิปสติกมันติด อยู่ที่ขอบแก้วนั่นแหละ ใครก็ตามที่ดื่มนํ้าแล้ว ให้มีคราบติดอยู่ที่แก้วนํ้า จะเป็นคราบลิปสติกหรือคราบมัน ๆ ถือว่าใช!ม่ได้แล้ว ต้องแก้!ขให้ได้ แก้ไขเสืย มิฉะนั้นจะถูกตำหนิว่า กินนั้าแค่นี้ก็กินไม่เป็น ยิ่งเรืยน มาสูง ๆ ต้องระวังตัวมาก เทคนิคง่าย ๆ ก็มีเพียงว่าแตะริมฝึปากก้บขอบถ้วยนิดหนึ่ง อย่า ถึงกับอมขอบถ้วย แล้วดื่มนํ้าลงไป ร้บรองว่าทำอย่างนั้!ม่มีคราบติดหรอก บางคนทำทำกินนั้าอย่างกับจะกินก้วยเข้าไปด้วย ในหมู่พระภิกษุเท่าที่พบปอย ๆ ก็ตอนออกเดินธุดงค์ ท่านต้องมี กานํ้าติดตัวไปด้วย พวกเราชาวบ้านที่ทำงานกลางแจัง บางทีก็ใช้กานํ้า ขวดนํ้าเหมีอนก้น พอจะกินนํ้าจากกา บางคนยกขึ้น แล้วเอาปากอมพวยกา ดื่มอั้ก ๆ เลย อย่างนี้หมดทำ นี้าที่เหลือใครเขาจะกิน เพราะคุณได้เติม นํ้าลายลงไปด้วยแล้ว ทางที่ดีควรรินนํ้าใส่ฝากาแล้วดื่ม ก็จะดูเรียบร้อย กว่า ถึงจะยกรินต่อเนึ่องกลางอากาศก็ไม่น่ารังเกียจ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุด QO^ เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๓๐ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝเอานํ้าล้างบาตร มีเมล็ดข้าวเทในบ้าน\" ถ้าฉันข้าวแล้วล้างบาตรเทลงในบ้านเขา เมล็ดข้าวเกลื่อนบ้าน คน ที่สะเทือนใจมากคือแม่บ้านเพราะแสดงว่ากับข้าวกับปลาที่เขาทำถวายนี่ ไม่ดี ไม่อร่อย ท่านจึงฉันไม่หมดเททิ้งเสืยบ้าง หรือไม่อย่างนั้นก็ฟ้องถึง ความสะเพร่า ความไม่รู้จักประมาณ ความไม่ประหยัด ฝากพวกเราไว้ด้วยนะ ไปกินอาหารบ้านใครก็ดี ให้ตักข้าวแต่น้อย ถ้าไม่อร่อยก็ยังฝืนกินจนหมดจานถ้าเราตักมากไปจนกินไม่หมดอย่างนี้ แม่ครัวหน้าเสิย เพราะแสดงว่าเขาทำกับข้าวไม่อร่อย ถนอมนํ้าใจคนไว้ บ้าง บางทืไม่ใช่แม่ครัวทำกับข้าวไม่อร่อยหรอก แต่เราได้แวะกินที่อื่น มาบ้างแล้ว พอเขาคะยั้นคะยอให้กินอีก ความไม่รู้จักประมาณท้อง ตัก เสิยมาก แล้วกินไม่หมด เหลือตั้งครึ่งค่อนจาน เฒ่ครัวเขาไม่รู้หรอกว่า เป็นเพราะอะไร นอกจากเดาว่ากับข้าวไม่อร่อย นั่งใจแป้วไปว่าทำกับข้าว แล้วชาวบ้านกินไม่ลง ลื่งละอันพันละน้อยอย่างนี้แหละ มีความหมายมาก ถ้าเรารู้จัก ถนอมนํ้าใจคน ไปถึงไหนก็ไม่อด เขาจะเตรืยมข้าวปลาอาหารไว้ต้อนร้บ เราเสมอ แต่ถ้าเราเลือกอาหาร หรือทำให้เขาเกิดปมด้อย ว่าเขาทำอาหาร ไม่อร่อย ไปถึงไหนอดหัวโตเลย ถ้าทำอย่างหลวงพ่อว่า ไปถึงไหนมีกิน เรึ่อย กองเสบียงของเรามีอยู่ตลอดสองข้างทาง เสขิยวัตร ต้นใ]'ญญัติมารยาทไทย ๑๐0 ทมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org
I พ wP ฟ!® ร#^ ฒ '»^s 1^ www.kalyanamitra.org
•.'ริ?'<'^!พร % ;:-/^'i: b'vO\\- s i- www.kalyanamitra.org
หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฏิสังยุต หมวดธรรมว่าด้วยมารยาทในการแสดงธรรม เป็นเรื่องของการรู้จักกาลเทศะในการตักเตือนคน หรือการเทศนา สังสอนใครให้เขารับได้ไม่ใช่นึกอยากจะพูดธรรมะก็ใ5jดเรื่อยไป บางคน มีความรู้ธรรมะ อยากให้ใครต่อใครรู้ตามบ้าง แต่ไม่รู้จักกาลเทศะในการ พูด กลายเป็นการพูดเพ้อเจ้อไป บางทีกลายเป็นกดตํ่า ทำ ให้ธรรมะเสืย ค่าไปก็มี www.kalyanamitra.org
ไนสมัยโบราณ พระนักเทศน์ทั้งหลายท่านให้ความเคารพในธรรม มาก เวลาท่านจะเทศน์ท่านต้องล้างมือฟอกมือให้สะอาดเสียก่อน จึงจะ หยิบคัมภีร์ใบลานขึ้นมา ท่านกลัวคัมภีร์จะเปีอน และถึงแม้จะล้างมือ สะอาดแล้ว แต่ยังมืกลิ่นติดอยู่ ท่านก็ไม่ยอม ต้องไปล้างไปฟอกอีกหลาย ครั้ง ท่านว่าเป็นการแสดงความเคารพในธรรมด้วยกาย บางท่านถึงกับเอานํ้าอบไทย หยดลงไปในมือ ให้มืกลิ่นหอมเสีย ก่อน จึงไปหยิบคัมภีร์ได้ หยิบคัมภีร์แล้ว ท่านยังให้ความเคารพในคัมภีร์อีก พวกเราเคย เห็นไหม สมุดใบลานที่พระใช้เทศน์ แผ่นยาว ๆ มืผ้าห่ออยู่แล้วเชือกผูก เวลาท่านจะแก้เชือก ท่านไม่เอามือช้ามคัมภีร์เด็ดขาด ท่านว่าเป็นการไม่ ให้ความเคารพพระธรรม บางองคไม่รู้จักธรรมเนียมพอคว้าพระคัมภีร์ใบลานได้ทั้งๆที่ มืผ้าห่อเชือกผูกอยู่ ก็ไม่ยอมแก้ ดึงออกมาทั้งปีกเลย ท่านจะตำหนิว่า หนอยแน่! นี่จะเทศน์ หรือจะชักดาบซ้อมรบ ท่านถือว่าไม่ให้ความเคารพ ในพระธรรม พระอาจารย์ในอดีต ปูย่าตายายของเราให้ความเคารพแม้กระทั่ง คัมภีร์ถึงปานนี้ แม้ที่สุด คนเดี๋ยวนี้ที่อายุ ๖๐-๗๐ ปี ขึ้นไปก็ยังมืท่าอยู่ คือถ้าจะหยิบหนังสีอธรรมะมาอ่าน ต้องกราบเสียก่อน ๓ ครัง อ่าน เสร็จแล้ว ก็ต้องกราบอีก ๓ ครั้ง แล้วจึงเอาไปไว้ที่เดิม หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฏิสังยุต QOC? เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
พวกเราเดี๋ยวนี้หยาบกันมาก หนังสือสวดมนต์ที่แจกไป พอสวด เสร็จก็พับครึ่งยัดเข้ากระเป๋าหลัง นั่งทับ อย่างนี้ทั้งชาติไม่มีทางเห็นธรรมะ หรอก ก็ใจมันหยาบอย่างนั้น ขนาดมีรูปสมเด็จพระลัมมาลัมพุทธเจ้าอยู่ หน้าปก ยังพับเสืยบกันได้นี่ ไปถึงบ้านจะเอาเข้าไปไซในห้องส้วมเสืย ก็ไม่รู้ แค่หยิบหนังสือธรรมะก็พอจะบอกได้ว่า เมื่อไหร่จะเห็นธรรมะ เรามาดูกันต่อไปว่า วิธีที่จะทำความเคารพในพระธรรมหรือในการ อบรมสั่งสอน เขามีธรรมเนียมทำอย่างไรบ้าง จะได้ทำอย่างถูกต้อง เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย oooc หมวดทิ่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก'คนไม่เป็นไข้ มีร่มในมือ\" ถ้าเขายังเห็นแก่ความสบาย ถือร่มกันแดดกันลม ก็แสดงว่าเขายัง ไม่เห็นคุณค่าของการฟังธรรมะ ยังไมให้ความเคารพต่อธรรมะเท่าที่ควร ยังไม่พร้อมจะฟังธรรม ข้อ ๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก'คนไม่เป็นไข้ มีไม้พลองในมือ\" ใครถือไม้พลอง ไม้ตะพด อย่าไดไปเทศน์อะไรให้ฟัง เพราะโดย ทั่วไปคำสอนที่ถูกต้อง มักจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนพาล ถ้าไม่ถูกใจเมื่อไร ไม้พลอง ไม้ตะพดนั่น มันจะแพ่นกบาลเรา อย่าเชียวนะ! คนมีอาวุธอยู่ ในมือ อย่าไปเทศน์!ปเตือนเด็ดขาด เดี๋ยวจะเจ็บตัว หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎสังยุต ๑๑0 เสขิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๓ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ มีศัสตราในมือ\" ข้อ ๔ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก'คนไม่เป็นไข้ มีอาวุธในมือ\" คาว่า \"ศัสตรา\" กับ \"อาวุธ\" ต่างกันอย่างไร ศัสตรา หมายถึงของมีคม ส่วน อาวุธ หมายถึงของไม่มีคม เช่น ลูกปีนไม่มีคม เป็นอาวุธแต่ ไม่ใช่ศัสตรา ถ้าดาบเป็นศัสตรา แต่เดี๋ยวนี้เราใช้ปนกันเรียก ศัสตราวุธ คลุมไปทั้ง ๒ อย่าง โบราณท่านพูดง่าย ๆ คนที่มีศัสตราวุธอยู่ในมีอ จะเป็นหอก เป็น ดาบ เป็นธนู เป็นตะพด อย่าได้ไปเตือนมี'น คุณแม่บ้านทั้งหลาย ถ้าสามี กำ ลังกินเหล้าอย่าเพิ่งไปเตือนอะไร เดี๋ยวขวดเหล้า แก้วเหล้า จะลอยมา ลงหัวเอา แม้คำเตือนจะเป็นความจริง มีประโยชน์ลักเท่าใด ก็อย่าเตือน เช่น ไปเตือนว่าคุณพี่เจ้าขา เหล้านี่ไม่ดีนะคะ อย่าไปกินเลยค่ะ เสืย สุขภาพหมด! ต่อให้พูดเสืยงอ่อนเสิยงหวานยังไง ก็ไม่แคล้วเจ็บตัว เหมีอนกันเพราะเขากำลังเมา เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 6)๑๑ หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
แม้พระภิกษุก็เช่นกัน ถ้าจะเตือนใคร เห็นเขามีศัสตราๅธอยูในมือ อย่าเพิ่งเตือน พวกเราที่บอกบุญเหมือนกัน ถ้าเขากำลังพกมืดพกปีนอยู่ อย่าเพิ่งไปเตือนสติ ไปพูดธรรมะ ถ้าไม่อย่างนั้น เดยวเจ็บตัว เพราะว่า โดยทั่ว ๆไปแล้ว อะไรที่ถูกต้องมักไม่ค่อยถูกใจ การไปเตือนเป็นความ ถูกต้อง แต่คนถูกเตือนไม่ถูกใจ ศัสตราวุธจะแล่นมาเล่นงานเอาง่าย ๆ ข้อ ๕ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก่คนไฝเป็นไข้ สวมเขียงเท้า\" ข้อ ๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก่คนไฝเป็นไข้สวมรองเท้า\" เขียงเท้า คือ เกี๊ยะ จริง ๆ คือ ประ๓ทเดียวกันกับรองเท้า โบราณให้ความเคารพในพระธรรม ถ้าจะฟังธรรมจากใคร ต้องให้ ผู้นั้นอยูในที่สูงกว่า เพราะฉะนั้น แม้จะขึ้นมาฟังเทศน์ เขาก็ถอดรองเท้า เสียก่อน แต่ปัจจุบันทำผิด ๆ พลาด ๆ บางคนสวมรองเท้าเข้าไปในโบสถ์ ก็มื พระเจ้าพิมพิสาร ® แม้เป็นโสดาบันแล้วก็ตาม ยังถูกโอรสของ พระองค์เองเอามืดโกนผ่าเท้าจนตาย ถามว่ามืเวรอะไร พบว่าชาติในอดีต ท่านทำความผิดพลาดไว้ประการหนึ่ง คือ เวลาเข้าโบสถ์เข้าวิหารไม่ถอด ® ที.สี.อ.สามัญญผลสูตร (ไทย) ๑๑/๓๔๓-๓๔๔ หมวดทิ่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต ดด1ร เสขิยวํตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
รองเท้า ไม่ให้ความเคารพกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ให้ความ เคารพกับพระอรหันต์ ซึ่งกำลังเทศน์อยูในโบสถ์ ถึงเวลาก็เดินปัง ๆ เข้าไป ด้วยเวรนั้นติดตัวมา เลยถูกผ่าเท้า ในที่สุดก็ตาย สำ หร้บพวกเราก็ขอฝากไว้ด้วยนะ อย่าใส่รองเท้าเข้าโบสถ์ ในสถาน ที่ตักดี้สิทธ อย่าว่าแต่สถานที่ตักดสิทธในพระพุทธศาสนาอันเป็นสิง เคารพสูงสุดของเราเลย แม้แต่สถานที่ตักดื้สิทธื้ในศาสนาอื่นก็ไม่ควรใส่ รองเท้าเข้าไป จะเป็นการดูหมิ่นศาสนาของเขา ข้อ ๗ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ไปในยาน\" ยาน ในที่นี้หมายถึง คานหาม ถ้าเรายืนอยู่แล้ว เขานั่งอยู่บน คานหาม แล้วมาขอให้เทศนั่1ห้ฟ้ง อย่าไปเทศน์ เพราะเขายังไม่ให้ความ เคารพ ไม่ให้ความเลื่อมใสในพระธรรมเลย พูดไปก็เหมือนเอาธรรมะไป ยัดเยืยด ต่อเมื่อไรลงมาแล้ว จึงจะสอนให้ ยกเว้นเขาปวยปะงาบ ๆ จำ เป็นต้องหามกันมา อย่างนั้นเทศน์!ห้ฟ้งได้ เพราะลงมาไม่ไหวแล้ว ถึอเป็นกรณีพิเศษ \" '- -พ' เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑๑0 หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๘ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก่คนไฝเป็นไข้อยู่บนที่นอน\" คนที่อยากรู้ธรรมะแต่ยังนอนไขว่ห้างอยู่ ไม่เคารพในธรรม ไม่ใส่ใจพอ แล้วยังมาขอให้เทศน!ห้ฟ้ง อย่างน!ม่สมควรเทศน์ ยกเว้น คนไข้นอนอยู่บนเตียง หรือลุกแล้วจะเกิดอาการเจ็บไข้อย่างนั้น ให้นอน ฟังเทศน์!ด้ หลวงฟอเองเวลาไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาล ยีนเทศน์!ห้ คนไข้ฟังเป็นชั่วโมงก็ยอม แต่ถ้าอยู่ดี ๆ มานอนเอกเขนก ขอให้เทศน์!ห้ ฟัง อย่ามาพูดเลย ไม่ทำ เรื่องนี้ขอเตีอนไว้ด้วย เส่ากันมาแต่โบราณแล้ว คือมีโยมคนหนึ่ง แต่เดิมเป็นพระมหาเปรืยญได้หลายประโยค บวชอยู่หลายพรรษา ต่อมา ได้สืกออกไป โยมคนนี้!ม่มีความเคารพในพระธรรม แต่จำธรรมะได้ดี คงเพราะความไม่เคารพในธรรมนี้เองจึงสิก ความที่ยังมีความคุ้นเคยกับวัด ต่อมาก็มาวัดอีก แต่เนึ่องจากมี ความทะนงตนว่ารู้ธรรมะมาก เวลาพระบวชใหม่ ๆ ขึ้นเทศน์ แกไม่นั่ง ฟังเหมีอนคนอื่นเสิยแล้ว นอนฟังอยู่กลางศาลา กระดิกเท้ากิ๊ก ๆ พอละ โลกไปแล้ว ด้วยเวรที่ไม่มีความเคารพในพระธรรม ตายแล้วไปเกิดเป็น งูเหลือม พวกเราระวังตัว อย่าไปเป็นอย่างนั้นนะ หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎสังยุต QQcr เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๙ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝแสดงรรรมนก่คนไฝเป็นไข้ นั่งรัดเข่า'' คนกอดเข่า รัดเข่า คือ คนเจ้าทุกข์ ถ้าจะเทศน์จะสอนอะไร ต้อง ให้เลิกอาการกอดเข่าเสืยก่อน จึงค่อยพูดค่อยสอนกัน ไม่อย่างนั้น ไม่ไหวหรอก เสิยเวลาเปล่า ใจเขายังไม่เปิดรับ ข้อ ๑๐ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก'คนไฝเป็นไข้ พันสืรษะ'' ถ้าเป็นแขกก็พันคืรษะ คนไทยก็สวมหมวก คนที่โพกคืรษะอยู่ ไม่เจ็บไขได้ปวยอะไร มาขอให้เทศน์!ห้ฟัง อย่าเทศน์ ข้อ ๑๑ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักไฝแสดงธรรมแก่คนไฝเป็นไข้ คลุมศีรนะ\" คนนั่งคลุมโปง ไม่เต็มใจ ไม่พร้อมจะฟ้ง ปวยการเทศน์ เสขํยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑๑(รโ หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุง www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรานั่งอยู่บนแผ่นดิน จักไฝแสดงธรรมแก่ คนไม่เป็นไข้ นั่งบนอาสนะ\" ถ้าคนฟังนั่งอยู่ในที่สูง ปล่อยให้ผู้เทศน์นั่งอยู่ข้างล่าง อย่าเทศน์ ในสมัยโบราณ กษัตริย์จะไปเรียนวิชาสำคัญ ๆ จากยาจก หรือพวก ขอทาน(ขอทานบางคนมีดวามรู้พิเศษมีเวทมนตร์เหมือนกัน) ยังต้องยอม นั่งอยู่ตํ่ากว่า หรืออย่างน้อยต้องสูงเท่ากัน ถ้ากษัตริย์นั่งอยู่ข้างบน บังคับ ให้เขานั่งสอนอยู่ข้างล่าง เขายอมตายดีกว่าไม่ยอมสอนเด็ดขาด ถึงสอน ให้ก็น์าไปไช!ม่ได้ผล เพราะเกิดความดูถูกเขา การสอนธรรมะก็เช่นกัน ถ้าเขายังไม่แสดงความเคารพในธรรม ยังถึอยศถาบรรดาคักดื้อยู่ เรียนรู!ปแล้วก็ไม่คักดื้สิทธ นำ ไปใช!ม่ได้ หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปป็สืงยุต QQt) เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๓ \"ภิกษพึงทำความสีกษาว่า เรานั่งบนอาสนะตํ่า จักไฝแสดงธรรมแก่ คนไฝเป็นไข้ นั่งบนอาสนะสูง\" แม้ที่สุดแล้ว อย่าว่าแต่ปล่อยให้เรานั่งกับพื้นเลย ต่อให้นั่งเก้าอี้ ด้วยกัน ถ้าเก้าอี้เราตํ่ากว่า ท่านว่าอย่าไปสอน ข้อ ๑๔ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เรายืนอยู่ จักไฝแสดงธรรมแก่คนไฝเป็นไข้ ผู้นั่งอยู่\" ถ้าจะฟังเทศน์ทั้งที ปล่อยให้เรายืนเทศน์แล้วเขานั่งฟัง แต่โบราณ มาแล้วท่านไม่ยอม มาบัดนี้เรามีธรรมเนียมใหม่เกิดขึ้น เพราะมีความ สะดวกมากกว่า เช่น การแสดงปาฐกถาธรรมต่าง ๆ ผู้แสดงธรรมมัก นิยมยืน เพราะเวลาอธิบาย หรือยกตัวอย่างอะไร ก็ค่อนข้างคล่องตัว อย่างนี้สมควรยกเว้น ผู้ที่บุกเบิกในเรื่องนี้ คือ ท่านปัญญานันทภิกขุ เมื่อเรื่มใหม่ ๆ ท่าน ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก เพราะผิดพระวินัย แต่ตอนหลังนี่กลับกลายเป็น อนุโลมไป ในกรณีที่คนฟังยืน พระจะยืนเทศน์ก็ไม่ผิดอะไร เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย OQCV หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๕ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราเดินไปข้างหลัง จักไฝแสดงธรรมแก่ คนไฝเป็นไข้ ผู้เดินไปข้างหน้า\" ถ้าผู้ฟังเดินอยู่ข้างหน้า ผู้แสดงธรรมเดินตามหลังอย่างนี้อย่าเทศน์ อย่าสอนกันเลย เพราะเขายังไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะฟัง ขอฝากไว้อีกอย่างหนึ่งด้วย การเดิน เวลาเดินกับผู้ใหญ่ หรือเดิน กับพระสงฆ์ มีข้อแม้อยู่นิดหนึ่ง เป็นธรรมเนียมของไทย คือทุกอย่าง เริ่มด้นจากทางขวามือ มีทางขวาเป็นใหญ่ เวลาผู้ใหญ่เดิน เราเป็นผู้น้อย อย่าเดินอยู่ข้างขวาของผู้ใหญ่ จะกลายเป็นว่าเราใหญ่กว่าท่าน ยกเว้นมี บางกรณี เช่น มีความจำเป็นต้องเดินนำทางท่าน เวลาต้อนร้บพระผู้ใหญ่ แม้แต่เป็นพระภิกษุ;ด้วยกัน เข้าไปกราบ ท่านเสร็จ พอท่านเดินนำหน้า พระภิกษุที่ตามมาต้องเดินอยู่ทางช้ายมีอ ท่าน ยกเว้นเวลาเดินเป็นขบวนต้องท่าตามที่เขากำหนด เวลาอยู่ที่ท่างาน ก็เหมือนกัน เราอยู่ทางช้ายมีอของท่าน เวลาท่านจะหยิบอะไรส่งให้ก็ สะดวก หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต ๑๑(3 เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราเดินไปนอกทาง จักไฝแสดงธรรมแก่ คนไม่เป็นไข้ ผูไปในทาง'' ทาง ในที่นี้หมายถึง ทางเท้า ถ้าฆราวาสเดินในทางเท้า ปล่อยให้ พระเดินในที่รก ๆ แล้ว จะให้เทศน!ห้ฟังอย่างนี้ไม่สมควรทำ เพราะเขา ไม่ให้ความเคารพ หรือไม่ให้ความสำคัญในพระธรรม เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราเทศน์ก็เหนื่อยเปล่า ดีไม่ดีเราเอง จะกลายเป็นดูถูกพระธรรมอีกด้วย เสซิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย G)G)G< หมวดที่ ๓ ธัมมเทศนาปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org
4 www.kalyanamitra.org
หมวดที ๔ ปกิณณก 4^ www.kalyanamitra.org
-'\"■--- หมวดที่ ๔ ปกิณณกaor/ 'tvp- หมวดธรรมว่าด้วยมารยาทในการขับถ่ายสิงปฏิกูล เป็นหมวดธรรมหมวดสุดท้ายว่าด้วยการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะของ พระภิกษุ แม้ฆราวาสก็เอามาปรับใช!ด้เซ่นกัน มีทั้งหมด ๓ ข้อ คือ www.kalyanamitra.org
ข้อ ๑ \"ภิกษุพึงทำความสิกษาว่า เราไม่เป็นไข้จักไม่ยืนถ่ายอุจจาระ ถ่ายป้สสาวะ\" นี้เป็นมารยาทส่วนตัวของเรา แต่ถ้าไม่ระวังก็ทำให้คนหมดความ เคารพไนพระพุทธศาสนาได้เหมือนกัน มืโยมคนหนึ่ง บ้านอยู่แถวชลบุรี เดิมเป็นคนใจบุญสุนทาน ตักบาตรทุกวัน ต่อมากลับเลิกตักบาตร ใครถามถึงสาเหตุก็ไม่ยอมบอก จนกระทั่งวันหนึ่งท่านมาที่วัดด้วยความจำเป็น หลวงพ่อก็ถามสาเหตุ ท่านอึก ๆอักๆในที่สุดก็ตอบว่ามือยู่ วันหนึ่งค่ะ พระมาธุระที่บ้าน แล้วอย่างไรไม่รู้ ท่านเดินไปนอกเขตบ้าน ไปยืนถ่ายป้สสาวะอยู่ อิฉันอายชาวบ้านเขามาก เลยหมดความเคารพ ดูนะแค่ท่านยืนปัสสาวะนึ่ ก็ท่าเอาญาติโยมเสือมศรัทธาไปเหมือนกัน ฆราวาสก็เช่นกันล่ะนะ มารยาทพวกนี้ศึกษาไวให้ดี โดยเฉพาะ ผู้ชายที่เมาเหล้าแล้วชอบไปท่าเรี่ย ๆ ราด ๆ หมดสารรูป ใครก็ไม่นับถือ แม้ลูกของตัวเองไปเจอพ่อขี้เมาอย่างที่เขาเรียกกันว่า เมาห้วรานํ้า มดเลียตา หมาเลียก้นเข้า แกก็อายเขา พาลขาดความเคารพนับถือ ขาดความเกรงใจไป ฬมวดที่ <£ ปกิณณกะ ๑ใ©ร' เสขิย'วัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ข้อ ๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราไฝเป็นไข้ จักไฝถ่ายอุจจาระ ถ่ายปืสสาวะ บ้วนเขฬะลงในของเขียว\" ของเขียว ในที่นี้ หมายถึง สนามหญ้า หรือสวนผัก อย่าเผลอไป ถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะรดของเขาเข้าเชียวนะ แม้แค'บ้วนนํ้าลาย ขากเสลดลงไปก็ไม่ควรทำ ไม่น่าดู ทั้งเป็นที่น่ารังเกียจ ก็น่าเห็นไจหลาย ๆ คนที่เป็นโรคหวัดเรื้อรัง เสลดมาก กรณีเช่นนี้ ควรทำอย่างไร หลวงพ่อเองก็เป็นโรคหวัดเรื้อรัง ไนย่ามมักจะติด กระดาษฑิชชูอยู่เป็นประจำ จะขากเสลดก็ขากลงไนกระดาษ แล้วทิ้ง ลงไปไนถังขยะ บางที่ไม่มีถังขยะไห้ทิ้งก็เก็บไส่ย่าม จนกระทั้งถึงกุฏิแล้ว จึงทิ้ง ไม่อย่างนั้นไม่น่าดู ทำ อย่างไรได้เล่า เรามีโรคอย่างนี้ เขาอาจไห้ อภัยไนความที่เรามีโรค แต่ก็จะไม่ไห้อภัยเลย ถัาเราไปทำมารยาทไม่งาม เหล่านี้ เสขิยวัตร ต้นใ}'ญญัติมารยาทไทย ๑ใ©(ะ' ทมวดที่ ๔ ปกิณณก: www.kalyanamitra.org
ข้อ ๓ \"ภิกษุพึงทำความสิกษาว่า เราไฝเป็นไข้ จักไฝถ่ายอุจจาระ ถ่ายป้สสาวะ บ้วนเขฬะลงใน!!า\" ถ้าเราไม่ระวัง ก็ทำ ความเดือดร้อนให้คนอื่นพอ ๆ กันทุกเรื่อง เพราะถ้าถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ บ้วนเขฬะ ขากเสลดลงในนํ้า มันลอย ไปสร้างความไม่น่าดูให้คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นโรคติดต่อก็ยิ่งแพร่เชื้อได้เร็ว เรื่องเหล่านี้แม้เป็นเรื่องส่วนตัว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังทรง แจกแจงเสียละเอียดลออ เพราะไม่ต้องการให้พระภิกษุเสีอมจากความ เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา บางคนอาจบอกว่าเรื่องเหส่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับใคร แต่ ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งคือ เรื่องห้องนํ้า เวลาเข้าก็เข้าทีละคน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรไม่มีใครเห็น แต่ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเห็น ถ้าเรารักษามารยาท อย่างนี้ ก็เป็นการแสดงถึงความมีจิตใจถ้าวหน้า จิตใจเจริญของเรา มีผู้ใหญ่บางท่านน่าเคารพมาก ระดับอธิบดืก็มี บางครั้งนํ้าประปา ขาดแคลนในฤดูร้อน เมื่อท่านเข้าห้องนํ้าเสร็จแล้ว ท่านยังเอื้อเฟ้อใช้ถัง ไปตักนํ้าเตรียมไวให้คนต่อไปที่จะใช้ห้องนํ้าต่อจากท่าน คนอย่างนี น่าเคารพ คือตนเองสบายไปแล้วยังห่วงคนที่มาทีหสัง หมวดที่ ๙ ปกิณณกะ ๑1ร)\"อ เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
คนที่มีนํ้าใจคิดถึงคนอื่นร้บรองว่าคนอย่างนี้อยู่ที่ไหนก็เจริญ ขณะ นี้บ้านเมืองไม่เจริญ เพราะแต่ละคนทำอะไรเอาแต่ตัวรอด จริง ๆ แล้ว เรียกว่า รอดแต่ตัวหัวไม่รอด ตายหมด ขอฝากไว้อีกอย่างหนึ่ง เวลาเข้าห้องนํ้า เพื่อกันเสิยงที่น่าเกลียด โดยเฉพาะท้องเลีย พอเข้าห้องนํ้าป็บ ควรรีบเปิดก๊อกนํ้าเลียหน่อย เลียง อื่นจะได้ถูกกลบ ไม่ออกมานอกห้อง อีกกรณีหนึ่ง เป็นกรณีที่ไช[ถส้วมเป็นชักโครก แบบนี้มืนํ้าหล่ออยู่ มาก เวลานั่งต้องระวังตัว เผื่อนํ้ากระเด็นสวนทางขึ้นมา อาจติดโรคจาก คนอื่นได้ ทางที่ดีควรกดนํ้าไล่ของเก่าเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะนั่ง ควรโรยกระดาษชำระลงไปไนโถส้วมพอประมาณ เผื่อของแข็งของเราลง ไป นี้าจะได้ไม่กระเด็นสวนทางขึ้นมา จะได้ไม่จั๊กจี้ ปลอดภัยจากการติด โรคด้วย เสขิอวัตร ต้นบัญญัตมารยาทไทย Olsey ทมวดที่ (£ ปกํณณภร www.kalyanamitra.org
ทั้งหมดนี้เป็น เสขิยวัตร ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าว ถึงสิงที่ควรประพฤติปฏิบัติ เพื่อส่งเสวัมบุคลิก ล่งเสริมความน่านับถึอ ความจริงยังมีปลีกย่อยอีกมาก แต่ว่าเท่าที่ให้แนวทางทั้งหมดนี้ ก็ คิดว่าพอสมควรทีเดียว ให้น่าไปปรับใช้ตามสมควรแก่สถานการณ์ที่เรา พบก็แล้วกัน เวลาจะไปเป็น \"กัลยาณมิตร\" ให้ใคร ต้องรูจ้กวางตัวให้ดี อีกประการหนึ่งเวลาเตือนคน จะเตือนอย่างไรไมให้เขาโกรธ ล้าจะเตือน ไม่ให้โกรธหรือโกรธน้อยล่ะก็ มีวิธีเตือนง่าย ๆ คือเตือนให้เขาเกิด \"หิริ โอตตัปปะ\" มีความละอายต่อบาป มีความกลัวบาป เล่น ๑. เตือนให้นึกถึงความที่ตัวเขาเองเป็นคนมีตระกูล เช่นเตือน ว่า คุณพ่อคุณแมกเป็นคนมีชึ่อเลียง เป็นที่น่าเคารพนับถือของคน ทั้งหลาย ล้าเราท่าอะไรเลียหายเช้า ไม่กระทบกระเทีอนแค่ตัวเราเท่านัน นะ กระทบกระเทีอนถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย หรืออาจเตือนว่า คุณเอง ก็เป็นคนมีความสามารถ มีชึ่อเลียง จะไปท่าตัวกระจอกงอกง่อยได้ อย่างไร หรือคุณก็มีชื่อเลียง มีครูบาอาจารย์จากสำนักดี ๆ ถ้าคุณไป ท่าตัวไม่เช้าท่า ก็จะกระทบกระเทีอนถึงสำนักครูบาอาจารย์ของคุณด้วย ๒. เตือนว่าไห้นึกถึงความที่ตัวเขาเองก็เป็นคนมีอายุแล้ว ท่า อะไรเป็นเด็กได้อย่างไร หรือเตือนว่า คุณอายุตัง ๕๐ - ๖๐ ปีแล้ว ท่า อะไรก็อย่าไปเอาเปรืยบเด็ก ๆ มัน หมวดที่ ๔ ปกิณณกะ ๑!ร)C3 เสฃิอวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
นี่ยกตัวอย่างนะ เตือนให้นึกถึงชาติตระกูล นึกถึงความองอาจความ สามารถของเขา ๓. ยิ่งกว่านั้น ก็เตือนให้เขานึกถึงความดีในอดีตที่เขาเคยทำมา แล้ว จะแถมเตือนให้รักลูกรักเมียว่า นี่คุณเป็นอะไรไป ติดคุกติดตะราง ไป ลูกเมียคุณก็จะสำบาก พอเตือนให้มาผูกกับสิงเหล่านี้แล้ว ถึงจะไม่ ถูกใจก็จะโกรธเราได้ยาก ถึงโกรธก็หายเร็ว แล้วจังหวะที่จะเตือนก็เลือก จังหวะอย่างที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ก่อนเตือนควรยิ้มให้ด้วยความ จริงใจ ให้เขาเกิดความมั่นใจว่า เราหวังดีโดยแท้จริง ไม่ใช่จับผิด ล้ารู้จักเตือนอย่างนี้ เสขิยวัตร-ต้นบัญญัติของมารยาทไทย กี่ข้อ ๆ เขาย่อมรับไปปฏิบัติตามไต้ทั้งหมด เรื่องกระทบกระทั่งทั้งหลาย ก็จะน้อยลงไปและหมดไป บัานเมืองของเราก็จะร่มเย็นเป็นสุข สมกับ เป็นบัานเมืองแห่งพระพุทธศาสนา แล้วขาวไทยก็จะได้ร่อว่าเป็นซนชาติ ที่มืวัฒนธรรมสูงส่ง ประเทศไทยก็จะกล้บมาเป็นสยามเมืองยิ้มอีกครั้ง เพราะฉะนั้น เมื่อเดรติตทั้งคนและประเทศดี การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาไปส่ซาวต่างชาติ ก็จะทำได้โดยง่ายยิ่งขึ้น เพราะเขา ยอมรับน้บลือศรัทธาในเสขิยวัตรของพระสงฆ์เรา ยอมรับน้บลือใน มารยาทและการวางตัวของคนไทยเราเป็นทุนเติมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว นั่นเอง เสขยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑ไอ©C หมวดทึ่ ๔ ปกิณณกะ www.kalyanamitra.org
(, f นิสัยลูถูกคน อย่าให้เกิดมีฃึ้นได้ คบคพองคนที่คุณธรรมดีกว่า ถ้าเขานิสัยดี คุณธรรมดี แม้ยากจนเพียงไรก็รักษานํ้าใจเขาไว้เถิด ใครทำอย่างนื้ใด้สนิทสงณ ก็ถิอว่ามีมนษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม หน้าที่การงานทุกอย่างจะคล่องตัวไปหมด ร^ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
พระราชภาวนาจารย วิ.(เผดจ ทตุตสืโว) • ป้จจุบันดำรงตำแหน่ง รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย President of Dhammakaya International Society of North America and Europe รองหัวหน้าพระธรรมทูต สาย ๘ • เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ ข้นวาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ • ส์าเร็จการสืกษา ด้านกสิกรรมและสัตวบาลบัณฑิต จากมหาวิทยาสัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และ Diploma of Dairy Technology จาก Hawkesbury College, Australia • อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๙ ข้นวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ณ พัทธสีมา วัดปากนํ้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โดยมี สมเด็จพระมหารัชบังคลาจารย์ วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ในขณะดำรงสมณด้กดที่ พระเทพวรเวที เป็นพระอุปัชฌาย์ www.kalyanamitra.org
piI แฒ สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความเสิกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถ สร้างขนได้ด้วยตนเอง เป็นสิงที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตทกวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและ ปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ดังวิธีปฏิบัติที่ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงijวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ได้เมตตาสั่งสอนไว้ ดังนี้ ๑. กราบบูชาพระร้ตนตรัย เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวลไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานคืล ๕ หรีอสืล ๘ เพื่อยาความมั่นคงในคุณธรรมของตนเอง ๒. คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความดี ที่ไดกระทำแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่ตั้งใจจะทำต่อไปในอนาคต จนราวดับว่าร่างกายทั้งหมด ประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความดีล้วน ๆ ฅ. นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย มีอขวาทับมือซ้าย นี้วขึ้ของมือข้างขวาจรด นี้วหัวแม่มือข้างซ้าย นั่งให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกินไป ไม่ถึงดับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบายคล้ายดับกำลังพักผ่อน www.kalyanamitra.org
ภาพแสดงที่ติ้งจตทั้ง ๗ ฐาน ฐานฟิ 9 ฟาทข่องะเนท{ \" _ . 1 , Iขาฬพท B h . าฬาย 0 % ฐาน?! to เทรท«า I _ ._ T Iซา!ท่เางชวา f ฐานf1 01 จอมนระราVI ฐาน?!๙ ข่องเททน ฐาน?!ร นากข่องร่าออ ฐาน?! ๗ ดูมยกรางกายทองจต{ทา ฐาน?! ■> สูนบกรางทายาะ๙'บระรอ ไม่บีบกล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิว แล้วตังใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความ รู้สืกให้พร้อมทั้งกายและใจว่ากำลังจะเข้าไป^ภาวะแห่งความสงบสบาย อย่างยิ่ง นึกกำหนดนิมิต เป็น \"ดวงแก้วกลมใส\" ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสบริสุทธื้ ปราศจากรอยตำหนิใด ๆ ขาวใส เย็นตาเย็นใจ ดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนื้เรืยกว่า บริกรรมนิมิต นิกสบาย ๆ นึกเหมึอนดวงแก้ว นั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นึกไปภาวนาไปอย่าง'นุ่มนวล เป็นพุทธานุสติว่า \"ล้มมา อะระหัง\" หรอค่อย ๆ น้อมนึกถึงดวงแก้วกลมใสให้ ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าส่ศูนย์กลางกาย ตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ ฐานที่ ๑ เป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบาย ๆ ใจเย็นๆไปพร้อม ๆ กับคำภาวนา วธีฝึกสมาธิเบื้อฬ้น QCOX) เสฃิยวัตร ต'นบัณณัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงแก้วกลมใสปรากฎแล้ว ณ กลางกาย ให้วางอารมณ์ สบาย ๆ กับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่าดวงนิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงพตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไมุ่ต้องนึกเสียดายให้วางอารมณ์สบาย แล้วนึก นิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้นไปปรากฏที่อึ่นที่มิใช่ศูนย์กลางกาย ให้ค่อย ๆ น้อมนิมิตเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิต มาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สิกคล้ายมีดวงดาวดวงเล็ก ๆ อีกดวงหนึ่งช้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิต ดวงเดิม แล้วสนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็ก ๆ ตรงกลางนั้นไปเรื่อย ๆ ใจจะปรับ จนหยุดได้ถูกส่วน เกิดการตกศูนย์และเกิดดวงสว่างขึ้นมาแทนที่ ดวงนี้เรืยกว่า \"ดวงธรรม\" หรือ \"ดวงปฐมมรรค\" อันเป็นประตูเบื้องต้นที่จะเปิดไปส่หนทาง แห่งมรรคผลนิพพาน การระลึกนึกถึงนิมิตสามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยึน เดิน หรือขณะทำภารกิจใด ๆ ข้อแนะนำ คือ ต้องทำให้สมํ่าเสมอเป็นประจำ ทำ เรื่อยๆ ทำ อย่างสบาย ๆ ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำ ได้แค'ไหน ให้พอใจแค'นั้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันมิให้เกิด ความอยากจนเกินไป จนถึงกับทำให้ใจต้องสูญเสียความเป็นกลาง และเมื่อ กุารฝึกสมาธิบังเกิดผลจนได้ \"ดวงปฐมมรรค\" ที่ใสเกินใส สวยเกินสวย ติดสนิท มั่นคงอยู่ที่ศูนย์กลางกายแล้ว ให้หmเตรืกระลึกนึกถึงอยู่เสมอ อย่างนี้แล้ว ผลแห่งสมาธิจะทำให้ชีวิตดำรงอยู่บนเส้นทางแห่งความสุข ความสำเร็จ และความไม่ประมาทได้ตลอดไป ทั้งยังจะทำให้สมาธิละเอียด ลุ่มลึก ไปตามลำดับอีกด้วย ข้อควรระวัง ๑. อย่าใช้กำลัง คือไมใช้กำลังใด ๆ ทั้งสิน เช่น ไม่บีบกล้ามเนี้อตา เพื่อจะให้เห็นนิมิตเร็ว ๆ ไม่เกร็งแขน ไม่เกร็งกล้ามเนี้อหน้าท้อง ไม'เกร็งตัว ฯลฯ เพราะการใช้กำลังตรงส่วนไหนของร่างกายก็ตาม จะทำให้จิตเคลื่อนจากศูนย์กลางกายไปส่จุดนั้น เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑CTCร วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น www.kalyanamitra.org
๒. อย่าอยากเห็น คือทำใฟ้,จเป็นกลาง ประคองสติมฺให้เผลอจากบริกรรม ภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิตเมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวงนิมิตนั้นอุปมาเสมือน การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจเร่งเวลาได้ ฅ. อย่ากังวลถึงการกำหนดลมหายใจเข้าออก เพราะการฝึกสมาธิเพี่อให้ เข้าถึงพระธรรมกายภายใน อาด้ยการนึกถึง \"อาโลกกสิณ\" คือกสิณ แสงสว่างเป็นบาทเบื้องด้น เมื่อฝึกสมาธิจนเข้าถึงดวงปฐมมรรค แล้วฝึกสมาธิต่อไป ผ่านกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายแล้วจึงเจริญวิปัสสนา ในภายหลัง ดังนั้น จึงไม่มืความจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจเข้าออก แต่ประการใด ๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายที่เดียวไม่ว่าจะ อยู่ในอิริยาบถุใดก็ตาม เซ่น ยีนก็ดี เดินก็ดี นอนก็ดี หรือนั่งก็ดี อยาย้ายฐานที่ตั้งจิตไปไว้ที่อี่นเป็นอันขาด ให้ตั้งใจบริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้วใสควบคู่กันตลอดไป ๔. นิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องน้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายทั้งหมด ถ้านิมิตที่เกิดขึ้นแล้วหายไปก็ไม่ต้องตามหา ให้ภาวนาประคองใจ ต่อไปตามปกติ ในที่สุดเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏขึ้นใหม่อีก การฝึกสมาธิเบื้องต้นเท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดความสุข ไต้พอสมควร เมื่อชักซ้อมปฏิบัติอยู่เสมอ ๆ ไม่ทอดทิ้ง จนไต้ดวงปฐมมรรคแล้ว ก็ให้หมั่นประคองรักษาดวงปฐมมรรคนั้นไว้ตลอดชีวิต ดำ รงตนอยูในคืลธรรมอันดี ย่อมเป็นหลักประกันไต้ว่าไต้ที่พี่งของชีวิตที่ถูกต้องดีงาม ที่จะส่งผลให้เป็น ผู้มืความสุขความเจริญ ทั้งในภพชาตินี้และภพชาติหน้า หากสามารถแนะนำต่อ ๆ กันไป ขยายไปยังเหล่ามนุษยชาติอย่างไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธ์ สันติสุขอันไพถูลย์ที่ทุกคนใฝ่ฝันก็ย่อมบังเกิดขึ้น อย่างแนํนอน วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น G>OCS เสฃิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ประโยชน์ของการแกสมาธิ ๑. ผลต่อตนเอง ๑.๑ ด้านสุขภาพจิต • ส่งเส์ริมให้คุณภาพของใจดีขึ้น คือ ทำ ให้จิตใจผ่องใส สะอาด บริสุทธ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย มีความจำ และสติปัญญาดีขึ้น • ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำ ให้คิดอะไรได้รวดเร็วถูกต้อง และเลือกคิดแต่ในสิงที่ดีเท่านั้น ๑.๒ ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ • จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความองอาจสง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส • มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยือกเย็น และเชื่อมั่น • มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับกาลเทศะ เป็นผู้มีเสน่ห์ เพราะไม่มักโกรธ มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป ๑.ฅ ด้านสิวิตประจำวัน • ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน และการคืกษาเล่าเรียน • ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจ ย่อมมีอิทธิพลต่อกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรค ๑.๔ ด้านสืลธรรมจรรยา • ย่อมเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เชื่อกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตน ให้พ้นจากความข้วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำ ให้ความประพฤติทางกายและวาจาดี ตามไปด้วย เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 000? วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น www.kalyanamitra.org
• ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย สันโดษ รักสงบ และมีขันติเป็นเลิศ • ย่อมเป็นผู้มีความเอื้อเฟือเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชนส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีสัมมาคารวะและมีความอ่อนน้อม ถ่อมตน ๒. ผลต่อครอบครัว ๒.๑ ทำ ให้ครอบดเวมีความสงบสุข เพราะลมาชิกในครอบครัว เห็นประโยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนตั้งมั่นอยู่ในสืล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่ลามัคคีเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน ๒.๒ ทาให้ครอบครัวมีความเจริญก้าวหน้า เพราะลมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอหน้กแน่น เมื่อมีปัญหา ครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้!ขปัญหาให้ลุส่วง ไปได้ด้วยดี ๓. ผลต่อสังคมและประเทศชาติ ฅ.๑ ทำ ให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคม อื่น ๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหา การฆ่า กฺาฟมขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอร์รัปขัน ล้วนเกิดขึ้นมา จากคนที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหวต่ออำนาจ ลิงยั่วยวนหรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคม ต่างฝึกฝนอบรมใจของตน ให้หน้กแน่น มั่นคง ปัญหาเหส่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้สังคม สงบสุขได้ ฅ.๒ ทำ ใหเกิดความมีระเบียบวิน้ย และเกิดความประหยัด ผู้ที่ฝึกใจ ให้ดีงามด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อมเป็นผู้รักความมีระเบียบวิน้ย รักความสะอาด มีความเคารพกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น บ้านเมืองเรา วิธสืกสมาธิเบื้องต้น ๑๙๐ เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org
ก็จะสะอาดน่าอยู่ ไม่มีคนมักง่ายทิ้งขยะลงบนพื้นถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่ต้อง สิ้นเปลืองงบประมาณ เวลา และกำลังเจ้าหน้าที่ ที่จะไปไข้สำหร้บ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบวิน้ยของประชาชน ฅ.ฅ ทำ ให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในลังคมมีสุขภาพจิตดี รักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ย่อมส่งผล ให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และจะสละความสุขส่วนตน ให้ความร่วมมือกับส่วนรวมอย่างเต็มที่ และถ้ามี■ผู้ไม่ประสงค์ดี ต่อสังคม จะมายุแหย่ให้เกิดความแตกแยก ก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะสมาชิกในลังคมเป็นผู้มีจิตใจหน้กแน่นมีเหตุผล และเป็น ผู'้ รักสงบ ๔. ผลต่อศาสนา ๔.© ทำ ให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างลูกต้อง และรู้ซึ้งถึงคุณค่าของ พระพุทธศาสนา รวมทั้งรู้เห็นด้วยตัวเองว่า การฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่อง เหลวไหล หากแต่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พ้นทุกข์เข้าส่นิพพานได้ ๔.๒ ทำ ให้เกิดศรัทธาตั้งมั๋นในพระรัตนตรัย พร้อมที่จะเป็นทนาย แก้ต่างให้กับพระศาสนาอันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่ การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง ๔.ฅ เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะ ตราบใดที่พุทธศาสนิกชนยังสนใจปฏิบัติธรรม เจริญภาวนาอยู่ พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น ๔.๔ จะเป็นกำลังส่งเสริมทะนุบำรุงศาสนา โดยเมื่อเข้าใจชาบซึ้งถึง ประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมดวยตนเองแล้ว ย่อมจะชักชวนผู้อื่น ให้ทำทาน รักษาดีล เจริญภาวนาตามไปด้วย และเมื่อใดที่ทุกคนใน สังคมตั้งใจปฏิบัติธรรม ทำ ทานรักษาดีล และเจริญภาวนา เมื่อนั้น ย่อมเป็นที่หวังได้ว่า ลันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑๔๑ วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น www.kalyanamitra.org
สพพทานํ ธมมทานํ ชินาติ การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง น้อมกดัญผูบูชาธรรม พระมงคลเทพ3^นี (หลวงปูสด จันทสโร วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ) พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) พระราชภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทัตตฟ้ว) คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุข สำ แดงปัน คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เจ้าภาพกิตติมสักดพิเศษ คุณอนันต์ อัศวโกดิน และครอบครัว คุณบุญวัย เบญจรงคๆล และครอบครัว ดร.ประกอบ-วรรณา จิรกิติ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168